Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สร้างปัญญาเป็นทีม

สร้างปัญญาเป็นทีม

Published by jariya5828.jp, 2022-08-29 03:01:44

Description: สร้างปัญญาเป็นทีม

Search

Read the Text Version

เรอื่ งมีอยู่วา่ วนั หนึ่ง มนี างเปรตตนหนึง่ รูปร่างนา่ เกลยี ด ซบู ผอม จะขอเขา้ มาพบพระสารบี ตุ รในวิหาร แตเ่ ทวดาที่เผีาประตูไมย่ อมให้เข้า นางเปรตจงึ บอกกบั เทวดาวา่ ตนเปน็ อดตี มารดาของพระสารบี ตุ รใน ๕ ชาติทแ่ี ล้ว เทวดาจึงยอมใหเ้ ข้าไป เมื่อนางเปรตไดพ้ บกบั พระสารีบุตร กเ็ ลา่ ใหฟ้ งั วา่ นางเป็นมารดา ของพระสารีบุตรเมอื่ ภพในอดีต เปน็ ภรรยาของสามผี เู้ ป็นมหาเศรษฐี มที รัพยม์ ากแต่ที่ต้องมาเกิดเปน็ เปรต เพราะว่านางไมย่ อมทำตามคำสั่งของ สามที ่ีส่งั ไวก้ ่อนออกเดินทางไปตา่ งเมืองวา่ “ให้รักษาประเพณีการใหท้ าน ของตระกลู ไว้ จงให'้ ขา้ ว นี้า ผ้า และทน่ี อนแก่สมณพราหมณ์ คนกำพร้า คนเดนิ ทาง วณพิ ก และยาจก และจงถวายภตั ตาหารแดพ่ ระภกิ ษุ ทงั้ หลายด้วยความเคารพ\" นอกจากนางจะไมป่ ฏิบัตติ ามคำสงั่ สามแี ลว้ ยังตอ่ ว่าขับไลค่ นเหล่านัน ด้วยถ้อยคำหยาบคายว่า “ขิงกนิ คูถ ดืม่ มูตร ด่ืมโลหติ กินมนั สมองของ มารดาท่าน” แล้วระบชุ ือ่ ของส่งิ ทไี่ ม่สะอาด น่าเกลยี ด แล้วถ่มนาํ้ ลาย ต่อมาเมื่อนางละอตั ภาพจากชาตินั้นแลว้ ก็มาเกดิ เปน็ เปรตผอมซูบ หวิ โซไม่มที อ่ี ยูอ่ าดย้ และตอ้ งกนิ ของเนา่ ของเลียปะทงั ชวี ติ ตามวจีกรรม ทก่ี ล่าวไวิในชาตินั้นบดั นน้ี างไดร้ บั ความเป็นอยทู่ ่ลี ำบากมากจึงมาขอรอ้ ง พระสารบี ุตรว่า “ลกู เอย๋ ช่วยอุทิศสว่ นบุญแกแ่ ม่บ้าง แมจ่ ะได้พน้ สภาพ จากการกินนาํ้ หนองน้ําเลอื ดปะทงั ชีวิตอยา่ งทุกวนั นี้” พระสารีบุดรต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทีม ๓๐๐ สร้างปญั ญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

วันต,อมา พระสารีบตุ รนำเรอื่ งนีไ้ ปปรึกษาพระโมคคลั ลานะ J พระอนุรทุ ธะ และพระกปั ปีนะ เมือ่ สหายรักของท่านทราบเร่ืองนี้แลว้ พระโมคคัลลานะได้นำเรื่องนี้ไปกราบทลู พระเจ้าพมิ พิสาร พระราชาทรง ทราบเร่อื งแลว้ กร็ ้บเปน็ เจ้าภาพจัดการงานบุญทั้งหมด พระราชารับสังใหบ้ ริวารสร้างกุฏิ ๔ หลัง ตั้งไวท้ ้ังสท่ี ิศของเมือง เมอ่ื ถึงวันฉลองกฏุ ิใหม่ พระราชาไดก้ ราบนมิ นต์พระบรมศาสดาเปน็ ประธานสงฆ์ แล้วถวายข้าวปลาอาหารและเครือ่ งบริขารทั้งหมดแด' พระสารบี ตุ ร พระสารีบตุ รจงึ นำภัตตาหารและสิ่งของทงั้ หมดนนั้ ถวายเปน็ สังฆทานแดภ่ ิกษสุ งฆท์ ั้ง ๔ ทิศ โดยมพี ระบรมศาสดาเป็นประธาน อทุ ศิ สว่ นบุไZ«ฌารดา หลังจาZZTตได้อนZุ านาสว่ นบญุ น้น แลว้ ก็ไปบังเกดิ ในเทวโลกเป็นผูพ้ ร่ังพร้อมด้วยทิพยสมบัติทกุ อย่าง ถ) กต้ญฌูกตเวทตี อ่ มารดาในชาติปัจจบุ ัน มารดาของพระสารบี ุตรมบี ตุ รท้งั หมด ๗ คน เป็นชาย ๔ คน หญิง ๓ คน บตุ รคนโตคอื พระสารีบตุ รส่วนคนท่ี ๒ - ๔เป็นผู้หญิงไดแ้ ก่ นางจาลา นางอปุ จาลา และนางสีสุปจาลา ส่วนคนที่ ๕ - ๗ เป็นผชู้ าย ช่อื ว่า จนุ ทะ อุปเสนะ และเรวตะ เนอ่ื งจากการออกบวชของพระสารบี ุตรไดเ้ ป็นแรงบันดาลใจให้ พน่ี อ้ งทีเ่ หลอื อีก ๖ คนพากนั ออกบวชตามท่านจนหมด ท่าใหม้ ารดาโกรธ ทา่ นเปน็ อันมาก ตำหนวิ ่าท่านเป็นต้นเหตุให้ตระกูลด้วน คือไร้ทายาท สร้างปัญญาเป็นทีม Cp)OCp) พระสารบี ตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทมี kalyanamitra.org

ลบื ทอดทรัพย์สมบตั ิ ๘๐ โกฏิ ทำใหม้ ารดาของทา่ นไม่ศรทั ธาในพระพุทธ J ศาสนา และไมร่ วู้ า่ การเป็นพระอรหนั ตข์ องทา่ นมีคุณประโยชนต์ ่อ สรรพสตั วอ์ ย่างมหาศาลเพียงใด ท่านจงึ ไมม่ ีโอกาสแสดงธรรมโปรด มารดาเลยแมแ้ ต่คร้ังเดยี ว กาลเวลาลว่ งเลยไป จนถึงยคุ สมยั ทีพ่ ระพุทธศาสนารจู้ กั แพรห่ ลาย ไปท่วั ชมพูทวีปแล้ว พระสารบี ตุ รชว่ ยเหลืองานเผยแผ่ของพระบรม ศาสดาอยา่ งเตม็ ที่ ทา่ นไมเ่ คยเหยยี ดหลงั นอนเลย ๓๐ ปเี ตม็ จนบดั น้ี ทา่ นรู้แลว้ ว่าอายุสังขารเหลือเวลาอยอู่ กี ๗ วัน ท่านจึงตดั สนิ ใจจะเดิน ทางกลบั บ้าน ไปตอบแทนพระคุณมารดา และปรนิ พิ พานในห้องท่เี กิด๑ เมอื่ ท่านตกลงใจเชน่ นัน้ แล้ว ก็ลงมือเกบ็ กวาดเสนาสนะ ทำความ สะอาดทพ่ี กั กลางวันเป็นคร้ังสุดท้ายจนแล้วเสรจ็ เม่ือท่านมนั่ ใจวา่ ไมม่ ี กจิ ใดค่ังค้างเปน็ ภาระของส่วนรวมแล้ว กย็ นื มองดูท่ีพักอย่ตู รงประตู คดิ ว่า “ปัดนี้เปน็ การเหน็ ครง้ั สดุ ทา้ ย ไม่มกี ารกลบั มาอกี ” จากนัน้ ท่านก็ ไปกราบทลู ลาปรินพิ พานกับพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาตรสั ถามว่า ท่านจะไปปรนิ พิ พานทีใ่ ด เม่ือทราบวา่ ทา่ นจะไปปรนิ พิ พานทีบ่ ้านเกดิ พระบรมศาสดาก็มีรบั สงั วา่ “การไปคราวนี้ พ่นี อ้ งของเธอจะไมเ่ ห็นเธออกี เธอจงแสดงธรรมแกพ่ นี่ อ้ งเหล่านั้นเถดิ ” ท่านจึงเหาะขน้ึ ไปสงู ช่วั ๗ ลำตาล แสดงปาฏหิ ารยิ ์หลายรอ้ ยอย่าง แลว้ แสดงธรรมเป็นครัง้ สุดท้าย พรอ้ มทัง้ กราบทูลลาเป็นคร้ังสดุ ทา้ ย • ที.ม.อ.มหาปรนิ พิ พานสูตร (ไทย) ๑๓/๓๘®-๓๘๗ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทีม ๑๐'® สรา้ งปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org

ตลอดเวลา ๗ วนั ในระหว่างที่ทา่ นเดนิ ทางกลบั ไปท่บี ้านเกิดนนั้ ทา่ นกอ็ นุเคราะห์ผ้คู นไปตลอดทาง เมื่อไปถึงบ้าน กบ็ อกให้หลานชายไป บอกมารดาของทา่ นให้จดั ท่พี ักในห้องนอนทเ่ี กดิ ดว้ ย และให้จดั ท่พี กั ให้ ภิกษุ ๕๐๐ รูป ท่ตี ดิ ตามมาด้วย มารดาของทา่ นคิดวา่ ท่านบวชตง้ั แตห่ นมุ่ กลบั มาบา้ นคราวน้ั คงคดิ จะสึกตอนแก่ จึงให้คนจดั ทพ่ี ักตามคำขอของทา่ น เมือ่ พระสารบี ุตรและภกิ ษุทง้ั ๕๐๐ รปู ขึ้นไปบนปราสาทแลว้ ท่านก็สงั ให้พระภิกษุแยกยา้ ยกนั ไปยังห้องพกั ส่วนทา่ นเขา้ ไปในหอ้ งนอน ที่เกดิ แลว้ อาการอาพาธด้วยโรคลงโลหิต ๑ กก็ ำเริบข้นึ พระจุนทะ (น้องชายของท่าน) ตอ้ งคอยเปล่ยี นภาชนะรองโลหิตเป็นระยะ ๆ มารดาของท่านไมร่ ูว้ ่าพระสารบี ุตรกลบั มาบ้านเพือ่ จะปรินพิ พาน ตกค่าํ วนั นัน้ ก็ยนื พงิ ประตูห้องทอ่ี ย่ขู องตน เฝ็ามองมายังห้องนอนของ พระเถระ ขณะนั้นท้าวจาตมุ หาราชท้ัง ๔ ทิศ พอทราบวา่ พระสารบี ุตรใกล้ ถึงวาระปรินิพพานแล้ว กร็ ีบเข้าไปในห้องนอนของพระเถระพร้อมกับรศั มี สว่างไสวเปลง่ ออกมารอบกาย ไหว้แล้วยืนอยู่ เมอื่ พระเถระทราบวา่ ‘ ช.ุ มหานิ.อ. (ไทย) ๖๕/๑๓๓ บทวา่ ปฤขนฺทกิ า ไดแ้ ก่ โลหิตปกฺขนทฺ ิกา อติสาโร. แปลว่าโรคท้องร่วงเปน็ โลหติ , โรคลงแดง, ช.ุ อป.อ. (ไทย) ๗๐/๒๓๕ การถา่ ยด้วยการลง พระโลหิต ชอ่ื วา่ อตสิ าระโรคบดิ หรือ โรคทอ้ งรว่ งทม่ี เี ลือดปนออกมา เช่น ในอนนุโสจิย ชาดก (ชุ.ชา.อ. (ไทย) ๕๘/๕๗๒) วา่ เม่อื ปริพาชกิ าผูส้ ชุ ุมาสชาตบิ รโิ ภคภัตอนั เจือปนกนั ปราศจากโอชะ ก็เกดิ อาพาธลงโลหติ (ถา่ ยเป็นเลอื ด) สร้างปัญญาเปน็ ทมี ๑๐๐ พระสารบี ตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจก้ รเปน็ ทีม kalyanamitra.org

ท้าวจาตมุ หาราชท้ังส่ีมาคอยอุปัฏฐาก จึงตอบว่าทา่ นมพี ระจุนทะคอย ให้การอปุ ฏั ฐากอยแู่ ลว้ ขอใหท้ กุ ทา่ นกลบั ไปเถิด ทา้ วมหาราชทงั้ ๔ กล็ ากลับไป ตอ่ จากนน้ั ท้าวสกั กะ ท้าวสุยามา เปน็ ตน้ ตลอดจนทา้ วมหาพรหม กท็ ยอยกนั เข้าไปในหอ้ งของพระเถระดว้ ยจุดประสงคเ์ ดียวกนั พระเถระ กส็ ่งมหาเทพและมหาพรหมเหล่าน้ันกลับไปดว้ ยคำปฏเิ สธเดียวกัน ขณะน้ัน มารดาของท่านเห็นการไปการมาของเทวดาเหลา่ นน้ั แล้ว กไ็ มท่ ราบวา่ เป็นใคร จึงเขา้ ไปในหอ้ งนอนของพระเถระเพ่อื จะสอบถาม พระจนุ ทะจึงแจง้ ใหม้ ารดาทราบถึงความอาพาธของพระเถระ และแจง้ ให้ พระเถระทราบถึงการมาของมารดา พระเถระจึงถามวา่ เหตใุ ดมารดาถงึ มาผิดเวลา (เพราะมดื คํ่าแล้ว) มารดากต็ อบวา่ เพราะตอ้ งการมาเยี่ยมลกู และสอบถามว่าพวกท่ีมาก่อน หน้าน้ีเป็นใคร พระสารบี ตุ รกต็ อบคำถามและชแ้ี จงไปตามลำดบั วา่ เทวดาและ พรหมทั้งหมดเป็นใคร เม่อื มารดาของทา่ นทราบวา่ ๑) ทา้ วจาตมุ หาราช ทง้ั ๔ เปน็ เหมือนเดก็ วัดทีค่ อยถอื พระขรรคอ์ ารักขาพระบรมศาสดาใน คราวปฏิสนธิในครรภพ์ ระมารดา ๒) ทา้ วสกั กะเปรียบเหมือนสามเณร คอยถอื บาตรและจีวร เม่อื ครง้ั พระบรมศาสดาเสด็จลงมาจากดาวดงึ ส์ เทวโลก ๓) ทา้ วมหาพรหมช้นั สุทธาวาส (ทมี่ ารดานับถอื ) เป็นผู้ใช้ ตาขา่ ยทองมา รองรบั พระบรมศาสดาในคราวประสูติออกจากครรภ์ พระมารดา พระสารีบุตรต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทมี ๑๐๙ สร้างปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org

เมอ่ื มารดาทราบความจริงแล้วก็ตกตะลึงว่า บุตรชายยังมีอานภุ าพ ๘ ยิง่ กว่ามหาพรหมทต่ี นนับถือถงึ ขนาดน้ี แล้วพระบรมศาสดาจะมีอานุภาพ มากมายถึงเพียงใด พระสารีบตุ รทราบว่ามารดากำลงั ปล้ืมปตี ิ เปน็ เวลาที่เหมาะสมจะ แสดงธรรมแลว้ ทา่ นจงึ กลา่ วสรรเสริญพระพุทธคณุ ของพระบรมศาสดา ให้มารดาฟังวา่ “สมยั พระศาสดาของเราประสตู ิ ออกมหาภเิ นษกรมณต์ รัสรู้ แสะ ประกาศพระธรรมจักร หม่ืนโลกธาตกุ ็หวั่นไหว ขนึ้ ชอื่ วา่ ผเู้ สมอด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมตุ ตญิ าณทัสสนะกับพระองค์ ไมม่ ”ี '1’ จากนน้ั ทา่ นกแ็ สดงพระธรรมเทศนาเกย่ี วกับพระคณุ ของพระบรม ศาสดาโดยขยายความใหพ้ ิสดาร หลงั จบพระธรรมเทศนา มารดาของ ทา่ นก็บรรลธุ รรมเป็นพระโสดาบัน ซ่ึงเทา่ กบั ทา่ นไดท้ ำหน้าทีต่ อบแทน พระคุณของมารดาจนหมดสิ้นแล้ว หลังจากทา่ นส่งมารดากลบั ออกไปแลว้ ก็เปน็ เวลาจวนร่งุ สาง ท่าน จึงเรียกประชมุ สงฆ์ กล่าวขอขมาแกภ่ กิ ษุทงั้ ๕๐๐ รูป และรบั ขมาจาก สงฆ์ จากน้ันทา่ นดงึ จีวรมาปิดหน้า นอนโดยข้างขวา เข้าสมาบตั ิ ๙ โดย อนุโลมปฏิโลม ตั้งแตป่ ฐมฌานจนถึงจตตุ ถฌาน เมือ่ ออกจากจตตุ กฌาน นั้นแลว้ ท่านกป็ รนิ ิพพานดว้ ยอนปุ าทเิ สสนิพพาน มหาปฐพถี ึงกับ สน่ั สะเทือนเลือนลน่ั • ส.ํ มหา.อ.จนุ ทสตู ร (ไทย) ๓๐/๔๓๔ สร้างปญั ญาเปน็ ทมี ๓๐๕ พระสารบี ุตรดน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทมี kalyanamitra.org

๔) กตญั ฌกู ตเวทตี อ่ ขา้ วใสบ่ าตรแมเ้ พียง ๑ ทัพพี นอกจากกตญั ฌกู ตเวทีตอ่ มารดาในปจั จุบนั มารดาในอดีต และ อาจารยเ์ ก่าแล้ว ท่านยงั มคี วามกตัญญกตเวทตี อ่ ผทู้ ่เี คยใสบ่ าตรกบั ท่าน แม้เพียง ๑ ทัพพี อกี ดว้ ย เรอ่ื งมอี ยูว่ า่ พราหมณแ์ ก่คนหนึ่งชื่อวา่ ราธะ๑ ถกู ลกู เมยี ทอดท้งิ จึงไปขอบวชเปน็ พระภิกษุ แต่ไมม่ ภี กิ ษรุ ปู ใดยอมเปน็ อุปัชฌายบ์ วชให้ เพราะการรบั ใครเข้ามาบวชสกั คนหนงึ่ พระอุปชั ฌาย์ต้องดูแลพระบวชใหม่ จนกว่าจะศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัยได้อย่างถูกต้อง และจนกวา่ จะปรับตวั เขา้ กับธรรมเนยี มปฏิบตั ิในหมู่สงฆ์ได้ พราหมณ์เฒา่ จงึ ต้องเลยี้ งชวี ติ ด้วยการรับใชภ้ ิกษทุ ้งั หลาย โดยการดายหญา้ กวาดวัด ถวายน้าํ ฉนั เพ่ือแลกกับข้าวกันบาตรและอาศัยอยใู่ นบรเิ วณวัด เย็นวนั หน่ึง พระบรมศาสดาเหน็ อปุ นิสยั แหง่ อรหัตผลของเขา จงึ เดินไปหาราธพราหมณ์ สอบถามเรอ่ื งวัตรปฏิบัตติ า่ ง ๆ ทร่ี ้บใช้พระภกิ ษุ แล้วก็ทรงเรียกประชมุ สงฆ์ เพื่อสอบถามวา่ มใี ครระลกึ ถึงคุณของ ราธพราหมณ์ได้บา้ งไหม พระสารบี ุตรจำได้วา่ ราธพราหมณเ์ คยใส่บาตรให้ ๑ ทัพพี จึงระลกึ ถงึ คณุ ของเขาได้ กก็ ราบทูลรับเปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ เมื่อบวชให้ ราธพราหมณแ์ ลว้ กม็ ไิ ดบ้ วชให้เฉย ๆ ทา่ นยังคอยพร่ําสอนพระธรรมวินยั ใหแ้ กพ่ ระราธะ และยงั ตอ้ งบณิ ฑบาตหาปัจจยั ๔ เล้ียงดูพระใหม่อีกดว้ ย พระราธะเมอื่ บวชแลว้ กต็ งั้ ใจฟิกตนอยูใ่ นโอวาทของพระอปุ ชั ฌาย์ ‘ อง.ฺ เอก.อ.ประวัตพิ ระราธเถระ (ไทย) ๓๒/๔๙๕-๔๙๙, ช.ุ ธ.อ.เรื่องพระราธเถระ (ไทย) ๔๑/๒๗๖-๒๙๐ พระสารบี ตุ รต้นแบบการหมุนธรรมจกั รเปน็ ทีม QO'O สรา้ งปัญญาเป็นทีม kalyanamitra.org

เมอื่ ได้รบั ความสะดวกสบายในเร่อื งปจั จยั ๔ แลว้ การเรียนกรรมฐานก็ J มคี วามกา้ วหน้า ปฏิบัติตามคำสอนของพระสารบี ตุ รอยู่ ๒- ๓ วนั กบ็ รรลอุ รหตั ผล ๒.๒ เคารพพระอสั สชผิ เู้ ปน็ อาจารย์อยา่ งมาก นบั จากวันท่ีพระสารีบุตรไดพ้ บกบั พระอัสสชแิ ละได้ฟงั ธรรมของ พระบรมศาสดาจากพระอัสสชเิ ปน็ ครง้ั แรกจนบรรลุโสดาบันนนั้ ทา่ นก็ ตรึกระลกึ นึกถึงพระคุณของพระอัสสชใิ นฐานะอาจารย์อย่ทู กุ วันวา่ “เราเป็นผู้ปราศจากธลุ ี ปราศจากมลทิน เพราะไดเห็นพระอสั สชิ กอ่ น ท่านพระสาวกนามวา่ อัสสชินน้ั เป็นอาจารยข์ องเรา เป็นนักปราชญ์ เราเปน็ สาวกของทา่ น,’ • ทั้งน้ีเพราะทา่ นตระหนกั วา่ หากทา่ นไมไ่ ด้พบพระอัสสชใิ นวนั นน้ั ทา่ นกค็ งหลงผดิ ไปในลทั ธอิ ่นื ต่อไปไมม่ ีโอกาสไดฟ้ ังคำสอนของพระบรม ศาสดาเป็นครั้งแรกไมไ่ ดพ้ บกบั โมกขธรรมที่ตามหามานานหลายหม่นื กัป (แต่ไม่พบ) ไมไ่ ด้มาพบกบั พระบรมศาสดาและไม,ไดร้ ับการบวชแบบ เอหภิ กิ ขอุ ปุ สมั ปทา ไม่มโี อกาสได้ฟังธรรมจนบรรลุอรหตั ผล ไมไ่ ดร้ บั การแต่งตัง้ เป็นพระอัครสาวกเบ้อื งขวา ไมไ่ ด้รถู้ ึงความปรารถนาในการ สร้างบารมขี องตนเองตัง้ แต่อดีต ๒ และไมม่ โี อกาสได้เป็นธรรมเสนาบดี ในวันน้ี • ชุ.อป.สารปี ตุ ตเถราปทาน (ไทย) ๓๒/๓๖๘-๓๖๙/๕๗ ๒ องฺ.เอก.อ.สตู รที่ ๒-๓ (ไทย) ๓๒/๒๖๕ พระสารีบตุ รคร้งั เมอ่ื เกดิ เปน็ สรทดาบส ท่านได้ตัง้ ความปรารถนาเป็นอัครสาวกเบอ้ื งขวาและไดร้ ีบพยากรณจ์ ากพระอโนมัสสสี มั มา สัมพุทธเจ้า เมื่อ ๑ อสงไขยแสนมหากปั ทลี่ ว่ งมาแล้ว สร้างปัญญาเปน็ ทีม ด๐๗ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทมี kalyanamitra.org

ทา่ นจงึ เคารพพระอสั สชิในฐานะของอาจารยผ์ ใู้ หแ้ สงสวา่ งแรกแก่ j ชวี ติ ผู้เปน็ จุดเรมิ่ ตน้ ส่ิงดี ๆ ทง้ั หมดในชีวติ สมณะของทา่ น เมื่อถึงเวลา กอ่ นนอน ทา่ นจะตรวจดูด้วยญาณทัศนะวา่ พระอสั สชิ ผเู้ ป็นอาจารย์ ของท่านพกั อย่ใู นทิศใดแล้ว ทา่ นก็นอนหนั ศีรษะไปยังทศิ นนั้ เปน็ การ ยกยอ่ งบูชาอาจารย์ไว้เหนือศรี ษะของทา่ น ดังมหี ลกั ฐานที่ทา่ นกล่าวไวใ้ น สารีปุตตเถราปทาน๑ วา่ “วนั นี้เราเปน็ ธรรมเสนาบดี ถึงทส่ี ุดในท่ที ุกแห่ง เป็นผูไม่'มอี าสวะอยู่ ทา่ นพระสาวกนามว่าอสั สชผิ ู้เป็นอาจารย์ของเราอยู่ ในทศิ ใด เรายอ่ มท่าทา่ นไวเ้ หนอื ดีรษะในทศิ นน้ั ’’ ๒.ฅ รกั การแสวงหาดวามรู้ แมว้ ่าพระสารีบตุ รเปน็ ผ้ดู ำรงตำแหนง่ พระอคั รสาวกเบือ้ งขวา ผเู้ ลศิ ดว้ ยปญั ญามากแล้ว แตท่ ่านก็ย้งขวนขวายในกจิ ท่เี พมิ่ พนู ปัญญาอยู่ สม่ําเสมอ โดยเฉพาะเวลาท่ที า่ นพบปัญหาจากการเผยแผบ่ ้าง การฟิก อบรมคนบา้ ง การบรหิ ารปกครองบ้าง ทา่ นจะนา่ ปัญหานนั้ ๆ กลบั มา กราบทลู ถามพระบรมศาสดาอยเู่ สมอ คร้งั หน่ึง พระสารบี ุตรแนะนำอสภุ กรรมฐานให้แกพ่ ระหนมุ่ บวช ใหม่ ผเู้ ป็นบตุ รชายของชา่ งทองซ่ึงเปน็ ตระกูลอุปฏั ฐากของทา่ น เพราะ เห็นว่าการพจิ ารณาความไมง่ ามของรา่ งกายและซากศพเหมาะแก่คนหน่มุ อนั จะทำใหจ้ ิตไม่พงิ ซา่ นในราคะ แตแ่ ม้ภิกษุหนุ่มรูปน้นั จะพยายามใสใจ ในอสุภกรรมฐานอย่างเคร่งครัด จนเวลาผ่านไป ๔ เดอื น ก็ยง้ ไม่สามารถ บรรลคุ ุณวเิ ศษใด ๆ ได้ ซง่ึ ผิดแผกไปจากภกิ ษหุ น่มุ รปู อืน่ ๆ ทีเ่ คยสอนมา ๑ ชุ.อป.สารีปตุ ตเถราปทาน (ไทย) ๓๒/๓๖ด-๓๗๐/๕๗ พระสารบี ตุ รต้นแบบการทมนุ ธรรมจักรเปน็ ทมี ๑๐0 สรา้ งปญั ญาเป็นทมี kalyanamitra.org

เมื่อท่านพบกบั ปญั หาการฟกิ อบรมคนเชน่ น้ีแลว้ กร็ ดู้ ้วยปญั ญาวา่ ภกิ ษุหน่มุ รูปนค้ี งจะเปน็ พทุ ธเวไนยอย่างแนน่ อน มแี ตพ่ ระบรมศาสดา เทา่ น้นั ทจ่ี ะให้กรรมฐานตรงจริตของเขาได้ ทา่ นจงึ พาภกิ ษุหนมุ่ รูปนี!้ 1 เข้าเฝ็าพระบรมศาสดา และกราบทูลเรอ่ื งราวให้ทรงทราบ พระบรมศาสดาตรัสตอบวา่ \"สารีบตุ ร การรกู้ รรมฐานทส่ี บายแก่ ภกิ ษุรปู น้ี ไมใ่ ชว่ ิสยั ของเธอ ภกิ ษุน้มี แี ต่ผู้ที่เปน็ พระพุทธเจา้ เทา่ นัน้ ที่จะ พงึ แนะนำได”้ ,1' พระองคท์ รงทราบว่า ในอดีตชาติ ภิกษุหนุ่มรปู น้ีเคยเกดิ เป็นบตุ ร ของนายช่างทองมา ๕๐๐ ชาติ การใหน้ ิมติ สแี ดงด้วยโลหิตกรรมฐาน (กสิณสแี ดง) จงึ จะเหมาะแกอ่ ธั ยาศยั ของภกิ ษรุ ูปน้ี พระองค์จึงทรงใช้ ฤทธ้ืเนรมติ ดอกบวั สีประภัสสร (สีเล่อื มพรายเหมอื นแกว้ ผลึก) ประทาน ใหภ้ กิ ษรุ ูปน้นั นำไปปักไวบ้ นเนินทรายทอี่ ย่ใู ต้รม่ เงาไม้หลงั วิหาร ใหน้ งั่ ขดั สมาธิหนั หนา้ เข้าหาดอกบวั นัน้ ใหร้ ะลกึ ภาวนาในใจวา่ “โสหิตงั ” (แดง ๆ ๆ) ภกิ ษรุ ปู นนั้ ทำตามคำแนะนำของพระบรมศาสดา เพยี งชัว่ ครู่เดยี ว ก็บรรลฌุ าน๔จากนน้ั พระองค์ทรงอธษิ ฐานให้ดอกบวั เหี่ยว ภกิ ษรุ ูปน้ัน ออกจากฌานแล้ว มองเหน็ ดอกบัวเปน็ สีดำ ทา่ นจึงไตต้ ระหนักถงึ ความจรงิ ว่า รา่ งกายของเราไม1เทยี่ ง ถูกความชรายา่ํ ยีตลอดเวลา การเวียนว่ายตายเกดิ เปน็ ทกุ ขอ์ ยา่ งยิ่ง จงึ เกดิ ความรสู้ ึกเปน็ เหมอื น ถูกไฟ เผาร่างข้นึ มาทนั ที ‘ ชุ.ส.ุ อ.อุรคสตู ร (ไทย) ๔๖/๓๓ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี ๑๐®โ พระสารบี ุตรด้นแบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทีม kalyanamitra.org

ไมไ่ กลจากท่ีทา่ นนั่งสมาธินนั้ มีเดก็ ๆ กลมุ่ หนงึ่ กำลงั หกั ดอกบวั ในนํา้ นำมากองไวบ้ นบก สักครู่หน่ึงดอกบัวท่ีกองไว้บนบกก็เริ่มเหี่ยวแหง้ ไป ท่านเหน็ เหตุการณเ์ หลา่ นนั้ แลว้ ยง่ิ เห็นความจริงวา่ ส่ิงใดไม,เท่ียง สง่ิ น้นั เป็นทกุ ข์ สง่ิ ใดเปน็ ทุกขส์ งิ่ นนั้ เปน็ อนตั ตา รา่ งกายของท่าน จึงยิ่งรูส้ ึกเหมือนถูกไฟโหมแผดเผายิ่งขึ้นอกี พระบรมศาสดาทรงทราบถงึ วาระจติ ท่ีเหมาะแกก่ ารบรรลธุ รรมของ ภกิ ษรุ ปู นั้นแลว้ จงึ ทรงแผ่พระฉัพพรรณรงั สีออกมาจากท่ีประทับใน พระคนั ธกุฎี เพอ่ื ช้ีหนทางดบั ทุกขใ์ ห้แก่ภิกษรุ ปู น้ัน แลว้ ตรสั แสดงธรรมวา่ “ภิกษุใดตดั ราคะไดข้ าด พรอ้ มท้งั อนุสัยไม่มีสว่ นเหลอื เหมอื นบุคคลลง ไปตดั ดอกปทุมชึ่งงอกขนึ้ ในสระฉะน้ัน ภิกษนุ นั้ ชอื่ วา่ ย่อมละทั้งใน และทงั้ นอกเสยี ได้เหมือนงลู ะคราบเก่าท่ีครํ่าคร่าแลว้ ฉะนนั้ ” ๑ เมื่อจบ พระธรรมเทศนา ภกิ ษุรูปน้ันบรรลธุ รรมเปน็ พระอรหันต์ จากตวั อย่างทีย่ กมาแสดงนีใ้ นพระไตรปฎิ กมีคำอธิบายว่า สาเหตุ ทีพ่ ระสารีบตุ รไมส่ ามารถเลอื กกรรมฐานท่ตี รงแกจ่ รติ ของภิกษุหนมุ่ ผูเ้ ปน็ ศษิ ย์รูปนี้!ด้ ก็เพราะท่านไม่มอี าสยนุสยญาณ คือ ปัญญารอู้ ัธยาศัยและ อนุสยั ของสัตว์ ซ่ึงเปน็ ญาณทศั นะทมี่ เี ฉพาะในพระสัมมาสมั พุทธเจา้ เทา่ น้ัน • ชุ.สุ.อุรคสตู ร (ไทย) ๒๕/๒/๔๙๙ พระสารีบุดรต้นแบบการหมุนธรรมจกั รเปน็ ทีม สร้างปญั ญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

เพราะเหตนุ ี้ ท่านจึงหม่ันแสวงหาปัญญาดว้ ยการกราบทูลถามจาก พระบรมศาสดาอยู่เสมอ ทา่ ใหภ้ กิ ษุสาวกรปู อน่ื ๆ พลอยได้เปิดหเู ปดิ ตา จากการถามของท่านไปดว้ ย ขณะเดยี วกนั กไ็ ดเ้ พิม่ พนู ปัญญาจากการรบั ฟังคำตอบของพระบรมศาสดาไปดว้ ยเชน่ กนั ๒.๔ อ่อนนอ้ มถ่อมตนอย่เู สมอ ตามปกตขิ องคนโดยทัว่ ไป มักจะชอบสอนชอบตกั เตอื นผู้อื่น มากกว่า แต่เม่อื ถกู ผ้อู ื่นกล่าวสอนบ้างกจ็ ะโกรธเคือง เพราะรูส้ ึกเสือม เสียหนา้ และมักตอบโตก้ ลบั คนื ดว้ ยการหาเรอ่ื งจบั ผดิ แล้ววา่ กล่าวติเตยี น ใหเ้ สียหาย ผลสุดท้ายกต็ อ้ งกลายเปน็ นกไรข้ น คนไร้เพอ่ื น เพราะไมม่ ี เพอื่ นดี ๆ คนไหนกลา้ ตกั เตอื น แตพ่ ระสารีบุตรมิไดเ้ ปน็ เช่นนั้น ท่านมีความออ่ นนอ้ มถ่อมตนอยู่ เสมอ นอ้ มรับคำตกั เตือนได้แมก้ ระทั่งคำเตอื นของสามเณร ๗ ขวบ๑ ในอรรถกถาสุสมิ สูตรมบี นั ทึกว่า วันหน่ึง สามเณรอายุ ๗ ขวบ เห็นพระสารีบุตรนุง่ หม่ ไม่เรียบรอ้ ย จึงกราบเรยี นว่า “ทา่ นสารีบตุ รขอรับ ชายผ้านุ่งของท่านหอ้ ยลงมาแน่ะ’’ พระสารีบตุ รได้รบ้ คำเตอื นนนั้ แล้ว ไม่พูดอะไรเลยรบี ไปในทีเ่ หมาะสม แห่งหนงึ่ แลว้ นุง่ หม่ ใหมใ่ หเ้ รียบร้อย จากน้ันก็กลับมายืนประนมมือ ตอ่ หน้าสามเณร กลา่ วถามว่า “เทา่ น้เี หมาะไหม อาจารย์\" • ส.ํ ส.อ.สุสิมสูตร (ไทย) ๒๔/๓๔๖ สรา้ งปัญญาเป็นทีม G)G)G) พระสารบี ตุ รตน้ ,แบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทีม kalyanamitra.org

พระสารบี ุตรท่านให้เหตุผลวา่ “ผบู้ วชในวนั นนั้ เป็นคนดี อายุ ๗ ขวบโดยกำเนิด ถึงผู้นนั้ 'พงึ สืง่ สอนเรา เราก็ยอมรับดว้ ยกระหม่อม” ซึ่งเรือ่ งนี้แสดงให้เห็นว่าทา่ นปฏบิ ัติตนอย่างไร ก็นำมาสอนผอู้ น่ื อย่างนนั้ เหมือนดัง่ ทที่ ่านกล่าวไว้วา่ “บคุ คลพงึ เหน็ ผู้มปี ัญญามักช้โี ทษ มักพดู ปรามไว้ เหมอื นผู้ช้ีบอกขุมทรัพย์ พงึ คบผทู้ ี่เปน็ บณั ฑิตเช่นนน้ั เพราะ เม่ือคบคนเชน่ นนั้ ยอ่ มมแี ต่ความเจรญิ ไม่มีความเส่อื มเลย’''* จากข้อคิดท่พี ระสารีบุตรท่านกลา่ วไว้นี้ เป็นข้อเตอื นใจว่า คนออ่ นน้อมถอ่ มตนไปอยู่ท่ใี ดกม็ แี ต่คนให้ความรัก ความเคารพ ความเกรงใจ เพราะมีจิตใจเปิดกวา้ ง พร้อมจะรบั คำแนะนำจากคนดีอยู่ เสมอ ทำให้มองเหน็ คุณธรรมกันไดง้ า่ ย ยอ่ ม'นคเนขด้อที ง่มี หามอ๊อัยู'งดใ้วจยมแืโลต้วกโ่ ไ็ มอ่ ยากจากไปไหน เพราะอย,ู ดว้ ยแลว้ ไมร่ สู้ ึกเหมือนอยู่ร่วมกับศัตรู คนดีทีอ่ ย่ไู กลแสนไกลก็อยากมาพบมาทำความรู้จักมาคบหาเปน็ มติ รสหาย เพราะไดร้ ับร้กู ติ ติศพั ท์อันดีงามวา่ เปน็ ผู้ทเี่ ปดิ รับความดีงาม ไม่มีกำแพงขวางกน้ั มติ รภาพ ส่วนมติ รสหายเดมิ ท่คี บหากันไวม้ ีเท่าไร ก็ไมล่ มื เลือนคุณธรรมทเ่ี คยชว่ ยเหลอื เก้อื กูลกนั มา ๑ ช.ุ เถร.สารีปุดตเถรคาถา (ไทย) ๒๖/๙๙๓/๕๐๒ พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมุนธรรมจักรเป็นทีม Q ๓ไ© สรา้ งปญั ญาเป็นทีม kalyanamitra.org

เม่ือถึงคราวทตี่ อ้ งเดนิ ทางไปท่ใี ด ย่อมมคี นดีอำนวยความสะดวก ใหก้ ารตอ้ นรบั เชอื้ เชญิ อยา่ งดียิ่งไปตลอดทาง เพราะรู้วา่ หากใครได้คบหา ไวเ้ ปน็ มิตรสหายแลว้ กจ็ ะมีแตค่ วามดีงามเพิ่มขึ้นในชวี ติ คนอ่อนนอ้ มถอ่ มตน ไม่วา่ ไปอยทู่ ่แี หง่ หนตำบลใด กม็ ีมิตรรกั สหายรกั เพอ่ื นรกั ทง้ั ที่เป็นเด็กและผใู หญ, บงั เกิดขน้ึ ไปตลอดทาง กลายเปน็ เครอื ข่ายคนดที เี่ ขม้ แข็งชว่ ยกันหมุนกงลอ้ ธรรมจกั รใหแ้ ผ่ขยาย ออกไปด้วยกำลงั ของมิตรภาพทกี่ ระจายอยู่เตม็ แผน่ ดนิ ๒.๕ รักความมกั น้อยสันโดษ พระสารบี ุตร ทา่ นเปน็ ผู้มีปกตมิ ักน้อยสนั โดษ ด้งคำทที่ า่ นกลา่ ว สอนอยู่เสมอวา่ ‘ภิกษเุ มือ่ บรโิ ภคอาหาร จะเป็นของสดหรอื ของแห้งกต็ าม ไมค่ วร ตดิ ใจจนเกนิ ไป ควรเป็นผ้มู หี ้องพร่อง มอี าหารพอประมาณ มสี ตอิ ยู่ การบริโภคอาหารยงั อกี ๔-๕ คำ จะอม่ิ ควรงดเอยี แลว้ ด่มื นำเป็นการ สมควรเพื่ออยสู่ บายของภิกษุผมู้ ใี จเด็ดเด่ยี ว\"° ทง้ั น้ีเพราะทา่ นมีความเหน็ วา่ สมบตั ติ ดิ ตัวของท่านมเี พียงแค' ๑) จีวรนุง่ ห่ม และ ๒) การน่งั ขัดสมาธิ กเ็ พยี งพอตอ่ การบำเพ็ญเพยี ร เพ่อื กำจัดอาสวกเิ ลสแล้ว ตงั ท่ีกลา่ วว่า ๑ ชุ.เถร.สารีปุตตเถรคาถา (ไทย) ๒๖/๙๘๓/๕๐๐ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี QQO พระสารบี ตุ รต้นแบบการหมุนธรรมจักรเป็นทีม kalyanamitra.org

“อน่งึ การนงุ่ ห่มจวี รอันเปน็ กัปปยิ ะ นับวา่ เป็นประโยชน์ อดั ว่าพอ เป็นการอยู่สบายของภิกษผุ มู้ ีใจเดด็ เดยี่ ว การน่งั ขดั สมาธิ นบั ว่าพอ เปน็ การอยู่สบายของภิกษผุ มู้ ีใจเด็ดเดย่ี ว”,1, ความมกั นอ้ ยสันโดษของท่านมิได้เพยี งเป็นท่เี ลื่อมใสศรัทธาเฉพาะ ในหมู่สงฆ์เทา่ นั้น แต่ยงั เป็นท่ีเลอื่ มใสศรทั ธาของเพอื่ นตา่ งศาสนกิ ดว้ ย ดังท่ปี รากฏใน สจุ ิมุขีสตู ร ๒ ด้งนี้ เรื่องมอี ย่วู า่ สุจิมุขีปรพิ าชิกา เหน็ พระเถระมีรูปรา่ งงดงาม นา่ ดู มีผิวพรรณงามดง้ ทองคำ ชวนให้เกดิ ความเลอ่ื มใสตลอดเวลา จงึ เข้าไป เก้ียวพาราสี แตเ่ ม่อื เห็นพระเถระไม่สนใจ นางจงึ เปล่ยี น,มาโต้วาทะแทน ในขณะนนั้ พระเถระกำลังฉนั บิณฑบาตอยู่ นางไดก้ ลา่ วถามหลาย ประเดน็ ติดตอ่ กนั ซง่ึ โดยรวมกถ็ ามวา่ “สมณะ ทา่ นเปน็ ผู้กม้ หนา้ ฉัน แหงนหน้าฉัน มองดทู ศิ ใหญ่ฉนั มองดูทศิ นอ้ ยฉัน อยา่ งน้ันหรอื ?” พระสารีบุตรท่านตอบปฏิเสธอยา่ งเปน็ กลาง พร้อมกบั อธบิ ายวา่ ๑) ท่า1แมไิ ด้ก้มหน้าฉนั เพราะทา่ นมิได้เลีย้ งชพี ด้วยมจิ ฉาชพี ดว้ ยดริ จั ฉานวชิ า คอื วชิ าดูพน้ื ท่ี นกั บวชทเี่ ลี้ยงชีพดว้ ยวธิ ีนจี้ ึงเรยี กวา่ กม้ หนา้ ฉัน ๒) ทา่ นมไิ ด้แหงนหนา้ ฉนั เพราะท่านมไิ ดเ้ ลีย้ งชพี ดว้ ย ° ข.ุ เถร.สารปี ดุ ตเถรคาถา (ไทย) ๒๖/๙๘๔/๕๐๑ ส.ํ ขนุธ.สจุ ิมขุ สูดร (ไทย) ๑๗/๓๔๑/๓๔๗-๓๔๙ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทีม (7)รไ)'รโ สรา้ งปญั ญาเป็นทึม kalyanamitra.org

มิจฉาชีพ ด้วยดิรจั ฉานวชิ า คอื วิชาดูดาวนักษัตร นักบวชทเ่ี ลี้ยงชพี ด้วย J วธิ นี ้ีจงึ เรียกวา่ แหงนหนา้ ฉัน ถ) ทา่ นมิได้มองดูทศิ ใหญ่ฉัน เพราะทา่ นมไิ ดเ้ ลยี้ งชพี ดว้ ย มจิ ฉาชีพ ดว้ ยการเปน็ คนรับจ้างสง่ ขา่ วสาร นักบวชทเี่ ล้ยี งชีพดว้ ยวธิ นี ี้ จงึ เรียกว่า มองดทู ศิ ใหญ่ฉัน ๔) ทา่ นมิได้มองดหู ศิ นอั ยฉัน เพราะท่านมิได้เล้ียงชพี ดว้ ย มจิ ฉาชพี ดว้ ยดิรจั ฉานวิชา คอื วชิ าทา่ นายอวัยวะ นักบวชท่ีเลยี้ งชพี ด้วยวธิ ีนจี้ ึงเรยี กว่า มองดทู ศิ นอ้ ยฉนั จากนั้นพระสารบี ุตรกย็ นื ยันในปาริสทุ ธิศลี ของท่านว่า “เรามิได้ เลย้ี งชวี ติ ด้วยมิจฉาชีพ ด้วยดริ ัจฉานวชิ าคือวิชาดพู ้นื ที่ วชิ าดูดาวนกั ษตั ร มไิ ดเ้ ป็นศนรบั จ้างส่งขา่ วสาร มไิ ดเ้ ล้ยี งชพี ดว้ ยวชิ าทำนายอวัยวะ แตเ่ รา แสวงหาภิกษา (อาหาร, ของเลี้ยวของบริโภค) โดยชอบธรรม ครน้ั แสวงหา ได้แส้วจึงฉนั ” นางสจุ ิมขุ ปี รพิ าชกิ าไดฟ้ ังคำอธิบายนน้ั แล้วกเ็ กดิ ความศรัทธา เลื่อมใสเป็นอนั มาก เดินไปปาวประกาศเชญิ ชวนชาวเมืองทกุ ตรอกซอก ซอยวา่ “ท่านสมณศากยบุตรทงั้ หสายย่อมฉนั อาหารอนั ประกอบดว้ ย ธรรม สมณศากยบุตรท้ังหสายย่อมฉันอาหารอันหาโทษมไิ ด้ขอเชิญทา่ น ท้งั หสายถวายบณิ ฑบาตแก1สมณศากยบุตรทั้งหลายเถดิ ” ผลแห่ง คำประกาศนี้ ทำให้มผี เู้ ลอ่ื มใสในพระพทุ ธศาสนาเพ่ิมข้ึนอกี ๕๐๐ ตระกูล สรา้ งปัญญาเป็นทมี ๑๑๕ พระสารบี ตุ รต้นแบบการหมุนธรรมจกั รเปน็ ทีม kalyanamitra.org

๒.๖ อนเุ คราะห์คนด็ทย่ี ากจนเข็ญใจ ตามปกติ พระสารีบุตรชอบอนเุ คราะหค์ นดีที่ตกทกุ ขไ์ ด้ยาก เพราะ ทา่ นทราบดวี ่าการปลอ่ ยคนดีให้ตกระกำลำบากโดยไม่มใี ครเหลียวแลน้ัน จะเป็นเหตใุ ห้คนดีเกิดความนอ้ ยเน้อื ต่าํ ใจ จบั แงค่ ดิ ผดิ มองโลกในแง่ร้าย อาจเปลี่ยนจากคนมีสมั มาทฐิ ิกลายเปน็ คนมีมิจฉาทฐิ ไิ ด้ซง่ึ ถอื เป็นความ เสียหายตอ่ การอนเุ คราะห์สรรพสตั ว์ใหถ้ งึ ฝงั พระนิพพานเป็นอย่างย่ิง ดง้ เช่นเร่ืองราวในกรณีของ อัมพวิมานเทพบตุ ร® เปน็ ต้น เรื่องมีอยู่วา่ ในกรงุ ราชคฤห์มคี นยากจนเขญ็ ใจผู้หนงึ่ มอี าชีพรีบจา้ ง ดแู ลสวนมะม่วงแลกกบั อาหาร เดิมทเี ขามไิ ดม้ ศี รทั ธาเลื่อมใสในพระพุทธ ศาสนา เพยี งทา่ งานหาเช้ากินค่ําแลกอาหารไปมอื้ ๆ หน่งึ เท่านนั้ วันหนึ่งในฤดรู อ้ น แสงแดดรอ้ นระอุ ถนนหนทางมพี ยับแดดแนน่ หนา พระสารบี ุตรเดนิ ฝาเปลวแดดผ่านไปทางสวนมะมว่ งทีช่ ายยากจน เขญ็ ใจดูแลอยู่ เขาเห็นพระเถระมเี หงอื่ ท่วมตวั ก็ยง้ ไมร่ ะยน่ ย่อกับ การเดินทางทา่ มกลางอากาศร้อน จึงเกดิ ความเคารพนบั ถอื เป็นอนั มาก เขาเดินเช้าไปกลา่ วกับพระเถระว่า “ทา่ นขอรับ ฤดนู ี้อากาศร้อนมาก ขอท่านโปรดแวะพกั สวนมะม่วงน้สี ักครู่ หายเหน่อื ยในการเดินทางแลว้ ค่อยไป โปรดอนุเคราะห์ดว้ ยเถิด’' ‘ ช.ุ ว.ิ อ อมั พวมิ าน (ไทย) ๔๘/๕๙๖-๕๙๙ -—--------------- พระสารบี ุตรต้นแบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทีม สรา้ งปัญญาเปนทีม kalyanamitra.org

พระสารีบุตรประสงคจ์ ะเพม่ิ พูนจิตเลอื่ มใสศรทั ธาของเขา จึงแวะ เข้าไปยง้ สวนมะมว่ ง นงั่ ทโ่ี คนตน้ มะม่วงต้นหนงึ่ เขากลา่ วถามวา่ “ทา่ น ขอรบั หากทา่ นต้องการสรงนีา้ เพ่อื คลายรอ้ น กระผมจะตกน้ีาจากปอนี้ ให้ท่านสรงและจะถวายนํา้ ด่ืม'’ พระสารีบตุ รรบั นมิ นตโ์ ดยดษุ ณีภาพ เขาตกั นา้ํ จากบอ่ และกรอง นาิ แลำโวายให้พรโถระสรโาจากน้นลำง^ ถวายนา้ํ ดมื่ พระเถระด่ืมนํา้ ดับความกระหายของรา่ งกายแลว้ ก็กล่าว อนุโมทนาขอบคณุ ในการถวายนาํ้ สรงและนํา้ ดม่ื จากนัน้ ก็เดนิ ทางต่อไป คนเขญ็ ใจนน้ั เกิดความสขุ ปตี ิโสมนสั เปน็ อนั มากทีไ่ ด้ทำบญุ กบั พระสารบี ตุ ร เขาร้สู ึกว่าตนเปน็ ผู้ขวนขวายในบุญอย่างมาก ภายหลังเมอ่ื เขา หมดอายุขยั ตายแล้วไปเกดิ ในสวรรค์ช้นั ดาวดงึ ส์ มีวมิ านใหญโ่ ตท่ลี ้อม รอบด้วยเสาแกว้ มณสี งู ๑๒ โยชน์ มีหอ้ งรโหฐาน ๗๐๐ หอ้ ง ทล่ี ้อมรอบ ดว้ ยเสาแก้วไพฑรู ย์ ปูลาดพนื้ ด้วยเคร่อื งปูลาดท่ีงดงาม ๒.๗ ไม่ปรารถนาอยรู่ ่วมกบั คนชว่ั ผยู้ ุยงให้มิตรแตกแยก ตามปกติ เมื่อพระสารีบุตรอปุ การะผใู้ ดแลว้ ไมว่ า่ จะเตือนยากสอน ยากเพียงใด ขอแค่ผนู้ น้ั ยงั มีความรกั ดีอยู่บ้าง ท่านจะไมข่ ับไล่ไสสง่ ออก ไปจากสำนักเด็ดขาด ดง้ เช่น พระลกู คษิ ยข์ องท่านรูปหนงึ่ เป็นผปู้ ระพฤตติ นไมอ่ ยกู่ บั ร่องกบั รอย๑ เวลาที่ทา่ นกับลูกศิษย์อาศัยอยใู่ นสำนักเดยี วกับพระบรม ๑ ช.ุ ชา.อ.นันทชาคก (ไทย) ๕๕/๓๖๑-๓๖๔ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม พระสารบี ุตรดน้ แบบการหมุนธรรมจกั รเปน็ ทีม kalyanamitra.org

ศาสดา เขากจ็ ะประ่ พฤตติ นเรยี บรอ้ ยอยู่ในโอวาท คอยอุปฏั ฐากดูแลทา่ น „ อย่างดี แต่เมอื่ ทา่ นพาลกู ศษิ ยจ์ าริกลงใต้แยกไปอยคู่ นละสำนกั กับพระบรมศาสดา เขาก็จะประพฤติกลบั กนั ทง้ั ดอ้ื รนั้ ถือตวั กระด้าง กระเดื่อง ไม่เชือ่ ฟงั คำสอนของท่าน ถงึ กับต้ังตนเป็นปรปักษก์ บั ท่านเลย ทีเดยี ว พระสารีบตุ รแปลกใจกับพฤติกรรมกลับไปกลบั มาของลกู ศษิ ยเ์ ปน็ อนั มาก จงึ นำเร่อื งน้ีไปกราบทลู ปรกึ ษาพระบรมศาสดา กไ็ ดท้ ราบ ความจริงวา่ ภกิ ษนุ ม้ี ีนสิ ยั ทำดเี อาหน้าแบบน้ีมาหลายภพหลายชาตแิ ลว้ ชาติน้คี งแก็ไขไดย้ าก เม่ือท่านทราบความจรงิ แล้ว ก็มิได้ขับไล่ไสสง่ ศษิ ย์ ผู้นั้นไป ยงั คงให้การอบรมบม่ นสิ ยั อย่ใู นสำนักตามเดิม ซึ่งแสดงใหเ้ ห็นว่า 1ท่านเปน็ ผู้,มีเมตตากรณุ าสูงมาก เมือ่ รับใครมาเป็นศิษย์แลว้ ดือ้ ด้านขนาด เหนกพยายามแ'กฯไ้ ข. เห เดดึ แต่ทว่ามีคนอยูป่ ระเภทหนึ่งทีท่ า่ นจะไมข่ ออยู่รว่ มดว้ ยอยา่ ง เดด็ ขาด นนั่ คอื คนทชี่ อบพูดยแุ ยงตะแคงร่วั ใหม้ ติ รแตกแยก ดังเช่น คนกินเดนผ้หู น่ึง® เขาเลย้ี งชพี ดว้ ยการขอผู้อ่ืนกนิ เมอื่ ได้ เห็นพระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะเดนิ ทางมาปลกี วิเวกจำพรรษาอยู่ ในปาแถบหมู่บา้ นชายแดนท่ีตนอยู่ ก็เขา้ ไปขออาคัยอยดู่ ้วย ทำการ อุปฏั ฐากเล็ก ๆ นอ้ ย ๆ ใหก้ ับพระเถระทง้ั สอง เพ่อื แลกข้าวกนั บาตรกิน ข.ุ ชา.อ.วรรณาโรหชาดก (ไทย) ๕๘/๗๙๔-๗๙๕ พระสารีบตุ รต้นแบบการหมุนธรรมจกั รเป็นทีม QQCs สรา้ งปญั ญาเป็นทีม kalyanamitra.org

เม่อื อยไู่ ปหลายวัน เขาเห็นพระเถระทั้งสองมคี วามสามัคคี กลมเกลียวกนั ดี ก็ร้สู ึกริษยา คดิ อยากจะทำลายใหแ้ ตกกัน เขาจึงเข้าไป หาพระสารีบตุ รก่อน แล้วกล่าวใสร่ ้ายพระโมคคัลลานะว่า “ทา่ นขอรบั พระโมคคลั ลานะดหู มนิ่ 'ทา่ นสับหลงั บอกว่าขาตกิ ำเนิด โคตร ตระกูล ที่อยู่ การศึกษา การรูแ้ จง้ ธรรมและฤทธ้ื ยังต่าํ ตอ้ ยกว่าของตนมากนกั ” พระสารบี ตุ รทราบดีวา่ ไมเ่ ปน็ ความจรงิ ฟงั แล้วกย็ ิ้ม บอกให้เขากลับ ออกไป วันตอ่ มา เขาก็เข้าไปหาพระโมคคลั ลานะแลว้ กลา่ วใส่ร้ายพระสารบี ตุ ร โดยทำนองเดยี วกันน้ันอีก พระโมคคลั ลานะทราบแก1ใจวา่ ไม,เปน็ ความจรงิ ฟังแลว้ ก็ย้มิ บอกให้เขากลบั ออกไป หลังจากนนั้ พระโมคคัลลานะไดเ้ ข้าไปหาพระสารบี ุตรเพื่อหารอื เร่ืองคนกินเดนเข้ามาพดู จายแุ ยงตะแคงรวั่ เมื่อทราบวา่ เขามเี จตนา ทำลายมติ รให้แตกแยกแนช่ ดั แล้ว พระสารีบตุ รจึงดดี น้วิ มือ อันเป็น การแสดงออกเพือ่ ขบั ไลค่ นกนิ เดนให้ออกไปพน้ สำนกั เรื่องนี้เป็นข้อเตือนใจว่า หากคดิ จะทำความดใี ดให้ตลอดรอดฝัง อย่ารับคนปากเลยี มปี มดอ้ ย ชอบพดู จายุยงใหห้ มู่คณะแตกแยก เข้ามา ร่วมงานด้วยเปน็ อนั ขาด เพราะแม้แตพ่ ระสารีบุตรชง่ึ มีปกติเป็นผมู้ เี มตตา กรณุ าแมแ้ ก'คนด้ือด้าน หรือคนยากจนเขญ็ ใจ กย็ ังไม่ตอ้ งการอยรู่ ่วม กบั คนชว่ั ผูช้ อบการยุยงใหม้ ติ รแตกแยกแมแ้ ต่วันเดยี ว สร้างปญั ญาเป็นทมี ๓๓(X พระสารีบตุ รต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org

สำหรบั เร่ืองน้ี ท่านถงึ กับตง้ั ความปรารถนาไวในขณะท่เี ปน็ พระอรหันต์แลว้ เลยวา่ ขอใหใ้ นสำนักของทา่ นจงมแี ต่นกั ปราชญ์ผูม้ ศี ลึ มาอยู่ดว้ ย ดังทป่ี รากฏใน สารีปุตตเถรคาถา๑ วา่ “ภกิ ษุผู้มคี วามปรารถนาลามกเกียจคร้าน มีความเพียรเลวทราม ไดส้ ดบั นอ้ ย ไม่เอ้ือเฟอื อย่าไดม้ าในสำนกั ของเราแม่ในกาลไหน ๆ เลย เพราะจะมีประโยชน์อะไรดว้ ยการใหโ้ อวาทบคุ คลเช่นนัน้ ในหม่สู ตั ว์โลกนี้ “อนงึ่ ขอให้ภกิ ษุผู้เป็นพหูสตู เปน็ นักปราชญ์ ตงั้ มน่ั อยู่ในศีล ประกอบใจให้สงบระงบั เป็นเนืองนติ ย์ จงมาประดษิ ฐานอยบู่ นศีรษะของ เราเถดิ \" ๒.๘ ไมเ่ บ่ือการตอบคำถาม ในคราวท่ีเพอ่ื นสหธรรมกิ เกดิ ติดขดั ในปญั หาธรรมะเรื่องใด กจ็ ะ หาโอกาสมาสอบถามปัญหาเรื่องนนั้ ซงึ่ ท่านก็ไม่เคยเบอ่ื หนา่ ยต่อ การตอบคำถามเลย เช่น การตอบคำถามเรื่องการปฏบิ ตั ิธรรมของ พระอนุรทุ ธะเป็นตน้ สมยั หน่ึง พระอนรุ ุทธะบำเพ็ญภาวนาจนได้ทิพยจักษแุ ล้ว แต่ยัง มไิ ด้บรรลเุ ปน็ พระอรหนั ต์ แม้จะพากเพียรเท,าไรก็ยังไม,สามารถสิน อาสวกเิ ลสได้เสยี ที ทา่ นจึงนำเรื่องนไ้ี ปสอบถามกบั พระสารีบุตร ช.ุ เถร.สารีปตุ ตเถรคาถา (ไทย) ๒๖/๙๘๗-๙๘๘/๕๐๑ ๒ อง.ฺ ตกิ .อนรุ ทุ ธสูตรที่ ๒ (ไทย) ๒๐/๑๓๑/๓๘๐ พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมุนธรรมจกั รเป็นทีม ๓ไอ๐ สรา้ งปีฌณาเปน็ ทมี kalyanamitra.org

หลงั จากพระสารบี ตุ รรับทราบปญั หานน้ั แล้ว กต็ อบว่า สาเหตุที่ „ พระอนรุ ทุ ธะยังมไิ ดบ้ รรลอุ รหตั ผล ทั้ง ๆ ที่สามารถใชท้ พิ ยจักษุตรวจดู ๑,๐๐๐ โลกธาตุไดแ้ ล้ว กเ็ พราะติดขัดอยู่ที่ สาเหตุ ถ ประการ ได้แก่ ๑) มานะ คอื ความยดึ มัน่ ถอื ตวั วา่ เปน็ ผู้มีทิพยจักษเุ หนือกว่า จกั ษมุ นุษย์สามญั ทั่วไป ๒) อทุ ธจั จะ คอื ความฟงั ซา่ นในขณะทำสมาธิวา่ เราก็ทำ ความเพยี รไม่ท้อถอย สติก็ตั้งม่ัน กายกส็ งบระงับ จิตกม็ นั่ คงแน่วแน่ แลว้ ถ) กุกกจุ จะ คอื ความรำคาญใจว่าเหตุไฉนยังไมห่ มดส้ิน อาสวกเิ ลสเลียที ทง้ั ๆ ที่บำเพญ็ เพียรมาอยา่ งถกู ตอ้ งตามหลักวิชชา ทุกประการ หากเมื่อใดที่พระอนรุ ทุ ธะไมส่ นใจในธรรมทัง้ ๓ ประการน้ี แล้วนอ้ มจิตไปเพือ่ นิพพาน ก็จะละท้ิงมานะ อทุ ธัจจะ กุกกจุ จะ และบรรลุ เปน็ พระอรหนั ต์ได้เม่ือนนั้ เอง หลงั จากพระอนุรุทธะไดร้ บั ฟังคำแนะนา่ นัน้ แลว้ พ่านกห็ ลกี เรน้ ไป อย่ผู ู้เดยี ว บำเพญ็ เพยี รดว้ ยความไม,ประมาท สามารถบรรลุเป็น พระอรหนั ตไ์ ด้สำเร็จตามคำแนะนำของพระสารบี ุตรน่นั เอง สร้างปัญญาเปน็ ทีม ๓ไ© ๑ พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org

๒.๙ วางตนน่าเคารพยกย่อง สง่ิ หนึง่ ท่หี ลีกเล่ยี งไม่ได้ในการอยู่ร่วมกันเปน็ หมคู่ ณะใหญ่ แมจ้ ะ เปน็ หมคู่ ณะท่ตี ้ังใจฝึกฝนอบรมตนเพ่ือปราบกิเลสก็ตาม ส่งิ น้นั ก็คอื ปญั หาการกระทบกระทั่ง พระสารบี ตุ ร ทา่ นเปน็ พระอคั รสาวกเบ้ืองขวา ผ้เู ลศิ ดว้ ยปญั ญา แม้เป็นพระอรหันตแ์ ล้ว ทา่ นก็พยายามระมัดระวงั ตนไมย่ อมให้กระทบ กระท่งั กับใคร แตถ่ งึ กระนัน้ ทา่ นกย็ งั หลีกเล่ียงปญั หาถูกผอู้ นื่ กระทบ กระทงั่ ไม,ได้เช่นกนั เช่น ถูกพระฉันนะรษิ ยาแตท่ า่ นก็ไม,ถอื โทษ ® ถกู พราหมณท์ ุบตีก็ใหอ้ ภัย ๒ ถกู พระแก1*ลองภมู ิกไ็ ม่ตอบ ๓ ถูกพวก ลกู คืษย์ของพระฉพั พคั คยื ์ลว่ งเกินกไ็ มร่ ุกรานกลบั ๕ ถูกภกิ ษุใสร่ ้าย ก็ไม่โกรธ1 เปน็ ต้น สำหรับในทนี่ ้ี จะขอยกเรอ่ื ง ถูกภิกษใุ สร่ ้ายกไ็ มโ่ กรธ มาอธบิ าย เป็นตวั อยา่ งด้งน้ี เรอื่ งมีอยวู่ า่ พระภกิ ษุรปู หนึ่งชนื่ ชมในปฏิปทาของพระสารบี ุตรเป็น อันมาก เม่ือทราบข่าวว่าออกพรรษาแล้ว พระสารีบตุ รจะจาริกไปสู่ที่อืน่ ท่านจงึ ตดิ ตามไปส่งพรอ้ มกับภกิ ษรุ ูปอน่ื ๆ แต่เน่อื งจากวนั นน้ั มผี ตู้ าม ° ชุ.ธ.อ.เรื่องพระฉนั นเถระ (ไทย) ๔๑/๒๙๖-๒๙๘ ๒ ชุ.ธ.อ.เรื่องพระสารีบุตรเถระ (ไทย) ๔๓/๔๓๗-๔๔๑ ๓ ชุ.ชา.อ.สกู รชาดก (ไทย) ๕๗/๑๗-๑๙ 1 ว.ิ จุ.เรองความเคารพ (ไทย) ๗/๓๑๐/๑๒๑-๑๒๒ ๕ อง.ฺ นวก.สีหนาทสตู ร (ไทย) ๒๓/๑๑/๔๕๑-๔๕๕, ชุ.ธ.อ.เรอื่ งพระสารบี ตุ รเถระ (ไทย) ๔๑/๓๘๔-๓๗๗ พระสารบี ตุ รด้นแบบการหมุนธรรมจกั รเป็นทีม ๓ไ©ไ© สรา้ งปัญญาเป็นทีม kalyanamitra.org

ไปส่งเปน็ จำนวนมาก ทำให้พระเถระกล่าวทกั ทายไดไ้ มท่ ั่วถงึ ท่านจงึ เกดิ ความน้อยอกน้อยใจ โกรธเคอื งทีพ่ ระเถระมองไม่เหน็ ความสำคัญ ของตน ขณะทพี่ ระสารบี ุตรกำลังสนทนากบั ภกิ ษอุ ื่น ๆ อยู่นั้น มุมสงั ฆาฏิ ของทา่ นกไ็ ปกระทบถูกรา่ งกายของภกิ ษุรปู นีเ้ ข้า ท่านผกู โกรธอยแู่ ลว้ จึงนำเรื่องนไ้ี ปฟ้องพระบรมศาสดาวา่ “พระพุทธเจา้ ข้า พระสารบี ตุ รท่าฑย้ ขา้ พระองค์เหมอื นตีเข้าทกี่ กหู ท่านไม่ยอมขอโทษและจะหลีกไปสูท่ จ่ี ารกิ ทา่ นคงคดิ วา่ ตัวเองเป็นพระอัครสาวกของพระองค์ พระเจา้ ขา้ ” พระบรมศาสดาทรงทราบความจริงอยูก่ ่อนแล้ว แต่ทรงประสงค์ จะใหพ้ ระสารบี ุตรบันลือสีหนาทถึงความบรสิ ุทธของตน จงึ ตรัสเรยี กให้ ทา่ นเขา้ เฝา็ ขณะน้ัน พระโมคคลั ลานะและพระอานนท์ทราบพระประสงค์นี้ เชน่ กัน จึงเชิญชวนใหพ้ ุทธบริษัทมาประชุมพรอ้ มกนั เม่อื หมู่สงฆ์มา พรอ้ มกันแลว้ พระบรมศาสดาไดต้ รัสถามว่า “สารีบตุ รเพื่อนพรหมจรรย์ รปู หนง่ึ ในธรรมวนิ ัยนก้ี ล่าวหาเธอว่า ข้าแต่พระองคผ์ ู้เจริญ ทา่ นพระสารีบุตร กระทบข้าพระองค์แล้ว ไมข่ อโทษหลกี จาริกไปแลว้ ” พระสารบี ุตรไมก่ ล่าวรบั ไม่กล่าวปฏิเสธ แตก่ ราบทูลวา่ “พระพุทธเจ้าข้า หากภิกษุไมมสื ตีเปน็ ไปในกาย ภิกษุน้ันอาจกระทบกระทง่ั เพอื่ นรว่ ม ประพฤติพรหมจรรย์รปู ใดรปู หน่ึงแล้วไมข่ อโทษ รบี หลีกไป'สทู่ ่จี าริก เป็นแน”่ สรา้ งปญั ญาเป็นทีม ๓ไร)๓ พระสารีบตุ รด้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org

ต่อจากนนั้ ท่านไดก้ ล่าวบนั ลอื สหี นาทในความบรสิ ทุ ธแห่งจติ ของ ทา่ น ทีม่ ไิ ด้มเี จตนาล่วงเกินผใู้ ดด้วยคำอุปมา ๙ อยา่ ง วา่ จติ ของท่านเสมอ ดว้ ยแผ่นดิน นาํ้ ไฟ ลม ผ้าเช็ดธลุ ี เด็กจากตระกลู จณั ฑาล โคเขาขาด ซากงซู ากสุนัข คนถอื ภาชนะใสม่ ันข้น'5’ (ความหมายโดยรวมคอื ทา่ นเปน็ ผู้มจี ติ มั่นคง ไมห่ ว่ันไหว ไมม่ เี วร ไมม่ ีความคดิ เบียนเบยี นผู้ใด) ภกิ ษุรูปนนั้ ไดฟ้ ังคำอปุ มา ๙ อย่างแลว้ ก็เกดิ ความสำนกึ ผดิ รบี ลกุ ข้ึนจากอาสนะ ห่มจีวรเฉวยี งบา่ กม้ กราบพระบรมศาสดา สารภาพ ผดิ และขอขมาในความเปน็ คนพาลใสร่ า้ ยพระสารบี ตุ ร พระบรมศาสดาเหน็ วา่ ภิกษรุ ปู น้ันสำนกึ ผิดแล้วก็กลา่ วรับโทษของ เขาและขอให้พระสารบี ตุ รกลา่ วงดโทษให้แก'ภกิ ษรุ ูปนนั้ ก่อนทศ่ี รี ษะจะ แตกเป็น ๗ เส่ียง พระสารบี ตุ รกล่าวว่า “พระเจา้ ข้า ข้าพระองค์ยอมอด โทษต่อผู้มี'อายนุ ัน้ และขอผู้มีอายุนนั้ ชงิ อดโทษต่อขา้ พระองค์ ถา้ วา่ โทษ ของขา้ พระองค์มีอย”ู่ พระภกิ ษทุ ่ีประชุมอยใู่ นท่นี ั้น เห็นความเปน็ ผมู้ ีคุณธรรมของท่าน แล้ว พากนั พดู ยกย่องวา่ พระสารีบุตรเป็นผู้มีคุณธรรมสูงสง่ แมท้ า่ น ไม่มโี ทษกม็ เิ พียงไม่โกรธไมป่ ระทษุ รา้ ยผู้ใสร่ ้าย ยังขอใหเ้ ขางดโทษให้ อีกด้วย * อง.ฺ นวก.สหี นาทสูตร (ไทย) ๒๓/๑๑/๔๕๑-๔๕๕, ชุ.ธ.อ.เรอื่ งพระสารบี ุตรเถระ (ไทย) ๔๑/๓๘๔-๓๘๘ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทมี ๓ไ©๔ สร้างปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org

จากเรื่องน้ีแสดงให้เห็นว่า แมพ้ ระสารีบตุ รจะถูกใสร่ ้าย แตท่ ่านก็ มวี ิธีวางตัวท่ีน่าเคารพยกยอ่ ง จึงสามารถคล่ีคลายปญั หาเหล่าน้นั ออกไปได้ ซ่ึงเปน็ ส่ิงสำคัญมากของการวางตนเปน็ ผใู้ หญ่ นอกจากนั้น การวางตนของ ทา่ นยงั ทำให้พระบรมศาสดาทรงเบาแรงในการปกครองสงฆอ์ ีกด้วย ทำให้ ทรงสามารถประคบั ประคองหมสู่ งฆ์ให้อย่รู ่วมกนั อย่างผาสกุ ต่อไป ๒.๑๐ พรอ้ มแบง่ เบาภาระของพระบรมศาสดาอยู่เสมอ พระบรมศาสดาทรงมีภารกิจในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอยู่ มากมาย ลำพงั เฉพาะงานท่พี ระองคท์ รงดำเนินตามพุทธกจิ ๕ ประจำวนั (ตั้งแต่เวลารงุ่ สางของวันนI้ี ปจรดเวลาเชา้ มดื ของอกี วันหนง่ึ ) กท็ รงแทบ จะไมม่ ีเวลาพักผอ่ นพระวรกายอยแู่ ล้ว ยงั ไม่นับพทุ ธกิจนอกพระกิจวตั ร ประจำวนั ท่ีมเี ฉพาะพระองคเ์ ทา่ นน้ั ท่ีทำไดอ้ กี มากมาย เชน่ การเฝืาระวงั รกั ษาดวงจิตของหมสู่ าวกให้ปลอดภยั จากกองกเิ ลส๑ เป็นต้น ในอรรถกถากณุ าลชาดก ๒ กลา่ วว่า พระบวชใหม่ ๕๐๐ รูป ออกบวชจากตระกลู กษตั รยิ ์ท้งั สองพระนครคอื ศากยะและโกลิยะตระกลู พกั อย่ใู นปามหาวัน แต่เพราะบวชด้วยความเคารพในสมเดจ็ พระบรมครู หาไดบ้ วชดว้ ยความศรัทธาความเตม็ ใจของตนไม่ จึงไดเ้ กดิ ความกระสัน อยากจะสกึ ใชแ่ ตเ่ ทา่ น้ันพวกอดตี ภรรยาของภกิ ษเุ หลา่ นั้น ยังกลา่ ว • ช.ุ ชา.อ.สิคาลชาดก (ไทย) ๕๖/๕๙®-๕๙๗ ๒ ชุ.ชา.อ.กุณาลชาดก (ไทย) ๖๒/๕๔๑-๖®๖ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม ๓)ร)๕ พระสารบี ุตรต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทมี kalyanamitra.org

ถอ้ ยคำและส่งขา่ วสาสน์!ปย่วั ยวนชวนให้เกิดความเบอื่ หน่ายอีก ภิกษุ ราชกมุ ารเหล่านั้นก็ยง่ิ เบื่อหน่ายหนักข้นึ พระผมู้ ีพระภาคเจ้าทรงพจิ ารณาดูก็ทรงทราบวา่ ภกิ ษเุ หลา่ นั้นเกิด ความเบอ่ื หน่ายขึ้นแล้ว จึงทรงใคร่ครวญว่า ภกิ ษุเหลา่ น้ีอยรู่ ว่ มกับ พระพทุ ธเจา้ เขน่ เรายงั มคี วามเบื่อหน่ายอีก ธรรมกถาเช่นไรหนอ จึงเป็น ทีส่ บายของภิกษเุ หลา่ น้!ี ด้ กท็ รงเห็นว่ากณุ าลธรรมเทศนาเปน็ ท่ีสบาย ลำดบั นัน้ หลังจากกลับจากบณิ ฑบาต พระผูม้ พี ระภาคเจ้าจงึ ชวน ภิกษุ ๕๐๐ รปู เหาะไปเทีย่ วชมปาหิมพานต์ดว้ ยกำลงั ฤทธของพระองค์ ใหช้ มทวิ ทัศนแ์ ละสิ่งแปลก ๆ ใหภ้ ิกษุเหล่านั้นเพลิดเพลนิ แล้ว จงึ ตรัส แสดงโทษของมาตคุ าม (หญิง) ตามถอ้ ยคำของพญานกดเุ หว่าช่อื กณุ าละ ให้ภกิ ษเุ หล่านนั้ ไดฟ้ ัง จนเกิดความเบือ่ หนา่ ย เมอ่ื จบธรรมเทศนาภกิ ษุ เหล่านน้ั กบ็ รรลุพระอรหัตผลกลางอากาศนั่นเอง จากพทุ ธกิจมากมายในแต่ละวนั เหล่าน้ี พระสารีบุตรเหน็ พระบรม ศาสดาทรงตรากตรำงานหนักหามรงุ่ หามคํา่ เช่นน้ที ่านจึงพยายามมองหา โอกาสที่จะชว่ ยแบง่ เบาภาระงานของพระบรมศาสดาทุกหนทาง ดว้ ยเหตุน้ี งานทพ่ี ระเถระชว่ ยแบ่งเบาจากพระบรมศาสดา จงึ มีอยู่ ๒ ประเภท ได้แก่ พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทมี ๓ไอไอ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี kalyanamitra.org

๑) งานท่พี ระบรมศาสดาทรงมอบหมายใหแ้ ก่พระเถระโดยตรง ยกตัวอยา่ งเช่น การใหโ้ อวาทพระภกิ ษุที่จะเดินทางไปตา่ งแควน้ หลงั ออกพรรษา๑ การพาตวั ภิกษใุ หม่ ๕๐๐ รปู ท่ไี ปเข้าพวกกบั พระเทวทตั ให้กลบั คืนสอู่ าราม๒ เป็นต้น ๒) งานที่พระเถระเห็นว่าสมควรทำเพอ่ื ความผาสกุ ของหมู่สงฆ์ ยกตวั อย่างเช่น การบณิ ฑบาตเลย้ี งดูภิกษุท่ปี วยไฃ้ การเกบ็ กวาด เสนาสนะใหส้ ะอาดเพอ่ื ปอ้ งกนั มิใหศ้ าสนาอนื่ ดหู ม่นิ ได้ การกราบทลู ขอ อนญุ าตทำลังคายนา เปน็ ตน้ โดยคณุ ธรรมเรือ่ งการแบ่งเบาภาระของพระบรมศาสดานี้ จะเหน็ ได้อกี มากมายจากการหมนุ ธรรมจักรดว้ ยการสรา้ งทิศ ๖ และการหมนุ ธรรมจักรดว้ ยการป้องกันภัยอนั ตรายใหแ้ กพ่ ระพทุ ธศาสนา ซ่งึ จะกลา่ ว ตอ่ ไปในบทขา้ งหน้า จากตัวอย่างคุณธรรมประจำตัวท้ัง ๑๐ ขอ้ ของพระสารีบตุ รทย่ี ก มาเลา่ พอสังเขปนี้ จะเห็นไดว้ า่ เพยี งลำพังเฉพาะคุณธรรมเรอ่ื งความ กตัญญกตเวทีของทา่ นเพยี งประการเดยี ว ก็ทำใหก้ ารเผยแผ่พระพทุ ธ ศาสนาแผข่ ยายออกไปไดอ้ ยา่ งรวดเร็วมหาศาลแลว้ ซงึ่ การทใ่ี ครจะเห็น คณุ ธรรมเหลา่ น้ีของพา่ นได้กเ็ ฉพาะในส่ีชว่ งเวลาตอ่ ไปนเ้ี ท่าน้ัน ได้แก่ ๑) เวลาท่ีท่านปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจำวัน • ส.ํ ขนฺธ.เทวทหสตู ร (ไทย) ๑๗/๒/๖-®® ๒ ว.ิ จ.ุ พระอคั รสาวกพาภกิ ษุ ๕๐๐ รูปกลบั (ไทย) ๗/๓๔๕/๒๐๕-๒๐๗ สรา้ งปัญญาเป็นทีม พระสารบี ุตรตน้ แบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org

๒) เวลาทพี่ ระบรมศาสดาทรงมอบหมายภารกจิ สำคัญ ๓) เวลาทีท่ ่านผืกฝนอบรมหมู่สงฆ์ในสำนกั ของทา่ น ๔) เวลาท่ที ่านจาริกไปประกาศพระศาสนาตามชนบท เพราะทงั้ สีช่ ว่ งเวลานคี้ ือช่วงเวลาที่ท่านบำเพญ็ ประโยชนเ์ พอื่ อนเุ คราะหช์ าวโลก การได้พบเห็นธรรมเสนาบดีจึงเปน็ สิง่ ทีม่ นษุ ย์และ เทวดาต่างเผีารอคอยจะไดฟ้ งั ธรรมจากทา่ นและได้ทำบุญกบั ทา่ น เพราะ ทา่ นเปน็ ทีร่ กั ของมนุษย์และเทวดาผเู้ ป็นบณั ฑิตทุกคน สมดงั ทพ่ี ระบรม ศาสดาตรสั ชมพระสารบี ุตรไว้วา่ “อานนท์ ใครเลา่ ทไ่ี ม่ใช่คนพาล ไม่ใช่คนมทุ ะลุ ไมใ่ ชค่ นงมงาย ไมใ่ ชค่ นมจี ิตวิปลาส คะไม่ชอบสารีบตุ ร เพราะสารีบุตรเปน็ บณั ฑิต มปี ัญญามาก มีปญั ญาแน่นหนา มีปัญญาชวนรา่ เรงิ ■มปี ัญญาเร็ว มปี ัญญาแหลม มปี ัญญาคม มกั น้อย สันโดษ สงัดกาย สงดั ใจไมค่ ลกุ คลี ด้วยหมู่ ปรารภความเพยี ร เข้าใจพดู อดทนต่อถอ้ ยคำ โจทก์ทว้ งคนผิด ตำหนิคนชั่ว’''’ ธรรมบรรยายทีจ่ บลงในตอนน้ี คือตัวอย่างการหมุนธรรมจักรดว้ ย วิธีที่ ๒ ซึ่งเป็นวธิ ีหมนุ ธรรมจกั รดว้ ยคณุ ธรรมประจำตัวของพระอสตี ิ สาวกองคห์ นงึ่ คอื พระสารีบุตร อัครสาวกเบอ้ื งขวา ผู้เลิศด้วยปญั ญา ซง่ึ ท่านไดท้ ำการหมนุ ธรรมจักรดว้ ยกิจวตั รประจำวนั ของท่านนัน่ เอง แต่ยัง ผลให้ทา่ นกลายเปน็ ตน้ แบบ เปน็ แรงบันดาล เปน็ กำลังใจ ใหแ้ ก' พุทธบุตรรุ่นหลงั ในการหมุนธรรมจักรสืบตอ่ ๆ กนั มา สํ.ส.สสุ ิมสูตร (ไทย) ๑๕/๑๑๐/๑๒๒ พระสารบี ตุ รต้นแบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทีม ๓ไ©G? สรา้ งปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org

บทฝกึ ทพี่ ระสารบี ุตร ใชเ้ ป็นหลักในการเคย่ี วเขญ็ อบรมลกู ศษิ ยต์ ลอดชีวติ ก็คือหลักปฏบิ ัตทิ ่ใี คร ๆ ฝกึ ฝนแลว้ ก็ไมผ่ ดิ เรียกว่า อปัณณกธรรม ได้แก่ ๑) สำรวมอินทรีย์ ๒) ร้ปู ระมาณในการบรโิ ภค ฅ) ปรารภความเพยี ร kalyanamitra.org

kalyanamitra.org

kalyanamitra.org

สำหรบั ในเรอื่ งน้ี การตดิ ตามศกึ ษาประวตั ิการทำงานเผยแผข่ อง „ พระสารบี ตุ รจะชว่ ยให้เราเหน็ ภาพการรวบรวมคนดเี ข้ามาเปน็ เครอื ข่าย ทศิ ๖ ในพระพุทธศาสนาได้งา่ ยขึน้ ดังน้ี คร้นั เม่ือคุณธรรมของพระสารบี ตุ รขจรขจายออกไปในหมสู่ งฆแ์ ละ ประชาชนทวั่ ชมพทู วีป ผมู้ ีศรัทธาในคุณธรรมของท่านจงึ เพ่ิมขึน้ เป็น จำนวน,มาก การได้พบเห็นท่าน ไดฟ้ งั ธรรมจากทา่ น ได้ทำบญุ กบั ทา่ น จึงถือว่าเป็นมหาโชคมหาลาภของชวี ติ อย่างยง่ิ เพราะวา่ ทา่ นเปน็ ต้นแบบ ที่ดี เป็นแรงบนั ดาลใจทดี่ ี และเป็นกำลงั ใจที่ดใี นการฟิกอบรมตนให้เปน็ ผมู้ ีปัญญามาก ใครท่ีได้พบเหน็ คณุ ธรรมของพระสารีบตุ ร กล็ ว้ นเกดิ ศรัทธาอยาก ฝากตัวเป็นลกู ศิษยข์ องท่าน เพราะอยากจะเป็นผู้มีปญั ญามากเหมอื น อยา่ งกบั ทา่ น คนที่อย่ใู นวัยหนุ่มกอ็ ยากบวชเปน็ พระภิกษุ คนท่มี ี ครอบครวั แล้วก็อยากสง่ บุตรหลานมาบวชเปน็ สามเณร คนที่บวชไม่ได้ เพราะมกี ารงานทางโลกตอ้ งดแู ล กอ็ ยากจะเปน็ กองเสบยี งเลย้ี งลกู ศษิ ย์ ของท่าน ท่านจึงใชค้ ณุ ธรรมประจำตัวและการปฏิบัตติ ามมรรคมอี งค์ ๘ อยา่ งเครง่ ครัดในกิจวัตรประจำวนั ของทา่ น เป็นบทฟกิ การสร้างปัญญา ใหแ้ ก่คนร่นุ ใหม่ ทำให้มีพระภิกษรุ ุน่ ใหม่ สามเณรร่นุ ใหม่ มหาเศรษฐรี นุ่ ใหม่ เพ่ิมขน้ึ ในพระพทุ ธศาสนาเป็นจำนวนมาก โดยสามารถสรุปเป็นขั้นตอน การทำงานสร้างศาสนิกใหมข่ องพระสาร็บุตรโดยยอ่ ได้ดังนี้ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม 6)00 พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทมี kalyanamitra.org

ถ.๑ รวบรวมลูกหลานตระกูลอปุ ฏั ฐากเขา้ มาบวชเปน็ สามเณร รุน่ ใหม่ สามเณรท่ีพระสารบี ุตรเป็นพระอปุ ชั ฌายบ์ วชใหต้ ัง้ แต่เดก็ นัน้ มีอยู่ ๒ กลมุ่ กลุม่ แรก คอื สามเณรท่ีเป็นพระอรหันต์ต้ังแตอ่ ายุ ๗ ขวบ เช่น วนวาสีติสสสามเณร สงั กิจจสามเณร บณั ฑติ สามเณร สุขสามเณร สีวลสี ามเณร (พระสวี ลี) เปน็ ตน้ กลุ่มที่สอง คือ สามเณรท่ีบวชตัง้ แต่อายุ ๗ ขวบ แตต่ ้องได้รบั การเลี้ยงดฟู ิกฝนอย่างถกู ตอ้ งเครง่ ครัดจงึ จะเตบิ โตขึน้ มาเป็นพระภกิ ษุ ผูบ้ รรลอุ รหัตผล เชน่ พระราหลุ พระกังขาเรวตะ เป็นตน้ สามเณรกลมุ่ แรกเมอื่ เป็นพระอรหนั ต์แลว้ ท่านก็ดแู ลตวั ของทา่ น เองได้ ชว่ ยเหลืองานของพระสมั มาล้มพุทธเจา้ ได้ ไมเ่ ป็นทีห่ นกั แรงของ พระอปุ ัชฌายอ์ าจารย์แตอ่ ย่างใด สามเณรกลุ่มท่ีสอง จำเป็นต้องไดร้ ับการเลย้ี งดูจากพระสารีบุตร ตง้ั แต่วนั แรกด้วยความเอาใจใสอ่ ยา่ งถูกตอ้ ง เพราะสามเณรกค็ อื เดก็ จำตอ้ งเร่งปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั การดำรงชีวติ ดว้ ยนิลัย ๔ เชน่ เดียวกบั พระภิกษุ ซึ่งเปน็ เร่ืองทแี่ มแ้ ตผ่ ู้ใหญเ่ องกย็ งั อดทนไดย้ าก พระสารีบุตรต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทมี ๑๓GT สรา้ งปัญญาเป็นทมี kalyanamitra.org

หากผู้ท่ีดแู ลมีปญั ญาในการดูแลเดก็ ทล่ี ะเอยี ดออ่ นไม่พอ จะสร้าง ผลเสยี หายตามมามากมาย ยกตัวอยา่ งเชน่ ๑) เขาจะให้การถ่ายทอดนสิ ยั เจ้าปัญญาแก'เดก็ ไม'เปน็ โดยเฉพาะนิสัยแยกแยะไดว้ ่า วัตถอุ ปุ กรณ์ส่งิ ใดจำเปน็ สิ่งใดเป็นเพียง ความตอ้ งการ สิ่งใดเปน็ สว่ นเกนิ ต่อชีวิตสมณะ ๒) เขาจะให้คำอธบิ ายเหตผุ ลในเร่อื งโลกและชวี ิต รวมทง้ั การเปลีย่ นแปลงของร่างกายในระดับท่ีเหมาะสมกบั เด็กไมเ่ ปน็ ๓) เขาจะใหก้ ำลังใจทเ่ี หมาะสมกบั จรติ ของเดก็ แตล่ ะกลมุ่ ไม่เปน็ ๔) เขาจะใหค้ วามอบอนุ่ ปลอดภัยที่เหมาะสมแก่เด็กไม่เป็น ๕) เขาจะใหก้ ารดแู ลสุขภาพตามวยั ของเดก็ ไมเ่ ป็น ๖) เขาจะใหก้ ารดแู ลโภชนาการตามวยั ของเด็กไมเ่ ป็น ๗) เขาจะใหก้ รรมฐานทเ่ี หมาะสมกบั เดก็ ไมเ่ ป็น เม่อื ผู้ดูแลสามเณรขาดปญั ญาในดา้ นการดูแลคนซ่ึงละเอียดออ่ น เช่นนี้ ความหวังทจี่ ะมขี นุ พลแห'งกองทพั ธรรมร่นุ ใหม่เกดิ ข้นึ ใน พระพุทธศาสนาจึงเป็นไปได้ยาก เพราะเพยี งแคส่ ามเณรกลายเปน็ เด็ก เจา้ อารมณเ์ อาแตใ่ จตัวเอง ฉันภตั ตาหารไม่เป็น นอนไมเ่ ป็น ดูแลสมบตั ิ สรา้ งปัญญาเปน็ ทมี ๓๓๕ พระสารีบุตรต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org

พระศาสนาไมเ่ ปน็ เพยี งเท่านีก้ ็มากพอจะทำลายศรัทธาของญาตโิ ยม ทีม่ ีต่อพระพุทธศาสนาไดแ้ ลว้ เรอื่ งความหวงั ทจ่ี ะให้เป็นผูส้ บึ ทอดรกั ษา พระธรรมคำสอนตา่ ง ๆ ของพระบรมศาสดาจงึ ไม่ต้องพดู ถึง ดงั น้ัน การเล้ยี งดสู ามเณรจงึ ด้องใซัผทู้ ม่ี ีปญั ญามาก ๑ เพราะ คณุ สมบัติของขนุ พลกองทพั ธรรมท่พี ระบรมศาสดาต้องการในขนั้ ต้น ก็คอื ๑) มีศรทั ธา ๒) มีสขุ ภาพแข็งแรง ๓) มใี จทซี่ ่ือตรง (ไม่โออ้ วด ไม่มีมารยา) ๔) มีความขยันบำเพ็ญเพยี ร ๕) มปี ัญญาเหน็ ทกุ ข์ ผ้ทู มี่ ีคณุ สมบัตเิ ชน่ นี้ พระบรมศาสดาตรัสว่า เป็นผูท้ ่ีบรรลธุ รรม ไดไว หากพระองคส์ อนตอนเชา้ เขาก็จะบรรลุธรรมตอนเยน็ ใชเ้ วลาเพยี ง ครงึ่ วนั กบ็ รรลธุ รรมแล้ว๒ ส.๒ รวบรวมผูม้ ีปญั ญาเขา้ มาบวชเปน็ ภิกษุรนุ่ ใหม่ เหตุปัจจยั ที่เป็นแรงบนั ดาลใจให้ผมู้ ีปญั ญาตัดสินใจเข้ามาบวช เปน็ ภิกษุและศษิ ย์ของพระสารบี ุตร คอื ๑) บุคลิกกอ่ ใหเ้ กดิ ศรัทธา ๒) การประลองปญั ญา ๓) การเทศนาเผยแผ่ธรรม ว.มหาว.ิ (ไทย) ๔/๘๔-๘ริ'/๑๒๓-๑๓๗, อง.ฺ ทสก.สามเณรสูตร (ไทย) ๒๔/๓๖/๘๗ คุณสมบัตภิ ิกษทุ จี ะให้สามเณรอปุ ัฏฐากได้ ม.ม.โพชริ าชกมุ ารสตู ร (ไทย) ๑๓/๓๔๔-๓๔ร'ิ /๔๑๗-๔๑๙ พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทีม ๓๓๖ สรา้ งปญั ญาเป็นทีม kalyanamitra.org

๑) บคุ ลกิ ก่อให้เกิดศรัทธา พระวังคสี ะ เอตทคั คะมหาสาวก ผ้เู ปน็ เลิศด้านปฏิภาณ ทา่ นได้ เล่าวา่ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของทา่ นเกดิ ขน้ึ เป็นครัง้ แรก เมอื่ ได้เห็นบคุ ลิกสงบสำรวมของพระสารีบตุ รในขณะเดนิ บิณฑบาต ยามเชา้ ซงึ่ ทา่ นไดเ้ ล่าไวัใน วังดสี เถราปทาน๑ ว่า ‘‘ในเวลาที่เรารู้เดยี งสา ต้งั อยใู นปฐมวยั เราได้พบพระสารบี ุตรเถระ ในพระนครราชคฤห็อนั รื่นรมย์ ทา่ นถอื บาตร สำรวมดี ตาไมล่ อ่ กแส่ก พดู พอประมาณ แลดชู ั่วแอก เที่ยวบณิ ฑบาตอยู่ คร้ันเราเห็นท่านแลว้ กเ็ ปน็ ผู้อศั จรรยใ์ จ ไดก้ ลา่ วบทคาถาอันวจิ ติ ร เปน็ หมวดหมูเ่ หมือนดอก กรรณิการท์ ร่ี อ้ ยไวแ้ ล้ว ท่านบอกแก่เราวา่ พระลม้ พุทธเจา้ ผ้นู ำโลกเปน็ ศาสดาของทา่ น “ครง้ั น้ัน ทา่ นพระสารีบตุ รเถระผ้ฉู ,ลาด ผเู้ ป็นนักปราชญ์นน้ั ได้พดู แกเ่ ราเปน็ อยา่ งดีย่ิง เราอันพระเถระผคู้ งที่ ให้ยนิ ดีดว้ ยปฏิภาณ อันวิจติ ร เพราะทา่ ถอ้ ยคำทป่ี ฏิลังยตุ ด้วยวริ าคธรรม เห็นไดย้ าก สงู สุด จงึ ชบดรี ษะลงแทบเท้าของท่าน แล้วกลา่ วว่า ขอได้โปรดใหก้ ระผม บรรพชาเถิด’, เมือ่ พระสารีบุตรทราบความประสงคข์ องวังคิสมาณพแลว้ จงึ พา ทา่ นไปบวชในสำนักพระบรมศาสดาโดยท่พี ระสารีบุตรไม่ตอ้ งแสดงธรรม แมแ้ ตค่ ำเดยี ว ซ่ึงเป็นขอ้ คิดว่า ๑) ผูม้ ปี ัญญาย่อมมองผมู้ ีปญั ญาดว้ ย .อป.วงั คสเถราปทาน (ไทย) ๓๓/๑๒๓-๑๒๘/๓๐๖-๓๐๗ สร้างปัญญาเป็นทมี ๓๓๗ พระสารีบุตรด้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทีม kalyanamitra.org

กนั ออกเสมอ ๒) บคุ ลิกน่าเลื่อมใสของผเู้ ป็นศิษยย์ ่อมสะทอ้ นถงึ , การอบรมส่งั สอนของผเู้ ป็นอาจารย์ หลังจากท่พี ระบรมศาสดาใหท้ ่านบวชกบั พระนโิ ครธกัปปะ ผเู้ ป็น พระอปุ ัชฌายแ์ ลว้ ทา่ นก็มาเรยี นกรรมฐานกบั พระบรมศาสดา ตงั ใจ นำเพญ็ เพยี รไม่นานนกั กบ็ รรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ๒) การประลองปัญญา ในสมยั พุทธกาล การประลองปญั ญาด้วยการโตว้ าทะระหวา่ ง นกั ปราชญท์ น่ี บั ถอื ต่างศาสนา ต้องถือวา่ เป็นเร่ืองปกติทีเ่ กดิ ขนึ้ ทกุ วัน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ตามเมืองหลวงของแควน้ ใหญ่ ซ่ึงเป็นศูนยร์ วมของเจา้ ลัทธิ หลากหลายศาสนา การโต้วาทะตามสถานทส่ี าธารณะจึงมเี กดิ ข้นึ ได้ ทกุ เวลาทงั้ ในเวลาเช้าตรู่ เวลาสาย เวลาเยน็ เวลาคํ่า แลว้ ก็เปน็ เรอ่ื ง ท่ไี ดร้ บั ความสนใจจากประชาชนในยุคนน้ั เปน็ อยา่ งมาก แตเ่ นอื่ งจากพระบรมศาสดาทรงประกาศชัดเจนว่า การเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาของพระองค์ มิได้ประสงคเ์ พ่อื ความเป็นเจ้าลัทธิแขง่ กบั ใคร พระองคท์ รงประสงค์เพยี งอยา่ งเดยี ว คอื การเผยแผค่ วามรเู้ รอ่ื ง การดับทกุ ข์ด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ ใหเ้ ปน็ นสิ ยั แก่ประชาชนเท1านัน เพราะเม่อื ประชาชนมคี วามรทู้ ี่ถูกตอ้ งแลว้ ก็ยอ่ มสามารถพิจารณาตัดสิน ได้เองวา่ ควรเลือกเชอื่ เลือกปฏิบตั ิตามคำสอนของผใู ด ----- -^3--- พระสารีบตุ รต้นแบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทมี สรา้ งปัญญาเปนทมี kalyanamitra.org

อีกท้ังการรุกรานศาสนาอ่ืนดว้ ยวธิ ีการยกตนขม่ ทา่ น โจมตวี า่ รา้ ย ผอู้ นื่ เบียดเบียนทำลายล้างผ้อู ่นื ก็ไมใชแ่ นวทางการเผยแผ่ของพระพทุ ธ ศาสนาอกี ดว้ ย ซงึ่ หากใครทำแบบนนั้ ก็ถอื วา่ ผดิ หลักวธิ เี ผยแผ่ที่พระบรม ศาสดาใหไั ร้ใน โอวาทปาฎิโมกข๑์ ของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ (ไม่ว่าร้ายใคร ไมท่ ำรา้ ยใคร สำรวมในปาฏิโมกข์ ร้ปู ระมาณในการบรโิ ภค นงั่ นอนในท่ีสงัด บำเพญ็ เพยี รอธิจติ ) ด้วยเหตนุ ี้ การประลองปัญญาท่เี กิดขึน้ ระหวา่ งพระพุทธศาสนากับ ลทั ธิศาสนาอนื่ จึงเกดิ ขน้ึ จาก ๓ สาเหตุใหญ่ คอื ๑) มีผู้ประสงค์รกุ รานจาบจว้ งพระพุทธศาสนา ๒) มผี ปู้ ระสงค์แลกเปลยี่ นความรูร้ ะหวา่ งเพือ่ นตา่ งศาสนา ถ) มผี ปู้ ระสงคต์ ามหาอาจารย์ผู้มีปัญญามากกวา่ ตน โดยท้งั สามประการน้ี ล้วนเปน็ กรณที ่หี ลีกเลีย่ งไม่ได้ ทงั้ นี้เพราะ วา่ เป็นการประลองปญั ญาทจ่ี ดั ขน้ึ ในสถานทส่ี าธารณะ ตอ้ งโต้วาทะ ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก ต่างฝ่ายจึงต้องใช้เหตุผลมาหักลา้ ง กันอย่างเตม็ ท่ี จนกว่าจะร้ผู ลแพ้ชนะ ซึ่งจะยุตลิ งไดก้ ต็ ่อเมอื่ การให้ เหตผุ ลของฝ่ายหน่งึ ฝา่ ยใดเกดิ ความขัดแยง้ กันเองจนตะแบงตอ่ ไปไม่ได้ พวกที่ละทงิ้ ความเห็นผิดไมไ่ ด้กเ็ ป็นฝ่ายพา่ ยแพล้ ่าถอยกลับไปอย่างไร้ ศักดื้ศรี พวกทล่ี ะทิง้ ความเห็นผิดแตเ่ ดิมไดก้ ข็ อบวชเรยี นในพระพทุ ธ ศาสนาต่อไป ๑ ที.ม.มหาปทานสูตร (ไทย) ๑๐/๙๐/๕๐-๕๑ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม ๓๓(X พระสารีบุตรต้นแบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org

พระสารีบตุ รเมอื่ ถงึ คราวตอ้ งประลองปญั ญา ทา่ นเองก็หลีกเล่ียง ไม่ไดเ้ ชน่ กันชงึ่ ผู้ที่ท่านประลองปญั ญาดว้ ยบ่อยๆก็ไมไชใครอ่ืนโดยมาก เป็นพวกปริพาชกจากลทั ธเิ กา่ ซึง่ ทา่ นเคยบวชมากอ่ นแลว้ นนั่ เอง เวลาประลองกนั ท่านก็เป็นฝา่ ยใหเ้ กียรติอกี ฝา่ ยเป็นผู้ถามก่อน เมอื่ ท่านตอบคำถามจนกระทงั่ หมดภูมิรู้ของเขาแลว้ ท่านจึงเปน็ ฝ่ายถาม กลบั บ้าง เม่อื เห็นว่าอีกฝา่ ยตอบไม่ได้ ท่านกไ็ มร่ ุกรานตอ่ ถอื ว่ามาแลก เปล่ียนความรกู้ ันซึ่งถ้าหากผมู้ าประลองน้นั 1มาดว้ ยความต้ังใจวา่ หากได้ พบกับผู้มคี วามรูม้ ากกว่าตนเมื่อไรจะขอฝากตัวเป็นศษิ ย์ เขาก็จะขอบวช กบั ทา่ นทันที ยกตวั อยา่ งเช่น ในกรณีของ พระกณุ ฑลเกสีเถรี 8 ภกิ ษณุ ี ผเู้ ลศิ ด้านการตรสั รโู้ ดยเร็วพลันกอ่ นบวชท่านเปน็ ปรพิ าซกิ าผู้มปี ญั ญามาก โต้วาทะชนะมาตลอดทาง แต่เม่ือท่านประลองปญั ญาพ่ายแพ้ตอ่ พระสารบี ตุ รแล้ว กข็ อฝากตัวเปน็ ศษิ ย์ พระสารบี ตุ รจงึ ส่งท่านไปบวชใน สำนกั ของภิกษณุ ี ต่อมาตอนเยน็ วนั เดียวกนั ท่านก็มาฟงั พระบรมศาสดา แสดงธรรม พระบรมศาสดาตรสั เทศน์ด้วยบทส้นั ๆ เพียง ๔ บท ท่านก็บรรลธุ รรมเปน็ พระอรหนั ต์ถึงพร้อมด้วยปฏสิ ัมภิทาทันที ดงั น้ัน ผู้มีปัญญาจงึ เข้ามาบวชในพระพทุ ธศาสนาดว้ ยการประลอง ปัญญาในลกั ษณะน้ี • ข.ุ ธ.อ.เรอื่ งพระกณุ ฑลเกลเึ ถรี (ไทย) ๔๑/๔๓๙-๔๔๕ พระสารบี ตุ รดน้ แบบการหมุนธรรมจกั รเปน็ ทีม G)<aO สร้างปญั ญาเปนทมี kalyanamitra.org

ถ) การเทศนาเผยแผ่ธรรม พระสารีบุตรมชี ือ่ เสียงดา้ นการแสดงธรรมเปน็ อยา่ งมาก ไดร้ ับคำ ชมเชยทงั้ จากพระบรมศาสดาและพระอรหันตด์ ้วยกนั อยา่ งมากมาย เพราะทา่ นแสดงธรรมด้วยเนื้อหาสาระทจี่ บั ใจคนฟัง นื้าเสียงไพเราะ กงั วาน ยกใจผู้ฟังให้พ้นจากความมดื มดิ คือนิวรณ์ ๕ กลบั ใจผ้ฟู ังจาก มจิ ฉาทิฐเิ ปน็ สมั มาทฐิ ไิ ด้เป็นอัศจรรย์ ทำให้ผ้ฟู ังมธี รรมะเปน็ ท่พี ่ึงในจิตใจ ด้งทพี่ ระบรมศาสดาตรสั ชมไว้ใน ปวารณาสตู ร๑ วา่ “ก็กรีบตุ ร เธอเปน็ บณั ฑิต เปน็ ผมู้ ปื ญั ญามาก เป็นผู้มืปัญญา แนน่ หนา เปน็ ผมู้ ืปัญญาชวนใหร้ า่ เรงิ เป็นผู้มีปัญญาไว เป็นผู้มปี ญั ญา หลกั แหลม เป็นผูม้ ปื ญั ญาแหลมคม “สาริบุตร โอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้าอักรพรรดิ ย่อมยงั อักร อนั พระราชบิดาให้เปน็ ไปแส้ว ใหเ้ ป็นไปตามไดโดยชอบลนั ใด สารีบตุ ร เธอกล็ ันน้นั เหมือนกัน ยอ่ มยงั ธรรมอักรอันยอดเยย่ี ม อันเราใหเ้ ป็นไป แลว้ ให้เป็นไปตามไดโดยชอบแหจ้ ริง\" นอกจากน้นั แมีในกาลทท่ี า่ นปรินิพพานไปแลว้ ธรรมะทท่ี า่ นเคย แสดงไว้เมื่อครัง้ มีชีวติ กย็ งั อยู่ในใจของผูฟ้ ังเสมอ ดง้ ทีพ่ ระอานนทก์ ล่าว ไว้ใน จุนทสูตรa วา่ ส.ํ ส.ปวารณาสตู ร (ไทย) ๑๕/๒๑๕/๓๑๒-๓๑๓ สิ.ม.จุนทสูตร (ไทย) ๑๙/๓๗๙/๒๓๓ สร้างปัญญาเป็นทมี ๑(£๓ พระสารบี ุตรต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทมี kalyanamitra.org

“ทา่ นพระสารีบุตรเป็นผกู้ ล่าวสอนใหร้ ชู้ ดั แสดงให้เหน็ แจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่ืนเรงิ ไม่เกียจดรา้ นในการแสดงธรรม อนุเดราะหเ์ พ่อื นพรหมจารที ้ังหลาย ขา้ พระองคท์ ง้ั หลายมาตามระลึกถงึ โอชะแห่งธรรม ธรรมสมบตั แิ ละการอนเุ คราะห์ดว้ ยธรรมนนั้ ของทา่ น พระสารีบตุ ร\" ดว้ ยเหตุน้ี ผฟู้ ังท่ีไดฟ้ ังพระสารีบตุ รแสดงธรรมในยุคน้นั จึงปรารถนาจะออกบวชในสำนักของทา่ นเป็นอันมาก เชน่ กรณีของ พระสุนาคเถระ๑ สหายเก่าในสมัยทท่ี ่านเป็นคฤหสั ถ์ พอไดฟ้ งั ทา่ นแสดง ธรรมจบลง กเ็ กิดศรทั ธาแรงกล้า ขอบวชเปน็ ลูกศิษยข์ องท่าน และตัง้ ใจ บำเพ็ญเพยี รจนเป็นพระอรหนั ตใ์ นสำนกั ของทา่ นเลยทเี ดยี ว กรณีครอบครัวของสังกิจจสามเณร ๒ ซง่ึ เปน็ ตระกลู อปุ ฏั ฐาก ของท่าน เมื่อตัวเองบวชไม1ไต้ ก็ต้ังใจเลยี้ งดูเดก็ ชายตสิ สะอย่างดี พออายุครบ ๗ ขวบ ก็รีบพาหลานมาใหท้ า่ นบวชเป็นสามเณรโดยไม่สนใจ คำทำนายเมือ่ แรกเกิดว่า “หากเด็กชายติสสะอยูด่ รองเรือน ญาติพน่ี ้อง จะไม่รจู้ ักดำวา่ ยากจนไป ๗ ชว่ั โดตร’’ แม้แตน่ ดิ เดียว จากแนวทางการรวบรวมผู้มีปญั ญาท่กี ลา่ วมาท้ัง ๓ ประการนี้ คอื ๑) บคุ ลิกกอ่ ให้เกดิ ศรทั ธา ๒) การประลองปัญญา ถ) การเทศนาเผยแผ่ ธรรม ยอ่ มแสดงให้เห็นวา่ ผ้มู ปี ญั ญาเพียงได้เหน็ บคุ ลกิ ของพระสารีบตุ ร เท่าน้นั แม้ยังไม,ทนั ไดฟ้ งั ธรรมจากทา่ น กเ็ กดิ ศรทั ธาอยากบวชใน ๑ ช.ุ เถร.อ.สนุ าคเถรคาถา (ไทย) ๕๐/๔๑๐ ๒ ชุ.ธ.อ.สงั กิจจสามเณร (ไทย) ๔®/๔๖๖-๔๖๗ พระสารบี ุตรต้นแบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทมี G)๙ไ© สรา้ งปัญญาเปนทีม kalyanamitra.org

พระพทุ ธศาสนาขน้ึ มาแล้ว ย่ิงเมือ่ ไดส้ นทนาธรรมย่ิงเหน็ ประจกั ษ์ใน ปัญญาของทา่ น และถา้ หากไดฟ้ ังท่านแสดงธรรมกย็ ่อมจับใจไปตลอด ชีวติ เพราะฟงั แลว้ แจม่ แจง้ จูงใจ อาจหาญ รา่ เรงิ เบิกบานในการประพฤติ ปฏิบัตธิ รรม ทำให้อยากบวชเปน็ ลกู ศษิ ยท์ า่ นนัน่ เอง ถ.ถ เม่อื รบั ผ้ใู ดเปน็ ศิษย์แลว้ กร็ ่วมทุกขร์ ว่ มสขุ ตลอดซีวติ ไมท่ ้ิงกัน สำหรบ้ เรื่องน้ีเห็นไดช้ ัดจากกรณขี อง พระโลสกติสสเถระ ผูอ้ าภพั บิณฑบาตตลอดชวี ิต๑ เรื่องมอี ยวู่ า่ เชา้ วันหน่ึง ในขณะท่ีพระสารีบตุ รเดิน บณิ ฑบาตอยู่ ท่านไดเ้ ห็นเด็กขอทานคนหนงึ่ อายุ ๗ ขวบ เนอื้ ตัวมอมแมม รา่ งกายผา่ ยผอม กำลังหวิ โซ เก็บเศษเม็ดขา้ วกนิ ทีละเมด็ ๆ ในบริเวณ ทเ่ี ทน้าี ล้างหมอ้ ใกล้ประตเู รอื นแห่งหน่ึง ทา่ นเหน็ แล้วกส็ งสาร จึงเรียกเด็กขอทานเช้ามาสอบถาม พบว่าเปน็ เดก็ กำพรา้ ถกู พ่อแม่ทง้ิ เป็นคนไรท้ ่ีพ่ึง ทา่ นจงึ รับอปุ การะดว้ ยการให้ บวชเปน็ สามเณร เมอื่ อายคุ รบ ๒๐ ปี ก็อปุ สมบทให้เปน็ พระภิกษุ เมอ่ื ตอนแก่ทา่ นไดช้ ือ่ วา่ โลสกตสิ สเถระ ตลอดชีวิตการบวชของพระโลสกดิสสะ ท่านมีความอาภัพอยู่เร่ือง หน่ึงนน่ั คือ ไม่เคยได้ฉันอิม่ เลยแมส้ กั ม้อื เดยี ว แม้ภายหลงั ทา่ นจะบากบนั่ บำเพ็ญเพยี รจนไดเ้ ปน็ พระอรหันต์แลว้ แตท่ า่ นกย็ ังดำรงชวี ิตดว้ ย ความอดอยากเชน่ เดิม ไดอ้ าหารเพยี งประทงั ชีวติ ไปวนั ๆ เทา่ น้นั จนกระท่งั ร่างกายทรุดโทรมลงอย่างมาก • ข.ุ ชา.อ.โลสกชาดก (ไทย) ๕๖/๒-®๕ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี ๓(A ๓ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมุนธรรมจกั รเปน็ ทีม kalyanamitra.org

พระสารีบุตรทราบว่าวนั นีท้ ่านจะปรนิ พิ พาน จงึ ใคร่จะอนเุ คราะห์ ใหท้ า่ นได้ฉนั อาหารอ่มิ สกั มอื้ จึงพาท่านไปบิณฑบาตด้วยกนั แต่เพราะ การท่พี าท่านมาด้วย พระสารบี ุตรจึงไม1ไดร้ ับการตอ้ นรบั จากผูใดเลย แม้กระทงการยกมอ เหวัก เม้ม พระสารบี ุตรจงึ ตดั สนิ ใจพาทา่ นกลบั มาน่งั คอยทโี่ รงฉนั แลว้ กลับ ไปบิณฑบาตใหม่เปน็ รอบท่ีสอง คราวนี้ท่านไดร้ บั การนิมนต์ใหฉ้ นั ภัตตาหารทเี่ รอื นแห่งหน่ึง แลว้ ทา่ นก็สั่งใหค้ นนำภตั ตาหารกลบั ไปฝาก พระโลสกตสิ สะดว้ ย แต่จู่ ๆ ผูร้ บั ฝากกล็ ืมคำลังหมดสนิ พากนั กินอาหาร เลยี หมดเรียบ เมอื่ พระสารีบุตรกลับไปถึงอาราม ได้ทราบว่าพระโลสกติสสะยงั ไมไ่ ดฉ้ นั ภตั ตาหาร ทา่ นรสู้ ึกสลดใจเปน็ อันมาก จงึ กลบั ไปบณิ ฑบาตเป็น รอบท่สี าม โดยไปที่พระราชวงั ของพระเจา้ ปเสนทโิ กศล ขณะนัน้ พระราชา ทรงเหน็ วา่ เลยเวลาบณิ ฑบาตแล้ว จึงรับส่งั ใหถ้ วายของหวาน ๔ อย่าง จนเตม็ บาตร เม่ือพระสารีบุตรกลับมาถึงอาราม ก็ยืนถอื บาตรไว้ แล้วบอกให้ พระโลสกตสิ สะหยิบขนมหวานจากในบาตรของทา่ นมาขบฉันจนอมิ่ เพราะท่านรวู้ ่าหากปล่อยมอื จากบาตรเมื่อไรบาตรนน้ั กจ็ ะกลายเป็นบาตร เปลา่ ทนั ที พระโลสกติสสะฉนั อม่ิ เต็มความต้องการแลว้ ทา่ นกป็ รินิพพานใน วนั นน้ั เอง พระบรมศาสดามรี บั สง่ั ใหก้ ระทำการปลงสรรี ะ แล้วเก็บ พระธาตบุ รรจไุ ว้ในพระเจดยี ์ —----- “----- . สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทมี kalyanamitra.org

สาเหตทุ ่พี ระโลสกตสิ สะต้องมาเปน็ ผอู้ าภพั บณิ ฑบาต ก็เพราะว่า วบิ ากกรรมในอดีตชาติ ท่านเคยเกิดความริษยาไปขวางลาภสกั การะของ พระอรหนั ต์รปู หน่งึ ไว้ โดยทา่ นนำอาหารบิณฑบาตทญ่ี าติโยมฝากมา ถวายพระอรหันต์รปู น้นั ไปเททิง้ ในกองไฟขา้ งทาง ทำให้พระอรหันต์ต้อง อดอาหารไปหนงึ่ มื้อ ผลวิบากกรรมของการขวางลาภพระอรหันต์ในชาติน้ัน ทำใหท้ ่าน ต้องไปตกนรกหมกไหมน้ านเปน็ แสนปี แลว้ มาเกิดเปน็ ยักษ์อดอยากอกี หา้ ร้อยชาติ ได้กนิ รกเด็กอิม่ ในมอ้ื สดุ ท้ายของชาติท่ีเป็นยักษ์ แล้วมาเกิด เป็นสุนขั อดอยากอีกห้ารอ้ ยชาติ ไดก้ นิ อาเจยี นอ่ิมในมอ้ื สุดทา้ ยของชาติ ทเ่ี ปน็ สุนขั หลังจากนน้ั ภพชาติตอ่ ๆ มาไมเ่ คยไดก้ นิ อิม่ เลยแม้แต่ ม้อื เดยี ว แต่บญุ ของทา่ นก็ย้งมีอย่บู ้าง จึงได้ร้ปการอนเุ คราะหจ์ ากพระสารีบุตร ต้งั แตอ่ ายุ ๗ ขวบ ได้รบั การบวชเรยี นตั้งแต่สามเณรจนเป็นพระภกิ ษุ ไดร้ ับการฝกึ ฝนจากพระภิกษจุ นเปน็ พระอรหนั ต์ และตามมาดแู ล ภัตตาหารในมอื้ สุดท้ายดว้ ยการกลับไปบิณฑบาตถึงสามรอบ เพ่ือใหท้ ่าน ไดฉ้ นั อ่ิมในมอ้ื สุดท้ายก่อนปรินพิ พาน นึ่คอื นํา้ ใจกรณุ าของพระสารีบุตร ท่ีมีต่อลูกศิษย์ เมอ่ื รบั ผู้ใดไว้เป็นศิษย์แล้วกร็ ่วมทกุ ข์รว่ มสขุ ตลอดชีวติ ไมท่ ้งิ กนั สรา้ งปัญญาเปน็ ทึม ๑๙๕ พระสารบี ตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทมี kalyanamitra.org

ถ.๔ พร่ําสอนคษิ ยจ์ นกว่าจะบรรลธุ รรม บทฝึกทพี่ ระสารีบุตรใช้เปน็ หลักในการเค่ยี วเข็ญอบรมลกู ศิษย์ ตลอดชวี ติ กค็ ือหลกั ปฏิบตั ทิ ี่ใคร ๆ ฝกึ ฝนแล้วกไ็ มผ่ ิด เรียกวา่ อปณั ณกธรรม ได้แก่ ๑) สำรวมอินทรยี ์ ๒) รปู้ ระมาณในการบรโิ ภค ถ) ปรารภความเพยี ร เรือ่ งมอี ยู่ว่า พระภกิ ษุรูปหน่ึงมาแจง้ ขา่ ววา่ ลูกศิษย์ของทา่ น ลาสิกขาไป พระสารบี ตุ รกล่าวตอบวา่ ผ้ใู ดปฏบิ ตั อิ ปณั ณกธรรม ผ้นู น้ั ประพฤตพิ รหมจรรยไ์ ดต้ ลอดซีรติ ดังหลกั ฐานท่ปี รากฏใน สารีปุตตสทั ธิรหิ าริกสตู ร ๑ ว่า “ดกู ่อนผู้มีอายุ ขอ้ ทีภ่ ิกษไุ ม่คุ้มครองทวารในอนิ ทรีย์ทัง้ หลาย ไมร่ ู้ อักประมาณในโภชนะ ไม่ประกอบความเพียร อกั ประพฤติพรหมจรรย์ ให.ปริสทุ ธ บรบิ รู ณ์ ตดิ ตอ่ กันไปจนตลอดชีวติ นั้น ไม่ใช่ฐานะที่จะมไี ด้ “ดกู อ่ นผ้มู อี ายุ ข้อทภ่ี ิกษุคุ้มครองทวารในอินทรยี ท์ งั หลาย รู้ประมาณในโภชนะ ประกอบความเพยี ร อกั ประพฤตพิ รหมจรรย์ให้ บรสิ ทุ ธ บริบรู ณ์ ตดิ ตอ่ กันไปจนตลอดชีวติ นั้น เป็นฐานะที่จะมีได”้ การทพ่ี ระสารบี ตุ รเลือกใช้อปัณณกธรรมเปน็ บทฝกึ พระลกู ศษิ ย์ ตลอดชวี ิต กเ็ พราะวา่ สิ.สฬา.สารปี ตุ ตสัทธิวหิ าริกสูตร (ไทย) ๑๘/®๒๐/®๔®-®๔๓ พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทมี ๓ ราอ สร้างปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

๑) การสำรวมอนิ ทรยี ์ คือ การระวังปดิ กั้นอกุศลอนั ลามก ๙ คืออภชิ ฌา ความอยากได้ และโทมนัสความทกุ ขใ์ จ ไม่ใหร้ ว่ั ไหล กำเริบ เสิบสาน ผ่านมาทางทวารหก ดว้ ยกำลงั สตเิ ฝา็ ระวังมใิ หบ้ าปเกิด ๒) การร้ปู ระมาณในการบรโิ ภค คอื การรูจ้ ักพอดี พอควร พอประมาณ ท้ังในการแสวงหา การรบิ และการบริโภค ยอ่ มทำให้สุขภาพ แขง็ แรง อายุยนื รา่ งกายไม่สะสมความเป็นโทษ ดำรงชวี ติ อยไู่ ดอ้ ยา่ ง สบายกายสบายใจ ถ) การประกอบความเพียรเป็นเครอ่ื งต่นื คือ ชำระจิตจาก เครอื่ งกางก้นั (นิวรณ์ ๕) ด้วยการเจริญสติและสมาธทิ ัง้ ในขณะยืน ขณะเดนิ ขณะน่ัง ตลอดวันตลอดคืน ๕ สว่ น พักผอ่ นดว้ ยสตแิ ละสมาธิ คอื หลบั ในลู่ทะเลบญุ เสยี ๑ สว่ น ในมัชฌิมยาม (สี่ทุ่มถงึ ตีสอง) ยอ่ มทำ ให้เกิดการชำระจิตให้บรสิ ุทธีจ้ ากเคร่ืองขวางกน้ั การบรรลธุ รรมทั้งหลาย ใหห้ มดสนิ้ ไป บทฟิกทงั้ สามประการน้ี คอื หลักปฏบิ ัติที่พระสารบี ุตรใช้เคีย่ วเข็ญ อบรมพระลกู ศษิ ย์จนกระท่ังเข้าถงึ ธรรมและสามารถบวชได้ตลอดชีวติ ผูท้ ฟี่ กิ ตามน้ี ยง่ิ บวชนานวันก็ยิ่งเป็นผู้มีความเจรญิ ก้าวหน้าในธรรมวินยั ย่ิงเติบโตมาเป็นพระเถระผูน้ ำในการเจรญิ ภาวนา เพราะไมเ่ คยปล่อยเวลา ใหล้ ่วงไปกับสงิ่ ที่มิใชว่ ิปสั สนาธุระ ไม่เคยปล่อยตัวเองใหห้ มกมนุ่ ไปกบั ส่ิงท่ีเป็นอันตรายตอ่ การประพฤตพิ รหมจรรยน์ น่ั เอง สร้างปัญญาเปน็ ทีม ๑GT๓f พระสารีบุตรต้นแบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทีม kalyanamitra.org

ถ.๔ ตดิ ตามแกไ้ ขลกู ศษึ ย์ที่ทำผดิ พลาดประมาทแล้ว นอกจากการตดิ ตามพรำสอนอบรมลูกศษิ ย์ทเี่ ป็นพระภกิ ษุแล้ว หากพระสารบี ุตรทราบว่าลูกศิษย์ทเ่ี ป็นคฤหสั ถ์คนใดทำผิดพลาดประมาท แลว้ แม้ท่านจะพำนักอยู่ไกลแสนไกลเพยี งใด ก็จะรบี ตดิ ตามไปแก้ไข ความประมาทของลกู ศษิ ย์คนนนั้ ถงึ ท่ีบา้ นของเขาเลยทเี ดยี ว ยกตัวอยา่ งเช่น กรณีของธนญั ชาน้พราหมณ์ผพู้ ้นนรกเพราะเชอ่ื ฟังคำเตอื นของพระสารบี ุตร๑ เรือ่ งมีอยวู่ ่า ธนญั ชานพิ ราหมณ์ เป็นขนุ นางผู้ใหญ่ของพระเจ้าพมิ พสิ าร มหี น้าที่เก็บภาษีแทนพระราชา เขามีความคุ้นเคยกับพระสารีบตุ ร เป็นอยา่ งมาก ทัง้ น้เี พราะภรรยาของเขาเปน็ ผู้มีสมั มาทิฐิ จงึ ชอบนิมนต์ พระสารบี ตุ รไปฉนั ภัตตาหารทีบ่ ้านอยู่เป็นประจำ ทำให้เขามโี อกาสฟัง ธรรมอยเู่ สมอ ตอ่ มาภรรยาคนแรกเสียชีวิตลง เขาแตง่ งานกบั ภรรยาคนทสี่ อง ซ่ึงมาจากตระกลู ใหญท่ ่ีเปน็ มจิ ฉาทฐิ ิ ทำให้เขาเหินห่างจากการฟงั ธรรมไป เนิน่ นาน นิสัยจึงเปลีย่ นไปเปน็ คนละคน จากคนชือ่ ตรงกก็ ลายเป็นคน คดโกง กลายเปน็ ขา้ ราชการผใู้ หญท่ ฉ่ี ัอราษฎร์บงั หลวง แอบอ้างพระราชา รีดไถประชาชน และแอบอ้างประชาชนหลอกลวงพระราชา พระสารบี ุตรไดย้ ินขา่ วลอื เรอ่ื งน้ี จงึ เดนิ ทางไปสอบถามเขาถงึ บ้าน โดยเรยี กใหเ้ ขาไปสนทนากันเปน็ การส่วนตัวท่ีใตต้ ้นไมต้ ามลำพัง ‘ ม.ม.ธนญ้ ชานิสูตร (ไทย) ๑๓/๔๔๕-๔๕๓/๕๕๗-๕๗๒ พระสารบี ตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทีม ๓๙a สรา้ งปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

เมอื่ ทา่ นสอบถามเร่อื งราวทเี่ กิดขน้ึ เขาก็รับสารภาพตามความเปน็ จรงิ โดยยอมรับว่าการฉ้อราษฎรบ์ งั หลวงของเขาทำไปด้วยความจำเปน็ เพราะเขา ต้องเลยี้ งพรรคพวก เล้ยี งครอบครัว เล้ยี งหมญู่ าติ เล้ยี งบรวิ าร ถ้าไม่ เลย้ี งทกุ ฝา่ ยให้ทวั่ ถงึ กจ็ ะไมอ่ าจรักษาความเปน็ ใหญ่ไวได้ พระสารบี ตุ รจงึ ดกั เตอื นว่า ทา่ นฉ้อราษฎร์บงั หลวงเพ่อื คนอ่ืน เมือ่ ถึงคราวต้องตกนรก ทา่ นตกนรกคนเดยี ว หรอื คนอน่ื ตกนรกดว้ ย คำกลา่ วอ้างทีว่ ่าฉอ้ โกงดว้ ยความจำเปน็ ใช้อา้ งกบั พระยายมราชในนรก ได้หรอื ไม่ ขอใหท้ า่ นเลิกทำบาป จงหยดุ การกระทำทปี่ ระมาทแล้ว เมื่อธน้ญชานพิ ราหมณ[ด้รบั การตกั เตือนเช่นนี้ เขาก็ได้คิดข้ึนว่า การฉอ้ ราษฎร์บังหลวงเพอื่ ความสุขสบายของผ้อู นื่ แตผ่ ลสดุ ท้ายกม็ แี ต่ เขาทต่ี ้องรบิ กรรมในนรกอยคู่ นเดยี ว เขาจึงกลบั ตัวกลับใจ เลกิ ฉอ้ ราษฎร์ บงั หลวง ตัง้ ใจทำงานดว้ ยความสจุ ริต ใชห้ น้าที่การงานในการสร้างบุญ สามารถเล้ยี งตวั เอง ครอบครวั บริวาร หมู่ญาติ พวกพอ้ งโดยไมท่ ำความ ชั่วอกี ตอ่ ไป สมยั ต่อมา เขาล้มปวยลงใกล้จะสน้ิ อายขุ ยั เขาไดส้ ่งคนไปกราบลา พระบรมศาสดา และขอนมิ นตพ์ ระสารีบุตรโปรดอนุเคราะห์เดินทาง มาแสดงธรรมให้เขาฟังก่อนจะตาย พระสารบี ตุ รทราบความประสงคข์ อง เขาแลว้ กร็ ีบเดนิ ทางไปแสดงธรรมใหเ้ ขาฟังถึงในห้องนอน หลงั จากทเ่ี ขา ฟังธรรมจบลง เมื่อพระสารีบุตรลุกทน้ หลงั ออกไป ไม่นานนักเขาก็สน้ิ ใจ และไปเกดิ ในพรหมโลก สรา้ งปญั ญาเป็นทีม G)(TG< พระสารบี ุตรต้นแบบการหมุนธรรมจักรเป็นทมี kalyanamitra.org

จากตัวอยา่ งน้ี จะเห็นได้ว่า พระสารีบตุ รให้ความสำคญั กับการ ดแู ลลูกศษิ ย์ของท่านอยา่ งดีเยีย่ ม เมอื่ ตอนมชี ีวติ อยกู่ ็ตามไปเตอื นสติให้ ไดค้ ิด ไปปดิ นรกให้ลูกศิษย์ เมื่อยามใกลต้ ายกไ็ ปเทศน[หฟ้ ัง ไปช้ีทาง สวรรค์ใหไ้ ปเกดิ ในสคุ ตภิ มู ิ ใครได้เปน็ ลกู ศษิ ยข์ องพระสารีบุตรจงึ นับวา่ เป็นมหาโชคมหาลาภตอ่ ชวี ติ อย่างยิ่ง ถ.๖ สรา้ งมหาเศรษฐีใจบญุ รุ่นใหม่ไรด้ าํ้ จุนพระพทุ ธศาสนา นอกจากการรวบรวมคน การฟิกอบรมคน การติดตามรักษาคน ซึ่งเปน็ การเพ่มิ จำนวนขนุ พลในกองทัพธรรมใหม้ ากข้ึนแลว้ ทา่ นยงั สร้าง กองเสบียงสำหรบั เลย้ี งผคู้ น ส่งผลใหง้ านเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาขยาย วงกว้างออกไปได้รวดเรว็ ในทุกระดบั ชนชัน้ เพศ และวยั อีกดว้ ย ยกตัวอย่างเช่น กรณขี องปณุ ณเศรษฐีผูไ้ ถนาเป็นทองดำ เพราะ ได้ทำบญุ กบั พระสารบี ตุ ร๑ เรอื่ งมีอยวู่ ่า นายปุณณะ เป็นคนยากจนเขญ็ ใจ เขาเลีย้ งชีพดว้ ย การรบั จา้ งท่างานให้กบั สมุ นเศรษฐี เพื่อหาเงนิ เลย้ี งครอบครวั ไปวนั ๆ ในครอบครวั ของเขาประกอบดว้ ยภรรยา ๑ คน และบตุ รสาวอีก ๑ คน ทั้งสองคนเปน็ คนดีมาก ๆ คอยดูแลเอาใจใสเ่ ขาอยา่ งดี แม้จะมีความ เป็นอยทู่ ีล่ ำบากก็ไมท่ อดท้งั กัน • ช.ุ ธ.อ.เรอื่ งอุตตราอบุ าสิกา (ไทย) ๔๒/๔๓๕-๔๔๗ พระสารบี ุตรต้นแบบการหมุนธรรมจกั รเปน็ ทีม 0๕๐ สร้างปัญญาเป็นทีม kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook