การทพี่ ระองคต์ ้องแสดงธรรมแบบบนั ลอื สหี นาท ก็เพ่อื ประกาศ ความเปน็ เลศิ ในการตรสั รธู้ รรมอยา่ งท่ไี มม่ ีศาสดาคนใดในโลกนี้ทำได้ เพ่ือให้ทุกคนทราบความจริงว่า การตรัสรูธ้ รรมของพระองคน์ นั้ เปน็ การ ตรัสร้ดู ้วยทศพลญาณอนั บรสิ ุทธปราศจากกเิ ลส ทป่ี ระกอบดว้ ยญาณ ทศั นะทม่ี ีคณุ สมบัติวเิ ศษ ๑๐ ประการ ซึ่งบงั เกดิ ข้นึ จากพระปรีชาสามารถ ในการนำเพ็ญเพยี รอยา่ งเอาชีวิตเปน็ เดมิ พนั จนกระทัง่ ตรสั รธู้ รรมด้วย กำลังของพระองคเ์ อง และเป็นคณุ สมบัติเฉพาะพระองค์เพยี งผเู้ ดียว ไมม่ สี าธารณะท่ัวไปในเหลา่ พระอรหันตส์ าวกทง้ั หลาย ในขณะที่พระองค์ทรงแสดงมหาสีหนาทสูตรถงึ ตอนทา้ ย กไ็ ดต้ รัส เตือนว่า ผู้ใดไมล่ ะท้ิงความเข้าใจผดิ และวาจาจ้วงจาบน้ันว่า การตรัสรูธ้ รรม ของพระองค์เกิดจากตรกึ ตรอง-นกึ คิด-ดีความ-ด้นเดา แลว้ อ้างวา่ ตรสั รู้เป็นพระอรหนั ต์ จะต้องตกนรกอย่างแนน่ อน ๔. การหมุนธรรมจกั รดว้ ยคุณสมบตั ิแหง่ ธรรมราชา คุณสมบัติแหง่ ธรรมราชา มีองค์ประกอบ ๕ ประการ๑ คือ ๑) ทรงเป็นผรู้ จู้ ักอรรถ คอื ทรงเปน็ ผูม้ ญี าณหย่งั รู้ผล ไดแ้ ก่ หยัง่ รูผ้ ลทเ่ี กิดจากเหตุปจั จยั แตล่ ะชนดิ รู้ทกุ ข์ รู้นิโรธ นพิ พาน หย่งั รู้ วิบากคอื ผลของกุศลกรรมและอกุศลกรรม ร้เู น้ือความแหง่ ภาษิต ’ องฺ.ปฌจฺ ก.ปฐมจักกานวุ ัตตนสูตร (ไทย) ๒๒/®๓®/๒®®-๒®๒ ในทุติยจักกานวุ ตั ตน สตู รกล่าววา่ สารบี ุตรประกอบดว้ ยธรรม ๕ ประการ ฉนั นน้ั เหมอื นกัน จงึ ใหธ้ รรมจักร อันยอดเย่ียมท่ีตถาคตใหห้ มุนไปแลว้ ใหห้ มุนไปโดยธรรม สร้างปัญญาเป็นทีม การหมุนธรรมจกั รของพระบรมศาสดา kalyanamitra.org
๒) ทรงเป็นผรู้ ู้จักธรรม คือ ทรงเปน็ ผู้มญี าณ หยง่ั ร้เู หตุ ได้แก่ หย่งั รเู้ หตปุ จั จยั แต่ละชนิดทที่ ำให้เกิดผล รู้ทกุ ขสมุทัยเหตใุ ห้เกดิ ทกุ ข์ ร้อู ริยมรรคหนทางดับทกุ ข์ หยัง่ รูว้ ่าน้ีกุศลกรรม นี้อกุศลกรรม นี้คำภาษิต ถ) ทรงเป็นผรู้ ู้ประมาณ คอื ทรงเปน็ ผรู้ ู้ประมาณในการรับและ การบริโภคปจั จัย ๔ ๔) ทรงเปน็ ผ้รู ้จู กั กาล คอื ทรงเป็นผู้รู้เวลาปลกี วิเวก รู้เวลาเขา้ สมาบัติ รู้เวลาแสดงธรรม รู้เวลาจารกิ เผยแผไ่ ปในชนบท ๔) ทรงเปน็ ผูร้ ู้ประชมุ ชน คอื ทรงเป็นผู้ร้ธู รรมชาตขิ อง กลุ่มคนทั้ง ๘ กลมุ่ ได้แก่ กลุ่มกษตั ริย์ กล่มุ พราหมณ์ กลุ่มคหบดี กลมุ่ นกั บวช กลุ่มเทวดาชนั้ จาตุมหาราชกิ า กลมุ่ เทวดาชัน้ ดาวดึงส์ กล่มุ เทวดาช้นั นมิ มานรดี กลุม่ เทวดาช้ันพรหม ๔. ผลแหง่ การ,หมนุ ธรรมจกั ร ผลที่ปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมกค็ ือ ๑) มีผูต้ รสั รอู้ รยิ สัจ ๔ ตามมาเปน็ อนั มาก ๒) การเผยแผพ่ ระธรรมคำสอนขจรขจายออกไปทั่วภพสาม ๓) บงั เกดิ ปฏริ ูปเทส ๔ ขึ้นในแต่ละท้องถน่ิ ของชมพทู วปี ไดแ้ ก่ อาวาสเปน็ ทส่ี บาย อาหารเป็นท่ีสบาย บคุ คลเป็นทส่ี บาย ธรรมะเปน็ ที่ สบาย การหมุนธรรมจักรของพระบรมศาสดา สรา้ งปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org
๔) พระพทุ ธศาสนาครองใจของมนุษย์และเทวดาเกิดเป็น เขตแดนแห่งการบรรลธุ รรมขึ้นภายในใจของสรรพสตั ว์เป็นดินแดนที่มาร มองไม่เหน็ ดังนนั้ การท่พี ระองคท์ รงหมนุ ธรรมจักรดว้ ยพระปรชี าสามารถ ส่วนพระองคเ์ ช่นนี จงึ ทำใหม้ ีผ้รู ูแ้ จ้งเหน็ แจง้ ในอริยสัจ ๔ ตามมาเปน็ อันมาก ความรูเ้ รอ่ื งการปฏบิ ตั อิ ริยมรรคมอี งค์ ๘ จงึ แผ่ขยายออกไป และทำใหม้ สี าวกรนุ่ ใหม่ ๆ เข้ามาศกึ ษาธรรมะกบั พระองคเ์ พม่ิ มากข้นึ การบริหารจดั การองคก์ รของพระบรมศาสดา การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาของพระบรมศาสดาและเหล่า พระอรหนั ต์ในช่วงแรกบกุ เบิกนน้ั ดำเนินไปในลักษณะสมบุกสมบัน คอื คา่ํ ไหนนอนนน่ั นอนกลางดนิ กินกลางทราย ดำรงชีวิตเหมอื นต้นไมใหญ่ ทก่ี นิ นํ้าน้อย ทรหดอดทนเหมอื นตน้ กระบองเพชรกลางทะเลทราย ครันตอ่ มาเมื่อมผี ู้ศรทั ธาเขา้ มาบวชเปน็ จำนวนมาก มยี อดรวม สมาชกิ ใหม่เพิ่มสูงขึนเรอ่ื ย ๆ ทุกปี จากเดมิ ทีเ่ ฉลยี่ เพิม่ ขึน้ ปลี ะไม่ก่รี ้อยคน ก็ทยอยเพ่มิ ขึ้นเป็นพันคนเป็นหมนื่ คนตอ่ ปี ๑. ปญั หาองค์กรขยายตวั อย่างรวดเร็ว เมือ่ ฐานสมาชกิ ขยายตวั อยา่ งรวดเรว็ เชน่ นี้ ปัญหาการอยรู่ ว่ มกัน เป็นหมคู่ ณะใหญ่ จงึ ขยายตัวอยา่ งรวดเร็วตามไปด้วย เชน่ ปญั หาท่ีอยู่ อาต้ย ปัญหาการใช้สอยปัจจยั ๔ ปญั หาการกระทบกระท่ังกนั เอง ปัญหา การเผยแผธ่ รรมะ ชงึ่ ขยายตวั ตามจำนวนสมาชิกใหมท่ เ่ี พ่มิ ขึน้ ปีละพัน คนหมน่ื คนตอ่ ปี สรา้ งปัญญาเป็นทมี GT(X การหมุนธรรมจักรของพระบรมศาสดา kalyanamitra.org
ด้วยเหตนุ ี้ การบริหารจัดการแบบองคก์ รใหญจ่ งึ ถกู นำมาใชง้ าน โดยพระองคย์ ังทรงใหย้ ดึ หลกั การดำรงชวี ติ แบบตน้ ไมใั หญก่ ินนัา้ นอ้ ย ตามเดิม๑ แตท่ รงเพ่ิมการบริหารจัดการองค์กรให้เหมาะสมแก่การฟกิ ปฏิบัตมิ รรคมอี งค์ ๘ ใหเ้ ป็นนสิ ยั แบบเปน็ ทมี เข้ามาใช้ในองค์กรดว้ ย ในขัน้ ตน้ พระองคไ์ ดท้ รงบญั ญัตพิ ระธรรมวินัยในด้านการบริหาร ปกครอง ด้านการบรโิ ภคใชส้ อยปจั จยั ๔ ดา้ นธรรมเนยี มปฏบิ ตั ิของสงฆ์ ดา้ นการฟกิ อบรมสมาชกิ ใหม่ เพิม่ เข้ามาอีกหลายประการ ทั้งน้เี พ่ือลด การกระทบกระทั่งระหว่างสมาชิกเกา่ และสมาชิกใหม่ให้อยู่รว่ มกนั ไดอ้ ยา่ ง สงบสขุ เพอื่ หล่อหลอมใหห้ ม่สู งฆ์มคี วามสมัครสมานสามัคคี และเพอื่ วางระบบการฟกิ ปฏิบัติมรรคมอี งค์ ๘ ให้เป็นนสิ ัยรว่ มกนั เป็นทีมอยา่ ง ย่ังยนื ส่งิ ทีน่ ่าสนใจในการบริหารจดั การองคก์ รใหญ่ก็คอื การผลักดนั สมาชิกในองคก์ รใหป้ ฏิบตั ติ ามพระธรรมวินัยท่ที รงบัญญตั ไิ ว้ เพราะเปน็ ทรี่ ู้ ๆ กันอยู่ในแวดวงนักบรหิ ารวา่ การผลกั ด้นสมาชิกองค์กรให้ปฏิบัติ ตามนโยบายน้ันเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน ยง่ิ ถ้าเปน็ การขับเคลื่อนองค์กรที่มีสมาชกิ เปน็ หม่ืนเป็นแสนดว้ ยแล้ว ยงิ มโี อกาสโดน ตอ่ ต้านอยา่ งสาหสั สากรรจจ์ ากสมาชิกทีป่ รับตวั เข้ากับกฎระเบียบไม่ได้ ๑ ที.ปา.ส้มปสาทนยี สูตร (ไทย) ๑๑/๑๖๒/๑๒๔ “ต้นไมใหญก่ ินนานอ้ ย” ตรงตามพทุ ธพจน์ ที่วา่ “ดกู รอุทายี เธอจงดูความมักนอ้ ย ความส้นโดษ ความขคั เกลาของตถาคต ผู้มีฤทธ มอี านภุ าพมากอย่างน้ี แตไ่ ม่แสดงตนให้ปรากฎ” และทรงสอนใหส้ าวกประพฤตเิ ช่นน้น เหมือนกัน ๕๐การหมุนธรรมจักรของพระบรมศาสดา สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org
๒. การผลกั ดันองค์กรส่งานเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ในการผลกั ดันองค์กรให้ปฏบิ ัตติ ามพระธรรมวินยั นน้ั พระองค์ ทรงใชว้ ิธีผลักด้นผ่านแนวทาง ๒ ประการ คือ ประการที่ ๑ การหมนุ ธรรมจกั รด้วยกำลังของพระองคเ์ อง นัน่ คือ พระองค์ทรงผลักดน้ ดว้ ยการแสดงธรรมพร่ําสอนอบรมสมาชิกองค์กร ด้วยพระองคเ์ องโดยตรง ประการท่ี ๒ การหมุนธรรมจักรด้วยกำลังของกองทัพธรรม น่นั คอื พระองค์ทรงผลักดน้ งานเผยแผ่ ผ่านพระอรหนั ต์เถระช้นั ผใู หญท่ ี่ เรียกว่า พระอสีติสาวก ๘0 รปู เช่น พระสารีบตุ ร พระโมคคลั ลานะ พระมหากัสปะ พระอานนท์ พระอนรุ ุทธะ เปน็ ต้น ด้วยวิธกี ารหมุนธรรมจักรทง้ั ๒ ประการน้ี ได้ส่งผลใหก้ าร ประดษิ ฐานพระพุทธศาสนาเสรจ็ สมบูรณ!นเวลาเพยี ง ๔๕ ปี แตก่ ลาย เปน็ การวางรากฐานใหพ้ ระพุทธศาสนามอี ายุยืนยาวนับพันปี ถ. บทบาทหน้าทขี่ องพระอสีตสิ าวก พระอสตี ิสาวกท้งั ๘๐ รปู คือกำลงั สำคัญในการผลักดน้ องค์กร ใหด้ ำเนินไปตามพระธรรมวนิ ัยทีท่ รงบญั ญตั ิไวท้ กุ ประการ ทง้ั น้เี พราะ พระอรหนั ตเ์ ถระช้ันผูใหญท่ กุ รูป ท่านเปน็ ผมู้ คี วามร้คู วามสามารถ เฉพาะตัวอย่างเพียบพรอ้ ม ที่สำคัญคือ สร้างปญั ญาเป็นทมึ การหมุนธรรมจักรของพระบรมศาสดา kalyanamitra.org
๑) ท่านเปน็ ตน้ แบบความประพฤติทด่ี ีงามให้แก1สมาชกิ องคก์ รได้ ๒) ทา่ นเปน็ นกั บรหิ ารจัดการแกไขปญั หาต่าง ๆ แทนพระองค์ ไดอ้ ยา่ งยอดเย่ียม ๓) ทา่ นเป็นครบู าอาจารยฟ์ กิ อบรมบม่ นสิ ยั รักการปฏิบัติมรรค มีองค์ ๘ ให้แกส่ มาชกิ องค์กรแทนพระองค!์ ด้ ๔) ท่านเปน็ ที่ดัง้ แห่งศรทั ธาของประชาชนใครเห็นกอ็ ยากทำบญุ ทำใหเ้ กดิ กองเสบียงเล้ียงสมาชิกองคก์ รที่อยู่ประจำวดั ในแต่ละทอ้ งถ่ินนัน้ ๕) พา่ นหมน่ั ตรวจตราดแู ลสุขทกุ ขข์ องประชาชนในทอ้ งถ่ินนนั้ เพื่อสรา้ งความสงบเรียบร้อยในสังคมพทุ ธและความมน่ั คงปลอดภัยให้ แก่พระพทุ ธศาสนา จากความสามารถเฉพาะตัวเหลา่ นขี้ องพระอสีติสาวกท้ัง ๘๐ รูป ทำใหก้ ารผลักดนั นโยบายต่าง ๆ กฎระเบียบตา่ ง ๆ ให้สมาชิกองคก์ ร ปฏิบตั ติ ามพระธรรมวินยั จึงได้รบั ความรว่ มมืออย่างดี และหากมปี ญั หา ใดเกิดข้นึ เฉพาะหน้า ท่านกส็ ามารถเปน็ ตัวแทนของพระพทุ ธองคจ์ ัดการ แกไขไดอ้ ยา่ งมหี ลกั เกณฑ์และทน้ ท่วงที สง่ ผลใหก้ ารบรรลุธรรมของ สมาชกิ องค์กรทัง้ เกา่ และใหมม่ ีจำนวนเพ่ิมมากขึ้นอยา่ งตอ่ เนอื่ ง และงาน เผยแผข่ ยายวงกวา้ งอย่างรวดเรว็ เปน็ ร้อยเทา่ พนั เท่าของยุคบกุ เบิก ๔. ขั้นตอนการบริการจดั การองค์กรโดยยอ่ หากกล่าวโดยสรปุ ก็คือ การที่พระองค์ทรงหมนุ ธรรมจักรไดด้ ้วย การหมุนธรรมจกั รของพระบรมศาสดา สรา้ งปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
กำลงั ของกองทพั ธรรมโดยไม่มอี ุปสรรคปญั หาใดจะมาหยดุ ยง้ั ลงได้น้ัน ก็ลว้ นเปน็ ผลมาจากการบริหารจัดการทีด่ นี ่ันเอง ซึ่งพอจะสรุปภาพรวม เป็นขัน้ ตอนโด ยยอ่ ไดด้ ังนี้ ๑) ทรงวางเป้าหมายการเผยแผ่ไวท้ กี่ ารดับทกุ ขใ์ ห้ชาวโลก ๒) ทรงวางระเบียบวินยั ในการปกครององค์กรไว้อย่างครบถ้วน และชัดเจน ๓) ทรงวางระบบฟกิ สมาชิกใหม่ใหม้ นี ิสัยรกั การปฏบิ ตั มิ รรคมี องค์ ๘ รว่ มกนั เปน็ ทีมอย่างตอ่ เนื่องตลอดชวี ิต ๔) ทรงปลูกฝงั ใหส้ มาชิกองคก์ รมคี วามเคารพในธรรมวนิ ยั เสมอื นเปน็ ศาสดาแทนพระองค์ เพราะความเคารพเป็นคณุ ธรรมสำคญั ที่ทำให้พระพทุ ธศาสนามีอายุยนี ยาว หากขาดคณุ ธรรมน้ีเมอื่ ใด อายุ พระพุทธศาสนาจะสนั้ ลงทันที ๕) ทรงตดิ ตามเคีย่ วเขญ็ อบรมสมาชกิ องคก์ รทัง้ รุ่นเกา่ และ รุ่นใหม่ ให้ทมุ่ เทฟิกปฏบิ ตั ิมรรคมีองค์ ๘ ให้เปน็ นิสัยตอ่ ไปไม่หยดุ จนกวา่ จะบรรลุธรรม ๖) ทรงกระจายงานใหพ้ ระอสตี สิ าวกทำหน้าทบ่ี รหิ ารจดั การและ ตรวจตรางานตา่ ง ๆ แทนพระองค์ ทำใหธ้ รรมจกั รหมุนไปดว้ ย แสนยานุภาพของกองทพั ธรรม ซ่ึงเปน็ สงิ ที่ยงั่ ยนื กว่าการหมนุ ธรรมจกั ร ไปโดยกำลังตามลำพงั ของพระองคเ์ พียงผ้เู ดียว ๕๓สรา้ งปญั ญาเปน็ ทมึ การหมนุ ธรรมจักรของพระบรมศาสดา kalyanamitra.org
๗) เมื่อใดท่เี กดิ ปญั หารา้ ยแรงซงึ่ เกินกำลงั ของหมู,คณะ พระองคจ์ ะทรงลงมาจดั การแกไ้ ขปญั หานนั ๆ ด้วยพระองคเ์ อง ด้วยวธิ กี ารบรหิ ารจัดการองคก์ รอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพเชน่ นี แมพ้ ระองค์เสดจ็ ดับขันธปรินพิ พานไปนานแล้ว สาวกรุ่นหลังกย็ ังคง สามารถอาดัยการบริหารจดั การองคก์ รของพระองคเ์ ป็นแนวทางผลกั ดนั สมาชกิ องค์กรให้ปฏบิ ัตติ ามพระธรรมวินยั ทบี่ ญั ญตั ิไวด้ ีแล้ว ธรรมจักร ของพระองคจ์ งึ ยงั คงหมุนต่อไปไมห่ ยดุ ดว้ ยกำลังของกองทพั ธรรมที่ สร้างข้นึ มาทดแทนกันได้จากคนรุ่นหนึง่ ไปสูอ่ กี รุ่นหน่งึ นัน่ เอง ๕การหมุนธรรมจ้กรของพระบรมศาสดา(X สรา้ งปัญญาเปน็ ทมึ kalyanamitra.org
SB kalyanamitra.org
การหมุนธรรมจกรของพระอสตสาวก kalyanamitra.org
การหมนุ ธรรมจกั รของพระอสีตสิ าวก การท่พี ระสมั มาสม้ พทุ ธเจา้ ทรงบรหิ ารจดั การองค์กรใหเ้ กิดการ ขับเคลอื่ นธรรมจักรดว้ ยกำลงั ของกองทัพธรรมเช่นนี้สงิ่ ที่เราต้องตดิ ตาม ศึกษาตอ่ ไปกค็ อื พระอสตี สิ าวกมีวธิ หี มนุ ธรรมจกั รอยา่ งไร จงึ สามารถ ถา่ ยทอดคุณธรรมความร้คู วามสามารถคณุ วิเศษเฉพาะตนไปสู่สมาชกิ องคก์ รไดส้ ำเร็จ จนกระทง่ั เกดิ การปฏิบัตติ ามพระธรรมวนิ ยั อยา่ งเปน็ ทมี และคนรุน่ ใหม่สามารถหมุนธรรมจกั รสืบตอ่ จากทา่ นตอ่ ไปได้ kalyanamitra.org
พระอสีติสาวก หมายถึง พระมหาสาวกผู้เป็นพระอรหันตเ์ ถระชนั้ ผใู้ หญ่ ๘๐ รปู เป็นขนุ พลกองทพั ธรรมทม่ี บี ทบาทสำคัญอยา่ งยิง่ ในการ ขบั เคลื่อนการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา พระอสีติสาวก ๘๐ รปู แบง่ เป็น ๒ ประเภท ได้แก่ พระอสีติสาวก ที่เปน็ เอตทัคคะ8 ๔๑รูป และพระอสีติสาวกทีไ่ ม่ได้เปน็ เอตทคั คะ ๓๙ รูป ชงึ่ มีบนั ทึกไว้ในพระไตรปฎิ กทง้ั ประวัตกิ ารสรา้ งบารมแี ละประวตั ิ การทำงานท่มี บี ทบาทสำคัญในการเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา ผลทไ่ี ดร้ ับจากการขบั เคลื่อนธรรมจกั รดว้ ยกองทพั ธรรมก็คือ พระอสีติสาวกทัง้ ๘๐ รปู ช่วยกนั การสร้างศิษยส์ าวกร่นุ หลงั ทมี่ คี ณุ ภาพ ท้ังในดา้ นคณุ ธรรม ความรู้ ความสามารถ และคณุ วเิ ศษเทยี บเทา่ กบั อาจารย์ นับเป็นตน้ แบบความสำเรจ็ ของการฟิกคนด้วยวิธีสรา้ งปัญญา ผ่านนิสัยดี ๆ อย่างแท้จรงิ ดงั มีหลักฐานทีพ่ ระสัมมาสัมพทุ ธเจ้าตรสั แสดงไว้ใน จงั กมสตู ร๒ วา่ “ดกู ่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจงดูเหลา่ ภิกษุผู้เดินจงกรมรว่ มกบั พระสารีบุตร ทกุ รปู นน้ั ล้วนเป็นผมู้ ปี ญั ญามาก, เธอจงดูเหล่าภิกษุผเู้ ดนิ จงกรมร่วมกบั พระโมคคลั ลานะ ทกุ รูปนัน้ ลว้ นเป็นผ้มู ีฤทธม๋ึ าก ‘ เอตทัคคะ คือตำแหน่งพเิ ศษที่พระสม้ มาส้มพทุ ธเจา้ ทรงแต่งต้งั ใหแ้ ก่พระอรทน้ ตสาวก ผู้ชำนาญในคณุ วิเศษหรอื มีคุณธรรมเฉพาะด้าน ท่ีเลศิ กว่าพระสาวกรปู อ่ืน ๆ ๒ สํ.นิ.จง้ กมสูตร (ใทย) ๑๖/๙(St!๑๘๗-®๘๙ การหมนุ ธรรมจกั รของพระอสีตสิ าวก ■๐๐ สรา้ งปญั ญาเป็นทีม kalyanamitra.org
“เธอจงดูเหลา่ .ภกิ ษ,ุ ผ.ู้ 'เดนิ -จงกรม'รว่ มกับพระมหากสั สปะ ทุกรปู ล้วน - เป็นผู้'ชำนาญการอยธู่ ดุ งค์, เธอจงดเู หลา่ ภกิ ษุผูเ้ ดินจงกรมร่วมกบั พระอนรุ ุทธะ ทุกรูปลว้ นเปน็ ผู้มตี าทพิ ย์ “เธอจงดเู หลา่ ภกิ ษุผเู้ ดนิ จงกรมรว่ มกับพระบ่ณณมันตานีบุตร ทกุ รูปล้วนเป็นธรรมกถกึ , เธอจงดเู หลา่ ภกิ ษผุ เู้ ดินจงกรมรว่ มกบั พระอบุ าลี ทกุ รูปล้วนเป็นผูท้ รงวนิ ยั , เธอจงดูเหลา่ ภกิ ษุผ้เู ดนิ จงกรม รว่ มกับพระอานนท์ ทุกรปู ลว้ นเป็นพหสู ตู ...” การที่พระอสีตสิ าวกสรา้ งลูกคิษย์รนุ่ หลังให้มคี ณุ ภาพเทยี บเทา่ กับ ตวั ทา่ นไดส้ ำเรจ็ นน้ั ก็เพราะวา่ ทา่ นมีวิธหี มุนธรรมจกั รในภาคปฏิบตั ิอยู่ ๔ ประการ คือ ๑) หมนุ ธรรมจกั รด้วยกิจวัตรประจำวนั ของบรรพชติ ๒) หมุนธรรมจกั รด้วยคณุ ธรรมพิเศษประจำตัวของแต่ละองค์ ถ) หมุนธรรมจกั รด้วยยุทธศาสตร์การเผยแผท่ ีเ่ รียกวา่ ทิศ ๖ ๔) หมนุ ธรรมจักรดว้ ยการป้องกนั 1ภยั อันตรายให้แก่พระพุทธ ศาสนา การหมุนธรรมจักรด้วยวธิ ีการเหลา่ นเี้ อง ทำใหพ้ ระธรรมวินยั ใน ภาคปรยิ ัตแิ ละการฟิกมรรคมีองค์ ๘ ในภาคปฏบิ ตั ิไดร้ ับการถา่ ยทอด สส่ มาชิกองค์กรอยา่ งครบถ้วน ไมว่ ่าสมาชิกท่านน้ันจะอาด้ยอยใู่ น สร้างปัญญาเปน็ ทีม จัว๑ การหมนุ ธรรมจักรของพระอสีติสาวก kalyanamitra.org
แว่นแควน้ ที่หา่ งไกลเพียงใด กไ็ ด้รบั ฟังคำสอนอย่างครบถ้วนและทั่วถงึ ไมต่ กหลน่ แมแ้ ต่ผู้เดยี วและคำเดียว ทำใหร้ ะบบการศึกษาทใ่ี ช้วิธสี ร้าง ปญั ญาดับทกุ ขผ์ ่านการฝึกปฏิบตั ิมรรคมีองค์ ๘ ให้เปน็ นิสยั ได้รับ ความเชอื่ มน่ั จากประชาชนเปน็ อย่างมาก การเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาจึง ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางด้วยวิธหี มุนธรรมจักรในภาคปฏิบตั ิ ของพระอสตี ิสาวกกองทพั ธรรม การหมนุ ธรรมจักรของพระอสีติสาวก ๖ไ© สรา้ งปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
few :ร-รพุ '' kalyanamitra.org
พระสารบี ตุ ร จ สำหรับการอธบิ ายเร่ืองน้ใี หเ้ ห็ใ.•เภาพในทางปฏบิ ตั ิจริง จะขอยก ตวั อย่างเรอ่ื งการหมุนธรรมจักรของพระสารีบตุ ร พระอัครสาวกเบ้ืองขวา ผ้มู ีปัญญามาก เพือ่ เปน็ กรณีศกึ ษาในการสรา้ งปญั ญาเปน็ ทีมดว้ ยวธิ กี าร หมุนธรรมจกั รของทา่ น kalyanamitra.org
พระสารีบุตรเปน็ ใคร พระสารีบตุ ร คือ พระมหาสาวกชนั้ ผใู้ หญ่ ได้รับการแตง่ ต้งั จาก พระสมั มาสม้ พุทธเจา้ ไวในตำแหนง่ พระอคั รสาวกเบ้ืองขวา ผมู้ ปี ัญญา เป็นเลศิ เหนือกวา่ พระสาวกทกุ รปู ของพระองค์ โดยท่านได้รับการแตง่ ตง้ั คกู่ ับพระอคั รสาวกเบอ้ื งซ้าย ผู้เป็นสหายรกั ของทา่ นคือ พระโมคคัลลานะ ผมู้ ฤี ทธ้เื ป็นเลิศ เหนอื กว่าพระสาวกทุกรปู พระสมั มาสัมพทธเจ้าตรัสยกยอ่ งปญั ญาของพระสารบี ตุ ร พระสัมมาสม้ พทุ ธเจ้าทรงกล่าวยกยอ่ งปัญญาของพระสารีบุตร ไว่ในแงม่ มุ ตา่ ง ๆ หลายประการ เช่น ๑) ทรงยกยอ่ งวา่ พระสารบี ุดรเป็นผ้มู ีปญั ญามาก “ดกู ่อนภกิ ษทุ ้งั หลาย บรรดาภกิ ษสุ าวกของเราผู้มีปญั ญามาก สารีบุตรเปน็ ผู้เลศิ ”', “สารีบตุ รเป็นบัณฑติ เป็นผูม้ ีปญั ญามาก เปน็ ผมู้ ีปัญญาแนน่ หนา เป็นผู้มปี ญั ญาชวนให้รา่ เรงิ เป็นผมู้ ีปัญญาไว เป็นผมู้ ีปัญญาหลักแหลม เปน็ ผู้มีปัญญาแหลมคม มปี ัญญาเครอื่ งชำแรกกิเลส”๒ ‘ อง.ฺ เอก.เอตท้คควรรค (ไทย) ๒๐/๑๘๙/๒๕ ๒ ม.อ.ุ อนุปทสตู ร (ไทย) ๑๔/๙๓/๑๑๐ พระสารีบตุ รด้นแบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทีม ไอG? สร้างปัญญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
๒) ทรงยกยอ่ งว่าพระสารบี ตุ รมีปญั ญารองจากพระองค์เพียง ผู้เดียว “ภิกษนุ ีบ้ ำเพ็ญบารมมี าหนึง่ อสงไขย กำไรแสนกปั ให้ธรรมจกั รท่ี เราให้เป็นไปเป็นไปแสว้ เธอเปน็ ผ้สู อนองคท์ ่สี องที่เฑได้เฉพาะ เปน็ ผ้ใู ห้ สาวกสันนบิ าตครบ ภิกษุนึ่'เวน้ เราเสีย หาผู้เสมอดว้ ยปัญญาในหมืน่ จักรวาลไมไ่ ด้ เธอมีปัญญามาก มีปัญญาหนาแน่น มปี ญั ญากลา่ ว ให้บันเทงิ ได้ มีปัญญาแลน่ ไปเรว็ มีปัญญากลา้ มีปญั ญาในการแทง ตลอด”๑ ถ) ทรงยกย่องวา่ พระสารีบตุ รหมุนธรรมจักรไดย้ อดเย่ยี ม ดจุ เดยี วกับพระองค์ “ดูกอ่ นภิกษุทั้งหลาย เรายอ่ มไมเ่ ลง็ เหน็ บุคคลอน่ื แมค้ นเดียว ผ้ยู งั ธรรมจกั รทย่ี อดเยย่ี มอันตถาคตใหเ้ ปน็ ไปแลว้ ให้เปน็ ไปตามโดยชอบ เหมือนสารีบตุ รนีเ้ ลย ดูก่อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย สารบี ตุ รยอ่ มยังธรรมจกั รที่ ยอดเยย่ี ม อนั ตถาคตให้เป็นไปแลว้ ให้เป็นไปตามโดยชอบทีเดยี ว”'0 ๔) ทรงยกยอ่ งวา่ พระสารบี ตุ รเป็นผ้มู ธี รรม ๔ ประการ ท่ีใช้ หมุนธรรมจักร “ดูกอ่ นภิกษุท้ังหลาย พระสารบี ุตรในธรรมวนิ ัยนเ้ี ปน็ ผู้ร้จู กั ผล & รูจ้ ักเหตุ ๑ รจู้ กั ประมาณ ๑ รู้จักกาล ๏ รูจ้ กั บริษทั ๑ ดกู ่อนภิกษุ ส.ํ มหา.อ.จนุ ทสูตร (ไทย) ๓๐/๔๓๘-๔๓๙ ๒ อง.ฺ เอก.เอกปุคคลวรรค (ไทย) ๒๐/๑๘๗/๒๕ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม '๐(๙ พระสารบี ตุ รตน้ แบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org
ทงั้ หลาย พระสารบี ุตรประกอบดว้ ยธรรม ๕ ประการน้ีแล ย่อมยงั ธรรมจักรช้ันเย่ยี ม ท่ตี ถาคตให้เปน็ ไปแล้ว ให้เปน็ ไปตามโดยชอบเทียว ธรรมจักรนั้นยอ่ มเป็นจกั รอันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือ ใคร ๆ ในโลก จะคดั คา้ นไมไ่ ด\"้ ,1' ๔) ทรงยกยอ่ งว่าพระสารบี ตุ รเปน็ ผูช้ ำนาญในอริยธรรม “ดกู ่อนภกิ ษุท้ังหลาย ผู้กลา่ วชอบ พึงกลา่ วชมภิกษุรูปใดว่าเปน็ ผูถ้ ึงความชำนาญ ถึงบารมี (คุณธรรมใหถ้ งึ ความสำเรจ็ ) ในอรยิ ศีลใน อรยิ สมาธิ ในอรยิ ปญั ญา ในอริยวมิ ตุ ติ ภกิ ษุรูปนัน้ คือสารบื ตุ รนัน่ เอง\"๒ ๕) ทรงยกย่องว่าพระสารบ็ ุตรเป็นพุทธชโิ นรส “ดกู อ่ นภิกษทุ ัง้ หลาย ผกู้ ล่าวชอบ พงึ กลา่ วชมภกิ ษุรปู ใดว่าเปน็ พทุ ธชโิ นรส เกดิ จากพระโอฐของพระผมู้ ีพระภาคเจา้ เกดิ แตธ่ รรม เป็น ผอู้ นั ธรรมเนรมิตขึ้น เป็นธรรมทายาท ไม่ใช่อามิสทายาท ภกิ ษุรูปน้นั กค็ อื สารีบุตรน่ันเอง\"''' ๖) ทรงยกยอ่ งวา่ พระสารบ็ ุตรมคี ณุ สมบัติของนกั การทตู “ดูกอ่ นภิกษุท้งั หลาย สารีบตุ รในธรรมวินัยนเี้ ป็นผู้ริบฟัง ๑ ใหผ้ อู้ ่นื รบิ ฟงั ๑ เรยี นดี ๑ ทรงจำไวด้ ี ๑ รเู้ อง ๑ ใหผ้ อู้ ืนรู้ ๑ เปน็ ผฉู้ ,.ลาด ตอ่ ท่งี ทม่ี ีประโยชนแ์ ละไม่มีประโยชน์ ๑ ไมก่ ่อการทะเลาะ ร) ดกู อ่ น • อง.ฺ ปฌฺจก.ทตุ ิยจักกานวุ ตั ตนสตู ร (ไทย) ๒๒/๑๓๒/๒๑๓-๒®๔ B ม.อุ.อนปุ ทสูตร (ไทย) ๑๔/๙๗/๑๑๔-®®๕ ๓ ม.อ.ุ อนปุ ทสตู ร (ไทย) ๑๔/๙๗/®®๕ พระสารบี ตุ รต้นแบบการหมุนธรรมจกั รเป็นทีม ---ธ----- - ๗๐ สร้างปญั ญาเป็นทมึ kalyanamitra.org
ภกิ ษทุ ัง้ หลาย สารีบุตรประกอบด้วยธรรม ๘ ประการน้แี ล ควรไปเป็น . ทูตได้\"a ฟ) ทรงยกย่องว่าพระสาร็บตุ รเปรยี บเหมือนมารดาผใู้ ห้กำเนดิ พระโสดาบัน “ดกู อ่ นภิกษุทง้ั หลาย สารบี ตุ รเหมือนมารดาผู้ปงั เกดิ เกล้า โมคคลั ลานะเหมือนมารดาเลยี้ งทารกที่เกดิ แลว้ ดูก่อนภกิ ษทุ ั้งหลาย สารีบตุ รยอ่ มแนะนำในโสดาปตั ตผิ ล โมคคัลลานะยอ่ มแนะนำในผลที่ สงู ขึน้ ไป” ๒ ๘) ทรงยกย่องวา่ พระสารีบตุ รเปน็ ธรรมเสนาบดี คร้งั หนึง่ เสลพราหมณ\"์ ผ้ชู ำนาญในไตรเพทและการทำนาย ลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ ไดก้ ราบทูลถามวา่ “ข้าแตพ่ ระโคดม พระองค์ทรงปฏิญาณว่าเปน็ สัมพทุ ธะ และตรสั วา่ เป็นธรรมราชา ไมม่ ผื อู้ ่ืนยิ่งกวา่ ทรงประกาศธรรมคกั ร ด้งนี้ ใครหนอ เปน็ เสนาบดขี องพระองค์ท่าน เป็นสาวกผูอ้ ำนวยการของพระศาสดา ใครหนอประกาศธรรมคกั รตามที่พระองคท์ รงประกาศแล้วนีไ้ ด้ ?’’ พระสัมมาสัมพุทธเจา้ ตรสั ตอบว่า ๑ อง.ฺ อฎฺฐก.ทูเตยยสตู ร (ไทย) ๒๓/๑๖/๒๔๒-๒๔๓ ม.อ.ุ สจั จวิภังคสูตร (ไทย) ๑๔/๓๗๑/๔๑๗ ๓ ข.ุ ส.ุ เสลสตู ร (ไทย) ๒๕/๕๖๑-๕๖๓/๖๓๖ สร้างปญั ญาเปน็ ทมี ๗๓ พระสารีบตุ รต้นแบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทมี kalyanamitra.org
“ธรรมจกั รอันไม่มีจกั รอนื่ ยิ่งกว่า เป็นจกั รท่เี ราประกาศแล้ว . สารบี ุตรผู้เปน็ อนุชาตบุตรตถาคต ย่อมประกาศตามได’้ ’ อนุชาตบุตร คือ บตุ รทม่ี คี ุณสมบตั เิ สมอด้วยบิดามารดา จาก พระดำรัสในทีน่ ้จี ึงหมายความวา่ พระสารบี ุตรเปน็ พระธรรมเสนาบดี ท่มี ีคุณสมบัตใิ นการหมุนธรรมจักรเสมอด้วยพระบรมศาสดา จากตวั อยา่ งพทุ ธพจนท์ พ่ี ระบรมศาสดาตรัสยกย่องพระสารบี ุตร ไว้มากมายเชน่ นี้ ก็พอทำให้เราทราบวา่ พระสารีบตุ รเปน็ พระมหาสาวก ผเู้ ลิศดว้ ยปญั ญาอยา่ งแท้จรงิ ใครไดม้ าเป็นลกู ศิษยข์ องทา่ น กจ็ ะได้รบั การเคยี่ วเข็ญอบรมจนกระทั่งมีปญั ญาตามท่านไปดว้ ย ทำให้ไม่ว่าทา่ น เดินทางไปเผยแผย่ งั ทศิ ใด ทิศน้ันก็จะมีผบู้ รรลุธรรมบงั เกดิ ข้ึนมากมาย ดุจเดยี วกับพระบรมศาสดาเสด็จไปประกาศธรรมด้วยพระองคเ์ อง สมดงั ที่พระบรมศาสดาตรสั ว่า “สารีบตุ รและโมศคลั ลานะอยใู่ นทศิ ใด ทิศนั้นของเราย่อมไม่ว่างเปลา่ ศวามไม่ห่วงใยยอ่ มมใี นทิศน้ัน”๑ พระมหาสาวกกล่าวยกยอ่ งปญั ญาของพระสารีบตุ ร นอกจากได้รับคำยกย'องชนื่ ชมจากพระบรมศาสดาแลว้ พระอรหนั ตห์ ลายรูปทเี่ คารพรกั คุณธรรมของพระสารีบุตร กก็ ล่าวยกย่อง คณุ ธรรมของทา่ นไว้อย่างมากมาย สํ.ม.อกุ กเจลสตู ร (ไทย) ๑๙/๓๘๐/๒๓๕ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเปน็ ทมี ๓ท© สร้างปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org
๑) พระวังดสี ะ ผเู้ ปน็ เลศิ ด้านปฏิภาณ ยกย่องว่าพระสารบี ุตร เป็นนักปราชญ์ “พระสารบี ตุ รเปน็ นักปราชญ์ มีปญั ญาลกึ ซง้ึ ฉลาดในทางและมใี ช่ ทางมีปญั ญามาก ย่อมแสดงธรรมแก่ภกิ ษทุ ั้งหลาย แสดงโดยย่อกไ็ ด้ แสดงโดยพิสดารก็ได้ “เสยี งของทา่ นไพเราะด้งก้องเหมือนเสียงนกสาลิกา ปฏภิ าณ เกิดข้ึนโดยไมร่ ูส้ นิ้ สดุ เมอ่ื ท่านแสดงธรรมอยู่ ภกิ ษทุ ั้งหลายย่อมพงิ เสยี งอนั ไพเราะ เปน็ ผู้ปลื้มจติ ยนิ ดีดว้ ยเสียงอนั เพราะ นา่ ยินดนี า่ พิง เง่ยี โสตอย”ู่ a ๒) พระปุณณมนั ตานบี ตุ ร ผ้เู ปน็ เลศิ ด้านธรรมกถกึ ยกยอ่ งวา่ พระสารบ็ ุตรมีปญั ญาลกึ ซึง้ รู้ทัว่ ถึงธรรมของพระบรมศาสดา เป็นลาภ อยา่ งยิง่ ท่ไี ดน้ ่ังใกล้ “น่าอศั จรรย์จรงิ ไม่เศยปรากฏ ปัญหาอันลกึ ซ้ึงท่ีทา่ นสารีบตุ รเลอื ก เพนิ มาถามแลว้ ด้วยปัญญาอนั ลึกซึ้งตามอยา่ งพระสาวกผู้ไดส้ ดบั แลว้ รู้ท่วั ถงึ ดำสอนของพระบรมศาสดาโดยถอ่ งแทจ้ ะพงึ ถามฉะนน้ั เป็นลาภ อย่างมากของเพอ่ื นพรหมจารีทัง้ หลาย เพ่ือนพรหมจารีทั้งหลายได้ดแี ลว้ ที่ไดพ้ บเหน็ ได้นง่ั ใกล้ท่านพระสารีบตุ ร”'\" ช.ุ เถร.วงคสเถรคาถา (ไทย) ๒๖/๑๒๔๐-๑๒๔๒/๕๔๑-๕๔๒ ๒ ม.มู.รถวินีตสูตร (ไทย) ๑๒/๒๖๐/๒๘๔ สรา้ งปญั ญาเป็นทมี ๗๓ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมุนธรรมจกั รเป็นทมี kalyanamitra.org
ถ) พระอานนนท์ ผเู้ ปน็ เลิศด้านพุทธอุปัฏฐาก ยกย่องว่า พระสารบี ตุ รเป็นผูก้ ลา่ วธรรมภาษติ ดจุ เดียวกบั พทุ ธพจน์จากพระโอษฐ์ ของพระบรมศาสดา “ดกู ่อนทา่ นสารบี ุตรผ้มู อี ายุ เม่อื ก้ีน้กี ระผมเขา้ ไปเฝ็าพระผู้มื พระภาคเจ้า ไดท้ ลู ถามเนอื้ ความอนั นี้ แม้พระผู้มพื ระภาคเจ้า กท็ รง พยากรณ์เนือ้ ความอันน้ี ด้วยบทเหลา่ นี้ ด้วยพยัญชนะเหล่าน้ีแก่กระผม เหมือนท่ีท่านพระสารีบตุ รพยากรณ์ “ดูกอ่ นท่านสารบี ุตรผู้มอื ายุ น่าอัศจรรย์ ไม'่ เคยมมี าแสว้ การที่ อรรถกับอรรถ พยัญชนะกบั พยัญชนะ ของพระศาสดาและของพระสาวก เปรียบเทียบกนั ได้ เสมอกนั ไม่ผดิ กนั ในบททีเ่ ลศิ น”ี้ '3' ๔) พระโมคคัลสานะ ผู้เปน็ เลศิ ดา้ นมีฤทธม้ี าก ยกยอ่ งว่า พระสารีบุตรเปน็ ผมู้ ีฤทธมาก คํ่าวันหนึ่ง พระสารบี ุตรนั่งเขา้ สมาธิอยกู่ ลางแจง้ (พำนักอยู่กบั พระโมคคัลลานะท่ีกโปตกนั ทราวิหาร ใกล้กับกรงุ ราชคฤห์) ขณะนั้นยกั ษ์ สองตนเหาะผ่านมาเห็นพระสารบี ุตรนง่ั อยู่ ยกั ษ์ตนหน่งึ เคยผูกอาฆาตพระเถระไวัในชาตกิ อ่ นใช้กำปันทุบลง บนศรี ษะของพระเถระเตม็ แรง กำลงั ที่ยักษต์ ลี งมานันสามารถทบุ * อง.ฺ เอกาทสก.ปฐมสญั ญาสตู ร (ไทย) ๒๔/๗/๔๐๐-๔๐๑ พระสารีบตุ รด้นแบบการหมุนธรรมจักรเป็นทมี OFGT สร้างปัญญาเปนทีม kalyanamitra.org
พญาชา้ งสงู ๘ ศอก ให้จมหายลงดินไดในคราวเดยี ว สามารถทุบทำลาย ยอดภเู ขาใหญใ่ ห้พนิ าศไดในพรบิ ตา ยักษ์ตนนัน้ เมือ่ ไปทำร้ายพระอรหนั ต์ บาปท่ที ำรา้ ยต่อผู้มคี ณุ ธรรม มาก ไดโี หมไหม้จนเกิดความเรา่ ร้อนดุจไฟเผาขึน้ ทั่วร่าง แลว้ ตกลงไปสู่ อเวจีมหานรกทันที พระโมคคลั ลานะเห็นเหตกุ ารณท์ ้ังหมดด้วยตาทพิ ย์ จงึ รบี มาหา พระสารบี ุตรทข่ี ณะนนั้ เพ่งิ ออกจากสมาบัติ พรอ้ มทง้ั เลา่ เรอ่ื งราวใหฟ้ งั “อาวโุ ส เมอื่ คร่ยู กั ษต์ ศี รี ษะของทา่ นดว้ ยกำลังแรงกล้า ทา่ นยังพออด พอทนไดห้ รือ ท่านไม่มที ุกข์อะไร ๆ เกดิ ขึน้ บ้างหรอื ” พระสารบี ุตรกต็ อบวา่ “ผมยังพออดทนได้อยู่ ร่างกายยังเปน็ ปกติ ดอี ยู่ แตบ่ นศีรษะของผมรู้สึกเจบ็ ๆ นิดหนอ่ ย” พระโมคคลั ลานะได้ยินเชน่ นั้น กก็ ล่าวยกย่องชนื่ ชมวา่ “พระสารบี ตุ ร เป็นผ้มู ีฤทธืม้ าก มีอานภุ าพมาก แม้ถูกยักษท์ บุ ทำรา้ ยอย่างรุนแรง กเ็ พยี งเจ็บศรี ษะนดิ หนอ่ ย’”1, ส่วนพระสารบี ตุ รกก็ ล่าวชมพระโมคคลั ลานะ ว่า มีฤทธ้ิ มีอานุภาพมาก เพราะท่านมองไมเ่ หน็ แม้ปศี าจสกั ตวั (พระสารีบุตร ทา่ นกล่าวเช่นนน้ั ด้วยอำนาจความมักนอ้ ยของท่านเพราะขณะท่ี ยักษ์ตี ท่านกำลังเช้าสมาบตั อิ ยู่ จึงไมไ่ ด้สอดญาณดูด้วยตาทพิ ย์ ทำให้ ไม่ เหน็ ยักษ์) ช.ุ ช.ุ ยกั ขปหารสูตร (ไทย) ๒๕/๓๔/๒๔® สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม พระสารีบุตรตน้ แบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทีม kalyanamitra.org
๔) พระมหาสาวกชน้ั ผู้ใหญ่ชอบฟง้ พระสารีบตุ รแสดงธรรม สมยั หนง่ึ พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ ประทบั อยู่ท่ปี าโคสิงคสาลวัน พรอ้ มดว้ ยพระมหาสาวกทีม่ ชี ื่อเสยี งหลายรปู คอื พระสารบี ุตร พระมหาโมคคลั ลานะ พระมหากัสสปะ พระอนรุ ทุ ธะ พระเรวตะ พระอานนท์ และพระมหาสาวกซ่งึ มีชอ่ื เสยี งรูปอน่ื ๆ อกี คร้งั น้ัน พระมหาโมคคลั ลานะออกจากท่ีหลกี เร้นในเวลาเยน็ แลว้ ชวนพระมหากสั สปะไปหาพระสารบี ตุ รเพอ่ื ฟงั ธรรม ซ่งึ เปน็ เวลาเดยี วกับ ท่พี ระอนรุ ทุ ธะไปหาพระสารีบุตรเพ่ือฟังธรรมเช่นกนั ลำดบั นน้ั พระอานนทเ์ หน็ พระมหาสาวกทง้ั สามรูปเข้าไปหา พระสารีบุตร จงึ ไปชวนพระเรวตะ (ผู้เลศิ ด้านฌานสมาบตั ิ) เขา้ ไปหา พระสารีบุตรเพอื่ ฟงั ธรรมดว้ ยกัน เมื่อพระมหาสาวกทง้ั ห้ารูปมาพรอ้ มหน้ากนั แลว้ พระสารีบุตรก็ ต้งั หวั ข้อธรรมขึ้นว่า ปาโคสงิ คสาลวนั เปน็ สถานที่น่ารน่ื รมย์ ราตรี แจ่มกระจ่าง ไมส้ าละงามมดี อกบานสะพรั่งทว่ั ต้น กลน่ิ คล้ายทิพย์สุคนธ์ หอมฟงั ไปท่ัว ปา่ อันนา่ รื่นรมย์เชน่ น้ี จะพงึ งดงามด้วยภกิ ษเุ ช่นไร ?๑ ลำดับน้นั พระมหาสาวกท้งั ห้ารูปก็ทยอยตอบคำถามหัวข้อธรรมนี้ ทีละรูปตามความชำนาญของตน ม.มู.มหาโดสงิ คสตู ร (1ทย) ๑๒/๓๓๒-๓๔ริ'/๓๖๖-๓๗๖ พระสารบี ตุ รตน้ แบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทมี สรา้ งปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
พระอานนทช์ ำนาญในพหสู ตู จึงตอบว่า ปาพึงงามด้วยภิกษผุ ้เู ป็น „ พหูสูต พระเรวตะชำนาญในฌานสมาบตั ิจึงตอบวา่ ปาพึงงามดว้ ยภิกษุ ผเู้ ขา้ ฌานสมาบัติ พระอนรุ ุทธะชำนาญในตาทิพย์จงึ ตอบวา่ ปาพึงงามด้วยภิกษุ ผตู้ รวจดโู ลกด้วยตาทิพย์ พระมหากัสสปะชำนาญในธุดงควัตรจึงตอบว่า ปาพงึ งามดว้ ยภกิ ษุ ผู้อยู่ธุดงคเ์ ปน็ วัตร สองรปู พโรZะมหคาันโถมาคZคลั อลโา£น๒ะชโาำXนาญLในฤทโดธยจึงไตมอต่ บ้อวงา่หยปดุ าZพึงงามดว้ ยภิกษุ เม่อื พระมหาสาวกทง้ั หา้ รูปตอบคำถามแล้ว พระมหาโมคดล้ ลานะ จงึ ถามความเหน็ ของพระสารีบุตรบา้ ง ซึง่ ทา่ นตอบวา่ ปาพงึ งามดว้ ยภกิ ษุ ผู้เข้าวิหารสมาบตั ๑ิ ไดต้ ามใจปรารถนาทงั้ เวลาเช้า เวลาเทย่ี ง เวลาเย็น ลำดับน้ัน เมอ่ื พระมหาสาวกทุกรปู ตอบคำถามตามความชำนาญ ของแตล่ ะท่านแล้ว ก็ชักชวนคันไปเข้าเฝา็ พระสัมมาล้มพุทธเจา้ เพอ่ื ทูล ถามปัญหานี้ หลงั จากสดบั ฟังพระสารีบุตรกราบทูลเรื่องราวทั้งหมดแลว้ 51 วหิ ารสมาบตั หิ มายถึงการเขา้ ถงึ ธรรมเปน็ เครอื่ งอย่วู า่ โดยความประณีตแหง่ จติ ม๙ี คือ ตงั้ แตป่ ฐมฌานไปจนถึงสญั ญาเวทยติ นโิ รธสมาบัติ วา่ โดยช่ือมีมากมาย เช่น เมตตา วหิ ารสมาบตั ิ สุญญตวหิ ารสมาบัติ มหาปรุ ิสวิหารสมาบตั ิ เปน็ ตน้ วหิ ารสมาบตั ินื้มีท้ัง โลกียะและโลกุตตระ สร้างปัญญาเป็นทีม ถพ พระสารบี ุตรต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทมี kalyanamitra.org
พระพุทธองคท์ รงชนื่ ชมคำตอบของพระมหาสาวกทุกรปู ว่าเปน็ สุภาษิต น แลว้ ตรสั ตอบวา่ “ปาพงึ งามด้วยภิกษผุ ้กู ลับจากบณิ ฑบาต ฉันภตั ตาหารแล้ว น่งั ขดั สมาธิ ตงั้ กายตรง ดำรงสตเิ ฉ,พาะหนา้ วา่ หากจติ ของเรายงั ไมห่ มด ความยึดม่นั ถอื มน่ั ยงั ไมห่ สุดพ้นกิเสสอาสวะ เราจะไมส่ ุกข้นึ จาก สมาธิบัสลงั ก”์ (ซึ่งกค็ ือการบำเพญ็ เพยี รแบบอทุ ศิ ชวี ติ เช่นเดียวกบั วันที่ พระองคต์ รสั รูธ้ รรม) พระมหาสาวกได้ฟังคำตอบของพระพทุ ธองค์แล้ว ต่างช่นื ชม พระภาษติ ของพระองค์เป็นอันมาก จากตัวอย่างคำยกยอ่ งพระสารีบุตรของพระอรหนั ตท์ ย่ี กมา แสดงน้ี จะเห็นได้วา่ พระสารีบุตรเป็นท่ีรกั เคารพของหมสู่ งฆเ์ ปน็ อนั -มาก บางทา่ นเคารพรักในฐานะเพ่อื นสหธรรมกิ บางทา่ นเคารพรักในฐานะครู อาจารย์ บางทา่ นเคารพรกั ในปญั ญาความรคู้ วามสามารถ บางทา่ นเคารพ รกั ในคุณธรรมความดีงาม ซงึ่ ไม่วา่ จะเป็นความเคารพรักในแงม่ ุมใด ส่ิงเหลา่ น้ีสะท้อนถงึ การเป็นทยี่ อมรบั ในฐานะของพระธรรมเสนาบดี ผมู้ ปี ญั ญาเป็นเลศิ ซง่ึ หาได้ยากทจี่ ะมีพระมหาสาวกรูปใดไดร้ บั การยกย่องชน่ื ชมอย่างมากมายจากเหล่าพระอรหันตส์ าวก ท้งั กองทัพธรรมเหมือนกับท่านเช่นนี้ aพระสารบี ุตรด้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทมี๗ สร้างปัญญาเป็นทีม kalyanamitra.org
วิชาครขู องพระสารีบุตร ในเร่อื งการเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น พระสารบี ุตรและพระอสตี ิ มหาสาวกทุกรูปลว้ นมหี วั ใจดวงเดยี วกัน นัน่ คือ การช่วยพระพุทธองค์ ร้ือขนสรรพสตั วแ์ หกคกุ คอื วฏั สงสารไปให้ได้มากท่สี ุด กอ่ นทีอ่ ายุสงั ขาร ของท่านจะหมดลงอนั เป็นเหตุให้ถงึ วาระปรินิพพาน ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ตอ้ งแขง่ เวลากบั อายุสังขารทงั้ ของ ตวั เองและพระบรมศาสดาเช่นน้ี ผู้ทีเ่ ป็นกำลังสำคญั ในการผลกั ดันงาน เผยแผ่ให้ขยายออกไปอยา่ งรวดเรว็ ท่ีสุดกค็ อื พรร;สารบี ุตร ทัง้ นเ้ี พราะว่า “วิชาคร”ู ของพระมหาสาวกทุกรูปน้นั วชิ าครขู องพระสารบี ตุ รอยูในระดับ ท่ีใกลเ้ คยี งกบั พระพุทธองคม์ ากทสี่ ดุ ทำใหก้ ารถ่ายทอดคณุ ธรรม.ความรู้ ความสามารถ ไปสล่ กู คษี ย์ของพ่าน จงึ ทำไดเ้ ต็มคักยภาพกวา่ พระมหาสาวก รูปอ่นื ๆ จนกระทงั่ ไดร้ ิบการรบั รองจากพระบรมศาสดาวา่ “สารบี ุตร เธอไปในทศิ ใด ทิศนั้นไม่วา่ งเปลา่ อากพุทธบริษัท โอวาท ของเธอเชน่ เดยี วกบั โอวาทของพระพทุ ธเจา้ ทัง้ หลาย’’'11 สาเหตทุ ่ีพระสารีบุตรมีวิชาครูมากกวา่ พระสาวกรูปอื่น ๆ กเ็ พราะ วา่ การสรา้ งบารมีเพอื่ เป็นพระอคั รสาวกเบือ้ งขวา ผู้เลิศด้วยปญั ญา จะต้องใชเ้ วลาสังสมวชิ าครูประมาณ ๑ อสงไขย กบั ๑ แสนมหากัป ๒ ° ที.ม.อ.มหาปทานสูตร (ไทย) ๑๓/๘๕ ๒ การนบั เวลาการสร้างบารมีของพระพุทธะแต่ละประเภท จะนบั จากการไดร้ บั พยากรณ์ จากพระสมั มาสม้ พทุ ธเจา้ เป็นครงั้ แรก ผู้!ด้รบี พยากรณแ์ ลว้ เรียกว่า \"พระนยิ ตโพธสิ ตั ว์- เทยี่ งแหท้ จ่ี ะตรสั ร\"ู้ นับแตน่ น้ั เป็นตน้ มาจนกว่าจะตรสั รู้ธรรมเปน็ พทุ ธะแตล่ ะประเภท (ส้มมาส้มพทุ ธะ ปัจเจกพุทธะ สาวกพทุ ธะ) สรา้ งปัญญาเป็นทีม ๗©โ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทีม kalyanamitra.org
สว่ นการสรา้ งบารมีเพ่ือเป็นมหาสาวกเอตทัคคะดา้ นใดดา้ นหน่ึง ใชเ้ วลาส่ังสมวชิ าครปู ระมาณ ๑ แสนม,หากปั ขณะท่พี ระบรมศาสดาใช้เวลาสงั่ สมวิชาครูประมาณ ๔ อสงไขย กบั ๑ แสนมหากัป เมอ่ื นำมาเทยี บเคียงกันแลว้ กจ็ ะพบวา่ พระอัครสาวก ใชเ้ วลาสง่ั สมวิชาครูมากกว่าพระมหาสาวกท่เี ป็นเอตทคั คะประมาณ ๑ อสงไขย แตย่ ังน้อยกว่าพระบรมศาสดาอยปู่ ระมาณ ๓ อสงไขย ด้วยเหตนุ ี้ ในบรรดาพระสาวกท้ังหมดนน้ั จงึ มีเพยี งพระสารบี ุตร กบั พระโมคคัลลานะทม่ี วี ิชาครอู ยูใ่ นระดับใกลเ้ คยี งพระบรมศาสดามาก ท่ีสุด แตเ่ นอื่ งจากพระโมคคัลลานะชอบสอนพระโสดาบันให้เปน็ พระอรหนั ต์ ขณะที่พระสารบี ุตรชอบสอนปุถชุ นใหเ้ ป็นพระโสดาบัน แล'้ ดังน้ัน ในฐานะท่ีเราเองกย็ ้งเปน็ ปถุ ชุ นอยู่ เมื่อต้องการศกึ ษา เร่ืองวธิ หี มุนธรรมจักรด้วยกองทพั ธรรม กค็ วรศึกษาจากวิชาครูของ พระสารบี ตุ ร ซ่งึ ท่านใชฟ้ กิ ปุถชุ นให้เป็นผ้เู ลศิ ด้วยปญั ญา โดยศกึ ษาผา่ น ประเด็นสำคัญ ๔ เรอื่ ง ด้งต่อไปนี้ คอื ๑) กจิ วัตรประจำวัน ๒) คณุ ธรรม ประจำตวั ๓) การสร้างเครอื ขา่ ยคนดีในทศิ ๖ ไวร้ อบตวั ๔) การปอ้ งกนั ภัยอนั ตรายใหแ้ ก่พระพทุ ธศาสนา พระสารบี ตุ รตน้ แบบการหมุนธรรมจ้กรเป็นทีม (^๐ สร้างปัญญาเปน็ ทีม kalyanamitra.org
หากวดั ใดนำวิธกี ารตรวจตราวัด เป็นกจิ วตั รของพระสารีบตุ ร ไปใชฝ้ ึกพระฝึกคน วัดน้ันก็จะไดศ้ าสนทายาทที่มีป้ญญามาก ในการคํ้าจนุ พระพทุ ธศาสนา และมปี ัญญาพาวัดให้เจรญิ รงุ่ เรอื งอยา่ งรวดเร็ว ทันตาเหน็ ได้เปน็ อศั จรรย์ kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
๑. การหมนุ ธรรมจักรผา่ นกิจวัตรประจำวัน พระสารีบตุ ร เป็นธรรมเสนาบดีท่ีพระบรมศาสดาทรงใหก้ ารยกย่อง ว่าเปน็ ผู้หมนุ ธรรมจักรไดด้ จุ เดียวกับพระองค์ ส่ิงตา่ ง ๆ ท่ีท่านทำจึงมอง ขา้ มไม่ได้ เพราะแฝงไวด้ ว้ ยบทฟกิ แห่งปญั ญาที่นำพาสนั ติสุขมาส่สู ังคมโลก ๑.® กิจวัตรของพระสารบี ุตร ในยามเช้าของทกุ วนั หลงั จากพระภิกษุสว่ นใหญ่ออกจากวดั ไป บิณฑบาตแล้ว พระสารบี ตุ รมกี ิจวัตรประจำวนั ใน “การเดินตรวจวดั ” อยู่ ๘ ประการ คอื ๑) กวาดสถานท่ที ีย่ งั ไมไ่ ดก้ วาด ๒) ท้งิ ขยะท่ียง้ ไม่ไดท้ งิ้ ๓) เดิมน้าํ ในหมอ้ ท่ไี มม่ นี ํ้า ๔) เก็บงำเตียง ตงั่ เคร่อื งไม้ และเคร่ืองดนิ ท่เี ก็บไวไ้ ม่ดีให้ เรยี บรอ้ ย ๕) ไปตรวจดภู ิกษุปวั ยไข้ ปลอบใจ ให้กำลงั ใจ และถามถงึ สิง่ ท่ีตอ้ งการ ๖) ไปหาภิกษใุ หม่ที่อย่ใู นอารามเพ่ือให้กำลังใจ และใหโ้ อวาท วา่ \"อาวุโสท้งั หลาย ขอท่านจงยินดเี ถิด จงอย่าเบอื่ หน่ายในพระศาสนา อันมสี าระในการปฏบิ ตั เิ ลย\" พระสารบี ุตรต้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทีม สร้างปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
๗) ออกบณิ ฑบาตไปยังสกลุ อปุ ัฏฐากเพอื่ แสวงหายาแก็ไข้ หรือ ๘ สง่ิ ที่ภกิ ษไุ ข้ตอ้ งการ แล้วฝากให้ภกิ ษุหรือสามเณรท่ีติดตามมานำกลบั ไป ทีวด้ จากนน้ พ่านจึง' ๘) ในคราวที่พระบรมศาสดาเสด็จจาริกเผยแผใ่ นชนบท พ่านจะ เดินตามอยทู่ า้ ยขบวน คอยจดั หานาํ้ มนั ทาเทา้ ใหภ้ ิกษแุ กห่ รอื ภกิ ษหุ นุ่ม ทเ่ี จบ็ เทา้ และให้ภกิ ษุหรือสามเณรทีเ่ ท้าไม่เจบ็ ชว่ ยถอื บาตรจวี ร พระสารบี ุตรปฏบิ ัตกิ ิจวัตรเชน่ นี้สมาํ่ เสมอไม่ขาดแม้แต่วันเดยี ว จวบจนกระทง่ั ในเวลาท่จี ะปรินิพพาน ทา่ นก็ยังเก็บกวาดทำความสะอาด เสนาสนะเป็นคร้งั สุดท้าย จากนั้นจงึ กราบทลู ลาปรนิ ิพพาน พา่ นจงึ เป็น พระอคั รสาวกเบือ้ งขวาทป่ี ฏบิ ตั ิหนา้ ทีไ่ ดอ้ ย่างสมบูรณ์แบบ โดยไมม่ ี ข้อบกพร่องแม้แต่วันเดียว (ที.ม.อ. (ไทย) ๑๓/๓๘๒) ๑.๒ การสรา้ งปัญญาผ่านกจิ วตั รประจำวัน จากกจิ วตั รประจำวันของพระสารบี ุตรนี้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ ปัญญาที่ พระสารบี ตุ รมนี ั้น มิใช่ปญั ญาแคเ่ อาตัวรอด แตเ่ ป็น “ปญั ญาสรา้ งสนั ติสขุ ” ใหแ้ กค่ นทั้งโลก ท้งั น้ีเพราะว่า ๑) วิธกี ารฟิกคนใหม้ ีปัญญาได้เร็วที่สุด ก็คอื ฟกิ ผา่ นการทำงาน เพราะในขณะทท่ี ำงานจะตอ้ งมีการควบคมุ คุณภาพ ควบคุมเวลา ควบคมุ งบประมาณ ควบคมุ ความปลอดภัย และสรา้ งบรรยากาศที่ต็ในการทำงาน และนัน่ คอื ชั่วโมงสำคญั ในการบม่ เพาะปญั ญาในภาคปฏบิ ัติ สรา้ งปัญญาเป็นทมี 0๕ พระสารบี ุตรด้นแบบการหมนุ ธรรมจกั รเป็นทมี kalyanamitra.org
๒) เหตุท่ีจะทำใหค้ นเราเกดิ แรงบันดาลใจในการฟกิ ตน กค็ ือ J ตอ้ งมีตน้ แบบท่ีดปี ฏิบตั ินำเปน็ แบบอยา่ งท่ีดีใหด้ ู เพราะคนเราถา้ นง่ั ๆ นอน ๆ อยู่เฉย ๆ คงดีข้ึนมาเองไมไ่ ด้ จะดีได้กต็ ้องมคี รูดคี อยแนะนำ ส่ังสอนอบรม ใหท้ ้งั ความรู้ ความสามารถ นสิ ัยใจคอ และคณุ ธรรมความดี เขาจึงจะมีปญั ญาทีใ่ ชด้ บั ทุกข์ใหต้ นเองและดับทุกข์ให้ชาวโลกได้ ๓) ในทางตรงข้าม ถงึ แมค้ น ๆ นั้นจะเกง่ แคไ่ หน ฉลาดแค่ไหน แตถ่ ้าไม่ได้ครูดีกย็ ากจะมนี สิ ยั ท่ีดี ยากทีจ่ ะรู้ถกู -ผิด-ดี-ชวั่ เมอ่ื ตดั สนิ ถูกผดิ ดชี ว่ั ไม่ได้ ความรทู้ ่ีได้ไปกก็ ลายเป็นดาบสองคมทตี่ กอยู่ในมอื คนพาล คมหนงึ่ มีไวส้ รา้ งความวิบัตเิ สยี หายใหต้ นเอง อกี คมหนง่ึ มีไว้สรา้ ง ความพนิ าศล่มจมให้ทรพั ยส์ นิ และชอ่ื เสยี งของครอบครัว วงศตึ ระกลู และสังคม ๔) ครูดที จ่ี ะตัดสินถกู ผิดดีชั่วไดต้ ้องมธี รรมะอยูใ่ นใจ คนทมี่ ี ธรรมะอย่ใู นใจจะแยกแยะดชี ว่ั ขั้นพน้ื ฐานของการดำเนินชวี ติ ประจำวนั ไดว้ า่ สิ่งใดคอื ความจำเป็น ส่งิ ใดคือความตอ้ งการ ส่ิงใดคือความ สุรยุ่ สรุ ่ายเกินจำเปน็ เพราะนค่ี อื วิธฟี ิกลดความทุกข์ในชีวติ และวธิ ฟี กิ ควบคมุ กเิ ลสในจิตใจ อนั เปน็ ตน้ ทางแหง่ ความเจรญิ งอกงามของธรรมะ ภาคปฏบิ ัตทิ ัง้ หมดในพระพทุ ธศาสนา ดังน้นั การท่ใี ครไดค้ รูบาอาจารย์ ดี ๆ แบบพระสารีบุตรจงึ เปน็ มหาโชคมหาลาภของการเกดิ มาเปน็ )มนุษย์ อยา่ งยงิ่ ๕) ธรรมะทง้ั หมดในพระพุทธศาสนาจะออกฤทธ้ไื ด้เต็ม ประสิทธิภาพ ก็ตอ่ เมื่อคน ๆ นน้ั นำธรรมะท่ีได้ศกึ ษาเลา่ เรยี นในภาค พระสารีบตุ รตน้ แบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทมี สรา้ งปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
ทฤษฎีมาฟกิ ปฏิบัตอิ ยา่ งจรงิ จงั ผ่านกจิ วัตรประจำวัน ผ่านกิจกรรม และ อาชีพการงานจนกลายเปน็ นิสยั ดี ๆ เป็นศึลธรรมประจำใจ และเป็น คุณธรรมเบือ้ งสูงเพือ่ การกำจดั ทุกขไ์ ดในทสี่ ุด ๖) กิจวตั รประจำวนั ทท่ี ำใหผ้ ลลพั ธข์ องการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ใหเ้ ปน็ นสิ ยั จนเกิดเปน็ คนเจา้ ปญั ญาไดน้ น้ั ตอ้ งฟิกผา่ นกิจวัตรประจำวัน แบบเดียวกบั พระสารีบุตรเทา่ นน้ั ผิดจากนไ้ี ม,ได้ ผดิ จากน้ีนสิ ัยเจ้า ปัญญาไม่เกิด ทัง้ นเี้ พราะว่า ๖.๑) กจิ วัตรข้อท่ี ๑- ๔ คอื การทำความสะอาดสถานที่ และการจดั ระเบยี บส่ิงของเคร่ืองใช้ ย่อมอำนวยผลให้เกดิ ปัญญาดแู ล สมบตั พิ ระศาสนาเปน็ ๖.๒) กจิ วัตรข้อ ๕, ๖, ๘ คอื การดแู ลสมาชิกที่ปวยไข้ และสมาชิกใหม่ขององค์กรย่อมอำนวยผลให้เกดิ ปญั ญาดูแลสมาชิก กองทัพธรรมเปน็ ๖.๓) กิจวตั รข้อ ๗ คือ การดูแลสุขทุกขข์ องประชาชน และ การอนเุ คราะหเ์ กือ้ กูลชาวโลก ยอ่ มอำนวยผลให้เกดิ ปญั ญาดูแล กองเสบียงเลยี้ งพระพทุ ธศาสนาเป็น กจิ วัตรประจำวันเหลา่ น้ี ไมไ่ ดเ้ กดิ จากรับสงั่ ของพระบรมศาสดา ที่สงิ่ ให้ท่านทำ ไมไ่ ด้เกดิ จากมนษุ ยม์ าวิงวอนขอรอ้ ง ไม่ได้เกิดจากเทวดา สรา้ งปัญญาเปน็ ทมึ พระสารีบุตรต้นแบบการหมุนธรรมจกั รเปน็ ทีม kalyanamitra.org
มาดลอกดลใจ แต่เกิดจากความรับผดิ ชอบทม่ี ตี ่อพระพทุ ธศาสนา ความกตญั ฌูกตเวทที ี่มีต่อพระสมั มาสม้ พุทธเจ้า ความอนุเคราะหเ์ ก้อื กูล ทม่ี ีตอ่ สรรพสัตว์ และความเป็นมิตรแท้ทีม่ ตี อ่ เพื่อนสหธรรมกิ ซ่งึ มีอยู่ อยา่ งเปยี มลน้ ใจของท่าน สมดงั พระดำรสั ท่ีพระบรมศาสดาตรสั ไวใ์ น อมุ มัคดสูตร๑ วา่ “บุคคลผ้เู ป็นบณั ฑิตมบี ญั ญามากในธรรมวินยั นยี้ ่อมไม่คิดเพือ่ เบียดเบยี นตน ย่อมไมค่ ดิ เพ่ือเบยี ดเบียนผู้อ่ืน ย่อมไม่คดิ เพ่ือเบียดเบียน ตนและผ้อู น่ื “เม่อื คิด ยอ่ มคิดเพ่ือเกอื้ กูลแกต่ น เกอื้ กูลแก่ผ้อู ่นื เก้อื กูลแกต่ น และผอู้ น่ื และเกอ้ื กลู แก่โลกทงั้ หมดทีเดียว บุคคลเปน็ บัณฑติ มีปญ็ ญา มากอยา่ งน้แี ล’’ ๑.ถ ดาสนทายาทผูด้ ํ้าจนุ พระพทุ ธศาสนาและวงศ์ตระกูล บุคคลทฟี่ กิ ฝนตนเองหรือไดร้ ับการฟิกตามกิจวตั รของพระสารีบตุ ร ทุกวนั เชน่ น้ี เขายอ่ มมีปัญญาดแู ลสมบตั ิ ปัญญาดูแลสมาชิก ปญั ญาดแู ล กองเสบยี ง ไม่ว่ายา่ํ ไปที่ใดบนผืนปฐพีนี้ กจ็ ะสร้างปฏิรูปเทส ๔ ขึนมาได้ ในทน่ี ้ัน คอื อาวาสเปน็ ท่สี บาย ปัจจยั ส่เี ปน็ ที่สบาย บุคคลเปน็ ทีส่ บาย ธรรมะเป็นที่สบาย เมือ่ ปฏิรูปเทส ๔ เกดิ ขึน้ ทใี่ ด คนดสี งั คมดกี เ็ กดิ ข้ึน ในทนี่ น้ั การศกึ ษาธรรมะก็เกดิ ขนึ้ ในท่นี น้ั การสรา้ งบุญก็เกดิ ขึ้นในท่นี ั้น ความเจริญรุ่งเรืองย่อมหลัง่ ไหลมาเทมาไมข่ าดสาย • องฺ.จตุกก.อุมมัคคสูตร (ไทย) ๒๑/๑๘๖/๒๖๘ พระสารีบตุ รต้นแบบการหมุนธรรมจักรเป็นทีม สร้างปญั ญาเปน็ ทมี kalyanamitra.org
เพราะฉะนน้ั การตรวจตราวัดเปน็ กิจวตั รของพระสารีบตุ รจึงไม่ใช่ „ เรอื่ งท่ีจะมองแบบผิวเผินเสยี แล้ว แตแ่ ทท้ ่ีจรงิ เปน็ วิธีการถ่ายทอดปัญญา ดูแลสมบัติ ปญั ญาดแู ลสมาชิก ปัญญาดแู ลกองเสบียง ผา่ นกิจวัตรใน ชีวติ ประจำวนั จึงเท่ากบั ว่าเป็นการปฏบิ ัติและการประกาศพระธรรมจกั ร คือมรรคมอี งค์ ๘ อยา่ งเปน็ รปู ธรรมโดยตรงเลยทเี ดยี ว หากวัดใดครอบครัวใดนำวธิ กี ารนีไ้ ปใชฝ้ กึ คน วดั นนั้ ก็จะได้ คาสนทายาทที่มีปัญญามากในการคํา้ จุนพระพทุ ธศาสนา บา้ นนน้ั ก็จะได้ ทายาทท่ีมีปญั ญามากในการคาํ้ จนุ วงศ์ตระกลู เพราะเขาไมใช่มีแคป่ ัญญา พาตวั เองรอดเทา่ น้นั แต่มีปัญญาพาวัดพาครอบครวั ให้เจริญรุ่งเรอื งอยา่ ง รวดเรว็ ทน้ ตาเห็นไดเ้ ปน็ อัศจรรย์ ในทางตรงกนั ข้าม ถ้าหากทายาทของครอบครัวใดไม่ได้ฝึกกิจวตั ร เหลา่ นี้ ถงึ พ่อแม่ผู้ปกครองจะทุ่มเทเงนิ ทองส่งเสียให้เขาศึกษาเลา่ เรียน สูงเพยี งใดก็ตาม เขากจ็ ะมีปัญญาแค'เอาตัวรอดเป็นอยา่ งมากเท่าน้ัน แตจ่ ะไม่มปี ญั ญาดแู ลสมบตั ขิ องตระกลู ดูแลสมาชิกครอบครวั ดแู ล กจิ การทีเ่ ลี้ยงวงศต์ ระกลู ได้ ทงั้ นเ้ี พราะว่าเขาไม1เคยถูกฝึกใหม้ ปี ญั ญาแบกภาระส่วนรวม เมอ่ื เขาลงไปทา่ งาน จงึ ไมร่ ู้วธิ ีจดั ระบบงาน ไม่รวู้ ิธบี รหิ ารงาน ไมร่ ู้วิธี ตรวจตรางาน ไมร่ ู้วิธีหาทนุ ไมร่ ูว้ ธิ สี รา้ งคน ไมร่ ู้วธิ ีเลย้ี งคน ไมร่ ู้วิธีผกู ใจ รักษาทมี งานไมร่ วู้ ธิ ึแก้ปญั หาเร่งด่วนทหี่ น้างาน ย่ิงทำงานสมบตั ิกย็ งิ่ ร่อยหรอ คนเกง่ ๆ ในทีมกท็ ยอยออก ลกู ค้าใหม่กไ็ มม่ ี ลูกค้าเก่าก็ทยอยหาย กิจการงานทีป่ ูยา่ ตายายเคยทำไวเ้ จริญรงุ่ เรืองเมือ่ ครั้งอดตี จึงถึงคราว สร้างปญั ญาเป็นทมี พระสารีบุตรต้นแบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org
พนิ าศลม่ จมในทันที เพราะวา่ ขาดปญั ญาท่ไี ด้จากการฟิกตรวจตรางาน ของครอบครัวเป็นกิจวตั รประจำวันนัน่ เอง ดังน้ัน เราจงึ มองข้ามวิชาฟกิ คนผ่านการตรวจวดั เป็นกิจวัตรประจำวัน ของพระสารบี ุตรไมไ่ ด้อย่างเดด็ ขาด เพราะเปน็ วชิ าครใู นการฟิกคนให้ มีนสิ ยั เจา้ ปญั ญาแบบเป็นทมี ตามแบบฉบบั ของพระอคั รสาวกเบื้องขวา ผู้เลศิ ด้วยปญั ญา ผู้ไดร้ บั การรับรองจากพระพุทธองค์วา่ เป็นผ้ใู ห้ โอวาทแทนพระบรมศาสดาได้ เป็นผ้หู มนุ ธรรมจักรได้ดจุ เดยี วกบั พระองค์ นี่คือวธิ ีที่ ๑ ทท่ี า่ นใชห้ มุนธรรมจกั รใหพ้ ระพุทธศาสนาเจริญ รงุ่ เรอื งอยา่ งรวดเร็ว ยํา่ ไปทีใ่ ดปฏิรูปเทส ๔ กเ็ กดิ ขึ้นทน่ี น่ั เมื่อไปตรวจตรา ท่วี ดั ใด ขนุ พลแห่งกองทพั ธรรมรุ่นใหม่ ๆ ก็จะเติบโตข้ึนทว่ี ด้ นั้น ทนั ที พระสารีบตุ รต้นแบบการหมุนธรรมจักรเป็นทมี (XO สร้างปญั ญาเป็นทีม kalyanamitra.org
กิจวตั รประจำวันของพระสารีบุตร ไมไ่ ดเ้ กิคจากรบั สั่งของพระบรมศาสดาทสี่ ัง่ ให้ทา่ นทำ ไม่ไดเ้ กดิ จากมนุษย์มาวิงวอนขอรอ้ ง ไม่ไดเ้ กิดจากเทวดามาดลอกดลใจ แตเ่ กดิ จากความรับผิดชอบทม่ี ีตอ่ พระพุทธศาสนา ความกตฌั ฌกู ตเวทที ีม่ ตี ่อพระสัมมาสม้ พทุ ธเจา้ ความอนุเคราะหเ์ ก้อื กลู ทีม่ ีตอ่ สรรพสัตว์ และความเปน็ มิตรแหท้ ี่มตี อ่ เพ่อื นสหธรรมิก ซ่งึ มอี ยอู่ ยา่ งเปยี มลน้ ใจของท่าน kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
kalyanamitra.org
๒. การหมนุ ธรรมจักรดว้ ยคุณธรรมประจำตวั การทำความดีอย่างใดอย่างหนงึ่ หากจะทำใหส้ ำเร็จลลุ ว่ งตลอด รอดส่ง สงิ่ ท่ีขาดไม่ไดเ้ ลยกค็ อื ตน้ แบบทด่ี ี แรงบันดาลใจที่ดี และกำลงั ใจที่ดี เพราะสิง่ เหล่านีศ้ อึ จุดเรมิ่ ตน้ ทีเ่ ป็นองค์ประกอบสำคญั ท่ที ำให้ ปถุ ชุ นคนทั่วไปเกิดแรงบนั ดาลใจ คดิ ตั้งความปรารถนาเปน็ พระสัมมา สมั พุทธเจ้าในอนาคตบา้ ง เปน็ พระอคั รสาวกในอนาคตบา้ ง เป็นพระอสีติ มหาสาวกในอนาคตบา้ ง ดว้ ยเหตนุ ี้ พระสมั มาสม้ พทุ ธเจ้าจงึ ทรงสนับสนนุ ให้พระภิกษุ ยึดถือพระอัครสาวกทั้งสองเป็นตน้ แบบในการฝกึ ฝนอบรมตนเอง ดังมี หลกั ฐานทีป่ รากฏใน อายาจนสตู ร๑ วา่ “ดกู ่อนภิกษุท้งั หลาย ภิกษผุ มู้ ศี รทั ธา เมอื่ ออ้ นวอนโดยชอบ พงึ อ้อนวอนอย่างนี้ว่า ขอเราองเปน็ เชน่ พระสารบี ตุ รและพระโมคคัลลานะ เถดิ ดูก่อนภิกษุทัง้ หลาย สารบี ตุ รและโมคคลั ลานะนี้เป็นตราชมู าตรฐาน ของภกิ ษุสาวกของเรา” ขณะเดยี วกนั พระองคก์ ็ทรงสนับสนุนให้ประชาชนปลกู ฝังแนวคดิ แก่บุตรหลานของตวั เองวา่ หากลูกตัดสนิ ใจใช้ชีวิตเป็นบรรพชิตในอนาคต จงยดึ ถอื พระอัครสาวกทงั้ สองเป็นต้นแบบการฝกึ ฝนอบรมตนเอง ด้งมี หลักฐานท่ีปรากฏไว้ใน เอกปตุ ตกสตู ร' วา่ “ องฺ.จตกุ ก.อายาจนสตู ร (ไทย) ๒๑/๑๗๖/๒๕๘, องฺ.จตุกก.อายาจนสูตร (ไทย) ๓๕/๑๗๖/๔๒๐-๔๒๑ ๒ ส.ํ น.ิ เอกปตุ ตกสตู ร (ไทย) ๑๖/๑๗๒/๒๗๗ พระสารีบตุ รดน้ แบบการหมุนธรรมจักรเป็นทีม (£๔ สร้างปญั ญาเป็นทมี kalyanamitra.org
“ดูก่อนภกิ ษุท้ังหลาย อุบาสิกาผู้มีศรัทธาเม่ือวิงวอนบุตรคนเดียว ซึง่ เปน็ ท่ีรกั เป็นท่โี ปรดปราน โดยชอบ พงึ วงิ วอนอย่างนวี้ า่ ... ถ้าพอ่ ออกบวช ก็ขอองเป็นเชน่ พระลารีบตุ รและพระมหาโมดคัลลานะเถิด... ขอพอ่ องอย่าเป็นเช่นพระเสขะผูย้ ังไมบ่ รรลุอรหัตผล ถกู ลาภสักการะและ ความสรรเสริญครอบงำเลย ...” จากพทุ ธพจนท์ ่ยี กมาแสดงน้ี จะเห็นไดว้ า่ คณุ ธรรมประจำตัวของ พระสารบี ุตรและพระโมคคัลลานะนัน้ คอื สิง่ ที่พระบรมศาสดาทรงใช้เป็น มาตรฐานในการสรา้ งขนุ พลกองทพั ธรรมท้งั ในปจั จุบันและในอนาคตเลย ทีเดยี ว พระสารบี ุตรทา่ นมีคณุ ธรรมประจำตัวทีโ่ ดดเด่นอยู่มากมายหลาย ประการ ซงึ่ ทุกประการสามารถใช้เป็นแรงบันดาลใจในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาได้อย่างดีเย่ียม อาทเิ ชน่ ศวามกตัญฌูกตเวทตี อ่ ผู้มี พระคณุ เคารพพระอัสสชผิ ู้เป็นอาจารยอ์ ยา่ งมาก รกั การแสวงหาความรู้ รกั ความมกั น้อยสันโดษ วางตนนา่ เคารพยกยอ่ ง ชอบอนเุ คราะห์ชาวโลก ไม่เบอื่ การตอบคำถาม ไมค่ บหาผชู้ อบทำให้มิตรแตกแยก ฯลฯ เป็นต้น ซงึ่ จะยกตัวอย่างพอสังเขปไดด้ ังนี้ ๒.๑ กตญั ญูกตเวทีตอ่ ผมู้ ีพระคณุ สำหรบั คุณธรรมขอ้ นม้ี ีเหตกุ ารณท์ ่ที า่ นแสดงความกตญั ฌูกตเวที ไว้หลายคร้งั ทัง้ ในชว่ งเวลาก่อนบวช หลงั บวชแล้ว และกอ่ นจะปรินพิ พาน ดังนี้ สรา้ งปัญญาเป็นทมี ©โ๕ พระสารีบุตรตน้ แบบการหมุนธรรมจักรเป็นทีม kalyanamitra.org
๑) กตัญฌกู ตเวทีตอ่ อาจารยเ์ ก่า พระสารบี ตุ ร (มีนามเดิมว่า อปุ ตสิ สะ) กอ่ นจะได้พบพระบรม ศาสดา ท่านเคยสละสมบัติ ๘๐ โกฏิ ออกบวชเป็นปรพิ าชก พรอ้ มกับ สหายรักคือ พระโมคคลั ลานะ (มีนามเดมิ วา่ โกลติ ะ) โดยสาเหตทุ ่สี หาย ทง้ั สองตดั สนิ ใจออกบวช ก็เพราะว่าในขณะกำลงั ชมมหรสพ เกิดความ สลดใจขึ้นวา่ “นักแสดงเหล่าน้ีมีอายไุ มถ่ ึง ๑๐๐ ปี กต็ อ้ งตายจากกันไป เราเองกค็ งเชน่ เดียวกัน พวกเราจึงควรออกแสวงหาโมกขธรรมอยา่ งใด อย่างหนึ่ง” หลงั จากสหายทง้ั สองปรึกษากันแล้ว พวกท่านกอ็ อกบวชพรอ้ ม ดว้ ยบรวิ ารอกี คนละสองรอ้ ยห้าสบิ คน๑ในสำนกั ของสัญชยั ปรพิ าชก เจา้ ของ ลทั ธิอมราริกเขปกี ทิฏฐิ คือ มคี วามเหน็ ด้นิ ได้ไมต่ ายตัว ซ่งึ เป็นหน่งึ ในครูท้งั หกทีม่ ีช่อื เลียงโด'งด้งในยุคน้นั (ก่อนท่พี ระพทุ ธศาสนา จะบังเกิดขึ้น) ทา่ นศกึ ษาเลา่ เรียนเพียงสามวันก็เจนจบความรู้ทงั้ หมด และพบว่า คำสอนของสำนกั ปรพิ าชกไมม่ ีสาระแกน่ สาร มิใช่โมกขธรรมที่ดบ้ ทุกข์ ไดจ้ ริง ทา่ นจงึ นำเร่อื งน้ัเปปรกึ ษากับโกลติ ะผูส้ หาย แล้วตกลงกันวา่ จะ ออกแสวงหาโมกขธรรมอีกครง้ั หากใครไดพ้ บก่อนใหก้ ลบั มาบอกอีก คนหนง่ึ ด้วย เวลาผ่านไปหลายเดอื น เช้าวันหนงึ่ ทา่ นเห็นพระอัสสชิ ผู้เป็น มหาสาวกองค์ท่ี ๕ ของกลุ่มพระปญั จวคั คีย์ กำลังเดนิ บิณฑบาตอยู่ ทา่ นสังเกตพบวา่ พระอัสสชเิ ป็นสมณะทม่ี ีอนิ ทรียผ์ อ่ งใส ผิวพรรณ ๑ ช.ุ เถร.อ.สาริปตุ ตเถรคาถา (ไทย) ๕๓/๒๔๐ พระสารีบตุ รดน้ แบบการหมุนธรรมจักรเปน็ ทีม ธ<๐ สร้างปัญญาเปนทีม kalyanamitra.org
ผุดผ่อง บุคลกิ สงบสำรวม ดูแล้วน่าเลอ่ื มใส ไมเ่ หมือนกับนกั บวชทวั่ ๆ ไปทีเ่ คยพบเหน็ มากอ่ น ทา่ นจึงเดินตดิ ตามไปหา่ ง ๆ รอจนกระทง่ั พระอสั สชิขบฉัน ภัตตาหารเช้าเสร็จแล้ว กเ็ ชา้ ไปสอบถามอยา่ งสุภาพว่า ทา่ นเป็นนกั บวช ในศาสนาใด ศาสดาของทา่ นเป็นใคร และมีคำสอนอย่างไร เมอ่ื ได้ทราบ ความเป็นมาแล้ว ทา่ นกข็ อใหพ้ ระอัสสชแิ สดงธรรม พระอสั สชกิ ลา่ วถอ่ มตนวา่ ท่านเปน็ ผูบ้ วชใหม่ในธรรมวนิ ยั นี้ มิอาจแสดงธรรมให้กวา้ งขวางได้ แต่สามารถกล่าวแสดงโดยยอ่ ได้ หลงั จากนัน้ ก็แสดงธรรมโดยย่อให้ฟังวา่ \"ธรรมเทสา่ ใดเกิดจากเหตุ พระศาสดามีปกติตรัสถึงเหตแุ ละ ความดบั ไปของธรรมเหลา่ นนั้ พระมหาสมณะทรงส่งั สอนอย่างน’้ี ’๑ เมอื่ การแสดงธรรมโดยย่อจบลง ท่านก็บรรลธุ รรมเปน็ พระโสดาบนั ฉบั พลันทันที เมอื่ ได้พบกับโมกขธรรมทีแ่ สวงหาแลว้ ทา่ นกข็ ออนุญาต กลับไปบอกเพอ่ื นรักกอ่ น แล้วจะพากันไปเฝา็ พระบรมศาสดาพร้อมกัน จากน้ันท่านก็กม้ กราบแทบเท้าอาจารย์ ทำประทักษณิ สามรอบ แลว้ ลากลบั ไปยงั สำนกั ปรพิ าชก ท่านเลา่ เหตุการณท์ ุกอยา่ งใหโ้ กลติ ะสหายรักฟงั พอท่านเล่าและ กล่าวธรรมภาษิตโดยย่อจบลง สหายรกั ของท่านก็บรรลธุ รรมเป็น พระโสดาบันเด๋ียวนัน้ ทันที ๑ ว.ิ มหาว.ิ (ไทย) ๕/๖®/๗๕ ๙๗สร้างปญั ญาเปน็ ทมี พระสารีบุตรตน้ แบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทีม kalyanamitra.org
จากนั้น ท่านทั้งสองกแ็ จง้ ขา่ วให้บรวิ ารอกี ห้าร้อยคนทต่ี ดิ ตาม ออกบวชมาดว้ ย ไดท้ ราบว่า ทา่ นกบั สหายรกั ไดพ้ บกับโมกขธรรมที่ดบั ทุกข์ได้จริงแล้ว กำลังจะไปขอบวชกบั พระบรมศาสดาทีเ่ วฬวุ นั มหาวิหาร บรวิ ารทงั้ หมดทราบเรือ่ งแลว้ กข็ อติดตามไปบวชดว้ ย แต่กอ่ นที่ทา่ นจะจากไปนน้ั ดว้ ยความท่ีท่านมีปกตเิ ปน็ ผู้มคี วาม กตญั ฌกู ตเวทแี ละบูชาอาจารย์ จึงคิดห่วงใยสัญชัยปริพาชก เพราะทราบ ดวี า่ คำสอนของอาจารย์เกา่ ไมม่ สี าระแก่นสาร มิใช่โมกขธรรมที่ด้บทุกข์ ได้จรงิ ทา่ นจึงอาศัยอำนาจแห่งความกตัญฌกู ตเวที ย้อนกลับไปชวน อาจารยเ์ กา่ ให้ละทิ้งความเช่ือเดมิ แลว้ ไปบวชกบั พระบรมศาสดาด้วยกนั แตส่ ญั ชยั ปริพาชกกลา่ วปฏเิ สธโดยให้ความเห็นว่า ตนเปน็ ถงึ เจ้าลัทธิใหญ่ มีคษิ ย์สาวกมากเป็นหนึ่งในหกของแควน้ มคธ (ซ่ึงขณะนนั เป็นลทั ธทิ ่ใี หญ่กวา่ พระพทุ ธศาสนามาก) การไปเป็นศษิ ยข์ องผ้อู ืน่ ก็ เท่ากับลดตวั เองลงไปเปน็ ต่มุ นัา้ ให้ผูอ้ ื่นใสน่ า้ั อาบ โลกนีม้ คี นโงม่ ากกว่า ทค่'นฉXลาดเองคจน'นฉ่ปึ ลเถาดิดจะไปหาพระพ' ทุ ธเจา้ ส่วนคนโง่เขลาจะมาหาเรา เมอ่ื มอิ าจเปลย่ี นใจสญั ชยั ปริพาชกได้ สหายทง้ั สองก็จำตอ้ งตัดใจ จากอาจารย์เกา่ พาบริวารอีกสองรอ้ ยหา้ สบิ คนผทู้ ำตามโอวาทของตนออก จากสำนักไปส่เวฬุวันมหาวหิ าร° เม่ือสัญชยั ปรพิ าชกมองเห็นสำนักวา่ ง เปล่าลงเปน็ อันมากกอ็ าเจยี นเปน็ โลหติ (การบวชของบรวิ ารแบง่ เป็น ๒ ชุด ชุดแรกตามออกบวชทันที ๒๕๐ คน ชดุ หลงั ตามออกบวชหลงั จาก “ ช.ุ เถร.อ.สาริปุตตเถรคาถา (ไทย) ๕๓/๒๔๓ พระสารบี ตุ รด้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเปน็ ทีม GKG? สร้างปญั ญาเปนทีม kalyanamitra.org
ล้ญชัยปรพิ าชกเสียชีวิตแล้วอกี ๒๕๐ คน)8 จากเหตกุ ารณ[นเรอ่ื งน้ี แสดงให้เห็นวา่ พระสารบี ตุ รไมใชค่ นไดด้ ี แลว้ ลืมอาจารยเ์ กา่ เมอื่ ได้พบโมกขธรรมท่ีดบั ทกุ ข์ไดจ้ รงิ ก็อยากให้ อาจารย์เกา่ ไดโ้ อกาสแห่งการบรรลุธรรมนั้นด้วย เพราะเป็นทางเอกสาย เดยี วที่จะหลดุ พน้ จากทุกข์ทงั้ ปวงได้ ทางสายอ่นื ไม่มี แตท่ ว่าเมอ่ื อาจารย์เกา่ ไมส่ ามารถละทิ้งลาภยศสรรเสริญทเี่ คยได้ รับจากความเป็นศาสดาในลัทธเิ ก่าได้ ทา่ นจงึ ต้องตดั ใจจากอาจารยอ์ ยา่ ง ไมม่ ที างเลือกอนื่ เพราะอาจารยเ์ ลือกทจี่ ะอยกู่ บั คำสอนทไ่ี ม่มีแก่นสาร เพอื่ หลอกลวงเอาความเคารพและลาภสักการะจากผู้อ่ืนตอ่ ไป หลังจากทา่ นบวชในสำนักพระบรมศาสดาแลว้ บำเพ็ญเพียรอยู่ ๑๕ วัน กบ็ รรลธุ รรมเปน็ พระอรหันต์ และท่านกไ็ ด้รับการแตง่ ตง้ั ใหเ้ ปน็ พระอคั รสาวกเบ้อื งขวา ผเู้ ลศิ ดว้ ยปญั ญา ในวันมาฆบชู า (ขนึ้ ๑๕ คํ่า เดอื น ๓) ท่ามกลางพระอรหนั ต์ ๑,๒๕๐ รูป ซ่ึงนับเปน็ เกียรติอนั สูงสุด สมความปรารถนาทท่ี ่านต้งั ใจสร้างบารมีสง่ั สมวชิ าครูมายาวนาน ๑ อสงไขยกบั ๑ แสน1มหากัป เพ่อื ตำแหน่งพระอคั รสาวกเบือ้ งขวานนั่ เอง ๒) กตัญฌกู ตเวทีตอ่ มารดาในชาตกิ ่อน นอกจากความกตญั ฌกู ตเวทที ่มี ีตอ่ อาจารยเ์ กา่ แลว้ ท่านยังเคย ชว่ ยเหลอื มารดาในชาติกอ่ นให้พน้ จากวิบากกรรมที่ลำบากอีกด้วย๒ • ท.ี ม.อ.มหาปรนิ ิพพานสูตร (ไทย) ๑๓/๓๘๕-๓๘๗ พระอรหันตบ์ ริวารท้ัง ๕๐๐ รูป ได้ ตดิ ตามชว่ ยงานเผยแผ่ของพระสารีบตุ รเปน็ เวลา ๔๔ ปี และร่วมสง่ ทา่ นในวาระปรนิ พิ พาน ๒ ชุ.เปต.อ.สารีปตุ ตเถรมาตเุ ปตวิ ตั ถุ (ไทย) ๔ด/®๕๘-®๖๔ สรา้ งปญั ญาเปน็ ทีม พระสารีบตุ รด้นแบบการหมนุ ธรรมจักรเป็นทมี kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269