Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ลูกเสือวิสามัญ2 ม5_6

ลูกเสือวิสามัญ2 ม5_6

Description: ลูกเสือวิสามัญ2 ม5_6

Search

Read the Text Version

6. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวติ สําคญั ท่ีเกดิ จากกิจกรรม คือ การคดิ วเิ คราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ และตระหนักถงึ ความสําคัญของการออมเงนิ และวางแผน การใช๎จาํ ยเงนิ อยาํ งประหยดั และคุ๎มคาํ ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 11 เพลง รวมเงิน รวมเงนิ รวมเงินวนั น้ี รวมเงนิ ให๎ดอี ยาํ ใหม๎ ีผดิ พลาด ผห๎ู ญงิ นน้ั เป็นเหรยี ญบาท (ซาํ้ ) ผชู๎ ายเกงํ กาจเป็นหา๎ สิบสตางค๑ (ซาํ้ ) คมู่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 149 142 ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3

ใบความรู้ ตัวอยา่ งแผนการใช้เงนิ นายสมชายเปน็ นกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 อาศัยอยกูํ บั บดิ ามารดาที่บา๎ นซงึ่ อยไํู กลจากโรงเรยี น ประมาณ 5 กิโลเมตร มีรถประจาํ ทางไป-กลับไดส๎ ะดวก บิดาใหค๎ ําใช๎จาํ ยรายสปั ดาหๆ๑ ละ 1,000 บาท รวมคาํ รถ คาํ อาหาร และอุปกรณ๑การเรยี น แตถํ ๎าไมํพอกส็ ามารถขอเงนิ ซอื้ อุปกรณ๑ การเรียนเพ่มิ ได๎อกี เป็นครงั้ คราวไป สมชายชอบเตะฟุตบอลกับเพือ่ นหลงั เลกิ เรยี นเสมอ และมักจะไป ดม่ื นมท่รี า๎ นขาประจาํ กับกลุมํ เตะฟตุ บอลกํอนกลับทุกวันท่เี รียนหนังสอื นอกจากนน้ั ในวนั หยุด สมชายมักจะไปร๎านเกมใกล๎บ๎านประมาณวันละ 1-2 ชวั่ โมง และอาจทาํ รายงานกลํมุ กับเพ่ือนอกี สัก 1 คร้งั ตอํ สัปดาห๑ และไปเตะฟตุ บอลกับกลมุํ เพอ่ื นแถวบ๎านทกุ วันหยดุ พร๎อมแวะดม่ื นมรํวมกัน กํอนแยกกลับบา๎ น รวมทง้ั ชอบดหู นงั ยาว จึงไปซอ้ื ดวี ีดชี ุดจากร๎านเปน็ ระยะ สมชายวางแผนการใชเ๎ งนิ ดงั นี้ 1. คาํ รถไป-กลบั โรงเรยี นวันละ 12 บาท X 2 เท่ียว X 5 วนั X 1 สัปดาห๑ จาํ นวน 120 บาท 2. คําอาหารกลางวนั ๆ ละ 50 บาท X 1 มอ้ื X 5 วนั X 1 สัปดาห๑ จาํ นวน 250 บาท 3. คาํ นมและขนมตอนเย็นวนั ละ 40 บาท X 1 มอื้ X 5 วนั X 1 สปั ดาห๑ จาํ นวน 200 บาท 4. คําดีวีดีประจําสปั ดาห๑ 200 บาท X 1 ชุด X 1 สปั ดาห๑ จาํ นวน 200 บาท 5. คําเลํนเกมวันหยดุ 15 บาท X 2 ช่วั โมง X 2 วัน X 1 สปั ดาห๑ จาํ นวน 60 บาท 6. คําอาหารวนั ทํารายงานกลํมุ กบั เพ่อื น 100 บาท X 1 คร้งั X 1 สปั ดาห๑ จาํ นวน 100 บาท 7. คําอปุ กรณ๑การเรยี นรายสัปดาห๑ 200 บาท X 1 สัปดาห๑ จาํ นวน 200 บาท 8. รายจํายจร 100 บาท X 1 สัปดาห๑ จาํ นวน 100 บาท 9. เงินออม 150 บาท X 1 สปั ดาห๑ จาํ นวน 150 บาท รวมรายจา่ ย 1,480 บาท สมชายสังเกตวํารายจํายเกินรายได๎ 1,000 บาทตํอสปั ดาห๑ จงึ ลดรายจํายลงบางรายการ เชนํ ซอ้ื ดวี ดี ีเปลย่ี นเป็น 1 ครั้งตอํ เดอื น การทาํ รายงานกลุมํ อปุ กรณ๑การเรยี นและรายจาํ ยจร ไมํทําทกุ สัปดาห๑ จงึ นาํ จะถวั เฉลย่ี กบั สัปดาห๑ทไี่ มมํ ไี ด๎ลงตวั พอดีนอกจากนนั้ สังเกตวาํ คาํ อาหารเหลือ แตไํ มํเทํากนั ทุกวนั จึงนาํ จะมาทดแทนกนั ได๎ สมชายจงึ นําเงินตดิ ตัวไปโรงเรียนวนั ละ 200 บาท เผือ่ ติดกระเป๋าไว๎สาํ หรบั รายจาํ ยจรเสมอ แตํกม็ เี งินเหลอื กลบั บา๎ นทกุ วันเสมอและใช๎แผนการเงิน เดมิ กอํ น 150 คูม่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 143 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3

ตัวอยา่ งแบบบนั ทกึ การใชเ้ งนิ ประจาํ วนั วนั ท่ี 3 สงิ หาคม 2556 รายรบั 143 บาท รายจ่าย 1. คํารถไป-กลบั โรงเรียน จาํ นวน 24 บาท 2. คําอาหารกลางวนั จาํ นวน 40 บาท 3. คาํ นมและขนมตอนเยน็ จํานวน 35 บาท 4. คาํ กระดาษทาํ ปกรายงาน จํานวน 50 บาท 5. เงินออม จาํ นวน 20 บาท รวมรายจ่าย 169 บาท ติดลบ 26 บาท วนั ที่ 4 สิงหาคม 2556 รายรับ143 บาท รายจ่าย 1. คํารถไป-กลบั โรงเรียน จาํ นวน 24 บาท 2. คําอาหารกลางวนั จํานวน 50 บาท 3. คํานมและขนมตอนเยน็ จาํ นวน 10 บาท 4. เงนิ ออม จาํ นวน 20 บาท รวมรายจา่ ย 100บาท เหลอื 43 บาท คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 151 144 คูม่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3

ตวั อยา่ งการทําบญั ชีรายรบั – รายจ่ายอย่างงา่ ย ว/ด/ป รายการ รับ จ่าย คงเหลอื หมายเหตุ 11 ม.ิ ย.56 แมํให๎เงนิ 200 - 200 12 ม.ิ ย.56 คํารถ 50 150 คําอาหาร 50 100 13 มิ.ย.56 คาํ อุปกรณก๑ ารเรยี น 20 80 ของขวัญ 100 -20 แมใํ หเ๎ งนิ 200 - 200 คาํ รถ 50 150 คาํ อาหาร 50 100 คาํ อุปกรณ๑การเรยี น 10 90 อนื่ ๆ 50 40 ออมเงนิ 40 0 แมใํ ห๎เงนิ 200 - 200 คาํ รถ 50 150 คาํ อาหาร 50 100 คาํ อปุ กรณก๑ ารเรยี น - 100 อ่นื ๆ - 100 ออมเงนิ 100 0 152 คูม่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 145 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3

ตวั อยา่ งสรุปผลการใชเ้ งนิ รายเดือน 1. คาํ รถไป-กลับโรงเรียน รายรับ 4,500 บาท จาํ นวน 552 บาท 2. คาํ อาหารกลางวนั จํานวน 1,000 บาท 3. คํานมและขนมตอนเยน็ จาํ นวน 900 บาท คาํ อาหาร 2,100 บาท คําผํอนคลาย 640 บาท 4. คาํ อาหารวนั ทาํ รายงานกลํุมกบั เพอ่ื น จาํ นวน 200 บาท 5. คาํ อปุ กรณ๑การเรยี น จํานวน 200 บาท 6. คาํ ดีวดี ี จํานวน 200 บาท 7. คาํ เลนํ เกมสว๑ นั หยดุ จาํ นวน 240 บาท 8. รายจาํ ยเบด็ เตลด็ จาํ นวน 200 บาท 9. เงินออม จาํ นวน 600 บาท รวมรายจา่ ย 4,092บาทเงนิ เหลอื เกบ็ 1,008 บาท เหลือ 408 บาท ค่มู อื1ส4ง่ 6เสรมิ แลปคมู่ะรพะอื กสฒั า่งนศเสนารกียิมบิจแกตั ลรระรวพมชิ ฒั ลาชนกู พีเาสก2อืจิ -ทก3รกั รษมะลชกู วี เสติ อืในทสักษถาะชนวีศิตกึ ใษนาสถลากู นเศสกึอื ษวสาิ าปมรัญะเภชทนั้ ลมูกเัธสยือมวศสิ ึกามษญั าปชีทนั้ ี่ 5ม-ัธ6ยแมลศะึกษปาวปชที .2่ี -53-6 153

เรือ่ งส้ันท่ีเป็นประโยชน์ สุภาษิตสอนหญิง(สอนทั้งหญิงและชาย) สุนทรภู่ มีสลงึ พงึ บรรจบใหค๎ รบบาท อยาํ ใหข๎ าดสิง่ ของต๎องประสงค๑ แม๎มีนอ๎ ยกนิ น๎อยคอํ ยบรรจง อยําจาํ ยลงใหม๎ ากจะยากนาน ไมํควรซอ้ื กอ็ ยําไปพิไรซอ้ื ใหเ๎ ปน็ มื้อเปน็ คราวทงั้ คาวหวาน เมอื่ พอํ แมํแกเํ ฒาํ ชรากาล จงเล้ียงทํานอยาํ ใหอ๎ ดระทดใจ ดว๎ ยชนกชนนนี ้ีมคี ณุ ได๎การญุ เลยี้ งรักษามาจนใหญํ อม๎ุ อทุ รป้อนขา๎ วเป็นเทาํ ไร หมายจะไดพ๎ ึ่งพาธิดาดวง ถ๎าเรามดี วงจติ คิดอปุ ถัมภ๑ กุศลลํา้ เลิศเทาํ ภูเขาหลวง จะปรากฏยศยงิ่ ส่งิ ทั้งปวง กวําจะลวํ งลถุ ึงซ่งึ พมิ าน เทพไทในหอ๎ งสบิ หกชนั้ จะชวนกันสรรเสริญเจรญิ สาร วําสตรีนีเ้ ปน็ ยอดยพุ าพาล ไดเ๎ ลี้ยงทาํ นชนกชนนี เร่ืองนส้ี อนใหร้ ู้ว่า การรู๎จกั ประหยัดอดออม ทําใหเ๎ ราสามารถมีเงินใช๎จาํ ยในการดแู ลผูม๎ พี ระคุณได๎ 154 คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 147 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 2-3

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6, ประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.2-3) หนว่ ยท่ี 7 ดําเนนิ ชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 12 การหารายได้ระหวา่ งเรียน เวลา 1 ชัว่ โมง 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.1 ลกู เสือสามารถบอกความสําคญั และแนวทางที่เหมาะสมของการหารายได๎ระหวาํ งเรยี นได๎ 1.2 ลูกเสือสามารถทาํ กจิ กรรมหารายได๎ระหวาํ งเรียนได๎ 2. เนือ้ หา การหารายได๎ระหวาํ งเรยี นเปน็ การฝกึ ฝนการแบํงเวลา การใชเ๎ วลาวาํ งใหเ๎ กดิ ประโยชน๑ สร๎างเสรมิ ประสบการณ๑การปรบั ตัวกับงานและผค๎ู น สรา๎ งรายได๎เพ่อื ลดภาระของครอบครัว และเป็นการปลูก เมลด็ พนั ธุแ๑ หงํ ความภาคภมู ิใจในตน เห็นคณุ คาํ ของเงนิ ทไ่ี ด๎มาด๎วยความอตุ สาหะ อนั เปน็ สํวนหน่งึ ของการดําเนนิ ชีวิตตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งทน่ี ําความสขุ ในชวี ิตของลูกเสอื อยาํ งย่ังยืน 3. สอ่ื การเรยี นรู้ 3.1 แผนภมู ิเพลง 3.2 เรอ่ื งสั้นทเี่ ป็นประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 พธิ ีเปิดประชมุ กอง (ชักธงข้นึ สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรือเกม 4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ 1) ผูก๎ าํ กบั ลูกเสอื และลูกเสอื รํวมกันอภปิ รายเกย่ี วกับประสบการณ๑ในการทาํ งาน หารายไดร๎ ะหวาํ งเรยี น 2) ผ๎กู ํากับลูกเสอื แบงํ กลุํมลกู เสือใหร๎ ะดมสมอง วิธกี ารหารายไดร๎ ะหวํางเรียน กลํมุ ละอยาํ งนอ๎ ย 5 วิธี 3) ผู๎แทนกลุํมรายงานผลการระดมสมองตอํ ทป่ี ระชุม 4) ผ๎กู ํากบั ลูกเสอื และลูกเสอื อภิปราย เพม่ิ เติม ชืน่ ชม สรปุ 5) ผก๎ู าํ กบั ลกู เสอื มอบหมายให๎ลูกเสอื กลมํุ ละไมเํ กิน 3 คน เขียนโครงการการหารายได๎ ระหวํางเรยี นของกลมํุ สํง ลงมอื ปฏบิ ัติตามโครงการ และจัดทาํ รายงานผลการปฏบิ ตั ิโครงการ พรอ๎ มชืน่ ชมลกู เสอื เพอื่ เป็นตัวอยาํ งแกํลูกเสอื คนอน่ื ๆ 4.4 ผก๎ู ํากบั ลูกเสอื เลาํ เรื่องสน้ั ที่เป็นประโยชน๑ 4.5 พธิ ปี ิดเปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธงลง เลิก) 5. การประเมินผล คู่มอื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 155 148 คูม่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3

5. การประเมินผล 5.1 สังเกตความรํวมมือในการปฏิบัตกิ จิ กรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคดิ จากการอภิปราย 6. องคป์ ระกอบทักษะชีวติ สําคัญท่ีเกดิ จากกิจกรรม คอื การคดิ วิเคราะห๑ ความคดิ สร๎างสรรค๑ และตระหนักถึงคุณคาํ ของเงนิ ทไ่ี ดจ๎ ากนาํ้ พกั น้าํ แรงตนเอง เหน็ ความสาํ คัญของการวางแผนการใช๎จาํ ยเงินให๎เกิดประโยชนส๑ ูงสดุ ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 12 เพลง อย่าเกียจคร้าน อยาํ เกยี จคร๎านการทํางานนะพวกเรา งานหนกั งานเบาเหนอ่ื ยแล๎วเรา พกั ผอํ นกห็ าย ไมํทํางาน หลบหลกี งาน เฝ้าเกยี จครา๎ นเอาแตสํ บาย แกํจนตาย ขอทํานายวาํ ไมํเจริญ(ซา้ํ ) เร่อื งส้ันที่เปน็ ประโยชน์ คนขี้เหนียวกบั ทองคาํ ชายคนหนึง่ เปน็ คนข้ีเหนยี ว เขามักจะเอาสมบัตฝิ งั ดนิ ไว๎รอบๆบา๎ นไมํยอมนํามาใชจ๎ าํ ย ให๎เกิดประโยชน๑ตํอมาเขากลวั วําจะไมํปลอดภยั ถ๎าฝังเงนิ ทองไวห๎ ลายเเหงํ เขาจึงขายสมบตั ทิ งั้ หมด เเลว๎ ซ้อื ทองคําแทํงหน่งึ มาฝังไวท๎ ห่ี ลงั บา๎ นเเลว๎ หม่นั ไปดทู ุกวนั คนใชผ๎ ูห๎ นงึ่ สงสยั จึงเเอบตามไปดู ทีห่ ลังบ๎าน แลว๎ กข็ ดุ เอาทองแทํงไปเสยี ชายขเ้ี หนียวมาพบหลุมทว่ี าํ งเปลําในวันตอํ มาก็เสยี ใจ รอ๎ งหมํ รอ๎ งไหไ๎ ปบอกเพื่อนบา๎ นคนหนึง่ เพอื่ นบา๎ นจงึ เเนะนําประชดประชนั วาํ “ทํานก็เอาก๎อนอฐิ ใสํในหลมุ แลว๎ คดิ วําเปน็ ทองคําสิเพราะถึงอยํางไรทํานกไ็ มํเอามาใชอ๎ ยแํู ล๎ว” เรื่องนี้สอนใหร้ วู้ า่ การมที รพั ย๑และประหยัดออมทรพั ยเ๑ ป็นสิ่งทดี่ แี ตํต๎องร๎ูจกั ประมาณการใชท๎ รัพย๑ ที่มอี ยูใํ ห๎เกิดประโยชน๑ด๎วย แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือวิสามญั ช้ันมธั ยมศึกษาป่ีท่ี 5-6,ประกาศนียบตั รวิชาชีพ(ปวช.2-3) 156 คคมู่ อืู่มสือง่ สเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะฒั พนฒั านกจิากกริจรกมรลรกูมเลสูกอื เทสักือษทะักชษีวิตะชในีวสิตถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทกู ลเสกู เือสวือสิ วาสิ มาัญมญั ชช้ันัน้ มมธั ัธยยมมศศกึกึ ษษาาปปีทีที่ี่ 55--66 และ ปวช.2-3 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3 149

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ที่ 5-6, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.2-3) หน่วยท่ี 8 การคดิ วิเคราะห์ ตดั สนิ ใจ แกป้ ัญหา แผนการจดั กิจกรรมที่ 13 ความเสี่ยงทเ่ี ลี่ยงได้ เวลา 1 ชว่ั โมง 1. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ลกู เสือสามารถอธบิ ายสถานการณ๑ที่จะนาํ ไปสํกู ารมเี พศสัมพันธท๑ ี่ไมํคาดคดิ ได๎ 2. เนือ้ หา สถานการณ๑ตํางๆ ในชีวิตประจําวัน อาจนําไปสํูความเสี่ยงตํอการมีเพศสัมพันธ๑ท่ีไมํคาดคิด และ นําไปสูํปัญหาตํางๆ ตามมา เชํน การต้ังครรภ๑ที่ไมํพร๎อม โรคติดตํอทางเพศสัมพันธ๑และเอดส๑ รวมท้ัง ปัญหาสุขภาพจิตและผลกระทบตํางที่เกิดในชีวิต หากเรามีความสามารถประเมินสถาณการณ๑ที่นําไปสํู ความเส่ยี งตํางๆ จะทาํ ใหเ๎ ราปลอดภัยได๎ 3. ส่อื การเรียนรู้ 3.1 เกม 3.2 ใบงานกรณศี ึกษา เร่ือง “ทายใจ แกว๎ กับหนํุม” “และสถานการณฝ๑ กึ ประเมนิ ความเสยี่ ง 3.3 ใบความรู๎ 1) ขัน้ ตอนการประเมนิ ความเสีย่ ง 2) แนวทางการวเิ คราะห๑และประเมินความเส่ยี ง 3.4 เรื่องส้นั ทีเ่ ป็นประโยชน๑ 4.กิจกรรม 4.1 พิธเี ปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธงขน้ึ สวดมนต๑ สงบน่งิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลงหรือเกม 4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก๑ ารเรียนรู๎ 1) ผกู๎ าํ กับลูกเสือนาํ สนทนา เรอ่ื ง สถานการณท๑ ่นี าํ ไปสูกํ ารมีเพศสัมพันธ๑ของวยั รุํน 2) จับคูํพูดคุยกันถงึ กรณีศกึ ษา “ทายใจ แก๎วกบั หนุมํ ” ในใบงานท่ี 1 3) ผกู๎ ํากับลกู เสือและลกู เสือ รวบรวมความคดิ เหน็ สถานการณบ๑ างอยํางใน ชีวติ ประจาํ วันเปน็ สถานการณเ๑ สย่ี งในเรื่องเพศ 4) ผ๎ูกาํ กับลกู เสอื บรรยาย เรอื่ ง “สถานการณ๑เสยี่ งในเรอ่ื งเพศของวยั รุนํ และขน้ั ตอน การประเมินความเสย่ี ง” ตามใบความรท๎ู ี่ 1 พรอ๎ มสาธิตการวิเคราะหแ๑ ละประเมินความเสย่ี ง “กรณศี ึกษาจ๏บุ กบั จอม “ ตามใบความรูท๎ ่ี 2 5) ผก๎ู าํ กับลูกเสอื แบํงกลมุํ ลกู เสอื ออกเปน็ 5 กลุํม ฝึกวิเคราะห๑สถานการณ๑ และประเมนิ ความเสยี่ งตามสถานการณ๑ท่ีได๎รับมอบหมาย (ใบรายงานท่ี 2) 6) ตวั แทนกลํุมลูกเสอื นําเสนอหนา๎ ชนั้ ผู๎กาํ กบั จงึ นาํ อภปิ รายทีละสถานการณเ๑ พอ่ื ช้ใี ห๎เหน็ ความ เสย่ี งของสถานการณ๑ตาํ งๆ 7) สรปุ ข้นั ตอนการประเมินความเสยี่ ง 4.4 ผู๎กาํ กับเลําเรอ่ื งสนั้ ทเ่ี ป็นประโยชน๑ คู่มอื1ส5ง่ 0เสรมิ แลคปมู่ะรพะอื กสฒั า่งนศเสนารกียิมบิจแกตั ลรระรวพมิชฒั ลาชนกู พีเาสก2ือิจ-ทก3รักรษมะลชูกีวเสิตอืในทสกั ษถาะชนวีศิตึกใษนาสถลากู นเศสึกือษวสาิ าปมรัญะเภชท้นั ลมกู เัธสยือมวศิสึกามษญั าปชีทน้ั ่ี 5ม-ัธ6ยแมลศะึกษปาวปชที .2ี่ -53-6 157

4.5 พิธีปดิ ประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลิก) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตความรํวมมือในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย 6. องคป์ ระกอบทกั ษะชวี ติ สําคญั ที่เกดิ จากกจิ กรรม คือ ความคดิ วเิ คราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนกั ร๎ูถงึ สถานการณเ๑ สยี่ งทางเพศใกล๎ตวั ตัดสนิ และ แกไ๎ ขปัญหา ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 13 เกม “พชิ ิตยักษ์(THE BLIND GIANTS)” เกมน้ีคล๎ายๆ กับหมาในเข๎าถ้ํา แตํใช๎เก๎าอ้ี 2 ตัวแทนประตู วางให๎ข๎างหลังเข๎าหากัน หํางกันประมาณ 40 น้ิว ในนรระะหววําา่งงชชํออ่ งงนน้ีใ้ีให๎ม้ ียักษต์๑ าบบออดด 2 คน โดยให๎เอาผ๎าผูกลูกเสือ 3 คน ให๎ลูกเสือท้ัง 2 คนจับมือกัน อีกมือหน่ึงจับพนักเก๎าอ้ี ให๎ลูกเสืออื่นเป็นผ๎ูพิชิตยักษ๑ ลอดเข๎าไปในชํองใต๎มือ ระหวํางมือท่ีจับกันหรือมือ ที่จับพนักเก๎าอี้ หรือระหวํางขายักษ๑ตาบอดที่เป็นยาม ภายในเวลาจํากัด ถ๎าเข๎าไมํได๎เกินกวําจํานวนที่ กําหนดไว๎ ยักษ๑เปน็ ผช๎ู นะ ถา๎ เขา๎ ได๎มากผ๎ูพชิ ติ ยักษ๑เป็นผ๎ชู นะ ใบงาน กรณศี ึกษา “ทายใจแกว้ กบั หนุม่ ” แกว๎ กับหนมํุ อยดูํ ๎วยกนั ตามลําพงั ทบี่ า๎ นของหนมํุ หนมุํ ชวนแก๎วไปดวู ีดโี อที่หอ๎ งรับแขก นัง่ ดูสักครํู หนํุมขยับตัวไปใกลๆ๎ แก๎ว แล๎วยกแขนขึ้นไปโอบไหลํแก๎ว....... จากกรณศี กึ ษาน้ี ให๎ลกู เสือพูดคยุ กบั เพอ่ื นวาํ “เหตกุ ารณ๑ตํอจากนี้จะเปน็ อยํางไรตอํ ไป (เวลา 5 นาท)ี ใบงาน 158 คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 151 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3

ใบงาน ใหแ๎ บํงกลุํม 6 กลมุํ รวํ มกนั วิเคราะห๑สถานการณ๑ทไ่ี ด๎รับมอบหมายและประเมินความเสีย่ ง ของสถานการณ๑น้นั ๆ แล๎วเขยี นผลการวเิ คราะห๑ลงตาราง ขน้ั ตอนประเมนิ ความเสี่ยง ผลการวเิ คราะห์ 1. วิเคราะหส๑ ถานการณป๑ จั จบุ นั 1. สถานการณป๑ ัจจบุ ันคือ ............................................ 2. เทยี บสถานการณ๑ปจั จุบนั กับเกณฑ๑ …………………………………………………… ประเมนิ ความเสีย่ ง 2. เข๎าเกณฑเ๑ สย่ี งขอ๎ ที่ 3. ถ๎าเส่ยี ง ตดั สนิ ใจอยํางใดอยํางหน่ึงตํอไป .................................................. …………………………………………………… 3. ควรตัดสนิ ใจดังนี้ ..................................................... …………………………………………………… สถานการณท์ ี่ 1 “ก็แค.่ ..งานวันเกิด” คนื วนั เสาร๑ อ๎อยไปงานวันเกดิ วิทยพ๑ ช่ี ายเพอ่ื นทีบ่ ๎าน ในงานมวี ยั รุนํ ชายหญงิ มากมาจบั คคํู ยุ กนั บา๎ ง เต๎นรํา บ๎างดูวดี โี ออยํูในบ๎าน พอํ แมขํ องเพ่อื นไมอํ ยูํบา๎ น ออ๎ ยเต๎นรํากับวิทย๑อยํางสนกุ สนาน ราวๆ 4 ทํุม วทิ ย๑เปดิ เหลา๎ และรนิ แจกทกุ คน วิทย๑ปิดไฟบางดวงเพอ่ื สร๎างบรรยากาศ สถานการณ์ท่ี 2 “ปาร์ตช้ี ายโสด” ออ๐ ง หนมํุ น๎อยวัยยาํ ง 15 ปี ถูกพไี่ กรชวยไปงานปารต๑ ช้ี ายโสดทีบ่ า๎ น ในงานมที ั้งเหล๎าทง้ั บุหร่ี ออ๐ ง แปลกใจท่บี างคนอายมุ ากกวําพไ่ี กรเยอะ แถมแตํงหนา๎ และทําทาํ ราวหญิงสาว บางคนูํ ง่ั จบั มอื โอบกอดกนั บางคแํู อบไปอยูํตามมมุ มดื ราว 4 ทํุม อ๐องบอกพี่ไกรวําจะกลบั บา๎ น พ่ไี กรไมํยอม และใหอ๎ อ๐ งโทรไปบอกแมํวําจะนอนบา๎ นพ่ไี กร แมคํ งไมวํ ําเพราะแมํร๎จู กั พีไ่ กร สถานการณท์ ่ี 3 “อยากรจู้ งั .....เธคเปน็ ไง” 159 คู่มอื1ส5ง่ 2เสรมิ แลคป่มูะรพะอื กสัฒา่งนศเสนารกียมิ บิจแกตั ลรระรวพมิชัฒลาชนูกีพเาสก2ือจิ -ทก3รักรษมะลชกู วี เสิตือในทสักษถาะชนีวศติ กึ ใษนาสถลากู นเศสึกือษวสาิ าปมรญั ะเภชท้ันลมูกเัธสยอื มวศสิ ึกามษัญาปชีทัน้ ี่ 5ม-ธั 6ยแมลศะึกษปาวปชที .2ี่ -53-6

สถานการณ์ที่ 3 “อยากร้จู งั ...เธคเป็นไง” กิก๊ สาวนอ๎ ยไรเ๎ ดียงสา ไมเํ คยเหน็ วาํ เธคเป็นอยาํ งไร เพอื่ น ๆ บอกวําเธอคเชย ไมํอนิ เทรน เย็นวันศกุ ร๑ก๊ิกขอแมไํ ปคา๎ งบ๎านเพอื่ นสนทิ แมอํ นุญาต คืนนนั้ กกิ๊ และเพ่อื นผ๎ูหญงิ 5 คนไปเทยี่ วเธคในเธค นําตืน่ ตาตื่นใจ สาว ๆ สง่ั นาํ้ สม๎ มาด่มื เสยี งดนตรีเร๎าใจมาก กกิ๊ และเพ่อื นออกไปเต๎นหลายเพลงจนเหนอ่ื ยก็ กลับมาน่ังพกั ท่โี ต๏ะกก๊ิ เหน็ ชายหนมํุ 2 คนทาํ ทางเมา พดู ไมคํ อํ ยร๎ูเรอ่ื ง ถือแกว๎ เบยี รม๑ าน่ังคุยกบั แจ๐มเพอื่ น ของกกิ๊ อยาํ งสนกุ สนานแจม๐ แนะนาํ ให๎ก๊ิกรจ๎ู ัก หนงึ่ ใน 2 คนน้นั จอ๎ งกกิ๊ ไมํละสายตา สถานการณท์ ่ี 4 “และสกั เดีย๋ วคงไมเ่ ปน็ ไร” อ๋วิ กับโก๎ไปดหู นังรอบคาํ่ ด๎วยกันสองคน ขากลบั โกช๎ วนอิ๋วไปน่งั เลํนท่ีบ๎านกํอน อ๋ิวลังเล โก๎บอกอิว๋ วาํ “ไปเถอะ ที่บา๎ นไมมํ ีใครหรอก” สถานการณท์ ่ี 5 “สายเด่ยี วสดุ เซ็กซี่” ดาหวนั ชองแตํงตามสมยั วนั นนั้ ดาหวนั นงุํ กระโปรงสน้ั เอวตํา่ แถมผาํ หลังสูง สวมเสอ้ื บางๆ เอวลอยเหน็ หนา๎ ท๎อง เส๎นทางกลบั ต๎องเขา๎ ซอยเปล่ยี ว ดาหวนั เดนิ ผาํ นกลุํมวัยรนํุ ชายกลมุํ ใหญํท่ีกาํ ลังนงั่ ดม่ื เหลา๎ อยูํ พวกนน้ั หันมามองเป็นตาเดยี ว หนง่ึ ในนั้นลกุ ขึ้น เดินตามมาใกล๎ ๆ แลว๎ พดู วํา “วันนแี้ ตํงตวั สวยเป็นพิเศษ แวะคยุ กบั หนํอยสนิ อ๎ ง” สถานการณ์ที่ 6 “ดหู นังกนั เถอะ” ชายชวนนดิ วํา “วนั นีเ้ กยี รตซิ อื้ หนังมาใหมํต้งั สองเร่ือง ไปดูกันนะ คาํ่ ผมจะพาไปสงํ บ๎าน” นดิ ตอบตกลงไปดหู นงั ทบี่ ๎านเกียรติ ทงั้ สองดูหนงั เร่อื งแรกจบไปแลว๎ ก็สนกุ ดี พอเริ่มฉายเรื่องทส่ี อง ไปนิดเดยี ว นดิ รู๎สกึ วําหนงั ท่ีฉายเป็นหนงั โป๊ นดิ ตกใจมาก ใบความรู้ ขั้นตอนการประเมนิ ความเสีย่ ง ความเสี่ยง หรือ สถานการณ์เสี่ยงในเรื่องเพศ หมายถงึ สถานการณ๑ เหตกุ ารณ๑ หรอื พฤติกรรมใด ๆ ที่อาจนาํ ไปสกูํ ารมเี พศสมั พันธ๑โดยไมคํ าดคิด ตวั อยา่ งสถานการณ์เส่ียงโดยไม่คาดคิด  ต๎มุ ไปนอนค๎างทบี่ า๎ นเพ่อื นขณะทีพ่ ํอแมํเพือ่ นไมํอยํูบา๎ น  หญิงกบั เดชไปนง่ั คยุ กันในสวนสาธารณะในจดุ ทไ่ี มคํ ํอยมีคนผาํ นไปมา  แอนกบั นนท๑แยกตัวจากกลมุํ เพือ่ นไปเที่ยวตามลาํ พังสองตํอสอง  จุม๐ ไปเทยี่ วเธคกับเพ่อื น  นิดไปงานเล้ียงวันเกดิ บ๎านพี่ชายเพ่ือนทม่ี กี ารเลี้ยงเครอื่ งดื่มแอลกอฮอล๑ 160 คคู่มอื่มู สือง่ สเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะฒั พนัฒานกจิากกริจรกมรลรูกมเลสูกือเทสักือษทะกัชษีวิตะชในวี สติ ถใานนสศถกึ าษนาศปกึ ษระาเภลทูกลเสกู เอื สวอื สิ วาสิ มาญัมัญชช้ันน้ั มมธั ัธยยมมศศกึกึ ษษาาปปทีีที่ี่ 55--66 และ ป1ว5ช3.2-3 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3

 อฟี ชอบแตํงตัวตามสมยั เชนํ นุํงกระโปรงส้นั มาก ใสเํ สอ้ื สายเดย่ี ว เอวลอยเปดิ หนา๎ ท๎อง สวมกระโปงเอวตํ่าและสน้ั เปน็ ตน๎ ขน้ั ตอนการประเมนิ ความเสี่ยง 1. วเิ คราะห๑สถานการณ๑ปจั จบุ ัน คอื วเิ คราะห๑วาํ สถานการณ๑เป็นอยาํ งไร 2. เทยี บสถานการณ๑ปัจจบุ นั “เกณฑ๑ประเมินความเสย่ี ง” 3. ถ๎าเสยี่ ง ตัดสนิ ใจอยาํ งหน่งึ อยํางใด ตํอไปน้ี 3.1 ปฏเิ สธ 3.2 ถอยหําง (ปลกี ตวั ) จากเหตุการณ๑ 3.3 เดนิ หนี 3.4 ขอความชวํ ยเหลอื เกณฑ์ประเมนิ ความเส่ยี ง ถา๎ เขา๎ เกณฑ๑ข๎อใดข๎อหนึง่ ตอํ ไปนีถ้ อื วําเสีย่ ง 1. ลบั ตา 2. สองตํอสอง 3. สัมผัส 4. ส่งั ยั่วยุ (ส่อื โป/๊ ลามกตาํ งๆ เชนํ หนงั สือ วดี โี อ ฯลฯ การแตํงการทลี่ ํอแหลมของผหู๎ ญงิ ) 5. ยามวกิ าล 6. แอลกออฮฮออลล/๑ ส/์ ส่ิงงิ่เสเสพพตติดดิ แนวทางการวิเคราะหแ์ ละประเมนิ ความเสยี่ ง ค่มู ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 161 154 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3

แนวทางการวิเคราะหแ์ ละประเมินความเส่ียง แนวทางการวิเคราะหส๑ ถานการณ๑ และประเมนิ ความเสย่ี งกรณีศกึ ษา “จุ๏บกบั จอม” สถานการณ๑หลังเลกิ ทํา OT ราว 5 ทุํม จอมชวนจ๏บุ ซอ๎ นมอเตอร๑ไซต๑เพื่อไปสํงบ๎าน ขับไปสักพัก จอมบอก วําจะแวะไปเอาของบ๎านเพ่ือน ระหวํางทางในซอยเปล่ียว จอมจอดรถและบอกวํา “น่งั คยุ กัน กอํ นนะ เดี๋ยวคํอยกลับบา๎ น” ขัน้ ตอนประเมนิ ความเส่ียง ผลการวเิ คราะห์ 1. วเิ คราะห๑สถานการณป๑ ัจจบุ นั 1. สถานการณป๑ ัจจุบันของจบ๏ุ คือ “อยํตู าม ลําพงั สองตอํ สองในท่ีลบั ตาคน ในเวลาใกลค๎ ํา่ 2. เทียบสถานการณ๑ปจั จบุ ันกับเกณฑ๑ 2. เขา๎ เกณฑ๑เสย่ี ง 3 ขอ๎ คอื ยามวิกาล ลบั ตา ประเมนิ ความเสีย่ ง และสองตํอสอง 3. ถา๎ เสีย่ ง ตดั สนิ ใจอยาํ งใดอยํางหนึง่ ตอํ ไป 3. จุ๏บควรตัดสินใจ “ปลีกตวั จากเหตกุ ารณ๑” 3.1 ปฏิเสธ 3.2 ถอยหําง (ปลกี ตัว) จากเหตกุ ารณ๑ โดยบอกกบั จอมตรง ๆ วําตอ๎ งกลับบา๎ น 3.3 เดนิ หนี หรือ เสนอวําควรไปนง่ั คยุ ทอ่ี ื่น 3.4 ขอความชวํ ยเหลอื เร่ืองส้ันท่เี ป็นประโยชน์ 162 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 155 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 2-3

เร่ืองสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ ชาวนากับเทพเจา้ แห่งโชคดี ชาวนาคนหนง่ึ ทาํ นามาเนนิ่ นานแต่กย็ ังมฐี านะยากจนเหมอื นเคยในแต่ละวันเขาได้บูชาศาล เทพเจ้าแห่งหนึ่งเปน็ ประจาํ เพือ่ หวังวา่ เทพเจ้าจะช่วยทําใหเ้ ขารํา่ รวยมากขึ้น วนั หน่ึงทีช่ าวนากําลงั ดาํ นาอย\"ํู ข้ารวยแล้วขา้ กาลังจะรวยแล้ว\"ชาวนาตะโกนออกมาสดุ เสยี งเม่ือเขาพบเจอ หีบสมบัตโิ บราณที่ฝังอยํูอยํางบงั เอิญ\"ขอบคณุ ทา่ นมาก ทมี่ อบสมบัติอนั มหาศาลมาใหข้ ้า\" ชาวนายกมือไหว๎ พรอ๎ มทั้งนาํ ของมาบชู าศาลเทพเจ๎าทน่ี บั ถือเหมือนเชนํ เคย\"ทาไม!!! ทาไมกนั นะ เจา้ ถงึ ไม่ขอบคุณข้าละ่ เพราะจรงิ ๆแล้วข้าตา่ งหากทเี่ ปน็ คนมอบของนี้ใหก้ ับเจา้ มใิ ชศ่ าลเทพเจา้ ที่เจ้ากาลงั ขอบคุณอยู่\"เทพเจา๎ แหํงความโชคดสี ํงเสยี งพูดกบั ชาวนา เรอ่ื งน้สี อนให้รู้วา่ คนเราเมื่อศรทั ธาหรอื เชอ่ื อะไรแล๎วมักจะเชอื่ วาํ สงิ่ นนั้ เป็นสิ่งทที่ าํ ให๎เราเกดิ ความโชคดี ทัง้ ที่จรงิ แล๎วอาจจะเปน็ สิ่งอน่ื กไ็ ด๎ คู่มือ1ส5ง่ 6เสรมิ แลคปู่มะรพะือกสัฒา่งนศเสนารกียิมบิจแกัตลรระรวพมิชฒั ลาชนูกพีเาสก2อืจิ -ทก3รกั รษมะลชกู ีวเสิตือในทสักษถาะชนีวศิตกึ ใษนาสถลากู นเศสึกือษวสาิ าปมรัญะเภชทัน้ ลมูกเัธสยือมวศิสกึามษญั าปชีทนั้ ่ี 5ม-ธั 6ยแมลศะึกษปาวปชีท.2่ี -53-6 163

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ ี่ 5-6, ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.2-3) หน่วยที่ 8 การคิดวเิ คราะห์ ตดั สินใจ แกไ้ ขปญั หา แผนการจัดกิจกรรมที่ 14 การแก้ไขความขัดแย้งดว้ ยสนั ติ เวลา 1 ชัว่ โมง 1. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.1 ลกู เสือสามารถอธบิ ายความสาํ คัญในการแก๎ไขความขดั แยง๎ ดว๎ ยสนั ติวธิ ไี ด๎ 1.2 ลกู เสอื สามารถบอกแนวทางในการการแกไ๎ ขความขัดแย๎งดว๎ ยสันตวิ ิธไี ด๎ 2. เนอื้ หา การอยํูรํวมกนั เปน็ เรอ่ื งปกตทิ ี่จะมคี วามเหน็ ตาํ ง มีความขดั แย๎ง การแกป๎ ญั หาด๎วยอารมณช๑ ั่ววูบ อาจนําไปสํูการทะเลาะวิวาท บาดหมางใจ สูญเสยี มากมาย สวํ นการแกไ๎ ขความขดั แย๎งดว๎ ยสนั ติวธิ ีนาํ ไปสูํ สิ่งสร๎างสรรค๑ คุณประโยชน๑ และมติ รภาพ โดยใช๎แนวทางการยตุ คิ วามรุนแรง 3. ส่อื การเรียนรู้ 3.1 แผนภูมิเพลง 3.2 ใบงาน 3.3 ใบความร๎สู าํ หรบั ผูก๎ าํ กับลกู เสอื 3.4 ภาพขาํ วจากหนงั สอื พิมพ๑ 2 เรอ่ื ง คอื “การจดั การความขดั แย๎งด๎วยความรนุ แรง และอยาํ งสร๎างสรรค๑” 3.5 เร่อื งสน้ั ทีเ่ ป็นประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พิธเี ปดิ ประชมุ กอง (ชักธงข้นึ สวดมนต๑ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กิจกรรมตามจุดประสงค๑การเรยี นร๎ู 1) ผก๎ู าํ กับลกู เสอื นําเข๎าสํบู ทเรยี นเรอ่ื งความขัดแย๎ง และการแก๎ไขความขดั แยง๎ ดว๎ ยสนั ตวิ ิธดี ว๎ ย ภาพขาํ วหนงั สือพมิ พ๑ 2 ตัวอยําง (แก๎ไขด๎วยอารมณ๑ช่วั วูบ และ แกไ๎ ขด๎วยสนั ตวิ ธิ )ี 2) ผ๎กู ํากับลกู เสอื ขยายความเขา๎ ใจเร่ืองการแกไ๎ ขความขดั แย๎งด๎วยสนั ตวิ ธิ ีด๎วยหลกั ของศิลปะ การป้องกนั ตัว ไอคโิ ด๎ Aikido พรอ๎ มสาธิตและยกตัวอยาํ งประกอบตามใบความร๎ูสําหรับผู๎กาํ กบั ลกู เสอื 3) ผู๎กาํ กับลกู เสอื มอบหมายงานให๎หมูํลกู เสอื ทาํ ตามใบกจิ กรรม 4) ผ๎ูแทนหมนูํ าํ เสนอ ผก๎ู าํ กับนาํ อภปิ ราย เพ่มิ เตมิ ชนื่ ชม สรปุ 4.4 ผูก๎ ํากบั ลกู เสือเลาํ เรอ่ื งเป็นประโยชน๑ 4.5 พธิ ปี ิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลิก) 164 ค่มู อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 157 ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ 2-3

5. การประเมนิ ผล 5.1 สงั เกตความรวํ มมือในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภปิ ราย 6. องคป์ ระกอบทกั ษะชวี ติ ทไ่ี ดจ้ ากกิจกรรม คอื ความคิดวเิ คราะห๑ ความคิดสร๎างสรรค๑ ตระหนกั ร๎ูถึงคุณคําของการแกไ๎ ขความขัดแยง๎ ดว๎ ยสนั ติวธิ ี ค่มู อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 165 158 คูม่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 14 เพลง รกั กนั ไว้เถดิ * รกั กันไว๎เถดิ เราเกดิ รํวมแดนไทย จะเกดิ ภาคไหนกไ็ ทยดว๎ ยกัน เชอื้ สายประเพณไี มมํ กี ดี กน้ั เกดิ ใต๎ธงไทยนนั้ ปวงชนทุกคนคอื ไทย ทอ๎ งถิ่นแหลมทอง เหมอื นทอ๎ งของแมํ เกดิ ถ่นิ เดยี วกันแทเ๎ หมอื นแมเํ ดยี วกันใชไํ หม ยามฉนั มองตาคุณ อบอนุํ ดวงใจเหน็ สายเลอื ดไทย ในสายตาบอกสายสมั พนั ธ๑ (*) ทะเลแสนงาม ในนาํ้ มีปลา พชื พนั ธเ๑ุ กลื่อนตาตามไรํนารวงทองไสว สินทรพั ยม๑ ีเกลอ่ื นกลนํ บรรพชนให๎ไวเ๎ ราลกู หลานไทยจงรวํ มใจรักษาใหม๎ ่ัน (*) รักกันไว๎เถดิ รักกนั ไว๎เถิด รกั กนั ไวเ๎ ถิด แหลมทองโสภาด๎วยบารมี ปกเกลา๎ เราไทยนีร้ มํ เยน็ เป็นศรีผํองใส ใครคดิ บงั อาจหมน่ิ ถิน่ ทององคไ๑ ธ๎ เราพรอ๎ มพลใี จป้องหมไํู ทยและองค๑ราชนั ย๑ (*) จะเกดิ ชาตไิ หนก็ไทยด๎วยกนั เชเอ้ืชสอ้ื าสยายปประรเะพเพณณณไี ีไมมม่ มํ กี กี ดี ดั กกนั้ นั้ เกิดใตธ๎ งไทยนน้ั ปวงชนทกุ คนคอื ไทย 166 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 159 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3

ใบงาน ใบงาน ใหห๎ มลูํ กู เสอื รวํ มกนั วิเคราะหแ๑ ละหาทางจดั การกับความขัดแยง๎ ด๎วยสนั ติวธิ ีในสถานการณ๑ ตํอไปนี้ หมํลู ะ 1 สถานการณ๑ (เวลา 10 นาท)ี พรอ๎ มสงํ ตวั แทนนําเสนอในกลมํุ ใหญํ (หมํลู ะ 3 นาท)ี หมํู 1 เพื่อนตอํ วําเร่อื ง “พดู ให๎เพ่อื นเสยี หาย” หมูํ 2 เพื่อนชวนยกพวกไปตอํ ยกันหลงั โรงเรียน หมูํ 3 ครตู ําหนใิ นหอ๎ งเรยี น หมํู 4 นักเรียนโรงเรยี นอนื่ มองตาขวาง หมํู 5 นกั เรียนโรงเรยี นอน่ื ยกพวกมารุมกนิ โต๏ะ ใกล๎ๆ ทางผํานออกจากโรงเรียน คู่มอื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 167 160 คู่มอื ส่งเสริมและพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3

ใบความรู้สาํ หรับผู้กาํ กับลกู เสอื หลักการแกไ้ ขความขดั แยง้ ดว้ ยสันติ (1) ความขดั แยง๎ เป็นสถานการณท๑ ่ีพบเห็นไดใ๎ นชีวติ ประจําวนั ความสามารถในการควบคมุ หรอื จัดการความขัดแยง๎ ให๎ไปในทิศทางทีส่ รา๎ งสรรค๑ มคี วามสงบสุข ไมเํ ปน็ อันตรายตอํ ชวี ิต ทรัพย๑สนิ หรอื ส่งิ ของเป็นสงิ่ ทีต่ ๎องเรยี นร๎ู ฝกึ ฝน ไอคโิ ด (Aikido) เปน็ ศิลปะป้องกันตวั ทม่ี ีรากเหง๎าจาก ประเทศญ่ปี ุ่น ผกู๎ ํอตง้ั คือ ปรมาจารย๑มอริเฮะ อเู ยชิบะ ในปี ค.ศ.1925 (ประมาณ 80 ปมี าแลว๎ ) ปจั จบุ ันแพรํหลายไปทั่วโลก มีผ๎ูฝกึ รวมแล๎วเกินกวาํ ลา๎ นคน มีการนาํ ไปผสมผสานกบั วชิ าอื่น ๆ เชนํ การควบคมุ เหตุร๎ายของตํารวจ ทหาร การรกั ษาความปลอดภยั การให๎คาํ ปรกึ ษา และจิตบําบัด (มหี ลักสูตรเรยี นทางจติ วิทยากบั ไอคิโด สามารถเรยี นไดส๎ ูง ถงึ ระดบั ปริญญาเอก) และการระงับข๎อขดั แยง๎ ระหวาํ งบุคคล ความหมายของคําว่า “ไอคโิ ด” มาจากคาํ 3 คาํ คอื ✤ไอ หมายถงึ ความรกั ความเมตตา ความกลมกลืนเป็นหนง่ึ เดยี ว ✤คิ หมายถึงพลงั ชีวิต (เชํนเดียวกนั ฉี หรือ ชี่ ในภาษาจนี หรือ ปราณ ในภาษาบาลี) ✤โด หมายถึงวถิ ที างหรอื วิถีชีวิต รวมความแลว๎ ไอคิโด กค็ อื การใช๎ชวี ิตอยาํ งกลมกลืนเป็นหนึ่งเดยี วกบั คนอน่ื ๆ หรือกับสรรพสงิ่ อยํบู นพนื้ ฐานของความรักและความเมตตานั่นเอง หลักการทนี่ าํ มาใชเ๎ พอื่ ระงบั ความขัดแยง๎ ความรุนแรงตํอกนั มี 3 ขัน้ ตอน ดังน้ี 1. ตามแรง 2. สลายแรง 3. นําแรง ตัวอยาํ งท่ีเปน็ รปู ธรรม เชนํ เมอ่ื มคี นมาจับมอื เราไว๎ ปกติคนมกั จะสะบดั มอื หนี แตํส่ิงที่พบ คือ คนจบั ยิ่งรดั มือนัน้ ใหแ๎ นนํ เขา๎ คนถกู จบั มอื ยง่ิ เจ็บมากข้นึ หรือยงิ่ ตา๎ นแรง ย่ิงเจบ็ ไมอํ าจพน๎ จาก สถานการณน๑ ั้นได๎ โดยเฉพาะกรณีท่ีคนถูกจับมือไวม๎ กี าํ ลงั นอ๎ ยกวาํ 168 คู่มือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 161 ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี 2-3

หลักการแกไ้ ขความขดั แยง้ ดว้ ยสนั ติวิธี (2.. “ใช้สาธิต”) ศลิ ปะปอ้ งกนั ตวั หรอื การยตุ คิ วามรนุ แรงทเ่ี รยี กวํา ไอคิโด๎ มีข้นั ตอนตอํ ไปนี้ ตามแรงคือ ปลํอยใหเ๎ ขาดึงมอื ไปกอํ น ตั้งสติ เตรียมตง้ั ขาให๎สมดุลย๑ สลายแรง คือปลอํ ยใหเ๎ ขาดึงมอื ไปจนสุดแขนเขาโดยเราโย๎ ตาม ผ๎ูฉดุ จะเรม่ิ เสยี สมดลุ ย๑ เพราะไมํคดิ วาํ เราจะโยต๎ ามโดยงําย จงึ ออกแรงมากเกนิ ไป แตผํ ถู๎ กู ฉุดจะเรม่ิ ตัง้ สองขาหนา๎ หลัง ในตําแหนํงทใี่ ห๎ความรสู๎ กึ สมดลุ ย๑เรียบร๎อยแล๎ว พร๎อมหา ชํองทางปลดลอ๏ คมอื ที่ถูกจบั ออก นําแรง คอื หมนุ ข๎อมอื ขา๎ งทถี่ กู ฉดุ ใหห๎ วั แมํมอื อยํูตรงกบั ชํองระหวาํ งนิ้วโปง้ กบั นิว้ ทัง้ 4 ท่ีเหลือ ซงึ่ เปน็ จุดอํอนทส่ี ุดของการจบั นนั้ และสะบดั หลดุ จากการถูกจับมอื อยํางรวดเร็ว แมว๎ ําผ๎ถู ูกจบั มอื จะมกี ําลังนอ๎ ยกวาํ กส็ ามารถทําได๎ ค่มู ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 169 162 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3

หลักการแกไ้ ขความขดั แย้งด้วยสันติ (3) เมื่อนํามาปรบั ใชก๎ บั สถานการณ๑ในชวี ิตจริง สมศกั ดถ์ิ กู เพ่อื นท๎าชกตอํ หนา๎ คนกลุมํ ใหญํ ดว๎ ยเสยี งดาํ กราด สาดเสยี เทเสีย แทนการชกตอํ ย ทํารา๎ ยกนั สมศักด์ริ บั ฟงั พรอ๎ มประเมนิ สถานการณ๑วํา ควรรบั มืออยํางไร กรณีแรก เพอื่ นเมามาก คยุ ไมรํ เ๎ู ร่อื ง สมศกั ดคิ์ ิดวําคยุ ไป ตอบโต๎ไป กไ็ มํไดป๎ ระโยชนอ๑ ะไร จึงหาทางเล่ยี งออกจากสถานการณน๑ นั้ ไปกอํ น กรณที ี่สอง เพ่ือนเมามาก คุยไมรํ ู๎เรอื่ ง ทาํ ทําจะเดินเขา๎ มาทาํ รา๎ ย สมศักด์ิรับฟงั เรยี ก การตามแรง พรอ๎ มยกมือไหว๎ ขอโทษ ขออภยั เรียก การสลายแรง และ นาํ แรง แล๎วขอตวั ออก จากสถานการณใ๑ ห๎เรว็ ท่สี ดุ กรณีท่ีสาม เพอื่ นเมามาก คยุ ไมรํ ๎ูเรอื่ ง ทาํ ทําจะเดนิ เขา๎ มาทาํ รา๎ ย และกระชากขอ๎ มอื สมศักด์ิไว๎ สมศกั ดปิ์ ลอํ ยตัวตามแรงฉดุ ของเพอ่ื น เรียกวํา การตามแรง ปลํอยตวั ตามแรงฉดุ จนสดุ พรอ๎ มตั้งสตติ ง้ั ขาใหส๎ มดุลย๑ เรยี กวาํ การสลายแรง สงั เกตความรา๎ ยแรงของเหตุการณ๑ พรอ๎ ม หาทางออกอยํางละมอํ มทีส่ ดุ ด๎วยการบิดขอ๎ มอื ใหห๎ วั แมมํ อื อยตํู รงชอํ งวาํ งระหวาํ งปลายนวิ้ มอื เพ่ือน แลว๎ ออกแรงปลดล๏อคขอ๎ มอื ออกมา เรยี กวาํ นาํ แรง พรอ๎ มมองหาจุดทีป่ ลอดภยั ท่จี ะวิ่งหนี แลว๎ วง่ิ หนอี อกจากสถานการณ๑ให๎เร็วท่ีสดุ กรณีทส่ี ่ี เพ่อื นโกรธก็จริง แตไํ มํเมา สมศกั ดิจ์ งึ รบั ฟังอยาํ งสงบ เรียกวาํ การตามแรง พรอ๎ มตอบสนองคาํ พูดของเพื่อนดว๎ ยการบอกกลับตามทเี่ พื่อนได๎วาํ กลาํ วมาวํา “คุณคิดวําผมใสํ ความคณุ คณุ จงึ ไมพํ อใจผม และชวนผมตํอสูก๎ นั อยาํ งลกู ผช๎ู ายคนหน่งึ ซึง่ ๆ หน๎า แทนการแทง ข๎างหลัง” ซง่ึ เมือ่ ตรงกับส่ิงท่ีเพอ่ื นสอื่ ก็จะทาํ ใหค๎ นที่โกรธอยูํสงบลงได๎ในระดบั หนง่ึ เรียกวาํ การสลายแรง แล๎วชวนเพอ่ื นนงั่ คยุ กนั เพ่ือปรับความเขา๎ ใจที่คลาดเคล่อื นแทน เรยี กวาํ การนําแรง จะเหน็ วาํ การใช๎หลักการจดั การกบั ความขดั แยง๎ ดว๎ ยสนั ติวธิ ี ตอ๎ งประเมนิ สถานการณก๑ ํอนวาํ พงึ ใช๎วธิ ีใดรบั มอื จึงจะเหมาะสม เมอื่ ฝึกบอํ ย ๆ จะคลอํ ง ชาํ นาญ และภูมใิ จตนเองในการจดั การกบั ความขดั แยง๎ ด๎วยสนั ติวิธีนไี้ ด๎ คน๎ จาก http://aikidocmu.wordpress.com/what-is-aikido/ วันท2่ี 9 มถิ ุนายน 2556 สมบตั ิ ตาปัญญา. หลกั สูตรการจดั การกบั ความขดั แย้งอยา่ งสร้างสรรค.์ ในการอบรม นักจิตวทิ ยาคลินกิ สมาคมนกั จิตวิทยาคลนิ ิกไทย มปป. ห๎องประชุมกรมสขุ ภาพจติ . 170 ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คูม่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 163 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3

ภาพข่าวการจัดกบั ความขัดแยง้ ดว้ ยความรนุ แรง ค๎นจาก http://www.google.co.th/imgres?hl=th&biw=1024& bih=509&tbm=isch&tbnid=Nw5VO52_kTRvvM:&i mgrefurl=http://www.thairath.co.th/content/edu/26 9536&docid=cMwU3EU- Ccsp5M&imgurl=http://www.thairath.co.th/media/c ontent/2012/06/19/269536/hr1667/630.jpg&w=630 &h=378&ei=0J3OUarZDcSJrAf8yIGoAQ&zoom=1 &ved=1t:3588,r:0,s:0,i:76&iact=rc&page=1&tbnh= 173&tbnw=274&start=0&ndsp=8&tx=172&ty=54 วนั ที่ 29 มถิ นุ ายน 2556 คน๎ จาก http://www.mr- rojanasak.com/html/modules.php?name =activeshow_mod&file=function&asop=p rint&asid=55วันที่29 มิถนุ ายน 2556 ภาพข่าวการจัดกบั ความขัดแยง้ ด้วยสนั ติ ค่มู ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 171 164 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวชิ าชพี 2-3

ภาพข่าวการจดั กบั ความขดั แย้งด้วยสนั ติ มหาตมะ คานธี (Mahatma Gandhi) มีชอ่ื เตม็ วาํ โมฮนั ดาส ครามจันทร๑ คานธี (Mohandas Karamchand Gandhi) เปน็ ผน๎ู ําและนักการเมอื งทมี่ ี ชื่อเสยี งชาวอนิ เดีย เกิดเมอื่ วนั ท่ี 2 ตลุ าคม พ.ศ. 2412 และถกู ลอบ สังหารเสยี ชีวติ ในวนั ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 รวมอายไุ ด๎ 78 ปี มหาตมะ คานธี เกดิ ในครอบครัวชาวฮนิ ดู รฐั คุชราต ประเทศอินเดยี บดิ าเปน็ นกั การเมอื งทอ๎ งถิ่น สํวนมารดาเปน็ ผท๎ู ่เี ครํงครดั ศาสนามาก แตํงงานกับกสั ตูร๑ คานธี การศึกษาเขา๎ เรยี นดา๎ นกฎหมาย ที่นครลอนดอน ประเทศองั กฤษ มหาตมะ คานธี เป็นผ๎ูนาํ คนสําคัญในการเคล่อื นไหวเรยี กรอ๎ งอสิ รภาพของอินเดีย จากการเปน็ อาณานคิ ม ของสหราชอาณาจกั ร โดยใชว๎ ิธีอหงิ สา ซึ่งภายหลังไดก๎ ลายเปน็ ตน๎ แบบของการประทว๎ งแบบสนั ติ ที่ได๎รบั การยกยอํ ง มหาตมะ คานธี เริ่มเขา๎ สูํกระบวนการเปลี่ยนผาํ นทางความคดิ ทางการเมอื งในปี พ.ศ.2449 เน่ืองจาก กฎหมายใหมํกาํ หนดให๎ชาวอนิ เดยี ทกุ คนจะตอ๎ งเขา๎ รับการจดทะเบียนและพมิ พ๑ลายนิ้วมือ ขอ๎ บงั คบั นี้ รวมถงึ การให๎หญงิ ชาวอินเดยี ตอ๎ งเปลือ้ งผา๎ ตอํ หนา๎ ตาํ รวจผิวขาว เพอื่ กรอกตําหนริ ปู พรรณลงในทะเบียน ดว๎ ย ดว๎ ยความโกธรแค๎น ชาวอินเดยี ประมาณ 3,000 คนมารวมตัวกันท่ีเมอื งโยฮนั เนสเบิรต๑ เพื่อวางแผน การตอบโต๎ เขาลุกข้นึ แล๎วก็พดู วาํ “เราจะสวดขอตํอพระเป็นเจา๎ วํา เราจะเขา๎ คกุ และเราจะอยํใู นน้นั จนกวํา กฎหมายนจ้ี ะถูกเพิกถอน และเราจะยอม” คําพูดของเขาจุดประกายใหเ๎ กดิ การตํอต๎านคร้งั ยิง่ ใหญํ เป็นประวตั กิ ารณ๑ของมวลชน ผป๎ู ระทว๎ งกระทาํ ตามอยํางคานธี พวกเขาอดทนตํอการทุบตีของตาํ รวจ ยอมรบั ความเจบ็ ปวดอยํางกลา๎ หาญโดยไมตํ อบโต๎ มหาตมะ คานธี เป็นผน๎ู ําในการตอํ สูเ๎ รยี กรอ๎ งเอกราชของประเทศอินเดยี จากเครอื สหราชอาณาจักร จนประเทศอนิ เดยี ไดร๎ บั เอกราชในปี พ.ศ.2490 โดยเขามคี วามเชอ่ื ท่ีม่นั คงเกี่ยวกบั การประทว๎ งโดยไมใํ ช๎ ความรนุ แรง และความอดทนตามหลกั ศาสนา ที่เรียกวาํ วิธี “อหิงสา” โดยเขาจะอดอาหารประท๎วงจนความ รนุ แรงยุติลง ในขณะที่มือข๎างหน่งึ เปดิ ฉากการประทว๎ ง แตํอีกข๎างหนึ่งกต็ อ๎ งปกป้องพวกพ๎องไมใํ ห๎พาํ ยตอํ ความต๎องการ กอํ เหตุนองเลอื ด หลายครัง้ ท่ีคานธยี กเลกิ การชมุ นมุ เมอื่ เหตุการณ๑ทําทําจะบานปลายเปน็ ความรนุ แแรรงงขขอองงประชาชนในประเทศ ในฐานะผนู้ �ำทางการเมอื ง คานธไี ดแ้ สดงใหเ้ หน็ วา่ “อหงิ สา” สามารถ ใชใ้ หเ้ กดิ ผลทางการเมอื งได้ 172 คคูม่ อืู่มสือง่ สเส่งเรสิมรแิมลแะลพะัฒพนัฒานกจิากกรจิ รกมรลรกูมเลสูกอื เทสกั อื ษทะักชษวี ติะชในีวสิตถใานนสศถึกาษนาศปกึ ษระาเภลทูกลเสูกเือสวอื สิ วาิสมาัญมัญชชั้นัน้ มมัธธั ยยมมศศกึึกษษาาปปทีีที่ี่ 55--66 และ ป1ว6ช5.2-3 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3

ประชาชนในประเทศ ในฐานะผู๎นําทางการเมือง คานธไี ดแ๎ สดงใหเ๎ ห็นวํา “อหิงสา” สามารถใชใ๎ หเ๎ กดิ ผล ทางการเมอื งได๎ บาป 7 ประการในทัศนะคานธี ให๎กับพวกนักการเมืองทงั้ หลายโดยเฉพาะรฐั บาลทบี่ ริหารประเทศ 1. เลนํ การเมืองโดยไมมํ หี ลกั การ 2. หาความสขุ สําราญโดยไมํยง้ั คดิ 3. รํ่ารวยเป็นอกนิษฐ๑โดยไมตํ อ๎ งทาํ งาน 4. มคี วามรม๎ู หาศาลแตคํ วามประพฤติไมดํ ี 5. คา๎ ขายโดยไมํมหี ลักศีลธรรม 6. วิทยาศาสตร๑เลิศล้าํ แตํไมมํ ีธรรมแหงํ มนุษย๑ 7. บชู าสูงสุดแตํไมมํ ีความเสียสละ ขอบคุณขอ๎ มูล : clipmass.com 7 แนวคดิ สรา๎ งสขุ ทางใจ ฉบับมหาตมะคานธี มหาตมะคานธี คอื วีรบุรุษผตู๎ อํ สเู๎ รียกรอ๎ งเสรีภาพจนอินเดยี ไดร๎ บั เอกราชจากองั กฤษ ทํานเปลย่ี นความ โกรธแค๎นของประชาชนเป็นการใหอ๎ ภยั และแม๎จะถกู คกุ คามเอาชีวิต ก็ยงั คงยนื ยันท่ีจะตอํ สอู๎ ยํางสงบ หลาย ครั้งชวํ งเวลาทเ่ี ลวร๎ายผาํ นพ๎นไปได๎เพราะการมองโลกในแงดํ ี บทความน้ี ขอเสนอแนวคดิ ในการมองโลก เพอื่ สร๎างความสุขในแบบของมหาตมะคานธี ดงั นี้  ทกุ อยาํ งในโลกนม้ี สี องด๎าน ทงั้ สร๎างความทกุ ขแ๑ ละให๎ความสขุ จงเลอื กมองเฉพาะด๎านทส่ี วยงาม ใช๎เวลากบั มันเพอ่ื สรา๎ งความอ่ิมเอมใจ สวํ นอกี ด๎านจงมองผาํ นและเกบ็ ไว๎เป็นบทเรยี น  ความคดิ เปน็ ส่ิงวิเศษ จงคดิ แตํส่ิงที่ดงี าม เพราะผลตอบแทนทไ่ี ด๎รบั จะงดงามเชนํ เดียวกัน  เราไมอํ าจสรา๎ งความพอใจใหแ๎ กทํ กุ คน เพราะหากทาํ เชนํ นัน้ สุดทา๎ ยจะไมสํ ามารถสรา๎ งความพอใจ ใหใ๎ ครไดเ๎ ลย จงซ่ือสตั ย๑กับตวั เอง รับฟัง โต๎แยง๎ ดว๎ ยเหตผุ ลและยึดม่นั ในสงิ่ ทีด่ ีงาม  เผชญิ หนา๎ กับคาํ ตําหนิ หากผใู๎ ดกลัวหรือมัวแตหํ ลีกหนี ยํอมไมํมวี นั ทาํ งานสําคญั ใดๆ ได๎ จงรบั แตสํ าระท่ีเขามอบให๎ ปลํอยอารมณใ๑ หผ๎ ํานเลยไป คดิ เพอ่ื แกไ๎ ขและทําส่งิ นั้นใหด๎ ที ี่สดุ  คนอืน่ เทํานนั้ ท่มี องเหน็ หลังของเรา เม่อื มองไมเํ หน็ แผนํ หลงั ฉนั ใด ยํอมมองไมเํ ห็นความผดิ ของ ตนเองฉนั นน้ั จงฟังคําแนะนาํ จากผ๎อู นื่ แลว๎ นํามาใชใ๎ ห๎เกิดประโยชน๑  พดู ให๎นอ๎ ยลง คิดใหม๎ ากขน้ึ จงหาขอ๎ มลู ใหม๎ าก คิดกอํ นพูด เพราะความนมํุ นวลและความสขุ ุม เป็นสญั ลักษณท๑ ีแ่ ท๎จรงิ ของความสาํ เรจ็ ในชีวติ  ศรัทธาในตัวเอง ทใ่ี ดมศี รัทธา ทน่ี น่ั ยอํ มไมมํ ีความส้ินหวงั จงมองเป้าหมายมากกวํามองอุปสรรค ท่ีเกิดขนึ้ ระหวํางทาง ขอบคุณข๎อมูล : นติ ยสารชวี จิตรายปกั ษ๑ ปีท่ี 14:1 พฤศจิกายน 2554 ค๎นจาก http://www.myplern.com/plern/?p=7067 วนั ท่ี29 มถิ นุ ายน 2556 คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 173 166 คมู่ อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3

ค๎นจาก http://www.peace.mahidol.ac.th/th/index.php?option=com_content&task=view&id=356&Itemid=156 วันที่ 29 มถิ ุนายน 2556 174 คมู่ ือส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวิสามัญ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 167 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3

เรื่องสั้นท่เี ปน็ ประโยชน์ พ่อลูกกบั แขนงไม้ไผ่ ครอบครวั หนง่ึ ลกู มกั ทะเลาะกนั สารพันมีปัญหาไปทุกเรอ่ื งแม๎ความเลก็ ความนอ๎ ยก็โกรธเคืองเถยี ง ตอํ เนอื่ งทะเลาะกนั เป็นประจํา มาวันหนง่ึ พํอคดิ จะสอนสั่งใหม๎ านง่ั พร๎อมหน๎าพูดสอนพราํ่ หยบิ แขนงไมไ๎ ผํมาหน่ึงกาํ เพอื่ หวังนํามา สอนลกู ทกุ คน แจกแขนงไม๎ใหค๎ นละอนั แทนความพนั ผกู รกั หวังใหผ๎ ลใช๎แขนงไม๎นัน้ แทนตวั ตน ในกมลแทนความรกั มตี อํ กัน พอํ บอกให๎ลกู ทุกคนหกั ไมไ๎ ผแํ ล๎วกไ็ ด๎เห็นแขนงทกุ อันนน่ั อยาํ งงาํ ยดายไมห๎ ัก ลงฉบั พลันเปรยี บไมน๎ นั้ เป็นตวั ใครตัวมัน พํอใหห๎ ักอกี คร้ังไม๎ทง้ั กําทกุ คนทําไมไํ ด๎อยาํ งมงุํ มัน่ พอํ บอกวาํ อยากให๎เปรยี บเทยี บกัน เห็นไหมนนั่ สามคั คแี ล๎วแขง็ แรงแล๎วสอนลกู วําการอยูรํ ํวมกันจะคงมน่ั รวมกนั ชํวยให๎แกรงํ ต๎านศัตรแู ละผองภยั ดง่ั กาํ แพงยากจะแบํงแยกเราแตกกนั ไป เรื่องนี้สอนให้รูว้ ่า รวมพลังสามคั คเี ราอยไูํ ด๎ หากแตกความสามคั คแี ล๎วไซร๎ ชาติไหนไหนกอ็ ยูํไมํได๎แม๎ หน่ึงคน แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 - 6, ประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.2-3) ค่มู อื สง่ เสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 175 168 ค่มู อื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3

แผนการจดั กิจกรรมลกู เสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศึกษาปี ท่ี 5-6, ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) หน่วยท่ี 8 การคดิ วิเคราะห์ ตัดสินใจ แก้ไขปญั หา แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 15 การตดิ เกมและ IT มผี ลอยา่ งไรต่อเยาวชน เวลา 1 ชว่ั โมง 1. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ลูกเสือสามารถบอกสาเหตุ ผลท่ีเกดิ และวิธแี กไ๎ ขปัญหาจากการตดิ เกมและ IT ได๎ 2. เน้ือหา 2.1 ความหมายของเกมและ IT 2.2 ประโยชนข๑ องเกมและ IT 2.3 ผลเสยี ของการตดิ เกมและ IT 2.4 สาเหตทุ ี่ทําให๎เยาวชนตดิ เกมและ IT 2.5 วิธกี ารแก๎ไขปัญหา การติดเกมและ IT 3. สอื่ การเรยี นรู้ 3.1 เกม 3.2 ใบความร๎ู 3.3 กระดาษชารต๑ หมลูํ ะ 1 แผํน และปากกาเมจกิ หมํลู ะ 2 ดา๎ ม (2 สี) 3.4 เรอ่ื งสนั้ ทีเ่ ปน็ ประโยชน๑ 4. กิจกรรม 4.1 พิธีเปิดเปดิ การประชุมกอง (ชักธงข้ึน สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลงหรอื เกม 4.3 กิจกรรมตามจุดประสงค๑การเรยี นร๎ู 1) ผ๎กู าํ กับลูกเสอื แจกกระดาษฟลป๊ิ ชาร๑ตพร๎อมปากกาเมจิกและมอบหมายให๎ลกู เสอื แตํละหมํู รํวมกันอภิปรายในประเดน็ ตํอไปนี้ แลว๎ สงํ ตัวแทนออกมานําเสนอด๎วยฟลป๊ิ ชารต๑ (1) วิเคราะหห๑ าสาเหตุของการตดิ เกมและ IT ของเยาวชน (2) วิเคราะห๑ผลดี ผลเสยี ของการติดเกมและ IT ของเยาวชน (3) หาวิธแี กไ๎ ขปญั หาของการตดิ เกมและ IT ของเยาวชน 2) ตวั แทนลกู เสอื แตํละหมอํู อกมานําเสนอผลการระดมสมองโดยใช๎แผนํ ชาร๑ต 3) ผก๎ู าํ กบั ลูกเสอื และลกู เสอื รวํ มกนั สรปุ ผลที่ได๎จากการอภิปราย และฝากขอ๎ คดิ และการ นําไปใชใ๎ นชีวิตประจาํ วนั (ใบความรู๎) 4.4 ผ๎กู ํากับเลาํ เรือ่ งสน้ั ท่เี ป็นประโยชน๑ 4.5 พธิ ปี ดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สงั เกตความรวํ มมอื ในการปฏิบัตกิ จิ กรรม 176 คค่มู ือมู่ สอื ง่ สเส่งเรสิมรแมิ ลแะลพะัฒพนัฒานกิจากกริจรกมรลรกูมเลสกูือเทสกั อื ษทะกัชษวี ติะชในีวสิตถใานนสศถกึ าษนาศปึกษระาเภลทกู ลเสูกเอื สวือสิ วาสิ มาัญมญั ชชน้ั ้นั มมธั ธั ยยมมศศึกึกษษาาปปทีีที่่ี 55--66 และ ป1ว6ช9.2-3 ประกาศนียบตั รวิชาชพี 2-3

5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภิปราย 6. องคป์ ระกอบทกั ษะชวี ติ สําคัญท่เี กดิ จากกิจกรรม คอื ความคิดวิเคราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนกั ถึงผลเสยี ของการติดเกม IT เข๎าใจตนเอง และเข๎าใจ ผอ๎ู ื่น ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 15 เกม คนตาบอด ใหล๎ กู เสอื ยนื จบั มอื กนั เปน็ วงกลม เลอื กลกู เสอื คนหนงึ่ มายนื กลางวงเอาผา๎ ปดิ ตา เริ่มเลนํ โดยให๎คนจบั มือเป็นวงกลมนนั้ เคลอื่ นทไ่ี ปรอบๆ จะหยุดกต็ อํ เมอื่ คนทถ่ี กู ปิดตานั้นตบมือขนึ้ 3 คร้งั แลว๎ ตรงเข๎าไปจับคนใดคนหนึง่ มากลางวง คลาํ ดูตามตวั แลว๎ ทายชอื่ หากทายถกู ผ๎ูนัน้ จะตอ๎ งปดิ ตาแลว๎ เรม่ิ เลนํ ใหมํ หากทายผิดใหป๎ ดิ ตาอยํูเชํนเดมิ และเลํนตํอไป ใบความรู้ เด็กติดเกม เด็กติดเกมคืออะไร มีสาเหตมุ าจากอะไร แล๎วจะร๎ูไดอ๎ ยาํ งไรวําคนใกลช๎ ดิ หรอื ตัวเราเองติดเกมหรือไมํ รศ.นพ.ชาญวทิ ย๑ พรนภดล จติ แพทยเ๑ ด็กและวยั รํนุ ประจาํ ภาควิชาจติ เวชศาสตร๑ คณะแพทยศาสตรศ๑ ิริราชพยาบาล มคี าํ ตอบมาใหท๎ กุ คนได๎คลายขอ๎ สงสัย ในบทความเรอื่ ง \"เดก็ ตดิ เกม\" ... ลกั ษณะของเดก็ ตดิ เกม 1. ไมสํ ามารถควบคมุ ตวั เองใหเ๎ ลนํ ในเวลาท่ีกาํ หนด ทําใหใ๎ ชเ๎ วลาในการเลนํ นานติดตํอกนั หลายๆ ชั่วโมงหรอื เลนํ นานขนึ้ เรือ่ ยๆ จากเดมิ ไมกํ ีช่ ่ัวโมงตํอวนั เพม่ิ เป็นหลายชั่วโมงตอํ วนั บางคนเลนํ ข๎ามวนั ขา๎ มคืน 2. หากถูกบังคับให๎เลกิ หรือหยดุ เลนํ จะตํอตา๎ น หรอื มีปฏิกริ ิยาหงุดหงดิ ไมํพอใจ อยํางรนุ แรง บางคนถึงข้นั กา๎ วรา๎ ว 3. การเลํนของเดก็ มผี ลกระทบตอํ หนา๎ ทีค่ วามรับผดิ ชอบของเด็ก เชนํ เดก็ ไมสํ นใจ การเรียน ไมสํ นใจทจี่ ะทาํ การบ๎าน หนีเรียนหรอื แอบหนอี อกจากบา๎ นเพ่อื จะไปเลํนเกม การเรยี นตกลงอยาํ ง มาก ละเลยการเข๎าสังคม หรือทาํ กจิ กรรมรวํ มกับครอบครวั คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสือวสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 5-6 และ ปวช.2-3 177 170 คู่มือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3

4. บางรายอาจมปี ญั หาพฤติกรรมอืน่ ๆรํวมดว๎ ย เชนํ โกหก ลกั ขโมย (เพอ่ื นําเงนิ ไปเลํนเกม) ดอื้ ตํอต๎านแยกตัว เก็บตัว ฯลฯ สาเหตุของการตดิ เกม สาเหตุที่ทาํ ให๎เดก็ ติดเกมมไิ ดม๎ ีเพยี งสาเหตใุ ดสาเหตหุ นึง่ แตํการตดิ เกมเป็นเพียงผลลพั ธข๑ อง หลายๆปจั จยั ทผ่ี สมผสานและสมั พนั ธก๑ ันอยํู สาเหตุหลักๆ ได๎แกํ 1. การเล้ียงดใู นครอบครัว: มักจะพบเดก็ ตดิ เกมได๎บอํ ยในครอบครัวท่ีเลยี้ งเดก็ โดยไมเํ คยฝึกใหเ๎ ดก็ มี วนิ ยั ในตัวเอง ขาดกฎระเบียบ กตกิ าในบา๎ น ตามใจเดก็ หรอื มกั จะใจอํอน ไมทํ าํ โทษเมอ่ื เด็กกระทาํ ผดิ บางครอบครวั มลี กั ษณะทส่ี มาชกิ ในครอบครวั ตาํ งคน ตํางอยูํ ไมํมีกิจกรรมทีส่ นุกสนานให๎เดก็ ทาํ หรอื ไมํมกี จิ กรรมท่สี มาชิกทุกคนทํารวํ มกนั ทาํ ใหเ๎ ด็กเกดิ ความเหงา ความเบ่อื หนาํ ย เดก็ จงึ ตอ๎ งหากจิ กรรมอื่นทําเพือ่ ให๎ตวั เองสนกุ ซึ่งก็หนีไมํพ๎นการเลนํ เกม พอ่ํ แมอ่ํ าจจไมไม่ ํมเี วเี ลวลาคาควบวบคมุคเุมดเก็ดก็ หรหอื รมอื อมงอไงมไเ่ มหํเน็ หคน็ วคาวมาจมำ� จเปาํ ็นเปทน็ จ่ี ทะต่ีจะอ้ ตงจอ๎ ำ�งกจดําั กเวดั ลเาวใลนากในารกเลารน่ เเลกํนมเขกอมงขเดอกง็ เด็ก ในชว่ํ งแรกก พพอ่ อํ แแมมอ่ อํ าาจจรรสู้ ๎ูสกึ กึ พพออใใจจททเ่ี ห่เี หน็ น็ เดเดก็ ก็เลเน่ ลเนํกเมกเมงยีเงบยี ๆบๆคนคเนดเยีดวยี ไวดไโ้ดดโ๎ ยดไยมไม่ มาํมราบรกบวกนวตนนตทนำ� ทใหําตใ้ หนต๎ มนเี วมลเี าวลา สํวนตวั มากขึ้น พดู งํายๆ คอื ใชเ๎ กมเสมือนเป็นพี่เล้ยี งดแู ลเดก็ แทนตน 2. สงั คมทเี่ ปล่ยี นแปลงไป: สังคมยคุ ไฮเทคทมี่ เี ครอื่ งมอื ทม่ี ีพลังในการเร๎าความตน่ื เต๎น ใหเ๎ กดิ ขนึ้ ในตัวเด็กอยาํ งมหาศาล สงั คมวัตถนุ ยิ ม สงั คมทขี่ าดแคลนกจิ กรรม หรอื สถานท่ที ี่เดก็ จะได๎ใชป๎ ระโยชน๑หรอื เรยี นร๎โู ดยได๎รับความสนุกสนานเพลิดเพลนิ ไปดว๎ ย เหลาํ นเ้ี ป็นแรงผลกั ดนั ให๎เดก็ หันไปใชก๎ ารเลนํ เกมเป็นทางออก 3. ปจั จัยในตวั เดก็ เอง: เดก็ บางกลมํุ อาจมคี วามเสย่ี งตํอการตดิ เกมมากกวําเด็กทว่ั ไป เชนํ เดก็ ทเี่ ปน็ โรคสมาธิสั้น (ADHD) เดก็ ท่มี ปี ญั หาอารมณ๑ ซึมเศร๎า หรือวิตกกงั วล เดก็ ทีข่ าดทักษะทาง สงั คม เขา๎ กบั เพ่ือนไมไํ ด๎ เด็กทม่ี ีปญั หาการเรยี น เด็กท่ีมคี วามรสู๎ กึ มีคุณคาํ ในตัวเองตาํ่ (low self-esteem) เปน็ ต๎น วธิ ปี อ้ งกนั 1. คุยกบั เดก็ เพอื่ กาํ หนดกติกากันลวํ งหนา๎ กอํ นจะซ้ือเกม หรอื อนุญาตใหเ๎ ดก็ เลํนวํา เด็กสามารถเลํนเกมได๎ในวนั ใดบา๎ ง วันใดเลํนไมไํ ด๎ เลนํ ได๎คร้ังละไมํเกนิ กีช่ ่ัวโมง ตัง้ แตเํ วลาใดถงึ เวลาใด กอํ นจะเลนํ ตอ๎ งรบั ผิดชอบทาํ อะไรให๎เสร็จเรยี บร๎อยกํอนบา๎ ง หากเดก็ ไมํรักษากตกิ า เชํน เลนํ เกนิ เวลา ไมํ ทําการบ๎านให๎เสร็จกอํ น ฯลฯ เด็กจะถกู ทาํ โทษอยาํ งไร (แนะนาํ ใหใ๎ ชว๎ ธิ ีริบเกม หรือตัดสทิ ธกิ ารเลํนเป็นเวลา ระยะหนึง่ หากเดก็ ไมทํ ําตามกตกิ าทตี่ กลง) 2. วางตําแหนํงคอมพวิ เตอรห๑ รอื เครอ่ื งเลํนเกมในสถานที่ทีเ่ ปน็ ท่ีโลํง มคี นเดินผาํ นไป ผาํ นมาบอํ ยๆ ไมคํ วรต้งั ไว๎ในหอ๎ งนอนหรอื ห๎องท่ปี ดิ มดิ ชิด เพอื่ ท่ผี ูป๎ กครองจะได๎ตดิ ตามเฝา้ ดไู ด๎ เปน็ การ ปอ้ งกนั มใิ ห๎เดก็ เก็บตัว แอบเลํนคนเดยี วในหอ๎ งหรือแอบเลํนทง้ั คืน 3. วางนาฬกิ าขนาดใหญไํ วห๎ นา๎ เครอ่ื ง หรอื ในตําแหนํงท่เี ดก็ สามารถมองเห็นได๎ชัดเจน 178 ค่มู อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 171 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3

4. ให๎คาํ ชมแกเํ ด็กเมื่อเด็กสามารถรกั ษาเวลาการเลนํ ควบคุมตวั เองไมํใหเ๎ ลํนเลยเวลาทก่ี ําหนดได๎ เอาจรงิ เด็ดขาดหากเดก็ ไมํรักษากติกา เชนํ รบิ เกมโดยไมใํ จอํอน ถอดสายโมเดม็ ออก ฯลฯ 5. สํงเสรมิ จดั หากิจกรรมท่ีสนกุ สนานอยาํ งอ่นื (ทส่ี นุกพอๆกับ/หรอื มากกวาํ การเลนํ เกม) ใหเ๎ ดก็ ทํา หรอื มีกจิ กรรมท่ที าํ รํวมกันในครอบครัว 6. หลกี เล่ยี งการใชเ๎ กมเป็นเสมอื นพี่เลยี้ งเดก็ เพ่ือท่ีพอํ แมจํ ะไดม๎ ีเวลาสวํ นตวั ไปทาํ อยํางอนื่ 7. สอนให๎เดก็ ร๎จู กั การแบํงเวลา รจู๎ ักใชเ๎ วลาอยาํ งเหมาะสม วธิ ีแกไ้ ข 1. ห1า.กหใานกบใา้นนบย๎างั นไมยมัง่ ไกี มฎํมหกี รฎอื หกตรือกิ กาตกาิกราเกลาน่ รเเกลมนํ เจกำ� มเปจ็นาํ ทเปจ่ี ะน็ ตทอ้ ่จี งะพตดู ๎อคงยุพกูดบั คเุยดก็ ับแลเดะ็กใหแเ้ลดะก็ ใเหขเ๎ า้ดมก็ าเมขี๎ามามี สวํ นรํวมในการวางกตกิ า กาํ หนดเวลาการเลนํ (เหมือนข๎อ 1 ในหัวขอ๎ การป้องกนั ) 2. มีเวลาอยกูํ บั เด็กมากข้นึ พาออกนอกบ๎านเพือ่ ไปทํากิจกรรมท่ีเด็กชอบ (ยกเว๎นการไปเลํนเกมนอกบ๎าน) อยา่ ลมื วําเดก็ สวํ นหนงึ่ ตดิ เกมเพราะความเหงา เบือ่ ไมํมีอะไรสนกุ ๆทํา 3. รักษาสัมพนั ธภาพระหวาํ งกันให๎ดี หลีกเลี่ยงการบํน ตาํ หนิ ใช๎อารมณ๑ หรอื ถอ๎ ยคาํ รุนแรง แสดงความเหน็ ใจ เขา๎ ใจวําเดก็ ไมสํ ามารถคมุ ตวั เอง หรอตื ตัดดัขขาาดดจจาากกเกเกมมไไดดจ๎ จ้ รรงิ งิๆๆ 4. ผู๎ปกครองควรรํวมมือกนั ในการแก๎ปญั หา โดยใช๎กฎเดียวกนั อยาํ ปดั ใหเ๎ ปน็ ภาระหรอื ความรับผดิ ชอบ ของใครคนใดคนหน่งึ 5. ฟอรม๑ เครือขําย (network) ผป๎ู กครองท่มี เี ดก็ ตดิ เกมเหมอื นๆกันหลายๆครอบครัว แลว๎ ผลดั กันนาํ เด็ก ทาํ กจิ กรรมหลงั เลกิ เรยี น หรือในวันหยุด เชนํ camping, field trip, walk rally ฯลฯ จัดต้งั เป็นกลุํมยํอยๆ เชํน sport club, adventure club เป็นตน๎ 6. ในรายทีต่ ิดมากจริงๆ และเดก็ ตํอต๎านรุนแรงทจ่ี ะเลกิ ในระยะแรกพอํ แมคํ วรรวํ มเลนํ เกมกบั เดก็ (แตอํ ยําเผลอ ตดิ เองเสยี หละ) ทาํ ความรู๎จกั กบั เกมทเ่ี ดก็ ชอบเลํน หากเห็นวาํ เปน็ เกมท่ีไมเํ หมาะสม หรอื เกมท่ใี ชค๎ วามรนุ แรง พยายามเบย่ี งเบนให๎เดก็ มาสนใจเกมอนื่ ท่พี อจะมีสํวนดี ดงึ เอาสํวนดขี องเกมมาสอนเด็กเชํน เกมสรา๎ งเมือง strategicgame ตาํ งๆ เกมทมี่ บี ทบาทสมมตุ ิเพื่อฝกึ ทกั ษะทางสังคมเป็นตน๎ เมอื่ สัมพนั ธภาพกับเดก็ เริ่มดขี ึ้น พอํ แมํ จงึ คํอยๆดึงเด็กใหม๎ าสนใจในกิจกรรมอ่ืนทลี ะเลก็ ทีละน๎อย 7. หากทําทกุ วิธีข๎างตน๎ แล๎วไมไํ ดผ๎ ล พอํ แมคํ วรพาเดก็ มาพบจิตแพทย๑เด็ก เน่อื งจากเดก็ อาจจะป่วย มีปญั หา สุขภาพจิต ทีม่ า: SanookGame เรื่องสัน้ ที่เป็นประโยชน์ อมตพจนา สมเดจ็ ยา่ ของปวงชน คู่มือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 179 172 คมู่ ือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวิสามญั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3

เรอ่ื งสนั้ ท่ีเป็นประโยชน์ อมตพจนา สมเดจ็ ย่าของปวงชน “ประชาธิปไตยทแ่ี ทจ๎ รงิ เปน็ เสรภี าพทมี่ ขี อบเขตเปน็ ตน๎ วาํ ทกุ คนยอํ มมสี ิทธเิ สรีภาพทจี่ ะกระทําส่งิ ใด ๆ กไ็ ดจ๎ รงิ แตบํ างส่ิงบางอยาํ งเราอาจจะทาํ ได๎เมอ่ื อยตูํ ามลาํ พงั และบางส่ิงบางอยาํ งกท็ ําไมไํ ด๎ เพราะจะตอ๎ ง คํานึงถึงและเคารพในสิทธขิ องผู๎อนื่ เสมอ เชํน การทาํ เสยี งเอะอะอกึ กะทกึ ใหเ๎ ป็นทีร่ าํ คาญของผ๎อู นื่ เป็นต๎น” “คนเราตอ๎ งรจู๎ กั บังคบั ตัวเองถา๎ ปลอํ ยตามบุญตามกรรมกจ็ ะไมํเจริญ ดังเชํนการเลี้ยงเดก็ ต๎อง กาํ หนดเวลาแนํนอน เวลาเรยี น เวลารับประทานอาหาร เวลาพกั ผอํ น ทกุ อยาํ งตอ๎ งใหเ๎ ป็นไปตามเวลา ถ๎าไมํ ทําเชํนน้ีกจ็ ะไมํเจรญิ เติบโตไมมํ สี ติปญั ญา” เรอ่ื งนีส้ อนใหร้ ู้ว่า การคาํ นงึ ถงึ สิทธแิ ละหน๎าท่ที งั้ ของตนเองและผูอ๎ นื่ เปน็ สงิ่ ทพี่ ึงกระทาํ คูม่ ือสง่ เสรมิ และพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 173 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ 2-3 180 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือวสิ ามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6, ประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.2-3) หนว่ ยท่ี 9 จุดดี จุดด้อยและการพัฒนาตนเอง เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 16 ศรทั ธา...สูก่ ารพัฒนาตนเอง 1. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ลกู เสอื สามารถอธิบายถึงคณุ คาํ ในตนเองทเ่ี กิดจากแรงบันดาลใจจากบคุ คลตวั อยาํ งได๎ 2. เนอื้ หา ความศรทั ธาบุคคลตัวอยาํ งในใจลกู เสอื จะเป็นจดุ เริ่มต๎นของการพฒั นาความเชอ่ื มัน่ ในตนทจ่ี ะดาํ รง เอกลกั ษณข๑ องตนทไี่ มํตอ๎ งเหมอื นใคร ไมํต๎องตามกระแส แตํเลอื กขดั เกลาส่ิงทเ่ี ปน็ แกํนแทข๎ องตนเพ่ือการ ดาํ รงตนอยาํ งมีคุณคาํ ท้ังตอํ ตนเองและคนรอบข๎าง ซง่ึ นําความภาคภูมิใจและความสงบสุขมาสลํู กู เสือ สอดคลอ๎ งกับการดาํ รงชวี ิตตามแนวทางปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงในทส่ี ดุ 3. สอื่ การเรียนรู้ 3.1 แผนภูมเิ พลง 3.2 ใบงาน 3.3 เร่ืองส้ันที่เป็นประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พิธีเปดิ ประชมุ กอง (ชกั ธงขึ้น สวดมนต๑ สงบนง่ิ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ 1) ผู๎กํากับลกู เสอื นาํ เขา๎ สูํบทเรยี นเรื่องการสร๎างความเชือ่ มั่นในตนเอง โดยยกตวั อยาํ งคน ธรรมดาทไ่ี มธํ รรมดาดว๎ ยสร๎างสมทลี ะเลก็ ทลี ะน๎อย เขาเหลาํ น้ันไมไํ ด๎เกงํ ไมํไดพ๎ ิเศษกวําคนอื่นๆ แตํส่ิงที่เขามกี ็คอื ใช๎สิ่งทเี่ ขามีอยํู ทําสงิ่ ทีเ่ ขามอี ยํูแล๎ว สะสม เพ่มิ พนู สง่ิ ที่มอี ยํแู ล๎วทีละเลก็ ทีละน๎อย จนสิง่ นนั้ เติบใหญํ ประจกั ษช๑ ดั สิ่งสาํ คญั คอื ทกุ สงิ่ ทดี่ ูธรรมดา จะกลายเปน็ สง่ิ พิเศษกต็ อํ เมื่อเจา๎ ตวั ได๎เจียระไนส่งิ ทม่ี ีอยเํู สมอๆ ให๎ได๎ฉายแสงแวววาว 2) ลกู เสอื แตํละหมูแํ บํงปันประสบการณเ๑ กย่ี วกบั บุคคลที่ตนศรัทธาและนาํ ส่ิงที่ประทับใจ น้ันมาเปน็ ตวั อยํางและแรงบันดาลใจในการพฒั นาตนเอง แล๎วเลือกประสบการณข๑ องสมาชิกทนี่ าํ สนใจ 1 1เรเ่ือรงอ่ื งเพเอพ่ื นอ่ื าํนเ�ำสเนสนอใอนในกกอองลงลูกกูเสเสอื อื 3) ตัวแทนหมํลู ูกเสอื นําเสนอทลี ะหมํู ผกู๎ ํากบั ลกู เสอื นาํ อภิปราย เพมิ่ เตมิ ชนื่ ชม สรุป 4.4 ผ๎ูกํากบั ลูกเสือเลาํ เรือ่ งสน้ั ที่เปน็ ประโยชน๑ 4.5 พิธปี ดิ ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธงลง เลกิ ) คู่มอื สง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลูกเสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 181 174 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสือวสิ ามญั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3

5. การประเมนิ ผล 5.1 สังเกตความรํวมมอื ในการปฏิบตั ิกิจกรรม 5.2 สงั เกตกระบวนการคดิ จากการอภิปราย 6. องคป์ ระกอบทักษะชีวิตสาํ คัญทีเ่ กดิ จากกจิ กรรม คือ ความคิดวเิ คราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนักถงึ ความสาํ คัญของการทาํ ตนใหเ๎ ป็นแบบอยํางที่ ดแี กํผ๎ูอนื่ ภมู ิใจ/เหน็ คุณคาํ ของตนเองและผ๎อู น่ื ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 16 เพลง ศรทั ธา ศลิ ปนิ : หิน เหลก็ ไฟ /อลั บมั้ Never Say Die ไมํมี ก็คงต๎องมสี กั วนั ความฝันเปน็ จรงิ ตอ๎ งทนส๎ไู ป ไมํนาน เราคงจะได๎สมใจ มํุงมนั่ ทุํมเทเพยี งใดกวาํ จะไดม๎ า เส๎นชยั ไมํมาตอ๎ งไปหามนั รางวัล มไี ว๎ใหค๎ นต้ังใจ ขวากหนาม ทิ่มแทงกผ็ าํ นพน๎ ไป โลกนไี้ มมํ ีอะไรไดม๎ างาํ ยดาย (ซ้าํ ) **** ใจสู้หรอื เปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ ทมี่ า รด๎ู ไี มํร๎ทู ไี่ ป คนเรามนั เลอื กเกดิ เองไมไํ ด๎ แตํเราเลอื กได๎จะเป็นเชนํ ไร เลอื กไดจ๎ ะทาํ ตามใจด๎วยตวั ของเรา หลายคน เชอ่ื ในเร่ืองโชคชะตา บางคนเช่อื ม่ันในตวั เอง ชีวิต เรากาํ หนดของเราเอง จะแพช๎ นะไมเํ กรงจะสกั เทําไร(ซ้าํ ทํอนแยก) เร่ืองราวมากมายท่ที าํ ได๎ใจโอบก็หวัน่ ไหว แตํก็มเี หตุผลสาํ คัญ ใหบ๎ างคนยอมถอดใจ เย....... 182 คมู่ ือส่งเสรมิ และพัฒนากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 175 ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ 2-3

ใบงาน กรณีศึกษา อนนั ต์ ศรเี รือง – จากเซยี นซงิ่ มอเตอร์ไซค์สโู่ ค้ชจักรยานยอดเยี่ยม สัมภาษณ์ โดย วนั ชัย ตันตวิ ิทยาพทิ ักษ์ อนนั ต๑ ศรีเรอื ง เป็นลกู ชาวนาแหํง อ.จอมบึง จ.ราชบรุ ี เพอ่ื นๆ เรยี กเขาวาํ เงาะ คนแถวบา๎ นมักพดู กนั วํา ไอ๎เงาะมัน บ๎า ! เดก็ ชายเงาะเรยี นหนงั สือไมํเอาถําน สารภาพวําทรมานทกุ คร้ังทคี่ รูให๎ทอํ งสตู ร คูณหน๎าหอ๎ งเรียนจนแทบอยากฆาํ ตวั ตาย กวําจะเรยี นจบชนั้ ม. ๖ ได๎เลือดตาแทบกระเดน็ ไมคํ ดิ จะเรยี นหนังสอื อีกตอํ ไปยาํ งเข๎าวัย ๒๐ เด็กหนมุํ คนน้ี หลงใหลเครอ่ื งยนต๑ และรูปโฉมของมอเตอร๑ไซค๑จนกลายมาเป็นนกั บดิ ระดบั พระกาฬ ตัง้ ทมี แขํงรถช่ือ “ซา ไก” ประชนั ฝมี อื ไปทั่ว นกั ซ่งิ แถวภาคกลางรจู๎ กั ช่อื เสียงดี ไมมํ ใี ครกลา๎ ทาบรศั มี โดยเฉพาะฝมี ือการทงิ้ โค๎ง บนทางหลวงด๎วยความเร็วเกนิ ๑๐๐ กโิ ลเมตร/ช่ัวโมงเวลาน้นั เงาะแหงํ ทมี ซาไกไมรํ จ๎ู ักความตาย อยําง เดยี วในชีวิตท่ีรู๎จักคือความมันสุดขดี บนหลงั อานมอเตอรไ๑ ซค๑ทพ่ี งํุ ทะยานไปข๎างหน๎าด๎วยความเรว็ สงู สุด เปน็ แชมป์มาได๎ ๗ ปีกถ็ ึงจุดอมิ่ ตัว จากชีวิตนักซงิ่ มอเตอรไ๑ ซค๑ เงาะบาํ ยหน๎าสกูํ ารปัน่ จักรยานบน ทอ๎ งถนนแทน จนในทสี่ ดุ ตดิ ใจรสชาตขิ องการไดเ๎ หง่อื แบบน้ี เลยชกั ชวนคหูํ ูชาวเยอรมนั ตระเวนปั่นจกั รยาน ไปท่ัวประเทศ ชวั่ ขณะนน้ั เงาะเร่ิมรส๎ู กึ หดหทูํ ีเ่ ดก็ วยั รนํุ แถวบา๎ น มว่ั สุมเสพยาเสพติด ไมกํ ็ซิ่งมอเตอร๑ไซคห๑ รอื ยก พวกตีกนั เขาจงึ เริ่มตน๎ ชกั ชวนเดก็ แถวบา๎ นทา๎ แขงํ จักรยาน จนเร่ิม มีเดก็ ในชุมชนทยอยสมคั รเข๎าทมี ปนั่ จกั รยานดว๎ ย เด็กบางคนมีปญั หาครอบครวั แตกแยก พอํ แมํทะเลาะกนั ก็หนมี าขออาศยั อยกํู บั เขาในบา๎ นที่ ดัดแปลงเปน็ อซูํ ํอมรถ ทุกวันเขาสอนเดก็ ๑๐ กวาํ คนปั่นจักรยานอยํางจริงจงั เพือ่ หวงั ให๎เดก็ เหลาํ น้ีหํางไกลยาเสพติด การ พนัน เหล๎า บหุ รี่ หรือเกมออนไลน๑ ไมนํ านเดก็ ๆ ก็มีโอกาสไดล๎ องทดสอบฝมี ือเพอ่ื คดั เลอื กเปน็ นักกฬี า เยาวชนตัวแทนของจังหวดั โดยมเี งาะเปน็ โค๎ชหรือผฝ๎ู ึกสอนของทีม ระหวาํ งเสน๎ ทางการแขงํ ขนั พวกเขาถกู มองดว๎ ยสายตาเหยยี ดหยาม ดูถกู ดแู คลนมาตลอด ตั้งแตํรถจกั รยานคนั เกํา ชุดนกั กฬี าซอมซอํ หนา๎ ตาและ ผมเผ๎ารงุ รงั ของเงาะท่ีดอู ยาํ งไรกไ็ มํใชโํ คช๎ แนนํ อน แตํทมี ของเงาะใชเ๎ วลาเพยี งไมกํ ปี่ กี ็สามารถชนะ การแขงํ ขนั คดั เลือกเป็นนักกีฬาตัวแทนจังหวัด กา๎ ว ข้ึนสตํู ัวแทนระดบั ภาค และกลายเป็นแชมปจ์ กั รยานเยาวชนของประเทศ ไดเ๎ หรยี ญทองมานบั ครง้ั ไมถํ ๎วน คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 183 176 คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3

ลาํ สุดในการแขงํ ขันจกั รยาน ทางไกลนานาชาติกเ็ ข๎าเส๎นชยั เปน็ อันดบั ๑ สร๎างความประหลาดใจ ใหแ๎ กํคนในวงการกฬี าจํานวนมาก เงาะบอกเคล็ดลับวํา เขา เพียงฝึกให๎เดก็ เหลําน้ีรจู๎ กั คดิ เป็น และการแขงํ จักรยานเป็นเพยี ง เคร่อื งมอื ท่จี ะทาํ ใหเ๎ ด็กเตบิ โต เป็นคนมคี ณุ ภาพในสงั คมตอํ ไป ความสาํ เรจ็ นีเ้ องสงํ ผลให๎ในปี ๒๕๕๑ อนันต๑ ศรเี รือง หรอื เงาะ ไดร๎ ับการยกยอํ งใหเ๎ ป็นผฝ๎ู กึ สอน จักรยานถนนยอดเยยี่ มของประเทศ ปจั จบุ นั เดก็ ในทมี ของเขาอยูํระหวํางเกบ็ ตัวเพ่ือคดั เลอื กเป็นตัวแทน ของประเทศเข๎าแขงํ ขนั กีฬาโอลมิ ปกิ คร้ังหน๎า บํายวนั หนึ่ง สารคดี เดนิ ทางสอูํ ําเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เราออกนอกเมอื ง ลดั เลาะไปตามคลอง ชลประทานเขา๎ สูํถนนลูกรงั จนมาพบบา๎ นเกําๆ ทด่ี ดั แปลงเป็นอซํู ํอมรถ เราพบเงาะ–ชายฉกรรจ๑วัยยาํ ง ๔๐ ผไู๎ มกํ ินเหลา๎ ไมสํ ูบบุหร่ี กําลงั กาํ ชับลูกๆ ของเขาด๎วยสหี นา๎ จรงิ จงั วาํ โปรแกรมซ๎อมจกั รยานวนั นี้มอี ะไรบ๎าง ไมงํ ํายนกั สําหรับคนทม่ี รี ายไดไ๎ มมํ ากมายเทําไร ไมํมอี งค๑กรใดหนนุ ชวํ ย แตํตอ๎ งรับผดิ ชอบชีวิตเดก็ นบั สบิ คนโดยมจี ักรยานเปน็ เครอ่ื งมอื แม๎จดุ เรมิ่ ตน๎ เพยี งมงุํ หวังให๎เดก็ ๆ เปน็ คนดี หลีกหนีจากอบายมุข หากในท่ีสดุ กส็ ามารถผลกั ดนั ให๎พวกเขากลายเป็นแชมป์นกั กฬี าของประเทศ เงาะบอกกบั เราวาํ เขาเปน็ เพยี งคนเปิดประตใู ห๎เดก็ เหลาํ นเี้ ทาํ น้นั คน๎ จาก http://www.sarakadee.com/2009/08/18/anan-sruruang/ วันท9ี่ มถิ นุ ายน 2556 เจ๋ง! เอกชัย วรรณแก้ว จติ รกรเพนกวนิ ชายไร้แขน ควา้ ปริญญาตรี ความผิดปกติของรํางกายไมํใชํอุปสรรคท่ีจะขัดขวางการสร๎างความก๎าวหน๎าให๎ชีวิต อยํางเชํน เรื่องราวของ เอกชัย วรรณแก๎ว หนมํุ ไรแ๎ ขนทัง้ สองขา๎ ง แตํเขากลับสามารถสร๎างสรรค๑ผลงานทางศิลปะได๎ อยํางยอดเย่ยี ม และเม่อื วันที่ 25 เมษายนท่ผี ํานมา ชายหนุมํ คนน้ีเพิ่งจะคว๎าปริญญาตรีจากคณะจิตรกรรม มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสนิ ทร๑ วิทยาเขตเพาะชําง มาครอบครองได๎สําเรจ็ ทางรายการเจาะ 184 คูม่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 177 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3

เจ๋ง! เอกชัย วรรณแก้ว จิตรกรเพนกวินชายไร้แขน คว้าปรญิ ญาตรี ความผิดปกติของรํางกายไมํใชํอุปสรรคที่จะขัดขวางการสร๎างความก๎าวหน๎าให๎ชีวิต อยํางเชํน เรือ่ งราวของ เอกชยั วรรณแกว๎ หนมุํ ไร๎แขนท้งั สองขา๎ ง แตํเขากลับสามารถสร๎างสรรค๑ผลงานทางศิลปะได๎ อยํางยอดเยี่ยม และเมอ่ื วันท่ี 25 เมษายนท่ผี าํ นมา ชายหนุํมคนน้ีเพิ่งจะคว๎าปริญญาตรีจากคณะจิตรกรรม มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลรตั นโกสินทร๑ วิทยาเขตเพาะชาํ ง มาครอบครองไดส๎ าํ เรจ็ ทางรายการเจาะ ขชําัย1ว8วเด4รรนํ ณซแง่ึ กคดมู่ว๎ ําอื เสนง่ นิ เสรรามิ ยแกละาพรัฒโดนยากสจิ รกยรทุรมธลกูสเุทสือัศทนักะษจะินชีวดติ าในจสึงถขานอศพึกาษทา ุกลูกคเนสอืไวปสิ ราํวมมญั แชสัน้ ดมงัธคยวมาศมึกษยาินปดที ี่ีก5-ับ6เแขลาะ ป?ว?ชเ.อ2-ก3 โดยเอกชยั เลําวํา อาจารย๑ที่มหาวทิ ยาลัยและ เพ่อื น ๆ เรียกเขาวํา มนษุ ยเ์ พนกวนิ ซึง่ เขา รู๎สึกวําเป็นคาํ ที่นาํ รกั ดี ไมไํ ดค๎ ดิ วาํ เป็นปมดอ๎ ย อะไร สวํ นครอบครัวกเ็ ลี้ยงมาอยาํ งปกติ คอื พยายามให๎เขาหดั ดน้ิ รนชวํ ยเหลอื ตัวเองกอํ น ถา๎ เห็นวําเขาทําไมไํ ดก๎ จ็ ะเขา๎ มาชวํ ยทหี ลงั ซ่ึงกท็ าํ ให๎เขาดิน้ รนมาต้งั แตเํ ดก็ โดยเฉพาะช่วงพยายามหัดเดินที่เจ็บตวั มาก เวลาลม้ ไมม่ มี ือคํา้ พน้ื ไว้เหมอื นคนอืน่ หนา้ กฟ็ าดพื้น ปากแตก หัวแตกทุกวนั ด๎านคุณแมนํ พ วรรณแก๎ว คุณแมขํ องเอกชยั เลาํ วาํ ตอนลูกชายเกิดมาตัวเล็กนดิ เดียว หนกั ไม่ ถึงหน่ึงกโิ ลกรมั ไมม่ ีแขนทงั้ สองขา้ ง สวํ นขาก็มงี อกมานิดเดยี ว ใคร ๆ ก็พดู วําไมนํ ําเลยี้ งรอด แตํสดุ ทา๎ ย กร็ อดมาได๎ ตอนเลก็ ๆ ลกู ชายคนนเ้ี ล้ียงยากมาก เพราะมโี รคภัยไขเ๎ จ็บรุมเรา๎ แตโํ ชคดีพอโตขน้ึ มาหนอํ ยก็ ไมํป่วยแลว๎ “สมัยกํอนเคยคิดวาํ ถา๎ เราตายไปกอํ น เขาจะดแู ลตัวเองอยํางไร แตํพอมาตอนน้เี ขากลับใช๎ ความสามารถของเขา ออกไปวาดรปู ตามงานตาํ ง ๆ ไดร๎ ายไดม๎ าชํวยปลดหน้ี ธ.ก.ส.ให๎แมํ และยงั ปลูกบ๎าน หลังใหมํใหค๎ รอบครัวดว๎ ย แถมยังสํงเสยี เงินใหแ๎ มํทุกเดอื นจนใคร ๆ หลายคนพดู กันวํา นีแ่ หละคนดไี มไํ ด๎ พง่ึ พ่งึ คนพกิ าร” คณุ แมํบอก กลบั มาถามเอกชยั เร่อื งการวาดภาพบา๎ ง เขาเลาํ วาํ ไดฝ๎ กึ วาดภาพด๎วยตัวเอง โดยใชเ๎ ทา๎ คบี กงิ่ ไม๎ บา๎ ง ไม๎เสียบลกู ชิน้ บา๎ ง ลองขีด ๆ เขยี น ๆ บนพ้นื ดินดู จากนั้นก็ได๎มโี อกาสเข๎าเรยี นหนังสอื เหมอื นเดก็ คน อ่ืน ๆ แตกํ เ็ กอื บจะไมไํ ด๎เรยี นเหมอื นกัน เพราะผูอ๎ าํ นวยการโรงเรยี นไมํรับเขาเข๎าเรียน เนอ่ื งจากเหน็ วําเป็น คนพกิ าร แตสํ ดุ ทา๎ ย เขากไ็ ด๎เขา๎ เรยี นในโรงเรยี นเพราะพํอและแมไํ ปตดิ ตอํ เจา๎ หน๎าที่ระดับจังหวดั จนไดเ๎ ขา๎ เรียนในทส่ี ดุ 178 คมู่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3

หลังจากเรยี นจบอนุปรญิ ญาตรี ทีว่ ทิ ยาลยั อาชีวศกึ ษานครสวรรคแ๑ ล๎ว เอกชยั กไ็ ด๎รับคาํ แนะนําจาก อาจารยท๑ าํ นหนึง่ ใหไ๎ ปเรยี นตอํ ทโ่ี รงเรยี นเพาะชําง เพอ่ื จะ ได๎เรยี นศิลปะตามทเ่ี ขาชืน่ ชอบ เอกชยั จงึ ลองไปสอบที่ โรงเรียนเพาะชําง แตํเขาสอบไมตํ ดิ โชคดที เ่ี จออาจารย๑ ทาํ นหนง่ึ ใหค๎ วามเมตตากรณุ า เสนอเร่อื งตํอโรงเรียน เขา จึงไดเ๎ รียนตํอทโ่ี รงเรยี นเพาะชาํ ง เม่ือถามวาํ การเรยี นเพาะชาํ งยากไหม จิตรกรไรแ๎ ขน ยอมรับวาํ ยากมากแตกํ ต็ ๎องเรยี น เพราะอยากลบคําสบ ประมาทของหลาย ๆ คนที่เคยพดู กบั พอํ แมไํ วว๎ าํ จะสํงเขา มาเรยี นทาํ ไมเรียนไปก็ไมํจบ จบไปก็ไมมํ ีงานทํา คนอยาํ ง น้ีใครเขา จะเอาไปทาํ อะไร แตแํ มํกพ็ ยายามใหก๎ ําลังใจ บอกให๎เราพยายามมาโดยตลอด ซึ่งเปน็ แรงกระต๎นุ ใหเ๎ รา สามารถทาํ ไดส๎ าํ เรจ็ “เราตอ้ งทํามากกวา่ คนอืน่ เช่นคนอ่ืนทําสองชวั่ โมงเราต้องทาํ มากกวา่ นัน้ เพราะศกั ยภาพเรา มีจาํ กัด” เอกชัย บอก เทคนคิ สํวนตัวในการวาดภาพของเอกชัย ก็คอื การพลิกภาพเขียนกลับฟา้ กลับดนิ เพราะบางครง้ั ภาพมขี นาดใหญเํ กินความสงู ของเขา เขาก็ต๎องวาดภาพชํวงลาํ งใหเ๎ สร็จเสียกอํ น จึงคอํ ยหมนุ พลิกภาพ ด๎านบนกลับลงมาวาดภาพในลกั ษณะกลบั หัว ซงึ่ ถอื วํายาก เพราะต๎องจาํ เฉดสี จําทุกอยํางใหไ๎ ด๎ ภาพจึงจะ ปะติดปะตํอเปน็ ภาพเดียวกนั และจากประสบการณ๑รวมทั้งการฝกึ ฝน กท็ าํ ให๎เขาสามารถเขยี นภาพไดด๎ ๎วย การใช๎ท้งั เท๎า ปาก คอ และยงั นาํ เทคนคิ เหลํานไ้ี ปสอนเดก็ ๆ พิการ ทม่ี ใี จรักการวาดภาพอกี ดว๎ ย เอกชัย บอกวํา บางครั้งเขาก็ทอ๎ ซง่ึ ถา๎ ท๎อก็หยดุ แตํพอหายเหนือ่ ยแลว๎ กก็ ลับมาเขยี นใหมํ คอื เหน่ือยได๎แตไํ มหํ ยุด มีแรงต๎องเขยี นตอํ ทกุ คนตอ๎ งมีวันทหี่ มดกําลงั ใจ แตํเราต๎องคิดวําจะเอากาํ ลังใจของเรา กลบั คืนมาไดอ๎ ยาํ งไร ทผี่ าํ นมา เขาไมํเคยตอํ วําตํอขานโชคชะตาฟา้ ดนิ เพราะเราเลอื กเกดิ ไมไํ ด๎ แตเํ รา เลือกทําได๎ ในอนาคต เอกชยั วาดฝันไวว๎ าํ อยากเปดิ โรงเรยี นสอนศลิ ปะ แตตํ อนนีค้ งขอใหต๎ ัวเองมงี านทาํ เป็น หลักเปน็ แหลงํ เสยี กอํ น ซึ่งเขาอยากทําอะไรกไ็ ด๎ทีเ่ ขาสามารถทาํ ใหไ๎ ด๎อยํางเตม็ ที่ เชนํ สอนศลิ ปะ เป็นครู ศิลปะ ไมํอยากให๎ใครจา๎ งเขาเพราะความสงสาร อยากให๎จา๎ งดว๎ ยความสามารถมากกวํา เพราะอยากใหค๎ น เหน็ คณุ คาํ ในตวั ของเขาจรงิ ๆ อยาํ งเชํนหากใครจ๎างใหเ๎ ขาวาดภาพ เขาจะไมเํ ก็บเงนิ กอํ น 186 ค่มู อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คู่มือส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 179 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3

แตจํ ะวาดภาพให๎เสรจ็ แล๎วสงํ ไปใหด๎ ู ถา๎ พอใจกซ็ ื้อ ถา๎ ไมพํ อใจไมซํ ือ้ กไ็ มเํ ปน็ ไร เขากจ็ ะ เกบ็ ภาพไว๎เอง นัน่ เพราะไมอํ ยากใหใ๎ ครซอ้ื ภาพเพราะสงสารตัวเขา ด๎านคุณแมํ ก็บอกวํารกั ลกู ชายคนนม้ี าก ที่สดุ และไมํเคยนึกไมเํ คยฝันมากอํ นเลยวําจะมี วันน้ี คอื วนั ทเี่ ขาสามารถเรียนจบปริญญาตรไี ด๎ สําเรจ็ คณุ แมพํ ดู จบ เอกชยั กไ็ ดเ๎ ดนิ มากม๎ ลง กราบคณุ แมํเปน็ ครั้งแรก และกลําวขอบคุณแมํ ท่ีทําใหเ๎ ขามวี นั น้ี และเปน็ กําลงั ใจใหม๎ าโดย ตลอด สดุ ทา๎ ย เอกชยั ยงั ไดฝ๎ ากถึงทกุ คนที่ อาจจะกาํ ลังหมดแรง และท๎อถอยอยํวู าํ “ผมคง เปน็ ตัวอย่างให้คนอีกหลายคน ผมคิดว่า โอกาสของคนมนั มีอยู่ แลว้ แตว่ า่ เราจะ ไขว่ควา้ มันยงั ไง ผมว่าปหี นึ่ง 365 วัน วนั หนึง่ มนั ต้องมวี ันของเรา ถ้าเราไม่ทอ้ ไม่ ถอยไปเสยี กอ่ น” ค๎นจาก http://news.tlcthai.com/news/26074.html วนั ท9่ี มิถนุ ายน 2556 คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสือทักษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 187 180 ค่มู อื สง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วิสามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 ประกาศนยี บัตรวิชาชพี 2-3

เรอ่ื งส้นั ที่เป็นประโยชน์ กากบั นกยงู กาตัวหนึ่งรูส๎ กึ ไมํพอใจที่ตนเองเกดิ มามขี นสดี ําทาํ ให๎รํางของมนั ไร๎ความงดงาม เม่อื ร๎ูวําทกุ วนั นกยงู จะไซ๎ขนออกทิ้งมันจึงไปเก็บมาแซมขนของตน เพ่ือนๆของการ๎ูสึกแปลกใจจึงพากันสอบถามด๎วยความ สงสยั “เจ๎าจะเลกิ เป็นกาแล๎วหรอื ” เพอ่ื นท่สี นิทท่ีสุดของมันเอํยถาม“ใชํ..ใครจะอยากเป็นนก ท่ีต๎อยต่ําไร๎ขน อันสวยงามอยาํ งพวกเจ๎า” คําตอบของกาทําให๎เพ่ือนๆของมันไมํพอใจขับไลํออกจากฝูงแทนท่ีจะสํานึกตัว เจ๎ากากลับทะนงตนคิดวาํ เวลานี้ขนสองมันสวยงามเทียมเทํากับพวกนกยูงจึงไปปะปนอยูํในฝูง นกยูงเห็น ความไมเํ จยี มตัวของกา จงึ ตํางก็พาหวั เราะเยาะและรมุ จิกตดี ว๎ ยความหมั่นไสท๎ ีก่ าคิดจะเทียบช้ันกบั พวกตน “ไปให๎พน๎ นะเจา๎ นกอัปลกั ษณ๑” นกยงุ พากนั ขับไลํ กาพารํางอนั สะบกั สะบอมกลบั ไปทฝี่ งู ของตนแตํก็ไมมํ ใี คร ยอมคบหาสมาคมดว๎ ย มนั อยใูํ นฝงู กาก็ไมไํ ด๎ ไปอยใํู นฝงู นกยงูุ กถ็ กู รรงังเเกกยี ียจจ สุดท๎ายจึงต๎องไปอยูํตามลําพัง ตัวเดยี ว เรอื่ งนี้สอนใหร้ วู้ ่า จงพอใจในส่งิ ท่ีตนมอี ยํู ไมฉํ กฉวยของผอ๎ู นื่ 188 คูม่ ือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู อื ส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามัญ ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 181 ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ 2-3

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6, ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ(ปวช.2-3) หน่วยที่ 9 จดุ ดี จดุ ดอ้ ย และการพัฒนาตนเอง เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการจัดกิจกรรมที่ 17 ลมใตป้ ีก 1. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ลูกเสือสามารถอธิบายความสาํ คญั ทจี่ ะตอ๎ งตอบแทนบคุ คลท่ีมพี ระคณุ ได๎ 2. เนื้อหา ลมใต๎ปกี หรอื การเกอื้ กูลของบุคคลรอบขา๎ งในชวี ติ ของลกู เสอื เปน็ สํวนสาํ คัญทที่ ําให๎ลกู เสือมีชวี ติ มา ไดจ๎ นถงึ วนั น้ีหรือตอํ ไปในวันหนา๎ การตระหนักรู๎ถึงคุณคําของคนหรือสงิ่ รอบตัวทเ่ี อื้อเฟื้อชีวติ ของลูกเสอื จะ ทําให๎ลกู เสือได๎ใชเ๎ วลาและโอกาสทีม่ ตี อบแทนผู๎มีพระคุณเหลาํ นน้ั อยํางออํ นนอ๎ ม 3. สอ่ื การเรยี นรู้ 3.1 แผนภูมเิ พลง 3.2 ใบงานกรณีตวั อยาํ ง “ในหลวง” และ “เจา๎ ปุย สุนขั ฮโี รํ” 3.3 เรือ่ งส้ันทีเ่ ป็นประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พธิ ีเปิดประชุมกอง (ชกั ธงขึน้ สวดมนต๑ สงบน่ิง ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงคก๑ ารเรยี นรู๎ 1) ผก๎ู ํากบั ลูกเสอื นําเข๎าสูบํ ทเรยี นถงึ เรือ่ งลมใตป๎ ีกเคร่ืองบนิ ทมี่ ีสํวนชํวยพยงุ เครื่องบินใหบ๎ ินได๎ ดี เชํนเดยี วกับคนทสี่ นบั สนนุ ชีวติ ของลกู เสอื มสี ํวนกับชีวิตของลูกเสือคนทล่ี ูกเสือมกั นกึ ถึงเปน็ คนแรกเวลา มคี วามทกุ ขใ๑ จ คนท่เี ออื้ เฟอ้ื การมชี วี ิตของลกู เสือ ไมวํ ําโดยตรงหรอื ออ๎ ม และใหผ๎ ๎กู ํากบั เลาํ กรณีตัวอยํางใน หลวงประกอบภาพพระราชกรณยี กจิ 2) แบงํ หมูลํ กู เสือเพื่อปฏิบตั ิกจิ กรรมแบํงปันประสบการณต๑ รงของตนในกลมํุ ยํอย และ เลือกประสบการณ๑ของสมาชกิ ที่มคี วามประทบั ใจมากที่สดุ มา 1 เรอ่ื ง เพ่อื นาํ เสนอในทป่ี ระชมุ 3) ผ๎ูแทนหมํูนําเสนอ ผกู๎ ํากบั ลกู เสือนําอภปิ ราย เพ่มิ เตมิ ชนื่ ชม สรปุ 4.4 ผู๎กํากบั ลูกเสือเลาํ เร่ืองสน้ั ที่เป็นประโยชน๑ “นาํ้ พระทยั ในหลวง” 4.5 พธิ ีปิดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธงลง เลกิ ) 5. การประเมินผล 5.1 สงั เกตความรํวมมอื ในการปฏบิ ัติกิจกรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภปิ ราย 6. องค์ประกอบทกั ษะชีวิตสําคญั ที่เกิดจากกจิ กรรม คอื ความคิดวเิ คราะห๑ ความคดิ สรา๎ งสรรค๑ ตระหนกั ร๎ูถงึ คุณคําของผ๎ูมพี ระคุณตอํ ลกู เสอื คูม่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 189 182 คูม่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวิสามญั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมที่ 17 เพลง สายฝน ทํานอง: พระบาทสมเด็จพระเจา๎ อยหูํ ัว ภมู ิพลอดุลยเดช คํารอ๎ ง: พระเจ๎าวรวงศ๑เธอ พระองค๑เจา๎ จกั รพนั ธเ๑ พ็ญศิริ เมอ่ื ลมฝนบนฟ้ามาลวิ่ ตน๎ ไมพ๎ ล้ิวลํกู ง่ิ ใบ เหมือนจะเอนรากคลอนถอนไป แตเํ หลําไมย๎ ง่ิ กลบั งาม พระพรหมทํานบนั ดาลให๎ฝนหล่งั เพ่ือประทังชีวติ มิทราม นาํ้ ทพิ ยส๑ าดเป็นสายพรายพล้ิวทิวงาม ท่วั เขตคามชํมุ ธารา สาดเป็นสายพรายพลว้ิ ทวิ ทงํุ แดดทอรง๎ุ อราํ มตา รง๎ุ เลือ่ มลายพราํ งพรายนภา ยามเมอ่ื ฝนมาแตํไกล พระพรหมชวํ ยอาํ นวยใหช๎ ่นื ฉํ่า เพอื่ จะนาํ ดบั ความร๎อนใจ นาํ้ ฝนหลั่งลงมาจากฟา้ แดนไกล พชื พรรณไมช๎ น่ื ยนื ยง 190 คมู่ ือส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 ค่มู ือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามัญ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 183 ประกาศนยี บตั รวิชาชพี 2-3

ใบงาน กรณีศึกษา ในหลวง ทรงพระเจรญิ พระคณุ และคุณธรรมของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู ิพลอดลุ ยเดช ในหลวงของปวงชน ชาวไทยทเ่ี ลศิ ลํ้าและมพี ระมหากรุณาทิคุณต่อ ประชาชาวไทยอย่างมากลน้ รําพัน คู่มือสง่ เสริมและพัฒนากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 191 184 คู่มือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทักษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวิชาชพี 2-3

192 ค่มู ือส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ลกู เสอื วสิ ามัญ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสอื วสิ ามญั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 185 ประกาศนียบตั รวชิ าชพี 2-3

เจา้ ปุย สุนัขฮีโร่ คณะศลิ ปศาสตรแ๑ ละศึกษาศาสตร๑ มหาวทิ ยาลยั หาดใหญํ พาดหัวขําวเปน็ Talk of The Town สําหรับเจา๎ ปยุ อายุ 2 ปี สุนัขพนั ธุ๑บางแกว๎ ผสมพันธไุ๑ ทยเพศผ๎ู ซ่ึงคาบ ถุงว่ิงมาจากปากซอยเอามาวางไว๎ในบา๎ น กอํ นสงํ เสียงเหาํ ให๎เจา๎ ของบา๎ นรับร๎ู และเปดิ ถงุ ออกดพู บเป็นเด็ก ทารกแรกเกดิ ยังมชี วี ิตอยํู แลว๎ แจ๎งเจ๎าหนา๎ ทีใ่ หร๎ ีบนําตัวทารกสงํ โรงพยาบาล จึงทาํ ใหท๎ ารกไดร๎ บั ความ ปลอดภัยดว๎ ยแลว๎ หากจะคาดเดาเป็นวาํ เจ๎าปยุ สนุ ขั พนั ธบุ๑ างแก๎วแสนรนู๎ ี้ คงจะมีความรูส๎ ึกรกั เดก็ ดว๎ ย เพราะอุปนสิ ยั ดขี องเจา๎ ปยุ ซง่ึ เจา๎ ของสุนขั ยนื ยนั หรอื อาจเปน็ เพราะเหตุปจั จยั แหงํ ผลบญุ ของทารก แตํ กระนั้นคงตอ๎ งรํวมรู๎สกึ ชืน่ ชมกับปรากฏการณ๑ของเจา๎ ปุยเปน็ พิเศษในกรณีน้ี พระนครศรีอยุธยา -ผกก.ทําเรือ นําทีมพบเจ๎าของ “เจ๎าปยุ สนุ ัขฮีโรํ” หาหลกั ฐานคนใจร๎ายนาํ เดก็ ทารกมาทงิ้ ยนั ตามคนใจร๎ายมาดําเนนิ คดีใหไ๎ ด๎ ด๎าน นอภ.ทําเรือ พร๎อมนายกกงิ่ กาชาดฯ ตดิ เหรยี ญให๎ “เจา๎ ปยุ สุนัขฮีโรํ” เผยขณะท่ีมคี นใจบุญขอรบั หนูนอ๎ ยเป็นลกู บญุ ธรรมแล๎วหลายราย พรอ๎ มตง้ั 2 ชือ่ “สธุ ิ รักษ๑” และ “พบพนั ธบ๑ ุญ” ใหป๎ ระชาชนรวํ มเลอื ก วนั นี้ (4 มิ.ย.) พ.ต.อ.จิตเกษม สนขาํ ผกก.สภ.ทาํ เรือ พรอ๎ มเจา๎ หนา๎ ท่ีตาํ รวจชุดสืบสวน สภ.ทําเรอื ได๎ เดนิ ทางไปทีบ่ า๎ นนายกาํ เหนดิ ทองมาก อายุ 39 ปี นางภมุ รัตน๑ ทองมาก อายุ 35 ปี สองสามภี รรยา และ ด.ญ.สุดารัตน๑ หรือนอ๎ งแนน ทองมา อายุ 12 ปีบุตร นักเรยี นช้นั ม.1 โรงเรยี นทําเรอื นติ ยานกุ ลู ทบี่ ๎านเลขที่ 87 ม.1 ต.ศาลาลอย อ.ทําเรอื จ.พระนครศรีอยธุ ยา ซงึ่ เปน็ เจา๎ ของสนุ ขั ฮโี รํ เพศผ๎ูชอ่ื “ปุย” ท่ชี วํ ยชวี ติ ทารก แรกเกดิ ถูกมนุษยใ๑ จร๎ายนํามาท้งิ กองขยะจนรอดชวี ติ เมอื่ วันที่ 3 มิ.ย.ทีผ่ ํานมา โดยเมอ่ื เดนิ ทางไปถงึ พ.ต.อ.จิตเกษม สนขํา ผกก.สภ.ทําเรือ ไดใ๎ ห๎ นอ๎ งแนน ชวํ ยชี้จดุ ท่ีพบเดก็ ทารกบริเวณบันไดบ๎านท่ี เจา๎ ปยุ คาบถุงสีดําท่ีมีเด็กทารกแรกเกดิ มาวางไว๎ ค่มู ือสง่ เสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสือทกั ษะชีวิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 193 186 คมู่ อื สง่ เสริมและพัฒนากิจกรรมลกู เสอื ทักษะชีวิตในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามญั ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ 2-3

พ.ต.อ.จิตเกษม เปดิ เผยวํา ไดม๎ าดแู ละสอบถามพอํ แมขํ องเดก็ ถงึ รายละเอยี ดตาํ งๆ ในชวํ งทพี่ บเด็ก และดูจากนอ๎ งแนน ทไี่ ดช๎ ี้จดุ ทส่ี ุนขั น่ังเฝา้ ถุงพลาสติกดูแลว๎ นําจะมีคนท่ีนําถงุ ทารกแรกเกดิ มาวางทิง้ ไว๎ อาจจะเข๎ามาทางหลังบ๎านซงึ้่ เป็นป่า่ และบงั เอญิ สนุ ขั ไปพบแลว๎ คาบมา หรืออาจจะมีคนนํามาวางทิง้ ไวท๎ ี่ บนั ไดบ๎านแล๎วสนุ ขั เหน็ จึงได๎มานั่งเฝ้าเพอ่ื ป้องกันไมํใหส๎ นุ ัขตัวอนื่ มากดั สํวนในเรอื่ งคดไี ด๎ส่ังการให๎ชุด สืบสวนออกหาขาํ วใหไ๎ ด๎มากท่ีสดุ เพอ่ื ความกระจํางในเรื่องน้ี ประกอบกับไดส๎ อบถามชาวบ๎านวํามีผูไ๎ ด๎ยนิ เสียงเหาํ ของสนุ ขั ในชํวงตี 4 กวาํ ๆ หรอื ไมอํ ยาํ งไร ซึง่ ทางเจา๎ หน๎าทจ่ี ะตอ๎ งหาตวั ผก๎ู ระทาํ ผดิ ใหไ๎ ด๎ เพราะ เป็นคดีอาญา ดา๎ นนายกาํ เหนดิ เจา๎ ของสนุ ขั เปิดเผยวาํ ได๎ปรกึ ษากับครอบครัวและพอํ แมํแล๎ว ยนิ ดที ่ีจะรบั เดก็ ไว๎ เลี้ยง เพราะเชอื่ วาํ เด็กมบี ญุ จะสงํ เสรมิ ใหค๎ รอบครวั ของตนมคี วามเจรญิ ได๎ และรสู๎ ึกสงสารเดก็ มาก สวํ นทมี่ ี คนพูดถงึ เกี่ยวกบั ลูกสาวตํางๆ นานา คนในครอบครวั ของตนรดู๎ วี าํ ลกู สาวตนประพฤติตวั อยาํ งไร ท่ผี ํานมา ลกู สาวของตนเปน็ คนดี ชวํ ยเหลอื พอํ แมํทาํ งาน ตัง้ ใจเรียน อยูํกับพอํ แมตํ ลอดเวลา ตนพรอ๎ มท่ีจะใหค๎ วาม รวํ มมอื เพอื่ ความกระจาํ งของลกู สาว “คนเราตํางจิตตํางใจยํอมพูดกนั ไปเรอื่ ย ผมไมตํ ดิ ใจหรอก สูเ๎ อาเวลาไปทํามาหากินดกี วาํ และเล้ียงเจ๎า ปุย เพราะเปน็ สนุ ขั ทฉี่ ลาด และจิตใจดี เพียงแตํเจ๎าปุยนงั่ เฝ้าถุงพลาสตกิ ถอื วําเป็นฮโี รแํ ลว๎ หากเปน็ สุนขั อ่นื เหน็ อาจจะกดั กนิ กเ็ ป็น้ ได๎” นายกาํ เหนดิ กลําว ตอ่ มา ในช่วงบ่าย นายวิทิต ปิน่ นกิ ร นายอาํ เภอทา่ เรือ นางศศธิ ร ปิน่ นกิ ร นายกกง่ิ กาชาด อําเภอท่าเรือพร้อมคณะได้เดนิ ทางมาทีบ่ า้ นครอบครวั ของสนุ ัขฮีโร่ พร้อมมอบใบประกาศ เกียรติยศใหแ้ ก่เจา้ ปยุ สนุ ัขฮโี ร่ ท่ีชว่ ยชีวิตเดก็ ทารกแรกเกดิ ไวไ้ ด้ พร้อมกบั ติดล็อกเกต็ ทีค่ อใหเ้ จ้า ปุย นายวทิ ติ เปดิ เผยวาํ ได๎ตรวจสอบไปทโ่ี รงพยาบาลพระนครศรอี ยธุ ยา ทีร่ กั ษาเด็กทราบวาํ อาการของ เดก็ ปลอดภัยยงั อยใูํ นตอู๎ บ และใช๎เครอื่ งชวํ ยหายใจปกติ ไมเํ กนิ 2 อาทิตย๑จะรบั เด็กมาไว๎ที่โรงพยาบาล ทําเรอื เพอ่ื อนบุ าลตอํ ไป ขณะนม้ี ชี าวตํางชาตยิ นื่ ความจํานงขอเล้ยี งดเู ดก็ แลว๎ 5 ราย รวมทัง้ เจ๎าของบา๎ นท่ี พบเด็ก โดยให๎ลงช่ือกนั ไว๎กํอนจะต๎องปรึกษากบั สาํ นกั งานพฒั นาและความมง่ั คงของมนุษย๑ รวมทง้ั ผลคดี จากทางเจา๎ หน๎าท่ตี าํ รวจ สํวนเจ๎าสุนขั ฮีโรํ หรอื เจา๎ ปยุ ซ่ึงขณะนไ้ี ดร๎ วํ มกันตั้งชื่อใหมวํ ํา “คาบทอง” ให๎แกเํ จ๎าปุย เป็นสุนัขทไี่ มํดุ ร๎ายฟงั รเ๎ู ร่ือง เปน็ สนุ ขั พันธ๑ุบางแก๎วผสมพันธไุ๑ ทย ลักษณะหตู ั้ง ถือวําซอ่ื สตั ย๑ทางอาํ เภอไดม๎ อบเกียรติบตั ร ไว๎พร๎อมกบั ยกยอํ งเจ๎าของสุนขั เป็นผ๎ทู เี่ ลีย้ งสนุ ขั ไดด๎ ี 194 คู่มอื ส่งเสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสอื ทักษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพัฒนากจิ กรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วสิ ามัญ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 187 ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ 2-3

เรือ่ งสัน้ ท่ีเปน็ ประโยชน์ นาํ้ พระทัยในหลวง ครงั้ หน่ึงเม่อื ในหลวงเสดจ็ ฯ เยีย่ มโครงการหว๎ ยสัตวใ๑ หญํ เมอ่ื เฮลคิ อปบเเตตออรร์ พ๑ ระที่นัง่ มาถงึ ปรากฎวํา ฝนตกลงมาอยาํ งหนกั ขา๎ ราชการและราษฎรทเ่ี ข๎าแถวรอรับเปียกฝนกนั ทุกคน เม่อื ทรงเห็นดงั นนั้ จึงมรี บั สง่ั ใหอ๎ งค๑รกั ษเ๑ ก็บรมํ แล๎วทรงเยี่ยมขา๎ ราชการและราษฎรทํามกลางสายฝน เร่อื งนส้ี อนให้รู้วา่ ความเหน็ ใจผู๎นอ๎ ย เปน็ หวั ใจของนักปกครอง คมู่ ือสง่ เสริมและพฒั นากจิ กรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศึกษา ลกู เสอื วสิ ามญั ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 195 188 คู่มอื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5-6 ประกาศนียบัตรวชิ าชพี 2-3

แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือวิสามญั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาป่ีที่ 5-6,ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ(ปวช.2-3) หนว่ ยที่ 9 จุดดี จดุ ด้อย และการพฒั นาตนเอง เวลา 2 ชั่วโมง แผนการจดั กิจกรรมท่ี 18 สกู่ ารยอมรับและชยั ชนะ (ใหโ้ อกาสการเปน็ ผ้นู าํ ) 1. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ลกู เสอื สามารถอธบิ ายความสาํ คัญในการพฒั นาตนเอง เพอ่ื ให๎เป็นผมู๎ จี ิตอาสา บาํ เพ็ญประโยชนแ๑ ละ เป็นท่ียอมรบั ของสงั คมได๎ 2. เนอ้ื หา การเป็นผ๎ูนําและได๎รับการยอมรับน้ันถือเป็นเกียรติเป็นศักด์ิศรีและค วามภาคภูมิใจของบุคคลและ ครอบครวั ซ่ึงเริม่ ตน๎ มาจากความสามารถในการนําตนเอง ไมํวําจะเป็นการดูแลสุขภาพตนเองได๎ การดูแล บทบาทหน๎าท่ีของตนเองได๎ หรือเรียกวํานําชีวิตตนเองได๎ จะนําไปสํูการเอื้อเฟ้ือเผ่ือแผํ ใสํใจ ดูแล ชวํ ยเหลอื สงั คมรอบ ๆ ตัว เปน็ ลําดบั ถัดไป ทเ่ี รยี กวาํ เป็นผใ๎ู ห๎ ผม๎ู จี ิตอาสา ผู๎บาํ เพ็ญประโยชน๑ 3. ส่อื การเรียนรู้ 3.1 แผนภมู เิ พลง 3.2 ใบงาน 3.3 ใบความร๎ู 3.4 เรื่องสนั้ ทีเ่ ปน็ ประโยชน๑ 4. กจิ กรรม 4.1 พธิ เี ปิดประชุมกอง (ชกั ธงข้นึ สวดมนต๑ สงบนิง่ ตรวจ แยก) 4.2 เพลง หรอื เกม 4.3 กจิ กรรมตามจุดประสงค๑การเรียนรู๎ 1) ผ๎กู ํากบั ลกู เสอื นําเข๎าสํูบทเรยี นโดยนําสนทนาในเรอื่ งการเป็นผน๎ู ําและไดร๎ บั การยอมรบั นับ ถอื นนั้ ถอื เปน็ เกียรตเิ ป็นศกั ดิ์ศรแี ละความภาคภูมใิ จของตนเองและครอบครัว ซึ่งเรมิ่ ตน๎ มาจาก ความสามารถในการนาํ ตนเอง ไมํวาํ จะเป็นการดแู ลสขุ ภาพ การดูแลบทบาทหนา๎ ที่ หรอื เรียกวาํ นาํ ชวี ติ ตนเองได๎ จะนําไปสกูํ ารเอือ้ เฟอื้ เผ่ือแผํ ใสใํ จ ดูแล ชํวยเหลอื สังคมรอบๆ ตวั เป็นลําดบั ทเ่ี รียกวาํ เป็นผูใ๎ ห๎ ผมู๎ จี ติ อาสา ผู๎บาํ เพ็ญประโยชน๑ตอํ สวํ นรวม 2) ผก๎ู ํากับลกู เสอื เชญิ ชวนลูกเสอื สํารวจการนาํ ตนเองไมํวําจะเปน็ สขุ ภาพ การเรียน การรับผิดชอบ บทบาทหนา๎ ท่ีวําเป็นอยํางไรบา๎ ง สํวนท่ียงั พรํองอยํตู อ๎ งทาํ อยํางไรจึงจะสมบรู ณข๑ ้นึ ตามใบงาน1 ผู๎กาํ กับลกู เสือสุํมถามลูกเสอื 1 – 2 คน พอเปน็ ตัวอยาํ ง 196 คู่มือส่งเสรมิ และพฒั นากจิ กรรมลกู เสอื ทักษะชวี ติ ในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสือทกั ษะชีวติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลกู เสอื วิสามญั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5-6 189 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3

3) ผูก๎ าํ กบั ลกู เสอื และลกู เสือรํวมกนั สนทนาถึงการเปน็ ผู๎ให๎ การเออ้ื เฟอ้ื การดูแล การมีจติ อาสา การเสียสละตํอผอ๎ู น่ื และสวํ นรวม โดยสํมุ ถามลกู เสือ 1 – 2 คน พอเปน็ ตัวอยาํ ง 4) ผู๎กํากบั ลูกเสอื แบงํ ลกู เสอื เปน็ 5 กลํมุ ปฏบิ ัติตามใบงานท่ี 2 ใช๎เวลา 10 นาที และนําเสนอ 3 นาที 5) ลูกเสอื แตลํ ะหมูํศึกษาใบความรู๎ใช๎เวลา 5 นาที และรวํ มกันอภิปรายเพม่ิ เตมิ สนทนาซักถาม 6) แบงํ ลูกเสอื เป็น 5 กลุมํ ปฏบิ ัตงิ านตามใบกิจกรรม 3 ใชเ๎ วลา 20 นาที และนาํ เสนอ 3 นาที 7) ผ๎กู าํ กบั ลกู เสอื และลกู เสือรวํ มกนั สรุปภาวะของการเปน็ ผน๎ู าํ สูํการยอมรบั (ให๎โอกาสการเปน็ ผน๎ู ํา) เริม่ ตน๎ จากการพฒั นาตนเอง พัฒนาการเปน็ ผ๎ใู ห๎ ความใสใํ จดูแลผูอ๎ ื่นและสํวนรวม จนกลายเป็นจิตสํานึกของผนู๎ าํ และการยอมรับในตนเองและของสงั คม 4.4 ผกู๎ ํากบั ลูกเสอื เลาํ เรอื่ งสน้ั ทเ่ี ป็นประโยชน๑ 4.5 พิธีปิดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธงลง เลิก) 5. การประเมนิ ผล 5.1 สงั เกตความรํวมมอื ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 5.2 สังเกตกระบวนการคิดจากการอภิปราย 6. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิตสําคัญท่เี กิดจากกิจกรรม คือ ความคดิ วิเคราะห๑ ความคดิ สร๎างสรรค๑ ตระหนักรู๎ถึงคุณคาํ ของการพัฒนาตนเองใหเ๎ ป็น ผ๎ูมีจิตอาสา คูม่ ือสง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ิตในสถานศึกษา ลกู เสือวสิ ามญั ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 และ ปวช.2-3 197 190 คู่มอื สง่ เสรมิ และพฒั นากิจกรรมลกู เสือทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามญั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5-6 ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพ 2-3

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 18 เพลง สามัคคีร่วมใจ สามคั คีรวํ มใจ เร็วไวชํวยกันทําการงาน ด๎วยความสําราญเรงิ ใจ มาชวํ ยกนั นะทรามวัย จะไดเ๎ สรจ็ ทันใด ใคร ๆ ก็พากันยกยอํ ง ลา.............................. ใบงาน ใบงานที่ 1 แบบสาํ รวจตนเอง 1. สํารวจสุขภาพ 1.1 การเจ็บปว่ ย 1.2 การพกั ผอํ น 1.3 อาหาร 1.4 การออกกาํ ลงั กาย 2. การเรยี น 2.1 ผลการเรียน 2.2 วิธเี รยี น 2.3 ปญั หาและอุปสรรค 3. บทบาทหนา๎ ท่ี 3.1 การเปน็ สมาชิกของครอบครัว 3.2 การเปน็ สมาชิกของสถานศึกษา 3.3 การเปน็ สมาชกิ ของสงั คม ใบงานที่ 2 ให๎กลํมุ ลกู เสือเลอื กประธาน เลขา และผนู๎ ําเสนอ เสรจ็ แลว๎ รํวมกันแบงํ ปันประสบการณก๑ ารเป็นผู๎ให๎ จติ อาสา การชวํ ยเหลอื การเสยี สละแกํผอู๎ นื่ และสวํ นรวม คนละ 1 ประสบการณ๑ ในประเดน็ ตอํ ไปน้ี แล๎ว รํวมกันเลือกประสบการณ๑ท่นี าํ สนใจ 1 ประสบการณ๑ สํงตวั แทนหมํูนําเสนอในกองลกู เสอื 1. ประสบการณใ๑ นงานอะไร ทไ่ี หน ได๎รับมอบหมายใหท๎ าํ หนา๎ ทีอ่ ะไร 2. มเี หตุจูงใจใดท่ีทาํ ใหไ๎ ด๎เขา๎ รํวมปฏิบัตงิ านนั้น 3. ไดผ๎ ลอยาํ งไร และรส๎ู กึ อยาํ งไรหลงั ปฏิบตั ิงานเสร็จ 198 คมู่ อื ส่งเสรมิ และพฒั นากิจกรรมลูกเสอื ทกั ษะชวี ิตในสถานศกึ ษา ลูกเสือวสิ ามญั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5-6 และ ปวช.2-3 คมู่ อื ส่งเสริมและพฒั นากิจกรรมลกู เสือทักษะชวี ติ ในสถานศกึ ษา ประเภทลูกเสือวสิ ามัญ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5-6 191 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ 2-3


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook