คมู่ อื เตรียมสอบบรรจเุ ข้ารับราชการ ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 296 *หมายเหตุ นอกจากกริยา wish แล้วยงั มบี างสำนวนทีเ่ ม่อื มปี ระโยคอื่นตอ่ ท้ายจะต้องใช้ Past Simple Tens หรอื Tens อน่ื ทันที ซึง่ ได้แกค่ ำว่า • as if ราวกับวา่ (ประโยคหนา้ เปน็ Present Simple ประโยคหลังเป็น Past Simple) • as though ราวกบั ว่า (ประโยคหน้าเป็น Past Simple ประโยคหลงั เปน็ Past perfect) • if only ถ้าหากว่า, ถา้ เพยี งวา่ (1.ถ้าประโยคหนา้ เป็น Past Simple ประโยคหลงั ต้องเป็น Future Simple in the Past 2. ถ้าประโยคหนา้ เปน็ Past perfect ประโยคหลังเปน็ Future perfect in the Past) • It’s time + Past ถึงเวลาแลว้ ท่ี... (ต่อทา้ ยตอ้ งใช้ Past Simple Tens) • I would rather + Past ผมอยากให้ (ต่อท้ายต้องใช้ Past Simple Tens) Active voice and passive voice Active voice คือ ประโยคทยี่ กเอาประธานมาเป็นผู้กระทำกริยา เชน่ . I wrote a letter yesterday. Passive voice คอื ประโยคท่ยี กเอาประธานมาเป็นผ้ถู ูกกระทำ เช่น. A letter was written by me yesterday. หลกั การเปลยี่ น Active voice เปน็ Passive voice 1. เอา Object ใน Active ไปเปน็ Subject ใน Passive 2. ใช้กริยา Verb to be ให้ถกู ตอ้ งตามพจน์(ประธาน) และ Tens เดิมของ Active 3. กรยิ าแทต้ อ้ งใช้ตัวเดิมกับ Active แต่ต้องเป็นช่องที่ 3 4. เอา Subject ในประโยค Active ไปเป็นกรรมตามหลงั บุรพบท by แล้วนำไปวางไว้หลังกรยิ าชอ่ งที่ 3 ในประโยค Passive Voice ตัวอย่างเช่น Active : He kicked a football yesterday. Passive : A football was kicked by him yesterday. โครงสร้างของประโยค Passive voice ทั้ง 12 Tens ในการเปลย่ี น Active ไปเปน็ Passive นั้นจะต้องคำนึงถึงเรอื่ ง Tens เป็นสำคญั โดยมหี ลกั ในการ ดังนี้- Present Simple = S + is, am, are V.3 + by……… Present Continuous = S + is, am, are + being + V.3 + by….. Present Perfect = S + has been, have been + V.3 +by… Present Per. Cont. = S + has been, have been + being + V.3 + by…….(ไม่นยิ มใช)้ Past Simple = S + was, were + V.3 + by….. Pas Continuous = S + was being, were being + V.3 + by……. เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คู่มือเตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหนง่ ครผู ูช้ ่วย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 297 Pas Perfect = S + had been + V.3 + by….. Past per. Conti. = S + had been being +V.3 + By…..(ไม่นิยมใช)้ Future Simple = S + will be, shall be + V.3 + by….. Future Continuous = S + will be, shall be + being + V.3 + by……… Future Perfect = S + will have, shall have + been + V.3 +by…. Future Per. Conti. = S + will have been being, shall have been being + V.3 + by..(ไม่นยิ มใช)้ เม่ือประโยค Active Voice มี Object 2 ตวั ถา้ ประโยคมี กรรม (Object) 2 ตวั คอื (1) Direct Object กรรมตรง คอื สิง่ ของ (2) Indirect Object กรรมรอง คือ บคุ คลอย่ดู ้วยกัน นยิ มเอากรรมรองคือบคุ คลไปเปน็ ประธานในประโยค หรอื จะเอา กรรมตรงข้ึนไปเป็นประธานก็ได้ แตต่ อ้ งใส่ to ข้างหนา้ กรรมรองคือบคุ คลนน้ั ด้วยเสมอไป เชน่ Active : The teacher gave me a book yesterday. Passive : I was given a book by the teacher yesterday. Passive : A book was given to me by the teacher yesterday. *คำบางคำไม่นิยมนำเอาไปเป็นกรรม (Object) แตจ่ ะละไวใ้ นฐานะทเ่ี ขา้ ใจกนั อยแู่ ลว้ ซึ่งได้แก่คำวา่ Anybody, They, We, People, No one, Someone, Somebody, Anyone, เชน่ .. Active : No one likes this picture. ไมม่ ีใครชอบภาพนี้ Passive : This picture isn’t liked. ( no “by no one”) ภาพนีไ้ ม่มีใครชอบ *ถา้ ประโยค Active Voice เป็นประโยคคำสงั่ และหากเปลยี่ นเปน็ ประโยค Passive Voice ให้ทำตาม โครงสรา้ งรปู ประโยคดังนี้ Let + Object + Be + Verb 3 เชน่ . Active : Open the window. เปดิ หนา้ ตา่ งดว้ ย Passive : Let the window be opened. ใหห้ นา้ ตา่ งถูกเปิดด้วย สรุป 1. ประโยค Passive voice ต้องมี Verb to be อย่ขู า้ งหนา้ กรยิ าชอ่ ง 3 2. ประโยค Active Voice ท่ีไมม่ ีกรรม (Object) ห้ามนำมาแต่งเป็น Passive voice โดยเดด็ ขาด 3. การนำเอา Subject ในประโยค Active มาเรียงตามหลัง by ในประโยค Passive นั้น ถ้าผู้พูด แน่ใจว่าผ้ฟู งั จะเข้าใจวา่ สิ่งนั้น ๆ ถกู ใครหรืออะไรทำเชน่ น้ี จะใส่ by เขา้ มาทกุ ครง้ั ท่ีพดู กไ็ ด้ แต่ถ้าม่ันใจว่าผู้ฟัง เข้าใจดีวา่ ส่ิงนนั้ ถกู อะไรหรือใครทำเช่นน้ี จะไม่ใส่เขา้ มาทกุ ครัง้ ทีพ่ ูดก็ได้ เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มือเตรียมสอบบรรจเุ ข้ารับราชการ ตำแหน่งครผู ู้ชว่ ย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 298 คำสนทนาทีจ่ ำเปน็ เรามาเรม่ิ จากการแนะนำตนเอง… Let me introduce myself. (ขออนุญาตแนะนำตัวเอง) May I introduce myself? (ขออนญุ าตแนะนำตัวเอง) I’m/My name’s Udom Chaiyo. (ผมช่อื อุดม ไชโย) I’m Thai. (ฉนั เป็นคนไทย) I’m from Thailand. (ผมมาจากประเทศไทย) I’m a student at …….. College/University. (ฉันเปน็ นกั เรยี นทีว่ ทิ ยาลัย …..) I study at …………… College/University. (ผมเรียนอยทู่ ี่วทิ ยาลัย …..) I’m teaching at …………… College/University. (ผมสอนอยทู่ ว่ี ทิ ยาลยั …..) I’m a teacher of ….. at ….. College/University. (ผมเป็นครวู ชิ า ….. ที่วิทยาลัย …..) I work at ….. College/University. (ฉนั ทำงานท่ีวิทยาลยั …..) I live in Chonburi. (ผมอยชู่ ลบุร)ี I’m in the first year. (ผมอยปู่ ี 1) I’m a second year student. (ฉนั เปน็ นักเรยี นปี 2) I study ………………. (ผมเรยี นสาขา ……..) My field of study is …………. (สาขาวชิ าทีผ่ มเรียนคอื …………) My college is in Rayong. (วิทยาลัยฉนั อยทู่ รี่ ะยอง) การแนะนำผอู้ น่ื This is Peter. (นค่ี ือปเี ตอร)์ I’d like you to know Peter. (ผมอยากใหค้ ณุ ร้จู กั ปีเตอร)์ I’d like to introduce you to Wanna. (ผมอยากแนะนำคณุ ให้รจู้ กั วรรณา) I want to introduce my friend May. (ผมอยากจะแนะนำเมย์เพื่อนผม) I want you to meet my friend John. (ผมอยากใหค้ ณุ พบจอหน์ เพ่ือนผม) Here’s Sawat and that’s Suphon. (น่ีสวสั ดิ์ และนน่ั สุพล) คำแสดงความยินดีทไี่ ด้รูจ้ กั ไดแ้ ก่ (It’s) nice/good to meet/see you. (I’m) pleased to meet/see you. (I’m) glad to meet/see you. It’s a pleasure to meet you. การตอบ ให้เพิ่มคำว่า too ทหี่ มายถึง ‘เช่นเดยี วกนั ’ เช่น Nice to see you, too. (ยนิ ดีที่ไดร้ ู้จกั เช่นเดียวกัน) เตรียมสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 299 ข้อมูลส่วนตวั How old are you? (คณุ อายเุ ท่าไร) (I’m) seventeen. (ผมอายุ 17 ป)ี How tall are you? (คุณสูงเทา่ ไร) I’m 170 centimeters tall. (ฉันสูง 170 ซ.ม.) How much do you weigh? (คณุ หนกั เทา่ ไร) (I weigh) 65 kilograms. (ผมหนกั 65 กิโลกรัม) ข้อมลู ครอบครวั How many people are there in your family? (ครอบครวั ของคณุ มีสมาชกิ ก่คี น?) How many brothers and sisters do you have? (คุณมีพ่ีน้องกค่ี น) I have 2 brothers/sisters. (ผมมีพีน่ อ้ งผู้ชาย/หญิง 2 คน) I don’t have any brothers or sisters. (ผมไม่มีพีน่ ้องเลย) There are 7 people in my family. (ครอบครวั ผมมี 7 คนด้วยกนั ) My grandparents live with us. (ปู่ ยา่ (ตา ยาย) อยู่กับเราดว้ ย) What does your father do? (พอ่ ของคณุ ทำงานอะไร) My father is a teacher. (พอ่ ผมเปน็ ครู) Does your mother work? (แมข่ องคุณทำงานหรือเปลา่ ) She works with government. (แม่เปน็ ขา้ ราชการ) She doesn’t work. (แม่ไมไ่ ดท้ ำงาน) What do you want to be (in the future)? (คุณอยากเป็นอะไร (ในอนาคต)) I want to be a pilot. (ผมอยากเปน็ นกั บนิ ) I haven’t decided yet. (ยังไมไ่ ด้ตัดสินใจ) การขอบคณุ (Thanking) การขอบคุณ สำนวนทใ่ี ชใ้ นการขอบคุณ ไดแ้ ก่ Thanks you (very much). (ขอบคุณ (มาก)) Thanks (a lot). (ขอบใจ (มาก)) Thank you for …………….. (ขอบคุณสำหรบั ) เช่น Thank you for your present. (ขอบคุณสำหรับของขวญั ) Thank you for everything. (ขอบคณุ สำหรับทกุ อยา่ ง) Thank you for your help. (ขอบคุณสำหรบั ความชว่ ยเหลือของคุณ) I really appreciate that. (ผมรู้สกึ ประทบั ใจจรงิ ๆ ) เตรียมสอบครผู ู้ชว่ ย By ทีมฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คมู่ ือเตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหน่งครูผ้ชู ่วย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 300 การตอบรบั คำขอบคณุ You’re welcome. (ไม่เป็นไร) Don’t mention it. (ไมเ่ ปน็ ไร) Not at all. (ไม่เป็นไร) It’s nothing. (ไม่เป็นไร) That’s all right. /That’s O.K. (ไม่เปน็ ไร) (It’s) a pleasure. (ด้วยความยินด)ี My pleasure./With pleasure. (ดว้ ยความยนิ ด)ี Don’t worry (about it). (อยา่ กงั วลไปเลย) No problem. (ไมม่ ีปญั หา) การขอโทษ (Apologizing) การขอโทษ สำนวนทใ่ี ช้ในการขอโทษ ได้แก่ I’m sorry. (ผมขอโทษ) I’m sorry. I’m late. (ขอโทษที่มาช้า) I’m sorry I troubled you. (ขอโทษทท่ี ำให้ต้องลำบาก) Excuse me, please. (ขอโทษครับ/ค่ะ) Excuse me for interrupting. (ขอโทษทรี่ บกวน) Excuse me for a moment. (ขอโทษขอเวลาสักครู)่ การให้อภยั สำนวนทีใ่ ชใ้ นการตอบรบั คำขอโทษ That’s all right. (ไม่เปน็ ไร (ตอบรับคำขอโทษ)) Don’t worry (about it). (อยา่ กงั วลไปเลย) No problem. (ไม่มีปญั หา) That’s O.K. หรอื I’m O.K. (ไม่เปน็ ไร หรอื ผมไมเ่ ปน็ ไร) การถามเวลา (Asking for Time) Excuse me. What time is it? (ขอโทษครบั กี่โมงแล้วครบั ) Could you tell me the time, please? (ขอโทษครบั กโ่ี มงแลว้ ) Do you have a time? (ก่โี มงแล้ว (คณุ มีนาฬิกาไหม)) (It's) seven o'clock. (7 นาฬกิ า) Six twenty/Twenty past six (6.20) Five to four/Three fifty-five (3.55) A quarter past eight/Eight fifteen (8.15) Half past ten/Ten thirty (10.30) เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คมู่ ือเตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารับราชการ ตำแหน่งครผู ชู้ ่วย ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 301 A quarter to ten/Nine forty-five (9.45) Noon (เทีย่ งวัน) Midnight (เทยี่ งคืน) In the morning (ตอนเช้า) In the afternoon (ตอนบ่าย) In the evening (ตอนเย็น) At night (ตอนกลางคืน) การขออนญุ าต การขออนุญาต (Asking for Permission) เป็นการแสดงความสุภาพทางสงั คมท่ีเราพึงกระทำ ใน ภาษาองั กฤษ เราสามารถใช้ can, could และ may ขึ้นตน้ ประโยคในการขออนญุ าตในรูปแบบทว่ั ๆ ไป เชน่ Can I use this computer? (ขออนญุ าตใชค้ อมพิวเตอรเ์ คร่อื งน้ีไดไ้ หมครบั ) Could I use your umbrella? ขอใช้รม่ หนอ่ ยได้ไหมคะ) Can I use your computer, please? (ขอใชค้ อมพวิ เตอร์ของคณุ ได้ไหม) Can I use your telephone for a minute. (ขอใช้โทรศัพท์คณุ สกั ครไู่ ดไ้ หม) Could I borrow some money from you, please. (คณุ มเี งนิ ให้ผมยืมบา้ งไหม) Could I possibly borrow your calculator. (เป็นไปได้ไหมทีฉ่ ันจะยมื เครอื่ งคดิ เลขของคุณ) May I go out. (ขออนญุ าตออกไปข้างนอกได้ไหมครบั ) May I turn off the fan. (ฉนั ขออนญุ าตเปิดพดั ลมไดไ้ หม) *และในการอนญุ าต เราสามารถใช้ can หรือ may ในรูปทั่วไปไดเ้ ชน่ กัน เชน่ You can use this computer. หรอื You may use this computer. (เชญิ ใชค้ อมพิวเตอร์ได)้ *** May เป็นภาษาแบบทางการ นยิ มใชน้ อ้ ยกว่า can หรอื could / could นัน้ จะสภุ าพและเป็นทางการ กวา่ can นอกจากน้ยี งั มวี ลขี ้ึนตน้ ประโยคแสดงการขออนุญาตแบบสุภาพอนื่ ๆ อกี มากมาย เช่น Do/Would you mind if I open the window? (คณุ จะวา่ อะไรไหม/ จะรังเกยี จอะไรไหมถ้าจะขอเปดิ หน้าตา่ ง) Do/ Would you mind if I turn up the heating? (จะวา่ อะไรไหมถา้ ฉนั จะเพ่ิมความร้อน?) Do/ Would you mind if I could sit here. (จะรงั เกียจไหมถา้ ฉนั จะขอน่ังตรงน)้ี Would you mind if I borrow your book today? (คณุ จะรังเกยี จไหมถา้ วันน้จี ะขอยืมหนังสอื ?) Would you mind if I turned up the heating? (จะว่าอะไรไหมถา้ ฉนั จะเพ่ิมความร้อน?) Would you mind if I closed the window? (จะรังเกียจไหมถา้ ฉันจะปิดหนา้ ตา่ ง?) *** หมายเหตุ กรยิ าท่ใี ชห้ ลังประโยค Do you mind if I ...+ V1 กรยิ าทใี่ ชห้ ลังประโยค Would you mind if I ....+ V2 Is it alright if I drive a bit faster? (จะเปน็ ไรไหมถา้ จะขอขบั เร็วกวา่ น้ีซกั หนอ่ ย?) Is it all right if I open the door? (จะเปน็ ไรไหมถา้ ฉันจะเปดิ ประตู?) เตรียมสอบครผู ู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คูม่ อื เตรียมสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหน่งครผู ู้ชว่ ย ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 302 Will you let me help you with this? (ใหฉ้ นั ช่วยคณุ ไหม?) I wonder if I could borrow some money. (ไมท่ ราบวา่ จะขอยืมเงินหนอ่ ยได้ไหม) I wonder if I could use your camera. (ไม่ทราบวา่ จะขออนญุ าตใชก้ ลอ้ งคุณได้ไหม) Would it be possible to leave the office early today. (วนั นจ้ี ะขอเลิกงานเร็วหนอ่ ยได้ไหม ครบั ) It would be grateful if you could give permission for me to leave for vacation. (จะเป็น ความกรณุ าอยา่ งยิ่งถา้ คุณจะอนญุ าตให้ผมลาพกั รอ้ นได้) Do you think I could borrow your car. (คณุ จะให้ผมยืมรถหน่อยได้ไหม) Let me ............. / Would you let me........?. (ฉนั ขอ..../ฉันขออนุญาต.........ไดไ้ หม?) Excuse me, I want to........../ I'd like to...... (ขออนญุ าตนะ ฉนั อยากจะ.............) นอกจากน้ัน เรายังอาจแบง่ การใชอ้ อกเปน็ ภาษาแบบทางการ และไมเ่ ปน็ ทางการ แบบทางการ (Formal) Would it be possible to leave the class today? (ขออนุญาตหยุดเรียนวนั นี้ไดไ้ หมครับ?) May I have permission to hand the homework tomorrow ขออนญุ าตสง่ งานวันพรุง่ น้ไี ด้ไหมครบั It would be grateful if you could give me permission to do this job. จะเป็นความกรณุ าอย่างยง่ิ ถ้าใหผ้ มไดร้ ับงานน้ี Would you mind if I send the paper today คณุ จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะสง่ เอกสารวนั นี้ แบบไมเ่ ป็นทางการ (Informal) Will you let me drive you home ใหผ้ มไปสง่ ได้ไหม Is it alright if I could borrow your calculator จะว่าอะไรไหมถา้ ผมขอยืมเคร่ืองคดิ เลขหนอ่ ย I wonder if I can use this pen. จะวา่ ไหมถ้าขอใช้ปากกาหน่อย Do you mind if I turn on television จะวา่ ไหมถา้ จะเปิดทีวี Can I borrow your pencil ขอยมื ดินสอหน่อยไดไ้ หม เตรียมสอบครูผู้ช่วย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
ค่มู อื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 303 การให้อนญุ าต หรือการปฏเิ สธคำขออนญุ าตสามารถทำไดห้ ลายแบบ เชน่ แบบเปน็ ทางการ (Formal) I’m sorry. But I have to use it today. (ขอโทษนะ แตว่ ันนีผ้ มต้องใช)้ I regret to inform you that I can’t lend you money. (ผมเสยี ใจทีจ่ ะตอ้ งบอกว่าผมให้คณุ ยมื เงินไมไ่ ด)้ There will be no problem about that. (ไดเ้ ลยครับไมม่ ปี ญั หา) Please do. (เชญิ เลยครับ) Certainly (ยนิ ดีครบั ) แบบไมเ่ ป็นทางการ (Informal) No, I’m afraid you can’t. (ผมคงจะใหไ้ ม่ได้) Yes, but don’t be too late. (ได้ แตอ่ ย่านานนักนะ) Not at all. (ไดเ้ ลยคะ่ ไมร่ ังเกียจอะไร) Of course (แนน่ อน) Of course not (ไม่ได)้ Go ahead. (เอาเลย) No. Go ahead. (ไมเ่ ลย ตามสบาย) Surely (แน่นอน) Alright (ได้เลย) I don’t think so. (อยา่ ดกี วา่ ) You’re not supposed to. (คณุ ทำแบบน้ันไม่ได้หรอก) ทักษะทสี่ ำคญั ในการทำขอ้ สอบสว่ นการอา่ น ทักษะสำคญั ในการทำขอ้ สอบ Reading เทคนคิ ของการอา่ นเพ่ือจับใจความนั้นประกอบด้วย 3 Methods อันไดแ้ ก่ Skimming, Scanning และการอา่ นแบบ in Details ซึ่งเปน็ 3 เทคนิคต้องใชร้ ว่ มกนั เสมอ เพอ่ื การทำข้อสอบพารท์ Reading ใหม้ ี ประสิทธภิ าพมากท่ีสดุ ได้แก่ การอา่ นแบบ Skimming Reading เปน็ เทคนคิ ในการอา่ น โดยอา่ นเน้ือหาท้งั หมดแบบครา่ ว ๆ ผ่าน ๆ เพอ่ื ค้นหา Main ideas หรอื ประเด็นและใจความสำคญั ของบทความนนั้ ๆ ว่าเกย่ี วกบั อะไร ซงึ่ สามารถเปน็ ได้ ท้ังการอ่านแคส่ องสาม ประโยคแรกแลว้ ข้ามบรรทัด หรอื อา่ นเฉพาะประโยคและวลีสำคัญ ๆ ประกอบกบั กวาดสายตาดบู รบิ ทหรือ เน้อื หารวม ๆ เป็นตน้ เตรียมสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
ค่มู อื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 304 Skimming Reading จะมปี ระโยชนใ์ นการหาคำตอบบางชนดิ เชน่ • เม่ือตอ้ งการหา Main ideas หรือประเดน็ หลัก ใจความสำคัญของเรอื่ ง • เมอ่ื ตอ้ งการคำตแบทเ่ี กย่ี วกับ Purpose วตั ถปุ ระสงคห์ ลกั หรือเจตนาของผเู้ ขียน • เมอ่ื ต้องการทราบเก่ียวกบั Mood & Tone อารมณ์ ความรู้สกึ หรือทศั นคติของผเู้ ขยี น (Attitude) • เมอ่ื ตอ้ งคน้ หาการตคี วาม หรอื Implication บางอย่างที่ซ่อนอยูใ่ นบทความ • เมอ่ื ต้องการหาขอ้ ความเสรมิ /การขยายความ หรอื ทเ่ี รยี กว่า Further Application Ideas อนั ได้แก่ ขอ้ ความหรอื ประโยคท่นี ำมาเสริมหรอื สนับสนนุ ใจความหลกั ของเรอ่ื งตา่ ง ๆ การอ่านแบบ Skimming จะช่วยประหยัดเวลาในการอ่าน และควรทำเป็นอย่างแรก เพื่อให้ สามารถมองเห็นภาพรวมคร่าว ๆ ว่าเนื้อหาที่ได้อ่านนั้น เกี่ยวข้องกับอะไร โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาอ่าน รายละเอยี ดตลอดทง้ั เรื่อง การอ่านแบบ Scanning Reading เทคนคิ ของ Scanning คือ การกวาดสายตาเพ่อื คน้ หาขอ้ มูลเฉพาะ เชน่ ตัวเลข วันท่ี สถานท่ี ศัพท์ เฉพาะ หรอื ช่อื คน ฯลฯ เหลา่ นเ้ี ปน็ ต้น โดยไม่ตอ้ งอ่านขอ้ ความหรือประโยคทั้งบรรทัด Skimming Reading จะมปี ระโยชน์ในการหาคำตอบบางชนิด เชน่ • พวก Specific Details ต่าง ๆ อยา่ งที่กลา่ วไปแลว้ เช่น ชือ่ คน ตวั เลข วนั ที่ ช่ือสถานที่ ฯลฯ • Reference หรอื การอ้างอิงต่าง ๆ ว่าอยู่ตรงส่วนไหน • การหาโครงสร้างเชิงเหตุผล หรอื Logical Structure • การหาความหมายของคำศัพทต์ ามบรบิ ท หรอื Contextual Meaning Scanning Reading จึงแตกต่างจาก Skimming ตรงท่เี ป็นการหาขอ้ มลู เฉพาะลว้ น ๆ ซง่ึ จะสามารถใช้ เทคนคิ นที้ ้ังกอ่ นเริ่มอ่านบทความ (โดยดจู ากพวกตวั Bold (ตัวหนา) ตา่ ง ๆ) และหลงั จากอา่ นคำถาม เสร็จ การอ่านแบบ Details Reading แมว้ ่า Details Reading จะไมใ่ ชเ่ ทคนคิ ในการอา่ นเรว็ หรอื ช่วยประหยัดเวลาแบบ Skimming หรอื Scanning แตก่ ม็ ีความสำคญั มากเช่นเดียวกนั และต้องใช้ควบคไู่ ปกบั ท้งั สองเทคนคิ ดังกลา่ วเสมอ น่ันคอื เริ่ม จากอ่านแบบ Skimming เพ่ือหา Main Idea กอ่ น ตอ่ ดว้ ย Scanning เพอ่ื หาคำตอบหรอื ข้อมูลเฉพาะ จากน้ันก็อา่ นแบบ in Details เพื่อตรวจสอบความถกู ต้อง และตอบคำถามทตี่ อ้ งใช้การวิเคราะห์ การอ่านแบบ Details Reading คือการอ่านอย่างละเอียดรอบคอบและลกึ ซ้ึง จำเปน็ อย่างมากในบทความหรอื เนือ้ หาท่ตี อ้ งการการตีความ หรอื ต้องการความชัดเจน และเป็นตวั ท่จี ะช่วยใหค้ ้นพบคำตอบที่ถกู ตอ้ งทส่ี ุด ทัง้ น้ี Details Reading จะมปี ระโยชนใ์ นการหาคำตอบเชน่ เดียวกบั Skimming Reading แต่ในระดับลง รายละเอียดและลกึ ซึง้ กว่า เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คมู่ อื เตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 305 อยา่ งไรก็ดี เทคนคิ ตา่ ง ๆ ในการทำขอ้ สอบ Reading อยา่ งรวดเร็วและมปี ระสทิ ธิภาพสงู สุด จะเกิด ประโยชนม์ ากทสี่ ดุ กต็ ่อเมอ่ื มคี ลังคำศัพทอ์ ยูใ่ นสมอง หรอื รจู้ กั คำศพั ท์ตา่ ง ๆ ทปี่ รากฏอยใู่ นข้อสอบมา พอสมควรแลว้ เทา่ นั้น จึงแนะนำใหห้ มัน่ ทอ่ งจำศพั ทใ์ หม่ ๆ หรอื ฝกึ อา่ นเพอ่ื เดาความหมายศพั ทจ์ ากบริบท รอบขา้ ง ควบค่กู บั การใชเ้ ทคนิคการอ่านทั้งสามแบบ จะช่วยใหป้ ระสบความสำเร็จในการทำขอ้ สอบพาร์ท Reading ดังทห่ี วงั เอาไว้ เตรียมสอบครูผู้ชว่ ย By ทีมฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 306 แนวข้อสอบภาษาอังกฤษพ้นื ฐานที่เกย่ี วข้องกับการปฏบิ ตั งิ านตำแหน่งครูผชู้ ่วย Direction: Choose the best answer. Conversation (การสนทนา) 1. A : Hello. My name is Somchai. What’s your name? B : Hello. I’m Prakid. Nice to meet you. A : ….. 1. I don’t know. 2. Thank you very much. 3. Congratulations. 4. Nice to meet you, too. 2. Malee : I’m going to Bangkok this holiday. Sunee : ….. 1. Not at all. 2. See you tomorrow. 3. Have a wonderful time. 4. Hope to meet you again. 3. Pranee : This is the present for your birthday. Prapa : Thank you very much, Pranee : ….. 1. You’re welcome. 2. I’m sorry. 3. That’s right. 4. See you again. 4. Preecha : Where are you going? Santi : I’m going to buy something at Silom. Preecha : Oh! I’m going there too. Santi : Really? ….. Preecha : Sure! 1. Can you go with me? 2. Can we go somewhere to eat? 3. Can I go with you? 4. Can you call a taxi, please? 5. On the plane Tony : My name is Tony. What’s your name? Sam : My name is Sam. Nice to meet you. Tony : It’s a pleasure. This is my first trip to Thailand. Sam : Really? ….. Tony : I’m from America. เตรียมสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหน่งครูผชู้ ว่ ย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 307 1. Where are you from? 2. Where were you born? 3. Where are you staying? 4. Where do you live? 6. Robert : What are you going to do this afternoon? Jane : I plan to go to the beach. Robert : Are you going to make a sand castle? Jane : No. I want to ride a banana boat. Do you want to come with me? Robert : Sure. ….. 1. You’re welcome. 2. Let’s go. 3. Not too bad. 4. Thank you. 7. Mary : Would you mind carrying this box for me? Jack : ….. My pleasure. 1. Yes, I would. 2. Not at all. 3. Certainly. 4. Of course. 8. Kim : Would you pass that cup, please? Eric : OK. ….. 1. Here I am. 2. There it is. 3. Here you are. 4. Thanks a lot. 9. Linda : I still have a fever, so I need to stay longer at the hospital. Sarah : Sorry to hear that. ….. 1. With pleasure. 2. Get better soon. 3. Congratulations. 4. Have a safe trip. 10. Natalie : I forgot my pencil. ….. Yumiko : Certainly. 1. Could I borrow yours? 2. Could you borrow one? 3. Could I give it to you? 4. Would you like one? 11. At the bank Cashier : ….. Customer : Yes, please. I’d like to send $50 to Myanmar. 1. How do you do? 2. Hello! Nice to meet you. 3. Can I help you, sir? 4. What do you want? เตรียมสอบครผู ู้ชว่ ย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหน่งครผู ชู้ ่วย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 308 12. A telephone call John : Hello. ….. David : Wait a minute, please. 1. Could I speak to Anna, please? 2. Is Anna there? 3. Are you Anna? 4. Where is Anna? 13. Mike : ….. Jordan : She swims slowly. 1. Does she like to swim? 2. Why does she swim? 3. How does she swim? 4. Does she swim fast? 14. Kate : ….. Wendy : He is tall and handsome. 1. What does the new teacher look like? 2. How is the new teacher? 3. What is the new teacher like? 4. Who is the new teacher? 15.Ann : Mario, ….. Chris, this is Mario. Chris : I’m glad to meet you. Ann : I’m glad to meet you, too. 1. What do you do? 2. I’d like to introduce my friend. 3. Would you like to meet my friend? 4. Do you know this man? 16. Sandy : What is Alex like? Ben : ….. . 1. He likes watching TV 2. He is smart and diligent. 3. He looks like a man. 4. He is short and fat. 17. Pam : I lost my passport. Mark : ….. 1. Hope to meet you. 2. No problem. 3. Great, thanks. 4. I’m sorry to hear that. 18. A teacher and his students are in front of the class. Mr. Eddie : Do you understand this question? A student : ….. Mr. Eddie : You don’t have to apologize. Let me explain it again. A student : Thank you very much, sir. 1. I understand it very well, sir. 2. I have no idea about that, sir. 3. I don’t even take a look at it, sir. 4. I’m very sorry, sir. I don’t understand it at all. เตรียมสอบครูผู้ชว่ ย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คู่มือเตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 309 19. Jim : Let me buy you a cup of cappuccino. Nathan : ….. Jim : Don’t worry. A drink won’t take long. Come on. 1. I’m really in a hurry. 2. Oh, I’m very thirsty. 3. I’d love to but I prefer tea. 4. I’m so sorry but I’m too hungry. 20. At the school canteen Seller : Can I help you? David : I’d like a bottle of cola. Seller : Here you are. David : ….. Seller : 15 baht. 1. How about it? 2. How many do you want? 3. How much is it? 4. How do you like it? 21. A foreigner asks you the way to the Grand Palace. You don’t know that, so you say “…..” 1. Excuse me, I’m getting lost. 2. Sorry. Leave me alone. 3. I’m sorry. I’ve just moved here. 4. Don’t worry. There’s nothing to be afraid of. 22. You see an old man fall down. You rush to him and say “…..” 1. Why did you do that? 2. Are you all right? 3. Take a rest. 4. How disgusting you are! 23. A student in a computer room is having a problem with his machine. He calls the technician and says “…..” 1. Go ahead. 2. Can’t you come to my room? 3. Fix this computer now. 4. There’s something wrong with my computer. 24. You accidentally step on someone’s foot. You say “…..” 1. Be careful next time. 2. That’s your fault. 3. I’m so sorry. 4. How dare you? เตรยี มสอบครผู ู้ช่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
ค่มู ือเตรียมสอบบรรจเุ ข้ารับราชการ ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 310 25. You are in your neighbor’s house. You break a glass. Your neighbor says “…..” 1. You’re welcome. 2. Take it easy. 3. How could you do such a thing? 4. Well done. Tenses / Verbs (รูปแบบกาลและกริยา) 26. You usually ….. milk for breakfast. 1. drink 2. drank 3. are drinking 4. drinks 27. They ….. to the radio tomorrow. 1. will listen 2. are listening 3. listened 4. Listens 28. Prapa’s sister ….. the driving test last week. 1. passes 2. passed 3. was passing 4. has passed 29. He ….. science next year. 1. study 2. will study 3. have studied 4. studies 30. We ….. the room soon. 1. clean 2. will clean 3. had cleaned 4. cleans 31. It sometimes ….. in this time of the year. 1. rains 2. rained 3. was raining 4. will rain 32. These children didn’t ….. from school in 1999. 1. graduate 2. will graduate 3. graduated 4. were graduating 33. Helen doesn’t often ….. to Thailand. 1. comes 2. come 3. came 4. will come 34. Woody ….. a soldier five years ago. 1. is 2. were 3. was 4. has been เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คู่มือเตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหนง่ ครูผ้ชู ว่ ย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 311 35. Some of them ….. to the hospital when it rained. 1. are walking 2. was walking 3. were walking 4. is walking 36. While we ….. a shower, the phone rang. 1. were having 2. are having 3. had 4. have had 37. She was cooking when her husband ….. . 1. is arriving 2. was arriving 3. arrived 4. will arrive 38. Tom saw the accident as he ….. the street. 1. crosses 2. is crossing 3. has crossed 4. was crossing 39. She used to ….. ten cigarettes a day when she was young. 1. smoking 2. smoked 3. smoke 4. smokes 40. I have never ….. to England before. 1. been 2. be 3. gone 4. go 41. This woman ….. here since 2010. 1. is working 2. has worked 3. will work 4. worked 42. These men ….. in this village for twenty years. 1. lived 2. will live 3. were living 4. have lived 43. I’m not hungry now. I have ….. eaten lunch. 1. not 2. just 3. ever 4. never 44. He can go out now because he has ….. finished work. 1. often 2. always 3. already 4. no 45. It’s ten minutes late, but he hasn’t arrived ….. . 1. yet 2. recently 3. then 4. lately เตรยี มสอบครผู ู้ชว่ ย By ทีมฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหน่งครูผชู้ ่วย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 312 46. Have you sent an email to your boss ….. ? 1. just 2. already 3. always 4. Yet 47. Did Tom and Susie ….. married five years ago? 1. have got 2. is getting 3. got 4. get 48. Does Fiona ….. here with her dog twice a week? 1. come 2. comes 3. came 4. will come 49. That old woman doesn’t ….. for a walk every evening. 1. goes 2. go 3. went 4. is going 50. He ….. the toy car yesterday. 1. makes 2. is making 3. made 4. has made 51. The workers ….. the bridge at the moment. 1. built 2. build 3. are building 4. will build 52. Look at those black clouds. It ….. to rain. 1. is going 2. was going 3. will go 4. has gone 53. James and Jack ….. to fly to Singapore because he has a meeting there. 1. will go 2. are going 3. goes 4. has gone 54. The first train ….. at six o’clock. We should get to the station earlier. 1. will leave 2. has left 3. leaves 4. was leaving 55. They ….. for Brunei tomorrow. They have prepared everything now. 1. were leaving 2. are leaving 3. will leave 4. Leave เตรียมสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คมู่ ือเตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 313 Determiners and Quantifiers (คำบอกปรมิ าณ) 56. There aren’t ….. eggs in the fridge. 1. no 2. any 3. much 4. Some 57. Do you have ….. sugar? 1. any 2. many 3. a 4. few 58. I need ….. salt in my soup. 1. many 2. less 3. more 4. any 59. I’m very poor. I haven’t got ….. money left now. 1. some 2. a little 3. any 4. much 60. ….. student must work hard. 1. All 2. Those 3. They 4. Every 61. ….. my dogs know who you are. 1. Every 2. All 3. Each 4. These 62. ….. students were late for the examination. 1. Much 2. A few 3. A little 4. Little 63. We have got ….. petrol left in our car. 1. a lot 2. a few 3. little 4. Some 64. Everyone likes ….. subject. 1. this 2. these 3. many 4. lots of 65. Please bring me ….. water. 1. many 2. some 3. few 4. any เตรยี มสอบครผู ู้ช่วย By ทีมฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารับราชการ ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 314 66. There are ….. plates in the washing basin. 1. some 2. a little 3. much 4. that 67. ….. of soldiers died in the war last year. 1. Each 2. Lots 3. Every 4. Any 68. ….. of the workers here are very patient. 1. Much 2. Every 3. Little 4. Most 69. I like ….. vegetables. They are good for my health. 1. most 2. much 3. any 4. both 70. I have two sisters. ….. of them are now in Canada. 1. Some 2. Many 3. Both 4. Few 71. His father is ….. a doctor and a writer. 1. both 2. some 3. much 4. each 72. ….. men are good friends. They love each other. 1. Some 2. Both 3. A few 4. Every Articles (คำนำหน้านาม) 73. ….. Sophia is from ….. Italy. 1. The / the 2. - / the 3. The / a 4. - / - 74. Phuket is ….. beautiful island in ….. Andaman Sea. 1. a / the 2. the / an 3. a / an 4. - / the 75. That ….. teacher likes to play ….. golf on Sundays. 1. - / the 2. a / a 3. - / - 4. the / - เตรยี มสอบครูผู้ชว่ ย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มือเตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหน่งครผู ้ชู ่วย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 315 76. Harry went to ….. prison to visit ….. American prisoner. 1. a / the 2. a / an 3. the / the 4. the / an 77. Those ….. musicians can play …… piano very well. 1. the / - 2. - / - 3. - / the 4. the / the 78. Neil Armstrong was ….. astronaut who landed on ….. Moon. 1. the / the 2. an / the 3. an / a 4. the / - 79. ….. Browns went to …… Amazon River for their holidays. 1. The / - 2. - / the 3. An / - 4. The / the 80. There are ….. apple and three …… oranges in the basket. 1. the / - 2. an / an 3. a / the 4. an / - 81. Emma goes to ….. school at eight o’clock in …… morning. 1. the / - 2. - / the 3. the / a 4. a / - 82. His ….. red car can run at 230 kilometers ….. hour. 1. - / - 2. the / a 3. - / an 4. a / the 83. Many ….. children are visiting ….. university in town today. 1. - / a 2. the / the 3. - / the 4. the / - 84. I was carrying ….. umbrella while my brother was taking photos of …. Alps. 1. a / - 2. the / - 3. an / the 4. - / an 85. ….. Chinese didn’t build … Taj Mahal. 1. - / the 2. The / - 3. The / a 4. The / the เตรียมสอบครผู ู้ช่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คมู่ อื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหน่งครผู ูช้ ว่ ย ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 316 Subject-Verb Agreement (ความสอดคลอ้ งของประธานและกรยิ า) 86. Red and yellow ….. my favorite colors. 1. be 2. was 3. are 4. been 87. A brown and white dog ….. on the chair. 1. is sitting 2. sit 3. have sat 4. were sitting 88. Those people ….. a lecture twice a month. 1. given 2. is giving 3. give 4. has given 89. Each student ….. different shirts. 1. wear 2. wears 3. are wearing 4. worn 90. Each of the chapters in this book ….. very interesting. 1. is 2. am 3. were 4. Been 91. Everybody in the class ….. to attend the seminar once a year. 1. have 2. having 3. has 4. had 92. Every boy and girl ….. their own Facebook accounts. 1. have 2. has had 3. having 4. has 93. Some people ….. to work overseas. 1. wanting 2. want 3. wanted 4. wants 94. There ….. two paintings on the wall. 1. been 2. was 3. is 4. were 95. Peter, as well as Michael, ….. swimming every week. 1. goes 2. have gone 3. are going 4. went เตรียมสอบครูผู้ชว่ ย By ทีมฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มือเตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหน่งครผู ้ชู ว่ ย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 317 96. Two-thirds of the furniture in this room ….. expensive. 1. are 2. is 3. were 4. been 97. Half of his money ….. enough for this mansion. 1. were 2. been 3. is 4. are 98. One-fourth of the magazines ….. old. 1. was 2. are 3. is 4. am 99. Two cups of coffee ….. on the table. 1. been 2. is 3. are 4. was 100. A kilo of pork ….. not enough for this afternoon’s barbeque. 1. am 2. are 3. been 4. Is เตรียมสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
ค่มู อื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหน่งครผู ู้ช่วย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 318 เฉลยแนวขอ้ สอบภาษาอังกฤษพน้ื ฐานทเ่ี กยี่ วข้องกับการปฏบิ ัติงานตำแหนง่ ครูผชู้ ่วย 1. เฉลย 4 การตอบรับคำทกั ทายวา่ “Nice to meet you.” (ยินดีทไ่ี ดพ้ บคณุ ) สามารถตอบกลบั ดว้ ยคำพูดว่า “Nice to meet you, too.” (ยนิ ดที ไ่ี ด้พบคณุ เชน่ กัน) ได้ 2. เฉลย 3 มาลบี อกสุนีย์วา่ ในวนั หยุดที่จะถงึ นเี้ ธอจะเดินทางไปกรุงเทพมหานคร ดังน้นั คำพูดท่ีเหมาะสมที่สดุ ท่ี สุนียค์ วรพดู คอื “Have a wonderful time.” (ขอให้สนกุ นะ) ขอ้ ควรรู้ สำนวนภาษาอังกฤษท่มี คี วามหมายทำนองวา่ “ขอใหส้ นกุ ” ได้แก่ - Have a good / great time. - have fun time. - Have an exciting time. - have a big time. - Have a wonderful time. - have a whale of a time. 3. เฉลย 1 ประภากล่าวขอบคุณปราณที ่ีนำของขวัญวันเกิดมาให้ ดังนั้น การตอบรับคำกล่าวขอบคุณท่คี ่อนขา้ ง เป็นทางการวา่ “You’re welcome.” (ดว้ ยความยินด)ี จงึ เหมาะสมทจ่ี ะเปน็ คำตอบ ขอ้ ควรรู้ อย่าจำสบั สนกบั คำพดู ทีว่ ่า “Welcome to …(Place)…” (ยินดตี อ้ นรับสู…่ (สถานที่)…) 4. เฉลย 3 เมื่อสนั ตไิ ด้ทราบว่าปรชี ากำลังเดนิ ทางไปยังสลี มเช่นเดียวกัน เขาจงึ นา่ จะถามวา่ “Can I go with you?” (ขอฉนั ไปด้วยไดไ้ หม?) ซง่ึ จะเข้ากันได้กบั คำตอบที่ปรีชาตอบกลับมาวา่ “Sure!” (ไดอ้ ยู่แล้ว) 5. เฉลย 1 เมื่อแซมได้ทราบวา่ น่ีเป็นการเดนิ ทางมายงั ประเทศไทยเป็นคร้ังแรกของโทนี่ เขาจงึ นา่ จะถามวา่ แท้ท่ี จรงิ แล้วนั้น “Where are you from?” (คุณเดินทางมาจากทไี่ หน?) ซงึ่ กจ็ ะเข้ากบั คำตอบของโทนีพ่ อดวี า่ “I’m from America.” (ฉนั มาจากอเมรกิ า) พอดี 6. เฉลย 2 เมอื่ เจนเอย่ ปากชวนโรเบริ ต์ ว่าเขาสนใจท่ีจะไปเลน่ น้ำทะเลในบ่ายวันน้ันไหม โรเบริ ์ตตอบว่า “Sure.” (เอาสิ) เขาก็นา่ จะพูดต่อมาว่า “Let’s go.” (ไปกนั เลย หรอื รบี ไปกันเถอะ) ข้อควรรู้ สำนวนภาษาอังกฤษที่มคี ำว่า Let’s น้ี มาจากคำเตม็ วา่ “Let us” ใชใ้ นการเชิญชวนผอู้ ื่น ใหร้ ่วมทำกิจกรรมบางอยา่ งกับตวั ของผูพ้ ูด 7. เฉลย 2 เมื่อแมรี่ขอความช่วยเหลอื จากแจก็ โดยถามว่า “Would you mind carrying this box for me?” (คณุ จะถอื สาไหมคะหากวา่ ดฉิ นั จะให้ชว่ ยยกกลอ่ งหนักใบนี้สกั หนอ่ ย?) แจ็กก็จะควรพดู แสดงน้ำใจวา่ “Not at all.” (ไมเ่ ลยครับ) และ “My pleasure.” (ด้วยความยินดีครับ) เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คู่มือเตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหน่งครูผ้ชู ว่ ย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 319 ขอ้ ควรรู้ สำนวนภาษาอังกฤษท่วี ่า “Would you mind + กรยิ ารูป –ing?” มคี วามหมายใน ภาษาไทยวา่ “จะถอื สาอะไรไหม” หรอื “สะดวกไหมท่ีจะทำบางส่งิ บางอยา่ งให้” และเวลาตอบกลบั มา ให้ ระวังวา่ ต้องใช้คำพูดทมี่ คี วามหมายวา่ “ไม่เลย” เช่น Not at all , No problem เปน็ ตน้ 8. เฉลย 3 เมือ่ คมิ ขอใหเ้ อรกิ ชว่ ยส่งถ้วยมาใหเ้ ธอหนอ่ ย เอรกิ กจ็ ะตอบรบั ว่า “OK.” (ได้ส)ิ และเมอ่ื นำมาย่นื ให้ ต่อหน้าแล้ว กจ็ ะพูดวา่ “Here you are.” (นนี่ ะครับ) 9. เฉลย 2 เม่อื ลนิ ดาแจง้ ซารา่ หว์ ่าเธอยงั มีไข้อยู่ ตอ้ งพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอกี สกั ระยะ ซาร่าห์กจ็ ะ ตอบกลบั มาว่า “Sorry to hear that.” (เสยี ใจด้วยนะ) และเป็นธรรมเนยี มทีจ่ ะใหก้ ำลงั ใจคนปว่ ยด้วยคำอวย พรวา่ “Get better soon.” (ขอให้หายป่วยไวๆนะ) ขอ้ ควรรู้ สำนวนภาษาอังกฤษทน่ี ยิ มใชใ้ นการอวยพรคนปว่ ย ได้แก่ - Get well soon. - Get better soon. - Bounce back soon. - Wishing you a speedy recovery. 10. เฉลย 1 นาตาลีลืมนำดินสอมา เธอจงึ ขอยืมจากยมู โิ กะ โดยพดู ว่า “Could I borrow yours?” (ขอยืมดินสอ เธอสกั หนอ่ ยได้ไหม) ข้อควรรู้ การรอ้ งขอความช่วยเหลือจากผู้อ่ืนในภาษาองั กฤษ สามารถใช้ - Can I + กรยิ า? เมื่อใช้อยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการ ในกรณีท่ีเรามคี วามสนทิ สนม และรู้จกั คนุ้ เคย กบั คนที่เราจะขอร้องกันดอี ยู่แล้ว - Could I + กริยา? เมอื่ ใช้อย่างเปน็ ทางการขน้ึ มาและมคี วามสภุ าพมากขึ้น 11. เฉลย 3 ทีธ่ นาคาร เม่อื มลี ูกค้าเข้ามา พนักงานกจ็ ะสอบถามวา่ มีส่ิงใดทส่ี ามารถรบั ใช้ได้ ดังน้นั คำพดู ว่า “Can I help you, sir?” (มีสิ่งใดใหร้ บั ใช้ไหม) จงึ เป็นคำตอบท่เี หมาะสมทีส่ ุด มคี วามสภุ าพและเปน็ ทางการกวา่ การ พดู ว่า “What do you want?” (คณุ ต้องการอะไร) ตรงๆ 12. เฉลย 1 เมอ่ื มีโทรศพั ทโ์ ทรเข้ามา โดยทีผ่ ู้พูดตอ้ งการเรยี นสายกับผ้อู นื่ ทไี่ มใ่ ชผ่ ู้รบั สาย จงึ ควรใช้คำถามวา่ “Could I speak to Anna, please?” (ขอเรยี นสายกบั คณุ แอนนาหนอ่ ยได้ไหมครบั ) ซงึ่ ก็จะเข้าได้กับคำตอบ ของผ้รู บั พอดี ที่กลา่ วตอบกลับมาวา่ “Wait a minute, please.” (กรุณารอสักครูน่ ะคะ) 13. เฉลย 3 คำตอบของจอร์แดนทว่ี ่า “She swims slowly.” (เธอว่ายน้ำอยา่ งช้าๆ) น่าจะเปน็ คำตอบสำหรบั คำถามทมี่ งุ่ สอบถามลักษณะการวา่ ยน้ำของผู้หญิงคนหนงึ่ ดงั นัน้ คำถามวา่ “How does she swim?” (เธอ วา่ ยนำ้ อยา่ งไร?) จงึ เป็นคำตอบที่เหมาะสมท่ีสดุ เตรยี มสอบครูผู้ชว่ ย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คู่มือเตรียมสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 320 14. เฉลย 1 คำตอบของเวนด้ที วี่ า่ “He is tall and handsome.” (เขาตัวสูงและรปู หลอ่ ) นา่ จะเปน็ คำตอบ สำหรับคำถามที่สอบถามลกั ษณะภายนอกของบคุ คล ดังนน้ั คำถามวา่ “What does the new teacher look like?” (คณุ ครคู นใหมม่ ีลกั ษณะเปน็ อย่างไร?) จึงเป็นคำตอบทีเ่ หมาะสมทีส่ ุด ข้อควรรู้ ระวงั คำถามทม่ี ีคำวา่ “like” เนือ่ งจากเป็นได้ท้ังคำกรยิ า (แปลวา่ ชอบ) และบพุ บท (แปลวา่ เหมอื น คล้าย) เชน่ - What does he like? เขาชอบอะไร? - What does he look like? เขามลี กั ษณะเป็นอย่างไร? (ลกั ษณะภายนอก) - What is he like? เขามีนิสยั อยา่ งไร? (อปุ นิสัยภายใน) 15. เฉลย 2 แอนต้องการแนะนำเพือ่ นของตนให้รจู้ ักกับครสิ ด้งั นั้นควรเลอื กใชค้ ำพดู วา่ “I’d like to introduce my friend.” (ฉนั อยากจะขอแนะนำเพ่อื นของฉันให้คณุ ไดร้ ู้จกั ) 16. เฉลย 2 คำถามของแซนดที้ ีว่ า่ “What is Alex like?” (อเล็กซ์เปน็ คนอยา่ งไร) เพื่อสอบถามอุปนิสัยของ บคุ คลนั้น ควรตอบดว้ ยคำพดู ท่ีว่า “He is smart and diligent.” (เขาฉลาดและขยันขนั แขง็ ) จงึ เปน็ คำตอบ ท่ีเหมาะสมทสี่ ุด 17. เฉลย 4 เม่อื แพมบอกมารก์ ว่าเธอทำหนังสือเดนิ ทางหาย มารก์ ก็ควรทจ่ี ะแสดงความเสยี ใจกับเร่ืองดงั กลา่ ว ดว้ ยคำพูดวา่ “I’m sorry to hear that.” (ฉนั เสียใจดว้ ยนะ) 18. เฉลย 4 เมอื่ ครเู อ็ดดส้ี อบถามนกั เรียนในช้ันเรียนว่าเขา้ ใจคำถามไหม และนักเรยี นไมเ่ ข้าใจคำถามข้อนนั้ เลย สกั นดิ เดียว เขาก็ควรตอบครไู ปตามตรงว่า “I’m very sorry, sir. I don’t understand it at all.” (ขอโทษ จริงๆครับครู แตผ่ มไม่เขา้ ใจคำถามเลยครับ) ซง่ึ ก็จะเขา้ ได้กับคำพดู ของครทู ่ตี อบกลับมาว่า “You don’t have to apologize. Let me explain it again.” (ไมต่ ้องขอโทษครูหรอกนะ เด๋ียวครอู ธบิ ายให้ฟงั อกี รอบ นะ) 19. เฉลย 1 จิมตอ้ งการจะซ้อื กาแฟเล้ียงนาธาน แตเ่ นื่องจากนาธานตดิ ธุระอยู่ เขาจึงไมอ่ าจจะอย่ดู มื่ กาแฟน้นั ได้ ดังนนั้ คำขอผัดทวี่ ่า “I’m really in a hurry.” (ผมกำลงั รีบเร่งอยู่จรงิ ๆครบั ) ของนาธานก็จะเข้าได้พอดกี ับ คำเชญิ ชวนอกี ครั้งของจิมท่วี า่ “Don’t worry. A drink won’t take long. Come on.” (ไมเ่ ป็นไรหรอกนา่ กาแฟส่ังไมน่ านกไ็ ดล้ ะ่ มาด่มื กนั กอ่ นเถอะนะ) 20. เฉลย 3 เตรียมสอบครูผู้ช่วย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คมู่ อื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหน่งครผู ู้ช่วย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 321 เมอ่ื เดวดิ ตอ้ งการจะสอบถามราคาของเครอ่ื งดืม่ ทีส่ ่งั ในโรงอาหาร เขาควรใช้คำถามว่า “How much is it?” (ราคาเทา่ ไหรค่ รบั ?) ซึ่งกจ็ ะเขา้ ไดก้ บั คำพูดของคนขายท่ีตอบกลบั มาวา่ “15 baht.” (15 บาท) 21. เฉลย 3 มีชาวตา่ งชาติคนหนงึ่ มาสอบถามทางไปพระบรมมหาราชวงั แต่คณุ ไม่ทราบเชน่ กนั คุณควรบอกเขา ไปวา่ “I’m sorry. I’ve just moved here.” (ขอโทษด้วยครับ ผมเองกเ็ พิ่งย้ายมาอยู่ท่นี ค่ี รบั ) ตวั เลอื กอื่น 1. Excuse me, I’m getting lost. ขอประทานโทษครบั คือผมหลงทางมา 2. Sorry. Leave me alone. ขอโทษนะ แต่ขอผมอยคู่ นเดยี วนะ 4. Don’t worry. There’s nothing to be afraid of. ไมต่ ้องกงั วลไป ไมม่ อี ะไรที่นา่ กลัว 22. เฉลย 2 ชายชราคนหน่งึ ลม้ ลง คณุ รบี เขา้ ไปชว่ ยเหลือเขาพรอ้ มกับพูดว่า “Are you all right?” (คุณไม่เปน็ อะไรมากใช่ไหมครับ?) ตวั เลอื กอื่น 1. Why did you do that? ทำไมทำแบบนน้ั ล่ะ? 3. Take a rest. พักก่อนเถอะ 4. How disgusting you are! คุณนี่มันนา่ ขยะแขยงจรงิ ๆ 23. เฉลย 4 นกั เรยี นคนหนง่ึ มปี ญั หากบั การใชง้ านคอมพวิ เตอรใ์ นหอ้ ง เขาจงึ โทรศัพทไ์ ปหาชา่ งพร้อมกบั บอกวา่ “There’s something wrong with my computer.” (มีปญั หาเกิดขนึ้ กับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของฉัน) ตวั เลือกอื่น 1. Go ahead. เอาเลย ตามสบาย 2. Can’t you come to my room? นค่ี ณุ มาที่ห้องหนอ่ ยไมไ่ ด้หรือ? 3. Fix this computer now. ซอ่ มคอมพิวเตอรน์ ้เี ดย๋ี วนีน้ ะ 24. เฉลย 3 คุณเหยยี บเท้าผอู้ ืน่ โดยไม่ได้ตัง้ ใจ คณุ ควรขอโทษวา่ “I’m so sorry.” (ฉันเสียใจจริงๆ) ตวั เลือกอน่ื 1. Be careful next time. คราวหลังกร็ ะมัดระวงั หน่อยนะ 2. That’s your fault. เป็นความผิดของคณุ เองนะ 4. How dare you? คุณกลา้ ดียงั ไงถึงมาทำแบบน?้ี 25. เฉลย 2 คุณทำแก้วของเพอ่ื นบ้านแตก เพ่ือนบ้านของคุณจึงบอกว่า “Take it easy.” (ไมต่ ้องกังวลไปหรอก นะ) เตรยี มสอบครผู ู้ชว่ ย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
ค่มู อื เตรียมสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหน่งครผู ู้ชว่ ย ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 322 ตัวเลอื กอ่นื 1. You’re welcome. ดว้ ยความยนิ ดี 3. How could you do such a thing? คุณทำอะไรแบบนนั้ ได้อยา่ งไร? 4. Well done. เยยี่ มเลย 26. เฉลย 1 ประโยคมีเน้ือความเปน็ Present Simple Tense ท่ขี ยายด้วยกรยิ าวเิ ศษณบ์ อกความถ่ี “usually” เมื่อพิจารณาท่ีประธาน You จงึ ควรใชค้ วบค่กู บั กริยาชอ่ ง 1 ว่า “drink” (ดื่ม) โดยไมต่ อ้ งเตมิ s ให้กบั กรยิ า ขอ้ ควรรู้ โครงสร้างของ Present Simple Tense คือ “ประธาน + กรยิ าช่อง 1” โดยทถี่ ้าหากวา่ ประธานเป็นเอกพจน์ เชน่ he , she , it เปน็ ตน้ กริยาชอ่ ง 1 ใหเ้ ตมิ s เสมอ กริยาวเิ ศษณบ์ อกความถี่ (Adverbs of Frequency) ท่ีนยิ มนำมาใช้กบั Present Simple Tense ได้แก่ always (สม่ำเสมอ) , usually (ปกติ ประจำ) , often (บอ่ ย) , sometimes (บางครง้ั บางที) , rarely/seldom (นานๆครง้ั ไมบ่ อ่ ย นานทีปีหน) , hardly ever (แทบจะไม่) , never (ไม่เคย) เป็นตน้ 27. เฉลย 1 ประโยคมีเนื้อความเป็น Future Simple Tense โดยมคี ำบอกเวลาในอนาคตอย่าง “tomorrow” (พรงุ่ นี้) กำกบั อยู่ ดงั นน้ั เพ่อื ให้เขา้ กัน จงึ ควรใช้กริยาว่า “will listen” (จะฟงั ) ขอ้ ควรรู้ โครงสร้างของ Future Simple Tense คือ “ประธาน + will + กรยิ า” 28. เฉลย 2 ประโยคมเี นอ้ื ความเป็น Past Simple Tense โดยมคี ำบอกเวลาในอดีตอยา่ ง “last week” (สัปดาห์ ทีแ่ ลว้ ) กำกับอยู่ ดงั นน้ั เพ่ือให้เขา้ กัน จึงควรใช้กริยาชอ่ ง 2 วา่ “passed” (ผา่ น) ข้อควรรู้ โครงสรา้ งของ Past Simple Tense คือ “ประธาน + กริยาช่อง 2” โดยท่ี กรยิ าชอ่ ง 2 แบ่งออกได้เปน็ 2 ลกั ษณะ ได้แก่ -Regular verb กริยาทเ่ี ปลีย่ นเปน็ กรยิ าชอ่ ง 2 ได้ด้วยการเตมิ -ed ทขี่ ้างท้ายคำ และ - Irregular verb กริยาที่เปลีย่ นเปน็ กรยิ าชอ่ ง 2 ได้ด้วยการเปลีย่ นรปู คงรูปเดมิ หรือเปลยี่ น เสยี งอา่ นคำบอกเวลาในอดีตท่ีประกอบขน้ึ จากคำว่า “last” อืน่ ๆ ไดแ้ ก่ last month (เดอื นทแี่ ล้ว) , last year (ปที ีแ่ ล้ว) , last decade (ทศวรรษท่แี ล้ว) เปน็ ตน้ 29. เฉลย 2 ประโยคมีเน้อื ความเป็น Future Simple Tense โดยมีคำบอกเวลาในอนาคตอย่าง “next year” (ปี หนา้ ) กำกับอยู่ ดงั นั้น เพอื่ ให้เข้ากนั จึงควรใช้กรยิ าว่า “will study” (จะเรียน) ขอ้ ควรรู้ คำบอกเวลาในอนาคตทปี่ ระกอบขนึ้ จากคำว่า “next” อน่ื ๆ ได้แก่ next week (สัปดาห์ หนา้ ) , next month (เดอื นหน้า) , next two years (อกี 2 ปีข้างหนา้ ) เป็นต้น 30. เฉลย 2 เตรยี มสอบครผู ู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คมู่ ือเตรียมสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหน่งครูผชู้ ว่ ย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 323 ประโยคมเี น้อื ความเปน็ Future Simple Tense โดยมคี ำบอกเวลาในอนาคตอย่าง “soon” (ในไม่ ชา้ ) กำกบั อยู่ ดงั น้ัน เพือ่ ให้เข้ากัน จึงควรใช้กริยาวา่ “will clean” (จะทำความสะอาด) 31. เฉลย 1 ประโยคมีเนื้อความเป็น Present Simple Tense โดยมีกริยาวิเศษณ์บอกความถีอ่ ยา่ ง “sometimes” (บางคร้งั บางท)ี ซึ่งเม่อื พจิ ารณาประธาน It ท่เี ปน็ เอกพจน์ จงึ ควรใช้ควบคู่กับกริยาช่อง 1 ที่ เตมิ s ว่า “rains” (ฝนตก) 32. เฉลย 1 ประโยคมีเน้ือความเป็นปฏเิ สธของ Past Simple Tense โดยมีคำบอกเวลาในอดีตอย่าง “in 1999” (ในปี ค.ศ. 1999) กำกับอยู่ ดังน้ัน เพ่ือใหเ้ ข้ากบั กรยิ าชว่ ย didn’t ทใ่ี หม้ า จึงควรใช้กรยิ าเพียงช่อง 1 แทนว่า “graduate” (สำเร็จการศกึ ษา) ขอ้ ควรรู้ โครงสร้างปฏิเสธของ Past Simple Tense คอื “ประธาน + did not (didn’t) + กรยิ า ชอ่ ง 1” โดยทเี่ ม่อื มี did แลว้ กริยาใหก้ ลับไปใชช้ อ่ ง 1 แทน 33. เฉลย 2 ประโยคมเี นื้อความเป็นปฏิเสธของ Present Simple Tense โดยมกี รยิ าวเิ ศษณบ์ อกความถี่อย่าง “often” (บ่อยๆ) ดังนน้ั เพอ่ื ใหเ้ ข้ากับกริยาชว่ ย doesn’t ทใี่ ห้มา จงึ ควรใช้กรยิ าเพียงช่อง 1 ที่ไมต่ อ้ งเตมิ s ว่า “come” (มา) ข้อควรรู้ โครงสรา้ งปฏเิ สธของ Present Simple Tense คอื “ประธาน + do/does not (don’t/doesn’t) + กริยาชอ่ ง 1” โดยท่ี do ใช้คู่กบั ประธานพหูพจน์ และ does ใชค้ กู่ บั ประธานเอกพจน์ 34. เฉลย 3 ประโยคมเี นื้อความเป็น Past Simple Tense โดยมคี ำบอกเวลาในอดีตอย่าง “five years ago” (หา้ ปีทแี่ ล้ว) กำกบั อยู่ ดงั นั้น เพอื่ ใหเ้ ข้ากับประธานเอกพจน์ Woody ทใ่ี หม้ า จงึ ควรใช้กริยา be ชอ่ ง 2 ว่า “was” (เป็น) ข้อควรรู้ กริยา be ในช่อง 2 ประกอบดว้ ย - was ทเี่ ปล่ียนมาจากกรยิ า is และ am และ - were ทแ่ี ปลยี่ นมาจากกริยา are 35. เฉลย 3 ประโยคมีเนื้อความเป็น Past Continuous Tense โดยมีการใชค้ วบคูก่ บั Past Simple Tense “(when) it rained” (เมือ่ )ฝนตกลง) ดงั นั้น เพ่ือให้เข้ากับโครงสรา้ ง จึงควรใช้กริยาวา่ “were walking” (กำลังเดนิ ) ขอ้ ควรรู้ โครงสรา้ งของ Past Continuous Tense คือ “ประธาน + was/were + กรยิ าเตมิ -ing” โดยเม่อื ตอ้ งการนำมาใชค้ วบคู่กบั Past Simple Tense ใหย้ ึดหลกั การวา่ - เหตกุ ารณ์ทีเ่ กิดข้ึนกอ่ นและกำลงั ดำเนนิ อยู่ ใหใ้ ชเ้ ปน็ Past Continuous Tense และ - เหตกุ ารณ์ท่เี กดิ แทรกเข้ามาในภายหลงั ใหใ้ ช้เป็น Past Simple Tense เตรยี มสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
ค่มู อื เตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารับราชการ ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 324 นอกจากนี้ ยงั มคี ำเชอ่ื ม 3 คำที่นยิ มใชเ้ พือ่ เช่อื มประโยคทัง้ สองเขา้ ด้วยกัน ไดแ้ ก่ - when แปลวา่ เมอื่ ใช้ควบคู่กับ Past Simple Tense หรอื Past Continuous Tense ได้ - while/as แปลว่า ในขณะที่ ใช้ควบคกู่ บั Past Continuous Tense เท่านนั้ 36. เฉลย 1 ประโยคมีเนื้อความเป็น Past Continuous Tense โดยมีการใช้ควบคู่กบั Past Simple Tense “the phone rang” (โทรศพั ท์กด็ ังข้นึ ) ดังนั้น เพอ่ื ให้เข้ากับโครงสรา้ ง จงึ ควรใชก้ รยิ าว่า “were having (a shower)” (กำลังอาบน้ำ) 37. เฉลย 3 ประโยคมเี นอ้ื ความเปน็ Past Simple Tense โดยมกี ารใช้ควบคู่กบั Past Continuous Tense “She was cooking” (เธอกำลงั ปรุงอาหาร) ดงั นน้ั เพอ่ื ให้เข้ากับโครงสรา้ ง จงึ ควรใชก้ รยิ าวา่ “arrived” (กลับมาถึง) 38. เฉลย 4 ประโยคมีเน้อื ความเปน็ Past Continuous Tense โดยมกี ารใช้ควบค่กู ับ Past Simple Tense “Tom saw the accident” (ทอมเห็นอุบัตเิ หต)ุ ดังน้นั เพ่ือใหเ้ ข้ากับโครงสร้าง จึงควรใช้กรยิ าว่า “was crossing” (กำลงั ขา้ ม) 39. เฉลย 3 ประโยคมีเนื้อความเป็น Past Simple Tense โดยมีการใชค้ วบคกู่ ับ “used to” (เคย) ดงั น้นั เพอ่ื ให้ เขา้ กับโครงสร้าง จึงควรใชก้ รยิ าวา่ “smoke” (สบู บุหรี่) ขอ้ ควรรู้ โครงสรา้ งของ used to คือ “ประธาน + used to + กรยิ า” โดยมีความหมายวา่ บรรดา พฤตกิ รรมหรือนิสยั ทเี่ คยทำมาก่อนในอดีตน้ัน ในปัจจบุ ันนี้ ผู้กระทำไดเ้ ลกิ ทำไปหมดแล้ว 40. เฉลย 1 ประโยคมีเนือ้ ความเป็น Present Perfect Tense โดยมีการใช้ควบคู่กับกริยาวเิ ศษณ์บอกความถ่ี “never…(before)” (ไม่เคย…(มากอ่ นเลย) ดงั นั้น เพือ่ ให้เข้ากับโครงสร้าง จึงควรใชก้ ริยาว่า “been (to)” (เคยไป) ข้อควรรู้ โครงสร้างของ Present Perfect Tense คือ “ประธาน + has/have + กริยาช่อง 3” โดย ที่ have ใช้คูก่ บั ประธานพหูพจน์ และ has ใช้คู่กับประธานเอกพจน์ ความแตกตา่ งระวา่ งกริยา been (to) และ gone (to) กค็ ือ been (to) ใชก้ บั การเดินทางทีไ่ ปและ กลบั มาแลว้ แต่ gone (to) ใช้กบั การเดินทางขาไปเพียงขาเดียว ยงั ไม่ได้ยอ้ นกลับคนื มา 41. เฉลย 2 ประโยคมเี นื้อความเป็น Present Perfect Tense โดยมีการใช้ควบคู่กบั “since 2010” (ต้งั แตป่ ี ค.ศ. 2010) ดงั นัน้ เพ่อื ใหเ้ ขา้ กับโครงสร้าง จงึ ควรใช้กริยาวา่ “has worked” (ไดท้ ำงานมาแล้ว) เตรียมสอบครูผู้ช่วย By ทมี ฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คมู่ อื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหน่งครผู ู้ชว่ ย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 325 ขอ้ ควรรู้ Present Perfect Tense สามารถขยายความดา้ นระยะเวลาได้โดยอาศัย since โดยท่ี since แปลวา่ ตั้งแต่ ใชก้ ับจดุ เร่ิมต้นของระยะเวลา 42. เฉลย 4 ประโยคมเี น้ือความเป็น Present Perfect Tense โดยมกี ารใชค้ วบคกู่ ับ “for twenty years” (เป็นเวลานาน 20 ปี) ดงั นั้น เพ่อื ใหเ้ ขา้ กบั โครงสร้าง จึงควรใช้กริยาวา่ “have lived” (ได้อยอู่ าศัยมาแลว้ ) ขอ้ ควรรู้ Present Perfect Tense สามารถขยายความด้านระยะเวลาได้โดยอาศยั for โดยท่ี for แปลวา่ เป็นระยะเวลา ใช้กบั ผลรวมของระยะเวลา ตัง้ แต่จดุ เร่มิ ต้นของระยะเวลา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน 43. เฉลย 2 ประโยคมเี น้ือความเป็น Present Perfect Tense และมคี วามหมายวา่ ตอนน้ีไม่หิว เพราะวา่ เพิง่ จะ รับประทานอาหารกลางวนั มา ดงั นนั้ กริยาวิเศษณ์แสดงเวลา “just” (เพ่งิ จะ) จงึ เป็นคำตอบที่เหมาะสม ข้อควรรู้ กริยาวเิ ศษณ์ just แปลว่า เพิ่งจะ ใชเ้ พ่ือแสดงว่าการกระทำนั้นๆ เพง่ิ จะเสรจ็ ส้นิ ลงไปสดๆ รอ้ นๆ นี่เอง 44. เฉลย 3 ประโยคมีเนือ้ ความเปน็ Present Perfect Tense และมคี วามหมายว่าตอนนสี้ ามารถออกไปข้างนอก ได้ เพราะวา่ เขาทำงานเสรจ็ เรียบรอ้ ยแล้ว ดังน้นั กริยาวิเศษณ์แสดงเวลา “already” (เรยี บรอ้ ยแลว้ ) จงึ เป็น คำตอบท่เี หมาะสม ขอ้ ควรรู้ กรยิ าวเิ ศษณ์ already แปลวา่ แล้ว เรียบร้อยแลว้ ใช้เพอ่ื แสดงวา่ การกระทำนัน้ ๆ จบสิน้ ลง ไปนานแลว้ กอ่ นที่จะกลา่ วถงึ 45. เฉลย 1 ประโยคมีเนอ้ื ความเปน็ Present Perfect Tense และมคี วามหมายวา่ สายแลว้ เกินมา 10 นาที แต่ เขากย็ งั ไมม่ าเสียที ดงั นน้ั กรยิ าวเิ ศษณแ์ สดงเวลา “yet” (ยังไมเ่ ลย) จงึ เป็นคำตอบทเ่ี หมาะสม ข้อควรรู้ กรยิ าวเิ ศษณ์ yet เมือ่ ปรากฏอยูใ่ นประโยคปฏิเสธ จะมคี วามหมายว่า ยงั ไม่เลย โดยให้วาง ไวท้ ท่ี ้ายประโยค ใช้เพือ่ แสดงว่าการกระทำนัน้ ๆ ยงั ไม่เกดิ ขึน้ เลย แมเ้ วลาจะผ่านมาถงึ ปจั จุบนั นีแ้ ลว้ 46. เฉลย 4 ประโยคมีเนอ้ื ความเป็น Present Perfect Tense และมคี วามหมายเป็นคำถามวา่ คณุ ไดส้ ง่ จดหมาย อิเล็กทรอนกิ สถ์ งึ เจ้านายแลว้ หรือยัง ดงั นั้น กริยาวิเศษณ์แสดงเวลา “yet” (แลว้ หรือยงั ) จึงเป็นคำตอบท่ี เหมาะสม ข้อควรรู้ กรยิ าวเิ ศษณ์ yet เม่อื ปรากฏอยใู่ นประโยคคำถาม จะมีความหมายว่า แล้วหรอื ยัง โดยให้ วางไว้ทที่ ้ายประโยค 47. เฉลย 4 ประโยคมีเนื้อความเปน็ Past Simple Tense และมคี วามหมายเป็นคำถามวา่ ทอมและซซู แ่ี ต่งงาน กันเมือ่ ห้าปีทีแ่ ลว้ (five years ago) ใช่ไหม ดงั นั้น กริยาจึงควรกลับไปใช้ช่อง 1 “get (married)” (แต่งงาน) เตรยี มสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 326 ข้อควรรู้ โครงสรา้ งคำถามของ Past Simple Tense คอื “Did + ประธาน + กรยิ าช่อง 1?” โดยท่ี เม่ือมี Did แล้ว กริยาให้กลบั ไปใชช้ ่อง 1 แทน (กรยิ า 3 ชอ่ ง ของ get คอื get - got - got) 48. เฉลย 1 ประโยคมเี นือ้ ความเป็น Present Simple Tense และมคี วามหมายเปน็ คำถามว่าฟโี อนา่ มาท่ีนพ่ี รอ้ ม กับสนุ ขั ของเขาสัปดาหล์ ะ 2 ครั้ง (twice a week) ใช่ไหม ดังน้ัน กริยาจึงควรกลบั ไปใชช้ อ่ ง 1 “come” (มา) ขอ้ ควรรู้ โครงสรา้ งคำถามของ Present Simple Tense คือ “Do/Does + ประธาน + กริยาชอ่ ง 1?” โดยท่เี ม่อื มี Does แล้ว กรยิ าใหก้ ลบั ไปใช้ช่อง 1 ท่ีไมต่ ้องเตมิ s แทน 49. เฉลย 2 ประโยคมเี นอื้ ความเปน็ Present Simple Tense และมคี วามหมายเป็นปฏเิ สธว่าหญงิ ชราคนนั้น ไมไ่ ด้เดนิ เล่นทกุ เยน็ (every evening) ดังนน้ั กริยาจงึ ควรกลบั ไปใชช้ ่อง 1 “go” (ไป) ขอ้ ควรรู้ โครงสร้างปฏเิ สธของ Present Simple Tense คือ “ประธาน + do not/does not (don’t/doesn’t) + กริยาชอ่ ง 1” โดยทเี่ ม่อื มี does แล้ว กรยิ าใหก้ ลบั ไปใช้ชอ่ ง 1 ท่ไี ม่ต้องเติม s แทน 50. เฉลย 2 ประโยคมีเนอื้ ความเปน็ Past Simple Tense และมีความหมายว่าเขาประดิษฐ์รถของเล่นเมือ่ วานนี้ (yesterday) ดงั น้ัน กรยิ าจงึ ควรใช้ชอ่ ง 2 “made” (ประดิษฐ)์ ข้อควรรู้ กริยา 3 ช่อง ของ make คือ make - made - made 51. เฉลย 3 ประโยคมีเนอ้ื ความเป็น Present Continuous Tense โดยมกี รยิ าวเิ ศษณ์แสดงเวลา “at the moment” (ในขณะน)ี้ ดงั น้นั เพือ่ ให้เข้ากัน จงึ ควรใช้กรยิ าว่า “are building” (กำลงั กอ่ สร้าง) ข้อควรรู้ โครงสร้างของ Present Continuous Tense คือ “ประธาน + is/am/are + กริยาเติม -ing” คำ บอกเวลาทีใ่ ช้ควบคู่กับ Present Continuous Tense ได้แก่ now (ตอนน)้ี , at the moment (ในขณะน้)ี , these days (ในทุกวันนี้) , at present (ในปัจจบุ ันน)ี้ เปน็ ต้น 52. เฉลย 1 ประโยคมเี นือ้ ความเปน็ Present Continuous Tense แต่ใหค้ วามหมายเปน็ อนาคต (be going to) มคี วามหมายวา่ ดทู ่ีเมฆครึ้มเหลา่ นนั้ สิ ฝนกำลังจะตกลงมา ดงั น้นั จงึ ควรใชก้ ริยา “is going (to rain)” (ฝน กำลังจะตกลงมา) เพอ่ื ให้เขา้ กบั ประธานเอกพจน์ It ข้อควรรู้ ใช้โครงสรา้ ง “be going to + กรยิ า” แสดงเวลาในอนาคตได้ โดยแสดงถงึ สง่ิ ที่กำลงั จะ เกดิ ขึน้ โดยสังเกตจากสภาพแวดล้อมหรอื มพี ยานหลักฐานแสดงให้เห็นอยา่ งชดั เจน 53. เฉลย 1 ประโยคมีเนอ้ื ความเป็น Present Continuous Tense แตใ่ หค้ วามหมายเป็นอนาคต (be going to) มคี วามหมายว่าเจมส์และแจก็ กำลงั จะเดนิ ทางไปสิงคโปร์ เพราะเขาตอ้ งไปประชุมท่นี น่ั ดงั นน้ั จงึ ควรใช้กรยิ า “are going (to fly)” (กำลังจะเดนิ ทางไป) เพอื่ ใหเ้ ข้ากบั ประธานพหูพจน์ James and Jack เตรยี มสอบครูผู้ช่วย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คมู่ อื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหนง่ ครผู ชู้ ว่ ย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 327 ข้อควรรู้ ใช้โครงสร้าง “be going to + กรยิ า” แสดงเวลาในอนาคตได้ โดยแสดงใหเ้ ห็นถงึ แผนการ และความต้งั ใจท่ีจะทำบางส่งิ บางอย่าง (แต่อาจจะยังไม่มกี ารเตรยี มการหรือตัดสินใจ) 54. เฉลย 3 ประโยคมเี น้ือความเปน็ Present Simple Tense แตใ่ หค้ วามหมายเป็นอนาคต มคี วามหมายว่า รถไฟเท่ยี วแรกออกเดินทางในเวลา 6 นาฬกิ า ดังนน้ั จึงควรใชก้ ริยา “leaves” (ออกเดินทาง) เพ่ือใหเ้ ข้ากับ ประธานเอกพจน์ The first train ขอ้ ควรรู้ ใช้ Present Simple Tense แสดงเวลาในอนาคตได้ โดยให้มคี วามเกย่ี วข้องกบั ตารางเวลา กำหนดการ หรือการออกอากาศรายการโทรทัศน์และวิทยุต่างๆ (เป็นเวลาทก่ี ำหนดไว้ตายตวั แล้ว) 55. เฉลย 2 ประโยคมเี นื้อความเป็น Present Continuous Tense แตใ่ ห้ความหมายเป็นอนาคต มคี วามหมายว่า พวกเขากำลังจะเดนิ ทางไปบรูไนในวันพรงุ่ นี้ และได้จดั เตรียมทกุ สง่ิ ไว้เรยี บรอ้ ยแลว้ ดังนนั้ จึงควรใชก้ รยิ า “are leaving” (กำลังจะออกเดนิ ทาง) เพื่อใหเ้ ข้ากับประธานพหพู จน์ They ข้อควรรู้ ใช้ Present Continuous Tense แสดงเวลาในอนาคตได้ โดยใหม้ ีความเกยี่ วขอ้ งกับ เหตุการณท์ ี่กำลังจะเกิดขน้ึ อย่างแนน่ อนในอนาคตอันใกล้ มีการวางแผนและเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว (มีความแน่นอนมากกวา่ be going to) 56. เฉลย 2 ใช้ any กับนามนบั ไดพ้ หพู จน์ “eggs” (ไข)่ ขอ้ ควรรู้ any แปลว่า บา้ ง จำนวนหนง่ึ ใช้ร่วมไดก้ ับทง้ั นามนบั ไดพ้ หพู จน์ และนามนับไมไ่ ด้ โดยท่วั ไปแล้ว ใชใ้ นประโยคปฏเิ สธและคำถาม 57. เฉลย 1 ใช้ any กบั นามนบั ไม่ได้ “sugar” (น้ำตาล) ข้อควรรู้ any แปลว่า บ้าง จำนวนหนงึ่ ใช้รว่ มได้กบั ทงั้ นามนับได้พหพู จน์ และนามนบั ไมไ่ ด้ โดยทว่ั ไปแลว้ ใช้ในประโยคปฏเิ สธและคำถาม 58. เฉลย 3 ใช้ more กบั นามนับไมไ่ ด้ “salt” (เกลอื ) ขอ้ ควรรู้ more แปลวา่ มากวา่ มากขนึ้ ใชร้ ว่ มไดก้ ับทั้งนามนบั ไดพ้ หพู จน์ และนามนบั ไม่ได้ 59. เฉลย 3 ใช้ any กบั นามนบั ไมไ่ ด้ “money” (เงิน) และประโยคนม้ี ีเนื้อความเปน็ ปฏเิ สธ ขอ้ ควรรู้ สำนวนกรยิ า have got แปลว่า มี คนทใ่ี ชภ้ าษาองั กฤษแบบ British English นยิ มพดู แบบ น้ี มรี ูปปฏเิ สธ คือ haven’t got 60. เฉลย 4 ใช้ Every กับนามเอกพจน์ “student” (นกั เรยี น) เตรียมสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คมู่ ือเตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหนง่ ครผู ู้ชว่ ย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 328 ขอ้ ควรรู้ Every แปลว่า ทกุ ๆ มีความหมายนบั รวมเป็นกลุม่ ก้อนเดียวกนั จงึ ใชก้ บั นามเอกพจน์ เทา่ นน้ั 61. เฉลย 2 ใช้ All กับนามพหพู จน์ “my dogs” (สุนัขของฉัน) ข้อควรรู้ All แปลวา่ ทง้ั หมด ใช้กับนามนับไดพ้ หพู จน์ และนามนับไม่ได้เป็นหลัก 62. เฉลย 2 ใช้ A few กบั นามพหพู จน์ “students” (นกั เรยี นหลายคน) ข้อควรรู้ Few และ A few แปลว่า จำนวนหนึง่ ไมม่ ากนกั ใชก้ ับนามนบั ไดพ้ หพู จนเ์ ทา่ น้นั โดยที่ - Few มคี วามหมายเชงิ ลบวา่ จำนวนที่มอี ยู่น้อยนิดนัน้ ไม่เพยี งพอทีจ่ ะนำมาใช้ประโยชน์ หรอื แบง่ ปันตอ่ ไปไดอ้ ีก - A few มีความหมายเชิงบวกวา่ แมจ้ ำนวนทม่ี ีอยูจ่ ะนอ้ ยนดิ แตก่ ็เพยี งพอท่จี ะนำมาใช้ ประโยชน์หรือแบง่ ปนั ต่อไปได้ 63. เฉลย 3 ใช้ little กบั นามนบั ไมไ่ ด้ “petrol” (น้ำมันเชอ้ื เพลงิ ) ขอ้ ควรรู้ Little และ A little แปลว่า จำนวนหนง่ึ ไม่มากนกั ใช้กบั นามนบั ไม่ได้เทา่ น้นั โดยท่ี - Little มคี วามหมายเชิงลบวา่ จำนวนท่ีมอี ยนู่ อ้ ยนิดนนั้ ไม่เพยี งพอทจ่ี ะนำมาใช้ประโยชน์ หรือแบง่ ปนั ตอ่ ไปไดอ้ กี - A little มคี วามหมายเชิงบวกวา่ แมจ้ ำนวนทีม่ อี ย่จู ะนอ้ ยนดิ แตก่ ็เพียงพอท่ีจะนำมาใช้ ประโยชน์หรอื แบ่งปันต่อไปได้ 64. เฉลย 1 ใช้ this กบั นามเอกพจน์ “subject” (วิชา) ข้อควรรู้ this , that , these และ those มคี วามหมายช้ีเฉพาะ โดยท่ี - this แปลว่า น่ี น้ี ใชก้ บั นามเอกพจน์ - that แปลวา่ นน่ั นน้ั ใช้กับนามเอกพจน์ - these แปลวา่ เหลา่ น้ี ใช้กบั นามพหพู จน์ - those แปลว่า เหล่าน้นั ใช้กบั นามพหพู จน์ 65. เฉลย 2 ใช้ some กับนามนับไม่ได้ “water” (น้ำ) ข้อควรรู้ some แปลวา่ บ้าง จำนวนหนงึ่ ใชร้ ่วมได้กับทงั้ นามนับไดพ้ หูพจน์ และนามนบั ไมไ่ ด้ โดยทั่วไปแลว้ ใชใ้ นประโยคบอกเล่า (คล้ายกับ any แต่ any ปรากฏในปฏิเสธและคำถาม) 66. เฉลย 1 ใช้ some กับนามนบั ไดพ้ หพู จน์ “plates” (จานหลายใบ) เตรียมสอบครผู ู้ชว่ ย By ทีมฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
ค่มู อื เตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตามหลักเกณฑ์ใหม่ 329 67. เฉลย 2 ใช้ Lots (of) กับนามนบั ได้พหูพจน์ “soldiers” (ทหารหลายนาย) ขอ้ ควรรู้ A lot of และ Lots of แปลว่า มาก เยอะ ใช้รว่ มได้กบั ทัง้ นามนับได้พหพู จน์ และนามนบั ไม่ได้ โดยท่ัวไปแล้ว ใช้ในประโยคบอกเลา่ เปน็ หลัก 68. เฉลย 4 ใช้ Most (of) กบั นามนบั ได้พหพู จน์ “the workers” (คนงานหลายคน) ขอ้ ควรรู้ Most แปลวา่ สว่ นใหญ่ ใชร้ ่วมไดก้ บั ทัง้ นามนับได้พหพู จน์ และนามนบั ไม่ได้ 69. เฉลย 1 ใช้ most กบั นามนบั ได้พหูพจน์ “vegetables” (ผกั ชนิดต่างๆ) 70. เฉลย 3 ใช้ Both (of) กบั นามนบั ไดพ้ หพู จน์ “them” (สรรพนามรูปกรรมของ they พวกเขา) ข้อควรรู้ Both แปลวา่ ท้ังคู่ ใชก้ ับนามพหพู จนเ์ ทา่ น้ัน 71. เฉลย 1 ใช้ both กับนามพหพู จน์ “a doctor and a writer” (แพทย์และนักเขยี น) 72. เฉลย 2 ใช้ Both กับนามพหูพจน์ “men” (ชาย (2 คน) 73. เฉลย 4 หลกั การใช้คำนำหน้านาม (Article) a , an และ the - ชอ่ื บุคคล “Sophia” ไมต่ ้องใชค้ ำนำหนา้ นามใดๆ ทง้ั สน้ิ - ชอ่ื ประเทศโดยท่ัวไป “Italy” ไม่ต้องใชค้ ำนำหน้านามใดๆ ทงั้ ส้ิน 74. เฉลย 1 หลักการใชค้ ำนำหน้านาม (Article) a , an และ the - นามเอกพจน์ “island” มคี ุณศพั ท์ “beautiful” ขยายอยู่ดา้ นหน้า ใหใ้ ช้ a นำหนา้ - ชือ่ มหาสมุทรและทะเล “Andaman Sea” ใหใ้ ช้ the นำหนา้ 75. เฉลย 3 หลกั การใชค้ ำนำหนา้ นาม (Article) a , an และ the - นาม “teacher” แตเ่ ม่อื มีคณุ ศัพท์ช้ีเฉพาะ “that” ขยายอยู่ดา้ นหน้าแล้ว ไม่ตอ้ งใชค้ ำ นำหนา้ นามใดๆ ทั้งส้นิ - ชอื่ กีฬา “golf” ไม่ตอ้ งใชค้ ำนำหนา้ นามใดๆ ทงั้ ส้ิน 76. เฉลย 4 หลกั การใช้คำนำหน้านาม (Article) a , an และ the - สถานที่ เชน่ school (โรงเรียน) , university (มหาวทิ ยาลัย) , hospital (โรงพยาบาล) และ prison (เรอื นจำ) เมื่อใชเ้ พ่ือกล่าวถึงหน้าทพี่ น้ื ฐานของสถานทนี่ นั้ ๆ ไมต่ ้องใช้ the นำ เตรยี มสอบครผู ู้ชว่ ย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คู่มือเตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย ตามหลักเกณฑใ์ หม่ 330 แตถ่ า้ ใชเ้ พอ่ื กล่าวถงึ จุดมงุ่ หมายพิเศษ ให้ใช้ the นำหนา้ ในท่นี ี้ แฮร์รไ่ี ปเรอื นจำเพอื่ เยี่ยม (to visit) ไมไ่ ด้ไปเขา้ เรอื นจำเพอื่ ชดใช้ความผดิ เป็นจดุ มุ่งหมายพเิ ศษ ดังนั้น จงึ ตอ้ งใช้ the นำหนา้ - นามเอกพจน์ “prisoner” เม่ือมคี ณุ ศัพทส์ ัญชาติ “American” ขยายอยดู่ า้ นหน้าแล้ว ต้องใช้คำนำหนา้ นามว่า an เพือ่ ใหเ้ ข้ากับเสยี งสระเรมิ่ ต้นของคำวา่ American 77. เฉลย 3 หลักการใช้คำนำหนา้ นาม (Article) a , an และ the - นาม “musicians” แตเ่ ม่ือมคี ณุ ศัพทช์ ้ีเฉพาะ “Those” ขยายอยู่ด้านหนา้ แลว้ ไมต่ อ้ งใช้ คำนำหนา้ นามใดๆ ท้งั สิน้ - เครอื่ งดนตรี “piano” ต้องใช้ the นำหนา้ เสมอ 78. เฉลย 1 หลกั การใชค้ ำนำหนา้ นาม (Article) a , an และ the - นาม “astronaut” แต่เม่ือมีประพันธสรรพนาม เช่น which , who , whom , whose และ that เชื่อมอยูด่ า้ นหลงั โดยตรงแลว้ ต้องใช้ the นำหน้าเสมอ (เปน็ การชเี้ ฉพาะ) - นามทม่ี เี พยี งสงิ่ เดยี ว “Moon” ตอ้ งใช้ the นำหน้าเสมอ 79. เฉลย 4 หลกั การใชค้ ำนำหนา้ นาม (Article) a , an และ the - ชื่อสกุลท่ีอย่ใู นรูปพหพู จน์ “Browns” ตอ้ งใช้ the นำหน้าเสมอ แทนทุกคนทีอ่ ยใู่ นสกลุ Brown - ช่อื แม่นำ้ “Amazon River” ต้องใช้ the นำหน้าเสมอ 80. เฉลย 4 หลักการใช้คำนำหน้านาม (Article) a , an และ the - นามเอกพจน์ “apple” ขึน้ ตน้ เป็นเสียงสระ จึงต้องใช้ an นำหนา้ - นามพหูพจน์ “oranges” มจี ำนวน “three” ขยายดา้ นหนา้ ไมต่ อ้ งใช้ คำนำหนา้ นามใดๆ ทัง้ สิ้น 81. เฉลย 2 หลักการใช้คำนำหน้านาม (Article) a , an และ the - ในที่นี้ เอม็ มา่ ไปโรงเรียน (to school) เพ่ือไปศกึ ษาหาความรู้เปน็ ประจำทกุ เช้า ดังน้ัน จึงไม่ต้องใช้ the นำหน้าในกรณนี ้ี - ชว่ งเวลา “morning” ตอ้ งใช้ the นำหนา้ เสมอ 82. เฉลย 3 หลกั การใชค้ ำนำหนา้ นาม (Article) a , an และ the - นาม “car” แตเ่ ม่ือมีคุณศพั ท์ “His” และ “red” ขยายอยู่ดา้ นหน้าพรอ้ ม ๆ กนั แลว้ ไม่ตอ้ ง ใช้คำนำหนา้ นามใดๆ ทัง้ สนิ้ เตรียมสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรยี มสอบบรรจเุ ขา้ รับราชการ ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 331 - นามเอกพจน์ “hour” มีลักษณะการออกเสยี งพเิ ศษ คือ ไมอ่ อกเสียง h ดังนน้ั คำน้จี ึงออกเสียง เรม่ิ ต้นเปน็ เสยี งสระ จงึ ต้องใช้คำนำหนา้ วา่ an 83. เฉลย 1 หลกั การใชค้ ำนำหน้านาม (Article) a , an และ the - นามพหพู จน์ “children” เมื่อมีคุณศพั ท์ “Many” ขยายอย่ดู า้ นหนา้ แล้ว ไมต่ ้องใชค้ ำนำหนา้ นาม ใด ๆ ท้งั ส้ิน - นาม “university” กล่าวถงึ มหาวทิ ยาลยั แหง่ หนง่ึ ท่ตี ้งั อยู่ภายในเมอื ง จึงใช้ a นำหนา้ เพราะ university ออกเสยี งเรม่ิ ตน้ คำเป็นเสียงพยญั ชนะ ไม่ใช่เสยี งสระ 84. เฉลย 3 หลักการใช้คำนำหนา้ นาม (Article) a , an และ the - นามเอกพจน์ “umbrella” ออกเสยี งเร่ิมต้นคำเป็นเสยี งสระ จงึ ต้องใช้ an นำหนา้ - ชื่อแนวเทอื กเขา “Alps” ตอ้ งใช้ the นำหน้าเสมอ แต่ ชอื่ ภูเขา ไมต่ อ้ งใช้ the นำ เช่น Everest , Kilimanjaro เป็นตน้ 85. เฉลย 4 หลักการใชค้ ำนำหนา้ นาม (Article) a , an และ the - คณุ ศัพทส์ ญั ชาติ “Chinese” เมอ่ื ต้องการใชแ้ ทนประชาชนสัญชาตนิ ั้นทงั้ หมด ใหใ้ ช้ the นำหน้า เสมอ - ชอ่ื ส่งิ ก่อสรา้ งที่มีเพียงส่งิ เดียวในโลก “Taj Mahal” ต้องใช้ the นำหน้าเสมอ 86. เฉลย 3 นามเอกพจน์ 2 คำ “Red” และ “yellow” เชือ่ มด้วยคำว่า “and” ถอื วา่ เปน็ พหพู จน์แล้ว จงึ ตอ้ งใช้ กรยิ า are เพือ่ ใหเ้ ข้ากับนามพหพู จน์ด้วย 87. เฉลย 1 นามเอกพจน์ “dog” และมีคำนำหน้านามว่า “A” วางไว้ดา้ นหน้า บอกให้ทราบวา่ มีจำนวนอย่เู พียง แค่ 1 เดียวเทา่ น้ัน จงึ ตอ้ งใชก้ ริยาเอกพจนว์ า่ “is sitting” เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกันด้วย ข้อควรรู้ ในทน่ี ้ี แม้จะมีการกล่าวถึงสีของสุนัข 2 สดี ้วยกนั คือ “brown and white” แตไ่ ม่นบั ว่า เปน็ พหูพจน์ เพราะสที ้ังสองนอี้ ยูบ่ นตวั สนุ ขั เพยี งตัวเดียวเท่านั้น 88. เฉลย 3 นามพหพู จน์ “people” ทขี่ ยายด้วยคณุ ศพั ทช์ ี้เฉพาะ “Those” บอกใหท้ ราบว่า จำนวนประชาชนมี อยู่หลายคน จงึ ต้องใชก้ ริยาพหูพจน์ว่า “give” เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกนั ดว้ ย ขอ้ ควรรู้ คำนามบางตวั มคี วามหมายเป็นพหูพจน์เสมอในตวั มนั เอง เช่น people (ประชาชน) , police (ตำรวจ) เปน็ ตน้ เตรยี มสอบครูผู้ชว่ ย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คูม่ ือเตรยี มสอบบรรจเุ ข้ารบั ราชการ ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย ตามหลกั เกณฑ์ใหม่ 332 89. เฉลย 3 นามเอกพจน์ “student” ทข่ี ยายด้วยคำว่า “Each” บอกใหท้ ราบว่า กำลังพจิ ารณาจำนวนนักเรียน ท้งั หมดทมี่ ีอยอู่ อกเปน็ รายบคุ คล จงึ ต้องใชก้ ริยาเอกพจน์วา่ “gives” เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกันด้วย ขอ้ ควรรู้ Each แปลวา่ แตล่ ะ ใชก้ บั นามเอกพจน์เท่านั้น เพ่ือเนน้ ให้เหน็ วา่ กำลังพิจารณานามนั้น ออกเปน็ รายบุคคลหรอื รายอนั จงึ มีความหมายเปน็ เอกพจน์ 90. เฉลย 1 นามพหูพจน์ “the chapters” ทว่ี างไว้หลงั “Each of” บอกใหท้ ราบว่า กำลงั พจิ ารณาจำนวน บทเรียนในหนงั สือน้อี อกเปน็ รายบท จงึ ต้องใช้กรยิ าเอกพจนว์ า่ “is” เพือ่ ให้เหมาะสมกนั ดว้ ย ขอ้ ควรรู้ เมอื่ ใช้ “Each of + นามพหูพจน์แล้ว” ยงั ถือว่ามีความเปน็ เอพจนอ์ ยู่เชน่ เดมิ เพราะเรา พจิ ารณาเป็นรายบท ไม่ใชจ่ ำนวนบททัง้ หมดท่ีมอี ยู่ 91. เฉลย 3 เมอ่ื ใช้ “Everybody” (ทกุ ๆคน) ทำหนา้ ทเี่ ป็นเปน็ ประธานของประโยค ให้พจิ ารณาสมาชกิ ทกุ คน เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ถือว่ามีความเป็นเอกพจน์ จึงตอ้ งใชก้ รยิ าทเี่ ป็นเอกพจน์ “has” ด้วย 92. เฉลย 4 เมอื่ ใช้ “Every” (ทุกๆ) เชือ่ มนาม “boy and girl” ทำหน้าทเี่ ปน็ ประธานของประโยค ยงั คงต้อง พิจารณาสมาชกิ ทุกคนเปน็ กลมุ่ ก้อนเดียวกนั เช่นเดมิ ยังมีความเปน็ เอกพจนอ์ ยู่ จึงตอ้ งใชก้ ริยาทเี่ ป็นเอกพจน์ “has” ดว้ ย 93. เฉลย 2 เมอ่ื ใช้ “Some” (บา้ ง จำนวนหนงึ่ ) ขยายนามพหพู จน์ “people” ทำหนา้ ท่เี ป็นประธานของ ประโยค ในกรณนี ี้ ใหพ้ จิ ารณาจากนามหลงั Some วา่ เป็นเอกพจนห์ รอื พหพู จน์ แล้วจึงใชก้ ริยาใหเ้ มาะสมกนั ตอ่ ไป ในที่น้ี “people” เป็นนามพหพู จน์ จึงต้องใชก้ รยิ าพหูพจน์ “want” ดว้ ย 94. เฉลย 2 นามพหพู จน์ “two paintings” บอกให้ทราบว่าตอ้ งใช้กริยาพหูพจน์รว่ มกับคำว่า “There” เพ่อื บอกให้รู้ว่ามอี ยหู่ ลายภาพ จงึ ตอ้ งใช้กริยา “were” ซึ่งเปน็ รูปเดียวทเ่ี ป็นพหพู จน์จากตวั เลอื กท่ีมีอยู่ ขอ้ ควรรู้ เม่อื ต้องการจะใช้ “There is” หรือ “There are” เพ่ือบอกรายละเอียดวา่ มีสง่ิ ใดบา้ ง ให้ พจิ ารณาจากนามด้านหลงั ว่าเป็นเอกพจนห์ รือพหพู จน์ โดยที่ - There is แปลวา่ มี (จำนวนเพยี ง 1 เดยี วเทา่ นัน้ ) - There are แปลว่า มี (จำนวนตง้ั แต่ 2 ข้นึ ไป) - เมื่อใช้อย่างอดตี กาล Past Simple Tense ให้ใช้ was แทน is/am และ were แทน are 95. เฉลย 1 หากปรากฏ “as well as” (เฉกเช่นเดียวกับ) เชอื่ มนาม 2 กลมุ่ เขา้ ดว้ ยกัน เมื่อจะพจิ ารณาว่าต้องใช้ กรยิ าเอกพจนห์ รอื พหพู จน์ ใหพ้ ิจารณาเฉพาะนามที่อยู่ด้านหนา้ เทา่ นั้น ในทน่ี ้ี “Peter” เป็นบคุ คลเพยี ง 1 คนเทา่ นั้น จงึ ต้องใชก้ ริยาเอกพจน์ “goes” ดว้ ย เตรียมสอบครูผู้ช่วย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนำพา ศรทั ธานำทาง
คู่มอื เตรียมสอบบรรจเุ ขา้ รบั ราชการ ตำแหน่งครูผูช้ ่วย ตามหลกั เกณฑใ์ หม่ 333 96. เฉลย 2 หากปรากฏเศษส่วนวางไว้หนา้ นาม เมือ่ จะพจิ ารณาวา่ ตอ้ งใช้กรยิ าเอกพจนห์ รือพหพู จน์ ให้พจิ ารณา เฉพาะนามหลักท่ปี รากฏเทา่ นน้ั ในทนี่ ี้ แมจ้ ะปรากฏเศษส่วน “Two-thirds” (เศษ 2 ส่วน 3) แต่นามหลัก “the furniture” (เครอื่ งเรอื น) เป็นนามนบั ไม่ได้ จึงต้องใชก้ รยิ าเอกพจน์ “is” โดยปรยิ าย (นามนบั ไมไ่ ด้ ให้ ถอื ว่ามีรปู เป็นเอกพจน์) ขอ้ ควรรู้ เศษส่วนในภาษาอังกฤษ มวี ิธีการเขียน โดย - เศษ ให้เขยี นเป็นเลขจำนวนนบั เชน่ one , two , three เป็นต้น - ส่วน ให้เขียนเป็นเลขลำดบั ท่ี เชน่ third , fourth , fifth เป็นต้น - หากเลขเศษมีคา่ เกนิ กวา่ 1 ให้เตมิ s ทีเ่ ลขสว่ นดว้ ยเสมอ เช่น two-thirds (2/3) , three-fifths (3/5) เป็นต้น 97. เฉลย 3 คำว่า “Half (of)” (ครึ่งหน่ึงของ) ก็จัดเป็นเศษส่วนเช่นเดียวกัน ในที่นี้ นามหลกั “his money” (เงิน ของเขา) จดั เปน็ นามนับไม่ได้ จงึ ต้องใช้กริยาเอกพจน์ “is” โดยปรยิ าย (นามนบั ไม่ได้ ใหถ้ อื วา่ มีรูปเปน็ เอกพจน์) 98. เฉลย 2 ในท่นี ้ี ปรากฏเศษส่วน “One-fourth” (เศษ 1 ส่วน 4) แต่นามหลกั “the magazines” (นติ ยสาร) เป็นนามนับไดพ้ หพู จน์ จงึ ตอ้ งใช้กริยาพหพู จน์ “are” ด้วย 99. เฉลย 3 ในทีน่ ี้ ปรากฏนามพหพู จน์ “Two cups of coffee” (กาแฟ 2 ถ้วย) จงึ ตอ้ งใช้กรยิ าพหพู จน์ “are” ด้วย ขอ้ ควรรู้ นามนับไมไ่ ด้ เชน่ coffee , sugar , water , pork เปน็ ตน้ สามารถนำมานบั ได้ดว้ ยวธิ ี - นำมาบรรจุในภาชนะต่างๆ เช่น one cup of coffee (กาแฟ 1 ถว้ ย) , three bags of sugar (นำ้ ตาล 3 ถงุ ) เป็นตน้ - นำมาชงั่ ตวง เชน่ two kilos of pork (เนอื้ หมู 2 กิโลกรมั ) , three grams of water (นำ้ 3 กรมั ) เป็นตน้ 100. เฉลย 4 นามนับไม่ได้ “pork” นำมาช่งั ไดจ้ ำนวน “A kilo of (pork)” (เน้อื หมจู ำนวน 1 กิโลกรมั ) บอกให้ ทราบว่าเป็นเอกพจน์ จึงต้องใชก้ ริยาเอกพจน์วา่ “is” เตรยี มสอบครผู ู้ช่วย By ทมี ฮักแพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนำพา ศรัทธานำทาง
คมู อื เตรียมสอบบรรจเุ ขา รับราชการ ตาํ แหนงครผู ชู วย ตามหลักเกณฑใหม 334 สว นท่ี 3 วิชาความรแู ละลกั ษณะการเปน ขา ราชการทด่ี ี 3.1 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. 2534 และทีแ่ กไ ขเพมิ่ เตมิ 3.2 พระราชกฤษฎีกาวา ดวยหลกั เกณฑแ ละวธิ ีการบริหารกจิ การ บานเมอื งท่ดี ี พ.ศ. 2546 และทแ่ี กไขเพิ่มเติม 3.3 พระราชบญั ญตั ิวิธปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และท่แี กไขเพิ่ม 3.4 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 ในสวนของความผิดตอตําแหนงหนาทรี่ าชการ 3.5 พระราชบัญญตั คิ วามรับผิดทางละเมดิ ของเจาหนา ที่ พ.ศ. 2539 3.6 พระราชบญั ญัติมาตรฐานทางจริยธรรม เตรียมสอบครผู ูช ว ย By ทีมฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง
คมู ือเตรียมสอบบรรจเุ ขา รับราชการ ตาํ แหนง ครูผูช วย ตามหลกั เกณฑใ หม 335 พระราชบัญญตั ิระเบยี บบรหิ ารราชการแผน ดิน พ.ศ. 2534 และที่แกไ ขเพิ่มเตมิ 1. ใหไว ณ วนั ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2534 เปน ปท่ี 46 ในรชั กาลปจ จุบัน 2. แกไขเพม่ิ เตมิ ถึงปจจบุ นั (ฉบบั ที่ 8) พ.ศ. 2553 3. ผรู บั สนองพระบรมราชโองการ นายอานันท ปนยารชุน (นายกรฐั มนตรี) 4. สวนท่ี 1 มี 7 หมวด 3. สวนท่ี 2 มี 2 หมวด 1 บทเฉพาะกาล สว นท่ี 1 การจดั ระเบียบบริหารราชการสวนกลาง หมวดท่ี 1 การจัดระเบียบราชการในสาํ นกั นายกรฐั มนตรี หมวดที่ 2 การจัดระเบยี บราชการในกระทรวงหรอื ทบวง หมวดท่ี 3 การจดั ระเบยี บราชการในทบวงซ่งึ สังกดั สํานักนายกรัฐมนตรหี รอื กระทรวง หมวดที่ 4 การจดั ระเบยี บราชการในกรม หมวดที่ 5 การปฏบิ ตั ิราชการแทน หมวดที่ 6 การรักษาราชการแทน หมวดที่ 7 การบรหิ ารราชการในตางประเทศ สวนที่ 2 การจดั ระเบยี บบรหิ ารราชการสว นภูมิภาค หมวดท่ี 1 จังหวัด หมวดท่ี 2 อําเภอ สว นท่ี 3 การจัดระเบยี บบรหิ ารราชการสว นทอ งถน่ิ สว นที่ 4 คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ บทเฉพาะกาล พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ ใหประกาศวา โดยทเ่ี ปน การสมควรปรบั ปรุงกฎหมายวาดวยระเบียบบรหิ ารราชการแผนดิน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา ฯ ใหตราพระราชบัญญตั ขิ ้นึ ไวโ ดยคาํ แนะนําและยนิ ยอมของสภานิตบิ ัญญตั ิ แหง ชาติ ดงั ตอ ไปน้ี เตรียมสอบครูผชู ว ย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานาํ ทาง
คูมือเตรยี มสอบบรรจเุ ขารบั ราชการ ตาํ แหนงครูผูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 336 มาตรา 1 เรยี กวา “พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผนดิน พ.ศ. 2534” มาตรา 2 พระราชบญั ญัตนิ ี้ใหใ ชบ ังคับต้ังแตว ันถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา 4 ใหจัดระเบียบบริหารราชการแผน ดนิ ดงั น้ี ครูใจนําพามาชว ยจํา (1) ระเบยี บบริหารราชการสวนกลาง กลาง ภูมิภาค ทองถ่ิน (2) ระเบยี บบริหารราชการสว นภมู ิภาค (3) ระเบยี บบริหารราชการสว นทองถนิ่ มาตรา 5 การแบง ราชการออกเปนสว นตา ง ๆ ตามที่บัญญัติไวใ นพระราชบญั ญัติน้ี ใหกําหนดตําแหนง และ อตั ราเงินเดือนโดยคํานงึ ถึงคุณภาพและปริมาณงานของสวนราชการนัน้ ๆ ไวดวย การบรรจแุ ละการแตงต้งั บุคคลใหดํารงตําแหนง หนา ท่ีราชการตาง ๆ ใหเปน ไปตามกฎหมาย มาตรา 6 ใหน ายกรฐั มนตรรี ักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี สว นท่ี 1 การจัดระเบียบบริหารราชการสว นกลาง มาตรา 7 ใหจดั ระเบียบบริหารราชการสว นกลาง ดังนี้ (1) สาํ นักนายกรัฐมนตรี (2) กระทรวง หรือทบวงซ่งึ มฐี านะเทียบเทา กระทรวง (3) ทบวง ซง่ึ สงั กัดสํานกั นายกรฐั มนตรีหรือกระทรวง (4) กรม หรือสวนราชการทเ่ี รียกชือ่ อยา งอื่นและมฐี านะเปนกรม ซง่ึ สงั กัดหรอื ไมส ังกัดสํานกั นายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง สํานกั นายกรัฐมนตรีมฐี านะเปนกระทรวง สว นราชการตาม (1) (2) (3) และ (4) มีฐานะเปน นติ บิ คุ คล มาตรา 8 การจัดตง้ั การรวม หรือการโอนสวนราชการตามมาตรา 7 ใหตราเปนพระราชบญั ญัติ การจดั ตง้ั ทบวงโดยใหสังกดั สํานกั นายกรัฐมนตรหี รือกระทรวง ใหร ะบุการสังกัดไวในพระราชบญั ญตั ิดวย มาตรา 8 ตร5ี การเปลี่ยนช่ือสวนราชการตามมาตรา 7 ใหตราเปน พระราชกฤษฎกี า และในกรณี ทช่ี ื่อตําแหนงของขา ราชการในสวนราชการน้นั เปลย่ี นไปใหระบุการเปล่ยี นช่ือไวในพระราชกฤษฎีกาดว ย มาตรา 8 จัตวา6 การยุบสวนราชการตามมาตรา 7 ใหตราเปน พระราชกฤษฎีกา เตรียมสอบครผู ชู ว ย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานาํ ทาง
คูมือเตรยี มสอบบรรจเุ ขารับราชการ ตาํ แหนงครูผชู ว ย ตามหลกั เกณฑใ หม 337 หมวดท่ี 1 การจดั ระเบียบราชการในสาํ นกั นายกรัฐมนตรี มาตรา 9 การจดั ระเบียบราชการในสํานกั นายกรฐั มนตรีใหเปน ไปตามกฎหมายวา ดวยการปรบั ปรุงกระทรวง ทบวง กรม ใหสว นราชการในสาํ นักนายกรฐั มนตรีบรรดาท่ีกําหนดไวในกฎหมายวาดวยการปรับปรงุ กระทรวง ทบวง กรม มีฐานะเปนกรม มาตรา 11 นายกรัฐมนตรีในฐานะหวั หนารฐั บาลมอี าํ นาจหนา ท่ี ดงั นี้ (1) กํากับโดยท่ัวไปซึ่งการบริหารราชการแผนดิน เพื่อการนจ้ี ะส่งั ใหราชการสว นกลาง ราชการสว น ภูมิภาค และสวนราชการซง่ึ มีหนา ทค่ี วบคุมราชการสวนทองถน่ิ ชแ้ี จง แสดงความคิดเห็น ทารายงานเกยี่ วกบั การปฏบิ ัติราชการ ในกรณจี าเปนจะยับย้ังการปฏบิ ัตริ าชการใด ๆ ทีข่ ดั ตอนโยบายหรอื มติของคณะรัฐมนตรกี ็ ไดและมอี ํานาจสั่งสอบสวนขอเท็จจรงิ เกยี่ วกับการปฏิบัติราชการของราชการสว นกลาง ราชการสวนภมู ภิ าค และราชการสว นทองถิ่น (2) มอบหมายใหรองนายกรัฐมนตรกี าํ กับการบริหารราชการของกระทรวง หรอื ทบวงหนงึ่ หรอื หลายกระทรวงหรือทบวง (3) บังคับบญั ชาขา ราชการฝายบริหารทุกตาํ แหนงซง่ึ สังกัดกระทรวง ทบวง กรม และสวนราชการ ที่เรียกชอื่ อยางอ่นื ทม่ี ีฐานะเปนกรม (4) ส่ังใหข า ราชการซงึ่ สังกดั กระทรวง ทบวง กรมหน่งึ มาปฏิบตั ริ าชการสาํ นักนายกรฐั มนตรี โดย จะใหขาดจากอตั ราเงนิ เดือนทางสงั กดั เดิมหรือไมกไ็ ด ในกรณที ใ่ี หขาดจากอัตราเงนิ เดือนทางสังกัดเดิม ให ไดรบั เงินเดือนในสํานักนายกรัฐมนตรีในระดบั และขั้นท่ีไมสงู กวาเดิม (5) แตง ตั้งขา ราชการซึง่ สังกัดกระทรวง ทบวง กรมหน่ึงไปดารงตําแหนงของอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง โดยใหไ ดรับเงนิ เดือนจากกระทรวง ทบวง กรมเดิม ในกรณเี ชน วา น้ใี หขาราชการซง่ึ ไดรบั แตง ตัง้ มี ฐานะเสมอื นเปน ขาราชการสังกัดกระทรวง ทบวง กรม ซง่ึ ตนมาดารงตาํ แหนง นนั้ ทุกประการ แตถ า เปน การ แตง ตง้ั ขา ราชการตง้ั แตตาํ แหนง อธิบดีหรอื เทียบเทา ขึน้ ไปตองไดร บั อนุมัตจิ ากคณะรัฐมนตรี (6) แตงตั้งผูทรงคุณวุฒิเปนประธานท่ีปรกึ ษา ที่ปรกึ ษา หรือคณะทป่ี รึกษาของนายกรฐั มนตรี หรือเปนคณะกรรมการเพื่อปฏบิ ัติราชการใด ๆ และกําหนดอตั ราเบีย้ ประชมุ หรอื คา ตอบแทนใหแ กผ ูซ ่ึงไดร บั แตงตัง้ (7) แตงตงั้ ขา ราชการการเมอื งใหปฏบิ ตั ิราชการในสาํ นกั นายกรฐั มนตรี (8) วางระเบียบปฏิบัติราชการ เพ่ือใหการบริหารราชการแผน ดนิ เปนไปโดยรวดเรว็ และมี ประสทิ ธภิ าพ เทา ท่ีไมขัดหรือแยงกับพระราชบัญญตั นิ ้ีหรือกฎหมายอื่น (9) ดําเนนิ การอ่นื ๆ ในการปฏิบตั ิตามนโยบาย ระเบยี บตาม (8) เมื่อคณะรฐั มนตรใี หความเห็นชอบแลว ใหใชบ งั คบั ได เตรียมสอบครูผูชวย By ทมี ฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานําทาง
คูมือเตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนงครูผชู วย ตามหลกั เกณฑใ หม 338 มาตรา 12 ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเปนผูบังคับบัญชาสวนราชการท่ีเรียกชื่ออยางอื่นและมีฐานะเปนกรม แตมิไดสังกัดสาํ นักนายกรัฐมนตรหี รือทบวง นายกรัฐมนตรีจะมอบหมายใหรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ประจําสํานักนายกรัฐมนตรปี ฏบิ ัตริ าชการแทนก็ได มาตรา 13 สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มอี ํานาจหนา ที่เก่ียวกับราชการทางการเมือง มีเลขาธกิ าร นายกรัฐมนตรีเปนผูบังคบั บัญชาขา ราชการ และรับผดิ ชอบในการปฏบิ ัติราชการขึ้นตรงตอนายกรัฐมนตรี และใหม ีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรฝี า ยการเมืองและรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรฝี ายบรหิ าร เปน ผูชว ยสัง่ และปฏิบัตริ าชการและจะใหมผี ชู วยเลขาธิการนายกรฐั มนตรี เปนผูช วยส่งั และปฏิบตั ริ าชการดวยกไ็ ด ใหเ ลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรีและรองเลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรีฝา ยการเมือง เปน ขา ราชการการเมอื ง และ ใหรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝา ยบริหาร และผูชว ยเลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี เปน ขา ราชการพลเรือน สามญั มาตรา 14 สาํ นักเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรมี ีอาํ นาจหนา ท่เี ก่ียวกับราชการของคณะรัฐมนตรี รฐั สภา และ ราชการในพระองค มเี ลขาธิการคณะรัฐมนตรีเปน ผูบงั คบั บัญชาขาราชการ และรับผิดชอบในการปฏบิ ตั ิ ราชการข้นึ ตรงตอนายกรัฐมนตรี และใหม รี องเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรเี ปนผชู ว ยสัง่ และปฏิบัตริ าชการ และจะ ใหมีผูชว ยเลขาธิการคณะรฐั มนตรเี ปน ผูช ว ยสง่ั และปฏบิ ตั ริ าชการดวยก็ได ใหเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี รอง เลขาธิการคณะรฐั มนตรี และผูชว ยเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี เปน ขา ราชการพลเรือนสามัญ มาตรา 16 สํานกั นายกรฐั มนตรี นอกจากมนี ายกรัฐมนตรี รองนายกรฐั มนตรแี ละรัฐมนตรีประจําสํานกั นายกรฐั มนตรี ใหมีปลดั สาํ นักนายกรัฐมนตรคี นหน่ึงมอี ํานาจหนา ทด่ี ังนี้ (1) รับผดิ ชอบควบคมุ ราชการประจําในสํานกั นายกรัฐมนตรี กาํ หนดแนวทางและแผนการปฏิบัติ ราชการของสาํ นักนายกรฐั มนตรี และลําดับความสาํ คญั ของแผนการปฏบิ ตั ริ าชการประจําปข องสวนราชการ ในสํานักนายกรัฐมนตรีใหเ ปน ไปตามนโยบายทนี่ ายกรัฐมนตรกี าํ หนดรวมทัง้ กาํ กบั เรงรัด ตดิ ตามและ ประเมินผลการปฏบิ ตั ิราชการของสว นราชการในสาํ นักนายกรฐั มนตรี (2) เปนผบู งั คับบญั ชาขา ราชการของสวนราชการในสาํ นกั นายกรัฐมนตรรี องจากนายกรัฐมนตรี รองนายกรฐั มนตรีและรฐั มนตรปี ระจาํ สํานักนายกรัฐมนตรี ยกเวนขา ราชการของสวนราชการซ่ึงหัวหนา สว นราชการขนึ้ ตรงตอ นายกรฐั มนตรี (3) เปนผบู ังคบั บัญชาขา ราชการในสํานกั งานปลัดสาํ นักนายกรัฐมนตรแี ละรับผดิ ชอบในการ ปฏิบัติราชการของสาํ นกั งานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี เตรียมสอบครผู ชู ว ย By ทีมฮกั แพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานาํ ทาง
คูมอื เตรยี มสอบบรรจุเขา รับราชการ ตําแหนง ครูผชู ว ย ตามหลักเกณฑใ หม 339 หมวดท่ี 2 การจดั ระเบียบราชการในกระทรวงหรอื ทบวง มาตรา 18 ใหจดั ระเบียบราชการของกระทรวง ดงั น้ี (1) สํานักงานรฐั มนตรี (2) สํานักงานปลัดกระทรวง (3) กรม หรอื สวนราชการทเี่ รยี กชื่ออยา งอื่น เวน แตบางกระทรวงเหน็ วา ไมมีความจําเปนจะไมแยก สว นราชการตัง้ ขึ้นเปนกรมกไ็ ด ใหสว นราชการตาม (2) และสว นราชการทีเ่ รยี กช่ืออยา งอนื่ ตาม (3) มีฐานะเปน กรม มาตรา 21 ในกระทรวงใหม ีปลัดกระทรวงคนหน่งึ มีอํานาจหนา ท่ี ดงั นี้ (1) รับผดิ ชอบควบคุมราชการประจาํ ในกระทรวง แปลงนโยบายเปนแนวทางและแผนการปฏิบตั ิ ราชการ กํากบั การทํางานของสว นราชการในกระทรวงใหเ กิดผลสัมฤทธ์ิ และประสานการปฏิบัติงานของ สวนราชการในกระทรวงใหมเี อกภาพสอดคลองกัน รวมทง้ั เรง รดั ติดตาม และประเมนิ ผลการปฏิบัตริ าชการ ของสวนราชการในกระทรวง (2) เปน ผบู ังคบั บัญชาขาราชการของสวนราชการในกระทรวงรองจากรัฐมนตรี (3) เปน ผบู ังคับบัญชาขา ราชการในสํานกั งานปลดั กระทรวง และรับผดิ ชอบในการปฏบิ ัติราชการของ สาํ นักงานปลัดกระทรวง ในการปฏิบตั ริ าชการของปลดั กระทรวงตามวรรคหน่งึ จะใหม ีรองปลัดกระทรวง คนหน่งึ เปน ผชู วยสั่งและปฏิบัตริ าชการตามที่ปลดั กระทรวงมอบหมายกไ็ ด มาตรา 22 สํานกั งานรฐั มนตรมี อี ํานาจหนาทเ่ี กี่ยวกบั ราชการทางการเมือง มเี ลขานุการรฐั มนตรีซึ่งเปน ขา ราชการการเมอื งเปนผบู ังคบั บัญชาขา ราชการ และรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิราชการของสาํ นักงาน รัฐมนตรีขน้ึ ตรงตอรัฐมนตรีวา การกระทรวง และจะใหมีผชู วยเลขานกุ ารรัฐมนตรีซึง่ เปนขา ราชการการเมือง คนหน่งึ หรอื หลายคนเปน ผูช วยส่ังหรือปฏิบตั ริ าชการแทนเลขานกุ ารรฐั มนตรกี ็ได หมวดที่ 3 การจดั ระเบยี บราชการในทบวงซงึ่ สงั กดั สํานกั นายกรฐั มนตรีหรอื กระทรวง มาตรา 25 ราชการสวนใดซึ่งโดยสภาพและปรมิ าณของงานไมเหมาะสมท่จี ะจัดตง้ั เปน กระทรวงหรือทบวงซง่ึ มีฐานะเทยี บเทา กระทรวง จะจดั ต้ังเปนทบวงสังกัดสํานักนายกรัฐมนตรหี รือกระทรวง เพอื่ ใหมี รฐั มนตรวี า การทบวงเปนผบู ังคับบัญชาขาราชการ และรับผดิ ชอบในการปฏบิ ตั ิราชการของทบวงก็ได และ ใหจัดระเบียบราชการในทบวงดังนี้ (1) สํานักงานรัฐมนตรี (2) สาํ นกั งานปลดั ทบวง (3) กรม หรอื สวนราชการท่ีเรียกช่อื อยา งอน่ื เวน แตบางทบวงซ่งึ เหน็ วาไมมีความจําเปนจะไมแยก สวนราชการต้งั ขึ้นเปนกรมก็ได ใหสว นราชการตาม (2) และสวนราชการทเ่ี รยี กช่ืออยางอื่นตาม (3) มีฐานะเปน กรม เตรียมสอบครผู ูช วย By ทมี ฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานาํ ทาง
คมู ือเตรยี มสอบบรรจุเขารบั ราชการ ตําแหนงครูผชู ว ย ตามหลักเกณฑใหม 340 มาตรา 28 ทบวง นอกจากมีรฐั มนตรวี า การทบวงและรัฐมนตรชี ว ยวา การทบวง ใหมีปลัดทบวงคนหน่ึงมี อํานาจหนาทด่ี ังน้ี (1) รบั ผิดชอบควบคุมราชการประจาํ ในทบวง กาํ หนดแนวทางและแผนการปฏบิ ตั ริ าชการของ ทบวง และลําดบั ความสําคญั ของแผนการปฏิบัตริ าชการประจําปข องสวนราชการในทบวงใหเปนไปตาม นโยบายทรี่ ฐั มนตรีกาํ หนด รวมท้ังกาํ กับ เรงรัด ติดตามและประเมินผลการปฏบิ ตั ิราชการของสว นราชการใน ทบวง (2) เปน ผูบ งั คบั บัญชาขาราชการของสว นราชการในทบวงรองจากรัฐมนตรี มาตรา 29 สาํ นกั งานรัฐมนตรีมอี ํานาจหนาทเ่ี กีย่ วกบั ราชการทางการเมือง มเี ลขานุการรฐั มนตรีซ่ึงเปน ขาราชการการเมอื งเปนผบู ังคับบญั ชาขา ราชการ และรับผดิ ชอบในการปฏิบตั ริ าชการของสาํ นักงาน รัฐมนตรีขน้ึ ตรงตอรัฐมนตรีวา การทบวง และจดั ใหมผี ชู วยเลขานกุ ารรัฐมนตรี ซ่งึ เปน ขาราชการการเมืองคน หน่งึ หรือหลายคนเปน ผชู วยสง่ั หรือปฏิบัตริ าชการแทนเลขานุการรฐั มนตรีก็ได มาตรา 30 สาํ นักงานปลดั ทบวงมีอาํ นาจหนาท่เี กย่ี วกับราชการประจําท่ัวไปของทบวง และราชการที่ คณะรัฐมนตรมี ิไดกําหนดใหเปนหนา ทข่ี องกรมใดกรมหนึ่งในสังกดั ทบวงโดยเฉพาะ รวมท้งั กาํ กับและเรงรัด การปฏิบัตริ าชการของสวนราชการในทบวงใหเปน ไปตามนโยบาย แนวทางและแผนการปฏบิ ัติราชการของ ทบวง หมวดท่ี 4 การจดั ระเบยี บราชการในกรม มาตรา 31 กรมซ่ึงสงั กดั หรอื ไมส ังกดั สํานกั นายกรฐั มนตรี กระทรวง หรือทบวงอาจแบงสวนราชการดังน้ี (1) สํานกั งานเลขานกุ ารกรม (2) กองหรือสว นราชการท่ีมีฐานะเทียบกอง เวนแตบางกรมเห็นวา ไมมีความจาํ เปนจะไมแ ยกสวน ราชการตั้งขึน้ เปนกองกไ็ ด กรมใดมคี วามจาํ เปน จะแบงสว นราชการโดยใหมีสว นราชการอนื่ นอกจาก (1) หรอื (2) กไ็ ด สาํ หรบั สาํ นักงานตาํ รวจแหงชาติ จะแบง สวนราชการใหเหมาะสมกับราชการของตาํ รวจก็ได มาตรา 32 กรมมีอาํ นาจหนาทเี่ กยี่ วกับราชการของกระทรวงตามที่กาํ หนดในกฎกระทรวงแบง สวนราชการ ของกรม หรือตามกฎหมายวา ดว ยอาํ นาจหนา ที่ของกรมนั้น ในกรมหนงึ่ มีอธิบดีคนหน่ึงเปนผูบงั คับบญั ชาขาราชการและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ใหเ กดิ ผลสมั ฤทธแ์ิ ละเปนไปตามเปา หมาย แนวทาง และแผนการปฏิบัตริ าชการของกระทรวงและในกรณีท่ีมี กฎหมายอน่ื กาํ หนดอํานาจหนา ทข่ี องอธิบดีไวเ ปน การเฉพาะ การใชอาํ นาจและการปฏิบตั ิหนาที่ตามกฎหมาย ดงั กลาวใหคาํ นงึ ถึงนโยบายที่คณะรฐั มนตรแี ถลงไวตอรัฐสภาหรือท่ีคณะรัฐมนตรีกําหนดหรอื อนุมัติ และ นโยบาย แนวทาง และแผนการปฏิบัติราชการของกระทรวงดว ย ในกรมหน่งึ จะใหมีรองอธิบดีเปน เตรียมสอบครผู ูช ว ย By ทีมฮักแพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานําทาง
คูม อื เตรียมสอบบรรจเุ ขารับราชการ ตาํ แหนงครผู ชู วย ตามหลกั เกณฑใ หม 341 ผูบ ังคบั บัญชาขา ราชการรองจากอธบิ ดแี ละชว ยอธบิ ดปี ฏบิ ตั ริ าชการ ก็ได รองอธิบดีมีอํานาจหนาที่ตามท่ี อธบิ ดีกําหนดหรือมอบหมาย มาตรา 34 กระทรวง ทบวง กรมใดมีเหตพุ เิ ศษ จะตราพระราชกฤษฎกี าแบงทอ งที่ออกเปน เขตเพื่อใหมี หวั หนาสว นราชการประจาเขตแลว แตจ ะเรียกช่ือเพื่อปฏบิ ัติงานทางวิชาการกไ็ ด หัวหนาสวนราชการประจําเขตมีอํานาจหนา ท่ีเปน ผรู บั นโยบายและคาสัง่ จากกระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัตงิ านทางวิชาการ และเปนผบู ังคับบัญชาขา ราชการประจาํ สํานักงานเขตซงึ่ สงั กัดกระทรวง ทบวง กรม นัน้ ความในมาตรานี้ไมใ ชบังคับแกการแบงเขตและการปกครองบังคบั บญั ชาของตํารวจซึ่งไดกาํ หนด โดยพระราชกฤษฎกี า หมวดท่ี 5 การปฏิบตั ิราชการแทน มาตรา 38 อาํ นาจในการสงั่ การอนญุ าต การอนมุ ัติ การปฏบิ ัติราชการหรอื การดาํ เนินการอื่นทผ่ี ดู ํารง ตาํ แหนง ใดจะพงึ ปฏิบตั หิ รอื ดําเนนิ การตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือคาสั่งใด หรือมตขิ อง คณะรฐั มนตรีในเรือ่ งใด ถากฎหมาย กฎ ระเบยี บ ประกาศ หรอื คาํ สัง่ นนั้ หรือมติของคณะรฐั มนตรีในเร่ืองนัน้ มไิ ดกําหนดเรือ่ งการมอบอํานาจไวเ ปน อยา งอนื่ หรอื มิไดห ามเรือ่ งการมอบอํานาจไว ผดู ํารงตาํ แหนง นั้นอาจ มอบอํานาจใหผ ูดํารงตําแหนงอน่ื ในสวนราชการเดียวกนั หรอื สวนราชการอน่ื หรือผูวา ราชการจงั หวัดเปน ผูปฏิบัติราชการแทนได ท้ังน้ี ตามหลกั เกณฑท่กี ําหนดในพระราชกฤษฎกี า การมอบอํานาจใหทําเปน หนังสอื มาตรา 40 ในการมอบอาํ นาจ ใหผูมอบอํานาจพิจารณาถงึ การอํานวยความสะดวกแกป ระชาชน ความ รวดเรว็ ในการปฏบิ ตั ิราชการ การกระจายความรบั ผดิ ชอบตามสภาพของตาํ แหนงของผูรับมอบอาํ นาจ และ ผรู บั มอบอํานาจตองปฏิบัติหนาท่ที ไี่ ดรับมอบอํานาจตามวัตถปุ ระสงคของการมอบอาํ นาจดงั กลา ว เมอื่ ไดมอบอาํ นาจแลว ผูม อบอาํ นาจมีหนา ท่ีกาํ กับดแู ลและติดตามผลการปฏิบตั ริ าชการของผูรับมอบ อาํ นาจ และใหมีอํานาจแนะนาํ หรือแกไ ขการปฏิบัติราชการของผูรบั มอบอํานาจได หมวดที่ 6 การรกั ษาราชการแทน มาตรา 41 ในกรณีทนี่ ายกรัฐมนตรไี มอาจปฏิบตั ิราชการได ใหร องนายกรัฐมนตรีเปนผูรักษาราชการแทน ถามรี องนายกรัฐมนตรหี ลายคน ใหค ณะรัฐมนตรีมอบหมายใหร องนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเปนผูรกั ษา ราชการแทน ถา ไมมีผดู ํารงตําแหนงรองนายกรัฐมนตรหี รือมีแตไ มอาจปฏิบตั ิราชการได ใหคณะรฐั มนตรี มอบหมายใหร ัฐมนตรคี นใดคนหนงึ่ เปนผูร ักษาราชการแทน เตรยี มสอบครูผูชว ย By ทมี ฮกั แพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนาํ พา ศรัทธานําทาง
คูม อื เตรยี มสอบบรรจเุ ขารบั ราชการ ตาํ แหนงครูผูชว ย ตามหลกั เกณฑใ หม 342 มาตรา 42 ในกรณีทีไ่ มมผี ดู ํารงตาํ แหนง รฐั มนตรีวาการกระทรวงหรอื มแี ตไ มอาจปฏิบัติราชการได ใหร ัฐมนตรชี ว ยวาการกระทรวงเปนผรู กั ษาราชการแทน ถามีรัฐมนตรีชว ยวาการกระทรวงหลายคน ให คณะรฐั มนตรี มอบหมายใหรัฐมนตรชี วยวา การกระทรวงคนใดคนหน่งึ เปน ผูร ักษาราชการแทน ถา ไมมีผู ดํารงตาํ แหนงรัฐมนตรีชวยวาการกระทรวงหรือมีแตไ มอ าจปฏบิ ตั ริ าชการได ใหค ณะรฐั มนตรมี อบหมาย ใหร ัฐมนตรีคนใดคนหน่ึงเปน ผรู ักษาราชการแทน ใหน าํ ความในวรรคหนึง่ มาใชบงั คับแกร ฐั มนตรีวาการทบวงดวยโดยอนุโลม มาตรา 46 ในกรณีที่ไมมผี ูด าํ รงตาํ แหนงอธบิ ดี หรือมีแตไมอาจปฏบิ ตั ริ าชการได ใหรองอธบิ ดีเปนผูรกั ษา ราชการแทน ถามรี องอธบิ ดีหลายคน ใหปลดั กระทรวงแตงต้ังรองอธิบดคี นใดคนหน่ึงเปน ผรู กั ษาราชการ แทน ถา ไมมีผูดาํ รงตาํ แหนงรองอธบิ ดีหรือมแี ตไมอาจปฏบิ ัติราชการได ใหปลดั กระทรวงแตง ตง้ั ขา ราชการใน กรมซ่ึงดาํ รงตําแหนง เทียบเทารองอธิบดี หรือขา ราชการต้งั แตต ําแหนงหัวหนากองหรือเทียบเทาขนึ้ ไปคนใด คนหนึ่งเปนผรู ักษาราชการแทน แตถ า นายกรัฐมนตรสี ําหรับสาํ นักนายกรฐั มนตรี หรอื รัฐมนตรวี าการ กระทรวงเห็นสมควรเพื่อความเหมาะสมแกการรับผิดชอบการปฏบิ ตั ริ าชการในกรมนัน้ นายกรัฐมนตรหี รือ รฐั มนตรวี า การกระทรวงจะแตงตัง้ ขาราชการคนใดคนหน่ึงซงึ่ ดํารงตาํ แหนง ไมต ํา่ กวารองอธบิ ดีหรอื เทยี บเทา เปนผรู ักษาราชการแทนกไ็ ด ในกรณีที่ไมม ผี ดู าํ รงตาํ แหนง รองอธิบดี หรอื มีแตไมอ าจปฏิบตั ริ าชการไดอ ธบิ ดจี ะแตง ตง้ั ขา ราชการในกรมซง่ึ ดํารงตําแหนงเทียบเทา รองอธิบดี หรือขาราชการตั้งแตต ําแหนงหัวหนา กองหรือ เทยี บเทา ขน้ึ ไปเปนผูรกั ษาราชการแทนก็ได ใหนําความในวรรคหนึง่ และวรรคสองมาใชบ ังคับแกกรณที ่ีไมม ผี ดู าํ รงตําแหนงเลขาธกิ าร รองเลขาธิการ ผูอํานวยการ รองผอู ํานวยการ หรือตาํ แหนงทีเ่ รียกชอ่ื อยางอื่นซงึ่ เทียบเทาปลัดกระทรวงหรือ อธบิ ดี ในสว นราชการทเ่ี รยี กชื่ออยา งอืน่ และมีฐานะเปนกรมดวยโดยอนโุ ลม มาตรา 49 การเปน ผรู กั ษาราชการแทนตามพระราชบัญญัตินีไ้ มกระทบกระเทอื นอํานาจนายกรฐั มนตรี รฐั มนตรเี จา สังกัด ปลัดกระทรวง หรือผูดาํ รงตําแหนงเทียบเทา ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธบิ ดีหรือผูดาํ รง ตาํ แหนงเทียบเทาอธบิ ดี ซ่ึงเปน ผูบงั คับบัญชาทีจ่ ะแตงต้ังขาราชการอื่นเปนผูรกั ษาราชการแทนตามอํานาจ หนาทีท่ ่ีมีอยตู ามกฎหมาย ในกรณที ี่มกี ารแตงตัง้ ผูรักษาราชการแทนตามวรรคหนงึ่ ใหผดู าํ รงตาํ แหนงรองหรอื ผูชว ยพน จาก ความเปน ผูร กั ษาราชการแทนนับแตเวลาทผ่ี ไู ดร ับแตงตงั้ ตามวรรคหน่ึงเขารบั หนาที่ มาตรา 50 ความในหมวดน้ีมิใหใ ชบ งั คบั แกราชการในกระทรวงทเี่ กยี่ วกับทหาร เตรยี มสอบครผู ชู วย By ทีมฮกั แพง เรียบเรยี งโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานาํ ทาง
คูม อื เตรียมสอบบรรจเุ ขารับราชการ ตําแหนงครูผชู วย ตามหลักเกณฑใหม 343 หมวดท่ี 7 การบรหิ ารราชการในตา งประเทศ มาตรา 50/136 ในหมวดนี้ “คณะผแู ทน” หมายความวา บรรดาขา ราชการฝายพลเรอื น หรือขาราชการฝายทหารประจาํ การ ในตา งประเทศซึง่ ไดร ับแตง ต้ังใหดาํ รงตําแหนง ในสถานเอกอัครราชทตู สถานกงสุลใหญ สถานกงสลุ สถานรองกงสลุ สวนราชการของกระทรวงการตา งประเทศซง่ึ เรยี กช่ือเปน อยางอื่นและปฏบิ ัติหนาท่ี เชนเดยี วกับสถานเอกอัครราชทูตหรอื สถานกงสลุ ใหญ และคณะผูแ ทนถาวรไทยประจาองคการระหวา ง ประเทศ “หวั หนาคณะผูแ ทน” หมายความวา ขา ราชการสงั กัดกระทรวงการตางประเทศซึ่งไดร บั แตง ตั้งให ดํารงตาํ แหนงหัวหนาคณะผูแทนตามระเบยี บพธิ กี ารทตู หรือระเบียบพิธกี ารกงสุล ในกรณขี องคณะผแู ทน ถาวรไทยประจําองคการระหวา งประเทศ ใหห มายความวา ขา ราชการสงั กัดสวนราชการซงึ่ ไดร บั แตงต้งั ให ดาํ รงตาํ แหนง หวั หนา คณะผูแทนถาวรไทยประจาองคการระหวา งประเทศ “รองหัวหนา คณะผแู ทน” หมายความวา ขาราชการสังกดั กระทรวงการตางประเทศ ซ่ึงไดร ับแตงต้ัง ใหดาํ รงตําแหนง เปน ผูชวยสัง่ และปฏิบัติราชการแทนหวั หนา คณะผแู ทน ในกรณขี องคณะผูแทนถาวรไทย ประจาํ องคก ารระหวางประเทศ ใหหมายความวาขา ราชการสังกัดสว นราชการ ซึ่งไดร บั แตงตงั้ ใหด ํารงตําแหนง ในลักษณะเดียวกนั มาตรา 50/237 ใหหัวหนาคณะผแู ทนเปนผรู ับนโยบายและคําสัง่ จากนายกรัฐมนตรีในฐานะหวั หนา รัฐบาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบัตกิ ารใหเหมาะสมกบั การปฏิบตั ิราชการในตา งประเทศ และเปนหัวหนา บงั คับบัญชาบคุ คลในคณะผูแ ทน และจะใหม ีรองหัวหนา คณะผูแทนเปนผูชว ยสั่งและปฏบิ ัติ ราชการแทนหัวหนาคณะผูแทนก็ได การส่ังและการปฏบิ ัติราชการของกระทรวง ทบวง กรม ตอบุคคลในคณะผแู ทนใหเปน ไปตามระเบียบ ที่คณะรฐั มนตรกี าํ หนด หวั หนา คณะผูแทนอาจมอบอาํ นาจใหบุคคลในคณะผูแทนปฏบิ ัติราชการแทนตามระเบยี บที่ คณะรัฐมนตรีกําหนด มาตรา 50/439 หัวหนา คณะผแู ทนมอี ํานาจและหนา ท่ี ดังนี้ (1) บรหิ ารราชการตามกฎหมายและระเบยี บแบบแผนของทางราชการ (2) บริหารราชการตามที่คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมาย หรอื ตามที่ นายกรัฐมนตรสี ัง่ การในฐานะหวั หนารฐั บาล (3) บงั คับบัญชาบุคคลในคณะผแู ทนและขาราชการฝายพลเรือนท่ีมใิ ชบุคคลในคณะผูแทนซึง่ ประจาํ อยูใ นประเทศทีต่ นมีอํานาจหนา ที่ เพือ่ ใหการปฏิบัติราชการเปนไปตามกฎหมาย ระเบยี บ ขอบังคบั หรอื คําสงั่ ของกระทรวง ทบวง กรม หรอื มติของคณะรัฐมนตรี หรอื การสง่ั การของนายกรัฐมนตรใี นฐานะ หัวหนา รัฐบาล เตรยี มสอบครูผชู ว ย By ทมี ฮักแพง เรียบเรียงโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานําทาง
คมู อื เตรียมสอบบรรจุเขา รับราชการ ตาํ แหนงครูผชู ว ย ตามหลกั เกณฑใ หม 344 (4) รายงานขอเทจ็ จรงิ และความเหน็ เกย่ี วกับผลการปฏิบัตริ าชการของบคุ คลตาม (3) เพ่อื ประกอบการ พิจารณาของผูบงั คบั บัญชาของสว นราชการตนสงั กัดเกย่ี วกับการแตงตง้ั และการเล่ือนขั้นเงินเดอื น สว นที่ 2 การจัดระเบียบบริหารราชการสวนภมู ิภาค มาตรา 51 ใหจัดระเบียบบริหารราชการสวนภมู ิภาค ดงั นี้ (1) จงั หวัด (2) อาํ เภอ หมวดที่ 1 จงั หวดั มาตรา 52 ใหร วมทองท่ีหลาย ๆ อาํ เภอตงั้ ขน้ึ เปนจังหวดั มีฐานะเปน นติ ิบคุ คล การตั้ง ยุบ และเปล่ยี นแปลงเขตจังหวดั ใหตราเปน พระราชบญั ญัติ เพ่ือประโยชนในการบรหิ ารงานแบบบูรณาการในจงั หวัดหรือกลุม จังหวัด ใหจ ังหวัดหรอื กลมุ จังหวัดยื่นคําขอ จดั ต้ังงบประมาณได ท้ังน้ี ตามหลกั เกณฑ วิธีการ และเง่ือนไขท่ีกําหนดในพระราชกฤษฎีกา ในกรณีน้ี ใหถือวา จงั หวดั หรอื กลมุ จังหวัดเปนสวนราชการตามกฎหมายวา ดวยวธิ กี ารงบประมาณ มาตรา 52/143 ใหจงั หวดั มีอํานาจภายในเขตจงั หวดั ดังตอไปนี้ (1) นาํ ภารกจิ ของรฐั และนโยบายของรฐั บาลไปปฏบิ ตั ใิ หเกิดผลสมั ฤทธ์ิ (2) ดูแลใหม ีการปฏิบตั ิและบังคับการใหเ ปน ไปตามกฎหมาย เพื่อใหเกิดความสงบเรียบรอ ยและเปน ธรรมในสังคม (3) จัดใหม ีการคุมครอง ปอ งกัน สงเสรมิ และชวยเหลอื ประชาชนและชุมชนทด่ี อยโอกาส เพอื่ ให ไดร ับความเปน ธรรมทงั้ ดา นเศรษฐกจิ และสงั คมในการดารงชวี ติ อยา งพอเพียง (4) จัดใหม กี ารบริการภาครฐั เพ่ือใหป ระชาชนสามารถเขาถงึ ไดอยา งเสมอหนา รวดเรว็ และมี คุณภาพ (5) จดั ใหมีการสงเสริม อุดหนุน และสนับสนุนองคกรปกครองสว นทองถนิ่ เพ่ือใหสามารถ ดาํ เนนิ การตามอาํ นาจและหนาทข่ี ององคกรปกครองสวนทอ งถิ่น และใหมีขีดความสามารถพรอมทจ่ี ะ ดําเนินการตามภารกิจท่ไี ดรับการถายโอนจากกระทรวง ทบวง กรม (6) ปฏิบตั หิ นา ท่ีอน่ื ตามทีค่ ณะรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม หรอื หนวยงานอื่นของรัฐมอบหมาย หรอื ที่มีกฎหมายกําหนด เตรยี มสอบครผู ูชวย By ทีมฮกั แพง เรยี บเรียงโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานําทาง
คมู อื เตรียมสอบบรรจเุ ขา รบั ราชการ ตาํ แหนงครผู ูชว ย ตามหลักเกณฑใหม 345 มาตรา 53/146 ใหจ ังหวัดจัดทาํ แผนพัฒนาจงั หวดั ใหส อดคลอ งกบั แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมในระดบั ชาติ และความตองการของประชาชนในทองถิน่ ในจงั หวดั ในการจดั ทาํ แผนพฒั นาจงั หวัดตามวรรคหนง่ึ ใหผูวา ราชการจงั หวดั จดั ใหม กี ารประชมุ ปรึกษาหารือ รว มกนั ระหวา งหัวหนาสวนราชการท่ีมสี ถานท่ตี ง้ั ทาํ การอยูในจังหวดั ไมว า จะเปนราชการบรหิ ารสว นภมู ภิ าค หรอื ราชการบรหิ ารสว นกลางและผูบรหิ ารองคก รปกครองสวนทองถ่นิ ท้ังหมดในจงั หวดั รวมทงั้ ผแู ทนภาค ประชาสังคม และผูแทนภาคธุรกิจเอกชน มาตรา 54 ในจังหวัดหนึง่ ใหม ผี วู าราชการจงั หวัดคนหนง่ึ เปนผรู ับนโยบายและคาํ ส่ังจากนายกรฐั มนตรีใน ฐานะหวั หนา รฐั บาล คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏิบตั ิการใหเ หมาะสมกับทองทแ่ี ละ ประชาชน และเปนหัวหนาบงั คบั บญั ชาบรรดาขา ราชการฝายบริหาร ซงึ่ ปฏิบตั ิหนา ที่ในราชการสว นภมู ภิ าคใน เขตจงั หวัด และรับผดิ ชอบในราชการจังหวัดและอําเภอ และจะใหมีรองผวู า ราชการจงั หวัด หรอื ผชู วยผูว า ราชการจงั หวัด หรือทั้งรองผวู าราชการจงั หวดั และผูช ว ยผวู าราชการจังหวดั เปน ผูชว ยส่งั และปฏิบตั ิราชการ แทนผวู า ราชการจงั หวัดกไ็ ด รองผูว า ราชการจงั หวดั หรือผูชว ยผวู า ราชการจังหวัดเปน ผบู งั คับบัญชาขาราชการฝา ยบริหารสวน ภมู ิภาคในเขตจงั หวดั และรับผิดชอบในราชการรองจากผูว าราชการจังหวดั ผวู า ราชการจังหวัด รองผูวา ราชการจงั หวัด และผูชวยผูวาราชการจังหวดั สังกัด กระทรวงมหาดไทย มาตรา 57 ผูว าราชการจงั หวัดมีอาํ นาจและหนาทีด่ ังน้ี (1) บริหารราชการตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และตามแผนพฒั นาจงั หวัด (2) บรหิ ารราชการตามท่คี ณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม มอบหมายหรือตามท่ีนายกรัฐมนตรี ส่ังการในฐานะหวั หนา รัฐบาล (3) บรหิ ารราชการตามคําแนะนาํ และคําชแ้ี จงของผตู รวจราชการกระทรวงในเมื่อไมขดั ตอ กฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับ หรือคําสง่ั ของกระทรวง ทบวง กรม มติของคณะรฐั มนตรหี รือการส่ังการของ นายกรัฐมนตรี (4) กาํ กับดแู ลการปฏบิ ัติราชการอนั มใิ ชราชการสว นภูมิภาคของขาราชการซึ่งประจําอยใู นจงั หวัด นัน้ ยกเวน ขา ราชการทหาร ขาราชการฝายตุลาการ ขาราชการฝา ยอัยการ ขาราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ขาราชการในสาํ นักงานตรวจเงนิ แผนดนิ และขา ราชการครู ใหปฏบิ ตั ิราชการใหเ ปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอ บังคบั หรือคาํ ส่งั ของกระทรวง ทบวง กรม หรือมติของคณะรัฐมนตรี หรือการสั่งการของนายกรัฐมนตรี หรอื ยับยงั้ การกระทาใด ๆ ของขาราชการในจงั หวดั ที่ขดั ตอกฎหมาย ระเบยี บ ขอบังคับ หรอื คาํ ส่งั ของ กระทรวง ทบวง กรมมติของคณะรฐั มนตรี หรือการสัง่ การของนายกรัฐมนตรไี วช ่ัวคราวแลว รายงานกระทรวง ทบวง กรม ท่เี กีย่ วขอ ง เตรียมสอบครูผูชวย By ทีมฮักแพง เรยี บเรยี งโดย อ.ใจนําพา ศรัทธานาํ ทาง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444