Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore B3-09-64

B3-09-64

Published by wijai 22, 2021-10-05 02:41:05

Description: B3-09-64

Search

Read the Text Version

๑๘๘ บทท่ี ๑๒ กฎหมายวา่ ดว้ ยการป้องกันมลพษิ และการระงับเหตเุ ดอื ดร้อนราํ คาญ กลุ่มกฎหมายว่าด้วยการป้องกันมลพิษและการระงับเหตุเดือดร้อนรําคาญเป็นการจัดประเภทและ รวบรวมบทบญั ญัติกฎหมายที่เกยี่ วกบั การควบคมุ กาํ กับดูแล และการดําเนินการด้วยวิธีใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการ ออกระเบียบข้อบังคับ การกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เง่ือนไข รวมถึงมาตรการต่าง ๆ เพ่ือป้องกันมลพิษและ การระงับเหตุเดือดร้อนรําคาญต่าง ๆ อันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ความเป็นอยู่ สุขภาวะที่ดี และสุขภาพของมนุษย์ ซ่ึงในบทนี้จะศึกษาวิเคราะห์หลักการพื้นฐานของกฎหมาย ส่ิงแวดล้อมท่ีปรากฏอยู่ในบทบัญญัติกฎหมาย ๗ ฉบับท่ีเกี่ยวกับการป้องกันมลพิษและการระงับเหตุเดือดร้อน รําคาญ ได้แก่ พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ท่ีแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม พระราชบัญญัติรักษา ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ โรคติดตอ่ พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญตั ภิ าษสี รรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ดงั รายละเอยี ดต่อไปนี้ ๑๒.๑ กฎหมายมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม กฎหมายฉบับน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือส่งเสริมและอํานวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและพัฒนา อุตสาหกรรมในประเทศไทย ให้สามารถพัฒนาศักยภาพทางการประกอบธุรกิจ และส่งเสริมความสามารถ ในการแข่งขันทางการค้าได้ดีย่ิงข้ึน โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ปรับปรุงรูปแบบและข้ันตอนการกําหนด มาตรฐาน ขั้นตอนในการขอรับใบอนุญาต และปรับปรุงบทกําหนดโทษ รวมไปถึงการดําเนินการกับ ซากผลติ ภณั ฑอ์ ุตสาหกรรมท่ีไมเ่ ปน็ ไปตามมาตรฐานหลังทําให้สิ้นสภาพ ซึ่งเมื่อพิจารณาบทบัญญัติกฎหมายแล้ว พบว่ามเี นอ้ื หาเกย่ี วกับหลกั การพนื้ ฐานของกฎหมายสง่ิ แวดลอ้ ม ดงั น้ี ๑๒.๑.๑ หลกั ความเปน็ สากลของสิ่งแวดล้อม พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ได้บัญญัติ หลักความเป็นสากลของสิ่งแวดล้อมไว้อย่างชัดแจ้งและโดยตรง แต่อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะไม่ได้ระบุ ถึงหลักการดังกล่าว แต่ในทางปฏิบัติการจัดทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจําเป็นต้องเป็นไปตามมาตรฐาน หรือ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้กําหนดไว้ในกฎกระทรวงโดยคํานึงถึงผลกระทบที่จะเกิดข้ึนกับส่ิงแวดล้อมไว้ด้วย จึงต้องคํานงึ ถึงหลกั ความเปน็ สากลของส่งิ แวดลอ้ มดว้ ย    เนื้อหาบทที่ ๑๒ น้ี จัดทําโดยนางสาวพัชราภรณ์ ศิริวิมลกุล พนักงานคดีปกครองชํานาญการ กลุ่มสนับสนุนวิชาการ คดีปกครอง สํานักวิจัยและวิชาการ (คณะทํางานโครงการปรับปรุงและพัฒนาระบบบริหารงานยุติธรรมทางปกครอง : การศึกษา วิเคราะห์กฎหมายท่ีเกยี่ วกับวธิ พี จิ ารณาคดปี กครองส่งิ แวดล้อมในระบบกฎหมายไทย)

๑๘๙ ๑๒.๑.๒ หลักการมีสว่ นร่วมของประชาชนเก่ียวกบั ส่งิ แวดลอ้ ม พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ท่ีปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ท่ีสอดคล้องกับหลักการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการดําเนินการท่ีมีผลกระทบ ต่อส่ิงแวดล้อม โดยมาตรา ๑๘ กําหนดให้สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจัดให้มีการรับฟัง ความคิดเห็นของตัวแทนของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้อง ทั้งน้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ท่ีคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกําหนด และมาตรา ๑๙ กําหนด ให้สํานักงานมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนําผลการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา ๑๘ เสนอคณะกรรมการมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อประกอบการพิจารณาก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกกฎกระทรวงต่อไป ซ่ึงจะเห็นได้ว่า กฎหมายได้บัญญัติให้มีการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มบุคคล ที่เก่ียวข้อง เนื่องจากการจัดทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจําเป็นต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ได้กําหนดไว้ ซึ่งหาก ไม่เป็นไปตามมาตรฐานดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือส่งผลกระทบต่อบุคคลและส่วนรวม อันรวม ไปถึงส่ิงแวดล้อมด้วย ดังน้ัน กฎหมายดังกล่าวจึงได้ระบุให้มีการรับฟังความคิดเห็นของตัวแทนของกลุ่ม ผู้มีส่วนได้เสียหรือผูม้ ีประโยชนเ์ กี่ยวขอ้ ง ๑๒.๑.๓ หลกั การพฒั นาท่ยี ัง่ ยนื และหลกั บรู ณาการทางสิง่ แวดลอ้ ม พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ไม่ได้กําหนด เกย่ี วกับหลกั การพฒั นาท่ีย่ังยืนและหลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อม ไว้ อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะไม่ได้ระบุ ถึงหลักการดังกล่าว แต่ในการจัดทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจําเป็นต้องคํานึงถึงหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนและ หลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อมด้วย โดยจะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน หรือหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ท่ีได้กําหนดไว้ ในกฎกระทรวงโดยท่ีแม้ว่าการจัดทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจะเน้นการพัฒนาที่ต้องตอบสนองต่อความต้องการ ของคนรุ่นปจั จุบนั แตจ่ ะต้องไมม่ ผี ลกระทบในทางลบต่อความต้องการของคนรุน่ ต่อไปดว้ ย ๑๒.๑.๔ หลกั การปอ้ งกันล่วงหนา้ และหลักการระวังไว้ก่อน โดยท่ีพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ ที่ปรับปรุงแก้ไข พ.ศ. ๒๕๖๒ เปน็ กฎหมายทีก่ ําหนดมาตรฐานเพ่ือประโยชน์ในการส่งเสริมอุตสาหกรรม เพ่ือความปลอดภัยหรือเพ่ือป้องกัน ความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชนหรือแก่กิจการอุตสาหกรรมหรือเศรษฐกิจของประเทศ จึงมี บทบญั ญัติท่ีสอดคลอ้ งกบั หลักการป้องกนั ลว่ งหนา้ และหลักการระวงั ไวก้ อ่ น กลา่ วคอื

๑๙๐ (๑) การให้อํานาจเลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในการประกาศ ราชกจิ จานเุ บกษาเก่ยี วกับการตรวจสอบผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรม กฎหมายฉบับน้ีได้ให้อํานาจแก่เลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมโดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กําหนดให้ส่วนราชการ องคก์ ารของรฐั รัฐวิสาหกิจ หนว่ ยงานของรัฐ หรือหน่วยงานอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นผู้ตรวจสอบ การทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือเป็นผู้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ท่ีคณะกรรมการกําหนด (มาตรา ๕) อีกท้ังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอํานาจประกาศ ในราชกิจจานุเบกษากําหนดอัตราค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบการทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือวัตถุตามมาตราที่เกี่ยวข้อง หรือท่ีได้รับใบอนุญาตหรือได้รับอนุญาตตามมาตรา ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง (มาตรา ๖) นอกจากน้ี เพ่ือความปลอดภัย หรือเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชนหรือ แก่กิจการอุตสาหกรรม หรือเศรษฐกิจของประเทศ คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาจเสนอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพ่ือออกกฎกระทรวงกําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชนิดใด ต้องเป็นไปตามมาตรฐานท้ังหมดหรือแต่บางส่วนของมาตรฐานก็ได้ (มาตรา ๑๗) และในกรณีที่มีความจําเป็น เร่งด่วนที่หากปล่อยให้เน่ินช้าต่อไปอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือแก่กิจการอุตสาหกรรรม หรอื เศรษฐกจิ ของประเทศ คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอาจเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อุตสากรรมเพ่ือออกกฎกระทรวงกําหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชนิดใดต้องเป็นไปตามมาตรฐานหรือ กฎเกณฑ์ของต่างประเทศหรือระหว่างประเทศทั้งหมดหรือแต่บางส่วนของมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ดังกล่าว (มาตรา ๑๗/๑) ในการออกใบอนุญาต เลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจะกําหนดเงื่อนไข เป็นหนังสือให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติในเรื่องท่ีเกี่ยวกับวิธีการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้เป็นไป ตามมาตรฐาน กําหนดเวลาสําหรับการแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน กําหนดเวลาสําหรับการชําระค่าใช้จ่าย ในการตรวจสอบการทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การส่งรายงานเก่ียวกับ การประกอบกิจการต่อเลขาธิการตามแบบ หลักเกณฑ์ และระยะเวลาท่ีคณะกรรมการกาํ หนด ก็ได้ (มาตรา ๒๕ ทว)ิ (๒) มาตรการบงั คับสําหรับผทู้ าํ ผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรม กฎกระทรวงกําหนดให้ผู้ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมบางประเภทต้องดําเนินการตามข้ันตอนให้เป็นไป ตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) โดยต้องขอรับใบอนุญาต จากเลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ก่อนทําผลิตภัณฑ์ (มาตรา ๒๐) และต้องทําผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรา ๒๙) เว้นแต่ กรณีที่ เป็นการทําเพือ่ การวิจัยและพฒั นา การทาํ เพอื่ ทดลองกระบวนการผลิต ไมต่ ้องขอรบั ใบอนญุ าต

๑๙๑ ผู้ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีประกาศกําหนดมาตรฐาน (มาตรฐานทั่วไป) และประสงค์จะแสดง เคร่ืองหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์นั้น สามารถย่ืนขอรับใบอนุญาตจากเลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรม (มาตรา ๑๖) และตอ้ งแสดงเครอื่ งหมายกับผลิตภัณฑท์ ่เี ป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรา ๓๕) (๓) มาตรการบังคบั สาํ หรับผูน้ าํ ผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรมเขา้ มาเพ่อื จาํ หนา่ ยในราชอาณาจกั ร ผู้นําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีกฎกระทรวงกําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) เข้ามาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักร ต้องขอรับใบอนุญาตจากเลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ก่อนรบั มอบผลติ ภัณฑ์ไปจากเจ้าพนักงานศุลกากร (มาตรา ๒๑) และต้องนําเข้าผลิตภัณฑ์ท่ีเป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรา ๒๙) เว้นแต่ กรณีท่ีนําเข้ามาโดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพ่ือจําหน่ายในราชอาณาจักร ไม่ต้องขอรับใบอนุญาต (มาตรา ๒๑ วรรค ๒) กรณนี ําเข้าผลติ ภณั ฑ์อตุ สาหกรรมท่มี กี ฎกระทรวงกาํ หนดใหต้ ้องเปน็ ไปตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) เข้ามาในราชอาณาจักร เพ่ือผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือวิธีอ่ืนใด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไป นอกราชอาณาจักรทั้งหมด ไม่ต้องขอรับใบอนญุ าต (มาตรา ๒๑ ตร)ี (๔) มาตรการบังคับสําหรบั ผูจ้ าํ หนา่ ยผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรม ผู้ใดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีกฎกระทรวงกําหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (มาตรฐานบังคับ) จะต้อง จําหน่ายผลติ ภัณฑ์ทีท่ าํ หรอื นําเขา้ โดยผไู้ ด้รบั ใบอนุญาตจากสํานกั งานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมก่อนและ ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน โดยบนตัวผลิตภัณฑ์ต้องมีการแสดงเคร่ืองหมายมาตรฐาน พร้อมท้ังระบุเลข มอก. และชอื่ ผไู้ ดร้ บั ใบอนญุ าตจากสํานกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมกอ่ น (มาตรา ๓๖) (๕) การกาํ กบั ดแู ลของผูม้ ีอํานาจตรวจสอบการทาํ มาตรฐานผลติ ภัณฑ์อตุ สาหกรรม เลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมีอํานาจส่ังพักใช้ใบอนุญาต หากมีผู้รับใบอนุญาต ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตราต่าง ๆ ที่กําหนดไว้ หรือกฎกระทรวงซ่ึงออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเง่ือนไข ที่เลขาธิการกําหนด (มาตรา ๓๗) และเลขาธิการมีอํานาจส่ังเพิกถอนใบอนุญาต เม่ือปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาต เคยถกู สงั่ พักใชใ้ บอนญุ าตแล้วมากระทําความผดิ ในเหตุอยา่ งเดยี วกันอีกภายในห้าปี (มาตรา ๓๙) ในการปฏิบัติการตามหน้าท่ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจเข้าไปในสถานท่ีผลิต เก็บ หรือจําหน่าย ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือในระหว่างเวลาทําการ หรือยานพาหนะ ท่ีบรรทุกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพ่ือตรวจสอบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือการทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามพระราชบัญญัติน้ีหรือไม่ หรือเม่ือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืน พระราชบัญญัตินี้ หรือยึดหรืออายัดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่ีมีเหตุอันควรเช่ือว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือ เงื่อนไขทีค่ ณะกรรมการกาํ หนด (มาตรา ๔๔)

๑๙๒ คณะกรรมการมีอํานาจสั่งให้แก้ไข หรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่พนักงานเจ้าหน้าท่ีได้ยึด หรืออายัดไว้ตามมาตรา ๔๔ (๓) ให้เป็นไปตามมาตรฐาน หรือสั่งให้ทําลายเคร่ืองหมายมาตรฐานหรือทําให้ เคร่ืองหมายมาตรฐานหลุดพ้นจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมน้ันด้วยก็ได้ หากไม่สามารถทําลายหรือทําให้ เครือ่ งหมายมาตรฐานหลดุ พน้ จากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมได้ก็อาจสั่งให้ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมน้ันให้สิ้นสภาพ หรือในกรณีท่ีนําเข้าอาจสั่งให้ส่งกลับคืนไป และอาจส่ังให้ทําลายเครื่องหมายมาตรฐาน หรือทําให้เครื่องหมาย มาตรฐานหลุดพ้นจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมน้ันด้วยก็ได้ ถ้าไม่ส่งกลับคืนไป หรือไม่ทําลาย หรือไม่ทําให้ เคร่ืองหมายมาตรฐานหลุดพ้นจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ก็อาจสั่งให้ทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมน้ันให้ส้ินสภาพ ทั้งนี้ โดยให้ผู้รับใบอนุญาต ผู้รับอนุญาต ผู้ทํา ผู้นําเข้า ผู้โฆษณา ผู้จําหน่าย หรือผู้มีไว้เพื่อจําหน่าย แล้วแต่กรณี เปน็ ผู้เสียคา่ ใชจ้ ่ายเกย่ี วกบั การแกไ้ ข การปรบั ปรงุ การทาํ ใหส้ นิ้ สภาพ หรือการส่งกลับคนื ไปซงึ่ ผลติ ภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือการรอไว้เพื่อขอรับใบอนุญาตหรือขอรับอนุญาต หรือการทําลายเคร่ืองหมายมาตรฐาน หรือการทําให้ เคร่ืองหมายมาตรฐานหลุดพ้นจากผลิตภัณฑอ์ ตุ สาหกรรม (มาตรา ๔๖) ๑๒.๑.๕ หลกั ผู้กอ่ มลพษิ เป็นผจู้ า่ ย พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ได้กําหนด เก่ียวกบั หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จา่ ยไว้ กําหนดไว้แตเ่ พียงบทลงโทษทางอาญาตามมาตรา ๔๘ ถงึ มาตรา ๕๗ ๑๒.๑.๖ หลกั การว่าด้วยการคมุ้ ครองส่ิงแวดลอ้ มจะต้องไมม่ ีลักษณะท่ถี ดถอยลง พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ได้กําหนด เก่ียวกับหลักการว่าด้วยการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมจะต้องไม่มีลักษณะท่ีถดถอยลงไว้ อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมาย จะไม่ไดร้ ะบถุ ึงหลกั การดงั กลา่ ว แตป่ รับปรุงแกไ้ ขกฎหมายและระเบยี บเก่ยี วกบั การจัดทําผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ก็จะต้องไม่ทําให้การค้มุ ครองส่ิงแวดล้อมถดถอยหรอื ลดน้อยลงไปกว่าเดมิ จากการศึกษาพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ท่ีได้มีการกํากับดูแลแะตรวจสอบของผู้มีอํานาจตรวจสอบการทํามาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม การกําหนด มาตรการต่าง ๆ การปรับปรุงรูปแบบและขั้นตอนการกําหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ขั้นตอนในการ ขอรับใบอนุญาต และการปรับปรุงบทกําหนดโทษ รวมไปถึงการดําเนินการกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมท่ีไม่เป็นไป ตามมาตรฐานต่าง ๆ นั้น นับเป็นการดําเนินการท่ีสอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อม ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้มีความสอดคล้องกับหลักการป้องกัน ล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อน ค่อนข้างมาก เพราะมีการกําหนดมาตรการป้องกันและควบคุมดูแล ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานเพ่ือไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่ิงแวดล้อม รวมถึง มีการกําหนดหลักเกณฑ์ที่สอดคล้องกับหลักการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการดําเนินการ ที่มีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมที่กําหนดให้สํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจัดให้มีการรับฟัง ความคดิ เหน็ ของตวั แทนของกลมุ่ ผ้มู ีส่วนไดเ้ สยี หรอื ผ้มู ปี ระโยชนเ์ กี่ยวข้อง ส่วนหลักการอ่ืน ๆ แม้กฎหมายดังกล่าว จะไม่ได้กําหนดไว้โดยตรงหรอื ชดั เจน แต่ก็มีความมงุ่ หมายทจ่ี ะค้มุ ครองสิง่ แวดลอ้ มไวด้ ้วยเช่นเดียวกนั

๑๙๓ ๑๒.๒ กฎหมายวตั ถอุ ันตราย พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกฎหมายท่ีใช้ควบคุมเก่ียวกับ เคมีภัณฑ์ซ่ึงเป็นวัตถุอันตราย โดยที่ปรากฏว่าในปัจจุบันความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทําให้มีการนําเข้า วัตถุอันตรายมาใช้ในกิจการประเภทต่าง ๆ เป็นจํานวนมาก และวัตถุอันตรายบางชนิดอาจก่อให้เกิดอันตราย อย่างร้ายแรงแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ และสิ่งแวดล้อมได้ แม้ว่าจะมีกฎหมายควบคุมอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ ไม่ครอบคลุมเพียงพอ กฎหมายฉบับนี้จึงได้บัญญัติหลักเกณฑ์และวิธีการในการควบคุมวัตถุอันตราย ใหเ้ หมาะสมยงิ่ ข้นึ พรอ้ มกบั จดั ระบบบรหิ ารใหม้ ีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องได้ โดยปรับปรุง กฎหมายว่าด้วยวัตถุมีพิษให้ครอบคลุมวัตถุอันตรายทุกชนิด และกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการควบคุม วัตถุอันตรายให้เหมาะสมยิ่งข้ึน พร้อมกับจัดระบบบริหารให้มีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องกันกับการควบคุมดูแลวตั ถอุ ันตรายดงั กลา่ ว ซึ่งเมอื่ พจิ ารณาแล้วมีเน้ือหาท่ีเก่ียวข้องกับหลักการพื้นฐาน ของกฎหมายสิง่ แวดล้อม ดังน้ี ๑๒.๒.๑ หลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติมไม่ได้กําหนดเก่ียวกับหลักความเป็นสากล ของส่ิงแวดล้อมไว้โดยตรง อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวได้มีบทบัญญัติบางมาตราท่ีมีเน้ือหาสอดคล้อง กับหลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อมที่ได้กําหนดให้การกระทําใดท่ีเกี่ยวข้องกับวัตถุอันตรายจะต้องมีการควบคุม ป้องกัน บรรเทา หรือระงับอันตราย ท่ีจะเกดิ แก่บุคคล สตั ว์ พืช ทรพั ย์ หรือสิ่งแวดล้อม (มาตรา ๒๐) อนั เป็นการ คาํ นึงถงึ สิ่งแวดลอ้ มที่เปน็ สมบัติร่วมกันของมนษุ ย์ ๑๒.๒.๒ หลักการมสี ่วนร่วมของประชาชนเกย่ี วกับสงิ่ แวดลอ้ ม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมไม่ได้กําหนดเก่ียวกับหลักการมีส่วนร่วม ของประชาชนเก่ียวกับส่ิงแวดล้อมไว้โดยตรง อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวได้มีการกําหนดให้มีการดําเนินการ ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับวัตถุอันตรายและให้มีการประกันความเสียหายท่ีอาจเกิดข้ึนต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย ชีวิต หรือทรัพย์สินซ่ึงเกิดจากการประกอบกิจการ (มาตรา ๒๐) อันสอดคล้องกับหลักการมีส่วนร่วม ของประชาชนเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมในแง่ของการนําเสนอข้อมูลข่าวสารของภาครัฐสู่ประชาชนให้ได้รับรู้ข้อมูล ข่าวสารเก่ียวกับวัตถุอันตรายและความเสียหายที่อาจจะเกิดข้ึนกับประชาชน โดยเป็นสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารท่ีประชาชนควรได้รับ และหากมีความเสียหายเกิดข้ึนจากวัตถุอันตราย ประชาชนมีสิทธิที่จะฟ้องคดี ในเรอื่ งดงั กล่าวได้ตอ่ ไป ๑๒.๒.๓ หลกั การพฒั นาที่ยง่ั ยืน และหลักบูรณาการทางสง่ิ แวดล้อม พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมไม่ได้กําหนดเก่ียวกับหลักการพัฒนา ที่ย่ังยืนและหลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อม ไว้โดยตรง อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวได้มีบทบัญญัติ

๑๙๔ บางมาตราที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับหลกั การพฒั นาท่ยี ่งั ยืนท่ไี ดก้ ําหนดให้การกระทาํ ใดท่ีเก่ียวข้องกับวัตถุอันตราย จะต้องมีการควบคุม ป้องกัน บรรเทา หรือระงับอันตราย ที่จะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม และกําหนดให้มีการดําเนินการถ่ายทอดความรู้เก่ียวกับวัตถุอันตรายและให้มีการประกันความเสียหายท่ีอาจเกิดข้ึน ต่อส่ิงแวดล้อม สุขภาพอนามัย ชีวิต หรือทรัพย์สินซึ่งเกิดจากการประกอบกิจการ (มาตรา ๒๐) อันเป็น การตอบสนองหลักของการพฒั นาที่ต้องตอบสนองตอ่ ความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน แต่จะต้องไม่มีผลกระทบ ในทางลบต่อความตอ้ งการของคนรนุ่ ตอ่ ไปดว้ ย ๑๒.๒.๔ หลกั การป้องกันล่วงหนา้ และหลกั การระวังไว้กอ่ น พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมมีทั้งที่กําหนดเน้ือหาบางมาตราที่มี การนําหลักการป้องกันล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อนมาใช้โดยตรง และในบางมาตราไม่ได้กําหนดไว้ โดยตรง แตม่ คี วามเกีย่ วพนั กบั หลกั การป้องกันล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อนเป็นอย่างมาก โดยกฎหมายดังกล่าว มีบทบัญญัติบางมาตราท่ีจะให้มีการควบคุม ป้องกัน บรรเทา หรือระงับอันตราย ที่จะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากวัตถุอันตราย และคํานึงถึงการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับวัตถุอันตราย และให้มีการประกันความเสียหายที่อาจเกิดข้ึนต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย ชีวิต หรือทรัพย์สินซึ่งเกิดจาก การประกอบกิจการเพื่อไม่ก่อให้เกิดผลกระทบตามมา และมีบทบัญญัติบางมาตรากําหนดให้มีองค์กรเพื่อทําหน้าท่ี ควบคุมดาํ เนินการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย (เช่น คณะกรรมการวัตถุอนั ตราย) หรือการกํากับดูแล และควบคุมวัตถุอันตราย จากพนักงานเจ้าหน้าท่ีหรือผู้มีอํานาจในหน่วยงานที่เก่ียวข้องหากมีการดําเนินการท่ีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเงื่อนไขสาํ หรับวัตถุอนั ตราย หรือมกี ารฝา่ ฝืนกฎหมายดงั กลา่ ว ดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี (๑) การกําหนดให้มีองค์กรเพื่อทําหน้าท่ีควบคุมดําเนินการบังคับใช้กฎหมาย (เช่น คณะกรรมการ วัตถุอันตราย) การแต่งตั้งคณะกรรมการวัตถุอันตรายท่ีมีอํานาจและหน้าที่เสนอนโยบายและแผนการบริหารจัดการ วัตถุอันตราย และให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องรับไปปฏิบัติ ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อควบคุมกํากับดูแล วัตถุอันตราย ให้ความเห็นในการออกประกาศเก่ียวกับวัตถุอันตราย การควบคุมวัตถุอันตรายและการป้องกัน ความเสียหายอันเกิดจากวัตถอุ ันตราย แจ้งหรอื โฆษณาขา่ วสารเกีย่ วกับวัตถุอนั ตรายใหป้ ระชาชนทราบ รวมท้ัง สอดส่อง ดูแล ให้คําแนะนํา และเร่งรัด พนักงานเจ้าหน้าท่ี ส่วนราชการ หรือหน่วยงานของรัฐท่ีมีอํานาจหน้าท่ี เกี่ยวกบั วัตถุอนั ตรายต่าง ๆ ให้ปฏบิ ัตติ ามอํานาจและหน้าทท่ี ี่กฎหมายกําหนด (มาตรา ๖) (๒) การควบคมุ วัตถุอันตราย ในกรณีทีม่ ีเหตจุ ําเปน็ เพอื่ ปอ้ งกนั อนั ตรายทีจ่ ะเกดิ แก่บคุ คล สตั ว์ พืช ทรพั ย์ หรือส่งิ แวดลอ้ ม จะมีการ ตราพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดทอ้ งท่เี พ่ือหา้ มการครอบครอง การจําหนา่ ย หรือการใชว้ ตั ถอุ ันตรายก็ได้ (มาตรา ๑๖) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมมีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาระบุช่ือหรือคุณสมบัติ ของวัตถุอันตราย ชนิดของวัตถุอันตราย กําหนดเวลาการใช้บังคับและหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการควบคุม

๑๙๕ วัตถุอันตราย ทั้งน้ี เพ่ือประโยชน์แก่การป้องกันและระงับอันตรายท่ีอาจมีแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์หรือ ส่งิ แวดลอ้ ม (มาตรา ๑๘) รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบมีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาในการกําหนดปริมาณ องค์ประกอบ คุณสมบัติและสิ่งเจือปน ภาชนะบรรจุ วิธีตรวจและทดสอบภาชนะ ฉลาก การผลิต การนําเข้า การส่งออก ด่านศุลกากรท่นี ําเขา้ สง่ ออก หรอื นําผ่าน การขาย การขนส่ง การเก็บรักษา การกําจัด การทําลาย การปฏิบัติ กับภาชนะของวัตถุอันตราย การให้แจ้งข้อเท็จจริง การให้ส่งตัวอย่าง หรือการอ่ืนใดเก่ียวกับวัตถุอันตราย เพ่ือควบคุม ป้องกัน บรรเทา หรือระงับอันตราย ที่จะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม และ ให้มีการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับวัตถุอันตรายและการประกันความเสียหายท่ีอาจเกิดข้ึนต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย ชีวิต หรือทรัพย์สินซง่ึ เกดิ จากการประกอบกิจการ (มาตรา ๒๐) ผู้ได้รับใบอนุญาตที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจพิจารณา ส่งั พกั ใช้ใบอนญุ าต และถา้ เปน็ กรณสี าํ คญั จะสงั่ เพิกถอนใบอนุญาตกไ็ ด้ (มาตรา ๓๒) รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงอตุ สาหกรรมมีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดรายช่ือของวัตถุอันตราย ท่ีกระบวนการผลิตและลักษณะท่ีอาจก่อให้เกิดอันตราย (มาตรา ๓๖ วรรคหน่ึง) การผลิต หรือการนําเข้า วัตถุอันตรายชนิดท่ี ๒ หรือชนิดที่ ๓ ท่ีอยู่นอกรายช่ือของประกาศ จะต้องนํามาขอขึ้นทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่และเมื่อได้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียนแล้ว ให้ผลิตหรือนําเข้าหรือออกใบอนุญาตแล้ว ให้ผลิตหรือ นําเข้าได้ (มาตรา ๓๗ วรรคสอง) การขอข้ึนทะเบียน การออกใบสําคัญการขึ้นทะเบียนและการต่ออายุใบสําคัญ การข้ึนทะเบียนวัตถุอันตราย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกําหนด (มาตรา ๓๗ วรรคสาม) ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับข้ึนทะเบียนวัตถุอันตรายเม่ือคณะกรรมการเห็นว่า วัตถุอันตราย ที่ขอขึน้ ทะเบยี นไม่เป็นที่เชือ่ ถือได้วา่ มคี ุณประโยชน์ตามท่ขี อขึ้นทะเบยี นไว้ หรอื หากนาํ มาใช้แล้วอาจเกิดอันตราย แก่บุคคล สตั ว์ พชื ทรัพย์ หรือสิง่ แวดลอ้ ม โดยไมม่ ีวิธปี กตติ ามควรทีจ่ ะป้องกันได้ (มาตรา ๓๘) พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจส่ังแก้ไขรายการทะเบียนวัตถุอันตรายได้ตามความจําเป็น เพื่อประโยชน์ ในการคมุ้ ครองบุคคล สตั ว์ พชื ทรพั ย์ หรือส่ิงแวดล้อม (มาตรา ๓๙) พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจเพิกถอนทะเบียนวัตถุอันตรายที่ไม่มีประโยชน์ตามที่ขึ้นทะเบียนไว้หรือ หากนํามาใชแ้ ลว้ อาจเกิดอันตรายแก่บคุ คล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือส่งิ แวดลอ้ มโดยไมม่ วี ธิ ที จ่ี ะป้องกนั ได้ (มาตรา ๔๐) ในกรณีท่ีมีเหตุจําเป็นเพ่ือป้องกันอันตรายท่ีจะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์หรือสิ่งแวดล้อม จากการโฆษณาวัตถุอันตรายใด หน่วยงานผู้รับผิดชอบมีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงือ่ นไขสาํ หรบั วตั ถอุ นั ตรายนน้ั (มาตรา ๕๑/๒) เม่ือผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก ผู้นําผ่าน ผู้นํากลับเข้ามา ผู้ส่งกลับออกไป หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ซึ่งวัตถุอันตรายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจสั่งให้ผู้นั้นระงับ การกระทําที่ฝ่าฝืน หรือแก้ไข หรือปรับปรุง หรือปฏิบัติให้ถูกต้องได้ ในการน้ี หากเป็นกรณีมีเหตุอันสมควร พนักงานเจ้าหน้าท่ีจะสั่งให้ผู้นั้นส่งออกไปซึ่งวัตถุอันตรายนั้นเพื่อคืนให้แก่ผู้ผลิตหรือผู้จัดส่งวัตถุอันตรายน้ัน หรือเพอ่ื การอนื่ ตามความเหมาะสมก็ได้ โดยปฏิบัตติ ามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขท่ีหน่วยงานผู้รับผิดชอบ

๑๙๖ กําหนด ถ้าผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก ผู้นําผ่าน ผู้นํากลับเข้ามา ผู้ส่งกลับออกไป หรือผู้มีไว้ในครอบครอง ซึง่ วตั ถุอันตรายดังกลา่ วไม่สามารถปฏิบตั ิใหถ้ ูกตอ้ งได้ ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าทีม่ ีอาํ นาจสั่งให้บคุ คลดังกล่าวส่งมอบ วัตถุอันตรายนั้นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ท่ีกําหนด เพื่อทําลายหรือจัดการตามควรแก่กรณี โดยคาํ นงึ ถึงอนั ตรายทอี่ าจเกิดขน้ึ จากวตั ถุอนั ตรายดังกลา่ วดว้ ย (มาตรา ๕๒) เม่ือผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้มีไว้ในครอบครองซ่ึงวัตถุอันตราย ประกอบกิจการอันมีสภาพท่ีอาจ ก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหายหรือความเดือดร้อนแก่บุคคลหรือทรัพย์สินท่ีอยู่ในสถานประกอบการหรือที่อยู่ ใกล้เคียงกับสถานประกอบการ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจส่ังให้ผู้น้ันดําเนินการแก้ไขการกระทําดังกล่าว โดยปฏบิ ัติตามหลกั เกณฑ์ วิธกี ารและเงือ่ นไขทพี่ นักงานเจ้าหน้าท่ีกําหนด (มาตรา ๕๒/๑) เมื่อวัตถุอันตรายท่ีนําเข้าหรือนําผ่านโดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี ซ่ึงการเก็บรักษา หรือจําหน่ายอาจมีอันตรายต่อบุคคล สัตว์พืช และสิ่งแวดล้อม และไม่สมควรมีการทําลายหรือจัดการ ในราชอาณาจักร ให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบเก็บตัวอย่างวัตถุอันตรายเท่าท่ีจําเป็นเพ่ือเป็นพยานหลักฐาน ในการดําเนินคดี และให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบน้ันส่ังให้ผู้นําเข้าหรือผู้นําผ่านส่งวัตถุอันตรายดังกล่าวออกไป นอกราชอาณาจักรโดยเร่งด่วน โดยการดําเนินการดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไข ทีห่ น่วยงานผู้รับผิดชอบประกาศกําหนด (มาตรา ๕๒/๒) ในการปฏบิ ัติหน้าที่ ใหพ้ นกั งานเจา้ หน้าท่มี ีอาํ นาจดงั ต่อไปนี้ (๑) เข้าไปในสถานท่ีประกอบการเก่ียวกับวัตถุอันตราย สถานท่ีผลิตวัตถุอันตราย สถานท่ีเก็บรักษา วตั ถุอันตราย หรือสถานท่ีที่สงสัยว่าเป็นสถานที่เช่นว่านั้นในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกหรือ ในเวลาทําการของสถานที่ดังกล่าว หรือเข้าไปในพาหนะท่ีบรรทุกวัตถุอันตรายหรือสงสัยว่าบรรทุกวัตถุอันตราย เพ่ือตรวจสอบวัตถอุ ันตราย ภาชนะบรรจุวตั ถุอันตราย สมดุ บัญชี เอกสาร หรือสง่ิ ใด ๆ ท่เี ก่ียวกับวัตถอุ นั ตราย (๒) นาํ วตั ถอุ นั ตรายหรอื วตั ถุทสี่ งสัยวา่ เป็นวัตถอุ ันตรายในปริมาณพอสมควรไปเป็นตัวอยา่ งเพ่ือตรวจสอบ (๓) ตรวจค้น กัก ยึด หรืออายัดวัตถุอันตราย ภาชนะบรรจุวัตถุอันตราย สมุดบัญชี เอกสารหรือสิ่งใด ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง ในกรณที มี่ เี หตุสงสัยว่ามีการกระทําผิดตอ่ พระราชบัญญัตนิ ี้ (๔) มีหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคํา หรือให้ส่งเอกสารหรือวัตถุใด ๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาได้ (มาตรา ๕๔) ๑๒.๒.๕ หลักผกู้ อ่ มลพษิ เปน็ ผจู้ า่ ย พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ได้กําหนดความรับผิดทางแพ่ง นอกเหนือจากความรับผิดทางแพ่งตามกฎหมายอ่ืน โดยบทบัญญัติน้ีไม่เป็นการลบล้างหรือจํากัดหน้าที่และ ความรับผิดทางแพ่งท่ีบุคคลมีอยู่ตามบทบัญญัติในหมวดอื่นหรือของบทกฎหมายอ่ืน (มาตรา ๕๗) แก่ผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ขนส่ง และผู้มีไว้ในครอบครองวัตถุอันตราย รวมไปถึงผู้ขายหรือผู้ส่งมอบด้วย โดยต้องรับผิดชอบ ในความเสียหายที่เกิดขึ้นอันเกิดแต่วัตถุอันตราย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นเกิดแต่เหตุสุดวิสัย หรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหายน้ันเอง (มาตรา ๖๓ และมาตรา ๖๔) ส่วนนายจ้าง ตัวการ ผู้ว่าจ้าง หรือเจ้าของกิจการต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่บุคคลตามมาตรา ๖๓ และมาตรา ๖๔ ได้กระทํา

๑๙๗ ไปในการทํางานให้แก่ตน แต่ชอบที่จะได้ชดใช้จากบุคคลดังกล่าว (มาตรา ๖๕) และผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ขายส่ง ผู้นําผ่าน ผู้นํากลับเข้ามา ผู้ส่งกลับออกไป ผู้ขายปลีก คนกลาง และผู้มีส่วนในการจําหน่ายจ่ายแจกทุกช่วง ต่อจากผู้ผลิตจนถึงผู้ท่ีรับผิดชอบขณะเกิดการละเมิดตามมาตรา ๖๓ หรือมาตรา ๖๔ ต้องร่วมรับผิดในผล แห่งการละเมิดด้วย (มาตรา ๖๖) ในกรณีที่วัตถุอันตรายก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือส่ิงแวดล้อม และได้มีการ ทําประกันตามมาตรา ๒๐ (๑/๑) ให้ผู้รับประกันภัยจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ได้รับความเสียหาย จากวัตถุอันตราย และใหแ้ กห่ น่วยงานของรัฐหรือเอกชนท่ีไดร้ บั มอบหมายจากหน่วยงานของรฐั ในการเข้าชว่ ยเหลือ เคล่ือนย้าย บําบัด บรรเทา หรือขจัดความเสียหายท่ีเกิดข้ึน โดยจํานวนค่าเสียหายเบื้องต้น การเก็บรักษา ค่าเสียหายเบื้องต้น และการจ่ายค่าเสียหายเบ้ืองต้น ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนด ในกฎกระทรวง และให้ถือว่าค่าเสียหายเบ้ืองต้นเป็นส่วนหน่ึงของค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา ๖๙ และ ไม่ตัดสิทธิพนักงานอัยการในการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวเพ่ิมเติม (มาตรา ๖๙/๑) ท้ังนี้ นิยามของ “ค่าเสียหายเบื้องต้น” ตามมาตรา ๔ หมายความว่า ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอันจําเป็นเร่งด่วนเพื่อชดเชยแก่ ผู้ได้รับความเสียหายจากวัตถุอันตราย และเพื่อเข้าช่วยเหลือ เคล่ือนย้าย บําบัด บรรเทา หรือขจัดความเสียหาย ท่ีเกิดข้ึนเน่ืองจากวัตถุอันตราย ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมหรือสภาพท่ีใกล้เคียงกับสภาพเดิม ทั้งน้ี โดยไม่ต้อง รอการพสิ ูจน์ความรบั ผิด นอกจากการกําหนดเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่งแล้ว พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้มีบทกําหนดโทษ โดยเป็นโทษในทางอาญาในกรณีท่ีมีการฝ่าฝืนบทบัญญัติต่าง ๆ ทีก่ าํ หนดไว้เพือ่ ใหก้ ารดําเนินงานตามพระราชบัญญัตนิ เี้ ป็นไปด้วยความเรียบรอ้ ยและมีประสทิ ธภิ าพ ๑๒.๒.๖ หลกั การวา่ ด้วยการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมจะต้องไม่มีลักษณะท่ีถดถอยลง พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ได้บัญญัติเก่ียวกับค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือ เคลื่อนย้าย บําบัด บรรเทา หรือขจัดความเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม หรือใกล้เคียงหรือก่อให้เกิด ความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ อัยการสามารถฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนให้แก่รัฐได้ โดยไม่ได้มีการระบุ ถึงความรับผิดของผู้ใช้สารเคมีท่ีเป็นวัตถุอันตรายเพราะผู้ใช้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายจากการใช้ วัตถุอันตรายโดยตรง (มาตรา ๖๙) ซึ่งอาจพิจารณาได้ว่าบทบัญญัติในส่วนน้ีสอดคล้องกับหลักการว่าด้วย การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมจะต้องไม่มีลักษณะท่ีถดถอยลง ในแง่ของการป้องกันดูแลสิ่งแวดล้อมและการกําหนด ค่าเสยี หายเพื่อสง่ิ แวดล้อมโดยเฉพาะ จากการศึกษาพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกฎหมาย ที่ควบคุมเคมีภัณฑ์ซ่ึงเป็นวัตถุอันตราย และกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการควบคุมวัตถุอันตราย จึงมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักการป้องกัน ล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อน ซ่ึงมีการกําหนดให้มีองค์กรเพื่อทําหน้าที่ควบคุมดําเนินการบังคับ ใช้กฎหมาย หรือการกํากับดูแล และควบคุมวัตถุอันตรายจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีอํานาจในหน่วยงาน ทเี่ กีย่ วขอ้ ง หากมีการดําเนนิ การทไ่ี ม่เป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงือ่ นไขสําหรับวัตถุอันตราย หรือมีการ

๑๙๘ ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว ท่ีจะเกิดแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากวัตถุอันตราย นอกจากน้ี กฎหมายดงั กลา่ วยงั ได้มกี ารถ่ายทอดความรู้เก่ยี วกบั วตั ถุอันตรายและใหม้ ีการประกนั ความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย ชีวิต หรือทรัพย์สินซ่ึงเกิดจากการประกอบกิจการ ก็ยังเป็น บทบัญญัติที่สอดคล้องกับหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในแง่ของการนําเสนอข้อมูล ข่าวสารของภาครัฐสู่ประชาชนให้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัตถุอันตรายและความเสียหายที่อาจจะเกิดข้ึน กับประชาชน โดยเป็นสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนควรได้รับ และหากมีความเสียหายเกิดข้ึน จากวัตถุอันตราย ประชาชนมีสิทธิท่ีจะฟ้องคดีในเรื่องดังกล่าวได้ต่อไป นอกจากน้ี กฎหมายดังกล่าวยังได้มี บางมาตราท่ีสอดคล้องกับหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย โดยมีการกําหนดความรับผิดทางแพ่งนอกเหนือจาก ความรบั ผิดทางแพง่ ตามกฎหมายอื่น โดยผู้ผลิต ผู้นําเข้า ผู้ขนส่ง และผู้มีไว้ในครอบครองวัตถุอันตราย รวมไป ถึงผู้ขายหรือผู้ส่งมอบด้วย ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นอันเกิดแต่วัตถุอันตราย รวมถึงกรณีท่ี วัตถุอันตรายก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล สัตว์ พืช หรือส่ิงแวดล้อม และได้มีการทําประกัน ให้ผู้รับ ประกันภัยจ่ายค่าเสียหายเบ้ืองต้นให้แก่ผู้ได้รับความเสียหายจากวัตถุอันตราย และให้แก่หน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนท่ีได้รับมอบหมายจากหน่วยงานของรัฐในการเข้าช่วยเหลือ เคลื่อนย้าย บําบัด บรรเทา หรือขจัด ความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนหลักการอื่น ๆ แม้กฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้กําหนดไว้โดยตรงหรือชัดเจน แต่ก็มี ความมงุ่ หมายที่จะคมุ้ ครองสง่ิ แวดล้อมไว้ด้วยเช่นเดยี วกัน ๑๒.๓ กฎหมายโรงงาน พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติมเป็นกฎหมายท่ีกําหนดเก่ียวกับการควบคุม การประกอบกิจการโรงงาน โดยได้กําหนดขั้นตอนหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ต้ังแต่ในข้ันตอนของการต้ังโรงงาน การดําเนินการของโรงงานรวมถึงการกํากับดูแลโรงงาน ตลอดจนการป้องกันและควบคุมมลพิษต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้น จากการประกอบกิจการโรงงาน ถือได้ว่าเป็นกฎหมายเฉพาะสําหรับใช้บังคับในเรื่องการป้องกันและควบคุม มลพิษท่ีเกิดขึ้นจากโรงงานอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี กฎหมายน้ีมิให้ใช้บังคับแก่โรงงานของทางราชการ ท่ีดําเนินการโดยทางราชการ แต่ให้นําหลักเกณฑ์และวิธีการเก่ียวกับการประกอบกิจการโรงงาน ตาม พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปเป็นแนวทางในการดําเนินงาน ทั้งน้ี กฎหมายดงั กลา่ วได้มเี นอ้ื หาซ่งึ เกยี่ วข้องกับหลกั การพนื้ ฐานของกฎหมายสงแวดลอ้ ม ดงั นี้ ๑๒.๓.๑ หลกั ความเป็นสากลของสิง่ แวดล้อม แม้พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม จะไม่ได้กําหนดหลักความเป็นสากล ของส่ิงแวดล้อมไว้โดยตรง แต่ก็ได้กําหนดให้รัฐมนตรีมีอํานาจออกกฎกระทรวงกําหนดให้โรงงานตามประเภท ชนิด หรือขนาดใดเป็นโรงงานจําพวกท่ี ๑ โรงงานจําพวกท่ี ๒ หรือโรงงานจําพวกที่ ๓ แล้วแต่กรณี โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการควบคุมดูแล การป้องกันเหตุเดือดร้อนรําคาญ การป้องกันความเสียหาย และการป้องกันอันตรายตามระดับความรุนแรงของผลกระทบท่ีจะมีต่อประชาชนหรือสิ่งแวดล้อม (มาตรา ๗) ซง่ึ นับเปน็ การรกั ษาสงิ่ แวดลอ้ มอนั เปน็ สมบตั ริ ว่ มกนั ของมนุษย์

๑๙๙ ๑๒.๓.๒ หลกั การมสี ่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกบั สิง่ แวดล้อม แม้พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม จะไม่ได้กําหนดหลักการมีส่วนร่วม ของประชาชนเก่ียวกับสิง่ แวดลอ้ มไว้โดยตรง แต่ก็ได้กําหนดให้ให้รัฐมนตรีมีอํานาจออกกฎกระทรวงกําหนดให้ โรงงานตามประเภทชนิดหรือขนาดใดเป็นโรงงานจําพวกท่ี ๑ โรงงานจําพวกท่ี ๒ หรือโรงงานจําพวกท่ี ๓ แล้วแต่กรณี โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการควบคุมดูแล การป้องกันเหตุเดือดร้อนรําคาญ การป้องกัน ความเสียหาย และการป้องกันอันตรายตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนหรือ สิ่งแวดล้อม (มาตรา ๗) และเพื่อให้การควบคุมการประกอบกิจการโรงงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกําหนดให้อํานาจแก่รัฐมนตรีเพื่อออกกฎกระทรวงให้โรงงานปฏิบัติตามในเร่ืองต่าง ๆ ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับ โรงงาน เครอื่ งจักร คนงาน กรรมวิธีการผลิต มาตรฐานและวิธีการควบคุมการปล่อยของเสีย รวมถึงการจัดให้มี เอกสารที่จําเป็นเพ่ือประโยชน์ในการตรวจสอบด้วย (มาตรา ๘) ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเกี่ยวกับหลักการ เก่ียวกับข้อมูลข่าวสารในทางสิ่งแวดล้อมและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน (Access to Information) ที่ประชาชนและผู้ประกอบกิจการโรงงานมีสิทธิที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารน้ีได้เพ่ือทราบถึง ผลกระทบที่อาจจะเกดิ ข้ึนกับตนจากการประกอบกิจการโรงงาน ๑๒.๓.๓ หลกั การพัฒนาทีย่ ่งั ยนื และหลักบรู ณาการทางส่งิ แวดลอ้ ม พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไม่ได้กําหนดหลักการพัฒนาที่ย่ังยืน และหลักบูรณาการทางส่ิงแวดล้อม ไว้โดยตรง แต่ก็ได้กําหนดให้รัฐมนตรีมีอํานาจออกกฎกระทรวงกําหนดให้ โรงงานตามประเภทชนิดหรือขนาดใดเป็นโรงงานจําพวกที่ ๑ โรงงานจําพวกที่ ๒ หรือโรงงานจําพวกที่ ๓ แล้วแต่กรณี โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการควบคุมดูแล การป้องกันเหตุเดือดร้อนรําคาญ การป้องกัน ความเสียหาย และการป้องกันอันตรายตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนหรือ สิง่ แวดลอ้ ม (มาตรา ๗) ซ่ึงเปน็ บทบญั ญตั ิทคี่ าํ นึงถึงการตอบสนองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอันมาจากการ ประกอบกิจการโรงงาน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคํานึงถึงความจําเป็นในการควบคุมดูแล การป้องกัน เหตุเดอื ดร้อนรําคาญ การปอ้ งกนั ความเสียหาย และการป้องกันอันตรายตามระดับความรุนแรงของผลกระทบ ที่จะมีต่อประชาชนหรือสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักการพัฒนาท่ียั่งยืน ที่การดําเนินการเพื่อการพัฒนาใด ๆ จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบทางลบต่อคนรุ่นต่อไป อีกท้ังยังสอดคล้องกับหลักของการบูรณาการทางส่ิงแวดล้อม และหลักการวางแผนจัดการสิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังได้มีการนําเอาหลักของ การบูรณาการทางสิ่งแวดล้อมและหลักการวางแผนจัดการส่ิงแวดล้อมเป็นฐานในการดําเนินการประสานงาน ร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย โดยมาตรา ๓๑ บัญญัติเป็นหลักการว่า เพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการ ให้มีประสิทธิภาพและเพ่ืออํานวยความสะดวกแก่ประชาชน ถ้าการประกอบกิจการโรงงานมีกรณีที่เกี่ยวข้อง อันจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายอื่นอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้อง อาจกาํ หนดวิธกี ารในการดาํ เนนิ การเพือ่ พิจารณาอนุญาตรว่ มกันได้

๒๐๐ ๑๒.๓.๔ หลกั การปอ้ งกนั ล่วงหน้า และหลักการระวงั ไวก้ ่อน หลักการป้องกันล่วงหน้าเป็นการกําหนดหรือมาตรการโดยการใช้เทคโนโลยีที่จําเป็น เหมาะสม เพ่ือป้องกันมิให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายที่สามารถคาดหมายได้ล่วงหน้า หรือให้เกิดผลกระทบหรือ ความเสียหายน้อยท่ีสุดในด้านส่ิงแวดล้อม สําหรับกฎหมายว่าด้วยการควบคุมโรงงานได้นําหลักการป้องกัน ล่วงหน้ามาบัญญัติไว้ท้ังในลักษณะท่ีเป็นการให้อํานาจแก่เจ้าพนักงานในอันที่จะกําหนดเงื่อนไขให้ผู้รับ ใบอนุญาตปฏิบัติ หรือการให้อํานาจแก่เจ้าพนักงานในอันที่จะสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการแก้ไข การประกอบการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กําหนดไว้หรือไม่ ดังจะเห็นได้จากการที่พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๔๘๒ ตามมาตรา ๑๗ ได้ให้อํานาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจว่าโรงงานได้ปฏิบัติถูกต้อง ตามกฎหมายในระหว่างเวลาทํางานตามปกติได้ หรือพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๘ วรรค ๒ ไดใ้ ห้อํานาจแกร่ ฐั มนตรีในอันทีจ่ ะกําหนดเง่ือนไขไว้ในใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานเพื่อความปลอดภัย หรืออนามัยของบุคคลได้ หรือพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๔๘๒ มาตรา ๙ ได้ให้อํานาจแก่พนักงาน เจ้าหน้าท่ีในอันที่จะส่ังให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานแก้ไขโรงงานให้ถูกต้องตามท่ีได้รับอนุญาต หรือให้ถูกต้องตามที่รัฐมนตรีได้ระบุไว้ในใบอนุญาตก็ได้ นอกจากน้ี ยังปรากฏหลักกฎหมายเกี่ยวกับ การป้องกันล่วงหน้าในส่วนท่ีให้อํานาจแก่เจ้าพนักงานในอันท่ีจะกําหนดเง่ือนไขให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติ หรือ ในส่วนทีใ่ ห้อํานาจแก่เจ้าพนักงานในอันท่ีจะส่ังให้ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการแก้ไขการประกอบการตามเงื่อนไข ที่กําหนดให้สมบูรณ์ยิ่งข้ึนโดยให้อํานาจแก่เจ้าพนักงานในอันท่ีจะสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ด้วย เช่น พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ ตามมาตรา ๔๐ ให้อํานาจแก่ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือ ผูซ้ ่งึ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายมีอาํ นาจสง่ั พักใช้ใบอนุญาตประกอบกจิ การโรงงานได้ตามระยะเวลา ท่ีเห็นสมควร หากผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวง ประกาศหรือ เงื่อนไขที่ออกหรือกําหนดตามพระราชบัญญัติน้ี หรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ท่ีสั่ง ตามพระราชบัญญัตินี้ และถ้าการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามน้ัน ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย จะสง่ั เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกจิ การโรงงานนั้นก็ได้๑๗๘ ต่อมา พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติท่ีบังคับ ใช้ในปัจจุบันได้มีการปรับปรุงระบบการควบคุมดูแลให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการ และปรับปรุง การควบคุมการประกอบกิจการโรงงานให้เป็นไปโดยได้ผลย่ิงขึ้นด้วยการให้มีการออกกฎเพื่อกําหนดขอบเขต การประกอบกจิ การโรงงานใหช้ ัดเจน และกาํ หนดขนั้ ตอนการใช้อาํ นาจของพนักงานเจา้ หนา้ ที่ในการออกคําส่ัง เพ่ือบังคับให้โรงงานปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมกับปรับปรุงอัตราโทษและกําหนดให้มีการร่วมรับผิด สําหรับ ๑๗๘ กรมควบคมุ มลพิษ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมรว่ มกับมูลนิธิศูนย์กฎหมายส่ิงแวดล้อม-ประเทศไทย, เอกสารประกอบการประชมุ สัมมนารบั ฟังความคิดเหน็ ครั้งที่ ๒-๖ สําหรับ ๕ ภูมิภาคทั่วประเทศ โครงการรวบรวมบทบัญญัติ กฎหมายดา้ นส่ิงแวดลอ้ มเพอื่ จัดทาํ ประมวลกฎหมายส่ิงแวดลอ้ ม, หนา้ ๙

๒๐๑ ผู้ที่ทํางานในโรงงานนอกเหนือจากเจ้าของโรงงานเพ่ือให้การควบคุมโรงงานเป็นไปอย่างได้ผลย่ิงข้ึนซึ่งมี ความสอดคล้องกับหลกั การป้องกนั ล่วงหน้าและหลกั การระวงั ไวก้ ่อน ดงั นี้ (๑) การประกอบกิจการโรงงาน รฐั มนตรมี อี ํานาจออกกฎกระทรวงกาํ หนดใหโ้ รงงานตามประเภทชนิดหรือขนาดใดเป็นโรงงานจําพวก ท่ี ๑ โรงงานจําพวกท่ี ๒ หรือโรงงานจําพวกที่ ๓ โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการควบคุมดูแล การป้องกัน เหตเุ ดอื ดรอ้ นราํ คาญ การป้องกันความเสยี หาย และการป้องกันอันตรายตามระดับความรุนแรงของผลกระทบ ที่จะมีต่อประชาชนหรือส่ิงแวดล้อม (มาตรา ๗) และเพื่อให้การควบคุมการประกอบกิจการโรงงานเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพจึงให้อํานาจแก่รัฐมนตรีเพ่ือออกกฎกระทรวงให้โรงงานปฏิบัติตามในเร่ืองต่าง ๆ ท้ังในเรื่อง เกี่ยวกับโรงงาน เคร่ืองจักร คนงาน กรรมวิธีการผลิต มาตรฐานและวิธีการควบคุมการปล่อยของเสีย รวมถึง การจัดให้มีเอกสารที่จําเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบด้วย (มาตรา ๘) และในการตรวจสอบโรงงานหรือ เครอ่ื งจักรอาจกําหนดให้เอกชนเป็นผู้ดําเนินการและจัดทํารายงานผลการตรวจสอบแทนพนักงานเจ้าหน้าท่ีก็ได้ (มาตรา ๙) ผ้ปู ระกอบกิจการโรงงานจําพวกที่ ๑ และจําพวกท่ี ๒ ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่รัฐมนตรีประกาศ โดยโรงงานจําพวกที่ ๒ เม่ือจะเร่ิมประกอบกิจการโรงงานต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีทราบก่อนและการเลิก ประกอบกิจการ การโอน การให้เช่าโรงงานจําพวกท่ี ๒ ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ทราบดว้ ย (มาตรา ๑๐,๑๑) ส่วนผู้ประกอบกิจการโรงงานจําพวกท่ี ๓ นอกจากต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงแล้วต้องได้รับใบอนุญาต จากผอู้ นุญาตด้วย และหา้ มมใิ ห้ผ้ใู ดกอ่ ตั้งโรงงานจาํ พวกท่ี ๓ น้ีก่อนไดร้ บั ใบอนุญาต (มาตรา ๑๒,๑๓) ในเร่ืองการขอใบอนุญาต ได้มีการกําหนดเก่ียวกับอายุของใบอนุญาต หลักเกณฑ์และวิธีการขอ ต่ออายุใบอนุญาต ซึ่งคําสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือไม่ต่ออายุใบอนุญาต ผู้ขออนุญาตหรือผู้ขอต่ออายุใบอนุญาต มีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีได้ ส่วนในกรณีท่ีผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะขยายโรงงานจะต้องได้รับอนุญาต จากผ้รู บั อนุญาตกอ่ น (มาตรา ๑๔ ถงึ มาตรา ๒๐) รัฐมนตรีมีอํานาจกําหนดให้ท้องที่ใดท้องท่ีหน่ึงเป็นเขตประกอบการอุตสาหกรรมได้ซ่ึงการประกอบ กิจการโรงงานจําพวกท่ี ๒ หรือจําพวกท่ี ๓ ภายในเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือเขตนิคมอุตสาหกรรม ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีทราบหรือไม่ต้องได้รับอนุญาตแล้วแต่กรณี แต่การประกอบ กจิ การดงั กลา่ วต้องปฏิบัติตามหลกั เกณฑต์ า่ ง ๆ ทกี่ ฎหมายกําหนด (มาตรา ๓๐) นอกจากน้ี เพ่ือประโยชน์ในการบริหารราชการให้มีประสิทธิภาพและเพ่ืออํานวยความสะดวก แก่ประชาชน ถ้าการประกอบกิจการโรงงานมีกรณีท่ีเกี่ยวข้องอันจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าท่ี ตามกฎหมายอื่นอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าท่ีท่ีเก่ียวข้องอาจกําหนดวิธีการในการดําเนินการเพื่อพิจารณาอนุญาต รว่ มกันได้ (มาตรา ๓๑)

๒๐๒ (๒) การกาํ กับและดแู ลโรงงาน พระราชบัญญัติฉบับนี้ได้กําหนดให้อํานาจแก่รัฐมนตรีในการกําหนดเรื่องต่าง ๆ เพ่ือประโยชน์ ในทางเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความมั่นคง ความปลอดภัยของประเทศหรือของสาธารณชน เช่น กําหนดจํานวนและขนาดของโรงงานแต่ละประเภทท่ีจะให้ต้ังหรือจะให้ขยายในท้องท่ีหนึ่ง กําหนดชนิด คุณภาพของวัตถดุ ิบหรอื ของผลติ ภัณฑ์ เป็นต้น (มาตรา ๓๒) โรงงานจําพวกที่ ๒ หรือโรงงานจําพวกที่ ๓ ถ้าหยุดดําเนินงานติดต่อกันเกินกว่าหนึ่งปีต้องแจ้ง เป็นหนังสือให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ นอกจากนี้ เมื่อมีอุบัติเหตุในโรงงานทําให้มีบุคคลถึงแก่ความตาย เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บหรือกรณีท่ีเป็นเหตุให้โรงงานต้องหยุดดําเนินการเกินกว่าเจ็ดวัน ให้เจ้าหน้าที่สามารถ เข้าไปตรวจสอบโรงงานและเคร่ืองจกั รได้ (มาตรา ๓๒ ถงึ มาตรา ๓๔) การให้อํานาจแก่พนักงานเจ้าหน้าท่ี เช่น การเข้าตรวจสภาพโรงงานหรือเคร่ืองจักร นําตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่สงสัยเกี่ยวกับคุณภาพเพ่ือตรวจสอบ ค้น ยึดหรืออายัดผลิตภัณฑ์หรือเอกสารที่เก่ียวข้อง กรณีมีเหตุสงสัยว่ามีการกระทําความผิด รวมทั้งมีหนังสือเรียกบุคคลให้มาให้ถ้อยคําหรือส่งเอกสาร มาประกอบการพิจารณา (มาตรา ๓๕) เม่ือปรากฏว่า บุคคลใดกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจแต่งตั้ง ข้าราชการเพ่ือจับกุมผู้กระทําผิดส่งพนักงานสอบสวนดําเนินการต่อไปตามกฎหมาย (มาตรา ๓๖) ในกรณี ท่ีพนักงานเจ้าหน้าท่ีพบว่า ผู้ประกอบกิจการโรงงานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี หรือการ ประกอบกิจการโรงงานมีสภาพท่ีอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายหรือความเดือดร้อนแก่บุคคลหรือ ทรพั ย์สินทอ่ี ย่ใู นโรงงานหรือท่อี ยใู่ กลเ้ คยี งกบั โรงงาน ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจส่ังให้ผู้นั้นระงับการกระทํา ท่ีฝ่าฝืนหรือแก้ไขหรือปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสมภายในระยะเวลาท่ีกําหนดได้ นอกจากน้ี พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจผูกมัดประทับตราเคร่ืองจักรเพื่อมิให้เคร่ืองจักรทํางานในระหว่างปฏิบัติตามคําสั่งได้ (มาตรา ๓๗) ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานใดจงใจไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่โดยไม่มีเหตุ อันควรหรือในกรณีท่ีปรากฏว่าการประกอบกิจการของโรงงานใดอาจจะก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหายหรือ ความเดือดร้อนอยา่ งร้ายแรงแก่บคุ คลหรือทรพั ยส์ นิ ทอี่ ยู่ในโรงงานหรือท่ีอยู่ใกล้เคียงกับโรงงาน ปลัดกระทรวง หรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายมีอํานาจส่ังให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานน้ันหยุดประกอบกิจการโรงงาน ท้ังหมดหรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว และปรับปรุงแก้ไขโรงงานน้ันเสียใหม่หรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายใน ระยะเวลาที่กําหนด หากผู้ประกอบกิจการโรงงานไม่ปรับปรุงแก้ไขโรงงานหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ภายในเวลา ท่ีกําหนด ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซ่ึงปลัดกระทรวงมอบหมายมีอํานาจสั่งปิดโรงงานได้ และในกรณีท่ีเป็นโรงงาน จาํ พวกท่ี ๓ ให้คาํ ส่ังปดิ โรงงานดังกล่าวมีผลเป็นการเพกิ ถอนใบอนุญาตดว้ ย (มาตรา ๓๙) กรณีทผ่ี ปู้ ระกอบกิจการโรงงานไมป่ ฏิบัติตามคาํ สัง่ ของพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ ถ้ามเี หตุสมควรให้ทางราชการ เข้าดําเนินการแทน ปลัดกระทรวงหรือผู้ซ่ึงปลัดกระทรวงมอบหมายมีอํานาจสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือ มอบหมายบุคคลใด ๆ เข้าจัดการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามคําสั่งนั้นได้ โดยให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานเป็น

๒๐๓ ผู้เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าไปจัดการน้ัน และถ้าทางราชการได้เข้าไปจัดการแก้ไขปัญหามลพิษหรือผลกระทบ ต่อสง่ิ แวดลอ้ มทีเ่ กิดจากโรงงาน ใหข้ อรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนส่ิงแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพ่ือใช้จ่ายในการดําเนินการได้ และเมื่อได้รับเงินจากผู้ประกอบกิจการ โรงงานแลว้ ให้ชดใชเ้ งินชว่ ยเหลือที่ได้รับมาคนื แกก่ องทุนส่ิงแวดล้อมดงั กลา่ วต่อไป (มาตรา ๔๒) ผู้ประกอบกิจการโรงงานจําพวกที่ ๒ และโรงงานจําพวกที่ ๓ ต้องชําระค่าธรรมเนียมรายปีตามหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ถ้ามิได้เสียค่าธรรมเนียมภายในเวลาที่กําหนดให้เสียเงินเพ่ิม อีกร้อยละห้าต่อเดือน และถ้ายังไม่ยินยอมเสียค่าธรรมเนียม ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจสั่งให้ผู้นั้นหยุดการ ประกอบกจิ การไวจ้ นกว่าจะไดเ้ สยี คา่ ธรรมเนียมและเงนิ เพิ่มครบจาํ นวน (มาตรา ๔๓) ท้ังนี้ หากผู้ประกอบกิจการ ไมพ่ อใจคําส่ังของพนกั งานเจ้าหน้าที่ที่ระงับการกระทําหรือส่ังให้ปรับปรุงแก้ไขหรือสั่งให้หยุดกิจการจนกว่าจะชําระ ค่าธรรมเนียมและเงินเพิ่ม หรือคําส่ังของปลัดกระทรวงหรือผู้ซ่ึงปลัดกระทรวงมอบหมายให้หยุดประกอบกิจการ หรือปิดโรงงาน กม็ สี ิทธอิ ทุ ธรณต์ อ่ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันท่ีทราบคําส่ัง คําวินิจฉัยของรัฐมนตรีเป็นท่ีสุด การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการปฏิบัติตามคําส่ัง อย่างไรก็ดี หากผู้ร้อง เห็นว่าคาํ สงั่ ของรฐั มนตรไี มช่ อบดว้ ยกฎหมายก็มสี ทิ ธยิ ่ืนฟ้องตอ่ ศาลปกครองตามกฎหมายตอ่ ไป สําหรับคําพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า ศาลปกครองได้มีคําพิพากษาของ ศาลปกครองสูงสุดท่ี อ. ๒๗๓/๒๕๔๙ สอดคล้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า โดยพิพากษาว่า มาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นบทบัญญัติท่ีมีเจตนารมณ์มุ่งคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และสิทธิของบุคคลที่จะได้รับความคุ้มครองด้านสุขภาพอนามัยจากรัฐ มิให้ได้รับผลกระทบจากการประกอบ กิจการที่มีลักษณะดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่มีอํานาจใช้ดุลพินิจสั่งการได้ก่อนท่ีจะเกิดเหตุร้ายข้ึน อันเป็นมาตรการ ทางกฎหมายในลักษณะป้องกันก่อนเกิดเหตุ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าประชาชนได้รับผลกระทบจากการกระทําของ ผฟู้ ้องคดีถึงขนาดมผี ูป้ ่วยเป็นโรคทางเดนิ หายใจ และโรคผิวหนัง ซึ่งถือว่าประชาขนได้รับความเดือดร้อนเสียหายแล้ว ประกอบกบั ระบบขจัดมลพิษยังไมม่ ีประสทิ ธภิ าพ และไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ หากให้ประกอบกิจการต่อไป โดยไม่ได้รับการแก้ไขอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อชีวิตของประชาชนในบริเวณใกล้เคียงได้ ดังน้ัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ (อุตสาหกรรมจังหวัด) ย่อมใช้อํานาจตามมาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว สัง่ ใหผ้ ู้ฟอ้ งคดีหยดุ ประกอบกจิ การโรงงานชั่วคราว เพ่ือปรบั ปรงุ ภายในระยะเวลาท่ีกําหนดไว้ การใช้อํานาจดังกล่าว เปน็ การใชด้ ุลพินจิ บนพ้ืนฐานแห่งประโยชนส์ าธารณะ สิทธิของผู้ฟอ้ งคดี และอาํ นาจหน้าท่ตี ามที่กฎหมายกําหนด คําส่ังของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่สั่งให้ผู้ฟ้องคดีหยุดประกอบกิจการโรงงานในการถลุงแร่ จึงเป็นคําสั่งท่ีชอบด้วย กฎหมาย ๑๒.๓.๕ หลักผูก้ อ่ มลพษิ เป็นผูจ้ า่ ย พระราชบัญญัติโรงงานฯ อาจไม่ได้มีบทบัญญัติเก่ียวกับหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายโดยตรง แต่ได้มี การกําหนดโทษไว้ในหมวด ๓ บทกําหนดโทษ โดยเป็นโทษในทางอาญาในกรณีท่ีมีการฝ่าฝืนบทบัญญัติต่าง ๆ ท่ีกําหนดไว้เพ่ือให้การดําเนินงานตามพระราชบัญญัตินี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เช่น กรณีท่ีมีการประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานทราบสําหรับโรงงานจําพวกท่ี ๒ และโดยไม่ได้

๒๐๔ รับอนุญาตสําหรับโรงงานจําพวกที่ ๓ ต้องระวางโทษจําคุกและปรับ หรือท้ังจําท้ังปรับ หรือกรณีฝ่าฝืนหรือ ไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่เก่ียวกับมาตรฐานและวิธีการควบคุมการปล่อยของเสีย มลพิษ หรือส่ิงใด ท่ีมีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมซึ่งเกิดข้ึนจากการประกอบกิจการโรงงาน ต้องระวางโทษปรับ นอกจากน้ี ไดก้ าํ หนดให้มีคณะกรรมการเปรียบเทยี บคดใี นเขตกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาคตามความเหมาะสม นอกจากน้ี ยังมีบทบัญญัติที่ให้อํานาจฝ่ายปกครองในการออกมาตรการหรือคําสั่งมาบังคับกับ เอกชนท่ีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น มีคําสั่งให้เอกชนกระทําการใด ๆ อันเป็นการปรับปรุงหรือ แก้ไขผลกระทบที่อาจเกิดกับส่ิงแวดล้อม มีคําส่ังให้เอกชนหยุดหรือปิดกิจการ เพิกถอนใบอนุญาต หรือปรับ ซ่ึงตามพระราชบัญญัติน้ี ได้ปรากฏบทลงโทษทางปกครองหรือการใช้มาตรการบังคับสําหรับผู้ประกอบการโรงงาน กล่าวคือ เพ่ือให้การปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ีเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงได้ กําหนดให้อาํ นาจแกพ่ นกั งานเจา้ หนา้ ทไ่ี ว้ เชน่ การเขา้ ตรวจสภาพโรงงานหรือเคร่อื งจักร นาํ ตวั อย่างผลิตภัณฑ์ ที่สงสัยเก่ียวกับคุณภาพเพื่อตรวจสอบ ค้น ยึดหรืออายัดผลิตภัณฑ์หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกรณีมีเหตุสงสัย ว่ามีการกระทําความผิด รวมท้ังมีหนังสือเรียกบุคคลให้มาให้ถ้อยคําหรือส่งเอกสารมาประกอบการพิจารณา (มาตรา ๓๕) และเม่ือปรากฏว่าบุคคลใดกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจ แตง่ ต้งั ข้าราชการเพอื่ จบั กุมผู้กระทาํ ผดิ สง่ พนักงานสอบสวนดาํ เนินการต่อไปตามกฎหมาย (มาตรา ๓๖) ในกรณีท่ีพนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ประกอบกิจการโรงงานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ หรือการประกอบกิจการโรงงานมีสภาพท่ีอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายหรือความเดือดร้อน แก่บุคคลหรือทรัพย์สินที่อยู่ในโรงงานหรือที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงาน ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจส่ังให้ผู้นั้น ระงับการกระทําที่ฝ่าฝืนหรือแก้ไขหรือปรับปรุงหรือปฏิบัติให้ถูกต้องหรือเหมาะสมภายในระยะเวลาที่กําหนด ได้ หากเหน็ สมควรเม่ือได้รับอนุมัติจากปลัดกระทรวง พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจผูกมัดประทับตราเคร่ืองจักร เพื่อมิให้เคร่ืองจักรทํางานในระหว่างปฏิบัติตามคําสั่งได้ (มาตรา ๓๗) หากผู้ประกอบกิจการโรงงานใดจงใจ ไม่ปฏิบัติตามคําส่ังของพนักงานเจ้าหน้าท่ีโดยไม่มีเหตุอันควรหรือในกรณีท่ีปรากฏว่าการประกอบกิจการของ โรงงานใดอาจจะก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหายหรือความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน ที่อยู่ในโรงงานหรือที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงานให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายมีอํานาจสั่งให้ ผู้ประกอบกิจการโรงงานน้ันหยุดประกอบกิจการโรงงานท้ังหมดหรือบางส่วนเป็นการช่ัวคราว และปรับปรุง แก้ไขโรงงานนั้นเสียใหม่หรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาท่ีกําหนด หากผู้ประกอบกิจการโรงงาน ไมป่ รบั ปรุงแกไ้ ขโรงงานหรอื ไมป่ ฏบิ ตั ิใหถ้ กู ตอ้ ง ภายในเวลาท่ีกําหนด ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวง มอบหมายมีอํานาจส่ังปิดโรงงานได้ และในกรณีที่เป็นโรงงานจําพวกที่ ๓ ให้คําสั่งปิดโรงงานดังกล่าวมีผล เป็นการเพิกถอนใบอนญุ าตดว้ ย (มาตรา ๓๙) สําหรับกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานไม่ปฏิบัติตามคําส่ังของพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้ามีเหตุสมควร ให้ทางราชการเข้าดําเนินการแทน ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายมีอํานาจสั่งให้พนักงาน เจ้าหน้าที่หรือมอบหมายบุคคลใด ๆ เข้าจัดการแก้ไขเพ่ือให้เป็นไปตามคําส่ังน้ันได้ โดยให้ผู้ประกอบกิจการ โรงงานเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าไปจัดการน้ัน และถ้าทางราชการได้เข้าไปจัดการแก้ไขปัญหามลพิษหรือ ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมที่เกิดจากโรงงาน ให้ขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนส่ิงแวดล้อมตามกฎหมาย

๒๐๕ ว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพ่ือใช้จ่ายในการดําเนินการได้ และเมื่อได้รับเงิน จากผู้ประกอบกิจการโรงงานแล้วให้ชดใช้เงินช่วยเหลือที่ได้รับมาคืนแก่กองทุนสิ่งแวดล้อมดังกล่าวต่อไป (มาตรา ๔๒) ผู้ประกอบกิจการโรงงานจําพวกที่ ๒ และโรงงานจําพวกที่ ๓ ต้องชําระค่าธรรมเนียมรายปี ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราท่ีกําหนดในกฎกระทรวงตลอดเวลาท่ียังประกอบกิจการ ถ้ามิได้เสียค่าธรรมเนียม ภายในเวลาท่ีกําหนดให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละห้าต่อเดือน และถ้ายังไม่ยินยอมเสียค่าธรรมเนียมโดยไม่มีเหตุ อันสมควร ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจส่ังให้ผู้น้ันหยุดการประกอบกิจการไว้จนกว่าจะได้เสียค่าธรรมเนียม และเงินเพิม่ ครบจํานวน (มาตรา ๔๓) ๑๒.๓.๖ หลักการวา่ ด้วยการคุ้มครองส่งิ แวดลอ้ มตอ้ งไม่มลี ักษณะที่ถดถอยลง พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีเนื้อหาท่ีมีความเกี่ยวพันกับหลักการ ว่าด้วยการชดใช้ค่าเสียหายเพ่ือส่ิงแวดล้อมโดยตรง โดยมาตรา ๔๒ บัญญัติว่า ในกรณีท่ีผู้ประกอบกิจการ โรงงานไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าท่ีตามมาตรา ๓๗ ถ้ามีเหตุที่ทางราชการสมควรเข้าไป ดําเนินการแทน ให้ปลัดกระทรวงหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายมีอํานาจสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีหรือ มอบหมายใหบ้ คุ คลใด ๆ เขา้ จดั การแกไ้ ขเพอื่ ให้เป็นไปตามคําส่ังนั้นได้ ในกรณีเช่นนี้ ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าจัดการนั้นตามจํานวนท่ีจ่ายจริงรวมกับเบี้ยปรับในอัตราร้อยละสามสิบต่อปี ของเงินจํานวนดังกล่าว ซึ่งถ้าทางราชการได้เข้าไปจัดการแก้ไขปัญหามลพิษหรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่เกิดจากโรงงาน ให้ขอรับเงินช่วยเหลือจากกองทุนส่ิงแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษา คณุ ภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาตเิ พอ่ื ใชจ้ า่ ยในการดําเนินการได้ และเมื่อไดร้ บั เงนิ จากผปู้ ระกอบกิจการโรงงานแล้ว ให้ชดใช้เงินช่วยเหลือท่ีได้รับมาคืนแก่กองทุนส่ิงแวดล้อมดังกล่าวต่อไป ซ่ึงกรณีดังกล่าวถือเป็นหน้าที่ในการป้องกัน ดูแลสิง่ แวดลอ้ ม จากการศึกษาพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกฎหมายที่กําหนด เกี่ยวกับการควบคุมการประกอบกิจการโรงงาน โดยได้กําหนดขั้นตอนหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ในข้ันตอนของ การต้ังโรงงาน การดําเนินการของโรงงานรวมถึงการกํากับดูแลโรงงาน ตลอดจนการป้องกันและควบคุม มลพิษต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงาน กฎหมายน้ีจึงมีความเกี่ยวข้องกับหลักการพื้นฐาน ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิง การนําหลักการป้องกันล่วงหน้ามาบัญญัติไว้ ทั้งในลักษณะท่ีเป็นการให้อํานาจแก่เจ้าพนักงานในอันท่ีจะกําหนดเง่ือนไขให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติ หรือการ สั่งให้ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการแก้ไขการประกอบการให้เป็นไปตามเง่ือนไขที่กําหนด หรือการให้อํานาจกําหนด เงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติ หรือการสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการแก้ไขการประกอบการตามเง่ือนไข ที่กําหนดให้สมบูรณ์ย่ิงข้ึน อีกท้ังส่ังพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ด้วย นอกจากนี้ การที่กฎหมายดังกล่าวได้ คํานึงถึงความจําเป็นในการควบคุมดูแล การป้องกันเหตุเดือดร้อนรําคาญ การป้องกันความเสียหาย และ การป้องกันอันตรายตามระดับความรุนแรงของผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนหรือส่ิงแวดล้อม ก็ยังมี

๒๐๖ ความสอดคล้องต่อหลักความเป็นสากลของสิ่งแวดล้อม หลักการพัฒนาท่ีย่ังยืน และหลักบูรณาการ ทางสิ่งแวดล้อม อีกทั้งมีการจัดให้มีเอกสารที่จําเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ หลักการเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารในทางส่ิงแวดล้อมและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนที่ประชาชนและ ผู้ประกอบกิจการโรงงานมีสิทธิท่ีจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารนี้ได้เพื่อทราบถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดข้ึนกับตน จากการประกอบกิจการโรงงาน และมีความสอดคล้องกับหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายและหลักการว่าด้วย การคุ้มครองส่ิงแวดล้อมต้องไม่มีลักษณะที่ถดถอยลง ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการโรงงานไม่ปฏิบัติตามคําส่ัง ของพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้ามีเหตุสมควรให้ทางราชการเข้าดําเนินการแทน โดยเข้าจัดการแก้ไขเพื่อให้ เป็นไปตามคําส่งั นน้ั ได้ โดยให้ผ้ปู ระกอบกิจการโรงงานเปน็ ผ้เู สียคา่ ใชจ้ า่ ยในการเขา้ ไปจัดการนั้น ๑๒.๔ กฎหมายการสาธารณสุข พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติมเป็นกฎหมายที่คุ้มครอง ด้านสุขลกั ษณะและการอนามยั สง่ิ แวดลอ้ มหรือการสขุ าภิบาลส่ิงแวดล้อมซ่ึงครอบคลุมทั้งกิจกรรม การกระทํา และกจิ การประเภทตา่ ง ๆ ทมี่ ีผลกระทบต่อส่งิ แวดลอ้ ม และสุขภาพอนามัยของประชาชนต้ังแต่ระดับชาวบ้าน ครัวเรือน ชุมชน ตลอดจนกิจการขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ อันได้แก่ หาบเร่ แผงลอย สถานท่ีจําหน่ายอาหาร ตลาดกิจการท่ีเป็นอันตรายต่อสุขภาพ รวมท้ังการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ โดยให้อํานาจแก่ราชการส่วนท้องถิ่น ออกข้อกําหนดท้องถิ่นเพื่อใช้บังคับในเขตท้องถิ่น และให้อํานาจเจ้าพนักงานท้องถ่ินควบคุมดูแล โดยการ ออกคําสั่งให้ปรับปรุง แก้ไขการอนุญาต หรือไม่อนุญาต การสั่งพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต รวมทั้ง การเปรียบเทียบคดีและยังกําหนดให้มี \"เจ้าพนักงานสาธารณสุข\" เป็นเจ้าพนักงานสายวิชาการท่ีมีอํานาจ ในการตรวจตรา ให้คําแนะนาํ ปรับปรุงแก้ไขปัญหาสิ่งแวดลอ้ ม ท่มี ีผลต่อสขุ ภาพอนามยั ของประชาชน รวมท้ัง เป็นที่ปรึกษาให้คําแนะนําแก่เจ้าพนักงานท้องถ่ิน ในการวินิจฉัย ส่ังการ หรือออกคําสั่ง รวมทั้งผู้ซึ่งได้รับแต่งต้ัง จากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซ่ึงเมื่อพิจารณาเนื้อหาของบทบัญญัติกฎหมายน้ีแล้วมีสอดที่สอดคล้องกับหลักการ พนื้ ฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อม ดังนี้ ๑๒.๔.๑ หลักความเป็นสากลของส่ิงแวดลอ้ ม พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ไม่ได้มีการกําหนดถึงหลักความเป็นสากล ของส่ิงแวดล้อมโดยตรง แต่ได้กําหนดเนื้อหาที่สอดคล้องกับหลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อมโดยให้รัฐมนตรี โดยคําแนะนําของคณะกรรมการสาธารณสุขมีอํานาจออกกฎกระทรวงเพ่ือกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ มาตรการในการควบคุมหรอื กํากบั ดูแลสาํ หรบั กิจการหรอื การดาํ เนนิ การในเร่ืองต่าง ๆ กาํ หนดมาตรฐานสภาวะ ความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน และวิธีดําเนินการเพ่ือตรวจสอบควบคุมหรือกํากับดูแล หรือแก้ไขส่ิงท่ีจะมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน (มาตรา ๖) ซ่ึงเป็นการคํานึงและตระหนักถึงความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อมในอันที่จะต้องการดําเนินการให้สิ่งแวดล้อม ยังคงอยู่ในสภาวะทดี่ ีเนือ่ งจากสงิ่ แวดลอ้ มเป็นสมบตั ริ ่วมกนั ของมนุษย์

๒๐๗ ๑๒.๔.๒ หลกั การมสี ่วนรว่ มของประชาชนเกีย่ วกบั สง่ิ แวดล้อม พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ท่ีสอดคล้อง กับหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยมาตรา ๕๔ ได้บัญญัติให้กรณีที่พระราชบัญญัตินี้ บัญญัติให้การประกอบกิจการใดหรือการกระทําใดต้องได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถ่ิน ให้ราชการ ส่วนท้องถ่ินมีอํานาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่นกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขอ และการออกใบอนุญาต ในเร่ืองน้ันได้ และเพื่อประโยชน์ในการป้องกันเหตุรําคาญหรือผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสม กับการดํารงชีพของประชาชน ชุมชน หรือส่ิงแวดล้อม ให้รัฐมนตรีมีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนด ประเภทหรือขนาดของกิจการ หลักเกณฑ์ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เก่ียวข้อง รวมทั้งกําหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ผู้ขออนุญาตจะต้องดําเนินการก่อนการพิจารณาออกใบอนุญาต (มาตรา ๕๔) ซึ่งเห็นได้ว่า บทบัญญัติดังกล่าวจะต้องมีการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการ ประกอบกิจการท่ีอาจก่อเกิดเหตุรําคาญหรือผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพ ของประชาชน ชุมชน หรือส่ิงแวดล้อม รวมถึงหลักเกณฑ์ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง อันสอดคล้องต่อหลักการเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารในทางส่ิงแวดล้อมและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน (Access to Information) และหลักการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการดําเนินการท่ีมีผลกระทบ ตอ่ สิง่ แวดล้อม (Public Hearing) ๑๒.๔.๓ หลักการพัฒนาทีย่ ง่ั ยนื และหลักบูรณาการทางสิง่ แวดล้อม พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไม่ได้มีการกําหนดถึงหลักการพัฒนา ที่ย่ังยืนและหลักบูรณาการทางส่ิงแวดล้อมไว้โดยตรง แต่ได้กําหนดเนื้อหาท่ีสอดคล้องกับหลักการพัฒนา ท่ียั่งยืนโดยให้รัฐมนตรีมีอํานาจออกกฎกระทรวงเพื่อกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุม หรือกํากับดูแลสาํ หรบั กิจการหรอื การดําเนนิ การในเรือ่ งตา่ ง ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ กําหนดมาตรฐานสภาวะ ความเปน็ อยู่ทีเ่ หมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน และวิธีดําเนินการเพ่ือตรวจสอบควบคุมหรือกํากับดูแล หรือแก้ไขส่ิงที่จะมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน (มาตรา ๖) ทง้ั น้ี เพือ่ ไม่ก่อให้เกดิ เหตเุ ดือดร้อนรําคาญหรอื สรา้ งผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อมในทางลบใหก้ ับคนรุ่นหลงั ๑๒.๔.๔ หลกั การป้องกนั ล่วงหนา้ และหลักการระวังไวก้ ่อน พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไม่ได้มีการกําหนดถึงหลักการ ป้องกันล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อนไว้โดยตรง แต่มีเนื้อหาในบางมาตราที่สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว มีรายละเอียด ดงั นี้

๒๐๘ (๑) การกาํ หนดให้มีองค์กรเพื่อทาํ หนา้ ที่ควบคมุ ดาํ เนินการบังคบั ใช้กฎหมาย (เช่น คณะกรรมการ สาธารณสขุ ) รฐั มนตรโี ดยคาํ แนะนําของคณะกรรมการสาธารณสขุ มีอํานาจออกกฎกระทรวงเพ่อื กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมหรือกํากับดูแลสําหรับกิจการหรือการดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ กําหนดมาตรฐานสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน และวิธีดําเนินการ เพื่อตรวจสอบควบคุมหรือกํากับดูแล หรือแก้ไขส่ิงที่จะมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับ การดาํ รงชีพของประชาชน (มาตรา ๖) ในกรณีที่เกิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสภาวะความเป็นอยู่ ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชนซึ่งจําเป็นต้องมีการแก้ไขโดยเร่งด่วน อธิบดีกรมอนามัยมีอํานาจ ออกคําสั่งให้เจ้าของวัตถุหรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดหรืออาจเกิดความเสียหายดังกล่าวระงับ การกระทําหรือให้กระทําการเพื่อแก้ไขหรือป้องกันความเสียหายเช่นว่านั้นได้ ถ้าบุคคลซ่ึงได้รับคําส่ังไม่ปฏิบัติ ตามคําส่งั ภายในระยะเวลาตามสมควร อธิบดีกรมอนามัยจะสั่งให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขปฏิบัติการเพื่อแก้ไข หรือป้องกันความเสียหายดังกล่าวนั้นแทนก็ได้ โดยให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขใช้ความระมัดระวังตามสมควร แกพ่ ฤติการณ์ และบคุ คลซงึ่ ไดร้ บั คําสัง่ ดงั กล่าวตอ้ งเปน็ ผเู้ สยี คา่ ใชจ้ ่ายสําหรบั การน้ัน (มาตรา ๘) การกําหนดให้มีคณะกรรมการสาธารณสุข โดยมีอํานาจและหน้าที่เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการ กําหนดนโยบาย แผนงานและมาตรการเก่ียวกับการสาธารณสุข และพิจารณาให้ความเห็นในเร่ืองเก่ียวกับ การสาธารณสุขตามท่ีรัฐมนตรีมอบหมาย ศึกษา วิเคราะห์และให้ความเห็นต่อรัฐมนตรีในการปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และคําส่ังเกี่ยวกับการสาธารณสุข กําหนดโครงการและประสานงานระหว่างส่วนราชการ และราชการส่วนท้องถิ่นท่ีเก่ียวข้องเพ่ือดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ควบคุม สอดส่องการปฏิบัติหน้าท่ี ของส่วนราชการทมี่ ีอาํ นาจหนา้ ที่ในการปฏิบตั กิ ารตามกฎหมายเก่ยี วกบั การสาธารณสขุ เปน็ ตน้ (มาตรา ๑๐) (๒) การจดั การสิ่งปฏิกลู และมูลฝอย การเก็บ ขน หรือกําจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในเขตราชการส่วนท้องถิ่นใด ให้เป็นอํานาจของราชการ สว่ นทอ้ งถ่นิ นั้น โดยอาจร่วมกับหนว่ ยงานของรฐั หรือราชการสว่ นทอ้ งถิ่นอ่นื ดาํ เนนิ การภายใตข้ อ้ ตกลงร่วมกัน ก็ได้ แต่ในกรณีจําเป็นเพ่ือประโยชน์สาธารณะโดยส่วนรวม รัฐมนตรีมีอํานาจออกกฎกระทรวงโดยคําแนะนํา ของคณะกรรมการสาธารณสุขกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดําเนินการร่วมกันได้ และในกรณี ท่ีมีเหตุอันสมควรราชการส่วนท้องถ่ินอาจมอบให้บุคคลใดดําเนินการตามวรรคหนึ่งแทนภายใต้การควบคุมดูแล ของราชการส่วนท้องถ่นิ หรอื อาจอนุญาตให้บคุ คลใดเปน็ ผูด้ ําเนนิ กิจการรับทําการเก็บ ขน หรือกําจัดสิ่งปฏิกูล หรอื มูลฝอย กไ็ ด้ (มาตรา ๑๘) ในการรักษาความสะอาดและการจัดระเบียบในการเก็บ ขน และกําจัดส่ิงปฏิกูลหรือมูลฝอย ราชการ ส่วนท้องถิ่นมีอํานาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่น ห้ามการถ่าย เท ท้ิง หรือทําให้มีขึ้นในที่หรือทางสาธารณะ ซึ่งสง่ิ ปฏิกลู หรอื มลู ฝอย นอกจากในท่ที ี่ราชการสว่ นท้องถิ่นจดั ไวใ้ ห้ กําหนดให้มีท่ีรองรับส่ิงปฏิกูลหรือมูลฝอย

๒๐๙ ตามท่ีหรือทางสาธารณะและสถานที่เอกชน กําหนดวิธีการเก็บ ขน และกําจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยหรือ ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานที่ปฏิบัติให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะตามสภาพหรือลักษณะ การใช้อาคารหรอื สถานท่ีนน้ั ๆ กาํ หนดอตั ราคา่ ธรรมเนยี มในการให้บรกิ ารของราชการส่วนท้องถิ่น หรอื บคุ คลอน่ื ท่ีราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้ดําเนินการแทน ในการเก็บ ขน หรือกําจัดส่ิงปฏิกูลหรือมูลฝอย ไม่เกินอัตรา ที่กําหนดในกฎกระทรวง ท้ังนี้ การจะกําหนดอัตราค่าธรรมเนียมการกําจัดส่ิงปฏิกูลหรือมูลฝอยราชการ ส่วนท้องถ่ินนั้นจะต้องดําเนินการให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะตามที่กําหนดในกฎกระทรวง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขในการเก็บ ขน และกําจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาต ปฏิบัติ และ กําหนดการอ่นื ใดทจี่ ําเป็นเพื่อให้ถกู ต้องดว้ ยสุขลกั ษณะ (มาตรา ๒๐) (๓) สุขลักษณะของอาคาร เมื่อปรากฏว่าอาคารหรือส่วนของอาคารใดหรือสิ่งหน่ึงส่ิงใดซ่ึงต่อเน่ืองกับอาคาร มีสภาพชํารุด ทรุดโทรม หรือปล่อยให้มีสภาพรกรุงรังจนอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยหรือมีลักษณะไม่ถูกต้อง ด้วยสุขลักษณะของการใช้เป็นที่อยู่อาศัย เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอํานาจออกคําสั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือ ผคู้ รอบครองอาคารนน้ั จดั การแก้ไข เปล่ยี นแปลง ร้อื ถอนอาคาร หรอื สิ่งหนง่ึ ส่งิ ใดซ่ึงต่อเนื่องกับอาคารท้ังหมด หรือแต่บางส่วน หรือจัดการอย่างอื่นตามความจําเป็นเพื่อมิให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือให้ถูกต้องด้วย สุขลักษณะภายในเวลาซง่ึ กําหนดใหต้ ามสมควร (มาตรา ๒๑) เม่ืออาคารใดมีสินค้า เครื่องเรือนหรือสัมภาระสะสมไว้มากเกินสมควร หรือจัดส่ิงของเหล่าน้ัน ซับซ้อนกันเกินไป จนอาจเป็นเหตุให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ให้โทษใด ๆ หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของ ผู้อยู่อาศัยหรือไม่ถูกต้องด้วยสุขลักษณะของการใช้เป็นที่อยู่อาศัย ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจออกคําส่ัง เป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารย้ายสินค้า เคร่ืองเรือนหรือสัมภาระออกจากอาคารน้ัน หรือ ให้จัดสิ่งของเหล่านั้นเสียใหม่ เพ่ือมิให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะหรือให้กําจัดสัตว์ ซึ่งเปน็ พาหะของโรคภายในเวลาทก่ี ําหนดให้ตามสมควร (มาตรา ๒๒) ในกรณีท่ีเจ้าพนักงานท้องถ่ินได้ออกคําสั่งให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคารดําเนินการ ตามมาตรา ๒๑ หรือมาตรา ๒๒ และผู้นั้นละเลยไม่ปฏิบัติตามคําส่ังภายในเวลาท่ีกําหนด เจ้าพนักงานท้องถิ่น มีอํานาจดําเนินการแทนได้ โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสําหรับการนั้น (มาตรา ๒๓) (๔) เหตุรําคาญ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอํานาจห้ามผู้หน่ึงผู้ใดมิให้ก่อเหตุรําคาญในท่ีหรือทางสาธารณะหรือสถานที่ เอกชนรวมท้ังการระงับเหตุรําคาญด้วย ตลอดทั้งการดูแล ปรับปรุง บํารุงรักษา บรรดาถนน ทางบก ทางนํ้า รางระบายน้ํา คู คลอง และสถานที่ต่าง ๆ ในเขตของตนให้ปราศจากเหตุรําคาญ โดยเจ้าพนักงานท้องถ่ิน มอี าํ นาจออกคําส่ังเป็นหนงั สอื เพอื่ ระงบั กาํ จัดและควบคุมเหตุรําคาญตา่ ง ๆ ได้ (มาตรา ๒๖)

๒๑๐ ในกรณีท่ีมีเหตุรําคาญเกิดข้ึนหรืออาจเกิดขึ้นในที่หรือทางสาธารณะให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจ ออกคําสั่งเป็นหนังสือให้บุคคลซ่ึงเป็นต้นเหตุหรือเก่ียวข้องกับการก่อหรืออาจก่อให้เกิดเหตุรําคาญนั้น ระงับหรือป้องกันเหตุรําคาญภายในเวลาอันสมควรตามท่ีระบุไว้ในคําสั่ง และถ้าเห็นสมควรจะให้กระทํา โดยวธิ ใี ดเพอื่ ระงับหรอื ป้องกนั เหตรุ ําคาญน้ัน หรอื สมควรกาํ หนดวิธกี ารเพอ่ื ปอ้ งกันมิให้มีเหตรุ ําคาญเกิดข้ึนอีก ในอนาคต ให้ระบุไว้ในคําส่ังได้ ในกรณีที่ปรากฏแก่เจ้าพนักงานท้องถ่ินว่าไม่มีการปฏิบัติตามคําส่ังของ เจ้าพนกั งานท้องถ่นิ ดงั กลา่ ว และเหตรุ ําคาญท่ีเกิดขึ้นอาจเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ ให้เจ้าพนักงาน ท้องถ่ินระงับเหตุรําคาญน้ัน และอาจจัดการตามความจําเป็นเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุรําคาญนั้นข้ึนอีก โดยบุคคลซึ่งเป็นต้นเหตุหรือเก่ียวข้องกับการก่อหรืออาจก่อให้เกิดเหตุรําคาญต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย สาํ หรับการจดั การนั้น (มาตรา ๒๗) สําหรับกรณีท่ีมีเหตุรําคาญเกิดข้ึนในสถานที่เอกชน เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอํานาจออกคําสั่งเป็นหนังสือ ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่นั้นระงับเหตุรําคาญภายในเวลาอันสมควร และถ้าเห็นว่าสมควร จะให้กระทําโดยวิธีใดเพื่อระงับเหตุรําคาญน้ัน หรือสมควรกําหนดวิธีการเพื่อป้องกันมิให้มีเหตุรําคาญเกิดข้ึน ในอนาคตให้ระบุไว้ในคําส่ังได้ ในกรณีท่ีไม่มีการปฏิบัติตามคําส่ังของเจ้าพนักงานท้องถ่ิน ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ิน มีอํานาจระงับเหตุรําคาญน้ันและอาจจัดการตามความจําเป็นเพ่ือป้องกันมิให้มีเหตุรําคาญเกิดข้ึนอีก และ ถ้าเหตุรําคาญเกิดขึ้นจากการกระทํา การละเลย หรือการยินยอมของเจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานท่ีนั้น เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานท่ีดังกล่าวต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสําหรับการนั้น และในกรณีท่ีเหตุรําคาญ ท่ีเกิดข้ึนในสถานท่ีเอกชนอาจเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ หรือมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน เจ้าพนักงานท้องถ่ินจะออกคําส่ังเป็นหนังสือห้ามมิให้เจ้าของหรือ ผู้ครอบครองใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้สถานที่น้ันทั้งหมดหรือบางส่วน จนกว่าจะได้มีการระงับเหตุรําคาญน้ัน แล้วก็ได้ (มาตรา ๒๘) เม่ือมีเหตุรําคาญเกิดข้ึนเป็นบริเวณกว้างจนก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของสาธารณชน เจ้าพนักงาน ท้องถิ่นมีอํานาจประกาศกําหนดให้บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมเหตุรําคาญ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เง่ือนไขท่ีรัฐมนตรีประกาศกําหนดโดยคําแนะนําของคณะกรรมการสาธารณสุขและประกาศในราชกิจจานุเบกษา การระงับเหตรุ าํ คาญดังกล่าว และการจัดการตามความจําเป็นเพื่อป้องกันมิให้มีเหตุรําคาญนั้นเกิดข้ึนอีกในอนาคต ให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขตามท่เี จา้ พนักงานทอ้ งถ่ินประกาศกาํ หนด (มาตรา๒๘/๑) (๕) กจิ การทเี่ ป็นอันตรายตอ่ สขุ ภาพ ในการกํากับดูแลการประกอบกิจการท่ีเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ให้ราชการส่วนท้องถ่ินมีอํานาจ ออกข้อบัญญัติท้องถิ่น โดยกําหนดประเภทของกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพบางกิจการหรือทุกกิจการ ให้เป็นกิจการที่ต้องมีการควบคุมภายในท้องถิ่นน้ัน และกําหนดหลักเกณฑ์และเง่ือนไขท่ัวไปสําหรับ ให้ผู้ดําเนินกิจการดังกล่าวปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลสภาพหรือสุขลักษณะของสถานท่ีที่ใช้ดําเนินกิจการและ มาตรการป้องกนั อนั ตรายตอ่ สุขภาพ (มาตรา ๓๒)

๒๑๑ (๖) ตลาด สถานทจ่ี าํ หนา่ ยอาหารและสถานทสี่ ะสมอาหาร กฎหมายฉบับน้ีบัญญัติให้ราชการส่วนท้องถ่ินมีอํานาจออกข้อบัญญัติท้องถ่ินเพ่ือประโยชน์ในการกํากับ ดูแลตลาด โดยการกําหนดที่ต้ัง เนื้อท่ี แผนผังและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างและสุขลักษณะ กําหนด หลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตให้จัดต้ังตลาดปฏิบัติเก่ียวกับการดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อย ภายในตลาดให้ถูกต้องตามสุขลักษณะและอนามัย การจัดให้มีท่ีรวบรวมหรือกําจัดส่ิงปฏิกูลหรือมูลฝอย การระบายนํ้าท้ิง การระบายอากาศ การจัดให้มีการป้องกันมิให้เกิดเหตุรําคาญและการป้องกันการระบาด ของโรคติดตอ่ (มาตรา ๓๕) รวมท้ัง เพ่ือประโยชน์ในการกํากับดูแลการขายของในตลาด ให้ราชการส่วนท้องถ่ินมีอํานาจออกข้อบัญญัติ ท้องถิ่นกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้ผู้ขายของ และผู้ช่วยขายของในตลาดปฏิบัติให้ถูกต้องเกี่ยวกับ การรักษาความสะอาดบริเวณที่ขายของ สุขลักษณะส่วนบุคคล และสุขลักษณะในการใช้กรรมวิธีการจําหน่าย ทํา ประกอบ ปรุง เก็บหรือสะสมอาหารหรือสินค้าอื่น รวมทั้งการรักษาความสะอาดของภาชนะ นํ้าใช้และ ของใชต้ า่ ง ๆ (มาตรา ๓๗) และเพ่ือประโยชน์ในการควบคุมหรือกํากับดูแลสถานท่ีจําหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร ที่ไดร้ ับใบอนุญาต หรอื ได้รับหนงั สอื รับรองการแจ้ง ให้ราชการสว่ นทอ้ งถิน่ มีอาํ นาจออกขอ้ บญั ญตั ิท้องถน่ิ อาทิ การกําหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับการจัดต้ัง ใช้ และดูแลรักษาสถานที่และสุขลักษณะของบริเวณที่ใช้จําหน่ายอาหาร ท่ีจัดไว้สําหรับบริโภคอาหาร ที่ใช้ทํา ประกอบ หรือปรุงอาหาร หรือที่ใช้สะสมอาหาร กําหนดหลักเกณฑ์ เกี่ยวกบั การป้องกันมใิ ห้เกดิ เหตุรําคาญและการปอ้ งกนั โรคตดิ ต่อ กาํ หนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสุขลักษณะส่วนบุคคล ของผู้จําหน่ายอาหาร ผู้ปรุงอาหารและผู้ให้บริการ กําหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับสุขลักษณะของอาหาร กรรมวิธี การจําหนา่ ย ทาํ ประกอบ ปรุง เก็บรักษาหรือสะสมอาหาร กําหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับสุขลักษณะของภาชนะ อปุ กรณ์ นํ้าใช้ และของใชอ้ ่ืน ๆ (มาตรา ๔๐) (๗) การจําหนา่ ยสนิ ค้าในทหี่ รือทางสาธารณะ ราชการส่วนท้องถิ่นมีอํานาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่นมีอํานาจออกข้อบัญญัติท้องถ่ิน เพ่ือประโยชน์ ของประชาชนและการควบคุมการจําหน่ายสินค้าในท่ีหรือทางสาธารณะ กําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ สุขลักษณะส่วนบุคคลของผู้จําหน่ายหรือผู้ช่วยจําหน่ายสินค้า กําหนดหลักเกณฑ์เก่ียวกับสุขลักษณะในการ ใช้กรรมวิธีการจําหน่าย ทํา ประกอบ ปรุง เก็บหรือสะสมอาหารหรือสินค้าอ่ืน รวมทั้งการรักษาความสะอาด ของภาชนะ น้ําใช้และของใช้ต่าง ๆ กําหนดการอื่นท่ีจําเป็นเพ่ือการรักษาความสะอาดและป้องกันอันตราย ต่อสุขภาพ รวมทั้งการปอ้ งกันมิใหเ้ กิดเหตุราํ คาญและการป้องกนั โรคติดตอ่ (มาตรา ๔๓) (๘) อํานาจหนา้ ท่ขี องเจา้ พนกั งานทอ้ งถิ่นและเจา้ พนกั งานสาธารณสขุ ในการปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นและเจ้าพนักงานสาธารณสุข มีอํานาจ อาทิ เข้าไปในอาคารหรือสถานท่ีใด ๆ ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ข้ึนและพระอาทิตย์ตกหรือ

๒๑๒ ในเวลาทําการเพ่ือตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตามข้อบัญญัติท้องถ่ิน หรือตามพระราชบัญญัตินี้ แนะนํา ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตหรือหนังสือรับรองการแจ้งปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไขในใบอนุญาตหรือหนังสือรับรอง การแจ้งหรือตามข้อบัญญัติท้องถ่ินหรือตามพระราชบัญญัติน้ี ยึดหรืออายัดสิ่งของใด ๆ ท่ีอาจก่อให้เกิดอันตราย ต่อสุขภาพของประชาชนเพื่อประโยชน์ในการดําเนินคดีหรือเพ่ือนําไปทําลายในกรณีจําเป็น เก็บหรือนําสินค้า หรือสิ่งของใด ๆ ท่ีสงสัยว่าจะไม่ถูกสุขลักษณะหรือจะก่อให้เกิดเหตุรําคาญจากอาคารหรือสถานที่ใด ๆ เป็นปรมิ าณตามสมควรเพ่ือเปน็ ตวั อยา่ งในการตรวจสอบตามความจําเป็นไดโ้ ดยไม่ต้องใช้ราคา (มาตรา ๔๔) กรณีท่ีปรากฏว่าผู้ดําเนินกิจการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวง ข้อบัญญัติ ท้องถ่ินหรือประกาศท่ีออกตามพระราชบัญญัติน้ี หรือคําสั่งของเจ้าพนักงานท้องถ่ินที่กําหนดไว้เก่ียวกับ การดาํ เนนิ กจิ การนนั้ ใหเ้ จ้าพนกั งานทอ้ งถิ่นมอี าํ นาจสั่งใหผ้ ดู้ ําเนนิ กจิ การน้นั แกไ้ ขหรือปรบั ปรุงใหถ้ กู ต้องได้ และ ถ้าผู้ดําเนินกิจการไม่แก้ไข หรือถ้าการดําเนินกิจการนั้นจะก่อให้เกิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกิดอันตราย อย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน เจ้าพนักงานท้องถ่ินจะส่ังให้ผู้นั้นหยุดดําเนินกิจการนั้นไว้ทันที เปน็ การชว่ั คราวจนกวา่ จะเปน็ ทพ่ี อใจแก่เจา้ พนักงานทอ้ งถน่ิ ว่าปราศจากอันตรายแลว้ กไ็ ด้ (มาตรา ๔๕) และหากเจ้าพนักงานสาธารณสุขตรวจพบเหตุที่ไม่ถูกต้องหรือมีการกระทําที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถ่ิน หรือประกาศท่ีออกตามพระราชบัญญัติน้ี ให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขแจ้งเจ้าพนักงานท้องถ่ินเพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าท่ีต่อไปโดยไม่ชักช้า และ ให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขซ่ึงตรวจพบเหตุน้ันแจ้งต่อคณะกรรมการสาธารณสุขจังหวัดหรือคณะกรรมการ สาธารณสุขกรุงเทพมหานคร และในกรณีท่ีเจ้าพนักงานสาธารณสุขเห็นว่าเหตุดังกล่าวจะมีผลกระทบ ต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน หรือจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ ของประชาชนเป็นส่วนรวมซึ่งสมควรจะดําเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน ให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขมีอํานาจ ออกคําสั่งให้ผู้กระทําการไม่ถูกต้องหรือฝ่าฝืนดังกล่าวแก้ไขหรือระงับเหตุน้ัน หรือดําเนินการเพ่ือแก้ไข หรอื ระงับเหตุน้ันไดต้ ามสมควร แล้วใหแ้ จง้ เจ้าพนกั งานทอ้ งถน่ิ ทราบ (มาตรา ๔๖) ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ิน เจ้าพนักงานสาธารณสุข และ ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถ่ินเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และให้เจ้าพนักงาน ท้องถิ่นและผู้ซ่ึงได้รับแต่งตั้งจากเจ้าพนักงานท้องถ่ินเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา เพื่อประโยชน์ในการจับกุมหรือปราบปรามผู้กระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ (มาตรา ๔๗) (๙) หนงั สอื รับรองการแจ้ง กรณีที่ผู้ดําเนินกิจการใดดําเนินกิจการตามท่ีระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้โดยมิได้แจ้งต่อเจ้าพนักงาน ท้องถิ่น และเคยได้รับโทษตามพระราชบัญญัติน้ีเพราะเหตุที่ฝ่าฝืนดําเนินกิจการโดยมิได้แจ้งต่อเจ้าพนักงาน ทอ้ งถิ่นมาแลว้ ครงั้ หนึ่ง ยงั ฝ่าฝืนดําเนินกิจการโดยมิได้แจง้ ตอ่ เจา้ พนกั งานท้องถิ่นต่อไป ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ิน มีอํานาจสั่งให้ผู้น้ันหยุดดําเนินกิจการไว้จนกว่าจะได้ดําเนินการแจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น ถ้ายังฝ่าฝืนอีก ใหเ้ จา้ พนกั งานทอ้ งถ่ินมอี ํานาจส่ังหา้ มการดาํ เนนิ กจิ การน้ันไวต้ ามเวลาท่ีกาํ หนด (มาตรา ๕๒)

๒๑๓ (๑๐) ใบอนญุ าต สําหรับกรณีท่ีพระราชบัญญัตินี้บัญญัติให้การประกอบกิจการใดหรือการกระทําใดต้องได้รับใบอนุญาต จากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ให้ราชการส่วนท้องถ่ินมีอํานาจออกข้อบัญญัติท้องถ่ินกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและ เง่ือนไขการขอ และการออกใบอนุญาตในเร่ืองนั้นได้ และเพ่ือประโยชน์ในการป้องกันเหตุรําคาญหรือผลกระทบ ต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน ชุมชน หรือส่ิงแวดล้อม ให้รัฐมนตรี โดยคําแนะนําของคณะกรรมการสาธารณสุขมีอํานาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากําหนดประเภทหรือขนาด ของกิจการ หลักเกณฑ์ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงือ่ นไขท่ผี ูข้ ออนญุ าตจะตอ้ งดาํ เนินการก่อนการพจิ ารณาออกใบอนญุ าต (มาตรา ๕๔) หากปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตสําหรับกิจการใดไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ แห่งพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติท้องถ่ินท่ีออกตามพระราชบัญญัติน้ี หรือเง่ือนไขที่ระบุไว้ ในใบอนุญาตในเร่ืองท่ีกําหนดไว้เกี่ยวกับการประกอบกิจการตามท่ีได้รับใบอนุญาตน้ัน เจ้าพนักงานท้องถิ่น มอี าํ นาจสั่งพักใชใ้ บอนญุ าตไดภ้ ายในเวลาทเ่ี ห็นสมควร แต่ตอ้ งไม่เกินสิบหา้ วัน (มาตรา ๕๙) เจ้าพนักงานท้องถ่ินมีอํานาจออกคําส่ังเพิกถอนใบอนุญาตเม่ือผู้รับใบอนุญาตถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต ตั้งแต่สองครั้งข้ึนไปและมีเหตุท่ีจะต้องถูกส่ังพักใช้ใบอนุญาตอีก หรือต้องคําพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทแห่งพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงหรือ ข้อบัญญัติท้องถ่ินที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเง่ือนไขที่ระบุไว้ในใบอนุญาตในเร่ืองที่กําหนดไว้เกี่ยวกับ การประกอบกิจการตามที่ได้รับใบอนุญาต และการไม่ปฏิบัติหรือการปฏิบัติไม่ถูกต้องน้ันก่อให้เกิดอันตราย อย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชนหรือมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพ ของประชาชน (มาตรา ๖๐) ๑๒.๔.๕ หลักผกู้ ่อมลพิษเปน็ ผ้จู ่าย พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ได้กําหนดให้มีบทลงโทษทางปกครอง หรือการใช้มาตรการทางปกครองต่อบุคคลที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสม กับการดํารงชีพของประชาชน อาทิ ในกรณีท่ีเกิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ตอ่ สภาวะความเป็นอย่ทู ี่เหมาะสมกบั การดํารงชพี ของประชาชนซ่ึงจําเป็นต้องมีการแก้ไขโดยเร่งด่วน ให้อธิบดี กรมอนามัยมีอํานาจออกคําสั่งให้เจ้าของวัตถุหรือบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดหรืออาจเกิดความเสียหาย ดังกล่าวระงับการกระทําหรือให้กระทําการเพื่อแก้ไขหรือป้องกันความเสียหายเช่นว่านั้นได้ตามที่เห็นสมควร ถ้าบุคคลซึ่งได้รับคําสั่งไม่ปฏิบัติตามคําสั่งภายในระยะเวลาตามสมควร อธิบดีกรมอนามัยจะสั่งให้เจ้าพนักงาน สาธารณสุขปฏิบัตกิ ารเพื่อแกไ้ ขหรือปอ้ งกนั ความเสียหายดงั กล่าวนั้นแทนก็ได้ ในการนี้ ให้เจ้าพนักงานสาธารณสุข ใชค้ วามระมัดระวังตามสมควรแก่พฤติการณ์ และบุคคลซึ่งได้รับคําสั่งดังกล่าวต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสําหรับการน้ัน (มาตรา ๘)

๒๑๔ นอกจากนี้ พระราชบัญญัติดังกล่าวได้มีบทกําหนดโทษซึ่งเป็นโทษทางอาญา โดยเป็นโทษในทางอาญา ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติต่าง ๆ ที่กําหนดไว้เพ่ือให้การดําเนินงานตามพระราชบัญญัติน้ีเป็นไปด้วย ความเรียบร้อยและมปี ระสทิ ธภิ าพ ๑๒.๔.๖ หลกั การว่าดว้ ยการคมุ้ ครองสิ่งแวดลอ้ มต้องไมม่ ีลักษณะทีถ่ ดถอยลง พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ไม่ได้มีการกําหนดถึงหลักการว่าด้วย การคุ้มครองส่ิงแวดล้อมต้องไม่มีลักษณะท่ีถดถอยลงไว้โดยตรง แต่ในการดําเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ได้คํานึงถึงการกําหนดมาตรฐานสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน และวิธีดําเนินการ เพ่ือตรวจสอบควบคุมหรือกํากับดูแล หรือแก้ไขสิ่งท่ีจะมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับ การดํารงชีพของประชาชน (มาตรา ๖) ซ่ึงถือหลักการป้องกันดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ให้เส่ือมถอยอย่างหนึ่ง อีกทั้ง ในกรณีท่ีเกิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสม กับการดํารงชีพของประชาชนซ่ึงจําเป็นต้องมีการแก้ไขโดยเร่งด่วน ให้อธิบดีกรมอนามัยมีอํานาจออกคําสั่ง ใหเ้ จ้าของวัตถุหรือบุคคลซึ่งเก่ียวข้องกับการก่อให้เกิดหรืออาจเกิดความเสียหายดังกล่าวระงับการกระทําหรือ ให้กระทําการเพ่ือแก้ไขหรือป้องกันความเสียหายเช่นว่านั้นได้ตามที่เห็นสมควร และบุคคลซึ่งได้รับคําส่ังดังกล่าว ต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสําหรับการน้ัน (มาตรา ๘) และเพื่อประโยชน์ในการรักษาความสะอาดและการจัดระเบียบ ในการเก็บ ขน และกําจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย ให้ราชการส่วนท้องถิ่นมีอํานาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่น อาทิ กําหนดให้มีที่รองรับสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามที่หรือทางสาธารณะและสถานที่เอกชน กําหนดวิธีการเก็บ ขน และกําจัดส่ิงปฏิกูลหรือมูลฝอยหรือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานท่ีใด ๆ ปฏิบัติให้ถูกต้องด้วย สุขลักษณะตามสภาพหรือลักษณะการใช้อาคารหรือสถานท่ีน้ัน ๆ กําหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการให้บริการ ของราชการส่วนท้องถิ่น หรือบุคคลอื่นท่ีราชการส่วนท้องถิ่นมอบให้ดําเนินการแทน ในการเก็บ ขน หรือกําจัด สงิ่ ปฏกิ ูลหรือมูลฝอย ไมเ่ กินอตั ราทก่ี ําหนดในกฎกระทรวง (มาตรา ๒๐) จากการศึกษาพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพ่ิมเติม ที่มุ่งคุ้มครอง ด้านสุขลักษณะและการอนามัยสิ่งแวดล้อมหรือการสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมซึ่งครอบคลุมท้ังกิจกรรม การกระทํา และกิจการประเภทต่าง ๆ ท่ีมีผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชน น้ัน กฎหมายน้ี จึงมคี วามเกีย่ วข้องกบั หลักการพ้ืนฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อมค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการให้อํานาจคณะกรรมการ สาธารณสุออกกฎกระทรวงเพื่อกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมหรือกํากับดูแล สําหรับกิจการ หรือการดําเนินการในเร่ืองต่าง ๆ กําหนดมาตรฐานสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน และวิธีดําเนินการเพื่อตรวจสอบควบคุมหรือกํากับดูแล หรือแก้ไขส่ิงท่ีจะมีผลกระทบต่อสภาวะความเป็นอยู่ ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชนซ่ึงเป็นการคํานึงและตระหนักถึงหลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อม หลักการพัฒนาท่ีย่ังยืน และหลักการว่าด้วยการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมต้องไม่มีลักษณะท่ีถดถอยลง นอกจากนี้ กฎหมายฉบับนยี้ งั มกี ารกําหนดบทบัญญัติที่มีความสอดคล้องต่อหลักการป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน เปน็ อยา่ งมาก ในการให้อํานาจเจา้ พนกั งานท้องถนิ่ ควบคุมดูแลกิจกรรมและกิจการประเภทต่าง ๆ ท่ีมีผลกระทบ

๒๑๕ ต่อส่ิงแวดล้อม โดยการออกคําสั่งให้ปรับปรุง แก้ไขการอนุญาต หรือไม่อนุญาต การสั่งพักใช้ หรือเพิกถอน ใบอนุญาต รวมท้ังอํานาจในการตรวจตรา ให้คําแนะนํา ปรับปรุงแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อม ท่ีมีผลต่อสุขภาพ อนามัยของประชาชน อีกทั้งยังมีการกําหนดหลักเกณฑ์ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่เก่ียวข้อง ซึ่งสอดคล้องต่อหลักการเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารในทางส่ิงแวดล้อมและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน และหลักการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการดําเนินการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกท้ังยังมี การกําหนดบทลงโทษทางปกครองหรือการใช้มาตรการทางปกครองต่อบุคคลที่ก่อให้เกิดความเสียหาย อย่างร้ายแรงต่อสภาวะความเป็นอยู่ท่ีเหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชนซ่ึงมีความสอดคล้องต่อหลักผู้ก่อมลพิษ เป็นผ้จู า่ ย ๑๒.๕ กฎหมายรักษาความสะอาดและความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ยของบ้านเมือง พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ท่ีแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายท่ีมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการดําเนินงานด้านการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ เรียบร้อยของบ้านเมือง ท้ังนี้ กฎหมายดังกล่าวได้มีเนื้อหาซ่ึงเกี่ยวข้องกับหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อม ดังน้ี ๑๒.๕.๑ หลักความเปน็ สากลของสง่ิ แวดล้อม พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมไม่ได้มีการกําหนดหลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อมไว้โดยตรง แต่มีหลายมาตราเป็นบทบัญญัติ เก่ียวกับการดําเนินงานด้านการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งเป็นการคํานึงถึง สิ่งแวดลอ้ มอันเน่อื งมาจากส่ิงแวดลอ้ มเป็นสมบัตริ ว่ มกันของมนุษย์ทตี่ อ้ งรกั ษาไว้ ๑๒.๕.๒ หลักการมสี ว่ นร่วมของประชาชนเกยี่ วกบั สิ่งแวดลอ้ ม พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ที่แก้ไขเพิ่มเติมไม่ได้มีการกําหนดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไว้โดยตรง แต่มีบางมาตรา ท่ีได้กล่าวถึงการดําเนินการท่ีสอดคล้องกับหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมและหลักการ เก่ียวกับข้อมูลข่าวสารในทางสิ่งแวดล้อม โดยมาตรา ๓๔/๔ กําหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่นท่ีจะเสนอแนะ แนะนํา และช่วยเหลือราชการส่วนท้องถ่ินในการจัดทําแผนงานโครงการ ในการจัดการสงิ่ ปฏิกลู และมูลฝอยซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัด และในการจัดทําแผนงานโครงการดังกล่าว ต้องมีขัน้ ตอนและกระบวนการจัดทํารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสง่ิ แวดล้อม ตามท่ีกําหนดในกฎหมายว่าด้วย การส่งเสริมและรักษาคณุ ภาพสิ่งแวดล้อมด้วย นอกจากน้ี ตามมาตรา ๔๔ ได้บัญญัติเป็นหลักการว่า นอกจากอํานาจหน้าที่ที่ได้บัญญัติไว้ ในพระราชบัญญัติน้ี ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินและพนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจหน้าที่ อาทิ โฆษณาให้ประชาชน ได้ทราบถงึ หนา้ ทีท่ ีจ่ ะตอ้ งปฏิบตั ิตามพระราชบัญญัตินี้

๒๑๖ ๑๒.๕.๓ หลักการพัฒนาท่ียั่งยืน และหลักบูรณาการทางสิ่งแวดลอ้ ม พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ที่แก้ไขเพ่ิมเติมไม่ได้มีการกําหนดหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนและหลักบูรณาการทางส่ิงแวดล้อมไว้โดยตรง แต่มี บางมาตราที่ได้มีเนื้อหาท่ีสอดคล้องกับหลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อมและหลักวางแผนการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยมาตรา ๓๔/๔ กําหนดให้เป็นหน้าท่ีของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นท่ีจะเสนอแนะ แนะนําและ ช่วยเหลือราชการส่วนท้องถ่ินในการจัดทําแผนงานโครงการในการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยซึ่งต้องสอดคล้อง กบั แผนพฒั นาจังหวดั และในการจดั ทําแผนงานโครงการดงั กล่าว ต้องมีขั้นตอนและกระบวนการจัดทํารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามท่กี าํ หนดในกฎหมายวา่ ดว้ ยการส่งเสรมิ และรักษาคุณภาพส่งิ แวดล้อมดว้ ย ๑๒.๕.๔ หลกั การป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวงั ไวก้ ่อน พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติมไม่ได้มีการกําหนดหลักการป้องกันล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อนไว้โดยตรงแต่มีเน้ือหา บางมาตราท่ีสอดคล้องกับหลักการดังกลา่ ว ดงั มรี ายละเอียดตอ่ ไปน้ี (๑) การรกั ษาความสะอาดในที่สาธารณะและสถานสาธารณะ พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ฯ บัญญัติให้เจ้าของ หรือผู้ครอบครองอาคาร หรือบริเวณของอาคารที่อยู่ติดกับทางเท้า มีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดทางเท้า ท่ีอยู่ติดกับอาคารหรือบริเวณของอาคาร ในกรณีท่ีเป็นตลาด ให้เจ้าของตลาดมีหน้าท่ีดูแลรักษาความสะอาด ทางเทา้ ทอ่ี ยตู่ ิดกบั ตลาดและให้ผู้ครอบครองส่วนหน่ึงส่วนใดของตลาดมีหน้าท่ีรักษาความสะอาดบริเวณตลาด ท่ีตนครอบครอง ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือบริเวณ ของอาคารเจ้าของตลาดหรือผู้ครอบครองส่วนหนึ่งส่วนใดของตลาดเป็นผู้รับผิดในการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ ตามมาตราน้ี (มาตรา ๖) การปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าวข้างต้น ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร อาคาร เจ้าของตลาดหรือ ผู้ครอบครองส่วนหนึ่งส่วนใดของตลาด มีอํานาจแจ้งผู้กระทําการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติน้ีมิให้กระทําการหรือ ให้แก้ไขการกระทําอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ถ้าผู้ถูกแจ้งหรือผู้ถูกห้ามไม่ปฏิบัติตาม ให้รีบแจ้งความ ต่อพนักงานเจา้ หน้าที่ เพื่อใชเ้ ป็นหลักฐานวา่ ตนมิได้กระทําความผิดตามมาตราน้ี (มาตรา ๗) สําหรับเจ้าของรถซึ่งใช้บรรทุกสัตว์ กรวด หิน ดิน เลน ทราย สิ่งปฏิกูล มูลฝอยหรือสิ่งอ่ืนใด ต้องจัด ให้รถนั้นอยู่ในสภาพที่ป้องกันมิให้มูลสัตว์หรือส่ิงดังกล่าวตกหล่น รั่วไหล ปลิว ฟุ้งกระจายลงบนถนนในระหว่างที่ ใชร้ ถนั้น รวมทัง้ ต้องป้องกันมิให้น้ํามันจากรถร่ัวไหลลงบนถนน ถ้ามีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ี เจ้าพนักงานจราจรหรือตํารวจที่ปฏิบัติหน้าท่ีควบคุมการจราจรมีอํานาจส่ังให้ผู้ขับขี่นํารถไปท่ีสถานีตํารวจ ที่ทําการขนส่ง หรือสํานักงานขององค์การปกครองท้องถิ่นและยึดรถน้ันไว้จนกว่าเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถ จะชาํ ระคา่ ปรับ (มาตรา ๑๓)

๒๑๗ นอกจากนี้ กฎหมายยังบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดเทหรือท้ิงกรวด หิน ดิน เลน ทราย หรือเศษวัตถุก่อสร้าง ลงในทางนํ้า หรือกองไว้ หรือกระทําด้วยประการใด ๆ ให้วัตถุดังกล่าวไหลหรือตกลงในทางนํ้า และให้เจ้าพนักงาน ท้องถนิ่ หรอื พนักงานเจ้าหนา้ ท่ีมอี าํ นาจส่ังให้ผ้กู ระทาํ การดังกล่าวจดั การขนย้ายวัตถุดังกล่าวออกไปให้ห่างจากทางนํ้า ภายในระยะเวลาทกี่ าํ หนดและถ้าการกระทาํ ผดิ ดงั กลา่ วเปน็ อุปสรรคต่อการระบายนํ้าหรือทําให้ท่อระบายน้ํา คู คลอง ต้ืนเขิน ให้มีอํานาจส่ังให้ผู้กระทําการดังกล่าวแก้ไขให้ทางน้ําดังกล่าวคืนสู่สภาพเดิม ถ้าละเลยเพิกเฉยนอกจาก มีความผิดฐานขัดคําส่ังเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ดําเนนิ คดสี ําหรบั ความผิดตามพระราชบญั ญตั นิ ตี้ อ่ ไป (มาตรา ๒๓) (๒) การดแู ลรกั ษาสนามหญ้าและตน้ ไมใ้ นถนนและสถานสาธารณะ พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ฯ บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดท้ิง สิ่งปฏกิ ูล มูลฝอย หรือเท หรือกองกรวด หนิ ดนิ เลน ทราย หรือสิง่ อ่ืนใดในบริเวณที่ได้ปลูกหญ้าหรือต้นไม้ซ่ึงราชการ ส่วนทอ้ งถน่ิ ราชการส่วนอ่ืนหรือรฐั วิสาหกิจเปน็ เจ้าของ (มาตรา ๒๖) และห้ามมิให้ผู้ใดโค่นต้นไม้ ตัด เด็ด หรือกระทํา ดว้ ยประการใด ๆ ให้เกดิ ความเสียหายหรอื นา่ จะเปน็ อนั ตรายแก่ต้นไม้ หรือใบ ดอก ผล หรือสว่ นใดส่วนหน่ึงของต้นไม้ ท่ีปลูกไว้หรอื ขึน้ เองตามธรรมชาตใิ นทส่ี าธารณะหรอื สถานสาธารณะ (มาตรา ๒๗) (๓) การหา้ มทง้ิ สิ่งปฏิกูลมูลฝอยในท่ีสาธารณะและสถานสาธารณะ กฎหมายฉบับนี้ยงั บญั ญัติห้ามมิใหผ้ ้ใู ดเท หรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย นํ้าโสโครกหรือส่ิงอ่ืนใดลงบนถนน หรอื ในทางนํ้า (มาตรา ๓๓) (๔) การจัดการส่งิ ปฏกิ ูลและมูลฝอย พระราชบัญญตั ริ กั ษาความสะอาดและความเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ยของบ้านเมือง ฯ บัญญัติให้เป็นหน้าท่ี ของราชการส่วนท้องถิ่นที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการหรือมาตรฐานเกี่ยวกับการเก็บ ขน และ กําจัดส่ิงปฏิกูลและมูลฝอย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกระทรวงมหาดไทยกําหนดโดยประกาศใน ราชกจิ จานเุ บกษา (มาตรา ๓๔/๑) ผู้ใดประสงค์จะดําเนินกิจการรับทําการเก็บ ขน กําจัด หรือหาประโยชน์จากการจัดการส่ิงปฏิกูลและ มูลฝอย โดยทําเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการต้องได้รับใบอนุญาต จากเจ้าพนักงานท้องถ่ิน ท้ังน้ี การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การขอรับใบแทน ใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดในข้อกําหนด ของทอ้ งถ่นิ (มาตรา ๓๔/๒)

๒๑๘ และยังให้ราชการส่วนท้องถ่ินมีหน้าท่ีออกข้อกําหนดของท้องถ่ินเพื่อประโยชน์ในการรักษา ความสะอาดและการจัดระเบียบในการคัดแยก เก็บขน และกําจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย โดยกําหนดหลักเกณฑ์ การจัดให้มีท่ีรองรับสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยในสถานที่เอกชนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปได้ กําหนดวิธีการคัดแยก เก็บ ขน และกําจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย กําหนดการอื่นใดท่ีจําเป็นเกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและ มูลฝอย เพื่อให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะ การปฏิบัติหน้าท่ีของราชการส่วนท้องถ่ินในการคัดแยก เก็บ ขน และ กําจัดส่ิงปฏิกูลและมูลฝอยราชการส่วนท้องถ่ินต้องดําเนินการให้เป็นไปตามข้อกําหนดของท้องถ่ินด้วย ทั้งน้ี ให้ราชการส่วนท้องถ่ินมีหน้าท่ีจัดให้มีท่ีรองรับส่ิงปฏิกูลและมูลฝอยตามที่สาธารณะและสถานสาธารณะ ใหเ้ พียงพอและถกู สขุ ลักษณะ (มาตรา ๓๔/๓) นอกจากนี้ กฎหมายฉบบั นยี้ งั กาํ หนดใหเ้ ป็นหน้าที่ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินท่ีจะเสนอแนะ แนะนําและช่วยเหลือราชการส่วนท้องถ่ินในการจัดทําแผนงานโครงการในการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย ซึ่งตอ้ งสอดคล้องกับแผนพฒั นาจงั หวัด และในกรณที ี่มีความจําเป็นตอ้ งได้รับการอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเสนอความเห็นในการขอจัดต้ังงบประมาณเพื่อประกอบการพิจารณา ของคณะรัฐมนตรีด้วย ในการจัดทําแผนงานโครงการดังกล่าว ต้องมีข้ันตอนและกระบวนการจัดทํารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามท่ีกําหนดในกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ดว้ ย (มาตรา ๓๔/๔) (๕) การรักษาความเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ย พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ฯ บัญญัติห้ามมิให้ ผู้ใดติดตั้ง ตาก วาง หรือแขวนส่ิงใด ๆ ในท่ีสาธารณะ เว้นแต่ได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเป็นการกระทําของราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนอื่นหรือรัฐวิสาหกิจหรือ ของหน่วยงานที่มีอํานาจกระทําได้ หรือเป็นการวางไว้เพียงช่ัวคราว การติดตั้ง ตาก วาง หรือแขวนสิ่งใด ๆ ในที่สาธารณะโดยมิได้มีหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถ่ินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับอนุญาต แต่มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดในการอนุญาต ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ มีอํานาจส่ังให้ผู้กระทําการดังกล่าวปลด หรือรื้อถอนภายในเวลาที่กําหนด ถ้าผู้นั้นละเลย เพิกเฉย นอกจาก มีความผิดฐานขัดคําส่ังเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงาน เจา้ หน้าทดี่ าํ เนินคดตี ามพระราชบญั ญัตินตี้ อ่ ไป (มาตรา ๓๙) นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังห้ามมิให้ผู้ใดติดต้ัง ตาก วาง หรือแขวนสิ่งใด ๆ ท่ีอาคารในลักษณะ ที่สกปรก รกรุงรังหรือไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและมีสภาพท่ีประชาชนอาจเห็นได้จากที่สาธารณะ ถ้ามีกรณี ดังกลา่ วเกดิ ขนึ้ ให้เจ้าพนักงานทอ้ งถ่นิ หรอื พนักงานเจา้ หน้าทมี่ ีหนังสอื เตือนให้เก็บหรือจัดทําให้เป็นท่ีเรียบร้อย ถ้าผู้ติดต้ัง เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารละเลย เพิกเฉย นอกจากมีความผิดฐานขัดคําสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าท่ีดําเนินคดีตามพระราชบัญญัติน้ี ต่อไป (มาตรา ๔๐)

๒๑๙ (๖) การกําหนดอํานาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานทอ้ งถิน่ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ นอกจากอํานาจหน้าท่ีท่ีได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติน้ี ให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินและพนักงาน เจ้าหน้าที่มีอํานาจหน้าท่ี อาทิ โฆษณาให้ประชาชนได้ทราบถึงหน้าท่ีท่ีจะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ สอดส่องและกวดขันไม่ให้มีการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้โดยเคร่งครัด ตักเตือนผู้กระทําความผิดหรือส่ัง ให้ผู้กระทําความผิดแก้ไขหรือขจัดความสกปรก หรือความไม่เป็นระเบียบหรือความไม่เรียบร้อยให้หมดไป จบั กุมผกู้ ระทาํ ความผิดซ่ึงไมเ่ ชอ่ื ฟงั คาํ ตักเตือนและดําเนินคดีตามพระราชบัญญตั ิน้ี (มาตรา ๔๔) เม่อื มกี ารกระทาํ ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้นในท้องท่ีใดและพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจทราบตัว ผู้กระทําผิด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นนั้นทุกคนร่วมกันขจัดหรือแก้ไขไม่ให้ส่ิงที่ผิดกฎหมายปรากฏอยู่ ในท่สี าธารณะหรือสถานสาธารณะอีกต่อไป และให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินจัดหาอุปกรณ์และอํานวยความสะดวก ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติการ และใหว้ างระเบียบการปฏิบตั กิ ารของพนกั งานเจา้ หนา้ ที่ (มาตรา ๔๕) ในกรณีท่ีได้จับกุมผู้กระทําความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้กระทําความผิด จัดการลบ ล้าง กวาด เก็บ ตกแต่ง ปรับปรุงส่ิงท่ีเป็นความผิดมิให้ปรากฏอีกต่อไปภายในระยะเวลาที่กําหนด ถา้ ผู้กระทําความผดิ ยนิ ยอมปฏบิ ัติตาม ใหค้ ดีเป็นอนั เลิกกนั ถา้ ผู้กระทําความผิดไมป่ ฏบิ ตั ิตาม พนกั งานเจา้ หน้าท่ี มอี าํ นาจจัดทาํ หรอื มอบหมายให้ผู้อ่นื จดั ทําให้เกดิ ความสะอาดและความเป็นระเบยี บเรยี บร้อย และให้ผ้กู ระทํา ความผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเข้าจัดทําความสะอาดหรือความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามท่ีได้ใช้จ่ายไปจริง ให้แก่เจ้าพนักงานท้องถ่ิน แต่การชดใช้ค่าใช้จ่ายไม่ลบล้างการกระทําความผิดหรือระงับการดําเนินคดี แกผ่ ูก้ ระทําความผดิ (มาตรา ๔๖) ๑๒.๕.๕ หลักผูก้ อ่ มลพิษเป็นผู้จ่าย พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ทแี่ ก้ไขเพ่ิมเตมิ ไมไ่ ด้มีการกาํ หนดหลักผกู้ ่อมลพิษเปน็ ผจู้ า่ ยไว้โดยตรง แตม่ ีบางมาตราที่ได้กลา่ วถึงการรับผิดชดใช้ ค่าใช้จ่ายหากไม่ปฏิบัติตามท่ีพนักงานเจ้าหน้าท่ี โดยมาตรา ๔๖ ได้กําหนดว่า ในกรณีที่ได้จับกุมผู้กระทําความผิด ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้กระทําความผิดจัดการลบ ล้าง กวาด เก็บ ตกแต่ง ปรบั ปรงุ สงิ่ ท่เี ป็นความผิดมิให้ปรากฏอีกต่อไปภายในระยะเวลาท่ีกําหนด ถ้าผู้กระทําความผิดยินยอมปฏิบัติตาม ให้คดเี ป็นอันเลกิ กนั ถ้าผู้กระทําความผิดไม่ปฏิบัติตามพนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจจัดทําหรือมอบหมายให้ผู้อื่น จัดทําให้เกิดความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย และให้ผู้กระทําความผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายในการ เข้าจัดทาํ ความสะอาดหรอื ความเป็นระเบยี บเรียบร้อยตามทไี่ ดใ้ ชจ้ า่ ยไปจริงให้แก่เจ้าพนักงานท้องถ่ิน แต่การชดใช้ ค่าใช้จา่ ยไม่ลบล้างการกระทําความผดิ หรือระงบั การดําเนินคดแี กผ่ กู้ ระทาํ ความผิด (มาตรา ๔๖) นอกจากนี้ ยังมีบทกําหนดโทษที่เป็นโทษทางอาญาตามมาตรา ๕๒ ถึงมาตรา ๕๙ อีกทั้ง มาตรา ๕๐ กําหนดว่า ในกรณีที่มีการกระทําความผิดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นและพนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจจับกุมผู้กระทําความผิดหรือผู้ท่ีต้องสงสัยว่ากระทํา ความผิดน้ัน พร้อมด้วยยานพาหนะ เครื่องมือ และสิ่งของท่ีใช้ในการกระทําความผิดเพ่ือดําเนินการ

๒๒๐ ตามกฎหมายได้ และมาตรา ๕๑ กําหนดว่า ในกรณีท่ีมีผู้กระทําความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี ประชาชน ผพู้ บเหน็ อาจแจ้งความตอ่ พนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือพนักงานเจ้าหน้าท่ีเพ่ือให้พนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานท้องถ่ินหรือพนักงานเจ้าหน้าท่ีดําเนินการตามอํานาจหน้าที่โดยไม่ชักช้าและให้ถือว่าประชาชน ผพู้ บเห็นการกระทาํ ความผิดดงั กล่าวเปน็ ผเู้ สียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ๑๒.๕.๖ หลักการว่าด้วยการคมุ้ ครองสิ่งแวดล้อมตอ้ งไม่มลี กั ษณะทถ่ี ดถอยลง พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และ ที่แก้ไขเพ่ิมเติมไม่ได้มีการกําหนดหลักการว่าด้วยการคุ้มครองส่ิงแวดล้อมต้องไม่มีลักษณะที่ถดถอยลง ไว้โดยตรง แต่ในหลายมาตราได้กําหนดให้บุคคลมีหน้าที่ในการป้องกันดูแลรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ เรียบร้อย ซ่งึ ถอื เป็นหนา้ ที่ในการปอ้ งกันดแู ลสิ่งแวดลอ้ มไปในตวั นนั่ เอง จากการศึกษาพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม ซ่ึงเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติเก่ียวกับการดําเนินงานด้านการรักษา ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงมีความเกี่ยวข้องกับหลักการพื้นฐานของ กฎหมายส่ิงแวดล้อม โดยมีความสอดคล้องกับหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมและ หลักการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารในทางส่ิงแวดล้อม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎหมายฉบับนี้ได้มีความสอดคล้อง ต่อหลักการป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน โดยกําหนดอํานาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถ่ินหรือ พนักงานเจ้าหน้าที่ในการสอดส่อง ดูแลการรักษาความสะอาดในที่สาธารณะและสถานสาธารณะ การดูแล รักษาสนามหญ้าและต้นไม้ในถนนและสถานสาธารณะ การขจัดส่ิงปฏิกูลและมูลฝอย การรักษาความสะอาด เรียบร้อย เป็นต้น และดําเนินการตามหน้าที่หากมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายตามที่กําหนดให้ต้องปฏิบัติ ซึ่งถือเป็น การป้องกันล่วงหน้าเพื่อไม่ให้มีผู้กระทําผิดอันจะนําไปสู่การกระทําท่ีส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม นอกจากน้ี กฎหมายดังกล่าวยังมีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายในลักษณะที่ให้อํานาจพนักงาน เจ้าหน้าท่ีมีอํานาจจัดทําหรือมอบหมายให้ผู้อ่ืนจัดทําให้เกิดความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย และ ให้ผู้กระทําความผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายในการเข้าจัดทําความสะอาดหรือความเป็นระเบียบเรียบร้อยตามที่ได้ ใชจ้ ่ายไปจรงิ ให้แก่เจ้าพนักงานท้องถนิ่ ดว้ ย ส่วนหลกั การอนื่ ๆ แม้กฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้กําหนดไว้โดยตรง หรือชัดเจน แตก่ ม็ ีความมุ่งหมายทจ่ี ะคุ้มครองสิ่งแวดล้อมไวด้ ว้ ยเช่นเดียวกนั ๑๒.๖ กฎหมายโรคติดตอ่ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นกฎหมายในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และการควบคุมโรคติดต่อ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและข้อกําหนดของกฎอนามัยระหว่างประเทศ ซ่ึงกลไกการดําเนินงาน มที ั้งระดับประเทศ ระดบั จังหวดั และระดบั พนื้ ที่

๒๒๑ ๑๒.๖.๑ หลกั ความเปน็ สากลของสง่ิ แวดล้อม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่ได้มีการกําหนดถึงหลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อม โดยตรง แตไ่ ดม้ เี น้อื หาท่สี อดคลอ้ งกบั หลกั ความเป็นสากลของสิ่งแวดล้อมโดยมาตรา ๖ และมาตรา ๗ บัญญัติ ให้ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีอํานาจประกาศกําหนดช่ือและอาการสําคัญของโรคติดต่ออันตรายและ โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งในกรณีท่ีมีโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดเกิดข้ึน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดําเนินการหรือออกคําสั่ง และการสอบสวนโรค หลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการกําหนดค่าใช้จ่ายสําหรับเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ และ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่ผู้เดินทางต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเห็นได้ว่า การประกาศกําหนด ดังกล่าวเป็นไปเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค อันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และอาจ รวมไปถึงส่ิงแวดล้อมตามมาด้วย จึงเป็นการดําเนินการที่ตระหนักถึงประชาชนและสิ่งแวดล้อมให้ยังคงอยู่ ในสภาวะที่ดเี นื่องจากสิง่ แวดลอ้ มเปน็ สมบตั ิร่วมกนั ของมนุษย์ ๑๒.๖.๒ หลกั การมีส่วนร่วมของประชาชนเกยี่ วกบั ส่งิ แวดลอ้ ม กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มีการกําหนดหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมไว้โดยตรง แต่มีเน้ือหาบางมาตราที่สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว กล่าวคือ ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีอํานาจประกาศ กําหนดช่ือและอาการสําคัญของโรคติดต่ออันตรายและโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้ง ในกรณที ี่มีโรคตดิ ต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดเกิดข้ึน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการดําเนินการหรือออกคําสั่ง และการสอบสวนโรค หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขเก่ียวกับการกําหนด ค่าใช้จ่ายสําหรับเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขที่ผู้เดินทางต้องเป็น ผรู้ ับผิดชอบค่าใช้จา่ ย (มาตรา ๖ และมาตรา ๗) ในส่วนของการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ให้อธิบดีกรมควบคุมโรคโดยคําแนะนําของ คณะกรรมการด้านวิชาการมีอํานาจประกาศช่ือ อาการสําคัญ และสถานท่ีที่มีโรคระบาด และแจ้งให้ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทราบ รวมท้ังประกาศยกเลิกเมื่อสภาวการณ์ของโรคนั้นสงบลงหรือกรณีมีเหตุ อนั สมควร (มาตรา ๙) ในกรณีท่ีข้อมูลจากการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค หรือการแจ้งหรือรายงานตามพระราชบัญญัติน้ี ซึ่งมีการพาดพิงถึงตัวบุคคลทั้งท่ีระบุตัวได้หรือไม่สามารถระบุตัวได้ จะต้องเก็บเป็นความลับและประมวลผล โดยไม่เปิดเผยช่ือ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่ออาจเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้บางส่วนที่เกี่ยวกับการรักษา การป้องกัน การควบคุมโรคติดต่ออันตราย หรือการเกิดโรคระบาด ซ่ึงมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยได้รบั คํายนิ ยอมจากเจ้าของข้อมลู หรอื ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงอ่ื นไขทีค่ ณะกรรมการประกาศกําหนด (มาตรา ๑๐)

๒๒๒ อีกท้ังมาตรา ๑๙ ได้กําหนดให้กรมควบคุมโรคมีหน้าที่ในการเป็นศูนย์ข้อมูลกลางในการประชาสัมพันธ์ หรือเผยแพร่ข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมสภาวการณ์ของโรคติดต่อ และโรคระบาดดว้ ย จากบทบัญญัติหลายมาตราข้างต้นรัฐมีหน้าที่ในการประกาศหรือแจ้งข้อมูลข่าวสาร เช่น ประกาศช่ือ อาการสําคัญ และสถานทท่ี ม่ี ีโรคติดตอ่ อนั ตรายทีต่ ้องเฝา้ ระวัง หรอื โรคระบาด หรือเผยแพร่ข้อมูลและข่าวสาร เกี่ยวกับการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมสภาวการณ์ของโรคติดต่อและโรคระบาด ซึ่งเป็นข้อมูล ท่ีมีความสําคัญที่ประชาชนควรจะต้องรับรู้เพื่อป้องกันและระวังไม่ให้เกิดโรคติดต่อหรือโรคระบาดได้และ อาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับหลักการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารในทางส่ิงแวดล้อมและ การเขา้ ถงึ ข้อมูลขา่ วสารของประชาชน ๑๒.๖.๓ หลักการพฒั นาท่ยี งั่ ยนื และหลกั บูรณาการทางสิง่ แวดลอ้ ม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่ได้มีการกําหนดหลักการพัฒนาที่ย่ังยืนและหลักบูรณาการ ทางสิ่งแวดล้อมไว้โดยตรงแต่มีเน้ือหาบางมาตราที่สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว โดยมาตรา ๑๔ ได้บัญญัติ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีอํานาจหน้าที่กําหนดนโยบาย วางระบบ และแนวทางปฏิบัติในการ เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ เพ่ือให้หน่วยงานของรัฐ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และ คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครดําเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติน้ี ให้ความเห็นชอบ แผนปฏบิ ตั กิ ารเฝา้ ระวงั ปอ้ งกัน และควบคมุ โรคติดต่อหรอื โรคระบาด เสนอความเห็นในการออกกฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศและแนวทางปฏิบัติเพ่ือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี รวมถึงให้คําปรึกษา แนะนํา และ ประสานงานแก่หน่วยงานของรัฐและเอกชนเก่ียวกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ ติดตาม ประเมินผล และตรวจสอบการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และ คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร เพ่ือให้ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุม โรคติดต่อหรือโรคระบาด พิจารณาให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเก่ียวกับการเบิกจ่าย ค่าชดเชย ค่าทดแทน ค่าตอบแทน หรือค่าใช้จ่ายอ่ืนท่ีจําเป็นในการดําเนินการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค การปอ้ งกนั หรือการควบคมุ โรคติดต่อ ในส่วนของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ต้องดําเนินการตามนโยบาย ระบบ และแนวทางปฏิบัติในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ และ จัดทําแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือ โรคระบาดในเขตพื้นที่จังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร รวมถึงรายงานสถานการณ์โรคติดต่อหรือโรคท่ียังไม่ทราบสาเหตุ ท่ีอาจเป็นโรคระบาดซึ่งเกิดขึ้นในเขตพื้นที่จังหวัดหรือกรุงเทพมหานครต่ออธิบดีกรมควบคุมโรค ตลอดจน สนับสนุน ส่งเสริม ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องภายในจังหวัดแล้วรายงาน ต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร แล้วแต่กรณี (มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๘)

๒๒๓ จากบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น การท่ีมีการแต่งต้ังคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการ โรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการประสานความร่วมมือกันของ หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพ่ือเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อซ่ึงนอกจากจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ต่อสุขภาพและอนามัยของประชาชนแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมตามมาในอนาคตได้เช่นเดียวกัน การดําเนินงานในลักษณะดังกล่าวจึงอยู่ภายใต้หลักการพัฒนาท่ียั่งยืนและหลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อม โดยมีการวางแผนจัดการควบคุมโรคติดต่อในรูปแบบของการบูรณาการร่วมกัน และคํานึงถึงผลกระทบในทางลบ ที่มีตอ่ คนรนุ่ หลงั ด้วย ๑๒.๖.๔ หลักการปอ้ งกันลว่ งหน้า และหลักการระวงั ไว้กอ่ น พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่ได้มีการกําหนดหลักการป้องกันล่วงหน้าและหลักการระวัง ไวก้ ่อนไว้โดยตรงแต่มเี นื้อหาบางมาตราท่สี อดคล้องกบั หลกั การดงั กลา่ ว ดังมรี ายละเอียดต่อไปนี้ ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติมีอํานาจประกาศกําหนดชื่อและอาการสําคัญของโรคติดต่ออันตรายและ โรคติดต่อท่ีต้องเฝ้าระวัง หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งในกรณีท่ีมีโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อท่ีต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดเกิดข้ึน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดําเนินการหรือออกคําส่ัง และการสอบสวนโรค หลักเกณฑ์ วิธีการ และเง่ือนไขเก่ียวกับการกําหนดค่าใช้จ่ายสําหรับเจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะ และหลกั เกณฑ์ วธิ ีการ และเงอื่ นไขท่ผี ู้เดนิ ทางตอ้ งเปน็ ผู้รบั ผิดชอบค่าใชจ้ ่าย (มาตรา ๖ และมาตรา ๗) และเพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดที่อาจจะเข้ามาภายใน ราชอาณาจักร ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยคําแนะนําของคณะกรรมการด้านวิชาการ มีอํานาจประกาศ ให้ท้องท่ีหรือเมืองท่าใดนอกราชอาณาจักรเป็นเขตติดโรค และยกเลิกประกาศเม่ือสภาวการณ์ของโรคน้ันสงบลง หรือกรณีมีเหตอุ ันสมควร (มาตรา ๘) (๑) การเฝ้าระวงั โรคติดตอ่ กรณีที่มีโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดเกิดขึ้น ให้มีบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวข้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคมุ โรคติดต่อ (มาตรา ๓๑) (๒) การปอ้ งกันและการควบคุมโรคติดตอ่ เม่ือเกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดหรือมีเหตุสงสัยว่าได้เกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด ในเขตพ้ืนที่ใดให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพ้ืนที่น้ันมีอํานาจท่ีจะดําเนินการเองหรือออกคําส่ัง เป็นหนังสอื ให้ผ้ใู ดดําเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี้ - ให้ผู้ท่ีเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด หรือผู้ที่เป็นผู้สัมผัสโรค หรอื พาหะ มารบั การตรวจหรือรกั ษา หรือรบั การชันสูตรทางการแพทย์ และเพ่อื ความปลอดภัยอาจดําเนินการ

๒๒๔ โดยการแยกกัก กันกัน หรือคุมไว้สังเกต ณ สถานที่ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกําหนด จนกว่าจะได้รับ การตรวจและชนั สตู รทางการแพทยว์ า่ พ้นระยะตดิ ตอ่ ของโรคหรือส้ินสดุ เหตุอันสงสัย - ให้ผูท้ ี่มคี วามเส่ยี งที่จะตดิ โรคไดร้ บั การสรา้ งเสรมิ ภมู คิ มุ้ กันโรค ตามวัน เวลา สถานท่ีซึ่งเจ้าพนักงาน ควบคมุ โรคติดต่อกําหนด เพอ่ื มิให้โรคติดตอ่ อันตรายหรือโรคระบาดแพรอ่ อกไป - ให้นําศพหรือซากสัตว์ซึ่งตายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าตายด้วยโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด ไปรบั การตรวจ หรือจดั การทางแพทย์ - ให้เจา้ ของ ผคู้ รอบครอง หรอื ผู้พกั อาศยั ในบา้ น โรงเรือน สถานท่ี หรือพาหนะท่ีมีโรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดเกดิ ขนึ้ กําจัดความตดิ โรคหรือทําลายสิง่ ทม่ี เี ชือ้ โรคติดตอ่ หรือมเี หตุอนั ควรสงสยั วา่ มีเชื้อโรคติดตอ่ หรือแก้ไขปรบั ปรุงการสขุ าภบิ าลใหถ้ ูกสุขลักษณะเพอ่ื การควบคุมและป้องกันการแพรโ่ รค - ใหเ้ จ้าของ ผู้ครอบครอง หรือผพู้ ักอาศยั ในบ้าน โรงเรอื น สถานท่ี หรือพาหนะที่มีโรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาดเกิดข้ึน ดําเนินการเพ่ือการป้องกันการแพร่ของโรคด้วยการกําจัดสัตว์ แมลง หรือตัวอ่อนของแมลง ทเี่ ป็นสาเหตขุ องการเกิดโรคติดต่ออันตรายหรอื โรคระบาด - ห้ามผู้ใดกระทําการหรือดําเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซ่ึงอาจเป็นเหตุ ใหโ้ รคตดิ ต่ออนั ตรายหรอื โรคระบาดแพรอ่ อก - ห้ามผู้ใดเขา้ ไปหรือออกจากท่ีเอกเทศ เวน้ แต่ได้รับอนุญาตจากเจา้ พนกั งานควบคุมโรคตดิ ต่อ - เข้าไปในบ้าน โรงเรือน สถานท่ี หรือพาหนะท่ีมีหรือสงสัยว่ามีโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดเกิดข้ึน เพอื่ เฝา้ ระวัง ปอ้ งกนั และควบคมุ มิให้มกี ารแพรข่ องโรค (มาตรา ๓๔) กรณีที่มีเหตุจําเป็นเร่งด่วนเพ่ือเป็นการป้องกันการแพร่ของโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาด ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคตดิ ตอ่ กรงุ เทพมหานคร มีอํานาจในพื้นท่คี วามรบั ผดิ ชอบของตน - สั่งปิดตลาด สถานที่ประกอบหรือจําหน่ายอาหาร สถานท่ีผลิตหรือจําหน่ายเครื่องดื่มโรงงาน สถานที่ชมุ นุมชน โรงมหรสพ สถานศึกษา หรือสถานทีอ่ ่นื ใดไวเ้ ปน็ การช่วั คราว - ส่ังใหผ้ ทู้ ่ีเป็นหรือมเี หตุอันควรสงสัยวา่ เป็นโรคติดตอ่ อนั ตรายหรือโรคระบาดหยุดการประกอบอาชีพ เปน็ การชั่วคราว - ส่ังห้ามผู้ท่ีเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดเข้าไป ในสถานท่ี ชุมนุมชน โรงมหรสพ สถานศึกษา หรือสถานท่ีอ่ืนใด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ (มาตรา ๓๕) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการ ควบคุมโรคติดต่อข้ึนในทุกอําเภอหรือทุกเขตอย่างน้อยหนึ่งหน่วย เพื่อทําหน้าท่ีในการเฝ้าระวัง สอบสวนโรค ป้องกนั และควบคมุ โรคตดิ ตอ่ อนั ตรายหรือโรคระบาด (มาตรา ๓๖)

๒๒๕ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบช่องทางเข้าออกมีอํานาจปฏิบัติตามวิธีการเพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุม โรคติดต่อระหว่างประเทศ ในบริเวณช่องทางเข้าออก โดยจัดการสุขาภิบาลส่ิงแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งกําจัดสิ่งอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จัดการสุขาภิบาลเกี่ยวกับอาหารและน้ําให้ถูกสุขลักษณะ กาํ จัดยุง และพาหะนําโรค และปฏบิ ัตกิ ารตามวธิ กี ารอนื่ ใดตามที่คณะกรรมการประกาศกําหนด (มาตรา ๓๗) (๓) อาํ นาจของเจ้าพนกั งานควบคมุ โรคติดตอ่ เจ้าพนกั งานควบคุมโรคตดิ ต่อมีอํานาจดังต่อไปนี้ - มีหนังสือเรียกบคุ คลใด ๆ มาใหถ้ ้อยคําหรือแจง้ ข้อเท็จจรงิ หรือทาํ คําช้แี จงเปน็ หนงั สือ หรอื ให้ส่งเอกสาร หรอื หลักฐานใดเพอ่ื ตรวจสอบหรือเพอื่ ใชป้ ระกอบการพจิ ารณา - เข้าไปในพาหนะ อาคาร หรือสถานที่ใด ๆ ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ข้ึนและพระอาทิตย์ตกหรือ ในเวลาทําการของอาคารหรือสถานท่ีน้ัน เพ่ือตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ และ หากยงั ดําเนนิ การไมแ่ ล้วเสร็จในเวลาดงั กล่าวให้สามารถดาํ เนนิ การตอ่ ไปได้ จนกว่าจะแล้วเสร็จ ๑๒.๖.๕ หลักผ้กู ่อมลพิษเปน็ ผจู้ า่ ย พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่ได้มีการกําหนดหลักการป้องกันล่วงหน้าและหลักการ ระวงั ไวก้ ่อนไวโ้ ดยตรง แตม่ ีเน้อื หาบางมาตราท่ีสอดคลอ้ งกบั หลักการดังกล่าว ดงั น้ี เจ้าของพาหนะหรือผู้ควบคุมพาหนะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้เดินทางซ่ึงมากับพาหนะน้ัน เพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตลอดท้ังออกค่าใช้จ่ายในการเล้ียงดู การรักษาพยาบาล การปอ้ งกันและควบคมุ โรคติดตอ่ ระหว่างประเทศ และค่าใช้จ่ายอนื่ ๆ ที่เก่ยี วขอ้ ง (มาตรา ๔๑) ในกรณีที่พบว่าผู้เดินทางเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตรายโรคระบาด หรือพาหะ นําโรค ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจําด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศมีอํานาจส่ังให้บุคคลดังกล่าว ถูกแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ค่าใช้จ่ายท่ีเกิดจากการดําเนินการดังกล่าว ให้ผ้เู ดนิ ทางผ้นู นั้ เปน็ ผ้รู บั ผิดชอบ (มาตรา ๔๒) กรณีที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อได้ออกคําส่ังให้ผู้ใดดําเนินการแล้วผู้นั้นละเลยไม่ดําเนินการ ตามคําสั่งภายในเวลาท่ีกําหนด เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อมีอํานาจดําเนินการแทนได้ โดยให้ผู้นั้นชดใช้ ค่าใช้จา่ ยในการดาํ เนนิ การนน้ั ตามจาํ นวนทจ่ี ่ายจริง ทั้งนี้ ตามระเบียบท่ีกระทรวงสาธารณสุขกําหนด (มาตรา ๔๔) กฎหมายฉบับน้ไี ดม้ ีการกําหนดค่าทดแทนตามมาตรา ๔๘ ที่บัญญัตใิ ห้การดําเนนิ การของเจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัตินี้ หากเกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลใดจากการ เฝา้ ระวัง การป้องกนั หรือการควบคุมโรคให้ทางราชการชดเชยความเสยี หายที่เกดิ ขนึ้ ให้แก่ผนู้ ้นั ตามความจาํ เป็น การชดเชยความเสียหายดังกล่าว ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการและเงือ่ นไขทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง นอกจากนี้ ยังได้มีบทกําหนดโทษซึ่งเป็นโทษทางอาญากรณีบุคคลที่ไม่ปฏิบัติ หรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติ ตามคาํ สั่งของคณะกรรมการตา่ ง ๆ เจา้ พนักงานควบคมุ โรค ตอ้ งระวางโทษจาํ คุก หรอื ปรบั

๒๒๖ ๑๒.๖.๖ หลักการว่าด้วยการค้มุ ครองสิ่งแวดลอ้ มต้องไม่มีลกั ษณะทถ่ี ดถอยลง พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่ได้มีการกําหนดหลักการว่าด้วยการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ต้องไม่มลี ักษณะท่ีถดถอยลง ไว้ก่อนไว้โดยตรงแต่มีเนื้อหาบางมาตราท่ีสอดคล้องกับหลักการดังกล่าว โดยมาตรา ๔๘ ที่บัญญัติให้การดําเนินการของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัตินี้ หากเกิดความเสียหาย แก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลใดจากการเฝ้าระวัง การป้องกัน หรือการควบคุมโรคให้ทางราชการชดเชย ความเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่ผู้นั้นตามความจําเป็น การชดเชยความเสียหายดังกล่าว ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีกําหนดในกฎกระทรวง ซ่ึงถือเป็นการดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับการกําหนดค่าเสียหาย แก่บุคคลที่อาจได้รับผลกระทบจากการการเฝ้าระวัง การป้องกัน หรือการควบคุมโรคของทางราชการ และ อาจสง่ ผลกระทบไปยังสิ่งแวดล้อมดว้ ย ดังน้นั จึงต้องมกี ารดําเนินการเพ่ือปอ้ งกันและคุ้มครองส่ิงแวดลอ้ ม จากการศึกษาพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีบทบัญญัติที่สอดคล้องกับหลักการพ้ืนฐาน ของกฎหมายส่ิงแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นหลักการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารในทางส่ิงแวดล้อมและการเข้าถึง ข้อมูลข่าวสารของประชาชน ซ่ึงกฎหมายดังกล่าวได้มีการประกาศหรือแจ้งข้อมูลข่าวสาร เช่น ประกาศช่ือ อาการสําคัญ และสถานที่ที่มีโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อท่ีต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาด หรือเผยแพร่ ข้อมูลและข่าวสารเกี่ยวกับการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมสภาวการณ์ของโรคติดต่อและโรคระบาด ซ่งึ เป็นขอ้ มูลทมี่ ีความสําคัญท่ปี ระชาชนควรจะตอ้ งรบั รเู้ พื่อปอ้ งกันและระวงั ไม่ใหเ้ กดิ โรคตดิ ตอ่ หรอื โรคระบาดได้ และอาจเกิดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีบทบัญญัติท่ีเกี่ยวข้องกับหลักการป้องกันล่วงหน้า และ หลักการระวังไว้ก่อน ไว้อยู่หลายมาตรา โดยมีการกําหนดให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ มีอํานาจในการออกคําส่ัง เก่ียวกับการป้องกันและการควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงอํานาจในการมีหนังสือเรียกบุคคลใด ๆ มาให้ถ้อยคําหรือ แจ้งข้อเท็จจริง หรือการเข้าไปในพาหนะ อาคาร หรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัตินี้ อีกท้ังยังมีบทบัญญัติท่ีสอดคล้องกับหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายในกรณีท่ีเจ้าพนักงานควบคุม โรคติดต่อได้ออกคําส่ังให้ผู้ใดดําเนินการแล้วผู้นั้นละเลยไม่ดําเนินการตามคําส่ังภายในเวลาที่กําหนด เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อมีอํานาจดําเนินการแทนได้ โดยให้ผู้น้ันชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดําเนินการนั้น ตามจํานวนที่จ่ายจริง รวมถึงกรณีท่ีพบว่าผู้เดินทางเป็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด หรือพาหะนําโรค ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจําด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มีอํานาจส่ังให้บุคคลดังกล่าวถูกแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ค่าใช้จ่าย ที่เกิดจากการดําเนินการดังกล่าว ให้ผู้เดินทางผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบรวมถึงหลักการว่าด้วยการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อมต้องไม่มีลักษณะที่ถดถอยลง ส่วนหลักการอ่ืน ๆ แม้กฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้กําหนดไว้โดยตรง หรอื ชัดเจน แต่กม็ คี วามมุง่ หมายท่ีจะคุ้มครองสงิ่ แวดล้อมไวด้ ว้ ยเช่นเดียวกัน ๑๒.๗ กฎหมายภาษสี รรพสามติ พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นการรวบรวมกฎหมายที่ใช้ในการบริหารการจัดเก็บ ภาษีสรรพสามิตจากกฎหมาย ๗ ฉบับ ให้เป็นฉบับเดียว ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิติ กฎหมาย ว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต กฎหมายว่าด้วยสุรา กฎหมายว่าด้วยยาสูบ กฎหมายว่าด้วยไพ่ กฎหมาย

๒๒๗ ว่าด้วยการจัดสรรเงินภาษีสรรพสามิต และกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรเงินภาษีสุรา เน่ืองจากกฎหมายเดิมใช้บังคับ มาเป็นเวลานาน จึงไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน เช่น ลักษณะการประกอบธุรกิจ ลักษณะของสินค้าและบริการ รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคของคนในสังคมมีการเปลี่ยนแปลงจากในอดีตมาก จึงมีการแก้ไขกฎหมายเพ่ือให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส เป็นสากล ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าท่ี และ เพ่อื ใหก้ ารบงั คับใชก้ ฎหมายเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ๑๒.๗.๑ หลักความเป็นสากลของสิง่ แวดล้อม พระราชบญั ญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ไม่ได้กําหนดเกี่ยวกับหลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อมไว้ อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะไม่ได้ระบุถึงหลักการดังกล่าว แต่การดําเนินการเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตจะต้อง คาํ นึงถึงผลกระทบท่ีจะเกิดขึ้นกบั สิง่ แวดล้อมไว้ด้วย เนอ่ื งจากสง่ิ แวดลอ้ มเป็นสมบตั ริ ่วมกนั ของมนษุ ยท์ ี่ต้องรกั ษาไว้ ๑๒.๗.๒ หลกั การมีสว่ นร่วมของประชาชนเกี่ยวกับสงิ่ แวดลอ้ ม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ไม่ได้กําหนดเก่ียวกับหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน เก่ียวกับส่ิงแวดล้อมไว้ อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะไม่ได้ระบุถึงหลักการดังกล่าว แต่การดําเนินการเก่ียวกับ ภาษีสรรพสามิตจะต้องคํานึงถึงหลักการเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารในทางสิ่งแวดล้อมและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ของประชาชน (Access to Information) ด้วย ๑๒.๗.๓ หลกั การพัฒนาทีย่ ั่งยืน และหลักบูรณาการทางส่งิ แวดลอ้ ม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ไม่ได้กําหนดเก่ียวกับหลักการพัฒนาท่ีย่ังยืนและ หลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อมไว้ อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะไม่ได้ระบุถึงหลักการดังกล่าว แต่การดําเนินการ เก่ียวกับภาษีสรรพสามิต จะต้องคํานึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับส่ิงแวดล้อม และการพัฒนาที่ควบคู่ไปกับ การรกั ษาส่งิ แวดล้อม รวมถงึ การบรู ณาการทางส่งิ แวดลอ้ มเพื่อคนรุ่นหลังไดใ้ ชป้ ระโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้ ๑๒.๗.๔ หลักการป้องกนั ลว่ งหนา้ และหลกั การระวงั ไวก้ ่อน พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ไม่ได้บัญญัติเก่ียวกับหลักการป้องกันล่วงหน้าเก่ียวกับ สิ่งแวดล้อมไว้โดยตรง อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวได้มีเน้ือหาในบทบัญญัติบางมาตราท่ีมีความสอดคล้อง กับหลกั การป้องกันลว่ งหนา้ ดงั น้ี กฎหมายฉบับน้ีบัญญัติให้อธิบดีมีอํานาจจัดให้เจ้าพนักงานสรรพสามิตอยู่ประจําโรงอุตสาหกรรมหรือ คลังสินค้าทัณฑ์บน เพ่ือควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติของผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือเจ้าของคลังสินค้า ทณั ฑบ์ นให้เปน็ ไปตามพระราชบญั ญัติน้ี (มาตรา ๑๔) อีกทั้งให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรม ผู้นําเข้า หรือผู้ประกอบกิจการสถานบริการแจ้งวันเวลาทําการตามปกติ และวันเวลาหยุดทําการของโรงอุตสาหกรรม สถานประกอบการ หรือสถานบริการให้อธิบดีทราบเป็นหนังสือ

๒๒๘ ก่อนวันเร่ิมผลิตสินค้า วันเริ่มนําเข้าสินค้า หรือวันเริ่มให้บริการ และถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงกําหนดวันเวลาดังกล่าว ใหม้ หี นังสอื แจง้ ให้อธิบดีทราบลว่ งหนา้ ก่อนวันท่จี ะมีการเปล่ียนแปลง (มาตรา ๑๕) นอกจากน้ี อธิบดีมีอํานาจออกคําส่ังเพิกถอนใบอนุญาตเม่ือปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตให้ผลิต เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียนโดยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตต้ังแต่สองครั้งข้ึนไป และมีเหตุที่จะต้อง ถูกสัง่ พักใชใ้ บอนุญาตอีก หรือไม่ปฏิบัติหรือปฏบิ ัตไิ ม่ถกู ต้องตามบทบญั ญัติแห่งพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวง หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเง่ือนไขท่ีระบุไว้ในใบอนุญาต และการไม่ปฏิบัติหรือการปฏิบัติ ไม่ถกู ตอ้ งน้ันอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายอย่างร้ายแรง (มาตรา ๘๕) และเพ่ือประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจติดตั้งอุปกรณ์หรือเครื่องมือใด ๆ ในโรงอตุ สาหกรรมหรอื สถานบริการ โดยให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบกิจการสถานบริการมีหน้าที่ ดูแลรักษาอุปกรณ์หรือเครื่องมือดังกล่าว รวมทั้งตราหรือสิ่งท่ีติดอยู่กับอุปกรณ์หรือเคร่ืองมือดังกล่าวให้อยู่ ในสภาพเรียบร้อยตลอดเวลาโดยใช้ความระมัดระวังและฝีมือดังเช่นที่พึงปฏิบัติในการประกอบกิจการของตน และในกรณีที่อุปกรณ์หรือเคร่ืองมือดังกล่าว ตราหรือส่ิงท่ีติดอยู่กับอุปกรณ์หรือเครื่องมือดังกล่าวสูญหาย บบุ สลาย หรือชาํ รดุ ใหผ้ ้ปู ระกอบอุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบกิจการสถานบริการแจ้งให้เจ้าพนักงานสรรพสามิต แห่งท้องที่ท่ีโรงอุตสาหกรรมหรือสถานบริการน้ันตั้งอยู่ทราบโดยมิชักช้าและหากการสูญหาย บุบสลาย หรือ ชํารุดได้เกิดขึ้นเพราะผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบกิจการสถานบริการมิได้ใช้ความระมัดระวังและ ฝีมือดังเช่นท่ีพึงปฏิบัติในการประกอบกิจการของตนแล้วให้อธิบดีดําเนินการให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือ ผปู้ ระกอบกจิ การสถานบริการชดใชค้ า่ เสียหายทีเ่ กดิ ขน้ึ ทงั้ น้ี ตามระเบยี บทอี่ ธบิ ดีกาํ หนด (มาตรา ๑๒๐) การปฏบิ ัติหนา้ ท่ตี ามพระราชบญั ญัตนิ ้ี พนกั งานเจา้ หน้าทม่ี ีอํานาจ ดงั ต่อไปน้ี (๑) เข้าไปในโรงอตุ สาหกรรมหรือคลังสินค้าทัณฑ์บน สถานประกอบการ หรือสถานบริการในระหว่าง เวลาทาํ การ เพอ่ื ตรวจสอบหรอื ควบคุมให้การเป็นไปตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ (๒) ค้นสถานที่หรือยานพาหนะใด ๆ ท่ีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือมีสนิ ค้าทห่ี ลีกเล่ียงการเสยี ภาษีซกุ ซ่อนอยู่ ในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก เว้นแต่การค้น ในเวลาดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จจะกรทําต่อไปก็ได้ หรือในกรณีฉุกเฉินอย่างย่ิง เม่ือได้รับอนุมัติจากอธิบดีแล้ว จะค้นในเวลาใดกไ็ ด้ (๓) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคําหรือให้ส่งบัญชี เอกสาร หลักฐานหรือสิ่งอื่น ท่จี าํ เปน็ มาประกอบการพจิ ารณาได้ (๔) นําสินค้าในโรงอุตสาหกรรม คลังสินค้าทัณฑ์บน หรือสถานประกอบการ ในปริมาณพอสมควร ไปเป็นตวั อยา่ งเพือ่ ตรวจสอบ (มาตรา ๑๒๓) ท้งั นี้ เพอ่ื ประโยชนใ์ นการตรวจสอบการเสยี ภาษี พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจส่ังให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรม เจา้ ของคลงั สนิ คา้ ทัณฑ์บน หรอื ผู้นําเขา้ เปิดหีบหอ่ หรอื ภาชนะบรรจุสินค้าเพือ่ ตรวจสินค้าในขณะท่ีนําออกจาก หรือเตรียมการจะนําออกจากโรงอุตสาหกรรม คลังสินค้าทัณฑ์บนหรืออารักขาของกรมศุลกากร และจะนําสินค้า ในปรมิ าณพอสมควรออกจากหีบหอ่ หรอื ภาชนะบรรจุสินค้าน้ันไปเป็นตัวอย่างเพ่ือตรวจสอบหรือวิเคราะห์ก็ได้ โดยการส่งคืนและการทําลายสินค้าที่นํามาตรวจสอบหรือวิเคราะห์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข

๒๒๙ ที่อธิบดปี ระกาศกาํ หนด (มาตรา ๑๒๔) พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจยึดหรืออายัดสินค้า บัญชี เอกสาร ยานพาหนะหรือส่ิงใด ๆ ที่เก่ียวข้อง หรือท่ีมีเหตุอันควรสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติน้ีไว้เป็นหลักฐานในการสืบสวน สอบสวน และการดําเนินคดีจนกว่าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ทั้งน้ี ไม่วา่ จะเป็นของผกู้ ระทาํ ความผิดหรอื ของผูม้ เี หตุอันควรสงสัยวา่ เปน็ ผู้กระทําความผิดหรือไม่ (มาตรา ๑๒๘) ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้ได้รับอนุญาตไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติน้ี หรือตามข้อกําหนดในใบอนุญาต ผู้ออกใบอนุญาต มีอํานาจ ส่งั พกั ใช้ใบอนญุ าตได้มกี าํ หนดครงั้ ละไมเ่ กินหกเดือน (มาตรา ๑๘๑) เจ้าหน้าที่ผู้ออกใบอนุญาตมีอํานาจออกคําสั่งเพิกถอนใบอนุญาต เม่ือปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาต ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตต้ังแต่สองคร้ังข้ึนไปและมีเหตุที่จะต้องถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตอีก หรือไม่ปฏิบัติหรือ ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือตามข้อกําหนดในใบอนุญาต และการไม่ปฏิบัติหรือการปฏิบัติไม่ถูกต้องน้ันก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง (มาตรา ๑๘๒) ๑๒.๗.๕ หลกั ผู้กอ่ มลพษิ เปน็ ผ้จู า่ ย พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ไม่ได้กําหนดเกี่ยวกับหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย ไว้โดยตรง อยา่ งไรก็ตาม กฎหมายมุ่งให้การดําเนินการที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวจําต้องรับโทษ ทางอาญา ซงึ่ ไดม้ บี ทกาํ หนดโทษทางอาญาไว้ ๑๒.๗.๖ หลกั การวา่ ด้วยการค้มุ ครองสงิ่ แวดล้อมต้องไมม่ ีลกั ษณะท่ถี ดถอยลง พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ไม่ได้กําหนดเกี่ยวกับหลักการว่าด้วยการไม่เส่ือมถอย ของส่ิงแวดล้อมไว้ อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายจะไม่ได้ระบุถึงหลักการดังกล่าว แต่ก็เป็นหน้าท่ีของทุกคน ในการปอ้ งกนั ดูแลส่ิงแวดล้อมและไม่ก่อให้เกิดความเสยี หายตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม จากการศึกษาพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่รวบรวมกฎหมายท่ีใช้ในการบริหาร การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากกฎหมาย ๗ ฉบับ ให้เป็นฉบับเดียว ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต กฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต กฎหมายว่าด้วยสุรา กฎหมายว่าด้วยยาสูบ กฎหมายว่าด้วยไพ่ กฎหมายว่าด้วยการจัดสรรเงินภาษีสรรพสามิต และกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรเงินภาษีสุรา ได้มีบทบัญญัติ ท่สี อดคลอ้ งกับหลักการพ้ืนฐานเกี่ยวกับกฎหมายส่ิงแวดล้อม คือ หลักการป้องกันล่วงหน้า และหลักการระวังไว้ก่อน โดยกฎหมายฉบับนี้บัญญัติให้อธิบดีมีอํานาจจัดให้เจ้าพนักงานสรรพสามิตอยู่ประจําโรงอุตสาหกรรมหรือ คลังสินค้าทัณฑ์บน เพื่อควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติของผู้ประกอบอุตสาหกรรมหรือเจ้าของคลังสินค้า ทัณฑ์บนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ รวมถึงอธิบดีมีอํานาจออกคําส่ังเพิกถอนใบอนุญาต เม่ือปรากฏว่า ผู้รับใบอนุญาตให้ผลิตเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจดทะเบียนปฏิบัติหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ

๒๓๐ แห่งพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเง่ือนไขที่ระบุไว้ ในใบอนุญาต และการไม่ปฏบิ ตั ิหรอื การปฏบิ ัติไม่ถูกต้องนนั้ อาจกอ่ ใหเ้ กิดความเสียหายอย่างร้ายแรง ตลอดจน ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอํานาจเข้าไปในโรงอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าทัณฑ์บน สถานประกอบการ หรือสถาน บริการในระหว่างเวลาทําการ เพ่ือตรวจสอบหรือควบคุมให้การเป็นไปตามพระราชบัญญัติน้ี หรือค้นสถานท่ี หรือยานพาหนะใด ๆ ทมี่ เี หตุอนั ควรสงสยั ว่ามีการกระทาํ ความผิดตามพระราชบญั ญตั ินี้ กล่าวโดยสรุป เม่ือได้ศึกษากฎหมายว่าด้วยการป้องกันมลพิษและการระงับเหตุเดือดร้อนรําคาญ ที่ปรากฏอยู่ในบทบัญญัติกฎหมาย ๗ ฉบับท่ีเก่ียวกับการป้องกันมลพิษและการระงับเหตุเดือดร้อนรําคาญ อันได้แก่ พระราชบญั ญัติมาตรฐานผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม พระราชบัญญัติวัตถุ อันตราย พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบญั ญัติภาษีสรรพสามติ พ.ศ. ๒๕๖๐ แลว้ น้นั พบว่า ด้วยเหตุท่ีกฎหมายนี้เป็นกฎหมาย ที่เกี่ยวกับการควบคุม กํากับดูแล และการดําเนินการด้วยวิธีใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกระเบียบข้อบังคับ การกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เง่ือนไข รวมถึงมาตรการต่าง ๆ เพ่ือป้องกันมลพิษและการระงับเหตุเดือดร้อน รําคาญต่าง ๆ อันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาวะที่ดี และ สุขภาพของมนุษย์ จึงมีความเก่ียวข้องกับหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายสิงแวดล้อมหลาย ๆ หลักการ โดยเฉพาะ อยา่ งยง่ิ หลกั การป้องกันลว่ งหนา้ และหลักการระวังไว้ก่อน จะปรากฏให้เห็นในกฎหมายเกือบทุกฉบับในหลาย ๆ มาตรา โดยมกี ารควบคมุ กาํ กับดูแล การออกระเบียบข้อบังคับ การกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เง่ือนไข รวมถึง มาตรการต่าง ๆ เช่น การให้อํานาจแก่เจ้าพนักงานในอันท่ีจะกําหนดเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตปฏิบัติ หรือ การใหอ้ ํานาจแก่เจา้ พนกั งานในอันท่ีจะส่ังให้ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการแก้ไขการประกอบการให้เป็นไปตามเง่ือนไข ทกี่ าํ หนดไว้หรอื ไม่ การใหอ้ าํ นาจแกเ่ จ้าพนกั งานในอนั ทีจ่ ะกาํ หนดเง่อื นไขให้ผ้รู บั ใบอนญุ าตปฏิบัติ หรอื ในส่วน ที่ให้อํานาจแก้เจ้าพนักงานในอันที่จะส่ังให้ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการแก้ไขการประกอบการตามเง่ือนไข ท่ีกําหนดให้สมบูรณ์ยิ่งข้ึนโดยให้อํานาจแก่เจ้าพนักงานในอันท่ีจะส่ังพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตได้ด้วย เป็นต้น นอกจากนี้ กฎหมายหลายฉบับได้ปรากฏหลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับส่ิงแวดล้อมโดยให้ ผู้ท่ีมีส่วนได้เสียหรือผู้เก่ียวข้องได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารและมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ในการตัดสินใจดําเนินการใด ๆ ของรัฐ อีกท้ังยังปรากฏหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายในกฎหมายหลายฉบับ ในส่วนของการกําหนดค่าเสียหายต่าง ๆ ส่วนหลักการอ่ืน ๆ แม้จะไม่มีปรากฏในกฎหมายกลุ่มน้ีโดยตรง แต่ก็มีความมุ่งหมายท่ีจะปกป้องคุ้มครองสิ่งแวดล้อมโดยผ่านกลไกการกํากับ และการควบคุมดูแลของผู้มีอํานาจ ในการบงั คับการตามกฎหมายดังกลา่ ว

บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ ๑. ประมวลผลเก่ยี วกบั หลักการพน้ื ฐานของกฎหมายสง่ิ แวดลอ้ มในกฎหมายฉบับตา่ ง ๆ จากการศึกษาภาคที่หนึ่งเกี่ยวกับหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อมซ่ึงเป็นหลักกฎหมาย สิ่งแวดล้อมสากลท่ีได้รับการรับรองคุ้มครองในระดับกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายของกลุ่มประเทศใน ระดับภูมิภาค และกฎหมายภายในประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา ทําให้ทราบว่า หลักการพ้ืนฐานของ กฎหมายส่ิงแวดล้อมท่ีมีการบัญญัติรับรองไว้ในสนธิสัญญา อนุสัญญาและข้อตกลงระหว่างประเทศหลายฉบับ โดยเฉพาะอย่างย่ิงกฎบัตรสหประชาชาติ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ปฏิญญาริโอว่าด้วยส่ิงแวดล้อม และการพัฒนา ปฏิญญาสตอกโฮล์ม ปฏิญญาสากลว่าด้วยชีวจริยศาสตร์และสิทธิมนุษยชน อนุสัญญาว่าด้วย การค้มุ ครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปล่ียนแปลง สภาพภูมิอากาศ อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และอนุสัญญาอาร์ฮุส ฯลฯ ประกอบด้วย หลักการพื้นฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อมอย่างน้อย ๖ หลักการ ท่ีปัจจุบันได้รับการยอมรับว่ามีคุณค่า และมีสถานะทางกฎหมายเป็นหลักกฎหมายทั่วไปทางสิ่งแวดล้อมในระดับกฎหมายระหว่างประเทศ ได้แก่ (๑) หลักความเป็นสากลของสิ่งแวดล้อม (Principle of Universalism) (๒) หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน เกย่ี วกบั สง่ิ แวดลอ้ ม (Public Participation Principle) (๓) หลกั การพฒั นาทีย่ ่ังยืน (Sustainable Development Principle) และหลักบูรณาการทางส่ิงแวดล้อม (Principles of Environmental Integration) (๔) หลักการ ป้องกันล่วงหน้า (Principle of Prevention) และหลักการระวังไว้ก่อน (Principle of Precaution) (๕) หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Principle of Polluter Pays) และ (๖) หลักการว่าด้วยการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตอ้ งไมม่ ลี ักษณะทถ่ี ดถอยลง (Principle of Non-Regression) โดยมสี าระสาํ คัญของแตล่ ะหลักการ ดังน้ี หลักความเป็นสากลของสิ่งแวดล้อม (Principle of Universalism) เป็นหลักการพื้นฐาน ของกฎหมายส่ิงแวดล้อมประการแรกที่ถือเป็นแนวคิดเบ้ืองหลังกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั้งกฎหมาย สารบัญญัติและกฎหมายวธิ สี บญั ญัตทิ ่ใี ชใ้ นการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงแก้ไข หรือบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยหลักความเป็นสากลของสิ่งแวดล้อมนี้เป็นส่วนหน่ึงของแนวคิดว่าด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมที่มองว่าสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสากลของมนุษย์ทุกคนที่ต้องเป็นไปตาม หลักความเสมอภาค รวมถึงความเสมอภาคต่อคนรุ่นหลัง นอกจากนี้ ในช่วงเวลาไม่กี่ปีท่ีผ่านมา หลักการนี้ กําลังรับเอาแนวคิดที่ว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และมนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศ เกิดเปน็ หลกั ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางนิเวศวิทยาซ่ึงรับรองสิทธิของธรรมชาติที่บางภูมิภาคอาจเรียกว่า สทิ ธิของแมธ่ รณี หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับส่ิงแวดล้อม (Public Participation Principle) เป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากหลักกฎหมายส่ิงแวดล้อมประการอ่ืนที่เป็น หลักการในเชิงเน้ือหา ในขณะที่หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมนี้เป็นหลักการพื้นฐาน ท่ีเกี่ยวกับสิทธิเชิงกระบวนการ (Procedural Rights) มีเป้าหมายเพื่อให้เป็นข้ันตอนวิธีการท่ีจะทําให้มนุษย์

๒๓๒ สามารถบรรลุถึงการมีสิทธิ การใช้สิทธิและการได้รับการคุ้มครองสิทธิเชิงเน้ือหา โดยมีหลักคิดสําคัญคือ การจดั การเร่อื งสง่ิ แวดล้อมจะกระทําไดด้ ที ่ีสุดหากให้ประชาชนทเ่ี กีย่ วขอ้ งเข้ามามีสว่ นรว่ ม หลักการพัฒนาท่ียั่งยืน (Sustainable Development Principle) และหลักบูรณาการทาง สิ่งแวดล้อม (Principles of Environmental Integration) มีที่มาจากปฏิญญาสตอกโฮล์ม (Stockholm Declaration) ซ่ึงวางหลักการทั่วไปที่จะผลักดันและแนะแนวทางการคุ้มครองรักษาและส่งเสริมส่ิงแวดล้อม ของมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยต้องบูรณาการการดําเนินการตามเป้าหมายและการพัฒนา จะต้องทําให้เกิดความสมดลุ ระหวา่ งความยั่งยนื ทางสงั คม เศรษฐกิจและสิง่ แวดล้อม เพอื่ คนรุ่นปจั จบุ นั และอนาคต อนั เปน็ เปา้ หมายสําคัญของมนษุ ยชาติ และการบรรลเุ ปา้ หมายดังกล่าวจะต้องดาํ เนนิ การไปพร้อมกับเป้าหมาย ในด้านสนั ติภาพและการพฒั นาทางเศรษฐกจิ และสงั คมของโลก หลักการป้องกันล่วงหน้า (Principle of Prevention) และหลักการระวังไว้ก่อน (Principle of Precaution) เป็นหลักการพ้ืนฐานท่ีวางกรอบกําหนดให้รัฐดําเนินการล่วงหน้าและทันเวลากับความเสียหาย หรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับส่ิงแวดล้อม หากรัฐไม่ดําเนินการวางมาตรการป้องกันล่วงหน้าที่เหมาะสม และเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงข้ึน จะถือเป็นความรับผิดของรัฐ โดยรัฐจะนําหลักการระวังไว้ก่อนมาใช้ เมื่อมีกิจกรรมหรือการกระทําที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์หรือสิ่งแวดล้อม เพ่ือระมัดระวังมิให้ เกดิ ความเสียหายตอ่ สงิ่ แวดลอ้ ม หรือเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยท่ีสุด โดยความเสียหายหรือผลกระทบดังกล่าว เปน็ ความไมแ่ นน่ อนทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละไมอ่ าจคาดการณล์ ว่ งหนา้ ได้ หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Principle of Polluter Pays) เป็นหลักการพื้นฐานของส่ิงแวดล้อม ที่นําแนวคิดพ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการฟ้ืนฟูและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการ กระทําของมนุษย์ และสร้างหน้าที่ให้ผู้ก่อมลพิษต้องรับผิดชอบในการกระทําดังกล่าว หลักผู้ก่อมลพิษ เป็นผู้จ่ายเป็นหลักการที่กระจายภาระให้ผู้ก่อมลพิษมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย หรือค่าเสียหายในการ บําบัดฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมจากมลพิษอันเกิดจากดําเนินกิจกรรมของตนเอง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับความรับผิด จากเหตุเดือดร้อนรําคาญในการท่ีจะเรียกร้องให้ผู้ก่อเหตุเดือดร้อนรําคาญต้องชดใช้หรือเยียวยา ความเดือดรอ้ นเสยี หายจากการกระทาํ อันเป็นเหคุเดือดรอ้ นราํ คาญเกยี่ วกับสิง่ แวดล้อม หลักการว่าด้วยการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมต้องไม่มีลักษณะที่ถดถอยลง (The principle of Non- Regression) หรือหลัก Standstill เป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมหลักการใหม่ล่าสุดที่ได้รับ การพัฒนายอมรับเป็นหลักกฎหมายส่ิงแวดล้อมอย่างชัดเจนในกฎหมายระหว่างประเทศ มีลักษณะเป็น หลักการแห่งความก้าวหน้าในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ที่เปรียบเสมือนการขับเคลื่อนวงล้อ ต้องขับเคล่ือนไป ข้างหน้า โดยจะต้องป้องกันไม่ให้วงล้อมีการหมุนย้อนถอยหลัง (Anti-Return) เป็นหลักท่ีสอดคล้องกับทฤษฎี วงล้อแห่งการพัฒนาที่ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปได้วางหลักไว้ว่าการคุ้มครองส่ิงแวดล้อมเปรียบเสมือน วงล้อท่ีหมุนไปข้างหน้า แต่ทั้งนี้ท้ังนี้ ไม่มีผลเป็นการปิดกั้นการดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และหลักการน้ี ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายท่ีจะแก้ไขเพ่ิมเติมระบบความรับผิดของบุคคลเอกชนท่ีเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมท่ีมีอยู่แล้ว ในหลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย แต่หลักการน้ีมีเป้าหมายสําคัญเพ่ือกําหนดเป็นหน้าที่ของรัฐในการกําหนด

๒๓๓ แนวทางการพัฒนามาตรฐานสําหรับการตรากฎหมายหรือการออกกฎข้อบังคับในอนาคตเพ่ือการปกป้อง คุ้มครองสิง่ แวดล้อมไม่ใหถ้ ดถอยลงไปจากมาตรการคมุ้ ครองเดมิ เม่ือได้นําหลักกฎหมายส่ิงแวดล้อมสากลท้ัง ๖ หลักการ มาเป็นฐานในการศึกษาวิเคราะห์บทบัญญัติ กฎหมายเกี่ยวกับส่ิงแวดล้อมของไทยในภาคท่ีสอง โดยประการแรก ศึกษาวิเคราะห์กฎหมายระหว่างประเทศ เก่ียวกบั ส่งิ แวดล้อม อนั ไดแ้ ก่ สนธิสัญญา อนสุ ัญญาและข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่มีผลบังคับในประเทศไทย ในลักษณะเป็น Soft Law ประการที่สอง ศึกษาแนวคิดในการทําให้หลักกฎหมายส่ิงแวดล้อมสากลได้รับการ บัญญัติรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญของประเทศไทย และประการสุดท้าย วิเคราะห์หลักการพื้นฐานของกฎหมาย ส่ิงแวดล้อมในกฎหมายไทย จํานวน ๓๓ ฉบับ โดยแบ่งกลุ่มบทบัญญัติกฎหมายท่ีเก่ียวกับสิ่งแวดล้อมออกเป็น ๔ กลุ่ม ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสภาพแวดล้อมในชนบท ชุมชนเมืองและกฎหมาย การพลังงาน และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันมลพิษและการระงับเหตุเดือดร้อนรําคาญ สามารถประมวลผล การศึกษาวิเคราะหไ์ ด้ ดงั น้ี ๑.๑ สถานะทางกฎหมายของหลกั การพน้ื ฐานของกฎหมายส่งิ แวดลอ้ มในระบบกฎหมายไทย จากแนวคิดสากลที่ว่าด้วยส่ิงแวดล้อมเป็นสมบัติร่วมกันของมนุษยชาติ นํามาสู่ความร่วมมือ ทางการเมืองและทางกฎหมายระหว่างประเทศในการปกป้องคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านการลงนามในสนธิสัญญา อนุสัญญาและข้อตกลงระหว่างประเทศหลากหลายฉบับ อันเป็นการให้กําเนิด หลักการพื้นฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อมท้ัง ๖ ประการ ดังกล่าวข้างต้น ซ่ึงในอนาคตอาจมีการพัฒนา หลักกฎหมายสิ่งแวดล้อมประการอื่นท่ีได้รับการยอมรับเป็นหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อมเพ่ิมเติม ขน้ึ อกี ตามพัฒนาการของโลกและสังคมมนษุ ย์กเ็ ปน็ ได้ ประเทศไทยได้ลงนามผูกพันในสนธิสัญญาและอนุสัญญาเกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมหลายฉบับ ท่ีสําคัญได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซ่ึงชนิดสัตว์ป่าและพืชป่า ที่ใกล้สูญพันธุ์ และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นสนธิสัญญาเก่ียวกับการคุ้มครอง สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และได้ให้สัตยาบันในสนธิสัญญาเกี่ยวกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อม ทางวัฒนธรรม รวมทั้งสนธิสัญญาเกี่ยวกับการป้องกันมลพิษและการระงับเหตุเดือดร้อนรําคาญด้วย ได้แก่ อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนและการกําจัดซึ่งของเสียอันตราย อนุสัญญา สตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษท่ีตกค้างยาวนาน และอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท ซ่ึงปฏิญญาและ สนธิสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าว มีสถานะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศซ่ึงเป็นระเบียบกฎหมายที่ใช้บังคับ และมีผลผูกพันประชาคมระหว่างประเทศ โดยท่ีกฎหมายระหว่างประเทศอาจเกิดจากการตกลง เช่น ข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือที่ทําด้วยวาจา หรือไม่ได้เกิดจากการตกลง เช่น จารีตประเพณีระหว่าง ประเทศ และหลักกฎหมายท่ัวไปในทางระหว่างประเทศท่ีเกิดจากแนวคําพิพากษาขององค์กรตุลาการระหว่าง ประเทศ

๒๓๔ สําหรับการบังคับใช้และผลผูกพันของกฎหมายระหว่างประเทศต่อประเทศที่ลงนามผูกพันนั้น โดยหลักแล้วเป็นไปได้ ๒ ลักษณะ คือ ลักษณะแรก สนธิสัญญาและอนุสัญญาระหว่างประเทศจะมีค่าบังคับ เปน็ กฎหมายทกี่ อ่ ให้เกดิ พนั ธกรณีผูกพันต่อประเทศสมาชิก ลักษณะทส่ี อง กฎหมายระหว่างประเทศทีป่ ระเทศ ต่าง ๆ ลงนามอาจไมม่ คี ่าบังคับเป็นกฎหมายและไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีผูกพันต่อประเทศที่ให้สัตยาบัน รวมท้ัง บางกรณีอยู่ในขั้นตอนของการก่อตัวหรือการผลึกตัว เป็นกฎเกณฑ์แบบแผนท่ียังไม่มีค่าบังคับเป็นกฎหมาย แต่มีสถานะของการก่อตัวเป็นกฎหมาย มีลักษณะเป็นแนวปฏิบัติหรือประมวลความประพฤติท่ีดีต่อกัน เรียกว่าเป็นกฎหมายท่ีค่าบังคับอย่างอ่อน (soft law) ยังไม่มีผลบังคับเป็นกฎหมาย ซ่ึงเมื่อพิจารณากฎหมาย ระหว่างประเทศเกยี่ วกับสงิ่ แวดลอ้ มท่ีประเทศไทยให้สตั ยาบันและภาคยานุวัติ อาจสรุปไดด้ งั น้ี (๑) ปฏิญญาสตอกโฮล์มและปฏิญญาริโอว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาแล้ว ตามรูปแบบและ เน้ือหาของปฏิญญาท้ัง ๒ ฉบับดังกล่าว เป็นเพียงการแสดงเจตนารมณ์ขององค์การสหประชาชาติและ รัฐสมาชิกท่ีจะร่วมมือกันสร้างความตระหนักถึงความสําคัญของส่ิงแวดล้อมและแนะแนวทางการคุ้มครอง รักษาและส่งเสริมส่ิงแวดล้อมโดยการกําหนดหลักการ (Principle) เสนอแนะให้ประเทศต่าง ๆ ยึดถือและ ปฏิบัติตาม ปฏิญญาทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นข้อตกลงท่ีเป็นลายลักษณ์อักษรที่จัดทําข้ึนระหว่างรัฐแต่ไม่ได้ มุ่งหมายท่ีจะก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ในทางปฏิบัติประเทศต่าง ๆ ได้ยึดถือ หลักการในปฏิญญาดังกล่าว ปฏิญญาท้ังสองฉบับจึงเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่มีค่าบังคับอย่างอ่อน (Soft Law) ซ่ึงไม่มีค่าบังคับเป็นกฎหมาย (Non-binding) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปฏิญญาดังกล่าวเป็นเพียง การกําหนดหลักการคุ้มครองและรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกันระหว่างประเทศ ไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย โดยประเทศไทยไม่มีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามหลักการที่วางไว้ในปฏิญญาดังกล่าวก็ตาม แต่ประเทศไทย ก็ได้นําหลักการพื้นฐานในปฏิญญาท้ัง ๒ ฉบับบางหลักการมาบัญญัติรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญนับตั้งแต่ รัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ เป็นต้นมา หลักการพ้ืนฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมสากลที่ประเทศไทย นํามาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญจึงมีค่าบังคับในระดับกฎหมายรัฐธรรมนูญ เรียกว่าเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ สิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติให้มีการปฏิรูปประเทศด้านส่ิงแวดล้อม โดยกําหนดเป็นนโยบายทางการเมืองและ กฎหมาย และให้มีแผนปฏิรูปประเทศด้านส่ิงแวดล้อม ดังท่ีปรากฏตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ซึ่งได้ กาํ หนดยทุ ธศาสตร์ชาติดา้ นการสรา้ งความเตบิ โตบนคุณภาพชวี ิตทเี่ ป็นมิตรกบั สิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาท่ียั่งยืน นอกจากการบัญญัติหลักการพื้นฐานของกฎหมายส่ิงแวดล้อมอันเป็นหลักการสากลไว้ ในรัฐธรรมนูญแล้ว ประเทศไทยยังได้บัญญัติหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมกระจายอยู่ในกฎหมาย เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั้ง ๔ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นหลักความเป็นสากลของส่ิงแวดล้อม หลักการมีส่วนร่วมของ ประชาชนเก่ียวกับส่ิงแวดล้อม หลักการพัฒนาท่ีย่ังยืนและหลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อม หลักการป้องกัน ล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อน หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย โดยยังขาดหลักการว่าด้วยการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อมต้องไม่มีลักษณะที่ถดถอยลงซึ่งเป็นหลักการใหม่ท่ียังไม่ได้มีการกล่าวถึงและนํามาใช้บังคับใน ประเทศไทย ดังจะกลา่ วตอ่ ไป

๒๓๕ (๒) สนธิสัญญาและอนุสัญญาต่าง ๆ เก่ียวกับสิ่งแวดล้อม เช่น อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่าง ประเทศซ่ึงชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธ์ุ อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ อนุสัญญา ว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุม การเคล่ือนย้ายข้ามแดนและการกําจัดซ่ึงของเสียอันตราย อนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษท่ีตกค้าง ยาวนาน และอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่จัดทําข้ึนระหว่างรัฐเป็น ลายลักษณ์อักษรอยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ มีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามมาตรา ๒ วรรค ๑ เอ แห่งอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ซ่ึงเป็นข้อตกลงที่ก่อให้เกิดสิทธิหน้าที่ในทางกฎหมาย หากประเทศที่ให้สัตยาบันหรือภาคยานุวัติสนธิสัญญาไม่ปฏิบัติตามย่อมทําให้เกิดความรับผิดชอบระหว่าง ประเทศ อนุสัญญาดังกล่าวจึงเป็นกฎหมายระหว่างประเทศท่ีมีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย โดยประเทศไทย ไดใ้ ห้สตั ยาบนั และภาคยานวุ ัตอิ นุสัญญาดังกล่าวจึงมีพันธกรณีในการปฏิบัติตามและดําเนินมาตรการที่กําหนด ในสนธิสัญญาดังกล่าว แต่อย่างไรก็ดี เน่ืองจากประเทศไทยเป็นประเทศท่ียึดถือทฤษฎีทวินิยมซ่ึงกฎหมาย ภายในและกฎหมายระหว่างประเทศต่างเป็นกฎหมายแต่อยู่ในต่างระบบกัน แม้กฎหมายภายในจะขัดกับ กฎหมายระหว่างประเทศ ตอ้ งใชก้ ฎหมายภายในบังคับ ดงั นั้น กฎเกณฑ์ท่ีกาํ หนดในสนธสิ ัญญาที่ประเทศไทย ให้สัตยาบันหรือภาคยานุวัติจะมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายภายในโดยการอนุวัติการกฎเกณฑ์น้ันเป็นกฎหมาย ภายในด้วยการตราเป็นกฎหมายภายใน หรือแก้ไขเพ่ิมเติม รวมทั้งอาจยกเลิกกฎหมายภายในท่ีไม่สอดคล้อง กบั พนั ธะกรณีระหวา่ งประเทศดังกลา่ ว ในส่วนของรัฐธรรมนูญไทย จากการศึกษาบทบัญญัติรัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่อดีตจนถึงฉบับปัจจุบัน พบว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยถือเป็นแม่บทที่บัญญัติหลักการคุ้มครองส่ิงแวดล้อมไว้ นับต้ังแต่ รัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ จนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันฉบับปีพุทธศักราช ๒๕๖๐ กล่าวได้ว่า การตราบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแต่ละครั้ง โดยเฉพาะนับต้ังแต่ฉบับปี ๒๕๔๐ เป็นต้นมา กฎหมายรัฐธรรมนูญ ส่ิงแวดล้อมของไทยมีพัฒนาการที่ก้าวหน้ามากข้ึนเป็นลําดับ จนถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันท่ีมีบทบัญญัติ ให้มีการดําเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในการปฏิรูปประเทศด้านส่ิงแวดล้อม กําหนดให้มีการจัดทําแผนและ ยุทธศาสตร์ชาติท่ีจะต้องนําไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ที่ว่าประเทศไทยมีความมั่นคง ม่ังคั่ง ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และตาม มาตรา ๒๕๘ ช. ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้บัญญัติเป้าหมายของการปฏิรูปประเทศด้านสิ่งแวดล้อม ให้ดําเนินการปฏิรูปประเทศอย่างน้อยให้เกิดผลท้ังระบบบริหารจัดการทรัพยากรนํ้า การกระจายการถือครองที่ดิน ระบบการจัดการและกําจัดขยะมูลฝอย ระบบหลักประกันสุขภาพแก่ประชาชน และระบบการแพทย์ปฐมภูมิ โดยให้มีระบบบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและยั่งยืน โดยคํานึงถึงความต้องการใช้นํ้า ในทุกมิติ รวมท้ังความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศประกอบกัน นํามาสู่การจัดทําและ ดําเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลง ของสภาพแวดล้อมในประเทศไทยมีปัจจัยทั้งภายในและปัจจัยภายนอกประเทศ และปัจจัยที่เก่ียวกับการพัฒนา ประเทศด้านอ่ืน จงึ พิจารณาได้ว่ารัฐธรรมนูญไทยฉบับปัจจุบันได้บัญญัติหลักการและขั้นตอนดําเนินการปฏิรูป

๒๓๖ ประเทศด้านส่ิงแวดล้อมโดยคํานึงถึงหลักการพื้นฐานว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมอันเป็น หลักการความเปน็ สากลของส่ิงแวดล้อมไว้ด้วย นอกจากน้ี รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังบัญญัติรับรองหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อม ประการอน่ื ไวด้ งั น้ี หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเก่ียวกับส่ิงแวดล้อม รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบัญญัติไว้หลายมาตรา ทั้งในหมวดหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยท่ีมีการรับรองสิทธิของบุคคลท้ังในฐานะปัจเจกบุคคล และในฐานะท่ีรวมกันเป็นชุมชน โดยรับรองคุ้มครองสิทธิการมีส่วนร่วมในการจัดการ บํารุงรักษา และ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ หมวดหน้าท่ีของปวงชน ชาวไทย บัญญัติให้บุคคลมีหน้าที่ร่วมมือและสนับสนุนการอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมท้ังมรดกทางวัฒนธรรม หมวดหน้าที่ของรัฐ บัญญัติ รับรองสทิ ธิการมีส่วนร่วมกบั ภาครฐั ในการอนุรกั ษ์ คุ้มครอง บาํ รุงรักษา ฟื้นฟู บริหารจัดการ และใช้หรือจัดให้ มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิดประโยชน์ อย่างสมดุลและย่ังยืน โดยให้รัฐจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชน ท่ีเก่ียวข้อง นอกจากน้ี ในหมวดคณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้บัญญัติถึงอํานาจของคณะรัฐมนตรี ในการทําหนังสือสัญญาที่อาจมีผลกระทบต่อการให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือทําให้ประเทศต้องสูญเสีย สิทธิในทรัพยากรธรรมชาติท้ังหมดหรือบางส่วนด้วย คณะรัฐมนตรีไม่อาจพิจารณาเพื่อจัดทําหนังสือสัญญาได้ โดยลาํ พงั หากแต่จะกระทาํ ได้ต่อเมือ่ ได้รับความเหน็ ชอบของรฐั สภา หลักการพัฒนาท่ีย่ังยืนและหลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อม รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ได้บัญญัติรับรอง ไว้ในมาตรา ๕๗ (๒) ให้รัฐต้องอนุรักษ์ คุ้มครอง บํารุงรักษา ฟื้นฟู บริหารจัดการ และใช้หรือจัดให้มีการใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพ ให้เกิดประโยชน์อย่างสมดุล และย่ังยืน และมาตรา ๕๘ ให้รัฐต้องดําเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนหรือชุมชนก่อนการดําเนินการหรือก่อนการอนุญาตให้ผู้ใดดําเนินการท่ีอาจมี ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพส่ิงแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสําคัญ อืน่ ใดของประชาชนหรอื ชมุ ชนหรอื ส่ิงแวดล้อมอยา่ งรนุ แรง ซ่งึ บทบัญญัติดังกล่าวพิจารณาได้ว่าเป็นการรับรอง หลักการพฒั นาท่ียัง่ ยืน และหลักบรู ณาการทางสงิ่ แวดลอ้ ม หลักการปอ้ งกันล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อน ปรากฏอย่างชัดเจนในมาตรา ๕๘ ของรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน ท่ีบัญญัติเก่ียวกับการดําเนินการใดของรัฐหรือท่ีรัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดําเนินการ ถ้าการน้ันอาจมี ผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสําคัญ อื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือส่ิงแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐต้องดําเนินการให้มีการศึกษาและประเมินผล กระทบต่อคุณภาพส่ิงแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนหรือชุมชน และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของ ผู้มีสว่ นได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เก่ียวขอ้ งก่อน เพือ่ นํามาประกอบการพจิ ารณาดําเนนิ การหรืออนุญาต ตามท่ีกฎหมายบัญญัติ โดยที่บุคคลและชุมชนยอ่ มมีสิทธิได้รับขอ้ มลู คําชแี้ จง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐ ก่อนการดาํ เนินการหรืออนญุ าต ในประการสําคัญ รัฐธรรมนูญฉบับน้ียังบัญญัติหน้าที่ของรัฐในการท่ีจะดําเนินการ

๒๓๗ หรืออนุญาตดังกล่าว รัฐต้องระมัดระวังให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ชุมชน สิ่งแวดล้อม และความหลากหลาย ทางชีวภาพน้อยที่สุด และต้องดําเนินการให้มีการเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ประชาชนหรือ ชมุ ชนท่ีไดร้ บั ผลกระทบอยา่ งเป็นธรรมและโดยไม่ชักชา้ หลกั ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย แม้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะไม่ได้บัญญัติไว้อย่างชัดแจ้ง แต่อาจพิจารณา ได้ว่ามีการบัญญัติรับรองไว้ตามมาตรา ๕๘ วรรคสาม ในหมวดหน้าที่ของรัฐ ซึ่งบัญญัติให้รัฐต้องดําเนินการ ให้มีการเยยี วยาความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ประชาชนหรือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการดําเนินการใด ของรัฐหรือที่รัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดําเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพส่ิงแวดล้อม สขุ ภาพ อนามยั คุณภาพชีวิต หรอื สว่ นได้เสียสาํ คัญอนื่ ใดของประชาชนหรือชุมชนหรือส่งิ แวดลอ้ มอย่างรนุ แรง อย่างเป็นธรรมและโดยไม่ชักช้า น่ันคือ เมื่อมีการก่อมลพิษจากการดําเนินการของรัฐเองหรือจากผู้ที่ได้รับ อนุญาตจากรัฐ อันเป็นการทําลายทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม และผลของการก่อมลพิษท่ีทําลาย ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อมน้ัน กระทบต่อมนุษย์ รัฐจะต้องดําเนินการให้มีการเยียวยาความเดือดร้อน เสียหายนั้น โดยรัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองไว้ทั้งการเยียวยาความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง และการ เยียวยาความเสียหายต่อประชาชนและชุมชนท่ีได้รับผลกระทบจากการทําลายทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดล้อม ท้ังน้ี ในการดําเนินการของรัฐตามท่ีรัฐธรรมนูญบัญญัติเป็นหน้าท่ีไว้น้ี รัฐอาจดําเนินการโดยการ ตรากฎหมายเพ่ือกําหนดรายละเอียดเพ่ิมเติม เช่น หลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ สงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ท่ีมบี ทบญั ญัตริ ับรองหลักผกู้ อ่ มลพษิ เป็นผู้จ่ายไว้เช่นเดยี วกนั สําหรับหลกั การว่าด้วยการไม่เสื่อมถอยของสิ่งแวดล้อม ซ่ึงเป็นหลักการสากลล่าสุดที่ได้รับการรับรอง ในทางระหว่างประเทศว่าเป็นหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม ที่ประเทศฝรั่งเศสก็รับรองหลักกฎหมายส่ิงแวดล้อม ในประการนี้ว่ามีสถานะทางกฎหมายเป็นเพียงกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ มิได้มีสถานะหรือมีคุณค่าทางกฎหมาย ระดับรัฐธรรมนูญ และเมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ก็ไม่ปรากฏว่า มกี ารบญั ญัตริ ับรองหลกั กฎหมายสิง่ แวดล้อมประการนี้ไวใ้ นรฐั ธรรมนญู โดยสรุปแล้ว กล่าวได้ว่าหลักการพ้ืนฐานของกฎหมายสิ่งแวดล้อมอันเป็นหลักการสากล ๕ หลักการ ไดแ้ ก่ หลักการความเปน็ สากลของส่ิงแวดล้อม หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับส่ิงแวดล้อม หลักการ พัฒนาที่ยั่งยืนและหลักบูรณาการทางสิ่งแวดล้อม หลักการป้องกันล่วงหน้าและหลักการระวังไว้ก่อน และ หลกั ผกู้ ่อมลพษิ เปน็ ผ้จู า่ ย มสี ถานะเปน็ หลักกฎหมายรฐั ธรรมนญู ส่ิงแวดล้อมในระบบกฎหมายไทย ๑.๒ การจดั กลุ่มบทบัญญตั กิ ฎหมายเกยี่ วกับส่งิ แวดล้อมของไทย จากการศึกษาบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม จํานวน ๓๓ ฉบับ คณะผู้จัดทํารายงาน การศึกษาได้จัดกลุ่มกฎหมายเกี่ยวกับส่ิงแวดล้อมเป็น ๔ กลุ่ม โดยจําแนกตามเน้ือหาของสิ่งแวดล้อม ที่กฎหมายบัญญัติเพื่อปกป้องคุ้มครอง ได้แก่ กฎหมายเก่ียวกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม กฎหมายเก่ียวกับการคุ้มครองสภาพแวดล้อม ในชนบท ชุมชนเมืองและกฎหมายการพลังงาน และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันมลพิษและการระงับ เหตเุ ดอื ดร้อนราํ คาญ ซึง่ ประมวลผลการศึกษาได้ดังน้ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook