เอกสารประกอบ หลกั สตู รสถานศกึ ษา กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ -๖ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๓) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) โรงเรยี นไทยรฐั วทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ สานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา กรุงเทพมหานคร
ประกาศโรงเรยี นไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ เรื่อง ใหใ้ ชห้ ลกั สูตรโรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ พทุ ธศักราช ๒๕๕๒ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ___________________________ ตามท่ีโรงเรียนไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกยี รติ ไดป้ ระกาศใช้หลกั สตู รโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกยี รติ พทุ ธศักราช ๒๕๕๒ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๕๙) เพือ่ ให้การจัดการศึกษาระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนต้นของโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ โดยมุ่งเน้นผูเ้ รียนเป็นสำคญั บนพื้นฐาน ความเช่อื ว่าทกุ คนสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้เตม็ ตามศักยภาพระดับสากล ผู้เรียนมีความตระหนัก รักความเป็นไทย มีวินัยใฝ่เรียนรู้ มี จิตสาธารณะ มีความเป็นพลเมืองดี มีทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีและด้านสื่อสารมวลชนศึกษา และได้ ดำเนินการจัดทำหลักสูตรโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ พุทธศักราช ๒๕๕๒ (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๑) สอดคล้องตามประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เร่ือง การบริหารจัดการเวลาเรียน และปรับ มาตรฐานและตัวชี้วดั สอดคลอ้ งกับ คำสง่ั สพฐ. ที่ ๑๒๓๙/๖๐ และประกาศ สพฐ. ลงวันท่ี ๘ มกราคม ๒๕๖๑ เปน็ ที่เรยี บรอ้ ยแลว้ จึงประกาศใช้หลักสูตรโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ พุทธศักราช ๒๕๕๒ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓) ดังปรากฏแนบทา้ ยประกาศนี้ ทั้งน้ี หลกั สูตรโรงเรยี นได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน เมื่อวนั ท่ี ๑๒ เดอื น พฤษภาคม พ.ศ. 256๓ จงึ ประกาศใหใ้ ชห้ ลักสูตรโรงเรยี นตง้ั แต่บัดน้ี เป็นต้นไป ประกาศ ณ วนั ท่ี ๑๒ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 256๓ (นายถิรชัย วุฒธิ รรม) (นายวเิ ชียร สุขจนั ทร์) ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน ผู้อำนวยการโรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรฐั วทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกยี รติ
บทนำ ตวั ช้ีวัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 นีไ้ ดก้ ำหนดสาระการเรยี นรู้ออกเป็น ๘ สาระ ได้แก่ สำระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สำระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ สำระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ สาระที่ ๔ ชวี วิทยา สาระท่ี ๕ เคมี สาระท่ี ๖ ฟสิ ิกส์ สาระที่ ๗ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ และ สาระที่ ๘ เทคโนโลยี ซง่ึ องคป์ ระกอบของหลักสูตร ทัง้ ในด้ำนของเน้อื หา การจัดการเรยี นการสอนและการวัด และประเมินผล การเรยี นรนู้ น้ั มคี วามสำคญั อยา่ งย่ิงในการวางรากฐานการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ของผเู้ รียนในแต่ ละระดับชั้นให้มี ความต่อเนื่องเชื่อมโยงกนั ตั้งแตช่ ั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สำหรับ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ ได้กำหนดตวั ชี้วัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง ที่ผู้เรียนจำเป็นต้องเรยี น เป็นพนื้ ฐาน เพ่ือใหส้ ามารถ นำความรนู้ ไี้ ปใช้ในการดำรงชวี ิต หรอื ศกึ ษาตอ่ ในวิชาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ได้ โดยจัดเรียงลำดับความยากง่าย ของเนื้อหำทั้ง ๘ สาระในแต่ละระดับชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้กับ กระบวนการเรียนรู้ และการจดั กิจกรรมการ เรียนร้ทู ี่สง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นพฒั นาความคดิ ทง้ั ความคิดเป็นเหตุเป็น ผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่ สำคัญทั้งทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะใน ศตวรรษที่ ๒๑ ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ดว้ ยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สามารถแก้ปัญหาอย่าง เป็นระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ สถาบันส่งเสริมการ สอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (สสวท.) ตระหนกั ถึงความสำคญั ของการจดั การเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ที่มุ่งหวัง ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนมากที่สุด จึงได้จัดทำตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ข้ึน เพ่ือให้สถานศึกษา ครูผู้สอน ตลอดจนหนว่ ยงานต่าง ๆ ได้ใช้เป็นแนวทางในการพฒั นา หนงั สือเรียน คู่มือครู ส่ือประกอบการเรียนการสอน ตลอดจนการวดั และประเมินผล โดยตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง กลุ่ม สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ที่จัดทำขึ้นนี้ได้ปรับปรุงเพือ่ ให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงกันภายในสาระการเรียนรู้ เดียวกันและระหว่างสาระการเรยี นรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเชื่อมโยงเนื้อหาความรู้ ทางวทิ ยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์ด้วย นอกจากนี้ ยงั ได้ปรับปรุงเพือ่ ใหม้ คี วามทันสมัยตอ่ การเปลย่ี นแปลง และ ความเจรญิ กา้ วหน้าของวิทยาการตา่ ง ๆ และทดั เทียมกับนานาชาติ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์สรุปเป็น แผนภาพไดด้ ังน้ี หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ - มาตรฐาน ว ๒.๑-ว ๒.๓ สาระท่ี ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ - มาตรฐาน ว ๑.๑-ว ๑.๓ - มาตรฐาน ว ๓.๑-ว ๓.๒ สาระที่ ๔ เทคโนโลยี - มาตรฐาน ว ๔.๑-ว ๔.๒ วทิ ยาศาสตรเ์ พิ่มเตมิ ⚫ สาระชีววทิ ยา ⚫ สาระเคมี ⚫ สาระฟสิ กิ ส์ ⚫ สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรียนไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
เปา้ หมายของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยมนุษย์ใช้กระบวนการสังเกต สำรวจ ตรวจสอบ และการทดลองเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและนำผลมาจัดระบบ หลักการ แนวคิดและ ทฤษฎี ดงั นัน้ การเรียนการสอนวิทยาศาสตรจ์ ึงมงุ่ เนน้ ให้ผู้เรียนได้เป็นผู้เรยี นรูแ้ ละค้นพบด้วยตนเองมากท่ีสุด นนั่ คอื ใหไ้ ดท้ ั้งกระบวนการและองค์ความรู้ ตงั้ แตว่ ัยเรม่ิ แรกก่อนเข้าเรยี น เมอ่ื อยู่ในสถานศึกษาและเมื่อออก จากสถานศึกษาไปประกอบอาชพี แล้ว การจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ในสถานศึกษามีเป้าหมายสำคญั ดงั น้ี 1. เพื่อให้เขา้ ใจหลกั การ ทฤษฎีท่ีเปน็ พื้นฐานในวิทยาศาสตร์ 2. เพอ่ื ให้เข้าใจขอบเขต ธรรมชาติและขอ้ จำกัดของวทิ ยาศาสตร์ 3. เพื่อให้มีทกั ษะทส่ี ำคญั ในการศึกษาค้นคว้าและคิดคน้ ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. เพื่อพฒั นากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ญั หาและการจัดการทักษะใน การสือ่ สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ 5. เพื่อใหต้ ระหนักถงึ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์และสภาพแวดล้อมใน เชิงทีม่ ีอทิ ธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกนั 6. เพื่อนำความรู้ความเข้าใจในเรือ่ งวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อสังคม และการดำรงชีวติ 7. เพื่อให้เป็นคนมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์ เรยี นรู้อะไรในวทิ ยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรม์ ุ่งหวงั ใหผ้ ู้เรยี นได้เรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ทเ่ี น้นการ เชอื่ มโยงความรู้กับ กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ทุกขั้นตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือ ปฏิบัติจริงอยา่ งหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชน้ั โดยกำหนดสาระสำคญั ดังน้ี ✧ วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ เรียนรูเ้ กย่ี วกบั ชีวิตในสง่ิ แวดล้อม องคป์ ระกอบของสง่ิ มชี ีวิต การดำรงชีวิต ของมนุษย์และสัตว์การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ สงิ่ มีชีวติ ✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกบั ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การเคลื่อนที่ พลังงาน และคล่ืน ✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบ สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และผลต่อสงิ่ มชี ีวติ และสงิ่ แวดลอ้ ม ✧ เทคโนโลยี ● การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพ่ือการดำรงชีวิต ในสังคมที่มีการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือ แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช้ เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ สังคม และสิ่งแวดลอ้ ม หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
● วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา เป็นขั้นตอนและ เป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการ แกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ิตจริงได้อย่างมีประสิทธภิ าพ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๑ วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสิ่งไม่มีชวี ติ กับส่งิ มีชีวิต และ ความสมั พนั ธ์ระหว่างสิ่งมีชวี ิตกับสง่ิ มีชีวติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีตอ่ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการ แก้ไขปัญหาส่ิงแวดลอ้ ม รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบตั ิของสิง่ มีชวี ิต หน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมชี วี ิต การลำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงาน สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ี ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน สมั พันธ์กัน รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและ ววิ ัฒนาการของสิง่ มีชีวติ รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลง สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชีวติ ประจำวนั ผลของแรงทกี่ ระทำต่อวตั ถุ ลักษณะ การเคลื่อนท่ี แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุรวมทัง้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ที่ เกยี่ วขอ้ งกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้ง นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาว ฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการ ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก รวมท้งั ผลตอ่ ส่งิ มชี ีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกยี รติ
สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่าง รวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และ ศาสตร์อื่น ๆ เพื่อ แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิง วิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และ สิ่งแวดลอ้ ม มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาทพี่ บในชีวติ จริงอยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนและเป็น ระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี ริยธรรม หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ
วิสัยทศั น์กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิสัยทัศน์ “ยกระดับคุณภาพ สู่มาตรฐานการศึกษาชั้นนำและสู่สากล มีศักยภาพในการแข่งขัน ยึดหลกั การบรหิ ารจดั การแบบมสี ่วนรว่ ม ภายในปกี ารศึกษา ๒๕๖๑” สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานท่ีกำหนด ซง่ึ จะชว่ ยให้ผู้เรยี นเกิดสมรรถนะสำคญั และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดังน้ี สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐานมงุ่ ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ สมรรถนะสำคญั ๕ ประการ ดังน้ี ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เปน็ ความสามารถในการรับและส่งสาร มีวฒั นธรรมในการใชภ้ าษา ถ่ายทอดความคิด ความร้คู วามเขา้ ใจ ความรู้สกึ และทศั นะของตนเองเพือ่ แลกเปลย่ี นข้อมูลขา่ วสารและ ประสบการณอ์ ันจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาตนเองและสงั คม รวมทัง้ การเจรจาต่อรองเพอื่ ขจัดและลด ปัญหาความขัดแยง้ ต่าง ๆ การเลือกรับหรอื ไมร่ บั ขอ้ มลู ข่าวสารด้วยหลักเหตผุ ลและความถูกตอ้ งตลอดจนการ เลอื กใชว้ ิธีการสอื่ สารท่มี ปี ระสิทธภิ าพโดยคำนงึ ถึงผลกระทบท่มี ีต่อตนเองและสังคม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมวี ิจารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ เพ่อื นำไปสู่การสร้างองค์ความรูห้ รือสารสนเทศ เพอื่ การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการแก้ปญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆ ที่ เผชญิ ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เขา้ ใจความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและ แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและ ส่งิ แวดล้อม ๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ในการ ดำเนนิ ชีวิตประจำวนั การเรียนรดู้ ้วยตนเอง การเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เน่อื ง การทำงาน และการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คม ด้วยการสร้างเสริมความสมั พันธ์อนั ดรี ะหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขดั แยง้ ต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การ ปรับตัวให้ทนั กบั การเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดลอ้ มและการรู้จักหลกี เล่ียงพฤติกรรมไมพ่ ึงประสงค์ ท่สี ง่ ผลกระทบต่อตนเองและผ้อู นื่ ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลอื ก และใช้ เทคโนโลยีด้านตา่ ง ๆ และ มีทกั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพอ่ื การพฒั นาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรยี นรู้ การสอ่ื สาร การทำงาน การแกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมีคณุ ธรรม หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรียนไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้ สามารถอยรู่ ว่ มกบั ผูอ้ ่ืนในสังคมได้อยา่ งมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมอื งไทยและพลโลก ดงั น้ี ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซ่อื สตั ยส์ จุ รติ ๓. มวี นิ ยั ๔. ใฝ่เรยี นรู้ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ๖. มุ่งมน่ั ในการทำงาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มีจติ สาธารณะ ทักษะมจี ำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ ท่ีทุกคนจะต้องเรียนรตู้ ลอดชวี ติ คอื การเรยี นรู้ ๓R x ๗C ๓R คือ Reading (อ่านออก), (W)Riting (เขียนได)้ , และ (A)Rithemetics (คดิ เลขเปน็ ) ๗C ได้แก่ Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการ แกป้ ญั หา) Creativity and Innovation (ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม) Cross-cultural Understanding (ทกั ษะด้านความเขา้ ใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์) Collaboration, Teamwork and Leadership (ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะ ผนู้ ำ) Communications, Information, and Media Literacy (ทักษะด้านการสือ่ สารสารสนเทศ และรู้เท่า ทันสือ่ ) Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร) Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรยี นร)ู้ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
คุณภาพผู้เรียน จบชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ❖ เข้าใจลักษณะที่ปรากฏ ชนิดและสมบัติบางประการของวัสดุที่ใชท้ ำวัตถุ และการเปลีย่ นแปลงของ วัสดุรอบตวั ❖ เขา้ ใจการดึง การผลัก แรงแม่เหล็ก และผลของแรงท่มี ีตอ่ การเปล่ยี นแปลง การเคลื่อนที่ของวัตถุ พลงั งานไฟฟ้า และการผลิตไฟฟ้า การเกิดเสียง แสงและการมองเหน็ ❖ เขา้ ใจการปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจนั ทร์ และดาว ปรากฏการณ์ขึน้ และตกของ ดวง อาทิตย์ การเกิดกลางวันกลางคืน การกำหนดทิศ ลักษณะของหิน การจำแนกชนิดดินและการใช้ประโยชน์ ลกั ษณะและความสำคญั ของอากาศ การเกดิ ลม ประโยชนแ์ ละโทษของลม ❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจสังเกต สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมอื อยา่ งงา่ ย รวบรวมขอ้ มูล บนั ทึก และอธิบายผลการสำรวจตรวจสอบด้วยการ เขยี นหรือวาดภาพ และส่ือสารส่ิงที่เรียนร้ดู ้วยการเลา่ เรื่อง หรอื ดว้ ยการแสดงทา่ ทางเพอ่ื ให้ผอู้ ่นื เข้าใจ ❖ แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ ส่อื สารเบ้ืองต้น รกั ษาขอ้ มลู สว่ นตัว ❖ แสดงความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามที่ กำหนดให้หรอื ตามความสนใจ มีสว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ และยอมรบั ฟังความคิดเห็นผูอ้ ื่น ❖ แสดงความรับผิดชอบด้วยการทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างมุ่งมั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุลว่ งเปน็ ผลสำเร็จ และทำงานร่วมกับผูอ้ ื่นอยา่ งมีความสขุ ❖ ตระหนักถงึ ประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต ศึกษา หาความรู้เพม่ิ เตมิ ทำโครงงานหรือช้นิ งานตามท่ีกำหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ จบช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ❖ เขา้ ใจโครงสรา้ ง ลกั ษณะเฉพาะและการปรับตัวของส่งิ มชี วี ิต รวมท้ังความสัมพนั ธ์ของส่ิงมีชีวิตใน แหลง่ ท่อี ยู่ การทำหน้าทข่ี องสว่ นต่าง ๆ ของพชื และการทำงานของระบบยอ่ ยอาหารของมนุษย์ ❖ เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะและการเปลี่ยนสถานะของสสาร การละลาย การเปลี่ยนแปลงทางเคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ และการแยกสารอย่าง ง่าย ❖ เข้าใจลักษณะของแรงโนม้ ถ่วงของโลก แรงลพั ธ์ แรงเสยี ดทาน แรงไฟฟา้ และผลของแรงต่างๆ ผล ทเี่ กิดจากแรงกระทำตอ่ วตั ถุ ความดัน หลกั การทมี่ ีต่อวตั ถุ วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย ปรากฏการณเ์ บ้อื งตน้ ของเสียง และแสง ❖ เข้าใจปรากฏการณ์การขึ้นและตก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ องค์ประกอบของระบบสุริยะ คาบการโคจรของดาวเคราะห์ ความแตกตา่ งของดาวเคราะห์และ ดาว ฤกษ์ การขึ้นและตกของกลุ่มดาวฤกษ์ การใช้แผนที่ดาว การเกิดอุปราคา พัฒนาการและประโยชน์ของ เทคโนโลยอี วกาศ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
❖ เข้าใจลักษณะของแหลง่ นำ้ วฏั จักรน้ำ กระบวนการเกิดเมฆ หมอก นำ้ ค้าง น้ำค้างแขง็ หยาดนำ้ ฟ้า กระบวนการเกดิ หนิ วฏั จกั รหิน การใชป้ ระโยชนห์ ินและแร่ การเกดิ ซากดึกดำบรรพ์ การเกิดลมบก ลมทะเล มรสุม ลักษณะและผลกระทบของภัยธรรมชาติ ธรณีพิบัติภัย การเกิดและผลกระทบของปรากฏการณ์เรือน กระจก ❖ ค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกข้อมูลใช้เหตุผลเชิง ตรรกะในการแก้ปัญหา ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานรว่ มกัน เขา้ ใจสทิ ธิและหน้าท่ีของ ตน เคารพสทิ ธิของผอู้ ่นื ❖ ตง้ั คำถามหรือกำหนดปัญหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนรู้ตามท่กี ำหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเน คำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สอดคล้องกับคำถามหรือปัญหาที่จะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและ สำรวจตรวจสอบโดยใช้เคร่อื งมอื อปุ กรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศท่ีเหมาะสม ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลทั้ง เชิงปริมาณและคุณภาพ ❖ วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบใน รปู แบบทเ่ี หมาะสม เพ่อื สอื่ สารความรจู้ ากผลการสำรวจตรวจสอบได้อย่างมเี หตผุ ลและหลักฐานอ้างองิ ❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตาม ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเห็นของตนเอง ยอมรับในข้อมูลที่มีหลักฐานอ้างอิง และรับฟังความ คิดเหน็ ผ้อู นื่ ❖ แสดงความรับผดิ ชอบด้วยการทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายอย่างม่งุ มั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จน งานลลุ ่วงเปน็ ผลสำเร็จ และทำงานร่วมกบั ผูอ้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ ❖ ตระหนกั ในคณุ คา่ ของความรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ใช้ความรแู้ ละกระบวนการทาง วทิ ยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต แสดงความชืน่ ชม ยกยอ่ ง และเคารพสทิ ธิในผลงานของผู้คดิ ค้นและศึกษาหา ความรเู้ พิ่มเตมิ ทำโครงงานหรือชิ้นงานตามทกี่ ำหนดใหห้ รอื ตามความสนใจ ❖ แสดงถึงความซาบซึ้ง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอยา่ งรู้คณุ ค่า จบช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ❖ เขา้ ใจลกั ษณะและองค์ประกอบท่สี ำคญั ของเซลล์สิง่ มีชวี ิต ความสมั พันธ์ของการทำงานของระบบ ต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ การดำรงชีวิตของพืช การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของยนี หรือโครโมโซม และตัวอย่างโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ประโยชน์และผลกระทบของ สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธกุ รรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ ปฏสิ ัมพนั ธข์ ององค์ประกอบของระบบนเิ วศและการ ถ่ายทอดพลงั งานในสงิ่ มีชวี ติ ❖ เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของธาตุ สารละลาย สารบริสุทธ์ิ สารผสม หลักการแยกสาร การ เปลี่ยนแปลงของสารในรูปแบบของการเปลี่ยนสถานะ การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี และ สมบตั ทิ างกายภาพ และการใช้ประโยชน์ของวสั ดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามิกส์ และวัสดุผสม ❖ เข้าใจการเคล่อื นท่ี แรงลพั ธแ์ ละผลของแรงลพั ธ์กระทำตอ่ วัตถุ โมเมนตข์ องแรง แรง ที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน สนามของแรง ความสัมพันธ์ของงาน พลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถ่วง กฎการ อนุรักษ์พลังงาน การถ่ายโอนพลงั งาน สมดุลความรอ้ น ความสัมพนั ธ์ของปริมาณทางไฟฟ้า การต่อวงจรไฟฟ้า ในบา้ น พลังงานไฟฟา้ และหลักการเบ้อื งตน้ ของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
❖ เขา้ ใจสมบตั ิของคลื่น และลกั ษณะของคลน่ื แบบต่าง ๆ แสง การสะทอ้ น การหกั เหของแสงและ ทัศนูปกรณ์ ❖ เข้าใจการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดู การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ การเกิดขา้ งขน้ึ ข้างแรม การขึ้นและตกของดวงจันทร์ การเกดิ น้ำข้ึนนำ้ ลง ประโยชนข์ องเทคโนโลยอี วกาศ และ ความกา้ วหนา้ ของโครงการสำรวจอวกาศ ❖ เข้าใจลักษณะของชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบและปัจจัยที่มีผลต่อลมฟ้าอากาศ การเกิดและ ผลกระทบของพายฟุ า้ คะนอง พายุหมุนเขตรอ้ น การพยากรณอ์ ากาศ สถานการณ์ การเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ โลก กระบวนการเกิดเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และการใช้ประโยชน์ พลังงานทดแทนและการใช้ประโยชน์ ลักษณะโครงสร้างภายในโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาบนผิวโลก ลักษณะชั้นหน้าตัดดิน กระบวนการเกดิ ดิน แหลง่ น้ำผิวดนิ แหลง่ นำ้ ใตด้ นิ กระบวนการเกดิ และผลกระทบของภัยธรรมชาติ และธรณี พบิ ัติภัย ❖ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ความสัมพันธร์ ะหว่างเทคโนโลยกี ับศาสตรอ์ ื่น โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ หรอื คณติ ศาสตร์ วิเคราะห์ เปรยี บเทียบ และตดั สินใจเพ่ือเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สังคม และสง่ิ แวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ และทรัพยากรเพื่อออกแบบและสร้างผลงานสำหรับการแก้ปัญหาในชีวติ ประจำวันหรือการประกอบ อาชีพ โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภยั รวมทัง้ คำนงึ ถงึ ทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา ❖ นำขอ้ มูลปฐมภูมเิ ข้าสรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ วเิ คราะห์ ประเมิน นำเสนอขอ้ มลู และสารสนเทศได้ตาม วัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพือ่ ช่วยในการแก้ปญั หา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารอยา่ งรู้เทา่ ทนั และรับผิดชอบต่อสงั คม ❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่เชื่อมโยงกับพยานหลักฐาน หรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่มีการ กำหนดและควบคุมตัวแปร คิดคาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สามารถนำไปสู่การสำรวจ ตรวจสอบ ออกแบบและลงมือสำรวจตรวจสอบโดยใช้วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม เลือกใช้เครื่องมือและ เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทง้ั ในเชิงปริมาณและคุณภาพทีไ่ ด้ผลเท่ียงตรงและ ปลอดภยั ❖ วิเคราะห์และประเมินความสอดคลอ้ งของข้อมูลท่ีได้จากการสำรวจตรวจสอบจากพยานหลักฐาน โดยใช้ความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ในการแปลความหมายและลงข้อสรุปและสือ่ สารความคิด ความรู้ จากผลการสำรวจตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ หรือใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่าง เหมาะสม ❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิด สร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้อง เชื่อถือได้ ศึกษาค้นคว้าเพิม่ เติมจากแหลง่ ความรูต้ ่าง ๆ แสดงความคิดเห็นของตนเองรับฟังความคิดเหน็ ผู้อื่น และยอมรบั การเปล่ยี นแปลงความรทู้ ่ีค้นพบ เมือ่ มขี ้อมลู และประจกั ษ์พยานใหมเ่ พมิ่ ข้ึนหรือโต้แย้งจากเดิม ❖ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ แสดงความชื่นชม ยก ย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น เข้าใจผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบของการพัฒนาทาง วทิ ยาศาสตร์ตอ่ สง่ิ แวดล้อมและต่อบริบทอืน่ ๆ และศกึ ษาหาความรู้เพมิ่ เติม ทำโครงงานหรอื สรา้ งช้ินงานตาม ความสนใจ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรฐั วทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
❖ แสดงถึงความซาบซ้ึง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกีย่ วกับการดูแลรักษาความสมดลุ ของระบบนเิ วศ และ ความหลากหลายทางชีวภาพ จบชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๖ ❖ เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกันใน ร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชสร้างขึ้น การ ถา่ ยทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม การเปลีย่ นแปลงทางพันธกุ รรม ววิ ัฒนาการท่ีทำให้เกิดความหลากหลายของ สิ่งมีชีวติ ความสำคัญและผลของเทคโนโลยีทางดเี อน็ เอตอ่ มนุษย์ ส่ิงมชี ีวติ และส่งิ แวดลอ้ ม ❖ เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน ระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ ทรพั ยากรธรรมชาติ และการแกไ้ ขปัญหาส่งิ แวดล้อม ❖ เข้าใจชนิดของอนุภาคสำคัญทีเ่ ป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบางประการของธาตุ การจัดเรยี งธาตุในตารางธาตุ ชนดิ ของแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าคและสมบตั ิตา่ ง ๆ ของสารท่มี คี วามสัมพนั ธ์ กบั แรงยึดเหน่ียว พนั ธะเคมี โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ปัจจยั ทีม่ ผี ลต่ออัตราการ เกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี และการเขยี นสมการเคมี ❖ เขา้ ใจปริมาณที่เก่ยี วกับการเคลื่อนที่ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวลและความเร่งผลของความเร่ง ที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและ กระแสไฟฟา้ และแรงภายในนวิ เคลียส ❖ เข้าใจพลังงานนวิ เคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเปน็ พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน และการรวมคลื่น การได้ยิน ปรากฏการณท์ เ่ี ก่ียวขอ้ งกบั เสียง สกี ับการมองเหน็ สี คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้าและประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ❖ เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีท่ี สมั พนั ธก์ ับการเกิดลักษณะธรณสี ัณฐาน สาเหตุ กระบวนการเกดิ แผน่ ดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สนึ ามิ ผลกระทบ แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏบิ ัติตนให้ปลอดภยั ❖ เข้าใจผลของแรงเนือ่ งจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอรอิ อลิส ที่มีต่อการหมุนเวียน ของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลที่มีต่อภูมิอากาศ ความสัมพันธ์ของการ หมุนเวียนของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมทุ ร และผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบัติเพื่อลด กิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้า อากาศท่ีสำคญั จากแผนท่อี ากาศ และขอ้ มูลสารสนเทศ ❖ เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานท่ี สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก กระบวนการเกิดและการสรา้ งพลงั งาน ปจั จัยทส่ี ่งผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และความสมั พนั ธ์ระหวา่ ง ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขต บริวารของดวงอาทติ ย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ท่ีเอ้ือต่อการดำรงชวี ิต การเกิดลมสรุ ิยะ พายุสุริยะและผลที่มี ตอ่ โลก รวมทั้งการสำรวจอวกาศและการประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ หลักสูตรกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เปน็ ทักษะทางสติปัญญา (Intellectual) ทน่ี กั วทิ ยาศาสตร์และผู้ที่นำ วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาแก้ปัญหา ใช้ในการศึกษาค้นคว้า สืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบ่งออกได้เป็น 13 ทักษะ ทักษะที่ 1-8 เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นพื้นฐาน และทักษะที่ 9-13 เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงหรือขั้นผสมหรือขั้นบูรณาการ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทง้ั 13 ทักษะ มดี ังน้ี ๑. การสงั เกต (Observing) หมายถงึ การใช้ประสาทสัมผัสอย่างใดอย่างหนึง่ หรือหลายอย่างรวมกัน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุหรือเหตุการณ์ เพื่อค้นห้าข้อมูลซึ่งเป็นรายละเอียดของสิ่งน้ัน โดยไม่ใส่ความเห็นของผู้สังเกตลงไป ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตประกอบด้วยข้อมูลเชิงคุณภาพ ข้อมูลเชิงปริมาณ และขอ้ มลู ท่ีเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงที่สังเกตเหน็ ได้จากวัตถุหรือเหตุการณ์นัน้ ความสามารถท่ีแสดงให้เห็นว่าเกิด ทักษะนี้ประกอบด้วยการชี้บ่งและการบรรยายสมบัติของวัตถุได้โดยการกะประมาณและการบรรยายการ เปลีย่ นแปลงของสิ่งท่ีสังเกตได้ ๒. การลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) หมายถึง การเพิ่มความคิดเห็นให้กับข้อมูลที่ได้จากการสังเกต อย่างมีเหตุผล โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์เดิมมาชว่ ย ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะนี้ คือ การ อธิบายหรอื สรุป โดยเพ่มิ ความคิดเห็นให้กับขอ้ มูลโดยใช้ความรหู้ รือประสบการณ์เดิมมาชว่ ย ๓. การจำแนกประเภท (Classifying) หมายถึง การแบ่งพวกหรือเรียงลำดับวัตถุหรือสิ่งที่มีอยู่ใน ปรากฏการณ์โดยมีเกณฑ์ และเกณฑ์ดังกล่าวอาจใช้ความเหมือน ความแตกต่าง หรือความสัมพันธ์อย่างใดอย่าง หนง่ึ กไ็ ด้ ความสามารถที่แสดงว่าเกิดทักษะน้ีแล้ว ได้แก่ การแบง่ พวกของส่งิ ต่าง ๆ จากเกณฑ์ที่ผู้อื่นกำหนดให้ได้ นอกจากนั้นสามารถเรียงลำดับสิ่งของด้วยเกณฑ์ของตัวเองพร้อมกับบอกได้ว่าผูอ้ ื่นแบ่งพวกของสิ่งของนั้นโดยใช้ อะไรเปน็ เกณฑ์ ๔. การวัด (Measuring) หมายถึง การเลือกใช้เครื่องมือและการใช้เครื่องมอื นั้นทำการวัดหาปริมาณของ สิง่ ตา่ ง ๆ ออกมาเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้อย่างเหมาะสมกับสิ่งที่วัด แสดงวิธีใช้เคร่ืองมืออย่างถูกต้อง พร้อมท้ังบอก เหตุผลในการเลือกใช้เครอ่ื งมือ รวมท้งั ระบหุ นว่ ยของตวั เลขที่ไดจ้ ากการวัดได้ ๕. การใช้ตัวเลข (Using Numbers) หมายถงึ การนับจำนวนของวัตถุและการนำตัวเลขที่แสดงจำนวนที่ นับไดม้ าคิดคำนวณโดยการบวก ลบ คณู หาร หรอื การหาคา่ เฉลีย่ ความสามารถที่แสดงให้เหน็ ว่าเกิดทกั ษะนี้ ไดแ้ ก่ การนบั จำนวนสง่ิ ของได้ถูกต้อง เชน่ ใช้ตวั เลขแทนจำนวนการนับได้ ตัดสินไดว้ ่าวัตถุ ในแต่ละกลุ่มมีจำนวนเท่ากัน หรือแตกต่างกัน เป็นต้น การคำนวณ เช่น บอกวิธีคำนวณ คิดคำนวณ และแสดงวิธีคำนวณได้อย่างถูกต้อง และ ประการสดุ ท้ายคือ การหาค่าเฉลี่ย เชน่ การบอกและแสดงวิธกี ารหาค่าเฉลี่ยได้ถูกตอ้ ง ๖. การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ งสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา(Using Space/Time Relationships) สเปสของวัตถุ หมายถึง ที่ว่างที่วัตถุนั้นครองที่อยู่ ซึ่งมีรูปร่างลักษะเช่นเดียวกับวัตถุนั้นโดยทั่วไป แล้วสเปสของวัตถุจะมี ๓ มติ ิ คือ ความกว้าง ความยาว และความสูง ความสัมพนั ธร์ ะหว่างสเปสกับสเปสของวัตถุ ไดแ้ ก่ ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง 3 มติ ิ กบั 2 มิติ ความสัมพันธ์ ระหว่างตำแหน่งที่ของวัตถุหนึ่งกับอีกวัตถุหนึ่ง ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการหาความสัมพันธ์ ระหว่างสเปสกับสเปส ได้แก่ การชี้บ่งรูป 2 มิติ และ 3 มิติได้ สามารถวาดภาพ 2 มิติ จากวัตถุหรือจากภาพ 3 มติ ิ ได้ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
ความสมั พันธร์ ะหว่างสเปสกับเวลา ได้แก่ ความสมั พนั ธ์ระหว่างการเปล่ียนตำแหน่งท่ีอยู่ของวัตถุกับเวลา หรือความสัมพันธ์ระหว่างสเปสของวัตถุที่เปลี่ยนไปกับเวลาความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการหา ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปสกับเวลา ได้แก่ การบอกตำแหน่งและทิศทางของวตั ถุโดยใช้ตวั เองหรือวตั ถุอนื่ เป็นเกณฑ์ บอกความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งการเปลย่ี นตำแหน่ง เปล่ียนขนาด หรอื ปริมาณของวัตถุกับเวลาได้ ๗. การสื่อความหมายข้อมูล (Communicating) หมายถึง การนำข้อมูลที่ได้จาการสังเกต การวัด การ ทดลอง และจากแหล่งอืน่ ๆ มาจัดกระทำเสียใหม่โดยการหาความถี่ เรยี งลำดบั จดั แยกประเภท หรือคำนวณหาค่า ใหม่ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายได้ดีขึ้น โดยอาจเสนอในรูปของตาราง แผนภูมิ แผนภาพ ไดอะแกรม กราฟ สมการ การเขียนบรรยาย เป็นตน้ ความสามารถท่ีแสดงให้เหน็ ว่าเกิดทักษะนี้แล้ว คือการเปล่ียนแปลงข้อมูลให้อยู่ ในรูปใหม่ที่เข้าใจดีขึ้น โดยจะต้องรู้จักเลือกรูปแบบที่ใช้ในการเสนอข้อมูลได้อย่างเหมาะสม บอกเหตุผลในการ เสนอข้อมูลในการเลือกแบบแสนอข้อมูลนั้น การเสนอข้อมูลอาจกระทำได้หลายแบบดังที่กล่าวมาแล้ว โดยเฉพาะ การเสนอข้อมูลในรูปของตาราง การบรรจุข้อมูลให้อยู่ในรูปของตารางปกติจะใส่ค่าของตัวแปรอิสระไว้ทางซ้ายมือ ของตาราง และค่าของตวั แปรตามไว้ทางขวามือของตารางโดยเขียนค่าของตัวแปรอิสระไว้ให้เรียงลำดับจากค่าน้อย ไปหาคา่ มาก หรือจากคา่ มากไปหาค่าน้อย ๘. การพยากรณ์ (Predicting) หมายถึง การคาดคะเนคำตอบล่วงหน้า ก่อนการทดลอง โดยอาศัยปรากฏการณ์ที่เกิดซ้ำ หลักการ กฎ หรือ ทฤษฏีที่มีอยู่แล้วในเรื่องนั้นมาช่วยสรุป เช่น การพยากรณ์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลข ไดแ้ ก่ ข้อมลู ที่เป็นตารางหรือกราฟ ซงึ่ ทำได้สองแบบ คอื การพยากรณ์ภายใน ขอบเขตของข้อมูลที่มีอยู่ กับการพยากรณ์นอกขอบของข้อมูลที่มีอยู่ เช่น การพยากรณ์ผลของข้อมูลเชิงปริมาณ เปน็ ต้น ๙. การช้บี ง่ และการควบคุมตัวแปร (Identifying and Controlling Variables) หมายถงึ การชี้บ่งตัวแปร ตน้ ตัวแปรตาม และตัวแปรท่ตี ้องควบคุมให้คงที่ในสมมตุ ิฐาน หน่ึง ๆ ตัวแปรต้น หมายถึง สิ่งที่เป็นสาเหตุทีท่ ำให้เกิดผลต่าง ๆ หรือสิ่งที่เราต้องการทดลองดูวา่ เป็นสาเหตุท่ี ก่อใหเ้ กิดผลเชน่ น้ันจรงิ หรอื ไม่ ตัวแปรตาม หมายถึง ส่งิ ทีเ่ ปน็ ผลเน่ืองมาจากตัวแปรต้น เม่อื ตวั แปรต้นหรือส่งิ ที่เปน็ สาเหตุเปลย่ี นไป ตัว แปรตามหรอื สง่ิ ที่เป็นผลจะแปรตามไปดว้ ย ตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ หมายถึง สิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้นที่จะทำให้ผลการทดลอง คลาดเคล่อื น ถ้าหากว่าไมม่ ีการควบคุมให้เหมือนกัน ๑๐. การตั้งสมมุติฐาน (Formulating Hypotheses) หมายถึง การคิดหาคำตอบล่วงหน้าก่อนทำการ ทดลอง โดยอาศัยการสังเกต อาศัยความรู้หรือประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คำตอบที่คิดล่วงหน้านี้ ยังไม่ทราบ หรือยังไม่เป็นทางการ กฎหรือทฤษฏีมาก่อน สมมุติฐาน คือคำตอบที่คิดไว้ล่วงหน้ามีกล่าวไว้เป็นข้อความที่บอก ความสมั พันธร์ ะหว่างตัวแปรต้นกับตัวแปรตามสมมตุ ิฐานทต่ี ง้ั ขึ้นอาจถกู หรือผิดก็ไดซ้ ึง่ ทราบได้ภายหลังการทดลอง หาคำตอบเพื่อสนับสนนุ สมมุติฐานหรอื คัดคา้ นสมมุติฐานทต่ี ้ังไว้ สิง่ ทคี่ วรคำนึงถึงในการตง้ั สมมตุ ิฐาน คอื การบอก ชอ่ื ตวั แปรตน้ ซ่ึงอาจมีผลตอ่ ตัวแปรตามและในการต้ังสมมตุ ิฐานต้องทราบตัวแปรจากปัญหาและสภาพแวดล้อมของ ตวั แปรน้นั สมมตุ ิฐานท่ีตั้งขึน้ สามารถบอกให้ทราบถงึ การออกแบบการทดลอง ซ่ึงต้องทราบว่าตัวแปรไหนเป็นตัว แปรตน้ ตวั แปรตาม และตวั แปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ ๑๑. การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการของตัวแปร (Defining Variables Operationally) หมายถงึ การ กำหนดความหมายและขอบเขตของค่าต่าง ๆ ที่อยใู่ นสมมุติฐานทีต่ ้องการทดลองและบอกวิธีวัดตัวแปรท่ีเกี่ยวกับ การทดลองน้ัน ๑๒. การทดลอง (Experimenting) หมายถงึ กระบวนการปฏิบตั ิการเพอื่ หาคำตอบจากสมมตุ ิฐานท่ีตั้งไว้ ในการทดลองจะประกอบไปด้วยกิจกรรม ๓ ขนั้ คอื หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
๑๒.๑ ออกแบบการทดลอง หมายถงึ การวางแผนการทดลองก่อนลงมอื ทดสอบจรงิ ๑๒.๒ ปฏิบัติการทดลอง หมายถึง การลงมือปฏิบัติจริงและให้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม ๑๒.๓ การบันทึกผลการทดลอง หมายถึง การจดบันทึกข้อมูลที่ได้จากการทดลองซึ่งอาจเป็น ผลจากการสงั เกต การวัด และอ่ืน ๆ ได้อย่างคล่องแคลว่ และถูกต้อง การบันทกึ ผลการทดลอง อาจอยใู่ นรูปตาราง หรือการเขียนกราฟ ซง่ึ โดยทว่ั ไปจะแสดงค่าของตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระบนแกนนอนและค่าของตัวแปรบนแกน ตั้ง โดยเฉพาะในแต่ละแกนต้องใช้สเกลที่เหมาะสม พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถงึ ตำแหน่งของค่าของตวั แปรทั้งสองบน กราฟดว้ ย ในการทดลองแต่ละคร้ังจำเปน็ อาศัยการวิเคราะห์ตัวแปรต่าง ๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง คือสามารถที่จะบอกชนิดของ ตัวแปรในการทดลองว่า ตัวแปรนั้นเป็นตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม หรือตัวแปรที่ต้องควบคุม ในการทดลองหนึ่ง ๆ ต้องมีตัวแปรตัวหนึ่งเท่านั้นที่มผี ลต่อการทดลอง และเพื่อให้แน่ใจว่าผลที่ได้เกิดจากตัวแปรน้ันจริง ๆ จำเป็นต้อง ควบคมุ ตัวแปรอ่ืนไม่ให้มีผลต่อการทดลอง ซง่ึ เรียกตวั แปรน้วี ่าตัวแปรท่ีต้องควบคมุ ให้คงท่ี ๑๓.การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป (Interpreting Data and Making Conlusion) การ ตีความหมายข้อมูล หมายถึง การแปลความหมายหรือบรรยายลักษณะข้อมูลที่มีอยู่ การตีความหมายข้อมูล ใน บางครั้งอาจต้องใช้ทักษะอื่นๆ ด้วย เช่น การสังเกต การคำนวณ เป็นต้น และการลงข้อสรุป หมายถึง การสรุป ความสัมพันธ์ของข้อมลู ทั้งหมด ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการลงข้อสรุปคือบอกความสัมพันธข์ อง ข้อมูลได้ เช่น การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรบนกราฟ ถ้ากราฟเป็นเส้นตรงก็สามารถอธิบายได้ว่าเกิด อะไรขึ้นกับตัวแปรตามขณะที่ตัวแปรอิสระเปลี่ยนแปลงหรือถ้าลากกราฟเป็นเส้นโค้งให้อธิบายความสัมพันธ์ ระหวา่ งตัวแปรก่อนท่ีกราฟเสน้ โค้งจะเปลี่ยนทิศทางและอธิบายความสัมพันธ์ ระหวา่ งตวั แปรหลังจากที่กราฟเส้น โค้งเปล่ยี นทิศทางแล้ว. หลักสูตรกล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ
คณุ ลักษณะด้านจิตวทิ ยาศาสตร์ จิตวทิ ยาศาสตร์ ๑.เหน็ คณุ ค่าทางวทิ ยาศาสตร์ ลกั ษณะชบี้ ่ง/พฤติกรรม ๑.๑ นยิ มยกย่องกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๑.๒ นิยมยกยอ่ งความกา้ วหน้าทางวิทยาศาสตร์ ๑.๓ เพิ่มพนู ความรแู้ ละประสบการณท์ างวิทยาศาสตร์ ๑.๔ ตระหนักความสำคัญของวทิ ยาศาสตร์ ในการพัฒนา คุณภาพชีวิต ๒.คุณลักษณะทางวทิ ยาศาสตร์ ๒.๑.๑ การยอมรบั ข้อสรุปท่มี เี หตุผล ๒.๑ ความมีเหตุผล ๒.๑.๒ มีความเช่ือวา่ สง่ิ ท่ีเกดิ ขน้ึ ต้องมีสาเหตุ ๒.๑.๓ นยิ มยกย่องบคุ คลท่ีมีความคิดอยา่ งมีเหตผุ ล ๒.๒ ความอยากรูอ้ ยากเหน็ ๒.๑.๔ เหน็ คณุ ค่าในการสืบหาความจรงิ กอ่ นที่จะยอมรบั หรอื ปฏบิ ตั ติ าม ๒.๒.๑ ช่ือวา่ วธิ กี ารทดลองค้นคว้าจะทำให้คน้ พบวธิ กี าร แกป้ ญั หาได้ ๒.๒.๒ พอใจใฝ่หาความรทู้ างวิทยาศาสตรเ์ พิ่มเติม ๒.๒.๓ ชอบทดลองค้นควา้ ๒.๓ ความใจกวา้ ง ๒.๓.๑ ตระหนกั ถึงความสำคัญของความมเี หตุผลของ ผูอ้ นื่ ๒.๓.๒ ยอมรับฟงั ความคดิ เห็นและคำวิจารณ์ของผู้อืน่ ๒.๔ ความมรี ะเบียบในการทำงาน ๒.๔.๑ ตระหนักถงึ การระวังรกั ษาความปลอดภยั ของ ตนเองและเพอื่ นในขณะทดลองวิทยาศาสตร์ ๒.๔.๒ เหน็ คณุ ค่าของการระวังรกั ษาเครอ่ื งมือที่ใชม้ ใิ ห้ แตกหักเสียหาย ในขณะทดลองวิทยาศาสตร์ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกยี รติ
จติ วิทยาศาสตร์ คณุ ลักษณะดา้ นจิตพสิ ยั ลักษณะชี้บ่ง/พฤติกรรม ๒.๕ การมีคา่ นยิ มต่อความเสียสละ ๒.๕.๑ ตระหนักถงึ การทำงานให้สำเรจ็ ลุล่วงตามเป้าหมาย โดยไม่คำนงึ ถึงผลตอบแทน ๒.๕.๒ เต็มใจทจ่ี ะอุทิศตนเพื่อการสร้างผลงานทาง วิทยาศาสตร์ ๒.๖ การมีค่านิยมตอ่ ความซือ่ สัตย์ ๒.๖.๑ เหน็ คณุ ค่าต่อการเสนอผลงานตามความเป็นจริงท่ี ทดลองได้ ๒.๖.๒ ตำหนิบุคคลทน่ี ำผลงานผู้อ่นื มาเสนอเป็นผลงาน ของตนเอง ๒.๗ การมคี ่านยิ มตอ่ การประหยัด ๒.๗.๑ ยินดีท่จี ะรักษาซ่อมแซมสงิ่ ทีช่ ำรุดให้ใช้การได้ ๒.๗.๒ เหน็ คุณค่าของการใชว้ สั ดุอุปกรณ์อยา่ งประหยัด ๒.๗.๓ เห็นคุณค่าของวัสดุท่เี หลือใช้ วสิ ยั ทศั น์ ภายในปี 2566 โรงเรยี นไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ เป็นโรงเรียนสมบรู ณแ์ บบใน การจดั การ ศึกษาเพ่ือสร้างความเปน็ พลเมอื งดีและเป็นต้นแบบส่ือมวลชนศึกษา สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน โรงเรียนไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ มงุ่ พฒั นาผเู้ รียนให้มีคณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ซ่ึง การพัฒนาผูเ้ รียนให้บรรลมุ าตรฐานการเรียนรูท้ ่กี ำหนดนั้น จะช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ๕ ประการ ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร เปน็ ความสามารถในการรบั และส่งสาร มวี ัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปญั หาความขดั แยง้ ต่าง ๆ การเลอื กรบั หรือไมร่ บั ข้อมลู ขา่ วสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลอื กใชว้ ิธกี ารสอ่ื สารทมี่ ีประสทิ ธภิ าพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบทีม่ ตี อ่ ตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพอ่ื นำไปส่กู ารสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพ่อื การตดั สินใจเกีย่ วกบั ตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
๓. ความสามารในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอปุ สรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ ความสมั พนั ธแ์ ละการเปล่ียนแปลงของเหตกุ ารณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการ ป้องกันและแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นตอ่ ตนเอง สังคม และส่งิ แวดล้อม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการ อยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและ ความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทนั กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และ การรจู้ ักหลีกเล่ยี งพฤติกรรมไม่พงึ ประสงค์ทีส่ ่งผลกระทบต่อตนเองและผ้อู นื่ ๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การ ทำงาน การแก้ปญั หาอยา่ งสร้างสรรค์ ถกู ตอ้ งเหมาะสมและมคี ณุ ธรรม คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ โรงเรียนไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกยี รติ มงุ่ พัฒนาผู้เรยี นให้มคี ณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เพอื่ ให้สามารถอยรู่ ว่ มกับผ้อู นื่ ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ในฐานะเป็นพลเมอื งดีดังนี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๒. ซอ่ื สัตยส์ ุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝ่เรียนรู้ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง ๖. มุง่ มั่นในการทำงาน ๗. รกั ความเปน็ ไทย ๘. มีจิตสาธารณะ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรฐั วทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ
โครงสรา้ งเวลาเรยี นหลักสตู รโรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ พุทธศกั ราช ๒๕๕๒ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ระดบั ประถมศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้/กิจรรม เวลาเรยี น ระดบั ประถมศึกษา ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ คณติ ศาสตร์ ๒๐๐ ๒๐๐ ๒๐๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ประวัติศาสตร์ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ สุขศึกษาและพลศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ศิลปะ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชีพ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาองั กฤษ ๑๖๐ ๑๖๐ ๑๖๐ ๘๐ ๘๐ ๘๐ รวมเวลาเรียน (พ้นื ฐาน) ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ ๘๔๐ รายวชิ าเพิม่ เตมิ ท่สี ถานศึกษาจัดตามความพร้อมและจุดเน้น ส่ือมวลชนศึกษา ------ หนา้ ที่พลเมือง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาองั กฤษเพอื่ การสอ่ื สาร ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ภาษาจนี - - - ๔๐ ๔๐ ๔๐ รวมเวลาเรียน (เพ่ิมเติม) ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน (ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารบู้ ังคับ) กจิ กรรมแนะแนว /ความเป็นพลเมืองดี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ลูกเสอื – เนตรนารี ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ชุมนมุ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ รวมเวลา กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ รวมเวลาเรียน ๑,๐๔๐ ๑,๐๔๐ ๑,๐๔๐ ๑,๐๘๐ ๑,๐๘๐ ๑,๐๘๐ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
ทำไมต้องเรยี นวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคญั ยิ่งในสงั คมโลกปัจจบุ นั และอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เก่ียวข้องกับทุก คนทั้งในชีวิตประจำวันและการงานอาชีพต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครื่องมือเครือ่ งใช้และผลผลิตต่าง ๆ ที่มนุษย์ได้ใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตและการทำงาน เหล่านี้ล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อนื่ ๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนษุ ยไ์ ด้พัฒนาวิธีคิด ทั้งความคิดเป็น เหตเุ ป็นผล คิดสรา้ งสรรค์ คดิ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ มีทักษะสำคญั ในการคน้ ควา้ หาความรู้ มคี วามสามารถใน การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบ สามารถตัดสนิ ใจโดยใช้ขอ้ มูลท่ีหลากหลายและมีประจักษพ์ ยานท่ีตรวจสอบได้ วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซ่ึงเปน็ สังคมแห่งการเรียนรู้ (knowledge-based society) ดังนั้นทกุ คนจึงจำเป็นต้องไดร้ ับการพัฒนาให้รู้วิทยาศาสตร์ เพื่อที่จะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาตแิ ละเทคโนโลยีท่ี มนษุ ยส์ ร้างสรรค์ขน้ึ สามารถนำความรู้ไปใชอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล สรา้ งสรรค์ และมคี ณุ ธรรม เรียนรูอ้ ะไรในวิทยาศาสตร์ กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรม์ ุง่ หวังให้ผูเ้ รยี นได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ทีเ่ นน้ การเช่ือมโยงความรู้กับ กระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และแก้ปญั หาที่หลากหลาย ใหผ้ ้เู รียนมีสว่ นร่วมในการเรยี นรูท้ กุ ข้นั ตอน มีการทำกิจกรรมดว้ ยการลงมอื ปฏิบัติ จริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดับชนั้ โดยกำหนดสาระสำคญั ไว้ 8 สาระ ดงั นี้ • วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ เรียนรู้เก่ยี วกบั ชวี ิตในสิ่งแวดลอ้ ม องค์ประกอบของสง่ิ มีชีวิต การดำรงชีวิต ของมนุษย์และสัตว์ การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิต • วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การเคลื่อนที่ พลังงาน และคล่ืน • วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกในเอกภพ ระบบโลก และมนุษย์กับการ เปลี่ยนแปลงของโลก • เทคโนโลยี - การออกแบบและเทคโนโลยี เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพือ่ ดำรงชีวติ ในสงั คมท่มี กี ารเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และ ทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่น ๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรอื พฒั นางาน อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยี อย่างเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบต่อชีวติ สงั คม และสงิ่ แวดล้อม - วิทยาการคำนวณ เรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาผู้เรียนให้มีความรูค้ วามเข้าใจ มีทักษะการ คิด เชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์ แกป้ ัญหาเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการแก้ปัญหาท่ี พบในชวี ิตจรงิ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
คณุ ภาพผ้เู รยี น จบช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3 • เข้าใจลักษณะทั่วไปของสิ่งมีชีวิต การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต และทรัพยากรธรรมชาติท่ี หลากหลายในสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น • เขา้ ใจลักษณะที่ปรากฏ สมบตั ิบางประการของวัสดุ และการเปลย่ี นแปลงของวสั ดรุ อบตวั • เข้าใจการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ และแรงที่กระทาต่อวัตถุทำให้วัตถุเปลี่ยนแปลงการ เคลอ่ื นท่ี ความสำคัญของพลงั งานไฟฟ้าและแหลง่ ผลติ พลงั งานไฟฟา้ • เข้าใจลักษณะที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว องค์ประกอบ และสมบัติทาง กายภาพของดนิ หิน น้ำ อากาศ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศแบบตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่นิ และการเกิดลม • ตงั้ คาถามเก่ียวกับส่งิ มชี วี ติ วสั ดุและส่งิ ของ การเคลื่อนทีข่ องวัตถุ และปรากฏการณ์ตา่ งๆ รอบตัว สังเกต สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมืออย่างง่าย รวบรวมข้อมูล บันทึก และอธิบายผลการสำรวจ ตรวจสอบด้วยการเขียนหรือวาดภาพ และสื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ด้วยการเล่าเรื่อง หรือด้วยการแสดงท่าทาง เพอื่ ใหผ้ อู้ น่ื เข้าใจ • แก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ข้ันตอนการแก้ปัญหา มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการ ส่ือสารเบ้ืองตน้ รักษาขอ้ มูลส่วนตัว • แสดงความกระตือรือร้น สนใจที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามท่ี กำหนดใหห้ รือตามความสนใจ มสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเหน็ และยอมรับฟงั ความคดิ เห็นผ้อู น่ื • แสดงความรับผิดชอบดว้ ยการทำงานท่ีได้รับมอบหมายอย่างมุง่ มั่น รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลลุ ่วงเปน็ ผลสำเร็จ และทำงานร่วมกบั ผู้อน่ื อยา่ งมคี วามสุข • ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการดำรงชวี ิต ศึกษา หาความรเู้ พิม่ เตมิ ทำโครงงานหรือชน้ิ งานตามที่กำหนดให้หรอื ตามความสนใจ จบชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 • เข้าใจโครงสร้างและการทำงานของระบบต่าง ๆ ของสง่ิ มีชวี ิต ความสัมพันธ์ของส่ิงมชี ีวิตในระบบ นเิ วศ และความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติท่พี บในระดับประเทศ • เข้าใจสมบัติและการจำแนกกลุ่มของวัสดุ สถานะของสาร สมบัติของสารและการทำให้สารเกิด การเปลี่ยนแปลง การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีของสาร การแยกสารอยา่ งง่าย และสารในชีวติ ประจาวนั • เข้าใจลกั ษณะของแรงประเภทต่าง ๆ ผลทีเ่ กิดจากแรงกระทำต่อวตั ถุ ความดัน หลกั การเบ้ืองต้น ของแรงพยุง สว่ นประกอบและหน้าท่ีของส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า การถ่ายโอนพลังงานกลท่ี เกิดจาก แรงเสยี ดทานไปเป็นพลงั งานอ่ืน สมบัตแิ ละปรากฏการณเ์ บ้ืองต้นของเสียง และแสง • เขา้ ใจลักษณะของดาวในเอกภพ และจำแนกประเภทของกลุ่มดาว ความสัมพนั ธ์ของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ทีม่ ีผลตอ่ การเกดิ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศ • เข้าใจองค์ประกอบและสมบตั ิของดนิ น้ำ และบรรยากาศ และปัจจัยที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลง ของผิวโลก การเกดิ ลมบก ลมทะเล ผลกระทบทเี่ กดิ จากธรณีพิบตั ิภัยและปรากกฎการณเ์ รอื นกระจก หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
• ค้นหาข้อมูลอย่างมปี ระสิทธิภาพและประเมินความน่าเชื่อถอื ตัดสินใจเลือกข้อมูล ใช้เหตุผลเชิง ตรรกะในการแกป้ ัญหา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการทำงานรว่ มกัน เขา้ ใจสทิ ธิและหน้าท่ี ของตน เคารพสิทธิของผู้อื่น • ตง้ั คำถามหรอื กำหนดปัญหาเกยี่ วกบั สงิ่ ที่จะเรียนรูต้ ามที่กำหนดให้หรือตามความสนใจ คาดคะเน คำตอบหลายแนวทาง สรา้ งสมมตฐิ านทสี่ อดคลอ้ งกบั คำถามหรอื ปญั หาที่จะสำรวจตรวจสอบ วางแผนและ สำรวจตรวจสอบโดยใช้เครื่องมอื อุปกรณ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมในการเก็บรวบรวมข้อมูล ท้ังเชิงปริมาณและคณุ ภาพ • วิเคราะห์ข้อมูล ลงความเห็น และสรุปความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มาจากการสำรวจตรวจสอบใน รปู แบบท่ีเหมาะสม เพือ่ ส่ือสารความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบไดอ้ ยา่ งมีเหตุผลและหลักฐานอ้างอิง • แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตาม ความสนใจของตนเอง แสดงความคิดเหน็ ของตนเอง ยอมรบั ในขอ้ มลู ทมี่ ีหลกั ฐานอ้างอิง และรบั ฟัง ความ คดิ เหน็ ผู้อน่ื • แสดงความรับผิดชอบดว้ ยการทำงานท่ีได้รับมอบหมายอย่างมุง่ มัน่ รอบคอบ ประหยัด ซื่อสัตย์ จนงานลุลว่ งเป็นผลสำเร็จ และทำงานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอย่างอย่างสรา้ งสรรค์ • ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใช้ในความรู้และกระบวนการทาง วิทยาศาสตรใ์ นการดำรงชีวิต แสดงความชน่ื ชม ยกย่องและเคารพสิทธิในผลงานของผูค้ ิดค้น และศึกษาหา ความรู้เพ่ิมเติม ทำโครงงานหรอื ชิ้นงานตามที่กำหนดให้หรอื ตามความสนใจ • แสดงถึงความซาบซ้ึง ห่วงใย แสดงพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้ การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดล้อมอยา่ งรู้คณุ ค่า หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรียนไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ
โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษา ระดับประถมศึกษา กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 ๘0 ช่ัวโมง/ปี วชิ าวิทยาศาสตร์ 1 รหัสวชิ า ว11101 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 2 ๘0 ชวั่ โมง/ปี วิชาวิทยาศาสตร์ 2 รหสั วิชา ว12101 2 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 3 ๘0 ชว่ั โมง/ปี วิชาวิทยาศาสตร์ 3 รหสั วชิ า ว13101 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 120 ช่ัวโมง/ปี วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 4 รหสั วิชา ว14101 2 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 120 ชัว่ โมง/ปี วชิ าวิทยาศาสตร์ 5 รหสั วชิ า ว15101 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 120 ชัว่ โมง/ปี วิชาวิทยาศาสตร์ 6 รหัสวิชา ว16101 2 ชวั่ โมง/สัปดาห์ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ
มาตรฐานการเรยี นรู้ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพันธ์ระหว่างสงิ่ ไมม่ ีชีวิตกบั ส่งิ มีชีวิตและ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างส่งิ มีชีวิตกับสงิ่ มีชีวติ ตา่ ง ๆ ในระบบนเิ วศ การถา่ ยทอดพลงั งานการเปลี่ยนแปลงแทนที่ ในระบบนเิ วศ ความหมายของประชากร ปญั หาและผลกระทบท่มี ีตอ่ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรกั ษธ์ รรมชาติและการแก้ไขปญั หาสง่ิ แวดลอ้ มทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชวี ติ หนว่ ยพ้ืนฐานของสิ่งมีชวี ิต การลำเลียงสารเข้าและ ออกจากเซลล์ความสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องระบบต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนษุ ยท์ ่ที ำงานสมั พันธ์กนั ความสมั พนั ธข์ องโครงสร้าง และหน้าทีข่ องอวยั วะต่าง ๆ ของพชื ที่ทำงานสัมพันธก์ ัน รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคญั ของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม สารพนั ธกุ รรม การเปลีย่ นแปลงทางพนั ธกุ รรมทมี่ ผี ลต่อสิง่ มชี ีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพและววิ ัฒนาการของสิง่ มชี วี ติ รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ หมายเหตุ: มาตรฐาน ว 1.1 – ว .3 สำหรบั ผ้เู รยี นในระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ถงึ ระดับชนั้ ประถมศึกษาปี ท่ี 6 สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบัตขิ องสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาตขิ องการเปล่ียนแปลงสถานะของสสาร การเกิด สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวนั ผลของแรงทก่ี ระทำต่อวตั ถุ ลักษณะการเคลื่อนท่ี แบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมทัง้ นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลยี่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพนั ธ์ ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวนั ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณท์ ่ีเกีย่ วขอ้ งกับเสียง แสง และคล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทงั้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ หมายเหตุ: มาตรฐาน ว 2.1 – ว 2.3 สำหรับผเู้ รียนในระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ถงึ ระดับช้ันประถมศกึ ษา ปีท่ี 6 สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เขา้ ใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์และระบบสรุ ิยะ รวมทง้ั ปฏิสมั พันธภ์ ายในระบบสรุ ิยะทส่ี ่งผลต่อส่ิงมชี วี ติ และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก และบนผิวโลก ธรณพี ิบตั ภิ ัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อส่ิงมีชวี ิต และสิง่ แวดลอ้ ม หมายเหต:ุ มาตรฐาน ว 3.1 – ว 3.2 สำหรบั ผู้เรียนในระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 1 ถงึ ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษา ปที ี่ 6 หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรียนไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เขา้ ใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พ่ือการดำรงชวี ติ ในสงั คมท่ีมีการเปลย่ี นแปลงอย่างรวดเร็ว ใชค้ วามรูแ้ ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ น่ื ๆ เพือ่ แกป้ ัญหา หรอื พฒั นางานอย่าง มคี วามคดิ สร้างสรรคด์ ้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชีวิต สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ญั หาท่พี บในชีวิตจริงอย่างเป็นข้ันตอนและเป็น ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หาได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
ตวั ช้วี ดั ชัน้ ปี สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนเิ วศ ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่งิ ไม่มีชวี ติ กบั ส่ิงมีชวี ติ และ ความสัมพนั ธ์ระหว่างส่ิงมชี วี ติ กบั สิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศ การถา่ ยทอดพลังงาน การ เปลย่ี นแปลงแทนท่ใี นระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบทมี่ ีตอ่ ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ข ปญั หาสงิ่ แวดลอ้ มรวมทงั้ นาความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ตวั ชี้วัดชนั้ ปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 1. ระบชุ ือ่ พืชและสัตว์ทีอ่ าศัย - อยู่บริเวณต่าง ๆ จากข้อมลู ท่ี รวบรวมได้ 2. บอกสภาพแวดล้อม ท่ี เหมาะสมกบั การดำรงชวี ติ ของ สัตวใ์ นบริเวณท่ีอาศัยอยู่ ป. 4 ป. 5 ป. 6 1. บรรยายโครงสร้าง และ ลกั ษณะของสง่ิ มชี วี ติ ทีเ่ หมาะสม กบั การดำรงชวี ติ ซ่ึง เป็นผลมา จากการปรบั ตัวของส่งิ มชี ีวติ ใน แตล่ ะแหลง่ ทอี่ ยู่ 2. อธบิ าย ความสัมพันธ์ ระหวา่ งสง่ิ มีชวี ิตกบั ส่งิ มีชวี ิต และ ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ ง สิ่งมีชวี ติ กับสิง่ ไมม่ ชี วี ิต เพอื่ ประโยชนต์ อ่ การดารงชวี ติ 3. เขียนโซอ่ าหารและระบุ บทบาทหน้าท่ขี องส่งิ มชี วี ิตทีเ่ ปน็ ผู้ผลิตและผู้บริโภคในโซ่อาหาร 4. ตระหนักในคุณค่าของ ส่งิ แวดล้อมที่มี ต่อการดำรงชวี ติ ของสงิ่ มชี วี ิตโดยมีสว่ นรว่ มใน การดูแลรักษาสงิ่ แวดล้อม หลกั สูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรียนไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบัติของสิง่ มีชีวิต หนว่ ยพ้นื ฐานของสงิ่ มีชวี ิต การลาเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ ความสัมพันธ์ของ โครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ชวี้ ัดชั้นปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 1. ระบชุ อื่ บรรยาย ลักษณะ 1. ระบุว่าพืชตอ้ งการแสงและ 1. บรรยายส่ิงท่ี จำเปน็ ต่อการ และบอก หนา้ ทข่ี องสว่ นตา่ งๆ นำ้ เพอื่ การเจรญิ เติบโต โดยใช้ ดำรงชวี ิตและการเจรญิ เติบโตของ ของรา่ งกายมนษุ ย์ สัตว์ และพืช ข้อมูลจาก หลักฐานเชิง มนษุ ย์และสัตว์ โดยใช้ข้อมูลที่ รวมทัง้ บรรยายการทำหนา้ ท่ี ประจักษ์ รวบรวมได้ รว่ มกันของ ส่วนต่าง ๆ ของ 2. ตระหนกั ถงึ ความจำเป็นท่ี 2. ตระหนกั ถึง ประโยชน์ของ ร่างกายมนษุ ยใ์ น การทำ พชื ตอ้ งได้รับน้ำและแสงเพื่อ การ อาหาร นำ้ และ อากาศ โดยการ กิจกรรม ต่าง ๆ จากขอ้ มูลที่ เจรญิ เติบโต โดยดแู ลพืชให้ไดร้ ับ ดูแลตนเองและ สัตว์ใหไ้ ดร้ ับ สิง่ รวบรวมได้ สง่ิ ดังกล่าวอยา่ งเหมาะสม เหลา่ นี้อยา่ ง เหมาะสม 3. ตระหนกั ถึง ความสำคัญของ 3. สร้างแบบจำลองที่บรรยาย 3. สรา้ งแบบจำลองทบี่ รรยายวัฏ สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายตนเอง วฎั จกั รชวี ติ ของพชื ดอก จกั ร ชีวิตของสตั วแ์ ละ เปรียบเทยี บ โดยการดูแล สว่ นต่างๆ อยา่ ง วฏั จกั รชวี ิตของ สตั วบ์ างชนดิ ถูกตอ้ ง ใหป้ ลอดภัยและรักษา 4. ตระหนักถึงคณุ ค่าของชวี ติ สัตว์ ความ สะอาดอยู่เสมอ โดยไมท่ ำให้วัฏจกั รชวี ติ ของสัตว์ เปลี่ยนแปลง ป. 4 ป. 5 ป. 6 1. บรรยายหนา้ ท่ี ของราก ลำ 1. ระบสุ ารอาหารและบอก ตน้ ใบและดอกของพืชดอกโดย ประโยชนข์ อง สารอาหารแต่ละ ใช้ขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ ประเภทจากอาหารทตี่ นเอง รบั ประทาน 2. บอกแนวทางในการเลอื ก รบั ประทาน อาหารใหไ้ ด้สารอาหาร ครบถว้ นในสดั ส่วนท่ี เหมาะสมกบั เพศและวัย รวมทั้งความปลอดภัย ตอ่ สขุ ภาพ 3. ตระหนักถึงความสำคญั ของ สารอาหาร โดยการเลือก รับประทาน อาหารที่มสี ารอาหาร ครบถ้วนในสดั สว่ นท่เี หมาะสมกับ เพศ และวยั หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
ตัวชวี้ ัดชั้นปี ป. 4 ป. 5 ป. 6 รวมท้งั ปลอดภยั ตอ่ สุขภาพ 4. สร้างแบบจำลอง ระบบย่อยอาหาร และบรรยายหนา้ ทข่ี องอวัยวะในระบบ ยอ่ ยอาหาร รวมท้ัง อธิบายการยอ่ ย อาหารและการ ดดู ซึมสารอาหาร 5. ตระหนกั ถึงความสำคญั ของระบบ ย่อยอาหาร โดยการบอก แนวทางใน การดแู ลรักษาอวัยวะในระบบย่อย อาหารใหท้ างานเป็นปกติ สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการ ของส่งิ มีชีวติ รวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วัดชน้ั ปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 - 1. เปรียบเทยี บ ลกั ษณะของส่งิ มชี ีวติ และส่งิ ไมม่ ีชีวิต จากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้ ป. 4 ป. 5 ป. 6 1. จำแนกสิง่ มชี วี ติ โดยใช้ความเหมอื น 1. อธบิ ายลกั ษณะทางพันธุกรรมทีม่ กี าร - และความแตกต่างของลักษณะของ ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกของพชื สัตว์ สง่ิ มีชีวติ ออกเปน็ กล่มุ พืช กลมุ่ สัตว์ และ และมนษุ ย์ กลมุ่ ท่ีไมใ่ ชพ่ ชื และสัตว์ 2. แสดงความอยากรู้อยากเหน็ โดยการ 2. จำแนกพืชออกเป็นพชื ดอกและพชื ไมม่ ี ถามคำถามเก่ยี วกับลกั ษณะทค่ี ล้ายคลึง ดอก โดยใชก้ ารมดี อกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ กันของตนเองกบั พอ่ แม่ ข้อมูลที่รวบรวมได้ 3. จำแนกสตั ว์ออกเปน็ สัตว์มีกระดกู สัน หลังและสตั ว์ไม่มกี ระดูกสนั หลัง โดยใช้ การมีกระดูกสนั หลังเป็นเกณฑ์ โดยใช้ ขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ 4. บรรยายลักษณะ เฉพาะที่สังเกตได้ ของสตั วม์ กี ระดูกสันหลงั ในกลุม่ ปลา กลมุ่ สัตวส์ ะเทินนา้ สะเทินบก กลุ่ม สัตว์เล้ือยคลาน กลมุ่ นก และกลุ่มสัตว์ เล้ียงลูกด้วยน้ำนม และยกตัวอยา่ ง ส่งิ มชี ีวติ ในแต่ละกลุม่ หลกั สูตรกล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกบั โครงสร้างและแรงยดึ เหนีย่ วระหว่างอนภุ าค หลกั และธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ตวั ชี้วัดช้นั ปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 1. อธบิ ายสมบัติทสี่ งั เกตได้ของ 1. เปรยี บเทยี บสมบัตกิ ารดดู ซับนำ้ 1. อธบิ ายวา่ วัตถุประกอบข้ึนจาก วสั ดทุ ่ีใชท้ ำวัตถุซ่ึงทำจากวสั ดุ ของวัสดโุ ดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ชิน้ ส่วน ยอ่ ย ๆ ซ่งึ สามารถแยก ชนิดเดียวหรอื หลายชนิด และระบกุ ารนำสมบตั กิ ารดูดซบั นำ้ ออกจากกันไดแ้ ละประกอบกนั ประกอบกันโดยใชห้ ลักฐานเชงิ ของวสั ดไุ ปประยกุ ต์ใชใ้ นการทำวตั ถุ เปน็ วตั ถุช้นิ ใหมไ่ ด้ โดยใชห้ ลกั ฐาน ประจกั ษ์ ในชวี ิตประจำวัน เชิงประจกั ษ์ 2. ระบชุ นิดของวัสดแุ ละจดั กลุม่ 2. อธิบายสมบตั ิทส่ี งั เกตได้ของวัสดุ 2. อธบิ ายการเปลี่ยนแปลงของ วัสดตุ ามสมบัติท่สี ังเกตได้ ทเ่ี กิดจากการนำวสั ดุมาผสมกนั โดย วัสดเุ ม่ือทำให้ร้อนขึ้นหรอื ทำให้ ใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ เยน็ ลง โดยใช้หลกั ฐานเชงิ 3. เปรียบเทียบสมบตั ทิ ี่สังเกตได้ ประจักษ์ ของวัสดุเพื่อนำมาทำเป็นวัตถุในการ ใชง้ านตามวตั ถุประสงค์ และอธบิ าย การนำวัสดทุ ่ใี ช้แลว้ กลับมาใช้ใหม่ โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ 4. ตระหนกั ถึงประโยชน์ของการนำ วสั ดทุ ี่ใชแ้ ล้วกลับมาใชใ้ หม่ โดยการ นำวัสดุทใ่ี ช้แล้วกลับมาใชใ้ หม่ ป. 4 ป. 5 ป. 6 1. เปรยี บเทียบสมบัตทิ าง 1. อธิบายการเปล่ยี นสถานะ ของ 1. อธิบายและเปรียบเทยี บการ กายภาพ ด้านความแข็ง สภาพ สสารเมือ่ ทำให้สสารร้อนขนึ้ หรอื เย็น แยกสารผสมโดยการหยบิ ออก ยดื หยนุ่ การนำความร้อน และ ลง โดยใชห้ ลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ การร่อน การใชแ้ ม่เหล็กดงึ ดดู การนำไฟฟา้ ของวสั ดโุ ดยใช้ 2. อธิบายการละลายของสารในนำ้ การรนิ ออก การกรอง และการ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์จากการ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ตกตะกอน โดยใช้หลักฐานเชงิ ทดลองและระบุการนำสมบตั ิ 3. วเิ คราะหก์ ารเปล่ียนแปลงของ ประจกั ษ์ รวมทั้งระบวุ ธิ ีแก้ปญั หา เรอื่ งความแข็ง สภาพยืดหยุ่น สารเมอื่ เกดิ การเปลย่ี นแปลงทางเคมี ในชวี ติ ประจำวนั เกีย่ วกับการแยก การนำความรอ้ น และการนำ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ สาร ไฟฟา้ ของวัสดุไปใชใ้ น 4. วิเคราะห์และระบุการ ชวี ิตประจำวัน ผา่ นกระบวนการ เปล่ยี นแปลงที่ผันกลบั ไดแ้ ละการ ออกแบบช้นิ งาน 2. แลกเปลีย่ น เปลีย่ นแปลงท่ีผันกลับไมไ่ ด้ ความคดิ กบั ผ้อู ื่นโดยการอภิปราย เกีย่ วกบั สมบตั ิทางกายภาพของ วสั ดอุ ย่างมเี หตุผลจากการ ทดลอง หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
ตัวชวี้ ัดช้ันปี 3. เปรียบเทยี บสมบัตขิ องสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากขอ้ มลู ท่ีได้จาก การสงั เกตมวล การต้องการท่อี ยู่ รูปร่างและปริมาตรของสสาร 4. ใชเ้ ครอ่ื งมือเพ่อื วดั มวล และ ปริมาตรของสสารทัง้ 3 สถานะ สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เขา้ ใจธรรมชาติของแรงในชวี ิตประจำวัน ผลของแรงทก่ี ระทาตอ่ วัตถุ ลกั ษณะการ เคล่อื นทีแ่ บบ ต่างๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชว้ี ัดชั้นปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 - - 1. ระบผุ ลของแรงท่มี ีตอ่ การเปลี่ยนแปลง การเคลือ่ นท่ขี องวตั ถจุ ากหลักฐานเชิง ประจกั ษ์ 2. เปรียบเทยี บและยกตวั อย่างแรงสมั ผัส และแรงไม่สัมผัสท่ีมผี ลต่อการเคล่ือนท่ี ของวตั ถโุ ดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ 3. จำแนกวัตถุโดยใชก้ ารดึงดดู กบั แม่เหลก็ เป็นเกณฑจ์ ากหลกั ฐานเชิง ประจกั ษ์ 4. ระบขุ ั้วแม่เหล็กและพยากรณผ์ ลที่ เกิดขึ้นระหวา่ งข้วั แมเ่ หลก็ เมอ่ื นำมาเขา้ ใกลก้ ันจากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ป. 4 ป. 5 ป. 6 1. ระบุผลของแรงโนม้ ถ่วงทม่ี ตี ่อ 1. อธบิ ายวิธกี ารหาแรงลพั ธ์ 1. อธบิ ายการเกดิ และผลของแรงไฟฟ้า วตั ถจุ ากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ของแรงหลายแรงในแนว ซ่ึงเกดิ จากวตั ถทุ ผ่ี ่านการ ขัดถูโดยใช้ 2. ใช้เครอ่ื งช่ังสปรงิ ในการวดั เดยี วกันทีก่ ระทำตอ่ วตั ถใุ น หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ นำ้ หนกั ของวัตถุ กรณที ่วี ตั ถอุ ยนู่ ่ิงจากหลกั ฐาน 3. บรรยายมวลของวตั ถทุ ่ีมผี ล เชิงประจกั ษ์ ตอ่ การเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนที่ 2. เขยี นแผนภาพแสดงแรงท่ี ของวตั ถจุ ากหลกั ฐานเชิง กระทำต่อวตั ถุที่อยใู่ นแนว ประจกั ษ์ เดียวกันและแรงลัพธท์ ี่กระทำ ต่อวัตถุ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ
ตัวชีว้ ัดชัน้ ปี 3. ใช้เครอื่ งชั่งสปริงในการวดั แรงทก่ี ระทำตอ่ วัตถุ 4. ระบผุ ลของแรงเสยี ดทานที่ มีตอ่ การเปลีย่ นแปลงการ เคลอ่ื นท่ขี องวตั ถุจากหลักฐาน เชิงประจักษ์ 5. เขียนแผนภาพแสดงแรง เสียดทานและแรงทอ่ี ยใู่ นแนว เดียวกนั ท่กี ระทำต่อวตั ถุ สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลยี่ นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์ระหวา่ งสสาร และพลงั งาน พลังงานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลืน่ ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้อง กับเสยี ง แสง และคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชวี้ ัดช้ันปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 1. บรรยายการเกิดเสยี งและทิศ 1. บรรยายแนวการเคลือ่ นท่ี 1. ยกตวั อยา่ งการเปล่ียนพลงั งานหน่ึงไป ทางการเคล่อื นท่ขี องเสียงจาก ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสง เปน็ อีกพลงั งานหนง่ึ จากหลักฐานเชงิ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ และอธบิ ายการมองเหน็ วตั ถุ ประจกั ษ์ จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ 2. บรรยายการทำงานของเครอื่ งกำเนิด 2. ตระหนกั ในคุณค่าของ ไฟฟา้ และระบุแหลง่ พลงั งานในการผลติ ความรูข้ องการมองเห็นโดย ไฟฟา้ จากข้อมูลท่รี วบรวมได้ ๓. ตระหนกั เสนอแนะแนวทางการป้องกนั ในประโยชนแ์ ละโทษของไฟฟ้าโดย อันตรายจากการมองวัตถุทีอ่ ยู่ นำเสนอวธิ ีการใช้ไฟฟา้ อยา่ งประหยดั และ ในบรเิ วณทม่ี แี สงสว่างไม่ ปลอดภัย เหมาะสม ป. 4 ป. 5 ป. 6 1. จำแนกวตั ถุเป็นตัวกลาง 1. อธบิ ายการไดย้ ินเสียงผ่าน 1. ระบสุ ่วนประกอบและบรรยายหนา้ ท่ี โปรง่ ใส ตัวกลางโปร่งแสง และ ตวั กลางจากหลกั ฐานเชงิ ของแตล่ ะส่วนประกอบของวงจรไฟฟา้ วตั ถุทบึ แสง จากลักษณะการ ประจกั ษ์ อยา่ งง่ายจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ มองเห็นส่ิงต่าง ๆ ผา่ นวัตถนุ ั้น 2. ระบตุ วั แปร ทดลองและ 2. เขยี นแผนภาพและต่อวงจรไฟฟ้าอย่าง เปน็ เกณฑ์โดยใช้หลกั ฐานเชิง อธบิ ายลักษณะและการเกิด งา่ ย ประจกั ษ์ เสยี งสูง เสยี งต่ำ 3. ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ย 3. ออกแบบการทดลองและ วธิ ีทเ่ี หมาะสมในการอธิบายวิธกี ารและผล อธบิ ายลกั ษณะและการเกดิ ของการต่อเซลล์ไฟฟา้ แบบอนกุ รม 4. เสยี งดัง เสยี งค่อย ตระหนักถึงประโยชนข์ องความรู้ของการ ตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนกุ รมโดยบอก หลกั สูตรกลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกยี รติ
ตวั ชว้ี ัดชนั้ ปี ประโยชน์และการประยกุ ตใ์ ชใ้ น 4. วดั ระดบั เสยี งโดยใช้ ชวี ติ ประจำวนั เคร่อื งมอื วัดระดับเสียง 5. ออกแบบการทดลองและทดลองดว้ ย 5. ตระหนักในคุณค่าของ วธิ ีที่เหมาะสมในการอธิบายการตอ่ หลอด ความรเู้ รอื่ งระดบั เสยี งโดย ไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบขนาน เสนอแนะแนวทางในการ 6. ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรู้ของ หลีกเลยี่ งและลดมลพษิ ทาง เสียง การต่อหลอดไฟฟ้า แบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอก ประโยชน์ ข้อจำกดั และการประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวิตประจำวัน 7. อธบิ ายการเกิด เงามดื เงามัวจาก หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ 8. เขียนแผนภาพรงั สีของแสงแสดงการ เกดิ เงามืดเงามวั สาระท่ี 3 วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และ ระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและการ ประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี อวกาศ ตัวชี้วัดชัน้ ปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 1.ระบดุ าวทป่ี รากฏบนท้องฟ้า 1. อธิบายแบบรปู เสน้ ทางการ ในเวลากลางวัน และกลางคนื ขนึ้ และตกของ ดวงอาทิตยโ์ ดย จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ ใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ 2. อธบิ ายสาเหตุทีม่ องไมเ่ ห็น 2. อธิบายสาเหตกุ ารเกดิ ดาวส่วนใหญใ่ นเวลากลางวนั ปรากฏการณ์ การขึน้ และตก จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ของดวงอาทติ ย์ การเกิด กลางวัน กลางคนื และการ กำหนดทศิ โดยใช้ แบบจำลอง 3. ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของ ดวงอาทติ ย์ โดย บรรยาย ประโยชนข์ องดวงอาทติ ยต์ ่อ ส่งิ มีชวี ิต ป. 4 ป. 5 ป. 6 1. อธิบายแบบรปู เส้นทางการ 1. เปรยี บเทียบความแตกตา่ ง 1. สร้างแบบจำลองทีอ่ ธิบาย ขน้ึ และตกของ ดวงจนั ทร์ โดย ของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ การเกดิ และเปรียบเทียบ ใช้ หลกั ฐานเชิง ประจกั ษ์ จากแบบจำลอง หลักสูตรกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรียนไทยรฐั วทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
ตัวช้ีวัดชั้นปี 2. สรา้ งแบบจำลองที่ อธบิ าย 2. ใช้แผนทดี่ าวระบตุ ำแหน่ง ปรากฏการณ์ สรุ ยิ ุปราคาและ แบบรปู การเปลยี่ นแปลง และเส้นทาง การขึ้นและตกของ จันทรุปราคา รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ กลมุ่ ดาวฤกษ์บนท้องฟ้า และ 2. อธิบาย พัฒนาการ ของ และพยากรณร์ ปู รา่ งปรากฏของ อธิบาย แบบรูปเส้นทางการขึ้น เทคโนโลยี อวกาศ และ ดวงจนั ทร์ และตกของกลมุ่ ดาวฤกษ์บน ยกตวั อย่างการนาเทคโนโลยี 3. สร้างแบบจำลอง แสดง ทอ้ งฟ้าในรอบปี อวกาศมาใช้ประโยชนใ์ น องคป์ ระกอบ ของระบบสุริยะ ชวี ิตประจำวนั จากข้อมูลที่ และอธบิ าย เปรยี บเทยี บคาบ รวบรวมได้ การโคจรของ ดาวเคราะห์ ตา่ ง ๆ จากแบบจำลอง สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายใน โลก และบนผวิ โลก ธรณีพบิ ตั ภิ ัย กระบวนการเปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศโลก รวมท้ัง ผลตอ่ สิง่ มชี วี ิต และสิ่งแวดลอ้ ม ตวั ชวี้ ัดชัน้ ปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 1. อธิบายลักษณะภายนอกของ 1. ระบสุ ว่ นประกอบของดิน 1. ระบสุ ่วนประกอบของ หนิ จากลกั ษณะเฉพาะตัวท่ี และจำแนกชนดิ ของดินโดยใช้ อากาศ บรรยายความสำคญั สงั เกตได้ ลกั ษณะเน้ือดนิ และการจบั ตัว ของอากาศ และผลกระทบของ เปน็ เกณฑ์ มลพษิ ทางอากาศ ตอ่ สิ่งมีชวี ติ 2. อธบิ ายการใช้ประโยชนจ์ าก จากขอ้ มลู ทรี่ วบรวมได้ ดนิ จากขอ้ มลู ทีร่ วบรวมได้ 2. ตระหนกั ถึงความสำคัญของ อากาศ โดยนาเสนอแนว ทางการปฏิบัติตนในการลดการ เกิดมลพิษทางอากาศ 3. อธิบายการเกดิ ลมจาก หลักฐานเชิงประจักษ์ 4. บรรยายประโยชนแ์ ละโทษ ของลมจากขอ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ ป. 4 ป. 5 ป. 6 - 1. เปรยี บเทยี บปรมิ าณนำ้ ใน 1. เปรยี บเทียบกระบวนการ แตล่ ะแหล่งและระบปุ ริมาณน้ำ เกดิ หินอัคนี หินตะกอน และ ที่มนษุ ยส์ ามารถนำมาใช้ หนิ แปร และอธบิ าย วัฏจักรหิน ประโยชน์ได้ จากขอ้ มลู ที่ จากแบบจำลอง รวบรวมได้ 2. บรรยายและยก ตวั อย่างการ ใชป้ ระโยชนข์ องหินและแร่ใน หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรฐั วิทยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
ตัวชีว้ ัดชั้นปี ชวี ิต ประจำวันจากขอ้ มูลท่ี 2. ตระหนักถึงคุณคา่ ของนำ้ รวบรวมได้ โดยนำเสนอแนวทาง การใช้น้ำ 3. สร้างแบบจำลองที่อธบิ าย อยา่ งประหยดั และการอนรุ ักษ์ นำ้ การเกดิ ซากดกึ ดำบรรพ์และ 3. สร้างแบบจำลองท่ีอธิบาย คาดคะเนสภาพแวดลอ้ มในอดีต การหมนุ เวียนของนำ้ ในวฏั จักร ของซากดึกดำบรรพ์ นำ้ 4. เปรยี บเทยี บกระบวนการ 4. เปรียบเทยี บการเกดิ ลมบก เกิดเมฆ หมอก นำ้ คา้ ง และ ลมทะเล และมรสมุ รวมทั้ง น้ำค้างแขง็ จากแบบจำลอง 5. เปรียบเทยี บกระบวนการ อธิบายผลทีม่ ตี ่อส่ิงมชี วี ิตและ เกดิ ฝน หมิ ะ และลกู เหบ็ จาก สิ่งแวดล้อมจากแบบจำลอง ข้อมลู ที่รวบรวมได้ 5. อธบิ ายผลของมรสมุ ต่อการ เกิดฤดูของประเทศไทย จาก ขอ้ มูลท่ีรวบรวมได้ 6. บรรยายลกั ษณะและ ผลกระทบของนำ้ ทว่ ม การกัด เซาะชายฝัง่ ดินถล่ม แผ่นดินไหว สนึ ามิ 7. ตระหนักถงึ ผลกระทบของ ภัยธรรมชาติและธรณีพบิ ตั ิภยั โดยนำเสนอแนวทางในการเฝา้ ระวงั และปฏิบตั ิตนใหป้ ลอดภยั จากภัยธรรมชาตแิ ละธรณพี ิบัติ ภยั ท่ีอาจเกดิ ในท้องถ่นิ 8. สร้างแบบจำลองทอ่ี ธิบาย การเกิดปรากฏการณเ์ รือน กระจกและผลของปรากฏการณ์ เรอื นกระจกตอ่ ส่ิงมชี วี ิต 9. ตระหนกั ถงึ ผลกระทบของ ปรากฏการณเ์ รือนกระจกโดย นำเสนอแนวทาง การปฏิบัตติ น เพื่อลดกจิ กรรมท่ีกอ่ ใหเ้ กิดแก๊ส เรือนกระจก หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรียนไทยรฐั วทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลกั ของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสงั คมที่มกี ารเปลย่ี นแปลง อยา่ งรวดเรว็ ใช้ ความร้แู ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ เพอื่ แก้ปญั หาหรือ พฒั นางาน อย่างมคี วามคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม เลือกใช้เทคโนโลยอี ย่าง เหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ ม ตวั ช้ีวัดชนั้ ปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 --- ป. 4 ป. 5 ป. 6 --- สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นขนั้ ตอน และเปน็ ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม ตวั ช้วี ัดชัน้ ปี ป. 1 ป. 2 ป. 3 1. แก้ปัญหาอยา่ งง่าย โดยใช้ 1. แสดงลำดบั ขน้ั ตอนการ 1. แสดงอลั กอริทมึ ในการทา การลองผดิ ลองถกู การ ทำงานหรือการแก้ปญั หาอยา่ ง งานหรอื การแกป้ ัญหาอยา่ งง่าย เปรยี บเทียบ งา่ ยโดยใชภ้ าพ สญั ลกั ษณ์ หรอื โดยใช้ภาพ สัญลกั ษณ์ หรือ 2. แสดงลำดบั ขน้ั ตอนการ ขอ้ ความ ขอ้ ความ ทำงานหรือการแกป้ ญั หาอยา่ ง 2. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย 2. เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย งา่ ย โดยใชภ้ าพ สญั ลักษณ์ โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รือสอ่ื และ โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รือส่อื และ หรือข้อความ ตรวจหาข้อผิดพลาดของ ตรวจหาขอ้ ผิดพลาดของ 3. เขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย โปรแกรม โปรแกรม โดยใชซ้ อฟต์แวร์ หรือสอ่ื 3. ใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัด 3. ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตคน้ หาความรู้ 4. ใช้เทคโนโลยใี นการสรา้ ง หมวดหมู่ คน้ หา จัดเก็บ 4. รวบรวม ประมวลผล และ จดั เกบ็ เรยี กใชข้ อ้ มูลตาม เรียกใช้ขอ้ มูลตามวัตถปุ ระสงค์ นำเสนอขอ้ มลู โดยใช้ซอฟตแ์ วร์ วตั ถุประสงค์ 4. ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ตามวัตถปุ ระสงค์ อยา่ ง ปลอดภัย ปฏบิ ัติ ตาม 5. ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ข้อตกลงใน การใช้คอมพวิ เตอร์ 5. ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ อย่าง ปลอดภยั ปฏิบัตติ าม รว่ มกัน ดแู ลรักษา อุปกรณ์ อย่างปลอดภัย ปฏบิ ัตติ าม ข้อตกลงในการใชค้ อมพวิ เตอร์ เบ้ืองตน้ ใช้งานอยา่ ง เหมาะสม ข้อตกลงในการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ต ร่วมกันดแู ลรกั ษาอุปกรณ์ เบ้ืองตน้ ใชง้ านอยา่ งเหมาะสม หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
ตวั ชีว้ ัดชัน้ ปี ป. 4 ป. 5 ป. 6 1. ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในการ 1. ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการ 1. ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการ แกป้ ญั หา การอธิบายการ แก้ปญั หา การอธิบาย การงาน อธบิ ายและ ออกแบบวธิ ีการ ทำงาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ การคาดการณ์ผลลัพธจ์ าก แกป้ ัญหาทพ่ี บใน จากปญั หาอย่างงา่ ย ปญั หาอยา่ งง่าย ชวี ติ ประจำวัน 2. ออกแบบ และเขียน 2. ออกแบบและเขียน 2. ออกแบบและเขียนโปรแกรม โปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ โปรแกรมท่มี ีการใชเ้ หตผุ ลเชิง อยา่ งงา่ ยเพ่อื แกป้ ัญหาในชวี ิต ซอฟต์แวรห์ รอื สือ่ และตรวจหา ตรรกะอยา่ งงา่ ย ตรวจหา ประจำวนั ตรวจหาข้อผดิ พลาด ขอ้ ผดิ พลาดและแก้ไข 3. ใช้ ขอ้ ผิดพลาดและแกไ้ ข ของ โปรแกรมและแกไ้ ข อนิ เทอร์เน็ตค้นหาความรู้ และ 3. ใช้อนิ เทอร์เนต็ ค้นหาข้อมูล 3. ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ในการคน้ หา ประเมนิ ความน่าเช่ือถือของ ตดิ ตอ่ สื่อสาร และทำงาน ข้อมูลอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ขอ้ มลู ร่วมกัน ประเมินความนา่ เชื่อถอื 4. ใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 4. รวบรวม ประเมิน นำเสนอ ของขอ้ มูล ทำงานร่วมกนั อยา่ งปลอดภัย ข้อมูลและสารสนเทศ โดยใช้ 4. รวบรวม ประเมิน นำเสนอ เขา้ ใจสิทธแิ ละหน้าท่ขี องตน ซอฟต์แวรท์ ่ีหลากหลาย เพ่ือ ข้อมลู และสารสนเทศ ตาม เคารพในสทิ ธิของผูอ้ ืน่ แจ้ง แกป้ ัญหาในชีวติ ประจำวัน วัตถปุ ระสงคโ์ ดยใชซ้ อฟต์แวร์ ผูเ้ กย่ี วข้องเม่อื พบข้อมลู หรือ 5. ใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศ หรือบริการบนอินเทอร์เนต็ ที่ บุคคลทไ่ี มเ่ หมาะสม อยา่ ง ปลอดภยั เขา้ ใจ สทิ ธแิ ละ หลากหลาย เพอ่ื แก้ปญั หาใน หน้าท่ี ของตน เคารพใน สทิ ธิ ชีวติ ประจำวัน ของผูอ้ ่นื แจง้ ผ้เู ก่ียวข้องเม่อื พบ 5. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อมลู หรือบุคคลที่ ไม่เหมาะสม อยา่ ง ปลอดภยั มมี ารยาท เข้าใจสทิ ธแิ ละหน้าท่ขี องตน เคารพในสิทธิ ของผู้อนื่ แจ้ง ผเู้ กยี่ วขอ้ ง เมอื่ พบขอ้ มลู หรอื บุคคล ทีไ่ มเ่ หมาะสม หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลมิ พระเกียรติ
ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี ชนั้ ประถมศึกษา สาระท่ี 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธร์ ะ ตา่ ง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การเปล่ียนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ คว สิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รหสั ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตวั ช้ีวัด ว 1.1 1. ระบชุ ่อื พืช -บรเิ วณตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่นิ เช่น สนามหญา้ ใต้ตน้ ไม้ สวน ป 1/1 และสัตวท์ ่ี อาจพบพืชและสัตว์หลายชนดิ อาศยั อยู่ อาศัยอยู่ -บริเวณทีแ่ ตกตา่ งกนั อาจพบพืชและสัตวแ์ ตกต่างกัน เพร บรเิ วณตา่ ง ๆ สภาพแวดลอ้ มของแต่ละบรเิ วณจะมี ความเหมาะสมตอ่ ก จากขอ้ มูลที่ ของพชื และสัตว์ ท่อี าศัยอยู่ในแต่ละบริเวณ เช่น สระน้ำ รวบรวมได้ อาศัยของหอย ปลา สาหร่าย เปน็ ทหี่ ลบภยั และมี แหลง่ และปลา บริเวณต้นมะม่วงมี ตน้ มะม่วงเปน็ แหลง่ ท่ีอยู่ แ ว 1.1 2. บอก สำหรับกระรอกและมด ป 1/2 สภาพแวดล้อม - ถา้ สภาพแวดลอ้ มในบรเิ วณที่พืชและสตั วอ์ าศยั อยมู่ กี าร ทเ่ี หมาะสมกับ จะมผี ลตอ่ การดำรงชวี ติ ของพืชและสตั ว์ การดำรงชวี ิต ของสัตว์ใน บริเวณทีอ่ าศัย อยู่
ยนรู้แกนกลาง าปที ่ี 1 ะหว่างสงิ่ ไมม่ ชี ีวิตกับสง่ิ มชี ีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต วามหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีตอ่ ทรัพยากรธรรมชาติและ มรวมท้ังนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ สาระการเรยี นรูท้ ้องถิ่น นหยอ่ ม แหล่งนำ้ -สำรวจ สังเกต และรวบรวมพชื และสตั วท์ ี่พบบริเวณหน้า โรงเรยี นฯ ราะ การดำรงชวี ิต -ตรวจสอบ และระบุสงิ่ มชี ีวิตทพี่ บบรเิ วณดหนา้ โรงเรยี นฯ มนี ้ำเป็นท่ีอยู่ -ระบปุ ัญหา เสนอแนวทางในการแกไ้ ข และอนุรักษ์ทรพั ยากร งอาหารของหอย ธรรมชาติ และมอี าหาร รเปล่ียนแปลง
สาระที่ 1 วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ขิ องส่ิงมชี วี ิต หนว่ ยพ้ืนฐานของส่ิงมีชีวติ กา ๆ ของสตั ว์และมนุษยท์ ที่ างานสมั พนั ธ์กัน ความสัมพนั ธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าท่ขี องอ รหสั ตัวชี้วดั ตัวชีว้ ัด สาระการ ว 1.2 ป 1/1 1. ระบุชื่อ บรรยายลักษณะและบอกหน้าท่ี - มนษุ ย์มสี ว่ นตา่ ง ของสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายมนษุ ย์ สตั ว์ แตกต่างกนั เพอ่ื ให และพืช รวมทัง้ บรรยายการทำหนา้ ที่ เช่น ตามีหน้าท่ี ไว้ม ร่วมกนั ของสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกายมนษุ ย์ ตาเพ่ือป้องกนั อันต ในการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ จากขอ้ มูลท่ี ฟงั เสยี ง โดยมใี บหแู รวบรวมได้ ของเสียง ปากมหี น และมีรมิ ฝีปากบนล หยิบ จบั มีท่อนแข สมอง มีหนา้ ท่ีควบ ๆ ของรา่ งกาย เปน็ โดยส่วนตา่ ง ๆ ของ รว่ มกันในการทำกจิ - สัตว์มหี ลายชนิด มีลกั ษณะและหน้าท เหมาะสม ในการดำ เปน็ แผ่น สว่ นกบ เต เท้า สำหรับใช้ในกา หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทย
ารลำเลยี งสารผ่านเซลลค์ วามสมั พันธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ท่ขี องระบบต่าง อวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชทท่ี ำงานสมั พนั ธก์ ันรวมทงั้ นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ รเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ๆ ท่มี ีลกั ษณะและหน้าท่ี -ระบุสว่ นประกอบ และบอกหนา้ ทข่ี อง ห้เหมาะสมในการดำรงชวี ติ อวยั วะภายนอกของสตั วแ์ ละพืชท่พี บบริเวณ มองดู โดยมีหนังตาและขน โรงเรยี น ตรายใหก้ ับตา หูมหี นา้ ท่รี บั และรหู ู เพื่อเป็นทางผ่าน น้าทพี่ ดู กินอาหาร มีชอ่ งปา ล่าง แขนและมือมีหน้าท่ียก ขนและนว้ิ มอื ทีข่ ยบั ได้ บคุมการทำงานของส่วนต่าง นก้อนอย่ใู นกะโหลกศรี ษะ งรา่ งกายจะทำหนา้ ท่ี จกรรม ในชีวติ ประจำวนั แต่ละชนิดมสี ว่ นต่าง ๆ ที่ ทแ่ี ตกต่างกนั เพ่ือให้ ำรงชีวติ เช่น ปลามีครีบ ต่า แมว มีขา 4 ขาและมี ารเคลอื่ นท่ี ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกยี รติ
รหัสตวั ช้ีวดั ตัวช้ีวัด สาระการ - พืชมีส่วนตา่ ง ๆ ท แตกตา่ งกนั เพอื่ ให โดยทัว่ ไป รากมลี ัก แขนงเปน็ รากเลก็ ๆ ลักษณะเปน็ ทรงกร ทำหนา้ ท่ีชกู งิ่ ก้าน ใ เป็นแผน่ แบน ทำห นอกจากน้ีพืชหลาย รปู รา่ งตา่ ง ๆ ทำหน มเี ปลือก มีเนอ้ื ห่อห สามารถงอกเป็นตน้ ว 1.2 ป1/2 2. ตระหนกั ถงึ ความสำคัญของสว่ นต่าง ๆ - มนุษยใ์ ชส้ ่วนต่าง กจิ กรรมต่าง ๆ เพอื่ ของรา่ งกายตนเอง โดยการดแู ลสว่ นตา่ ง ๆ ควรใช้ส่วนตา่ ง ๆขอ อยา่ งถูกต้อง ให้ปลอดภัย และรกั ษา ความ ปลอดภยั และรกั ษ สะอาดอยู่เสมอ เช่น ใช้ตามองตวั หน เพียงพอ ดแู ลตาให และรักษาความสะอ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ย
รเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถนิ่ ท่มี ีลกั ษณะและหนา้ ที่ - ห้เหมาะสมในการดำรงชีวิต กษณะเรียวยาว และแตก ๆ ทำหนา้ ทดี่ ูดนำ้ ลำต้นมี ระบอกต้ังตรงและมกี ง่ิ ก้าน ใบ และดอก ใบมีลักษณะ หน้าทส่ี รา้ งอาหาร ยชนิดอาจมีดอกทมี่ ีสี นา้ ท่ีสืบพนั ธุ์ รวมทง้ั มีผลที่ หุ้มเมลด็ และมเี มล็ดซ่ึง นใหมไ่ ด้ ง ๆ ของร่างกายในการทำ อการดำรงชวี ิต มนษุ ย์จงึ องร่างกายอย่างถูกต้อง ษา ความสะอาดอยูเ่ สมอ นงั สือในท่ี ๆ มีแสงสวา่ ง ห้ปลอดภยั จากอันตราย อาดตาอย่เู สมอ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรัฐวิทยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
สาระที่ 1 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคญั ของการถ่ายทอดลักษ ส่งิ มีชวี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพและวิวัฒนาการของสิง่ มีชีวติ รวมทัง้ นำความรู้ไ รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชวี้ ัด สาระการ -- สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พ หลกั และธรรมชาตขิ องการเปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการ รหสั ตัวชี้วัด ตัวชีว้ ัด สาระการ ว 2.1 ป 1/1 1. อธบิ ายสมบัติทีส่ งั เกตได้ของวสั ดุทใ่ี ช้ทำ -วสั ดุท่ีใชท้ ำวัตถุที่เ วตั ถซุ ึง่ ทำจากวสั ดุชนิดเดียว หรือหลาย หลายชนดิ เช่น ผ้า ชนดิ ประกอบกนั โดยใชห้ ลักฐานเชิง หิน กระดาษ โลหะ ประจักษ์ สงั เกตได้ต่าง ๆ เช่น ว 2.1 ป 1/2 2. ระบชุ นิดของวสั ดุและจดั กลมุ่ วัสดุตาม ใส ขุ่น ยืดหดได้ บิด สมบัติที่สงั เกตได้ - สมบัติทส่ี งั เกตไดข้ เหมอื นกัน ซ่งึ สามา การจัดกลมุ่ วสั ดุได้ วสั ดบุ างอยา่ งสามา ทำเปน็ วตั ถตุ ่าง ๆ เ เสือ้ ไมแ้ ละโลหะ ใช หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ย
ษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธกุ รรม การเปล่ยี นแปลงทางพนั ธกุ รรมท่ีมผี ลตอ่ ไปใชป้ ระโยชน์ รเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ -- พันธ์ระหว่างสมบัตขิ องสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค รเกิดปฏิกริ ิยาเคมี รเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถน่ิ เป็นของเลน่ ของใช้ มี -อธิบายสมบัติของวสั ดทุ ี่ใช้ทำอุปกรณ์และ า แกว้ พลาสติก ยาง ไม้ อิฐ เครอื่ งมือในการประมง ะ วัสดุแตล่ ะชนิดมสี มบตั ทิ ่ี น สี นมุ่ แข็ง ขรุขระ เรียบ ดงอได้ ของวสั ดุแตช่ นดิ อาจ ารถนำมาใช้เปน็ เกณฑ์ใน ารถนำมาประกอบกันเพื่อ เชน่ ผา้ และกระดมุ ใช้ทำ ชท้ ำกระทะ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับประถมศึกษา โรงเรยี นไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงท่ีกระ ประโยชน์ รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ัด สาระการ -- สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2. 3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลยี่ นแปลงและการถ จาวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ทีเ่ กย่ี วข้องกบั เสยี ง แสง และคล่นื แม่เหล็กไฟฟ รหสั ตัวชี้วดั ตัวชวี้ ัด สาระการ ว 2.3 ป 1/1 1. บรรยายการเกิดเสียงและทิศทาง การ -เสียงเกิดจากการส เคล่ือนท่ขี องเสียงจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ เสยี งเปน็ แหล่งกำเน แหลง่ กำเนิดเสียงต แหลง่ กำเนิดเสียงท เคล่อื นท่อี อกจากแ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ย
ะทาต่อวตั ถุ ลกั ษณะการเคลอ่ื นทีแ่ บบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นำความรไู้ ปใช้ รเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถนิ่ - - ถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธร์ ะหว่างสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประ ฟ้า รวมทั้งนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ รเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถนิ่ สน่ั ของวตั ถุ วตั ถทุ ่ีทำให้เกดิ -จำแนกแหลง่ ท่ีมาของเสยี งรอบ ๆ โรงเรียน นิดเสียงซึง่ มที งั้ เช่น กจิ กรรมฟงั เสียงคล่ืน รืน่ รมย์ ตามธรรมชาติและ ทม่ี นษุ ย์สร้างขน้ึ เสียง แหลง่ กำเนดิ เสยี งทกุ ทิศทาง ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศกึ ษา โรงเรียนไทยรัฐวทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
สาระท่ี 3 วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒ ภายในระบบสุรยิ ะท่สี ่งผลตอ่ สง่ิ มีชวี ติ และการประยกุ ต์ใชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชว้ี ัด สาระการ ว 3.1 ป 1/1 1. ระบดุ าวทป่ี รากฏบนท้องฟา้ ในเวลา - บนท้องฟ้ามีดวงอ กลางวัน และกลางคืนจากขอ้ มูลที่รวบรวม ซึ่งในเวลากลางวันจ ได้ อาจมองเห็นดวงจัน ว 3.1 ป 1/2 2. อธบิ ายสาเหตุทมี่ องไมเ่ หน็ ดาวส่วนใหญ่ ไมส่ ามารถมองเห็น ในเวลากลางวนั จากหลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ -ในเวลากลางวันม เนอื่ งจากแสงอาทิต ดาว ส่วนในเวลากล มองเห็นดวงจนั ทร์ สาระที่ 3 วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระ เปลยี่ นแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลกรวมทง้ั ผลตอ่ ส่งิ มชี ีวติ และสิ่งแวดลอ้ ม รหัสตวั ชี้วัด ตัวชว้ี ัด สาระการ ว 3.2 ป 1/1 1. อธบิ ายลักษณะภายนอกของหนิ จาก -หินที่อยูใ่ นธรรมชำ ลักษณะเฉพาะตวั ท่ีสังเกตได้ ตวั ทส่ี งั เกตได้ เช่น ความแขง็ และเน้อื หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรู้วิทย
ฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ รเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถนิ่ - อาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว จะมองเหน็ ดวงอาทติ ย์และ - นทรบ์ างเวลาในบางวัน แต่ นดาว มองไมเ่ ห็นดาวส่วนใหญ่ ตย์สวา่ งกวา่ จงึ กลบแสงของ ลางคนื จะมองเหน็ ดาวและ เกือบทกุ คืน ะบวนการเปลีย่ นแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพบิ ัติภยั กระบวนการ รเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ ำตมิ ีลักษณะภายนอกเฉพา -สงั เกตลักษณะของหินท่พี บบริเวณชายหาด น สี ลวดลาย นำ้ หนัก หน้าโรงเรยี น อหิน ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดบั ประถมศึกษา โรงเรียนไทยรฐั วทิ ยา ๗๕ เฉลิมพระเกียรติ
สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พือ่ การดำรงชีวิตในสงั ค คณติ ศาสตร์ และศาสตร์อน่ื ๆ เพ่ือแก้ปัญหา หรอื พัฒนางานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรร เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมโดยคำนึงถงึ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ สงั คม และสงิ่ แวดล้อม รหัสตวั ช้ีวัด ตัวช้วี ัด สาระการ -- สาระท่ี 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาท่พี บในช ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาได รหสั ตัวชี้วดั ตวั ชว้ี ัด สาระการ ว 4.2 ป 1/1 1. แก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใช้การลองผิด - การแกป้ ญั หาใหป้ ลองถกู การเปรียบเทียบ โดยใชข้ นั้ ตอนการแ - ปญั หาอยา่ งงา่ ย จุดแตกต่างของภาพ ว 4.2 ป 1/2 2. แสดงลำดับขนั้ ตอนการทำงาน หรอื - การแสดงขั้นตอน การแกป้ ญั หาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ การเขยี น บอกเลา่ สญั ลกั ษณ์ หรอื ขอ้ ความ สญั ลกั ษณ์ - ปญั หาอย่างง่าย เ จุดแตกต่างของภาพ กระเป๋า ว 4.2 ป 1/3 3. เขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ - การเขียนโปรแกร ซอฟตแ์ วรห์ รอื สอ่ื คำสั่ง ให้คอมพิวเต หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209