Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สร้างปัญญาเป็นทีม

สร้างปัญญาเป็นทีม

Published by jariya5828.jp, 2022-08-29 03:01:44

Description: สร้างปัญญาเป็นทีม

Search

Read the Text Version

๔) เปน็ ผู้ไดฌ้ าน ๔ อนั เกดิ มใี นมหัคคตจติ เคร่อื งอยสู่ บายใน ปจั จุบันตามความปรารถนา โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ๕) ย่อมแสดงฤทธได้เปน็ อเนกประการ คอื คนเดียวเปน็ หลายคน กไ็ ด้ หลายคนเป็นคนเดยี วกไ็ ด้ ปรากฏตวั หรือหายตัวไปนอกฝา นอกกำแพง นอกภูเขาได้ไม่ตดิ ขัด เหมอื นไปในทวี่ า่ งกไ็ ด้ ทำการผุดขนึ้ และดำลงในแผน่ ดิน เหมอื นในนำก็ได้ เดนิ บนนำไมแ่ ตกเหมือนเดนิ บน แผ่นดนิ ก็ได้ เหาะไปในอากาศโดยขดั สมาธิเหมือนนกก็ได้ ลูบคลำ พระจันทรแ์ ละพระอาทติ ยซ์ ง่ึ มฤี ทธิมอี านุภาพมากปานฉะนีดว้ ยผา่ มอื ก็ได้ ใชอ้ ำนาจทางกายไปอนถงึ พรหมโลกกไ็ ด้ ๖) ย่อมฟังเสียงท้ังสอง คือ เสยี งทพิ ย์ และเสียงมนษุ ย์ ทงั ท่ี ไกลและทใ่ี กลไดด้ ้วยทพิ ยโสตธาตุอันบรสิ ทุ ธ ลว่ งโสตของมนุษย์ ๗) ย่อมกำหนดรู[จของสตั วอ์ น่ื และบุคคลอ่นื ได้ดว้ ยใจ คือ จิตมรี าคะก็ร้วู ่าจติ มีราคะ หรือจติ ปราศจากราคะก็ร้'ู ว่าจติ ปราศจากราคะ จติ มีโทสะ'กร็ ้'ู วา่ จติ มีโทสะ หรอื จติ ปราศจากโทสะก็ร้วู า่ จิตปราศจากโทสะ จติ มีโมหะกร็ ู้วา่ จติ มืโมหะหรือจิตปราศจากโมหะกร็ วู้ ่าจิตปราศจากโมหะ จติ หดหู่ก็รวู้ ่าจิตหดหู่ หรอื จิตฟงั ซ่านกร็ ้วู ่าจติ ฟังซา่ น จิตเป็นมหัคคตะก็ รู้ว่าจิตเปน็ มหัคคตะ จิตไม่เปน็ มหัคคตะกร็ ู้ว่าจิตไมเ่ ปน็ มหคั คตะ จติ ยัง มีจิตอ่ืนย่งิ กว่าก็รวู้ า่ จติ ยงั มจี ิตอนื่ ยงิ่ กว่า หรอื จติ ไม่มจี ติ อน่ื ย่ิงกว่ากร็ วู้ ่า จิตไมม่ จี ิตอ่ืนยงิ่ กว่า จิตต้งั มน่ั กร็ วู้ ่าจติ ต้งั มั่น หรอื จติ ไม่ตงั ม่ันกร็ ู้วา่ จติ ไม่ตั้งมนั่ จิตหลุดพ้นแลว้ กร็ ู้วา่ จติ หลดุ พน้ แลว้ หรือจิตยงั ไมห่ ลดุ พ้นก็รู้ วา่ จติ ยงั ไมห่ ลุดพ้น ภยั อนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา ไร) o'© สรา้ งปญั ญาเป็นทมึ kalyanamitra.org

๘) ยอ่ มระลกึ ถงึ ขนั ธท์ ่อี ยอู่ าศัยในชาตกิ ่อนได้เปน็ อเนกประการ คอื ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบา้ ง สามชาติบ้าง สีชาตบิ า้ ง ห้าชาติบ้าง สบิ ชาตบิ ้าง ยสี่ ิบชาติบ้าง สามสบิ ชาติบา้ ง สส่ี ิบชาติบ้าง ห้าสบิ ชาตบิ ้าง ร้อยชาตบิ า้ ง พนั ชาตบิ า้ ง แสนชาตบิ ้าง หลายลังวัฏฏกปั บ้าง หลายวิวัฏ กัปบ้าง หลายลงั วฏั ฏววิ ฏั ฏกปั บา้ ง ว่าในชาตโิ น้น เรามีช่ืออย่างนมี้ โี คตร อยา่ งน้ี มผี วิ พรรณอยา่ งนี้ มีอาหารอยา่ งนี้ เสวยสขุ และทกุ ขอ์ ย่างน้ี มีกำหนดอายุเท่านี้ เรานน้ั เคลอ่ื นจากชาตนิ ัน้ แลว้ บังเกิดในชาตโิ น้น แมใี นชาตนิ น้ เรากม็ ^ี ยว^่ ^ อยา่ งน้ี เสวยสขุ และทุกขอ์ ยา่ งน้ี ก็มกี ำหนดอายุเท่าน้ี เรานั้นเคลอื่ นจาก ชาตินน้ั แลว้ จึงเขา้ ถึงในชาตินี้ ย่อมระลกึ ถงึ ขนั ธท์ ีอ่ ยู่อาศยั ในชาตกิ ่อน ไดเ้ ป็นอเนกประการพรอ้ มทง้ั อาการ พร้อมท้งั อุเทศ เช่นน้ี ๙) ยอ่ มมองเหน็ หมสู่ ัตว์ กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณตี มีผวิ พรรณดี มผี ิวพรรณทราม ไดด้ ี ตกยาก ดว้ ยทิพยจกั ษุอนั บริสุทธ ล่วงจกั ษุของมนษุ ย์ ๆลฯ ย่อมมองเหน็ หมู่สัตวท์ ่กี ำลังจตุ ิ กำลงั อุปบตั ิ เลวประณตี มีผิวพรรณดี มผี ิวพรรณทราม ไดด้ ี ตกยาก ด้วยทพิ ยจักษุ อันบรสิ ทุ ธ ล่วงจักษขุ องมนุษย์ ย่อมทราบชดั หมูส่ ตั วผ์ ูเ้ ป็นไปตามกรรม เช่นน้ี ๑๐) ย่อมเขา้ ถงึ เจโตวิมตุ ติ ปญั ญาวมิ ตุ ติ อันหาอาสวะมไิ ด้เพราะ อาสวะท้งั หลายสิ้นไป ทำใหแ้ จ้งเพราะรยู้ ิ่งด้วยตนเองในปจั จุบันอยู่ สร้างปัญญาเป็นทมี ไ©๐๓ ภยั อันตรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

พระเถระผทู้ มี่ ีคุณธรรม ๑๐ ประการดงั กล่าวนี้ คอื บคุ คลที่เคารพ ๘ พระธรรมวนิ ัยอันเป็นสิงแทนพระศาสดา การอยูใ่ นสำนักของท่านยอ่ มมี การจดั ระบบการคืกษาไดต้ ามมาตรฐานท่พี ระบรมศาสดากำหนดไว้ การอาดยั อยใู่ นสำนกั ของท่าน ยอ่ มไดร้ บั การฟิกฝนอบรมความรบั ผดิ ชอบ ต่อตนเองและส่วนรวมอยา่ งเตม็ ท่ี ความเจรญิ ก้าวหนา้ ในการปฏบิ ตั ิ มรรคมอี งค์ ๘ ยอ่ มหวังผลได้ในสำนักของพระเถระท่มี ีคณุ ธรรม ๑๐ ประการนี้ ๒.๔ วางอปรพิ านิยธรรมเปา็ เมาตรการแก[้ ขปัญหาภายในองค์กร เมื่อพระภกิ ษุรูจ้ ักเลือกสำนักอาจารยเ์ ป็นแล้ว พระบรมศาสดาทรง กำหนดบทฟกิ สมาชิกในแต่ละวัดใหม้ ีความสามัคคีในการรบั ผดิ ชอบตอ่ องค์กรและพระพทุ ธศาสนาไวใิ น “อปริหานยิ ธรรม ๗ ประการ”® ดงั น้ี ร)) หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ ๒) เม่ือประชุมกพ็ รอ้ มเพรียงกันประชุม เมอื่ เลกิ ประชุมกพ็ รอ้ ม เพรยี งกันเลกิ และพรอ้ มเพรียงชว่ ยกนั ทำกิจทีสงฆจ์ ะต้องทำ ๓) ไมบ่ ญั ญตั สิ ง่ิ ท่พี ระพุทธเจา้ ไมบ่ ญั ญตั ิขึน้ ไม่ถอนสงิ่ ที่ พระองคบ์ ญั ญัตไิ ว้แล้ว สมาทานศึกษาอยใู่ นลิกขาบทตามท่ีพระองค์ทรง บญั ญตั ิไว้ ๔) ภกิ ษุเหล่าใดเปน็ ผ้ใู หญ่ เปน็ ประธานในสงฆ์ เดารพนับถือ ภิกษเุ หลา่ นัน้ เชือ่ ฟงั ถ้อยคำของท่าน ® ท.ี ม.มหาปรินิพพานสตู ร (ไทย) ๑๐/๑๓๖/๘๑-๘๓ ภัยอนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา ไ©๐๙ สร้างปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org

๕) ไม่ลอุ ำนาจแกค่ วามอยากทีเ่ กดิ ข้นึ ๖) ยนิ ดใี นเสนาสนะปา ๗) ต้ังใจอยูว่ า่ เพื่อนภิกษสุ ามเณรซ่งึ เป็นผู้มีดสี ซึง่ ยังไม่มาสู่ อาวาส ขอใหม้ า ท่ีมาแลว้ ขอให้อยู่เป็นสุข จากบทฟิกความรับผิดชอบตอ่ พระพุทธศาสนาท้ัง ๗ ประการน้ี เมื่อพจิ ารณาไตรต่ รองใหด้ ีแล้ว จะเหน็ ไดว้ า่ อปรหิ านยิ ธรรมขอ้ ๑ - ๔ ชว่ ยป้องกนั แกไขปญั หาการบรหิ าร ปกครอง เพราะเปน็ การฝกึ สมาชกิ ในวดั น้ันใหม้ ีความรบั ผิดชอบ ประโยชน์สว่ นรวม อปริหานยิ ธรรมข้อ ๕ - ๖ ช่วยป้องกนั แกไขปญั หาการฟิกอบรม สมาชกิ องคก์ ร เพราะเป็นการฟกิ สมาชิกในวดั น้นั ให้มคี วามรับผดิ ชอบ ประโยชนส์ ่วนตน อปรหิ านยิ ธรรมข้อที่ ๗ ชว่ ยป้องกนั แกไขปัญหาการสร้าง ความสามคั คีในองคก์ ร เพราะเป็นการฟกิ สมาชิกในวัดนัน้ ให้มคี วามรบผิดชอบ ในการรวบรวมพระภกิ ษุสามเณรทท่ี รงภูมริ ภู้ มู ธิ รรมด้านต่าง ๆ ซง่ึ กระจดั กระจายกันอยใู่ นแต่ละทอ้ งถิ่นไว้คํ้าจุนพระพทุ ธศาสนา สรา้ งปญั ญาเป็นทีม ไร)0๕ ภัยอนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา kalyanamitra.org

๒.๔ ส่งพระอสีติสาวกหมุนธรรมจักรสร้างอปร,ิ หานิยธรรม ทว่ั แผน่ ดิน เม่อื เราศกึ ษามาถงึ ตรงนี้กจ็ ะพบว่า พระบรมศาสดาได้วางมาตรการ ฝึกความรับผดิ ชอบตอ่ พระพทุ ธศาสนาในข้อที่ ๑ - ๔ ไวในการหมุน ธรรมจักรดว้ ยกำลังของพระอสตี สิ าวกไว้ล่วงหนา้ เรียบร้อยแล้ว แตท่ รง มาประกาศให้หม,ู สงฆ์ทราบเมอื่ ตอนใกลจ้ ะปรินิพพาน โดยเมอ่ื นำ การหมุนธรรมจักรของพระสารบี ุตรมาเทยี บกบั อปรหิ านิยธรรม ก็จะพบ พระอัจฉ่รยิ ภาพอัศจรรยข์ องพระองคด์ ้งน้ี ๑) การหมุนธรรมจักรดว้ ยกิจวัตรของพระสารบี ตุ ร เช่น กวาด สถานท่ที ย่ี งั ไมไ่ ด้กวาด ทิ้งขยะทย่ี ้งไม่ได้ทิง้ เดมิ นํ้าในหมอ้ ทีไม่มนี ้ํา เกบ็ งำ เตยี ง ตง่ั เครอ่ื งไม้ และเครอ่ื งดนิ ทเ่ี กบ็ ไว้ไม่ดีให้เรียบร้อย เป็นต้น จะทำใหห้ มสู่ งฆเ์ กดิ แรงบันดาลใจในการปฏบิ ัติอปรหิ านยิ ธรรมฃอ้ ที่ ๑ - ๔ ทำใหส้ มาชกิ ในวัดนั้นเกดิ นสิ ยั เจา้ ปัญญาข้ึนมาค้ําจนุ พระพทุ ธศาสนา อกี ๓ ประการได้แก่ ปัญญาดแู ลสมบัตสิ งฆ์ ปญั ญาดูแลสมาชกิ องคก์ ร ปญั ญาดูแลกองเสบยี งเลย้ี งพระพุทธศาสนา ๒) การหมนุ ธรรมจักรดว้ ยคุณธรรมประจำตัวของพระสารบ็ ตุ ร เช่น ความกตญ้ ญกตเวที ความเคารพในอาจารยค์ อื พระอัสสชิ ความเป็น ผรู้ ักการแสวงหาความรู้ เปน็ ต้น จะทำใหห้ มู่สงฆเ์ กดิ แรงบันดาลใจใน การปฏิบัตอิ ปรหิ านยิ ธรรมซอ้ ที่ ๕ - ๖ ทำให้สมาชกิ ในวดั นัน้ เป็นผมู้ ี ความกตญั ฌกู ตเวที เคารพครูบาอาจารย์ รักการแสวงหาความรู้ เป็นผมู้ ักนอ้ ย สันโดษ วางตนน่าเคารพเล่อื มใส สงเคราะห์ชาวโลกด้วยเมตตา เป็นตน้ ถ) การหมุนธรรมจักรด้วยยุทธศาสตร์ทศิ ๖ ของพระสารบี ตุ ร ภัยอันตรายของพระพุทธศาสนา ไ©๐'อ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org

เช่น รวบรวมลกู หลานจากตระกูลอุปัฏฐากมาบวชสามเณร รวบรวมผมู้ ปี ัญญา „ มาบวช ติดตามแกไ้ ขศษิ ย์ผู้ประมาทแลว้ เป็นต้น จะทำให้หมสู่ งฆ์เกดิ แรงบันดาลใจในการปฏบิ ตั อิ ปริหานิยธรรมฃอ้ ท่ี ๗ ทำให้สมาชกิ ในวัดน้นั ช่วยกันรวบรวมผมู้ ีปญั ญามาบวชเป็นพระภกิ ษุ รวบรวมลูกหลานมาบวช เป็นสามเณร บวชแล้วก็รว่ มทกุ ข์รว่ มสุขตลอดชีวติ เค่ียวเข็ญอบรม จนกวา่ จะบรรลุธรรม หากใครประมาทก็ตามไปแกไ้ ขตักเตือน ทำให้เกดิ เครือข่ายคนดไี ว้คอยปกปอ้ งรกั ษาวัดนัน้ ใหป้ ลอดภยั จากปัญหา ภัยอนั ตรายทีร่ กุ รานเข้ามาในพระพทุ ธศาสนาได้อยา่ งแขง็ แกร่งมน่ั คง ดังนั้น จากการศกึ ษามาตรการฟกิ สมาชกิ องค์กรใหม้ คี วามรบั ผดิ ชอบ ตอ่ พระพุทธศาสนา เพอ่ื ปอ้ งกนั แกไ้ ขปัญหาภัยภายในพระพทุ ธศาสนา มาถงึ ตรงน้ี เราจึงเกดิ ความม่นั ใจไดว้ า่ การทผี่ นู้ ำสงฆ์ในวัดนนั้ ทำตาม มาตรการซ้อที่ ๑ - ๔ไปดว้ ย และทำหนา้ ท่หี มนุ ธรรมจกั รแบบพระสารบี ตุ ร ไปดว้ ย กจ็ ะทำใหส้ มาชิกในวัดน้นั เกดิ แรงปนั ดาลใจในการปฏิบัติ อปริหานยิ ธรรมทงั้ ๗ ประการ ดว้ ยความรับผดิ ชอบต่อองคก์ รและ พระพุทธศาสนาซงึ่ เป็นความรับผิดชอบสว่ นรวม ไปพร้อม ๆ กบั การปฏบิ ัติมรรคมอี งค์ ๘ ซ่ึงเป็นความรบั ผิดชอบสว่ นตวั ผลลพั ธท์ ไี่ ดก้ ค็ ือ สมาชิกในองคก์ รจะเป็นผมู้ คี วามรับผดิ ชอบต่อ พระพทุ ธศาสนาด้วยปัญญาอนั ยอดเยี่ยมตามแบบฉบบั ของพระสารีบตุ ร สามารถป้องกนั ภัยอนั ตรายภายในให้แก'พระพุทธศาสนาได้สำเร็จ พร้อมกับหมนุ ธรรมจกั รของพระบรมศาสดาให้ย่งั ยนื นานตอ่ ไป การตรสั รธู้ รรม ของพระองค์ทีต่ อ้ งใชเ้ วลาสร้างบารมยี าวนานถึง ๒๐ อสงไขย ๑ แสน มหากปั ก็จะไม่สูญเปลา่ ยังคงเปน็ ประโยชนต์ อ่ มนุษย์และเทวดาต่อไป ได้อีกนานแสนนาน สร้างปัญญาเป็นทึม ไ®๐๗ ภัยอนั ตรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

๓. ปัญหาภยั ภายนอกรุกรานพระพทุ ธศาสนา kalyanamitra.org

kalyanamitra.org

๓. ปัญหาภัยภายนอกรุกรานพระพทุ ธศาสนา - แม้วา่ พระสัมมาสม้ พทุ ธเจา้ ทรงประกาศวัตถปุ ระสงคก์ ารเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาไวอ้ ย่างชดั เจนวา่ “ดูกอ่ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย พรหมจรรยน์ ้ี๑ เราประพฤติมใิ ช่เพอ่ื หลอกลวงคน มใิ ช่เพือ่ เรียกรอ้ งให้คนมานับถือ มิใชเ่ พอ่ื ลาภสักการะและ ความสรรเสริญ มใิ ช่เพอ่ื ความเป็นเจ้าลัทธิ มใิ ช่เพ่อื หักลา้ งกับลทั ธิอื่น มิใช่เพอ่ื ให้คนร้จู กั ตัววา่ เป็นอยา่ งนนั้ อย่างน้ที แ่ี ทพ้ รหมจรรย์นี้เราประพฤติ เพอ่ื ความสำรวม เพอ่ื การละกิเลส เพื่อคลายกำหนดั ยินดี เพือ่ ความ ตบั ทุกข’์ '๒ แต่กย็ ังมิวายถกู ปญั หาภัยภายนอกรกุ รานไม่หยดุ หยอ่ น เป็นเหตุ ใหพ้ ระองค์ทรงตอ้ งบันลอื สหี นาทดว้ ยปาฏิหารยิ ์ ๓ คือ•อทิ ธิปาฏหิ ารยิ ์ (แสดงฤทธ) อาเทศนาปาฏิหาริย์ (แสดงการรู้วาระจติ ) อนุสาสนปี าฏหิ าริย์ (แสดงธรรม) เพื่อระงับเหตุร้ายต่าง ๆ อย่หู ลายครั้งหลายหน ปญั หา ภยั ภายนอกจงึ สงบราบคาบลงอยชู่ ่วงหน่งึ แล้วกว็ นกลบั มาใหม่ ในการรกุ รานแต่ละครัง้ นน้ั บางครัง้ กเ็ กดิ จากกลุ่มบุคคลเดิม บางครงั้ ก็เกิดจากกล่มุ บคุ คลใหม่ แตไ่ ม่ว่าจะเป็นการรุกรานจากกลมุ่ บุคคลใด ปญั หาทเ่ี กิดข้ึนนั้นก็ยง้ คงมาจากสาเหตุเดมิ ซงึ่ มีอยู่ ๒ ประการ ได้แก่ ปญั หาความเสื่อมโทรมของลทั ธิภายนอกพระพุทธศาสนา และปัญหา อบายมขุ ครอบงำสังคม โดยมีรายละเอียดทน่ี ่าสนใจศกึ ษาดังนี • องฺ.จตุกก.อ. พรหมจรยิ สูตร (ไทย) ๓๕/๘๐ พรหมจรรย์เในท่ีน้ืหมายเอา มรรคพรหมจรรย์ คืออรยิ มรรคท่ที ำพระนิพพานให้เปน็ อารมณ์ ย่อมดำเนนิ ไปในพระนพิ พาน ๒ อง.ฺ จตกุ ก.พรหมจริยสูตร (ไทย) ๒®/๒๕/๔® ภัยอันตรายของพระพทุ ธศาสนา ไอด๐ สร้างปัญญาเป็นทีม kalyanamitra.org

ฅ.® ปัญหาความเสอื มโทรมของลทั ธินอกพระพทุ ธศาสนา กอ่ นทพ่ี ระพทุ ธศาสนาจะบงั เกดิ ขึ้นในโลกน้ี ลัทธขิ องครทู ้งั ๖ ได้ ครองความยง่ิ ใหญ่ในใจของมหาชนอยกู่ ่อนหน้ามานานหลายสบิ ปแี ลว้ ครูท้ัง ๖ ได้แก่ ปรู ณกสั สปะ มกั ขลโิ คลาล นคิ รนถ์นาฏบุตร สญั ชัยเวลฏั ฐบุตร ปกธุ กจิ จายนะ อชติ เกศกมั พล๑ ปรูณกสั สปะ เป็นนักบวชชเี ปลอื ยทม่ี ีหลกั คำสอนเปน็ อกริ ิยวาท คือ ผลบญุ ผลบาปไม1มี ใครทำช่ัวหรอื ทำดีกไ็ ม'ได้รบั ผลแหง่ การ กระทำนั้น มกั ขลิโคสาล เปน็ นักบวชชีเปลอื ยทม่ี หี ลกั คำสอนเป็น อเหตกุ วาท คือ สงิ ตา่ ง ๆ ไม่มีเหตุ ไม่มปี จั จยั เกิดข้ึนมาลอย ๆ ความสขุ ความทกุ ข์ ตา่ ง ๆ มนั เกดิ ข้ึนมาเองโดยไมม่ ีเหตมุ ผี ลไม่ต้องอาตยั ความเพียรพยายาม อย่างใดทงั้ สนิ ถงึ ความบริสุทธได้ด้วยการเวียนวา่ ยจนครบกำหนด นิครนถน์ าฏบุตร เปน็ นกั บวชชเี ปลือยทม่ี หื ลักคำสอนเปน็ อตั ต กลิ มถานุโยด คือ การทรมานรา่ งกายตนเองเปน็ หนทางแหง่ การพน้ ทกุ ข์ สญั ชยั เวลัฎฐบตุ ร เป็นปริพาชกที่มีหลักคำสอนเปน็ อมราวิกเขปีกวาท คอื มวี าทะด้ินไดไ้ มต่ ายตัว เอาแนเ่ อานอนไมไ่ ด้ เมื่อถกู ถามปัญหาใน เร่อื งน้ัน ๆ จงึ กลา่ ววาจาดน้ิ ได้ไม่ตายตัววา่ ความเหน็ ของเราวา่ อย่างนี้ ก็มใิ ช่ อย่างน้นั ก็มิใช่ อยา่ งอน่ื กม็ ิใช่ ไม่ใช่กม็ ใิ ช่ มิใช่ไม่ใช่ก็มิใช่ * ที.ส.ี สามญั ญผลสูตร (ไทย) ๙/®๕๐-๒๕๓/๔๘-๘๖ สรา้ งปัญญาเป็นทมี 'รเสด ภยั อนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา kalyanamitra.org

ปกุธภัจจายนะ เป็นนกั บวชที่มีหลกั คำสอน ๒ ประการ ไดแ้ ก่ ๑) สัสสตวาท คือ รา่ งกายคนประกอบดว้ ยธาตุ ๗ อย่าง ใครเอาดาบฟัน ใครกไ็ ม่ถือว่าฆ่า เป็นเพยี งแตท่ ำให้เกดิ ชอ่ งว่างในระหวา่ งธาตุท้งั ๗ การฆา่ คนจึงไมบ่ าป ๒) อกริ ิยวาท คอื การทำดที ำชว่ั ไม่มีผล อซิตเกศกมั พล เป็นนักบวชนุ่งหม่ ผา้ ทำจากเส้นผมคน มีหลกั คำสอนเปน็ นัตถิกวาทะ คอื ทกุ อยา่ งขาดสูญ บุญไมม่ ี บาปไมม่ ี ตายแล้วสญู การเวยี นว่ายตายเกิดไม่มี ไม,ต้องบำเพ็ญเพียรใด ๆ เพ่ือความหลดุ พน้ คำสอนของครทู ง้ั ๖ น้นั ประชาชนใหค้ วามนิยมนบั ถือมาตงั้ แต่ กอ่ นพทุ ธกาล เพราะเขา้ ใจผดิ ว่าครูทง้ั ๖ เปน็ พระอรหนั ต์ แตเ่ มอื่ พระพุทธศาสนาบังเกดิ ขน้ึ แลว้ ประชาชนก็คลายความศรทั ธาในลทั ธขิ อง ครทู ้งั ๖ จนกระท่ังเกิดเปน็ ปญั หาวิกฤตขึน้ อย่างนอ้ ย ๕ ประการ ไดแ้ ก่ ๑) สาวกชน้ั ผู้ใหญข่ องครูท้ัง ๖ ทยอยเปลี่ยนไปนับถอื พระพทุ ธ ศาสนา ๒) คำสอนถกู สังคมวจิ ารณ์วา่ ไม่มแี ก่นสารไม่สามารถดับทกุ ข์ ได้จรงิ ๓) ประชาชนเสอ่ื มศรัทธาเปลี่ยนไปนบั ถือพระพุทธศาสนา เปน็ จำนวนมาก ๔) ลาภสักการะลดน้อยลงจนแทบไมพ่ อเลยี้ งสาวกทีเ่ หลอื อยู่ ๕) วัดร้างในลทั ธขิ องครูท้ัง ๖ เพม่ิ มากข้ึนเรือ่ ย ๆ (บางแห่งก็ เปลย่ี นเป็นวัดพุทธ) ภยั อนั ตรายของพระพุทธศาสนา ไ©๑!© สรา้ งปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

การเปล่ียนแปลงทง้ั ๕ ประการน้ี ย่อมมสี าเหตเุ กิดจากคำสอนของ ครูทัง้ ๖ ไมม่ ีแกน่ สาร ไม่อาจดับทกุ ข์ได้จรงิ และมิได้มสี ว่ นใดเก่ยี วข้อง เป็นความผดิ ของพระพุทธศาสนาแม้แตน่ ้อยเลย แต่ทวา่ ครูทงั้ ๖ ไม่ไดค้ ิดแบบน้ัน กลบั มองว่าความเสอ่ื มศร้ทธา เสื่อมเกียรติยศ เสื่อมชื่อเสยี ง เสอื่ มบรวิ าร และเสื่อมลาภสักการะในลทั ธิ ของพวกตนนน้ั เกดิ จากพระพทุ ธศาสนาเปน็ ตน้ เหตสุ ำคัญ เพราะ พระพุทธศาสนาบังเกิดขน้ึ ทีหลัง แต่กลับปลน้ ชิงทุกสิ่งท่ีตนเคย ครอบครองไปจนหมดสนิ้ ถ้าหากโลกน้ี!มม่ ืพระพุทธศาสนาบังเกดิ ข้นึ แลว้ กจ็ ะมแี ตล่ ัทธขิ องตนเท่าน้นั ท่ีครองความยิ่งใหญ่ได้อีกนานแสนนาน เพราะฉะนัน้ เมอ่ื ครูทั้ง ๖ มองปญั หาดว้ ยความหลงผิดกลา่ วโทษ พระพุทธศาสนาเชน่ นี้ การโค่นล้มพระพทุ ธศาสนาให้หมดสน้ิ ไป จงึ เป็น ทางเดียวเท่านัน้ ทีจ่ ะนำความย่งิ ใหญข่ องลัทธิทง้ั ๖ กลบั คืน)มาได้อีกคร้งั นับตง้ั แต่น้ันมาการโจมตพี ระพุทธศาสนาในทุกรูปแบบจงึ เกดิ ขนึ้ เปน็ ระยะ ๆ ไมข่ าดสาย โดยสรุปก็คอื ปญั หาภยั ภายนอกทร่ี กุ ราน พระพทุ ธศาสนาในยคุ พุทธกาล จึงเกดิ ขน้ึ มาจากความหลงผิดของครู ทง้ั ๖ และผูห้ ลงผดิ ทั้งหลายนั่นเอง ถ.๒ ปัญหาอบายมุขครอบงำสังคม อบายมขุ แปลว่า ทางแหง่ ความเสื่อม (ฉิบหาย), เหตุแหง่ ความพินาศ สรา้ งปญั ญาเป็นทีม ไ©๓๓ ภยั อันตรายของพระพทุ ธศาสนา kalyanamitra.org

ความร้ายกาจของอบายมขุ น้น รุนแรงถงึ ขนทำลายศึลธรรมอัน ดีงามในสงั คมให้ลม่ สลายไดท้ ้ังหมดเลยทเี ดยี ว ในพระพุทธศาสนาแบง่ อบายมขุ ออกเปน็ ๒ หมวด คือ อบายมุข ๔ ได้แก่ ๑. เปน็ นักเลงหญิง ๒. เปน็ นกั เลงสุรา ๓. เป็นนกั เลงเล่นการพนัน ๔. คบคนชัว่ เปน็ มติ ร อบายมุข ๖ ได้แก่ ๑. ดม่ื น้ําเมา ๒. เที่ยวกลางคืน ๓. เทยี่ วดู การละเล่น ๔. เลน่ การพนัน ๕. คบคนชว่ั เป็นมิตร ๖. เกยี จคร้านการงาน ผู้ท่ีมีอาชีพคา้ ขายอบายมขุ น้ัน จดั เปน็ มิจฉาทฐิ ิบคุ คล เพราะ หาเลีย้ งชีพดว้ ยการมอมเมาทำลายชีวติ ของผ้อู ่นื ใหต้ ายท้งั เป็น อย่างไร้ความเมตตาปรานี เพอื่ แลกกบั การท่ตี วั เองมีฐานะรํา่ รวยด้วย ทรพั ยส์ ินเงินทอง จัดเปน็ ธุรกจิ บาปทสี่ ร้างตัวสร้างฐานะขึ้นมาจาก ความฉิบหายของประชาชนในสังคม สงั คมใดก็ตามยงิ่ มีคนติดอบายมขุ เพ่มิ ขึ้นมากเท่าไร ย่ิงมีคนทำ ธุรกิจอบายมุขมากเท่าไร สงั คมน้ันย่งิ มแี ต่ความฉิบหายเพม่ิ ขนึ้ มาก เทา่ นน้ั ทั้งนี้เพราะการมอมเมาคน ๆ หน่ึงใหต้ ดิ อบายมุขน้นั มิใช่แค่ ทำลายทรพ้ ยส์ นิ เงนิ ทองและสขุ ภาพของเขาเทา่ นน้ั แต่ไดท้ ำลายปญั ญา ทำลายความดี ทำลายชื่อเสียง ทำลายหนา้ ทีก่ ารงาน ทำลายครอบครัว ทำลายเพอ่ื นฝูง ทำลายวงคต์ ระกลู ของเขาด้วย และทีร่ ้ายแรงทส่ี ดุ กค็ อื ทำลายการบรรลมุ รรคผลนิพพาน ภัยอันตรายของพระพุทธศาสนา ๓1© (T สรา้ งปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org

ยกตวั อย่างเชน่ กรณขี องมหาเศรษฐีสองสามีภรรยา๑ ผมู้ ีบุญมาก ๘ พอจะได้เป็นพระอรหนั ต์ต้ังแต่วยั หนมุ่ สาว แต่สดุ ทา้ ยบั้นปลายชวี ติ กลับ เป็นได้แค่ขอทานชราเดินรอ่ นเรข่ อเศษอาหารปะทงั ชีวิตไปวัน ๆ เร่ืองมีอยวู่ า่ กอ่ นยคุ พุทธกาลหลายสิบปื ในกรงุ พาราณสี แควน้ กาลี มมี หาเศรษฐสี องตระกูลเป็นสหายรกั กัน ฝ่ายหนึง่ มบี ุตรชาย ฝายหนึ่งมบี ุตรสาว พวกเขาต้องการเกี่ยวดองเป็นทองแผน่ เดยี วกัน จึงได้ใหบ้ ุตรชายและบุตรสาวของพวกเขาแต่งงานกนั เศรษฐที ้งั สองตระกลู น้ี เลย้ี งลูกให้รูจ้ กั แต่ความสขุ สบาย หัดให้ รอ้ งรำทำเพลง ดกู ารละเลน่ ไมเ่ คยหดั ให้ทำการงานใด ๆ เมือ่ สองสามี ภรรยามาแต่งงานกนั แลว้ ก็ใช้เงินในทางที่ผดิ อยา่ งเดยี ว แตท่ ำงานหาเงนิ ไม่เปน็ วันเวลาผา่ นไป มหาเศรษฐีทั้งสองตระกลู ไดถ้ ึงแกก่ รรม สมบตั ิ ทั้งหมดของบิดามารดาจงึ ตกเปน็ ของสองสามีภรรยา ฝา่ ยสามไี ดม้ รดก เปน็ ทรัพย์สมบตั ิ ๘๐ โกฏิ ฝ่ายภรรยากไ็ ด้มรดกเป็นทรพั ยส์ มบัติ ๘๐ โกฏเิ ช่นกนั ซ่ึงเท่ากับว่าพวกเขามที รัพยส์ มบัตริ วมกนั ท้ังหมด ๑๖๐ โกฏิ เกบ็ ไวในบา้ นหลังเดี ยวกัน ชีวิตหลังรับมรดกของสามีภรรยานับว่าสุขสบายยง่ิ กว่าก่อนมาก อกี ทง้ั เศรษฐบี ุตร (ฝ่ายสาม)ี ก็ยงั เป็นท่ีโปรดปรานของพระราชา ไดร้ ับ อนญุ าตให้เขา้ เฝัาถงึ วันละสามคร้งั ทำใหม้ ีชอ่ื เสียงเป็นที่รจู้ ักของ ประชาชนทั่วเมือง ๑ ช.ุ ธ.อ.เรอื่ งบดุ รเศรษฐีมที รพั ย์มาก (ไทย) ๔๒/๑๘๑-๑๘๕ สร้างปญั ญาเปน็ ทีม ไ©0)๕ ภยั อันตรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

ในเวลานั้น มุมถนนแห่งหนึ่งในเมอื งพาราณสี เปน็ ท่รี วมกล่มุ ของ . พวกนกั เลง พวกเขาเหน็ เศรษฐีบุตรไปเข้าเฝืาพระราชาทกุ วนั จึงสมคบ คิดกันว่า “ถา้ หากพวกเราชกั ชวนเคร^บตุ รให้เปน็ นกั เลงสุราไดค้ วามสุข สบายก็จะมีแก่พวกเราไปตลอดชีวติ ” จากนัน้ พวกนักเลงกเ็ ร่มิ ทำการ ตีสนทิ กับเศรษฐีบุตรดว้ ยการเตรยี มกลับแกลม้ อยา่ งดี แล้วชักชวน เศรษฐีบุตรดม่ื สรุ าในเวลากลบั จากการเขา้ เฝ็าพระราชา เศรษฐีบุตรไม่เคยดื่มสรุ ามากอ่ น เมือ่ ปรกึ ษาคนรับใช้ก็ไดร้ ับ คำแนะนำวา่ “ใคร ๆ ในเมืองน้กี ด็ ่มื สรุ ากนั ทง้ั นัน้ ” เขาจึงดมื่ สุราบ้าง และ ชกั ชวนพวกนักเลงไปต้งั วงสุราดื่มกนิ ท่บี า้ นของตน วนั เวลาผ่านไป วงสรุ าของเศรษฐบี ตุ รกใ็ หญข่ น้ึ เรื่อย ๆ เพื่อนฝูง บรวิ ารท่เี ป็นนกั เลงสุรากล็ ้อมหนา้ ลอ้ มหลัง และปกั หลักอาลยั ด่มื กนิ อยู่ ในบ้านของเขา ย่ิงมีเพอื่ นฝูงบริวารมาร่วมดืม่ กินมากขึ้นเท่าไร เศรษฐบี ุตรกย็ ิง่ ใช้ เงินมือเติบมากขึ้นเทา่ น้ันในทส่ี ดุ เขาใช้จ่ายสุรุ่ยสุรา่ ยจนทรัพยส์ ินมรดก ท้ัง ๘๐ โกฏิ หมดสินไปกบั อบายมขุ เมอ่ื เขาทราบว่าทรพั ยส์ มบัติของตนหมดสินลงแล้ว กม็ ไิ ด้ เดอื ดรอ้ นใจ กลบั เป็นหว่ งว่าเพื่อนฝงู ยงั ดืม่ กนิ กันไม่จุใจ จึงลังให้คนรับใช้[ป นำทรัพย์สินมรดกในสว่ นของภรรยามาจบั จา่ ยใช้สอยช้ือสรุ าอาหารเลี้ยง เพือ่ นฝูงใหด้ ่มื กนิ อยา่ งเต็มที่ ท้ังจ้างวงดนตรมี าบรรเลง จ้างนกั แสดงมา ประโคมขบั รอ้ ง จา้ งหญงิ งามเมืองมารว่ มดืม่ กิน ชอื้ ดอกไมม้ าโปรยปราย ภยั อนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา ไอ๑ไอ สรา้ งปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

สรา้ งบรรยากาศรมุ่ รวยสำเริงสำราญในการดมื่ กินอบายมขุ อยเู่ ป็นประจำ เม่อื เขาใช้ทรัพย์สมบตั ิของภรรยาให้ละลายไปกบั การดมื่ กินอย่าง ฟม่ เฟือยอยเู่ ปน็ ประจำ ในทสี่ ุดทรพั ยส์ นิ มรดกของภรรยาทง้ั ๘๐ โกฏิ ก็หมดสินลงเพราะอบายมุข แต่ทวา่ แมว้ ่าเขาได้ล้างผลาญทรพั ย์สมบตั ิของตระกลู จนหมดสิน ไป ๑๖๐ โกฏิ แล้ว เขาก็ยังไมส่ ำนกึ เสยี ใจ กลบั ทยอยขายทรัพย์สินอ่ืน ๆ ทม่ี ีอยเู่ พอ่ื ดมื่ กนิ อบายมุขตอ่ ไป จนในทส่ี ุด เม่ือเขาแกต่ วั ลง มีหนีส้ ิน รฝงุ ารเังรอื Zเขา)ก็ตง้อคงขา^ยบา้ นของตวั เอง พาภรรยาไปอาศยั นอนตามชายคา เชา้ วันหนึง่ พระบรมศาสดาทอดพระเนตรเห็นขอทานชราคนหนึ่ง พาภรรยามาเท่ยี วขอทาน ยืนขอเศษอาหารที่ช้มุ ประตูโรงฉนั กท็ รงแย้ม พระโอษฐ์ พระอานนท์ผูเ้ ป็นพทุ ธอปุ ฏั ฐากจงึ ทลู ถามถึงเหตุแห่งการ แย้มพระโอษฐ์ พระศาสดาจงึ ตรัสบอกเหตุแห่งการแยม้ พระโอษฐ์ว่า ’‘อานนท์ เธอจงดบู ตุ รเศรษฐีผมู้ ที รัพยม์ ากผู้น้ี ผลาญทรพั ย์เสีย ร)๖๐ โกฏิ พาภรรยาเทย่ี วขอทานอยู่ในนครนี้ ถา้ บุตรเศรษฐไี มผ่ ลาญ ทรัพย์ใหห้ มดลิน ตงั้ ใจประกอบการงานในปฐมวยั เขาจะได้เปน็ เศรษฐี ชน้ั เลิศในนครน้ีแล และถ้าออกบวชก็จะบรรลุอรหัตผล แม้ภรรยาของเขา ก็โ^ สร้างปญั ญาเปน็ ทีม ไ©๑๗ ภัยอนั ตรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

“ถ้าไมผ่ ลาญทรพั ย์ใหห้ มดไป ตัง้ ใจประกอบการงานในมัชฌิมวยั ก็จะไดเ้ ปน็ เศรษฐีช้นั ที่ ๒ ถา้ ออกบวชกจ็ ะไดบ้ รรลุอนาคามิผล แมภ้ รรยา ของเขากจ็ ะดำรงอย่ใู นสกทาคามผิ ล “ถา้ ไมผ่ ลาญทรพั ยใ์ ห้ส้ินไป ตงั้ ใจประกอบการงานในปจั ฉมิ วยั จะได้เป็นเศรษฐีช้นั ท่ี ๓ แมอ้ อกบวชก็จะได้บรรลุสกทาคามิผล แมภ้ รรยา ของเขากจ็ ักดำรงอยูในโสดาปัตตผิ ล “แต่เด๋ยี วน้ีบตุ รเศรษฐนี ั้นทงั้ เสื่อมแล้วจากโภคะของคฤหสั ถ์ ท้ังเสอ่ื มแลว้ จากสามัญผล ครัน้ เส่ือมแลว้ จึงเปน็ เหมือนนกกะเรียนแก่ ยนื ชบเชาอยูใ่ นเปอี กตมแห้งท่หี มดปลาแลว้ ฉะนั้น’’ จากกรณขี องสองสามภี รรยามหาเศรษฐี ๑๖๐ โกฏิ ทีบ่ ุญบารมี จะไดเ้ ป็นพระอรหนั ตต์ อ้ งสญู เปลา่ เพราะชีวิตมาพังเพราะอบายมขุ กอ่ น จะไดท้ นั พบกบั พระบรมศาสดาน้ี ได้สะทอ้ นให้เห็นวา่ ๑) การท่ีสงั คมใดปล่อยให้อบายมุขระบาดอยา่ งหนกั ประชาชน สามารถเสพอบายมุขได้อยา่ งเสรี พ่อค้าทำธุรกิจบาปได้อย่างเสรี พอ่ แม่ ญาติพน่ี อ้ งเพ่อื นฝูงมอมเมาอบายมุขแก่บุตรหลานไดอ้ ย่างเสรี ย่อมกลาย เป็นสงั คมท่มี คี ่านยิ มผิด ๆ เพราะวนิ จิ ฉยั ของผคู้ นในสังคมนั้นได้ถกู อบายมขุ มอมเมาจนกลายเป็นมจิ ฉาทิฐิ ขาดความเปน็ มติ รแท้ตอ่ กนั ไมส่ ามารถแยกแยะตัดสนิ ได้วา่ ส่ิงใดถูก-ผิด สง่ิ ใดดี-ชัว่ ส่งิ ใดบญุ -บาป สิ่งใดเปน็ คณุ -เป็นโทษ สง่ิ ใดควรทำ-ไม่ควรทำ ภยั อันตรายของพระพทุ ธศาสนา Gไ©๑ สร้างปัญญาเป็นทมี kalyanamitra.org

๒) สงั คมทปี่ ล่อยใหอ้ บายมขุ ระบาด จนประชาชนมวี ินจิ ฉยั เป็น มิจฉาทฐิ เิ ชน่ นี้ ย่อมกลายเป็นสงั คมแห่งการทำชว่ั สรา้ งบาปไดอ้ ยา่ งเล่รื คนดี ๆ ทีม่ ีใจใสซอื่ ไมร่ ทู้ ันเลห่ ์เหลย่ี มของคนพาล ยอ่ มตกเปน็ เหยอื่ คนชว่ั ท่ีมาปอกลอกทรัพยจ์ นหมดเนอื้ หมดตัวได้งา่ ย ยอ่ มเป็นอุปสรรค ต่อการชวนคนทำความดีของทกุ ศาสนา ๓) ศาสนาทุกศาสนาย่อมมอิ าจต้งั อยู่ได้ในสังคมทแี่ ข่งขนั กนั ทำ ธรุ กิจบาปได้อย่างเสรี เพราะคนที่คลุกคลีอยู่กับวงการธรุ กิจอบายมขุ สว่ นใหญ่ไมม่ ศี าสนา ไมร่ ถู้ ูกผิดดีชว่ั ไมร่ บู้ ญุ บาป รจู้ กั แตเ่ ร่อื งมอมเมาลกู คา้ เพ่อื ปอกลอกหาผลประโยชน์ รู้จกั แตผ่ ลกำไรของธรุ กิจบาปเพียงอย่าง เดยี ว จัดเป็นมิจฉาทฐิ บิ ุคคลที่เปน็ อันตรายร้ายแรงตอ่ สังคมอยา่ งยิง่ เพราะมีกำลงั ทรัพยม์ าก มีกำลงั พวกพอ้ งบรวิ ารมาก ทำให้สามารถโฆษณา มอมเมาประชาชนใหเ้ หน็ ผิดเป็นชอบไดม้ ากกว่าธุรกจิ อื่น ๆ โดยไม่สนใจ ว่าชีวติ ใครจะพังพินาศขนาดไหน เพราะสนใจแต่การเพิม่ พนู ความรํา่ รวย ย่งิ ใหญ่อยา่ งยง่ั ยนื ในธุรกิจบาปของตน ๔) การทพี่ ระพทุ ธศาสนาบงั เกดิ ขึน้ ในโลกน้ี พระบรมศาสดา พระอสีตมิ หาสาวก พระสงฆ์สาวกทุกรูป ชว่ ยกนั เผยแผ่พระพทุ ธศาสนา จนกระทง่ั ประชาชนทน้ มาเลกิ อบายมุขเพิม่ มากขน้ึ เรื่อย ๆ ย่อมกระทบ กระเทอื นตอ่ ผลประโยชน์ของผู้ทำธุรกจิ บาปโดยตรง คนบาปกลมุ่ น้ืจึง ไมอ่ ย่นู งิ่ เฉย เพราะมองวา่ พระพทุ ธศาสนาคือผ้ทู ำลายธุรกิจบาปของ พวกตน ย่ิงปลอ่ ยให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากเทา่ ไร ผลกำไร ในธุรกิจบาปของพวกตนย่ิงพังพินาศมากเทา่ นน้ั จึงต้องหาทางหยดุ ย้งั การเผยแผห่ รือทำลายพระพทุ ธศาสนาใหจ้ งได้ สรา้ งปัญญาเปน็ ทีม ไอ ๑ (X ภยั อนั ตรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

๕) ปัญหาอบายมุขครอบงำสงั คม ปญั หาอบายมุขรกุ ราน พระพทุ ธศาสนา เป็นสงิ่ มมี านานแล้วตั้งแตใ่ นสมัยพทุ ธกาล ซึง่ ถ้าหาก พระบรมศาสดาทรงมิได้มีเครือขา่ ยคนดีครอบคลมุ ไปถึงลูกศึษยท์ ีอ่ ยใู่ น ฝ่ายกฎหมายบา้ นเมืองของผนู้ ำประเทศในหลาย ๆ แคว้นแล้ว การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาท่ามกลางบ้านเมอื งที่เต็มไปด้วยอบายมุข ย่อมจะตอ้ ง เตม็ ไปดว้ ยอุปสรรคทเ่ี กดิ จากคนบาปขวางทางการเผยแผ่อยา่ งมากมาย และคงจะมากกวา่ ทเ่ี ราอ่านเจอในพระไตรปิฎกตอนนี้อยา่ งแนน่ อน ดงั น้ัน เมอ่ื เราศึกษามาถึงตรงน้ี จงึ ได้ขอ้ สรปุ ว่า เครอื ข่ายอบายมขุ ยง่ิ โตมากเทา่ ไร พระพทุ ธศาสนายง่ิ ตกอยู่ในอนั ตรายมากเท่านั้น เพราะ อบายมขุ มใิ ชเ่ พยี งแค,ทำลายชวี ิตและทรัพย์สนิ ของผ้ตู กเปน็ ทาส เทา่ น้นั แต่ยงั ทำลายการบรรลมุ รรคผลนพิ พานของผ้มู บี ุญบารมสี ่งั สมไว้ ดีแล้วอกี ดว้ ย การปอ้ งกันภัยภายนอกพระพทุ ธศาสนาอย่างย่ังยนื จงึ ตอ้ งสรา้ งเครือข่ายพระพทุ ธศาสนาใหย้ ง่ิ โตใหญ่กวา่ เครือขา่ ยอบายมขุ น่นั เอง ภยั อนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา ไรวไ© O สรา้ งปัญญาเป็นทีม kalyanamitra.org

การหมนุ ธรรมจักรดว้ ยกิจวตั รของพระสารบี ุตร เชน่ กวาดสถานท่ที ่ยี ังไม่ไดก้ วาด ทงิ้ ขยะทยี่ งั ไมไ่ ด้ท้งิ ฯลฯ จะทำให้หมู่สงฆ์เกิดแรงบันดาลใจ ทำใหส้ มาชิกในวดั นั้นเกดิ นิสัยเจ้าปญั ญา ในการดแู ลสมบัตสิ งฆ์ ปญั ญาดูแลสมาชกิ องคก์ ร ปญั ญาดูแลกองเสบยี งเลย้ี งพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

วธิ ีปอ้ งกันแกไขภัยภายนอกรกุ รานพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

แ^^^^^รพ^^ *• A ■ p lH kalyanamitra.org

kalyanamitra.org

๔. วธิ ีปอ้ งกันแกไขภัยภายนอกรุกรานพระพทุ ธ ศาสนา ตามปกติแล้ว ธรรมชาตกิ ารอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมของผู้มีกิเลสหนา ปัญญาหยาบนัน้ มกั คิดในทำนองจอ้ งเบยี ดเบยี นกนั เหมือนปลาใหญจ่ อ้ ง กินปลาเลก็ ผเู้ ขม้ แขง็ ชนะผ้อู ่อนแอ คนโง่เปน็ เหยือ่ คนฉลาด ผลลพั ธ์ ของการดำเนินชวี ิตในสงั คมกิเลสหนาแบบน้ีจงึ มี ๓ ประการ นน่ั คือ ๑) ถา้ ตัวเล็กกว่า เขากข็ ม่ เหงรงั แก ๒) ถา้ ตัวเทา่ กัน เขาก็ท้าประลอง ๓) ถา้ ตวั ใหญ่กว่า เขาก็ใหค้ วามยำเกรง พระบรมศาสดาทรงเข้าใจถงึ ปัญหาของสังคมมนุษยท์ ่คี ้นุ กับ การเบียดเบยี นกันด้วยกิเลสนเี้ ป็นอย่างดี และทรงทราบดวี า่ การทส่ี าวกของ พระองคจ์ ะทำงานเผยแผ่ออกไปได้อย่างกวา้ งไกล รวดเรว็ หยง่ั ลกึ ลง ในใจอยา่ งมัน่ คง และเปน็ ทยี่ อมรับของประชาชนนน้ั ตอ้ งทำด้วย ความสงบเสงีย่ ม สงา่ งาม โดยยดึ หลักการ ๕ ประการ คอื ๑) ต้องไม่ขัดแย้งรุนแรงกับศาสนาอื่น ๒) ตอ้ งไม่ก่อความหวาดระแวงใหแ้ กฝ่ า่ ยบา้ นเมอื ง ถ) ต้องไม่กอ่ ความเป็นด้ตรกู ับประชาชน ๔) ตอ้ งเป็นมติ รแท้ผใู้ ห้ความร้ใู นการดบั ทกุ ข์ ๔) ต้องเปน็ กลั ยาณมิตรผสู้ รา้ งสนั ติสุขให้แก่สังคม ภยั อันตรายของพระพทุ ธศาสนา ไ©ไ©(i สร้างปัญญาเป็นทมี kalyanamitra.org

พระสัมมาสัมพทุ ธเจ้าทรงมีพระปัญญาลกึ ซ้งึ ละเอียดรอบคอบ ทรงตระหนักถึงบรรยากาศอันสงบเยน็ ในการเผยแผ่ ทรงระมัดระวังมิให้ เกิดแรงต่อต้านจากสงั คม ทรงประสงคใ์ หด้ ำเนนิ การเผยแผด่ ว้ ยวธิ กี าร ที่เป็นมติ ร มใิ ช่รุกรานสรา้ งศัตรู ด้วยเหตุน้ี พระองคจ์ ึงทรงวางมาตรการป้องกันแก้ไขภัยภายนอก รุกรานพระพทุ ธศาสนาไว้ต้ังแตว่ ันแรกท่สี ง่ สาวกออกไปประกาศศาสนา ซงึ่ พอสรุปเป็นแนวทางการทำงานไดโ้ ดยยอ่ ด้งนี้ ๔.๑ ทรงสั่งให้สาวกใช้วธิ เี ผยแผด่ ว้ ยความสงบเยน็ โดยถอื ปฏบิ ัตติ ามหลักโอวาทปาฏึโมกข์ วิธกี ารเผยแผ่พระพุทธศาสนาท่ีพระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ ทุก ๆ พระองค์ทรงปฏิบัตเิ ปน็ ประเพณสี ืบทอดต่อ ๆ กนั มา มหี ลกั ปฏิบตั ิ ๖ ประการ ไดแ้ ก่ (๑) ไม่ว่ารา้ ยใคร (๒) ไม่เบยี ดเบยี นทำร้ายใคร (๓) สำรวมระวงั ในศีลอย่างดีเยีย่ ม (๔) รูป้ ระมาณในการบริโภค (๕) เสอื กอยู่อาศยั ในสถานท่ีอนั สงบ (๖) หมั่นเจริญภาวนาเป็นกจิ วัตร ๔.๒ ทรงเผยแผเ่ ชง้ รกุ ด้วยการหมนุ ธรรมจกั รไมม่ ีหยดุ การเผยแผเ่ ชิงรุกนนั้ พระบรมศาสดาทรงใชห้ ลักการวา่ ประชาชน เป็นทกุ ขเ์ ดือดร้อนด้วยเร่ืองใดกใ็ หธ้ รรมะที่แก้ไขตรงกบั เร่อื งนั้น โดยเฉพาะ โดยในการเลือกหวั ขอ้ ธรรมะและวิธแี สดงธรรมนน้ั จะตอ้ ง ดคู วามเหมาะสมกบั เวลา สถานที่ เหตกุ ารณ์ สตปิ ัญญา และอธั ยาศยั ของแตล่ ะบุคคลเป็นสำคัญ สรา้ งปัญญาเปน็ ทมี โ©โ©(รโ ภยั อันดรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

ยกตวั อยา่ งเช่น ทุกขเ์ รอ่ื งชีวติ กส็ อนการใช้ชวี ติ ที่ถกู ทกุ ขเ์ รื่อง การเงนิ กส็ อนการใชเ้ งนิ ทุกขเ์ ร่ืองการเล้ียงชพี กส็ อนวธิ ีการสร้างตัวสรา้ งฐานะ โดยไม่กอ่ เวร ทุกขเ์ ร่ืองอุปสรรคในชวี ติ กส็ อนใหท้ ำทาน รักษาศลี เจริญ ภาวนา ทกุ ขเ์ รอื่ งครอบครวั ญาตพิ ่นี ้องกส็ อนใหป้ ฏบิ ตั ิหนา้ ท่ปี ระจำทิศ ๖ ทกุ ข์เรื่องส่งิ แวดลอ้ มไม'เป็นปฏริ ปู เทส ๔ กส็ อนให้ชักชวนผอู้ นื่ ให้ ทำความดรี ่วมกนั เป็นทมี เปน็ ตน้ ผลที่ไดจ้ ากการเผยแผเ่ ชงิ รุกไมม่ หี ยุดดว้ ยการปฏิบตั ิตามโอวาท ปาฏิโมกขแ์ ละแสดงธรรมด้วยความสงบเยน็ ก็คือ (๑) กิจวตั รการปฏบิ ัติ มรรคมอี งค์ ๘ ในชวี ติ ประจำวนั ได้รบั ความนยิ มแพร่หลาย และคำสอน ของพระบรมศาสดาขจรขจายออกไปอย่างรวดเรว็ (๒) เครือข่ายทศิ ๖ ของพระพทุ ธศาสนาขยายฐานเติบโตไม่มีหยดุ ทำให้เครือข่ายอบายมุข เจาะทำลายพระพุทธศาสนาไม่ได้ (๓) มผี บู้ รรลุธรรมตามคำสอนของ พระองคเ์ ปน็ จำนวนมาก (๔) สาวกชนั้ หลงั ของพระองค์สามารถสอนให้ ประชาชนบรรลุธรรมอย่างเปน็ ระบบครัง้ ละจำนวนมาก ๆ ได้ (๕) หากมีผู้ จาบจ้วงพระพุทธศาสนา สาวกช้ันหลังกช็ ว่ ยกันระงบั เหตรุ า้ ยต่าง ๆ แทน พระองค์ได้ ๔.ฅ ทรงปอ้ งกันปญั หากระทบกระท่ังดว้ ยการผกู มิตรกับคนดี เม่อื การเผยแผ'พระธรรมคำสอนไปถงึ แห้งหนตำบลใด หากพระองคท์ รงทราบว่าในยา่ นนน้ั มคี นดอี าศัยอยู่ ก็จะทรงเป็นฝา่ ย เขา้ ไปพดู คุยผูกมิตรทำความรูจ้ กั กับเขากอ่ น ตามหลกั การผูกมติ รท่วี ่า “แสวงจุดร่วม สมานจดุ ตา่ ง สรา้ งเครือข่ายคนด”ี ภัยอันตรายของพระพทุ ธศาสนา ไ©ไ©ไอ สรา้ งปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

โดยในขณะท่ีพระองค์ทรงสนทนาพดู คยุ นัน้ ก็จะไมท่ รงมุ่งสร้าง ๘ ประเดน็ ทีก่ ่อใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ กนั แต่มงุ่ แสดงจดุ ยนื ว่ามาเพ่อื เยย่ี ม เยอื นอยา่ งมิตรมไิ ด้มาอย่างตัตรู แตห่ ากอีกฝา่ ยตอ้ งการขัดแย้งด้วย พระองค์กจ็ ะทำใหเ้ ป็นบรรยากาศของการแลกเปล่ียนความคิดเห็น ขน้ึ กอ่ น เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเป็นกลางระหว่างมิตรกับมติ ร หากประเด็นใด ทหี่ ลกั การลงกันได้ พระองคก์ จ็ ะทรงขยายความเร่อื งนั้นให้ลกึ ซ้งึ แตห่ าก ประเด็นใดทม่ี คี วามคดิ เห็นแตกต่าง พระองค์ก็จะทรงนำเสนอใน,มมุ มอง ท่เี ปน็ กลาง ใหเ้ หตุใหผ้ ลที่เปน็ กลาง ยกตวั อยา่ งท่เี ป็นกลาง โดยไมก่ ระทบ กระเทือนให้ใครฝายหนึง่ ฝายใดเสยึ หน้า เชน่ การสนทนาธรรมกบั โปฏฐปาทปรพิ าชก๑ เปน็ ต้น ผลท่ีได้ก็คอื (๑) กลมุ่ หนึง่ บรรลุธรรมหลงั จบพระธรรมเทศนา (๒) กลมุ่ หน่งึ มศี รทั ธาเลือ่ มใสในพระพุทธศาสนา (๓) กล่มุ หน่ึงมที ่าที เป็นมิตรกับพระพทุ ธศาสนา (๔) กลุ่มหนง่ึ ใหค้ วามค้มุ ครองปอ้ งกนั อันตรายในขณะเดนิ ทางไกล ทำให้การเดนิ ทางประกาศศาสนาในตา่ งแดน สะดวกย่ิงขนึ้ ๔.๔ ทรงแกไขปญั หาการถกู รุกรานดว้ ยการไมย่ อมกอ่ เวร แม้พระบรมศาสดาจะทรงกำชับใหย้ ดึ หลักปฏิบตั ิในโอวาท ปาฏิโมกข์แล้วก็ตาม แต่กย็ งั มวิ ายมเี หตุร้ายเกิดขนึ้ กบั พระพุทธศาสนา ในคราวท่มี เี หตุร้ายเกิดขน้ึ พระองคก์ ็ทรงกำชบั มิใหช้ าวพุทธต่นื ตระหนก จากน้นั ก็ทรงใชก้ ารแสดงธรรมท่ีเหมาะสมระงบั ปญั หานนั้ ๆ ให้จบลงไป ท.สี.โปฎฐปาทสูตร (โทย) ๙/๔๐๖-๔๔๒/๑๗๕-๑๙๖ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม พ)๗ ภัยอนั ตรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

สำหรบั ผทู้ เ่ี ข้ามารกุ รานพระพทุ ธศาสนานนั้ จะขอยกตัวอย่างมา ๖ กลุ่ม พอเป็นสังเขปดังน้ี กลมุ่ ที่ ๑ คนมีการศึกษาสูงรุกรานดว้ ยการโต้วาทะ คนกล่มุ นโ้ี ดยมากเปน็ ผู้ท่ีมกี ารศึกษาสงู และเกิดในตระกูลสงู จงึ มกั ถอื ดวี ่าตนเหนือกว่าผอู้ น่ื ชอบตระเวนโตว้ าทะกับคนเก่งในยคุ นัน้ ครน้ั ได้รบ้ ชยั ชนะเสมอมาจนกระทงั่ หาใครโต้วาทะด้วยไมไ่ ด้แลว้ จะเหลือ กแ็ ตพ่ ระบรมศาสดาเพยี งผู้เดยี ว ที่ยงั ไมเ่ คยโต้วาทะดว้ ย คนกล่มุ นีจ้ งึ มกั หมนุ เวยี นเปล่ยี นหน้ามาทา้ ประลองปญั ญากบั พระองคอ์ ยเู่ ป็นประจำ การระงับปญั หารุกรานจากคนกลุ่มน้ี พระองค์ทรงใช้วิธีเทศนา ดักใจคนด้วยการถามกลับให้เขาคดิ เมอ่ื เขาอับจนความคดิ ทจ่ี ะโต้แยง้ กลับคืน จนเปน็ ฝ่ายนัง่ จอํ งหาชอ่ งโตแ้ ย้งตะแบงตอ่ ไปไม่ได้อีกแล้ว พระองคจ์ ึงทรงเปลี่ยนมาใชว้ ิธีเทศนาอธิบายหกั ลา้ งด้วยเหตุผล ทำให้เขา เกดิ ความเข้าใจทถี่ กู ต้องตามมา เมื่อการประลองปญั ญาสินสุดลง พวกที่พ่ายแพ,้ แล้วยอมรับวา่ พ่ายแพ้ ก็จะขอฝากตวั เป็นลกู ศษิ ย์ สว่ นพวกที่พ่ายแพ้แลว้ แต่ไม่เตม็ ใจ ยอมรับว่าตนพ่ายแพ้ พระองคก์ ท็ รงปลอ่ ยเขาไป ไมท่ รงรกุ รานกอ่ เวร ดว้ ย เชน่ อมั พัฏฐมานพ๑ สจั จกนคิ รนถ๒์ เป็นต้น ท.ี สี.อัมพัฎฐสตู ร (ไทย) ๙/๒๕๔-๒๙๙/๘๗-๑®๐ ม.ม.ู มหาสจั จกสูตร (ไทย) ๑๒/๓๖๔-๓๘๙/๔๐®-๔๒๐ ภยั อนั ตรายขธงพระพุทธศาสนา Gไอไอ สร้างปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

กลมุ่ ที่ ๒ คนอนั ธพาลรุกรานดว้ ยการใชกั ำลังทำร้าย คนกล่มุ นเ้ี มื่อรู้ตวั วา่ ใชเ้ หตผุ ลสู[มไ่ ด้ก็จะใช้กำลงั เข้าเบยี ดเบยี น ผู้อ่นื ทันที มดี ว้ ยกัน ๔ ประ๓ท ได้แก่ ๑) มนุษยธ์ รรมดาทใ่ี ช้กำลงั เขา้ ทุบตที ำร้าย เช่น โจรผรู้ า้ ย นายพรานดรุ า้ ย นกั บวชพาล นกั เลง เป็นตน้ ๒) อมนษุ ยท์ ม่ี ีฤทธมาก เช่น ยักษ์ พญานาค เทวดา ภตู ผปี ศี าจ เป็นดน้ ๓) สัตว์เดรจั ฉานทดี่ รุ า้ ย เชน่ ช้าง เสือ สุนขั ลา่ เนอ้ื เปน็ ตน้ ๔) พญามาร และเสนามารทีต่ ิดตามรังควาญพระบรมศาสดาต้ังแต่ยงั ไมต่ รสั ร้ธู รรม ในกรณขี องมนษุ ยธ์ รรมดาท่เี ปน็ โจรผรู้ า้ ยหรอื เปน็ คนอนั ธพาล ดรุ ้าย พระองคก์ จ็ ะทรงใช้อิทธิปาฏิหารยิ ท์ รมานจนสิน้ พยศ จากน้นั จึงใช้ วธิ ีแสดงธรรมแบบปกติ อธิบายเหตุผลใหเ้ ขา้ ใจ กจ็ ะเกดิ ศรัทธาขอฝากตวั เปน็ ศษิ ย์ เช่นโจรองคุลมี าล® เป็นตน้ ในกรณีของอมนุษย์ทมี่ ฤี ทธื้มากหรือสัตวเ์ ดรจั ฉานทีด่ ุรา้ ย พระบรมศาสดาทรงกำราบด้วยอทิ ธิปาฏิหารยิ ก์ ่อน หลงั จากละพยศ หมดส้นิ แลว้ จึงจะทรงแสดงพระธรรมใหฟ้ งั เม่ือจบพระธรรมเทศนาแล้ว พวกอมนุษย์ทีพ่ ่ายแพแ้ ล้วยอมรับวา่ พ่ายแพก้ จ็ ะบรรลธุ รรมเปน็ ส่วนมาก เชน่ อาฬวกยกั ษE์ เป็นตน้ ส่วนสัตว์เดรจั ฉานและพญานาคท่ีมกี ายทิพย์ แบบก่งึ เดรจั ฉานจะไมส่ ามารถบรรลธุ รรมได้ก็จะขอฝากตัวเป็นศิษย์แทน เช่น นันโทปนันทนาคราช๓ เปน็ ตน้ ม.ม.องคลุ มาลสูตร (ไทย) ๑๓/๓๔๗-๓๕๒/๔๒๑-๔๓๓ ส.ํ ส.อาฬวกสูตรท ๑๒ (ไทย) ๑๕/๒๔๖/๓๕๑-๓๕๔ ชุ.เถร.อ.เรอื่ งการทรมานนันโทปน้นทนาคราช (ไทย) ๕๓/๔๗๔-๔๗๙ สรา้ งปัญญาเป็นทมี พ)(X ภัยอนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา kalyanamitra.org

ในกรณีของพวกมารและเสนามารท่ีเขา้ มารบกวนขัดขวางการบรรลุ ธรรมของเหล่าสาวก พระบรมศาสดาทรงกำราบด้วยการเปิดเผยทซ่ี อ่ น ของพวกมารด้วยญาณทศั นะ จากน้นั ก็ทรงขม่ ขวัญพวกมารด้วยการให้ โอวาทสง่ั สอนแลว้ ไลพ่ วกมนั ไป พวกมารมฤี ทธไื้ ดเ้ พราะการแอบซอ่ นอย ฉากหลัง เม่อื ฉากหลงั ถกู เปิดโปงหรือถูกพบเห็นจงึ อยู่ไมไ่ ด้ กต็ ้องหลบลี หนหี น้าไป ในกรณีของมนษุ ยท์ ีไ่ มม่ ีฤทธ้ือยูจ่ รงิ แต่ชอบรุกรานพระพทุ ธ ศาสนา เพราะหลงเขา้ ใจผิดว่าตนเองเป็นพระอรหันตน์ ้ัน พระบรมศาสดา ทรงกำราบมนุษย์อวดเก่งไรเ้ หตผุ ลเหล่านี้ด้วยการแสดงฤทธเ้ี พื่อเตอื น สติให้ร้ตู วั วา่ เขายังไมใชพ่ ระอรหนั ต์ ผู้ท่ีไดค้ ดิ กร็ ีบทิง้ ความอวดดอื้ ถอื ดี น้ัน ขอฝากตนเปน็ ศษิ ย์ของพระองค์ เช่น อรุ เุ วลกสั สปะ๑ เป็นต้น สว่ นพวกดอ้ื ดา้ นไมย่ อมรับว่าตนยง้ มิใชพ่ ระอรหันตก์ จ็ ะพากนั ล่าถอยกลบั ไปเอง พระองค์กท็ รงปล่อยเขาไป ไมท่ รงก่อเวรดว้ ย และ คนพวกน้ีเมอ่ื ติดตามคน้ ควา้ ต่อไป กพ็ บว่ามกั จะจบลงท่ีการแพภ้ ยั ตวั เอง เช่น ในกรณีของปรู ณกสั สปะ๒ เจ้าของลัทธิบญุ บาปไม่มจี ริง ผู้เปน็ หนง่ึ ในครทู ้งั ๖ มาทา้ แสดงฤทธแ้ื ช่งกับพระองค์ (ท้ังท่ีตนกไ็ มม่ ีฤทธอยูจ่ ริง) ในขณะทีพ่ ระบรมศาสดาทรงกำลังแสดงยมกปาฏหิ าริย์อยู่นน้ กเ็ ป็นเวลา ที่ปรู ณกสั สปะจะตอ้ งแสดงอิทธิฤทธให้สาวกของตนเองดูด้วยเชน่ กนั เมอ่ื ถกู สาวกรบเร้าใหแ้ สดงฤทธ้ื ก็ร้สู กึ อบั อายจนไม่อาจส้หู นา้ ใครได้ จึงหนปี ญั หาดว้ ยการเอาเชอื กผูกหมอ้ ยาคทู อี่ ุปฏั ฐากของตนนำมาให้ ’ วิ.มหาว.ิ เรื่องชฏลิ ๓ พี่น้องทลู การขอบรรพชาอุปสมบท (ไทย) ๔/๕๑-๕๓/๖®-๖๓ ๒ ช.ุ ธ.อ.เรอ่ื งยมกปาฏิหารยิ ์ (ไทย) ๔๒/๒๙๘ ภยั อันตรายของพระพุทธศาสนา ไอ๓๐ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี kalyanamitra.org

ถว่ งคอแล้วกระโดดนํ้าตาย หลังจากตายแล้วกไ็ ปเกิดในอเวจีมหานรก น เพอื่ ชดใชก้ รรมท่รี ุกรานพระพุทธศาสนาตอ่ ไป กล่มุ ที่ ฅ คนมีเล่ห์เหลีย่ มรุกรานดว้ ยการใชอ้ บุ ายใส่รา้ ย พวกทมี่ ากเลห่ ์เพทบุ ายคอื พวกทร่ี ูต้ ัวว่าสู้ช่ึงหน้าไมไ่ ด้ จงึ ตอ้ งใช้วธิ ี สกปรกรุกรานลบั หลัง เชน่ ปรพิ าชกกลมุ่ หนึ่งมจี ิตใจโหดเหีย้ มถึงขัน้ ฆ่า สาวกสตรขี องตน แลว้ จดั ฉากใส่รา้ ยพระบรมศาสดาว่าเปน็ ฆาตกรฆ่าสตรี- เคราะหร์ ้ายเพ่ือปกปดิ ความสมั พนั ธเ์ รื่องชสู้ าว ชาวเมอื งท้งั เมอื ง (ทไ่ี ม่ใชอ่ ริยสาวก) หลงเชอ่ื การจดั ฉากใส่ร้าย จงึ เลกิ นบั ถอื พระพทุ ธศาสนา ตามดา่ พระสงฆ์ท้ังทีอ่ ยใู่ นเมือง อยนู่ อกเมือง และอยู่ในปา พระบรมศาสดาทราบเรื่องนีแ้ ลว้ ทรงมีรับสัง่ ให้พระภกิ ษสุ งฆ์ ชว่ ยกันเตือนสติชาวเมอื งวา่ “คนทีพ่ ดู ไม่จรงิ หรือคนท่ีกระทำบาปกรรม แลว้ พดู วา่ มไิ ด้ทำ ย่อมเข้าถงึ นรก คนแม้ทัง้ สองพวกน้นั มกี รรมเสวทราม สะไปแล้ว ย่อมเป็นผ้เู สมอกนั ในโลกหนา้ (ตกนรกทงั้ ค)ู่ ”๑ หลงั จบ พระธรรมเทศนา มีผูบ้ รรลธุ รรมเปน็ จำนวนมาก เม่อื พระภิกษุสงฆ์นำ พทุ ธพจน์น!้ี ปบอกกล่าวกบั ชาวเมือง เสยี งด่าก็ทยอยเงยี บหายหลงั ผ่าน ไป ๗ วัน • ช.ุ ชุ.สุนทรีปรพิ าชกิ าวตั ถุ (ไทย) ๒๕/๓๐๖/๑๒๘ สรา้ งปัญญาเปน็ ทมี ไอ๓® ภยั อันตรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

ตอ่ มาเม่ือฝ่ายบา้ นเมอื งจับตัวคนรา้ ยได้แล้ว พระพทุ ธองค์ไดร้ บั J การพสิ ูจน์แล้ววา่ เปน็ ผบู้ ริสุทธ51 กไ็ มท่ รงก่อเวรด้วย ทรงปลอ่ ยเรือ่ งน้ี ใหเ้ ป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายบ้านเมือง คนร้ายทง้ั หมดจึงถูกลงอาญา ประหารชวี ิต เพราะเปน็ คดีอาญาฆ่าคนตายท่ยี อมความกันไมไ่ ด้ กลุ่มที่ ๔ คน,หวงั ลาภสกั การะซอื เสยี งรุกรานด้วยการปลอมบวช ขโมยวิชา พวกนช้ี อบใช้วธิ ีลกั ลอบเขา้ มาบวชเรยี นเป็นพระภกิ ษใุ นพระพุทธ ศาสนา หวงั จดจำพระธรรมวนิ ัย เมอ่ื พระบรมศาสดาทรงจับไต้วา่ ปลอมบวช ก็จะเตือนสตวิ า่ มีโทษร้ายแรง บางคนไดค้ ดิ กก็ ลับใจจากขโมย มาต้งั ใจปฏบิ ตั ิธรรมจนได้บรรลเุ ป็นพระอรหันต์ เช่น สสุ มิ ปริพาชก “ จนั ทาภพราหมณ๓์ เปน็ ตน้ แต่บางคนฟังพระองคเ์ ตือนสติแลว้ กย็ ังไม่ได้คดิ เม่ือลาสิกขา ไปแล้วกลับอา้ งตนวา่ เปน็ พระพทุ ธเจ้าเองบา้ ง บดิ เบือนคำสอนใน พระพุทธศาสนาเป็นของตนบา้ ง พระองคท์ รงทราบเหตุน้แี ล้ว ก็รีบเสดจ็ ไปเตือนสติเขาถงึ ท่ีอยู่ เม่อื เขายอมรบั สารภาพวา่ โกหกแลว้ พระองคก์ ็ เสด็จกลบั เพราะถือว่าทรงไดป้ ลดเปล้อื งบาปหนักให้แกเ่ ขาแล้ว เช่น สรภปรพิ าชก1 เปน็ ต้น • ช.ุ ธ.อ.เรอื่ งนางปริพาชิกาชอ่ื สุนทรี (ไทย) ๔๓/®๙๙-๒๐๐ ๒ ส.ํ นิ.สุสมิ สูตร (ไทย) ๑๖/๗๐/®๔๓-®๕๔ \" ช.ุ ธ.อ.เร่อื งพระจันทาภเถระ (ไทย) ๔๓/๕๐๖-๕๐๗ * องฺ.ตกิ .สรภสูตร (ไทย) ๒๐/๖๕/๒๕๒-๒๕๕ ภัยอนั ดรายของพระพทุ ธศาสนา ไอ ๓1อ สรา้ งปัญญาเป็นทมี kalyanamitra.org

กลมุ่ ที่ ๔ คนอกหักเสียหน้ารุกรานดว้ ยการตามดา่ ใหเ้ สยี หาย คนกลุ่มนี้ ถา้ เป็นผู้หญงิ มักจะผกู อาฆาตแค้นเพราะอกหกั ทถ่ี กู ปฏเิ สธรัก แตถ่ า้ เปน็ ผู้ชายมกั จะผกู อาฆาตแคน้ เพราะถูกปฏเิ สธ ความสำคญั ในสมยั พทุ ธกาล มีสตรีงามนางหน่ึงชือ่ วา่ มาคันทิยา๑ ความงาม ของนางนัน้ เป็นท่ีเล่อื งลือไปท่วั บ้านทว่ั เมอื งวา่ งดงามดจุ เทพอปั สร บดิ า มารดาของนางรสู้ ึกหนักใจมากที่ไม,สามารถหาคูค่ รองทเี่ หมาะสมใหแ้ ก่ นางได้ จนกระทง่ั วนั หนึง่ ฝ่ายบดิ าได้พบกบั พระบรมศาสดาในขณะกำลงั เสดจ็ บิณฑบาต ก็รูส้ ึกดใี จท่ไี ด้พบกับบรุ ุษท่ีเหมาะสมกับบุตรสาวของตน แล้ว (เพราะไม่ร้วู ่ามหาสมณะรูปนี้คือพระสัมมาสมั พทุ ธเจ้า) เขารีบกลับไปท่ีบา้ น พาภรรยาและบุตรสาวมาพบพระบรมศาสดา พร้อมดว้ ยประชาชนจำนวนมากทต่ี า่ งก็อยากรู้ว่าบุรษุ ทีค่ ่คู วรนน้ั เปน็ ใคร เมือ่ ตามหาพระบรมศาสดาจนพบ ฝา่ ยบดิ าก็กลา่ วยกบุตรสาวของตนให้ เป็นภรรยา พระบรมศาสดาทรงประสงค์จะใช้บุตรสาวของพวกเขาเป็น เครื่องเตอื นสติใหไ้ ด้คดิ ถึงความจรงิ เร่อื งความไม่งามของร่างกาย จึงตรัส ตอบปฏิเสธอยา่ งแรงว่า ๑ ขุ.ธ.อ.ประวัตนิ างมาคันทิยา (ไทย) ๔๐/๒๖๙-๒๗๔ สร้างปญั ญาเปน็ ทีม พ๓๓ ภัยอนั ตรายของพระพุทธศาสนา kalyanamitra.org

\"เรามไิ ด้มคี วามยนิ ดพี อใจในเมถุน เพราะเห็นนางตณั หา นางอรดี และนางราคา (ธดิ าของพญามาร) เลย ไฉนเลา่ ? จะมีความพอใจเพราะ เหน็ ธิดาของท่านนี้ ซ่งึ เต็มไปดว้ ยมตู รและกรีส (ปัสสาวะ และอุจจาระ), เราไม่ปรารถนาจะถูกต้องธิดาของทา่ นนแ้ี ม้ดว้ ยเท้า”\"' จบพระธรรมเทศนาสองสามภี รรยาบรรลธุ รรมเปน็ พระอนาคามี ส่วนนางมาศันทิยาเมื่อถกู ปฏเิ สธการรับเป็นภรรยา รู้สึกเสือ่ มเสยี หน้า อย่างรนุ แรง ผูกความอาฆาตแค้นน้นั ไว้ ตอ่ มานางได้ถวายตวั เปน็ มเหสขี องพระเจา้ อเุ ทน กษตั รยิ ์แหง่ เมอื ง โกสมั พี แควน้ วังสะ อาศัยความอาฆาตแค้นทถี่ ูกปฏิเสธรกั ครง้ั นั้นเปน็ แรงจงู ใจในการแกแ้ ค้น นางใช้อำนาจของมเหสจี า้ งทาสและกรรมกร ท้งั เมือง (ท่เี ป็นมิจฉาทฐิ ิ) ให้ติดตามด่าพระบรมศาสดาด้วยถ้อยคำ หยาบคายท้งั วนั ทัง้ คนื เป็นเวลา ๗ วนั พระบรมศาสดาทรงแกป้ ญั หาการถกู คนพาลตามดา่ ดว้ ยการ รบั สง่ั ว่า \"ใหท้ กุ คนสึเกความอดทนเหมอื นพญาช้างสกึ อดทนต่อลกู ศรท่ี ยงิ มาจากทัง้ ล่บทิศในยามออกสกึ สงคราม เพราะการมกี ตน'น้นั เปน็ สง่ิ ท่ี ประเสรฐิ สุด”๒ ในท่ีสุดเม่อื ผา่ นพน้ ๗ วนั แลว้ ถอ้ ยคำด่าหยาบคาย อนั ไร้เหตุผลนี้ เม่อื ไม่มผี วู้ ่าจ้างให้ด่าต่อไปอกี เรอื่ งราวกเ็ งยี บหายไปเอง • ชุ.ธ.อ.ตอนประวตั นิ างมาคนั ทิยา (ไทย) ๔๐/๒๗๒ “ ช.ุ ธ.อ.เร่อื งของพระองค์ (ไทย) ๔๓/๒๒๗-๒๒๘ ภยั อันตรายของพระพุทธศาสนา ไ©๓ (X สรา้ งปัญญาเปน็ ทมึ kalyanamitra.org

กลุม่ ท่ี ๖ กลมุ่ คนทม่ี ีปัญญานอ้ ยหวังพลอยได้ลาภรกุ รานด้วยการ สร้างคาสนสถานใกลก้ ับวัดในพระพุทธศาสนา คนกลุ่มนีไ้ ม่ได้มองดกู ิจวตั ร และคำสอนของลัทธติ นวา่ ไม่สามารถ กำจัดทกุ ขไ์ ด้ แต่กลับมคี วามเขา้ ใจว่า วดั ในพระพุทธศาสนาต้งั อยใู่ นทำเล ทีอ่ ุดมสมบรู ณ์ เหตนุ ัน้ ลาภสักการะจงึ เกิดขน้ึ ครัน้ จะสรา้ งใกล้ ๆ วัดพทุ ธเอง โดยไมบ่ อกกล่าวคณะผปู้ กครองประเทศกอ่ น กเ็ กรงว่าพวกภกิ ษุ จะขัดขวาง จงึ ไปตดิ สนิ บนชนชน้ั ผู้ปกครองประเทศ ให้คลอ้ ยตามตน ซงึ่ ในอดตี ถึงปัจจุบันในแดนพุทธภมู กิ ถ็ กู กระทำเช่นนัน้ เหมอื นเดิม และแผข่ ยายไปส่เมืองพุทธในนานาประเทศจนถงึ ปัจจบุ นั ซึง่ ตัวอยา่ งน้ี มปี รากฏใน ภรรุ าชชาดก๑โดยไดค้ ัดลอกหลกั ฐานจากคัมภีรอ์ รรถกถา มาแสดงไวด้ ังนี้ ความพสิ ดารมอี ย่วู า่ ลาภและสกั การะได้เกิดขึ้นเปน็ อนั มากแก่ พระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์ แตพ่ วกอญั ญเดียรถยี ป์ ริพาชกท้ังหลาย ไม่มีใครสักการะ เคารพ นบั ถือ บูชา นอบน้อม จึงไมไ่ ดจ้ ีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจยั เภสชั และบริขารท้ังหลาย พวกปริพาชกเหลา่ นน้ั เสอ่ื มจากลาภและสักการะอยา่ งนี้ จึงประชมุ ลับ ปรึกษากนั ท้งั กลางวันและกลางคนื วา่ ต้งั แต่พระสมณโคดมอบุ ตั ิมา พวกเราเสือ่ มจากลาภและสักการะ พระสมณโคดมกลบั ไดล้ าภและยศ อยา่ งเลิศลอย สมบตั ินี้เกดิ แกพ่ ระสมณโคดมด้วยเหตไุ รหนอ ชุ.ชา.อ.ภรรุ าชชาดก (ไทย) ๕๗/๓๓๑-๓๓๗ สร้างปญั ญาเป็นทีม ไ®๓๕ ภัยอนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา kalyanamitra.org

ในหม่ปู รพิ าชกเหลา่ นนั้ พวกหน่งึ กล่าวอย่างน้ีว่า พระสมณโคดม อยู่ทำเลดเี ปน็ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณข์ องชมพูทวีปท้งั สนิ เหตุน้ันลาภสกั การะ จงึ เกดิ แกส่ มณโคดม พวกทเี่ หลือกล่าววา่ นนั่ ก็มีเหตุผลอยู่ แม้พวกเราหากจะสรา้ ง อารามเดยี รถยี ์ข้นึ ท่ีหลังเชตวนั มหาวหิ าร ก็คงจกั มีลาภอยา่ งนนั้ บา้ ง พวกปริพาชกทง้ั หมดลงความเห็นกันวา่ เอาเปน็ อย่างนั้น จึงตกลง กันตอ่ ไปว่า ก็ถ้าพวกเราจกั ไม่กราบทูลพระราชาเสียก่อนสร้างอาราม พวกภกิ ษกุ จ็ ะขัดขวางได้ ธรรมดาผไู ดส้ ินบนแล้วจะไมเ่ ขวไมม่ ี เพราะฉะนน้ั เราจักถวายของกำนัลแดพ่ ระราชา แล้วจักขอรับเอาที่สรา้ งอาราม พวกปริพาชกจงึ ขอร้องพวกอปุ ฏั ฐากท้ังหลายรวบรวมทรพั ยไ์ ด้ แสนหนึง่ ถวายแด่พระราชา แล้วกราบทลู ว่า “มหาบพิตร อาตมภาพ ทง้ั หลายจกั สรา้ งอารามเดยี รถีย์ทห่ี ลงั วดั เขตวันมหาวหิ าร หากพวกภกิ ษุ จักมาถวายพระพรแดพ่ ระองคว์ ่า จักไมย่ อมให้ทำ ขอมหาบพิตรอย่าเพิ่ง ใหค้ ำตอบแกภ่ ิกษเุ หสา่ น้นั ” พระราชาทรงรับคำเพราะความละโมบของกำนลั พวกเดียรถยี ์ คร้ันเกล้ยี กล่อมพระราชาแลว้ จึงเรียกชา่ งมาเริม่ การกอ่ สรา้ ง จึงได้มีเสียง เอ็ดอึงข้ึน พระศาสดาจึงตรัสถามว่า “อานนท์ นั่นอะไรกัน เสยี งเอด็ อึง ออื้ ฉาว” พระอานนท์กราบทลู วา่ “ขา้ แตพ่ ระองคพ์ วกเดยี รถยี อ์ หึ ้สรา้ งอาราม เดียรถยี ข์ ึ้นทีห่ ลงั พระวิหารเชตวัน องึ มเี สียงขึน้ ณ ทนี่ น้ั พระเจ้าข้า” ภยั อันตรายของพระพทุ ธศาสนา ไ©๓ไอ สร้างปญั ญาเปนทมี kalyanamitra.org

พระบรมศาสดาตรสั วา่ “ดูก่อนอานนท์ ทนี่ ่นั ไมส่ มควรแก่อาราม เดยี รถีย์ พวกเดยี รถยี ์ชอบเสยี งเอ็ดอึง พวกภกิ ษุไม่สามารถจะอยู่รว่ ม กบั พวกเดียรถยี เ์ หลา่ นน้ั ได้” จึงให้ประชุมภิกษสุ งฆ์แล้วตรัสวา่ “ดูกอ่ น ภิกษทุ ้ังหสาย พวกเธอจงไปทลู พระราชาใหท้ รงยบั ยง้ั การสรา้ งอาราม เดียรถีย”์ ภกิ ษสุ งฆไ์ ปยืนอยทู่ ่ปี ระตูพระราชวัง พระราชาทรงสดับว่า สงฆม์ า ทรงดำริวา่ พวกภกิ ษคุ งจะมาเร่อื งอารามเดยี รถยี ์ เพราะพระองค์ รบั สินบนไว้ จึงให้ไปบอกวา่ พระราชาไมป่ ระทบั อยู่ในวัง ภกิ ษุทัง้ หลาย จงึ กลับไปกราบทูลแดพ่ ระศาสดา พระศาสดาตรัสวา่ “พระราชาทรงทำอยา่ งนเ้ี พราะทรงรับสินบน” จทงึ งั สส่งอพงรฟะอมู คั า๊ั รจสึ าวกทงั้ สองรูปไป พระราชาทรงสดับวา่ พระอคั รสาวก กลบั มากราบทลู แด่พระศาสดา พระศาสดาตรัสวา่ “ดกู อ่ นสารบี ตุ ร คราวนพี้ ระราชาจกั ไมอ่ าจ ประทบั นงั่ ในพระราชมณเฑยี ร จกั เสดจ็ ออกข้างนอกได”้ รุ่งข้ึนในเวลาเชา้ พระพุทธองคท์ รงนุ่งอันตรวาสกถือบาตรจวี ร เสดจ็ ไปยังประตพู ระราชวังกบั ภิกษุ ๕๐๐ รูป พระราชาพอไดท้ รงสดบั เท่านัน้ กร็ บี เสด็จลงจากปราสาท รีบบาตร นิมนตพ์ ระศาสดาใหเ้ สด็จเข้าไป แล้ว ทรงถวายข้าวยาคูและภตั ร ถวายบงั คมพระศาสดา ประทบั นงั่ ณ ส่วนข้างหนงึ่ สร้างปญั ญาเป็นทึม ไอ๓๗ ภัยอนั ตรายของพระพทุ ธศาสนา kalyanamitra.org

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนาโดยปริยายขอ้ หน่งึ มาแสดงแก่ J พระราชาแล้วตรสั วา่ “มหาบพติ ร พระราชาแตค่ รง้ั กอ่ นก็รบั สนิ บนแล้ว ทำให้ผู้มศี ลึ ทง้ั หลายทะเลาะววิ าทกนั แควน้ ของตนได้ถึงความพนิ าศ ใหญห่ ลวงแลว้ ” พระราชากราบทูลอาราธนา พระบรมศาสดาจึงทรงนำเร่ืองราวของฺ พระเจ้าภรรุ าชในอดีตกาล ซง่ึ เปน็ เหตกุ ารณท์ ำนองเดยี วกันนี้มาตรสั เลา่ ถวาย จนพระราชายินยอมและทรงรบั สั่งให้ร้ืออารามของพวกเดยี รถยี ์ ท่จี ะสร้างใกล้วดั พุทธไปเสืย ภัยอันตรายของพระพทุ ธศาสนา ไร)๓G? สรา้ งปญั ญาเปนทีม kalyanamitra.org

เครอื ข่ายอบายมขุ ยงิ่ โตมากเท่าไร พระพทุ ธศาสนาย่ิงตกอยู่ในอันตรายมากเทา่ นัน้ เพราะอบายมุขมใิ ชเ่ พียงแคท่ ำลายชวี ติ และทรพั ย์สินของผตู้ กเปน็ ทาสเท่านัน้ แต่ยังทำลายการบรรลมุ รรคผลนิพพาน ของผ้มู บี ุญบารมสี ัง่ สมไว้ดีแล้วอกี ดว้ ย การปอ้ งกันภยั ภายนอกพระพุทธศาสนาอยา่ งย่งั ยืน จงึ ต้องสร้างเครอื ขา่ ยพระพทุ ธศาสนา เาเครอื ขา่ ยอบายมุข kalyanamitra.org

ขอ้ คิดจากการป้องกันแกใขภยั อันตราย ของพระพทธศาสนา kalyanamitra.org

kalyanamitra.org

๕. ขอ้ คิดจากการปอ้ งกันแกไขภัยอันตรายของ - พระพทุ ธศาสนา จากการศกึ ษาวธิ วี างมาตรการป้องกันแกใขภยั ภายในและภัย ภายนอกรกุ รานพระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดา และตวั อย่าง ผรู้ กุ รานท้ัง ๖ กลุ่ม ที่ยกมาแสดงนี้ มขี อ้ สงั เกตและข้อคิดเตือนใจวา่ ๑) ถ้าเปน็ กลุ่มของผูม้ กี ารศกึ ษาสูงมารุกรานด้วยการโตว้ าทะ หากพระบรมศาสดามไิ ดท้ รงประทบั อยูด่ ้วยในเวลาน้ี พระธรรมเสนาบดี คอื พระสารีบุตร พระอคั รสาวกเบอ้ื งขวา ผู้เลิศด้วยปัญญา ก็จะทำหน้าที่นี กำราบผูม้ ีปัญญาทีห่ ลงผดิ เหล่าน้นั แทนพระองค์ ๒) ถ้าเปน็ กลุ่มของอันธพาลที่มีฤทธื้มาก หากพระบรมศาสดา ไมป่ ระสงคจ์ ะกำราบด้วยพระองคเ์ องแล้ว กจ็ ะทรงมอบหมายให้ พระโมคคลั ลานะ พระอคั รสาวกเบือ้ งซา้ ย ผ้เู ลศิ ด้วยฤทธื้ ทำหนา้ ที่ กำราบคนภัยคนพาลแทนพระองค์ ๓) สำหรับอีกสามกลมุ่ ถดั ไปน้นั คือ คนมีเล่หเ์ หลีย่ ม คนปลอม บวชขโมยวิชา คนอกหกั เสียหน้า โดยมากจะมงุ่ โจมดีมาท่พี ระบรมศาสดา เปน็ เปา้ หมายหลกั พระองค์จงึ ทรงเป็นผ้แู ก็ไขปญั หาเหลา่ นั้นเองโดยตรง มไิ ด้มอบหมายให้พระสาวกรูปใดรปู หนงึ่ ๔) สำหรบั กลุ่มสุดทา้ ย คนมีปัญญาน้อยพลอยหวงั ลาภจาก การสรา้ งศาสนสถานของพวกตนใหอ้ ยใู่ กล้ ๆ กับวัดพทุ ธ โดยไปติด สนิ บนชนชน้ั ผปู้ กครองใหว้ างระเบยี บกฎหมายอำนวยความสะดวกให้ตน ภยั อันดรายของพระพทุ ธศาสนา โ©(รา© สรา้ งปัญญาเป็นทมี kalyanamitra.org

พระพุทธองค์จะส่งพระภกิ ษสุ งฆห์ มูใ่ หญท่ อ่ี ยูบ่ ริเวณน้ันและพระเถระ ผใู หญ่ไปประสานงานกอ่ นตามลำดับ หากยังแกไ่ ขไมไ่ ด้ พระพุทธองค์ กจ็ ะเสด็จไปดว้ ยพระองคเ์ องพร้อมดว้ ยภกิ ษุสงฆห์ มูใหญ่ด้วยความสงบ (สมัยนีน้ ยิ มเรยี กว่าเปน็ การประทว้ งดว้ ยความสงบ) ๕) การทำงานเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาอยา่ งสงบ การวาง มาตรการปอ้ งกนั ปญั หาอยา่ งรอบคอบตง้ั แต่กา้ วแรกของการทำงาน และ การแก้ปญั หาตา่ ง ๆ ทีเ่ กดิ ขึน้ 1ภายหลงั ดว้ ยการไม่จองเวร ทำให้ปัญหา กระทบกระทั่งตา่ ง ๆ ไมบ่ านปลายกลายเปน็ สงครามศาสนา ๖) การสรา้ งเครอื ขา่ ยคนดีมคี วามสำคัญอย่างยง่ิ ตอ่ พระพทุ ธ ศาสนา หากพระพทุ ธศาสนามีฐานะเปน็ ชนกล่มุ น้อยในสังคมเมือ่ ใด การแก้ปัญหาจากการถูกรุกรานภายนอกจะกลายเปน็ เรอ่ื งที่ยากลำบาก อยมู่ ากเลยทเี ดยี ว แต่เน่อื งจากการถูกรุกรานจากภยั ภายนอกในยุคพุทธกาล เกิดข้นึ ในขณะที่พระพทุ ธศาสนาเปน็ องคก์ รทมี่ เี ครอื ข่ายคนต็แผ่ขยายอยา่ ง กวา้ งขวางแล้ว จงึ สามารถรักษาความศรท้ ธาเชอื่ มน่ั ของประชาชนทม่ี ีต่อ พระพทุ ธศาสนาใหผ้ า่ นพ้นวิกฤตการณต์ า่ ง ๆ มาไดอ้ ยา่ งสง่างามและ กลบั มาเจริญรุ่งเรืองอย่างยิง่ ใหญม่ ากย่ิงขน้ึ กว่าเดมิ ส่งิ เหล่านีเ้ ป็นข้อเตือนใจว่า การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเชิงรุก ด้วยการหมุนธรรมจักรแบบพระสารบี ุตร เป็นสงิ่ ทช่ี าวพทุ ธทกุ ยคุ จะหยดุ ไมไ่ ดเ้ ด็ดขาด หากหยดุ เม่ือใด ชาวพทุ ธจะกลายเป็นชนกลมุ่ น้อย ภยั อันตรายจะเกิดข้ึนกบั พระพุทธศาสนาทนั ที สร้างปญั ญาเปน็ ทีม ไ©(A ๓ ภยั อนั ตรายของพระพุทธศาสนา --- !r— kalyanamitra.org

kalyanamitra.org

kalyanamitra.org

การทพ่ี ระบรมศาสดาทรงเลือกใชว้ ธิ ีเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยการหมนุ ธรรมจักรดว้ ยกำลังของกองทพั ธรรมเช่นน้ีได้ส่งผลให้เกิด การเปล่ียนแปลงตอ่ โลกนอ้ี ยา่ งน้อย ๗ ประการ kalyanamitra.org

๑) ในขณะท่พี ระองค์ทรงมีพระชนมช์ ีพอยู่ การตรสั รู้ธรรมของ พระองคน์ น้ั ไมส่ ูญเปลา่ เพราะมีผู้บรรลุธรรมตามคำสอนของพระองค์ เปน็ จำนวนมาก และกลายมาเปน็ กำลังสำคัญในการเผยแผพ่ ระพุทธ ศาสนา ๒) เม่ือพระองคเ์ สด็จดบั ขันธปรนิ ิพพานไปแลว้ วธิ ดี ับทกุ ข์ดว้ ย การปฏบิ ตั อิ รยิ มรรคมอี งค์ ๘ ซงึ่ พระองคใ์ ชเ้ วลาศึกษาค้นควา้ มายาวนาน ถึงสอ่ิ สงไขย แสนมหากัป๑ กไ็ มส่ ญู สิน้ ตามพระองคไ์ ปดว้ ย ๓) ตลอดเวลาสองพนั หา้ ร้อยกวา่ ปที ่ีผ่านมา วธิ ีดับทุกขด์ ว้ ยการ ปฏิบัตอิ รยิ มรรคมีองค์ ๘ ของพระองค์ไดก้ ลายเป็นมรดกธรรมคํ้าจนุ โลก ช่วยให้ชาวโลกมีปญั ญาดับทุกข์เขญ็ ในชีวิต จนสามารถผ่านพ้น ความลำเค็ญในแตล่ ะยุคสมยั มาไดค้ รั้งแล้วครั้งเล่า ๔) พระพทุ ธศาสนายงั คงมพี ุทธบริช้ท ๔ ทป่ี ฏิบัตหิ น้าทปี่ ระจำ ทศิ ๖ อยา่ งเข้มแข็ง ทำให้ยังคงมชี าวพทุ ธรุน่ ใหมท่ ีม่ คี กั ยภาพในการ คํ้าจุนพระพุทธศาสนาบงั เกิดข้นึ มาอย่างไมข่ าดสาย เช่น บางคนเปน็ มหา เศรษฐีใจบญุ คํ้าจุนเศรษฐกจิ บางคนเปน็ มหาปราชญใ์ จบญุ คา้ํ จุนสงั คม บางคนออกบวชเป็นมหาสมณะใจบุญคํ้าจุนศลึ ธรรม เป็นตน้ ม.ม.ู อ.สหี นาทสูตร (ไทย) ๑๘/๗๒ ดูกรสารบี ตุ ร ตถาคตบำเพญ็ บารมที ง้ั หลายอยู่สิน ส่ีอสงไขย ยิ่งด้วยแสนกัป ได้กระทำความพยายามเพีอ่ ประโยชน์แหง่ บารมเี หลา่ นนั้ เทศนา ธรรมของเราจกั เปน็ เครอื่ งนำสตั ว์ออกจากทกุ ขไ์ ด้ ธรรมจักรยง่ิ หมุนไป ทกุ ขข์ องคนทั้งโลกยิง่ ลดลง ไ©(เa; สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org

๕) การหมุนธรรมจกั รเพือ่ เผยแผว่ ิธีดบั ทกุ ขด์ ้วยการปฏบิ ัติ „ มรรคมีองค์ ๘ ยังคงได้รับการสืบทอดจากชาวพทุ ธในแตล่ ะยุคสมยั อยา่ งตอ่ เน่อื ง ทำใหพ้ ระพทุ ธคาสนามีอายุยงั่ ยนื นาน ๖) ความผดิ พลาดในเรอื่ งการศกึ ษาคอื ม่งุ สอนแต่การทำมา หากนิ อย่างเดียว โดยไมว่ างเป้าหมายไวท้ ่ีการดับทกุ ขข์ น้ั พื้นฐาน ไม่สนใจ การฟิกนสิ ยั ดี ๆ ไม่สอนการดับทุกข์ข้นั พืน้ ฐานในชีวิต จงึ ยงั คงไดร้ ับการ แกไขจากพระธรรมคำสอนท่ีอยู่ในครอบครัวและในวดั วาอารามอยู่เป็น ช่วง ๆ ทำให้การสอนลูกหลานให้เปน็ คนดยี ังคงประสบความสำเรจ็ ใน เชงิ ภาพรวม ๗) โลกที่พรอ้ มจะลุกเป็นไฟ พรอ้ มจะเบียดเบียนกนั เพราะไฟ คือความโลภ ความโกรธ ความหลง จงึ ยังคงมีช่วงเวลาแหง่ สนั ตสิ ขุ บังเกดิ ขน้ึ บา้ ง เพราะเมือ่ พระพทุ ธศาสนาเผยแผ่ไปถึงพื้นที่โลกสว่ นใด บคุ คล ท่ีอยู่ในพืน้ ทโ่ี ลกนนั้ กจ็ ะไต้ศึกษาวิธีดบั ทุกข์ดว้ ยการปฏิบตั มิ รรค ม^ีอตงใคจ์ ๘ท1ีซึ่งบเปเอ็นินคลวางมร7ูส้ ากZลทฬีใ่ ลชก้ดับจทึงเกุ กขิดใ์ ขหึ้นท้ ใกุ นคพนทนื ง้ัทโีโลลกกไดส้จ่วรนงิ นทน้ ำใหดเ้ ง้ ขมาี หลักฐานปรากฏอยูใ่ นประวัติศาสตร์ของหลายประเทศ การเปล่ียนแปลงเหล่าน้สี ะท้อนให้เหน็ วา่ การเผยแผ่วธิ ดี บั ทกุ ข์ ดว้ ยการปฏิบตั มิ รรคมีองค์ ๘ ของพระบรมศาสดา มีผลต่อการสร้าง สันตสิ ขุ ใหแ้ กโ่ ลกเปน็ อยา่ งย่งิ ซึ่งเป็นผลสืบเนอ่ื งมาจากการทพ่ี ระองค์ ทรงเลอื กใช้วธิ ีเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยการหมุนธรรมจักรดว้ ย กองทัพธรรมนัน่ เอง สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม GTCX ธรรมจกั รยิง่ หมุนไป ทุกขข์ องคนท้ังโลกยิ่งลดลง kalyanamitra.org

kalyanamitra.org

kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook