ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 24 เพลง ลูกเสอื ไม่จับมือขวา ลูกเสือเขาไมํจับมอื ขวา ย่ืนซา๎ ยมาจับมอื กันมนั่ มอื ขวาใช๎เคารพกนั (ซ้ํา) ย่นื มือซา๎ ยออกมาพลนั แล๎วจับมอื จับมือ จบั มอื นัน้ หมายถึงมิตร เหมือนญาติสนทิ ควรคดิ ยดึ ถอื ยิม้ ด๎วยเม่ือยามจบั มือ (ซ้าํ ) เพราะพวกเราคอื ลกู เสอื ดว๎ ยกนั ใบความรู้ หริ โิ อตัปปะ คําวํา “หริ ิโอตัปปะ” หมายถึงอะไร หิริ ความละอายตอํ บาปกรรมท่ตี นกระทาํ น้นั ยงิ่ กวําคนทเ่ี ป็นโรครา๎ ยแตงํ ตวั เรียบรอ๎ ยเขา๎ ไปในที่ สาธารณะ ยํอมมคี วามละอายแกใํ จตนเสมอ คนอ่ืนจะร๎ูเหน็ หรือไมกํ ต็ าม แตใํ จของตนรู๎เหน็ ดว๎ ยใจตนเองอยํู ตลอดเวลา โอตปั ปะ ความกลัวตํอบาปกรรมที่ตนกระทําดว๎ ยกาย วาจา และใจ อันจะเกดิ มีขึ้นแกตํ น กลวั ย่ิง กวาํ เหน็ อสรพิษ ยอํ มไมสํ ามารถเขา๎ ไปใกล๎ได๎ ความกลวั บาปท่ีเห็นด๎วยใจ และกลวั ดว๎ ยใจนนั้ ยอํ่ มยสะดงุ้๎ หวาดเสียวอยํูเป็นนจิ เหมอื นเป็นแผลทห่ี ัวใจ ใครจะเจบ็ ปวดด๎วยหรอื ไมํก็ตาม ผ๎ูนัน้ ยํอมเจบ็ ปวดอยูํคนเดียว ความละอายและความกลัวเหลําน้ี เปรยี บเหมอื นบคุ คลผ๎ลู ะอายและกลวั บาปกรรมที่ละเมิดลวํ งเกินศีลข๎อ น้ันๆ เมื่อมคี วามละอายและกลัวบาปกรรมอยอํู ยํางนแ้ี ลว๎ ผ๎ูนั้นยอํ มมสี ตริ ะวงั ตวั อยทูํ ุกเมอื่ แลว๎ มันจะลํวง ละเมิดศีลข๎อนนั้ ๆ ได๎อยาํ งไร เร่ืองสน้ั ท่ีเป็นประโยชน์ 242 ค่มู ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3 ตน้ ไม้
เรื่องสนั้ ที่เป็นประโยชน์ ต้นไม้ ตน๎ ไม๎ มีทง้ั ตน๎ ไมย๎ นื ต๎นและต๎นไมล๎ ๎มลกุ ถา๎ เปน็ ต๎นไมใ๎ หญํ (ต๎นไม๎ยนื ต๎น) จะมกี ิ่งกา๎ นสาขามใี บให๎ ความรํมเยน็ เมอื่ มนั ตายไป ใบกน็ ํามาทาํ ปยุ๋ กง่ิ ก๎าน ลาํ ต๎น เรากน็ าํ มาใชเ๎ ปน็ ถาํ นหรอื นาํ ไปสร๎างบา๎ นทาํ ประโยชนอ๑ นื่ ๆ อีกมากมาย แล๎วลูกเสือลองเปรียบเทียบกับตัวเรา ดซู วิ ําตน๎ ไม๎ยงั ใหป๎ ระโยชนแ๑ กมํ นษุ ย๑ มากมาย แตมํ นษุ ยถ๑ า๎ ตายไปรํางกายก็เนาํ เป่ือยไมไํ ดใ๎ หป๎ ระโยชนอ๑ ะไรแกมํ นุษยไ๑ ด๎เลย ฉะนัน้ เมือ่ เรายงั มวี ิตอยํู เราควรจะทํางานให๎เปน็ ประโยชนต๑ อํ สวํ นรวมมากที่สดุ อยําใหเ๎ ขาพูดได๎วาํ เกดิ มาเสียชาตเิ กิด ตน๎ ไมย๎ ังมคี ณุ ประโยชนม๑ ากวาํ เรื่องน้สี อนให้ร่า เราควรทาํ ความดีเมอ่ื ยงั มชี วี ติ อยํูใหช๎ นรุํนหลังไดจ๎ ดจาํ แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 2-3) หน่วยท่ี 12 สัมพันธภาพและการส่อื สาร แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 25 การพดู สุภาพ เวลา 2 ชวั่ โมง คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 243 250 คูม่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามปัญระชกานั้ ศมนัธียยบมตั ศรกึวษิชาาชปพี ีที่ 25--36 และ ปวช.2-3
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช. 2-3) หน่วยท่ี 12 สมั พนั ธภาพและการส่ือสาร แผนการจดั กิจกรรมที่ 25 การพดู สภุ าพ 1. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ลกู เสอื สามารถใชค๎ าํ พดู ที่เหมาะสมตามสถานการณต๑ าํ งๆ ได๎ 2. เนอ้ื หา การอยรํู วํ มกันในสังคมตอ๎ งอาศัยการพูดคยุ สนทนาเป็นการส่อื ความเขา๎ ใจ การพดู จาส่อื สารมผี ลตํอ สัมพันธภาพท้งั ในทางทําลายหรอื สร๎างเสริม ความเข๎าใจถงึ การพดู จาสภุ าพ หรอื การสอื่ สารทสี่ รา๎ งสรรค๑จะ ชํวยใหล๎ ูกเสือสามารถสรา๎ งมติ รภาพในการอยรูํ วํ มในสงั คมไดอ๎ ยาํ งเหมาะสมซึ่งกค็ อื การใช๎สรรพนามที่ เหมาะสม มหี างเสยี ง มีสาํ เนียงทส่ี ือ่ ถึงการให๎เกียรตกิ บั ประเภทบคุ คลท่สี นทนาดว๎ ย 3. สอื่ การเรยี นรู้ 3.1 แผนภูมิเพลง 3.2 ใบงาน 3.3 ใบความรส๎ู ําหรบั ผ๎ูกาํ กับลกู เสอื 3.4 เรอ่ื งส้นั ท่เี ป็นประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พิธเี ปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ 1) ผก๎ู าํ กับลูกเสอื นาํ เขา๎ สํูบทเรยี นด๎วย “การสวมบทบาทการพูด 2 แบบ” (นาํ สนทนา ด๎วยและไมํนาํ สนทนาดว๎ ย) 2) ผ๎กู าํ กบั ลูกเสอื ชวนลูกเสอื แสดงความร๎ูสกึ สงั เกตความแตกตาํ งของการพดู ท้งั 2 แบบ และ ผลทีต่ ามมา 3) ผ๎กู ํากบั ลูกเสอื บรรยาย “การพดู สภุ าพ” 4) ผกู๎ าํ กับลูกเสอื มอบหมายงานให๎กลมํุ ลูกเสอื ทําตามใบกจิ กรรม 5) กลมํุ ลูกเสอื นําเสนอการสวมบทบาท ผก๎ู ํากบั นําอภิปรายเพ่ิมเตมิ ชืน่ ชม สรปุ จากการ นาํ เสนอ 4.4 ผกู๎ ํากับลูกเสอื เลาํ เรอ่ื งสน้ั ทีเ่ ป็นประโยชน๑ 4.5 พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธงลง เลิก) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรํวมมือในการปฏิบตั กิ ิจกรรม 6. อ24งค4์ป5ร.2ะคปกสมู่รองัะือกเบสกาง่ ทศเตสนักกรียมิ ษบรแะตัะลบรชะวพวิชีวัฒนาติ ชนกสีพาากาํ ร2ิจคค-ก3ญัิดรรจมทาล่เีกกู กเกสดิ อืาจทรักอาษกภะกิปชวีจิรติ ากใยนรแสรถลมาะนแศสึกดษางบปรทะบเภาททลูกสเมสือมวุตสิ าิ มัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6
นําเสนอ 251 4.4 ผก๎ู าํ กบั ลูกเสือเลาํ เรอื่ งสน้ั ทีเ่ ป็นประโยชน๑ 4.5 พิธีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลิก) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตความรวํ มมือในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภิปรายและแสดงบทบาทสมมตุ ิ 6. องคป์ ระกอบทักษะชวี ิตสาํ คญั ท่เี กิดจากกจิ กรรม ค่มู อื สง่ เสรคมิ อื แลคะวพาัฒมนคาดิกิจวกิเรครรมาละูกหเส๑ ือคทวกัาษมะคชดิวี ติสใรน๎าสงถสารนรศคกึ ๑ษตารละกูหเสนอื กั วถสิ างึ มคัญุณคชน้ัําขมัธอยงมกศาึกรษพาูดปจที าี่ 5ส-6ุภแาลพะ ปวช.2-3 ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 25 เพลง สวัสดี ขอโทษ และขอบคุณ เม่ือเจอกนั เราทกั กนั สวัสดี สวสั ดีครับ/สวัสดคี ะํ เม่ือผิดพลง้ั ขออภยั ขอโทษที ขอโทษครับ/ขอโทษคะํ เม่ือจากกนั ยกมือไหวส๎ วสั ดี สวัสดคี รบั /สวสั ดคี ะํ เม่อื ใครมีจติ ไมตรขี อขอบคณุ ขอบคุณครบั /ขอบคุณคํะ ใบงาน สถานการณ์ ชายและสงิ ห๑เจอกันหน๎าโรงเรยี น ชายทกั สงิ ห๑ ๆ ตอบกลับมาดังน้ี บทบาทสมมตทิ ี่ 1 ชาย “สวสั ดสี งิ ห๑ เป็นไงมั่ง ?” สิงห๑ เหลือบตามองหนา๎ ไมํตอบ ทาํ ทาํ จะเดนิ ผาํ นไป ชาย “เฮย๎ เปน็ ไรหรือเปลํา ?” สงิ ห๑ “อยาํ ยุงํ ได๎มยั๊ รําคาญ” บทบาทสมมตทิ ่ี 2 ชาย “สวัสดีสงิ ห๑ เป็นไงมง่ั ?” สงิ ห๑ “สบายดี นายลํะ ?” ชาย “อ๐อ เรากส็ บายดี” สิงห๑ “กินข๎าวมาหรือยัง ไปกนิ ดว๎ ยกันมย๊ั ?” ใบงาน ให๎กลมํุ ลกู เสือรวํ มกนั วิเคราะหแ๑ ละหาวิธกี ารพดู ทส่ี ภุ าพในสถานการณ๑ตอํ ไปน้ี หมูํละ 1 สถานการณ๑ (เวลา 20 คนู่มาือทสี)ง่ เสพรรมิ อ๎แมละแพสฒั ดนงาบกจิ ทกบรรามทลกูสเมสือมทตักใิษนะชทีวป่ี ิตรในะสชถุมานศึก(หษามปลูํ ระะเ5ภทนลาูกเทสี)อื วิสามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 245 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3 หมูํ 1 รบั โทรศัพท๑จากคนไมํรจ๎ู กั
ชาย “ออ๐ เรากส็ บายดี” สงิ ห๑ “กนิ ข๎าวมาหรือยัง ไปกนิ ดว๎ ยกนั มย๊ั ?” ใบงาน ให๎กลมํุ ลกู เสอื รํวมกนั วิเคราะห๑และหาวธิ กี ารพดู ท่ีสภุ าพในสถานการณ๑ตอํ ไปน้ี หมลํู ะ 1 สถานการณ๑ (เวลา 20 นาที) พร๎อมแสดงบทบาทสมมตใิ นทป่ี ระชมุ (หมลูํ ะ 5 นาที) หมํู 1 รับโทรศัพท๑จากคนไมรํ จู๎ ัก 252 หหมมคํููํ ่มู32อื คพสรง่บเตู สคาํรนิมหแแนลปิ ะลพกฒั หนนากา๎ จิ ถการมรมเสลกู๎นเทสือาทงกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 หมูํ 4 ขอความชํวยเหลอื จากเพือ่ นท่เี กงํ กวาํ หมํู 5 ขอทราบข๎อมลู จากเจา๎ หน๎าทีธ่ รุ การโรงเรียน ใบความรู้ ถึงบางพูดพดู ดเี ป็นศรีศกั ดิ์ มีคนรกั รสถอ๎ ยอรอํ ยจิต แม๎นพูดช่ัวตวั ตายทาํ ลายมติ ร จะชอบผดิ ในมนุษย๑เพราะพดู จาฯ สนุ ทรภู่ การพูดจาสภุ าพ การพูดจากนั นั้นมผี ลตํอสัมพันธภาพอยํางยง่ิ ดงั คํากลอนทว่ี าํ “คารมเปน็ ตอํ รูปหลอํ เป็นรอง” การพูดจาอยาํ งไรทเี่ รยี กวาํ “สุภาพ”พงึ พจิ ารณาในหลายประเด็น ดงั นี้ 1. พดู ดว๎ ยความรส๎ู กึ ทด่ี ตี อํ คนท่ีเราพดู ดว๎ ย การพดู คือการใหค๎ วามใสํใจ ความรกั ความปรารถนาดี การใหเ๎ กียรติยกยอํ ง คํานึงถงึ จิตใจคนฟงั เสมอ 2. พดู ด๎วยทาํ ที ถ๎อยคาํ และนํา้ เสียงทส่ี ุภาพมหี างเสยี ง ใหเ๎ กียรติ มีจงั หวะทเ่ี หมาะสม ไมํแยงํ พูดขณะที่ คนอื่นยงั พดู ไมจํ บ สงั เกตวําผฟู๎ ังเขา๎ ใจ ตามทนั หรือไมํ 3. พูดเหมาะสมกับกาลเทศะเชนํ เหมาะกบั บุคคล เวลา สถานที่ 4. พูดแลว๎ ใหป๎ ระโยชน๑จึงพดู พดู แลว๎ ไมํได๎ประโยชน๑ เงียบเสยี ดกี วํา ดั่งสภุ าษติ ทว่ี ํา “พูดไปสองไพเบีย้ นิ่งเสยี ตาํ ลึงทอง” 5. พูดเมอ่ื คนฟังพรอ๎ มทีจ่ ะฟังเทาํ น้นั ถา๎ คนฟงั ไมพํ รอ๎ ม การพดู ก็ไมํได๎ประโยชน๑ เร่อื งสั้นที่เปน็ ประโยชน์ พดู ดีเป็นศรีแกต่ วั 246 มบี ุตคปมู่รระอืเกศสาง่รศเษสนรยีฐมิ บสีแตั ลาระมวพิชคัฒานชนพีาอก2ยิจ-กา3รกรไมดลกู๎ดเอสอืกทบักัวษะจชึงีวติชใวนนสถกานั นไศปึกษทา่สี ปรระะบเภัวทแลหูกเํงสหอื วนสิ งึ่ามซัญง่ึ มชชีนั้ มายธั ยจมมศกูกึ ษแาหปวีทํงี่ 5เ-ฝ6้ารกั ษา อยํู บุตรเศรษฐคี นท่หี นงึ่ ได๎พดู กับชายจมูกแหวงํ ท่เี ฝา้ สระบวั วํา
เรือ่ งสั้นท่เี ป็นประโยชน์ พดู ดเี ปน็ ศรแี ก่ตวั มีบุตรเศรษฐสี ามคน อยากได๎ดอกบัว จงึ ชวนกนั ไปทสี่ ระบวั แหํงหนงึ่ ซึง่ มีชายจมกู แหวงํ เฝ้ารกั ษา อยูํ บุตรเศรษฐีคนท่ีหนง่ึ ได๎พดู กับชายจมูกแหวงํ ทเี่ ฝา้ สระบัววํา “ทาํ นผ๎ูเจรญิ ธรรมดาผมและหนวดท่โี กนแล๎วยงั งอกไดฉ๎ นั ใดจมกู ของทํานคงงอกได๎ฉนั นนั้ ขอทําน จคงมู่ ใือหสด๎ง่ เอสรกิมบแัวลแะพกฒั ํขนา๎ าพกเจิ จก๎ารเรถมิดลกู” เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 253 บุตรเศรษฐีคนทส่ี องพดู วํา “พืชทเ่ี ราหวาํ นลงในนายํอมงอกงามขึน้ ได๎ฉนั ใดจมกู ของทาํ นคงงอกได๎ ฉนั น้นั ขอทาํ นจงใหด๎ อกบวั แกขํ ๎าพเจา๎ เถิด” ชายจมกู แหวํงไดฟ๎ งั บตุ รเศรษฐที ง้ั สองพดู เอาแตไํ ด๎เชํนนนั้ ก็โกรธ จึงไมใํ ห๎ดอกบัวบุตรเศรษฐคี นท่ี สาม เม่อื เหน็ ชายจมกู แหวงํ โกรธจงึ พดู วาํ “ท้ังสองคนนัน้ พูดไมจํ รงิ ธรรมดาจมกู ทแ่ี หวงํ ไปแล๎วจะงอกขึน้ เหมือนผม หนวด และพชื นนั้ ไมํได๎ ข๎าพเจา๎ พดู น้เี ป็นความจรงิ ทาํ นจงใหด๎ อกบัวแกขํ า๎ พเจา๎ เถิด” ชายจมกู แหวํงไดฟ๎ ังบุตรเศรษฐีคนที่สามพดู ดงั นั้น จึงกลาํ ววํา “ทาํ นเป็นคนพูดจรงิ พูดถกู ข๎าพเจา๎ ชอบใจ ไมเํ หมือนสองคนทพี่ ูดมากอํ นยกยอํ งขา๎ พเจ๎าเกินความ จริง ขา๎ พเจ๎าจะใหด๎ อกบัวแกํทาํ น” แล๎วชายจมกู แหวงํ กห็ ยิบดอกบวั มดั ใหญํให๎แกบํ ตุ รเศรษฐคี นที่สาม ค๎นจาก http://www.everykid.com/nitan/speak_the_truth.html วันท่ี29 มิถุนายน 2556 เร่ืองนีส้ อนให้รู้วา่ “การพดู ความจริงยอํ มนํามาซงึ่ ผลตอบแทนที่ดี” แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือวิสามญั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.2-3) หน่วยที่ 12 สัมพนั ธภาพและการสอื่ สาร แผนการจคัดมู่ อื กสิจง่ เกสรรมิ รแมละทพี่ัฒ2น6ากิจกกรารรมเลลูกือเสกอื ทคักคู่ ษะรชอีวงติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ าปมรัญะกชา้ันศมนัธียยบมตั ศรึกวษชิ าาชปีพเที วี่ 25ล--36า 2 ช24ั่ว7โมง 1.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื วิสามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.2-3) หน่วยท่ี 12 สมั พนั ธภาพและการสื่อสาร เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจัดกจิ กรรมที่ 26 การเลอื กคคู่ รอง 1.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 254 ลูกคเสมู่ ือือสสง่ าเมสราิมรแถลอะธพิบัฒานยากคจิ วการมรมสลาํ ูกคเสัญือใทนักกษาะชรีวเลติ อืในกสคถํูคานรศอึกงษทาเ่ี หลกูมเาสะือสวสิมาไมดญั ๎ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 2. เนอื้ หา หญิงชายมกั ใหค๎ วามสาํ คัญกับคุณสมบตั ขิ องคคํู รองที่แตกตาํ งกันคอื หญิงจะให๎ความสาํ คญั กบั คณุ สมบัติทเ่ี ปน็ คณุ คาํ ภายในตนเป็นอนั ดับแรกแตํชายมักเลอื กคคูํ รองโดยมองทรี่ ปู ลกั ษณ๑ภายนอกเปน็ อนั ดับต๎นๆ การเลอื กคํคู รองท่เี หมาะสมโดยคาํ นงึ ถึงคณุ สมบัตทิ ด่ี งี ามจะมผี ลตอํ การมีชีวิตครอบครัวท่ีมี ความสขุ และยงั่ ยนื 3. สอ่ื การเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบงาน 1 และ 2 3.3 ใบความร๎ู 3.4 วัสดุประกอบใบงาน ได๎แกํ กระดาษฟลิปชาร๑ท, ปากกาหวั สักหลาด และกระดาษชนิ้ เลก็ สาํ หรับ ลูกเสอื เขยี นในการทาํ งานกลํุม 2 ครั้ง 3.5 เรอื่ งส้ันทเ่ี ปน็ ประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชมุ กอง (ชักธงขนึ้ สวดมนต๑ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรือเกม 4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ 1) ผ๎ูกาํ กับลกู เสอื นาํ สนทนาเรอื่ ง “ลูกเสือต๎องการคบเพื่อนลักษณะใด” โดยไมํตอ๎ งสรุป 2) สาํ รวจความเห็น “เมอื่ ลูกเสอื โตเปน็ ผ๎ูใหญํ จะเลือกคคูํ รองทมี่ ลี กั ษณะอยํางไร” ตามใบ กจิ กรรม 1 3) ผูก๎ าํ กบั ลูกเสอื รวบรวมคาํ ตอบทงั้ หมด เขยี นบนกระดาษฟลิปชาร๑ทโดย แยก ความเหน็ ตามเพศ ชาย-หญิง 4) ลกู เสอื จบั คูเํ พศเดียวกนั ชวํ ยกันคดิ วํา จากคณุ สมบัติของคํูครองทีต่ อ๎ งการทงั้ หมด บน กระดาษฟลปิ ชารท๑ ถ๎าให๎เลือกคณุ สมบัติ 1 อยําง ลูกเสอื จะเลอื กคุณสมบัตขิ ๎อใด 5) ผกู๎ าํ กับลกู เสอื เขยี นคณุ สมบตั ทิ ่ถี กู เลอื กแยกตามเพศชาย-หญิง บนกระดาษฟลิปชารท๑ 6) แบํงลูกเสือออกเปน็ กลมุํ ๆละ 8 คน โดยคละชายหญงิ นัง่ ลอ๎ มวง และใหอ๎ ภปิ รายตาม ประเดน็ ในใบกจิ กรรม 2 ควา2ม48รู๎ ค7ู่ม)ือสผง่ ู๎แเสทรมินแกลละพํมุ ฒั รานยากงิจากนรรผมลู๎กูกาํ เสกอื ับทลกั ษูกะเชสีวือติ นในาํ สอถภานิปศรึกาษยาเปพร่อืะเใภหทไ๎ลดูกเข๎ สอ๎อื วสสิ ราุปมญัแนชว้ันคมธัิดยทมคี่ศกึวษราไปดที ๎ตี่ 5า-ม6ใบ ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3 8) ลูกเสอื แตลํ ะคนเขียนข๎อความสนั้ ๆ “คคํู รองในอนาคตของฉัน........................................”
บน กระดาษฟลปิ ชาร๑ท ถ๎าใหเ๎ ลือกคุณสมบัติ 1 อยําง ลกู เสอื จะเลอื กคณุ สมบัตขิ อ๎ ใด 5) ผก๎ู ํากบั ลกู เสอื เขียนคณุ สมบตั ิที่ถกู เลอื กแยกตามเพศชาย-หญงิ บนกระดาษฟลิปชารท๑ 6) แบํงลกู เสอื ออกเป็นกลมุํ ๆละ 8 คน โดยคละชายหญิงนง่ั ลอ๎ มวง และใหอ๎ ภปิ รายตาม ประเด็นในใบกิจกรรม 2 7) ผ๎ูแทนกลุํมรายงาน ผก๎ู าํ กบั ลูกเสือนาํ อภปิ รายเพือ่ ให๎ได๎ขอ๎ สรปุ แนวคดิ ทค่ี วรไดต๎ ามใบ ความร๎ู 8) ลูกเสอื แตลํ ะคนเขียนขอ๎ ความสน้ั ๆ “คคํู รองในอนาคตของฉนั ........................................” แลว๎ แลกกันอํานในกลมํุ ค่มู ือสง่ เสร4มิ .4แลผะพ๎ูกฒั าํ กนาบั กเจิลกํารเรรมอื่ ลงกู สเสน้ั อื ททเ่ี กั ปษ็นะชปีวรติ ะใโนยสชถนาน๑ ศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 255 4.5 พิธีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สงั เกตความรวํ มมือในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการอภปิ ราย 6. องค์ประกอบทกั ษะชวี ิตสําคญั ที่เกดิ จากกิจกรรม คือ ความคิดวิเคราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนักถึงความสาํ คัญของการเลือกคคํู รองโดย พจิ ารณาจากคณุ สมบตั ภิ ายใน ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 26 เพลง คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 249 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3 ย้ิม
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 26 เพลง ย้มิ ยม้ิ ยมิ้ กนั เถอะนะ ย้มิ แลว๎ พาคลายเศร๎า 256 ย้ิมพาใหค๎ ลายเหงา ยิ้มพาเราเพลนิ ใจ คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ ยกริม้ รนมลั้นูกพเสาือสทขุ ักลษา้ํ ะชีวติ ในสถานทศาํ กึ เษรอื่างลยูกาเสกอื เวปสิ น็ ามงญัาํ ยชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 ยม้ิ ใหก๎ นั เมอ่ื ไร เรื่องร๎ายจะกลายเปน็ ดี ใบงาน 1 คําแนะนาํ ลูกเสือแตลํ ะคนใหเ๎ ลอื กคณุ สมบัตติ ํอไปน้ีเพยี ง 3 ประการท่คี ดิ วําเป็นคุณสมบัตขิ องคคํู รองท่ี ลกู เสือต๎องการจะเลอื กในอนาคต ( ลกู เสืออาจเขียนคณุ สมบตั อิ นื่ ๆทนี่ อกเหนอื จากนก้ี ไ็ ด๎) เขยี นลงบน กระดาษช้ินเลก็ ทีแ่ จกให๎ เขยี น 1 คณุ สมบัตติ ํอ 1 แผํน โดยไมตํ ๎องเขียนชอ่ื แตํให๎เขยี นเพศของลกู เสือทห่ี ัว กระดาษคาํ ตอบ (เวลา 5 นาที) 1. หนา๎ ตาดี 11. ขยัน 2. ฉลาด 12. ทําอาหารเกงํ 3. เอื้อเฟอ้ื 13. รักเดียวใจเดยี ว 4. ฐานะดี 14. สบายใจเมอ่ื ยูํใกล๎ 5. เปน็ นักกีฬา 15. มีความรบั ผิดชอบ 6. รักครอบครัว 16. พูดเกงํ 7. ซือ่ สตั ย๑ 17. แตํงกายดี 8. ใจเยน็ 18. รปู ราํ งสมสํวน 9. สุขภาพดี 19. เรียนเกํง 10. มเี สนํห๑ 20. ประหยดั ใบงาน 2 คาํ แนะนํา ลกู เสืออภิปรายกลมํุ ตามประเดน็ ท่ีไดร๎ บั มอบหมาย (เวลา 15 นาท)ี เมอื่ ไดข๎ อ๎ สรปุ แล๎ว 250 สกํงลต่มุปคัวูม่รทแะอื ก่ีสท1าง่ นศ-เส2นรรยี าิมบยแตั ลงระาวพนชิ ัฒาชนพีาก2ิจ-ก3รรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6
ใบงาน 2 คําแนะนํา ลูกเสืออภิปรายกลมํุ ตามประเดน็ ทไ่ี ดร๎ บั มอบหมาย (เวลา 15 นาที) เมอ่ื ไดข๎ อ๎ สรปุ แล๎ว สงํ ตัวแทนรายงาน กลุ่มที่ 1-2 1. คุณสมบตั ขิ องคคํู รองในอนาคต(ในกระดาษฟลปิ ชารท๑ ) ทล่ี กู เสอื ชายและหญงิ เลือกในครัง้ แรก ลกู เสือเหน็ วํา มคี วามแตกตาํ งกนั หรือไมํ และแตกตํางกันอยาํ งไร 2. ในอนาคต ถา๎ ตอ๎ งเลอื กคคํู รองจริงๆ ทาํ อยํางไรจงึ จะแนใํ จวาํ จะไดค๎ ํูครองท่ีมคี ุณสมบตั ิตรง คู่มือสง่ เสรมิ แลตะพามฒั ทนาี่เรกาจิ กตรอ๎ รงมกลาูกรเสือไมทักเํ ปษะลชีย่ ีวนิตแในปสลถงาเนมศ่ือกึ มษาาอลยกู เูเํ สปอื น็ วสคิ ารมอัญบคชรั้นวั มเัธดยยี มวศกึกษันาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 257 กลุ่มที่ 3-4 1. เมอ่ื จะต๎องเลอื กคุณสมบตั ิเพยี ง 1 อยําง ลูกเสอื คิดวาํ คุณสมบตั ิทล่ี ูกเสือชายกับลกู เสอื หญิง เลือกในครงั้ ที่สองมคี วามแตกตาํ งกันหรอื ไมํ และแตกตาํ งกนั อยาํ งไร 2. ถา๎ จะต๎องเลือกคคูํ รองจริงๆในอนาคต ทําอยํางไรจึงจะแนํใจวาํ จะได๎คคูํ รองทมี่ ีคุณสมบัตติ รง ตามท่เี ราตอ๎ งการ ไมํเปลี่ยนแปลงเมื่อมาอยํเู ปน็ ครอบครวั เดยี วกนั ใบความรู้ แนวคิดทีค่ วรได้ ประเดน็ อภปิ ราย แนวคดิ ทคี่ วรได้ 1. คุณสมบัติของคํูครองในอนาคต (ใน - จะเห็นวาํ ชาย-หญิงใหค๎ วามสาํ คัญกับ กระดาษฟลปิ ชาร๑ท) ทีล่ กู เสอื ชายและหญงิ คุณสมบัติของคํูครองท่ีตาํ งกัน เลอื กในครั้งแรก ลกู เสอื เหน็ วาํ มีความ แตกตํางกนั หรอื ไมํ และแตกตาํ งกันอยาํ งไร - หญิงมกั ให๎ความสาํ คญั กับคณุ สมบตั ิท่ี เปน็ คุณคําภายในตนเป็นอนั ดบั แรกๆ 2. เม่อื จะตอ๎ งเลอื กคณุ สมบัตเิ พยี ง 1 อยําง - ชายมกั เลอื กคูโํ ดยมองทร่ี ปู ลกั ษณ๑ ภายนอกเป็นอันดบั แรกๆ เม่ือใหเ๎ ลือกคุณสมบตั ปิ ระการเดียว ทั้งชาย ลกู เสอื คดิ วาํ คณุ สมบตั ิทลี่ ูกเสอื ชายกบั ลกู เสือ และหญงิ มักมคี วามเห็นทไี่ มต่ํ ่าํ งกนั เนือ่ งจาก หญงิ เลอื กในครง้ั ทส่ี องมีความแตกตํางกนั จริงๆแลว๎ การเลอื กคคํู รองเป็นเรอ่ื งคุณความดี หรอื ไมํ และแตกตาํ งกนั อยาํ งไร ของคนมากกวํารูปลักษณภ๑ ายนอก 3. ถา๎ จะต๎องเลอื กคํคู รองจริงๆในอนาคต ทาํ การเลอื กคูคํ รองควรใช๎เวลาศกึ ษากนั ให๎ถํอง อยํางไรจึงจะแนใํ จวํา จะไดค๎ คํู รองทมี่ ี แท๎กํอน และควรเตรยี มตวั ใหม๎ ีความพร๎อมทกุ คณุ สมบตั ติ รงตามทีเ่ ราตอ๎ งการ ไมํ อยาํ ง เพอ่ื ปอ้ งกนั ไมใํ หเ๎ กิดปัญหามาภายหลงั เปลยี่ นแปลงเมอ่ื มาอยเูํ ปน็ ครอบครัวเดียวกนั เรอ่ื งส้ันท่ีเปน็ ประโยชน์ ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถคาูแ่ นศทึก้ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 251 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3 ครงั้ หนง่ึ นานมาแลว๎ …มคี รกู ับลกู ศิษยน๑ ั่งอยใูํ ตต๎ ๎นไม๎ใหญํ ซึง่ ใกล๎กบั สนามหญา๎ อนั กว๎างใหญํ ทนั ใดนน้ั
อยํางไรจึงจะแนใํ จวาํ จะไดค๎ คํู รองทมี่ ี แทก๎ อํ น และควรเตรยี มตัวใหม๎ ีความพร๎อมทกุ คุณสมบัตติ รงตามท่เี ราต๎องการ ไมํ อยาํ ง เพื่อป้องกนั ไมใํ หเ๎ กดิ ปัญหามาภายหลัง เปลยี่ นแปลงเม่อื มาอยํเู ป็น ครอบครวั เดียวกนั เร่ืองสนั้ ทท่ีเีเ่ ปป็นน็ ปปรระะโโยยชชนน์ ์ ค่แู ท้ ครั้งหน่งึ นานมาแล๎ว …มีครกู บั ลกู ศษิ ยน๑ ง่ั อยใูํ ต๎ต๎นไมใ๎ หญํ ซงึ่ ใกลก๎ ับสนามหญ๎าอนั กว๎างใหญํ ทนั ใดนน้ั ลกู ศษิ ย๑คนหน่ึงก็ถามขน้ึ มาวาํ คร2ลับ5กู ?8ศิษย๑ ค: ูม่อือาสจง่ าเสรยรมิ ค๑ แรลับะพผัฒมนสากงิจสกยั รจรมงั เลลูกยเสวอื าํ ทักเรษาะจชะีวหติ ใานคสแํู ถทานเ๎ รศาึกเษจาอลไูกดเไ๎สงือควสิราับมญัอาชจน้ัามรยธั ยบ๑ มอศกกึ ผษมาปหที น่ี 5อํ -6ยแไลดะไ๎ ปหวมช.2-3 อาจารย๑ : งนั้ เธอลองมองไปทางนนั้ นะ ตรงนนั้ นะํ มหี ญา๎ เยอะแยะ เธอลองเดิน ไปหาหญ๎าตน๎ ทีส่ วยทีส่ ดุ แลว๎ เด็ดมาใหค๎ รูสิ ตน๎ เดยี วเทาํ น้นั นะ แตวํ าํ เวลาเธอเดนิ เนยี่ เธอต๎องเดนิ ไป ขา๎ งหนา๎ อยาํ งเดยี วนะ หา๎ ม เดินถอยหลงั เขา๎ ใจไหม ลูกศิษย๑ : ได๎เลยครับ อาจารย๑รอสกั ครูํนะครบั (วําแล๎ว ก็วง่ิ ตรงไปยังสนามหญา๎ ) หลงั จากนน้ั ไมํนาน… ลกู ศิษย๑ :ผมกลับมาแล๎วครับอาจารย๑ อาจารย๑ : ทาํ ไมครไู มเํ ห็นตน๎ หญา๎ สวยๆ ในมือเธอเลยหละ ลูกศิษย๑ : ตอนท่ผี มเดนิ ไปแล๎วผมเจอตน๎ หญา๎ สวย ๆ ผมก็กค็ ิดวําเดยี๋ วกค็ งเจอตน๎ ที่สวยกวาํ น้ี ดงั น้ันผมก็ เลยไมเํ ด็ดมนั แล๎วผมก็เดนิ ไปเรือ่ ย ร๎ูตัวอกี ที มนั ก็สดุ สนามหญา๎ แลว๎ ครับ จะเดนิ กลับกไ็ มไํ ด๎ เพราะ อาจารยส๑ งั่ ห๎ามไว๎ อาจารย๑ : น่นั แหละ คอื สงิ่ ท่จี ะเกดิ ขนึ้ ในชีวิตจรงิ ตน๎ หญา๎ ก็คอื คนทอ่ี ยูํรอบ ๆ ตัวเธอ ตน๎ หญา๎ ท่ี สวยงาม กค็ อื คนท่เี ธอชอบ สวํ นทงํุ หญ๎า ก็คอื เวลา เวลาท่เี ธอจะหาคแูํ ท๎ อยาํ มัวแตํเปรยี บเทยี บ แลว๎ คิดวํา คงจะมที ด่ี กี วําน้ี เพราะถา๎ มวั แตํ เปรยี บเทียบ เธอจะเสียเวลาไปโดยเปลาํ ประโยชน๑ อยาํ ลมื วาํ … \"เวลาไมํ เคยยอ๎ นกลับ\" เร่ืองนี้สอนให้ร้วู า่ ควรตัดสนิ ใจในสิ่งที่ต๎องการกอํ นทจี่ ะสายเกนิ ไป แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6, ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช. 2-3) หแผน2นว่ 5ยก2ทาร่ี 1จ3ัดคปกู่มรปะือิจรกสกาะ่งศเรเสนมรรยี มิินมบแัตทผลระล่ีวพ2ชิ 7ฒั าชนกพีากา2ิจร-ก3ปรรรมะลเกู มเสนิ ือทผักลษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ชั่วโมง เวลา 1
แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสือวิสามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6, ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช. 2-3) หน่วยท่ี 13 ประเมนิ ผล เวลา 1 ชัว่ โมง แผนการจัดกิจกรรมที่ 27 การประเมินผล 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 259 1.1 เพอ่ื ให๎ลูกเสือเขา๎ ใจการประเมินผลเพอ่ื การตัดสนิ ผลการผาํ น ไมํผาํ นกจิ กรรม คู่มือสง่ เสร1ิม.2แลเะพพ่ือัฒในหาล๎กจิูกกเรสรือมสลากู มเสาอื รทถกั รษบั ะชกวี าติ รใปนรสะถเามนนิศกึพษฤาตลกิ กู รเสรือมวทสิ ากั มษัญะชชวีัน้ ติมทธั ยี่ลมกู ศเกึ สษือาไปดีทร๎ ี่ 5ับ-6กแาลระพปัฒวชน.า2-3 1.3 เพ่ือเตรียมความพร๎อมรับการประเมนิ ตามวธิ กี ารของผก๎ู าํ กับกองลกู เสือ 2. เนื้อหา 2.1 เกณฑก๑ ารตดั สินกจิ กรรมพัฒนาผู๎เรยี นตามหลักสตู รการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 2.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมทกั ษะชีวติ 3. ส่ือการเรียนรู้ 3.1 Flow Chart การประเมนิ เพ่ือตัดสินผลการเลอ่ื นชน้ั ของลูกเสอื และจบการศึกษา 3.2 การประเมินทักษะชวี ติ ของลกู เสอื รายบคุ คลหรือรายหมํลู กู เสือ 3.3 ใบความรู๎ 4. กจิ กรรม 4.1 ผ๎ูกํากับลกู เสอื อธิบายหลกั เกณฑ๑ วิธกี ารประเมินผลการเรียนรูต๎ ามทหี่ ลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 กาํ หนดเพอ่ื ตดั สินการจบการศกึ ษา 4.2 ผ๎ูกาํ กับลูกเสอื อธบิ ายถึงพฤติกรรมของลกู เสือท่ไี ดร๎ ับการเสรมิ สร๎างทกั ษะชวี ิตผํานกจิ กรรม ลกู เสอื 4.3 ลูกเสอื ประเมนิ ความพรอ๎ มของตนเองเพอ่ื รบั การประเมินและวางแผนพัฒนาตนเองในสวํ นทไี่ มํ ม่นั ใจ 4.4 ผ๎ูกาํ กบั ลูกเสอื และลกู เสอื กาํ หนดขอ๎ ตกลงรวํ มกันถึงชํวงเวลาการประเมนิ 4.5 ผ๎ูกาํ กบั ลกู เสอื นดั หมายและดาํ เนินการประเมิน 5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตจากผลการประเมนิ ตนเองของลกู เสอื 5.2 สงั เกตความม่ันใจและการยืนยันความพรอ๎ มของลกู เสอื ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 27 1.คกมู่ อืาสร่งปเสรรมิะแเลมะินพฒัผนลาตกิจากมรรเมกลณูกเสฑือข์ทกัอษงะหชีวลติ ักในสสูตถารนกศาึกษราศปกึ รษะเาภขทลั้นูกพเสืน้อื วฐิสาามนัญพช.ัน้ ศม.ัธย2ม5ศ5ึก1ษาปีที่ 5-6 253 Flow Char กระบวนการประเมินผลลูกเสปือระกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3
5.1 สงั เกตจากผลการประเมนิ ตนเองของลูกเสอื 5.2 สงั เกตความมนั่ ใจและการยนื ยนั ความพรอ๎ มของลกู เสอื ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 27 1. การประเมนิ ผลตามเกณฑ์ของหลักสตู รการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 Flow Char กระบวนการประเมนิ ผลลูกเสือ ลลกู กู เเสสอื อื เเรรยี ียนนรรจู้ จู้ าากกกกจิ ิจกกรรรมรม 260 คูม่ อื สง่ เสลรกูิมแเสลอืะพเสัฒรนมิ ากสจิรก้ารงรทมกัลูกษเสะชอื ทวี ักติ ษะชีวติ ในสถานศกึ ษเกา ณลูกฑเส์กอื าวสิราปมรัญะเมชั้นินมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 1. เวลาเข้าร่วมกิจกรรม ผ้กู ากบั ประเมนิ ผลเรยี นของ 2. การปฏบิ ัติกิจกรรม ลูกเสือ ที่ร่วมกจิ กรรม 3. ผลงาน / ชน้ิ งาน 4. พฤตกิ รรม/คุณลักษณะของ ลกู เสอื ไมผ่ ่าน ผลการประเมนิ - ซ่อมเสรมิ ผ่าน - พัฒนาซ้า ผา่ น ตดั สินผลการเรยี นรู้ผ่านเกณฑ์ รับเครื่องหมายชัน้ ลกู เสือ ตามประเภทลูกเสือ แบบประเมินตนเองของลูกเสือ ชือ่ ..........................................................ประเภทลูกเสอื ...........................ชัน้ ................................ 254 คปมู่ระือกสาง่ ศเสนรียมิ บแตั ลระวพิชฒั าชนพีาก2ิจ-ก3รรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถเากนณศึกฑษา์ทป่ี ระเภทลกูกาเสรือปวิสราะมเัญมชนิ น้ั ตมัธนยเมอศงึกษาปที ่ี 5-ข6้อคดิ เหน็ ที่ รายการทรี่ ับการประเมิน สถานศึกษา ครบ/ ไม่ครบ/ การพัฒนา
แบบประเมนิ ตนเองของลูกเสือ ช่อื ..........................................................ประเภทลกู เสอื ...........................ชัน้ ................................ เกณฑท์ ่ี การประเมนิ ตนเอง ขอ้ คิดเห็น ที่ รายการทีร่ ับการประเมนิ สถานศกึ ษา ครบ/ ไม่ครบ/ การพฒั นา กาํ หนด ผ่าน ไมผ่ า่ น 1 1. เขา๎ รวํ มกจิ กรรมลกู เสือ ไมํนอ๎ ยกวํา 1.1 รํวมกิจกรรมการฝึกอบรม 24ชว่ั โมง/ ปี คู่มอื สง่ เส1ร.มิ 2แรลวํะพมัฒกนิจากกริจรกมรรวมันลสูกาํเสคอื ัญทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 261 - วนั สถาปนาลกู เสอื 1 ครั้ง/ ปี - วันถวายราชสดุดี 1 ครง้ั / ปี - วันพอํ แหํงชาติ 1 ครั้ง/ ปี - วันแมํแหํงชาติ 1 ครง้ั / ปี - วันตา๎ นยาเสพติด 1 ครง้ั / ปี - กจิ กรรมบําเพ็ญประโยชนอ๑ น่ื ๆ 8ครัง้ / ปี - กจิ กรรมวัฒนธรรม/ ประเพณี 4คร้งั / ปี 1.3 เดินทางไกล/ อยคูํ าํ ยพักแรม 1 ครั้ง/ ปี 2 2. มีผลงาน/ ชน้ิ งานจากการเรยี นรู๎ ไมํนอ๎ ยกวาํ กิจกรรมลกู เสอื 2.1 ผลงานการบริการ 6รายการ/ ปี 2.2 ชนิ้ งาน/ งานทค่ี ดิ สรา๎ งสรรค๑ 2รายการ/ ปี 2.3 อ่ืนๆ เชนํ รายงานฯ 2รายการ/ ปี 3 3. มคี วามพรอ๎ มเข๎ารบั การทดสอบเพ่อื เล่ือนชั้นและรับเครือ่ งหมายวชิ าพิเศษ ลกู เสือวิสามัญ 3.1............................................. 3.2............................................. 3.3............................................. 3.4............................................. 3.5............................................. ผา่ นและพรอ้ ม สรปุ ฉนั มัน่ ใจวาํ ผาํ น ฉนั มคี วามพรอ๎ มให๎ประเมนิ ฉันยังไมพํ รอ๎ ม สรปุ ผลการประเมินตนเอง 1. ดา้ นทักษะลูกเสอื 255 คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3
สรุป ฉนั มั่นใจวาํ ผาํ น ฉันมีความพรอ๎ มใหป๎ ระเมิน ฉันยงั ไมํพรอ๎ ม สรุปผลการประเมนิ ตนเอง 1. ด้านทกั ษะลูกเสอื 2ม6น่ั2ใจมาคก่มู วือําสจง่ ะเสริมและพพฒั นร๎อากมจิ แกลรรว๎ มลกู เสือทักษะไชมีวิตแํ ในนใํสจถานศึกษา ลูกตเส๎ออื งวขสิ อามคัญวาชมั้นมัธยมศกึ ษาปงีทุนี่ 5ง-ง6 และ ปวช.2-3 ผาํ นการประเมิน ชํวยเหลอื จาก ไมํเขา๎ ใจ ผ๎ูกาํ กบั มน่ั ใจมาก พรอ๎ มรบั การประเมินเครอื่ งหมายวิชาพเิ ศษ พร๎อมรับการประเมิน ไมแํ นํใจ ยงั ตอ๎ งพฒั นา/ ซอํ มเสรมิ บางเรอ่ื ง ตอ๎ งการความชํวยเหลอื จากผกู๎ าํ กบั ลกู เสอื ลงชื่อ.......................................................ผป๎ู ระเมิน แบบประเมนิ พฤติกรรมทักษะชีวติ ของลูกเสอื สาํ หรบั ผ้กู ํากับลูกเสอื คาํ ชแี้25จ6ง คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ให๎ผป๎ตูระอกบาศทนําียแบบตั รบวปิชารชะีพเม2ิน-3ทุกข๎อโดยแตลํ ะขอ๎ ให๎ทาํ เครอื่ งหมาย / ลงในชอํ งทต่ี รงกบั ความ
แบบประเมนิ พฤติกรรมทกั ษะชวี ติ ของลกู เสือสําหรับผู้กํากับลกู เสือ คาํ ชี้แจง ใหผ๎ ูต๎ อบทําแบบประเมนิ ทกุ ขอ๎ โดยแตลํ ะขอ๎ ให๎ทาํ เครอื่ งหมาย / ลงในชํองท่ตี รงกบั ความ เป็นจริง 2.1 พฤตกิ รรมลูกเสอื สํารองที่คาดหวัง คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษระาชยวี กติ ใานรสปถารนะศเมึกษินา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปใวชช่ .2-3 ไมใ่2ช63่ 1. ลูกเสือมที กั ษะในการสงั เกตและจดจาํ 2. ลูกเสือสามารถพึง่ ตนเองและดูแลตนเองได๎ 3. ลูกเสอื สํารองปฏบิ ตั กิ ิจกรรมบําเพญ็ ประโยชน๑รักษาส่ิงแวดลอ๎ ม และอนุรกั ษ๑ทรพั ยากรธรรมชาติ 4. ลูกเสอื ไมมํ ปี ญั หาทันตสขุ ภาพและไมเํ จ็บปว่ ยด๎วยโรคติดตํอ ตามฤดกู าล 5. ลูกเสือรจู๎ กั รักษาสุขภาพและปฏเิ สธส่ิงเสพติด 6. ลูกเสอื ร๎จู กั แก๎ปัญหาเฉพาะหนา๎ หรอื ใหก๎ ารชํวยเหลอื / แจง๎ เหตุเมอื่ ประสบเหตุ วกิ ฤต 7. ลูกเสอื มีสวํ นสูงและน้าํ หนกั ตามเกณฑม๑ าตรฐาน 8. ลกู เสือมที กั ษะในการสอ่ื สารได๎ถกู กาลเทศะและไมํก๎าวร๎าวรุนแรง สรุปแบบการประเมนิ ตนเอง ฉันมีทกั ษะชวี ิต ฉนั ตอ๎ งพัฒนาตนเองอกี มาก ฉนั จะมีทกั ษะชีวิตถ๎าแกไ๎ ข ปรับปรงุ พฤติกรรม 2.2 พฤตกิ รรมลกู เสือสามญั ทค่ี าดหวงั คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรรมลากูยเสกอื าทรกั ปษะรชะวี เิตมในินสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาใปชีท่่ี 5-6 ไ2ม5ใ่ 7ช่ ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3 1. ลูกเสอื มีทกั ษะในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมกลางแจ๎ง
2.2 พฤติกรรมลกู เสอื สามญั ทีค่ าดหวงั รายการประเมิน ใช่ ไม่ใช่ 1. ลกู เสือมที กั ษะในการปฏิบตั กิ ิจกรรมกลางแจง๎ 2. ลูกเสือรํวมกจิ กรรมบําเพ็ญประโยชน๑ 3. ลูกเสือชํวยตนเองและครอบครัวได๎ 4.2ล64กู เสือไคมู่มมํ ือปี สง่ัญเสหราิมทแลนั ะตพสัฒขุ นภากาิจพกรไรมมลดํ กู ม่ื เสนอื ํา้ ทอกั ดั ษละมชีวขิตนในมสกถราบุ นกศกึรษอาบลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 ไมรํ ับประทานขนมหวานเปน็ ประจํา 5. ลูกเสอื รู๎จกั ใชเ๎ วลาวํางใหเ๎ ป็นประโยชน๑และไมํติดเกม 6. ลูกเสอื ประพฤตติ นเหมาะสมกับเพศและวัยมที กั ษะการสร๎าง สมั พนั ธภาพและการสอื่ สารไมํกา๎ วร๎าวรุนแรง 7. ลูกเสอื แสดงออกถึงความซื่อสตั ย๑ ร๎จู ักแก๎ปัญหา หรอื ใหค๎ วาม ชวํ ยเหลือผ๎ูอ่นื 8. ลกู เสือมีนาํ้ หนกั และสวํ นสงู ตามเกณฑม๑ าตรฐาน สรปุ แบบการประเมินตนเอง มที ักษะชวี ิต จะมีทกั ษะชวี ติ ตอ๎ งพัฒนาตนเอง ไมํแนํใจชวี ิต พร๎อมเผชิญ แก๎ไขปรบั ปรุง อีกมาก (มปี ญั หาแลว๎ ) อยํางรอดปลอดภัย พฤติกรรม (เสีย่ งนะเนี่ย) เร่ืองที่ฉนั จะต้องปรบั ปรุง 1).................................................................................................................................................. 2).................................................................................................................................................. 3).................................................................................................................................................. 4).................................................................................................................................................. 2.3 พฤติกรรมลกู เสือสามญั รุ่นใหญท่ ีค่ าดหวัง 258 ปคู่มระอื กสา่งศเสนรียมิ บแตั ลระวพชิ ัฒาชนีพาก2ิจ-ก3รรมรลากู ยเสกอื าทรักษปะรชะวี เติ มในนิ สถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษ1าปที ่ี 5-6 2 1. ลกู เสือพฒั นาตนเองใหม๎ ที กั ษะในการทาํ กจิ กรรมลกู เสอื
4).................................................................................................................................................. 2.3 พฤตกิ รรมลูกเสือสามัญรุ่นใหญท่ ่ีคาดหวงั รายการประเมิน 1 2 1. ลกู เสอื พัฒนาตนเองใหม๎ ที กั ษะในการทาํ กิจกรรมลูกเสอื 265 ตามความสนใจและได๎รับเคร่อื งหมายวชิ าพเิ ศษ 2. ลกู เสอื ทํากจิ กรรมบาํ เพญ็ ประโยชนต๑ อํ ครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน และสังคม คูม่ อื3ส.ง่ ลเสกู รเิมสแอื ลใะชพเ๎ฒั วนลาากวิจาํ กงรทรมเ่ี ปลูกน็ เสปือรทะกัโษยะชชนวี ติท๑ ใาํ นกสจิ ถกานรศรึกมษอา นลกูรุ เกั สษอื วส๑ สิ งํ าเมสญั ริมชจ้ันามรัธตี ยปมรศะกึ เษพาณปที ี ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 ศิลปวัฒนธรรมไทย 4. ลูกเสอื รเ๎ู ทาํ ทนั ส่ือโฆษณาและรจู๎ กั ใชป๎ ระโยชน๑จาก Internet 5. ลูกเสอื เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมหรือปรบั ปรุงและพฒั นาตนเองได๎ เหมาะสมกับเพศวัยไมํกา๎ วร๎าวรนุ แรง 6. ลกู เสอื ทาํ กิจกรรมหรือโครงการประหยดั พลงั งาน/ทรัพยากร 7. ลกู เสอื มกี ารออม หรือทาํ บัญชีรายรบั รายจาํ ยอยํางตอํ เนอ่ื ง 8. ลกู เสอื ไมเํ คยประสบอบุ ตั เิ หตุจากการใชย๎ านพาหนะ สรปุ แบบการประเมนิ ตนเอง มีทักษะชวี ติ จะมที ักษะชวี ติ ตอ๎ งพฒั นาตนเอง ไมํแนใํ จชีวติ พร๎อมเผชญิ แกไ๎ ขปรบั ปรุง อีกมาก (มีปญั หาแล๎ว) อยํางรอดปลอดภัย พฤติกรรม (เส่ยี งนะเนยี่ ) เรื่องทฉ่ี นั จะตอ้ งปรบั ปรุง 1).................................................................................................................................................. 2).................................................................................................................................................. 3).................................................................................................................................................. 4).................................................................................................................................................. 2.4 พฤติกรรมลกู เสอื วสิ ามัญทีค่ าดหวัง 1. ลกู เคสมู่ อื ือทสง่ าํ เสกริจมิ กแลระรพมัฒ/โนคารกจิงกกรารรมลตรกู าเาสมยอื คทกักวาษาระมปชถีวริตนะใดันเมแสถลินาะนคศวกึ ษามา สปรนะใเภจทลูกเสอื วิสาปมรัญะกชาน้ัศมนธัียยบมัตศรกึวษิชาาชปใพีีทช่ี ่25--36 ไมใ่ ช่ 259
3).................................................................................................................................................. 4).................................................................................................................................................. 2.4 พฤติกรรมลูกเสือวิสามญั ที่คาดหวงั รายการประเมิน ใช่ ไมใ่ ช่ 1. ลกู เสือทํากิจกรรม/โครงการ ตามความถนดั และความสนใจ 2. ลูกเสอื บรกิ ารผอู๎ น่ื ชวํ ยเหลือชุมชน สังคม และประเทศชาติ 236.6ลกู เสคอื ่มูรอืูจ๎ สักง่ วเสธิ รีปมิ อ้แงลกะพนั ัฒคนวาากมจิ กเสรรย่ี มงลทกู าเสงือเพทักศษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 4. ลกู เสอื ใช๎เวลากับสอ่ื ไอทไี ดอ๎ ยาํ งเหมาะสม 5. ลกู เสือตระหนกั ถึงพิษภยั และหลกี เล่ยี งจากสง่ิ เยสาพเสตพดิ ติด 6. ลูกเสือมคี ํานยิ มสขุ ภาพ ดา๎ นอาหาร และความงามท่เี หมาะสม 7. ลกู เสอื ทาํ งานหารายไดร๎ ะหวํางเรยี น 8. ลูกเสือไมมํ ีพฤตกิ รรมกา๎ วร๎าวและไมกํ อํ เหตรุ ุนแรง สรปุ แบบการประเมนิ ตนเอง มที ักษะชีวิต จะมีทักษะชวี ิต ตอ๎ งพฒั นาตนเอง ไมแํ นํใจชวี ิต (มปี ัญหาแล๎ว) พรอ๎ มเผชญิ แก๎ไขปรับปรุง อีกมาก อยาํ งรอดปลอดภัย พฤตกิ รรม (เส่ยี งนะเนี่ย) เร่อื งที่ฉนั จะต้องปรบั ปรุง 1).................................................................................................................................................. 2).................................................................................................................................................. 3).................................................................................................................................................. 4).................................................................................................................................................. ใบความรู้ 260 คปู่มระอื กสา่งศเสนรยี ิมบแัตลระวพชิ ฒั าชนพีาก2จิ -ก3รรมลกู กเสาอื รทปกั ษระะชเวี มติ ใินนกสถจิ ากนศรึกรษมาลปกูระเเสภทอื ล*กู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6
ใบความรู้ การประเมนิ กจิ กรรมลกู เสอื * 1. การประเมนิ ผลการเรียนรูต๎ ามแนวทางหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน 2551 คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 267 หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กาํ หนดใหก๎ จิ กรรมลกู เสือเป็นกิจกรรมท่มี ํุงปลูกฝงั ระเบียบ วินัยและกฎเกณฑ๑เพื่อการอยํูรํวมกัน รู๎จักการเสียสละ บําเพ็ญประโยชน๑แกํสังคมและดําเนินวิถีชีวิตใน ระบอบประชาธิปไตย ตลอดจนมีทักษะชวี ติ เป็นภูมคิ ๎มุ กนั ปัญหาสังคมตามชวํ งวัยของลกู เสือ การจดั กิจกรรมลูกเสือยังต๎องเป็นไปตามข๎อบังคับของสํานักงานลูกเสือแหํงชาติและสอดคล๎องกับ หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานอกี ดว๎ ย แนวทางการประเมินผลกิจกรรมลูกเสือ กิจกรรมลูกเสือเป็นกิจกรรมนักเรียนที่ลูกเสือทุกคนต๎องเข๎ารํวมกิจกรรมลูกเสือ 40 ช่ัวโมงตํอปี การศึกษาในระดับประถมศกึ ษาและมัธยมศึกษา การประเมินการจดั กิจกรรมลูกเสอื ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานมีประเด็น/ส่ิงที่ต๎อง ประเมินดงั นี้ 1. เวลาในการเข๎ารวํ มกิจกรรม ผ๎ูเรียนต๎องมีเวลาเข๎ารํวมกจิ กรรมตามทีส่ ถานศึกษากําหนด 2. การเรยี นรู๎ผาํ นกิจกรรมหรือการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมอยํางตํอเนอื่ ง มงุํ เนน๎ การพัฒนาศักยภาพของตน และการทาํ งานกลมุํ 3. ผลงาน / ชิ้นงาน / พฤติกรรม / คุณลักษณะของผู๎เรียน ท่ีปรากฏจากการเรียนรู๎หรือการ เปลี่ยนแปลงตนเอง *การประเมินผลอาจเขยี นแยกการประเมินผลแตลํ ะกจิ กรรม หรอื เขียนรวมในภาพรวมของกิจกรรมลูกเสือก็ ได๎ แนวทางการประเมนิ ผลการเรยี นรู้กิจกรรมลูกเสือ คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 261 แผนการจดั กจิ กรรมลกู เสอื ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3 268 คูม่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3
เกณฑก์ ารประเมิน ตาแมนควเมู่สทจรอื ัดาิมกกงสากจิ รรกาา้จรรงัดปรทกมรกัจิ ละษกกูเมาะเชรสินลีวอื ผกูิตลเสกือาทร่ีเรียนร้กู ิจกรร3214ม.... พลกผเวกูฤาลลรเงตาสปากิเือนขฏร้าบิร/รมัตช่ว/ิกคิน้มจิุณกงกาิจลนรกกัรรมษรณม ะของ แผปนรกะาเรมจนิ ดั ผกลจิ กการรรเมรลยี กูนเรสู้ อื ลกู เสือ ไม่ผา่ น เกณฑก์ ารประเมนิ 1. เวลซาอ่ เขมา้เสรร่วมิมกจิ กรรม จดั ผกลิจกการรปมรละเูกมเสินือ 2. การปฏบิ ัติกจิ กรรม ตามคมู่ ือการจัดกจิ การผลา่กู นเสอื ท่ี 3. ผลงาน / ชผน้ิ า่ งนาน เสสรริมุปสผรลา้ กงาทรกัปษระะเชมีวินติ / 4. พฤตกิ รรม/คุณลักษณะของ ปตรดัะเสมินินผผลลกกาารรเรเรยี ยี นนรรู้ ู้ ลูกเสือ รายงผาลนกา/รสปารระสเนมเินทศ ไม่ผ่าน ซอ่ มเสรมิ ผา่ น ผ่าน จัดพธิ สีปรรปุะดผับลกเคารรอื่ปงรหะมเมานิย/ลกู เสือ ตตัดามสินปผระลเกภาทรลเรกู ยี เสนอืรู้ รายงาน / สารสนเทศ จัดพธิ ีประดับเครอ่ื งหมายลกู เสอื ตามประเภทลูกเสือ การประเมนิ กิจกรรมลกู เสือ มี 2 แนวทาง คอื 1. การประเมินกจิ กรรมลกู เสอื รายกิจกรรมมีแนวปฏบิ ตั ดิ ังน้ี 1.1 ตรวจสอบเวลาเขา๎ รํวมกจิ กรรมของลูกเสือใหเ๎ ป็นไปตามเกณฑ๑ที่สถานศึกษากําหนด คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 269 การประเมนิ กิจกรรมลูกเสือ มี 2 แนวทาง คือ 1. การประเมนิ กิจกรรมลูกเสอื รายกจิ กรรมมแี นวปฏบิ ตั ิดงั นี้ 262 คูม่ อื สง่1เ.ส1ริมตแรลวะพจัฒสนอาบกเิจวกลรรามเลขกู า๎ เรสวํอื ทมกั กษจิ ะกชีวรติ รใมนสขถอางนลศูกกึ ษเสา ือปใรหะเเ๎ภปทน็ลูกไเปสอื ตวาิสมามเกัญณช้นัฑม๑ทธั ย่สี มถศาึกนษาศปกึ ที ษ่ี 5า-6กาํ หนด ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3 คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 269
1.2 ประเมินกจิ กรรมการเรียนร๎จู ากการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน / ชิ้นงาน / คุณลักษณะ ของผู๎เรียนตามเกณฑ๑ท่ีสถานศึกษากําหนดด๎วยวิธีการท่ีหลากหลาย เน๎นการมีสํวนรํวมในการปฏิบัติ กิจกรรม 1.3 ลูกเสือท่ีมีเวลาการเข๎ารํวมกิจกรรม มีการปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน / ชิ้นงาน / คุณลักษณะตามเกณฑ๑ที่สถานศึกษากําหนดเป็นผ๎ูผํานการประเมินรายกิจกรรมและนําผลการประเมินไป บนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน 1.4 ลกู เสือที่มีผลการประเมนิ ไมํผาํ นในเกณฑเ๑ วลาการเข๎ารวํ มกจิ กรรม การปฏบิ ัติกิจกรรม และผลงาน / ชน้ิ งาน / คุณลักษณะตามท่ีสถานศึกษากําหนด ผู๎กํากับลูกเสือต๎องดําเนินการซํอมเสริมและ ประเมินจนผาํ น ทัง้ นีค้ วรดาํ เนนิ การให๎เสรจ็ สน้ิ ในปีการศึกษานั้น ๆ ยกเวน๎ มีเหตุสุดวสิ ัยให๎อยใํู นดลุ พินจิ ของ สถานศึกษา 2. การประเมินกจิ กรรมลกู เสือเพื่อการตดั สนิ ใจ การประเมนิ กิจกรรมลกู เสอื เพอ่ื ตดั สนิ ควรได๎รับเคร่ืองหมายและเล่ือนระดับทางลูกเสือและ จบการศึกษาเป็นการประเมินการผํานกิจกรรมลูกเสือเป็นรายปี / รายภาค / เพ่ือสรุปผลการผํานในแตํละ กิจกรรม สรุปผลรวมเพ่ือสรุปผลการผํานในแตํละกิจกรรม สรุปผลรวมเพ่ือเล่ือนช้ันระดับลูกเสือและ ประมวลผลรวมในปีสุดท๎ายเพื่อการจบแตํละระดับการศึกษา โดยการดําเนินการดังกลําวมีแนวทางปฏิบัติ ดังน้ี 2.1 กําหนดใหม๎ ผี รู๎ ับผดิ ชอบในการรวบรวมข๎อมูลเก่ียวกับการเข๎ารํวมกิจกรรมลูกเสือของ ลูกเสอื ทุกคนตลอดระดบั การศกึ ษา 2.2 ผ๎รู ับผิดชอบสรุปและตัดสินใจผลการรวํ มกจิ กรรมลูกเสือของลูกเสือเป็นรายบุคคล ราย หมํู ตามเกณฑท๑ ี่สถานศกึ ษากาํ หนด เกณฑ์การตัดสนิ 1. กําหนดเกณฑก๑ ารประเมินตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานกําหนดไว๎ 2 ระดับ คือ ผาํ น และ ไมํผาํ น 2. เกณฑก๑ ารตดั สินผลการประเมนิ รายกิจกรรม ผําน หมายถึง ลูกเสือมีเวลาเข๎ารํวมกิจกรรมครบตามเกณฑ๑ ปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงาน / ช้นิ งาน / คณุ ลักษณะตามเกณฑ๑ทส่ี ถานศกึ ษากําหนด ไมผํ าํ น หมายถึง ลูกเสือมีเวลาเข๎ารํวมกิจกรรมไมํครบตามเกณฑ๑ ไมํผํานการปฏิบัติกิจกรรม หรือมีผลงาน / ชนิ้ งาน / คุณลักษณะไมเํ ป็นไปตามเกณฑท๑ ่ีสถานศึกษากาํ หนด 3. เกณฑ๑การตัดสนิ ผลการประเมินกจิ กรรมลูกเสือรายปี / รายภาค ผําน หมายถึง ลูกเสอื มผี ลการประเมนิ ระดับ “ผําน” ในกิจกรรมสําคญั ตามหลักสูตรลกู เสอื แตํละ ประเภทกาํ หนด รวมถึงหลักสูตรลกู เสือทกั ษะชวี ติ ไมผํ าํ น หมายถึง ลกู เสอื มีผลการประเมินระดับ “ไมํผําน” ในกิจกรรมสําคัญท่ีหลักสูตรลูกเสือ แตํละประเภทกําหนดและลกู เสือทกั ษะชวี ิต 270 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 263 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
4. เกณฑ๑การตัดสินผลการประเมินกิจกรรมลูกเสือเพื่อจบหลักสูตรลูกเสือแตํละประเภทเป็น รายชน้ั ปี ผําน หมายถึง ลูกเสือมีผลการประเมินระดับ “ผําน” ทุกช้ันปีในระดับการศึกษานั้น ไมผํ าํ น หมายถงึ ลกู เสอื มผี ลการประเมินระดบั “ไมผํ ําน” บางชัน้ ปีในระดบั การศกึ ษานั้น (หมายเหตุ การประเมินผลอาจเขียนแยกการประเมินผลแตํละกิจกรรม หรือเขียนรวมในภาพรวมของ กิจกรรมลูกเสือกไ็ ด๎) เอกสารอา้ งองิ กระทรวงศึกษาธกิ าร. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.กรุงเทพมหานคร : โรง พิมพช๑ มุ นุมสหกรณ๑การเกษตรแหํงประเทศไทย จํากัด. 2551 2. การประเมนิ พฤตกิ รรมทกั ษะชีวิตและคณุ ลักษณะทางลูกเสือ 2.1 ความสามารถที่คาดหวงั ให๎เกดิ ขน้ึ กบั ลูกเสอื โดยรวม คือ 1) ความสามารถในการคดิ วิเคราะห๑ 2) ความสามารถในการคดิ สร๎างสรรค๑ 3) ความสามารถในการเหน็ ใจผู๎อืน่ 4) เหน็ คุณคําตนเอง 5) รบั ผดิ ชอบตํอสังคม 6) ความสามารถในการสื่อสารเพอ่ื สร๎างสมั พนั ธภาพ 7) ความสามารถในการตัดสนิ ใจ 8) ความสามารถในการจัดการแกไ๎ ขปญั หา 9) ความสามารถในการจดั การกับอารมณ๑ 10) ความสามารถในการจดั การกบั ความเครียด 2.2 พฤติกรรมทค่ี าดหวงั ใหเ๎ กดิ ขน้ึ กับลูกเสอื โดยรวม คอื 1) ลกู เสอื สาํ รอง (1) มีทักษะในการสังเกตและจดจํา (2) พงึ่ ตนเอง ดูแลตนเองได๎ (3) รู๎จักรกั ษาสง่ิ แวดล๎อม (4) ไมํเจบ็ ปว่ ยด๎วยโรคตดิ ตอํ ตามฤดูกาล (5) ปฏิเสธสิง่ เสพตดิ ทุกชนดิ (6) พูดจาสอื่ สารเชงิ บวก ไมกํ ๎าวรา๎ วรนุ แรง (7) แกป๎ ญั หาเฉพาะหนา๎ ได๎ (8) ให๎ความชํวยเหลอื เพ่ือนในภาวะวกิ ฤติ 2) ลูกเสือสามัญ คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 271 264 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
(1) มีทักษะในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลางแจง๎ (2) รวํ มกจิ กรรมบําเพญ็ ประโยชนด๑ ๎วยจิตอาสา (3) พ่ึงตนเองและชํวยเหลอื ครอบครัว (4) ไมํด่มื นาํ้ อดั ลม (5) ไมํรับประทานขนมหวานและขนมกรุบกรอบ (6) ใช๎เวลาวาํ งให๎เปน็ ประโยชน๑ (7) รจ๎ู ักพูดเชงิ บวก ไมพํ ดู ก๎าวร๎าวรุนแรง (8) มคี วามซื่อสตั ย๑ ไมโํ กหก (9) รูจ๎ ักแกป๎ ญั หาดว๎ ยสนั ติวิธี (10) มีนาํ้ หนกั สวํ นสูงตามเกณฑม๑ าตรฐาน 3) ลกู เสือสามญั รุนํ ใหญํ (1) มที ักษะในการทาํ กจิ กรรมตามความสนใจ (2) มีจติ อาสาทาํ ประโยชน๑/ ไมกํ อํ ความเดอื ดรอ๎ น ใหก๎ บั ครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน สงั คม (3) ใชเ๎ วลาวาํ งใหเ๎ ปน็ ประโยชน๑ (4) รํวมกิจกรรมสํงเสรมิ อนุรกั ษป๑ ระเพณี ศิลปวฒั นธรรมไทย (5) มที ักษะการคิดวิเคราะห๑ การยับย้ังไมํเป็นทาสของส่ือโฆษณา (6) มีทักษะการใช๎ประโยชนจ๑ าก Internet (7) มีผลงาน/ โครงการการประหยดั พลงั งาน/ ทรัพยากร (8) มีการออมหรือทําบัญชีรายรับ รายจํายของตนเองอยํางตํอเนือ่ ง (9) มที กั ษะการหลีกเล่ยี ง รอดพน๎ และไมํเกิดอบุ ตั เิ หตจุ ากการใชย๎ านพาหนะ (10) ไมํเกีย่ วขอ๎ งกับส่ิงเสพติดทุกประเภท 4) ลูกเสือวสิ ามัญ (1) มีผลงาน/ โครงการเฉพาะทเี่ ป็นประโยชน๑ตอํ ตัวเอง/ สังคม (2) มจี ิตอาสาและบริการ (3) รู๎วิธปี อ้ งกนั / และหลีกเลี่ยงความเสยี่ งทางเพศ (4) ใชเ๎ วลากับสือ่ IT อยํางเหมาะสม ไมเํ กดิ ความเสยี หายตอํ วิถีชวี ติ ปกติของ ตนเอง (5) ไมํเก่ียวขอ๎ งกบั สงิ่ เสพตดิ (6) มีคํานิยมดา๎ นสขุ ภาพอยาํ งเหมาะสม ไมเํ กดิ ผลเสยี ตามมา (7) มีคํานยิ มด๎านการรบั ประทานอาหารทเ่ี หมาะสม ไมํเกดิ ผลเสียหายตามมา (8) มคี ํานยิ มด๎านความงามที่เหมาะสมไมํเกิดผลเสียหายตามมา (9) ไมํมีพฤตกิ รรมก๎าวร๎าวและกอํ เหตุรุนแรง อา้ งองิ จาก ผลลัพธ๑การจัดกิจกรรมลูกเสอื คมํู อื Bench Marking 272 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 265 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3
266 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก แนวคดิ เร่ืองทกั ษะชีวติ ความหมายและองค์ประกอบทักษะชวี ติ ทกั ษะชีวติ เปน็ ความสามารถของบคุ คล ทจ่ี าํ เป็นตอํ การปรบั ตวั ในการเผชญิ ปัญหาตาํ ง ๆ และ สามารถดาํ เนินชวี ิตทาํ มกลางสภาพสงั คมทมี่ กี ารเปล่ียนแปลงทั้งในปัจจุบัน และเตรยี มพรอ๎ มสําหรบั การ เผชญิ ปัญหาในอนาคต องค์ประกอบทักษะชีวิต มี 12 องค๑ประกอบ จัดเป็น 6 คูํ โดยแบํงตามพฤติกรรมการเรียนร๎ู 3 ดา๎ น ดังนี้ hอghงjhคgfป์ gjรjhะgกffอjhบhgทffักdsษdsะdsชวี ิต6 คู่ 3 ด้าน ความตระหนกั การสร้าง รใู้ นตน สัมพันธภาพและ การสือ่ สาร ความเห็นใจ ความคิด การ ทักษะพสิ ัย ผอู้ น่ื สรา้ งสรรค์ ตัดสนิ ใจ พทุ ธพิ ิสยั จิตพิสยั และแกไ้ ข ความ ความคดิ วเิ คราะห์ ปญั หา ภาคภมู ิใจ วจิ ารณ์ ในตัวเอง ความ การจัดการกับ อารมณแ์ ละ รบั ผดิ ชอบ ความเครียด ต่อสงั คม แผนภาพที่ 1 องค์ประกอบของทักษะชวี ิต 1. ดา้ นพุทธิพิสยั จัดไวต๎ รงกลางของแผนภาพ เพราะเปน็ องค๑ประกอบรํวมและเป็นพน้ื ฐานของทกุ องคป๑ ระกอบ ได๎แกํ - ความคดิ วเิ คราะห์วจิ ารณ์ เป็นความสามารถทีจ่ ะวเิ คราะห๑ สังเคราะห๑ ประเมิน ขอ๎ มูล ขาํ วสาร ปญั หา และสถานการณ๑ตําง ๆ รอบตวั - ความคดิ สรา้ งสรรค์ เปน็ ความสามารถในการคดิ ออกไปอยาํ งกวา๎ งขวางโดยไมยํ ดึ ติดอยํู ในกรอบ และการสร๎างสรรค๑ส่ิงใหมํ คูม่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 275 คูม่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3 269
2. ด้านจิตพสิ ยั หรอื เจตคติ มี 2 คํู คอื คํทู ี่ 1 ความตระหนกั ร๎ใู นตนเอง และ ความเขา๎ ใจ/เหน็ ใจผ๎อู ่นื คทูํ ่ี 2 เหน็ คุณคาํ /ภูมใิ จตนเอง และ ความรบั ผิดชอบตอํ สงั คม - ความตระหนกั รใู้ นตนเอง เป็นความสามารถในการค๎นหาและเข๎าใจในจุดดีจุดด๎อยของ ตนเอง ยอมรับความแตกตํางของตนเองกับบุคคลอ่ืน ไมํวําจะในแงํความสามารถ เพศ วัย อาชีพ ระดับ การศกึ ษา ฐานะทางเศรษฐกจิ ฐานะทางสงั คม ศาสนา สีผิว ทอ๎ งถน่ิ สุขภาพ ฯลฯ - ความเข้าใจ/เหน็ ใจผอู้ ืน่ เป็นความสามารถในการเข๎าใจความร๎ูสึกของผู๎อื่น เห็นอกเห็น ใจและยอมรับตัวตนของบุคคลอื่นท่ีแตกตํางกับเรา ไมํวําจะในแงํความสามารถ เพศ วัย อาชีพ ระดับ การศึกษา ฐานะทางเศรษฐกจิ ฐานะทางสงั คม ศาสนา สีผิว ท๎องถ่นิ สุขภาพ ฯลฯ - เหน็ คุณค่า/ภมู ใิ จตนเอง เปน็ การคน๎ พบ คุณสมบตั ิเฉพาะตัวของตนเอง ร๎ูสึกวําตนเองมี คุณคํา เชํน เป็นคนมีนํ้าใจ ซ่ือสัตย๑ ยุติธรรม และภูมิใจในความสามารถด๎านตําง ๆ ของตนเอง เชํน ด๎าน สงั คม ดนตรี กีฬา ศลิ ปะ การเรียน ฯลฯ - ความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นความร๎ูสึกวําตนเองเป็นสํวนหนึ่งของสังคมและมีสํวน รบั ผดิ ชอบในความเจริญหรือเสื่อมของสังคมนั้น คนท่ีเห็นคุณคําตนเองจะมีแรงจูงใจท่ีจะทําดีกับผู๎อ่ืนและ สังคมสํวนรวมมากขึ้น จึงจัดเข๎าคกูํ บั ความรับผิดชอบตํอสงั คม 3. ด้านทกั ษะพิสัยหรือทักษะ ประกอบด๎วย 3 คํู คอื คทูํ ี่ 1 การสอ่ื สารและการสรา๎ งสมั พันธภาพ คูทํ ี่ 2 การตดั สินใจและการแก๎ไขปัญหา คํูที่ 3 การจดั การกบั อารมณ๑และความเครยี ด - ทักษะการการสือ่ สารและการสรา้ งสมั พนั ธภาพ เป็นความสามารถในการใชค๎ ําพดู และ ภาษาทาํ ทาง เพอื่ สื่อสารความร๎ูสกึ นกึ คดิ ของตนเอง และสามารถรบั รคู๎ วามรสู๎ ึกนกึ คดิ ความต๎องการ ของ อกี ฝา่ ยหนึง่ มีการตอบสนองอยาํ งเหมาะสมและเกดิ สัมพันธภาพทด่ี ตี ํอกัน - ทกั ษะการตัดสินใจและการแกไ้ ขปัญหา การตัดสนิ ใจใช๎ในกรณที ี่มีทางเลอื กอยแูํ ล๎ว จึงเร่ิมต๎นด๎วยการวเิ คราะหข๑ อ๎ ดขี ๎อเสยี ของแตํละทางเลือกเพื่อหาทางเลอื กทีด่ ีทส่ี ดุ และนาํ ไปปฏบิ ัติ สวํ นการ แกไ๎ ขปัญหาเป็นความสามารถในการรบั รู๎ปญั หาและสาเหตุของปัญหา หาทางเลือก ไดห๎ ลากหลาย วเิ คราะหข๑ อ๎ ดีขอ๎ เสยี ของแตํละทางเลอื ก ตดั สนิ ใจเลอื กทางเลอื กในการแก๎ปญั หาทเ่ี หมาะสม ทสี่ ุดและนําไปปฏิบัติ - ทกั ษะการจดั การกับอารมณ์และความเครียด เป็นความสามารถในการรับร๎อู ารมณ๑ ตนเอง ประเมนิ และรเู๎ ทําทนั วําอารมณ๑จะมีอทิ ธพิ ลตํอพฤตกิ รรมของตนอยํางไร และเลอื กใช๎วิธจี ดั การกับ อารมณท๑ เี่ กดิ ขึน้ ได๎อยาํ งเหมาะสม สวํ นการจดั การความเครยี ดเป็นความสามารถในการรับรร๎ู ะดับ ความเครียดของตนเอง รสู๎ าเหตุ หาทางแกไ๎ ข และมีวธิ ีผํอนคลายความเครียดของตนเองอยาํ งเหมาะสม 276 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 270 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3
ความแตกต่างระหว่างทกั ษะชีวิตทว่ั ไปและทักษะชีวติ เฉพาะ ทักษะชีวิตทั่วไป เป็นการสร๎างภูมิคุ๎มกันทางสังคม สําหรับปัญหาทั่ว ๆ ไปใน ชวี ติ ประจาํ วัน ด๎วยทักษะชวี ิต 12 องคป๑ ระกอบ ให๎กับเดก็ ทกุ คน ทักษะชีวิตเฉพาะ เปน็ การประยกุ ตใ๑ ชท๎ กั ษะชวี ิต 12 องค๑ประกอบ ที่มีเน้ือหาเกี่ยวกับการ ป้องกันปัญหาเฉพาะเรอ่ื งสําหรบั เด็กกลํุมเสย่ี ง โดยมีครทู ป่ี รึกษาและระบบดูแลชํวยเหลือนักเรยี นรองรบั ทกั ษะชวี ิตกบั การพัฒนาเยาวชน เม่อื แบงํ เยาวชนออกเปน็ 3 กลมํุ คือเด็กปกติ เดก็ กลํมุ เสี่ยง และเด็กที่มีปัญหา ทักษะชีวิต จะเป็นกลยทุ ธส๑ ําคญั ในการสงํ เสริมภูมิค๎ุมกนั ทางสงั คม ใหก๎ ับเด็กปกติ และเด็กทุกคน สาํ หรบั เด็กกลุํมเสี่ยง ตอ๎ งมีการสอนทักษะชีวติ เฉพาะในแตํละปัญหา มีครูท่ีปรึกษาและระบบดูแลชํวยเหลือนักเรียนรองรับ สํวน เด็กที่มีปัญหาแล๎วใช๎การดูแลใกล๎ชิดเพ่ือหาทางแก๎ปัญหาที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล และมีระบบสํงตํอยัง วิชาชพี เฉพาะทเ่ี ก่ยี วข๎อง ตัวอยา่ งทักษะชวี ติ เฉพาะ 277 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 271 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3
ตัวอยา่ งทักษะชีวติ เฉพาะ 227586 คคปคู่มมู่ร่มู ือะือือกสสสาง่่งง่ ศเเเสสสนรรรยี มิมิ ิมบแแแตัลลละระะพวพพิชัฒฒั ัฒานนชนาีาพากกกิจ1จิ ิจกกกรรรรรมรมลมลูกลูกเูกสเเอืสสทอื อื ักททษักกั ะษษชะะีวชชิตีววีใิตนิตใสในถนสาสถนถาศานกึ นศษศกึาึกษปษาราะลเลูกภูกเทสเลสอื กูอื วเวสสิ สิ อืาามวมสิัญญัามชัญชั้นั้นชมม้นัธั ัธมยยธัมมยศมศกึ ศกึ ษกึ ษาษาปาปีทปีที่ที 5่ี ี่4-56-แ6ละ ปวช.2-3 272 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
คควาวมามแแตตกกตตา่ ง่ารงะรหะหว่าวง่าทงทกั ักษษะชะชวี ิตีวติ แแลละทะทกั กัษษะกะการาดรดํารางรชงชีวติีวิต เทแดจมตัดลาํักชขทปแเกั รตระกลเ่ีจวีษกกัยี ปงใรริตะักตษนะมชยี ็นะทริสพีวะมเทยกัปแกิตถพรากษัลา๋าไาอ๎ททสทคนรษเระดะนมถอ฿ดคทสททักวักักมดใทะอ๎วกสามนถนิาษักวษษักักักําทจ่ียทานาํามสาสทราษะเษษาํยะะาาํรหจี่กปนงาํถมชเเาชกงงะณนะะําชชปหราก็นงาีวกเชเวีาเชกํ้าับหรวี่อืช๑ตน็รนปิตาทาีวรติกวีณาิตกบัมรผาํมอื่ยใกแน็ติกัดราิตนณไงากากูภ๑ทลมาโแใษร(ดําดรกะยนราLะเใโทลาาโรเะๆอง฿า(สณรชทางยiกพผงะLงทาื่อfรยมเรรจ๎แeทักางชผชงiโตนงดาาทfะิตผเรรจษักญิeชถวีาชงชงเําหSด่เีสะตินชกงษเติิญะกูกเวีํนปหําkหวงัSนสทกือาทะิตดิคเญัปi่าๆ(วมงัkยนิอกาl่ีเนกขี่Llมขงคญัiา่ราภsถหาชนาิ(l้ึนiท็มกดมlงะบvL)ทรูกวีาหาsมชสทกัาทําiดiพนใิตเีเ่)เnาักvมวีไรมรนวกปักษศิําทา้ํใมgiิตใจงกัเลnรอดิน็นษชปะถชําดํแัทฯใแงาSgนขอชค๎ทมช็นะีวยูกกชลาตkน้ึานแีววชกิตก฿ทักคมทีวรSฯํงคiลาาเติlละวีษติกสัตกวี่klชตคไมะsเถาิตวาํมษวiัละปนมเแตlส)งกูมนกชlมกาัะมาแsสลซแเาเงสีวดิชีถมปเยว)กัมภะ6กัลสดติาโผวีูกีล็นกถาทดเาภเมะ6ินเติคลปใาสรทสพปูกยทกัาชาทลเํูถคอื้อน็วกัใ็นแปรพ1ทสักษผ๎พัาาชทผูนทถล2ษังห็น1กังสสษบะ฿ผธา๎าทคะัก2ะหษลังมกอนงท๑ะกสเโมทาปษคักกจลผงะดากอามา้ํดี่งทม่ีใรคะชติักิดรสรยงาจผีชตงุทีเ่ทป๑ีวใคดสผาทริตปอสใ๎ัวชติต่ีในังี่เรโปลดนํากัสาาอลชปแ฿วัคะจลรรหกนังาษ่ียย฿ใอผกลมะแะงพัคเนริจาานํยะเ่ียชนอกชตมงปรวงธกชาแนอื่อเบทอวีงชตัโทชน็จิงวีปขเนัมแตบเ่ีติวีอชรอว่ืติดี่ตขจ่ีลปเปโัวปิตันตัํนมชจีวั็มยักงลรรรปะโนชองทระงะยปเกรยยํวกอปศิจงระยนัาําอยําน็กะกนงฯใวซบาจนัตนอรลนังทักําววับวกฯรดว้งัเดาํชใวาสทันว๎ใยนเดวรดนอ้ืรย้งันเเยเว฿็วผใกลรใรํา้นใยนใคอื่฿าิจอื็วนนกผงเววใกกรปนพคจิตัากูแอื่าวมัจวปรน้ืเลรงงตัจาปรัจะฐเพ่ือมบุลู๎รปใรจานน้ืเปชือระันรนบุจเฐ฿ูจ๎ทกรุงตขชันาเอะําแักอคจอืนจวาลษตงตกํานัหขแะชะควิปอลาใกแีกแวันตชรงะกลาติลาิ฿ ตระระิ กากราจรัดจกัดากรากรับกบัอาอรามรณมณ๑โกโโรกธรธควคาวมาขมดัขแดั ยแ๎งยง฿แลแะละควคาวมารมนุ รแุนรแงรง ตรตะรหะหนักนรัก๎แู รลแ฿ู ะลหะหลกีลเกี ลเย่ีลงยี่ พงพฤตฤกิตรกิ รรมรเมสเ่ยีสงีย่ ตงาํตงา งๆๆรวรมวถมงึถกึงากราปร้อปงฺอกงนักอนั ุบอตับุ ิเัตหเิ ตหุตุ กากราชรวํชยว เยหเหลือลผอื อู๎ผื่นอ฿ู ื่นแลแะลระับรผบั ิดผชดิ อชบอตบํอตสอํวสนว รนวรมวม ปรเสงุ อื้อผาห฿าาปรกกราิจกกขุงรวจิาอจี่ สตัรวากั ื่อสรตัหรสทอ่ืยราาสทีท่ราราน่ีทําเขรชเําี่จเปวงิชเักํา็นปบิงยรปน็วบยนกรปวาาํ้ะแกรนจละผแําจวะูกลําสาะเใยงรสชื่อา๎นใรท๎ ชงนา฿้าํ ักสท฿งเษผมชัสักือกูพมัะษกกเพนั ะงากธันอื่ใรชภนาธดแ๎รภาเาํ ชดผพราอืาํนงพทรกชททด่ีงวี เี่ชใีดี่ติขชวี ีเ็มแ฿ติปทผเ็นปิศนห็นทฯลห่ีเลกัขลฯม็ักเทชศิํนเชฯนอลาฯบอนาบ้ํานแ้ําตํงแตตวั ง ตแัวปรแงปฟรันงฟซันกั เสซอ้ื กั ผ๎า คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒคนู่มาือกสจิ ง่กเรสรรมมิ ลแูกลเะสพอื ฒัทกันษากะชจิ ีวกติรรในมลสกูถเาสนือศทึกกั ษษาะลชกูีวติเสใือนวสสิ ถาามนัญศกึ ชษน้ั ามลัธกู ยเมสือศวึกสิษาามปญั ที ่ี 5ช-6ัน้ มแลัธยะมปศวึกชษ.2า-3ปที ี่ 4 279257 ค่มู ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชปัน้ รมะธั กยามศศนึกยีษบาปตั ทีรวี่ 5ิช-า6ชีพ 1 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3 273
ทกั ษะชวี ิตสร้างได้อยา่ งไร สร๎างดว๎ ย 2 วิธกี ารใหญํ ๆ คอื 1. เรียนรู๎เองตามธรรมชาติ ซง่ึ ข้ึนกบั ประสบการณแ๑ ละการมแี บบอยํางท่ีดี จึงไมมํ ีทศิ ทางท่แี นนํ อน และกวําจะเรยี นร๎กู อ็ าจช๎าเกินไป 2. สรา๎ งโดยกระบวนการเรียนการสอนทย่ี ดึ ผ๎ูเรยี นเป็นศูนย๑กลาง ใหเ๎ ดก็ เรยี นร๎ูรํวมกันในกลํุม ผาํ น กิจกรรมรูปแบบตําง ๆ ทเี่ ด็กต๎องมสี วํ นรวํ มท้ังทางราํ งกายคอื ลงมอื ปฏิบัติ และทางความคดิ คอื การอภปิ ราย แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ๑ เพื่อสร๎างองคค๑ วามรูใ๎ หมํรวํ มกนั การสอนทยี่ ดึ ผเู้ รยี นเป็ นศนู ยก์ ลาง • สรา้ งความรู้ (Construction) กจิ กรรมทใ่ี หผ้ เู ้ รยี นมสี ว่ นรว่ มทาง สตปิ ัญญา คน้ พบความรดู ้ ว้ ยตนเอง • ปฏสิ มั พนั ธ์ (Interaction) กจิ กรรมตอ้ งสง่ เสรมิ ปฏสิ มั พันธก์ ับ ผอู ้ น่ื และแหลง่ ความรทู ้ หี่ ลากหลาย • เป็ นกระบวนการ (Process Learning) • มสี ว่ นรว่ ม (Physical Participation) มสี ว่ นรว่ มดา้ นรา่ งกาย ลง มลองื มกอื รกะทระาทก�ำจิ กกจิ รกรรมรใมนใลนักลษกั ษณณะตะตา่ าง่ งๆๆ • มกี ารประยกุ ตใ์ ช้ (Application) การมีสํวนรํวมทางสติปัญญาทําใหเ๎ กดิ ทกั ษะชีวติ 2 องค๑ประกอบแกนหลกั คอื ความคดิ วเิ คราะห๑และ ความคดิ วิจารณ๑ ปฏิสัมพันธใ๑ นกลมํุ เพอื่ ทํากิจกรรมรํวมกัน ทาํ ใหเ๎ ดก็ ได๎ฝกึ องค๑ประกอบทักษะชีวิต ดา๎ นทักษะท้ัง 3 คํู คอื การสรา๎ งสัมพนั ธภาพและการสอื่ สาร การตดั สินใจและการแกไ๎ ขปัญหา การจัดการอารมณแ๑ ละความเครียด การรับฟังความคิดเหน็ ของคนอนื่ ทําใหเ๎ กดิ ความเข๎าใจคนอื่นมากขึ้น ขณะเดยี วกนั กเ็ กิดการไตรํตรอง ทําความเขา๎ ใจและตรวจสอบตนเอง จัดเปน็ องค๑ประกอบทกั ษะชวี ติ ดา๎ นเจตคติคือ การเข๎าใจตนเอง และเขา๎ ใจ/ เหน็ ใจผอ๎ู ื่น การได๎รับการยอมรับจากกลุํม การทํางานสําเร็จได๎รับคําชม ทําให๎เกิดความภูมิใจและเห็นคุณคํา ตนเอง นําไปสูํความรับผิดชอบมากขึน้ ทั้งตอํ ตนเองและสงั คม กระบวนการและการมสี วํ นรวํ ม ชวํ ยให๎กิจกรรมสนุกสนานนําสนใจ และนําไปสูํจุดประสงค๑ ที่ต้ังไว๎ รวมท้ังการประยุกตใ๑ ชเ๎ ป็นการเปิดโอกาสใหผ๎ ๎เู รยี นไดเ๎ ช่อื มองค๑ความร๎ใู หมํที่เกิดขึ้นเข๎าสํูชีวิตจริง วําได๎เกิด การเรยี นรอ๎ู ะไรและนําไปใชใ๎ นชีวติ ประจาํ วนั อยาํ งไร 280 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 274 ค่มู ือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
8 ความหมายของกระบวนการลกู เสือ (Scout movement) ตามคาํ นยิ ามของลกู เสือโลก หมายถงึ กระบวนการเรียนร๎ูและพัฒนาตนเองอยํางตํอเนื่องสําหรับ เยาวชน เพอ่ื สรา๎ งเยาวชนที่มีจติ ใจเสียสละ รับผดิ ชอบ และอทุ ศิ ตนแกสํ ังคม ด๎วยวธิ กี ารลูกเสือ ตามแนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาผเู๎ รยี น 2522 (สพฐ.) หมายถึงกระบวนการทางการศึกษาสํวน หน่ึง ซึ่งมํุงพัฒนาสมรรถภาพของบุคคล ทั้งทางสมอง รํางกาย จิตใจ และศีลธรรม เพ่ือให๎เป็นบุคคลที่มี ความประพฤตดิ งี าม ไมํกระทาํ ตนเป็นปัญหาสังคม และดาํ รงชวี ิตอยาํ งมีความหมาย และสุขสบาย หลกั การลกู เสือ (Scout principle) หลกั การลกู เสือโลกเน๎นทหี่ น๎าทหี่ ลกั 3 ประการ คือ 1.หน๎าทีต่ ํอพระเจา๎ /ศาสนา ได๎แกํ การแสวงหาและดําเนนิ ชีวิตอยํางมคี ุณคําและความหมาย 2.หนา๎ ท่ีตํอผ๎ูอ่ืน ได๎แกํ การเคารพ ให๎เกียรติ ชวํ ยเหลือผอ๎ู ืน่ รวมถงึ การดแู ลสังคมและสง่ิ แวดลอ๎ ม 3.หน๎าที่ตํอตนเอง ได๎แกํ พัฒนาตนเองทั้งด๎านรํางกาย จิตใจ อารมณ๑ สังคม และ จิตวญิ ญาณ หลกั การลกู เสอื ไทย มี 5 ขอ้ คือ 1. มีศาสนาเป็นหลกั ยดึ ทางใจ 2. จงรักภกั ดตี อํ พระมหากษตั ริย๑และประเทศชาติ 3. เขา๎ รวํ มพัฒนาสังคม ยอมรับ เคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีผ๎ูอ่ืนและเพื่อนมนุษย๑ทุกคน รวมท้ัง ธรรมชาติ และสรรพส่งิ ทง้ั หลายในโลก 4. รับผดิ ชอบตอํ การพัฒนาตนเองอยาํ งตอํ เนอื่ ง 5. ยดึ ม่นั ในคําปฏิญาณและกฎของลกู เสอื คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 281 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 275 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3
วิธีการลูกเสือ (Scout method) วิธกี ารลูกเสอื โลก มี 8 องคป๑ ระกอบ โดยแบํงออกเปน็ 3 กลมุํ คอื กลมุํ ที่ 1 ผใ๎ู หญมํ ีหนา๎ ท่ีชวํ ยเหลือและสงํ เสรมิ เยาวชนให๎เกดิ การเรยี นร๎ูในกลํมุ กลํมุ ท่ี 2 มกี ิจกรรมท่ีบรรลุวตั ถปุ ระสงคใ๑ นการพัฒนาเยาวชนอยาํ งตอํ เนอ่ื งและเปน็ ระบบ กลมํุ ท่ี 3 เปน็ ลกั ษณะกิจกรรมท่ีใช๎ มี 6 องคป๑ ระกอบ 1. ยึดมนั่ ในคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื 2. ใชร๎ ะบบสญั ลกั ษณ๑เป็นแรงกระต๎ุนไปสูํเป้าหมายในการพัฒนาตนเอง 3. ระบบหมูํ (กลํมุ เรยี นร๎รู วํ มกนั ) 4. เรยี นรใู๎ กล๎ชดิ ธรรมชาติ 5. เรียนรจ๎ู ากการลงมอื ปฏิบตั ิ / เกม 6. เรยี นร๎จู ากการบริการผ๎ูอนื่ วิธกี ารลูกเสอื ไทย ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน 2551 มี 7 องค๑ประกอบ คอื 1. ความกา๎ วหนา๎ ในการเข๎ารํวมกจิ กรรม 2. การสนบั สนุนโดยผ๎ใู หญํ 3. ยึดมนั่ ในคาํ ปฏญิ าณและกฎ 4. การใช๎สัญลักษณ๑รํวมกนั 5. ระบบหมํู 6. การศึกษาธรรมชาติ 7. เรยี นรูจ๎ ากการกระทาํ วิธีการลูกเสอื สร้างทักษะชวี ิตไดอ้ ยา่ งไร วิธีการลูกเสือ มีองค๑ประกอบครบท้ัง 5 ประการ ของกระบวนการเรียนการสอนที่ยึดผ๎ูเรียนเป็น ศนู ยก๑ ลาง การสร๎างทักษะชวี ติ ท้ัง 12 องคป๑ ระกอบ เกิดขน้ึ ดว๎ ยกิจกรรมดังตารางตอํ ไปน้ี 282 คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 276 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
วัตถปุ ระสงคค์ ณะลูกเสอื แหง่ ชาติ (พระราชบญั ญตั ิลกู เสือ พ.ศ. 2551 มาตรา 8) เพ่ือพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศีลธรรม ให๎เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และชํวยสร๎างสรรค๑สังคมให๎เกิดความสามัคคี และมีความเจริญก๎าวหน๎า ท้ังน้ีเพื่อความสงบสุข และความ มั่นคงของประเทศชาติ ตามแนวทางดงั ตํอไปน้ี 1. ใหม๎ นี ิสยั ชํางสงั เกต จดจาํ เชอื่ ฟงั และพึ่งตนเอง 2. ให๎ซ่ือสตั ยส๑ จุ รติ มีระเบยี บวินัยและเห็นอกเหน็ ใจผอู๎ ่นื 3. ให๎ร๎จู กั บาํ เพ็ญตนเพ่อื สาธารณประโยชน๑ 4. ให๎รู๎จักทาํ การฝีมอื และฝกึ ฝนใหท๎ าํ กจิ การตาํ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. ให๎รจ๎ู ักรักษาและสํงเสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรม และความมั่นคงของประเทศชาติ หลักสตู รลูกเสอื เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต หลักสูตรลูกเสือเสริมสร๎างทักษะชีวิตได๎ใช๎ข๎อบังคับคณะลูกเสือแหํงชาติวําด๎วยการปกครอง หลักสูตรและวิชาชีพพิเศษลูกเสือสํารอง สามัญ สามัญรํุนใหญํ และวิสามัญ เป็นหลัก และเพ่ิมเน้ือหาที่ สอดคล๎องกับปัญหาตามวัยและพัฒนาการด๎านตําง ๆ ของลูกเสือ โดยจัดหนํวยกิจกรรมตามที่ระบุใน หลักสูตรของลูกเสือแตํละประเภท ดังนั้น ชื่อหนํวยกิจกรรม และจํานวนหนํวยกิจกรรมข องลูกเสือแตํละ ประเภทจึงแตกตํางกัน แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือเสริมสรา๎ งทกั ษะชวี ิตในคูํมือชุดน้ี ได๎ออกแบบโดยบูรณาการกิจกรรมท่ี เสริมสร๎างทักษะชีวิตเข๎ากับวธิ กี ารลกู เสอื คือการใชร๎ ะบบหมหูํ รอื กลํุมยํอย โดยให๎เด็กเป็นศูนย๑กลาง และมี ผ๎ูใหญํทําหน๎าท่ีชํวยเหลือและสํงเสริมให๎เกิดกระบวนการเรียนรู๎ในกลุํม แนะนํา ส่ังสอน และฝึกอบรมให๎ สามารถพง่ึ ตนเองได๎ มีจิตอาสา รบั ผิดชอบตํอสํวนรวม ยึดมั่นในคําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ เสริมสร๎าง คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 283 ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 277 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
คณุ คาํ ในตนเอง รวมทั้งใช๎ระบบเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณ๑ทางลูกเสือและเครื่องหมายวิชาพิเศษ เป็นแรง กระต๎นุ ไปสูํเปา้ หมายในการพฒั นาตนเอง องคป๑ ระกอบในการประชุมกอง เน๎นการใชช๎ วี ติ กลางแจง๎ นอกห๎องเรยี น ใกล๎ชิดธรรมชาติ เรียนร๎ู จากการลงมือปฏิบัติด๎วยตนเอง เกม และการบริการผ๎ูอ่ืน ซ่ึงถือเป็นหัวใจของกิจกรรมลูกเสือทุกประเภท โดยกจิ กรรมท่ใี ช๎ แบงํ ออกเป็น 5 ประเภท คือ การแสดงออก การรายงานและการสํารวจ การวิเคราะห๑และ การประเมนิ เกมและการแขํงขัน การบําเพญ็ ประโยชน๑ การออกแบบกจิ กรรมเพ่ือให๎ลูกเสือใช๎กระบวนการ กลํุมในการแลกเปล่ียนประสบการณ๑ แลกเปล่ยี นความคดิ ความเชื่อ สร๎างองค๑ความรู๎และสรุปความคิดรวบ ยอด รวมท้งั เปดิ โอกาสให๎ลกู เสือได๎ประยุกต๑ใช๎ส่ิงทไี่ ด๎เรยี นรูอ๎ กี ดว๎ ย เนอื้ หาสาระในแผนการจัดกิจกรรมแบงํ ออกได๎เป็น 3 กลุํม ประกอบดว๎ ย 1.กิจกรรมตามข๎อบังคบั ของคณะลกู เสือแหํงชาติ (ไมรํ วมกจิ กรรมทดสอบเพื่อรับเครื่องหมายหรือ สญั ลักษณท๑ างลกู เสอื และเครือ่ งหมายวชิ าพิเศษ) 2. กิจกรรมตามข๎อบังคับของคณะลูกเสือแหํงชาติท่ีชํวยเสริมสร๎างทักษะชีวิตด๎านคุณธรรม จริยธรรม ความภาคภมู ิใจในตนเอง ความรบั ผดิ ชอบตอํ สวํ นรวม 3.กจิ กรรมเสรมิ สร๎างทักษะชวี ิต เพื่อสร๎างภูมิคุ๎มกันทางสังคมตํอเหตุการณ๑และสภาพปัญหาของ เดก็ แตํละวัย สาํ หรบั กิจกรรมลูกเสอื ตามขอ๎ บงั คบั เพ่ือการขอรับเครื่องหมายลูกเสือช้ันพิเศษ และเครื่องหมาย ลูกเสือหลวง ไมไํ ดน๎ ํามารวบรวมไว๎ในคํูมือการจดั กจิ กรรมลกู เสอื ชดุ น้ี คูํมือมีจาํ นวน 11 เลํม ตามชั้นปีของลูกเสือ 4 ประเภท แตํละเลํม ได๎จัดทําตารางหนํวยกิจกรรม และแผนการจัดกจิ กรรมครบ 40 ชวั่ โมง เพือ่ ใหเ๎ หน็ ภาพรวมของการจัดกิจกรรมลกู เสอื เสรมิ สร๎างทกั ษะชีวิต ของลูกเสือในแตํละระดับช้ัน และมีหมายเหตุบอกไว๎ในตารางชํองขวาสุด วําเป็นแผนการจัดกิจกรรม เสริมสร๎างทักษะชวี ติ แผนการจัดกิจกรรมประกอบด๎วย จุดประสงค๑การเรียนรู๎ เนื้อหา ส่ือการเรียนรู๎ กิจกรรม การ ประเมนิ ผล องค๑ประกอบทักษะชีวิตสําคัญท่ีเกิดจากกิจกรรม และภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรม (เพลง เกม ใบงาน ใบความร๎ู เรือ่ งที่เป็นประโยชน๑) ภาพรวมการพฒั นาหลักสตู รลกู เสือเสรมิ สรา้ งทักษะชีวติ 1. เริ่มจากการศึกษาเอกสาร งานวิจัย หลักสูตรลูกเสือไทยและตํางประเทศ รวมท้ังสัมภาษณ๑ ผเ๎ู ช่ยี วชาญด๎านลกู เสือ 2. สัมนาครู ผู๎ปกครอง นักพัฒนาเยาวชน และผู๎เช่ียวชาญด๎านกิจกรรมเด็กและเยาวชน เพื่อ รวํ มกันคน๎ หาปญั หาจริงของเดก็ แตลํ ะวัย และออกแบบกจิ กรรมทเี่ หมาะสม 3. จดั ทาํ คํูมอื การจัดกิจกรรมลูกเสือเสรมิ สร๎างทักษะชีวิต 4 ประเภท ได๎แกํ ลูกเสือสํารอง ลูกเสือ สามญั ลกู เสอื สามญั รนุํ ใหญํและลูกเสอื วิสามญั รวมท้ังสิน้ 11 เลํม โดยผาํ นการประเมิน ปรบั ปรงุ และพัฒนา จนเปน็ ท่ยี อมรบั และนาํ ไปใชใ๎ นสถานศึกษาจาํ นวนมาก 4. จัดทําหลักสูตรการฝึกอบรมผ๎ูกํากับลกู เสอื สาํ รอง ลูกเสือสามญั ลกู เสือสามัญรนุํ ใหญํและลกู เสือ วิสามญั ขั้นความรู๎เบื้องต๎น และข้ันความรู๎ชั้นสูง รวม 8 ประเภท โดยได๎รับการอนุมัติจาก คณะกรรมการ 284 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 278 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
บริหารลูกเสือแหํงชาติ ในการประชุม ครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2557 ให๎ใช๎เป็นหลักสูตรการ ฝกึ อบรมผ๎ูกาํ กับลกู เสือของสาํ นกั งานลูกเสอื แหํงชาติ 5. จดั ทํา คมูํ ือฝึกอบรมวิทยากรลูกเสอื เสรมิ สรา๎ งทกั ษะชีวติ เพือ่ ขยายผลในการสรา๎ งวทิ ยากรและ ฝกึ อบรมผกู๎ าํ กบั ลกู เสือในสถานศกึ ษาทั่วประเทศ ค่มู ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 285 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3 279
ภาคผนวก ข กิจกรรมลูกเสอื เสริมสร้างทักษะชีวติ การจัดกจิ กรรมลูกเสือเสริมสร๎างทักษะชีวิตน้ัน ยังคงหลักการ และวิธีการของลูกเสือไว๎ ทุกประการ แตํเน๎นการสอดแทรกการเรียนร๎ูทักษะชีวิตเพ่ิมเข๎าไปด๎วยเพ่ือตอบสนองวัตถุประสงค๑ท่ีรอบด๎าน และ ครอบคลุมการดํารงชีวติ ในปจั จุบนั คณุ ค่าของสื่อการเรยี นการสอนประเภทกิจกรรม ส่อื การเรียนการสอนประเภทกิจกรรม เป็นกระบวนการเรียนการสอนที่ให๎ผู๎เรียนได๎ มีโอกาสเรียนรู๎ ประสบการณ๑ตํางๆ ด๎วยตนเอง ผํานการทํากิจกรรมรํวมกัน ผ๎ูเรียนได๎เรียนร๎ูจากประสบการณ๑ของเพ่ือนใน กลุํม ทําให๎สามารถเรียนรู๎ได๎มากข้ึนโดยใช๎เวลาน๎อยลง การออกแบบกิจกรรมจะต๎องกระต๎ุนให๎ผู๎เรียนเกิด ความสนใจ และรํวมมอื ในการทาํ กิจกรรมที่กําหนดใหอ๎ ยํางเตม็ ที่ จจึงงึจจะะเกิดการเรียนร๎ูได๎อยํางมีประสิทธิภาพ ผลทเ่ี กดิ ขนึ้ ตํอผเู๎ รียนมดี งั น้ี 1. สงํ เสริมใหผ๎ ๎เู รียนกล๎าแสดงออกและทาํ งานรํวมกับผู๎อ่ืนได๎ 2. เกดิ ความสนกุ สนานเพลดิ เพลนิ ซงึ่ เป็นลักษณะเฉพาะของส่อื การสอนประเภทกจิ กรรม 3. เปดิ โอกาสให๎ผ๎เู รียนมสี ํวนรวํ มในการกําหนดขอบขาํ ย เนอ้ื หา และวัตถุประสงค๑ 4. ผ๎ูเรียนได๎ฝึกฝน พฤติกรรมการเรียนร๎ูท้ังทางด๎านความรู๎ เจตคติ และทักษะ รวมท้ังความคิด สรา๎ งสรรค๑ และจินตนาการดว๎ ย ประเภทของกจิ กรรมลกู เสอื เสริมสรา้ งทกั ษะชีวิต เม่อื จัดประเภทตามทักษะ/ความสามารถ ในการปฏบิ ัติกิจกรรม แบงํ ออกได๎เป็น 5 ประเภท คอื 1. กิจกรรมการแสดงออก เป็นกิจกรรมท่ีเปิดโอกาสให๎ลูกเสือได๎ใช๎ความสามารถในการแสดงออก แสดงความคิดสรา๎ งสรรค๑ จนิ ตนาการในรปู แบบตาํ ง ๆ ซงึ่ มักจะเปน็ การจาํ ลองประสบการณต๑ ําง ๆ มาเพ่ือการ เรียนรู๎ได๎งาํ ยและสะดวกข้ึน หรอื เปน็ สง่ิ ที่ใช๎แทนประสบการณจ๑ ริง เพราะศาสตร๑ตํางๆ ในโลก มมี ากเกินกวําที่ จะเรียนร๎ูได๎หมดส้ินจากประสบการณ๑ตรงในชีวิต และบางกรณีก็อยูํในอดีต หรือซับซ๎อนเร๎นลับหรือเป็น อันตราย ไมํสะดวกตอํ การเรียนรจ๎ู ากประสบการณจ๑ รงิ ตัวอยาํ งกจิ กรรม เชนํ 1.1 สถานการณจ๑ ําลอง เปน็ การจัดสภาพแวดลอ๎ มใหใ๎ กล๎เคียงกับสภาพความเป็นจรงิ มากทีส่ ดุ เพ่ือให๎ ผ๎ูเรียนได๎ฝึกฝน แก๎ปัญหาและตัดสินใจจากสภาพการณ๑ที่กําลังเผชิญอยูํนั้นแล๎วนําประสบการณ๑แหํง ความสําเรจ็ ไปเปน็ แนวทางในการแก๎ปัญหา 1.2 การสาธติ กระบวนการทผ่ี สู๎ อนชํวยใหผ๎ เู๎ รยี นได๎เกดิ การเรียนรตู๎ ามวตั ถปุ ระสงค๑ โดยการแสดงหรือ กระทําให๎ดเู ป็นตวั อยาํ ง ให๎ความสําคัญกับกระบวนการทง้ั หมดทผ่ี ๎ูเรียนจะต๎องเฝ้าสังเกตอยโํู ดยตลอด 1.3 เลํานทิ าน 1.4 ละคร หํุนจําลอง 286 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 280 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3
1.5 เพลง ดนตรี การเคลอ่ื นไหวตามจงั หวะดนตรี หมายถึง กิจกรรมที่เน๎นการใช๎ดนตรีเป็นสื่อในการ เรยี นรทู๎ ั้งในแงเํ น้ือหาและความบนั เทงิ ผอํ นคลาย และเขา๎ ถงึ วฒั นธรรมตําง ๆ 1.6 ศลิ ปะ แขนงอ่ืน ๆ เชํน การวาดรูป การป้นั ดินเหนยี ว งานหัตถกรรม การรอ๎ ยดอกไม๎ 1.7 การโต๎วาที ฯลฯ 2. กิจกรรมการการสาํ รวจและการรายงาน เป็นกิจกรรมที่เน๎นให๎ลูกเสือได๎เรียนรู๎จากความเป็นจริง / เหตุการณ๑จริง ในชีวิตประจําวัน ผํานประสบการณ๑ตรงด๎วยตนเอง ซึ่งเป็นรากฐานสําคัญของการศึกษา เชํน การทาํ แผนท่ี การสาํ รวจ หมายถึง การเรียนรู๎ผํานสถานการณ๑จริงด๎วยการลงพื้นท่ีสํารวจ และจําลองสิ่งท่ีได๎ เรยี นร๎สู ูแํ ผนท่ี ภาพ หรอื สญั ลักษณ๑ เพือ่ แสดงความคิดรวบยอดของส่งิ ที่ไดเ๎ รยี นรูน๎ ้นั ตัวอยาํ งกจิ กรรม เชนํ การสัมภาษณ๑ การเป็นผสู๎ ื่อขาํ ว การทาํ สารคดี การศกึ ษานอกสถานที่ ชุมชนศกึ ษา การผลิตสื่อ การทําปมู ชวี ิต บุคคลตัวอยาํ ง การจดั นิทรรศการ การสอดแนม การสํารวจ การทาํ แผนท่ี การเขยี นเรยี งความการเลําเรือ่ ง ฯลฯ 3. กิจกรรมการวิเคราะห๑และการประเมิน เป็นการเรียนรู๎ท่ีเกิดจากการแลกเปล่ียนความคิดเห็นและ รวํ มกนั วเิ คราะห๑/ประเมนิ สิง่ ตํางๆท่เี กิดขน้ึ ตวั อยาํ งกจิ กรรม เชํน การเปรยี บเทียบคุณคํา การประเมินความเส่ียง การทําแผนท่คี วามคดิ ฯลฯ 4. การเลํนเกมและการแขงํ ขัน 4.1 เกม เปน็ กจิ กรรมท่ีมกี ฎกติกา และลําดับขนั้ ตอน ทเี่ อื้อให๎ลูกเสือเกิดการเรียนรู๎ผํานการ เลํนเกม ให๎ขอ๎ คดิ ท่สี อดคลอ๎ งกบั ผลการเรียนร๎ทู ี่ต๎องการ เชํน เกมกระซิบ เป็นตน๎ 4.2 การแขํงขนั เปน็ กจิ กรรมทม่ี ีกติกาในการแขงํ ขนั และมีการตัดสินหาผ๎ูชนะ เชํน การตอบ ปัญหาในเร่อื งตาํ ง ๆ เพือ่ กระตน๎ุ ให๎เกิดความสนใจใฝ่รู๎มากข้ึน ฯลฯ 5. กจิ กรรมบาํ เพญ็ ประโยชน๑ เปน็ กิจกรรมสรา๎ งสรรคท๑ ่เี น๎นการฝกึ ความเสียสละของลกู เสือ ไดแ๎ กํ การ จัดกจิ กรรมการกศุ ล การซํอมของเลนํ ใหน๎ อ๎ ง การดูแลทําความสะอาดสถานท่ี การปลกู และดแู ลต๎นไม๎ การเก็บ ผักจากแปลงไปประกอบอาหารเลี้ยงน๎อง ฯลฯ หลักการออกแบบกิจกรรม 1. การเลอื กประเภทของกิจกรรม ต๎องสอดคลอ๎ งกับผลการเรียนรู๎ทตี่ ๎องการ เชนํ ผลการเรียนรู้ด้านพุทธพิ สิ ัย มักเลอื กใช๎ กจิ กรรมการวเิ คราะห๑และการประเมิน การรายงาน และการ แขงํ ขนั ตอบปัญหาในเร่ืองเนื้อหาที่ต๎องการให๎เรียนรู๎ เปน็ ต๎น ผลการเรียนรดู้ ้านจิตพิสยั มกั เลอื กกิจกรรมทส่ี ร๎างความรส๎ู กึ ทสี่ อดคลอ๎ งกับผลการเรียนร๎ูที่ต๎องการ เชนํ กิจกรรมการแสดงออก เกม กิจกรรมบาํ เพญ็ ประโยชน๑ เปน็ ตน๎ ผลการเรียนร้ดู า้ นทักษะพิสัย ถา๎ เป็นทักษะทางสตปิ ัญญานิยมใชก๎ ิจกรรมการวเิ คราะห๑ และประเมิน สํวนทกั ษะทางกายภาพ เลอื กได๎เกอื บทกุ ประเภท 2. การตง้ั ประเด็นอภิปราย เพ่อื ใหล๎ กู เสอื ไดร๎ ํวมอภิปรายแลกเปลยี่ นความคิดเห็น ในเร่ืองท่ีสอดคล๎อง กบั ผลการเรียนร๎ูทีต่ ๎องการ เชํน ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 287 คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3 281
ผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย ตั้งประเด็นให๎ วิเคราะห๑ /สังเคราะห๑ /ประเมิน เน้ือหาท่ีต๎องการให๎ ผูเ๎ รยี นเกิดความเขา๎ ใจอยาํ งถํองแท๎ เกิดความคดิ รวบยอดท่ชี ดั เจน และสามารถนําไปประยกุ ตใ๑ ชไ๎ ดจ๎ รงิ ผลการเรียนรู้ด้านจิตพิสัย ตัง้ ประเดน็ ให๎เกดิ การโตแ๎ ยง๎ กันดว๎ ยเหตผุ ลในเรื่องความคิดความเชื่อ ท่ี เก่ียวข๎องกับเจตคติท่ีต๎องการ เพื่อให๎สมาชิกแตํละคนได๎มีโอกาสตรวจสอบความคิดความเชื่อของตนเอง ท่ี แตกตาํ งจากคนอนื่ ทําให๎เกิดการปรับเปลย่ี นความคิดความเช่ือจากการโต๎แย๎งกันด๎วยเหตุผลในกระบวนการ กลมุํ ผลการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัย ตั้งประเด็นให๎เกิดความเข๎าใจอยํางถํองแท๎ในขั้นตอนการทําทักษะ นน้ั ๆ เชํนการวเิ คราะหค๑ วามครบถว๎ นในการทาํ ตามขนั้ ตอนของทักษะ การวเิ คราะหจ๑ ุดออํ น ทม่ี กั จะทาํ ทักษะ นน้ั ๆ ไมสํ ําเรจ็ เป็นต๎น 3. การสรุปความคิดรวบยอดและประยุกต๑ใช๎ ทุกกิจกรรมควรมีการสรุปความคิดรวบยอดที่เกิดขึ้นให๎ ชดั เจน และเปิดโอกาสให๎ได๎ลองประยกุ ต๑ใช๎ ไดแ๎ กํ ผลการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย ความคิดรวบยอดคือเนื้อหา องค๑ความรู๎ท่ีต๎องการให๎เกิดขึ้น ประยกุ ต๑ใชโ๎ ดยผลติ ซา้ํ ความคิดรวบยอดในรปู แบบท่ตี าํ งจากเดมิ เชํน การทาํ รายงาน ทาํ สรปุ ยอํ ฯลฯ ผลการเรยี นรูด้ ้านจติ พิสยั ความคิดรวบยอดไมมํ เี นือ้ หา แตเํ ป็นความรู๎สึกและความคิดความเช่ือท่ี เกิดขน้ึ ภายในตัวผเ๎ู รียน ประยกุ ตโ๑ ดยการแสดงออกท่ีสอดคล๎องกับเจตคติท่ีเกิด เชํน การกระทําที่แสดงออก ถงึ ความซ่ือสัตย๑ การกระทาํ ที่แสดงออกถงึ ความเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี เปน็ ตน๎ ผลการเรียนรดู้ า้ นทกั ษะพิสยั ความคดิ รวบยอดท่ีเกดิ คือ ความเขา๎ ใจขัน้ ตอนและทําทกั ษะน้ัน ๆ ได๎ ประยุกต๑โดยการฝึกฝนทักษะนน้ั จนชํานาญ บรรณานกุ รม 288 คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 282 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
บรรณานุกรม สาํ นักงานคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหํงชาต.ิ ข้อบังคบั คณะลกู เสือแห่งชาติ ว่าด้วยการปกครอง หลักสูตรและวชิ าพเิ ศษลกู เสือวสิ ามญั (ฉบับท่ี 15). โรงพมิ พ๑ สกสค.ลาดพรา๎ ว, 2529. กรมพลศกึ ษาประจาํ เขตการศึกษา 8. นิทานที่เป็นคติสอนใจ. (เอกสารอดั สาํ เนา) : มปท.,2537. กรมสุขภาพจิต กระทรววงงสสาาธธารรณณสสขุ ุ . คูม่ อื วทิ ยากรฝกึ อบรมทักษะชีวิตเพ่อื การปอ้ งกนั เอดส์ ดว้ ยการเรยี นรูแ้ บบมสี ว่ นร่วม, ม.ป.ท.: พมิ พ๑ครง้ั ที่ 1 สิงหาคม 2541. กรมสขุ ภาพจิต กระทรววงงสสาาธธารรณณสสขุ ุ . คูม่ ือการจดั กจิ กรรมเพื่อพฒั นาเด็กด้อยโอกาส. น.พ.อนันต๑ อนํุ แกว๎ บรรณาธิการ ม.ป.ท. : พมิ พค๑ ร้ังท่ี 1 มถิ นุ ายน 2544 กระทรวงศกึ ษาธกิ าร หลกั สูตรแกนกลาง. การศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. โรงพิมพ๑ ชมุ นุมสหกรณ๑การเกษตรแหงํ ประเทศไทย, 2551. คณะกรรมการลกู เสือฝ่ายพัฒนาบุคลากร สํานกั งานลูกเสอื แหงํ ชาติ. ค่มู ือการฝกึ อบรมผู้บงั คบั บญั ชา ลกู เสือข้นั ผู้ชว่ ยผู้ให้ฝึกอบรมวชิ าผใู้ ห้การฝึกอบรมผกู้ ํากบั ลกู เสือ (Assistant Leader Trainers course) (A .L.T.C). โรงพิมพ๑ สกสค. : ลาดพร๎าว, 2551. จิราวชุ คมุ๎ จนั ทร๑. เกม/นนั ทนาการกลุม่ สัมพันธ์. เอกสารอัดสาํ เนา : มปท., 2547. มณฑานี ตนั ติสขุ , หนังสือผห๎ู ญงิ อัศจรรย.๑ http://www.nantbook.com/webboard/detail.php?qID=116. เป็นแมเ่ หลก็ ดงึ ดูดความรกั ดดี งี ่ายนดิ เดยี ว แค่ร้จู ักตวั เองดดี ี, สบื คน๎ เมอื่ วนั ท่ี 24 มีนาคม 2553 สมาคมวางแผนครอบครัวแหงํ ประเทศไทย. คมู่ ืออบรมวิทยากร การจัดกจิ กรรมลูกเสือทเ่ี นน้ ทกั ษะ ชีวิต. สมาคมวางแผนครอบครัวแหํงประเทศไทย, 2553. สาํ นักการลกู เสอื ยวุ กาชาด และกิจการนกั เรยี น สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการจดั กิจกรรมลกู เสอื ให้สอดคล้องกับหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2544. โรงพิมพ๑คุรสุ ภาลาดพรา๎ ว, 2549. สาํ นกั การลูกเสอื ยุวกาชาด และกิจการนกั เรยี น สาํ นกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการพฒั นาหลกั สตู ร การจดั กิจกรรมลกู เสือในสถานศกึ ษา พ.ศ. 2552. องค๑การค๎าของ สกสค., 2552. สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน. แนวทางการจัดกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน. โรงพมิ พค๑ รุ สุ ภาลาดพร๎าว, 2534. อบุ ลวรรณ แสนมหายกั ษ๑. เพลงลกู เสือ. เอกสารประกอบการฝกึ อบรมผู้บงั คับบญั ชาลกู เสอื สาํ รอง สามัญ สามัญรนุ่ ใหญ่ ขนั้ ความรู้ช้ันสูง : (เอกสารอัดสาํ เนา), 2539. http://en.wikipedia.org/wiki/World_Scout_Jamboree http://en.wikipedia.org/wiki/World_Organization_of_the_Scout_Movement http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=0db802ca17a2e96f&clk=wttpcts http://www.inspect2.moe.go.th/3%20SS.ATC/index.html คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 289 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3 283
http://www.lovesquare.com http://mathafaps.tripod.com/gentleman.htm , อยา่ งไรจงึ เรยี กวา่ เป็น \"สภุ าพบรุ ุษ”, สบื ค๎นเมอ่ื วันที่ 23 มนี าคม 2553 http://www.navyscoutclub.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=538687830 http://www.rdpb.go.th/RDPB/Front/Projects/RDPBImportantProject.aspx http://www.scoutthailand.org/main/show_page.php?topic_id=56&auto_id=13&TopicPk=19 http://122.155.0.105/~scout/modules/news/article.php?storyid=7 คณะผ้จู ดั ทําคู่มือการจัดกิจกรรมลูกเสือเสริมสร้างทกั ษะชีวิต 290 คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 284 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
โครงการลกู เสือเสริมสร้างทกั ษะชีวิต ดําเนินการโดย สํานักงานลูกเสอื แห่งชาติ 154 ศาลาวชิราวุธ แขวงวงั ใหมํ เขตปทมุ วนั กรุงเทพฯ 10330 โทรศพั ท๑ 0-2219-2731 โทรสาร 0-2219-2108 website : http://www.scoutthailand.org สํานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดําเนินนอก เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทรศพั ท๑ 0-2288-5511 website : http://www.obec.go.th สาํ นักงานกองทนุ สนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ อาคารศูนย๑เรยี นรู๎สขุ ภาวะ 99/8 ซอยงามดพู ลี แขวงทํงุ มหาเมฆ เขตสาทร กรงุ เทพฯ 10120 โทรศัพท๑ 0-2343-1500 โทรสาร 0-2343-1501 website : http://www.thaihealth.or.th สมาคมวางแผนครอบครวั แห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์สมเดจ็ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี 8 ซอยวภิ าวดรี งั สิต 44 ถนนวภิ าวดรี ังสติ แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพฯ 10900 โทรศพั ท๑ 0-941-2320 โทรสาร 0-2561-5130 website : http://www.ppat.or.th E-mail : [email protected] สาํ นักการลกู เสือ ยุวกาชาดและกิจการนกั เรยี น สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ถนนราชดําเนนิ นอก เขตดุสติ กรงุ เทพฯ 10300 โทรศัพท๑ 0-2282-0850 website : http://www.srs.moe.go.th 292 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ป2ว8ช5.2-3 คู่มอื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามปัญระชกา้นั ศมนธั ียยบมตั ศรึกวษิชาชปพี ที ่ี 25-36
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296