¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳ԵÈÒʵà และหวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรท์ า� หนา้ ทเ่ี ปน็ ผกู้ า� กบั นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล การจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนแบบกัลยาณมิตร มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กระบวนการจัด การเรยี นร้ ู เทคนคิ การสอน และนวัตกรรมทีส่ ร้างขน้ึ ตามกระบวนการ PLC การเผยแพรนวัตกรรม นวตั กรรมทจ่ี ดั ทา� ขน้ึ ไดม้ กี ารนา� เสนอในเวทแี ลกเปลย่ี นเรยี นรทู้ างวชิ าการ และการประชุม อบรม สัมมนา ดังนี้ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ IQA Awards ณ จังหวัด นครศรีธรรมราช เวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ทางวิชาการ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการประกวดรางวัลทรงคุณค่าแห่ง สพฐ. การศึกษาดูงาน เพื่อพัฒนาบุคลากรก่อนเข้าสู่ต�าแหน่งรองผู้อ�านวยการส�านักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา การพัฒนาบุคลากรก่อนเข้าสู่ต�าแหน่งผู้อ�านวยการสถานศึกษาภาคใต้ การพัฒนาครู และบคุ ลากรกอ่ นเขา้ สตู่ า� แหนง่ รองผอู้ า� นวยการสถานศกึ ษา การประชมุ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ในสังกัดสา� นกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสงขลา เขต ๑ เป็นต้น นาํ เสนอในเวทแี ลกเปล่ียนเรยี นรู IQA Awards ณ จงั หวัดนครศรีธรรมราช นําเสนอในการศกึ ษาดูงานเพื่อพัฒนาบุคลากร กอนเขา สูต าํ แหนงรองผอู ํานวยการสํานักงาน เขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษา 44
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà นวัตกรรมดานการพฒั นาการเรยี นการสอน : การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนา ความสามารถในการแกป ญหาคณติ ศาสตรอยางสรางสรรคของผูเ รียนในระดบั ชัน้ ประถมศึกษา ความเปน มาและความสา� คญั ในชีวิตประจ�าวันเรามักพบเจอปัญหาต่าง ๆ มากมาย เช่น ปัญหา ส่วนตัว ปัญหาการท�างาน ปัญหาทางสังคม เป็นต้น การคิดนับว่ามีบทบาทส�าคัญ ต่อการแก้ปัญหา อีกท้ังการจัดการเรียนการสอนในปัจจุบันท่ีหลักสูตรมุ่งเน้นให้ผู้เรียน คดิ เปน็ ทา� เปน็ แกป้ ญั หาเปน็ เพอ่ื การดา� รงชวี ติ อยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ ทกั ษะการคดิ แก้ปัญหา จงึ เป็นทกั ษะท่เี กีย่ วขอ้ งและมปี ระโยชนต์ อ่ การดา� รงชวี ิต ทกั ษะการคดิ แก้ปญั หา มใิ ชเ่ พยี งการรจู้ กั คดิ และรจู้ กั การใชส้ มอง หรอื มงุ่ พฒั นาสตปิ ญั ญาแตเ่ พยี งอยา่ งเดยี วเทา่ นน้ั แตย่ งั สามารถพฒั นาทศั นคต ิ วธิ คี ดิ คา่ นยิ มความร ู้ และความเขา้ ใจในสภาพการณข์ องสงั คม ไดอ้ กี ดว้ ย วชิ าคณติ ศาสตรเ์ ปน็ วชิ าทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั ความคดิ มสี ว่ นชว่ ยพฒั นากระบวนการคดิ ของมนุษย์ให้รู้จักคิดเป็น คิดอย่างมีเหตุผล มีระบบข้ันตอนในการคิด เพราะคณิตศาสตร์ เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะในการแก้ปัญหา การสังเกต การคิดอย่างมีเหตุผล และมีความคิด ริเร่ิมสร้างสรรค์ การจัดการเรียนรู้ในวิชาคณิตศาสตร์เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพและเกิด คุณลักษณะดังกล่าว ครูผู้สอนต้องสอนให้ผู้เรียนสามารถน�าความรู้ทางคณิตศาสตร์มาใช้ แกป้ ัญหาหรอื น�ามาสมั พนั ธก์ บั สถานการณ์ใหม่ ๆ ในปัจจบุ นั หรอื อนาคต เพ่อื ใชแ้ ก้ปัญหา ในระดบั ทส่ี ูงขน้ึ และสามารถไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจา� วันได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รศั ม ี ธนั ยธร (๒๕๕๐, อา้ งใน อรวรรณ ตนั สวุ รรณรตั น์๑, ๒๕๕๒, น.๖) กล่าววา่ รปู แบบการแก้ปญั หาทนี่ ยิ มน�ามาใช้มี ๒ รูปแบบ คือ การแกป้ ญั หาอยา่ งตรรกะ และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ในอดีตนิยมใช้เฉพาะตรรกะในการแก้ปัญหา รวมทั้ง การจัดการเรียนการสอนในวิชาคณิตศาสตร์ ผู้เรียนก็ไม่ได้รับการพัฒนาให้มีความสามารถ ในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ แต่ปัจจุบันการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์กลับได้รับ ความนยิ มมากขน้ึ เพราะเป็นวิธกี ารทจ่ี ะได้แนวคดิ และวธิ ีการหาค�าตอบของปญั หาหลายวิธี ผู้เรียนสามารถเลือกวิธีการหรือแนวทางท่ีดีและเหมาะสมที่สุดมาใช้เพ่ือแก้ปัญหา ๑อรวรรณ ตันสุวรรณรัตน์. (๒๕๕๒). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตรโดยใช้กระบวนการแก้ปญหา เชิงสร้างสรรคที่มีตอความสามารถในการแก้ปญหาและความคิดสร้างสรรคทางคณิตศาสตร ของนักเรียนมัธยมศึกษาปท่ี ๒. ปริญญานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการศึกษาคณิตศาสตร์. คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . กรุงเทพฯ 45
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà สอดคล้องกับความเห็นของนักจิตวิทยาว่าการคิดหลายทางหรือการมีหลายค�าตอบ เป็นการคิดที่มีคุณค่ากว่าการคิดเพียงแนวทางเดียว (ขจรศักดิ์ ศรีเสน, ๒๕๔๔, อา้ งใน อรวรรณ ตันสุวรรณรตั น๑์ , ๒๕๕๒, น.๖) ดงั นั้น การจัดการเรียนรใู้ นวิชาคณิตศาสตร์ ครผู สู้ อนจงึ ควรพฒั นาใหผ้ เู้ รยี นมคี วามสามารถในการแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค ์ หรอื เรยี กวา่ มีความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นวิธีการท่ีผู้เรียน หาค�าตอบให้กับปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยการน�าเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ในการแก้ปัญหา จากการรวบรวมความรแู้ ละประสบการณเ์ ดมิ มาใชค้ น้ หาและพจิ ารณาตดั สนิ ใจเลอื กวธิ กี าร แก้ปญั หาทส่ี มเหตสุ มผลและมปี ระสิทธิภาพท่ีสุด จากการศกึ ษาพบวา่ แนวคดิ เกย่ี วกบั การแกป้ ญั หาอยา่ งสรา้ งสรรคน์ นั้ พัฒนามาจากพ้ืนฐานแนวคิดเรื่องการคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา จึงท�าการศึกษา ความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ โดยแบ่งออกเป็น ๒ องค์ประกอบ คือ ความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์และความสามารถในการคิด ทางคณิตศาสตร์ อีกท้ังยังพบว่าปัจจัยส�าคัญท่ีส่งผลต่อความสามารถในการแก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ คือ การคิดเอกนัย การคิดอเนกนัย และพื้นฐานความรู ้ โดยการคิดเอกนัยและการคิดอเนกนัยเป็นเคร่ืองมือในการน�าความรู้และทักษะมาใช้ แก้ปัญหาซ่ึงจะท�าให้ได้วิธีการแก้ปัญหาที่มีลักษณะแปลกใหม่ ส่วนพ้ืนฐานความรู้นั้น ผู้เรียนจะต้องน�าความรู้ ทักษะทางคณิตศาสตร์และประสบการณ์ที่เรียนรู้ผ่านมาใช้ใน การแกไ้ ขปญั หา ทงั้ น ี้ เมอ่ื นา� ตวั แปรทงั้ ๓ มาสงั เคราะหจ์ ะไดโ้ มเดลความสมั พนั ธโ์ ครงสรา้ งเชงิ เสน้ ของความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ เพ่ือศึกษาอิทธิพล และอธิบายความสัมพันธ์ของปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการแก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตรอ์ ยา่ งสรา้ งสรรคข์ องผเู้ รยี น และเพอ่ื ใหโ้ มเดลความสมั พนั ธโ์ ครงสรา้ งเชงิ เสน้ ท่ีพัฒนาขึ้นสามารถน�าไปสู่การปฏิบัติได้เป็นรูปธรรมจึงประยุกต์ผลการวิจัยจากโมเดล ความสมั พนั ธ์โครงสรา้ งเชงิ เส้นพัฒนาเปน็ รูปแบบการเรียนการสอน ดว้ ยเลง็ เหน็ วา่ รปู แบบ การเรียนการสอนที่พัฒนาข้ึนจะสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถในการแก้ปัญหา ทางคณติ ศาสตร์อยา่ งสร้างสรรคไ์ ด้ 46
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà วัตถุประสงค เพ่ือเสริมสร้างความสามารถในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์อย่าง สรา้ งสรรคข์ องผเู้ รียนในระดับชั้นประถมศกึ ษา การด�าเนินงาน ระยะท่ี ๑ พัฒนาโมเดลความสัมพันธโครงสร้างเชิงเส้นของ ความสามารถในการแกป้ ญ หาคณติ ศาสตรอ ยา งสรา้ งสรรคข องผเู้ รยี นในระดบั ชน้ั ประถม ศึกษา และตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลท่ีพัฒนาข้ึนกับข้อมูลเชิงประจักษ ตรวจสอบความสอดคลอ้ งโดยใชโ้ ปรแกรม LISREL พบวา่ โมเดลทพี่ ฒั นาขน้ึ มคี วามสอดคลอ้ ง กับข้อมูลเชิงประจักษ์ และเม่ือวิเคราะห์อิทธิพลของตัวแปร สาเหตุที่ส่งผลต่อตัวแปรผล พบว่า ๑) ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ (CREATIVE) คือ พ้ืนฐาน ความร ู้ การคิดอเนกนยั และการคดิ เอกนัย ตัวแปรท่มี ีอทิ ธิพลรวมสงู สุด คือ พ้นื ฐานความร้ ู รองลงมาคอื การคิดอเนกนยั และการคดิ เอกนัย ตามลา� ดบั ๒) ปัจจยั ท่สี ง่ ผลตอ่ การคดิ ทาง คณติ ศาสตร ์ (THINKING) คอื การคดิ อเนกนยั พน้ื ฐานความร ู้ และการคดิ เอกนยั ตวั แปรทม่ี ี อทิ ธพิ ลรวมสงู สุด คือ การคดิ อเนกนัย รองลงมาคือ พ้นื ฐานความรู้ และการคดิ เอกนยั และ ๓) ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลต่อพืน้ ฐานความร้ ู (KNOW) คอื การคดิ อเนกนยั และการคดิ เอกนัย ตัวแปร ท่มี อี ิทธพิ ลรวมสูงสุด คอื การคิดอเนกนยั รองลงมาคือ การคิดเอกนัย ดังรปู 47
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳ԵÈÒʵà ระยะที่ ๒ พฒั นาและตรวจสอบคณุ ภาพรปู แบบการเรยี นการสอน ตามโมเดลความสัมพันธโครงสร้างเชิงเส้นของความสามารถในการแก้ปญหาทาง คณติ ศาสตรอ ยา งสรา้ งสรรคข องผเู้ รยี นระดบั ประถมศกึ ษา ศกึ ษารวบรวมขอ้ มลู ทเี่ กย่ี วขอ้ ง กบั การแกป้ ญั หาคณติ ศาสตรอ์ ยา่ งสรา้ งสรรคจ์ ากเอกสาร ตา� ราทางวชิ าการ และงานวจิ ยั ตา่ ง ๆ มาสังเคราะหเ์ ปน็ หลักการ และก�าหนดวัตถปุ ระสงคข์ องรูปแบบการเรียนการสอน จากน้นั นา� ผลการศกึ ษาโมเดลความสมั พนั ธโ์ ครงสรา้ งเชงิ เสน้ ของความสามารถในการแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตรอ์ ยา่ งสรา้ งสรรค ์ และขอ้ มลู จากการศกึ ษาเอกสารแนวคดิ และทฤษฎที เี่ กย่ี วขอ้ ง มาพัฒนาเปน็ รูปแบบการเรียนการสอน ซ่ึงประกอบด้วย ๕ ขั้นตอน ดังนี้ ข้ันท่ี ๑ สร้างพ้ืนฐานความรู้ (Building Knowledge Base : B) ทบทวนความรู้เดิมหรือน�าเสนอความรู้ใหมใ่ ห้แก่ผู้เรยี น เพอ่ื เตรยี มพรอ้ มใหผ้ ้เู รยี นสามารถ ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้น้ันในขน้ั ตอนต่อไป ขนั้ ที่ ๒ทา� ความเขา้ ใจปญ หา (Understandingthe Problems :U) ใช้ค�าถามมาใช้เป็นตัวจุดประกายให้เกิดกระบวนการคิด ใช้การคิดอเนกนัยรวบรวมข้อมูล จากโจทย ์ แล้วใชก้ ารคิดเอกนยั ในการสรปุ ปัญหาและแยกแยะขอ้ มลู ขั้นท่ี ๓ วางแผนในการแก้ปญหา (Planning to Solve the Problems : P) ใช้การคดิ อเนกนยั เชอื่ มโยงขอ้ มลู ทมี่ กี บั ความรู้เดิมเพือ่ หาแนวคิด/วธิ ีการ ทง้ั หมดในการแกป้ ญั หา แลว้ ใชก้ ารคดิ เอกนยั ในการพจิ ารณาเลอื กแนวคดิ /วธิ กี ารทเ่ี หมาะสม ทสี่ ุดในการแก้ปญั หา 48
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà ขัน้ ที่ ๔ ปฏบิ ตั ิตามแผน (Execution : E) ด�าเนินการตามแนวคดิ / วิธีการที่เลือก โดยใช้การคิดอเนกนัยพิจารณาวิธีการคิดค�านวณ สมบัติ กฎ หรือสูตร ท่ีจะน�ามาใช้ในการแก้ปัญหา และใช้การคิดแบบเอกนัยเพื่อเลือกวิธีการที่สะดวก และเหมาะสมมาใช้ในการแกป้ ัญหา ขั้นที่ ๕ สะท้อนค�าตอบและกระบวนการทั้งหมดในการแก้ปญหา (Reflecting on the Answer and the Whole Problem Solving Process : R) ตรวจสอบค�าตอบว่าสอดคล้องกับข้อมูลและเง่ือนไขท่ีก�าหนดหรือไม ่ ตรวจสอบกระบวนการในการแกป้ ัญหาทลี ะขน้ั ตอนว่ามีความผดิ พลาดในขัน้ ตอนใดหรอื ไม่ โดยข้ันตอนของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นั้นเม่ือผู้เรียนได้ผ่าน กิจกรรมการเรียนรู้ในข้นั ท่ ี ๑ แลว้ กิจกรรมการเรียนรใู้ นขั้นท่ ี ๒ - ๕ ผ้เู รยี นจะไดฝ้ ก ปฏิบตั ิ เป็นจ�านวน ๓ รอบ โดยรอบแรกเป็นการฝกปฏิบัติพร้อมกันทั้งช้ันเรียน รอบที่สองเป็น การฝกปฏบิ ตั ิเป็นกลุ่มยอ่ ย และรอบท่สี ามเป็นการฝก ปฏบิ ัตเิ ปน็ รายบุคคล น�ารูปแบบการเรียนการสอนตามโมเดลความสัมพันธ์โครงสร้าง เชิงเส้นของความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ของผู้เรียน ระดับประถมศึกษาไปทดลองใช้และเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการวัดซ้�าจ�านวน ๔ คร้ัง โดยครั้งท่ ี ๑ เก็บข้อมูลกอ่ นการทดลองใชร้ ูปแบบการเรยี นร ู้ ครงั้ ท ี่ ๒, ๓ และ ๔ เก็บข้อมูล เม่ือผ่านการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ไปแล้ว ๘, ๑๖ และ ๒๕ ช่ัวโมง ตามล�าดับ ผลการทดลองใช้พบว่า คะแนนเฉล่ียความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์และคะแนนเฉล่ีย การคดิ ทางคณิตศาสตรข์ องผ้เู รียนจากการวัดซา�้ จา� นวน ๔ ครั้ง มีแนวโนม้ สงู ขึ้นตามล�าดับ แสดงไดด้ ังนี้ คะแนนเฉลย่ี ความคดิ สรา งสรรค คะแนนเฉล่ยี ความคดิ ทางคณิตศาสตร ทางคณิตศาสตร 49
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà ผลสา� เรจ็ ของการดา� เนนิ งาน จากคะแนนเฉลยี่ ความคดิ สรา้ งสรรคท์ างคณติ ศาสตรแ์ ละคะแนนเฉลยี่ การคิดทางคณิตศาสตร์ของผู้เรียนที่ผ่านการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการเรียนการสอน ท่ีพัฒนาขึ้น มีแนวโน้มเพ่ิมสูงข้ึน แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนเกิดความสามารถในการ แก้ปัญหาคณิตศาสตร์อย่างสร้างสรรค์ ผลจากการฝกใช้การคิดอเนกนัยและการคิดเอกนัย สลบั ไปมา ผเู้ รยี นสามารถนา� ไปใชส้ งั เกตและชว่ ยพจิ ารณาตดั สนิ ใจในกระบวนการแกป้ ญั หา ต่าง ๆ ทเ่ี กิดขน้ึ ในชวี ิตประจา� วนั ได้อกี ดว้ ย การเผยแพรนวตั กรรม นวัตกรรมที่จัดท�าข้ึนได้มีการเผยแพร่ในหลากหลายช่องทาง เช่น นา� เสนอในการประชมุ ทางวชิ าการเพอ่ื นา� เสนอผลงานและนวตั กรรมทางวชิ าการของผบู้ รหิ าร ครูและบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.วิชาการ ครั้งท่ี ๑) ณ สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา น�าเสนอในการประชุมครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ และเผยแพร่ในเว็บไซต์ของสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากร ทางการศึกษา และเว็บไซต์ของโรงเรยี น นาํ เสนอในการประชุมทางวชิ าการ สคบศ.วชิ าการ ครัง้ ที่ ๑ และเผยแพร ในเว็บไซต ของสถาบนั พัฒนาครูคณาจารย และบุคลากรทางการศกึ ษา 50
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳ԵÈÒʵà โรงเรียนวดั เขำปำ เจ ส�านกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาพทั ลุง เขต ๑ เกริน่ นาํ โรงเรียนวัดเขาป้าเจ้ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เปดการเรียนการสอนต้ังแต่ ชน้ั อนุบาลปีที่ ๒ - ประถมศกึ ษาปีท ี่ ๖ มีผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา ๑ คน ขา้ ราชการคร ู ๓ คน ครอู ตั ราจ้าง ๒ คน นักเรียน จา� นวน ๖๖ คน วิสัยทัศน โรงเรยี นวดั เขาปา้ เจ ้ มงุ่ จดั การศกึ ษาเพอื่ พฒั นาผเู้ รยี นตามมาตรฐานการศกึ ษา ขั้นพื้นฐาน บริหารงานแบบมีส่วนร่วม จัดกระบวนการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นส�าคัญ สูก่ ารเป็นโรงเรียนทม่ี ีคณุ ภาพของชุมชน พนั ธกจิ ๑. จดั กจิ กรรมการพัฒนาผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนของผเู้ รียน ๒. ปลกู ฝังคุณธรรม จริยธรรม ด�ารงไวซ้ ่งึ เอกลักษณข์ องความเปน็ ไทย ๓. ส่งเสริมให้ผมู้ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งทกุ ฝายมสี ว่ นรว่ มในการจัดการศกึ ษา ๔. พัฒนาครูสู่มืออาชีพเพ่ือจัดกระบวนการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียน เป็นสา� คญั ๕. พฒั นาระบบประกันคุณภาพภายในให้มปี ระสิทธภิ าพ 51
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà เปา ประสงค ๑. ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของผเู้ รียนสูงข้ึน ๒. ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรมด�ารงไว้ซ่ึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย มีจิต อนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ๓. ผมู้ สี ว่ นเกีย่ วขอ้ งทุกฝายมสี ่วนร่วมในการจัดการศกึ ษา ๔. ครูพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ และมีประสบการณ์ในการจัดการเรียน การสอนโดยเนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสา� คญั ๕. สถานศกึ ษามกี ารพฒั นาระบบประกนั คณุ ภาพภายในอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เปน็ ท่ียอมรับของชมุ ชน โรงเรียนวัดเขาป้าเจ้ มุ่งจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณิตศาสตร์ โดยตระหนกั ถงึ ศกั ยภาพของผเู้ รยี น เนน้ ผเู้ รยี นเปน็ สา� คญั จดั กจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกบั ผเู้ รยี น ส่งเสริมพัฒนาความรู้ความสามารถทางคณิตศาสตร์เพ่ือให้ผู้เรียนได้เรียนอย่างมีความสุข และมเี จตคติทีด่ ตี ่อวิชาคณติ ศาสตร์ จากการศึกษาสภาพจริงการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ของโรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก พบว่า มีครูไม่ครบช้ัน ไม่มีครูวิชาเอก คณติ ศาสตร ์ รบั ผดิ ชอบสอนเกอื บทกุ รายวชิ า และมภี าระงานอน่ื ตามโครงสรา้ งการบรหิ ารงาน ของโรงเรียน ครูไม่ได้ใช้ส่ือท่ีหลากหลาย กิจกรรมการเรียนรู้เป็นแบบบรรยายมากกว่า ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง จึงส่งผลให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ลดลง การนิเทศภายในไม่ได้ด�าเนินการตามโครงการที่ก�าหนด ซ่ึงการนิเทศ ภายในเป็นกระบวนการหนึ่งของการบริหารการศึกษาที่ส�าคัญและจ�าเป็นต่อการพัฒนา พฤติกรรมการสอนของครูให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยเฉพาะ การสอนทเี่ น้นผเู้ รยี นเป็นส�าคญั 52
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà สรา งสรรคน วตั กรรม นวัตกรรมดานการบริหาร : การยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุมสาระการเรียนรู คณติ ศาสตร โดยใชว ธิ กี ารศึกษาช้นั เรียน (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS ความเปน มาและความส�าคัญ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ไดเ้ นน้ ถงึ ความส�าคัญของวิชาคณิตศาสตร์ว่า คณิตศาสตร์มีบทบาทส�าคัญย่ิงต่อการพัฒนาความคิด ของมนษุ ย ์ ทา� ใหม้ นษุ ยม์ คี วามคดิ สรา้ งสรรค ์ คดิ อยา่ งมเี หตผุ ล เปน็ ระบบ มแี บบแผน สามารถ วเิ คราะหป์ ญั หาหรอื สถานการณไ์ ดอ้ ยา่ งถถ่ี ว้ นรอบคอบ ชว่ ยใหค้ าดการณว์ างแผน ตดั สนิ ใจ และแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม คณิตศาสตร์เป็นเคร่ืองมือในการศึกษา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนศาสตร์อืน่ ๆ ที่เก่ียวข้อง คณติ ศาสตรจ์ งึ มปี ระโยชน์ ต่อการดา� รงชีวิต และชว่ ยพัฒนาคุณภาพชีวิตใหด้ ีข้นึ นอกจากนคี้ ณิตศาสตร์ยังช่วยพัฒนา มนษุ ยใ์ หส้ มบรู ณ ์ มคี วามสมดลุ ทง้ั ทางรา่ งกาย จติ ใจ สตปิ ญั ญา และอารมณ ์ สามารถคดิ เปน็ ท�าเป็น แก้ปัญหาเป็น และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๕๓ : ๕๖) และเน่ืองจากคณิตศาสตร์เป็นวิชาหนึ่งในกลุ่มทักษะท่ีเป็นเครื่องมือ ในการเรยี นร ู้ คอื เป็นวิชาท่ีจะน�าไปสูก่ ารเรยี นรใู้ นกลุ่มสาระการเรยี นรู้อ่ืน และการเรยี นรู้ ในระดบั ทส่ี งู ขนึ้ เปน็ วชิ าทชี่ ว่ ยพฒั นาคนใหร้ จู้ กั คดิ เปน็ และคดิ อยา่ งมเี หตผุ ล มรี ะเบยี บขน้ั ตอน ในการคิดแสดงความคิดออกมาอยา่ งชัดเจนรัดกมุ นอกจากนย้ี ังช่วยสรา้ งเสรมิ คุณลักษณะ ที่จ�าเป็นต่อการด�ารงชีวิต และสามารถน�าหลักการทางคณิตศาสตร์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ในชีวิตประจ�าวันได้ เช่น การชั่ง การตวง การวัด การซื้อขาย (คงศักด์ิ ทองอันดัง. ๒๕๕๑ : ๑ - ๒) จากการวิเคราะห์การจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร ์ พบวา่ ครไู มไ่ ดใ้ ชส้ อื่ ทหี่ ลากหลาย กจิ กรรมการเรยี นรเู้ ปน็ แบบบรรยายมากกกวา่ ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง (Active Learning) และการนิเทศภายในไม่ได้ด�าเนินการ ตามโครงการท่ีก�าหนด ซึ่งการนิเทศการศึกษาเป็นกระบวนการหน่ึงของการบริหารการ ศกึ ษาทส่ี า� คญั และจา� เปน็ ตอ่ การพฒั นาพฤตกิ รรมการสอนของครใู หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ซง่ึ สง่ ผล ตอ่ การเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น โดยเฉพาะการสอนทเ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สา� คญั อนั เปน็ จดุ เนน้ ของการปฏริ ปู การศึกษา (ศริ วิ รรณ อานนั ทส์ ทิ ธิ.์ ๒๕๔๖ : ๑๘) การนเิ ทศการสอนจึงมีความส�าคญั อยา่ งยง่ิ 53
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà เพราะถึงแม้ว่าครูผู้สอนจะใช้ความรู้ความสามารถในกิจกรรมที่ได้วางแผนไว้แล้วก็ตาม อาจมีบางอย่างไม่สมบูรณ์ หากมีคนคอยชี้แนะและช่วยเหลือ จะท�าให้การสอนเกิดผลดี มปี ระสทิ ธภิ าพมากกว่าทจ่ี ะทา� การสอนเพยี งคนเดียว ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ โรงเรียนวัดเขาป้าเจ้จึงด�าเนินการยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้วิธีการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS โดยมขี นั้ ตอน ๕ ขนั้ ไดแ้ ก ่ ๑. P : Plan (วางแผน) ๒. O : Observe (สงั เกตการจัดการเรียนร้)ู ๓. R : Reflect (การสะท้อนผล) ๔. A : Adjust (การปรับปรุงการจดั การเรียนร)ู้ ๕. S : Support (การสง่ เสริม สนับสนุน) โดยมผี ูร้ ว่ มศกึ ษา ช้นั เรยี น ไดแ้ ก่ ๑. ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา ๒. หัวหน้างานวชิ าการ ๓. ตัวแทนคณะกรรมการ สถานศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน และ ๔. ตวั แทนผูป้ กครองช้ันเรยี น วตั ถุประสงค ๑. เ พื่ อ ย ก ร ะ ดั บ ผ ล ก า ร ท ด ส อ บ ค ว า ม ส า ม า ร ถ พื้ น ฐ า น ของผเู้ รยี นระดบั ชาต ิ (NT) ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ ความสามารถดา้ นการคดิ คา� นวณ ใหส้ งู กวา่ ร้อยละ ๕๐ ๒. เพื่อยกระดับผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ข้ันพื้นฐาน (O-NET) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ ให้สูงกว่า ร้อยละ ๕๐ ๓. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร ์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ - ๖ ให้สงู กว่าร้อยละ ๗๕ การดา� เนนิ งาน ๑. ศกึ ษาแนวคดิ การศกึ ษาชั้นเรียน (Lesson Study) จากเอกสาร หนงั สอื บทความ และงานวจิ ัยตา่ ง ๆ ๒. ก�าหนดกรอบแนวคิดการศึกษาชน้ั เรียน (Lesson Study) โดยใช้ กระบวนการ PORAS ของโรงเรยี นวดั เขาปา้ เจ ้ ดงั นี้ 54
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà P : Plan (วางแผน) มวี ธิ ดี า� เนนิ การ ดงั นี้ ๑) ประชุมครูเพ่ือสร้างความ ต ร ะ ห นั ก ถึ ง ค ว า ม ส� า คั ญ ข อ ง ก า ร ย ก ร ะ ดั บ ผ ล สั ม ฤ ท ธ์ิ ทางการเรียน และสร้างความเข้าใจในการศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS ๒) ประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง เพื่อชี้แจงแนวทางการยกระดับผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน และการศึกษาช้ันเรียน (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS 55
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³µÔ ÈÒʵà O : Observe สังเกตการจัดการเรยี นร ู้ มวี ธิ ีดา� เนนิ การ ดังน้ี ๑) สังเกตการจดั กิจกรรมการเรยี นร้เู ชงิ รุก (Active Learning) ของครผู ูส้ อนและการเรียนรู้เชิงรกุ ของผเู้ รียน โดยมผี ู้ศึกษาชั้นเรียน ดังน้ี ๑.๑) ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา ๑.๒) หัวหน้างานวิชาการ ๑.๓) ตัวแทนคณะกรรมการสถานศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ๑.๔) ตัวแทนผู้ปกครองช้ันเรยี น ๒) ดา� เนนิ การบนั ทกึ สะทอ้ นการเรยี นร ู้ (Learning Reflection) ในแบบบนั ทกึ สะท้อนการเรยี นร ู้ LR1 และ LR2 แบบบนั ทกึ สะทอ น การเรยี นรู LR๑ และ LR๒ R : Reflect (การสะทอ้ นผล) มีวธิ ีด�าเนินการ ดงั น้ี ผู้ร่วมศึกษาชั้นเรียน (ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้างานวิชาการ ตัวแทนคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน และตัวแทนผู้ปกครองช้ันเรียน) และครูผู้สอน ร่วมกัน PLC สะท้อนผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้หลังจากการสอนเสร็จ ในช่ัวโมงน้ัน ๆ โดยการบอกจุดแข็งและจุดท่ีควรพัฒนา เพ่ือให้ครูผู้สอนพัฒนาปรับปรุง กจิ กรรมการเรยี นร้ใู นครงั้ ตอ่ ไป 56
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà A : Adjust (การปรับปรุงการจัดการเรียนรู้) มีวิธีด�าเนินการ ดังนี้ ๑) ผู้บริหารสถานศึกษาบันทึกผลสะท้อนการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ จากการ PLC ในสมดุ นิเทศรายบุคคลของคร ู ๒) ครบู นั ทกึ แนวทางการปรบั ปรงุ พฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ในสมุดนเิ ทศรายบุคคล ๓) ครนู า� ผลสะทอ้ นการเรยี นรไู้ ปปรบั ปรงุ พฒั นาการจดั การเรยี นรู้ ในครั้งตอ่ ไป S : Support (การสนับสนุน สง เสรมิ ) มวี ิธีด�าเนินการ ดงั น้ี ดา้ นความร ู้ ความเข้าใจ ๑) ส่งเสริมสนับสนุนให้ครูเข้าร่วมอบรม/ประชุมต่าง ๆ ทสี่ า� นักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาพทั ลงุ เขต ๑ หรือหน่วยงานอน่ื ๆ จดั ข้ึน ๒) สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ใหค้ รพู ฒั นาตนเองตลอดเวลา โดยการศกึ ษา ค้นคว้าเพิม่ เตมิ จากหนังสือ เอกสาร เว็บไซต์ตา่ ง ๆ ๓) ส่งเสริมสนับสนุนครูในการฝกสอนผู้เรียนเพื่อแข่งขันทักษะ ทางวชิ าการ ดา้ นงบประมาณ ๑) สนับสนุนงบประมาณในการฝกสอนนักเรียนเพ่ือแข่งขัน ทักษะทางวิชาการ ๒) สนับสนุนงบประมาณในการจัดท�าส่ือ/อุปกรณ์การจัดการ เรียนร ู้ เช่น Flash Drive ใสค่ วามรู้ ด�าเนินการจัดหา Flash Drive เพือ่ ใหค้ ร ู Download ข้อมูลสื่อการจัดการเรียนการสอนจาก DLTV, Youtube หรือเว็บไซต์การศึกษาต่าง ๆ เปด ในโทรทศั น์ เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรยี น ดา้ นขวัญและกา� ลงั ใจ ๑) ศึกษาชั้นเรยี น (Lesson Study) นิเทศแบบกลั ยาณมิตร ๒) ชื่นชมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส�าคัญ ของครูผสู้ อน ๓) ชนื่ ชมและให้ก�าลงั ใจครผู สู้ อนในท่ปี ระชุม ๔) ให้ค�าแนะน�า ชี้แนะ แนวทางการยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน 57
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳ԵÈÒʵà ๓. การทดลองใช้นวัตกรรม ด�าเนินการศึกษาช้ันเรียน (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS กบั หวั หนา้ งานวชิ าการเปน็ คนแรก ปรากฏวา่ ครมู คี วามกระตอื รอื รน้ ในการจดั กจิ กรรม การเรียนการสอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครองให้ความร่วมมือ เปน็ อย่างดี ครูสามารถน�าขอ้ มูลการสะท้อนกลับจากการ PLC มาปรบั ปรงุ พฒั นาในการจัด กิจกรรมการเรยี นรูค้ รั้งตอ่ ไป ๔. ดา� เนนิ การศกึ ษาชนั้ เรยี น (Lesson Study) ตามปฏทิ นิ คร ู ๑ คน/ ๑ ครงั้ /๑ เดอื น ผลส�าเร็จของการด�าเนนิ งาน ๑. ดา้ นผเู้ รียน ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร ์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท ี่ ๑ - ๖ สงู ขึน้ ดงั น้ี ช้นั คะแนนเฉลย่ี คา พฒั นา ปการศึกษา ๒๕๖๐ ปก ารศกึ ษา ๒๕๖๑ ป.๑ ๗๕.๓๓ ๗๖.๒๕ +๐.๙๒ ป.๒ ๗๐.๓๖ ๗๗.๘๗ +๗.๕๑ ป.๓ ๗๔.๓๘ ๗๘.๘๐ +๔.๔๒ ป.๔ ๖๙.๐๐ ๗๕.๑๓ +๖.๑๓ ป.๕ ๗๐.๕๐ ๗๓.๕๗ +๓.๐๗ ป.๖ ๖๙.๐๘ ๗๕.๘๐ +๖.๗๒ รวม ๗๑.๔๔ ๗๖.๒๓ +๔.๗๙ 58
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà ๒. ด้านครู ครปู รบั เปลย่ี นกจิ กรรม วธิ กี ารจดั การเรยี นการสอน โดยเนน้ การจดั การเรียนรูเ้ ชิงรุก (Active Learning) ครจู ดั การเรยี นการสอนโดยเน้นผูเ้ รยี นเป็นสา� คญั ครูใช้สื่อการสอนที่หลากหลายและทันสมัย เช่น DLTV สอ่ื ของจรงิ วดี ทิ ศั น ์ เพลง บัตรคา� รูปภาพ เปน็ ตน้ ครวู ดั และประเมนิ ผลดว้ ยวธิ กี ารทหี่ ลากหลายตามสภาพจรงิ เหมาะสมกบั ผเู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ ๓. ดา้ นการมสี ว่ นร่วม คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐานและผู้ปกครอง มสี ่วนร่วมในการนิเทศภายในโรงเรยี น คณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานและผู้ปกครอง มีส่วนรว่ มในการยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรยี น ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา คร ูคณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน และผู้ปกครองมีความพึงพอใจต่อการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้วิธีการศึกษา ชั้นเรยี น (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS ของโรงเรยี นวัดเขาปา้ เจ้ สรปุ แบบประเมนิ ความพงึ พอใจตอ การยกระดับผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน โดยใชวิธกี ารศกึ ษาชนั้ เรยี น (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS ของโรงเรียนวัดเขาปาเจ 59
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳ԵÈÒʵà การเผยแพรนวัตกรรม ๑. เผยแพร่วีดิทัศน์การศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ทางเพจ Facebook : โรงเรยี นวัดเขาปา้ เจ ้ และทาง YouTube QR Code ตัวอยา ง การศกึ ษาช้ันเรยี น (Lesson Study) ประจําเดอื น มกราคม ๒๕๖๒ ประจําเดือนมถิ นุ ายน ๒๕๖๒ ประจําเดอื นธนั วาคม ๒๕๖๒ 60
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳ԵÈÒʵà ๒. นา� เสนอการยกระดบั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น โดยใชว้ ธิ ี การศึกษาชั้นเรียน (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS ของโรงเรียนวัดเขาป้าเจ้ในการประชุมสัมมนา ถอดประสบการณ์การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ในสังกัดส�านักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาพทั ลุง เขต ๑ ณ โรงแรมทอี าร์ รอ็ คฮลิ ล ์ อ�าเภอหาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา นวัตกรรมดานการพัฒนาการเรียนการสอน : การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุมสาระ การเรยี นรคู ณิตศาสตร โดยการจดั การเรียนรเู ชิงรุก (Active Learning) ความเปนมาและความสา� คญั จากการวิเคราะห์ผลการทดสอบความสามารถพ้ืนฐานของผู้เรียน ระดบั ชาต ิ (NT) ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ และผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาตขิ น้ั พนื้ ฐาน (O-NET) ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ และปีการศึกษา ๒๕๖๐ พบว่า คะแนนเฉลย่ี ความสามารถดา้ นคา� นวณ และคะแนนเฉลยี่ วชิ าคณติ ศาสตร ์ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๐ ตา่� กวา่ ปีการศกึ ษา ๒๕๕๙ ดังนี้ รายการ ปการศึกษา ๒๕๕๙ ปก ารศึกษา ๒๕๖๐ ผลตา ง ปก ารศกึ ษา ๒๕๕๙-๒๕๖๐ NT ป.๓ ๔๘.๑๖ ๔๔.๒๘ O-NET ป.๖ ๖๖.๖๗ ๕๓.๓๓ -๓.๘๘ -๑๓.๓๔ ท้ังน้ี จากการวิเคราะห์พบว่า ครูไม่ได้ใช้ส่ือที่หลากหลาย กิจกรรม การเรียนรู้เป็นแบบบรรยายมากกกว่าให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติจริง จากสภาพปัญหาดังกล่าว จึงก�าหนดแนวทางในการพัฒนาการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของโรงเรยี นวดั เขาป้าเจใ้ หม้ ปี ระสทิ ธิภาพ โดยการจดั การเรยี นรู้เชงิ รุก (Active Learning) ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนหรือด�าเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้อย่างมีความหมาย เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ผู้เรียนสามารถสร้างความเข้าใจ และคน้ หาความหมายของเนอ้ื หาสาระ โดยเชอ่ื มโยงกบั ประสบการณเ์ ดมิ ทม่ี อี ย ู่สามารถบรู ณาการ ความรู้ใหม่ท่ีได้รับกับความรู้เก่าที่มี ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้หรือสร้างความรู้ ให้เกิดขึ้นในตัวเองด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านสื่อหรือกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีมีครูผู้สอน เปน็ ผแู้ นะนา� กระตุน้ หรืออา� นวยความสะดวกให้ผู้เรยี นเกิดการเรยี นรู้ 61
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳ԵÈÒʵà วัตถุประสงค ๑. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ใหส้ ูงข้ึน ๒. เพอื่ ส่งเสริมให้ผ้เู รยี นมีส่วนร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้ เกดิ ทกั ษะ การคิด และสง่ เสรมิ ความรู้ความสามารถทางคณิตศาสตร์ การดา� เนนิ งาน ๑. ประชุมรับฟังแนวปฏิบัติการยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้วิธีการศึกษาช้ันเรียน (Lesson Study) ตามกระบวนการ PORAS และการจัดการเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning) ๒. ศึกษาเอกสาร หนังสือ บทความ งานวิจัย วีดิทัศน์ และร่วม จดั ทา� กระบวนการจดั การเรยี นรเู้ ชงิ รกุ (Active Learning) เพอื่ ยกระดบั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ดงั นี้ 62
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà ๓. เขา้ รบั การอบรมตา่ ง ๆ การศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง คน้ หาเทคนคิ วธิ กี าร นวตั กรรมใหม ่ ๆ นา� มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื ยกระดบั ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนใหส้ ูงขึ้น ๔. วเิ คราะหห์ ลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ดั กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ ๕. ออกแบบการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) จัดท�า แผนการจดั การเรียนร ู้ สือ่ เคร่ืองมอื วัดและประเมนิ ผลการเรียนรูข้ องผ้เู รียน ๖. จัดกิจกรรมส่งเสริมคณิตศาสตร์ด้วยนวัตกรรม “สูตรคูณคณิต พิชติ คา� ศพั ท์” ๗. จัดกจิ กรรมการเรียนรเู้ ชงิ รกุ (Active Learning) โดยเน้นผู้เรยี น เปน็ สา� คญั วีดิทัศนท องสูตรคณู คณติ พชิ ติ คําศัพท 63
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà ผลส�าเร็จของการด�าเนินงาน ๑. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร ์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๖ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ ๗๖.๒๓ สงู ขน้ึ รอ้ ยละ ๔.๗๙ ๒. ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ อย่างมีชีวติ ชวี า ๓. ผู้เรียนมีทักษะการร่วมมือในการท�างาน และการท�างานร่วมกับ ผู้อนื่ ๔. ผ้เู รยี นมีความรับผดิ ชอบและมีวินัยในการท�างาน ๕. ผเู้ รยี นมีเจตคติทด่ี ตี ่อการเรียนคณติ ศาสตร์ สรุปแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของนักเรยี นตอการจดั กิจกรรมการเรียนรเู ชิงรกุ (Active Learning) เพอ่ื ยกระดบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนกลุมสาระการเรยี นรู คณติ ศาสตร ของโรงเรียนวดั เขาปาเจ การเผยแพรน วัตกรรม ๑. เผยแพรท่ างเพจ Facebook : โรงเรยี นวัดเขาปา้ เจ้ ๒. เผยแพรใ่ น Line กลมุ่ ครูคณิตศาสตร ์ เครือขา่ ยจตรุ มิตร 64
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳ԵÈÒʵà โรงเรียนวดั เมธงั กรำวำส (เทศรัฐรำษฎรน ุกูล) ส�านกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาแพร เขต ๑ เกริน่ นํา วิสัยทัศน คณุ ธรรมน�าความรู ้ สูม่ าตรฐานสากล บนพนื้ ฐานความพอเพยี ง พนั ธกจิ จดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ เ่ี นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สา� คญั มที กั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร ์ โดยใชเ้ ทคโนโลย ี และแหลง่ เรียนรอู้ ยา่ งหลากหลาย เปาหมาย ๑. นักเรยี นมคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค ์ และอยูร่ ว่ มกบั สงั คมโลกอยา่ งเป็นสขุ ๒. นกั เรยี นมผี ลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรส์ งู กวา่ คา่ เฉลย่ี ระดบั เขตพื้นท่กี ารศกึ ษาและระดับประเทศ ๓. นักเรยี นมที กั ษะกระบวนการด้านวทิ ยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของโรงเรียนได้พัฒนาทักษะการค้นคว้า ทักษะการแก้ปัญหา และทักษะการน�าเสนอ โดยไดก้ า� หนดกจิ กรรมโครงการสง่ เสรมิ การจดั การเรยี นร ู้ ๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ได้แก่ กจิ กรรมคดิ เลขเรว็ กจิ กรรมแขง่ ขันทักษะทางคณติ ศาสตร์ กจิ กรรมค่ายวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ส�าหรับศูนย์พัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ สสวท. กจิ กรรมทศั นศกึ ษา และกจิ กรรม Open House 65
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³µÔ ÈÒʵà นอกจากการพฒั นาคณุ ภาพผเู้ รียนดว้ ยกิจกรรมตามโครงการแลว้ การพฒั นา บุคลากรและกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนทางคณิตศาสตร์และเชื่อมโยงสู่นวัตกรรม ต่าง ๆ ที่คิดค้นพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลายก็เป็นอีกทางหน่ึงที่ทางโรงเรียนได้ด�าเนินการ อย่างต่อเน่อื ง และน�าผลการดา� เนนิ การมาพฒั นางานในครงั้ ต่อ ๆ ไปอยา่ งเป็นวฏั จักร สรางสรรคน วัตกรรม นวัตกรรมดานการบรหิ าร : การพัฒนานกั เรียนในวชิ าคณิตศาสตร โดยใชวงจรคุณภาพเดมม่งิ ของโรงเรียนวดั เมธังกราวาส (เทศรฐั ราษฏรน ุกลู ) ความเปนมาและความสา� คญั วงจรคณุ ภาพเดมมงิ่ หรอื วงจร PDCA เปน็ แนวคดิ หนงึ่ ทใี่ หค้ วามสา� คญั ในการวางแผนและด�าเนินงานอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายให้เกิดการพัฒนา อย่างต่อเน่ือง โดยมีหลักการท�างาน ๔ ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการวางแผน ข้ันตอน การปฏบิ ตั ติ ามแผน ขนั้ ตอนการตรวจสอบ และขน้ั ตอนการปรบั ปรุงการดา� เนนิ การ โรงเรียนวัดเมธังกราวาส (เทศรัฐราษฏร์นุกูล) ใช้วงจรคุณภาพ PDCA ในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการะการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โดยอาศัยกรอบท้ัง ๔ ข้ันตอนเป็นตัวขับเคลื่อน ซ่ึงเป็นการส่งเสริมและพัฒนานักเรียน ที่มีความสามารถแตกต่างกันทั้งระบบทุกระดับชั้น เพ่ือให้นักเรียนแต่ละกลุ่มได้พัฒนา ศักยภาพตัวเองได้อย่างมปี ระสทิ ธิผลมากทส่ี ดุ วตั ถปุ ระสงค ๑. เพ่ือศึกษาแนวทางในการน�าวงจรคุณภาพ PDCA มาใช้ ในกระบวนการจดั การเรยี นการสอนคณติ ศาสตร์ ๒. ศึกษาความพึงพอใจของครูกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ท่ีมีต่อการน�า วงจรคณุ ภาพ PDCA มาใชใ้ นกระบวนการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ 66
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃä¤ ³µÔ ÈÒʵà การดา� เนนิ งาน ๑. ขั้นตอนการวางแผน ครคู ณิตศาสตรจ์ า� แนกนกั เรยี นเปน็ ๓ กลมุ่ คือ กลุ่มเก่ง กล่มุ ปานกลาง และกลุ่มอ่อน แลว้ สง่ ข้อมลู ต่อใหก้ บั ครูคณิตศาสตร์ในชัน้ ถดั ไป เพ่ือเตรียมเอกสารในการสง่ เสริมและพฒั นานักเรยี นตอ่ ไป ๒. ขั้นตอนการปฏิบัติตามแผน ครูคณิตศาสตร์ที่รับข้อมูล จัดกลุ่มนกั เรยี นเป็น ๓ กล่มุ คือ กลุ่มเกง่ กลุ่มปานกลาง และกลุ่มออ่ น แลว้ ท�าการส่งเสรมิ นักเรียนกลุ่มเก่งและปานกลาง และท�าการพัฒนานักเรียนในกลุ่มอ่อน ในการส่งเสริม และพฒั นานักเรียนทง้ั ๓ กลุ่ม จะใชใ้ นเวลาเรียนปกตแิ ละนอกเวลาปกติ ๓. ขน้ั ตอนการตรวจสอบ หลังจากการสง่ เสรมิ และพฒั นา ครูผสู้ อน ทดสอบผู้เรียนกลุ่มอ่อน หากมีพัฒนาการท่ีดีขึ้นสามารถย้ายผู้เรียนไปกลุ่มเก่ง หรอื กลุ่มปานกลางได้ ๔. ขนั้ ตอนการปรบั ปรงุ การดา� เนนิ การ หลงั การทดสอบเพอื่ ตรวจสอบ พฒั นาการของนักเรียน ผบู้ รหิ ารและครกู ลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ทกุ คน จะทา� การ ประชมุ เพอ่ื สะทอ้ นผลการดา� เนินการในด้านจดุ เดน่ จุดด้อย และจุดควรพัฒนา เพือ่ น�าผล ไปวางแผนในการด�าเนินการรอบตอ่ ไป ผ้บู รหิ ารและครู ๑. ครูคณติ ศาสตรท์ า� การจ�าแนกนักเรียนเปน็ ๓ กลุ่ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คือ กลมุ่ เกง่ กลมุ่ ปานกลาง และกลมุ่ อ่อน คณิตศาสตร์ทกุ คน ๒. สง่ ข้อมลู ตอ่ ใหก้ บั ครูคณติ ศาสตร์ในขัน้ ตอ่ ไป ทา� การประชุม ๑. จัดกลุม่ นกั เรียน เพอ่ื สะท้อน ๒. ส่งเสริมและพฒั นานักเรียน การดา� เนินการ ตรวจสอบพฒั นาการของนักเรียนโดยใช้การทดสอบ 67
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà ผลส�าเร็จของการด�าเนนิ งาน ๑. โรงเรียนมีแนวทางในการน�าวงจรคุณภาพ PDCA มาใช้ ในกระบวนการจัดการเรียนการสอนคณติ ศาสตร์ ๒. ครกู ลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรม์ คี วามพงึ พอใจตอ่ การนา� วงจร คณุ ภาพ PDCA มาใช้ในกระบวนการจดั การเรยี นการสอนคณติ ศาสตร์ การเผยแพรน วัตกรรม นายศกั ด์ศิ ลิ ป ตาขนั ทะ ผ้อู า� นวยการโรงเรียน ได้น�านวัตกรรมเสนอ ตอ่ คณะผ้บู ริหาร ส�านักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาแพร ่ เขต ๑ นวตั กรรมดานการพฒั นาการเรียนการสอน : MATH METHANG MODEL ความเปน มาและความสา� คัญ โรงเรียนเปดรับนักเรียนโดยไม่มีระบบการคัดสรร ซ่ึงถือว่า เป็นแนวทางที่ช่วยให้เกิดความเท่าเทียมกันในระบบการศึกษา แต่ในขณะเดียวกัน การรบั นกั เรยี นโดยไมผ่ า่ นระบบคดั กรอง กส็ ง่ ผลกระทบตอ่ ระบบการศกึ ษา เพราะความแตกตา่ ง ในพน้ื ฐานความรขู้ องผเู้ รยี นทา� ใหก้ ารจดั การเรยี นการสอนของครนู นั้ ทา� ไดไ้ ม่เต็มประสทิ ธภิ าพ จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตรใ์ นแตล่ ะระดบั ชน้ั พบวา่ ผเู้ รยี นแตล่ ะคนมคี วามสามารถในการเรยี นคณติ ศาสตร์ ที่แตกต่างกัน แต่การสอนในห้องเรียน ผู้เรียนทุกคนจะได้เรียนรู้จากการสอนของครู เหมือนกันท้ังชั้น โดยไม่ได้ค�านึงถึงศักยภาพของผู้เรียนรายบุคคล ซ่ึงการสอนลักษณะน้ี จะส่งผลกระทบกับผู้เรียนท่ีมีผลการเรียนในกลุ่มอ่อนเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้ผู้เรียน ละเลยต่อการท�างาน การส่งการบ้าน ไม่มีแรงจูงใจในการเรียนคณิตศาสตร์ และมีเจตคติ ท่ไี มด่ ีต่อวชิ าคณติ ศาสตร์ ดงั น้ัน กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์จึงหาทางแกป้ ัญหาดงั กล่าว ในเชงิ ระบบ โดยใช้หลักการของการเรยี นรวม (Inclusive Education) และกรอบความคิด ของการดูแล ช่วยเหลือนักเรียน โดยจัดการเรียนการสอนแบบชั้นเรียนปกติเต็มเวลา ร่วมกับการสอนเสริมนอกเวลา กล่าวคือ สอนผู้เรียนทั้ง ๓ กลุ่ม ในเวลาเรียนปกติ โดยมีข้อท่ีแตกต่างกันคือ ปริมาณงาน และสอนเสริมนอกเวลา คือ สอนเสริมส�าหรับ 68
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳ԵÈÒʵà ผู้เรียนกลุ่มเก่งและกลุ่มปานกลางในตอนเช้า และพัฒนาผู้เรียนกลุ่มอ่อนในตอนเย็น ทั้งนี ้ เพ่ือแก้ปัญหาทางการเรียนคณิตศาสตร์ในช้ันเรียนท่ีผู้เรียนมีความแตกต่างในด้านศักยภาพ ให้ไดร้ บั การสง่ เสรมิ และพฒั นาควบคกู่ ันไป วัตถุประสงค เพ่ือส่งเสริมผู้เรียนกลุ่มเก่งและกลุ่มปานกลาง และพัฒนาผู้เรียน กลุ่มอ่อนในห้องเรยี นคณติ ศาสตร์เชิงระบบ การด�าเนนิ งาน แผนภมู ิแสดงขน้ั ตอนของระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี น ๑. การรจู้ กั นกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล ๒. การคดั กรองนกั เรยี น กล่มุ พเิ ศษ กลมุ่ ปกติ กล่มุ เสยี่ ง กล่มุ พิเศษ ๓. การสง่ เสรมิ และพฒั นานกั เรยี น ๔. การป้องกนั และแก้ไขปัญหา ดขี ้นึ พฤติกรรมดขี ้ึนหรอื ไม่ ไม่ดีข้ึน ๕. การส่งต่อ (ครูแนะแนวคร/ู กจิ การนักเรียน) การพัฒนาผู้เรียนในห้องเรียนคณิตศาสตร์ โดยหลักการเรียนรวม และระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนวัดเมธังกราวาส (เทศรัฐราษฏร์นุกูล) มาใช้เป็น กรอบแนวคดิ ของการจดั กจิ กรรมการสอนคณิตศาสตร์ตาม MATH METHANG MODEL ขน้ั ตอนของการด�าเนนิ งาน MATH METHANG MODEL คัดกรองนกั เรยี นจากข้อมูลพ้ืนฐาน กลุมเกง กลุมปานกลาง กลมุ ออน พฒั นานกั เรียน สงเสรมิ นักเรยี น ไมด่ ีข้ึน ทดสอบ ดีข้ึน 69
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà ขั้นท่ี ๑ คดั กรองนักเรียนจากขอ้ มลู พ้นื ฐาน เมื่อส้ินสุดปีการศึกษา ครูผู้สอนจ�าแนกผู้เรียนท่ีเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ที่ตนเองเป็นผู้สอน (ป.๑ - ป.๕) ออกเป็น ๓ กลมุ่ คอื กลมุ่ เกง่ กลมุ่ ปานกลาง และกลมุ่ ออ่ น โดยดูจากผลคะแนนปลายปีและบันทึกจุด เด่น จุดด้อยของผู้เรียน ลงในแบบบันทึก และส่งตอ่ ให้ครูผสู้ อนคณติ ศาสตรใ์ นระดบั ช้นั ถัดไป ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ขัน้ ท่ี ๒ การสง เสริมและพฒั นานกั เรียน เมื่อครูผู้สอนได้รับข้อมูลพ้ืนฐานที่ส่งต่อมาจากครูผู้สอนคณิตศาสตร์ ในชั้นก่อนหน้าแล้ว ก็จะท�าการแบ่งกลุ่มผู้เรียนตามข้อมูลดังกล่าว ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อน จากน้ันครูท�าการส่งเสริมผู้เรียนกลุ่มเก่งและกลุ่มปานกลาง และทา� การพฒั นาผู้เรียนกลมุ่ ออ่ น ในชว่ งเชา้ พกั กลางวนั และหลังเลิกเรยี น เช่น การสงเสริมผู้เรียนกลุมเกงและกลุมปานกลาง จัดกิจกรรมส่งเสริม การเรียนรู้ตามความถนัด ความสนใจของผู้เรียน ผู้เรียนทุกคนเลือกเข้าร่วมกิจกรรม ตามตาราง ดังน้ี เวลา กิจกรรม ๐๗.๑๕ น. - ๘.๑๕ น. A-Math, Sudoku, GSP, เวทคณิต, คดิ เลขเร็ว, หมากรุก ๑๑.๐๐ น. - ๑๓.๐๐ น. A-Math, Sudoku, GSP, เวทคณิต, คิดเลขเรว็ , หมากรุก ๑๕.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. ส่งเสริมความสามารถในการแกโ้ จทยป์ ัญหาใหก้ ับนักเรียนทุกชน้ั กจิ กรรม A-Math กิจกรรม Sudoku 70
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà การพัฒนาผู้เรียนกลุมออน เน้นการใช้แบบฝกทักษะเป็นหลัก เพอื่ พฒั นาทกั ษะพนื้ ฐาน และความคดิ รวบยอดทางคณติ ศาสตรใ์ หส้ งู ขน้ึ เมอ่ื ผเู้ รยี นกลมุ่ ออ่ น ไดร้ บั การพฒั นาแลว้ จะไดร้ บั การทดสอบ เพอ่ื ตรวจสอบวา่ มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ และมที กั ษะ ท่ีดีขึ้นหรือไม่ ถ้ามีการพัฒนาข้ึน ผู้เรียนสามารถยกระดับตนเองเป็นเด็กกลุ่มปานกลาง หรอื กล่มุ เก่งต่อไป สา� หรบั ผู้เรียนท่ียงั ไมพ่ ฒั นาขน้ึ ก็จะทา� การพัฒนาตอ่ ไปตามตาราง ดงั น้ี เวลา กจิ กรรม ๐๗.๑๕ น. - ๐๘.๑๕ น. นักเรียนที่มีปัญหาในการเรียนคณิตศาสตร์ พบครูชาวต่างชาติที่สอน คณิตศาสตร ์ เพ่อื สอนซ่อมเสรมิ ขอ้ บกพรอ่ งท่พี บในชัว่ โมงเรียนปกติ ๑๑.๐๐ น. - ๑๓.๐๐ น. A-Math, Sudoku, GSP, เวทคณิต, คิดเลขเรว็ , หมากรกุ ๑๕.๓๐ น. - ๑๖.๓๐ น. นักเรียนท่ีบกพร่องในการเรียนคณิตศาสตร์ พบครูคณิตศาสตร ์ เพ่ือสอนซอ่ มเสริม กจิ กรรมเวทคณิต GSP คิดเลขเรว็ หมากรุก 71
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà นอกจากน ้ีโรงเรยี นยงั จดั กจิ กรรมอนื่ ๆ ทส่ี ง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รยี นทกุ คน เกิดทักษะการคดิ วิเคราะห์และมีเจตคตทิ ด่ี ีตอ่ วชิ าคณิตศาสตร ์ เชน่ ที่ กิจกรรม รายละเอียด ๑ ท่องสูตรคณู หลงั กิจกรรมหนา้ เสาธง และก่อนเลิกเรียน ๒ แบบฝก หัดคิดเลขเร็ว นักเรียนทกุ คนไดร้ บั แบบฝกหัดคดิ เลขเรว็ ใช้ฝกทกุ เช้า เวลา ๐๘.๒๕ น. - ๐๘.๓๐ น. ๓ กิจกรรมชมุ นุมคณติ ศาสตร์ สง่ เสริมใหน้ กั เรียนทุกชนั้ มีกจิ กรรมชุมนุมทีเ่ กย่ี วกับ คณติ ศาสตร์ ๔ ศกึ ษาแหลง่ เรยี นรภู้ ายในโรงเรียน โดยภายในหอ้ งมมี มุ คณิตศาสตร ์ มอี ปุ กรณ ์ ส่อื ของเลน่ - ศนู ยว์ ทิ ยบริการ ใหน้ กั เรยี นเรยี นรตู้ ามความสนใจ ได้ฝก ใช ้ ฝก ปฏบิ ัติ - หอ้ งคณิตศาสตร์ กิจกรรม - ห้องศนู ยพ์ ัฒนาอัจฉริยภาพฯ - ห้องสือ่ สะเต็มศึกษา - ห้องสมุด ๕ ศกึ ษาแหล่งเรียนร้นู อกหอ้ งเรียน กิจกรรมศึกษาแหลง่ เรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตร์ นอกหอ้ งเรยี น ๖ คา่ ยวทิ ยาศาสตร์และคณติ ศาสตร์ จัดค่ายอย่างน้อยภาคเรยี นละ ๑ ครง้ั ๗ Open House Open House ของกลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร ์ คายวทิ ยาศาสตรแ ละคณิตศาสตร Open House ศึกษาแหลงเรยี นรู้นอกหอ้ งเรียน 72
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà ผลสา� เร็จของการด�าเนินงาน O-NET เตม็ ๑๐๐ คะแนน การใช้หลักการเรียนรวมและระบบดแู ล ช่วยเหลือนักเรียนในห้องเรียนคณิตศาสตร์ เป็นการส่งเสริม และพัฒนาผู้เรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันได้อย่างตรงจุด และผู้เรียนทุกคนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม อยา่ งแทจ้ รงิ การเผยแพรนวัตกรรม มกี ารนา� นวตั กรรมเผยแพรใ่ นทป่ี ระชมุ ครู ประจ�าเดือนกับเพ่ือนครูต่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ เผยแพร่ ต่อคณะผู้บริหาร และเพื่อนครูในสังกัดส�านักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต ๑ และคณะครูต่างโรงเรียน ที่มาศึกษาดูงาน 73
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃä¤ ³µÔ ÈÒʵà โรงเรียนอนุบำลดำนชำง สา� นกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาประถมศกึ ษาสุพรรณบุรี เขต ๓ เกริน่ นาํ โรงเรียนอนุบาลด่านช้าง สังกัดส�านักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา สุพรรณบุรี เขต ๓ เป็นสถานศึกษาขนาดใหญ่ เดิมช่ือ โรงเรียนด่านช้าง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้เปลี่ยนช่ือ เป็นโรงเรียนอนุบาลด่านช้าง เม่ือวันท่ี ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๓ เป็นโรงเรียนในโครงการเครือข่ายโรงเรียนอนุบาลมหามงคล เปดสอนระดับชั้นอนุบาล ถงึ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ วิสยั ทัศน (Vision) มีการบริหารจัดการด้วยระบบคุณภาพ จัดการศึกษาเทียบเคียงมาตรฐาน สากล มุ่งเน้นให้นักเรียนมีทักษะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ท่ีเป็นเลิศตลอดจนน้อมน�าหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการเรียน การสอนและการด�าเนนิ ชวี ิต เพ่อื มงุ่ พฒั นาผ้เู รยี นให้มีศักยภาพเป็นพลโลก พนั ธกจิ (Mission) จัดกิจกรรมส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะคณิตศาสตร์พัฒนา สถานศึกษาให้มีการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส�าคัญ และ ทกุ ภาคสว่ นมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษาดา้ นคณติ ศาสตรส์ คู่ วามเปน็ เลศิ เปาหมาย (Goals) ผเู้ รยี นมคี วามรแู้ ละทกั ษะคณติ ศาสตร ์ คดิ อยา่ งเปน็ ระบบ สรา้ งสรรค ์ ตดั สนิ ใจ แก้ปัญหาได้อย่างมีสติ สมเหตุสมผล พัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง ผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุกฝาย มีส่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษาดา้ นคณติ ศาสตรส์ ูค่ วามเปน็ เลศิ 74
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳ԵÈÒʵà โรงเรียนอนุบาลด่านช้างมีผู้เรียนที่หลากหลายด้านชาติพันธุ์ การเรียนรู ้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์จึงมีแนวคิดปรับพื้นฐานพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยการวเิ คราะหผ์ เู้ รยี นและครผู สู้ อนปรบั ตวั พฒั นาตนเองทจี่ ะพฒั นาการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นได้ เพื่อหาเทคนิคการพัฒนาการเรียนการสอน รูปแบบการจัดการเรียนการสอน นวัตกรรม ทเ่ี หมาะสมกบั ผู้เรยี นแต่ละระดับชั้น สรา งสรรคน วตั กรรม นวตั กรรมดา นการบรหิ าร : การนเิ ทศภายในกลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตรข องโรงเรยี นอนบุ าล ดานชาง โดยใชรปู แบบ CHANG MODEL ความเปนมาและความสา� คัญ การบริหารจัดการโรงเรียนอนุบาลด่านช้าง ใช้รูปแบบ CHANG MODEL มีเป้าหมายส�าคัญ คือ การพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ บริหารงานด้วยหลัก ธรรมาภิบาลและการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ โดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน มีระบบ ขั้นตอนการบริหารงานท่ีชัดเจน บุคลากรมีส่วนร่วมในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ให้ผู้เรยี นมคี วามร้คู วามสามารถเตม็ ตามศักยภาพ โดยเน้นผู้เรียนเป็นสา� คัญ การพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศกึ ษามแี นวทางสา� คญั ๓ กระบวนการ ด้วยกัน คือ กระบวนการเรียนการสอน กระบวนการบริหารการศึกษา และกระบวนการ นิเทศการศึกษา ท่ีต้องด�าเนินการโดยให้มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาประสบผลส�าเร็จ การพัฒนากระบวนการ จั ด ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น แ ล ะ ก า ร พั ฒ น า คุ ณ ภ า พ ก า ร ส อ น เ ป ็ น ก า ร มุ ่ ง เ น ้ น ใ ห ้ ค รู มี ความสามารถทั้งด้านการสอน และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในสถานศึกษา ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาการนิเทศการสอน จงึ เปน็ สง่ิ จา� เปน็ เพราะการนเิ ทศเปน็ กระบวนการปรบั ปรงุ การสอนในชนั้ เรยี นของครโู ดยตรง (ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์. ๒๕๕๖ : ๒๓) ซึ่งสอดคล้องกับ สุกัญญา พนาสุวรรณรัตน์ (๒๕๕๗ : ๕) ที่กล่าวว่า การนเิ ทศการสอนมงุ่ ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพในดา้ นการสอนเปน็ ส�าคัญ โดยให้ครมู ีโอกาสคน้ ควา้ งานทจี่ ะต้องท�าดว้ ยตนเอง เพ่ือให้เกดิ การเรียนรู้ ได้รู้จักปรบั ปรงุ งานด้านการเรียนการสอนให้ได้ผลดี มีประสิทธิภาพย่ิงขึ้น ด้วยเหตุนี้ทุกโรงเรียนจึงต้องมี 75
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà กระบวนการนิเทศการศึกษา เพ่อื ใชเ้ ป็นกระบวนการปรบั ปรุงการเรยี นการสอน การชแ้ี นะ การให้ความช่วยเหลือและร่วมมือกับครู รวมทั้งบุคคลท่ีเก่ียวข้องในการจัดการศึกษา โดยมีเปา้ หมายคอื คุณภาพของผู้เรียน การนเิ ทศการศกึ ษาดา� เนินการได้ ๒ ลกั ษณะ คือ การนเิ ทศภายนอก และการนิเทศภายใน ซ่ึงแต่เดิมเป็นหน้าที่ของศึกษานิเทศก์และผู้บริหารการศึกษา ครเู ปน็ เพยี งผรู้ บั การนเิ ทศ แตป่ จั จบุ นั งานนเิ ทศการศกึ ษา ยงั ใหค้ วามสา� คญั กบั การสรา้ งชมุ ชน การเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) บุคลากรในโรงเรียนต้องช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน เพอื่ ปรบั ปรงุ ประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้สูงขึน้ วัตถปุ ระสงค ๑. เพอื่ สรา้ งรปู แบบการนเิ ทศภายในกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ของโรงเรียนอนุบาลดา่ นช้าง ๒. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตรส์ งู ใหข้ ึน้ การด�าเนินงาน 76
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳ԵÈÒʵà C = Change = พร้อมรับการเปล่ียนแปลง รับการเรียนรู้ใหม่ ของคณติ ศาสตร์ H = High Moral = มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรมสงู A = Academic Excellence = มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยเฉพาะด้านคณติ ศาสตร์ N = New Technology = สร้างองค์ความรู้ โดยใชเ้ ทคโนโลยใี หม ่ ๆ ในการนิเทศ G = Good Governance = การบรหิ ารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล โดยทุกคนมสี ว่ นรว่ ม การนิเทศภายในกลุมสาระการเรียนรู้คณิตศาสตรของโรงเรียน อนบุ าลดา นชา้ ง โดยใช้รูปแบบ CHANG MODEL มีข้ันตอนในการด�าเนนิ การ ดงั น้ี ข้ันตอนท่ี ๑ ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องเพ่ือก�าหนด กรอบแนวคิดการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของโรงเรยี นอนุบาลด่านช้าง ข้ันตอนท่ี ๒ สรา้ งเครื่องมอื การนิเทศภายใน โดยระดมความคดิ เห็น ของผอู้ า� นวยการโรงเรยี น รองผอู้ า� นวยการโรงเรยี น หวั หนา้ วชิ าการ หวั หนา้ สายชนั้ หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ และครผู สู้ อน ดงั น้ี ๑. การประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ ก�าหนดกิจกรรม การเรียนรู้ไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ และจัดท�าไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ผู้เรียน บรรลจุ ดุ มงุ่ หมายท่กี �าหนดไว้ ๒. การสงั เกตการสอน หมายถึง การจดั ใหบ้ คุ คลท่มี ีความรู้ ความเขา้ ใจในเรอื่ งการเรยี นการสอนมาสงั เกตพฤตกิ รรมการสอนของครใู นขณะทา� การสอน เพ่ือให้ครูสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงการสอนให้มีประสิทธิภาพโดยใช้ข้อมูลย้อนกลับจาก การสงั เกตการสอนของผนู้ ิเทศ ๓. การนิเทศเย่ยี มช้นั เรยี น หมายถงึ การสง่ เสริม สนบั สนุน หรอื ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ครใู นสถานศกึ ษาถงึ หอ้ งเรยี นใหป้ ระสบความสา� เรจ็ ในการปฏบิ ตั งิ าน ตามภารกจิ หลกั ไดแ้ ก ่ การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน หรอื การสรา้ งเสรมิ พฒั นาการของผเู้ รยี น ทุกด้าน ทัง้ ด้านร่างกาย จติ ใจ สงั คม อารมณ์ และสตปิ ัญญา ใหเ้ ต็มตามวัยและศักยภาพ เพอ่ื ศกึ ษาปญั หาของครผู สู้ อน ประเมนิ ผลการสอน กระตนุ้ ใหค้ รผู สู้ อนปรบั ปรงุ พฒั นาการสอน และใหค้ �าปรกึ ษาแนะน�าแกค่ รผู ู้สอน 77
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳ԵÈÒʵà ๔. การให้ค�าปรึกษาทางวิชาการ หมายถึง การช่วยเหลือ ให้ค�าปรึกษาแนะน�างานด้านวิชาการหรือวิชาชีพ เพื่อแก้ไขปัญหาให้งานน้ันบรรลุ วัตถุประสงค์ทต่ี ั้งไว้ ๕. การประชมุ ทางวชิ าการ หมายถงึ การชมุ นมุ ในดา้ นวชิ าการ หรือวิชาชีพ เพื่อพิจารณาประเด็นปัญหาส�าคัญ ข้อห่วงใย ประเด็นความก้าวหน้าร่วมกัน หรือเพอ่ื ทา� ความตกลงเกยี่ วกบั การพจิ ารณาเลอื กกฎระเบยี บหรือประเพณปี ฏบิ ตั ิ ข้ันตอนท่ี ๓ นิเทศภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของโรงเรียนอนุบาลด่านช้างกับครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ซึ่งมีวิธีนิเทศ ภายใน ๕ ข้นั ได้แก่ ๑. การประชุมครูกอ่ นการสังเกต เพือ่ พจิ ารณาแผนการจดั การเรียนรู้ ก่อนท่ีจะสังเกตการสอน เพ่ือให้ผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศเข้าใจกัน อยา่ งชัดเจน ซง่ึ มีการประเมินแผนการจัดการเรยี นรู้อย่างนอ้ ยปกี ารศึกษาละ ๑ ครัง้ ๒. การสงั เกตชนั้ เรยี น (สงั เกตการสอน) ขน้ั นจ้ี ะเปน็ ชว่ งเวลา ท่ีต้องติดตามพฤติกรรมการสอนของครูในชั้นเรียน ซึ่งผู้สังเกตจะใช้วิธีการในการสังเกต แบบใดกไ็ ด ้ ซง่ึ มกี ารสงั เกตการสอนอยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ ๑ ครงั้ และมกี ารนเิ ทศเยย่ี มชนั้ เรยี น อย่างน้อยภาคเรียนละ ๒ ครง้ั ๓. การวิเคราะห์และตีความหมาย หลังจากการสังเกต การสอนและไดข้ ้อมูลของครูมาแล้ว ผนู้ เิ ทศเริ่มวเิ คราะห์ขอ้ มลู แล้วแปลความหมายข้อมลู ๔. การประชุมครูภายหลงั การสงั เกต เพอ่ื ใหค้ รไู ดร้ บั ขอ้ มลู ปอ้ นกลบั และไดร้ ว่ มอภปิ รายเพอ่ื นา� ผลไปใชว้ างแผนปรบั ปรงุ การสอนตอ่ ไป ซง่ึ มกี ารประชมุ ทางวิชาการ อยา่ งน้อยเดือนละ ๑ คร้งั ๕. วพิ ากษว์ จิ ารณผ์ ลจากทงั้ ๔ ขน้ั เพอื่ พจิ ารณาและทบทวน รปู แบบ ตง้ั แตค่ รั้งแรกจนถึงคร้ังหลงั สดุ วา่ มีสงิ่ ใดบกพรอ่ ง และต้องการแก้ไขในจดุ ใดบ้าง ขั้นตอนที่ ๔ ประชุมร่วมกันเพื่อปรับปรุงรูปแบบการนิเทศภายใน กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตรข์ องโรงเรยี นอนบุ าลดา่ นชา้ งใหม้ ีประสิทธภิ าพมากยิง่ ข้ึน ขั้นตอนที่ ๕ ประชุมร่วมกันเพ่ือสรุปผลการนิเทศภายในกลุ่มสาระ การเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ของโรงเรียนอนุบาลด่านชา้ ง 78
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà ผลส�าเรจ็ ของการดา� เนนิ งาน ๑. ไดร้ ปู แบบการนเิ ทศภายในกลมุ่ การเรยี นรสู้ าระคณติ ศาสตรท์ เ่ี หมาะสม และมปี ระสทิ ธภิ าพ ๒. การสร้างนวัตกรรมการนิเทศส่งผลให้คณะครูมีการพัฒนาตนเอง เขา้ อบรมเพมิ่ ความรพู้ ฒั นาสอื่ และนวตั กรรมของของกลมุ่ สาระคณติ ศาสตร ์ นา� กลบั มา PLC สลับสับเปลี่ยนกันนิเทศกันเองเบื้องต้น ท�าให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพ่ิมข้ึน ส่งผลให้เกิด ประสทิ ธภิ าพที่ดตี ่อการจดั การเรียนการสอน การเผยแพรน วตั กรรม เผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการในเวบ็ ไซตข์ องโรงเรยี น และเผยแพรผ่ ลงาน ทางวชิ าการใหก้ ับโรงเรียนในเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสุพรรณบรุ ี เขต ๓ นวัตกรรมดานการพัฒนาการเรียนการสอน : แบบฝกทักษะการแกโจทยปญหาตามข้ันตอน ของโพลยา (Polya’s Problem Solving Steps) ของผเู รียนโรงเรยี นอนบุ าลดานชา ง ความเปนมาและความส�าคญั การจัดการเรียนการสอน การแก้โจทย์ปัญหา นับว่าเป็นเร่ืองยาก ส�าหรับผู้สอน โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งเกย่ี วกับวิธสี อน ซง่ึ ผสู้ อนตอ้ งใช้ความวริ ิยะในการสร้างส่ือ เพอื่ ใชป้ ระกอบการสอน และตอ้ งสอนอยา่ งมกี ระบวนการ เพอ่ื ใหเ้ ดก็ เกดิ การเรยี นรตู้ ามลา� ดบั ขนั้ ของเน้ือหาวชิ า และตรงตามวฒุ ิภาวะของเด็ก นอกจากนี ้ ครคู วรสรา้ งบรรยากาศท่ีส่งเสริม การแก้ปัญหา กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ สรรหาวิธีสอนและส่ือการเรียน การสอนมาช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจโจทย์ปัญหาได้อย่างง่ายข้ึน ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้เรียน มีโอกาสสร้างโจทย์ปัญหาด้วยตนเอง ช่วยกันคิด และอภิปรายร่วมกัน จัดกิจกรรม ท่ีสนุกสนานเพ่ือให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหาและมีเจตคติท่ีดีต่อการ แก้ปัญหา โรงเรียนอนุบาลด่านช้างจึงได้พัฒนานวัตกรรมการช่วยคิดวิเคราะห์โจทย์ การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ให้เป็นขั้นตอนและกระบวนการท่ีเพ่ิมความรู้ความเข้าใจ มากข้นึ 79
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳ԵÈÒʵà วตั ถุประสงค ๑. เพอ่ื ศกึ ษาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นกอ่ นและหลงั ใชแ้ บบฝก ทกั ษะ การแก้โจทย์ปัญหาตามข้ันตอนของโพลยา (Polya’s Problem Solving Steps) ๒. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนท่ีมีต่อการเรียนโดยใช้ แบบฝก ทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ญั หาตามขน้ั ตอนของโพลยา (Polya’s Problem Solving Steps) การด�าเนนิ งาน ๑. ด�าเนินการประชุมครูผู้สอนคณิตศาสตรโดยใช้หกรวมโมเดล (Participation) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ใช้นวัตกรรมการด�าเนินการตามรูปแบบ หกรว่ มโมเดล ดังน้ี ๑.๑ รวมวางแผน (Planning) ผู้มีส่วนร่วมในการจัด การศึกษาร่วมพิจารณาตัดสินใจล่วงหน้าว่าจะท�าอะไร อย่างไร มีการก�าหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย โครงการ และวิธีการปฏิบัติ เพื่อให้การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ บรรลตุ ามวัตถุประสงค์ ๑.๒ รว มพัฒนา (Influence) เปดโอกาสใหผ้ ู้มสี ่วนร่วม ในการจดั การศกึ ษารายวชิ าคณติ ศาสตร ์ ไดแ้ ก ่ คร ู บคุ ลากร ทางการศกึ ษา คณะกรรมการการสถานศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน และชมุ ชน ไดร้ ว่ มกา� หนดแนวทาง การพัฒนา ๑.๓ รว มปฏบิ ตั ิ(Doing)ผมู้ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งการจดั การศกึ ษา รว่ มปฏบิ ตั ติ ามแผน ใหบ้ รรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมาย เพอ่ื พฒั นากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตรอ์ ย่างเต็มกา� ลงั ศักยภาพ ๑.๔ รวมแลกเปลี่ยน (Sharing) ให้ผู้มีส่วนเก่ียวข้อง กบั การจดั การศกึ ษาดา้ นการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร ์ ไดแ้ ก ่ คร ู บคุ ลากรทางการศกึ ษา คณะกรรมการ การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน และชุมชนร่วมนา� ผลการด�าเนนิ การทกุ ขัน้ ตอน ได้แลกเปล่ยี นเรียนรู้ ซ่งึ กนั และกนั และร่วมแลกเปล่ยี นเรียนร้ใู นระดับต่าง ๆ ตอ่ ไป ๑.๕ รวมปรับปรุงและพัฒนา (Development) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หาจุดเด่น จุดพัฒนา เพื่อน�าไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนา การด�าเนินการพัฒนาคณิตศาสตร์ใหป้ ระสบผลส�าเร็จ 80
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳ԵÈÒʵà ๑.๖ รวมประเมินผล (Evaluation) การประเมินผล ทกุ ขนั้ ตอนตามเครอ่ื งมอื ใหค้ รบทง้ั ระบบ โดยใชร้ ปู แบบทห่ี ลากหลาย และทกุ ฝา ยมสี ว่ นรว่ ม ในการประเมินเพ่ือให้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง พร้อมท่ีจะนา� ไปพฒั นาปรบั ปรงุ และต่อยอดตอ่ ไป ๒. ทบทวนแนวคดิ และทฤษฎเี กยี่ วกบั Polya’s Problem Solving Steps การแก้โจทย์ปัญหาแบบโพลยา (Polya, 1957 : 5 - 6 อ้างใน ส�านักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน, ๒๕๕๒, ระบบออนไลน)์ กลา่ ววา่ ปญั หาทางคณติ ศาสตร์ เปน็ สถานการณห์ รอื คา� ถามทมี่ เี นอ้ื หาสาระกระบวนการหรอื ความรทู้ ผ่ี เู้ รยี นไมค่ นุ้ เคยมากอ่ น และไม่สามารถหาค�าตอบได้ทันที การหาค�าตอบจะต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ ทางคณิตศาสตร์และศาสตร์อ่ืน ๆ ประกอบกับความสามารถในด้านการวิเคราะห ์ การสังเคราะห์และการตัดสินใจ การเรียนการสอนเกี่ยวกับการแก้โจทย์ปัญหา เป็นการฝกให้ผู้เรียนมีวิธีการที่ดีในการแก้ปัญหา มากกว่าที่จะสอนให้ผู้เรียน รู้ค�าตอบของปัญหา โดยพยายามส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบรูปแบบหรือวิธี การแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเอง น่ันคือเน้นทักษะกระบวนการคิดของผู้เรียนน่ันเอง กระบวนแก้ปัญหาคณติ ศาสตร์มีวิธีการท่ีหลากหลาย ประกอบด้วย ๔ ขน้ั ตอน ดังนี้ ขนั้ ท่ี ๑ ทาํ ความเขา ใจโจทย (Understanding the problem) วิเคราะห์ประเด็นของปัญหาว่า โจทย์ต้องการทราบอะไร โจทย์ให้ข้อมูลอะไรบ้าง เร่ิมต้นให้ผู้เรียนอ่านพิจารณาโจทย์ปัญหา และบอกรายละเอียดท้ังหมด ตามความเข้าใจ ของผูเ้ รียนเอง ตัวอย่างคา� ถามนา� ของคร ู : - สง่ิ ที่โจทยก์ �าหนดใหม้ ีทัง้ หมดกีต่ อน อะไรบ้าง - โจทย์ตอ้ งการใหเ้ ราทา� อะไร - โจทยข์ ้อน้ีจะวาดรูปเพ่อื ให้เขา้ ใจงา่ ย ๆ ไดไ้ หม ขั้นที่ ๒ วางแผนแกปญหา (Devising a plan) เช่ือมโยง ความเก่ียวข้องระหว่างข้อมูลกับส่ิงที่ต้องการทราบ ครูผู้สอนควรจะแสดงบทบาท ไปพร้อม ๆ กับผู้เรียนร่วมกันวางแผนแก้ปัญหา เป็นการฝกให้ผู้เรียนเรียนรู้วิธี การแก้ปัญหาหลากหลายวิธี 81
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³µÔ ÈÒʵà ขั้นที่ ๓ ปฏิบัติตามแผน (Carrying out the plan) ปฏิบัติตามแผนท่ีวางไว้ในข้ันที่ ๒ และต้องมีการตรวจสอบแต่ละข้ันตอนที่ปฏิบัติว่า ถูกต้องหรือไม่ในการคิดค�านวณหาค�าตอบ ผู้เรียนจ�าเป็นต้องมีทักษะการคิดค�านวณ เชน่ การบวก การลบ การคณู การหาร การยกกา� ลงั การแกส้ มการ เปน็ ตน้ ในการเขยี นแสดง วธิ ที า� ครคู วรสอนหรอื แนะนา� ใหผ้ เู้ รยี นใชท้ กั ษะในการยอ่ ความ และสรปุ ความจากสงิ่ ทโี่ จทย์ ก�าหนดให้ เพ่อื น�ามาเขียนขอ้ ความแสดงวธิ ที �า ซึง่ มีหลายวธิ ี ขั้นที่ ๔ ตรวจสอบ (Looking back) ตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ จากการแก้ปัญหาว่าถูกต้องหรือไม่ ครูควรจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนไปทบทวนและตรวจสอบ ขั้นตอนต่าง ๆ ที่ผ่านมา โดยพิจารณาความสมเหตุสมผลของค�าตอบ และพิจารณาว่า น่าจะมีค�าตอบอ่ืนหรือวิธีการคิดเป็นอย่างอื่นได้อีกหรือไม่ ครูอาจใช้ค�าถาม ถามน�าผู้เรียน เพ่ือชว่ ยให้เขามอง หรือตรวจสอบขัน้ ตอนต่าง ๆ เชน่ - วธิ ีการทีใ่ ชแ้ กโ้ จทยป์ ญั หาสมเหตสุ มผลหรือไม่ - ใชข้ ้อมลู ทงั้ หมดทโ่ี จทยอ์ า้ งถึงครบหรือไม ่ ๓. คณะครคู ณติ ศาสตรป์ ระจา� สายชน้ั ดา� เนนิ การจดั ทา� แบบฝก ทกั ษะ การแกโ้ จทยป์ ัญหาโดยใช้กระบวนการแบบโพลยาชน้ั ละ ๓๐ ข้อ จา� นวน ๕ ชดุ และนา� ไป ใชใ้ นการจดั การเรยี นการสอนกบั ผเู้ รยี น ๔. ด�าเนินการเก็บข้อมูลเพ่ือใช้ในการพัฒนาตามล�าดับข้ันตอน ดงั ต่อไปน้ี ๔.๑ ก่อนเริ่มบทเรียนให้ผู้เรียนท�าแบบทดสอบก่อนเรียน จ�านวน ๓๐ ข้อ โดยใช้แบบทดสอบแบบปรนัย ชนิด ๔ ตัวเลือก เพ่ือวัดความรู้พ้ืนฐาน ของผ้เู รียนแตล่ ะคน จากน้นั ตรวจให้คะแนน แลว้ น�ามาวิเคราะหห์ าคา่ ทางสถิตใิ นขนั้ ต่อไป ๔.๒ ด�าเนินการจัดกิจกรรมการสอนโดยใช้แบบฝกทักษะ การแก้โจทย์ปัญหาตามข้ันตอนของโพลยา (Polya’s Problem Solving Steps) ควบคกู่ บั แผนการจัดการเรยี นรู้ และสังเกตพฤติกรรมการเรียน 82
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà ๔.๓ เม่ือจบบทเรียนหรือส้ินสุดการเรียนการสอนแล้ว ใหผ้ เู้ รยี นทา� แบบทดสอบหลงั เรยี น จา� นวน ๓๐ ขอ้ เพอ่ื วดั ความกา้ วหนา้ ของผเู้ รยี นรายบคุ คล และเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู หาคา่ ทางสถิติต่อไป ๔.๔ แจกแบบประเมนิ แสดงความคดิ เหน็ ใหผ้ ู้เรียนประเมินตาม ความเป็นจริง ๕. สรปุ และรายงานผลการดา� เนินการ ผลส�าเรจ็ ของการดา� เนนิ งาน พบวา่ กอ่ นเรยี นดว้ ยแบบฝก เสรมิ ทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ญั หาตามขนั้ ตอน ของโพลยามีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ๒๐.๙๘ มีค่าความเบ่ียงเบนมาตรฐานเท่ากับ ๒.๗๗ และหลังเรียนด้วยแบบฝกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาตามขั้นตอนของโพลยา มคี ะแนนเฉลยี่ เทา่ กบั ๒๕.๑๗ มคี า่ ความเบีย่ งเบนมาตรฐานเท่ากับ ๒.๑๘ ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนคณิตศาสตร์โดยใช้ชุดการเรียนรู้ คณิตศาสตร์อยู่ในระดบั มากท่สี ดุ โดยมีคา่ เฉล่ยี รวม (µ) เทา่ กับ ๔.๙๗ และส่วนเบย่ี งเบน มาตรฐาน (SD) เทา่ กับ ๐.๑๒ การเผยแพรน วตั กรรม โรงเรยี นอนบุ าลดา่ นชา้ งไดม้ กี ารเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการในเวบ็ ไซต์ ของโรงเรียน และเผยแพร่ผลงานทางวิชาการให้กับโรงเรียนในสังกัดส�านักงานเขต พน้ื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาสพุ รรณบรุ ี เขต ๓ 83
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà โรงเรียนวัดพลับพลำชัย ส�านกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษากรงุ เทพมหานคร เกรนิ่ นํา โรงเรียนวัดพลับพลาชัย สังกัดส�านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษา กรงุ เทพมหานคร มกี ารจดั การศกึ ษาภายใตว้ สิ ยั ทศั นข์ องโรงเรยี น คอื โรงเรยี นมาตรฐานสากล เปน็ เลศิ ทางคณติ ศาสตร ์ ฉลาดใชเ้ ทคโนโลย ี สรา้ งคนดดี ว้ ยคณุ ธรรม เปน็ ผนู้ า� แหง่ การเรยี นร ู้ เชิดชูความเป็นไทย ด�าเนินชีวิตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีพันธกิจ ได้แก่ การส่งเสริม การจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะความเป็นเลิศทางคณิตศาสตร์ พัฒนาระบบบริหาร จัดการกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ให้มีมาตรฐาน ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านการสอนและส่งเสริมผู้เรียน สู่ความเป็นทางคณิตศาสตร์ตามศักยภาพของผเู้ รยี น เพือ่ ไปสเู่ ปา้ หมายที่โรงเรยี นก�าหนดไว ้ ได้แก่ ผู้เรียนมีความเป็นเลิศทางคณิตศาสตร์ ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ และโรงเรียนเป็นสงั คมแห่งการเรยี นรู้ โรงเรียนวดั พลบั พลาชัย มีแผนพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศึกษา โดยมีการจดั กิจกรรมพัฒนาทักษะกระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ ผู้บริหารส่งเสริมให้ครูมีการอบรม ประชมุ สมั มนา ศกึ ษาดงู าน แลกเปลย่ี นเรยี นร ู้ โดยการทา� PLC เพอื่ พฒั นาจดุ เดน่ และแกไ้ ข ในส่วนท่ีต้องปรับปรุง โรงเรียนจัดให้มีสภาพแวดล้อมโดยมีสาระความรู้ ตารางสูตรคูณ ติดตามบริเวณต่าง ๆ ของโรงเรียน มีห้องปฏิบัติการศูนย์เทคโนโลยี มีห้องปฏิบัติการ ทางคณิตศาสตร์ และห้องเรียนต่าง ๆ เพ่ือส่งเสริมคุณภาพในการเรียนการสอนของ ครูผู้สอนและผู้เรียน มีหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการส่งเสริมคุณภาพการเรียนรู้ของโรงเรียน คอื มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนดสุ ดิ ตามโครงการวทิ ยาลยั พเี่ ลย้ี ง และสถาบนั สง่ เสรมิ การสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งมีส่วนส�าคัญในการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน ให้มีคณุ ภาพมากย่งิ ข้นึ 84
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳ԵÈÒʵà การด�าเนินงานพัฒนากลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ โรงเรียนได้ก�าหนดเป้าหมายให้ผู้เรียน มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน เฉลยี่ ไมต่ า่� กว่ารอ้ ยละ ๗๐ และ โรงเรยี นไดต้ ง้ั คา่ เปา้ หมายในการสอบ O-NET ใหค้ ะแนนเฉลยี่ สูงขึ้นร้อยละ ๕ ทุกปี จากผลการด�าเนินงานในปี การศึกษาที่ผ่านมา พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน QR Code ขอมูลตามบริบทของ ในภาพรวมผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ แต่เม่ือวิเคราะห์เป็น โรงเรยี นวัดพลบั พลาชัย สายช้ันแล้วพบว่า บางสายชั้นท่ียังมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ โรงเรียนจึงได้คิดค้นนวัตกรรม เพ่ือพัฒนาการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ให้มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรยี นบรรลุเป้าหมายท่ีต้ังไว ้ สรางสรรคน วัตกรรม นวตั กรรมดา นการบรหิ าร : การนเิ ทศการจดั การเรยี นการสอน (PLC) เพอ่ื พฒั นาการจดั การเรยี น การสอนวชิ าคณติ ศาสตรด วยรปู แบบ Active Learning ตามเทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) ของโรงเรยี นวดั พลบั พลาชัย ความเปนมาและความส�าคัญ ในยคุ ศตวรรษท ่ี๒๑ เปน็ ยคุ ของสงั คมแหง่ ขอ้ มลู ขา่ วสารและความเจรญิ ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่งผลให้นานาประเทศมีความพยายามในการแข่งขันกัน เพื่อ พัฒนา สร้างสรรค์ และคิดค้นข้อมูลความรู้ใหม่ ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ใหเ้ จรญิ กา้ วไกล คณติ ศาสตรจ์ งึ กลายเปน็ ศาสตรห์ นงึ่ ทม่ี คี วามสา� คญั และเปน็ เครอ่ื งมอื ทนี่ า� มาใชใ้ นการศกึ ษาวทิ ยาศาสตร ์ ตลอดจนศาสตรอ์ น่ื ๆ (สถาบนั สง่ เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลย ี (สสวท.), ๒๕๕๕ ก : ๑) และคณติ ศาสตร์จงึ มีบทบาทสา� คญั ต่อการพฒั นา ความคดิ มนษุ ยแ์ ละเปน็ เครอ่ื งมอื ในการศกึ ษาดา้ นวทิ ยาศาสตร ์ เทคโนโลย ี และศาสตรอ์ นื่ ๆ อีกท้ังยังมีประโยชน์ต่อการด�าเนินชีวิต ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ท�าให้สามารถ อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข ด้านผลการประเมินคุณภาพผู้เรียน : NT ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ มีคะแนนเฉลี่ยร้อยละ ๕๐ และผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ มีคะแนนเฉล่ียร้อยละ ๖๐ 85
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà โรงเรียนจึงต้องการยกระดับคุณภาพให้สูงข้ึน ในมาตรฐานและตัวชี้วัดบางตัว ในวิชาคณิตศาสตร์มีคะแนนยังไม่ถึงเป้าหมายท่ีสถานศึกษาก�าหนดจึงต้องการ พัฒนาส่ิงที่เป็นจุดอ่อนนั้นให้สูงข้ึน โดยโรงเรียนได้ตั้งค่าเป้าหมายให้คะแนน เฉลย่ี สูงข้ึนรอ้ ยละ ๕ ทกุ ป ี จากสภาพปัญหาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่ ยงั ประสบปญั หาเกยี่ วกบั เนอื้ หาในมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั บางตวั ในวชิ าคณติ ศาสตร์ และอีกสาเหตุหนึ่ง มาจากครูผู้สอนจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ผู้บริหารจึงต้องการพัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์ในด้านการน�าความรู้ไปใช้ ประกอบการตัดสินใจและการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ โรงเรียนจึงได้น�ารูปแบบ การจดั การเรยี นการสอนแนวคดิ เชงิ รกุ (Active Learning) ตามเทคนคิ TAI (Team Assisted Individualization) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนที่มีรูปแบบหลากหลาย ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ท้ังในเชิงทักษะและปฏิบัติเพื่อพัฒนาและ แกป้ ัญหา วเิ คราะห ์ วิจารณ ์ หรอื ตัดสินใจในเรอื่ งตา่ ง ๆ จนทา� ให้เกิดการเรียนรอู้ ย่างแท้จรงิ เพ่ือท่ีจะพัฒนาผู้เรียนท้ังทางด้านความคิดและการแก้ปัญหา วิเคราะห์ ค้นคว้า จึงจ�าเป็นที่จะต้องพัฒนาครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ให้น�ารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ตามเทคนิค TAI ไปใช้พัฒนาการจัดระบบนิเทศการสอน การช่วยเหลือและส่งเสริมสนับสนุนให้ครูผู้สอน สามารถปฏิบัติการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมท้ังส่งเสริมเก่ียวกับอุปกรณ์ การจดั การเรยี นการสอนให้แก่ครผู ู้สอน ดงั นัน้ จงึ มีการนเิ ทศการสอน โดยมุง่ เนน้ การนิเทศ ๒ ด้าน คือ ๑) ดา้ นการพัฒนาการเรียนการสอน ๒) ด้านการพัฒนาหลกั สตู ร วัตถปุ ระสงค ๑. เพอื่ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ ชว่ ยเหลอื ครผู สู้ อนใหจ้ ดั การเรยี นการสอน คณติ ศาสตรด์ ว้ ย Active Learning ตามเทคนคิ TAI ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ ๒. เพอ่ื พฒั นาหลกั สตู รคณติ ศาสตร ์ 86
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà การด�าเนินงาน ๑. ผู้บริหารจัดประชุมครูเพื่อชี้แจงและท�าความเข้าใจเก่ียวกับ การนิเทศการเรียนการสอน เพ่ือเป็นการมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอนของครู และประเมนิ หลกั สูตรคณิตศาสตร์ ๒. ร่วมกันก�าหนดแนวทาง การนิเทศ/PLC และรูปแบบการนิเทศ ในเชงิ Active Learning ตามเทคนิค TAI ตามรูปแบบ ดังนี้ ขั้นท่ี ๑ สรา้ งความเปน็ มิตร ขัน้ ท่ี ๒ คดิ วางแผนรว่ มกนั (นเิ ทศ / พัฒนาหลกั สตู ร) ขน้ั ท่ี ๓ หม่ันติดตามเยยี่ มชม / น�าหลกั สูตรไปใช้ / ประเมนิ ผล ขน้ั ที่ ๔ น�าผลกลบั มาวิเคราะห์ (นิเทศ / หลกั สูตร) ขั้นท่ี ๕ พฒั นาคุณภาพ ๓. น�ารูปแบบการนิเทศในเชิง Active Learning ตามเทคนิค TAI ไปด�าเนินการนเิ ทศครูในกลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ๔. ประชมุ ใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลบั ทงั้ จดุ เดน่ และจดุ ทตี่ อ้ งพฒั นาใหค้ รผู สู้ อน 87
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà ๕. ประเมนิ ผลการนิเทศตดิ ตาม ข้ันท่ี ๑ : ผลการนเิ ทศโดยใชร้ ปู แบบการนเิ ทศ เตรยี มการก่อนนิเทศ การจดั การเรยี นการสอนคณติ ศาสตรด์ ว้ ยรปู แบบ Actuve Learning ตาม เทคนิค TAI/หลักสตู ร ข้ันท่ี ๒ : การพบปะพูดคยุ /แผนการสอน/สื่อการสอน/หลักสูตร คณิตศาสตรท์ ม่ี ีคณุ ภาพ ข้นั ที่ ๓ : ประชุมใหข้ อ้ มลู ยอ้ นกลับทงั้ จดุ เด่นและจดุ ที่ตอ้ งพัฒนา ข้นั ท่ี ๔ : ประเมินผลการนเิ ทศ ตดิ ตาม ดูแล แผนผังแสดงกระบวนการพัฒนานวัตกรรมของผู้บริหารโรงเรียน วดั พลบั พลาชยั “การนเิ ทศการจดั การเรยี นการสอน (PLC) เพอื่ พฒั นาการจดั การเรยี นการสอน วิชาคณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบ Active Learning ตามเทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) ของโรงเรยี นวดั พลบั พลาชัย” การนิเทศการจัดการเรียน การสอนรูปแบบ Active ผลการทดสอบระดบั ชาติ การสอน (PLC) เพื่อพัฒนา Learning ตามเทคนิค TAI ขน้ั พ้นื ฐาน (O-NET) สูงเกนิ การจัดการเรียนการสอน ร้อยละ 50 วิชาคณิตศาสตร์ด้วยรูปแบบ ขน้ั ที่ ๑ สรา้ งความเปน็ มิตร Active Learning ตามเทคนคิ ข้ันท่ี ๒ คดิ วางแผนกนั (นเิ ทศ/พฒั นาหลักสตู ร) TAI ข้นั ที่ ๓ หมน่ั ตดิ ตามเยยี่ มชม/นา� หลกั สตู รไปใช/้ ประเมนิ ผล ๑. การพฒั นาการเรยี นการสอน ขนั้ ที่ ๔ น�าผลกลบั มาวเิ คราะห ์ (นเิ ทศ/หลักสูตร) วชิ าคณิตศาสตร์ ขนั้ ที่ ๕ พัฒนาคณุ ภาพ ๒. การพัฒนาหลักสูตรวิชา คณิตศาสตร์ ขน้ั ท่ี ๑ : ผลการนิเทศโดยใชร้ ูปแบบการนเิ ทศการ เตรียมการกอ่ นนิเทศ จัดการเรยี นการสอนคณิตศาสตร์ด้วยรปู แบบ Active Learning ตาม เทคนิค TAI/หลักสตู ร ขน้ั ที่ ๒ : การพบปะพูดคยุ /แผนการสอน/สอ่ื การสอน/หลกั สูตร คณติ ศาสตร์ทีม่ ีคุณภาพ ขั้นท่ี ๓ : ประชมุ ใหข้ อ้ มูลย้อนกลับทง้ั จุดเด่นและจุดที่ตอ้ งพัฒนา ขัน้ ที่ ๔ : ประเมนิ ผลการนเิ ทศ ติดตาม ดูแล 88
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃä¤ ³µÔ ÈÒʵà ผลส�าเรจ็ ของการด�าเนนิ งาน จากการนิเทศการจัดการเรียนการสอนของครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ ดว้ ยกระบวนการ Active Learning ตามเทคนคิ TAI มผี ลสา� เรจ็ ตอ่ กระบวนการเรยี นการสอน และสามารถพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนดา้ นคณติ ศาสตร์ได ้ ดงั นี้ ๑. ครสู ามารถจดั การเรยี นการสอนดว้ ยกระบวนการ Active Learning ตามเทคนคิ TAI ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๗๐ ของจา� นวนครทู งั้ หมดในโรงเรยี น ๒. โรงเรียนมีหลักสูตรรายวิชาคณิตศาสตร์/หลักสูตรเพ่ิมเติม วิชากระบวนการคดิ ทางคณติ ศาสตร์ ๓. ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นในกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตรส์ งู ขน้ึ ทกุ ปี การเผยแพรน วัตกรรม โรงเรยี นวัดพลับพลาชัยไดเ้ ผยแพรน่ วัตกรรม โดยการน�าเสนอ ๑. คณะศึกษาดูงานจากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ ผู้บริหารและครู สังกัดส�านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต ๑ ได้แก่ โรงเรียน ประชาอปุ ถมั ภ ์ โรงเรยี นวดั ใหมผ่ ดงุ เขต เปน็ ตน้ รวมทง้ั โรงเรยี นบา้ นหนองสงั ข ์ จงั หวดั สระแกว้ ๒. คณะกรรมการประเมนิ คุณภาพภายในจากหน่วยงานตน้ สงั กัด ๓. คณะศึกษาดูงานจากประเทศเวียดนาม 89
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃ䤳µÔ ÈÒʵà ๔. สื่อออนไลนต์ า่ ง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Fanpage โรงเรยี น วัดพลบั พลาชยั ชอ่ ง Youtube Channel เป็นต้น 90
¹Çѵ¡ÃÃÁ...ÊÌҧÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà นวตั กรรมดา นการพฒั นาการเรยี นการสอน : ผลการจดั การเรยี นการสอนแบบกลมุ รว มมอื เทคนคิ TAI (Team Assisted Individualization) ท่มี ีตอ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวชิ าคณติ ศาสตร เรอื่ ง การบวกและการลบ ของผูเรียนระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปท ่ี ๑ ความเปน มาและความส�าคญั โรงเรียนวัดพลับพลาชัย มีวิสัยทัศน์ต่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผู้เรียนเพื่อน�าไปสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการอย่างต่อเนื่องทุกกลุ่มสาระ การเรียนรู้ โดยจุดแข็งส�าคัญของโรงเรียนวัดพลับพลาชัยท่ีได้รับการยอบรับจากชุมชน และสังคมมาอย่างยาวนานในดา้ นการจัดการเรียนการสอน คือ วิชาคณติ ศาสตร์ หลกั สูตร สถานศึกษาของโรงเรียนได้ระบุรายวิชาคณิตศาสตร์พ้ืนฐานเป็นรายวิชาหลัก อีกทั้งยังมี รายวิชากระบวนการคิดทางคณิตศาสตร์ท่ีมีจุดประสงค์หลักเพ่ือพัฒนากระบวนการคิด วเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หาทางคณติ ศาสตรใ์ นสถานการณท์ สี่ อดคลอ้ งกบั ชวี ติ ประจา� วนั กลา่ วคอื เป็นรายวิชาท่ีน�าทฤษฎีทางคณิตศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันน่ันเอง ซ่ึงรายวิชา ดงั กลา่ วจะเรม่ิ เรยี นตง้ั แตร่ ะดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ ไปจนถงึ ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ ผู้เรียนระดับช้ันประถมศึกษาที่ ๑ จะเริ่มเรียนทักษะการบวก และการลบจ�านวนสองหลักในวิชาคณิตศาสตร์ จากการจัดการเรียนการสอนท่ีผ่านมา พบว่า ผู้เรียนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจกระบวนการการบวกและการลบ และมีผู้เรียนบางส่วน ไมก่ ลา้ ถามหรอื ขอคา� ปรกึ ษาจากครผู สู้ อน มกั จะแกป้ ญั หาดว้ ยการถามจากเพอ่ื น จงึ สง่ ผลใหเ้ กดิ ความไมเ่ ขา้ ใจในเรอื่ งการบวกและการลบ จากการศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นาผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นวชิ าคณติ ศาสตร ์ พบวา่ การจดั การเรยี นการสอนแบบกลมุ่ ร่วมมอื เทคนิค TAI (Team Assisted Individualization) มงุ่ ให้ผเู้ รยี นได้ลงมือทา� กิจกรรม ในการเรียนได้ด้วยตนเองตามความสามารถของตนและส่งเสริมความร่วมมือภายในกลุ่ม มีการแลกเปลยี่ นประสบการณก์ ารเรียนร้แู ละปฏสิ ัมพนั ธท์ างสงั คม ผวู้ ิจยั จงึ สนใจใช้เทคนคิ TAI พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เร่ือง การบวกและการลบ ของผู้เรียน ระดับชั้นประถมศกึ ษาปที ่ ี ๑ 91
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃä¤ ³µÔ ÈÒʵà วตั ถุประสงค ๑. เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เร่ือง การบวกและการลบ ของผู้เรียนระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ หลังการจัดการเรียนการสอน แบบกลุ่มร่วมมอื เทคนคิ TAI กบั เกณฑ์ทีก่ �าหนด ๒. เพ่ือเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร ์ เร่ือง การบวกและการลบ ของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ก่อนและหลัง การจดั การเรยี นการสอนแบบกลุ่มร่วมมอื เทคนคิ TAI การดา� เนินงาน ๑. ศึกษาเอกสาร ๒. จัดกลมุ นักเรียน คณะนกั เรยี น เก่ง กลาง อ่อน โดยใช้ข้อมูลผลการทดสอบ ๑.๑ เอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง กอ่ นเรียน เปน็ เกณฑ์ในการจดั กลุ่ม กับการจัดการเรียนการสอนแบบ ๓. ครูทบทวนเนือ้ หาเร่ืองการบวกและการลบ กลุ่มรว่ มมอื เทคนิค TAI ครูช้ีแจงเป้าหมายในการเรียนและใช้เอกสาร (ใบความรู้) ๑.๒ ข้อมูลผลการทดสอนก่อนเรียน เพอ่ื สรปุ เนอ้ื หารการบวกและการบลรว่ มกบั นกั เรยี นในชวั่ โมงท ี่ 1 ด้วยการจัดการเรียนการสอนแบบ ๔. นกั เรยี นจับคูชว ยเหลอื กัน กลมุ่ ร่วมมือเทคนคิ TAI นกั เรยี นจบั คชู่ ว่ ยกนั ทา� แบบฝก หดั เรอื่ งการบวกและการลบ ๑.๓ แผนการจัดการเรียนการสอน เพ่ือช่วยเหลือซึ่งกันและกันและตรวจสอบ หากคู่ใดถูกเกิน แบบร่วมมือเทคนิค TAI ร้อยละ ๗๐ ก็จะได้รบั แบบฝก หดั ต่อไป หากคนใดไม่ถึงเกณฑ ์ ใหค้ ูข่ องตนอธิบายข้อผิดพลาด หากไม่เข้าใจจงึ ปรกึ ษาครู ๕. ทดสอบยอ ย เมือ่ นกั เรียนทา� แบบฝก หัดครบทกุ ตอนแล้ว ครูดา� เนินการ สอบยอ่ ยอกี ครงั้ หากนกั เรยี นคนใดยงั ไมผ่ า่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๗๐ ภายในกลมุ่ รว่ มกนั ชว่ ยเหลอื อธบิ ายขอ้ ผดิ พลาดใหก้ บั นกั เรยี น คนดงั กลา่ ว ๖. ทดสอบทา้ ยบท ครูด�าเนินการทดสอบท้ายบท หากนักเรียนคนใด ยังไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ ครูด�าเนินการช่วยเหลือ อธิบาย ขอ้ ผิดพลาดให้กบั นักเรยี นคนน้นั ๆ เปน็ รายบคุ คล ผลสา� เรจ็ ของการด�าเนนิ งาน ๑. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ ของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ เร่ือง การบวกและการลบ หลังการจัดการเรียน การสอนแบบกลมุ่ รว่ มมอื เทคนิค TAI สงู กว่าเกณฑท์ ีก่ �าหนด รอ้ ยละ ๗๐ 92
¹ÇµÑ ¡ÃÃÁ...ÊÃÒŒ §ÊÃä¤ ³ÔµÈÒʵà ๒. ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เร่ือง การบวกและการลบ ของผู้เรยี นระดับช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ หลงั การจัดการเรยี นการสอน แบบกลมุ่ รว่ มมอื เทคนคิ TAI สงู กวา่ กอ่ นการจดั การเรยี นการสอนแบบกลมุ่ รว่ มมอื เทคนคิ TAI การเผยแพรนวัตกรรม โรงเรยี นวดั พลบั พลาชยั ไดจ้ ดั กจิ กรรมชมุ ชนแหง่ การเรยี นร ู้ หรอื PLC แบบ Lesson Study ซ่งึ เปน็ กระบวนการจบั คู่กันของครูผ้สู อน เพ่อื การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีมีประสิทธิภาพของครูแต่ละคน ท�าให้ครูกลุ่มสาระ การเรยี นรอู้ นื่ ๆ สามารถน�าเทคนคิ วธิ กี ารดงั กล่าวไปใชจ้ ดั การเรียนการสอนได ้ 93
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250