Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

วิชาการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

Published by supada khunnarong, 2021-08-28 11:35:57

Description: เอกสารประกอบการสอนวิชาการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

Search

Read the Text Version

การประเมนิ เพอื่ การปรบั ปรงุ และพฒั นา (Formative Assessment) การประเมนิ เพอ่ื สรปุ ผลการเรยี นรู้ (Summative Assessment) ท่มี า : ดร.ชนาธปิ ทยุ้ แป สานักทดสอบทางการศกึ ษา สพฐ.

บทบาทของการวดั และปร การประเมนิ เพือ่ ปรบั ปรุง มาตร และพฒั นา ตา (Formative หนว่ ยท่ี 1 หนว่ ยท.่ี . Assessment) สอบกล การประเมนิ เพอื่ ตดั สินผล การเรียน (Summative Assessment)

ระเมินผลในระดบั ชัน้ เรยี น รฐานและตัวชวี้ ัด ามหลักสูตรฯ ... หน่วยท.่ี ... หนว่ ยท.่ี .. ลางภาค/ปีการศึกษา สอบปลายภาค/ปีการศึกษา ที่มา : ดร.ชนาธปิ ท้ยุ แป สานกั ทดสอบทางการศกึ ษา สพฐ.

การวดั และป การเรียนรู้ว

ประเมนิ ผล วิทยาศาสตร์

Ques • หากเราตอ้ งการทราบว่า ในการสอน รู้อะไรบา้ งและสามารถทาอะไรไดบ้ ้า • เราจะทาอย่างไรเพื่อให้นักเรยี นเปน็ ไ • เราจะทราบได้อยา่ งไรวา่ นกั เรยี นมีค • เราจะตัดสนิ ไดอ้ ยา่ งไรว่าผู้เรียนเกิดก

stion นเนอ้ื หาเรอ่ื งใดเร่อื งหนึ่งน้ัน นักเรียนควรตอ้ ง างเราตอ้ งดจู ากอะไร ไปตามมาตรฐาน ความรคู้ วามสามารถเปน็ ไปตามมาตรฐาน การเรยี นร้เู ปน็ ไปตามเปา้ หมายทีต่ งั้ ไว้

ความหมายการวัดและก การวดั ผล หมายถึง การกาหนดจานวนให มีความหมายในเชิงปริมาณ (ไวร์สมา และเจ ในขณะที่ อเี บลและไฟร์สไบย์ อ้างถึงใน พิชิต กาหนดตวั เลขหรอื สัญลักษณท์ ม่ี คี วามหมายข อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ การวัดผลเป็นการ กฎเกณฑท์ ่วี างไว้

การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ห้กับวัตถุหรือเหตุการณ์ตามกฎที่ทาให้ตวั เลข จอร์ส อ้างถึงใน พิชิต ฤทธิ์จรูญ, 2555) ต ฤทธ์จิ รูญ , 2555 ให้คาอธิบายวา่ เป็นการ ของคณุ ลกั ษณะของสิ่งท่ีวดั โดยอาศัยกฎเกณฑ์ รกาหนดจานวนให้กับวัตถุหรือเหตุการณ์ตาม

การประ การประเมินผล หมายถึง กระบวนการท วัตถุประสงค์ของการสอนท่ีเป็นสัมฤทธ์ิผลขอ จรูญ, 2555) โดยมีการวางแผน การรวบรวม ทางเลือกในการตัดสินใจ เป็นการตัดสินเก ประเมิน (เมเรนส์ และเลแมนน,์ อีเบลและไฟ

ะเมนิ ผล ที่เป็นระบบในการตัดสินใจในขอบเขตของ องนักเรียน (กรอนลันด์ อ้างถึงใน พิชิต ฤทธ์ิ มและการใชข้ ้อมูลที่เป็นประโยชน์สาหรับเป็น ก่ียวกับคุณภาพหรือคุณค่าของส่ิงที่ต้องการ ฟร์สไบย์ อ้างถงึ ใน พชิ ิต ฤทธ์ิจรูญ, 2555)

การประเมินท เปน็ กระบวนการตดั สนิ คุณค่าใน ส่ือการสอน การเรยี นรู้ การสอน ห ด้านต่าง ๆ ของผเู้ รียน การประกัน ศึกษา เปน็ ต้น (พสิ ณุ ฟองศรี, 25

ทางการศกึ ษา นบริบทขอบขา่ ยทางการศกึ ษา เช่น หลักสูตร โครงการ พฤติกรรม นคณุ ภาพ และองค์การทางการ 551)

การประเมนิ ผ • การนาผลจากการวัดผูเ้ รียนในดา้ นต่า กับเกณฑท์ ตี่ ง้ั ไว้ • เป็นการนาผลจากการวัดเกี่ยวกับพฤ เปรยี บเทยี บกบั เกณฑ์เพอ่ื ใชต้ ดั สนิ ใจ การจัดการศกึ ษา

ผลการเรยี นรู้ าง ๆ มาตัดสินใจโดยการเปรยี บเทียบ ฤตกิ รรมของผ้เู รยี นในด้านต่าง ๆ จเกี่ยวกับผ้เู รยี นและสว่ นทีเ่ กยี่ วข้องกบั

การประเมินผลการเ (Science Learnin

เรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ng Assessment)

จุดมุ่งหมายของการวดั และประ • เพือ่ วนิ จิ ฉัยผู้เรยี น • เพอ่ื ตรวจสอบผลการเรียน • เพื่อรวบรวมขอ้ มูลดา้ นการเรยี นรู้

ะเมนิ ผลการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์

Inquiry Asse • การประเมินแบบวินิจฉัย (Di • การประเมนิ เพอ่ื ปรบั ปรงุ (Fo • การประเมินเพอื่ ตดั สนิ (Sum

essment iagnostic assessment) ormative assessment) mmative assessment)

Designing A มาตรฐานการเรียนรู้ การวัดและ (Standard) (Assess

Assessment ะประเมนิ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ sment) (Instructional Strategies)

การวัดและประเมินแบบดงั้ เดมิ 1. วัดว่าผเู้ รียนรอู้ ะไร 2. วดั และประเมนิ เฉพาะความรู้ซึง่ เปน็ ส่วน 3. วดั และประเมินความรทู้ างวิทยาศาสตร์ 4. วดั และประเมินเพื่อใหร้ ู้วา่ ผ้เู รยี นไมร่ อู้ ะไร 5. วดั เพยี งผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน 6. ครเู ป็นผวู้ ัดและประเมินผลเม่อื สิ้นสุดการสอน 7. การพัฒนาการวัดและประเมินภายนอกจะทาโดย ผเู้ ชยี่ วชาญเทา่ นนั้

การวดั และประเมินแบบใหม่ 1. วดั ว่าผู้เรยี นเรียนรแู้ ละทาอะไรได้บา้ ง 2. วัดและประเมินความรู้หลายดา้ น มีความเชือ่ มโยงกับบรบิ ท 3. วดั และประเมนิ ความเข้าใจเชงิ วทิ ยาศาสตร์และการให้ เหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ 4. วดั และประเมนิ เพ่อื รูว้ ่าผู้เรยี นเข้าใจอะไร 5. วัดผลสัมฤทธิ์และโอกาสหรือสถานการณ์อ่ืนๆ ที่ผู้เรียน สามารถเรียนรไู้ ดอ้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 6. ผู้เรยี นมสี ว่ นรว่ มในการวดั และประเมินการเรียนร้ตู ่อเน่อื ง ย 7. ครูมีสว่ นรว่ มในการพัฒนาการวัดและประเมนิ ภายนอก

การประเมินตามสภาพจรงิ (A ตามพระราชบญั ญัติการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ให้สถานศึกษาประเมนิ ผ้เู รียน โดยพจิ ารณาจากพฒั นาก เรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในก แห่งชาติ พ.ศ. 2542 มีเจตนาให้มีการประเมินผลระหว ประเมนิ ผลการศกึ ษา จากการประเมนิ ผลการศกึ ษาแบ อยา่ งเดยี ว มาเป็นการประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Authe และยังมีความสอดคล้องกบั หลกั สูตรใหม่

Authentic Assessment ) และที่แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 26 การของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการ กระบวนการเรียนการสอนซ่ึงพระราชบัญญัติการศึกษา ว่างการเรียนรู้ จึงทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการ บบด้ังเดิม (Tradition Assessment) โดยใช้ข้อสอบเพียง entic Assessment) ที่ยงั คงมีการผลแบบด้ังเดิมอยดู่ ้วย

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ (A สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2549 การประเมินท่ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนปฏิบัติงานท่ีเหมือ วางแผน การลงมือทางาน จนได้งานที่สมบูรณ์ ม ปรกึ ษาร่วมกบั ผ้เู รยี น การประเมินลักษณะน้จี ึงจาเป โดยใช้เกณฑ์หรือมาตรฐานเดียวกับเกณฑ์หรือมาต เดียวกนั หรอื ประเภทเดยี วกัน

Authentic Assessment ) 9) กล่าวว่า การประเมินตามสภาพจริง หมายถึง อนการปฏิบัติงานในชีวิตจริง มีเวลาเพียงพอสาหรับ มีโอกาสประเมินผลการทางานด้วยตนเองและมีการ ปน็ ต้องใช้วิธีการประเมินที่หลากหลาย มีการตัดสิน ตรฐานที่ใช้ตัดสินการทางานในชีวิตจริงในช้ินงาน

ลักษณะสำคัญของกำรป 1. เน้นพฤตกิ รรมท่ีแสดงออกจากความสามารถที่แทจ้ 2. ทาไปพร้อม ๆ กบั การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 3. ให้ความสาคัญกบั จดุ เดน่ ของผ้เู รียน 4. ตัง้ อยบู่ นพืน้ ฐานของสถานการณจ์ ริง 5. มีการใชข้ อ้ มูลทห่ี ลากหลายและมีการเก็บขอ้ มูลในท 6. ตอบสนองการเรยี นรู้และความสามารถของผู้เรยี น 7. สนับสนนุ การสรา้ งองค์ความรู้ของผเู้ รียน 8. เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นประเมินตนเอง 9. เกิดความรว่ มมือระหวา่ งครู ผปู้ กครองและ ผู้เรยี 10. ตอบสนองหลกั สูตรท่ีเนน้ การเรียนรู้ในสภาพจริง

ประเมินตำมสภำพจรงิ จรงิ ทกุ ดา้ นอยา่ งต่อเน่ือง นอยา่ งกวา้ งขวาง ยน ในการพัฒนาการเรียนรู้

สิ่งทีค่ วรคานึงในการประ 1.สิ่งทีต่ อ้ งประเมิน ควรประกอบดว้ ย - การแสดงออกถงึ ผลของการการเรยี นรู้ - การะบวนการเรยี นรู้ และ กระบวนกา - ผลผลิต ผลงาน 2. ระยะเวลาที่ประเมิน ควรมกี ารประเมนิ อย

ะเมินผลตามสภาพจรงิ ความคดิ ความสามารถ ทักษะและเจตคติ ารทางาน ย่างต่อเนอื่ งตามสภาพจริง

การประเมินผลด้า • มอบหมายงานใหท้ า • การกาหนดชน้ิ งาน หรอื อุปกรณ์หรอื สิ่งปร • การกาหนดชนิ้ งานตัวอย่างให้ • สร้างสถานการณจ์ าลองท่ีสมั พันธก์ บั ชวี ิต

านความสามารถ ระดิษฐใ์ หผ้ เู้ รียนวิเคราะห์ ตจรงิ ของนักเรยี น

การสรา้ งเคร่ืองมอื ว 1.ขัน้ วางแผน วิเคราะหต์ ัวชีว้ ดั และสาระการเรียนรใู้ ตัวชี้วดั เนอื้ หา 1.ดา้ น.......... 2 รอ้ ยละ ร 1............................ .............................. .. 2............................ .............................. .. 3........................... .............................. .. ทมี่ า : สถาบันสง่ เสรมิ การสอนวิทยา

วดั และประเมนิ ผล ในหลักสตู ร พฤตกิ รรมทตี่ ้องการวดั 2.ด้าน.......... 3.ดา้ น.......... รปู แบบเครอ่ื งมือ ร้อยละ ร้อยละ ............................. .............................. 1.รูปแบบ................ จานวนขอ้ ............. ............................. .............................. 2. รูปแบบ............ จานวนขอ้ ............. ............................. ............................. าศาสตรแ์ ละเทคโนโลย,ี 2555

การสร้างเคร่ืองมอื วดั แ 2. ข้นั สรา้ งเครอ่ื งมอื 2.1 การทาเครอ่ื งมือฉบับร่าง 2.2 การทดลองใชเ้ ครื่องมือ 2.3 การทาเคร่ืองมอื ฉบบั สมบรู ณ์

และประเมินผล (ตอ่ )

การตรวจสอบคณุ ภาพเคร่อื ง 1. การตรวจสอบเชิงคณุ ภาพ • การตรวจสอบความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา • การตรวจสอบความเป็นปรนยั ของเครอื่ งมือ • การตรวจสอบโอกาสในการทาขอ้ สอบของผูเ้ รยี • การตรวจสอบความสมบูรณข์ องเคร่อื งมือในภา 2. การตรวจสอบเชงิ สถติ ิ • เปน็ การนาผลจากการทดลองใชเ้ ครอื่ งมือมาวิเ

งมือวดั และประเมนิ ผล ยน าพรวมทั้งหมด เคราะห์เชิงสถิตเิ พอ่ื พจิ ารณาคณุ ภาพของเคร่อื งมอื

คุณภาพของแ 1. ความเที่ยงตรง (Validity) 2. ความเช่ือมนั่ (Reliability) 3. ความยากงา่ ย (Difficulty) 4. อานาจจาแนก (Discrimination) 5. ความเปน็ ปรนัย (Objectivity)

แบบทดสอบ

ความเทยี่ งต ความเทย่ี งตรง (Validity) หมายถงึ ความถูกต้อ ถูกตอ้ งแม่นยาของแบบทดสอบวัดไดต้ ามวัตถุประสงค แบบทดสอบท่จี ะสะท้อนความหมายทแี่ ท้จรงิ ของแนว จาแนกออกไดเ้ ปน็ 4 ประเภท 1. ความเท่ียงตรงตามเนื้อหา (Content Validit 2. ความเทีย่ งตรงตามโครงสร้าง (Construct Va 3. ความเที่ยงตรงตามสภาพ (Concurrent Val 4. ความเทย่ี งตรงเชงิ พยากรณ(์ Predictive Val

ตรง (Validity) องของแบบทดสอบในสิ่งท่ีตอ้ งการจะวัดหรอื ความ ค์ที่วางไว้หรืออาจกลา่ วได้ว่าเปน็ ความสามารถของ วคดิ ทีต่ อ้ งการศึกษาออกมาได้อย่างสมบูรณ์และถูกตอ้ ง ty) alidity) lidity) lidity)

ความเทีย่ งตรงตามเน พิจารณาจากกระบวนการสรา้ งแบบทดสอบ หรือโดยการตรวจสอบคาตอบกับข้อเท็จจริงที่ป สอดคล้องกับพฤติกรรมท่ี ตอบในแบบทดสอบ ผูเ้ ช่ียวชาญทางด้านเนื้อหาเพื่อตรวจสอบกระบว ในแบบทดสอบว่าสามารถใช้เป็นตัวแทนของเน ปรากฏในแบบทดสอบกับส่ิงที่ควรจะถามว่ามีคว สอดคล้องระหวา่ งวัตถปุ ระสงค์กบั แบบทดสอบ (

น้ือหาและการทดสอบ บหรือข้อสอบวา่ วดั ได้จริงตามที่ต้องการจะวัดหรือไม่ ปรากฏ เช่น การสังเกตจากพฤติกรรมท่ีเกิดขึ้นว่า บหรือไม่ กระบวนการทดสอบดังกล่าวนต้องอาศัย วนการสร้างแบบทดสอบ เพ่ือตัดสินใจว่าข้อคาถาม น้ือหาท่ีจะถามได้หรือไม่ โดยการเปรียบเทียบส่ิงท่ี วามสอดคล้องกันหรือไม่ เรียกว่า การหาค่าความ (IOC)

IOC : Index of item ob ความหมาย : ค่าความเท่ยี งตรงของแบบสอบถาม วธิ กี าร : ให้ผูเ้ ชย่ี วชาญตรวจสอบแบบสอบถา เกณฑใ์ นการตรวจพจิ ารณาข้อคาถามของผู้เชี่ยวชาญ ใหค้ ะแนน 0 ถ้าไมแ่ นใ่ จว่าข้อคาถามวัดได ให้คะแนน +1 ถา้ แนใ่ จวา่ ขอ้ คาถามวดั ได้ตร ให้คะแนน -1 ถ้าแนใ่ จว่าขอ้ คาถามวดั ได้ไม แลว้ นาผลคะแนนท่ไี ดจ้ ากผูเ้ ชี่ยวชาญมาคานวณ

bjective congruence หรือค่าสอดคลอ้ งระหว่างขอ้ คาถามกบั วัตถปุ ระสงค์ ามการวิจยั ญ ด้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ รงตามวัตถุประสงค์ มต่ รงตามวัตถุประสงค์ ณหาคา่ IOC ตามสูตร

เกณ 1. ขอ้ คาถามที่มคี ่า IOC ต้ังแต่ 0.50-1.00 มคี ่าค 2. ขอ้ คาถามทม่ี ีคา่ IOC ตา่ กว่า 0.50 ต้องป


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook