2. การช่วยเหลือในระยะแรกหลงั ภยั สงบ 2.1อัคคีภัย เม่ือเกิดข้ึนชั่วระยะหนึ่งก็จะสงบ ท้ังนี้ขึ้นอยูํกับภาวะและเหตุการณ๑ ตลอดจน ความสามารถและความพร๎อมเพรียงของเจ๎าหน๎าท่ีผู๎มีหน๎าที่ดับไฟนั้น เมื่ออัคคีภัยสงบลงแล๎วหน๎าที่ใน ระยะแรกทจ่ี ะตอ๎ งใหค๎ วามชวํ ยเหลอื ซ่ึงอยูํในหน๎าทขี่ องกรมประชาสงเคราะห๑กบั เจ๎าหน๎าที่ปกครอง องค๑การ กศุ ล มลู นธิ ิ ทง้ั ของราชการและเอกชน กจ็ ะเขา๎ ไปใหก๎ ารชวํ ยเหลือผู๎ประสบภัยโดยทันที โดยถือหลักปฏิบัติ ดังน้ี 1. ต้ังหนํวยหรือกองอํานวยการให๎การสงเคราะห๑ชํวยเหลือผ๎ูประสบภัยขึ้นใกล๎เคียงกับ บริเวณท่ีเกิดอัคคภี ยั โดยประกอบด๎วยหนํวยราชการท่ีมีหน๎าท่ีให๎การชํวยเหลือองค๑การกุศลเอกชนมูลนิธิ ตําง ๆ พร๎อมกนั เพื่อรํวมใหก๎ ารชํวยเหลอื 2. สําหรบั ของกรมประชาสงเคราะหม๑ หี นวํ ยสงเคราะห๑ผป๎ู ระสบภัยเคลื่อนทีซ่ ่ึงก็มารํวมให๎ การชํวยเหลืออยูํในหนํวยหรือกองอํานวยการดังกลําวด๎วย ซึ่งหนํวยเคล่ือนที่น้ีประกอบด๎วยนักสังคม สงเคราะห๑ เจ๎าหน๎าท่ี และอาสาสมัคร ชํวยงานประชาสงเคราะห๑รํวมดําเนินการให๎การชํวยเหลือผู๎ประสบ อัคคีภัยอยดํู ๎วย 3. กอํ นทจี่ ะให๎การชํวยเหลือเครื่องอุปโภคบริโภคแกํผ๎ูประสบภัยนั้น จะต๎องประสานงาน กบั เจา๎ หนา๎ ทอ่ี ําเภอหรอื เขตในทอ๎ งทนี่ ้นั เพื่อใหอ๎ ําเภอหรือเขตออกใบรับรองกํอนวําผ๎ูใดบ๎างท่ีเป็นผ๎ูประสบ อคั คภี ัย จากน้ันผ๎ูประสบภัยทีม่ ีใบรบั รองจากอําเภอหรอื เขตวําเป็นผ๎ปู ระสบภัยก็นําใบรังรองดังกลําวมายื่น แสดงแกํเจา๎ หน๎าทมี่หรอื นกั สงั คมสงเคราะห๑ของหนํวยสงเคราะห๑ผู๎ประสบภัยเพอื่ พิจารณาตรวจสอบและออก บัตรผรู๎ บั การสงเคราะหป๑ ระจาํ ครอบครัวผูป๎ ระสบอคั คภี ัยซงึ่ จะได๎นําบัตรน้ีไปแสดงแกํหนํวยราชการ มูลนิธิ และองค๑การกศุ ลตําง ๆ เพอื่ ขอรับการชวํ ยเหลอื สงิ่ ของเคร่ืองอปุ โภคบรโิ ภคตอํ ไป 4. การแจกจํายเคร่อื งอปุ โภคบรโิ ภค - กรมประชาสงเคราะหแ๑ จกจํายเสอ้ื ผ๎าเคร่ืองนุํงหํม - มูลนิธริ าชประชานุเคราะหแ๑ จกจํายเครอื่ งจกั รและสมุดดินสอแกนํ ักเรียน - องค๑การกุศลและมลู นธิ ิเอกชนแบงํ แยกกนั แจกจาํ ยข๎าวสาร อาหารแหง๎ การจดั เลย้ี ง อาหาร แจกจาํ ยเงนิ 5. การจดั ทอี่ ยํอู าศัยชัว่ คราว - อาํ เภอหรือเขตจดั หาท่อี ยอูํ าศัยช่วั คราวให๎ - กรมประชาสงเคราะห๑สนบั สนุนเงนิ เป็นคาํ วัสดุในการจัดสรา๎ งทพี่ กั อาศัยช่วั คราว 2.2วาตภัยเกิดข้ึนเป็นครั้งคราวชั่วขณะหน่ึงแล๎วก็สงบ มักทําความเสียหายให๎แกํบ๎านเรือน ราษฎรอยเูํ สมอ การชํวยเหลอื มีข้ันตอนปฏิบัติดงั น้ี 1. สงํ นักสงั คมสงเคราะหห๑ รอื เจา๎ หน๎าท่ีไปสาํ รวจความเสียหายรวํ มกัน 2. เจา๎ หนา๎ ทอ่ี ําเภอหรือเขต มาประกอบการพจิ ารณาให๎การชํวยเหลือตามระเบียบตํอไป 3. เมอื่ ปรากฏวําผู๎ประสบวาตภยั มีฐานะยากจนไมสํ ามารถชวํ ยตวั เองในเรอ่ื งจดั หาวสั ดมุ า สร๎างหรอื ซอํ มแซมบา๎ น นกั สังคมสงเคราะห๑กจ็ ะเสนอความเหน็ วําควรจะใหก๎ ารชํวยเหลือวัสดุอะไรบ๎างเป็น เงินเทาํ ใด ตามระเบยี บหลกั เกณฑ๑ ค่มู อื 9ส2ง่ เสรมิ แลปคู่มะรพะือกสฒั าง่ นศเสนารกียมิ บิจแกตั ลรระรวพมชิ ัฒลาชนกู ีพเาสก2อืิจ-ทก3รกั รษมะลชกู ีวเสิตือในทสกั ษถาะชนีวศิตึกใษนาสถลากู นเศสึกือษวสาิ าปมรญั ะเภชทัน้ ลมูกเธั สยอื มวศสิ ึกามษัญาปชีท้นั ี่ 5ม-ัธ6ยแมลศะึกษปาวปชที .2ี่ -53-6 99
4. หากผ๎ปู ระสบวาตภัยน้ันมคี วามเดอื ดร๎อนในเรอื่ งเคร่ืองอปุ โภคบริโภคทจี่ ําเปน็ นักสงั คม สงเคราะหก๑ จ็ ะพิจารณาให๎การชวํ ยเหลือตามความจําเปน็ และหลักเกณฑด๑ ๎วย 2.3อทุ กภัย เป็นภยั ทเี่ กดิ ข้ึนมีท้ังฉับพลันและกินเวลานาน แตํสํวนใหญํแล๎วมักจะเกิดข้ึนเป็น เวลา 10-15 วนั บางครัง้ กนิ เวลาเป็นเดือนก็เคยมี และอุทกภัยที่เกิดขึ้นนี้มักจะกินบริเวณกว๎างขวางหลาย ท๎องที่ หลายตาํ บล จึงทําใหม๎ ีผูป๎ ระสบความเดอื ดรอ๎ นอยํูท่ัวไปในบริเวณกว๎าง การชํวยเหลือจึงจะต๎องมีกอง อาํ นวยการเปน็ ศูนยร๑ วํ มการให๎การชํวยเหลือ นอกจากน้ันจะต๎องมีหนํวยชํวยเหลือแยกย๎ายออกไปให๎การ ชวํ ยเหลอื ในท๎องถน่ิ ตาํ ง ๆ กนั หลาย ๆ หนวํ ยด๎วย ทัง้ น้ี เพ่ือให๎การชํวยเหลือเป็นไปด๎วยความรวดเร็วและ ทว่ั ถงึ ทนั ทีตอํ เหตกุ ารณจ๑ งึ จาํ เป็นตอ๎ งมีวัสดอุ ปุ กรณแ๑ ละเคร่อื งมอื ท่จี าํ เปน็ ในการชวํ ยเหลือดงั นี้ 1. เรือท๎องแบนสําหรับขนเคร่ืองอุปโภคบริโภคและเจ๎าหน๎าท่ีสําหรับเยี่ยมเยียนและนํา ส่งิ ของไปชวํ ยเหลอื 2. เรือท๎องแบนสาํ หรบั ขนย๎ายผ๎ปู ระสบอุทกภยั ไปอยูใํ นทีท่ ่ีปลอดภัยตลอดจนขนยา๎ ยสัตว๑ เล้ยี ง เชนํ วัว ควาย เป็นต๎น การช่วยเหลอื 1. นําข๎าวสาร อาหารแหง๎ ไปให๎การชํวยเหลอื 2. ในกรณรี า๎ ยแรงตอ๎ งอพยพผ๎ูคน สตั ว๑เลยี้ งไปไว๎ในทส่ี ูงและปลอดภัย ซึ่งจะต๎องจัดเลี้ยง อาหารให๎ 3. ในบางกรณอี าจจะต๎องแจกจาํ ยเส้อื ผ๎า เครื่องนุํงหมํ ให๎แกผํ ๎ปู ระสบภัยด๎วย การจัดท่ีพักช่ัวคราวสําหรบั ผ้ปู ระสบภยั ภยั ธรรมชาติที่เกิดขนึ้ ซงึ่ ได๎แกํ อคั คีภัย วาตภัย และอุทกภยั มกั จะทาํ ความเสียหายใหแ๎ กทํ รัพยส๑ ิน ของราษฎรและทางราชการ โดยเฉพาะอยํางย่ิงทําความเสียหายแกํบ๎านเรือนราษฎรแตํละคร้ังเป็นจํานวน มาก กํอให๎เกิดความเดือดร๎อนในเรื่องท่ีอยูํอาศัยเป็นอยํางมากการชํวยเหลือจึงควรคํานึงถึงการจัดท่ีพัก อาศยั ชวั่ คราวให๎แกํผู๎ประสบภัยดังกลําวในระยะแรกด๎วย นอกเหนือจากการแจกจํายส่ิงของเคร่ืองอุปโภค บรโิ ภค การเลอื กทําเลทีพ่ กั อาศัยชั่วคราว ก. อัคคคีภัยั ในกรณีอัคคีภัย ผ๎ูประสบภัยสํวนใหญํจะสูญเสียทรัพย๑สินและบ๎านเรือนโดยฉับพลัน การจัดหาท่ีอยูํอาศัยชั่วคราวให๎แกํผู๎ประสบอัคคีภัย จึงควรจัดหาสถานที่อยํูใกล๎เคียงกับที่เกิดเหตุให๎มาก ท่ีสุดเทําท่ีจะทําได๎ ทั้งเพื่อความสะดวกในการติดตํอกับทางราชการ การรับการสงเคราะห๑ตลอดจนมิให๎ ผปู๎ ระสบภัยเกิดการวา๎ เหวํจากถ่นิ เดมิ มากนกั สถานทที่ ี่จะให๎เป็นทีพ่ ักชวั่ คราวน้ันควรพิจารณาจากสถานที่ ที่เปน็ สาธารณะ ดงั นี้ 1. ศาลาวัด หรือสิ่งกํอสร๎างอื่น ๆ ท่ีประชาชนใช๎ประโยชน๑รํวมกันซึ่งอยูํในบริเวณวัด ได๎แกํ โรงเรยี น 100 คูม่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 93 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3
2. โรงเรียน หรือสิ่งปลูกสร๎างอยํางอื่นซ่ึงอยํูในบริเวณโรงเรียน เชํน ห๎องประชุม โรงอาหาร โรงฝกึ กายบริหาร หรอื ใตถ๎ ุนโรงเรยี น เป็นต๎น 3. สถานทร่ี าชการ ไดแ๎ กํ ศาลาประชาคม หอ๎ งประชุม ใต๎ถุนสิ่งกํอสร๎างทม่ี นั่ คงแขง็ แรง 4. ดดั แปลงสิ่งกอํ สร๎าง สิ่งสาธารณะอื่น ๆ ใหเ๎ ปน็ ที่อยํอู าศัยชว่ั คราว 5. จดั สรา๎ งท่พี ักอาศยั ชั่วคราวข้ึนในบรเิ วณไฟไหม๎ การจัดท่ีพักอาศัยชั่วคราวบดังกลําวข๎างต๎นนั้น เป็นหน๎าท่ีของอําเภอหรือเขตที่พิจารณาจาก สถานที่เหมาะสม โดยคํานึงถึงด๎านสุขลักษณะ ได๎แกํ ท่ีนอน ห๎องนํ้า ห๎องส๎วม และอื่น ๆ ที่จําเป็น เชํน ไฟฟ้า เป็นต๎น สํวนคําวัสดุจัดสร๎างหรือดัดแปลงท่ีพักอาศัยข๎างต๎นน้ันกรมประชาสงเคราะห๑เป็นผ๎ูให๎การ สนบั สนุน การจัดหาท่ีพักช่ัวคราวให๎แกํผู๎ประสบอัคคีภัยน้ัน จะต๎องอยํูในขั้นเตรียมการวางแผนไว๎ ลํวงหน๎ากํอนวํา หากอัคคีภัยเกิดข้ึนในบริเวณใดควรจะจัดหาที่พักชั่วคราวได๎ตรงไหนท่ีเหมาะสมท่ีสุด ฉะนน้ั การเตรยี มแผนจึงเป็นเรื่องสําคัญมาก ซ่ึงเปน็ หน๎าทโี่ ดยตรงของอําเภอทจ่ี ะกาํ หนดสถานท่ีดังกลาํ วไว๎ ลํวงหนา๎ วําในยาํ นท่คี าดวาํ จะเกดิ อัคคภี ัยข้ึนจะตอ๎ งใหผ๎ ๎ูประสบอคั คภี ยั เขา๎ อยํูอาศยั ช่วั คราวตรงไหน อยํางไร สําหรับศูนย๑สงเคราะห๑ผู๎ประสบภัยในเรื่องการเตรียมที่พักอาศัยน้ัน ก็จะต๎องประสานงานกับ ทางอาํ เภอหรอื เขตไวใ๎ นขณะทไ่ี ฟกําลังลกุ ไหม๎อยํู จะตอ๎ งรบั กําหนดสถานที่ทจี่ ะใชเ๎ ป็นทพ่ี กั อาศยั ชั่วคราวไว๎ ได๎เลยตามหลักเกณฑด๑ งั กลาํ วขา๎ งตน๎ การสาํ รวจตรวจสอบเพ่ือเตรียมท่พี กั ชัว่ คราว 1. ในกรุงเทพมหานครนน้ั เปน็ ชมุ ชนใหญํหนาแนนํ และมีชุมชนอยํูกันเป็นกลํุมก๎อนหรือท่ีเรียกวํา สลมั นน้ั มจี าํ นวนหลายแหํงดว๎ ยกนั ซึ่งสลมั เหลาํ น้ันลํอแหลมตํอการเกิดอัคคีภัยเป็นอยํางมาก ฉะน้ัน การ เตรียมการวางแผนในการจัดหาท่ีพักอาศัยช่ัวคราวให๎แกํผ๎ูประสบอัคคีภัย เม่ือเกิดขึ้นนั้นควรจะได๎กําหนด เอาบริเวณสลัมทุกแหํงในกรุงเทพมหานครในจุดที่คาดวําอัคคีภัยอาจจะเกิดข้ึน การหาสถานที่พักจึงต๎อง หมายตาเวอัดาวโัดรงโเรรงียเรนียนหรหือรสือถสาถนานทท่ีรา่ีรชาชกกาารร หรือบริเวณที่วํางเปลํา หรือท่ีสาธารณะที่จะใช๎เป็นสถานที่ สรา๎ งท่พี ักชั่วคราวได๎ โดยต๎องคํานงึ ถึงสุขลกั ษณะประกอบด๎วย 2. ในตํางจังหวัด อัคคีภัยท่ีเกิดขึ้นสํวนใหญํเกิดในเขตชุมชน การจัดสถานที่พักอาศัยชั่วคราว กระทําได๎งําย เชํน ศาลาาปปรระะชชาาคคมมศาลาวัด โรงเรียน ตลอดจนบริเวณที่ดินวํางเปลําท่ีจะสร๎างที่พักอาศัย ชัว่ คราวกห็ างําย เรื่องการเตรยี มการวางแผนในเร่ืองที่อยอูํ าศยั ช่วั คราว จึงไมํคํอยจําเป็นมากนกั แตอํ ยาํ งไร ก็ตามหากมีการวางแผนไวแ๎ ตตํ น๎ กจ็ ะทําใหก๎ ารดาํ เนินงานเปน็ ไปสะดวกและรวดเร็วข้ึน ข. วาตภยั การจดั หาทพ่ี ักอาศยั ชว่ั คราวให๎แกผํ ๎ูประสบภยั นนั้ แทบจะเรียกวําไมํจําเป็นทั้งนี้เพราะ วาตภัยท่ีเกิดขึ้นทําให๎บ๎านเรือนพังเสียหาย การจัดที่พักชั่วคราวกระทําได๎งํายด๎วยการให๎เจ๎าของบ๎าน ดดั แปลงจากเศษส่งิ สลกั หกั พงั มาปลูกสร๎างเปน็ ท่อี ยูอํ าศัยชวั่ คราวได๎ โดยทางกรมประชาสงเคราะห๑ให๎การ สนับสนนุ วสั ดุเพม่ิ เตมิ ตามจําเปน็ หากมีความจําเป็นตอ๎ งใหผ๎ ป๎ู ระสบภยั วาตภัยไปอยูํในสถานท่ีอน่ื กก็ ระทาํ ได๎เชนํ เดยี วกบั กรณผี ปู๎ ระสบอัคคีภยั ค. อทุ กภัย การเตรียมจัดหาท่ีอยํูอาศัยชั่วคราวให๎แกํผู๎ประสบอุทกภัยนั้น ควรจะต๎องเตรียมการ ดังนี้ ค่มู อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 101 94 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
สวํางด๎วย 1. จัดหาที่สงู ทเ่ี นินซึ่งคาดวาํ นํ้าทํวมไมถํ งึ ไว๎ 2. ท่ีสงู ท่เี นนิ นนั้ ควรมีส่งิ ปลูกสร๎างด๎วย เชํน วัด หรือโรงเรยี น 3. จะต๎องมสี ขุ ลักษณะประกอบด๎วย เชํน ห๎องน้ํา ห๎องสว๎ ม และที่หลบั นอนรวมตลอดจนถงึ แสง การหุงหาอาหารเลีย้ งดผู ้ปู ระสบภัย การจัดเลี้ยงผู๎คนที่มีจํานวนมากนน้ั จะต๎องเตรียมสง่ิ ตําง ๆ ดังน้ี 1. หม๎อหรอื กระทะขนาดใหญํ 2. เตาฟนื หรือถาํ น 3. ถาดหลุมจํานวนทีพ่ อเพยี งกับผป๎ู ระสบภยั หรือจาน ชาม และช๎อน 4. ถงั น้ําบรรจนุ ํ้าดมื่ นา้ํ ใช๎ให๎เพียงพอ 5. อาหารกระป๋อง หรืออาหารแหง๎ สะดวกแกํการปรุงและแจกจาํ ย การจัดเคร่อื งอปุ โภค 1. เครอ่ื งนงํุ หํมหลับนอน ไดแ๎ กํ เส่อื มงุ๎ ผ๎าหมํ เสือ้ ผา๎ 2. เครื่องครวั ทีจ่ าํ เปน็ 3. อาหารแห๎งหรอื เครอื่ งกระป๋อง 4. ข๎าวสาร 5. อน่ื ๆ ที่จาํ เปน็ แกํผป๎ู ระสบภยั เชนํ ยารักษาโรค เปน็ ตน๎ การรบั บรจิ าคส่ิงของเหลือใช้ ความสําคญั ของการรบั บริจาคสิ่งของเหลอื ใช้ ในปจั จุบนั นี้ ประชาชนเป็นจาํ นวนมากตอ๎ งประสบปัญหาความเดือดร๎อนในด๎านตําง ๆ อันเกิดจาก ความขาดแคลนในการครองชีพบ๎าง ประสบทุพภิกขภัย ภัยธรรมชาติหรือสาธารณภัยตําง ๆ บ๎างซ่ึงทาง ราชการจาํ เปน็ ตอ๎ งให๎ความชวํ ยเหลอื ในดา๎ นเครือ่ งอปุ โภคบริโภค ตลอดจนปัจจยั ในการครองชพี จาํ นวนมาก อยูํเป็นประจํา อันยังผลให๎ต๎องส้ินเปลืองงบประมาณแผํนดินเป็นจํานวนมาก และนับวันจะทวียิ่งขึ้นเป็น ลาํ ดบั อยาํ งไรก็ตาม การจดั บรกิ ารสงเคราะห๑ดังกลาํ วกย็ ังไมเํ พียงพอกับความจําเป็นและความเดือดร๎อนที่ เกิดข้ึน นอกจากนี้ ประชาชนชาวไทยรวมทั้งชาวตํางประเทศท้ังหลายตํางก็มีเมตตาจิตตํอผู๎ประสบความ เดือดร๎อนในด๎านตําง ๆ เป็นอยํางย่ิง โดยได๎บริจาคเงินและสิ่งของที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิด ชํวยเหลือผู๎เดอื ดร๎อนดว๎ ยตนเองโดยตรงบ๎าง หรือโดยผํานทางหนวํ ยราชการ องค๑การและส่ือมวลชนตําง ๆ บ๎างตลอดมา แตํเป็นการดําเนินงานเป็นครั้งคราวเฉพาะเม่ือมีเหตุการณ๑จําเป็นเกิดข้ึนเทําน้ัน ทําให๎การ ชํวยเหลือประชาชนผู๎ประสบปัญหาความเดือดร๎อนไมํเป็นการเพียงพอและทันตํอความจําเป็นรีบดํวนที่ เกดิ ข้ึน สําหรบั ประชาชนท่ีมสี ิ่งของเหลือใช๎เนือ่ งจากหมดความจําเปน็ ต๎องใชส๎ อยหรือมีสง่ิ ของชาํ รุดเสยี หาย เล็กน๎อย แตํผ๎ูเป็นเจ๎าของไมํต๎องการซํอมแซมไว๎ใช๎ตํอไปอีกและพร๎อมที่จะบริจาคส่ิงของเหลําน้ัน เพื่อ 102 คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 95 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3
ชวํ ยเหลอื เพอื่ นมนุษย๑ทเี่ ดอื ดรอ๎ น แตไํ มรํ จ๎ู ะบริจาคสิ่งของเหลํานนั้ ใหท๎ ่ีไหน หรือเม่ือบริจาคแล๎วไมํแนํใจวํา สง่ิ ของทบี่ ริจาคไปนัน้ จะถงึ มือผเู๎ ดือดรอ๎ นอยาํ งแท๎จริง งานทม่ี อบหมายใหล้ กู เสอื สงเคราะห์ปฏบิ ตั ิ การดําเนินงานศูนย๑รับบริจาค ฯ หากระยะใดที่มีการประชาสัมพันธ๑รณรงค๑ให๎มีการบริจาคหรือใน ยามที่มีเหตุการณ๑ที่เกี่ยวกับทุพภิกขภัย ภัยธรรมชาติ หรือสาธารณภัยตําง ๆ เกิดขึ้นในระยะเวลานั้น ประชาชนจะให๎ความสนใจและรวํ มมอื เป็นอยํางดยี ่งิ โดยนําเงินและส่ิงของตําง ๆ ทเ่ี ปน็ เครอ่ื งอุปโภคบริโภค มาบริจาคกรมประชาสงเคราะหเ๑ ป็นจาํ นวนมาก เพื่อใหน๎ ําไปแจกจาํ ยชวํ ยเหลือประชาชนท่ีประสบกับความ ทุกข๑ยากเดือดร๎อน ทําให๎เจ๎าหน๎าที่ของศูนย๑รับบริจาคกระประชาสงเคราะห๑ต๎องทํางานอยํางหนัก และ เสยี สละมาปฏบิ ัติงานโดยไมํมกี ารหยดุ ราชการเลย ทั้งนี้ เพอื่ ใหก๎ ารรบั บรจิ าคดําเนินไปด๎วยความเรียบร๎อย อํานวยความสะดวกแกํผบ๎ู รจิ าค และเพอ่ื ใหก๎ ารจดั สงํ สิ่งของบรจิ าคนาํ ไปชวํ ยเหลือผ๎ูเดือดร๎อนอยํางรวดเร็ว อยํางไรก็ตาม การดําเนินงานดังกลําวก็ยังไมํทันตํอความต๎องการของผ๎ูเดือดร๎อนเน่ืองจากเจ๎าหน๎ าที่ของ ศูนย๑รับบริจาค ฯ มีจํานวนไมํเพียงพอ ดังน้ัน จําเป็นต๎องมีอาสาสมัครมาชํวยปฏิบัติงานศูนย๑บริจาคฯ เพอื่ ใหก๎ ารปฏบิ ัตงิ านดําเนินไปอยาํ งรวดเร็วและทันตํอเหตุการณ๑ ดังนั้น งานท่ีจะมอบให๎ลูกเสือสงเคราะห๑ ปฏบิ ตั ิ ดังน้ี 1. งานตรวจนับและแยกประเภทสิ่งของบรจิ าค ตลอดจนการบรรจสุ ่งิ ของบรจิ าคลงในหีบหํอ กลํอง และกระสอบ ฯลฯ 2. งานแบกหาม และขนสิง่ ของบริจาคจากทต่ี าํ ง ๆ 3. งานเขียนแผํนประกาศ โปสเตอร๑ ตลอดจนเขียนจําหน๎าหนํวยรับสิ่งของบริจาคลงบนหีบหํอ กลํอง และกระสอบ ฯลฯ 4. งานซํอมแซมสงิ่ ของบรจิ าค ทม่ี สี ภาพชาํ รดุ ใหด๎ ขี ้ึน สามารถใช๎ประโยชน๑ได๎ เชํน ซํอมแซมโต๏ะ เกา๎ อี้ ต๎ู เตยี ง วทิ ยุ เสือ้ ผ๎า ฯลฯ เรอื่ งสน้ั ที่เป็นประโยชน์ ความสามคั คี นานมาแลว๎ มีเมอื งๆ หน่ึงราษฎรมีความเปน็ อยูอํ ยํางรํมเยน็ จนกระทัง่ มียักษ๑ตนหน่ึงได๎มาจับเอาคน ในเมอื งไปกินทกุ วนั ๆราษฎรทเี่ คยอยูอํ ยาํ งเป็นสขุ ไดร๎ บั ความเดอื ดรอ๎ นไปท่ัวหวั ระแหงจึงพากันไปร๎องทุกข๑ ตอํ พระราชาพระราชาจงึ ให๎มหาดเล็กปา่ วประกาศวาํ ถ๎าใครปราบยักษไ๑ ดจ๎ ะพระราชทานขา๎ วของเงินทองเปน็ รางวลั มชี าย 2คนรบั อาสาไปปราบยกั ษโ๑ ดยคนแรกเป็นนกั แมํนธนูและสามารถยิงได๎ทีละ 2ดอกคนท่ี 2 เป็น ผูม๎ พี ละกาํ ลงั มหาศาลและวง่ิ เร็วในตอนแรกทั้ง 2คนผลัดกันไปปราบทีละคนปรากฏวําพํายแพ๎กลับมาท้ัง 2 คนและหวุดหวดิ จะถกู ยกั ษจ๑ ับกินหลายคร้งั ซึ่งการกระทาํ ของคนทงั้ สองยิ่งทวคี วามโกรธแคน๎ แกยํ กั ษ๑มากข้นึ คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 103 96 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
เรื่องสนั้ ทเี่ ปน็ ประโยชน์ ความสามคั คี นานมาแล๎วมเี มืองๆ หน่ึงราษฎรมีความเปน็ อยํูอยํางรมํ เยน็ จนกระท่งั มียักษต๑ นหนึ่งได๎มาจับเอาคน ในเมอื งไปกนิ ทุกวนั ๆราษฎรท่ีเคยอยูํอยํางเปน็ สุขไดร๎ บั ความเดอื ดร๎อนไปทว่ั หวั ระแหงจึงพากันไปร๎องทุกข๑ ตํอพระราชาพระราชาจงึ ให๎มหาดเล็กป่าวประกาศวาํ ถา๎ ใครปราบยกั ษไ๑ ด๎จะพระราชทานขา๎ วของเงินทองเป็น รางวลั มชี าย 2คนรับอาสาไปปราบยกั ษโ๑ ดยคนแรกเปน็ นักแมํนธนูและสามารถยิงได๎ทีละ 2ดอกคนท่ี 2 เป็น ผ๎ูมีพละกําลังมหาศาลและวิง่ เร็วในตอนแรกท้ัง 2คนผลัดกันไปปราบทีละคนปรากฏวําพํายแพ๎กลับมาทั้ง 2 คนและหวุดหวดิ จะถกู ยักษจ๑ บั กนิ หลายคร้งั ซงึ่ การกระทําของคนทง้ั สองยิง่ ทวีความโกรธแคน๎ แกํยกั ษม๑ ากขึ้น รจคํว่มูึงมอือสมาง่ ลอื เสะกรวนัิมาแไดปละพปพังรัฒบานบ๎าานกโิจดเกรยรือใรนหมลรค๎ กูานเษสทอืฎี่แทรมักเํนษสะธียชนหีวูไติ าปใยนอสอยถยบํูาํานนงศหหึกนษนาา๎ ักผลคากู นคเสนทอื ทว้ังสิสว่ี าง่ิอมเงญัรจว็ ึงไชปปั้นมตรัธึกะยโษมกาศนกกึ ทษันา๎าหปทีทาาี่วย5ิธ-ย6ีปกั แรษลาะม๑ บปาใวจนชน.ท2ถ-่ี3สึงุหดจนึง๎าตผ10กา3นลักง แมํนธนทู ่ีซํอนอยํูจงึ ยงิ ธนูไปถูกตาท้ังสองขา๎ งยักษ๑ลม๎ ลงร๎องครวญครางดว๎ ยความเจ็บปวดหนักหนาชายคน ที่สองซง่ึ วงิ่ ข้ึนไปอยํบู นหนา๎ ผาจึงยกก๎อนหนิ ทมํุ ศีรษะยกั ษ๑ถึงแกคํ วามตาย ชายทั้งสองจึงได๎รับพระราชทานรางวลั อยํางมากมายและไดร๎ บั แตงํ ตัง้ ใหเ๎ ป็นทหารมหาดเล็กประจํา พระองคต๑ ้ังแตํนนั้ มาประชาชนก็อยูํอยาํ งรมํ เย็นเป็นสขุ เรือ่ งนีส้ อนใหร้ ูว้ า่ การทําอะไรกต็ ามหากรํวมมือกันยอํ มจะประสบผลสาํ เร็จไดโ๎ ดยงําย สนุ ัขจ้ิงจอกกับปู ปูตัวหน่ึงเดินขน้ึ มาจากทะเลเพอ่ื หาอาหารบนฝง่ั สนุ ัขจ้งิ จอกตัวหนึง่ ก็บงั เอญิ เดินเลาะเลยี บริม ชายหาดผาํ นมาพบ จงึ รบี ตะปบจับปูไว๎ มนั ดงึ ตัวปูออกมาจากกระดอง เพอื่ เตรียมทีจ่ ะกนิ เปน็ อาหาร ปู ได๎รบั ความเจ็บปวดมากขึ้น มันราํ พงึ ออกมาอยาํ งเศร๎าใจขณะใกลต๎ ายวํา “สมควรแลว๎ ที่ข๎าไดร๎ ับผลกรรม เชํนน้ี เพราะทอ๎ งทะเลตาํ งหากท่ีควรจะเปน็ ทอี่ ยํูอาศยั ของขา๎ ไมจํ าํ เป็นเลยแมแ๎ ตํน๎อยท่จี ะต๎องดนิ้ รนขน้ึ มา บนฝง่ั เพ่ือหาอาหารกนิ เชนํ น้ี” เรอื่ งนีส้ อนใหร้ วู้ า่ การละทิ้งความชาํ นาญในหนา๎ ทกี่ ารงานมาทาํ ในส่งิ ท่ตี นไมรํ ๎ูยอํ มนําความเดือดรอ๎ นมาสตํู น แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือวสิ ามัญชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 - 6, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 2 - 3) หน่วยที่ 5 การเดินทางไกลและอยูค่ ่ายพกั แรม แผนการจคดัมู่ อื กสจิ่งเกสรรมิ รแมละทพ่ีฒั 7นาเกดิจนิ กรทรมาลงกู ไเกสอืลทแกั ลษะะชอีวยิตใู่คนส่าถยาพนศกั กึ แษรา มประเภทลูกเสือวิสาปมรญั ะกชา้ันศมนธัียยบมตั ศรกึวษิชเาาวชปลพีที า่ี 25--362 ช่วั โ9ม7ง
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื วสิ ามัญชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 - 6, ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ(ปวช. 2 - 3) หนว่ ยที่ 5 การเดินทางไกลและอยูค่ า่ ยพกั แรม เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจัดกิจกรรมท่ี 7 เดินทางไกลและอย่คู ่ายพักแรม 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.1 ลูกเสอื สามารถอธบิ ายถึงความสําคัญของการเดนิ ทางไกลและอยคูํ ํายพักแรมได๎ 1.2 ลูกเสือสามารถวางแผนการเดนิ ทางไกลและอยูํคาํ ยพักแรมได๎ 2. เน้ือหา 2.1 การเดินทางไกลและอยํูคํายพกั ตามข๎อบังคบั คณะลูกเสือแหํงชาติ วาํ ด๎วยการปกครองหลกั สตู ร และวิชาพิเศษลกู สือวิสามญั (ฉบบั ท่ี 15) พ.ศ. 2529 104 2.2คมู่ กือาสรง่ จเสัดรเมิ คแรล่ือะงพหฒั ลนงัากใิจนกกรรามรลเกูดเินสอืททากั งษไะกชลีวแิตใลนะสอถยาํูคนศาํ กึยษพากั ลแูกรเสมือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 2.3 การจดั อปุ กรณเ๑ ครื่องใช๎ในการเดินทางไกลและอยูคํ ํายพกั แรม 2.4 การเดินทางไกลไปตาํ งประเทศ 3. สอื่ การเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบความรู๎ 3.3 เร่อื งส้ันท่เี ปน็ ประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 กจิ กรรมท่ี 1 1) พธิ ีเปิด (ชักธงข้ึน สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลง หรอื เกม 3) กิจกรรมตามจดุ ประสงค๑การเรียนรู๎ (1) ผู๎กํากับลูกเสือนําเข๎าสํูบทเรียนโดยนําสนทนา ความมุํงหมาย ประสบการณ๑ และ ประโยชน๑ของการเดนิ ทางไกลและอยูํคํายพักแรม (2) ผู๎กํากับลูกเสือสาธิตการจัดเครื่องหลัง อุปกรณ๑เครื่องใช๎ประจําตัวลูกเสือ ประจําหมํู ลูกเสือ และประจํากองลกู เสอื เพอ่ื ใชใ๎ นการเดินทางไกลและอยํคู ํายพักแรม (3) ผก๎ู ํากับลกู เสือมอบหมายให๎ลกู เสือศกึ ษาใบความรูเ๎ ร่ือง เดนิ ทางไกลและอยคูํ าํ ยพักแรม (4) ผ๎กู าํ กบั ลูกเสอื มอบหมายให๎ คณะกรรมการประจํากองจัดทาํ แผนการเดินทางไกลอยํู คาํ ยพักแรม 4) ผ๎กู าํ กบั ลูกเสอื เลาํ เรอื่ งสั้นท่เี ป็นประโยชน๑ เรอื่ ง “ความสามคั คกี อํ ใหเ๎ กิดความสําเร็จ” 5) พธิ ปี ดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 4.2 กจิ กรรมท่ี 2 1) พธิ เี ปิด (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต๑ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 98 ปค32มู่ร))ะือกสกเาพง่ ิจศเสลนกรงียริมบรแหตั มลรระตวือพชิาเฒั ามกชนมจีพาุดก2ิจป-ก3รระรมสลงูกคเส๑กือาทรักเษระยี ชนีวติรใู๎ นสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6
4) ผู๎กาํ กบั ลกู เสอื เลาํ เร่ืองสนั้ ทเี่ ปน็ ประโยชน๑ เรอื่ ง “ความสามคั คกี อํ ให๎เกิดความสาํ เร็จ” 5) พิธีปิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธงลง เลกิ ) 4.2 กจิ กรรมที่ 2 1) พิธีเปดิ (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลง หรอื เกม 3) กจิ กรรมตามจุดประสงค๑การเรยี นร๎ู (1) ผู๎กํากับลูกเสือมอบหมายให๎ลูกเสือแตํละกลุํมรํวมกันอภิปรายและจัดทําโครงการเดิน ทางไกลและอยํูคาํ ยพกั แรม (2) ลูกเสือแตํละกลมํุ สํงผแู๎ ทนรายงานผลตอํ ที่ประชุมกองลูกเสอื (3) ผูก๎ ํากับลกู เสือและลูกเสือรวํ มกันอภิปรายและสรุปผลการเขียนโครงการ 4) ผก๎ู าํ กบั ลูกเสอื เลําเร่อื งสนั้ ที่เปน็ ประโยชน๑ เรอ่ื ง นายมากบั เปด็ วิเศษ คู่มอื สง่ เสรมิ แล5ะ)พพัฒนิธาีปกิดิจก(รนรดัมลหูกมเสาอืยทักตษระวชจีวเติ คใรน่ือสงถแานบศบกึ ษชาักลธูกงเลสอืงวเสิ ลาิกมญั) ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 105 5.การประเมินผล 5.1 สังเกตความรวํ มมือในการปฏิบัติกิจกรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคดิ จากการอภิปรายและแผนการเดินทางไกล ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 7 เพลง คูม่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 99 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3 เดินทางไกล เดินทางไกล เดนิ ทางไกล เดินอยาํ งไรให๎ถึงปลายทาง
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 7 เพลง เดนิ ทางไกล เดินทางไกล เดินทางไกล เดนิ อยาํ งไรใหถ๎ ึงปลายทาง เราลูกเสือชาติเชอ้ื วชริ า ตาํ งตั้งหนา๎ พากนั มุงํ ไป สดุ ทะเล ภผู า มํานฟา้ ไกล ผจญภยั และพชิ ิตมนั แมฝ๎ นจะตกหนาวร๎อนเพียงใด ลูกเสอื ไทยไมเํ คยไหวหวน่ั วันท้งั วันเรายงั เดินทางไกล รอ๎ งเพลงยามเราเดนิ ทางไกล 106 คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษคะชลวี าิตยในอสาถรามนศณึกษ์ า ลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 (สร๎อย) ป่ามป้ามป่ามปาม ปา่ ม ปาม ปา้ ม ป่ามป้ามปา่ มปาม ปาม ปาม ปาม มา มา มา เชิญมา มาเถดิ เรามา มาร๎องเพลงกัน (เฮ๎) ลมื ความทกุ ข๑เรว็ พลนั สนุกสขุ สนั ตก๑ นั ใหเ๎ ต็มทรวง ดนตรแี สนดี ไมเํ คยจะมีความทกุ ข๑ความลวง ฟังดนตรชี ืน่ ทรวง ไมํหลอกไมํลวงใหใ๎ ครช้าํ ใจ (สร๎อย) ดู ดู ความเป็นคน มันสบั สนจนแสนระอา บางคนลน๎ เงินตรา มสี ขุ นกั หนาพาพน๎ โพยภัย บางคนจนสน้ิ ดี คนเลวคนดีมีคละกนั ไป ดู ดู ไปวุนํ วาย จงผํอนจงคลายหัวใจด๎วยเพลง (สร๎อย) ใบความรู้ 100 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลเกูดเสินอื ทกัาษงะไชกวี ลิตใแนลสถะาอนยศึกคู่ ษา่ ายปพระกั เภแทรลมกู เสอื วิสามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 หลักสตู ร ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
ใบความรู้ เดินทางไกลและอยู่คา่ ยพกั แรม หลกั สูตร เดินทางไกลไปกับลูกเสือวิสามัญเป็นเวลา 4 วันติดตํอกัน (อยูํท่ีคํายพักแรม 3 คืน) หรือเดิน ทางไกลไปกับลูกเสือวิสามัญ 2 คร้ัง แตํละคร้ังใช๎เวลา 48 ช่ัวโมง โดยอยูํคํายพักแรม 2 คื น ไมํนับเวลา เดินทางไปและกลับ การเดินทางไกลดังกลําวลูกเสือจัดการเองโดยตลอด ท้ังนี้ ด๎วยความเห็นชอบของผ๎ู กาํ กับลูกเสือวิสามญั การเดินทางไกลและแรมคนื ตอ๎ งได๎มาตรฐานสูง การเดินทางไกลจะไปทางบก หรอื ทางนํา้ ภายในประเทศ หรอื ตํางประเทศก็ได๎ ต๎องแสดงวําในการ รเคดาู่มนิยอื งทสา่งาเนสงกรติมา๎อแรงลเใดะชพนิ ๎คฒั ทวนาาางกมยิจอ่ืนกดรตรทํอมนผลกููก๎ กเาํสากือรทับพักลึ่งษกู ตะเชนสวี เอืิตอใวงนสิ สาคถมวาัญนาศมดกึ คว๎ษิดยารลิเูกรเ่ิมสือควสิวาามมัญมาชนัน้ มะัธแยลมะศกกึ าษราเปปีท็นี่ 5ผ-6ู๎นแําละกปับวตช.๎อ2-ง3ทําสม1ุด07ปูม วัตถุประสงค์ เมอ่ื จบหลักสูตรวิชาพเิ ศษน้แี ลว๎ ลกู เสือวสิ ามัญควรจะสามารถ 1. อธิบายถึงความสาํ คัญของการเดินทางไกลและอยูํคํายพักแรมได๎ 2. วางแผนการเดนิ ทางไกลและอยูํคาํ ยพักแรมได๎ 3. ปฏบิ ัตสิ อบวชิ าพเิ ศษการเดินทางไกลและอยํูคาํ ยพกั แรมได๎ แนวการจดั การฝึกอบรม ภาคทฤษฎี ผู๎บังคบั บัญชาลูกเสอื ที่ใชค๎ ูํมอื หลักสูตรวชิ าพเิ ศษนี้ควรจัดแบํงเน้ือหาไว๎ให๎เหมาะสมใน การสอนประจําคาบเรียน ปกติในภาคทฤษฎีใช๎วิธีสอนด๎วยการบรรยายหรืออภิปรายกลุํมหรือสาธิต ฯลฯ ตามแตํผ๎ูบังคับบัญชาจะเหน็ สมควรและเหมาะสม ภาคปฏิบัติ ผู๎บังคับบัญชาลูกเสือควรให๎ลูกเสือวิสามัญรํวมกันกําหนดและวางแผนดําเนินการ ปฏบิ ัตจิ ริง เพ่ือทําการทดสอบวิชาพเิ ศษเดนิ ทางไกลและอยํคู ํายพักแรม การประเมินผล ผ๎ูบังคับบัญชาลูกเสือที่จะมอบเคร่ืองหมายวิชาพิเศษลูกเสือวิสามัญวิชาเดิน ทางไกลและอยูํคํายพักแรมให๎กับลูกเสือวิสามัญให๎ปฏิบัติตามข๎อบังคับคณะลูกเสือแหํงชาติ วําด๎วยการ ปกครอง หลักสูตร และวิชาพิเศษลูกเสือวิสามัญ (ฉบับท่ี 15) พ.ศ. 2529 ของสํานักงานคณะ กรรมการบริหารลกู เสือแหํงชาติ ข้อบงั คับคณะลูกเสอื แห่งชาติ พ.ศ. 2509 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู วเสาํ อื ดท๎วักยษกะชาวี ริตเใดนินสถทาานงศไกึ กษาลแปรละะเภแทรลมูกคเสืนือวิสามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 101 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3 ข๎อ 273 ให๎ผ๎ูกาํ กับกลํมุ หรือผูก๎ ํากับลูกเสอื นาํ ลกู เสอื ไปฝึกเดนิ ทางไกล และแรมคืนในปีหน่ึงไมํน๎อยกวํา
ข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติ พ.ศ. 2509 วําดว๎ ยการเดนิ ทางไกลและแรมคืน ขอ๎ 273 ให๎ผ๎กู าํ กับกลํุมหรอื ผก๎ู ํากับลกู เสอื นาํ ลูกเสือไปฝกึ เดนิ ทางไกล และแรมคืนในปีหนึ่งไมํน๎อยกวํา หนง่ึ ครัง้ ครั้งหน่ึงใหพ๎ กั แรมอยํางน๎อยหนง่ึ คนื การเดินทางไกลแระแรมคืนมีวัตถุประสงค๑เพ่ือให๎ลูกเสือมีความอดทน อยํูในระเบียบวินัยร๎ูจัก ชํวยตัวเอง รู๎จักอยูแํ ละทํางานรวํ มกับผ๎ูอื่น ตลอดจนเรยี นวิชาลกู เสือเพิม่ เติม ในระหวํางการเดินทางไกลและแรมคืน ลูกเสือพึงเว๎นการกระทําใด ๆ ที่เป็นการรบกวนหรือ กอํ ใหเ๎ กดิ ความเดอื ดรอ๎ นแกผํ ู๎อื่น 108 คูม่ผอื บ๎ู สงั ง่ คเสับรบิมแญั ลชะพาัฒลูกนเาสกอืจิ กพรงึรมวาลงกู แเสผือนทกกั ษาะรชนวี ําติ ลใูกนสเสถือานไศปึกเดษาินลทูกาเงสไอื กวสิลาแมลญั ะแชรน้ั มมคัธนื ยใมหศพ๎กึ ษรากั ปพีทร่ี 5อ๎ -6มแแลละะปเนวช่นิ .2-ๆ3 ข๎อ 274 การเดนิ ทางไกลของลกู เสือ ต๎องได๎รับความยนิ ยอมจากผป๎ู กครองของลูกเสือกํอนถ๎าจะแรมคืน ด๎วย นอกจากไดร๎ บั ความยนิ ยอมจากผป๎ู กครองแล๎ว จะต๎องได๎รับอนุญาตจากหนํวยราชการท่ี สังกดั และจากเลขาธิการคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหงํ ชาติ ผูอ๎ ํานวยการลกู เสือจังหวัดหรือ ผ๎ูอาํ นวยการลูกเสอื อําเภอแล๎วแตกํ รณี การขออนญุ าตจะต๎องแจง๎ ความประสงค๑ บอกรายละเอยี ด เชํน การตระเตรียมตําง ๆ ตลอดจน เตรยี มการฝกึ เปน็ ต๎น ข๎อ 275 การเดนิ ทางไกลและแรมคนื ผูบ๎ งั คับบัญชาลูกเสือต๎องระมัดระวังดูแลลูกเสือโดยใกล๎ชิด เพื่อมิ ให๎เกดิ อนั ตรายแกํลกู เสือข้นึ ได๎ ทัง้ นี้ ตั้งแตํออกเดินทางจนกระทั่งกลับถึงท่ีต้ังกลํุมลูกเสือหรือ กองลูกเสือ ขอ๎ 276 เมอื่ เสรจ็ การเดนิ ทางไกลและแรมคนื แล๎ว ไดป๎ ฏิบัตอิ ยํางไร ไดผ๎ ลอยํางไร ให๎ผ๎ูกํากับกลุํมหรือผ๎ู กํากับกองลกู เสือทํารายงานทีไ่ ดก๎ ระทําไปโดยละเอยี ดเสนอตอํ ผู๎สัง่ อนญุ าต ข๎อ 277 การแรมคนื ของลกู เสือสํารอง นอกจากต๎องปฏิบัติตามท่ีกลําวมาข๎างต๎นแล๎ว ให๎ปฏิบัติในเรื่อง ตอํ ไปนด้ี ๎วย (1) มผี ู๎บังคับบญั ชาลกู เสือควบคุมอยํางน๎อย 2 คน ในจํานวนน้ีต๎องเป็นผู๎กํากับลูกเสือ สาํ รองทีม่ ีประการณ๑ ในเร่อื งการอยํคู ํายพกั แรมของลกู เสอื มาแล๎วเปน็ อยาํ งดอี กี ดว๎ ย (2) ต๎องมผี ๎ูบงั คับบญั ชาลูกเสือหรือผูใ๎ หญอํ ยํางน๎อย 1 คน ประจําลูกเสอื สํารอง 6 คน (3) ในทแี่ รมคืนตอ๎ งมนี ํ้าประปาหรอื น้ําสะอาดสาํ หรับบรโิ ภค และมีเครื่องอํานวยความ สะดวกตาํ ง ๆ ในการทําครวั ตลอดจนเครอื่ งสุขภณั ฑท๑ ี่ถูกสขุ ลักษณะ (4) ศาลาท่ีพักของลูกเสือต๎องสะอาด ถ๎าไมํมีศาลาท่ีพักจะใช๎เต็นท๑ก็ได๎ และต๎องมี จํานวนเพยี งพอ (5) ผ๎ูสง่ั อนุญาตให๎นาํ ลกู เสอื ไปแรมคืน จะต๎องไมํอนุญาตจนกวาํ จะเปน็ ทีพ่ อใจใจเร่ืองผ๎ู ควบคุมลกู เสอื สถานที่พกั และการตระเตรียมตาํ ง ๆ ขอ๎ 278 ในการเดนิ ทางไกลและแรมคนื ผ๎บู งั คับบัญชาลูกเสือไมํควรอนุญาตให๎ลูกเสือลงเลํนน้ําในแมํน้ํา ลาํ คลองหรอื สระ เวน๎ แตํจะได๎รบั การควบคุมโดยใกลช๎ ิด 102 คหมู่ ือาสกง่ ผเสบู๎ ริมงั แคลบั ะบพัฒญนชาากจิลกูกรเรสมือลูกจเะสอื ทนกั ญุ ษะาชตีวใิตหในล๎ สูกถเาสนือศึกลษงาเลปนํระนเภ้าํ ทจละูกตเสอ๎ อื งวปิสาฏมิบญั ตั ชดิ นั้ งั มตัธยอํ มไศปกึ นษา้ี ปีที่ 5-6 ประกาศนีย(1บ)ตั รวพิชาจิ ชาพี รณ2-3าในเรอื่ งอายุ สุขภาพ ตลอดจนความสามารถในการวํายนํ้าของลูกเสือแตํ ละคน
ขอ๎ 278 จํานวนเพียงพอ (5) ผส๎ู ่ังอนุญาตให๎นาํ ลกู เสือไปแรมคนื จะตอ๎ งไมอํ นุญาตจนกวาํ จะเป็นที่พอใจใจเรือ่ งผู๎ ควบคมุ ลกู เสอื สถานทีพ่ กั และการตระเตรยี มตาํ ง ๆ ในการเดนิ ทางไกลและแรมคืน ผู๎บังคบั บัญชาลูกเสอื ไมํควรอนญุ าตให๎ลูกเสือลงเลํนนํ้าในแมํน้ํา ลําคลองหรอื สระ เวน๎ แตํจะไดร๎ ับการควบคมุ โดยใกลช๎ ดิ หากผบ๎ู งั คบั บญั ชาลกู เสอื จะอนญุ าตใหล๎ ูกเสอื ลงเลนํ นาํ้ จะต๎องปฏบิ ัตดิ ังตอํ ไปนี้ (1) พจิ ารณาในเรือ่ งอายุ สุขภาพ ตลอดจนความสามารถในการวํายนํ้าของลูกเสือแตํ ละคน (2) ตรวจสอบความลึกของนา้ํ (3) พจิ ารณาสภาพของลมฟา้ อากาศในขณะลงเลํนนํา้ (4) แบงํ ลกู เสือเปน็ หมูยํ อํ ย ๆ ตามความสามารถสําหรับลงเลํนน้ํา โดยให๎แตํละหมูํมีผู๎ ควบคุมโดยใกลช๎ ิด คู่มือสง่ เสริมและพฒั นาก(ิจ5ก)รรมใหลูก๎เจเส๎าอื หทนกั ษ๎าทะช่สี ีวาํติ หในรสับถดานแู ศลกึ ซษาึง่ คลวกู เรสเอืปว็นสิ ผามทู๎ ญั รี่ บั ชเนั้ คมรธั ่ือยงมหศมกึ ษาายปวที ิช่ี 5า-ช6ํวแยละผปู๎ปวรชะ.2ส-3บภัยม1า0แ9ล๎ว กับควรมีเครื่องอุปกรณ๑สําหรับชํวยคนจมน้ําไว๎ให๎พร๎อม สามารถที่จะชํวยเหลือเม่ือเกิดเหตุ ฉุกเฉินได๎ทนั ที (6) ในระหวาํ งการเลํนนํ้า อาจให๎ลูกเสือจับคํูเป็นคูํ ๆ โดยให๎ดูแลชํวยเหลือซึ่งกันและ กันในการสอบจาํ นวนลกู เสอื วําอยํูครบหรือไมํ ให๎เปา่ นกหวดี เมอื่ ไดย๎ ินสัญญาณ ลกู เสือจะต๎อง อยูํเปน็ คํู ๆ อาจให๎ชมู ือขนึ้ แลว๎ ตรวจสอบจาํ นวน (7) เม่อื ได๎ยนิ สญั ญาณนกหวีดเลิกตามท่ีกาํ หนดไว๎ ลกู เสือต๎องข้ึนจากน้ําทันที ขอ๎ 279 การเดนิ ทางไกลไปตาํ งประเทศ มีระเบียบปฏิบตั ดิ งั ตอํ ไปน้ี (1) ลูกเสือท่ีประสงค๑จะเดินทางไกลไปตํางประเทศจะต๎องยื่นเรื่องราวตามลําดับช้ัน จนถึงสํานักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหํงชาติ พร๎อมท้ังช้ีแจงความประสงค๑และ รายละเอียดตาํ ง ๆ (2) การเชญิ ลกู เสือตาํ งประเทศมาเยยี่ ม หรอื แรมคนื ในประเทศไทย จะต๎องไดร๎ ับอนุมัติ จากผ๎ูอํานวยการลูกเสือจังหวัดหรือเลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหํงชาติ แล๎วแตํ กรณี เนอื้ หาวชิ าประกอบการฝึกอบรมตามหลกั สูตร ก. การเงนิ ทางไกล ความหมคามู่ ยอื กสง่าเรสเรดมิ แินลทะพางัฒไนกากลิจคกรอื รกมลากู รเเสดือนิทักทษาะงชขวี ิตอใงนลสูกถาเนสศือกึ จษาากปโรระเงภเทรลียกู นเสทอื ว่ีตสิ ั้งาปกมรญัละกํุมชาตนั้ศมนั้งัธียกยบอมตั งศรลึกวษชิูกาาเชปสีพที ือี่ 25ไ--ป36ยังจุด10ใด3จุด หนึ่งตามแตํผู๎บงั คับบัญชาลกู เสือจะกําหนด โดยมวี ตั ถุประสงค๑เพอ่ื ฝึกวิชาลูกเสือ (A tramping for training)
เนื้อหาวชิ าประกอบการฝึกอบรมตามหลักสูตร ก. การเดงินนทางไกล ความหมายการเดินทางไกล คือการเดินทางของลูกเสือจากโรงเรียนท่ีตั้งกลุํมต้ังกองลูกเสือไปยังจุดใดจุด หนงึ่ ตามแตํผบ๎ู ังคบั บญั ชาลูกเสอื จะกําหนด โดยมีวัตถปุ ระสงคเ๑ พ่อื ฝึกวิชาลูกเสือ (A tramping for training) สวํ นระยะทางที่ไปใกลไ๎ กลเพียงใดแลว๎ แตํวัตถปุ ระสงคก๑ ารฝึก หลักการฝกึ ใช๎ระบบหมูเํ ตม็ ที่ และวิชาท่ีฝึกต๎องให๎เด็กได๎รับความก๎าวหน๎า หรือได๎รับความรู๎วิชา ลูกเสอื สงู ขึน้ ไปตามลําดบั ในการฝกึ มคี าํ แนะนําดังตอํ ไปนี้ 110 (1)คมู่กือาสรง่เเดสินริมทแาลงะไพกัฒลนาคกอื ิจใกหรรล๎ มกู ลเกู สเอืสอื “ทเักดษนิ ะไชปีวติ”ใสนาํสหถารนับศกกึ อษงาลลกู กู เเสสืออื วใสินานมญัครใชหน้ั ญมัธํ ยๆมศทึก่ีมษกีาปาทีร่ีจ5ร-6าแจลระคปับวคช่ัง.2-ผ3๎ู กํากับลกู เสืออาจนดั พบลกู เสือที่ชานนครหรือชานเมือง หรือจะขึ้นรถประจําทางพร๎อมกันมายังจุดท่ีนัดพบ แลว๎ ผ๎กู ํากับลูกเสือเรมิ่ ฝึกเดินทางไกล ในชนั้ ต๎นควรมรี ะยะทางสน้ั ๆ กํอน เชนํ 2-3 กิโลเมตร การฝึกวิชาลูกเสือ อาจฝึกระหวํางเดินทางและฝึกเมื่อถึงปลายทางที่กําหนดไว๎ และควรจะมี ขอบขาํ ยท่ีจาํ กัด หรือมวี ตั ถุประสงคท๑ แ่ี นํนอน เชํน การสะกดรอย เขยี นภาพรําง คาดคะเน กํอกองไฟ ฯลฯ ในข้ันตอํ ไป ใหเ๎ พ่ิมระยะทางไกลออกไปเร่อื ย ๆ และเส๎นทางกค็ วรให๎แปลก ๆ ใหมํ ๆ พยายาม เดินตามทางเกวยี น ทางคนเดนิ ลัดเลาะไปตามภมู ิประเทศท่รี ืน่ รมย๑ เพอ่ื เรา๎ ความอยากรอ๎ู ยากเหน็ ใหล๎ ูกเสือ ไดส๎ งั เกตจดจําย่ิงข้ึน สวํ นการฝึกวชิ าลูกเสือก็ฝึกให๎สูงขึ้นตามลําดับ เชํน ให๎สร๎างสะพานข๎ามลําธาร สร๎าง เพงิ ทีพ่ ัก สรา๎ งหอคอย ชํวยชวี ิตเนอื่ งจากอบุ ัตเิ หตุตามแตํสมมตุ ิข้นึ ซึ่งลกู เสือจะต๎องปฏบิ ตั ิทันทีทันใด เปน็ ตน๎ (2) เครือ่ งหลงั (ยําม) ในการเดนิ ทางไกลระยะสนั้ ๆ ใชเ๎ วลาไมํนาน ลกู เสืออาจไมตํ อ๎ งเตรียมอาหาร ไปรับประทาน แตํถ๎าไปไกลและใช๎เวลานานถึงครึ่งวันก็จะต๎องเตรียมอาหารสําเร็จรูปไปรับประทาน เชํน ข๎าวหอํ ขา๎ วตม๎ มัด หรืออาหารหอํ อยาํ งอ่นื ๆ (ลกู เสือเมรกิ ันมักใช๎แซนวชิ จึงเรยี กการเดนิ ทางไกลชนิดน้ีวํา เดนิ ทางไกลแบบแซนวชิ )ในกรณเี ชนํ นี้ ลูกเสือจะต๎องมีเคร่อื งหลัง (ยําม) เพ่ือใสํอาหารสําเร็จรูปและสิ่งของ จาํ เปน็ อ่นื ๆ นอกจากนี้ ควรมีกระตดิ ใสนํ ้าํ ทสี่ ะอาดไปรับประทานด๎วย ในการเดินทางไกลข้ันตํอไป ลูกเสือจะต๎องนําภาชนะหุงต๎มและอาหารสดอาหารแห๎งไป ประกอบอาหารรับประทานเอง เคร่ืองหลังและเรื่องอาหาร มคี ําแนะนาํ ยอํ ๆ ดังตํอไปน้ี 1) เคร่อื งหลัง ควรเลือกขนาดท่ีเหมาะ ไมใํ หญแํ ละเล็กเกินไป 2) การบรรจุสิ่งของลงในเคร่อื งหลัง ควรเอาของทีใ่ ชภ๎ ายหลงั เรอื นหนกั ๆ ไวข๎ ๎างลําง ของทต่ี ๎องใช๎ บอํ ย ๆ ไว๎ข๎างบน ของบางประเภทควรใสถํ งุ ผ๎าหรือถุงพลาสตกิ จะทําใหส๎ ะดวกในการเก็บ และเมือ่ ตอ๎ งการ ใช๎จะหยิบได๎งําย 3) อาหารสดอาหารแห๎งที่นําไปควรจะมีนํ้าหนักเบา กินเนื้อท่ีน๎อย รายการอาหาร (เมนูอาหารก็ ควรเป็นชนดิ งําย ๆ ทํางําย ๆ ไมํยงุํ ยากและใชเ๎ วลาประกอบอาหารไมํนาน (3) การเดินทางไกลควรไปในหยุดโรงเรยี น เชํน วนั เสาร๑ วันอาทิตย๑ หรือวันหยุดพิเศษอื่น ๆ ทั้งนี้ เพ่อื มใิ หเ๎ ดก็ ตอ๎ งเสียเวลาเรียน อนง่ึ ผ๎ูกํากับลูกเสือควรจะไดก๎ ําหนดแผนการฝึกเดนิ ทางไกลวําปีหนึ่งจะไปกคี่ รง้ั เชํน สมมุติวํา เดอื นละครั้ง กําหนดวันเสาร๑สัปดาห๑ที่ 3 ของเดือน เม่ือกําหนดดังน้ีแล๎ว เด็กก็จะได๎ทราบลํวงห น๎าและได๎ เตร1ีย0ม4ตวั แตคปํเ่มูรในะนือกิน่สกาง่ ศาเๆสนรรียเมิ ดบแัตนิ ลระทวพิชาฒั างชนไพีากกล2จิ -ผก3ร๎กู ราํมกลูกับเสลอื ูกทเกั สษอื ะชจวีะติตใอ๎นสงถแาจน๎งศรกึ าษยา ลปะระเเอภียทลดูกเกสอืาวริสฝาึกมญัใหช๎ลัน้ ูกมัธเสยมือศทกึ ษราาปบที ลี่ 5ํว-ง6หน๎า และ ขออนญุ าตผู๎ปกครอง ต๎องแจง๎ ใหท๎ ราบวาํ เดก็ จะเตรยี มส่ิงของอะไรบ๎าง กลับถึงกองหรือถึงบ๎านเวลาเทําใด
ควรเป็นชนดิ งําย ๆ ทาํ งาํ ย ๆ ไมยํ ุงํ ยากและใช๎เวลาประกอบอาหารไมํนาน (3) การเดินทางไกลควรไปในหยดุ โรงเรียน เชํน วันเสาร๑ วนั อาทิตย๑ หรือวันหยุดพิเศษอ่ืน ๆ ทั้งน้ี เพือ่ มใิ ห๎เด็กต๎องเสียเวลาเรียน อนงึ่ ผกู๎ ํากบั ลูกเสอื ควรจะได๎กาํ หนดแผนการฝกึ เดินทางไกลวําปหี นึ่งจะไปก่ีครงั้ เชนํ สมมุติวํา เดือนละครั้ง กําหนดวันเสาร๑สัปดาห๑ที่ 3 ของเดือน เม่ือกําหนดดังน้ีแล๎ว เด็กก็จะได๎ทราบลํวงห น๎าและได๎ เตรยี มตวั แตเํ นิ่น ๆ ในการเดินทางไกลผู๎กํากับลกู เสือจะตอ๎ งแจ๎งรายละเอียด การฝึกให๎ลูกเสือทราบลํวงหน๎า และ ขออนญุ าตผ๎ปู กครอง ต๎องแจง๎ ให๎ทราบวาํ เดก็ จะเตรียมส่ิงของอะไรบ๎าง กลับถึงกองหรือถึงบ๎านเวลาเทําใด เปน็ ต๎น คคู่มาํ ือแสนง่ เะสนรมิ าํ แทลัว่ะพไัฒปนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 111 (1) ในการกะโปรแกรมการเดินทางไกล ตลอดจนจะไปฝึก ณ ท่ีใดนั้น ผ๎ูกํากับลูกเสือควรจะได๎ ปรึกษาท่ีประชุมนายหมูํ และถ๎าเปน็ เส๎นทางใหมํ ไมํทราบภูมิประเทศดี ควรออกไปสาํ รวจกํอน จําเปน็ กค็ วร ขออนญุ าตเจ๎าของทด่ี ิน เจ๎าของสถานทีไ่ ว๎ลวํ งหน๎า และควรรูเ๎ รื่องราวตาํ ง ๆ ในทอ๎ งถิน่ นั้นตามสมควร (2) การเดินทางไกล ควรใหล๎ กู เสือออกเดินทางเป็นรายหมํู มีนายหมูํรับผิดชอบ โดยกําหนดเวลา นั้นเวลานใี้ ห๎หมํูน้นั ๆ ออก (อาจบรรจุคาํ สั่งลงในซองตลอดจนบอกวธิ ปี ฏบิ ตั ติ าํ ง ๆ) ท้ังนี้ เพ่ือฝกึ นายหมูํให๎ เป็นผนู๎ าํ และสะดวกแกกํ ารจราจรด๎วย (3) การกาํ หนดเสน๎ ทางเดิน ควรเลีย่ งไมํเดินตามถนนใหญํที่การจราจรคับคั่ง ต๎องกําชับลูกเสือให๎ ระมัดระวังมิใหเ๎ กดิ อุบัตเิ หตุ เมื่อเดนิ ตามถนนจะปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเครํงครัด ควรเดินเรียงเดี่ยว โดย นายหมูํนาํ หนา๎ หมํู รองนายหมํูอยหูํ ลังหมูํ หมูํตอํ หมูใํ ห๎ทิ้งระยะพอสมควร ถ๎าเดินเวลากลางคืนเดือนมืด ให๎ ใช๎ผา๎ สขี าวพันขาเพื่อเป็นท่ีสังเกตของผ๎ขู บั รถ นายหมคํู วรถอื คบไฟหรือไฟฟา้ เดินทาง (4) ผก๎ู าํ กบั ลกู เสือควรจะได๎ทราบสขุ ภาพของลกู เสอื เฉพาะอยํางย่งิ ในการเดินทางทีไ่ กลมาก ผใู๎ ดที่ โรคประจําตัวร๎ายแรงอะไรบา๎ ง เชํนเกย่ี วกบั โรคหัวใจ เปน็ ต๎น สาํ หรับรองเทา๎ ควรให๎ลูกเสือใช๎รองเท๎าเกาํ ทใี่ สํ สบายและมีส๎นหนา เครื่องแบบไมํควรรัดกุมเกินไป เชํน ที่หัวเขํา สะเอว บํา และคอ น้ําด่ืมและอาหาร ระหวํางเดินทางลกู เสอื ไมคํ วรรบั ประทาน หากกระหายนํ้ามากควรอมนํา้ ไวส๎ ักครูํแลว๎ บว๎ นท้ิงเสีย (5) ลูกเสอื ต๎องไมํทําความเดอื ดร๎อนให๎แกํชาวบ๎านด๎วยประการตําง ๆ เชํน - อยําเดินบกุ หรอื เหยยี บยํา่ ต๎นข๎าวและพชื ตาํ ง ๆ ท่ีเขาปลกู ไว๎ - อยาํ หักหรอื ถอนตน๎ ข๎าวและพชื ตําง ๆ ที่ปลกู ไว๎ - อยาํ ต๎อนปศสุ ตั วใ๑ หแ๎ ตกกระจาย - อยํารอ้ื ถอนรัว้ ทเ่ี ขาปักไว๎ ตลอดจนผัก ผลไม๎ และสิ่งตาํ ง ๆ หา๎ มหยิบฉวยเอาไปโดยพลการ (6) ไมํควรเดนิ ตามทางรถไฟและเมอ่ื จะขา๎ มทางรถไฟต๎องระมัดระวัง เมื่อเห็นวําปลอดภัยแลว๎ จงึ ขา๎ ม (7) การเดินทางไกลไมํใชํเปน็ การ “แขํงขันการเดิน” ควรเดินอยํางปรกติน่นั เอง เมื่อเดนิ ได๎ 20 นาที ควรหยุดพักสัก 4-5 นาที ท้งั นีเ้ พ่ือเปน็ การพักผํอนและคอยผู๎มาลํา การพักน้ันถา๎ จะให๎ดคี วรนอนราบโดยยก ขาใหส๎ ูง พาดกับเก๎าอ้่ี ต๎นไมห๎ รอื สิ่งอ่ืน ๆ (8) ผ๎กู าํ กับลกู เสือควรเตรยี มกระเป๋ายา และอุปกรณก๑ ารฝกึ ไปให๎พรักพรอ๎ ม การเดินทางไกลไปตา่ งประเทศ กอํ นทีล่ ูกเสือจะเดนิ ทางไกลไปตํางประเทศ ควรจะได๎ปรึกษาผู๎บังคับบัญชาลูกเสือของตนหรืออาจ ขอคําแนะคนู่มอืําสจง่ เาสกริมผแู๎ตละรพวฒั จนกากาจิรกลรูกรมเลสูกือเสฝือ่ทากัยษตะํชาีวงิตปในรสะถเาทนศศกึ ษ(Iาnปteรrะnเภaทtiลoกู nเสaือlวสิ าCมญั omช้นัmมiธัsยsมioศnึกษeาrป) ที ่ี 5ใ-6นสํา น1ัก0ง5าน คณะกรรมการบริหารลกู เสือแหงํ ชาติ เมอ่ื ตกลงใจแนนํ อนแลว๎ พึงปฏบิ ตั ดิ ังปตระอํ กไาปศนนยี ี้ บัตรวิชาชีพ 2-3 1. ทํารายงานเสนอผู๎บังคับบัญชาลูกเสือของตนช้ีแจงความประสงค๑และรายละเอียดตําง ๆ แล๎ว
(8) ผู๎กาํ กับลกู เสือควรเตรยี มกระเป๋ายา และอุปกรณก๑ ารฝกึ ไปใหพ๎ รักพร๎อม การเดินทางไกลไปตา่ งประเทศ กํอนท่ีลกู เสือจะเดินทางไกลไปตํางประเทศ ควรจะได๎ปรึกษาผ๎ูบังคับบัญชาลูกเสือของตนหรืออาจ ขอคําแนะนําจากผู๎ตรวจการลูกเสือฝ่ายตํางประเทศ (International Commissioner) ในสํานักงาน คณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหํงชาติ เมือ่ ตกลงใจแนํนอนแลว๎ พึงปฏิบตั ดิ งั ตอํ ไปนี้ 1. ทํารายงานเสนอผู๎บังคับบัญชาลูกเสือของตนชี้แจงความประสงค๑และรายละเอียดตําง ๆ แล๎ว ผํานขน้ึ ไปตามลําดบั จนถึงสํานกั งานคณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหงํ ชาติ และเม่ือสํานักงานฯ ได๎พิจารณา เห็นเป็นการสมควรก็จะออกหนังสือ Letter of Introduction เป็นหนังสือรับรองวําทํานเป็นลูกเสือไทยโดย แท1๎จ1ร2งิ และคสู่มาํ อื นสกัง่ เงสาริมนแฯละอพาฒั จนแาจกง๎ จิ ไกปรรยมงั ลปกู รเสะอืเททศักษทะีเ่ ชกีวีย่ ิตวในขสอ๎ ถงาในหศ๎ทึกษราาบลลูกเํวสงือหวสินา๎ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 2. หากทํานจะตอ๎ งไปในงานชุมนุมลกู เสอื หรอื ไปอยคํู ํายพักแรมรํวมกับลูกเสือตํางประเทศจําเป็น จะตอ๎ งฝกึ การอยูํคาํ ยพกั แรม การเลํนรอบกองไฟ การแสดงและส่งิ อื่น ๆ ไว๎ใหช๎ าํ นาญ 3. จัดทําหนังสือเดินทาง Pass Port ณ กระทรวงการตํางประเทศและฉีดยา ปลูกฝีป้องกันไข๎ ทรพษิ ตามที่ทางการกาํ หนด เสร็จแล๎วไปลงตรา ณ สถานเอกอคั รราชทตู ประเทศทีจ่ ะไป สง่ิ เหลาํ นี้ต๎องเตรยี มเน่ิน ๆ นอกจากน้ันจะต๎องเตรียมเสื้อผ๎าและเครือ่ งใช๎ตาํ ง ๆ ที่จะนาํ ไป 4. ควรร๎ูภาษาประเทศท่ีจะไปให๎ได๎มากท่ีสุด โดยเฉพาะอยํางยิ่งประโยคหรือคําท่ีจําเป็นต๎องใช๎ บอํ ย ๆ ตลอดจนควรร๎ภู ูมศิ าสตร๑ประวัติศาสตร๑ขนบธรรมเนียมประเพณีของท๎องถิ่น และร๎ูขนบธรรมเนียม ของลูกเสอื ด๎วย เชํน บางประเทศ ผ๎กู าํ กับลูกเสือ (ในเคร่อื งแบบ) เขาจะไมํสบู บุหรเ่ี ลย ฉะน้ันเมื่ออยํูรํวมกับ เขา ทาํ นก็ไมํควรสบู บุหรี่ด๎วยเชํนเดยี วกัน 5. จักแลกเงนิ และควรทราบอตั ราแลกเงินประเทศน้นั ๆ กับเงินไทยตลอดจนจะนําเงินตราเข๎าได๎ เทาํ ใด สิ่งของอะไรทีต่ อ๎ งหา๎ มและเสยี ภาษีศุลกากร ลกู เสอื พงึ ปฏิบัติตามกฎหมายข๎อบังคับของประเทศน้ัน นๆนั้ โดๆยโเดคยรเํงคครรง่ ัดครดั 6. เมื่อออกจากประเทศไทยแล๎ว จะต๎องเข๎าใจวําทํานเป็นชาวตํางประเทศ ทุกส่ิงทุกอยําง เชํน อาหารการกิน ยํอมแตกตํางจากบ๎านเราทั้งสิ้น ฉะน้ันต๎องมีความอดทนตํอความยากลําบากและความไมํ สะดวกนานาประการ จะต๎องไมปํ ริปากบํน ไมํวิพากษว๑ จิ ารณ๑ใหแ๎ สลงใจลกู เสอื ประเทศเจ๎าของบา๎ น แตํทําใจ ใหร๎ ืน่ เริงแจมํ ใส และย้ิมแย๎มเสมอ 7. ตอ๎ งจาํ ไว๎วาํ ทาํ นเป็นตวั แทนคณะลูกเสือไทย ทํานเปน็ ผ๎แู ทนชาวไทยท้ังประเทศ ฉะน้ันจะต๎อง ทําหน๎าที่อยํางเอกอคั รราชทตู ไปเผยแพรํชาติไทย และปลกู ฝังมิตรภาพกับลูกเสือตํางประเทศ ทํานต๎องทํา หนา๎ ท่ใี หด๎ ีทส่ี ุด อันใดท่ีจะกอํ ใหเ๎ กิดความเสียหาย ไมดํ ีไมํงาม พงึ ละเวน๎ เสียโดยสนิ้ เชิง หมายเหตุ ในการไปตํางประเทศ พึงระมัดระวังหนังสือเดินทาง หนังสือสําคัญในการฉีดยาปลูกฝี ป้องกนั ไขท๎ รพษิ เงิน และหนงั สือ Letter of Introduction ซง่ึ ควรจะติดตัวอยูํเสมอ อยาํ ใหห๎ ายได๎ โดยเฉพาะ หนังสือ Letter of Introduction น้ี ทางการลูกเสือถือเป็นเร่ืองสําคัญมาก ถ๎าไมํมีก็ถือเป็นลูกเสือปลอมหรือ ลูกเสอื เก๏ซงึ่ ทางการลูกเสือโลกไดม๎ ีหนังสือถงึ สมาคมลูกเสือประเทศตําง ๆ ห๎ามรับรองหรือชํวยเหลือใด ๆ ทัง้ สนิ้ การเดนิ ทางไกลแบบอืน่ ๆ มดี งั ตอํ ไปน้ี 1. เดนิ ทางไกลไปทางเรอื ควรจะตอ๎ งรู๎กฎเกณฑ๑ระเบียบแบบแผนการใช๎เรือ ตลอดทางนํ้าตําง ๆ คมู่ตอื าสมง่ เสสมรมิ คแวลระพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 106 2. ปเรดะนิกาทศานงียไบกตั รลวโชิ ดายชพีขี่ม2-๎า3 เหมาะสําหรับการสํารวจภูมิประเทศและบกุ เบกิ 3. เดนิ ทางไกลขีร่ ถจกั รยาน เหมาะสําหรับการสาํ รวจภมู ิประเทศและบุกเบกิ
หนังสอื Letter of Introduction น้ี ทางการลูกเสือถือเป็นเร่ืองสําคัญมาก ถ๎าไมํมีก็ถือเป็นลูกเสือปลอมหรือ ลูกเสือเก๏ซง่ึ ทางการลกู เสอื โลกไดม๎ หี นังสือถึงสมาคมลูกเสือประเทศตําง ๆ ห๎ามรับรองหรือชํวยเหลือใด ๆ ทัง้ ส้ิน การเดนิ ทางไกลแบบอน่ื ๆ มดี งั ตํอไปนี้ 1. เดนิ ทางไกลไปทางเรอื ควรจะตอ๎ งรู๎กฎเกณฑ๑ระเบียบแบบแผนการใช๎เรือ ตลอดทางน้ําตําง ๆ ตามสมควร 2. เดินทางไกลโดยขี่ม๎า เหมาะสาํ หรับการสาํ รวจภูมปิ ระเทศและบกุ เบกิ 3. เดินทางไกลข่รี ถจักรยาน เหมาะสําหรบั การสาํ รวจภูมปิ ระเทศและบกุ เบิก 4. เดนิ ทางไกลโดยข่รี ถจกั รยานยนต๑ เหมาะสาํ หรบั ลกู เสอื สามญั รุํนใหญขํ ึ้นไป คปมู่ รือะสโง่ ยเสชรนมิ แ์ขลอะพงฒักนารากเดจิ กนิ รรทมาลงกู ไเสกือลทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 113 1. เป็นการฝึกหดั ความอดทน ความรอบคอบ ไมํประมาทของลูกเสือ 2. ทาํ ให๎ลกู เสอื ร๎จู ักตระเตรียมการและสงิ่ จาํ เปน็ ในการเดินทางไกล 3. ทาํ ให๎ลูกเสอื เป็นคนมีความสังเกตดี 4. ทําใหล๎ ูกเสอื เกดิ ความระมัดระวงั ตอํ อนั ตรายทจี่ ะพึงเกิดขึน้ โดยไมํประมาท 5. ทาํ ใหล๎ ูกเสือเกิดความสามคั คี ชํวยเหลือกันเพราะอยูรํ วํ มกนั เปน็ หมวดหมูํ 6. ทาํ ให๎ลกู เสอื ไดใ๎ ชช๎ ีวติ ชาวป่า 7. ทําใหล๎ กู เสอื รจู๎ ักชวํ ยตนเอง เชนํ ประกอบอาหาร ทาํ ทีพ่ กั ฯลฯ 8. ทาํ ใหล๎ ูกเสือรจ๎ู ดั ชวํ ยเหลอื ซึ่งกันและกัน เชํน ชํวยดูแลทรัพย๑สินผ๎ูอื่น ชํวยระวังภัยด๎วยการอยูํ ยาม ยนื ยาม ชํวยเหลอื เพ่อื นเมือ่ ยามเจบ็ ปว่ ย เป็นตน๎ การฝกึ อบรมก่อนเดินทางไกล 1. ฝกึ อบรมระเบยี บวินยั และระบบหมูํ 2. ฝกึ อบรมเก่ียวกับการปฏบิ ตั ิระหวํางทาง เชนํ การเดินทาง - เดินทางใหถ๎ กู ตอ๎ งตามกฎจราจร - เดนิ 20 นาที พกั 4-5 นาที - เวลาเดนิ หา๎ มรบั ประทานของหวาน - ถา๎ เดนิ ทางเวลากลางคืน ต๎องมีไฟฉาย ตะเกียง ไมคํ วรสวมชุดสีดํา เพ่ือความปลอดภัยบน ทอ๎ งถนน - เวลาผาํ นหมํบู า๎ น หา๎ มเย๎าแหยสํ ตั วย์๑ ทาํ ตวั เป็นมติ รท่ดี ีกบั ชาวบ๎าน - อุปกรณ๑การเดินทางท่ีนําติดตัวไปต๎องคอยสํารวจอยูํเสมอเมื่อเวลาหยุดพักหรือเริ่มออก เดนิ ทางไปยงั จดุ ตอํ ไป ทั้งน้ีเพือ่ ป้องกนั การสูญหาย การเตรยี มการของผกู้ าํ กบั 1. แบํงงานใหร๎ องผูก๎ าํ กบั ทาํ การฝกึ อบรมกอํ นพาลกู เสือออกเดินทางไกล รองผู๎กํา2ก.คบั ู่มยือเงัสมม่ง่ือเีปสลรรูกิมะแเสสลบะอื พกเฒัดานนิราณทกาจิ๑ไกงมรไพํรกมอลลูกผตเสกู๎ ๎ออื ําทงกักมษบั อะตบชอ๎วีหติงมใสนาอสยนถงาหนารศนือกึ ใษแหาน๎รปะอรนงะาํเผภกู๎กทํอลํานกูกเสับออื รยวับิสําาผบปมริดังญั ะคชกชบัาอนั้ศใบมนหัธทยี ๎เยบุกขมตั าศครกึทวนษชิ าํ ตาางชปาาพีีทมน่ี 25ค--ว36ามถ1น0ัด7ถ๎า 3. การมอบหมายงานควร
- อุปกรณ๑การเดินทางท่ีนําติดตัวไปต๎องคอยสํารวจอยูํเสมอเมื่อเวลาหยุดพักหรือเร่ิมออก เดนิ ทางไปยงั จดุ ตํอไป ท้ังนี้เพือ่ ป้องกันการสญู หาย การเตรยี มการของผู้กาํ กบั 1. แบํงงานใหร๎ องผ๎ูกํากับทาํ การฝึกอบรมกํอนพาลกู เสือออกเดนิ ทางไกล 2. เม่อื ลูกเสอื เดินทางไกล ต๎องมอบหมายงานให๎รองผ๎ูกํากับรับผิดชอบทุกคนตามความถนัด ถ๎า รองผ๎ูกาํ กับยังมีประสบการณ๑ไมํพอ ผู๎กาํ กับตอ๎ งสอนหรือแนะนํากอํ น อยําบงั คับให๎เขาทาํ งาน 3. การมอบหมายงานควร 3.1คอยตดิ ตามดูการเดนิ ทางตามเส๎นทาง 114 คู่ม3ือ.2สง่รเะสมริมดั แรละะวพงั ัฒเคนรากอื่ ิจงกดรืม่ รมอลากู หเสาือรทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 3.3ดแู ลการปฐมพยาบาล 3.4ดูและความปลอดภยั ตาํ ง ๆ ตามทเ่ี ห็นสมควร อุปกรณแ์ ละเคร่ืองใชใ้ นการเดนิ ทางไกล เมือ่ ทราบวาํ จะมีการเดินทางไกลด๎วยเท๎าในวันรุํงข้ึน เพ่ือไปอยูํคํายพักแรมลูกเสือต๎องเตรียมการ ตําง ๆ ไว๎ให๎เรียบร๎อยในตอนเย็น หรอื กํอนกําหนดการเคลื่อนท่ีให๎เรยี บรอ๎ ย ดังตํอไปน้ี 1. กระตกิ นํ้า ล๎างให๎สะอาด และเตมิ น้ําใหมํใหเ๎ ต็ม กํอนออกเดนิ ทางเล็กน๎อย 2. ตรวจดูเครื่องใช๎ประจํากายของตน เชํน ผ๎าเช็ดหน๎า แปรงสีฟัง หวี กระจกเล็ก ๆ เข็มเย็บผ๎า ดา๎ ยเยบ็ ผ๎า เข็มกลัดซํอนปลาย เชอื กผกู เงอื่ น เส้อื กางเกง ผ๎าขาวม๎า มีดเสเ่ือสอ่ื 3. เครอื่ งแบบ และเครื่องประกอบเคร่ืองแบบ 4. ไฟฉาย ช๎อนส๎อม เชอื กผกู รองเทา๎ สําหรับอะไหลํ จานขา๎ วประจําตวั ถ๎วยน้ําเล็ก ๆ 5. ยาประจําตัว และยาสาํ หรบั ปฐมพยาบาลบาดแผลเล็ก ๆ น๎อย ๆ 6. ตรวจดเู ครอื่ งมือเครือ่ งใช๎ตาํ ง ๆ ทจี่ ะนําไปวําเรยี บร๎อยใช๎การได๎หรือไมํได๎ หากชํารุด ก็จัดการ ซอํ มแซมให๎ครบถว๎ นสมบูรณ๑ 7. ตรวจดูความเรยี บรอ๎ ยของเครื่องสนาม และหีบหอํ ตาํ ง ๆ ให๎เรยี บร๎อย ไมใํ หเ๎ ปน็ อปุ สรรคตอํ การ เดินทาง 8. ตรวจดูถุงเท๎า รองเท๎าให๎ใสํไดส๎ บาย อยํใู นสภาพที่ดี เหมาะแกํการใช๎ ปกติไมคํ วรใช๎รองเทา๎ ใหมํ เพราะจะกดั เทา๎ หากจาํ เป็นควรทาน้าํ มัน 9. เขม็ ทศิ แผนท่ี สมุดบนั ทกึ การเดินทาง ดินสอ 10. ผา๎ หํม หมอน ผา๎ ปนู อน เตน็ ทป๑ ระจําตัว (เตน็ ท๑ 5 ชาย) 11. หน๎าฝนควรจะมีเสอื้ ฝน 12. เชอื กสําหรบั ผูกมัดของเลก็ ๆ น๎อย ๆ 13. หากหาได๎ควรมกี ล๎องถํายรปู 14. พลองลกู เสอื สาํ หรบั ลูกเสือสามญั ไม๎งาํ มสาํ หรบั ลกู เสือสามญั รนํุ ใหญแํ ละวสิ ามัญ อุปกรณ์ และเคร่อื งใช้ในการเดินทางไกลแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คอื 1. เครื่องใช้ในการอยคู่ า่ ยพกั แรมทัว่ ไป ควรมี เตน็ ทเ๑ ก็บพัสดุ เต็นท๑พยาบาล ฉากก้ันห๎องส๎วม พร๎อ1ม08เส2า. (ใคช่มู ๎ผอื ๎าสใ่งบเสเรปมิ แน็ ลฉะพากัฒ)นาขกวิจากนรรมคล๎อูกนเสแอื ทลกัะษตะะชปวี ติู ธในงสชถาาตนศิ กึกษราะเปปร๋าะเยภาทลไกู มเส๎ขือีดวสิไาฟมัญเขชยี นั้ นมัธไยขมศสกึ บษูําปีท่ี 5-6 สําหรับ ปเรคะรกา่ือศงนใียชบัต้ปรรวชิ ะาจชําีพต2-ัว3ลูกเสือ ควรมีเคร่ืองแบบลูกเสือ เส้ือเชิ้ต กางเกงขาส้ัน ถุงเท๎า อะไหลํ กางเกงนอน เสื้อนอน รองเท๎าแตะ เครื่องหลัง (เป้) ผ๎าเช็ดตัว ผ๎าเช็ดหน๎า สบูํ หวี แปรงสีฟัน มีด
13. หากหาได๎ควรมกี ลอ๎ งถาํ ยรปู 14. พลองลกู เสอื สาํ หรบั ลูกเสอื สามัญ ไม๎งาํ มสําหรับลูกเสือสามญั รํุนใหญแํ ละวิสามัญ อปุ กรณ์ และเครอ่ื งใชใ้ นการเดินทางไกลแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คอื 1. เครือ่ งใชใ้ นการอยู่ค่ายพกั แรมทัว่ ไป ควรมี เตน็ ท๑เก็บพสั ดุ เต็นท๑พยาบาล ฉากก้ันห๎องส๎วม พรอ๎ มเสา (ใชผ๎ า๎ ใบเป็นฉาก) ขวาน คอ๎ นและตะปู ธงชาติ กระเปา๋ ยา ไมข๎ ีดไฟ เขทียนไข สบูํ 2. เครื่องใช้ประจําตัวลูกเสือ ควรมีเคร่ืองแบบลูกเสือ เส้ือเชิ้ต กางเกงขาสั้น ถุงเท๎า สําหรับ อะไหลํ กางเกงนอน เส้ือนอน รองเท๎าแตะ เครื่องหลัง (เป้) ผ๎าเช็ดตัว ผ๎าเช็ดหน๎า สบูํ หวี แปรงสีฟัน มีด ช๎อนส๎อม แก๎วน้าํ เครอ่ื งเยบ็ ตําง ๆ เชํน เข็ม ด๎าย 3. เครื่องใช้ประจําหมู่ลูกเสือ ควรมี เต็นท๑นอน ไฟฟ้าเดินทาง ตะเกียงหรือเทียนไข ไม๎ขีดไฟ กะละมังสาํ หรบั ซักผ๎า ขวาน มีด ถุงหรือถงั ใสนํ า้ํ ผา๎ ใบกนับแดดสําหรับหุงต๎ม และรับประทานอาหาร เครื่อง หคู่มุงอืตส๎มง่ เ(สหรมิมแอ๎ ลหะพุงัฒข๎านวากกจิ กรระรทมะลูกตเสะหอื ทลกั ิวษะจชาีวนติ ใฯนลสฯถา)นทศีเ่กึ ปษดิ ากลรกู ะเสปอื อ๋ วงสิ ายมาัญขัดชัน้รอมธังยเทมา๎ศกึ ธษงาหปทีมี่ ํู5-6 และ ปวช.2-3 115 4. เครือ่ งใช้ประจาํ ตวั ผู้บังคบั บัญชาลูกเสือ ควรมี เครื่องแบบผ๎ูบังคับบัญชาลูกเสือ เต็นท๑นอน เครื่องใช๎ประจาํ ตัว ไฟฟ้าเดินทาง แผนท่ี เขม็ ทิศ กระเปา๋ ยา 5. เคร่ืองใช้ในการฝกึ วิชาลูกเสือ ซ่งึ ขึ้นอยูํกบั วาํ จะฝกึ เรอ่ื งอะไร มโี ปรแกรมอยํางไร จะต๎องนํา เครอ่ื งใชไ๎ ปประกอบการสอน และใช๎ในการแขํงขันให๎ครบถ๎วน 6. ยาและเครือ่ งเวชภณั ฑ์ นอกจากอปุ กรณ๑หรือเคร่ืองใชใ๎ นการเดินทางไกล 5 ประเภท ดังกลําว ข๎างตน๎ แลว๎ ยังมสี งิ่ ท่จี าํ เปน็ ในการเดนิ ทางไกลอีกดงั นี้ ยาํ ฆาํ เชื้อ (ทงิ เจอร๑ไอโอดีน) แอมโมเนียหอม ยาทา แก๎ไฟไหม๎นํ้าร๎อนลวก (ข้ีผ้ึง เพนนิซิสิน) ดีเกลือ แอสไพริน ยาล๎างตา ฯลฯ ถ๎วยยา กรรไกร ผ๎าพันแผล ขนาดตําง ๆ ผา๎ ปิดแผลที่สะอาด ผา๎ ยางปดิ แผล เป็นต๎น 7. เครอ่ื งหลัง (เป)้ ในการเดินทางไกลระยะสนั้ ๆ ใช๎เวลาไมํนาน ลูกเสืออาจไมํต๎องเตรียมอาหาร ไปรับประทาน แตถํ า๎ ไกลและใชเ๎ วลานานถึงครง่ึ วัน ก็จะต๎องเตรยี มอาหารสําเร็จรูปไปรับประทาน เชํน ข๎าว หํอ ข๎าวต๎มมัด หรืออาหารอยํางอื่น (ลูกเสืออเมริกันมักใช๎แซนวิช จึงเรียกการเดินทางไกลชนิดน้ีวําเดิน ทางไกลแบบแซนวสิ ) ในกรณเี ชํนน้ลี ูกเสือจะตอ๎ งมเี ครอื่ งหลัง (เป้) เพ่อื ใสอํ าหารสําเร็จรูป และสิ่งของจําเป็น อ่นื ๆ นอกจากนี้ ควรมกี ระตกิ นํ้าท่ีสะอาดไปรบั ประทานด๎วย ขอ้ แนะนํา ในการบรรจสุ ่งิ ของเครอ่ื งใช๎ประจําวันลงเคร่อื งหลงั ควรมีถุงเล็ก ๆ หลาย ๆ ใบสําหรับ ใสํสิ่งของจําเป็นโดยจัดเป็นพวก เชํน ยาสีฟัน สบํู พวกอาหาร พวกยารักษาโรค ท่ัวไป พวกยาประจําตัว โดยจัดพวกละถงุ เพ่อื สะดวกตอํ การหยบิ ใชแ๎ ละเกบ็ ซง่ึ มีหลักการบรรจสุ งิ่ ของลงเคร่ืองหลงั ดงั น้ี 1. เครือ่ งหลังควรเลอื กขนาดทีเ่ หมาะ ไมํใหญํหรอื เล็กจนเกนิ ไป 2. การบรรจุส่ิงของในเครอ่ื งหลงั ควรบรรจุของทใี่ ชภ๎ ายหลังหนกั ๆ ไวข๎ า๎ งลําง ของต๎องใช๎บํอย ๆ ไวข๎ า๎ งบน ของบางประเภทควรใสถํ งุ หรือถุงพลาสตกิ เพราะจะทาํ ให๎สะดวกในการเก็บและเมื่อต๎องการใช๎จะ หยิบไดง๎ ําย 3. ของควรจัดบรรจไุ วด๎ ๎านใน สวํ นของนมํุ ๆ ควรใสํบรรจไุ วด๎ า๎ นรมิ นอก เมอื่ เวลาเดินทางจะได๎ไมํ เจบ็ หลัง ตวั อย่างอปุ กรณ์การเดินทางไกลและการบรรจเุ ครอื่ งหลัง คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 109 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
ตวั อย่างอปุ กรณ์การเดินทางไกลและการบรรจเุ ครื่องหลงั เครอ่ื งแบ บลูกเสือ แผนท่สี ังเขปเพอื่ ช่วยความจํา สรุปการเดนิ ทางไกล ในการเดินทางไกลในตําราลูกเสือของตํางประเทศแนะนําให๎จําหลัก 4 ประการ คือ When? ไป เมื่อไหรํ What? ไปทําอะไร Where? ไปทีไ่ หน How? ไปอยาํ งไร When? = การเดินทางไกลของลกู เสอื ควรไปในวนั เสาร๑ อาทิตย๑ หรอื วนั หยดุ โรงเรยี น What? = ไปเรียนวิชาลูกเสอื เชํน การสํารวจ ทําแผนที่ กํอกองไฟ ฯลฯ 117 คมู่ ือ1ส1ง่ 0เสรมิ แลคป่มูะรพะอื กสัฒาง่ นศเสนารกียมิ บิจแกตั ลรระรวพมิชัฒลาชนกู ีพเาสก2ือิจ-ทก3รกั รษมะลชูกีวเสิตือในทสักษถาะชนวีศติ ึกใษนาสถลากู นเศสกึือษวสาิ าปมรญั ะเภชทัน้ ลมกู เัธสยือมวศสิ กึามษญั าปชที น้ั ี่ 5ม-ัธ6ยแมลศะกึ ษปาวปชที .2่ี -53-6
Where? = ไปตามเสน๎ ทางทภ่ี มู ิประเทศรื่นรมยห๑ รอื สวยงาม เมื่อถงึ จดุ หมายปลายทางแล๎ว ลกู เสอื หยุดรับประทานอาหาร How? = เตรียมสงิ่ ของอะไรไปบ๎าง และเอาไปอยํางไร ก. การอยูค่ ่ายพกั แรม บี.-พ.ี กลาํ วไว๎วํา “การอยูํคํายพักแรม เป็นเร่ืองใหญํในการลูกเสือ ซ่ึงเด็กชอบและเป็นโอกาสสําหรับสอนเด็กให๎มี ความเชื่อมนั่ ความคิดหาหนทาง กบั ทงั้ เปน็ การสํงเสริมสุขภาพของเด็กดว๎ ย บิดามารดาของเด็กบางคนซงึ่ ไมํเคยมีประสบการณ๑ในการอยูํคํายพักแรม มองดดูกกู าารรออยยํูคคู่ ําา่ ยพักแรม ด๎วยความวิตกกงั วล เพราะเกรงวําบางทจ่ี ะเป็นการลําบากและเสย่ี ภัยเกินไปสําหรับเด็ก แตํเมื่อได๎เห็นบุตร ขอตนกลบั มาเป่ียมดว๎ ยสขุ ภาพและความสุขภายนอก ท้ังในทางจติ ใจกด็ ขี ึน้ ในเรื่องความเป็นลูกผู๎ชายและ การคบเพ่ือน บิดามารดาก็ยํอมมองเห็นสํวนดี ซงึ่ ได๎มาจากการไปเท่ยี วเชํนน้ี ดังนน้ั ขา๎ พเจ๎าจึงหวงั ด๎วยความจรงิ ใจวาํ คงไมํมีอปุ สรรคอันใดท่จี ะทาํ ใหเ๎ ดก็ ไมํอาจไปพักผํอนตาม แนวทีไ่ ดแ๎ นะนําไว๎” การอย่คู ่ายพักแรม การเป็นลูกเสือท่ีสมบูรณ๑นั้นจะต๎องมีการอยํูคํายพักแรม คือการออกจากบ๎านไปนอนแรมคืนกับ เพ่ือนลูกเสือ อาจจะนอนบนอาคารเรยี น นอกบา๎ นพัก นอนกางเต็นท๑ชายทงํุ ชายป่า เชิงเขา ชายทะเลก็ได๎ การอยูํคาํ ยพกั แรมเปน็ การสนบั สนุนใหล๎ ูกเสอื คุย๎ เคยกบั ชวี ิตกลางแจง๎ และธรรมชาติ การอยคํู ํายพกั แรมเปน็ กจิ กรรมในการเรยี นวชิ าลกู เสอื ประโยชน์และความมุ่งหมายของการอย่คู า่ ยพักแรม 1. เพ่ือฝกึ ใหล๎ กู เสือมรี ะเบียบวินัย มีความอดทน 2. เพือ่ สนองความตอ๎ งการของเด็กและเยาวชนท่ีชอบการเดินทางไกลชอบผจญภัยและชอบสาํ รวจ 3. เพื่อสงํ เสรมิ ให๎ลูกเสือมพี ลานามัย ไดอ๎ อกกาํ ลังกายกลางแจ๎งได๎เลํนสนุกสนาน 4. เพ่อื ฝกึ ให๎ลูกเสือไดใ๎ ช๎ชวี ิตอยรูํ ํวมกับผู๎อ่ืน รจู๎ กั ทํางานรํวมกับผูอ๎ ื่น 5. เพื่อให๎ลูกเสือได๎เรยี นวิชาลกู เสือเพ่ิมเติม และไดท๎ ดสอบวชิ าลกู เสือ 6. เพ่อื ให๎ลกู เสอื ไดฝ๎ กึ ปฏิบัตติ ามคําปฏิญาณและกฎของลกู เสือ หลกั ในการจดั ไปอยู่ค่ายพกั แรม การไปอยํคู ํายพักแรม ควรจะไดก๎ าํ หนดหลักการในเร่อื งตอํ ไปนเ้ี สยี กอํ น 118 คู่มอื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 111 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
1. ไปทาํ ไม จะต๎องกําหนดจุดมงุํ หมายในการจัดไปอยคูํ ํายพักแรมในครงั้ นี้ใหแ๎ นชํ ัดวาํ ไปทาํ ไม 2. ไปทําอะไร จะตอ๎ งกําหนดวาํ ในการไปอยํคู ํายพกั แรมจะทาํ กจิ กรรมใดบา๎ ง เพอ่ื ให๎สอดคล๎องกับ จดุ มํงุ หมายท่ีวางไว๎ 3. ไปท่ีไหน จะต๎องเลอื กสถานที่ที่จะไปคาํ ยพกั แรมใหเ๎ หมาะสมกบั การจดั กจิ กรรม 4. ไปอย่างไร จะตอ๎ งกําหนดเสน๎ ทางรวมทง้ั พาหนะในการเดินทางให๎เหมาะสม 5. ไปเมอ่ื ใด จะต๎องกําหนดวนั เดนิ ทางและวันท่ีไปอยคํู ํายพักแรมให๎เหมาะสม ควรจะเปน็ วันหยุด หรือวันวาํ งทีส่ ะดวกกันทกุ ๆ ฝ่าย การอย่คู ่ายพักแรม แบํงออกเปน็ 4 หมวด ดงั น้ี หมวด 1 กอ่ นไปอยูค่ ่ายพักแรม 1. การฝึกตนเอง ผู๎กํากับลูกเสือจะนําลูกเสือไปอยํูคํายพักแรมนั้นจําเป็นจะต๎องฝึกตนเองให๎มี ความรอบร๎แู ละชาํ นิชํานาญในเรื่องการอยํคู ํายพกั แรมเป็นอยํางดีกํอน ซึ่งอาจจะทําได๎หลายวิธี เชํน เข๎าอยูํ คาํ ยพักแรมรํวมกับผกู๎ ํากับลูกเสอื ที่มีความชํานาญ หรือเข๎ารับการอบรมผู๎กํากับลูกเสือขั้น P.T.C. หรือขั้น Wood badge ซ่งึ สาํ นกั งานคณะกรรมการบริหารลกู เสือแหํงชาติได๎จัดเป็นประจําอยํูแล๎ว นอกจากนั้น อาจ ศกึ ษาและคน๎ คว๎าจากตําราการอยูํคาํ ยพักแรมในหอ๎ งสมุด สอบถามหรอื สนทนากับผู๎กาํ กับลกู เสอื อาวุโส ซ่ึง จะทาํ ให๎เราไดร๎ ับความรู๎ใหมํ ๆ จากประสบการณ๑ของเขาเพิ่มขึ้น 2. การฝึกต้องก้าวหน้า เมื่อได๎ฝึกลูกเสือตามท่ีกลําวมาข๎างต๎นดีแล๎ว ข้ันตํอไปก็ให๎นํานายหมํู ลูกเสอื (รองนายหมํูดว๎ ยกไ็ ด)๎ ไปฝึกการอยคํู าํ ยพักแรมในวนั เสาร๑ หรือวนั อาทติ ยโ๑ ดยมผี ู๎กาํ กบั ลูกเสอื เป็นผู๎ฝึก หลังจากนัน้ ให๎นําลูกเสือท้ังกองไปฝึก และเมื่อเห็นวําพอจะ “ปลํอยหมํู” ได๎ ขั้นตํอไปก็ให๎ตําง หมตํู ํางแยกกันไปอยคูํ าํ ยพักแรมตามลําพังอกี สกั 1-2 คร้ัง ลกู เสือทกุ คนควรจะได๎ฝึกการอยํูคํายพกั แรม 3- 4 ครง้ั เป็นอยาํ งนอ๎ ยกํอนทจ่ี ะไปอยคูํ ํายพักแรมฤดรู ๎อนในตอนปลายปี 3. แบบการอยคู่ า่ ยพกั แรม การไปอยคํู ํายพักแรม B.P. ไดก๎ ลาํ ววํา “เป็นโอกาสอันดีของผ๎ูกํากับ ลูกเสือ” กลําวคือ เป็นโอกาสอันดีของผู๎กํากับลูกเสือที่ได๎สอนวิชาลูกเสืออยํางจริงจัง เพราะมีเวลามาก นอกจากนน้ั ยงั จะไดอ๎ ยใูํ กล๎ชิดกบั เด็ก ทำ�าํ ใหเ้๎ หปน็ อุปนิสัยใจคอ และการปฏบิ ตั ิงานของเด็กแตํละคน ซ่ึงจะเป็น ทางใหผ๎ ๎ูกํากับลูกเสือได๎แก๎ไขข๎อบกพรํองให๎ดีขึ้นในกาลตํอไป ฉะนั้นเพื่อจะได๎บรรลุวัตถุประสงค๑ดังกลําว B.P.ได๎กลําววาํ “การนาํ ลูกเสอื ไปอยูคํ าํ ยพักแรมคราวละมาก ๆ ในแงํการฝึกอบรมนนั้ เป็นวิธีการท่ีไมํดี” อุดมการณ๑ฝึกอยูํคํายพักแรมถือหลักวําฝึกลูกเสือเป็นหมํูแตํละหมํู ตั้งเต็นท๑พักของตนเอง ประกอบอาหารเอง และทุกหมทูํ าํ งานเปน็ อิสระ การอยํคู าํ ยพักแรมมหี ลายแบบ เชํน 1. อยํคู าํ ยพักแรมในระยะสน้ั คอื ไปเพยี ง 1 - 2 คืน เชนํ ในวนั เสาร๑ วันอาทิตย๑ แลว๎ เดนิ ทางกลบั คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 119 112 คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3
2. อยํูคํายพกั แรมในระยะยาว หรือบางทีเรียกวาํ อยูคํ าํ ยพกั แรมฤดูร๎อน ตามปกติจะอยํูต้ังแตํ 7 คนื ขึ้นไป 3. อยํูคํายพักแรมแบบเคล่ือนท่ีเชํน ไปโดยรถจักรยาน รถจักรยานยนต๑ ฯลฯ การอยํูคํายแบบนี้ เกบ็ เต็นทพ๑ ักในตอนเช๎าแลว๎ เดินทางตํอไป เยน็ ลงกต็ ั้งเตน็ ท๑พักแรมใหมํ เชํนนจี้ นกวาํ จะถงึ จดุ หมายปลาทาง 4. ข้อบงั คบั คณะลกู เสอื แห่งชาติ การนําลูกเสือไปอยํูคํายพักแรม ผู๎กํากับลูกเสือจะต๎องปฏิบัติ ตามข๎อบังคับคณะลูกเสือแหํงชาติ ดังได๎ตัดไว๎ในตอนต๎นของหนังสือน้ี (ข๎อ 273-279) โดยเครํงครัด นอกจากน้ีหากมีขอ๎ บงั คบั หรอื คาํ สั่งใด ๆ ของทางราชการออกมาให๎โรงเรยี นหรือกองลูกเสือปฏิบัติเพิ่มเติม อยํางไรแล๎ว พงึ เขา๎ ใจวาํ จะตอ๎ งปฏบิ ัติตามข๎อบังคับและคาํ ส่งั นั้น ๆ จนครบถ๎วนดว๎ ย 5. ผู้ชว่ ยเหลือ มคี ํากลําววํา “ไมมํ ผี กู๎ าํ กับลูกเสอื คนใดจะนาํ ลกู เสอื ไปอยํคู าํ ยพักแรมโดยปราศจาก ผู๎อ่ืนชํวยเหลือ” คํากลําวน้ีเป็นความจริง เพราะการไปอยํูคํายพักแรมต๎องอาศัยผู๎อื่นชํวยเหลือในการ ฝกึ อบรมในการตรวจตราและแนะนําเด็ก ตลอดจนชวํ ยภารกจิ ตาํ ง ๆ ผก๎ู าํ กับลกู เสือจงึ ต๎องอาศยั รองผก๎ู าํ กับ ลกู เสือ ลูกเสือวิสามัญ ลูกเสือเกําเป็นผู๎ชํวย การงานบางอยํางอาจมอบหมายให๎เป็นภาระของผ๎ูอ่ืน สํวนผ๎ู กํากับลูกเสืออาจเพยี งดูแลเป็นคร้งั คราว เชนํ เจา๎ หน๎าทีพ่ สั ดุ มหี นา๎ ทีจ่ ัดซอื้ พสั ดุ ตรวจสอบจํายพัสดุ รักษาพสั ดใุ หส๎ ะอาดเสมอ ฯลฯ บรุ ษุ พยาบาล ถ๎าผ๎ูกาํ กับลกู เสอื ไมํมีความชาํ นาญในการปฐมพยาบาลควรหา บรุ ุษพยาบาลมาชํวย เจา๎ หน๎าท่อี นามยั มหี นา๎ ท่คี วบคุมดแู ลสขุ าภบิ าลของคาํ ย 6. สถานท่ตี งั้ คา่ ยพักแรม การไปอยูํคํายพกั แรมอาจทาํ ไดห๎ ลายวิธี คอื เดินไป หรอื ขนึ้ รถไป พอ ถงึ ระยะพอสมควรใหล๎ กู เสือลงจากรถแลว๎ เดินไปจนถงึ ทจี่ ะตั้งคํายพักแรม หรือข้ึนรถไปจนถึงจะต้ังคํายพัก แรมเลยก็ได๎ ลกั ษณะท่ีจะตงั้ คํายพกั แรม ควรอยํูในทาํ เลทีเ่ หมาะ เป็นที่โลํงแจง๎ มีวสิ ัยทศั น๑อันสวยงาม และมี เน้ือที่พอท่ีจะฝึกวิชาลูกเสือได๎ เชํน ฝึกการเลํนเกมตําง ๆ ควรหลีกเลี่ยงให๎ไกลจากสถานท่ีตากอากาศ ชายทะเลท่ีมีคนพลุกพลาํ น แตํในกรณที ่กี องลกู เสอื มบี า๎ นพักอยูํ 2 - 3 หลัง เพ่ือสะดวกให๎ลูกเสือฝึกวํายน้ํา กอ็๎ าอจาจจะจไะปไตปงั้ตค้งั า่ คยําพยกัพแกั รแมรใมนใทนเ่ี ชทน่ีเชนนํ นั้ นไน้ัด้ได๎ นอกจากนนั้ ควรจะไดพ๎ ิจารณาสิง่ ตอํ ไปน้ดี ว๎ ย นํ้า - จะต๎องมีเพยี งพอทัง้ นา้ํ ดม่ื และนาํ้ ใช๎ ควรให๎แพทย๑ประจําท๎องถิน่ ตรวจสอบวาํ เป็นนาํ้ ท่ี สะอาด ปลอดภยั แลว๎ พ้ืนดิน - ดนิ เหนยี วไมใํ ครํดี เพราะเมอ่ื ถาํ ยปสั สาวะหรือเทนาํ้ ล๎างจานชามแลว๎ นาํ้ จะไหลลงสูํดนิ ชา๎ มากและเมือ่ ฝนตกดนิ จะเปน็ โคลน ควรเลือกดินปนทรายไดเ๎ ปน็ ดี ทิศทางลม - ลมมาจากทางทิศไหน มีกาํ ลงั ลมอยาํ งไร ควรจะไดพ๎ ิจารณาการตัง้ เต็นท๑พักใกล๎ ต๎นไมใ๎ หญคํ วรละเวน๎ เพราะเมือ่ ฝนตกนํา้ จะไหลหยดจากใบไม๎สูํเตน็ ท๑ ทาํ ใหเ๎ ตน็ ท๑ เปียกแฉะเปน็ เวลานานและกงิ่ ไม๎แห๎งอาจตกลงมาเปน็ อันตรายได๎ เชือ้ เพลงิ - ถ๎าสามารถต้งั คํายพักแรมใกล๎ปา่ ทมี่ ไี ม๎มากๆ ได๎จะดมี าก เพราะจะไดใ๎ ชไ๎ มใ๎ นการ 120 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 113 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
หงุ ต๎ม ตลอดจนใชไ๎ มใ๎ นการฝึกวิชาลูกเสือ เชนํ สรา๎ งสะพาน สรา๎ งหอคอย เป็นต๎น พัสดุ - ควรเลือกท่ีทจ่ี ะซ้อื หาพสั ดุตําง ๆ ในการอยูํคาํ ยพกั แรมไดง๎ าํ ย ข้ันตํอไป ผกู๎ าํ กับลูกเสอื ต๎องไปตรวจดูสถานทตี่ ้ังคํายพักแรมด๎วยตนเอง จึงอยําเช่ือคนนั้นวําอยําง น้นั คนน้วี ําอยํางนี้ และถา๎ นาํ นายหมูํไปดว๎ ยกอ๎ จะเป็นการดี ในโอกาสนั้นผ๎ูกํากับลูกเสือควรจะได๎พิจารณา เรื่องตอํ ไปน้ี 1. เมื่อตรวจดสู ถานท่แี ล๎ว กใ็ หพ๎ ิจารณาวาํ ถ๎าประสบอากาศวปิ ริต จะพึงปฏบิ ตั อิ ยํางไร 2. ถ๎าท่ีพักแรมเป็นของเอกชน ผู๎กํากับลูกเสือจะต๎องไปหาเจ๎าของเขากํอน ซึ่งบางทีอาจจะต๎อง เสยี คําใช๎จําย ฯลฯ และเขาอาจจะให๎คาํ แนะนําในเร่อื งการขนสงํ การจัดหาวสั ดุ ฯลฯ ให๎แกเํ ราไดเ๎ ปน็ อยาํ งดี 3. ไปดูรา๎ นขายของตําง ๆ ร๎านแพทย๑ ท่ที ําการไปรษณีย๑ ที่ทาํ การโทรศพั ทท๑ ่ีใกล๎ทส่ี ดุ 4. ควรไปเย่ยี มเจ๎าอาวาสวดั ท่อี ยใูํ กล๎เคียง ซ่ึงอาจขอความอนุเคราะห๑ทําให๎ลูกเสือได๎พักในศาลา วัดในเมือ่ อากาศวิปรติ นอกน้ัน อาจนมิ นต๑ทํานเทศน๑หรืออบรมจติ ใจเดก็ 5. ควรไปเยยี่ มผู๎ตรวจการลูกเสือ ผู๎กํากับลูกเสือในท๎องถิ่น เพ่ือหารือในเร่ืองสถานท่ีที่จะต้ังคําย พกั แรมและเรื่องอ่ืน ๆ จงอยาํ ลืมวําคนในทอ๎ งถิ่นยอํ มทราบเรือ่ งราวตาํ ง ๆ ไดด๎ ีกวาํ เรา 6. จงเขยี นแผนทท่ี ่จี ะตั้งคาํ ยพักแรม แล๎วนาํ ไปติดไวท๎ ีป่ ้ายประกาศของกอง ถา๎ ถํายรูปไว๎ด๎วยยิ่งดี ทงั้ น้ีเพอ่ื ประกอบการพิจารณาวางผงั เตน็ ทแ๑ ตํละหมํูวําควรจะวางท่ีไหน อยาํ งไร 7. ตรวจดูแผนที่ของกรมแผนท่ี กระทรวงกลาโหมวํา ณ บริเวณที่จะไปตั้งคํายพักแรมน้ันมีที่ ใดบ๎างท่เี หมาะสมแกการเลํนเกมทใ่ี ช๎เน้ือทม่ี าก มที ่ีทใ่ี ห๎ลกู เสือไปศึกษาธรรมชาตวิ ิทยาและสะกดรอยหรือไมํ รายละเอียดซึ่งไดจ๎ ากแผนท่ีเชํนนี้ชวํ ยใหเ๎ รากวาะงโโปปรรแแกกรรมมกกิจจิ กกรรรรมมไไดด๎ด้ ี ี 7. บิดามารดาหรอื ผปู้ กครองลกู เสือ เมอื่ ไดเ๎ ตรยี มการข้นั ต๎นทุกสง่ิ ทุกอยํางพร๎อมแลว๎ และ ได๎รบั อนุญาตจากหนํวยราชการทสี่ งั กัดจากผูบ๎ งั คับบัญชาทางลูกเสือ คอื เลขาธิการคณะกรรมการบริหาร ลกู เสอื แหงํ ชาติ (สําหรบั กองลกู เสอื สํวนกลาง) ผูอ๎ ํานวยการลูกเสอื จงั หวัด ผอ๎ู าํ นวยการลกู เสืออาํ เภอแล๎วแตํ กรณีแลว๎ ตํอไปก็ให๎ผูก๎ าํ กบั ลูกเสอื ทาํ หนงั สอื ขออนุญาตบดิ ามารดาหรอื ผป๎ู กครองของลูกเสอื ในหนงั สอื นัน้ จะต๎องบอกสถานท่ีทจ่ี ะไปตัง้ คาํ ยพกั แรม วนั เดอื นปีและเวลาทไี่ ปและกลบั เครอ่ื งมอื เครอื่ งใช๎ท่เี ดก็ จะต๎องนาํ ไป เงินคาํ ใชจ๎ าํ ย ฯลฯ หนังสือขออนญุ าตน้คี วรเปน็ แบบที่ให๎กรอกขอ๎ ความวํา “อนญุ าต” หรือ “ไมอํ นุญาต” ให๎ลกู เสอื ............ไปอยคํู าํ ยพักแรมโดยใหส๎ ํงคืนมาใหผ๎ ๎กู าํ กบั ลกู เสอื อกี ครัง้ หนงึ่ นอกจากนนั้ จะมหี มายเหตใุ หก๎ รอก รายละเอียดบางประการเกยี่ วกับเดก็ ด๎วย เชนํ อาจจะสขุ ภาพไมดํ ี หรอื มอี ะไรทค่ี วรแจง๎ ให๎ผ๎ูกาํ กบั ลกู เสอื ทราบลํวงหน๎า ถา๎ ผู๎กํากบั ลูกเสอื ไมเํ ขยี นหนังสือไป ผู๎กํากับลูกเสอื ไปเยยี่ มเยยี น และขออนญุ าตบดิ ามารดา หรอื ผป๎ู กครองลูกเสอื ดว๎ ยตนเอง เพ่ือชแ้ี จงรายละเอยี ดและทาํ ความเขา๎ ใจดว๎ ยวาจาเปน็ ดีท่ีสดุ โดยเฉพาะ การนําลกู เสือไปคาํ ยพกั แรมครั้งแรกเป็นการสมควรอยาํ งยิง่ ที่ผกู๎ าํ กับลกู เสือจะพึงปฏบิ ัตเิ ชนํ นน้ั 8. เครอื่ งใช้ เครอ่ื งใช๎แบํงออกเปน็ 4 ประเภท คอื (1) เคร่อื งใชใ๎ นการอยํคู ํายพักแรมทวั่ ไป เชํน เต็นท๑ เคร่อื งทาํ ครวั คูม่ อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 121 114 คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3
(2) เคร่ืองใช๎ประจําตวั ลกู เสือ (3) เครื่องใชป๎ ระจาํ ตวั ผบ๎ู งั คับบญั ชาลกู เสือ (4) เคร่อื งใชใ๎ นการฝกึ วชิ าลูกเสอื 1) เครื่องใช๎ในการอยคํู าํ ยพักแรมท่ัวไปควรมี เต็นท๑กับพสั ดุ เตน็ ทพ๑ ยาบาล ฉากก้ันห๎องสว๎ มพร๎อมกับเสา (ใช๎ผ๎าใบเป็นฉาก) ขวาน ค๎อนและตะปู ธงชาติ กระเป๋ายา ไมข๎ ดี ไฟ เทขยี นไข สบํู แตลํ ะหมํู ควรมี เต็นทน๑ อน ไฟฟ้าเดนิ ทาง ตะเกยี งและเทยี นไข ไม๎ขดี ไฟ กะละมลงั สำ�ําหรบั ซกักผผา้า๎ ขวาน มีด ถุงหรือถังใสํน้ํา ผา๎ ใบกนั แดดสาํ หรับหงุ ตม๎ และรับประทานอาหาร เครื่องหุงตม๎ (หม๎อหุงข๎าว กระทะ ตะหลววิ จาน ฯลฯ) ท่เี ปดิ กระปอ๋ ง ยาขัดรองเท๎า ธงหมํู 2) เคร่ืองใช๎ประจําตัวลกู เสือ ควรมี เครื่องแบบลกู เสอื เส้ือเชิ้ต กางเกงขาส้ัน ถงุ เท๎าสาํ หรับอะไหลํ กางเกงนอน เสอื้ นอน รองเทา๎ แตะ เครือ่ งหลัง (ยําม) ผ๎าเชด็ ตวั ผ๎าเชด็ หนา๎ สบูํ หวี แปลรงสฟีฟันนั ฯลฯ (จัดใสํถุง) มีด ชอ๎ นสอ๎ ม ถ๎วยกินนํา้ เครือ่ งเย็บตําง ๆ เชํน เขม็ ด๎าย หมายเหตุ เครอื่ งใชป๎ ระจาํ ตัว ควรมีเครื่องหมายหรือบอกช่อื ลกู เสือไวใ๎ หช๎ ดั แจง๎ 3) เครอื่ งใช๎ประจําตวั ผู๎บงั คบั บัญชาลกู เสือ ควรมี เครอื่ งแบบผบู๎ ังคบั บัญชาลูกเสอื เต็นท๑นอน 122 คูม่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 115 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
เครอื่ งใช๎ประจาํ ตวั ไฟฟ้าเดนิ ทาง แผนที่ เขม็ ทิศ กระเปา๋ ยา 4) เครอื่ งใชใ๎ นการฝกึ วชิ าลกู เสือ แล๎วแตํจะฝึกเรื่องอะไร มีโปรแกรมอยํางไร จะต๎องนําเครื่องใช๎ไปประกอบการสอนและใช๎ใน การแขํงขันให๎ครบถ๎วน ยาท่ีควรนําไป - ไดแ๎ กํยาฆําเช้ือ (ทงิ เจอรไ๑ อโอดนิ ) แอมโมเนียหอม ยาทาแกไ๎ ฟไหม๎น้าํ ร๎อนลวก (ขีผ้ ง้ึ เพนนซิ ลิ นิ ) ดีเกลอื แอสไพริน ยาล๎างตา ฯลฯ ถว๎ ยยา กรรไกร ผ๎าพนั แผล ขนาดตําง ๆ ผ๎าปดิ แผลท่สี ะอาด ผา๎ ยางปิดแผล เป็นตน๎ เตน็ ท์ - B.P. กลาํ ววํา “สาํ หรบคํายประจําข๎าพเจ๎าชอบเต็นท๑ชนิดท่ีผูส๎ าํ รวจเรยี กวาํ Ridge tent หรือ Wall tent เต็นท๑ชนิดนอ้ี ยูสํ บาย และทาํ ให๎คํายดเู รยี บรอ๎ ยดีกวําเต็นท๑ชนิดอ่ืน ๆ ผ๎าเต็นทท๑ นน้ําได๎ดี และเมื่อฝนตกดา๎ นในกไ็ มเํ ปยี ก อน่ึง เตน็ ท๑ขนาดเลก็ (เต็นทก๑ ระแบะ) สาํ หรบั ลกู เสือนอน 1-2 คน กใ็ ชไ๎ ดด๎ ีสาํ หรบั การอยคํู าํ ยพักแรม” เพงิ - ในกรณีท่ไี มํมเี ตน็ ท๑ จาํ เป็นจะตอ๎ งสร๎างเพิงท่ีพกั ขึ้นด๎งตํอไปน้ี หาไมง้๎ า่ํ มมา 2 ลำ�าํ ยาวปปรระะมมาาณณ22 เเมมตตรรคครรงั้ึ่งปปักกั ลลงงดดนิ ินเเสสยี ยี สสกั ักคครรง่ึ ่งึเมเมตตรรเพเพอ่ื อ่ืจจะไะดไดแ้ แ๎นน่ นํดดี หี หาไามไมล้ ำ�ล๎ ยําายวาวๆ จใลพๆหๆบน�ำอลไหพลหสังมํานคอมนทห้ ่ึสงาคาใ่นีพจมวพชนงึ่ารคค้อพดหววกตบานรรนัด่อนใาตแไชบพงปอํดใ้า่นอไบกดมงกปมส็ไเํานักหดดงุมมแเ็ม้เพหดจแงุอื งิเะดมลนพดทไ้วอืรว้งิดำ�มานยดใ๎วไีรหแใ๎วตมาบลยเ้ าวซ้ยไ๎วใกตมนกี็บมผา้หดไีไกา(้มมกีรกผ๎อืซ๎วง่ิแ(า๎ ไ่ากกกีลมใแง่ิิง่ะหบเ้ไไหลลรไมมะาอืก็ม๎เเ้หไกลทลแ้ มาง่ิก็ก็หม่ี ไล้ไทวใงมี้�มำบา่ีมย๎ลเ๎ ใงมลใีาํ่อนทบาก็ยมกกบัมวํอาใาามๆรๆบงกมทๆไพุงๆบมับตงิพา้้ใอเ้บงผบงิขงก๎าเูกไา้รขงไ็มกตะกดา๎ ว๎บัดิกไ)็้ผงัรดกบัูกอไา๎)บัรดตยวาไไใ้า่ใดิ ดวบมหงกใใ๎หไพ้เ้หบับทมนา๎เไไใ้ทด่ึงมมหๆคเพ๎๎ใมๆพอืห่ไา่อืมๆมไดมกมํเ้เุงๆหนัพห๎เแหลใอ่ืนหตบล่ากา่ขนนําไนั า้มนา้ีพๆงใปพ้้ีบๆาลลดสา่าไสดวิะมงเปเขอะเป๎ปป็เนน้กึี ลป็นน็รไชวิ็นหะปรนัอ้ ยะลจีกหยะงังึ นคะจๆ่ึางะ ซอ้ นกนั เรยี บรอ้ ยเป็นชนั้ ๆ ก่อนทำ� เพงิ ควรสงั เกตทางลมแลว้ หนั หลงั คาไปทางนนั้ คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 123 116 ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3
ชนั้ หน่งึ ใบไมท๎ ่ีใชค๎ วรใชใ๎ บสด จะทาํ ให๎เยน็ ดีกวาํ ใบไมแ๎ ห๎ง ในการมุงตอ๎ งระวังอยาํ งหนง่ึ คอื มงุ แตขํ า๎ งลาํ ง ขึน้ ไปจงึ จะซอ๎ นกันเรยี บรอ๎ ยเป็นชนั้ ๆ กอํ นทาํ เพงิ ควรสังเกตทางลมแลว๎ หันหลงั คาไปทางนั้น ท่นี อน - ไมคํ วรนอนกับพ้ืนดนิ เพราะความช้นื จะทําให๎เจบ็ ป่วยไดง๎ ําย อยาํ งนอ๎ ยก็ควรหา ใบไม๎ ฟาง หญา๎ มาปไู ดห๎ นายงิ่ ข้นึ เสร็จแล๎วหาผา๎ ปอู กี ชั้นหน่ึง ถ๎ามถี ุงผ๎าใบตดิ ตวั ไปด๎วย เมอื่ จะนอนกห็ าหญา๎ แหง๎ ฟางกระดาษหรือสิ่งของนมิ่ ๆ ยัดใสเํ สร็จแล๎วจะ เป็นที่นอนได๎อยํางดี และมีผ๎าหมํ 2 ผืน ควรปนู อน 1 ผนื และหอํ 1 ผืน ฟูกปา่ - ถา๎ มเี วลากค็ วรทําฟกู ปา่ ดังมวี ิธที าํ ตํอไปน้ี ปักหลักสงู ประมาณ 2 เมตร 5 หลักเป็นแถวและตรงกนั ขา๎ มอกี 2 หลัก มไี มข๎ วางผูกกบั หลกั ทงั้ สอง ผูกเชอื กหรอื เถาวลั ยเ๑ ขา๎ กบั หลกั แถวที่ 1 (5 ต๎น) หลักละ 1 เสน๎ แลว๎ จงึ ขงึ เชือกใหต๎ รงไปผูกไว๎กบั ไม๎ ขวางทางหลกั แถวที่ 2 ปลายเชอื กใหท๎ บกลบั มาทางหลกั แถวที่ 1 และให๎เลยหลกั แถวน้ันไปอกี สกั 1 ฟุต แล๎วผกู ปลายเชอื กกับไม๎อกี อันหน่ึงให๎พอไดร๎ ะยะเทาํ กบั ที่ผกู หลักอยแํู ลว๎ เมอ่ื จะทอใหค๎ นหนึ่งถอื ไม๎ท่ผี กู ปลายเชือกนนั้ ยกข้นึ อีกคนหนึ่งเอาฟางหรือหญ๎าวางเป็นลูกยาว ๆ หนา ๆ เหนอื เชือกทีข่ งึ ครัง้ แรก ให๎ ยกขน้ึ ยกลงสลับกัน เชอื กทย่ี กขน้ึ ลงจะรัดฟางหรอื หญา๎ ไวแ๎ นํน ฟกู ป่าทที่ อแล๎วมีผ๎าปูอีกช้นั หน่ึงก็จะใช๎เปน็ ท่นี อนไดอ๎ ยํางสบาย นอกจากนน้ั อาจจะทาํ แครโํ ดยใชไ๎ มม๎ าทาํ หลกั และโครง เสรจ็ แล๎วเอาใบไม๎มาสะเป็นแครนํ อนไดด๎ ี เหมือนกนั หมอน - อาจเอาถงึ ใสเํ สื้อผา๎ มาใชห๎ มอน โดยเอาเสอื้ ผ๎าม๎วนและพบั ใสํเขา๎ ไปเปน็ เคร่ืองยดั ไสก๎ ใ็ ช๎เปน็ หมอนได๎ดี B.-P. กลาํ ววาํ เคยใช๎รองเท๎าทาํ เป็นหมอน โดยเอาเส้อื ผ๎าพันรอบ ๆ เพื่อไมํให๎ รองเท๎าหลุดออกจากกัน การเตรยี มพัสดุ - เคร่ืองใช๎ดงั กลําวขา๎ งตน๎ จะตอ๎ งรีบหารีบสะสมไวแ๎ นเํ นิ่น ๆ สิ่งที่มรี าคาแพงทีส่ ดุ คือเตน็ ท๑ ถา๎ มรี ๎านให๎เชาํ กค็ วรเชาํ เขา หรอื ถา๎ อยูใํ กล๎กองทหารก็อาจขอยืมไปกอํ น จนกวาํ จะมเี งนิ ซื้อเปน็ สมบัติของหมํู เน่อื งจากการฝกึ เราฝกึ เปน็ หมํู ฉะนน้ั แตํละหมํู ควรรบั ผิดชอบส่ิงของของตนเอง ในระหวํางทยี่ ังไมไํ ด๎ไปอยํูคํายพักแรม นายหมํู ควรตรวจพสั ดุเป็นคร้งั คราว หากเหน็ ส่งิ ใดชาํ รุดควรจะซอํ มก็จะต๎องรีบซํอมไวใ๎ ห๎ พรอ๎ ม หมายเหตุ ในการอยูํคาํ ยพกั แรมมีหลกั อยูํอยํางหนึ่งวาํ ผกู๎ ํากับลูกเสือจะไมนํ อนรวํ มเตน็ ทล๑ กู เสือ ฉะน้ัน ผ๎ู กํากบั ลูกเสือจะตอ๎ งกางเตน็ ทข๑ องตนเอง ตลอดจนเต็นท๑ท่ีต๎องใชเ๎ ป็นสวํ นรวม เชํน เตน็ ท๑ พยาบาล(ควรอยใูํ นทเ่ี งยี บ ๆ) 9. การขนส่ง ดงั ไดก๎ ลําวมาแล๎ววําการไปอยูํคํายพกั แรมน้ันลูกเสือเดินไปหรือข้ึนรถไปจนถึงท่ีจะ ตงั้ คํายพักแรม ทัง้ นี้ สดุ แล๎วแตํระยะทางใกล๎ไกลจากที่ต้ังกองลูกเสือตลอดจนมีเงินคําใช๎จํายในเรื่องนี้มาก น๎อยเพียงใด 124 คูม่ ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 117 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3
โดยเฉพาะการเดินทางโดยรถไฟน้นั ไดม๎ รี ะเบียบลดหยํอนคําโดยสารให๎แกํลูกเสือที่ไปเป็นหมูํ เป็นคณะจํานวนมาก ๆ อยูํแล๎ว ฉะนั้นจึงควรขอให๎เลขาธิการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหํงชาติ ผ๎อู ํานวยการลกู เสอื จงั หวัด ผอู๎ ํานวยการลกู เสอื อาํ เภอแล๎วแตํกรณีชํวยติดตํอกับองค๑การรถไฟให๎แตํเนิ่น ๆ แตถํ ๎าเดนิ ทางโดยรถประจาํ ทางหรือเชํารถก็ควรจะไดต๎ ิดตํอกับบรษิ ทั รถประจําทางหรอื เจา๎ ของรถแตํเน่ิน ๆ เชนํ เดยี วกนั ไมใํ ชวํ ินาทีสดุ ทา๎ ยจงึ คํอยตดิ ตอํ ซึ่งจะทาํ ใหเ๎ กิดการขลุกขลักขึ้นได๎ อน่ึง ถ๎ามีสัมภาระหนัก ๆ กค็ วรสงํ ไปลํวงหน๎า เพอ่ื จะได๎ไมยํ งํุ ยากในระหวาํ งทาง 10. เตรียมรายการอาหาร รายการอาหารแตํละหมํู จะต๎องเตรียมลํวงหน๎า คือจะรับประทาน อาหารมื้อเช๎า กลางวัน เย็น และควรจะได๎ฝึกหุงข๎าว ฝึกประกอบอาหารกํอนไปอยูํคํายพักแรม อาหารที่ รับประทานควรเป็นอาหารท่ีปรุงงําย ๆ แบบชาวป่า และในเวลาเดียวกันก็ควรให๎ถูกหลักโภชนาการตาม สมควร 11. กรจัดโปรแกรม โปรแกรมในระหวาํ งอยูํคาํ ยพักแรมเป็นสิ่งสําคัญท่ีสุดท่ีผู๎กํากับลูกเสือจะต๎อง เตรียมจัดทําไว๎ลํวงหน๎า โปรแกรมนั้นเพื่อฝึกวิชาลูกเสือ จะฝึกวิชาลูกเสือเร่ืองอะไร อยํางไร และมีผู๎ใด รับผดิ ชอบ (แบงํ หน๎าทใ่ี หร๎ องผก๎ู ํากับ) ผกู๎ าํ กบั ลูกเสอื จะต๎องเตรยี มการให๎รอบคอบ ขอ๎ พงึ ระวัง กค็ ือ โปรแกรมนน้ั ต้องให้ลูกเสอื แตล่ ะคนมีความรู้สูงยงิ่ ๆ ขึ้นเปน็ ลาดับในเม่อื สน้ิ สุดการ อยู่คา่ ยพักแรมแลว้ โปรแกรมเชนํ วาํ นคี้ วรนาํ ปรึกษาในที่ประชุมนายหมูํ ตวั อยา่ งโปรแกรม วนั เสาร์ ท.่ี .................เดอื น................................พ.ศ.................... 13.00 น. นัดพบท่ตี ้งั กอง นายหมูํตรวจหมขํู องตน และตรวจพัสดทุ ีจ่ ะนาํ ไป 13.30 น. ประชมุ กอง นายหมูํรายงานยอดจาํ นวน ผ๎ูกาํ กบั ชแ้ี จงแนะนํา คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 125 118 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
ตัวอย่างโปรแกรม 125 วันเสาร์ ท.่ี .................เดอื น................................พ.ศ.................... 13.00 น. นดั พบท่ตี ง้ั กอง นายหมตํู รวจหมขูํ องตน และตรวจพัสดทุ ่ีจะนําไป 13.30 น. ประชมุ กอง นายหมรูํ ายงานยอดจาํ นวน ผู๎กาํ กบั ชี้แจงแนะนํา 13.45 น. ใหล๎ ูกเสอื ออกเดนิ ทางเป็นรายหมํู (สาํ หรับอยคํู าํ ยพกั แรมเดนิ ไป) ในระหวาํ ง คมู่ อื สง่ เสรมิ แลเะดพินฒั ทนาากงจิ ใกหรรส๎ มงั ลเกูกเตสอืภทมู ักปิ ษระชะวีเทติ ใศนสปถ่าาไนมศ๎กึ สษัตาวล๑ กูแเลสะอื หวสิ มาูบํมญั๎านช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 16.00 น. ถงึ ทจ่ี ะตั้งคาํ ยพักแรม ชักธงขน้ึ สยูํ อดเสา แตลํ ะหมํตู ้งั เต็นท๑ ประกอบอาหาร รบั ประทานอาหาร 18.00 น. ชักธงลง 19.30 น. เลํนรอบกองไฟ 21.30 น. สวดมนต๑ 22.00 น. ปิดไฟ นอน วันอาทิตย์ ที.่ .................เดือน................................พ.ศ.................... 06.00 น. ตื่น ประกอบอาหาร รับประอาหาร 08.00 น. ชกั ธงข้นึ ทําความสะอาด ผ่ึงทนี่ อนและผา๎ หมํ 08.30 น. ตรวจ 09.00-11.00 น. เรยี นวชิ าลูกเสอื (เง่ือน เขม็ ทิศ เกม) 11.00-12.00 น. ประกอบอาหาร รบั ประทานอาหาร 12.00-13.00 น. พัก 13.00-13.30 น. เกม 14.00 น. ชกั ธงลง เก็บคําย ทาํ ความสะอาด 14.30 น. ประชุมกอง ผก๎ู าํ กับชีแ้ จงแนะนาํ เดนิ ทางกลบั หมํู 17.00 น. ถงึ ที่ตง้ั กอง สอบยอดจาํ นวน ผู๎กาํ กบั อาจชแ้ี จงแนะนําอีกครงั้ แลว๎ เลิก หมายเหตุ ตามโปรแกรมข๎างตน๎ นี้ เราอาจเปลย่ี นได๎หรอื ยดื หยํนุ ได๎เสมอ ทั้งนี้ ใหถ๎ อื ความเหมาะสม กาลเทศะเปน็ สําคัญ ลูกเสอื ยอํ มอยากฝกึ วิชาลูกเสอื แปลก ๆ ใหมํ ๆ มากกวาํ จะถือเอาการอยํูคํายพักแรมเป็นท่ีพักผํอน หยอํ นใจ ฉะนัน้ การอยํูคํายพักแรมผูก๎ ํากบั ลกู เสอื ควรจดั กจิ กรรมให๎มากอยําง และถ๎ามีโอกาสกค็ วรอนญุ าต ใหล๎ กู เสือไปสาํ รวจภูมิประเทศรอบ ๆ บริเวณคํายพกั ของเราไจดงคเ๎ เูม่ดตอื นิ รสไยีง่ เปมสตรโิมปาแมรลแสะพกมฒั รคมนวาใรกนจิ ไวกมันรรํหฝมยนลดุูกตเชสกือะหทงรักักษอื ะเชมวี ือ่ ติ มในีเหสถตากุนศากึรษณา๑ฉปกุระเเฉภนทิ ลเกูกเดิสอืขวน้ึ สิ าปรมรวัญะมกชาคั้นศวมนาธัียมยบมตัวศรํากึวใษชิหาาโ๎ชปปพีีทร่ี 25แ--36กรมก1จิ 1ก9รรม
ลูกเสือยํอมอยากฝกึ วชิ าลูกเสือแปลก ๆ ใหมํ ๆ มากกวาํ จะถอื เอาการอยคํู ํายพักแรมเป็นท่ีพักผํอน หยํอนใจ ฉะนัน้ การอยํูคาํ ยพกั แรมผก๎ู าํ กบั ลกู เสอื ควรจัดกจิ กรรมให๎มากอยําง และถา๎ มโี อกาสกค็ วรอนญุ าต ให๎ลกู เสือไปสํารวจภมู ปิ ระเทศรอบ ๆ บริเวณคํายพัก จงเตรียมโปรแกรมในวันฝนตกหรือเมือ่ มเี หตกุ ารณ๑ฉุกเฉนิ เกิดขนึ้ รวมความวําให๎โปรแกรมกิจกรรม ของเราไดเ๎ ดินไปตามสมควร ไมํหยดุ ชะงัก หมวดที่ 2 126 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสเอื มทอื่กั ษถะึงชทวี ติ่ตี ใั้งนคสถ่าายนพศักึกษแารลมกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 มคี ําแนะนําดังต่อไปนี้ 1. การวางผงั เมอ่ื ลูกเสอื เดินทางถึงท่ีตั้งคํายพักแรมแล๎วนายหมูํจะสั่งให๎ลูกเสือวางพัสดุท่ีนํามา กองไว๎ ครั้นแล๎วก็วางผังเต็นท๑พัก ซ่ึงนายหมูํลูกเสือได๎เคยมาดูสถานที่ หรือเคยดูจากแผนที่ที่ติดป้าย ประกาศไว๎ทีต่ ้ังกองแล๎ว หากยังไมํเคยดเู ลยกจ็ ะตอ๎ งเลือกท่ีจะต้งั เตน็ ท๑พักในขณะน้นั ในกรณีที่จัดคนไปต้ังเต็นท๑พักให๎ลูกเสือลํวงหน๎าน้ัน เป็นวิธีการที่ไมํดี ผู๎กํากับลูกเสือไมํควร กระทาํ เพราะจะทาํ ใหล๎ กู เสอื ขาดประโยชนจ๑ ากการฝกึ การตั้งเต็นทห๑ รอื สรา๎ งเพิง ตอํ ไปนีค้ ือคาํ แนะนาํ ในการวางผัง (1) ใหแ๎ ตํละหมูตํ ั้งเต็นทพ๑ กั ของตนเอง และไมํควรใกลเ๎ กนิ ไป ถ๎ามองไมเํ ห็นกันได๎ก็ย่งิ ดี และถ๎า คิดวาํ ฝนจะตกกใ็ หข๎ ุดวางระบายน้าํ ดว๎ ย (2) เตน็ ทข๑ องผู๎บังคับบัญชาลูกเสืออยูํตอนกลาง (เต็นท๑หมูํลูกเสืออยํูรอบ ๆ) ตั้งเสาธงประจํา คําย พร๎อมด๎วยป้ายประกาศ (3) ท่ที ําครวั ของหมูใํ ดกใ็ ห๎อยูํใกล๎เต็นท๑พักของหมํูน้ัน ซึ่งใช๎เนื้อที่ทําครัวประมาณหมํูละ 3-4 ตารางเมตรเทาํ นน้ั (4) สว๎ มควรจัดให๎สะดวกท่สี ดุ และอยํูใต๎ลม ไมคํ วรไกลเกินไป กลางคนื ควรมโี คมไฟไว๎ด๎วย (5) เตน็ ท๑เก็บพัสดุและเต็นทพ๑ ยาบาลควรอยูํใกลเ๎ ตน็ ทผ๑ บ๎ู ังคบั บญั ชา (6) หลุมเทนาํ้ (หลมุ เปียก) หลุมเผาขยะหรือเศษอาหาร (หลมุ แห๎ง) ควรอยํใู ต๎ลม (7) ท่ลี า๎ งภาชนะและนํ้าสาํ หรับดมื่ ควรอยใํู กล๎เต็นท๑ท่ีพัก การดําเนนิ งานข้นั ต่อไป (1) ให๎แตํละหมํูตง้ั เต็นทท๑ ันที สวํ นผู๎บังคับบัญชากก็ างเตน็ ทพ๑ กั ของตนเอง และเตน็ ท๑พยาบาล (2) ลกู เสือในหมูํให๎แบงํ งานกนั ทาํ เชํน - สร๎างส๎วมพรอ๎ มฉากก้ัน - ขุดหลมุ เทน้ํา (หลมุ เปยี ก) หลมุ เผาหรือเศษอาหาร (หลมุ แหง๎ ) - ทาํ ทล่ี า๎ งภาชนะ และท่ปี ักธง (ธงหม)ํู - ตัง้ เตน็ ท๑เกบ็ พัสดใุ นความอาํ นวยการของเจา๎ หน๎าท่พี สั ดุ (3) เมือ่ ตงั้ เต็นทพ๑ กั เสรจ็ ให๎ลูกเสอื ขนพสั ดุเขา๎ ที่และดําเนนิ การหาฟืนหุงต๎มประกอบอาหารตอํ ไป 2. ส้วมและที่ล้างมอื เปน็ สง่ิ สําคญั จะต๎องจดั ใหถ๎ ูกต๎องตามหลักสขุ าภบิ าล และมีจาํ นวนท่ีถํายมาก พอกบั ความตอ๎ งการ สว๎ มควรขดุ หลุมให๎ยาวประมาณ 1 เมตร กว๎าง เมตร ไมํจําเป็นจะต๎องมีไม๎รองเท๎า มี กระ1ด20าษชําปคร่มูะระือแกสลา่งศะเสนกรียอมิ บแงัตลทระวรพชิ าัฒายชนีพอากย2ิจูํ-ใก3กรรลม๎ ลๆกู เสหือลทุมักษพะรช๎อีวิตมในกสับถพานลศ่ัวึกษสาําหปรระับเภแทซลูกะเทสอื รวาสิ ยามกญั ลบชั้นเมมธัื่อยถมําศกึยษอาุจปจีทาี่ 5ร-6ะเสร็จแล๎ว ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 127
- ตัง้ เตน็ ท๑เกบ็ พัสดุในความอาํ นวยการของเจ๎าหน๎าทพ่ี ัสดุ (3) เมื่อตัง้ เตน็ ทพ๑ กั เสรจ็ ให๎ลกู เสือขนพัสดเุ ข๎าทแ่ี ละดาํ เนนิ การหาฟนื หุงต๎มประกอบอาหารตํอไป 2. สว้ มและทลี่ ้างมอื เปน็ สง่ิ สําคญั จะตอ๎ งจดั ใหถ๎ กู ตอ๎ งตามหลักสขุ าภบิ าล และมจี าํ นวนทีถ่ ํายมาก พอกับความตอ๎ งการ สว๎ มควรขุดหลมุ ให๎ยาวประมาณ 1 เมตร กวา๎ ง เมตร ไมํจําเป็นจะต๎องมีไม๎รองเท๎า มี กระดาษชําระและกองทรายอยูํใกล๎ ๆ หลุมพร๎อมกับพล่ัวสําหรับแซะทรายกลบเมื่อถํายอุจจาระเสร็จแล๎ว ฉคู่มาือกสกง่ ้ันเสอราิมจแลทะาํ พดัฒว๎ นยาผกิจา๎ กใบรรหมรลอืกู เกส่ิงอื ไทมกั ใ๎ษบะชไมีวติ ๎กใ้นันสสถงู าปนรศะึกมษาาณลกู 6เสฟอื วุตสิ าคมวญั รกช้ันั้นมเปัธย็นมชศํอกึ งษาๆปที สี่ 5๎ว-6มแชลนะิดปนวช้ี ส.2ํา-3หรับล1ูก2เ7สือ ใช๎ใน 2 วนั ตอํ ลกู เสือ 10 คน ฉะนั้นจะตอ๎ งกลบส๎วมให๎มิดไมํให๎แมลงวันตอมแล๎วขดุ ส๎วมใหมํ หากปฏบิ ัติเชํน วาํ น้จี ะไมํมกี ลนิ่ เหม็น ที่ปสั สาวะ ควรทาํ ใกล๎ ๆ สว๎ ม ให๎ขุดลกึ พอสมควร แล๎วเอาดินหรอื กรวดหนิ รองกน๎ หลมุ แล๎วขดุ รํองระบายนาํ้ ปัสสาวะให๎ไหลออกไป หากใช๎หลายวันมกี ลิ่นเหมน็ ก็กลบดนิ และทําใหมํ ท่สี าํ หรบั ล้างมือ ประกอบด๎วยอํางใสํน้ําต๎องอยํูบนสามขา ควรมีสบํูและผ๎าเช็ดมือ เมื่อใช๎นํ้า เสรจ็ แล๎วก็เทนํา้ ลงในหลุมเปยี ก ทีล่ ๎างมือนอกจากมีไว๎ในท่ีทําครวั แลว๎ ควรมีไว๎ท่ปี ากทางเข๎าสว๎ มดว๎ ยเพอ่ื จะ ได๎ล๎างมอื เม่ือกลบั จากไปส๎วม 3. ท่ีทาํ ครัว ควรมเี ขตทําครัวโดยเฉพาะ โดยเลือกพ้นื ที่ท่ีจะเป็นเหตุให๎เสียหายแกํพ้ืนท่ีน๎อยท่ีสุด ถ๎ามหี ญ๎าข้ึนอยํูตอ๎ งแซะหญา๎ ออก (ใหต้ต๎ ดิดดนิ นิ ปปรระะมมาาณณ1100ซซมม..))แล๎วจึงคํอยตั้งเตาไฟ สํวนหญ๎าท่ีแซะออกนั้น จะต๎องหมั่นรดน้ําไว๎ เม่ือการอยํูคํายพักแรมได๎ส้ินสุดลงแล๎วก็ให๎ปลูกหญ๎าไว๎ที่เดิมแล๎วรดน้ําเพ่ือให๎คืนสํู สภาพเดิม ในการจัดทําเครื่องใชน๎ ้ัน อะไรควรทาํ กํอน อะไรควรทําภายหลัง ถอื หลกั วํา อนั ไหนสาํ คญั ทีส่ ุด ก็ใหจ๎ ดั ทาํ กํอน แลว๎ จึงคํอย ๆ จัดทําส่ิงที่มคี วามสําคัญรองลงมาตาลําดับ ตํอไปนี้ คือคําแนะนาํ ในการสร๎างเครื่องใช๎ตําง ๆ เตาไฟ - มหี ลายแบบ เชนํ แบบขดุ เปน็ ราง แบบใช๎อฐิ หรือก๎อนหินวางเปน็ สามเสา๎ แบบเตายืน เป็นแบบสะดวกในการทําครัว กอํ นตงั้ เตาไฟจงทาํ ความสะอาดบริเวณนน้ั อยําใหม๎ ีเชือ้ ไฟหรือส่ิงทต่ี ิดไฟงํายอยํูใกล๎ ๆ กองฟนื - ควรกองให๎เป็นระเบียบ อยไูํ มํหํางจากเตาไฟ ถา๎ ฝนตกจะต๎องมหี ลังคาหลมุ ฟนื สาํ หรับ เตายนื อาจเอาฟนื ไว๎ใตเ๎ ตากไ็ ด๎ เคร่อื งใช้ต่าง ๆ - เชนํ ใช๎ในการหุงต๎ม ท่เี กบ็ มดี ทเี่ กบ็ กระบอกน้ํา ที่เก็บจาน ท่ีเกบ็ ถงั น้ํา จะต๎องจดั ทําข้นึ ท่ีหุงต้มและรบั ประทานอาหาร - ควรมีหลังคาหลุมกันแดดกนั ฝน อาจใชผ๎ า๎ ใบหรือสรา๎ งเพงิ คลุมดว๎ ย ก่งิ ไม๎ใบไม๎ โต๊ะอาหารและมา้ นั่ง - ควรจัดทําข้นึ ตามแบบงําย ๆ หลมุ เทนํา้ (หลุมเปยี ก) - ขุดหลุมขนาดถุงขนาดใหญใํ หล๎ กึ พอสมควรทป่ี ากหลมุ ใช๎กงิ่ ไม๎ ใบไม๎สาน เปน็ แผงปดิ แล๎วเอาหญา๎ โรยขา๎ งบน หลมุ นสี้ าํ หรับเทนํ้าตําง ๆ ทไี่ มใํ ชแ๎ ล๎ว เชํน น้าํ ปนไขมัน ซ่ึงสงิ่ เหลํานเ้ี มอ่ื เทลงไป ไขมนั และสงิ่ ตาํ ง ๆ จะติดอยทูํ ่ี หญ๎า มแี ตนํ ้าํ แท๎ ๆ ไหลลงไปในหลมุ แผงท่ปี ากหลมุ จะต๎องนําไปเผา และเปล่ยี นใหมวํ นั ละคร้ังเปน็ อยาํ งน๎อย หลุมเผาขคย่มู ะือสหง่ รเสอื ริมเศแลษะพอฒั านหาากริจก(รหรมลลุมูกเแสอืหทง้ กั )ษะช-วี ติ ใขนดุ สถเปาน็นศอึกีกษาหปลรมุ ะเหภนทลึ่งกู เสมอื ่อื วทสิ าัง้ปมเรญัศะกษชาั้นอศมนาัธยีหยบามัตรศรแึกวษิชลาาว๎ ชปพีีทจ่ีะ25ต--36อ๎ งเอา1ด2นิ1
เป็นแผงปิด แลว๎ เอาหญา๎ โรยขา๎ งบน หลมุ น้ีสําหรับเทนํา้ ตําง ๆ ท่ไี มํใช๎แลว๎ เชํน นา้ํ ปนไขมนั ซ่ึงส่งิ เหลําน้เี มือ่ เทลงไป ไขมนั และส่งิ ตําง ๆ จะตดิ อยทํู ่ี หญา๎ มแี ตนํ ้าํ แท๎ ๆ ไหลลงไปในหลมุ แผงทป่ี ากหลุมจะต๎องนาํ ไปเผา และเปล่ียนใหมวํ นั ละครัง้ เป็นอยาํ งนอ๎ ย หลุมเผาขยะหรือเศษอาหาร (หลมุ แหง้ ) - ขดุ เปน็ อกี หลมุ หน่ึง เมอ่ื ทง้ั เศษอาหารแลว๎ จะตอ๎ งเอาดิน กลบ ถา๎ เปน็ กระปอ๋ งกอํ นท้งิ ต๎องทบุ ให๎แบนและเผาไฟ 128 คมู่ อื สง่โเดสยรมิ กแรลณะพที ฒั ่คี นําายกนจิ ก้นั รมรมถี ลังูกสเสําือหทรักบั ษเะผชาีวขิตยในะสหถราอืนเศศึกษษาอาลหกู เาสรอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 โดยเฉพาะอยแูํ ลว๎ ก็ใหน๎ าํ ขยะและเศษอาหารไปเผา ณ ทีก่ าํ หนดไว๎ เคร่ืองใชอ้ น่ื ๆ- ควรจดั ใหม๎ ีขนึ้ เชนํ ประตูและรัว้ , ตะเกยี งป่า, ปา้ ยประกาศ, ทวี่ างรองเทา๎ , ทแ่ี ขวนของใช,๎ ทนี่ ั่งสําหรบั พกั ผํอนและประชุม, ทไ่ี มก๎ วาด, พดั (สาํ หรบั เตาไฟ), ตากเส้อื ผา๎ 4. การรบั ประทานอาหารการอยคูํ ํายพักแรม ทกุ สิง่ จะต๎องเปน็ ไปโดยมีระเบียบ โดยเฉพาะการ รบั ประทานอาหารจะตอ๎ งปฏบิ ัติให๎เปน็ ไปตามแบบมารยาทอนั ดีงาม ผูก๎ าํ กับลูกเสอื ควรจะไดแ๎ นะนาํ ทํา แบบอยาํ ง จะตอ๎ งตรงตอํ เวลา เม่ือทกุ คนเขา๎ น่ังประจาํ ท่แี ล๎ว ผ๎ูทาํ หน๎าที่รับใช๎กล็ งมือทําหนา๎ ทบี่ ริการทันที จานทีใ่ ช๎แลว๎ ใหย๎ กออกไปกอํ นทจี่ ะนําอาหารจานใหมมํ า สถานท่รี ับประทานอาหารควรอยเูํ หนอื ลม ใกล๎กับท่ี ทาํ ครัว ถา๎ ไดจ๎ ัดใหไ๎ ด๎เห็นทวิ ทัศนอ๑ ันสวยงามดว๎ ยย่ิงดี ผบู๎ งั คับบัญชาลกู เสอื ควรรบั ประทานอาหารรํวมกบั ลกู เสือโดยไปรวํ มกบั หมํตู ําง ๆ และบางโอกาสควรประกอบอาหารเองบา๎ ง 5. เตน็ ท์พัสดุ เป็นท่เี ก็บอาหารแหง๎ เพ่อื ปันสํวนใหห๎ มํตู ําง ๆ โดยมเี จา๎ หนา๎ ทพี่ ัสดเุ ปน็ ผูด๎ าํ เนินการ บรรดาอาหารตาํ ง ๆ จะต๎องเก็บทงาํำ� ด๎ว้ ยความระมดั ระวัง ต๎องไมใํ ห๎ใครเข๎าไปพลกุ พลําน ควรหาผา๎ มสั ลนิ ไว๎ สําหรับปดิ สิง่ ของ เน้อื สัตวค๑ วรเกบ็ ไวท๎ ่ีเยน็ ๆ และอยําซอื้ เนอื้ มาคราวละมาก ๆ หากตอ๎ งการใช๎เนอ้ื จงึ ส่ัง เพมิ่ เติม หมายเหตุ ในกรณีทหี่ มูตํ าํ ง ๆ เตรยี มอาหารมาจากบา๎ นเอง การปนั สํวนอาหารเป็นสวํ นกลางกไ็ มตํ อ๎ ง จัดทาํ 6. การอนามยั และความสะอาด ทง้ั 2 อยาํ งนี้ตอ๎ งปฏิบตั ิควบกนั ไป เชํน เผาขยะมูลฝอย ขุด หลุมทง้ิ เศษอาหาร สร๎างสว๎ มใหถ๎ กู สขุ ลักษณะและรกั ษาความสะอาด ในบริเวณเตน็ ทพ๑ กั ของแตํละหมํู จะต๎องสะอาด ควรมีตะกรา๎ หรอื ถุงสาํ หรบั ใสํเศษกระดาษและขีผ้ งตาํ ง ๆ เมอื่ ใสํเต็มแลว๎ กน็ าํ ไปเผาเสีย การรกั ษาความสะอาดสํวนบุคคลเป็นเรอื่ งสําคญั ฟนั มอื เท๎าของลูกเสอื ผก๎ู าํ กับลกู เสอื ควร ตรวจเสมอ อากาศบริสทุ ธิ์เป็นของจําเปน็ นอนกลางคนื ให๎ลูกเสือเปิดประตูเต็นทไ๑ วบ๎ า๎ ง อนง่ึ แสงแดดชวํ ย ใหม้๎ สี ขุขภภาาพพดี ตี อนแรก ๆ อยาํ ให๎ลูกเสอื ตากแดดมากนัก ถา๎ แดดรอ๎ นจัดควรใหส๎ วมหมวกหรือหาผา๎ คลมุ ไหลํ ไว๎ ในการปฏบิ ัตงิ านในคาํ ยไมํควรให๎ลกู เสอื เดนิ เท๎าเปลาํ ควรใหส๎ วมรองเทา๎ แตะหรอื รองเทา๎ ผา๎ ใบเสมอ อาหารเปน็ ของสาํ คญั ในเร่อื งสขุ ภาพ ผลไมแ๎ ละผักควรให๎ลูกเสือรับประทานทุกวัน การเจ็บไข๎ เล็ก ๆ น๎อย ๆ เชํน ท๎องผูกอาจจะรักษาเองได๎แตํถ๎าเกิดสงสัยหรือเป็นโรงร๎ายแรง ควรรีบสํงลูกเสือไปให๎ แพทย๑ทันที การตรวจในตอนเช๎าเป็นโอกาสอันดีของผู๎กํากับลูกเสือท่ีจะได๎ทราบสุขภาพและทุกข๑สุขของ ลูกเสอื ทว่ั กัน คมู่ อื1ส2ง่ 2เสริมแลปค่มูะรพะือกสัฒา่งนศเสนารกียิมบิจแกัตลรระรวพมชิ ัฒลาชนกู ีพเาสก2ือิจ-ทก3รักรษมะลชกู ีวเสติ อืในทสกั ษถาะชนีวศิตึกใษนาสถลาูกนเศสึกอื ษวสาิ าปมรัญะเภชท้นั ลมูกเัธสยือมวศิสกึามษญั าปชที ้ันี่ 5ม-ธั 6ยแมลศะกึ ษปาวปชีท.2่ี -53-6 129
7. การปฏิบัตติ ามโปรแกรม กรจดั ทําโปรแกรมได๎จัดทาํ ลํวงหน๎ากํอนเดินทางมาอยูํคํายพักแรม แล๎ว ฉะนั้น ในโปรแกรมวาํ เวลาใด มีกิจกรรมอะไร ในความรบั ผดิ ชอบของใคร กป็ ฏบิ ตั ไิ ปตามโปรแกรมนั้น ทันที อน่ึง ผกู้ก๎ ำ� ํากกบั ับลลกู ูกเเสสอื อื คคววรรจจะะไไปดปป๎ รระะชชมุ มุ นนายายหหมมวู่ นวูํั ันละลคะรคงั้รเงั้พเพอ่ื ปือ่ รปกึ รษึกาษหาาหราอื รือแลแะลแะกแไ้ กขไ๎อขุปอสุปรรสครร(คหา(กหมาม)ี )ี 8. การปฏิบัตเิ ก่ยี วกับศาสนา ลูกเสืออาจถือศาสนาตําง ๆ กัน ลูกเสือท่ีนับถือศาสนาคริสเตียน อาจต๎องไปโบสถว๑ นั อาทิตย๑ ฉะนัน้ ถือหลักการวําสนบั สนุนใหล๎ กู เสือทุกคนปฏิบัติศาสนกิจได๎ตามประเพณี ของตนไมมํ ีการกดี ขวางใด ๆ ทั้งสนิ้ เพราะศาสนาทกุ ศาสนาสอนใหเ๎ ปน็ คนดโี ดยเฉพาะลูกเสือไทยที่นับถือ ศาสนาพุทธ ถ๎าการอยํูคํายพักแรมตรงกับวันพระก็ควรนิมนต๑พระมาเทศน๑ หรือเชิญผ๎ูทรงวิทยาคุณม า มบารบรยรรายาขยอ๎ ขธอ้ รธรรมรตมาํ ตง่าๆง ๆก็จกะจ็ เะปเ็นป็นกากราอรอบบรมรมจจิตติใจใจเดเด็กก็ ไไดดท๎ ท้ าางงหหนนง่ึ ่ึง 9. เพ่ือนบ้าน ลูกเสือที่ไปอยํูคํายพักแรม ณ ท่ีใดนั้น ยํอมทําให๎ชาวบ๎านเกิดความร๎ูสึกพอใจ หรือไมํพอใจอยาํ งใดอยํางหนง่ึ ท้ังนี้ ยํอมขนึ้ อยํูกบั ลกู เสอื ที่แสดงออก หรือปฏิบัตติ อํ ชาวบ๎านอยาํ งไร ฉะนั้น เปน็ หนา๎ ที่ผู๎กํากับลูกเสือต๎องอบรม และควบคุมลูกเสือให๎แสดงออกแตํส่ิงที่ดีงามให๎มีกิริยาวาจาเรียบร๎อย ร๎ูจกั ที่สงู ท่ีตา่ํ แตงํ ตวั สะอาด อยํูในระเบียบวินัย ท้ังน้ี เพ่ือให๎ชาวบ๎านเกิดความพอใจหรือยกยํองสรรเสริญ ซง่ึ เปน็ การเผยแพรเํ กยี รตคิ ุนของคณะลกู เสอื ให๎ไดร๎ ับความนิยมย่ิง ๆ ข้นึ ๆ การออกนอกบริเวณคําย มีแบบธรรมเนียมของลูกเสือวํา ทุกคน (รวมท้ังผู๎กํากับลูกเสือ) จะตอ๎ งแตํงเคร่อื งแบบให๎เรียบร๎อยเสมอ ถ๎าการอยคูํ าํ ยพักแรมใกล๎หมํูบ๎าน จงอยําให๎ชาวบ๎านเดือดร๎อนไมํวําด๎วยประการใด ๆ แม๎แตํ การเลํนรอบกองไฟ ก็อยําให๎หนวกหูเกินไป และดึกเกิน 22.30 น. ถ๎าถึงเวลาก็ให๎เลิกทันที และควรหา โอกาสบําเพ็ญประโยชนช๑ ํวยเหลอื ชาวบ๎านดว๎ ย หากปฏิบตั ิเชํนวํามาขา๎ งตน๎ ก็จะสร๎างความศรทั ธาการลูกเสอื ให๎แกชํ าวบ๎าน เมื่อลูกเสือกลับไป แลว๎ เขาก็คงจะยนิ ดที จี่ ะตอ๎ นรับลกู เสอื กองอ่นื ๆ ทม่ี าใหมดํ ว๎ ยความเตม็ ใจ แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือวิสามัญ 2 ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6, ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.2-3) หน่วยท่ี 6 สุขภาพ อนามัย แผนการจดั กิจกรรมที่ 8 คา่ นิยมทางสุขภาพที่ผิด เวลา 2 ชัว่ โมง 1. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสือสามารถอธิบายพฤติกรรมทท่ี ําลายสขุ ภาพได๎ 1.2 ลกู เสอื สามารถบอกแนวทางในการรกั ษาสขุ ภาพได๎ 130 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 123 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื วิสามัญ 2 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6, ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ (ปวช.2-3) หนว่ ยท่ี 6 สุขภาพ อนามัย แผนการจัดกจิ กรรมที่ 8 คา่ นยิ มทางสุขภาพทผี่ ิด เวลา 2 ชว่ั โมง 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสือสามารถอธบิ ายพฤติกรรมทท่ี าํ ลายสขุ ภาพได๎ 1.2 ลกู เสอื สามารถบอกแนวทางในการรกั ษาสขุ ภาพได๎ 2. เน้ือหา 130 ควคามู่มือเขสง่า๎ เใสจรแิมลและะคพวฒั านมาตกริจะกหรรนมกัลูกร๎ูถเสงึ ือคทําักนษยิะชมีวทิตใสี่ นงํ สผถลานเสศยี กึ ตษาอํ สลกูขุ เภสอืาวพสิ จามะชญั ํวยชั้นใหมธั๎ลยกู มเศสึกือษปารปบั ีทเี่ 5ป-6ลแยี่ ลนะ ปวช.2-3 พฤติกรรมสขุ ภาพไปในทางเป็นประโยชน๑ตอํ ตนเองได๎ 3. ส่อื การเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู ิเพลง 3.2 ส่ือ เร่ืองท่เี กีย่ วกับคาํ นยิ มทางสขุ ภาพทีใ่ ห๎คุณและให๎โทษ 3.3 เรือ่ งสั้นที่เปน็ ประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 กจิ กรรมคร้งั ท่ี 1 1) พธิ ีเปดิ ประชุมกอง (ชกั ธงข้ึน สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลง หรอื เกม 3) กิจกรรมการสอนตามเน้ือหา (1) ผูก๎ าํ กับลูกเสอื ชวนสนทนาเก่ียวกับพฤติกรรมสุขภาพทม่ี ีผลเสียตอํ ลกู เสอื (ตวั อยําง หวั ขอ๎ สนทนา ได๎แกํ การลดนา้ํ หนกั ท่ีผดิ วิธี การเสริมความงามทีอ่ าจเกดิ อนั ตรายกับสขุ ภาพทงั้ ในระยะสัน้ และระยะยาว การรบั ประทานอาหารทไี่ มํเป็นประโยชน๑ การรบั ประทานอาหารไมคํ รบหมํู การนอนพกั ผอํ น ไมเํ พยี งพอ ขาดการออกกําลงั กาย ฯลฯ) (2) ผกู๎ ํากับลกู เสือแบํงลูกเสือออกเปน็ กลุมํ ๆ ละ 8 คน (คละเพศชาย – หญิง) แจก กรณศี ึกษากลํมุ ละ 1 เรอื่ ง ให๎รํวมกนั อภปิ รายในประเดน็ ตอํ ไปนี้ และสํงตวั แทนรายงาน ก. รส๎ู กึ อยาํ งไร ตอํ เรอ่ื งราวในกรณศี ึกษา (เปิดกวา้ งให้ลกู เสอื แสดงความรู้สึกไดอ้ ย่างอสิ ระ) ข. ลกู เสอื คิดวาํ กรณเี ชํนนพี้ บไดม๎ ากน๎อยเพยี งใด ในสังคมปัจจุบนั และคดิ วาํ อะไรเปน็ เหตุ จูงใจใหผ๎ ูเ๎ สยี หาย ตัดสนิ ใจมพี ฤตกิ รรมเชํนนน้ั (เป็นเรือ่ งท่พี บเห็น / ไดย้ ิน / เป็นข่าว อยู่เสมอแต่ไม่เคยคดิ ว่าจะเกดิ กบั ตนเอง เหตุจูงใจมกั เกิดจากอิทธพิ ลของสอื่ โดยเฉพาะสอ่ื ในวงการบันเทงิ การเลยี นแบบดารา การชักจูงจากเพอ่ื นและคนใกลช้ ิด ผู้เป็นเหยื่อมักมพี น้ื ฐานเปน็ คนขาดความมนั่ ใจตนเอง ชักจงู งา่ ย ไมพ่ อใจ ในรปู ลักษณ์ตนเอง) ค. ความเสียหายที่เกดิ ขน้ึ เปน็ เรอ่ื งทสี่ มควรจะหาทางป้องกันไมใํ ห๎เกิดข้ึนกับคนอน่ื ๆ ตอํ 1ไป24หรอื ไปคม่มูรํะอื แกสลาง่ ศเะสนครยี ิมวบแรัตลประว้อพชิ งฒั ากชนีพันากอ2ิจย-ก3ํารรงมไลรกู (เสสมอื ทคักวษระอชยวี ติา่ ใงนยสิง่ถาคนวศรกึ ษสารา้ปงรคะเวภาทมลูกตเสรือะวหิสนามกั ญั ถงึชผ้นั มลธั เยสมียศทึกษีอ่ าาปจีทเี่ก5ดิ-6ขนึ้ และ เสริมสรา้ งคุณคา่ ภายในตนเองทไ่ี มข่ ้นึ กับรูปลกั ษณ์ภายนอก เช่น เป็นผู้มีความรบั ผดิ ชอบ ช่วยเหลอื ผู้อ่ืน มี
ว่าจะเกดิ กับตนเอง เหตจุ ูงใจมกั เกิดจากอทิ ธพิ ลของสอ่ื โดยเฉพาะสอ่ื ในวงการบันเทงิ การเลยี นแบบดารา การชกั จงู จากเพ่อื นและคนใกล้ชิด ผู้เป็นเหยือ่ มกั มพี ืน้ ฐานเปน็ คนขาดความมั่นใจตนเอง ชกั จงู งา่ ย ไมพ่ อใจ ในรูปลกั ษณ์ตนเอง) ค. ความเสียหายทเ่ี กิดขน้ึ เป็นเรื่องทส่ี มควรจะหาทางป้องกนั ไมใํ หเ๎ กดิ ขึน้ กบั คนอืน่ ๆ ตอํ ไป หรือไมํ และควรป้องกนั อยาํ งไร(สมควรอยา่ งยง่ิ ควรสร้างความตระหนกั ถึงผลเสยี ที่อาจเกดิ ขนึ้ และ เสรมิ สร้างคณุ ค่าภายในตนเองท่ไี มข่ ้นึ กบั รูปลกั ษณ์ภายนอก เชน่ เปน็ ผมู้ คี วามรบั ผิดชอบ ชว่ ยเหลอื ผ้อู ืน่ มี จิตใจเอ้อื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ ขยนั อดทน ฯลฯ ซ่งึ คุณคา่ เหล่านี้จะชว่ ยเสรมิ สรา้ งความมัน่ ใจในตนเอง ไมถ่ กู ชกั จงู งา่ ย) (3) ผก๎ู ํากบั ลกู เสอื สมํุ ใหต๎ ัวแทนกลุํมนาํ เสนอ อภปิ ราย ละสรปุ ทลี ะประเด็นจนครบ ผก๎ู าํ กบั ลกู เสอื เพิ่มเติมพฤตกิ รรมสุขภาพทด่ี ีและสมควรปฏบิ ตั อิ ยาํ งสมาํ่ เสมอ (ดใู บความรูป้ ระกอบ) คู่มือสง่ เสริมแล4ะ)พัฒกาํนกากับิจลกูกรรเมสลอื ูกเเลสําอื เทรกัอ่ื ษงะสชัน้ ีวิตทใ่ีเนปสน็ ถปานรศะกึ โษยาชลนกู ๑ เสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 131 5) พธิ ปี ดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธงลง เลิก) 4.2 กจิ กรรม ครัง้ ที่ 2 1) พิธเี ปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธงขนึ้ สวดมนต๑ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เพลง 3) กจิ กรรมตามจุดประสงค๑ (1) ผกู๎ าํ กบั ลกู เสอื ทบทวนเรื่องคํานยิ มผิดทส่ี งํ ผลตํอสขุ ภาพ (2) ผ๎กู ํากับลูกเสอื นาํ ลูกเสอื สนทนาเรอ่ื งความสุขของคนเราแตํละคนแตกตาํ งกันไป ให๎ ลูกเสือยกตวั อยาํ ง (3) ผ๎ูกํากับลกู เสือใหล๎ ูกเสอื แตํละหมอํู ภปิ รายถงึ “บัญญัติสุข 10 ประการ” เพยี งหมูํละ 1 เรื่อง (พยายามไมใํ ห๎ซ้าํ กนั กับหมูํอน่ื ) แล๎วสงํ ตัวแทนนําเสนอ (4) ผูก๎ าํ กบั ลูกเสือและลูกเสือชํวยกนั สรปุ 4) ผก๎ู าํ กบั ลูกเสอื เลาํ เรื่องส้ันที่เปน็ ประโยชน๑ 5) พิธปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตความรํวมมือในการปฏิบตั ิกิจกรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภิปราย 6. องค์ประกอบทกั ษะชีวติ สําคญั ทีเ่ กิดจากกิจกรรม คอื ความคิดวิเคราะห๑ ความคดิ สร๎างสรรค๑เหน็ คุณคาํ ตนเองและตระหนกั วาํ พฤติกรรมสขุ ภาพท่ไี มํดี มีผลเสียรา๎ ยแรงตอํ ตนเองไดโ๎ ดยไมคํ าดคดิ ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 8 เพลง “ออกกาํ ลัง” คูม่ อื ส่งเสอรอิมแกลกะําพลฒั ังนดาก๎วิจยกกรรามรลรกู ๎อเสงือรทาํ ักทษาํ ะเชพีวลติ ใงนสถานศกึ ษใาหปค๎ ระรเ้นืภทเคลกูรเงสเอื สวยี ิสงามเพญั ลชงน้ั บมรธั ยรมเลศงึกษจาับปใีทจ่ี 5-6 125 ร่าํ ร๎องกันไปไมมํ หี มํนหมองฤทยั แลว๎ เราเพลนิ ใจดป๎วระยกกาาศนรรียบอ๎ ัตงรรวาํ ิชทาชําพีเพ2ล-3ง
6. องค์ประกอบทักษะชวี ติ สาํ คัญทเี่ กิดจากกจิ กรรม คอื ความคดิ วิเคราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑เหน็ คณุ คําตนเองและตระหนักวาํ พฤตกิ รรมสขุ ภาพทไ่ี มดํ ี มผี ลเสียรา๎ ยแรงตอํ ตนเองได๎โดยไมคํ าดคดิ ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมที่ 8 เพลง “ออกกําลัง” ออกกาํ ลงั ดว๎ ยการรอ๎ งราํ ทําเพลง ใหค๎ รื้นเครงเสียงเพลงบรรเลงจับใจ ร่ําร๎องกนั ไปไมมํ หี มนํ หมองฤทยั แล๎วเราเพลนิ ใจด๎วยการร๎องรําทาํ เพลง ใบงาน 132 คูม่ ือสง่ เสริมแสลภะพาฒัทนนาากยจิ กแรนรมะลพูก่อเสสือาทวักษพกะรรชติณวี ิตตศีในี้ ฟึกสษอ้ถางานเทศวี่กึ็บ1ษไาซลตูก์เขสอืาวยสิ ยามาัญลดชอั้น้วมนัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 กรณี น.ส.โชติมา จนิ ตนาผล หรอื นอ๎ งจูน อายุ 18 ปี นักเรียนช้นั ม.6 โรงเรียนวดั ราชาธิวาส เสยี ชีวิตคาหอ๎ งนอน แพทย๑ระบุ สาเหตุมาจากระบบไหลเวียนโลหิตลม๎ เหลว ซง่ึ พอํ เชอ่ื วาํ เปน็ ผลมาจากยาลดความอ๎วน ทีล่ กู สาวส่งั ซื้อผํานทางเว็บไซตแ๑ หงํ หนึ่งมา กิน เพราะตอ๎ งการลดนา้ํ หนกั ให๎เหลอื 45 กิโลกรมั หลังจากได๎เปน็ พริตต้ี สมใจ และประเดิมงานแรกทห่ี ๎างสรรพสนิ ค๎าแหงํ หนึ่งไปเมอ่ื วนั ที่ 30 พ.ค.ที่ผํานมา ค๎นจาก http://www.munjeed.com/news_detail.php?id= วนั ที่10 มถิ นุ ายน 2556 กรณศี ึกษาท่ี 2 126 ปคู่มระือกสาง่ ศเสนรคยี ิมบนแัตลทระวพีช่ชิ ฒั าอชนบพีากก2ิจนิ-ก3รพรมิซลซูกเ่าสตือท้อักงษระะชวีวิตงั ใเนพสรถาานะศมึกษีปารปิมราะเณภทเลกูกลเสืออื มวสิ าากมญั เกชนิ นั้ ไมปธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6
กรณีศึกษาท่ี 2 คนที่ชอบกินพิซซ่าต้องระวงั เพราะมีปริมาณเกลือมากเกินไป หากคุณชอบกินพิซซํา หรือชอบซอื้ พิซซํา เปน็ ของฝากใหส๎ มาชิกในครอบครัว คณุ ต๎องระวังเพราะปริมาณเกลอื ในพซิ ซาํ อาจจะมีมากกวาํ ยอดปริมาณเกลอื ทคี่ นเรา ต๎องการทั้งวนั สมาคมผ๎บู ริหารสุขภาพ ส่งิ แวดล๎อมลอนดอน และองค๑กร \"กจิ กรรม เกลอื กับสขุ ภาพ\" ขององั กฤษไดจ๎ ัดการ สํารวจเกย่ี วกับสํวนประกอบของพซิ ซําท่ีวางขายตามซุปเปอรม๑ าเก็ตท๎องถ่นิ โดยพบวาํ พซิ ซาํ 75% ได๎ มาตรฐาน แตํพซิ ซําทีว่ างขายในรา๎ นพซิ ซาํ โดยเฉพาะนน้ั มแี คํ 20% ไดม๎ าตรฐานดังกลาํ ว ค๎นจาก http://thai.cri.cn/247/2012/03/26/101s196194.htm วันท่ี10 มิถนุ ายน 2556 กรณศี กึ ษาที่ 3 อุทาหรณส์ าวคลั่ง \"ศลั ยกรรม\" ฉีด \"น้าํ มนั พืช\" แทน \"ซิลิโคน\" หน้าเละ คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 127 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3 134 คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3
กรณีศึกษาท่ี 3 อทุ าหรณ์สาวคลงั่ “ศลั ยกรรม” ฉีด “น้�ำมนั พืช” แทน “ซิลิโคน” หน้าเละ พิษศลั ยกรรม -นางฮงั เมียวคู ชาวเกาหลใี ต๎ วยั 48 ปี เข๎าผาํ ตดั ใบหน๎ามานับครั้งไมถํ ๎วน ท้งั ในเกาหลใี ต๎และญี่ปุ่น จนแพทยไ๑ มยํ อม ทาํ ใหอ๎ กี ตอํ ไป ผลสุดทา๎ ยใชน๎ ้าํ มนั ทาํ อาหาร ฉดี หนา๎ ตัวเองแทนซิลิโคน สงํ ผลให๎เสียโฉม อยํางรุนแรง สาวเกาหลสี วยสยอง คลัง่ ผําตดั ศัลยกรรม ใบหน๎าจนเกดิ ผลขา๎ งเคยี ง แทนทจี่ ะสวย สมใจกลับกลายเปน็ นํากลวั แทน เผย ทาํ ศลั ยกรรมอยาํ งตอํ เนื่องมานานถงึ 20 ปี กลายเปน็ โรคเสพติดการทําศลั ยกรรม จน แพทย๑เกาหลีใต๎ไมยํ อมทาํ ให๎ กด็ ้ินรนไป ผําตดั ตํอท่ีญี่ป่นุ จนหมอขอบายและแนะให๎ ไปหาจิตแพทยแ๑ ทน แตรํ กั ษาอยูคํ ร่ึงๆ กลางๆ ก็เลิก แลว๎ ไปทําศัลยกรรมตํอ โดยซือ้ เข็มและซลิ ิโคนมาฉดี หนา๎ ตัวเอง จนซิลโิ คนหมดกใ็ ชน๎ ํ้ามนั พืชฉดี แทนจนหน๎าเละเสยี รปู กํอนมคี นใจบญุ รํวมบรจิ าคเงนิ ให๎ไปรักษา แตหํ มอจน ปัญญาเพราะชํวยไดเ๎ พยี งเลก็ นอ๎ ย เพราะฉีดสารสารพดั ชนดิ เข๎าใบหนา๎ ไมสํ ามารถทําใหก๎ ลบั มาดไี ดด๎ งั เดมิ คน๎ จากhttp://www.jeban.com/viewtopic.php?t=26729 วันท่ี 10 มถิ นุ ายน 2556 กรณศี ึกษาที่ 4 คูม่ ือ1ส2ง่ 8เสรมิ แลคปูม่ะรพะือกสัฒาง่ นศเสนารกียมิ บิจแกัตลระรวพมิชัฒลาชนกู ีพเาสก2อืจิ -ทก3รกั รษมะลชูกีวเสิตอืในทสักษถาะชนีวศิตึกใษนาสถลาูกนเศสกึอื ษวสาิ าปมรญั ะเภชท้ันลมกู เัธสยือมวศิสึกามษญั าปชที ัน้ ี่ 5ม-ธั 6ยแมลศะึกษปาวปชที .2่ี -53-6 135
กรณีศึกษาที่ 4 กรณีศกึ ษาท่ี 5 136 คค่มู ือู่มสอื ่งสเส่งเรสมิ รแมิ ลแะลพะัฒพนัฒานกิจากรจิ รกมรลรกูมเลสูกอื เทสกั ือษทะักชษวี ติะชในวี สติ ถใานนสศถึกาษนาศปึกษระาเภลทกู ลเสูกเือสวือสิ วาิสมาญัมัญชช้ัน้นั มมธั ัธยยมมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ป1ว2ช9.2-3 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3
กรณีศึกษาที่ 5 “พฤติกรรมสุขภาพ” 1. ออกกาํ ลงั กายเป็นประจํา อยาํ งนอ๎ ย 30 นาที สปั ดาหล๑ ะ 3 ครงั้ ประโยชนข๑ องการออกกําลงั กายมีมากมาย อาทิ เพมิ่ ความสามารถในการทาํ งานของสมอง ราํ งกาย ระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบภมู คุ๎มกัน การนอนหลับ สมรรถภาพทางเพศ ความทรงจาํ ความคิด สร๎างสรรค๑ สมาธิ การตดั สินใจ เพม่ิ ทกั ษะทางสงั คม ลดความวิตกกังวลและซมึ เศรา๎ เคล็ดลับสาํ คญั ทีจ่ ะชวํ ยออกกําลงั กายเปน็ ประจาํ ได๎ 1.1 อยํารอจนกวาํ จะพรอ๎ ม ทาํ ได๎แคไํ หนใหท๎ ําแคํน้ันเริ่มตน๎ ดว๎ ยการเดินเร็วเพียงวันละไมกํ น่ี าที 1.2 เลอื กทาํ กจิ กรรมทร่ี สู๎ ึกสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ หลากหลาย 1.3 เขา๎ รํวมกลํุม ชวนกันทาํ เป็นประจาํ 1.4 เพม่ิ การเคลือ่ นไหวทกุ คร้ังทม่ี ีโอกาส 1.5 เลอื กวธิ ีเหมาะสมกับสภาพราํ งกาย อยําออกกําลงั กายเกนิ ตวั 2. ค๎นหาจุดแข็ง ความถนัดและศกั ยภาพพัฒนาจนเปน็ ความสาํ เร็จ คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 137 130 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3
การค๎นหาจดุ แข็ง ความถนดั และศกั ยภาพ เปน็ ภารกจิ สาํ คญั ของชวี ติ ที่จะชวํ ยเรานาํ ส่ิงทดี่ ที ส่ี ุด ภายในตัวเราออกมาใชป๎ ระโยชน๑พัฒนาเปน็ ความสําเรจ็ ท่ีภาคภมู ใิ จ ไมวํ ําเราจะมอี ายเุ ทาํ ใดกต็ าม การ คน๎ หาตวั เอง คน๎ หาจดุ แขง็ ความถนดั และศกั ยภาพ ยงั คงเปน็ ภารกิจสาํ คัญทคี่ วรจะกระทาํ เราทําได๎โดย 2.1 หม่ันสังเกตตวั เอง ทบทวนดวู ําตนทาํ อะไรได๎ เรียนร๎อู ะไรไดร๎ วดเรว็ 2.2สอบถามจากคนที่รจ๎ู ักเราดี 2.3 ทําแบบสอบถามเพอ่ื ประเมินตนเอง 3. ฝึกหายใจคลายเครียด และทกั ษะผอํ นคลายอน่ื ๆ (เชนํ โยคะ ไทเ๎ ก็ก) การหายใจคลายเครียด มีหลกั งาํ ยๆ 3 ข๎อ 3.1 หายใจสบายๆ ไมตํ อ๎ งตัง้ ใจมาก 3.2 หายใจออกให๎ยาวกวาํ หายใจเขา๎ อาจใช๎การนบั เลขชํวยกาํ หนดจังหวะ โดยหายใจเข๎า นับในใจ 1 - 2 - 3 - 4 กลัน่ หายใจไว๎ นับ 1 - 2 3.3ขณะหายใจเข๎าออก ให๎วางความรส๎ู กึ ไว๎ทท่ี อ๎ ง รบั ร๎คู วามรสู๎ กึ เคลอื่ นไหวของชํองทอ๎ ง (หายใจเข๎า -ท๎องพองขน้ึ หายใจออก -ทอ๎ งแฟบลง) อาจใชผ๎ ํามือวางบรเิ วณเหนอื สะดือ กดเบาๆขณะหายใจออก ปลํอย มือออกเมื่อเรมิ่ หายใจเข๎า ทาํ เชนํ น้สี ัก 5 นาที จะพบวาํ รํางกายผํอนคลาย จติ ใจสงบมากขึ้น 4. คดิ ทบทวนสงิ่ ดีๆในชวี ิต และฝกึ มองโลกในแงดํ ี การทบทวนส่งิ ดๆี ในชวี ติ เปน็ การฝกึ ฝนตนเอง ใหร๎ จ๎ู ักมองเหน็ ส่ิงดีๆทมี่ ีอยูรํ อบตัว ชํวยให๎มี ความสขุ และกําลงั ใจมากขนึ้ ทกุ วนั กอํ นเขา๎ นอนให๎ทบทวนวํา “วันนี้ มอี ะไรดๆี เกดิ ข้นึ บา้ ง”คิดหาสิง่ ดีๆ เปน็ ประจํา อยาํ งน๎อยวนั ละ 5 เรื่อง นอกจากน้ี เรายังสามารถฝกึ มองโลกในแงํดีในเวลาที่มปี ญั หา ทกุ คร้งั ท่ี พบปัญหา ให๎ถามตวั เองวํา “ปญั หาน้ี มีแงด่ อี ะไรบา้ ง” จะพบวาํ ทุกปญั หาอาจแปลงเป็นบทเรียนทช่ี ํวยให๎ เราเตบิ โตและเข๎าใจชวี ิตมากยิ่งขนึ้ และทกุ ปญั หาแฝงไว๎ซงึ่ โอกาส เริ่มตน๎ ตง้ั แตวํ นั น้ี ทกุ คนื กอํ นนอนจดั เวลาคดิ ทบทวนสงิ่ ดๆี วนั ละ 5 เรือ่ งและหากมปี ญั หาอะไรก็ตามลองคน๎ หาแงํดขี องปัญหานัน้ ดู 5. บริการเวลาใหส๎ มดลุ ระหวํางการงาน สขุ ภาพ และครอบครัว ชีวิตของคนเรามีหลายดา๎ น ลองถามตัวเองดวู ํา “อะไรคอื สิ่งสําคญั ในชวี ติ ” การงาน เปิดโอกาสให๎เราได๎ใชศ๎ กั ยภาพ สรา๎ งความสาํ เร็จทภี่ าคภูมิใจ มีสังคมและเพอ่ื นฝงู มี รายได๎ และความม่ันคงในการดําเนินชีวติ สขุ ภาพ ทั้งราํ งกายและจิตใจ เปน็ ทนุ สําคญั ของชีวติ ครอบครัว เปน็ แหลงํ กาํ ลังใจและความสขุ ที่สําคัญ ทุกดา๎ นของชีวิตตํางเปน็ แหลงํ ความสขุ ท่ีสําคญั หากเราใสใํ จด๎านใดมากเกิน ละเลยดา๎ นอน่ื ความสขุ ในชวี ิตก็ลดนอ๎ ยลง เราจึงจาํ เปน็ ตอ๎ งบรหิ ารเวลาให๎สมดลุ ระหวาํ งการทาํ งาน สุขภาพ และ 138 คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 131 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
ครอบครัว ลองทบทวนการใชเ๎ วลาในสัปดาหท๑ ผ่ี ํานมาของตัวเองดู คุณทําใชเ๎ วลาอะไรบ๎าง เมอ่ื ทบทวนแล๎ว คณุ อยากทําอะไรมากข้ึน และอยากทําอะไรใหน๎ อ๎ ยลง 6. คิดและจัดการปัญหาเชิงรกุ อยาํ ปลอํ ยใหส๎ ถานการณช๑ ีวิตหรอื ปญั หาตาํ งๆ ทีผ่ ํานเข๎ามากาํ หนดความเป็นไปได๎ของชีวติ คณุ ควรจดั เวลาทาํ ความเขา๎ ใจปัญหาคดิ หาทางเลือกการกา๎ วเดิน โดยต้งั คาํ ถามกบั ตวั เองวาํ ปัญหาทีป่ ระสบอยูํ น้ัน “มนั เป็นปญั หาอย่างไร” เราหํวงอะไรกงั วลใจในแงํใดในปัญหานั้น แตํละเรือ่ งท่เี ราหวํ งหรอื กงั วลใจ ทบทวนดวู าํ “เราทําอะไรได้บา้ ง” จากน้ันลงมือทาํ อยาํ มวั แตคํ ิดกงั วลใจ “คุณจะรสู้ กึ เป็น เจา้ ของชวี ติ ตนเองมากข้ึน พอใจในชีวติ มากข้นึ ” 7. มองหาโอกาสในการมองส่ิงดๆี ใหก๎ ับผ๎ูอื่น ความสขุ ในทางโลก อาจแบํงออกไดเ๎ ป็น 3 ระดับ 7.1 ความสขุ และความเพลดิ เพลินทางราํ งกาย เชํน รับประทานอาหารอรอํ ย 7.2 ความสขุ จากชวี ติ ทลี่ งตวั มงี านทท่ี ๎าทาย มคี วามรกั และงานอดิเรก 7.3 ความสขุ จากชีวติ ทม่ี คี วามหมาย ไดใ๎ ชํศกั ยภาพของตนเพ่ือประโยชนส๑ ํวนรวม ทําสงิ่ ทเ่ี ปน็ ประโยชน๑ตอํ ชุมชนและสงั คม กิจกรรมสนุกสนานประเภทตาํ งๆ ไมสํ ามารถสรา๎ งความสขุ ใจไดล๎ ึกซ้ึงเทาํ กับการ ท่เี ราไดม๎ อบสิ่งดๆี ใหก๎ บั ผ๎อู ืน่ เมอ่ื เราชวํ ยเหลือผูอ๎ น่ื ให๎เป็นความสขุ ตัวเราเองก็มคี วามสุขมากขึ้นไปด๎วย 8. ศึกษาและปฏบิ ัติตามหลักคาํ สอนทางศาสนา ผศู๎ กึ ษาและปฏบิ ัติตามหลกั คาํ สอนทางศาสนา ไดร๎ บั ประโยชนจ๑ ากศาสนาอยํางนอ๎ ย 4 ด๎าน 8.1 มีสงั คม เพือ่ นฝงู ทีศ่ ึกษาและปฏิบตั ธิ รรมรํวมกนั 8.2 มีจุดมํงุ หมายในการทาํ สง่ิ ตาํ งๆมากข้ึน และในเวลาที่ตอ๎ งตัดสินใจเรอ่ื งสําคัญ กม็ แี นวทางท่ี ชัดเจนจากหลักคําสอนทางศาสนา 8.3 หลกี เล่ียงจากพฤตกิ รรมเสีย่ งตาํ งๆ เชนํ ดมื่ สุรา ใช๎ยาเสพตดิ 8.4 เข๎าใจชีวติ มากขึน้ มีความสุขได๎งาํ ย 9. ใหเ๎ วลาและทาํ กิจกรรมความสขุ รํวมกบั สมาชกิ ในครอบครัวเปน็ ประจํา อยาํ คาดหวังวาํ คขํู องตนตอ๎ งสมบูรณแ๑ บบ ควรยอมรับข๎อจํากดั ของกนั และกันฝกึ รับฟงั อยาํ งใสํใจ ชื่นชมกนั ดว๎ ยความจรงิ ใจ ลดเวลาดทู วี ีลง จดั เวลาทาํ กิจกรรมความสุขรวํ มกัน ชํวยกันทาํ งานบา๎ นอยํา ให๎ความสาํ คัญกับเรอ่ื งเงนิ ทองและวตั ถุมากเกนิ ไป ใหค๎ วามสําคัญการเพมิ่ ทกั ษะทางอารมณแ๑ ละสงั คม เติมความเข๎มแข็งทางใจ และฝกึ นิสยั การเรียนรตู๎ ลอดชวี ติ ใหก๎ ับลูก หากมเี หตกุ ารณล๑ บ ให๎มองแงดํ ไี ว๎ กอํ นเสมอ 10. ชน่ื ชมคนรอบขา๎ งอยํางจรงิ ใจ คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 139 132 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3
10. ชน่ื ชมคนรอบขา้ งอยา่ งจรงิ ใจ คนเราทกุ คนตอ๎ งการความรัก การยอมรับ และความช่ืนชม คาํ ชนื่ ชมจึงเป็นสิ่งเติมกาํ ลงั ใจและความสขุ ให๎แกํกนั เราฝกึ ช่ืนชมคนรอบขา๎ งไดด๎ ว๎ ยวิธตี ํอไปน้ี 10.1ปลํอยวางความคาดหวังลงเปดิ ใจรับและมองหาข๎อดที น่ี ําชน่ื ชมของคนรอบขา๎ ง 10.2กลาํ วคาํ ช่ืนชมดว๎ ยความจรงิ ใจทกุ ครั้งทม่ี โี อกาส 10.3 ควรฝึกช่ืนชมตนเองด๎วย การมองเห็นข๎อดีของผอ๎ู ืน่ เปน็ การฝึกจิตใจของเราเอง และยงั ชํวยเติม ความสขุ ใหก๎ ับชวี ิต เรอื่ งส้นั ทเี่ ปน็ ประโยชน์ เรอ่ื งน้ีสอนให้รวู้ า่ “ควรพอใจในสง่ิ ท่ีตนมีอยํู” 140 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3 133
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามัญชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 2-3) หนว่ ยที่ 6 สุขภาพ อนามัย แผนการจัดกิจกรรมท่ี 9 เพศสมั พันธ์ปลอดภัยด้วยถุงยางอนามยั เวลา 2 ชว่ั โมง 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.1 ลกู เสอื สามารถอธบิ ายและสาธติ วิธีการใช๎ถงุ ยางอนามยั ได๎ 1.2 ลูกเสือสามารถอธิบายประโยชน๑ในการใช๎ถงุ ยางอนามยั ได๎ 2. เนอื้ หา การมเี พศสมั พันธท๑ ่ีปลอดภัยเป็นเร่อื งสําคญั สําหรบั คนเรา ทัศนคติท่ีดีตอํ ถุงยางอนามัย ความรู๎ ความเขา๎ ใจและความสามารถในการใช๎ถงุ ยางอนามยั อยํางถูกวิธี จะชวํ ยใหป๎ ลอดภยั จากการตงั้ ครรภ๑ ไมํพรอ๎ มและโรคติดตอํ ทางเพศสมั พนั ธไ๑ ด๎ 3. สือ่ การเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 หํนุ จําลองอวยั วะเพศชาย (ท่ีทาํ จากไม๎ ยาง ปูนปนั้ หรอื วสั ดทุ ดแทน) ถงุ ยางอนามัย นาํ้ ยาหลํอ ลนื่ กระดาษทชิ ชู 3.3 ชุดภาพประกอบกิจกรรมเทาํ จาํ นวนกลมํุ ลูกเสอื 3.4 เรื่องสนั้ ทีเ่ ปน็ ประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พธิ ีเปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธงขนึ้ สวดมนต๑ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรือเกม 4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคก๑ ารเรยี นร๎ู 1) ผู๎กาํ กับลกู เสอื เกริน่ นําเร่อื งการตง้ั ครรภไ๑ มพํ ร๎อมและการติดเชอื้ โรคตดิ ตอํ ทางเพศสัมพันธ๑ ตํางๆ แลว๎ ชวนพูดคยุ ถงึ ความรูเ๎ รือ่ งถุงยางอนามยั 2) แบํงกลํมุ ลูกเสือกลมุํ ละ 8 คน (คละเพศชาย-หญงิ ) เรยี งบตั รคาํ การใช๎ถงุ ยางอนามัยถกู วธิ ี 3) ตวั แทนกลุํมนําเสนอ ผก๎ู ํากบั นาํ อภิปราย เพม่ิ เติม สรปุ และชน่ื ชม(ตามใบความรู)๎ 4) ผู๎กาํ กบั ใหข๎ ๎อมูลเรอื่ งการใช๎ถงุ ยางอนามัย พรอ๎ มสาธติ การสวมและถอดถงุ ยางอนามยั ทถี่ ูกตอ๎ งโดยใชห๎ นุํ จําลองอวยั วะเพศชาย 5) แบงํ กลุมํ ลูกเสอื จบั คกํู ันเพอ่ื ฝึกปฏบิ ัติการสวมและถอดถงุ ยางอนามยั กับหํุนจาํ ลอง อวัยวะเพศชาย คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 141 134 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
6) ประเมินการฝึกปฏิบตั ิดว๎ ยการใหต๎ วั แทนกลมํุ ออกมาสาธิตการสวมและถอดถุงยางอนามัย หนา๎ หมํู เพมิ่ เตมิ ความรู๎ และสรุป 4.4 ผูก๎ าํ กับลูกเสือเลาํ เรื่องสน้ั ท่ีเปน็ ประโยชน๑ 4.5 พธิ ปี ดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล สงั เกตความรวํ มมอื ในการปฏิบัตกิ ิจกรรมและตรวจสอบความถกู ต๎องในการปฏบิ ตั ิ 6. องคป์ ระกอบทักษะชวี ิตสําคัญทเี่ กดิ จากกิจกรรม คอื การคิดวเิ คราะ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนกั ถึงความสําคัญของการใชถ๎ งุ ยางอนามัยรวมทงั้ มี ทกั ษะการใชถ๎ งุ ยางอนามยั ทถี่ กู ตอ๎ ง ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 9 เพลง พรงุ่ นี้ไม่สาย เพียงแคมํ องในตา ก็ร๎ูวาํ เราชอบกนั แตเํ ราสองคนตอ๎ งเกบ็ มันไว๎ ในเม่อื ความเปน็ จรงิ กร็ กู๎ นั ในหัวใจ เรายงั เปน็ ได๎แคํเพยี งเพอ่ื นกัน อดทนเกบ็ ความในใจ แลว๎ รอแคํวันเวลา ใหม๎ นั หมนุ ช๎าๆ แลว๎ เดินไปกบั มนั อดทนเกบ็ ความในใจ แลว๎ เรียนร๎ูกนั และกนั เพอื่ ใหเ๎ รามีความม่ันใจ วําเรานน้ั มคี วามลกึ ซื้งเพยี งใด พรุํงน้ไี มสํ ายทจี่ ะรักกนั 142 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 135 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
ใบความรู้ ชุดภาพประกอบกจิ กรรมลูกเสอื ฉีกซองอยาํ งระมัดระวัง ถงุ ยางมมี ๎วนขอบรดู ไดด๎ ๎าน จับถุงยางใหถ๎ กู ขา๎ งจับขอบ ไมใํ หบ๎ าดถงุ ยางขาด นอก ดา๎ นท่ีรดู ลงไดเ๎ หมือนถงุ เท๎า ใสตํ อนอวยั วะเพศ บบี ปลายกระเปาะ บีบปลายถงุ ยางคา๎ งไว๎ ชายแขง็ ตวั เต็มที่ ถงุ ยางกอํ นสวม พร๎อมรูดถุงยางลงไปจนสดุ แลว๎ ถงุ ยาง โคนอวยั วะเพศชาย เพศชายใชน๎ วิ้ จับด๎านในขอบ เพศหญงิ ใชก๎ ระดาษทชิ ชูหอํ ดา๎ นนอก ถุงยางเพอื่ ป้องกนั สัมผสั กับสาร ถงุ ยางอนามยั ชาย เพ่อื ป้องกนั สมั ผัส ทง้ิ ถงุ ยางในถังขยะ ไมทํ ิง้ คัดหลั่งของอีกคนรูดออกอยําง กับสารคัดหลงั่ ของอกี คนรดู ออกอยําง ระมดั ระวงั โถส๎วมเพราะส๎วมจะตนั ไมํใหส๎ ารคดั หลงั่ หก กระฉอก ระมดั ระวงั ไมใํ หส๎ ารคดั หลง่ั หกกระฉอก ออกมา ออกมาค๎นจาก http://www.bpas.org/bpasman.php?page=33วนั ที่10 มิถุนายน 2556 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 143 136 คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3
เร่อื งสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ แวะสกั เดี๋ยวคงไมเ่ ป็นไร หญงิ กบั เดชอยทํู ํางานกลมํุ ที่โรงเรยี นจนคา่ํ ท้งั สองกลบั บา๎ นทางเดยี วกัน เดชมีรถมอเตอร๑ไซด๑จงึ อาสาไปสงํ หญิงทีบ่ ๎าน ขณะขบั รถกลบั เดชชวนหญงิ ใหแ๎ วะบ๎านสกั ครูเํ พ่อื เอาสมดุ งานของหญิงท่ีเดชยมื ไป เม่ือสปั ดาหท๑ ่ผี าํ นมา หญิงลังเลแตํเดชยนื ยันวํา แวะสักเดี๋ยวคงไมเํ ป็นไร หญงิ จึงตกลงยอมไปบ๎านเดช เมอ่ื ทงั้ คูมํ คี วามไกลช๎ ิดกันและอยูํในท่ีลบั ตา เน่อื งจากอยใู นบ๎านเพยี งลําพงั 2 คน จงึ มเี พศสมั พนั ธก๑ นั โดยไมไํ ด๎ ปอ้ งกันเหตกุ ารณค๑ รงั้ นท้ี ําใหห๎ ญงิ และเดชวิตกกงั วลมากวาํ หญิงอาจตง้ั ครรภ๑ได๎ โดยเฉพาะอยาํ งยง่ิ หญงิ กังวลมากจนไมเํ ป็นอนั ทาํ อะไร แม๎เดชจะพยายามปลอบโยนกต็ าม เรื่องน้สี อนให้รู้ว่า ชายหญิงควรระมดั ระวงั การอยํูสองตอํ สองในที่ลับตา แมไ่ ก่โชคร้าย ท่ีฟารม๑ ไกหํ น๎าบา๎ นของชาวนายากจนคนหนึง่ แมํไกกํ กไขํไดว๎ นั ละฟอง และดูแลฟมู ฟักทะนุถนอม ไมํยอมใหอ๎ นั ตรายใดๆเขา๎ ใกลไ๎ ขํของมันแมแ๎ ตนํ อ๎ ย วนั หน่งึ เจ๎าแมไํ กกํ ไ็ ดฟ๎ กั ไขํลูกเจย๊ี บออกมาลมื ตาดูโลก แตดํ ๎วยความอยากรอ๎ู ยากเหน็ ของเจา๎ ลกู เจีย๊ บทาํ ให๎มนั ชอบเดินแยกตวั ออกจากกลมํุ ครอบครวั ไกไํ ปสาํ รวจ เสน๎ ทางอนื่ เสมอ \"เจ้าจะไปไหนน่ะ เจา้ ลกู ไก\"่ แมวตะโกนรอ๎ งถาม ลกู ไกรํ สู๎ กึ ตกใจกลัวมาก จึงพยายามว่ิงหนี สดุ ชีวิต แตทํ วํามนั ก็ไมํสามารถหนพี น๎ เงอ้ื มมอื ของเจา๎ แมวเหมยี วได๎ถกู ตะครุบจับกนิ ทันที แมไํ กํยังไมํร๎ตู วั เลยวาํ ลูกไกํของมันหายไป เมอ่ื มนั กลับมาทฟ่ี ารม๑ ไกแํ ล๎ว ลองนับสมาชกิ ในครอบครวั ดพู บวํา มีลกู เจ๊ียบที่ เพ่งิ ฟกั ออกมาหายไป จึงสันนิษฐานวาํ ถกู เจ๎าแมวตวั แสบของเจ๎าของฟารม๑ กนิ เปน็ แนํแท๎ มันจงึ โมโห วางแผนบกุ เขา๎ ไปเพือ่ ชําระแคน๎ เจา๎ แมว แตํระหวาํ งทางนนั่ เอง แมํไกํไมํร๎เู ลยวาํ แมวตวั แสบกําลงั ดกั รอให๎ แมไํ กเํ ดนิ ออกไป แลว๎ จบั กินลูกไกทํ ง้ั หมด เมื่อแมํไกํกลบั มากพ็ บแตํเพียงความวํางเปลาํ เรือ่ งน้ีสอนให้ร้วู า่ เม่อื ทีบ่ า๎ นกาํ ลงั จะมภี ยั กค็ วรจะเฝา้ ระวังอยํทู ่ีบ๎าน 144 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 137 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื วิสามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6, ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ(ปวช.2-3) หน่วยที่ 7 ดาํ เนนิ ชีวติ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง เวลา 1 ชว่ั โมง แผนการจดั กจิ กรรมที่ 10 การใชเ้ งนิ อย่างมีคณุ ค่า 1. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ลกู เสอื สามารถอธบิ ายความสาํ คญั และบอกแนวทางในการใช๎เงนิ อยาํ งคมุ๎ คาํ ได๎ 2. เนือ้ หา การใชเ๎ งินอยาํ งค๎ุมคาํ เปน็ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค๑สําหรับการดาํ เนินชวี ติ ตามแนวทางเศรษฐกิจ พอเพยี งทน่ี าํ ความสงบสุขมาสชูํ ีวิตลูกเสอื 3. สอ่ื การเรียนรู้ 3.1 แผนภูมิเพลง/เกม 3.2 อปุ กรณ๑การเลนํ เกม ประกอบดว๎ ย กระปอ๋ งตักนํ้า,โอํง, กระป๋อง หรอื ขวด 5 ลติ ร (เทาํ จํานวน หมํูลกู เสอื ) ที่เจาะรูรอบ 7 รู ติดสต็กเกอร๑รลู ะ 1 รายการ ได๎แกํ คาํ รถ, คาํ อาหาร, คาํ โทรศพั ท๑, คาํ อุปกรณ๑ การเรียน, คาํ เครอื่ งแตํงกาย, คาํ ซอ้ื ของทชี่ อบ และคําใช๎จาํ ยอ่นื 3.3 เร่อื งส้ันท่ีเป็นประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พธิ เี ปดิ ประชุมกอง (ชักธงข้นึ สวดมนต๑ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กิจกรรมตามวัตถุประสงค๑การเรยี นรู๎ 1) ผู๎กํากบั ลูกเสอื นําเขา๎ สํูบทเรยี นโดยมอบชุดอปุ กรณ๑ (3.2) ใหแ๎ กํหมูํลูกเสอื ให๎แตํละหมํู วางแผนเติมนา้ํ ลงโองํ รวั่ นใ้ี ห๎เต็มพรอ๎ มหาวธิ อี ดุ รรู ั่วของโอํงและลงมอื ปฏิบัติ 2) ผ๎ูกาํ กบั ลูกเสอื ชวนหมูลํ กู เสือวเิ คราะห๑วําอุดรรู ่วั ได๎หรือไมํ เพราะอะไร เพอ่ื นาํ เข๎าสํบู ทเรียน เร่ืองการใชเ๎ งนิ อยาํ งมคี ณุ คาํ การใช๎เงนิ ในชวี ติ ประจาํ วนั ทม่ี ากน๎อยตํางกนั ยอํ มให๎ผลตํอชีวติ ตํางกัน แล๎วมอบให๎ลกู เสอื วางแผนอดุ รูรั่วการใช๎เงนิ ของตนเองแล๎วเลาํ ใหส๎ มาชิกในหมลํู ูกเสอื ฟงั พร๎อมเลอื ก ตัวอยาํ งของบางสมาชิกเพื่อนาํ เสนอ 3) ผู๎แทนกลมํุ นาํ เสนอ ผก๎ู ํากบั ลกู เสือนาํ อภิปราย เพม่ิ เตมิ ชนื่ ชม สรุป 4.4 ผกู๎ ํากบั ลกู เสือเลาํ เรือ่ งสนั้ ที่เป็นประโยชน๑ 4.5 พิธปี ดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธงลง เลิก) 5. การประเมินผล 5.1 สังเกตความรวํ มมือในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการอภิปราย คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 145 138 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3
6. องคป์ ระกอบทักษะชีวติ สาํ คัญทเี่ กิดจากกิจกรรม คือ การคดิ วเิ คราะห๑ ความคดิ สร๎างสรรค๑ และตระหนักถึงความสาํ คัญของการใชเ๎ งนิ อยํางคุ๎มคาํ ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 10 เพลง ออมเงนิ (ทาํ นองเพลงลอยกระทง) ออมเงนิ ออมเงนิ กันไว๎ จะไดส้๎ บาายยใในนภภาายยภภาาคหหนน๎า้า ออมเงนิ กันเถดิ เธอจา๐ (ซํา้ ) ตํอไปภายหนา๎ จะไดส๎ บาย เกม อดุ รูรั่ว วธิ เี ลน่ 1. จดั เตรยี มอุปกรณ๑ประกอบด๎วยโอํง กระป๋อง หรือขวด 5 ลติ ร (เทําจาํ นวนหมํลู ูกเสอื ) ทเ่ี จาะรู รอบ 7 รู ตดิ สตก๊ิ เกอร๑รลู ะ 1 รายการ ได๎แกํ คาํ รถ, คําอาหาร, คําโทรศพั ท,๑ คาํ อุปกรณก๑ ารเรยี น, คําเครอ่ื งแตํงกาย, คําซอ้ื ของทชี่ อบ และคาํ ใช๎จาํ ยอ่ืน 2. จัดเตรียมกระป๋องตักนา้ํ เทําจาํ นวนหมูํลูกเสอื 3. ให๎ลูกเสอื แตํละหมใูํ ชก๎ ระปอ๋ งตกั น้าํ เทลงไปในโองํ กระปอ๋ ง หรอื ขวด 5 ลติ ร ทเ่ี จาะรรู อบ 7 รู 4. ใหล๎ ูกเสอื แตลํ ะหมูอํ ุดรรู ั่ว 5. หมใูํ ดภาชนะรองรบั นํา้ ไดเ๎ ตม็ กอํ นเป็นผชู๎ นะ 146 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 139 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
เร่อื งสน้ั ทเี่ ป็นประโยชน์ เงินทหี่ ายไป มเี รอื่ งเลําวาํ คนจนี โบราณมักเก็บเงนิ เหรยี ญไว๎ท่บี า๎ น บางคนเก็บไว๎ในไห ในกลอํ ง ในกระปอ๋ ง ใน ถุงผา๎ แตกํ ม็ บี างคนเก็บไว๎ท่ีรองขาเตียง วันหนงึ่ บุตรชายชาวจนี ได๎นอนหลบั ไปบนเตียงทเี่ กบ็ เหรียญไวท๎ ีร่ องขาเตยี ง เขาฝนั วําไดย๎ ินเสยี ง เล็กๆ จํานวนมากจากใต๎เตยี งบนํ วาํ “ทําไมเขาถงึ ดูแลเราอยํางนี้ เขาไมใํ หค๎ วามสาํ คญั กับเราเลยนะ เราไป อยูํทีอ่ น่ื กนั เถอะ” แล๎วกไ็ ดย๎ ินเสยี งเล็กๆ อกี เสยี งหนึง่ พูดวาํ “รอฉนั ด๎วย ฉนั ไปไมํได๎ พาฉัน ไปด๎วย” “พวกฉนั ไปกํอนละนะ” และเสยี งรอ๎ งไห๎เลก็ ๆ เม่ือเขาสะด๎งุ ตนื่ ขนึ้ มา เขากม๎ ลงไปมองใต๎เตยี ง ก็ตกใจและแปลกใจอยาํ งยิ่งทม่ี องไมเํ หน็ เหรยี ญท่ี ขารองใตเ๎ ตยี งเลย เมื่อเขามองไปทกุ ขา ก็พบวาํ ยงั เหลอื เหรียญอยูอํ กี หนงึ่ เหรียญ ด๎วยความดใี จ เขาหยิบเหรียญขนึ้ มาดู กพ็ บวําเป็นเหรยี ญพิการ มีรอยบนิ่ ไปบางมมุ ทาํ ใหเ๎ ขาปะตดิ ปะตอํ กบั เสยี ง ทไี่ ดย๎ นิ ในฝนั หรือเสยี งเหลาํ นั้นจะเปน็ เสยี งเหรยี ญคยุ กนั จริงๆ เรอื่ งนส้ี อนให้รู้ว่า เมอ่ื มีสง่ิ มีคาํ ต๎องรูจ๎ ักถนอมรักษา ดแู ลให๎เหมาะสม เพ่ือปอ้ งกนั การเสื่อม ชํารุด หรอื สูญเสียไป ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 147 140 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5-6,ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ (ปวช.1/2-3) หนว่ ยที่ 7 ดําเนนิ ชีวิตตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง แผนการจัดกจิ กรรมที่ 11 การวางแผนการใช้จา่ ยเงนิ ส่วนตวั เวลา 1 ช่วั โมง 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลกู เสือสามารถอธิบายความสาํ คญั และบอกแนวทางในการใชเ๎ งนิ สวํ นตัวอยาํ งคุม๎ คาํ ได๎ 2. เนอื้ หา การวางแผนการใช๎จาํ ยเงนิ เป็นสิ่งสาํ คัญสาํ หรับการดําเนินชีวิตตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง ที่นําความสงบสขุ มาสูํชีวติ ลกู เสอื 3. สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภูมเิ พลง 3.2 เร่อื งส้นั ท่ีเปน็ ประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ ีเปดิ ประชมุ กอง(ชักธงขึน้ สวดมนต๑ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ 1) ผก๎ู ํากับลกู เสอื เกรน่ิ นําเรอื่ งการวางแผนการใชจ๎ าํ ยเงินและผลทีไ่ ดร๎ ับ โดยใหล๎ ูกเสอื เลําประสบการณ๑ 1-2 คน ทมี่ ีประสบการณต๑ รงข๎ามกนั (วางแผนและไมํวางแผน) 2) ผกู๎ าํ กบั ลูกเสอื แบํงหมลูํ กู เสอื ใหป๎ ฏบิ ตั ิกิจกรรมแบงํ ปันประสบการณ๑การวางแผนการใช๎ จํายเงนิ สวํ นตัวและผลทไ่ี ดร๎ ับ ในกลุํมยอํ ย 3) ผูแ๎ ทนกลํมุ นาํ เสนอ ผก๎ู าํ กบั นาํ อภิปราย เพม่ิ เตมิ ชน่ื ชม สรุป 4) ผ๎กู าํ กบั ลูกเสอื มอบหมายใหล๎ กู เสือวางแผนการใชจ๎ าํ ยเงินสํวนตวั และบนั ทึกการใช๎จาํ ยเงิน ประจาํ วนั ทุกวันเพอื่ ดูประสิทธิผลของแผน ซึ่งสามารถปรับเปล่ยี นไดเ๎ รือ่ ยๆ และสํงบันทกึ ทกุ 1เดอื น เปน็ ประจํา พร๎อมช่ืนชมลูกเสือที่สงํ งานและนาํ สงิ่ ท่เี รยี นรไ๎ู ปใชเ๎ พอ่ื เป็นตวั อยาํ งแกํลกู เสอื คนอนื่ ๆ เปน็ ระยะๆ 4.4 ผ๎ูกํากบั ลูกเสือเลาํ เรอ่ื งสน้ั ท่เี ปน็ ประโยชน๑ “สภุ าษติ สอนหญงิ ” 4.5 พิธีปิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตความรํวมมือในการปฏิบตั ิกิจกรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภปิ ราย 148 ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 141 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296