242 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ครงั้ ท่ี ลกั ษณะกิจกรรม เทคนิ ค/วิธีการ จานวน ตวั ชี้วดั ผลผลิต/ผลลพั ธ์ กากบั พฤตกิ รรม การเปลย่ี นแปลงของน้าหนกั - จานวนผเู้ ขา้ ร่วม ตนเอง และ 3 อ. กจิ กรรมมกี าร - ฝึกปฏบิ ตั กิ ารชงั่ ตวง คานวณ เปลย่ี นแปลงไปในทาง ปรมิ าณอาหาร ทด่ี ขี น้ึ โดยวดั จาก BMI ,BP รอบเอว คดิ เป็นรอ้ ยละ 20 ของ ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ 3 - สรา้ งความตระหนกั - รกั ษาสขุ ภาพสรา้ งชวี ติ ใหย้ นื ยาว 50 - จานวนผเู้ ขา้ ร่วม และมสี ว่ นรว่ มกจิ กรรม - ประเมนิ ผลการดแู ลสขุ ภาพ และ คน กจิ กรรมปรบั เปลย่ี น - การสรา้ งความ คน้ หาตน้ แบบทด่ี ี พฤตกิ รรม 50 คน รบั ผดิ ชอบต่อสขุ ภาพ - กจิ กรรมเป้าหมายของฉนั - จานวนผเู้ สย่ี งโรค 50 - การสรา้ งเสรมิ พลงั - ฝึกทกั ษะการออกกาลงั กาย คน มสี ว่ นรว่ มใน สรา้ งแรงจงู ใจ และการคลายเครยี ด กจิ กรรม รอ้ ยละ100 4 - แลกเปลย่ี นเรยี นรใู้ น - ฝึกการทางานรว่ มกนั โดยมกี าร 50 - 50 % ผเู้ ขา้ ร่วม การดแู ลตนเอง ระดมสมอง การวางแผน คน กจิ กรรมมกี าร - วเิ คราะหป์ ัญหา - ฝึกประเมนิ ผลการทางานตนเอง เปลย่ี นแปลงไปในทาง โดยเปรยี บเทยี บกบั ผลงานของ ทด่ี ขี น้ึ โดยวดั จาก อปุ สรรค และปรบั คนอ่นื เพ่อื ปรบั ปรุงพฒั นา BMI , BP รอบเอว แผนการดแู ลตนเอง - ฝึกทกั ษะการออกกาลงั กายท่ี - 50 % ของผเู้ ขา้ ร่วม ไดอ้ ย่างต่อเน่อื ง เหมาะสม กจิ กรรม มคี วามพงึ - มคี วามเช่อื มนั่ ใน พอใจชอ่ื โครงการ ความสามารถของ - 50 % ของผเู้ ขา้ รว่ ม ตนเองทจ่ี ะปรบั กจิ กรรมมกี ารรบั รู้ เปลย่ี นพฤตกิ รรมได้ ความสามารถตนเอง ดขี น้ึ กวา่ เดมิ ในการดแู ลพฤตกิ รรม - กจิ กรรมออกกาลงั กาย สขุ ภาพ - 70 % ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม 5 - เสรมิ แรงโดยการฝึก - การฝึกจติ เพมิ่ พลงั ชวี ติ 50 คน มกี ารเปลย่ี นแปลงดขี น้ึ จติ พฒั นาอารมณ์ - ทาแบบทดสอบ - ตอบปัญหาสขุ ภาพ วดั จาก BMI, BP, รอบเอว - ประเมนิ ผลการ - ประเมนิ อุปสรรคเพ่อื ปรบั เปล่ี - 70 % ของผเู้ ขา้ รว่ ม ปรบั เปลย่ี น พฤตกิ รรมทไ่ี ดผ้ ลและยงั่ ยนื กจิ กรรมมคี วามพงึ พอใจ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ - ใหก้ าลงั ใจกบั ผปู้ ระสบผลสาเรจ็ - 70 % ของผเู้ ขา้ รว่ ม - ช่นื ชม แสดงควา มยนิ ดี กจิ กรรมมกี ารรบั รู้ ความสามารถตนเอง ในการดแู ลพฤตกิ รรม สขุ ภาพ ตวั ชี้วดั ของโครงการ 1. ตวั ชว้ี ดั ของผลงาน / ผลผลติ (Output) ของโครงการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพใน ผทู้ ม่ี นี ้าหนกั เกนิ มาตรฐานหรอื กลุ่มเสย่ี ง 1.1 รอ้ ยละ 100 ของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการสามารถเขา้ รว่ มกจิ กรรมไดต้ ลอดหลกั สตู ร องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
243 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 2. ตวั ชว้ี ดั ผลลพั ธ์ (Outcome) 2.1 ร้อยละของผู้เข้าร่วมโครงการมกี ารรบั รู้ความความสามารถในการปรบั เปล่ยี น พฤตกิ รรมสขุ ภาพไดด้ ว้ ยตนเองในระดบั มาก คดิ เป็นรอ้ ยละ 70 2.2 รอ้ ยละของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการมคี วามรูใ้ นการเลอื กรบั ประทานอาหาร การออก กาลงั กาย และการจดั การกบั ความเครยี ดถกู ตอ้ ง คดิ เป็นรอ้ ยละ 70 2.3 รอ้ ยละของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการมกี ากบั พฤตกิ รรมของตนเอง คดิ เป็นรอ้ ยละ 70 2.4 รอ้ ยละของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการมพี ฤตกิ รรมดแู ลตนเอง คดิ เป็นรอ้ ยละ 70 2.5 จานวนผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการมคี ่าดชั นีมวลกายลดลงจากก่อนเขา้ ร่วมโครงการ คดิ เป็นรอ้ ยละ 70 ของจานวนผมู้ คี ่าดชั นมี วลกายเกนิ ทงั้ หมด 2.6 ร้อยละของผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจต่อโปรแกรม / กิจกรรม ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมในระดบั มาก คดิ เป็นรอ้ ยละ 70 ของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการทงั้ หมด ตวั อยา่ งโปรแกรมปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมสขุ ภาพกล่มุ ผปู้ ่ วยโรคเบาหวาน ความเป็ นมาของโปรแกรม ผู้ป่ วยโรคเบาหวานเป็นกลุ่มโรคเรอ้ื รงั ท่พี บมากเป็นอนั ดบั ท่ี 2 รองจากโรคความดนั โลหติ สงู ระยะเรมิ่ แรก ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวาน ไดแ้ ก่ เบาหวานขน้ึ ตา เบาหวานลงไต หรอื การเป็นแผลทเ่ี ทา้ จะมจี านวนมากและรุนแรงขน้ึ จากการศกึ ษาวธิ กี ารแก้ปัญหาของผปู้ ่ วย โรคเบาหวานพบว่า การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหาร การออกกาลงั กาย และ การจดั การความเครยี ด รวมถงึ การได้รบั ข้อมูลความรู้ ความเขา้ ใจท่ถี ูกต้อง การสรา้ งความ ตระหนกั ในโรคหรอื ภาวะเสย่ี งของตนเอง และการมสี ่วนรว่ มในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในผปู้ ่วยหรอื กลุ่มเสย่ี งโรคเดยี วกนั จะทาใหบ้ ุคคลรจู้ กั วธิ กี ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมตามทผ่ี ปู้ ่วยดารงชวี ติ อยู่ ตวั ชี้วดั ของโปรแกรม โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพในการศกึ ษาครงั้ น้ี แบง่ เป็น 2 โปรแกรม คอื 1. โปรแกรมการปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมท่เี ก่ียวกบั โรคเบาหวาน (โปรแกรม D) เป็น โปรแกรมการสรา้ งความตระหนกั ใหข้ อ้ มลู ความรแู้ ละฝึกปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั เรอ่ื งเบาหวานแบ่งเป็น หวั ขอ้ ย่อย 7 เร่อื ง คอื 1) เบาหวานโดยทวั่ ไป มผี ลต่อร่างกายอย่างไร การป้องกนั การเกิด โรคเบาหวาน 2) โรคแทรกซ้อน วธิ ีป้องกนั และรกั ษา 3) ยาลดน้าตาล 4) การดูแลสุขภาพ โดยทวั่ ไปและการดูแลขณะเจ็บป่ วย 5) การดูแลรกั ษาเท้า 6) วิธีการดาเนินชีวิตเม่อื เป็น เบาหวาน และ 7) การควบคุมเบาหวานดว้ ยตนเอง 2. โปรแกรมปรบั เปล่ียนพฤติกรรมด้านอาหาร การออกกาลงั กายและการจดั การ อารมณ์ (โปรแกรม E) เป็น 3 หวั ขอ้ 2 โปรแกรมคอื 1) โปรแกรมปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมการ บรโิ ภคอาหาร และ 2) โปรแกรมปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมการเคล่อื นไหวออกกาลงั และการ ควบคมุ อารมณ์ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
244 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- โปรแกรม D และ E ดงั กล่าวประยกุ ตใ์ ชแ้ นวคดิ 3-Self ไดแ้ ก่ การรบั รคู้ วามสามารถ ของตนเอง (Self-efficacy) การกากบั ตนเอง (Self-regulation) และการนาไปสู่พฤตกิ รรมการ ดูแลสุขภาพตนเอง (Self-care) เรยี กรวมว่า โปรแกรม DE10 (ดเี ทน็ ) ประกอบด้วยโปรแกรม ยอ่ ย 7D และ 3E 1. โปรแกรมการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม 7D เรยี กว่าโปรแกรม DM-3S หรอื โปรแกรม D มเี น้อื หาครอบคลมุ 7 เรอ่ื งเช่นกนั 2. โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม 3E เรยี กวา่ โปรแกรม E1 Eat food – 3S, โปรแกรม E2- Exercise – Emotion–3S หรอื โปรแกรม E1, โปรแกรม E2 ตามลาดบั ทงั้ น้ี ต่อจากน้ีจะเรยี กเฉพาะช่อื ย่อว่า โปรแกรม D และ โปรแกรมE1, โปรแกรม E2 และโปรแกรมรวมวา่ DE10 ตวั ชี้วดั ของโปรแกรม อธบิ ายตามประเภท ดงั ต่อไปน้ี 1. ตวั ชว้ี ดั ของโปรแกรมทเ่ี กย่ี วกบั โรคเบาหวานหรอื โปรแกรม D ไดแ้ ก่ 1.1 ความรเู้ กย่ี วกบั โรคเบาหวาน 7 เรอ่ื งและความสามารถฝึกปฏบิ ตั กิ ารดแู ลตนเอง 1.2 การกากับตนเองเพ่ิมข้ึนในด้านการปฏิบัติตัวเพ่ือลดความเส่ียงหรือ ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 1.3 การรบั รคู้ วามสามารถของตนเองเพม่ิ ขน้ึ ในดา้ นการปฏบิ ตั ติ วั เพ่อื ลดความเส่ยี ง หรอื ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 2. ตวั ชว้ี ดั ของโปรแกรม E1 ไดแ้ ก่ 2.1 ความรโู้ ภชนาการทเ่ี กย่ี วกบั โรคเบาหวานชนิดท่ี 2 2.2 การกากับตนเองเพิ่มข้ึนในด้านการบริโภคอาหารเพ่ือลดความเส่ียง หรือ ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 2.3 การรบั รคู้ วามสามารถของตนเองเพม่ิ ขน้ึ ในดา้ นการบรโิ ภคอาหารเพ่อื ลดความ เสย่ี งหรอื ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 2.4 พฤตกิ รรมการดแู ลตนเองดา้ นการบรโิ ภคอาหาร 3. ตวั ชว้ี ดั ของโปรแกรม E2 ไดแ้ ก่ 3.1 การกากบั ตนเองเพมิ่ ข้นึ ในด้านการเคล่อื นไหวออกกาลงั และด้านการควบคุม อารมณ์เพ่อื ลดความเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 3.2 การรบั รคู้ วามสามารถของตนเองเพมิ่ ขน้ึ ในด้านการเคล่อื นไหวออกกาลงั และ ดา้ นการควบคุมอารมณ์เพ่อื ลดความเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 3.3 พฤตกิ รรมการดแู ลตนเองดา้ นการเคล่อื นไหวออกกาลงั และดา้ นควบคมุ อารมณ์ 4. ตวั ชว้ี ดั รวมของ 2 โปรแกรมใหญ่ ไดแ้ ก่ 4.1 คา่ ดชั นมี วลกาย (BMI) สาหรบั ผมู้ ดี ชั นีมวลกายเกนิ มคี ่าลดลงจากก่อนเขา้ โปรแกรม องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
245 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 4.2 ค่าระดบั น้าตาลในเลอื ด (DTX หรอื FBS) ลดลงจากก่อนเขา้ ร่วมโปรแกรมหรอื อยใู่ นเกณฑท์ ม่ี แี นวโน้มลดลง (ในช่วงเดอื นทเ่ี ขา้ โปรแกรม) จากก่อนเขา้ รว่ มโปรแกรม วตั ถปุ ระสงคข์ องโปรแกรม วตั ถุประสงคข์ องโปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม 2 โปรแกรม สามารถอธบิ ายไดต้ าม ประเภทของโปรแกรม ดงั ต่อไปน้ี 1. โปรแกรม D มวี ตั ถุประสงคเ์ พอ่ื 1.1 พฒั นาพฤตกิ รรมดา้ นการปฏบิ ตั ติ วั ของผรู้ บั บรกิ ารทเ่ี ขา้ รบั โปรแกรม ดงั น้ี 1) อธบิ ายความหมายความรโู้ รคเบาหวานปัจจยั เสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นของ โรคเบาหวานชนิดท่ี 2 แนวทางการป้องกนั และเหน็ ความสาคญั ของการลดความเสย่ี ง 2) มกี ารรบั รคู้ วามสามารถของตนเองเพม่ิ ขน้ึ ในดา้ นการปฏบิ ตั ติ วั เพ่อื ลดความ เสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นนของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 3) มีการกากับตนเองเพิ่มข้ึนในด้านการปฏิบัติตัวเพ่ือลดความเส่ียงและ ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 เพมิ่ ขน้ึ 2. โปรแกรม E1 มวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื 2.1 พฒั นาพฤตกิ รรมดา้ นการบรโิ ภคอาหารของผรู้ บั บรกิ ารทเ่ี ขา้ รว่ มโปรแกรม ดงั น้ี 1) อธบิ ายความหมาย ความสมั พนั ธ์ของโภชนาการกบั โรคเบาหวาน แนว ทางการดแู ลตนเองเพ่อื ลดความเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 2) มกี ารรบั รคู้ วามสามารถของตนเองเพมิ่ ขน้ึ ในดา้ นการบรโิ ภคอาหารเพอ่ื ลด ความเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 3) มกี ารกากบั ตนเองเพมิ่ ขน้ึ ในดา้ นการบรโิ ภคอาหารเพ่อื ลดความเส่ยี งและ ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 2.2 ให้ผู้รับบริการมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารเพ่ือลดความเส่ียงและ ภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 เพม่ิ มากขน้ึ 3. โปรแกรม E2 มวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื 3.1 พฒั นาพฤตกิ รรมดา้ นการเคล่อื นไหวออกกาลงั ของผเู้ ขา้ รบั โปรแกรม 1) มกี ารรบั รคู้ วามสามารถของตนเองเพม่ิ ขน้ึ ในดา้ นการเคล่อื นไหวออกกาลงั และดา้ นการควบคมุ อารมณ์เพ่อื ลดเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นเพมิ่ ขน้ึ ของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 2) มกี ารกากบั ตนเองเพม่ิ ข้นึ ในด้านการเคล่อื นไหวออกกาลงั และด้านการ ควบคุมอารมณ์เพ่อื ลดความเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นเพม่ิ ขน้ึ ของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 3.2 ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารมพี ฤตกิ รรมการเคล่อื นไหวออกกาลงั และการควบคุมอารมณ์ได้ เพม่ิ มากขน้ึ เพอ่ื ลดความเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 3.3 ลดความเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นทม่ี สี าเหตุการมพี ฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม โดยมี ค่าดชั นีมวลกายสาหรบั ผมู้ ดี ชั นีมวลกายเกนิ มคี า่ ลดลงกว่าก่อนเขา้ รว่ มโปรแกรม องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
246 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- กล่มุ เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายท่เี ขา้ ร่วมโปรแกรมการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพ มเี กณฑใ์ นการ คดั เลอื กผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ เป็นเกณฑท์ วั่ ไป ดงั น้ี 1) ยนิ ยอมสมคั รเขา้ ร่วมโครงการ 2) เป็น เจา้ หน้าทโ่ี รงพยาบาล ประชาชนหรอื ผูร้ บั บรกิ ารทุกสทิ ธิ ์ 3) อายุ 20 ปีขน้ึ ไป 4) มคี วามรอู้ ่าน ออกเขยี นได้ จดบนั ทกึ ไดห้ รอื มผี ดู้ ูแลใกลช้ ดิ ทช่ี ่วยเหลอื บนั ทกึ แทนได้ ถา้ ผดู้ ูแลเขา้ รว่ มอบรม ดว้ ยจะถอื เป็นกลมุ่ เป้าหมาย และ 5) ไมเ่ ป็นโรคจติ โรคประสาทหรอื มอี าการผดิ ปกตทิ างจติ ทงั้ น้ี กลุม่ เป้าหมายมลี กั ษณะเฉพาะ 2 กรณี คอื กล่มุ ผปู้ ่ วย ตอ้ งเป็นผปู้ ่วยโรคเบาหวาน (DM Type II) ทย่ี งั ไมม่ ภี าวะแทรกซอ้ นรุนแรง ของโรคอ่นื ๆ มคี า่ น้าตาลในเลอื ดมากกวา่ 110 มลิ ลกิ รมั เปอรเ์ ซนต์ กล่มุ เสี่ยง มปี ัจจยั เสย่ี งอยา่ งน้อย 3 ขอ้ ขน้ึ ไปของภาวะเสย่ี ง ดงั น้ี 1) ผทู้ ม่ี ภี าวะน้าหนัก เกินมาตรฐานซ่งึ มคี ่าดชั นีมวลกาย (BMI) ในผู้ชายมากกว่า 25 ผู้หญงิ ท่มี ี BMI มากกว่า 23 kg/m2 2) ผู้ท่ีมีประวัติบิดามารดาหรือพ่ีน้องเป็ นโรคเบาหวาน 3) ผู้ท่ีมีพฤติกรรมชอบ รบั ประทานอาหารพวกแป้งและน้าตาล/อาหารหวาน 4) ผู้ท่ขี าดการออกกาลงั 5) ผู้ท่มี ภี าวะ เครยี ดงา่ ยบอ่ ยครงั้ และ 6) ผทู้ ผ่ี า่ นการคดั กรองการตรวจโรคเบาหวาน และมภี าวะเสย่ี งทไ่ี ด้รบั การบง่ ชจ้ี ากแพทยอ์ ายรุ กรรมว่า มโี อกาสเกดิ โรคเบาหวาน ลกั ษณะของโปรแกรม ทงั้ 2 โปรแกรม แยกอธบิ ายตามประเภท 1. โปรแกรมการปรบั เปล่ียนพฤติกรรมที่เก่ียวกบั โรคเบาหวาน (โปรแกรม D) โปรแกรมน้ีเป็นหลกั สูตรท่มี จี ุดมุ่งหมายเพ่อื ใหผ้ ู้ป่ วยและกลุ่มเส่ยี งโรคเบาหวานมี ความรแู้ ละตระหนักเพ่อื พฒั นาทกั ษะการกากบั ตนเอง การรบั รคู้ วามสามารถของตนเอง และ การดแู ลตนเองดา้ นการปฏบิ ตั ติ วั โดยมจี ดั เน้ือหาและกิจกรรมทส่ี ่งเสรมิ การพฒั นาทงั้ ทางด้าน การรคู้ ดิ และพฤตกิ รรม กจิ กรรมทจ่ี ดั ขน้ึ แบ่งออกเป็น 5 ครงั้ เดอื นละ 1 ครงั้ ในแต่ละครงั้ มกี าร เรยี นรหู้ ลากหลายไดแ้ ก่ การบรรยาย การฝึกปฏบิ ตั ิ การแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ และปฏสิ มั พนั ธ์ กลมุ่ เป็นตน้ ภาพรวมของโปรแกรมแสดงดงั ตาราง 8-6 ตาราง 8-6 ภาพรวมกิจกรรมในโปรแกรมปรบั เปล่ียนพฤติกรรมเก่ียวกับโรคเบาหวาน (โปรแกรม D) ครงั้ ที่ เนื้อหา/กิจกรรม 1 1.1 การสรา้ งความตระหนกั ถงึ ปัญหาโรคเบาหวาน มสี ว่ นรว่ มปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมตนเอง 1.2 สง่ เสรมิ ความรเู้ รอ่ื งโรคเบาหวานและการปฏบิ ตั ติ วั ดงั น้ี (เฉพาะหวั ขอ้ ท่ี 1, 2, 4 และ 6) ขอ้ 1 เบาหวานโดยทวั่ ไป มผี ลต่อร่างกายอยา่ งไรการป้องกนั การเกดิ โรคเบาหวาน ขอ้ 2 โรคแทรกซอ้ น วธิ ปี ้องกนั และรกั ษา ขอ้ 4 การดแู ลสขุ ภาพโดยทวั่ ไปและการดแู ลขณะเจบ็ ป่วย ขอ้ 6 วธิ กี ารดาเนินชวี ติ เม่อื เป็นเบาหวาน องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
247 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ครงั้ ท่ี เนื้อหา/กิจกรรม 1.3 การกากบั พฤตกิ รรมตนเองดา้ นการปฏบิ ตั ติ วั 2 2.1 ทบทวนความรโู้ รคเบาหวาน 2.2 ส่งเสรคิ วามรโู้ รคเบาหวาน การสอบถามรายบุคคลและฝึกปฏบิ ตั ิ เฉพาะ ขอ้ 3 ยาลดน้าตาล ขอ้ 5 การดแู ลรกั ษาเทา้ (ออกกาลงั บรหิ ารเทา้ ) และขอ้ 7 การควบคมุ เบาหวานดว้ ยตนเอง 2.3 ประเมนิ ผลและใหก้ ารเสรมิ แรงทางบวก 3 3.1 ทบทวนความรู้ กระตุน้ เตอื น 3.2 ส่งเสริมความรู้โรคเบาหวานและฝึกปฏบิ ตั ิกลุ่มเฉพาะ ข้อ 5 การดูแลรกั ษาเท้า (ตรวจเท้า ตนเองและเทา้ เพอ่ื น) ขอ้ 7 การควบคมุ เบาหวานดว้ ยตนเอง (ฝึกเจาะเลอื ด) 4 4.1 ทบทวน กระตุน้ เตอื นการดแู ลตนเองโดยใชต้ วั แบบ 4.2 แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 5 5.1 ทบทวน ประเมนิ ผลและการจดั ตงั้ กลุ่ม 2. โปรแกรมปรบั เปล่ียนพฤติกรรมด้านอาหาร ออกกาลังกายและจดั การ อารมณ์ (โปรแกรม E) โปรแกรมน้ีเป็นหลกั สูตรท่มี จี ุดมุ่งหมายเพ่อื ให้ผู้ป่ วยและกลุ่มเส่ยี งโรคเบาหวาน พฒั นาทกั ษะการกากบั ตนเอง การรบั รูค้ วามสามารถของตนเองและการดูแลตนเองด้านการ บรโิ ภคอาหาร โดยมเี น้ือหาและกจิ กรรมส่งเสรมิ การพฒั นาทงั้ ทางด้านการรคู้ ดิ และพฤตกิ รรม กิจกรรมท่จี ดั ข้นึ แบ่งเป็น 5 ครงั้ เดือนละ 1 ครงั้ ในแต่ละครงั้ มกี ารเรยี นรู้หลากหลายได้แก่ บรรยาย ฝึกปฏบิ ตั ิ ฝึกวเิ คราะห์ การวางแผน การลงบนั ทกึ ทบ่ี า้ น การอภปิ ราย การแลกเปลย่ี น เรยี นรู้ และปฏสิ มั พนั ธก์ ลมุ่ เป็นตน้ ภาพรวมของโปรแกรมแสดงดงั ตาราง 8-7 ตาราง 8-7 ภาพรวมกจิ กรรมในโปรแกรม E1 ครงั้ ท่ี เนื้อหา/กิจกรรม 1 1.1 การสร้างความตระหนักถึงปัญหาจากโภชนาการท่เี ก่ยี วกนั โรคเบาหวาน,การมสี ่วนร่วม ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมตนเอง 1.2 สง่ เสรมิ ความรดู้ า้ นโภชนาการ: 1) ธงโภชนาการ 2) พลงั งานทเ่ี หมาะสมสาหรบั ชายหญงิ 3) อาหาร 1 สว่ นใน 6 หมวด 4) อาหารหมวดทจ่ี ะเป็นคารโ์ บไฮเดรตและการแลกเปลย่ี น 1.3 การกากบั พฤตกิ รรมตนเองดา้ นการบรโิ ภคอาหาร 2 2.1 การฝึกทกั ษะโดยกจิ กรรมกลมุ่ ดว้ ยเกม 1) พลงั งานจากอาหารของจรงิ ทก่ี นิ บอ่ ย 2) ฉลาก อาหาร หวาน เคม็ มนั 3) ปรบั การกนิ อย่างไรใหอ้ มิ่ มคี ุณค่าเหมาะสม 4) อาหารของชอบ ตอ้ งการกนิ กนิ อยา่ งไรใหไ้ มม่ ากเกนิ ไป และ 5) อาหารโซนสี 2.2 แลกเปลย่ี นวางแผนดว้ ยตนเอง กลุ่มและสรุปทบทวนจากกลมุ่ 3.1 การเลอื กซอ้ื การกนิ อาหารพอเหมาะ ตวั อยา่ งการกนิ อาหารของหวานและอาหารทช่ี อบ 3 3.2 วดั คา่ น้าตาลหลงั อาหาร 4.1 ทบทวนบทเรยี น และเรยี นรจู้ ากตวั แบบ 4.2 อาหารเพอ่ื สขุ ภาพ การกนิ อาหารสมนุ ไพร 4 ทางเลอื ก 4.3 ตวั อยา่ งเมนูอาหาร 5 5.1 ประสบการณ์การดแู ลตนเอง คาถามเบาหวาน 5.2 การตดิ ตามประเมนิ ผลรายบุคคลและ 5.3 การสรา้ งกลมุ่ เพ่อื นเบาหวาน องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
248 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 3. โปรแกรม E2 โปรแกรมน้ีเป็นหลกั สตู รทม่ี จี ุดมงุ่ หมายเพ่อื ใหผ้ ปู้ ่วยและเสย่ี งโรคเบาหวานพฒั นาการ กากบั ตนเองการรบั รคู้ วามสามารถของตนเองและการดูแลตนเองดา้ นการเคล่อื นไหวออกกาลงั โดยมีการจัดเน้ือหาและกิจกรรมท่ีส่งเสริมการพัฒนาทัง้ ทางด้านการรู้คิดและพฤติกรรม กจิ กรรมทจ่ี ดั ขน้ึ แบ่งออกเป็น 5 ครงั้ เดอื นละ 1 ครงั้ ในแต่ละครงั้ มกี ารเรยี นรหู้ ลากหลายไดแ้ ก่ การบรรยาย การฝึกทกั ษะ การลงบนั ทกึ ทบ่ี า้ น การสาธติ การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกลุ่ม การเรยี นรู้ แบบมสี ่วนรว่ ม เป็นตน้ ภาพรวมของโปรแกรมแสดงดงั ตาราง ตาราง 8-8 ภาพรวมกจิ กรรมในโปรแกรม E2 ครงั้ ท่ี เนื้อหา/กิจกรรม 1) ความสาคญั และประโยชน์ของการออกกาลงั กายกบั ผเู้ ป็นเบาหวาน 2) สงั คมจติ วทิ ยาของ 1 ผเู้ ป็นเบาหวาน 3) หลกั การออกกาลงั กาย ประเภทของการออกกาลงั กาย 4) การสาธติ การ ออกกาลงั กายทเ่ี หมาะสมกบั วยั 5) การเดนิ ออกกาลงั กายและการนบั ชพี จรเป้าหมาย 6) การ วางแผนการออกกาลงั กายและ 7) การกากบั ตนเองดา้ นการเคลอ่ื นไหวออกกาลงั 1) การใชพ้ ลงั งานในชวี ติ ประจาวนั 2) การใชพ้ ลงั งานจากการออกกาลงั กาย 3) การออกกาลงั 2 กายดว้ ยการใชน้ ้าหนกั ตนเอง และ 4) รปู แบบการออกกาลงั กายฝึกสตดิ ว้ ยการราไมพ้ ลอง 1) ทบทวนการออกกาลงั กาย ผลการกากบั ตนเอง 2) รปู แบบการออกกาลงั กายฝึกสตดิ ว้ ย 3 ชไ่ี ดนามกิ ส์ และ 3) รปู แบบการออกกาลงั กายฝึกสตดิ ว้ ยยางยดื 4 1) การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และ 2) กจิ กรรม ART FEELING 5 1) การแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และ 2) ทบทวนบทเรยี นและประเมนิ ผล หมายเหตุ : กรณีทก่ี าหนดการชวั่ โมงของโปรแกรม D, E1 และ E2 ตดิ กบั ช่วงพกั หรอื ตอ้ งจดั เสรมิ เป็นกลุ่มย่อย อาจลดหรอื เพม่ิ กิจกรรมกลุ่มเพ่อื เสรมิ แรงกลุ่มให้ตามความเหมาะสม ใน โปรแกรมจงึ มกี จิ กรรมยอ่ ยไวย้ ดึ หยนุ่ ปรบั เปลย่ี นได้ภายหลงั แนวคิดและเทคนิคท่ีใช้ในการปรบั เปล่ียนพฤติกรรม แนวคดิ และเทคนิคทใ่ี ชส้ รา้ งโปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม 2 โปรแกรม อธบิ ายไดด้ งั น้ี 1. โปรแกรม D โปรแกรมน้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื สรา้ งความตระหนัก ให้ความรแู้ ละฝึกปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกับ เรอ่ื งเบาหวาน เพอ่ื ลดความเสย่ี งและภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนดิ ท่ี 2 แบ่งเป็นหวั ขอ้ ย่อย 7 เร่ืองคือ 1) เบาหวานโดยทัว่ ไป มีผลต่อร่างกายอย่างไร การป้ องกันการเกิด โรคเบาหวาน 2) โรคแทรกซอ้ น วธิ ปี ้องกนั และรกั ษา 3) ยาลดน้าตาล 4) การดูแลสุขภาพ โดยทวั่ ไปและการดูแลขณะเจ็บป่ วย 5) การดูแลรกั ษาเท้า 6) วิธีการดาเนินชีวิตเม่อื เป็น เบาหวาน และ 7) การควบคุมเบาหวานดว้ ยตนเอง องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
249 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 2. โปรแกรม E1 โปรแกรมน้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื พฒั นาตวั แปรทางจติ และพฤตกิ รรมเพ่อื ใหผ้ รู้ บั บรกิ าร ท่เี ขา้ ร่วมโปรแกรมมพี ฤตกิ รรมการดูแลตนเองด้านการบรโิ ภคอาหารเพ่อื ลดความเส่ยี งและ ภาวะแทรกซอ้ นเพม่ิ ขน้ึ ของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 ซง่ึ พฤตกิ รรมเป็นการกระทาของผรู้ บั บรกิ าร ทจ่ี ะต้องปฏบิ ตั ติ วั ในดา้ นการบรโิ ภคอาหารทเ่ี หมาะสมมากขน้ึ ไดแ้ ก่ 1) การกนิ ผกั สด/ผกั ตม้ 2) การหลกี เลย่ี งขนมหวาน/ขนมเคก้ /คุกก)้ี 3) การหลกี เลย่ี งอาหารทม่ี ไี ขมนั เป็นส่วนประกอบ 4) การเลกิ กนิ เคม็ 5) การกนิ ขา้ ว ส่วนประกอบของแป้ง ผลไมพ้ อประมาณ รปู้ รมิ าณรปู้ รมิ าณท่ี ควรกนิ และ 6) กนิ อาหารครบ 6 หมวด วางแผนการดตู นเอง โดยวทิ ยากรเป็นผใู้ หค้ วามรแู้ ละ ฝึกทกั ษะ และผรู้ บั บรกิ ารเป็นผกู้ ระทาพฤตกิ รรมเหล่านนั้ ดว้ ยตนเอง ในชวี ติ ประจาวนั และวาง แผนการดแู ลตนเองในสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ป็นอยู่ จงึ จะทาใหเ้ กดิ ผลสาเรจ็ ของการลดความเส่ยี ง และภาวะแทรกซอ้ นของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 คอื การมดี ชั นีมวลกาย กรณมี มี คี ่าดชั นีมวลกาย เกนิ และคา่ ระดบั น้าตาลลดลง ในการดาเนินการน้ีได้เลอื กใช้เทคนิคการปรบั พฤติกรรมท่เี ป็นเทคนิคการกากบั จาก ภายในตวั บุคคล แนวคดิ การลดอทิ ธพิ ลจากภายนอกและแนวคดิ เปลย่ี นกระบวนการทางปัญญา 3. โปรแกรม E2 โปรแกรมน้ีมวี ตั ถุประสงค์เพ่อื พฒั นาจติ และพฤตกิ รรมเพ่อื ให้ผู้ป่ วยและกลุ่มเส่ยี ง โรคเบาหวานมพี ฤตกิ รรมการเคล่อื นไหวออกกาลงั รว่ มกบั การรสู้ ติ และมกี ารควบคุมอารมณ์ท่ี เหมาะสมเพ่อื ลดความเส่ยี งของโรคเบาหวานชนิดท่ี 2 เพม่ิ มากขน้ึ ซง่ึ พฤตกิ รรมดงั กล่าวถือ เป็นการกระทาทจ่ี ะตอ้ งปฏบิ ตั ติ วั ดา้ นการเคล่อื นไหวออกกาลงั และการควบคุมอารมณ์ การนาเทคนิคการควบคุมกากบั ตนเอง (Self-regulation) และทฤษฎกี ารเรยี นรู้ทาง ปัญญาสงั คม ไดแ้ ก่ การรบั รคู้ วามสามารถของตนเอง (Self-efficacy) มาสรา้ งเป็นโปรแกรม รายละเอยี ดของแนวคดิ ทน่ี ามาสรา้ งเป็นโปรแกรมมี 3 แนวคดิ ดงั ต่อไปน้ี 1. แนวคดิ โรคเบาหวานชนิดท่ี 2 2. แนวคดิ ทฤษฎขี นั้ ตอนการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรม (Stages of change theory) 3. แนวคิดพฤติกรรมสุขภาพ 3-Self ได้แก่ 1) การสร้างการรบั รู้ความสามารถของ ตนเอง (Self- efficacy) 2) เทคนิคการกากบั ตนเอง (Self-regulation) และ 3) การดูแลตนเอง (Self-care) 4. แนวคดิ การบรหิ ารการดาเนินการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพดว้ ยหลกั PROMISE Model รายละเอยี ดของโปรแกรมย่อยคอื โปรแกรม D, E1 และ E2 ขอนาเสนอโดยละเอยี ดใน ลกั ษณะแผนการเรยี นการสอน ซง่ึ ประกอบดว้ ย กจิ กรรม วตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรม ขนั้ ตอนการ ดาเนนิ กจิ กรรม อุปกรณ์/ส่อื การสอน เวลาทใ่ี ช้ และการประเมนิ ผลกจิ กรรม องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
250 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ตาราง 8-9 แสดงกจิ กรรม ตวั ชว้ี ดั แนวคดิ /เทคนิคทใ่ี ช้ และวธิ ดี าเนนิ กจิ กรรมของโปรแกรม D ครงั้ เนื้อหา/กิจกรรม ตวั ชี้วดั การ แนวคิด/ กิจกรรม ที่ ปรบั เปล่ยี น เทคนิคที่ใช้ การเรียนรู้ 1 1.1 การสรา้ งความตระหนกั รโู้ รคเบาหวาน 1. ความรู้ แนวคดิ - การบรรยายความรู้ ,การมสี ว่ นร่วมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม 1.2 สง่ เสรมิ ความรเู้ ร่อื งโรคเบาหวานและ เกย่ี วกบั โรคเบาหวาน - การตงั้ คาถาม การปฏบิ ตั ติ วั ดงั น้ี (เฉพาะหวั ขอ้ ท1่ี , 2, 4 โรคเบาหวาน ชนดิ ท่ี 2 - การเล่นเกม และ 6) ขอ้ 1 เบาหวานโดยทวั่ ไปมผี ลต่อ ชนดิ ท่ี - เสรมิ แรงภายใน รา่ งกายอยา่ งไร การป้องกนั การเกดิ 2. การกากบั - อภปิ รายกลุม่ ย่อย โรคเบาหวาน ขอ้ 2 โรคแทรกซอ้ นวธิ ี ป้องกนั และรกั ษา ขอ้ 4 การดแู ลสขุ ภาพ ตนเองดา้ น - ฝึกคดิ เป็นราย ทวั่ ไปและขณะเจบ็ ป่วย ขอ้ 6 วธิ กี าร การปฏบิ ตั ติ วั บุคคลและรายกลุ่ม ดาเนินชวี ติ เมอ่ื เป็นเบาหวาน - การใหข้ อ้ มลู 1.3 การกากบั พฤตกิ รรมตนเอง ยอ้ นกลบั 2 2.1 ทบทวนความรโู้ รคเบาหวาน 1. การกากบั - การกากบั - การมอบหมายให้ 2.2 สง่ เสรมิ ความรโู้ รคเบาหวานสอบถาม ตนเองดา้ น ผลกรรมดว้ ย ดาเนนิ การกากบั รายบุคคล และฝึกปฏบิ ตั ิ น้าตาล การกนิ ยา การ การกากบั ตนเองดา้ นการกนิ ยา ดแู ลตรวจเทา้ พฤตกิ รรม ดแู ลเทา้ ควบคมุ เฝ้า 2. การรบั รู้ ระวงั ตนเอง ไมใ่ หม้ ี ความสามารถ ภาวะแทรกซอ้ น ของตนเอง ดา้ นการ - การเสรมิ แรง ปฏบิ ตั ติ วั - การกากบั ตนเอง - การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั 3 (เฉพาะหวั ขอ้ 3, 5 และ7 ดงั น้ี 1. การกากบั - การควบคุม - การกากบั ตนเอง ขอ้ 3 ยาลดน้าตาล ตนเองดา้ น สงิ่ เรา้ ดา้ นการปฏบิ ตั ติ วั ขอ้ 5 การดแู ลรกั ษาเทา้ การปฏบิ ตั ติ วั - การควบคุม ตรวจเทา้ ตนเอง ตามทฝ่ี ึกปฏบิ ตั ิ (ออกกาลงั บรหิ ารเทา้ ) 2.การควบคมุ ผลกรรมดว้ ย - เสรมิ แรงจากภายนอก ขอ้ 7 การควบคมุ เบาหวานดว้ ยตนเอง ตนเอง การกากบั - การใหว้ างแผนและ ดแู ลตนเอง การ พฤตกิ รรม ตรวจเทา้ ตนเอง 3. พฤตกิ รรม กระทา การเฝ้าระวงั การเกดิ 3.3 ทบทวนความรู้ กระตุน้ เตอื น การดแู ล พฤตกิ รรม ภาวะแทรกซอ้ น ตนเองในดา้ น - การให้ เฉียบพลนั เช่น 3.4 สง่ เสรมิ ความรโู้ รคเบาหวาน และฝึก การปฏบิ ตั ติ วั คาพดู ชกั จงู น้าตาลในเลอื ดต่า ปฏบิ ตั กิ ลมุ่ 4. การรบั รู้ - การสรา้ ง - การแนะนา กล่าว ขอ้ 5 การดแู ลรกั ษาเทา้ (ตรวจเทา้ ตนเองและเพอ่ื น) ความสามารถ ประสบการณ์ ช่นื ชมในการฝึก ของตนเอง ทป่ี ระสบ ปฏบิ ตั ิ ขอ้ 7 การควบคมุ เบาหวานดว้ ยตนเอง ดา้ นการ ความสาเรจ็ - การฝึกทกั ษะการ (ฝึกเจาะเลอื ด) ปฏบิ ตั ติ วั ปฏบิ ตั ิ การเจาะ เลอื ดดว้ ยตนเอง ใหส้ มาชกิ มสี ว่ นรว่ ม ตรวจเทา้ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
251 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ครงั้ เนื้อหา/กิจกรรม ตวั ชี้วดั การ แนวคิด/ กิจกรรม ท่ี ปรบั เปลี่ยน เทคนิคท่ีใช้ การเรียนรู้ 4 4.1 ทบทวน กระตุน้ เตอื นการดแู ลตนเอง 1. การรบั รู้ - การใช้ - การชแ้ี นะ ความสามารถ คาพดู ชกั จงู - การกลา่ วช่นื ชมใน โดยใชต้ วั แบบ ของตนเอง - การควบคมุ ความสาเรจ็ 4.2 แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ดา้ นการ ผลกรรมดว้ ย - การเสรมิ แรง ปฏบิ ตั ติ วั การใชต้ วั แบบ ภายนอก 5 5.1 ทบทวน ประเมนิ ผล 1. การรบั รู้ - การกระทา - การใหข้ อ้ มลู ความสามารถ พฤตกิ รรม ยอ้ นกลบั และการจดั ตงั้ กลมุ่ ของตนเอง - การสรา้ ง - การชแ้ี นะ 2. การกากบั ประสบการณ์ท่ี - การกล่าวช่นื ชมใน ตนเอง ความสาเรจ็ ความสาเรจ็ 3. พฤตกิ รรม -การใชค้ าพดู การดแู ลตนเอง ชกั จงู ตาราง 8-10 แสดงกจิ กรรม ตวั ชว้ี ดั แนวคดิ /เทคนิคทใ่ี ชแ้ ละวธิ ดี าเนินกจิ กรรมของโปรแกรม E1 ครงั้ เนื้อหา/กิจกรรม ตวั ชี้วดั ท่ีตอ้ งการ แนวคิด/ วิธีดาเนินกิจกรรม ที่ ปรบั เปลยี่ น เทคนิคท่ีใช้ การเรียนรู้ 1 1.1 การสรา้ งความตระหนกั ถงึ ปัญหา 1. การรบั รู้ - การสรา้ ง - การบรรยายความรู้ จากโภชนาการทเ่ี กย่ี วกบั ประสบการณ์ - การตงั้ คาถาม โรคเบาหวาน,การมสี ว่ นรว่ ม ความสามารถ ทป่ี ระสบ - การเลน่ เกม ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม ของตนเองดา้ น ความสาเรจ็ - การฝึกซอ้ มและลงมอื 1.2 สง่ เสรมิ ความรดู้ า้ นโภชนาการ: การบรโิ ภค - การสรา้ ง ปฏบิ ตั จิ รงิ - ธงโภชนาการ อาหาร ความคดิ - การอภปิ รายกลมุ่ ย่อย - พลงั งานทเ่ี หมาะสมในเพศชายหญงิ ทางบวกต่อ - การฝึกคดิ เป็น - อาหาร 1 สว่ นใน 6 หมวด ตนเอง รายบุคคลและรายกลมุ่ - อาหารหมวดทจ่ี ะเป็นคารโ์ บไฮเดรต - การใชค้ าพดู - การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั 1.3 การกากบั พฤตกิ รรมตนเองดา้ น ชกั จงู - การชแ้ี นะ การบรโิ ภคอาหาร 2 3.2 การฝึกทกั ษะโดยกจิ กรรมกล่มุ เกม 1. การกากบั - การกากบั - การใหฝ้ ึกกากบั ตนเอง - พลงั งานจากอาหารจรงิ ทก่ี นิ บอ่ ย ตนเองดา้ นอาหาร ผลกรรม - การใหด้ าเนินการ - ฉลากอาหาร หวาน เคม็ มนั 2.การควบคมุ ดว้ ยการ กากบั ตนเองดา้ นการ - ปรบั การกนิ อยา่ งไรใหอ้ มิ่ มคี ณุ ค่า ตนเอง กากบั บรโิ ภคอาหารตามทฝ่ี ึก - อาหารของชอบตอ้ งการกนิ 3. พฤตกิ รรม พฤตกิ รรม - การเสรมิ แรงจาก กนิ อย่างไรใหไ้ มม่ ากเกนิ ไป การดแู ลตนเอง การสรา้ ง ภายนอก - อาหารโซนสี ในดา้ นการ ประสบการณ์ - การใหว้ างแผนกระทา 2.2 แลกเปลย่ี นวางแผนดว้ ยตนเอง บรโิ ภค ทป่ี ระสบ พฤตกิ รรมบรโิ ภค และกลมุ่ และสรปุ ทบทวนทบทวนจาก 4. การรบั รคู้ วาม ความสาเรจ็ อาหาร กลุ่ม สามารถตนเอง - การตดิ ตามผลกากบั ดา้ นอาหาร ตนเอง - การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
252 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ครงั้ เนื้อหา/กิจกรรม ตวั ชี้วดั ที่ต้องการ แนวคิด/ วิธีดาเนินกิจกรรม ที่ ปรบั เปลี่ยน เทคนิคท่ีใช้ การเรียนรู้ 3 3.1 การเลอื กซอ้ื การกนิ อาหาร 1. การกากบั - การควบคมุ - การเลอื กวางแผน พอเหมาะการกนิ อาหารของ ควบคมุ สง่ิ เรา้ ให้ หวาน อาหารตามชอบ ตนเองดา้ นการ สง่ิ เรา้ เหมาะสม เชน่ ไมซ่ อ้ื บรโิ ภคอาหาร - การควบคมุ ของหวาน/ ผลไมห้ วาน 3.2 วดั ค่าน้าตาลหลงั อาหาร ตดิ ตูเ้ ยน็ ครงั้ ละมากๆ 2.การควบคมุ ผลกรรมดว้ ย - การดาเนินการกากบั ตนเอง การกากบั ตนเองดา้ นการบรโิ ภค 3. พฤตกิ รรม พฤตกิ รรม อาหาร ตามใบกากบั - การทบทวนการกนิ การดแู ลตนเอง - การสรา้ ง อาหารจากแบบบนั ทกึ ในดา้ นการ ประสบการณ์ การกนิ อาหาร การ บรโิ ภคอาหาร ทป่ี ระสบ ตงั้ ใจวางแผนควบคมุ กากบั ตนเองตอ่ เน่ือง 4. การรบั รู้ ความสาเรจ็ - การฝึกซอ้ ม ลงมอื ความสามารถ - การใชค้ าพดู ปฏบิ ตั จิ รงิ ในการเลอื ก ของตนเองดา้ น ชกั จงู อาหาร - การอภปิ รายกลมุ่ ย่อย การบรโิ ภคอาหาร - การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั - การชแ้ี นะ - กลา่ วชน่ื ชมใน ความสาเรจ็ 4 4.1 ทบทวนบทเรยี น เรยี นรจู้ าก 1. การรบั รู้ - การสรา้ งประ - การบรรยาย/ ตงั้ คาถาม ความสามารถ สบการณ์ทม่ี ี ตวั แบบ ของตนเองดา้ น ความสาเรจ็ - การมอบหมายงาน กลุ่ม 4.2 อาหารเพอ่ื สขุ ภาพ อาหาร การบรโิ ภค - การสรา้ ง ฝึกสรา้ งเมนูอาหาร สมนุ ไพรทางเลอื ก 2. พฤตกิ รรม ประสบการณ์ - การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั 4.3 เมนูอาหาร การดแู ลตนเอง ทางเลอื ก ดา้ นการบรโิ ภค อาหารต่างๆ 5 5.1 ประสบการณ์การดแู ลตนเอง 1. การรบั รคู้ วาม - ใชต้ วั แบบ - เหน็ ตวั แบบพฤตกิ รรม สารถตนเองดา้ น - การใชค้ าพดู จากสมาชกิ ในกลุม่ คาถามเบาหวาน การบรโิ ภค ชกั จงู - ใหผ้ นู้ ากลมุ่ เป็นตวั แบบ 5.2 การตดิ ตามประเมนิ ผลรายบุคคล อาหาร - การควบคมุ แสดงพฤตกิ รรม 5.3 การสรา้ งกลุ่มเพอ่ื นเบาหวาน 2. การกากบั ผลกรรม - นาสมาชกิ ในครอบครวั ตนเอง ดว้ ยการ เขา้ มามสี ว่ นรว่ ม 3. การควบคมุ กากบั - การชแ้ี นะ ตนเอง พฤตกิ รรม - กลา่ วชน่ื ชมในความสาเรจ็ 4. พฤตกิ รรม - การเผชญิ - การดาเนนิ การกากบั การดแู ลตนเอง ปัญหาและ ตนเองดา้ นการบรโิ ภค ดา้ นการบรโิ ภค ทกั ษะการ - เสรมิ แรงจากภายนอก - การใหว้ างแผนกระทา อาหาร แกป้ ัญหา พฤตกิ รรมบรโิ ภคอาหาร - การอภปิ รายกลมุ่ ย่อย - การฝึกทกั ษะ - การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
253 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ตาราง 8-11 แสดงกจิ กรรม ตวั ชว้ี ดั แนวคดิ /เทคนิคทใ่ี ช้ และวธิ ดี าเนนิ กจิ กรรมของโปรแกรม E2 ครงั้ เนื้อหา/กิจกรรม ตวั ชี้วดั ที่ตอ้ งการ แนวคิด/ วิธีดาเนินกิจกรรมการ ที่ ปรบั เปลีย่ น เทคนิคท่ีใช้ เรยี นรู้ 1 - ความสาคญั และประโยชน์ของการ 1. การรบั รู้ - การสรา้ ง - การบรรยาย ออกกาลงั กายกบั ผเู้ ป็นเบาหวาน ความสามารถ ประสบการ - การตงั้ คาถาม - สงั คมจติ วทิ ยาของผเู้ ป็นเบาหวาน ของตนเองดา้ น ณ์ทป่ี ระสบ - การเลน่ เกม - หลกั การ/ประเภทออกกาลงั กาย การเคลอ่ื นไหว ความสาเรจ็ - การฝึกปฏบิ ตั ริ ายบุคคล - การสาธติ การออกกาลงั กายกบั วยั ออกกาลงั พรอ้ ม - การใช้ - การฝึกวางแผนการออก - เดนิ ออกกาลงั กายการนบั ชพี จร กาลงั กายและมสี ติ ประจาวนั - การวางแผนการออกกาลงั กาย การมสี มาธขิ ณะ คาพดู ชกั จงู - การใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั - การกากบั ตนเองดา้ นออกกาลงั เคล่อื นไหว - การกลา่ วชน่ื ชม ความสาเรจ็ - การชแ้ี นะ 2 การใชพ้ ลงั งานในชวี ติ ประจาวนั 1. การควบคมุ - การควบคมุ - การใหฝ้ ึกการกากบั ตนเอง ผลกรรม ตนเอง การใชพ้ ลงั งานจากการออกกาลงั 2. การกากบั ดว้ ยการ - การมอบหมายให้ กาย การออกกาลงั กายดว้ ยการใช้ ตนเอง กากบั ดาเนนิ การกากบั ตนเอง น้าหนกั ตนเอง 3. การดแู ลตน พฤตกิ รรม ดา้ นการเคลอ่ื นไหว ออก รปู แบบการออกกาลงั เองในดา้ น - การกระทา กาลงั ตามทไ่ี ดฝ้ ึกมา เคลอ่ื น ไหวออก - การเสรมิ แรงจากภายนอก กาลงั พฤตกิ รรม - การใหว้ างแผนและกระทา 4. การรบั รู้ - การสรา้ ง พฤตกิ รรมเคลอ่ื นไหวออก ความสามารถ ประสบการ กาลงั ของตนเองดา้ น ณ์ทป่ี ระสบ - การตดิ ตามผลการ การเคลอ่ื นไหว ความสาเรจ็ ควบคมุ ตนเองและให้ ออกกาลงั ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั 3 กายฝึกสติ ราไมพ้ ลองทบทวนการ 1. การรบั รู้ - การสรา้ ง - ออกกาลงั กาย ออกกาลงั กาย ผลการกากบั ตนเอง ความสามารถ ประสบการ - บรรยายความร/ู้ คาถาม รปู แบบการออกกาลงั กายฝึกสติ ของตนเองดา้ น ณ์ทป่ี ระสบ - มอบหมายใหก้ ลมุ่ ฝึกนา ปฏบิ ตั ิ ชไ่ี ดนามกิ ส์ การเคล่อื นไหว ความสาเรจ็ - ใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั รปู แบบการออกกาลงั กายฝึกสติ ออกกาลงั และ - ใชต้ วั แบบ - สาธติ ออกกาลงั กาย ยางยดื การมสี ติ - ใชค้ าพดู ชกั จงู - เหน็ ตวั แบบจากเพ่อื น - นาสมาชกิ ครอบครวั มามี สว่ นรว่ ม 2. การกากบั - การควบคมุ - การชแ้ี นะ - การพดู ให้ ตนเอง กาลงั ใจ 3. การควบคมุ ผลกรรม - การกลา่ วชน่ื ชมใน ตนเองและมสี ติ ความสาเรจ็ 4. พฤตกิ รรมการ - การดาเนินการกากบั เคลอ่ื นไหวออก ตนเองดา้ นการ กาลงั และการมสี ติ เคลอ่ื นไหวออกกาลงั และการมสี ตปิ ระจาวนั - การเสรมิ แรงจาก ภายนอก องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
254 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สรปุ ขนั้ ตอนในการดาเนินการโปรแกรม แบ่งเป็น 3 ขนั้ ตอน 1. ขนั้ เตรยี มการ 1) จดั ทาโครงการเสนอต่อผบู้ รหิ าร 2) ประชุมแบ่งหน้าทค่ี ณะทางาน และประสานงานทมี วทิ ยากร อาสาสมคั ร 3) ประชาสมั พนั ธโ์ ครงการรบั สมคั รผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ เจา้ หน้าท่ี ผปู้ ่วยโรคเบาหวานและกลุ่มเสย่ี ง 4) คน้ หา คดั เลอื กกลุ่มเป้าหมายตามเกณฑแ์ ละ เกบ็ ขอ้ มลู จากแบบคดั กรอง และ 5) จดั ทาหลกั สตู รการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร 2. ขนั้ ดาเนินการตามโปรแกรม 1D 3E จานวน 5 ครงั้ ตามทก่ี าหนดการขา้ งตน้ 3. ขนั้ ประเมนิ ผลตามวตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรมไดแ้ ก่ 1) ความรว่ มมอื ทากจิ กรรม การ ลงบนั ทกึ ใบกากบั ตนเองดา้ นการปฏบิ ตั ติ วั 2) ประเมนิ ความรแู้ ละค่าระดบั น้าตาลในครงั้ ท่1ี , 3, 5 3) การประเมนิ ตามวตั ถุประสงคห์ ลกั ของโปรแกรม 3-Self & PROMISE เพอ่ื ประเมนิ การรบั รู้ ความสามารถตนเอง การกากบั ตนเอง พฤตกิ รรมการดูแลตนเองดา้ นบรโิ ภคอาหาร ออกกาลงั กายและควบคมุ อารมณ์ และ 4) การประเมนิ ความพงึ พอใจครงั้ ท่ี 3 และเมอ่ื สน้ิ สุดโปรแกรมโดย ตอบแบบสอบถามความพงึ พอใจ งานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้องในการปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสขุ ภาพ 3-Self ท่ีผา่ นมา ตามท่ี Intarakamhang (2012) พฒั นารูปแบบการบรหิ ารจดั การโครงการเพ่ือการ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพ ในกลุ่มโรคเมตาบอลกิ ของโรงพยาบาลรฐั ในกรุงเทพมหานคร และศกึ ษาผลความสาเรจ็ ของโครงการทไ่ี ดร้ บั ทุนจากสานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาตเิ ขต 13 รวม 30 โครงการ โดยดาเนินการ 3 ระยะไดแ้ ก่ เตรยี มความพรอ้ ม การกากบั ตดิ ตามและ การสรุปผล ทาการเกบ็ ขอ้ มลู 2 ช่วงคอื ช่วงระหว่างและหลงั สน้ิ สุดโครงการดว้ ยการสมั ภาษณ์ แบบสอบถามมาตราประมาณคา่ 4 ระดบั และผลตรวจทางชวี การแพทย์ ซง่ึ มกี ลุ่มผรู้ ว่ มโครงการ และใหข้ อ้ มลู ได้แก่ หวั หน้าโครงการ และผู้บงั คบั บญั ชาของหวั หน้าโครงการกลุ่มละ 30 คน ผู้ รว่ มทมี ในโครงการ 120 คน และผเู้ ขา้ รว่ มโครงการทเ่ี สย่ี งต่อโรคเมตาบอลกิ จากผลการคดั กรอง 3,579 คน ผลวจิ ยั พบว่า 1) รปู แบบการบรหิ ารจดั การโครงการตามวงรอบโดยเรม่ิ จากจดั อบรม ให้หัวหน้าโครงการและทีมงานเพ่ือเพิ่มศักยภาพด้านการจดั ทาโครงการการปรบั เปล่ียน พฤตกิ รรมสุขภาพ 3-Self ตามหลกั PROMISE Model กากบั ตดิ ตามประเมนิ ระหว่างหวั หน้า โครงการและทมี งานจดั กิจกรรมปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมให้ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการอย่างน้อย 5 ครงั้ และจดั ประชุมสรุปโครงการเพ่อื แลกเปลย่ี นเรยี นรขู้ า้ มโครงการ 2) ในระหว่างโครงการพบว่า ผู้รบั บรกิ าร หวั หน้าโครงการ และผู้บงั คบั บญั ชา มคี วามคดิ เหน็ ต่อโครงการตามแนวทางการ ประเมนิ แบบ CIPP Model ทส่ี อดคลอ้ งกนั อย่ใู นระดบั ดมี ากด้วยค่าเฉลย่ี ระหว่าง 3.43 – 3.56 และ 3) ผลสาเรจ็ ภายหลงั สน้ิ สุดโครงการ พบว่า ผเู้ ขา้ ร่วมโครงการมพี ฤตกิ รรมสุขภาพ 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ การรบั รคู้ วามสามารถในตนเอง การกากบั ตนเองและการดูแลตนเองเพม่ิ ขน้ึ กว่าก่อนเขา้ ร่วมโครงการ (P< 0.05) และมรี ะดบั ความเครยี ด ค่าดชั นีมวลกาย น้าหนักตวั เส้นรอบเอว องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
255 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั ความดนั โลหติ บน/ล่าง ระดบั น้าตาลในเลอื ด และระดบั ไขมนั ในเลอื ดลดลงกว่าก่อนเขา้ ร่วมโครงการ (P< 0.05) ส่วนผลการสมั ภาษณ์พบว่า ปัจจยั สาคญั ท่ที าให้โครงการประสบ ความสาเรจ็ ไดแ้ ก่ ศกั ยภาพของคณะทางาน ความรว่ มมอื ของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ กจิ กรรมทจ่ี ดั มี ความหลากหลายตรงกบั ความสนใจผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ ส่วนปัญหาและอุปสรรคไดแ้ ก่ ทมี งานใน โครงการมจี านวนน้อย และผเู้ ขา้ รว่ มโครงการมภี ูมหิ ลงั ทแ่ี ตกต่างกนั มากจงึ เป็นความทา้ ทายใน การออกแบบกจิ กรรม Duangchan et al. (2010) ศกึ ษาประสทิ ธผิ ลของโปรแกรมการปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม การรบั ประทานอาหารและการเคล่อื นไหวออกกาลงั ของเดก็ อ้วนทก่ี าลงั ศกึ ษาในโรงเรยี นระดบั ประถมศกึ ษา ดว้ ยงานวจิ ยั เชงิ ทดลองในกลุ่มตวั อย่างจานวน 21 คน ทม่ี อี ายุระหว่าง 9-11 ปี สามารถเขา้ ร่วมโครงการไดต้ ลอดโปรแกรมและได้รบั การยนิ ยอมจากผู้ปกครอง และเป็นโรค อว้ นทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั โรคเบาหวาน (Type 2 diabetes) โดยกลุ่มทดลองแรกจะไดร้ บั โปรแกรมการ รบั ประทานอาหารก่อนและตามดว้ ยโปรแกรมการเคล่อื นไหวออกกาลงั กาย ส่วนกลุ่มทดลอง สองกจ็ ะไดร้ บั โปรแกรมการเคล่อื นไหวออกกาลงั กายก่อนและตามดว้ ยโปรแกรมการรบั ประทาน อาหารซง่ึ จะสลบั กนั เป็นเวลา 3 เดอื นวเิ คราะหด์ ว้ ยสถติ ิ ANOVA ผลวจิ ยั พบว่า ภายหลงั การ ทดลอง ผู้เข้าโปรแกรมมีคะแนนเฉล่ียความรู้เร่ืองโรคอ้วนและเบาหวาน มีการรับรู้ใน ความสามารถของตนเอง มกี ารควบคุมกากบั ตนเอง และพฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารดขี น้ึ กว่าก่อนทดลอง และมคี ่า BMI ลดลงกว่าก่อนทดลอง (P< 0.05) และ 2) เม่อื เช่อื มโปรแกรมทงั้ ด้านการรบั ประทานอาหารและตามด้วยโปรแกรมการเคล่อื นไหวออกกาลงั กาย พบว่า มี พฤตกิ รรมการรบั ประทานอาหารดขี น้ึ กว่าในระยะทไ่ี ดร้ บั โปรแกรมการรบั ประทานอาหารอย่าง เดยี ว แต่คา่ BMI ไมแ่ ตกต่างกนั อยา่ งมนี ยั สาคญั Intarakamhang (2011) ศึกษาผลของการดาเนินโครงการปรับเปล่ียนพฤติกรรม สขุ ภาพในกลุ่มเสย่ี งโรคอว้ นอายุ 25 - 59 ปี ในองคก์ รไมห่ วงั ผลกาไรในเขตกรงุ เทพมหานคร 8 แห่ง มผี ู้เข้าร่วมโครงการทงั้ ส้ิน 3,414 คน เป็นระยะเวลา 3 - 5 เดือน เคร่อื งมือท่ีใช้เป็น แบบสอบถามมาตราสว่ นประมาณค่า 4 ระดบั จานวน 21 ขอ้ มคี า่ ความเช่อื มนั่ อย่รู ะหวา่ ง 0.73 - 0.85 และแบบสมั ภาษณ์แบบมโี ครงสร้างตามแนวคดิ CIPP Model และ Logic Model กบั กลุ่มผู้ดาเนินโครงการ ผลวจิ ยั พบว่า 1) หวั หน้าโครงการ ผู้บงั คบั บญั ชาของหวั หน้าโครงการ และผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการ มคี วามคดิ เหน็ ต่อการจดั กจิ กรรม ทส่ี อดคลอ้ งกนั อย่ใู นระดบั ดมี าก และ ปัจจัยสาคัญต่อความสาเร็จของโครงการคือ ความสมัครใจของผู้เข้าร่วมโครงการและ สมั พนั ธภาพทด่ี ตี ่อกนั ทกุ ฝ่ายระหวา่ งทมี งาน ผบู้ งั คบั บญั ชาและผเู้ ขา้ รว่ มโครงการ 2) ภายหลงั ส้ินสุดโครงการ ผู้เข้าร่วมโครงการมีระดับคะแนนการรับรู้ความสามารถตนเองในการ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม มกี ารกากบั พฤตกิ รรมสุขภาพตนเองและมกี ารดูแลสุขภาพตนเองสูงขน้ึ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
256 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- กว่าก่อนเขา้ ร่วมโครงการ (P< 0.05) และ 3) ภายหลงั ส้นิ สุดโครงการ ผู้เขา้ ร่วมโครงการมคี ่า BMI ค่าความดนั โลหติ บนและลา่ ง เสน้ รอบเอวต่ากว่าก่อนเขา้ รว่ มโครงการ (P< 0.05) Intarakamhang & Duangchan (2012) ศึกษาผลของโปรแกรมการปรับเปล่ียน พฤตกิ รรมสุขภาพตามหลกั PROMISE Model ทม่ี ตี ่อพฤตกิ รรมสุขภาพ 3-Self กบั กลุ่มผปู้ ่ วย และกลุ่มเส่ียงต่อโรคเบาหวาน ความดนั โลหิตสูง ท่ีสมคั รใจเข้าร่วมโครงการปรบั เปล่ียน พฤตกิ รรมสุขภาพจดั กจิ กรรมโดยทมี บุคลากรการแพทยใ์ นโรงพยาบาลของรฐั 17 แห่ง รวม จานวน 4,649 คน เขา้ รว่ มกจิ กรรมอยา่ งน้อย 5 ครงั้ เป็นเวลา 3 - 5 เดอื นๆ ละ 1 - 2 ครงั้ ๆ ละ 3 ชวั่ โมง วเิ คราะห์ขอ้ มูล Dependent t-test และ path analysis ผลวจิ ยั พบว่า 1) ปัจจยั การ บรหิ ารจดั การโครงการตาม PROMISE Model ท่นี ักปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพต้องยดึ ไป ปฎบิ ตั ปิ ระกอบดว้ ย ดา้ นการจดั กจิ กรรมทเ่ี น้นผรู้ บั บรกิ ารเป็นศูนยก์ ลาง (Individual centered) การเสรมิ แรงทางบวก (Positive reinforcement) การมองโลกแง่ดี (Optimism) มอี ิทธพิ ลต่อ ความสาเสร็จของโครงการ (P< 0.05) ด้วยน้าหนักอิทธิพลเท่ากับ 0.88, 0.37 และ 0.13 ตามลาดบั และปัจจยั ทงั้ หมดของ PROMISE ร่วมกนั ทานายพฤตกิ รรมสุขภาพ 3-Self ไดร้ อ้ ย ละ 69, 3) ภายหลังส้ินสุดโครงการ ผู้เข้าร่วมโครงการมี พฤติกรรมสุขภาพ 3-Self (self- efficacy, self-regulation, and self-care) สงู กว่าก่อนเขา้ รว่ มโครงการ (P< 0.05) และมผี ลลพั ธ์ ทางสขุ ภาพ (BMI, blood pressure, waistline, blood glucose, lipid profiles, cholesterol, and HbA1c) ต่ากวา่ ก่อนเขา้ รว่ มโครงการ (P< 0.05) Intarakamhang & Malarat (2014) ศึกษาผลของโปรแกรมปรับเปล่ียนพฤติกรรม สุขภาพทเ่ี น้นผูร้ บั บรกิ ารเป็นศูนยก์ ลางทม่ี ตี ่อพฤตกิ รรมการดูแลตนเองของนิสติ ท่มี ภี าวะอ้วน จานวน 29 คน เข้ากลุ่มทดลองและ 30 คนเข้ากลุ่มควบคุม ซ่ึงได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) ไดค้ ณะพละศกึ ษาและสหเวชศาสตร์ โดยใชก้ จิ กรรมกระบวนการ กลุ่มและการมสี ่วนร่วมจานวน 8 สปั ดาห์ เก็บข้อมูล 3 ครงั้ ด้วยแบบสอบถาม มาตราส่วน ประมาณคา่ 6 ระดบั มคี า่ ความเช่อื มนั่ สมั ประสทิ ธข์ องครอนบาคระหว่าง 0.81 - 0.94 วเิ คราะห์ ข้อมูลด้วย MANCOVA ผลวิจัยพบว่า 1) นิสิตท่ีมีภาวะอ้วนในกลุ่มทดลองมีการรับรู้ ความสามารถของตน ในระยะหลงั การทดลองส้นิ สุดทนั ทีและระยะหลงั ทดลอง 4 สปั ดาห์ สูง กว่าก่อนการทดลอง (Multivariate F-test = 5.76, P< 0.00) 2) มนี ้าหนักตวั ต่ากว่าก่อนการ ทดลอง (Multivariate F-test = 7.1, P< 0.00) 3) นิสติ ทม่ี ภี าวะอ้วน ในกลุ่มทดลองมกี ารรบั รู้ ความสามารถของตน การกากบั พฤตกิ รรมตนเอง และพฤตกิ รรมการดูแลตนเอง สูงกว่ากลุ่ม ควบคุม ทงั้ ในระยะหลงั การทดลองสน้ิ สุดทนั ที และระยะหลงั ทดลอง 4 สปั ดาห์ (Multivariate F- test = 4.25, P< 0.00) และภายหลงั หลงั การทดลอง นสิ ติ กลมุ่ ทดลองมนี ้าหนกั ตวั ลดลงมากกว่า กล่มุ ควบคมุ (P< 0.00) องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
257 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Intarakamhang & Intarakamhang (2015) วเิ คราะหป์ ัจจยั พหุระดบั ด้านจติ สงั คมและ พฤติกรรมของบุคลากรการแพทย์ผู้ให้บริการกับกลุ่มเส่ยี งผู้รบั บริการสุขภาพ ท่ีมีต่อการ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมในกลุ่มผใู้ หญ่โรคอว้ น กลุ่มตวั อยา่ งไดม้ าจากการสุ่มแบบแบ่งชนั้ ภูมติ าม หน่วยงานหรอื โครงการทใ่ี ห้บรกิ าร ประกอบดว้ ย ผใู้ หบ้ รกิ าร 87 คน และผรู้ บั บรกิ าร 412 คน เกบ็ ขอ้ มลู จากแบบสอบถามประมาณค่า 6 ระดบั ทม่ี คี า่ ความเชอ่ื มนั่ ระหว่าง 0.80 -0.90 ผลวจิ ยั พบว่า 1) ระดบั กลุ่มผู้ใหญ่โรคอ้วนท่เี ป็นผู้รบั บรกิ าร 1.1) เจตคติท่ดี ตี ่อพฤติกรรมสุขภาพ ความรดู้ า้ นสุขภาพ และความไวว้ างใจต่อผใู้ ห้บรกิ ารสุขภาพ สามารถร่วมกนั ทานาย การรบั รู้ ความสามารถของตนเองในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมได้ 49.40% 1.2) เจตคตทิ ด่ี ตี ่อพฤตกิ รรม สุขภาพ และการไดร้ บั การสนับสนุนจากผใู้ หบ้ รกิ ารสุขภาพ สามารถร่วมกนั ทานาย การกากบั พฤตกิ รรมสุขภาพตนเองได้ 75.50% และ1.3) เจตคตทิ ด่ี ตี ่อพฤตกิ รรมสุขภาพ ความไวว้ างใจ ต่อผู้ให้บรกิ ารสุขภาพ และการได้รบั การสนับสนุนจากผู้ให้บรกิ ารสุขภาพ สามารถร่วมกัน ทานายพฤตกิ รรมการดแู ลตนเองได้ 26.6% และ 2) ระดบั กลุ่มผใู้ หบ้ รกิ ารสุขภาพ 2.1) ความ ฉลาดทางสุขภาพ (Health Quotient-HQ) การบรหิ ารโครงการ การได้รบั การสนับสนุนจาก ทมี งาน และความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient- EQ) สามารถร่วมกนั ทานาย การ รบั รคู้ วามสามารถของตนเองในการปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมไดส้ ูงถงึ 71.30% 2.2) การบรหิ าร โครงการ และความฉลาดทางสุขภาพ สามารถร่วมกนั ทานาย การกากบั พฤตกิ รรมสุขภาพ ตนเองได้ 51.60% และ 2.3) การบรหิ ารโครงการ ความฉลาดทางอารมณ์ของทมี งาน (Team EQ) และความฉลาดทางสุขภาพ สามารถรว่ มกนั ทานายพฤตกิ รรมการดูแลตนเองได้ 77.30% และ 3) ไมพ่ บปฏสิ มั พนั ธข์ า้ มระดบั สุพชิ ชา วงค์จนั ทร์ องั ศนิ ันท์ อนิ ทรกาแหงและพรรณี บุญประกอบ (2557) ศกึ ษาผล ของโปรแกรมการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพ 3-Self เพ่อื ลดภาวะอ้วนของวยั รุ่นตอนปลาย เป็นงานวจิ ยั วจิ ยั เชงิ ทดลองเพ่อื ศกึ ษาการเปลย่ี นแปลงของพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self และ ภาวะ อว้ นหลงั การทดลองเสรจ็ สน้ิ ทนั ที และหลงั ทดลองเสรจ็ สน้ิ สปั ดาหท์ ่ี 12 ระหว่างกลุ่มทดลองทงั้ 2 กลุ่ม และกลุ่มควบคุม กลุ่มตวั อยา่ งคอื นิสติ ทม่ี ภี าวะอว้ น โดยใชว้ ธิ กี ารสุ่มตวั อย่างแบบกลุ่ม จากนิสติ 7 คณะ ได้นิสติ 3 คณะ แบ่งเป็นกลุ่มทดลองท่ี 1 มจี านวน 22 คน เข้าโปรแกรม ปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมสุขภาพ 3–Self ท่เี น้นผู้รบั บรกิ ารเป็นศูนย์กลาง และกลุ่มทดลองท่ี 2 จานวน 20 คน เข้าโปรแกรมปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพ 3–Self ท่ีเน้นผู้ให้บริการเป็น ศูนยก์ ลาง ส่วนกลุ่มควบคุม มจี านวน 20 คน ทงั้ น้ีใช้ระยะเวลาการทดลอง 8 สปั ดาห์ เก็บ รวบรวมขอ้ มลู 3 ครงั้ ไดแ้ ก่ ก่อนการทดลอง หลงั การทดลองสปั ดาหท์ ่ี 8 และหลงั การทดลอง เสรจ็ ส้นิ สปั ดาหท์ ่ี 12 ดว้ ยแบบสอบถามประเมนิ 3-Self ประกอบด้วย การรบั รคู้ วามสามารถ ของตน การกากบั ตนเอง และการดแู ลตนเอง ซง่ึ มคี ่าความเชอ่ื มนั่ สมั ประสทิ ธข์ องครอน บาคระ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
258 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- หว่าง 0.88-0.93 วิเคราะห์ดวยความแปรปรวนหลายตัวแปรสองทางแบบวดั ซ้า และความ แปรปรวนหลายตวั ผลการวจิ ยั พบวา่ 1) มปี ฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างกล่มุ การทดลอง และครงั้ ของการ วดั อยา่ งมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (P< 0.05) 2) โดยกลมุ่ ทดลองท่ี 1 มี การกากบั ตนเองสงู กว่ากลุ่ม ทดลองท่ี 2 อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติ (P< 0.05) หลงั การฝึกเสร็จส้นิ สปั ดาห์ท่ี 12 3) กลุ่ม ทดลองท่ี 1 มกี ารกากบั ตนเองสงู กวา่ กล่มุ ควบคุมอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (P< 0.05) ภายหลงั การทดลองเสรจ็ สน้ิ ทนั ที และหลงั การทดลองเสรจ็ สน้ิ สปั ดาหท์ ่ี 12 และมกี ารรบั รคู้ วามสามารถ ของตนเองและการดูแลสุขภาพตนเองสงู กว่า กลุ่มควบคุมหลงั การทดลองเสรจ็ สน้ิ สปั ดาหท์ ่ี 12 อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถติ ิ (P< 0.05) 4) กลมุ่ ทดลองท่ี 1 มภี าวะอว้ นลดลงกว่ากลมุ่ ควบคุมหลงั การทดลองเสรจ็ ส้นิ สปั ดาห์ท่ี 12 อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (P< 0.05) 5) กลุ่มทดลองท่ี 1 มี ภาวะอว้ นลดลงกว่าก่อนการทดลองอย่างมนี ัยสาคญั ทางสถติ ิ (P< 0.05) หลงั การทดลองเสรจ็ ส้นิ ทนั ที และหลงั การทดลองเสรจ็ ส้นิ สปั ดาห์ท่ี 12 6) กลุ่มทดลองท่ี 2 มภี าวะอ้วนลดลงกว่า ก่อนการทดลอง (P< 0.05) หลงั การทดลองเสรจ็ สน้ิ สปั ดาหท์ ่ี 12 จากการทดลองสรปุ ไดว้ ่ากลุ่ม ทดลองท่ี 1 มกี ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพและภาวะอว้ นดกี ว่ากลมุ่ อ่นื การวดั พฤติกรรมสขุ ภาพ 3- Self เป็นเคร่อื งมอื วดั ท่ีพฒั นาข้นึ โดย อังศินันท์ อินทรกาแหง เพ่ือใช้ในการวดั ผลการ เปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของกลุ่มเส่ยี งโรคเมตาบอลกิ ทเ่ี ขา้ ร่วมโครงการปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรม สุขภาพ ในงบประมาณของ สานักงานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาตเิ ขต 13 กรุงเทพมหานคร ในช่วงปีงบประมาณ 2551 -2555 จนปัจจุบนั มนี ักปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพได้นาไปใชใ้ น การวดั และประเมนิ โครงการ ประกอบดว้ ย นยิ ามและการวดั ดงั น้ี พฤติกรรมสุขภาพ 3-Self หมายถงึ การปฏบิ ตั ดิ ้วยตนเองของกลุ่มเส่ยี งในการทา กจิ กรรมทเ่ี ก่ยี วกบั การวางแผน ป้องกนั ดารงรกั ษาควบคุมพฤตกิ รรมสขุ ภาพตนเองใหส้ ามารถ ดาเนินชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งเป็นปกตสิ ขุ ในการวดั พฤตกิ รรมสุขภาพครงั้ น้ี วดั จากลกั ษณะทาง จติ และพฤตกิ รรม 3 ด้าน ได้แก่ การรบั รู้ความสามารถตนเองในการปรบั เปล่ยี นพฤติกรรม สุขภาพ (Self-efficacy) การกากบั พฤตกิ รรมสุขภาพดว้ ยตนเอง (Self-regulation) และการดแู ล สุขภาพตนเองไดด้ ว้ ย (Self-care) รายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี 1) การรบั ร้คู วามสามารถตนเองในการปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสขุ ภาพ หมายถงึ ผู้รบั บรกิ ารปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพ มกี ารตดั สนิ เก่ียวกบั ความสามารถของตนเองว่า ตนเองมคี วามเช่อื มนั่ ทจ่ี ะจดั การและดาเนินการกระทาพฤตกิ รรมในการปรบั เปล่ียนพฤตกิ รรม สขุ ภาพไดด้ ว้ ยตนเองใหบ้ รรลเุ ป้าหมายทก่ี าหนดไวไ้ ด้ และคนทร่ี บั รวู้ ่าตนเองมคี วามสามารถจะ มคี วามอุตสาหะ ไมท่ อ้ ถอยและจะประสบความสาเรจ็ ในทส่ี ุด และวดั จากแบบสอบถามการรบั รู้ ความสามารถในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมตนเองจานวน 5 ขอ้ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
259 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ค่า 4 ระดบั มคี ่าความเช่อื มนั่ ทงั้ ฉบบั เท่ากบั 0.73 โดยให้คะแนนจาก ระดบั ความเป็นจรงิ ท่ี ปรากฏของพฤตกิ รรมจาก จรงิ มาก ให้ 4 คะแนน ถงึ ไมจ่ รงิ ให้ 1 คะแนน และผทู้ ไ่ี ดค้ ะแนนสงู กว่า แสดงว่ามกี ารรบั รคู้ วามสามารถในการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพตนเอง สงู กว่าผทู้ ไ่ี ด้ คะแนนน้อยกว่า 2) การกากบั ตนเอง หมายถงึ การกระทาของผเู้ ขา้ รว่ มโครงการในการสงั เกตดว้ ย ตนเองถงึ พฤตกิ รรมและการเปล่ยี นแปลงด้านสุขภาพของตนเอง พรอ้ มทงั้ ตงั้ เป้าหมายและ วางแผนในการกระทาทจ่ี ะดแู ลตนเองใหม้ สี ขุ ภาพดตี ามเป้าหมายทต่ี งั้ ไว้ อาจกระทาดว้ ยการจด บนั ทึกการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของตนเอง กระตุ้นเตือนตนเองให้กระทาอย่าง ต่อเน่ืองใหบ้ รรลุถงึ การมสี ุขภาพท่ดี ตี ามทต่ี นเองได้ตงั้ เป้าหมายไว้ และวดั จากแบบสอบถาม การกากบั พฤตกิ รรมสุขภาพตนเอง จานวน 5 ขอ้ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 4 ระดบั มี ค่าความเช่อื มนั่ ทงั้ ฉบบั เท่ากบั 0.80 โดยให้คะแนนจาก ระดบั ความเป็นจรงิ ท่ปี รากฏของ พฤตกิ รรมตนเองจาก จรงิ มากให้ 4 คะแนน ถงึ ไม่จรงิ ให้ 1 คะแนน และผทู้ ไ่ี ดค้ ะแนนสูงกว่า แสดงวา่ มกี ารกากบั พฤตกิ รรมสขุ ภาพตนเองสงู กว่าผทู้ ไ่ี ดค้ ะแนนน้อยกว่า 3) การดูแลสุขภาพตนเอง หมายถึง การกระทากิจกรรมใดก็ตามของผู้เข้าร่วม โครงการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพ ท่ไี ด้เรมิ่ ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเองในดา้ นการเขา้ รบั การตรวจ สุขภาพเป็นประจา การแสวงหาความรดู้ า้ นสุขภาพการรบั ประทานอาหาร การออกกาลงั กาย การจดั การอารมณ์และความเครยี ด รวมถงึ การพกั ผอ่ นโดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพ่อื ดารงรกั ษาชวี ติ ให้ มภี าวะสขุ ภาพและความเป็นอยทู่ ด่ี ขี องตน วดั จากแบบสอบถามการดแู ลสุขภาพตนเอง จานวน 7 ขอ้ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 4 ระดบั มคี ่าความเช่อื มนั่ ทงั้ ฉบบั เท่ากบั 0.85 โดยให้ คะแนนจาก ระดบั ความเป็นจรงิ ทป่ี รากฏของพฤตกิ รรมตนเอง จากจรงิ มาก ให้ 4 คะแนน ถงึ ไม่จรงิ ให้ 1 คะแนน และผูท้ ไ่ี ดค้ ะแนนสูงกว่า แสดงว่ามกี ารดูแลสุขภาพตนเองสูงกว่าผู้ท่ไี ด้ คะแนนน้อยกว่า ตวั อย่างแบบสอบถามพฤติกรรมสขุ ภาพ 3-Self คาชี้แจง โปรดทาเครอ่ื งหมาย / ลงในช่องว่าง ตามความเป็นจรงิ เกย่ี วกบั พฤตกิ รรมสขุ ภาพของท่าน ประเดน็ พิจารณา ระดบั ความเป็นจริงท่ีปรากฏกบั ฉัน 1) การรบั รคู้ วามสามารถปรบั เปล่ียนพฤติกรรมตนเอง จริงมาก จริง จริงบ้าง ไม่จริง (4) (3) (2) (1) โดยท่ีฉันมนั่ ใจว่า ฉัน สามารถปฏบิ ตั ติ นตามคาแนะนาของบคุ ลากรการแพทย/์ 1. เจา้ หน้าทโ่ี ครงการไดอ้ ยา่ งเครง่ ครดั 2. สามารถแบ่งตารางเวลาแตล่ ะวนั ในการออกกาลงั กายเพอ่ื ดแู ลสขุ ภาพดว้ ยตนเอง องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
260 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดบั ความเป็นจริงท่ีปรากฏกบั ฉัน ประเดน็ พิจารณา จริงมาก จริง จริงบา้ ง ไม่จริง (4) (3) (2) (1) 3. สามารถเลอื กทานอาหารทม่ี ปี ระโยชน์พอเพยี งกบั ฉนั ไดโ้ ดย ไมพ่ ง่ึ ยา/สง่ิ เสพตดิ /ของมนึ เมา สามารถหาวธิ ผี อ่ นคลายความเครยี ดทเ่ี หมาะกบั ฉนั อยา่ ง 4. ไดผ้ ลโดยไมเ่ ป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพ 5. สามารถเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมสขุ ภาพของตนเองใหเ้ ป็นไป ในทางทด่ี ขี น้ึ กวา่ เดมิ ไดแ้ น่นอน 2) การกากบั พฤติกรรมสขุ ภาพตนเอง 1. ฉนั หมนั่ สงั เกตและใสใ่ จถงึ อารมณ์ ความตอ้ งการและสง่ิ ผดิ ปกตทิ เ่ี กดิ ขน้ึ กบั สขุ ภาพของฉนั 2. ฉนั บนั ทกึ การปฏบิ ตั ติ นสม่าเสมอเพอ่ื ควบคมุ กากบั พฤตกิ รรมสขุ ภาพตนเองใหด้ ขี น้ึ 3. ฉนั ใสใ่ จกบั ปรมิ าณและคุณคา่ ทางโภชนาการของอาหารทท่ี าน 4. ฉนั วางเป้าหมายใหต้ นเองมสี ขุ ภาพดแี ละหมนั่ ดแู ลสขุ ภาพให้ ไปสเู่ ป้าหมายนนั้ ใหไ้ ด้ ฉนั ใสใ่ จสขุ ภาพของตนเองมากขน้ึ เมอ่ื พบว่าตนเองมภี าวะ 5. เสย่ี งตอ่ การเกดิ โรคเรอ้ื รงั 3) การดแู ลสขุ ภาพตนเอง 1. ฉนั ตรวจสขุ ภาพสม่าเสมอ ปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนาของแพทยเ์ คร่งครดั 2. ฉนั ศกึ ษาหาความรเู้ กย่ี วกบั สขุ ภาพเพอ่ื นามาใชด้ แู ลสขุ ภาพตนเอง 3. ฉนั หลกี เลย่ี งการสบู บหุ ร่ี เสพสงิ่ เสพตดิ และของมนึ เมาทกุ ชนดิ ได้ 4. ฉนั รบั ประทานอาหารทไ่ี ดค้ ณุ คา่ พอประมาณ เหมาะกบั วยั และภาวะสขุ ภาพฉนั ในทกุ มอ้ื 5. ฉนั ออกกาลงั กายเป็นประจาดว้ ยวธิ ที เ่ี หมาะสมกบั สขุ ภาพ และชวี ติ ประจาวนั ของฉนั 6. ฉนั จดั การกบั ปัญหา ภารกจิ ในชวี ติ ใหส้ าเรจ็ ไดด้ ว้ ยการมองโลกแงด่ ี 7. ฉนั นอนหลบั พกั ผอ่ นไดอ้ ยา่ งเพยี งพอในแต่ละวนั สรุปไดว้ ่า โปรแกรมการปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพ 3-Self เป็นการจดั กระบวนการ เรยี นรู้ ทท่ี าใหผ้ ปู้ ่วยหรอื ผเู้ ขา้ รว่ มโปรแกรมไดร้ บั อย่างต่อเน่ือง 3 - 5 เดอื น จะทาใหผ้ เู้ ขา้ ร่วม โปรแกรมเกิดการเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรม 3 ด้านได้แก่ มกี ารรบั รู้ความสามารถของตนเอง (Self-efficacy) มกี ารกากบั ตนเอง (Self-regulation) และมกี ารดูแลสุขภาพตนเอง (Self-care) เพมิ่ ขน้ึ โดยผูจ้ ดั โปรแกรมจะต้องยดึ หลกั PROMISE Model ซ่งึ เป็นคุณลกั ษณะของนักปรบั พฤตกิ รรมท่ตี ้องมี ได้แก่ มกี ารมองโลกแง่ดี (Optimize) สรา้ งแรงจูงใจภายใน (Motivation) เพ่อื ให้ผู้เข้าร่วมโปรแกรมมพี ลงั ในการดงึ ศกั ยภาพตนเองออกมาลงทากิจกรรมด้วยตนเอง องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
261 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เพ่อื ใหบ้ รรลุเป้าหมายท่ตี นเองตงั้ ไวใ้ ห้ได้ มกี ารใหก้ ารเสรมิ แรงทางบวก (Positive reinforce) โดยอาจช่นื ชม ใหร้ างวลั เม่อื พฤตกิ รรมดเี กดิ ขน้ึ และเมอ่ื เป็นผลสาเรจ็ กจ็ ะเกดิ ความภาคภูมใิ จ เกดิ การเหน็ คุณค่าในตนเอง (Self-esteem) และตอ้ งบรหิ ารโปรแกรมโดยยดึ ผลสมั ฤทธิ ์ (Result base management) ดว้ ยการกาหนดตวั ชว้ี ดั ของโปรแกรมไวอ้ ยา่ งชดั เจน เอกสารอ้างอิง ลดั ดา เหมาะสุวรรณ. (2555). โภชนาการในเดก็ ไทย. 10 ปี ทศวรรษเพอื่ เดก็ และภมู ปิ ัญญาของ ครอบครวั . นนทบุร:ี สหมติ รพรน้ิ ตง้ิ แอนดพ์ ลบั ลสิ ซง่ิ จากดั . วชิ ยั เทยี นถาวร. (2555). ยากบั ไข่ ไขก่ บั ยา. กระทรวงสาธารณสุข. เผยแพรบ่ ทความใน หนงั สอื พมิ ม์ มตชิ น ฉบบั วนั ท่ี 26/07/2555 สบื คน้ เมอ่ื 23 มกราคม 2560 จาก http://www.hiso.or.th/health/data/html/shownews.php?news_id=1713&names=01 สมโภชน์ เอย่ี มสุภาษติ . (2556). ทฤษฎแี ละเทคนคิ การปรบั พฤตกิ รรม. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 8. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . สพุ ชิ ชา วงคจ์ นั ทร์ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง และพรรณี บญุ ประกอบ. (2557). ผลโปรแกรมการ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self เพ่อื ลดภาวะอว้ นของวยั รนุ่ ตอนปลาย. วารสารพฤตกิ รรม ศาสตร,์ 20(1), 127-141. สพุ ตั รา ศรวี ณชิ ชากร. (2556). การจดั การโรคเรอ้ื รงั ในชมุ ชน. พมิ ครงั้ ท่ี 2. นครปฐม: สานกั งานวจิ ยั และพฒั นาระบบสุขภาพชุมชน (สพช.), 2556 สานกั งานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ [สสส.]. (2552). โครงการอ่อนหวาน หนุน เดก็ ไทยรกั สุขภาพ เยาวชน เน้นลดการบรโิ ภคน้าตาล ขนม น้าอดั ลม. สบื คน้ เมอ่ื 12 สงิ หาคม 2555 จาก http://www.thaihealth.or.th/node/7211. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง. (2552). การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3Self ดว้ ยหลกั PROMISE Model. กรุงเทพฯ: สุขมุ วทิ การพมิ พ.์ Ajzen I. (2002). Perceived behavioral control, self-efficacy, locus of control, and the theory of planned behavior. Journal of Applied Social Psychology, (32), 665-683. Bandura A. (1989). Social cognitive theory. Annals of Child Development, 6, 1–60. Cole TJ, Bellizzi MC, Flegal KM, & Dietz WH. (2000). Establishing a standard definition for child overweight and obesity worldwide: international survey. BMJ, 320(7244), 1240-1243. Duangchan P, Yoelao D, Macaskill A, Intarakamhang U, & Suprasonsin. C. (2010). Interventions for halthy eating and physical activity among obese elementary schoolchildren: Observing changes of the combined effects of behavioral models. The Journal of Behavioral Science, 5(1), 46-59. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
262 บทท่ี 8 โปรแกรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ 3-Self --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- Fisher WA, Fisher JD, & Harman J. (2009). Information-motivation-behavioral skills (IMB) model. Social Psychological Foundations of Health and Illness (p.86), by Maiden, MA: Blackwell Publishing. Reprinted with permission. Green LW & Kreuter MW. (1991). Health promotion planning: an educational and environmental approach. Mountain View, CA: Mayfield Publishing Intarakamhang U. (2011). Effects of health behavioral modification program on metabolic diseases in non-government organizations. Journal of US-China Medical Science, 8(9), 540-545. Intarakamhang U. (2012). Program management model for health behavioral modification in metabolic risk of public hospitals, Bangkok. Asian Social Science, 8(10), 170-177. doi: 10.5539/ass.v8n11p170. Intarakamhang U & Duangchan P. (2012). Effects of health behavioral modification program on metabolic diseases in risk Thai clients. Asian Biomedicine Journal, 6(2), 1-7. doi: 10.5372/1905-7415.0602.061. Intarakamhang U & Malarat A. (2014). The effects of behavioral modification based on client center program to health behaviors among obese university students. Global Journal of Health Science, 6(1), 33-42. doi: 10.5539/gjhs.v6n1p33. Intarakamhang U & Intarakamhang P. (2015). Multilevel causal analysis of socio- psychological and behavioral factors of health providers and clients that affect health behavioral modification in obesity. Global Journal of Health Science, 7(6), 117-128. doi.org/10.5539/gjhs.v7n6p117. Leslie RM, Haskard-Zolnierek KB, & DiMatteo MR. (2010). Health behavior change and treatment adherence. Oxford University Press, Inc. Orem DE. (1985). Nursing Concepts of Practice 3nded. New York: McGraw-Hill Book. Pender NJ, Murdaugh CL, & Parsons MA. (2006). Health promotion in nursing practice 5th ed. New Jersey: Pearson Education, Inc. Prochaska JO & DiClemente CC. (1983). Stages and processes of self-change of smoking: toward an integrative model of change. Journal of Consulting and Clinical Psychology, 51, 390–395. Rosenstock IM, Strecher VJ & Becker MH. (1988). Social learning theory and the health belief model. Health Education & Behavior, 15(2), 175-183. WHO. (2013). Adolescent fertility rater (per 1000 girls ages 15-19 years) 2005-2011. World Health Statistic. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
263 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ จากความเช่อื มโยงของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพกบั การส่งเสรมิ สุขภาพตามโมเดลความ รอบรู้ด้านสุขภาพ Health literacy as an outcome of health promotion: An outcome model for health promotion ของ Nutbeam (2000) ทก่ี ล่าวว่า กจิ กรรมหรอื โครงการส่งเสรมิ สุขภาพและ ป้องกนั โรคจะเป็นสาเหตุหน่ึงท่สี ่งเสรมิ ให้ประชาชนมคี วามรอบรดู้ า้ นสุขภาพ และโมเดลการ ปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมด้วยการบูรณาการกับแนวคดิ ทางจติ วทิ ยาการรคู้ ดิ ทฤษฎีการศกึ ษา ผู้ใหญ่ แนวคิดทฤษฎีด้านสุขภาพและความรอบรู้ด้านสุขภาพเข้าด้วยกัน (The Integrate Approach to Behavior Change Interventions Model – the I-ABC Model) ของ Freedman et al. (2013) และในหลายงานวจิ ยั ท่ศี กึ ษาโมเดลเส้นทางอทิ ธพิ ลของความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ พบวา่ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพสามารถทานายพฤตกิ รรมสุขภาพไดอ้ ยา่ งมนี ยั สาคญั ดว้ ยเช่นกนั (Intarakamhang & Kwanchuen, 2016; Intarakamhang & Intarakamhang, 2017; Berkman et al., 2011; Edwards et al., 2012; องั ศนิ ันท์ อนิ ทรกาแหง และธญั ชนก ขุมทอง, 2560) จงึ เป็นทป่ี ระจกั ษ์ว่า ในการดาเนินการเพ่อื พฒั นาความรอบรดู้ า้ นสุขภาพนนั้ เป็นการดาเนินการท่ี ตอ้ งใชเ้ วลายาวนาน หรอื เรยี กไดว้ ่าเป็นการส่งเสรมิ การเรยี นรู้ตลอดชวี ติ ใหม้ ที กั ษะรอบด้านทงั้ ดา้ นการใชภ้ าษา เทคโนโลยี กระบวนการคดิ วจิ ารณญานเพ่อื สุขภาพ (Deborah et al., 2012) ซ่งึ สามารถกระทาหรอื ดาเนินการได้หลายรปู แบบ/กิจกรรม และใช้การส่อื สารสุขภาพหลาย ช่องทาง ใชก้ ารส่อื สารแบบตวั ต่อตวั หรอื ผ่านส่อื เทคโนโลยแี ละส่อื สงิ่ พมิ พ์ ทงั้ ในการดาเนินการ ดา้ น 1) การส่งเสรมิ สุขภาพ (Health promotion) ดว้ ยกจิ กรรมส่งเสรมิ และคงดแู ลสุขภาพทด่ี ี 2) การป้ องกันสุขภาพ (Health protection) ด้วยการผลิตส่ือเสริมสร้างเข้าใจและสร้างความ ปลอดภยั ต่อสุขภาพ 3) การดแู ลและดารงรกั ษาสุขภาพ (Health care and maintenance) ดว้ ย กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งการเรยี นรเู้ ม่อื ยามเจบ็ ป่ วยและป้องกนั ความรุนแรง และ 4) ระบบสุขภาพ ภาครฐั (System navigation) ด้วยการส่งเสรมิ การรหู้ นังสอื ทกั ษะการอ่าน และควบคุมกากบั ขอ้ มลู สารสนเทศ เชน่ สทิ ธแิ ละความรบั ผดิ ชอบต่อสุขภาพของประชาชน การยนิ ยอมการรกั ษา เป็นตน้ (Edwards et al., 2012) การดาเนินการเพ่ือพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในประเทศ มีการดาเนินการมา ยาวนานแต่ยงั ส่งผลกระทบในปรมิ าณน้อยต่อระดบั ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของประชาชน จาก สถติ ขิ อ้ มลู เชงิ ประจกั ษ์ผลการสารวจความรอบรดู้ า้ นสุขภาพของประชาชนส่วนใหญ่ ยงั มรี ะดบั ความรอบรู้ด้านสุขภาพต่า เน่ืองจากกระบวนการดาเนินงานด้านงานส่งเสรมิ สุขภาพและ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
264 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ ป้องกนั โรคในอดตี เป็นลกั ษณะใหค้ วามรแู้ ต่มไิ ด้ให้ประชาชนเกดิ การเรยี นรทู้ างปัญญา ใชก้ าร ส่อื สารทางเดียวท่ีเน้นผู้ให้บรกิ ารเป็นศูนย์กลางในขณะท่ปี ระชาชนผู้รบั บรกิ ารขาดการฝึก ทกั ษะการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ขาดการส่งเสรมิ ในการใช้ทกั ษะพ้นื ฐานและกระบวนการคดิ ดว้ ย ปัญญา ขาดพลงั อานาจเพ่อื ดูแลสุขภาพของตนเอง แต่ในระยะทผ่ี ่านมา นโยบายด้านสุขภาพ ได้เหน็ ความสาคญั ของการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพ เพราะจะช่วยให้ประชาชนเกดิ การ เรยี นรจู้ ากการกระทาพฤตกิ รรมใหม่ท่ถี ูกต้องของตนเอง และจากประสบการณ์ของผู้เขยี นใน การบรหิ ารจดั การและประเมนิ โครงการปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพของผู้ป่ วยและกลุ่มเสย่ี ง โรคเมตาบอลิกด้วยงบประมาณ ของสานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต 13 กรุงเทพมหานคร ในช่วง 6 ปีท่ผี ่านมาจงึ ได้ถอดบทเรยี นบางส่วนท่ไี ด้จากหวั หน้าโครงการ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพของหน่วยงานและโรงพยาบาลภาครฐั ในเขตกรงุ เทพมหานคร ทา ให้ได้ตวั อย่างโปรแกรมท่เี ป็นแนวทางปฏบิ ตั ิท่ดี ใี นการจดั กิจกรรมการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม สุขภาพ 3-Self ดว้ ยหลกั PROMISE Model ทน่ี าเสนอในบทก่อนขา้ งต้นแลว้ ผเู้ ขยี นขอเสนอ ความคดิ ความรสู้ กึ ระหว่างทม่ี กี ารดาเนินโครงการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพนนั้ จากบุคคลท่ี เกย่ี วขอ้ ง 2 กล่มุ คอื 1) ผจู้ ดั โครงการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพจากโรงพยาบาลเลดิ สนิ และ 2) ผเู้ ขา้ รว่ มโครงการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพจากโรงพยาบาลสมเดจ็ เจา้ พระยา ดงั น้ี ประสบการณ์ของผจู้ ดั โครงการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมสขุ ภาพ ผลจากการประเมินโครงการด้วยวิธีถอดบทเรียน จากการจัดกิจกรรมโครงการ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมเสย่ี งของผู้ป่ วยโรคหลอดเลอื ดสมอง โรงพยาบาลเลดิ สนิ ในช่วงปี พ.ศ. 2555 ซ่งึ นักปรบั พฤตกิ รรมสุขภาพในโรงพยาบาลซง่ึ เป็นหัวหน้าโครงการไดเ้ รยี บเรยี งไวเ้ พ่อื เป็ นประโยชน์และเป็ นกาลังใจให้กับบุคลากรด้านสุขภาพท่ีเริ่มต้น บทบาทการเป็ นนัก ปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมสุขภาพหรอื กาลงั จะเรมิ่ ต้นเป็นหวั หน้าโครงการในการจดั โปรแกรมเพ่อื การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพของผปู้ ่วยหรอื กลมุ่ เสย่ี งไวด้ งั น้ี ก้าวแรกแห่งโอกาส เป็นความรสู้ กึ ทงั้ ในทศิ ทางบวกคอื ไดม้ โี อกาสทาสง่ิ ทท่ี า้ ทายมคี ุณค่า และความรสู้ กึ ลบ ท่ตี ้องทางานเพมิ่ และความกลวั กบั งานทไ่ี ม่เคยบรหิ ารจดั การโครงการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม แบบเตม็ รปู แบบมาก่อน ดงั คาพดู ทว่ี า่ “งานทุกอยา่ งในโรงพยาบาลทเ่ี อ่ยขน้ึ หรอื มคี าว่า stroke เราตอ้ งเป็นเจา้ ภาพทาไปโดย ปรยิ าย และผู้ใหญ่มนี โยบายให้ร่วมทาโครงการปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมหน่ึงในนัน้ ก็หนีไม่พ้น stroke ดว้ ยเชน่ กนั ” องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
265 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ “ดว้ ยความดอ้ ยประสบการณ์ของเราอย่แู ต่ในวอรด์ ไอซยี มู าสบิ ปี คุยกบั ญาตคิ นไขก้ ็มี แต่เรอ่ื งเป็นเรอ่ื งตาย แต่พอมปี ระสบการณ์ทาโครงการมาบา้ งเลก็ ๆน้อยๆ ตอนเรยี นโท” “แต่ก็กล้าๆ กลวั ๆ นึกภาพไม่ออกว่าต้องทาอะไรบ้าง ต้องเป็นหวั หน้าโครงการเอง หนักหนาเอาการ ได้แต่คิดว่าพ่ีๆ คงช่วยกัน อันดับแรกได้เข้าร่วมประชุมท่ีสถาบันวิจยั พฤตกิ รรมศาสตร์ มศว.ทจ่ี ดั ประชุมให้แนวทางการทางานกับเราซง่ึ เป็นเน้ือหาวชิ าการ ฟังแลว้ น่าจะเหมาะกบั คนทม่ี ปี ระสบการณ์จดั กจิ กรรมมาก่อน แต่กไ็ ดต้ วั อย่างมาบา้ ง คดิ ว่าพวกพๆ่ี ท่ี โรงพยาบาลคงชว่ ยกนั คดิ ได”้ “หลังจากกลับประชุมก็เริ่มหาทีมงาน นัดประชุมแจ้งเร่ืองทาโครงการ ค้นหา กลมุ่ เป้าหมาย วางแผน assign ใหช้ ่วยกนั คน้ หา มเี กณฑพ์ จิ ารณาชดั เจน” “เราเรม่ิ ไปห้องตรวจอายุรกรรม ปรกึ ษากับพ่ีท่ีห้องตรวจว่าจะทาอะไร ได้รบั ความ ร่วมมือดีมาก รวมทัง้ อาจารย์หมอ ให้เข้าไปอยู่ในห้องตรวจกับอาจารย์หมอเลย คนไหน เข้าเกณฑ์ อาจารย์ก็จะบอกคนไข้แล้วส่งต่อมาถึงเรา คนไข้บางคนกระตือรอื ร้นจะเข้าร่วม กจิ กรรม รวมทงั้ ชวนลูกหลานสามภี รรยามาร่วมกิจกรรม คนไข้เก่าบางรายหรอื ญาติเหน็ เรา เดนิ ๆ อยกู่ ร็ บี เขา้ มาทกั ทาย เรารสู้ กึ ดที ม่ี คี นจาเราได้ จาทเ่ี ราเคยดแู ลคนในครอบครวั ไม่ตอ้ งมี ของอะไรมาฝาก แค่คาทกั ทายเรากป็ ลม้ื ใจแลว้ แต่เรากจ็ าคนไขเ้ ราได้เกอื บทกุ คนเพราะในสมดุ ทะเบยี นคนไขเ้ รา จะมบี นั ทกึ ทเ่ี ป็นจดุ เด่นของแต่ละคนไว้ (มที งั้ เด่นดแี ละเดน่ ไม่ด)ี และเราเช่อื ว่าสมั พนั ธภาพท่ดี ี เรมิ่ ต้นด้วยความใส่ใจเลก็ ๆ น้อยๆ ต่อลกั ษณะเอกบุคคล เช่น จาช่อื ได้ จา ไดว้ ่าเคยคุยอะไรกนั ไว้ และเรากใ็ ชเ้ ทคนิคน้ใี นการจดบนั ทกึ ผรู้ ว่ มโครงการทค่ี ดั เลอื กได้ (เท่าที เวลาจะเออ้ื ในหอ้ งตรวจ) นอกจากในหอ้ งตรวจแลว้ เรากไ็ ดว้ างเอกสารประชาสมั พนั ธโ์ ครงการ ไวต้ ามจดุ ต่างๆ ซง่ึ พๆ่ี น้องๆ แถวนนั้ กไ็ ดช้ ว่ ยอานวยความสะดวกเป็นอยา่ งดี เช่น จดุ คดั กรอง ผปู้ ่วย หอ้ งกายภาพบาบดั หน่วยประชาสมั พนั ธ์ จดุ ใหค้ าปรกึ ษาผปู้ ่วยเบาหวาน ” ผบู้ รหิ ารไดเ้ รยี กประชุมเพ่อื วางแผนจดั กจิ กรรม พๆ่ี ไดพ้ ูดถงึ เรอ่ื งการเบกิ จา่ ยเงนิ เบกิ แบบล่วงเวลา หรอื แบบจา้ งเหมาและอีกหลายเร่อื ง มนั คอื อะไร? ทาไมเราไม่รเู้ ร่อื ง? แลว้ เรา ต้องทาด้วยหรอ? แต่คิดเข้าข้างตัวเองไว้ เราทาตัวเน้ือหาและกิจกรรมของโครงการ ส่วน กระบวนการคงต้องมีคนช่วย ทาให้เราต้องใช้เวลามากในการศึกษาการจดั กิจกรรมโดย สอบถาม ทงั้ จากผรู้ แู้ บบตวั ต่อตวั และศกึ ษาจากอนิ เตอรเ์ น็ต ปรกึ ษากบั พท่ี ส่ี นิท พอไดไ้ อเดยี จงึ เรมิ่ ลงมือมีเค้าโครง เริม่ มีกาลังใจ จึงนัดประชุมทีมงานอีกครงั้ แจ้งความก้าวหน้าและ แผนการดาเนินงานต่อไป เพ่อื ใหท้ ุกคนมสี ่วนรว่ ม และสง่ิ ทป่ี ระทบั ใจตามมากค็ อื มเี จา้ หน้าท่ี ส่วนหน่ึงทอ่ี ย่ใู นเกณฑก์ ลุ่มเสย่ี ง ไดต้ ดิ ต่อเขา้ มาเพ่อื ขอเขา้ รว่ มกจิ กรรม เดนิ มาตดิ ต่อท่ี stroke unit บา้ ง โทรศพั ทบ์ ้าง เขยี นขอ้ ความฝากไวท้ โ่ี ต๊ะทางานบ้าง นบั เป็นสงิ่ ดที แ่ี สดงให้เหน็ ว่าคน ส่วนหน่งึ เหน็ ความสาคญั ของโรคหลอดเลอื ดสมองมากขน้ึ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
266 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ ก้าวสองแห่งความสบั สนว่นุ วายในการดาเนินงาน เมอ่ื กาหนดกจิ กรรมและวนั ทจ่ี ะเรมิ่ ทาโครงการ เราเรม่ิ เตรยี มส่อื อุปกรณ์ ตงั้ แต่เอกสาร แฟ้ม ปากกา สมุดคู่มอื การดูแลตนเองของผู้ป่ วยโรคหลอดเลอื ดสมองสาหรบั ผู้ร่วมโครงการ เชญิ วทิ ยากร จองห้องประชุม ทาจ้างเหมา จองอาหารกลางวนั อาหารว่าง ฯลฯ ก่อนวนั ทา กจิ กรรม ไดโ้ ทรศพั ท์นัดหมายกลุ่มเป้าหมาย ถ้าโทรเบอรบ์ ้าน ก็จะเจอกลุ่มผู้ร่วมโครงการท่ี สูงอายุ ต้องรอถามญาติท่จี ะพามาร่วมกจิ กรรม ถ้าโทรเบอรม์ อื ถือก็จะสามารถเจอตวั ผู้ร่วม โครงการท่สี ามารถเดนิ ทางไดเ้ องแต่ส่วนหน่ึงกท็ างาน ไม่สะดวกรบั สาย บางครงั้ รบั สายแล้ว ตอ้ งรบี พดู อยา่ งรวดเรว็ เออๆ มาก่อน อกี ทงั้ เบอรม์ อื ถอื กต็ อ้ งใชโ้ ทรศพั ทเ์ ราเอง แต่เพ่อื ใหไ้ ดผ้ ู้ ร่วมโครงการมาให้มากท่สี ุด จงึ ต้องโทรทุกเบอรท์ ่ใี ห้มาและโทรหลายครงั้ (อย่างไม่คานึงถึง ค่าใชจ้ า่ ย) และทล่ี มื ไม่ไดค้ อื ถามถงึ ปัญหาสุขภาพ ณ ขณะนนั้ ของผรู้ ว่ มโครงการตามรายช่อื ท่ี บนั ทกึ ไว้ และเพ่อื สรา้ งสมั พนั ธภาพทด่ี ี เรานดั ประชุมทมี งานอกี ครงั้ เพอ่ื มอบหมายงานและตก ลงหน้าท่ขี องแต่ละคน พรอ้ มทงั้ ได้บอกหวั หน้าหน่วยงานของแต่ละคนเพ่อื ขอความร่วมมอื ให้ ทีมงานมาเข้าร่วมกิจกรรม ซ่ึงกิจกรรมครงั้ ท่ี 1 ทีมงานมากันหลายท่าน ทีมหน้างาน ลงทะเบยี น ฝึกผปู้ ่วยรจู้ กั ชงั่ น้าหนกั วดั รอบเอว รคู้ ่าความดนั โลหติ ทมี ในหอ้ งประชุมเตรยี มส่อื เตรยี มสถานท่ี ช่วยเหลอื วทิ ยากรและผรู้ ่วมโครงการในการทากจิ กรรม ผรู้ ว่ มโครงการบางท่าน มากันทัง้ ครอบครวั บางท่านมาคู่สามีภรรยา คู่พ่อลูก ซ่ึงนับว่าครอบครวั หรอื ญาติผู้ดูแลมี ความสาคญั อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ก้าวสามอย่างเดก็ รแู้ นว ในการจดั กจิ กรรมครงั้ ต่อไป เราเรมิ่ คุน้ ชนิ กบั ระบบมากขน้ึ พอจะพูดคุยภาษาเดยี วกนั กบั พๆ่ี ไดร้ เู้ รอ่ื งบา้ ง พยายามไม่คาดหวงั กบั สง่ิ ใดๆ แผนทไี ดว้ างไว้ ปรบั บา้ งตามความสะดวก และเหมาะสม เช่น ห้องประชุมท่ขี อไว้ทากจิ กรรมมกี ิจกรรมอ่นื แทรกเขา้ มากต็ ้องเล่อื นวนั ทา กจิ กรรมเป็นวนั หยุด กิจกรรมท่กี าหนดไว้มผี ู้ร่วมโครงการเสนอกจิ กรรมอ่นื ท่นี ่าสนใจ ก็ปรบั กจิ กรรมตามท่เี สนอไว้ เช่น กิจกรรมหวั เราะบาบดั ซ่งึ เดมิ ไม่ได้กาหนดไว้แต่ผู้ร่วมโครงการ บอกว่าได้ยินเพ่ือนท่ีร่วมกิจกรรมกลุ่มอ่ืนเล่าว่าน่าสนใจ และเม่ือจดั กิจกรรมนัน้ ได้ผู้ร่วม โครงการจะรสู้ กึ ว่าเราได้ใส่ใจเขา ผูร้ ว่ มโครงการบางท่านอยากได้ส่อื ความรู้ และวธิ อี อกกาลงั กายสาหรบั ผทู้ ข่ี อ้ เขา่ เสอ่ื ม เราไดไ้ ปขอส่อื แผ่นพบั จากฝ่ายเวชนิทศั น์มาให้และช่วยกนั อ่าน ผู้ ร่วมโครงการช่นื ชอบกล่าวขอบคุณและบอกว่า “ตอนแรกจะไปต่างจงั หวดั มาไม่ได้ แต่พอคุณ พยาบาลโทรไปบอกวา่ เตรยี มไวใ้ หแ้ ลว้ เลยตอ้ งมา” ก้าวผา่ นอย่างโล่งใจ ในการมาร่วมกจิ กรรม เราสงั เกตไดว้ ่า คนทเ่ี หน็ ความสาคญั ของโรคน้ีมากท่สี ุดคอื คน ทเ่ี คยเจบ็ ป่ วยหรอื มคี นใกล้ชดิ เจบ็ ป่ วยดว้ ยโรคน้ีมาก่อน การทากจิ กรรมแบ่งปันประสบการณ์ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
267 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ จากผปู้ ่ วย จะกระตุ้นใหต้ ระหนักความสาคญั ของโรคไดด้ ี จงึ จดั กจิ กรรมแลกเปล่ยี นเรยี นรโู้ ดย เชญิ ผปู้ ่วยหลอดเลอื ดสมองทส่ี ามารถฟ้ืนฟูรา่ งกายจากเดนิ ไมไ่ ดจ้ นกลบั เขา้ สงั คมและทางานได้ มาเลา่ ประสบการณ์การดแู ลสุขภาพตนเองตงั้ แต่ทม่ี แี ต่โรคประจาตวั แต่ดแู ลตวั เองไดไ้ มด่ พี อ “ผมยอมรบั ว่าแต่ก่อน คดิ วา่ คงไมเ่ ป็นหรอกโรคน้ี ยาความดนั กก็ นิ บา้ ง ลมื บา้ ง อาหาร ไม่ต้องพดู ถงึ กนิ ไมจ่ ากดั ออกกาลงั กายกอ้ ใชว้ ธิ ๊ทางานปกต”ิ “ตอนน้ีบอกไดเ้ ลยว่า ฟ้ืนมาไดก้ ็ ดว้ ยออกกาลงั กายน่ีแหละครบั ส่วนอาหารผมคงทายากเพราะอย่คู นเดยี ว ส่วนใหญ่ซ้อื เขากนิ แต่ก๖็ ฮ.เลอื กมากขน้ึ ครบั ” ผรู้ ่วมโครงการท่ลี ดน้าหนกั ได้ ไดเ้ ล่าว่า “โรคน้ีมารจู้ กั กท็ โ่ี รงพยาบาลน่ีคะ สามเี ป็น มา รกั ษากับพยาบาลเขาน่ีแหละ อิฉันเลยกลวั ว่าตัวเองจะเป็นด้วย เข่าก็เรม่ิ แย่ เลยตัง้ ใจลด น้าหนกั กล็ ดไดจ้ รงิ ๆ ดใี จคะ่ ” ผู้ร่วมโครงการบางท่านยงั ไม่เห็นการเปล่ยี นแปลงเร่อื งน้าหนักแต่ได้มกี ารปรับการ ดาเนนิ ชวี ติ ประจาวนั “ยงั ลดไมค่ ่อยไดเ้ ลยคะ แต่กเ็ ปลย่ี นเยอะแลว้ นะคะ จากแต่ก่อน น้าอดั ลม ต้องมตี ดิ ตู้เยน็ ไวต้ ลอด ตอนน้ีกไ็ ม่มแี ลว้ คะ คดิ ว่าคงลดไดเ้ พราะจะลดกบั ลูก เหน็ ลูกอ้วนแล้ว รสู้ กึ ไมด่ ี กลวั เดก็ มปี มดอ้ ย” ผู้ร่วมโครงการบางท่านท่ลี ดน้าหนักไม่ได้กป็ รบั เปลย่ี นทศั นคตแิ ละตระหนักเร่อื งโรค มากขน้ึ “ท่บี ้านทารา้ นอาหารคะ อดใจเร่อื งอาหารการกนิ ไม่ไดซ้ กั ที รู้ว่าโรคน้ีถ้าเราเป็นแล้ว ตอ้ งแยแ่ น่ๆใครจะมาทามาหาเลย้ี งกจ็ ะพยายามออกกาลงั กายใหม้ ากขน้ึ แลว้ กส็ งั เกตอาการของ โรคอยา่ งทค่ี ณุ พยาบาลบอก” นอกจากน้ีผู้ร่วมโครงการได้ให้ขอ้ คดิ เห็นเก่ยี วกบั การจดั โครงการน้ีอกี ว่า “ปกติผมก็ ออกกาลงั กายเป็นประจาอยแู่ ลว้ คดิ วา่ ไปสงั สรรคพ์ บปะเพ่อื นๆ แต่พอมารว่ มโครงการน้ยี ง่ิ รสู้ กึ วา่ การออกกาลงั กายชว่ ยไดห้ ลายอยา่ งจรงิ ๆและทาใหร้ จู้ กั โรคหลอดเลอื ดสมองมากขน้ึ กลบั ไป กจ็ ะไปเล่าใหค้ นทบ่ี า้ นฟังดว้ ยครบั ” และ มผี รู้ ว่ มโครงการทม่ี ารว่ มโครงการทงั้ ครอบครวั เลา่ ว่า “รจู้ กั โรคน้ี เพราะคุณแม่เป็นอยู่ พาคุณแม่มาร่วมกิจกรรมคะเลยชวนสามมี าด้วยกนั วนั น้ีคุณแมต่ ่นื แต่เชา้ กว่าปกติ บอกว่ากลวั มาไม่ทนั ทากจิ กรรม ดแู กกระตอื รอื รน้ จะมาคะทงั้ ท่ี อยู่บา้ นไม่เหน็ จะฟิตอย่างงเ้ี ลย” ซ่งึ ในระหว่างทากจิ กรรมเราจะสงั เกตว่าคุณแม่ขยบั ตวั ทาท่า นัน้ ท่าน้ีตามวดิ โี อท่เี ปิดให้ชมก่อนทากิจกรรมท่โี ฆษณาสนั้ ๆ ว่า “แค่ขยบั ก็เท่ากบั ออกกาลงั กาย” ของ สสส. จงึ เหน็ ว่าถงึ สงั คมจะเปลย่ี นแปลงพฒั นาโลกาภวิ ฒั น์ไปถงึ ไหนแต่ครอบครวั ก็ ยงั เป็นสงิ่ ทเ่ี ราตอ้ งใหค้ วามสาคญั และมบี ทบาทต่อการดาเนินชวี ติ ของผปู้ ่วยมาก จากท่ไี ด้กล่าวมาทงั้ หมด นับเป็นประสบการณ์และบทเรยี นทส่ี ามารถนาไปใช้ในการ ทางานในชวี ติ ประจาวนั และการโครงการในโอกาสต่อไปโดยมคี ตเิ ตอื นใจทว่ี ่า องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
268 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ “เม่อื ใดก็ตามท่ีลงมือทา เม่อื นัน้ ต้องได้ความรู้ เม่อื ใดท่ีทาเสรจ็ เม่อื นัน้ ต้องได้รบั ความรเู้ พมิ่ ขน้ึ เมอ่ื ใดทท่ี าอกี ครงั้ เมอ่ื นนั้ ตอ้ งมคี วามรคู้ ่กู ารทา และตอ้ งทาไดด้ กี วา่ ครงั้ ก่อนๆ” ประสบการณ์ของผรู้ บั การปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมภายหลงั วิกฤต ประสบการณ์จากผทู้ ป่ี ระสบความสาเรจ็ ในการลดรอบเอวและน้าหนกั ตวั ไดอ้ ยใู่ นช่วง 5 - 10 กิโลกรมั ในระยะเวลา 5 เดือนในช่วงท่ตี ดั สนิ ใจเรมิ่ ปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมสุขภาพด้วย ตนเองโดยเรม่ิ จากการใส่ใจสุขภาพมากขน้ึ โดยเรม่ิ มกี ารกากบั และดูแลสุขภาพตนเองดว้ ยการ ทาพฤตกิ รรม 3อ.2ส. อย่างต่อเน่ืองได้แก่ ควบคุมอาหาร ออกกาลงั กายและควบคุมอารมณ์ ตนเอง งดการสูบหรแ่ี ละงดด่มื สุรา ดงั แบบอย่างกรณีศกึ ษา ทใ่ี ห้ขอ้ มูลไวใ้ นการศกึ ษาขอ้ มูล เชงิ คณุ ภาพ (องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง, 2556) ดงั น้ี มลู เหตจุ งู ใจท่ีที่นามาส่คู วามสนใจดแู ลสขุ ภาพตนเอง กรณีคนท่ีหนึ่ง มสี าเหตุมาจากการเจบ็ ป่วยรา้ ยแรง ดงั คาใหข้ อ้ มลู สมั ภาษณ์ทว่ี ่า “ทรมานมาก อยากจะทาอะไรก็ทาไม่ได้ อยากจะขจ่ี กั รยานเหมอื นคนอ่นื เขาก็ไม่ได้ ทา เล่าพรอ้ มกบั สหี น้าท่รี บั รไู้ ด้ว่าทรมานจรงิ ๆ และเล่าต่อว่า เม่อื ตรวจสุขภาพท่โี รงพยาบาล พบวา่ “เป็นความดนั โลหติ สงู กไ็ ม่คดิ อะไรทุกอยา่ งยงั ทาตวั ปกตเิ หมอื นเดมิ หมอให้กนิ ยากก็ นิ บ้างไม่กินบ้าง วนั ไหนอยากกินก็กิน วนั ไหนไม่อยากกินก็ไม่กิน กระทาเช่นน้ีเป็นมานาน หลายปีกไ็ มม่ อี ะไรเปลย่ี นแปลง อาหารทช่ี อบคอื พวกทม่ี กี ะทิ ขาหมแู ละของหวาน อยากกนิ อะไรก็กนิ โดยไม่ไดค้ ดิ อะไร ร่างกายเราก็แขง็ แรงดี ถงึ แม้แพทยเ์ คยให้ความรเู้ ร่อื ง ภยั มดื จากการกนิ เป็นอนั ตรายต่อหลอดเลอื ด กไ็ ม่ไดส้ นใจ แพทยไ์ ดอ้ ธบิ ายมรี ปู ประกอบทน่ี ่ากลวั กไ็ ม่เขา้ ใจและไม่เช่อื เพราะว่าเรากแ็ ขง็ แรงดี ทงั้ ๆ ทม่ี พี ่นี ้องในครอบครวั ตายหมดแลว้ เม่อื 2 ปีทผ่ี า่ นมาดว้ ยโรคหลอดเลอื ดในสมองแตก” พรอ้ มกบั เลา่ ต่อเน่อื ง “แต่แลว้ วนั หน่ึงมเี หตุการณ์ท่เี กดิ กบั ตนเอง เม่อื กลางปี เรมิ่ มอี าการปวดศรี ษะ เม่อื ลกุ เขา้ หอ้ งน้ามารสู้ กึ วา่ ตวั เองอ่อนแรงซกี ซา้ ยทงั้ แขนขา รสู้ กึ ว่าตวั หนักๆ ควบคุมไมไ่ ด้ ญาติ นาส่งโรงพยาบาลในเวลาเชา้ มดื มคี วามรสู้ กึ อยากจะอาเจยี นตลอดเวลา หมอบอกว่าน่าจะมี ปัญหาหลอดเลอื ดสมอง เน่ืองจากอ้วน มไี ขมนั คอเลสเตอรอลสงู และมคี วามดนั โลหติ สูงดว้ ย และภายหลงั สแกนสมองแลว้ พบว่า เส้นเลอื ดในสมองจะแตกแลว้ ต้องรบี ส่งตวั ไปผ่าตดั ด่วน ระหว่างนัน้ นึกกลัวและก็ตัง้ สติว่าขอให้รอดจากภาวะวิกฤติน้ีด้วย ในใจมีความรู้สึกว่า บรรยากาศตอนนนั้ ทาไมคนมาอย่รู อบๆ ตวั ชุลมนุ ไปหมด ทงั้ เจาะเลอื ด แทงน้าเกลอื อยู่ บรเิ วณแขนบา้ งขาบา้ ง เวลาล่วงเลยมารสู้ กึ ว่าแกม้ ขา้ งซา้ ยหนกั ๆ ลน้ิ แขง็ หน้าอกแขง็ มาก หวั ใจเต้นไม่ปกติและในท่สี ุดก็วูบไปไม่รู้สึกตัว มารู้ตัวอกี ทีก็อยู่ในห้อง ICU ขยบั ตวั ไม่ได้ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
269 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ แมแ้ ต่จะขยบั น้ิวกท็ าไมไ่ ด้ น่ีเราเป็นอะไรขณะทเ่ี ล่า รบั ทราบไดถ้ งึ ความรสู้ กึ ทุกขท์ รมานของ เธอ หมอมาบอกดฉิ นั ว่าคงผ่าตดั ไม่ไดเ้ พราะอยลู่ กึ มากมนั อนั ตราย ในใจคดิ แต่ว่า ดฉิ นั อยาก รอดชวี ติ ออกไปจากทน่ี ่เี พราะความตายมนั อยแู่ คเ่ ออ้ื มเทา่ นัน้ ” “หมอพยายามทจ่ี ะช่วยชวี ติ เราอยา่ งถงึ ทส่ี ุดใหน้ ้าเกลอื ฉีดยาหลายอย่างเขา้ ไป เรารู้ เพยี งแต่ว่าปากแขง็ ๆ หมอบอกกบั เราว่าพูดไม่ค่อยชดั นะ ตามตวั ซกี ซ้ายขยบั ไมไ่ ด้ ขณะนัน้ ไม่มใี ครอยู่เราอยากเข้าห้องน้ามาก ดิฉันพยายามท่ีจะไปเข้าห้องน้าพยาบาลมาเห็นพอดี ดฉิ ันจงึ ถูกต่อว่าเลย ซ่งึ เขาบอกว่าถ้าล้มไปจะเป็นอันตรายมาก จากนัน้ ก็นอนอยู่บนเตียง เฝ้าคอยนบั วนั จาก 1 วนั 2 วนั และ 2 สปั ดาหแ์ ละใน 2 สปั ดาหท์ อ่ี ยโู่ รงพยาบาลทาใหไ้ ดค้ ดิ ถ้า ได้กลบั ไปจะเรมิ่ ต้นปฏบิ ตั ติ วั ใหม่โดยจะกินอย่างมสี ติ ไม่ตามใจปาก เพราะเหน่ือยกบั ความ พยายามท่จี ะทาเหมอื นคนอ่นื ๆ พยายามท่จี ะอาสาทางานทไ่ี ดล้ ุกเดนิ ไปตามหน่วยงานต่างๆ จนหวั หน้าบอกวา่ “ไหวเหรอ” และตอ้ งทนกบั สายตาของหลายๆ คน ทม่ี องเหมอื นเราเป็นคนไม่ ปกติ แต่เราจะไมย่ อ่ ทอ้ เพราะถา้ เราทอ้ ใครจะมาดแู ลเราแลว้ เราจะอยอู่ ยา่ งไรต่อไป” “อยากบอกหลายๆ คน ทไ่ี มส่ นใจสุขภาพตนเองเพราะ การเป็นโรคในกลมุ่ น้ีไมอ่ ยากให้ เขาทรมานเหมอื นเรา ถ้าเป็นไปได้อยากกลบั ไปเป็นคนเดิมท่สี ามารถทาอะไรได้ด้วยตวั เอง และทเ่ี ป็นเช่นน้ีกเ็ พราะเราไม่มกี ารจดั การกบั สุขภาพตนเอง ต้องการบอกเพ่อื นๆ ว่าพวกคุณ ยงั โชคดมี โี อกาสทจ่ี ะปรบั เปลย่ี นนิสยั การกนิ การออกกาลงั กาย ยงั ไม่เป็นแบบดฉิ ันและคุณยงั ไดม้ โี อกาสไดท้ ากจิ กรรมเพ่อื สุขภาพ คุณพยาบาลเขาสอนเราดี ให้เรานาไปทาจรงิ ๆ จะทาให้ ตวั เองสุขภาพดดี ว้ ย อยา่ งเช่นเทคนิคสกดั กลนั้ ความอยาก จงบอกกบั ตนเองว่า ความอรอ่ ยมนั มาแปล๊บเดยี วเท่านนั้ เอง แทจ้ รงิ มนั ไม่มปี ระโยชน์ แต่สุขภาพมนั อยกู่ บั เราอกี นาน และควรให้ โอกาสดๆี กบั ตวั เอง” จากประสบการณ์น้ีจงึ ขอฝากด้วยใจจรงิ ด้วยน้าเสยี งท่สี นั่ เครอื สายตา ท่าทางวงิ วอน เพ่อื นๆ ในกลุ่มสงบน่งิ ฟังอยา่ งตงั้ ใจเหมอื นถูกมนตส์ ะกด กรณี ที่สอง มีสาเหตุมาจากการสภาพแวดล้อมรอบตัวท่ีอุดมไปด้วยอาหารท่ีมี คอเลสเตอรอลสงู และไดร้ บั การสนบั สนุนจากบคุ คลใกลช้ ดิ ทต่ี นเองไมส่ ามารถปฏเิ สธได้ จงึ เกดิ การเจบ็ ป่วยขน้ึ กบั ตนเอง ดงั คาใหข้ อ้ มลู สมั ภาษณ์ทว่ี ่า “บ้านอยู่ติดทะเล และความรู้ในเร่อื ง คอเลสเตอรอล นั้นบอกได้เลยว่าเป็ นศูนย์ เดอื นนึงก็จะกลบั ไปเยย่ี มบา้ นที กลบั ไปถงึ พ่ๆี น้องๆ ท่บี า้ นก็ซ้อื โน่นซ้อื น่ีมาใหก้ นิ อย่เู สมอ และขาดไมไ่ ดก้ เ็ ป็นจาพวกปลาหมกึ กุง้ ปู หอย เขารวู้ า่ เราชอบ กนิ ทบ่ี า้ นยงั ไมพ่ อยงั เตรยี ม ห่อใหเ้ รานากลบั มากนิ ต่อทก่ี รุงเทพฯ เป็นจานวนมาก ๆ ทุกครงั้ ทก่ี ลบั บา้ น พน่ี ้องลว้ นรกั เรา และคดิ ว่าเราจะไม่ได้กิน เพราะอยู่ทใ่ี นเมอื ง ขา้ วของราคาแพงและทส่ี าคญั ไม่อร่อยเหมอื นท่ี บา้ น เรากลวั พๆ่ี น้องๆ จะเสยี น้าใจและของเขากอ็ รอ่ ยจรงิ ๆ” องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
270 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ จากวนั นนั้ ถงึ วนั น้ีกน็ านหลายปีอยู่ เมอ่ื ผลการตรวจสุขภาพในตอนแรกๆ กไ็ ม่มอี ะไร ทส่ี งั เกตเหน็ ว่าเปลย่ี นไปก็คอื คอเลสเตอรอล ทจ่ี ะสูงขน้ึ ทุกปี น้าหนักก็ขน้ึ มาเกอื บตลอด คน ขา้ งเคยี งกค็ อื สามี ไม่เคยห้ามเลยคะ บอกว่ากนิ เขา้ ไปเถอะอ้วนๆ แหละดี จนต่อมาใน 2 ปีท่ี แลว้ ผลการตรวจเลอื ดออกมาพบว่า คอเลสเตอรอลขน้ึ ไปถงึ 300 (ปกตติ อ้ งไมเ่ กนิ 200 mg%) และพท่ี ท่ี างานบอกวา่ “น้องทราบหรอื ไม่ว่าน้องมคี วามเสย่ี งทจ่ี ะเป็นโรคเบาหวาน โรคหวั ใจหลอดเลอื ดสมอง และอาจตายทนั ทไี ดโ้ ดยไม่รตู้ วั ” จงึ ตกใจมากเราจะเป็นอะไรหรอื เปล่าไปหาหมอ หมอกบ็ อก ว่า “ต้องกนิ ยา นึกห่วงลูกกย็ งั เลก็ จงึ กงั วลและเครยี ดและเรม่ิ มอี าการวบู ๆ เราจะทาอย่างไรดี ทาเองกท็ าถูก และกม็ พี ๆ่ี มาชวนเขา้ รว่ มกจิ กรรมปรบั พฤตกิ รรมเพ่อื ลดไขมนั ในเสน้ เลอื ดของ โรงพยาบาล เจา้ หน้าทบ่ี อกเราอยา่ งเป็นขนั้ เป็นตอนและใหม้ าทากจิ กรรมรว่ มกนั จงึ ทาใหเ้ รา เหน็ ภาพชดั ขน้ึ วา่ เราควรทาตวั อยา่ งไรต่อทถ่ี กู ตอ้ งในการดแู ลสขุ ภาพของตวั เองต่อไป” กรณีที่สาม มสี าเหตุมาจากไม่มคี วามรพู้ ้นื ฐานและมคี วามเช่อื ท่ไี ม่ถูกต้องเก่ยี วกบั เรอ่ื งสขุ ภาพ จงึ เกดิ การเจบ็ ป่วยขน้ึ กบั ตนเอง ดงั คาใหข้ อ้ มลู สมั ภาษณ์ทว่ี า่ “เดนิ ผา่ นตลาดกลน่ิ หอมเตะจมกู มาก คงไมม่ อี ะไรทจ่ี ะหอมเกนิ หมทู อดและเน้อื ทอดไป ได้ กลนิ่ เหยา้ ยวนชวนเสยี ตังค์จรงิ และก็อดใจไม่ได้ ตวั ฉันเองเป็นแม่บ้านคะ วนั ๆ ก็ทาแต่ กวาดแต่ถู ไมค่ ่อยรอู้ ะไร เหน่ือยกห็ ยดุ พกั กนิ และฉันมคี วามเช่อื ว่าการใชแ้ รงมากๆ กต็ อ้ งกนิ เขา้ ไปให้มากๆ เพ่อื จะได้มแี รงและของทน่ี ิยมของดฉิ ันกค็ อื อาหารจาพวกทอดๆ โดยเฉพาะ พวกมนั ฝรงั่ หมูทอด เหน็ อะไรกก็ ินไปหมดไม่เคยรู้เลยว่า การตามใจปากจะส่งผลรา้ ยให้กบั ตวั เอง จนพๆ่ี มาชวนเขา้ รว่ มกจิ กรรมสขุ ภาพ ตอนแรกกย็ งั ไมร่ ู้ แต่ว่ากอ็ ยากลองเขา้ รว่ มดู ไป นัง่ ฟังเพิ่งรู้ได้สติเตือนใจว่า “คนเราเกิดมากินเพ่ืออยู่ มใิ ช่อยู่เพ่ือกิน” ท่ีผ่านมาเราเป็นคน ประเภทอยเู่ พ่อื กนิ จรงิ ๆ และเรม่ิ มอี าการปวดหวั มหี น้ามดื วบู ๆ เป็นบางครงั้ เอ๊ะเราเป็นอะไร ไปฟังบรรยายเรม่ิ เข้าใจว่ามนั เป็นสญั ญาณเตอื นของกลุ่มโรคเรอ้ื รงั ท่รี ะบบการเผาผลาญใน ร่างกายเสยี ไป ก็พ่ึงรูน้ ่ีแหละท่เี ขาเรยี กกนั ว่า โรคเมตาบอลกิ จงึ รบี กลบั บ้านไปดูผลตรวจ ไขมนั ทผ่ี ่านมาไดผ้ ลตรวจมากไ็ มเ่ คยสนใจทจ่ี ะดมู นั มาก่อน โอโ้ หใช่เลย คอเลสเตอรอลปาเขา้ ไปตงั้ 373 (ปกตติ อ้ งไม่เกนิ 200 mg%) ทาอย่างไรดลี ะเรา เรมิ่ คดิ ถงึ คาบรรยายของอาจารย์ ว่าทุกอยา่ งเรมิ่ ทต่ี วั เรา ถา้ เราไม่ดแู ลตวั เองกไ็ ม่มใี ครทจ่ี ะช่วยเราได้ ความกลวั เรมิ่ เขา้ มาเยอื น ก็คอื กลวั ตายนัน่ เอง แล้วคนอ่นื ๆ ในครอบครวั และเขาจะอย่อู ย่างไรถ้าไม่มเี ราและก็ได้แรง บนั ดาลใจจนหนั กลบั มาดแู ลตนเองจนถงึ ทกุ วนั น้ี ” องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
271 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ วิธีการปฏิบตั ิตนเพื่อคงรกั ษาสขุ ภาพท่ีดี กรณีที่หน่ึง เรมิ่ จากการเขา้ รว่ มกจิ กรรมและไดเ้ รยี นรวู้ ธิ กี ารจากเจา้ หน้าทผ่ี ใู้ หบ้ รกิ าร ปรบั พฤติกรรม ทาให้รู้เร่อื งและมีความเช่ือด้านสุขภาพท่ีถูกต้องและมีความเช่ือมัน่ ใน ความสามารถของตนเองมากขน้ึ ว่า เราทาได้ มาผสมผสานกนั กบั ความกลวั ถงึ ภยั คุกคามของ โรค โดยนาประสบการณ์ท่ีตนเองทุกข์ทรมานมาเป็นตวั ตงั้ ต้นในการตงั้ เป้าหมายชวี ติ ของ ตนเองและปรบั เปลย่ี นวธิ คี ดิ ใหม่ทไ่ี ดร้ บั ความรู้ คาแนะนาต่างๆ และจากการสนทนากบั ผรู้ จู้ รงิ ดา้ นสขุ ภาพจงึ ไดม้ กี ารดแู ลกากบั การกนิ การออกกาลงั กายของตนเอง ดงั คาใหส้ มั ภาษณ์ทว่ี า่ “ได้รู้ ในเร่อื งการกินอาหารว่า ไม่ใช้การอด แต่เป็นความฉลาดท่จี ะเลอื กกนิ เลอื กใช้ ต่างหาก และต้องออกกาลงั กายให้เหมาะกบั ตนเอง ไม่ใช่หกั โหมมากจนเกินไป หรอื ทาตาม แฟชนั่ เท่านนั้ แต่เป็นการทาเพ่อื ตนเองสม่าเสมอ และตอ้ งพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองโดย ยดึ หลกั ธรรมะ มองโลกตามความเป็นจรงิ ให้มาก เพราะการรแู้ ละเช่อื ในความสามารถของ ตนเองโดยดจู ากการเจบ็ ป่วยของเราเองเป็นหลกั ส่งผลใหเ้ ราระงบั หรอื เลกิ พฤตกิ รรมการกนิ การ อยทู่ ท่ี าใหส้ ขุ ภาพของเราไมด่ ี และทาใหร้ ถู้ งึ ประโยชน์ของการกระทาทถ่ี ูกตอ้ งของเราเอง ว่ามี มากมายขนาดไหน” กรณี ที่สอง ใช้การตัง้ เป้ าหมายท่ีเป็ นแรงจูงใจท่ีชัดเจนและได้รบั การเสรมิ แรง ทางบวกสงู จากเจา้ หน้าทส่ี าธารณสุข ดงั คาใหข้ อ้ มลู สมั ภาษณ์ทว่ี ่า “ไดเ้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมไดร้ ขู้ อ้ มลู ทไ่ี ม่เคยรเู้ ลยเกย่ี วกบั การดูแลตนเอง การเลอื กกนิ อยา่ ง ฉลาด การออกกาลงั กายทเ่ี หมาะสมกบั ตนเอง และทส่ี าคญั คอื เรากอ็ ยากสวยห่นุ ดเี หมอื นคน อ่นื ๆ เช่นกนั และไดร้ บั การใหก้ าลงั ใจ และการเอาใจใส่จากทมี งาน โดยพ่ๆี ใหห้ าแรงจงู ใจให้ ตนเอง เคยฝันวา่ อยากหุ่นดไี ปไหนใครๆ จะไดไ้ ม่ถูกลอ้ เลยี น เพราะตนเองไมส่ งู และยงิ่ อว้ นละ กไ็ มอ่ ยากจะคดิ เลย ตรงน้เี อาเป็นเป้าหมายและวางแผนเพอ่ื หนุ่ สวย กเ็ ลยจะไมเ่ ลอื กเส้อื ผา้ ทต่ี วั ใหญ่โคร่งๆ เหมอื นเดิมแต่จะเลอื กเส้อื ผ้าท่ีพอดตี ัว... จากนัน้ เรมิ่ นาส่ิงท่ไี ด้มาใช้กับตนเอง พยายามลดการกินของจุบจบิ ระหว่างมอ้ื และของหวาน บอกท่บี ้านว่าไม่ต้องซ้อื ของไว้ให้และ พยายามควบคุมตวั เองใหเ้ ลกิ เสยี ดายของและไม่นาอาหารมากกั ตุนไว้กนิ อกี แลว้ พยายามออก กาลงั กายใหไ้ ดท้ กุ วนั โดยเฉพาะเล่นฮลู าฮปุ สนุกและไดผ้ ลดจี รงิ ” “จากวนั นัน้ ถึงวนั น้ีฉันมนั่ ใจข้นึ ทุกครงั้ ท่แี ต่งตัว ไปท่ไี หนไม่มใี ครล้อ....และท่สี าคญั คอเลสเตอรอลลดลงเหลอื 190 ฉนั ทาไดจ้ รงิ ๆ น่แี หละคอื รางวลั อนั ยงิ่ ใหญ่ของฉนั ” กรณีท่ีสาม ใชก้ ารสญั ญากบั ตนเอง และเลอื กชนิดอาหาร ดงั คาใหข้ อ้ มลู สมั ภาษณ์ทว่ี ่า “เรม่ิ จากออกกาลงั กาย งดของทอดของมนั ในช่วงแรกใชว้ ธิ กี ารอดเลยแต่ไม่ค่อยไดผ้ ล ทาไม่ได้ทุกวนั ทอ้ งมนั รอ้ งจงึ เรมิ่ หนั มาเลอื กกนิ กนิ พออม่ิ กพ็ อจากเดมิ กนิ จนอมิ่ แป้ และใช้ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
272 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ การควบคุมตนเองใหเ้ วน้ ของมนั ของทอดและตอนน้ีของชอบของดฉิ นั เป็นประเภทเต้าหู้ ผกั ตม้ สม้ ตา และเรมิ่ ออกกาลงั กายโดยเต้นฮลู าฮุป วง่ิ ลู่ เท่าท่มี เี วลาและสามารถทาไดแ้ ละให้ สญั ญากบั ตนเองวา่ ถงึ แมไ้ ขมนั จะลงแต่จะไมเ่ ลกิ เดด็ ขาด ดฉิ นั สญั ญากบั ตวั เองว่าจะทาใหไ้ ด้” “ฉันไดแ้ รงจงู ใจทเ่ี ป็นกาลงั ใจจากแม่ ท่ที ่านไม่เคยเลยสกั วนั ทแ่ี ม่จะไม่ห่วงฉัน จากวนั นัน้ จนวนั น้ี ฉันเรม่ิ สนใจและห่วงใยสุขภาพของตนเอง ใส่ใจกบั การเลอื กกิน การออกกาลงั กายอย่างสม่าเสมอ ซ่งึ ฉันไม่ได้ยุ่งยากอะไร ฉันใช้การเดนิ เขา้ ซอยเขา้ บ้านแทนการนัง่ รถ มอเตอรไ์ ซด์ ซ่งึ ก็ได้ผลนะ ประหยดั ดีและได้ร่างกายท่แี ข็งแรงซะด้วย และส่ิงท่ีฉันเห็นว่า สาคญั และมปี ระโยชน์คอื การบอกต่อไปในคนทฉ่ี นั รกั คนใกลช้ ดิ ” บทเรียนที่ได้จากประสบการณ์การปรบั พฤติกรรมสขุ ภาพ กรณีท่ีหน่ึง ดงั คาใหข้ อ้ มลู สมั ภาษณ์ทว่ี า่ “บทเรยี นของตนเองน้ี ท่พี ร่าบอกถึงความรู้สกึ ท่ไี ด้ทบทวนตนเองว่า การใช้ชวี ติ ใน อดตี ท่ผี ่านมาดฉิ ันไม่เคยใส่ใจในเร่อื งสุขภาพ การดูแลตนเอง ไม่มวี นิ ัยในตนเองเลย ติดใน รสชาตขิ องอาหารโดยเฉพาะของมนั ๆ กะทแิ ละของหวาน ไมส่ นใจในความรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากแพทย์ ตอนน้ีรแู้ ละเขา้ ใจว่าการกระทาในอดตี ของเราทาใหค้ ุณค่าความเป็นคนของเราลดลง และรูว้ ่า ทุกอย่างมันเกือบสายเกินไปแล้ว ตอนน้ีเป็นคนป่ วยแล้ว ความสามารถต่างๆ ลดลงไม่ เหมอื นเดมิ และตนเองจงึ ตอ้ งปรบั เปลย่ี นวถิ ชี วี ติ ใหมท่ งั้ หมดในทุกๆ เร่อื ง ทงั้ เร่อื งการใชช้ วี ติ การเคล่อื นไหว การเลอื กกินอาหาร การออกกาลงั กาย โดยตนเองต้องมสี ตติ ลอดเวลา นา ธรรมะมาใช้ในชวี ติ ประจาวนั มกี ารจดบนั ทกึ กาหนดเป้าหมายทาการสญั ญากบั ตวั เองว่าเรา ทาได้ เราตอ้ งอดทน และเรากพ็ บกบั ชวี ติ ทด่ี ขี น้ึ และเม่อื เราทาไดต้ ามสญั ญาทใ่ี หไ้ วก้ บั ตนเอง รู้สึกภาคภูมิใจ เดินได้ดีข้ึนใกล้เคียงกับของเดิม และทางด้านหน้าท่ีการงาน หัวหน้าก็ ประเมนิ ผลงานอยใู่ นระดบั ดที เ่ี ทยี บเท่ากบั คนปกติ และอยากจะเผยแพร่บอกต่อกบั คนอ่นื ๆ ว่า การป้องกนั หรอื ดูแลตนเองใหส้ ุขภาพสมบรู ณ์แขง็ แรงนนั้ ผลทไ่ี ดม้ ากมายกว่าการมาฟ้ืนฟูหลงั เจบ็ ป่วยแลว้ เพราะถงึ แมจ้ ะฟ้ืนฟูอย่างสม่าเสมอแต่บางเรอ่ื งบางกจิ กรรมกย็ งั ไม่สามารถทาได้ เหมอื นคนปกติทัว่ ไป น่ีคอื การเรยี นรูท้ ่ไี ด้จากประสบการณ์ท่ีผ่านมาท่ตี ้องมาอยู่ตรงกลาง ระหว่างความเป็นกบั ความตาย นนั่ คอื วกิ ฤตของชวี ติ ฉนั ” กรณีที่สอง ดงั คาใหข้ อ้ มลู สมั ภาษณ์ทว่ี า่ “การเรยี นรทู้ ่ไี ดจ้ ากการฝึกตงั้ เป้าหมายของตนเองทม่ี คี วามมุ่งมนั่ และตงั้ ใจจรงิ โดยมี แรงจงู ใจว่าต่อไปน้ีจะเป็นคนหุ่นดี ไปทไ่ี หนๆ ใครๆ กช็ ่นื ชม ส่งผลให้มกี ารกากบั และควบคุม ตนเองไม่ว่าจะเป็นพฤตกิ รรมการกนิ พฤตกิ รรมการออกกาลงั กาย โดยมคี วามตงั้ ใจมากและ ได้รบั แรงสนับสนุน มเี วลาในการออกกาลงั กาย การไดร้ บั ความรจู้ ากการเขา้ ร่วมกจิ กรรมกบั องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
273 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ เพ่อื นๆ ส่งผลใหต้ นเองประสบผลสาเรจ็ จงึ สรุปได้ว่า ถงึ แมว้ ่าอย่ใู นโรงพยาบาลแลว้ จะรแู้ ละ เข้าใจเร่อื งกลุ่มโรคเร้อื รงั ท่แี ฝงอยู่ในตัวเอง การได้รบั รู้และนาหลกั 3อ. มาใช้เป็นแนวทาง ปฏบิ ตั อิ ยา่ งจรงิ จงั และไดร้ บั ผลดสี มกบั ความตงั้ ใจจรงิ ๆ” กรณีที่สาม การเรยี นรทู้ ไ่ี ดก้ ค็ อื ดงั คาใหข้ อ้ มลู สมั ภาษณ์ทว่ี า่ “การเรยี นรเู้ พยี งจากการอ่านเอกสารความรู้ การฟังจากคนอ่นื อย่างเดยี วโดยไม่คดิ จะ ทาตาม แต่เม่อื มสี ญั ญาณไม่ดที ร่ี ่างกายเตอื นมา เช่น ปวดหวั นา หน้ามดื ๆ รสู้ กึ วูบๆ กท็ าให้ คดิ ถงึ ตนเองและอนาคตของครอบครวั กลวั ว่าตนเองจะเป็นอะไรไป สง่ิ น้ีเป็นแรงจงู ใจหน่ึงท่ี จะทาให้เรามีความพยายามท่ีจะทาการปฏิบัติตามท่ีหมอ พยาบาลได้พร่าเตือน ให้เช่ือใน ความสามารถของตนเอง รู้จกั ควบคุมตนเองและดูแลตนเองให้มสี ุขภาพดี โดยการเลอื ก อาหาร ออกกาลงั กายและทาอารมณ์ให้แจ่มใส จงึ ขอสรปุ ได้ว่า ความพยายาม ความอดทน และเชอ่ื ในความสามารถของตนเอง จะมอี ุปสรรคอกี กค่ี รงั้ กไ็ มไ่ ดท้ าใหเ้ ราเลกิ ลม้ ความตงั้ ใจและ พยายามทาต่อไป ขอขอบคุณทมี สุขภาพทกุ คนทน่ี าสง่ิ ดๆี มาใหเ้ รา” แนวทางการปรบั เปล่ียนพฤติกรรมสขุ ภาพตนเองอยา่ งมีประสิทธิภาพ เน้ือหาในส่วนน้ีไดม้ าจากผลการดาเนินการบรหิ ารจดั การและประเมนิ โครงการเพ่อื การ ปรับเปล่ียนพฤติกรรมและผลการวิจัยของผู้เขียน (Intarakamhang & Malarat, 2014; Intarakamhang & Duangchan, 2012; สุพชิ ชา วงคจ์ นั ทร,์ องั ศนิ ันท์ อนิ ทรกาแหง และพรรณี บุญประกอบ, 2557 และ กองสุขศกึ ษา กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพและสถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรม ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ, 2556) ท่เี ก่ียวข้องกบั การส่งเสรมิ สุขภาพ การปรบั พฤตกิ รรมสุขภาพและการดูแลฟ้ืนฟูสุขภาพของคนไทยโดยสามารถวเิ คราะห์สงั เคราะห์และ สรปุ เป็นประเดน็ แนวทางการปรบั พฤตกิ รรมสุขภาพของตนเองไดด้ งั น้ี 1. ในการเรม่ิ ตน้ ตดั สนิ ใจทจ่ี ะปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสุขภาพของตนเองหรอื ใหก้ บั ผรู้ บั บรกิ ารสุขภาพส่วนใหญ่ มกั เรมิ่ จากการสรา้ งแรงจงู ใจดว้ ยสงิ่ จงู ใจเหล่าน้ี ตามลาดบั ดงั น้ี 1.1 ตอ้ งการใหส้ ุขภาพแขง็ แรงไมอ่ ยากมปี ัญหาทางดา้ นสขุ ภาพ 1.2 อดึ อดั ใสเ่ สอ้ื ผา้ ไมส่ วย รปู รา่ งไมด่ ี อยากสวยอยากมบี คุ ลกิ ภาพทด่ี ี 1.3 กลวั มปี ัญหาสุขภาพ 1.4 ห่วงลกู คดิ ว่าตอ้ งแขง็ แรงและอายยุ นื เพอ่ื ลกู 1.5 พสิ จู น์ตนเองใหเ้ หน็ ว่าฉนั ทาได้ 1.6 ผลสาเรจ็ จะเป็นรางวลั ใหก้ บั ตนเอง 1.7 จากภาวะผนู้ าของหวั หน้าทมี ทเ่ี ชญิ ชวน 1.8 มกี าลงั ใจทไ่ี ดจ้ ากสง่ิ ทท่ี าสาเรจ็ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
274 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ 1.9 ไดฟ้ ังวทิ ยากร เรยี นรพู้ ูดคุยแลกเปลย่ี นกบั คนอ่นื 1.10 ตอ้ งการลดการใชย้ าในการรกั ษา 1.11 ตอ้ งการรางวลั จากการปรบั พฤตกิ รรมและจากคนในครอบครวั 1.12 อยากเป็นผสู้ งู อายทุ ย่ี งั กระฉบั กระเฉง มคี วามสขุ ทงั้ รา่ งกายจติ ใจ 1.13 เหน็ การเจบ็ ป่วยรา้ ยแรงของคนในครอบครวั และเพอ่ื นรอบขา้ ง 1.14 ไมต่ อ้ งการเป็นภาระของเพ่อื นหรอื คนในครอบครวั 2. ไดร้ บั การสนับสนุนใหก้ ระทาพฤตกิ รรม 3อ2ส ได้แก่ อาหาร ออกกาลงั กาย และอารมณ์ ลดและงดสบู บุรแ่ี ละสุราจาก สภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื ตามลาดบั ดงั น้ี 2.1 มเี กมการแขง่ ขนั ทาใหร้ สู้ กึ เป็นแรงกระตุน้ ในการควบคมุ น้าหนกั 2.2 มคี รอบครวั ใหก้ ารสนบั สนุนและใหก้ าลงั ใจ 2.3 มบี คุ คลทเ่ี ป็นแบบอยา่ งทป่ี ระสบผลสาเรจ็ 2.4 ไดก้ าลงั ใจและไดร้ บั ความชน่ื ชมจากเพ่อื นและทมี สุขภาพ 2.5 มกี ลมุ่ เพ่อื นชกั ชวนดแู ลสขุ ภาพ มเี พ่อื นในชมุ ชนเขา้ รว่ มกจิ กรรมสุขภาพ 2.6 มกี ารจดั กจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ สขุ ภาพใกลบ้ า้ น 2.7 คสู่ มรสหรอื คนใกลช้ ดิ เป็นคนบอกว่าเรม่ิ อว้ นแลว้ 2.8 พดู คุยกนั เรอ่ื งอาหารทท่ี านในแต่ละวนั กบั เพอ่ื น ๆ 2.9 คนในครอบครวั เป็นโรคเรอ้ื รงั จากพฤตกิ รรมการกนิ ทไ่ี มด่ ี 3. วธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นดา้ นพฤตกิ รรม 3อ. อาหาร การออกกาลงั กายและอารมณ์ 3.1 งดไขมนั แป้ง ของหวาน น้าอดั ลม หรอื กนิ แต่น้อย ลดการด่มื กาแฟ 3.2 ลดปรมิ าณใหน้ ้อยลง/ควบคุมอาหาร ไมก่ นิ จบุ จบิ เพมิ่ ไมท่ านอาหารรสจดั 3.3 เลอื กรบั ประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชน์ กนิ พวกผกั ผลไม้ ทานเน้อื ปลา 3.4 รบั ประทานอาหารเชา้ ทานขา้ วเยน็ แต่น้อยทานผลไมแ้ ทน 3.5 รบั ประทานอาหารเยน็ ใหห้ า่ งจากเวลานอน ด่มื น้าเยอะๆ 3.6 เพ่อื นเรยี กทานกท็ านเลก็ น้อยพอเป็นมารยาท 3.7 ไมเ่ สยี ดายอาหารเหลอื แบง่ ปันอาหารใหก้ บั ผอู้ ่นื 3.8 พกั ผ่อนใหเ้ พยี งพอ รา่ เรงิ แจม่ ใส ไมเ่ ครยี ด ทาใจใหจ้ ติ สงบ 3.9 หางานอดเิ รกทาสม่าเสมอ สนุกสนานในการทากจิ กรรมรว่ มกนั 3.10ออกกาลงั กายสม่าเสมอ ขบั ถ่ายใหต้ รงเวลาเป็นประจาทกุ วนั 4. การควบคุมตนเอง 4.1 ตอ้ งมคี วามตงั้ ใจจรงิ และอดทน ควบคุมตนเองในการดาเนินชวี ติ 4.2 ตงั้ เป้าหมายกบั ตนเอง ปรบั เปลย่ี นนิสยั การกนิ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
275 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ 4.3 กากบั ตนเองใหม้ ากไมต่ ามใจปาก ตอ้ งมรี ะเบยี บรจู้ กั หกั หา้ มใจตนเอง 5. การไดร้ บั ความรู้ 5.1 ศกึ ษาความรทู้ งั้ ทไ่ี ดจ้ ากการเขา้ รว่ มกจิ กรรมสขุ ภาพและเรยี นรเู้ อง 5.2 หมนั่ แสวงหาความรดู้ า้ นสขุ ภาพ จะไดร้ ถู้ งึ อนั ตรายของการมนี ้าหนกั มาก 6. เคลด็ ลบั ความสาเรจ็ ในการลดน้าหนกั ของแต่ละคน 6.1 คานวณพลงั งานครา่ วๆ ใหไ้ ดท้ ุกครงั้ ก่อนเลอื กรบั ประทานอาหาร 6.2 ดฉู ลากก่อนซอ้ื สนิ คา้ อาหาร 6.3 ชงั่ น้าหนกั เป็นประจา 6.4 ด่มื น้ามากขน้ึ เปลย่ี นรบั ประทานอาหารทม่ี นี ้าเป็นสว่ นผสมมาก ไมก่ นิ แกเ้ ครยี ด 6.5 มบี คุ คลอา้ งองิ ทเ่ี ป็นแบบอยา่ งสุขภาพไวใ้ นใจ คดิ ถงึ คนทเ่ี รารกั และหว่ งใย 6.6 ทานผลไมก้ ่อนอาหารเชา้ เขา้ นอนใหเ้ รว็ ขน้ึ เพอ่ื ลดความอยากอาหาร 6.7 ทากบั ขา้ วกนิ เองใชน้ ้ามนั น้าตาลแต่น้อย ไมเ่ ตมิ เครอ่ื งปรงุ เมอ่ื กนิ นอกบา้ น 6.8 หลงั ต่นื นอนจะเหยยี ดรา่ งกายทุกวนั ประมาณ 20 นาที 6.9 เดนิ ใหม้ ากขน้ึ เพม่ิ การเคลอ่ื นไหวของรา่ งกายในชวี ติ ประจาวนั แนวทางการเผชิญปัญหาเพ่ือป้องกนั ภาวะวิกฤตชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นข้อสรุปท่ีได้จากการสนทนากลุ่มสตรไี ทยสมรสวยั กลางคนท่ที างานนอกบ้าน จานวนหน่ึงและเคยผ่านภาวะวกิ ฤตชวี ติ ซง่ึ ได้เสนอแนวทางไวด้ งั น้ี (องั ศนิ ันท์ อนิ ทรกาแหง, 2549, 2552; Intarakamhang et al., 2008) แนวทางการเผชิญปัญหา 1. ปรบั ความคดิ เรยี กสตใิ หค้ งอยู่ ทบทวนและยอมรบั กบั ปัญหา 2. หาแนวทางการแก้ปัญหาหลายทางทงั้ ดว้ ยตนเองพรอ้ มขอความช่วยเหลอื จากบคุ คล ใกลช้ ดิ เพ่อื ใหไ้ ดแ้ นวทางทด่ี ที ส่ี ุด 3. พ่งึ พิงหลกั ศาสนา ปฏิบตั ิธรรม ระงบั อารมณ์ความโกรธเกลยี ดทงั้ หมด ใช้ความ อดทนขยนั ทางาน ต่อสไู้ มย่ อมแพก้ บั ชวี ติ และชะตากรรม 4. หากาลงั ใจจากลกู หลานและบุคคลทย่ี อมรบั นับถอื 5. กลา้ ทจ่ี ะพดู คุยกบั คนในครอบครวั หรอื เพ่อื นฝงู ทเ่ี ขา้ ใจและจรงิ ใจต่อตน เพ่อื ระบาย ความรสู้ กึ และขอคาปรกึ ษาหารอื เพ่อื ใหไ้ ดแ้ นวทางทด่ี ที ส่ี ุดสาหรบั ตนเองและครอบครวั 6. หาโอกาสทเ่ี หมาะสมเพ่อื ปรบั ความเขา้ ใจกบั สามโี ดยอาศยั ลกู เป็นสอ่ื 7. ถา้ มปี ัญหากบั เพ่อื นรว่ มงาน ควรหาโอกาสปรบั ความเขา้ ใจกนั 8. ควรปรกึ ษากบั นกั จติ วทิ ยาคลนิ ิก ซง่ึ เปิดบรกิ ารไวเ้ กอื บทุกโรงพยาบาล องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
276 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ แนวทางการป้องกนั ภาวะวิกฤต 1. ทาจติ ใจ ใหร้ า่ เรงิ แจม่ ใส 2. พยายามไมค่ ดิ มาก หาอะไรทา ทางานทม่ี ปี ระโยชน์ไปเรอ่ื ย ๆ 3. ยดึ หลกั ธรรมในการดารงชวี ติ 4. ตงั้ เป้าหมายในระยะสนั้ และรจู้ กั ยดึ หยนุ่ ถา้ ไมส่ ามารถทาถงึ เป้าหมาย 5. หางานอดเิ รกทา หรอื ทางานเสรมิ บา้ งตามความเหมาะสม 6. หมนั่ ทาความดชี ่วยเหลอื ผอู้ ่นื ทาบญุ ทากุศลใหก้ บั เจา้ กรรมนายเวร 7. สวดมนต์ แผเ่ มตตาใหก้ บั ทกุ คน สรรพสงิ่ ทม่ี าเบยี ดเบยี น 8. อยา่ เชอ่ื มนั่ ในตนเองสงู เกนิ ไป ถา้ ใครเตอื นกค็ วรทบทวนเหตุผล 9. ส่งิ สาคัญต้องอยู่กับครอบครวั รกั ครอบครวั ให้มาก นึกถึงคนท่ีต้องช่วยเหลือ อุปการะเลย้ี งดู 10. ปรบั จิตให้สงบ เช่น นัง่ สมาธิ สวดมนต์ภาวนา ไปวัดไหว้พระฟังธรรม อ่าน หนงั สอื ธรรมะ ฟังเทปธรรมะ ฝึกกาหนดการหายใจเข้าออกอย่างสม่าเสมอ นงั่ สงบเงยี บหรอื นงั่ สงบในหอ้ งพระบา้ ง ไมค่ ดิ เรอ่ื งทเ่ี ป็นทกุ ข์ ฝึกมองโลกในแงด่ ี ปลง นง่ิ เฉย แผเ่ มตตา เป็นตน้ 11. พกั ผ่อน เช่น นอน อ่านหนงั สอื ดหู นงั ฟังเพลง ท่องเทย่ี ว ปลกู ตน้ ไม้ นวดตวั เล่นกบั ลกู 12. ออกกาลงั กาย เช่น เดนิ วงิ่ เต้นรา รามวย กายบริหาร เข้าฟิตเนส ขจ่ี กั รยาน ตี แบดมนิ ตนั ตเี ทนนสิ ฝึกโยคะ กระโดดเชอื ก ว่ายน้า เป็นตน้ 13. เปลย่ี นแปลงตนเองบา้ ง เช่น ปรบั ตนเองใหเ้ ขา้ กบั ทุกคนได้ ทาจติ ใจใหม้ อี ารมณ์ ขนั ร่าเรงิ แต่งตวั บ้าง ทาสง่ิ ท่ดี ไี ม่จาเจ ขยนั งานมากขน้ึ ปล่อยวางบ้าง ฟังคนอ่นื มากขน้ึ คุย ตดิ ต่อเพ่อื นฝงู บา้ ง เรยี นรรู้ อบดา้ นมากขน้ึ ทาบุญมากขน้ึ ปรบั ปรงุ เปลย่ี นแปลงจุดอ่อนตนเอง ผกู มติ รกบั ผอู้ ่นื เอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นตน้ 14. หลีกเล่ียงการเผชิญปัญหา ท่ีคาดว่าจะก่อให้เกิดความเครียด เช่น ไม่เท่ียว กลางคนื ไมเ่ สพสงิ่ เสพตดิ อบายมขุ ทงั้ สน้ิ ไมเ่ ผชญิ หน้ากบั คนทเ่ี ราเกลยี ดหรอื ไมช่ อบ เป็นตน้ 15. หมนั่ ใฝ่หาความรใู้ นสงิ่ ทช่ี อบใหท้ อ่ งแทเ้ พ่อื สรา้ งคณุ ค่าใหก้ บั ตนเอง 16. ปรบั สภาพแวดลอ้ ม เช่น ปรบั ตกแต่งบา้ น เปลย่ี นมมุ เฟอรน์ ิเจอร์ เป็นตน้ สรปุ ข้อคิดท่ีได้จากการศึกษาภาวะวิกฤต มีดงั นี้ ภาวะวกิ ฤตเป็นประสบการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ไดต้ ามปกตใิ นชวี ติ อาจไม่ไดแ้ สดงถงึ ความ เจบ็ ป่วยหรอื อาการทางรา่ งกายทช่ี ดั เจน แต่เป็นวกิ ฤตทางอารมณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ทส่ี ะทอ้ นใหเ้ หน็ จาก การต้องด้นิ รนต่อสู้บนพ้นื ฐานของความเป็นจรงิ ตามธรรมชาติท่บี ุคคล พยายามรกั ษาความ สมดุล ระหว่างตัวเองกับสง่ิ แวดล้อมให้ได้ และปัจจยั สาคญั ท่ีมผี ลต่อการปรบั ตัวเข้าสู่สมดุล นาไปสคู่ วามสขุ แทจ้ รงิ คอื 1) การรบั รขู้ องบุคคลทม่ี ตี ่อเหตุการณ์ทเ่ี กดิ กบั ตนเองเป็นในดา้ นบวก องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
277 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ หรอื ลบ 2) การสนบั สนุนทางสงั คมจากครอบครวั ทท่ี างานและสง่ิ แวดลอ้ ม และ 3) เทคนิควธิ ที ่ี ใชใ้ นการเผชญิ ปัญหาและการปรบั ตวั ทงั้ น้ีภาวะวกิ ฤตทางอารมณ์เป็นภาวะชวั่ คราวมกั คงอยู่ไม่นาน ถ้าบุคคลท่อี ยู่ในภาวะ วกิ ฤตมกี ลไกการป้องกนั ทางจติ อยา่ งถูกวธิ จี ะเป็นโอกาสทด่ี คี อื 1) ไดจ้ ดั การแกไ้ ขปัญหาทม่ี อี ยู่ ในปัจจบุ นั ใหล้ ดลงหรอื หมดไป 2) ไดจ้ ดั การกบั จุดขดั แยง้ หรอื ประสบการณ์ทไ่ี ม่ดบี างอย่างใน อดตี และ 3) ไดเ้ รยี นรวู้ ธิ กี ารจดั การกบั ปัญหาทด่ี ขี น้ึ ในอนาคต ทงั้ น้ี ความสูญเสยี ท่เี กดิ ขน้ึ จรงิ หรอื ท่คี ดิ กงั วลไว้ก่อนล่วงหน้าว่าจะเกิดข้นึ มกั เป็นส่วนสาคญั ท่ที าให้การรบั รภู้ าวะวกิ ฤตนัน้ ยงั คงมอี ย่แู ต่เม่อื มกี ารแก้ไขภาวะวกิ ฤตได้อย่างถูกวธิ ี จติ สานึกในตวั เราก็จะถูกก่อตงั้ ขน้ึ ให้มี เทคนิคการปรบั ตวั และทกั ษะในการแกป้ ัญหาใหมท่ ด่ี ขี น้ึ กว่าเดมิ บคุ คลมคี วามยดื หยนุ่ มากขน้ึ เอกสารอ้างอิง กองสขุ ศกึ ษา กรมสนบั สนุนบรกิ ารสขุ ภาพ และสถาบนั วจิ ยั พฤตกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรี นครนิ ทรวโิ รฒ. (2556). ค่มู อื ประเมนิ ความฉลาดทางสขุ ภาพของคนไทย อายุ 15 ปีขน้ึ ไป ในการปฏบิ ตั ติ ามหลกั 3อ.2ส. (ABCDE-Health Literacy Scale of Thai Adults). นนทบุร:ี กระทรวงสาธารณสขุ . สพุ ชิ ชา วงศจ์ นั ทร์ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง และพรรณี บญุ ประกอบ. (2555). อทิ ธพิ ลของ ลกั ษณะทางจติ ลกั ษณะสถานการณ์ทม่ี ตี ่อพฤตกิ รรมสขุ ภาพและภาวะโภชนาการของบคุ ลากร กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ . วารสารพฤตกิ รรมศาสตรเ์ พอื่ การพฒั นา, 4(1), 83-94. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง. (2549). การวเิ คราะหค์ วามสมั พนั ธเ์ ชงิ เหตุและดชั นีวดั ภาวะวกิ ฤตชวี ติ สตรไี ทยสมรสวยั กลางคนวยั กลางคนทท่ี างานนอกบา้ นในกรงุ เทพมหานครและ ปรมิ ณฑล.วารสารพฤตกิ รรมศาสตร,์ 12 (1), 49-71. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง. (2552). ผลการใชโ้ ปรแกรมการจดั การภาวะวกิ ฤตชวี ติ ดว้ ยตนเองตาม แนวตะวนั ออกทม่ี ตี ่อการรบั รภู้ าวะวกิ ฤตชวี ติ และความสขุ ใจของสตรไี ทยสมรสวยั กลางคนใน กรงุ เทพมหานคร. วารสารพฒั นาสงั คม, 11(2), 29-59. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง. (2556). การวเิ คราะหเ์ ชงิ สาเหตุแบบพหรุ ะดบั ดา้ นจติ สงั คมและ พฤตกิ รรมของผใู้ หบ้ รกิ ารและผรู้ บั บรกิ ารทมี่ ผี ลต่อการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมเสยี่ งในกลมุ่ โรคอว้ น. กรงุ เทพฯ: รายงานการวจิ ยั ฉบบั ท่ี 143 สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง และธญั ชนก ขมุ ทอง. (2560). การประเมนิ ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ เพ่อื ป้องกนั การตงั้ ครรภก์ ่อนวยั อนั ควรสาหรบั สตรไี ทยวยั ร่นุ อายุ 5-21 ปี.วารสารพยาบาล สาธารณสุข, 31(2). องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
278 บทท่ี 9 ประสบการณ์การพฒั นาสขุ ภาพ ______________________________________________________ Berkman ND, Sheridan SL, Donahue KE, Halpern DJ, Viera A, Crotty K, Holland A, Brasure M, Lohr KN, Harden E, Tant E, Wallace I, & Viswanathan M. (2011). Health literacy interventions and outcomes: An updated systematic review. Evid Rep Technol Assess, 199, 1-941. Deborah AK, Risucci DA, Mark WB, & Fred AL. (2012). ASSET: An effective educational experience for practicing surgeons. Bull Am Coll Surg, 97(7), 31-5. Edwards M, Wood F, Davies M & Edwards A. (2012). The development of health literacy in patients with a long-term health condition: the health literacy pathway model. BMC Public Health, 12, 130. doi: 10.1186/1471-2458-12-130. Nutbeam D. (2000). Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promot Int, 15(3), 259-267. doi:10.1093/heapro/15.3.259. Freedman MA, Echt VK, Miner RK, Parker R, & Cooper LFH. (2013). Health education is health literacy: Maximizing the impact of health education interventions by focusing on how individuals acquire skills for behavior change. Health literacy developments, issues and outcomes, Public health in 21st century. Moore Robert & Perry Derect, editors. New York: Nova Science Publishers.Inc. Intarakamhang U, Raghavan Chemba, Choochom O & Sucaromana A. (2008). Causal relation analysis and indices of midlife crisis of employed, married Thai women. Journal of Population and Social Studies, 16(2), 71-94. Intarakamhang U & Duangchan U. (2012). Effects of health behavioral modification program on metabolic diseases in risk Thai clients. Asian Biomedicine Journal, 6(2), 1-7. doi: 10.5372/1905-7415.0602.061. Intarakamhang U & Malarat A. (2014).The effects of behavioral modification based on client center program to health behaviors among obese university students. Global Journal of Health Science, 6(1), 33-42. doi: 10.5539/gjhs.v6n1p33. Intarakamhang U & Kwanchuen Y. (2016). The development and application of the ABCDE-health literacy scale for Thai adults. Asian Biomedicine, 10(6), 587-594. doi: 10.5372/1905-7415.1006.527. Intarakamhang U & Intarakamhang P. (2017). Health literacy scale and model of childhood overweight. Journal of Research in Health Science, 17(1), 1-8. องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
279 ดชั นี (Index) เลขหน้า ___________________________________________________________ ดชั นี (Index) เลขหน้า การสงั เคราะหง์ านวจิ ยั 22 ก การสารวจสถานะสุขภาพ 218,219 กระทรวงสาธารณสขุ 6,7,8,15,21,31,41,51, การสญู เสยี ปีสภุ าวะ 221 52,53,54,55,62,72,77,78,85,96,104,187, การสบู บุหร่ี 1,130,132,158,183,211,222 189, 212-223, การเสยี ชวี ติ 24 การจดั การอารมณ์ 222,243 การออกกาลงั กาย 1,24,66,67,80,134,129, การเจบ็ ป่วย 21,48,108,165 131,132,134,136-140,167,169-172,187, การดารงอยู่ 107 188,193,203,210,215,218,221,222,227, การดแู ลสุขภาพ 7,9-16,18,20.21,23,24, 237,242,243, 248,253,259,269,272 29,32,33,87,91,96,99,119,129,170, ข 175,183,198,242 ไขมนั ในเลอื ด 138,229 การถ่ายทอดความรู้ 159 ค การบรกิ ารสุขภาพ 108 ความคดิ 11,19,43,79,99,105,106,111-113, การบรโิ ภคอาหาร 182,188,190,211, 128,136,137,141,142,154,156,161,163, 232,233,235,239,243,247,252 167,173, 209,242,254,255,264,275 การบรหิ ารโครงการ 257 ควบคุมโรค 1,24,35,71,183,188,203 การป้องกนั โรค 14,15,20,25 ความฉลาด 189,198,199,200,202-204 การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม 18,33,68,72, ความเชอ่ื 5,7,12,17,24,30,32,33,154,156,182 81,93,96,116-119,122,126,129-132, ความดนั โลหติ สงู 1,6,8,51,52,55,56,63,86,122, 134,135,138,146,182,183,222,244,255 146,188,209,211,212-218,227, 241,256 การประเมนิ 7,20,29,46,49,52,54,84,86,93, ความรอบรดู้ า้ นสุขภาพ 1-35,41,42,47,48, 95-97,240,249,254 57,58,69,71,73,78-85,91,92,97,98, การเปลย่ี นแปลง 20,24,28,30,33,34,81,96,110, 153,155-160,165,167-175,181,182, 123,141-144,152,154,156,164-167,171 194,198,199,222, 263,277 การเฝ้าระวงั 24 ความรุนแรง 1,9,22,23,24,68,181-184,188, การรบั รู้ 3,5,6,9-11,17,22-25,27,107,109,115 195,227,263 การรบั รคู้ วามสามารถของตนเอง 9,22, ความรู้ 2,3,7-10-35,43-59,62,63,70-72,81, 23,232-253,257,258,260 83, 84,86,89-93,95-99,108,111,115,121, การกากบั ตนเอง 232,237,240,244,246- 122, 126,127,141,143,154,155,158-174, 249,254,259,260 181-184,191,192,194-202, 222,223,230, การรคู้ ดิ 19,106,154,156,160,263 234-237,243-258,264,268-276 การสง่ เสรมิ สุขภาพ 5,25,29,49,72,105,157, ความสขุ 13,49,68,188,189, 181,263,273 องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
280 ดชั นี (Index) เลขหน้า ___________________________________________________________ คา่ ความเชอ่ื มนั่ 42-54,57,125,128,144, ทฤษฎดี า้ นสุขภาพ 105,114-116,222 195,199,200 ทฤษฎที างจติ วทิ ยา 106,222 ค่านิยม 106,108,115,154 ทฤษฎที างปัญญาสงั คม 27,114-116,119, คุณคา่ 66,69,70,106,112,124,126,133, 207,226 138,155,187,198,203,209,231,247, ทฤษฎที างพฤตกิ รรมศาสตร์ 24 251,261, 264,272,276 ทฤษฎแี บบแผนความเชอ่ื ดา้ นสุขภาพ 106, คณุ ภาพชวี ติ 17,21,23,25,33,109,181, 222,228 182,198,199 ทฤษฎพี ฤตกิ รรมตามแผน 106,110,111,228 เครอ่ื งมอื วดั 41,42,50-52,55,57,59,62,71,72 ทฤษฎพี ฒั นาชุมชน 108 เครอ่ื งมอื ประเมนิ 41 ทกั ษะทางปัญญา 1,12,13,21,27,28,34,58-61, เครอ่ื งด่มื ทม่ี แี อลกอฮอล์ 210,213,215,218,221 163,182 เครยี ด 18,33,49,64-69,104,113,120,133, ทกั ษะการส่อื สาร 19,22,51,88,93 137,141,144,158,166,169,187-191, น 215,218,232,242,243,270,274,276 น้าตาลในเลอื ด 1,131,139,231,245,255 เคล่อื นไหวออกกาลงั 69,97,99,195,233, น้าหนกั เกนิ 227,232,240,242,246 234,237,239,243-245,248 แนวคดิ ทฤษฎดี า้ นสุขภาพ 105,222,263 งบ งานสขุ ศกึ ษา 107 บรหิ ารจดั การ 77,78,81 จ แบบจาลองการวางแผนสง่ เสรมิ สขุ ภาพ 107 จดั การความเครยี ด 33,69,113,166,169, ป 186,187 ประชากร 11,24,28,30,32,57,104,105,108, เจตคติ 22,25,33,109,154,181,182 174,184,198,209,212-220,223,224 ด ปัจจยั เสย่ี ง 1,13,19,30,85,209,233 ดชั นีมวลกาย 68-70,88,112,128,166,183, ผ 210,233,240,241,244,246,249,254 ผปู้ ่วย 3,8,13,22,24,26,27,33,35,42-46,48,49, ดาเนินงานตามแผน 109 56,71,72,77,81-99,156,158,161,163-165, ต 169-176,182,184,187,188,194,198,199,212, ไตรกลเี ซอไรด์ 211,194 215-217,219-223,227,230,231,245,246,249 ตวั บ่งช้ี 70 ผรู้ บั บรกิ าร 18,19,26-28,157,158,208,209, ท 210,222,223,226,232-235,254-258 ทฤษฎกี ารรคู้ ดิ 106 ผใู้ หบ้ รกิ าร 19,23,33,158,165,166,257 ทฤษฎกี ารศกึ ษาผใู้ หญ่ 222 ผลลพั ธ์ 3,7-10,15-30,32-34,79-82,86, ทฤษฎเี ชงิ นเิ วศวทิ ยา 26 87,94,97,153,157-160,166,169,173, องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
281 ดชั นี (Index) เลขหน้า ___________________________________________________________ 174,181-186, 198,199,203,204 สาธารณสุข 2,3,6-8,12,15,20,28-30,32,35, พ 41,50-55,62,72,77,78,96,97,100,153,154, พฤตกิ รรมสบู บุหร่ี 210 160,169,184,187,189,192,214-218,271 พฤตกิ รรมสุขภาพ 6,18,21-23,27,33,69, สานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแหง่ ชาติ 210, 77,105,106,108,115-119,125,126,128, 212,224 129,131,146,157,166,174,212,263,264 สถานการณ์โรค 211,216-222 ภ สขุ ศกึ ษา 6,8,11,15,25,33-35,62,72,107, ภาระโรค 215,222 108,173,199,200,204,273,277 ภาวะโภชนาการ 68,69,70 เสรมิ พลงั อานาจ 12,25 ภาวะน้าหนกั เกนิ 8,41,49,51,53,57,227,240 สถติ ิ 9,77,216-218,220,224,227,255, ร 258,263 โรคเบาหวาน 1,7-9,35,48,51,52,55,56,72, สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์ 1,42,52,62, 77,92,97,161, 165,167,171,183,187,209, 72,205 211,213-215,240,241,232,270 ห โรคไมต่ ดิ ต่อเรอ้ื รงั 1,35,71,86,213,214,224 หลอดเลอื ด 1,213,214,240,241,268 โรคเมตาบอลกิ 209,212,228 อ โรคมะเรง็ 1,93,97,174,184,212,215,220,227 อตั ราความชุก 212-215,218,219 โรคเรอ้ื รงั 1,3,8,24,27,50,86,91-93,99,222 อตั ราการตาย 25,214,220 โรคอว้ น 1,7,34,50,58-62,65,66,69-71, อว้ นลงพุง 63,209,215 212,213,216 แอลกอฮอล์ 25,210,211,213,215,218,221 โรคหวั ใจ 1,60,71,81,85,167,194-197,200 ออกกาลงั กาย 1,15,24,25,42,64,66,68,80,113, 207,211,218 115,121,126,129,131-134,138-140,166,167, โรคหลอดเลอื ดสมอง 1,77,174,199,211-216, 169,171,172,181,187-189,191,193, 201,203, 220-222,264 210,211,215,218,222, 223,269,271-274,276 ระบาดวทิ ยา 17 อาการรนุ แรง 221 ระบบสุขภาพ 12,14,26,27,29,80,157, อายยุ นื 77 173,189 องคก์ ารอนามยั โลก 1,6,33,78,79,85,186, ว 209,212,218,220 วถิ กี ารดาเนนิ ชวี ติ 2,24 อนามยั สง่ิ แวดลอ้ ม 25,104 ส องั ศนิ นั ท์ 41,54,73,115,119,121,125,128, สุขภาวะ 2,3,6,12,13,25,35,186,189-191, 138,142,146,161,176,184,185,191,194, 215 195,232,257,258,261 สภาวะสขุ ภาพ 24 ฮ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
282 ดชั นี (Index) เลขหน้า ___________________________________________________________ ฮอรโ์ มนอนิ ซลู นิ 212,233 Intervention 4,41,80,81,93,100,147,149, Adult literacy 4,42,46,73 Attitudes 21,148 157,160,177-179,206,208 Knowledge 89,167,171,178,183,194,206, Ask Me3 87,89,90,93 221,222,225,230 Assessment 41,46,73-76,199,204,207 Metabolic 149,209,225,226,262,278 Behavior change 93,96,147,151,160, Model 18-30,36,52,73-76,88-90,93,101,105- 227,262 BMI 54,57,68,70,129,183,206,210- 109,112,115,116,120,125,128,129,138,142, 146,148,158,160,167,179,181, 194,198,206 214,229,230,231,233,239,241, NCD 1,212,213,223 242,244,246,255, 256 Nutbeam 12,13,15,16,18,24,25,28,37,42, Clinic 75,94,161,188,190,238 Checklist 86 48,51-54,72,75,158,159,174,179,263 PRECEDE-PROCEED Model 108,109 Disease prevention 3,30,38 Program 78,84-87,155,156,161-163, Edutainment 88,96 Experiment 22 182,189,191,203,205,238,253 Public health 85,91-93,95-97,101,103, Healthy 2,25,72,78,80,88,151,156,181- 147-149,167-169,179,199,206,210, 183,186,187,206,209,222, Healthy city 2 223,225,262,263 Questionnaire 6,38,41,49,75,147,176,199,206 Healthy environment 25 Health information 5,20,38,178,180 Quotient 198,199,200,257 Research 9,25,32,36-38,68,80,87,90,93, Healthy lifestyle 1,72 137-139,162,164,188.189,239 Health literacy 1,2,5,6,9,19,21,22,24,25, Scale 41,42,47,49,51-54,57,71,72,103,190 27-29,31,34-40,41-54,56,57,63,71-74, SDG 78,79 88-96,98,100-103,155,156,169,171, Self 155,156,164,166,182,187,194,208, 176,177,181,194,199,205-208,221, 222,225,226 257,229-232 Social norms 21,33,183 Health promotion 3,24,28,30,36-38,73- Sufficient 4,5,20 76,102,103,112,114,148,150,152, 207, Sustainable 72,74,209 208,226,262 Systematic review 9,21,35,39,76,100,178, Health outcomes 9,21,25,32,33,35 HBM 106,107 179,181,205,206 Teach-back 87,90,93 HL 1,2,6,31,78,80,222,224 Technology 85,88,98 Innovation 102 Transtheoretical Model 116,129,149 Intarakamhang 7,15,36,41,52,53,57,74, WHO 1,2,9,11,12 ,21,39,40,42,86,103, 128,149,191,254-257,273,275,278 105,147,222,226 องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์
ประวตั แิ ละผลงาน รองศาสตราจารย์ ดร.อังศนิ นั ท์ อินทรกาแหง ตาแหนง่ ปัจจบุ ัน รองผ้อู านวยการสถาบันวจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์ ฝ่ายวิจยั และจัดการความรู้ สาขาท่ีทาวจิ ยั สาขาพฤติกรรมศาสตร์ จติ วทิ ยาสขุ ภาพ ทท่ี างานปจั จุบนั สถาบันวจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ สุขุมวทิ 23 เขตวฒั นา กรุงเทพฯ 10110 โทร/โทรสาร 02-2620809 E-mail: [email protected] สาเรจ็ การศึกษา ครศุ าสตรดุษฎบี ณั ฑติ (การศกึ ษานอกระบบโรงเรยี น) จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ (สาธารณสขุ ศาสตร)์ สาขา สขุ ศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล พยาบาลศาสตรบ์ ณั ฑติ (การพยาบาลและผดงุ ครรภ)์ วทิ ยาลยั พยาบาลสภากาชาดไทย ตาแหน่งอื่น กรรมการบรหิ ารงานวจิ ยั ละนวตั กรรม มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ ปจั จบุ ัน กรรมการสภาวิจยั แหง่ ชาตสิ าขาการศึกษา ชว่ งปี พ.ศ. 2559 กรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ทิ างวชิ าการด้านเศรษฐกิจและสงั คม สานกั งานคณะกรรมการวจิ ัยแหง่ ชาติ ปจั จุบนั ประธานหน่วยวจิ ัย ชวี ะ จิตวิทยาสงั คมและพฤติกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ ปจั จุบัน รางวลั วจิ ยั รางวัลนกั วจิ ัยร่นุ ใหมด่ ีเด่น จากสานักงานกองทนุ วจิ ยั (สกว.) และสานักงานคณะกรรมการอุดมศกึ ษา (สกอ.) ประจาปี 2551 รางวัลผลงานด้านการวจิ ยั และพัฒนาระบบพฤติกรรมไทย รางวัลรายงานการวิจยั ระดบั ชมเชย จาก สานักงาน คณะกรรมการวจิ ยั แห่งชาติ (วช.) ประจาปี 2551 เกียรตบิ ตั รเสนอผลงานวจิ ัยดเี ยีย่ มแบบบรรยาย ในการประชมุ นักวิจยั รุ่นใหมพ่ บเมธวี จิ ัยอาวโุ ส สานักงาน กองทุนวจิ ยั (สกว.) พ.ศ. 2553 รางวลั นักวิจยั ดีเดน่ ประเภทพนกั งานมหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ พ.ศ. 2555 รางวลั บทความวิจยั ด้านพัฒนบรหิ ารศาสตร์ ประจาปี 2555 ระดับชาติ สาขาพัฒนาสงั คมและส่งิ แวดลอ้ ม รางวัลศิษยเ์ ก่าดเี ด่น สาขาการวิจยั ทางการพยาบาลของสมาคมศิษยเ์ กา่ พยาบาลสภากาชาดไทย พ.ศ. 2555 ผลงานวิจยั ต้งั แตป่ ี พ.ศ. 2547-ปัจจบุ ัน จากแหลง่ ทุนภาครฐั ในประเทศ และทุน Newton fund รวม 50 เรอ่ื ง บทความวจิ ยั ตีพมิ พว์ ารสารนานาชาติ ในฐาน SCOPUS, ISI, Pub Med รวม 25 เรือง บทความวิจยั ตีพมิ พ์วารสารวชิ าการในประเทศ รวม 55 เรือง เอกสารและวารสาร อังศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง. (2549). เอกสารประกอบการสอน วป 722 ผ้นู า สมาชกิ และการพฒั นาองค์การ. กรุงเทพฯ: สถาบนั วจิ ยั พฤตกิ รรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. จานวน 140 หน้า องั ศินนั ท์ อนิ ทรกาแหง. (2551). เอกสารคาสอน วป 591 การคดิ ถกู วธิ ี .กรุงเทพฯ: สถาบันวจิ ยั พฤตกิ รรม ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. จานวน 416 หนา้ องั ศนิ นั ท์ อนิ ทรกาแหง. (2552). การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมสุขภาพ 3 Self ดว้ ยหลกั PROMISE Model. กรุงเทพฯ: บรษิ ัท สุขมุ วิทการพมิ พ์. จานวน 193 หน้า กองบรรณาธกิ ารวารสาร เช่น วารสารพฤตกิ รรมศาสตร,์ วารสารพฤตกิ รรมศาสตรเ์ พ่อื การพฒั นา, วารสาร สขุ ศกึ ษาและสอ่ื สารสขุ ภาพ, วารสารศรนี ครนิ ทรวโิ รฒวจิ ยั และพฒั นา เป็นตน้ วิชาที่สอนระดบั ปริญญาโทและเอก ไดแ้ ก่ การบรหิ ารจดั การโครงการ ผนู้ าสมาชกิ และการพัฒนาองคก์ าร จติ วทิ ยาสขุ ภาพในการปฏบิ ตั งิ าน ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั การคดิ ถูกวธิ ี การถา่ ยทอดสงั คมการทางาน ปรชี าเชิงอารมณก์ บั คณุ ภาพชีวติ และการทางาน วิทยากร ในหวั ข้อ เช่น การวจิ ยั ในช้ันเรยี น การวจิ ัย R to R การวจิ ยั สถาบนั การออกแบบงานวจิ ยั การ พฒั นาเคร่ืองมอื วดั การพฒั นาศักยภาพด้านการวจิ ยั ของอาจารย์ การพัฒนาสมรรถนะของบุคลากร การพัฒนาหวั ขอ้ วจิ ยั ใหม้ คี ุณภาพ การเขียนบทความทางวิชาการ การพฒั นางานเขยี นวชิ าการ การ ปรับพฤตกิ รรมสุขภาพ การพฒั นาความรอบรูท้ างสุขภาพ เป็นตน้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293