m i คู่มือพุทธมามก ฉบับ ความรู้พื้นฐานก่อนไปวัด พระภาวนาวิรยคุณ (เผด็จ ทตฺตชืโว) www.kalyanamitra.org
คู่มือพุทธมามก ฉบับ ความร้พื้นซานก่อนไปวัด <น eta พระภาวนาว1ิริยคุณ(zเผด็จ ฑตฺตรโว) www.kalyanamitra.org
คำ ปรารภ คู่มือพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด หลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยที่ได้ชื่อว่า เมืองหลวง พระพุทธศาสนาของโลก กำ ลังประสบปัญหาหนึ่ง ซึ่งกระทบ กระเทือนต่อความห่วงใยของชาวพุทธทั่วโลก นั่นคือ ปัญหา วัดร้าง ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ มีการประเมินอย่างไม่เป็น ทางการว่า วัดร้างในประเทศไทยได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นถึง หนึ่งหมื่นวัด ซึ่งนับเป็นหนึ่งในสามของจำนวนวัดสามหมื่น กว่าวัดทั่วประเทศ สัญญาณอ้นตรายเช่นนี้ ปงบอกให้รู้ว่า คู่มึอพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด (๕)^ คำ ปรา■รท www.kalyanamitra.org
หากชาวพุทธยังนิ่งดูดาย ไม่ตื่นตัวขึ้นมาปกป้องดูแลรักษา พระพุทธศาสนา ในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประเทศไทยก็ อาจแปรสภาพเป็นอดีตเมืองพุทธที่ว่างเปล่าจากพระพุทธ ศาสนาในชั่วพริบตา ดั่งที่เคยเกิตขึ้นมาแล้วกับอดีตเมือง พุทธในหลายประเทศทั่วโลก ด้วยความห่วงใยในความมั่นคงปลอตกัยของพระพุทธ ศาสนานี้เอง พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุฑธ(หลวงพ่อ ธัมมชโย) จึงมืดำริให้จ้ตทำ \"โครงการฟ้นพ่สีลธรรม โลก\" ขึ้นมาอย่างเร่งด่วน ซึ่งประกอบด้วยโครงการด่างๆ มากมาย ที่ล้วนก่อให้เกิตประโยชน์ด่อการหึ๋เนฟูศีลธรรมโลก และ^กอบ^<กน ฤตพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง อาทิเช่น ๑) โครงการเผยแผ่ธรรมะผ่านตาวเทียมทางช่อง DMC ด้วยภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาฌี่ปุน และอีก หลายภาษา เพื่อให้ประชาชนจากทุกประเทศที่มืความสนใจ ศึกษาพระพุทธศาสนา สามารถรับชมและปฏิบัติธรรมได้ อย่างทั่วถึงกันทุกมุมโลก ๒)โครงการสอบตอบปัญหาธรรมะเพื่อสันติภาพโลก (พ0โ1ช-?ธ0)ซึ่งมุ่งเน้นการสน้บสนุนให้ประชาชนจากทั่วโลก เกิตความตื่นตัวในการศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนา เพื่อ นำ หลักธรรมไปปรับใข้กับชีวิตประจำวัน อันจะนำความสุข และความสงบมาสู่ชีวิตอย่างแท้จริง คู่มืปีฬุฑธมามกะฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด(ร)คำ ปรารท www.kalyanamitra.org
๓)โครงการเด็กดี V-Star ที่มุ่งเน้นการปลูกฝังศีล ธรรมลงในจิตใจของเยาวชนในทุกระดับการศีกษา เพื่อให้ เยาวชนทุกคนห้นมารักการสร้างความดีเป็นชีวิตจิตใจ โตย 'ฝืกอบรมตนตามบทแกความเคารพ ความมีวิน้ย และความ อดทน ผ่านกิจวัตรในชีวิตประจำรัน อันเป็นการปมเพาะคุณ ธรรมให้มีนิส้ยรับผิตชอบต่อตนเองและส่วนรวม สามารถเป็น คนเก่งและดีของครอบครัว สังคม และประเทศชาติ อันจะ เป็นการสร้างพื้นฐานความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางเศรษฐกิจและ ทางจิตใจให้แก่ประเทศไทยในปัจจุบัน และจะเป็นการปูพื้น ฐานไปสู่การเป็นดันแบบศีลธรรมของโลกในอนาคต ๔)โครงการทอตกฐินตกค้างทุกรัตทั้วประเทศไทย โดยมีเด็กดี V-Star ผู้เข้าร่วมโครงการพื้นฟูศีลธรรมโลกจาก ทุกโรงเรืยน ทำ หน้าที่เป็นประธานกฐินสัมฤทธิ้ ดัวยการตั้ง กองกฐินและเชิญชวนประชาชนในห้องถิ่น และผู้มีจิตศรัทธา ไค้เตินทางร่วมกันไปทอตกฐินตามวัตต่างๆ ที่มีกฐินตกค้าง ในทั้วทุกจังหวัดของประเทศไทย โตยเป็นการประสานงาน ร่วมกันระหว่างเยาวชน ผู้ปกครอง ครูอาจารย์เจัาคณะจังหวัด เจัาคณะอำเภอ เจัาคณะตำบล ตลอดจนพระภิกษุสงฆ์ที่มี ความรักและความห่วงใยในพระพุทธศาสนา รวมพสังช่วย กันทำนุบำรุงรักษาวัตทุกวัตในประเทศไทยให้รอตพ้นจาก สภาพวัดร้างให้กสับคืนสู่วัตรุ่ง อันเป็นความเจริญรุ่งเรืองของ ศีลธรรมทั้วทั้งแผ่นตินไทย คู่มือVเทรมามกะ ฉบับ ความรู้ทึ้นฐานก่อนไปวัด ^(๗)^ คำ ปรา'Jถ www.kalyanamitra.org
๕)โครงการตักบาตรพระ ๑ ล้านรูป ทั่วประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือพระภิกษุ ๒๖๖ วัด ในเขตพื้นที่ห้าจังหวัด ชายแตนภาคใตั ที่กำ ล้งประสบปัญหาความรุนแรงจาก ผู้ก่อการร้าย ให้มีกำลังใจที่เข้มแข็ง หยัดสู้ปกป้องรักษา พระพุทธศาสนาไวั1ห้แก่ลูกหลานอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน โดยมีชาวพุทธจากทั่วประเทศและทั่วโลก พร้อมใจยัน สนับสนุนทั่งปัจจัยไทยธรรม เครื่องอุปโภคบริโภคตัวยศวาม ห่วงใย ไม่ทอดทิ้งยัน ๖) โครงการบวชพระ ๑ แสนรูป ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทั่วประเทศไทย เพื่อปลุกจิตสำนึกความรักและความหวงแหน ในพระพุทธศาสนาของชาวพุทธ ให้ลุกขึ้นมาช่วยยันปกป้อง ภัยให้แก่พระพุทธศาสนา ไม่ยอมปล่อยให้ประเทศไทยตัอง กลายเป็นอดีตเมีองพุทธ ตัวยการสละเรือนในทางโลก ออกบวชเป็นพระภิกษุในทางธรรม แยกยัายยันไปประจำอยู่ ตามวัตร้าง เพื่อช่วยยันพื้นฟูพระพุทธศาสนา เปลี่ยนจากวัต ร้างให้กลายเป็นวัตรุ่งทั่วทุกท้องถิ่น ทั่วทุกหมู่บ้าน เต็มผืน แผ่นดินไทย ฯลฯ นี่คื อบางส่วนจากโครงการพื้นฟูศีลธรรมโลกที่มีการ ตำ เนินการด้วยความร่วมแรงร่วมใจของชาวพุทธที่มีศรัทธา อันแรงกล้า พร้อมทุ่มเทให้ยับพระพุทธศาสนาอย่างอุทิศชีวิต เป็นเดิมพัน ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบ้น คู่มือพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พี้นฐานก่อนไปว้ด (ไ^ คำ ปรารท www.kalyanamitra.org
ด้วยผลสืบเนื่องจากการเติบโตของโครงการฟินฟูศีล ธรรมโลกอย่างรวดเร็วนี้เอง ทำ ให้ประชาชนในทั่วทุกพื้นที่ ของประเทศไทยและในหลายประเทศทั่วโลก ได้จ้ดให้มี \"พิธี ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ\" ขึ้นทุกครั้งที่มีการดำเนิน กิจกรรมพื้นฟูศีลธรรมโลก ทั่งนี้เพื่อเป็นการผูกใจชาวพุทธ ทั่วโลกไว้กับพระสัมมาส้มพุทธเจ้า และมีมโนปณิธานร่วมกัน ว่า ชาวพุทธทั่วโลกต้องสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันเหมือน ดวงตะวันที่มืดวงเคียว เพื่อพื้นฟูพระพุทธศาสนาและศีล ธรรมโลก ให้กลับมารุ่งเรืองบนผืนแผ่นตินไทยและผืนแผ่น ตินโลกในระยะเวลาอันรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธ (หลวงพ่อธัมมชโย) จึงดำริให้มีการจ้ดทำคู่มีอพุทธมามกะ อย่างเร่งด่วน เพื่อใช้เป็นแนวทางให้ผู้ประกาศตนเป็นพุทธ มามกะไดํแกผ่นอบรมตนเอง ตามรอยบาทของพระสัมมาส้ม พุทธเจ้าไปได้อย่างถูกด้อง ด้งนั้น คณะผู้จ้ดทำจึงน้อมนำ ดำ ริด้งกล่าวนี้ มากราบขอความเมตตาจากพระเดชพระคุณ พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตรโว) เพือขอความรูใน การจ้ตทำคู่มีอพุทธมามกะให้สอตคสัองกับโครงการพื้นฟู ศีลธรรมโลกต่อไป พระเดชพระคุณหลวงฟอทัตตชีโว จึงได้เมตตาแสดง พระธรรมเทศนาเรื่อง \"พระพุทธศาสนากับดวามอยู่รอด ของชาวโลก\"และ\"การเตรียมตัวก่อนไปวัด\" อันเป็นความ คู่มีอฬุฑรมามกร ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด (พ) คำ ป!ารท www.kalyanamitra.org
รู้สำ คัญที่ทำให้ประชาชนเกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้าใน พระพุทธศาสนา และพร้อมอุทิศตนทำหน้าที่พุทธมามกะ อย่างมีประสิทธิภาพและบังเกิดประสิทธิผลสูงสุดในระยะ เวลาคันรวดเร็ว แต่เนื่องจากเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา คือ นิพพาน บังเปีนเรื่องที่ถกเถียงคันไม่จบอยู่ในหลายพันปีมานี้ คณะผู้จัดทำจึงได้กราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทัดดชีโวเกี่ยวคับ ปั'ญหาเรื่องนิพพานที่มีปรากฏในคัมภีร์พระ ไดรปิฎกของเถรวาท ว่ามีความสอดคล้องคับคำสอนในทาง ปริบัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)หลวงป่รัดปากนํ้า ภาษีเจริญ อย่างไรหรีอไม่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวได้เมดดาชี้แนะหลัก การที่ถูกด้องให้ฟังว่า \"การศึกษาคันคว้าเรื่องนิพพานในเชิงวิชาการนี้ ด้องทำ ด้วยใจเป็นกลาง โดยให้คณะผู้จัดทำลืมความรู้ ลืมความเชื่อ ทุกอย่างที่มีก่อนหน้านี้ทั้งหมด และให้ศึกษาเรื่องนี้อย่างคน ที่ยอมรับคัวเองว่า \"ไม่เคยรู้ไฝเคยเห็นนิพพานของจริงมา ก่อน\"เมื่อทำใจเป็นกลางได้เช่นนี้แล้ว ก็จะพบว่า เรื่องนิพพาน ที่กำ ลังพูดคุยคันอยู่ขณะนี้ เป็นการนำข้อมูลจากบันทึกเรื่อง นิพพานที่มีอยู่ในพระไดรปิฎกต่างๆ ทั้วโลก มานั่งถกเถียง พูดคุยเท่านั่น บังไม่ได้ลงมีอปฏิบัติเพื่อจะไปนิพพานจริง ๆ ซึ่งผิดจากวิสัยของพระสัมมาล้มพุทธเจัาและเหล่าพระ ฅู่มือพุทรมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด naoij คำ ป'รา•รท www.kalyanamitra.org
อรหันต็ในอดีตที่ทุ่มเทเจริญภาวนาอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระที่งบรรลุนิพพานไต้สำเร็จมาก่อนหน้านี้แล้ว \"สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืม ก็คือ การที่บรรพชนรุ่นก่อน พยายามสืบทอดรักษาบันทึกเรื่องนิพพานไว้น้นวัตถุประสงค์ โตยแท้จริง ก็คือ ต้องการเก็บรักษาแผนที่ไปนิพพานไว้ให้ แก่คนรุ่นหลัง เช่นบางแห่งก็จารึกคำสอนไวับนแผ่นศิลา หรึอ บนผน้งถํ้า บางแห่งสร้างมหาเจดีย็ใหญ่ นี่คือนํ้าใจห่วงใย ของชาวพุทธรุ่นก่อนโน้น ที่เผื่อแผ่มาถึงพวกเราในยุคนี้ และ เป็นสิ่งที่พวกเราควรจะมีเผื่อแผ่ไปถึงลูกหลานในยุคต่อไป ข้างหน้าต้วยเช่นกัน \"ที่สำคัญก็คือ ยิ่งล้าหากเราศึกษาอย่างจริงจัง ก็จะไต้ ข้อสรุปตรงกันว่า การที่ใครจะบรรลุนิพพานตามพุทธ ประสงค์ของพระสัมมาล้มพุทธเจัานั้น มีเสันทางเดียว นั้นคือ ต้องแกอบรมตนผ่านเส้นทางการปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างอุทิศชีวิตเป็นเติมพัน เพื่อกลั่นกาย วาจา ใจ ของตนให้บริสุฑธอย่างยิ่งยวด จนกระทั่งมีความ บริสุทธเท่ากับนิพพาน จึงจะเห็นนิพพาน เข้าถึงนิพพาน และเรียนรู้การกลั่นใจให้เป็นลันหนึ่งลันเดียวกับ นิพพานต้วยตนเอง \"ผู้ที่ปฏิป้ตไต้ถึงระต้บนี้ จึงจะสามารถตามรอยบาทของ พระสัมมาล้มพุทธเจัาไปนิพพานไต้ เมื่อนั้น เขาจึงจะเกิต ความซาบซึ้งในพระคุณของบรรพชนที่สละชีวิตปกป็องรักษา คู่มีอพุทธมามกร ฉบับ ควานรู้พ็้นฐานก่อนไปวัด คำ ป■ทรท www.kalyanamitra.org
พระพุทธศาสนา และมุ่งมั่นสืบทอดรักษาคำสอนอันเป็น ประดุจแผนที่ไปนิพพาน ไม่ให้สาบสูญไปจากโลกใบนี้ต่อไป มั่นคือรัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการศึกษาพระไตรปีฎกที่ สูญหายไปจากยุคปัจจุปัน\" เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท้ตตชีโวได้ตอบคำถามจบ ลงแล้ว ก็ได้นำบทความหนึ่งชื่อว่า \"ปัญหาเรื่องนิพพาน\"ซึ่ง เชียนโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แสง จันทร์งาม อดีต คณบดีมนุษย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาให้คณะผู้จัต ทำ นำ ไปอ่าน พร้อมทั้งกำชับว่า \"อ่านให้จบ แล้วจะพบ ชุมทรัพย์อันยิ่งใหญ่\" เมื่อคณะผู้จัตทำรับเอาบทความมั่นมาอ่านจนจบแล้ว ก็ พบว่าเป็นบทความที่เชียนด้วยความเคารพธรรมอย่างยิ่ง เพราะเขียนไว้อย่างเป็นกลาง อธิบายปัญหาเรื่องนิพพาน ตามหลักฐานบาลีที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระไตรปีฎกของ เถรวาทอย่างชัดเจน อีกทั้งยังแยกแยะให้เห็นด้วยว่า เนี้อหา ด้งเดิมในพระไตรปิฎกกับเนี้อหาที่มีการอธิบายเพิ่มเติมใน ยุคหลัง มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไรให้เห็นอย่าง ชัดเจน ทำ ให้คณะผู้จัตทำสามารถใชัหลัก \"มหาปเทส ๔\" ของพระพุทธองค์ ที่ทรงให้หลักการไว้ว่า หลังจากพุทธ ปรินิพพานไปแล้ว หากแม้มี^ตกล่าวว่าพุทธพจน์บทนั้น ได้ยินมาจากต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์เอง ก็จงอย่าเพิ่ง เชื่อและอย่าเพิ่งปฏิเสธให้นำมาเทียบเคืยงกับพระไตรปิฎก คู่มือพุฑรมามกะ ฉบับ ควานรู้'พนจานก่อนไปวัด ^(๑!^ คำ ปnรท www.kalyanamitra.org
ที่พระอรหันต็ใด้ทำสังคายนาเอาไว้ เมื่อเทียบเคียงดูแสัว หากเห็นว่าสอดคล้องกัน ใหัลงสมมติฐานว่า นั่นคีอ คำ ตรัส จริงจากพระโอษฐ์ของพระพุทธองค์ เมื่อศึกษาบทความนี้ตามหสักมหาปเทส ๔ จบลง คณะ ผู้จัดทำ ก็ได้ข้อสรุปว่า\"นิพพานนั้นมีไว้เพื่อเป็นที่พึ่งในการ กำ จัดทุกข์ประจำสิวิตให้หมดสินไป ผู้จะบรรลุนิพพานได้ จำ เป็นด้องแกอบรมตนให้มีความบริสุทธี้กาย วาจา ใจ เท่ากับนิพพานด้วยตนเองเท่านั้น จึงจะสามารถเห็น นิพพาน เข้าถึงนิพพาน และเรียนรู้การกลั่นใจให้เป็น จันหนึ่งจันเดียวกับนิพพานได้จริง\" โดยทั้งหมดนี้ ด้องพึ่ง การปฏิป้ติอริยมรรคมีองค์ ๘ ของดนเองอย่างอุทิศชีวิดเป็น เติมพันเพียงอย่างเดียว จึงจะสามารถบรรลุนิพพานที่พระ สัมมาล้มพุทธเจัาทุกๆ พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วได้ด้วยดนเอง เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้แล้ว ก็พบว่า ปัญหาหนึ่งที่ชาวพุทธ ในยุคปัจจุบันนี้ ขาดแคลนอย่างมาก ก็คีอ \"กำจังใจ\" ที่จะ ปฏิบติอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างอุทิศชีวิตเป็นเติมพัน ด้งนั่น ความอยู่รอดของพระพุทธศานาในยุคหล้งพุทธ กาลนี้จึงมีความจำเป็นที่ชาวพุทธด้องได้\"พระมหาเถระ\"ที่ สามารถเป็นด้นแบบการปฏิบัติได้จริง สอนใหัปฏิบติดามได้ จริง และสร้างกำล้งใจใหัชาวพุทธได้จริง มาเป็นศูนย์รวม ศรัทธาใหัแก่ชาวพุทธจึงจะทำใหัชาวพุทธมีกำจังใจที่เข้มแข็ง มีพล้งศรัทธาอ้นแรงกล้า พร้อมจะปฏิบัติธรรมอย่างอุทิศชีวิต คู่มีอพุทธมามกะฉโ7บ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^๑๓^ ฟ้าปรารท www.kalyanamitra.org
เป็นเดิมพนตามพระส้มมาส้มพุทธเจ้าไป โดยมีพระมหาเถระ เป็นต้นแบบ เป็นผู้ร้ทาง และเป็นผู้นำทาง ด้วยเหตุนี้ คณะผู้จ้ดทำจึงได้อาราธนาพระธรรมเทศนา ของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงป๋วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ซึ่งเป็นหนึ่งในพระมหาเถระ ของยุคนี้ ที่ปฎิบดอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างอุทิศชีวิดเป็นเดิม พันได้จริง มาไวิในหนังสือเล่มนี้ด้วย ทั้งนี้เพราะ เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ในวันที่ท่านจะ บรรลุธรรมนั้น ท่านได้ตั้งส้ดยาธิษฐานอย่างเอาชีวิตเป็นเดิม พันว่า \"ถ้าเรานั่งลงไปครั้งนี้ ไม่เห็นธรรมที่พระพุทธเจ้า ต้องการ เป็นอันไม่ลุกจากที่นี้จนหมดชีวิต\" การตั้งส้ดยาธิษฐานครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินใจจะนั่ง สมาธิลงไปเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต หากไม่บรรลุธรรม ก็จะ ขอยอมตายอยู่ที่ตรงนี้ ซึ่งเป็นการปฏิบัดิตามรอยบาทของ พระส้มมาส้มพุทธเจ้าในวันตรัสรู้ธรรม เมื่อสองพันท้ารัอย กว่าปีที่แล้ว ด้วยกำส้งใจมหาศาลอย่างยิ่ง ในที่สุด ด้วยการท่าความเพียรโตยไม่อาส้ยชีวิต ท่าน จึงได้บรรลุธรรมตามคำสอนของพระส้มมาส้มพุทธเจ้า คือ การเข้าถืง \"ธรรมกาย\"หรือ \"พระรัตนตรัยภายใน\"ในคืน วันเพ็ญขึ้น ๑๕ คา เดือน ๑๐ ปีพุทธศักราช ๒๔๖๐ นั้นเอง คู่มีอพุทธมามกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด ((๑๔)ไ คำ ป■รารท www.kalyanamitra.org
ครั้นต่อมา ท่านได'อาศัยการเข้าถึงธรรมกายนั้น ไป ค้นคว้าความจริงของโลกและชีวิตให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยกำลัง ความเพียรของท่านเอง เช่น นิพพานภพสาม โลกันตร์ เป็นด้น โตยท่านเรียกการด้นคว้าความจริงของโลกและชีวิตนี้ว่า \"วิชชาธรรมกาย\"หรีอ\"ความรู้แจ้งเห็นจริง อันบ้งเกิดขึ้น จากการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน\" ซึ่งทำให้ท่านทราบถึง ความจริงอันเป็นเบื้องหลังของกฎแห่งกรรมและกฎไตรลักษณ์ ท่านจึงตั้งมโนปณิธานว่า จะปราบมารประหารกิเลสให้สิน เขึ้อไม่เหลือเศษ มุ่งไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม เพื่อทำลาย วัฏสงสารที่คุมขังสัตวโลกให้หมดสินไป นั้นคือ นั้าใจกรุณา อันยิ่งใหญ่ที่ท่านมีต่อซาวโลก ด้งนั้น การที่ชาวพุทธมีโอกาสได้ศึกษาพระธรรมเทศนา ของท่านโตยตรง โตยเฉพาะเรื่อง \"สัจจกิริยดาถา\" ซึ่งมี เนี้อหาเกี่ยวกับ \"การพื่งตนเองของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน\" ก็จะก่อให้เกิตกำลังศรัทธาอัน แรงกลัาที่จะปฏิบัติตามพระพุทธองค์ไปอย่างอุทิศชีวิตเป็น เติมพัน โตยมีพระเตชพระคุณหลวงปูวัตปากนํ้า ภาษีเจริญ เป็นบุคคลด้นแบบและศูนย์รวมศรัทธาของชาวพุทธในยุคนี้ อันจะเป็นผลให้ผู้ปฏิปติตามได้บรรลุถึงความเป็นพุทธมามกะ ด้วยการเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตนอย่างสมบูรณ์แบบ คณะผู้จัตทำมีความเชื่อมนว่า หนังสือเล่มนี้ จะช่วยให้ผู้ อ่านที่ยังไม่รู้จักพระพุทธศาสนา หรีอผู้ที่ห้นหลังให้พระพุทธ ศาสนาไปแล้ว เมื่อได้ห้นกลับมาศึกษาด้วยตนเอง จะเกิต คู่มีอพุทธมามกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด f(๑๕)j คำ ป■ทรท www.kalyanamitra.org
ความรู้สึกรักและหวงแหนพระพุทธศาสนายงกว่าเดิม และ รู้สึกว่าตนเองมีดวามโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย แผ่นดินของพระพุทธศาสนา เพราะได้ประจักษ์ในความ ประเสริฐสุดของพระพุทธศาสนาด้วยการเข้าถึงพระรัตนตรัย ภายในตนแล้ว คณะผู้จัดทำตระหนักดีว่า หากไม่มีโครงการหึ่เนฟู ศีลธรรมโลก ก็จะไม่มีการจัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา จึงขอ กราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ด้วย ความเคารพอย่างยิ่ง ที่ได้จัดทำโครงการหื่เนฟูศีลธรรมโลก ขึ้นมาเป็นหนทางสว่างให้แก่ชาวโลกในยุคนี้ อีกทั้งด้องขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวง พ่อทัดดรโว ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ที่เมตตาความรู้ โดย ไม่มีห่วงแหนปิดบัง ทั้งยังให้กำล้งใจในการทำงานจึงสำเร็จ ลุล่วง นอกจากนี้ด้องขอขอบพระคุณ ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ แสง จันทร์งาม ที่ได้เขียนบทความอันมีคุณูปการใหญ่หลวง ต่อพระพุทธศาสนา และอนุญาตให้นำมาจัดพิมพ็ในหนังสือ เล่มนี้โดยได้กรุณาเขียนความรู้Iหม่เพิ่มเดิมจากเดิมอีกด้วย และสิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ การสนับสนุนการจัดพิมพ์ หนังสือจากผู้Iจบุญทุกท่าน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การ เผยแผ่ความรู้อันทรงคุณค่าในพระพุทธศาสนา กระจายทั้ว แผ่นดินไทยได้อย่างรวดเร็ว คู่มือพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^®^ ทำ ชรา•รท www.kalyanamitra.org
ท้ายที่สุดนี้ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือที่ พระเดชพระคุณหลวงฟอท้ตดชีโวเมตตาตั้งชื่อให้ว่า \"คู่มือ พุทธมามกะ ฉบับความรู้พื้นฐานก่อนไปวัด\" เล่มนี้จะเป็น คู่มือสำคัญที่ช่วยให้ชาวพุทธสามารถแ?ไไขวิกฤตการณ์ของ พระพุทธศาสนา และฟินฟูวัดร้างให้กลับมาเป็นวัดที่เจริญ รุ่งเรืองอีกครั้งทั่วทั้งผืนแผ่นดินไทย เพื่อที่ลูกหลานของเรา ในอีกพันปีข้างหนัาจะยังคงมืพระพุทธศาสนาเป็นที่พื่งในการ ขจัดทุกข์ตามพระลัมมาลัมพุทธเจัาและเหล่าพระอรห้นต์ เข้านิพพานไป อยู่ตราบนานเท่านาน ขอกราบอนุโมทนา คณะผู้จัดท่า กองวิชาการ อาศรมบัณฑิต ๒๑ ธันวาคม พุทธคักราช ๒๕๕๒ ดู่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ความรูพึ๋นฐานก่อนไปวัด ((๑๗)) ค่าปฑรท www.kalyanamitra.org
___ สารบัญ พระพุทธศาสนากับความอยู่รอดของชาวโลก ๑ ความจริงของชีวิต ๓ มหาบุรุษเอกที่แท้จริงของโลก ๘ การสอนอริยมรรคมีองค์ ๘ เพื่อขนชาวโลก ๒๔ ไปนิพพาน ๔๒ ชีวิตที่ต่างต้องหาหนทางหลุดพ้นไปด้วยกัน ๕๗ บัญหาเรื่องนิพพาน ๖๑ นิพพานเป็นอายตนอย่างหนึ่ง ๖๔ ๖๕ ถ้าไม่มีโลกุตตรภูมิ ก็ไม่มีทางหนีจากโลกิยภูมิ ๖๖ ความหมายของโลกุตตรธรรม ๙ ๖๗ นิพพานไม่รู้จักเต็มด้วยพระอรหันต์ พระอรหันต์นิพพานแล้วไม่สูญ ๗๐ สิ่งนั้นมีมากดุจเม็ตทรายในแม่นํ้าคงคา ๗๖ และดุจนํ้าในมหาสมุทร ๗๙ นิพพาน ๒ นัย หรือ ๒ ความหมาย ผลทางจิตใจของการอธิบายนิพพาน ๒ แบบ คู่มีอพทรมามกร ฉบับ ควานรู้พนฐานก่อนไปวัด ^{๑๘)^ ทารนัญ www.kalyanamitra.org
การพงตนเองของพระทุฑธเจ้า ๘๙ กัณฑ์ที่ ๓๘ สัจจกิริยาคาถา ๙๑ ก่อนไปวัด ๑๓๓ ธรรมะเบื้องต้น ๑๔๓ กาย ๑๔๓ โจ ๑๔๔ กิเลสคืออะไร ๑๔๕ ๑๔๘ โลภะคืออะไร ๑๕๐ โทสะคืออะไร ๑๕๓ โมหะคืออะไร ๑๕๖ สรุป ๑๕๗ บุญคืออะไร ๑๕๙ ทานคืออะไร ๑๖๒ ศลคออะไร ๑๖๔ ภาวนาคืออะไร ๑๖๗ สรุป ๑๖๘ การเตรียมต้วก่อนไปวัด ๑๖๙ ๑. การเตรียมใจ ๒. การแต่งกาย ๑๗๐ ๓. การนำเด็กไปวัด ๑๗๓ ๔. การปฏิบตต่อพนักงานขับรถและผู้รับใช้ ๑๗๔ ๕. การจัดเตรียมกัดตาหารถวายพระภิกษุสงฆ์ ๑๗๕ ๖. การจัดเครื่องไทยธรรมถวายพระภิกษุสงฆ์ ๑๗๖ คู่มีอทุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พี้นฐานก่อนไปวัด 1^๑®^ สารบัญ www.kalyanamitra.org
ประเพณีที่ควรทราบ ๑๗๙ ๑. การแสดงความเคารพพระรัตนตรัย ๑๘๐ ๑.๑ การประนมมือ (อัญชลี) ๑๘๐ ๑.๒ การไหว้(นมัสการ หรือ ว้นทา) ๑๘๒ ๑.๓ การกราบ (อภิวาท) ๑๘๓ วิธีกราบแบบชาย ๑๘๔ วิธีกราบแบบหญิง ๑๘๕ ๒. การแสตงความเคารพพระภิกษุสงฆ์ ๑๘๖ ๓. มารยาทในการเข้าพบพระภิกษุสงฆ์ที่ว้ต ๑๙๔ ๔. การสนทนากับพระภิกษุสงฆ์ ๑๙๖ ๕. การไข้คำพูตกับพระภิกษุสงฆ์ตามระดับ ๑๙๗ สมณศกต ๒๐๐ ๖. การนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ ๒๐๔ ๗. การประเคนของแด่พระภิกษุสงฆ์ ๒๐๙ ๘. การรับสิ่งของจากพระภิกษุสงฆ์ ๒๑๒ ๙. การกรวตนํ้าและรับพรพระ ๑๐.การยืน เดิน นั่ง ในบริเวณและสถาน ๒๑๗ ปฎิบ้ตธรรม วิธีฟิกสมาธิเบื้องต้น ไอโอ๔ คำ อธิษฐานประจำวัน ไอ๓๔ กฎระเบียบของวัดพระธรรมกาย ๒๓๖ แผนที่เส้นทางไปวัดพระธรรมกาย ๒๓๗ คู่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัค f(๒๐)ไ ทารบัญ www.kalyanamitra.org
พระพุทธศาสนา กับความอยู่รอดของชาวโลก พระภาวนาวิริยคุณ(เผด็จ ฑตฺตรโว) www.kalyanamitra.org
พุทธศาสนากับความอยู่รอดของชาวโลก เรียบเรียงจาก พระธรรมเทศนาของ พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทด.ตชีโว) ในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด ๖๙ ปี ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ www.kalyanamitra.org
พระพุทธศาสนา กับความอยูรอดของชาวโลก ความจริงของรวิต นับตั้งแต่วินาทีแรกที่มนุษย์คลอดออกจากครรภ์มารดา ต่างคนต่างก็นำปัญหาประจำชีวิตหลายอย่างติดตัวมาด้วย ปัญหามากมายเหล่านี้ เช่น ความหิว ความร้อน ความหนาว ความแก่ ความเจ็บ ความดาย เป็นตัน ต่างฝังแน่นอยู่ในตัว เรามาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาโดยไม่ทราบสาเหตุ เราไม่รู้ ความจริงเลยว่า ปัญหาเหล่านี้ถูกบรรจุอยู่ในตัวเราไตัอย่างไร และอะไรเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมา คู่มือพุทธมามกร นบับ ความรู้พี๋นฐานก่อนไปวัด(Z)ทารพุทเฬาทนาทบทาๆม0ม่10คซ04ชาวTan www.kalyanamitra.org
เรารู้แต่เพียงว่า ทุกปัญหาล้วนกำลังถาโถม-จู่โจม- ทำ ราย-ทำลายชีวิตของเราอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา ความเหี้ยมโหตทารุณอย่างไร้เหตุผลและไร้ความปรานีนี้ ได้ ทำ ให้ผู้คนทั้งโลกต่างด้องหลั่งนํ้าตาแห่งความสูญเสียมาครั้ง แลัวครั้งเล่าจนนับไม่ถ้วน ปริมาณนํ้าตาแห่งความเศร้าโศก เสียใจจึงมากมายยิ่งกว่าปริมาณนํ้าในแม่นํ้าและนํ้าใน มหาสมุทรทั้งโลกรวมถ้นเสียอีก หากมีใครสามารถเก็บนํ้าตา ของคนทุกยุคทุกสมัยมารวมกันไว้ โลกคงจะด้องจมอยู่ใน ทะเลนํ้าตาอย่างแน่นอน นี่คือสภาพความจริงของชีวิตมนุษย์ที่ถูกบีบคั้นด้วย สารพัตปัญหาโตยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ว่าใครจะยอมรับหรือ ปฏิเสธเรื่องนี้ก็ตาม ทุกคนก็ย้งด้องเผชิญกับปัญหาประจำ ชีวิตเช่นนี้อยู่เรื่อยไป ไม่เฉพาะมนุษย์เท่านั้น แมัเทวดาก็ตาม ต่างล้วนด้องเผชิญปัญหาประจำชีวิตของตนทั้งสิ้น ปัญหาประจำชีวิตมนุษย์นั้น ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเฉพาะใน ยุคของเราเป็นยุคแรก แต่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย มานานแสนนานแล้ว นานจนเกินกว่าจะนับเวลาได้ ชาวโลก ในยุคก่อนต่างรู้ซึ้งถึงความรุนแรงร้ายกาจของแต่ละปัญหา อย่างไม่มีว้นลืมเลือน แมัจะพยายามหาทางแก่แต่ละปัญหา อย่างสุตชีวิตแล้วก็ตาม ปัญหาทั้งหลายก็ยังไม่หมดไปลักที ทำ ได้แค่บรรเทาปัญหา หรือชะลอปัญหาเท่านั้น แต่ความ จริงคือยังหาทางแก่กันไม่ตก ได้แต่ทำใจให้ปลงตก แล้วจำใจ ค่มิอพฺฑรมามกร aiJu ความรแํพพนนฐานก่อนไปวัด ๏ nisTinofliaพาท้นทวา>10||ว0ฅธ0งราวโaท www.kalyanamitra.org
ใช้ชีวิตในสภาพถูกมัดมือชกข้างเดียวกันต่อไป เพราะไม่รู้จะ ทำ อย่างไร ใครที่อดทนไม่ไหว ก็คราครวญหวนไหไปตลอดชีวิด ใครที่อดทนไหว ก็ไม่ปริปากปน กัมหน้ากัมตา กัตฟันดิ้นรน หาทางแกไขกันต่อไป ใครได้ความรู้คืบหน้ามาเท่าไหร่ ก็รีบ แจกจ่ายความรู้นั้นให้ทั่วถึงทันที เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ให้ผ่อนหน้กเป็นเบาลงบ้าง แต่เมื่ออายุสังขารหมตเวลาลง ก็ จำ ด้องหสับตาลาโลกนี้ไปด้วยความไม่เต็มใจนัก หลงเหลือ แต่ความรู้และประสบการณ์จากการสู้ชีวิต ทิ้งไวิให้คนรุ่น หสังได้ศึกษาและหาทางกำจัตปัญหาประจำชีวิตต่าง ๆ กัน ต่อไป อย่างน้อยที่สุต ก็ท่าให้มืความรู้สึกว่า การเกิดมาใน ขาตินี้ของตน ไม่สูญเปล่า เพราะอย่างน้อย ก็ได้ทิ้งความคืบ หน้าในการลองผิตลองถูกไว่ให้บ้างแล้ว แมัจะยังไม่สมบูรณ์ ก็ตาม มรดกชิ้นหนึ่งที่ขาวโลกรุ่นก่อนทิ้งไว่ให้คนรุ่นนี้ ก็คือ การบ้ญญัติศัพท่คำหนึ่ง ซึ่งรวมเอาบทสรุปของทุกปัญหา ประจำชีวิดไวทั่งหมด คำ ๆ นี้บอกเตือนลูกหลานให้รู้ชื้งถึง สถานการณ์ที่แทัจริงของชีวิด คำ ๆ นี้ท่าให้ด้องดระหนักถึง ความอยู่รอดของด้วเองและเพื่อนมนุษย์ คำ ๆ นี้เป็นเหมือน ลูกศรอาบยาพิษที่ปักห้วใจของมนุษย์โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิง คำ ๆ นี้ คือ คำ ว่า \"ทุกข์\" คู่มือพุฑรมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัค ( 1 ทบควาพอยู่•ร0«ii0J»TiTan www.kalyanamitra.org
ทุกข์ คำ เดียวสั้นๆ ที่รวมทุกปัญหาชีวิตไว้ทั้งหมด ทุกข์ คำ เดียวสั้นๆ ที่กำ หนดชะตาชีวิตของคนทั้งโลกไว้ ร่วมกัน ทุกข์ คำ เดียวสั้นๆ ที่หยุดชีวิตมนุษย์ทุกชนชั้นไว้ที่ลม หายใจสุดท้าย ทุกข์ คำ เดียวสั้นๆ ที่ประกาศให้คนทั้งโลกต้องยอมรับ ความจริงว่า ชีวิตเป็นทุกข์ ทุกคนในโลกนี้ต่างต้องเผชีญ ทุกข์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ไต้ ทุกข์ คำ เดียวสั้นๆ ที่เตือนให้เราตระหน้กว่า หากเรา กำ จัดทุกขไม่ไต้ เราย่อมถูกจองจำอยู่ในห้วงทุกข์อย่าง ไม่มีวันจบสิน แม้ตายไปแล้วเกิดมาใหม่ ก็ยังหนีทุกข็ไม่พ้น ทุกข์ คำ เดียวสั้นๆ ที่บอกชะตากรรมให้เรารู้ว่า ทุกชีวิต ต่างต้องดิ้นรนหาทางหลุดพ้นกันต้วยต้วเอง ใครจะทำ แทนใครไม่ไต้ และไม่ว่าใครจะยอมรับหรือปฏิเสธก็ตาม ล้วน ไม่มีผลทั้งสิ้น เพราะนี่คือชะตากรรมของต้วเราและคนทั้ง โลกที่ต่างจะต้องแก็ไขต้วยต้วเอง ทุกข์ คำ เดียวสั้นๆ ที่ทำ ให้เราต้องดิ้นรนต่อสูโดยไม่รู้ ความจริงกันตลอดชีวิต และถ้าแกไขทุกข์ผิดทาง ย่อมมีแต่ เพิ่มทุกข์ให้มากขึ้นอีกรัอยเท่าพ้นทวี ทุกข์คำเดียวสั้นๆ ที่ท่าให้เรารู้ว่า ยิ่งอ่อนแอมากเท่าไหร่ ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น แต่ยิ่งเข้มแข็งมากเท่าไหร่ ยิ่งสู้กับทุกข์ ไต้มากเท่านั้น คู่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด G)ท1:พุท0ศาทนาทนคาาม0|]รปีฅ1)0411าาโรท www.kalyanamitra.org
ทุกข'คำ เดียวสั้นๆ ที่ทำ ให้เรารู้ว่า เกิดมาต้องสู้ เพราะสู้ ก็ตาย ไม่สู้ก็ต้องตาย สู้เท่านั้นจึงจะชนะ ทุกข์ คำ เดียวสั้นๆ ที่บอกให้เรารู้ความจริงว่า มนุษย์ทุก คนมีหน้าที่หลักประจำชีวิตเหมือนกันหมต นั้นคือ ๑) เราเกิดมาเพื่อแกอบรมตนให้พร้อมที่จะเผรญ ทุกข์ ๒) เราเกิดมาเพื่อหาทางกำจัดทุกข์ให้หมดสินไป ๓) เราเกิดมาเพื่อช่วยกันสร้างสันติสุขให้แก่โลก หน้าที่ทั้งสามประการนี้ คือ ความอยู่รอตของต้วเราและ เพื่อนมนุษย์ทั้งโลก สิ่งเดียวที่ชาวโลกรุ่นก่อนเชื่อว่า สิ่งที่จะช่วยให้เรา สามารถทำหน้าที่ทั้ง ๓ ประการนี้ใต้สมบูรณ์ ก็คือ ธรรมะ ธรรมะ คือ ความจริง ความบริสุทธ ความถูกต้อง ความคืงามที่ใช่ในการกำจัดทุกข์ให้หมดสินไป หากเราต้นพบธรรมะที่ใช้กำจัตทุกข์ใต้สำเร็จ ย่อมไม่ใช่ เพียงแต่ต้วเราเท่านั้นที่พ้นทุกข์ แต่ยังจะช่วยให้คนทั้งโลก พ้นทุกข์ไปกับเราต้วย แต่ปัญหาก็คือในโลกนี้มีน้อยคนน้กที่จะรู้ว่า ธรรมะที่ใช่' กำ จัดทุกข์นั้นคืออะไร อยู่ที่ไหน สักษณะเป็นอย่างไร และจะต้นพบธรรมะไต้อย่างไร นี้คือปัญหาที่มีอยู่ในทุกยุค ทุกสมัย และทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หลักประจำชีวิต คู่มีอฬุฑรมามกร ฉบับ ความรู้ฬึ้นฐานก่อนไปวัด (ไ?) ทรรททรฅาทนาทนคาามอ ราวโลก www.kalyanamitra.org
ของมนุษย็ได้สมบูรณ์ ทุกข์จึงไม่หมดไปจากชีวิต คนในโลก จึงยังจะด้องเสียนํ้าตาเพราะความทุกข์กันต่อไป มหาบุรุษเอกที่แฑ้จริงของโลก ในประวิตศาสตร์โลกอันยาวนาน แม้ต่างยุคต่างสมัย ผู้นำ ของโลกและประชาชนในแต่ละยุค ต่างตระหนักถึงปัญหา ประจำชีวิตนี้เช่นกัน จึงพยายามเสาะแสวงหาผู้รู้มาสอนวิธี กำ อัดทุกข์ให้แก่ตนเองและพลเมือง อันเป็นการดิ้นรน ตะเกียกตะกายหาหนทางเอาชีวิตรอดจากความตายอย่างสุต ชีวิต บางยุคสมัย กษัตริย์บางพระองค์ถึงกับยอมสละราช บัลล้งก์ เพื่อออกแสวงหาท่านผ้รให้พบ มหาเศรษรีบางท่าน ■น•นิ รน ก็ส่งคนเดินทางออกไปทั่วโลก เพื่อเสาะแสวงหาท่านผ้ร้ยัง ขํ ข่ ประเทศต่างๆ โดยไม่เกี่ยงว่าจะด้องทุ่มเททรัพย์สินเงินทอง เป็นค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลเพียงใด ขอเพียงให้ใด้พบกับ บุคคลที่สามารถสอนดนเองและประชาชนกำอัดทุกข์ประจำ ชีวิดได้จริงเท่านั้นก็พอ จิตใจของผู้คนในยุคก่อนสะท้อนให้เห็นถึงว่า คนรุ่น ก่อนมืความกระหายความรูในการกำอัดทุกข์ยิ่งนัก ต่าง ดิ้นรนแสวงหาอย่างอุทิศชีวิดเป็นเดิมพ้น เพื่อให้ใด้พบความ รูในการกำอัดทุกชีให็สิ้นไปอย่างแท้จริง คู่มีอพุทรมามกร ฉบับ ความรู้พึ๋นฐานก่อนไปวัด0ท1ร«]ท0คา9นาทบควานogiontiojvาาโฝิท www.kalyanamitra.org
ในการแสวงหาความรู้เพื่อกำจัดทุกข์นั้นเนื่องจากเราเอง มิได้เกิดมาเป็นคนแรกของโลกนี้ ชาวโลกยุคก่อนได้ทำการ ศึกษาเรื่องวิธีกำจัดทุกข์มานานแล้ว อีกทั้งระบบการศึกษา ในโลก ก็มีการเก็บสะสมข้อมูลจากอดีดอย่างต่อเนื่องมา หลายล้านปีแล้ว จึงทำใหโลกของเราในยุคปัจจุบันนี้ มีความ รู้เก็บสะสมเกี่ยวกับการกำจัดทุกข์ไว้อย่างมากมายหลาย แนวทาง เราจึงสามารถศึกษาหาความรู้ของบุคคลต่างๆ ที่ ทุ่มเทกำจัดทุกข์จากระบบการศึกษาในปัจจุบันได้ทันที เพราะการศึกษานั้น จะทำให้เราเข้าใจภาพรวมของการ ศึกษาเรื่องการกำจัดทุกข์จากอดีดถึงปัจจุบัน จึงทำให้เรามี โอกาสเปรียบเทียบว่า บุคคลที่กำจัดทุกข์ได้จริงนั้นเป็นใคร อยู่ที่ไหน สอนว่าอย่างไร บังมีชีวิตอยู่หริอไม่ ผู้ที่ปฎิป้ตดาม คำ สอนของท่านได้ผลเป็นอย่างไร สามารถกำจัดทุกข์ได้จริง หริอไม่ นื่คือวิธีการที่ประหบัดเวลา และทำให้ทราบถึงความ คืบหน้าในการแกัปัญหาเรื่องทุกข์ โดยไม่ด้องเสี่ยงลองผิด ลองถูกมากเกินจำเป็น จากการศึกษาประว้ตคาสดร์โลกที่ผ่านมาพบว่า บุคคล ที่กำ จัดทุกข์ได้จริงนั้น แปงเป็นสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มแรก คือ ผู้ที่ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองจนกระทั้งพบ วิธีการที่ถูกด้องและกำจัดทุกข์ได้สำเร็จ กลุ่มที่สอง คือ ผู้ที่แสวงหาบุคคลที่กำจัดทุกข์ได้จริง เมื่อ พบแล้ว ดนก็พากเพียรศึกษาและปฏิบัติดามคำสอนของท่าน จนกระทั้งกำจัดทุกข์ได้สำเร็จ คู่มือพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด0ntsnnoflnnmทนทาามoytantiajflาาโรท www.kalyanamitra.org
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ ก็คือ บุคคลที่สามารถกำจัด ทุกข์ของตนเองและสั่งสอนผู้อื่นให้กำจัดทุกข็ใคัสำเร็จนั้น เป็นใคร ท่านคันพบอะไรและปฏิป้ตอย่างไร จึงกำจัดทุกข์ใคั สำ เร็จ ผลการศึกษาของผู้นำและประชาชนในแต่ละยุคที่ผ่าน มาพบว่า แมโลกในแต่ละยุคจะมีผู้อาคัยอยู่เป็นจำนวนนับ ร้อยล้านฟันล้านก็ตาม แต่บุคคลที่สามารถกำจัดทุกข์ใต้จริง และสั่งสอนผู้อื่นให้กำจัดทุกข์ดามไต้จริงนั้น มีเพียงท่าน เดียวในโลก บุคคลท่านนั้น คือ พระสัมมาส้มพุทธเจ้า พระบรมศาสดาเอกของโลก สิ่งสำคัญที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ก็คือ ๑) พระองค์ทรงคันพบว่า มนุษย์มีองค์ประกอบ ๓ ส่วนต้วยกัน ไต้แก่ กาย ใจ และธรรม กายเป็นที่อยู่ของใจ และใจเป็นที่อยู่ของธรรม สำ หรับธรรมนั้นมี ๒ ระดับ คือ ระต้บที่ยังไม่สามารถกำจัดทุกข์ใต้เด็ดขาด เรียกว่า โลกีย ธรรม และระต้บที่สามารถกำจัดทุกข์ใต้เด็ดขาด เรียกว่า โลคุตตรธรรม เราสามารถเข้าถึงธรรมทั้ง ๒ ระดับนี้ใต้ต้วย การปล่อยวางใจให้หยุดนิ่งเป็นสมาธิอยู่ ณ ศูนย์กลางกาย ภายในคัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ถอนถอยอยู่ดลอดเวลา ๒)พระองค์ทรงคันพบว่า โลกุดดรธรรมที่สามารถไข้ เป็นที่พึ่งในการกำจัดทุกข์ไต้อย่างเด็ดขาดนั้น เรียกว่า นิพพาน คือสภาวธรรมที่เป็นธรรมชาติบริสุทธที่สุด มีความ คู่มีอพุทธมามกะ ฉบับ ควานรู้พึ๋นฐานก่อนไปวัด ^'®๐^ «ระทุทรศาสนาทบความอยู่รอดของชาวโลก www.kalyanamitra.org
สว่างที่สุด มีความสงบที่สุด เมื่อใดที่เอาใจเข้าไปเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกับนิพพานได้ดลอดกาล ทุกข์ย่อมถูกกำจัดสิ้นไป อย่างถอนรากถอนโคน ๓) พระองค์ทรงด้นพบวิธีการสำหรับแกอบรมตนเพื่อ การกำจัดทุกฃ็ใหลนไป เรียกว่า อริยมรรคมีองค์ ๘ และได้ ทรงสั่งสอนให้ประชาชนได้ศึกษาและปฏิป้ตอริยมรรคมีองค์๘ โดยไม่ปิดบังความรู้ ไม่จำกัดเชื้อชาติศาสนา อีกทั้งอังสั่ง กำ ชับให้ช่วยกันเผยแผ่และปกป้องคำสอนเพื่อการกำจัด ทุกข์นี๋ไว้ด้วยชีวิด อย่าให้สูญหายไปจากโลกเป็นอันขาดอีก ด้วย เพราะนึ่คือทางรอดจากทุกข์เพียงทางเดียวของมนุษย์ ทั้งโลก การด้นพบความจริงทั้ง ๓ ประการนี้เอง ทำ ให้พระ สัมมาส้มพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐต่อชาวโลก เพราะไม่ว่าชาวโลกในยุคใดๆ ก็สัวนด้องการความรู้แห่งการ กำ จัดทุกข์ที่พระองค์ทรงด้นพบนี้ด้วยกันทั้งสิ้น การด้นพบความจริงทั้ง ๓ ประการนี้ พระองค์ทรงได้ อาศัยอานุภาพของการเจริญภาวนาจนทำให้เกิดญาณ หรีอ ความรู้แจ้งที่เรียกว่า วิชชา ๓ ได้แก่ วิชชาที่ ๑ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ความรู้แจ้งที่ ทำ ให้ทรงระลึกชาติอัอนดูความเป็นมาแต่หนหสังของ พระองค์เองได้ คู่มีอพุฑรมามก£ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัต ^^®^ เทะทุฑทศาสนาทฆตวามอยู่10ต«0«าวโan www.kalyanamitra.org
วิชชาที่ ไอ จุตูปปาตญาณ คือ ความรู้แจ้งที่ทรงทำให้ สามารถระลึกชาติย้อนดูความเป็นมาแต่หนหลังของเพื่อน ร่วมโลกได้ วิชชาที่ ๓ อาสวักขยญาณ คือ ความรู้แจ้งที่ทำให้ อาสวกิเลสซึ่งเป็นสาเหตุแห่งทุกข์หมดสิ้นไปอย่างถาวรได้ วิชชา ๓ นี้เอง ที่ทำ ให้พระสัมมาลัมพุทธเจ้าทรงรู้ความ จริงทั้งหมดของโลกและชีวิต สามารถกำจัดทุกข็ได้หมดสิ้น และดรัสรู้เป็นพระสัมมาลัมพุทธเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ต่อชาวโลก ทำ ให้ชาวโลกทุกยุคทุกสมัยได้พื่งความรู้ของ พระองค์เป็นเครื่องมือในการกำจัดทุกข็ให้แก่ตนเอง ในอดีตที่ผ่านมา ได้มืผู้ที่เห็นทุกข์ภัยในชีวิตเป็นจำนวน มาก แต่ก็หาหนทางแก่ไขภันไม่พบ จนกระทั้งโลกได้มืพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น พระองค์ทรงมืนํ้าพระทัยกรุณา สั่งสอนหนทางพ้นทุกข็ให้แก่ชาวโลกโดยตลอด จึงทำให้มื ผู้คนจำนวนมากจากทุกชั้นวรรณะต่างพาภันสละเรือน สลัด ทิ้งความยินดีในทางโลก หันมายินดีในทางธรรมโดยออก บวชเป็นบรรพชิต ทุ่มเทศึกษาและปฏิบัติอริยมรรคมืองค์ ๘ ตามคำสอนของพระพุทธองค์อย่างชนิดอุทิศชีวิตเป็นเติมพ้น โดยพยายามรักษาใจให้ผ่องใสเป็นสมาธิ อยู่ในทุกอิริยาบถ ตลอดวันดลอดคืน จนกระทั้งสามารถทำใจหยุดนิ่งเป็นสมาธิ อย่างต่อเนิ่องไม่ถอนถอย ได้บรรลุโลกุดดรธรรม ที่เรืยกว่า นิพพาน หลุดพ้นจากทุกข์ตามพระองค์!ปได้เป็นจำนวน มหาศาล ทู่มีอพุฑรมามกะฉบับ ความรูพึ้นฐานก่อนไปวัต(2)ทร£ทท0ฅาทนาทนควาน าโทท www.kalyanamitra.org
สำ หรับอริยมรรคมีองค์ ๘ ที่พระพุทธองค์ทรงนำมาสั่ง สอนชาวโลกนั้นบางครั้งพระองค์ก็ทรงเรียกชื่อแตกต่างกันไป เช่น หนทางอันประเสริฐ หนทางแห่งความไม่ประมาท เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับระดับพื้นฐานความรู้ของ ผู้ฟังธรรม แต่บางครั้งก็ทรงเรียกว่า \"กุศล\" เพราะแปลว่า ความถูกต้อง ความดีงาม ซึ่งหมายถึง หนทางกำจัดทุกข์ ให้หมดสินไป นอกจากนี้ บางครั้งพระองค์ก็ทรงเรียกว่า \"สมาธิ ประกอบต้วยองค์ ๗\" เพราะต้องการจะแปงการปฏิป้ตอริย มรรคมีองค์ ๘ เป็น ๒ ระดับ คือ ๑) ระดับเบื้องต้น ไต้แก่ การปฎิป้ตอริยมรรคมีองค์ ๘ ในระดับกัลยาณปุถุชน คือ บุคคลที่ยังกำจัดทุกข็ไม่หมดสิ้น ๒) ระดับเบื้องสูง ไต้แก่ การปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ ในระดับพระอริยบุคคล คือ บุคคลที่กำจัดทุกช่ใกล้จะหมดสิ้น แล้ว ไต้แก่ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และผู้ ที่กำ จัดทุกข์ใต้หมดสิ้นแล้ว ไต้แก่ พระอรห้นค์ สำ หรับในที่นี้ จะขอกล่าวถึงอริยมรรคมีองค์ ๘ สำ หรับ กัลยาณปุถุชนเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับต้วเรา มากที่สุด และเป็นความรู้ที่จะต้องใช่ในการแกอบรมกาย วาจา ใจของดนให้บริสุทธยิ่งๆ ขึ้นไปในปัจจุบัน ไต้แก่ คู่!!อพุฑธมามกร:ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด เ^โ!^ ทระทุฑ0ศาสนาทนความอยู่รอดชองชๆาโคก www.kalyanamitra.org
๑) สัมมาทิฎฐิ คือ ความเข้าใจโลกและชีวิตอย่างถูกต้อง ตามความเป็นจริงและเป็นกุศล ว่าอะไรถูก-ผิต อะไรดี-ชั่ว อะไรบุญ-บาป อะไรควรทำ-ไม่ควรทำ อะไรเป็นคุณ-โทษ ประกอบต้วยองค์๑๐ คือ การให้ทานมีผล การสงเคราะห์มีผล การบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผลผลแห่งกรรมดี-ชั่วมีจริงโลกนี้มี โลกหน้ามี มารตามีคุณ บิตามีคุณ สัตว์เกิดแบบโอปปาติกะ มีจริง พระอรห้นต์ผู้หมตกิเลสแล้วและสั่งสอนให้ผู้อื่นหมต กิ เลสตามมีจริง ๒) สัมมาสังกัปปะ คือความคิตที่ถูกต้องเป็นกุศลไต้แก่ ความไม่คิตหมกมุ่นอยู่ในกามและอบายมุข ความไม่คิต พยาบาท ความไม่คิตเบียตเบียน ๓) สัมมาวาจา คือ การพูตที่ถูกต้องเป็นกุศล ไต้แก่ การ มีเจตนาเว้นจากการพูดปต เว้นจากการพูดคำหยาบ เว้น จากการพูดส่อเสียด เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ ๔) สัมมากัมม้นตะ คือ การกระทำที่ถูกต้องเป็นกุศล ไต้แก่ การไม่ฆ่า การไม่สัก การไม่ประพฤติผิดในกาม ๕) สัมมาอาชีวะ คือ การประกอบอาชีพที่ถูกต้องเป็น กุศล ไต้แก่ การไม่เลี้ยงชีพต้วยการหลอกลวงผู้อื่น และการ ไม่ประกอบมิจฉาอาชีวะ ๕ ไต้แก่ ไม่ค้าอาวุธ ไม่ค้ามนุษย์ ไม่ค้าสัตว์มีชีวิตเพื่อฆ่า ไม่ค้าสิ่งเสพติด ไม่ค้ายาพิษ ๖) สัมมาวายามะคือ การประกอบความเพียรที่ถูกต้อง เป็นกุศลไต้แก่ เพียรละความชั่วทั้งปวง เพียรทำความดีสุดชีวิต ฐ่มีอพุทรมามกะauu ความรู้ฬึ๋นฐานท่อนไปวัด ^๑^^ พา£11]ทรศๆรนๆทบความอยู่'รอดนองชาาโลก www.kalyanamitra.org
เพียรรักษาใจให้บริสุทธึ๋■ผ่องใส ซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่องจน กลายเป็นนิสัยประจำต้ว ๗) สัมมาสติ คือ การระลึกในสิ่งที่ถูกต้องเป็นกุศลไต้แก่ การประคับประคองใจไว้ที่ศูนย์กลางกายภายในต้วอย่างต่อ เนื่องทุกอิริยาบถ ทั้งยามหสับและยามตื่น ไม่เปิดโอกาสให้ บาปอกุศลเกิดขึ้นในใจแม้แต่น้อยนิด หรือแม้แต่ความคิดไม่ ดีในอดีด ก็ไม่เปิดช่องให้1จหวนคิดเป็นอันขาด ทั้งนี้เพื่อให้ ใจสะอาดผ่องใสอยู่ดลอดเวลา ๘) สัมมาสมาธิ คือการตั้งจิดมั่นให้หยุดนื่งที่ถูกต้องเป็น กุศล ไต้แก่ การเจริญภาวนา คือ การปล่อยวางใจให้หยุดนื่ง อย่างต่อเนื่องไม่ถอนถอยอยู่ในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จน กระทั้งใจหยุดนื่งสนิทสมบูรถโ บรรลุธรรมะภายใน ตั้งแต่ดวง ปฐมมรรค ดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุดติ ดวง วิมุตติญาณฑัสสนะไปดามลำต้บๆ ทำ ให้กาย วาจา ใจเกิด ความบริสุทธไปตามลำดับๆ ตั้งแต่บริสุทธึ๋ในระดับมนุษย์ ระคับทิพย์ระคับรูปพรหม ระดับอรูปพรหม ระดับพระรัดนดรัย ภายใน จนกระทั้งบริสุทธเท่ากับนิพพาน จึงไต้เห็นนิพพาน เข้าถึงนิพพาน จากนั้นจึงเป็นการกลนใจให้บริสุทขึ้ เพื่อเป็น อันหนื่งอันเดียวกับนิพพานอันเป็นการปฎิบ้ติอริยมรรคมีองค์ ๘ ในระดับพระอริยบุคคลต่อไป อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เอง คือหนทางกำจัดทุกข์ที่ พระพุทธองค์ทรงแสวงหามาตั้งแต่ขณะยังทรงเป็นพระโพธิ ฐ่มีอพุทรมามกร auil ความรู้พนฐานก่ปีนไปวัด ^๑๕) พ1«1]ท0ศาสนาทนคาา วโan www.kalyanamitra.org
สัตว์โดยมีแรงบันดาลใจจากการที่ได้ทรงพบเห็นเทวทูต ๔ซึ่ง ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ระหว่างทาง เสด็จประพาสนอกวัง ในครั้งยังทรงเป็นเจ้าชายสิทธัดถะ มกุฎ ราชกุมารแห่งแควันสักกะ การเห็นเทวทูดทั้ง ๔ นั้น เป็นสิ่ง ที่เตือนให้พระองค์ทรงทราบความจริงว่า สิวิตเป็นทุกข์ คน ทั้งโลกนี้ล้วนแต่กำลังนับถอยหลังสู่ความตายทั้งสินไม่มี ใครหนีรอดใต้แม้แต่คนเดียว จากการประสบเหตุการณ์ในวันนั้น ทำ ให้พระองค์ทรง ด้องกสับมาครุ่นคิดอย่างหนักว่า จะหาทางกำจัดทุกข์ประจำ ชีวิดนี้อย่างไร พระองค์ทรงได้ข้อสรุปว่า ๑) นีพพาน คือสภาวะสินทุกข์นี้นจะต้องมีอยู่จริง ใอ) วิธีปฏิบัติเพื่อบรรลุนีพพาน จะต้องเป็นหนทาง กุศล ไม่ใช่หนทางอกุศล แต่สิ่งที่พระองค์ยังไม่ทรงทราบก็คือวิธีปฏิบัติที่เป็นกุศล นี้นเป็นอย่างไร หนทางเดียวที่พระองค์จะทราบได้ก็คือการ ออกบวช เพราะจะทำให้มีเวลาในการศึกษาด้นควัาหาวิธี ปฎิบตที่เป็นกุศลอย่างจริงจัง เมื่อพระองค์ทรงดกลงพระทัย เช่นนั้นแล้ว ก็ยังไม่ได้เสด็จออกบวชทันที จนกระทั้งถึงวันที่ พระราชโอรสองค์เดียวของพระองค์ประสูติ เทวทูตที่ ๕ คือ การเกิด ก็ได้มาเตือนพระองค์ทันทีว่า การเกิดคือจุดเริ่มต้น ของความทุกข์ ยิ่งเกิดมากครั้งเท่าไหร่ ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น คู่มือพุทธมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด(2)พระพุฑรดาทนากบทาามatjiontiQฬาาโทท www.kalyanamitra.org
ชะตาชีวิตของลูกน้อยที่อยู่ตรงหน้า กำ ลังจะซํ้ารอยชะตา ชีวิตเดียวกับพระองค์ และกำลังจะซํ้าร้อยเดียวกับชะตาชีวิต ของคนทั้งโลก สิ่งที่ต้องรีบทำให้สำเร็จ ก็คือ การหาหนทาง พ้นจากความเกิต ความแก่ ความเจ็บ ความตายให้พบ ก่อน ที่ความตายจะมาถึงตัว จึงทรงต้ตสินพระฑัยออกบวชเดี๋ยว นั้นทันที เพราะหากพระองค์ยังหาทางแกั!ขไม่ได้ก็จะไม่มี ใครในโลกนี้รอดพ้นจากความตายไปได้เลยสักคนเดียว จากนั้นพระองค์ก็ทรงมองดูพระราชโอรสองค์น้อยเป็น เชิงอำลา เพราะความจริงของชีวิต ไม่อาจทำให้ทรงรั้งรอ เวลาไว้ เพื่อให้พระราชโอรสมีโอกาสเห็นหน้าไต้เลย สิ่งเดียว ที่พระองค์ประทานไวิให็ไต้ ก็คือพระนามของพระโอรสว่า ราหล ซึ่งแปลว่า ปวง หมายถึง ปวงแห่งความเกิต ความแก่ ความเจ็บ ความตาย อันเป็นความหมายในเชิงเดีอนสติ พระองค์เองว่า ชีวิตของพระองค์ ของพระโอรสน้อย ของพระ ญาติพื่น้อง และของคนทั้งโลก ลัวนยังติดปวงแห่งความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตายอย่างดิ้นไม่หลุด การที่จะ ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากปัญหาประจำชีวิตเหล่านี้ไปไต้ พระองค์จะต้องหาทางกำจัดทุกๆรให้พบ เพราะนั้นคือความ อยู่รอดที่แทัจริงของคนทั้งโลก หลังจากพระองค์ทรงต้ตสินพระทัยเด็ดเดี๋ยวแล้ว ก็ เสด็จออกบวชในราตรีนั้นทันที ทรงทอดทิ้งความเป็นมกุฎ ราชกุมาร ทอดทิ้งว่าที่พระเจัาจักรพรรติ ทอดทิ้งพระราชจัง คู่มีฝิพุทธมามกร ฉบับ ความรู้พืนฐานก่อนไปวัด ^๑๗^ ฑระทุทธสาสนาทบความอยู่■รอดของชาวโลก www.kalyanamitra.org
อันเป็นเสมือนบานของพระองค์ เสด็จออกบวชเป็นสมณะ ผู้ แสวงหาทางกำจัดทุกข์อย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพน ดำ เนิน ชีวิตด้วยการบิณฑบาต นุ่งห่มผ้าบังสุกุล ประบับนั่งอย่ใด้ โคนไม้ มืยาตองนํ้ามูตรเน่าเป็นยารักษาโรค เพื่อให้มื สัมภาระดิตด้วน้อยที่สุต ดุจดั่งนกที่มืภาระเพียงปีกสองข้าง เท่านั้น การที่พระองค์ทรงสละสมบัดิพัสถานและความ สะตวกสบายทั้งหลายนั้น ก็เพราะทรงด้องการเวลา ซึ่งเป็น ของมืค่าที่สุตในชีวิต เพราะเวลาเป็นสิ่งเดียวที่ผ่านไปแล้ว มิ เพียงเอาคืนมาไม่ได้ แต่อังพาเอาความแข็งแรงของชีวิตไห่' หมตไปด้วย ยิ่งกว่านั้นอังทรงตระหน้กดีว่า ถ้าอังกำจัตทุกข์ ประจำชีวิตที่ดิตด้วมาไม่ได้ สมบัดิพัสถานทั้งหลาย จะมื ประโยชน์อะไรกับบุรุษผู้กำสังอยู่ในฐานะว่าที่คนตาย ด้งนั้น อาจกล่าวโตยสรุปได้ว่า เป้าหมายของการเสด็จ ออกบวชของพระองค์ก็คือ การบรรลุนิพพานภารกิจที่จะด้อง ทรงทำให้สำเร็จ ก็คือ การแสวงหาวิธีการบรรลุนิพพานด้วย วิธีปฏิบัติที่เป็นกุศลให้พบ และนั้นคือที่มาของการตระเวน ศึกษาจากสำน้กต่างๆ จนทั้วชมพูทวีป แต่ก็ไม่พบ จึงด้อง ทรงห้นมาลองผิตลองถูกด้วยพระองค์เอง หสังจากที่ทรงปฏิบัดิแบบลองผิตลองถูกด้วยการเอา ชีวิตเข้าแลกครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่นานถึง ๖ ปี พระองค์ก็ทรง ระลึกได้ว่า มืวิธีการหนึ่งที่พระองค์ทรงเคยด้นพบเมื่อพระ ชนมายุเพียง ๗ พรรษา นั้นคือ การปล่อยวางใจให้หยุดนิ่ง ทํมีฝิพท&มามกร ฉบับ ความเพนฐานก่อนไปวัด 1 ๑๘ 1 ฑ7รทุทธ«าสนาทนความอยู่!อด!แพซาวโทท www.kalyanamitra.org
เป็นสมาธิอยู่ในตัว จนกระทั่งบรรลุปฐมฌาน วิธีการนี้ยังไม่ มีผูใดในสำนักไหนได้ค้นพบ ทำ ให้พระองค์ทรงแน่พระทัยว่า วิธีการที่ทรงด้นพบในครั้งนั้น ด้องเป็นด้นทางแห่งการบรรลุ นิพพานอย่างแน่นอน เมื่อถึงวันเพ็ญขึ้น ๑๕ คั้าเดือน ๖ ซึ่งเป็นวันคล้ายวัน ประสติของพระองค์ พระชนมายฺที่เพิ่มขึ้นเป็น ๓๕ พรรษา ก็ โ 7o '? 0..0ฯ . I ทรงมายาเตอนเบาหมายการบวชของพระองคอกคริง และ ทรงตระหนักดืว่า ความตายกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ทำ ให้ พระองค์ทรงด้ตสินพระทํยแน่วแน่ว่า จะเจริญภาวนาด้วยวิธี การที่ทรงด้นพบเมื่อวัย ๗ พรรษา แต่การเจริญภาวนาครั้งนี้ จะเป็นการเจริญภาวนาครั้งสุตท้ายด้วยการสละชีวิตเสือต เนี้อเป็นเติมพัน ล้าหากไม่สามารถบรรลุนิพพานในการเจริญ ภาวนาครั้งนี้ ก็ทรงยินดืสละพระชนม์ชีพไวัที่โคนด้นพระ ศรีมหาโพธที่กำลังประท้บนั้ง ณ ริมฝังแม่นํ้าเนวัญชราอยู่นี้ และในเย็นวันนั้นเอง พระองค์ทรงถึงกับตั้งสัจจาธิษฐานว่า \"แม้เนื้อและเลือดจะแห้งเหือดหายไป เหลือแด่เอ็น หนัง กระดูกก็ตามที ตราบใดที่ยังไม่บรรลุอนุตตร สัมมาล้มโพธิญาณ ตราบนื้นจะใม่ขอลุกขึ้นจากที่นื้\" จากนั้นพระองค์ก็ทรงบำเพ็ญภาวนาอย่างอุกฤษฏ์โตยไม่ อาลัยในชีวิตอีกเลย เวลาผ่านไปตั้งแต่พลบคาจนยั้ารุ่ง ใจ ของพระองค์จึงได้บรรลุเป็นอันหนึ่งอันเดืยวกับนิพพาน ตลอตเวลา ทุกข์ทั้งหมตในด้วของพระองค์จึงถูกกำวัตสิ้นไป ค่มิอพุฑรมามกร ailu ความร์รูพ้พึิ๋นนฐ:านก่อนไปวัด พระทุฑทศาทนาทบความอยู่ร□ด!)องซาวโลท www.kalyanamitra.org
ได้อย่างเด็ดขาด พระองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธ- เจ้าอย่างสมบูรณ์ โดยไม่ได้พึ่งพาอาศัยฟ้ดเลย นอกจาก กำ สังความเพียรของพระองค์เอง หสังจากตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็ทรง ตรวจดูหนทาง?เกอบรมดนที่ผ่านมาทรงพบว่า กุศลที่พระองค์ ทรงแสวงหาตั้งแต่วันเสด็จออกบวช ก็คือ อริยมรรคมีองค์๘ นี้เอง ทั้งยังได้ทรงพบอีกด้วยว่า อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เป็น เสันทางเดิมและเสันทางเดียวกับที่พระสัมมาส้มพุทธเจ้าองค์ ก่อน ๆ ในอดีตไช?]กอบรมตน จนกระทั้งได้ตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้าก่อนหน้าพระองค์เช่นกัน แต่โลกได้ลืมหนทาง รอดตายสายนี้ไปแล้ว เมื่อทรงบรรลุเป้าหมายของการออกบวชอย่างสมบูรณ์ แบบแล้ว พระองค์ก็ทรงตระหน้กดีว่า การที่จะช่วยให้ชาว โลกกำจัดทุกข์ตามพระองค์ไปได้ มีอยู่หนทางเดียว คือด้อง ชักชวนให้ชาวโลกปฏิบตอริยมรรคมีองค์ ๘ ด้วยตนเอง โดย มีพระองค์ทำหน้าที่เป็นผู้ส์ทาง นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะช่วย เหลือชาวโลกได้ น้บแต่พระองค์ทรงเริ่มประกาศการสอนเรื่องอริยมรรคมี องค์ ๘ นั้น ก็ไม่ทรงเคยหวงแหนหรือปิดบังความรู้เลยแม้แต่ น้อย ขอเพียงให้คนผู้นั้นตั้งใจจริงเท่านั้น เพราะแม้แต่ในช่วง เวลาสุดท้ายก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพานในอีกไม่กี่นาที ขัางหน้า พระองค์ก็ยังทรงถามยํ้าแล้วยํ้าอีกว่า มีผู้Iตสงสัย คมอพุทรมามกะ ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^๒0ไ ฑ'ระทุฑธศาสนาทับความอยู่รอคของ■ชาวโลก www.kalyanamitra.org
ในคำสอนที่พระองค์สั่งสอนมาตลอด ๔๕ ปีหรือไม่ ถามยำ เช่นนี้อยู่หลายครั้ง แต่เมื่อไม่มี^ดสงสัยแล้ว จึงเท่ากับว่าได้ ทรงทำหน้าที่พระบรมครูสมบูรณ์แบบแล้ว พระองค์จึงเสด็จ ด้บขันธปรินิพพานในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ คา เดือน ๖ ซึ่งตรงกับ วันประสูติ และตรัสรู้ของพระองค์เอง หลงเหลือไวัแต่มรตก ธรรม คือ พระพุทธศาสนาให้ชาวโลกรุ่นหสังได้ศึกษาหนทาง กำ จัดทุกข์ตามรอยบาทของพระองค์ต่อไป ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจัาจึงทรงเป็น ผู้ทรง พระคุณอ้นประเสริฐต่อชาวโลก อย่างสุดที่จะประมาณ ไม่มีผู้ ใดในยุคไหนๆ ที่สมควรจะยึดถือเป็นด้นแบบแห่งการกำจัด ทุกข์ และสงเคราะห์มนุษย์ทั้งโลกได้ประเสริฐยิ่งกว่าพระองค์ อีกแล้ว ชาวโลกในยุคที่ผ่านมาต่างทราบความจริงนี้ดื จึงพา กันถวายพระนามเพื่อยกย่องเทิดทูนพระองค์ท่านว่า พระบรม ศาสดาเอกของโลก สิ่งที่น่าเสียดายอย่างมากสำหรับชาวโลกในยุคปัจจุบันนี้ ก็คือการเกิดมาไม่ทันพบพระสัมมาล้มพุทธเจัา จึงพลาด โอกาสที่จะได้ฟังคำสอนจากพระองค์โดยตรงไปอย่างน่า เสียดาย แต่ทว่าก็น้บว่ายังมีโชคอยู่บัาง ที่พระพุทธศาสนายัง มิได้สูญสิ้นไปจากโลกโดยยังมีพระภิกษุสงฆ์ ผู้เป็นพุทธสาวก ของพระพุทธองค์ที่บวชต่อๆ กันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลจนถึง ปัจจุบันนี้ยังคงทำหน้าที่ทรงรักษาคำสอนที่เรืยกว่าพระธรรม ของพระพุทธองค์เอาไวั ด้วยการทำหน้าที่ปฏิบัติตนเป็น คู่มือพุฑรมามกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด (^*๒^ «■$ะทุทธดาสนากัฆความอยู่รอคฃองชาวโลก www.kalyanamitra.org
ต้นแบบแห่งการกำจัดทุกข็ให้แก่ชาวโลก พร้อมทั้งปลูกฝัง ให้ชาวโลกช่วยกันรักษาและสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนให้มีการสิกษาธรรม ปฏิบัติธรรม เผยแผ่ ธรรม และปกป้องธรรมอย่างอุทิศสิวิตเป็นเติมพ้นโดยใน แต่ละยุคจะมีพระภิกษุที่ให้ความสำคัญของการรักษาธรรม ยิ่งกว่าชีวิดของคัวเอง กระทำการตั้งสัจจาธิษฐานด้วยการ เจริญภาวนาอย่างสละชีวิดเป็นพุทธบูชา เพื่อการบรรลุธรรม ของพระพุทธองค์ ทำ ให่โลกยังคงมีพระพุทธศาสนาดราบถึง ทุกวันนี้ คังมีคัวอย่างในอดีดที่ผ่านมาไม่นานนี้ประเทศไทยก็ได้มี พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนื (สด จนุทสโร) หรือ หลวงป๋วัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ที่ได้อุทิศชีวิดเพื่อการบรรลุ ธรรมดามรอยบาทของพระบรมศาสดา ท่านได้ตั้งสัจจะ อธิษฐานก่อนเริ่มทำสมาธิภาวนาอย่างเอาชีวิดเป็นเดิมพันว่า \"ถ้าเรานั่งลงไปครั้งนี๋ใม่เห็นธรรมที่พระพุทธเจัา ต้องการ เป็นอันไม่ลุกจากที่นี้จนหมดชีวิต\" เมื่อท่านตั้งจิดมั่นลงไปอย่างนั้นแล้ว ท่านก็เริ่มปรารภ ความเพียร จนกระทั้งบรรลุธรรมได้สำเร็จในวันเพ็ญฃื้น ๑๕ คา เดือน๑๐ และได้แนะนำสงสอนหสักการปฏิบดอริยมรรคมีองค์ ๘ ด้วยคำสรุปที่สั้นกะทัดรัดเหมาะสมแก่การศึกษาของชาว โลกยุคนี้ไวัว่า\"หยุดเป็นต้วสำเร็จ\"ซึ่งหมายถึงว่า การบรรลุ ธรรมตามคำสอนของพระสัมมาล้มพุทธเจ้านั้น จะเกิดขึ้นก็ คูมอพุฑรมามกะ ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัค ^๒^า ท1£1!;ท0คาทนาทนความ0||10ท«0ฬาวTan www.kalyanamitra.org
ต่อเมื่อเราสามารถปล่อยวางใจในขณะเจริญภาวนาให้เกิด ความหยุดนิ่งอยู่ในศูนย์กลางกายอย่างต่อเนื่องไม่ถอนถอย อันจะเป็นเหตุให้เกิดการกลั่นกาย วาจา ใจให้ปังเกิดความ บริสุทธี้ขิ้นไปดามลำดับๆ จนกระทงใจบริสุทธึ๋■เท่ากับนิพพาน ทำ ให้ใดัเห็นนิพพาน เข้าถึงนิพพาน และเป็นอันหนื่งอัน เดียวกับนิพพานนิ่นเอง การที่โลกในแต่ละยุคหลังพุทธกาล ยังมีพระมหาเถระ ผู้ ปฎิปัติอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ดั่ง เช่นพระเดชพระคุณหลวงปูวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ มาปังเกิด ขึ้นเป็นช่วงๆ นั้น ต้องถึอว่าเป็นความโชคดีของมนุษย์เป็น อย่างยิ่ง เพราะทำให้ชาวโลกในแต่ละยุค ยังคงไต้พระมหา เถระเป็นที่พึ่งในฐานะครูผู้สั่งสอน-อบรม-เคี่ยวเข็ญให้ ชาวโลกปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างถวายชีวิตตาม พระสัมมาส้มพุทธเจ้าสืบต่อกันไป โอกาสแห่งการรอดพ้น จากทุกข์ประจำชีวิดของชาวโลก จึงยังไม่ถูกปิดตายลง แม้ พระพุทธองค์จะมิไต้ทรงอยู่ต้วยแลัวก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจศึกษาต่อไป ก็คือ พระพุทธองค์ทรงมีวิธี การปูพื้นฐานการปฏิบดอริยมรรคมีองค์ ๘ ให้ชาวโลกเข้าใจ ดามทันไต้อย่างไร จึงทำให้พระองค์เองและพระสงฆ์สาวกใน แต่ละยุคสามารถขนชาวโลกไปนิพพานไต้เป็นจำนวนมาก คมอทฑรมามกร aim ความรู้พนฐานก่อนไปวัด พ1ะทุฑธศาสนาทนดวา»10ยู่10ดช0งชาวโลท www.kalyanamitra.org
การสอนเรื่องอริยมรรคมีองค์ ๘ เพื่อขนชาว โลกไปนิพพาน พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงทราบดีว่า อริยมรรคมีองค์๘ที่ พระองค์ทรงตรัสรู้นั้น คือหนทางเพียงสายเดียวที่สามารถ ช่วยมนุษย์ทั้งโลกให้รอดพ้นจากทุกขใด้เด็ดขาด แต่การที่จะ ทำ ให้มนุษย์ทั้งโลกนี้มีกำลังใจปฎิบํ[ตอริยมรรคมีองค์ ๘ ตาม พระองคไปนั้น ไม่ใช่ของง่าย พระองค์จึงจำเป็นต้องเดรียม การสอนให้พอเหมาะพอดีลับระต้บสติปัญญาของคนแต่ละคน จึงจะทำให้เขาเกิดกำลังใจที่จะกำจัดทุกข์ดามพระองค์ไป นิพพานไต้ วิธีการสอนอริยมรรคมีองค์ ๘ ที่พระองค์ทรง สอนให้ชาวโลกเข้าใจง่ายๆ ก็คือ ๑) ทรงจำแนกทุกข็ให้เห็นชัด ๒) ทรงจำแนกคนให้เห็นชัด ๓) ทรงจำแนกกฎประจำโลกให้เห็นชัด ๔) ทรงสอนให้มีดนเองเป็นที่พึ่งในการกำจัดทุกข์ ๕) ทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นแม่บทการ ศึกษาทางธรรม ให้ชาวโลกนำไปปฏิบัติดามอย่าง เร่งต่วน คูม0พุพรมวมกร:ฉบับ ความรูพนฐานก่อนไปวด ^๒ พระพุทรคารนาทนความอม่ไ10คข0งทาาโลก www.kalyanamitra.org
๑) ทรงจำแนกทุกข็ให้เหนชัด พระองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า ทุกข์ประจำชีวิตมนุษย์นั้น แปง เป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ทุกข์จากการดำรงชีวิต เช่น ทุกข์จากสภาพดินฟ้า อากาศไม่เอื้ออำนวย ทุกข์จากสุขภาพร่างกายทรุดโทรม ทุกข์จากการแสวงหาปัจจัย ๔มาเลี้ยงชีวิตไม่เพียงพอ เป็นด้น ทุกข์จากการอยู่ร่วมกัน เช่น ทุกข์จากการกระทบ กระทั่ง ทุกข์จากการถูกเอารัดเอาเปรียบ ทุกข์จากการแก่ง แย่งชิงดี ทุกข์จากการถูกคดโกง เป็นด้น ทุกข์จากอำนาจกิเลส เช่น ทุกข์จากความเห็นแก่ได้ ทุกข์จากความเคียดแค้นอาฆาต ทุกข์จากความลุ่มหลง มัวเมาอบายมุข ทุกข์จากความน้อยเนื้อตาใจ ทุกข์จากความ อิจฉาริษยา เป็นด้น ทุกข์ทั่ง ๓ ประเภทนื้ ได้ดามราวีชีวิตมนุษย์อย่างชนิด ไม่เลิกราอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก หากพระพุทธองค์ใม่ทรง สอนคนทั่งโลกนื้ให้รู้ความจริงเรื่องทุกข์ และไม่เคี่ยวเข็ญให้ ด้บทุกข์ ชีวิตของคนทั่งโลกนื้ ก็จะมีแต่ความทุกข์ทับทวี คน ทั่งโลกนื้ก็มีแต่จะจับอาวุธเข้าเข่นฆ่ากันให้ดาย โลกก็จะลุก เป็นไฟ และถูกเผาไหม้ให้เป็นจุลด้วยแมือมนุษย์ด้วยกัน เท่านั้น คู่มีอพุทธมามกร ฉบับ ความรู้พึ๋นฐานก่อนไปวัด พ''ะ*!\"ท^าร'นา\"นความ าโan www.kalyanamitra.org
๒) ทรงจำแนกบุคคลให้เห็นชัด พระองค์ทรงชี้ให้เห็นชัดว่า บุคคลในโลกนี้มิได้มองเห็น ชีวิตตามความเป็นจริงทุกคน พวกที่หนึ่ง คือ พวกที่มองเห็นแล้วว่าชีวิตเป็นทุกข์จึง ตะเกียกตะกายหาทางกำจ้ตทุกข์เรื่อยมา จนกระทั่งใกล้จะ พ้นทุกขได้แล้ว เปรียบเหมือนคนที่ว่ายข้ามกระแสนํ้าเชี่ยว จนใกล้จะถึงฝังแล้ว ขอเพียงได้เห็นคนที่ชี้นฝังได้แล้วเป็น กำ ล้งใจ กีจะว่ายตามไปถึงฝังอย่างแน่นอน เช่น พระโพธิสัตว์ เป็นด้น พวกที่สอง คือ พวกที่มองเห็นว่าชีวิตเป็นทุกข์เหมือน พวกแรก แต่ยังหาทางกำจัตทุกข์โม่พบ เปรียบเหมือนคนที่ กำ สังพยายามว่ายทวนกระแสนํ้าเชี่ยวเข้าหาฝัง แต่ยัง กำ หนตทิศทางสู่ฝังไม่ได้ เช่น ผู้มืบุญที่ใกล้จะบรรลุเป็นพระ อรห้นต์ เป็นด้น พวกที่สาม คือ พวกที่ยังไม่รู้ว่าชีวิตเป็นทุกข์ จึงไม่ได้ ตะเกียกตะกายหาทางกำจัตทุกข์ เปรียบเหมือนคนที่ลอยคอ อยู่กลางกระแสนํ้าเชี่ยว รอวันจมลงสู่ก้นแม่นํ้า พวกที่สี คือ พวกที่ยังไม่รู้ว่าชีวิตเป็นทุกข์ กำ ล้งเมามัน กับการประพฤติผิตศีลธรรม และจมปรักอยู่กับอบายมุขอย่าง ไม่ลืมหูลืมตาเปรียบเหมือนคนตาบอตที่กำสังจมดิ่งสู่กันแม่นํ้า ย่อมยากจะโผล่พ้นผิวนํ้าชี้นมาได้ มืแต่ตายกับตายเท่านั้น คู่มีอพุฑรมามกะผับ ความรู้ฬึ๋นฐานก่อนใปว้ด0ท1ร1]ท0คา1เนาทันทวาMOyiOOTlOOราวโลก www.kalyanamitra.org
คนทั้งสี่กลุ่มนี้ มองเห็นความจริงของชีวิตไดไม่เท่ากัน มีกำ ลังใจไม่เท่ากัน มีปัญญาในการ?เกตนไม่เท่ากัน จำ เป็น ต้องได้รับคำชี้แนะที่พอเหมาะพอดีกับแต่ละคน จึงจะลงมีอ กำ จัดทุกข์ตามคำสอนของพระองค์ และบรรลุนิพพานตาม พระองค์ใปไต้ แม้อาจไม่ไต้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยการไต้รู้ ทางรอดไว้บ้าง ก็ดีกว่าไม่รั ๓) ทรงจำแนกกฎประจำโลกให้เห็นชัด พระองค์ทรงชี้ให้เห็นชัดว่า กฎในโลกนี้มีอยู่ ๔ ประเภท ได้แก่ ๓.๑) กฎหมาย คือ กฎระเบียบต่างๆ ที่มนุษย่ในแต่ละ ประเทศนั้นๆ กำ หนดชี้น เพื่อเป็นหลักในการปกครอง พลเมีองในประเทศของตนให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ ชึ่งลัวนมี ความแดกต่างกันไปดามแต่ละประเทศ ๓.\"๒) กฎจารีตประเพณี คือ กฎระเบียบต่างๆ ที่มนุษย์ กำ หนดชี้น เพื่อเป็นหลักในการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันอย่าง เป็นสุขในห้องถิ่น หรือประเทศของตน โดยไม่ชัดต่อ กฎหมายของประเทศนั้น เช่น การกิน การอยู่ การใช้ปัจจัย ๔ การรักษาพยาบาล เป็นต้น ๓.๓) กฎแห่งกรรม คือ กฎความจริงที่มีอยู่แล้วใน ธรรมชาติ เป็นกฎกำหนดความแดกต่างของชีวิตมนุษย์ทุก คนในโลกนี้ ให้มีรูปสมบ้ติ ทรัพย์สมบ้ติ คุณสมบ้ติ และสี่ง คูมีอVเฑรมามกร:auu ความเพนฐานท่อนใปว้ด ^๒ ท1£พุท0ศาทนาทฆทวามoyiantiaoitiวโan www.kalyanamitra.org
แวดล้อมทั้งที่หยาบและประณีตแตกต่างกันไป อีกทั้งเป็นตัว กำ หนตความถูก-ผิต ดี-ชั่ว บุญ-บาป คุณ-โทษ ที่เกิตขื้น จากการกระทำทางกาย ทางวาจา และทางใจของแต่ละคน และส่งผลเป็นความทุกข์หรือความสุขของมนุษย์ทั้งในชาตินี้ ในชาติหน้า และในชาติต่อๆ ไป ๓.๔) กฎไตรลักษณ์ คือ กฎความจริงที่มีอยู่แล้วใน ธรรมชาติ เป็นกฎที่ทำให้มนุษย์และสรรพสิ่งในโลกนี้ตกอยู่ ในสภาพของความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ความไม่ใช่ของตน ทำ ให้ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้มีสภาพที่ผุพังไม่แน่นอน นั่นคือ เมื่อเกิตขึ้นแล้ว ก็ตั้งอยู่ไตัพักหนึ่ง จากนั้นก็จะเสื่อมสภาพ ไปตามวันเวลา ไม่มีใครตัานทานไวใตั กฎหมายกับกฎจารืตประเพณีนั่น เป็นกฎที่มนุษย์ กำ หนตขึ้นเอง ยังอยู่ในสภาพลองผิดลองถูก ไม่ตรงตาม ความเป็นจริงเสมอไป เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เทคโนโลยี สภาพตินฟ้าอากาศ กฎหมายกับกฎจารืต ประเพณีก็จะตัองถูกแก็ใขกำหนตขึ้นใหม่ตามความเหมาะ สมของเหตุการณ์ต่างๆ ในยุคนั้นๆ แต่กฎแห่งกรรมกับกฎไตรลักษณ์นั่น เป็นกฎที่มีอยู่แล้ว ในธรรมชาติ พระสัมมาล้มพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ตันพบสองกฎนี้ ด้วยญาณทัสนะของพระองค์เอง และนำมาเปิตเผยให้ชาว โลกทราบว่า สองกฎนี้เป็นกฎเหล็กที่ควบคุมชะตาชีวิตของ มนุษย์เอาไวั แต่ไม่ได้ทรงเปิตเผยว่าสองกฎนี้มีอยู่ใน ทูมอฬุทรมา}Jกร ฉบับ ความรู้พนฐานก่อนไปว้'ด ^๒ พ-!ะทุฑธศารนาทบทวามอยู่รอดของ!ทวโลท www.kalyanamitra.org
ธรรมชาติได้อย่างไร และใครเป็นผู้ตราสองกฎนี้ขึ้นมา เพราะ เมื่อบุคคลใดสามารถบรรลุนิพพานได้ดุจเดียวกับพระองค์แล้ว เขาก็จะรู้เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง กฎแห่งกรรมและกฎไตรลักษณ์นี้เป็นกฎที่มีอันตราย อย่างยิ่งต่อมวลมนุษยชาติ เพราะหากใครทำผิดกฎแห่งกรรม แม้จะด้วยความไม่รู้หรือไม่เจตนาก็ตาม แต่โทษที่เกิดขึ้นกับ ชีวิตก็จะยังคงมีอยู่ และโทษที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่แค่ส่งผลให้ เกิดความทุกชีในขณะปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังจะส่งผลเป็น ความทุกข์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งในชาตินี้ ชาติหน้า และ ชาติต่อๆ ไปอีกด้วย ทำ ให้ชีวิตด้องเผชิญกับความทุกข์ยาก ลำ บากต่างๆ นานาอย่างไม่รู้จบรู้สิ้น เปรืยบเหมีอนคนทำผิด เพียงครั้งเดียว แต่ด้องถูกจองจำเป็นน้กโทษและโดนลงทัณฑ์ ทนทรมานอยู่ในคุกตลอดชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม เท่าใดน้ก แต่เพราะการตรัสรู้ทำให้พระองค์ทรงพบว่า หนทาง เดียวที่มนุษย์ทั้งโลกจะรอดพ้นจากความทุกข์ประจำชีวิต จากอันตรายของกฎแห่งกรรม และจากการถูกทำลายล้าง ด้วยกฎไตรลักษณ์ ก็คือ ด้องสอนให้ชาวโลกทุ่มเทปฏิบัติ อริยมรรคมีองค์๘ จนกระทั้งบรรลุนิพพาน เพราะนิพพานนั้น มีสภาวะแห่งความสิ้นจากทุกข์สภาวะแห่งความสิ้นวิบากกรรม และสภาวะแห่งความสิ้นไตรลักษณ์ จึงมีแต่ความสุข ความ บริสุทธ และความเป็นอมตะล้วนๆ กฎแห่งกรรมและกฎไตร ลักษณ์จึงตามไปครอบงำไม่ได้ คู่มอพุฑรมา}Jกร aiJU ความรู้ฟนฐานก่อนใปว้ด f tegrj ท1«ททร(ท9นาทนทาา»10^10«1«0ง«๚วโฝิท www.kalyanamitra.org
๔) ทรงสอนให้มีตนเองเป็นที่พึ่งในการกำจ้ดทุกฃ์ ในการปฏิบตอริยมรรคมีองค์ ๘ นั้น พระสัมมาส้มพุทธ เจ้าทรงให้หสักการปฎิบตไว้อย่างชัดเจนว่า อัตตา หิ อัตตะโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา ตนเท่านั้นเป็นที่พึ่งแห่งตน บุคคลใดเล่าจะเป็นที่พึ่งให้แก่ตนได้ อัตตะนา หิ สุทันเตนะ นาอัง ละภะติ ทุลละอัง เพราะบุคคลที่แกตนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่ง (คือ นิพพาน)ที่บุคคลอื่นไดีโดยยาก พุทธพจน์บทนี้ ส่องทางให้ชาวโลกได้รู้ว่า ๔.๑) การที่จะกำจัดทุกฃ็ได้หมดสิ้นนั้น ด้องกำจัด ด้วยดนเอง ไม่ว่ามนุษย์หรือเทวดา หรือใครอื่นก็ไม่อาจ กำ จัดทุกข์แทนเราได้ แม้ว่าบุคคลนั้นจะมีความยินดีช่วย เหลือเราด้วยความเต็มใจก็ดาม ๔.๒) การที่จะกำจัดทุกฃ็ได้หมดสิ้นนั้น ด้องอาศัยที่ พึ่งที่ไดโดยยาก คือ นิพพาน ๔.๓) การที่จะได้นิพพานเป็นที่พึ่งนั้น ด้องอาศัยการ พึ่งดนเอง ๓ ระด้บ ด้งนี้ ระด้บที่หนึ่ง คือ พึ่งการแกอบรมดนเองให้มีกาย วาจา ใจที่บริสุทธเท่าอับนิพพาน ดู่มีอฬุฑรมามกร ฉบับ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด msYjnoศๆทนาทบ«วามอยู่!อดของชาวโรท www.kalyanamitra.org
ระดับที่สอง คือ พึ่งความบริสุทธกาย วาจาใจเท่ากับ นิพพาน ไปเห็นนิพพาน เข้าถึงนิพพาน และเป็นอ้นหนึ่ง อ้นเดึยวกับนิพพาน ระดับที่สาม คือ พึ่งความบริสุฑธเป็นหนึ่งเดืยวกับ นิพพานไปกำจัดทุกข์และต้นเหตุแห่งทุกข็ให้หมดสิ้นไปโดย เด็ดขาด ๔.๔) ผู้ที่จะสามารถพึ่งดนเองไต้ทั้ง ๓ระต้บนั้นจะต้อง เป็นผู้ที่แกอบรมดนเองดีแล้ว นั่นคือ ต้องมีคุณสมบัติของผู้ ปรารภความเพียร ๕ ประการ อยู่ประจำ ต้ว ไต้แก่ (๑) ความเป็นผู้มีศรัทธา คือ เป็นผู้ที่รู้ถึง พระคุณของพระสัมมาล้มพุทธเจัาอย่าง ชัดเจน และมีอุดมการถเชีวิดที่จะมุ่งแก อบรมดนเองเพึ่อกำจัดทุกข็ให้หมดสิ้นดาม พระสัมมาล้มพุทธเจ้าไป (ไอ) ความเป็นผู้มีอาพาธน้อย คือ เป็นผู้ที่มี นิสัยเคร่งครัดดูแลรักษาสุขภาพของตนเป็น และรู้ประมาณในการบริโภคใช้สอยปัจจัย ๔ ให้เหมาะสมกับสุขภาพของดน (๓) ความเป็นผู้lมTอ้อวด-ไม่มืมารยา คือ เป็น ผู้ที่มีนิสัยรักการแกอบรมดนเองให้มีความ รู้ดี ความสามารถดี และความประพฤติดี อยู่ในระดับที่รับผิดชอบดนเองไต้ ไม่เป็น ภาระของใคร คมปีพุฑรมามกร ฉปับ ความรู้พนฐานก่อนไปวัด ^1๓๑^ พ'!รเ นาทนคาาม0||10ทซ04ทาาโลก www.kalyanamitra.org
อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับการปลูกฝังจิตใจ ของความเป็นมนุษย์มาอย่างสมบูรณ์ได้แก่ การรู้จักแปงปันให้เพื่อนมนุษย์เพื่อให้เขามี ความสุข (เมตตา) การรู้จักสงเคราะห์ เพื่อนมนุษย์ที่กำลังตกทุกข็ได้ยาก(กรุณา) การรู้จักยกย่องยินดีเพื่อนมนุษย์ที่ทำความดี ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอยู่ในฐานะที่สูงกว่าตน เสมอกับตน หรือตากว่าตนก็ตาม (มุทิตา) การรู้จักยอมรับผลแห่งวิบากกรรมตาม ความเป็นจริงว่า ทำ ดีด้องได้ดี ทำ ชั่วด้อง ได้ชั่ว (อุเบกขา) คนที่รับผิดชอบตนเองได้ และมีนั้าใจ เอื้อเพื่อต่อเพื่อนมนุษย์เช่นนี้ จึงจะมีความ พรัอมต่อการ'ผิกอบรมตนให้มีคุณธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปโดยไม่มีข้อแม้ เงื่อนไขในการทำ ความดีจึงมีความมนใจและภาคภูมิใจใน ตนเอง ไม่กลัวว่าใครจะไม่รู้คุณธรรมของ ตน แต่กลัวว่าตนจะไม่มีคุณธรรมนั้นๆ อยู่จริง ทำ ให่ไม่ด้องหลอกตัวเองด้วยการ โอ้อวดในสิ่งที่ตนไม่มี และไม่ด้องมี มารยาทปกปิตความจริงที่ตนได้หลอกลวง ผ้อื่นเอาไว้ จึงสามารถ'ผิกอบรมตนตามคำ คู่มือพุฑรมามกรฉใJบ ความรู้พึ้นฐานก่อนไปวัด ^๗^ พ'Jรทุฑธสาสนาทับศวาพอยู่พคของทาวโรก www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251