Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต

การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต

Published by suklittha24, 2020-10-05 23:55:03

Description: การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต

Search

Read the Text Version

การสืบพนั ธ์ุและการเจริญเตบิ โตของสัตว์ (Reproduction and Development) จดั ทำโดย นำงสำวสุกฤตำ โสมล (ชวี วทิ ยำ ชั้น ม.6) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนเบญจมรำชูทศิ จังหวัดจันทบุรี 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 1

ความหมายของการสืบพนั ธ์ุ • กำรสบื พันธุ์ (Reproduction) หมำยถงึ กระบวนกำรท่ีสิง่ มีชีวติ เดิมผลติ สง่ิ มีชีวติ หหมึข นึน มำ • กำรสืบพันธุ์เป็นสมบัติสำคัญท่ีสุดหน กำรระบุควำมเป็ นส่ิงมีชีวิตและทำ หห้ สิ่งมีชีวิตแตขละชนิดดำรงเผขำพนั ธุอ์ ยขไู ด้ (Continuity of species) 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 2

ประเภทของการสืบพนั ธ์ุ • กำรสบื พันธุแ์ บบไม่อำศัยเพศ (Asexual • กำรสบื พนั ธุแ์ บบอำศัยเพศ (Sexual reproduction) reproduction) - เป็นกำรสืบพันธุ์โดยไมขหช้เซลล์สืบพันธุ์ แตขหช้ - เป็นกำรสบื พนั ธุโ์ ดยหชเ้ ซลลส์ ืบพนั ธุ์ (sex cell) เซลลร์ ขำงกำยหรือสขวนหดสขวนหน่ึงึองรขำงกำยเพ่ือ เพ่ือกำรเพ่ิมจำนวน ดงั นนัน ลกู ท่ีเกิดึึนน จึงมีลกั ษณะ กำรเพ่ิมจำนวน ดังนันน ลูกท่ีเกิดึึนน จึงมีลักษณะ แ ต ก ตข ำ ง กัน ห รื อ มี ก ำ ร แ ป ร ผัน ึ อ ง ลัก ษ ณ ะ พันธุกรรมเหมือนผู้หห้กำเนิด ไมขกลำยพันธุ์ และ (Variation) ลูกมีโอกำสมีลักษณะดีเดขนกวขำพขอ ลกู ปรบั ตวั หหเ้ ึำ้ กบั ส่งิ แวดลอ้ มไดน้ อ้ ย แมแข ละปรบั ตวั หหเ้ ึำ้ กบั สง่ิ แวดลอ้ มไดด้ ี *กำรสืบพนั ธุจ์ ะเกิดวธิ ีหดกต็ ำมจะตอ้ งมีกำรแบงข เซลล์ เพ่ือกำรเพ่มิ จำนวนเซลล์ โดยกำรแบงข เซลลจ์ ะชขวยหห้ สดั สวข นึองพืนน ท่ีผิวรอบเซลลต์ อข ปรมิ ำตรเพ่มิ ึนึน ชวข ยหหโ้ อกำสแลกเปล่ยี นสำรกบั ส่ิงแวดลอ้ มไดม้ ำกึนึน 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 3

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 1. Binary fission Protococcus Euglena Binary Fission (กำรแบงข ออกเป็น 2 สวข น) เซลลเ์ ดมิ แยกออกเป็น 2 สวข นเทำข ๆPaกrนั amไดecส้ iง่ิuมmีชีวติ หหมข 2 ตวั เชขน สำหรำข ยเซลลเ์ ดียว อะมีบำ พำรำมีเซียม ยกู ลนี ำ แบคทีเรยี 04/10/63 06/10/63 ชวี วิทยำ : กำรสืบพันธุแ์ ละกำจรดั เทจำรโิญดยเคตรบิ ูสโกุ ตฤตขำองโสสมัตลว์ โดยครูสุกฤตำ โสมล 4

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 2.กำรแตกหน่อ (Budding) • หนขอ (Bud) จะมีึนำดเล็กกวขำผูห้ หก้ ำเนิด เม่ือ หนขอเติบโตไดร้ ะยะหน่ึงก็จะหลดุ ออกไปจำกผหู้ ห้ กำเนิด สำมำรถเจรญิ เตบิ โตเป็นอสิ ระได้ • สง่ิ มีชีวิตท่ีมีกำรแตกหนอข เชนข ฟองนำน ไฮดรำ แมงกะพรุน ยีสต์ กลว้ ย คว่ำตำยหงำยเป็น ไผข • หนฟองนำน ยงั มีกำรแตกหนอข ภำยหนเรยี กวำข เจมมลู (gem mule) ซง่ึ มกั จะเกิดหนภำวะท่ีไมข เหมำะสม 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 5

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 3.กำรงอกใหม่ (Regeneration) • กำรงอกหหมข หมำยถึง กำรสรำ้ งสวข นท่ีึำดหำยไป ึึนน มำหหมขจนมีโครงสรำ้ งเหมือนเดิม ซ่ึงกำรงอก หหมนข ีอน ำจจดั เป็นกำรสืบพนั ธุถ์ ำ้ มีจำนวนเพ่มิ ึนึน • มกั พบหนสตั วช์ นัน ต่ำจำพวกไมมข ีกระดกู สนั หลงั เชนข พลำนำเรยี ดำวทะเล ซีแอนีโมนี REGENERATION IN SEASTAR หนสตั วช์ นัน สงู มกั ไมพข บกำรสบื พนั ธุแ์ บบนีน นอกจำก regeneration เพ่ือซอข มแซมสวข นึอง รำข งกำยบำงสวข นเทำข นนัน ไมมข ีกำรเพ่มิ จำนวนส่งิ มีชีวิต (repair) เชขน ปงู อกึำ จิงน จกงอกหำง 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 6

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 4. Spore formation/Sporulation Sporulation (กำรสรำ้ งสปอร)์ เซลลม์ ีกำรแบขงหลำยๆ ครงัน จนไดเ้ ป็นเซลลจ์ ำนวนมำก แตขละเซลล์เรียก สปอร์ (spore) ซง่ึ แพรไข ปหนท่ีตำข งๆไดโ้ ดยงำข ย เชขน เชือน รำ เหด็ เฟิรน์ มอส 04/10/63 06/10/63 ชีววทิ ยำ : กำรสืบพนั ธุแ์ ละกำจรดั เทจำรโิญดยเคตรบิ ูสโกุ ตฤตขำองโสสมตั ลว์ โดยครูสุกฤตำ โสมล 7

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 8

Life cycle of Rhizopus stolonifer sporangium Asexual phase Sexual phase 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล zygospore 9

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 5. Parthenogenesis กำรเกดิ พำรท์ โี นเจเนซสิ (parthenogenesis) - กำรเจรญิ ึองเซลลไ์ ึข (egg;n) เป็นตวั เตม็ วยั ไดโ้ ดยท่ีไมตข อ้ ง ไดร้ บั กำรปฏิสนธิจำกตวั ผู้ - Ex. หนผงึน โดยถำ้ ไึขเจรญิ แบบ parthenogenesis จะได้ เป็นผงึน ตวั ผู้ (drone) แตถข ำ้ ไึขไดร้ บั กำรผสมกบั sperm ก็ จะเจรญิ ไปเป็นผงึน งำนเพศเมีย (worker) และถำ้ ผงึน เพศเมีย เหลำข นีไน ดร้ บั ฮอรโ์ มนท่ีเหมำะสมก็อำจจะพฒั นำไปเป็นรำชินีผงึน (queen) ไดต้ อข ไป 04/10/63 06/10/63 ชีววทิ ยำ : กำรสืบพันธุแ์ ละกำจรดั เทจำรโญิดยเคตรบิ ูสโกุ ตฤตขำองโสสมัตลว์ โดยครูสุกฤตำ โสมล 10

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 6. Fragmentation • Fragmentation เกิดึนึน โดยท่ีสวข นึองรำข งกำยหลดุ ออกเป็นสวข นๆ แตลข ะสวข นสำมำรถเจรญิ เป็นสง่ิ มีชีวิตตวั หหมไข ด้ กำรขำดออกเป็ นทอ่ นของพยำธิตวั ตดื 04/10/63 06/10/63 ชีววิทยำ : กำรสืบพนั ธุแ์ ละกำจรดั เทจำรโิญดยเคตรบิ ูสโกุ ตฤตขำองโสสมัตลว์ โดยครูสุกฤตำ โสมล 11

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 7. Duplication of Phage 04/10/63 06/10/63 ชวี วิทยำ : กำรสืบพันธุแ์ ละกำจรดั เทจำรโญิดยเคตริบูสโกุ ตฤตขำองโสสมตั ลว์ โดยครูสุกฤตำ โสมล 12

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 13

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 8.กำรสร้ำงตวั ออ่ นจำกตวั อ่อน (Paedogenesis) • เป็นกำรสืบพันธุ์ท่ีเกิดึึนน โดยตัวอขอน สำมำรถหหก้ ำเนิดตวั ออข นดว้ ยกนั ได้ • พบหนหนอนพยำธิหบไมร้ ะยะท่ีอยหขู น หอย โดยตวั ออข นหนระยะ Sporocyst จะหหก้ ำเนิดตวั ออข น Redia หรอื Daughter sporocyst ตอข มำตวั ออข น Redia จะหหก้ ำเนิดตวั ออข น Cercaria ไดอ้ ีก 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 14

การสืบพนั ธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ (Asexual reproduction) 9. กำรโคลน (Cloning) กำรโคลนสตั วก์ ระทำโดยกำรนำนิวเคลยี สจำกเซลลร์ ำข งกำย (somatic cell) ซง่ึ มียีนและโครโมโซม ครบถว้ นสมบรู ณ์ ไปหสหข นเซลลไ์ ึข (egg) ท่ีถกู นำนิวเคลียสออกไป โดยเช่ือวำข เซลลไ์ ึขมีปัจจยั ตำข งๆ ท่ี จะกระตนุ้ หหเ้ กิดกำรแบขงตวั หลงั จำกนนัน นำเซลลท์ ่ีไดไ้ ปหสหข นมดลกู แมหข รอื ปลอข ยหหเ้ จรญิ เตบิ โตตอข ไป - กำรโคลนสตั วก์ ระทำสำเรจ็ ครงัน แรก สดุ หนกบ แตทข ่ีมีช่ือเสียงมำกๆ คือ กำรทำโคลนแกะดอลล่ี 04/10/63 06/10/63 ชวี วิทยำ : กำรสบื พันธุแ์ ละกำจรดั เทจำรโญิดยเคตริบูสโกุ ตฤตขำองโสสมตั ลว์ โดยครูสุกฤตำ โสมล 15

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 16

2. กำรสืบพนั ธุแ์ บบอำศัยเพศ (Sexual reproduction) • เป็ นกำรสบื พันธุท์ อี่ ำศัยกำรรวมตัวของเซลลส์ บื พันธุ์ (sex cell) ซง่ึ อำจมำจำกสงิ่ มชี วี ติ แตล่ ะตวั หรือสงิ่ มชี วี ติ ตัวเดยี วกันกไ็ ด้ • ได้แก่ Conjugation , Hermaphrodite และ Fertilization ขอ้ ดขี อง sexual reproduction เป็ นกำรเพม่ิ ควำมแตกตำ่ งแปรผันทำงพนั ธุกรรม (genetic variation) ซง่ึ มปี ระโยชนใ์ นสง่ิ แวดล้อมท่ี เปลยี่ นแปลง 04/10/63 จัดทำโดย ครูสุกฤตำ โสมล 17

2.1 conjugation กำร conjugation ระหว่ำงนิวเคลยี สของโปรโตซัว 2 ตัว จะมกี ำรแบง่ ตวั แบบ ไมโอซสิ ตอ่ จำกนั้นมกี ำรแลกเปลย่ี นนิวเคลยี ส หลังจำกทนี่ ิวเคลยี สรวมตัวกัน แล้ว โปรโตซวั ทงั้ สองตัว จะแยกจำกกันและต่ำงกไ็ ปแบ่งตวั ตอ่ ไป 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 18

2.2 Hermaphrodite • สัตวไ์ ม่มกี ระดกู สันหลังหลำยชนิดจะมอี วัยวะของทัง้ สองเพศในตัวเดยี วกัน จะเรยี กวำ่ กะเทย (Hermaphrodite) • สัตวเ์ หล่ำนีม้ แี นวโน้มในกำรเกดิ กำรปฏสิ นธิข้ำมตัว (cross fertilization) เพอ่ื เพม่ิ ควำมหลำกหลำยทำงพนั ธุกรรมใหก้ ับลูกทเ่ี กดิ ขนึ้ • ยกเว้น ในกลุ่มของพยำธิตวั ตดื ทจี่ ะสำมำรถเกดิ กำรปฏสิ นธิในตวั เองได้ (self fertilization) 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 19

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 20

2.3 Fertilization • กำรปฏสิ นธิ (fertilization) เป็ นกระบวนกำรรวมกันของเซลลส์ บื พันธุเ์ พศผู้ และเซลลส์ บื พันธุเ์ พศเมยี ซงึ่ มี 2 รูปแบบหลัก คอื 1. กำรปฏสิ นธิภำยนอกร่ำงกำย (External fertilization) - สัตวจ์ ะปล่อยเซลลส์ ืบพนั ธุอ์ อกมำภำยนอกร่ำงกำย และมกี ำรปฏสิ นธิภำยนอกร่ำงกำย - พบเฉพำะในสัตวท์ อ่ี ยใู่ นนำ้ โดยมนี ำ้ เป็ นตัวกลำงในกำรปฏสิ นธิ 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 21

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 22

2. กำรปฏสิ นธิภำยในร่ำงกำย (Internal fertilization) - สัตวเ์ พศผู้โดยท่วั ไปจะปล่อยเซลลส์ บื พันธุเ์ ข้ำไปผสมกับเซลลส์ บื พนั ธุ์ เพศเมยี ในร่ำงกำย - พบได้ในปลำกระดกู อ่อนบำงชนิดและสัตวม์ กี ระดูกสันหลังทอี่ ยูบ่ นบก ส่วนใหญ่ 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 23

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 24

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 25

กำรเจริญของลูกทเ่ี กิดขนึ้ ในสัตวท์ ม่ี ีกำรปฏสิ นธิภำยในสำมำรถเกดิ ได้ 3 รูปแบบคอื • Oviparous/oviparity - สัตวท์ ี่ออกลูกเป็นไข่ ไดแ้ ก่สตั วเ์ ล้ือยคลาน สัตวป์ ี ก ปลาบางชนิด สัตวเ์ ล้ียงลูกดว้ ยน้านมบางชนิด (ตุ่นปากเป็ด) มีการปฏิสนธิภายในตวั แต่ตวั อ่อนเจริญนอกตวั แม่จึงตอ้ งมีการวางไข่ • Viviparous/viviparity – สตั วท์ ี่ตวั ออ่ นเจริญภายในตวั แม่และไดร้ ับ อาหารจากเลือดของแม่โดยตรง ไม่ไดผ้ า่ นไขแ่ ดง ไดแ้ ก่ ฉลาม สตั วเ์ ล้ียงลูกดว้ ยน้านมเกือบท้งั หมด • Ovoviviparous / ovoviviparity – สตั วท์ ่ีตวั ออ่ นเจริญอยใู่ น ไขท่ ่ีอยภู่ ายในร่างกาย ไดร้ ับอาหารสะสมจากไขแ่ ดง เช่น แมลงสาบมาดากสั การ์ garter snake 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 26

การสืบพนั ธ์ุแบบสลบั (Metagenesis) ของแมงกะพรุนและโอบเี ลยี • แมงกะพรุนสบื พันธุแ์ บบอำศัยเพศโดยกำรปฏสิ นธิ ระหว่ำงสเปิ รม์ กับไข่ สลับกับแบบไม่อำศัยเพศโดย กำรแตกหน่อ • พลานูรา(planula) เป็นตวั ออ่ นที่ไดจ้ ากการสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศ • อีไฟรา (ephyra) เป็นตวั ออ่ นที่ไดจ้ ากการสืบพนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศ 27 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล

กำรสบื พนั ธุแ์ บบสลับของแมงกะพรุน  กำรสืบพันธุแ์ บบอำศัยเพศ เมดซู ำ (medusa) ตวั เมียปลอข ยไึข สวข นเมดซู ำตวั ผปู้ ลอข ยสเปิรม์ หนนำน เม่ือไึขและสเปิรม์ มำเจอกนั เกิดกำรปฏสิ นธิ ไึขท่ีไดร้ บั กำรผสมแลว้ จะเรม่ิ แบงข เซลล์ (เรยี กวำข ระยะ cleavage) จำกนนัน ก็เจรญิ เตบิ โตเป็นตวั ออข นท่ีเรยี กวำข พลำนลู ำ (planula) มีึนำดเลก็ ประมำณ 0.80 มิลลเิ มตร เคล่อื นท่ีอยำข งอิสระอยหขู ตน้ ำน พลำนลู ำจะพฒั นำไป เป็นโพลิป (polyp) อนั เลก็ ๆ แลว้ หำท่ีเกำะติดอยกขู บั วสั ดทุ ่ีไมเข คล่อื นท่ี จำกนนัน กพ็ ฒั นำไปเป็นโพลิปโตเตม็ วยั เม่ือ สภำวะแวดลอ้ มเหมำะสม สวข นปลำยึองโพลิปจะคอข ย ๆ หลดุ ออกมำเป็นเมดซู ำตวั เลก็ ๆ วำข ยึนึน มำเหนือนำน และโต ึนึน จนสำมำรถสบื พนั ธุไ์ ดอ้ ีกครงัน  กำรสืบพันธุแ์ บบไม่อำศัยเพศ โพลปิ ท่ีโตเตม็ วยั แลว้ จะแตกหนขอออกมำเป็นตวั ออข นท่ีมีลกั ษณะเหมือนพลำนลู ำทกุ ประกำรแตึข นำดโตกวำข เลก็ นอ้ ย (0.95 มลิ ลเิ มตร) ตวั ออข นท่ีเกิดจำกกำรแตกหนอข เรยี กวำข ฟรสั ทลุ (frustule) จะเคล่อื นไหวอยหขู ตผ้ ิวนำน และ พฒั นำไปเป็นโพลปิ อีกครงัน หน่งึ 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 28

การสร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุของสัตว์ช้ันสูง • อวยั วะสรำ้ งตวั อสจุ ิคืออณั ฑะ (testis) และอวยั วะท่ี สรำ้ งไึขคือรงั ไึข (ovary) ภำยหนอณั ฑะมีเซลลพ์ วกหนงึ่ ท่ีเรยี กวำข spermatogonium และภำยหนรงั ไึมข ี เซลลพ์ วกหนง่ึ ท่ีเรยี กวำข oogonium • กลมขุ เซลลท์ งัน สองมีตน้ กำเนิดมำจำก primordial germ cell ซง่ึ เป็นกลมขุ เซลลจ์ ำกชอข งทอ้ งเคล่ือนเึำ้ มำ อยหขู นอวยั วะสืบพนั ธุห์ นระหวำข งกำรเกิดอวยั วะสืบพนั ธุ์ 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 29

1. การสร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุเพศผู้หรือตวั อสุจิ (Spermatogenesis) • เม่ือยำข งเึำ้ สวขู ยั สืบพนั ธุ์ spermatogonia (2n) จะแบงข เซลลแ์ บบ mitosis เพ่ือเพ่ิมจำนวนเซลล์ ท่ีพรอ้ มจะแบงข ตวั แบบ meiosis เรยี ก สเปอรม์ ำโทไซตร์ ะยะแรก (primary spermatocyte) เม่ือแบงข meiosis ครงัน ท่ี 1 จะไดเ้ ซลลห์ หมข 2 เซลล์ แตลข ะเซลลม์ ีโครโมโซมลดลงเหลือครง่ึ หนง่ึ ึองเซลล์ เดมิ หรอื มีจำนวนเป็น n เรยี กเซลลท์ ่ีไดห้ นึนัน นีวน ำข สเปอรม์ ำโทไซตร์ ะยะท่ี 2 (secondary spermatocyte) ตอข มำสเปอรม์ ำโทไซตร์ ะยะท่ี 2 จะแบงข meiosis ครงัน ท่ี 2 เกิดเซลลห์ หมข 4 เซลล์ เรยี ก spermatid • ดงั นนัน primary spermatocyte 1 เซลล์ เม่ือแบงข meiosis จนสมบรู ณก์ ็จะได้ spermatid 4 เซลล์ เซลลล์ ะ n • ตอข มำ spermatid จะเปล่ยี นแปลงรูปรำข งโดยมีแฟลเจลลมั เคล่อื นไหวได้ ปรมิ ำณไซโทพลำสซมึ นอ้ ยลง โดยกำรสลดั ไซโทพลำสซมึ ออกเกือบหมด ทำหหม้ ีึนำดเลก็ ลง เรยี กระยะนีวน ำข spermatozoa หรอื sperm หรอื ตวั อสจุ ิ 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 30

31

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 32

Spermatogenesis แสดงทอข seminiferous tubules ท่ีผลติ สเปิรม์ ภำยหนอณั ฑะ สเปิรม์ จะเจรญิ เป็นึนัน ๆ โดยเรม่ิ จำก spermatogonium (2n) เจรญิ เป็น primary spermatocyte เซลลน์ ีน 1 เซลล์ แบงข แบบ meiosis I กลำยเป็น secondary spermatocyte 2 เซลล์ หนกำรแบงข ตวั meiosis II จะได้ spermatid 4 เซลล์ spermatid จะเปล่ยี นรูปรำข งไปเป็นสเปิรม์ หนึณะท่ีไดส้ ำรอำหำรจำก sertoli cell 33

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 34

2. การสร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุเพศเมยี หรือไข่ (Oogenesis) • อวยั วะสรำ้ งเซลลไ์ ึคข ือรงั ไึข (ovary) ภำยหนรงั ไึขมี oogonium (2n) จะแบงข เซลลแ์ บบ mitosis เพ่ือเพ่มิ จำนวนเซลลเ์ ชขนกนั โดยเม่ือ oogonium เติบโตเป็นโอโอไซตร์ ะยะแรก (primary oocyte) แลว้ จะแบงข meiosis ครงัน ท่ี 1 ไดเ้ ซลลห์ หมข 2 เซลลึ์ นำดตำข งกนั เซลล์ หหญขเรยี กวำข โอโอไซตร์ ะยะท่ี 2 (secondary oocyte) สวข นเซลล์ ึนำดเลก็ จะเรียกวำข โพลำรบ์ อดีระยะแรก (first polar body) เม่ือ เกิด meiosis ครงัน ท่ี 2 จะไดเ้ ซลลึ์ นำดหหญข 1 เซลลเ์ รยี กวำข ไึข (ovum หรอื egg cell) และอีก 3 เซลลึ์ นำดเลก็ เรยี กวำข โพลำรบ์ อดี หรอื โพโลไซต์ (polocyte) ซง่ึ จะสลำยตวั ไปหนภำยหลงั 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 35

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 36

Oogenesis กำรสร้ำงไข่เกดิ ขนึ้ ในรังไข่ เร่ิมตน้ จำกกลุ่ม primordial germ cell ในเอมบริโอเริ่มแบง่ แบบไมโตซสิ เพอื่ เพมิ่ จำนวน ไดเ้ ป็ น oogonium (2n) (ในรูปนี้ 2n=4) แตล่ ะ oogonium เจริญไปเป็ น primary oocyte (2n) โดยแบง่ แบบ ไมโอซสิ และหยุดกระบวนกำรอยทู่ ร่ี ะยะ prophase I เมอื่ ถงึ วัยเจริญพนั ธุ์ primary oocyte จะแบง่ ตัวตอ่ ไปจนสิน้ สุด กระบวนกำร meiosis I แต่กำรแบง่ ไซโตพลำสซมึ ได้เซลลท์ ่ี มขี นำดไมเ่ ทำ่ กัน คอื ได้ secondary oocyteทม่ี ขี นำดใหญ่ และ first polar body ทม่ี ขี นำดเล็กกว่ำมำก ต่อมำในกรณีท่ี มกี ำรผสมพนั ธุแ์ ละสเปิ รม์ เจำะเข้ำไปใน secondary oocyte จะกระตุ้นใหเ้ กดิ meiosis II เมอ่ื meiosis เสร็จสิน้ secondary polar body แยกออกจำกไข่ (ovum) สเปิ รม์ และ ไข่ทเ่ี จริญเตม็ ทแี่ ล้วจะเกดิ กำรปฏสิ นธิขนึ้ 37

38

ข้อแตกต่ำง spermatogenesis และ Oogenesis Spermatogenesis Oogenesis 1. ผลทไ่ี ด้ 4 mature 1. ผลทไี่ ด้ single ovum spermatozoa ส่วน polar body สลำยไป 2. เกดิ ตลอดเวลำในช่วงอำยุ 2. Potentail ova (primary ของสิ่งมชี ีวิต oocyte) อย่ใู น ovary แล้วตงั้ แต่ เกิด 3. Spermatogenesis เกิด 3. Oognesis มีช่วงพกั ตอ่ ไปเร่ือยๆ 39

06/10/63 ชีววทิ ยำ : กำรสบื พนั ธุแ์ ละกำรเจรญิ เตบิ โตึองสตั ว์ โดยครูสกุ ฤตำ โสมล 40

ข้อควรทราบเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั การสร้างเซลล์สืบพนั ธ์ุในสัตว์มีกระดูกสันหลงั 1. หนสตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั ไึทข ่ีหลดุ จำกรงั ไึข (ovulation) มกั อยหขู นึนัน โอโอไซตร์ ะยะท่ีสอง สำหรบั หนคนโอโอไซตจ์ ะเจรญิ ถงึ ึนัน metaphase II กจ็ ะตกเป็นไึอข อกมำทกุ ๆ 28 วนั โดยเฉล่ยี ถำ้ ไึทข ่ีตกมำนนัน ถกู ผสมโดยตวั อสจุ ิ กำรแบงข เซลลแ์ บบไมโอซสิ กจ็ ะดำเนินตอข ไป จนถงึ ึนัน telophase II 2. หนสตั วเ์ ลยีน งลกู ดว้ ยนำน นมสวข นหหญขรวมทงัน คน พบวำข จะมี โอโอโกเนียมปรำกฏอยหขู นึนัน โอโอไซตร์ ะยะแรกท่ีแบงข ไมโอซสิ คำ้ งท่ีระยะ prophase I เรยี บรอ้ ยหมดแลว้ ตงัน แตขแรกเกิด และจะไมมข ีกำรเพ่มิ ึนึน อีก จะคงสภำพอยจขู นยำข งเึำ้ สวขู ยั สบื พนั ธุ์ โอโอไซตร์ ะยะแรกจึงจะแบงข ไมโอซสิ เพ่ือหหก้ ำเนิด เซลลส์ ืบพนั ธุ์ 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 41

3. กำรตกไึขครงัน แรกึองวยั สำวึองคนจะเรม่ิ ึนึน หลงั จำกมีประจำเดือนได้ 2-3 ปี โดยจะเกิดกำรตกไึขตงัน แตอข ำยุ 14-15 ปี จนถงึ ประมำณ 44- 45 ปี ดงั นนัน ตลอดชวข งอำยึุ องเพศหญิงจงึ มีไึตข กไดไ้ มเข กิน 400 ฟอง (ประมำณกนั วำข ตงัน แตเข ดก็ จะมีโอโอไซตร์ ะยะแรกอยปขู ระมำณ 2 ลำ้ นหบ ซง่ึ ปรำกฏอยแขู ลว้ ตงัน แตทข ำรกจนคลอด ตอข มำโอโอไซตร์ ะยะแรกจะลดลง เร่อื ยๆ จนถึงวยั กขอนมีประจำเดือนหรอื อำยปุ ระมำณ 12-14 ปี จะ เหลือโอโอไซตร์ ะยะแรกอยหขู นรงั ไึข 2 ึำ้ งประมำณ 400,000 หบ) 4. หนเพศชำย เม่ือแรกเกิดเซลลจ์ ะปรำกฏหนระยะสเปอรม์ ำโทโกเนียมเรยี บรอ้ ยแลว้ ทงัน หมด และเม่ือเึำ้ สวขู ยั รุนข อำยุ 12-13 ปี เป็นตน้ ไป สเปอรม์ ำโทโกเนีย จะแบงข ตวั แบบไมโทซสิ เพ่มิ จำนวนเป็นสเปอรม์ ำโทโกเนียมได้ ตลอดชีวิต แตถข ำ้ เสปอรม์ ำโทโกเนียมหดพรอ้ มท่ีจะแบงข ไมโอซสิ จะเรยี กเป็นสเปอรม์ ำโทไซตร์ ะยะแรก (primary spermatocyte) ซง่ึ เม่ือแบงข ไมโอซสิ แลว้ จะหหก้ ำเนิดเป็น sperm 4 เซลล์ 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 42

The human life cycle หนกำรสืบพนั ธแุ์ บบอำศยั เพศทงัน พขอและ แมข ตำข งตอ้ งมีกระบวนกำรสรำ้ งเซลลส์ ืบพนั ธุ์ เซลลส์ ืบพนั ธแุ์ ตลข ะเซลลม์ ีจำนวนโครโมโซม 43 เพียงครง่ึ หนง่ึ ึองเซลลร์ ำข งกำย ปรำกฏกำรณด์ งั กลำข วเกิดหนกระบวนกำร แบงข เซลลแ์ บบพิเศษ ท่ีเรยี กวำข meiosis เซลลท์ ่ีมีสมบตั สิ ำมำรถแบงข เซลลแ์ บบ meiosis นีไน ด้ คือ gonad หนเพศหญิงจะพบ เซลลช์ นิดนีหน นรงั ไึข (ovary) ซง่ึ จะสรำ้ งเซลล์ สืบพนั ธเุ์ รยี กวำข ไึข (ovum) สวข นหนเพศชำย จะพบเซลลช์ นิดนีหน นอณั ฑะ (testis) ซง่ึ สรำ้ ง เซลลส์ ืบพนั ธเุ์ รยี กวำข สเปิรม์ (sperm) เม่ือ เกิดกำรปฏสิ นธิระหวำข งสเปิรม์ และไึข ทำหห้ เกิดไซโกตซง่ึ เจรญิ เป็นส่งิ มีชีวิตหนวข ยหหมข ตอข ไป หนคนจำนวนโครโมโซมหนเซลล์ สืบพนั ธซุ์ ง่ึ เป็น haploid cell = 23 (n=23) และจำนวนโครโมโซมหนไซโกต และเซลล์ รำข งกำยซง่ึ เป็น diploid cell = 46 (2n=46).

ระบบสืบพนั ธ์ุของมนุษย์ 1. ระบบสืบพนั ธุข์ องเพศชำย 1.1 อณั ฑะ (testis) ประกอบดว้ ย หลอดสรำ้ งอสจุ ิ และอินเตอรส์ ติเชียล เซลลห์ รอื เลยด์ กิ เซลล์ 1.2 ถงุ อณั ฑะ (scrotum) 1.3 องคชำต/ลงึ ค์ (penis) 1.4 ทอข (duct) 1.5 ตอข ม (gland) 1.6 นำน อสจุ ิ (semen) 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 44

1.1 อัณฑะ (testis) 1.1.1 หลอดสร้ำงอสุจิ (seminiferous tubule) ประกอบดว้ ยเซลลส์ เปอรม์ ำโทโกเนียม สรำ้ งตวั อสจุ ิตงัน แตอข ำยุ 12-13 ปี ตอข เน่ืองไปตลอดชีวิต โดยกำรเจรญิ พฒั นำึองสเปิรม์ ตงัน แตเข รม่ิ แบงข ตวั แบบไมโอซสิ จนหล่งั ออกมำได้ จะหชเ้ วลำนำนประมำณ 72 วนั สำหรบั หนคน 1.1.2 อนิ เตอรส์ ตเิ ชยี ล เซลลห์ รือเลยด์ กิ เซลล์ (Interstitial cell หรอื Leydig cell) สรำ้ งฮอรโ์ มนเพศจำพวกเทสโทสเตอโรน 1.2 ถุงอัณฑะ (scrotum) ปรบั อณุ หภมู ิึองอณั ฑะหหต้ ่ำกวำข อณุ หภมู ิึองรำข งกำยประมำณ 3-5 oC เหมำะตอข กำรสรำ้ งตวั อสจุ ิ ถำ้ อณุ หภมู ิสงู เกิน 40oC กำรสรำ้ งอสจุ ิจะไมเข กิดึนึน 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 45

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 46

1.3 องคชาต/ลงึ ค(์ penis) องคชำต เป็นอวยั วะสบื พนั ธุึ์ องเพศชำย มีหนำ้ ท่ีเก่ียวกบั เป็นทอข ทำงเดนิ ึองเซลลเ์ พศชำย หรอื เซลลอ์ สจุ ิ หรอื สเปิรม์ (sperm) และยงั เป็นทอข สำหรบั ปัสสำวะผำข นจำกกระเพำะปัสสำวะ ออกสภขู ำยนอกอีกดว้ ย 1.4 ท่อ (duct) 1.4.1 เรติ เทสทสิ (rete testis) เป็นทอข รวมท่ีตอข จำกหลอดสรำ้ งตวั อสจุ ิ 1.4.2 หลอดเกบ็ ตวั อสุจิ (epididymis) สรำ้ งอำหำรและเป็นแหลงข เพ่มิ สมรรถนะึองอสจุ ิ 1.4.3 ทอ่ นำอสุจิ (vas deferens) เป็นทำงผำข นึองตวั อสจุ ิและเป็นแหลงข เกบ็ และจะถกู ตดั เม่ือทำหมนั ถำวร 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 47

48

1.5 ต่อม (gland) 1.5.1 ตอ่ มสร้ำงนำ้ เลยี้ งอสุจิ (seminal vesicle) สรำ้ งอำหำรจำพวกนำน ตำลฟรุกโตส วติ ำมินซี โกลบลู ิน 1.5.2 ตอ่ มลูกหมำก (prostate gland) สรำ้ งสำรท่ีมีฤทธิ์เป็นเบสอยำข งออข น และจะมีึนำดโต ึนึน ตำมอำยุ จนอำจกดทอข ปัสสำวะทำหหผ้ ชู้ ำยสงู อำยปุ ัสสำวะลำบำก 1.6 นา้ อสจุ ิ (semen) - ตวั อสจุ ิประมำณ 180-500 ลำ้ นตวั /2-7 cm3 มีชีวติ หนรำข งกำยเพศหญิงอยไขู ดไ้ มเข กิน 2 วนั หรอื 48 ช่วั โมง - นำน หลอข เลยีน งไดจ้ ำกตอข มสรำ้ งนำน เลยีน งอสจุ ิ 75- 80% ึองนำน อสจุ ิทงัน หมด จำกตอข มลกู หมำก 15-20% และ จำกหลอดเก็บตวั อสจุ ินอ้ ยท่ีสดุ 04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 49

04/10/63 จดั ทำโดย ครูสกุ ฤตำ โสมล 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook