Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore B3-09-64

B3-09-64

Published by wijai 22, 2021-10-05 02:41:05

Description: B3-09-64

Search

Read the Text Version

๑๓๘ คุ้มครอง ดูแลรักษา ฟื้นฟูสัตว์ป่าและแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เดิมมีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง สัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ แต่ปัจจุบันมีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒๖๑ สําหรับสัตว์ ท่ีใช้ประโยชน์ในทางปศุสัตว์และสัตว์พาหนะมีพระราชบัญญัติบํารุงพันธ์ุสัตว์ พ.ศ. ๒๕๐๙๖๒ และสําหรับสัตว์ ท้ังหมดที่มนุษย์นํามาใช้ประโยชน์ซ่ึงอาจติดโรคระบาดและจะกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนและประโยชนใ์ นทางเศรษฐกิจของประเทศ มีพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘๖๓ ส่วนพืช ในราชอาณาจักรได้รับการคุ้มครองจากศัตรูพืชโดยพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗๖๔ และสําหรับพันธุ์พืช ท่ีใช้ประโยชน์ในทางเกษตรกรรมได้รบั การคมุ้ ครองตามพระราชบัญญตั ิพนั ธุพ์ ชื พ.ศ. ๒๕๑๘๖๕ ๙.๕.๑ หลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมทส่ี าํ คญั ๙.๕.๑.๑ หลกั การว่าด้วยการคมุ้ ครองสง่ิ แวดลอ้ มตอ้ งไมม่ ีลกั ษณะที่ถดถอยลง กฎหมายคุ้มครองสัตว์และพันธ์ุพืชทั้ง ๖ ฉบับที่นํามาศึกษาทําให้เห็นวิวัฒนาการของกฎหมายสิ่งแวดล้อม ในทํานองเดียวกับกฎหมายจัดการทรัพยากรนํ้า กล่าวคือ กฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทยแต่เดิมเกิดจากมุมมอง ทม่ี ีมนษุ ย์เป็นศูนย์กลางและจะให้การค้มุ ครองสง่ิ แวดลอ้ มต่อเม่ือส่ิงแวดล้อมน้ันเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์เท่าน้ัน จนกระท่ังมีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงเห็นความสําคัญของการบริหารจัดการสัตว์ป่า ทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศ และความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ในบทนําของพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่เห็นความสําคัญของระบบนิเวศนี้ก็ยังย้ําว่า ต้องเป็นการบริหารจัดการให้เกิด “ประโยชน์” อย่างสมดุลและยั่งยืน เป็นหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง แต่ยังถือว่ามีการพัฒนามาจากพระราชบัญญัติสงวนและ คมุ้ ครองสัตวป์ า่ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามหลักการว่าด้วยการคุม้ ครองส่ิงแวดล้อมต้องไมม่ ลี ักษณะทถ่ี ดถอยลง ๙.๕.๑.๒ หลักผู้ก่อมลพิษเปน็ ผู้จ่าย เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองสัตว์และพันธ์ุพืชทั้ง ๖ ฉบับท่ีนํามาศึกษาคุ้มครองประโยชน์ของมนุษย์ เป็นที่ต้ัง และประโยชน์นั้นส่วนใหญ่อยู่ในการควบคุมดูแลของรัฐบาลตามหลักความไว้วางใจจากสาธารณะ ดังนั้น จึงมีการนําหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายมาบัญญัติในกฎหมายคุ้มครองสัตว์และพันธุ์พืชเกือบทุกฉบับในลักษณะ ของค่าภาคหลวง ค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่าย เช่น ภาคหลวงในการจับช้างป่าตามมาตรา ๑๓ และค่าธรรมเนียม ออกใบอนุญาตจับช้างป่าตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติสําหรับรักษาช้างป่า พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ ๖๑ พระราชบญั ญัติสงวนและค้มุ ครองสัตวป์ ่า พ.ศ. ๒๕๖๒ หมายเหตุท้ายพระราชบัญญัติ ๖๒ พระราชบัญญตั บิ าํ รงุ พันธ์ุสตั ว์ พ.ศ. ๒๕๐๙ หมายเหตทุ ้ายพระราชบัญญัต.ิ ๖๓ พระราชบัญญัตโิ รคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ หมายเหตุท้ายพระราชบญั ญตั .ิ ๖๔ พระราชบัญญตั กิ ักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ หมายเหตทุ ้ายพระราชบัญญตั ิ. ๖๕ พระราชบัญญัติพนั ธพ์ุ ืช พ.ศ. ๒๕๑๘ หมายเหตุทา้ ยพระราชบญั ญตั ิ.

๑๓๙ ค่าใช้จ่ายในการทําลายศัตรูพืชตามมาตรา ๑๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ และค่าใช้จ่าย ในการดแู ลสตั วป์ า่ ตามมาตรา ๑๖ คามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสตั วป์ า่ พ.ศ. ๒๕๖๒ ๙.๕.๒ หลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดลอ้ มท่ีควรมคี วามสาํ คญั มากขึ้น หลกั การพัฒนาอย่างย่ังยืนและหลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อมเป็นหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อม ท่ีมีบทบาทอย่างมากต่อการพัฒนากฎหมายคุ้มครองสัตว์และพันธุ์พืชที่ทําให้เกิดพระราชบัญญัติสงวนและ คุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ซ่ึงเป็นกฎหมายคุ้มครองสัตว์และพันธ์ุพืชที่มีการบูรณาการทางสิ่งแวดล้อม ในหลายมิติ เช่น นอกจากการคุ้มครองสัตว์ป่า ยังมีการครอบครองสัตว์ป่า การนําเข้า ส่งออก หรือนําผ่านซึ่งสัตว์ป่า และด่านตรวจสัตว์ป่า การดําเนินกิจการเพาะพันธ์ุสัตว์ป่า และการค้าสัตว์ป่า รวมถึงบทบัญญัติว่าด้วยสวนสัตว์ ซ่ึงไม่จํากัดแค่สวนสัตว์สาธารณะอย่างพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่สําคัญ คือ บทบัญญัติว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพซ่ึงเป็นมิติใหม่ของกฎหมายไทย อย่างไรก็ตาม จากการศึกษา พบวา่ การคุ้มครองสัตวแ์ ละพันธ์พุ ืชยงั ต้องใช้กฎหมายหลายฉบบั และกฎหมายฉบับอื่นยงั มไิ ดน้ าํ หลักการพัฒนา อย่างย่ังยืนและหลักบูรณาการทางส่ิงแวดล้อมไปปรับปรุงแก้ไขเนื้อหากฎหมายของตน อีกท้ังหลักความใกล้ชิด ในการจัดการปัญหาส่ิงแวดล้อมซ่ึงน่าจะมีส่วนช่วยในการสงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง ดูแลรักษา ฟื้นฟูสัตว์ป่าและ แหล่งท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพยังไม่ปรากฏในกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสัตว์และพันธ์ุพืช เท่าใดนักจึงต้องอาศัยกฎหมายคุ้มครองและรักษาทรัพยากรป่าไม้ท่ีให้อํานาจประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มากกวา่ บทสรุป กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของไทย มีพ้ืนฐานมาจากหลักการพ้ืนฐาน ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหลายหลักการต่างกัน โดยจากการศึกษาพบว่า หลักการพ้ืนฐานว่าด้วยความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติส่วนใหญ่เกิดจากมุมมอง ที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ยกเว้นกฎหมายในระยะหลังท่ีเห็นความสําคัญของธรรมชาติมากขึ้นและมีมุมมองที่มีชีวิต เป็นศูนย์กลาง เชน่ พระราชบัญญัติส่งเสริมการบรหิ ารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ และ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ แต่ยังไม่มีกฎหมายฉบับใดที่ใช้มุมมองท่ีมีระบบนิเวศ เปน็ ศูนย์กลางเลย หลักการปอ้ งกันล่วงหน้าและหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายเป็นหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของไทยในระยะแรก ซึ่งหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายในกฎหมายไทย ต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันส่วนใหญ่ยังขาดกระบวนการที่จะนําค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายกลับไปฟ้ืนฟูเยียวยา สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ มีเพียงพระราชบญั ญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ท่ีพอจะมีกลไกเป็นต้นแบบในเร่ืองหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายได้ ส่วนหลักการพัฒนาอย่างย่ังยืนและหลักบูรณาการ ทางสิ่งแวดล้อมเป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของไทย ในระยะหลงั ทพ่ี ระราชบญั ญตั แิ ทบทุกฉบับมักจะบัญญัติไว้ในวัตถุประสงค์

๑๔๐ แต่หลักการทั้งสองนี้ ต้องได้รับการสนับสนุนจากหลักการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารและการมีส่วนร่วมในการดําเนินงาน ท่ีมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและหลักความใกล้ชิดในการจัดการปัญหาส่ิงแวดล้อมซ่ึงปรากฏในกฎหมาย ว่าด้วยการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของไทยน้อยมาก การวิเคราะห์เก่ียวกับหลักการทั้งหมด ที่กล่าวมาข้างต้นทําให้เห็นวิวัฒนาการของกฎหมายไทยในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติแต่ละกลุ่มซึ่งมีการพัฒนาไปเป็นลําดับข้ันตามหลักการว่าด้วยการคุ้มครองส่ิงแวดล้อมต้องไม่มี ลกั ษณะที่ถดถอยลง

๑๔๑ บรรณานุกรม หนังสอื ภาษาไทย จุมพต สายสุนทร, กฎหมายส่ิงแวดล้อมระหว่างประเทศ : การคุ้มครองและรักษาส่ิงแวดล้อมทางทะเล (พิมพ์คร้ังที่ ๓, วญิ ญูชน ๒๕๖๐). ศศิภา นารา, ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม (เอ็กซเปอร์เนท็ ๒๕๕๐). อาํ นาจ วงศ์บณั ฑติ , กฎหมายส่งิ แวดล้อม (พิมพค์ ร้ังที่ ๔, วิญญูชน ๒๕๖๒). อดุ มศกั ดิ์ สนิ ธิพงษ,์ กฎหมายเกีย่ วกับส่งิ แวดลอ้ ม (พิมพค์ รั้งที่ ๕, วิญญูชน ๒๕๖๑). ภาษาตา่ งประเทศ EuropeAid, Environmental Integration Handbook (European Commission 2007). Jack H Archer, The Public Trust Doctrine and the Management of America's Coasts (University of Massachusetts Press 1994). Jasdev Singh Rai, Celia Thorheim, Amarbayasgalan Dorjderem, and Darryl Macer, Universalism and Ethical Values for the Environment (UNESCO Bangkok 2010). Marie-Luisa Frick, Human Rights and Relative Universalism (Palgrave Macmillan 2019). Robyn Eckersley, Environmentalism and political theory: Towards an ecocentric approach (5th edn, UCL Press 2003). วทิ ยานพิ นธ์ ภาษาไทย อรทัย อินต๊ะไชย์วงค์, ‘สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน: ศกึ ษาความเหมาะสมของการใช้ทฤษฎีของ Elinor Ostrom ในประเทศไทย’ (วิทยานิพนธ์ นิติศาสตร ดษุ ฎีบณั ฑิต สถาบนั บณั ฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์ ๒๕๖๐). บทความ ภาษาไทย ปดี เิ ทพ อยูย่ ืนยง, ‘อนุสัญญาว่าด้วยการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การมีส่วนร่วมสาธารณะในการตัดสินใจ และการเข้าถึง ความยุติธรรมในคดีส่ิงแวดล้อม ค.ศ. ๑๙๙๘ (อนุสัญญาอาร์ฮูส) กับความยุติธรรมทางส่ิงแวดล้อม อย่างย่ังยนื ’ (public-law.net ๒๕๕๓)

๑๔๒ ภาษาตา่ งประเทศ Andrew D Mitchell and James Munro, ‘No Retreat: an Emerging Principle of Non-Regression from Environmental Protections in International Investment Law’ (2019) 50 Georgetown Journal of International Law 625. OECD ‘Recommendation of the Council on Guiding Principles concerning International Economic Aspects of Environmental Policies’ (26 May 1972) OECD/LEGAL/0102. UNGA ‘Our Common Future: Report of the World Commission on Environment and Development’ (12 August 1992) UN Doc A/42/427. UNGA ‘Rio Declaration on Environment and Development: Report of the United Nations Conference on Environment and Development’ (4 August 1987) UN Doc A/CONF.151/

บทท่ี ๑๐ กฎหมายวา่ ดว้ ยการคุม้ ครองสภาพแวดลอ้ มทางวฒั นธรรม ในบทน้ีเป็นการรวบรวมและจัดกลุ่มบทบัญญัติกฎหมายที่เก่ียวกับการจัดการและการคุ้มครอง สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม เพอ่ื ศกึ ษาว่ากฎหมายดงั กล่าวมีการนําหลักการพื้นฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อม ตามท่ีศึกษาไว้ในภาคที่ ๑ ได้แก่ หลักความเป็นสากลของสิ่งแวดล้อม หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับ สิง่ แวดล้อม หลักการพัฒนาท่ียั่งยืน หลักบูรณาการทางส่ิงแวดล้อม หลักการป้องกันล่วงหน้า หลักการระวังไว้ก่อน หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และหลักการว่าด้วยการคุ้มครองส่ิงแวดล้อมต้องไม่มีลักษณะท่ีถดถอยลง มาบัญญัติไว้ หรือมีเนื้อหาท่ีสอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหรือไม่ โดยศึกษากฎหมาย ท่ีมีมาตรการเก่ียวเน่ืองกับการจัดการและการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม ทั้งกรณีท่ีมีวัตถุประสงค์ คุ้มครองส่ิงแวดล้อมทางวัฒนธรรมโดยตรง และกรณีท่ีมีความเก่ียวเนื่องกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม จํานวน ๗ ฉบบั ได้แก่ ๑. กฎหมายโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศลิ ปวตั ถุ และพิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ ๒. กฎหมายสสุ านและฌาปนสถาน ๓. กฎหมายการผงั เมอื ง ๔. กฎหมายควบคมุ อาคาร ๕. กฎหมายการขดุ ดินและถมดิน ๖. กฎหมายวา่ ดว้ ยเวนคนื และการได้มาซงึ่ อสังหาริมทรพั ย์ ๗. กฎหมายกําหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอํานาจให้แกอ่ งค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะพิจารณารายละเอียดของหลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ปรากฏ ในบทบัญญัติกฎหมายที่เก่ียวกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม สมควรกล่าวถึงความหมายของ “สภาพแวดลอ้ มทางวฒั นธรรม” ไวเ้ ปน็ เบอื้ งต้นโดยสังเขป สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม ประกอบดว้ ย “สภาพแวดลอ้ ม” และ “วฒั นธรรม” โดยที่ “สภาพแวดล้อม” (surroundings) และ “สิ่งแวดล้อม” (environment) เป็นคําท่ีมีความหมายกัน คือ หมายถึง ส่ิงท่ีอยู่ล้อมรอบ ไม่วา่ เปน็ ส่งิ ท่ีมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ท้ังท่ีเกิดขึ้นตามธรรมชาติและส่ิงที่มนุษย์สร้างขึ้น ประกอบด้วยสิ่งท่ีเป็นรูปธรรม และนามธรรม มีความสัมพันธ์ที่เก่ียวเนื่องกัน เป็นเหตุหรือองค์ประกอบท่ีอยู่ล้อมรอบและก่อให้เกิดผลทั้งในทาง ทเ่ี ป็นคณุ ประโยชน์หรอื เปน็ โทษกอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายตอ่ ส่ิงทีม่ ชี ีวติ หรอื ส่งิ ทไี่ มม่ ีชีวติ    เนอ้ื หาบทท่ี ๑๐ นี้ จดั ทําโดยนางสาวนติ า บุณยรัตน์ พนักงานคดีปกครองชํานาญการ กลุ่มเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการ และวารสาร สํานักวิจัยและวิชาการ (คณะทํางานโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบบริหารงานยุติธรรมทางปกครอง : การศึกษา วเิ คราะหก์ ฎหมายที่เกี่ยวกบั วธิ พี ิจารณาคดีปกครองส่งิ แวดลอ้ มในระบบกฎหมายไทย)

๑๔๔ ส่วนคําว่า “วัฒนธรรม” (Culture) เป็นคําศัพท์ท่ีมีการบัญญัติข้ึนครั้งแรก เม่ือคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ โดยเอ็ดเวิร์ด บี ไทเลอร์ (Edward B. Tylor) (๑๘๙๗) นักคิดทางมานุษยวิทยายุโรปตะวันตก ได้อธิบายว่า culture หมายถงึ วัฒนธรรม หรืออารยธรรม อนั มีลักษณะซบั ซอ้ นที่ประกอบดว้ ยความรู้ ความเชื่อ ศิลปะ ศีลธรรม กฎหมาย ขนบธรรมเนียม ประเพณี นิสัย พฤตกิ รรม และความสามารถต่าง ๆ ทีม่ นษุ ยจ์ ะพงึ มแี ละใช้เพ่อื ดํารงชวี ติ ในสังคม๑ ศาสตราจารยพ์ ระยาหนุมานราชธน ได้ใหน้ ยิ ามคาํ วา่ “วัฒนธรรม” คือ สงิ่ ทมี่ นษุ ยเ์ ปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือผลิต สร้างข้ึนเพ่ือความเจริญงอกงามในวิถีชีวิตของมนุษย์ในส่วนที่รวม ถ่ายทอดกันได้ เลียนแบบกันได้ เอาอย่างกันได้ วัฒนธรรมจึงเป็นสิ่งอันเป็นผลผลิตส่วนรวมของมนุษย์ที่ได้เรียนรู้มาจากคนสมัยก่อนสืบต่อกัน มาเป็นประเพณี วัฒนธรรมจึงเป็นท้ังความคิดเห็นหรือการกระทําของมนุษย์ในส่วนรวมท่ีเป็นลักษณะเดียวกัน และสําแดงในปรากฏเปน็ ภาษา ความเชอ่ื ระเบยี บประเพณ๒ี นอกจากน้ี มาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ ได้นิยามคําว่า “วัฒนธรรม” หมายถึง วิถีการดําเนินชีวิต ความคิด ความเช่ือ ค่านิยม จารีตประเพณี พิธีกรรม และภูมิปัญญา ซ่ึงกลุ่มชนและ สังคมได้ร่วมสร้างสรรค์ สั่งสม ปลูกฝัง สืบทอด เรียนรู้ ปรับปรุง และเปล่ียนแปลงเพื่อให้เกิดความเจริญงอกงาม ทัง้ ทางด้านจิตใจและวตั ถุอย่างสนั ติและยง่ั ยืน จากนิยามของคําทั้งสองดังกล่าวข้างต้น จึงอาจสรุปได้ว่า สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม หมายถึง สภาวะแวดล้อมที่อยู่ล้อมรอบ จารีตประเพณี พิธีกรรม และภูมิปัญญาที่มนุษย์สร้างขึ้นจากวิถีการดําเนินชีวิต ความคิด ความเชื่อทมี่ ีการสบื ทอดต่อเน่ืองกันมาในแต่ละยคุ สมัย ทง้ั วัฒนธรรมทีเ่ ปน็ รูปธรรมหรือวัตถทุ ่ีจบั ต้องได้ เช่น บ้านเรือนสถานท่ีทางศาสนา เครอ่ื งอาํ นวยความสะดวกตา่ ง ๆ เคร่อื งนงุ่ ห่ม ซ่งึ เป็นส่ิงประดษิ ฐ์ทมี่ นุษย์สร้างข้ึน และวัฒนธรรมท่เี ปน็ นามธรรมหรอื ทจ่ี ับต้องไมไ่ ด้ เชน่ ภาษา ศาสนา ขนมธรรมเนียมประเพณี การคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม จึงเป็นการป้องกันระวังสิ่งล้อมรอบที่อาจเป็นเหตุหรือปัจจัย ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อวัฒนธรรม ทั้งนี้ มาตรการทางกฎหมายท่ีเก่ียวกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม อาจแบง่ ได้เปน็ กฎหมายหลกั และกฎหมายเสรมิ โดยกฎหมายหลัก คอื กฎหมายท่ีตราข้ึนโดยมีเจตนารมณ์ในการ คุ้มครองวัฒนธรรมโดยตรง ได้แก่ กฎหมายโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ส่วนกฎหมายเสริม คือ กฎหมายท่ีตราข้ึนโดยมิได้มีเจตนารมณ์โดยตรงในการคุ้มครองวัฒนธรรม แต่มีบทบัญญัติ บางมาตราทม่ี มี าตรการทางกฎหมายในการสนบั สนนุ การคุม้ ครองสภาพแวดลอ้ มทางวัฒนธรรม ได้แก่ กฎหมายสุสาน และฌาปนสถาน กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายการผังเมือง กฎหมายกําหนดแผนและข้ันตอนการกระจาย อํานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฎหมายการขุดดินและถมดิน และกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนและการ ได้มาซงึ่ อสงั หาริมทรัพย์ ดงั รายละเอยี ดต่อไปน้ี ๑ นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ, ศัพท์ทางมานุษยวิทยา <https://www.sac.or.th/data bases/anthropology-concepts/glossary /30 > สบื ค้นเม่อื ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔. ๒ เกรียงศกั ด์ิ เจริญวงศศ์ ักด์,ิ “กระบวนทศั นว์ ัฒนธรรมไทย “ต้นตอ” เศรษฐกิจถดถอย” (๒๕๔๑) สังคมศาสตร์ปริทัศน์ (ปที ่ี ๑๙ ฉบับที่ ๒ มกราคม - มิถนุ ายน ๒๕๔๑), ๑๑.

๑๔๕ ๑๐.๑ กฎหมายโบราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวัตถุ และพพิ ิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และ ที่แกไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นกฎหมายสําคัญที่ใช้ในการอนุรักษ์คุ้มครอง ดูแล รักษาโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ รวมทั้งควบคุมการผลิต และการค้าส่ิงเทียมโบราณวัตถุหรือส่ิงเทียมโบราณสถาน โดยการใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อให้เกิดผลในการอนุรักษ์ คุ้มครองสภาพทางกายภาพของโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ ซึ่งเกิดขึ้นจากการกระทํามนุษย์ โดยมีอธิบดีกรมศิลปากรในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด ของกรมศลิ ปากร และพนักงานเจา้ หนา้ ท่ซี ง่ึ รัฐมนตรีผรู้ กั ษาการ เป็นผ้มู อี าํ นาจหน้าทต่ี ามพระราชบญั ญตั นิ ี้๓ กฎหมายโบราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวัตถุ และพิพธิ ภณั ฑส์ ถานแห่งชาติฉบบั เดิม คือ พระราชบัญญัติ โบราณสถาน ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๗๗ แต่เน่ืองจากกฎหมายฉบับนี้ มีบทบญั ญัติกําหนดโทษผ้กู ระทําความผิดตาํ่ กว่าทคี่ วรอยู่มาก เปน็ เหตุให้มีการลักลอบนําโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ ออกนอกประเทศซึ่งเป็นภัยต่อการสงวนวัตถุ และยังมีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติจัดการเกี่ยวแก่ การพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและการโบราณคดี จึงมีการตราพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมอีกคร้ังคือ พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อคุ้มครองดูแลรักษา การบูรณะ การซ่อมแซมโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและการควบคุมการผลิตและ การค้าสิ่งเทียมโบราณวัตถุหรือส่ิงเทียมศิลปวัตถุให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงบทบัญญัติ เกี่ยวกบั ใบอนญุ าต อตั ราโทษและอตั ราคา่ ธรรมเนยี ม ๑๐.๑.๑ หลกั การมีส่วนรว่ มของประชาชนเกย่ี วกบั สิ่งแวดล้อม จากการศกึ ษากฎหมายฉบับนี้ ปรากฏบทบญั ญตั ทิ ่ีสอดคล้องกับหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับ สิ่งแวดล้อม บัญญัติไว้ในมาตรา ๗ วรรคสอง๔ ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิร้อง ตอ่ ศาลขอใหศ้ าลมคี ําสง่ั ใหอ้ ธิบดี ระงบั การข้นึ ทะเบียนหรือการกําหนดเขตท่ดี นิ ของตนให้เปน็ โบราณสถาน ซ่ึงอาจ พจิ ารณาไดว้ ่ามกี ารบัญญตั ริ ับรองหลกั การมีส่วนร่วมของประชานชนเก่ยี วกบั สงิ่ แวดล้อมทางวัฒนธรรม ๓ มาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และ ท่แี ก้ไขเพิ่มเตมิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕   ๔ มาตรา ๗ วรรคสอง “การข้ึนทะเบียนโบราณสถานตามความในวรรคก่อน ถ้าโบราณสถานนั้นมีเจ้าของหรือมีผู้ครอบครอง โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้อธิบดีแจง้ เป็นหนังสือให้เจา้ ของหรือผู้ครอบครองทราบ ถา้ เจา้ ของหรือผู้ครอบครองไม่พอใจ ก็ให้มีสิทธิ ร้องต่อศาลภายในกําหนดสามสิบวันนับแต่วันที่อธิบดีแจ้งให้ทราบ ขอให้ศาลมีคําสั่งให้อธิบดีระงับการขึ้นทะเบียนและหรือ การกําหนดเขตที่ดินให้เป็นโบราณสถานแล้วแต่กรณีได้ ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองมิได้ร้องขอต่อศาล หรือศาลมีคําสั่งคดีถึงที่สุด ให้ยกคํารอ้ งขอของเจ้าของหรือผคู้ รอบครอง ให้อธิบดดี าํ เนินการขึ้นทะเบยี นได”้

๑๔๖ ๑๐.๑.๒ หลกั บรู ณาการทางสง่ิ แวดล้อม จากการศึกษากฎหมายฉบบั นี้ มบี ทบัญญัติที่ปรากฏหลักบูรณาการทางส่ิงแวดล้อม คือ มาตรา ๑๘ ทวิ๕ ให้อธิบดีกรมศิลปากรมีหน้าที่ตามกฎหมายในการแจ้งรายชื่อผู้ผลิตและรายการส่ิงเทียมโบราณวัตถุและส่ิงเทียม ศิลปวัตถุที่ควบคุมการทําเทียมที่จะผลิตน้ันต่ออธิบดีกรมศุลกากร เพื่อควบคุมการส่งออกส่ิงเทียมโบราณวัตถุ และสิง่ เทียมศลิ ปวตั ถอุ อกนอกราชอาณาจกั ร ๑๐.๑.๓ หลกั การปอ้ งกนั ล่วงหนา้ และหลกั การระวงั ไวก้ อ่ น โดยทก่ี ฎหมายฉบับนี้ มีความมุ่งหมายในการคุ้มครอง ดูแลรักษาโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ เพ่ือไมเ่ กดิ เสียหายจากกระทาํ ของผู้ใด มาตรการทางกฎหมายทีบ่ ญั ญตั ิไว้ในกฎหมายน้ีจึงสอดคลอ้ งกบั หลกั การ ป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน กล่าวคือ มีลักษณะเป็นการป้องกันความเสียหายหรือผลกระทบ ที่ล่วงหน้าที่อาจเกิดขึ้นกับโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ ดังจะเห็นได้จากการท่ีกฎหมายให้อํานาจ อธิบดีกรมศิลปกรขึ้นทะเบียนโบราณสถาน การจํากัดการใช้ประโยชน์ในที่ดินในเขตโบราณสถานของเจ้าของ และผูค้ รอบครอง และจาํ กดั สิทธใิ นการใช้ประโยชน์ของเจา้ ของรวมถึงถึงผู้ครอบครอบศิลปวัตถุที่ขึ้นทะเบียนแล้ว การกําหนดเงอ่ื นไขใหเ้ จ้าของหรอื ผู้ครอบครองตอ้ งปฏิบตั ิตาม การให้อํานาจพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปในสถานที่ผลิต สถานท่ที าํ การคา้ สถานท่แี สดง หรือสถานท่ีเก็บรักษา เพ่ือตรวจสอบว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือไม่ ดงั ทปี่ รากฏในบทบญั ญัติตอ่ ไปนี้ มาตรา ๗๖ อธิบดีกรมศิลปกรมีอํานาจประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานและกําหนดเขตที่ดินให้เป็น เขตโบราณสถานทข่ี น้ึ ทะเบียน ๕ มาตรา ๑๘ ทวิ “โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่อยู่ในความครอบครองของกรมศิลปากร หรือที่ได้ข้ึนทะเบียนไว้และ มีประโยชน์หรือคุณค่าในทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดีเป็นพิเศษ รัฐมนตรีมีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กาํ หนดให้โบราณวัตถหุ รือศิลปวตั ถนุ ้ันเปน็ โบราณวัตถหุ รือศลิ ปวัตถุที่ควบคมุ การทําเทยี ม เม่ือได้มีประกาศตามวรรคหน่ึงแล้ว การผลิต การค้า หรือมีไว้ในสถานท่ีทําการค้าซ่ึงส่ิงเทียมโบราณวัตถุหรือสิ่งเทียม ศลิ ปวัตถทุ ีค่ วบคุมการทําเทียมน้นั ให้ปฏิบตั ติ ามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขท่ีอธิบดีประกาศกําหนดในราชกิจจานุเบกษา และ ให้ผู้ประสงค์จะผลิตส่ิงเทียมโบราณวัตถุหรือส่ิงเทียมศิลปวัตถุที่ควบคุมการทําเทียมแจ้งรายการสิ่งท่ีตนจะผลิตต่ออธิบดี พรอ้ มทง้ั ต้องแสดงใหป้ รากฏท่ีสง่ิ ท่ีตนผลติ น้ันด้วยว่าเป็นสง่ิ ที่ไดท้ าํ เทียมข้ึน เมื่อได้รับแจ้งตามวรรคสองแล้ว ให้อธิบดีแจ้งรายชื่อผู้ผลิตและรายการส่ิงเทียมโบราณวัตถุและสิ่งเทียมศิลปวัตถุ ทค่ี วบคุมการทําเทียมทจี่ ะผลิตนนั้ ตอ่ อธิบดีกรมศุลกากรเพ่ือประโยชน์ในการสง่ หรือนําออกนอกราชอาณาจกั รด้วย” ๖ มาตรา ๗ “เพ่ือประโยชน์ในการดูแลรักษาและการควบคุมโบราณสถานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติน้ี ให้อธิบดี มีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาขึ้นทะเบียนโบราณสถานใด ๆ ตามที่อธิบดีเห็นสมควรได้ และให้มีอํานาจกําหนดเขตท่ีดิน ตามท่เี หน็ สมควรเป็นเขตของโบราณสถาน โดยใหถ้ อื ว่าเป็นโบราณสถานด้วยก็ได้ ประกาศดังกล่าวน้ี อธิบดีจะเพิกถอนหรือแก้ไข เพ่มิ เติมก็ใหก้ ระทาํ ไดโ้ ดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา”

๑๔๗ มาตรา ๗ ทวิ๗ การห้ามผู้ใดปลูกสรา้ งอาคารในเขตทีไ่ ดข้ ึน้ ทะเบียนโบราณสถานแลว้ มาตรา ๑๐๘ ห้ามผู้ใดซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง รื้อถอน ต่อเติม ทําลาย เคล่ือนย้ายโบราณสถาน หรือส่วนต่าง ๆ ของโบราณสถาน หรือขุดค้นสิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้างอาคารภายในบริเวณโบราณสถาน เว้นแต่ จะไดร้ บั อนุญาตตามทก่ี ําหนดไว้ในกฎหมายฉบบั นี้ มาตรา ๑๔๙ อธิบดีกรมศิลปกรมีอํานาจประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุท่ีมีประโยชน์ หรือคุณค่าในทางศลิ ปะ ประวัติศาสตร์ หรอื โบราณคดีเปน็ พิเศษ มาตรา ๑๕๑๐ ห้ามผูใ้ ดซอ่ มแซม โบราณวัตถุ หรอื ศลิ ปวัตถุทข่ี น้ึ ทะเบียนแล้ว มาตรา ๑๖๑๑ ผู้ครอบครองโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถมุ ีหนา้ ทต่ี ้องทําหนังสือแจ้งอธิบดี ภายในสามสิบวัน นบั แต่วันทีเ่ กดิ การชํารุด หกั พัง เสียหาย สูญหาย หรอื มีการยา้ ยสถานที่เก็บรกั ษา มาตรา ๑๗๑๒ ผู้โอนโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ขึ้นทะเบียน มีหน้าที่ต้องแจ้งการโอนไปยังอธิบดี กรมศิลปากรภายในสามสิบวันนับแต่วันโอน โดยทําเป็นหนังสือเป็นหนังสือระบุช่ือ และท่ีอยู่ของผู้รับโอน และวันเดือนปีทโี่ อน ๗ มาตรา ๗ ทวิ วรรคหนงึ่ “หา้ มมิให้ผใู้ ดปลกู สรา้ งอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการกอ่ สร้างอาคาร ภายในเขต ของโบราณสถาน ซึ่งอธบิ ดีได้ประกาศข้ึนทะเบียน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี ในกรณีที่มีการปลูกสร้างอาคาร โดยมิได้รับอนุญาต ให้อธิบดีมอี าํ นาจสัง่ ระงบั การกอ่ สรา้ งและใหร้ ือ้ ถอนอาคารหรือส่วนแห่งอาคารนั้นภายในกําหนดหกสิบวันนับ แตว่ นั ไดร้ ับคาํ สงั่ ...” ๘ มาตรา ๑๐ “ห้ามมิให้ผู้ใดซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลง ร้ือถอน ต่อเติม ทําลาย เคล่ือนย้ายโบราณสถานหรือ ส่วนต่าง ๆ ของโบราณสถาน หรือขุดค้นสิ่งใด ๆ หรือปลูกสร้างอาคารภายในบริเวณโบราณสถาน เว้นแต่จะกระทําตามคําสั่ง ของอธิบดีหรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี และถ้าหนังสืออนุญาตน้ันกําหนดเง่ือนไขไว้ประการใดก็ต้องปฏิบัติตาม เงื่อนไขน้นั ดว้ ย” ๙ มาตรา ๑๔ “เม่ืออธิบดีเห็นว่าโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุใดที่มิได้อยู่ในความครอบครองของกรมศิลปากร มีประโยชน์ หรือคณุ ค่าในทางศิลปะ ประวัติศาสตรห์ รอื โบราณคดีเปน็ พิเศษ อธิบดมี อี าํ นาจประกาศในราชกจิ จานุเบกษาขึ้นทะเบียนโบราณวตั ถุ หรือศิลปวตั ถุนนั้ ในกรณีท่ีอธิบดีเห็นว่าโบราณวัตถุใดไม่ว่าจะได้ข้ึนทะเบียนแล้วหรือไม่ หรือศิลปวัตถุใดท่ีได้ข้ึนทะเบียนแล้ว สมควร สงวนไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ อธิบดีมีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดให้โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้นเป็นโบราณวัตถุหรือ ศิลปวัตถุท่ีห้ามทํา การค้า และหากเห็นสมควรเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ ให้อธิบดีมีอํานาจจัดซ้ือโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ น้ันไวไ้ ด้” ๑๐ มาตรา ๑๕ “โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ได้ข้ึนทะเบียนแล้วน้ัน ห้ามมิให้ผู้ใดซ่อมแซม แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี และถ้าหนังสืออนุญาตนั้นกําหนดเง่ือนไขไว้ประการใดก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข น้นั ด้วย” ๑๑ มาตรา ๑๖ “ในกรณีท่โี บราณวัตถุหรือศิลปวัตถุท่ีได้ขึ้นทะเบียนแล้วชํารุด หักพัง เสียหาย สูญหายหรือมีการย้าย สถานทีเ่ ก็บรกั ษา ให้ผู้ครอบครองโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้นแจ้งเป็นหนังสือไปยังอธิบดีภายในสามสิบวันนับแต่วันชํารุด หักพัง เสยี หาย สญู หาย หรอื มีการยา้ ยนัน้ ”

๑๔๘ มาตรา ๑๘๑๓ ห้ามโอนโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินท่ีอยู่ในความดูแลรักษา ของกรมศิลปากร เว้นแต่อาศัยอํานาจแห่งบทกฎหมาย มาตรา ๒๑๑๔ ให้อํานาจพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปในสถานท่ีผลิต สถานท่ีทําการค้า สถานที่แสดง หรือ สถานท่ีเก็บรักษาโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ หรือสิ่งเทียมโบราณวัตถุหรือส่ิงเทียมศิลปวัตถุ เพื่อตรวจดูว่ามี การปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายน้ีหรือไม่ หรือตรวจดูว่ามีโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ หรือส่ิงเทียมโบราณวัตถุ หรอื สง่ิ เทียมศิลปวตั ถทุ ไี่ ดม้ าโดยมชิ อบด้วยกฎหมาย หรอื มีสง่ิ เทียมโบราณวัตถุ หรอื สง่ิ เทียมศลิ ปวตั ถุท่ีมิไดป้ ฏิบตั ิ ตามประกาศทีอ่ ธบิ ดกี ําหนดอยใู่ นสถานทน่ี นั้ หรอื ไม่ ๑๐.๒ กฎหมายสสุ านและฌาปนสถาน สุสานและณาปนสถาน เป็นสถานที่ท่ีจัดไว้สําหรับเก็บ ผัง หรือเผาศพ ตามพิธีการทางศาสนา รวมถึง ตามวัฒนธรรมท่ีสืบต่อกันมายาวนาน ซ่ึงการดําเนินการเก็บ ผัง หรือเผาศพ อาจก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เช่น มีกล่ิน ละอองฝุ่น และเขม่าควันจากการเผาศพท่ีส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนท่ีอยู่อาศัย ในบรเิ วณใกลเ้ คียง พระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. ๒๕๒๘ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ เปน็ กฎหมายท่ีมุ่งควบคุมและกํากับดูแลการจัดตั้งและการดําเนินการของสุสานและณาปนสถาน แต่ไม่ได้ใช้บังคับ ๑๒ มาตรา ๑๗ “ในกรณีที่มีการโอนโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุท่ีได้ขึ้นทะเบียนแล้วผู้โอนจะต้องแจ้งการโอนเป็นหนังสือ โดยระบชุ ่ือและทีอ่ ยขู่ องผูร้ บั โอน และวนั เดือนปีทโี่ อนไปยังอธบิ ดภี ายในสามสิบวันนับแต่วันโอน ผไู้ ด้รับกรรมสทิ ธโ์ิ บราณวตั ถหุ รอื ศิลปวัตถุท่ีได้ข้ึนทะเบียนแล้วโดยทางมรดกหรือโดยพินัยกรรม ต้องแจ้งการได้รับกรรมสิทธ์ิ ไปยังอธิบดีภายในหกสิบวันนับแต่วันได้รับกรรมสิทธิ์ ในกรณีท่ีมีผู้ได้รับกรรมสิทธ์ิโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุเดียวกันหลายคน เม่ือได้มี การมอบหมายให้ผู้มีกรรมสิทธ์ิรวมคนใดคนหนึ่งเป็นผู้แจ้งการรับกรรมสิทธิ์ และผู้ได้รับมอบหมายได้ปฏิบัติการแจ้งนั้นภายใน กําหนดเวลาดังกลา่ วแลว้ ให้ถอื ว่าผู้มกี รรมสิทธ์ริ วมทุกคนได้ปฏบิ ตั กิ ารแจ้งนัน้ แล้วด้วย” ๑๓ มาตรา ๑๘ “โบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน และอยู่ในความดูแลรักษาของกรมศิลปากรจะโอนกัน มิได้ เว้นแต่อาศัยอํานาจแห่งบทกฎหมาย แต่ถ้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุใดมีเหมือนกันอยู่มากเกินต้องการ อธิบดีจะอนุญาตให้โอน โดยวิธีขายหรือแลกเปล่ียนเพ่ือประโยชน์แห่งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หรือให้เป็นรางวัลหรือเป็นค่าแรงงานแก่ผู้ขุดค้นก็ได้ ท้ังนี้ ตามระเบยี บทอี่ ธบิ ดีประกาศกาํ หนดในราชกจิ จานุเบกษา” ๑๔ มาตรา ๒๑ “ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจเข้าไปในสถานที่ผลิต สถานท่ีทําการค้า สถานที่แสดง หรือสถานท่ีเก็บรักษา โบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ หรือส่ิงเทียมโบราณวัตถุหรือส่ิงเทียมศิลปวัตถุ ระหว่างพระอาทิตย์ข้ึนถึงพระอาทิตย์ตกหรือระหว่าง เวลาทําการ เพ่ือตรวจดูว่าได้มีการปฏิบัติถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ หรือเพ่ือตรวจดูว่ามีโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ หรือ สิ่งเทียมโบราณวัตถุ หรือสิ่งเทียมศิลปวัตถุท่ีได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือมีสิ่งเทียมโบราณวัตถุ หรือสิ่งเทียมศิลปวัตถุ ที่มิได้ปฏิบัติตามประกาศท่ีอธิบดีกําหนดตามมาตรา ๑๘ ทวิ อยู่ในสถานท่ีน้ันหรือไม่ และในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามิได้ มีการปฏบิ ตั ิให้ถูกตอ้ งตามพระราชบัญญัตนิ ี้ หรือมีโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุหรือส่ิงเทียมโบราณวัตถุหรือส่ิงเทียมศิลปวัตถุท่ีได้มา โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือส่ิงเทียมโบราณวัตถุหรือส่ิงเทียมศิลปวัตถุที่มิได้ปฏิบัติตามประกาศที่อธิบดีกําหนดตามมาตรา ๑๘ ทวิ ให้พนักงานเจ้าหน้าทมี่ ีอํานาจยึดหรืออายัดโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุหรือส่ิงเทียมโบราณวัตถุหรือส่ิงเทียมศิลปวัตถุน้ัน เพ่ือประโยชน์ ในการดาํ เนินคดีได”้

๑๔๙ กับสุสานและณาปนสถานสาธารณะที่จัดต้ังและดําเนินการโดยกระทรวง ทบวง กรม กรุงเทพมหานคร องค์การ บริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล หรือเมืองพัทยา๑๕ โดยมีกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความ ในพระราชบญั ญตั ิสุสานและณาปนาสถาน พ.ศ. ๒๕๒๘ กาํ หนดหลักเกณฑ์และเงอ่ื นไขการพจิ ารณาออกใบอนญุ าต จัดตั้งสุสานฯ ไว้ในข้อ ๔ ซึ่งกําหนดไว้ ๕ ประการ คือ (๑) สถานท่ีตั้งต้องไม่เป็นพื้นท่ีป่าต้นน้ําลําธาร (๒) สถานท่ีตั้ง ต้องไม่อยู่ในเขตพื้นท่ีอันเป็นสถานท่ีท่องเท่ียว หรือเขตพื้นท่ีอันจัดสรรเป็นพ้ืนท่ีเพื่อนันทนาการหรือเขตอนุรักษ์ และพ้ืนที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (๓) สถานที่ต้ังต้องไม่อยู่บริเวณท่ีเป็นเอกลักษณ์หรือสัญลักษณ์ของท้องถ่ินหรือมีความสําคัญทางประวัติศาสตร์หรือ โบราณคดี (๔) สถานท่ีตั้งต้องอยู่ห่างจากทางหลวงที่เป็นทางหรือถนนสําหรับประชาชนใช้ในการจราจรสาธารณะ หว้ ย แมน่ ้ํา คลอง หรอื แหลง่ นํา้ สาธารณประโยชนอ์ น่ื อยา่ งนอ้ ยสีร่ ้อยเมตร เว้นแต่ในกรณีทม่ี กี ารป้องกนั มใิ หม้ กี ลนิ่ และส่ิงปฏิกูลร่ัวไหล สถานท่ีตั้งน้ันจะต้องอยู่ห่างจากทางนํ้าไม่น้อยกว่าหน่ึงร้อยเมตร (๕) สถานท่ีตั้งของสุสาน และณาปนสถานเอกชนต้องไม่อยใู่ นเขตกรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรอื เทศบาล ๑๐.๒.๑ หลกั การปอ้ งกันลว่ งหนา้ และหลกั การระวงั ไว้กอ่ น เม่ือศึกษาพระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. ๒๕๒๘ พบว่ามีบทบัญญัติที่สอดคล้อง กับหลักการพื้นฐานของสิ่งแวดล้อม คือ หลักการป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน ซ่ึงบทบัญญัติของ กฎหมายฉบับนี้ ได้กําหนดเง่ือนไขในการพิจารณาออกใบอนุญาตจัดต้ังสุสานและฌาปนสถาน การให้อํานาจ เจา้ หน้าที่เขา้ ไปภายในบรเิ วณสสุ านฯ เพอ่ื ตรวจสอบวา่ มกี ารปฏิบัติฝา่ ฝนื กฎหมายหรือไม่ ซ่ึงเป็นมาตรการทาง กฎหมายทม่ี ลี ักษณะป้องกันความเสียหายหรืออันตรายที่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ เช่น มลพิษทางอากาศ กลิ่น เขม่าควันท่ีเกิดจากการเผาศพ มลพิษจากการรั่วไหลของสิ่งปฏิกูลจากดําเนินการของสุสานและ ณาปนสถานฯ ลงสู่แหล่งนํ้า อันเป็นมาตรการทางกฎหมายท่ีสอดคล้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า ปรากฏอยู่ ในบทบญั ญัติ ดงั ตอ่ ไปน้ี ในการจัดตั้งและดําเนินการสุสานและฌาปนสถานฯ จะต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามมาตรา ๖๑๖และมาตรา ๗๑๗ ๑๕ มาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัตสิ สุ านและฌาปนสถาน พ.ศ. ๒๕๒๘ ๑๖ มาตรา ๖ “ห้ามมใิ ห้ผูใ้ ดจดั ตง้ั สุสานและฌาปนสถานสาธารณะหรอื สสุ านและฌาปนสถานเอกชน เว้นแต่จะได้รับ ใบอนญุ าตจากเจ้าพนักงานทอ้ งถนิ่ การขออนญุ าตและการอนญุ าตใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขทกี่ ําหนดในกฎกระทรวง” ๑๗ มาตรา ๗ “เม่ือได้จัดตั้งสุสานและฌาปนสถานสาธารณะหรือสุสานและฌาปนสถานเอกชนเสร็จแล้ว ห้ามมิให้ ดําเนินการ เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น การขออนุญาตและการอนุญาตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่กาํ หนดในกฎกระทรวง ผูไ้ ด้รบั ใบอนุญาตตามมาตรา ๖ ซึ่งเปน็ บุคคลธรรมดาจะขอรบั ใบอนญุ าตเป็นผูด้ ําเนินการดว้ ยก็ได้”

๑๕๐ มาตรา ๑๐๑๘ ห้ามผ้ใู ดเกบ็ ฝงั หรอื เผาศพในสถานท่อี ื่นนอกจากในสุสานและฌาปนสถานฯ หรือเก็บศพ ในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล หรือเคหสถานเป็นการช่ัวคราว เว้นแต่จะได้รับอนุญาต เปน็ หนังสือจากเจา้ พนักงานทอ้ งถิ่น มาตรา ๑๔๑๙ ห้ามเปล่ียนแปลงหรือต่อเติมสุสานและฌาปนสถานฯ เว้นแต่ผู้ได้รับใบอนุญาต จะเป็น ผขู้ อและไดร้ บั อนุญาตเป็นหนงั สอื จากเจา้ พนกั งานทอ้ งถ่นิ มาตรา ๑๕๒๐ เจ้าพนักงานสาธารณสุข พนักงานเจ้าหน้าท่ี หรือเจ้าพนักงานท้องถิ่น มีอํานาจเข้าไป ในบริเวณสุสานและฌาปนสถานฯ เพือ่ ตรวจสอบว่ามีการปฏิบัตฝิ า่ ฝนื ตามกฎหมายนห้ี รือไม่ ๑๐.๓ กฎหมายการผังเมอื ง กฎหมายการผังเมือง เป็นกฎหมายสําคัญอีกฉบับหน่ึงท่ีเก่ียวเนื่องกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อม ทางวัฒนธรรม โดยมาตรา ๔๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้นิยาม “การผังเมือง” ไว้ว่า หมายความถึง การวาง จัดทํา และดําเนินการให้เป็นไปตามผังเมืองรวมและผังเมืองเฉพาะในบริเวณเมืองและ บริเวณท่ีเกีย่ วขอ้ งหรอื ชนบทเพือ่ สร้างหรอื พัฒนาเมืองหรอื สว่ นของเมอื งขน้ึ ใหม่ หรอื แทนเมืองหรือส่วนของเมือง ทีไ่ ดร้ ับความเสียหาย เพอ่ื ให้มหี รือทําใหด้ ยี ง่ิ ข้ึนซึ่งสุขลักษณะ ความสะดวกสบาย ความเป็นระเบียบ ความสวยงาม การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน ความปลอดภัยของประชาชนและสวัสดิภาพของสังคม เพ่ีอส่งเสริมการเศรษฐกิจ สังคมและสภาพแวดล้อม เพ่ือดํารงรักษาหรือบูรณะสถานท่ีและวัตถุที่มีประโยชน์หรือคุณค่าในทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี หรือเพื่อบํารุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิประเทศที่งดงาม หรือ มีคณุ คา่ ในทางธรรมชาติ กฎหมายฉบับน้ี ได้มีการแก้ไขประเภทของผังเมืองจากเดิม โดยมีการจัดแบ่งประเภทของผังเมืองไว้เป็น ๕ ประเภท เพ่ือเป็นผังสําหรับกําหนดการใช้ประโยชน์พ้ืนที่และท่ีดิน ได้แก่ ผังเมืองรวม ผังเมืองเฉพาะ ๑๘ มาตรา ๑๐ “ห้ามมิให้ผู้ใดเก็บ ฝัง หรือเผาศพในสถานที่อ่ืนนอกจากในสุสานและฌาปนสถานสาธารณะหรือสุสาน และฌาปนสถานเอกชน หรือเก็บศพในสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล หรือเคหสถานเป็นการชั่วคราว เว้นแต่ จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานท้องถ่ิน ในกรณีที่สถานที่อ่ืนตามวรรคหน่ึงอยู่ในเขตจังหวัด ซ่ึงอยู่นอกเขตเทศบาล เขตสุขาภบิ าลและเขตเมอื งพัทยา ผู้วา่ ราชการจังหวัดอาจมอบหมายใหเ้ จ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือกํานันแห่งท้องที่ เป็นผู้อนุญาต แทนได้ การขออนญุ าตและการอนญุ าตใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงอ่ื นไขที่กําหนดในกฎกระทรวง” ๑๙ มาตรา ๑๔ “ห้ามมิให้ผู้ใดเปล่ียนแปลงหรือต่อเติมสุสานและฌาปนสถานสาธารณะหรือสุสานและฌาปนสถาน เอกชน เวน้ แต่ผไู้ ด้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๖ จะเป็นผู้ขอและไดร้ ับอนญุ าตเปน็ หนงั สือจากเจ้าพนักงานท้องถน่ิ แลว้ ” ๒๐ มาตรา ๑๕ “ในการปฏิบัตหิ น้าท่ี เจ้าพนกั งานสาธารณสุข พนักงานเจ้าหน้าท่หี รือเจา้ พนักงานท้องถ่ินมีอํานาจเขา้ ไป ในบริเวณสุสานและฌาปนสถานสาธารณะหรือสุสานและฌาปนสถานเอกชน ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ข้ึนถึงพระอาทิตย์ตก เพื่อตรวจสอบหรือเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติน้ี ในการน้ีผู้ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๖ หรือมาตรา ๗ และ ผู้ทเ่ี กีย่ วข้องซึ่งอยูใ่ นบริเวณน้ัน ต้องอาํ นวยความสะดวกตามสมควร” ๒๑ มาตรา ๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ิการผังเมอื ง พ.ศ. ๒๕๖๒

๑๕๑ ผังนโยบายระดับประเทศ ผังนโยบายระดับภาค ผังนโยบายระดับจังหวัด โดยผังเมืองแต่ละประเภทต้องมี ความสอดคล้องและเชอื่ มโยงกนั ๒๒ เมือ่ ศึกษาพระราชบัญญัติการผงั เมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ พบว่ามีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับหลักการพ้ืนฐาน ของกฎหมายส่ิงแวดล้อม จาํ นวน ๓ หลักการ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑๐.๓.๑ หลักการมีสว่ นร่วมของประชาชนเกี่ยวกับสงิ่ แวดลอ้ ม หลักการนี้ ถอื เปน็ หลกั การสําคญั เกย่ี วกบั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม โดยให้ประชาชน มสี ว่ นร่วมในการเข้าถงึ ขอ้ มูลข่าวสาร มีสว่ นรว่ มในกระบวนการตัดสนิ ใจ รวมถึงการเข้าถงึ กระบวนการทางยุติธรรม อันส่งผลให้เกิดการยอมรับจากผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย และทําให้การตัดสินใจต่าง ๆ ของรัฐอยู่บนพ้ืนฐาน ของข้อมลู ทีค่ รบถว้ น ถูกต้องและเกิดประสิทธภิ าพอย่างแท้จรงิ พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้บัญญัติรับรองหลักการมีการมีส่วนร่วมของประชาชน เกีย่ วกบั สิ่งแวดล้อมในกระบวนการวางและจัดทําผังเมืองทุกระดับ โดยบัญญัติไว้ในมาตรา ๙๒๓ ว่าการวางและ จดั ทําผงั เมืองทกุ ระดบั จะต้องจัดใหม้ ีการรบั ฟังความคดิ เหน็ การปรกึ ษาหารือและการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน นอกจากนี้ มาตรา ๔๕๒๔ ได้บัญญัติให้การวางและจัดทําผังเมืองเฉพาะ ต้องคํานึงถึงความคิดเห็นของ เจ้าของหรือผู้ครอบครองท่ีดิน หรือผู้มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายในท่ีดินของผู้อ่ืน และต้องให้มีการรับฟังความ คิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน และกําหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เผยแพร่ข้อมูลรายละเอียดของ ผังเมืองรวมตามมาตรา ๒๙๒๕ ข้อมูลการจัดวางเขตของผังเมืองเฉพาะตามมาตรา ๔๒๒๖ และให้ประชาชน ๒๒ มาตรา ๑๑ “การวางและจัดทําผังนโยบายระดับจังหวัดจะต้องสอดคล้องและเชื่อมโยงกับผังนโยบายระดับภาค ส่วนการวางและจดั ทําผงั นโยบายระดับภาคจะต้องสอดคล้องและเชอื่ มโยงกับผังนโยบายระดับประเทศ” ๒๓ มาตรา ๙ “การวางและจัดทําผังนโยบายการใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีตามมาตรา ๘ (๑) และผังกําหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามมาตรา ๘ (๒) ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการผังเมืองกําหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ โดยให้คํานึงถึง ผู้ท่ีจะได้รับผลกระทบในผังแต่ละประเภท และต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยวิธีการท่ีหลากหลายและทั่วถึง โดยมีข้อมูล เพียงพอต่อการท่ีประชาชนจะเข้าใจถึงผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน สิ่งแวดล้อม ความหลากหลาย ทางชีวภาพ และแนวทาง การเยยี วยาความเดือดรอ้ น หรอื ความเสยี หายแกป่ ระชาชนหรือชมุ ชน การวางและจัดทําผังนโยบายการใช้ประโยชน์พื้นท่ีตามมาตรา ๘ (๑) และผังกําหนดการใช้ประโยชน์ท่ีดินตามมาตรา ๘ (๒) ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองประสานการดําเนินการกับหน่วยงาน และภาคส่วนที่เก่ียวข้อง เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการ ดาํ เนินการใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี” ๒๔ มาตรา ๔๕ “การวางและจัดทําผังเมืองเฉพาะต้องให้สอดคล้องกับผังเมืองรวม และให้คํานึงถึงความคิดเห็น ของเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายในที่ดินของผู้อ่ืนตามมาตรา ๔๓ การรับฟังความคิดเห็นและ การมีส่วนร่วมของประชาชนตามมาตรา ๙ และการได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารภายในระยะเวลาที่ได้ประกาศพระราชกฤษฎีกา กาํ หนดเขตทดี่ นิ ที่จะทาการสาํ รวจเพ่อื วางและจัดทําผังเมอื งเฉพาะ” ๒๕ มาตรา ๒๙ “ผังเมืองรวมท่ีคณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว ให้เผยแพร่และประชาสัมพนั ธใ์ ห้ประชาชนทราบโดยวิธกี ารทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์และส่อื อืน่ ๆ และปิดประกาศแผนที่แสดงเขตและ

๑๕๒ ไดร้ บั ทราบโดยให้ปดิ ประกาศไว้ในที่เปดิ เผยตามระยะเวลา และ ณ สถานทีท่ ี่กฎหมายกําหนดไว้ รวมทั้งต้องเผยแพร่ ข้อมูลดังกลา่ วด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนกิ ส์ สําหรับข้อมูลการแก้ไขผังเมืองรวมตามมาตรา ๓๕๒๗ ให้ปิดประกาศ ตามระยะเวลาและ ณ สถานทีท่ ีก่ ฎหมายกาํ หนดไว้ ตามมาตรา ๓๐๒๘ผู้มสี ่วนได้เสยี ในข้อกําหนดการใช้ประโยชน์ทด่ี ิน มีสิทธิยืน่ คาํ ร้องขอแกไ้ ข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกข้อกําหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินที่จะต้องปฏิบัติ หรือไม่ให้ปฏิบัติตามท่ีกําหนดในวัตถุประสงค์ของ ผังเมืองรวม และในประการสําคัญ มาตรา ๔๓๒๙ ให้เชิญชวนเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือผู้มีสิทธิโดยชอบ รายละเอียดของผังเมืองรวมไว้ในท่ีเปิดเผย ณ สํานักงานเขตหรือที่ว่าการอําเภอ และที่ทําการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในเขตของผังเมืองรวมนั้น แล้วแต่กรณีเป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันปิดประกาศ โดยให้ลงวันที่ท่ีปิดประกาศไว้ ในประกาศนัน้ ด้วย ในการเผยแพร่หรือประกาศดังกล่าว ให้มีคําประกาศเชิญชวนให้ผู้มีส่วนได้เสียไปตรวจดูแผนผังและข้อกําหนดของ ผังเมืองรวมได้ ณ กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือทที่ ําการขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินผู้วางและจดั ทําผังเมอื งรวมนน้ั ” ๒๖ มาตรา ๔๒ “ในกรณีที่กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นวางและจัดทําผังเมืองเฉพาะ ตามมาตรา ๔๑ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นปิดประกาศแสดงเขตท่ีประมาณว่าจะวางและจัดทําผังเมืองเฉพาะไว้ในท่ีเปิดเผย ณ สํานักงานเขตหรือที่ว่าการอําเภอ และที่ทําการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในเขตท่ีจะวางและจัดทําผังเมืองเฉพาะ นัน้ รวมท้ังในทที่ ีส่ ามารถมองเห็นได้โดยชัดเจนในเขตที่จะวางและจัดทําผังเมืองเฉพาะนั้นไม่น้อยกว่าหน่ึงแห่งเป็นเวลาไม่น้อย กว่าเก้าสิบวันนับแต่วันปิดประกาศ และให้มีหนังสือแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในเขตดังกล่าวทราบ โดยเรว็ ด้วย รวมท้ังเผยแพร่ให้ประชาชนทราบดว้ ยวธิ ีการทางอิเลก็ ทรอนิกส์” ๒๗ มาตรา ๓๕ “การแก้ไขผังเมืองรวมเฉพาะบริเวณหรือเฉพาะส่วนหนึ่งส่วนใดให้เหมาะสมกับสภาพการณ์และ สิ่งแวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไปหรือเพ่ือประโยชน์สาธารณะ ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่น แล้วแต่กรณี เสนอคณะกรรมการผงั เมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดพิจารณา กรณีท่ีเจ้าพนักงานท้องถิ่นดําเนินการแก้ไข ให้นําความใน มาตรา ๒๗ วรรคสองและวรรคสามมาใช้บงั คับดว้ ยโดยอนุโลม เมอ่ื คณะกรรมการผงั เมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วให้มีการปิดประกาศแผน ทแี่ สดงเขตของผงั เมอื งรวมทแี่ ก้ไขและรายละเอียดของการแก้ไขไว้ในท่ีเปิดเผย ณ สํานักงานเขตหรือที่ว่าการอําเภอ และท่ีทําการ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในเขตของผังเมืองรวมน้ันเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวันนับแต่วันปิดประกาศ โดยให้ลง วันที่ท่ีปิดประกาศไว้ในประกาศน้ันด้วย และในประกาศนั้นให้มีคําเชิญชวนให้ผู้มีส่วนได้เสียแสดงข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในระยะเวลาทร่ี ะบุในประกาศ” ๒๘ มาตรา ๓๐ “ในกรณีท่ีผู้มีส่วนได้เสียผู้ใดต้องการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกข้อกําหนดตามมาตรา๒๒ (๕) ให้ย่นื คํารอ้ งตอ่ กรมโยธาธิการและผงั เมอื งหรอื องค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ ผู้วางและจัดทําผงั เมอื งรวมนั้น คําร้องขอให้แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกข้อกําหนดตามมาตรา ๒๒ (๕) ต้องเป็นไปเพ่ือประโยชน์สาธารณะหรือ เป็นไปตามทผ่ี ้มู สี ว่ นไดเ้ สยี ท่ยี ืน่ คาํ รอ้ งแสดงความเห็นไวเ้ มอ่ื ไดม้ ีการรบั ฟงั ความคดิ เห็นตามมาตรา ๙ ผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิย่ืนคําร้อง การย่ืนคําร้อง และวิธีพิจารณาคําร้องให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ทค่ี ณะกรรมการผังเมอื งกําหนด” ๒๙ มาตรา ๔๓ “ในการประกาศแสดงเขตท่ีประมาณว่าจะวางและจัดทําผังเมืองเฉพาะตามมาตรา ๔๒ ให้เชิญชวน ให้เจา้ ของหรอื ผู้ครอบครองท่ดี นิ หรอื ผมู้ ีสิทธิโดยชอบดว้ ยกฎหมายในท่ีดนิ ของผอู้ ่ืน เสนอความคดิ เห็น ตลอดจนความประสงค์

๑๕๓ ด้วยกฎหมายในท่ีดินของผู้อ่ืน เสนอความคิดเห็น ความประสงค์ในการปรับปรุงท่ีดินในเขตที่จะทําการจัดและ วางผงั เมืองเฉพาะ ๑๐.๓.๒ หลักการพฒั นาที่ย่ังยืน และหลักการบรู ณาการทางสิ่งแวดล้อม หลักการพัฒนาท่ียั่งยืนเป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อม ท่ีมีแนวคิดในการวางแผนการ จัดการส่ิงแวดล้อม เพ่ือให้การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ยังประโยชน์แก่คนรุ่นปัจจุบันถึง คนรุ่นหลัง โดยแนวคิดของหลักการนี้ ปรากฏสอดคล้องอยู่ในบทบัญญัติของพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ดังตอ่ ไปน้ี มาตรา ๖๓๐ การวางและจัดทาํ ผังเมอื งทุกระดับ จะตอ้ งอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ (๑) วางและจดั ทําผงั เมือง แต่ละระดับให้สอดคล้องกัน (๒) วางกรอบและนโยบายการพัฒนาเมือง บริเวณที่เก่ียวข้องและชนบทอย่างสมดุล และยั่งยืน (๓) วางกรอบและนโยบายด้านการพัฒนา และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม (๔) วางกรอบในการอนุรักษ์และรักษาคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม (๕) วางแนวทางเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนําไปใช้ ในการกําหนดนโยบายและโครงการพฒั นา ภายใต้หน้าทแี่ ละอาํ นาจของตนให้สอดคล้องกบั ผังเมืองแตล่ ะระดับ (๖) แก้ไขปัญหาผลกระทบจากการใช้ประโยชน์ท่ีดินท่ีไม่สอดคล้องกันให้มีการใช้ประโยชน์ อย่างมีประสิทธิภาพ อนั จะเป็นการปอ้ งกนั แก้ไขหรือบรรเทาภยั พิบัติทีอ่ าจเกิดขนึ้ มาตรา ๑๐๓๑ จัดให้มีการทบทวนผังนโยบายการใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีทุก ๕ ปี หรือก่อนระยะเวลากรณีท่ี มคี วามจาํ เปน็ เพ่อื ให้สอดคลอ้ งกับแนวนโยบายแห่งรฐั ยทุ ธศาสตร์ชาติ แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนและขั้นตอน การดาํ เนนิ การปฏริ ูปประเทศ สภาพเศรษฐกิจและสังคม หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทีม่ ีการเปลยี่ นแปลง ในการปรับปรุงท่ดี ินในเขตท่ีไดแ้ สดงไว้ โดยทําเป็นหนังสือเสนอต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือกรมโยธาธิการและผังเมือง แล้วแต่กรณี ภายในสส่ี ิบห้าวันนบั แต่วันทคี่ รบกําหนดเวลาทป่ี ระกาศไว้ตามมาตรา ๔๒ เจ้าพนักงานท้องถ่ินหรือกรมโยธาธิการและผังเมืองอาจแจ้งให้ผู้มีหนังสือแสดงความคิดเห็นและความประสงค์ ตามวรรคหน่งึ มาช้แี จงแสดงความคิดเหน็ เพม่ิ เติมอีกก็ได้” ๓๐ มาตรา ๖ แหง่ พระราชบญั ญตั ิการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒ ๓๑ มาตรา ๑๐ “เพ่ือให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดให้มีการทบทวนผังนโยบาย การใช้ประโยชน์พื้นที่ทุกห้าปี หรือในกรณีท่ีมีความจําเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนและขั้นตอน การดําเนินการปฏิรูปประเทศ สภาพเศรษฐกิจและสังคม หรือทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ท่ีเปลี่ยนแปลงไปจะจัดให้มีการทบทวนผังนโยบายการใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีก่อนระยะเวลาดังกล่าวก็ได้ ให้กรม โยธาธิการและผังเมืองจัดทํารายงานประจําปีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี ของปีงบประมาณที่ผ่านมาเสนอต่อ คณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติเพ่ือให้ความเห็นชอบ ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันส้ินปีงบประมาณ โดยอย่างน้อย ต้องสรุปผลการดําเนินการวางและจัดทําผังเมือง ตามมาตรา ๘ และผลสัมฤทธิ์ของการดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้ง ปัญหาและอุปสรรคดว้ ย”

๑๕๔ มาตรา ๓๔๓๒ ทํารายงานการประเมินผลการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์และส่ิงแวดล้อมตามระยะเวลา ท่ีคณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดกําหนด แต่ไม่เกิน ๕ ปีนับแต่วันท่ีประกาศผังเมือง รวมใชบ้ ังคบั โดยให้คํานงึ ถึงการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนประกอบด้วย สําหรบั หลักการบูรณาการทางสิ่งแวดล้อม ปรากฏอยู่ในมาตรา ๙๓๓ ท่ีได้กําหนดให้การวางและจัดทํา ผังเมืองตามพระราชบัญญัติน้ี ต้องมีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาและให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการวาง และจัดทําผังเมือง มีการจัดวางและจัดทําผังนโยบายการใช้ประโยชน์พื้นที่และที่ดินร่วมกันระหว่างกรมโยธาธิการ และผังเมือง หน่วยงานและภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้ประโยชน์พ้ืนท่ีและที่ดินในทุกระดับ เป็นไปตาม ความม่งุ หมายของกฎหมายการผังเมอื ง ๑๐.๓.๓ หลักการป้องกนั ลว่ งหนา้ และหลักการระวงั ไวก้ อ่ น ปรากฏอยู่ในมาตรา ๓๗๓๔ ห้ามบุคคลใดใช้ประโยชน์ท่ีดินผิดไปจากที่กําหนดไว้ในผังเมืองรวม หรือ ปฏิบตั ิการใดท่ขี ัดกับข้อกําหนดการใช้ประโยชน์ทีด่ นิ ของผังเมอื งรวม ๑๐.๔ กฎหมายควบคุมอาคาร พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีวัตถุประสงค์เพ่ือควบคุมการก่อสร้าง การดัดแปลง การร้ือถอนและการใชอ้ าคารทัว่ ไป โดยใหอ้ าํ นาจรัฐมนตรอี อกกฎกระทรวงในเร่ืองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เพื่อประโยชน์แห่งความม่ันคง แข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพ ส่ิงแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรมและการอํานวยความสะดวกแก่การจราจร ตลอดถึงกิจการอื่น ๆ ๓๒ มาตรา ๓๔ “ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่น แล้วแต่กรณี จัดทํารายงานการประเมิน ผลการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมการใช้บังคับผังเมืองรวมตามระยะเวลาท่ีคณะกรรมการผังเมืองหรือ คณะกรรมการผังเมืองจังหวัดกําหนด แล้วแต่กรณี แต่ไม่เกินห้าปีนับแต่วันท่ีประกาศกระทรวงมหาดไทยหรือข้อบัญญัติ ท้องถิ่นให้ใช้บังคับผังเมืองรวมใช้บังคับ หรือนับแต่วันที่คณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดพิจารณา รายงานการประเมินผลคร้ังที่ผ่านมาเสร็จสิ้นแล้วเสนอคณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดพิจารณา หากคณะกรรมการผังเมืองหรือคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดเห็นว่าสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมมีการเปล่ียนแปลงไป ในสาระสําคัญทําให้ผังเมืองรวมน้ันไม่เหมาะสมที่จะรองรับการพัฒนาเมืองหรือการดํารงรักษาเมืองต่อไป หรือจําเป็นต้อง เปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเมืองทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กรม โยธาธกิ ารและผงั เมอื งหรือองคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ ดาํ เนนิ การปรบั ปรงุ โดยการวางและจัดทําผังเมอื งรวมขึ้นใหม่ให้เหมาะสมได้ การจัดทํารายงานการประเมินผลตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบท่ีคณะกรรมการผังเมืองกําหนด ซึ่งต้องมีการ แสดงข้อเท็จจริงให้ปรากฏท้ังในเรื่องการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดิน ความหนาแน่นของประชากร นโยบายหรือโครงการ ของรฐั บาล สภาพเศรษฐกิจและสังคม ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม การคมนาคมและการขนส่ง การป้องกันการเกิดภัยพิบัติ และปัจจยั อื่นทีเ่ กยี่ วขอ้ งกับการผงั เมอื ง โดยใหค้ าํ นงึ ถึงการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนประกอบดว้ ย” ๓๓ เชงิ อรรถที่ ๒๕. ๓๔ มาตรา ๓๗ วรรคหน่ึง “ในเขตท่ีให้ใช้บังคับผังเมืองรวมแล้ว ห้ามบุคคลใดใช้ประโยชน์ท่ีดินผิดไปจากท่ีได้กําหนดไว้ ในผังเมืองรวม หรือปฏบิ ัตกิ ารใด ๆ ซึ่งขัดกบั ข้อกําหนดการใชป้ ระโยชนท์ ีด่ นิ ของผังเมืองรวมน้ัน

๑๕๕ ที่จาํ เป็น จากการศกึ ษาพบวา่ กฎหมายฉบับน้ีมีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อม ๒ หลกั การ ซงึ่ ปรากฏอยู่ในมาตราดงั ต่อไปนี้ ๑๐.๔.๑ หลกั การมสี ่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับสิง่ แวดล้อม หลักการนี้ ปรากฏอยู่ในมาตรา ๑๓ ทวิ๓๕ ให้ราชการส่วนท้องถ่ินจัดให้มีการเผยแพร่เอกสารหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตดําเนินการต่าง ๆ เพ่ืออํานวยความสะดวกให้ประชาชน และปรากฏในมาตรา ๑๓ ตรี๓๖ ท่ีให้ผู้ซ่ึงจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี มีสิทธิหารือกับเจ้าพนักงานท้องถิ่น เพื่อให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นคําตอบข้อสงสัยในเรื่องเก่ียวกับการกําหนดระยะ หรือระดับระหว่างอาคารกับอาคาร หรือเขตท่ีดินของผู้อ่ืนหรือระหว่างอาคารกับถนน ตรอก ซอย ทางเท้า หรือท่ีสาธารณะ หรือการกําหนดบริเวณ หา้ มกอ่ สรา้ ง ดัดแปลง ร้ือถอน เคล่ือนย้ายและใช้หรือเปล่ียนการใช้อาคารชนิดใดหรือประเภทใด และเจ้าพนักงาน ท้องถ่นิ มีหน้าทีต่ ้องตอบข้อหารือดงั กล่าว ๑๐.๔.๒ หลกั การปอ้ งกันล่วงหนา้ และหลกั การระวังไวก้ อ่ น โดยท่ีเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ แห่งความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และรวมถึงการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กฎหมายฉบับน้ี จึงให้อํานาจแก่เจ้าพนักงานท้องถิ่นในการควบคุม การก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคาร รวมท้ังมีอํานาจดําเนินการกับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายได้ นอกจากนั้น ผู้ท่ีประสงค์ จะกอ่ สร้าง ดัดแปลง รือ้ ถอน เคลอ่ื นยา้ ย และใชห้ รอื เปลย่ี นแปลงอาคาร จะต้องปฏบิ ัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ๓๕ มาตรา ๑๓ ทวิ “เพ่ือประโยชน์ในการอาํ นวยความสะดวกแก่ประชาชนซ่งึ จะตอ้ งปฏบิ ัตติ ามพระราชบัญญตั นิ ้ี (๒) ให้ราชการส่วนท้องถ่ินจัดให้มีเอกสารเผยแพร่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการขออนุญาตและการอนุญาต ดําเนินการต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ ตลอดจนข้อมูลที่ได้รับแจ้งตาม (๑) ไว้จําหน่ายหรือให้แก่ประชาชนซ่ึงจะต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัตนิ ี.้ . ” ๓๖ มาตรา ๑๓ ตรี “ถ้าผู้ซง่ึ จะต้องปฏิบตั ิตามพระราชบัญญตั นิ มี้ ีข้อสงสัยเก่ยี วกับ (๑) การกาํ หนดระยะหรือระดับระหวา่ งอาคารกับอาคาร หรอื เขตที่ดนิ ของผ้อู ื่นหรอื ระหว่างอาคารกบั ถนน ตรอก ซอย ทางเท้า หรอื ที่สาธารณะ หรอื (๒) การกําหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ร้ือถอน เคล่อื นย้าย และใช้หรือเปลีย่ นการใช้อาคารชนิดใดหรือประเภทใด ผูน้ ั้นมสี ทิ ธิหารือไปยังเจา้ พนักงานทอ้ งถิน่ ไดโ้ ดยทาํ เป็นหนงั สือ และใหเ้ จ้าพนักงานทอ้ งถิ่นตอบขอ้ หารือนนั้ ภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ แต่ถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่นเห็นว่ามีความจําเป็นต้องขอคําปรึกษาจากคณะกรรมการควบคุมอาคารเสียก่อน หรอื มีเหตุจาํ เปน็ อ่ืนใด ก็ใหข้ ยายกาํ หนดเวลาดงั กล่าวออกไปได้อีกไมเ่ กินสองคราว คราวละไม่เกนิ สามสบิ วนั ในกรณีท่ีผู้หารือตามวรรคหนึ่งได้ดําเนินการก่อสร้าง ดัดแปลง ร้ือถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยถือปฏิบัติตามคําตอบ ข้อหารือของเจ้าพนักงานท้องถ่ิน ถ้าต่อมาปรากฏว่าเจ้าพนักงานท้องถ่ินได้ตอบข้อหารือไปโดยผิดพลาดเป็นเหตุให้ผู้หารือ ได้ดําเนินการดังกล่าวไปโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวง หรือข้อบัญญัติท้องถิ่นที่ออกตาม พระราชบัญญตั นิ ี้ หรือกฎหมายอน่ื ที่เกีย่ วข้อง ผู้นนั้ ไม่ตอ้ งรับโทษ”

๑๕๖ ท่ีกฎหมายกําหนด อันเป็นมาตรการทางกฎหมายที่สอดคล้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า ปรากฏอยู่ในบทบัญญัติ ดงั ต่อไปนี้ มาตรา ๒๑๓๗ การก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคล่ือนย้ายอาคาร จะต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ทอ้ งถน่ิ หรือแจง้ ตอ่ เจา้ พนกั งานท้องถ่ิน มาตรา ๒๑ ทวิ๓๘ การก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคล่ือนย้ายอาคารประเภทที่กฎกระทรวงกําหนด จะต้อง จัดให้มีการตรวจสอบงานออกแบบ และคํานวณส่วนต่าง ๆ ของโครงสร้างอาคารตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขทกี่ ําหนดไวใ้ นกฎกระทรวง มาตรา ๒๒๓๙ การร้อื ถอนอาคารท่ีสูงเกิน ๑๕ เมตร ซึ่งอยู่ห่างจากอาคารอื่นหรือท่ีสาธารณะน้อยกว่า ความสูงของอาคาร หรืออาคารที่อยู่ห่างจากอาคารอ่ืนหรือท่ีสาธารณะน้อยกว่า ๒ เมตร จะต้องได้รับใบอนุญาต จากเจ้าพนกั งานท้องถนิ่ หรือแจง้ ต่อเจ้าพนักงานท้องถ่ิน มาตรา ๒๖๔๐ ผู้รับผิดชอบในการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคล่ือนย้ายอาคารที่มีลักษณะหรือ อยู่ในประเภทท่ีกําหนดเป็นวิชาชีพวิศวกรรมหรือวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม ต้องเป็นผู้ท่ีได้รับใบอนุญาต ประกอบวิชาชพี ตามกฎหมายนน้ั มาตรา ๒๗๔๑ เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจส่ังให้ผู้ขอรับใบอนุญาต แก้ไขเปล่ียนแปลงแผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลนหรอื รายการคาํ นวณที่ไดย้ น่ื ไว้ เพื่อใหถ้ ูกต้องตามกฎหมาย   ๓๗ มาตรา ๒๑ “ผู้ใดจะก่อสรา้ ง ดดั แปลง หรือเคล่ือนย้ายอาคารต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถ่ิน หรือแจ้ง ต่อเจา้ พนกั งานท้องถ่นิ และดาํ เนินการตามมาตรา ๓๙ ทว”ิ ๓๘ มาตรา ๒๑ ทวิ “การก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคล่ือนย้ายอาคารชนิดหรือประเภทท่ีกฎกระทรวงกําหนดให้มีการ ตรวจสอบงานออกแบบ และคํานวณส่วนต่าง ๆ ของโครงสร้างอาคาร ผู้ขอรับใบอนุญาต หรือผู้แจ้งตามมาตรา ๓๙ ทวิ ต้องจัด ให้มกี ารตรวจสอบงานออกแบบ และคํานวณดงั กลา่ วตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง” ๓๙ มาตรา ๒๒ “ผู้ใดจะร้ือถอนอาคารดังต่อไปน้ี ต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือแจ้งต่อเจ้าพนักงาน ท้องถ่ินและดําเนินการตามมาตรา ๓๙ ทวิ (๑) อาคารท่มี สี ว่ นสงู เกินสบิ หา้ เมตรซึ่งอยูห่ า่ งจากอาคารอน่ื หรือทส่ี าธารณะน้อยกวา่ ความสงู ของอาคาร (๒) อาคารทอ่ี ยหู่ า่ งจากอาคารอน่ื หรือทส่ี าธารณะนอ้ ยกว่าสองเมตร” ๔๐ มาตรา ๒๖ “ในกรณีท่ีการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารที่ขออนุญาตนั้นมีลักษณะหรืออยู่ ในประเภทท่ีได้กําหนดเป็นวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพวิศวกรรม หรือเป็นวิชาชีพสถาปัตยกรรม ควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพสถาปัตยกรรม ถ้าวิศวกรหรือสถาปนิกผู้รับผิดชอบในการน้ันตามที่ระบุไว้ในคําขอมิได้เป็น ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม หรือวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมตามกฎหมายดังกล่าว แล้วแต่กรณี ให้เจา้ พนักงานท้องถ่นิ ปฏิเสธไม่รบั พิจารณาคาํ ขอนัน้ ” ๔๑ มาตรา ๒๗ “ในการตรวจพิจารณาคําขอรับใบอนุญาต ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจสั่งให้ผู้ขอรับใบอนุญาตแก้ไข เปล่ียนแปลงแผนผังบริเวณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน หรือรายการคํานวณที่ได้ย่ืนไว้ เพ่ือให้ถูกต้องและเป็นไป ตามกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา ๘ หรือข้อบัญญัติท้องถิ่นท่ีออกตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐ และให้นํามาตรา ๒๕ วรรคสาม มาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม

๑๕๗ มาตรา ๓๑๔๒ ห้ามผู้ใดก่อสร้าง ดัดแปลง ร้ือถอนหรือเคล่ือนย้ายอาคาร ให้ผิดไปจากท่ีได้รับอนุญาต จากเจา้ พนักงานทอ้ งถน่ิ มาตรา ๓๒ ทวิ๔๓ เจ้าของอาคารตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบด้านวิศวกรรม หรือผู้ตรวจสอบดา้ นสถาปตั ยกรรม เพื่อทําการตรวจสอบสภาพอาคาร โครงสร้างของตัวอาคาร อุปกรณ์ประกอบ อาคารที่จําเป็นต่อการป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน และรายงานต่อ เจ้าพนักงานทอ้ งถิ่น เมอื่ ผขู้ อรบั ใบอนญุ าตได้แกไ้ ขเปล่ียนแปลงแผนผังบรเิ วณ แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน หรือรายการคํานวณ ตามคําส่ังของเจ้าพนักงานท้องถ่ินแล้ว ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจพิจารณาและออกใบอนุญาตให้ภายในสามสิบวัน แต่ถ้า ผูข้ อรบั ใบอนุญาตไดแ้ ก้ไขเปล่ยี นแปลงในสาระสําคญั ผิดจากคําสง่ั ของเจา้ พนกั งานท้องถน่ิ ในกรณนี ีใ้ หถ้ ือว่าเปน็ การยน่ื คําขอใหม่ และใหด้ าํ เนนิ การตามมาตรา ๒๕ ต่อไป” ๔๒ มาตรา ๓๑ “ห้ามมิให้ผู้ใดจัดให้มีหรือดําเนินการก่อสร้าง ดัดแปลง ร้ือถอน หรือเคล่ือนย้ายอาคารให้ผิดไปจาก แผนผังบริเวณ แบบแปลน และรายการประกอบแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต ตลอดจนวิธีการหรือเงื่อนไขที่เจ้าพนักงานท้องถิ่น กาํ หนดไวใ้ นใบอนุญาต หรอื ให้ผิดไปจากทีไ่ ดแ้ จ้งไวต้ ามมาตรา ๓๙ ทวิ เวน้ แต่ (๑) เจ้าของอาคารนนั้ ไดย้ นื่ คาํ ขออนญุ าตและไดร้ ับใบอนญุ าตจากเจา้ พนกั งานท้องถน่ิ ให้ทาํ การแกไ้ ขเปลี่ยนแปลงได้ (๒) เจา้ ของอาคารน้นั ได้แจง้ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เจ้าพนักงานท้องถน่ิ ทราบแลว้ หรือ (๓) การดําเนินการดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นท่ีเกี่ยวข้อง หรือเป็นกรณีตามท่ีกําหนดใน กฎกระทรวง ใหน้ าํ มาตรา ๒๕ หรอื มาตรา ๓๙ ทวิ มาใช้บงั คบั แกก่ ารดําเนินการตาม (๑) หรือ (๒) แลว้ แต่กรณี โดยอนโุ ลม ในกรณีทม่ี ีการก่อสรา้ ง ดัดแปลง รอ้ื ถอน หรอื เคล่ือนยา้ ยอาคาร เป็นการฝ่าฝืนความในวรรคหน่ึง ให้ถือว่าเป็นการกระทํา ของผู้ควบคุมงาน เว้นแต่ผู้ควบคุมงานจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทําของผู้อื่นซ่ึงผู้ควบคุมงานได้มีหนังสือแจ้งข้อทักท้วงการกระทํา ดังกล่าวใหเ้ จา้ ของหรือผคู้ รอบครองอาคาร และผู้ดาํ เนนิ การทราบแล้ว แตบ่ ุคคลดังกล่าวไม่ยอมปฏิบตั ติ าม ๔๓ มาตรา ๓๒ “เจา้ ของอาคาร ดงั ต่อไปนี้ (๑) อาคารสูง อาคารขนาดใหญพ่ ิเศษ (๒) อาคารชมุ นุมคน (๓) อาคารตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ตอ้ งจัดใหม้ ีผู้ตรวจสอบดา้ นวิศวกรรมหรอื ผตู้ รวจสอบด้านสถาปตั ยกรรม แลว้ แตก่ รณี ทําการตรวจสอบสภาพอาคาร โครงสร้างของตัวอาคาร อุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ เก่ียวกับระบบไฟฟ้า และการจัดแสงสว่าง ระบบการเตือน การป้องกันและ การระงบั อัคคีภัย การป้องกันอันตรายเมื่อมีเหตุชุลมุนวุ่นวาย ระบบระบายอากาศ ระบบระบายน้ํา ระบบบําบัดน้ําเสีย ระบบ เคร่ืองกล หรือระบบอ่ืน ๆ ของอาคารที่จําเป็นต่อการป้องกันภยันตรายต่าง ๆ ท่ีมีผลต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน แล้วรายงานผลการตรวจสอบตอ่ เจา้ พนกั งานท้องถิน่ ทัง้ นี้ ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และเงือ่ นไขทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง ใหเ้ จ้าพนกั งานท้องถิ่นพิจารณาผลการตรวจสอบสภาพอาคารตามวรรคหนึ่งโดยมิชักช้า เพื่อพิจารณาออกใบรับรอง การตรวจสอบสภาพอาคารหรอื ดาํ เนินการตามมาตรา ๔๖ หรือมาตรา ๔๖ ทวิ แล้วแตก่ รณี ต่อไป”

๑๕๘ มาตรา ๔๐๔๔ เม่ือมีการก่อสร้าง ดัดแปลง ร้ือถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เจา้ พนักงานทอ้ งถน่ิ มีอาํ นาจมีคําสั่งใหเ้ จา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองอาคาร ผู้ควบคุมงาน ผู้ดําเนินการ ลูกจ้าง หรือ บริวารของบุคคลดังกล่าว ระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร หรือมีคําส่ังห้ามใช้ หรือเข้าไปในสว่ นใด ๆ ของอาคาร หรือบริเวณดังกลา่ วได้ มาตรา ๔๒๔๕ การก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เป็นกรณีที่ ไม่สามารถแก้ไขเปล่ียนแปลงการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคล่ือนย้ายอาคารให้ถูกต้องได้ หรือเป็นกรณี ที่สามารถแก้ไขเปล่ียนแปลงให้ถูกต้องได้แต่เจ้าของอาคารไม่ปฏิบัติตามคําสั่ง เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจสั่ง ใหเ้ จา้ ของหรอื ผู้ครอบครองอาคาร ผคู้ วบคุมงาน หรือผู้ดาํ เนินการร้อื ถอนอาคารน้นั ท้งั หมดหรอื บางสว่ นได้ มาตรา ๔๖๔๖ อาคารท่ีก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายโดยได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ หรือ ก่อนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ หากมีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือ ทรัพย์สนิ หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคภี ัย หรอื ก่อให้เกิดเหตุรําคาญ หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพ สิ่งแวดล้อม เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอํานาจส่ังให้ดําเนินการแก้ไขตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่กําหนด ในกฎกระทรวง กรณีท่ีไม่ปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว ถ้าอาคารน้ันอาจเป็นภยันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ ชีวิต รา่ งกาย หรอื ทรัพย์สิน เจา้ พนกั งานทอ้ งถิ่นมีอาํ นาจสง่ั ให้รื้อถอนอาคารนั้นได้   ๔๔ มาตรา ๔๐ “ในกรณีท่ีมีการก่อสร้าง ดัดแปลง ร้ือถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยฝ่าฝืนบทบัญญัติ แหง่ พระราชบญั ญัติน้ี กฎกระทรวง หรือข้อบัญญัติท้องถ่ินที่ออกตามพระราชบัญญัติน้ี หรือกฎหมายอ่ืนท่ีเก่ียวข้อง ให้เจ้าพนักงาน ทอ้ งถ่นิ มอี าํ นาจดาํ เนนิ การดังนี้ (๑) มีคําส่ังให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ผู้ควบคุมงาน ผู้ดําเนินการ ลูกจ้าง หรือบริวารของบุคคลดังกล่าว ระงับการกระทาํ ดงั กล่าว (๒) มีคําส่ังห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใด ๆ ของอาคาร หรือบริเวณท่ีมีการกระทําดังกล่าว และจัดให้มี เคร่ืองหมายแสดงการหา้ มนั้นไว้ในทเ่ี ปดิ เผยและเห็นได้ง่าย ณ อาคารหรอื บรเิ วณดังกล่าว และ (๓) พิจารณามคี าํ สั่งตามมาตรา ๔๑ หรือมาตรา ๔๒ แลว้ แต่กรณี ภายในสามสบิ วนั นบั แต่วนั ทไี่ ด้มีคาํ ส่งั ตาม (๑)” ๔๕ มาตรา ๔๒ “ถ้าการกระทําตามมาตรา ๔๐ เป็นกรณีท่ีไม่สามารถแก้ไขเปล่ียนแปลงให้ถูกต้องได้ หรือเจ้าของ อาคารมิได้ปฏิบัติตามคําส่ังของเจ้าพนักงานท้องถ่ินตามมาตรา ๔๑ ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจส่ังให้เจ้าของหรือ ผู้ครอบครองอาคาร ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ดําเนินการรื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมดหรือบางส่วนได้ภายในระยะเวลาท่ีกําหนด แตต่ อ้ งไมน่ ้อยกว่าสามสิบวัน โดยให้ดําเนินการร้ือถอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่กําหนดในกฎกระทรวงที่ออกตาม มาตรา ๘ (๑๑) หรือขอ้ บญั ญตั ิทอ้ งถิ่นทีอ่ อกตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐” ๔๖ มาตรา ๔๖ “ในกรณีท่ีอาคารซ่ึงก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคล่ือนย้ายโดยได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ หรือได้ก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายก่อนวันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรําคาญ หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพ สงิ่ แวดลอ้ ม ให้เจา้ พนักงานทอ้ งถ่ินมีอาํ นาจสัง่ ให้ดาํ เนินการแก้ไขตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเง่ือนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง ในกรณีที่ไม่มีการปฏิบัติตามคําส่ังของเจ้าพนักงานท้องถ่ินตามวรรคหน่ึง และถ้าอาคารน้ันอาจเป็นภยันตรายอย่างร้ายแรง ต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอํานาจส่ังให้รื้อถอนอาคารน้ันได้โดยให้นํามาตรา ๔๒ มาใช้บังคับ โดยอนโุ ลม”

๑๕๙ มาตรา ๔๖ ทวิ๔๗ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอํานาจมีคําสั่งห้ามเจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารใช้ หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ของอาคารท่ีมีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตราย ต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรําคาญ หรือ กระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อม และมีคําส่ังให้เจ้าของอาคารดําเนินการแก้ไข ให้อยู่ในสภาพ ทีป่ ลอดภยั หรือสามารถใชง้ านได้ภายในระยะเวลาท่กี าํ หนด มาตรา ๔๘๔๘ เจา้ พนกั งานท้องถ่ินมอี ํานาจเขา้ ไปในอาคารหรอื บรเิ วณที่ต้งั อาคาร ที่มเี หตุสงสัยว่ามีการ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ และมีอํานาจสอบถามหรือส่ังให้หลักฐานที่เก่ียวข้องจากบุคคลท่ีอยู่หรือทํางาน ในสถานที่นน้ั ๑๐.๕ กฎหมายการขุดดนิ และถมดนิ การขุดดินเพ่ือนําดินไปถมพ้ืนท่ีที่ทําการก่อสร้างที่อยู่อาศัยหรือเพ่ือกิจการอื่น การขุดดินท่ีไม่ถูกต้อง ตามหลักวชิ าการ อาจทําใหเ้ กิดการพงั ทลายของดินหรอื ส่งิ ปลกู สร้างใกล้เคียงได้ พระราชบัญญัติการขุดดินและ ถมดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ มีเจตนารมณ์ในการควบคุมกํากับ ดูแล การทําธุรกิจการขุดดินหรือการถมดินเพ่ือป้องกัน ความเสียหายท่ีจะเกิดขึ้นจากการดําเนินการดังกล่าว สําหรับหลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อม ท่ีปรากฏ ในกฎหมายฉบบั น้ี คอื หลักการปอ้ งกันล่วงหนา้ และหลกั การระวงั ไว้ก่อน ๔๗ มาตรา ๔๖ ทวิ “ในกรณีท่ีอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและการจัดแสงสว่าง ระบบการเตือน การป้องกัน และการระงับอัคคีภัย การป้องกันอันตรายเมื่อมีเหตุชุลมุนวุ่นวาย ระบบระบายอากาศ ระบบระบายน้ํา ระบบบําบัดนํ้าเสีย ระบบเคร่ืองกล หรือระบบอื่น ๆ ของอาคารตามมาตรา ๓๒ ทวิ มีสภาพหรือมีการใช้ท่ีอาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรอื ทรัพย์สนิ หรืออาจไมป่ ลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรําคาญ หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพ สิง่ แวดลอ้ ม ใหเ้ จา้ พนกั งานท้องถน่ิ มีอํานาจ ดงั น้ี (๑) มีคําส่ังห้ามมิให้เจ้าของอาคารหรือผู้ครอบครองอาคารใช้ หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ และจัดให้มีเครอ่ื งหมายแสดงการหา้ มนัน้ ไว้ท่ีอปุ กรณ์หรือบริเวณที่เปิดเผยและเห็นได้ง่ายที่อยู่ใกล้กบั อุปกรณน์ ั้น (๒) มีคําสั่งให้เจ้าของอาคารดําเนินการแก้ไขอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ น้ัน ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัยหรือสามารถใช้งาน ได้ภายในระยะเวลาที่กําหนด แต่ต้องไม่น้อยกว่าสามสิบวัน ในกรณีมีเหตุอันสมควรเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะขยายระยะเวลา ดงั กลา่ วออกไปอกี กไ็ ด้ ในกรณที ไ่ี ม่มีการปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามวรรคหนึ่ง และหากอุปกรณ์ดังกล่าวมีผลทําให้อาคารนั้น มีสภาพหรือการใช้ทอ่ี าจเป็นภยนั ตรายอย่างร้ายแรงตอ่ สุขภาพ ชีวติ รา่ งกาย หรือทรัพยส์ นิ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นสั่งห้ามใช้อาคาร น้ันทั้งหมดหรือบางส่วนไว้ก่อนก็ได้ และต้องจัดให้มีเครื่องหมายแสดงการห้ามนั้นไว้ในท่ีเปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ บริเวณอาคาร หรือบรเิ วณดังกลา่ ว” ๔๘ มาตรา ๔๘ “ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามพระราชบัญญัตินี้ เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจเข้าไปในอาคารหรือบริเวณที่ตั้ง อาคารท่ีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ข้ึนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทําการของสถานท่ีน้ัน และเพ่ือการน้ีให้มีอํานาจสอบถามข้อเท็จจริงหรือส่ังให้แสดงเอกสารหรือหลักฐานอื่น ท่ีเกย่ี วข้องจากบุคคลท่อี ยหู่ รอื ทาํ งานในสถานที่นัน้ ”

๑๖๐ ๑๐.๕.๑ หลกั การปอ้ งกันล่วงหนา้ และหลักการระวังไวก้ ่อน โดยที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ ได้กําหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น จากการขุดดินหรือถมดิน เม่ือเทียบเคียงกับหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อม แล้วเห็นว่ามาตรการ ทางกฎหมายดงั กล่าว มลี ักษณะทีส่ อดคลอ้ งกบั หลักการปอ้ งกนั ล่วงหนา้ ปรากฏในมาตราดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๖๔๙ การป้องกันการพังทลายของดินหรือส่ิงปลูกสร้าง ให้รัฐมนตรีโดยคําแนะนําของ คณะกรรมการมีอํานาจออกกฎกระทรวงกําหนด (๑) บริเวณห้ามขุดดินหรือถมดิน (๒) ความสัมพันธ์ของ ความลาดเอียงของบ่อดินหรือเนินดินตามชนิดของดิน ความลึกและขนาดของบ่อดินที่จะขุดดิน ความสูงและ พ้ืนท่ีของเนินดินที่จะถมดิน และระยะห่างจากขอบบ่อดินหรือเนินดินถึงเขตที่ดินหรือส่ิงปลูกสร้างของบุคคลอ่ืน (๓) วิธกี ารป้องกันการพงั ทลายของดนิ หรือสงิ่ ปลกู สร้าง (๔) วธิ ีการให้ความคุ้มครองและความปลอดภัยแก่คนงาน และบคุ คลภายนอก (๕) หลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงอื นไขอืน่ ในการขุดดินหรือถมดิน มาตรา ๒๐๕๐ ผขู้ ดุ ดนิ ต้องทําการขดุ ดนิ ใหถ้ กู ต้องตามวธิ ีการการที่กําหนดไว้ในกฎกระทรวง มาตรา ๒๕๕๑ หากมีการขุดพบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ซากดึกดําบรรพ์ หรือแร่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ หรือทางการศึกษาในดา้ นธรณวี ทิ ยา ให้ผูข้ ุดดินหยุดการขุดดินในบริเวณนั้น และรายงานให้เจ้าพนักงานท้องถิ่น ทราบ มาตรา ๓๐๕๒ พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจเข้าไปในสถานที่ท่ีมีการขุดดิน หรือการถมดิน เพ่ือตรวจสอบ ว่าไดม้ กี ารปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายฉบับน้ีหรือไม่ มาตรา ๓๑๕๓ พนักงานเจ้าหน้าท่ีเห็นว่า การขุดดินหรือการถมดินได้ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหาย ตอ่ ทรพั ย์สนิ ของบคุ คลอ่นื ให้รายงานตอ่ เจา้ พนกั งานท้องถน่ิ ให้มคี าํ สง่ั ใหผ้ ู้ท่ดี ําเนินการหยดุ การดําเนินการดังกล่าว ๔๙ มาตรา ๖ “เพื่อประโยชน์ในการป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้าง ตลอดจนการอ่ืนท่ีจําเป็นเพ่ือปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติน้ี ให้รัฐมนตรีโดยคําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจออกกฎกระทรวงกําหนด (๑) บริเวณห้ามขุดดินหรือ ถมดิน (๒) ความสัมพันธ์ของความลาดเอียงของบ่อดินหรือเนินดินตามชนิดของดิน ความลึกและขนาดของบ่อดินที่จะขุดดิน ความสูง และพื้นที่ของเนินดินที่จะถมดิน และระยะห่างจากขอบบ่อดินหรือเนินดินถึงเขตท่ีดินหรือส่ิงปลูกสร้างของบุคคลอ่ืน (๓) วิธีการป้องกันการพังทลายของดินหรือสิ่งปลูกสร้าง (๔) วิธีการให้ความคุ้มครองและความปลอดภัยแก่คนงานและบุคคลภายนอก (๕) หลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขอน่ื ในการขุดดนิ หรือถมดิน ๕๐ มาตรา ๒๐ “ผู้ขุดดินตามมาตรา ๑๗ ตอ้ งทําการขดุ ดนิ ใหถ้ ูกต้องตามกฎกระทรวงท่ีออกตามมาตรา ๖” ๕๑ มาตรา ๒๕ “ในการขุดดิน ถ้าพบโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ซากดึกดําบรรพ์ หรือแร่ท่ีมีคุณค่าทางเศรษฐกิจหรือ ทางการศึกษาในด้านธรณีวิทยา ให้ผู้ขุดดินตามมาตรา ๑๗ มาตรา ๒๓ หรือมาตรา ๒๔ หยุดการขุดดินในบริเวณน้ันไว้ก่อนแล้ว รายงานให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่พบ และให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินแจ้งให้กรมศิลปากรหรือกรมทรัพยากรธรณี แลว้ แต่กรณี ทราบโดยด่วน ในกรณเี ชน่ น้ี ใหผ้ ูข้ ดุ ดนิ ปฏิบัตกิ ารใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายว่าด้วยการน้นั ” ๕๒ มาตรา ๓๐ “พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจเข้าไปตรวจสอบสถานที่ที่มีการขุดดินตามมาตรา ๑๗ หรือการถมดิน ตามมาตรา ๒๖ ว่าได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถิ่น หรือประกาศท่ีออกตามพระราชบัญญัติน้ี หรอื ไม่ ทง้ั น้ี ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ข้นึ ถงึ พระอาทิตย์ตกหรือในระหว่างเวลาทําการ และให้ผู้ขุดดิน ผู้ถมดิน หรือตัวแทน หรือเจ้าของทด่ี ินอาํ นวยความสะดวกตามสมควร”

๑๖๑ หรือจัดการป้องกันความเสียหายท่ีอาจเกิดข้ึน หรือจัดการแก้ไขการขุดดินหรือการถมดินน้ัน และเจ้าพนักงาน ทอ้ งถน่ิ มีอาํ นาจออกคําสง่ั เปน็ หนังสอื ตามที่เห็นว่าจําเป็นเพื่อปอ้ งกนั หรือระงับความเสยี หายได้ ๑๐.๕.๒ หลักการปอ้ งกันลว่ งหนา้ และหลกั การระวังไวก้ ่อน หลักการระวังไว้ก่อน ปรากฏบัญญัติอยู่ในมาตรา ๑๗๕๔ ท่ีกําหนดให้ผู้ประสงค์จะขุดดินที่มีความลึก จากระดับพืน้ ดนิ เกนิ ๓ เมตร หรือมีพ้ืนท่ีปากบ่อดินเกิน ๑๐,๐๐๐ ตารางเมตร หรือมีความลึกหรือพ้ืนท่ีตามท่ี เจ้าพนักงานท้องถิ่นประกาศกําหนด จะต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถ่ินและจะต้องทําการขุดดินให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนทกี่ ฎกระทรวงกาํ หนดไว้ ๑๐.๖ กฎหมายวา่ ดว้ ยเวนคนื และการได้มาซึง่ อสงั หารมิ ทรพั ย์ จากการศึกษาพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซ่ึงอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๖๒ พบว่า ไมป่ รากฏวา่ มบี ทบัญญัติในกฎหมายฉบับน้ีทีท่ ี่สอดคล้องกับหลกั การพน้ื ฐานของสิ่งแวดลอ้ มทุกหลักการ ๑๐.๗. กฎหมายกาํ หนดแผนและขน้ั ตอนการกระจายอํานาจให้แกอ่ งคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน พระราชบัญญัติกําหนดแผนและข้ันตอนกระจายอํานาจให้แก่องค์การบริหารส่วนท้องถ่ิน พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นกฎหมายเก่ียวกับการกําหนดอํานาจหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะ การจัดสรรสัดส่วนภาษีและอากร ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากการศึกษาบทบัญญัติในกฎหมายฉบับนี้ ไม่ปรากฏเน้ือหาที่สอดคล้องกับ หลักการพ้นื ฐานของสิง่ แวดล้อมแต่อยา่ งใด ๕๓ มาตรา ๓๑ “ในกรณีท่ีพนักงานเจ้าหน้าท่ีเห็นว่าการขุดดินหรือการถมดินได้ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหาย ตอ่ ทรัพยส์ ินของบคุ คลอ่ืน ให้พนกั งานเจ้าหน้าทร่ี ายงานตอ่ เจา้ พนักงานท้องถิ่นให้มีคําส่ังให้ผู้ขุดดิน ผู้ถมดิน หรือเจ้าของท่ีดิน หยุด การขุดดินหรือการถมดิน หรือจัดการป้องกันความเสียหายท่ีอาจเกิดขึ้น หรือจัดการแก้ไขการขุดดินหรือการถมดินน้ัน แล้วแต่กรณี และให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจออกคําส่ังเป็นหนังสือตามที่เห็นว่าจําเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับความเสียหาย น้ันได้ ในกรณี มีเหตุฉุกเฉิน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีคําส่ังเป็นหนังสือให้ผู้ขุดดิน ผู้ถมดินหรือเจ้าของท่ีดินหยุดการขุดดิน หรือการถมดิน หรือ จัดการป้องกันความเสียหายท่ีอาจเกิดขึ้นหรือจัดการแก้ไขการขุดดินหรือถมดินน้ันตามท่ีเห็นว่าจําเป็นได้ แล้วรายงานให้เจ้าพนักงาน ท้องถ่ินทราบทันที ถ้าเจ้าพนักงานท้องถ่ินเห็นชอบด้วยกับคําส่ังของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีหนังสือภายในเจ็ดวัน นับแต่วันทีพนักงานเจ้าหน้าท่ีได้มีคําสั่งให้บุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามคําส่ังของพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้ถือว่าคําสั่งของ พนักงานเจ้าหน้าท่ีเป็นคําส่ังของเจ้าพนักงานท้องถ่ินมาตังแต่ต้น ถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่มีหนังสือส่ังภายในกําหนดเวลา ตามวรรคสอง ให้คาํ สัง่ ของพนักงานเจา้ หน้าทีเป็นอันสินผล” ๕๔ มาตรา ๑๗ วรรคหนึ่ง “ผู้ใดประสงค์จะทําการขุดดินโดยมีความลึกจากระดับพ้ืนดินเกินสามเมตรหรือมีพ้ืนท่ี ปากบอ่ ดินเกนิ หนึง่ หมืน่ ตารางเมตร หรือมีความลกึ หรอื พืน้ ทตี่ ามทีเ่ จา้ พนกั งานทอ้ งถิ่นประกาศกําหนด ให้แจ้งต่อเจ้าพนักงาน ทอ้ งถิน่ ตามแบบที่เจา้ พนักงานท้องถิน่ กาํ หนดโดยย่นื เอกสารแจง้ ขอ้ มูลดังต่อไปน้ี...”

๑๖๒ บทสรปุ จากการศกึ ษากฎหมายว่าดว้ ยการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม จํานวน ๗ ฉบับ ดังกล่าวข้างต้น พบว่า บทบัญญัติของกฎหมายท่ีนํามาศึกษา มีมาตรการทางกฎหมายท่ีเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย กับสิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรมท้ังทางตรงและทางอ้อม มีบทบัญญัติท่ีสอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของ กฎหมายส่ิงแวดล้อม ได้แก่ หลักการมีส่วนรวมของประชาชนเก่ียวกับสิ่งแวดล้อม ปรากฏในบทบัญญัติของ กฎหมายโบราณสถานฯ กฎหมายควบคุมอาคาร และกฎหมายผังเมือง สําหรับหลักการป้องกันล่วงหน้า และ หลักการระวังไว้ก่อน ปรากฏในบทบัญญัติของกฎหมายโบราณสถานฯ กฎหมายสุสานและฌาปนสถาน กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายการขุดดินและถมดิน เช่น ให้อํานาจเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจเข้าไปตรวจสอบสถานท่ี ของเอกชน การให้อํานาจเจ้าหน้าในการพิจารณาออกใบอนุญาตต่าง ๆ ตามกฎหมาย การให้อํานาจเจ้าหน้าท่ี ดําเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกําหนด สําหรับหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับ สิ่งแวดล้อม เช่น การเปิดเผยข้อมูลทางราชการ การให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียได้แสดงความคิดเห็น รวมถึง มีส่วนร่วมในการตัดสินใจดําเนินการของเจ้าหน้าที่ หลักการนี้ปรากฏในบทบัญญัติกฎหมายโบราณสถานฯ กฎหมายควบคุมอาคาร และกฎหมายผังเมือง ส่วนหลักการสุดท้ายคือ หลักการพัฒนาที่ย่ังยืน และหลักบูรณาการ ทางสงิ่ แวดลอ้ ม ปรากฏหลกั การนใี้ นบทบัญญตั ิของกฎหมายผังเมอื ง

๑๖๓ บรรณานกุ รม หนงั สอื ภาษาไทย เกรียงศักด์ิ เจริญวงศ์ศักดิ์, “กระบวนทัศน์วัฒนธรรมไทย “ต้นตอ” เศรษฐกิจถดถอย” (๒๕๔๑) สังคมศาสตร์ ปริทศั น์ (ปที ี่ ๑๙ ฉบบั ท่ี ๒ มกราคม - มิถนุ ายน ๒๕๔๑) บทความ ภาษาไทย นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ, ศัพท์ทางมานุษยวิทยา <https://www.sac.or.th/data bases/anthropology-concepts /glossary/30> สบื คน้ เมอ่ื ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔.

๑๖๔ บทท่ี ๑๑ กฎหมายวา่ ดว้ ยการค้มุ ครองสภาพแวดลอ้ มในชนบท ชุมชนเมอื ง และการพลงั งาน ในบทที่ ๑๑ น้ี มุ่งเน้นศึกษามาตรการทางกฎหมายเก่ียวกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อมในชนบท และชุมชนเมือง เพ่ือวิเคราะห์หลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมท่ีปรากฏอยู่ในบทบัญญัติกฎหมาย จํานวน ๖ ฉบับ ทีเ่ ก่ยี วกบั การคุ้มครองสภาพแวดลอ้ มในชนบท และชุมชนเมือง ไดแ้ ก่ พระราชบัญญตั ิจัดรปู ท่ีดนิ เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบัญญัติจัดรูปท่ีดินเพื่อพัฒนาพื้นท่ี พ.ศ. ๒๕๔๗ พระราชบัญญัติ คณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ พระราชบัญญัติ พลงั งานนวิ เคลียร์เพือ่ สนั ติ พ.ศ. ๒๕๕๙ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ดงั รายละเอียดต่อไปนี้ ๑๑.๑ กฎหมายวา่ ดว้ ยจัดรปู ทีด่ ินเพื่อเกษตรกรรม พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นกฎหมายท่ีเก่ียวกับการเพ่ิมประสิทธิภาพ การใชน้ ้ําและบริหารจัดการนาํ้ ในระดับไรน่ าทีเ่ ชือ่ มโยงกับระบบชลประทาน เพ่ือให้ที่ดินทุกแปลงได้รับประโยชน์ จากโครงการชลประทานและการสาธารณูปโภคอย่างท่ัวถึง ส่งเสริมให้ประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน เข้ามามีสว่ นร่วม เพ่อื ใหภ้ าครฐั สามารถขยายเขตการจัดรปู ท่ีดินให้เพม่ิ มากขน้ึ ทงั้ น้ี โดยการดําเนนิ การในรูปแบบ การจัดรูปที่ดินและการจัดระบบนํ้าเพ่ือเกษตรกรรมมีระบบชลประทานที่เหมาะสม เพ่ือให้เป็นกฎหมายท่ีรัฐ สามารถนําไปพัฒนาโครงสร้างภาคการเกษตรให้สมบูรณ์ สามารถวางแผนการจัดระบบชลประทานในระดับไร่นา เพ่ือให้เกษตรกรมีน้ําใช้อย่างพอเพียงและเหมาะสมแก่การเกษตร สอดรับกับแนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรัฐตาม รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ซึ่งจะช่วยเสริมสรา้ งฐานรากในการทําเกษตรกรรมให้เข้มแข็ง เพิ่มศักยภาพ ในการแข่งขันกบั ต่างประเทศ ส่งผลใหเ้ ศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีความม่ันคงยิ่งขึ้น จากการศกึ ษาบทบัญญัตใิ นพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพ่ือพัฒนาพ้ืนท่ี พ.ศ. ๒๕๔๗ ไม่ปรากฏถ้อยคํา ในกฎหมายท่รี ะบถุ ึงหลกั การพ้นื ฐานของกฎหมายสิ่งแวดลอ้ มอย่างชัดเจน แตป่ รากฏบทบัญญัติท่ีมีความสอดคล้อง กบั หลกั การพน้ื ฐานของกฎหมายส่งิ แวดลอ้ ม ดงั นี้ ๑๑.๑.๑ หลักความเปน็ สากลของสิ่งแวดลอ้ ม - ไมป่ รากฏ    เนื้อหาบทท่ี ๑๒ น้ี จัดทําโดยนางสาวพัชร์ณัฏฐ์ ไชยนุวัติ พนักงานคดีปกครองชํานาญการ กลุ่มศึกษากฎหมาย มหาชน ๓ สาํ นักวจิ ยั และวชิ าการ สํานักงานศาลปกครอง (คณะทํางานโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบบริหารงานยุติธรรม ทางปกครอง : การศกึ ษาวิเคราะห์กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกับวิธีพจิ ารณาคดสี ่ิงแวดลอ้ มในระบบกฎหมายไทย) 

๑๖๕ ๑๑.๑.๒ หลักการมสี ว่ นร่วมของประชาชนเก่ียวกับสงิ่ แวดลอ้ ม ตามมาตรา ๒๑๑ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวปรากฏเน้ือหาที่สอดคล้องกับหลักการมีส่วนร่วม ของประชาชนเก่ียวกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การกําหนดให้จัดให้มีการประชุมเจ้าของที่ดินท่ีทําเกษตรกรรม ภายในแนวเขตสํารวจการจดั ระบบน้าํ เพ่ือเกษตรกรรม โดยจะคดั เลือกกนั เองเป็นคณะกรรมการจดั ระบบน้าํ ชมุ ชน ในการทําหน้าท่ีเป็นผู้แทนของเจ้าของที่ดินในเขตพ้ืนท่ีนั้น วิธีการคัดเลือกและจํานวนกรรมการในคณะกรรมการ จัดระบบน้ําชุมชน ให้เป็นไปตามความตกลงกันเองของเจ้าของท่ีดินท่ีมาประชุม และให้ผู้บริหารท้องถิ่นทุกแห่ง ที่พืน้ ทเี่ ขตสาํ รวจการจดั ระบบนํ้าเพอ่ื เกษตรกรรมอยใู่ นเขตการปกครอง เป็นกรรมการโดยตําแหน่งในคณะกรรมการ จัดระบบนา้ํ ชุมชน ๑๑.๑.๓ หลกั การพฒั นาทย่ี ง่ั ยืน และหลกั บูรณาการทางสิ่งแวดลอ้ ม อาจพิจารณาได้ว่ามีหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ปรากฏอยู่ในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดิน เพ่ือพฒั นาพื้นที่ ฯ โดยเปน็ กรณีท่ีสาํ นกั งานจดั รปู ท่ีดนิ กลางหรือเจ้าของที่ดินในพื้นที่ท่ีทําเกษตรกรรมประสงค์ ให้มีการจัดระบบน้ําเพ่ือเกษตรกรรมในพื้นที่ใด ก็จะจัดทําโครงการเสนอต่อคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลาง แสดงแนวเขตพ้ืนที่ที่ประสงค์จะจัดทําระบบนํ้าเพ่ือเกษตรกรรม แหล่งนํ้าท่ีจะใช้ในการจัดระบบน้ําเพ่ือ เกษตรกรรม จํานวนเจ้าของท่ีดินที่ทําเกษตรกรรม ประเภทของการทําเกษตรกรรม ความเป็นไปได้และความคุ้มค่า ในการดาํ เนนิ การและประโยชน์ที่ชุมชนจะได้รับ ๑๑.๑.๔ หลักการปอ้ งกันลว่ งหน้า และหลักการระวังไว้กอ่ น พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพ่ือพัฒนาพื้นท่ี ฯ มีบทบัญญัติท่ีสอดคล้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน โดยอาจจําแนกเป็นบทบัญญัติที่ให้อํานาจพนักงานเจ้าหน้าที่กระทําการเพ่ือป้องกัน ล่วงหนา้ และบทบญั ญัติท่ีเป็นข้อห้าม โดยบทบัญญัติเก่ียวกับอํานาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ได้แก่ มาตรา ๒๐ แหง่ พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นท่ี ฯ ซึ่งให้อํานาจพนักงานเจ้าหน้าท่ีหรือผู้ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับ พนักงานเจ้าหน้าที่สามารถกระทําการดังต่อไปน้ี (๑) เข้าไปในที่ดินของบุคคลใดเพ่ือทําการสํารวจพื้นท่ีในการ จัดทําระบบชลประทาน ถนน หรอื ทางลาํ เลียงในไร่นา หรือการอนื่ ทจ่ี าํ เปน็ แก่การจดระบบนาํ้ เพ่อื เกษตรกรรม (๒) ทําเคร่ืองหมายใด ๆ โดยปักหลัก ขุดร่องแนว หรือสร้างหมุดหลักฐานในที่ดินของบุคคลใด เพ่ือเป็นแนวเขต   ๑ มาตรา ๒๑ เมื่อพนักงานเจา้ หนา้ ที่ได้ดาํ เนินการสํารวจและจัดทาํ แผนผังการจัดระบบนา้ํ เพอ่ื เกษตรกรรมเบื้องต้นเสร็จ เรยี บร้อยแล้ว ใหด้ ําเนนิ การจัดใหม้ ีการประชมุ เจา้ ของทดี่ นิ ทท่ี าํ เกษตรกรรมภายในแนวเขตสาํ รวจการจัดระบบนา้ํ เพือ่ เกษตรกรรม เพ่ือคัดเลือกกันเองเปน็ คณะกรรมการจัดระบบนาํ้ ชมุ ชนในการทาํ หนา้ ท่เี ป็นผู้แทนของเจา้ ของท่ีดินในเขตพ้ืนที่นั้น วิธีการคัดเลือก และจํานวนกรรมการในคณะกรรมการจดั ระบบนาํ้ ชุมชน ให้เปน็ ไปตามความตกลงกันเองของเจ้าของที่ดินท่ีมาประชุม ให้ผู้บริหาร ทอ้ งถ่ินทุกแหง่ ทพ่ี น้ื ทีเ่ ขตสาํ รวจการจดั ระบบนา้ํ เพอ่ื เกษตรกรรมอยใู่ นเขตการปกครองเปน็ กรรมการโดยตาํ แหน่งในคณะกรรมการ จดั ระบบนํ้าชุมชน

๑๖๖ ในการดําเนินการ (๓) ขุดดิน ตัดรานก่ิงไม้ หรือกระทําการใด ๆ แก่สิ่งกีดขวางการสํารวจได้เท่าท่ีจําเป็น โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ได้ทราบล่วงหน้าตามสมควร และ ต้องระมดั ระวงั ให้กระทบกระเทือนการใช้ประโยชน์ของเจา้ ของหรอื ผู้ครอบครองอสังหารมิ ทรพั ย์นอ้ ยทส่ี ุด มาตรา ๒๒ บญั ญัตใิ ห้การจดั ทําระบบชลประทาน ถนนหรอื ทางลาํ เลียงในไร่นา หรือการอ่ืนทเี่ ก่ียวข้องกับ การจัดสรรน้ําอย่างทั่วถึงพื้นท่ีท่ีทําเกษตรกรรม ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของท่ีดินในการผ่านที่ดินของตน เพ่ือเสนอต่อสํานักงานจัดรูปที่ดินกลาง โดยต้องคํานึงถึงการจัดสรรนํ้าให้แก่เจ้าของท่ีดินซ่ึงประสงค์จะใช้นํ้า เพ่ือทําเกษตรกรรม การอํานวยความสะดวกในการขนส่งผลิตผลการเกษตร โดยให้พิจารณาจัดทําไปตามแนวเขต ของพืน้ ท่เี ดิมให้ได้มากท่ีสดุ และมใิ ห้เจา้ ของท่ดี ินรายใดตอ้ งรับภาระเกินสมควรแกเ่ หตุ มาตรา ๒๔ ของพระราชบัญญัติดังกล่าว กําหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้ซ่ึงปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับ พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจเข้าไปในท่ีดินหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินในแนวเขตตามประกาศเพ่ือจัดสร้างระบบ ชลประทาน ถนนหรือทางลําเลียงในไร่นาและการอ่ืนที่จําเป็นแก่การจัดระบบนํ้าเพ่ือเกษตรกรรม และหากมี กรณีจําเป็น พนักงานเจ้าหน้าที่อาจเปลี่ยนแปลงแผนผังดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมกับสภาพพื้นท่ีหรือ เพ่ือประโยชน์ในการก่อสร้างได้ เม่ือได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าสํานักงานจัดรูปที่ดินกลางแล้ว โดยต้อง ดําเนนิ การใหเ้ กิดความเสยี หายแกเ่ จา้ ของทด่ี นิ นอ้ ยทีส่ ดุ มาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปท่ีดินเพ่ือพัฒนาพื้นท่ีฯ บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือ ผู้ซ่ึงปฏิบัติงานร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจ (๑) เข้าไปทําการอันจําเป็นเพื่อการจัดรูปท่ีดิน (๒) เข้าไป ทําการสาํ รวจรงั วดั เพ่ือกําหนดแผนผังการจดั แปลงที่ดินใหม่ ดาํ เนินการจดั สรา้ ง ระบบชลประทาน การสร้างถนน หรือทางลําเลียงในไร่นา การปรับระดับพ้ืนดิน และการอ่ืนท่ีเก่ียวกับการจัดรูปท่ีดิน (๓) ทําเครื่องหมายระดับ ขอบเขต และแนวเขต เม่ือมีความจําเป็นและโดยสมควร พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจตัดหรือร้ือถอนต้นไม้ พืชพันธ์ุ รั้ว หรือสิ่งใด ๆ อันจําเป็นแก่การดําเนินการจัดรูปที่ดิน ห้ามมิให้เข้าไปในอาคาร ลานบ้าน หรือส่วนที่ มีร้ัวก้ันอันติดต่อกับบ้านซึ่งเป็นท่ีอยู่อาศัย เว้นแต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์อนุญาต หรือ เจ้าของ หรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ได้รับแจ้งเร่ืองกิจการที่จะกระทําไม่น้อยกว่าสามวันก่อนเร่ิม กระทําการนัน้ นอกจากน้ี หลักการป้องกันล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อน ยังปรากฏในลักษณะที่เป็นบทบัญญัติ ห้ามกระทําการ เช่น มาตรา ๒๗ ห้ามผู้ใดทําทางระบายน้ํามาเชื่อมต่อกับระบบชลประทานหรือกระทําการใด ๆ เพ่ือส่ง กัก หรือระบายน้ําจากระบบชลประทาน เว้นแต่จะดําเนินการตามที่อธิบดีกําหนดหรือได้รับอนุญาต จากพนักงานเจา้ หนา้ ที่ มาตรา ๒๘ ห้ามผู้ใดทําให้ระบบชลประทาน ถนนหรือทางลําเลียงในไร่นาเสียหาย หรือไม่สะดวก แก่การใช้ มาตรา ๒๙ ห้ามผู้ใดกักน้ําไว้ใช้เกินกว่าความจําเป็นแก่ที่ดินของตน หรือกระทําการขัดขวางการส่ง กัก หรือระบายนา้ํ จนเปน็ เหตใุ หผ้ ูอ้ ื่นไม่สามารถได้รบั น้าํ จากระบบชลประทาน มาตรา ๓๐ ห้ามใช้ท่ีดินเพื่อประโยชน์อย่างอื่นท่ีมิใช่เกษตรกรรม เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ จากคณะกรรมการจดั รปู ที่ดินกลางหรอื ผู้ซงึ่ คณะกรรมการจดั รูปที่ดนิ กลางมอบหมาย

๑๖๗ มาตรา ๓๓ ห้ามผูใ้ ดจําหน่าย ก่อให้เกิด ภาระติดพัน หรือกระทําการใด ๆ อันอาจทําให้ราคาประเมิน ท่ีดินในท้องท่ีที่จะสํารวจการจัดรูปที่ดินสูงข้ึน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากคณะกรรมการจัดรูปที่ดิน กลางหรือผซู้ งึ่ คณะกรรมการจดั รปู ทด่ี ินกลางมอบหมาย หากมีการกระทําที่ทําให้ราคาประเมินที่ดินในที่ดินนั้น สูงขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต คณะกรรมการจัดรูปท่ีดินจังหวัดจะไม่ประเมินราคาที่ดินที่สูงข้ึนน้ันรวมในราคา ประเมินที่ดินและทรัพย์สินในท่ีดินนั้น ถ้าการที่จัดทําขึ้นนั้นเป็นทรัพย์สินที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือ กีดขวางการจัดรูปท่ีดิน คณะกรรมการจัดรูปที่ดินจังหวัดมีอํานาจสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของท่ีดินทําการรื้อถอน ภายในระยะเวลาท่ีกําหนด ถ้าเจ้าของที่ดินไม่ปฏิบัติตาม คณะกรรมการจัดรูปท่ีดินจังหวัดมีอํานาจดําเนินการ รอื้ ถอนโดยเจา้ ของทีด่ นิ จะเรียกรอ้ งค่าเสยี หายมิได้ และต้องเป็นผูเ้ สียคา่ ใชจ้ า่ ยในการร้ือถอนน้นั ดว้ ย มาตรา ๕๖ วรรคหน่ึง ห้ามมิให้ใช้ท่ีดินเพื่อประโยชน์อย่างอ่ืนที่มิใช่เกษตรกรรม หรือทําการปลูกสร้าง สิ่งใด ๆ หรือทําการใด ๆ แก่ท่ีดินนั้นอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การจัดรูปท่ีดิน เว้นแต่ได้รับอนุญาต เป็นหนังสอื จากคณะกรรมการจดั รูปทด่ี ินจงั หวัดหรอื ผู้ซึ่งคณะกรรมการจัดรปู ทด่ี ินจงั หวดั มอบหมาย ๑๑.๑.๕ หลกั ผกู้ ่อมลพษิ เปน็ ผจู้ า่ ย หลักผกู้ ่อมลพิษเปน็ ผจู้ ่าย ปรากฏอยู่ในบทบัญญัติมาตรา ๕๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดิน เพ่ือพัฒนาพื้นที่ฯ ที่บัญญัติเก่ียวกับกรณีมีผู้ฝ่าฝืนใช้ท่ีดินเพ่ือประโยชน์อย่างอื่นที่มิใช่เกษตรกรรม หรือทําการ ปลูกสร้างสิ่งใด ๆ หรอื ทําการใด ๆ แก่ที่ดินน้นั อันอาจก่อให้เกิดความเสยี หายแก่การจัดรูปที่ดิน คณะกรรมการ จัดรูปท่ีดินจังหวัดมีอํานาจส่ังให้ผู้ฝ่าฝืนรื้อถอน ทําให้คืนสู่สภาพเดิม หรืองดเว้นการกระทําน้ันภายในระยะเวลา ท่ีกําหนด ถ้าผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคําสั่งน้ัน คณะกรรมการจัดรูปท่ีดินจังหวัดมีอํานาจดําเนินการร้ือถอน หรือ ทาํ ให้คืนสูส่ ภาพเดมิ โดยให้ผูฝ้ ่าฝืนรบั ผิดชอบค่าใชจ้ า่ ยในการรือ้ ถอนหรือทาํ ใหค้ ืนสสู่ ภาพเดมิ ได้ ๑๑.๑.๖ หลักการวา่ ด้วยการคุ้มครองสงิ่ แวดล้อมต้องไม่มลี ักษณะท่ีถดถอยลง - ไมป่ รากฏ ๑๑.๒ กฎหมายจัดรปู ท่ีดนิ เพ่ือพัฒนาพนื้ ท่ี พระราชบัญญัติจัดรูปท่ีดินเพื่อพัฒนาพ้ืนที่ พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นกฎหมายท่ีเกี่ยวกับการดําเนินการพัฒนา ท่ีดินหลายแปลงโดยการวางผังจัดรูปท่ีดินใหม่ ปรับปรุง หรือจัดโครงสร้างพ้ืนฐาน และการร่วมรับภาระและ กระจายผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม ท้ังน้ี โดยความร่วมมือระหว่างเอกชนกับเอกชนหรือเอกชนกับรัฐ เพ่ือให้ เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสมย่ิงขึ้นในด้านการคมนาคม เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชน และเป็นการสอดคล้องกับการผงั เมือง จากการศกึ ษาบทบญั ญัติในพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพ่ือพัฒนาพ้ืนที่ พ.ศ. ๒๕๔๗ ไม่ปรากฏถ้อยคํา ในกฎหมายที่บัญญัติชัดเจนถึงหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม แต่ปรากฏบทบัญญัติที่มีความสอดคล้องกับหลักการ พ้นื ฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อม ดังน้ี

๑๖๘ ๑๑.๒.๑ หลักความเปน็ สากลของสิง่ แวดล้อม - ไม่ปรากฏ ๑๑.๒.๒ หลกั การมีส่วนรว่ มของประชาชนเกย่ี วกับส่ิงแวดลอ้ ม หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน ปรากฏอยู่ในพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ฯ ๓ มาตรา คือ มาตรา ๓๖๒ บัญญัติเก่ียวกับขั้นตอนการดําเนินการจัดรูปที่ดิน โดยผู้ริเร่ิมโครงการจัดรูปท่ีดินจะต้อง จดั ประชุมเจ้าของทด่ี ินเพ่ือปรกึ ษาหารอื และรบั ฟงั ความเห็นนํามาปรับปรงุ โครงการอย่างต่อเน่ือง รวมท้ังรวบรวม และแสดงหนังสอื ใหค้ วามยนิ ยอมของเจา้ ของทดี่ นิ ทส่ี มคั รใจไวใ้ หช้ ดั เจนตามแบบท่คี ณะกรรมการกาํ หนด และมาตรา ๔๓๓ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวที่บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดให้มีการประกาศ โครงการจัดรูปที่ดินน้ันไว้ในท่ีเปิดเผย ณ สํานักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพ้ืนท่ีและสถานที่ที่เห็น ๒ มาตรา ๓๖ ในการจัดทําโครงการจัดรูปที่ดินเพ่ือพัฒนาพื้นท่ีเพ่ือเสนอขอความเห็นชอบตามมาตรา ๔๑ ผู้ริเร่ิม โครงการจะต้องจดั ประชุมเจ้าของที่ดินเพ่ือปรกึ ษาหารือและรบั ฟังความเหน็ นาํ มาปรบั ปรุงโครงการอย่างต่อเน่ือง รวมทั้งรวบรวม และแสดงหนังสอื ให้ความยินยอมของเจ้าของท่ีดนิ ทีส่ มัครใจไวใ้ ห้ชดั เจนตามแบบที่คณะกรรมการกําหนด การเสนอโครงการจัดรูปที่ดินเพ่ือพัฒนาพ้ืนท่ีเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๔๑ จะต้องมีหนังสือแสดงความยินยอม ของเจ้าของทดี่ นิ ในโครงการมาแสดงประกอบคาํ ขอไม่นอ้ ยกว่าสองในสามของเจ้าของท่ีดนิ ท้งั หมดและเป็นเจ้าของที่ดินมีเนื้อท่ี รวมกันไมน่ ้อยกวา่ สองในสามของท่ดี ินในบริเวณนั้น ในกรณีอาคารชุดให้คํานวณเฉพาะที่ดินท่ีต้ังอาคารชุดรวมกับที่ดินท่ีมีไว้เพ่ือใช้หรือเพ่ือประโยชน์ร่วมกันสําหรับ เจ้าของอาคารชดุ ทงั้ หมด และการนับคะแนนเสียงระหวา่ งอาคารชุดนัน้ กบั เจา้ ของท่ีดินอื่นภายในโครงการจัดรูปท่ีดิน ให้ถือว่า อาคารชุดน้ันเป็นเจ้าของท่ีดินหนึ่งราย โดยให้ผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดเป็นผู้ออกเสียงลงคะแนนตามมติเจ้าของร่วม ในกรณีท่ี อาคารชดุ น้ันได้จดทะเบยี นนิติบุคคลอาคารชุดแล้ว ๓ มาตรา ๔๓ เมื่อผู้ดําเนินการเสนอโครงการจัดรูปท่ีดินต่อคณะกรรมการส่วนจังหวัดตามมาตรา ๔๑ ให้พนักงาน เจ้าหน้าท่ีจัดให้มีการประกาศโครงการจัดรูปท่ีดินน้ันไว้ในที่เปิดเผย ณ สํานักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในเขตพ้ืนที่ และสถานท่ที ี่เห็นได้ชัดในบรเิ วณท่จี ะดาํ เนินการจดั รปู ท่ีดินเพอ่ื พัฒนาพื้นท่ีและให้มีหนังสือแจ้งเจ้าของที่ดินทางไปรษณีย์ตอบรับ ในวันท่ีปดิ ประกาศด้วย และใหผ้ ดู้ าํ เนนิ การเสนอโครงการจดั รูปทดี่ นิ เปน็ ผู้ออกคา่ ใชจ้ า่ ยในการนั้น ประกาศตามวรรคหน่งึ อย่างน้อยตอ้ งมรี ายการ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ชือ่ ของผู้ดาํ เนนิ โครงการจดั รูปทดี่ ินเพอ่ื พฒั นาพ้นื ที่ (๒) บริเวณพนื้ ทีท่ จี่ ะดาํ เนินการโครงการจดั รปู ท่ีดนิ (๓) สถานที่ตั้งของสํานักงานโครงการจดั รปู ทีด่ นิ (๔) งบประมาณทใ่ี ชใ้ นการดําเนนิ การ (๕) ผงั แมบ่ ทการจัดรูปทีด่ ินเพ่ือพัฒนาพนื้ ท่ี (๖) รายการอื่นที่คณะกรรมการกําหนดให้เจ้าของที่ดินในบริเวณโครงการจัดรูปท่ีดินแจ้งการยินยอมที่ให้ดําเนินการ ตามมาตรา ๕๘ หรือยื่นคัดค้านหรือเสนอข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในสามสิบวันนับแต่ วนั ไดร้ บั หนังสือแจ้งตามวรรคหนึง่

๑๖๙ ได้ชัดในบริเวณที่จะดําเนินการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่และให้มีหนังสือแจ้งเจ้าของท่ีดินทางไปรษณีย์ตอบรับ ในวันท่ีปิดประกาศด้วย สําหรับกรณีท่ีจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับพลเมือง ใช้ร่วมกันในโครงการจัดรูปท่ีดิน ผู้มีส่วนได้เสียอาจเสนอข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึง่ คณะกรรมการส่วนจังหวัดต้องนําคําคัดค้านหรือข้อเสนอทุกราย พร้อมทั้งเชิญเจ้าของท่ีดินผู้ย่ืนคัดค้านหรือ ขอ้ เสนอหรอื ผู้มีสว่ นได้เสยี ทไ่ี ดย้ ่ืนขอ้ เสนอตามวรรคส่มี าแสดงขอ้ เท็จจริงและความเหน็ ประกอบการพิจารณาดว้ ย รวมท้ัง มาตรา ๗๐๔ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวท่ีบัญญัติให้ผู้ดําเนินโครงการจัดรูปที่ดินและคณะท่ี ปรึกษาโครงการจัดรูปที่ดินกําหนดท่ีดินแปลงใหม่และจํานวนค่าชดเชยต่าง ๆ พร้อมความเห็นของเจ้าของท่ีดิน ทง้ั หมดเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสว่ นจงั หวดั จากนน้ั จะประกาศผังที่ดนิ แปลงใหมแ่ ละจํานวน ค่าชดเชยดังกล่าวไว้ในท่ีเปิดเผย ณ สํานักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในเขตพ้ืนท่ีและสถานที่ที่เห็นได้ชัด ในบริเวณโครงการจัดรูปที่ดิน หากเจ้าของท่ีดินท่ีไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการภายในสามสิบวัน นบั แตว่ นั ทีไ่ ด้รับหนังสือแจง้ ๑๑.๒.๓ หลักการพัฒนาท่ียง่ั ยนื และหลักบรู ณาการทางสิง่ แวดล้อม หลักการพัฒนาท่ีย่ังยืนปรากฏอยู่ในบทบัญญัติมาตรา ๓๗๕ ซึ่งกําหนดให้การจัดรูปที่ดินเพ่ือพัฒนาพื้นท่ี จะต้องสอดคล้องกับหลักการผังเมือง หรือผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง แล้วแต่กรณี และ ในกรณีท่ีจะต้องมีการเปล่ียนแปลงสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในโครงการจัดรูปที่ดิน ผู้มีส่วนได้เสียอาจเสนอข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ปิดประกาศตามวรรคหนึ่ง ทง้ั น้ี ตามหลกั เกณฑ์และวิธีการทีค่ ณะกรรมการกําหนด ในการพิจารณาโครงการจัดรูปที่ดิน คณะกรรมการส่วนจังหวัดต้องนําคําคัดค้านหรือข้อเสนอทุกรายพร้อมท้ังเชิญ เจ้าของท่ีดินผู้ยื่นคัดค้านหรือข้อเสนอหรือผู้มีส่วนได้เสียท่ีได้ย่ืนข้อเสนอตามวรรคส่ีมาแสดงข้อเท็จจริงและความเห็น ประกอบการพจิ ารณาด้วย ๔ มาตรา ๗๐ เมื่อการก่อสร้างและการดําเนินการทางกายภาพของโครงการจัดรูปท่ีดินเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ ใกล้จะเสร็จ ให้ผู้ดําเนินโครงการจัดรูปท่ีดินและคณะที่ปรึกษาโครงการจัดรูปท่ีดินตกลงกันในเรื่องการกําหนดท่ีดินแปลงใหม่ และจํานวนค่าชดเชยต่าง ๆ พรอ้ มความเหน็ ของเจา้ ของทีด่ ินทั้งหมดแลว้ เสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสว่ นจงั หวัด เมื่อคณะกรรมการส่วนจังหวัดได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศผังที่ดินแปลงใหม่และจํานวน ค่าชดเชยดังกล่าวไว้ในที่เปิดเผย ณ สํานักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตพ้ืนที่และสถานที่ท่ีเห็นได้ชัดในบริเวณโครงการ จัดรูปที่ดินเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบห้าวันเพื่อให้ผู้ที่เก่ียวข้องได้ตรวจดู โดยให้มีหนังสือแจ้งเจ้าของที่ดินทางไปรษณีย์ตอบรับ ในวนั ทปี่ ดิ ประกาศดว้ ย และให้ผู้ดําเนินการเสนอโครงการจัดรูปท่ีดินเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ในการนั้นให้เจ้าของท่ีดินที่ไม่เห็นด้วย กบั การกําหนดผังที่ดินแปลงใหมแ่ ละจาํ นวนค่าชดเชยต่าง ๆ มีสิทธอิ ทุ ธรณต์ ่อคณะกรรมการภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับ หนังสอื แจง้ ตามวรรคสอง คาํ วนิ ิจฉยั อทุ ธรณข์ องคณะกรรมการใหเ้ ป็นที่สดุ ๕ มาตรา ๓๗ การจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่จะต้องสอดคล้องกับหลักการผังเมืองหรือผังเมืองตามกฎหมายว่าด้วย การผังเมือง แล้วแต่กรณี และดําเนินการให้มีสิ่งท่ีจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมตามความเหมาะสมแก่สภาพของชุมชนและ การพฒั นาเมืองต่อไปในอนาคต

๑๗๐ ดําเนินการให้มีสิ่งท่ีจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมตามความเหมาะสมแก่สภาพของชุมชนและการพัฒนาเมือง ตอ่ ไปในอนาคต ๑๑.๒.๔ หลกั การป้องกันลว่ งหน้า และหลักการระวงั ไว้กอ่ น พระราชบัญญัติจัดรูปท่ีดินเพ่ือพัฒนาพ้ืนท่ีฯ มีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน ได้แก่ มาตรา ๔๒๖ ท่ีบัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีและผู้ซ่ึงปฏิบัติงานร่วมกับบุคคล ดังกล่าวมีอํานาจ (๑) เข้าไปทําการอันจําเป็นเพื่อการสํารวจได้ (๒) ทําเคร่ืองหมายระดับ ขอบเขต หรือแนวเขต โดยปักหลักหรือขุดร่องแนว ในกรณีที่ต้องสร้างหมุดหลักฐานการแผนท่ีในบริเวณที่ดินของผู้ใด ก็ให้มีอํานาจ สร้างหมดุ หลักฐานลงได้ตามความจาํ เปน็ (๓) ขุดดิน ตัดราก กงิ่ ไม้ และกระทําการอยา่ งอ่ืนแก่ส่ิงท่ีกีดขวางการ สํารวจได้เท่าท่จี ําเปน็ โดยตอ้ งแจ้งให้เจา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองทราบล่วงหนา้ และใหเ้ กิดความเสยี หายนอ้ ยท่ีสดุ และตามมาตรา ๔๕๗ ท่ีบัญญัติเกี่ยวกับกรณีเกิดเพลิงไหม้หรืออุบัติภัยอย่างอ่ืนเป็นเหตุให้อาคาร เสียหายร้ายแรงและเห็นควรดําเนินการจัดรูปที่ดินเพ่ือพัฒนาพ้ืนที่ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเสนอความเห็น ๖ มาตรา ๔๒ เพื่อประโยชน์ในการจัดทําโครงการจัดรูปที่ดินให้สมบูรณ์ตามมาตรา ๔๑ หรือเพื่อประโยชน์ในการ ดําเนินโครงการจัดรูปท่ีดิน เมื่อมีคําขอสํารวจจากผู้ขอดําเนินการจัดรูปท่ีดินเพ่ือพัฒนาพื้นที่ คณะกรรมการส่วนจังหวัด มีอํานาจประกาศกําหนดบริเวณที่จะสํารวจเพ่ือจัดทําโครงการจัดรูปท่ีดินโดยให้ประกาศไว้ในที่เปิดเผย ณ สํานักงานองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นในเขตพ้ืนท่ีและสถานท่ีที่เห็นได้ชัดในบริเวณท่ีจะทําการสํารวจ ก่อนที่จะลงมือทําการสํารวจไม่น้อยกว่าสิบห้าวัน และประกาศไว้จนกว่าจะดําเนินการสํารวจเสร็จส้ิน โดยให้ลงวันท่ีที่ปิดประกาศในประกาศนั้นด้วยทั้งนี้ ให้ผู้เสนอโครงการ จัดรูปท่ีดินเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการประกาศภายในบริเวณที่มีประกาศสํารวจตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีและ ผู้ซง่ึ ปฏบิ ตั งิ านรว่ มกบั บุคคลดงั กล่าวมอี าํ นาจดังต่อไปนี้ (๑) เข้าไปทําการอนั จาํ เปน็ เพื่อการสํารวจได้ (๒) ทําเคร่ืองหมายระดับ ขอบเขต หรือแนวเขต โดยปักหลักหรือขุดร่องแนว ในกรณีที่ต้องสร้างหมุดหลักฐาน การแผนท่ีในบริเวณท่ดี นิ ของผูใ้ ด กใ็ หม้ อี ํานาจสรา้ งหมดุ หลกั ฐานลงได้ตามความจําเปน็ (๓) ขดุ ดนิ ตดั ราก กงิ่ ไม้ และกระทําการอย่างอนื่ แก่ส่ิงทีก่ ีดขวางการสาํ รวจไดเ้ ทา่ ท่ีจําเป็น การดาํ เนินการตามวรรคสอง ในโรงเรือนหรือเคหสถานต้องแจ้งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และให้คํานึงถึงการท่ีจะให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายน้อยที่สุดทั้งน้ี ไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายจะได้รับค่าทดแทน ให้ผู้มีคําขอให้มี การสํารวจเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและค่าทดแทนความเสียหายเนื่องจากการสํารวจ ในกรณีที่ไม่สามารถตกลงกันได้ในเร่ืองค่าใช้จ่าย และค่าทดแทนความเสยี หาย ใหเ้ สนอคณะกรรมการสว่ นจังหวดั เป็นผพู้ ิจารณาตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการกําหนด ๗ มาตรา ๔๕ ในกรณีเกิดเพลิงไหม้หรืออุบัติภัยอย่างอื่นเป็นเหตุให้อาคารเสียหายร้ายแรง ถ้าเจ้าพนักงานท้องถิ่น เห็นควรดําเนินการจัดรูปท่ีดินเพ่ือพัฒนาพ้ืนท่ี ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นเสนอความเห็นพร้อมด้วยแผนท่ีแสดงแนวเขตเพลิงไหม้ หรืออุบัติภัยอย่างอ่ืนต่อคณะกรรมการส่วนจังหวัดภายในสามสิบวันนับแต่วันเกิดเหตุเพลิงไหม้หรืออุบัติภัยอย่างอื่น ถ้าเขต เพลิงไหม้หรืออุบัติภัยอย่างอ่ืนอยู่ในเขตอํานาจของเจ้าพนักงานท้องถิ่นมากกว่าหนึ่งท้องท่ี ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินแห่งท้องท่ี ซึ่งเกยี่ วขอ้ งเป็นผรู้ ่วมกนั พิจารณาและเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการส่วนจังหวัด

๑๗๑ พรอ้ มดว้ ยแผนทีแ่ สดงแนวเขตเพลิงไหมห้ รอื อุบตั ภิ ัยอย่างอืน่ ตอ่ คณะกรรมการสว่ นจงั หวดั แตห่ ากอย่ใู นเขตอํานาจ ของเจ้าพนักงานทอ้ งถ่ินมากกว่าหนึง่ ท้องท่ี ให้เจา้ พนกั งานท้องถิน่ แห่งท้องทซี่ งึ่ เกย่ี วขอ้ งเป็นผรู้ ว่ มกันพจิ ารณา และเสนอความเหน็ ต่อคณะกรรมการส่วนจังหวดั กแ็ สดงถงึ หลกั การป้องกันลว่ งหน้าเช่นกนั นอกจากนี้ มาตรา ๕๔๘ ยังบัญญัติให้ผู้ดําเนินโครงการจัดรูปท่ีดินโดยความเห็นชอบของคณะที่ปรึกษา โครงการจัดรูปท่ีดินจัดทําแผนช่ัวคราวกําหนดการให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินไปพลางก่อน ในระหว่างการดําเนินการ ให้ถือว่าการเสนอความเห็นพรอ้ มดว้ ยแผนทแ่ี สดงแนวเขตเพลิงไหมห้ รอื อบุ ัติภัยอย่างอ่ืนตามวรรคหน่ึงเป็นการเสนอ โครงการจัดรูปทีด่ นิ เพอื่ พัฒนาพน้ื ทต่ี ามมาตรา ๔๑ และให้คณะกรรมการส่วนจังหวัดพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับ แตว่ ันทีไ่ ด้รับความเห็น โดยให้นําความในมาตรา ๔๓ มาใช้บังคบั โดยอนุโลม การดําเนนิ การจัดรูปทด่ี ินเพ่ือพัฒนาพืน้ ท่ีตามมาตรานี้ไม่อยูภ่ ายใตบ้ งั คับมาตรา ๓๕ วรรคสอง และเจ้าพนกั งานท้องถิ่น อาจมอบให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามมาตรา ๓๕ (๒) หรือหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๓๕ (๓) และ (๔) เป็นผู้ดําเนินการ แทนก็ได้ ๘ มาตรา ๕๔ ให้ผู้ดําเนินโครงการจัดรูปที่ดินโดยความเห็นชอบของคณะที่ปรึกษาโครงการจัดรูปท่ีดินจัดทําแผน ชั่วคราวกําหนดการให้ใช้ประโยชน์ในท่ีดินไปพลางก่อนในระหว่างการดําเนินการจัดรูปท่ีดินเพื่อพัฒนาพ้ืนที่ เพ่ือให้เจ้าของที่ดิน ได้รับผลกระทบน้อยท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการก่อสร้าง เคล่ือนย้ายหรือดัดแปลง และในกรณีที่จําเป็นเพื่อความปลอดภัย แก่ชีวิตหรอื ร่างกายต้องกําหนดแผนการย้ายเจา้ ของทด่ี นิ ไปอย่อู าศัยหรอื ทําประโยชน์ ณ ทอี่ ่นื ไว้ด้วย ผลกระทบจากการต้องย้ายที่อยู่อาศัยช่ัวคราวหรือเส่ือมเสียการทําประโยชน์หรือธุรกิจในระหว่างการดําเนิน โครงการจัดรูปท่ีดิน ให้นํามาพิจารณาเป็นค่าชดเชยแก่กันตามความเป็นธรรม และตามประโยชน์ท่ีทุกฝ่ายได้รับมาตรา ๕๕ ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินขององค์การของรัฐบาล องค์การมหาชน หรือหน่วยงานท่ีมีกฎหมาย คุ้มครองการโอนโดยเฉพาะในเขตดําเนินการจัดรูปท่ีดินเพ่ือพัฒนาพ้ืนท่ี ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ถ้าผู้ดําเนินโครงการจัดรูปที่ดินจําเป็นจะต้องนํามาใช้ในการจัดรูปท่ีดินเพ่ือพัฒนาพ้ืนที่ ให้เสนอเร่ืองต่อคณะกรรมการเพ่ือ พิจารณา การพิจารณาของคณะกรรมการจะต้องเชิญผู้แทนหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์น้ันมาร่วม พิจารณาดว้ ย เม่ือคณะกรรมการให้ความเห็นชอบให้นําท่ีดินหรืออสังหาริทรัพย์ตามวรรคหนึ่งมาใช้ในโครงการจัดรูปท่ีดินแล้ว ให้มีผลเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับท่ีดินดังกล่าวโดยมิต้องดําเนินการถอนสภาพหรือโอน ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน กฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุหรือกฎหมายอื่นเกี่ยวกับท่ีดินนั้น และให้ผู้ดําเนินโครงการจัดรูปที่ดิน มอี ํานาจใช้ทดี่ นิ ภายใต้เง่อื นไขดังตอ่ ไปน้ี (๑) ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน แต่พลเมืองเลิกใช้ประโยชน์ในที่ดินน้ัน หรือ ได้เปล่ยี นแปลงสภาพจากการเปน็ ท่ดี นิ สําหรบั พลเมอื งใช้ร่วมกัน และมไิ ดต้ กเป็นกรรมสิทธขิ์ องผใู้ ด (๒) ทดี่ นิ อนั เป็นสาธารณสมบัตขิ องแผ่นดนิ สําหรับพลเมอื งใช้รว่ มกันและพลเมืองยงั ใช้ประโยชน์ในท่ีดินน้ันอยู่ แต่ได้ มกี ารจัดทดี่ นิ แปลงอื่นใหพ้ ลเมืองใชร้ ว่ มกนั แทน โดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลว้ (๓) ท่ีดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสําหรับใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะหรือที่สงวนหรือหวงห้าม ไว้ ซึง่ ทางราชการไม่ประสงค์จะสงวนหรอื หวงห้ามไว้อีกต่อไป และคณะรฐั มนตรีไดใ้ หค้ วามเห็นชอบแล้ว (๔) ท่ีดินขององค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด้วยการจัดต้ังองค์การของรัฐบาล หรือตามกฎหมายเฉพาะ หรือ องคก์ ารมหาชนตามกฎหมายว่าดว้ ยองค์การมหาชน และคณะรฐั มนตรีได้ใหค้ วามเห็นชอบแลว้

๑๗๒ จัดรูปที่ดินเพ่ือพัฒนาพื้นที่ เพ่ือให้เจ้าของที่ดินได้รับผลกระทบน้อยท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในการก่อสร้าง เคลื่อนยา้ ยหรอื ดดั แปลง ๑๑.๒.๕ หลกั ผู้กอ่ มลพษิ เป็นผจู้ า่ ย บทบัญญัติมาตรา ๕๙ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดรูปท่ีดินเพื่อพัฒนาพ้ืนท่ี ฯ ท่ีบัญญัติเก่ียวกับ กรณีที่ผู้ดําเนินโครงการจัดรูปที่ดินหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายเข้าไปใช้สอยหรือครอบครองที่ดินที่มิใช่ท่ีอยู่อาศัย ของบุคคลใดท่ีอยู่ใกล้กับท่ีดินในบริเวณโครงการจัดรูปท่ีดินโดยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้ในมาตรา ๕๙ วรรคหนึ่ง แต่ก่อให้เกดิ ความเสียหายแก่เจ้าของที่ดินหรือผู้ทรงสิทธิอ่ืน บุคคลนั้นย่อมเรียกค่าทดแทนจากโครงการ จดั รปู ทดี่ นิ ได้ และหากไมส่ ามารถตกลงกันไดใ้ นเรือ่ งค่าทดแทน ให้เสนอคณะกรรมการสว่ นจงั หวัดเป็นผ้พู จิ ารณา แสดงถงึ หลกั ผูก้ ่อมลพษิ เป็นผู้จ่าย ๑๑.๒.๖ หลักการวา่ ด้วยการคมุ้ ครองสิ่งแวดลอ้ มตอ้ งไมม่ ลี กั ษณะทถ่ี ดถอยลง - ไมป่ รากฏ ๑๑.๓ กฎหมายคณะกรรมการนโยบายทด่ี นิ แห่งชาติ พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตราข้ึนเพ่ือให้มีคณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อทําหน้าที่กําหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการท่ีดินและทรัพยากรดิน ของประเทศเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและความมั่นคง โดยการบูรณาการ การกระจายอํานาจ การมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชนและภูมิสังคม ซ่ึงจะทําให้การบริหารจัดการท่ีดินและ ทรัพยากรดินของประเทศที่มีอยู่อย่างจํากัดมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด สมดุล เป็นธรรม และยั่งยืน แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และลดความเหล่ือมล้ําในสังคม ท้ังนี้ เนื่องจากการกําหนดนโยบาย และแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศในปัจจุบันมีการกําหนดไว้ในกฎหมายหลายฉบับ และการบังคับใช้กฎหมายจะอยู่ภายใต้กรอบอํานาจหน้าที่และความรับผิดชอบรวมถึงวัตถุประสงค์ของ กฎหมายน้ัน ๆ โดยไม่มีการทํางานร่วมกันทําให้การควบคุมดูแลและการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ของประเทศไม่เป็นเอกภาพและไมม่ ีกรอบแนวทางเพือ่ ให้การกําหนดแนวทางการพัฒนาภารกิจ และการปฏิบัติงาน ของหน่วยงานท่เี กี่ยวขอ้ งเปน็ ไปในทิศทางเดียวกัน จากการศึกษาบทบัญญัติในพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไม่ปรากฏถ้อยคําในกฎหมายที่ชัดเจน แต่ปรากฏบทบัญญัติท่ีมีความสอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของกฎหมาย สิง่ แวดลอ้ ม ดงั นี้ (๕) ทีด่ นิ ขององค์กรอน่ื ของรฐั ทม่ี ีกฎหมายจดั ตัง้ โดยเฉพาะ เม่ือองคก์ รนนั้ ให้ความเหน็ ชอบแล้ว

๑๗๓ ๑๑.๓.๑ หลักความเป็นสากลของส่ิงแวดลอ้ ม - ไมป่ รากฏ ๑๑.๓.๒ หลกั การมสี ่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกบั สิ่งแวดล้อม หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับสิ่งแวดล้อม ปรากฏอยู่ในบทบัญญัติมาตรา ๑๓๙ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ฯ ที่บัญญัติไว้อย่างชัดแจ้งว่า หากเป็นกรณีการจัดทํา นโยบายและแผนการบริหารจัดการท่ีดินและทรัพยากรดินของประเทศ จะต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น และการมีสว่ นร่วมของประชาชน นอกจากน้ี มาตรา ๑๖ แห่งพระราชบญั ญัติดงั กล่าว ยังให้อาํ นาจคณะกรรมการนโยบายท่ีดินแห่งชาติ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางาน อาจเชิญบุคคลใดมาให้ข้อเท็จจริงความเห็น หรือคําแนะนําทางวิชาการ หรอื ใหส้ ง่ เอกสาร หรือหลักฐานท่เี กี่ยวข้อง เพือ่ ประกอบการพจิ ารณาไดต้ ามทีเ่ หน็ สมควร ๑๑.๓.๓ หลักการพฒั นาที่ย่ังยนื และหลกั บูรณาการทางสง่ิ แวดลอ้ ม ตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติฯ ท่ีบัญญัติว่าการจัดทํา นโยบายและแผนการบริหารจัดการท่ีดินและทรัพยากรดินของประเทศ ต้องคํานึงถึงความสอดคล้อง กับยุทธศาสตรช์ าติ นโยบายการบรหิ ารประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ นโยบายและแผนการ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และแผนอื่น ๆ ที่เก่ียวข้องด้านการบริหารจัดการท่ีดินและ ทรัพยากรดิน สิทธิในทรัพย์สินของประชาชน การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การมีส่วนร่วม ของประชาชน ชุมชน และหลักภูมิสังคม เพ่ือรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ การอนุรักษ์ที่ดินและทรัพยากรดิน อย่างยั่งยืน การกระจายการถือครองท่ีดินอย่างเป็นธรรม และการบูรณาการให้การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นไป อย่างเหมาะสมตามศักยภาพของที่ดิน รวมท้ังวิธีปฏิบัติและระยะเวลาในการดําเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตามท่กี าํ หนดไว้ แสดงให้เหน็ อยา่ งชดั แจ้งถึงหลกั การพัฒนาทย่ี ง่ั ยนื และหลักบรู ณาการทางสง่ิ แวดล้อม ๑๑.๓.๔ หลักการปอ้ งกนั ลว่ งหนา้ และหลกั การระวังไว้กอ่ น - ไม่ปรากฏ ๑๑.๓.๕ หลกั ผกู้ อ่ มลพิษเปน็ ผจู้ า่ ย - ไม่ปรากฏ   ๙ มาตรา ๑๓ ในการดาํ เนินการจัดทาํ นโยบายและแผนการบริหารจดั การที่ดนิ และทรัพยากรดินของประเทศต้องจัดให้มี การรบั ฟังความคิดเหน็ และการมีส่วนรว่ มของประชาชนตามหลักเกณฑ์และวิธกี ารท่ี คทช. ประกาศกําหนด

๑๗๔ ๑๑.๓.๖ หลกั การวา่ ดว้ ยการคุ้มครองส่ิงแวดลอ้ มต้องไมม่ ลี ักษณะทถ่ี ดถอยลง - ไมป่ รากฏ ๑๑.๔ กฎหมายการนคิ มอุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และท่แี กไ้ ขเพมิ่ เติม พระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และได้มีการแก้ไข เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อขยายขอบเขตของการพัฒนาพื้นที่จากภาคอุตสาหกรรมสู่ภาคบริการ และ เพ่ิมบทบาทการค้าและการบริการเพ่ือส่งสินค้าออกไปจําหน่ายยังต่างประเทศให้ต่อเน่ืองกับการประกอบ อตุ สาหกรรมในเขตอตุ สาหกรรมส่งออกเพอ่ื ให้สามารถดําเนินการได้เต็มรูปแบบของวงจรเศรษฐกิจ นอกจากน้ี กฎหมายฉบับน้ียังมีการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีว่าด้วยความตกลงขององค์การการค้าโลก ในเรอื่ งความตกลงวา่ ด้วยการอดุ หนุนและมาตรการตอบโต้ในสว่ นท่เี ข้าข่ายเปน็ การอดุ หนุนต้องหา้ ม จากการศึกษาบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และ ท่ีแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๙ แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๐ และไดม้ ีการแก้ไขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ ไมป่ รากฏถอ้ ยคาํ ในกฎหมายท่ีชัดเจน แต่ปรากฏ บทบัญญัตทิ ่ีมคี วามสอดคลอ้ งกบั หลักการพืน้ ฐานของกฎหมายสิง่ แวดล้อม ดงั น้ี ๑๑.๔.๑ หลักความเปน็ สากลของส่งิ แวดล้อม - ไมป่ รากฏ ๑๑.๔.๒ หลกั การมสี ว่ นร่วมของประชาชนเกี่ยวกบั ส่งิ แวดลอ้ ม - ไมป่ รากฏ ๑๑.๔.๓ หลกั การพัฒนาท่ียั่งยนื และหลักบรู ณาการทางส่ิงแวดลอ้ ม - ไม่ปรากฏ ๑๑.๔.๔ หลกั การปอ้ งกนั ล่วงหน้า และหลกั การระวงั ไว้ก่อน ปรากฏบทบญั ญตั ทิ ี่สอดคลอ้ งกับหลักการนี้ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับการขออนุญาต การห้าม การกําหนด หลกั เกณฑแ์ ละการควบคุมตรวจสอบ ดงั น้ี บทบญั ญตั ทิ ่ีเกยี่ วกับการขออนุญาต ปรากฏตามมาตรา ๓๙/๑ ผู้ท่ีประสงค์จะจัดสรรท่ีดินในเขตพ้ืนที่ ท่ีประกาศเป็นนคิ มอตุ สาหกรรมตอ้ งได้รบั อนุญาตเปน็ หนงั สอื จากผู้วา่ การหรอื ผ้ซู ่งึ ผูว้ า่ การมอบหมาย มาตรา ๔๑ ผทู้ ป่ี ระสงค์จะประกอบกิจการในนคิ มอตุ สาหกรรมต้องไดร้ บั อนุญาตเป็นหนงั สือจากผู้วา่ การ หรอื ผู้ซึ่งผู้วา่ การมอบหมาย

๑๗๕ และมาตรา ๔๒ การปลูกสร้างอาคาร การต้ังโรงงาน และการประกอบกจิ การโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการก่อสร้างอาคาร และกฎหมายว่าด้วยการ ผังเมือง แต่การอนุญาตให้เป็นอาํ นาจหน้าท่ีของผูว้ ่าการหรอื ผซู้ ึง่ ผู้ว่าการมอบหมาย สําหรับบทบัญญัติท่ีเกี่ยวกับการกําหนดหลักเกณฑ์เพ่ือป้องกันล่วงหน้า ปรากฏตาม มาตรา ๔๙ กรณีที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การนําของเข้ามาในราชอาณาจักรหรือ นําวัตถุดิบ ภายในราชอาณาจักรเข้าไปในเขตประกอบการเสรีเพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดําเนินการอื่นใดกับของนั้น ถือว่าได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายในบังคับของกฎหมายในส่วนท่ีเก่ียวกับการควบคุมการนําเข้ามาในราชอาณาจักร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การครอบครองหรือการใช้ประโยชน์ซ่ึงของดังกล่าว หรือเกี่ยวกับการควบคุม มาตรฐานหรือคุณภาพ การประทับตรา หรือเครื่องหมายใด ๆ แก่ของนั้น แต่ไม่รวมถึงกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ทัง้ น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงือ่ นไขท่คี ณะกรรมการกําหนด ในกรณที ขี่ องตามวรรคหนึ่ง เป็นของที่ก่อให้เกิด หรืออาจกอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อความมน่ั คงหรือความปลอดภัยของประเทศ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน สุขภาพอนามัยของประชาชน หรือส่ิงแวดล้อม หรือเป็นของซึ่งประเทศไทยมีพันธกรณีตามข้อผูกพันตามสัญญา หรือความตกลงระหวา่ งประเทศในสว่ นท่เี ก่ยี วกบั การนาํ เข้ามาในราชอาณาจกั ร การส่งออกไปนอกราชอาณาจักร การครอบครองหรือการใช้ประโยชน์ ให้รัฐมนตรีมีอํานาจออกกฎกระทรวงกําหนดชนิดหรือประเภทของดังกล่าว มใิ ห้ได้รับยกเวน้ ตามวรรคหนงึ่ ได้ ท้งั นี้ จะกาํ หนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงือ่ นไขใด ๆ เก่ียวกบั ของนน้ั ไว้ด้วยก็ได้ นอกจากน้ี การป้องกันไว้ล่วงหน้ายังปรากฏในรูปแบบของบทบัญญัติที่เป็นข้อห้าม ดังที่บัญญัติไว้ ในมาตรา ๕๕ ห้ามผู้ใดนําของในเขตประกอบการเสรีออกไปจากเขตประกอบการเสรี เว้นแต่จะได้รับอนุญาต เปน็ หนังสือจากผวู้ า่ การหรือผูซ้ ง่ึ ผ้วู ่าการมอบหมาย และมาตรา ๕๖ หา้ มผู้ใดเข้าไปหรอื อย่ใู นเขตประกอบการเสรี เว้นแต่จะไดร้ บั อนุญาตเป็นหนงั สอื จากผวู้ า่ การหรือผู้ซงึ่ ผูว้ า่ การมอบหมาย สําหรับการกําหนดหลักเกณฑ์และการควบคุมตรวจสอบอันเป็นการป้องกันไว้ก่อน เป็นไปตามมาตรา ๕๗ ที่บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจเข้าไปในสถานท่ีของผู้ประกอบอุตสาหกรรม ผู้ประกอบพาณิชยกรรม หรือของผู้ประกอบกิจการอ่ืนท่ีเป็นประโยชน์หรือเก่ียวเนื่องกับการประกอบอุตสาหกรรมหรือการประกอบ พาณิชยกรรม แล้วแต่กรณี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงหรือเพื่อตรวจสอบเอกสารหรือส่ิงของใด ๆ ที่เกี่ยวกับ การประกอบกิจการจากบุคคลซึ่งอยู่ในสถานท่ีน้ันได้ตามความจําเป็น และมาตรา ๕๘ บัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีหรือเจ้าหน้าท่ีศุลกากรมีอํานาจตรวจค้นโรงงาน อาคาร ยานพาหนะ และบคุ คล รวมตลอดถึงของใด ๆ ในเขตประกอบการเสรี ๑๑.๔.๕ หลกั ผกู้ ่อมลพษิ เป็นผจู้ ่าย อาจพิจารณาได้ว่ามีหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายอยู่ในเน้ือหาของบทบัญญัติ มาตรา ๔๓ กรณีที่ มีการปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ปลูกสร้างอาคารผิดแผกจากแผนผังแบบก่อสร้างหรือรายการที่ ได้รับอนุญาต หรือไม่ปฏิบัติตามเง่ือนไขท่ีกําหนดในใบอนุญาต ให้คณะกรรมการนิคมอุตสาหกรรมมีอํานาจ ส่ังระงับการก่อสรา้ ง แก้ไข เปล่ียนแปลง หรอื รือ้ ถอนอาคารหรอื ส่วนแห่งอาคารดงั กล่าวภายในระยะเวลาอันสมควร หากผ้ปู ลูกสรา้ ง เจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารไม่ปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว ให้คณะกรรมการนิคมอุตสาหกรรม

๑๗๖ มีอํานาจจัดการเพ่ือแก้ไข เปล่ียนแปลง หรือรื้อถอนอาคารหรือส่วนแห่งอาคารนั้นได้โดยคิดค่าใช้จ่าย จากผู้ปลูกสร้าง เจา้ ของ หรอื ผคู้ รอบครองอาคารน้นั ๑๑.๔.๖ หลกั การว่าดว้ ยการคุม้ ครองสง่ิ แวดล้อมต้องไม่มลี ักษณะทีถ่ ดถอยลง - ไม่ปรากฏ ๑๑.๕ กฎหมายการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นกฎหมายท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือเปิดโอกาส ให้ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชนมีสว่ นรว่ มและมบี ทบาทในกจิ การพลังงานมากข้นึ และเพื่อให้การประกอบ กิจการพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความม่ันคง มีปริมาณเพียงพอและทั่วถึงในราคาที่เป็นธรรมและ มีคุณภาพที่ได้มาตรฐาน ตอบสนองต่อความต้องการภายในประเทศและต่อการพัฒนาประเทศอย่างย่ังยืน ในด้านสังคม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดล้อม จากการศึกษาบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ไม่ปรากฏถ้อยคํา ในกฎหมายท่ีบัญญัติหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อมไว้ชัดเจน แต่ปรากฏบทบัญญัติที่มีความสอดคล้องกับหลักการ พ้ืนฐานของกฎหมายส่ิงแวดลอ้ ม ดังนี้ ๑๑.๕.๑ หลกั ความเปน็ สากลของสิ่งแวดล้อม - ไมป่ รากฏ ๑๑.๕.๒ หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกบั สิ่งแวดล้อม ปรากฏในมาตรา ๗๙๑๐ แหง่ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน ฯ ท่ีบัญญัติให้ ผู้รับใบอนุญาต ที่มีระบบโครงข่ายพลังงานซ่ึงเป็นหน่วยงานของรัฐตามที่คณะกรรมการกําหนดต้องจัดทําแผนการขยายระบบ โครงข่ายพลังงานเสนอต่อรัฐมนตรีเพ่ือขอความเห็นชอบ และหากแผนดังกล่าวมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียสําคัญ ของประชาชน ใหค้ ณะกรรมการจัดใหม้ กี ระบวนการรบั ฟงั ความเห็นของประชาชนด้วย ๑๑.๕.๓ หลักการพฒั นาที่ยงั่ ยืน และหลักบูรณาการทางส่ิงแวดลอ้ ม ๑๐ มาตรา ๗๙ ผู้รับใบอนุญาตท่ีมีระบบโครงข่ายพลังงานต้องดําเนินการตามที่กําหนดในแผนการขยายระบบโครงข่าย พลังงาน ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานซ่ึงเป็นหน่วยงานของรัฐตามที่คณะกรรมการกําหนดจัดทําแผนการขยาย ระบบโครงข่ายพลังงานเสนอต่อรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาแผนการขยายระบบโครงข่าย พลังงานตามวรรคสอง ให้คณะกรรมการให้ความเห็นประกอบด้วย ในการนี้ หากแผนดังกล่าวมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียสําคัญ ของประชาชนให้คณะกรรมการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความเห็นตามมาตรา ๒๖ ด้วย ให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่าย พลังงานซึ่งมิใช่หน่วยงานของรัฐตามวรรคสอง จัดทําแผนการขยายระบบโครงข่ายพลังงานเพ่ือนําเสนอคณะกรรมการพิจารณา ใหค้ วามเหน็ ชอบตาขอบเขตและหลกั เกณฑท์ ่คี ณะกรรมการกาํ หนด

๑๗๗ หลักการพัฒนาที่ย่ังยืน ปรากฏอยู่ค่อนข้างชัดเจนในบทบัญญัติมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติ การประกอบกิจการพลังงาน ฯ ซ่ึงวางหลักไว้ว่า รัฐพึงมีแนวนโยบายพื้นฐานว่าด้วยกิจการพลังงาน ดังต่อไปน้ี (๑) จัดหาพลังงานให้เพียงพอกับความต้องการ มีคุณภาพ มีความม่ันคง และมีระดับราคาที่เหมาะสมและ เป็นธรรม โดยเน้นการใช้ประโยชน์และพัฒนาแหล่งพลังงานหมุนเวียนและพลังงานท่ีมีอยู่ภายในประเทศ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการพัฒนาประเทศอย่างยงั่ ยนื ทั้งในดา้ นสงั คม เศรษฐกจิ และสง่ิ แวดล้อม รวมท้ังลดการพึ่งพา พลังงานนําเข้าจากต่างประเทศ (๒) ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า รวมถึงส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและระบบกระจายศูนย์ในการผลิตไฟฟ้าเพ่ือลดการลงทุน ในการใช้พลังงานลดต้นทุนทางด้านเช้ือเพลิงในกิจกรรมการผลิต และลดผลกระทบด้านสุขภาพและ ผลกระทบขา้ งเคียงอื่น ๆ จากการผลิตและใช้พลังงาน รวมทั้งเพิม่ ขดี ความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ของประเทศ (๓) สง่ เสริมให้ชุมชนท้องถ่ินและประชาชนมสี ่วนรว่ มในการจดั การและตรวจสอบ การดําเนินงาน ด้านพลังงาน เพ่ือให้ม่ันใจว่าการจัดการและกําหนดอัตราค่าบริการเป็นไปด้วยความโปร่งใสโดยมีองค์กรกํากับ ดูแลการประกอบกิจการพลังงานทําหน้าท่ีคุ้มครองผู้ใช้พลังงาน และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย (๔) ส่งเสริม สังคมให้มีความรู้ความตระหนัก และพฤติกรรมที่ถูกต้องต่อการใช้พลังงานอย่างประหยัด มีประสิทธิภาพ และ คุ้มค่า (๕) สนับสนุนกิจการไฟฟ้าเพ่ือสาธารณูปโภคพ้ืนฐาน การรักษาความมั่นคงและเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบดําเนินการในกิจการระบบโครงข่ายไฟฟ้า ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังน้ํา ซ่ึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้ประกอบกิจการ ระบบส่งไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาคเป็นผู้ประกอบกิจการระบบจําหน่าย ไฟฟ้ารวมทั้งการรักษาสัดส่วนกําลังผลิตไฟฟ้าท่ีเหมาะสม ของกจิ การไฟฟ้าของรัฐ สําหรับหลักบูรณาการทางส่ิงแวดล้อม ปรากฏอยู่ในบทบัญญัติมาตรา ๔๘ ซ่ึงกําหนดให้กรณีท่ี การปลูกสร้างอาคาร หรือการต้ังโรงงานเพื่อประกอบกิจการพลังงานต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง หรือกฎหมายว่าด้วยการพัฒนาและส่งเสริม พลังงาน ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ โดยคณะกรรมการต้องขอความเห็น จากหน่วยงานทม่ี ีอํานาจหนา้ ที่ตามกฎหมายตา่ ง ๆ ดังกลา่ ว และหนว่ ยงานดงั กล่าวต้องแจ้งความเห็นพร้อมทั้ง จํานวนค่าธรรมเนยี มท่ีเรยี กเกบ็ ตามกฎหมายนั้น ๆ ใหค้ ณะกรรมการทราบดว้ ย ๑๑.๕.๔ หลักการป้องกนั ล่วงหน้า และหลักการระวงั ไวก้ อ่ น พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน ฯ มีบทบัญญัติที่พิจารณาได้ว่ามีพ้ืนฐานจากหลักการ ปอ้ งกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน โดยอาจจําแนกเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการขออนุญาต บทบัญญัติ ทีเ่ ป็นขอ้ หา้ ม และบทบญั ญัตทิ ีใ่ หอ้ ํานาจพนักงานเจา้ หนา้ ท่ีกระทําการเพ่ือป้องกนั ล่วงหนา้ บทบัญญัติที่เก่ียวกับการขออนุญาต ได้แก่ มาตรา ๔๗ การประกอบกิจการพลังงานต้องได้รับใบอนุญาต จากคณะกรรมการ

๑๗๘ มาตรา ๕๙ ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งเป็นหนังสือให้สํานักงานทราบล่วงหน้าในกรณีที่ท่ีประสงค์จะเลิก ประกอบกิจการพลงั งาน และหากการเลิกประกอบกิจการดังกล่าวจะกระทบต่อความม่ันคงของระบบพลังงาน และยงั ไมม่ ีผู้รบั ใบอนญุ าตรายอืน่ เขา้ ดําเนินการแทน คณะกรรมการมีอาํ นาจสั่งให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ท่ีมีประสบการณ์และความเช่ียวชาญด้านการประกอบกิจการพลังงานเข้าดําเนินการแทนจนกว่าจะมี ผู้รบั ใบอนุญาตรายอ่นื เข้าดาํ เนินการแทน หรอื คณะกรรมการเห็นว่าควรสัง่ เลิกประกอบกจิ การพลงั งานน้ัน มาตรา ๑๑๖ การก่อสร้างหรือกระทําการใด ๆ ภายในบริเวณป้องกันระบบโครงข่ายพลังงานต้อง ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ในกรณีที่การก่อสร้างหรือการกระทําใด ๆ ที่ได้รับอนุญาตก่อให้เกิดความเสียหาย ผรู้ บั ผิดชอบในการก่อสร้างหรอื การกระทาํ น้นั ต้องรับผิดชอบชดใชค้ า่ เสยี หายท่ีเกิดขนึ้ ส่วนบทบัญญัติที่มีเน้ือหาสอดคล้องกับหลักป้องกันล่วงหน้าโดยการห้าม ได้แก่ มาตรา ๕๕ ห้าม ผู้รับใบอนุญาตโอนสิทธิตามใบอนุญาตให้บุคคลอื่นไม่ว่าท้ังหมดหรือบางส่วน เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบ จากคณะกรรมการ มาตรา ๕๘ ห้ามผู้รับใบอนุญาตพักหรือหยุดให้บริการพลังงาน เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการและเงอ่ื นไขทคี่ ณะกรรมการประกาศกําหนด มาตรา ๑๑๒ ห้ามผู้ใดปลูกสร้างอาคาร โรงเรือน ต้นไม้หรือสิ่งอื่นใด ติดต้ังสิ่งใด เจาะหรือขุดพื้นดิน ถมดิน ทิ้งสิ่งของ หรือกระทําด้วยประการใด ๆ ท่ีอาจทําให้เกิดอันตรายหรือเป็นอุปสรรคแก่ระบบโครงข่าย พลงั งาน เวน้ แต่จะไดร้ ับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีรับฟังความคิดเห็น ของผู้รับใบอนุญาตด้วย หากเห็นว่าการกระทําดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อระบบโครงข่ายพลังงาน บุคคล สัตว์ พืช ทรัพยห์ รอื สิง่ แวดลอ้ ม ให้พนกั งานเจา้ หน้าทอี่ นุญาตตามคําขอ ซ่งึ จะกาํ หนดเงอื่ นไขอยา่ งใดดว้ ยกไ็ ด้ ในกรณี ทมี่ ีการดําเนนิ การโดยไม่ได้รบั อนุญาต หรือได้รับอนุญาตแต่มีการฝ่าฝืนการอนุญาตหรือเง่ือนไขประกอบการอนุญาต ให้พนกั งานเจา้ หนา้ ทีม่ อี าํ นาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครองได้ มาตรา ๑๑๘ ในเขตระบบโครงข่ายพลังงานและในบริเวณป้องกันระบบโครงข่าย พลังงานท่ีอยู่ในแม่นํ้า ลําคลอง ทะเล หรือทางสญั จรทางนํา้ แหง่ ใด หา้ มผ้ใู ดทอดสมอเรือหรอื เกาสมอ หรือลากแห อวน หรอื เครื่องจับสตั ว์นํ้า อย่างใด ๆ ในเขตเหล่านั้น เม่ือเรือใดแล่นข้ามเขตระบบโครงข่ายพลังงาน ถ้ามิได้ชักสมอข้ึนพ้นจากน้ําจนแลเห็นได้ ใหถ้ ือวา่ การกระทาํ น้ันมผี ลเปน็ การเกาสมอแลว้ นอกจากนี้ พระราชบัญญตั กิ ารประกอบกิจการพลังงาน ฯ ยังมีเนื้อหาที่ให้อํานาจฝ่ายปกครองดําเนิน มาตรการเพ่ือป้องกันซึ่งสอดคล้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า ได้แก่ มาตรา ๕๗ คณะกรรมการโดยความเห็นชอบ ของรัฐมนตรีมีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตเพิ่มหรือลดการผลิตหรือการจําหน่ายไฟฟ้าได้ ในกรณีเกิด การขาดแคลนก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งคราว และเพ่ือประโยชน์แห่งความม่ันคงของประเทศ ให้คณะกรรมการ มีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตซ่ึงเป็นผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติดําเนินการเจรจากับผู้ขาย ก๊าซธรรมชาติเพื่อหาแนวทางเพิ่มปริมาณการผลิตและจัดหาก๊าซธรรมชาติและให้รายงานผลการดําเนินการ ต่อคณะกรรมการ

๑๗๙ และมีบทบัญญัติเก่ียวกับหน้าท่ีและการใช้ประโยชน์ของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน เช่น มาตรา ๗๔ ผู้รับใบอนุญาตต้องบํารุงรักษา ซ่อมแซม และแก้ไขปรับปรุงระบบ โครงข่ายพลังงานอุปกรณ์หรือ เครื่องมอื ต่าง ๆ ทใ่ี ช้ในการประกอบกจิ การพลงั งานใหใ้ ช้งานได้อย่างมี ประสิทธิภาพและมีมาตรฐานตามระเบียบ ท่ีออกตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง ในกรณีที่เกิดความชํารุดเสียหายจะต้องดําเนินการแก้ไขให้สามารถใช้งาน ได้โดยเร็ว มาตรา ๑๐๙ ผู้รับใบอนุญาตมีอํานาจเข้าไปใช้สอยหรือครอบครองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมิใช่ที่อยู่อาศัย ของบุคคลใดเท่าที่จําเป็นเป็นการช่ัวคราวได้ภายใต้เง่ือนไขดังต่อไปน้ี (๑) การใช้สอยหรือเข้าครอบครองนั้น เป็นการจําเป็นสําหรับการสํารวจ หรือซ่อม บํารุงรักษาระบบโครงข่ายพลังงาน หรือเป็นการจําเป็นสําหรับ การป้องกันอันตราย หรือความเสียหาย ที่จะเกิดแก่ระบบโครงข่ายพลังงาน (๒) ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้ง เป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ทรงสิทธิอ่ืนทราบล่วงหน้าเป็นเวลาไม่น้อยกว่า สามวัน ถ้าเกิดความเสียหายใด ๆ แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ทรงสิทธิอ่ืน อนั เนือ่ งมาจากการดาํ เนินการตามวรรคหนึ่ง ใหผ้ ู้รบั ใบอนญุ าตจ่ายค่าทดแทนความเสยี หายดังกล่าว ๑๑.๕.๕ หลกั ผกู้ ่อมลพษิ เป็นผูจ้ ่าย พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน ฯ ไม่ได้บัญญัติถึงหลักการนี้โดยตรง แต่มีบางมาตรา ที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับหลักการดังกล่าว ได้แก่ มาตรา ๔๙ คณะกรรมการมีอํานาจส่ังให้ผู้ประกอบกิจการ ที่เข้าข่ายเป็นผู้ประกอบกิจการพลังงานท่ีต้องได้รับใบอนุญาตแต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต หยุด หรือระงับ การประกอบกิจการพลังงานหรือปลดการเชื่อมต่อออกจากระบบโครงข่ายพลังงาน หากผู้ประกอบกิจการ ไม่ดาํ เนินการตามคําสงั่ นัน้ ก็ใหค้ ณะกรรมการมีอํานาจส่งั ใหพ้ นักงานเจ้าหนา้ ท่ดี าํ เนินการใด ๆ ทจี่ าํ เปน็ เพ่ือให้ บรรลุวัตถุประสงค์ของคําส่ังดังกล่าว และให้ผู้ประกอบกิจการชําระค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้น และมาตรา ๑๑๑ กําหนดว่า ในกรณีท่ีระบบโครงข่ายพลังงานตามมาตรา ๑๐๗ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบกิจการระบบ โครงข่ายพลังงานก่อให้เกิดการรบกวนหรือเป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อการใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ ของเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่น อันเนื่องมาจากการเปล่ียนแปลงในวัตถุประสงค์ หรือวิธีการใช้ประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์นั้น เมื่อเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นร้องขอ ผู้รับใบอนุญาตต้องดําเนินการเพื่อขจัดการรบกวนหรืออุปสรรคดังกล่าว เว้นแต่การดําเนินการนั้น จะกระทบกระเทือนอย่างร้ายแรงต่อการดําเนินการของผู้รับใบอนุญาตหรือดําเนินการได้อย่างยากยิ่งทางวิศวกรรม ในกรณีนี้ให้ผู้รับใบอนุญาตและเจ้าของ ผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่นทําการตกลงกันเกี่ยวกับ การดาํ เนินการเพ่อื ขจดั การรบกวนหรืออปุ สรรคดังกลา่ ว โดยกําหนดเวลาซ่ึงต้องดาํ เนินการ ผู้รบั ผิดชอบคา่ ใชจ้ า่ ย ในการดําเนินการและวิธีการชําระค่าใช้จ่ายน้ัน ในกรณีท่ีไม่สามารถตกลงกันได้หรือในกรณีที่ได้ตกลงกันแล้ว แต่ไม่สามารถดําเนินการตามข้อตกลงได้ให้ผู้รับใบอนุญาตเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครอง หรือผู้ทรงสิทธิอื่น ยน่ื คาํ รอ้ งขอตอ่ คณะกรรมการเพอื่ วนิ ิจฉัยชี้ขาด

๑๘๐ ๑๑.๕.๖ หลักการวา่ ด้วยการคมุ้ ครองส่ิงแวดล้อมตอ้ งไม่มีลักษณะทถี่ ดถอยลง - ไมป่ รากฏ ๑๑.๖ กฎหมายพลงั งานนวิ เคลียรเ์ พื่อสนั ติ พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพ่ือสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม มีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้บังคับ แก่การดําเนินการเก่ียวกับพลังงานนิวเคลียร์และรังสีในทางสันติเพ่ือให้เกิดความปลอดภัย ความม่ันคงปลอดภัย และการพิทักษ์ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี และการพิทักษ์ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ เพื่อคุ้มครอง ประชาชนและส่ิงแวดลอ้ ม และเพอื่ ให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ในทางสากลท่ีเกีย่ วกบั พลงั งานนิวเคลยี ร์ จากการศึกษาบทบัญญัติในพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพ่ือสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ และท่ีแก้ไข เพิ่มเติมไม่ปรากฏถ้อยคําในกฎหมายที่บัญญัติหลักกฎหมายส่ิงแวดล้อมไว้อย่างชัดเจน แต่ปรากฏบทบัญญัติ ทม่ี ีความสอดคลอ้ งกบั หลกั การพ้ืนฐานของกฎหมายส่งิ แวดลอ้ ม ดงั นี้ ๑๑.๖.๑ หลักความเปน็ สากลของสงิ่ แวดล้อม - ไม่ปรากฏ ๑๑.๖.๒ หลกั การมสี ว่ นร่วมของประชาชนเกี่ยวกบั ส่ิงแวดลอ้ ม มาตรา ๕๒ ของพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ฯ บัญญัติให้สํานักงาน จัดให้มีการรับฟัง ความเห็นของประชาชนท่ีอยู่อาศัยในบริเวณโดยรอบพ้ืนที่ต้ังเพื่อประกอบการพิจารณาออกใบอนุญาต ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขทกี่ าํ หนดในกฎกระทรวง ๑๑.๖.๓ หลกั การพัฒนาทีย่ ง่ั ยืน และหลกั บรู ณาการทางสิ่งแวดล้อม มาตรา ๔๙ ของพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ ฯ บัญญัติเก่ียวกับการประกอบกิจการ ของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ท่ีใช้เคร่ืองปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพ่ือการผลิตพลังงาน หากเก่ียวข้องกับ การดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงานแล้ว ให้คณะกรรมการตามพระราชบัญญัติน้ี และคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงานตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการพลังงานตกลงร่วมกัน ในการกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการควบคุมดูแลการประกอบกิจการสถานประกอบการ ทางนวิ เคลียรด์ ังกลา่ วร่วมกัน

๑๘๑ ๑๑.๖.๔ หลักการปอ้ งกันล่วงหน้า และหลักการระวงั ไวก้ อ่ น พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพ่ือสันติฯ มีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน โดยอาจจําแนกเป็นบทบัญญัติเก่ียวกับการอนุญาต ข้อห้าม หน้าที่ของผู้ประกอบการ และอาํ นาจของฝา่ ยปกครองในการดาํ เนินการเพ่อื ป้องกันล่วงหนา้ ดงั น้ี บทบญั ญัตทิ ่มี เี นอ้ื หาสอดคลอ้ งกบั หลักป้องกนั ล่วงหน้าเกี่ยวกับการอนุญาต ได้แก่ มาตรา ๕๐ ใบอนุญาต ให้ใช้พ้ืนท่ีเพื่อตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ใบอนุญาตก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ และใบอนุญาตดาํ เนนิ การสถานประกอบการทางนวิ เคลียร์ จะโอนได้ก็ต่อเมื่อเป็นการโอนใบอนุญาตให้แก่บุคคล ซ่ึงมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๔๖ และมาตรา ๔๗ และได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ โดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ มาตรา ๕๑ ผู้ประกอบการทางนิวเคลียร์ต้องได้รับใบอนุญาตให้ใช้พื้นท่ีเพื่อตั้งสถานประกอบการ ทางนิวเคลียร์จากเลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ โดยย่ืนคําขอรับใบอนุญาต พร้อมด้วย รายงานวิเคราะห์ความเหมาะสมของพื้นทตี่ ้งั สถานประกอบการทางนิวเคลียร์ มาตรา ๕๓ ใบอนุญาตให้ใช้พื้นท่ีเพื่อต้ังสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ให้มีอายุตามที่กําหนด ในใบอนุญาตแต่ต้องไม่เกินสิบปี และอาจขอต่ออายุใบอนุญาตได้คร้ังละไม่เกินสิบปี ในกรณีท่ีประสงค์ จะขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ยื่นคําขอล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหน่ึงปีแต่ไม่เกินสามปีก่อนวันท่ีใบอนุญาตสิ้นอายุ พร้อมด้วยรายงานวเิ คราะหค์ วามเหมาะสมของพ้นื ทตี่ ั้งทีไ่ ดแ้ กไ้ ขข้อมลู ให้เปน็ ปัจจุบนั มาตรา ๖๓ ผู้รับใบอนุญาตก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ต้องได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ ในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) การบรรจุเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และทดสอบการเดินเคร่ือง ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (๒) การบรรจุวัสดุนิวเคลียร์ในกระบวนการเสริมสมรรถนะวัสดุนิวเคลียร์หรือการบรรจุ เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วในกระบวนการแปรสภาพเช้ือเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว เลขาธิการจะมีคําส่ังอนุญาต ตามวรรคหนึ่งได้กต็ อ่ เม่ือได้ใหค้ วามเหน็ ชอบรายงานการทดสอบระบบเครอ่ื งจกั รและอุปกรณต์ ามมาตรา ๖๒ แล้ว มาตรา ๗๑ ให้เลขาธิการออกใบอนุญาตเลิกดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ให้กับผู้ยื่น คาํ ขอตามมาตรา ๗๐ มาตรา ๗๐ ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ประสงค์จะเลิกดําเนินการ สถานประกอบการทางนิวเคลียร์ สามารถย่ืนคําขอเลิกดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ พร้อมด้วย แผนการเลิกดําเนินการตามที่กําหนดไว้ในรายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ฉบบั สมบูรณ์ตอ่ เลขาธกิ าร มาตรา ๗๒ ผู้รับใบอนุญาตเลิกดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ซึ่งประสงค์จะแก้ไข แผนการเลิกดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ให้ย่ืนแผนการเลิกดําเนินการสถานประกอบการ ทางนวิ เคลียร์ท่ีแกไ้ ขแล้วต่อเลขาธิการเพือ่ ให้ความเหน็ ชอบ

๑๘๒ มาตรา ๗๓ ผู้รับใบอนุญาตเลิกดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ท่ีประสงค์ให้สถาน ประกอบการทางนิวเคลียร์ทั้งหมดหรือบางส่วนพ้นจากการควบคุมตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ย่ืนคําร้อง ต่อเลขาธกิ าร มาตรา ๗๖ ผูใ้ ดจะส่งกากกมั มนั ตรังสอี อกไปนอกราชอาณาจกั รต้องได้รับใบอนุญาตจากเลขาธิการ มาตรา ๘๐ ผู้ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสีต้องได้รับใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่เพ่ือตั้งสถานที่ให้บริการ จัดการกากกัมมันตรังสี ใบอนุญาตก่อสร้างสถานท่ีให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี และใบอนุญาตดําเนินการ ใหบ้ รกิ ารจัดการกากกัมมันตรงั สีจากเลขาธิการโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการ ตามลาํ ดบั และพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพ่ือสันติ ฯ ยังมีเน้ือหาท่ีให้อํานาจฝ่ายปกครองในการดําเนินการ เพ่ือป้องกันล่วงหน้า เช่น มาตรา ๕๔ หากปรากฏข้อเท็จจริงภายหลังจากท่ีได้รับใบอนุญาตว่ามีการเปลี่ยนแปลง หรือสภาพพ้ืนที่ตั้งสถานประกอบการทางนิวเคลียร์เปลี่ยนแปลงไปอันอาจมีผลกระทบต่อประชาชน หรือส่ิงแวดล้อม ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีคําสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตยื่นรายงาน วิเคราะห์ความเหมาะสมของพ้ืนที่ตั้งที่ได้วิเคราะห์ความเหมาะสมของพื้นที่ต้ังให้สอดคล้องกับกรณี ท่ีเปลี่ยนแปลงไปภายในระยะเวลาที่กําหนด ในกรณีท่ีผู้รับใบอนุญาตไม่ย่ืนรายงานวิเคราะห์ความเหมาะสม ของพื้นที่ตั้งภายในระยะเวลาที่กําหนด ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสั่งเพิกถอน ใบอนุญาตให้ใชพ้ น้ื ทเ่ี พือ่ ตงั้ สถานประกอบการทางนิวเคลียร์ มาตรา ๕๗ เมื่อเลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการออกใบอนุญาตก่อสร้างสถาน ประกอบการทางนิวเคลียร์แล้ว หากปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการเปล่ียนแปลงใด ๆ เกิดข้ึนอันอาจมีผลกระทบ ต่อการวิเคราะห์ความปลอดภัยในรายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ฉบับเบื้องต้น ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการส่ังให้ผู้รับใบอนุญาตก่อสร้างสถาน ประกอบการทางนิวเคลียร์ยื่นรายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ฉบับเบื้องต้นในส่วนท่ีเก่ียวกับข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไปใหม่ภายในระยะเวลาท่ีกําหนด และหากผู้รับใบอนุญาต กอ่ สร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียรไ์ ม่ยื่นรายงานวเิ คราะหค์ วามปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ฉบับเบ้ืองต้นภายในระยะเวลาที่กําหนด ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการส่ังเพิกถอน ใบอนุญาตก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลยี ร์ มาตรา ๑๐๑ ในกรณีที่อันตรายหรือความเสียหายตามมาตรา ๑๐๐ มีลักษณะหรือขยายขอบเขต เป็นความเสียหายสาธารณะ หรือในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่าการประกอบกิจการตามใบอนุญาต อาจก่อให้เกิดความเสียหายสาธารณะ ให้เจ้าหน้าท่ีที่มีอํานาจตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย มีอํานาจเข้าระงับเหตุแห่งความเสียหายสาธารณะนั้นได้ทันที รวมทั้งมีอํานาจประกาศมาตรการ เพื่อประโยชน์ในการระงับเหตุนั้น ในการระงับเหตุแห่งความเสียหายสาธารณะตามวรรคหน่ึง ให้ปฏิบัติตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีแผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีเป็นแผนสนับสนุน และอยู่ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และให้สํานักงานมีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะ และจัดให้มีเจ้าหน้าท่ีสนับสนุนการดําเนินการดังกล่าว ในกรณีท่ีอันตรายหรือความเสียหายอันเกิดจาก

๑๘๓ นิวเคลียร์หรือรังสีท่ีเกิดข้ึนในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ให้นําบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง และวรรคสองมาใชบ้ งั คบั โดยอนุโลม มาตรา ๑๐๒ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวง หรือประกาศท่ีออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเงื่อนไขท่ีกําหนดในใบอนุญาต ให้เลขาธิการมีอํานาจส่ังระงับ การกระทําที่ฝ่าฝืน แก้ไขปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมภายในระยะเวลาท่ีกําหนด ในกรณี ที่ผู้รับใบอนุญาตใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งภายในกําหนดเวลาตามวรรคหน่ึง เลขาธิการอาจส่ังพักใช้ใบอนุญาต ทง้ั หมดหรือแต่บางสว่ นได้ มาตรา ๑๐๗ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดังต่อไปน้ี (๑) เข้าไปในสถานที่ที่ประกอบกิจการหรือ ที่มีไว้ หรือที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าประกอบกิจการ หรือท่ีมีไว้ซ่ึงวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกําเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี และเช้ือเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว หรือสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ ในระหว่างเวลา พระอาทิตย์ข้ึนถึงพระอาทิตย์ตกหรือในเวลาทําการของสถานที่น้ัน หรือเข้าไปในยานพาหนะท่ีบรรทุกหรือ มีเหตุอันควรสงสัยว่าบรรทุกวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกําเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี หรือเชื้อเพลิง นิวเคลียร์ใช้แล้ว หรือยานพาหนะ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าขับเคลื่อนด้วย พลังงานนิวเคลียร์ เพ่ือซักถามข้อเท็จจริง ตรวจสอบกิจการ เอกสารและหลักฐาน และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตรวจสอบการกระทําใด ๆ ท่ีเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพ่ือดําเนินการระงับ หรือป้องกันอันตรายซึ่งอาจมีแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เพ่ือการคุ้มครองอนามัยของบุคคล หรือเพื่อปฏิบัติการ อย่างอ่ืนตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (๒) เข้าไปในสถานท่ีก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์หรือสถานท่ี ประกอบกิจการให้บริการ จัดการกากกัมมันตรังสี เพ่ือตรวจสอบการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ หรือสถานที่ให้บริการ จัดการกากกัมมันตรังสี หรือเพื่อตรวจสอบการทดสอบระบบเครื่องจักรและอุปกรณ์ ตามมาตรา ๖๒ และตรวจสอบการทดสอบการบรรจุวัสดุนิวเคลียร์หรือการเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ตามมาตรา ๖๓ (๓) ตรวจค้น กัก ยึด หรืออายัดวัสดุกัมมันตรังสี เคร่ืองกําเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์ สถาน ประกอบการทางนิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว และเอกสารหรือส่ิงใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีทีม่ ีการฝ่าฝืนหรอื ไม่ปฏบิ ัติตามมาตรา ๑๙ มาตรา ๒๖ มาตรา ๓๖ มาตรา ๔๕ มาตรา ๖๓ มาตรา ๗๕ มาตรา ๗๖ มาตรา ๘๐ มาตรา ๘๔ หรือมาตรา ๘๕ (๔) นําวัสดุกัมมันตรังสี วัสดุนิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี เช้ือเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว หรือส่ิงอื่นใดที่สงสัยว่าเป็นวัสดุกัมมันตรังสี วัสดุนิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี หรือ เช้ือเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วในปริมาณพอสมควรไปเป็นตัวอย่างเพื่อตรวจสอบ (๕) ติดตั้งอุปกรณ์หรือเคร่ืองมือ เพอ่ื ประโยชน์แกก่ ารตรวจสอบตดิ ตามวสั ดกุ ัมมนั ตรังสี วสั ดุนิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี หรือเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ใช้แล้ว (๖) มีหนังสือเรียกให้บุคคลท่ีเก่ียวข้องมาให้ถ้อยคําหรือส่งเอกสารและหลักฐานที่จําเป็น เพื่อประกอบการพิจารณาของพนักงานเจ้าหน้าท่ี (๗) ออกคําส่ังใด ๆ เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ หรือผู้มหี นา้ ทีด่ าํ เนนิ การตามพระราชบัญญตั นิ ก้ี ระทําการหรอื งดเวน้ กระทําการเพื่อความปลอดภัยหรือความม่ันคง ปลอดภยั ทางนิวเคลียรแ์ ละรงั สี (๘) ให้ผู้แทนของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศปฏิบัติงานร่วมกับ พนักงานเจ้าหน้าท่ี ภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศตามมาตรา ๑๑๓ เม่ือพนักงานเจ้าหน้าท่ีได้เข้าไป ในสถานที่ตามวรรคหนึ่ง (๑) หรือ (๒) และได้กระทําการตามวรรคหนึ่ง (๑) (๒) หรือ (๓) แล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จ

๑๘๔ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจกระทําการต่อไป ในเวลาหลังพระอาทิตย์ตกหรือนอกเวลาทําการของสถานที่น้ันได้ ตามความจําเป็นและเหมาะสม ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจําเป็นเพื่อความปลอดภัยหรือความมั่นคง ปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจเข้าไปในสถานที่ตามวรรคหน่ึง (๑) หรือ (๒) ในเวลาใด ๆ ได้ ตามความจําเป็นและเหมาะสม และให้มีอํานาจออกคําสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกระทําการหรือ งดเว้นกระทําการ เพื่อความปลอดภัยหรือความม่ันคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ และรังสี ท้ังน้ี ให้แจ้งผู้ครอบครอง สถานทดี่ งั กลา่ ว ถงึ การเข้าไปในสถานท่ีนน้ั ในโอกาสแรกท่กี ระทําได้ ส่วนบทบญั ญตั ทิ ่ีมเี นื้อหาสอดคลอ้ งกบั หลักปอ้ งกนั ลว่ งหน้าเกย่ี วกับการหา้ ม ได้แก่ มาตรา ๖๐ ห้ามผู้รับใบอนุญาตก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ดําเนินการก่อสร้างสถาน ประกอบการทางนิวเคลียร์ผิดไปจากที่ได้รับใบอนุญาต เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการ สําหรับกรณีท่ีมี การก่อสร้างโดยผิดไปจากที่ได้รับใบอนุญาต ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจ สั่งระงับการกระทําดังกล่าว และหากการก่อสร้างท่ีผิดไปจากท่ีได้รับใบอนุญาตน้ันอาจก่อให้เกิดอันตราย แก่ประชาชนและส่ิงแวดล้อม ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจส่ังระงับการกระทํา ดังกลา่ วและใหผ้ ู้รบั ใบอนญุ าตรือ้ ถอนอาคารทัง้ หมดหรอื บางส่วนภายในระยะเวลาทกี่ าํ หนด มาตรา ๗๕ ห้ามผู้ใดนํากากกัมมันตรังสีเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่เป็นการนําเข้ากากกัมมันตรังสี ท่เี กดิ จากการส่งกากกัมมันตรังสใี นราชอาณาจักรไปจัดการนอกราชอาณาจกั ร หรอื ท่ีเกดิ จากการส่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ใชแ้ ล้วไปแปรสภาพนอกราชอาณาจักร โดยได้รับใบอนุญาตจากเลขาธิการ มาตรา ๗๘ ห้ามผู้ใดปล่อยท้ิงกากกัมมันตรังสีออกสู่สิ่งแวดล้อม เว้นแต่เป็นกากกัมมันตรังสีที่มีระดับ ค่ากัมมันตภาพและค่าคร่ึงชีวิตตามท่ีกําหนดในกฎกระทรวงและได้ดําเนินการปล่อยท้ิงกากกัมมันตรังสี ตามหลกั เกณฑ์ วิธีการ และปริมาณในการปลอ่ ยทิ้งกากกมั มนั ตรังสที ก่ี ําหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๘๔ ห้ามผู้ใดนาํ เชือ้ เพลิงนิวเคลียร์ใชแ้ ล้วเข้ามาในราชอาณาจกั ร เวน้ แตเ่ ป็นการนํากลับเข้ามา ในราชอาณาจักรซ่ึงเช้ือเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วท่ีเกิดข้ึนในราชอาณาจักรและส่งออกไป ตามมาตรา ๘๕ โดยได้รบั ใบอนุญาตจากเลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ มาตรา ๘๕ หา้ มผู้ใดส่งออกไปหรือนําผ่านเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว เว้นแต่ ได้รับใบอนุญาตจากเลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ในการขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขอรับใบอนุญาตแสดงเอกสารหรือหลักฐานว่าผู้รับ ณ ประเทศปลายทางเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมาย ของประเทศปลายทางทอี่ าจครอบครองเช้ือเพลิงนิวเคลยี ร์ใชแ้ ล้วนนั้ ได้ นอกจากน้ี พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพ่ือสันติฯ ยังมีบทบัญญัติท่ีมีเน้ือหาสอดคล้องกับหลัก ป้องกันล่วงหน้าเกี่ยวกับหน้าท่ีของผู้ประกอบการ ได้แก่ มาตรา ๖๗ ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการสถาน ประกอบการทางนิวเคลียร์มีหน้าที่ทบทวนและปรับปรุงรายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยของสถาน ประกอบการทางนิวเคลียร์ตามระยะเวลาและกรณีตามที่กําหนดในกฎกระทรวง หรือเม่ือเลขาธิการเห็นว่า มีเหตุทําให้รายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และหากผู้รับใบอนุญาต ดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ไม่ย่ืนรายงานวิเคราะห์ความปลอดภัยของสถานประกอบการ

๑๘๕ ทางนิวเคลียร์ภายในระยะเวลาที่กําหนด ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการส่ังเพิกถอน ใบอนญุ าตดําเนนิ การสถานประกอบการทางนวิ เคลียร์ มาตรา ๘๑ ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ต้องจัดการกากกัมมันตรังสี ให้เปน็ ไปตามทีร่ ะบุไว้ในรายงานวเิ คราะหค์ วามปลอดภยั ของสถานประกอบการทางนวิ เคลียร์ มาตรา ๘๒ ผู้รับใบอนุญาตผลิต มีไว้ในครอบครอง หรือใช้ซ่ึงวัสดุกัมมันตรังสีที่เลิกใช้วัสดุกัมมันตรังสี ตอ้ งจัดการวัสดุกมั มนั ตรังสนี ้ันเชน่ เดียวกบั การจดั การกากกมั มันตรังสี มาตรา ๘๓ ผู้รับใบอนุญาตใช้วัสดุกัมมันตรังสีเพ่ือประโยชน์ในการสํารวจปิโตรเลียม และวัสดุ กัมมันตรังสีนั้นตกค้างอยู่ในหลุมสํารวจปิโตรเลียม จะต้องดําเนินการเพื่อนําวัสดุกัมมันตรังสีนั้นขึ้นมา จากหลมุ สาํ รวจปิโตรเลียมและแจ้งให้เลขาธิการทราบ ในกรณีท่ีไม่สามารถนําวัสดุกัมมันตรังสีขึ้นจากหลุมสํารวจ ปิโตรเลียมได้ ใหด้ ําเนินการตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ซึ่งอย่างน้อยต้องมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้ (๑) การแสดงตําแหน่งหรือพิกัดของหลุมสํารวยปิโตรเลียมท่ีวัสดุกัมมันตรังสีน้ันตกค้างอยู่ (๒) วธิ กี ารปดิ หลมุ สาํ รวจปโิ ตรเลียม มาตรา ๘๘ ผู้รับใบอนุญาตซ่ึงครอบครองวัสดุกัมมันตรังสีและผู้รับใบอนุญาต ซ่ึงครอบครอง วัสดุนิวเคลียร์ ต้องยื่นรายงานแสดงปริมาณของวัสดุกัมมันตรังสีหรือวัสดุนิวเคลียร์ แล้วแต่กรณีท่ีอยู่ใน ความครอบครองตอ่ เลขาธกิ ารตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร เงือ่ นไข และระยะเวลาทเ่ี ลขาธิการกําหนด มาตรา ๘๙ ผู้ใดวิจัยและพัฒนาวัฏจักรเช้ือเพลิงนิวเคลียร์ที่ไม่ใช้วัสดุนิวเคลียร์ ต้องแจ้งให้เลขาธิการ ทราบตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการที่เลขาธกิ ารกาํ หนด มาตรา ๙๒ ผู้รับใบอนุญาตผลิต มีไว้ในครอบครอง หรือใช้วัสดุกัมมันตรังสี และผู้รับใบอนุญาต มีไว้ ในครอบครองหรือใชเ้ ครอื่ งกาํ เนดิ รังสี ต้องจัดใหม้ ีเจ้าหนา้ ท่ีความปลอดภัยทางรังสีปฏิบัติหน้าท่ีในสถานที่ทําการ ของผ้รู ับใบอนญุ าต มาตรา ๙๓ ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๖ (๑) และ (๒) ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ดําเนินการทางเทคนิค เก่ียวกบั วัสดนุ วิ เคลียรป์ ฏบิ ัตหิ น้าท่ใี นสถานท่ที าํ การของผ้รู ับใบอนุญาต มาตรา ๙๔ ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เคร่ืองปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ตอ้ งจัดให้มีเจา้ หน้าที่ปฏิบัติงานเดินเคร่ืองปฏกิ รณ์นิวเคลียร์ปฏิบตั ิหน้าท่ีในสถานทที่ าํ การของผ้รู บั ใบอนญุ าต มาตรา ๑๐๐ ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่ระงับเหตุในเบื้องต้นตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี และต้อง แจ้งเหตุดังกล่าวให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบทันที รวมทั้งต้องให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือแก่พนักงานเจ้าหน้าท่ี เพือ่ แกไ้ ข บรรเทา หรอื ระงับซึ่งอันตรายหรอื ความเสียหายนนั้ ๑๑.๖.๕ หลกั ผูก้ ่อมลพษิ เปน็ ผจู้ า่ ย หลักการนี้ปรากฏอยู่ในบทบญั ญตั ิมาตราตา่ ง ๆ ดงั นี้ มาตรา ๗๙ บัญญัตใิ หผ้ ้กู อ่ ใหเ้ กดิ กากกัมมันตรังสีมีหน้าท่ีจัดการกากกัมมันตรังสี และกากกัมมันตรังสี ใดท่ีผู้มีหน้าท่ีตามวรรคหนึ่งต้องส่งให้หน่วยงานของรัฐจัดการ ให้เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ ดงั กล่าว

๑๘๖ มาตรา ๑๐๔ กรณีมีคําสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือคําสั่งเพิกถอนใบอนุญาต เลขาธิการอาจมีคําส่ัง ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีเข้าดําเนินการเกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกําเนิดรังสี วัสดุนิวเคลียร์ เคร่ืองปฏิกรณ์ นิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี หรือเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้วที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินการตามที่ได้รับใบอนุญาตน้ัน ไดเ้ ทา่ ที่จําเป็นเพ่ือปอ้ งกนั อนั ตรายจากรังสี เพื่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี หรอื การพิทักษ์ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ และให้หักค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นจากการดําเนินการดังกล่าวจากหลักประกัน หากหลักประกันไม่เพียงพอ ผ้รู ับใบอนุญาตต้องรับผดิ ชอบคา่ ใชจ้ ่ายสว่ นที่ขาด มาตรา ๑๐๘ เม่ือปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจสั่งให้ผู้น้ันระงับการกระทําท่ีฝ่าฝืน หรือแก้ไข หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องได้ ในกรณที ต่ี อ้ งทําลายหรือจัดการตามควรแก่กรณี หากมีคา่ ใชจ้ า่ ยเกดิ ขึ้น ให้เจ้าของหรือผนู้ ําเข้ามาซ่ึงส่งิ ของน้ัน มีหนา้ ทีจ่ า่ ยหรอื ชดใชเ้ งินจํานวนนั้นแกท่ างราชการ มาตรา ๑๑๐ บัญญัติเก่ียวกับกรณีท่ีต้องทําลายหรือจัดการวัสดุกัมมันตรังสี เครื่องกําเนิดรังสี วัสดุ นิวเคลียร์ สถานประกอบการทางนิวเคลียร์ กากกัมมันตรังสี เช้ือเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว และเอกสารหรือสิ่งใด ๆ ตามมาตรา ๑๐๙ หรอื ทรพั ย์สินใดทเ่ี กีย่ วข้องท่ีศาลมีคําพิพากษาใหร้ บิ เจ้าของมีหน้าท่ีชําระค่าใช้จ่ายท่ีเกิดข้ึน ให้แก่ทางราชการดว้ ย ๑๑.๖.๖ หลกั การว่าดว้ ยการคมุ้ ครองสงิ่ แวดลอ้ มตอ้ งไมม่ ลี ักษณะท่ีถดถอยลง - ไมป่ รากฏ บทสรปุ จากการศึกษากลุ่มกฎหมายในการคุ้มครองสภาพแวดล้อมในชนบท และชุมชนเมือง จํานวน ๖ ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติจัดรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพ้ืนท่ี พ.ศ. ๒๕๔๗ พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติการนิคม อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๒๒ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพ่ือสันติ พ.ศ. ๒๕๕๙ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม มีบทบัญญัติ ที่สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการให้อํานาจฝ่ายปกครอง กาํ หนดหลกั เกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมหรือกํากับดูแลสําหรับกิจการหรือการดําเนินการในเร่ือง ต่าง ๆ หรือแก้ไขสิ่งท่ีจะมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชนซึ่งเป็น การคํานึงและตระหนักถึงหลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อม และหลักการพัฒนาท่ียั่งยืน นอกจากน้ี ยังมีบทบัญญัติที่มีความสอดคล้องต่อหลักการป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อนเป็นอย่างมาก ในการ ให้อํานาจเจ้าพนักงานที่มีอํานาจตามพระราชบัญญัติน้ัน ควบคุมดูแลกิจกรรมและกิจการประเภทต่าง ๆ ท่ีมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการออกคําสั่งให้ปรับปรุง แก้ไขการอนุญาต หรือไม่อนุญาต การส่ังพักใช้

๑๘๗ หรือเพิกถอนใบอนุญาต รวมทั้งอํานาจในการตรวจตรา ให้คําแนะนํา ปรับปรุงแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม ท่ีมีผล ต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน อีกทั้งยังมีการกําหนดหลักเกณฑ์ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ที่เก่ียวข้องซึ่งสอดคล้องต่อหลักการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการดําเนินการท่ีมีผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม รวมถึงมีการกําหนดบทลงโทษทางปกครองหรือการใช้มาตรการทางปกครองต่อบุคคลที่ก่อให้เกิด ความเสยี หายอย่างรา้ ยแรงต่อสภาวะความเปน็ อยู่ทเี่ หมาะสมกบั การดํารงชีพของประชาชนซึ่งมีความสอดคล้อง ต่อหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย ส่วนหลักการอื่น ๆ แม้กฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้กําหนดไว้โดยตรงหรือชัดเจน แตก่ ม็ คี วามมุ่งหมายที่จะคุ้มครองสงิ่ แวดล้อมไว้ด้วยเชน่ เดียวกัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook