แผนการจดั การกจิ กรรมลกู เสือวิสามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช. 2–3) หน่วยที่ 3 วิชาบรกิ าร เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจดั กจิ กรรมที่ 5 บรกิ าร 1. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.1 ลูกเสอื สามารถอธบิ ายและปฏิบัตหิ น๎าทพ่ี ีเ่ ลีย้ งเตรยี มลูกเสอื วสิ ามัญได๎ 1.2 ลูกเสือสามารถอธิบายและปฏบิ ัตหิ นา๎ ท่คี ณะกรรมการประจํากองได๎ 1.3 ลูกเสอื สามารถอธิบายและปฏิบตั ิหน๎าทีก่ ารบริการได๎ 2. เนื้อหา 2.1 หนา๎ ทพ่ี เ่ี ลยี้ งเตรียมลกู เสือวิสามัญ 2.2 หน๎าท่ีคณะกรรมการประจาํ กอง 2.3 การบาํ เพ็ญประโยชนต๑ ํอกองลกู เสอื ของตน 2.4 การบําเพ็ญประโยชนต๑ ํอกองลกู เสืออืน่ 2.5 การบําเพ็ญประโยชนต๑ อํ ชมุ ชน 3. สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภูมเิ พลง 3.2 ใบความรู๎ 3.3 คหู าลูกเสอื วิสามญั (Rover Den) สาํ หรบั การประชมุ คณะกรรมการประจํากองลูกเสือวสิ ามญั 3.4 เรือ่ งสัน้ ที่เป็นประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พิธีเปดิ ประชุมกอง (ชักธงขนึ้ สวดมนต๑ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรือเกม 4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงค๑การเรียนรู๎ 1) การนําเข๎าสํบู ทเรียน บ.ี -พี. (B.-P.) กลําววํา “การลูกเสือวิสามัญประกอบด๎วยคณะบุคคลที่มี ความเป็นพ่ีน๎องกันในการใช๎ชีวิตกลางแจ๎ง และในการให๎บริการแกํผู๎อ่ืน” ตํอจากท่ีได๎เป็นลูกเสือ สํารอง ลกู เสอื สามญั และลูกเสือสามัญรํุนใหญํ เพื่อมีชํองทางในการประกอบอาชีพท่ีเป็นประโยชน๑ แกํตนเองและบริการชุมชน 2) ผ๎ูกํากับลูกเสืออธิบายถึงบทบาทของพี่เล้ียงลูกเสือวิสามัญ (Sponsor) โดยปฏิบัติตนเป็น ตวั อยํางทด่ี ี ชวํ ยเหลือ แนะนาํ เตรียมลกู เสอื วิสามญั ในเรื่องธรรมเนียมประเพณีของลูกเสือวิสามัญ และการพฒั นาตนเองในขบวนการทางลกู เสอื 3) ผ๎กู ํากับลกู เสืออธบิ ายบทบาทหน๎าที่ วิธีปฏิบตั ิในการประชุมคณะกรรมการประจํากองลูกเสือ วิสามัญ 4) จดั การประชมุ ตามระเบยี บวาระการประชุมท่คี ณะกรรมการประจํากองการเสนอเรอื่ งพจิ ารณา ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 49 42 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3
5) คณะกรรมการประจาํ กอง สรปุ เรอื่ งพิจารณาเสนอตํอผู๎กํากบั ลกู เสอื 4.4 ผ๎กู าํ กับลกู เสือเลาํ เร่ืองส้ันท่เี ป็นประโยชน๑ เรือ่ ง ลาปลอมเปน็ ราชสีห๑ 4.5 พิธีปิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธงลง เลิก) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรวํ มมือในการปฏิบตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการอภปิ ราย เพลง ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 5 บริการ (สร๎อย) บรกิ าร บริการ งานทพ่ี วกเราทาํ เปน็ ประจาํ เราทาํ ไปไมํเคยคิดรวนเร เฮ๎ (ซา้ํ ) เราทาํ ดว๎ ยความยินดี ไมํเคยคดิ ท่จี ะเบ่ือ เพราะเราน้เี ป็นลกู เสือ หนวํ ยงานบรกิ าร เกบ็ กวาดเราทําทกุ อยําง สะอาดทกุ ทางท่ีผําน หน๎าที่ทกุ ๆ สถาน เรานบี้ ริการท่ัวไป ใบความรู้ วชิ าบริการ หลกั สูตร (1) ทาํ หน๎าทีพ่ เ่ี ลย้ี งลูกเสอื วิสามญั ทเี่ ขา๎ ใหมํ (2) ทาํ หนา๎ ทีเ่ ปน็ กรรมการของกอง (3) บาํ เพ็ญประโยชน๑ตํอกองลกู เสอื ขนตนไมํน๎อยกวาํ 9 ครัง้ (4) บําเพญ็ ประโยชน๑ตํอกองลกู เสืออ่ืนไมนํ ๎อยกวํา 6 ครัง้ (5) บาํ เพ็ญประโยชนต๑ ํอชมุ ชนไมํนอ๎ ยกวาํ 3 ครง้ั วตั ถุประสงค์ 1. อธิบายถึงหน๎าที่ของพเ่ี ลย้ี งไดถ๎ ูกตอ๎ งและปฏบิ ัติหนา๎ ทีพ่ เ่ี ลย้ี งของลูกเสอื วิสามญั ทเ่ี ข๎าใหมไํ ด๎ 2. อธิบายถงึ หนา๎ ท่คี ณะกรรมการประจํากองได๎ถูกต๎อง และปฏิบัติหน๎าที่ในคณะกรรมการประจํา กองได๎ 50 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 43 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3
3. อธิบายความหมายของการบรกิ ารและประเภทของการบริการได๎ 4. อธิบายหลักในการให๎บริการได๎ 5. อธิบายงานและโอกาสที่จะให๎บริการหรือบําเพ็ญประโยชน๑ตํอตนเอง ขบวนการลูกเสือและ ชมุ ชนได๎ 6. ปฏิบัตติ นไดต๎ ามคติพจนข๑ องลูกเสอื วสิ ามัญ แนวการจัดการฝึกอบรม จดั ใหม๎ กี ารฝกึ อบรมให๎มคี วามรทู๎ างทฤษฎตี ามวตั ถุประสงค๑ทไ่ี ดก๎ าํ หนดไว๎ โดยใช๎วธิ บี รรยายนําและ ให๎อภิปรายกลํุม หรือเทคนิคการสอนอ่ืนใดที่เหมาะสม จากนั้นให๎ได๎รับการฝึกด๎านบริการแกํขบวนการ ลูกเสือและชุมชนตามความเหมาะสมอยํางสม่ําเสมอ จนกระทั่งลูกเสือวิสามัญเห็นความสําคัญของการ บริการ และยนิ ดีทีจ่ ะใหบ๎ ริการตอํ ผ๎ูอ่ืนเสมอ เนื้อหาวชิ าประกอบการฝึกอบรมตามหลักสูตร 1. บทนํา บี.พ.ี กลาํ ววาํ “การลกู เสือวิสามญั ประกอบดว๎ ยคณะบุคคลทม่ี ีความเป็นพ่ีน๎องกันในการใช๎ชีวิต กลางแจง๎ และในการใหบ๎ รกิ ารแกํผูอ๎ ื่น “ วัตถปุ ระสงค๑ของการลกู เสือวสิ ามญั คือ (1) เพอ่ื ให๎การฝกึ อบรมในหน๎าท่ีพลเมืองตํอจากที่ได๎ให๎แกํลูกเสือสํารอง ลูกเสือสามัญและลูก สามัญรํนุ ใหญํ ไว๎แล๎ว แตมํ ีชํองทางที่จะปฏบิ ัติกว๎างกวาํ เพื่อใหเ๎ หมาะสมแก่วยั ของลูกเสอื วิสามญั (2) เพอ่ื สนับสนนุ ให๎ลูกเสือวิสามัญประกอบอาชีพท่ีเป็นประโยชน๑แกํตนเองและเพ่ือให๎บริการ แก่ชมุ ชน การฝกึ อบรมลกู เสือวิสามญั อยใูํ นระหวํางระยะเวลาท่ีคนหนํมุ “กําลังสร๎างตนเอง” กลําวคือ พฒั นานิสยั ใจคอของเขา กําลงั กายของเขา และพยายามทีจ่ ะชวํ ยเหลอื เขาใหน๎ าํ เอาหลกั ของคาํ ปฏญิ าณและ กฎของลกู เสอื มาปฏบิ ตั ใิ นการดาํ เนนิ ชวี ติ ประจําวนั 2. บทบาทของพ่เี ล้ยี ง พ่เี ล้ยี ง คือ ลูกเสือวสิ ามญั รนํุ พที่ ผี่ าํ นการเขา๎ ประจาํ กองแล๎ว เป็นผ๎ูท่ีมีความร๎ู ความสามารถ พ่ี เลี้ยงมหี นา๎ ทีด่ ังน้ี (1) เป็นเพื่อนท่ดี ีหรอื เปน็ พี่ทีม่ คี วามปรารถนาดีตอํ เตรียมลูกเสือวิสามัญใหญํซ่ึงเปรียบเสมือน นอ๎ ง และอาจจะยงั ไมํเขา๎ ใจวําควรปฏบิ ัติหรือบําเพ็ญตนอยาํ งไรในกองลูกเสือวิสามญั (2) เป็นตัวอยาํ งที่ดีแกเํ ตรียมลูกเสือวสิ ามัญใหมใํ นเร่ืองตําง ๆ โดยทั่วไป (3) ชวํ ยเหลือ ช้ีแจง แนะนํา เตรียมลกู เสอื วิสามัญในเรือ่ งธรรมเนียมประเพณขี องกอง (4) ชํวยเหลือ ชี้แจง แนะนําเตรียมลูกเสือวิสามัญในการฝึกอบรมตามหลักสูตรเครื่องหมาย ลกู เสอื โลก (5) เปน็ ผู๎มีบทบาทสาํ คัญในพิธีเขา๎ ประจาํ กองของเตรียมลูกเสอื วิสามัญท่ตี นได๎รับมอบหมายให๎ เปน็ พ่เี ลย้ี ง คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 51 44 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
ผู๎ทไี่ ด๎รับมอบหมายให๎ทําหน๎าที่พ่ีเล้ียงเตรียมลูกเสือวิสามัญใหมํ ควรถือวําเป็นงานที่มีเกียรติ และควรปฏิบตั ิหนา๎ ท่ตี ามท่ไี ดร๎ ับมอบหมายอยาํ งจริงจัง นอกจากน้ัน การรับหน๎าที่น้ียังมีประโยชน๑แกํตัวพ่ี เลี้ยงเอง คือ เทาํ กบั เป็นการฝึกอบรมในเรือ่ งการเป็นผู๎นาํ ตามตวั อยําง นอกจากนั้นยงั เป็นการชํวยเหลอื งาน ของกองลูกเสือวิสามญั ในการฝกึ อบรมเตรยี มลูกเสอื วสิ ามัญใหม๎ คี ณุ ภาพและเปน็ กาํ ลังของกองตอํ ไปอกี ดว๎ ย ลกู เสอื วิสามัญทกุ คนในกอง ควรมโี อกาสได๎รับมอบหมายใหท๎ ําหนา๎ ท่ีพเ่ี ล้ยี งอยาํ งนอ๎ ยครั้งหน่ึง ในโอกาสอนั สมควร ผู๎ท่ีจะทําหน๎าท่ีพ่ีเล้ียงจะต๎อมีความรู๎ความสามารถทางลูกเสือเป็นอยํางดี และจะต๎องเป็นผ๎ูมี มนษุ ยสัมพันธท๑ ่ีดดี ว๎ ย โดยการศึกษาหลักมนษุ ยสมั พันธ๑และความเป็นผ๎นู ําทถ่ี กู ตอ๎ ง มพี ีเ่ ลยี้ งไมํน๎อยทีม่ กั จะ ใชอ๎ าํ นาจที่ผิดกบั รํนุ น๎อง ซ่งึ เปน็ การทาํ ลายบคุ ลิกภาพของตนเอง รวมถงึ ทาํ ลายความร๎ูสกึ ทดี่ ขี องรุํนน๎องตํอ ขบวนการลูกเสือ ฉะน้ัน ผู๎ท่ีจะเป็นพี่เล้ียงต๎องได๎รับการฝึกอบรมให๎มีมนุษยสัมพันธ๑ที่ดี และมีภาวะความ เป็นผูน๎ าํ ท่ีถกู ต๎อง 3. คณะกรรมการประจาํ กองลกู เสอื วิสามัญ คณะกรรมการประจํากองลูกเสือวิสามัญประกอบด๎วย หัวหน๎านายหมํูเป็นประธาน ผู๎ชํวย หวั หนา๎ เป็นรองประธาน กบั ให๎นายหมูํ รองนายหมูํในกองนั้นเป็นกรรมการ แล๎วเลือกกันเองเป็นกรรมการ ฝ่ายตําง ๆ เชํน เลขานุการ เหรัญญิก ทะเบียน ปฏิคม วิชาการ ประชาสัมพันธ๑ พัสดุ กรรมการกีฬา กรรมการนนั ทนาการ กรรมการกลาง ฯลฯ และนําเสนอผกู๎ ํากับพิจารณาอนมุ ตั ิและสั่งแตํงต้ัง กรรมการประจํากองใหอ๎ ยํใู นตําแหนงํ ไมํเกนิ 12 เดือน ท้งั นี้ เพือ่ เปิดโอกาสให๎ผ๎ูอ่ืนได๎ปฏิบัติใน ตําแหนํงหัวหน๎านายหมํู ผ๎ูชํวยหัวหน๎านายหมูํ และกรรมการดําเนินงานของกองบ๎าง แตํในบางกรณีท่ี ประชุมคณะกรรมการประจํากองอาจเสนอให๎ผ๎ูกํากับฯ พิจารณาแตํงตั้งคณะกรรมการประจํากองชุดเดิม ปฏิบัตหิ น๎าท่ีตํอไปอกี หรอื จะใหม๎ ีการเปล่ยี นแปลงแตํบางตําแหนงํ กไ็ ด๎ ใหม๎ ีการประชมุ คณะกรรมการประจํากองอยํางนอ๎ ยเดือนละครง้ั ในการประชมุ ให๎หวั หน๎านายหมูํ เปน็ ประธานทปี่ ระชุม ผูช๎ วํ ยหวั หน๎านายหมํู 1 คน เป็นรองประธาน เลขานุการเป็นผู๎จัดรายงานการประชุม สํวนผบู๎ ังคับบัญชาลูกเสอื ทีเ่ ขา๎ ประชุมดด๎วว้ นยให๎ท้ ําหน๎าทเ่ี ปน็ ท่ีปรึกษา คณะกรรมการประจาํ กองมีหน๎าทีด่ ังนี้ (1) วางแผนและจดั กิจกรรมในวันประชมุ กองประจาํ สัปดาห๑ (2) ในกรณีท่ีมีกิจกรรมพิเศษ อาจจะพิจารณาแตํงตั้งลูกเสือวิสามัญในกองคนหน่ึงให๎เป็น หวั หนา๎ กจิ กรรมนั้น (3) บรหิ ารกิจการภายในกองลูกเสอื (4) รักษาเกยี รตขิ องกองลกู เสอื (5) ควบคุมการรบั จาํ ยเงินของกองลูกเสือ (6) ให๎ประธานหรือผูแ๎ ทนท่ีรบั มอบหมายเป็นผ๎แู ทนของกอง ในการตดิ ตอํ กับบุคคลภายนอก (7) จัดให๎มีคูหา (Den) ของกอง ขนาดอยํางน๎อย 4-6 เมตร เพ่ือใช๎เป็นสถานท่ีเอนกประสงค๑ ของกอง 52 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 45 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
(8) คัดเลือกลูกเสือวิสามัญอาวุโส 1 หรือ 2 คน ท่ีรอบรู๎งานลูกเสือวิสามัญเพื่อให๎ทําหน๎าที่พี่ เล้ียง (Sponsor) เตรียมลูกเสือวิสามัญ (Rover Squire) แตํละคนจนกวําเตรียมลูกเสือวิสามัญนั้นจะผําน หลักสูตรเคร่ืองหมายลูกเสือโลก ผํานการสํารวจตัวเอง (Vigil) และได๎เข๎าประจํากอง (Investiture) เป็น ลกู เสอื วิสามัญ (Rover Scout) โดยสมบูรณ๑ งานสาํ คัญอยํางหน่งึ ของการฝึกอบรมลูกเสือวิสามัญ คอื การรบั หนา๎ ทเี่ ปน็ กรรมการประจํากอง เพื่อรํวมกันดาํ เนินงานของกอง ภายใต๎การนาํ และควบคุมดแู ลของผ๎กู ํากับฯ หน๎าที่ของคณะกรรมการประจํากองประการหนึ่งตามที่กลําวแล๎ว คือ จัดให๎มีคูหาของกองซ่ึง รวมถงึ การจัดใหม๎ ีสิ่งจาํ เปน็ และการตกแตงํ คูหาลกู เสือวสิ ามัญ (Rover Den) หมายถึง สถานที่ของลูกเสือวิสามัญซ่ึงเป็นสถานท่ีประกอบ กิจกรรมของลูกเสือวิสามัญ เชํน การประชุมวางแผนหรือประกอบพิธีประดับแถบสี (สําหรับเตรียมลูกเสื อ วิสามญั และลกู เสือวิสามญั ) ตอ๎ งการใหล๎ กู เสือวสิ ามญั มีสถานท่รี วมจิตใจ ยึดมน่ั ในอดุ มการณ๑ของลูกเสือ (1) บริเวณสถานทค่ี วรเปน็ ทสี่ งบเงียบ มบี ริเวณกว๎างขวาง มีความสะอาดโดยรอบบรเิ วณ (2) ลกั ษณะการปลูกสร๎าง จะเปน็ ทรงใดก็ได๎ให๎ดูแล๎วเป็นท่ีสะดุดตา อาจเป็นทรงไทยหรือ ทรงประยุกต๑ (3) วัสดุที่ใชก๎ ํอสร๎าง จะใช๎วัสดุอยาํ งไร ก็แล๎วแตํฐานะทางการเงินของกองเป็นสําคัญ การ กํอนสรา๎ งอาจจะใช๎ไม๎กลม ปีกไม๎ หรอื กอํ อฐิ แตทํ ่ีสําคญั คอื ให๎มีความคงทน (4) การสร๎างภายในคหู า - มีห๎องประชุม - มีห๎องสมุดเกยี่ วกับลกู เสือ - มีหอ๎ งเก็บเคร่อื งหมาย - มีหอ๎ งเกบ็ พสั ดุ - มหี ๎องนา้ํ - มที ีส่ ําหรับพกั (5) ส่ิงประกอบภายใจ คูหาลูกเสือวิสามัญเป็นสถานท่ีซ่ึงใช๎สําหรับพิธีการตําง ๆ ของ ลกู เสอื วสิ ามญั ด๎วย จึงต๎องมีส่ิงตาํ ง ๆ ซ่งึ เป็นทเี่ คารพสกั การะ ดงั นี้ - พระพุทธรูปและโต๏ะหมํูบูชา ถ๎าลูกเสือนับถือศาสนาเดียวกัน ก็ให๎ประดิษฐาน พระพทุ ธรูปไวบ๎ นโต๏ะบูชา หรือศาสนาอ่นื ก็แล๎วแตํความเคารพนบั ถอื - ธงชาติ ธงประจํากอง - พระบรมฉายาลกั ษณ๑พระประมขุ ของคณะลกู เสอื แหํงชาติ - พระบรมรปู รชั กาลที่ 6 พระผ๎ูพระราชทานกําเนิดลูกเสือไทย - รูป บี-พี ผก๎ู อํ กาํ เนดิ ลกู เสอื โลก - คําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ (6) ลักษณะการใช๎คูหาลกู เสอื วสิ ามัญ ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 53 46 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
- ใช๎เปน็ ที่สอนและอบรมลูกเสือ - ใชเ๎ ป็นท่ปี ระชุมคณะกรรมการประจาํ กองหรือประชมุ สมาชกิ ของกอง - ใช๎ค๎นคว๎าหาความรู๎เป็นห๎องสมุด - ใชท๎ าํ พธิ ีทางศาสนา เชํน ทําบญุ ในโอกาสครบรอบต้งั กองลกู เสือ - ใชท๎ ําพธิ ที างลกู เสือ พธิ ีเข๎าประจํากอง เชนํ ตดิ แถบ ถวายราชสดุดี - ใช๎เป็นพิพิธภณั ฑข๑ องท่รี ะลกึ ท่ีไดม๎ าจากทอ่ี ่ืน ๆ หรอื ตํางประเทศ - ใชเ๎ ปน็ สํานักงานของลกู เสอื วิธีปฏิบัตใิ นการประชุมคณะกรรมการประจํากอง มหี ลกั ปฏิบัตใิ ห๎ถูกต๎องตามระเบียบและวธิ ีการ ดังน้ี การจัดท่ปี ระชมุ (1) ห๎องประชมุ ในหอ๎ งประชุมจัดให๎มีโตะ๏ หมูํบูชา มพี ระพทุ ธรปู ธงชาติ และพระบรมฉายา ลักษณ๑ของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยํูหัว รัชกาลปัจจุบัน กับมีพระพุทธรูปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล๎าเจ๎าอยํหู วั องค๑พระผพ๎ู ระราชทานกาํ เนดิ ลกู เสอื ไทย และรูปของลอรด๑ เบเดน โพเอล (2) โต๏ะประชุม ควรจัดให๎มีเก๎าอี้ประชุมตามจํานวนของนายหมํู รองนายหมูํ และจัดเป็น พิเศษสาํ หรับผก๎ู าํ กับฯ หรือรองผก๎ู ํากบั ฯ ท่จี ะเข๎าประชุมด๎วยในฐานะทีป่ รึกษา โดยจดั ให๎นั่งอยูํทางซ๎ายของ ประธาน (3) การจัดที่นั่ง จะต๎องกําหนดไวใ๎ หท๎ ราบ โดยมีการเขยี นป้ายหรือเครื่องหมายแสดงไว๎ ณ ที่น้ันๆ เชํน ประธาน รองประธาน เลขานุการ หมํู 1 รอง ฯ หมูํ 1 หมูํ 2 หมํู 3 รอง ฯ หมํู 3 ฯลฯ และผ๎ู กาํ กบั ลกู เสือ (4) ผ๎ูเขา๎ ประชมุ - นายหมํทู กุ หมูแํ ละรองนายหมทูํ กุ หมูํ - ผูก๎ าํ กบั ลูกเสอื ถา๎ ผ๎กู ํากบั ลูกเสือไมอํ ยํูให๎รองผ๎กู ํากับฯ เขา๎ ประชมุ แทน - ผทู๎ รงคณุ วฒุ ทิ กี่ องลูกเสือเชิญมา เพื่อแนะนาํ วิชาการเปน็ คร้งั คราว - หัวหน๎านายหมูํในฐานะประธาน รองหัวหน๎านายหมํู 1 คน ในฐานะรองประธาน และเลขานุการผจ๎ู ดรายงานการประชุม (5) การเขา๎ หอ๎ งประชมุ เลขานกุ ารจะเป็นผ๎ูเชิญ โดยให๎นายหมํูและรองนายหมํูตําง ๆ เข๎า กํอนแล๎วจึงเชิญประธานและท่ีปรึกษาเข๎าเป็นคนสุดท๎าย ผ๎ูที่เข๎าประชุม กํอนท่ีจะเข๎าน่ังจะต๎องไปไหว๎ พระพทุ ธรูป และแสดงความเคารพตํอธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ๑ของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ตามลําดับเสยี กอํ น โดยวิธีวันทยหัตถ๑ แลว๎ จึงไปนัง่ ทข่ี องตน (ยกเวน๎ ประธานจะต๎องจุดธูปเทียนและกราบที่ หนา๎ พระ) (6) การเปิดประชุม เป็นหน๎าท่ีของประธานท่ีจะกลําวเปิด โดยลุกข้ึนยืนหันหน๎าเข๎าสูํที่ ประชมุ ยนื่ มอื ขวาออกไปข๎างหนา๎ ทาํ มุมประมาณ 45 องศา แขนเหยยี ดตรงแสดงรหัสของลูกเสือแล๎วกลําว วาํ “บัดนส้ี มาชิกของท่ีประชุมได๎มาครบองค๑ประชุมแลว๎ ขา๎ พเจ๎าขอเปิดการประชุม ขอให๎สมาชกิ ท้ังหลายได๎ 54 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 47 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
ใชส๎ ทิ ธิและเสรภี าพของทาํ นโดยเสรใี นการประชมุ และขอให๎ถือวําการประชมุ นี้เปน็ ความลบั ไมํเปิดเผย” เม่ือ ประธานกลําวจบ สมาชิกท่ีประชุมยืนข้ึนพร๎อมกัน พร๎อมกับยกมือขวาขึ้นแสดงรหัสลูกเสือแบบให๎คํา ปฏิญาณของลูกเสือ และกลําวพร๎อมกันวํา “ข๎าพเจ๎าจะถือวําการประชุมนี้เป็นความลับ เว๎นไว๎แตํจะได๎รับ ความเหน็ ชอบจากท่ปี ระชมุ ” เสร็จแล๎วประธานนั่งลง สมาชกิ น่งั ลงพรอ๎ มกัน จากนั้นจึงให๎ดําเนินการประชุม ตามระเบียบวาระตอํ ไป (7) การพดู ในทปี่ ระชุม กํอนพดู ตอ๎ งยกมอื ขออนญุ าต เม่ือประธานอนญุ าตจงึ จะพูดได๎ (และ จะต๎องพูดกบั ประธานทกุ ครงั้ ) เม่ือเวลาพดู ใหน๎ ่งั ไมตํ อ๎ งยนื (8) การนดั หมายเรยี กประชมุ เป็นหนา๎ ทีข่ องเลขานุการท่จี ะแจง๎ นัดหมายไป (9) การจัดระเบยี บวาระการประชุม เปน็ หนา๎ ทข่ี องเลขานุการทจ่ี ะแจ๎งนัดหมายไป (10) เร่อื งท่ีจะจดั เขา๎ วาระการประชมุ ควรเปน็ เรื่องทเี่ กี่ยวกับหน๎าทค่ี วามรับผดิ ชอบในกอง ลกู เสือของตน จัดทํากําหนดการฝึกอบรม การอยูํคํายพักแรม การเงิน การลงโทษ การให๎รางวัล และการ แก๎ปญั หาตาํ ง ๆ ฯลฯ เป็นต๎น (11) รายงานการประชุม ผู๎เข๎ารวํ มประชุมจะต๎องถือเปน็ ความลับ ไมํควรเปดิ เผยเว๎นแตํจะ ไดร๎ ับความเหน็ ชอบจาท่ปี ระชุม ให๎เปิดเผยได๎ (12) การจดรายงานการประชุมเป็นหน๎าที่ของเลขานุการ จะต๎องเป็นผ๎ูจดและจัดทํา รายงานการประชุม บันทกึ ลงในสมดุ และสําเนาแจง๎ ให๎ผู๎เขา๎ ประชุมทราบ (13) ผ๎ูดํารงตําแหนํงประธานที่ประชุม คือ ประธานคณะกรรมการประจํากอง (หัวหน๎า นายหมํู) ซึง่ ผูก๎ ํากบั ฯ แตงํ ตั้งจากนายหมทํู นี่ ายหมํูสวํ นมากเห็นชอบดว๎ ย (14) เลขานุการของที่ประชุม คือ เลขานุการของคณะกรรมการประจํากอง โดยให๎น่ังอยูํ ทางซา๎ ยของประธาน (เลขาฯ จะเปน็ ผเู๎ ชิญนายหมํู รองนายหมํู เข๎าที่ประชุมทีละคน จนถึงประธาน แล๎วจึง เชิญผกู๎ าํ กบั ฯ เปน็ คนสุดท๎าย) (15) ผก๎ู าํ กับลกู เสือท่เี ข๎าประชมุ ไมมํ ีสิทธิออกเสยี งในทีป่ ระชุม แตมํ สี ิทธยิ บั ยั้งการกระทํา ใด ๆ ที่ผ๎ูกาํ กับฯ เหน็ วํา ถ๎าจะปลอํ ยใหท๎ ําไปตามข๎อตกลงของทีป่ ระชุมแล๎ว อาจกํอใหเ๎ กดิ ผลเสยี หายขึ้นได๎ (16) การปดิ ประชุม ประธานจะลุกข้นึ ยืนหนั หน๎าเขา๎ สทูํ ี่ประชุม ยน่ื มือขวาออกไปข๎างหน๎า ทํามมุ ประมาณ 45 องศา แขนเหยียดตรง แสดงรหัสของลูกเสือ แล๎วกลําววํา “ข๎าพเจ๎าขอปิดการประชุม” เม่อื ประธานกลาํ วจบใหน๎ ายหมํทู กุ คนลุกข้ึนทาํ วนั ทยหัตถ๑แกํประธาน (ประธานทําวันทยหตั ถต๑ อบ) (17) การออกจากห๎องประชมุ ตามลําดบั ดงั น้ี คือ ท่ีปรึกษา ประธาน นายหมํู และรองนาย หมํูตาํ ง ๆ (โดยปฏิบัติพิธีการเชํนเดียวกบั การเขา๎ หอ๎ งประชมุ ) ตัวอย่างผังที่ประชุมคณะกรรมการประจาํ กอง ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 55 48 คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3
ตวั อย่างผงั ที่ประชมุ คณะกรรมการประจำ� กอง 56 คคมู่ ือู่มสือ่งสเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะฒั พนัฒานกิจากริจรกมรลรูกมเลสกูอื เทสักอื ษทะกัชษีวิตะชในวี สิตถใานนสศถกึ าษนาศปกึ ษระาเภลทูกลเสูกเอื สวอื สิ วาสิ มาญัมญั ชช้ัน้ันมมธั ธั ยยมมศึกษาปีที่ 5-6 และ ป4ว9ช.2-3 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3
(ตัวอย่างระเบียบวาระการประชุม) รระะเเบบียยี บบววาระการประชมุ คณะกรรมกกมาารรปปรระะจจำ� าํ กกอองง ครง้ั ท.่ี ..................../ ........................ วันท่ี.....................เดือน...........................พ.ศ. ................. ณ........................................................................... วาระที่ 1 เรื่องทีป่ ระธานจะแจ๎งใหท๎ ราบ (ถา๎ มี) วาระท่ี 2 วาระท่ี 3 เรอื่ งรับรองรายงานการประชมุ ครั้งท.่ี ................/.................... วาระที่ 4 เรือ่ งทสี่ บื เน่ืองจากการประชมุ ครง้ั กอํ น (ถ๎ามี) เรื่อง................................................(เป็นเรอื่ งท่ีจะประชุมพจิ ารณากนั ในการประชมุ วาระท่ี 5 ถา๎ มหี ลายเรื่องก็ใสํวาระท่ี 5 ท่ี 6 จนหมดเรอื่ งที่จะนํามาประชมุ ) เรือ่ งอ่ืน ๆ (ถ๎ามี) วาระท่ี 5 หรอื วาระอันดับสุดทา๎ ยนเี้ ป็นวาระทีก่ ําหนดสําหรับ เรือ่ งทีจ่ ะมีขึ้นภายหลังที่ได๎กาํ หนดระเบยี บวาระไปแลว๎ จะได๎นํามาเขา๎ พดู ในทป่ี ระชุมได๎ คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 57 50 ค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3
(ตัวอยา่ งบนั ทกึ รายงานการประชุม) บันทกึ รายงานการประชมุ คณะกรรมการประจาํ กอง ครง้ั ท.่ี ..................../ ........................ วนั ที่.....................เดือน...........................พ.ศ. ................. ณ........................................................................... ผูเ๎ ข๎าประชมุ 1. ………………………………………………. 2. ………………………………………………. 3. ………………………………………………. 4. ………………………………………………. ฯลฯ ผู๎ไมํมาประชมุ (ถ๎าม)ี เปดิ ประชุมเวลา........................................................น. ประธานกลําวเปดิ การประชมุ แล๎วดาํ เนินการประชมุ ตามระเบียบวาระตอํ ไป วาระที่ 1 เร่อื ง....................................................................................... ประธานเสนอวํา ทีป่ ระชมุ (มีมติหรอื ตกลงอยํางไร) ฯลฯ ปดิ ประชมุ เวลา.........................................................น. (ลงช่อื )..................................................ผ๎ูจดรายงานการประชุม ที่ประชุมรบั รองรายงานการประชุมนแี้ ลว๎ (ลงช่ือ)....................................................ประธาน (ลงชอื่ ) ....................................................นายหมํู 1 (ลงชื่อ) ....................................................รองนายหมํู 1 ฯลฯ 58 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู อื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 51 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3
(ตวั อย่างบัญชลี งชือ่ ผู้เขา้ ประชมุ ) รายชอ่ื ผเ๎ู ขา๎ ประชมุ คณะกรรมการประจํากองลกู เสือวสิ ามัญ ครง้ั ที่...................../ ........................ วนั ท.่ี ....................เดือน...........................พ.ศ. ................. ณ........................................................................... ลาํ ดับ ชอื่ – สกลุ ลายเซ็น ตาํ แหนง่ หมายเหตุ ท่ี ประธาน 1 นายหมูหํ มํู 1 2 รองนายหมหํู มูํ 1 3 นายหมูํหมูํ 2 4 รองนายหมูํหมูํ 2 5 เลขานกุ าร 6 7 ฯลฯ 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 4. ความหมายของการบรกิ าร คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 59 52 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
4. ความหมายของการบริการ - คําวํา “บรกิ าร” หมายถงึ การชวํ ยเหลือหรือการบําเพ็ญประโยชน๑ตํอตนเอง ตํอผู๎อื่นและตํอ ชุมชน ลูกเสือวิสามัญจะต๎องมีความเล่ือมใสศรัทธาในคําวํา “บริการ” และลงมือปฏิบัติเร่ืองนี้อยํางจริงจัง ด๎วยความจรงิ ใจและโดยมที กั ษะหรือความสามารถในการให๎บริการนั้นด๎วยความช่ําชอง วํองไว คือไว๎ใจได๎ หรือเชอื่ ได๎ - ความเหน็ ของ บี.-พ.ี เกยี่ วกับ “บรกิ าร” บี.พี. เห็นวําการศึกษาท่ีเด็กได๎รับจากทางบ๎าน ทางโรงเรียน ทางวัด และอื่น ๆ ยังมีชํอง โหวํอยูํ 4 ประการ ซ่ึงการลูกเสือมํุงหมายท่ีจะอุดชํองโหวํเหลํานั้นโดยเน๎นการฝึกอบรมลูกเสือในเรื่อง ตอํ ไปนี้ คอื (1) ลกั ษณะนสิ ัย และสติปัญญา (2) สุขภาพและพลงั (3) การฝมี อื และทกั ษะ (4) หนา๎ ท่ีพลเมืองและการบาํ เพญ็ ประโยชน๑ตอํ ผ๎อู นื่ การลูกเสือมํุงหมายท่ีจะฝึกอบรมลูกเสือทั้งในทางรํางกาย สติปัญญา ศีลธรรม จิตใจ และ สังคม เพื่อให๎ เป็นพลเมือดี ร๎ูจักหน๎าที่รับผิดชอบและบําเพ็ญตนให๎เป็นประโยชน๑แกํชุมชน ตลอดจน ประเทศชาติ ตามคตขิ องลกู เสือ พลเมืองดี คอื บคุ คลที่มีเกียรติเชอ่ื ถอื ได๎ มรี ะเบียบวินัย สามารถบังคบั ใจ ตนเอง สามารพึง่ ตนเอง ทัง้ เตม็ ใจและสามารถทจ่ี ะชวํ ยเหลือชมุ ชนและบําเพญ็ ประโยชนต๑ ํอผู๎อื่น - ความมุํงหมายโดยเฉพาะของกจิ การลกู เสอื วิสามัญ (1) เพอ่ื ใหล๎ ูกเสอื ไดเ๎ ข๎ารํวมในขบวนการลกู เสือวิสามัญ ซึง่ มีผูใ๎ หญเํ ป็นผู๎ช้ีแจง แนะนําและ ทาํ หนา๎ ทเี่ ปน็ ท่ีปรึกษา จะโดยใหล๎ ูกเสอื วิสามัญในกองปกครองกันเอง ประกอบกิจกรรมตําง ๆ และเรียนรู๎ โดยการกระทํา (2) เพอ่ื ให๎ลกู เสือวสิ ามญั ไดม๎ โี อกาสฝกึ ปฏบิ ัตกิ ารตามทตี่ นถนดั (3) เพอ่ื ให๎ลูกเสือวิสามัญได๎ฝกึ หดั รบั ผิดชอบตํอตนเองและผู๎อ่ืนเป็นขั้น ๆ และเพ่ิมการฝึก ให๎กว๎างขวางย่งิ ขน้ึ โดยอาศัยระบบหมํู (4) เพือ่ ใหล๎ ูกเสือวสิ ามญั มีโอกาสแสดงสมรรถภาพของตนเองด๎วยความพึงพอใจและความ ภาคภมู ใิ จ โดยการใช๎ระบบเครือ่ งหมายพิเศษ (5) เพื่อให๎ลูกเสือวิสามัญร๎ูจักอดทน นิยมชีวิตกลางแจ๎งและการบริการอยํางมีชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะการบรกิ ารชุมชน (6) เพอ่ื สํงเสรมิ การแสวงหาอาชีพที่เหมาะสม - การบริการหรือการบําเพ็ญประโยชน๑ของลูกเสือวิสามัญในเร่ืองการบริการนี้มีจุดมํุงหมาย เพ่ือให๎ลูกเสือวิสามัญทุกคนได๎เข๎าใจความหมาย รู๎วิธีการในการให๎บริการ รู๎หลักในการจัดกิจกรรมด๎าน บริการ และมีความเข๎าใจสามารถปฏิบัติด๎วยตนเองได๎ การลูกเสือวิสามัญต๎องการผู๎เสียสละ ผู๎มีจิตใจเป็น ลูกเสืออยํางแท๎จริง (Scouting spirit) ไมํเป็นคนเห็นแกํตัว ไมํทําอะไรโดยหวังผลสํวนตนเป็นท่ีตั้งอยํู 60 คคู่มือมู่ สอื ่งสเส่งเรสมิ รแมิ ลแะลพะัฒพนัฒานกิจากกรจิ รกมรลรูกมเลสูกอื เทสกั ือษทะกัชษีวติะชในีวสิตถใานนสศถึกาษนาศปกึ ษระาเภลทูกลเสกู เอื สวอื สิ วาิสมาัญมญั ชชั้นนั้ มมัธธั ยยมมศศึกกึ ษษาาปปทีที ี่่ี 55--66 และ ปวช.2-3 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3 53
ตลอดเวลา ในเวลาเดียวกันการเสียสละประโยชน๑และความสุขสํวนตัวเพ่ือบริการตามความหมายของการ ลูกเสือวิสามัญน้กี ็ตอ๎ งให๎คาํ นงึ ถึงสภาวะแวดลอ๎ มและสถานภาพของตนเองอยูํเสมอ ๆ เพ่ือจะได๎ตระหนักถึง ขดี ความสามารถของตนเอง จะได๎ไมกํ ํอให๎เกดิ ความเดือดร๎อนแกํตนเองและครอบครัว 5. ประเภทหรอื ขน้ั ตอนในการบริการ (1) บริการแกตํ นเองกอํ น เป็นการเตรียมตัวเองให๎พร๎อมเสียกํอนเพราะถ๎าหากเรายังไมํพร๎อม เราก็ไมํอาจจะไปให๎บริการแกํผ๎ูอื่นได๎ หรือได๎ก็ไมํดีเทําที่ควร การบริการแกํตนเองกํอนน้ันเป็นการฝึกใน เร่ืองการบริการไปด๎วย เพราะคําวําการบริการแกํตนเองน้ัน หมายถึง ตัวเรา ครอบครัวของเรา ผ๎ูบังคับบัญชาของเรา ผ๎ูใต๎บังคับบัญชาของเรา เพื่อนรํวมงาน ญาติสนิทมิตรสหาย กลําวโดยสรุปได๎วํา กํอนท่เี ราจะออกไปใหบ๎ รกิ ารแกํผ๎อู น่ื นนั้ จาํ เป็นต๎องสร๎างความพร๎อมให๎แกํตัวเองเสียกํอน เพราะตราบใดท่ี เรายังตอ๎ งขอความอปุ การะ ต๎องอยูํภายใต๎การโอบอุ๎มค้ําชูของผ๎ูอื่น ต๎องขอให๎ผู๎อ่ืนชํวยเหลือเราแล๎ว แสดง วําเรายังไมํพร๎อม ฉะน้นั ลูกเสือวสิ ามญั ตอ๎ งเตรียมตัวให๎พร๎อมในทกุ ๆ ดา๎ น ไมวํ ําการเงิน สขุ ภาพ เวลาวําง สติปัญญา ฯลฯ (2) บริการแกํหมํูคณะและขบวนการลูกเสือ เม่ือเราฝึกบริการตนเองแล๎ว ตํอไปก็ขยายการ ใหบ๎ รกิ ารแกํหมูคํ ณะของเรากํอน เป็นการหาประสบการณ๑หรอื ความชํานาญ ด๎วยการบริการเป็นรายบุคคล บรกิ ารแกกํ องลกู เสือของเราในการงานตําง ๆ อันเปน็ สํวนรวมและรวมไปถงึ การให๎บริการแกํกองลูกเสืออื่น ซึง่ ถอื เปน็ ขบวนการของเรา ลูกเสอื วิสามัญทุกคนควรได๎รับการสํงเสริมให๎ชํวยเหลือการดําเนินกิจการของ กองลูกเสือสามัญ หรือกองลูกเสือสํารองในทุกวิถีทาง ทั้งนี้ เพ่ือจะได๎มีประสบการณ๑ภาคปฏิบัติในการ ฝึกอบรมลูกเสอื ซงึ่ จะชํวยใหเ๎ ขาเหมาะสมทจ่ี ะเปน็ ผ๎ูกาํ กับลกู เสือและเปน็ หวั หน๎าครอบครัวในอนาคต ลกู เสือ วิสามัญควรได๎รับมอบหมายความรับผิดชอบในงานที่มีกําหนดแนํนอนในการชํวยเหลือผู๎กํากับลูกเสือ ประเทศชาตติ ๎องการอาสาสมัครเป็นจํานวนมาก เพ่ือชํวยเหลือในเรื่องการศึกษา มีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย นอกเหนือไปจากการอําน การเขียน และการคิดเลข ซึ่งเป็นสิ่งจําเป็นท่ีเด็กสมัยนี้จะต๎องเรียนรู๎เพ่ือจะได๎ ประสบความสําเร็จในชีวิต การที่เวลาเรียนมีระยะสั้น และครูก็มีจํานวนจํากัดยํอมทําให๎เด็กไมํมีโอกาสได๎ เรียนรสู๎ ิง่ ตําง ๆ เหลํานี้ ดังนนั้ ความชํวยเหลือของชายหนํุมรํุนพี่ท่ีเป็นอาสาสมัครจึงเป็นส่ิงท่ีประเทศชาติ ตอ๎ งการอยํางยง่ิ ลูกเสอื สามัญผูซ๎ ่ึงให๎ความชํวยเหลือในการฝึกอบรมหรือในการดําเนินงานของกองลูกเสือ สามญั หรือกองลกู เสอื สํารอง และโดยเฉพาะในการอยํูคาํ ยพกั แรม นับได๎วําเป็นผ๎ูในบริการที่มีคุณคําอยําง ยง่ิ ในเวลาเดยี วกนั งานนยี้ อํ มนาํ ความพอใจมาใหล๎ ูกเสอื วิสามัญเอง เพราะการฝกึ อบรมเดก็ นนั้ จะไดเ๎ หน็ เขา สนกุ สนาน มีลักษณะนสิ ัยทีด่ ีขนึ้ ยํอมทําให๎ลกู เสือวิสามัญร๎ูสึกวําได๎ทําอะไรบางอยํางที่ค๎ุมคําการฝึกอบรม แกรํ ุนํ น๎องนน้ั ลูกเสือวิสามญั จะตอ๎ งทาํ ตนให๎เป็นตัวอยํางทีด่ ี เพ่ือให๎รนํุ น๎องทําตามด๎วยการปฏิบัติตนให๎เป็น คนสนุกสนาน ราํ เรงิ เป็นมติ รกบั คนทกุ คน ซ่อื สตั ย๑สุจริต มกี รยิ าสภุ าพ และใช๎วาจาสุภาพไมหํ ยาบโลน (3) บรกิ ารแกํชมุ ชน เมอ่ื ฝึกบริการแกตํ นเอง แกํขบวนการลูกเสือแลว๎ ก็สมควรท่ีจะไปบรกิ ารแกํ ชุมชนตามสติปัญญา ประสบการณ๑ และความสามารถ แนวคิดในการบริการแกํชุมชน คือการชําระหน้ีแกํ ชมุ ชนด๎วยการรํวมมือกันเสียสละ รํวมกันเพ่ือดําเนินการจัดกิจกรรมอันเป็นสาธารณะประโยชน๑ เชํน การ พัฒนาอาคารสถานท่ี บ๎านเมืองในชุมชนนั้น การสร๎างสาธารณสถาน การจัดงานรื่นเริง งานสังคมเพ่ือ ค่มู ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 61 54 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
ประโยชนข๑ องสังคมนัน้ ๆ ซ่ึงจะทาํ ให๎ลูกเสอื วิสามัญได๎ประสบการณ๑ จากชีวิตจริงหลังจากที่เขาพ๎นวัยจาก การเปน็ ลูกเสือวิสามญั ตํอไปเขาจะสามารถปรบั ตัวเข๎ากบั สงั คมทเ่ี ขาอาศยั อยูํได๎ โดยไมํได๎เอารดั เอาเปรยี บ หรือเหน็ แกตํ วั ได๎ การบริการแกชํ ุมชนน้ันควรเริ่มต้ังแตํชุมชนที่กองลูกเสือต้ังอยํูบริการในเร่ืองตําง ๆ เชํน ทําความสะอาด การชํวยเหลือผู๎ประสบอุบัติเหตุ การควบคุมการจราจร การดับเพลิง เป็นต๎น ท่ีสําคัญอีก ประการหนง่ึ คอื การพฒั นาชมุ ชน 6. หลกั ของการใหบ้ รกิ าร (1) เป็นกิจกรรมที่จําเป็น-เห็นความจําเป็นที่ต๎องให๎บริการคือต๎องดูวําจะเป็นแคํไหน สําหรับ เรอื่ งน้นั ท่ีจะตอ๎ งไดร๎ บั การบรหิ าร (2) ให๎บริการดว๎ ยความสมัครใจ เต็มในท่จี ะใหบ๎ ริการ (3) ใหบ๎ รกิ ารอยํางมปี ระสิทธภิ าพ คือ มที กั ษะในการบรกิ าร เชํน การปฐมพยาบาล เทคนิคใน การชวํ ยชีวติ ฯลฯ (4) ให๎บริการแกํผ๎ูที่ต๎องการรับบริการ เชํน คนที่กําลังจมน้ําจะได๎คนชํวย การพัฒนาชุมชน ให๎บรกิ ารแกํผทู๎ ่ีถูกทอดทงิ้ เชนํ คนชรา คนป่วยและผ๎ูไมํสามารถชวํ ยตนเองได๎ (5) บริการด๎วยความองอาจ ตั้งใจทํางานให๎เสร็จด๎วยความมั่นใจ ด๎วยความรับผิดชอบโดยใช๎ ความรู๎ท่ีมีอยูํให๎เกิดประโยชน๑อยํางแท๎จริง อุทิศเวลาให๎แกํงานอยํางจริงจัง ในขณะน้ันร๎ูจักแบํงเวลาแบํง ลักษณะงาน มีความมุมานะในการทํางานให๎เป็นผลสําเร็จตามเป้าหมายท่ีกําหนดไว๎ให๎จงได๎ยํอมจะได๎รับ ความสาํ เรจ็ เรยี บรอ๎ ยในการทํางาน จะทาํ ใหเ๎ รารู๎สกึ ภมู ิใจ 7. งานบริการท่ีลูกเสือวิสามญั แตํละคนหรอื กองลกู เสอื วิสามญั จะทําได๎นนั้ มหี ลายประการเชนํ - โครงการใช๎ผักตบชวาทําปุ๋ยหมัก โครงการนี้เป็นโครงการท่ียิงนกสองตัวในเวลาเดียวกัน คือ เป็นการจํากัดผักตบชวา และเป็นการทําปุ๋ยหมัก เพ่ือใช๎ประโยชน๑ในการปลูกพืชผักตําง ๆ ให๎ได๎ผลดี ยิ่งขึ้น โครงการนี้เสียคําใช๎จําย สอดคล๎องกับนโยบายของรัฐ และอยํูในวิสัยที่กองลูกเสือวิสามัญจะทําได๎ อยาํ งมปี ระสทิ ธภิ าพ - โครงการให๎บริการแกํชุมชน เชํน โครงการให๎ความปลอดภัยในการจราจร หางานให๎คน พิการทํา จัดทําสนามเด็กเลํนสําหรับเด็กยากจน พิการ โครงการบริการแกํผู๎ประสบอุบัติเหตุด๎วยการ พยายามศกึ ษาหาความรใ๎ู นเร่อื งการปฐมพยาบาลเพ่ือจะได๎ชํวยเหลือผ๎ูประสบอุบัติเหตุอยํางมีสมรรถภาพ การดบั เพลิงด๎วยการเขา๎ รับการอบรมวิชาบรรเทาสาธารณภยั ฯลฯ - โครงการพัฒนาชุมชน โดยทําการสํารวจความต๎องการของท๎องถ่ินแล๎ววางแผนและลงมือ ปฏบิ ตั ิตามโครงการนน้ั - โครงการให๎บริการแกํกิจกรรมลูกเสือ เชํน ปฏิบัติตามหน๎าที่ท่ีได๎รับมอบหมายทําหน๎าที่ กรรมการของกอง ทาํ หนา๎ ทพี่ เี่ ลย้ี งชํวยดแู ลคูหาลกู เสือวสิ ามญั และชวํ ยเหลอื ในการฝึกอบรมลูกเสอื ประเภท อนื่ ๆ ในวชิ าทตี่ นถนดั เชนํ การผูกเงอื่ นเชือก การปฐมพยาบาล แผนท่เี ขม็ ทศิ ระเบียบแถว เป็นต๎น 8. การปฏิบตั ิตนตามคตพิ จนข์ องลกู เสอื วิสามญั 62 ค่มู อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 55 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3
คติพจน๑ “บริการ” น้ันเป็นเสมือน “หัวใจ” ของการลูกเสือวิสามัญวําจะต๎องยึดมั่นการเสียสละ ด๎วยการบริการ แตํการบริการน้ีมิได๎หมายถึงเป็นผู๎รับใช๎หรือคนงานอยํางท่ีบางทํานเข๎าใจ บริการใน ความหมายของการลูกเสือวิสามญั น้ี เรามุงํ ทจี่ ะอบรมนิสัย และจิตใจให๎ได๎รู๎จักเสียสละ ได๎ร๎ูจักวิธีหาความร๎ู และประสบการณอ๑ ันจะเป็นประโยชนต๑ อํ ไปในอนาคต และในท่ีสดุ ก็จะทําใหส๎ ามารถประกอบอาชีพโดยปกติ สุขในสังคม การบริการหมายถึงให๎ประกอบคุณประโยชน๑แกํมนุษยชาติ ด๎วยการถือวําเป็นเกียรติประวัติ สูงสดุ แหงํ ชีวิตของเราในการทีร่ จู๎ กั เสียสละความสขุ สํวนตัวเพอ่ื บาํ เพ็ญประโยชน๑แกผํ อู๎ น่ื ทั้งน้ี เพ่ือจุดหมาย ให๎สังคมสามารถดํารงอยํไู ด๎โดยปกติ เปน็ การสอนใหล๎ กู เสือวสิ ามัญตงั้ ตนอยูํในศีลธรรมไมํเอารัดเอาเปรียบ ผท๎ู ย่ี ากจนหรอื ด๎อยกวาํ นอกจากนนั้ การบริการแกํผู๎อืน่ เปรยี บเสมอื นเปน็ การชําระหนท้ี ่ไี ดเ๎ กดิ มาแล๎วอาศยั อยูํในโลกน้ีก็ด๎วยความมํุงหวังจะให๎ทุกคนเข๎าใจการใช๎ชีวิตอยูํรํวมกันในสังคม มองเห็นความจําเป็นของ สงั คมวาํ ไมํมีใครสามารถดํารงชีวติ อยไํู ด๎โดยลาํ พงั ทกุ คนจําเปน็ ตอ๎ งพึ่งพาอาศัยกนั ไมํวําดา๎ นอาหารการกิน ด๎านเครื่องนุํงหํม ทอี่ ยํูอาศัย ยารกั ษาโรค หรืออื่น ๆ ก็ตาม เราตาํ งคนตาํ งมคี วามถนัดในการงานอาชพี ของ แตลํ ะคน แล๎วจึงนําผลงานของตนไปแลกเปลี่ยนกัน ทั้งน้ี เพื่อความอยูํรอดของทํานและของสังคม ฉะน้ัน ทํานจึงเปรียบเทียบการบริการหรือการเสียสละน้ันเสมือนเป็นการชําระหน้ีท่ีเราได๎เกิดมาและอาศัยอยํูใน สังคมนัน้ ๆ เพราะเราต๎องพง่ึ ผู๎อนื่ อยํูตลอดเวลานบั แตํแรกเกดิ วชิ าเครอ่ื งหมายวชิราวุธ หลักสตู ร (1) ไดร๎ บั เครือ่ งหมายวิชาพิเศษลูกเสือวิสามัญอยํางน๎อย 5 วชิ า (2) ผ๎ูกํากับลูกเสือ หรือผ๎ูกํากับลูกเสือวิสามัญรับรองวํา เป็นผ๎ดู าํ เนินชีวิตแบบลูกเสือ และปฏิบัติตามคติพจน๑ วํา “บรกิ าร” โดยเครงํ ครัด 3. เลขาธิการคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหงํ ชาติ ผู๎อํานวยการลกู เสอื จงั หวัด ผ๎ูอํานวยการลูกเสือ เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา แล๎วแตํกรณี เป็นผู๎แตํงต้ังบุคคลที่มีคุณวุฒิเหมาะสมทําการสัมภาษณ๑เม่ือ เห็นวําเป็นผู๎เหมาะสมก็ให๎รายงานไปตามลําดับ จนถึงคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหํงชาติ เพือ่ ขออนุมัติ วตั ถุประสงคว์ ชิ าเครื่องหมายวชริ าวธุ 1. เพอื่ แสดงถึงความสามารถของลกู เสือวิสามัญทีไ่ ด๎รับเครอื่ งหมายสงู สดุ 2. เป็นพเี่ ลย้ี งลกู เสอื วิสามญั ทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพได๎ 3. เป็นรองผู๎กํากับลูกเสอื วสิ ามญั ได๎ แนวการจดั การฝกึ อบรม คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 63 56 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3
แนวการจดั การฝึ กอบรม ผ๎ทู ่ีได๎รับเครอ่ื งหมายวชริ าวุธจะต๎องสอบได๎วิชาพิเศษลูกเสือวิสามัญอยํางน๎อย 5 วิชา ซ่ึงควรจะมี วิชาเหลํานี้ คือ:- 1. วชิ าการลูกเสือ 2. วชิ าเดินทางไกลและอยูํคํายพักแรม 3. วชิ าบริการ 4. วชิ าผูฝ๎ กึ สอน 5. วิชาปฐมพยาบาล วิชาเหลําน้ีถือเป็นวิชาหลักในการท่ีจะบริการผ๎ูอื่นได๎ตามวัตถุประสงค๑ของเครื่องหมายวชิราวุธ ผ๎ูกํากับ ลกู เสอื วิสามญั จะต๎องจัดการสอนและฝึกอบรม เพ่ือสอบวิชาพิเศษเหลํานี้ โดยวธิ กี ารดงั นี้ เนอ้ื หาวชิ าประกอบการฝกึ อบรมตามหลักสูตร วิชาการลูกเสอื หลักสูตร 1. ไดร๎ บั การฝึกอบรมวิชาผู๎กํากับลูกเสือ ข้นั ความรเ๎ู บอ้ื งตน๎ ประเภทของลกู เสือสาํ รอง หรือ ลูกเสอื สามัญอยาํ งใดอยาํ งหนงึ่ 2. ได๎ทดลองปฏิบตั หิ น๎าที่ผ๎กู าํ กับลกู เสือในกองน้ัน ๆ ไมนํ อ๎ ยกวาํ 3 เดอื น วิธีปฏบิ ตั ิ จากขอ๎ 1. - สงํ ลูกเสอื วสิ ามญั เข๎ารบั การอบรมวชิ าผู๎กํากบั ลกู เสอื สาํ รอง หรือสามญั ชน้ั ความร๎เู บื้องตน๎ ตามที่หนวํ ยงานตาํ ง ๆ ที่เกย่ี วขอ๎ งเปิดการฝกึ อบรมข้ึน หรอื - จดั ฝึกอบรมวิชาผก๎ู ํากับลกู เสือสาํ รอง หรอื ลูกเสือสามญั ขัน้ ความร๎ูเบ้อื งตน๎ ขึ้นในกองลูกเสือวิสามัญ นั้นเอง ให๎ครบทุกวิชาแล๎วประเมินผลแตํละวิชาจนผํานหมดทุกวิชา ซึ่งผู๎สอน จะต๎องไดร๎ ับเครอื่ งหมายวดู แบดจ๑วสิ ามญั 2 ทํอน เป็นอยํางนอ๎ ย หรอื - จัดฝึกอบรมวิชาผ๎ูกาํ กบั ลกู เสือสาํ รอง หรือลกู เสอื สามัญ ขั้นความรเู๎ บ้ืองตน ให๎แกลํ กู เสือวิสามัญ แบบการอยคูํ าํ ยพักแรม (คอื จัดเหมอื นอบรมชนั้ B.T.C. จริง ๆ แตํไมํไดร๎ ับวฒุ บิ ัตร) จากขอ๎ 2. - สงํ ลูกเสอื วสิ ามัญเขา๎ ไปปฏิบัติหน๎าท่ีผู๎กํากับลูกเสือสํารอง หรือผู๎กํากับลูกเสือ สามัญในกองลูกเสือสํารอง หรือกองลูกเสือสามัญจริง ๆ จนครบ 3 เดือน และได๎รับคํารับรองจากผู๎กํากับ ลกู เสอื ของกองลกู เสือนั้น ๆ หรอื - ทดลองปฏบิ ัตหิ น๎าที่ในกองลกู เสือวสิ ามัญนัน้ เอง ในกรณีท่ไี มํสามารถจะสงํ ลูกเสอื วสิ ามญั ไปปฏบิ ัติหน๎าทผี่ กู๎ ํากับลูกเสือสาํ รอง หรือสามญั ได๎ โดยผกู๎ าํ กับลูกเสอื วสิ ามัญรับรองผลกงาน ใหก๎ ไ็ ด๎ (ในฐานะพเ่ี ลย้ี งปฏิบตั ิหน๎าทแ่ี ทนผูก๎ ํากบั ลกู เสอื วิสามัญเป็นเวลา 3 เดือน) การเดนิ ทางไกลและอยู่คา่ ยพกั แรม 64 คคูม่ ือ่มู สอื ่งสเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะัฒพนัฒานกิจากกริจรกมรลรูกมเลสกูอื เทสักือษทะักชษวี ติะชในวี สิตถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทูกลเสกู เอื สวือสิ วาิสมาญัมัญชช้นั น้ั มมัธัธยยมมศศกึกึ ษษาาปปทีที ี่ี่ 55--66 และ ปวช.2-3 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3 57
การเดินทางไกลและอย่คู ่ายพกั แรม หลักสตู ร เดินทางไกลไปกับลกู เสอื วิสามญั เปน็ เวลา 4 วนั ตดิ ตอํ กนั (อยูทํ ีค่ ํายพกั แรม 3 คนื ) หรอื เดิน ทางไกลไปกับลูกเสือวิสามัญ 2 ครั้ง แตํละคร้ังใช๎เวลา 48 ชั่วโมง โดยอยํูคํายพักแรม 2 คืน ไมํนับเวลา เดินทางไปและกลับ การเดินทางไกลดังกลําว ลูกเสือจัดการเองโดยตลอด ท้ังน้ีด๎วยความเห็นชอบของผ๎ู กาํ กับลกู เสอื วิสามัญ การเดนิ ทางไกลและแรมคืน ต๎องได๎มาตรฐานสูง การเดินทางไกล จะไปทางบก หรือ ทางนํ้า ภายในประเทศหรือตาํ งประเทศก็ได๎ ตอ๎ งแสดงวาํ ในการเดินทางต๎องใช๎ความอดทน การพึ่งตนเอง ความคิดริเร่ิม ความมานะ และการ เปน็ ผู๎นํา กับตอ๎ งทําสมดุ ปูมรายงานการเดนิ ทางยืน่ ตอํ ผก๎ู ํากบั ลกู เสอื วิสามัญด๎วย วธิ ีปฏบิ ัติ การเดนิ ทางไกลและอยูํคํายพักแรมของลูกเสือวิสามัญ เพ่ือให๎ได๎มาตรฐานตามหลักสูตรน้ี ลูกเสือ วิสามญั เลือกการเดินทางได๎ 2 วธิ ี คือ 1. เดินทางไกลและอยํคู ํายพักแรมไปกับลกู เสอื วิสามัญอน่ื ๆ ทัง้ กอง เป็นเวลา 4 วันติดตํอกัน และ อยํคู าํ ยพักแรม 3 คนื ทํากจิ กรรมของการอยูคํ าํ ยพักแรมดงั นี้ - สร๎างคาํ ยพกั แรมดว๎ ยตนเอง ไมํวําจะเปน็ การกางเต็นท๑ หรือสร๎างเพิงจากวัสดุธรรมชาติให๎ ปอ้ งกนั ลม ฝน ได๎ - จัดบรเิ วณคาํ ยให๎สวยงาม สะอาด มีการทําอุปกรณ๑การอยํูคํายพักแรม เชํน เตาลอยท่ีเก็บ อุปกรณค๑ รวั ที่น่งั รับประทนอาหาร ทเ่ี กบ็ แกว๎ น้ําและอาหารสดตาํ ง ๆ ตลอดทขี่ ดุ หลุมเปยี ก หลมุ แหง๎ ฯลฯ - มกี ารทดสอบการผจญภยั ตามหลักเกณฑก๑ ารอยูํคาํ ยพกั แรม และวิชาบกุ เบิกดว๎ ย - มีการฝึกการทาํ แผนท่แี ละการเดนิ ทางสาํ รวจเป็นระยะทางไมนํ อ๎ ยกวาํ 8 กิโลเมตร เพอ่ื ให๎มี การเขยี นรายงานการเดินทาง 2. เดนิ ทางไกลกับลกู เสือวิสามญั 2 คร้ัง ครัง้ ละไมํนอ๎ ยกวาํ 48 ชั่วโมง อยคูํ าํ ยพักแรม 2 คืน อาจไป โดยรถจกั รยาน หรอื ทางนาํ้ (พายเรือไป) โดยทํากิจกรรมเหมอื น ข๎อ 1 ท้งั 2 ขอ๎ นี้ ผู๎กํากับลกู เสอื วิสามัญจะตอ๎ งทราบวาํ ลูกเสือวิสามญั จะไปอยูคํ ํายพกั แรมท่ีไหน? ไปโดย วธิ ีการอยาํ งไร? ไปทํากิจกรรมอะไรบ๎าง? มีความปลอดภัยมากนอ๎ ยเพยี งใด? (ถ้าเห็นว่าไม่ปลอดภัยต้อง ส่งั งดโดยเดด็ ขาด) และต๎องลงนามรับรองผลการเดนิ ทางทกุ ครงั้ วิชาบริการ หลักสูตร 1. ทาํ หน๎าท่ีพ่ีเล้ียงของลกู เสอื วิสามญั ทเ่ี ขา๎ ใหมํ 2. ทาํ หนา๎ ท่เี ป็นกรรมการของกอง 3. บาํ เพญ็ ประโยชน๑ตํอกองลูกเสือของตนไมนํ อ๎ ยกวาํ 9 คร้งั 4. บําเพ็ญประโยชน๑ตํอกองลูกเสืออน่ื ไมนํ ๎อยกวํา 6 ครัง้ 5. บาํ เพญ็ ประโยชน๑ตํอชมุ ชนไมํนอ๎ ยกวํา 3 ครงั้ คูม่ ือ5ส8ง่ เสริมแลปคูม่ะรพะอื กสัฒา่งนศเสนารกยี มิ บิจแกตั ลรระรวพมชิ ฒั ลาชนกู ีพเาสก2อืจิ -ทก3รักรษมะลชกู วี เสติ ือในทสักษถาะชนวีศิตกึ ใษนาสถลาูกนเศสึกือษวสาิ าปมรญั ะเภชทนั้ ลมกู เธั สยือมวศิสึกามษัญาปชีทน้ั ี่ 5ม-ัธ6ยแมลศะึกษปาวปชที .2ี่ -53-6 65
วิธปี ฏบิ ตั ิ ให๎ลูกเสือวิสามัญทําหน๎าที่ตําง ๆ ดังกลําว ในหลักสูตรทุกข๎อ โดยมอบหมายให๎ดําเนินการตาม ขั้นตอนทีเ่ หมาะสม แล๎วใหผ๎ กู๎ าํ กบั ลูกเสอื ลงนามรับรองในสมดุ บันทกึ ผลงานของลูกเสอื วสิ ามัญคนนัน้ ในกรณที ี่ลกู เสอื วสิ ามัญมาจากกองอน่ื ให๎พิจารณาจากสมุดบันทึกประจําวันของลูกเสือวิสามัญคน นัน้ อยาํ งละเอยี ด ตลอดทัง้ การลงนามรบั รองของผก๎ู าํ กับลกู เสือด๎วย หากมขี ๎อสงสัยอาจใหท๎ ดลองปฏิบัติจริง ก็ไดต๎ ามเหมาะสม วิชาผ้ฝู กึ สอน หลกั สตู ร 1. ผํานการฝกึ อบรมขน้ั ความรเ๎ู บ้อื งตน๎ (B.T.C.) ประเภทใดประเภทหน่ึงของหลักสตู รลกู เสอื สํารอง สามัญ สามญั รนํุ ใหญํ 2. สามารถทําการสอนวชิ าลกู เสือตามประเภทที่ตนรับการอบรมแล๎วอยํางนอ๎ ย 2 วชิ า 3. ได๎ทาํ การสอนเป็นท่ีพอใจของผูก๎ าํ กบั กองนัน้ ๆ เป็นเวลา 3 เดือน โดยให๎สอนอยํางน๎อย 2 วิชา วชิ าละ 3 คร้ัง วธิ ปี ฏบิ ัติ จากขอ้ 1 ใหด๎ ูจากวุฒิบัตรวําผํานการฝึกอบรมจริงหรือไมํ หากไมํผํานการฝึกอบรมดังกลําว ให๎ผู๎ กํากับลูกเสือจัดฝึกอบรมข้ึนภายในกองให๎ครบทุกวิชาเหมือนการจัดการฝึกอบรมของวิชาผู๎กํากับลูกเสือ สํารอง สามัญ หรอื สามัญรุํนใหญํ ขั้นความร๎ูเบอ้ื งต๎น ประเภทใดประเภทหนึ่ง แลว๎ ลงนามรบั รองให๎ จากข้อ 2 ใหท๎ าํ การสอนให๎ดู 2 วชิ า โดยใหส๎ อนจรงิ ๆ หรอื สมั ภาษณ๑ หรอื ให๎เขียนแผนการสอนให๎ ดู อยํางอยาํ งหนงึ่ ตามท่ีผกู๎ าํ กับลกู เสอื เห็นสมควร จากขอ้ 3 สํงไปชวํ ยทําการสอนในกองลกู เสอื ท่ีอยใูํ กล๎เคียงเป็นเวลา 3 เดือน ตามกําหนดแล๎วขอดู ใบรับรองผลงานจากผู๎กํากับลูกเสือกองนั้น ๆ หรือให๎สอนในกองลูกเสือวิสามัญของตนเองโดยมีผ๎ูกํากับ ลกู เสือควบคุมอยาํ งใกล๎ชดิ วชิ าปฐมพยาบาล หลักสตู ร 1. ร๎ูและสามารถปฏบิ ัตติ ามหลกั ทั่วไปของการปฐมพยาบาลและข๎อควรจาํ ของการปฐมพยาบาล 2. รแู๎ ละสามารถสาธิตเรื่องตอํ ไปนี้ วิธกี ารหา๎ มเลือด วธิ แี ก๎ไขอาการงนั (Shock) วิธีการชํวยหายใจ หรอื ผายปอด นวดหัวใจ วิธีการขน เคล่อื นย๎ายผู๎ป่วย หรือผบ๎ู าดเจ็บ รู๎จกั อาการของเร่ืองกระดกู หกั ในสวํ นตาํ ง ๆ ของราํ งกาย 66 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 59 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
วธิ ีการเข๎าเฝือกช่ัวคราว วิธแี กบ๎ าดแผลมพี ษิ 3. เรียนร๎ูถึงโรคบางชนิดที่พบบํอย ๆ ในการเข๎าคํายพักแรมงานชุมชน และยาท่ีใช๎ในการรักษา อยาํ งสงั เขป 4. การทดลองวชิ าปฐมพยาบาล ใหม๎ ีภาคปฏิบัตแิ ละทดสอบด๎วย คอื สามารถปฏบิ ัตไิ ด๎ สาธิตได๎ จน เป็นที่พอใจของคณะกรรมการสอบ วธิ ปี ฏบิ ตั ิ จากข้อ 1 อาจทําการฝึกอบรมขึ้นในกองลูกเสือวิสามัญเอง หรือสํงไปเข๎ารับการฝึกอบรมตามท่ีมี การฝึกอบรมวชิ าปฐมพยาบาลอยํู หรือดูจากหนงั สือสําคัญวําผํานการฝกึ อบรมมาแลว๎ (ถา๎ ลูกเสือคนนั้นเคย รับการฝกึ อบรมมาแล๎ว) จากขอ้ 2 ใหส๎ าธติ ให๎ดู หรือตอบคาํ ถามในกระดาษ โดยอธบิ ายให๎เขา๎ ใจ จากข้อ 3 สมั ภาษณ๑หรือให๎เขยี นบรรยายใหด๎ ู แลว๎ ซักถามตามความเหมาะสม จากขอ้ 4 ให๎สาธติ ให๎ดูจนเปน็ ทพี่ อใจของคณะกรรมการ หากลูกเสือวสิ ามัญผ๎ูนนั้ ได๎เคยผาํ นวิชาการตําง ๆ ที่ไดก๎ าํ หนดไว๎ อาจจะทงั้ หมดหรอื บางวชิ า กใ็ ห๎ผู๎ กํากับลูกเสือสัมภาษณ๑หรือให๎คณะกรรมการผ๎ูซึ่งเป็นผ๎ูเช่ียวชาญเฉพาะวิชา ทําการสัมภาษณ๑ตามแบบ สมั ภาษณ๑ดงั น้ี ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 67 60 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
แบบสัมภาษณล์ ูกเสอื วสิ ามญั เพื่อรบั เคร่อื งหมายวชิราวธุ ช่อื (ลูกเสือ) ...............................................................นามสกุล........................................................ กองลกู เสอื วิสามัญ (โรงเรียน, วทิ ยาลยั )................................................................................................ ที่ วิชาทีส่ มั ภาษณ์ วนั เดอื น ปี ความเห็นของผู้ หมายเหตุ สมั ภาษณ์ วิชา………………………… ภาคทฤษฎี 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. ภาคปฏบิ ัติ/ทักษะ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 68 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 61 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
เสนอคณะกรรมการสอบเคร่อื งหมายวชิ าพิเศษ เคร่ืองหมายวชริ าวธุ ข๎าพเจ๎าไดท๎ ําการสอบสมั ภาษณ๑ทั้งภาคทฤษฎแี ละภาคปฏบิ ตั ขิ องลกู เสือวิสามญั ………………………………………..…………แลว๎ เห็นวาํ สมควร ได๎รับเครอ่ื งหมายวิชาพิเศษ / ยงั ไมํควรได๎รบั เครอ่ื งหมายวชิ าพิเศษ (ลงชอื่ )................................................ (................................................) ผท๎ู ําการสัมภาษณ๑ คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 69 62 คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสอื วิสามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช.2-3) หนว่ ยท่ี 4 วิชาสังคมสงเคราะห์ เวลา 2 ชวั่ โมง แผนการจดั กจิ กรรมที่ 6 สงั คมสงเคราะห์ 1. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1.1 ลูกเสือสามารถอธิบายปัญหาสังคมได๎ 1.2 ลกู เสอื สามารถบอกแนวทางการปฏบิ ัตติ ามคติพจนข๑ องลกู เสอื วสิ ามญั ได๎ 1.3 ลูกเสอื สามารถอธิบายบทบาทและทําหนา๎ ทีช่ ํวยเหลือผปู๎ ระสบภยั ตําง ๆ ได๎ 2. เนื้อหา 2.1 สาเหตุทที่ าํ ใหเ๎ กิดปัญหาทางสังคม 2.2 ความรเู๎ บอ้ื งต๎นเก่ยี วกับการประชาสงเคราะห๑ และการสงั คมสงเคราะห๑ 2.3 จติ วิทยาเบ้อื งตน๎ ของผ๎ูรบั การสงเคราะห๑ ประเภทตําง ๆ 2.4 แนวทางปฏิบัตติ อํ ผู๎รับการสงเคราะหป๑ ระเภทตาํ ง ๆ 2.5 การออกหนวํ ยชํวยเหลอื ผปู๎ ระสบภยั และการรบั บรจิ าคสง่ิ ของเหลือใช๎ 3. สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู ิเพลง 3.2 ใบความร๎ู 3.3 แผนภาพ วีดที ศั น๑ ผู๎ประสบภัย 3.4 สิง่ ของเครื่องใช๎ ถุงยังชพี 3.5 เรื่องส้นั ทเ่ี ปน็ ประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พธิ ีเปดิ ประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงค๑การเรยี นรู๎ 1) ผูก๎ าํ กบั ลูกเสือนําปัญหาท่ีเกิดข้นึ รายวันในหน๎าหนังสอื พมิ พ๑ สนทนากบั ลกู เสือ วสิ ามัญ 2) ผูก๎ ํากับลกู เสอื ใหล๎ ูกเสือแบํงกลํุม เพ่ือหาสาเหตเุ บ้ืองตน๎ ของปัญหาที่เกดิ ขน้ึ นําเสนอตอํ กลุํม ลูกเสอื พร๎อมหาวิธีแกไ๎ ขปญั หาเบอ้ื งตน๎ 3) แบงํ กลํมุ ลูกเสือจัดทาํ แผนโครงการออกหนวํ ยชํวยเหลอื ผ๎ูประสบภัย และรบั บริจาคสงิ่ ของ 4) ผู๎กาํ กับลกู เสือและลกู เสือทําความตกลงใหป๎ ฏิบัตกิ ิจกรรมตามโครงการอยาํ งนอ๎ ย 3 ครัง้ เม่ือ ดําเนินการเสร็จสนิ้ แลว๎ ให๎ประเมินผลโครงการและสรปุ รายงานสํงตามกาํ หนดเวลา 5) ผก๎ู ํากับลูกเสอื และลูกเสอื รวํ มกนั สรุปบทเรียน 70 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 63 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3
4.4 ผ๎ูกาํ กับลูกเสือเลาํ เรือ่ งส้ันที่เปน็ ประโยชน๑ 4.5 พิธีปดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลิก) 5. ประเมินผล 5.1 สงั เกตความรวํ มมือในการปฏิบตั กิ ิจกรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคดิ จากการดาํ เนินงานตามโครงการ ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 6 เพลง เราคอื พี่นอ้ ง เราคือพ่ีนอ๎ ง ลกู เสอื เชอ้ื ไทย ดใี จ ทเี่ ราไดม๎ าเจอะกัน มาพบกนั มาพบกนั รักเราม่ันตรงึ จติ เปน็ นมิ ิตดีเลิศ ชาํ งประเสรฐิ ดีแท๎ รักไมเํ ปล่ียนแปร ผูกใจสมั พนั ธ๑ เราลูกเสือไทย เราลูกเสอื ไทย เราตาํ งรํวมในสามคั คี เพื่อชาติไทยเรา จะได๎รํุงโรจนส๑ ดศรี รํวมรกั รํวมใจ รํวมสามคั คี มีไมตรี เปน็ มิตรทด่ี ีรวํ มกนั พระมงกฎุ เกล๎าทาํ นทรงประทานหน๎าทีข่ องเรานน้ั บรกิ าร พระมงกุฎเกล๎าทาํ นทรงประทาน หนา๎ ทขี่ องเราน้ันบรกิ าร คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 71 64 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
ใบความรู้ วชิ าสังคมสงเคราะห์ หลักสูตร มคี วามรแ๎ู ละความสามารถชี้แจงเรอ่ื งราวตามหวั ขอ๎ ตํอไปน้ีไดด๎ พี อสมควร (1) ปัญหาสังคม (2) ความรูเ๎ บือ้ งตน๎ เกยี่ วกบั กรมประชาสงเคราะหแ๑ ละการ สงั คมสงเคราะห๑ (3) การสร๎างความสมั พันธ๑กับผู๎รบั การสงเคราะห๑ (4) บทบาทและหน๎าทข่ี องงานประชาสงเคราะห๑ (5) การสงเคราะหเ๑ ดก็ และบคุ คลวัยรนํุ (6) การสงเคราะหค๑ รอบครวั คนชรา คนพิการ คนขอทาน และคนไร๎ทพ่ี งึ่ (7) การสงเคราะหผ๑ ปู๎ ระสบภยั (8) องค๑การสังคมสงเคราะหเ๑ อกชนกบั งานสงเคราะห๑ผป๎ู ระสบภัย (9) การออกหนํวยชวํ ยเหลอื ผูป๎ ระสบภยั (10) บทบาทและหน๎าทข่ี องลกู เสอื ในการสงเคราะหผ๑ ๎ปู ระสบภยั อัคคีภยั อทุ กภยั และวาตภยั (11) การจัดทพี่ ักชวั่ คราวสาํ หรับผู๎ประสบภยั (12) การรับบรจิ าคสิ่งของเหลือใช๎สาํ หรับผปู๎ ระสบภยั วัตถุประสงค์วิชาสังคมสงเคราะห์ 1. ........................................................................................................................................ 2. ........................................................................................................................................ 3. ........................................................................................................................................ แนวการจดั การฝึกอบรม ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................. 72 คู่มอื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 65 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3
เนื้อหาวชิ าประกอบการฝกึ อบรมตามหลักสูตร 1. ปญั หาสังคม ปัญหาสังคม คืออะไร คือ “สภาพการณห๑ รือเหตุการณท๑ ก่ี ระทบกระเทอื นตอํ คนสวํ นใหญใํ นสังคม คนเหลํานน้ั ไมปํ รารถนา ให๎เกิดขึ้นและรํวมมือกันหาทางป้องกันแก๎ไข” จากความหมายดังกลําวนี้ อาจจําแนกองค๑ประกอบหรือ เงื่อนไขที่สําคัญในการพิจารณาวําเหตุการณ๑ใด หรือปรากฏการณ๑ใด ๆ เป็นปัญหาสังคมหรือไมํ ได๎ 3 ประการ คือ 1. เหตุการณ๑นั้นกระทบกระเทือนตํอคนสวํ นใหญํ หรอื คนจาํ นวนมากพอสมควรในสังคม 2. คนเหลํานน้ั ไมพํ อใจ ไมพํ งึ ปรารถนาให๎เกดิ ขนึ้ เพราะกระทบกระเทือนผลประโยชนข๑ องตน 3. เรียกรอ๎ ง หรือรวํ มมอื กนั หาทางป้องกัน แกไ๎ ข ตัวอย่างสุนัขตัวหนง่ึ กดั เด็กซน ๆ คนหนึง่ ทีเ่ อาไมไ๎ ปแหยมํ ัน ยังไมเํ ปน็ ปญั หาสังคมเพราะเป็นเร่อื ง ในวงแคบกระทบกระเทือนผลประโยชน๑ของคนเพียงสํวนน๎อยในสังคมน้ัน แตํถ๎าสุนัขตัวน้ันเป็นสุนัขบ๎า เทย่ี วไลํกดั คนไมํเลือกหนา๎ พอํ แมํ ผู๎ปกครองในละแวกบ๎านจะร๎ูสึกเดือดร๎อนกลัวภัยมาถึงลูกหลานของตน ฉวยไมไ๎ ลตํ ีกันเปน็ โกลาหล เหตกุ ารณ๑นเี้ ป็นปัญหาสงั คม หรอื ในสมยั หน่ึงการเก็บคําเชํานาแพง ๆ เป็นเรอ่ื งธรรมดาถอื เป็นความชอบธรรมของเจ๎าของนาที่ จะกําหนดคําเชํายังไงก็ได๎ เป็นเร่ืองสมยอมกันระหวํางลูกนากับผู๎ให๎เชํา แม๎ลูกนาจะไมํพอใจอยํางไรก็จํา ยอม แตํตํอมามีชาวนาที่ล๎มละลายกลายเป็นผ๎ูเชํานามากข้ึน ๆ จนในบางละแวกตําบลผ๎ูเชํามีมากกวํา เจา๎ ของนา การเกบ็ คาํ เชาํ แพง ทาํ ความเดือดร๎อนให๎คนจาํ นวนมาก จงึ ไดม๎ กี ารดิ้นรนเรียกร๎องให๎มีการออก กฎหมายควบคมุ คาํ เชํานาขึ้น ปัญหาการเก็บคําเชํานาแพงจงึ กลายเป็นปัญหาสงั คม สาเหตุท่ที ําให้เกิดปญั หาสงั คม สาเหตุทที่ าํ ให๎เกิดปญั หาสงั คมตาํ ง ๆ อาจกลําวโดยรวม ๆ ได๎วํา เนื่องจาก “การเปล่ียนแปลงของ สังคม” สังคมกค็ ือชุมชนของมนษุ ย๑ เมื่อมองสังคมกจ็ ะตอ๎ งมองถึงองคป๑ ระกอบหรือโครงสร๎างของสังคม อัน ไดแ๎ กํ เศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม เศรษฐกจิ คอื เรือ่ งเกี่ยวกับการทาํ มาหากิน ซ่งึ รวมถงึ การผลติ การ จําแนกแจกจํายผลผลิตและการขนสํง คมนาคม เป็นต๎น การเมืองเป็นเร่ืองเก่ียวกับการตํอส๎ูระหวํางกลุํม ผลประโยชน๑ในสังคมน้ัน เพ่ือให๎ได๎มาซ่ึงอํานาจรัฐหรืออํานาจในการปกครองสังคมวัฒนธรรม เป็น เรื่อง เกี่ยวกับวิถีการดํารงชีวิตหรือแบบแผนในการดํารงชีวิต นับต้ังแตํการกินการอยูํการศึกษา การพักผํอน ศาสนา ขนบธรรมเนยี มประเพณี เปน็ ตน๎ ฉะน้ัน การเปล่ยี นแปลงทางสังคม ก็คือ การเปล่ียนแปลงในด๎านเศรษฐกจิ การเมือง และวัฒนธรรม ในสงั คม การเปลย่ี นแปลงดังกลาํ วนี้ เป็นเหตุทาํ ให๎ เกิดปัญหาทางสงั คมขน้ึ 1. การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ เชํน ประชาชนสํว่ นนใใหหญญํใ่ในนสสมมัยัยกกํอ่อนนปปฏฏิวิวัตัติ ิอุตสาหกรรม ประกอบอาชพี ทางเกษตรกรรม มีชวี ติ อยํูในท๎องไรํท๎องนา ครั้นได๎มีการปฏิวัติอุตสาหกรรมข้ึน ในประเทศ อังกฤษและประเทศอุตสาหกรรมอ่ืน ๆ ตามลําดับ เกิดโรงงานอุตสาหกรรมขึ้น ในเมืองใหญํ ๆ ประชาชน คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 73 66 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3
จากท๎องนาพากันเข๎ามาแสวงโชค หางานทําในเมือ คนงานมีมากขึ้น คนท่ีฝากชีวิตไว๎กับคําจ๎างแรงงานมี มาก กํอใหเ๎ กดิ ปญั หาคาํ จางแรงงานตํา่ ปัญหาความขดั แยง๎ ระหวาํ งนายจา๎ งกบั ลูกจา๎ งและปญั หาการวํางงาน เป็นต๎น 2. การเปลี่ยนแปลงทางด้านการเมืองทําให้เกิดปัญหาสังคม เชํน ในสมัยกํอน ๆ การมีทาส การเอาคนลงเปน็ ทาสเปน็ เร่อื งธรรมดา ถกู ตอ๎ งชอบธรรมทกุ ประการแตํเม่ือประชาชนเริ่มร๎ูสําสํานึกในสิทธิ ของตน ได๎เข๎าไปมีสํวนมีเสียงในการปกครองมากข้ึน จากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช มาสํูระบอบ ประชาธปิ ไตยระหวาํ งยคุ ตอํ ยุคน้ี การมีทาสกลายเป็นปัญหาสังคม เป็นส่ิงไมํถูกต๎อง ไมํพึงปรารถนาและมี การรณรงค๑ตํอต๎านจนเลิกไปในท่ีสุด หรือย๎อนหลังไปเพียง 10 กวําปีน้ีเอง จะเห็นวําคําจ๎างแรงงานของ ลกู จ๎างคนงานตํา่ มาก ชีวติ ความเป็นอยูํของคนงานไทยระดับตา่ํ กวํามาตรฐานทั่วไปอยํางยงิ่ แตํเรื่องนี้ไมํมี ปญั หา ไมํมกี ารกลําวถึง แมจ๎ ะมีความไมํพอใจและเสียงเรยี กรอ๎ งก็เปน็ เร่อื งเฉพาะรายเทํานัน้ สังคมไมํสนใจ ถอื วําเป็นกรรมของคนงานเป็นบญุ ของนายจา๎ ง แตํเม่อื ประเทศมีความเปน็ ประชาธิปไตยมากข้ึน ประชาชน มสี ิทธิมีเสยี งในการปกครองมากขึ้น ๆ เรือ่ งนีก้ ก็ ลายเปน็ ปญั หาขึ้นมา และมีการเรียกร๎องอยํางทุกวันนี้ 3. การเปลยี่ นแปลงทางวัฒนธรรม ทาํ ใหเ๎ กิดปัญหาสงั คม เชํน เรามักจะได๎ยินผ๎ูเฒําผู๎แกํบํนให๎ ฟังอยเูํ สมอ ๆ วาํ สมัยกอํ นไมเํ ปน็ อยาํ งน้ี ไมํมปี ญั หาวุนํ วายและศลี ธรรมไมตํ กาํ ตา่ํ ขนาดน้ี ซง่ึ ถา๎ เราไดศ๎ ึกษา เปรยี บเเททยี ยบบ จะะพพบบวว่าําใในนยยุคุคขขอองงทท่าํานนผผเู้ ฒ๎ูเฒา่ วําถิวชิีถวีชติ ีวขิตอขงอคงนคไนทไยทเรยาเไรมา่มไมี คํมอี คฟอฟฟ่ีชฟอ็ ี่ชฟ็อไฟม่มไมบี ํมารีบ์ าไรม๑ ม่ไมอี ํมาบีออาบนอวบด ไนนวทดค์ ไลนบั ตแ๑คลละไับมม่แอลี กีะไหมลํมายีอสีกง่ิ หหลายอสย่ิงหา่ งลอานั ยเปอ็ยนําองาอรยันธเรปร็นมอตาะรวยนั ธตรกรซมง่ึตเระาวรันบั ตเขกา้ มซา่ึงอเรยา่ รงับไมเขม่ ๎ากี มาราจอำ� ยแํานงกไแมยํมกีกแายระ วจา่ํ อแะนไกระแเยหกมแายะะหวรําอื อไะมไเ่ รหเมหามะากะบั หสรงัอื คไมมเํเรหามาะกับสังคมเรา ปัญหาสงั คมของประเทศไทย การรวบรวมปญั หา ตลอดจนเรียงลําดับความสําคัญของปัญหาสังคมในประเทศไทยยังไมํได๎มีการ จดั ทาํ กนั อยาํ งจรงิ จัง เพียงแตํได๎มบี คุ คลบางคนหรอื ผส๎ู นในบางกลํุม อาทิ นักวิชาการ กลํุมอาชีพ ท่ีทํางาน เก่ยี วข๎อง หรือมีหน๎าท่ีเก่ียวข๎อง รวบรวมแสดงความคิดความเห็นตามทัศนะท่ีแตกตํางกันไป แตํปัญหาที่ ไดร๎ บั การกลําวถึงและยอมรับกนั โดยทว่ั ไป ท่ีสาํ คัญ ๆ มดี งั ตํอไปน้ี 1. ปญั หาความยากจน ความยากจน เปน็ สภาพการดาํ รงชีวิตของบุคคลทีม่ รี ายได๎ไมเํ พียงพอกบั รายจํายทําให๎มีสภาพ ความเปน็ อยํูตํ่ากวําระดับมาตรฐานในสังคม ซึง่ ในสังคมไทยเรามขี ๎อเท็จจรงิ เปน็ เครื่องชวี้ าํ ประชาชนจาํ นวน มากในประเทศไทย โดยเฉพาะที่อยํูในชนบท มีฐานะยากจน ระดับหรือมาตรฐานที่จะวัดความยากจน ธนาคารโลกเคยตั้งมาตรฐานและรายงานไว๎วาํ ประชาชนในชนบทของไทย ควรจะมีรายได๎ 150 บาทตํอคน ตอํ เดอื น และประชาชนในเขตเมอื ง ควรจะมรี ายได๎ 200 บาทตํอคนตํอเดือนข้ึนไป จึงจะสามารถดํารงชีวิต อยูํได๎ตามมาตรฐานทั่วไปซึ่งปรากฏวํา มีประชาชนท่ีมีรายได๎ตํ่ากวํามาตรฐาน ในปี 2518-2519 เฉลี่ยท่ัว ประเทศ ประมาณ 25% หรือประมาณกวํา 10 ล๎านคน 2. ปัญหาการว่างงาน 74 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 67 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
2. ปัญหาการทำ� งาน การวํางงานได๎แกกํ ารทบ่ี ุคคลซ่งึ อยใํู นวัยทํางาน ตอ๎ งอยูํน่ิงเฉยไมํมีงานทํา ท้ังน้ี ไมํรวมถึงการ ไมทํ าํ งานเพราะกรณพี ิพาทแรงงาน เจ็บป่วย หรือการหยุดพักผํอน ซ่ึงในแผนพัฒนาฉบับท่ี 4 ได๎ประมาณ การวํา จะมผี ๎วู ํางงานในขณะนถี้ ึงปีละ 1 ล๎านคน สาเหตุของการวํางงานทส่ี ําคัญ คือ - การสรา๎ งงาน ไมํได๎สัดสํวนกับอัตราการเพิ่มของประชากรซ่ึงมีอัตราเพิ่มปีละ 2.1 % หรือ ประมาณ 1 ล๎านคน - การวํางงานตามฤดูกาลเพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมมีแรงงานในภาค เกษตรกรรมถงึ ร๎อยละ 80 เม่ือหมดฤดทู างด๎านเกษตร ซง่ึ โดยเฉลยี่ แลว๎ ใชเ๎ วลาทํางานจริง ๆ เพียง 141 วัน แรงงานดา๎ นเกษตรจึงอยูํในสภาพวํางงาน - การขาดแคลนเงนิ ทนุ ในด๎านอุตสาหกรรม - การวาํ งงานเน่ืองจากการนาํ เคร่ืองจักรกลมาใช๎ เชนํ คนงานยกของที่ทําเรือจํานวนหน่ึงได๎ วาํ งงานลงเพราะการใช๎ระบบยกขนดว๎ ยเครอื่ งจักรทีท่ นั สมยั - การวาํ งงานเพราะเศรษฐกิจตกตํา่ ฯลฯ 3. ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาอาชญากรรม เป็นปัญหาสังคมที่มีขีดความสามารถแรงสูงปัญหาหนึ่งของสังคมไทยใน ปัจจุบันอาชญากรรมท่เี กดิ ขนึ้ แตลํ ะคร้ังได๎ทําลายความสงบสขุ รวมท้ังชีวิตและทรัพย๑สินของประชาชนเป็น อนั มาก และเปน็ ปญั หาทร่ี ัฐบาลถือเปน็ นโยบายสําคญั ทีม่ ุํงปราบปรามแก๎ไขอยาํ งจริงจงั 4. ปญั หายาเสพตดิ จากผลการสํารวจของคณะกรรมการตําง และรายงานขององค๑การอนามยั โลกพบวาํ ในปัจจุบันนี้ มีผต๎ู ิดยาให๎โทษประมาณ 600,000 คน และประมาณคร่ึงหน่ึงเป็นเยาวชนและต๎องเสียเงินในการซ้ือผงขาว นับเป็นพันล๎านบาทตํอปี นับเป็นปัญหาสําคัญที่สุดปัญหาหนึ่ง ที่กํอให๎เกิดปัญหาร๎ายแรงติดตามมาคือ ปญั หาอาชญากรรมและการสญู เสียทรพั ยากรกําลังคนของชาติ 5. ปัญหาการศึกษา โดยท่วั ไปแลว๎ การศึกษามีจุดมุํงหมายดงั ตอํ ไปนี้ 1. ทําให๎เกิดความร๎ูสึกเช่ือมันในตนเอง เพราะการศึกษาจะชํวยให๎บุคคลได๎เข๎าใจ ความสามารถและสตปิ ญั ญาของตน พฒั นาข้ึน และนําไปใชใ๎ หเ๎ ป็นประโยชน๑ในการดํารงชีวิต 2. ทําใหม๎ ีมนุษย๑สมั พนั ธ๑หรอื การรูจ๎ ักปรบั ตวั เข๎ากบั ผอ๎ู ืน่ 3. เพื่อพฒั นาความร๎ูและความชาํ นาญทจี่ ะประกอบอาชพี 4. สร๎างความสาํ นกึ รบั ผดิ ชอบตอํ สงั คม รายงานจากหนํวยงานท่ีเก่ียวข๎องชี้ให๎เห็นวําในปี 2503 ประชากรไทยไมํร๎ูหนังสือประมาณ 30% และจนกระทง่ั บัดน้กี ม็ ีหลักฐานเช่อื ได๎วาํ ยงั มปี ระชากรทไี่ มรํ ๎ูหนงั สืออยูปํ ระมาณ 18% 6. ปัญหาดา้ นสขุ ภาพอนามยั คูม่ ือ6ส8ง่ เสรมิ แลคปู่มะรพะอื กสฒั า่งนศเสนารกียมิ บจิ แกตั ลรระรวพมชิ ัฒลาชนกู ีพเาสก2ือิจ-ทก3รกั รษมะลชูกวี เสิตอืในทสักษถาะชนีวศิตึกใษนาสถลาูกนเศสึกอื ษวสาิ าปมรญั ะเภชทนั้ ลมูกเธั สยอื มวศสิ ึกามษัญาปชที ้ันี่ 5ม-ธั 6ยแมลศะกึ ษปาวปชีท.2ี่ -53-6 75
6. ปัญหาด้านคณุ ภาพอนามยั การขาดแคลนบริการทางการแพทย๑ และการให๎บรกิ ารอยํางไมทํ วั่ ถงึ แกํประชาชน โดยเฉพาะใน ถ่ินชนบทเป็นปัญหาท่ียอมรับกันโดยท่ัวไป ทั้งน้ี จะเห็นได๎จากสัดสํวน จํานวนแพทย๑ตํอประชากร คือใน ประเทศไทยมแี พทย๑ 1 คน ตํอประชากรประมาณ 7,500 คน ในขณะที่ชาวตํางประเทศมีสัดสํวนแพทย๑ตํอ ประชากร ดังนี้ คือ สิงคโปร๑ 1 : 1,400 คน ญ่ีปุ่น 1 : 860 คน สหรัฐ, รัสเซีย 1 : 500 คน นอกนี้จะเห็นวํา แพทย๑จํานวนประมาณ 3,500 คน อยํูในกรุงเทพฯ ซึ่งมีประชากรเพียง 5 ล๎านคน และมีแพทย๑เพียง ประมาณ 2,300 คน เทํานั้น ทอ่ี ยํูในชนบทซงึ่ มีประชากรถงึ 40 ล๎านคน นอกจากปัญหาดังกลําวแล๎ว ยังมีปัญหาอ่ืน ๆ อีกเป็นจํานวนมากท้ังในระดับท่ัวไปและระดับ เฉพาะท๎องถิน่ เชํน ปัญหาประชากร, ปญั หาเดก็ และเยาวชน, ปัญหาที่ดินทํากิน, ปัญหาที่อยํูอาศัยในเมือง และปญั หาสิ่งแวดลอ๎ ม เป็นตน๎ ปัญหาเหลํานี้มีความเก่ียวเนื่องสัมพันธ๑กัน ปัญหาหนึ่งอาจจะสํงผลให๎เกิดปัญหาอื่ น ๆ เชื่อมโยงกันเป็นลูกโซํ และเป็นผลซ่ึงกันและกันการแก๎ไขปัญหามิอาจจะแยกกันไปได๎โดยเด็ดขาดและมิ อาจจะแก๎ไขเพียงหนํวยงานหนึ่งหนํวยงานใด หรือกลํุมหนึ่งกลุํมใด แตํลําพังได๎ สมาชิกในสังคมจะต๎อง รวํ มมอื กนั โดยทั่วไป 2. ความรูเ้ บอ้ื งต้นเกี่ยวกบั การประชาสงเคราะห์ และการสงเคราะห์ ความหมาย 1. “การประชาสงเคราะห์” (Public Welfare)หมายถึง งานด๎านบริการสังคมที่จัดให๎โดย ฝ่ายรัฐบาลแกํประชาชน โดยแท๎จริงแล๎วคําวําการประชาสงเคราะห๑นี้ใช๎กันเป็นท่ีปรากฏแพรํหลายใน ประเทศสหรัฐอเมริกา แลว๎ คํอยเผยแพรํออกไปประเทศตําง ๆ รวมทั้งประเทศไทยด๎วย ตามความหมายที่ อ๎างถึงการประชาสงเคราะห๑ จาํ กดั ขอบเขตงานด๎านบรกิ ารสังคมเฉพาะแตทํ ่เี ปน็ ความรบั ผิดชอบของรัฐบาล ท่จี ะใหแ๎ กํประชาชนผ๎ปู ระสบความทุกข๑ยากเดือดร๎อนผ๎ูด๎อยโอกาส และไมํสามารถค๎ุมครองหรือชํวยเหลือ ตนเองได๎ อนั อาจเน่ืองมาจากสภาพชีวิตครอบครวั ความบกพรํองทางรํางกายจิตใจ และอารมณ๑ ตลอดจน ความพยายามตําง ๆ ของรัฐที่มํุงสํงเสริมความกินดีอยํูดีให๎เกิดมีแกํประชาชนในทุก ๆ ด๎าน อาทิ การ สํงเสริมให๎เกิดสวัสดิภาพแกํประชาชน การกระจายรายได๎ การบริการทางด๎านการแพทย๑และโภชนาการ อยาํ งทัว่ ถึงและเพียงพอ เป็นต๎น โดยสรุปแล๎ว การประชาสงเคราะห๑มีความมํุงหวังท่ีจะยกระดับมาตรฐาน การครองชีพและความเป็นอยํูของประชาชนท่ัวประเทศ โดยเฉพาะให๎เพํงเล็งถึงอุดมคติท่ีจะสํงเสริม สนับสนุนให๎ประชาชนได๎มีท่ีอยํูที่ดีเหมาะสมแกํอัตภาพ มีสุขภาพสมบูรณ๑ท่ัวรํางกายและจิตใจ ได๎รับ การศึกษามกี ารพักผํอนหยอํ นใจและไดร๎ บั การบรกิ ารอ่ืน ๆ รวมทงั้ อปุ กรณ๑ความผาสุกเพ่ือประชาชนทุกคน โดยท่งั ถงึ กนั ท้ังนี้ โดยอาศัยหลกั ทฤษฎี วธิ ีการทางสงั คมสงเคราะหเ๑ ปน็ หลักในการดําเนนิ งาน 2. การสังคมสงเคราะห์ (Social Work)ไมํได๎มีความหมายอยํูแคํการ “ให๎” หรือ “แจก” หรือ บริจาคทานตามทคี่ นสวํ นมากเข๎าใจแตหํ มายถึงขบวนการชํวยเหลือผ๎ทู กุ ขย๑ ากเดือดรอ๎ นหรือผู๎ประสบปญั หา โดยมีระบบและข้ันตอนภายใต๎แนวความคิดท่วี ํา ชวํ ยเหลอื เขาเพอื่ เขาจะไดช๎ วํ ยตนเองได๎ ดังน้ัน ในปัจจุบัน การสงั คมสงเคราะห๑จงึ มคี วามหมายกว๎างขวางครอบคลุมถึงการชํวยเหลือสงเคราะห๑บุคคลผ๎ูตกทุกข๑ได๎ยาก ได๎รับความเดือดร๎อนจากสาเหตุทางเศรษฐกิจ ภาวะสังคม โดยประการตําง ๆ และการดําเนินงานให๎การ 76 คคมู่ ือู่มสือง่ สเส่งเรสิมรแิมลแะลพะัฒพนัฒานกิจากกริจรกมรลรูกมเลสกูอื เทสกั อื ษทะักชษวี ิตะชในีวสิตถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทูกลเสกู เือสวือสิ วาิสมาญัมัญชชัน้ นั้ มมธั ธั ยยมมศศึกึกษษาาปปีทที ี่ี่ 55--66 และ ปวช.2-3 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3 69
สังคมก็มิได๎จํากัดอยํูเฉพาะในวงงานของรัฐ หรือสถาบันในสถาบันหนึ่งเทําน้ัน หากแตํเป็นหน๎าที่ของ ประชาชนทกุ คนจักต๎องรวํ มมือกนั รับผิดชอบในการดําเนนิ งานสงั คมสงเคราะห๑โดยทัว่ ถึงและกวา๎ งไกล ใหผ๎ ๎ู ประสบความทุกขย๑ ากเดือดรอ๎ นไดร๎ บั บรกิ ารโดยท่วั กนั 3. การให้ทานกบั การสงั คมสงเคราะห์ ท้งั สองอยาํ งมคี วามคล๎ายคลึงกนั ตรงที่ กริ ยิ าท่ใี หแ๎ ละมีผ๎ู รบั แตํการให๎ทานมํุงประโยชน๑ของผ๎ูให๎เพื่อหวังบุญกุศลหรือการจํากัดความตระหน่ีถ่ีเหนียวของตนเป็น สําคัญ สํวนการสังคมสงเคราะห๑เป็นการให๎ที่วิเคราะห๑ถึงความเดือดร๎อนของผู๎จะรับเป็นสําคัญ โดยอาศัย หลักเกณฑแ๑ ละวิธกี ารทางสงั คมสงเคราะห๑ กอรป๑ กบั ผูด๎ ําเนินการจะต๎องไดฝ๎ กึ หัดอบรมมาเป็นอยาํ งดี 4. หลักการพ้ืนฐานทางสังคมสงเคราะห์ ในการปฏิบัติ การบริการสังคมสงเคราะห๑ทั้งของรัฐ และเอกชนโดยทัว่ ไปนน้ั ไดอ๎ าศัยหลกั การวิธกี าร ตลอดจนเทคนิคเฉพาะอยํางของวิชาการสังคมสงเคราะห๑ เป็นข๎อกําหนดในการดําเนินงาน ตามลักษณะแหํงปัญญาและความต๎องการผู๎รับบริการ โดยท่ัวไป หลักเกณฑท๑ างสังคมสงเคราะห๑ (Principle of Social Work) ที่นยิ มนาํ มาประยกุ ต๑ใชใ๎ นงานประชาสงเคราะห๑ ในปัจจุบนั มี 5 ประการ จึงจะขอนํามากลาํ วพอเปน็ สงั เขป ดงั ตอํ ไปนี้ 1. สังคมสงเคราะห๑เฉพาะราย (Social Case Work) ไดแ๎ กกํ ารชํวยเหลอื ปจั เจกบุคคลผู๎ประสบ ปัญหาไมสํ ามารถพึ่งพาอาศยั หรือปรับตนเองให๎พบความสุขตามสมควรได๎ เป็นรายบุคคลโดยเฉพาะ โดย นกั สงั คมสงเคราะหจ๑ ะเปน็ ผ๎ชู ํวยเหลอื ในการพฒั นาความรูค๎ วามสามารถของผ๎นู ั้น ๆ ให๎สามารถแก๎ไขปัญหา อุปสรรคและปรับสภาพชีวิตของตนให๎ประสบความสุขตามควรแกํฐานะ ทั้งนี้ต๎องอาศัยทรัพยากรทาง ธรรมชาตแิ ละคณุ สมบัติเฉพาะตัวของผ๎ูประสบปัญหา เขา๎ มาใชเ๎ ป็นประการสําคญั 2. สังคมสงเคราะห๑กลุํมชน (Social Group Work) หมายถึง การดําเนินงานชํวยเหลือกลุํม บุคคลหรือให๎แตํละบุคคลมีบุคลิกลักษณะท่ีดีสามารถปรับปรุงตนเองให๎เข๎ากับบุคคลอื่น ๆ ได๎ โดยอาศัย กิจกรรมสวํ นรวม ทรัพยากรสมาชกิ ในกลมํุ แตํละคนเข๎ามาเป็นสวํ นชํวยเหลือ เพ่อื ให๎สมาชิกแตลํ ะบุคคลของ กลุํมไดร๎ ับความพอใจ เพลดิ เพลนิ และมีความผูกพนั ถึงกลุํมของตน 3. สงั คมสงเคราะห๑เพือ่ ชมุ ชนหรือการจดั ระเบียบชุมชน (Community Organization) เป็นการ ชํวยเหลอื สงเคราะหท๑ ีม่ ุํงยกระดับฐานะความเปน็ อยทูํ ง้ั ในแงํวตั ถุและสภาพจิตใจของบุคคลในสงั คมใหพ๎ บกบั สภาพชวี ติ ทนี่ ําพึงประสงคข๑ องทุก ๆ คน โดยการจัดหา นาํ ออกมาใช๎ และการจัดระเบยี บแหงํ ทรัพยากรจาก แหลํงตาํ ง ๆ ในชมุ ชนน้นั ๆ เพอ่ื ให๎เกดิ ความสมดุลกบั ความตอ๎ งการของการประชาชนในแตํละชุมชน การ สงั คมสงเคราะห๑ประเภทน้ีจําเป็นต๎องได๎รับความรํวมมือและความมํุงประสงค๑จากหลาย ๆ ฝ่าย กอร๑ปกับ จะต๎องมีแหลงํ ทรพั ยากรทั้งจากในสํวนของชุมชนน้ันและชุมชนใกล๎เคียงเข๎ามาชํวยเหลือด๎วยหน๎าที่สําคัญ ของผูใ๎ หบ๎ รกิ ารจงึ อยูํที่ตวั เชื่อมใหเ๎ กิดการทํางานในชุมชนอยํางมีระบบและด๎วยความสามัคคี มุํงผลอันเอก อดุ ม คอื ความสขุ ของชมุ ชนเปน็ สาํ คญั 4. การบริหารงานสวัสดิการสังคม (Social Welfare Administration) เป็นวิธีการท่ีองค๑การท้ัง ของรัฐและเอกชนนํามาใช๎ในการให๎บริการสงเคราะห๑แกํผู๎ประสบปัญหาและผู๎ทุกข๑ยากเดือดร๎อนให๎มี ประสิทธิภาพและคุณภาพทันตํอเหตุการณ๑ความทุกข๑ยากเดือดร๎อน และความจําเป็นรีบดํวนของแตํละ ปัญหา การบริหารงานสวัสดิภาพสังคมจะประกอบด๎วยหลักการด๎านบริหาร การวางแผน การกําหนด คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 77 70 คูม่ ือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
ขั้นตอนในการปฏิบตั งิ าน รบั ผดิ ชอบในการจาํ ยเงินใหเ๎ ป็นไปตามวัตถปุ ระสงค๑ และฝกึ หดั ฝึกอบรมเจา๎ หนา๎ ท่ี บุคลากร เปน็ ตน๎ g 5. การสํารวจและวิจัยทางสังคมสงเคราะห๑ (Social Survey and Resecaorch) เป็นเทคนิคและ วิธีการอีกอยํางหนึ่งท่ีนํามาใช๎ในการวางแผนงานปรับปรุงสวัสดิการสังคมท่ีจะให๎แกํประชาชน โดยจะได๎ อาศยั ขอ๎ มลู ข๎อสรปุ ตลอดจน fact ตาํ ง ๆ ท่ีได๎ค๎นพบโดยอาศยั เทคนคิ ทางการวิจยั สังคม ทัง้ น้เี พ่ือความสุข สมบรู ณแ๑ กปํ ระชาชนผท๎ู ุกขย๑ ากเดอื ดรอ๎ น วิวฒั นาการของการประชาสงเคราะหใ์ นประเทศไทย การดาํ เนนิ งานดา๎ นสังคมสงเคราะห๑ในประเทศท้ังหลายท่ัวโลก นับวําเป็นผลที่เกิดมาโดยตรงจาก ความอตุ สาห์พากเพยี รพยายามและความนึกคิดของมนุษย๑ในสํวนที่จะได๎มีโอกาสได๎ชํวยเหลือเก้ือกูลผ๎ูอ่ืน ตามกําลังสามารถของตน การปฏิบัติตํอผ๎ูอ่ืนในลักษณะเป็นการชํวยสํงเสริมสนับสนุนและมีความหํวงหา อาทรถึงทุกข๑รอ๎ นของผอ๎ู น่ื น้ัน นอกจากจะเป็นธรรมชาตขิ องมนุษย๑โดยตรงแล๎ว ยังถือได๎วําเป็นผลตํอเน่ือง แหงํ ความเจรญิ ทางวฒั นธรรมของมนษุ ย๑ ท่ไี ด๎อบรมสัง่ สอนมาจากหลกั คําสอนทางศาสนาทม่ี ุํงชํวยให๎สังคม มนษุ ย๑อยํอู ยาํ งเป็นปกตสิ ขุ โดยการชํวยเหลือสงเคราะหซ๑ ึ่งกันและกันตามสมควร ดังน้นั ในขัน้ แรกงานสงั คม สงเคราะหจ๑ งึ เปน็ เรื่องระหวาํ งสมาชกิ ในแตลํ ะสังคมจะปฏบิ ตั ิตอํ กัน ชวํ ยเหลอื สงเคราะหใ๑ นหมเูํ ครือญาตแิ ละ กว๎างไกลออกไปจนถึงผ๎ูคนในสังคมอื่น ๆ แตํเมื่อสังคมได๎ขยายตัวออกไปเป็นสังคม แบบสลับซับซ๎อน ประชากรเพ่ิมทวีข้ึนจํานวนมาก กอร๑ปกับปัญหาข๎อทุกข๑ยากเดือดร๎อนของประชาชนมีมากข้ึนเป็นอเนก ประการ การชวํ ยเหลอื สงเคราะห๑ระหวํางญาติพน่ี อ๎ งไมํสามารถจะทําไดอ๎ ยํางทัว่ ถึงในทุก ๆ กรณี ดังน้ัน จึง เป็นโอกาสที่รัฐบาลจะต๎องเข๎าไปมีบทบาทดําเนินงานให๎ความชํวยเหลือสงเคราะห๑ประชาชน ทั้งนี้ โดยมี หลกั การวํารฐั นน้ั หาใชํแตจํ ะมีหน๎าท่เี พยี งเพ่อื จะพิทกั ษ๑รักษาความสงบเรียบรอ๎ ยของประชาชนอยํางเดียวก็ หาไมํ แตํรฐั ยังมหี น๎าทีส่ ําคญั ทส่ี ดุ อีกอันหนงึ่ คอื การชวํ ยดแู ลและสงเคราะห๑ให๎ประชาชนได๎รับการกินดีอยูํดี มคี วามผาสกุ โดยทว่ั ถงึ กนั สําหรับในประเทศไทย งานสงั คมได๎เจริญรงํุ เรืองมาโดยลําดับต้ังแตํสมัยพํอขุนรามคําแหงมหาราช ซ่ึงได๎ใช๎วิธีปกครองบ๎านเมืองแบบพํอปกครองลูก โดยให๎ผ๎ูมีปัญหาข๎อทุกข๑ร๎อนได๎ถวายฎีกาข๎อปัญหาให๎ ทราบและพระองค๑ทรงดําเนินการพิจารณาหาทางชํวยเหลือโดยตรง นอกจากนี้ ยังปรากฏวําวัดวาอาราม ทง้ั หลายในสมยั กํอนได๎เป็นศูนยร๑ วมของประชาชนผ๎ูมปี ญั หาขอ๎ ทุกขร๑ ๎อน และเป็นศูนย๑กลางแหํงการทําบุญ ให๎ทานแกบํ คุ คลผู๎ทุกขย๑ ากเข็ญใจ เชํน คนไรญ๎ าติขาดมิตร หรอื คนชรา ท่ไี มมํ ที ่พี ึ่งมักเรํรอนอาศัยวัดเป็นท่ี พึ่งพา ในรชั สมัยของพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล๎าเจ๎าอยํูหัว สมเด็จพระศรีพัชรินทราพระบรมราชินีได๎ ทรงสถาปนาการอาสาสมัครข้ึนเรยี กวํา สภาอุณนุณาโาลโมลแมดแงดง โดยมีวัตถุประสงค๑ในการชํวยเหลือสงเคราะห๑ แกํทหารทไี่ ด๎รับบาดเจ็บจากสงคราม องคก๑ ารนไ้ี ดเ๎ จรญิ ก๎าวหนา๎ มาโดยลาํ ดงั และไดก๎ ลายมาเปน็ สภากาชาด ไทย ในปัจจบุ ัน ในสมยั เดยี วกนั น้ี พระวิมาดาเธอกรมพระสุทธาสินีนาฏ ได๎ทรงบริจาคทรัพย๑สํวนพระองค๑ สรา๎ งโรงเรียนเดก็ กาํ พร๎าอนาถาขึน้ ทตี่ าํ บลสวนมะลิ ถนนบํารุงเมือง เมอ่ื พ.ศ. 2433 ตํอมาโรงเรยี นนไ้ี ด๎เลิก 78 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 71 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
ไป และได๎สร๎างโรงเรียนชาติสงเคราะห๑ข้ึนมาแทน ซ่ึงโรงเรียนนี้ได๎อยํูภายใต๎การดูแลของกรม ประชาสงเคราะห๑ ในกาลตอํ มา เม่ือประเทศไทยมกี ารเปลย่ี นแปลงระบบการปกครองประเทศเป็นระบบประชาธิปไตย ต้ังแตํ ปี พ.ศ. 2475 เป็นต๎นมา รัฐบาลได๎กําหนลดแนวนโยบายของรัฐในสํวนที่เกี่ยวกับการชํวยเหลือ สงเคราะห๑ประชาชนไว๎ในรฐั ธรรมนญู อยาํ งแจง๎ จัด เชนํ ในมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญแหํงราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2511 ระบุวํา “รัฐพึงสํงเสริมสนับสนุนการสังคมสงเคราะห๑ เพื่อสวัสดิภาพและความผาสุกของ ประชาชน” ดังนี้ จะอยํางไรกต็ ามการประชาสงเคราะหใ๑ นประเทศไทย ไดถ๎ อื กาํ หนดและดําเนินการโดยเปิดเผยเป็นที่ รจู๎ กั ของบุคคลอยาํ งกวา๎ งขวางแพรหํ ลาย ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีได๎จัดตั้งกรม ประชาสงเคราะห๑ขึ้น เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2483 โดยกําหนดให๎มีหน๎าท่ีดําเนินการสํงเสริมสวัสดิการของ ประชาชนในด๎านการครองชีพให๎ไดร๎ ับความสมบูรณ๑พนู สขุ และมคี วามสดชนื่ แจมํ ใสเพอื่ เปน็ พลานุภาพของ ประเทศชาตสิ บื ตอํ ไป ดังนัน้ การดาํ เนนิ งานในชัน้ ตน๎ และในกาลตํอมาจนถึงปัจจุบันการสงเคราะห๑เด็กและ บุคคลวัยรุํน การสงเคราะห๑ครอบครัว การสงเคราะห๑สตรีไร๎อาชีพ เป็นต๎น และฝ่ายพัฒนาสังคม ซึ่ง รับผดิ ชอบในงานดา๎ นพฒั นาและสงํ เสรมิ อาชีพ เชํน นคิ มสรา๎ งตนเอง งานสงเคราะหช๑ าวเขา เป็นตน๎ ขอบเขตของงานประชาสงเคราะห์ โดยท่ีงานประชาสงเคราะห๑เป็นงานใหญํ มีอาณาเขตครอบคลุมไปถึงบุคคลทุกประเภทต้ังแตํแรก เกิดจนถึงกาลอวสานแตํงชาติ ดังน้ันรัฐบาลจึงได๎กําหนดแนวนโยบายและวัตถุประสงค๑เพื่อเป็นแนวทาง ปฏบิ ตั ไิ ว๎เป็นแนวทางกวา๎ ง ๆ เพือ่ ให๎เหมาะสมกับสถานการณข๑ องสังคมเปล่ยี นแปลงไปเร่ือย ๆ อันสํงผลให๎ เกดิ ภาวะความทุกข๑ยากเดือดร๎อนแกปํ ระชาชนกลํมุ ใหญํ แตํเน่อื งดว๎ ยการสังคมสงเคราะห๑ที่ดําเนินการโดย รฐั บาลน้ี จะดาํ เนนิ การไดก๎ โ็ ดยอาศัยเงินจากภาษอี ากร และงบประมาณของประเทศเป็นสําคัญ ดังน้ัน โดย สามารถแยกประเภทของประชาชนผอู๎ ยูํในขาํ ยท่จี ะได๎รบั การสงเคราะห๑ดงั นี้ คือ 1. เด็กและเยาวชนผมู๎ ปี ัญหาอนั เกิดจากสภาพครอบครวั ความประพฤติเบี่ยงเบน ไร๎ท่ีพ่ึง กําพร๎า อนาถา พิกลพกิ ารท้ังราํ งกายและจติ ใจ 2. ครอบครัวทย่ี ากจนหรอื ประสบปญั หา 3. สตรแี ละคนชรา ทไ่ี มมํ ีท่ีพกั พงิ หรอื ไมํสามารถจะปรบั ตัวได๎กบั ญาติพ่นี อ๎ ง 4. คนพกิ ารทพุ พลภาพ 5. ผู๎ประสบปัญหาความคับแคน๎ ทางอารมณแ๑ ละจิตใจ 6. คนไทยท่ีประสบทุกขย๑ ากในตํางแดน 7. และบคุ คลประเภทอน่ื ๆ ท่มี ปี ญั หา ฯลฯ กลําวโดยสรุปแล๎ว บุคคลที่มีปัญหาอันอาจเกิดจากสภาพทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ความด๎อย โอกาสไร๎ความสามารถท่ีจะพึ่งพาอาศัยตนเองน้ัน ยํอมเป็นเป้าหมายของงานประชาสงเคราะห๑ท่ีรัฐบาล ดําเนนิ งานอยูใํ นปจั จุบัน คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 79 72 ค่มู ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3
บรกิ ารด้านประชาสงเคราะห์ ในปจั จบุ นั การบรกิ ารทางสังคมสงเคราะหท๑ จ่ี ัดโดยรัฐบาลมีขอบเขตกว๎างขวางกระจายอยูํในหลาย ห นํ ว ย ง า น ซึ่ ง มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น ก า ร แ บํ ง ง า น แ ล ะ ป ร ะ ส า น ง า น ซึ่ ง กั น แ ล ะ กั น แ ตํ ห า ก จ ะ แ บํ ง ง า น ด๎ า น ประชาสงเคราะห๑ให๎เหน็ แจมํ ชดั แลว๎ กส็ ามารถแยกได๎เปน็ ประเภทใหญํ ๆ ดังน้ี คือ 1. งานดา้๎ นนสสาาธธาารรณรปู การ (Public Assistance) ไดแ๎ กํการให๎ความชํวยเหลอื โดยทวั่ ไปแกํประชาชน ผู๎มีปัญหาข๎อทุกข๑ยากเดือดร๎อนชํวยตนเองไมํได๎ การดําเนินงานให๎บริการดังกลําว อาศัยการสอบสวน ข๎อเท็จจริง ความจําเป็นกํอนหลัง โดยอาศัยบุคลากรท่ีมีความร๎ูและฝึกหัดงานด๎านสังคมสงเค ราะห๑มา โดยเฉพาะ การชํวยเหลือทรี่ ฐั บาลจดั ใหต๎ ามหลักการนี้ เป็นการใหเ๎ ปลาํ อาจมรี ูปลักษณะตาํ ง ๆ เชนํ การให๎ เงนิ ชํวยเหลอื เปน็ คาํ ยงั ชพี ให๎ความชํวยเหลอื โดยรับเข๎าอยใํู นสถานสงเคราะหก๑ ารบรกิ ารแนะนาํ เป็นตน๎ 2. งานประกันสังคม (Social Insurance) เป็นงานด๎านให๎ประกันทางสังคมแกํประชาชนโดยมี หลกั เกณฑก๑ วา๎ ง ๆ คือ ทั้งรัฐบาล ประชาชน และนายจ๎าง เป็นผู๎ออกเงินสมทบในกองทุนประกันตามสํวน ทงั้ นีเ้ พื่อจะได๎นํามาใชใ๎ นคราวเดอื ดร๎อนจาํ เปน็ เชนํ เจ็บป่วย ตกงาน เปน็ ตน๎ 3. การบริการสาธารณะ (Public Service) คือ การบริการสังคมท่ีรัฐจัดให๎แกํประชาชนทุก ๆ คน โดยไมํคาํ นึงถึงความตอ๎ งการของบุคคลเป็นรายเฉพาะ แตํมํุงประโยชน๑ตํอสาธารณชนโดยทั่วไป เชํน การ จัดใหม๎ ีทีพ่ กั ผํอนหยอํ นใจ สวนสาธารณะ ตลอดจนสถานรืน่ เริงบันเทิงตําง ๆ นอกจากสิ่งทั้ง 3 ประการดังกลําวมาน้ันแล๎ว รัฐบาลได๎ดําเนินการบริการประชาสงเคราะห๑อีกใ น หลายรูปแบบให๎สอดคล๎องกบั ความต๎องการของประชาชน แตโํ ดยสาระแล๎วยงั มีนัยเปน็ อยาํ งเดียวกันคือ มํุง ท่จี ะให๎เกิดความสุขและการพฒั นาความสามารถของบุคคลแตํละคนให๎สามารถชํวยเหลือตนเองได๎ในเวลา อันควร งานสังคมสงเคราะหเ์ อกชน การดําเนินงานขององค๑การกุศลเอกชนน้ัน กลําวได๎วําเป็นการสนับสนุนของรัฐในการชํวยเหลือ สงเคราะห๑ประชาชนผทู๎ กุ ขย๑ ากเดือดรอ๎ นในทกุ ๆ รูปแบบ ดังนน้ั จงึ กลาํ วไดว๎ าํ งานทงั้ 2 อยํางมีขอ๎ แตกตําง กนั อยตํู รงทอ่ี งค๑การสงเคราะหเ๑ อกชนอาศยั เงนิ ทนุ และทรัพยากรของตนเป็นหลัก แม๎จะได๎เงินอุดหนุนจาก รัฐบา๎ งก็มสี ํวนน๎อย แตสํ าํ หรับการสังคมสงเคราะหร๑ ฐั บาลหรือประชาสงเคราะห๑นั้นการดําเนินงานจัดทําโดย รฐั และเงินทองก็ได๎จากภาษปี ระเทศเป็นสาํ คญั สํวนเทคนคิ และวิธีการไมมํ ีขอ๎ แตกตาํ งกันมานัก ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีองค๑การเอกชนทด่ี ําเนินการด๎านสงั คมสงเคราะห๑อยํกู วํา 700 แหํง และรัฐไดส๎ นบั สนุนการเงิน และวิทยาการแกํองค๑การเหลาํ น้ี ปลี ะกวาํ 3 ลา๎ นบาท แนวโน้มของงานประชาสงเคราะห์ในอนาคต โดยเหตุที่สังคมมิได๎หยุดยั้งการเคล่ือนไหวและการเปล่ียนแปลง ดังนั้น ในภายภาคหน๎าเช่ือวํา ปัญหาความทุกข๑ยากเดือดร๎อนของประชาชนยํอมมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทั้งน้ี ยํอมสืบเนื่องมาแตํการท่ี สังคมเจริญขึ้นยํอมมีความสลับซับซ๎อน ประชาชนมีจํานวนเพิ่มมากข้ึน โดยไมํได๎สัดสํวนกับ ทรัพยากรธรรมชาติที่สังคมหยิบยื่นให๎พอเพียงแกํความต๎องการของมนุษย๑ได๎ ผ๎ูม่ังมีเงินทองยํอมจะไมํ ประสบปัญหาขอ๎ ยงํุ ยากแตํประการใด แตํสําหรับผค๎ู นทย่ี ากจนและไมํสามารถทจ่ี ะไขวํควา๎ หาปัจจยั เคร่อื งยงั 80 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 73 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 2-3
ชีพให๎พอแกํความต๎องการได๎ ก็จําเป็นจะต๎องดิ้นรนขวนขวายจนสุดความสามารถ เพ่ือจะให๎ได๎มาซ่ึงสิ่ง ดังกลําว ไมํวาํ จะโดยความเหมาะสมถูกต๎องหรอื ไมํยํอมจะไมํคํานงึ ถงึ ซึ่งจะมีผลกระทบตํอความผาสุขของ สังคมโดยสวํ นรวม ดังน้นั ภาระของรัฐบาลในการจดั หาซอื้ บริการอนั จําเป็นขั้นพ้นื ฐานให๎แกํประชาชนอยําง พอเหมาะนั้น นบั วาํ เปน็ ภาระผูกพันอันยิง่ ใหญตํ อํ ไปในอนาคต 3. การสร้างความสัมพนั ธก์ ับผู้รับการสงเคราะห์ ลูกเสือสงเคราะห๑ซึ่งเป็นอาสาสมัครชํวยงานประชาสงเคราะห๑น้ันจะต๎องติดตํอสัมพันธ๑กับบุคคล หลายประเภทซึ่งมปี ัญหาความเดือดร๎อน ฉะนั้น การเรียนร๎ูวิชามนุษยสัมพันธ๑ จึงเป็นสิ่งสําคัญเพื่อชํวยให๎ ลกู เสอื นําความร๎ไู ปใช๎สรา๎ งความสมั พนั ธ๑กบั บุคคลเหลํานี้ไดอ๎ ยาํ งเหมาะสมตามวตั ถุประสงค๑ของการอบรม มนษุ ยสมั พันธ๑คอื วิชาทวี่ ําดว๎ ยศาสตร๑และศลิ ปะในการเข๎ากับบุคคลอื่น และการสร๎างความสัมพันธ๑ อันดี เพือ่ ใหไ๎ ดม๎ าซง่ึ ความรักใครํ นบั ถือ ความรวํ มมือรํวมใจ ความจงรักภกั ดีและความสําเรจ็ ถา๎ จะแปลตาม ตวั คาํ วํา มนุษยสมั พันธ๑ กห็ มายถึงความสัมพนั ธ๑ระหวํางมนุษย๑นั่นเอง ความสัมพันธ๑นี้คือการพดู คยุ ติดตํอ สมาคม การอยํดู ๎วยกัน ทาํ งานดว๎ ยกนั ฯลฯ แนวปฏิบตั ิตอ่ ผรู้ ับการสงเคราะห์ ในท่นี ้ี จะไดก๎ ลาํ วถึงแนวปฏิบัติของเจา๎ หน๎าท่ผี ๎ปู ฏิบัติงานประชาสงเคราะหต๑ อํ ผร๎ู บั การสงเคราะห๑ใน ประการแรก ประการที่สองคือแนวปฏิบัติของลูกเสือสงเคราะห๑ในฐานะอาสาสมัครชี้แนะบริการ ประชาสงเคราะห๑ให๎แกผํ ๎ูทกุ ขย๑ ากเดือดรอ๎ น 1. แนวปฏิบัติของเจ้าหน้าทตี่ อ่ ผรู้ บั การสงเคราะห์ นอกจากแนวปฏบิ ัติทีส่ าํ คัญบางประการแกํ ผู๎รับการสงเคราะห๑แตํละประเภทดังได๎กลําวข๎างต๎นไว๎แล๎ว โดยท่ัวไปเจ๎าหน๎าท่ีจะยึดหลักการสังคม สงเคราะห๑ในการปฏิบัตติ ํอผรู๎ ับการสงเคราะห๑ทกุ ประเภทดงั น้ี คือ (1) ในการปฏบิ ัตงิ าน การชวํ ยใหผ๎ ร๎ู ับการสงเคราะหม๑ คี วามผาสกุ หรอื สามารถชํวยตนเองได๎ ไมํ เป็นภาระแกสํ ังคมถอื เปน็ จุดหมายสําคญั เชนํ คนชรากเ็ ลย้ี งดูให๎มคี วามสขุ ในบัน้ ปลายของชีวติ ผ๎ปู ระสบภัย ก็ชํวยแก๎ปญั หาเฉพาะหน๎าจนกวาํ เขาจะชวํ ยตัวเองได๎ (2) ผรู๎ บั การสงเคราะห๑เป็นบุคคลท่ีชํวยตัวเองไมํได๎ และมีปัญหาความเดือดร๎อน เจ๎าหน๎าที่จะ ใหก๎ ารชํวยเหลอื โดยไมํแบํงช้ันวรรณะ แตํจะพิจารณาชํวยเหลือตามปัญหาความเดือดร๎อนหรือชํวยให๎ตรง กับความต๎องการของเขา (3) เจ๎าหนา๎ ท่ปี ฏิบตั ติ ํอผูร๎ บั การสงเคราะหอ๑ ยํางไมํมอี คติ แตํมคี วามเห็นอกเหน็ ใจเขา๎ ใจเขาและ ใกลช๎ ดิ กับเขา มีความคิดวําทุกคนสามารถพัฒนาได๎ถ๎าได๎รับความชํวยเหลืออยํางถูกต๎อง มีการใช๎วิชาชีพ ทางสงั คมสงเคราะห๑มาชํวยเหลือแก๎ไขปัญหาของผ๎ูรับการสงเคราะห๑ใช๎วิชาการแพทย๑มาบําบัดรักษาหรือ ฟน้ื ฟูปรับสภาพผู๎รับการสงเคราะหใ๑ หช๎ วํ ยตวั เองได๎ ไมเํ ปน็ ภาระแกสํ งั คมตอํ ไป 2. ลูกเสอื สังคมสงเคราะหค์ วามปฏิบัตติ นในฐานะอาสาสมคั รอยา่ งไร (1) ศกึ ษาบริการทีก่ รมประชาสงเคราะหใ๑ หก๎ ารชํวยเหลอื แกปํ ระชาชนผูต๎ กทุกขไ๑ ดย๎ าก จากการ อบรมครง้ั นวี้ ําอยอูํ ยาํ งไรบา๎ ง คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 81 74 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3
(2) การแนะนํา ช้ีชํองทางให๎ผ๎ูทุกข๑ยากเดือดร๎อนไปติดตํอขอความชํวยเหลือจากกรม ประชาสงเคราะห๑ โปรดใหค๎ วามรูแ๎ กผํ เู๎ ดอื ดร๎อนโดยเฉพาะเรอ่ื งคณุ สมบัติของผู๎จะขอรับบริการอยํางถูกต๎อง เพอื่ ป้องกนั ความเข๎าใจผดิ และผิดพลาด (3) โปรดอยาํ ใหค๎ วามหวงั แกผํ ท๎ู กุ ขย๑ ากเดอื ดรอ๎ นเหลําน้ีวาํ กรมประชาสงเคราะห๑สามารถแก๎ไข ปัญหาทุกอยํางให๎เขาได๎ กรมประชาสงเคราะห๑จะชํวยเหลือตามหลักการสังคมสงเคราะห๑ โดยชํวยให๎ เหมาะสมกบั สภาพความเดือดร๎อน สตปิ ัญญา ความสามารถ แนวถนัดที่เขามีอยูํและทรัพยากรที่มีอยูํ แตํผู๎ เดือดรอ๎ นกต็ อ๎ งชํวยเหลือตนเองดว๎ ยเพื่อให๎เขาเกิดความภูมใิ จวําได๎แก๎ไขปัญหาความเดือดร๎อน สติปัญญา ความสามารถ แนวถนัดทีเ่ ขามีอยแูํ ละทรัพยากรที่มอี ยํู แตํผ๎เู ดือดรอ๎ นกต็ ๎องชวํ ยเหลอื ตนเองด๎วยเพื่อให๎เขา เกิดความภาคภมู ิใจวาํ ไดแ๎ ก๎ไขปญั หาความเดอื ดรอ๎ นสวํ นหนงึ่ ด๎วยตัวเอง (4) การสรา๎ งความสมั พนั ธก๑ บั ผูท๎ ุกขย๑ ากเดือดรอ๎ น ขอให๎ใช๎หลกั มนุษยส๑ มั พันธ๑ กลําวคือมีทําที เปน็ มิตร สภุ าพ จริงใจและเตม็ ใจที่จะชวํ ยเหลือหรอื ชี้แนะบรกิ ารใหแ๎ กํเขา การสร๎างความสัมพันธ๑กับผู๎รับการสงเคราะห๑น้ันเป็นบันไดขั้นแรกของการอาสาสมัคร ชวํ ยงานประชาสงเคราะห๑ซึง่ สามารถเรยี นร๎แู ละฝึกฝนได๎ 4.การสงเคราะห์เดก็ และบุคคลวยั รนุ่ 1. วัตถุประสงค์ของการสงเคราะหเ์ ดก็ และบคุ คลวยั รุ่น กองสงเคราะห๑เด็กและบุคคลวัยรุํนได๎บริการด๎านตําง ๆ ให๎แกํเด็กอายุต้ังแตํแรกเกิด – 18 ปี ท่ี ประสบปัญหาความเดอื ดร๎อนในกรณีตําง ๆ โดยมีวตั ถุประสงค๑ ดังนี้ 1.1 เพ่อื ให๎การสงเคราะหแ๑ ละค๎มุ ครองสวัสดิภาพแกํเดก็ ท่ีครอบครัวประสบปญั หาความเดอื ดร๎อนใน ดา๎ นตําง ๆ ทั่วราชอาณาจักร 1.2 เพอ่ื ให๎การอุปการะเล้ียงดู ให๎การศึกษาด๎านสามัญและด๎านการฝึกวิชาชีพ ตลอดจนอบรมบํม นสิ ยั แก๎ไขปัญหาความประพฤตแิ ละปัญหาครอบครัวแกํเด็กกําพร๎า อนาถา ยากจน ขาดแคลน ถูกทอดทิ้ง ไร๎ท่ีพ่ึง เรํรํอน มีปัญหาความประพฤติ พิการทางรํางกายและทางสมองและทางปัญญาตลอดจนจัดหา ครอบครัวใหมํใหแ๎ กเํ ด็กทขี่ าดบดิ า มารดา และผอ๎ู ุปการะเลี้ยงดู 1.3 เพื่อสงํ เสริมและคุม๎ ครองสวสั ดภิ าพเด็กที่รบั บริการอยใํู นสถานสงเคราะห๑เด็กและสถานรับเล้ียง ของเอกชน เพื่อให๎เด็กไดร๎ ับการพัฒนาทั้งทางรํางกาย จติ ใจ สติปัญญา และสังคม 1.4 เพ่ือสํงเสริมการฝกึ วิชาชีพสาขาตาํ ง ๆ ใหแ๎ กํเดก็ ทว่ั ไปโดยจัดบรกิ ารและอํานวยความสะดวกใน ดา๎ นตาํ ง ๆ ให๎ ตลอดจนจดั หางานใหเ๎ ดก็ ทส่ี ําเร็จการฝกึ แลว๎ 1.5 เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กที่มีปัญหาความประพฤติ เด็กพิการ หรือติดยาเสพติด ให๎สามารถ ดํารงชพี โดยไมํเปน็ ภาระของสงั คม 1.6 เพ่ือคุ๎มครองป้องกัน และแก๎ไขปัญหาเด็กที่ตกเป็นเคร่ืองมือแสวงหาประโยชน๑โดยบุคคลท่ี กระทําอนั มิชอบดว๎ ยกฎหมาย 82 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 75 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3
งานท่ลี กู เสือสามารถชว่ ยปฏบิ ัตไิ ด้ 1. ในดา้ นการสงเคราะหเ์ ด็ก 1.1แนะนําให๎ครอบครวั ยากจนขาดแคลนที่มีเด็กอายุแรกเกดิ ถึง 18 ปี อยํูในความอุปการะ ซึ่ง ประสบปญั หาดา๎ นการครองชีพ ขาดแคลนเคร่ืองอุปโภคบริโภคที่จําเป็นมาติดตํอขอความชํวยเหลือที่กรม ประชาสงเคราะหจ๑ ังหวดั ทวั่ ราชอาณาจักร 1.2แนะนาํ ใหบ๎ คุ คลทปี่ ระสบปัญหาเกยี่ วกบั เด็กกําพรา๎ อนาถา ไร๎ท่พี ง่ึ ถูกทอดท้ิงหรอื เด็กทีบ่ ดิ า มารดา ผ๎ูปกครองไมํสามารถให๎การเลี้ยงดูเองได๎เพราะปัญหาความจําเป็นมาติดตํอของความชํวยเหลือที่ กรมประชาสงเคราะห๑ หรือทีท่ ท่ี ําการประชาสงเคราะหจ๑ ังหวดั ท่วั ราชอาณาจักร 1.3แนะนาํ ให๎ครอบครวั ท่มี ีฐานะดีไมํมบี ุตร ให๎รบั เดก็ กําพรา๎ อนาถาถกู ทอดทิง้ ไร๎ที่พึ่งในความ อปุ ระของสถานสงเคราะหเ๑ ดก็ ไปอปุ การะเปน็ บุตรบุญธรรม 1.4แนะนาํ ให๎ครอบครวั ท่มี ีฐานะดแี ละมคี วามรกั เด็ก ให๎รับเด็กกาํ พร๎าอนาถา ถกู ทอดทง้ิ ไรท๎ ่ีพ่งึ ในความอุปการะของสถานสงเคราะหเ๑ ด็กไปอปุ การะแบบฝากเลี้ยงตามบ๎าน 1.5แนะนําให๎ครอบครัวยากจนซึ่งไมํอยํูในฐานะท่ีจะเลี้ยงดูเด็กได๎ตามควรแกํอัตภาพทําการ คุมกาํ เนดิ 2. ในดา้ นการคมุ้ ครองสวัสดภิ าพเดก็ 2.1เม่ือพบเดด็ เรํรํอน เกเร ขอทาน ไร๎ที่พึ่ง ถูกทอดท้ิง พลัดหลง หนีโรงเรียน ม่ัวสุมเลํนการ พนนั เสพยาเสพติด เปน็ แก๏งลักขโมย หรือถูกใช๎แรงงานโดยไมํเป็นธรรม หรือถูกทารุณด๎วยวิธีการตําง ๆ เข๎าไปในโรงรับจํานาํ สถานบรกิ ารหรอื สถานการค๎าประเวณี ประพฤติตนทํานองช๎ูสาวในที่สาธารณะ เที่ยว เตรใํ นเวลากลางคนื ระหวํางเวลา 22.00 นาฬิกา ถงึ เวลา 04.00 นาฬิกา ของวนั รุงํ ข้ึน หลบหนีจากสถานแรก รับเด็กหรือสถานสงเคราะห๑เด็ก ก็ขอให๎โทรศัพท๑แจ๎งกรมประชาสงเคราะห๑ทราบท่ีหมายเลขโทรศัพท๑ 2828618 หรือแจ๎งเจ๎าหน๎าที่ตํารวจทราบโดยดํวน สําหรับตํางจังหวัดให๎แจ๎งที่ท่ีทําการประชาสงเคราะห๑ จงั หวดั ทวั่ ราชอาณาจกั ร หรือตาํ รวจท๎องที่ 2.2แนะนําให๎ครอบครัวที่มีเดก็ ซง่ึ มปี ญั หาความประพฤติ ปัญหาด๎านการศึกษาเลาํ เรียน ปญั หา ดา๎ นการประกอบอาชพี มารบั คาํ แนะนาํ ปรกึ ษา และรบั บรกิ ารท่เี หมาะสมจากกองสงเคราะห๑ เด็กและบุคคล วัยรํนุ กรมประชาสงเคราะห๑ 2.3เมื่อพบสถานท่ีเลี้ยงดูเด็กหรือบ๎านท่ีรับจ๎างเลี้ยงเด็กเกิน 5 คน ซ่ึงไมํใชํโรงเรียนอนุบาล หรอื สถานพยาบาล กข็ อใหแ๎ นะนําผปู๎ ระกอบการให๎มาติดตํอขอจดทะเบียนจัดตั้งให๎ถูกต๎องตามกฎหมายท่ี กรมกจิ การเด็กและเยาวชน ทอ่ี ยํู 618/1 ถนน นิคมมกั กะสนั แขวง มกั กะสนั เขต ราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 หมายเลขโทรศพั ท๑ 02 255 5850 สําหรบั ในตํางจงั หวดั แนะนําผ๎ปู ระกอบการให๎ตดิ ตํอขอจดทะเบียน จัดตงั้ ใหถ๎ ูกตอ๎ งตามกฎหมาย ที่สํานักงานพฒั นาสังคมและความมน่ั คงของมนษุ ยจ๑ งั หวดั 5.การสงเคราะหค์ รอบครวั คนชรา คนพกิ าร คนขอทานและคนไร้ทพ่ี ่งึ คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 83 76 คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3
5. การสงเคราะหค์ รอบครวั คนชรา คนพิการ คนขอทานและคนไร้ท่ีพ่ึง เหตใุ ดจึงตอ้ งให้การสงเคราะหบ์ ุคคลเหล่าน้ี ในสมยั กอํ นเมอ่ื เกิดมีคนตกทุกขไ๑ ด๎ยาก ครอบครัว ญาติพ่ีน๎อง มิตรสหายที่อยูํใกล๎ชิดก็จะเอาใจใสํ ชํวยเหลอื ตามกําลังความสามารถ นอกจากนแ้ี ลว๎ วดั ก็ได๎เป็นศูนย๑กลางความชํวยเหลือแกํประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะคนยากจนมาแกํโบราณกาล เป็นต๎นวํา เป็นโรงเรียนสอนเด็ก ๆ เป็นที่พบปะทําบุญกุศลของ ชาวบา๎ นตามประเพณี ในสมัยปจั จบุ นั สังคมเรายุํงเหยงิ และมีปัญหามากมาย เชํน ในชนบท ชาวนาชาวไรํมีฐานะยากจน สภาพฝนแลง๎ น้ําทวํ ม ทาํ ให๎เกษตรไมํได๎ผล ในเมืองก็มีปญั หาอาชญากรรม คนวํางงานยาเสพติด ฯลฯ คํา ครองชีพสูงข้ึนเร่ือง ๆ สังคมเป็นแบบตัวใครตัวมันมากข้ึนเพราะทุกคนตํางก็ด้ินรนเพ่ือความอยํูรอด การ ชวํ ยเหลอื กันระหวาํ งคนในครอบครัวหรอื ฉนั ทญ๑ าติสนิทมติ รสหายลดน๎อยลงทุกที ดังน้ัน รัฐบาลซ่ึงมีหน๎าท่ี บําบดั ทกุ ข๑บาํ รุงสขุ ของประชาชนจงึ ตอ๎ งย่นื มือเขา๎ มาสงเคราะห๑บคุ คลที่เดือดรอ๎ นทุกข๑ยาก เพื่อให๎เขามีชีวิต อยูํในสังคมด๎วยความสุขเหมือนคนอื่น ๆ หนํวยราชการที่ทําหน๎าที่ชํวยเหลือบุคคลเหลําน้ีคือกรม ประชาสงเคราะห๑ และหนํวยงานที่มหี นา๎ ท่ีรับผิดชอบชํวยเหลือครอบยากจนคนชราคนพกิ ารทุพพลภาพ คน ขอทานและคนไรท๎ ี่พึง่ ก็คือ กองสวสั ดกิ ารสงเคราะห๑ ลูกเสอื สงเคราะหช์ ่วยงานสงเคราะหค์ รอบครวั ไดอ้ ยา่ งไร ถ๎าลูกเสือสงเคราะห๑พบเห็นครอบครัวยากจนที่เดือดร๎อน เพราะหัวหน๎าครอบครัวประสบเคราะห๑ กรรมดังทก่ี ลําวมาแลว๎ โปรดแนะนําใหไ๎ ปตดิ ตอํ ขอความชวํ ยเหลอื ยงั กรมประชาสงเคราะห๑ สถานท่ตี ดิ ตอ่ ในกรุงเทพมหานคร กองสวัสดิการสงเคราะห๑ ในบริเวณกรมประชาสงเคราะห๑สะพานขาว ตาํ งจงั หวัดทีท่ ําการประชาสงเคราะหจ๑ งั หวดั ศาลากลางจงั หวัด หลกั ฐาน เพอื่ ประกอบการพจิ ารณาชํวยเหลือ คือ บัตรประชาชน สาํ เนาทะเบยี นบา๎ นและหลกั ฐานอน่ื ท่จี ําเปน็ เชนํ ใบรบั รองแพทย๑แสดงวําหัวหนา๎ ครอบครัวเจ็บป่วย หรือใบมรณบัตร ถ๎าหัวหน๎าครอบครัวเสียชีวิตเป็น ตน๎ ลูกเสอื สงเคราะห์ชว่ ยงานสงเคราะห์คนชราไดอ้ ย่างไร ถา๎ ลกู เสอื สงเคราะห๑ไปพบเหน็ คนชราถูกทอดทงิ้ หรอื ฐานะครอบครัวยากจนมากหรือบางคนอยํูกับ ลูกหลานไมํได๎รบั ความสขุ โปรดแนะนาํ ให๎คนชรานัน้ ไปตดิ ตอํ ขอความชวํ ยเหลอื ยังกรมประชาสงเคราะห๑ สถานท่ตี ดิ ตอ่ กรุงเทพมหานคร กองสวัสดิการสงเคราะห๑ ตํางจังหวดั ติดตํอทีป่ ระชาสงเคราะห๑จังหวดั ยกเว๎นจังหวัด 4 จังหวดั ท่มี สี ถานสงเคราะห๑ตั้งอยํู คือ เชยี งใหมํ ชลบรุ ี ยะลา และนครราชสมี า ติดตอํ ไดโ๎ ดยตรงที่สถานสงเคราะห๑ และประชาสงเคราะหจ๑ งั หวดั หลกั ฐานทจ่ี ําเป็น 84 คค่มู อืมู่ สอื ง่ สเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะฒั พนัฒานกจิากกรจิ รกมรลรกูมเลสกูอื เทสักอื ษทะกัชษวี ติะชในีวสิตถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทูกลเสูกเอื สวอื สิ วาสิ มาญัมัญชช้ัน้นั มมัธัธยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทีท่ี่ี 55--66 และ ปวช.2-3 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3 77
ใบรับรองแพทย๑ ใบแจ๎งผลการเอ๏กซเ๑ รย๑ปอด และสําเนาทะเบยี นบา๎ น (ถา๎ ม)ี ใบสังคมสงเคราะห๑จะออกไปเยย่ี มบ๎าน สอบข๎อเท็จจรงิ เพอื่ พจิ ารณารบั เฉพาะคนชราทเี่ ดอื ดร๎อนจรงิ ๆ เขา๎ อยํใู นสถานสงเคราะห๑ 6.การสงเคราะหค์ นพิการ คนพิการ คือบุคคลท่ีไมํสมประกอบทางรํางกายและจิตใจ จนไมํสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจําวัน ศึกษาเลําเรยี น หรือทํางานได๎ดีเหมือนกบั คนปกติ ความบกพรํองทางรํางกาย เชนํ หูหนวก ตาบอด แขนขา พิการ ความบกพรอํ งทางจิตใจ เชนํ เปน็ โรคจิตประสาท ลกู เสือสงเคราะห์จะชว่ ยงานสงเคราะห์คนพิการไดอ้ ยา่ งไร 1. คนพิการไร้ญาติขาดที่พึ่ง เม่ือลูกเสือพบเห็นคนพิการไร๎ท่ีอยูํหรือถูกทอดท้ิงถ๎าอยูํใน กรุงเทพมหานคร ติดตํอขอความชํวยเหลือที่ กองสวัสดิการสงเคราะห๑ สําหรับลูกเสือท่ีอยูํตํางจังหวัดให๎ ตดิ ตํอประชาสงเคราะหจ๑ งั หวัด เมอื่ กรมประชาสงเคราะหท๑ ําการสอบข๎อเท็จจริงแล๎วปรากฏวําไร๎ญาติขาดท่ี พึง่ จริง ๆ จงึ จะรบั เข๎าอุปการะในสถานสงเคราะห๑ 2. คนพกิ ารท่ีตอ้ งการฝกึ อาชพี คนพกิ ารมภี ูมลิ าํ เนาในกรุงเทพมหานคร ทมี่ คี ณุ สมบัติครบตามที่ กําหนดไว๎ และต๎องการจะฝึกอาชีพ ลูกเสือควรจะแนะนําให๎ไปติดตํอที่กองสวัสดิการสงเคราะห๑ กรม ประชาสงเคราะห๑ คนพิการท่ีอยูํตํางจังหวัดติดตํอท่ีที่ทําการประชาสงเคราะห๑จังหวัด ศาลากลางจังหวัด สําหรบั รายทีย่ ากจนไมํอาจเดินทางไปตดิ ตํอประชาสงเคราะห๑จังหวัดได๎ ขอให๎ติดตํอกับอําเภอท๎องที่อาศัย อยูํ หลักฐานตําง ๆ มีสาํ เนาทะเบยี นบ๎าน รูปถําย ใบรับรองแพทย๑ หลักฐานแสดงพ้นื ความรู๎ 3. คนพิการขอความช่วยเหลอื เครอื่ งช่วยคนพิการหรืออวัยวะเทียม ผู๎พิการท่ีจะได๎รับความ ชํวยเหลือต๎องยากจนจริง ๆ และได๎รับคําวินิจฉัยจากแพทย๑วําหากใช๎เคร่ืองชํวยเหลืออวัยวะเทียมแล๎วจะ เป็นประโยชน๑ สามารถมีงานมีรายได๎เล้ียงตนเองหรือครอบครัวได๎มิใชํเพื่อความสวยงามน ในเขต กรุงเทพมหานคร ลูกเสือแนะนําให๎คนพิการไปติดตํอได๎ที่กองสวัสดิการสงเคราะห๑ ตํางจังหวัดติดตํอได๎ท่ี อาํ เภอทอี่ าศัยอยํู หลักฐานท่สี าํ คญั คือเอกสารคาํ วนิ จิ ฉยั จากแพทย๑ สาํ เนาทะเบียนบา๎ น 4. ช่วยประชาสมั พนั ธ์ศนู ย์ชว่ ยเหลอื คนพกิ าร เพอื่ ใหม๎ ผี บ๎ู ริจาคชวํ ยเหลอื คนพิการเป็นจํานวน มาก ซ่ึงต๎องการเครื่องชํวยเหลืออวัยวะเทียมอยํูในขณะนี้ ในกรุงเทพมหานครติดตํอบริจาคได๎ท่ีกอง สวสั ดิการสงเคราะห๑ กรมประชาสงเคราะห๑ ตาํ งจังหวัด ติดตอํ ทป่ี ระชาสงเคราะห๑จังหวัด 7.การสงเคราะหข์ อทานและคนไรท้ ่ีพ่ึง การสงเคราะห๑คนขอทาน การขอทานเป็นการผิดกฎหมาย ซึ่งคนท่ัวไปมักจะไมํทราบตาม พระราชบัญญัตคิ วบคุมการขอทาน พ.ศ. 2484 กาํ หนดไวว๎ ํา “การขอทรพั ยส๑ นิ ของผ๎ูอืน่ โดยไมํไดท๎ าํ การงาน อยํางใด หรือให๎ทรัพย๑สินอยํางใดตอบแทน และไมํใชํขอกันในระหวํางญาติสนิทมิตรสหายให๎ถือวําเป็น ขอทาน” นอกจานกนี้ “การขับร๎อง ดีด สี ตตรี ี เป่า แสดงการละเลนํ ตําง ๆ โดยขอทรัพย๑สินตามแตํคนฟังคนดู จะสมัครใจให๎” กเ็ รยี กวาํ เป็นการขอทานเชนํ เดียวกนั คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 85 78 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3
กฎหมายนี้ กําหนดใหเ๎ จ๎าหนา๎ ทต่ี ำ�รรววจเป็นผ๎ูที่มีอํานาจจับกุมคนขอทาน กรมประชาสงเคราะห๑ไมํมี อํานาจหน๎าที่จะจับกุม ต๎องออกจับรํวมกับตํารวจ แล๎วนําคนขอทานสํงสถานสงเคราะห๑คนไร๎ท่ีพึ่งเพื่อ ควบคมุ ตัวไว๎ และอบรมส่ังสอนไมใํ ห๎ประพฤติเป็นคนขอทานอีก รวมท้ังให๎การฝึกอาชีพ เชํน เกษตรกรรม ป่าไม๎ ชํางโลหะ จักสาน งานโยธา ฯลฯ เพื่อจะได๎ร๎ูจักการทํางาน และมีอาชีพเมื่อปลดปลํอยจากสถาน สงเคราะห๑ไปแลว๎ อน่งึ คนขอทานที่เปน็ โรคจติ โรคเร้อื น หรอื โรคติดตํอถูกสงํ ไปกระทรวงสาธารณสขุ ระยะเวลาควบคุมตัว เมื่อถูกจับกุมครั้งแรกคนขอทานต๎องถูกควบคุมตัวไว๎ไมํน๎อยกวํา 1 เดือน ครงั้ ทีส่ องควบคุมตวั ไวไ๎ มนํ ๎อยกวํา 6 เดือน ครั้งท่สี ามไมนํ อ๎ ยกวํา 1 ปี การสงเคราะห์คนไร้ท่ีพึ่ง สถานสงเคราะห๑ไร๎ท่ีพ่ึงนอกจากจะควบคุมตัวคนขอทานไว๎แล๎วยังรับ อปุ การะคนยากจน ไมํมีท่อี ยํูอาศัย หรอื ถูกทอดทงิ้ ทั้งชายและหญงิ อายุ 17 ปี ข้ึนและไมํมีโรคตดิ ตํอด๎วย สถานสงเคราะห๑ไรท๎ ี่พึ่งปจั จบุ นั มี 4 แหํง คือ ภาคกลาง สถานสงเคราะห๑คนไร๎ท่ีพึง่ ธญั บุรี ปทมุ ธานี ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ สถานสงเคราะห๑คนไร๎ท่พี ง่ึ บา๎ นเมตตา นครราชสีมา ภาคใต๎ สถานสงเคราะหค๑ นไรท๎ พ่ี ึง่ กํุมสะแก เพชรบุรี สถานสงเคราะห๑คนไรท๎ ีพ่ ่ึงศรสี คุ ตและวงั ทอง พิษณโุ ลก ภาคเหนอื ลกู เสือสงเคราะหจ์ ะช่วยงานสงเคราะหค์ นขอทาน คนไร้ทีพ่ ึง่ ได้อย่างไร 1. หากพบเห็นคนขอทานโปรดวํากลําวตักเตือนให๎ทราบวําการขอทานผิดกฎหมายจะถูก เจา๎ หน๎าท่ตี าํ รวจจบั สงํ ไปควบคุมตวั ไวใ๎ นสถานสงเคราะห๑ 2. หากพบเห็นคนไรญ๎ าติขาดมิตร ไมํมที ่ีอยอํู าศยั ในกรุงเทพมหานคร โปรดแนะนาํ ใหไ๎ ปติดตํอรับ ความชํวยเหลอื ไดท๎ กี่ องสวัสดกิ ารสงเคราะห๑ ตํางจังหวัดแนะนําให๎ไปติดตํอ อําเภอ หรือประชาสงเคราะห๑ จงั หวัด 8. การสงเคราะห์ผู้ประสบภยั หน้าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบ “ภยั ” ตามความหมายในดา๎ นการสงเคราะหผ๑ ปู๎ ระสบภยั หมายถงึ พฤติการณอ๑ ยํางใดอยํางหนึ่งที่ทํา ใหป๎ ระชาชนต๎องไดร๎ ับความทุกขย๑ ากเดือดร๎อน ซ่งึ อาจจะเกดิ ข้ึน เน่อื งจากความผันผวนของธรรมชาติ หรือ มีคนทําให๎เกดิ ขึน้ ด๎วยความตงั้ ใจหรือไมํก็ตาม กองสงเคราะห๑ผ๎ูประสบภัย กรมประชาสงเคราะห๑ มีหน๎าที่รับผิดชอบสงเคราะห๑ผู๎ประสบภัยพิบัติ ตําง ๆ ทัว่ ราชอาณาจักรดังนี้ 1. อัคคีภัย 2. ภยั ธรรมชาติ (อาทิ อุทกภัย วาตภัย) 3. ราษฎรอัตคัดขาดแคลนขา๎ วบรโิ ภค 86 ค่มู ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 79 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
4. ราษฎรผ๎ูไดร๎ บั ความเสยี หายเน่อื งจากการปฏบิ ตั กิ รของผก๎ู ํอการร๎ายคอมมิวนิสต๑หรือกองกําลัง จากภายนอกประเทศ 5. ราษฎรประสบอากาศหนาวจดั ผิดปกติ 6. ชํวยราษฎรผ๎ตู กทุกข๑ไดย๎ ากทั้งในและนอกประเทศให๎กลบั ภมู ลิ ําเนาเดิม 7. ราษฎรขาดแคลนนา้ํ บริโภคในฤดูรอ๎ น 8. ราษฎรยากจนในถ่นิ ทุรกนั ดารหํางไกลคมนาคม จากหน๎าที่ความรับผิดชอบดังกลําวข๎างต๎นอาจจะสรุปได๎วํา งานสงเคราะห๑ผู๎ประสบภัยของกรม ประชาสงเคราะหน๑ ั้น ใหค๎ วามชวํ ยเหลือแกํประชาชนผู๎ประสบความทุกข๑ยากโดยแบํงเป็นกลํุมตามลักษณะ ของภัยพบิ ตั ิได๎ 3 กลมํุ ดงั น้ี กลุ่มแรก ราษฎรประสบสาธารณภัยและภัยธรรมชาติ ได๎แกํ อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย การอัตคัด ขาดแคลนขา๎ วบรโิ ภค กกาารรขขาาดดแแคคลนนาํ้�ำบรโิ ิ ภคและใชหช้๎ส้ อยในกรณีฉกุ เฉนิ หรอื ภยั ธรรมชาติอ่ืน ๆ ซึ่งเกิดกับ ประชาชนเปน็ จาํ นวนมาก กลุ่มท่ีสอง ประสบภัยจากผลทางการเมืองภายในและภายนอกประเทศ ได๎แกํ ผู๎ประสบภัย เนื่องจากการกระทําของผ๎ูกํอการร๎ายคอมมิวนิสต๑ และผู๎ประสบภัยเนื่องจากการกระทําของกองกําลัง ภายนอกประเทศ เชํน กรณีเขมรแดงบุกรุกทําลายชีวิตและทรัพย๑สินของราษฎรไทยตามชาย แดนด๎าน กมั พูชา กลุ่มทสี่ าม เป็นภัยทางเศรษฐกิจและสังคม ได๎แกํ การชวํ ยเหลือให๎คนไทยทถี่ กู หลอกลวงและไปตก ทุกข๑ได๎ยากในตํางถน่ิ ใหก๎ ลับภูมลิ าํ เนาเดิม ซ่ึงมีท้ังตกทุกข๑ได๎ยากภายในประเทศและไปตกทุกข๑ได๎ยากใน ตํางประเทศ รวมถึงการชํวยเหลือราษฎรในท๎องที่หํางไกลคมนาคม โดยรํวมมือกับหนํวยปฏิบัติการพิเศษ ของจังหวดั ตาํ ง ๆ กระบวนการทํางานสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ทํางานเกี่ยวกับภัยพิบัติตําง ๆ มิได๎มีความหมาย เฉพาะในแงขํ อการสงเคราะหช๑ ํวยเหลือเทาํ น้ัน หากจะต๎องมีการป้องกนั เตรยี มพรอ๎ มไปจนถึงข้ึนดําเนินงาน สงเคราะห๑และฟ้นื ฟู สงิ่ เหลําน้ีจะเป็นวงจรท่ีปฏิบัติตํอเน่ืองกันอยํางไมํขาดสาย มีหนํวยงานหลายฝ่ายของ รัฐบาลรับผิดชอบแบํงแยกหน๎าท่ีกันปฏิบัติ จึงต๎องมีการประสานงานกันท้ังต๎องมีการปรับปรุงแก๎ไข ข๎อบกพรํองในแตํละคร้ังเสมอ เพื่อให๎เกิดความเข๎าใจและมองเห็นลักษณะวิธีการปฏิบัติงานเกี่ยวกับ ผู๎ประสบภัยได๎ชดั แจ๎ง จึงจาํ เป็นต๎องศึกษาถงึ ขบวนการในการทํางานเสียกํอนในทางวิชาการแบํงระยะการ ทํางานออกเป็น 4 ข้ันตอน คอื 1. ระยะก่อนเกิดภัย ได๎แกํการศึกษาค๎นคว๎า วิจัยถึงสาเหตุที่ทําให๎เกิดภัย ขนาดและความ ร๎ายแรงของภัย เพื่อนํามาวางแผนการป้องกันหรือลดอันตรายให๎น๎อยลง การทํางานระยะน้ีเป็นเร่ืองทาง เทคนิควิชาการโดยเฉพาะ ซึ่งรวมไปถึงการเตรียมสรรพกําลังเพื่อตํอต๎านหรือบรรเทาภัย ตลอดจนการ ฝึกอบรมเจ๎าหน๎าทีแ่ ละอาสาสมัครเพอื่ ทํางานชํวยเหลอื ผปู๎ ระสบภัยดว๎ ย ค่มู ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 87 80 ค่มู อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
2. ระยะกาํ ลังเกดิ ภยั ไดแ๎ กํ การปฏิบัติงานตามแผนท่ีวางไว๎ในระยะที่ 1 สํวนใหญํงานในระยะน้ี เป็นเรื่องของการตํอต๎านภัยและระงับภัย คือทําให๎ภัยสงบโดยเร็วหรือลดอันตรายให๎น๎อยลง ได๎แกํ การ ดับเพลิง การรื้อถอน การซํอมแซมเขื่อน ทํานบ การชํวยชีวิตคนและสัตว๑ การอพยพทรัพย๑สนิ ไปในที่ ปลอดภยั ระยะนีเ้ ปน็ การทาํ งานของหนวํ ยกูภ๎ ยั ซึง่ สํวนใหญไํ ดแ๎ กํ ตาํ รวจ ทหาร และเจ๎าหน๎าทีฝ่ า่ ยปกครอง 3. ระยะทีภ่ ัยเพ่ิงสงบ คอื ภัยนนั้ หมดฤทธเ์ิ ดชไมเํ ป็นอันตรายตํอไปอกี การทาํ งานในระยะน้ี ได๎แกํ การบรรเทาทกุ ขเ๑ ฉพาะหนา๎ ด๎วยการแจกอาหาร เคร่ืองนํงุ หมํ จัดการรักษาพยาบาล จัดท่ีพักอาศัยช่ัวคราว ระยะน้ีเป็นระยะซึ่งเจ๎าหน๎าที่กรมประชาสงเคราะห๑จะเข๎าไปปฏิบัติงานพร๎อมกับองค๑การกุศลตําง ๆ เพื่อ บรรเทาความเดอื ดรอ๎ นเฉพาะหน๎าของผป๎ู ระสบภัย 4. ระยะฟื้นฟูได๎แกํ การร้ือถอนสิ่งสลักหักพัง การซํอมแซมสิ่งสาธารณะประโยชน๑ เชํน ถนน หนทาง สะพาน เขื่อนทาํ นบ แแลละะพพนนักงั กั้นน้ํา ให๎ประชาชนไดใ๎ ชป๎ ระโยชน๑โดยเร็วที่สุด การวางผังเมือง การ สงเคราะห๑อาชพี และอืน่ ๆ เป็นงานใหญทํ ตี่ ๎องอาศยั หนํวยงานหลายฝ่ายชํวยกันทําตามหนา๎ ท่ี สําหรับงานในหน๎าที่ซ่ึงเป็นสํวนความรับผิดชอบของกรมประชาสงเคราะห๑นั้น เมื่อดูตาม กระบวนการแลว๎ จะตอ๎ งปฏบิ ัติทง้ั 4 ขัน้ ตอน แตงํ านหลักหรอื หน๎าท่โี ดยตรงแลว๎ จะอยํใู นระยะที่ 3 สํวนระยะ ส้ัน ๆ เป็นระยะกํอนเกิดภัยน้ันก็จะเป็นเรื่องของการทําแผนเตรียมพร๎อมทางด๎านกําลังคน วัสดุอุปกรณ๑ เครอ่ื งมือเคร่ืองใชใ๎ นการทํางาน การประสานงานเพอ่ื แสวงหาทรัพยากรจากทงั้ หนํวยงานของรัฐและเอกชน นอกจากน้ี ในระยะฟ้ืนฟู กรมประชาสงเคราะห๑ก็จะเข๎าไปรํวมกับหนํวยงานอ่ืน ๆ เชํน การอพยพราษฎร กลบั ถน่ิ เดมิ และการเย่ยี มเยยี นตดิ ตามผล เพอ่ื ให๎ความชํวยเหลือตามหลกั สงั คมสงเคราะห๑ เป็นต๎น ในสํวน ระยะที่ตํอต๎านภัยนั้น กรมประชาสงเคราะห๑ก็อาจจะเป็นผ๎ูสนับสนุนในด๎านเครื่องมือเคร่ืองใช๎ เชํนรถยนต๑ เรอื ท๎องแบน ตามกาํ ลงั ความสามารถท่มี ีอยูํเทาํ น้นั 9. การออกหน่วยช่วยเหลือผปู้ ระสบภยั การเตรียมการออกหน่วย เนื่องจากงานบริการด๎านสงเคราะห๑ผู๎ประสบภัยเป็นงานท่ีจะต๎องถึงมือประชาชนผ๎ูประสบความ เดือดร๎อนอยาํ งทว่ั ถึง จึงต๎องยึดหลกั 3 ประการ คือ รวดเรว็ หมายถึงบรกิ ารสงเคราะห๑ท่ีต๎องถึงมือประชาชนด๎วยความรวดเร็วทันตํอเหตุการณ๑ที่เป็น ความจาํ เปน็ เฉพาะหนา๎ ระเบียบ บริการน้ันจะต๎องปฏิบัติอยํางมีระเบียบ หมายถึงการปฏิบัติงานโดยดําเนินการอยําง ถูกต๎องตามระเบียบหลักเกณฑท๑ ก่ี าํ หนดไว๎ เรยี บร้อย การปฏิบัติงานนั้นจะต๎องมคี วามเรยี บรอ๎ ย หมายถึงใหบ๎ รกิ ารแกํประชาชนอยํางทวั่ ถึงกัน ตามควรแกํฐานานรุ ูป ไมสํ บั สนวุํนวาย และสรา๎ งความเขา๎ ใจอันดีแกํประชาชนดว๎ ย ฉะนั้น เพ่อื ใหก๎ ารบรกิ ารสงเคราะหผ๑ ๎ปู ระสบภยั ได๎ผลตามเปา้ หมาย จะต๎องมกี ารเตรียมพร๎อมขณะท่ี ยังไมํมภี ัยเกิดขน้ึ ดังนน้ั สง่ิ สําคญั ในชวํ งนี้คือการวางแผนสําหรับปฏิบัติงานให๎พร๎อมสรรพทั้งด๎านกําลังคน วัสดุอปุ กรณ๑ เครอื่ งมือเครอ่ื งใช๎ในการทาํ งาน สิ่งเหลํานจ้ี ะตอ๎ งมีและพรอ๎ มเสมอทจี่ ะใช๎ไดท๎ นั ที 88 คูม่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 81 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
การประสานงานและการแสวงหาทรัพยากรจากหนํวยงานท่ีเกี่ยวข๎องท้ังภาครัฐและภาคเอกชน ก็ เป็นสิ่งทตี่ ๎องจัดทาํ ไว๎ให๎พรอ๎ มในระยะน้ีดว๎ ย โดยจดั ทําเป็นโครงการและแผนปฏิบัติงานด๎านตําง ๆ รวมทั้ง แผนปฏิบตั งิ านรวํ มกนั ในการสงเคราะหผ๑ ู๎ประสบภัยกบั เอกชน การเตรียมการนค้ี วรจะไดจ๎ ัดแบงํ เปน็ 2 ข้นั คือ 1i.กกาารรววาางงแแผผนนปปฏฏบิ บิ ัตตั งิ งิ านตลอดจนการกำ�าํ หนนดดหหนน้า๎าทท่ี ี่ 2ii.กกาารรปปฏฏิบบิ ัตตั กิ กิ าารรเเมม่ืออ่ื ทราบขํา่ ววํา่ มสี าธารณภภยัย การเตรียมการในข้ันท่ี 1คือการวางแผนปฏิบัติงานนั้น ควรจะได๎ดําเนินการแตํเนิ่น ๆ และได๎มี การซักซ๎อม แกไ๎ ข ปรับปรุงแผนการให๎เหมาะสมรัดกุมยิ่งข้ึนอยูํเสมอ โดยมีการกําหนดจัดแบํงหน๎าที่การ ปฏิบัติงาน การประสานงานระหวํางหนํวยตําง ๆ ที่มีหน๎าที่ปฏิบัติงาน เมื่อเกิดสาธรณภัยขึ้น และมีการ ประชมุ ซกั ซอ๎ มปรบั ปรงุ วิธีดาํ เนินการให๎มีสมรรถภาพยิ่งข้ึนเสมอ การวางแผนปฏิบัติงานตลอดจนกําหนด หน๎าที่ ดงั น้ี ก. ทาํ แผนการปฏบิ ัตงิ าน เพอ่ื ให๎การปฏิบัติงานของเจ๎าหนา๎ ที่ทุกฝ่ายสามารถรํวมมือประสานการ ปฏิบตั ิงานด๎วยความเรียบรอ๎ ย รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยกําหนดอํานาจหน๎าท่ีของเจ๎าหน๎าที่แตํละคน ไว๎ใหช๎ ัดเลย ต้งั แตํขัน้ เตรียมเอกสาร เตรียมสิ่งของสําหรับแจก เคร่ืองมือเครื่องใช๎ยานพาหนะ ฯ จนถึงข้ัน ออกปฏิบัตงิ าน และใหม๎ ีการตรวจสอบความพร๎อมอยเูํ สมอ ข. ติดตามขาํ วความเคลื่อนไหวของเหตกุ ารณ๑และสภาพอากาศในพน้ื ท่ภี าคตําง ๆ ซ่ึงอาจมีความ โน๎มเอียง ทาํ ใหเ๎ กดิ สาธารณภัยขึน้ ได๎ ค. จัดหาและตรวจสอบของสํารองจําย ๆ เชํน เสื้อผ๎า เคร่ืองนํุงหํม มุ๎ง ผ๎าหํม วัสดุอุปกรณ๑ เคร่อื งมอื ตําง ๆ ท่ีใชอ๎ อกหนํวยให๎ครบถ๎วนพรอ๎ มทีจ่ ะออกปฏบิ ัตงิ าน ง. ทําแผนประสานงานและอํานวยความสะดวกแกํหนํวยราชการและองค๑การสังคมสงเคราะห๑ เอกชน ในการให๎การสงเคราะห๑ผู๎ประสบภัย ให๎คําแนะนําปรึกษาและสํงเสริมสนับสนุนให๎องค๑การเอกชน ดําเนินงานสงเคราะห๑ผ๎ูประสบภัยอยํางถูกต๎องตามหลักการสังคมสงเคราะห๑และเป็นไปตามนโยบายของ รัฐบาล จ. สสำ� ํารรววจจแแหหลลง่ งํททรรพั พั ยยากากรดรา้ดน๎ากนำ�กลาํ งั ลคังนคอนาอสาสมาสคั มรัคเครรอ่ื างสมาอื สเคมรคั อ่ื รงใเชค้ รเชอื่ น่งมรอืถเดคบั รเื่อพงลใงิชร๎ เถชบํนรรทถกุดนบั ้�ำเพฯลงิฯ ขรถองบหรนรท่วยุกรนา้าํ ชกฯาลรฯแลขะอองงหคนก์ วํ ายรเรอากชชกนารโแดลยะจอดั งทคำ� ๑กทาะรเเบอยี กนชไนวเ้ โปด็นยหจมดั วทดาํ หทมะู่ เพบยีอ่ื ในหไส้วะเ๎ ปดว็นกหใมนวกดารหตมดิ ํู ตเพอ่ ป่ือรใหะส๎สาะนดงวากน แในลกะขาอรตรบัดิ กตาอํ รปสรนะบั สสานุนงานและขอรบั การสนบั สนนุ ฉ. เตรียมแผนการปฏบิ ตั ิงานแผนท่ี 2 (แผนเสรมิ หรอื สงํ กําลงั บํารุง) เพราะแผนการออกปฏิบตั ิงาน ตามแผนท่ี 1 อาจไมํสมบูรณพ๑ อ เมอื่ ออกปฏบิ ัติงานอาจจะมีขอ๎ บกพรํอง เชํน สิง่ ของท่นี าํ ไปจาํ ยไมเํ พียงพอ จะต๎องติดตํอฝ่ายพัสดุเบิกส่ิงของได๎ทันทีท่ีต๎องการ หรือจัดกําลังเจ๎าหน๎าท่ี เคร่ืองมือเคร่ืองใช๎ไปเสริมให๎ เพียงพอแกํการปฏิบตั ิงาน การเตรยี มการขั้นท่ี 2 การปฏิบตั ิการเมอื่ ทราบขาํ ววํามสี าธารณภัยเกิดขึ้นนั้นเจ๎าหน๎าที่ทุกฝ่ายเร่ิม ดําเนนิ การและเตรียมการในหน๎าท่ีของตนให๎พร๎อมที่จะรับสถานการณ๑เจ๎าหน๎าท่ีปฏิบัติงานเหลํานี้ถ๎าออก ปฏบิ ัตงิ านได๎รวดเรว็ มสี มรรถภาพ และการปฏิบตั ิงานเปน็ ไปตามขน้ั ตอนของการชํวยเหลือรวมท้ังติดตาม คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 89 82 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
ผลการชวํ ยเหลือในระยะตอํ มา จะทาํ ให๎ผ๎ปู ระสบภัยผอํ นคลายความเดือดร๎อนลงตามสมควร และสามารรถ ชวํ ยเหลอื ตนเองไดใ๎ นท่สี ุด การปฏบิ ตั ิการเมื่อทราบขาํ ววาํ มีสาธารณภัยเกิดขน้ึ ดังน้ี 1) แจ๎งขาํ วสารเมอื่ เกดิ ภัยพิบัตขิ ้ึน ให๎รายงานเหตขุ ้ันตน๎ ตํอผ๎ูบังคบั บัญชา ตามลําดับ แแลละเแจจ๎าง้ ขขําา่ ว ให๎องคก๑ ารสงั คมสงเคราะหเ๑ อกชนทราบ 2) การจัดเจ๎าหน๎าท่ีออกหนํวย ฯ ให๎หัวหน๎างานเป็นหัวหน๎าหนํวย เว๎นแตํผู๎บังคับบัญชา หนํวย เหนอื จะสง่ั การเปน็ อยาํ งอ่นื ๆ เจา๎ หน๎าท่ีปฏบิ ัติงานแบํงเป็น 2 หนํวย ได๎แกํเจ๎าหน๎าที่ปฏิบัติงานสนาม คือ ออกไปปฏิบตั งิ านในพน้ื ที่ท่ีเกิดสาธารณภัย และเจ๎าหนา๎ ท่ปี ระจาํ หนํวยทตี่ ้ังปกติ 3) การออกไปตรวจบริเวณท่ีเกิดเหตุ อาจกําหนดตัวเจ๎าหน๎าท่ีไว๎หลายคนให๎ความคลํองตัวเพื่อ สํารวจความเสยี หายขน้ั ตน๎ วาํ ภยั นน้ั มากนอ๎ ยเพยี งใด เกดิ ข้นึ กับชมุ ชนอยํางไร จาํ เปน็ ตอ๎ งจดั หนวํ ยออกไป ชวํ ยเหลือขนาดไหน และจะตง้ั หนวํ ยชวํ ยเหลอื ณ ทีใ่ ด 4) การจัดยานพาหนะบรรทุกเพ่ือลําเลียงขนสํงสิ่งของและเจ๎าหน๎าท่ี เชํน รถยนต๑บรรทุกขนาด ใหญํ เรือทอ๎ งแบน ฯ 5) การเปดิ หบี หํอและตรวจเสื้อผา๎ เครอื่ งนงํุ หํม และสงิ่ ของสําหรับออกหนวํ ย เชนํ มง๎ุ ผ๎าหมํ เส้อื ผ๎า และอาหารแห๎ง ฯลฯ ให๎พรอ๎ มทจ่ี ะบริการแกผํ ๎ูประสบภยั 6) จัดเครื่องมือเคร่ืองใช๎ และอุปกรณ๑ท่ีใช๎ในการออกหนํวย ฯ เชํน เครื่องขยายเสียง โต๏ะ เก๎าอ้ี เตน๎ ท๑ เครอ่ื งกาํ เนดิ ไฟฟา้ วทิ ยสุ นาม ให๎เหมาะสมกับพื้นท่ี 7) แจง๎ หนํวยประชาสมั พันธเ๑ พ่อื ทําภาพยนตร๑ ภาพนงิ่ ทาํ ขาํ วเผยแพรํแกํส่อื มวลชนและประชาชน 8) ทําบันทึกขออนุมัติออกหนํวย การทําขําววิทยุ โทรทศั น๑ และทาํ บันทกึ รายงานเสนอหนํวยเหนอื 9) จัดเล้ียงอาหาร (ถ๎าจําเป็น) เพราะได๎มีการตกลงในแผนปฏิบัติงานรํวมกันไว๎แล๎ววําให๎เป็น ภาระหน๎าที่ขององค๑การอ่ืน ๆ แตํกรมประชาสงเคราะห๑ก็จะต๎องเตรียมพร๎อมให๎สนับสนุน หากเกินขีด ความสามารถขององค๑การเอกชนเหลาํ นน้ั หรือภัยพบิ ัตเิ กดิ ข้นึ พรอ๎ มกันหลายแหํงในเวลาเดียวกัน 10) เมอ่ื ภยั สงบแลว๎ พจิ ารณาวางแผนรํวมกับหนํวยงานท่ีเกี่ยวข๎องเป็นเจ๎าหน๎าที่ฝ่ายปกครองและ มลู นธิ กิ ารกศุ ลตาํ ง ๆ เพ่ือให๎การชวํ ยเหลอื ระยะยาว จัดหาทอ่ี ยอูํ าศยั ชั่วคราว จัดหางาน หรือท่ีทํากินให๎แกํ ผ๎ูประสบภยั ท่สี ิ้นเนอื้ ประดาตวั หรอื พจิ ารณาให๎การชํวยเหลือในกรณีอื่น ๆ ท่ีจําเป็นตํอไปรวมท้ังจัดสํงนัก สังคมสงเคราะหไ๑ ปเยย่ี มเยยี นใหค๎ ําแนะนําปรึกษาแก๎ปัญหาตําง ๆ เพิ่มเติมตามความจําเป็นแตํละกรณี ๆ ไป การปฏิบัติให๎ปฏิบัติตามความเหมาะสมแกํเหตุการณ๑ แตํควรปฏิบัติไปพร๎อม ๆ กันทุกข๎อ (ถ๎ามี กําลังเจ๎าหนา๎ ทพ่ี อ) การเกบ็ รกั ษา ควบคมุ และลำ� เลียงวสั ดุ เคร่อื งมอื เครื่องใช้ในการออกหน่วย เน่ืองจากการปฏิบตั ิงานสงเคราะห์ผู้ประสบภยั เป็นงานท่มี ลี ษั ณะพเิ ศษ ดงั นัน้ การปฏิบตั ิงานจงึ ตกอ้างรกเกำ� หบ็ นรดักนษโายบคาวยบไควเุ้มป็นแหลละกัลํา3เลปยีระงกวาสั รดดุ เงัคนร้ี ่อื งมอื เครอื่ งใช้ในการออกหนว่ ย เนื่องจากการปฏิบัตงิ านสงเคราะห๑ผู๎ประสบภัยเป็นงานท่ีมีลักษณะพิเศษ ดังนั้น การปฏิบัติงานจึง ตอ๎ งกาํ หนดนโยบายไวเ๎ ป็นหลกั 3 ประการดงั น้ี 90 คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 83 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
1. ปัญหาเฉพาะหน๎า คือ ใหก๎ ารสงเคราะห๑ประชาชนผป๎ู ระสบภยั โดยเน๎นหนักในปัญหาเฉพาะหน๎า เพอื่ เป็นการผํอนคลายความเดอื ดรอ๎ น แลว๎ ดําเนินการตดิ ตามผลเพอื่ ฟ้นื ฟผู ูป๎ ระสบภัยให๎ชวํ ยตนเองได๎ตาม หลกั วชิ าการสงั คมสงเคราะห๑ 2. ประสิทธิภาพ คือ ให๎การสงเคราะห๑แกํประชาชนอยํางถูกต๎องรวดเร็วทันทีตํอเหตุการณ๑และ ประหยดั 3. ประสานงาน คือการดําเนินงานในฐานะแหลํงกลางการบรรเทาทกุ ข๑ระหวํางรฐั บาลและเอกชน เพื่อเป็นการสอดคล๎องกับนโยบายดังกลําว การปฏิบัติงานในด๎านนี้จําเป็นต๎องกระทําอยํางมี ประสิทธิภาพ งานเก็บรักษา ควบคุม และลําเลียงวัสดุครุภัณฑ๑ในการออกหนํวยน้ีเสมือนกับการสํงกําลัง บํารุงในการทาํ งานท้ังหมด จึงจดั ได๎วํากระบวนการทํางานนเี้ ป็นหัวใจสาํ คัญย่งิ เพราะงานนตี้ ๎องสนองปญั หา เฉพาะหน๎าของประชาชน หากหยํอนประสิทธิภาพก็จะกํอให๎เกิดความเสียหายและทําความล๎มเหลวให๎แกํ งานได๎ ดงั นัน้ จึงจําเปน็ ตอ๎ งกําหนดขอบขาํ ยให๎แนชํ ัดวํา ในการปฏิบัตงิ านสงเคราะห๑ผ๎ูประสบภัยน้ันมีวัสดุ เครื่องมอื เครือ่ งใช๎อยํางไรบ๎าง รวมไปถึงระบบในการเตรียมการจดั หา เกบ็ รกั ษา ตลอดถงึ การนาํ ออกใชส๎ อย ในการทาํ งานด๎วย วัสดุในการสงเคราะห์ผปู้ ระสบภยั หากจะจําแนกวสั ดใุ นการบรรเทาทุกข๑ตามลักษณะการจําแนกเป็นหมวดหมูํในทางวิชาการบริหาร พัสดแุ ลว๎ ก็จะไมํเป็นการคลํองตวั ดงั น้ัน ในที่น้ีจะแบํงหมวดหมํูวัสดุโดยอาศัยแนวทาง และการใช๎สอยเป็น หลัก ดงั น้ี วัสดุในการบรรเทาทกุ ข์ เทําที่ปรากฏในงานสงเคราะหผ๑ ู๎ประสบภัยโดยทวั่ ไป แบงํ เป็นประเภทใหญํ ๆ ได๎ 5 ประเภท คอื 1. วัสดุประเภทเครอื่ งใช้และผ้าชนิดต่าง ๆ ได๎แกํ เคร่ืองนุํงหํม เชํน เสื้อผ๎า ผ๎าขาวม๎า ผ๎าหํม นอน นอกจากนั้น ยงั ไดแ๎ กํเครอื่ งใชป๎ ระเภทตาํ ง ๆ อกี เชํน รองเท๎า ยาสีฟัน เคร่ืองครัว ถังน้ํา ขันนํ้า ฯลฯ ซงึ่ ของเหลาํ นี้จะตอ๎ งจดั จาํ แนกเป็นหมวดหมํใู นการเกบ็ รักษาและบรรจุ เพราะจะมีลกั ษณะที่ไมํเหมอื นกนั 2. วัสดุประเภทอาหาร แยกออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ - อาหารประเภทเสียงําย เชํน ของสดตําง ๆ ซ่ึงได๎แกํจําพวกเน้ือสัตว๑ ไขํเป็ด ไขํไกํ ผักสด เป็นต๎น จะต๎องเรียนรใ๎ู ห๎ทราบถึงธรรมชาติของสง่ิ ของน้ัน ๆ วาํ จะเกบ็ รักษาอยาํ งไร - อาหารประเภทเกบ็ ไว๎ไดน๎ าน ได๎แกํ พวกขา๎ วสาร ของแห๎ง ของเค็ม เครื่องกระป๋องตําง ๆ เปน็ ตน๎ จะตอ๎ งศึกษาถงึ อายุการใช๎ วธิ ีเกบ็ รกั ษาให๎แนชํ ัด 3. วสั ดปุ ระเภทยารกั ษาโรค - ยาท่ีใช๎รบั ประทาน ไดแ๎ กํ ยากลางบ๎านประเภทตํางๆ เชํน ยาธาตุ ยาลม ยาแกไ๎ ข เปน็ ต๎น - ยาทีไ่ มใํ ชร๎ ับประทาน ซึ่งอาจเป็นยาทาหรือดม แลว๎ แตกํ รณี วสั ดปุ ระเภทยานี้ ต๎องศึกษาถึง อายุ วธิ ใี ช๎ การเกบ็ รักษา ให๎ถกู ต๎อง คูม่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 91 84 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
4. วัสดุประเภทอันตรายอาจเป็นของใช๎ หรือยาอยํางใดอยํางหนึ่ง หรือเป็นวัสดุประเภทไวไฟ เชํน นา้ํ มนั เบนซิน ไมข๎ ีดไฟ เปน็ ตน๎ 5. วัสดใุ นการกอ่ สร้างไดแ๎ กํ ตะปู สงั กะสี ไม๎ เครื่องมือกํอสร๎าง วสั ดุ เคร่ืองมือเครอ่ื งใช้และยานพาหนะในการออกหน่วยของกรมประชาสงเคราะห์ สําหรับ กรมประชาสงเคราะห๑น้ันเนื่องจากมีองค๑การกุศลตําง ๆ รํวมมือในการปฏิบัติงานเป็นจํานวนมาก และ องคก๑ ารกุศลเหลาํ น้ันกไ็ ดจ๎ ดั หาวัสดุสาํ หรบั สงเคราะหผ๑ ๎ูประสบภัยโดยมิให๎ซํ้าซ๎อนกับตามแบบปฏิบัติงานที่ ทาํ รํวมกนั ไว๎ ดังนัน้ วสั ดุที่กรมประชาสงเคราะห๑จัดหาไว๎สําหรับการออกหนํวยจึงเป็นวัสดุประเภทผ๎าเป็น หลกั นอกจากในบางคร้ังที่เกดิ ภัยพิบัติเป็นรายใหญํ ๆ เชํน อุทกภัยในตํางจังหวัด จะมีประชาชนนําส่ิงมา บรจิ าคจาํ นวนมาก ๆ ซ่ึงสิ่งของเหลาํ นท้ี างกรมประชาสงเคราะห๑ก็จะอาศยั หลกั ในการจาํ แนก เก็บรกั ษาและ ใช๎สอยตามแนวทางข๎างต๎น สําหรับในการปฏิบัติงานท่ัวไป กรมประชาสงเคราะห๑จัดหาวัสดุ เครื่องมือ เครื่องใช๎ตลอดจนยานพาหนะในการออกหนวํ ยไว๎เป็นประจาํ ดงั น้ัน 1. วัสดุประเภทผ้าชนิดต่าง ๆ ได๎แกํ เส้ือผ๎าผู๎ใหญํชาย ผ๎ูใหญํหญิง เด็กชาย เด็กหญิง ผ๎าหํม ผ๎าขาวม๎า เครือ่ งแบบนกั เรียน ม๎งุ 2. วสั ดุในการกอ่ สรา้ ง ไดแ๎ กํ ตะปู สังกะสี เครอื่ งมอื กอํ สร๎าง 3. เครือ่ งใช้สําหรับการปฏิบตั งิ านในหน่วยเคลื่อนท่ี ไดแ๎ กํ โตะ๏ เก๎าอ้ี เอกสารแบบฟอรม๑ ต่างๆ เครื่องขยายเสียง เต๎นท๑สําหรับท่ีพกั ชว่ั คราว รํมกันแดดขนาดใหญํ เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟา้ พรอ๎ มอุปกรณ๑ แผนํ ป้ายช่อื กรม แผํนป้ายพลาสติกระบุชอ่ื หนํวยปฏิบัตงิ านสาํ หรับประชาชนตดิ ตอํ ได๎ 4. เครอ่ื งมอื สือ่ สาร วทิ ยสุ นาม (วอกกที้ อกกี้) 5. ยานพาหนะ ไดแ๎ กํ รถยนตบ๑ รรทกุ ขนาดใหญํ รถยนต๑ปคิ อัพ รถยนต๑บรรทกุ น้ํา รถจักยานยนต๑ เรือทอ๎ งแบนพร๎อมเครอื่ งยนต๑ ขั้นตอนในการเตรียมการเกบ็ รักษา ควบคุมและลาํ เลยี งวสั ดุ เครื่องมือเครือ่ งใช้ยานพาหนะ ในการออกหน่วย เพ่ือให๎การเก็บรักษา ตลอดจนการควบคุมลําเลียงวัสดุเคร่ืองมือ เครื่องใช๎ในการออก หนํวย ได๎เป็นไปอยํางมีประสิทธิภาพ จําเป็นต๎องมีระบบการควบคุมเก็บรักษา เพ่ือให๎พร๎อมท่ีจะออก ปฏบิ ัตงิ านได๎ทนั ที สําหรับขน้ั ตอนน้นั แบงํ ออกเปน็ 3 ระยะ ดงั น้ี 1. การเตรียมการก่อนเกดิ ภัย ปฏบิ ัติดงั น้ี ก. การจัดหาวัสดุเครื่องมือเคร่ืองใช๎ ได๎แกํการจัดหาวัสดุตําง ๆ ตามที่กําหนดไว๎ เตรียมการ เพอ่ื สํารองไว๎ใช๎สอยได๎ทันทใี นยามเกิดภยั พิบัติ ข. การควบคุมรักษาและการบรรจุหีบหํอ ทําการคัดเลือกวัสดุ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช๎ ให๎เป็น หมวดหมํู แลว๎ เกบ็ รกั ษาตามสภาพของวัสดุแตลํ ะชนดิ ดังน้ี - เสื้อผ๎า จัดเป็นชุดชาย หญิง เด็กชาย เด็กหญิง ใสํถึงพลาสติกท่ีมีตรากรม ประชาสงเคราะห๑ แลว๎ เก็บรกั ษาไว๎เพือ่ พร๎อมท่ีจะนจํา�ำออกใชไ๎ ด๎เสมอ และสวํ นหนึ่งต๎องบรรจุลงในหีบหํอ หรือ กระสอบ เพ่อื เตรยี มสาํ รองไวล๎ ําเลียงออกปฏิบัตงิ านได๎ทนั ที 92 คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 85 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3
- เคร่อื งมอื เคร่ืองใช๎ตําง ๆ เชํน โต๏ะ เก๎าอี้ เอกสาร ต๎องเก็บรักษาให๎ดีและอยูํในสภาพท่ี พร๎อมทจ่ี ะใช๎งานได๎ โดยเฉพาะเครือ่ งขยายเสยี ง เครื่องกําเนดิ ไฟฟ้า วิทยสุ นาม จะต๎องมีการนํามาทดสอบ อยํูเสมอ สําหรบั เครื่องมอื เครอ่ื งใช๎เหลาํ นจ้ี ะจดั เป็นชุดเตรียมพร๎อมไวใ๎ ช๎งานได๎ทันที ค. การเตรียมการด๎วยยานพาหนะ จะต๎องมีการกําหนดวําเมื่อเกิดภัยพิบัติรายใหญํจะใช๎ ยานพาหนะชนดิ ใด และรายยํอยจะใช๎ยานพาหนะอะไร สําหรับในปัจจุบัน กรมประชาสงเคราะห๑ได๎เตรียม วัสดุสิ่งของเคร่ืองใช๎ตําง ๆ ซ่ึงพร๎อมท่ีจะออกหนํวยได๎ทันที สํารองไว๎ในรถยนต๑ฮีโนํบัส ซ่ึงเ ป็นหนํวย เคล่ือนท่ีขนาดกลางท่ีจะออกปฏิบัติงานได๎ทันที นอกจากน้ันยังมีเรือท๎องแบน ซึ่งเก็บรักษาไว๎ท่ีศูนย๑ สงเคราะห๑ผ๎ูประสบภัยประจําภาคทั้ง 4 ภาค ซึ่งเรือเหลําน้ีจะต๎องมีการทําความสะอาด ทดสอบ เครื่องเรือ ตลอดจนฝกึ ปฏิบัตเิ จ๎าหนา๎ ที่ขบั เรอื เตรียมไว๎เสมอ 2. การปฏิบัติการเม่ือเกิดภัยเม่ือทราบขําวภัยพิบัติเกิดข้ึน หนํวยจะต๎องพร๎อมปฏิบัติการทันที การปฏบิ ัติงานในขนั้ นจ้ี ะกระทําดงั น้ี ก. ลําเลียงวัสดุส่ิงของเครอื่ งมอื เครอ่ื งใชข๎ น้ึ ยานพาหนะที่จดั เตรยี มไว๎ตามขอ๎ 1 ออกปฏิบัตงิ าน ทันที โดยกําหนดจํานวนวสั ดุ เครอื่ งมือเครอ่ื งใช๎ ใหเ๎ หมาะแกขํ นาดของภยั พบิ ัติน้นั ๆ ข. จัดเตรยี มเสรมิ บํารุงในกรณที ่เี กิดภัยพิบัติรายใหญํ ๆ การปฏบิ ัติการตามข๎อ ก. ไมํเป็นการ เพยี งพอ ก็จะมกี ารประสานงานจากหนวํ ยเคล่อื นท่ี ให๎นําวัสดุส่ิงของเคร่ืองมือเครื่องใช๎ไปเสริมให๎เพียงพอ แกกํ ารทาํ งาน ซ่งึ หนวํ ยจัดหาและควบคุมจะต๎องใหบ๎ ริการในด๎านน้ไี ด๎ทันที 3. การปฏิบตั ิเม่ือภยั เสร็จสนิ้ ลงทําการสาํ รวจวสั ดุ อปุ กรณ๑ เครอื่ งมือเครื่องใช๎ท่ีได๎เตรียมการไว๎ ในขอ๎ 1 แลว๎ ดําเนนิ การใหอ๎ ยใํู นสภาพทีพ่ ร๎อมจะปฏิบัติงานไดอ๎ ีกทนั ที ก. เสอ้ื ผ๎า เคร่อื งนํุงหํม ตอ๎ งตรวจสอบสต๏อค ควบคมุ บัญชีการเบกิ จํายและจัดหาเพ่มิ เตมิ ข. ยขานพาาหหนนะะ ต๎องมกี ารตรวจสอบ บาํ รงุ รกั ษา ค. เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใช๎ ตรวจสอบทาํ ความสะอาดและเก็บรักษาใหเ๎ หมาะสมแก่สภาพ การสนับสนุนหน่วยงานของกรมประชาสงเคราะห์ ตามปกติในการปฏิบัติงานชํวยเหลือ ผู๎ประสบภัยนน้ั ศูนย๑ผ๎ูประสบภยั ภาคตาํ ง ๆ จะเป็นผูอ๎ อกปฏิบตั ิงานสนาม โดยดําเนินในการออกหนวํ ยตาม แนวทางดังกลาํ วข๎างตน๎ แตสํ วํ นกลางมีหน๎าที่ให๎การสนับสนุน วัสดุ เครื่องมือเครื่องใช๎ด๎วย ดังนั้น ในยาม ปกตสิ ํวนกลางต๎องมีการจัดหาเพื่อสํงกําลังบํารุงให๎แกํหนํวยงานด๎วยซ่ึงในการปฏิบัติจะต๎องมีข้ันตอนการ ทาํ งานดงั นี้ 1. การเตรียมการและบรรจหุ บี ห่อ ก. คัดเลอื กวัสดใุ ห๎เปน็ หมดหมํู เชนํ เสือ้ ผ๎า ผ๎าหํมนอน ผ๎าขาวม๎า ข. จัดอปุ กรณ๑ตาํ ง ๆ เชํน ลงั กระดาษ กระสอบ ถุงพลาสติก และเคร่ืองใช๎ตําง ๆ เชํน ตะปู คอ๎ น กาว เทป เชือก สีเมจิก เปน็ ต๎น นอกจากนัน้ ก็มีเคร่ืองมอื ทุํนแรงตาํ ง ๆ เพื่อผูกหรอื มัด ค. เตรยี มกาํ ลงั คนมเพือ่ ทําการบรรจุหีบหํอซ่งึ ต๎องมีการฝึกหัดพอสมควรเม่ือปัจจัยท้ัง 3 ข๎อ พรอ๎ มแล๎ว จึงดาํ เนินการบรรจวุ สั ดุเหลํานนั้ 2. การเตรยี มการขนสง่ เมือ่ บรรจุหบี หํอเรียบรอ๎ ยแลว๎ เพอ่ื เตรียมการขนสงํ จะตอ๎ งกระทําดงั นี้ คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 93 86 คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
ก. การแจ๎งสถานที่ปลายทาง หรือสถานที่อยูํน้ัน ๆ ช่ือ ที่อยํู ตําบล ของปลายทางจะต๎อง ชดั เจนถูกตอ๎ ง ข. การแจง๎ จํานวนจะต๎องเขยี นให๎ชัดเจนโดยทาํ ป้ายติดหรอื เขยี นลงบนหบี หอํ นน้ั ๆ ค. การรกั ษาความปลอดภัย เชํน วัสดุแตกงํายจะต๎องมีข๎อความหรือเครื่องหมายเตือนให๎ ทราบ ตามปกติจะมีเครื่องหมายเป็นรูปแก๎วแชมเปญ หรือหากวัสดุนั้นไมํควรให๎เปียก เชํน เสื้อผ๎า เคร่อื งนุงํ หํม ก็มีการเตือนหรือเคร่อื งหมายเชนํ กันโดยทําเป็นรปู รมํ เป็นตน๎ การจดั ส่ง คอื การปฏบิ ตั ิเพ่ือใหว๎ ัสดุนั้นถึงปลายทางจะตอ๎ งมีข้ันตอนดังนี้ ก. การประสานงาน จะตอ๎ งมีการประสานงานระหวาํ งหนวํ ยขนสํงกบั หนวํ ยรบั คือ ต๎นทางและ ปลายทาง เชนํ แจ๎งจาํ นวนบัญชสี ิง่ ของ วนั เวลาทจี่ ะจัดสํง พาหนะชนดิ ใดทีจ่ ะใชช๎ นสงํ ข. การเตรียมการเรอื่ งยานพาหนะ ในกรณที จ่ี ัดสํงเองจะตอ๎ งเตรยี มการตรวจสอบยานพาหนะ ให๎พร๎อม เลือกขนาดของยานพาหนะให๎เหมาะแกํจาํ นวนส่ิงของและสภาพการเดินทาง การลําเลียงของขึ้น พาหนะควรคํานึงถงึ ความสะดวกในการขนสงํ และความปลอดภยั ในระหวาํ งทางดว๎ ย แตหํ ากเป็นกรณีที่ต๎อง ใช๎บริการขนสํงก็ตอ๎ งสบื ราคาให๎ทราบแนํนอน สาํ หรบั หนวํ ยราชการมีกฎเกณฑ๑วาํ ถา๎ ขนสงํ ทางรถยนต๑ต๎อง ใช๎บริการของ ร.ส.พ. เว๎นแตํในกรณที ีไ่ มํมรี ถ ร.ส.พ. เดนิ ทางไปในทอ๎ งถนิ่ น้ัน ๆ นอกจากนั้นหากใช๎บริการ พาหนะอ่นื ๆ กจ็ ะตอ๎ งศึกษาให๎ทราบชัดถึงกาํ หนดกฎเกณฑ๑และข๎อห๎าม เชํน รถไฟจะไมํบรรทุกของท่ีเป็น เช้อื เพลิงตดิ ไฟงาํ ย เชํน ไมข๎ ีดไฟ เปน็ ตน๎ ค. การเตรียมบุคคล ในกรณีที่จัดใหม๎ ีผู๎ควบคุมของไปในการจัดสํง จะต๎องไมมํ องข๎ามเรื่องการ เตรียมบุคคลผู๎ควบคุม ผู๎ควบคุมจะต๎องทราบถึงบัญชีส่ิงของ ประเภทของวัสดุ ตลอดจนทราบข๎อตกลงใน การประสานงานไวก๎ ับสถานีปลายทางด๎วย หน่วยสงเคราะห์ผูป้ ระสบภัยเคลื่อนท่ี เพ่ือให๎เข๎าใจถึงการปฏิบัติสงเคราะห๑ผ๎ูประสบภัยใน กรณีฉุกเฉินเฉพาะหน๎าอยํางแท๎จริง จึงจําเป็นต๎องเรียนรู๎ถึงหนํวยสงเคราะห๑ผ๎ูประสบภัยเคลื่อนท่ีซึ่งเป็น หนํวยปฏบิ ตั ิงานสนามในการสงเคราะห๑ผป๎ู ระสบภัย ดงั นี้ องค์ประกอบของหน่วย 1. เจ๎าหนา๎ ทปี่ ระจําหนํวย สาํ หรับปฏบิ ตั งิ านในหนํวยสงเคราะห๑ผ๎ปู ระสบภยั เคลอ่ื นทเ่ี จ๎าหน๎าที่ ของหนํวยจะมากน๎อยเทําใดข้ึนอยํูกับขนาดของภัยพิบัติและกําบังของหนํวยงานน้ัน ๆ สําหรับหนํวยที่ สมบรู ณ๑ควรประกอบด๎วยเจ๎าหนา๎ ทดี่ ังนี้ - หวั หน๎าหนํวย ได๎แกํ หัวหน๎าศูนย๑สงเคราะห๑ผ๎ูประสบภัยประจําภาค ผ๎ูชํวยหัวหน๎าศูนย๑ หรอื เจา๎ หนา๎ ทีท่ ี่ได๎รบั มอบหมาย - นกั สงั คมสงเคราะห๑ - เจา๎ หนา๎ ท่ปี ฏิบตั ิงาน - พนกั งานขบั รถ หรอื ขับเรือ ตามประเภทของภัยพบิ ตั ิ - คนงาน 94 คูม่ ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 87 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
- อาสาสมคั ร 2. ยานพาหนะ เคร่อื งมอื เครอื่ งใช๎ในการออกหนํวย ซึ่งได๎จําแนกรายละเอียดไว๎ในหัวข๎อการ เกบ็ รกั ษา ควบคมุ และลําเลยี งวัสดเุ คร่อื งมือเครอ่ื งใช๎ 3. วัสดใุ นการชํวยเหลอื ผู๎ประสบภยั ซงึ่ ได๎แกํ สง่ิ ของเครื่องอุปโภคบริโภค โครงสรา้ งของหน่วยสงเคราะหผ์ ปู้ ระสบภยั กล่าวโดยสรุปไดด้ งั นี้ - หัวหน๎าหนํวย เป็นผู๎บังคับบัญชาควบคุมการปฏิบัติงานและการรับผิดชอบ รวมถึงการ ตดั สินใจโดยสวํ นรวม ในการแกป๎ ญั หา ตลอดจนประสานงานกับหนํวยทเี่ กย่ี วข๎อง - นักสังคมสงเคราะห๑ ทําหน๎าที่พิจารณาให๎การชํวยเหลือผ๎ูประสบภัยโดยวินิจฉัยตาม หลกั เกณฑ๑และอาศยั หลกั การสังคมสงเคราะหเ๑ ป็นแนวทางปฏบิ ัติ - เจ๎าหน๎าทอี่ ่ืน ๆ ไดแ๎ กํ เจ๎าหน๎าที่ควบคมุ ทะเบยี นการจํายของ เจา๎ หน๎าทแี่ จกของ เจา๎ หน๎าที่ ดแู ละเคร่ืองมือเครอ่ื งใช๎ รวมถงึ วัสดุในการออกหนํวยทุกประเภท - คนขบั รถ ดแู ลควบคุมยานพาหนะ และปฏิบัตหิ น๎าที่ตามที่ไดร๎ บั มอบหมาย - คนงาน มีหน๎าที่ลาํ เลียง แบกหาม จดั ต้ังเครือ่ งมอื เครื่องใช๎ วสั ดุอปุ กรณ๑ในการออกหนวํ ย - อาสาสมัคร ปฏิบัติงานตามหน๎าท่ีที่ได๎รับมอบหมายจากหัวหน๎าหนํวย เชํน ปลุกปลอบใจ ผป๎ู ระสบภัย การแนะนําให๎ผ๎ปู ระสบภัยมาขอรบั บริการโดยถูกวธิ ี ชํวยแจกและขนสิง่ ของให๎ผ๎ปู ระสบภยั เป็น ต๎น สําหรบั โครงสรา๎ งของหนวํ ยสงเคราะหผ๑ ปู๎ ระสบภัยน้จี ะสมบรู ณ๑หรือไมํขนึ้ อยํูกับสภาวะแวดลอ๎ ม หลายประการ เชํน กําลังเจ๎าหน๎าที่เพียงพอหรือไมํ มีการมอบหมายหน๎าที่กันอยํางชัดแจ๎งเพียงใด รวม ตลอดถึงสภาวะแวดล๎อมในขณะปฏิบตั ิงานด๎วย บทบาทหน้าทีข่ องลูกเสือในการสงเคราะห์ผูป้ ระสบอคั คีภัย อทุ กภัย วาตภยั 1. อคั คีภยั หมายถึง ภาวะที่อาจทําใหเ๎ กดิ การลุกไหมข๎ องไฟ เชํน การจุดเผาของวตั ถทุ ีต่ ดิ ไฟแลว๎ ยังหมายถึงการติดตํอลุกลามโดยอาศัยวัสดุท่ีเป็นเช้ือเพลิงท่ีอยํูใกล๎เคียงกับบริเวณเกิดไฟ เชํน อาคาร บา๎ นเรอื น และสาเหตทุ ําใหเ๎ กดิ อัคคภี ยั สํวนมากมกั ไดแ๎ กํ 1.1เกิดจากความประมาทเลินเลํอในการหุงต๎มหรือทําธุรกิจเกี่ยวกับการติดไฟ เชํน การตัด เชอ่ื มโลหะ การแตกรั่วของทํอแก๏ส 1.2เกดิ จากไฟฟา้ ชอ็ ต หรือลดั วงจร 1.3เกดิ จากฟ้าผํา 1.4เกิดจากไฟป่า 1.5เกดิ จากมผี ๎จู งใจให๎เกิดขนึ้ การป้องกนั อัคคภี ัย คือ การกําจัดสาเหตุดังกลําวข๎างต๎นท่ีอาจทําให๎เกิดอัคคีภัยรวมตลอดจน การปอ้ งกนั มิให๎ติดตอํ ลุกลามและการระวงั อคั คภี ยั ดว๎ ยวิธีการตาํ ง ๆ ดว๎ ย คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 95 88 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
ผลเสยี หายเกิดจากอัคคีภยั 1. ทาํ ความสูญเสียให๎แกํชวี ิตและทรัพยส๑ ิน 2. ทาํ ใหร๎ ัฐบาลขาดรายได๎จากภาษี 3. เพิ่มภาระแกรํ ัฐบาลในการดแู ลและสงเคราะหเ๑ พม่ิ มากขน้ึ 2. อุทกภัย การเกิดอุทกภัย หมายถึง ระดับน้ําในแมํน้ําลําคลองเอํอล๎มฝั่งและตลิ่งไหลทํวม บา๎ นเรอื น เรือกสวนไรํนา และความรุนแรงของกระแสนาํ้ ที่เอํอไหลทํวมน้ันทําให๎เกิดความเสียหายทั้งชีวิต และทรพั ย๑สนิ ได๎เสมอ สาเหตทุ ี่ทําใหเ้ กดิ อุทกภัย 1. เกดิ ฝนตกหนกั ติดตอํ กนั เปน็ เวลานาน ทาํ ให๎ปรมิ าณนํา้ ฝนทีต่ กลงมาน้นั ไมอํ าจไหลสํูแมํน้ํา ลําคลองไดท๎ ัน จงึ ทวํ มบริเวณทีต่ ํา่ 2. เกิดฝนตกหนกั ในปา่ หรือเขาเป็นเวลานาน ทําใหน๎ ํ้าปา่ หรือเขาไหลลงทตี่ ํา่ อยาํ งรนุ แรงทําให๎ เกิดภาวะนาํ้ ทํวมอยาํ งกะทันหนั ภายใน 24 ช่ัวโมง หรือมากกวํา ทําให๎บ๎านเรือนราษฎร ไรํนาได๎รับความ เสียหายอยาํ งรนุ แรง แลว๎ ระดับน้าํ ก็ลดลงอยาํ งรวดเร็วเชนํ กนั 3. เกดิ จากนา้ํ ทะเลหนุนเขา๎ มาในแมนํ ํ้า ทําให๎ระดับน้ําในแมํน้ําลําคลองซ่ึงปกติไหลลงสํูทะเล ไมํสามารถไหลลงไปได๎ก็เอํอทํวมสูงขึ้นลน๎ ฝง่ั ทาํ ใหเ๎ กิดนํา้ ทวํ มแตํนา้ํ ทํวมประเภทน้ไี มคํ อํ ยเป็นอันตรายมากนกั ผลเสยี หายอนั เกดิ จากอทุ กภยั 1. ทาํ ใหบ๎ า๎ นเรอื น ไรํนา และทรัพยส๑ นิ ของราษฎรได๎รับความเสยี หาย 2. การคมนาคมทางบกถูกตดั ขาด 3. การเกษตรกรรมได๎รบั ความเสยี หาย 4. ทําใหป๎ ระชาชนยากจนลง 5. ทําใหธ๎ รุ กจิ ตอ๎ งหยุดชะงักลง ทาํ ใหร๎ ายได๎ของประเทศลดลง 3. วาตภัย หมายถึง ลมที่มีความเร็วสูง สามารถพัดส่ิงที่กีดขวางให๎พังทลายได๎ ซึ่งลมที่พัดแล๎ว เกดิ อันตรายขนึ้ ไดน๎ ้มี ชี อ่ื เรียกแตกตํางกันออกไป คือ 3.1พายุดีเปรสช่ัน เป็นพายุท่ีมีความเร็วสูงสุดใกล๎บริเวณศูนย๑กลางไมํเกิน 33 น๏อต หรือ 61 กิโลเมตรตํอชัว่ โมง 3.2พายุโซนร๎อนมีความเร็วสูงสุดใกล๎บริเวณศูนย๑กลาง 34 น๏อต หรือ 62 กิโลเมตรตํอชั่วโมง แตไํ มเํ กนิ 63 น๏อต หรอื 117 กิโลเมตรตํอช่วั โมง 3.3พายุใตฝ๎ นุ่ ที่มีความเร็วใกล๎บริเวณศูนย๑กลางตั้งแตํ 64 น๏อต หรือ 118 กิโลเมตรตํอชั่วโมง เป็นพายุทีม่ ีความแรงที่สุด ถ๎าเกิดในมหาสมุทรอินเดีย เรียกวํา ไซโคลน ถ๎าเกิดในมหาสมุทรแอตแลนติค เรยี กวํา เฮอรเิ คน ฤดูทมี่ ักจะเกดิ วาตภยั คือ ระหวํางเดือนเมษายน-เดือนตุลาคม แตํมีพายุที่เกิดขึ้นชํวงฤดูร๎อน เรยี กวํา พายุรอ๎ น จนเกดิ ระหวํางเดือนมนี าคม เมษายน 96 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 89 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3
อนั ตรายท่ีเกิดจากวาตภัย บนบก จะกอํ ให๎เกิดอนั ตรายบา๎ นเรอื นราษฎร ต๎นไมใ๎ หญํลม๎ ถอนรากถอนโคนล๎มทับบ๎านเรือน เรือกสวนไรํนาได๎รับความเสียหาย เสาไฟฟ้าล๎ม ไฟฟ้าช็อต กํอให๎เพลิงไหม๎และมักจะมีฝนตกด๎วยอาจ กอํ ใหเ๎ กิดนํ้าทํวมดว๎ ย ในทะเล จะกํอให๎เกิดคลนื่ ลูกใหญํ ลมแรงจดั ทําให๎เรือขนาดใหญํอาจถูกพัดลํมจม หรือลัดไป เกยตดิ ฝ่ัง นอกจากน้ี ยังกอํ ให๎เกิดความเสยี หายแกกํ ารประมงเปน็ อยาํ งมาก เชํน ทาํ ลายโปะ๊ จับปลา เปน็ ตน๎ การเตรียมการปอ้ งกัน 1. กรมอตุ นุ ิยมวทิ ยาแจง๎ ชนิดการเคลอื่ นไหวของพายใุ หท๎ ราบลวํ งหน๎า ไมนํ อ๎ ยกวาํ 24 ช่วั โมง 2. เตือนให๎ประชาชนทราบลํวงหน๎าเพ่ือให๎เตรียมตัวขนย๎ายส่ิงของทรัพย๑สินไปไว๎ในท่ี ปลอดภัยและใหอ๎ ยูไํ กลจากอาคารบ๎านเรือน หรอื ต๎นไมใ๎ หญํ 3. เตรียมเรือหรือแพไวเ๎ พ่อื ชํวยบรรเทาความเดือดรอ๎ นในกรณอี าจเกิดนํ้าทํวม การช่วยเหลือในระหว่างเกิดภัย 1. การชํว่วยยเเหหลลือือขขณณะะเกเกดิ ิดออคั คั ภีคยัีภยั 1.1ชวํ ยขนยา๎ ยทรพั ยส๑ ิน ส่ิงของ ของผ๎ูประสบภัยไปไว๎ในทีท่ ป่ี ลอดภัย หรือที่ทางเจ๎าหน๎าที่ได๎ กาํ หนดไว๎ 1.2ชํวยดแู ลสิง่ ของทรัพยส๑ ินของผปู๎ ระสบอัคคภี ัยทีข่ นยา๎ ยมาอยูใํ นทีป่ ลอดภัยดงั กลําวข๎างตน๎ 1.3ชวํ ยกนั ผค๎ู นและผไ๎ู มมํ ีสํวนเกี่ยวข๎อง มิให๎เข๎าไปในบริเวณท่ีเกิดเหตุ ทั้งนี้เพื่อให๎เจ๎าหน๎าที่ ปฏิบตั ิงานชํวยเหลอื ผู๎ประสบภยั ได๎สะดวกเต็มที่ 1.4ชํวยขนย๎ายผู๎ป่วยเจ็บออกจากที่เกิดเหตุ และให๎การรักษาพยาบาลเบื้องต๎นแกํผ๎ูประสบ อบุ ัตเิ หตุ อันเนื่องมาจากอัคคภี ยั 1.4.1 การเคลือ่ นย้ายผปู้ ระสบภยั โดยปราศจากเคร่อื งมือ (1) การแบกใสํบาํ (2) การชวํ ยพยงุ ให๎เดินไป (3) การใชข๎ ีห่ ลัง (4) การอ๎ุม (5) การใหเ๎ กาะหลงั (6) การแบกด๎วยสะโพก (7) การคลานลาก (8) การอุม๎ ลากหรอื การอ๎ุมเคล่อื นลงบนั ได (9) การแบกใหห๎ ลงั ชนกนั (10) การคลานราบ (11) การแบกไวบ๎ นหลัง 1.4.2 การเคลื่อนยา้ ยผ้ปู ระสบภยั โดยใช้เคร่อื งมอื คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 97 90 คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3
1.4.2 การเคล่ือนย้ายผปู้ ระสบภยั โดยใช้เครอื่ งมือ (1) การใช๎เปลพยาบาลแบกหาม (2) การใช๎ลอกผกู กับเปล (3) การโรยตวั ผ๎ูประสบภยั ลงทางบนั ได 1.4.3 การปฐมพยาบาลเบอ้ื งต้นแกผ่ ้ปู ระสบภัย คอื การให๎ความชํวยเหลือข้ันต๎นแกํผ๎ูป่วยโดยปัจจุบัน จนกระท่ังถึงมือแพทย๑หรือ พยาบาล ทัง้ นเ้ี พ่ือป้องกันอันตรายอันอาจถึงชีวิต และเพื่อป้องกันมิให๎การเจ็บป่วยน้ันลุกลามตํอไปดังนั้น บคุ คลท่ีจะชํวยปฐมพยาบาลเบื้องต๎น จะต๎องปฏิบัติด๎วยอาการสงบ ถูกต๎องตามหลักเบื้องต๎น รวดเร็วและ ทันที และใหไ๎ ดผ๎ ล จะหมดหนา๎ ทเ่ี มอื่ ผูป๎ ่วยถึงมือแพทยห๑ รอื พยาบาล การปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน๎ ทมี่ ผี ู๎มีหน๎าที่ ชวํ ยเหลือผู๎ประสบภยั ในกรณเี กิดการเจ็บป่วยดงั กรณีตอํ ไปนี้ 1. โลหิตออก ต๎องพยาบาลห๎ามเลือดและป้องกันเชื้อมิให๎เข๎าแผล กดบริเวณแผล ด๎วยมอื หรอื ผ๎าสะอาด ๆ แล๎วพนั ผา๎ ใหแ๎ นนํ จนเลอื ดหยดุ พยายามยกอวัยวะท่ีบริเวณเลอื ดออกให๎สงู ๆ เอาไว๎ 2. การชํวยเหลือผปู๎ ว่ ยหยดุ หายใจ คอื วิธีเปา่ ปากหรือเปา่ จมกู ผายปอด ใช๎เครื่อง หายใจซึ่งควรมีพรอ๎ มอยูํในรถพยาบาล 3. การชํวยผห๎ู มดสตหิ รือเป็นลม ตอ๎ งพยายามเข๎าทรี่ มํ อยาํ ให๎คนมุง แกเ๎ สือ้ ผ๎าออก อยาํ ให๎รดั ให๎ความอบอํนุ ใหย๎ าแอมโมเนยี ดม 4. การชวํ ยเหลือผ๎ูได๎รับอนั ตรายจากความร๎อน - ป้องกันมใิ ห๎เชื้อโรคเขา๎ แผล - อยาํ แตะต๎องบาดแผลท่ีเกดิ จากความร๎อน หาผ๎าสะอาดท่ีสุดเทําท่ีจะหาได๎ปิด แผลเอาไว๎และให๎บริเวณแผลอยํนู ่ิง ๆ - ใหด๎ มื่ นํ้ามาก ๆ - อยาํ ถอดเส้อื ผา๎ - อยาํ ทาํ ให๎แผลทพี่ องแตก - อยําทาด๎วยนํ้ามัน 5. การเข๎าเฝือกชัว่ คราวเพื่อป้องกันมิให๎กระดูกสํวนท่ีหักหรือหลุดเคล่ือนไหวโดย ใช๎วัสดตุ ําง ๆ ดงั กลาํ วตํอไปนี้ชํวยมใิ หก๎ ระดกู สํวนที่หักหรือแตกเคลื่อนไหวเพื่อลดความเจ็บป่วย มิให๎เกิด อันตรายมากข้นึ อกี และเคลื่อนย๎ายคนไข๎ไดส๎ ะดวก - เฝือก - ทอํ นไม๎ - ไม๎บรรทัด - กระดาษแข็งพนั หนา ๆ - ใชอ๎ วัยวะสํวนที่ใกล๎เคยี ง เชํน พันแผลติดกบั ตัวหรอื ขาซ๎ายกบั ขาขวา 2. การชว่ ยเหลอื ในระยะแรกหลงั ภัยสงบ 98 คู่มอื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 91 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296