รวมไฟล์ SAR 2564

340 | Academic MCU Buriram Journal Vol. 6 No. 2 (2021) : July–December กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (Student- centered) 3.2 การสร้างแรงจงู ใจ ประกอบด้วย 2 รายการย่อย 3.2.1 วิทยากรมีการชมเชยให้เกียรติเยาวชนผเู้ ขา้ รบั การอบรม 3.2.2 มกี ารมอบใบเกยี รตบิ ัตรให้กบั เยาวชนทผี่ ่านการอบรม ดา้ นย่อยเกยี่ วกับการสร้างแรงจูงใจ พบว่า โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ข้อท่ีมีคา่ เฉลี่ยสูงสุด คอื ขอ้ 1) วิทยากรมีการชมเชยใหเ้ กียรติเยาวชนผู้เข้ารับการอบรม ขอ้ ที่ มีคา่ เฉลีย่ ต่ำสดุ คือข้อ 2) มีการมอบใบเกียรติบตั รให้กบั เยาวชนทีผ่ ่านการอบรม 3.3 ชว่ งเวลาของการจดั กิจกรรม ประกอบด้วย 4 รายการย่อย 3.3.1 ช่วงเวลาท่ีเหมาะสม 09.00 - 12.00 น. 3.3.2 ช่วงเวลาท่เี หมาะสม 13.00 - 16.00น. 3.3.3 ช่วงเวลาท่เี หมาะสม 09.00 - 16.00 น. 3.3.4 ชว่ งเวลาที่เหมาะสม 2 วัน และ 1 คนื ดา้ นยอ่ ยเก่ียวกับช่วงเวลาของการจัดกิจกรรม พบว่า โดยภาพรวมอยู่ใน ระดับมาก ข้อที่มีค่าเฉล่ียสูงสุด คือข้อ 1) ช่วงเวลาท่ีเหมาะสม 09.00 - 12.00 น. ข้อท่ีมี ค่าเฉลีย่ ตำ่ สดุ คือข้อ 4) ช่วงเวลาที่เหมาะสม 2 วนั และ 1 คืน 4.2 ผลการสร้างรูปแบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ืออนาคตตามแนว พระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย ผลการสร้างรูปแบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพื่ออนาคตตามแนวพระพุทธศาสนา ของเยาวชนในสังคมไทย ตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า โดยภาพรวม รูปแบบการ พัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ืออนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย มีความ เหมาะสมอยใู่ นระดับมาก

วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์ | 341 ปีท่ี 6 ฉบับที่ 2 (2564) : กรกฎาคม - ธนั วาคม รปู แบบการพัฒนาทักษะการเรยี นรู้เพอ่ื กระบวนการพัฒนาทักษะการ เงื่อนไขความสำเร็จของการ อนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของ เรีย นรู้เพื่ ออน าคตตามแน ว พัฒนาทักษะการเรียนรู้เพื่อ พระพุทธศาสนาของเยาวชนใน อน าค ต ต าม แน ว เยาวชนในสงั คมไทย สงั คมไทย พระพุทธศาสนาของเยาวชน 1) ด้านแนวคิดปรัชญาศาสนาเชงิ สังคม 1.วางแผน ในสังคมไทย 2 ) ด้ า น แ น ว คิ ด ป รั ช ญ า ศ า ส น า เชิ ง 2.การปฏิบตั ิ 1.ทักษะวิทยากร สิ่งแวดล้อม 3.การตรวจสอบ 2.การสรา้ งแรงจูงใจ 3) ดา้ นแนวคดิ ปรัชญาศาสนาเชิงเศรษฐกิจ 4.การทบทวน ปรบั ปรงุ แก้ไข 3.ชว่ งเวลาของการจดั กิจกรรม 4) ด้านแนวคิดปรชั ญาศาสนาเชงิ การศกึ ษา 5) ดา้ นหลักพทุ ธธรรม 6) ดา้ นปัจจัยจิตวทิ ยา 7) ด้านการพัฒ นาจิตสำนึกความเป็น พลเมอื ง 8) ด้านการพัฒ นาจิตสำนึกความเป็น พลเมอื ง ตามแนวกฎหมาย 9) ด้านการพัฒ นาจิตสำนึกความเป็น พลเมอื งตามแนว พระพทุ ธศาสนา 10) ด้านสิทธิหน้าท่ีของตนเองที่เกี่ยวข้อง กับสังคม 11) ด้านความรู้ความสามารถที่เป็ น ประโยชน์ตอ่ สังคม 12) ด้านก ารป ฏิบั ติตามกฎ ระเบี ย บ ขอ้ บงั คบั ของสงั คม 13) ด้านความเอื้อเฟื้อต่อสังคมด้านจิตใจ และอารมณ์ 4.3 ผลการประเมินรูปแบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ืออนาคตตามแนว พระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย ผลการประเมินความเป็นไปได้ของรูปแบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพื่อ อนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย โดยภาพรวม มีค่าเฉล่ียของความ เป็นไปได้ในระดับมาก เม่ือพิจารณ ารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านจุดมุ่งหมายของการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะ และด้านท่ีมีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ดา้ นเงือ่ นไขความสำเร็จการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทกั ษะ

องค์ความรู้ท่ีได การพัฒนาทักษะการเรียนรเู้ พือ่ อนา ส โครงการย่อยท่ี 1 ศึกษาวิเคราะห์ปรัชญา โครงการย่อยที่ 2 การพัฒนาการรคู้ ิดตามแนว ศาสนาสำหรับการเรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 พบ 4 พระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย พบ 2 ประเดน็ หลกั สำคญั ดังน้ี ประเด็นหลักสำคญั ดังนี้ 1) ดา้ นแนวคดิ ปรชั ญาศาสนาเชิงสงั คม 1) ดา้ นหลกั พทุ ธธรรม 2) ด้านแนวคดิ ปรชั ญาศาสนาเชงิ สง่ิ แวดล้อม 3) 2) ดา้ นปจั จยั จิตวิทยา ด้านแนวคิดปรัชญาศาสนาเชิงเศรษฐกจิ 4) ด้านแนวคดิ ปรชั ญาศาสนาเชิงการศกึ ษา เครอื ขา่ ยการเรียนรู้เ (1) ภาคเหนือ เยาวชนจากโรงเรียนสบปราบพทิ ยาคม (2) ภาคกลาง เยาวชนจากโรงเรียนวดั ไรข่ งิ ว เบญจมราชทู ศิ ชุดการเรยี นรู้การพฒั นาทักษ แนวพระพทุ ธศาสนาขอ ประเมนิ ความเป็นไปไดข้ องรปู แบบการ แนวพระพทุ ธศาสนาขอ องค์ความรทู้ เี่ ยาวชนไดเ้ รยี นรู้ องค์ความ 1)การดำเนนิ ชวี ิตตามหลักปรชั ญาพุทธศาสนาเพือ่ ชีวติ ท่ถี ูกต้องดีข้นึ 1) เดนิ ทางสายกลาง ไม่มาก 2)เรียนรู้กระบวนการคิดวิเคราะห์เพื่อนำหลักธรรมในพุทธศาสนามา 2) นำไปใชใ้ นการทำงานรว่ ประยุกต์ใชใ้ นชีวิตปิ ระจำวัน 3) การดำรงชีวติ อย่างมีหลัก 3)การคดิ วิเคราะหแ์ ยกแยะ โดยประยกุ ต์ผา่ นหลกั ธรรม 4) นำความร้ไู ปประยกุ ต์ใชใ้ 4)เรียนรกู้ ารนำทกั ษะทั้ง 4 ดา้ น มาประยุกตใ์ ช้ในยคุ ศตวรรษท่ี 21 5) รบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คมและเ 5) ทกั ษะการเรยี นรู้ในอนาคตตามแนวพระพุทธศาสนา พดู แตค่ วามจริง การคดิ

ดจ้ ากงานวิจัย าคตตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนใน สังคมไทย โครงการย่อยที่ 3 การพัฒนาจิตสำนึกความเป็น โครงการย่อยที่ 4 การเสริมสรา้ งความรับผิดชอบต่อสงั คม พลเมอื งตามแนวพระพุทธศาสนาในสงั คมไทย พบ ตามแนวพระพทุ ธศาสนาในสังคมไทย 3 ประเด็นหลักสำคัญ ดงั น้ี 1) ด้านการพฒั นาจิตสำนึกความเปน็ พลเมอื ง 4. ทัก ษะด้าน ความรับผิดชอ บต่อสังคมตามแน ว 2) ด้านการพัฒนาจิตสำนึกความเป็นพลเมือง ตาม พระพทุ ธศาสนา แนวกฎหมาย 4.1 ดา้ นสิทธิหน้าทีข่ องตนเองทเี่ กีย่ วข้องกับสังคม 3) ด้านการพัฒนาจิตสำนึกความเป็นพลเมืองตาม 4.2 ด้านความรคู้ วามสามารถท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อสังคม แนว พระพุทธศาสนา 4.3 ด้านการปฏิบัตติ ามกฎระเบียบขอ้ บงั คบั ของสังคม 4.4 ด้านความเอื้อเฟอ้ื ตอ่ สงั คมดา้ นจิตใจและอารมณ์ เยาวชน 4 ภาค ของประเทศไทย วิทยา (3) ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เยาวชนจากโรงเรียนกดุ สะเทียนวิทยาคาร (4) ภาคใต้ เยาวชนจากโรงเรียน ษะการเรียนรูเ้ พื่ออนาคตตาม องเยาวชนในสังคมไทย รพฒั นาทกั ษะการเรียนรเู้ พอ่ื อนาคตตาม รปู แบบการพฒั นาทักษะการเรียนรู้เพื่ออนาคตตามแนว องเยาวชนในสงั คมไทย พระพุทธศาสนาของเยาวชนในสงั คมไทยทม่ี คี วามเป็นไปไดร้ ะดบั มาก มรูท้ ี่เยาวชนสามารถนำไปใช้ แหลง่ องคค์ วามรทู้ เี่ ยาวชนแสวงหา กเกนิ ไป ไมน่ ้อยเกินไป 1) วัด 2) โรงเรยี น 3) สถานทปี่ ฏิบตั ธิ รรม วมกบั ผู้อ่นื และการปรบั ตัวเขา้ กับสังคม กปรัชญาศาสนาเละมจี ิตสำนึกที่ดีงาม 4) จากอนิ เทอรเ์ น็ต 5) จากหนังสือ 6) Google ในสถานการณใ์ หม่,สร้างผลงานเพอื่ บริการสังคม เออื้ เฟือ้ ต่อเพอ่ื นมนุษย์ ไมพ่ ูดโกหก 7) ยทู ปู 8) เฟสบุ๊ค 9) โซเชียลมเี ดยี ดวิเคราะห์วางแผนกอ่ นลงมอื ทำ 10) โทรศพั ท์ 11) หนงั สือดิจิตอล 12) จากการทำโครงงาน 13) สถานศึกษา 14) สถานทีท่ ่องเทีย่ ว 15) จากสื่อตา่ งๆ

วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์ | 343 ปที ี่ 6 ฉบับที่ 2 (2564) : กรกฎาคม - ธันวาคม 5. อภิปรายผลการวิจยั 5.1 ผลการศึ กษาการพั ฒ นาทั กษะการเรียนรู้เพ่ื ออนาคตตามแนว พระพทุ ธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย การนำชุดการเรียนรู้การพั ฒ นาทั กษะการเรียนรู้เพ่ื ออนาคตตามแนว พระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย ไปใช้กับกลุ่มผู้ให้ข้อมูล เครือข่ายการเรียนรู้ 4 ภาค ของประเทศไทย เพ่ือประเมินความเป็นไปได้ของรูปแบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ืออนาคต ตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย ควรประกอบ 3 ด้าน ได้แก่ 1) จุดมุ่งหมายของ การจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ืออนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนใน สังคมไทย 2) โครงสร้างเนื้อหาของการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพื่ออนาคตตาม แนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย และ 3) เง่ือนไขความสำเร็จการจัดการเรียนรู้การ พั ฒ น าทั กษ ะการเรี ย น รู้ เพื่ ออน าค ต ต าม แน วพ ระพุ ท ธศาส น าของเย าวช น ใน สั งคม ไท ย ซ่ึงสอดคล้องกับ นุชนาถ สอนส่ง (นุชนาถ สอนส่ง, 2549: บทคัดย่อ) เร่ือง “การพัฒนาชุดการ เรียนรู้โดยใช้แผนผังมโนทัศน์เร่ืองบรรยากาศ สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึ กษาปีท่ี 1” ผลการศึกษาพบว่า ชุดการเรียนรู้ทำให้นักเรียนพึงพอใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ช่วยให้ นักเรียนสรุปและเข้าใจบทเรียนได้ง่ายข้ึน เกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้ และนักเรียนมี ความสามารถในการสร้างแผนผัง มโนทศั นห์ ลัก มโนทัศนร์ อง มโนทัศนย์ อ่ ยได้อยู่ในระดับมาก 5.2 รูปแบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ืออนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของ เยาวชนในสังคมไทย ท่ีมีความเหมาะสมและเป็นไปได้กับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ือ อนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย รปู แบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ืออนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชน ในสังคมไทยน้ัน ออกแบบชุดการจัดการเรียนรู้ โดนเน้นทักษะสำคัญท่ีเยาวชนในศตวรรษท่ี 21 ควรจะมี 1) ทักษะด้านการวิเคราะห์หลักปรัชญาศาสนาสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 2) ทักษะด้านการรู้คิดตามแนวพระพุทธศาสนา 3) ทักษะด้านจิตสำนึกความเป็นพลเมืองตาม แนวพระพุทธศาสนา และ 4) ทักษะด้านความรับผิดชอบต่อสังคมตามแนวพระพุทธศาสนา การออกแบบครอบคลมุ จุดมงุ่ หมายของการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการเรียนรเู้ พื่ออนาคต ตามแนวพระพุทธศาสนาฯ โครงสร้างเน้ือหาของการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการเรียนรู้ เพ่ืออนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาฯ เง่ือนไขความสำเร็จการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะการ เรียนรู้เพ่ืออนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย เพ่ือให้เยาวชนเกิดทักษะให้ ครอบคลุมทักษะ 4 ด้าน รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือของท้ัง 4 ภาค มีความสอดคล้อง กับ วิตติกา ทางชั้น (วิตติกา ทางชั้น, 2559: บทคัดย่อ) เร่ือง “รูปแบบการจัดการเรียนการสอน ในศตวรรษท่ี 21 รายวิชาการจัดการงานแม่บ้าน เพื่อพัฒนาทักษะการเรียนรู้ 5 ด้าน ตามกรอบ

344 | Academic MCU Buriram Journal Vol. 6 No. 2 (2021) : July–December มาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา” ซ่ึงแสดงผลการศึกษาว่า ประสิทธิภาพการจัดการเรียนการ สอนของรายวิชาเป็นไปตามแผนการสอน ผู้สอนกำหนดทักษะ การเรียนรู้ของผู้เรียน 5 ด้าน ให้สอดคล้องกับการสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติและดำเนินการสอน จรงิ ตามแผนการสอน โดยคำนึงถึงจุดประสงค์การเรียนรู้เป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะในทุก ๆ ด้าน อย่างเต็ม ประสิทธิภาพ ภายหลังที่ผู้เรียนได้ผ่านการเรียนการสอนในรายวิชาน้ีแล้ว พฤติกรรมการเรียนรู้ กอ่ นเรยี นและหลังเรียนของผูเ้ รียนในภาพรวมมีการพัฒนาเพ่ิมมากข้ึน โดยประเด็นที่ผู้เรียนมกี าร พัฒนา พฤติกรรมการเรียนรู้ของรายวิชาเพ่ิมมากขึ้น เช่น มีทัศนคติท่ีดีต่ออาชีพ มีความรู้ใน กระบวนการ และ เทคนิคการวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาและต่อยอดองค์ความรู้ในงานอาชีพ สามารถ ประยุกต์ใช้ความรู้ภาคทฤษฎี ภาคปฏิบัติ ไปสู่การฝึกประสบการณ์ภาคสนาม และการ ปฏิบัติงานจริงตามสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม สามารถปฏิบัติและรับผิดชอบงานที่ได้รับ มอบหมายตามหน้าที่และบทบาทของตนในกลุ่มงานได้อย่างเหมาะสม เป็นต้น เม่ือวัดทัศนคติ ของผู้เรียนหลังเรียนรายวิชาน้ี พบว่า ผู้เรียนมีทัศนคติท่ีไม่แน่ใจต่อ รายวิชาลดลง จากเดิมท่ีไม่ แน่ใจเปล่ียนเป็นเห็นด้วยว่าวิชานี้เปน็ วิชาทีน่ ่าสนใจและเป็นวิชาที่สนุกสนาน จะเห็นไดว้ ่าผู้เรียน มีทศั นคตใิ นทางท่ดี ตี ่อรายวชิ านี้มากขึ้น รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 ที่เหมาะสมกับการพัฒนาทักษะ การเรียนรู้ 5 ด้านของผู้เรียน ควรมีการออกแบบการจัดการเรียนการสอนโดยเน้นทักษะการ เรียนรู้ 5 ด้านของผู้เรียน ให้ครอบคลุมคำอธิบายรายวิชา วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กลยุทธ์การ สอน และจัดรูปแบบการสอนให้ ผู้เรียนเกิดทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความ รับผิดชอบ และทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และ ทำการประเมินผู้เรียนด้านความจำ ความเข้าใจ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประยุกต์ใช้ การสร้างสรรค์ผลงาน ทักษะการเรียนรู้ 5 ด้าน และ วัตถุประสงค์การเรียนรู้ของรายวิชาและให้ ผู้เรียนทำการประเมินผู้สอน เพื่อปรับปรุงการจดั การเรียนการสอนของรายวิชาให้มีประสิทธิภาพ มากขน้ึ 6. ข้อเสนอแนะ 6.1ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ งานวิจยั การพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพื่ออนาคตตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชน ในสังคมไทย นักวิจัย นักพัฒนาชุมชน นักวิชาการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา รวมถึงผู้บริหาร เขตพื้นที่การศึกษา สามารถนำหลักปรัชญาศาสนาสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 หลักการ พัฒนารู้คิดตามแนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย หลักการพัฒนาจิตสำนึกความเป็น พลเมืองตามแนวพระพุทธศาสนาในสังคมไทย หลักการเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมตาม

วารสารวิชาการ มจร บุรีรัมย์ | 345 ปีท่ี 6 ฉบบั ที่ 2 (2564) : กรกฎาคม - ธันวาคม แนวพระพุทธศาสนาในสังคมไทย ไปใช้เพ่ือเป็นฐานข้อมูลในการพัฒนาหลักสูตรการจัดการ เรียนรู้ ให้มีเหมาะสมกับความสนใจของนักเรียนในสังกัด ตามบริบทของแต่ละสถานศึกษาในเขต พน้ื ท่ที รี่ บั ผดิ ชอบ 6.2 ขอ้ เสนอแนะสำหรบั การวจิ ัยคร้ังต่อไป ควรมีการศึกษาวิจัยเก่ียวกับรูปแบบการพัฒนาทักษะการเรียนรู้เพ่ืออนาคตตาม แนวพระพุทธศาสนาของเยาวชนในสังคมไทย โดยเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั กับสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา เอกสารอ้างอิง จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์. (2561). ความท้าทายของศตวรรษที่ 21 กับการเรียนรู้ยุคใหม่. จดหมาย ข่าวประชาคมวิจัย. ฉบับท่ี 137 ปีที่ 23 เดอื น มกราคม - กมุ ภาพันธ์. นุชนาถ สอนส่ง. (2549). การพัฒนาชุดการเรียนรู้โดยใช้แผนผังมโนทัศน์เรื่องบรรยากาศ สำหรับ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1. ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร. วิจารณ์ พานิช. (2555). วิถีสร้างการเรียนรู้เพ่ือศิษย์ในศตวรรษท่ี 21. กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิ สดศรีสฤษดิว์ งศ์. วิตติกา ทางชั้น. (2559). รูปแบบการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 รายวิชาการจัดการงาน แม่บ้านเพื่อพั ฒนาทักษะการเรียนรู้ 5 ด้าน ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอดุ มศึกษา. งานวจิ ัย. อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยราชภฏั อุบลราชธานี. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2574. กรุงเทพมหานคร: บรษิ ทั พริกหวานกราฟฟิค จำกดั . สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ีสิบสอง พ.ศ. 2560- 2564. สำนักงานคณะกรรมการ พฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ. สำนกั นายกรฐั มนตรี. Retrieved August 24, 2019. https://www.un.org/en/sections/issues-depth/ global-issues- overview/. Retrieved October 3, 2019. https://www.vox.com/2019/9/17/20864740/greta-thunberg- youth -climate-strike-Fridays-future. Retrieved August 24, 2019. https://theweek.com/articles/555371/why-religion- dominate-21st-century. Retrieved August 24, 2019. https://bulletin.hds.harvard.edu/articles/summerautumn 2012/why-study-religion-twenty-first-century

POSTER 3 การพฒั นาโมเดลความสัมพันธเ ชิงสาเหตกุ ารสรางพฤฒิพลัง A causal relationship model of Creative Active Aging พว.ดร.วนั วิสาข ทิมมานพ, พว.พักตรวไล เจรญิ ศกั ด์ิ , ดร.ธนนั ตชัย พัฒนะสงิ ห หองตรวจโรคอายุรกรรม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ความเปนมา สังคมไทยไดก ลายเปน สงั คมสูงอายุมาตั้งแตป 2548 แลว อันเปน ผลจากการทอี่ ัตราเกิดของคนไทยลดลง อยางมากและชีวิตของคนไทยท่ียืนยาวขึ้น สังคมไทยไดรับรูและตระหนักถึงสถานการณการสูงวัยของประชากร พอสมควรแลว แตสิง่ ทีส่ ังคมยังไมตระหนักชัดและยงั ไดร ับขอมูลไมม ากนัก คือ ภาพสงั คมสูงอายไุ ทยในอนาคตนับ จากน้ีเปนตนไป โครงสรางของประชากรไทยจะสูงอายุขึ้นอยางเร็วมาก คล่ืนประชากรรุนท่ีเกิดในชวงป 2506- 2526 หรือท่ีเรียกวา “ประชากรรุนเกิดลาน” ซึ่งมีอายุ 30-50 ปในป 2556 กําลังเคลื่อนตัวกลายเปนประชากร สูงอายุกลุมใหญในอีก 10-20 ปขางหนา ทําใหประเทศไทยกลายเปน “สังคมสูงอายุอยางสมบูรณ” อีกเพียงไมถึง สิบปขางหนา ประมาณป 2561 จะเปนคร้ังแรกในประวัติศาสตรที่ประเทศไทยจะมีผูสูงอายุมากกวาเด็ก และ ประชากรสูงอายุจะมีสัดสวนประมาณ 1 ใน 5 ของประชากรท้ังหมด (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผูสูงอายุ, 2557:6) การเพ่ิมข้ึนของผูสูงอายุเชนน้ียอมกอใหเกิดปญหาและสงผลกระทบในดานตาง ๆ เชน เศรษฐกิจ สังคม เปนตน สําหรับปญหาท่ีเกิดกับผูสูงอายุมากท่ีสุดคือปญหาสุขภาพกายซึ่งเกิดจากความเส่ือมโทรมทางรางกาย เพราะชราและโรคตาง ๆ รุมเรา เม่ือเกิดโรคทางกายก็สงผลกระทบตอจิตใจทําใหเกิดความวิตกกังวลกระวน กระวายใจเปนทุกขท้ังทางกายและทางจิต เพราะฉะนั้นการท่ีบุคคลมีพฤติพลังมากนอยแตกตางกันข้ึนอยูกับ หลายปจจัยยังมีหลักธรรมหนึ่งในพุทธศาสนาท่ีเกี่ยวของโดยตรงกับการดําเนินชีวิตในครอบครัว ซ่ึงถือวาเปน องคกรหน่ึงในสังคมทต่ี อ งมีความผกู พนั จนเกดิ เปนแรงสนับสนนุ เกื้อกูลชีวิตความเปนอยขู องสมาชกิ ในครอบครัวให มคี วามสุข จากเหตุผลดังท่ีกลาวมาเพราะฉะน้ันผูวิจัยจึงสนใจศึกษาการพัฒนาโมเดลความสัมพันธเชิงสาเหตุการ สรางพฤฒิพลัง เพ่ือสรางโมเดลความสัมพันธเชิงสาเหตุกระบวนการสรางพฤติกรรมสุขภาพเชิงบวกในผูตดิ เช้ือเอช ไอวีและเพื่อตรวจสอบความสอดคลองของโมเดลความสัมพันธเชิงสาเหตุกระบวนการสรางพฤติกรรมสุขภาพเชิง บวกในผูติดเชื้อเอชไอวี กับขอมูลเชิงประจักษ และนําไปสูการพัฒนาคุณภาพชีวิตผูสูงอายุอยางเพื่อใหอยูในสังคม ไดอ ยางมีความสุขตอ ไป วตั ถปุ ระสงคการวจิ ัย 1. เพ่ือพฒั นาโมเดลความสัมพนั ธเชงิ สาเหตกุ ารสรางพฤฒิพลงั 2. เพื่อตรวจสอบความสอดคลองของโมเดลความสัมพันธเชิงสาเหตุการสรางพฤฒิพลังกับขอมูลเชิง ประจกั ษ

POSTER 3 วิธดี ําเนนิ การวิจัย การวจิ ัยนี้เปนการวิจัยเชิงปริมาณโดยใชแบบสอบถามปจจยั สนับสนุน พรหมวหิ าร 4 สังคหวัตถุ 4 และ พฤฒิพลังท่ีทีมผูวิจัยสรางข้ึน เก็บรวบรวมขอมูลจากกลุมตัวอยางที่เปนผูสูงอายุ จํานวน 400 คน วิเคราะหขอมูล เชิงปริมาณโดยใชสถิติบรรยายและการวิเคราะหสหสัมพันธดวยโปรแกรมสําเร็จรูป และตรวจสอบความตรงของ โมเดลทพ่ี ฒั นาขน้ึ ดว ยโปรแกรม LISREL ผลการวิจยั ผลการศกึ ษา พบโมเดล ดงั นี้ โมเดลความสัมพันธเชิงสาเหตกุ ารสรางพฤฒิพลังกับขอ มลู เชงิ ประจกั ษ มีความ สอดคลองกับขอมูลเชิงประจักษ พิจารณาจากผลการตรวจสอบคาสถิติ คาไค-สแควร เทากบั 51.25 ที่องศาอสิ ระ เทา กับ 41 p เทากับ .43 คา ดชั นีความสอดคลอง : GFI เทากบั .98 คาดัชนีวัดระดับความสอดคลองที่ปรบั แกแลว : AGFI เทากับ 0.95 คาดัชนีรากกําลังสองเฉลี่ยของคาความแตกตางโดยประมาณ: RMSEA เทากับ .025 ตัวแปรในโมเดลสามารถ อธบิ ายความแปรปรวน ในตัวแปรพฤตกิ รรมสุขภาพเชงิ บวก ไดรอยละ 79 เม่ือพิจารณาอิทธิพลทางตรง พบวา สังคหวัตถุ 4 ไดรับอิทธิพลทางตรงจาก พรหมวิหาร 4 และปจจัย สนับสนุน โดยมีคาอิทธิพลเทากับ .50 และ .48 อยางมีนัยสําคัญทางสถิติท่ีระดับ .01 ตามลําดับพฤฒิพลังไดรับอิทธิพล ทางตรงจากพรหมวิหาร 4 และสังคหวัตถุ 4 โดยมีคาอิทธิพลเทากับ .27 และ .67 อยางมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ตามลําดับ เมอื่ พจิ ารณาอทิ ธพิ ลทางออ ม พบวา พฤฒพิ ลงั ไดรับอิทธิพลทางออ มจากสงั คหวตั ถุ 4 ผา นสังคหวตั ถุ 4 โดยมคี า อทิ ธิพลเทากับ .33 อยา งมีนัยสาํ คัญทางสถติ ิที่ระดบั .01 พฤฒพิ ลงั ไดรบั อิทธิพลทางออ มจากปจจัยสนับสนนุ ผานสงั คห วัตถุ 4 โดยมคี า อิทธพิ ลเทา กบั .32 อยา งมีนัยสําคัญทางสถติ ิท่ีระดบั .01 สรปุ ผลจากการตรวจสอบความสอดคลองของโมเดลความสมั พันธเชิงสาเหตกุ ารสรางพฤฒพิ ลังกับขอ มูลเชิงประจักษ นั้นแสดงใหเห็นวา เมื่อผูสูงอายุ มีพรหมวิหาร 4 อันประกอบดวย เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขาเกิดขึ้นในจิตใจ จะ สงผลใหเกิดสังคหวัตถุ 4 ประกอบดวย ทาน ปยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา แกบุคคลรอบขาง อันนําไปสู พฤฒิพลัง ประกอบดว ย 1) มีสุขภาพดี 2) มสี วนรวม 3) มีหลักประกันความม่ันคงตามหลักภาวนา 4 นอกจากนั้น ปจจัยสนับสนุน ทางสังคม เปนการเขาใจ ยอมรับ ใหกําลังใจและชวยเหลือจาก ครอบครัว ญาติและเพ่ือน สนับสนุนใหเกิดสังคหวัตถุ 4 เพ่อื นําไปรว มสรางพฤฒิพลังอีกทางหนงึ่ ดวย

DesignEngineering ISSN: 0011-9342 | Year 2021 Issue: 8 | Pages: 4142- 4149 Elements and Indicators of Creative Communities in Thai Society 1Chaiyasit Udomchokenamorn, 2Phrakrukhosit Wattananukul, 3 Thananchai Pattanasing, and 4Rangsan Wattanachaiwanich Maha Chulalongkorn Rajavidyalaya University 5Amnuai Meerakar Pitchayabundit College, Nong Bua Lamphu, Thailand 6*Sanya Kanaphoom Rajabhat Mahasarakham University, Thailand *Corresponding Author e-mail: [email protected] ABSTRACT A research study on the analysis of elements and indicators of the creative community in Thai society, which is a mixed research study. by using both quantitative and qualitative data collection and analysis methods. The purpose of this research was to analyze the process of creating Elements and indicators of the creative community in Thai society and to utilize the results and process of creating Elements and indicators of the creative community. The results showed that the process of creating Elements and indicators of the creative community in Thai society consisted of (1) good health, (2) the strength and fair community economy, (3) the warm family, (4) the good governance community management, (5) having a good environment with a balanced ecosystem, and (6) the good governance democratic community. Keywords: Elements of creative communities in Thai society, indicators of creative communities in Thai society, creative community areas INTRODUCTION Developing a fundamental economy and strong communities has resulted in consideration of the elements and indicators of the creative community in Thai society, of which the key issues involved are people, community, culture, environment, natural resources. etc., which these things should be strong and sustainable. These will form the standardization of requirements aimed at achieving the highest success of the requirements laid down. This is to contribute to the improvement of the suitability of products, processes, and services for the intended purpose. Therefore, to make the issues raised by consensus and to be agreed upon by a generally accepted body. It is, therefore, necessary to establish rules, guidelines, or characteristics of an activity or its outcome to become a common and habitual criterion. [4142]

DesignEngineering ISSN: 0011-9342 | Year 2021 Issue: 8 | Pages: 4142- 4149 The elements and indicators of the creative community in Thai society at the heart of building a foundation economy is building a full-fledged livelihood in which there must be 3 sectors working together, whether it is the people sector (individuals, communities, clubs, various foundations, etc.). Private sector such as the Thai Chamber of Commerce, the Thai Bankers' Association, the Federation of Thai Industries, etc. Finally, there must be cooperation from the government, such as the government, the bureaucracy, the independent state organization, the local government, and local governments. These are etc., which is called the concept of cooperation. \"Triangle moves the country\" (Pinprateep, P. 2021). If these three sectors work together, there will be enough power to move and solve problems for the development of Thailand in an integrated manner. Regarding the promotion of 80,000 villages in the village to develop community development plans to drive the economy, until able to pull the country out of the crisis, as a \"basic economic system\" (Community Development Institute, 2021). Foundational Economy The success indicators of the transformation from fundamental economic development in both quantitative and qualitative terms, approaches, and processes driving the foundation economy at the group/community/tambon/province level is inequality. and are interconnected in a chain. Whether it is political, socio-economic, environmental, quality of life, education, etc. In particular, most of the country's population lives in rural areas and has a career in agriculture, which is the foundation of Thailand. But decades ago, the country's base was in a shaky state, there were problems of lack of production factors, lack of land for farming, inaccessibility of capital, lack of product knowledge, overproduction, and marketing problems, low price crops Cause debt problems, problems in the household and society follow, young people of working age have to migrate to live in the city. Human beings are social animals, in society, there may be a mix of good people and bad people, so it is necessary to have rules, rules, or ethics be framed. The conduct of human beings in society so that human beings can live together peacefully based on existing rules or regulations. At the same time, moral, religious, customary, and legal frameworks are characterized as rules or regulations that are moral standards that determine whether the behavior of members of society is right or wrong, can or cannot. This is an elementary social statute for members to conduct to achieve peace as social security. Most importantly, in a peaceful society, people in the society can trust each other, be generous to each other, do not oppress, do not quarrel, do not oppress, do not take advantage of each other. Because members of society adhere to the principles of morality and ethics. Therefore, to live together in a peaceful society, rules are required. or legal requirements to control the behavior of people in society to have good practices and to be a good member of society under the same standards. RESEARCH PROBLEM Foundational economic development and strong communities affect the analysis of the elements and indicators of the creative community in Thai society. the basic economy must have the most comprehensive development and management by local communities, create strong capital and [4143]

DesignEngineering ISSN: 0011-9342 | Year 2021 Issue: 8 | Pages: 4142- 4149 funds, have basic production, processing, services, marketing, food production, and Various basics are necessary. For people in the area to be sufficient and develop into a social enterprise or a business of the community is very high. OBJECTIVES This research aimed to study the process of creating the elements and indicators of the creative community in Thai society. And to apply the results as a guideline for the development of the elements and indicators of the creative community in Thai society. METHODOLOGY In this research, the research team aims to analyze the elements and indicators of the creative community in Thai society and would like to present the following. This research is a Survey Research on the analysis of the elements and indicators of the creative community in Thai society. Research instruments focus on document studies, related research, which use Questionnaires to collect information. The research team has created a questionnaire with an estimation scale, the quality of the questionnaire tool has been verified Content Validity from experts to improve and used to test by analyzing the confidence of the questionnaire by finding Cronbach's Alpha Coefficient. The In-depth Interviews is a data collection and analytic design tool using statistics, percentage, mean, standard deviation, t (t-test), and F (F – test), Content Analysis, where the research results are presented as essays, including narrative and documentary presentations, as well as evidence-based presentations using paraphrase, direct quotes to build credibility about the research results. The study area is Pathum Sub-District, Mueang Ubon Ratchathani Province with 10,485 people. The sample size was calculated according to the Taro Yamane formula (1973:727), the margin of error was 0.05 percent at the 0.95 confidence level, which yielded a sample of 375 people. The key informant is those related to creative communities in Thai society who live in Pathum Sub-District, Mueang Ubon Ratchathani Province in all 12 villages. In which the research team will select Purpose Sampling, one community scholar per village, a total of 12 people, by doing In-depth Interviews to get guidelines for the development and management of the local community in the most comprehensive way. The instrument used in the research study was a questionnaire on the composition of creative communities in Thai society related to the well-being of the people. The content consisted of 4 parts: Part 1: Basic information such as gender, age, education level, status, occupation as a closed- ended questionnaire with options to choose to answer (Check List). Part 2: Information about the composition of creative communities in Thai society related to the well-being of people in Pathum sub-district. Mueang Ubon Ratchathani Province was a 5-level [4144]

DesignEngineering ISSN: 0011-9342 | Year 2021 Issue: 8 | Pages: 4142- 4149 estimation scale questionnaire as follows; (1) the good health, (2) the strength and fair community economy, (3) the warm family, (4) the good governance community management, (5) having a good environment with a balanced ecosystem, (6) the good governance democratic community. Part 3: Information about the indicators of creative communities in Thai society related to the well-being of people in Pathum Sub-District, Mueang Ubon Ratchathani Province is a 5-level estimation scale questionnaire with 13 indicators (Department of Women's Affairs and Family Institute, 2018) as follows; (1) Communities encourage activities that promote family relationships in difficult times. (2) The community has to deal with family conflicts. (3) Communities have support for families to be economically self-sufficient. (4) The community encourages families to have health-enhancing skills. (5) The community provides an environment that promotes the good health of the family in the community. (6) The community encourages families to be self-reliant in information and learning. (7) The community creates family activities. (8) Communities are encouraged to apply moral principles in the family. (9) Communities build social support networks in various ways. (10) The community maintains a community area to promote the welfare of the family. (11) Communities build/seek resources to care for families with high dependency. (12) Community builds a prevention system/community violence. (13) Communities encourage families to have coping skills and adaptability. Part4: Other Suggestions To develop a creative community in Thai society for people in the area to have a peaceful and happy life as an open-ended questionnaire. To determine the quality of the tool: Take a questionnaire to try out, a total of 30 samples with a population similar to that of the sample in Mueang District, Ubon Ratchathani Province to examine the questions in interpreting the needs of what needs to be measured and want to study, as well as whether it is appropriate or not, how difficult it is, the questionnaire confidence was then tested by finding the alpha coefficient (Cronbach, s Alpha) got the confidence value of the questionnaire equal to 0.95. The questionnaire was modified to be a complete questionnaire for collecting data with a sample of 375 people. Data analysis and statistics used in data analysis are as follows; mean, Percentage, Standard deviation, t-test, synthesis of the elements and indicators of the creative community in Thai society by Content analysis. RESULTS Analysis of the elements and indicators of the creative community in Thai society is combined research that uses both quantitative and qualitative data collection and analysis methods. No. Sample Amoun Data Collection Method t [4145]

DesignEngineering ISSN: 0011-9342 | Year 2021 Issue: 8 | Pages: 4142- 4149 1 Relevant officer 12 Group Discussion/Interview 2 People analyze the elements 375 and indicators of the creative Questionnaire community in Thai society. From the table, there are 12 relevant officers. People in Ubon Ratchathani Province, Muang District, total 375 people. 1. The elements and indicators of the creative community in Thai society, it was found that the analysis of opinions on the elements of the creative community was at a high level overall and in all aspects. In descending order of average, the warm family, the strength and fair community economy, the good governance democratic community, the good health, the good governance community management, and having a good environment with a balanced ecosystem, respectively. Classified by aspects as follows: 1.1 The good health average was at a high level, when considering each item, it was found that the mean was at a high level for all items. Ranked average from highest to lowest, the top 3 are village people living together peacefully, village people having good mental and physical health, and village people applying the philosophy of sufficiency economy to live their lives. The least mean point was that the villagers adhered to morals and ethics in their occupations. 1.2 The strength and fair community economy was averaged at a high level, considering each item as having a high average across all items. Sort averages from highest to lowest3 the first is; Community has a learning center within the community or in the parish, your community has a solution to informal debt problems, and your community is well equipped to deal with their and community problems. The least average point is that your community has professional development, skill enhancement, value-added product development. 1.3 The warm family had a high mean, when considered on a case-by-case basis, it was found to be at a high level on all items. Sort averages from highest to lowest3 First of all, your family can account for income expenses, your family cares about the elderly and the poor, and your family uses the philosophy of sufficiency economy such as integrated agriculture. The least mean point is that family has trained children to be generous, generous, and contribute to society. 1.4 Good governance community management is on a high level. When considering each item, it was found that the mean was at a moderate level for 3 items, the rest was at a high level. Ranked average from highest to lowest, the top 3 is that your community has learning resources for self-sufficiency such as raising catfish, raising condo frogs, raising chickens, ducks, pigs, etc. Community promoted activities to support the poor and caring for the elderly. And the community has a campaign to raise public awareness among people in the [4146]

DesignEngineering ISSN: 0011-9342 | Year 2021 Issue: 8 | Pages: 4142- 4149 community. The least mean item is that the community encourages household accounting for the people in the community. 1.5 having a good environment with a balanced ecosystem is very average. When considering each item, it was found that the mean was at a moderate level, the rest were at a high level. Sort the average from highest to lowest the top 3 are: The community has a community environment that is conducive to health, soil, water, and air are not toxic. Agricultural career focusing on organic bio-organic. The community has integrated agro-tourism sites and the community has a good water management system. The lowest mean item was that the community had a natural environment activity/project that promoted good health in the community. 1.6 The good governance democratic community was averaged at a high level, considering each item a high average across all items. Ranked average in descending order of the top 3 are communities promoting stable careers for sustainable development, the community has a strategy in which the community is involved, And the community has a process to drive the economy at the group/community/sub-district/province level. the least mean point was that the community was effectively managed. 2. The results of comparison of opinions about the composition of creative communities in Thai society related to the well-being of the people are as follows: People of different ages, educational backgrounds, status, and occupations have overall and individual opinions (the good health, the strength, and fair community economy, the warm family, the good governance community management, having a good environment with a balanced ecosystem, and the good governance democratic community) differed statistically at .05 levels. However, people of different genders share five overall and individual opinions (the good health, the strength, and fair community economy, the warm family, the good governance community management, and having a good environment with a balanced ecosystem) were statistically significantly different at the .05 level. DISCUSSION The elements of the creative community in Thai society, it was found that the analysis of opinions on the elements of the creative community was at a high level overall and in all aspects. In descending order of average, the warm family, the strength and fair community economy, the good governance democratic community, the good health, the good governance community management, and having a good environment with a balanced ecosystem, respectively. The results of this research are because members or people in the community gather together, learn together in self-management, and solve community problems until causing economic, social, cultural development, and environment. In addition, it also results in strong communities that can be self-reliant, as well as the formation of learning networks. There is a development cooperation network in the community that combines cooperation from the local government, the public sector, the private sector, and others to achieve development. Be a creative community. The [4147]

DesignEngineering ISSN: 0011-9342 | Year 2021 Issue: 8 | Pages: 4142- 4149 results of this research are consistent with research by Somkid, N., and Phrasuthirattanapandit. (2018) A research study on the development of creative communities in Chanthaburi province, results showed that: Thailand's creative community has developed an economic system that combines culture and local wisdom with a comprehensive body of knowledge in technology, innovation, and creativity to produce products and services with unique characteristics which create economic value and improve the quality of life of the community, has a culture that binds people in society to realize their roots, causing them to cherish, be proud to preserve, conserve, restore, develop and build on. This is for the benefit of oneself, family, community, and country and has social responsibility-oriented learning that applies Sufficiency Economy Philosophy, considering the middle way based on non-optimization, not for profit beyond the level of sustainability. Because the economy at the community level has a holistic nature that is related to the way of life of the people in the community. And it is also in line with the strategy of developing and enhancing people's potential. The 20-year National Strategy (2018–2037) (Office of the National Economic and Social Development Council, 2020), states that Thai people of all ages have a better quality of life in terms of health, knowledge, and standards. Good living, education, and learning are of international standard quality, able to develop Thai people to have the skills to learn in synthetic, creative thinking. Further to the creation of knowledge innovation, life and career skills, information and technology skills. As well as having continuous learning throughout life, family is warm, strong, and economically stable. The opinions on the indicators of creative communities in Thai society related to the well-being of people in Pathum Sub-District, Mueang Ubon Ratchathani District were overall at a high level and each item was at a moderate level, 2 items were at a high level. The result of this research is because people's living conditions are peaceful, both physically, emotionally, socially, mentally, and mentally until they can coexist with society appropriately in all dimensions, namely (1) body, (2) emotions, (3) physical environment, (4) cultural environment, (5) thinking, (6) mind. This is in line with the People's Quality of Life Development Governing Committee (2019: 18- 19) which found that households in Northeastern Thailand had the highest average household happiness in Thailand. In addition, from the Quality-of-Life Report of Thai people in 2019, it was found that the top 5 provinces with the highest average happiness levels of households were Amnat Charoen with an average happiness score of 8.91, followed by Sakon Nakhon with an average score of 8.67, provincial Lampang average 8.63, Nong Bua Lamphu province average 8.62, and Ubon Ratchathani province average 8.61, respectively. And following Aphakaro, S. et al (2013: 23), which has presented research on indicators of happiness: strategies for building and using it in a happy community. By collecting and analyzing concepts related to social, development, and happiness indicators to create indicators of happy communities in the Thai social sector according to the process of creating and developing indicators, this indicator emphasizes community participation in Determine what development framework will make the community happy. Therefore, the creation of indicators of happiness of Thai people based on concrete areas in the State Enterprise Labor Relations Confederation Project, which is derived [4148]

DesignEngineering ISSN: 0011-9342 | Year 2021 Issue: 8 | Pages: 4142- 4149 from the analysis of the community situation and the existing work experience, as well as from the concrete work practice, which has both The sub-project level indicators in terms of issues and overall community happiness goals may summarize the issues of happiness or community happiness as follows: (1) having a job and earning a living, (2) the absence of debt, (3) warm family, (4) in good health, (5) have a good environment, (6) Safety of life and property, (7) A community free from any vices, drugs, (8) love, unity, (9) knowledgeable/educated, (10) have land for cultivation/dwelling, (11) have sufficient resources, (12) Recognized by the community and society, (13) Community pride, (14) Self and Community Appreciation, and (15) the freedom to determine one's future. POLICY RECOMMENDATION The relevant agencies should promote the indicators of the creative community in Thai society related to the well-being of the people because the living conditions of the people are peaceful and able to coexist with society appropriately in various dimensions as follows the body, emotions, physical environment, cultural environment, mind, mind continuously. FURTHER RESEARCH RECOMMENDATION Further research should be carried out as follows; (1) There should be a study on the management of creative community promotion in Thai society. (2) Guidelines for the development of elements and indicators to promote creative communities in Thailand. (3) There should be a study on upgrading the production model and developing products for creating local wisdom in Thai society. REFERENCES 1. Aphakaro, S. et al, (2013), Happiness from receiving Dharma. Bangkok: Office of Corporate Health Support Office of the Health Promotion Fund. 2. Community Development Institute. (2021). Background, intentions, and goals of supporting economic work and community capital. Retrieved September 24, 2021, from: https://web.codi.or.th/index.php/development_project/20201125-20029/. 3. Department of Women’s Affairs and Family Institute. (2018). Strong family standards. Retrieved February 2, 2018, from http://stat.thaifamily.in.th/มาตรฐานครอบครัว/ระดบั ชมุ ชน/รายงานสรปุ ตวั ชว้ี ัดระดบั ชมุ ชน.pdf 4. Office of the National Economic and Social Development Council. (2020). Summary report on the implementation of the National Strategy for the year 2020. Retrieved October 7, 2020, from http://nscr.nesdb.go.th/ยทุ ธศาสตรช์ าต/ิ . 5. People’s Quality of Life Development Governing Committee. (2019). Report on the quality of life of Thai people based on basic necessities data in 2019. Bangkok: Community Development Department, Ministry of the Interior. 6. Pinprateep, P. (2021). Second Decade of Health Assembly. Retrieved on September 24, 2021, from: https://www.nationalhealth.or.th/en/node/2426. 7. Somkid, N., and Phrasuthirattanapandit, (2018). Development Guidelines for Creative Communities in Chanthaburi Provincial Areas Mahachula Academic Journal, Special issue, May 2019, 318-333. [4149]

Annals of R.S.C.B., ISSN:1583-6258, Vol. 25, Issue 6, 2021, Pages. 2999 - 3005 Received 25 April 2021; Accepted 08 May 2021. Effectiveness of Foundation Virtues for Performing of Personnel’s Provincial Administrative Organization in the Northeast, Thailand 1Boonpeng Sittivongsa, 2Phrakhrusutaworathammakit, 3Artit Saengchawek, 4ThananchaiPattanasing and 5*Sanya Kenaphoom 1Northeastern University, Thailand 2,3,4Mahachulalongkornrajavidyalaya University, Thailand 5*Rajabhat Maha Sarakham University, Thailand 5*Corresponding Author E-mail: [email protected] ABSTRACT Driving the mission of an organization to be successful, performing is extremely important that people are aware of working together.Performing requires performing that includes intelligence, honesty, sincerity, Sacrifice, and peace. This is to achieve the objectives set.However, effective performing requires an appropriate approach to developing foundation virtues. Therefore, the objectives of this research are as follows; (1)to study the effectiveness of foundation virtues for performing Provincial Administrative Organization personnel. 2) To analyze the factors of Effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel. And 3) to present a guideline for the development of the Effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel. This research was conducted in the northeastern part of Thailand using mixed methodology research. The sample surveyed consisted of 385 people, and 20 people interviewed. Quantitative data using integrative statistics and multiple regression analysis. Data from in-depth interviews were used to analyze content.The research results found that: The effectiveness of foundation virtues for performing provincial administrative organization personnel in the northeastern region, overall, was at the moderate level. Consider descending order: the truthfulness (truth),the Meditation (peace), the liberality renunciation (Sacrifice), and the wisdom (intelligence) respectively. The factors affecting the effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast Region were statistically significant at the 0.05 level ofthe organizational structure, organizational culture had the raw score predictor coefficient (b) of 0.320, and 0.590, respectively. The guidelines for developing the effectiveness of the foundation virtues for performing are as follows: (1) Cognitive skills development:Develop thoughtful thinking skills to fully understand and stay reckless, or use mindfulness to correct all-dimensional imperfections and make rational decisions. (2) The development of the mind of being truthful: Promote and develop sincerity in systematically performing duties. Create accountability in people and have them accountable for them. Cultivating the principle of integrity in the sense of responsibility. (3) The development of selfless behavior: Personnel must have a disadvantage in performing their duties for the benefit of the organization. Cultivating volunteerism towards participation in the process of performing duties. Build an understanding of making sacrifices for the common good to achieve goals. (4) Emotional development of keeping the mind calm: Develop the use of mindfulness to improve and solve problems in performing their duties completely. Control your emotions and your mind to avoid controversy while performing your duties. It enforces rules and regulations to develop emotions and discipline the work of duty. Eliminate operational disturbances and set operational directions with equality. Keywords: Effectiveness. Foundation Virtues, Performing INTRODUCTION The regime changes in Thailand in 1932 led Thailand to organize public administration into a central and local government. In this regard, it is necessary to create knowledge and understanding of the principles of democracy so that people know local governance principles thoroughly (Pongmetee http://annalsofrscb.ro 2999

Annals of R.S.C.B., ISSN:1583-6258, Vol. 25, Issue 6, 2021, Pages. 2999 - 3005 Received 25 April 2021; Accepted 08 May 2021. Chaiseeha, 2018: 105). The pattern of the Provincial Administrative Organization has been constantly changing and evolving to suit the circumstances of each period. However, many problems and obstacles prevent local government from providing full benefit to the people according to the objectives of governing the country, especially the main objectives of local governance, which is allowing the people to participate in the political and governance with representatives of the people in the form of community committees acting on behalf of the people in the administration of the provincial administrative organization. Improving the role to be more effective and encouraging more people to participate in self-government. This is because it promotes management to match the situation of social change and globalization for the people to take care of their destiny (AbdullahSada, 2007:78) The Northeast Provincial Administrative Organization of Thailand is the largest local administrative organization in Thailand, with one per province. Provincial Administrative Organization has a responsible area covering the entire province established for public benefit services in the provincial area, as well as supporting the development of municipalities and sub-district administrative organizations, as well as coordinating local development plans to prevent duplication of work. Provincial Administrative Organization is responsible for provincial development in terms of economic, social, education, public health, occupation, public utilities, in which people in each province can choose a representative to administer the provincial administrative organization directly by-election. Provincial Administrative Organization was established in every province in 1955 by the Provincial Administrative Regulations Act 1955, to act as a local government organization. There are 20 provincial administrative organizations in the Northeast region, which are considered to be of great importance for development because good development has desirable quality, it is necessary to keep up with the transformation and develop the potential to achieve vision, mission, and purpose set. The performance of personnel can be considered as one of the most important aspects of management. As mentioned, the basic resources that are critical to management, also known as 4 Ms are Man: Money:Material:Method. The performing of the employees of the Provincial Administrative Organization is essential to have a strong commitment to performing by using the full intelligence of the ability, have a sincere commitment to successful performing, ready to sacrifice personal happiness for the common good, and know-how to control one's own emotions and minds to strive for performing success. When a person performs this duty, it will give them the stability of their job and the confidence to continue their work. Performing requires both science and art: science is the education of knowledge, competence, experience, skills, techniques, and methods of working. Art is to apply knowledge, principles, and theories to suit people, situations, and the environment, as well as the limited scope of resources following the roles and responsibilities of various positions established in the organization. However, Buddhadasa Bhikkhu has said that Dharma practice is duty performing, the topic of dharma that corresponds to duty performing is the foundation virtues[Xṭhis̄ ʹṭ̄ hān ṭhrrma] Refers to the fundamental principles of practice that should be established to uphold the intended ultimate achievement. This is a principle that all personnel should keep in mind, there are 4 things which are; (1) Wisdom: Clear knowledge, the intuition of reason by considering to understand the state of things until the truth is reached. 2) Truth: ค Truth maintains the truth that is known by wisdom. 3) Sacrifice: Sacrifices, sacrificing things that were used to which were previously held, and things that were erroneous from the truth. 4)Peace: Restrain the blame for the frustration caused by the chaos caused by all desires and calm the mind (Sathienpong Wannapok, 2006: 145). Therefore, if the researcher poses a research issue that performing of the Provincial Administrative Organization personnel depends on the determination and determination of performing by using the full intelligence of the ability, they have a sincere determination to perform their work successfully, sacrifice personal happiness for the common good, and know-how to control one's emotions and mind to strive for performing success. What are these characteristics, and what factors will influence them?And is there an approach to developing the foundation virtues for performing? Therefore, the researcher has applied the principle of foundation virtues in Buddhism as the main conceptual framework of the research, which defines the research topic of “Effectiveness of foundation virtues for performing of provincial administrative personnel in the northeastern region”. This research will be used to develop the performance of the personnel of the Provincial Administrative Organization in the Northeast of Thailand and other organizations as appropriate. http://annalsofrscb.ro 3000

Annals of R.S.C.B., ISSN:1583-6258, Vol. 25, Issue 6, 2021, Pages. 2999 - 3005 Received 25 April 2021; Accepted 08 May 2021. OBJECTIVES 1. To explore the effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast. 2. To analyze the factors affecting the Effectiveness of foundation virtues for performing Provincial Administrative Organization Personnel in the Northeast 3. To study the guidelines for the development of the Effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast. METHODOLOGY 1.Quantitative research 1.1 Sample:Personnel under the Provincial Administrative Organization, and people representatives in service areas of the 20 Provincial Administrative Organizations in the Northeast, obtained by stratified randomness (Yamane, 1973: 142). The sample size was 385 people (Kanlaya Vanichbuncha, 2005:78). 1.2 The research tool was a questionnaire consisting of 4 parts which were performed under appropriate questionnaire principles as follows (Suwimon Tirakanant. (2007); (1) Part 1: item on the general status of the respondents. (2) Part 2: Item on the level of effectiveness of foundation virtues for performing. (3) Part 3: Items on Factors of Effectiveness Using Foundation Virtues for Performing. And (4) Part 4: Items concern with the development approach to the effectiveness of the use of foundation virtues for performing 1.3 Data collection: (1) Conducted data collection by themselves and research assistants, the researcher asked for cooperation from provincial administrative organization personnel and representatives of service recipients from the provincial administrative organization in the northeastern region of 20 provinces. (2) Prepare a letter for permission to collect information and present it to the provincial administrative organization commissioner. (3) Distribution and collection of questionnaires to samples by postal service, taking the questionnaire 45 days. (4) Receive the questionnaire, check its validity and completeness, and analyze the data further. 1.4 Quantitative data analysis using statistical distributions of frequency, percentage, mean, standard deviation, and Multiple regression analysis with the Enter method. 2.Qualitative research 2.1 Sample:The key contributors to the foundation virtues for performing development approach were 20 stakeholders involved in the operation of the Provincial Administrative Organization in the Northeast, using a purposive sampling method for a total of 20 people. 2.2 the data instrument is an In-depth interview concerning the guidelines for the development of effectiveness using the foundation virtues for performing. 2.3 the interviewing: the researchers, connect and coordinate to request permission to interview by telephone and in person, by providing the purpose of the interview, and then conducting an informal interview according to the established interview guidelines. 2.4 the qualitative data analysis from in-depth interviews using the Systematic Analysis method andData Triangulation, then presented by descriptive analysis RESULTS 1. Effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast region as shown in the table below; Table 1: The effectiveness of the foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast Region Foundation Virtues for Performing X S.D. Meaning wisdom (intelligence) 3.05 .32 moderate http://annalsofrscb.ro 3001

Annals of R.S.C.B., ISSN:1583-6258, Vol. 25, Issue 6, 2021, Pages. 2999 - 3005 Received 25 April 2021; Accepted 08 May 2021. truthfulness (truth) 3.06 .52 moderate liberality renunciation (Sacrifice) 3.05 .33 moderate Meditation (peace) 3.05 .36 moderate 3.09 .52 moderate Total From Table 1, the effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast Region, overall, was found to be at the moderate level ( X =3.09, S.D.=.52). ranking the mean from highest to lowest; the truthfulness ( truth) ( X=3.06, S.D.=.52), the Meditation ( peace)( X=3.05, S.D.=.36), theliberality renunciation(Sacrifice)( X=3.05, S.D.=.33), and the wisdom (intelligence)( X=3.05, S.D.=.32)respectively. 2. Factors affecting the effectiveness of the foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast as shown in the following table Table 2: Factors affecting the effectiveness of the foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast, analyzed by Multiple Regression Analysis. Forecasting variable B S.E. Beta t P-value Collinearity Statistics Tolerance VIF Constant 3.111 .959 3.245 .001* 1.226 4.997 Strategic management .228 .113 .105 2.025 .104 .007 .450 Organizational structure .320 .028 .597 11.522 .000* .265 .374 Information system .442 .199 .524 2.217 .073 .050 .833 Service model .184 .170 .244 1.080 .281 -.151 .519 Attitude of personnel in the -.527 .314 -.242 -1.676 .095 -1.144 .091 organization Competence of personnel .424 .179 .548 2.373 .078 .073 .776 Corporate culture .590 .153 .774 -1.244 .000* -.490 .110 SEest = .30035 R = .633; R2=. 400;Adj. R2 =.394; F = 60.875; p-value =0.01 * statistically significant at the .05 level. From Table 2, it was found that the factors affecting the effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast Region were statistically significant at the 0.05 level ofthe organizational structure, organizational culture had the raw score predictor coefficient (b) of 0.320, and 0.590, respectively. The variables affecting the effectiveness of foundation virtues for personnel performingwas not statistically significant at the 0.05 level, namely the strategic management, information systems, service models, attitudes of personnelin the organization, and competence of personnel However, all variables share the effectiveness of the foundation virtues for personnel performing 39.4%, the expectation of movement is .30035(F = 60.875; p-value = 0.01). 3. The approach to developing the effectiveness of the foundation virtues for performing of the personnel of Provincial Administrative Organization was found: 3.1 the intelligent skills development:Encouraging personnel to use their intelligence in reflection to gain an understanding of their roles and responsibilities. Try to avoid actions that cause problems. Set himself in a precaution in performing his duties. Try to modify and fix defects of all dimensions. And decisions to perform duties rationally 3.2 The development of the mind of being truthful:Encourage personnel to be sincere in systematically performing their duties. Build one self-responsibility and take responsibility for your duties. Cultivating the Principle of Integrity. 3.3 The development of selfless behavior: Encourage personnel to have a disadvantage in performing their duties for the benefit of the organization. Cultivating volunteerism towards your participation in performing duties. Build an understanding of sacrifice for the common good to achieve the goal. http://annalsofrscb.ro 3002

Annals of R.S.C.B., ISSN:1583-6258, Vol. 25, Issue 6, 2021, Pages. 2999 - 3005 Received 25 April 2021; Accepted 08 May 2021. 3.4 Emotional development for maintaining peace of mind: Encourage personnel to use mindfulness, direct, improve, solve problems in totally performing their duties. Controlling your emotions and your mind does not lead to controversy while performing your duties. The application of rules and regulations is applied to control emotions and discipline the performing of duties. To strengthen participation to eliminate chaos in performing duties and to set operational direction with equality and fairness. Figure 1: Approach to developing the effectiveness of the foundation virtues for performing DISCUSSIONS 1. The effectiveness of foundation virtues for performing of personnel’s provincial administrative organization in the northeastern region, overall, was at the moderate level. Consider descending order: the truthfulness (truth), the Meditation (peace), the liberality renunciation (Sacrifice), and the wisdom (intelligence) respectively. Which is inconsistent with the research of AttasistTuntiyuth (2013), factors affecting the operational motivation of Metropolitan Waterworks Maintenance Division workers were found to be the highest in terms of job security, job progress, salary, relationship with workers, -supervisors - subordinates, and colleagues, working conditions, and policies and administration. This may be because personnel have many responsibilities as a result of the transfer of the central government's mission that decentralizes the administration of the elimination of basic public services to the local government.In addition, personnel are so far away from the principles of Buddhist teachings because they are so familiar that they are regarded as religious only in the housing register, but not interested in teachings. 2. The factors affecting the effectiveness of foundation virtues for performing of Provincial Administrative Organization personnel in the Northeast Region were statistically significant at the 0.05 level of the organizational structure, organizational culture, had the raw score predictor coefficient (b) of 0.320, and 0.590, respectively. This may be because the corporate culture requires the use of foundation virtues and the organizational structure is very necessary to use the foundation virtues to hold the minds of the people and staff in the performing of their duties. This is consistent with the research of Phrakrumettasarakun (Yansangkad), (2011) A study of the foundation virtues in building the stability of life in Theravada Buddhism found that foundation virtues are one of the most important categories of fairness to the stabilization of life, well-being, and well-being, the principles of which are like maps. This is because foundation virtues are the principles used to hold the mind, making them a person of resolute, firm mind and appreciation of their birth and that leads to the achievement of the ultimate goal of the dharma in Buddhism, Nirvana. The foundation virtues consist of 4 aspects which are;(1) Wisdom (Pạỵỵā ṭhis̄ ʹ ṭ̄ hāna), (2) Truth (S̄ ạc cā ṭhis̄ ʹ ṭ̄ hāna), (3) Sacrifice (Cā khāṭhi s̄ ʹ ṭ̄ hāna), and (4) Meditation (Xup s̄ māṭhi s̄ ʹ ṭ̄ hāna). In addition, some principles support and oppose the foundation virtues as follows: http://annalsofrscb.ro 3003

Annals of R.S.C.B., ISSN:1583-6258, Vol. 25, Issue 6, 2021, Pages. 2999 - 3005 Received 25 April 2021; Accepted 08 May 2021. 2.1 The principles that support the foundation virtues are Auspicious things, 3 studies, 4 foundations for success, utilities, courage, 5 powers, valuable wealth, 8 paths to success, things to discuss, things to do, dharma. Earth protection, 3 honesty, the conduct of sovereign, 10 merit, laity practice, the act of coexistence, 10 things to remember, 4 aid, charitable fair, Fundamentals of Mindfulness 4, Principles of Success, and Peace. 2.2 Principles that are antagonistic to foundation virtues as follows: 10 sins, four mental lusts, 5 deterrents, 6 decadent paths, 9 defilement, 3 corruption, gloom, stinginess, and lust. Bringing this foundation of virtues in building the stability of life should carry out all four actions as the base of life. These four topics can be a solid foundation for life by following them, which will result in a happy life. From the study, it is found that people can apply foundation virtues to live happily together with other people in society because it is the use of wisdom in occupation, sincerity with each other, help each other always. However, foundation virtues will provide stability to four lifestyles: stability in using four factors, self-behavior development, mental development, intelligence development, and social development respectively. 3.The approach to developing the effectiveness of the foundation virtues for performing of the personnel of Provincial Administrative Organization was found: (1) the intelligent skills development, (2) The development of the mind of being truthful, (3) The development of selfless behavior, and (4) Emotional development for maintaining peace of mind. This is consistent with research by Neeranuch Noonpakdee, (2009) found that the factors affecting the performing of Sampo Municipality employees were performing characteristics, management policy, working environment, job progress, job performing, Relate to coworkers, stability and job satisfaction. In addition, it was found that morale and morale had a statistically significant effect on performing at the .05 level. RECOMMENDATIONS Policy recommendations 1. Public administrators and personnel should take the foundation virtues seriously, build self- consciousness, and set an example for others. In addition, personnel must be aware of the responsibility for their duties assigned to them, especially by building close contact with the people and ready to help people at all times. 2. Cooperation should be created and coordinated with all parties by adhering to the principle of participation and not choosing the importance of any person and not adhering to traditional traditions. It is also important to keep in mind that everyone has equal rights and that the safety and quality of life of the people must be given priority. 3. Executives should formulate a clear development policy, especially in the application of foundation virtues for performing their duties as appropriate and concrete, effectively meeting the needs of the public as a whole. Suggestions for practice: 1. The wisdom ( intelligence), Campaign for personnel, staff of the provincial administrative organization to bring foundation virtues wisdom to perform their duties seriously and instill conscience for personnel and officers to be responsible. 2. The truthfulness (truth): Executives should set foundation virtues as a policy on performing, with clear patterns, rules, and regulations, and can be applied to personnel performingconcretely. 3. The liberality renunciation(Sacrifice): Personnel or staff should be involved in performing their duties based on the foundation virtues, especially the sacrifice for development that can be applied cost-effectively and effectively. 4. The Meditation (peace): Personnel or staff in the Provincial Administrative Organization should act recklessly by using consciousness to control emotions and promote positive character. Suggestions for further research 1. Factors should be studied in depth by interviewing the process, model, method of applying foundation virtues to be concrete and clear in performing. http://annalsofrscb.ro 3004

Annals of R.S.C.B., ISSN:1583-6258, Vol. 25, Issue 6, 2021, Pages. 2999 - 3005 Received 25 April 2021; Accepted 08 May 2021. 2.There should be research on driving measures to apply foundation virtues effectively and comprehensively in agencies that matter to the people. REFERENCES 1. Abdullah Sada. (2007). Development of Provincial Administrative Organization Administration Model in the Next Decade. Master's Thesis: Yala Rajabhat University. 2. AttasistTuntiyuth. ( 2013). Motivation Factor for Maintenance Fleet in Metropolitan Waterworks Authority. Master of Engineering Thesis: Siam University 3. Kanlaya Vanichbuncha. (2005). Statistics for Research. Bangkok: Chulalongkorn University. 4. Neeranuch Noonpakdee. (2009). Opinion on Factors Affecting Efficiency in Work Performing of Samo Sub-district Municipality Employees,Samo District, Ang Thong Province. Master of Public Administration Thesis (Public Administration): Thepsatri Rajabhat University. 5. Phrakrumettasarakun (Yansangkad). (2011). A study of Adhitthadhamma for Security of Life. Master of Arts (Buddhist Studies), Mahachulalongkornrajavidyalaya University 6. Pongmetee Chaiseeha. (2018). “The Democratic Political Culture Development Guidelines of People in Chum Phae Town Municipality Area, KhonKaen Province”, Journal of Graduate MCU KhonKaen Campus, 5 (2), 243-262. 7. Sathienpong Wannapok. ( 2006). Mạchcḥ imāpt̩ ipthā:Two-dimensional middle line.In the column \"Dharma under the pulpit\".Fresh news newspaper, 24 February 2006. 8. Suwimon Tirakanant. ( 2007). Construction of a Variable Measuring Instrument in Social Science Research: A Practical Approach. Bangkok: Chulalongkorn University Press. 9. Taro Yamane. (1973). Statistics: An Introductory Analysis. 3rd Ed. New York. Harper and Row Publications. http://annalsofrscb.ro 3005

นสิ ติ ในสาขาวชิ าที่สามารถสอบบรรจุ ในปี 2564