ใบงานท่ี 3 1. กิจกรรมเกย่ี วกับการผจญภยั เปน็ กจิ กรรมทีท่ า๎ ทายความสามารถของลูกเสือวิสามัญอยํางหนึ่ง และกจิ กรรมเสี่ยงภัยกเ็ ป็นกจิ กรรมท่สี นองความตอ๎ งการและความสามารถมวลสมาชิกลูกเสือวิสามัญอยํูไมํ นอ๎ ยกจิ กรรมดังกลําวนี้มหี ลายชนิด เชํน การไตํเขา การข๎ามแมํนํ้า ฯลฯ นอกจากกิจกรรมท่ียกตัวอยํางมา ทาํ นคิดวาํ จะมีกิจกรรมเสี่ยงภัยอะไรอกี ที่ควรเปน็ กจิ กรรมเสยี่ งภยั ของลูกเสือวิสามัญ ขอได๎ยกตัวอยํางมา ใหม๎ ากท่ีสุดเทําท่จี ะหาได๎ 2. มีนักเส่ียงภัยไมํน๎อยท่ีต๎องถึงแกํชีวิต บ๎างก็เกิดอุบัติเหตุได๎รับบาดเจ็บถึงแกํทุพพลภาพ เมื่อ ออกไปปฏิบัติกิจกรรมเส่ียงภัย จึงขอให๎หมูํของทํานชํวยกันคิดวํามีส่ิงใดที่เป็นสาเหตุสําคัญ อันกํอให๎เกิด อันตรายดงั กลาํ วแกํนกั เสี่ยงภัยและทํานมวี ธิ กี ารอยาํ งไรบา๎ งที่จะไมใํ ห๎เหตุการณ๑นนั้ ๆ เกดิ แกํลกู เสอื วิสามัญ ในกองของทาํ น เมอ่ื ไปปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเสี่ยงภยั 3. จากข๎อความทวี่ ํา “อบุ ัตเิ หตุในการเส่ยี งภยั อาจหลกี เล่ยี งได๎ ถา๎ ผนู๎ ํามที กั ษะพอ” ในฐานะทีท่ าํ นเปน็ ผ๎กู าํ กับลกู เสอื วิสามญั จะจัดกิจกรรมเสี่ยงภัยให๎กับลูกเสือวิสามัญของทําน ปฏิบตั ิ จะสนับสนุนขอ๎ ความขา๎ งบนน้ไี ดแ๎ คไํ หนเพยี งใด ลองกลาํ วมาเปน็ ขอ๎ ๆ ให๎มากที่สุด 4. ทํานมาจากหลายแหลํงหลายท่ีท่ีแตกตาํ งกัน ยํอมมีประสบการณ๑ท่ผี ดิ แผกกันออกไปจงชํวยกัน คดิ คน๎ ดูวํา “มีสถานท่ีแหํงใดบ๎างทีท่ าํ นคดิ วาํ เหมาะสมในเรื่องการปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั กิจกรรมเสีย่ งภยั ของลกู เสือ วสิ ามญั ” 5. ในฐานะทท่ี าํ นเปน็ ผ๎กู ํากบั ลกู เสือวิสามัญ ทํานมีความรับผิดชอบตํอลกู เสือวิสามญั เมื่อมีการเดิน ทางไกลในแหลงํ ท่เี สี่ยงภัยอยํางไรบ๎าง รวมท้ังตัวทํานเองดว๎ ยวําทํานตอ๎ งมบี ทบาทในเรื่องนอี้ ยํางไร โดยให๎ สมาชกิ ในกลมํุ ชวํ ยกนั แสดงความคิดเห็นเป็นข๎อ ๆ ไว๎ให๎ชัดเจน 6. “กิจกรรมเสย่ี งภัยของลกู เสือ ยํอมมกี ารเสี่ยงอันตรายมากบ๎างน๎อยบ๎างเป็นของธรรมดา แตํใน ฐานะท่ที าํ นเป็นผก๎ู าํ กบั ลกู เสอื วิสามัญ ยํอมต๎องการให๎ลูกเสือและผู๎บังคับบัญชาลูกเสือท้ังหลายที่ไปปฏิบัติ กจิ กรรมเส่ียงภัย มีความปลอดภัยด๎วยกันทุกคน ด๎วยเหตุน้ีจึงขอให๎ทํานชํวยกันแสดงความคิดเห็นวําเรา ควรจะทมีการประกนั ภยั ให๎แกลํ ูกเสอื หรือไมํ เพราะเหตุใด ใหแ๎ ตลํ ะกลมุํ รวํ มกนั อภิปรายตามหัวขอ๎ อภปิ รายขา๎ งต๎น โดยใชเ๎ วลา 20 นาที แลว๎ สํงผแู๎ ทนมาชี้แจง ในที่ประชุมใหญํ (กลมุํ ละ 3 นาท)ี คือ กลุมํ 1 ทาํ ข๎อ 1 กลํุม 2 ทําข๎อ 2 กลํมุ 3 ทําขอ๎ 3 กลมุํ 4 ทาํ ข๎อ 4 กลมุํ 5 ทําขอ๎ 5 และให๎แตลํ ะกลุํมทําข๎อ 6 ดว๎ ยอกี 1 ข๎อ คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 199 192 คูม่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
ใบความรู้ - ภาพกิจกรรมเส่ยี งภัยประเภทตําง ๆ และกิจกรรมอื่นทีเ่ หมาะสมสําหรบั ลกู เสอื วสิ ามัญ - ควรยกตวั อยํางสถานที่ในท๎องถนิ่ ทีม่ กี จิ กรรมเส่ียงภยั ใหเ๎ หน็ ตามความเหมาะสม - ควรกลาํ วอ๎างถึงหนํวยกิจกรรม (ถ๎ามี) ในสํานักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหํงชาติด๎วย กบั ควรแนะนําเรอื่ งการเอาประกนั ภยั สําหรบั ลกู เสือทไี่ ปทาํ กจิ กรรมเสย่ี งภัยด๎วย - การเดินทางสํารวจในความหมายอยาํ งกวา๎ งขวางนนั้ เป็นที่นยิ มของเด็กทุกระดับอายุ แม๎จะใน ปจั จุบนั นี้ก็เชํนเดียวกนั สาํ หรบั ลูกเสือวสิ ามญั น้นั เลาํ ทเี่ ป็นทน่ี ิยมกันมากกเ็ พราะวํา การเดินทางสํารวจนั้น อาจจะนาํ ไปสกูํ ารเดนิ ทางไกลไปยังภเู ขาสูง ภูเขาเลก็ หรือแหลงํ น้ําไกลออกไปจากท่จี อแจสับสนวนํุ วายของ โลกปจั จบุ ัน การพฒั นาในการอยูํคํายพักแรมโดยใช๎อุปกรณ๑ท่ีเบา ๆ และการเดินทางรวมกันเป็นคณะแสดงให๎ เหน็ ชัดเจนย่ิงขนึ้ วํา ปจั จุบนั น้ีมีประชาชนมาขึ้น พยายามเดินทางออกไปสูํแหลํงที่มีชุมชนน๎อย ฉะน้ันการ เดนิ ทางสาํ รวจในปจั จุบัน จงึ ต๎องมองใหล๎ ึกและกวา๎ งขวางถึงสถานที่ท่จี ะเดนิ ทางไปดว๎ ย เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัย ความสะอาดของสถานท่ี เป็นท่ีนําเสียดายท่ีมาตรฐานซึ่งคณะบาง คณะถึงปฏิบตั อิ ยูํขณะนนี้ ั้นเปน็ ทีน่ าํ สงสยั เม่ือเป็นเชํนนี้จึงตกเป็นภาระความรับผิดชอบของกิจการลูกเสือ เพอ่ื ใหเ๎ ปน็ ทแ่ี นํนอนวาํ มาตรฐานของลกู เสือยยงั ังสสงู งูเสเสมมออ มาตรฐานทด่ี ีขึ้นอยํกู บั การฝกึ อบรมทมี่ ีคณุ ภาพ การกระหายที่จะปฏิบัตงิ านใหมํและเสี่ยงภัยอาจจะ ทาํ ใหล๎ มื นึกถงึ ความจาํ เป็นเรอ่ื งการฝกึ อบรมท่ีเพียงพอเสีย ความจริงเรื่องการฝึกอบรมนั้นควรจะได๎ทําโดย ฉบั พลนั เชํน เร่ิมฝกึ อบรมจากท่ีบา๎ น และฝกึ อบรม การปฏบิ ตั ิ ณ จดุ ทไ่ี ป กอํ นท่จี ะออกเดินทางสาํ รวจภาระ ย่ิงใหญํที่ควรคํานึงถึง “ความปลอดภัย” การหาเส๎นทางและอ่ืน ๆ ซึ่งอาจจะทําได๎ ก็โดยการฝึกอบรม เบื้องตน๎ เก่ยี วกบั การรู๎จักใช๎อุปกรณ๑ การจดั หุงหาอาหาร และการอยคูํ าํ ยอยาํ งมปี ระสทิ ธิภาพ ผ๎ูกาํ กับลูกเสือวิสามญั มคี วามรบั ผดิ ชอบทีจ่ ะรบั รองวาํ การฝึกอบรมเบอ้ื งต๎นเรื่องการเดนิ ทางสาํ รวจ นั้นไดเ๎ ปน็ ไปอยาํ งบริบรู ณ๑ถูกต๎อง ความเพลิดเพลินสนุกสนานของการเดินทางสํารวจเกิดจากสมรรถภาพ ของผเ๎ู ดนิ ทางทกุ คน โดยปกติ การเดินทางสํารวจมักจะมีในท๎องถ่ิน หรือในระยะไกลจากท่ีตั้งกองลูกเสือพอสมควรใน ตอนปลายสัปดาห๑ ในการน้ีกองลูกเสือวิสามัญจะได๎รับผลดีหลายประการ ในด๎านรํวมมือกันทํางานการ ประสานงานตามจดุ ประสงค๑ และการฝกึ อบรมโดยปฏิบัตกิ ิจกรรมเหลาํ นีเ้ ป็นการเตรียมที่จําเป็นสําหรับการ เดนิ ทางครงั้ ใหญํ ทม่ี ีระยะทางไกลในเวลานาน หรอื เดินทางไปตาํ งประเทศ “ทําไมอุบตั เิ หตุจงึ เกิดขนึ้ เม่อื ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม จงใหห๎ มแูํ สดงความคิดเห็นออกมาแลว๎ จดหวั ข๎อตําง ๆ ข้ึนไว๎ (รวมถึงการฝึกอบรมไมเํ พียงพอ การขาดผู๎นําทดี่ ี ฯลฯ) “สง่ิ เหลาํ น้ีอาจหลกี เลยี่ งได๎ ถา๎ ผู๎นาํ มที กั ษะพอ” ทักษะในการประมาณภูเขาสูงด๎วยตัวของผ๎ูนํา (ตามท่ีกลําวไว๎ในเอกสารประกอบเร่ือง “ทําน สามารถทําไดเ๎ พยี งใด”) 200 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 193 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3
ลูกเสือวิสามัญมีความรับผิดชอบตํอกองของตนเองอยํางไรบ๎าง เม่ือสมาชิกน้ันไปเดินทางไกลใน แหลงํ ที่เส่ยี งภยั (ให๎สมาชกิ ในกลํุมแสดงความคิดเห็น จดเปน็ บญั ชหี วั ขอ๎ นไ้ี ว๎ ขน้ึ ดูเรอื่ ง “ความปลอดภัยบน ภเู ขา” และให๎ดูข๎อบังคับคณะลูกเสือแหงํ ชาติ เรอื่ งความปลอดภยั ในการเดนิ ทางไกลดว๎ ย) ใหแ๎ จ๎งให๎ทราบถึงเรื่องการฝึกอบรมเกี่ยวกับกจิ กรรมเสีย่ งภยั วําจะมที ใ่ี ดบา๎ ง เร่อื งสั้นทเ่ี ป็นประโยชน์ ลูกนก มลี กู นกอยูคํ ํหู นึ่ง อาศัยอยํูในรงั บนต๎นไม๎ ซ่ึงอยํูกลางระหวํางสํานักพระฤๅษีกับหมํูบ๎านโจร พํอแมํ นกตอ๎ งหาอาหารมาปอ้ นทกุ วนั คืนหนง่ึ มพี ายุแรงพัดเอาลูกนกทั้งสองต๎องพลดั พรากจากกนั นกตัวหนึง่ ตกลงไปอยูใํ นสํานกั พระฤๅษี ก็ได๎รบั การอบรม สั่งสอน ฝึกฝนแตํในทางดี พูดจาไพเราะ มจี ิตใจม่นั คง โอบอ๎อมอารตี อํ เพ่ือนบา๎ น สํวนลูกนกอีกตัวหนึ่งถูกพายุพัดตกไปในบ๎านโจร ก็ได๎รับการอบรมแนะนําแตํในทางเลว เชํน ลัก ขโมย พดู จาหยาบคาย ปากจดั มจี ิตใจดุร๎าย อาฆาต พยาบาท เป็นตน๎ วันหนงึ่ มีพระราชาพระองค๑หน่ึงเดนิ หลงทางเขา๎ มานอนหลับอยํูใต๎ต๎นไม๎ในแดนโจร นกตัวท่ีอยูํกับ โจรกพ็ ูดข้นึ วํา “เออ ! ดีแล๎ว วนั นมี้ ีคนมานอนหลับอยถูํ ่นิ ของเรา เราตอ๎ งฆําเสยี ให๎ตาย” พระราชาได๎ยินกต็ กใจ รบี หนีผาํ นไปทางสาํ นักพระฤๅษี นกตวั ท่อี ยกูํ บั พระฤๅษกี ็ออกมาทกั ทายวาํ “เชญิ พักผํอน ดมื่ น้ําและหลบั นอนทนี่ ่ีได๎ ยนิ ดีต๎อนรับเจ๎า คะํ ” พระราชากเ็ ข๎าไปนอนใตต๎ น๎ ไมใ๎ กล๎ ๆ กับสํานักพระฤๅษี เม่ือตื่นข้ึนมาก็คิดในใจวํา “นกสองตัวนี้มี นสิ ยั แตกตาํ งกนั มากจรงิ ๆ ตัวหน่ึงใจรา๎ ย แตอํ กี ตัวหนงึ่ ใจดี” เร่ืองนสี้ อนใหร้ ู้วา่ การอยํูในส่ิงแวดลอ๎ มอยาํ งไร ยํอมเป็นไปตามนนั้ คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 201 194 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3
แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื วิสามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6, ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3 หนว่ ยที่ 9 จุดดี จดุ ด้อย และการพฒั นาตนเอง แผนการจดั กิจกรรมที่ 19 รจู้ กั ตนเอง เวลา 2 ชว่ั โมง 1. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ลกู เสอื สามารถอธิบายถงึ อิทธพิ ลของอารมณแ๑ ละความเครยี ดทม่ี ผี ลตํอตนเองและผูอ๎ น่ื และมี แนวทางในการจัดการกับอารมณ๑และความเครยี ดได๎ 2. เนอ้ื หา การตระหนกั ร๎ถู ึงอารมณ๑และความเครยี ดทสี่ ํงผลตอํ ตนเองและผู๎อ่นื จะชวํ ยให๎ลกู เสือรจ๎ู กั สังเกตและ หาทางจดั การอารมณแ๑ ละความเครียดของตนได๎อยาํ งเหมาะสม 3. ส่อื การเรียนรู้ 3.1 แผนภูมเิ พลง 3.2 ภาพสอื่ เรอื่ งอารมณ๑และความเครียดจากหนังสือพมิ พ๑ 3.3 ใบความร๎ู 3.4 เรือ่ งส้ันท่เี ปน็ ประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 กจิ กรรมครั้งท่ี 1 1) พธิ ีเปิดประชุมกอง (ชกั ธงข้นึ สวดมนต๑ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 2) เพลง หรือเกม 3) กิจกรรมตามจดุ ประสงค๑การเรยี นรู๎ (การรจู๎ ักตนเองดา๎ นอารมณ)๑ (1) ผกู๎ ํากบั ลูกเสอื นาํ เขา๎ สํบู ทเรียนโดยเลอื กส่ือภาพเหตกุ ารณ๑เกี่ยวกบั อารมณจ๑ าก หนงั สอื พมิ พ๑ จํานวน 2 ภาพ แล๎วชวนสนทนาเรื่องอารมณท๑ ีล่ กู เสือมีประสบการณ๑ตรง วํามผี ลอยาํ งไรบา๎ ง ทง้ั ทางสรา๎ งสรรค๑และไมสํ รา๎ งสรรค๑ (2) แบํงกลํมุ ลูกเสอื ออกเปน็ กลมุํ ๆ ละ 8 คน (คละเพศชาย – หญิง) คิดวธิ กี ารจดั การกบั อารมณ๑ที่สรา๎ งสรรค๑ ท่ีเคยมปี ระสบการณ๑ด๎วยตนเองหรอื รบั ร๎ูจากคนรอบขา๎ ง สอื่ ส่ิงแวดลอ๎ ม (3) ผู๎แทนกลุํมนําเสนอ ผกู๎ าํ กบั ลกู เสอื นาํ อภิปราย เพมิ่ เติม (ใบความรู๎ 1) ชน่ื ชม สรุป (4) ผก๎ู ํากบั ลูกเสอื และลกู เสอื รํวมกันสรุปถึงการรู๎จักตนเองด๎านอารมณ๑ 202 คูม่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 195 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
4) ผ๎ูกํากับลูกเสอื เลาํ เรื่องสนั้ ท่เี ปน็ ประโยชน๑ 5) พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 4.2 กิจกรรมครง้ั ที่ 2 1) พิธีเปิดประชมุ กอง (ชักธงข้ึน สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 2) เพลงหรอื เกม 3) กิจกรรมตามจดุ ประสงค๑การเรยี นรู๎ (การรจ๎ู ักตนเองดา๎ นความเครยี ด) (1) ผ๎กู าํ กบั ลูกเสอื นาํ เขา๎ สํูบทเรียนโดยเลือกส่อื ภาพเหตกุ ารณเ๑ กี่ยวกับความเครียดจาก หนังสอื พิมพ๑ จาํ นวน 2 ภาพ แลว๎ ชวนสนทนาเร่ืองความเครยี ดท่ลี กู เสือมีประสบการณ๑ตรง วาํ มีผลอยํางไร บ๎าง ท้ังทางสร๎างสรรค๑และไมํสรา๎ งสรรค๑ (2) แบงํ กลํุมลูกเสอื หาวิธจี ัดการกบั ความเครยี ดอยํางสรา๎ งสรรค๑ (3) ผู๎แทนกลํมุ นําเสนอ ผกู๎ าํ กบั ลกู เสือนาํ อภปิ ราย เพม่ิ เติม ชนื่ ชม สรปุ (4) บรรยายการจดั การกับความเครียดและนําลกู เสอื ฝกึ ผอํ นคลายความเครียด (ใบความรู๎ 2 – 3) (5) ผ๎ูกํากบั ลูกเสอื สอบถามประสบการณต๑ รงหลังฝกึ ของลกู เสือ 4.44)ผ ผก๎ู กู้ําำก� กับบั ลลกู กู เสเสอื อื เลเลาํ า่ เเรรอ่ื อ่ื งงสสั้นนั้ ททีเ่ เ่ีปปน็ นปปรระะโยชน๑์ 4.55)พ พธิ ธปีิ ปีดิ ิดปิดปปิดรปะรชะมุชกมุ อกงอง(น(นัดดัหหมมายายตตรรววจจเคเครร่ืออ่ื งงแแบบบบชชกั กั ธธงงลลงงเเลลกิ กิ )) 5. การประเมินผล 5.1 สังเกตความรํวมมือในการปฏบิ ัติกิจกรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภปิ ราย 6. องคป์ ระกอบทักษะชีวติ สําคัญที่เกิดจากกจิ กรรม คอื ความคิดวิเคราะห๑ ความคดิ สร๎างสรรค๑ ตระหนกั ถึงผลเสยี ของอารมณ๑ทางลบและความเครยี ด ตํอตนเองและผอู๎ ื่น และมีทกั ษะการจดั การกับอารมณแ๑ ละความเครยี ดอยํางเหมาะสม คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 203 196 คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 19 เพลง ดงั่ ดอกไมบ้ าน เสถียรธรรมสถาน จากสํวนหนึง่ ของอลั บมั ชมสวน คํารอ๎ ง / ทาํ นอง ทวศี กั ด์ิ อุชุคตานนท๑ เรียบเรียง กมั พล มณี ลมหายใจเข๎า…. ลมหายใจออก ดงั่ ดอกไม๎บาน ภผู าใหญํกวา๎ ง ด่ังสายน้าํ ฉ่ําเยน็ ด่ังนภากาศ อันบางเบา เม่อื เจอะกันเราทกั กนั สวัสดี สวสั ดี สวสั ดีครบั เม่อื ผิดพลง้ั ขออภยั ขอโทษที ขอโทษครบั เมอ่ื จากกันนัยยกกมมอื อืไไหหววข๎ ข้ ออลลาาทที ี สวัสดีคํะ ลากํอนครับ ผใู้๎ ดมมี ติ รไไมมตต่ รรีขขี ออขขออบบคคุณณุ ขอโทษคํะ ขอบคุณครบั ลากํอนคะํ ขอบคณุ คะํ 204 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 197 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
ใบงาน ภาพส่ือเร่อื งอารมณท์ ่ีสร้างสรรค์ แอพฯ เจ๋งๆ สร้างสรรค์ 'น้วิ ' เป็น 'หนา้ ' สือ่ ทุกอารมณ์ คน๎ จาก news,edtguide.com/373567_แอพ-สร๎างสรรค-๑ น้วิ -หนา๎ -สื่อทุกอารมณ๑วันท1่ี 0 มิถนุ ายน 2556 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 205 198 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3
ภาพสื่อเร่ืองอารมณ์จากหนงั สือพิมพ์(ไมส่ ร้างสรรค)์ แฟชน่ั ฮิตนกั เรียนหญงิ ยกพวกตีกนั แค่แยง่ คนรัก-เปร้ยี ว-มองหน้า เหตหุ ลักๆ จาก “แย่งคนรักกัน” ลรองลงมาเป็น เรอ่ื ง“แฟชนั่ ” แตํงตัวเปรีย้ วกน็ ํามาเปน็ เรอื่ งตกี ันได๎ และสุดท๎าย การ “มองหนา้ ” ก็ตกี นั ไดเ๎ หมอื นกัน นกั เรียนพาณชิ ย๑ 2 คน เลาํ วาํ หลงั มีคลิปวิดโี อเผยแพรํ ออกไปนน้ั การตกี นั ของนักเรยี นหญงิ ไดก๎ ลายเป็น เรื่องยอดฮิต ทาํ ใหม๎ ีเพอ่ื นมากขน้ึ บางคนถงึ ขนาด บอกใหเ๎ พอ่ื นทอี่ ยูํในกลุํมเดียวกนั ชวํ ยใชโ๎ ทรศัพท๑ ถํายคลิปวิดโี อฉากตบฝา่ ยตรงขา๎ มเอาไว๎หนอํ ยก็มรี ปู แบบการตีกนั ของนกั เรียนหญงิ น้ัน แตํกํอนจะ ตบตกี ันในโรงเรียน ในหอ๎ งเรียนในโรงยิมบา๎ ง ในห๎องนาํ้ ซึ่งมกั จะถกู ครูลงโทษทงั้ คูํ หรือ “ยงั ไมํ สะใจ” ก็ถูกเพื่อนห๎ามปรามเสียแลว๎ จงึ เกิดการคาใจกนั ขนึ้ มาจนมาเป็น \"นดั ตบต\"ี กนั นอกโรงเรียน เชนํ สนามกฬี าทัว่ ๆ ไป ตอํ มาเปน็ ป้ายรถประจาํ ทาง บางครั้งเขา๎ ไปตบตีกนั ในหา๎ งสรรพสนิ คา๎ ตาํ ง ฝ่ายตํางกม็ ี \"กองเชียร์\"ตามไปด๎วย จงึ เกดิ การยัว่ ยกุ ันขนึ้ หาก เชํน เพอ่ื นคนหน่งึ พยายามหา๎ ม ปรามไมํใหต๎ ีกนั แตอํ กี ฝา่ ยอาจเขา๎ ใจผดิ คิดวาํ ไปชวํ ยอีกฝา่ ยหนึง่ ทกี่ าํ ลังตบตกี นั อยํู จงึ ทําให๎ทง้ั กลมํุ ตอ๎ งยกพวกตะลุยกนั ไมรํ ู๎วาํ ใครเป็นใครม่ัวกนั ไปหมดกม็ ี คน๎ จาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=90203วันท1่ี 0 มิถนุ ายน 2556 206 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 199 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3
คลิปโจต๋ บกัน บังคับกราบเทา้ ยกพวกตีคู่อริ นักเรียนหญิงโรงเรียนประจาํ จงั หวัดนาํ นยก พวกตกี บั นักศกึ ษาหญิงวทิ ยาลัยดงั สาเหตุ เพราะมองหนา๎ หลงั บงั คับให๎กราบเทา๎ ไมํ สําเร็จ ทํามกลางเสยี งเชยี รพ๑ รอ๎ มถาํ ยคลปิ มอื ถอื สํงแจกจาํ ยกลมํุ วยั รุํนท่วั เมอื ง... นกั เรียนหญิงโรงเรียนประจาํ จงั หวดั นําน ยกพวกตกี บั นกั ศึกษาหญงิ วทิ ยาลยั ดงั สาเหตุ เพราะมองหนา๎ หลังบงั คบั ใหก๎ ราบเทา๎ ไมสํ ําเรจ็ ทํามกลางเสยี งเชยี รพ๑ รอ๎ มถํายคลปิ มือถอื สํงแจกจาํ ยกลมุํ วยั รุนํ ทวั่ เมือง... ผู๎ส่ือขาํ วรายงานวนั นี้ (8 มิ.ย.) คลปิ มอื ถอื การชกตํอยตบตกี ันระหวาํ งนกั เรียนหญงิ ชั้นมัธยมปลาย สตรปี ระจํา จังหวัดนาํ น กับนักศกึ ษาหญิงระดบั ปวช.ของวิทยาลยั แหงํ หนง่ึ ใน จ.นาํ น ในชุดนกั เรียน นกั ศกึ ษาถูกเผยแพรํระบาดไปยงั กลมํุ วัยรํนุ เพอ่ื ฝงู คนรจู๎ กั ทัว่ จงั หวดั นําน เปน็ ทฮี่ ือฮาและ วพิ ากษ๑วิจารณถ๑ งึ ความไมเํ หมาะสมและความกา๎ วรา๎ วใชก๎ ําลังของ เด็กในขณะท่ีเมอื งนํานกําลังกา๎ ว ไปสเูํ มอื งนาํ อยูํ มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี มอนั ดงี าม โดยคลิปมอื ถอื ดังกลาํ วถํายโดยนักเรยี นนกั ศึกษาสองสถาบันดังกลาํ วระหวาํ งการ ตบตีกันของหญงิ สาวท้ังสองท่บี รเิ วณสนามใน ฌาปนสถานบา๎ นรอ๎ งตอง ต.ทาํ นา๎ ว อ.ภูเพียง จ.นาํ น เมอ่ื สปั ดาห๑ทีแ่ ลว๎ ชวํ งเปดิ เทอมใหมํ ทาํ มกลางการสงํ เสียงเชยี ร๑ของเพ่อื น ๆ และบางคนถือโอกาสใช๎เทา๎ ถบี ฝา่ ยตรง ข๎าม ดว๎ ยสาเหตุเพยี งแคอํ กี ฝ่ายถกู มองหน๎าแลว๎ ไมพํ อใจจึงเรียกใหไ๎ ปขอโทษพร๎อมบงั คับใหก๎ ราบ เทา๎ แตไํ มสํ ามารถตกลงกนั ไดจ๎ ึงลงมอื ตบตีกนั ดงั กลาํ วเป็นเวลากวาํ 10 นาที ซ่งึ คลปิ การตบตกี นั ได๎ ถกู สงํ ตอํ ไปให๎เพอื่ นนกั เรยี นนกั ศึกษาตลอดจนคนรู๎จัก ระบาดไปทัว่ จ.นําน ซงึ่ ทางผเู๎ กยี่ วขอ๎ งยงั ไมํ ทราบและเหน็ คลปิ ดังกลําว ซง่ึ หากปลอํ ยใหม๎ ีการเผยแพรไํ ปอกี ก็จะระบาดไปยังจังหวดั อน่ื ๆ อีก จะ สร๎างความเส่ือมเสยี ใหแ๎ กชํ าวจงั หวดั นําน ถา๎ หนํวยงานที่รบั ผิดชอบไมรํ ีบจัดการอยาํ งใดอยาํ งหน่งึ โดยปลํอยใหเ๎ รอ่ื งเงียบเองเหมอื นทีเ่ คยเกิดขึน้ หลายคร้งั . คน๎ จาก http://www.thairath.co.th/content/region/11569 วนั ท1่ี 0 มถิ นุ ายน 2556 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 207 200 คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3
คนเบ่ือ นกั เรยี น-นกั เลง มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีราชมงคล ธัญบรุ ี เผยผลสาํ รวจ \"พฤตกิ รรม ของวัยรํุนในสังคม ณ วันน้ี กรณี นักเรยี น-นักเลง\" ของประชาชนทมี่ ี ตอํ พฤตกิ รรมวัยรนุํ ในกรณี นกั เรยี น-นักเลง เพอื่ สะทอ๎ นความ คดิ เหน็ โดยผลสํารวจมีดังนี้ รอ๎ ยละ 27.56 เหน็ วาํ สรา๎ งความเดอื นรอ๎ นใหก๎ บั ครอบครวั และคนรอบข๎างจนสญู เสยี ทรพั ยส๑ ินและ ชีวิต ร๎อยละ 19.64 ไมพํ อใจ เบ่ือนาํ ยกับการกระทํา รอ๎ ยละ 18.31 มีผลตํอภาพพจนข๑ องเยาวชน สถาบันศึกษาและสังคมไทยใหด๎ ูแยลํ ง ร๎อยละ 16.62 รู๎สกึ แยํ เสยี ใจ หดหํู กับการกระทําน้ี รอ๎ ยละ 36.16 ควรอบรมปลูกฝังคํานยิ มทดี่ ใี ห๎ รอ๎ ยละ 35.64 ควรเพิม่ บทลงโทษใหห๎ ลาบจํา ร๎อยละ 28.36 ควรแก๎ปญั หาตงั้ แตคํ รอบครัว คน๎ จาก morning-news.bectrภo.าcพomสื่อ/เรเรอื่ อื่งเงลคาํ เวชา๎ามนเ้ี-คขาํรวียปดรจะชาากสหมั นพังันสธือ๑-2พ3ิม90พ.h์ tmlวันท่ี10 มถิ นุ ายน 2556 น้องเมียเลือดรอ้ น รวั ฆ่าเสธ.ติก๊ พ.อ.อาจารย๑ วิทยาลัยทบ. ฉุนไมไ่ ป ร่วมงานวันเกิด กระหน่าํ ยิง “เสธ.ต๊ิก” พันเอกอาจารย๑วิทยาลัย นงั่ โจด๎ น้ิ คาวงเหล๎าหน๎าบ๎าน ฝีมอื น๎องเมียเลือดร๎อนไมํพอใจพเ่ี ขยไมํไปรํวมงานฉลองวนั เกิดอีกครัง้ กลับมาเห็นสุราเฮฮากับเพ่ือนฝูงเลยปะทะคารมไมก่ ปี่ ระโยค ก่อนควา้ ปนื ล่นั กระสุน ต่อหนา้ สหายกลางวงไปสน้ิ ลมระหวํางสํงโรงพยาบาล ตํารวจปิดล๎อมล็อกฆาตกรทันควนั สารภาพ ระบาย ความอัดอนั้ ถงึ ข้ันระเบดิ อารมณด๑ ับแคน๎ น๎องเมียเลือดร๎อนยิงดบั นายทหารพ่ีเขยคาวงเหล๎า เกิดขึ้น เมื่อเวลา 00.30 ... 208 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3 201
ไลล่ า่ ลอ็ กทนั ควัน แท็กซ่หี ่ืน ขืนใจผโู้ ดยสารสาว ปนื ขูบํ งั คับบําเรอกามมํานรดู แลว๎ ชิงกระเป๋า-มือถอื เผํนหนี ตร.ค๎นในรถ เจอยาบา๎ อกี 6เมด็ แทก็ ซีห่ ื่นกามลวง ผโู๎ ดยสารเป็นพนกั งานสาวบริษัทวัย 24 ปี ไปขํมขนื ยับในโรงแรมมาํ นรดู กํอนจะชงิ ทรพั ย๑หลบหนี แตํไปไมรํ อดเหยอื่ สาวขอ ความชวํ ยเหลือพนกั งานโรงแรมแจง๎ ตํารวจสกัดจับไว๎ได๎ทันควันพร๎อม ของกลางอ๎างผเู้ สยี หายสมยอม แฉกอ่ น กํอเหตุรบั หญงิ สาวเคราะหร๑ า๎ ยจากยาํ นเพชรบุรี ตัดใหมใํ ห๎ไปสงํ บ๎านยํานบางกรวย แตกํ ลับ ฉวยโอกาสขับออกนอกเสน๎ ทางพาเขา๎ มาํ นรดู ใชป๎ ืนจ้ีพาตัวไปขํมขืน ผ๎ูการนนทบุรสี งั� ตรวจสอบ ประวัติอยําง.... คน๎ จาก http://www.thนaiาraยthห.cวั oฆ.th่า/นtoาdยayหวัวนทแ่ี9ทมงิถพุนรายุนนด2ับ55ค6าแบงก์ 2 ศพ มือมีดแคน๎ -ทหี่ ลุดจํานอง 30 ล. พาคนมาซื้อคนื ขอสวํ นตาํ ง 8 ล. อีกฝา่ ย ไมยํ อมเลยกอํ คดสี ลดฆําสยอง 2 ศพ คาธนาคารกลางเมอื งภเู กต็ เสี่ยเจ๎าของ อพารต๑ เมนต๑กํอเหตุระทึกขวัญควงมีดพบั กะซวกนายหวั เศรษฐีท่ีดินคนดัง เกาะภูเก็ตรํางพรนุ ดับสยอง กอํ นจ๎วง กระหน�ําแทงปลดิ ชีพตวั เองมีดปกั อก ตดั ขั้วหัวใจตายตามอกี ศพหลงั ทงั� คู่ นดั มาเจรจาท่ธี นาคารเรอ่ื งไถํถอนท่ดี ินท่ีเสี่ยหนํุมมอื มีดนําไปจํานองกับนายหัว 30 ลา๎ นบาท เอาเงินไปลงทุนสรา๎ งอพารต๑ เมนต๑ แตหํ มดสัญญาไถถํ อนจนทีด่ นิ หลุดจํานอง เสี่ยหนมุํ เจรจา ขอสว่ํ นตต่าาํงงรราาคคาทาทด่ี ดี่นิ นิทท.่ี ..ี่ .. คน๎ จาก http://www.thairath.co.th/todayวันท่ี7มถิ ุนายน 2556 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 209 202 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
นายกอินเดียขอร้องมอ๊ บสลายชมุ นุม-ลัน่ แกก้ ม.คดลี ว่ งละเมิดทางเพศ สํานักขําวตาํ งประเทศรายงานจาก กรงุ นิวเดลี ประเทศอินเดียวํา นายกรฐั มนตรี มานโมฮนั ซงิ ห๑ แหงํ อนิ เดยี แถลงเรียกร๎อง ขอให๎ประชาชนอยํูในความสงบ พร๎อมกบั ให๎ คาํ มน่ั วาํ จะปรับแก๎กฎหมายลงโทษผ๎กู ระทํา ผิดในคดลี วํ งละเมดิ ทางเพศใหม๎ คี วาม เข๎มงวดขึ้น หลงั เจา๎ หน๎าที่ไมํสามารถควบคมุ สถานการณ๑ชุมนมุ ทม่ี สี าเหตุจากคดขี ํมขนื นักศึกษาหญงิ เมอ่ื สปั ดาห๑กํอน ซิงหก๑ ลาํ ววํา รฐั บาลอนิ เดยี รับทราบมาโดยตลอด และมคี วามเขา๎ ใจในอารมณโ๑ กรธแค๎น และ การแสดงออกซงึ่ ความไมํพอใจอยาํ งรุนแรงที่เพิ่มขน้ึ อยาํ งรวดเร็ว ซงึ่ มีสาเหตุจากคดสี ะเทือนขวญั ที่ เกิดขน้ึ เมอ่ื คนื วันท่ี 16 ธ.ค. อยํางไรกต็ าม ตนขอร๎องใหก๎ ลมํุ ผชู๎ ุมนมุ ยุติการเดินขบวนตอํ ตา๎ น เพื่อ ไมํใหส๎ ถานการณ๑วุํนวายไปกวาํ น้ี ทง้ั น้ี รฐั บาลและหนํวยงานท่เี กยี่ วขอ๎ งจะทาํ ทุกวิถีทาง เพอ่ื เพิม่ ความปลอดภยั และใหก๎ ารคม๎ุ ครองสตรีชาวอนิ เดยี ทุกคนอยาํ งดีท่สี ุด ขณะทร่ี ายงานจากสํานกั งานตาํ รวจกรงุ นิวเดลรี ะบวุ าํ เหตกุ ารณ๑ปะทะระหวํางเจา๎ หน๎าท่ี กบั กลมํุ ผ๎ูประทว๎ งซง่ึ สํวนใหญเํ ป็นนกั ศกึ ษาเมอ่ื วันอาทติ ย๑ ทําใหม๎ ีผ๎ไู ด๎รับบาดเจบ็ กวาํ 100 คน ใน จาํ นวนนี้เป็นเจ๎าหน๎าทก่ี วาํ 60 คน ทางการยงั คงต๎องปิดถนนทกุ สายทม่ี ํงุ สูํประตชู ัย และสถานที่ สาํ คัญทางราชการใจกลางกรุงนิวเดลี ด๎านเหย่อื ผูถ๎ กู กระทาํ ชําเรา ซ่งึ เป็นนกั ศึกษาสาววัย 23 ปี ยังคงต๎องนอนพักรกั ษาตัวอยใํู น ห๎องพกั ผ๎ูป่วยพเิ ศษ กลําวกับผู๎สอ่ื ขาํ วของหนงั สือพิมพ๑ “เดอะ ฮินดูสถาน ไทม๑ส” เปน็ ครง้ั แรกหลัง เกิดเหตวุ าํ ผลกรรมกาํ ลังจะตามสนองชายทงั้ 6 คน ทท่ี ํารา๎ ยเธอและแฟนหนํุมจนไดร๎ บั บาดเจ็บ สาหสั แลว๎ ค๎นจาก www.kraipost.com/p/578/นายกอนิ เดยี ขอมอ็ บสลายชมุ นมุ -ลนั่ แก๎กม.คดีลวํ งละเมดิ ทางเพศ.html วันที่ 10 มถิ ุนายน 2556 210 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 203 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3
ใบความรู้ การจดั การกับอารมณ์ อารมณเ๑ ป็นส่ิงที่เกิดขน้ึ ได๎เสมอเม่อื มีสงิ่ มากระทบซง่ึ อาจมาจากเหตุภายนอก เชํน คนชมกด็ ใี จ คนวําก็เสียใจ หรือมาจากภายใน เชนํ คดิ วาํ เรยี นเข๎าใจ กส็ บายใจ คิดวาํ คนไมํรกั กไ็ มสํ บายใจ เป็นต๎น อารมณ๑ดนี คี้ นสํวนใหญํมักพอใจ และติดใหม๎ ีอารมณ๑ดี แตํอารมณด๑ า๎ นไมดํ ี เชนํ หงุดหงดิ โมโห ไมพํ อใจ คนมกั ไมชํ อบ และไมอํ ยากเปน็ ไมอํ ยากเจอ เพราะนอกจากจะสงํ ผลกระทบตอํ ตนเองแลว๎ ยงั กระทบ คนรอบข๎างไปดว๎ ย เชํน ไมํอยากพูดคุยกบั ใคร พดู ไมํเพราะ หน๎านิว่ คิ้วขมวด ขวางโลก บางคร้ังอาจถึงข้นั เปน็ อันตราย เชนํ ขบั ขี่รถเร็ว ทําลายของ หรือรา๎ ยแรงถึงขนั้ ชกตอํ ย ทาํ ร๎ายกัน หรือทําร๎ายตนเอง การจดั การกบั อารมณท๑ ี่มากเกนิ ไป โดยเฉพาะอารมณ๑ไมดํ ี จึงมีความสําคญั มีวิธกี ารดังนี้ 1. สังเกตว่าเกิดอารมณ์ไม่พึงพอใจแล้ว การสงั เกตเหน็ ถอื วาํ เป็นจดุ ตง้ั ต๎นทีส่ าํ คญั ที่จะนาํ ไปสูํ การจดั การกับอารมณ๑ได๎ หรือเรยี กวาํ มสี ตเิ หน็ ส่ิงนี้แล๎ว 2. หาวิธีจดั การกบั อารมณ์ เมือ่ สตมิ า ปัญญาก็เกดิ ทบทวน ใครคํ รวญวาํ จะทําอยาํ งไรตอํ ปลํอย อารมณ๑ออกไปจะเกิดอะไรข้ึน ถา๎ ระงับอารมณ๑จะเปน็ อยํางไร และเลอื กวิธที ่ีทําไดจ๎ รงิ เชํน นบั หนึ่งถึงร๎อย ขอเวลานอกหรอื หลบจากสถานการณไ๑ ปกอํ นจนอารมณ๑ดคี อํ ยกลับมา สังเกตใจตวั เองทพ่ี ลํงุ พลาํ นไปมา หา หกาิจกจิรกรมรรทมอ่ี ทออ่ีกอแกรแงรทงาํ ท(ำ� เพ(เอื่พรอ่ื ะรบะาบยาอยาอรามรณมณไ๑ ม์ไดมํ ทดี่ ที่ไมไ่ี มเํ ปเ่ ป็น็นโทโทษษแแกกใํ ค่ใครรเชเชํนน่ เตเตะะฟฟุตุตบบออลลแแรรงง ๆๆ ตเี ี ทนนิสแรง ๆ ตบลูกปิงปองแรง ๆ ขยีผ้ า๎ ทซ่ี กั แรง ๆ แปรงผ๎าทซ่ี กั แรง ๆ ขัดหอ๎ งนา้ํ แรง ๆ) ปรกึ ษาเพ่อื น หรือคนทล่ี กู เสอื เชอื่ ถอื และไว๎วางใจเพอื่ ทาํ ความเขา๎ ใจสิ่งทีเ่ กดิ ข้นึ และหาทางจดั การอยาํ งเหมาะสมตอํ ไป 3. ช่นื ชมตวั เองทเี่ อาชนะอารมณไ์ มด่ ไี ด้สําเรจ็ (กรณไี มสํ าํ เรจ็ สังเกตวํา มจี ุดออํ นตรงไหนจะได๎ หาวิธีการที่เหมาะสมมาใช๎คร้งั ตอํ ไปหรอื ปรกึ ษาผร๎ู )๎ู การฝึกจัดการอารมณบ๑ อํ ย ๆ เปน็ เสมือนบททดสอบตนเองในเรื่องอารมณ๑นี้วาํ สอบผํานหรอื ไมํผําน แม๎จะไมํผํานในครงั้ เดยี ว แตถํ า๎ มีใจมุํงมน่ั ที่จะพฒั นาตนในเร่อื งการแสดงออกทางอารมณ๑ทีเ่ หมาะสมแล๎ว มี ความเพยี รทีจ่ ะลงมือทาํ อยูเํ สมอ ๆ ก็จะทาํ ใหเ๎ กดิ ความชาํ นาญขน้ึ ตามลาํ ดับ การจัดการกบั ความเครียด ความเครียดเกดิ ขนึ้ ไดเ๎ มือ่ มคี วามรส๎ู กึ วาํ ถกู กดดนั จากสถานการณ๑บางอยาํ ง เชนํ ใกล๎สอบแตยํ งั เตรยี มตัวไมทํ นั กลม๎ุ ใจเมอ่ื ต๎องรายงานหน๎าชน้ั ซ่งึ เป็นสงิ่ ทไ่ี มํถนดั ไมํสบายใจทท่ี ะเลาะกับเพอื่ น รสู๎ กึ วํา เรียนยาก เป็นตน๎ ถา๎ จดั การไดเ๎ ร็ว ความเครียดก็หายไป แตํหลายครง้ั ทีย่ งั จดั การเรอ่ื งน้ันไมไํ ด๎ ทําให๎มคี วามเครียด เป็นระยะเวลานาน ซ่ึงอาจสงํ ผลตํอปฏกิ ริ ยิ าทางราํ งกายทเ่ี รียกวาํ ระบบประสาทอตั โนมตั ริ วน คอื การ ทํางานของอวยั วะทเ่ี กยี่ วขอ๎ งกับระบบประสาทอตั โนมัติอาจทาํ งานผดิ ปกตไิ ป เชํน เหงอื่ ชํมุ โชกท่ีมือ หายใจ เรว็ หายใจตน้ื หายใจไมํสดุ เมอ่ื ยังจัดการกับความเครยี ดไมํได๎ตอํ ไป กย็ ิง่ สงํ ผลรนุ แรงขึ้นตํอสํวนตาํ ง ๆ ดงั น้ี ค่มู ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 211 204 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3
ร่างกาย เชนํ ปวดท๎องหรือทอ๎ งเสียทกุ คร้งั ที่ตอ๎ งรายงานหน๎าชนั้ ที่รู๎สกึ ไมํพรอ๎ ม ท๎องอืด ฟุง้ ซาํ น อาํ นหนังสอื ไมรํ ูเ๎ รื่องและปวดศรี ษะเม่อื ใกล๎สอบ ผ่นื คนั ตามผิวหนงั เมอื่ เรียนเทาํ ไรก็ตามไมํทัน ปวดเมือ่ ย ตามสํวนตําง ๆ ของรํางกาย เปน็ ต๎น อารมณ์ เชนํ เบื่อหนาํ ย ไมอํ ยากพดู คุยกบั ใคร หรือหงดุ หงดิ ฉนุ เฉียวงาํ ย พฤติกรรม เชนํ กา๎ วร๎าว ทะเลาะ นอนไมหํ ลบั เก็บตัว แยกตัว อยํูไมํเป็นสุข การจดั การกับความเครียดดว๎ ยตนเองในเบ้ืองต๎นที่มักทาํ กนั เชํน นอนพัก ฟังเพลง ทอํ งเทย่ี วดทู ีวี ไหวพ๎ ระ สวดมนต๑ ทําบุญ ออกกําลงั กาย แตํถ๎าไมไํ ด๎ผลกอ็ าจต๎องมวี ิธที ี่เขม๎ ข๎นข้ึน เชํน นงั่ สมาธิ ฝึกหายใจคลายเครียด ฝกึ ผอํ นคลายจิตใจ หรือกลา๎ มเน้อื ฝึกผํอนคลายดว๎ ยจนิ ตนาการ ซงึ่ ต๎องฝึกใหช๎ าํ นาญกํอนเครียดจึงจะได๎ผลดี แตํทส่ี าํ คญั ท่สี ดุ คอื หาสาเหตขุ องความเครยี ดและจัดการทีต่ น๎ เหตุ เชนํ เครยี ดการสอบเพราะ เตรียมตวั ไมทํ ัน ก็บรหิ ารการเรยี นใหมใํ หส๎ อดคล๎องกับการบ๎าน รายงาน และการสอบ เงินไมํพอใช๎กส็ ังเกต และวางแผนการใช๎เงนิ ใหมํ ทะเลาะกับเพอ่ื นยังไมํคยุ กนั ก็สาํ รวจวาํ เกิดอะไรข้ึน แม๎จะเปน็ ฝา่ ยถกู แตํถ๎าไมํ คยุ กนั จะทกุ ขใ๑ จ ก็ลดทิฐติ นเอง ใหอ๎ ภยั เพอ่ื น เรมิ่ ต๎นพดู คยุ กนั ใหมํ กจ็ ะทําใหค๎ ลายเครยี ดไดต๎ รงจดุ ที่สุด การผอ่ นคลายความเครยี ด ผกู๎ าํ กับลูกเสอื ใชน๎ ้ําเสียงตํ่า ราบเรียบ นมํุ นวล จังหวะชา๎ ๆ บอกถอ๎ ยคาํ ตอํ ไปนี้ ใหล๎ กู เสือทําตาม “ใหล๎ กู เสือนง่ั ในทาํ ทีส่ บายท่สี ดุ สงั เกตสํวนไหนทยี่ ังเกรง็ ไมสํ บาย ใหข๎ ยับใหส๎ บายทสี่ ดุ ถ๎าหลงั โกงใหย๎ ืดหลังใหต๎ รงเสยี กอํ น มอื ท้ังสองข๎างวางบนหนา๎ ตกั วางเทา๎ ทัง้ สองขา๎ งให๎ราบ และสบายที่สุด หายใจเข๎าชา๎ ๆ ใหล๎ มหายใจคอํ ย ๆ ผํานจากปลายจมกู ไปบรเิ วณหน๎าอกไปจนถึงท๎องสงั เกตวาํ ทอ๎ งปอ่ งขนึ้ ถ๎าไมํแนํใจใหเ๎ อามอื จับทอ๎ งวําปอ่ งข้นึ หรอื ไมํ หยดุ ลมหายใจไว๎ที่ท๎องสกั ครํู คอํ ย ๆ ผํอนลมหายใจออกช๎า ๆ ทอ๎ งจะแฟบลงอกจะราบลง ใหห๎ ายใจออกชา๎ กวาํ หายใจเข๎า ให๎มากทส่ี ดุ ทําอยาํ งน้ีสกั 5 ครง้ั โดยเอาความสงั เกตตดิ ตามลมหายใจอยํูตลอดเวลา” หมายเหตุ ผู๎กาํ กับลกู เสอื อาจใช๎วิธีอ่ืนตามทเี่ คยได๎ฝกึ การผํอนคลายความเครียดมากไ็ ด๎ 212 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 205 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 2-3
เรื่องสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ ช้างเกเร ยังมีช๎างเกเรตัวหนึง่ เทย่ี วเดินเอางวงดึงก่ิงไมแ๎ ละใบไมม๎ าเหยียบยาํ แล๎วใชแ๎ รงอนั มหาศาล โยกต๎นไม๎ไปมาจนต๎นไม๎ใหญนํ อ๎ ยหักโคํนลงตลอดสองขา๎ งทางที่มนั เดนิ ผําน มันเดนิ มาถงึ ตน๎ ไมต๎ ๎นหน่ึง ซ่งึ พอํ นกและแมนํ กกําลังชวํ ยกนั เลี้ยงดูลกู อยํูในรงั มนั ใช๎งวงรดั และโยกตน๎ ไมต๎ ๎นนนั้ จนลกู นกตกลงมาตาย ทงั้ รัง โดยไมํฟงั เสียงออ๎ นวอนของพํอและแมนํ กเลย พอมนั เดินผํานต๎นไม๎ซึ่งมีผงึ้ ฝงู หน่ึงทํารังอยูํ มันจงึ ใช๎งวง ดึงรงั ผ้งึ มาเพอ่ื จะเหยยี บยาํ ทันใดนนั้ เอง ฝงู ผ้งึ งานจํานวนนับร๎อยกก็ รูกันเข๎าตํอยท่ีตาของช๎าง พรอ๎ มๆ กนั จนตาบอด ช๎างเกเรเดินโซซัดโซเซไปมาอยํางนําสงสาร แตํฝงู เมนํ ซง่ึ เหน็ เหตกุ ารณ๑ ทั้งหมด รวํ มใจกนั ลงโทษชา๎ งใจรา๎ ยโดยพากันสลัดขนท่ิมแทงหนังช๎างซ้ำ�ํ๎าเข๎าไปอีก จนช๎างตาบอดได๎รบั ความเจบ็ ปวด อยํางแสนสาหสั มนั เดนิ สะเปะสะปะไปตลอดทาง จนกระท่งั ตกหน๎าผาตาย เรอื่ งนสี้ อนให้รวู้ ่า ทําดีไดด๎ ี ทําชั่วไดช๎ ่วั การให้อภยั หลายปกี อํ นมคี ดีหนงึ่ เกดิ ขน้ึ ในสหรฐั อเมรกิ าๆ ในแกง๏ เห็น ทกุ นัดทมี่ ีการสืบพยานในศาล แมขํ อง ผูต๎ ายนง่ั ฟังการพจิ ารณาอยาํ งนง่ิ เงยี บ หลังจากทศี่ าลตดั สนิ จาํ คกุ วัยรุนํ ผ๎ูนนั้ แมขํ องผู๎ตายเดนิ เขา๎ ไปหาเขา จ๎องหนา๎ และพดู วํา “ฉนั จะฆาํ เธอ” ผาํ นไปครง่ึ ปี หญิงผูน๎ ้ันกไ็ ปเย่ยี มคนทท่ี ฆ่ี าํ ลกู ชายเธอ เปน็ คนแรกและคนเดยี วทไ่ี ปเยีย่ มเขา เพราะเขาเป็นเด็กข๎างถนน ไมมํ ญี าตพิ ่ีน๎อง กอํ นทจ่ี ะจากกัน เธอใหเ๎ งนิ เขาเป็นคาํ บหุ รี่ แลว๎ เธอก็เริ่ม ไปเยย่ี มเขาบอํ ยข้นึ แตํละครั้งกเ็ อาอาหารและของฝากไปให๎ เมอ่ื ใกลค๎ รบกําหนดจาํ คกุ สามปี หญิงผนู๎ นั้ กถ็ ามวาํ เขาจะทําอะไรเมอื่ พน๎ โทษ เขาตอบวําไมรํ ๎ู เธอ จงึ หางานให๎เขาทําในบริษัทของเพอื่ น ครั้นถามวาํ เขามีทพี่ ักไหม กไ็ ดค๎ าํ ตอบวาํ ไมมํ ี เธอจึงชวนเขา มาพกั ในบา๎ นของเธอ “บ๎านของเดก็ ที่เขาฆาํ กับมอื ” ตลอดแปดเดอื นเขาพกั บ๎านเธอ กินอาหารที่เธอทํา แลว๎ เยน็ วันหนึ่งเธอกเ็ รยี กเขาไปคยุ ในหอ๎ ง เธอนงั่ ประจนั หน๎าเขานิง่ เงียบพกั ใหญํ แลว๎ พดู ข้ึนวํา “เธอจาํ ไดไ๎ หมตอนที่อยใํู นศาล ฉนั พดู วาํ จะฆําเธอ” “จาํ ได๎ครบั ” “ฉันไมํตอ๎ งการเหน็ คนท่ีฆาํ ลูกฉนั ยงั มชี ีวติ อยูใํ นโลกนี้ ฉันตอ๎ งการให๎เขาตายเพราะเหตนุ ีแ้ หละฉนั จงึ ไปเย่ยี มเธอและเอาของไปให๎ เพราะเหตุนีแ้ หละฉันจงึ หางานใหเ๎ ธอและใหเ๎ ธออยูบํ า๎ นฉัน” ถงึ ตรงนช้ี ายหนมุํ ไมํแนใํ จวาํ อะไรจะเกิดขน้ึ ตํอไป แลว๎ แมํของผู๎ตายกพ็ ูดตอํ ไปวํา คมู่ อื สง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 213 206 ค่มู อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
“ทัง้ หมดนก้ี เ็ พอื่ เปล่ยี นแปลงตัวเธอ ตอนน้เี จ๎าวยั รนํุ คนน้นั กจ็ ากไปแลว๎ ฉันจะถามเธอละํ ทน่ี ้ีวําลกู ของฉนั จากไปแล๎ว เจา๎ ฆาตกรกจ็ ากไปแล๎วเชํนกัน เธอยังจะอยํทู น่ี อ่ี กี หรอื เปลํา ฉนั อยากรบั เธอเป็นลูก หากเธอไมวํ ําอะไร” ในทีส่ ดุ เธอกไ็ ดก๎ ลายเปน็ แมขํ องคนที่ฆําลกู เธอ สํวนฆาตรกรผ๎ูหลงผดิ กไ็ ด๎แมํซึ่งเขา ไมเํ คยมมี ากอํ นในชวี ิต เรือ่ งน้เี ริม่ ต๎นดว๎ ยความสญู เสยี ทยี่ งิ่ ใหญํที่สดุ ของหญงิ คนหนึง่ แตํเธอกไ็ ดพ๎ ลิกเปลย่ี นเหตกุ ารณ๑ให๎ กลายเปน็ ชัยชนะอันย่งิ ใหญํ ชยั ชนะอนั สาํ คญั มไิ ด๎อยทํู เี่ ธอไดล๎ ูกคนใหมมํ าแทนคนเกาํ ท่ีจากไป หากไดแ๎ กํ การกาํ จัด “ศัตรู” ของเธอโดยไมํมใี ครเป็นฝา่ ยสญู เสียแตอํ ยาํ งใด ทกุ คน เร่อื งน้สี อนใหร้ ู้ว่า การให๎อภยั เปน็ ชยั ชนะที่ยง่ิ ใหญํ 214 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 207 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6,ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช 2-3) หน่วยที่ 9 จดุ ดี จดุ ด้อย และการพฒั นาตนเอง เวลา 2 ช่วั โมง แผนการจักกจิ กรรมที่ 20 ศักดิ์ศรขี องความเปน็ มนุษย์ 1.จุดประสงค์การเรยี นรู้ ลูกเสอื สามารถอธิบายพัฒนาการ พฤติกรรมทมี่ ีอทิ ธพิ ลตํอคนหนมุํ สาวได๎ 2. เน้อื หา 2.1 พัฒนาการวัยหนมํุ สาว 2.2 คณุ สมบตั ทิ ีด่ ี ไดแ๎ กํ ความซอื่ สตั ย๑ กตญั ๒ู กลา๎ หาญ เสยี สละ อดทน บรกิ าร และรับผิดชอบ 2.3 คณุ สมบตั ิทีค่ วรเว๎นไมํปฏบิ ัตไิ ดแ๎ กํ เสพสารเสพตดิ เทย่ี วกลางคืน การพนนั นกั เลงอนั ธพาล ไมรํ บั ผิดชอบ 3. สือ่ การเรียนรู้ 3.1 แผนภมู ิเพลง 3.2 ใบงาน (แบบสอบถามเกี่ยวกับตนเอง) 3.3 ใบความรู๎ 3.4 เร่ืองสัน้ ที่เปน็ ประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 กจิ กรรมครง้ั ท่ี 1 1) พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงข้นึ สวดมนต๑ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เพลง หรือเกม 3) กิจกรรมตามจุดประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ (1) ลูกเสอื ทุกคนตอบคําถาม(แบบสอบถามปลายเปดิ เกยี่ วกบั ตนเอง)ผู๎กาํ กับสมุํ ลกู เสือ ตามความเหมาะสมนาํ เสนอคาํ ตอบของตนเอง (2) ลูกเสอื ศึกษาใบความร๎ู “พฒั นาการคนวยั หนุมํ สาว” “และอิทธพิ ลตาํ งๆ ทม่ี ตี อํ คน วยั หนุมํ สาว” (3) ผ๎ูกาํ กับลูกเสือและลูกเสอื วิสามัญรํวมกนั อภปิ รายถึงอทิ ธพิ ลตาํ งๆทมี่ ตี ํอคน วยั หนมํุ สาวและการปฏบิ ตั ติ นทเ่ี หมาะสมกับวัยคนหนมํุ สาว (4) ลกู เสอื แตํละหมํรู ํวมกนั สรุปการรกั เกียรติและศกั ดศิ์ รีของคนวยั หนมํุ สาวเปน็ Mind Map ประดษิ ฐ๑เป็นงานศิลปะ และนําไปจัดนทิ รรศการไวท๎ ่ีคหู าลกู เสอื วสิ ามญั (Rover Den) ในการเปดิ ประชมุ กองครั้งตอํ ไป 4) ผู๎กาํ กบั ลกู เสอื เลาํ เรอ่ื งส้นั ที่เป็นประโยชน๑ 5) พิธปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลกิ ) คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 215 208 คูม่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3
4.2 กจิ กรรมครัง้ ท่ี 2 1) พิธเี ปดิ ประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 2) เพลง 3) กจิ กรรมตามจุดประสงค๑การเรยี นรู๎ (1) ผ๎กู ํากับลูกเสือสนทนาตดิ ตามความพร๎อมในการจัดนทิ รรศการ (2) ลกู เสือจัดนทิ รรศการเปน็ หมๆูํ (3) ผูก๎ าํ กบั ลูกเสอื เรยี นรู๎นิทรรศการไปตามหมตํู ํางๆ ทลี ะหมูํ (4) ผ๎กู าํ กบั ลกู เสอื และลูกเสือสรปุ 4) ผก๎ู าํ กบั ลกู เสอื เลาํ เรื่องสน้ั ท่ีเปน็ ประโยชน๑ 5) พธิ ีปิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธง) 5. การประเมินผล 5.1 สังเกตความรวํ มมือในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการอภปิ รายและการทาํ แผนทค่ี วามคดิ (Mind Mapping) 6. องค์ประกอบทกั ษะชวี ิตสาํ คญั ทีเ่ กดิ จากกิจกรรม คอื ความคิดวเิ คราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ การเห็นคุณคาํ และความภมู ใิ จในตนเอง 216 ค่มู ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 209 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 20 เพลง คําสัญญา กอํ นจากกนั ขอสญั ญา ฝากประทบั ตรึงตราจนกวาํ จะพบกนั ใหมํ โบกมอื อาํ ลา สญั ญาด๎วยหัวใจ เพราะความรกั ตดิ ตรึงหวํ งใย ดว๎ ยใจผูกพนั มน่ั คง ด๎วยความดนี ้นั ฝงั ตรงึ จากไปแล๎วคํานึงตรงึ ประทับดวงใจ อยาํ ได๎ลืมเลอื น สญั ญากันไว๎อยาํ งไร ขอให๎เขาม่นั คงจิตใจ กา๎ วไปสวรรค๑สรา๎ งความดี *โอเ๎ พ่อื นเอย๐ เคยรวํ มสนุกกนั มา แตํเวลาต๎องพาใหเ๎ ราจากกนั ไมนํ านหรอกหนา เราคงไดมํ าพบกนั ไมมํ สี ง่ิ ใดขวางกั้น เพราะเรามั่นในสญั ญา หากแผํนดนิ ไมฝํ งั กาย จะสขุ จะทุกขเ๑ พยี งใดนอ๎ มกายยิม้ สฟ๎ู นั ฝา่ ร๎อยรกั ดวงใจ มั่นในคําสญั ญา สรา๎ งสรรค๑เพอื่ มวลประชา นค้ี อื สัญญาของเรา (ซ้ํา *) ความซื่อสัตย์ ความซอื่ สัตยเ๑ ปน็ สมบัตขิ องคนดี หากวาํ ใครไมมํ ี ชาตนิ เ้ี อาดไี มไํ ด๎ มคี วามรท๎ู วํ มหวั เอาตัวไมรํ อดถมไป คดโกงแลว๎ ใครจะรบั ไว๎ให๎รํวมการงาน ใบความรู้ พฒั นาการของคนวัยหนุ่มสาว วยั หนุมํ สาวคือระยะเวลาของชวี ิต ท่เี คลอื่ นออกจากชีวติ และบทบาทของเดก็ เพอ่ื ไปรบั ภาระตอํ อัน เป็นบทบาทของผใู๎ หญํ ฉะน้ัน วัยหนํุมสาวท่เี กยี่ วขอ๎ งในการแสวงหาความเปน็ ตวั ของตวั เองเป็นเบ้อื งต๎น เพ่อื บรรลถุ งึ เป้าหมายดังกลาํ ว คนหนมุํ จึงตอ๎ งพัวพนั กับงานและความเจรญิ เตบิ โตหลายประการ แตํละ ประการล๎วนมีความสมั พันธ๑ซงึ่ กนั และกนั เปน็ ตน๎ วํา การแสวงหาความเป็นตัวของตนในสงั คม ในเร่ืองเพศ ในเร่ืองอาชีพ ในเรอื่ งความหมายของชวี ติ สิ่งเหลํานี้จะสะทอ๎ นออกมาให๎เหน็ ได๎ในความประพฤติในเม่ือคน หนํมุ ได๎พยายามทดลองบทบาทของเขาในกาลตาํ งๆ ความประพฤตินัน้ ๆบํงชีถ้ ึงความเปลี่ยนแปลงทาง อารมณ๑ ทางเจตคติ ทางความนกึ ฝันและความหวํ งกงั วล จะแสดงด๎วยภาพ กจ็ ะเห็นได๎ดังน้ี ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 217 210 ค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3
วิถีชีวิต เกี่ยวกับการสังคม เกีย่ วกับเรอื่ งเพศ -ฉันเป็นคนประเภทอะไร -เพศตรงข๎ามเหน็ ฉันอยาํ งไร -ความสามารถในการผูกมติ ร -ความสามารถในการสมั พันธ๑ -หมํูพวกจะยอมรบั รองไหม -การยอมรบั เรือ่ งการเปลีย่ นแปลงทาง -ความสัมพันธก๑ บั บิดามารดา รํางกาย -ความสัมพนั ธก๑ ับผู๎ใหญํ -รจ๎ู ักบทบาทของชายหญิง -ความผิดหวงั -การกระทบกันระหวาํ ง ความเจริญเติบโตของรํางกาย และกฎ ของสงั คม เก่ยี วกบั เรอื่ งอาชีพ เกีย่ วกับความหมายในชีวิต -ฉันจะทาํ งานอาชพี อะไรดี -ชีวติ หมายความวําอยาํ งไร -พฒั นาทักษะเกี่ยวกบั สตปิ ัญญา -เลือกหาคาํ นิยมทางธรรมจรยิ า -เลือกและเตรียมตัวเพ่อื อาชพี -เร่ิมสรา๎ งความคิดเหน็ ทางการเมือง -มีเสรภี าพในเศรษฐกจิ -ความเชอื่ ทางศาสนา -ความหวังในความสมบูรณข๑ องชีวิต -อุดมคติเกย่ี วกบั สงั คม 218 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 211 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3
อทิ ธพิ ลตํางๆ ทมี่ ตี อํ คนวยั หนุํม มากเพียงไร? งานโรงเรยี น บิดามารดา สงั คมทัว่ ๆไป ผ๎ใู หญํทว่ั ๆไป วดั เพ่ือนบา๎ นใกล๎เคยี ง สอื่ มวลชน เพื่อนสนทิ วฒั นธรรม งานอดเิ รก กิจกรรมลกู เสือ สิ่งแวดลอ๎ ม ตวั อยา่ งคาํ ถาม (แบบสอบถามปลายเปิดเกย่ี วกับตนเอง) 1.ทาํ นคดิ วําอะไรเป็นเรื่องสาํ คัญมากในชวี ติ ของทําน เพือ่ น สุขภาพ ตาํ แหนํงงาน ความผาสกุ ใน ครอบครวั 2.ทาํ นมองเหน็ ตวั ทํานในอนาคต 10 ปี ข๎างหนา๎ วําจะเป็นอยาํ งไร 3.ทํานมคี วามคิดเห็นในเรือ่ งศาสนาอยาํ งไรบ๎าง 4.เมื่ออายุเทาํ ไร เราจงึ ควรทาํ การสมรส ทาํ นตอ๎ งการมีครอบครัวไหม 5.ทํานเหน็ วําอะไรเป็นสงิ่ สําคัญสําหรับทาํ นที่ควรเลือกเปน็ อาชพี ได๎ 6.ทาํ นคิดเหน็ เกี่ยวกับผใ๎ู หญํโดยทัว่ ไปอยํางไรบ๎าง ทํานคดิ เห็นวําผใู๎ หญบํ างคนแตกตํางกับผ๎ูใหญํ คนอน่ื บา๎ งไหม ทาํ ไม 7. ทําไมทาํ นจงึ คิดวาํ ทาํ นเป็นมิตรกับ….. 8. งานของโรงเรยี น/วิทยาลยั เปน็ อยาํ งไรบา๎ ง การซกั ถามน้นั จักทาํ ข้ึน เพอื่ เพงํ เลง็ ใหท๎ ราบถงึ ความต๎องการของคนหนุํมทัง้ หลายที่มีตอํ ปญั หา ชีวติ ของเราทัว่ ไปทกุ คน ปัญหาตาํ งๆ ไดย๎ กตวั อยาํ งไวเ๎ ปน็ ข๎อเสนอแนะดงั กลาํ วขา๎ งลาํ งนี้ แตํทาํ นอาจจะเลือกปัญหาหรอื จะใช๎วธิ ีกลําวนาํ การอภิปราย หรอื ตงั้ คาํ ถามเพื่อซกั ถามอยาํ งใดก็ได๎ คาํ ถาม ที่ใหไ๎ ว๎ขา๎ งลาํ งน้ี แตํทาํ นอาจจะเลอื กปญั หาหรอื จะใช๎วธิ กี ลาํ วนาํ การอภปิ ราย หรือตงั้ คาํ ถาม เพ่อื ซกั ถามอยํางใดกไ็ ด๎ คําถามทใ่ี หไ๎ ว๎ขา๎ งลํางนี้เป็นเพียงตวั อยําง และข๎อเสนอแนะเทาํ นนั้ ทํานไมํควรจะถอื ใหเ๎ ครงํ ครัดเกนิ ไป ในระยะแรกๆของการอภปิ รายนัน้ อาจจะปลอํ ยใหก๎ ารอภปิ ราย ลอยไปตามกระแส การอภิปรายบา๎ งกไ็ ด๎ ท้ังนีเ้ พื่อให๎ทกุ คนรูส๎ กึ มีความ “เป็นกันเอง” เกดิ ขึ้นเสียกํอน ถ๎าทํานชอบพธิ ีการตามแบบฉบบั ซง่ึ เป็นวธิ กี ารท่ดี ที ่สี ุดกย็ อํ มทาํ ได๎ จงระวังอยาํ คดิ วาํ ทาํ นมคี วามจําดี ทาํ น คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 219 212 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3
จะจดจาํ ไดท๎ กุ อยาํ งท่ไี ด๎พดู ไดก๎ ลาํ วกัน ทางทดี่ คี วรจดจําความคิดเหน็ ทส่ี ําคญั ไว๎ทนั ที เมือ่ เสรจ็ การอภิปรายกนั แล๎ว จงพยายามพดู ถงึ ปัญหาสาํ คญั เชํน เจตคตเิ กีย่ วกบั เพ่อื น ครอบครวั โรงเรยี น การเลือกอาชีพ เพศ กฬี า ศาสนา ผ๎ูใหญํ การเงิน การเมืองให๎มากทสี่ ุด ไมํใชเํ ป็นคําถามทม่ี คี าํ ตอบอยาํ งเดยี ว เร่อื งส้ันท่ีเป็นประโยชน์ บญุ คณุ ตอ้ งตอบแทน มคี รอบครัวหน่ึง อาศยั อยใํู นบา๎ นหลังเดยี วกนั ทรี่ ิมฝ่ังแมํนา้ํ ฮวงโห มีอยดํู ว๎ ยกัน 3 คน คอื ปู่อายุ 70 ปี พํออายุ 50 ปี และลกู ชายวัย 20 ปี ป่นู นั้ ปว่ ยเป็นอัมพาต เดินไมไํ ด๎ ตอ๎ งคอยปอ้ นอาหาร กนั ทุกวัน เวลาถํายอจุ จาระ ปสั สาวะ กต็ อ๎ งถาํ ยอยํูกับที่ สองพํอลกู ต๎องออกไปทํางานนอกบ๎านทุกวนั กลับ ถึงบา๎ นกต็ ๎องหุงหาอาหาร ป้อนขา๎ วใหน๎ าํ้ เปล่ียนเสือ้ ผา๎ และทําความสะอาดให๎ปู่กเ็ ปน็ เวลาดกึ เหตกุ ารณ๑ ดําเนนิ ไปเชํนนี้ทกุ วนั ในทส่ี ดุ พํอทนไมไํ หว กพ็ ูดกบั ลกู ชายวําขน้ึ วํา “ปขู่ องเจา๎ นน้ั เปน็ โรคที่รักษาไมํหาย เจ๎าเองกไ็ ดร๎ บั ความลาํ บาก ตอ๎ งคอยดแู ลปู่ทุกวัน เรานาํ จะเอาปู่ใสํเขงํ แลว๎ เอาไปทง้ิ ที่แมนํ ํา้ จะดกี วํา เจา๎ เหน็ ดว๎ ยไหม” ลกู ชายนง่ิ คิดแลว๎ กต็ อบวาํ “กส็ ุดแล๎วแตพํ ํอเถิด” ในคนื วนั น้นั เม่ือเหน็ ชาวบา๎ นนอนหลับหมดแลว๎ พอํ ลกู กช็ ํวยกันอุม๎ ปู่ลงเขงํ แลว๎ หามเขํงน้นั ไปที่ริมฝัง่ แมํนา้ํ ฮวงโห กอํ นทจ่ี ะโยนเขงํ ท่ีใสปํ ลู่ งไปในแมํนาํ้ ลกู ชายกพ็ ูดกบั พํอวํา “พํอครบั กอํ นจะโยนปูล่ งไปในแมํนาํ้ ควรเอาปอู่ อกจากเขํงกอํ น แล๎วจงึ โยนตวั ป่อู ยาํ งเดยี ว ลงไป”คําพูดของลกู ชายทาํ ใหพ๎ อํ มคี วามสงสยั อยํางมากจึงถามลกู ชายไปวํา “เจ๎าจะเกบ็ เขํงไวท๎ าํ ไม” ลกู ชายเหลอื บนัยนต๑ ามองพอํ แลว๎ จงึ ตอบคาํ ถามวาํ “เอา๎ ผมก็จะเกบ็ ไวใ๎ สพํ อํ ตอนทพ่ี อํ แกํตัวลง และตอ๎ งนอนป่วยอยาํ งป่นู ้ี แล๎วผมกจ็ ะจบั พอํ ใสํเขํงเอามาท้ิงแมํนํา้ อยาํ งทีพ่ อํ กับผมกําลังทาํ อยเูํ ดี๋ยวนี้” เม่อื พอํ ไดฟ๎ งั คาํ ตอบจากลกู ชายกไ็ ด๎คดิ จงึ เปลย่ี นใจให๎ลกู ชายหามปกู่ ลบั ไปบา๎ นเพอ่ื รกั ษา และเล้ียงดเู หมอื นเดมิ เรื่องนสี้ อนให้รวู้ า่ การเลีย้ งดูบพุ การเี ป็นหนา๎ ทีข่ องลกู หลานทตี่ ๎องทดแทนบญุ คณุ 220 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 213 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3
ฟังเหตผุ ลกอ่ น มสี ามีภรรยาสองคน อยกํู นั กนั มารวํ มยส่ี บิ ปแี ลว๎ จนมีลกู เตา๎ โตกนั หมด ท้ังคํรู กั กนั ดีมาก และดเู หมอื นความรกั ของท้งั สองจะเปน็ ท่อี จิ ฉาของคนทว้ั ่ ไปทีม่ องแลว๎ เห็นความอบอุนํ ของคํูรกั น้ี ไมเํ สอ่ื มคลาย วันหนึง่ ฝา่ ยทงั้ คอํู ยากจัดงานครบรอบแตงํ งานปที ี่ 30 ก็เชญิ แขกเหรือมาตามประสา พอถงึ วนั งานท้งั คูตํ อ๎ งจัดเตรียมงานมากมายตงั้ แตํเช๎าจนงานเลิกแทบจะไมํได๎ทานอะไรกันเลย ทง้ั สองกเ็ ข๎าวัยชราแลว๎ ท้ังเหนื่อยท้งั เพลยี และหิวมาก เม่อื กลับมาถึงบ๎าน ฝา่ ยภรรยากพ็ ดู กับสามวี ํา เดี๋ยวคณุ ไปรอทนี่ อกระเบียงนะ ชั้นจะเอาขนมปงั และกาแฟมาให๎ทานกอํ น (ปกติแล๎วภรรยาจะเตรียมขนมปังหัวกะโหลกให๎สามีทาน กบั กาแฟเปน็ ประจาํ ซ่ึงขนมปังหัวกะโหลกน้ี เป็นขนมปงั แถวไมไํ ดต๎ ดั เป็นแผํนสวํ นบนจะเกรยี ม จากการอบ) สักครูํภรรยาจึงหยิบขนมปังหัวกะโหลกมาพร๎อมกาแฟมาเสริฟให๎สามีสุดที่รัก ฝ่ายสามีรับมาแล๎วจงึ หยิบขนมปงั ขึ้นมาบิสํวนบนทเ่ี กรยี มๆ นน้ั แล๎วยนื่ แบํงใหก๎ ับภรรยา ฝา่ ยภรรยานิง่ องึ้ ไป แล๎วตะหวาดใสสํ ามอี ยํางเหลอื อดวาํ “ทาํ ไมตอ๎ งเอาแตํไอส๎ ํวนทไี่ หมๆ๎ ให๎ เบ่อื คนเหน็ แกํตัว” แลว๎ แกก็บนํ เป็นยกใหญํ แตํฝ่ายสามกี ลบั น่ิงด๎วยความความอดทน เมอื่ เหน็ ภรรยาเร่ิมนิ่งแล๎วเขาจึงพดู กับกับภรรยาสุดที่รักของเขาวาํ “ท่รี กั ...ท่ผี มแบงํ สํวนที่เกรียมน้นั ให๎เพราะมันเป็นสํวนท่ผี มชอบนะ ทกี่ ๎นๆ น้ันมันนม่ิ ผมไมชํ อบเลย ผมกเ็ ลยกินเอง” ฝา่ ยภรรยาไดย๎ นิ ดังนัน้ จงึ หยุดนิ่งดสู หี นา๎ เครยี ดและนิง่ อง้ึ ไป และหันกลบั มาขอโทษสามี ท่ีตนเองผิดทโ่ี มโหแลว๎ ใชอ๎ ารมณ๑โดยไมหํ ยดุ ตรองหรือไตถํ ามให๎ดกี อํ น เรื่องน้สี อนให้รวู้ า่ การรบั ฟงั เหตผุ ลของผอ๎ู ่ืนจะทําใหเ๎ กิดความเขา๎ ใจกนั ดีกวาํ ไมยํ อมรับฟัง คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 221 214 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5–6 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ(ปวช. 2-3) หนว่ ยท่ี 10 รักและศรทั ธา สถาบนั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ เวลา 3 ช่ัวโมง แผนการจัดกิจกรรมท่ี 21 ประวตั ศิ าสตรก์ ารเสียดินแดนไทย 1. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ลูกเสอื สามารถบอกความสําคัญของบรรพชนผ๎อู ุทิศตน สละชวี ิตเพอื่ ชาตพิ อสังเขปได๎ 1.2 ลกู เสือสามารถเลําประวัตกิ ารสูญเสียดนิ แดนทั้ง 14 ครัง้ พอสังเขปได๎ 2. เนอื้ หา 2.1 การเชิดชูเกียรตปิ ระวัติศาสตร๑ ของบรรพชนผ๎อู ุทศิ ตน สละชวี ติ สมยั กอํ นตงั้ พื้นแผนํ ดนิ ไทย 2.2 ประวัติศาสตร๑การเสยี ดินแดนของประเทศไทย 14 คร้งั 3. สือ่ การเรยี นรู้ 3.1 แผนภูมิเพลง 3.2 ใบความรู๎ 3.3 แผํนภาพ หรือแผนท่ี หรือวีดีทัศน๑ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เรือ่ งการสูญเสยี ดินแดนไทย 14 ครงั้ 3.4 เรอื่ งสน้ั ทีเ่ ป็นประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 กิจกรรมครง้ั ท่ี 1 1) พิธเี ปดิ ประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 2) เพลง หรอื เกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก๑ ารเรยี นร๎ู (1) ผก๎ู ํากับลกู เสอื นาํ สนทนาประวตั ศิ าสตรช๑ นชาตไิ ทยท่ีรักษาไวใ๎ หล๎ กู หลาน ประกอบแผนท่ี หรือวดี ที ัศน๑ สมัยรัชกาลท่ี 1 “ทศิ เหนอื จรดทศิ ใต๎ ทิศตะวนั ออกจรดทิศตะวนั ตก อาณาจักรชนชาติไทยล๎วน แล๎วแตมํ ีชายฝั่งทะเลอนั งดงามล๎อมรอบประเทศแทบท้ังส้ิน แตถํ กู กัดกรํอนแผนํ ดิน ตอ๎ งสญู เสียดินแดนไทย ให๎กับตาํ งชาติ ถึง 14 ครัง้ ” (2) ผูก๎ ํากบั ลกู เสอื บรรยายเหตกุ ารณก๑ ารสญู เสยี ดนิ แดน ต้ังแตํคร้ังท่ี 1 ถึงครง้ั ท่ี 14 โดยใช๎ แผนทป่ี ระกอบวีดีทศั น๑ (หรือจดั กจิ กรรมใหล๎ กู เสอื ได๎แบงํ กลมุํ กจิ กรรมเป็น 4 กลมํุ โดยใหล๎ กู เสอื ทําการ วางแผนจัดการกิจกรรมบทบาทการแสดง หรอื การบรรยายเป็นกลํุม เพ่ือนําเสนอในการประชุมกองคร้งั ถดั ไป โดยแบงํ กลุมํ เป็นสองกลุม่ กลุํมที1่ -2 นําเสนอสปั ดาหเ๑ ดียวกนั และสปั ดาห๑ถดั เป็นกลมุํ ท่ี 3-4 - ลกู เสอื กลมํุ ท่ี 1 การสูญเสยี ดินแดนครัง้ ที่ 1 ถงึ คร้ังท่ี 4 222 ค่มู ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ ือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 215 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
- ลกู เสือกลํุมที่ 2 การสญู เสียดินแดนครั้งที่ 5 ถงึ คร้ังที่ 7 - ลกู เสอื กลํมุ ที่ 3 การสญู เสยี ดนิ แดนครั้งที่ 8 ถงึ ครงั้ ท่ี 11 - ลูกเสือกลมํุ ท่ี 4 การสูญเสยี ดนิ แดนครัง้ ที่ 12 ถงึ ครั้งท่ี 14 (3) ผกู๎ าํ กบั ลูกเสอื สรุปเรือ่ งท่ลี ูกเสือจะนาํ เสนอในสปั ดาหต๑ อํ ไป 4) ผูก๎ าํ กับเลาํ เร่ืองสั้นที่เป็นประโยชน๑ 5) พิธปี ดิ ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครื่องแบบ ชกั ธงลง เลิก) 4.2 กิจกรรมคร้ังท่ี 2 1) พิธเี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบนิ่ง ตรวจ แยก) 2) เพลง หรือเกม 3) กจิ กรรมตามจุดประสงค๑การเรียนรู๎ (1) ผ๎ูกาํ กับลูกเสอื ทบทวนการนําเสนอกจิ กรรม (2) ลกู เสอื กลมุํ ที่ 1 และ 2 นาํ เสนอกิจกรรม (3) ผู๎แทนกลุมํ ลกู เสือท้งั สองกลุํม สรุปการสูญเสียดนิ แดนทงั้ 7 ครั้ง (4) ผู๎กาํ กบั ลูกเสอื สรุปการนาํ เสนอเพ่ิมเตมิ และนดั หมายครั้งตํอไป 4) ผ๎กู าํ กับลูกเสอื เลําเร่อื งสั้นท่ีเปน็ ประโยชน๑ 5) พธิ ปี ดิ ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) 4.3 กจิ กรรมครัง้ ท่ี 3 1) พิธีเปิดประชมุ กอง (ชักธงขึน้ สวดมนต๑ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 2) เพลง หรือเกม 3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก๑ ารเรยี นร๎ู (1) ผก๎ู ํากับลกู เสือทบทวนการนาํ เสนอสปั ดาหท๑ ีผ่ ํานมา (2) ลูกเสอื กลุมํ ที่ 3 และ 4 นําเสนอกจิ กรรม (3) ผ๎ูแทนกลํมุ ลกู เสอื ทง้ั สองกลํมุ สรปุ การสญู เสียดินแดนทงั้ 7 ครง้ั (4) ผูก๎ าํ กับลูกเสือสรปุ การสูญเสยี ดินแดนท้ัง 14 คร้ัง 4) ผกู๎ ํากับลูกเสือเลําเรอ่ื งสนั้ ท่ีเป็นประโยชน๑ 5) พิธีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สงั เกตความรํวมมือในการปฏิบตั ิกจิ กรรม 5.2 สังเกตจากการสรปุ บทเรียนของลกู เสอื 6. องค์ประกอบทกั ษะชีวติ สําคญั ท่เี กดิ จากกจิ กรรม คอื ความคิดวิเคราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนักถงึ ความสาํ คัญความภมู ิใจ รักและศรัทธาใน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ๑ ค่มู อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 223 216 ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
เพลง ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมที่ 21 สดุ ดนิ คอื ถิน่ นํ้า สดุ แผน่ ดนิ เขตขามไทยสุดแนว เราถอยไปไมํได๎อีกแลว๎ ผืนดนิ ส้นิ แนวทะเลกวา๎ งใหญํ ชาติไทยในเกํากาล ถกู เขารานย่าํ ใจ เคยเสยี น้าํ ตามากเพียงไหน เสียเนอื้ เลอื ดเทาํ ไรชาวไทยจาํ ได๎ดี เราถอยมาอยแํู สนไกล รวมเผําไทยอยํูอยาํ งเสรี พระสยามทรงนํา้ โชคดี ผืนดินถ่ินนค้ี ือแผํนดนิ ทอง ไมํมที ่ีแหงํ ไหน ให๎ไทยไปจับจอง เราถอยไปไมํได๎พ่นี อ๎ ง ใครคดิ มาแยํงครองผองไทยจงส๎ูตาย ต้นตระกูลไทย ต๎นตระกลู ไทยใจทํานเหี้ยมหาญ รักษาดินแดนไทยไว๎ใหล๎ กู หลาน ส๎จู นสญู เสยี แม๎ชีวติ ของทําน เพอื่ ถนอมบ๎านเมอื งไว๎ใหเ๎ รา ลกุ ขนึ้ เถิดพน่ี ๎องไทย อยําให๎ชวี ิตสูญเปลาํ รักชาติย่งิ ชพี ของเรา เหมอื นดงั่ พงศ๑เผาํ ตระกลู ไทย ทาํ นพระยารามผมู๎ คี วามแข็งขนั ส๎รู บป้องกนั มไิ ด๎ยอมแพพ๎ ําย พระราชมนทู หารสมยั ก๎ชู าติ แสดงความสามารถได๎ชัยชนะมากหลาย เจ๎าพระยาโกษาเหล็ก ทาํ นเปน็ แมทํ พั ชน้ั เอก ของสมเด็จพระนารายณ๑ สีหราชเดโช ผจญสงครามใหญโํ ต ตํอตศี ตั รแู พพ๎ ําย เจ๎าคุณพิชัยดาบหกั ผูก๎ ล๎าหาญยง่ิ นกั ล๎วนเปน็ ต๎นตระกลู ไทย หมูบํ ุคคลสาํ คญั หัวหน๎าชาวบางระจนั ทีเ่ ราหาชือ่ ได๎ นายแทํน นายดอก นายอิน นายเมอื ง ขุนสรร พันเร่อื ง นายทองแสงใหญํ นายโชติ นายทองเหม็น ทํานเหลําน้ีลว๎ นเปน็ ผก๎ุู้ ลา๎้ หาญชาญญชชยัย นายจนั หนวดเข้ยี วกบั นายทองแกว๎ ทาํ ชอื่ เพรดิ แพร๎วไว๎ลายเลือดไทย ชาวบางระจันสําคญั ยิง่ ใหญํ เป็นต๎นตระกลู ของไทย ทคี่ วรระลกึ ตลอดกาล องค๑พระสุริโยทัย ยอดหญิงไทย สละพระองค๑เพอ่ื ชาติ ท๎าวเทพสตรี ทา๎ วศรีสุนทร ปอ้ งกันถลางนคร ไวด๎ ว๎ ยความสามารถ ท๎าวสุรนารี ผเ๎ู ปน็ นกั รบสตรี กลา๎ หาญองอาจ ปอ้ งกันอสิ านต๎านศตั รูของชาติ ล๎วนเป็นสตรสี ามารถ ตน๎ ตระกูลของไทย 224 คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 217 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 2-3
รกั เมอื งไทย ใครจะรักใครใคร ฉันรกั เมืองไทยของฉนั เมอื งเดยี ว เมืองไหนฉนั ไมยํ ํุงเกี่ยว (ซา้ํ ) รกั เดยี วใจเดียว ฉันรักเมอื งไทย ใบความรู้ ประวัตศิ าสตร์การเสยี ดินแดนของประเทศไทย ครง้ั ที่ 1 เสียเกาะหมาก (ปีนงั ) ให๎กบั ประเทศองั กฤษ เมอ่ื 11 สงิ หาคม 2329 พ้นื ที่ 375 ตร.กม. ในสมยั ร.1 เกิด จาก พระยาไทรบุรี ให๎องั กฤษเชาํ เกาะหมาก เพอื่ หวงั จะขอให๎องั กฤษคม๎ุ ครองเกาะหมากจากกองทัพ ของกรมพระราชวังบวรสถาน มงคล ซึ่งยกทพั มาจัดระเบียบหัวเมืองปกั ษ๑ใต๎ ในทสี่ ดุ องั กฤษกย็ ดึ เอาไป ครั้งท่ี 2 เสียมะริด ทวาย ตะนาวศรี ใหก๎ บั พมาํ เม่อื 16 มกราคม 2336 พน้ื ท่ี 55,000 ตร.กม. ในสมยั ร.1 แตเํ ดิมเป็นของไทยครั้งสมยั สโุ ขทัย มังสัจจา เจ๎าเมืองทวายเป็นไส๎ศึกใหพ๎ มาํ รชั กาลท่ี 1 ไมสํ ามารถตีคนื จากพมําได๎ ประกอบกับชาวเมืองทวายไมพํ อใจกองทพั ไทยท่ีเขา๎ ยึดครอง จึงตกเปน็ ของพมําไป คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 225 218 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3
ครงั้ ท่ี 3 เสียบันทายมาศ (ฮาเตยี น) ใหก๎ บั ฝร่ังเศส เมอ่ื พ.ศ.2353 ในสมยั รัชกาลท่ี 2 คร้ังท่ี 4 เสียแสนหวี เมืองพง เชียงตุง ให๎กับพมําเม่ือ พ.ศ.2368 พ้ืนท่ี 62,000 ตร.กม.ในสมัย รัชกาลที่ 3 แตํเดิมเราได๎ดินแดนนี้มาในสมัยรัชกาลท่ี 1 โดยพระเจ๎ากาวิละ ยกทัพไปตีมาข้ึนอยํูกับไทยได๎ 20 ปี เน่ืองจากเป็นดินแดนที่อยูํไกล ประกอบกับเกิดกบฏเจ๎าอนุเวียงจันทร๑และเกิดกบฏทางหัวเมืองปักษ๑ใต๎ (กลันตัน ไทรบุรี) ไทยจึงหํวงหน๎าพะวงหลัง ไมํมีกําลังใจจะยึดครอง หลังจากน้ันพมําเป็นเมืองข้ึนของ อังกฤษ เชยี งตุงก็เปน็ ของอังกฤษโดยส้ินเชิง 226 คู่มอื ส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 219 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3
ครั้งที่ 5 เสยี รฐั เปรัค ให๎กบั องั กฤษเมือ่ พ.ศ.2369 ในสมยั รัชกาลที่ 3 เปน็ การสญู เสยี ทท่ี าํ รา๎ ยจติ ใจ คนไทย ทงั้ ชาติ เพราะเปน็ การสูญทหี่ ํางจากครง้ั กอํ นไมํถึง 1 ปี ครั้งท่ี 6 เสยี สบิ สองปนั นา ให๎กับจนี เมือ่ 1 พฤษภาคม 2393 พน้ื ท่ี 90,000 ตร.กม. ในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็น ดินแดนในยูนานตอนใต๎ของประเทศจนี เมืองเชยี งรง๎ุ เปน็ เมอื ง หลวงของไทยสมัยรชั กาลท่ี 1 ตํอมาเกิดการ แยงํ ชิงราชสมบตั ิกันเอง แสนหวีฟา้ มหาอุปราชหนลี งมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในสมยั รชั กาลที่ 3 ได๎เกณฑ๑ ทพั เชียงใหมํ ลําปาง ลาํ พนู ไปตีเมืองเชียงตุง (ต๎องตีเมืองเชียงตุงให๎ได๎กํอนจึงจะได๎เชียงร๎ุง) แตํไมํสําเร็จ เพราะไมํพร๎อมเพรียงกัน มาในสมัยรัชกาลท่ี 4 ได๎ให๎กรมหลวงลวษาธิราชสนิท (ต๎นตระกูลสนิทวงศ๑) ยก ทพั ไปตเี ชียงตงุ เป็นครง้ั ท่ี 2 แตํไมสํ ําเรจ็ จึงตอ๎ งเสียใหจ๎ ีนไป คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 227 220 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
ครั้งที่ 7 เสยี เขมรและเกาะ 6 เกาะ ให๎กบั ฝรั่งเศส เมอ่ื วันที่ 15 กรกฎาคม 2410 พ้ืนท่ี 124,000 ตร.กม. ใน สมยั ร.4 ฝรั่งเศสบงั คับให๎เขมรทาํ สญั ญารับความคุ๎มครอง จากฝร่ังเศส หลังจากน้ันได๎ดําเนินการทางการ ฑูตกบั ไทย ขอใหม๎ กี ารปกั ปนั เขตแดน เขมรกับญวน แตกํ ลบั ตกลงกันไมํได๎ ขณะน้ันพระป่นิ เกลา๎ แมํทพั เรอื สวรรคต ไทยจึงอํอนแอ ฝร่ังเศสจึงฉวยโอกาสบังคับทําสัญญารับรองความอารักขาจาก ฝร่ังเศสตํอเขมร ในชํวงนี้เอง อังกฤษกับฝร่ังเศสได๎ทําสัญญากันเม่ือ 15 มกราคม 2438 โดยตกลงกันให๎ไทยเป็นรัฐกันชน ประกอบกับ การดําเนินนโยบายของ ร.5 ท่ีไปประพาสยโุ รปถงึ 2 คร้งั ทําใหอ๎ งั กฤษ เยอรมัน รัสเซียเห็นใจ ไทย ฝรงั เศสจึงยดึ ดินแดนไป ครง้ั ที่ 8 เสียสบิ สองจไุ ทย (เมืองไล เมืองเชียงคอ๎ ) ให๎กับฝรัง่ เศส เมื่อ 22 ธนั วาคม 2431 พน้ื ท่ี 87,000 ตร. กม. ในสมยั รชั กาลที่ 5 พวกฮอํ กํอกบฏ ทางฝา่ ยไทยจัด กําลังไปปราบ 2 กองทัพ แตํปฏิบัติเป็นอิสระแกํ กนั อกี ทง้ั แมํทพั ทงั้ สองไมถํ ูกกนั จึงเปน็ โอกาสให๎ฝร่ังเศสสงํ ทหารเข๎าเมอื งไล โดยอ๎างวํา มาชํวยไทยปราบ ฮอํ แตํหลัง จากปราบได๎แล๎ว ก็ไมํยอมยกทพั กลบั อีกทง้ั ไทยก็ไมํได๎จัดกําลังไว๎ยึดครองอีกด๎วย จนในที่สุด ไทยกบั ฝร่ังเศสได๎ทําสญั ญากนั ทเี่ มืองแถง (เบียนฟ)ู ยอมใหฝ๎ รัง่ เศสรกั ษา เมืองไลและเมืองเชียงคอ๎ 228 ค่มู ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 221 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3
ครัง้ ท่ี 9 เสียดินแดนฝ่งั ซ๎ายแมนํ าํ้ สาละวนิ (5 เมืองเงยี้ ว และ 13 เมืองกะเหรย่ี ง) ใหก๎ ับประเทศอังกฤษใน สมัย รชั กาลท่ี 5 เมือ่ 27 ตลุ าคม พ.ศ. 2435 เปน็ การสญู เสยี ครัง้ ยงิ่ ใหญทํ างดา๎ นรัฐศาสตร๑ เศรษฐกจิ และ ทรพั ยากร อันอดุ ม ดว๎ ยดนิ แดนผนื ปา่ อันอดุ มสมบูรณย๑ ่งิ ครง้ั ท่ี 10 เสียดนิ แดนฝ่งั ซา๎ ยแมนํ า้ํ โขง (อาณาจกั รลา๎ นชา๎ ง หรือประเทศลาว) ให๎กับฝร่ังเศส เมื่อ 3 ตุลาคม 2436 พ้ืนที่ 143,000 ตร.กม. ในสมัยรัชกาลท่ี 5 เป็นของไทยมาตั้งแตํ สมัยสมเด็จพระนเรศวร ต๎องเสีย ให๎กับฝร่ังเศสตามสัญญา ไทยกับฝร่ังเศส เทําน้ันยังไมํพอ ฝร่ังเศสเรียกเงินจากไทย 1 ล๎านบาท เป็น คําเสียหายที่ต๎องรบกับไทย เสียคําประกันวําไทยต๎องปฏิบัติตามสัญญาอีก 3 ล๎านบาท และยังไมํพอ ฝร่งั เศสได๎ สงํ ทหารมายดึ เมอื งจนั ทบุรีและตราด ไว๎ถงึ 15 ปี นับวาํ เป็นความเจบ็ ปวดทสี่ ุด ของไทยถึงขนาด ที่เจา๎ นายฝา่ ยในต๎องขาย เคร่ืองแตํงกายเพื่อนําเงินมาถวาย ร.5 เป็นคําปรับ ร.5 ต๎องนําถุงแดง (เงินพระ คลงั ข๎างที)่ ออกมาใช๎ คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 229 222 คู่มือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3
ครั้งท่ี 11 เสียดินแดนฝั่งขวาแมํนํ้าโขง (ตรงข๎ามเมืองหลวงพระบาง ดินแดนในทิศตะวันออกของนํานคือ จาํ ปาสกั และไซยะบูล)ี ใหก๎ บั ฝร่งั เศสเมอ่ื 12 พฤษภาคม 2446 พ้ืนท่ี 25,500 ตร.กม. ในสมัย.ร.5 ไทยทํา สญั ญากบั ฝรั่งเศส เพือ่ ขอใหฝ๎ รงั่ เศสคนื จนั ทบรุ ใี หไ๎ ทย แตฝํ รง่ั เศสถอนไปแตํจันทบุรีแล๎วไปยึด เมืองตราด แทนอีก 5 ปี แล๎วเมื่อฝร่ังเศสได๎ หลวงพระบางแล๎วยังลุกล้ํายํานนาดี, ดํานซ๎าย จ.เลย และยังได๎เอาศิลา จารึกท่ี พระเจดยี ๑ศรีสองรักษ๑ไปดว๎ ย ครง้ั ที่ 12 เสยี มณลฑฑลบูรพา (พระตะบอง,เสียมราฐ,ศรีโสภณ) ใหก๎ ับฝรง่ั เศส เม่อื 23 มคี . 2449 พื้นที่ 51,000 ตร.กม. ในสมยั ร.5 ไทยได๎ทาํ สญั ญากับฝรังเศส เพื่อแลกกบั ตราด,เกาะกง,ดํานซา๎ ย ตลอดจนอาํ นาจศาล ไทยท่จี ะบงั คับตอํ คนในบงั คับ ของฝรงั่ เศส ในประเทศไทย เพราะขณะนั้นมีคนจีนญวนไปพ่ึงธงฝร่ังเศสกัน มาก เพื่อสิทธกิ ารคา๎ ขาย ฝรั่งเศสก็เพียงแตํถอนทหารออกจากตราดเมื่อ 6 กรกฎาคม 2450 กับดํานซ๎าย คงเหลอื แตํเกาะกงไมคํ ืนใหไ๎ ทย 230 ค่มู ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 223 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
ครั้งท่ี 13 เสียรัฐกลนั ตัน,ตรังกาน,ู ไทรบุรี, ปริส ใหก๎ บั องั กฤษเมอื่ 10 มนี าคม 2451 พืน้ ที่ 80,000 ตร.กม. ในสมัย ร.5 ไทยได๎ทาํ สัญญากบั อังกฤษ เพอ่ื ใหไ๎ ดม๎ าซึง่ อาํ นาจ ศาลไทยทีจ่ ะบงั คบั คดคี วามผดิ ของคน องั กฤษในไทย ครง้ั ที่ 14 เสียเขาพระวหิ าร ให๎กบั เขมรเมอ่ื 15 มิถุนายน 2505 พน้ื ท่ี 2 ตร.กม. ในสมยั ร.9 ตามคาํ พิพากษาของศาลโลก ใหเ๎ ขาพระวหิ ารตกเปน็ ของเขมร เนอื่ งมาจาก หลกั ฐานสาํ คญั ของเขมร ในสมยั ทีเ่ ป็น ของฝรง่ั เศส เมือ่ รว๎ู าํ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ จะเสดจ็ เขาพระวิหาร จงึ ขึ้นไปกํอนแลว๎ ชกั ธงชาตฝิ ร่ังเศส รบั เสดจ็ แล๎วถาํ ยรูปไว๎เปน็ หลกั ฐาน และนาํ มาใช๎เปน็ หลกั ฐานสําคัญทแ่ี สดงตํอศาลโลก ดว๎ ยเสยี ง 9 ตอํ 3 พ.ศ. 2550 กมั พูชาเสนอองคก๑ ารยเู นสโก ใหข๎ น้ึ ทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก แตยํ งั ไมมํ ีขอ๎ สรปุ 18 มิถนุ ายน พ.ศ. 2551 นาย นพดล ปทั มะ รัฐมนตรวี ํากระทรวงการตาํ งประเทศ ได๎ลงนามยนิ ยอมให๎ กมั พูชาขน้ึ ทะเบยี นปราสาทพระวหิ ารเป็นมรดกโลกแตํฝา่ ยเดยี ว รํวมกบั นายองึ เซยี น เอกอคั รราชทูต กมั พชู า และเจ๎าหนา๎ ท่ีที่เกย่ี วขอ๎ ง 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ทางการกมั พูชาปดิ ปราสาทพระวหิ ารช่วั คราว หว่นั ผูไ๎ มํประสงคด๑ ีเขา๎ ไปทาํ รา๎ ยชาวกมั พชู าในบริเวณใกลเ๎ คียง 28 มถิ ุนายน พ.ศ. 2551 ศาลปกครองกลาง มีคาํ สง่ั ค๎มุ ครองช่วั คราว ใหก๎ ระทรวงการตาํ งประเทศและคณะรัฐมนตรียตุ ิ การดาํ เนนิ การตามมติ ครม.ที่ รบั รองการออกแถลงการณร๑ ํวมไทย-กมั พูชาสนบั สนนุ ใหก๎ มั พูชาจดทะเบยี น ปราสาทพระวิหารเปน็ มรดก โลก ไปจนกวําคดจี ะเปน็ ท่สี นิ้ สุด หรือ ศาลจะมคี าํ สง่ั เปน็ อยํางอื่น 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 องค๑การยเู นสโก ประกาศรับปราสาทพระวหิ ารขนึ้ เปน็ มรดกโลก คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 231 224 ค่มู อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3
เเรร่ืออ่ื งงสสนนั้ั้ ทท่่ีีเเปป็น็นปปรระะโโยยชชนน์์ ลิงกบั พระราชา ลิงกบั พระราชา นานมาแล๎ว มีพระราชาองค๑หน่ึงมีอํานาจมาก และเป็นราชาแหํงสัตว๑ทั้งปวง สัตว๑ท่ีอยํูภายใต๎การ ปกครองนขาอนงพมาระแอลง๎วคม๑ พีพรระะอรงาคช๑ทารองงดคูแ๑หลนอึ่งยมําีองําในกลาจ๎ชมิดาแกละแเลปะ็นเธปร็นรรมาชวาันแหหนํงึ่งสพัตรวะ๑ทรั้งาปชวาตง ๎อสงัตกวา๑ทรี่อทยดูํภสาอยบใวตํา๎กใานร บปกรรคดราอสงตัขวอท๑ งพงั้ หรละอายงคล๑ พกู สระัตอวงใ๑ คด๑ทเปร็นงดลกููแสลตัอวยท๑ําง่ีสใวกยลง๎ชาิดมแทลี่สะุดเปแ็นลธะเรหรมมาวะันสมหทน่ีสึ่งุดพรจะึงรไาดช๎เารตีย๎อกงบกรารรดทาดสสัตอวบ๑ทวั้งําหมในด บใหร๎นรดาํ ลาสูกตัๆวขท๑ องั้ งหตลนายเองลมูกาสดัตว๎ วยใ๑ ดสเปตั ว็นท๑ ลกุกู ตสวัตั ลว๎ว๑ทนี่สมวคียวงาามมทสุขส่ี กดุ บั แคลําะสเห่งั นมี้ าบะรสรมดทาส่ีคุดรอจบึงคไรดัว๎เแรีพยกะกบ็นรราํ ดลาูกสแัตพวะ๑ทม้ังาหดม๎วดย ใแหมน๎วํากล็นกู าํ ๆลกู ขแอมงวตมนาเอหงมมาากดน็ ว๎ ํายลสูกัตหวมท๑ าุกมตาัวมล๎าว๎ กนว็ มงิ่ ีคเยวาาะมๆสขุ มกาับพครํา๎อสมั่งดนว๎ ี้ ยบลรูกรดมาา๎ คแรกอะบเคดรินัวมแาพพะรกะ็นรําาลชูกวังแพพระ๎อมมาดด๎ว๎วยย ลแูมกวแกก็นะําบลรกู รแดมาวคมราอหบมคารกัวน็สัตาํ ลวกู๑ลห๎วนมามมาาพมร๎อ๎ากม็วก่งิับเยลาูกะขๆองมตานพรทอ๎ ํามใดห๎ว๎พยรละูกรมาา๎ชวแังกเะบเียดดนิ เมสาียพดรยะัดราเยชียวังดพแรล๎อะมเดส๎วียยง อลูึกกแทกึกะอื้อบอรึงรดแามคํลริงอมบาคชร๎าัวทส่ีสัตุดวใ๑ลน๎วบนรมรดาาพสรัต๎อวม๑ทกั้งับหลมูกดขอแงมตํลนิงมทาําพใรห๎อ๎พมรดะ๎วรยาลชูกวังลเิงบซีย่ึงดมเาสพียรด๎อยมัดดเ๎วยยียหดนแ๎าลตะาเหสนีย๎าง หอึกวั เทรึกาะอม้ือาอกึง ลแูกมลํลงิ ิงหมนาา๎ชก๎าลทม่ีสุดมใหี นูกบลรมรใดหาญสัตํ จวม๑ทูก้ังแหบมนดตแวั มกํล็ไิงมมมํ าีขพนร๎บอมรรดด๎วายแลมูกํสลัติงวซ๑ท่ึงั้งมหาลพารย๎อพมาดก๎วันยหหัวนเ๎ารตาะาหเมน่ือ๎า หเหัวน็ เรลาูกะลมงิ าตกัวเลลกู ็กลๆงิ หทน่กี ๎าอกดลตมิดมอกีหแกู มลํมลใูกหลญิงคํ จอมยูกหแลบบนซตํอนัวกห็ไนม๎าํมเมีขอื่นไบด๎ยรรินดเสาแียมงหํสวััตเวร๑ทาะ้ังดหังลๆายเพป็นากคันราหวัวๆเราแะมํลเมิงก่ือ็ คเหํอ็นยลๆกู ตลิงบตปัวลเอลบก็ ๆลกู ทเบีก่ าอๆดตเปดิ ็นอกคแรามวํ ลๆกู แลมิงคํลอิงมยหีควลาบมซภํอานคหภนูม๎าิใเมจกอื่ ไับดลย๎ ูกนิ ตเนสยีเปง็นหอวั เยรําางะมดาังกๆ ใเนปท็นําคมรกาวลๆางแฝมูงสํลัติงกว๑็ แคมํอยํลๆิงจตึงบพปูดลวอําบ“ลนกู ี้คเือบลาูๆกขเอปงน็ ฉคันราเวพๆราแะมวํลําิงฉมันีคเวปา็นมแภมาํขคอภงูมลิใูกจกฉับันลรูกักตลนูกเปล็นูกอจยึงํงาดงมงาากมทใี่นสุดทสําํมาหกรลับางฉฝันูงสแัตลวะ๑ งแดมงํลาิงมจกึงวพําูดเดวก็ําอ“น่ื นๆี้คือคลวูกามขรอักงทฉีฉ่ันันเมพใี รหาแ๎ ะกวํลําูกฉันทเาํ ปให็น๎ลแูกมงํขดองงมลทูก่ีสดุฉใันนรสักาลยูกตาลฉูกันจ”ึงงดงามที่สุดสําหรับฉัน และ งดงามกพวํารเะดรก็ าอชนื่ าๆจึงครับวาสมั่งรใหักท๎แม่ฉี ํลนั ิงมแีใลหะแ๎ ลกูกลํ ลกู ิงเทขาํำ� ๎าใไหปล้๎ ใกู กงลด๎ๆงามรมทาท่สีชส่ี ุดบดุ ใัลในนลสัสงากายย๑ขตตอางฉพันร”ะองค๑ และจองมองสองแมํลูก อยาํ งพินพจิ รพะิเรคารชาาะจหึง๑ แรัมบํทสั่งมี่ ใีคหว๎แามมํลภิงาแคลภะูมลใิูกจลแิงลเะขล๎าูกไทปีส่ใกงํ เลส๎ๆยี งรราอ๎ ชงบเจัล๊ยี ลกังๆก๑ขออองกพมราะจอางกคว๑ อแแกลลขะจนอ้หงนม๎าอองกสทอยี่ งาแวมขํลอูกง แอมยําลํ งิงพพินรจิ ะพทเิัยคขรอางะพห๑รแะมอทํงคีม่ ๑กีค็ไวดาส๎มมัภผาสัคกภบั มู คใิ จวแาลมะรลสู๎ ูกกึ ททีส่ี่ลงํกึ เซสียง้ึ ขงรอ๎องแงเมจํลย๊ี ิงกพๆรอะอรอากอชมกาามจจาึงาจไกาดกว๎ปอรกะขกนาศหวนํา๎าอ“ถกูกทตี่ย๎อาวงขขอองง แมํลิง พบารงะสท่งิ ัยทขีท่ อาํงนพครดิะอวงาํ คลก๑ู ไ็ขดอส๎ งมัทผํานสั กงดับงคาวมาทมี่สรดุส๎ู กึ เทพ่ีลรกึาะซว้ึงําขทอํางนแรมักํลลิงูกพขรอะงรทาชํานาจหงึ ไาดกป๎ วรําะพกวากศเวราํ าต“ถ๎อูกงตก๎อารงเขหอ็นง บแมรรลํ ดงิ าบลาูกงๆสิง่ ขทอ่ที งาํ สนัตควดิ ๑ทวั้งาํ ลหูกลขาอยงมทีคาํ วนางมดรงักาแมบทบี่สดุเดเียพวรกาันะวพําทวํากนเรราักกล็คูกวขรอมงอทงําเนหมหือานกกวําันพดวังกนเร้ันาหตา๎อกงกพาวรกเเหร็นา บสารมรดาราถลมูกอๆงทขกุ อคงนสัสตววย๑ทงั้งาหมลแาลยะมมีคคี ววาามมรรักกั แซบึ่งกบนั เดแียละวกกนััน จพึงวสกามเราารกถ็คสรวา๎รงมออางณเหาจมกั ือรนขกอันงพดวังกนเรั้นาหใหากส๎ งพบวสกุขเไรดา๎ ส” ามารถมองทกุ คนสวยงาม และมีความรักซึ่งกันและกนั จงึ สามารถสสรรา้๎างงออาาณณาาจจกั ักรรขขอองงพพววกกเรเราาใหใหส้ ๎สงบงบสขุสไขุ ดไ”้ด๎ ” พระราชาจึงประกาศวํา “ด๎วยความรูแ๎ ละความรกั นบั แตนํ ี้ไป แมํลิงจะเปน็ ท่ีปรึกษาของเรา และลกู ๆ ของเธอจพะรไะดร๎ราบั ชกาาจรึงฝปึกระฝกนาใศหว๎มาํ ีค“วดา๎วมยรค๎ูแวลาะมครวู๎แาลมะครักวาภมารยักในนบัพแรตะรนํ า้ีไชปวแังขมอลํ ิงงจเระาเป” ็น“พทว่ีปกรเกึ รษาทาขั้งอหงลเารยานแับลตะลํอูกไๆป จขาอกงเนธี้ออกี จนะไาดนร๎ จบั งึ กจาะรมฝีกึกาฝรนทใดหส๎มอีคบวเพามื่อรจ๎ูแะลดะูวคําใวคารมครือักเดภ็กาๆยในทพ่ีดูดระีทรี่สาุดชวสังวขยองงาเมราท”ี่ส“ุดพวเหกมเราาะทส้ังมหทล่ีสาุดยในนับบตรํอรดไปา สจาัตกวนท๑ ี้อัง้ หกี นลาายน แจลงึ จะขะมอีกใหา๎พรทกดเรสาอชบวํ เยพก่ือันจมะอดงูวหําาใคครวคามือจเดร็งิกดๆ๎วยทด่ีดวูดงีทต่ีสาุดแหสํงวคยวงาามมรทกั ี่ซสุด่งึ กเนัหแมลาะะกสันม”ทน่ีสบั ุดจใานกบวรันรนดั้นา สมัตาวพท๑ รง้ั ะหรลาาชยากแ็ลมะีกขิตอตใิหศัพ๎พกทเ๑เรลา่ือชงํวลยือกขันจมรอขงจหาายคไวปาทมุกจแริงคดว๎ว๎นยดดว๎วงยตเาหแตหุทงํ ่ีพควระามองรักคซ๑ท่งึรกงปันกแลคะรกอันงอ” านณบั จาาจกักวรนัขนอน้ัง พมาระพองรคะรด๑ า๎วชยาคกว็มามีกสิตันตติศสิัพขุ ทแ๑เลละ่ือกงาลรือมขคจวราขมจรากั ยตไอํ ปกทนั ุกแคว๎น ด๎วยเหตุท่ีพระองค๑ทรงปกครองอาณาจักรของ พระองค๑ด๎วยความสนั ตสิ ขุ และการมความรกั ตอํ กนั เรอ่ื งน้สี อนให้รู้ว่า สนั ตสิ ขุ เกดิ จากความรัก ความรกั สามารถสรา๎ งอาณาจกั รให๎สงบสุขได๎ เร่อื งน้สี อนให้ร้วู า่ สนั ตสิ ขุ เกดิ จากความรัก ความรกั สามารถสร๎างอาณาจกั รให๎สงบสขุ ได๎ 232 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 232 คูม่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 225 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3
พระเจ้าอยู่หัวของชาวไทย คุณตาบุญสํงชอบเลําเรื่องในประวัติศาสตร๑ให๎หลานๆ ฟัง วันหนึ่งคุณตาเลําวํา สมัยที่คุณตาเป็น หนุํมมโี อกาสเฝา้ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยหํู วั รัชกาลที่ 9 แปรพระราชฐานไปวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ๑ พระองคเ๑ สดจ็ พระราชดําเนนิ ทางรถยนต๑พระที่น่ัง ระหวํางเสดจ็ มองเหน็ ลกู ยางหลนํ ใตต๎ น๎ พระองคท๑ รงให๎เกบ็ ลูกยางนามาเพาะ และพระราชทานให๎ราษฎรนําไปปลูก นับเป็นการอนุรักษ๑ต๎นยางนา ตง้ั แตบํ ัดนั้นเป็นตน๎ มา คณุ ตาบุญสํงเลาํ พร๎อมกับยกมอื ขึน้ ไหวพ๎ ระบรมฉายาลักษณ๑ของพระบาทสมเด็จพระเจ๎าอยูํหัว ซึ่ง ติดอยทํู ่ีฝาบ๎าน คุณตาสอนวาํ เราเป็นข๎าละอองธลุ พี ระบาท ต๎องมคี วามจงรักภักดตี ํอพระองค๑ เพราะพระองค๑ ทรงดแู ลราษฎรใหอ๎ ยรูํ ํมเย็น การอนรุ กั ษ๑ต๎นไม๎ก็เทํากบั การอนุรักษ๑ธรรมชาติ เร่ืองนส้ี อนให้รู้วา่ คนไทยควรจงรกั ษ๑ภักดตี ํอพระมหากษัตรยิ ท๑ ี่พระองคท๑ รงหวํ งใยราษฎรและประเทศชาติ อดตี ท่ีต้องจดจาํ ยอดปราสาทเคยเรอื งรองด่งั ทองทิพย๑ กลับวงั เวงเงยี บกริบทุกแหงํ หน เพลิงพมาํ พาพนิ าศไมํอาจทน ไร๎ผูค๎ นไรช๎ ีวา ไร๎พระศาสน๑ จากคําประพันธ๑ข๎างต๎น ทําให๎คนไทยร๎ูสึกหดหูํใจ เม่ือเรามีศัตรูมาทําร๎ายบ๎านเมือง ดังนั้นเรา เยาวชนไทยทกุ คน ควรจะชํวยกันปกปอ้ งรกั ษาบ๎านเมอื งทีร่ ักของเราย่งิ ชวี ิต หาไมํเราจะไมํมแี ผํนดินอาศัย เรื่องน้สี อนใหร้ วู้ า่ หากเราไมรํ ักสามคั คี เราจะสญู เสยี ชาติ คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 233 226 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสอื วิสามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 - 6 ,ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ(ปวช.2-3) หน่วยที่ 11 คณุ ธรรม จริยธรรม เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 22 รกั ษ์เมืองไทยโตไปไมโ่ กง 1. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ลูกเสือสามารถอธบิ ายความหมายและบอกแนวทาง การปอ้ งกันการทจุ ริตได๎ 2. เนอื้ หา 2.1 คติธรรม “หิริโอตปั ปะ” “ความละอายและความเกรงกลวั ตอํ บาป” 2.2 กฎลกู เสอื ข๎อที่ 1 “ลกู เสือมเี กียรตเิ ชอ่ื ถอื ได”๎ 2.3 กฎลกู เสือขอ๎ ที่ 2 “ลกู เสือมีความจงรักภกั ดตี อํ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ แ๑ ละซื่อตรงตอํ ผมู๎ ี พระคุณ” 2.4 การฉอ๎ ราษฎร๑บังหลวงและการโกงกนิ บ๎านเมือง 3. สื่อการเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบความร๎ู 3.3 เร่ืองสน้ั ทเ่ี ปน็ ประโยชน๑ 4.กิจกรรม 4.1 พิธีเปิดประชุมกอง (ชกั ธงข้ึน สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรือเกม 4.3 กจิ กรรมตามกิจกรรมการเรียนร๎ู 1) กํากับลูกเสอื และลูกเสอื รํวมกันสนทนาถึงปัญหาการทจุ รติ คอร๑รบั ชัน่ ในบา๎ นเมืองของเราวาํ กํอให๎เกิดผลเสียอยาํ งไรบ๎าง 2) ผ๎ูกาํ กบั ลกู เสอื นําเสนอความหมายของคติธรรมหิริโอตปั ปะ (ความละอายความเกรงกลวั ตํอ บาป) กฎของลกู เสือขอ๎ ท่ี 1 ลูกเสอื มีเกียรติเชื่อถือได๎”และกฎของลูกเสอื ขอ๎ ที่ 2 “ลกู เสอื มคี วามจงรักภกั ดตี อํ ชาติศาสนาพระมหากษตั รยิ ๑และซอื่ ตรงตอํ ผม๎ู ีพระคุณ” (ดูใบความรู๎ประกอบ) 3) แบํงกลํมุ ลูกเสอื วิสามญั เป็น 4 กลํมุ รวํ มกันวเิ คราะห๑แนวทางในการนาํ คติธรรม“หริ โิ อตปั ปะ และกฎลกู เสอื ทงั้ 2 ขอ๎ ไปใชใ๎ นการปอ้ งกนั และแกไ๎ ขปัญหาการปัญหาการทจุ รติ คอร๑รบั ชนั่ ในบา๎ นเมืองโดยมี หวั ข๎อในการวิเคราะหด๑ งั นี้ (1) ลูกเสอื คิดวําใครบา๎ งทคี่ วรมสี ํวนรวํ มในการปอ้ งกนั และแก๎ไขปัญหาการทุจรติ คอรร๑ บั ช่ัน ในบา๎ นเมอื งและลกู เสอื เองควรมีสวํ นรํวมด๎วยหรือไมํ(เปดิ โอกาสให๎ลกู เสอื แสดงความคดิ เหน็ อยํางอิสระ) (2) ลกู เสือจะนาํ คติธรรมหริ โิ อตปั ปะและกฎลูกเสือทง้ั 2 ขอ๎ มาประยกุ ต๑ใช๎กับตนเอง อยํางไรในการปอ้ งกันและแกไ๎ ขปัญหาการปญั หาการทจุ ริตคอรร๑ ับชน่ั ในบ๎านเมอื ง 234 คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 227 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3
4) ตวั แทนกลุํมลกู เสอื รายงาน ทีละกลํมุ 5) ผ๎ูกาํ กบั ลูกเสอื นําอภปิ ราย เพ่มิ เตมิ และสรปุ 6) ผก๎ู ํากบั ลูกเสอื รํวมกบั ลูกเสอื สรุปถงึ คตธิ รรมทไ่ี ด๎ศึกษาและการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 4.4 ผก๎ู าํ กบั ลูกเสือเลาํ เร่ืองสนั้ ที่เปน็ ประโยชน๑ 4.5 พธิ ปี ดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชักธงลง เลิก) 5. การประเมินผล 5.1 สังเกตความรวํ มมอื ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการอภปิ รายและการทําแผนทคี่ วามคดิ (Mind Mapping) 6. องค์ประกอบทักษะชวี ติ สําคญั ที่เกิดจากกิจกรรม คือ ความคิดวเิ คราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนกั ถึงพษิ ภยั และรังเกยี จการทจุ รติ คอรปั ช่ัน ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 22 เพลง ลูกชาวนา ฉนั เป็นลกู ชาวนา อยธุ ยาบ๎านเกิดเมอื งนอน ตืน่ แตเํ ชา๎ แดดออํ น ฉนั หาบคอนคนั ไถไํ ปทํุง บาํ รงุ เศรษฐกจิ ของไทย หมายจะผดุง สายฝนกระหนํ่าทนไป แดดกลา๎ ลมแรง ขา๎ วไทยดีเดนํ ชาวนาภูมใิ จ ใครไมํเห็นใจเรา โอ๎ละเห…ํ . เหนื่อยยากลาํ เคญ็ ตํางชาติมองเห็นความดี ข๎าวไทยชํวยไทยเปน็ เอกราช ความสขุ นน้ั มตี ามประสาชาวนา เราชาวนาหนา๎ แล๎งรนื่ เรงิ เต็มท่ี ใบความรู้ คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 235 228 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3
ใบความรู้ หริ ิ โอตัปปะ คําวําหริ โิ อตัปปะเกดิ จากการรวมกันของคาํ สองคาํ คอื หริ หิ มายถงึ ความละอายตํอการทําบาปละอายตอํ การทาํ ชั่วทาํ เลวของตนเอง โอตัปปะหมายถึงความเกรงกลัวตอํ บาปความเกรงกลัวผลของการกระทาํ บาปการกระทาํ ชั่วของ ตนเอง หริ โิ อตปัตปั ะปคะอืคคอื วคาวมาลมะลอะาอยาแยลแะลเกะรเกงกรงลกวั ลตวัอ่ ตบอําบปาป หลักธรรมะหริ โิ อตัปปะนพี้ ระพทุ ธองคท๑ ํานทรงตรสั ไวเ๎ พื่อเป็นการเตอื นสติคนใหม๎ ีสตยิ ั้งคดิ ใหไ๎ ตรตํ รองกอํ น การกระทําใดๆให๎วิเคราะห๑วาํ สง่ิ ท่ีตนกาํ ลังกระทาํ นั้นเปน็ สง่ิ ดีงามหรอื ส่งิ ชั่วช๎าถา๎ เป็นสง่ิ ชว่ั ชา๎ กใ็ ห๎นกึ ละอาย ท่จี ะกระทําเชนํ น้ันและใหน๎ กึ เกรงกลวั ผลทจ่ี ะเกดิ ขึ้นจากการกระทําของตน กฎลูกเสือขอ้ ท่ี 1“ลูกเสอื มเี กยี รติเชอื่ ถอื ได้” คอื เปน็ ผู๎มีเกียรตเิ ปน็ ทไ่ี ว๎วางใจของผ๎อู ่นื เชอ่ื ถอื ได๎เมอื่ กลําวสิ่งใดออกไปแล๎วตอ๎ งรกั ษาสจั จะปฏบิ ตั ิ เหมอื นปากพดู เสมอเมอื่ ไดร๎ บั มอบหมายส่ิงใดตอ๎ งทําส่งิ นั้นใหส๎ าํ เร็จเรยี บรอ๎ ยดว๎ ยความตง้ั ใจจรงิ อยาํ งเตม็ ความสามารถตามสติกาํ ลัง ไมํเพกิ เฉยหลีกเลีย่ ง กฎลูกเสอื ข้อที่ 2 “ลูกเสอื มีความจงรักภักดีต่อชาตศิ าสนาพระมหากษตั รยิ ์ และซื่อตรงต่อผมู้ พี ระคณุ ” หมายความวําลกู เสอื จะตอ๎ งมคี วามจงรกั ภักดีตอํ ประเทศชาตขิ องตนศาสนาพระมหากษัตรยิ ๑ดว๎ ยใจจรงิ ประพฤติตนเปน็ พลเมอื งดปี ฏบิ ตั ิตามกฎหมายระเบยี บแบบแผนประเพณแี ละมคี วามซื่อตรงตอํ พํอแมคํ รู อาจารยผ๑ บ๎ู งั คับบัญชาและผู๎มพี ระคุณ ปัญหาการทจุ ริตคอร์รบั ชน่ั ในประเทศไทย ศาตราจารยธ๑ านนิ ทร๑ กรัยวิเชียร องคมนตรี กลาํ วปาฐกถาพิเศษในหัวขอ๎ “สร๎างชาตโิ ปรงํ ใส สรา๎ ง ไทยซอ่ื ตรง\"”ไวว๎ ํา “ การทีป่ ระชาชนมองเร่ืองของฉอ๎ ราษฎรบ๑ ังหลวง โดยมคี วามคดิ วาํ อะไรกไ็ ด๎ ฉนั ไมํแคร๑ ฉนั ไมํเกย่ี วขอ๎ ง คอรร๑ ับช่ันเป็นเร่ืองธรรมดา จะโกงกันบา๎ งไมํเป็นไร ขอให๎ฉนั ได๎ประโยชน๑บา๎ งกพ็ อ ส่ิง เหลาํ น้ีเปน็ เหมือนเคราะห๑กรรมของบ๎านเมอื ง ท่ยี ังมคี นคดิ แบบนอ้ี ยํใู นสังคม คุณธรรมและจริยธรรมจงึ ตกตํา่ ลงไปมาก” จากคาํ กลําวปฐกถาพเิ ศษของ ศาตราจารยธ๑ านนิ ทร๑ กรยั วิเชยี ร องคมนตรี ทําใหไ๎ ดเ๎ ห็น ความสาํ คญั ของปญั หาคอร๑รบั ชั่นในระบบราชการ คอรร์๑ บัชชน่ั นั่ คคอื อื การทุจรติ โดยใช๎หรืออาศัยตาํ แหนงํ หนา๎ ท่ี อํานาจและอทิ ธิพลที่ตนมอี ยํู เพอื่ ประโยชน๑ แกตํ นเองและหรือผอ๎ู ื่น รวมถงึ การเลือกทีร่ ักมกั ทช่ี งั การเห็นแกํญาติพน่ี อ๎ ง กนิ สนิ บน ฉอ๎ ราษฎรบ๑ ังหลวง การใชร๎ ะบบอุปถมั ภแ๑ ละความไมํเป็นธรรมอน่ื ๆ ทขี่ ๎าราชการหรอื บคุ คลใดใชเ๎ ป็นเครื่องมอื ในการลดิ รอน ความเปน็ ธรรมและความถูกกฎหมายของสังคม เหตุชกั นําในการคอร๑รบั ช่ัน ได๎แกํ 236 คคูม่ ือูม่ สอื ง่ สเส่งเรสมิ รแิมลแะลพะัฒพนฒั านกิจากกริจรกมรลรูกมเลสูกือเทสกั ือษทะกัชษวี ิตะชในีวสติ ถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทูกลเสกู เือสวอื สิ วาิสมาปญัมรัญะชกชาน้ั นั้ศมมนธั ธัียยยบมมตั ศศรกึกึวษษชิ าาาชปปพีทีีท่ี่ี 255---366 และ ป2ว2ช9.2-3
1) จิตใจและความโลภของแตลํ ะบุคคล คนในสงั คมสวํ นใหญํ นับถอื ความรํ่ารวย ยอ่ํ มเป็น็ แรงจชงู ูใใจจ ในการแสวงหาเงินทอง ภาวะเศรฐกิจท่ีบบี คั้น 2) การใช๎อาํ นาจของผบู๎ ริหารในทางทม่ี ิชอบ ระบบอปุ ถมั ภ๑หรือความสัมพนั ธ๑ระหวํางผอู๎ ปุ ถมั ภก๑ บั ลูกนอ๎ งไวช๎ วํ ยเหลอื ตนในเร่อื งตาํ งๆ 3) คาํ นยิ มแบบนยิ มพวกพอ๎ งและเครอื ญาติ ความสมั พนั ธใ๑ นเชิงผลประโยชน๑ 4) ระบบการควบคุมและตรวจสอบทขี่ าดประสทิ ธภิ าพ ความรู๎เทําไมถํ งึ การณ๑ องคก๑ รความโปรํงใสสากล (Transparency International-TI) ไดเ๎ ปิดเผยผมการจดั อันดบั ดรรชนี ภาพลักษณ๑คอรร๑ ับชั่น (Corruption Perceptions Index-CPI) ประจาํ ปี 2011 พบวาํ ประเทศไทยได๎ 3.4 คะแนน จากคะแนนเตม็ 10 คะแนน อยอูํ นั ดบั ที่ 80 จากการจดั อนั ดบั ทัง้ หมด 183 ประเทศทั่วโลก และอยูํ อนั ดบั ที่ 10 จาก 26 ประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี องคมนตรกี ลาํ วอกี วํา “มาตรการทางกฎหมายก็ยงั ไมเํ พยี งพอในการทีจ่ ะแกป๎ ัญหา เพราะอยาํ งมาก ทส่ี ุด ทาํ ได๎แคเํ อาตวั คนผดิ มาลงโทษ สํวนในเรอื่ งของการปรับปรุงจิตใจนนั้ กฎหมายไมสํ ามารถทจี่ ะทาํ ได๎ เพราะฉะน้ันคนในสังคมต๎องมีการปลูกฝังและสงํ เสรมิ ใหล๎ กู หลานตง้ั แตํเลก็ ๆ โดยยดึ หลัก คตธิ รรม 7 ประการสาํ หรบั ฝกึ อบรมตามแบบฉบับของอังกฤษ ได๎แกพํ ดู ความจรงิ , ความซอ่ื ตรง, สุจริต,การระลกึ ใน หนา๎ ท,ี่ ความอดกล้ัน , ความเปน็ ธรรม , ความเเออาาใใจนใใสส่ ํ , มเี มตตาธรรม “คตธิ รรมสาํ หรบั คนไทยไว๎อีก 5 ประการ ได๎แกํ ความกตัญ๒ู กตเวที ,ความสภุ าพนุมํ นวล , ความคารวะผ๎อู าวุโส , การรกั ษาคาํ พูด และการ มจี ติ สาธารณะ แตใํ นความเปน็ จริงแลว๎ พน้ื ฐานของทางศาสนาคนไทยควรยึดหลกั หริ ิโอตปั ปะ หรอื การละ เวน๎ ทจี่ ะทาํ ความชวั่ เพราะละอายตอํ บาป โดยมกี ฎแหํงกรรมเปน็ ขอ๎ บังคับ โดยพึงระลึกไวเ๎ สมอวาํ ทาํ ดไี ดด๎ ี ทาํ ชว่ั ได๎ช่ัว หากคนในสังคมคดิ ไดเ๎ ชํนน้ี จะไมมํ คี นกลา๎ ทาํ ความชว่ั ” รปู แบบการคอรร๑ บั ชัน่ ทส่ี าํ คัญในวงราชการ ไดแ๎ กํ - การทจุ ริตในกระบวนการจดั ซ้อื จัดจ๎าง ต้ังแตกํ ารเรยี กรบั เงินสินบน คาํ นายหน๎า หรอื การตอบ แทนในรปู แบบตาํ งๆ - การสรรหาบคุ คลเข๎าสูํตาํ แหนงํ โดยการเรียกรบั เงนิ หรอื ผลประโยชน๑อื่นในการแตํงต้ัง ข๎าราชการ ในการเล่ือนตําแหนงํ หรอื การโยกยา๎ ย โดยการใหค๎ าํ ตอบแทน - การบรหิ ารงบประมาณโครงการ การเบิกจํายคาํ ตอบแทนวิทยากรนอก - การทุจรติ โดยยักยอกทรพั ย๑ ของทางราชการหรอื การทุจริตในการเบกิ คาํ เบยี้ เลีย้ ง คาํ พาหนะ คํารกั ษาพยาบาล และคําเชาํ บา๎ น เชํน การใชพ๎ าหนะของราชการ โดยเบิกคาํ พาหนะ หรอื การ เบิกเบ้ยี เลีย้ ง เกนิ วนั เวลาทป่ี ฏิบัตจิ ริง หรอื การเบกิ คําเชาํ บา๎ น แตไํ มไํ ด๎เชําบา๎ นจรงิ การนาํ เอา วัสดอุ ปุ กรณข๑ องทางราชการไปใชป๎ ระโยชนเ๑ พอ่ื สํวนตน - การทุจรติ โดยการเรยี กรบั เงนิ หรอื ผลประโยชน๑อ่นื แนวทางการป้องกันการทจุ รติ - ด๎านกฎหมาย ควรมกี ารปรับปรงุ แก๎ไขระเบยี บ กฎเกณฑ๑ บทลงโทษ - มาตรการสงั คม ควรตอํ ตา๎ นผูท๎ ี่กระทาํ การคอรร๑ บั ช่ันไมํใหส๎ ทิ ธิตํางๆ ในสงั คม สรรหาบคุ คลทม่ี ี คณุ ภาพมาดาํ รงตําแหนํง ปฎริ ปู ระบบการคัดเลือกและการฝกึ อบรม ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 237 230 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 2-3
-- มมรี ีระะบบบบแแลละะกกรระะบบววนนกกาารรตตรรววจจสสออบบททช่ี ่ชีดั ดัเจเนจนโปโรปง่ รใํงสใสมกีมากี ราตรรตวรจวสจอสบอบบอ่ บยํอๆยๆคครรงั้ ้งั –คํานยิ มและ - ควา่ัฒนนิยธมรแรลมะปวรฒั ะนเพธรณรีมปปลรกู ะฝเพงั ณจติ ี ปสลาํ กูนฝกึ ังใจหติท๎ สรำ�านบึกถใงึ หผท้ ลรเาสบียถตงึอํ ผตลนเสเอยี งตอ่ชตมุ นชเนอแงลชะมุ ปชรนะเแทลศะปชาระตเิทซศง่ึ ชเกาิดติ ซกง่ึาเรกคดิ อกราร๑ รับคชอั่นรร์ บั ชนั่ องคมนตรี กลําววาํ “วอนคนไทยมจี ิตสาํ นึกทดี่ ี มีจติ สาธารณะ มีความเสยี สละเพอ่ื แผนํ ดิน หมน่ั ปรบั ปรงุ ตนเอง การท่จี ะใหม๎ คี นดี รอ๎ ยเปอรเ๑ ซน็ นัน้ หาไมํได๎ หรือชว่ั เตม็ รอ๎ ยกห็ าไมไํ ด๎ คนเรานนั้ มที ง้ั ดที ั้งชว่ั ปนกนั ไป เพราะฉะน้ันเราตอ๎ งใฝ่หาความดขี องตนเอง โดยการรอํ นทอง รอํ นเอาสงิ่ ปฏกิ ูล สง่ิ สกปรกท้ังหลาย ออกไป ตอ๎ งคอยปรับปรงุ และแสวงหาความดขี องคนเอง” นายเชาวลติ ร บวั สาร นิติกรชาํ นาญการพิเศษ สาํ นกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษามัธยมศึกษา เขต ๔ เรื่องส้ันท่เี ปน็ ประโยชน์ 238 คู่มือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 231 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3
เร่ืองสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ คอร์รบั ชนั่ –ไมโ่ กง นิทานสอนใจ เทพารักษก๑ บั คนตดั ตน๎ ไม๎ ชชาาววปป่า่ าผผูห๎ ู้หนนึง่ ่ึงขณขณะเะขเ๎าขไ้าปไตปัดตตัด๎นตไม้นซ๎ ไง่ึมข้ซ้นึ ่ึงอขย้ึนรํู อิมยแมู่ริมํน�ํแามท่นํา้�ขำวทาน�ำหขลวดุามนือหตลกุดจมมือหตากยลจงมไหปาในยนล�ํางไปในน้�ำ เเนน่อืือ่ งงจจาากกเเขขาาววา่ ํายยนน้�ำนไม�ําไเ่ ปม็นเํ ปแ็นละแนลกึะนเสกึ ยี เดสายี ยดขาวยาขนวคาชู่ นวี คติ ชูํ เลีวยิตนเลงั่ ยรอ้นง่งั ไรหอ๎ ้ งเทไหพ๎าเรทกั พษาม์ รคีักวษาม๑มีคเมวตาตมาเมสตงสตาารสไงดสป้ ารรากฏกาย ขไดน้ึ ๎ปกรลาา่ กวฏปลกอายบขโยึ้นนกลแําลวะปลลงไอปบงโมยขนวาแนลคะลนื งใไหป้ แงมตค่ขดวิ าอนยคากนื จใหะล๎ แอตงใคํ จดิผอชู้ ยาายกคจนะนล้ี อคงรใงั้จแผร๎ูชกาจยงึ นค�ำนขนวี้ าคนรทัง้ แอรงกขน้ึ มาจาก แจมึงนน่ าํ้�ำขแวลาว้ นถทามอวงา่ข้นึ “ขมวาาจนากดแา้ มมนนํ ้ีใํา๎ ชแข่ ลอ๎วงถเาจมา้ หวาํรอื “ไขมว”่านไมดใ่า๎ ชมห่ นร้ีใอชกขํ ขอองรเจบั า๎ หขรวอืาไนมข”ํ อ“งไขมา้ ใํ พชเํหจรา้ อเปก็นขขอวราับนเหลก็ ธรรมดา” เขทวพานารขกั อษงข์น๎าึกพพเอจใ๎าจเปแต็น่ยขงัวคาดินจเหะทลด็กสธรอรบมอดกี าค”รงั้ แสรา้ งด�ำลงไปคน้ หาในแม่น้�ำแลว้ โผล่ขน้ึ มาพรอ้ มกบั หวานเงนิ ในมอื “ขวานดา้ มน้ีใชข่ องเจา้ หรอื ไม”่ “ไมใ่ ชห่ รอกขอรบั ขวานของขา้ พเจา้ เป็นหวานเหลก็ เทม่พือเาทรกัพษาน๑รักึ ษพ์นอ�ใำจขแวตายํ นงั เคหดิ ลจ็กะมทาดคสืนอบใหอ้กี ับครชั้งายแสตรัดง๎ ฟดืนาํ ลงทไ่าปนคไน๎ ดห้ยากในขแวมาํน�ําเงแินลว๎แโลผะลขํขวึ้นามนาทพอรง๎อใมหก้ดับ้วย เขพวอ่ืาเนปเ็นงนิราใงนวมลั อื ใน“คขวามนซดอ่ืา๎ สมตันย้ีใช์ คขํ รอนั้ งเพเจอ่ื ๎านหขรอื งไชมาํ”ยต“ไดั มฟํใืชนํหทรอาบกเขรอ่ื รงับจงึ ขทวำ� าทนอี ขออกงไขปา๎ ตพดั เฟจา๎ืนเแปลน็ ว้ ขนวงั่ารนอ้ เงหไดลค้ก็ ร่ำ� ครวญ หธรลรงั มจดาาก”แกล้งท�ำขวานหล่นในแม่น้�ำ เม่อื เทพารกั ษ์ปรากฎตวั ข้นึ ปลอบโยน และลองใจโดยงมขวานทอง มาส่งใหช้ ายผูน้ ัน้ เกดิ ความโลภ รบี บอกว่าเป็นขวานของตน เทพารกั ษ์เหน็ ว่าชายผูน้ ้ีกล่าวเทจ็ จงึ แสดงฤทธิ์ หายตวั ไปเมท่ือนั ทเทีชพายารผกั ไู้ รษค้ ๑นวาํ ขมวซาอ่ื นสเตัหยลน์ ก็ อมกาจคาืนกไใหมไ่ก๎ ดบั ข้ วชาานยเตงนิดั แฟลนื ะขทวาํ นไทดอย๎ งกเปข็นวราานงเวงลั ินแแลลว้ ะแขมวแ้ าตนข่ ทวอานงใเหด๎ลก็ว๎ ขยองตน กเพจ็ ่อืมเอปยน็ ใู่ นราแงมวน่ ัล้�ำในนคนั่ วเาอมงซ่ือสัตย๑ คร้ันเพอื่ นของชายตัดฝืนทราบเรอื่ ง จงึ ทําทอี อกไปตัดฟนื แลว๎ น่ังร๎องไห๎ คร�าํ ครวญ หลงั จากแกลง๎ ทําขวานหลํนในแมํน�ํา เมอ�ื เทพารกั ษป์ รากฏตวั ขน�ึ ปลอบโยน และลองใจ เโรดือ่ ยงงนมี้สขอวานนใทหอ้รงวู้ ม่าาผสมู้งํ ใคี หว๎าชมาซย่อื ผสู๎นตั ้นั ยเส์กจุ ิดรคติ วยามอ่ มโลไภดร้ รบั บี ผบลอดกตี วอําบเแปท็นนขวผาทู้ นจุ ขรอติ งยตอ่ นมไเทดร้พบั าผรลักรษา้ ๑เยหตน็ อวบําสชนาอยงผน๎ู ้ี กลําวเทจ็ จึงแสดงฤทธ์ิหายตัวไปทนั ที ชายผ๎ไู ร๎ความซอื่ สตั ย๑นอกจากไมไํ ดข๎ วานเงินและขวานทอง เป็นรางวลั แลว๎ แมแ๎ ตํขวานเหล็กของตนกจ็ มอยํใู นแมํน�ํา นัน้ เอง เร่ืองน้สี อนใหร้ ู้วา่ ผูม๎ คี วามซอื่ สตั ย๑สจุ ริต ยอํ มไดร๎ บั ผลดตี อบแทน ผท๎ู จุ รติ ยํอมได๎รบั ผลรา๎ ยตอบสนอง แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือวสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช. 2-3) หน่วยท่ี 11 คณุ ธรรม จริยธรรม 239 คู่มือ2ส3ง่ 2เสรมิ แลปคู่มะรพะอื กสฒั า่งนศเสนารกียิมบิจแกัตลรระรวพมิชัฒลาชนูกีพเาสก2ือิจ-ทก3รักรษมะลชกู ีวเสิตอืในทสกั ษถาะชนวีศิตกึ ใษนาสถลาูกนเศสกึือษวสาิ าปมรัญะเภชท้ันลมูกเธั สยือมวศิสกึามษัญาปชีทนั้ ี่ 5ม-ธั 6ยแมลศะกึ ษปาวปชที .2่ี -53-6
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช. 2-3) หน่วยที่ 11 คณุ ธรรม จริยธรรม แผนการจัดกจิ กรรมที่ 23 รกั ทร่ี ับผดิ ชอบและปลอดภัย เวลา 2 ชั่วโมง 1. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ลกู เสือสามารถอธิบายความสาํ คัญและคาํ นิยมของการมีเพศสมั พันธท๑ ร่ี บั ผิดชอบและปลอดภัยได๎ 2. เน้ือหา การมีเพศสมั พนั ธ๑ ควรเกดิ จากความรกั ความเข๎าใจ ความยนิ ยอมพรอ๎ มใจ และความพรอ๎ มของท้ัง สองฝ่าย ซึง่ ตอ๎ งมคี วามปลอดภยั และเป็นทีย่ อมรบั ของครอบครัวและสังคม โดยคาํ นงึ ถึงวัฒนธรรมประเพณี เมอ่ื ลูกเสอื ยังไมมํ ีความพรอ๎ มท่จี ะมเี พศสมั พนั ธ๑ วิธปี อ้ งกนั กค็ อื การปฏิเสธ หรือถ๎าตดั สินใจทจ่ี ะมี เพศสมั พันธ๑ก็ควรคํานึงถงึ ความปลอดภยั โดยการใชถ๎ งุ ยางอนามัยทกุ คร้ังท่ีมเี พศสมั พนั ธ๑ 3. สอ่ื การเรียนรู้ 3.1 แผนภมู ิเพลง 3.2 ใบความร๎แู นวทางการสรุปเพื่อตอบคําถามจากภาพ 3.3 ภาพชุด “วรรณ กบั วทิ ย๑” ในสถาณการณ๑ตาํ งๆดงั น้ี (จํานวนชุดภาพเทาํ กบั จํานวนกลํมุ ลกู เสือบวกกบั ผ๎ูกํากับ 1 ชดุ ) ภาพที่ 1 วรรณกับวิทย๑น่ังโอบกอดในบรรยากาศสํวนตัว ภาพที่ 2 วทิ ย๑ประคองวรรณเข๎าห๎องนอน ภาพท่ี 3 วรรณนง่ั ร๎องไห๎ วทิ ย๑นอนหลับอยใูํ กลๆ๎ ภาพที่ 4 วรรณกับวทิ ย๑นกึ ถึงเหตกุ ารณ๑ทีผ่ ํานมาดว๎ ยความเสยี ใจ 3.4 เร่ืองสนั้ ที่เปน็ ประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ ีเปิดประชมุ กอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบนงิ่ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง “มาตามนัด” 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก๑ ารเรยี นร๎ู 1) ลกู เสอื ดภู าพ “วรรณกบั วทิ ย๑” ภาพที่ 1 ถามวาํ “ท้งั สองคนกําลงั คิดหรอื รูส๎ กึ อยาํ งไร” เปดิ โอกาสให๎ตอบไดห๎ ลากหลาย ไมํต๎องสรปุ 2) แบงํ ลูกเสอื ออกเป็นกลมํุ ๆละ 8 คน โดยคละชายหญิงนง่ั ลอ๎ มวง ใหด๎ ภู าพทลี ะภาพ และให๎ อภิปรายตามประเดน็ ของแตลํ ะภาพตอํ ไปนี้ ภาพที่ 2 “จะเกดิ เหตุการณ๑อะไรข้ึนแกํคนทั้งคูํ” ผกู๎ าํ กบั สมุํ ถาม อภิปรายจนได๎ขอ๎ สรุป ตามใบความร๎ู ภาพท่ี 3 “หลงั เหตกุ ารณ๑ วรรณและวิทย๑ จะร๎สู ึกเหมอื นหรอื แตกตาํ งกัน” และจะเกิด ผลกระทบอะไรกบั วรรณและวทิ ย๑บา๎ ง เพราะอะไร” ผกู๎ าํ กับสมํุ ถาม อภปิ รายจนได๎ ขอ๎ สรุปตามใบความรู๎ 240 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ป2ว3ช3.2-3 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามปญั ระชกาั้นศมนธั ยี ยบมตั ศรึกวษิชาชปีพีที่ 25-36
ข้อสรปุ ตามใบความรู้ ภาพที่ 4 “ถ๎าย๎อนเวลากลับไปได๎ วรรณและวทิ ยจ๑ ะป้องกนั ไมใํ หเ๎ กดิ ปญั หานไี้ ดอ๎ ยํางไร” ผก๎ู าํ กับสมํุ ถาม อภิปรายจนไดข๎ อ๎ สรุปตามใบความรู๎ 4.4 ผ๎ูกํากบั เลําเรอ่ื งสนั้ ทเี่ ป็นประโยชน๑ “ไม๎เทา๎ ยอดทองกระบองยอดเพ็ชร” 4.5 พธิ ีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชกั ธงลง เลิก) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตความรวํ มมือในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภิปราย 6.องค์ประกอบทกั ษะชีวิตสําคัญท่เี กิดจากกจิ กรรม คือ ความคดิ วเิ คาะห๑ ความคดิ สร๎างสรรค๑ ตระหนักถงึ ความสําคัญของการมีเพศสมั พันธ๑ที่รบั ผดิ ชอบ และปลอดภัย คําแนะนําสาํ หรับผูก้ าํ กับลูกเสอื แผนการจัดกจิ กรรมน้ี ใหล๎ กู เสือเรยี นรโ๎ู ดยภาพชดุ “วรรณกบั วทิ ย๑” ซึ่งมีจาํ นวน 4 ภาพ ควรเปดิ ภาพให๎ดทู ลี ะภาพตามลาํ ดับ (ไมํควรใหด๎ ูหลายภาพพรอ๎ มกัน) ตามด๎วยคาํ ถามในแตํละภาพ และรวบรวม คําตอบ อภปิ ราย และสรปุ ความคดิ ทีละภาพตามลาํ ดบั ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 23 คมู่ อื2ส3ง่ 4เสรมิ แลปคู่มะรพะือกสฒั า่งนศเสนารกยี ิมบิจแกตั ลรระรวพมชิ ัฒลาชนกู ีพเาสก2ือิจ-ทก3รักรษมะลชูกวี เสิตอืในทสักษถาะชนวีศิตึกใษนาสถลาูกนเศสึกือษวสาิ าปมรญั ะเภชทั้นลมูกเัธสยอื มวศสิ ึกามษญั าปชที ้นั ่ี 5ม-ัธ6ยแมลศะึกษปาวปชีท.2่ี -53-6 241
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 23 เพลง มาตามนดั มากลาง วัน เธอนดั ให๎มากลางคนื มากลางคนื เธอนดั ให๎มากลางวัน มาวนั น้เี รามารวํ มกนั รอ๎ งเพลง ชวํ ย บรรเลง เปน็ เพลงที่ถกู ใจ สนกุ สนานชืน่ บานทกุ วนั ไปดว๎ ยหัวใจของคนท่ีร๎องเพลง ใบความรู้ ภาพที่ 1 วรรณกบั วิทยน๑ ง่ั โอบกอดกนั ในบรรยากาศสํวนตัว ภาพท่ี 2 วทิ ยป๑ ระคองวรรณเขา๎ ห๎องนอน ภาพที่ 3 วรรณนงั่ รอ๎ งไห๎ วทิ ย๑นอนหลับอยูํใกลๆ๎ ภาพท่ี 4 วรรณกบั วิทย๑นกึ ถึงเหตกุ ารณ๑ทผ่ี าํ นมาดว๎ ยความเสียใจ 242 คคมู่ อืมู่ สือ่งสเส่งเรสิมรแิมลแะลพะฒั พนฒั านกจิากกริจรกมรลรกูมเลสูกอื เทสกั ือษทะักชษวี ติะชในีวสติ ถใานนสศถกึ าษนาศปกึ ษระาเภลทูกลเสูกเอื สวือสิ วาิสมาปัญมรัญะชกชา้นั ้นัศมมนธั ัธยี ยยบมมัตศศรึกกึวษษิชาาาชปปพีทีที ี่่ี 255---366 และ ป2ว3ช5.2-3
ภาพท่ี 4 วรรณกบั วทิ ยน์ ึกถงึ เหตุการณ์ทผ่ี า่ นมาดว้ ยความเสยี ใจ แนวทางการสรปุ เพือ่ ตอบคาํ ถามจากภาพ 243 คูม่ ือ2ส3ง่ 6เสริมแลคปู่มะรพะือกสัฒา่งนศเสนารกยี ิมบจิ แกัตลรระรวพมชิ ฒั ลาชนูกีพเาสก2อืจิ -ทก3รักรษมะลชกู ีวเสิตือในทสักษถาะชนีวศิตึกใษนาสถลาูกนเศสกึอื ษวสาิ าปมรญั ะเภชท้นั ลมกู เธั สยอื มวศสิ ึกามษญั าปชีทนั้ ี่ 5ม-ธั 6ยแมลศะึกษปาวปชีท.2ี่ -53-6
ภาพและคาํ ถาม แนวทางการสรปุ เพื่อตอบคำ� ถามจากภาพ ภาพที่ 1 แนวทางการสรปุ “ทงั้ สองคนกาํ ลงั คิดอะไรอยํู” วรรณ รสู๎ กึ อบอํนุ เป็นสุขทอี่ ยํูใกลช๎ ดิ กับคนทีพ่ งึ พอใจ วิทย์ ร๎ูสึกมคี วามสขุ พึงพอใจ และอาจนกึ ถงึ การมีเพศสมั พันธด๑ ๎วย ภาพที่ 2 มีเพศสมั พนั ธโ๑ ดยวทิ ยเ๑ ป็นผเ๎ู รม่ิ ต๎น (เพราะความใกลช๎ ิด การสมั ผสั และ “จะเกิดเหตุการณอ๑ ะไรขน้ึ กบั คนท้ังคูํ” บรรยากาศที่เป็นใจ) ขณะทีว่ รรณเองกไ็ มสํ ามารถต๎านทานทัง้ วทิ ยแ๑ ละ ความร๎ูสกึ ของตนเองได๎ ภาพท่ี 3 วรรณ กงั วลใจหลายเรือ่ งเชํน กลวั คนร๎ู กลวั ทอ๎ ง กลวั พอํ แมํเสยี ใจ “หลงั เหตุการณ๑วรรณและวทิ ย๑จะรูส๎ ึก เหมือนหรอื แตกตาํ งกันอยาํ งไร” กลวั วิทยจ๑ ะท้ิง “จะเกดิ ผลกระทบอะไรกับวรรณและวทิ ย๑ วิทย์ รส๎ู กึ สมหวงั มคี วามสขุ ไมกํ งั วลใจแบบทีว่ รรณเป็น ได๎บ๎าง เหมือนหรอื ตาํ งกนั อยาํ งไร” ความรูส๎ กึ ของสองคนจะแตกตาํ งกันมาก กลาํ วคอื ผูห๎ ญิงจะกังวลใจมาก สํวนผ๎ชู ายจะกงั วลใจน๎อยกวํา ทง้ั น้เี พราะ 1. คาํ นิยมของสงั คมไทยเชือ่ วํา ผ๎ูหญิงทเี่ คยมเี พศสัมพนั ธแ๑ ล๎วจะ หมดคุณคํา แตสํ ําหรบั ผ๎ูชาย การมเี พศสมั พันธเ๑ ปน็ เรอ่ื งธรรมดา 2. ผห๎ู ญิงอาจตั้งครรภ๑ ซ่งึ เป็นการประจานตนเองและพํอแมํใหอ๎ บั อาย แตํผชู๎ ายไมมํ ปี ัญหาน้ี ยิ่งกวาํ น้นั หากผ๎ูหญงิ ไปทาํ แท๎งก็ อาจไดร๎ ับอันตรายจนเสยี ชีวิตได๎ วรรณอาจตดิ โรค ตง้ั ครรภ๑ ถูกสงั คมตฉิ นิ นนิ ทา พํอแมโํ กรธ อบั อาย เสีย อนาคต ลดโอกาสในการมคี ํคู รองที่ดตี อํ ไป วิทย์ อาจตดิ โรค อาจถกู วรรณเรียกร๎องความผกู พนั เรียกร๎องความ รับผิดชอบ และเรียกรอ๎ งทางกฎหมาย กรณที ีต่ อ๎ งแตํงงานกนั เพราะ วรรณตงั้ ครรภ๑ อาจมีผลเสยี ตามมาจากความไมพํ ร๎อมในการมีครอบครวั เชนํ รายได๎ ความร๎ู ความรบั ผดิ ชอบ ความเขา้ ใจในการใชช้ วี ติ คู่ แคลวะาคมวราบั มผพดิ รชอ้ อมบในคกวาารมเปเข็น๎าพใอ่จแในมก่ ฯาลรฯใช๎ชีวติ คํู และความพรอ๎ มในการเปน็ พอํ แมํ ฯลฯ ภาพที่ 4 วรรณ ควรระมดั ระวังตนเองไมไํ ปไหนกบั วิทยต๑ ามลาํ พังในท่ลี บั ตา ไมํ “ถ๎าย๎อนหลงั กลบั ไปได๎ วรรณและวทิ ยจ๑ ะ ยอมให๎ถกู เนอื้ ตอ๎ งตัว ซง่ึ จะทาํ ใหเ๎ กดิ มีอารมณเ๑ พศได๎ 244 คคมู่ ือู่มสือ่งสเส่งเรสมิ รแมิ ลแะลพะฒั พนัฒานกจิากกริจรกมรลรูกมเลสกูือเทสักอื ษทะกัชษวี ิตะชในวี สิตถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทูกลเสกู เอื สวอื สิ วาิสมาญัมญั ชชัน้ ้นั มมธั ัธยยมมศศึกกึ ษษาาปปีทที ี่่ี 55--66 และ ป2ว3ช7.2-3 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3
ภาพที่ 4 วรรณ ควรระมดั ระวงั ตนเองไมํไปไหนกบั วิทยต๑ ามลําพังในทลี่ ับตา ไมํ “ถา๎ ย๎อนหลงั กลับไปได๎ วรรณและวทิ ยจ๑ ะ ยอมให๎ถูกเนอ้ื ต๎องตัว ซง่ึ จะทาํ ให๎เกดิ มอี ารมณเ๑ พศได๎ ป้องกนั 2ไม44ใํ หเ๎ กิดคปูม่ ัญอื สหง่ าเสนรี้ไมิ ดแ๎อละยพาํ ฒั งไนรากิจกรรมลกูเวชเทิสนํ ือยทถ์ ักคกูษวเะรนชใีวอื้หติ ต๎เใกอ๎นยีงสตรถตาวั นิคกศนกึอรษดกั าจลรูบกูกั เซษสือ่ึงามวชสิ กั ่อื าจมเสะัญยไี มงชขสํ ้ันอามมงัธวยารมรรถศณึกยษบั าไยปมั้งที ํฉคี่ 5วว-ย6าโมแอลตกะ๎อาปงสวกรชากุ.2รเ-ท3รา๎าง เพศตํอไปได๎ ถ้าทั้งคูต่ อ้ งการมีเพศสัมพนั ธ์กนั ตอ้ งคาํ นึงถงึ เร่ืองตอ่ ไปนี้ 1. มคี วามรกั ทีม่ นั่ คงตอํ กัน 2. ยนิ ยอมพรอ๎ มใจทง้ั สองฝา่ ย 3. สามารถรับผิดชอบและแก๎ไขปัญหาทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ ได๎ 4. คํานงึ ถงึ ความปลอดภัยจากการตงั้ ครรภ๑และการตดิ โรค 5. คํานึงถงึ ความรู๎สกึ ของพอํ แมํของทงั้ สองฝา่ ยและการยอมรับ ของสังคม ถ๎าทัง้ คสํู ามารถรบั ผิดชอบการมเี พศสมั พนั ธแ๑ ละตดั สินใจ จะมีเพศสัมพันธก๑ ัน ใหค๎ ํานงึ ถงึ ความปลอดภัยจากการตัง้ ครรภ๑ ขณะทย่ี ังไมพํ ร๎อม รวมทั้งโรคตดิ ตอํ ทางเพศสมั พนั ธ๑และเอดส๑ โดยการสวมถงุ ยางอนามยั ทกุ คร้งั ทม่ี เี พศสัมพนั ธ๑ เรือ่ งสัน้ ทเี่ ป็นประโยชน์ คมู่ ือ2ส3ง่ 8เสรมิ แลคปู่มะรพะอื กสฒั าง่ นศเสนารกยี ิมบิจแกัตลรระรวพมชิ ัฒลาชนกู พีเาสก2อืิจ-ทก3รกั รษมะลชูกวี เสิตอืในทสักษถาะชนวีศิตกึ ใษนาสถลาูกนเศสึกอื ษวสาิ าปมรญั ะเภชทั้นลมกู เธั สยือมวศิสกึามษญั าปชีท้ัน่ี 5ม-ธั 6ยแมลศะกึ ษปาวปชที .2ี่ -53-6 245
เร่ืองสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ ไมไม้เทเ้ ทา้ ้ายยออดดททอองงกกรระะบบอองงยยออดดเเพพชช็ รร ชายหญงิ คหํู นงึ่ แตงํ งานอยดูํ ว๎ ยกนั มานานจนแกํเฒาํ ฝ่ายหญิงมกี ลํองเกบ็ ของอยใูํ บหน่งึ วางในต๎ู เส้ือผ๎าและกาํ ชบั กบั สามีวําอยาํ ได๎เปดิ ดหู รอื ถามใดใดทง้ั ส้ิน เวลาผาํ นไปหลายสิบปี วันหนง่ึ ฝ่ายหญงิ ปว่ ยมาก หมอลงความเหน็ วําเธอคงจะมีชีวิตอยํตู อํ ไปอีกไมํ นาน เธอขอให๎สามหี ยิบกลํองใบนั้นจากต๎เู สอื้ ผ๎า เมือ่ เธอเปิดฝากลอํ งข้นึ มา พบวํามีตุก๏ ตาถกั ไหมพรมกบั ธนบตั รทั้งเกาํ และใหมํบรรจอุ ยขํู า๎ งในจนเตม็ กลํอง สามเี องก็แปลกใจวาํ เงนิ เหลํานมี้ าจากไหน ฝ่ายหญงิ พดู วาํ \"ในวนั แตํงงานของเรา คณุ ยําของฉนั ไดใ๎ หบ๎ ทเรยี นสอนใจ ทํานวําครอบครวั เปน็ เร่ืองละเอยี ดอํอน หนักนดิ เบาหนอํ ยตอ๎ งใหอ๎ ภยั และอดทน ให๎เกยี รตซิ ่งึ กนั และกัน ไวเ๎ น้ือเชอ่ื ใจ มคี วามรัก ให๎แกํกนั และทสี่ ําคญั คอื มคี วามเข๎าใจกนั \" เธอหยุดพดู พร๎อมกับยนื่ มอื ลูบตุ๏กตาไหมพรมไปมา \"คุณยาํ ได๎ แนะเคล็ดลบั ใหว๎ ํา เมื่อใดที่ความร๎สู ึกไมพํ อใจเกดิ ขึน้ หรอื ร๎ูสกึ โกรธมากๆขนึ้ มา ใหถ๎ กั ตุก๏ ตาไหมพรมเก็บไว๎ 1 ตวั เสมอ\" ฝา่ ยชายเหลอื บมองเขา๎ ไปในกลอํ งมตี กุ๏ ตาไหมพรม 2 ตวั วางอยํู เขาเบอื นหน๎าไปอกี ทางเพอ่ื ไมํให๎ ภรรยาเหน็ นํา้ ตาแหํงความปลม้ื ปติ ิ เขารสู๎ กึ ซาบซง้ึ น้ําใจของภรรยาทมี่ ตี ํอเขาเป็นยิง่ นัก ตลอดชวี ิตสมรสที่ ยาวนาน มตี ุก๏ ตาไหมพรมเพยี ง 2 ตัวเทํานนั้ แทนจํานวนครงั้ ทภ่ี รรยาได๎โกรธเคืองเขา หลงั จากปาดคราบนาํ้ ตาแลว๎ เขาหนั กลับมา ฝา่ ยภรรยาพดู ตอํ \"คณุ คงแปลกใจกับเงนิ กอ๎ นนสี้ นิ ะ\" ฝ่ายหญิงหยิบมนั ขึ้นมาแล๎วพดู ตอํ วาํ \"มันเปน็ เงินท่ไี ดม๎ าจากการทยอยขายตก๏ุ ตาไปทลี ะตวั ๆตลอด 50 ปที ี่ ผํานมาคํะ\" เรอื่ งนส้ี อนใหร้ วู้ ่า การให๎อภัย และความอดทน เปน็ สงิ่ ที่ชวํ ยประคบั ประคองความรกั ให๎ยง่ั ยนื แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื วิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.2-3) หน่วยท่ี 11 คุณธรรม จรยิ ธรรม 246 คคมู่ ือูม่ สือ่งสเส่งเรสมิ รแิมลแะลพะฒั พนัฒานกจิากริจรกมรลรกูมเลสกูอื เทสกั อื ษทะักชษีวติะชในวี สติ ถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทูกลเสูกเอื สวือสิ วาิสมาญัมัญชชนั้ ้ันมมัธธั ยยมมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ป2ว3ช9.2-3 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3
แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช. 2-3) หน่วยที่ 11 คณุ ธรรม จริยธรรม แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 24 ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ เวลา 2 ช่วั โมง 1.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลูกเสือสามารถอธบิ ายวธิ กี ารประพฤติตนให๎เปน็ แบบอยํางที่ดีแกผํ ๎อู ืน่ ได๎ 2. เนือ้ หา ในฐานะที่เปน็ ลูกเสอื วิสามัญ ตอ๎ งมีใจสะอาด คดิ แตเํ ร่ืองทเี่ ป็นมงคล สามารถควบคุมสตแิ ละจติ ใจ ของตนไมใํ ห๎ฟุ้งซาํ น รูป-รส-กล่ิน-เสียง-สัมผสั และของมนึ เมาจนเกินกวาํ เหตุ ทาํ นตอ๎ งเปน็ ตัวของตัวเอง และเป็นตัวอยํางที่ดีแกํผอ๎ู ื่น ในทุกสงิ่ ทุกอยาํ งทท่ี ํานคดิ -พดู และกระทาํ ลูกเสอื ประพฤตชิ อบดว้ ย กาย วาจา ใจ คือ ลกู เสือตอ๎ งประพฤตติ นให๎ถกู ตอ๎ งอยใูํ นศลี ธรรม อยํู ในกรอบประเพณี ละเวน๎ ความช่วั และอกุศลกรรมตํางๆ ตอ๎ งมหี ริ โิ อตปั ปะ คือร๎จู กั ละอายตอํ บาป เกลยี ดชัง และกลวั ความช่ัว ไมเํ ห็นแกสํ ินจ๎างรางวัล มสี ตคิ อํ ยเหนี่ยวรงั้ ไมํยอมใหใ๎ จพาไปในทศิ ทางทผี่ ดิ มีวาจาไพเราะ ไมกํ ลําวสํอเสยี ดใหผ๎ อ๎ู นื่ เดอื นร๎อน มีจิตใจดไี มคํ ดิ รา๎ ยตอํ ผ๎อู นื่ รจู๎ กั ใหอ๎ ภยั ซ่งึ กนั และกนั ในฐานะท่ที าํ นเป็น ลกู เสือวสิ ามญั ทาํ นตอ๎ งเป็นตัวเอง และเป็นตวั อยาํ งทดี่ ีแกํผอ๎ู ืน่ ในทกุ สง่ิ ทุกอยํางท่ีทาํ น คดิ พดู และกระทํา ในฐานะที่เป็นลกู เสือวสิ ามัญต๎องจําไว๎วาํ การขา๎ มจากความเป็นเดก็ ไปสคูํ วามเป็นผใ๎ู หญนํ นั้ มไิ ดเ๎ ป็น แคเํ พียงเรยี นร๎ูในการปฏิบตั ิตามกฎของลูกเสือ แตํลกู เสือวิสามัญต๎องใชก๎ ฎของลกู เสอื นัน้ สําหรับปฏบิ ัติใน ดา๎ นการดําเนนิ ชวี ติ ประจาํ วนั ในปจั จบุ นั ลูกเสอื วิสามัญตอ๎ งเปน็ ตวั อยาํ งแกํผู๎อน่ื และอาจชักนาํ เขาเหลาํ นนั้ ใหไ๎ ปในทางทีด่ หี รือชัว่ ได๎ ถา๎ ลูกเสอื วสิ ามัญปฏบิ ตั ิตามคาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื กย็ อํ มเปน็ ตวั อยาํ งทด่ี ี แตํถา๎ ไมํปฏบิ ัตติ ามคาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื ก็อาจจะนาํ ผู๎อ่ืนไปในทางที่ไมํดี เพราะฉะนน้ั ลูกเสอื วสิ ามัญตอ๎ งยดึ มน่ั คาํ ปฏิญาณและกฎของลกู เสอื ไวต๎ ลอดเวลาโดยทีม่ ไิ ด๎หมายถึงการทอํ งจําแบบนกแก๎ว นกขุนทอง ตอ๎ งจาํ แล๎วนาํ ไปประพฤติปฏบิ ตั จิ นเกิดความเคยชนิ เปน็ ปกตินสิ ัยแล๎วจะประสบความสาํ เรจ็ ใน ชวี ติ 3. สือ่ การเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบความร๎ู “หิริโอตปั ปะ” 3.3 เรอ่ื งสัน้ ท่ีเปน็ ประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 247 4.1 พธิ ีเปดิ ประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจแยก) ค่มู อื2ส4ง่ 0เสร4ิม.2แลปคเมู่ะรพพะอื กลสฒั า่งงนศเสนาหรกียิมรบจิ แือกตั ลเรระกรวพมชิมัฒลาชนกู ีพเาสก2ือิจ-ทก3รักรษมะลชกู ีวเสติ อืในทสกั ษถาะชนวีศติ ึกใษนาสถลากู นเศสกึือษวสาิ าปมรญั ะเภชทน้ั ลมกู เัธสยอื มวศิสกึามษัญาปชีท้นั ่ี 5ม-ัธ6ยแมลศะกึ ษปาวปชีท.2่ี -53-6
3.2 ใบความร๎ู “หริ โิ อตปั ปะ” 3.3 เรือ่ งส้นั ท่เี ป็นประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พธิ ีเปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต๑ สงบนงิ่ ตรวจแยก) 4.2 เพลง หรอื เกม คูม่ อื สง่ เสร4มิ .3แลกะพจิ ฒักรนรามกิจตการมรมจลุดูกปเสรอื ะทสกั งษคะก๑ ชาวี ิตรเใรนยี สนถารนู๎ ศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 247 1) ผูก๎ ํากับลูกเสอื และลูกเสือรวํ มกันอภิปราย คนด/ี ความดี คนชั่ว/ความช่วั เกยี่ วกับความคิด พดู และการกระทํา ตัวอยาํ งจากหนงั สือพิมพ๑ TV หรอื สอ่ื อื่นๆ 2) ทบทวนกฎของลูกเสอื ขอ๎ ท่ี 10 ลูกเสือประพฤติชอบด๎วยการวาจา ใจ และการปฏิบตั ิตามกฎ ของลกู เสอื ขอ๎ ดังกลาํ ว และการไมปํ ฏบิ ตั ติ ามกฎของลกู เสอื ขอ๎ ดงั กลําว มีผลอยาํ งไร 3) แบงํ ลูกเสือเปน็ 3 กลุมํ แตํละกลมํุ รํวมกนั อภปิ ราย สรุปลงกระดาษชาร๑ท และนาํ เสนอ ดงั น้ี กลํุมที่ 1 การประพฤตชิ อบดว๎ ยกาย (กายกรรม) และผลของการประพฤตชิ อบ/ ไมํประพฤติ ชอบด๎วยกาย กลํมุ ที่ 2 การประพฤตชิ อบดว๎ ยวาจา (วจีกรรม) และผลของประพฤตชิ อบ/ไมํประพฤตชิ อบด๎วย วาจา กลุํมท่ี 3 การประพฤตชิ อบด๎วยใจ (มโนกรรม)และผลของการประพฤตชิ อบ/ไมปํ ระพฤตชิ อบ ด๎วยใจ (อภปิ ราย/สรปุ 15 นาที นําเสนอ 5 นาที) 4) ผ๎ูกาํ กับลูกเสอื และลกู เสือรวํ มกนั สรุปเพื่อสรา๎ งนิสยั ใหเ๎ ปน็ คนท่ีสะอาดกาย สะอาดใจ สะอาด วาจา 4.4 ผู๎กาํ กบั ลูกเสอื เลาํ เรื่องสน้ั ท่ีเปน็ ประโยชน๑ 4.5 พธิ ปี ิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชังธง เลิก) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตความรํวมมอื ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคิดจากการอภิปราย 6. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิตสําคญั ทีเ่ กิดจากกจิ กรรม คือ ความคดิ วเิ คราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนักถงึ ความสาํ คญั ของการการประพฤติตนที่รจู๎ ัก ละอาย เกรงกลัวตอํ ความชั่ว เพลง ภาคผนวกประกอบแผนการจักกจิ กรรมที่ 24 241 248 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3 คูม่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296