คมู่ อื ครู Teacher Script วิทยำศำสตรก์ ำยภำพ 1 ม.5 (เคม)ี ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 ตามมาตรฐานการเรยี นรู้และตัวชว้ี ดั กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร ์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ผเู้ รยี บเรียงหนงั สอื เรยี น ผตู้ รวจหนังสือเรียน บรรณาธิการหนังสือเรยี น นายพงศธร นนั ทธเนศ รศ. ดร.นวลจติ ต์ เชาวกรี ตพิ งศ์ นางสาวจนั จริ า รัตนนันทเดช นางสาวเปรมวด ี จติ อารยี ์ ผศ.สนั ต ิ ศรีประเสรฐิ ดร.ยุทธพนั ธุ ์ พงศ์บญุ ชู ผ้เู รยี บเรยี งคู่มือครู บรรณาธิการคมู่ ือครู นางสาวทวิภทั ร ์ ไพศาลชชั วาล นางสาวจันจิรา รัตนนนั ทเดช นางสาวพรทิพย ์ ทับทิมทอง นายอตพิ ล สว่างอารมย์ พิมพครัง้ ที่ 1 สงวนลิขสิทธ์ิตามพระราชบญั ญตั ิ รหัสสินคา 3548011
ค�ำแนะน�ำกำรใช้ ค่มู อื ครู รายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 (เคมี) ม.5 จัดท�าข้ึนส�าหรับให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนการ จัดการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการ ประกันคุณภาพผู้เรียนตามนโยบายของส�านักงานคณะกรรมการการ ศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน (สพฐ.) เพม่ิ คําแนะนําการใช ชวยสรางความเขาใจ เพื่อใชคูมือครูได นาํ นํา สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ อยา งถกู ตอ งและเกดิ ประสิทธิภาพสงู สุด ขน้ั นาํ เพมิ่ คําอธบิ ายรายวิชา แสดงขอบขา ยเนื้อหาสาระของรายวชิ า áâ¤ÅÐõ§ÒÊÃÃÒÒŒ §§¸ÍÒеµØ ÍÁ1หนว ยการเรยี นรูท ่ี Q ¶ŒÒ¹Ñ¡àÃÕ¹¤Œ¹¾º ซึ่งครอบคลุมผลการเรยี นรตู ามทห่ี ลกั สตู รกําหนด กระตนุ ความสนใจ 1. ครดู าํ เนนิ การทดสอบกอ นเรยี น โดยใหน กั เรยี นทาํ ¸ÒµØãËÁ‹ ¨Ð¨Ñ´àÃÕ§¸ÒµØ¹Õé ŧ㹵ÒÃÒ§¸ÒµØ แบบทดสอบ จาํ นวน 10 ขอ จากนน้ั ครใู หน กั เรยี น 䴌͋ҧäà ทุกคนชวยกันตอบคําถาม Understanding เพม่ิ Pedagogy ชวยสรางความเขาใจในกระบวนการออกแบบ Check เพื่อตรวจสอบความพรอ มและความรู ตัวชวี้ ัด การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ไดอยางมี พื้นฐานของนักเรยี น ว 2.1 ม.5/1 ม.5/2 ม.5/3 ม.5/4 2. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยการเปดประเด็นและ ชักชวนนักเรียนใหรวมกันอภิปราย โดยใช ม.5/5 ม.5/6 ม.5/7 คาํ ถามดังตอไปนี้ ประสิทธภิ าพ • อนุภาคของสารหมายถึงอะไร เพิม่ Teacher Guide Overview ชวยใหเห็นภาพรวมของการ (แนวตอบ โมเลกุล อะตอม และไอออน) Understanding จัดการเรียนการสอนทั้งหมดของรายวิชากอนที่จะลงมือ • อนุภาคทีเ่ ลก็ ท่ีสุดของสารเรยี กวา อะไร Check สอนจรงิ (แนวตอบ อะตอม) ใหนักเรยี นพิจารณาขอความตามความเขา ใจของนกั เรียนวา ถูกหรอื ผิด แลว บนั ทกึ ลงในสมดุ เพิ่ม Chapter Overview ชว ยสรา งความเขา ใจและเหน็ ภาพรวม • อนภุ าคที่เลก็ ท่สี ุดน้มี ีสวนประกอบแยกยอย ถกู / ผิด ในการออกแบบแผนการจัดการเรียนรูแตละหนว ย 1. แบบจาํ ลองอะตอมทใ่ี ชอยูในปจจบุ ันคอื แบบจําลองอะตอมกลุมหมอก ไดอ ีกหรือไม 2. อะตอมของธาตุประกอบดว ย โปรตอน อเิ ลก็ ตรอน และนิวตรอน ับน ึทกลงในส ุมด (แนวตอบ แยกตอไปอีกไมไ ด) 3. ธาตชุ นดิ เดียวกันจะมีจาํ นวนนวิ ตรอนเทา กัน เพิ่ม Chapter Concept Overview ชวยใหเห็นภาพรวม 3. นกั เรยี นรวมกนั ตอบคาํ ถาม เพ่ือเชอ่ื มโยงไปสู 4. ธาตุอโลหะจะอยทู างฝง ซายของตารางธาตุ Concept และเน้อื หาสําคัญของหนว ยการเรยี นรู การเรียนรเู รื่อง โครงสรา งอะตอม 5. ธาตโุ ลหะมีจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลว และความหนาแนนสูง 4. ครถู ามคาํ ถาม Big Question จากหนงั สอื เรยี น วา ถา นกั เรียนคน พบธาตุใหม จะจดั เรยี งธาตุ นล้ี งในตารางธาตุไดอยางไร ครูเปด โอกาสให นกั เรยี นไดแ สดงความคดิ เหน็ โดยไมเ นน ถกู ผดิ 5. ครใู หน กั เรยี นรว มแสดงความคดิ เหน็ ซง่ึ นกั เรยี น จะไดค าํ ตอบทถี่ กู ตอ งจากการเรยี นตอ ไป และ มอบหมายใหนักเรียนทุกคนไปศึกษาความรู ลวงหนาเกี่ยวกับแบบจําลองอะตอม แนวตอบ Big Question การจดั เรยี งธาตลุ งในตารางธาตอุ ยบู นพน้ื ฐาน ของเลขอะตอม (จํานวนโปรตอนในนิวเคลียส) การจดั เรียงอิเลก็ ตรอน และสมบตั ทิ างเคมี แนวตอบ Understanding Check 1. ถูก 2. ถกู 3. ผิด 4. ผิด 5. ถูก เพิ่ม ขอสอบเนนการคิด/ขอสอบแนว O-NET เพื่อเตรียม เกร็ดแนะครู ความพรอ มของผูเรยี นสูการสอบในระดบั ตา ง ๆ การเรียนการสอน เรือ่ ง โครงสรา งอะตอมและตารางธาตุ ครคู วรนําภาพ แบบจําลองอะตอมของนักวิทยาศาสตรแตละทานมาใหนักเรียนพิจารณา และ โซน 3 ใหนักเรียนเปรียบเทียบวาแบบจําลองอะตอมของนักวิทยาศาสตรทานใดที่มี ลักษณะใกลเคียงกับอะตอมในปจจุบันมากท่ีสุด และในเรื่องตารางธาตุครูควร แบง ธาตุออกเปน กลุมๆ (ดว ยเกณฑทีก่ าํ หนดรวมกัน) เพอ่ื ใหง า ยตอการจดจํา และเรยี นรู เพิ่ม กิจกรรม 21st Century Skills กจิ กรรมที่จะชวยพัฒนา โซน 2 ผูเรียนใหมีทักษะท่ีจําเปนสําหรับการเรียนรูและการดํารงชีวิต ในโลกแหง ศตวรรษท่ี 21 T6 โซน 1 ช่วยครูจดั โซน 2 ชว่ ยครเู ตรียมสอน กำรเรียนกำรสอน ประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ท่ีเป็นประโยชน์ส�าหรับคร ู แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน เพ่ือนา� ไปประยุกต์ใช้จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ในชนั้ เรียน โดยแนะน�าขน้ั ตอนการสอน และการจดั กจิ กรรมอยา่ งละเอยี ด เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นบรรลผุ ลสมั ฤทธ์ติ ามผลการเรยี นรู้ เกร็ดแนะครู นำ� สอน สรปุ ประเมิน ความรู้เสริมส�าหรับครู ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต แนวทางการจัด กจิ กรรมและอื่น ๆ เพ่อื ประโยชน์ในการจดั การเรียนการสอน นักเรยี นควรรู ความรู้เพิ่มเติมจากเน้ือหา ส�าหรับอธิบายเสริมเพ่ิมเติมให้ กับนกั เรยี น
โดยใช ้ หนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตรกายภาพ 1 (เคมี) ม.5 และแบบฝกหัดวิทยาศาสตรกายภาพ 1 (เคม)ี ม.5 ของบริษัท อกั ษรเจรญิ ทศั น ์ อจท. จา� กดั เปน็ สอ่ื หลกั (Core Materials) ประกอบการสอนและการจดั กจิ กรรมการเรยี นร ู้ เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ ง กับผลการเรยี นรกู้ ลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ซ่งึ ค่มู อื ครูเลม่ นี้มอี งค์ประกอบที่งา่ ยตอ่ การใชง้ าน ดังน้ี โซน 1 นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ชว่ ยครเู ตรยี มนกั เรียน 1. â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁดิโมคริตุส1 (Democritus) นักปรัชญาชาวกรีก กลาววา Prior Knowledge ขนั้ สอน ประกอบด้วยแนวทางส�าหรับการจัดกิจกรรมและ ͹ÀØ Ò¤·àèÕ Å¡ç ·ÊèÕ ´Ø เสนอแนะแนวขอ้ สอบ เพอื่ อา� นวยความสะดวกใหแ้ กค่ รผู สู้ อน “เม่ือนําสสารมาแบงยอยลงไปเร่ือย ๆ จะไดอนุภาคที่มีขนาด ¢Í§¸Òµ¤Ø Í× ÍÐäà สาํ รวจคน หา 1. ครูถามคาํ ถาม Prior knowledge จากหนงั สือ กิจกรรม 21st Century Skills เล็กมาก และไมสามารถแบงยอยออกไปไดอีก โดยเรียก อนภุ าคนี้วา อะตอม” เม่ือความรทู างวทิ ยาศาสตรเจรญิ กาวหนา เรียนวา อนุภาคที่เล็กท่ีสุดของธาตุคืออะไร กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้สร้างช้ินงาน มากข้ึน ทําใหแ นวคิดของดโิ มครติ ุสไมส ามารถอธบิ ายเหตกุ ารณต า ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ เกยี่ วกับสสารได เพื่อเปนการทบทวนความรูเดิมจากคาบเรียน หรือท�ากิจกรรมรวบยอดเพ่ือให้เกิดทักษะที่จ�าเป็นใน ท่ีผา นมา ศตวรรษท่ี 21 1.1 Ẻ¨íÒÅͧÍеÍÁ 2. ครูถามนกั เรยี นตอไปวา อะตอมที่มีขนาดเลก็ นี้ เราจะสามารถมองเห็นอะตอมดวยตาเปลา ขอสอบเนนการคดิ นักวิทยาศาสตรหลายทานไดพยายามศึกษาวาลักษณะโครงสรางภายในอะตอมน้ัน หรือไม (เปดโอกาสใหนักเรียนไดแสดงความ เปนอยางไร โดยใชวิธีการตาง ๆ ตั้งแตในอดีตจนถึงปจจุบัน จนกระท่ังเกิดแบบจําลองอะตอม คิดเห็น) ตัวอย่างข้อสอบท่ีมุ่งเน้นการคิด มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อม ตามแนวคิดและการทดลองของนกั วิทยาศาสตรหลาย ๆ ทานขน้ึ มา ซงึ่ สามารถสรุปแบบจาํ ลอง 3. ครูอธิบายคําตอบจากคําถามเพ่ือใหนักเรียน เฉลยอย่างละเอียด อะตอมที่มีการพัฒนาจนกลายมาเปนแบบจําลองอะตอมท่ีใชกันอยูในปจ จุบนั ได ดงั นี้ ไดเขาใจ โดยใหความรูจากความเช่ือของ ดิโมคริตุส นักปรัชญาชาวกรีก ซึ่งกลาวไววา ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET 1. แบบจําลองอะตอมของดอลตัน จอหน ดอลตนั (John Dalton, พ.ศ. 2308-2387) “สิ่งของตางๆ ประกอบดวยอนุภาคที่มีขนาด นักวิทยาศาสตรชาวอังกฤษ เปนคนแรกท่ีนําเสนอแนวคิด เล็กมาก และถาแบงอนุภาคใหมีขนาดเล็กลง ตัวอย่างข้อสอบท่ีมุ่งเน้นการคิดวิเคราะห์ และสอดคล้องกับ เกย่ี วกับอะตอม เพอื่ ใชอธิบายเกี่ยวกับการเปลีย่ นแปลงของสาร เร่ือยๆ จนไมส ามารถแบงตอ ไปไดอ ีก อนภุ าค แนวข้อสอบ O-NET มีท้ังปรนัย-อัตนัย พร้อมเฉลยอย่าง กอนและหลังทําปฏิกิริยา รวมท้ังอัตราสวนโดยมวลของธาตุท่ี ท่ีมีขนาดเล็กท่ีสุด เรียกวา อะตอม ซึ่งไม ละเอียด รวมกนั เปน สารประกอบ ซ่ึงสามารถสรุปได ดงั น้ี สามารถมองเห็นดวยตาเปลาได” จากนั้นครู • ธาตแุ ตล ะชนดิ ประกอบดว ยอนภุ าคทเ่ี ลก็ ทส่ี ดุ เรยี กวา เปด โอกาสใหน ักเรียนไดซกั ถามเพม่ิ เตมิ กจิ กรรมทาทาย อะตอม ซ่ึงอะตอมไมสามารถแยกออกไดอีก และไมสามารถ 4. นกั เรยี นรว มกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ - ถูกสรางข้นึ หรอื ทาํ ลายไดในระหวา งเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี ภาพท่ี 1.1 แบบจาํ ลองอะตอม เห็นเก่ยี วกบั คําตอบของคําถาม เพ่อื เชอื่ มโยง เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอื่ ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น ของดอลตัน ไปสูการเรียนรูเรอ่ื ง โครงสรา งอะตอม ทเี่ รยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และตอ้ งการทา้ ทายความสามารถใน • อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันมีมวลและสมบัติตาง ๆ ทม่ี า : คลังภาพ อจท. ระดบั ทีส่ งู ขึน้ แนวตอบ Prior Knowledge เหมือนกนั สว นอะตอมของธาตตุ า งชนิดกนั จะมมี วลและสมบตั แิ ตกตางกัน อะตอม กจิ กรรมสรางเสรมิ • สารประกอบเกดิ จากอะตอมของธาตุต้งั แต 2 ชนดิ ขนึ้ ไป มารวมตัวกนั ดวยพันธะเคมี โดยมีอัตราสวนของจํานวนอะตอมเปนเลขลงตัวอยางตํ่า และ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นท่ี อะตอมของธาตุต้ังแต 2 ชนิดขึ้นไป อาจรวมตัวเกิดเปนสาร ควรไดร้ บั การพัฒนาการเรียนรู้ ประกอบดว ยอตั ราสว นมากกวา 1 แบบ ซงึ่ ทาํ ใหเ กดิ สารประกอบ ไดม ากกวา 1 ชนิด ภาพที่ 1.2 จอหน ดอลตัน ทฤษฎอี ะตอมของดอลตนั ใชอ ธบิ ายลกั ษณะและสมบตั ขิ อง ทม่ี า : คลังภาพ อจท. อะตอมไดเพียงระดับหนึง่ ซึง่ ตอ มานกั วทิ ยาศาสตรค น พบขอมลู บางประการทไี่ มส อดคลอ งกบั ทฤษฎอี ะตอมของดอลตนั เชน พบวา อะตอมของธาตชุ นิดเดยี วกนั อาจมีมวลแตกตางกันได â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 3 ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET นักเรียนควรรู ขอ ใดกลา วไดถูกตอง ก. แบบจาํ ลองอะตอม คอื มโนภาพทีส่ รา งขน้ึ โดยอาศัยขอมูล 1 ดิโมคริตุส ใชคําวา “อะตอม\" ซ่ึงเปนคํามาจากภาษากรีก แปลวา การทดลอง ซ่ึงอาจถกู หรอื ผิดก็ได ส่ิงที่เล็กที่สุดสําหรับเรียกหนวยท่ีเล็กที่สุดของสสารที่ไมสามารถแบงแยกตอ ข. ดอลตนั เสนอแนวคิดวาอะตอมไมไ ดเลก็ ทสี่ ดุ ไปไดอีก โดยเขาไดพยายามศึกษาเก่ียวกับวัตถุที่มีขนาดเล็ก และมีแนวคิด ค. ปจจุบันยังใชแ นวคดิ ของดอลตนั ทีว่ า อะตอมของธาตุชนิด เกย่ี วกับโครงสรางของสสารวา สสารท้งั หลายประกอบดวยอนภุ าคทเี่ ล็กทสี่ ุด เดียวกนั จะมีสมบัตเิ หมือนกัน ไมส ามารถมองเห็นได และไมสามารถแบง แยกใหเ ล็กลงกวานัน้ ไดอกี และยงั โซน 31. ขอ ก. เทา นนั้ 2. ขอ ข. เทา น้นั ไดข ยายความเกย่ี วกบั อะตอมอีกวา 4. ขอ ข. และ ค. 3. ขอ ก. และ ค. 1. วัตถตุ างๆ ในโลกประกอบดวยอะตอมเพียงชนิดเดยี ว 5. ขอ ก. ข. และ ค. 2. อะตอมอยใู นทว่ี าง 3. วตั ถุมลี ักษณะตา งกนั เพราะอะตอมเรียงตัวตา งกัน (วิเคราะหค าํ ตอบ แบบจาํ ลองอะตอม คือ มโนภาพที่สรางขนึ้ มา ของนกั วิทยาศาสตร ซง่ึ อาจถกู หรือผิดกไ็ ด ขอ ก. จึงถกู ดอลตัน โซน 2 เสนอแนวคดิ วา อะตอมมขี นาดเลก็ ทส่ี ดุ ขอ ข. จงึ ผดิ และปจ จบุ นั พบวาอะตอมของธาตุจะมีไอโซโทปของธาตุชนิดเดยี วกนั แตเลข T7 มวลตา งกนั ดงั นนั้ ตอบขอ 1.) หองปฏิบตั กิ าร (วทิ ยาศาสตร) แนวทางการวัดและประเมนิ ผล ค�าอธิบายหรือข้อเสนอแนะส่ิงท่ีควรระมัดระวัง หรือข้อควรปฏิบัติ เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ ตามเน้อื หาในบทเรียน นกั เรยี นตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชวี้ ดั ทห่ี ลกั สตู รกา� หนด สือ่ Digital แนะน�าแหล่งเรยี นรแู้ ละแหล่งค้นคว้าจากส่ือ Digital ตา่ ง ๆ
ค�ำอธิบายรายวิชา กล่มุ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ เวลาเรียน 60 ช่ัวโมง / ปี วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 1 (เคม)ี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ศกึ ษาวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บแบบจำ� ลองอะตอมของดอลตนั ทอมสนั รทั เทอร์ฟอรด์ โบร์ และกลุ่มหมอก อนุภาค มลู ฐานของอะตอม สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี รโ์ มเลกลุ ไอออน และไอโซโทปของธาตุ ววิ ฒั นาการของการสรา้ งตารางธาตแุ ละตาราง ธาตใุ นปจั จบุ นั แนวโนม้ สมบตั บิ างประการของธาตใุ นตารางธาตตุ ามหมแู่ ละคาบ ศกึ ษาการเกดิ พนั ธะเคมใี นโมเลกลุ ของสาร การเกิดพันธะโคเวเลนต์ ชนิดของพันธะโคเวเลนต์ การอา่ นชอื่ สารประกอบโคเวเลนต์ สภาพขวั้ ของโมเลกุลโคเวเลนต์ แรง ยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ สมบัติของสารประกอบโคเวเลนต์ การเกิดพันธะไอออนิก การเขียนสูตรและเรียกชื่อ สารประกอบไอออนกิ และสมบัตบิ างประการของสารประกอบไอออนิก สมบตั ขิ องกรด เบส และเกลอื สารละลายอิเลก็ โทร- ไลต์ และนอนอเิ ลก็ โทรไลต์ สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน ศกึ ษาโครงสร้าง สมบตั ิ ประเภทของพอลิเมอร์ ตวั อย่างพอลิเมอร์ ธรรมชาติและพอลิเมอร์สังเคราะห์ ปฏิกิริยาการสังเคราะห์พอลิเมอร์ รวมทั้งการใช้ประโยชน์ และผลกระทบจากการใช้ ผลิตภณั ฑ์ของพอลิเมอร์ ศกึ ษาและทดลองการเกิดปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี ศกึ ษาและทดลองปจั จัยที่มผี ล ต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจ�ำวัน และการใช้ประโยชน์ ปฏิกิริยารีดอกซ์ ศึกษาสมบัติของสาร กัมมันตรังสีและค�ำนวณคร่งึ ชีวิตและปรมิ าณของสารกัมมันตรงั สี ประโยชนแ์ ละอันตรายของสารกัมมนั ตรงั สี โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสำ� รวจตรวจสอบ การสบื ค้นข้อมูลและการอภปิ ราย เพื่อให้ผูเ้ รยี นเกิดความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถส่อื สารสิ่งทเี่ รยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ เห็นคณุ คา่ ของ การนำ� ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชวี ิตประจำ� วัน มคี วามรบั ผิดชอบตอ่ สิ่งแวดลอ้ ม และมเี จตคติทด่ี ตี ่อวิชาวทิ ยาศาสตร์ ตัวชวี้ ดั ว 2.1 ม.5/1 ระบุว่าสารเป็นธาตุหรอื สารประกอบ และอยใู่ นรปู อะตอม โมเลกลุ หรือไอออนจากสูตรเคมี ว 2.1 ม.5/2 เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของแบบจ�ำลองอะตอมของโบร์กับแบบจ�ำลองอะตอมแบบ กล่มุ หมอก ว 2.1 ม.5/3 ระบจุ �ำนวนโปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนของอะตอม และไอออนทเี่ กดิ จากอะตอมเดียว ว 2.1 ม.5/4 เขยี นสญั ลักษณน์ วิ เคลียร์ของธาตุและระบุการเป็นไอโซโทป ว 2.1 ม.5/5 ระบุหมู่และคาบของธาตุและระบุว่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟหรือกลุ่มธาตุ แทรนซชิ ันจากตารางธาตุ ว 2.1 ม.5/6 เปรียบเทยี บสมบัตกิ ารน�ำไฟฟ้า การใหแ้ ละรับอิเล็กตรอนระหว่างธาตใุ นกลมุ่ โลหะกบั อโลหะ ว 2.1 ม.5/7 สืบคน้ ขอ้ มลู และนำ� เสนอตัวอย่างประโยชน์และอันตรายทเ่ี กดิ จากธาตเุ รพรีเซนเททีฟและธาตแุ ทรนซชิ ัน ว 2.1 ม.5/8 ระบุว่าพนั ธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเด่ียว พันธะคู่ หรอื พนั ธะสาม และระบุจำ� นวนคอู่ เิ ล็กตรอนระหวา่ งอะตอม คู่ร่วมพนั ธะจากสตู รโครงสรา้ ง ว 2.1 ม.5/9 ระบุสภาพขั้วของสารทีโ่ มเลกลุ ประกอบดว้ ย 2 อะตอม
ว 2.1 ม.5/10 ระบสุ ารทเี่ กิดพนั ธะไฮโดรเจนไดจ้ ากสูตรโครงสร้าง ว 2.1 ม.5/11 อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือดของสารโคเวเลนต์กับแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลตามสภาพข้ัวหรือการ เกิดพนั ธะไฮโดรเจน ว 2.1 ม.5/12 เขียนสตู รเคมีของไอออนและสารประกอบไอออนกิ ว 2.1 ม.5/13 ระบวุ า่ สารเกดิ การละลายแบบแตกตวั หรอื ไมแ่ ตกตวั พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลและระบวุ า่ สารละลายทไ่ี ดเ้ ปน็ สารละลาย อิเลก็ โทรไลตห์ รอื นอนอเิ ล็กโทรไลต์ ว 2.1 ม.5/14 ระบสุ ารประกอบอนิ ทรยี ป์ ระเภทไฮโดรคาร์บอนวา่ อิม่ ตัวหรือไมอ่ ิ่มตัวจากสูตรโครงสรา้ ง ว 2.1 ม.5/15 สืบค้นข้อมลู และเปรยี บเทียบสมบตั ิทางกายภาพระหวา่ งพอลเิ มอร์และมอนอเมอรข์ องพอลเิ มอร์ชนิดน้ัน ว 2.1 ม.5/16 ระบสุ มบตั ิความเปน็ กรด-เบสจากโครงสรา้ งของสารประกอบอินทรยี ์ ว 2.1 ม.5/17 อธิบายสมบตั ิการละลายในตัวท�ำละลายชนิดต่าง ๆ ของสาร ว 2.1 ม.5/18 วิเคราะห์และอธบิ ายความสัมพันธ์ระหวา่ งโครงสร้างกับสมบตั เิ ทอรม์ อพลาสติกและเทอรม์ อเซตของ พอลิเมอร์และการน�ำพอลเิ มอรไ์ ปใชป้ ระโยชน์ ว 2.1 ม.5/19 สืบค้นข้อมูลและน�ำเสนอผลกระทบของการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่มีต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม พร้อม แนวทางป้องกันหรอื แก้ไข ว 2.1 ม.5/20 ระบสุ ตู รเคมีของสารต้งั ตน้ ผลติ ภัณฑแ์ ละแปลความหมายของสัญลกั ษณใ์ นสมการเคมขี องปฏิกริ ิยาเคมี ว 2.1 ม.5/21 ท ดลองและอธบิ ายผลของความเข้มขน้ พนื้ ทผี่ วิ อณุ หภูมิและตวั เรง่ ปฏกิ ิรยิ าทม่ี ผี ลตอ่ อตั ราการเกิดปฏิกริ ิยา เคมี ว 2.1 ม.5/22 สืบค้นข้อมูลและอธิบายปัจจัยท่ีมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวันหรือใน อุตสาหกรรม ว 2.1 ม.5/23 อธบิ ายความหมายของปฏกิ ิรยิ ารดี อกซ์ ว 2.1 ม.5/24 อธบิ ายสมบัตขิ องสารกมั มันตรงั สแี ละค�ำนวณครึ่งชีวติ และปรมิ าณของสารกัมมนั ตรงั สี ว 2.1 ม.5/25 สืบคน้ ขอ้ มูลและนำ� เสนอตวั อยา่ งประโยชนข์ องสารกัมมันตรงั สแี ละการป้องกันอันตรายท่ีเกดิ จาก กมั มนั ตภาพรังสี รวม 25 ตวั ชี้วดั
Pedagogy คมู ือครู รายวชิ าพื้นฐาน วิทย ำศำสตรก์ ำยภำพ 1 (เคม)ี ม.5 รวมถงึ สอื่ การเรยี นรรู้ ายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร ์ วทิ ยาศาสตร์ กายภาพ 1 (เคมี) ชั้น ม.5 ผู้จัดทา� ไดอ้ อกแบบการสอน (Instructional Design) อนั เปน็ วิธกี ารจัดการเรียนรู้และเทคนคิ การสอนทเี่ ปย มดว้ ยประสทิ ธภิ าพและมคี วามหลากหลายใหก้ บั ผเู้ รยี น เพอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นสามารถบรรลผุ ลสมั ฤทธต์ิ ามมาตรฐาน การเรียนร้แู ละตัวชี้วดั รวมถงึ สมรรถนะและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผ้เู รยี นทหี่ ลกั สตู รกา� หนดไว้ โดยครูสามารถนา� ไปใชจ้ ัดการเรยี นรใู้ นช้ันเรียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ ซ่ึงในรายวิชาน้ี ไดน้ �ารูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู ้ (5Es Instructional Model) มาใช้ในการออกแบบการสอน ดงั นี้ รปู แบบกำรสอนแบบสบื เสำะหำควำมรู้ (5Es Instructional Model) ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เพ่ือช่วย กรEะeตnnggุนaคg1วeาmมeสnนt ใจ ให้ผู้เรียนได้พัฒนาวิธีคิด ท้ังความคิดเป็นเหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค ์ สาํ รวeExจpแlลorะaคtนioหnา คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทักษะส�าคัญในการค้นคว้าหาความรู้ และมี Elaขยาย ความสามารถในการแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบ ผู้จดั ท�าจงึ ได้เลอื กใช้ ตeEvรaวluจaสtiอoบnผล รปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความร ู้ (5Es Instructional Model) าม รูtion ซึ่งเป็นขั้นตอนการเรียนรู้ท่ีมุ่งให้ผู้เรียนได้มีโอกาสสร้างองค์- 5 5Es 2 ความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและการลงมือท�า โดยใช้ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเคร่ืองมือส�าคัญเพื่อการพัฒนา ควาbมoเrขa4าtioใจn Exอ3pธlaิบnาaยคว ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการเรียนรู้แห่ง ศตวรรษท่ี 21 วธิ ีสอน (Teaching Method) ผู้จัดท�าเลือกใช้วิธีสอนท่ีหลากหลาย เช่น การทดลอง การสาธิต การอภิปรายกลุ่มย่อย เพ่ือส่งเสริมการเรียนรู้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) ให้เกิดประสิทธิภาพมากท่ีสุด ซ่ึงจะเน้นใช้วิธีสอน โดยใช้การทดลองมากเป็นพิเศษ เน่ืองจากเป็นวิธีสอนท่ีมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้จากประสบการณ์ตรงโดย การคิดและการลงมือทา� ดว้ ยตนเอง อันจะช่วยให้ผเู้ รียนมีความรแู้ ละเกดิ ทกั ษะทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่คงทน เทคนิคกำรสอน (Teaching Technique) ผจู้ ดั ทา� เลอื กใชเ้ ทคนคิ การสอนทห่ี ลากหลายและเหมาะสมกบั เรอ่ื งทเ่ี รยี น เพอื่ สง่ เสรมิ วธิ สี อนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ เชน่ การใชค้ �าถาม การเล่นเกม เพอื่ นชว่ ยเพื่อน ซ่ึงเทคนิคการสอนตา่ ง ๆ จะชว่ ยให้ผูเ้ รียนเกดิ การเรยี นรู้อยา่ งมคี วามสุขใน ขณะท่เี รยี นและสามารถปฏบิ ตั กิ ิจกรรมได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รวมทัง้ ได้พฒั นาทักษะในศตวรรษที ่ 21 อีกด้วย
Teacher Guide Overview วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 1 (เคม)ี ม.5 หน่วย ตวั ช้ีวัด ทกั ษะท่ีได้ เวลาทีใ่ ช้ การประเมิน สอื่ ทใ่ี ช้ การเรยี นรู้ 1 1. ระบวุ า่ สารเปน็ ธาตหุ รอื สารประกอบ และ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สอื เรยี น อยู่ในรูปอะตอม โมเลกุล หรือไอออน - ทักษะการสังเกต กอ่ นเรยี น รายวิชาพน้ื ฐาน โครงสรา้ ง จากสูตรเคมี - ทกั ษะการสือ่ สาร - สงั เกตการอภปิ ราย วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 อะตอมและ 2. เปรียบเทียบความเหมือนและความ - ทักษะการท�ำงานร่วมกนั เกยี่ วกับแบบจ�ำลอง (เคมี) ม.5 ตารางธาตุ แตกตา่ งของแบบจำ� ลองอะตอมของโบร์ - ทักษะการน�ำความรู้ไปใช้ อะตอม - แบบฝกึ หัด กับแบบจำ� ลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก - ท ักษะการคิดอยา่ ง - สังเกตการทำ� กจิ กรรม รายวชิ าพน้ื ฐาน 3. ระบุจ�ำนวนโปรตอน นิวตรอน และ มีวจิ ารณญาณ ปฏิกริ ิยาระหวา่ งโลหะ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 อเิ ลก็ ตรอนของอะตอม และไอออนทเี่ กดิ บางชนิดกับน้�ำ (เคมี) ม.5 จากอะตอมเดียว - ตรวจใบงาน - แบบทดสอบก่อนเรยี น 4. เขียนสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุและ - ตรวจผงั มโนทัศน์ - แบบทดสอบหลังเรียน ระบกุ ารเป็นไอโซโทป - ตรวจแบบฝกึ หดั - ใบงาน 5. ระบหุ มแู่ ละคาบของธาตุ และระบวุ า่ ธาตุ 12 - สังเกตพฤติกรรม - PowerPoint เป็นโลหะ อโลหะ ก่งึ โลหะ กลมุ่ ธาตเุ ร- การท�ำงานรายบุคคล - QR Code ช่ัวโมง พรีเซนเททีฟ หรือกลุ่มธาตุแทรนซิชัน - สังเกตพฤติกรรม - ภ าพยนตรส์ ารคดสี ้นั จากตารางธาตุ การท�ำงานกลมุ่ Twig 6. สืบค้นข้อมูล น�ำเสนอตัวอย่าง และ - สังเกตคณุ ลกั ษณะ อธิบายการประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับ อนั พงึ ประสงค์ สมบัติและกฎต่าง ๆ ของแก๊สในการ - ตรวจแบบทดสอบ อธิบายปรากฏการณ์ หรือแก้ปัญหาใน หลงั เรียน ชีวิตประจำ� วันและในอตุ สาหกรรม 7. สืบค้นข้อมูลและน�ำเสนอตัวอย่าง ประโยชน์และอันตรายที่เกิดจากธาต ุ เรพรีเซนเททฟี และธาตุแทรนซชิ นั 2 1. ระบุว่าพันธะโคเวเลนต์เป็นพันธะเด่ียว - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - ต รวจแบบทดสอบ พันธะคู่ หรอื พันธะสาม และระบุจำ� นวน - ทกั ษะการสังเกต ก่อนเรยี น พนั ธะเคมี คอู่ เิ ล็กตรอนระหว่างอะตอมครู่ ว่ มพนั ธะ - ทกั ษะการสื่อสาร - สงั เกตการอภปิ ราย เกย่ี วกับพนั ธะเคมี จากสตู รโครงสร้าง - ทกั ษะการท�ำงานรว่ มกัน - ตรวจใบงาน 2. ระบุสภาพขั้วของสารท่ีโมเลกุลประกอบ - ทักษะการน�ำความรไู้ ปใช้ - ตรวจแบบฝกึ หัด ด้วย 2 อะตอม - ท กั ษะการคดิ อย่าง - สังเกตพฤตกิ รรม 3. ระบสุ ารทเี่ กดิ พนั ธะไฮโดรเจนไดจ้ ากสตู ร มวี ิจารณญาณ 12 การท�ำงานรายบคุ คล โครงสร้าง - ส ังเกตคุณลักษณะ 4. อ ธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจุดเดือด ช่วั โมง อนั พงึ ประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ ของสารโคเวเลนต์กับแรงดึงดูดระหว่าง หลงั เรียน โมเลกลุ ตามสภาพขั้วหรือการเกิดพนั ธะ ไฮโดรเจน 5. เขยี นสตู รเคมขี องไอออนและสารประกอบ ไอออนกิ
หน่วย ตัวชี้วัด ทกั ษะท่ีได้ เวลาทใี่ ช้ การประเมิน สอ่ื ท่ใี ช้ การเรยี นรู้ 3 1. ระบุว่าสารเกิดการละลายแบบแตกตัว - ทกั ษะการวิเคราะห์ - ตรวจแบบทดสอบ - ห นังสือเรยี น หรอื ไมแ่ ตกตวั พรอ้ มใหเ้ หตผุ ลและระบุ - ทกั ษะการสังเกต กอ่ นเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน สารเคมีและ ว่าสารละลายท่ีได้เป็นสารละลายอิเล็ก- - ทักษะการสือ่ สาร - ตรวจใบงาน วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 ผลติ ภัณฑ์ใน โทรไลต์หรือนอนอิเลก็ โทรไลต์ - ทักษะการท�ำงานรว่ มกนั - ตรวจผงั มโนทศั น์ (เคมี) ม.5 ชีวิตประจ�ำ วัน 2. ระบสุ ารประกอบอินทรียป์ ระเภทไฮโดร- - ทกั ษะการน�ำความรูไ้ ปใช้ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แ บบฝึกหัด คาร์บอนว่าอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวจากสูตร - ท กั ษะการคิดอยา่ ง - สังเกตพฤตกิ รรม รายวิชาพนื้ ฐาน โครงสร้าง มีวิจารณญาณ การท�ำงานรายบคุ คล วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 1 3. สืบค้นข้อมูลและเปรียบเทียบสมบัติทาง - สังเกตพฤติกรรม (เคม)ี ม.5 กายภาพระหว่างพอลิเมอร์และมอนอ- การท�ำงานกลุม่ - แบบทดสอบก่อนเรียน เมอร์ของพอลิเมอร์ชนิดน้นั - สงั เกตคุณลักษณะ - แบบทดสอบหลังเรยี น 4. ระบุสมบตั ิความเปน็ กรด-เบสจาก 18 อันพึงประสงค์ - ใบงาน โครงสรา้ งของสารประกอบอินทรยี ์ - ตรวจแบบทดสอบ - PowerPoint 5. อธิบายสมบัติการละลายในตัวท�ำละลาย ช่ัวโมง หลังเรยี น - QR Code ชนิดตา่ ง ๆ ของสาร - ภ าพยนตร์สารคดสี ั้น 6. วิเคราะหแ์ ละอธบิ ายความสัมพนั ธ์ Twig ระหวา่ งโครงสรา้ งกบั สมบตั เิ ทอรม์ อ- พลาสตกิ และเทอรม์ อเซตของพอลเิ มอร์ และการนำ� พอลิเมอรไ์ ปใช้ประโยชน์ 7. สืบค้นข้อมูลและน�ำเสนอผลกระทบของ การใช้ผลิตภณั ฑพ์ อลเิ มอรท์ ่มี ีตอ่ ส่งิ มี ชวี ติ และสง่ิ แวดล้อม พรอ้ มแนวทาง ป้องกันหรือแก้ไข 4 1. ระบุสูตรเคมีของสารตั้งต้น ผลิตภัณฑ์ - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - ต รวจแบบทดสอบ และแปลความหมายของสัญลักษณ์ใน - ทกั ษะการสงั เกต ก่อนเรยี น ปฏกิ ริ ยิ าเคมี สมการเคมขี องปฏิกริ ิยาเคมี - ทกั ษะการส่ือสาร - ต รวจใบงาน - ตรวจแบบฝึกหดั 2. ระบุสูตรเคมีของสารต้ังต้น ผลิตภัณฑ์ - ทกั ษะการท�ำงานร่วมกนั - สังเกตพฤตกิ รรม และแปลความหมายของสัญลักษณ์ใน - ทักษะการน�ำความร้ไู ปใช้ การท�ำงานรายบุคคล สมการเคมีของปฏกิ ิริยาเคมี - ท ักษะการคดิ อย่าง - สงั เกตคณุ ลกั ษณะ 3. สืบค้นข้อมูลและอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ มวี ิจารณญาณ อนั พงึ ประสงค์ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมที ใี่ ชป้ ระโยชน์ 18 - ตรวจแบบทดสอบ ในชวี ติ ประจำ� วนั หรอื ในอุตสาหกรรม หลงั เรียน 4. อธิบายความหมายของปฏกิ ิริยารดี อกซ์ ชั่วโมง 5. อธิบายสมบัติของสารกัมมันตรังสี และ ค�ำนวณคร่ึงชีวิตและปริมาณของสาร กัมมันตรงั สี 6. ระบุสูตรเคมีของสารต้ังต้น ผลิตภัณฑ์ และแปลความหมายของสัญลักษณ์ใน สมการเคมีของปฏกิ ริ ยิ าเคมี
สำรบัญ Chapter Title Chapter Chapter Teacher Overview Concept Script หนวยการเรยี นรู้ท่ี 1 โครงสร้ำงอะตอมและ Overview ตำรำงธำตุ T2 - T3 T6 T4 - T5 • โครงสรา้ งอะตอม T40 • ตารางธาตุ T7 - T18 • สมบัติของธาตแุ ละการใชป้ ระโยชน์ T70 - T71 T19 - T24 ท้ายหน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 T25 - T33 T114 - T115 T34 - T39 หนวยการเรยี นรู้ท่ี 2 พนั ธะเคมี T41 T42 • การเกิดพนั ธะเคมี • พนั ธะโคเวเลนต์ T43 - T44 • พนั ธะไอออนกิ T45 - T58 ท้ายหนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 T59 - T65 T66 - T69 หนวยการเรียนรทู้ ี่ 3 สำรเคมีและผลิตภณั ฑใ์ นชีวิต ประจำ� วัน T72 - T73 T74 • กรด เบส และเกลือ T116 - T117 T75 - T82 • สารประกอบไฮโดรคารบ์ อน T83 - T92 • พ อลิเมอร์ T93 - T110 ทา้ ยหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 T111 - T113 หนว ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 ปฏิกิริยำเคมี T118 • การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี T119 - T137 • ปฏกิ ิริยารีดอกซ์ T138 - T140 • ธาตกุ มั มันตรงั สี T141 - T146 ทา้ ยหน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 T147 - T150 Fun Science Activity T151 T152 บรรณำนกุ รม
Chapter Overview แผนการจัด สอ่ื ท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรียนรู้ อันพึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 โครงสร้าง - แบบทดสอบก่อนเรยี น 1. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บ แบบสบื เสาะ - ตรวจสอบผลการทา� - ทกั ษะการวเิ คราะห ์ - มีวินัย อะตอม - ห นังสือเรียน แบบจ�าลองอะตอมของ หาความร ู้ แบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ทกั ษะการสังเกต - ใฝเ่ รยี นรู้ รายวชิ าพื้นฐาน ดอลตัน ทอมสนั (5Es - สังเกตการตอบ - ทกั ษะการสอ่ื สาร - มงุ่ ม่นั ใน 6 วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 ร ทั เทอรฟ์ อรด์ โบร ์ และ Instructional ค�าถาม การรว่ มกนั - ทักษะการท�างาน การท�างาน (เคม)ี ม.5 แบบกลุ่มหมอกได้ (K) Model) ท�าผลงาน และจาก ร่วมกัน ชัว่ โมง - แบบฝกึ หดั รายวิชา 2. อธิบายว่าสารเป็นธาตุ การน�าเสนอผลงาน พนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ หรือสารประกอบ และ - ตรวจผงั มโนทัศน์ แผนฯ ที่ 2 กายภาพ 1 (เคม)ี ม.5 อยูใ่ นรูปอะตอม เรือ่ ง แบบจ�าลอง ตารางธาตุ - ใบงาน โ มเลกลุ หรอื ไอออน อะตอม - PowerPoint จากสตู รเคมไี ด ้ (K) - ตรวจใบงาน 2 - QR Code 3. อธบิ ายสมบัติของ เรื่อง แบบจ�าลอง - ภาพยนตรส์ ารคดีสน้ั อนุภาคมูลฐาน เขียน อะตอม ชัว่ โมง Twig สญั ลกั ษณน์ วิ เคลยี รข์ อง - ตรวจใบงาน เรือ่ ง ธาต ุ อธบิ ายความหมาย อนภุ าคมูลฐาน ไอโซโทปได้ (K) - ตรวจแบบฝึกหัดจาก 4. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ Unit Question 1 พั ฒ น า ก า ร ข อ ง แ บ บ ในหนงั สือเรยี น จ�าลองอะตอมได้ (P) 5. เห็นคุณประโยชน์ของ การเรียนวิทยาศาสตร์ ตระหนักในคุณค่าของ ความรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยีท่ีใช้ในชีวิต ประจ�าวัน (A) - หนงั สอื เรยี น 1. อธบิ ายววิ ฒั นาการของ แบบสืบเสาะ - ส งั เกตการตอบ - ทักษะการวเิ คราะห์ - มีวนิ ัย รายวิชาพื้นฐาน การจัดธาตุในตาราง หาความรู้ คา� ถาม การรว่ มกนั - ทักษะการสื่อสาร - ใฝเ่ รียนรู้ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 ธาต ุ และบอกแนวโนม้ (5Es ท�าผลงาน และจาก - ท กั ษะการทา� งาน - ม่งุ มัน่ ใน (เคม)ี ม.5 การเปลย่ี นแปลงสมบัติ Instructional การน�าเสนอผลงาน ร่วมกนั การทา� งาน - แบบฝึกหัดรายวิชา บางประการของธาตุ Model) - ต รวจผังมโนทัศน์ - ทักษะการน�าความรู้ พนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ ตามหมู่และตามคาบได้ เร่อื ง ตารางธาตุ ไปใช้ กายภาพ 1 (เคม)ี ม.5 (K) - ต รวจใบงาน เรอ่ื ง - ใบงาน 2. สืบค้นขอ้ มลู เกี่ยวกับ ตารางธาตุ - PowerPoint ธาตทุ ่คี น้ พบในปัจจบุ ัน - ตรวจแบบฝึกหัดจาก - QR Code และน�าเสนอข้อมลู ได้ Unit Question 1 - ภาพยนตรส์ ารคดีสนั้ ถกู ต้อง (P) ในหนังสอื เรยี น Twig 3. ท า� งานรว่ มกบั ผอู้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ ยอมรับความคิดเห็น ของผู้อ่ืนได ้ (A) T2
แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ ีสอน ประเมนิ ทักษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์ แผนฯ ที่ 3 สมบตั ิของธาตุ - แบบทดสอบหลงั เรียน 1. อ ธิบายเกีย่ วกับชนดิ แบบสบื เสาะ - ต รวจสอบผลการ - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวนิ ัย และการใช้ - หนังสอื เรยี น และสมบตั ิของธาตุได้ หาความรู้ ท�ำแบบทดสอบ - ทกั ษะการสอ่ื สาร - ใฝเ่ รยี นรู้ ประโยชน์ รายวิชาพนื้ ฐาน (K) (5Es หลังเรียน - ท ักษะการท�ำงาน - มุง่ มนั่ ใน วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 2. อ ธิบายและยกตวั อย่าง Instructional - สังเกตการตอบ รว่ มกัน การทำ� งาน 4 (เคมี) ม.5 การใช้ประโยชนจ์ าก Model) คำ� ถาม การรว่ มกัน - ท ักษะการน�ำความรู้ - แบบฝึกหัดรายวชิ า ธาตุบางชนดิ ได้ (K) ทำ� ผลงาน และจาก ไปใช้ ชว่ั โมง พืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ 3. อ ธบิ ายความแตกต่าง การน�ำเสนอผลงาน กายภาพ 1 (เคมี) ม.5 ของการท�ำปฏกิ ริ ยิ ากับ - สงั เกตการทำ� กจิ กรรม - ใบงาน น�้ำของธาตหุ มู่ 1A 2A ปฏิกิรยิ าระหว่างโลหะ - PowerPoint และ 3A ได้ (K) บางชนดิ กบั นำ้� - QR Code 4. ทดลองและสรปุ ผล - ต รวจผังมโนทัศน์ - ภาพยนตร์สารคดีส้ัน การทดลองเกยี่ วกับ เร่ือง สมบตั ขิ องธาตุ Twig ปฏกิ ริ ิยาของธาตหุ มู่ และการใชป้ ระโยชน์ 1A 2A และ 3A กบั น้�ำ - ต รวจใบงาน เรื่อง ได้ (P) สมบตั ิของธาตแุ ละ 5. แสดงความเปน็ การใช้ประโยชน์ คนช่างสงั เกต ชา่ งคดิ - ตรวจแบบฝึกหัดจาก ช่างสงสัย ใฝเ่ รียนรู้ Unit Question 1 และม่งุ มั่นในการเสาะ ในหนังสือเรยี น แสวงหาความรู้ (A) T3
Chapter Concept Overview แบบจําลองอะตอม วิวัฒนาการของแบบจา� ลองอะตอมสามารถสรปุ ได้ ดังน้ี แบบจาํ ลองอะตอมของดอลตัน เปน็ ทรงกลมตนั มขี นาดเลก็ ทส่ี ดุ ไมส่ ามารถแบง่ แยกได้ แบบจําลองอะตอมของทอมสัน เป็นทรงกลม ประกอบด้วยโปรตอนซง่ึ มีประจบุ วก และอเิ ลก็ ตรอนซง่ึ มปี ระจลุ บกระจายอยอู่ ยา่ งสมา�่ เสมอ แบบจําลองอะตอมของรัทเทอร์ฟอร์ด เปน็ ทรงกลม ประกอบดว้ ยนวิ เคลยี สทม่ี ปี ระจบุ วกอยตู่ รงกลางอะตอม โดยมอี เิ ลก็ ตรอนทม่ี ปี ระจลุ บวงิ่ อยรู่ อบ ๆ นวิ เคลยี ส แบบจาํ ลองอะตอมของโบร์ เปน็ ทรงกลม ประกอบดว้ ยนวิ เคลยี สอยกู่ ลางอะตอม โดยมอี เิ ลก็ ตรอนเคลอ่ื นทอ่ี ยโู่ ดยรอบอะตอมเปน็ ระดบั ชนั้ พลงั งาน แบบจาํ ลองอะตอมแบบกลมุ่ หมอก เปน็ ทรงกลม ประกอบดว้ ยนวิ เคลยี สอยกู่ ลางอะตอม และอเิ ลก็ ตรอนเคลอ่ื นทอี่ ยรู่ อบ ๆ นวิ เคลยี ส ไมม่ ที ศิ ทางทแี่ นน่ อน องคป์ ระกอบของอะตอม สญั ลักษณ์นวิ เคลียร์ อะตอมประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนและ เคลือข อสะัญตอลมักขษอณง์ทธาี่แตส ุ ดเขงียชนนแิดทขนอไงดธ้ าดตงั ุ นเี้ลขมวล และ นวิ ตรอนรวมกนั อยภู่ ายในนวิ เคลยี ส และมี เลขมวล (mass number) อนภุ าคอเิ ลก็ ตรอนเคลอื่ นทอ่ี ยรู่ อบ ๆ AZX เป็นตัวเลขท่ีแสดงผลรวมของ • ไอออน คอื ธาตทุ มี่ จี า� นวนอเิ ลก็ ตรอนกบั จา� นวนโปรตอนไมเ่ ทา่ กนั จ�านวนโปรตอนและนวิ ตรอน - ไอออนลบ คอื ธ าตุท่ีมีจ�านวนอิเล็กตรอนมากกว่าจ�านวน โปรตอน สญั ลกั ษณ์ของธาตุ - ไอออนบวก คอื ธาตุท่ีมีจ�านวนอิเล็กตรอนน้อยกว่าจ�านวน เลขอะตอม (atomic number) โปรตอน เปน็ ตวั เลขทแี่ สดงจา� นวนโปรตอน • โมเลกุล คอื อนภุ าคทเ่ี ลก็ ทสี่ ดุ ของธาตหุ รอื สารประกอบทเ่ี กดิ จากอะตอมอยา่ งนอ้ ย 2 อะตอมมารวมกนั และจดั เรยี งตวั อยา่ งแนน่ อน • ไอโซโทป คอื อะตอมของธาตชุ นดิ เดยี วกนั ทมี่ จี า� นวนโปรตอนเทา่ กนั แต่มีจ�านวนนิวตรอนแตกต่างกัน ววิ ัฒนาการของการสร้างตารางธาตุ ดิมิทรี อวิ าโนวิช เมเดเลเอฟ โยฮันน์ เดอเบอไรเนอร์ กฎพิริออดิก : เม่ือน�าธาตุมาเรียง ลา� ดบั ตามนา�้ หนกั ทเี่ พม่ิ ขน้ึ จะไดก้ ลมุ่ กฎชุดสาม : เมอื่ จดั เรยี งธาตุตามมวล ของธาตุที่มีสมบัติทางเคมีและสมบัติ อะตอมจากน้อยไปหามาก มวลอะตอม ทางกายภาพเป็นชุด ๆ ของธาตุท่ีอยู่ตรงกลางจะเป็นค่าเฉลี่ย ของมวลอะตอมของธาตุตัวบนและ ตัวลา่ ง จอหน์ นิวแลนด์ เฮนรี โมสลยี ์ กฎออกเตต : ถา้ นา� ธาตมุ า 8 ธาต ุ แลว้ จดั เรียงธาตุตามเลขอะตอม เน่อื งจากสมบตั ิ จัดเรียงธาตุตามมวลจากน้อยไปหา ต่าง ๆ ของธาตุมีความสัมพันธ์กับโปรตอน มาก ธาตุตัวท่ ี 8 จะมีสมบตั ิคลา้ ยคลงึ ในนิวเคลียสหรือเลขอะตอมมากกว่ามวล กับธาตุตัวท ่ี 1 เสมอ อะตอม และเปน็ ตารางธาตุท่ีใชถ้ ึงปัจจุบนั T4
สมบัตขิ องธาตุ ธาตุอโลหะ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 ธาตโุ ลหะ • มีท้ัง 3 สถานะ ธาตุก่ึงโลหะ • มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว • มสี ถานะเปน็ ของแขง็ (ยกเวน้ ปรอทเปน็ และความหนาแนน่ ตำ่� • มสี ถานะเป็นของแขง็ ของเหลว) • ไม่นำ� ไฟฟา้ และความร้อน • มจี ุดเดอื ด จุดหลอมเหลว (ยกเว้นแกรไฟตส์ ามารถนำ� ไฟฟ้าได)้ และความหนาแนน่ สงู • ม ีจดุ เดือด จุดหลอมเหลว • นำ� ไฟฟ้าได้ และความหนาแนน่ สูง • นำ� ไฟฟา้ และความร้อนได้ดมี าก สมบตั แิ ละการใช้ประโยชน์ของธาตุบางชนิด • มีความเปน็ อโลหะสงู มีความวอ่ งไวต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี ใน • ส่วนใหญ่มีสีเงิน เป็นโลหะเนอ้ื อ่อน มีความเปน็ โลหะสงู มีความ ธรรมชาติมักพบธาตุหมู่นี้ในลักษณะโมเลกุลคู่ เมื่อรวมตัวกับ ไฮโดรเจนจะมีสมบตั ิเปน็ กรดรุนแรง หนาแนน่ ต�่ำ มีความวอ่ งไวในการเกิดปฏิกิริยาเคมีสูง • ลิเทยี ม (Li) ใชเ้ ป็นข้ัวแบตเตอรี่ โซเดยี ม (Na) ใช้ประโยชนใ์ น • ฟ ลูออรีน (F) ใช้ประโยชน์ในรูปของสารประกอบ เช่น NaF ใช้เตมิ ลงในยาสีฟนั คลอรนี (Cl) นำ� มาเตมิ ลงในน�ำ้ หรือสระน้�ำ รูปของสารประกอบ เชน่ เกลือแกง (NaCl) ผงฟู (NaHCO3) เพอ่ื ท�ำให้น้�ำสะอาด ไอโอดีน (I) ใชผ้ ลิตยาฆ่าเชือ้ และสีย้อมผา้ ธาตหุ มู่ 1A ธาตหุ มู่ 7A แลนทาไนด์ ธาตุหมู่ 2A แอกทไิ นด์ ธาตุหมู่ 8A • สว่ นใหญม่ สี เี งนิ เปน็ โลหะเนอ้ื ออ่ น แตม่ คี วามแขง็ และมคี วามหนา • เป็นแก๊สไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ละลายน�้ำได้เล็กน้อย แนน่ มากกวา่ ธาตหุ มู่ 1A เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมไี ดด้ ี แตร่ นุ แรงนอ้ ยกวา่ มีความวอ่ งไวในการเกิดปฏกิ ิริยาเคมีตำ�่ ธาตหุ มู่ 1A • ฮ ีเลียม (He) บรรจุในบอลลูนหรือลูกโป่งสวรรค์ • แ มกนีเซียม (Mg) ใช้เป็นวัตถุดบิ ในการผลติ โลหะผสมอะลมู เิ นยี ม บรรจลุ งในถงั แกส๊ สำ� หรบั นกั ประดานำ�้ นอี อน (Ne) และแมกนีเซียม แคลเซียม (Ca) เป็นส่วนประกอบที่ส�ำคัญของ และอาร์กอน (Ar) ใช้บรรจุในหลอดไฟฟ้า และ โครงสร้างทางร่างกายของส่ิงมชี วี ติ บรรจใุ นหลอดไฟโฆษณา ครปิ ทอน (Kr) ใชบ้ รรจใุ น หลอดไฟแฟลชส�ำหรับถ่ายรูปความเร็วสูง ซีนอน ธาตุแทรนซิชนั (Xe) ใช้เป็นแกส๊ ท่ีช่วยใหส้ ลบ • มีสถานะเป็นของแข็ง (ยกเวน้ ปรอทเป็นของเหลว) มีความเป็นโลหะน้อยกวา่ โลหะหมู่ 1A และ 2A มีจดุ เดอื ด จุดหลอมเหลว และ ความหนาแนน่ สูง นำ� ไฟฟ้าได้ สามารถเกดิ สารประกอบไดม้ ากมายหลายชนดิ รวมทั้งสารประกอบเชงิ ซอ้ นท่มี สี ีสันเฉพาะตัว • เหลก็ (Fe) เหลก็ กลา้ ใชใ้ นงานกอ่ สรา้ ง เปน็ สว่ นประกอบของลวดตะปู เหลก็ เคลอื บผวิ ดว้ ยสงั กะสใี ชเ้ ปน็ สงั กะสมี งุ หลงั คา และทำ� กระปอ๋ ง บรรจุอาหาร ทองแดง (Cu) ใชท้ ำ� สายไฟฟ้า อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ต่าง ๆ ทองแดงผสมสงั กะสีใช้ท�ำกลอนประตู กญุ แจ กระดุม ทองแดงผสม ดบี กุ ใช้ท�ำระฆงั ลานนาฬกิ า สงั กะสี (Zn) ใชท้ ำ� กลอ่ งของถ่านไฟฉาย โครเมยี ม (Cr) ใชเ้ คลือบผิวของเหล็กและโลหะอ่ืน ๆ และนำ� มา ใช้เปน็ สว่ นประกอบของเหลก็ กล้าผสมทใี่ ชท้ ำ� ตูน้ ริ ภยั เคร่ืองบนิ ไอพน่ จรวด และเรเดยี ม (Ra) ใชใ้ นการรักษาโรคมะเรง็ ได้ T5
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ âá¤ÅÐõ§ÒÊÃÃҌҧ§¸ÍÒеµØ ÍÁ1หนว ยการเรียนรทู ี่ Q ¶ŒÒ¹Ñ¡àÃÕ¹¤Œ¹¾º กระตนุ้ ความสนใจ ¸ÒµØãËÁ‹ ¨Ð¨Ñ´àÃÕ§¸ÒµØ¹Õé ŧ㹵ÒÃÒ§¸ÒµØ 1. ครดู าํ เนนิ การทดสอบกอ นเรยี น โดยใหน กั เรยี นทาํ 䴌͋ҧäà แบบทดสอบ จาํ นวน 10 ขอ จากนน้ั ครใู หน กั เรยี น ทุกคนชวยกันตอบคําถาม Understanding ตัวชีว้ ดั Check เพ่ือตรวจสอบความพรอ มและความรู ว 2.1 ม.5/1 ม.5/2 ม.5/3 ม.5/4 พนื้ ฐานของนักเรยี น ม.5/5 ม.5/6 ม.5/7 2. ครูนําเขาสูบทเรียนโดยการเปดประเด็นและ ชักชวนนักเรียนใหรวมกันอภิปราย โดยใช Understanding ถกู / ผดิ คําถามดังตอไปนี้ Check • อนุภาคของสารหมายถึงอะไร บัน ึทกลงในส ุมด (แนวตอบ โมเลกุล อะตอม และไอออน) ใหนกั เรยี นพจิ ารณาขอความตามความเขา ใจของนักเรยี นวาถูกหรือผิด แลวบนั ทกึ ลงในสมดุ • อนุภาคท่ีเลก็ ทสี่ ดุ ของสารเรยี กวาอะไร (แนวตอบ อะตอม) 1. แบบจาํ ลองอะตอมทีใ่ ชอ ยใู นปจจบุ ันคอื แบบจาํ ลองอะตอมกลมุ หมอก • อนภุ าคทเ่ี ลก็ ทส่ี ดุ นีม้ ีสวนประกอบแยกยอ ย 2. อะตอมของธาตปุ ระกอบดว ย โปรตอน อเิ ล็กตรอน และนิวตรอน ไดอกี หรือไม 3. ธาตุชนิดเดยี วกันจะมจี ํานวนนิวตรอนเทา กัน (แนวตอบ แยกตอไปอีกไมได) 4. ธาตอุ โลหะจะอยูทางฝง ซา ยของตารางธาตุ 5. ธาตุโลหะมจี ุดเดอื ด จดุ หลอมเหลว และความหนาแนนสูง 3. นักเรยี นรวมกันตอบคาํ ถาม เพือ่ เชื่อมโยงไปสู การเรยี นรเู รื่อง โครงสรา งอะตอม 4. ครถู ามคาํ ถาม Big Question จากหนงั สอื เรยี น วา ถานักเรยี นคน พบธาตใุ หม จะจดั เรยี งธาตุ นล้ี งในตารางธาตุไดอยา งไร ครเู ปด โอกาสให นกั เรยี นไดแ สดงความคดิ เหน็ โดยไมเ นน ถกู ผดิ 5. ครใู หน กั เรยี นรว มแสดงความคดิ เหน็ ซงึ่ นกั เรยี น จะไดค าํ ตอบทถ่ี กู ตอ งจากการเรยี นตอ ไป และ มอบหมายใหนักเรียนทุกคนไปศึกษาความรู ลว งหนา เกี่ยวกบั แบบจาํ ลองอะตอม แนวตอบ Big Question การจดั เรยี งธาตลุ งในตารางธาตอุ ยบู นพนื้ ฐาน ของเลขอะตอม (จํานวนโปรตอนในนวิ เคลยี ส) การจัดเรียงอิเล็กตรอน และสมบัตทิ างเคมี แนวตอบ Understanding Check 1. ถกู 2. ถกู 3. ผิด 4. ผิด 5. ถกู เกร็ดแนะครู การเรยี นการสอน เรือ่ ง โครงสรางอะตอมและตารางธาตุ ครูควรนาํ ภาพ แบบจําลองอะตอมของนักวิทยาศาสตรแตละทานมาใหนักเรียนพิจารณา และ ใหนักเรียนเปรียบเทียบวาแบบจําลองอะตอมของนักวิทยาศาสตรทานใดที่มี ลักษณะใกลเคียงกับอะตอมในปจจุบันมากที่สุด และในเรื่องตารางธาตุครูควร แบงธาตุออกเปนกลุมๆ (ดวยเกณฑทก่ี าํ หนดรว มกนั ) เพื่อใหง า ยตอ การจดจํา และเรยี นรู T6
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1. â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁดิโมคริตุส1 (Democritus) นักปรัชญาชาวกรีก กลาววา Prior Knowledge ขนั้ สอน ͹ÀØ Ò¤·àÕè Å¡ç ·ÊèÕ ´Ø “เมื่อนําสสารมาแบงยอยลงไปเรื่อย ๆ จะไดอนุภาคท่ีมีขนาด ¢Í§¸Òµ¤Ø Í× ÍÐäà สาํ รวจคน้ หา เล็กมาก และไมสามารถแบงยอยออกไปไดอีก โดยเรียก อนุภาคน้วี า อะตอม” เมือ่ ความรูทางวิทยาศาสตรเ จริญกา วหนา 1. ครถู ามคาํ ถาม Prior knowledge จากหนังสอื มากข้นึ ทาํ ใหแ นวคดิ ของดิโมคริตสุ ไมสามารถอธิบายเหตุการณตา ง ๆ ที่เกิดขึน้ เก่ยี วกบั สสารได เรียนวา อนุภาคที่เล็กที่สุดของธาตุคืออะไร เพ่ือเปนการทบทวนความรูเดิมจากคาบเรียน 1.1 Ẻ¨Òí ÅͧÍеÍÁ ที่ผา นมา นักวิทยาศาสตรหลายทานไดพยายามศึกษาวาลักษณะโครงสรางภายในอะตอมน้ัน 2. ครถู ามนักเรยี นตอไปวา อะตอมที่มขี นาดเล็ก เปนอยางไร โดยใชวิธีการตาง ๆ ตั้งแตในอดีตจนถึงปจจุบัน จนกระท่ังเกิดแบบจําลองอะตอม น้ี เราจะสามารถมองเหน็ อะตอมดว ยตาเปลา ตามแนวคดิ และการทดลองของนกั วิทยาศาสตรห ลาย ๆ ทานขึน้ มา ซึง่ สามารถสรปุ แบบจาํ ลอง หรือไม (เปดโอกาสใหนักเรียนไดแสดงความ อะตอมทีม่ กี ารพฒั นาจนกลายมาเปนแบบจําลองอะตอมทใ่ี ชกันอยใู นปจ จบุ ันได ดังนี้ คดิ เหน็ ) 1. แบบจาํ ลองอะตอมของดอลตัน จอหน ดอลตนั (John Dalton, พ.ศ. 2308-2387) 3. ครูอธิบายคําตอบจากคําถามเพื่อใหนักเรียน นักวิทยาศาสตรชาวอังกฤษ เปนคนแรกท่ีนําเสนอแนวคิด ไดเขาใจ โดยใหความรูจากความเชื่อของ เกีย่ วกับอะตอม เพ่อื ใชอธิบายเกย่ี วกบั การเปลย่ี นแปลงของสาร ดิโมคริตุส นักปรัชญาชาวกรีก ซ่ึงกลาวไววา กอนและหลังทําปฏิกิริยา รวมท้ังอัตราสวนโดยมวลของธาตุที่ “สิ่งของตางๆ ประกอบดวยอนุภาคที่มีขนาด รวมกนั เปนสารประกอบ ซง่ึ สามารถสรุปได ดงั น้ี เล็กมาก และถาแบงอนุภาคใหมีขนาดเล็กลง • ธาตแุ ตล ะชนดิ ประกอบดว ยอนภุ าคทเ่ี ลก็ ทส่ี ดุ เรยี กวา เรื่อยๆ จนไมสามารถแบง ตอไปไดอ ีก อนุภาค อะตอม ซ่ึงอะตอมไมสามารถแยกออกไดอีก และไมสามารถ ภาพที่ 1.1 แบบจําลองอะตอม ท่ีมีขนาดเล็กท่ีสุด เรียกวา อะตอม ซ่ึงไม ถูกสรา งข้นึ หรอื ทําลายไดใ นระหวางเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ของดอลตนั สามารถมองเห็นดวยตาเปลาได” จากนั้นครู ทม่ี า : คลังภาพ อจท. เปด โอกาสใหนักเรยี นไดซักถามเพม่ิ เตมิ • อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันมีมวลและสมบัติตาง ๆ เหมอื นกัน สวนอะตอมของธาตตุ า งชนดิ กนั จะมีมวลและสมบตั แิ ตกตางกัน 4. นกั เรยี นรว มกนั ตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ - • สารประกอบเกดิ จากอะตอมของธาตตุ ง้ั แต 2 ชนิดขนึ้ ไป มารวมตัวกันดวยพันธะเคมี เห็นเกย่ี วกบั คาํ ตอบของคาํ ถาม เพ่ือเชื่อมโยง โดยมีอัตราสวนของจํานวนอะตอมเปนเลขลงตัวอยางตํ่า และ ไปสูการเรียนรูเร่ือง โครงสรางอะตอม อะตอมของธาตุตั้งแต 2 ชนิดขึ้นไป อาจรวมตัวเกิดเปนสาร ประกอบดว ยอตั ราสว นมากกวา 1 แบบ ซงึ่ ทาํ ใหเ กดิ สารประกอบ แนวตอบ Prior Knowledge ไดมากกวา 1 ชนิด อะตอม ภาพที่ 1.2 จอหน ดอลตนั ทฤษฎอี ะตอมของดอลตนั ใชอ ธบิ ายลกั ษณะและสมบตั ขิ อง ท่ีมา : คลังภาพ อจท. อะตอมไดเพียงระดบั หนึ่ง ซึ่งตอมานักวิทยาศาสตรคน พบขอมูล บางประการทไี่ มส อดคลอ งกบั ทฤษฎอี ะตอมของดอลตนั เชน พบวา อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันอาจมีมวลแตกตางกันได â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 3 ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET นักเรียนควรรู ขอใดกลาวไดถ กู ตอง ก. แบบจําลองอะตอม คอื มโนภาพทสี่ รางข้นึ โดยอาศยั ขอ มูล 1 ดิโมคริตุส ใชคําวา “æอะตอม” ซ่ึงเปนคํามาจากภาษากรีก แปลวา การทดลอง ซงึ่ อาจถกู หรือผดิ กไ็ ด สง่ิ ทเ่ี ลก็ ทส่ี ดุ สาํ หรบั เรยี กหนว ยทเ่ี ลก็ ทสี่ ดุ ของสสารทไ่ี มส ามารถแบง แยกตอ ไป ข. ดอลตัน เสนอแนวคิดวาอะตอมไมไ ดเล็กท่สี ุด ไดอีก โดยเขาไดพยายามศึกษาเก่ียวกับวัตถุที่มีขนาดเล็ก และมีแนวคิด ค. ปจจบุ นั ยงั ใชแ นวคิดของดอลตนั ทีว่ า อะตอมของธาตชุ นดิ เกย่ี วกบั โครงสรางของสสารวา สสารทัง้ หลายประกอบดว ยอนุภาคท่ีเลก็ ทีส่ ดุ เดียวกันจะมสี มบตั เิ หมอื นกัน ไมส ามารถมองเหน็ ได และไมสามารถแบง แยกใหเลก็ ลงกวานนั้ ไดอีก อกี ทั้ง 1. ขอ ก. เทา นน้ั 2. ขอ ข. เทา น้ัน ยังไดขยายความเก่ยี วกับอะตอมอีกวา 3. ขอ ก. และ ค. 4. ขอ ข. และ ค. 5. ขอ ก. ข. และ ค. 1. วตั ถุตา งๆ ในโลกประกอบดวยอะตอมเพยี งชนิดเดยี ว 2. อะตอมอยใู นที่วาง (วเิ คราะหคําตอบ แบบจําลองอะตอม คือ มโนภาพทสี่ รา งขึ้นมา 3. วตั ถุมีลกั ษณะตา งกนั เพราะอะตอมเรียงตวั ตางกนั ของนักวทิ ยาศาสตร ซ่ึงอาจถกู หรอื ผิดก็ได ขอ ก. จงึ ถูก ดอลตัน เสนอแนวคดิ วา อะตอมมขี นาดเลก็ ทสี่ ดุ ขอ ข. จงึ ผดิ และปจ จบุ นั T7 พบวา อะตอมของธาตุจะมีไอโซโทปของธาตชุ นิดเดยี วกนั แตเลข มวลตา งกัน ดงั นนั้ ตอบขอ 1.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 2. แบบจาํ ลองอะตอมของทอมสนั เซอร โจเซฟ จอหน ทอมสัน (Sir Joseph John Thomson, พ.ศ. 2399-2483) สาํ รวจคน้ หา นักวิทยาศาสตรชาวอังกฤษ ไดทําการทดลองศึกษาสมบัติ ของรังสีแคโทด และพบวา รังสีแคโทดเบี่ยงเบนเขาหาขั้วบวก 5. ครูใหนักเรียนแบงกลุมละ 4-5 คน แลวเปด ใขนอสงนสานมาแมมไเ หฟลฟก็ าปรแาลกฏะทวาดรสงั อสบแี กคโาทรด1เบเบี่ยยี่ งงเเบบนนใขนอสงนราังมสแีแมคเ หโทลดก็ โอกาสใหน กั เรยี นในกลมุ นาํ เสนอขอ มลู เกย่ี วกบั เขาหาขั้วเหนือ เขาจึงสรุปวา อนุภาครังสีแคโทดมีประจุเปน ภาพที่ 1.3 แบบจาํ ลองอะตอมของ อะตอม ท่ีครูมอบหมายใหไปเรียนรูลวงหนา ประจลุ บ และเรียกอนุภาคดงั กลา ววา อเิ ล็กตรอน ทอมสัน ใหเพ่ือน ๆ ในกลุมฟง จากน้ันใหแตละกลุม ทมี่ า : คลงั ภาพ อจท. สง ตัวแทนมานาํ เสนอขอมลู หนา ชั้นเรียน ตอมาออยเกน โกลดสไตน (Eugen Goldstein) ไดทดลองดัดแปลงหลอดรังสีแคโทด 6. ครูตรวจสอบความเขาใจวา นักเรียนมีความ จนคนพบอนุภาคใหมที่มีสมบัติเบี่ยงเบนในสนามแมเหล็กและสนามไฟฟาในทิศทางตรงขามกับ เขา ใจหรอื ไม โดยการถามคาํ ถามเกย่ี วกบั แบบ รงั สแี คโทด แสดงวา อนภุ าคนม้ี ปี ระจไุ ฟฟา เปน บวก และเรยี ก จําลองอะตอม เชน อนภุ าคนว้ี า โปรตอน • นกั วทิ ยาศาสตรส รา งแบบจาํ ลองอะตอมจาก อะไร หลังจากมีการคนพบอิเล็กตรอนและโปรตอนแลว (แนวตอบ จากการสังเกตและการทดลอง) ทอมสันจึงเสนอแบบจําลองอะตอมใหมวา “อะตอมมีลักษณะ • แบบจําลองแตละแบบมีความแตกตางหรือ เปนทรงกลม มีอนุภาคโปรตอนซ่ึงมีประจุบวกและอิเล็กตรอน ไม เพราะอะไร ซง่ึ มีประจลุ บกระจายอยทู ่วั ไปอยา งสมํา่ เสมอ อะตอมในสภาพที่ (แนวตอบ แตกตา งกัน เพราะความกา วหนา ภาพท่ี 1.4 เซอร โจเซฟ จอหน ทอมสัน เปนกลางจะมีประจบุ วกและประจลุ บเทากัน” ของเทคโนโลยีที่เพ่ิมมากข้ึน ทําใหผลการ ที่มา : คลังภาพ อจท. ทดลองแสดงแบบจําลองอะตอมมีความ นาเชอ่ื ถือมากขนึ้ ) Ruther3fo. rแd,บพบจ.ศาํ .ล2อ4ง1อ4ะ-ต24อ8ม0ข)อทงาํ รกทั าเรททอดรลฟ อองยริงด อลนอภุ ราด คแเอออลรฟเ นา2ไสปตย รงั ทัแเผทน อทรอฟ งอครําด บ(าLงoมrาdกErซnง่ึesมtี 7. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายในช้ันเรียน ฉากเรอื งแสงท่ฉี าบดว ยซิงคซลั ไฟด (ZnS) โคง เปน วงลอ มรอบแผนทองคาํ ดงั ภาพท่ี 1.5 เพอื่ เชือ่ มโยงไปสูก ารจดั การเรียนรู เรือ่ ง แบบ จําลองอะตอม วา อะตอมเปนสิ่งที่มีขนาด อแนหุภลางคกแาํ อเลนฟดิ า α ͹ÀØ Ò¤áÍÅ¿ÒÊÇ‹ ¹ÁÒ¡ เล็กมาก ไมสามารถศึกษาโครงสรางไดดวย α เคลอ่ื นที่เปนเสนตรงทะลผุ า น วิธีธรรมดาเหมือนการศึกษาโครงสรางของ แผน ทองคาํ α แผนทองคํา วัตถุท่ีสามารถเห็นไดดวยตาเปลา การศึกษา ฉากเรืองแสง ͹ÀØ Ò¤áÍÅ¿ÒÊÇ‹ ¹¹ÍŒ  เพื่อความเขาใจเกี่ยวกับอะตอม อาจทําได α เดนิ ทางเบย่ี งเบนเปน มมุ กวา ง โดยการจําลองรูปรางลักษณะของอะตอมวา αα ออกจากแนวเสน ทางเดมิ เปนอยางไร ซึ่งแบบจําลองท่ีดีจะตองอธิบาย α ͹ØÀÒ¤áÍÅ¿Ò¨íҹǹ¹ŒÍÂÁÒ¡ ลกั ษณะและองคป ระกอบของอะตอมได สะทอนกลบั มากระทบฉากบริเวณ ดานหนา ภาพท่ี 1.5 การทดลองของรัทเทอรฟ อรด ที่มา : คลังภาพ อจท. 4 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET แบบจําลองอะตอมของทอมสันและรัทเทอรฟอรดมีความ 1 รงั สแี คโทด คอื รงั สี (กระแสของอเิ ลก็ ตรอน) ทห่ี ลดุ ออกมาจากขวั้ ลบของ แตกตา งกันตามขอ ใด หลอดสญุ ญากาศเม่อื ตอขั้วท้ังสองเขากบั แหลง กาํ เนดิ ความตางศักย 2 อนภุ าคแอลฟา คอื อนภุ าคทป่ี ระกอบดว ยโปรตอน 2 อนภุ าค และนวิ ตรอน 1. ชนิดของอนุภาคท่ีอยูในอะตอม 2 อนภุ าค เหมอื นกับนวิ เคลียสของอะตอมธาตฮุ เี ลียม (He2+) ซงึ่ เกิดจากการ 2. ขนาดของอนุภาคทอี่ ยูใ นอะตอม สลายตวั ของอะตอมของธาตุกัมมนั ตรงั สี 3. จํานวนของอนุภาคท่อี ยใู นอะตอม 4. ตาํ แหนง ของอนุภาคท่ีอยูในอะตอม T8 5. การเคล่ือนท่ขี องอนุภาคทอ่ี ยูในอะตอม (วิเคราะหคําตอบ แบบจําลองอะตอมของทอมสันกลาววา อะตอมประกอบดวยอนุภาคโปรตอนซ่ึงมีประจุบวก และอนุภาค อเิ ลก็ ตรอนซงึ่ มปี ระจลุ บกระจายอยทู วั่ ไปอยา งสมาํ่ เสมอ สว นแบบ จําลองอะตอมของรัทเทอรฟอรดกลาววา อะตอมประกอบดวย โปรตอนรวมตัวกันเปนนิวเคลียสอยูตรงกลาง สวนอิเล็กตรอน เคล่ือนท่ีอยูรอบๆ นิวเคลียส แบบจําลองอะตอมของท้ังสองจึง ตา งกนั ตรงตาํ แหนง ของอนภุ าคทอ่ี ยใู นอะตอม ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน สาํ รวจคน้ หา จากการทดลอง รัทเทอรฟอรดจึงไดเสนอแบบจําลอง 8. ครูใหนักเรียนศึกษาแบบจําลองอะตอม อะตอมขึ้นมาใหมวา อะตอมประกอบดวยนิวเคลียสขนาดเล็ก ของนกั วทิ ยาศาสตรทง้ั 5 คน คอื ดอลตนั เปนที่รวมของประจุบวก โดยมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่วิ่งอยูรอบ ๆ ทอมสนั รทั เทอรฟ อรด โบร และแบบกลมุ หมอก นิวเคลียสของอะตอม เน่ืองจากถาประจุบวกและลบกระจายอยู จากในหนังสือเรียน จากน้ันใหนักเรียน อยา งสมา่ํ เสมอตามแบบจาํ ลองอะตอมของทอมสนั อนภุ าคแอลฟา รวมกันอภิปรายวา โครงสรางอะตอมของ ก็ควรท่ีจะมีอัตราการเบ่ียงเบน การหักเห และการสะทอนกลับ นักวิทยาศาสตรแตละคนมีลักษณะอยางไร ในอัตราสวนท่ใี กลกัน ภาพท่ี 1.6 แแบบจาํ ลองอะตอมของ มีความเหมอื นหรือแตกตางกัน อยางไร รัทเทอรฟอรด ที่มา : คลังภาพ อจท. 9. ครูใชเทคนิคเพ่ือนคูคิดโดยใหนักเรียน จากแนวคดิ ของรทั เทอรฟ อรด ซง่ึ เสนอวา มวลสว นใหญ จับคูกับเพื่อนรวมชั้นเรียนแลวสืบคนขอมูล ของอะตอมควรจะเปนมวลของโปรตอนในนิวเคลียส แตตอมา มีการคนพบวา มวลอะตอมของธาตมุ กั จะมีคา เปน 2 เทาของ ก า ร พั ฒ น า แ บ บ จํ า ล อ ง อ ะ ต อ ม ข อ ง นั ก วิทยาศาสตรจากอดีตถึงปจจุบัน ดวยการ มวลของโปรตอนทั้งหมด รัทเทอรฟอรดจึงไดเสนอความเห็น สลับกันอภิปรายวิธีการสรางแบบจําลอง เพม่ิ เตมิ วา นา จะมอี นภุ าคทม่ี มี วลใกลเ คียงกบั โปรตอน แตไ มมี ประจไุ ฟฟา รวมอยูในนวิ เคลยี สดว ย และผลสรุปท่ีไดของนักวิทยาศาสตรจนครบ ภาพท่ี 1.7 ลอรด เออรเนสท ตอ มา เซอร เจมส แชดวกิ (Sir James Chadwick) ทาํ การ ทกุ คน รัทเทอรฟ อรด 10. ครใู หน กั เรยี นเขยี นลาํ ดบั ขนั้ ตอนแบบจาํ ลอง ทม่ี า : คลงั ภาพ อจท. ทดลองยงิ อนภุ าคแอลฟาไปยงั แผน โลหะเบรลิ เลยี ม (Be) ปรากฏ วา ไดอ นภุ าคใหมท ม่ี มี วลใกลเ คยี งกบั โปรตอน และเปน กลางทางไฟฟา เรยี กอนภุ าคนวี้ า นวิ ตรอน อะตอมของนักวิทยาศาสตรจากอดีตถึง ปจจุบัน และวาดภาพโครงสรางอะตอมท่ี 4. แบบจําลองอะตอมของโบร นลี ส โบร (Niels Bohr) นักวิทยาศาสตรแตละคนไดเสนอลงใน ไดพัฒนาแบบจําลองอะตอมมาจากการคนพบสีของเสน สเปกตรัมของไฮโดรเจน โดยสรุปวา อิเล็กตรอนเคล่ือนที่อยู กระดาษ A4 โดยนําเสนอในรูปแบบตาราง ดงั น้ี รอบนวิ เคลยี สและมพี ลงั งานเฉพาะตวั ซง่ึ อยใู นระดบั พลงั งานตาํ่ หรอื เรยี กวา สภาวะพน้ื (ground state) เมอื่ อะตอมไดร บั พลงั งาน ภาพแสดง เพิ่มขึ้น อิเล็กตรอนจะถูกกระตุนใหมีพลังงานสูงข้ึนและ แบบจําลอง ลักษณะแบบ แบบจาํ ลอง เม่ือมีพลังงานที่เหมาะสม ภาพท่ี 1.8 แบบจําลองอะตอม อะตอม จาํ ลองอะตอม อิเล็กตรอนจะเคล่ือนที่ไปอยู ของโบร อะตอม ทีม่ า : คลงั ภาพ อจท. ดอลตนั ในระดบั พลงั งานทสี่ งู กวา หรอื เรยี กวา สภาวะกระตนุ (excited state) ทอมสัน ซ่ึงทําใหอะตอมไมเสถียร อิเล็กตรอนจึงคายพลังงานท่ีดูดกลืน เแขลาะไคปาอยอพกลมังางานเพอื่ออกเปมลาี่ยในนรรปู ะดสับเปลกงตมราัมส1ูระดับพลังงานท่ีต่ํากวา รัทเทอรฟอรด โบร ภาพที่ 1.9 นีลส โบร แบบกลุม หมอก ทมี่ า : คลงั ภาพ อจท. 11. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 คู ออกมานาํ เสนอลกั ษณะ â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 5 ของแบบจาํ ลองอะตอมทร่ี วมกนั สรุป ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู แบบจาํ ลองอะตอมแบบกลมุ หมอกอธบิ ายสง่ิ ใดเกย่ี วกบั อะตอม ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ระดบั ชน้ั พลงั งานในแบบจาํ ลองอะตอมของนลี ส ไดดีกวาแบบจําลองอะตอมของโบร โบรว า จากการท่นี ีลส โบรไดศ ึกษาเกีย่ วกบั สเปกตรัมของธาตไุ ฮโดรเจน พบวา ธาตไุ ฮโดรเจนซึง่ มีเพยี ง 1 อิเล็กตรอน แตส ามารถเกดิ สเปกตรมั ได 4 เสน โดย 1. ขนาดของอะตอม แตล ะเสน มสี แี ละความถตี่ า งกนั ดงั นนั้ แสดงวา อเิ ลก็ ตรอนไมไ ดอ ยทู ร่ี ะดบั เดยี ว 2. การเคล่ือนที่ของอเิ ลก็ ตรอน แตอ ยไู ดห ลายระดบั ซงึ่ หา งจากนวิ เคลยี สไมเ ทา กนั แตล ะระดบั เรยี กวา “ระดบั 3. ชนิดของอนุภาคทพี่ บในอะตอม พลังงาน” ซึ่งมีคาเฉพาะตัว ระดับพลังงานตํ่าสุดจะอยูใกลนิวเคลียส เรียกวา 4. การจัดเรยี งอิเล็กตรอนในอะตอม ระดบั พลังงาน K และระดับถัดออกไป คือ L M N O P และ Q ตามลาํ ดบั 5. จาํ นวนอิเล็กตรอนในแตละระดับพลงั งาน (วิเคราะหคําตอบ แบบจําลองอะตอมของโบร อิเล็กตรอนจะ นักเรียนควรรู เคลอ่ื นทรี่ อบนวิ เคลยี สเปน วงกลม แตแ บบจาํ ลองอะตอมแบบกลมุ หมอก การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียสจะมีทิศทางไม 1 สเปกตรัม เปนอนุกรมของแถบสีหรือเสนที่ไดจากการผานพลังงานรังสี แนนอน ดังนัน้ ตอบขอ 2.) เขา ไปในสเปกโตรสโคป หรอื สเปกโตรมเิ ตอร ซงึ่ ทาํ ใหพ ลงั งานรงั สแี ยกออกเปน แถบหรอื เปนเสน ท่ีมคี วามยาวคล่ืนตางๆ เรยี งลาํ ดบั กันไป T9
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน การเปลยี่ นระดบั พลงั งานของอเิ ลก็ ตรอน อาจมกี ารเปลย่ี นไปยงั ระดบั พลงั งานทอ่ี ยตู ดิ กนั หรอื ขา มระดบั กไ็ ด โดยผลตา งของพลงั งานระหวา งระดบั พลงั งานตาํ่ จะมากกวา ผลตา งของพลงั งาน อธบิ ายความรู้ ระหวา งระดบั พลงั งานทสี่ งู ขนึ้ ไป โดยกาํ หนดระดบั พลงั งานทอี่ ยใู กลน วิ เคลยี สซงึ่ มพี ลงั งานตา่ํ ทส่ี ดุ คือ ช้ัน K สว นชน้ั ถัดไปเปนชน้ั L, M, N, … ตามลาํ ดบั แตในปจจุบันใช n แทน ระดับพลงั งาน 1. ครูต้ังคําถามเพ่ือทดสอบความเขาใจของ รอบนิวเคลียส โดยเรียกระดับพลังงานที่อยูใกลนิวเคลียสเปน นักเรียนเกี่ยวกับแบบจําลองอะตอมของ ระดับพลังงานแรก n = 1 และเรียกระดับพลังงานถัดไปเปน ดอลตัน แบบจําลองอะตอมของทอมสนั และ n = 2, 3, 4, … ตามลําดบั แบบจําลองอะตอมของรทั เทอรฟอรด ดงั นี้ • แบบจาํ ลองอะตอมของดอลตนั ทอมสนั และ 5. แบบจําลองอะตอมแบบกลุมหมอก จากการศกึ ษา รทั เทอรฟ อรด มลี กั ษณะแตกตา งกนั อยา งไร พบวา แบบจาํ ลองอะตอมของโบรใ ชอ ธบิ ายเกยี่ วกบั เสน สเปกตรมั (แนวตอบ อนุภาคภายในอะตอม โดย ของธาตุไฮโดรเจนไดดี แตไมสามารถอธิบายเสนสเปกตรัม ดอลตันบอกวาอะตอมไมสามารถแบง ของอะตอมท่ีมีหลายอิเล็กตรอนได จึงไดมีการศึกษาเพ่ิมเติม แยกได ทอมสันพบอนุภาค 2 ชนิด คือ ทางกลศาสตรควอนตัม แลวสรางสมการสําหรับใชคํานวณ ภาพที่ 1.10 แบบจําลองอะตอมแบบ โปรตอนกับนิวตรอน สวนรัทเทอรฟอรด โอกาสท่ีจะพบอิเล็กตรอนในระดับพลังงานตาง ๆ ข้ึนมา จนได กลมุ หมอก พบ 3 อนภุ าค คือ โปรตอน นิวตรอน และ ท่ีมา : คลงั ภาพ อจท. อิเลก็ ตรอน) แบบจาํ ลองใหม ที่เรียกวา แบบจําลองอะตอมแบบกลมุ หมอก ซึ่งมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี • อนุภาคมูลฐานของอะตอมประกอบดวย • อเิ ลก็ ตรอนเคลอื่ นทรี่ อบนวิ เคลยี สอยา งรวดเรว็ ดว ยรศั มไี มแ นน อน จงึ ไมส ามารถบอก อะไรบาง และนักวิทยาศาสตรทานใดเปน ตําแหนงท่ีแนนอนของอิเล็กตรอนได บอกไดแตเพียงโอกาสท่ีจะพบอิเล็กตรอนในบริเวณตาง ๆ ผูคนพบ ปรากฏการณแ บบนเ้ี รยี กวา กลมุ หมอกของอเิ ลก็ ตรอน บรเิ วณทม่ี กี ลมุ หมอกอเิ ลก็ ตรอนหนาแนน (แนวตอบ อะตอมประกอบดวยอิเล็กตรอน จะมีโอกาสพบอิเลก็ ตรอนมากกวาบริเวณที่เปนหมอกจาง คนพบโดยทอมสัน โปรตอน คนพบโดย • การเคลอ่ื นทข่ี องอเิ ลก็ ตรอนรอบนวิ เคลยี สอาจเปน รปู ทรงกลมหรอื รปู อน่ื ๆ ขน้ึ อยกู บั โกลดส ไตน และนวิ ตรอน คน พบโดยแชดวกิ ) ระดบั พลงั งานของอเิ ลก็ ตรอน แตผ ลรวมของกลมุ หมอกของอเิ ลก็ ตรอนทกุ ระดบั พลงั งานจะเปน รปู ทรงกลม 2. ครูตั้งคําถามเพื่อทดสอบความเขาใจของ ดงั นน้ั จงึ สามารถสรุปลักษณะของแบบจาํ ลองอะตอมแบบกลมุ หมอกได ดังน้ี “อะตอม นักเรียนเก่ียวกับแบบจําลองอะตอมของโบร ประกอบดว ยกลมุ หมอกของอเิ ลก็ ตรอนรอบนวิ เคลยี ส มลี กั ษณะเปน ทรงกลม บรเิ วณกลมุ หมอกทบึ และแบบกลมุ หมอก โดยทีค่ รูคอยอธิบายและ แสดงวา โอกาสพบอเิ ลก็ ตรอนมมี าก และบรเิ วณทกี่ ลมุ หมอกจางโอกาสทจี่ ะพบอเิ ลก็ ตรอนมนี อ ย” เสริมขอมลู ทถ่ี กู ตองใหก บั นกั เรยี น แบบจําลองอะตอมแบบกลุมหมอกท่ีนักวิทยาศาสตรเสนอข้ึนมา ทําใหเกิดความเขาใจเกี่ยวกับ • แบบจําลองอะตอมของโบรมีขอเสียอยางไร โครงสรางของอะตอมมากข้ึน และสามารถเขาใจปรากฏการณบางอยางที่ไมสอดคลองกับ จึงทําใหมีการพัฒนาแบบจําลองอะตอม ทฤษฎอี ะตอมของโบรไ ด แบบกลมุ หมอกขน้ึ มา แบบจาํ ลองอะตอมแบบตา ง ๆ นนั้ ถกู สรา งขนึ้ ตามจนิ ตนาการบนพนื้ ฐานของความรตู าม (แนวตอบ แบบจําลองอะตอมของโบร แตละยุคสมยั และเม่ือนกั วทิ ยาศาสตรค นพบขอ บกพรอ ง หรอื มคี วามรใู หม ๆ เกิดข้นึ ก็จะนาํ ไปสู ใชอธิบายไดดีเฉพาะอะตอมท่ีมีเพียงตัว การเปลย่ี นแปลงแบบจาํ ลองอะตอม เพอ่ื ใหเ กดิ ความเหมาะสมและถกู ตอ งตอ ไป โดยสามารถสรปุ เดียว ไมสามารถอธิบายธาตทุ ี่มอี เิ ลก็ ตรอน และเปรียบเทยี บโครงสรางอะตอมตามแบบจําลองอะตอมแบบตาง ๆ ได ดังน้ี มากกวา 1 ตัวได) 6 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET ครอู าจอธบิ ายเพ่มิ เตมิ วา รูปทรงตางๆ ของกลุมหมอกอิเล็กตรอนจะขึ้นอยู ขอใดกลาวถกู ตอ งเกี่ยวกับแบบจําลองอะตอม กับระดับพลังงานของอเิ ลก็ ตรอน การใชทฤษฎีควอนตมั จะสามารถอธิบายการ 1. อะตอมประกอบดวยอิเล็กตรอนและโปรตอน จัดเรียงตัวของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียสไดเปนออรบิทัล (orbital) ในระดับ 2. อะตอมเปน อนภุ าคที่เล็กที่สดุ ทีไ่ มสามารถแบง แยกได พลังงานยอ ย s p d f โดยแตละออรบ ทิ ัลจะบรรจอุ เิ ลก็ ตรอนได ดงั นี้ 3. อะตอมประกอบดวยนิวเคลยี สขนาดเล็กที่มีประจบุ วก โดยมอี เิ ล็กตรอนเคล่อื นทอ่ี ยูรอบๆ s orbital มี 1 ออรบ ิทัล หรอื 2 อิเล็กตรอน 4. อะตอมมอี เิ ล็กตรอนเคล่อื นท่อี ยูร อบนวิ เคลียสตามระดับ p orbital มี 3 ออรบทิ ัล หรือ 6 อเิ ลก็ ตรอน พลังงานซึ่งจะมีพลงั งานเฉพาะตัว d orbital มี 5 ออรบ ทิ ัล หรอื 10 อิเล็กตรอน 5. อะตอมประกอบดวยกลุมหมอกของอิเลก็ ตรอนรอบ f orbital มี 7 ออรบ ิทลั หรอื 14 อเิ ล็กตรอน นิวเคลียสท่มี ีลักษณะเปนทรงกลม (วิเคราะหคําตอบ จากการศึกษาเก่ียวกับแบบจําลองอะตอม T10 ตั้งแตในอดีตจนถึงปจจุบัน แบบจําลองอะตอมไดเปลี่ยนแปลง รปู รา งตามการคน พบตา ง ๆ ซง่ึ ปจ จบุ นั เปน แบบจาํ ลองอะตอมเปน แบบกลุมหมอก ดังนั้น ตอบขอ 5.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ Ẻ¨Òí ÅͧÍеÍÁ ขน้ั สอน พ.ศ. 2346 ´Íŵѹ ขยายความเขา้ ใจ พ.ศ. 2447 เปนทรงกลมตัน มีขนาดเล็กทส่ี ุด ไมส ามารถแบงแยกได พ.ศ. 2454 สง่ิ ทีพ่ บในแบบจาํ ลอง : - 1. ครูใหนักเรียนดูและศึกษาเร่ือง แบบจําลอง อะตอม จากส่ือ PowerPoint พรอมกับท่ีครู ·ÍÁÊ¹Ñ บรรยายสรุปตามไปกับส่ือการสอน เพ่ือให เปนทรงกลม ประกอบดวยโปรตอนซ่ึงมีประจุบวกและ นักเรียนเกิดมโนทัศนในส่ิงท่ีนักเรียนไดศึกษา อิเล็กตรอนท่ีมีประจุลบกระจายอยูอ ยา งสม่ําเสมอ มาแลว สงิ่ ทพี่ บในแบบจําลอง : โปรตอนและอิเล็กตรอน 2. ครูและนกั เรียนชว ยกนั สรปุ เกี่ยวกับแนวคิดใน Ã·Ñ à·ÍÿÍô การพฒั นาแบบจําลองอะตอมอกี ครงั้ เปนทรงกลม ประกอบดวยนิวเคลียสท่ีมีประจุบวกอยูตรง 3. ครเู ปดโอกาสใหนกั เรยี นสอบถามเนอ้ื หา เรอื่ ง กลางอะตอม โดยมีอิเล็กตรอนท่ีมีประจุลบว่ิงอยูรอบ ๆ แบบจําลองอะตอมของนักวิทยาศาสตรแตละ นวิ เคลียส ทานวา มสี ว นไหนท่ไี มเ ขา ใจและครูใหความรู เพม่ิ เตมิ ในสวนน้ัน ส่ิงท่ีพบในแบบจําลอง : นิวเคลียส ประกอบดวยโปรตอนและนิวตรอน âºÃ เปน ทรงกลม ประกอบดวยนิวเคลียสอยกู ลางอะตอม โดยมี อเิ ลก็ ตรอนเคลอื่ นทอ่ี ยโู ดยรอบอะตอมเปน ระดบั ชนั้ พลงั งาน พ.ศ. 2456 ส่ิงที่พบในแบบจาํ ลอง : ระดบั ชนั้ พลงั งานของอเิ ลก็ ตรอน Ẻ¡ÅÁ‹Ø ËÁÍ¡ เปนทรงกลม ประกอบดวยนิวเคลียสอยูกลางอะตอม และ อเิ ลก็ ตรอนเคลอื่ นทอ่ี ยรู อบ ๆ นวิ เคลยี ส ไมม ที ศิ ทางทแี่ นน อน พ.ศ. 2469-ปจจุบัน สง่ิ ทพี่ บในแบบจําลอง : ความหนาแนนของอเิ ล็กตรอน และ โอกาสหรอื ความเปนไปไดใ นการพบอเิ ลก็ ตรอน แบบจําลองอะตอม â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 7 กจิ กรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู ใหน กั เรยี นสรปุ ลกั ษณะโครงสรา งอะตอมของนกั วทิ ยาศาสตร ครูสามารถใหน ักเรียนใชสมารตโฟนสแกน QR Code เรอื่ ง แบบจาํ ลอง ทา นตา งๆ และทาํ ตารางเปรยี บเทยี บความแตกตา งของโครงสรา ง อะตอมในหนังสือเรียน เพ่ือทบทวนเก่ียวกับแบบจําลองอะตอมรวมกับการ อะตอมของนักวทิ ยาศาสตรแ ตล ะทา นลงในกระดาษ A4 แลวสง ศึกษาเน้ือหาในหนงั สือเรยี น ครผู ูส อน ส่ือ Digital กจิ กรรม ทา ทาย ศึกษาเพมิ่ เติมไดจ าก QR Code เรื่อง แบบจาํ ลองอะตอมของโบร ใหนักเรียนลองสรางแบบจําลองของอะตอมตามแนวคิด ของนักวิทยาศาสตรทานตางๆ จากอุปกรณที่หาไดสะดวก เชน แบบจําลองอะตอมของโบร กระดาษ ดนิ น้ํามนั แลวนาํ ผลงานท่ีสรา งสง ครูผูสอน www.aksorn.com/interactive3D/RKB14 T11
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ 1.2 ͧ¤»ÃСͺ¢Í§ÍеÍÁ กระตนุ้ ความสนใจ จากการทดลองของนักวิทยาศาสตรที่กลาวมาแลว ทําใหทราบวา อะตอมประกอบดวย อนุภาคโปรตอนและนิวตรอนรวมกันอยูภายในนิวเคลียส และมีอนุภาคอิเล็กตรอนเคล่ือนที่อยู ครถู ามคําถามนกั เรียนเพือ่ กระตนุ ความสนใจ รอบ ๆ ดงั ภาพท่ี 1.11 ของนกั เรยี น กอ นนาํ เขา สบู ทเรยี นเรอื่ ง องคป ระกอบ ของอะตอม ¹ÇÔ à¤ÅÕÂÊ ÍÔàÅ硵Ã͹ (e-) â»ÃµÍ¹ (p+) • จากการศึกษา เร่ือง แบบจําลองอะตอม ¹ÇÔ µÃ͹ (n) นักเรียนสามารถบอกไดหรือไมวาอะตอม ประกอบดวยอนุภาคใดบา ง ภาพท่ี 1.11 อนุภาคมลู ฐานของอะตอม (แนวตอบ โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอน) ท่ีมา : คลงั ภาพ อจท. • นักเรียนคิดวาธาตุทุกชนิดจะมีจํานวน ตารางที่ 1.1 : การเปรียบเทียบความแตกตา งของอนุภาคมลู ฐานของอะตอม โปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอน เทา กนั หรอื ไม อนภุ าค สญั ลกั ษณ ชนดิ ประจุ มวล (g) มวลเปรียบเทียบ (แนวตอบ ธาตุแตละชนิดไมจําเปนตองมี 1 โปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนเทากนั ) อิเลก็ ตรอน e- -1 9.109 × 10-28 1,836 ขน้ั สอน โปรตอน p+ +1 1.673 × 10-24 1,839 สาํ รวจคน้ หา นวิ ตรอน n 0 1.675 × 10-24 1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 4 กลมุ จากนน้ั 1. สัญลักษณน วิ เคลียร (nuclear symbol) คอื สัญลักษณท่ีแสดงชนิดของธาตุ เลขมวล ใหผูแทนนักเรียนของแตละกลุมออกมาจับ สลากเลือกหัวขอในการสืบคนขอมูลจาก และเลขอะตอมของธาตุ โดยเราสามารถใชเ ลขมวลและเลขอะตอมในการหาจาํ นวนอนภุ าคมลู ฐาน หนังสือเรียนหรือแหลงเรียนรูตางๆ ดังหัวขอ ของอะตอมได ซึ่งเขยี นแทนดว ยสญั ลักษณ ดงั น้ี ตอไปน้ี • สญั ลกั ษณนวิ เคลียร ÊÞÑ Å¡Ñ É³¢Í§¸ÒµØ • โมเลกุล • ไอออน àÅ¢ÁÇÅ (mass number) AZX จะไดวา • ไอโซโทป เปนตวั เลขทแ่ี สดงผลรวมของ จํานวนโปรตอน = Z จาํ นวนโปรตอนและนิวตรอน จาํ นวนอเิ ล็กตรอน = จํานวนโปรตอน = Z 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมาสรุปเกี่ยวกับ àÅ¢ÍеÍÁ (atomic number) จํานวนนิวตรอน = เลขมวล - เลขอะตอม หัวขอท่ีจับสลากไดในรูปแบบที่นาสนใจและ เปน ตัวเลขทแ่ี สดงจํานวนโปรตอน =A - Z เขาใจงาย ภาพที่ 1.12 สญั ลักษณน ิวเคลยี ร (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช 8 แบบสังเกตพฤติกรรมการทาํ งานกลุม) ที่มา : คลงั ภาพ อจท. เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET ในการสอน เร่ือง สัญลักษณนิวเคลียรของธาตุ ครูควรใหนักเรียนไดฝก ขอ ความใดกลา วถงึ อะตอมไดถูกตองที่สุด ทําโจทยเพ่ือใหเกิดความเขาใจ โดยครูอาจเขียนสัญลักษณนิวเคลียรของธาตุ 1. อะตอมอยูเปน อิสระได แลวใหนักเรียนตอบทีละคนวาเปนสัญลักษณของธาตุใด มีโปรตอน นิวตรอน 2. นิวเคลียสในอะตอมมปี ระจุเปนกลางเสมอ และอิเลก็ ตรอนจาํ นวนเทา ใด 3. เมื่ออะตอมเสยี อเิ ลก็ ตรอนจะเกิดเปน ไอออนบวก 4. เมื่อจํานวนโปรตอนเทา กับจํานวนนวิ ตรอนจะทาํ ใหอ ะตอม สื่อ Digital เปน กลาง 5. เมอ่ื จาํ นวนโปรตอนมากกวา จาํ นวนนวิ ตรอนจะทาํ ใหอ ะตอม ศึกษาเพิ่มเติมไดจากภาพยนตรสารคดีสั้น Twig เรื่อง อะตอมคืออะไร? กลายเปน ไอออนบวก https://twig-aksorn. (วิเคราะหคําตอบ เม่ืออะตอมเสียอิเล็กตรอนไปซึ่งเปนการเสีย com/film/what-is-an- atom-8157/ ประจุลบ ทําใหอะตอมกลายเปนไอออนบวก เชน อะตอมของ ลิเทียม (Li) เมื่อเสียอิเล็กตรอนใหธาตุอ่ืนไป 1 อนุภาค จะเปน T12 ลเิ ทียมไอออน (Li+) ดังนนั้ ตอบขอ 3.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตัวอย่างท่ี 1.1 ขนั้ สอน ธาตุลิเทยี มมสี ญั ลกั ษณน วิ เคลยี ร คอื 73Li จงหาจํานวนอนุภาคมลู ฐานของธาตลุ เิ ทยี ม อธบิ ายความรู้ วธิ ที ํา จํานวนโปรตอน = เลขอะตอม = 3 1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลการ จํานวนอิเลก็ ตรอน = จํานวนโปรตอน = 3 สืบคน โดยครถู ามคาํ ถาม ดงั น้ี จาํ นวนนวิ ตรอน = เลขมวล - เลขอะตอม = 7 - 3 = 4 • สัญลักษณนิวเคลียรของธาตุ จะมีตัวเลข กํากบั ไว 2 ตวั ซ่ึงตวั เลขนน้ั หมายถงึ ส่งิ ใด ดังนั้น ธาตุลิเทียมมีจํานวนโปรตอนเทากับ 3 จํานวนอิเล็กตรอนเทากับ 3 และจํานวนนิวตรอน (แนวตอบ ตวั เลขตัวลาง คือ จาํ นวนโปรตอน เทากับ 4 ตอบ ตวั เลขดา นบน คือ จํานวนโปรตอนรวมกบั นวิ ตรอน) ธาตตวั คุ อรยิป่าทงอท1นี่ ม1สี ัญ.2ลกั ษณน วิ เคลยี ร คอื 8346Kr จงหาจํานวนอนุภาคมูลฐานของธาตคุ ริปทอน • โมเลกลุ คอื อะไร แตกตา งจากอะตอม อยางไร วธิ ที าํ จาํ นวนโปรตอน = เลขอะตอม = 36 (แนวตอบ อะตอม คือ อนภุ าคทเ่ี ลก็ ทสี่ ดุ ของ จํานวนอิเล็กตรอน = จํานวนโปรตอน = 36 ธาตุท่ียังแสดงลักษณะและสมบัติของธาตุ จํานวนนิวตรอน = เลขมวล - เลขอะตอม = 84 - 36 = 48 นั้นๆ สวนโมเลกุล คือ อนุภาคท่ีเล็กที่สุด ของสารท่สี ามารถอยูไดอ สิ ระ ประกอบดวย ดงั นน้ั ธาตคุ รปิ ทอนมจี ํานวนโปรตอนเทา กับ 36 จาํ นวนอเิ ล็กตรอนเทา กับ 36 และจํานวนนิวตรอน หนึง่ อะตอมหรือมากกวาหนึ่งอะตอม) เทา กับ 48 ตอบ • ธาตทุ เี่ ปน ไอโซโทปกนั ตองเปน ธาตุชนดิ เดยี วกนั เสมอไปหรอื ไม 2. โมเลกุล (molecule) คือ อนุภาคที่เล็กที่สุดของธาตหุ รือสารประกอบทอ่ี ยไู ดอยางอสิ ระ (แนวตอบ ธาตทุ เี่ ปน ไอโซโทปกนั จะมจี าํ นวน โปรตอนหรอื เลขอะตอมเทา กนั แตม จี าํ นวน และยงั คงแสดงสมบตั ขิ องธาตหุ รอื สารประกอบนนั้ ๆ เกดิ จากอะตอมอยา งนอ ย 2 อะตอมมารวมกนั นิวตรอนแตกตางกัน ดังน้ัน ธาตุท่ีเปน ไอโซโทปกนั ตอ งเปน ธาตชุ นดิ เดยี วกนั เสมอ) และจัดเรียงตัวอยางแนนอน โมเลกุลหน่ึง ๆ อาจจะประกอบดวยอะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน • ธาตุท่ีไดรับอิเล็กตรอนเพิ่มเขามาจะกลาย หรอื ตา งชนดิ กนั กไ็ ด ตวั อยา งเชน แกส ไฮโดรเจน (H2) เปน ธาตบุ รสิ ทุ ธทิ์ ป่ี ระกอบกนั เปน โมเลกลุ โดย เปนไอออนชนิดใด และธาตุท่ีสูญเสีย การรวมตวั ของไฮโดรเจน 2 อะตอมเขา ดวยกนั น้าํ (H2O) เปนโมเลกุลของสารประกอบทเี่ กดิ จาก อเิ ล็กตรอนไปจะกลายเปนไอออนชนิดใด ไฮโดรเจน 2 อะตอมรวมตวั กับออกซิเจน 1 อะตอม (แนวตอบ ไอออนลบและไอออนบวก ตาม ลาํ ดบั ) H HH H O ภาพที่ 1.13 โมเลกลุ ของแกส ไฮโดรเจน ภาพที่ 1.14 โมเลกุลของน้ํา ท่มี า : คลงั ภาพ อจท. ทีม่ า : คลงั ภาพ อจท. â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 9 ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET เกร็ดแนะครู พจิ ารณาคําอธบิ ายตอ ไปน้ี ก. H มจี าํ นวนโปรตอนเทากับ D ครนู าํ โมเดลโมเลกลุ มาใชร ว มกบั การอธบิ ายโมเลกลุ เพอ่ื ใหน กั เรยี นเหน็ ภาพ ข. P มจี ํานวนนวิ ตรอนนอยกวา S โมเลกุลไดชัดเจนมากขึ้น อาจจะใชดินนํ้ามันสีตางๆ กับไมจิ้มฟนแทนโมเดล ค. O2- มีจาํ นวนอเิ ลก็ ตรอนเทากับ F- โมเลกลุ กไ็ ด ง. Al มจี ํานวนอนภุ าคมูลฐานท้งั หมด 27 ตวั ขอใดอธิบายสัญลกั ษณนิวเคลยี รไ ดถกู ตอ ง นักเรียนควรรู 1. ก. และ ข. 2. ก. และ ค. 3. ก. และ ง. 4. ข. และ ง. 5. ค. และ ง. 1 ธาตคุ รปิ ทอน เปน ธาตหุ มู 8 ในตารางธาตุ มเี ลขอะตอม 36 เปน แกส เฉอ่ื ย ไมมีสี สามารถแยกออกจากอากาศไดโดยอดั อากาศใหเปน ของเหลว ใชค วบคู (วเิ คราะหค าํ ตอบ 11131H8561OPแ2ล-แะแลละ21ะD131692ม9SFจี- ํามมนจีีจวําํานนนโววปนนรอตนิเอิลวนตก็ ตเรทอราอนกนเบัทเทา1ากกับบั 16 กับอารก อน (Ar) สําหรับหลอดเรอื งแสง เพอ่ื เพมิ่ ความสวา งและประสิทธภิ าพ 10 ของหลอดไฟ อนภุ าคมลู ฐานประกอบดว ยโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ลก็ ตรอน 1237Al มจี าํ นวน อนภุ าคมลู ฐานทงั้ หมด 13 + 13 + 14 = 40 ตวั ดังนน้ั ตอบขอ 2.) T13
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ธาตบุ างชนดิ ในธรรมชาติ เชน แกส มตี ระกลู หรอื แกส เฉอ่ื ย (inert gas) ไดแ ก ฮเี ลยี ม (He) นีออน (Ne) อารก อน (Ar) คริปทอน (Kr) ซีนอน (Xe) และเรดอน (Rn) โมเลกลุ ของแกส เหลา นี้ อธบิ ายความรู้ มีเพียง 1 อะตอมเทาน้ันที่เปนองคประกอบ จึงจัดเปนโมเลกุลประเภท โมเลกุลอะตอมเด่ียว (monoatomic molecule) 2. ครอู ธบิ ายความรเู กยี่ วกบั โมเลกลุ วา เปน อนภุ าค ธาตบุ างชนดิ จะอยใู นรูปโมเลกุลทีป่ ระกอบดวย 2 อะตอม ซึง่ อยูด ว ยกันโดยแรงดงึ ดูด ทเี่ ลก็ ทส่ี ดุ ของสาร ซง่ึ สามารถอยไู ดอ ยา งอสิ ระ ซไทน่ึงาโองตเะรคตเมจอีนมเรใ(นยีNกโ2ม)วเแา ลลกโะมุลธเคาลตูอกใุาุลนจอหจะมะตเูปอ7Aนมขคไอูด(งแdธกiaา tฟตoุตmลาอู iงcอชรmนนี oิด(lกFe2cัน)uกคle็ไล)ดอไรดเนีมแ ื่อก(Cม lไา2ฮ)รโวโดบมรรกเมจันนีนจึง((BเHกr22ิด))เแปอลนอะสกไาซอรโเิ ปอจนดระนี ก(O(อI22บ)) ในธรรมชาติ และสามารถแสดงสมบัติเฉพาะ 1A 8A เชน ไฮโดรเจนคลอไรด (HCl) คารบอน- ตัวของสารนั้นได โมเลกุลเกิดจากอะตอม H 2A 3A 4A 5A 6A 7A มอนอกไซด (CO) ไฮโดรเจนฟลอู อไรด (HF) ต้งั แต 2 อะตอมขนึ้ ไป มารวมกนั ในทางเคมี NOF เปนตน สําหรับโมเลกุลท่ีมีอะตอมมากกวา เมื่อพิจารณาถึงชนิดของอะตอมท่ีมารวมกัน Cl สามารถจาํ แนกโมเลกลุ ไดเ ปน 2 ประเภท ดงั นี้ Br 2 อะตอมข้ึนไป เรยี กวา โมเลกลุ หลายอะตอม • โมเลกุลของธาตุ ประกอบดวยอะตอมชนดิ I (polyatomic molecule) ซ่ึงอาจเกิดจาก เดยี วกนั มารวมกนั เชน แกส ไนโตรเจน (N2) ทอะปี่ ตรอะกมอขบอดงธว ายตกชุาํ มนะดิ ถเดนั ยี 8วกอนัะตเอชมน มกาาํเชมอ่ืะถมนัตอ (กS8นั ) ประกอบดวยไนโตรเจน 2 อะตอม แกส หรือเปนธาตุตางชนิดกันมารวมกันเปน ออกซิเจน (O2) ประกอบดวยออกซิเจน 2 ภาพท่ี 1.15 ธาตุท่ีปรากฏในรูปของโมเลกุลอะตอมคู สการรดปคราะรกบ ออบนกิเช(น Hน2Cํา้ O(H3)2O) แอมโมเนยี (NH3) อะตอม กาํ มะถนั (S8) ประกอบดว ยซลั เฟอร ทม่ี า : คลงั ภาพ อจท. 8 อะตอม • โมเลกุลของสารประกอบ ประกอบดวย Science Focus ÊÙµÃà¤ÁÕ อะตอมตา งชนดิ กนั มารวมกนั เชน นาํ้ (H2O) ประกอบดวยไฮโดรเจน 2 อะตอม และ สตู รเคมี (chemical formula) คอื กลมุ ของสญั ลกั ษณข องธาตทุ เี่ ขยี นแทนสารประกอบ หรอื โมเลกลุ ออกซิเจน 1 อะตอม แอมโมเนีย (NH3) ของธาตทุ ม่ี อี ะตอมมารวมกนั ตงั้ แต 2 อะตอมขน้ึ ไป แบง ออกเปน 3 ประเภท คอื สตู รโมเลกลุ สตู รอยา งงา ย ประกอบดวยไนโตรเจน 1 อะตอม และ และสูตรโครงสราง ไฮโดรเจน 3 อะตอม กรดคารบอนิก (H2CO3) ประกอบดว ยไฮโดรเจน 2 อะตอม คารบ อน 1 อะตอม และออกซเิ จน 3 อะตอม • สตู รโมเลกุล เปนสูตรทเี่ ขยี นแสดงองคประกอบที่มอี ยใู น 1 โมเลกลุ วา ประกอบดวยอะตอม แ1ขกอโมสงธคเลาาตกรุอลุบ ะอจไนะรปไบดราอะงกอแอกลบไะซดมดว ีจยาํ1ไนฮโวโมดนเรเลทเกจานลุ ใด2ปเรอชะะนกตอแอบกมดสแวไกฮยสคโดคารราเบรจบอนอนมนสี 1ไูตดรออโะอมตกเอลไมซกุลดแเม ปลสี ะน ตูอรHอโก2มซแเลิเสจกดนลุ งเว2ปาน อแะCกตOส อไ2มฮแโสดดรเงจวนา • สูตรอยา งงา ย เปน สตู รท่ีเขียนแสดงองคป ระกอบที่มีอยูใน 1 โมเลกุลวา ประกอบดว ยอะตอม ของธาตใุ ดมารวมกันในอตั ราสวนอยา งต่าํ ของธาตทุ เี่ ปนองคป ระกอบ เชน (CH2O)n เปน สูตรอยางงา ย ของกลโู ค• สส(ูตCร6โHค1ร2งOส6ร)า ง เปนสูตรทเ่ี ขียนแสดงองคป ระกอบทีม่ ีอยใู น 1 โมเลกลุ วา ประกอบดวยอะตอม ของธาตใุ ดบา ง อยา งละกอี่ ะตอม และอะตอมแตล ะอะตอมยดึ เหนยี่ วกนั ดว ยพนั ธะชนดิ ใด เชน แกส CO2 มสี ตู รโครงสรา งเปน O C O 10 ขอสอบเนน การคิด จากจํานวนเลขอะตอม เลขมวล ชนิด และจํานวนอนุภาคของธาตุ A ถงึ C สญั ลกั ษณ โปรตอน อเิ ลก็ ตรอน นิวตรอน อะเลตขอม เลขมวล ขอ ใดคือสัญลกั ษณนวิ เคลียรทถี่ กู ตอ งของธาตุ A B และ C A ................. 11 1. 2131A 1237B และ 1375C2+ 2. 2131A 1237B และ 3157C2+ B ................. ................. ................. 23 C2+ 17 ................. 3. 2122A 2164B และ 1382C2+ 4. 2122A 1246B และ 1382C2+ 13 14 ................. 18 ................. 5. 1213A 1237B และ 1355C2+ ................. ................. (วิเคราะหคําตอบ เลขอะตอมเปนตัวเลขที่แสดงจํานวนโปรตอน สวนเลขมวลเปนตัวเลขท่ีแสดงผลรวมของจํานวนโปรตอนและ นิวตรอน ดงั น้ัน ธาตุ A สัญลกั ษณน ิวเคลยี รเปน 1213A เพราะมีเลขมวลเทากับ 23 และเลขอะตอมเทา กับ 11 ธาตุ B สัญลักษณนิวเคลียรเปน 1237B เพราะมีอิเล็กตรอนเทากับ 13 ซึ่งจะเทากับจํานวนโปรตอน เลขอะตอมจึงเทากับ 13 และเลขมวลเทา กบั 13 + 14 = 27 ธาตุ C สัญลกั ษณนิวเคลยี รเ ปน 1375C2+ เพราะมโี ปรตอนเทา กบั 17 จงึ มเี ลขอะตอมเทา กบั 17 ดว ย สว นเลขมวลจะเทา กบั 17 + 18 = 35 ดังน้ัน ตอบขอ 1.) T14
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน อธบิ ายความรู้ 3. ไอออนและไอโซโทปของธาตุ 3. ครตู ง้ั คาํ ถามเพอ่ื ขยายความเขา ใจของนกั เรยี น เก่ยี วกบั สญั ลกั ษณนวิ เคลียร โมเลกลุ ไอออน อธาิเลตก็ทุ ตมี่ รจี อาํ น1น)มวนาไกออกเิอลวอก็านตจาํร(นอioนวnนน)โอ ปคยอืรกตวธอา านจตาํวุทนามี่วไนจี อาํโอปนอรวนตนอลอนบิเ2ลว(็กา aตnไอiรoออnนอ)กนตบับัวจวอกาํ1ยนา(วcงaนเtชiโoปนnร)ตแอลนะไเมรยี เ ทกธากาตันทุ โมี่ ดจี ยาํ เนรียวนก และไอโซโทปธาตุ ดังนี้ • จงหาจํานวนโปรตอน นวิ ตรอน และ อิเล็กตรอนของไอออนตอไปนี้ โซเดียมไอออน ซัลเฟอรไอออน (21แ42Mนวgต2อ+บ แมก13ซ61Pีเซ2-ยี มไออ2566อFนe3+ มสี ญั ลกั ษณนิวเคลียร คอื มสี ัญลกั ษณน ิวเคลียร คอื Na23+ จํานวนโปรตอน = 11 Sไอออนบวก 32 2- จาํ นวนโปรตอน = 16 ไอออนลบ มีจาํ นวนโปรตอน = 12 จาํ นวนนวิ ตรอน = 12 16 จาํ นวนนวิ ตรอน = 16 11 จํานวนอเิ ลก็ ตรอน = 10 จาํ นวนอิเล็กตรอน = 18 จาํ นวนอเิ ลก็ ตรอน = 10 อะตอมของแตละธาตุจะเปล่ียนเปน ไอออนบวกหรือลบไดนัน้ เกดิ จากปจ จัย ดังนี้ จาํ นวนนวิ ตรอน = 12 • อะตอมของโลหะจะเสียอิเล็กตรอนแลวเปล่ียนเปนไอออนบวก โดยจะมีประจุเทากับ ฟอสฟอรัสไอออน มีจํานวนโปรตอน = 16 จาํ นวนอเิ ลก็ ตรอนทเ่ี สยี ไป เชน Mg2+ มปี ระจบุ วก 2 แสดงวา อะตอมของ Mg สญู เสยี อเิ ลก็ ตรอน จาํ นวนอเิ ลก็ ตรอน=18 จาํ นวนนวิ ตรอน=15 ไป 2 ตัว เหลก็ ไอออน มจี ํานวนโปรตอน = 26 • อะตอมของอโลหะจะรับอิเล็กตรอนแลวเปล่ียนเปนไอออนลบ โดยจะมีประจุเทากับ จาํ นวนอเิ ล็กตรอน = 23 จาํ นวนอิเลก็ ตรอนทรี่ ับมา เชน Cl- มีประจลุ บ 1 แสดงวา อะตอมของ Cl รบั อเิ ล็กตรอนมา 1 ตัว จํานวนนวิ ตรอน = 30) • ธาตุใดตอ ไปนี้ เปนไอโซโทปกัน 28026Pb 3105P 188O 21812Pb 199F ตวั อย่างที่ 1.3 (แนวตอบ 28026Pb และ 28121Pb เปน ไอโซโทปกนั ) ไอออนบวกของธาตอุ ะลมู ิเนียมมีสญั ลกั ษณน ิวเคลยี ร คอื 2173Al3+ จงหาอนุภาคมลู ฐานของไอออนบวก 4. ครูใหนักเรียนรวมกันตอบคําถามทาทายการ ของธาตุอะลมู ิเนยี ม คิดขั้นสูง H.O.T.S. “ถา นักเรียนนาํ ธาตุ Z ไป วิธีทาํ จาํ นวนโปรตอน = เลขอะตอม = 13 ผานกระบวนการหนึ่ง แลวมีผลทําใหอะตอม จาํ นวนอเิ ลก็ ตรอน = 13 - 3 = 10 จํานวนนิวตรอน = 27 - 13 = 14 ของธาตุ Z เกิดการเปลี่ยนแปลง นกั เรยี นจะ ใชสิ่งใดเปนเกณฑในการพิจารณาวาธาตุ Z ดงั นน้ั ไอออนบวกของธาตุอะลูมิเนียมมีจํานวนโปรตอนเทากับ 13 จํานวนอิเล็กตรอนเทากับ 10 เปล่ยี นไปเปนธาตใุ หมหรือไม” และจํานวนนิวตรอนเทากับ 14 ตอบ 5. ครเู ปด โอกาสใหน กั เรยี นสอบถามเนอ้ื หาเกยี่ วกบั สัญลักษณนิวเคลียร โมเลกุล ไอออน และ ไอโซโทปธาตุวา มีสวนไหนท่ีไมเขาใจและครู คาํ ถามทา ทายการคดิ ขนั้ สงู ใหค วามรเู พ่ิมเติมในสว นนั้น ถานกั เรยี นนําธาตุ Z ไปผา นกระบวนการหน่งึ แลวมีผลทําใหอะตอมของธาตุ Z เกิดการ แนวตอบ H.O.T.S. เปล่ียนแปลง นกั เรียนจะใชส่ิงใดเปนเกณฑใ นการพิจารณาวาธาตุ Z เปล่ียนไปเปนธาตใุ หม หรอื ไม เมอื่ จาํ นวนโปรตอนของธาตเุ ปลยี่ นไปจะทาํ ให ธาตุเปลี่ยนชนิดไป เน่ืองจากจํานวนโปรตอนเปน â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 11 จาํ นวนทเ่ี ฉพาะเจาะจงของแตล ะธาตุ ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET นักเรียนควรรู ไอออนบวกของไฮโดรเจน (H+) ขาดอนุภาคมูลฐานขอใด 1 ไอออนบวก เกิดจากอะตอมเสียอิเล็กตรอนใหกับสารอื่น ทําใหมีจํานวน 1. โปรตอน โปรตอนมากกวาจํานวนอิเล็กตรอน จึงเปลี่ยนไปเปนไอออนบวกที่มีประจุบวก 2. อเิ ล็กตรอน เทา กบั จาํ นวนอิเลก็ ตรอนทเี่ ปล่ยี นไป 3. โปรตอนและนวิ ตรอน 2 ไอออนลบ เกดิ จากอะตอมรบั อเิ ลก็ ตรอนเขา มา ทาํ ใหม จี าํ นวนอเิ ลก็ ตรอน 4. นวิ ตรอนและอเิ ล็กตรอน มากกวาจํานวนโปรตอน จึงเปล่ียนไปเปนไอออนลบท่ีมีประจุลบเทากับจํานวน 5. โปรตอนและอิเล็กตรอน อเิ ลก็ ตรอนท่ีรบั เขา มา (วเิ คราะหค าํ ตอบ H+ มจี าํ นวนโปรตอนเทา กบั 1 มจี าํ นวนนวิ ตรอน เทากับ 0 และมีจํานวนอิเล็กตรอนเทากับ 0 ดังนั้น H+ จึงขาด นิวตรอนและอิเลก็ ตรอน ดงั นน้ั ตอบขอ 4.) T15
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 2) ไอโซโทป (isotope) คือ อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันท่ีมีจํานวนโปรตอนเทากัน แตม ีจํานวนนิวตรอนแตกตางกัน เชน อธบิ ายความรู้ ธาตไุ ฮโดรเจนมี 3 ไอโซโทป คอื โปรเทียม ดวิ เทอเรยี ม และทรเิ ทียม 6. ครใู หน กั เรยี นกลบั เขา สกู ลมุ เดมิ แลว ใหร ว มกนั ศึกษาการหาอนุภาคมูลฐานจากตัวอยาง = p+ ในหนังสือเรียน เพื่อชวยใหนักเรียนเขาใจ =n เน้ือหามากย่ิงขึ้น ซึ่งครูใหนักเรียนทําตาม = e- ขนั้ ตอนการแกโจทยปญ หา ดังน้ี • ขน้ั ที่ 1 ทาํ ความเขาใจโจทยต วั อยาง (protâi»uÃmà·, ÕÂHÁ, 11H) (deu´teÔÇrài·uÍmà,ÃÂÕDÁ, 21H) (triti·uÃmÔà·, ÂÕTÁ, 31H) • ขน้ั ที่ 2 สง่ิ ทโ่ี จทยต อ งการถามหา และจะหา สงิ่ ทโี่ จทยตองการ ตอ งทําอยา งไร ภาพที่ 1.16 ไอโซโทปของธาตุไฮโดรเจน • ขน้ั ท่ี 3 ดาํ เนินการ ท่ีมา : คลังภาพ อจท. • ข้ันท่ี 4 ตรวจสอบคาํ ตอบของโจทยต วั อยา ง ธาตคุ ารบ อนมี 3 ไอโซโทป คือ คารบ อน-12 คารบ อน-13 และคารบ อน-14 7. ครูสุมนักเรียนใหออกมานําเสนอวิธีการ แกปญหาโจทยตัวอยางตามข้ันตอนในแตละ = p+ ข้ัน โดยท่ีครูคอยแนะนําและเสริมขอมูลที่ =n ถกู ตอ งใหน กั เรยี น = e- ¤Òú͹-12 (162C) ¤Òú͹-13 (163C) ¤Òú ͹-14 (164C) ภาพท่ี 1.17 ไอโซโทปของธาตุคารบอน ทีม่ า : คลังภาพ อจท. Science Focus äÍâ«â·¹áÅÐäÍ⫺Òà ไอโซโทน (isotone) คือ ธาตุตางชนิดกนั ท่มี จี าํ นวนโปรตอนตางกัน แตม ีจาํ นวนนิวตรอนเทา กนั เชน แตมจี ําน1ว46Cนนแิวลตะร1อ57นNเทเปา กน ันไอคโซือโท8นกนั เนื่องจากอะตอมของธาตทุ ั้ง 2 ชนดิ มจี าํ นวนโปรตอนไมเ ทากนั ไอโซบาร (isobar) คือ ธาตุตางชนิดกันที่มีเลขมวลเทากัน แตมีจํานวนโปรตอนและนิวตรอน ตา งกนั เชน นวิ ตรอน41ไ08มAเ rทาแกลันะ แ4109ตKม ีเลเปขนมไวอลโเซทบาากรันกัน เนือ่ งจากอะตอมของธาตทุ ้งั 2 ชนิด มีจํานวนโปรตอนและ 12 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET ธาตุ X และ Y เปนไอโซโทปกนั โดยธาตุ X มีจํานวนโปรตอน ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ไอโซอเิ ลก็ ทรอนกิ วา หมายถงึ ธาตหุ รอื ไอออนของ เทา กับ 15 เลขมวลเทากบั 30 ธาตุ Y มจี าํ นวนนิวตรอนมากกวา ธาตทุ ม่ี จี าํ นวนอเิ ลก็ ตรอนเทา กนั เชน S2- กบั Ar เปน ไอโซอเิ ลก็ ทรอนกิ กนั เพราะ ธาตุ X อยู 4 ตวั ขอ ใดคอื สัญลักษณน ิวเคลียรของธาตุ Y มอี เิ ลก็ ตรอน 18 ตวั เทา กนั สว นการตงั้ คาํ ถามเพอ่ื ขยายความเขา ใจของนกั เรยี น เกย่ี วกับเรื่อง สญั ลกั ษณนวิ เคลียรข องธาตุ ไอโซโทป ไอโซโทน ไอโซบาร และ 1. 1256Y 2. 1350Y ไอออนนัน้ ครูอาจต้ังคําถามที่มีความหลากหลายมากขึน้ แลวใหน ักเรียนตอบ ทีละคน เพอื่ เปน การตรวจสอบความรคู วามเขาใจของนักเรยี น 3. 1351Y 4. 1354Y T16 5. 1455Y (วิเคราะหคําตอบ ธาตุ Y เปนไอโซโทปกับธาตุ X จึงมีจํานวน โปรตอนเทากับธาตุ X คอื 15 และมีนิวตรอน = 15 + 4 = 19 ธาตุ Y จงึ มเี ลขมวลเปน 15 + 19 = 34 ดังนนั้ สญั ลกั ษณนวิ เคลียรข อง ธาตุ Y คือ 1354Y ดงั น้ัน ตอบขอ 4.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ธาตุแตละชนิดอาจจะมีไอโซโทปไดหลายไอโซโทป บางไอโซโทปมีอยูในธรรมชาติ ขน้ั สอน แตบางไอโซโทปไดจากการสังเคราะหขึ้นมาเพื่อใชประโยชนในดานตาง ๆ โดยไอโซโทปของธาตุ ที่นํามาใชประโยชนสวนใหญเปนไอโซโทปกัมมันตรังสี เชน ใช 14C บอกอายุของวัตถุโบราณ ขยายความเขา้ ใจ และใชศกึ ษากลไกของการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ใช 24Na เพ่อื ตรวจการไหลเวยี นของเลอื ด ใช 60Co สาํ หรบั เปนแหลง กาํ เนดิ รงั สีแกมมาเพ่ือใชใ นการรักษามะเรง็ และใชใ นการถนอมอาหาร ใช 131I 1. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนสอบถามเน้ือหาเร่ือง สําหรับตรวจอาการผดิ ปกตขิ องตอ มไทรอยด องคป ระกอบของอะตอมวา มีสวนไหนทย่ี ังไม เขาใจและใหความรเู พ่ิมเตมิ ในสวนนัน้ โดยที่ ตวั อย่างที่ 1.4 ครอู าจจะใช PowerPoint ชวยในการอธบิ าย เพิม่ เติม ไอโซโทปหนงึ่ ของออกซเิ จน คอื ออกซเิ จน -18 ไอโซโทปนใี้ นรปู ออกไซดไ อออน จะมจี าํ นวนอเิ ลก็ ตรอน และนิวตรอนเทา ใด 2. ครูใหนกั เรยี นทําใบงาน เรื่อง อนภุ าคมูลฐาน 3. ครูใหนักเรียนรวมกันตอบคําถามจาก Topic วิธที าํ เม่อื เปน ไอออนจะเปนไอออนที่มปี ระจุ คือ -2 มีสัญลักษณนวิ เคลียส คอื 188O2- จาํ นวนอเิ ล็กตรอน = 8 + 2 = 10 Question จากหนงั สือเรยี น 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนสรุปผังมโนทัศน (Concept Mapping) เรอ่ื ง โครงสรา งอะตอม และใหนกั เรียนทาํ แบบฝก หัด Unit Question สงเปน การบานชวั่ โมงถัดไป จาํ นวนนวิ ตรอน = 18 - 8 = 10 ดังน้ัน ไอโซโทปของออกซเิ จน -18 ในรปู ออกไซดไอออน มจี าํ นวนอิเลก็ ตรอนเทากับ 10 และจาํ นวน นิวตรอนเทา กบั 10 ตอบ ตัวอยา่ งท่ี 1.5 ถา ไอโซโทปหน่งึ ของธาตชุ นิดหน่ึงมีประจใุ นนวิ เคลยี สเปน 2 เทา และมีเลขมวลเปน 3 เทา ของ 136C ไอโซโทปนี้จะมอี นุภาคมูลฐานอยา งละก่ีอนุภาค วธิ ีทาํ จาํ นวนโปรตอน = เลขอะตอม = 2 × 6 = 12 มเี ลขมวลเปน 3 เทา = 3 × 13 = 39 จาํ นวนอเิ ล็กตรอน = จาํ นวนโปรตอน = 12 จํานวนนวิ ตรอน = 39 - 12 = 27 ดังนน้ั ไอโซโทปของธาตชุ นดิ นม้ี ีจํานวนโปรตอนเทา กับ 12 จาํ นวนอเิ ล็กตรอนเทา กับ 12 และจํานวน นิวตรอนเทา กับ 27 ตอบ â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 13 ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET เกร็ดแนะครู ธาตุในขอ ใดที่เปน ไอโซโทปกบั ธาตุทมี่ สี ัญลกั ษณเ ปน 115A 1. 152B 2. 162B ครูอธบิ ายเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกบั ธาตกุ มั มนั ตรงั สี ดังน้ี 3. 151B 4. 161B ธาตุกัมมันตรังสี (radioactive element) คือ ธาตุท่ีแผรังสีได เนื่องจาก 5. 171B (วเิ คราะหค ําตอบ ไอโซโทป คือ อะตอมของธาตุชนิดเดยี วกันท่ีมี นิวเคลียสของอะตอมไมเสถียร และกัมมันตภาพรังสี คือ ปรากฏการณที่ธาตุ จํานวนโปรตอนเทากัน แตมีจํานวนนวิ ตรอนแตกตางกนั แผร งั สไี ดเองอยางตอเนื่อง รงั สีทไี่ ดจ ากการสลายตวั มี 3 ชนดิ ดังน้ี 151A มจี ํานวนโปรตอนเทากับ 5 มจี าํ นวนนิวตรอนเทา กับ 6 152B มจี าํ นวนโปรตอนเทากบั 5 มจี าํ นวนนิวตรอนเทา กับ 7 • อนุภาคแอลฟา คอื อนภุ าคของฮีเลียม มปี ระจุ +2 มีเลขมวล 4 มีอาํ นาจ 162B มจี าํ นวนโปรตอนเทา กบั 6 มีจาํ นวนนิวตรอนเทา กับ 6 ทะลุทะลวงตํ่า ไมส ามารถทะลุผา นกระดาษได 151B มจี ํานวนโปรตอนเทากับ 5 มจี ํานวนนิวตรอนเทากบั 6 161B มจี ํานวนโปรตอนเทากับ 6 มีจํานวนนวิ ตรอนเทา กบั 5 • อนุภาคบตี า คอื มีประจุ -1 มีเลขมวล 0 มอี ํานาจทะลทุ ะลวงมากกวา 151A จึงเปน ไอโซโทปกับ 152B ดังนนั้ ตอบขอ 1.) แอลฟา 100 เทา • รังสีแกมมา คือ คลื่นแมเ หล็กไฟฟาความถสี่ ูง ไมมีประจแุ ละมวล มพี ลงั งานสูง T17
นาํ สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สรปุ ตัวอย่างท่ี 1.6 ตรวจสอบผล ธาตุ T เปนธาตุทมี่ ี 2 ไอโซโทป พบวา ไอโซโทปชนิดแรกมีจาํ นวนนวิ ตรอน 142 อนุภาค และมจี ํานวน อเิ ล็กตรอน 90 อนุภาค สว นไอโซโทปชนิดทสี่ องมจี ํานวนนิวตรอนเปน 1.5 เทาของจํานวนโปรตอน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุป จงเขียนสญั ลกั ษณน วิ เคลยี รข องไอโซโทปท้งั สองของธาตุ T เกี่ยวกับองคประกอบของอะตอม ใหไดขอสรุป ดังน้ี วธิ ีทาํ ไอโซโทปชนดิ แรกของธาตุ T เลขอะตอม = จาํ นวนโปรตอน = จํานวนอเิ ลก็ ตรอน = 90 • การศึกษาแบบจําลองอะตอมของนัก- เลขมวล = จาํ นวนโปรตอน + จาํ นวนนวิ ตรอน = 90 + 142 = 232 วิทยาศาสตรเพ่ือนํามาใชอธิบายลักษณะ สญั ลกั ษณน วิ เคลียร คือ 23920T ของอะตอม พบวา อนุภาคมูลฐานของ ไอโซโทปชนิดทส่ี องของธาตุ T อะตอมประกอบดวยโปรตอนและนิวตรอน จาํ นวนโปรตอน = จํานวนอเิ ล็กตรอน = 90 ท่ีรวมกันในนิวเคลียส และอิเล็กตรอน จํานวนนิวตรอนเปน 1.5 เทา ของจาํ นวนโปรตอน = 1.5 × 90 = 135 ท่เี คล่อื นทร่ี อบนวิ เคลียสของอะตอม เลขมวล = จํานวนโปรตอน + จํานวนนิวตรอน = 90 + 135 = 225 สัญลกั ษณน ิวเคลยี ร คือ 22950T • จํานวนโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน ดังนน้ั สัญลกั ษณน วิ เคลยี รข องไอโซโทปทัง้ สองของธาตุ T คอื 23920T และ 22950T ตอบ ของอะตอมในธาตุสามารถเขียนแทนดวย สัญลักษณนิวเคลียร คือ AZX โดย X แทน ? QToupiecstion สญั ลักษณข องธาตุ A แทนเลขมวล และ Z แทนเลขอะตอม ซงึ่ เลขมวล คอื จาํ นวนรวม คาํ ชแี้ จง : ใหน ักเรียนตอบคําถามตอ ไปนี้ ของโปรตอนและนิวตรอนในอะตอม และ เลขอะตอม คอื จํานวนโปรตอนในอะตอม 1. ใหนกั เรยี นสรุปลักษณะของแบบจาํ ลองอะตอมแบบตา ง ๆ มาพอสังเขป 2. ใหระบจุ ํานวนอนภุ าคมลู ฐานของธาตตุ อไปน้ี 2131Na 199F และ 168O ขนั้ ประเมนิ 3. ใหร ะบวุ า สารทก่ี าํ หนดใหต อ ไปนี้ Fe H2O Au Na CuSO4 และ HCl เปน ธาตหุ รอื สารประกอบ 4. ใหระบุวาสารท่ีกําหนดใหตอไปนี้ O2- Cu Ca2+ B2 CH4 และ Mg อยูในรูปอะตอม ตรวจสอบผล โมเลกลุ หรอื ไอออน 1. ครตู รวจสอบผลการทาํ แบบทดสอบกอนเรยี น 5. ธาตุทเ่ี ปนไอโซโทปกันจะมีลกั ษณะเปนอยา งไร 2. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตการตอบคาํ ถาม 6. ธาตทุ ม่ี ีเลขอะตอมเทากนั แตมีเลขมวลตางกนั จัดเปน ธาตเุ ดยี วกันหรอื ไม เพราะเหตใุ ด การรวมกันทําผลงาน และจากการนําเสนอ ผลงาน 7. ธาตุ P มเี ลขอะตอม 15 มีจํานวนนวิ ตรอน 16 จะมเี ลขมวล จํานวนโปรตอน และจาํ นวน 3. ครูวัดและประเมินจากการทําใบงาน เรื่อง อเิ ลก็ ตรอนเทาใด ตามลาํ ดบั แบบจาํ ลองอะตอม 4. ครูวัดและประเมินจากการทําใบงาน เรื่อง 14 อนภุ าคมลู ฐาน 5. ครูวดั และประเมนิ ผลจากการทาํ Unit Question ในหนังสอื เรียน 6. ครูวัดและประเมินผลจากผังมโนทัศนท่ี นักเรียนไดสรางข้ึนจากขั้นขยายความรูของ นกั เรยี นเปน รายบคุ คล แนวทางการวัดและประเมินผล แนวตอบ Topic Question ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเก่ียวกับโครงสรางอะตอม ไดจาก 1. ผงั มโนทศั นท น่ี กั เรยี นไดส รา งขนึ้ ในขนั้ ขยายความรู โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และ การประเมินผลจากแบบประเมินช้ินงาน ภาระงาน (รวบยอด) ที่แนบมาทาย 2. ธาตุ จาํ นวนโปรตอน จาํ นวนอเิ ลก็ ตรอน จาํ นวนนวิ ตรอน แผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 โครงสรา งอะตอมและตารางธาตุ แบบประเมินชนิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผนฯ เกณฑป ระเมนิ ผงั มโนทศั น 2131Na 11 11 12 แบบประเมินผลงานผงั มโนทัศน ประเดน็ ทปี ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 199F 9 9 10 32 คําชีแ จง : ใหผ สู อนประเมนิ ผลงาน/ชนิ งานของนักเรยี นตามรายการทีกาํ หนด แลว ขีด ลงในชอ งทีตรงกับระดบั 1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคลองกับ ผลงานสอดคลองกับ ผลงานสอดคลองกับ ผล งาน ไม ส อด ค ล อง คะแนน จดุ ประสงคทีกาํ หนด จดุ ประสงคท กุ ประเดน็ จุดประสงคเ ปน สวนใหญ จุดประสงคบางประเด็น กับจดุ ประสงค ลําดับที รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2. ผลงานมีความ เนือหาสาระของผลงาน เนือหาสาระของผลงาน เนือหาสาระของผลงาน เนือหาสาระของผลงาน 4 3 21 ถูกตองสมบูรณ ถกู ตองครบถว น ถกู ตองเปน สวนใหญ ถูกตอ งเปนบางประเดน็ ไมถกู ตองเปนสวนใหญ 186O 8 8 8 1 ความสอดคลอ งกับจดุ ประสงค 3. ผลงานมีความคิด ผล งาน แสด งออกถึง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมีความนาสนใจ ผลงานไมแสดงแนวคิด สรา งสรรค 2 ความถกู ตองของเนือหา ค วาม คิ ด ส รางส รรค ใหมแตยังไมเปนระบบ แตยังไมมีแนวคิดแปลก ใหม 3 ความคิดสรา งสรรค แ ป ล ก ให ม แ ล ะ เป น ใหม 4 ความตรงตอเวลา ระบบ รวม 4. ผลงานมคี วามเปน ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป น ผลงานสวนใหญมีความ ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป น ผลงานสวนใหญไมเปน 3. Fe Au และ Na เปนธาตุ สวโมนเลHก2Oุล Cไดuแ SกO 4B2แลCะHH4 Cl เปนสารประกอบ 4. อะตอม ไดแ ก Cu Mg ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง เป น ระเบี ย บ แ ต ยั งมี ระเบยี บแตม ีขอ บกพรอ ง ร ะ เ บี ย บ แ ล ะ มี ข อ ความประณตี ขอ บกพรองเล็กนอย บางสว น บกพรองมาก ลงชือ ................................................... ผปู ระเมิน ............../................./................ เกณฑการตดั สนิ คุณภาพ ไอออน ไดแก O2- Ca2+ ชวงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14–16 ดีมาก 11–13 ดี 8–10 พอใช 5. จะตอ งเปน ธาตชุ นดิ เดยี วกนั มจี าํ นวนโปรตอนเทา กนั แตจ าํ นวนนวิ ตรอน ตํากวา 8 ปรับปรุง แตกตางกนั 6. ธาตุเดียวกัน เนอื่ งจากธาตชุ นิดเดียวกนั จะมจี าํ นวนโปรตอนหรือ T18 1 เลขอะตอมเทา กัน 2 7. 31, 15, 15
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ 2. µÒÃÒ§¸ÒµØ Prior Knowledge ขน้ั นาํ ตารางธาตุ (periodic table) คอื ตารางทรี่ วบรวมธาตตุ า ง ๆ ¸Òµ¨Ø Òí ṡÍ͡໹š กระตนุ้ ความสนใจ ไวเปนหมวดหมูตามคุณสมบัติที่เหมือนกัน เพ่ือสะดวกในการ »ÃÐàÀ·ã´ä´ºŒ ÒŒ §? 1. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับแบบ จดจํา และงายตอ การศึกษา จําลองอะตอม และองคประกอบของอะตอม เพ่ือเปนการทบทวนความรูของนักเรียนจาก ตงั้ แตป พ.ศ. 2346-2456 มกี ารคน พบธาตใุ นธรรมชาตปิ ระมาณ 63 ธาตุ ซงึ่ นกั วทิ ยาศาสตร คาบเรียนท่ีผานมา และนาํ ไปสูหัวขอ ตอ ไป ไดพยายามจัดธาตุเหลาน้ีใหเปนหมวดหมู โดยในชวงแรกนักวิทยาศาสตรจะแบงธาตุออกเปน หมวดหมโู ดยอาศยั สมบตั ิของธาตุ ซ่ึงไดจากการสังเกตพบความคลายคลึงกันของสมบตั ิของธาตุ 2. ครูนาํ เขา สูบ ทเรียนเกี่ยวกับตารางธาตุ โดยครู เปน กลุม ๆ ทาํ ใหนาํ มาจัดเปน ตารางธาตไุ ด เชน แบงกลุม โดยอาศัยสมบตั คิ วามเปน โลหะ-อโลหะ ถามคาํ ถามเพ่ือกระตนุ ความคดิ ดังน้ี ความเปนกรด-เบส ตอมาเมื่อหามวลอะตอมของธาตุได จึงใชมวลอะตอมมาประกอบในการจัด • ตารางธาตคุ อื อะไร มคี วามสาํ คญั อยา งไร ตารางธาตุ จนในปจจุบันจัดตารางธาตุโดยอาศัยการจัดเรียงอิเล็กตรอน ซึ่งวิวัฒนาการของการ (แนวตอบ ตารางธาตุ คือ ตารางที่นัก สรางตารางธาตุ เปน ดังน้ี วิทยาศาสตรไดรวบรวมธาตุตางๆ ไวเรียง ตามเลขอะตอมเปนหมวดหมูเพื่อประโยชน เปนนักวิทยาศาสตรคนแรกที่เสนอเกี่ยวกับการ นาํ เสนอ ¡®¾ÃÔ ÔÍÍ´¡Ô ซง่ึ มใี จความสาํ คญั วา ในการศกึ ษาลกั ษณะและสมบัติของธาตุ) จดั เรยี งธาตุ โดยนาํ เสนอ ¡®ª´Ø ÊÒÁ ซง่ึ มใี จความ “เม่ือนําธาตุมาจัดเรียงลําดับตามนํ้าหนักที่ • นักวิทยาศาสตรมีวิธีการอยางไร เพื่อให สาํ คญั วา “เมอื่ เรยี งธาตตุ ามมวลอะตอมจากนอ ยไป เพ่ิมขึ้น จะไดกลุมของธาตุที่มีสมบัติทางเคมี สามารถจดจําธาตตุ างๆ ทม่ี ีจาํ นวนมากได หามาก มวลอะตอมของธาตทุ อ่ี ยตู รงกลางจะเปน และสมบตั ทิ างกายภาพเปน ชดุ ๆ” (แนวตอบ รวบรวมธาตุใหเปนระบบ จัดเปน คา เฉลยี่ ของมวลอะตอมของธาตตุ วั บนและตวั ลา ง” ตารางธาต)ุ âÂÎѹ¹ à´ÍàºÍäÃà¹Íà ¨Í˹ ¹ÔÇᏴ ´ÔÁÔ·àÁÃà´Õ ÍàÅÔÇàÒÍ⿹ÇÔª »¨˜ ¨ºØ ѹ 3. ครถู ามคาํ ถาม Prior Knowledge “ธาตจุ าํ แนก àιÃÕ âÁÊÅÕ ออกเปน ประเภทใดไดบ า ง” เพอื่ เปน การกระตนุ ใหนักเรียนรว มกนั คิด 4. นักเรียนรวมชวยกันตอบคําถาม ครูอาจจะ เลือกคําตอบที่ไมชัดเจน มาอภิปรายรวมกัน เพ่ือเชื่อมโยงไปสูการเรียนเรอ่ื ง ตารางธาตุ นาํ เสนอ ¡®Í͡൵ ซงึ่ มใี จความสาํ คญั วา เสนอให ¨´Ñ àÃÂÕ §¸ÒµµØ ÒÁàÅ¢ÍеÍÁ เนอื่ งจาก แนวตอบ Prior Knowledge “ถานําธาตุ 8 ธาตุ แลวจัดเรียงตามมวลจาก สมบตั ติ า ง ๆ ของธาตมุ คี วามสมั พนั ธก บั โปรตอนใน นอ ยไปหามาก ธาตตุ วั ท่ี 8 จะมสี มบตั คิ ลา ยคลงึ นวิ เคลยี ส หรอื เลขอะตอมมากกวา มวลอะตอม และ โลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะ กับธาตุตัวท่ี 1 เสมอ” (ไมรวมธาตุไฮโดรเจน ยงั ไดท าํ นายวา ตอ งเผอ่ื ชอ งวา งในตารางธาตเุ พอ่ื รอ และฮเี ลยี ม) การคนพบธาตุใหมในอนาคต ซึ่งตารางธาตุของ โมสลยี เ ปน ตารางธาตทุ ใี่ ชก นั อยจู นถงึ ปจ จบุ นั ภาพท่ี 1.18 วิวฒั นาการของตารางธาตุ ที่มา : คลังภาพ อจท. â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 15 ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET เกร็ดแนะครู ขอใดกลาวถกู ตอ งเกย่ี วกบั ธาตใุ นตารางธาตุ ครูนํารูปภาพของตารางธาตุที่ถูกคิดคนโดยนักวิทยาศาสตรแตละทานมา 1. ธาตุในคาบที่ 6 มี 18 ธาตุ ประกอบการอธบิ าย เชน ตารางธาตขุ องเมเดเลเอฟ หรอื ตารางธาตุของโมสลยี 2. ธาตใุ นหมู 8A มีชอื่ วา ธาตุแฮโลเจน 3. ธาตุหมู B เรียกวา ธาตเุ รพรีเซนเททฟี H1 1.01 18 8A 4. ธาตุในคาบที่ 4 คอื ธาตุ Rb จนถงึ Xe 5. ธาตใุ นหมู 2A มีชอ่ื วา ธาตุแอลคาไลนเ อิรท Hydrogen (วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอ 1. ไมถ กู ตอ ง ธาตใุ นคาบที่ 6 มี 32 ธาตุ ขอ 2. ไมถ กู ตอง ธาตุในหมู 8A มีชอ่ื วา แกสเฉอื่ ยหรือแกส 1 1A 2 2A 3 3B 4 4B 5 5B 6 6B 7 7B 8 8B 9 8B 10 8B 11 1B 12 2B 13 3A 14 4A 15 5A 16 6A 17 7A He2 4.003 1 มตี ระกลู ขอ 3. ไมถูกตอ ง ธาตุในคาบที่ 4 คือ ธาตุ K จนถงึ Kr Helium ขอ 4. ไมถูกตอง ธาตหุ มู B เรยี กวา ธาตุแทรนซิชนั ขอ 5. ถกู ตอ ง ธาตใุ นหมู 2A มชี ่ือวา ธาตุแอลคาไลนเ อิรท Li Be3 6.94 4 9.01 B C N O F Ne5 10.81 6 12.01 7 14.01 8 15.999 9 18.998 10 20.18 ดงั นนั้ ตอบขอ 5.) Lithium Beryllium 2Boron Carbon Nitrogen Oxygen Fluorine Neon Na Mg11 22.99 12 24.31 Al Si P S Cl Ar13 26.98 14 28.09 15 30.97 16 32.06 17 35.45 18 39.95 3 Aluminium Silicon Phosphorus Sulfur Chlorine Argon Sodium Magnesium K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga Ge As Se Br Kr19 39.10 20 40.08 21 44.96 22 47.90 23 50.94 24 51.996 25 54.94 26 55.85 27 58.93 28 58.70 29 63.55 30 65.37 31 69.72 32 72.59 33 74.92 34 78.96 35 79.90 36 83.80 Potassium Calcium Scandium Titanium Vanadium Chromium Manganese Iron Cobalt Nickel Copper Zinc 4Gallium Germanium Arsenic Selenium Bromine Krypton Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn Sb Te I Xe37 85.47 38 87.62 39 88.91 40 91.22 41 92.91 42 95.94 43 (98) 44 101.07 45 102.91 46 106.40 47 107.87 48 112.41 49 114.82 50 118.69 51 121.75 52 127.60 53 126.90 54 131.30 Rubidium Strontium Yttrium Zirconium Niobium Molybdenum Technetium Ruthenium Rhodium Palladium Silver Cadmium Indium Tin 5Antimony Tellurium Iodine Xenon Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb Bi Po At Rn55 132.91 56 137.33 57 138.91 72 178.49 73 180.95 74 183.85 75 189.21 76 190.20 77 192.22 78 195.09 79 196.97 80 200.59 81 204.37 82 207.19 83 208.98 84 (209) 85 (210) 86 (222) Cesium Barium Lanthanum Hafnium Tantalum Tungsten Rhenium Osmium Iridium Platinum Gold Mercury Thallium Lead Bismuth Polonium Astatine Radon 6 Fr Ra Ac Rf Db Sg Bh Hs Mt Ds Rg Cn Nh Fl Mc Lv Ts Uuo87 (223) 88 226.03 89 227.03 104 (267) 105 (268) 106 (271) 107 (272) 108 (270) 109 (276) 110 (281) 111 (280) 112 (289) 113 (284) 114 (289) 115 (288) 115 (293) 117 294 118 (294) 7Francium Radium Actinium Rutherfordium Dubnium Seaborgium Bohrium Hassium Meitnerium Darmstadtium Roentgenium Copernicium Nihonium Flerovium Moscovium Livermorium Tennessine Oganesson Ce Pr Nd Pm Sm Eu Gd Tb Dy Ho Er Tm Yb Lu58 140.12 59 140.91 60 144.24 61 (145) 62 150.40 63 151.96 64 157.25 65 158.93 66 162.50 67 164.93 68 167.26 69 168.93 70 173.04 71 174.97 Cerium Praseodymium Neodymium Promethium Samarium Europium Gadolinium Terbium Dysprosium Holmium Erbium Thulium Ytterbium Lutetium Th Pa U Np Pu Am Cm Bk Cf Es Fm Md No Lr90 232.04 91 231.04 92 238.03 93 237.05 94 (244) 95 (243) 96 (247) 97 (247) 98 (251) 99 (252) 100 (257) 101 (260) 102 (259) 103 (262) Thorium Protactinium Uranium Neptunium Plutonium Americium Curium Berkelium Californium Einsteinium Fermium Mendelevium Nobelium Lawrencium T19
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน µÒÃÒ§¸ÒµØã¹»˜¨¨Øº¹Ñ สาํ รวจคน้ หา âÅËÐáÍŤÒäÅ H1 1.01 1. ครูเกร่ินนําเกี่ยวกับการจัดตารางธาตุลงใน 1A Alkali metal Hydrogen ตารางธาตุ โดยการเลาประวัติของโยฮันน 2A AâÅlkËaÐliáneÍÅe¤arÒthäŹàÍÃÔ · เดอเบอไรเนอร จอหน นวิ แลนด ดมิ ทิ รี อวิ าโนวชิ เมนเดเลเอฟ และเฮนรี โมสลีย ใหนักเรียน หมู ฟงพอสังเขป จากน้ันถามคําถามเพื่อกระตุน ความคดิ ของนกั เรียน ดังนี้ 1 1A 2 2A • ตารางธาตุของเมนเดเลเอฟ และโมสลีย Li Be3 6.94 4 9.01 แตกตา งกันอยางไร Lithium Beryllium ¸ÒµáØ ·Ã¹«ªÔ ѹ (แนวตอบ ตารางธาตุของเมนเดเลเอฟจะใช Transition มวลอะตอมเปนเกณฑในการจัดเรียงลําดับ Na Mg11 22.99 12 24.31 ของธาตุ แตตารางธาตุของโมสลียใชเลข อะตอมเปนเกณฑในการจัดเรียงลําดับของ Sodium Magnesium 3 3B 4 4B 5 5B 6 6B 7 7B 8 8B 9 8B ธาตุ) • นักเรียนคิดวาธาตุที่จัดอยูในหมูเดียวกัน K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co19 39.10 20 40.08 21 44.96 22 47.90 23 50.94 24 51.996 25 54.94 26 55.85 27 58.93 มสี ่ิงใดทเ่ี หมอื นกัน Potassium Calcium Scandium Titanium Vanadium Chromium Manganese Iron Cobalt (แนวตอบ สมบัตทิ างเคมี) Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh37 85.47 38 87.62 39 88.91 40 91.22 41 92.91 42 95.94 43 (98) 44 101.07 45 102.91 Rubidium Strontium Yttrium Zirconium Niobium Molybdenum Technetium Ruthenium Rhodium Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir55 132.91 56 137.33 57 138.91 72 178.49 73 180.95 74 183.85 75 189.21 76 190.20 77 192.22 Cesium Barium Lanthanum Hafnium Tantalum Tungsten Rhenium Osmium Iridium Fr Ra Ac Rf Db Sg Bh Hs Mt87 (223) 88 226.03 89 227.03 104 (267) 105 (268) 106 (271) 107 (272) 108 (270) 109 (276) Francium Radium Actinium Rutherfordium Dubnium Seaborgium Bohrium Hassium Meitnerium ธาตIุแnทneรนr Tซrิชaนั nชsiน้ัtioในn ธาตแุ ลนทาไนด Ce Pr Nd Pm Sm58 140.12 59 140.91 60 144.24 61 (145) 62 150.40 Cerium Praseodymium Neodymium Promethium Samarium Th Pa U Np Pu90 232.04 91 231.04 92 238.03 93 237.05 94 (244) Thorium Protactinium Uranium Neptunium Plutonium ธาตุแอกทิไนด ธาตุท่ีอยใู นแนวนอน เรยี กวา คาบ (periods) ซึง่ มีทัง้ หมด 7 คาบ 16 วิวฒั นาการของตารางธาตุ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครสู ามารถใหน ักเรียนใชส มารตโฟนสแกน QR Code เร่ือง ววิ ัฒนาการ นกั วิทยาศาสตรจ ัดเรียงธาตใุ นตารางธาตตุ ามลักษณะอยางไร ของตารางธาตใุ นหนงั สือเรียน เพ่อื ศึกษาเก่ียวกบั วิวฒั นาการของตารางธาตุ 1. ความสะดวก 2. ความสวยงาม สื่อ Digital 3. ตามลาํ ดับการคน พบ 4. ตามสมบตั ทิ ค่ี ลา ยคลงึ กนั ศกึ ษาเพม่ิ เตมิ ไดจาก QR Code เรื่อง ตารางธาตุ 5. ตามปรมิ าณท่ีพบมากในธรรมชาติ (วิเคราะหค ําตอบ ตารางธาตุ คอื ตารางท่ีรวบรวมธาตุตา งๆ ไว ตารางธาตุ เปนหมวดหมูตามสมบัติที่เหมือนกัน เพื่อใหสะดวกในการจดจํา www.aksorn.com/interactive3D/RKB13 และงา ยตอ การศกึ ษา ดงั นนั้ ตารางธาตจุ งึ จดั เรยี งธาตตุ ามสมบตั ิ ทค่ี ลายคลงึ กัน ตอบขอ 4.) T20
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 8AáI¡neÊ ràt©gÍè× aÂs ขน้ั สอน 7A¸ÒµØáHÎaâlÅoàg¨e¹n 6A¸ÒµM¡Ø e§èÖ taâÅlloËidÐ สาํ รวจคน้ หา 13 3A 14 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม แตละกลุมชวยกัน ¸ÒµáØ ªÅâ¤à¨¹ 18 8A คาบ พจิ ารณาตารางธาตจุ ากหนงั สอื เรยี น แลว ถาม Chalcogen คําถามเพอ่ื ใหนกั เรียนไปสบื คนขอ มูล ดงั น้ี 6A 17 7A He2 4.003 1 • สแี ตละสใี นตารางธาตุ มีสมบตั แิ ตกตางกนั 4A 15 5A 16 หรอื ไม อยา งไร Helium • การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ มกี ารจดั เรยี ง อยางไร B C N O F Ne5 10.81 6 12.01 7 14.01 8 15.999 9 18.998 10 20.18 (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทํางานกลุม) 2Boron Carbon Nitrogen Oxygen Fluorine Neon 13 26.98 14 28.09 15 30.97 16 32.06 17 35.45 18 39.95 3. นักเรียนแตละกลุมสืบคนขอมูลจากแหลงการ Al Si P S Cl Ar10 8B 11 1B 12 2B Aluminium Silicon เรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน อินเทอรเน็ต Phosphorus Sulfur Chlorine Argon 3 หนังสอื อางอิงตา งๆ ในหองสมุด 28 58.70 29 63.55 30 65.37 31 69.72 32 72.59 33 74.92 34 78.96 35 79.90 36 83.80 4. นักเรียนแตละกลุมรวมกันวิเคราะหผลจาก Ni Cu Zn Ga Ge As Se Br KrNickel Copper Zinc การสบื คน ขอ มลู 4Gallium Germanium Arsenic Selenium Bromine Krypton 46 106.40 47 107.87 48 112.41 49 114.82 50 118.69 51 121.75 52 127.60 53 126.90 54 131.30 5. ครูสมุ นักเรยี นจากกลมุ ตา งๆ เพ่ือนาํ เสนอผล Pd Ag Cd In Sn Sb Te I XePalladium Silver Cadmium Indium Tin จากการสืบคนขอมูลเกี่ยวกับการจัดเรียงธาตุ 5Antimony Tellurium Iodine Xenon ในตารางธาตุในปจจบุ ัน 78 195.09 79 196.97 80 200.59 81 204.37 82 207.19 83 208.98 84 (209) 85 (210) 86 (222) Pt Au Hg Tl Pb Bi Po At RnPlatinum Gold Mercury Thallium Lead 6Bismuth Polonium Astatine Radon 110 (281) 111 (280) 112 (289) 113 (284) 114 (289) 115 (288) 116 (293) 117 (294) 118 (294) Ds Rg Cn Nh Fl Mc Lv Ts Og 7Darmstadtium Roentgenium Copernicium Nihonium Flerovium Moscovium Livermorium Tennessine Oganesson 63 151.96 64 157.25 65 158.93 66 162.50 67 164.93 68 167.26 69 168.93 70 173.04 71 174.97 Eu Gd Tb Dy Ho Er Tm Yb LuEuropium Gadolinium Terbium Dysprosium Holmium Erbium Thulium Ytterbium Lutetium 95 (243) 96 (247) 97 (247) 98 (251) 99 (252) 100 (257) 101 (260) 102 (259) 103 (262) Am Cm Bk Cf Es Fm Md No LrAmericium Curium Berkelium Californium Einsteinium Fermium Mendelevium Nobelium Lawrencium ธาตุที่อยูใ นแนวตั้ง ภาพท่ี 1.19 ตารางธาตใุ นปจจุบนั ทีม่ า : คลงั ภาพ อจท. เรียกวา หมู (group) มีทั้งหมด 18 หมู แบงออกเปน 2 กลมุ ใหญ ๆ คือ ธาตกุ ลุม A เรียกวา ธาตเุ รพรเี ซนเททีฟ (representative element) ประกอบดว ยหมู 1A-8A ธาตุกลุม B เรยี กวา ธาตแุ ทรนซชิ ัน (transition element) ประกอบดวยหมู 1B-8B â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 17 ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET ส่ือ Digital ขอ ความใดถกู ตอ งเกี่ยวกับกลุมธาตแุ ฮโลเจน (halogen) ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ไดจ ากภาพยนตรส ารคดสี นั้ Twig เรอื่ ง บทนาํ เรอื่ งตารางธาตุ 1. อยูใ นสถานะแกสทม่ี ีสี https://twig-aksorn.com/film/introduction-to-the-periodic-table-8199/ 2. มเี วเลนซอ เิ ล็กตรอนเทากับ 7 3. เกิดเปน สารประกอบโคเวเลนตกบั โลหะ 4. เปน แกส เฉอื่ ยที่อยใู นรปู โมเลกลุ มคี วามวอ งไวในการทาํ ปฏกิ ริ ยิ าต่าํ 5. ทาํ ปฏิกิริยากบั ไฮโดรเจนอยา งรวดเรว็ โดยการใช อิเลก็ ตรอนรว มกัน 1 คู (วิเคราะหคําตอบ ธาตุแฮโลเจนเปนธาตุหมู 7A และมีเวเลนซ อิเล็กตรอนเทา กับ 7 ดังน้นั ตอบขอ 2.) T21
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน จากตารางธาตุ สามารถสรุปเกีย่ วกบั การจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตไุ ด ดงั นี้ 1. จัดเรยี งธาตตุ ามแนวนอน โดยเรียงลาํ ดบั เลขอะตอมทเี่ พมิ่ ขน้ึ จากซายไปขวา สาํ รวจคน้ หา 2. ธาตุตามแนวนอน เรยี กวา คาบ ซง่ึ มีทัง้ หมด 7 คาบ ไดแ ก คาบที่ 1 มี 2 ธาตุ คือ H และ He คาบที่ 5 มี 18 ธาตุ คอื Rb จนถึง Xe 6. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อใหไดขอ คาบที่ 2 มี 8 ธาตุ คอื Li จนถงึ Ne คาบท่ี 6 มี 32 ธาตุ คอื Cs จนถงึ Rn สรปุ วา การจดั เรยี งธาตใุ นปจ จบุ นั จดั เรยี งตาม คาบท่ี 3 มี 8 ธาตุ คือ Na จนถึง Ar คาบที่ 7 มี 32 ธาตุ คอื Fr จนถงึ Og เลขอะตอม ซึง่ แบงธาตุออกเปน หมไู ด 8 หมู คาบท่ี 4 มี 18 ธาตุ คอื K จนถงึ Kr และคาบได 7 คาบ โดยสรปุ ไดวา 3. ธาตุตามแนวตงั้ เรียกวา หมู ซง่ึ มที ั้งหมด 18 แถว แบง ออกเปนธาตกุ ลมุ A หรอื ธาตุ • ธาตุในหมูเดียวกันจะมีเวเลนซอิเล็กตรอน เรพรีเซนเททีฟ และธาตุกลมุ B หรือธาตุแทรนซิชนั โดย เทากัน จัดเรียงไวในแนวด่ิงจะมีสมบัติทั้ง • ธาตกุ ลุม A มี 8 หมู คอื หมู 1A ถึง 8A โดยธาตใุ นแตละหมูจะมสี มบัติคลายกัน ทางเคมแี ละกายภาพคลา ยคลึงกนั และมชี อื่ เรยี กเฉพาะหมู เชน • ธาตุในคาบเดียวกันจะมีจํานวนระดับ หมู 1A ชอ่ื วา โลหะแอลคาไล หมู 2A ชื่อวา โลหะแอลคาไลนเ อริ ท พลงั งานเทา กัน ซง่ึ จะจดั เรยี งธาตุตามแนว หมู 6A ชอ่ื วา ธาตุแชลโคเจน หมู 7A ชอื่ วา ธาตแุ ฮโลเจน นอนและจะมีแนวโนมของการเปล่ียนแปลง สมบัตติ า งๆ ตอเนอ่ื งกนั ดว ย หมู 8A ชอื่ วา แกส มตี ระกลู หรอื แกส เฉ่อื ย • ธาตกุ ลุม B มี 8 หมู คือ หมู 1B ถงึ 8B โดยเริม่ จากหมู 3B ถงึ หมู 2B เรยี กวา ธาตแุ ทรนซิชัน Science Focus ÍÍ¡«Ôਹ ออกซิเจนเปนธาตุที่อยูในหมู 6A หรือธาตุแชลโคเจน ภาพที่ 1.20 ออกซิเจนจาํ เปน มสี ญั ลกั ษณเ ปน O ในอากาศมอี อกซเิ จนเปน องคป ระกอบอยปู ระมาณ ตอการหายใจของสงิ่ มชี ีวิต รอยละ 21 โดยปริมาตร ซ่ึงออกซิเจนเปนสวนสําคัญในการสันดาป ที่มา : คลงั ภาพ อจท. พืชและสัต1วจําเปนตองใชในการหายใจ (กระบวนการเมแทบอลิซึม ของเซลล) และออกซิเจนไดมาจากกระบวนการสังเคราะหดวยแสง ของพืช มนุษยจําเปนตองอาศัยออกซิเจนในการดํารงชีวิต โดยการ หายใจเอาออกซเิ จนเขา ไป เพอ่ื ใชใ นกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร ตา ง ๆ ใหเ ปน พลงั งาน ซงึ่ เฮโมโกลบนิ ในเมด็ เลอื ดแดงจะเปน ตวั สาํ คญั ในการชวยพาออกซิเจนไปยังเซลลตาง ๆ ท่ัวรางกาย ทําใหเซลล ของอวยั วะตาง ๆ มชี ีวิตอยไู ด หากเซลลของอวยั วะตาง ๆ ในรางกาย ไดร บั ปริมาณออกซเิ จนลดลงหรือขาดออกซเิ จน จะทําใหอ วยั วะนน้ั ๆ ตายได ดงั นน้ั ออกซิเจนจึงมคี วามสําคญั ตอ การดาํ รงชวี ติ ของมนุษย เปนอยางมาก 18 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET 1 กระบวนการเมแทบอลซิ ึมของเซลล เปนการหายใจของเซลล โดยท่เี ซลล ขอใดจบั คูธาตกุ ับชอื่ หมูธาตไุ มถกู ตอง จะนาํ สารอาหารโมเลกลุ เดย่ี วทถี่ กู ยอ ยจากกระบวนการยอ ยอาหารมาสรา งเปน 1. นีออน-แกสเฉือ่ ย พลังงาน โดยทีจ่ ะผา นกระบวนการไกลโคลิซสิ วฏั จักรเครบส และการถายทอด 2. โบรมีน-ธาตุแฮโลเจน อิเล็กตรอน ซึ่งออกซเิ จนจะเปนตวั รบั อิเล็กตรอนตวั สุดทา ย เพือ่ ใหไดพ ลงั งาน 3. ออกซเิ จน-แกส มตี ระกูล ออกมา 4. โซเดยี ม-โลหะแอลคาไล 5. แมกนีเซียม-โลหะแอลคาไลนเอิรท (วิเคราะหคําตอบ ออกซเิ จนเปน ธาตใุ นหมู 6A หรอื ธาตุแชลโค- เจน ดังนน้ั ตอบขอ 3.) T22
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 4. ธาตุ 2 แถวลาง ซึง่ แยกออกมานัน้ เรียกวา ธาตุแทรนซิชันชั้นใน (inner transition ขนั้ สอน elements) โดย อธบิ ายความรู้ • ธาตแุ ถวบน คือ ธาตทุ ม่ี ีเลขอะตอมตัง้ แต 58 ถึง 71 เรยี กวา กลมุ ธาตแุ ลนทาไนด (lanthanide series) ธาตุกลุมนี้ควรจะอยูในหมู 3B โดยจะเรียงตอจากธาตุ La ธาตุในกลุมน้ี 1. ครอู ธิบายสรุปเกย่ี วกบั เนอ้ื หา หรือเปดโอกาส จะมีเลขอะตอมมาก และเปนธาตหุ ายาก ใหน ักเรยี นไดสอบถามในสว นทีม่ ขี อ สงสัย • ธาตุแถวลา ง คือ ธาตทุ ี่มีเลขอะตอมตัง้ แต 90 ถึง 103 เรียกวา กลุม ธาตุแอกทิไนด 2. ครนู าํ นกั เรยี นอภปิ รายสรปุ เกยี่ วกบั พฒั นาการ (actinide series) ธาตุกลุมนี้ควรอยูในหมู 3B โดยเรียงตอจากธาตุ Ac ธาตุในกลุมน้ีจะมี ของตารางธาตุและตารางธาตใุ นปจจบุ ัน โดย เลขอะตอมมาก เปนธาตุหายาก และเปนธาตุกมั มันตรงั สที ี่มีครึ่งชีวิตส้ัน ครใู ชคําถาม ดงั นี้ • ธาตุตางๆ ใชเกณฑอะไรในการจัดลงใน 5. ธาตไุ ฮโดรเจนมสี มบตั บิ างอยา งคลา ยธาตหุ มู 1A เชน มเี วเลนซอ ิเลก็ ตรอนเทากบั 1 ตารางธาตุ และมสี มบตั บิ างอยางคลายธาตุหมู 7A เชน มสี ถานะเปนแกส ไมน ําไฟฟา จึงแยกไวตา งหาก (แนวตอบ การจดั เรยี งอเิ ล็กตรอนตาม ไมถกู จัดใหอยูในหมูใด กฎออกเตต) • นักเรียนคิดวาตารางธาตุสามารถเปล่ียน 6. ธาตุที่เปนโลหะและอโลหะถูกแยกออกจากกันดวยเสนขั้นบันได โดยทางซายของ แปลงไดอีกหรือไม เสนข้ันบันไดเปนโลหะ สวนทางขวาของเสนข้ันบันไดเปนอโลหะ สวนธาตุท่ีอยูชิดเสนขั้นบันได (แนวตอบ สามารถเปล่ียนแปลงไดถามีธาตุ จะมีสมบัติก้ําก่ึงระหวางโลหะกับอโลหะ เรียกวา ธาตุก่ึงโลหะ (metalloid) ไดแก โบรอน (B) ชนิดใหมเพ่ิมขึ้นมาหรือมีธาตุที่ไมสามารถ ซิลิคอน (Si) เจอรเมเนียม (Ge) อารเซนิกหรือสารหนู (As) แอนติโมนีหรือพลวง (Sb) จัดเขาในระบบตารางธาตุปจจุบันได หรือ เทลลเู รยี ม (Te) พอโลเนยี ม (Po) และแอสทาทีน (At) มีผูคิดคนตารางธาตุแบบใหมที่มีความ ครอบคลุมมากกวาเดิม ก็อาจจะทําให ธาตุไฮโดรเจน H 8A ขนั้ สอตานรางธาตเุ ปลีย่ นแปลงได) 1A 2A 3A 4A 5A 6A 7A ขยายความเขา้ ใจ B 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั พดู คยุ เกยี่ วกบั ธาตทุ ค่ี น Si พบใหมใ นปจจบุ ันทงั้ 4 ธาตุ ตามรายละเอียด Ge As จากหนังสือเรียน Sb Te 2. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนสอบถามเน้ือหาเร่ือง Po At ตารางธาตุวา มีสวนไหนท่ียังไมเขาใจและให ความรเู พม่ิ เติมในสวนนั้น ธาตุก่งึ โลหะ ภาพท่ี 1.21 ธาตุกึง่ โลหะ 3. ครูใหนักเรียนทําใบงาน เร่ือง ตารางธาตุ ทม่ี า : คลังภาพ อจท. แลวมอบหมายใหนักเรียนตอบคําถามจาก Topic Question ลงในสมดุ แลว สง เปน การบา น â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 19 ในช่ัวโมงถดั ไป 4. ครูมอบหมายใหนักเรียนสรุปผังมโนทัศน (Concept Mapping) เรอ่ื ง ตารางธาตุ และ ใหนักเรียนทาํ Unit Question สง เปนการบาน ชั่วโมงถดั ไป ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET เกร็ดแนะครู กําหนดขอมลู เก่ยี วกบั ปรอท ดงั น้ี ก. เปน โลหะท่นี ําไฟฟา ไดด ี ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั สมบตั ขิ องธาตโุ ลหะ อโลหะ และกงึ่ โลหะ ดงั นี้ ข. มีสถานะเปนของเหลวท่อี ุณหภูมหิ อ ง • สมบตั ขิ องธาตุโลหะ : ผวิ เปนมันวาว มีความเหนียว ทบุ ไมแตก ค. มีจดุ หลอมเหลวสงู มาก ขอมูลในขอ ใดไมเกย่ี วขอ งกับปรอท แตอาจจะแบนลงหรือยืดเปนเสน ได จดุ เดือดและจดุ หลอมเหลวสูง 1. ขอ ก. เทา น้นั 2. ขอ ก. และ ข. นาํ ไฟฟา และนาํ ความรอ นไดด ี มสี ถานะเปน ของแขง็ ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ ง 3. ขอ ก. และ ค. 4. ขอ ข. และ ค. • สมบตั ิของธาตุอโลหะ : ผวิ ไมเ ปนมันวาว ไมมีความเหนียว เปราะ 5. ขอ ค. เทานนั้ จุดเดือดและจดุ หลอมเหลวตํ่า ไมน าํ ไฟฟา มีทงั้ 3 สถานะ • สมบตั ขิ องธาตุกงึ่ โลหะ : สว นใหญผ ิวไมเปนมันวาว ไมม ีความเหนียว เปราะ จดุ เดือดและจุดหลอมเหลวสูง (วิเคราะหคําตอบ ปรอทจัดเปนโลหะท่ีมีสถานะของเหลวท่ี อุณหภูมหิ อง นําไฟฟาไดดี และจุดหลอมเหลวไมส ูง ดังนน้ั ตอบ ขอ 5.) T23
นาํ สอน สรุป ประเมิน ขนั้ สรปุ ตารางธาตใุ นปจ จบุ นั มธี าตบุ รรจอุ ยคู รบแลว ทงั้ 7 คาบ โดยสหภาพเคมบี รสิ ทุ ธแิ์ ละเคมปี ระยกุ ต ระหวางประเทศ หรอื International Union of Pure and Applied Chemistry (IUPAC) ไดต กลง ตรวจสอบผล บรรจุธาตทุ คี่ นพบใหมอ ีก 4 ธาตุ เขาไปในตารางธาตุ ดังน้ี ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ เกยี่ วกบั ตารางธาตุ 1. ธาตุท่ีมีเลขอะตอม 113 ไดรับชื่อวา นิฮงเนียม (nihonium) มีสัญลักษณเปน Nh โดยใหไดข อ สรุป ดังนี้ โดยธาตชุ นดิ นถ้ี กู คน พบในประเทศญป่ี นุ ซง่ึ เปน ธาตชุ นดิ แรกทคี่ น พบในประเทศทางเอเชยี อกี ดว ย • ตารางธาตุ คือ ตารางที่รวบรวมธาตุตางๆ 2. ธาตุท่ีมเี ลขอะตอม 115 ไดร บั ช่ือวา มอสโคเวียม (moscovium) มสี ญั ลักษณเปน Mc ไวเปนหมวดหมูตามคุณสมบัติท่ีเหมือนกัน โดยต้ังชื่อตามชื่อของเมืองมอสโก ในประเทศรัสเซีย ซึ่งเปนแหลงวิจัย คนควา และสังเคราะห เพอื่ สะดวกในการจดจาํ และงา ยตอ การศกึ ษา ธาตชุ นิดนี้ • ตารางธาตุที่ใชในปจจุบัน เปนตารางธาตุ 3. ธาตุท่ีมีเลขอะตอม 117 ไดรับช่ือวา เทนเนสซีน (tennessine) มีสัญลักษณเปน Ts ของเฮนรี โมสลีย โดยเสนอใหจดั เรียงธาตุ โดยตงั้ ชอ่ื ตามชอื่ ของรฐั เทนเนสซี ในประเทศสหรฐั อเมรกิ า ซง่ึ เปน บรเิ วณทต่ี งั้ ของศนู ยว จิ ยั ตา ง ๆ ตามเลขอะตอม ทค่ี นพบธาตชุ นิดนี้ • ตารางธาตใุ นปจ จบุ นั ประกอบดว ยธาตตุ าม 4. ธาตทุ มี่ เี ลขอะตอม 118 ไดรบั ชื่อวา โอกาเนสสนั (oganesson) มสี ญั ลักษณเ ปน Og แนวต้ัง เรยี กวา หมู ซ่ึงมีทงั้ หมด 18 แถว โดยตง้ั ชือ่ ตามนายยรู ิ โอกาเนสเซียน (Yuri Oganessian) นกั วิทยาศาสตรชาวรัสเซยี ผบู ุกเบิก แบง เปน ธาตกุ ลมุ A หรอื ธาตเุ รพรเี ซนเททฟี การสังเคราะหธ าตุหนกั ตาง ๆ และธาตุกลุม B หรือธาตุแทรนซิชัน ธาตุ ตามแนวนอน เรยี กวา คาบ มที ง้ั หมด 7 คาบ ? QToupiecstion ขนั้ ประเมนิ คําชี้แจง : ใหนกั เรยี นตอบคาํ ถามตอ ไปน้ี ตรวจสอบผล 1. นักวทิ ยาศาสตรใชเ กณฑอะไรในการจัดธาตตุ า ง ๆ ลงในตารางธาตุ 1. ครตู รวจการนาํ เสนอขอ มลู เกย่ี วกบั การจดั เรยี ง 2. ตารางธาตุที่ใชกันอยูใ นปจ จบุ ันมีการจดั เรยี งธาตุอยางไร ธาตุในตารางธาตุ ทไี่ ดจากการสบื คน 3. ตารางธาตุในปจ จบุ นั แบงออกเปน กห่ี มู และกค่ี าบ 2. ครูประเมินผลโดยการสังเกตพฤติกรรมการ ตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางานกลุม และ 4. กําหนดธาตุให 5 ชนิด ดังนี้ ธาตุ B อยใู นหมู 4A คาบที่ 3 พฤตกิ รรมการทาํ งานรายบุคคล ธาตุ A อยใู นหมู 7A คาบที่ 2 ธาตุ D อยูในหมู 1A คาบที่ 5 ธาตุ C อยูในหมู 8B คาบที่ 4 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน เรอ่ื ง ธาตุ E อยใู นหมู 6A คาบที่ 4 ตารางธาตุ ธาตทุ ้งั 5 ชนดิ น้คี ือธาตใุ ด และมสี มบัติเปนโลหะ อโลหะ หรือก่ึงโลหะ 4. ครูตรวจสอบผลการตอบคําถามจาก Topic Question ในหนงั สือเรียน 5. ถานกั เรียนเปน นกั วิทยาศาสตรท ่ีสังเคราะหธาตทุ ีม่ เี ลขอะตอม 115 ข้นึ มา นักเรยี น จะจัดเรยี งธาตุนี้ไวใ นหมใู ด เพราะเหตใุ ด 5. ครวู ดั และประเมนิ ผลจากการทาํ Unit Question ในหนังสอื เรยี น 20 แนวทางการวัดและประเมินผล แนวตอบ Topic Question ครสู ามารถวดั และประเมนิ ความเขา ใจเกยี่ วกบั การจดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ 1. เรียงธาตุตามลําดับเลขอะตอมหรอื จาํ นวนโปรตอน ไดจากการนําเสนอผลจากการสืบคนขอมูลท่ีนักเรียนไดนําเสนอในขั้นสํารวจ 2. จัดเรยี งธาตตุ ามลาํ ดบั เลขอะตอม คน หา โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และการประเมนิ การนาํ เสนอผลงานทแี่ นบมาทา ย 3. 18 หมู และ 7 คาบ แผนการจดั การเรยี นรู หนวยการเรียนรูท ี่ 1 โครงสรา งอะตอมและตารางธาตุ 4. ธาตุ A คือ ฟลูออรีน เปน โลหะ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน ธาตุ B คือ ซิลคิ อน เปนกง่ึ โลหะ ธาตุ C คอื เหลก็ เปน โลหะ คาชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี ธาตุ D คือ รูบเิ ดยี ม เปน โลหะ ธาตุ E คอื ซลี ีเนยี ม เปน อโลหะ ตรงกับระดบั คะแนน 5. เมื่อพิจารณาการจัดเรียงอิเล็กตรอนของธาตุ โดยใชเลขอะตอมหรือ จํานวนโปรตรอน จะไดหมทู ่ี 5 ลาดับท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 32 1 ความถูกต้องของเนอื้ หา 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 4 การนาไปใช้ประโยชน์ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ............/................./................... เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง T24 5
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 3. ÊÁºµÑ Ԣͧ¸ÒµØ Prior Knowledge ขนั้ นาํ áÅСÒÃãªÑ»ÃÐ⪹ âÅËÐ ÍâÅËÐ áÅС§èÖ âÅËÐ ÁÊÕ ÁºµÑ àÔ ´¹‹ ÍÂÒ‹ §äà กระตนุ้ ความสนใจ ธาตแุ ตล ะชนดิ ในตารางธาตจุ ะมที งั้ สมบตั ทิ เี่ หมอื นกนั และ 1. ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเก่ียวกับตาราง สมบัติท่แี ตกตา งกัน จงึ ทําใหน ําธาตุแตล ะชนดิ ไปใชป ระโยชนไ ด ธาตุ และการจัดเรียงลําดับของธาตุ เพ่ือ แตกตางกนั ซ่ึงสามารถระบุชนดิ และสมบตั ิของธาตุ และการนาํ เปนการทบทวนความรูของนักเรียนจากคาบ ธาตุแตล ะชนดิ ไปใชประโยชนได ดังนี้ เรยี นทีผ่ า นมา แลวนําไปสหู วั ขอตอไป 3.1 ª¹Ô´áÅÐÊÁºÑµ¢Ô ͧ¸ÒµØ 2. ครูถามคําถาม Prior Knowledge “โลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ มีสมบัติเดนอยางไร” นกั วทิ ยาศาสตรใ ชส มบตั ขิ องธาตใุ นการจดั หมวดหมขู องธาตอุ อกไดเ ปน 3 กลมุ ใหญ ๆ ดงั นี้ เพือ่ เปน การกระตุนใหน ักเรียนรวมกันคิด สมบัติ โลหะ อโลหะ กงึ่ โลหะ 3. นักเรียนรวมกันตอบคําถามและแสดงความ คดิ เหน็ เกยี่ วกบั คาํ ตอบของคาํ ถาม เพอื่ เชอ่ื มโยง สถานะ เปนของแข็งทอ่ี ณุ หภูมิหอ ง พบไดท้งั 3 สถานะ ของแข็ง ไปสูการเรยี นรูเ ร่อื ง สมบัตขิ องธาตุและการใช (ยกเวนปรอทมีสถานะเปน ประโยชน ของเหลว) แนวตอบ Prior Knowledge ความมนั วาว ผิวเปน มนั วาว สวนมากผิวไมเ ปนมนั วาว บางชนิดผวิ เปนมนั วาว (ยกเวน แกรไฟตและเกลด็ บางชนดิ ผวิ ไมเปนมนั วาว 1. โลหะ เปน กลมุ ธาตทุ มี่ สี มบตั เิ ปน ตวั นาํ ไฟฟา ได ไอโอดนี ) นําความรอนท่ีดี เหนียว มีจุดเดือดสูง ปกติ เปนของแข็งที่อุณหภูมิหอง (ยกเวน ปรอท) การนําไฟฟา นําไฟฟาและความรอ นไดด ี ไมนาํ ไฟฟาและความรอ น สวนใหญม ีสมบัติเปน สาร เชน แคลเซียม อะลูมเิ นยี ม เหลก็ และความรอ น (ยกเวน แกรไฟตน ําไฟฟา ก่งึ ตัวนาํ (semiconductors) ไดด)ี ซึง่ จะสามารถนาํ ไฟฟาไดด ี 2. อโลหะ เปนกลุมธาตุที่มีสมบัติไมนําไฟฟา มี ข้ึน เม่อื อุณหภมู สิ ูงข้นึ จดุ หลอมเหลวและจดุ เดอื ดตา่ํ เปราะบาง และ มีการแปรผันทางดานคุณสมบัติทางกายภาพ ความเหนียว สวนมากเหนยี ว ดงึ ยดื ออก อโลหะทเี่ ปน ของแขง็ จะเปราะ เปราะ มากกวาโลหะ เชน ออกซิเจน กํามะถัน เปนเสน ลวด หรอื ตเี ปน ดงึ ยืดออกเปนเสน ลวด ฟอสฟอรัส แผนบางได หรอื ตีเปน แผน บาง ๆ ไมไ ด 3. กงึ่ โลหะ เปนกลมุ ธาตทุ มี่ ีสมบัติกาํ้ กึ่งระหวาง ความหนาแนน สว นมากมีความหนาแนนสงู มคี วามหนาแนนตํ่า บางชนิดมคี วามหนาแนน สูง โลหะและอโลหะ เชน ซิลิคอน เจอรเมเนียม บางชนดิ มีความหนาแนน มสี มบตั ิบางประการคลายโลหะ เชน นาํ ไฟฟา คอนขา งตาํ่ ไดบ า งทอี่ ณุ หภมู ิปกติ และนาํ ไฟฟาไดม ากขึน้ เมอื่ อุณหภมู ิเพ่มิ ข้นึ เปน ของแข็ง เปนมันวาว จดุ เดอื ดและ สว นมากสูง (ยกเวน ปรอท สว นมากต่ํา โดยเฉพาะ บางชนดิ มีจุดเดือดและ สีเงิน จุดเดือดสูง แตเปราะแตกงายคลาย จดุ หลอมเหลว จดุ หลอมเหลวต่ํา) อโลหะทเี่ ปนแกส จุดหลอมเหลวตา่ํ บางชนิด อโลหะ มจี ุดเดอื ดสงู การเกดิ เสียง มเี สยี งดังกังวาน ไมม ีเสยี งดังกงั วาน ไมมีเสียงดังกังวาน เมอื่ เคาะ â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 21 ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู ธาตุในขอใดประกอบดวยธาตโุ ลหะเทานั้น ครนู าํ ตวั อยางของโลหะ อโลหะ และก่งึ โลหะชนิดตางๆ มาเปน ตัวอยา ง 1. โบรอน อารก อน สงั กะสี ใหน กั เรยี นศกึ ษาสมบตั ขิ องธาตุ เพอื่ ใหเ กดิ ความเขา ใจมากขนึ้ เชน ปรอท ทมี่ ี 2. ออกซิเจน โบรมีน กํามะถัน สถานะของเหลว ซง่ึ เปน ขอ ยกเวน ของธาตทุ เ่ี ปน โลหะหรอื แกรไฟตท น่ี าํ ไฟฟา ได 3. โพแทสเซียม ซลิ ิคอน คลอรนี ซึ่งเปนขอยกเวนของอโลหะ (โดยอาจจะทําเปนการทดลองเล็กๆ ใหนักเรียน 4. โซเดียม แคลเซียม ไนโตรเจน ศกึ ษา) 5. อะลมู ิเนียม แมกนเี ซียม ทองแดง (วิเคราะหคําตอบ สังกะสี โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม อะลูมิเนยี ม แมกนเี ซียม และทองแดง จัดเปนธาตโุ ลหะ โบรอน และซิลิคอน จัดเปนธาตุก่ึงโลหะ สวนอารก อน ออกซิเจน โบรมีน กํามะถัน คลอรีน และไนโตรเจน จัดเปนธาตุอโลหะ ดังนั้น ตอบขอ 5.) T25
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ¡Ò÷´Åͧ »¯¡Ô ÔÃÂÔ ÒÃÐËÇÒ‹ §âÅËкҧª¹Ô´¡Ñº¹éÒí สาํ รวจคน้ หา ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร ¨´Ø »ÃÐʧ¤ • การสงั เกต 1. ทําการทดลองเพ่ือศึกษาปฏิกิริยาระหวางโซเดียม แมกนีเซียม และ 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 คน แลว • การทดลอง ใหชวยกันศึกษาชนิดและสมบัติของธาตุ • การจาํ แนกประเภท อะลูมเิ นียมกบั น้าํ จากหนงั สือเรยี น หนา 21 จติ วิทยาศาสตร 2. เปรียบเทียบแนวโนมความวองไวในการเกิดปฏิกิริยาของธาตุหมู 1A • ความมเี หตุผล 2. นกั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั อภปิ รายภายในกลมุ • ความสนใจใฝรู 2A และ 3A กับนาํ้ ตรวจสอบและรวบรวมขอมูล โดยทุกคนตอง • ความรบั ผดิ ชอบ ทาํ ความเขา ใจใหต รงกนั แลว ใหส มาชกิ ทกุ คน ภายในกลุมรวมกันเปรียบเทียบความเหมือน ÇÑÊ´ÍØ »Ø ¡Ã³áÅÐÊÒÃà¤ÁÕ 5. นา้ํ กลน่ั 9. ลวดแมกนเี ซยี ม และความแตกตางของธาตุทง้ั 3 กลมุ น้ี 1. บกี เกอรข นาด 50 cm3 6. ชนิ้ โซเดียม 10. แผนอะลมู เิ นยี ม 2. คมี คบี สาร 7. กอ นโพแทสเซียม 3. ครูสุมตัวแทนของนักเรียนแตละกลุม เพ่ือ 3. กระจกนาฬกา 8. กระดาษลิตมัสสแี ดงและสีน้าํ เงิน นําเสนอขอมูลท่ีแตละกลุมไดไปสืบคนขอมูล 4. ตะเกียงแอลกอฮอลพรอมทก่ี ัน้ ลม มา โดยครูตรวจสอบขอมูลจากการนําเสนอ เพ่อื ความถกู ตอ ง Ç¸Ô ¡Õ Ò÷´Åͧ (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช 1. ใสนาํ้ กลั่นลงในบกี เกอรขนาด 50 cm3 จํานวน 4 ใบ ใบละ 25 cm3 ! S afety first แบบสงั เกตการทาํ งานกลมุ ) 2. ใสชิ้นโซเดียมขนาดเทาเมล็ดถั่วเขียวท่ีซับน้ํามันใหแหงแลวลงใน อธบิ ายความรู้ บีกเกอรใบที่ 1 จากน้ันนํากระจกนาฬกามาปดปากบีกเกอรทันที โลหะโซเดียมจะทําปฏิกิริยา สังเกตการเปลี่ยนแปลง เม่ือการเปล่ียนแปลงสิ้นสุดลง ใชกระดาษ รุนแรงกับนํ้า ดังนั้น จึงไมควร 1. ครูใหนกั เรยี นปฏบิ ัติกิจกรรมการทดลอง เรอ่ื ง ลิตมัสสีแดงและสีน้ําเงินทดสอบสารละลายในบีกเกอร สังเกตและ ท้ิงโลหะโซเดียมท่ีเหลือจากการ ปฏิกิริยาระหวางโลหะบางชนิดกับนํ้า โดยให บันทึกผล ทดลองลงในอางนํ้า เพราะจะ นักเรียนศึกษาวิธีการทําการทดลองในหนังสือ 3. ทําการทดลองเชน เดียวกับขอ 2. แตใ ชกอนโพแทสเซียมขนาดเทา เกิดปฏิกิริยากับน้ําอยางรุนแรง เรียน หนา 22-23 จากน้ันใหนักเรียนบันทึก เมล็ดถั่วเขยี วแทนชิน้ โซเดยี ม สงั เกตและบนั ทึกผล ตอ งนาํ มาทาํ ลายดว ยแอลกอฮอล สรุปข้ันตอนการทดลองในรูปของแผนภาพ 4. ใสลวดแมกนีเซยี มขนาด 0.5 cm × 1.0 cm ที่ขดั สะอาดแลวลงใน กอนจะเททงิ้ ลงในอางนา้ํ และออกแบบตารางบนั ทึกผลการทดลอง บีกเกอรใบท่ี 3 สังเกตการเปลี่ยนแปลงและบันทึกผล จากนั้นนํา บกี เกอรไปตัง้ ไฟเพอ่ื ใหนํ้ามีอุณหภมู ิ 60 Cํ เปนเวลา 3 นาที สังเกต การเปล่ียนแปลง เม่ือการเปล่ียนแปลงสิ้นสุดลง ใชกระดาษลิตมัสสีแดงและสีนํ้าเงินทดสอบสารละลาย ในบีกเกอร สังเกตและบนั ทกึ ผล 5. ทําการทดลองเชน เดยี วกับขอ 4. แตใชแ ผน อะลมู เิ นยี มแทนลวดแมกนีเซียม สังเกตและบนั ทกึ ผล ลวดแมกนีเซยี ม ชิ้นโซเดยี ม กอ นโพแทสเซียม แผนอะลูมิเนียม บีกเกอรใบที่ 1 บีกเกอรใบที่ 2 บีกเกอรใบท่ี 3 บกี เกอรใ บท่ี 4 22 ภาพที่ 1.22 การทดลองปฏกิ ริ ยิ าระหวางโลหะบางชนดิ กบั นา้ํ ท่มี า : คลังภาพ อจท. บนั ทึก การทดลอง ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET ธาตุ หมทู ่ี ผลการทดลอง ซีเซียม (Cs) จัดเปนธาตุหมู 1A ในตารางธาตุ ขอความใด โลหะโซเดยี มลกุ ติดไฟและลอยอยเู หนอื ผิวนํ้า ถกู ตองเก่ียวกบั ซเี ซียม โซเดียม 1 เคลอื่ นทไ่ี ปมาและเกิดความรอ นขน้ึ โลหะโพแทสเซียมเกดิ ปฏิกริ ยิ ารนุ แรงกับน้าํ ก. นําไฟฟาไดท ั้งในสถานะของแขง็ และของเหลว โพแทสเซยี ม 1 โดยลุกติดไฟ และมีการพงุ ของนํ้าอยางรุนแรง ข. ทาํ ปฏกิ ริ ยิ ากับนํ้าอยางรนุ แรง โลหะแมกนีเซียมจมอยใู นนาํ้ และเกดิ ฟองแกส ค. ทําปฏิกริ ิยากบั นํ้าจะไดส ารละลายมีคา pH นอยกวา 7 ผดุ ขึ้นมาเล็กนอ ย แมกนีเซยี ม 2 ไมเกิดปฏกิ ริ ยิ า 1. ขอ ก. เทา น้นั 2. ขอ ก. และ ข. 3. ขอ ก. และ ค. 4. ขอ ข. และ ค. 5. ขอ ก. ข. และ ค. อะลูมิเนยี ม 3 (วิเคราะหค ําตอบ ขอ ค. ไมถ กู ตอ ง เพราะซเี ซียมเมอ่ื ทาํ ปฏิกริ ยิ า กบั น้าํ จะไดสารละลายมีคา pH มากกวา 7 ดงั น้ัน ตอบขอ 2.) T26
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ¤íÒ¶ÒÁ·ŒÒ¡Ò÷´Åͧ ขน้ั สอน 1. แกส ท่ีเกดิ ขึน้ จากปฏกิ ิริยาคือแกส อะไร จะมีวิธที ดสอบอยางไร 2. สารละลายหลังจากการเกิดปฏิกริ ยิ าของธาตแุ ตละชนดิ มสี มบัตอิ ยา งไร อธบิ ายความรู 3. จงเรียงลําดบั ความวอ งไวในการเกดิ ปฏกิ ิริยากบั นาํ้ ของโซเดียมและโพแทสเซยี ม 4. จงเรียงลําดับความวองไวในการเกิดปฏิกิรยิ ากบั นาํ้ ของโซเดียม แมกนีเซยี ม และอะลูมเิ นียม 2. ครใู หน ักเรียนรวมกันอภปิ รายกอนทําการ ทดลอง โดยครูถามคําถามกอนทาํ กจิ กรรม ÍÀ»Ô ÃÒ¼šÒ÷´Åͧ ดว ยคาํ ถามตอไปนี้ • ปญหาของการทดลองน้ี คืออะไร จากการทดลอง พบวา โซเดียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียมสามารถทําปฏิกิริยากับน้ําได มีแกส • สมบัตทิ สี่ ําคัญของธาตหุ มู 1A 2A และ 3A เกดิ ขนึ้ และเกดิ สารละลายทม่ี สี มบตั เิ ปน เบส เนอื่ งจากสารละลายเปลย่ี นสกี ระดาษลติ มสั จากสแี ดงเปน สนี า้ํ เงนิ มีอะไรบา ง โดยโซเดียมและโพแทสเซียมทําปฏิกิริยากับน้ําที่อุณหภูมิหองอยางรุนแรง ซึ่งโพแทสเซียมจะเกิดปฏิกิริยาท่ี • นกั เรยี นคดิ วา ธาตใุ ด จะเกดิ ปฏกิ ริ ยิ ากบั นาํ้ รนุ แรงกวา โซเดยี ม สว นแมกนเี ซยี มทาํ ปฏกิ ิริยากบั นํา้ ท่อี ุณหภูมิหองไดช า มาก แตป ฏกิ ริ ิยาจะเกิดเร็วขึ้นเม่อื ไดดีทีส่ ุด น้ํามอี ณุ หภมู สิ งู ข้ึน ในขณะที่อะลมู ิเนยี มไมท ําปฏิกริ ยิ าทั้งในนํ้ารอนและนํา้ เย็น 3. ครใู หค วามรเู กยี่ วกบั ขอ ควรระวงั กอ นทาํ กจิ กรรม จากการทดลอง สามารถสรปุ แนวโนม ความเปน โลหะและอโลหะของธาตตุ ามตารางธาตุได การทดลอง เชน โลหะโซเดียมสามารถทํา ดังน้ี ปฏกิ ริ ยิ ารนุ แรงกบั นา้ํ เกดิ แกส ทต่ี ดิ ไฟ และเกดิ การไหมเ มอื่ สมั ผสั ควรใชด ว ยความระมดั ระวงั ความเปน โลหะ 4. ครใู หน กั เรยี นลงมอื ทาํ การทดลองตามขนั้ ตอน ความเ ปนโลหะ 1A 8A และบนั ทึกผลการทดลอง 1 H 2A 3A 4A 5A 6A 7A He ความเปนอโลหะ 5. ครูใหตัวแทนนักเรียนของแตละกลุมออกมา 2 Li Be B C N O F Ne นําเสนอผลการทดลองหนาชั้นเรียน โดยให 3 Na Mg Al Si P S Cl Ar นักเรียนเปรียบเทียบผลการทดลองของแตละ 4 K Ca Ga Ge As Se Br Kr กลมุ วา เหมอื นหรอื แตกตา งกนั อยา งไร หากผล 5 Rb Sr In Sn Sb Te I Xe การทดลองแตกตางกัน ใหนักเรียนรวมกัน 6 Cs Ba Tl Pb Bi Po At Rn อภปิ รายสาเหตทุ ที่ าํ ใหผ ลการทดลองแตกตา ง 7 Fr Ra กัน ความเปน อโลหะ แนวตอบ คาํ ถามทายการทดลอง ภาพที่ 1.23 แนวโนมความเปน โลหะและอโลหะของธาตหุ มู A 1. แกสไฮโดรเจน ทีม่ า : คลังภาพ อจท. 2. ธาตแุ ตล ะชนิดมีสมบตั ิเปน เบส 3. ความวองไวตอการเกิดปฏิกิริยาของธาตุหมู â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 23 1A จะเพิ่มข้ึนตามคาบ ดังนั้น ความวองไว ตอการเกิดปฏิกิริยาจะเพ่ิมข้ึนจากโซเดียมถึง โพแทสเซยี ม 4. โซเดียม แมกนีเซียม และอะลูมิเนียม ตาม แนวโนมความเปน โลหะ ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET เกร็ดแนะครู ขอ ใดเรยี งลําดับความเปนโลหะจากมากไปนอ ยไดถูกตอง ครูอธิบายเพิม่ เติมเก่ยี วกับสมบัตขิ องธาตุตา ง ๆ เชน 1. Li > K > Al > O > F 1. แนวโนม จุดเดอื ดและจดุ หลอมเหลวของโลหะหมู 1A-3A และธาตุหมู 4A 2. Rn > I > H > Na > C 3. K > Mg > B > N > Ne จะลดลงตามหมู และจะเพ่มิ ขึน้ ตามคาบ เม่อื เลขอะตอมเพมิ่ ขน้ึ สวนแนว- 4. Cs > Si > Ga > F > Cl โนม จดุ เดอื ดและจดุ หลอมเหลวของอโลหะ จะเพมิ่ ขน้ึ ตามหมู และจะลดลง 5. Bi > Po > At > Mg > S ตามคาบ เม่ือเลขอะตอมเพม่ิ ข้นึ (วเิ คราะหค ําตอบ แนวโนมของความเปน โลหะจะเพิ่มจากขวาไป 2. แนวโนมความหนาแนนของธาตุเรพรีเซนเททีฟจะเพ่ิมขึ้นตามหมู เมื่อเลข อะตอมเพ่ิมขึน้ สว นตามคาบ พบวา โลหะแทรนซชิ นั > 4A > 3A > 2A > ซา ย จากบนลงลา งของตารางธาตุ ดงั นน้ั ตอบขอ 3.) 1A สว นอโลหะแนวโนมความหนาแนน ตามคาบจะไมช ดั เจน T27
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 3.2 ¡ÒÃ㪻Œ ÃÐ⪹¨Ò¡¸ÒµºØ Ò§ª¹Ô´ ขยายความเขา้ ใจ จากแนวโนม สมบตั ขิ องธาตใุ นตารางธาตทุ ไ่ี ดศ กึ ษามาแลว ทาํ ใหท ราบวา ธาตใุ นหมเู ดยี วกนั จะมสี มบตั ทิ ใี่ กลเ คยี งกนั ตอ มาจะเรยี นรเู กยี่ วกบั ลกั ษณะ สมบตั เิ ฉพาะตวั และการนาํ ไปใชป ระโยชน 1. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลการ ของธาตุเรพรีเซนเททฟี ในแตล ะหมู และธาตแุ ทรนซชิ ัน ดังนี้ ทดลอง โดยครูใชคําถามหลังทําการทดลอง ดงั น้ี ¸ÒµØËÁÙ‹ 1A • เปรยี บเทยี บความวอ งไวตอ การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า ของธาตุแตละชนิด âÅËÐáÍŤÒäÅ alkali metals • เมอ่ื โลหะทาํ ปฏิกริ ยิ ากับนํ้าแลว สารละลาย ทไ่ี ดมฤี ทธเ์ิ ปน กรด กลาง หรอื เบส 1 2 ลักษณะและสมบตั ิ • แกส ทเ่ี กิดข้นึ ในการทดลอง คือแกสใด 3 Li3 6.94 4 • สวนใหญม สี ีเงนิ (ยกเวน ซีเซยี ม (Cs) จะมสี ีทองเจอื ปน) 2. ครมู อบหมายใหน กั เรียนแตละคนเขยี น 5 • เปนโลหะเน้อื ออน มีความหนาแนน ตํา่ ผังมโนทศั นสรปุ สมบัตขิ องธาตุหมู 1A 2A Lithium 6 • มีความวองไวในการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมสี งู เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมกี ับธาตหุ มู 7A ไดด ี และ 3A ลงในกระดาษ A4 สง เปนการบาน 7 ในชว่ั โมงถัดไป Na11 22.99 และเกิดปฏิกริ ยิ ารนุ แรงกบั นํา้ จึงตอ งเกบ็ ไวในนํา้ มนั • มเี วเลนซอ เิ ลก็ ตรอน 1 ตวั ทาํ ใหส ญู เสยี อเิ ลก็ ตรอนไดง า ย ดงั นน้ั จงึ มคี วามเปน Sodium โลหะสงู K19 39.10 • ในธรรมชาติมักพบอยูในรูปสารประกอบ เชน โซเดียมคลอไรด (NaCl) Potassium ลิเทียมออกไซด (Li2O) ภาพที่ 1.24 ธาตหุ มู 1A Rb37 85.47 ท่ีมา : คลงั ภาพ อจท. Rubidium Cs55 132.91 Cesium Fr87 (223) Francium ตัวอยางการนําไปใชป ระโยชน ภาพท่ี 1.25 แบตเตอร่ีลเิ ทยี มไอออน ภาพท่ี 1.26 ขนมปง ทม่ี า : คลังภาพ อจท. ทมี่ า : คลงั ภาพ อจท. ลิเทยี ม (Li) โซเดียม (Na) สามารถดูดความรอนไดดี นํามา ในชวี ติ ประจาํ วนั มกี ารนาํ สารประกอบโซเดยี มมาใชป ระโยชนม ากมาย เชน ใชในการถายเทความรอนและ เกลอื แกงหรือโซเดยี มคลอไรด (NaCl) นาํ มาใชใ นการประกอบอาหาร สามารถถายเทอิเล็กตรอนไดดี ผงฟูหรือโซเดียมไฮโดรเจนคารบอเนต (NaHCO3) นํามาใชในการทํา จงึ นาํ มาทาํ เปน แบตเตอร่ี ขนมปง ใหฟู 24 สื่อ Digital ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET ศึกษาเพ่ิมเติมไดจากภาพยนตรสารคดีส้ัน Twig เร่ือง โลหะอัลคาไล ธาตุใดอยใู นหมูเ ดยี วกัน https://twig-aksorn.com/film/alkali-metals-8220/ M เปน ธาตทุ ีม่ ีสถานะเปน แกส สเี หลอื ง อยเู ปน อะตอมคู N เปนธาตุในหมูที่ทําปฏิกิริยารุนแรงกับน้ํา และอยูในคาบเดียว T28 กับโบรอน Q เปนธาตุทม่ี ีเลขอะตอมเทากับ 11 R เปน ธาตุก่ึงโลหะที่มเี ลขอะตอมนอยทสี่ ุด 1. M และ N 2. N และ Q 3. M และ R 4. N และ R 5. Q และ R (วเิ คราะหคําตอบ M เปน ธาตุฟลูออรนี ซง่ึ อยใู นหมู 7A N เปนธาตลุ ิเทียม ซึ่งอยใู นหมู 1A Q เปน ธาตโุ พแทสเซยี ม ซ่ึงอยูในหมู 1A R เปน ธาตโุ บรอน ซ่งึ อยใู นหมู 3A ดังนัน้ ตอบขอ 2.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ¸ÒµØËÁÙ‹ 2A ขนั้ สอน âÅËÐáÍŤÒäŹàÍÔ÷ alkaline earth metals สาํ รวจคน้ หา 2 2 ลักษณะและสมบัติ 1. ครูใหนกั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 4 คน ศกึ ษา 3 เรือ่ ง สมบตั ิของธาตตุ ามหมู จากหนงั สือเรียน Be4 9.01 4 • สว นใหญม สี ีเงิน หนา 24-28 หรอื แหลง เรยี นรตู างๆ โดยแบง 5 • เปน โลหะเน้อื ออ น แตม คี วามแข็งและมีความหนาแนนมากกวาธาตหุ มู 1A กันคนละเรอื่ ง ดงั น้ี Beryllium 6 • เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมกี บั นาํ้ และธาตหุ มู 7A ไดด ี แตป ฏกิ ริ ยิ ามคี วามรนุ แรงนอ ยกวา • สมบตั ขิ องธาตุหมู 1A 7 • สมบตั ิของธาตหุ มู 2A Mg12 24.31 ธาตหุ มู 1A • สมบตั ิของธาตหุ มู 7A • มเี วเลนซอ ิเล็กตรอน 2 ตวั ทาํ ใหสูญเสียอิเล็กตรอนไดง าย ดงั น้ัน จึงมีความ • สมบตั ขิ องธาตุหมู 8A Magnesium • สมบัติของธาตุแทรนซชิ นั เปนโลหะท่ีดี Ca20 40.08 2. จากนั้นใหนักเรียนนําเรื่องที่ตนเองศึกษามา ภาพท่ี 1.27 ธาตุหมู 2A อธิบายใหเพ่ือนภายในกลุมฟง จนเกิดความ Calcium ทีม่ า : คลังภาพ อจท. เขาใจท่ีตรงกันภายในกลุม Sr38 87.62 3. ครูสมุ ตัวแทนนักเรียน 2 กลุม ออกมาอธบิ าย เกยี่ วกับสมบัตขิ องธาตหุ มู 1A และ 2A โดย Strontium กลมุ หนงึ่ อธบิ ายสมบตั ขิ องธาตหุ มู 1A อกี กลมุ หนง่ึ อธิบายสมบตั ิของธาตหุ มู 2A Ba56 137.33 4. จากน้ันครูใหซักถามขอสงสัย โดยครูเปน Barium ผูอธิบายคําตอบจนนักเรียนเกิดความเขาใจ จากนั้นครูต้ังคําถามเพื่อทดสอบความเขาใจ Ra88 226.03 ของนักเรียน เชน • ธาตุหมู 1A และ 2A มสี มบตั ใิ ดคลา ยคลึง Radium กนั และมสี มบตั ิใดท่แี ตกตา งกัน (แนวตอบ สมบตั ทิ ค่ี ลา ยคลงึ กนั คอื เปน โลหะ ตวั อยา งการนําไปใชประโยชน เน้ือออน สวนใหญเปนสีเงิน สวนสมบัติท่ี แตกตา งกัน คอื ธาตหุ มู 1A มีความไวตอ เบริลเลยี ม (Be) ปฏิกิริยาเคมีสูงมาก จึงไมพบโลหะหมูน้ี เปน โลหะทีม่ ีความแขง็ แรง นํ้าหนักเบา แตเ ปราะ มักนาํ มาใชเ ปน โลหะ เปนธาตุอิสระในธรรมชาติ แตพบอยูในรูป ผสมเพื่อทาํ ใหโลหะแขง็ แกรง ข้ึน สารประกอบ สว นโลหะหมู 2A มคี วามแข็ง และหนาแนนมากกวาหมู 1A ที่อยูคาบ แมกนีเซยี ม (Mg) เดยี วกนั ) เปน ธาตทุ พี่ บไดม ากในธรรมชาติ โดยพบเปน สว นประกอบของเปลอื กโลก อยูประมาณรอยละ 2 และเปนธาตุที่ละลายอยใู นนาํ้ ทะเลเปน อันดับ 3 นยิ มนาํ มาใชเ ปน วตั ถดุ บิ ในการผลติ โลหะผสมอะลมู เิ นยี มและแมกนเี ซยี ม ภาพที่ 1.28 ภาพเอกซเรย แคลเซียม (Ca) ของลําไสใหญ เปนโลหะสเี ทาออ น เปน ธาตุท่มี คี วามสาํ คัญ ทม่ี า : คลงั ภาพ อจท. ตอ สง่ิ มชี วี ิตอยา งย่ิง เนอื่ งจากเปนสวนประกอบ แบเรียม (Ba) ทส่ี าํ คญั ของโครงสรา งรา งกายของสง่ิ มีชีวิต เปน ธาตทุ จ่ี ะพบไดน อ ยในธรรมชาติ เชน กระดูกและฟน สามารถทาํ ปฏกิ ริ ยิ ากบั อากาศไดด ี ภาพที่ 1.29 โครงกระดกู ทําใหพบไดเฉพาะในรูปของสาร ทม่ี า : คลงั ภาพ อจท. ประกอบเทา นน้ั นาํ มาใชป ระโยชน ในหลายดา น เชน ดา นการขดุ เจาะ â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 25 นาํ้ มนั การทาํ เหมอื งแรการถา ยภาพ เอกซเรยทางการแพทย ขอ สอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู ขอ ใดไมใ ชส มบัติของธาตุหมู 2A ใหครูทดสอบสีของเปลวไฟใหนักเรียนดู โดยนําสารประกอบของธาตุไป 1. เปนโลหะเน้ือออ น เผาใหสีของเปลวไฟแตกตางกัน เชน 2. เกดิ ปฏกิ ริ ยิ ากบั นา้ํ ไดดี - Ca2+ ใหเปลวไฟสีแดงอฐิ โดยใชส าร CaCO3 CaCl2 CaSO4 3. สญู เสยี อเิ ล็กตรอนไดง าย - Sr2+ ใหเ ปลวไฟสีแดง โดยใชส าร SrCl2 Sr(NO3)2 4. มีเวเลนซอ เิ ล็กตรอนเทากบั 2 - Ba2+ ใหเ ปลวไฟสีเขียว โดยใชส าร BaCO3 BaSO4 BaCl2 5. มคี วามหนาแนน นอ ยกวา ธาตุหมู 1A (วิเคราะหคําตอบ ธาตุหมู 2A เปนโลหะเนื้อออน มีเวเลนซ อิเล็กตรอน 2 ตัว จึงสูญเสียอิเล็กตรอนไดงาย เกิดปฏิกิริยากับ นํ้าและธาตุหมู 7A ไดดี และมีความหนาแนนมากกวา ธาตหุ มู 1A ดังนั้น ตอบขอ 5.) T29
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน ¸ÒµØËÁÙ‹ 7A Cinhermeaisltrlyife สาํ รวจคน้ หา ¸ÒµØáÎâÅਹ halogen โซเดยี มฟลอู อไรดท น่ี าํ มาเตมิ ลงในยาสฟี น สามารถปอ งกนั ฟน 5. ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเพ่ิมเติมจากแหลง 17 2 ลักษณะและสมบตั ิ ผไุ ด เนอ่ื งจากโซเดยี มฟลอู อไรด เรียนรูตาง ๆ เก่ียวกับสมบัติของธาตุหมู 3A 3 จะไปชวยเพิ่มความแข็งแรงให และยกตวั อยา งธาตหุ มู 3A ทีค่ วรรจู ัก พรอ ม F9 18.998 4 • เปน อโลหะทมี่ คี วามวอ งไวตอ การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า กับชั้นเคลือบฟน ทําใหทนทาน บอกประโยชนของธาตุชนิดนน้ั ๆ แลวสรปุ ลง 5 เคมีสูง ตอกรดที่แบคทีเรียตาง ๆ ผลิต ในกระดาษ A4 สงครู จากนนั้ ครตู ้ังคําถามให Fluorine 6 ข้ึนได นอกจากนี้ ฟลูออไรดยัง นกั เรยี นชว ยกันตอบ 7 • ในธรรมชาตมิ กั พบธาตหุ มนู ใี้ นลกั ษณะโมเลกลุ ชวยยับย้ังการเจริญเติบโตของ • ธาตุหมู 3A มสี มบตั เิ ปนอยา งไร Cl17 35.45 คู ซ่ึงประกอบดวย 2 อะตอม เชื้อจลุ ินทรยี ได (แนวตอบ เปนโลหะ แตความเปน โลหะนอย กวาธาตุหมู 1A และ 2A มีสถานะเปน Chlorine • เมอ่ื รวมตวั กบั ไฮโดรเจนจะมสี มบตั เิ ปน กรด เชน ของแข็ง เวเลนซอ ิเล็กตรอนเทากบั 3 ตัว มี กรดไฮโดรคลอริก (HCl) กรดไฮโดรฟลูออรกิ จุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง และสูงกวา Br35 79.90 (HF) ธาตุหมู 1A และ 2A) Bromine • มเี วเลนซอ เิ ลก็ ตรอน 7 ตวั ทาํ ใหร บั อเิ ลก็ ตรอน 6. ครสู ุม ตัวแทนนกั เรยี น 2 กลมุ ออกมาอธิบาย จากธาตุอื่น ๆ ไดดี ดังน้ัน จึงมีความเปน เก่ยี วกบั สมบตั ขิ องธาตหุ มู 7A และหมู 8A I53 126.90 อโลหะสงู ภาพที่ 1.30 ธาตหุ มู 7A Iodine ทีม่ า : คลังภาพ อจท. At85 (210) Astatine 1T1s7 294 Tennessine ตัวอยางการนาํ ไปใชประโยชน โบรมนี (Br) มีสถานะเปนของเหลวสีแดง สามารถระเหยไดงายท่ีอุณหภูมิหอง นํามาใชในการเตรียมเอทิลีนโบรไมด และเอทิลนี ไดโบรไมด เพ่ือใชเตมิ ลงในนาํ้ มนั แกสโซลนี และนาํ มาใชใ นอุตสาหกรรมยอ มและฟอกสี ไอโอดีน (I) มีสถานะเปนของแข็ง ไมละลายน้ํา มีความจําเปนตอการดํารงชีวิตของส่ิงมีชีวิต เน่ืองจากเปนธาตุท่ีเปน องคประกอบสําคัญในการผลิตฮอรโมนท่ีสําคัญบางชนิด นอกจากนี้ ยังนํามาใชในการผลิตยาฆาเช้ือ และสียอมผา ไดอ กี ดว ย ภาพที่ 1.31 ยาสฟี นผสมฟลูออรนี ภาพที่1.32ในสระวา ยนา้ํ จะมกี ารเตมิ คลอรนี ลงไปเพอ่ื ฆา เชอ้ื โรค ที่มา : คลังภาพ อจท. ท่มี า : คลงั ภาพ อจท. ฟลอู อรนี (F) คลอรีน (Cl) เปนแกสสีเหลืองออน และเปนอันตรายตอสิ่งมีชีวิต มีสถานะเปนแกสสีเขียวอมเหลือง มีน้ําหนักมากกวา ซ่ึงฟลูออรีนบริสุทธิ์สามารถทําใหเกิดรอยไหมบน อากาศ มีกล่ินเหม็น และเปนพิษรายแรง มีคุณสมบัติ ผวิ หนงั ได ดงั นน้ั โดยทวั่ ไป จะใชป ระโยชนฟ ลอู อรนี ในการฆาเช้ือโรคไดดี จึงนิยมนํามาเติมลงในน้ําหรือ ในรปู ของสารประกอบ เชน โซเดยี มฟลอู อไรด (NaF) สระนา้ํ เพื่อทาํ ใหน าํ้ สะอาด ใชเ ตมิ ลงในยาสฟี น เพอื่ ชว ยปอ งกนั ฟน ผุ 26 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET ครูอธบิ ายเพม่ิ เติมเกีย่ วกับธาตุหมู 7A วา เปนธาตุที่มีความวองไวในการ ขอ ใดจบั คธู าตแุ ละประโยชนของธาตุไดถกู ตอ ง เกิดปฏิกิริยา ซึ่งเปนตัวรับอิเล็กตรอนที่ดี (ตัวออกซิไดส : oxidizing agent) 1. ลิเทียม-ใชท ําแบตเตอรี่ เนอื่ งจากมเี วเลนซอ เิ ลก็ ตรอน 7 ตัว ขาดอีก 1 ตวั จึงจะเสถียร จากนนั้ ครเู ขยี น 2. คลอรนี -ใชเ ตมิ ลงในยาสีฟน ระดบั พลงั งานของธาตหุ มู 7A ใหน กั เรยี นดู เพอ่ื ใหน กั เรยี นเขา ใจเกย่ี วกบั สมบตั ิ 3. ทองแดง-ใชท ํากระปองบรรจุอาหาร ในการทาํ ปฏิกริ ิยาของธาตหุ มู 7A มากขนึ้ 4. อารก อน-ใชบ รรจลุ งในถังออกซิเจนของนักประดานํา้ 5. แมกนเี ซียม-ใชใ นการถา ยภาพเอกซเรยทางการแพทย T30 (วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ 1. ถูกตอ ง ลเิ ทียม ใชทําแบตเตอรี่ ขอ 2. ไมถกู ตอ ง คลอรนี ใชเติมลงในน้าํ หรือสระนํา้ ขอ 3. ไมถ กู ตอ ง ทองแดง ใชท าํ สายไฟฟา อปุ กรณไ ฟฟา ตา งๆ ขอ 4. ไมถกู ตอ ง อารก อน ใชบ รรจุในหลอดไฟฟา ขอ 5. ไมถ กู ตอง แมกนเี ซยี ม ใชเ ปน วัตถดุ บิ ในการผลิตโลหะ ผสมระหวางอะลูมเิ นยี มกบั แมกนเี ซียม ดงั นั้น ตอบขอ 1.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ¸ÒµØËÁÙ‹ 8A ขนั้ สอน á¡Êà©ÕèÍ inert gas สาํ รวจคน้ หา 18 1 ลักษณะและสมบตั ิ 7. จากนั้นครใู หซ กั ถามขอ สงสัย โดยครเู ปน 2 ผูอธิบายคําตอบจนนกั เรยี นเกิดความเขา ใจ He2 4.003 3 • มสี ถานะเปนแกส ไมม สี ี ไมม ีกล่นิ ละลายนา้ํ ไดเล็กนอย และตงั้ คาํ ถามเพอื่ ทดสอบความเขา ใจของ 4 • มคี วามวอ งไวในการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมตี ่ํา นกั เรียน Helium 5 • มเี วเลนซอเิ ลก็ ตรอน 8 ตัว จึงยากตอ การสญู เสียหรอื รับอิเลก็ ตรอนเพิ่ม • ธาตหุ มู 7A มีสมบัติอยางไร พรอมทัง้ 6 ยกตวั อยา งธาตทุ ี่รจู ัก Ne10 20.18 7 ตัวอยางการนําไปใชป ระโยชน (แนวตอบ ธาตหุ มู 7A หรอื ธาตแุ ฮโลเจน เปน ธาตุที่มีสมบัติเปนอโลหะ มีความวองไวตอ Neon นอี อน (Ne) การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีสูง ในสภาพธรรมชาติ เปน แกส ไมม สี ี เปน แกส ทไ่ี มว อ งไวในการเกดิ จะพบวา ธาตุกลุมน้ีจะอยูเปนโมเลกุลคู Ar18 39.95 ซึ่งประกอบดวย 2 อะตอม คุณสมบัตอิ ยาง เปพฏื่อกิ ชริ ิยวายยจืดงึ อนาิยยมุกนาํารมใาชบงรารจนุใขนอหงลไอสดหไฟลอฟดา1 หนึ่งของธาตุหมู 7A คือ เม่ือรวมตัวกับ Argon ไฮโดรเจน (H) จะมฤี ทธเ์ิ ปน กรดรนุ แรง เชน และนํามาบรรจุในหลอดไฟโฆษณาเพ่ือให กรดไฮโดรคลอรกิ (HCl) กรดไฮโดรฟลอู อรกิ Kr36 83.80 แสงสสี ม แดง (HF) ธาตุหมู 7A จะรบั เวเลนซอ ิเลก็ ตรอน จากธาตุอื่นๆ ไดดี จึงมีสมบัติความเปน Krypton ภาพท่ี 1.33 ธาตหุ มู 8A ภาพที่ 1.34 หลอดไฟนีออน อโลหะสูง ตัวอยางของธาตุหมู 7A ที่ควร ท่มี า : คลังภาพ อจท. ท่ีมา : คลังภาพ อจท. รจู กั ไดแก ฟลอู อรนี (F) และคลอรีน (Cl)) Xe54 131.30 • ธาตุหมู 8A มีสมบัติอยา งไร พรอมทงั้ ยกตวั อยางธาตทุ คี่ วรรจู กั Xenon (แนวตอบ ธาตุหมู 8A หรือแกสเฉ่ือย ไดแก ฮีเลียม (He) นีออน (Ne) อารกอน (Ar) Rn86 (222) ครปิ ทอน (Kr) ซีนอน (Xe) และเรดอน (Rn) ธาตใุ นหมู 8A จะมสี ถานะเปนแกสทรี่ ะดับ Radon อณุ หภมู ิและความดันปกติ และเปน ธาตทุ ม่ี ี ความวองไวในการเกิดปฏิกิริยาเคมีตํ่า มี Og118 (294) เวเลนซอ เิ ลก็ ตรอนทค่ี รบ 8 อยแู ลว จงึ ยากตอ การสญู เสยี หรอื รบั อเิ ลก็ ตรอนเพมิ่ มลี กั ษณะ Oganesson เปนแกสไมมีสี ไมมีกลิ่น ละลายนํ้าไดเล็ก นอย นิยมใชในการบรรจุลงในบริเวณท่ีไม ภาพท่ี 1.35 ลกู โปง ฮเี ลยี ม (He) อารกอน (Ar) ตอ งการใหเ กดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี) ท่บี รรจุดว ยแกสฮีเลียม เปนแกส ไมม สี ี ไมม กี ลิ่น ไมมรี ส นํามาใชบรรจุในหลอดไฟฟา ทมี่ า : คลังภาพ ไมติดไฟ นิยมนํามาใชบรรจุใน เพื่อชวยยืดอายุการใชงานของ อจท. บอลลนู หรอื ลกู โปง สวรรค ใชผ สม ไสหลอด ใชในอุตสาหกรรม กับแกสออกซิเจนแลวบรรจุลง การเชอ่ื มโลหะ และนาํ มาใชบ รรจุ ในถังสําหรับผูที่จะลงไปทํางาน ในหลอดไฟโฆษณาเพื่อใหแสง ใตท ะเล หรือสาํ หรบั นกั ประดานํ้า สีมว งและสนี ํา้ เงิน นอกจากน้ี ยงั มกี ารนาํ ฮเี ลยี มเหลว คริปทอน (Kr) มาใชเ ปน สารสําหรบั หลอ เยน็ นํามาใชบรรจุในหลอดไฟแฟลช สาํ หรบั ถา ยรูปความเร็วสงู ซนี อน (Xe) เปนธาตุที่ไมมีสี ไมมีกล่ิน พบ เพียงเล็กนอ ยในบรรยากาศ เปน แกสที่มีฤทธ์ิเปนยาสลบ และนํา มาใชบรรจุในหลอดไฟโฆษณา เพือ่ ใหแสงสนี ํ้าเงนิ เขยี ว â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 27 ขอ สอบเนน การคดิ แนว O-NET นักเรียนควรรู ขอ ใดไมใชส มบตั ขิ องธาตุแทรนซชิ ันที่อยูในคาบเดียวกนั ก. เกดิ สารประกอบทม่ี ีสีตา ง ๆ 1 ชว ยยืดอายุการใชง านของไสห ลอด การใชแ กสอารกอนบรรจใุ นหลอดไฟ ข. มีเลขออกซิเดชันไดห ลายคา จะชว ยยดื อายกุ ารใชง านของไสห ลอดได เนอ่ื งจากแกสอารก อนไมทาํ ปฏกิ ริ ิยา ค. มีขนาดอะตอมแตกตา งกันมาก กับไสห ลอดขณะท่รี อ น แตถา บรรจุอากาศในหลอดไฟ ไสหลอดจะทาํ ปฏิกิริยา ง. มจี ํานวนเวเลนซอ ิเลก็ ตรอนเทา กัน กบั แกส ตา ง ๆ ได จึงทําใหไสห ลอดขาดไดงาย จ. มีจดุ หลอมเหลวต่ํากวาธาตหุ มู 2A ในคาบเดียวกัน T31 1. ขอ ก. และ ข. 2. ขอ ก. และ จ. 3. ขอ ค. และ ง. 4. ขอ ค. และ จ. 5. ขอ ง. และ จ. (วเิ คราะหค าํ ตอบขอ ค.และจ.ไมใ ชส มบตั ขิ องธาตแุ ทรนซชิ นั เพราะ ในคาบเดียวกันจากซายไปขวาขนาดอะตอมของธาตุแทรนซิ- ชนั จะลดลงเลก็ นอ ย และธาตแุ ทรนซชิ นั จะมจี ดุ หลอมเหลวสงู กวา ธาตหุ มู 2A ในคาบเดียวกนั ดังน้นั ตอบขอ 4.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ¸ÒµØá·Ã¹«ÔªÑ¹ transition elements สาํ รวจคน้ หา 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn21 44.96 22 47.90 23 50.94 24 51.996 25 54.94 26 55.85 27 58.93 28 58.70 29 63.55 30 65.37 8. ครูสุมตัวแทนนกั เรียน 1 กลุม ออกมาอธิบาย Scandium Titanium Vanadium Chromium Manganese Iron Cobalt Nickel Copper Zinc 1 เก่ยี วกบั สมบัตขิ องธาตุแทรนซชิ ัน Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd39 88.91 40 91.22 41 92.91 42 95.94 43 (98) 44 101.07 45 102.91 46 106.40 47 107.87 48 112.41 9. จากนั้นครูใหซักถามขอสงสัย โดยครูเปน Yttrium Zirconium Niobium Molybdenum Technetium Ruthenium Rhodium Palladium Silver Cadmium 2 ผูอธิบายคําตอบจนนักเรียนเกิดความเขาใจ และต้ังคําถามเพื่อทดสอบความเขาใจของ La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg57 138.91 72 178.49 73 180.95 74 183.85 75 189.21 76 190.20 77 192.22 78 195.09 79 196.97 80 200.59 นักเรยี น Lanthanum Hafnium Tantalum Tungsten Rhenium Osmium Iridium Platinum Gold Mercury 3 • ธาตุแทรนซิชัน มีสมบัติอยางไร พรอมท้ัง ยกตัวอยา งธาตทุ ี่รูจัก Ac Rf Db Sg Bh Hs Mt Ds Rg Cn89 227.03 104 (267) 105 (268) 106 (271) 107 (272) 108 (270) 109 (276) 110 (281) 111 (280) 112 (289) (แนวตอบ เปน โลหะซง่ึ สว นใหญม จี ดุ หลอมเหลว จุดเดือด และความหนาแนนสูง มีเวเลนซ Actinium Rutherfordium Dubnium Seaborgium Bohrium Hassium Meitnerium Darmstadtium Roentgenium Copernicium 4 อิเล็กตรอน เทากับ 2 ยกเวนโครเมียมกับ ทองแดง ซึ่งมีเวเลนซอิเล็กตรอนเทากับ 1 ลกั ษณะและสมบตั ิ ภาพท่ี 1.36 ธาตแุ ทรนซชิ ัน เชน สงั กะสี (Zn) เหลก็ (Fe) ทองแดง (Cu)) ทม่ี า : คลังภาพ อจท. • ทอี่ ณุ หภมู หิ อ งมสี ถานะเปน ของแขง็ (ยกเวน ปรอท เปนของเหลว) • มีความเปน โลหะนอ ยกวาโลหะหมู 1A และ 2A • มีจุดเดือด จุดหลอมเหลว และความหนาแนนสูง • นําไฟฟาได • สามารถเกิดสารประกอบไดหลายชนิด รวมท้งั สารประกอบเชงิ ซอ นทมี่ ีสีสันเฉพาะตวั ตัวอยา งการนาํ ไปใชป ระโยชน ภาพท่ี 1.37 กระปอ งบรรจอุ าหารทที่ าํ จากแผน เหลก็ บาง ท่มี า : คลังภาพ อจท. เหลก็ (Fe) เหล็กกลา (เหล็กผสมคารบอน) นํามาใชในงานกอสราง เปนสวนประกอบของลวด ตะปู เม่ือนํา เหล็กไปเคลือบผิวดวยสังกะสี จะนาํ มาใชเปน สงั กะสีมุงหลงั คา และทํากระปอ งบรรจุอาหาร ทองแดง (Cu) นํามาใชทําสายไฟฟา อุปกรณไฟฟาตาง ๆ ทองแดงผสมสังกะสี (ทองเหลือง) นํามาใชทํากลอนประตู กญุ แจ กระดมุ ทองแดงผสมดบี กุ (ทองสมั ฤทธิ์) นาํ มาใชทําระฆงั ลานนาฬกา สังกะสี (Zn) แผน สงั กะสบี ริสุทธน์ิ ํามาใชทําขั้วของถา นไฟฉาย โครเมียม (Cr) นํามาใชเคลือบผิวของเหล็กและโลหะอ่ืน ๆ ทําใหไดผิวโลหะที่เปนมันวาว และ ไมผุกรอน นํามาใชเปนสวนประกอบของเหล็กกลาผสมที่ใชทําตูนิรภัย จรวด เคร่อื งบนิ ไอพน เรเดียม (Ra) เปน ธาตุกมั มนั ตรงั สี สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลลม ะเรง็ ได จึงนาํ มาใชใ นการ รกั ษาโรคมะเร็ง 28 ภาพท่ี 1.38 สายไฟฟา ทองแดง ท่มี า : คลังภาพ อจท. เกร็ดแนะครู กจิ กรรม ทา ทาย ครูอาจอธิบายเพ่ิมเติมวา สารประกอบและไอออนของโลหะแทรนซิชัน ใหนักเรียนสืบคนจากแหลงขอมูลตางๆ เก่ียวกับการจัด สว นมากจะมสี ี ยกเวนหมู 2B และ 3B เนือ่ งจากมอี เิ ล็กตรอนไมเ ต็มในระดับถัด เรียงอิเล็กตรอนและประโยชนของธาตุแทรนซิชัน แลวจัดเรียง เขามาจากระดับเวเลนซอิเล็กตรอน จึงทําใหอิเล็กตรอนในระดับนี้สามารถดูด อิเล็กตรอนของธาตุแทรนซิชันจํานวน 10-15 ธาตุ จากน้ันระบุ กลืนคลื่นแสงแลวเล่ือนขึ้นไปอยูในสภาวะกระตุน เมื่อกลับเขาสูระดับพลังงาน ประโยชนของธาตุแทรนซิชันที่นํามาจัดเรียงอิเล็กตรอนมาพอ เดิมซ่ึงเปนภาวะปกติจะปลอยหรือคายคลื่นแสงสีใดสีหนึ่งในแถบสีที่ตามอง สังเขป เห็นได ตัวอยา งสีของสารประกอบของแทรนซชิ ัน เชน KMnO4 สมี ว ง K2Cr2O7 สสี ม K2CrO4 สเี หลือง MnO2 สีนา้ํ ตาลเขม Cu2O สแี ดง NiO สีเขยี วเขม T32
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ตวั อยางการนําสมบตั ิของธาตมุ าใชป ระโยชนใ นชวี ติ ประจาํ วนั ขนั้ สอน ´ŒÒÁ¨Ñº อธบิ ายความรู้ ทําจากพอลเิ มอรที่มีอโลหะเปน องคป ระกอบ จงึ ไมนําความรอน 1. ครูถามคําถามเพื่อเช่ือมโยงสิ่งท่ีนักเรียนได เรียนรูไ ปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน ดังน้ี µÇÑ ËÁŒÍ à«ÅÅÊØÃÔÂÐ • นักเรียนคิดวา สามารถนําความรูเก่ียวกับ ทาํ จากโลหะอะลมู เิ นยี มหรือ ทาํ จากซิลิคอนซง่ึ เปนสารกึง่ ตัวนํา เมื่อไดร ับแสง สมบัติของธาตใุ นหมูต างๆ ไปใชประโยชน สเตนเลสที่นาํ ความรอนไดด ี อาทติ ยจ ะนาํ ไฟฟา ได ไดอยา งไรบา ง (แนวตอบ ขนึ้ อยูก บั ดลุ ยพนิ ิจของผสู อน) 2. ครใู หนักเรยี นเขียนบนั ทึกการเรียนรหู ลงั เรยี น (learning logs) เรอ่ื ง สมบตั ิของธาตุและการ ใชป ระโยชน 3. ครูใหนักเรียนรวมกันตอบคําถามจาก Topic Question เพื่อเปนการทบทวนความรูเร่ือง สมบัติของธาตุและการใชประโยชน ภาพที่ 1.39 หมออะลูมเิ นยี ม ภาพที่ 1.40 เซลลส รุ ยิ ะ ทีม่ า : คลังภาพ อจท. ทีม่ า : คลังภาพ อจท. ? QToupiecstion คาํ ชีแ้ จง : ใหนักเรยี นตอบคําถามตอ ไปน้ี 1. เพราะเหตุใดธาตุหมู 1A จงึ เปน ธาตุทใ่ี หอเิ ลก็ ตรอนไดด ี 2. ธาตชุ นดิ หนึ่งอยูในหมู 2A นกั เรียนคดิ วา ธาตนุ ม้ี ีคุณสมบตั อิ ยา งไร 3. ธาตุแทรนซชิ ันชนิดใดที่นยิ มใชท ําเปน สายไฟฟา และอปุ กรณไฟฟาตาง ๆ 4. ธาตุกึ่งโลหะชนิดใดที่มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูงเหมือนโลหะ แตเปราะเหมือนอโลหะ นิยมใชทําวงจรไฟฟาขนาดเล็กและอุปกรณไฟฟา เชน โทรทัศน ไมโครคอมพิวเตอร โซลารเ ซลล 5. ธาตชุ นดิ หนงึ่ มีสถานะเปนแกส ที่อณุ หภูมหิ อ ง ไมว องไวตอ การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ใชบรรจุในหลอดไฟโฆษณาใหแสงสีสม นกั เรียนคดิ วาแกสชนดิ นี้คอื แกส ชนิดใด â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 29 ขอสอบเนน การคดิ แนว O-NET แนวตอบ Topic Question ขอใดกลาวถกู ตองทส่ี ดุ 1. มีเวเลนซอิเลก็ ตรอนอยูช้นั นอกสุดเพยี ง 1 อนภุ าค 1. อะตอมของธาตุชนิดเดยี วกนั มมี วลเทา กนั 2. ธาตหุ มู 2A จะมเี วเลนซอิเล็กตรอนอยชู ้นั นอกสดุ เพียง 2 อนุภาค จงึ ถกู ดงึ 2. อะตอมของธาตุชนิดเดยี วกนั มเี ลขมวลเทากัน 3. อะตอมของธาตชุ นิดเดียวกันมีเลขอะตอมเทา กนั หรือสูญเสียอิเล็กตรอนไปไดงาย ดังน้ัน ธาตุหมู 2A จึงมีสมบัติความเปน 4. อะตอมของธาตชุ นิดเดยี วกันมีจาํ นวนนวิ ตรอนเทากนั โลหะที่ดี 5. อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันมีจํานวนอเิ ล็กตรอนเทากัน 3. ทองแดง (วิเคราะหคําตอบ อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันจะตองมี 4. ซลิ ิคอน 5. แกสนีออน จํานวนโปรตอนเทากัน ดังนั้น อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันจึงมี เลขอะตอมเทา กัน ดังน้ัน ตอบขอ 3.) T33
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน Summary อธบิ ายความรู้ â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 4. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ เปน 8 กลมุ ศกึ ษาเกย่ี วกบั Ẻ¨íÒÅͧÍеÍÁ สมบัติและการนําไปใชประโยชนของธาตุ แทรนซิชนั โดยการจบั สลากเลือกธาตุทีแ่ ตละ ววิ ัฒนาการของแบบจําลองอะตอมสามารถสรุปได ดังน้ี กลมุ จะไดศ กึ ษา ดังนี้ • กลุมที่ 1 ธาตุเหล็ก ภาพที่ 1.41 ววิ ฒั นาการของ แบบจาํ ลองอะตอมของดอลตัน • กลุมท่ี 2 ธาตุทองแดง แบบจาํ ลองอะตอม • กลุมที่ 3 ธาตสุ งั กะสี เปน ทรงกลมตนั มขี นาดเลก็ ทส่ี ดุ ไมส ามารถแบง แยกได • กลุมท่ี 4 ธาตุโครเมียม ท่ีมา : คลงั ภาพ อจท. • กลุมที่ 5 ธาตุโคบอลต แบบจาํ ลองอะตอมของทอมสัน • กลมุ ที่ 6 ธาตุเงิน • กลมุ ที่ 7 ธาตุทองคํา อเปเิ ลนก็ ทตรรงอกนลซมงึ่ มปปี รระะกจอลุ บบดกวระยจโาปยรอตยออู นยซา ่ึงงมสมีปา่ํรเะสจมุบอวก และ • กลุมที่ 8 ธาตแุ มงกานีส แลวใหตัวแทนกลุมแตละกลุมออกมารายงาน แบบจาํ ลองอะตอมของรทั เทอรฟอรด ผลการศกึ ษาใหเ พอื่ นกลมุ อน่ื ฟง หนา ชนั้ เรยี น อเปะนตทอรมงกโดลยมมปอี รเิ ะลกก็ อตบรดอวนยทนม่ี วิ ปีเครละยีจสลุ ทบม่ีวง่ิปี อรยะจรู อบุ บวกๆอยนตูวิ รเคงกลลยี าสง แบบจาํ ลองอะตอมของโบร อเปเิ ลน ก็ทตรรงอกนลมเคลปอ่ื รนะทกอ่ีอยบโูดดว ยยรนอวิบเอคะลตยี อสมอเยปกู น ลราะงดอบั ะชตน้ัอพมลงโั ดงายนมี แบบจาํ ลองอะตอมแบบกลุมหมอก อเปเิ ลน ก็ ทตรรงอกนลเมคลอ่ืปนรทะกอี่ อยบรู อดบว ยๆนนวิ วิ เเคคลลยี ยี สสอไยมกู ม ลที าศิงทอาะงตทอแี่มนน แอลนะ ͧ¤»ÃСͺ¢Í§ÍеÍÁ อะตอมประกอบดว ยอนภุ าค สัญลักษณนิวเคลยี ร อโอปนยรภูภุตาาอยคนใอแนเิลลนะก็วินตเวิครตลอรยีนอสนเครลวแอ่ืมลนกะทนมั ี่ีเคลือขอสะัญตอลมักขษอณงทธาี่แตสุ ดเขงยีชนนแิดทขนอไงดธาดตังุ นเี้ลขมวล และ อยรู อบ ๆ เลขมวล (mass number) ภาพที่ 1.42 องคป ระกอบของอะตอม เปนตัวเลขที่แสดงผลรวมของ จาํ นวนโปรตอนและนวิ ตรอน Aทมี่ า : คลงั ภาพ อจท. ZX• • แ-โโไ-ปมอลไจจไรอเะออาําํลตจอออนนกอดันออววุลนเนนรนนไคยีบลโโมคืองปปวบเือตกรรทคธวัตตคา ออาือออกอืตยนนนธันุทาธ าภุ งาีม่ตแาตทุีจคนทุ ําม่ีทนม่ี นจีเี่อจี วลาํ าํนนนก็นวอทวนเินส่ี ลออดุ ็กเิเิขลลตอก็ก็รงตอตธรรนาออกตนนับหุมนจรอา ําอืกยนสกกวาววนราา ประกอบททภ่มีาเ่ี กพาดิท:จ่ี ค1า.ล4กงั3อภสะาตญัพอลอมกั จษอเเทปลณย.นขาน อตงวิ นเวะั คตเอ ลลอยียขมรท 2แี่(สaสญัอtดoะงลmตจกั อาiํ cษนมณวnมนuขาโmรอปวงbรมธตeากrอ)ตนันุ • ไอโซโทป คอื อะตอมของธาตชุ นดิ เดยี วกนั ทม่ี จี าํ นวนโปรตอนเทา กนั แตม จี ํานวนนิวตรอนแตกตางกัน 30 เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ธาตุท่ีมีสัญลักษณนิวเคลียรเปน 3125A จะมีจํานวนโปรตอน ในการเรียนการสอน เรื่อง องคป ระกอบของอะตอม นักเรียนจะไดเ รยี นรู นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอนเปนเทา ใด ตามลาํ ดับ เก่ียวกับสัญลักษณนิวเคลียร โมเลกุล ไอออน และไอโซโทป ซึ่งจะไดเรียนรู เกี่ยวกับการคํานวณท่ีหลากหลายรูปแบบ ดังนั้น ครูอาจหาโจทยการคํานวณ 1. 15 15 และ 17 เกย่ี วกบั สญั ลกั ษณน วิ เคลยี ร โมเลกลุ ไอออน และไอโซโทป มาใหน กั เรยี นฝก ทาํ 2. 15 17 และ 15 เพม่ิ เติม เพือ่ ใหน กั เรยี นเกิดความเขาใจทถ่ี ูกตองมากข้นึ 3. 15 17 และ 17 4. 17 15 และ 15 5. 17 17 และ 15 (วเิ คราะหค าํ ตอบ ธาตทุ ม่ี สี ญั ลกั ษณน วิ เคลยี รเ ปน 1352A จะมจี าํ นวน โปรตอน = 15 มจี าํ นวนนิวตรอน = 32 - 15 = 17 และมจี ํานวน อิเล็กตรอนเทากับจํานวนโปรตอน = 15 ดังนั้น ตอบขอ 2.) T34
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ÇÔÇѲ¹Ò¡Òà ดิมิทรี อวิ าโนวชิ เมเดเลเอฟ 1 ขน้ั สอน ¢Í§¡ÒÃÊÌҧµÒÃÒ§¸ÒµØ กฎพิริออดิก : เมื่อนําธาตุมา อธบิ ายความรู้ เรียงลําดับตามน้ําหนักท่ีเพิ่มข้ึน โยฮันน เดอเบอไรเนอร จะไดกลุมของธาตุท่ีมีสมบัติทาง 5. ครูใหนักเรียนศึกษาคนควาเพ่ิมเติมจากแหลง เคมีและสมบัติทางกายภาพเปน เรียนรูตางๆ เก่ียวกับสมบัติของธาตุหมู 4A กฎชุดสาม : เม่ือจัดเรยี งธาตตุ าม ชดุ ๆ 5A 6A และยกตัวอยางธาตทุ รี่ ูจ ัก มวลอะตอมจากนอยไปหามาก มวลอะตอมของธาตทุ ีอ่ ยูตรงกลาง 6. ครูถามคําถามเพ่ือเชื่อมโยงสิ่งที่นักเรียนได จะเปน คา เฉลย่ี ของมวลอะตอมของ เรียนรูไปใชประโยชนในชีวิตประจําวัน โดย ธาตุตัวบนและตวั ลาง ใหนักเรียนคิดวา สามารถนําความรูเก่ียวกับ สมบัติของธาตุในหมูตางๆ ไปใชประโยชน จอหน นิวแลนด เฮนรี โมสลยี อยา งไรบาง กฎออกเตต : ถา นาํ ธาตมุ า 8 ธาตุ จัดเรียงธาตุตามเลขอะตอม เนื่องจาก 7. ครูสุมตัวแทนของนักเรียนแตละกลุม ออกมา แลว จดั เรยี งธาตตุ ามมวลจากนอ ย สมบัติตาง ๆ ของธาตุมีความสัมพันธ อธิบายเกยี่ วกับสมบตั ิของธาตุแตล ะกลุม แลว ไปหามาก ธาตุตัวท่ี 8 จะมสี มบัติ กบั โปรตอนในนวิ เคลยี สหรอื เลขอะตอม ครูใหนักเรียนซักถามขอสงสัย โดยครูคอย คลายคลึงกบั ธาตตุ ัวที่ 1 เสมอ มากกวามวลอะตอม และเปนตาราง อธิบายคําตอบจนนักเรียนเกิดความเขาใจ ธาตุท่ใี ชถ งึ ปจจุบนั ตรงกัน H1 1.01 18 8A Hydrogen 1 1A 2 2A 3 3B 4 4B 5 5B 6 6B 7 7B 8 8B 9 8B 10 8B 11 1B 12 2B 13 3A 14 4A 15 5A 16 6A 17 7A He2 4.003 1 Helium Li Be3 6.94 4 9.01 B C N O F Ne5 10.81 6 12.01 7 14.01 8 15.999 9 18.998 10 20.18 Lithium Beryllium 2Boron Carbon Nitrogen Oxygen Fluorine Neon Na Mg11 22.99 12 24.31 Al Si P S Cl Ar13 26.98 14 28.09 15 30.97 16 32.06 17 35.45 18 39.95 3 Aluminium Silicon Phosphorus Sulfur Chlorine Argon Sodium Magnesium K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga Ge As Se Br Kr19 39.10 20 40.08 21 44.96 22 47.90 23 50.94 24 51.996 25 54.94 26 55.85 27 58.93 28 58.70 29 63.55 30 65.37 31 69.72 32 72.59 33 74.92 34 78.96 35 79.90 36 83.80 Potassium Calcium Scandium Titanium Vanadium Chromium Manganese Iron Cobalt Nickel Copper Zinc 4Gallium Germanium Arsenic Selenium Bromine Krypton Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn Sb Te I Xe37 85.47 38 87.62 39 88.91 40 91.22 41 92.91 42 95.94 43 (98) 44 101.07 45 102.91 46 106.40 47 107.87 48 112.41 49 114.82 50 118.69 51 121.75 52 127.60 53 126.90 54 131.30 Rubidium Strontium Yttrium Zirconium Niobium Molybdenum Technetium Ruthenium Rhodium Palladium Silver Cadmium Indium Tin 5Antimony Tellurium Iodine Xenon Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb Bi Po At Rn55 132.91 56 137.33 57 138.91 72 178.49 73 180.95 74 183.85 75 189.21 76 190.20 77 192.22 78 195.09 79 196.97 80 200.59 81 204.37 82 207.19 83 208.98 84 (209) 85 (210) 86 (222) Cesium Barium Lanthanum Hafnium Tantalum Tungsten Rhenium Osmium Iridium Platinum Gold Mercury Thallium Lead 6Bismuth Polonium Astatine Radon Fr Ra Ac Rf Db Sg Bh Hs Mt Ds Rg Cn Nh Fl Mc Lv Ts Og87 (223) 88 226.03 89 227.03 104 (267) 105 (268) 106 (271) 107 (272) 108 (270) 109 (276) 110 (281) 111 (280) 112 (289) 113 (284) 114 (289) 115 (288) 115 (293) 117 294 118 (294) 7Francium Radium Actinium Rutherfordium Dubnium Seaborgium Bohrium Hassium Meitnerium Darmstadtium Roentgenium Copernicium Nihonium Flerovium Moscovium Livermorium Tennessine Oganesson Ce Pr Nd Pm Sm Eu Gd Tb Dy Ho Er Tm Yb Lu58 140.12 59 140.91 60 144.24 61 (145) 62 150.40 63 151.96 64 157.25 65 158.93 66 162.50 67 164.93 68 167.26 69 168.93 70 173.04 71 174.97 Cerium Praseodymium Neodymium Promethium Samarium Europium Gadolinium Terbium Dysprosium Holmium Erbium Thulium Ytterbium Lutetium Th Pa U Np Pu Am Cm Bk Cf Es Fm Md No Lr90 232.04 91 231.04 92 238.03 93 237.05 94 (244) 95 (243) 96 (247) 97 (247) 98 (251) 99 (252) 100 (257) 101 (260) 102 (259) 103 (262) Thorium Protactinium Uranium Neptunium Plutonium Americium Curium Berkelium Californium Einsteinium Fermium Mendelevium Nobelium Lawrencium ภาพท่ี 1.44 ววิ ัฒนาการของการสรา งตารางธาตุ ทมี่ า : คลังภาพ อจท. ÊÁºÑµÔ¢Í§¸ÒµØ ธาตอุ โลหะ ธาตุกง่ึ โลหะ ธาตโุ ลหะ • มีท้งั 3 สถานะ • มสี ถานะเปนของแขง็ • มีจุดเดอื ด จุดหลอมเหลว • มีจุดเดอื ด จดุ หลอมเหลว • มีสถานะเปน ของแข็ง และความหนาแนน ต่าํ และความหนาแนน สงู (ยกเวนปรอทเปน ของเหลว) • ไมน ําไฟฟา และความรอ น • นําไฟฟาได • มจี ดุ เดอื ด จุดหลอมเหลว (ยกเวน แกรไฟตสามารถนาํ ไฟฟาได) และความหนาแนนสูง • นาํ ไฟฟา และความรอ นไดด มี าก â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 31 ขอสอบเนน การคิด นักเรียนควรรู คาํ กลา วทวี่ า “ถา นาํ ธาตุ 8 ธาตุ มาจดั เรยี งจากมวลนอ ยไปหามาก 1 ดมิ ิทรี อิวาโนวชิ เมเดเลเอฟ ตารางพิริออดกิ (Periodic table) ที่เมเดเล- ธาตุตวั ท่ี 8 จะมีสมบัติคลา ยคลึงกับธาตตุ ัวท่ี 1 เสมอ” เปนตาราง เอฟคิดคน ขึน้ มา โดยใหจดั เรยี งธาตตุ ามลําดับของนํา้ หนักเชงิ อะตอม และแบง ธาตทุ ี่คดิ คน โดยนกั วทิ ยาศาสตรทานใด ธาตอุ อกเปน คาบและหมู ซงึ่ ธาตใุ นหมเู ดยี วกนั จะมคี ณุ สมบตั คิ ลา ยคลงึ กนั จาก ตารางนี้ทําใหเมเดเลเอฟสามารถทํานายคุณสมบัติของธาตุท่ียังไมถูกคนพบได 1. เฮนรี โมสลยี ในเวลาตอ มา เมอ่ื วทิ ยาศาสตรม คี วามกา วหนา ขนึ้ ความรเู กย่ี วกบั อะตอมมมี าก 2. จอหน นิวแลนด ขนึ้ นกั วทิ ยาศาสตรจ งึ ปรบั ปรงุ ตารางพริ อิ อดกิ ของเมเดเลเอฟอกี เลก็ นอ ย จนใน 3. โยฮันน เดอเบอไรเนอร ทส่ี ดุ กพ็ ฒั นามาเปน ตารางธาตทุ ใี่ ชก นั อยใู นปจ จบุ นั ทาํ ใหเ มเดเลเอฟถกู ยกยอ ง 4. ดิมทิ รี อิวาโนวิช เมเดเลเอฟ ใหเปน “บิดาแหง ตารางธาต”ุ 5. ลอรด เออรเนสต รัทเทอรฟ อรด (วิเคราะหคําตอบ จอหน นิวแลนดไดน าํ ธาตุมา 8 ธาตุ แลว จดั เรยี งตามธาตตุ ามมวลจากนอ ยไปหามาก ธาตตุ วั ท่ี 8 จะมีสมบตั ิ คลายคลึงกับธาตตุ วั ที่ 1 เสมอ ดงั น้นั ตอบขอ 2.) T35
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ÊÁºÑµÔáÅСÒÃ㪌»ÃÐ⪹ • มีความเปนอโลหะสูง มีความวองไวตอการเกิด ปฏิกิริยาเคมี ในธรรมชาติมักพบธาตุหมูน้ี ขยายความเขา้ ใจ ¨Ò¡¢Í§¸ÒµØºÒ§ª¹Ô´ ในลักษณะโมเลกุลคู เม่ือรวมตัวกับไฮโดรเจน จะมสี มบัติเปน กรดรุนแรง 1. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนสอบถามเนื้อหาเรื่อง • สวนใหญมีสีเงิน เปนโลหะเนื้อออน มีความเปน • ฟลอู อรนี (F) ใชประโยชนใ นรปู สารประกอบ เชน สมบัติของธาตุและการใชประโยชนวา มีสวน โลหะสงู มคี วามหนาแนน ต่าํ มคี วามวอ งไวในการ NaF ใชเ ตมิ ลงในยาสฟี น คลอรีน (Cl) นาํ มาเตมิ ไหนทย่ี งั ไมเ ขา ใจและใหค วามรเู พมิ่ เตมิ ในสว น เกดิ ปฏิกิริยาเคมีสูง ลงในน้ําหรือสระน้ํา เพื่อทําใหนํ้าสะอาด ไอโอดีน นน้ั โดยทค่ี รอู าจจะใช PowerPoint ชว ยในการ • ลเิ ทยี ม (Li) ใชเปน ขั้วแบตเตอรี่ โซเดยี ม (Na) ใช อธบิ ายเพิ่มเติม ประโยชนใ นรปู สารประกอบ เชน เกลอื แกง (NaCl) (I) ใชผลิตยาฆาเช้ือและสยี อ มผา ธาตุหมู 7A ผงฟู (NaHCO3) 2. ครใู หน กั เรยี นทําใบงาน เรื่อง สมบตั ขิ องธาตุ และการใชประโยชน ธาตุหมู 1A 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนสรุปผังมโนทัศน ภาพท่ี 1.45 สมบตั ขิ องธาตุ (Concept Mapping) เร่ือง สมบัติของธาตุ ในแตล ะหมู และการใชป ระโยชน แลว ใหนกั เรยี นทาํ Unit Question 1 สงเปน การบา นช่วั โมงถดั ไป ที่มา : คลงั ภาพ อจท. 4. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกหัดเพื่อทบทวน แลนทาไนด ความเขา ใจของนกั เรยี น จากแบบฝก หดั รายวชิ า พน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตรกายภาพ 1 (เคมี) ม.5 ธาตุหมู 2A แอกทไิ นด ธาตุหมู 8A ขน้ั สรปุ • สวนใหญมีสีเงนิ เปนโลหะเนอ้ื ออ น แตมีความแข็ง • เปนแกสไมมีสี ไมมีกล่ิน ละลายน้ําไดเล็กนอย และมีความหนาแนนมากกวาธาตุหมู 1A เกิด มคี วามวอ งไวในการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีตํา่ ตรวจสอบผล ปฏกิ ริ ิยาเคมีไดด ี แตร ุนแรงนอ ยกวา ธาตุหมู 1A • ฮีเลียม (He) บรรจุในบอลลูนหรือลูกโปงสวรรค • แมกนีเซยี ม (Mg) ใชเ ปน วตั ถุดบิ ในการผลติ โลหะ บรรจลุ งในถงั แกส สาํ หรบั นกั ประดานาํ้ นอี อน (Ne) ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ เกยี่ วกบั สมบตั ขิ อง และอารก อน (Ar) ใชบ รรจใุ นหลอดไฟฟา และบรรจุ ธาตุและการใชป ระโยชน โดยใหไดข อสรุป ดงั นี้ • แผสคมลอเซะลียมูม1เิ น(ียCมaแ) ลเะปแนมสกวนนีเซปยี รมะกอบท่ีสําคัญของ ในหลอดไฟโฆษณา คริปทอน (Kr) ใชบรรจุใน หลอดไฟแฟลชสําหรับถายรูปความเร็วสูง ซีนอน • ธาตุแบง ออกเปน ธาตุโลหะ อโลหะ และ โครงสรา งรา งกายของสิง่ มชี วี ติ (Xe) ใชเ ปนแกส ทช่ี วยใหส ลบ กึ่งโลหะ ธาตุแทรนซชิ ัน • ธาตโุ ลหะ มสี มบตั ิ ดงั น้ี มสี ถานะเปน ของแขง็ (ยกเวนปรอทเปนของเหลว) มีจุดเดือด • ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ งมสี ถานะเปน ของแขง็ (ยกเวน ปรอทเปน ของเหลว) มคี วามเปน โลหะนอ ยกวา โลหะหมู 1A และ 2A จุดหลอมเหลว และความหนาแนนสูง นํา มีจดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลว และความหนาแนนสงู นาํ ไฟฟา ได สามารถเกดิ สารประกอบไดหลายชนดิ รวมท้งั ความรอนและนําไฟฟาไดดีมาก สารประกอบเชงิ ซอนทม่ี ีสีสนั เฉพาะตวั • เหลก็ (Fe) เหล็กกลา ใชในงานกอสราง เปนสวนประกอบของลวดตะปู เหล็กเคลอื บผิวดวยสงั กะสีใชเ ปน สังกะสี • ธาตุอโลหะ มสี มบัติ ดงั น้ี มีทัง้ 3 สถานะ มงุ หลงั คา และทาํ กระปอ งบรรจอุ าหาร ทองแดง (Cu) ใชท าํ สายไฟฟา อปุ กรณไ ฟฟา ตา ง ๆ ทองแดงผสมสงั กะสี มจี ดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลว และความหนาแนน ใชทํากลอนประตู กญุ แจ กระดุม ทองแดงผสมดีบกุ ใชทาํ ระฆงั ลานนาฬกา สังกะสี (Zn) ใชทําขั้วของถา น ตาํ่ ไมน ําไฟฟา และไมนําความรอน (ยกเวน ไฟฉาย โครเมียม (Cr) ใชเ คลือบผิวของเหล็กและโลหะอน่ื ๆ และนํามาใชเ ปนสวนประกอบของเหลก็ กลา ผสม แกรไฟตส ามารถนําไฟฟาได) ที่ใชท าํ ตูนิรภยั เครื่องบนิ ไอพน จรวด และเรเดยี ม (Ra) ใชในการรักษาโรคมะเร็งได • ธาตกุ งึ่ โลหะ มสี ถานะเปน ของแขง็ มจี ดุ เดอื ด 32 จุดหลอมเหลว และความหนาแนนสูง นํา ไฟฟาไดด เี มอ่ื อณุ หภูมิสงู นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 แคลเซียม เปนแรธาตุที่มีอยูในรางกายมากกวาแรธาตุอื่นๆ จะทํางาน ขอ ใดไมใ ชป ระโยชนข องธาตุในหมู 8A รวมกับฟอสฟอรัสเพื่อชวยใหกระดูกและฟนแข็งแรง และจะทํางานรวมกับ 1. ใชบ รรจุในหลอดไฟฟา แมกนเี ซียม เพือ่ ชว ยใหห ัวใจและเสนเลอื ดมีความแข็งแรง โดยรอ ยละ 20 ของ 2. ใชเปนแกส ท่ีชวยใหสลบ แคลเซยี มในกระดกู ของวยั ผใู หญจ ะถกู ยอ ยสลายและสรา งใหมท กุ ป นอกจากน้ี 3. ใชเ ตมิ ลงในน้ําหรือสระน้ํา รา งกายจาํ เปนตอ งไดร บั วติ ามนิ ดีทเ่ี พียงพอ จึงจะสามารถดูดซึมแคลเซียมไดดี 4. ใชบ รรจลุ งในลูกโปง สวรรค 5. ใชบ รรจลุ งในหลอดไฟโฆษณา อาหารทีเ่ ปนแหลงของแคลเซียม ไดแ ก นมและผลติ ภัณฑจากนมทุกชนิด ชสี เตา หู ถวั่ เหลอื ง ถวั่ ลสิ ง เมล็ดทานตะวนั บรอกโคลี กะหลาํ่ ใบเขยี ว ปลา (วเิ คราะหค าํ ตอบ นอี อนและอารก อนนาํ มาใชบ รรจใุ นหลอดไฟฟา ซารด ีน ปลาแซลมอน สว นอาหารทม่ี ไี ขมนั กรดออกซาลกิ และกรดไฟติกใน และหลอดไฟโฆษณา ซีนอนใชเปนแกสที่ชวยใหสลบ ฮีเลียมใช ปริมาณมาก จะขดั ขวางการดูดซมึ ของแคลเซียมในรา งกาย บรรจลุ งในลกู โปง สวรรค คลอรนี ใชเ ตมิ ลงในนาํ้ หรอื สระนาํ้ ดงั นนั้ ตอบขอ 3.) T36
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ Self Check ขนั้ ประเมนิ ใหนักเรียนตรวจสอบความเขาใจ โดยตอบคําถามในตาราง หากนักเรียนตอบคําถามไมถูกตอง ตรวจสอบผล ใหนักเรียนกลับไปศกึ ษาทบทวนตามหวั ขอ ทก่ี ําหนดใหทา ยตาราง 1. ครูตรวจการนําเสนอขอมูลเกี่ยวกับสมบัติของ ถกู /ผิด ทบทวนทหี่ ัวขอ ธาตุตามหมู 1. แบบจาํ ลองอะตอมของโบรแ ละแบบจาํ ลองอะตอมแบบกลมุ หมอกตา งกนั 1.1 2. ครูสังเกตการทํากิจกรรม ปฏิกิริยาระหวาง ทก่ี ารเคลอื่ นที่ของอิเล็กตรอน โลหะบางชนดิ กับนํ้า 1.1 2. อะตอมมีลักษณะเปนรปู ทรงกลม ประกอบดวยอนภุ าคทีม่ ปี ระจบุ วก 3. ครูตรวจสอบผลจากใบงาน เรื่อง สมบัติของ และมอี ิเล็กตรอนซ่งึ มีประจุลบกระจายอยูท่วั อยางสม่ําเสมอ ขอ สรุปนี้ 1.1 ธาตแุ ละการใชป ระโยชน คอื แบบจาํ ลองอะตอมของรัทเทอรฟ อรด 1.2 4. ครตู รวจการทาํ แบบฝก หดั จาก Unit Question 3. การทดลองยิงอนุภาคแอลฟาไปยังแผน ทองคําทาํ ใหคนพบโปรตอนทม่ี ี 1.2 5. ตรวจแบบบันทกึ กจิ กรรม เรอื่ ง ปฏกิ ิริยา ประจบุ วก 1.2 ระหวางโลหะบางชนดิ กบั นํ้า 4. เลขอะตอมเปน ตัวเลขที่แสดงผลรวมของจาํ นวนโปรตอนและนิวตรอน 6. ครูวดั และประเมนิ ผลจากผงั มโนทัศนท่ี 5. เไทอาโซกโบั ทเปลขขออะงต1อ7มClคชือน1ิด7หนง่ึ มีเลขมวลเทา กบั 37 จะมีจํานวนโปรตอน 1.2 6. ธาตุ X มีอิเล็กตรอนเทา กบั 21 และมีเลขมวลเทา กบั 45 แสดงวา ธาตุ X 2. นกั เรยี นไดสรา งข้ึนจากขน้ั ขยายความรขู อง นกั เรยี นเปน รายบคุ คล จะมจี ํานวนอเิ ลก็ ตรอนเทากบั จํานวนอิเล็กตรอนของ 24Cr3+ 2. 7. ไอโซโทป คือ อะตอมของธาตุชนิดเดยี วกันท่มี ีจาํ นวนอเิ ล็กตรอนตา งกัน ับน ึทกลงในส ุมด 3.1 8. ตารางธาตุในปจจุบันจัดเรียงธาตุตามเลขอะตอม เพราะสมบัติของธาตุ 3.1 มคี วามสมั พันธกับจํานวนโปรตอนในนวิ เคลยี ส 3.2 9. อะลูมิเนยี ม (Al) จดั เปน ธาตใุ นกลมุ โลหะแทรนซชิ นั 10. ออกซเิ จนมีความหนาแนนสูงกวา อะลมู ิเนียม 11. ฮเี ลยี มนิยมนาํ มาใชบรรจใุ นลูกบอลลนู เนือ่ งจากเปนแกสท่ีไมมสี ี และไมมีกลิ่น 12. ฟลอู อรนี เปน ธาตุทีม่ ีกล่ินฉุน นิยมนํามาใชเ ปนสว นประกอบของยาสฟี น เพราะมฟี ลูออไรด ซ่ึงชวยปองกันฟนผุ แนวตอบ Self Check â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 33 1. ถกู 2. ผดิ 3. ผดิ 4. ผดิ 5. ถกู 6. ถกู 7. ผิด 8. ถูก 9. ผิด 10. ผดิ 11. ถกู 12. ถกู ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล สารคูใ ดตอไปนี้ประกอบดว ยธาตุมากกวา 2 ชนิด ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเกี่ยวกับสมบัติของธาตุและการใช 1. โซดาไฟและลกู เหมน็ ประโยชนไดจากผังมโนทัศนทน่ี กั เรียนไดสรา งขนึ้ ในขน้ั ขยายความรู โดยศึกษา 2. นา้ํ ตาลทรายและหนิ ปูน เกณฑการวดั และการประเมินผลจากแบบประเมนิ ชนิ้ งาน ภาระงาน (รวบยอด) 3. น้าํ และคารบอนไดออกไซด ที่แนบมาทายแผนการจดั การเรียนรู หนวยการเรียนรูที่ 1 โครงสรา งอะตอมและ 4. โซเดียมคลอไรดแ ละปูนขาว ตารางธาตุ 5. ซลิ กิ าและคารบ อนมอนอกไซด แบบประเมนิ ชนิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผนฯ เกณฑป ระเมนิ ผงั มโนทศั น (วเิ คราะหคําตอบ นํา้ ตาลทรายมสี ูตรเคมี คือ C12H22O11 มีธาตุ 3 ชนิด คอื C H และ O หินปูนมีสูตรเคมี คือ CaCO3 มีธาตุ 3 แบบประเมินผลงานผงั มโนทัศน ประเด็นทีประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 ชนดิ คือ Ca C และ O ดังน้นั ตอบขอ 2.) 32 คําชีแ จง : ใหผสู อนประเมินผลงาน/ชนิ งานของนักเรยี นตามรายการทีกําหนด แลว ขดี ลงในชองทีตรงกับระดับ 1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคลองกับ ผลงานสอดคลองกับ ผลงานสอดคลองกับ ผล งาน ไม ส อด ค ล อง คะแนน จดุ ประสงคทกี าํ หนด จุดประสงคท ุกประเด็น จดุ ประสงคเ ปนสวนใหญ จุดประสงคบางประเดน็ กับจดุ ประสงค ระดบั คณุ ภาพ 2. ผลงานมคี วาม เนือหาสาระของผลงาน เนือหาสาระของผลงาน เนือหาสาระของผลงาน เนือหาสาระของผลงาน 4 3 21 ลําดับที รายการประเมนิ ถูกตอ งสมบูรณ ถูกตอ งครบถว น ถูกตองเปนสว นใหญ ถกู ตองเปน บางประเดน็ ไมถูกตอ งเปน สว นใหญ 1 ความสอดคลองกบั จุดประสงค 3. ผลงานมคี วามคิด ผล งาน แ สด งออก ถึ ง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมีความนาสนใจ ผลงานไมแสดงแนวคิด สรา งสรรค 2 ความถูกตองของเนอื หา ค วาม คิ ด ส รางส รรค ใหมแตยังไมเปนระบบ แตยังไมมีแนวคิดแปลก ใหม 3 ความคิดสรางสรรค แ ป ล ก ให ม แ ล ะ เป น ใหม 4 ความตรงตอเวลา ระบบ รวม 4. ผลงานมีความเปน ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป น ผลงานสวนใหญมีความ ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป น ผลงานสวนใหญไมเปน ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง เป น ระเบี ย บ แ ต ยั งมี ระเบียบแตม ขี อ บกพรอง ร ะ เ บี ย บ แ ล ะ มี ข อ ความประณตี ขอ บกพรองเล็กนอ ย บางสวน บกพรอ งมาก ลงชือ ................................................... ผูป ระเมิน ............../................./................ เกณฑการตดั สินคุณภาพ ชวงคะแนน ระดับคุณภาพ 14–16 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช ตาํ กวา 8 ปรับปรงุ T372 1
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ แนวตอบ Unit Question Unit Question 1. C D A B คําชแี้ จง : ใหนักเรียนตอบคาํ ถามตอไปน้ี 2. แบบจําลองอะตอมของโบร อะตอมประกอบ 1. จากแบบจําลองอะตอมแบบตาง ๆ ตอ ไปน้ี ดวยนิวเคลียสอยูตรงกลาง มีโปรตอน และ นวิ ตรอนอยูภ ายใน สวนอิเล็กตรอนจะเคลื่อนท่ี A KMBL CD อยูโ ดยรอบเปน ระดับพลงั งาน สวนแบบจําลอง ภาพท่ี 1.46 แบบจําลองอะตอมแบบตางๆ อะตอมแบบกลุมหมอก อะตอมประกอบดวย ที่มา : คลังภาพ อจท. กลมุ หมอกของอเิ ลก็ ตรอนเคลอ่ื นทรี่ อบนวิ เคลยี ส อยา งรวดเรว็ ตลอดเวลาไปทว่ั ทง้ั อะตอม บรเิ วณ เรียงลําดับการพัฒนาแบบจําลองใหถูกตอง ทก่ี ลุม หมอกทึบ จะมีโอกาสท่จี ะพบอิเลก็ ตรอน มากกวาบรเิ วณท่มี กี ลมุ หมอกจาง 2. เปรียบเทียบความแตกตางของแบบจําลองอะตอมของโบรและแบบจําลองอะตอมแบบ กลมุ หมอก 3. ทอมสนั เปน นกั วทิ ยาศาสตรท ค่ี น พบอเิ ลก็ ตรอน ซง่ึ อเิ ลก็ ตรอนมปี ระจลุ บกระจายอยูทว่ั ใน 3. นกั วทิ ยาศาสตรทา นใดเปนผูคนพบอิเล็กตรอน และไดเ สนอวาอเิ ล็กตรอนมกี ารดาํ รงอยูใ น อะตอม อะตอมอยางไร 4. ไอออนบวกของไฮโดรเจน (H+) ไมม อี นุภาคมลู ฐานชนดิ ใด เพราะเหตุใด 4. H+ มจี าํ นวนโปรตอนเทา กบั 1 มจี าํ นวนนวิ ตรอน 5. ถเปานไอ1โซ.5โทเปทหา ขนองึ่ งขอ12ง6Cธาธตาุชตนุไิดอหโซนโึง่ ทมปปี นรจ้ีะะจมุในีอนนวิุภเาคคลมียูลสฐเปานนอ2ยา เงทลา ะขกอ่ีองนภุ 126าCค และมเี ลขมวล เทากับ 0 และมีจํานวนอิเล็กตรอนเทากับ 0 6. มธาีธตาุตAุใดBบา แงลทะ่ีเปCนมไอสี โญั ซลโทักปษกณันนเวิ พเครลาะียเรหเปตนุใด168A 167B และ 157C ตามลําดับ จงพิจารณาวา ดงั นัน้ H+ จึงขาดนิวตรอนและอิเลก็ ตรอน 7. กําหนดตารางแสดงจํานวนอนุภาคมูลฐานของอะตอม เลขมวล และเลขอะตอมของธาตุ 5. อเิ ล็กตรอน 12 อนุภาค โปรตอน 12 อนภุ าค ตา ง ๆ ให ดงั นี้ และนวิ ตรอน 6 อนุภาค ธาตุ จํานวนโปรตอน จาํ นวนนิวตรอน จาํ นวนอิเลก็ ตรอน เลขมวล เลขอะตอม 6. ธาตทุ เ่ี ปน ไอโซโทปกนั คอื อะตอมของธาตชุ นดิ 17 เดียวกันมีเลขอะตอมเทากัน แตมีเลขมวลตาง A 14 13 กัน หรือกลาวไดอ ีกอยา งหนง่ึ วา มีโปรตอนเทา กนั แตม ีนวิ ตรอนตา งกนั ดงั นัน้ ธาตุ B และ C B 11 12 จงึ เปน ไอโซโทปกัน C 35 7. ก. ธาตุ A อยใู นหมูท่ี 3 คาบที่ 3 ธาตุ B อยูในหมทู ่ี 1 คาบที่ 3 D 7 14 ธาตุ C อยใู นหมูท่ี 7 คาบท่ี 3 ธาตุ D อยูในหมูท่ี 5 คาบที่ 2 ก. ธาตุ A B C และ D อยใู นหมูใด และคาบใดของตารางธาตุ ข. สัญลกั ษณนิวเคลียรข องธาตุ A ควรเปน อยา งไร ข. 2173A ค. ธาตใุ ดบา งทจี่ ัดอยใู นหมูเดียวกับธาตโุ ซเดียม (Na) ค. ธาตโุ ซเดียมเปน ธาตใุ นหมู 1 ดงั นัน้ ธาตุที่ 34 อยูในหมูเ ดียวกันกบั ธาตโุ ซเดยี ม คือ ธาตุ B T38
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 8. จงอธิบายแนวโนมความเปนโลหะและอโลหะของธาตใุ นตารางธาตุ แนวตอบ Unit Question 9. ธาตุ X Y และ Z อยูในหมู 1A 3A และ 5A ตามลําดบั ธาตุใดมีจดุ เดือดตํา่ ท่ีสุด และธาตใุ ด 8. แนวโนมสมบัติของธาตุตางๆ ในตารางธาตุ นาํ ความรอ นไดดที ี่สุด ไดด ังตอ ไปนี้ 10. ธาตุใดในหมู 1A เปนโลหะมากท่ีสุด และธาตุใดในหมู 7A เปนอโลหะมากท่สี ดุ 1. ธาตุทางดานซายมือของตารางธาตุจะมี 11. ใหน กั เรยี นใชข อมลู ตอ ไปน้ตี อบคาํ ถาม สมบัติเปนธาตุโลหะ และความเปนธาตุ โลหะจะคอ ยๆ ลดลงจากซา ยไปขวา ธาตุ จาํ นวนโปรตอน จาํ นวนนวิ ตรอน จํานวนอิเลก็ ตรอน 2. ธาตุทางดานขวามือของตารางธาตุจะ W 11 11 12 มีสมบัติเปนธาตุอโลหะ และความเปน X 17 17 18 อโลหะจะคอยๆ ลดลงจากขวาไปซาย Y 20 20 20 Z 9 9 10 9. ธาตุ Z มจี ดุ เดอื ดตา่ํ ทส่ี ดุ และธาตุ X นาํ ความ รอนไดดที ส่ี ุด ก. ธาตใุ ดทมี่ สี มบัตใิ กลเ คียงกนั ข. ธาตใุ ดท่อี ยูในคาบเดยี วกันกบั ธาตุ W 10. ธาตุหมู 1A คือ ธาตุแฟรนเซียม (Fr) และ ค. ธาตใุ ดทอี่ ยใู นคาบท่ี 2 ธาตหุ มู 7A คือ ธาตฟุ ลอู อรนี (F) ง. สญั ลักษณนวิ เคลยี รของธาตุ Z ควรเปน อยางไร 12. ธาตชุ นดิ หนงึ่ มีเลขอะตอมเทา กับ 36 ธาตุนี้จะมสี มบตั อิ ยางไร 11. ก. ธาตุ X กบั Z 13. จากขอ มลู ที่กาํ หนดใหต อไปนี้ ข. ธาตุ X 2173Al3+ 4200Ca2+ 3157Cl- 2131Na+ ค. ธาตุ Z ใหน ักเรยี นพิจารณาวา มีไอออนใดบางทมี่ ีจํานวนอิเลก็ ตรอนเทากนั ง. 199Z 14. ใหน กั เรียนใชข อ มูลตอไปนต้ี อบคําถาม 12. เปน ธาตุสถานะแกส ยากตอการเกิด H He ปฏิกริ ิยาเคมี (1) Be B C (2) O F (3) Na (4) Al (5) P (6) (7) Ar 13. ไอออนท่มี ีจาํ นวนอิเล็กตรอนเทา กัน คอื 1217Al3+ กับ 1213Na+ และ 4200Ca2+ กับ 1375Cl - ก. สมบัตทิ ว่ั ไปของธาตุหมายเลข (3) เปน อยา งไร และอยูในหมใู ดของตารางธาตุ ข. จงระบสุ มบตั ิท่ีคลา ยคลงึ กนั ของธาตุหมายเลข (1) และ (4) 14. ก. เปนแกสท่ีเกิดปฏิกิริยาเคมียาก และเปน ค. ธาตุท่มี ีเลขอะตอมเทาใด จึงจะจดั อยใู นหมเู ดียวกบั ธาตหุ มายเลข (6) ธาตใุ นหมูที่ 8A ซึ่งเปน แกสเฉอ่ื ย 15. ใหนักเรียนยกตัวอยางการใชประโยชนของธาตุหมู 1A 2A 7A 8A และธาตุแทรนซิชัน ท่พี บในชีวติ ประจําวนั มาพอสงั เขป ข. มสี ถานะเปน ของแขง็ นาํ ไฟฟา และความ รอนไดด ี â¤Ã§ÊÌҧÍеÍÁáÅеÒÃÒ§¸ÒµØ 35 ค. ธาตุท่มี เี ลขอะตอม 52 15. ธาตุหมู 1A หรอื โลหะแอลคาไล เชน ลเิ ทียม (Li) มีสมบตั ดิ ดู ความรอนไดด ี มักใชในการถา ยเทความรอน ใชเปน ข้ัวแบตเตอรี่ ธาตหุ มู 2A หรือโลหะแอลคาไลนเ อริ ท เชน เบรลิ เลยี ม (Be) เปน โลหะซงึ่ มีสีเทาเหมือนเหล็ก แข็งแรง นํา้ หนักเบา แตเ ปราะ มกั ใชสาํ หรับเปน โลหะผสม เพอ่ื ทําใหโลหะแขง็ แกรงขนึ้ ธาตุหมู 7A หรือธาตแุ ฮโลเจน เชน คลอรีน (Cl) มสี ถานะเปนแกส มีสเี ขยี วอมเหลอื ง มนี า้ํ หนักมากกวา อากาศ และเปน พิษอยา งรายแรง มคี ณุ สมบัติ ในการฆาเชอื้ โรคไดด ี จงึ นิยมใชเตมิ ลงในนา้ํ หรอื ในสระนา้ํ ธาตุหมู 8A หรือแกสเฉื่อย เชน อารกอน (Ar) ใชเปนแกสบรรจุในหลอดไฟ เพื่อใหไสหลอดมีอายุการใชงานที่ยาวนานขึ้น นอกจากน้ี ยังใชบรรจุ ในหลอดไฟโฆษณาใหแ สงสีมว งนา้ํ เงนิ ธาตุแทรนซชิ ัน เชน ไทเทเนยี ม (Ti) ใชเ ปน โครงสรา งในการผลติ อาวธุ และอุปกรณทางทหาร ชิ้นสว นของเคร่อื งบนิ เคร่อื งไอพน ชิ้นสวนของจรวดนําวิถี และยานอวกาศ T39
Chapter Overview แผนการจัด ส่อื ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 การเกิด - หนงั สอื เรยี น 1. บ อกความหมายและ แบบสบื เสาะ - ตรวจแบบทดสอบ - ทกั ษะการวิเคราะห ์ - มีวนิ ยั พันธะเคมี รายวิชาพื้นฐาน อธิบายการเกดิ พันธะ หาความรู้ ก่อนเรยี น - ทักษะการสงั เกต - ใฝเ่ รียนรู้ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เคมไี ด ้ (K) (5Es - ตรวจใบงาน เรื่อง - ทกั ษะการนา� ความรู้ - มุ่งมั่นใน 2 (เคมี) ม.5 2. สบื คน้ ขอ้ มลู อภิปราย Instructional การเกิดพนั ธะเคมี ไปใช้ การทา� งาน - แบบฝกึ หัด เก่ียวกับการเกิดพันธะ Model) - สังเกตพฤติกรรม - มีความซอ่ื สตั ย์ ชั่วโมง รายวชิ าพืน้ ฐาน เคมีได้ (P) การท�างานกลมุ่ วิทยาศาสตร์กายภาพ 1 3. แสดงความเปน็ คน - สงั เกตพฤตกิ รรม แผนฯ ท่ี 2 (เคมี) ม.5 ชา่ งสงั เกต ชา่ งคดิ การท�างานรายบุคคล พันธะโคเวเลนต์ - ใบงาน ช่างสงสยั ใฝเ่ รยี นรู้ - สังเกตความมวี นิ ยั - PowerPoint และมุ่งมัน่ ในการ ใฝเ่ รียนร ู้ และมงุ่ มั่น 5 - แบบทดสอบก่อนเรยี น เสาะแสวงหาความร ู้ (A) ในการท�างาน ชวั่ โมง - หนงั สือเรียน 1. อธบิ ายการเกิดชนิด แบบสืบเสาะ - ตรวจใบงาน เรื่อง - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - มวี ินัย รายวิชาพนื้ ฐาน และสมบัตขิ องพนั ธะ หาความรู้ พันธะโคเวเลนต์ - ทกั ษะการสังเกต - ใฝเ่ รียนรู้ แผนฯ ท่ี 3 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 1 โคเวเลนต์ได้ (K) (5Es - ประเมินการนา� เสนอ - ทักษะการสอ่ื สาร - มงุ่ มั่นใน พันธะไอออนกิ (เคมี) ม.5 2. อธบิ ายความหมาย Instructional ผลงาน - ทกั ษะการทา� งานรว่ มกนั การทา� งาน - แบบฝึกหัด ของสภาพขวั้ ของพนั ธะ Model) - สงั เกตพฤติกรรม - ทักษะการนา� ความรู้ - มคี วามซ่อื สตั ย์ 5 รายวชิ าพนื้ ฐาน และสภาพขว้ั โมเลกุล การท�างานกลุ่ม ไปใช้ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 1 โคเวเลนตไ์ ด้ (K) - สงั เกตพฤติกรรม ชั่วโมง (เคม)ี ม.5 3. อธบิ ายชนดิ และลกั ษณะ การท�างานรายบุคคล - ใบงาน ของแรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ ง - สังเกตความมวี ินยั - PowerPoint โมเลกลุ โคเวเลนตไ์ ด ้ (K) ใฝเ่ รียนร ู้ และมงุ่ มั่น - QR Code 4. เขียนสูตรและอ่านชอ่ื ในการท�างาน - ภาพยนตรส์ ารคดีสน้ั สารประกอบโคเวเลนต์ Twig ได ้ (P) 5. แสดงความเปน็ คน ชา่ งสงั เกต ช่างคดิ ช่างสงสยั ใฝเ่ รยี นรู้ และมุง่ มั่นในการ เสาะแสวงหาความร ู้ (A) - แบบทดสอบหลงั เรียน 1. อธิบายความหมายของ แบบสบื เสาะ - ต รวจใบงาน เรอ่ื ง - ทกั ษะการวเิ คราะห์ - มวี ินยั - หนังสือเรยี น พันธะไอออนกิ ได ้ (K) หาความรู้ พันธะไอออนิก - ทกั ษะการสังเกต - ใฝเ่ รยี นรู้ รายวิชาพื้นฐาน 2. อธิบายกลไกในการ (5Es - สังเกตพฤตกิ รรม - ทักษะการส่อื สาร - มุ่งมัน่ ใน วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 1 เกดิ พันธะไอออนิกได้ Instructional การทา� งานกลมุ่ - ทกั ษะการท�างาน การท�างาน (เคมี) ม.5 (K) Model) - สงั เกตพฤตกิ รรม รว่ มกนั - มีความซอ่ื สัตย์ - แบบฝึกหดั 3. อธิบายสมบัตขิ อง การทา� งานรายบคุ คล - ทักษะการนา� ความรู้ รายวิชาพืน้ ฐาน สารประกอบไอออนกิ ได้ - สงั เกตความมวี นิ ัย ไปใช้ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ 1 (K) ใฝ่เรยี นรู ้ และม่งุ มัน่ (เคมี) ม.5 4. เขยี นสูตรและอ่านชื่อ ในการทา� งาน - ใบงาน สารประกอบไอออนกิ ได ้ - ตรวจแบบทดสอบ - PowerPoint (P) หลังเรยี น - QR Code 5. ความเปน็ คนชา่ งสงั เกต - ภาพยนตรส์ ารคดีสัน้ ชา่ งคดิ ช่างสงสัย Twig ใฝ่เรียนร้ ู และมงุ่ ม่นั ในการเสาะแสวงหา ความรู้ (A) T40
Chapter Concept Overview หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 การเกดิ พันธะเคมี อะตอมของธาตหุ รือสารประกอบไม่สามารถอยูเ่ ปน็ อิสระได ้ เนอื่ งจากความไมเ่ สถยี ร จึงต้องมกี ารรวมตวั กนั เพ่อื จัดอิเล็กตรอนให้เสถยี ร ทา� ให้เกิด แรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอะตอมขน้ึ เรียกว่า พันธะเคมี พนั ธะโคเวเลนต์ พนั ธะโคเวเลนต ์ คือ พนั ธะเคมที ี่เกิดจากอะตอมของธาตอุ โลหะกับธาตอุ โลหะเข้ามาสร้างแรงยดึ เหน่ียวตอ่ กนั โดยการใช้เวเลนซอ์ ิเล็กตรอนรว่ มกนั ชนิดของพนั ธะโคเวเลนต์ พนั ธะเดย่ี ว พันธะคู่ พนั ธะสาม เกิดจากอะตอมคู่ที่เข้ามาร่วมสร้างพันธะต่อกัน เกิดจากอะตอมคู่ท่ีเข้ามาร่วมสร้างพันธะต่อกัน เกิดจากอะตอมคทู่ ่เี ขา้ มารว่ มสร้างพันธะต่อกนั มกี ารใช้อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่ มีการใชอ้ เิ ล็กตรอนรว่ มกัน 2 คู่ มีการใช้อิเล็กตรอนรว่ มกัน 3 คู่ Cl Cl หรือ Cl Cl O C O หรอื O C O N N หรอื N N การอ่านชอ่ื สารประกอบโคเวเลนต์ • ใหอ้ ่านชอ่ื ของธาตุทอี่ ยขู่ ้างหน้าก่อน แล้วตามด้วยชื่อของธาตทุ อี่ ยู่ด้านหลัง โดยเปลี่ยนเสียงพยางคท์ า้ ยของธาตเุ ปน็ ไ-ด ์ (-ide) • ระบุจา� นวนอะตอมของธาต ุ (ตัวเลขทห่ี ้อยไว้หลังธาตุ) ไวห้ นา้ ช่อื ธาตุ โดยใช้ช่ือเลขในภาษากรกี 1 มอนอ (mono) 2 ได (di) 3 ไตร (tri) 4 เตตระ (tetra) 5 เพนตะ (penta) 6 เฮกซะ (hexa) 7 เฮปตะ (hepta) 8 ออกตะ (octa) 9 โนนะ (nona) 10 เดคะ (deca) สภาพขวั้ ของโมเลกุลโคเวเลนต์ แรงยึดเหนยี่ วระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ ขวั้ ของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แบง่ ออกเป็น 2 ลกั ษณะ แรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งโมเลกลุ โคเวเลนต์ แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภท • ขว้ั ของพันธะ พจิ ารณาได้จากการใช้อเิ ล็กตรอนร่วมกนั วา่ มคี า่ EN เท่ากนั • แรงแวนเดอรว์ าลส ์ แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื แรงลอนดอน ซง่ึ เปน็ หรือไม ่ ถ้าเท่ากนั จะไม่เกดิ ข้ัว แต่หากไม่เทา่ กนั จะเกิดขว้ั ของพนั ธะ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลโคเวเลนต์ท่ีไม่มีข้ัว และแรงขั้วคู่ Hδ+ Cδl− หรือ H Cl ซ่ึงเปน็ แรงดงึ ดดู ทีเ่ กิดขน้ึ กบั โมเลกลุ โคเวเลนตท์ ม่ี ีขวั้ • ขั้วของโมเลกุล เป็นผลรวมระหว่างขั้วของพนั ธะต่าง ๆ ทงั้ หมดในโมเลกลุ • พนั ธะไฮโดรเจน คอื แรงยดึ เหนย่ี วทเ่ี กดิ ขนึ้ ในโมเลกลุ โคเวเลนต์ โดยทศิ ทางของขว้ั จะหนั ไปทางขวั้ ลบ ขว้ั โมเลกลุ จะขน้ึ อยกู่ บั รปู รา่ งของโมเลกลุ ท่เี กิดจากอะตอม H ไปสรา้ งพนั ธะกับอะตอมของ F O หรือ N CO2 Oδ− Cδ+ δ+ Oδ−เขยี นทศิ ทางของแรง เปน็ ดงั น้ี C พนั ธะไอออนิก พนั ธะไอออนกิ คอื พนั ธะเคมที เี่ กดิ จากอะตอมของธาตโุ ลหะกบั ธาตอุ โลหะเขา้ มาสรา้ งแรงยดึ เหนย่ี วตอ่ กนั และแรงดงึ ดดู ทางไฟฟา้ ระหวา่ งไอออนบวก และไอออนลบของอะตอมทงั้ สอง การเขยี นสูตรและเรยี กชอื่ สารประกอบไอออนิก การเขยี นสตู รของสารประกอบไอออนิกจะเขยี นไอออนบวกของโลหะไว้ขา้ งหน้า ตามดว้ ยไอออนลบของอโลหะ และการอา่ นชื่อสารประกอบไอออนิก ใหอ้ า่ นตามลา� ดบั ของธาตทุ เี่ ขยี นในสตู ร คอื อา่ นชอ่ื โลหะหรอื ไอออนบวกกอ่ น แลว้ ตามดว้ ยชอื่ อโลหะหรอื ไอออนลบ โดยเปลยี่ นเสยี งพยางคท์ า้ ยเปน็ ไ-ด ์ (-ide) สมบตั ขิ องสารประกอบไอออนิก สว่ นใหญ่จะมีจดุ หลอมเหลวและจุดเดือดสงู ในภาวะปกติเปน็ ของแข็งจะไม่น�าไฟฟา้ แต่เมื่อหลอมเหลว หรืออย่ใู น รูปของสารละลายจะสามารถน�าไฟฟา้ ได้ พนั ธะโลหะ พนั ธะโลหะ คอื พนั ธะทเ่ี กดิ จากการนา� อเิ ลก็ ตรอนมาใชร้ ว่ มกนั ของธาตโุ ลหะ เกดิ แรงยดึ เหนย่ี วทแี่ ขง็ แรงมากระหวา่ งไอออนบวกนวิ เคลยี สกบั อเิ ลก็ ตรอน ที่เคลอื่ นที่อย่างอสิ ระไปท่ัวทง้ั กอ้ นของโลหะ สมบตั ิของโลหะ น�าไฟฟา้ ได้ดเี มือ่ เป็นของแข็ง แตจ่ ะน�าไฟฟา้ ไดล้ ดลงเม่อื เป็นของเหลว มีจดุ หลอมเหลวและจดุ เดือดสูง มีความเหนยี ว สามารถตัด ดัด หรอื ยดื ออก มคี วามหนาแน่นและมีผวิ มันวาว T41
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162