การจดั การการผลิตสับปะรดคณุ ภาพ Quality Management in the Supply Chain of Pineapple โดย สถาบันวิจยั พืชสวน กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กนั ยายน 2560
เอกสารวิชาการ: การจดั การการผลิตสบั ปะรดคณุ ภาพ เรียบเรียงโดย : ทวีศักด์ิ แสงอดุ ม สถาบนั วิจยั พชื สวน กรมวิชาการเกษตร จตุจกั ร กทม. 10900 โทรศัพท์: 0 2579 0583 โทรสาร: 0 2561 4667 E- mail: [email protected] พมิ พ:์ ครัง้ ท่ี 1 (กันยายน 2560) จานวน: 100 เลมํ พมิ พท์ ่ี:
สารบญั หนา๎ 1 คานา 2 บทท่ี 1 ถนิ่ กาเนดิ ความสาคญั และสถานการณ์ 2 3 1.1 ถ่นิ กาเนิด 4 1.2 ความสาคญั 10 1.3 สถานการณ์การผลติ และการตลาด 13 1.4 การวเิ คราะหจ์ ดุ แข็ง จุดออํ น โอกาส และอปุ สรรค 1.5 แนวทางการพฒั นา 17 17 เอกสารอ๎างอิง 25 บทท่ี 2 ลักษณะทางพฤกษศาสตรแ์ ละพันธ์ุ 38 2.1 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ 49 2.2 พันธุ์สบั ปะรด 50 2.3 การปรบั ปรงุ พันธุ์สบั ปะรด 53 54 เอกสารอ๎างอิง บทที่ 3 การขยายพันธ์ุ 54 3.1 การขยายพันธ์ุโดยการเพาะเลยี้ งเน้ือเยือ่ 58 3.2 การอนุบาลตน๎ เพาะเลยี้ งเนอื้ เยอ่ื ในเรอื นเพาะชา 59 3.3 การเตรียมต๎นพันธุ์สับปะรดที่ได๎จากการเพาะเล้ียง 60 62 เน้อื เยื่อสาหรบั นาไปปลกู ในแปลงกลางแจง๎ 3.4 การเพาะเมล็ด เอกสารอ๎างอิง บทที่ 4 การปลกู และการปฏบิ ัติดแู ลรกั ษา 4.1 ฤดปู ลูกสบั ปะรด 4.2 การเตรียมวัสดปุ ลกู 4.3 รอบการปลกู สบั ปะรด
สารบัญ (ตอ่ ) หน๎า 64 4.4 การเตรียมแปลงปลกู 65 4.5 การปลกู 65 4.6 วิธกี ารปลูกและระยะปลกู 67 4.7 การปฏบิ ัติดแู ลรกั ษา 77 4.8 การจัดการศตั รูพชื ของสบั ปะรด 83 4.9 การแกไ๎ ขปัญหาโรคเห่ียวสับปะรดแบบบูรณาการ 99 4.10 วชั พืชท่สี าคญั และการปูองกันกาจัด 108 4.11 สรปุ แนวทางการปฏบิ ตั ดิ ูแลรกั ษาสับปะรดในรอบปี 131 เอกสารอา๎ งองิ 131 บทที่ 5 การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัตหิ ลังการเก็บเกี่ยว 134 136 5.1 ดัชนกี ารเกบ็ เก่ยี ว 139 5.2 การเกบ็ เกย่ี ว 139 5.3 การผลติ สบั ปะรดสดสงํ ตลาดตาํ งประเทศ 5.4 การขนสงํ 142 5.5 การเกบ็ รกั ษา 143 147 เอกสารอ๎างอิง 153 บทที่ 6 มาตรฐานสบั ปะรด 6.1 การผลิตสบั ปะรดตามหลักการปฏิบัติทางการเกษตรทีด่ ี 6.2 มาตรฐานสบั ปะรดโรงงาน 6.3 มาตรฐานสบั ปะรดสาหรับการบรโิ ภคสด เอกสารอา๎ งองิ
สารบัญ (ต่อ) หน๎า 156 บทที่ 7 การจดั การคณุ ภาพในโซ่อปุ ทานสบั ปะรด 7.1 การจัดการคุณภาพในโซํอุปทานสับปะรดโรงงาน 156 7.2 การจัดการคณุ ภาพในโซํอุปทานสับปะรดบริโภคสด 177 เพือ่ การสงํ ออก เอกสารอา๎ งอิง
สารบัญตาราง หน๎า 5 ตารางที่ 1 ผลผลิตสับปะรดของประเทศผู๎ผลติ ท่ีสาคญั 5 ตารางที่ 2 ปริมาณและมูลคําการสํงออกสบั ปะรดกระปอ๋ งของประเทศ 6 ผูส๎ งํ ออกท่สี าคัญ ตารางที่ 3 ปริมาณและมูลคําการสํงออกนา้ สับปะรดของประเทศ 7 ผส๎ู ํงออกท่สี าคัญ 7 ตารางที่ 4 ปริมาณและมลู คาํ การนาเข๎าสับปะรดกระป๋องของประเทศ 8 ผู๎นาเข๎าทสี่ าคญั 9 ตารางที่ 5 ปริมาณและมูลคําการนาเข๎าน้าสับปะรดของประเทศ 20 ผู๎นาเข๎าที่สาคัญ ตารางท่ี 6 เนื้อที่เก็บเกี่ยว ผลผลิต ผลผลิตตํอไรํ สับปะรดของไทย 28 ตารางท่ี 7 ปรมิ าณและมลู คาํ สงํ ออกสบั ปะรดกระปอ๋ งและนา้ สบั ปะรด 30 ของไทย 31 ตารางที่ 8 การพัฒนาของสํวนตํางๆ ของชํอดอกหลังได๎รับ 32 สารบังคับดอก ตารางท่ี 9 ลกั ษณะของสบั ปะรดกลุมํ พนั ธตุ์ ํางๆ 60 ตารางท่ี 10 ลักษณะด๎านตํางๆ ในระยะ vegetative ของสับปะรด 65 กลํุมตํางๆ เมื่อเจริญเติบโตพรอ๎ มท่ีจะบังคบั ดอก ตารางที่ 11 ชํวงเวลาการพัฒนาของสับปะรดกลํุม/พันธุ์ตํางๆ หลงั การบงั คบั ดอก - เกบ็ เกยี่ ว ตารางที่ 12 ลักษณะป ระจ าพัน ธ์ุ ด๎ านขนาด และ คุณภาพผ ล ของสับปะรดพันธตุ์ ํางๆ ตารางที่ 13 ผลของขนาดหนํอและจุกตํออายุการบังคับดอก และเกบ็ เกีย่ ว ตารางท่ี 14 เปรียบเทียบการปลกู จานวนต๎นนอ๎ ยและการปลูกจานวนตน๎ ทีเ่ หมาะสม
สารบัญตาราง (ต่อ) ตารางท่ี 15 ระดบั ธาตอุ าหารทเ่ี หมาะสม ในใบ D-Leaf ของสบั ปะรด หน๎า ในระยะกํอนการสรา๎ งชํอดอก 68 ตารางท่ี 16 ระดบั ความเข๎มข๎นของธาตุอาหารหลักและธาตอุ าหารรอง 71 ท่ีขาดแคลน พอเพยี ง หรือมากเกินในใบสบั ปะรด 72 ตารางท่ี 17 อตั ราสวํ นการผสมปุย๋ ทางใบ (พ้นื ท่ี 1 ไรํ/10,000 ต๎น) 96 104 ตารางที่ 18 ศตั รพู ืชทส่ี าคัญของสบั ปะรดและการปูองกนั กาจดั 108 ตารางที่ 19 สารกาจัดวชั พชื ท่ใี ชใ๎ นไรสํ ับปะรด 148 ตารางท่ี 20 แผนการทางานในไรสํ ับปะรดในรอบ 52 สปั ดาห์ (1 รํนุ ) 154 159 ตารางที่ 21 รอ๎ ยละของผลผลติ ท่ีมีขนาดเส๎นผาํ ศูนยก์ ลางตํางๆ ตารางท่ี 22 ข๎อกาหนดเร่ืองขนาดของผลสบั ปะรด ตารางที่ 23 แผนควบคมุ การผลติ สบั ปะรดโรงงาน
สารบญั ภาพ หนา๎ 10 ภาพที่ 1 โครงสร๎างสนิ ค๎าสบั ปะรด 22 ภาพท่ี 2 สวํ นตาํ งๆ ของตน๎ และผลสบั ปะรด 23 ภาพที่ 3 กลุํมของใบตามรปู รําง ตาแหนงํ และอายุของใบ 24 (A-leaves ขวาสดุ ) 24 ภาพที่ 4 ลกั ษณะดอก และสํวนประกอบของดอกสบั ปะรด 25 ภาพที่ 5 ระยะการเจรญิ เตบิ โตของสบั ปะรด 34 ภาพที่ 6 การเพม่ิ น้าหนกั สดของสวํ นตาํ งๆ ของผลสบั ปะรด 34 ภาพท่ี 7 สบั ปะรดพันธ์อุ นิ ทรชิตขาว 35 ภาพที่ 8 สับปะรดพนั ธ์ุอินทรชิตแดง 35 ภาพที่ 9 สับปะรดพันธป์ุ ัตตาเวยี 36 ภาพที่ 10 สับปะรดพนั ธุ์นางแล 36 ภาพที่ 11 สบั ปะรดพนั ธุ์ตราดสที อง 36 ภาพท่ี 12 สับปะรดพันธภ์ุ เู กต็ (ก) และสับปะรดภูแล (ข) 37 ภาพที่ 13 สบั ปะรดพันธส์ุ วี 37 ภาพที่ 14 สบั ปะรดพันธเุ์ พชรบรุ เี บอร์ 1 38 ภาพที่ 15 สบั ปะรดพนั ธเุ์ พชรบรุ เี บอร์ 2 40 ภาพที่ 16 สับปะรดพันธ์ุ MD2 41 ภาพที่ 17 ดอกและสํวนประกอบของดอกสับปะรด 42 ภาพท่ี 18 อุปกรณแ์ ละวธิ กี ารผสมเกสรสบั ปะรด ภาพท่ี 19 ลักษณะเมล็ด การแชํเมล็ดในกรดซัลฟูริคกํอนการเพาะ 45 การเพาะเมลด็ ต๎นกลา๎ ตน๎ และผลสับปะรดลกู ผสม ภาพท่ี 20 ลกู ผสมสับปะรดทมี่ ลี ักษณะเดํนที่เหมาะสาหรับการแปรรูป 4 คํูผสม (A-D)
สารบัญภาพ (ต่อ) ภาพที่ 21 สํวนตาํ งๆ ของสับปะรดท่ีใชข๎ ยายพันธ์ุ หนอํ จุก และตะเกียง หนา๎ ภาพท่ี 22 การฟอกและเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย 49 50 ปลอดโรคเห่ยี ว ภาพที่ 23 การเพาะเลีย้ งเนอื้ เยอื่ สบั ปะรดโดยใชร๎ ะบบอาหารแข็ง (ก) 51 อาหารเหลว (ข) และ TIB (ค) 52 ภาพที่ 24 การพฒั นา microshoot ของสบั ปะรดปัตตาเวีย บนอาหารแข็ง 52 MS ท่มี ี BA 5 µM 52 ภาพท่ี 25 สับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียสามารถเพ่ิมปริมาณยอดอํอนสูงสุด 22.4 เทาํ ที่ใชส๎ ูตรอาหารเหลว MS+ BA 3 µM 53 ภาพที่ 26 การเจรญิ เติบโตของสบั ปะรดเพชรบรุ ีท่ีเลี้ยงในระบบ TIB 54 ใช๎อาหาร MS เติม BA 3 µMและ NAA 2 µM ให๎อาหาร สมั ผัสช้ินสํวนพืช 8 ครงั้ /วัน หลังจากเลี้ยงนาน 8 สัปดาห์ 55 ภาพที่ 27 การอนุบาลต๎นสับปะรดท่ีได๎จากการเพาะเล้ียงเนื้อเยื่อ 56 ในถาดหลุมพลาสติก 63 64 ภาพท่ี 28 การย๎ายต๎นสับปะรดที่ได๎จากการเพาะเล้ียงเน้ือเยื่อ จากถาดหลุมพลาสติกลงกระบะเพาะชาในโรงเรือนเพาะชา ภาพที่ 29 การดูแลรักษาต๎นจากการเพาะเล้ียงเนื้อเย่ือในกระบะ เพาะชาและการเตรยี มตน๎ สาหรบั นาไปปลกู ในแปลงปลูก ภาพที่ 30 เมลด็ การเพาะเมล็ดและตน๎ กลา๎ สับปะรดจากการเพาะเมล็ด ภาพท่ี 31 รอบการปลกู สบั ปะรด 4 ปี ไวห๎ นอํ 1 รุนํ เกบ็ เกย่ี วผลผลติ 2 ครงั้ ภาพที่ 32 รอบการปลูกสบั ปะรด5 ปี ไวห๎ นอํ 2 รนุํ เก็บเกี่ยวผลผลติ 3 ครัง้
สารบัญภาพ (ต่อ) หน๎า 66 ภาพที่ 33 การปลูกสับปะรดพนั ธ์ุตราดสที อง จงั หวดั ตราด 66 ภาพที่ 34 การปลกู สับปะรดพันธภุ์ เู ก็ต/พันธุส์ วี แซมในสวนมะพร๎าว 76 หรอื สวนยางพารา ภาพท่ี 35 สารท่ีใชบ๎ งั คบั ดอกสบั ปะรด (ก) ถํานแกส๏ แคลเซียมคาร์ไบด์ 79 (ข) เอทธีฟอน 79 ภาพที่ 36 เชื้อไวรัสโรคเห่ียวสับปะรด (pineapple mealybug 81 81 wilt-associated virus; PMWaVs) 81 ภาพที่ 37 อาการของต๎นสบั ปะรดทเ่ี ป็นโรคเหี่ยว 82 ภาพที่ 38 เพล้ยี แปูงสบั ปะรดสชี มพู 83 ภาพที่ 39 เพล้ยี แปูงสบั ปะรดสเี ทา ภาพท่ี 40 วงจรชวี ิตของเพล้ียแปงู 86 ภาพท่ี 41 การถาํ ยทอดและการแพรรํ ะบาดของโรคเหย่ี วในสบั ปะรด ภาพที่ 42 วัชพืชเป็นแหลํงหลบซํอนและอาศัยของเพลี้ยแปูงท้ังใน 86 และรอบแปลงปลูกสับปะรด 87 ภาพที่ 43 การสารวจ รวบรวม และตรวจสอบโรคเห่ียวด๎วยเทคนิค 88 RT-PCR 88 ภาพที่ 44 การตรวจสอบเชอ้ื ไวรัส 2 สายพนั ธ์คุ ือ PMWAV-1 89 และ PMWAV-2 ด๎วยเทคนิค RT-PCR ภาพท่ี 45 การฟอกและเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือสับปะรดพันธ์ุปัตตาเวีย ปลอดโรคเหี่ยว ภาพที่ 46 การเพาะเล้ยี งเนอ้ื เยือ่ สับปะรดโดยใช๎ระบบอาหารแขง็ ภาพท่ี 47 การเพาะเลี้ยงเน้อื เย่อื สับปะรดโดยใชร๎ ะบบอาหารเหลว ภาพที่ 48 การเพาะเล้ียงเน้อื เยื่อสับปะรดโดยใช๎ระบบ Temporary immersion bioreactor technique
สารบญั ภาพ (ตอ่ ) หน๎า 90 ภาพที่ 49 การอนบุ าลต๎นสบั ปะรดที่ได๎จากการเพาะเลยี้ งเน้ือเยอ่ื ทชี่ า ในถาดหลุมและย๎ายลงกระบะเพาะชาในโรงเรือนอนบุ าล 91 ภาพท่ี 50 การถอนต๎นสับปะรดปลอดโรคเห่ียวจากกระบะเพาะชา 93 การจมํุ สารปูองกันเชื้อราและการขนสํง 94 ภาพท่ี 51 แปลงผลิตหนํอสับปะรดพันธ์ุปัตตาเวียปลอดโรคเหี่ยว 94 ท่ไี ด๎จากตน๎ ทเี่ พาะเล้ยี งเน้อื เย่อื 95 ภาพท่ี 52 การบงั คบั ดอกและหนํอปลอดโรคท่ีพรอ๎ มปลูก ภาพที่ 53 ผลสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียปลอดโรคเห่ียวท่ีปลูกจาก 133 135 ต๎นเพาะเลีย้ งเนือ้ เยอ่ื ภาพท่ี 54 การฝกึ อบรมเกษตรกรและศึกษาดูงานแปลงปลกู สบั ปะรด 136 ปลอดโรคทไ่ี ดจ๎ ากการเพาะเล้ียงเนื้อเยอื่ 138 ภาพท่ี 55 มาตรฐานสสี บั ปะรด ภาพท่ี 56 การเก็บเกี่ยวโดยใช๎คนงานหักและขนข้ึนรถบรรทุก (ก) 140 150 และการเก็บเกยี่ วของบริษทั (ข) 150 ภาพที่ 57 การจัดเรียงสับปะรดผลสดในรถบรรทุกเล็กขนสํงมายัง 151 151 โรงคดั บรรจเุ พือ่ การสํงออก ภาพที่ 58 ข้ันตอนการจัดการหลังการเก็บเก่ียวสับปะรดผลสด เพ่ือสํงตํางประเทศ ภาพที่ 59 ผลสับปะรดพนั ธุ์ MD2เกบ็ รกั ษา5สปั ดาห์ ท่ี 13 องศาเซลเซยี ส ภาพท่ี 60 นา้ หนกั ผลท่ขี นาดเส๎นผาํ ศนู ย์กลาง 7.9 - 8.9 เซนตเิ มตร ภาพที่ 61 นา้ หนักผลท่ีขนาดเสน๎ ผาํ ศนู ยก์ ลาง 9.0 - 10.4 เซนติเมตร ภาพท่ี 62 น้าหนกั ผลทข่ี นาดเสน๎ ผาํ ศูนยก์ ลาง 10.5 - 11.0 เซนตเิ มตร ภาพที่ 63 นา้ หนกั ผลทข่ี นาดเสน๎ ผาํ ศนู ย์กลาง 11.1 - 12.0 เซนตเิ มตร
สารบัญภาพ (ต่อ) หน๎า 152 ภาพที่ 64 นา้ หนกั ผลที่ขนาดเส๎นผาํ ศูนย์กลาง 12.1 - 13.0 เซนตเิ มตร 152 ภาพท่ี 65 น้าหนกั ผลที่ขนาดเส๎นผาํ ศูนยก์ ลาง 13.1 - 15.0 เซนตเิ มตร 176 ภาพที่ 66 รปู แบบการจดั การคณุ ภาพในโซํอุปทานการผลิตสับปะรด 179 โรงงาน ภาพที่ 67 รูปแบบการจัดการคณุ ภาพในโซอํ ปุ ทานการผลิตสับปะรด บริโภคสดเพื่อการสงํ ออก
คานา สบั ปะรดเป็นพชื เศรษฐกจิ สาคญั ทส่ี ร๎างมลู คาํ การสงํ ออกให๎กับประเทศไทย 23,000 - 25,000 ล๎านบาท/ปี ไทยเป็นผ๎ูผลิตรายใหญํ ประมาณร๎อยละ 12 ของผลผลิตทั้งโลก และครองความเป็นผู๎ผลิตและสํงออกสับปะรดและผลิตภัณฑ์ สับปะรด เป็นอันดับหน่ึงของโลก มีสํวนแบํงการตลาดประมาณร๎อยละ 50 สวํ นการสํงออกสับปะรดผลสดนับวํามีปริมาณและมูลคําน๎อยมากเมื่อเปรียบเทียบ กบั ปรมิ าณและมูลคําการสํงออกสับปะรดท้ังหมด การผลิตสับปะรดของเกษตรกร ยังพบปัญหาหลายด๎าน เชํน ผลผลิตตํอไรํต่า ต๎นทุนการผลิตสูงข้ึน ขาดพันธุ์ท่ีให๎ ผลผลติ สงู และคณุ ภาพดกี วําพนั ธเ์ุ ดมิ ปญั หาการแพรํระบาดของโรคเห่ียวที่เกิดจาก เช้ือไวรัส คุณภาพผลผลิตไมํสม่าเสมอ การกระจายการผลิตไมํสอดคล๎องกับ ความต๎องการของโรงงาน ขาดแคลนหนํอพันธ์ุคุณภาพ สํวนสับปะรดสดสํงออก มีอายุการเก็บรักษาส้ัน มักจะเกิดอาการไส๎สีน้าตาลเมื่อขนสํงถึงตลาดปลายทาง นอกจากน้ี ปจั จยั การผลิตทงั้ ปยุ๋ และสารเคมใี นการกาจัดวัชพืช คําแรงงานสูง รวมถงึ การเปลย่ี นแปลงของสภาพอากาศ การกระจายตัวของฝนไมสํ ม่าเสมอ เกดิ ภาวะแลง๎ ยาวนานทาให๎ผลผลิตตกต่าและไมํได๎มาตรฐาน ปัจจัยตํางๆ เหลํานี้เป็นอุปสรรค สาคัญของการผลติ สับปะรด ดัง นั้ น เ พ่ื อเ พิ่ ม ป ร ะสิ ท ธิ ภา พ กา ร ผ ลิ ต แล ะ ป รั บ ป รุง คุ ณ ภา พผ ล ผ ลิ ต ใ ห๎ เป็นไปตามมาตรฐานสากล สถาบันวิจัยพืชสวนจึงได๎จัดทาเอกสารวิชาการ “การจดั การการผลิตสบั ปะรดคณุ ภาพ” เพ่อื ใหน๎ กั วิชาการ เกษตรกร ผ๎ูประกอบการ ได๎นาไปปรับใชใ๎ นการผลิตสับปะรด และหวังเป็นอยํางย่ิงวําเอกสารวิชาการฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์กบั ทกุ ฝุายในวงการสับปะรด (ดร. สมบตั ิ ตงเต๏า) ผูอ๎ านวยการสถาบนั วิจัยพืชสวน กนั ยายน 2560
2 บทท่ี 1 ถนิ่ กาเนิด ความสาคญั และสถานการณ์ 1.1 ถนิ่ กาเนดิ สับปะรดมีถิ่นกาเนิดอยูํในเขตร๎อนของทวีปอเมริกาใต๎ ชาวอินเดียน พ้ืน เมื อง เ ป็น ผู๎ค๎ น พบ แล ะ ร๎ูจั กสั บ ปะ รด มา น าน กํอ น ท่ีโ คลั ม บัส จะ พ บ ในปี ค.ศ. 1493 และชาวอนิ เดียนเผําน้ีเองท่ีเป็นผ๎ูเผยแพรํสับปะรดไปสํูแหลํงอ่ืนๆ เชํน บราซิล เวเนซูเอลา โคลัมเบีย ปานามาและหมูํ เกาะแอตแลนติส (จนิ ดารฐั , 2541) สาหรับการปลูกสับปะรดในประเทศไทย พบวํา ในชํวง ปี ค.ศ. 1680 - 1700 หรือประมาณปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีรายงานการพบ สับปะรดในประเทศไทย ประเทศพมํา และแคว๎นอัสสัม แตํไมํทราบแนํชัดวํา ใครเป็นผ๎ูนาสับปะรดเข๎ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกและต้ังแตํเมื่อใด ถ๎าในชํวง ปี ค.ศ. 1680 - 1700 จะตรงกับปี พ.ศ. 2223 - 2243 ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช จึงอาจสันนิษฐานได๎วําชาวโปรตุเก สที่เข๎ามาติดตํอค๎าขายกับ ประเทศไทยเป็นผ๎ูนาสับปะรดเข๎ามา สับปะรดในยุคน้ันเป็นพันธ์ุอินทรชิตหรือ พันธุ์ในกลํุม Spanish ซ่ึงมีการปลูกกระจัดกระจายกันอยํูทั่วไป (Collins, 1960; จารุพันธ์, 2526) สํวนสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย เป็นพันธุ์ท่ีปลูกมากในปัจจุบันและ มากกวาํ รอ๎ ยละ 80 ปลูกเพ่ือสํงโรงงาน แหลํงปลูกใหญํอยํูในภาคตะวันตก จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี โดยเชื่อกันวํามีผ๎ูนาพันธุ์เข๎ามาจากประเทศ อินโดนีเซียและปลูกที่อาเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สํวนแหลํงปลูกใน ภาคตะวนั ออก เชํน จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง เชื่อวํามีผู๎นาพันธุ์มาจากประเทศ อินเดียและนาไปปลกู ไวท๎ ีอ่ าเภอศรีราชา สบั ปะรดทปี่ ลกู ทัง้ สองแหลงํ น้ีมรี สชาติเป็น ที่ชื่นชอบของผบ๎ู ริโภคจนเปน็ ที่รจ๎ู กั กันทวั่ ไปในนามสับปะรดปราณบุรีและสับปะรด ศรรี าชา (จารพุ นั ธ,์ 2526) ปัจจุบันบริเวณภาคตะวันตกและภาคตะวันออกจัดเป็น แหลงํ ผลิตสับปะรดแหลํงใหญํอันดับหนึ่งและสองของประเทศ ตามลาดับ สาหรับ จงั หวดั ลาปางจดั เปน็ อีกแหลํงหนง่ึ ทีม่ กี ารปลูกสับปะรดพนั ธ์ุปตั ตาเวยี มาก ซงึ่ แตํเดิม
3 จังหวัดลาปางมีการปลูกสับปะรดพันธุ์พ้ืนเมือง (อินทรชิต) และประมาณ ปี พ.ศ. 2460 จึงมผี ๎ูนาสับปะรดพนั ธ์ปุ ตั ตาเวยี จากจงั หวดั ประจวบคีรขี ันธเ์ ขา๎ มาปลกู ในจังหวัดลาปาง ตํอจากน้ันจึงแพรํหลายออกไปแตํปลูกไมํมากนักจนในระยะ ชวํ งปี พ.ศ. 2510 - 2514 เรม่ิ มีโรงงานผลไมก๎ ระป๋องเขา๎ มากอํ ตง้ั การปลูกสับปะรด จงึ ขยายตัวมากขึน้ สาหรับทางภาคใตเ๎ ป็นแหลงํ ปลูกสับปะรดพนั ธภ์ุ ูเก็ตและพันธุ์สวี โดยมีรายงานวาํ เจา๎ เมืองหลังสวนชือ่ พระจรูญ ราชโภคาการ (คอซิมเต็ก ณ ระนอง) นาพันธุพ์ ชื ตํางๆ รวมทั้งสบั ปะรดเขา๎ มาจากเมืองปนี งั ประเทศมาเลเซียเพือ่ แจกจาํ ย ให๎ชาวบ๎านในอาเภอหลังสวนและอาเภอสวี จังหวัดชุมพร ในระยะนั้นสับปะรด ท่ีนาเข๎ามาเรียกกันวํา สับปะรดฝรั่ง เนื่องจากนามาจากปีนังซึ่งขณะนั้นเป็น อาณานิคมของอังกฤษ ปรากฏวําสับปะรดท่ีนาเข๎ามาปลูกให๎ผลดี มีการปลูกแซม ในสวนมะพร๎าวและในสวนยางพาราในระยะท่ีต๎นยางมีขนาดเล็ก และมีการปลูก แพรหํ ลายมาจนถงึ ในปจั จบุ ัน (จนิ ดารัฐ, 2541) 1.2 ความสาคัญ สั บ ป ะ ร ด เ ป็ น พื ช เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ท่ี ส า คั ญ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย แ ล ะ ไ ท ย เ ป็ น ผู๎สงํ ออกสบั ปะรดกระปอ๋ งอันดับ 1 ของโลก มีสวํ นแบํงการตลาดประมาณร๎อยละ 50 สร๎างรายได๎ให๎ประเทศประมาณปีละ 23,000 - 25,000 ล๎านบาท ผลิตภัณฑ์สํงออก ท่ีสาคัญ ได๎แกํ สับปะรดกระป๋องและน้าสับปะรด คิดเป็นร๎อยละ 45 ของมูลคํา การสํงออกผลติ ภัณฑ์แปรรปู ตลาดสํงออกสาคัญ ได๎แกํ สหภาพยุโรป สหรฐั อเมริกา ญี่ปุน และตะวันออกกลาง นอกจากน้ีอุตสาหกรรมสับปะรดมีความสาคัญ ตํอเศรษฐกิจ ทั้งในระดับมหภาคและระดับไรํนา กลําวคือ ในระดับมหภาคเป็น อตุ สาหกรรมเกษตรทีส่ ร๎างมูลคาํ เพิม่ จากการใช๎วัตถุดิบภายในประเทศ รวมทั้งเป็น อุตสาหกรรมท่กี ํอให๎เกิดการจ๎างแรงงานเปน็ จานวนมาก เนือ่ งจากกระบวนการผลิต หลายขั้นตอนไมํสามารถใช๎เคร่ืองจักรทดแทนแรงงานได๎ สาหรับในระดับไรํนาน้ัน อุตสาหกรรมสับปะรดมีสํวนสาคัญในการเสริมสร๎างรายได๎ให๎ภาคการเกษตร เปน็ อุตสาหกรรมที่เชือ่ มโยงภาคการผลติ กับภาคอุตสาหกรรมที่กํอให๎เกิดมูลคําเพิ่ม
4 เป็นแหลํงรองรับผลผลิตของเกษตรกรปีละ 1.80 - 2.00 ล๎านตัน ผลผลิตที่เหลือ ประมาณ รอ๎ ยละ 20 ใช๎ในรูปสบั ปะรดบริโภคสดภายในประเทศและสํงออก ดังนั้น การพัฒนาอตุ สาหกรรมสบั ปะรดอยาํ งครบวงจรจะกอํ ให๎เกิดประโยชน์ตํอการพฒั นา เศรษฐกิจของประเทศเป็นอยํางมาก โดยในปี 2558 มีการสํงออก 1.58 ล๎านตัน มูลคํา 24,500 ล๎านบาท โดยสํงออกสับปะรดกระป๋องมากสุด มูลคํา 17,000 ล๎านบาท (สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร, 2559) 1.3 สถานการณก์ ารผลติ และการตลาด (สานกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร, 2559) 1.3.1 สถานการณส์ ับปะรดของโลก ด้านการผลิต สับปะรดจัดเป็นไม๎ผลเขตร๎อนท่ีสาคัญของโลก โดยในปี 2558 มผี ลผลติ ประมาณ 22 ล๎านตัน ประเทศผู๎ผลติ รายใหญํ ได๎แกํ คอสตารกิ า๎ บราซิล ฟิลิปปินส์ และไทย ผลิตได๎ปริมาณ 2.50 2.45 2.30 และ 1.78 ล๎านตัน ตามลาดบั (ตารางที่ 1) ด้านการส่งออก ประเทศไทยเป็นผ๎ูสํงออกสับปะรดกระป๋องและ นา้ สบั ปะรดรายใหญํของโลก โดยใน ปี 2558 สํงออกสบั ปะรดกระปอ๋ งปรมิ าณ 0.48 ล๎านตนั หรือร๎อยละ 52.17 ของปริมาณการสํงออกทงั้ หมด มลู คํา 542 ล๎านดอลลาร์ สหรัฐฯ รองลงมา ได๎แกํ ฟลิ ปิ ปินส์และอนิ โดนีเซีย สํงออกปรมิ าณ 0.20 และ 0.145 ล๎านตัน หรือร๎อยละ 21.73 และ 15.76 ของปริมาณการสํงออกทั้งหมด มูลคํา การสํงออก 210 และ 158 ล๎านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลาดับ (ตารางท่ี 2) สํวนน้าสบั ปะรดไทยสํงออกปริมาณ 0.09 ลา๎ นตนั หรือ ร๎อยละ 28.12 ของปริมาณ การสํงออกท้ังหมด รองลงมา ได๎แกํ ฟิลิปปินส์และเนเธอร์แลนด์ สํงออก 0.06 และ 0.055 ลา๎ นตัน มูลคํา 94 และ 35 ลา๎ นดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลาดับ (ตารางท่ี 3)
ตารางที่ 1 ผลผลติ สับปะรดของประเทศผผ๎ู ลิตทส่ี าคัญ 5 หนํวย : ล๎านตัน ประเทศ ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ไทย 1.97 2.59 2.65 2.07 1.94 1.78 คอสตารกิ า 1.98 2.27 2.48 2.40 2.30 2.50 บราซิล 2.21 2.37 2.48 2.40 2.30 2.45 ฟลิ ปิ ปินส์ 2.17 2.25 2.40 2.46 2.40 2.30 อนิ โดนีเซยี 1.41 1.54 1.78 1.70 1.65 1.50 อื่น ๆ 10.64 10.91 11.54 11.50 11.40 11.47 รวม 20.38 21.93 23.33 22.53 21.99 22.00 ท่ีมา: สานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร (2559) ตารางที่ 2 ปริมาณและมูลคําการสํงออกสับปะรดกระป๋องของประเทศผู๎สํงออก ท่ีสาคัญ ปริมาณ : ลา๎ นตนั มลู คํา : ล๎านดอลลาร์สหรฐั ฯ ประเทศ ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปรมิ าณ มลู คาํ ปริมาณ มลู คาํ ปรมิ าณ มูลคํา ปริมาณ มูลคาํ ปริมาณ มลู คาํ ปริมาณ มูลคาํ ไทย 0.519 465 0.641 660 0.586 543 0.565 502 0.536 507 0.480 542 ฟลิ ปิ ปินส์ 0.169 124 0.252 193 0.272 220 0.211 176 0.192 156 0.200 210 อนิ โดนเี ซีย 0.137 115 0.170 169 0.162 148 0.154 135 0.146 139 0.145 158 เนเธอรแ์ ลนด์ 0.030 44 0.023 42 0.028 45 0.027 43 0.020 39 0.015 23 เยอรมนี 0.024 31 0.022 35 0.018 26 0.018 25 0.013 22 0.012 17 จีน 0.051 39 0.039 41 0.025 23 0.024 21 0.013 13 0.018 18 อื่น ๆ 0.055 65 0.056 73 0.052 70 0.052 73 0.045 80 0.050 54 รวม 0.984 883 1.204 1,213 1.143 1,075 1.052 976 0.967 943 0.920 995 ท่มี า: สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2559)
6 ตารางท่ี 3 ปริมาณและมลู คําการสํงออกน้าสับปะรดของประเทศผ๎สู ํงออกทีส่ าคัญ ปรมิ าณ : ล๎านตนั มลู คาํ : ลา๎ นดอลลารส์ หรัฐฯ ประเทศ ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปริมาณ มลู คาํ ปริมาณ มูลคํา ปรมิ าณ มลู คาํ ปรมิ าณ มลู คาํ ปริมาณ มลู คาํ ปรมิ าณ มลู คํา ไทย 0.131 204 0.141 221 0.136 175 0.137 146 0.107 134 0.090 151 เนเธอรแ์ ลนด์ 0.073 137 0.064 128 0.061 100 0.065 87 0.068 96 0.055 94 ฟิลิปปนิ ส์ 0.100 48 0.115 58 0.129 66 0.115 63 0.105 71 0.060 35 คอสตาริก๎า 0.064 59 0.076 69 0.036 38 0.042 38 0.020 36 0.040 37 อนิ โดนเี ซยี 0.021 28 0.019 34 0.021 29 0.020 23 0.017 24 0.015 25 อน่ื ๆ 0.056 79 0.075 96 0.049 64 0.034 46 0.034 12 0.075 88 รวม 0.445 555 0.490 606 0.433 472 0.414 402 0.350 372 0.325 430 ที่มา: สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2559) ด้านการนาเข้า ประเทศท่ีนาเข๎าทั้งสับปะรดกระป๋องและน้าสับปะรด รายใหญํของโลก ได๎แกํ สหรัฐอเมริกา โดยในปี 2558 นาเข๎าสับปะรดกระป๋อง ปริมาณ 0.30 ลา๎ นตนั หรือรอ๎ ยละ 36.58 ของปริมาณการนาเข๎าท้ังหมด รองลงมา ได๎แกํ เยอรมัน และรัสเซีย นาเขา๎ ปริมาณ 0.07 และ 0.04 ล๎านตัน หรือร๎อยละ 8.5 และ 4.9 ของปริมาณการนาเข๎าทั้งหมด มูลคํา 340 80 และ 50 ล๎านดอลลาร์ สหรัฐฯ ตามลาดับ (ตารางที่ 4) สํวนน้าสับปะรด สหรัฐอเมริกานาเข๎าปริมาณ 0.15 ล๎านตัน หรือร๎อยละ 41.7 ของปริมาณการนาเข๎าท้ังหมด รองลงมา ได๎แกํ เนเธอร์แลนด์ และสเปน นาเข๎าปริมาณ 0.07 และ 0.03 ล๎านตัน มูลคํา 68 112 และ 45 ลา๎ นดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลาดับ (ตารางท่ี 5)
7 ตารางที่ 4 ปรมิ าณและมลู คาํ การนาเขา๎ สับปะรดกระปอ๋ งของประเทศผน๎ู าเข๎าท่ีสาคญั ปรมิ าณ : ล๎านตนั มลู คํา : ลา๎ นดอลลารส์ หรฐั ฯ ประเทศ ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปริมาณ มลู คาํ ปริมาณ มูลคํา ปริมาณ มลู คํา ปรมิ าณ มลู คํา ปริมาณ มูลคํา ปรมิ าณ มลู คํา สหรัฐอเมริกา 0.318 292 0.331 336 0.330 316 0.340 319 0.331 314 0.300 340 เยอรมนั 0.091 87 0.107 119 0.098 107 0.106 108 0.083 93 0.070 80 รัสเซยี 0.069 56 0.080 64 0.055 49 0.071 61 0.065 62 0.040 50 สเปน 0.048 63 0.061 89 0.049 68 0.049 66 0.046 67 0.035 40 เนเธอรแ์ ลนด์ 0.037 40 0.052 63 0.047 59 0.031 37 0.043 48 0.030 35 อน่ื ๆ 0.397 427 0.471 561 0.426 493 0.423 480 0.396 473 0.345 355 รวม 0.960 965 1.101 1,231 1.005 1,092 1.020 1,071 0.964 1,057 0.820 900 ทม่ี า: สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2559) ตารางที่ 5 ปริมาณและมลู คาํ การนาเข๎านา้ สับปะรดของประเทศผ๎นู าเขา๎ ทสี่ าคญั ปริมาณ : ล๎านตนั มลู คํา : ล๎านดอลลารส์ หรัฐฯ ประเทศ ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปริมาณ มลู คาํ ปรมิ าณ มูลคาํ ปรมิ าณ มูลคํา ปริมาณ มลู คํา ปรมิ าณ มูลคํา ปรมิ าณ มลู คํา สหรฐั อเมรกิ า 0.223 86 0.227 95 0.149 56 0.140 46 0.142 47 0.150 68 เนเธอร์แลนด์ 0.093 156 0.092 141 0.055 78 0.073 88 0.086 105 0.070 112 สเปน 0.025 45 0.025 49 0.027 43 0.030 40 0.030 41 0.030 45 อติ าลี 0.023 37 0.025 44 0.023 34 0.017 21 0.017 22 0.015 24 รัสเซยี 0.014 31 0.015 32 0.012 24 0.012 20 0.011 18 0.010 17 อนื่ ๆ 0.114 195 0.133 225 0.113 186 0.111 153 0.121 164 0.085 170 รวม 0.491 549 0.517 586 0.379 420 0.384 369 0.406 398 0.360 436 ทม่ี า: สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2559)
8 1.3.2 สถานการณส์ ับปะรดของไทย ด้านการผลิต ประเทศไทยมีการปลูกสับปะรดมากกวํา 22 จังหวัด โดยในปี 2558 มีเน้ือที่เก็บเก่ียว 0.45 ล๎านไรํ ผลผลิต 1.78 ล๎านตัน ผลผลิตเฉล่ีย 3.97 ตนั /ไรํ (ตารางที่ 6) ดา้ นการตลาด ผลผลติ สับปะรดของไทยประมาณร๎อยละ 80 ใช๎สาหรับ แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ตํางๆ โดยผลิตภัณฑ์ท่ีสาคัญ ได๎แกํ สับปะรดกระป๋องและ น้าสับปะรด นอกจากนี้มีผลิตภัณฑ์อ่ืนๆ เชํน สับปะรดท่ีทาไว๎ไมํให๎เสียโดยน้าตาล สับปะรดไมํบรรจุกระป๋อง สับปะรดแชํแข็ง สับปะรดแห๎ง และสับปะรดกวน โดยสับปะรดแปรรูปจะสํงออกเกอื บทง้ั หมด และประเทศไทยเป็นผ๎ูสํงออกรายใหญํ อนั ดับหนึง่ ของโลก โดยในปี 2558 สํงออกสับปะรดกระป๋องปริมาณ 0.48 ล๎านตัน มูลคํา 17,000 ล๎านบาท และสํงออกน้าสับปะรด ปริมาณ 0. 09 ล๎านตัน มูลคํา 4,400 ล๎านบาท สํวนผลผลิตที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ ใช๎บริโภคสด ภายในประเทศ (ตารางที่ 7) ตารางที่ 6 เนอ้ื ที่เกบ็ เกย่ี ว ผลผลิต ผลผลิต/ไรํ สบั ปะรดของไทย ปี เน้ือทเี่ ก็บเก่ยี ว ผลผลิต ผลผลติ (ลา๎ นไรํ) (ลา๎ นตัน) (ตัน/ไรํ) 2553 0.596 1.97 3.30 4.01 2554 0.646 2.59 3.87 2555 0.620 2.40 3.88 2556 0.533 2.07 4.24 2557 0.452 1.92 3.97 2558 0.450 1.78 ทีม่ า: สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2559)
9 ตารางที่ 7 ปริมาณและมลู คาํ สงํ ออกสับปะรดกระป๋องและน้าสบั ปะรดของไทย ปี สบั ปะรดกระป๋อง นา้ สับปะรด ปริมาณ มลู คํา ปริมาณ มลู คํา (ล๎านตนั ) (ล๎านบาท) (ลา๎ นตัน) (ลา๎ นบาท) 2553 0.48 13,644 0.14 6,614 2554 0.61 19,131 0.15 6,825 2555 0.57 16,532 0.14 5,574 2556 0.56 15,112 0.14 4,551 2557 0.52 16,052 0.12 4,700 2558 0.48 17,000 0.09 4,400 ท่มี า: สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (2559) จากการผลิต การสํงออกและการบริโภคสับปะรดของไทย จะเห็นได๎วํา โครงสร๎างสินค๎าสับปะรดแบํงได๎ 3 สํวนคือ 1) สํวนของต๎นน้า พบวํา ร๎อยละ 80 ของผลผลติ สงํ โรงงานเพ่ือแปรรปู เปน็ ผลิตภัณฑ์ตาํ งๆ รอ๎ ยละ 20 ของผลผลิตใช๎เพื่อ บริโภคสด 2) สํวนกลางน้า ร๎อยละ 80 เข๎าโรงงาน ร๎อยละ 20 สํงตลาดในประเทศ ท้ังในตลาดกรุงเทพฯ และจังหวัดตํางๆ และ 3) สํวนปลายน้า สํงออกตลาด ตํางประเทศในรูปผลิตภัณฑ์ร๎อยละ 79 และสํงออกในรูปผลสดเพียงร๎อยละ 1 (ภาพที่ 1)
10 ต้นน้า กลางน้า ปลายนา้ การผลติ ปี 2558 โรงงานแปรรปู สบั ปะรด แปรรปู 79% สงํ ออกตลาดตํางประเทศ -พน้ื ทเี่ กบ็ เกี่ยว 0.45 ลา๎ นไรํ ผสู้ ง่ ออก สด 1% - สบั ปะรดกระป๋อง -ผลผลติ 1.78 ล๎านตัน - นา้ สบั ปะรด % % ตลาดกลาง กทม. - สับปะรดกวน เกษตรกร 100 % (ตลาดไท/ส่มี มุ - อืน่ ๆ % ผู้รวบรวม ทอ้ งถิน่ สถาบัน เมอื ง) เกษตรกร แผงสบั ปะรด ตลาดสาคัญ %% - กระป๋อง (อเมริกา % % สหรัฐอาหรับ) ตลาดขายปลีก พ่อค้ารวบรวมสับปะรด กทม./ปริมณฑล - น้าสับปะรด บรโิ ภคสด (เนเธอรแ์ ลนด์ อเมริกา % อติ าล)ี ตลาดขายสง่ ในจงั หวัด ตลาดขายปลีกใน % - สบั ปะรดกวน (อเมรกิ า จงั หวัด รัสเซยี ญ่ีปุน) อัตราแปลง สด 3.33 กก =สบั ปะรดกระป๋อง 1 กก. % ผูบ้ ริโภคในประเทศ สด 5 กก = สบั ปะรดแหง๎ /กวน 1 กก. สด 4 กก.= นา้ สบั ปะรด 1 กก. ภาพท่ี 1 โครงสรา๎ งสนิ ค๎าสบั ปะรด (สานักงานเศรษฐกจิ การเกษตร, 2559) 1.4 การวเิ คราะห์จุดออ่ น จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรค ของสับปะรดไทย (SWOT Analysis) แม๎ประเทศไทยจะครองความเป็นผู๎นาในการสํงออกผลิตภัณฑ์สับปะรด ของโลกมาเป็นเวลายาวนาน แตํการผลิตสับปะรดของไทยมีปัญหาอุปสรรคตํางๆ อีกมากท่ีต๎องพัฒนา ดังน้ันผู๎มีสํวนเก่ียวข๎องในวงการสับปะรดจากทั้งภาครัฐ ผ๎ูประกอบการ โรงงาน และเกษตรกรชาวไรํสับปะรดได๎รํวมกันวิเคราะห์จุดอํอน จดุ แขง็ โอกาส และอปุ สรรคของสบั ปะรดไทย สรุปได๎ดังนี้
11 1.4.1 จุดแข็ง (Strength) 1) สภาพพื้นท่ีและอากาศเหมาะสมตํอการปลูกสับปะรดทุกภาค ของประเทศ 2) เกษตรกรมีความร๎ูความสามารถและประสบการณ์ในการปลูก สับปะรดเป็นอยาํ งดี 3) มเี ทคโนโลยใี นการผลิตสามารถบงั คบั ใหอ๎ อกดอกได๎ 4) มีการรวมกลุํมผู๎ผลิตที่คํอนข๎างเข๎มแข็งในรูปสถาบันเกษตรกร เพอ่ื เพมิ่ อานาจการตํอรอง 5) ผลผลิตสับปะรดของไทยมีมากเพียงพอ และร๎อยละ 70-80 นาไป แปรรปู เป็นผลติ ภณั ฑ์เพอ่ื การสํงออก 6) มโี รงงานแปรรูปสับปะรดที่สามารถรองรับวัตถดุ ิบสบั ปะรดได๎เพียงพอ 7) มีโรงงานแปรรูปสับปะรดขนาดใหญํที่มีเทคโนโลยีการผลิตท่ีทันสมัย และมีกระบวนการผลิตและแปรรูปท่ีได๎มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ ในตลาดโลก 8) โรงงานแปรรูปสับปะรดสํวนใหญํตั้งอยํูในแหลํงผลิต ซ่ึงสะดวก ในการขนสงํ เขา๎ สโํู รงงาน 9) แรงงานในอตุ สาหกรรมสบั ปะรดเปน็ แรงงานท่มี ีทกั ษะและความชานาญ 1.4.2 จุดอ่อน (Weakness) 1) มีเกษตรกรรายยํอยจานวนมากที่ไมํมีการรวมกลํุมและขาดแคลน เงนิ ทนุ รวมทง้ั ไมํมีการทาสัญญาซ้ือขายผลผลิตลํวงหน๎ากับโรงงาน (Contract Farming) ทาใหม๎ ีความเส่ยี งด๎านราคา 2) พันธุ์สบั ปะรดท่ีปลกู ในปจั จุบนั ใหผ๎ ลผลติ ตอํ ไรตํ า่ 3) ขาดการวจิ ยั พัฒนาพนั ธ์ใุ หมํให๎สอดคล๎องกับความต๎องการของตลาด ปลอดโรค และให๎ผลผลติ ตอํ ไรํสูง 4) การขนสํงสับปะรดจากแหลํงผลิตไปสํูโรงงานไมํเหมาะสมทาให๎ ผลผลติ บางสวํ นเสียหายไมํไดค๎ ณุ ภาพ
12 5) ผลผลิตปูอนโรงงานแปรรปู ไมสํ มา่ เสมอทั้งด๎านปริมาณและคุณภาพ เน่ืองจากการผลิตสํวนใหญํขึ้นอยูํกับธรรมชาติ โดยพ้ืนท่ีปลูก สบั ปะรดสํวนใหญอํ าศยั น้าฝน และระบบชลประทานไมํเพยี งพอ 6) โรงงานแปรรปู ขนาดเลก็ ขาดแคลนเงินทนุ ในการพฒั นากระบวนการ แปรรูปใหไ๎ ดม๎ าตรฐาน 7) เกษตรกรและโรงงานแปรรูปขาดความรํวมมือในการวางแผนการผลิต และขาดความรวํ มใจในการแก๎ไขปญั หา 8) การขยายผลผลิตในพ้ืนที่ท่ีไมํเหมาะสมและไมํมีโรงงานแปรรูป สับปะรดรองรบั กอํ ใหเ๎ กดิ ปญั หาผลผลิตลน๎ ตลาดและราคาตกตา่ 9) โรงงานแปรรปู สับปะรดสํวนใหญํดาเนินธุรกิจในลักษณะการรับจ๎าง ผลติ แล๎วสํงออกโดยผาํ นนายหน๎า (Broker) ในตราสินค๎าของลูกค๎า ทาให๎ยากตํอการขยายตลาดใหมํ 1.4.3 โอกาส (Opportunity) 1) ผลติ ภณั ฑส์ บั ปะรดของไทยคณุ ภาพดีเป็นท่ียอมรับและต๎องการของ ตลาดโลก 2) การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เป็นโอกาสใน การขยายการสํงออกสับปะรดและผลิตภัณฑ์ของไทยในกลุํมประเทศ อาเซียน และการจัดทาข๎อตกลงการค๎าเสรี (Free Trade Area : FTA) กับประเทศตาํ งๆ 3) ตลาดตํางประเทศเห็นวําผลิตภัณฑ์สับปะรดของไทยมีความ หลากหลายโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หลัก ได๎แกํ สับปะรดกระป๋อง มหี ลากหลายทัง้ ขนาดชิ้น ขนาดกระปอ๋ ง ผูบ๎ รโิ ภคสามารถเลอื กซ้ือได๎ ตามความตอ๎ งการ 4) การยกเลิกภาษีตอบโต๎การทุํมตลาด ( Anti Dumping) ของ สหรัฐอเมริกาทาให๎ราคาสับปะรดกระป๋องของไทยสามารถแขํงขัน กับประเทศคํแู ขงํ ได๎
13 1.4.4 อุปสรรค (Threat) 1) ราคาปจั จยั การผลติ มีแนวโน๎มสูงข้ึนที่สาคัญ ได๎แกํ ปุ๋ยเคมี สารเคมี ปราบศัตรพู ชื และคาํ จ๎างแรงงานทาใหต๎ น๎ ทุนการผลิตสับปะรดสงู ข้นึ 2) การปลูกสับปะรดขึ้นกับสภาพดินฟูาอากาศ สํงผลให๎ปริมาณและ คณุ ภาพผลผลติ ไมํแนนํ อนในแตํละปี 3) ขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะโรงงานแปรรูปทาให๎ต๎องพึ่งพาแรงงาน ตาํ งชาติ 4) ต๎นทุนการผลิตสับปะรดกระป๋องของไทยสูงกวําคูํแขํง ซึ่งเป็นผล มาจากราคาปัจจัยการผลติ ปรับตัวสูงขึ้น ได๎แกํ บรรจุภัณฑ์กระป๋อง น้ามนั เตา โดยเฉพาะคาํ จา๎ งแรงงานตามนโยบายรัฐบาล 5) ตลาดหลัก ได๎แกํ สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ประสบปัญหา วิกฤตเศรษฐกิจ ทาให๎ความต๎องการนาเข๎าผลิตภัณฑ์สับปะรด มจี านวนลดลง 1.5 แนวทางการพฒั นา จากผลการวิเคราะห์จุดอํอน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรคของสับปะรด ไทยดังกลําว จะเห็นวําอุตสาหกรรมสับปะรดของไทยมีศักยภาพและมีขีด ความสามารถในการแขํงขัน ทาให๎ไทยเป็นผู๎ผลิตและผู๎สํงออกผลิตภัณฑ์สับปะรด รายใหญํของโลก ทั้งนี้เพ่ือรักษาไว๎ซึ่งความเป็นผ๎ูนาท้ังด๎านการผลิต การแปรรูปและ การตลาด จาเป็นต๎องมีการพัฒนาเพื่อแก๎ไขจุดอํอนและข๎อจากัดในด๎านตํางๆ เพ่ือให๎ สามารถแขงํ ขันกับคแูํ ขงํ รายอื่นๆ ได๎ รวมท้ังต๎องเรํงพัฒนาจุดแข็งและสร๎างโอกาส *ทีม่ ีเพอื่ เพิม่ ขดี ความสามารถในการแขํงขันให๎เพิ่มข้ึนและได๎จัดทาเป็นยุทธศาสตร์ สับปะรดปี 2560 - 2569 (สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2559)
14 1.5.1 ด้านการผลติ 1) วิจัยและพัฒนาพันธุ์ที่ให๎ผลผลิตตํอไรํสูง ทนทานตํอโรคและแมลง และคุณภาพสอดคล๎องกับความต๎องการของตลาดโดยแยกเป็น พันธ์ุเพือ่ การบรโิ ภคสด และเพ่ือการแปรรูป 2) สํงเสริมการผลิตในพ้ืนที่ที่เหมาะสมทางเศรษฐกิจสาหรับ การปลูกสบั ปะรด (Zoning) โดยคานงึ ถงึ แหลํงรับซอ้ื โรงงานแปรรูป โดยแบํงออกเป็นพื้นท่ีท่ีเหมาะสมสาหรับปลูกสับปะรดบริโภคสด และพื้นทท่ี เี่ หมาะสมสาหรบั การปลกู สบั ปะรดโรงงาน เพ่ือลดปัญหา ในเร่ืองการขนสํงและผลผลิตเกินความต๎องการ รวมทั้งปรับปรุง การขน้ึ ทะเบยี นเกษตรกรผ๎ูปลกู สบั ปะรด 3) เกษตรกรและโรงงานต๎องรํวมมือกันในการวางแผนการผลิต และการรับซื้อให๎สอดคล๎องกับความต๎องการในลักษณะของการทา สัญญาข๎อตกลง (Contract Farming) อยาํ งจริงจัง และโรงงานต๎อง ไมรํ ับซ้ือผลผลิตจากเกษตรกรทีไ่ มมํ สี ญั ญาขอ๎ ตกลง 4) เกษตรกรต๎องรวมตัวกันอยํางเข๎มแข็งในการรับการถํายทอด เทคโนโลยี เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิต ลดต๎นทุนการผลิตและ เพิ่มคุณภาพผลผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแขํงขันของ ตัวเกษตรกรเอง 5) ภาครฐั สนับสนนุ การถํายทอดเทคโนโลยตี ามขบวนการ GAP รวมท้ัง ตรวจสอบและให๎การรับรอง จัดหาปัจจัยพื้นฐานที่จาเป็น เชํน แหลงํ /ระบบนา้ การพฒั นาเส๎นทางโลจสิ ติกส์ ตลอดจนการวิจัย และพัฒนาในด๎านตํางๆ เชํน การปูองกันแก๎ไขปัญหาโรคเหี่ยว สบั ปะรด การปูองกันแก๎ไขปัญหาสารไนเตรทตกคา๎ ง 1.5.2. ดา้ นการแปรรปู 1) โรงงานแปรรูปสับปะรดต๎องรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร ท่ีผํานการตรวจสอบรับรองแปลง GAP และต๎องเป็นเกษตรกรที่มี
15 การทาสัญญาข๎อตกลงการซ้ือขายลํวงหน๎า (Contract Farming) เทาํ นั้น เพอื่ ให๎เกษตรกรเข๎าสกํู ระบวนการผลติ ทไ่ี ด๎มาตรฐานคณุ ภาพ โดยโรงงานแปรรูปสับปะรดประกันความเส่ียงในการรับซ้ือผลผลิต ในราคาทเี่ ปน็ ธรรม ลดปญั หาการแยงํ ซ้อื วตั ถดุ ิบในชํวงขาดแคลน 2) โรงงานแปรรปู สบั ปะรดต๎องมกี ารพัฒนาเทคโนโลยใี ห๎มีประสทิ ธิภาพ และทันสมัยเพอื่ รักษาคุณภาพผลผลิตให๎ได๎มาตรฐาน และลดต๎นทุน การผลิตให๎ต่าลงโดยเฉพาะการใช๎เครื่องจักรทดแทนแรงงานคน ซงึ่ คําจา๎ งแรงงานมีแนวโนม๎ สูงขึ้น เพือ่ ให๎สามารถแขงํ ขันกับคํูแขํงขัน รายอนื่ ๆ ไดโ๎ ดยเฉพาะฟลิ ิปปินสแ์ ละอินโดนีเซีย ซึ่งมีต๎นทุนการผลิต ตา่ กวํา 3) ควรสร๎าง Brand เป็นของประเทศไทยเอง แทนการรับจ๎างผลิต ซ่ึงกํอให๎เกดิ ปัญหาการขายตดั ราคากันเอง 4) สนบั สนุนการนาสับปะรดไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ตํางๆ ที่สามารถ สร๎างมูลคําสูงในเชิงพาณิชย์ เชํน น้าส๎มสายชูหมักจากสับปะรด เอนไซม์โปรมิเลน สารให๎ความคงตัวจากสับปะรด และสับปะรด ในน้าเชื่อมบรรจุถ๎วยพลาสติกพร๎อมบริโภค ทั้งน้ีเพ่ือให๎การแก๎ไข ปัญหาผลผลิตล๎นตลาดและราคาตกตา่ เปน็ ไปอยาํ งย่ังยืน 1.5.3 ด้านการตลาด 1) สนบั สนุนใหม๎ กี ารซ้ือขายผลิตภัณฑ์สับปะรดในตลาดซื้อขายลํวงหน๎า (Future Market) เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปล่ียนแปลงของอัตรา แลกเปลี่ยน 2) หาตลาดใหมํเพิ่ม เพ่ือรองรับวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและ สหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักในปัจจุบัน โดยเฉพาะตลาดอาเซียน ภายใต๎ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซ่ึงจะเปิดตลาดในปี 2558 และไทยมีโอกาสท่ีจะขยายการสํงออกท้ังรูปผลสดและผลิตภัณฑ์ ซง่ึ ไทยมีความไดเ๎ ปรยี บเพราะเป็นศูนย์กลางของการคมนาคม
16 3) เจรจาเปิดเสรีการค๎าให๎สินค๎าสับปะรดกับสหภาพยุโรปภายใต๎ FTA ไทย - สหภาพยุโรป เพ่ือให๎ราคาสํงออกของไทย สามารถแขํงขัน กบั ประเทศคแํู ขํงได๎ 4) รณรงค์สํงเสริมการบริโภคสับปะรดภายในปร ะเทศให๎เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนา้ สับปะรดซ่ึงมคี ณุ คําทางโภชนาการสูง ซ่ึงนอกจากจะเป็น การดูดซับผลผลิตสับปะรดสํวนเกินแล๎วยังเป็นการประหยัดรายจําย ของประเทศ จากการลดการนาเข๎านา้ ผลไม๎ชนิดอน่ื ๆ จากตํางประเทศ เอกสารอ้างอิง จินดารัฐ วีระวุฒิ. 2541. สับปะรดและสรีรวิทยาการเจริญเติบโตของสับปะรด ภาควิชาพืชไรํนา คณะเกษตรมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ. 196 หน๎า. จารุพันธ์ ทองแถม, ม.ล. 2526. สับปะรดและอุตสาหกรรมสับปะรดในประเทศไทย อักษรวิทยา กรงุ เทพฯ 158 หน๎า. สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร. 2559. รํางยุทธศาสตร์สับปะรดปี 2560-2569. ในเอกสารประกอบการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรด แหงํ ชาติ คร้งั ท่ี 2/2559, กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ Collins, J.L. 1960. The Pineapple, Botany, Cultivation and Utilization. Leonard Hill Ltd. London.
17 บทที่ 2 ลกั ษณะพฤกษศาสตร์และพนั ธุ์ 2.1 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ สับปะรด (Ananas comosus (L) Merr.) จัดอยูํในวงศ์ Bromeliaceae เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจาพวกไม๎เนื้ออํอนที่มีอายุหลายปี สับปะรดจะออกดอก ทีส่ ํวนยอดของลาต๎น และเม่ือชํอดอกเจริญเป็นผลแล๎วตาที่สํวนของลาต๎นจะเจริญ เป็นต๎นใหมํได๎อีก หนํอหรือต๎นใหมํท่ีเกิดสามารถออกผลได๎เชํนเดียวกับต๎นแมํ พืชในวงศ์ Bromeliaceae แบํงเป็นกลํุมใหญํๆ ได๎ 2 กลุํม ตามลักษณะถ่ินท่ีอยํู หรอื นิเวศวิทยา (จินดารฐั , 2541) คอื 1. พืชที่ข้ึนอยูํบนดินทั่วไป (terrestrial plant) พวกน้ีจะมีระบบราก เจริญอยูํในดนิ ได๎รับน้าและธาตุอาหารเพื่อการเจริญเติบโตจากดิน เป็นสํวนใหญํ 2. พชื อิงอาศยั (epiphytes) พืชพวกน้ีมีระบบรากเจริญอยํูบนวัตถุอื่น ได๎รบั นา้ และธาตอุ าหารจากเปลอื กไม๎ ใบไมห๎ รือวตั ถทุ ีส่ ลายตัวแลว๎ สว่ นประกอบตา่ งๆ ของต้นสับปะรดทส่ี าคัญ (ภาพท่ี 2) มดี ังนี้ 1. ลาต้น (stem) เป็นสํวนที่สะสมอาหาร มีรูปรํางคล๎ายกระบอง ยาวประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร เส๎นผําศูนย์กลาง 2.0 - 3.5 เซนติเมตร สาหรับ สํวนทีก่ วา๎ งทีส่ ุดประมาณ 5 เซนตเิ มตร ลาต๎นสวํ นที่อยํเู หนือดินจะมีลักษณะตั้งตรง สํวนที่อยูํใต๎ดินจะโค๎งเล็กน๎อย ลาต๎นประกอบด๎วยข๎อและปล๎องสั้นๆ จานวนมาก บริเวณข๎อของลาต๎นเหนือโคนใบจะมีตาโผลํขึ้นมาซ่ึงจะเจริญไปเป็นหนํอและราก สํวนหนํอที่เจริญมาจากตาบนลาต๎นที่อยํูระดับผิวดินหรือใต๎ดิน เรียกวํา หนํอดิน (ground sucker) สํวนหนํอที่เจริญมาจากตาบนลาต๎นที่อยํูเหนือพ้ืนดิน เรียกวํา หนอํ ขา๎ งหรอื หนํออากาศ (arial sucker)
18 2. ใบ (leaf) ใบสับปะรดมีลักษณะแคบ เรียวยาว และเป็นรํองโค๎ง ลักษณะรํองโค๎งชํวยให๎สับปะรดมีความแข็งแรงและทนทานตํอการหักพับได๎ ดี เป็นพิเศษ การเรียงตัวของใบเป็นแบบเวียนรอบลาต๎น มีรอบการเรียงตัว (phyllotaxy) เทาํ กับ 5/13 หรือจานวนใบที่เกิดเวียนรอบลาต๎นไปได๎ 5 รอบ จะมี จานวนใบเทํากบั 13 ใบ และใบที่ 14 จะเกิดตรงกับตาแหนํงของใบท่ี 1 ลกั ษณะของ ใบท่ีเรียวยาวเป็นรํองโค๎งและเรียงตัวเวียนรอบลาต๎นสับปะรดมีความสาคัญ ใน การดารงชวี ิตในสภาพแวดลอ๎ มทมี่ ีนา้ น๎อย ละอองฝนหรือนา้ ค๎างทีต่ กลงมาสัมผัส กับ พุํมใบ จ ะถูกร วบ ร วมมาไว๎ท่ีสํวนโคนต๎นให๎ร ากในดินห รือร าก ตามมุมใบ ใช๎ ประโยชน์ได๎ ใบที่ระดับตํางๆ ของต๎นสับปะรดมีรูปรํางและขนาดท่ีแตกตํางกัน ความยาวของใบเมื่อเจริญเต็มที่ยาวประมาณ 80 เซนติเมตร กว๎าง 5 เซนติเมตร ใบอํอนกวําจะอยูํในตาแหนํงท่ีสงู ขน้ึ มาบนลาต๎นและเพมิ่ ความยาวข้นึ เรื่อยๆ สํวนใบ ท่ยี าวที่สดุ จะอยูตํ รงกลางระหวาํ งลาตน๎ ซง่ึ เป็นกลมํุ ใบท่ีกาลงั อยูใํ นระยะเจริญเตบิ โต เต็มท่ีทางสรีระ ถัดจากนั้นใบอํอนท่ีอยูํสูงขึ้นไปบนลาต๎นจะคํอยๆ ลดความยาวลง โดยมีใบประมาณ 70 - 80 ใบ/ต๎น การแบงํ กลมุํ ของใบ ตามรปู รําง ตาแหนงํ และอายขุ องใบ มดี งั น้ี (ภาพที่ 3) - A-leaves เป็นกลํุมของใบท่ีอยํูด๎านลํางสุดของลาต๎น มีอายุ มากสดุ สํวนของปลายใบเริ่มแห๎งและไมํสามารถสร๎าง อาหารจากกระบวนการสังเคราะห์แสงแล๎ว - B-leaves เป็นกลํุมใบที่อยํูถัดขึ้นมา แกํเต็มท่ีแล๎ว มีสํวน ในการสรา๎ งอาหารให๎ตน๎ สับปะรดไดบ๎ า๎ งเลก็ นอ๎ ย - C-leaves เป็นกลํุมใบท่ีเจริญเต็มท่ีแล๎วยังสามารถสร๎างอาหาร ใหส๎ ับปะรดดกี วําใบกลมํุ B - D-leaves เป็นกลํุมใบท่ีกาลังอยูํในระยะเจริญเติบโตเต็มท่ี ทางสรีระมีกิจกรรมที่เกี่ยวข๎องกับการเจริญเติบโต สงู สดุ เปน็ กลมุํ ใบทม่ี ีความยาวมากสุด
19 - E-leaves เป็นกลุํมใบที่ยังเจริญเติบโตไมํเต็มที่ ใบมีสีอํอนกวํา - F-leaves ใบกลมุํ D เป็นกลุมํ ใบทอี่ ํอนทส่ี ดุ อยบูํ รเิ วณปลายยอดของลาต๎น มขี นาดเล็กท่สี ดุ และมีสีเขียวจาง 3. ดอก (flower) ดอกสับปะรดจะเกดิ ทส่ี ํวนปลายของลาต๎น ชํอดอกของ สับปะรดจะมีดอกยํอย 100-200 ดอก และแตํละดอกจะเจริญไปเป็นผลยํอย ซึ่งติดกนั แนนํ รวมเป็นผลใหญํ ผลยอํ ยเล็กๆ น้เี รียกวํา ตา (fruitlet) ในชํอดอกปกติ จานวนแถวของดอกยํอยในแตํละแนวจะมีจานวนคงที่ คือ แนวตั้งมีจานวน 8 แถว และแนวนอนมีจานวน 13 แถว ดอกยํอยแตํละดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ คือ มีดอกตัวผ๎แู ละดอกตัวเมยี อยํใู นดอกเดียวกัน มีสํวนประกอบตํางๆ คือ แบร็กต์ 1 อัน กลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบดอก 3 กลีบ เกสรตัวผ๎ู 5 อัน เรียงเป็น 2 วงๆ ละ 3 อนั มีรังไขํ 1 อนั แบงํ เป็น 3 ชํอง (locules) เกสรตัวเมยี 1 อนั และปลายเกสรตัว เมียแยกเป็น 3 แฉก (lobes) เกสรตัวเมียมีความยาวมากกวําเกสรตัวผู๎เล็กน๎อย และมีขนาดสั้นกวํากลีบดอกเล็กน๎อย กลีบดอกมีสี ขาวท่ีโคนและมีสีมํวง อมฟูาที่สํวนปลาย รูปรํางกลีบดอกแบบยาวรี (ligule) ดอกจะบานในตอนเช๎า และเหย่ี วตอนเยน็ ดอกจะบานจากโคนชํอไปหาปลายชํอ (ภาพท่ี 4) การพฒั นาของช่อดอก ระยะทส่ี บั ปะรดเจริญเตบิ โตทางลาต๎น สํวนปลายของลาต๎นมีลักษณะเป็น รูปโดม หลงั จากได๎รับสารกระตุน๎ การออกดอกประมาณ 2 วนั จะมกี ารเปลยี่ นแปลง ที่ปลายยอด โดยปลายยอดจะเพ่มิ ขนาดมากข้นึ ทงั้ ความกวา๎ งและความสงู มกี ารเพิ่ม ชนั้ ของเซลล์ การเพ่ิมขนาดของปลายยอดจะเกิดข้ึนพร๎อมๆ กับการสร๎างสํวนตํางๆ ของดอกยํอย จนเมื่อเวลาผํานไป 8 - 14 วัน ขนาดของปลายยอดจะมีความกว๎าง สงู สุด หลังจากนน้ั ปลายยอดจะคํอยๆ ลดลงจนมีขนาดแคบทีส่ ุดที่ระยะ 30 - 40 วัน ซึ่งระยะนส้ี วํ นของดอกยํอยจะถกู สร๎างขน้ึ มา จานวนของดอกยอํ ยที่สร๎างข้นึ ในแตํละ ชํอดอกจะมมี ากน๎อยนน้ั จะมีความสมั พันธก์ ับขนาดของตน๎ สับปะรด ปริมาณอาหาร สารองและสภาพทางสรีระของต๎นสับปะรดน้ันๆ หลังจากนั้นสํวนของปลายยอด
20 จะขยายตวั อีกครั้งหน่ึงและเรม่ิ สรา๎ งสวํ นของใบซึ่งจะเจรญิ เป็นสํวนของจุกสับปะรด ตํอไป (ตารางที่ 8 และภาพที่ 5) ตารางที่ 8 การพฒั นาของสวํ นตาํ งๆ ของชํอดอกหลังไดร๎ ับสารบงั คบั ดอก ระยะเวลาหลังได้รบั การพฒั นาของช่อดอก สารบังคบั ดอก (วัน) เร่ิมสร๎าง branch primodia และเพ่ิมขนาดขึ้นถึงประมาณ 4-6 400 ไมโครเมตร หลงั จากน้ันจะเริ่มสร๎างตาตามมุมของ bract ดอกแรกๆ ทเ่ี กิดข้ึนเริ่มสร๎างสวํ นของกลีบเล้ยี ง 10 ดอกแรกๆ เริ่มสรา๎ งสํวนของกลบี ดอก 12 เร่ิมมกี ารสร๎างสวํ นของเกสรตัวผู๎ 15 เรม่ิ มีการสรา๎ งสํวนของ carpel 18 ดอกยํอยถูกสร๎างเรียบร๎อย เร่ิมมีการสร๎างสํวนของใบซ่ึงจะ พฒั นาไปเป็นจกุ ตอํ ไป 30 - 45 ท่มี า: จินดารฐั (2541) 4. ผล (fruit) การพัฒนาการของผลสับปะรดเกิดได๎โดยไมํต๎องมี การผสมเกสร (parthenocarpy) จดั เปน็ ผลรวม (multiple fruit) ทีเ่ กดิ จาก การเชือ่ มติดกนั ของผนังรังไขํและสํวนประกอบของดอกยํอยที่เรียงตัวอยํูติดกันบน แกนกลางของชํอดอก สํวนบนสุดของผลจะเป็นกลํุมของใบซึ่งจะเจริญไปพร๎อมๆ กับผลและพัฒนาเป็นจุกตํอไป แกนกลางของจุกและผลสับปะรดเป็นสํวนที่ เจริญตํอเนื่องมาจากเน้ือเย่ือเจริญที่ปลายยอดของต๎นสับปะรด ผลสับปะรดถ๎ามี ขนาดใหญํมีรูปเป็นทรงกรวย (conical) ซ่ึงสํวนโคนผลมีความกว๎างมากกวํา สํวนปลายผล ถ๎าผลมีขนาดปานกลางจะมีรูปทรงกระบอก (cylindrical) คือ สํวนโคน สํวนกลางและสํวนปลายมีขนาดใกล๎เคียงกัน ถ๎าผลมีขนาดเล็กจะมี รปู ราํ งแบบทรงกลม (spherical) คือ สํวนกลางของผลมีความกวา๎ งมากกวําสวํ นโคน และสํวนปลาย และความยาวของผลใกลเ๎ คียงกบั ความกว๎าง
21 การพัฒนาของผล หลังจากสร๎างชํอดอกแล๎ว ชํอดอกจะพัฒนาตํอเน่ืองไปตามลาดับจนถึง ระยะผลสกุ แกํ โดยไมํมปี ัญหาดา๎ นการผสมเกสรหรือการหลดุ รํวงของผลออํ นเหมอื น ผลไม๎ทวั่ ไป ตามปกติการผสมตัวเองจะไมํเกิดข้ึน เนื่องจากเกสรตัวผ๎ูมีขนาดส้ันกวํา เกสรตัวเมีย หรือถ๎ามีการผสมตัวเองทํอละอองเกสรตัวผู๎ไมํสามารถเจริญตํอไปได๎ จนถึงรังไขํ ซ่งึ เปน็ ลักษณะทเี่ รยี กวาํ self incompatibility ดอกยอํ ยบริเวณสํวนลําง ของชํอดอกท่ีสร๎างข้ึนมากํอนจะพัฒนาไปกํอน ติดตามด๎วยดอกท่ีอยํูถัดขึ้นมา ตามลาดับ สาหรับการพัฒนาของผลยํอยมีลักษณะเชํนเดียวกัน คือ พัฒนาจาก ผลยอํ ยท่ีอยดูํ า๎ นลาํ งของผล ตามด๎วยผลยอํ ยทอ่ี ยถํู ดั ขนึ้ ไป ลักษณะการพัฒนาเชํนน้ี ทาให๎สํวนตํางๆ ของผลสับปะรดมีระดับการพัฒนาไมํเทํากัน เม่ือถึงระยะสุกแกํ สํวนโคนผลสกุ กํอนสวํ นปลายผล ดงั นัน้ เน้อื ผลแตํละสํวนจึงมีลักษณะและคุณภาพ แตกตาํ งกนั ตามระดบั ของการพัฒนา เชํน ความเขม๎ ของสเี น้อื ความหวาน ปริมาณกรด เปน็ ต๎น สาหรบั ลักษณะการเจรญิ เติบโตของผลและสวํ นประกอบอ่ืนๆ เชํน แกนผล ผลยํอย และเปลอื ก เป็นการเจริญเตบิ โตแบบ Sigmoid curve (ภาพที่ 6) 5. ก้านผล (peduncle) ก๎านผลเจริญมาจากสํวนปลายลาต๎น ทาหน๎าที่ รองรับผล เป็นทางลาเลียงน้าและอาหารจากลาต๎นไปสูํผลและจุก ที่ก๎านผลจะมี ใบสัน้ ๆ เกดิ เวียนรอบผล ใบเหลํานจ้ี ะเรยี งกันอยูํหาํ งๆ ทบี่ ริเวณสํวนโคนของก๎านผล และจะถี่มากขึ้นที่สํวนบน โดยเฉพาะอยํางย่ิงในบริเวณท่ีติดกับโคนผล ท่ีบริเวณ มุมใบของก๎านผลจะมีตาเล็กๆ พักตัวอยูํ เมื่อสภาพแวดล๎อมเหมาะสมก็จะเจริญ ขึ้นมาเป็นสํวนที่เรียกวํา ตะเกียง (slip) ปกติก๎านผลมีสีเขียวเมื่อถึงระยะผลแกํ ก๎านผลน้จี ะเห่ียวเปน็ แนวยาว 6. จุก (crown) อยูํสํวนบนสุดของผล จะเป็นกลุํมของใบซ่ึงจะเจริญไป พร๎อมๆ กบั ผล โดยได๎รับน้าและอาหารจากต๎นผํานก๎านผลและแกนของผลไปสูํจุก จนถึงระยะท่ีผลสับปะรดแกํเต็มที่จุกจะหยุดการเจริญเติบโต สํวนของจุกจะมี แกนกลางเป็นลาต๎นเล็กๆ และมีสํวนของเน้ือเย่ือเจริญที่ปลายยอด เม่ือแยกจุก
22 ออกจากผลแลว๎ นาไปปลกู จะเจรญิ เติบโตเป็นสับปะรดต๎นใหมไํ ด๎ แตํจะใชเ๎ วลาต้ังแตํ ปลูก – ออกดอก และเก็บเกี่ยวนานกวําการปลกู ดว๎ ยหนอํ ภาพที่ 2 แสดงสวํ นตํางๆ ของต๎นและผลสบั ปะรด ทีม่ า: วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี 2556
23 7. ตะเกยี ง (slip) คือ หนํอท่ีเกดิ จากตาที่อยํูบนก๎านผล ซึ่งมีลักษณะเป็น ต๎นสับปะรดเล็กๆ คล๎ายหนํอ สับปะรดแตํละต๎นจะสร๎างตะเกียงได๎หน่ึงหรือ หลายตะเกียงหรือไมสํ ร๎างตะเกียงก็ได๎ ข้นึ อยํูกบั พันธ์ุและความสมบรู ณ์ของต๎นแมํ 8. หน่อ (sucker) เปน็ สวํ นทน่ี ยิ มนามาใช๎ในการขยายพันธ์ุ หนํอสับปะรด มีหลายชนดิ โดยจะเรียกตามตาแหนํงที่เกิดของหนํอ เชํน ถ๎าเป็นหนํอที่เกิดจากตา ในบรเิ วณจุดเชอ่ื มระหวํางก๎านผลกับลาต๎น เรียกวํา หนํออุ๎มลูก ปกติมี 1 - 2 หนํอ ถ๎าเกิดจากตาบนลาต๎นสวํ นที่อยูํเหนือผวิ ดนิ เรียกวํา หนํอข๎าง มีไมํน๎อยกวํา 2 หนํอ ใช๎ขยายพันธุ์ได๎ดี สํวนหนํออีกชนิดหน่ึง เรียกวํา หนํอดิน ซึ่งเกิดจากตาลาต๎นท่ีอยํู ต่ากวําระดับผิวดินหรือระดับผิวดิน เรียกวํา หนํอดิน หนํอชนิดนี้มีจานวนน๎อย มีลักษณะรูปรํางเล็กเรียว แตํใบจะยาวกวําหนํอข๎าง สํวนใหญํนิยมเล้ียงไว๎เพื่อให๎ ผลผลิตในรนํุ หนํอ (1st ratoon) ภาพท่ี 3 แสดงกลํมุ ของใบตามรูปรําง ตาแหนงํ และอายขุ องใบ (A-leaves ขวาสุด)
24 ภาพท่ี 4 ลักษณะดอก และสวํ นประกอบของดอกสบั ปะรด ภาพที่ 5 แสดงระยะการเจรญิ เติบโตของสบั ปะรด ท่มี า: บรษิ ัทโดลไทยแลนด์ จากดั
25 ภาพท่ี 6 การเพิม่ นา้ หนกั สดของสํวนตาํ งๆ ของผลสบั ปะรด ที่มา: จนิ ดารัฐ (2541) 2.2 พนั ธส์ุ ับปะรด สับปะรดท่ีปลูกทั่วโลกมีหลายชนิด แตํละชนิดหรือแตํละพันธุ์จะมี ลักษณะเดํนเฉพาะตัวแตกตํางกันไป การจัดจาแนกลักษณะความแตกตําง ของสับปะรด Py et al., (1987) จัดแบํงสับปะรดได๎ 5 กลุํม คือ กลํุม Smooth cayenne กลมํุ Queen กลํุม Spanish กลํุม Maipure หรือ Perolera และ กลํมุ Abacaxi หรอื Pernambuco โดยสับปะรดในแตลํ ะกลุมํ พันธุ์จะมีคุณลักษณะ แตกตาํ งกนั (ตารางท่ี 9) ส ม บัติ แ ล ะ คณะ (2539) ได๎รวบรวมแ ล ะ ศึกษาพันธุ์สับปะรด ทั้งจากภายในและตํางประเทศ โดยนามาปลูกและศึกษาลักษณะประจาพันธ์ุ ในด๎านตํางๆ ท่ีศูนย์บริการวิชาการด๎านพืชและปัจจัยการผลิตเพชรบุรี ปัจ จุบัน คือ ศูนย์วจิ ัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี โดยเป็นพันธ์ุสับปะรดภายในประเทศ 10 พันธุ์ และพันธ์ุจากตํางประเทศ 12 พันธ์ุ ลักษณะประจาพันธุ์เบ้ืองต๎นของ
26 สับปะรดพันธ์ุตํางๆ ในแตํละกลุํมพันธ์ุ ยึดเกณฑ์มาตรฐานของ IBPGR (1991) สามารถจดั แบ่งเปน็ 3 กล่มุ พนั ธุ์ (ตารางท่ี 10 11 และ 12) คือ 1. กลํมุ Smooth cayenne มี 3 พนั ธุ์/สายพนั ธ์ุ คือ ปัตตาเวยี นางแล ลกั กะตา 2. กลุมํ Queen มี 5 พนั ธุ์/สายพนั ธ์ุ คอื ตราดสีทอง ภเู กต็ สวี ปตั ตานี และสงิ คโปร์ปตั ตาเวีย 3. กลมุํ Spanish มี 2 พันธุ์/สายพันธ์ุ คือ อินทรชิตแดง อินทรชติ ขาว ลกั ษณะสาคญั ของสับปะรดแตล่ ะกลุ่ม 1. กลุ่ม Smooth cayenne พันธ์ุสับปะรดกลุํมนี้เป็นกลํุมที่นิยมปลูก มากที่สดุ ทั้งเพ่ือใช๎บริโภคสดและใช๎เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋อง พันธ์ุสบั ปะรดในกลุํมนี้ผลมีขนาดประมาณ 1.0 - 2.5 กิโลกรัม รูปรํางคํอนข๎างเป็น ทรงกระบอก เนื้อมีสีเหลือง มีเยื่อใย (fiber) ซ่ึงพันธุ์สับปะรดในกลํุม Smooth cayenne ในประเทศไทยคือ พันธุ์ปัตตาเวีย นางแล ลักกะตา น้าผ้ึง และโนห์รา โดยพันธุ์ที่สาคัญในอุตสาหกรรมแปรรูปของไทยคือ พันธ์ุปัตตาเวีย พันธ์ุนี้จะมี ใบสีเขียวเข๎มและมีสีมํวงแดงอมน้าตาลปนอยํูบริเวณกลางใบ ผลจะมีขนาดใหญํ และน้าหนกั มากกวําพันธ์ุอนื่ ๆ ด๎านคุณภาพผล เนือ้ มรี สชาติหวานอมเปรยี้ ว 2. กลุม่ Queen สับปะรดกลํุม Queen มีขนาดของต๎นและผลเล็กกวํา กลมุํ smooth cayenne ขอบใบมหี นามเรียงชิดติดกันตลอดความยาวใบ น้าหนักผล ประมาณ 1.0 กโิ ลกรัม รปู ราํ งทรงกระบอก ตาคํอนขา๎ งนูน เปลอื กหนา เนื้อมีสเี หลือง เข๎มและกรอบ รสชาติหวาน มีเยื่อใยน๎อยและมีกลิ่นหอม แกนผลอํอนนํุมกวํา พันธุ์ปัตตาเวีย สับปะรดกลุํมนี้ในประเทศไทย ได๎แกํ พันธ์ุภูเก็ต (จังหวัดเชียงราย เรยี กวาํ พันธ์ุภแู ล) พันธ์สุ วี พนั ธ์ตุ ราดสที อง พันธ์ปุ ัตตานี และพนั ธุ์สิงคโปร์ปัตตาเวีย 3. กลุ่ม Spanish สับปะรดกลํุม Spanish มีขนาดของต๎นและผลอยํู ระหวํางกลางของกลํุม Smooth cayenne และกลุํม Queen ขอบใบมีหนามแหลม
27 รปู โคง๎ งอ ผลมรี ูปราํ งกลม น้าหนักผล 1.0-1.5 กิโลกรัม ตานนู ขนาดของตาใหญํกวาํ กลุํม Smooth cayenne เน้ือสีเหลืองจาง มีเย่ือใยมาก แกนผลเหนียว กล่ินและ รสชาติแตกตํา ง จ า ก 2 ก ลุํมแรก รสชาติเปร้ียว พันธุ์ท่ีปลูกในประเทศไทย ได๎แกํ พันธ์ุอินทรชิตแดง และพันธุ์อินทรชิตขาว ปัจจุบันมีการปลูกน๎อยมาก (ภาพที่ 7 และภาพที่ 8) พันธส์ุ ับปะรดท่ีเหมาะสาหรับบริโภคสด 1. พนั ธุป์ ัตตาเวยี จดั อยใํู นกลมํุ Smooth cayenne เป็นพันธท์ุ ่ีนิยมปลกู มากทส่ี ดุ และสวํ นใหญมํ ากกวาํ 80 เปอร์เซ็นต์ ใชใ๎ นอุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋อง แตํยังมีคุณสมบัติท่ีเหมาะสมสาหรับการบริโภคสดด๎วย รสชาติหวานอมเปร้ียว ความหวานเฉลี่ย (Soluble Solids; SS) 14.8 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณกรด 0.74 เปอรเ์ ซ็นต์ (ตารางที่ 12 และภาพท่ี 9) 2. พันธ์ุนางแล จัดอยูํในกลํุม Smooth cayenne เดิมพันธุ์นี้นามาจาก ประเทศสงิ คโปร์ ประมาณปี พ.ศ. 2480 โดย นายเขํง แซํอุย ปลูกครั้งแรก ทบ่ี ๎านปาุ ซาง ตาบลนางแล อาเภอเมอื ง จงั หวดั เชียงราย เนื้อมีสีเหลอื งน้าผึ้ง รสชาติ หวานอมเปรี้ยว SS เฉลี่ย 16.5 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณกรด 0.52 เปอร์เซน็ ต์ (ตารางที่ 12 และภาพท่ี 10) 3. พันธุ์ตราดสีทอง จัดอยูํในกลุํม Queen เป็นพันธุ์ท๎องถ่ินที่ปลูก ในจงั หวดั ตราด เหมาะสาหรับการบริโภคสดเทํานั้น เน้ือผลสีเหลือง รสชาติหวาน อมเปร้ียว SS เฉล่ีย 17.4 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณกรด 0.65 เปอร์เซ็นต์ (ตารางที่ 12 และภาพที่ 11) 4. พันธ์ุภูเก็ต จัดอยูํในกลุํม Queen เชํนเดียวกับพันธุ์ตราดสีทอง และเป็นพนั ธ์ุท๎องถนิ่ ที่ปลกู ในจังหวัดภเู ก็ต สีเปลอื กเมอ่ื สกุ แกจํ ะมีสีเหลืองปนสม๎ เข๎ม เนื้อเหลืองเข๎ม รสชาติหวานอมเปร้ียว เนื้อกรอบและมีกลิ่นหอม SS เฉล่ีย 16.3 เปอรเ์ ซ็นต์ ปริมาณกรด 0.65 เปอรเ์ ซ็นต์ (ตารางที่ 13 ภาพที่ 12 ก) เม่ือนาไปปลูก
28 ที่เชียงรายมีการตั้งช่ือวํา ภูแล โดยหลังเก็บผลรํุนแมํแล๎วมีการไว๎หนํอตํอต๎น 4-5 หนอํ และบงั คบั ดอก เมื่อหนํอท่ีมีขนาดเล็ก ทาให๎ได๎ผลขนาดเล็กจึงเป็นเอกลักษณ์ และสร๎างจดุ ขายของพื้นท่ี (ตารางที่ 12 และภาพที่ 12 ข) 5. พันธ์ุสวี จัดอยูํในกลุํม Queen เ ชํน เดียวกับ พันธุ์ตราดสีทอง และพันธ์ุภูเก็ต ลักษณะคล๎ายพันธ์ุภูเก็ต ผลทรงกระบอก แตํส้ันกวําพันธุ์ภูเก็ต ผลยํอยหรือตาผลจะเล็กและคํอนข๎างนูน จากการพิสูจน์พันธ์ุโดยใช๎รูปแบบของ ไอโซไซม์ (isozyme) ในการจาแนกพันธ์ุ พบวํา สายพันธุ์ภูเก็ตและพันธุ์สวี มแี นวโนม๎ เป็นสายพันธ์เุ ดียวกัน เนอื่ งจากมีรูปแบบไอโซไซมเ์ หมอื นกนั ด๎านสีเปลอื ก สีเน้ือ และรสชาติ ใกล๎เคียงกับพันธ์ุภูเก็ต โดยมี SS เฉลี่ย 16.2 เปอร์เซ็นต์ ปรมิ าณกรด 0.64 เปอรเ์ ซ็นต์ (ตารางท่ี 12 และภาพท่ี 13) ตารางที่ 9 แสดงลกั ษณะของสบั ปะรดกลํมุ พนั ธ์ุตํางๆ (Py et al., 1987) ลักษณะ กลมุ่ กลุ่ม Spanish กลมุ่ Queen กลุ่ม Abacaxi กลมุ่ Maipure ต่างๆ S. cayenne ต้งั ตรง ทรง rosette คล๎าย ทรง rosette ลักษณะ ทรง rosette แตํกระชับกวาํ cayenne แตํกระชับกวํา ทรงต๎น กวา๎ ง สํวนขยายพนั ธ์ุ จานวน ขนาด จานวน ขนาด มีมากโดย มจี านวนมากและ - ตะเกียง พบบางพันธุ์ แตกตาํ งกนั ไป แตก ตํางกนั เฉพาะบริเวณ มีหลายขนาด ไป รอบฐานผล - หนํอ เล็กนอ๎ ย เล็กนอ๎ ย เลก็ นอ๎ ย ปกติขนาดเลก็ นอ๎ ยมากและ บางพันธุ์มีมาก พัฒนาชา๎ ใบ กวา๎ งและ แคบและยาว แคบและสัน้ แคบและยาว กวา๎ งและยาว คอํ นขา๎ งสนั้ สเี ขยี วแดงมวํ ง สแี ดงมํวง สีชมพู มหี นาม สีเขียวเขม๎ ไมมํ ี สีเขียวเข๎ม ไมํมี มีหนามตลอด มีหนามตลอด ตลอดท้ังใบ หนาม แบบ piping หนาม ยกเว๎น ท้งั ใบ ทั้งใบ รูปตะขอ บริเวณใกล๎ มว๎ นขึ้นไปหา ปลายใบ ปลายใบ
29 ตารางที่ 9 แสดงลกั ษณะของสับปะรดกลํุมพันธต์ุ าํ งๆ (Py et al., 1987) (ตํอ) ลกั ษณะ กลมุ่ ต่างๆ S. cayenne กลมุ่ Spanish กลมุ่ Queen กลมุ่ Abacaxi กลุ่ม Maipure กา๎ นผล คอํ นข๎างส้นั คอํ นขา๎ งสนั้ กวํา สน้ั ยาวกวํา ยาวกวํา S. cayenne S. cayenne S.cayenne สีดอก สีมวํ งแดงอํอน สีมวํ งแดงออํ น สนี ้าเงนิ อํอน สีน้าเงินอํอน สีน้าเงินอํอน แตํเขม๎ กวาํ ผล - ขนาด/ S. cayenne น้าหนกั - รูปทรง ใหญํ เล็กกวํา เลก็ เล็กกวาํ คล๎าย cayenne กระบอก cayenne cayenne - ผลยํอย แบนและกว๎าง กลมรี กรวยกระบอก พรี ะมิด กระบอก เลก็ กวาํ สีเปลือก เหลืองปนส๎ม แบนและกว๎าง cayenne เล็กและคํอนข๎าง แบนกวา๎ งและมกั เมอ่ื แกํ กวํา cayenne พองและนนู นนู เลก็ นอ๎ ย มีขนาด สเี นือ้ ไมํสม่าเสมอ เหลืองปนแดง เหลืองสวาํ ง เหลืองปนเขียว เหลืองปนแดง เหลืองซดี ขาว เหลอื งใส ขาวถึงเหลอื งใส เหลืองใสถึง เหลืองซดี เยอื่ ใยเนอ้ื ไมํมเี ยอ่ื ใย มีเยือ่ ใย กรอบ ไมมํ ีเยอื่ ใย กรอบ รสชาติ หวามอม หวานนอ๎ ยกวํา เปร้ยี ว เปรีย้ วนอ๎ ยกวาํ หวานและเปร้ยี ว เปรย้ี ว cayenne น๎อยกวาํ การใช๎ cayenne cayenne นอ๎ ยกวํา cayenne ประโยชน์ ทานสด และ ทานสด อตุ สาหกรรม ทานสด ทานสด ทานสด
30 ตารางที่ 10 แสดงลกั ษณะด๎านตํางๆ ในระยะ vegetative ของสับปะรดกลุํมตํางๆ เม่ือเจรญิ เตบิ โตพร๎อมท่จี ะบงั คบั ดอก ลกั ษณะตา่ งๆ กลุ่ม กล่มุ Queen กลุ่ม Spanish S. Cayenne ความสงู อินทรชิตขาว อนิ ทรชิตแดง (เซนติเมตร) ปตั ตาเวีย นางแล ตราดสีทอง สวี ภเู ก็ต กวา้ งทรงพุ่ม (เซนติเมตร) 113.0 115.4 96.6 96.8 96.8 112.1 112.5 ความยาวใบ D (เซนติเมตร) 111.4 117.7 105.1 94.6 86.8 117.9 118.3 ความกว้างใบ D (เซนติเมตร) 97.4 97.4 88.3 82.7 81.6 97.9 96.3 น้าหนักใบ D (กรมั ) 4.3 5.1 5.1 4.5 4.3 4.1 5.2 57.0 66.6 63.8 48.2 49.0 58.1 68.0 จานวนใบ ต้น 71.7 83.2 54.4 77.7 74.2 62.7 59.4 น้าหนักตน้ 478.3 593.5 229.3 388.7 358.5 410 318 (กรมั ) 6.3 6.5 5.5 6.1 5.7 5.4 5.2 22.9 27.8 16.0 21.5 20.4 21.6 26.8 ความกวา้ งต้น (เซนตเิ มตร) ความยาวตน้ (เซนติเมตร) ทม่ี า: สมบัตแิ ละคณะ (2539)
31 ตารางท่ี 11 แ ส ด ง ชํ วง เ วล า ก า ร พั ฒ น า ข อ ง สั บ ป ะ ร ด ก ลุ ํม / พั น ธ์ุ ตํ า ง ๆ หลงั การบังคับดอก - เก็บเก่ียว บังคับดอก เริ่มออกดอก ดอกแรกบาน - ดอกบาน 50% ดอกบาน บังคับดอก พนั ธ์ุ - - - - 100% เก็บเกยี่ ว เร่ิมออกดอก ดอกแรกบาน ดอกบาน 50% ดอกบาน 100% 98 104 178 กลมุ่ S. cayenne 178 72 - ปัตตาเวยี 39 20 9 12 76 146 72 148 - นางแล 38 23 8 5 143 94 กลมุ่ Queen 98 162 166 - ตราดสที อง 35 19 11 9 - สวี 35 20 10 7 - ภเู กต็ 35 20 9 7 กลมุ่ Spanish - อินทรชิตแดง 38 20 7 3 - อนิ ทรชติ ขาว 38 20 7 3 ท่มี า: สมบัตแิ ละคณะ (2539)
32 ตารางท่ี 12 แสดงลักษณะประจาพันธ์ุ ด๎านขนาดและคุณภาพผลของสับปะรด พันธ์ตุ าํ งๆ กลมุ่ S. กลุ่ม Queen กลุม่ Spanish ลกั ษณะตา่ งๆ Cayenne ปตั ตาเวีย นางแล ตราดสที อง สวี ภเู กต็ อนิ ทรชิตขาว อินทรชติ แดง นา้ หนกั ผล 1754.4 1532.6 1070.5 942.6 1024.5 1090.7 1136 (กรัม) ความกวา๎ งผล 11.9 12.1 10.7 10.3 10.3 11.0 11.6 (เซนติเมตร) ความยาวผล 18.5 16.9 14.7 15.3 16.3 13.9 17.8 (เซนติเมตร) นา้ หนักจกุ 162.4 272.2 180.4 132.7 123.2 294.7 295 (กรมั ) ความกวา๎ งจุก 11.7 14.8 11.4 11.1 10.2 22.3 12.9 (เซนติเมตร) ความยาวจกุ 14.6 20.8 15.9 11.7 10.6 32.5 33.9 (เซนตเิ มตร) สเี ปลอื ก YOG17B YOG17B YOG17B YOG17B YOG17C YOG16A OG27A สเี นอื้ YOG16C YOG16B YOG17A YOG16B YOG16B YOG16B OG23A จานวนตายอํ ย 131.7 109.9 113.2 122.6 127.8 64.6 73.4 หนาเปลือก 0.76 0.74 0.65 0.52 0.61 0.60 0.54 ผาํ ศนู ย์กลาง 2.51 2.63 2.17 2.40 2.30 1.53 1.67 แกนผล SS (%) 14.80 16.50 17.4 16.20 16.30 10.2 10.8 TA (%) 0.74 0.52 0.65 0.64 0.65 0.67 0.27 SS/TA 20 31.7 26.76 25.31 25.09 15.22 40 ทมี่ า: สมบัตแิ ละคณะ (2539)
33 พนั ธ์ุสบั ปะรดทน่ี ามาจากต่างประเทศและมีคุณสมบัติเหมาะสมสาหรับ การบรโิ ภคสด 1. พันธเุ์ พชรบุรีเบอร์ 1 จัดอยูํในกลุํม Queen นาพันธุ์มาจากประเทศ ไตห๎ วนั ผลมีขนาดเล็กกวาํ พันธปุ์ ัตตาเวีย แตํใหญํกวาํ พันธ์ภุ เู ก็ตและพันธ์ุสวี น้าหนัก ผลประมาณ 1.0 กิโลกรัม ทรงผลมลี กั ษณะทรงเจดยี ์ ด๎านลาํ งของผลจะใหญํ บรเิ วณ ปลายผลจะคอดเล็ก ตาผลคํอนข๎างใหญํและพองนูนเล็กน๎อยสีเปลือกเมื่อสุกแกํ จะมีสีเหลืองอมส๎ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว ความหวานเฉลี่ย 16.9 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณกรด 0.45 เปอร์เซ็นต์ สับปะรดพันธ์ุนี้มีลักษณะเดํนพิเศษ คือ ตาผลยํอย สามารถแยกออกจากกนั ได๎งําย จงึ สามารถแกะแยกผลยํอยออกมาเพื่อรับประทาน แตํละผลยํอยได๎ (ภาพที่ 14) 2. พันธุ์เพชรบุรีเบอร์ 2 จัดอยูํในกลํุม Maipure เป็นพันธุ์ที่นาเข๎า มาจากฮาวาย ชื่อพันธ์ุ White Jewel เป็นพันธุ์ท่ีเหมาะสาหรับการบริโภคสด ผลมีขนาดใหญํใกล๎เคียงกับพันธ์ุปัตตาเวีย น้าหนักผลเฉลี่ยประมาณ 1.7 กิโลกรัม ผลทรงกระบอก สีเปลือกเม่ือสุกแกํจะมีสีเหลืองเข๎มถึงเหลืองซีด สํวนเนื้อผล จะมีสีขาว ด๎านคุณภาพผลจะมีรสชาติหวานอมเปร้ียวเล็กน๎อย ความหวานเฉลี่ย สูงมาก 17.1 เปอรเ์ ซน็ ต์ และมีกรดตา่ เพียง 0.23 เปอรเ์ ซ็นต์ เหมาะสาหรบั ผบ๎ู รโิ ภค ทีช่ อบรสชาตหิ วาน (ภาพท่ี 15) 3. พันธุ์ MD2 เป็น พัน ธุ์ที่ได๎รับการพัฒนาที่ฮาวายตั้งแตํปี 1972 เป็นพันธ์ุลูกผสม การปลูกในประเทศไทยปัจจุบันมีไมํมากนักแตํปลูกแพรํหลาย ในตํางประเทศ สํวนมากจะเน๎นเป็นสับปะรดรับประทานสดและเป็นพันธ์ุที่มี ศักยภาพในการสํงออกในรูปผลสด ลักษณะเดํน คือสีเน้ือเหลืองสม่าเสมอ หนามน๎อย อายุการให๎ผลผลิตเร็ว วิตามินซีสูงกวําพันธุ์ท่ัวไป 4 เทํา อายุ การเก็บรกั ษานาน และรสชาติหวานกวาํ Smooth cayenne กา๎ นผลส้นั รูปทรงผล square shape (เปรม, 2554; Pip, 2011) สามารถเก็บได๎นาน 5 - 6 สัปดาห์ โดยไมํเกิดอาการไส๎สีน้าตาล และจากการสอบถามผ๎ูปลูกพบวํา พันธ์ุน้ีมีข๎อด๎อย
34 คือ ออํ นแอตํอโรคยอดเนํา จึงตอ๎ งมีความละเอยี ดในการเตรียมแปลงอยํางดี อยําให๎ น้าขังหลังฝนตกหรอื ตอ๎ งรบี ระบายน้าออกและพนํ สารปอู งกนั โรคดังกลําว (ภาพที่ 16) สบั ปะรดกลุ่ม Spanish ภาพท่ี 7 สบั ปะรดพนั ธุอ์ ินทรชิตขาว ภาพที่ 8 สบั ปะรดพนั ธุ์อินทรชิตแดง
35 กลุ่ม Smooth cayenne ภาพที่ 9 สบั ปะรดพนั ธ์ุปัตตาเวีย ภาพท่ี 10 สับปะรดพันธุน์ างแล
36 สับปะรดกล่มุ Queen ภาพที่ 11 สับปะรดพนั ธ์ุตราดสที อง (ก) (ข) ภาพที่ 12 สับปะรดพนั ธ์ุภเู ก็ต (ก) และสบั ปะรดภแู ล (ข) ภาพท่ี 13 สบั ปะรดพันธ์ุสวี
37 พนั ธุ์สบั ปะรดท่นี าเข้าจากตา่ งประเทศกลุม่ Queen ภาพที่ 14 สบั ปะรดพันธ์เุ พชรบรุ เี บอร์ 1 พนั ธ์ุสับปะรดท่นี าเข้าจากต่างประเทศกลมุ่ Maipure ภาพที่ 15 สับปะรดพนั ธุ์เพชรบรุ เี บอร์ 2
38 พันธ์ลุ กู ผสมของต่างประเทศ ภาพที่ 16 สับปะรดพนั ธ์ุ MD2 2.3 การปรบั ปรุงพันธุ์สับปะรด (มลั ลิกา และคณะ, 2553) พั น ธุ์ สั บ ป ะ ร ด ท่ี ใ ช๎ ใ น อุ ต ส า ห ก ร ร ม แ ป ร รู ป ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย มี เ พี ย ง พันธ์ุปัตตาเวียและใช๎มาเป็นเวลานาน ปัจจุบันมีความแปรปรวนทางพันธุกรรมสูง ทาให๎ได๎ผลผลิตต่า เกษตรกรขาดทางเลือกในการใช๎พันธ์ุ สํวนสับปะรด เพื่อการบริโภคสด ถึงแม๎วําจะมีพันธ์ุปลูกหลายพันธุ์ แตํปริมาณการสํงออกน๎อย เนอ่ื งจากมปี ญั หาการเกิดอาการไสส๎ ีน้าตาลหลังการเก็บรักษาท่ีอุณหภูมิต่า ในด๎าน การปรับปรุงพนั ธุ์กรมวิชาการเกษตรได๎ดาเนินการมาอยํางตํอเน่ือง โดยดาเนินการ ทั้งการคัดเลือกพันธุ์ การคัดเลือกสายต๎น การผสมพันธ์ุ การชักนาให๎เกิด การกลายพนั ธุ์ ทั้งน้ีมีวัตถุประสงคเ์ พอ่ื พัฒนาและปรบั ปรงุ พนั ธส์ุ บั ปะรดท่ีใช๎สาหรับ อุตสาหกรรม และรับประทานผลสด ให๎ไดพ๎ นั ธุห์ รือสายพนั ธ์สุ บั ปะรดทม่ี คี ณุ สมบตั ิ ดังน้ี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211