Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การวัดและประเมินผล รวม

การวัดและประเมินผล รวม

Published by thanakit ritsri, 2022-05-23 18:49:26

Description: การวัดและประเมินผล รวม

Search

Read the Text Version

122 (3) เกดิ เสยี งเพลงอันไพเราะมีอทิ ธิพลต่ออารมณข์ องมนษุ ยเ์ ราอย่างมาก (4) โดยนำมาเรยี บเรยี งด้วยความประณีตบรรจง (5) ดนตรีเป็นสง่ิ ที่ทำให้จิตใจเบกิ บานแจม่ ใส (01) ควรเร่มิ ตน้ เรื่องน้ดี ้วยข้อความหมายเลขใด 1. (1) 2. (2) 3. (3) 4. (5) (02) ควรใชข้ อ้ ความใดมาตอ่ หลังข้อความหมายเลข (3) 1. (1) 2. (2) 3. (3) 4. ไม่มคี ำตอบถกู ข้อความหมายเลข (3) เปน็ ขอ้ สุดทา้ ย 1.3 วดั การใชภ้ าษาให้เหมาะสมกบั ความ การวดั ประเภทนม้ี ีความมุ่งหมายที่ จะวัดความสามารถในการวินิจฉัยคุณภาพของการใช้ภาษาในข้อความต่าง ๆ ว่าถ้อยสำนวนที่ใช้ใน ประโยคเหมาะสมหรือขัดแย้งกับความหมายของเนื้อเรื่องในข้อความนั้นหรื อไม่อย่างไร หรอื มีข้อบกพร่องอะไรบ้าง ใหผ้ ู้ถูกวดั สามารถบอกลกั ษณะทีบ่ กพร่องนนั้ ๆ ได้ รูปแบบของคำถามประเภทน้ีจะประกอบดว้ ยข้อความสัน้ ๆ ซงึ่ มีช่องว่าง เว้นไว้ 1 แห่ง ใต้ข้อความแต่ละข้อความจะมีประโยคต่าง ๆ กี่ประโยคก็ได้ ประโยคต่าง ๆ เหล่านี้มีไว้ สำหรับให้นำมาพิจารณาร่วมกับข้อความ โดยสมมติว่าถ้าเติมประโยคแต่ละประโยคใต้ข้อความลงใน ช่องว่างแล้ว ข้อความนั้นจะมีลักษณะเป็นอย่างไร ประโยคนั้นจะเหมาะสมกับข้อความหรือไม่ อยา่ งไรกต็ ามเงือ่ นไขท่ีผวู้ ัดกำหนดไว้ในตวั เลือก 1-4 ซง่ึ เปน็ ตัวเลือกคงท่ี ดงั ตวั อย่าง คำชีแ้ จง แบบทดสอบฉบบั นีจ้ ะมขี ้อความซ่ึงมีช่องว่างเว้นไว้สำหรับให้นักเรยี นพิจารณาว่า ถ้านำประโยคแต่ละข้อใต้ข้อความแต่ละตอนมาเติมในช่องว่างที่เว้นไว้แล้ว จะทำให้ข้อความทั้งหมดมี ลักษณะบกพรอ่ งหรอื ไม่แต่อย่างใดในแตล่ ะกรณี ดงั นี้ ให้ตอบตัวเลือก 1. ถ้านำประโยคแต่ละข้อใต้ข้อความมาเติมแล้วทำให้ข้อความ มีลกั ษณะเปน็ ขอ้ ความที่ใชค้ ำฟมุ่ เฟือย ให้ตอบตัวเลือก 2. ถ้านำประโยคแต่ละข้อใต้ข้อความมาเติมแล้วทำให้ข้อความ มลี กั ษณะเป็นขอ้ ความทใ่ี ชค้ ำผดิ ความหมาย ให้ตอบตัวเลือก 3. ถ้านำประโยคแต่ละข้อใต้ข้อความมาเติมแล้วทำให้ข้อความ มีลกั ษณะเป็นข้อความที่ใชส้ ำนวนผิด ให้ตอบตัวเลือก 4. ถ้านำประโยคแต่ละข้อใต้ข้อความมาเติมแล้วทำให้ข้อความ มีลกั ษณะเปน็ ข้อความทถี่ กู ต้องสมบูรณ์ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

123 คำชแ้ี จง ใหใ้ ชป้ ระโยคในข้อ (1) – (3) กับข้อความตอนท่ี 1 ขอ้ ความตอนท่ี 1 มิตรภาพคือความรักอันบริสุทธิ์ เข้าอกเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกันเป็นอย่างดี….. มนั เปน็ พชื ทีเ่ ตบิ โตช้าแต่ทว่ามนั่ คง กาลเวลาเทา่ น้นั ทเ่ี ป็นรากแกว้ ยดึ ลำต้นไว้นัน่ (1) มนษุ ย์ต่างกต็ ้องการมิตรภาพเหมือนตน้ ขา้ วคอยฝน (2) มิตรภาพคือความรกั และความเข้าใจในมติ ร (3) มติ รภาพชว่ ยเพม่ิ พนู เม่อื มีสขุ และช่วยแบ่งเบาเมอื่ ยามทกุ ข์ หมายเหตุ เงื่อนไขที่กำหนดไว้ในตัวเลือกของข้อสอบลักษณะนี้ อาจจะพิจารณาจาก ข้อบกพร่องซึ่งได้จากการตรวจเรียงความของผู้เรียนในกิจกรรมการเรียนการสอน ให้สังเกตว่า มขี อ้ บกพร่องประเภทใดที่ผ้เู รยี นมักจะกระทำเป็นสว่ นมาก และรวบรวมไวเ้ พ่ือนำมากำหนดเป็นเง่ือนไข ในตวั เลือกของการวดั ผลด้านนี้ได้ นอกจากน้ขี ้อสอบประเภทนี้ค่อนข้างยากสำหรับผู้ไม่ค้นุ เคย เนอ่ื งจาก วิธีการทำทยี่ ุง่ ยากพอสมควร ถ้าจะนำไปใช้กบั นักเรยี นมัธยมศึกษาตอนตน้ กค็ วรจะใชข้ อ้ ความท่ีสั้นและ ไม่ซับซอ้ น วธิ วี ัดการเขยี นในลักษณะเรียงความดว้ ยข้อสอบปรนยั แบบเลือกตอบในรูปแบบอ่ืน ๆ เช่น แบบทดสอบคำศัพท์ แบบทดสอบลักษณะนี้ต้องวัดเรื่องความหมายของถ้อยคำ ซึ่งเป็นสมรรถภาพ พื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของการเรียน (รวมทั้งการ ฟัง การอ่าน และการพูดด้วย) ลักษณะของ แบบทดสอบชนิดนี้ มีดังนี้ คอื คำถามแต่ละข้อจะมีคำให้ 1 คำ ให้นกั เรยี นพิจารณาเลือกคำในตวั เลือกข้อ 1-4 ที่มคี วามหมายเหมือนหรือใกล้เคยี งกบั คำที่กำหนดให้มากทสี่ ุด ดงั ตวั อย่าง (01) แข็ง 1. กลา้ 2. กร้าว 3. แกร่ง 4. กร้าน (02) บริบรู ณ์ 1. อดุ ม 2. เตม็ ที่ 3. มากมาย 4. พร่ังพร้อม ข. แบบทดสอบศัพท์ไม่เข้าพวก แบบทดสอบลักษณะนี้ต้องการวัดความเฉียบคมของ การใช้ถ้อยคำโดยวิธใี หค้ น้ หาคำท่ีมีความหมายต่างออกไปจากกลุ่มคำท่ีคล้ายคลงึ กนั คำถามแต่ละข้อจะ มีคำต่าง ๆ ให้นักเรียนดู ก่อน 4 คำ ใน 4 คำนี้จะมีอยู่ 3 คำ ที่มีความหมายเป็นพวกเดียวกัน ส่วนอีก คำหนึ่งจะมีความหมายแตกต่างออกไปไม่เข้าพวกกับคำอื่น ๆ ให้นักเรียนเลือกตอบคำไม่เข้าพวก ดังตวั อย่าง (01) 1. มะยม 2. มะนาว 3. มะขาม 4. มะพร้าว (02) 1. ก่อ 2. ต่อ 3. ร้ือ 4. เตมิ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

124 ค. แบบทดสอบการใชภ้ าษา แบบทดสอบชนดิ นี้ต้องการวัดความสามารถในการเรียบเรียง ถ้อยคำ สำนวนภาษาไดเ้ หมาะสมและถูกหลกั เกณฑ์ มคี ำถามอยู่ 3 ชนิด ชนดิ แรกเปน็ แบบใหห้ าคำทเ่ี หมาะสมทสี่ ดุ มาเติมในชอ่ งว่างของประโยคหรือข้อความท่ี กำหนดให้เพอ่ื ให้ประโยคหรือขอ้ ความนั้นถูกตอ้ งสมบรู ณ์ ดงั ตวั อยา่ ง (01) “แกงจืดชามน้จี ะอร่อยมากถา้ ได้…..พริกไทยลงไปสักเลก็ น้อย” ควรเตมิ คำใดลงในช่องว่างของขอ้ ความน้ีจงึ จะถกู ตอ้ งเหมาะสมทีส่ ดุ 1. ใส่ 2. เตมิ 3. เพมิ่ 4. เหยาะ คำถามชนิดที่ 2 เป็นแบบให้หาข้อความท่ีเขียนผิดหรือใชถ้ ้อยคำภาษาทีไ่ มถ่ ูกต้อง คำถาม แต่ละข้อจะมีข้อความหรือประโยคสั้น ๆ ให้นักเรียนดู 4 ข้อความ ให้นักเรียนพิจารณาเลือกตอบ ขอ้ ความหรือประโยคท่ีเขียนผิดหรือใช้ถ้อยคำไม่ถูกต้อง ดังตวั อย่าง (01) 1. เธอทำงานอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 2. เธอถูกเชิญไปงานวนั เกิดของเพื่อน 3. เธอจะกลับจากตา่ งจังหวดั สปั ดาหห์ นา้ 4. เธอพานักเรียนไปทศั นาจรท่ีตา่ งจงั หวัด สว่ นคำถามชนิดท่ี 3 เปน็ แบบให้จากกลุ่มคำ ประโยคหรือข้อความที่เหมาะสมที่สุดมาเติม ในช่องวา่ งของขอ้ ความท่ีกำหนดให้ เพอื่ ให้ข้อความนน้ั ถกู ต้องสมบูรณ์ ดังตัวอยา่ ง (01) ควรเติมข้อความใดลงในช่องว่างของข้อความที่กำหนดให้ต่อไปนี้ จึงจะถูกต้อง เหมาะสมทส่ี ุด “ในการเดินทาง ความสุขที่สุดมิได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางเมื่อเราไปถึงแล้ว….. ซึ่งภูมิประเทศที่เราผ่านเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นความงามของท้องฟ้าหรือ ลักษณะของพื้นดินรวมทั้งความลำบากตรากตรำที่ได้พบ ตลอดจนความหวัง ความชื่นบานและ การพักผ่อนท่รี อคอยอยู่ข้างหน้า” 1. แตว่ ่าอยู่ระหวา่ งเร่มิ ต้นถงึ เวลาสิ้นสดุ 2. หากอยู่ระหว่างจดุ เร่มิ ต้นกบั จุดท่เี ราต้องการจะไปใหถ้ ึง 3. แต่อย่รู ะหวา่ งเริ่มตน้ เดนิ ทางกบั จุดหมายปลายทางทจี่ ะต้องถึง 4. หากแตว่ ่ามนั อยรู่ ะหวา่ งเริม่ เดินทางไปจนถึงจุดหมายปลายทาง 4.3.2 วิธีวัดการเขียนในลักษณะย่อความ การเขียนในลักษณะนี้ ก็คือการเขียน เรียงความอย่างหนึ่งนั้นเอง ต่างกับการเขียนเรียงความทั่ว ๆ ไปตรงที่เป็นการเขียนในลักษณะรวบรัด หรือยอ่ เขา้ แทนการขยายออกเช่นเดียวกบั การเขียนในลักษณะเรยี งความ วิธีวัดพฤติกรรมการเขียนลักษณะนี้ ถ้าจะให้วัดการเขียนย่อความโดยตรงก็ มักจะใช้ข้อสอบอัตนัยหรือความเรียงกำหนดเรื่องราวมาให้ย่อให้ได้แต่ใจความสำคัญหรือสาระสำคัญ ของเรื่อง และให้เขียนเรียบเรียง (ในลักษณะของการเรียงความ) โดยกำหนดเกณฑ์ในการให้คะแนน ไว้ด้วย เช่น กำหนดเกณฑ์การให้คะแนนไว้ดังนี้ การสรุปใจความสำคัญของเรื่อง ร้อยละ 40 การใช้ ถ้อยคำภาษาในการเขยี นเรียบเรียงร้อยละ 40 รปู แบบของการยอ่ ความร้อยละ 20 แลว้ ใหค้ ะแนนโดยวิธี 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

125 จัดอันดับคุณภาพ ซึ่งเป็นวิธีวัดที่ถูกต้องและตรงที่สุด แต่ปัญหาก็คงมีเช่นเดียวกับการเขียนเรียงความ คือปญั หาเรือ่ งการใหค้ ะแนนและเวลาท่ใี ชใ้ นการตรวจ ดังนัน้ จะใช้วิธีวดั พฤติกรรมทางอ้อมประกอบด้วย หรือแทนก็ได้ เช่น ใช้ข้อสอบปรนัยแบบเลือกตอบเช่นเดียวกับที่ใช้วัดความสามารถในการอ่านในใจซ่ึง ได้กล่าวแล้ว แต่อาจเพิ่มเติมโดยใช้ข้อความยาวกว่าข้อความที่ใช้วัดการอ่านในใจ ซึ่งก็หมายความว่าข้อความนั้นควรจะมีใจความสำคัญหลายใจความ แล้วถามให้สรุปหาใจความสำคัญ ของข้อความทั้งหมด ถามให้ตั้งชื่อข้อความนั้น ถามลักษณะของข้อความนั้น ถามความรู้สึกของผู้เขียน ข้อความนั้น ฯลฯ เช่นเดียวกับท่ีถามจากขอ้ ความซึ่งวัดความสามารถในการอ่านในใจ จะต่างกันก็ตรงที่ ผู้ทำข้อสอบต้องพิจารณาตอบจากข้อความที่ยาวขึ้น และในขณะเดียวกันก็อาจถามใจความสำคัญหรือ ถามในลักษณะต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นนี้จากข้อความในแต่ละย่อหน้าโดยระบุย่อหน้าให้ชัดเจน เช่น ยอ่ หน้าที่ 1 2 หรือ 3 เป็นต้น ก็ได้ ซงึ่ กจ็ ะเหมือนกบั การถามวดั ความสามารถในการอา่ นในใจน่ันเอง คำช้แี จง อา่ นบทความนีแ้ ลว้ ใชต้ อบคำถามขอ้ (01) - (10) ในทสี่ ุด กม็ ีข่าวเปดิ เผยวา่ บรรดาประเทศผู้จำหนา่ ยน้ำมันส่งออก หรือโอเปคก็ได้ลงมติ ในการประชุมที่อาบูดาบี เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วว่า ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปจะขึ้นราคาน้ำมันดิบเป็นระยะ ตลอดปี ซึ่งเมื่อรวมแล้วจะขึ้นไปในปีหน้าอีก 14 เปอร์เซ็นต์ครึ่ง ข่าวนี้ย่อมยังความตะลึงพรึงเพริดแก่ บรรดาประเทศอตุ สาหกรรมและประเทศที่กำลังพฒั นาทั้งหลายเปน็ อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่แน่นอนว่าเมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น บรรดาต้นทุนในการประกอบกิจการต่าง ๆ ไม่ว่าจะในทางอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและพาณิชยกรรมย่อมสูงขึ้น และราคาผลิตภัณฑ์และบริการ ต่าง ๆ ยอ่ มจะต้องสงู ตามข้นึ ไปดว้ ยอยา่ งไม่มปี ญั หา การขึ้นราคาน้ำมันจึงเป็นการส่งผลกระทบกระเทือนต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ต่าง ๆ ทั่วโลก แม้แต่ประเทศผู้จำหน่ายน้ำมันส่งออกเองก็ตาม เพราะจะต้องซื้อสินค้าต่าง ๆ จาก ต่างประเทศแพงขึ้น นอกจากนั้นจะเกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งผลของการขึ้นราคาน้ำมันแม้จะได้จำนวนเงิน มากข้ึนกไ็ มท่ ำใหค้ ่าของเงนิ ตราตา่ งประเทศคอื เงนิ ดอลลารท์ ่ีตนไดม้ ามคี ่าเทา่ ใดนัก เมื่อหันมามองดูประเทศของเรา การที่ราคาน้ำมันต้องสูงขึ้นนี้ ย่อมจะก่อความ เดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนั้นน้ำมันเป็นสิ่งที่เราต้องสูญเสียเงินตรา ต่างประเทศเป็นจำนวนมากที่สดุ ปีหนงึ่ นบั ด้วยหมื่นกว่าล้านบาท เมื่อราคาน้ำมนั สูงข้ึนเช่นนี้ก็จะมีภาระ ที่ต้องจ่ายเป็นค่านำ้ มนั สูงขน้ึ เป็นการซ้ำเตมิ ดลุ การค้าที่เราขาดอยูแ่ ล้วเปน็ อนั มากนนั้ ยิง่ ขนึ้ ไปอีก เราได้ร่ำร้องให้รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาเรื่องน้ำมันหลายครั้งแล้วว่า ควรจะต้องมี มาตรการให้เกิดการประหยดั การใช้น้ำมนั อย่างแท้จรงิ มิฉะนั้นแล้วเราจะต้องไดร้ ับความเดือดร้อนและ ประสบปัญหายุ่งยากตามมาอีกมากมาย แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นว่าได้พิจารณาวางมาตรการเพื่อการ ประหยัดการใช้น้ำมันที่เป็นโล้เป็นพายแต่ประการใด รถรายังวิ่งกันเกลื่อนกลาด การจราจรติดขัด ต้องสูญเสียน้ำมัน เพราะรถราติดขัดวันละไม่รู้กี่ล้านบาท สถานบริการและเริงรมย์ต่าง ๆ ยังแน่นขนัด และอร่ามไปด้วยแสงสีจากไฟฟ้าสว่างไสว เครื่องใช้ เครื่องทุ่นแรงมีนานาชนิด ทั้ง ๆ ที่แรงงานใน ประเทศเรายังเหลอื เฟอื คนยังไม่มงี านทำอกี เปน็ อันมาก 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

126 ถ้าหากว่าเรายังฟุ่มเฟือยกันอยู่อย่างนี้ และทางการไม่หาทางป้องกันเพื่อยับย้ัง ความสูญเสียในเรื่องการใช้น้ำมันกันต่อไปก็เป็นสิ่งที่คาดหวังได้อย่างแน่นอนว่าความยุ่งยากจะต้อง เกดิ ขึน้ จึงใคร่ขอใหว้ งการท่เี ก่ยี วขอ้ งไดร้ บี ดำเนินการเสยี แตต่ ้นมือก่อนที่เวลานนั้ จะมาถงึ เถดิ (01) บทความนม้ี จี ุดมงุ่ หมายประการใด 1. ต้องการให้ประหยดั นำ้ มนั 2. ต้องการกล่าวถงึ ปญั หานำ้ มนั ขนึ้ ราคา 3. ต้องการใหม้ ีมาตรการควบคมุ นำ้ มันข้ึนราคา 4. ตอ้ งการเตรียมรบั สถานการณน์ ้ำมนั ขึ้นราคา (02) ควรต้ังชือ่ บทความน้ีว่าอะไร 1. ปญั หาน้ำมันข้นึ ราคา 2. ภาวะที่ตอ้ งรีบแก้ไข 3. ภาวะสำคญั ของรัฐบาล 4. รัฐบาลควรแก้ปญั หาน้ำมันอยา่ งไร (03) ใจความสำคญั ของยอ่ หน้าที่ 3 คอื อะไร 1. เมือ่ ราคาน้ำมันเพมิ่ ตน้ ทนุ ผลิตภัณฑ์ตา่ ง ๆ ยอ่ มเพ่ิมตาม 2. เม่ือราคาน้ำมันเพมิ่ ต้นทุนและบริการตา่ ง ๆ ย่อมเพ่ิมตาม 3. เมอ่ื ราคานำ้ มนั เพิม่ ราคาผลติ ภณั ฑแ์ ละบรกิ ารต่าง ๆ ย่อมเพ่มิ ตาม 4. เมื่อราคาน้ำมันเพิ่ม ต้นทุนผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ และราคาผลิตภัณฑ์ ยอ่ มเพิ่มตาม (04) ใจความสำคัญของย่อหนา้ ที่ 4 คืออะไร 1. การขน้ึ ราคานำ้ มนั ทำให้เกดิ ภาวะเงนิ เฟ้อ 2. การข้ึนราคานำ้ มันทำใหเ้ กดิ ภาวะเศรษฐกจิ ตกต่ำและเงินเฟ้อ 3. การขน้ึ ราคาน้ำมันทำให้ต้องซื้อสินคา้ จากตา่ งประเทศแพงข้นึ 4. การขึ้นราคาน้ำมันเป็นผลกระทบกระเทือนต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ต่าง ๆ ท่วั โลก (05) ใจความสำคญั ของย่อหนา้ ที่ 5 คืออะไร 1. การท่ีน้ำมนั ราคาสงู ขึ้น ทำให้เราต้องจ่ายค่านำ้ มนั เพ่มิ ขึน้ 2. การทนี่ ำ้ มันราคาสงู ขน้ึ กอ่ ใหเ้ กิดความเดือดรอ้ นแกป่ ระชาชน 3. การที่น้ำมันราคาสูงขึ้น ทำให้เราต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก 4. การทีน่ ้ำมันราคาสูงขนึ้ ก่อใหเ้ กิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและทำให้ชาติ ขาดดลุ การคา้ เพิม่ ข้ึน (06) ขอ้ ความในยอ่ หน้าที่ 6 แสดงจดุ ประสงค์อย่างใดเป็นสำคัญ 1. ตอ้ งการใหร้ ฐั บาลตระหนักถึงปัญหาเร่ืองนำ้ มนั 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

127 2. ตอ้ งการใหร้ ัฐบาลใช้มาตรการเพื่อประหยัดนำ้ มัน 3. ตอ้ งการใหร้ ฐั บาลแกป้ ัญหายุง่ ยากเกี่ยวกบั เร่ืองน้ำมนั 4. ต้องการใหร้ ฐั บาลขจดั ความเดอื นรอ้ นทเี่ กิดจากการขึน้ ราคาน้ำมนั (07) ผูเ้ ขียนบทความนม้ี คี วามรสู้ ึกอยา่ งไร 1. ขุ่นใจ 2. คบั ใจ 3. กงั วล 4. ห่วงใย (08) บทความนก้ี ลา่ วในลักษณะใดมากที่สดุ 1. ชแี้ จงปญั หา 2. แถลงเหตุการณ์ 3. เสนอเรอ่ื งราว 4. เร่งให้กระทำตาม (09) การทน่ี ้ำมันขึ้นราคาส่งผลกระทบกระเทอื นด้านใดมากทส่ี ดุ 1. การเมอื ง 2. วัฒนธรรม 3. การศกึ ษา 4. เศรษฐกิจ (10) ขอ้ ใดไม่ใช่การแกป้ ัญหานำ้ มนั ข้นึ ราคาตามบทความน้ี 1. ควบคุมการใช้รถ 2. ลดการใชไ้ ฟฟ้าลง 3. ช่วยใหค้ นมงี านทำ 4. ลดการใชเ้ คร่ืองทนุ แรงตา่ ง ๆ ท่ยี กตวั อยา่ งไปแล้วนน้ั เป็นการวัดความสามารถในการอ่านเพ่ือนำไปใช้ในการเขียนย่อ ความ อีกต่อหนึ่ง เมื่อถึงคราวที่จะต้องวัดความสามารถของการเขียนย่อความในลักษณะที่เป็นการวัด พฤตกิ รรมทางออ้ ม กอ็ าจใชข้ ้อสอบปรนยั แบบเลอื กตอบทก่ี ล่าวไว้ในเรื่องการเขียนในลักษณะเรียงความ วัดได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ในเรื่องรูปแบบหรือแบบฟอร์มในการเขียนย่อความนั้นก็ใช้ข้อสอบแบบ ปรนยั แบบเลอื กตอบวดั ได้ โดยถามเกยี่ วกับความรใู้ นเรอื่ งเหล่านี้ 4.1.3 วิธีวัดการเขียนจดหมายและการกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ การเขียนจดหมายท่ี จริงก็คือการเขียนเรียงความชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับการย่อความ แต่การเขียนจดหมายนั้นใช้สื่อสาร ระหว่างบุคคลหรือหน่วยงานประเภทต่าง ๆ วิธีวัดที่ดีและตรงที่สุดก็คือวิธีเดียวกับที่ใช้ในการวัด การเขียน 2 ลักษณะซึ่งกล่าวแล้ว ได้แก่ การใช้ข้อสอบอัตนัยวัด เช่นกำหนดให้เขียนจดหมายแบบใด 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

128 แบบหนึ่ง ถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือหน่วยงานใดหน่วยงาหนึ่ง โดยกำหนดเกณฑ์การให้คะแนนไว้ด้วย เช่น กำหนดเกณฑก์ ารให้คะแนนดังนี้ รูปแบบของจดหมาย รอ้ ยละ 20 เน้อื หาในจดหมาย รอ้ ยละ 30 การใชถ้ อ้ ยคำภาษา รอ้ ยละ 30 ความสะอาดเรียบรอ้ ย ร้อยละ 20 การวดั พฤติกรรมการเขยี นลักษณะนี้ได้รวมเร่ืองอ่ืนที่เกีย่ วข้องกับการติดต่อส่ือสาร ทางไปรษณีย์ไว้ด้วย นอกจากนี้ยังได้รวมเรื่องการกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ที่ อันได้แก่ แบบฟอร์มของ ทางราชการและใบสมคั รประเภทต่าง ๆ ไวด้ ้วย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การวัดครอบคลุมและกระจายกว้างขวางขึ้นก็อาจใช้ข้อสอบ ปรนัยแบบเลือกตอบวัดทางอ้อมแทนหรือประกอบด้วยก็ได้ การใช้ข้อสอบปรนัยแบบเลือกตอบ วัดการเขียนจดหมายนี้ ต้องการจะวัดว่าผู้เรียนรู้หลักเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเขียนจดหมาย เพื่อสามารถจะนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวันได้เพียงใด ดังนั้นจึงเน้นวัดพฤติกรรมด้านความรู้ความจำ และการนำไปใชเ้ ป็นสำคญั ดงั ตวั อยา่ ง การวัดดา้ นความรูค้ วามจำ (01) การส่งข่าวชนดิ ใดเสียค่าบรกิ ารนอ้ ยที่สุด 1. โทรเลข 2. โทรศพั ท์ 3. จดหมาย 4. ไปรษณยี ์ (02) อกั ษรย่อของกระทรวงศกึ ษาธิการคืออะไร 1. กท 2. กษ 3. ศร 4. ศธ การวัดการนำไปใช้ (0) ถ้าจะให้แนใ่ จว่าจดหมายทีเ่ ราสง่ ไปจะไม่หาย ควรทำอยา่ งไร 1. สง่ ทางเมล์อากาศ (e-mail) 2. ลงทะเบยี นในจดหมาย 3. บอกทอี่ ยูข่ องผูส้ ง่ ใหช้ ัดเจน 4. ปดิ ดวงตราไปรษณยี ากรใหม้ ากข้นึ นอกจากนี้ในการให้ผู้เขียนตรวจแก้ หรือวิจารณ์ สร้างเป็นข้อสอบปรนัยแบบ เลือกตอบวัดได้ดังตัวอยา่ งจดหมายที่กำหนดให้ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

129 คำช้แี จง อ่านจดหมายข้างล่างน้ีแล้วใช้ตอบคำถามขอ้ (01) – (02) วันที่ 15 กนั ยายน พ.ศ. 2535 ธง เพื่อนรกั นานแลว้ ท่ีไม่ได้เขยี นจดหมายถงึ กันเลย ผมคิดถงึ เธอมาก เพ่ือนคนอืน่ กพ็ ลอยเงียบหาย กันไปหมด ได้รับจดหมายฉบับน้ีแลว้ ส่งขา่ วคราวให้ทราบบา้ งนะ เธอสขุ สบายดีหรอื พบเพอ่ื นคนอ่นื ๆ บ้างหรือเปล่า ถ้าพบใครช่วยบอกใหเ้ ขาเขยี นจดหมายไปถงึ ผมบา้ งนะ สว่ นผมก็สขุ สบายดี ฝากความระลึกถึงคุณพ่อคณุ แมข่ องเธอดว้ ย รกั และ................................................ เกียรติ เชดิ ชูวงศ์ (01) จดหมายฉบับนข้ี าดขอ้ ความใดบา้ ง 1. คำข้นึ ตน้ 2. คำลงท้าย 3. บ้านเลขที่ 4. วนั เดอื น ปี (02) ควรเตมิ ขอ้ ความใดในชอ่ งวา่ งที่เว้นไว้ 1. คดิ ถงึ 2. นับถอื 3. หวังดี 4. ซื่อสตั ย์ สำหรบั การกรอกแบบฟอร์มและคำร้องต่าง ๆ นอกจากวดั โดยวธิ ีให้ผูเ้ รียนกรอกให้ ดูจรงิ ๆ เช่นเดียวกับจดหมายแล้ว ยงั สามารถใชข้ ้อสอบปรนัยแบบเลอื กตอบวดั ได้เชน่ เดยี วกัน 4.1.4 วิธีวัดการเขียนคำประพันธ์ วิธีวัดการเขียนลักษณะนี้ให้ดีที่สุด คือให้ผู้ถูกวัด แต่งคำประพันธ์จากเรื่องที่กำหนดให้ แล้วให้คะแนนโดยวิธีจัดอันดับคุณภาพ ซึ่งเป็นวิธีการวัดโดยใช้ ขอ้ สอบแบบอตั นัย การวัดพฤติกรรมการเขียนในลักษณะนี้สามารถใช้ข้อสอบปรนัยวัดได้เช่นเดียวกัน เช่น ถามความรู้ในเรื่องแบบแผนลักษณะบังคับของคำประพันธ์ประเภทนั้นหรือความไพเราะเหมาะสม ในการแต่งโดยคาดคะเนเองว่าถ้าผู้ถูกวัดตอบได้ถูกก็แสดงว่าผู้ถูกวัดนั้นน่าจะแต่งคำประพันธ์ประเภท นั้น ๆ ได้ถูกต้องและไพเราะเหมาะสม ดังตัวอย่าง การวัดความสามารถในการแต่งคำประพันธ์ เช่น ถามเกย่ี วกบั ลักษณะบงั คับของคำประพันธ์ ดังตอ่ ไปนี้ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

130 (01) สมั ผัสบังคบั ของคำประพนั ธบ์ ทนไ้ี ดแ้ กค่ ำในข้อใด เปรีย้ งเปรยี้ งเสยี งฟาด กอ้ งกงั วาน สน่ันเฮย ฝนหลั่งเปน็ สายธาร จากฟา้ บัดเดยี๋ วเปลี่ยนเป็นกาล เงียบสงบ ทุกขส์ ขุ เราเจา้ ขา้ ยอ่ มคล้ายคลงึ กนั 1. เปรีย้ ง เปรีย้ ง เสียง 2. วาน ธาร กาล 3. ทกุ ข์ สุข 4. เรา เจา้ การวัดความรู้ในเรื่องการแต่งคำประพันธ์ เช่น เติมคำหรือข้อความลงในช่องว่าง ของคำประพันธท์ ี่กำหนดใหด้ ังตอ่ ไปน้ี ถามในลกั ษณะให้เตมิ คำหรอื ข้อความทไ่ี พเราะเหมาะสม คำช้ีแจง จงพิจารณาดูว่าควรจะนำข้อความในตัวเลือกข้อใดจาก 1-4 เตมิ ลงในช่องว่างท่ี เวน้ ไว้ในคำประพันธ์แตล่ ะข้อ จึงจะทำให้คำประพันธ์นน้ั ไพเราะเหมาะสมท่สี ดุ (01) เสียงเจ้อื ยแจ้วแผว่ ผสานกงั วานใส …………………………………………… สงั คตี คา่ ล้ำเลิศควรเชดิ ชู ดนตรไี ทยใครย่อมรู้คแู่ ผ่นดิน 1. เจดิ แจ่มใสไพเราะเสนาะหู 2. เลศิ ฤทัยฟังเพราะไพเราะหู 3. กังวานในความสงบสงดั เสียง 4. ละเมียดละไมไพเราะเสนาะหู (02) ฉันจารกึ เธอไว้ ในหทยั ทกุ เวลา นามเธอจะตรึงตรา……………………………… 1. แนบในจิตนิจนริ นั ดร์ 2. ตลอดกาลนานนริ ันดร์ 3. ติดเตือนใจไปนริ นั ดร์ 4. ตดิ ตรงึ จิตเป็นนิจไป 4.1.5 วิธวี ดั การเขียนตามคำบอกหรือการเขียนสะกดคำ การวดั การเขยี นลักษณะนี้ นำมาใช้ประกอบการวัดการเขยี นท้ัง 4 ลกั ษณะท่ีกล่าวแลว้ ได้เป็นอย่างดี การวดั ลักษณะน้ีมีจุดมุ่งหมาย 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

131 ที่จะวัดความสามารถในการเขียนสะกดคำซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทักษะด้านการเขียน ผู้วัดสามารถใช้ ขอ้ สอบปรนัยแบบเลือกตอบวดั ได้ ดงั ตวั อย่าง การออกข้อสอบวดั ทางการเขียนลักษณะนี้จะมีคำมาใหเ้ ลือก 4 คำ ในจำนวน 4 คำ น้นั จะมีหน่งึ คำทสี่ ะกดผดิ ให้นักเรียนหาคำทสี่ ะกดผิดน้นั ประกอบ เชน่ (01) 1. ฉะนน้ั 2. ฉะบบั 3. สะอาด 4. สะดวก (02) 1. อนง 2. ทะนง 3. จำนง 4. ดำรง การวัดด้านการเขียนนี้ มีการเขียนบางลักษณะที่ไม่ควรวัดโดยใช้วิธีวัดพฤติกรรม การเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยเลย เช่น การเขียนคัดลอกข้อความซึ่งควรวัดโดยให้ปฏิบัติจริง แล้วใช้วิธี จัดอันดับคุณภาพ ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยวัด จึงไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ นอกจากนี้ยังมีการเขียนบางลักษณะที่ใช้การเขียนหลาย ๆ ลักษณะที่กล่าวถึงไปแล้วในเรื่องนี้ผสมกัน เช่น การเขียนโฆษณาที่ใช้พวกคำขวัญ หรือคำที่มีลักษณะคล้องจองกันก็จะต้องใช้การเขียนในลักษณะ การเรียงความและการแต่งคำประพันธ์ เป็นต้น ถ้าต้องการจะวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย ซึ่งเป็นการวัดทางอ้อม ก็ขอใหไ้ ปดจู ากวธิ วี ดั การเขยี นในลักษณะน้ัน ๆ ได้ 5. การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและหลัก ภาษา 5.1 พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ด้านพุทธิพสิ ยั ทีเ่ ก่ียวกบั ภาษาและหลักภาษา พจิ ารณาจาก จุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของรายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบาย รายวิชา จะเห็นว่าพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและหลกั ภาษา ซึ่งต้องการให้เกิด กับผู้เรียนนั้นจะเน้นพฤติกรรมความรู้ความจำ ความเข้าใจ และการนำไปใช้ เช่น ระบุว่าต้องการให้รู้ และเข้าใจหลักภาษา และการใช้ภาษาในการสื่อสาร สามารถใช้ภาษาในการสื่อสารได้อย่างถูกต้อง ใชภ้ าษาสอ่ื ความหมายไดถ้ ูกต้อง ชดั เจน กะทดั รดั และสละสลวย เป็นต้น 5.2 เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธพิ ิสัยที่ เกี่ยวกับภาษาและหลักภาษา เนื้อหาดังกล่าวนี้ ได้แก่ เนื้อหาในเรื่องภาษาและหลักภาษาที่หลักสูตร กำหนดให้เรียนและเนื้อหาเกี่ยวกับเรือ่ งนี้จากหนังสือ งานเขียน สื่อมวลชนชนิดอื่นหรือเนื้อหาที่ผู้สร้าง เครือ่ งมอื คิดข้นึ เองกไ็ ด้ 5.3 วิธีวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและหลักภาษา พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยทีเ่ กี่ยวกับภาษาและหลักภาษา ใช้เครื่องมือที่เป็นแบบทดสอบวัดได้ โดยเฉพาะสามารถใช้ข้อสอบปรนยั วัดได้ดี ดงั ตวั อย่างตอ่ ไปน้ี การวดั ดา้ นความรคู้ วามจำ เช่น (01) ภาษาในความหมายตามหลกั วชิ า หมายถงึ อะไร 1. ถอ้ ยคำหรอื คำพดู ที่ใช้ติดต่อส่ือสารกันในชวี ติ ประจำวัน 2. การสือ่ สารระหวา่ งบุคคลตงั้ แต่ 2 คนขนึ้ ไปจะเปน็ ในลกั ษณะใดก็ได้ 3. สญั ลักษณท์ ี่มีระบบระเบยี บแบบแผนทำใหค้ นเราส่ือความหมายกนั ได้ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

132 4. หลักหรือกฎเกณฑ์ท่ีวางไว้เปน็ แนวเดียวกนั สำหรบั ใชส้ ่ือสารระหวา่ งมนษุ ย์ (02) ขอ้ ความใดไมใ่ ชล่ ักษณะสำคญั ของภาษาไทย 1. เป็นภาษาคำโดด 2. มีคำลกั ษณะนามใช้ 3. คำบางคำทำหน้าท่ไี ดห้ ลายอย่าง 4. มเี สยี งวรรณยกุ ตช์ ่วยจำแนกความหมายในภาษา (03) คำราชาศัพท์ทใี่ ชส้ ำหรับพระเจ้าแผน่ ดนิ ในขอ้ ใดไมถ่ ูกต้อง 1. ขา้ ว ใช้วา่ พระกระยาเสวย 2. นำ้ ดืม่ ใช้วา่ นำ้ ด่ืมพระสธุ ารส 3. อาหารคาว ใช้ว่า พระกระยาหาร 4. อาหารหวาน ใช้ว่า เครือ่ งหวาน คำชี้แจง ให้พิจารณาว่าข้อความต่อไปนี้ถูกหรือผิด แล้วขีด √ หน้าข้อความที่เห็นว่าถูก ขีด x หน้าขอ้ ความที่เหน็ วา่ ผิด (01) ภาษามาตรฐานคอื ภาษาเขียน (02) ภาษาถ่ินใชเ้ ปน็ ภาษาราชการไมไ่ ด้ (03) ภาษาโฆษณามักจะคงอย่ชู วั่ ระยะเวลาหนงึ่ (04) ภาษาหนังสอื พมิ พเ์ ป็นภาษาทใ่ี ชใ้ นวงการธุรกิจ (05) ภาษาปาก ภาษาสแลงเปน็ ภาษาทต่ี ่ำกวา่ ระดับมาตรฐาน เนื้อหาบางเรื่องที่มีลักษณะต่างจากเนื้อหาเรื่องอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น ลักษณะของคำที่ใช้เฉพาะแห่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งพิมพ์ด้วยอักษรย่อตัวจิ๋ว ไว้ในวงเล็บเล็ก อักษรย่อเหล่านี้ได้แก่ (กฎ) (คณิต) (แบบ) (ปาก) และ (วิทยา) เป็นต้น เนื้อหาลักษณะ ทำนองนี้ ถ้าจะวัดความรู้ความจำก็ควรใช้วิธีให้เติมคำหรือข้อความสั้น ๆ โดยใช้ข้อสอบแบบเติมคำ ในลักษณะสร้างเป็นแบบคำถามหรือแบบให้เพิ่มเติมคำหรือข้อความเพื่อให้คำถามนั้นเป็นคำตอบท่ี สมบูรณ์ ดังตวั อยา่ ง (วโิ รจน์ ล้วิ คงสถาพร และจฑุ ามาส สรปุ ราษฎร.์ 2560) (01) คำว่า คณิต ซึ่งพิมพ์ด้วยอักษรย่อตัวจิ๋วในวงเล็บเล็กในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน คอื คำประเภทใด (02) (ปาก) ในพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถานหมายถงึ คำที…่ ……………… การวัดด้านความเข้าใจ เช่น (01) ข้อใดไมใ่ ช่ประโยค 1. ฝนตก 2. ถนนลืน่ 3. การจราจรตดิ ขัด 4. ควนั พิษจากมลภาวะ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

133 (02) ควรเติมคำใดลงในช่องว่างของข้อความว่า “ผลงานของเขาเป็นที่……….. ชดั แก่ทุกคน” 1. เหน็ 2. ทราบ 3. ตระหนัก 4. ประจกั ษ์ จะเห็นว่าข้อสอบ (02) มีรูปแบบคล้ายแบบทดสอบการใช้ภาษาในเรื่องการเขียน ในลักษณะเรยี งความท่ขี ้อสอบเหมอื นกนั หรอื ใช้แทนกันได้ กเ็ พราะเปน็ เรอื่ งของการใชภ้ าษาเหมอื นกนั การวัดด้านการนำไปใช้ เช่น (01) ประโยคใดใช้ภาษาไมถ่ กู ตอ้ ง 1. ทนี่ ่ันร่มรื่นไปดว้ ยตน้ ไม้เขยี วขจี 2. เราควรแก้ปัญหาด้วยการใชป้ ัญญา 3. การทำงานด้วยใจรกั ชว่ ยให้มีความสขุ 4. กจิ กรรมของเขากำลงั ดำเนนิ ไปได้ดว้ ยดี ข้อสอบข้อนี้มีรูปแบบคล้ายแบบทดสอบการใช้ภาษาในเรื่องการเขียนในลักษณะ เรียงความและแบบทดสอบการใช้ภาษาในการพูด ซึ่งได้กล่าวแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เป็นการวัด เกี่ยวกับการใช้ภาษาเหมือนกัน ดังนั้นขอให้ไปดูตัวอย่างเพิม่ เติมจากเร่ืองทั้งสองได้ การวัดในลักษณะน้ี อาจใช้ข้อสอบปรนยั แบบเลือกทางใดทางหนึ่งหรือข้อสอบแบบถูกผิดไว้ได้ดีดังตัวอย่าง คำชี้แจง ให้เขียนเครื่องหมาย √ หน้าข้อของประโยคที่ใช้ถ้อยคำสำนวนถูกต้องตาม ลักษณะของการภาษาเขียนที่ดีและเขียนเครื่องหมาย x หน้าข้อของประโยคที่บกพร่องในเรื่องการใช้ ถอ้ ยคำ สำนวนภาษาตามลักษณะของภาษาเขยี นท่ดี ี (01) ความสขุ หาไดไ้ มย่ าก ถ้ารู้จักพอ (02) งานวนั เด็กแห่งชาตปิ นี ้จี ัดใหญโ่ ตมาก (03) ใคร ๆ ก็กล่าวว่าเขาเปน็ คนใจถึงจริง ๆ (04) พอระฆงั ดงั ขนึ้ ทงั้ ค่กู ต็ รงเข้าทำการต่อสูก้ ันทนั ที (05) รัฐบาลเตรียมถวายการต้อนรับพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั นอกจากนี้เนื้อหาในวิชาหลักภาษาไทยบางเรื่อง เช่น การใช้พจนานุกรมก็สามารถนำมา ถามในลกั ษณะวัดการนำไปใชไ้ ด้ ดงั ตวั อย่าง (01) ให้เรียงคำต่อไปนี้ให้ถูกต้องตามลำดับการเรียงคำในพจนานุกรม หยากไย่ ยตุ ธิ รรม แขวง ฤทัย ราศี (02) ขอ้ ใดเรยี งคำถูกตอ้ งตามลำดับการเรียงคำ 1. หยากไย่ ยุตธิ รรม ราศี ฤทัย แขวง 2. ยตุ ธิ รรม ราศี ฤทยั หยากไย่ แขวง 3. แขวง ยุตธิ รรม ราศี ฤทัย หยากไย่ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

134 4. แขวง ยุติธรรม ฤทยั ราศี หยากไย่ 5. แขวง ยุติธรรม หยากไย่ ราศี ฤทยั การวัดพฤติกรรมเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและหลักภาษานีน้ อกจากจะวัดด้าน ความรู้ความจำ ความเข้าใจและการนำไปใช้เป็นสำคัญแล้ว ยังสามารถวัดพฤติกรรมขั้นสูงกว่า การนำไปใช้ เช่น พฤติกรรมการวเิ คราะห์ และการประเมินคา่ ได้อีกด้วย ดงั ตัวอยา่ ง การวดั ด้านการวิเคราะห์ (01) การมคี ำราชาศัพท์ใชใ้ นภาษาไทยไดใ้ ห้ประโยชนใ์ นดา้ นใด 1. วัฒนธรรม 2. เศรษฐกจิ 3. ความไพเราะงดงาม 4. การดำรงเอกลกั ษณ์ดา้ นหน่ึงของชาติ (02) มีผู้กล่าวว่า “การเรียนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในภาษาไม่มีความจำเป็น เพราะ ไมต่ ้องเรียน ก็สามารถใช้ภาษาสื่อสารในสังคมได้” ทา่ นเห็นด้วยกับคำกลา่ วน้ีหรือไม่ เพราะเหตใุ ด 1. เหน็ ด้วย เพราะเราใชภ้ าษาเพื่อส่ือสารให้เขา้ ใจกันเทา่ น้ัน 2. เหน็ ด้วย เพราะภาษาเป็นเรือ่ งของทกั ษะถา้ ฝึกใช้บอ่ ย ๆ ก็สามารถใช้ได้ดี 3. ไม่เห็นด้วย เพราะเราใช้ภาษาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดวัฒนธรรมให้คนรุ่นหลัง 4. ไมเ่ ห็นดว้ ย เพราะการเรียนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในภาษาช่วยให้เราใช้ภาษาได้ ถูกตอ้ งตามแบบแผน 6. การสรา้ งเคร่ืองมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ดา้ นพุทธิพสิ ัยทเ่ี ก่ียวกับวรรณคดี ประวัติ วรรณคดี และวรรณกรรมท่ไี ดร้ ับการยกยอ่ ง ซงึ่ หลักสตู รกำหนดให้เรยี นหรือเลอื กเรียน 6.1 พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดี และ วรรณกรรมที่ได้รบั การยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรยี นหรือเลือกเรยี น พิจารณาจากจุดประสงคข์ อง หลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของรายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชาจะเห็นว่า พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดี และวรรณกรรมที่ได้รับการ ยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียน อันต้องการให้เกิดกับผู้เรียนนั้นจะต้องมีตั้งแต่ พฤติกรรมความรู้ความจำจนถึงการประเมินค่า โดยจะเน้นความเข้าใจ การวิเคราะห์ไปจนถึง การประเมินค่า เช่น ระบุว่า ให้รู้ที่มาหรือความเป็นมาของวรรณคดีไทย เข้าใจความสัมพันธ์ต่อเนื่อง ระหว่างสมัย เข้าใจค่านิยมและลักษณะชีวิตของคนสมัยนั้น วิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ตัวละครที่สำคัญ แนวคิดในเน้อื เรื่องโดยเปรียบเทยี บกับเหตุการณ์ในชวี ติ ปัจจบุ นั เขา้ ใจสาระสำคัญของ เรื่อง วิจารณ์ได้ตามหลักวิชาวรรณคดีวิจารณ์เบื้องต้นโดยเน้นในด้านวรรณศิลป์ เป็นต้น (อัฐพล อนิ ตะ๊ เสนา, 2561) 6.2 เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยที่ เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดี และวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

135 เลือกเรียนเนื้อหาดังกล่าวนี้ ได้แก่ เนื้อหาในวรรณคดี ประวัติวรรณคดี และวรรณกรรมท่ีได้รับการยก ย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียนหรือเนื้อหาลักษณะทำนองเดียวกัน (ในส่วนที่เกี่ยวกับ เรื่อง) ในวรรณกรรมเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากที่หลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียนรวมทั้งเรื่อง อื่น ๆ ที่ต้องนำมาใช้เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่กำหนดให้ในหลักสูตร เช่น หลักการวิจารณ์วรรณคดี หรือหลกั การพิจารณาหนังสือ เปน็ ตน้ 6.3 วธิ ีวดั พฤตกิ รรมการเรียนรู้ดา้ นพุทธิพิสัยท่ีเกย่ี วกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดี และ วรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียน การวัดพฤติกรรม การเรียนรู้ดังกล่าวนี้จะเน้นเกี่ยวกับเรื่องการอ่านในใจโดยเฉพาะ ส่วนการฟัง พูดหรือเขียนนั้น ถ้าจะมีเกี่ยวข้องอยู่บ้างก็ขอให้ย้อนไปดูที่การวัดด้านนั้น ๆ เป็นเรื่อง ๆ ไป อนึ่งเนื่องจากวรรณคดี ประวัติวรรณคดี และวรรณกรรมท่ีได้รับการยกย่องซง่ึ หลักสตู รกำหนดให้เรยี นหรือเลือกเรียนน้ันต้องถือ วา่ เป็นหนังสอื ท่เี ปน็ แบบอยา่ งท่ดี ีสำหรบั การอา่ น (อัฐพล อนิ ต๊ะเสนา, 2561) ดังนั้นจะเห็นว่า หนังสือประเภทนี้นอกจากจะใช้เป็นเนื้อหาสำหรับฝึกให้ผู้เรียนเกิด พฤติกรรมความเข้าใจ การวิเคราะห์ไปจนถึงการประเมินค่าซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เน้นวัดดังกล่าวแล้ว หนังสือประเภทนี้ยังช่วยให้ผู้เรยี นมีความรู้ทางภาษาดีขึ้น จำตัวสะกดการันต์และถ้อยคำ สำนวนภาษา ที่ดีแล้วนำไปใช้ได้ รวมทั้งช่วยให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดตริตรองตามเนื้อเรื่องที่อ่านให้ประจักษ์ขึ้นในใจ ตนเองแล้วนำสง่ิ ท่ดี ีงามไปปฏิบัตติ าม นอกจากนี้เนื้อหาที่สำคัญบางเรือ่ ง ซึ่งแสดงถึงความรอบรู้ของผู้อ่านหนังสือประเภทนี้ หรือเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนในระดับสูง ๆ ขึ้นไปก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เรียนควรจะต้องทราบไว้บ้าง เช่น ผู้เรียนควรจะทราบวา่ ผู้แต่งวรรณคดีสำคัญ ๆ คือใคร ใช้นามปากกาว่าอะไรตลอดจนควรจะเข้าใจ ความหมายของคำศพั ท์เพอื่ จะได้เข้าใจเรื่องได้ดขี ึ้น เป็นตน้ ในการวดั จึงตอ้ งถามเกีย่ วกับความจำในเรื่อง เหลา่ นดี้ ้วย นอกเหนือจากความจำในเรื่องเกี่ยวกับเรื่องราวหรือประวัติความเป็นมาของวรรณคดีไทยซึ่ง ระบุไวอ้ ยา่ งชดั เจนในหลกั สูตร แต่ไมค่ วรเนน้ ถามมากเช่นเดยี วกนั เครื่องมือท่ีนำมาใช้ในการวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ดังกล่าวนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับความจำ สามารถใชข้ อ้ สอบปรนัยตา่ ง ๆ วัดไดด้ ี ดงั ตวั อย่าง 1) ถามเกีย่ วกับผ้แู ต่งหนงั สอื คำชี้แจง ข้อความทั้งสองรายการข้างล่างนี้ประกอบด้วยช่ือผู้แต่งซึ่งอยู่ทางซ้ายมอื และชื่อหนังสือซึ่งอยู่ทางขวามือ ให้นำตัวอักษรข้างหน้าชื่อหนังสือมาเติมลงในช่องว่างหน้าชื่อผู้แต่ง ทางซา้ ยมอื ใหถ้ ูกต้อง ...........(01) พระสุนทรโวหาร (ภ)ู่ ก. ไตรภมู พิ ระรว่ ง ...........(02) รัชกาลท่ี 2 ข. จินดามณี ...........(03) กรมพระยาเดชาดิศร ค. โคลงโลกนติ ิ ...........(04) รชั กาลที่ 5 ง. พระอภัยมณี ...........(05) พระโหราธิบดี จ. บทละครอิเหนา ฉ. บทละครรามเกียรติ์ ช. พระราชพิธีสิบสองเดือน 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

136 2) ถามเก่ยี วกบั นามแฝงหรือนามปากกาของผู้แต่ง คำช้แี จง เขยี นชอ่ื ผเู้ ปน็ เจ้าของนามแฝงลงขา้ งท้ายนามแฝงที่กำหนดให้ (01) ครเู ทพ (…………………………………………………………….) (02) ศรีอยุธยา (…………………………………………………………….) (03) ประเสรฐิ อักษร (…………………………………………………………….) (04) แมว่ ัน (…………………………………………………………….) 3) ถามคำศพั ทต์ รง ๆ เชน่ (01) คำศัพทใ์ นขอ้ ใดแปลวา่ “แสงสวา่ ง” 1. ประภาส 2. ประพาส 3. ประภาษ 4. ประพาต (02) คำใดมีความหมายเหมือนคำว่า หยั 1. มฤคา 2. อาชา 3. วิฬาร์ 4. ไอยรา การถามคำศัพท์โดยเน้นให้แปลความหมายต่าง ๆ เช่นนี้ ควรใช้กับเด็กระดับ มัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น สำหรับผู้เรียนระดับสูงกว่านี้ ควรเน้นถามในลักษณะให้แปลความหมายใน รปู พฤตกิ รรมดา้ นความเขา้ ใจ ดังตัวอย่างการถามศัพทแ์ ละสำนวนที่เขา้ ใจยากตอ่ ไปน้ี (01) “ฝ่ายพระโพธิสัตว์ตรัสชวนพระเทวีเสด็จ...ป่าหิมพานต์” ควรเติมคำใดลงใน ช่องวา่ งของข้อความน้ี 1. ประภาส 2. ประพาส 3. ประภาษ 4. ประพาต (02) “เธอคือแสงสว่างประจำชีวิตของผม” ข้อความที่ขีดเส้นใต้หมายความว่า อย่างไร 1. ผ้นู ำทาง 2. ผูเ้ ป็นท่รี กั 3. ผมู้ คี า่ สงู สดุ 4. ผูใ้ ห้กำลังใจ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

137 ดังตวั อยา่ ง นอกจากน้ี การวัดความรู้ความจำเกี่ยวกับที่มา หรือเติมคำ หรือข้อความให้สมบูรณ์ เรื่องราวทเ่ี กีย่ วกับวรรณคดีไทยกอ็ าจถามในลกั ษณะดังต่อไปนี้ (01) หนงั สอื แบบเรยี นเล่มแรกของไทยคือ (02) ยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยรัตนโกสินทร์อยู่ในรัชสมยั ของ (03) ผู้ต้งั วรรณคดสี โมสรคือ ส่วนการถามที่เนน้ วัดพฤติกรรมด้านความเข้าใจ การวิเคราะห์ จนถึงการประเมนิ ค่านั้น สามารถถามได้ 2 ลักษณะ คือ ก. ถามความ หมายถึง ถามความเข้าใจในข้อความเป็นตอน ๆ ไป โดยยกข้อความ ตอนใดตอนหนึ่งในหนังสือวรรณคดีมาให้อ่าน และตั้งคำถามวัดพฤติกรรมความเข้าใจการวิเคราะ ห์ ไปจนถึงการประเมินค่าในลกั ษณะเช่นเดยี วกับการวดั การอ่านในใจซึ่งได้กลา่ วแล้ว ข. ถามเร่อื ง หมายถึง เกี่ยวกบั เรอ่ื งทง้ั หมดทผี่ เู้ รยี นอ่านตง้ั แตต่ น้ จนจบ รปู แบบการ ถามคล้ายกับการถามความแต่สามารถถามได้กว้างกว่า ลักษณะวัดพฤติกรรมด้านความรู้ความจำ คำถามหลายชนิดของการถามความจึง สามารถใช้ถามเรือ่ งไดด้ ว้ ยแนวการถามมีหลายแบบดังน้ี 1. ถามเนอ้ื เรื่อง ถามแนวเดยี วกบั การถามความในขอ้ 1 2. ถามวตั ถุประสงค์ หรอื คณุ ธรรมทแ่ี ฝงอยใู่ นเรือ่ งซง่ึ ผ้แู ต่งตอ้ งการสอนผู้อ่าน - เรื่องนีส้ อนอะไรแกเ่ รา - บคุ คลในเรอื่ งเปน็ ตวั อย่างของคนดขี อ้ ใด ดังตวั อยา่ ง (01) วรรณคดไี ทยเรอื่ งใดแสดงให้เหน็ ถงึ คุณธรรม ดา้ นความรักชาติมากท่ีสดุ 1. ลลิ ิตยวนพ่าย 2. ปลกุ ใจเสือปา่ 3. บทละครเรอื่ งหัวใจนักรบ 4. เพลงยาวรบพม่าทที่ ่าดนิ แดง (02) พระเวสสนั ดรเปน็ ตวั อยา่ งของความดใี นเรอ่ื ง ใดน้อยทส่ี ุด 1. ความเพยี ร 2. ความกตญั ญู 3. ความเสียสละ 4. ความเมตตากรณุ า 3. ถามเกีย่ วกับการกำเนดิ ของเรอ่ื ง และลกั ษณะเดน่ ของเร่อื งบางประการ เช่น - เรื่องนน้ั แต่งยคุ ใด มอี ะไรแสดงว่าแต่งยคุ นัน้ - ผปู้ ระพนั ธไ์ ปพบเห็นสงิ่ ใดมาจงึ แต่งเชน่ นี้ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

138 ดังตัวอย่าง (01) ลักษณะใดไม่แสดงใหเ้ หน็ วา่ ขุนช้างขนุ แผน ตอน “กำเนดิ พลายงาม” แต่ง ในสมยั รัตนโกสินทร์ตอนตน้ 1. ภาษา 2. การศกึ ษา 3. สภาพสงั คม 4. อุปนิสัยใจคอของตวั ละคร 4. ถามการลำดับเรื่อง เชน่ - ตอนแรก (ท้าย) ของเร่อื งกลา่ วถงึ อะไร - เร่ืองนยี้ ังขาดอะไร ดังตัวอย่าง (01) ขอ้ ความตอนแรกของหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 กลา่ วถึงอะไร 1. ประวัตขิ องตวั อักษรไทย 2. อาณาเขตของกรุงสโุ ขทัย 3. ประวัตขิ องพอ่ ขนุ รามคำแหง 4. สภาพสงั คมในสมยั พ่อขนุ รามคำแหง (02) กาพยห์ อ่ โคลงประพาสธารทองแดง ขาดอะไร 1. การบรรยายสภาพธรรมชาติ 2. การแทรกรสวรรณคดีไทยทั้งสีร่ ส 3. การพรรณนาครำ่ ครวญถงึ นางท่ีรกั 4. การสะทอ้ นสภาพสงั คมไทยสมัยนน้ั 5. ถามบทบาทหรอื พฤตกิ รรมท่ปี รากฏในเร่ือง เชน่ - พฤติกรรมใดเป็นสิง่ เด่นชดั ของเร่ือง - ถ้าตวั เองของเรอื่ งไปทำสงิ่ น้นั จะเกิดอะไรขึ้น ดงั ตัวอย่าง (01) ในเร่ืองขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนดิ พลายงามเนน้ พฤติกรรมใดมากท่ีสดุ 1. การคลอดพลายงาม 2. การศึกษาของพลายงาม 3. การแสดงของขุนแผนในขณะตดิ คุก 4. การแสดงความรกั ของนางพมิ ตอ่ พลายงาม (02) ถา้ พระเวสสนั ดรฆ่าชชู ก อะไรจะเกดิ ข้ึน 1. พระนางมัทรีจะดพี ระทัยมาก 2. สองกุมารจะไม่ถกู ทารณุ กรรม 3. บารมีที่พระองคบ์ ำเพ็ญจะหมดสน้ิ ไป 4. พระองค์และครอบครวั จะได้กลับบ้านเมอื ง 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

139 6. ถามเกย่ี วกบั ลกั ษณะหรอื พฤติกรรมของตัวละคร เช่น - ตวั ละครแสดงพฤติกรรมอยา่ งน้ัน แสดงว่าเขาเปน็ คนอยา่ งไร ดังตัวอยา่ ง (01) การท่อี เิ หนาสง่ั ใหเ้ ผาเมือง แสดงวา่ อิเหนาเป็นคนอยา่ งไร 1. กล้าหาญ 2. เอาแตใ่ จตวั 3. ทารณุ โหดรา้ ย 4. มีความพยายาม 7. ถามประโยชน์ เชน่ - ถามตัวอยา่ งข้อความท่ดี ีงามและเป็นแกน่ สารสามารถนำมาปฏบิ ัติได้ ดงั ตัวอย่าง (01) “ท่พี งึ่ หน่งึ พ่งึ ได้แต่กายตน” ใชส้ นบั สนนุ คณุ ธรรมขอ้ ใดมากทส่ี ุด 1. ความเพียร 2. ความอดทน 3. ความเสียสละ 4. ความกลา้ หาญ (02) ควรยึดบคุ คลใดเป็นเยี่ยงอยา่ งในการครองเรอื น 1. นางมัทรี 2. นางสดี า 3. นางมทั นา 4. นางอมิตตดา 8. ถามลักษณะหรือคณุ ค่าของเรื่อง เช่น - วรรณคดเี รือ่ งน้ัน ๆ มีลกั ษณะทำนองใด ดงั ตวั อยา่ ง (01) เร่อื งขุนช้างขุนแผนมีลกั ษณะทำนองใดมากทส่ี ุด 1. แสดงชวี ิตชาวบ้าน 2. แสดงชวี ิตชาววัง 3. แสดงชวี ิตของข้าราชการ 4. แสดงชวี ติ ของคนมีฐานะดี (02) เรือ่ งพระอภัยมณีให้คณุ ค่าในด้านใดน้อยทสี่ ดุ 1. จติ ใจ 2. สังคม 3. อารมณ์ 4. สติปญั ญา 9. เปรียบเทียบความเหมือน ต่างของเหตุการณ์หรือลักษณะของตัวละครตลอดจน เนอื้ เร่ือง เช่น ตัวละครมลี กั ษณะนสิ ยั หรือคณุ ธรรมใดทเี่ หมือนหรอื ต่างกนั ดังตัวอย่าง (01) ชูชกกับเจตบุตรคล้ายกันในขอ้ ใด 1. ซือ่ สัตย์ 2. เชอื่ ง่าย 3. กล้าหาญ 4. รบั ผิดชอบ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

140 ในจุดประสงค์ตอนที่ระบุว่าให้สามารถวิจารณ์วรรณคดีหรืองานประพันธ์อื่น ๆ ได้น้ัน นอกจากจะวัดโดยให้ผู้ถูกวัดเขียนวจิ ารณ์ ตามหลักการวิจารณ์วรรณคดีและให้คะแนนโดยวธิ ีจัดอันดบั คุณภาพซ่งึ กำหนดเปน็ ข้อสอบแบบอัตนยั ได้แลว้ ยงั ใชข้ ้อสอบปรนัยแบบเลอื กตอบวัดได้ดงั ตัวอยา่ ง คำช้แี จง อา่ นคำประพันธบ์ ทนแ้ี ลว้ ใช้ตอบคำถามข้อ (01) - (02) (1) (2) “ความหวงั ฝงั ไวใ้ นดาว ในหาวหว้ ยไมไ้ พรสัณฑ์ (3) (4) หลบั เถดิ กว่าแสงตะวัน เฉดิ ฉันแฉกฟ้าร่าเรงิ ” (01) คำประพันธ์วรรคใดไมเ่ ด่นในดา้ นสัมผัส 1. วรรคท่ี (1) 2. วรรคที่ (2) 3. วรรคท่ี (3) 4. วรรคที่ (4) (02) คำประพันธ์บทนี้ใช้โวหารประเภทใด 1. บรรยายโวหาร 2. พรรณนาโวหาร 3. เทศนาโวหาร 4. อปุ มาโวหาร คำช้แี จง อา่ นคำประพนั ธ์ 2 บทน้ี แลว้ ใช้ตอบคำถามข้อ (03) - (05) “เคว้งควา้ งใบไม้ปลวิ ละลิว่ หล่นลงบนดนิ เอ่ือยเอ่อื ยธารไหลริน มริ ้สู นิ้ ณ หนใด เปรยี บดังชวี ติ น้ี มมิ ีท่จี ะพกั ใจ อ้างว้างร้างฤทยั กว่าชพี ลับลงลับสญู ” (03) คำประพันธ์บทนใี้ ชค้ ำลกั ษณะใดเด่นท่ีสดุ 1. คำซำ้ 2. คำสนั้ 3. คำศัพท์ 4. คำงา่ ย (04) คำประพันธ์บทน้ใี หค้ วามรสู้ กึ อย่างไรมากท่สี ดุ 1. หดหู่ 2. ท้อแท้ 3. ว้าเหว่ 4. โศกเศรา้ (05) คำประพนั ธบ์ ทน้ีเด่นด้วยอะไร 1. การใหแ้ ง่คดิ 2. การสร้างจินตนาการ 3. การสรา้ งบรรยากาศ 4. การสะท้อนความร้สู กึ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

141 (06) คำประพันธ์ในข้อใดมลี กั ษณะการพรรณนาใหเ้ กิดภาพพจน์ 1. ดงั่ ทับทิมแกว้ แพรวพราย ด่งั สายรุจิเรขเสกขวญั 2. ชีวิตใตท้ ะเลไทยให้คุณค่า ทรพั ยากรดาษดาหลายแหง่ ท่ี 3. ดำว่ายไปเด็ดหกั ไมร่ กั หวง ปะการงั ทง้ั ปวงนำมาขาย 4. ธรรมชาติสร้างสรรคร์ อ้ ยพนั ปี กว่าจะไดเ้ ป็นอย่างนีน้ านหนกั หนา (07) คำประพนั ธใ์ นข้อใดไพเราะด้วยการเลน่ คำ 1. ลมร่ายนำ้ ร่ายริ้ว ระลอกพลิว้ แผ่วแผว่ ไหว น้ำใจจากน้ำใจ บรรจบเยน็ ให้หยาดเยน็ 2. สีแสงประสานสี ประสานชพี ใหป้ ลั่งเปน็ ประกายทองอนั ผ่องเพญ็ แห่งชีวนั อันผ่านพน้ 3. ลมรำ่ บรรเลงเพลง บรรเลงใจไม่อับจน ชูชพี และชชู นม์ ใหเ้ ชื่อม่ันเสมอมา 4. กลองประนงั เปน็ จงั หวะ สืบสจั จะศรทั ธา เพลงชยั ไมล่ ับลา บรรเลงเพลงบรรเลงคน (08) ขอ้ ความใดใช้โวหารอปุ มา 1. สายน้ำรินไหลเงียบเชียบ ผาน้ำตกแห้งผาก น้ำในแอ่งน้ำตกแห้งเหือด จนเหลือเพยี งแอง่ น้ำเล็กจนนา่ จะเรยี กว่าอ่าง 2. ใบไม้แหง้ รว่ งพรูพรายตามสายลมท่ีพดั กรรโชกผา่ นป่า หอบเอาความหอมแห้ง ๆ จากทุ่งหญา้ ในปา่ ลึกผา่ นหนองน้ำและแหล่งดินโป่ง 3. ความมืดและความเงยี บกระจายอยู่รอบตวั มีแต่เสียงแมลงเลก็ ๆ กรดี รอ้ งเบา ๆ บางครง้ั รสู้ ึกขนหัวลุกซ่าเหมือนกัน เพราะบรเิ วณแถวน้นั เคยเปน็ ปา่ ชา้ มาก่อน 4. ทุ่งนาสีเหลืองสุกอร่ามราวกับปูด้วยทองคำแผ่นมหึมา แสงแดดอาบทั่วท้องนา เปน็ ประกายพราวระยบิ ตน้ ขา้ วโยกไกวโตล้ มหนาวท่ีพัดกรูกราว รวงข้าวระทวยตามแรงลม ต้นข้าวบาง ตน้ รบั น้ำหนักไมไ่ หวก็ลูร่ ะนาบลม้ ลง (09) ข้อความใดในขอ้ (08) ใชค้ ำทใ่ี ห้ทง้ั ภาพและเสยี งชัดเจน 1. ขอ้ 1 2. ข้อ 2 3. ข้อ 3 4. ขอ้ 4 (10) ขอ้ ความใดตอ่ ไปนี้ตอ้ งการเน้นเรือ่ งคา่ นิยมเกีย่ วกบั เรื่องใด “เราควรปลูกฝังนิสัยกินข้าวให้หมดชามด้วยการสอนให้เด็ก ๆ รู้ว่ากว่าจะได้ ข้าวสารเมล็ดหนึ่งนั้นชาวนาใช้ทั้งเวลาและแรงกายแรงใจมากเท่าไร ฝึกและทำให้เด็ก ๆ ดูเป็นตัวอย่าง ว่าควรตักข้าวครั้งละพอควรไม่อิ่มค่อยเติมใหม่ ทุกคนต้องเห็นคุณค่าของข้าว แม้เราจะไม่ต้องเหนื่อย ยากปลูกเองกต็ าม” 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

142 1. การรจู้ ักคุณค่าของข้าว 2. การปลูกฝังนสิ ยั ในการกนิ 3. การใหค้ วามสำคัญแก่ชาวนา 4. การฝกึ ใหเ้ ด็กรู้จกั ความพอเหมาะพอควร (11) ขอ้ ความในข้อ (10) ใชก้ ลวธิ กี ารเขียนอย่างไร 1. ใหน้ ยิ าม 2. ยกตัวอย่าง 3. อธิบายไปตามลำดับขั้นตอน 4. กล่าวซ้ำโดยใชถ้ ้อยคำท่แี ปลกออกไป (12) คำประพันธ์คำใดให้แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดน่ ชัดท่สี ดุ 1. ร่วงลงเพ่อื กอ่ หล่อเลีย้ ง รายเรียงรอวันสวรรค์สรา้ ง ในพืชในคนมหี นทาง อยู่อย่างช่วยเหลือเก้ือกูลกนั 2. เล็ก ๆ หากลกึ ล้ำในความหมาย ช่วยละลายเวน้ ชีวติ ผลติ ผสม รนิ ธาราเลี้ยงไพรใหญ่อุดม เม่ือชื่นชมผืนป่าอยา่ ลมื ธาร 3. คมกรวดคมหนิ ถกู รินลา้ ง กลงึ เกลี้ยงอย่กู ลางธารน้ำใส กระแสประสบการณแ์ หง่ วารไป วยั ขดั เกลากลึงใจอยใู่ นตน 4. รากลึกใช่เลยี้ งเพยี งหน่ึงตน้ สรา้ งชีพสรา้ งชุมชนรว่ มสรา้ งสรรค์ จากยางใหญส่ ยู่ อดหญ้ามาแบง่ ปนั เปน็ สสี นั เขียวรืน่ ท้งั ผืนไพร 5. สรปุ ความสามารถด้านพุทธิพิสัยเป็นความสามารถที่เกิดจากการใช้กระบวนการทางสมองในการ ได้มาซึ่งความรู้ ความเข้าใจ ถึงข้อมูลข่าวสารหรือประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับโดยความสามารถด้าน พทุ ธิพสิ ัยน้ีมรี ะดบั ตั้งแต่ ขัน้ ความรคู้ วามจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวเิ คราะห์ การสงั เคราะห์ และ การประเมินค่า ระดับพฤติกรรมแต่ละขั้นทางด้านพุทธิพิสัยจะนำมาใช้ในการกำหนดเป็นจุดประสงค์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนการสอนและการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรม เหล่านั้นต่อไป ในส่วนของการสร้างเครื่องมือวัดความสามารถด้านพุทธิพิสัยเป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ เครื่องมือที่สร้างขึ้นมีคุณภาพ ซึ่งผู้สร้างเครื่องมือวัดควรกำหนดวัตถุประสงค์ทางการวัดให้ชัดเจน เพอ่ื จะไดเ้ ลอื กประเภทและรูปแบบของเคร่ืองมอื วัดที่ตรงตามวัตถุประสงค์ทต่ี ้องการ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

143 คำถามท้ายบทที่ 6 1. จงอธิบายแนวคดิ เกี่ยวกับการกำหนดเครอ่ื งมอื วัดพฤตกิ รรมการเรียนร้ดู า้ นพุทธิพสิ ัยมาพอสังเขป 2. เครอ่ื งมอื วัดพฤติกรรมการเรียนรู้ดา้ นพทุ ธิพิสัยประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบายพร้อมทั้งยกตัวอย่าง ประกอบให้ชดั เจน 3. การกำหนดเครื่องมือวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัยกับทักษะการฟัง การพูด การอ่านและการเขียน มคี วามสำคัญอย่างไร จงอธบิ ายพรอ้ มทัง้ ยกตัวอยา่ งประกอบใหช้ ัดเจน 4. จงออกแบบการสร้างเครือ่ งมอื วัดพฤติกรรมการเรยี นรดู้ ้านพุทธิพิสัย ในหวั ขอ้ ต่อไปนี้ 4.1 พุทธพิ สิ ัยท่เี กย่ี วกบั การฟงั 4.2 พุทธพิ สิ ยั ที่เก่ยี วกบั การพดู 4.3 พทุ ธิพสิ ัยทีเ่ กย่ี วกบั การอา่ น 4.4 พทุ ธพิ สิ ยั ที่เก่ยี วกับการเขยี น 4.5 พทุ ธพิ สิ ยั ทเี่ กีย่ วกบั ภาษาและหลักภาษา 4.6 ด้านพุทธิพสิ ัยที่เกยี่ วกับ วรรณคดี ประวตั ิวรรณคดแี ละวรรณกรรมทีไ่ ด้รบั การยกย่อง 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

144 เอกสารอา้ งองิ จนั ทิมา พรหมโชติกุล. (2529). “การวัดและการประเมินผลภาษาไทยระดับประถมศึกษา” ใน การสอน กลมุ่ ทักษะ 1 (ภาษาไทย). พิมพ์ครัง้ ที่ 4. กรงุ เทพฯ : มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. นาวินี หลำประเสริฐ และคณะ. (2555). ภาษาไทย หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) จำกดั . ประสาท เนอื งเฉลิม. (2564). วจิ ัยการเรียนการสอน. พิมพค์ รั้งท่ี 5. กรงุ เทพฯ : สำนักพมิ พ์จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2553). นวัตกรรมตามแนวคิดแบบ Backward Design. มหาสารคาม : ภาควชิ าหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตรม์ หาวทิ ยาลยั มหาสารคาม. สมนึก ภัททยิ ธนี. (2553). การวัดผลการเรียนรู้. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 7. กาฬสินธุ์ : ประสานการพมิ พ.์ สมบัติ ท้ายเรือคำ. (2562). ระเบียบวิธีวิจัยสำหรับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3. มหาสารคาม : สำนักพมิ พ์มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. สุวรรณา จุ้ยทอง. (2560). การออกแบบหน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐานเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เชิงผลิต ภาพ. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 7(2), 143-152, พฤษภาคม-สงิ หาคม. อัฐพล อินต๊ะเสนา. (2561). เอกสารประกอบการสอน เรื่อง การวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทย. มหาสารคาม : โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม. Ary, D., Jacob, L.C. and Razavich, A. (1990). Introduction to Research in Education. 4th ed. Fort Worth : Holt, Rinehart and Winston, Inc. Best, J. and Kahn, J.V. (1993). Research in Education. 7th ed. Boston : Allyn and Bacon. Creswell, J.W. (2015). A Concise Introduction to Mixed Methods Research. Thousand Oaks, CA : Sage Publications, Inc. Good, C.V. (1972). Essentials of Educational Research : Methodology and Design. New York : Appletion - Century - Crofts. Kerlinger, F.N. (1986). Foundations of Behavioral Research. 3rd ed. New York : Holt Rinehart and Winston, Inc. Marshall, C. and Rossman, G.B. (2006). Designing qualitative research. 4th ed. London : Sage. 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

145 บทที่ 7 การวัดพฤตกิ รรมดา้ นจติ พิสัย 1. แนวคิด คุณลักษณะด้านจิตพิสัยเป็นอารมณ์หรือความรู้สึกทางจิตใจของมนุษย์ การวัดด้านจิตพิสัย จึงเน้นความรู้สึกทางจิตใจเป็นสำคัญ การวัดด้านจิตพิสัยมีหลายชนิด การสร้างเครื่องมือวัดด้าน จิตพิสยั ขน้ึ อยกู่ ับองค์ประกอบและคุณลักษณะของสงิ่ ทีจ่ ะวัดเป็นสำคัญ 2. เนือ้ หา 2.1 การกำหนดเครอ่ื งมือวดั พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจติ พิสัย 2.2 พฤติกรรมดา้ นจติ พิสยั ของวิชาภาษาไทยท่ตี อ้ งการวดั 2.3 เคร่ืองมอื วดั พฤติกรรมการเรียนร้ดู า้ นจิตพิสัยในวิชาภาษาไทย 2.4 การกำหนดเครื่องมอื วดั พฤตกิ รรมดา้ นจติ พสิ ัยกบั ทักษะการฟงั พูด อา่ น เขยี น 2.5 การสรา้ งเคร่ืองมอื วัดพฤตกิ รรมการเรียนร้ดู ้านจติ พสิ ัย 2.5.1 การสรา้ งเคร่อื งมือวดั พฤตกิ รรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยทเี่ ก่ียวกบั การฟัง 2.5.2 การสร้างเคร่ืองมือวดั พฤติกรรมการเรยี นรดู้ า้ นจิตพสิ ยั ทเ่ี กย่ี วกับการอ่าน 2.5.3 การสรา้ งเคร่อื งมือวดั พฤติกรรมการเรียนรดู้ า้ นจิตพสิ ยั ทเ่ี กี่ยวกบั การเขียน 2.5.4 การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและ หลักภาษา 2.5.5 การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติ วรรณคดีและวรรณกรรมทไ่ี ด้รบั การยกยอ่ ง ซ่งึ หลกั สูตรกำหนดใหเ้ รยี นหรอื เลอื กเรียน 3. วัตถุประสงค์ 3.1 สามารถอธิบายแนวคิดเก่ียวกับการกำหนดเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนร้ดู า้ นจิตพิสยั ได้ 3.2 สามารถอภปิ รายเกี่ยวกบั พฤติกรรมดา้ นจติ พิสยั ของวิชาภาษาไทยท่ีตอ้ งการวัดได้ 3.3 สามารถนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยในวิชา ภาษาไทยได้ 3.4 สามารถกำหนดเครื่องมอื วดั พฤติกรรมดา้ นจติ พิสยั กบั ทักษะการฟัง พูด อา่ น เขยี นได้ 5. สามารสร้างเคร่อื งมอื วดั พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ดา้ นจติ พสิ ัยได้ 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 กิจกรรมก่อนเรียน 4.1.1 อาจารย์และนิสิตร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับเรื่องการวัดพฤติกรรมด้านจิตพิสัย ในรายวิชาภาษาไทย 4.1.2 อาจารย์นำเขา้ สูบ่ ทเรยี นเรือ่ ง การวัดพฤติกรรมดา้ นจติ พิสัยในรายวิชาภาษาไทย 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

146 4.2 กิจกรรมการเรียนรใู้ นชั้นเรียน 4.2.1 อาจารยผ์ สู้ อนบรรยายเรอ่ื ง การวัดพฤติกรรมดา้ นจิตพิสัยในรายวชิ าภาษาไทย 4.2.2 อาจารย์ผู้สอนและนิสิตร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง การวัดพฤติกรรม ดา้ นจิตพสิ ยั ในประเดน็ ต่อไปน้ี - การสรา้ งเครือ่ งมอื วดั พฤติกรรมการเรยี นรูด้ า้ นจิตพสิ ยั ทีเ่ ก่ียวกับการฟงั - การสรา้ งเคร่ืองมอื วัดพฤติกรรมการเรียนร้ดู ้านจติ พสิ ยั ทเ่ี กย่ี วกับการอา่ น - การสร้างเครอื่ งมือวัดพฤติกรรมการเรียนรดู้ ้านจิตพสิ ยั ท่เี กยี่ วกบั การเขยี น - การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและ หลักภาษา - การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติ วรรณคดแี ละวรรณกรรมที่ได้รบั การยกย่อง ซ่งึ หลักสตู รกำหนดใหเ้ รียนหรอื เลือกเรียน 4.2.3 อาจารย์และนิสิตร่วมกนั สรุปความรเู้ กย่ี วกับเรือ่ ง การวดั พฤตกิ รรมดา้ นจติ พิสยั 4.3 กจิ กรรมเสริม อาจารย์ให้นิสิตศึกษาเรื่อง การวัดพฤติกรรมด้านจิตพิสัยเพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้อื่น แลว้ สรปุ เปน็ ชิน้ งานสง่ ในชัว่ โมงตอ่ ไป 5. ส่อื การสอน 5.1 เอกสารคำสอนเร่ือง การวดั และการประเมนิ ผลวิชาภาษาไทย 5.2 PPT ประกอบการสอน เรื่อง การวดั พฤตกิ รรมด้านจติ พสิ ยั 6. การวัดและประเมินผล 6.1 การทดสอบ 6.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมการมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้ 6.3 การเขา้ ชั้นเรียน 6.4 ความสามารถในการตอบคำถาม 6.5 การทำแบบฝึกหัดทา้ ยบท 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

147 บทที่ 7 การวดั พฤติกรรมดา้ นจติ พิสัย พฤติกรรมด้านจิตพิสัยนี้ คือ กลุ่มของจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่เกี่ยวกับความรู้สึกซึ่งเป็น รากฐานที่ก่อเกิดบุคลิกภาพหรือลักษณะนิสัยของบุคคล พฤติกรรมด้านนี้จัดเป็นพฤติกรรมที่แอบแฝง ซ่อนเร้นอยู่ภายใน ต้องกำหนดสถานการณ์ให้แสดงออกทำให้วัดยาก และต้องใช้เวลานาน แต่อย่างไร ก็ตามครูสามารถปลูกฝังพฤติกรรมด้านนี้ให้ผู้เรียนได้ โดยต้องใช้เวลาต่อเนื่องกันพอสมควร จะหวังผล ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่ได้ เพราะการเกิดพฤติกรรมด้านนี้ต้องผ่านกระบวนการไปตามลำดับจนเกิดเป็น ทัศนคติ และพัฒนาเป็นค่านิยมต่าง ๆ ในที่สุดค่านิยมที่เกี่ยวข้องกันก็จะจัดระบบขึ้น และกลายมาเป็น ตวั ทกี่ ำหนดลกั ษณะนิสัยของบุคคลในที่สดุ 1. การกำหนดเครอื่ งมือวัดพฤตกิ รรมการเรยี นรดู้ า้ นจติ พสิ ัย การวัดพฤติกรรมด้านจิตพิสัยเป็นการวัดความรู้สึกหรือด้านจิตใจ อารมณ์ ที่เกี่ยวข้องกับ ทัศนคติ ค่านิยม ความสนใจ การเห็นคุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ส่วนใหญ่จะใช้การสังเกตจากการปฏิบัติ จริงหรือการใช้แบบสอบถาม การสำรวจ การเลือกเครื่องมือขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของรายวิชานั้น ๆ (สำนกั วิชาการและมาตรฐานทางการศึกษา, 2557) 2. พฤติกรรมดา้ นจิตพิสยั ของวิชาภาษาไทยทต่ี อ้ งการวัด 2.1 จุดประสงค์ของกลุ่มวิชาภาษาไทย ได้กำหนดพฤติกรรมด้านจิตพิสัยไว้ในจุดมุ่งหมาย ของหลกั สตู รดงั นี้ จุดมุ่งหมายของหลักสูตรในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่ว่า (เบญจมาภรณ์ เสนารัตน์ และ สมประสงค์ เสนารตั น,์ 2558) ข้อ 4 “เพื่อให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีนิสัยรักการอ่าน การเขียน และมีรสนิยม ในการเลือกอ่านหนังสือ” ซึ่งในข้อนี้จะเห็นได้ว่าต้องการให้มีการรักการอ่าน การเขียน มีทัศนคติที่ดี มีความสนใจ และมีความคิดในการทำสิ่งใหม่ ๆ ขึ้น หรือ ข้อที่ 6 ที่ว่า “เพื่อให้ตระหนักในคุณค่าของ วรรณคดีที่เป็นมรดกด้านวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นในปัจจุบัน” นั่นคือมีความสนใจ การยอมรับใน คณุ คา่ ของวรรณคดี มีการสบื ทอดในสง่ิ ที่ดงี ามต่อไป มคี ่านยิ มในวฒั นธรรมทางภาษาของไทย สำหรับจดุ ประสงคใ์ นระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลายได้ระบบุ ไว้ดงั น้ี ข้อ 4 ว่า “เพ่ือให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ นิสัยรักการอ่าน การเขียน และมีรสนิยม ในการเลอื กอา่ นหนังสอื ” ข้อ 5 “เพื่อให้เห็นความสำคัญของภาษาไทยในฐานะเป็นเครื่องมือสื่อสารของคน ในชาติ และมีความภาคภมู ใิ จในภาษาไทย” ข้อ 6 “เพื่อให้ตระหนักในคุณค่าของวรรณคดีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม และ ที่สรรค์สร้างขึ้นในปัจจุบัน” ตามที่ระบุไว้ในหลักสูตรดังกล่าวแสดงว่า ถ้าจะให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายท่ี หลักสตู รกำหนดไว้กต็ อ้ งมกี ารอบรมสัง่ สอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความรสู้ ึกที่ดตี ามจุดประสงค์ของหลักสตู ร 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

148 2.2 คำอธิบายรายวิชา ได้กำหนดให้เห็นจุดประสงค์ที่เนน้ พฤติกรรมดา้ นจติ พสิ ัยไว้ เชน่ เห็น คุณค่าและความงามของภาษา มีจรรยาบรรณในการพูด ความรับผิดชอบและคุณธรรมในการพูด เห็น คุณค่าของวรรณคดใี นฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม สรุปได้ว่า พฤติกรรมด้านจิตพิสัยได้ระบุไว้อย่างชัดเจนในแต่ละรายวิชาโดยระบุไว้ใน จุดประสงค์ของกลุ่มวิชาและจุดประสงค์ในคำอธิบายรายวิชาไว้ค่อนข้างชัดเจน ที่สามารถนำมาเขียน เป็นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรดู้ า้ นจติ พิสยั ได้ 3. เครือ่ งมือวัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ด้านจติ พิสยั ในวชิ าภาษาไทย การวัดด้านจิตพิสัยสามารถใช้เครื่องมือวัดได้หลายชนิด ในบางคุณลักษณะของจิตพิสัย ใช้เครื่องมือวัดหลายประเภทร่วมกันก็ได้ เช่น ใช้ทั้งการสัมภาษณ์ และแบบสำรวจหรือแบบสอบถาม หรืออาจใช้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในวิชาภาษาไทยว่าจะใช้เครื่องมือใด ท่เี หมาะสมในการวดั ผลดังตอ่ ไปนี้ (อฐั พล อนิ ต๊ะเสนา, 2561) 1. การสังเกต โดยการสงั เกตพฤติกรรมของผ้เู รยี น เชน่ ความสนใจการเขา้ รว่ มกจิ กรรม 2. แบบบันทกึ เป็นรายการบนั ทึกสิ่งท่ีสงั เกตได้ในขณะท่ที ำการสังเกต โดยรายการบันทึก น้จี ะสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคข์ องจติ พิสัยทวี่ ิเคราะห์ได้จากคำอธิบายรายวชิ า 3. แบบสัมภาษณ์ เป็นรายการสัมภาษณ์ เมื่อได้ทราบความคิดเห็น ทัศนคติ ความสนใจ หรือความรู้สึกตา่ ง ๆ เกี่ยวกับรายวิชาภาษาไทย เพื่อประกอบกับการสังเกตและมีการบันทึกในรายการ ทกี่ ำหนด 4. แบบสำรวจรายการ เป็นการให้ผู้ถกู วดั ตอบตามรายการที่กำหนดไวเ้ พือ่ ให้ได้ข้อมูลวา่ ผูถ้ ูกวดั ชอบหรอื ไมต่ ามข้อรายการนัน้ ๆ 5. แบบสอบถาม เปน็ การถามความรสู้ กึ ความคดิ เห็น หรอื ทัศนคตเิ ก่ยี วกับการเหน็ คุณค่า ของภาษาไทย การเห็นคณุ ค่าของวรรณกรรมทอ่ี า่ น หรอื ความเพลดิ เพลินในการอา่ น เปน็ ต้น 4. การกำหนดเครอ่ื งมือวัดพฤติกรรมดา้ นจิตพสิ ยั กบั ทักษะการฟงั พูด อา่ น เขียน การกำหนดเครื่องมือวัดด้านจิตพิสัย สามารถวัดได้ใน 2 ลักษณะ คือ (วิมลรัตน์ สุนทรโรจน,์ 2553) 1. การวดั ในขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับการฟัง การพดู การอา่ น และการเขียน โดย ใชก้ ารสงั เกตดพู ฤตกิ รรมและจดบนั ทึกตามรายการพฤติกรรมท่เี ก่ียวขอ้ งกบั พฤตกิ รรมดา้ นจติ พสิ ยั 2. วัดโดยแบบสอบถามและการสำรวจการใช้แบบสอบถามหรือการสำรวจ เป็นการวัด โดยอ้อม ให้ผู้ตอบคำถามตามข้อรายการที่กำหนดที่เกี่ยวข้องกับค่านิยม ทัศนคติ ความสนใจ การเห็น คุณค่า การใช้เวลาว่างที่เกี่ยวกับวิชาภาษาไทยเพื่อให้รู้ถึงค่านิยม ความพึงพอใจ ความซาบซึ้ง เจตคติ ฯลฯ ทเ่ี กดิ ขึน้ จากการได้เรียนรสู้ ง่ิ ตา่ ง ๆ มาแลว้ ถา้ จะพจิ ารณาด้านจิตพิสยั จะไดต้ ามตารางที่ 7.1 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

149 ตารางท่ี 7.1 แสดงแบบของพฤติกรรมด้านจิตพิสยั กบั พฤตกิ รรมทบี่ ่งบอก และวิธกี ารวัด ประเภทที่ แบบของพฤติกรรม พฤติกรรมท่ีบง่ บอก วิธกี ารวดั 1 พฤติกรรมทีสังเกตได้ สนับสนนุ การสงั เกตโดยใช้ 2 1.1 การแสดงออกทางภาษา 1.2 การแสดงออกที่ไมใ่ ช่ ยอมกระทำ แบบบนั ทึกประกอบ ภาษา รายงาน พฤติกรรมซ่อนเรน้ 2.1 เจตคติ สนใจฟัง การสังเกต โดยใช้ 2.2 ความรูส้ ึก 2.3 คา่ นยิ ม การใหค้ วามร่วมมอื แบบบันทกึ ประกอบ เลือกกระทำ ชว่ ยเหลือ ทำงาน สร้างนสิ ัย การให้ การแบ่งปัน การเยีย่ มเยือน สบื คน้ วจิ ารณ์ ยอมรับ แบบสอบถาม ตัดสนิ คน้ หา ปฏิเสธ ปกปอ้ ง ชอบ สนใจ รนื่ เรงิ การสัมภาษณ์ ความตอ้ งการทำการปฏบิ ตั ิ เปน็ นิสัย การเขียนจุดประสงค์การเรียนรู้จิตพิสัยต้องเขียนให้สอดคล้องกับเนื้อหา และธรรมชาติของ วิชา เช่น เข้าร่วมกิจกรรมกับชุมนุมภาษาไทย สมัครเข้าฟังเมื่อมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับวิชา ภาษาไทย และต้องมีการแสดงเจตคติ โดยการยอมรับ ให้ข้อวิจารณ์เกี่ยวกับกิจกรรมของชุมนุม ซึ่งผู้สอนจะต้องเขียนรายการที่จะสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนไว้ เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิด พฤตกิ รรมด้านจิตพสิ ัยครบถว้ นตามจดุ มงุ่ หมายของหลกั การที่รายวชิ ากำหนดไว้ เช่น การเหน็ คุณคา่ ของ การอ่าน ในการวดั เชน่ นตี้ ้องใช้การสังเกตพฤติกรรมในการสนใจเกี่ยวกับการอา่ น การเขา้ ร่วมกิจกรรมท่ี เกีย่ วขอ้ งกบั การอา่ น โดยมีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน (ประสาท เนืองเฉลิม, 2564) 5. การสร้างเคร่อื งมือวดั พฤตกิ รรมการเรยี นรดู้ ้านจติ พสิ ัย พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่กำหนดในหลักสูตรกลุ่มวิชาภาษาไทย โดยพิจารณาจาก จุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของรายวิชาและจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบาย รายวิชาท้ังวิชาบังคับและวชิ าเลอื กจะปรากฏทัง้ ในจดุ ประสงคเ์ ร่ืองการฟงั การอา่ น การเขียน ภาษาและ หลักภาษา ตลอดจนวรรณคดี ประวัติวรรณคดีและวรรณกรรมที่ได้รับยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

150 เรียนหรอื เลอื กเรียน การสร้างเครือ่ งมือวัดพฤติกรรมการเรยี นรดู้ า้ นน้จี ะแยกกล่าวเช่นเดียวกับการสร้าง เครอ่ื งมอื วัดพฤตกิ รรมการเรยี นรดู้ า้ นพุทธิพสิ ยั ดงั ต่อไปนี้ (สมนกึ ภทั ทิยธน,ี 2553) 1. การสรา้ งเครื่องมือวดั พฤติกรรมการเรยี นรู้ดา้ นจิตพิสัยทเ่ี กยี่ วกับการฟัง พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับการฟัง พิจารณาจากจุดประสงค์ของ หลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของรายวิชาและจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชา สรุปได้ว่า ต้องการให้ติดตามฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยคาดว่าผู้ที่ติดตามฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์นั้น นอกจากต้อง แสดงออกโดยการปฏิบัติจริงแล้ว ยังจะต้องเห็นคุณค่าหรือประโยชน์ของการกระทำเช่นนั้นด้วย (อมรรตั น์ พิทักษ์วงศ,์ 2551) 1. เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัย ที่เกี่ยวกับการฟัง เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับ เรอ่ื งน้ี ไดแ้ ก่ ความคดิ เหน็ ความรสู้ ึก และการปฏิบตั ิหรือการกระทำกจิ กรรมเกยี่ วกับการฟงั 2. วิธีวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับการฟัง การวัดพฤติกรรม การเรียนรู้ดา้ นนี้โดยตรง ตอ้ งให้ผถู้ กู วัดเปน็ ผู้บอกถึงความรสู้ ึกหรือความคิดเหน็ ในจติ ใจของตนเอง และ การปฏิบัติหรือกระทำกิจกรรมที่ตนได้ทำตามความเป็นจริง โดยใช้การสัมภาษณ์หรือให้ผู้ถูกวัดเขียน ตอบ และสามารถวัดทางอ้อมโดยใช้การสังเกต และเครื่องมือประเภทแบบสอบถาม หรือแบบสำรวจ ประกอบการสังเกตได้ ดงั ตัวอย่างการใช้แบบสำรวจความสนใจในการฟงั ประกอบการสงั เกตดงั ต่อไปน้ี แบบสำรวจความสนใจในการฟัง คำชี้แจง ให้เขียนเครื่องหมาย √ หลังรายการในช่องที่แสดงว่านักเรียนคิดหรือกระทำตาม ความเป็นจรงิ ตารางที่ 7.2 แบบสำรวจความสนใจในการฟงั รายการ ใช่ ไมใ่ ช่ 1. นักเรยี นคิดวา่ การฟังทำให้เกิดความสนุกสนานเพลดิ เพลิน 2. นกั เรียนคดิ ว่าการฟังทำให้ไดร้ ู้ส่งิ แปลก ๆ ใหม่ ๆ 3. นักเรยี นชอบใชเ้ วลาว่างฟังเรอื่ งราวตา่ ง ๆ ท่นี ่าสนใจ 4. นักเรยี นคดิ วา่ การติดตามฟังเรอื่ งราวต่าง ๆ อยเู่ สมอจะทำใหเ้ ปน็ คน รอบร้ทู ันต่อเหตุการณ์ 5. นักเรียนคดิ ว่าการฟังเป็นเรื่องท่นี ่าเบ่ือ 6. นักเรยี นคดิ ว่าการฟงั ใหผ้ ลดีสกู้ ารอ่านไม่ได้ 7. นกั เรียนคิดว่าการฟงั ใหค้ วามสะดวกมากกว่าการอ่าน เพราะจะฟังใน อริ ิยาบถใดก็ได้ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

151 2. การสรา้ งเครอ่ื งมอื วัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ดา้ นจิตพิสยั ท่เี กีย่ วกับการอ่าน 2.1 พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับการอ่าน พฤติกรรมการเรียนรู้ด้าน จิตพิสัยที่เกย่ี วกับการอ่าน พจิ ารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จดุ ประสงค์ของรายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชา สรุปได้ว่า ต้องการให้ติดตามอ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยคาดหวังเช่นเดียวกับการฟัง และพิจารณาจากจุดประสงค์ที่ระบุโดยตรงว่า ให้เห็นคุณค่าของ การอ่านและเกดิ ความเพลิดเพลินในการอ่าน (บญุ ชม ศรสี ะอาด, 2546) 2.2 เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยท่ี เกี่ยวกับการอ่านเนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้าน จิตพิสัยที่เกี่ยวกับ เร่ืองน้ี ได้แก่ ความคิดเหน็ ความรูส้ กึ และปฏิบตั หิ รือการกระทำกจิ กรรมท่ีเกย่ี วกับการอ่าน 2.3 วิธีวัดพฤติกรรมการเรยี นรูด้ ้านจิตพสิ ัยที่เกี่ยวกับการอ่าน การวัดพฤติกรรมด้านน้ี โดยตรงต้องให้ผู้ถูกวัดเป็นผู้บอกถึงความรู้สึกและความคิดเห็นในจิตใจของตนเอง และการปฏิบัติหรือ กระทำกิจกรรมท่ีตนได้ทำตามความเป็นจริง โดยใชก้ ารสัมภาษณ์หรือใหผ้ ู้ถูกวัดเขียนตอบ และสามารถ วัดทางอ้อมโดยใช้การสงั เกตและเคร่ืองมือประเภทแบบสอบถาม หรอื แบบสำรวจประกอบการสังเกตได้ ดงั ตวั อยา่ งการใชแ้ บบสำรวจความสนใจในการอา่ นประกอบการสังเกตต่อไปนี้ แบบสำรวจความสนใจในการอา่ น คำชี้แจง ให้เขียนเครื่องหมาย √ หลังรายการในช่องที่แสดงว่านักเรียนคิดหรือกระทำตาม ความเปน็ จริง ตารางที่ 7.3 แบบสำรวจความสนใจในการอา่ น รายการ ใช่ ไม่ใช่ 1. นกั เรยี นชอบใช้เวลาว่างอา่ นหนังสอื มากกว่าทำอยา่ งอ่ืน 2. นกั เรยี นคดิ วา่ การอ่านหนงั สอื ช่วยทำให้เกดิ ความเพลิดเพลิน 3. นักเรียนคดิ ว่าการอ่านทำให้เสียเวลามากสู้การฟังไม่ได้ 4. นักเรยี นคิดวา่ การติดตามอ่านขา่ วสารหรอื เร่ืองราวต่าง ๆ จากหนงั สอื ช่วยใหเ้ ปน็ คนรอบรทู้ ันต่อเหตกุ ารณ์ 5. นกั เรียนคดิ ว่าคนที่รักการอ่านเป็นคนเกยี จครา้ น เฉยชาไม่ค่อยยอมทำ อะไร 6. นักเรียนนำความคดิ เห็นหรือสารประโยชน์ทไี่ ดจ้ ากการอ่านมาถกเถยี งกับ เพื่อน ๆ ต่อ 7. นักเรยี นคิดวา่ การอ่านนำไปใช้ชว่ ยการฟงั ได้ดี 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

152 3. การสรา้ งเคร่อื งมือวดั พฤติกรรมการเรยี นรดู้ ้านจิตพสิ ัยท่ีเกีย่ วกบั การเขียน 3.1 พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับการเขียน พฤติกรรมการเรียนรู้ด้าน จิตพิสัยที่เกี่ยวกับการเขียน พิจารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของ รายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชา สรุปได้ว่าต้องการให้เห็นความสำคัญของภาษา ที่ใช้ในการติดต่อกิจธุระ เห็นคุณค่าของงานประพันธ์ประเภทร้อยกรอง และเห็นคุณค่าและความงาม ของภาษา 3.2 เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้แก่ ความคิดเห็น ความรู้สึก และปฏิบัติหรือการกระทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเขียน ติดต่อกจิ ธุระ งานเขยี นหรอื งานประพันธ์ประเภทร้อยกรอง และงานเขียนประเภทร้อยแก้วที่เด่นในด้าน วรรณศิลป์ 3.3 วธิ ีวดั พฤติกรรมการเรียนรู้ดา้ นจติ พสิ ัยทเ่ี กย่ี วกับการเขียน การวัดพฤติกรรมด้านน้ี โดยตรงต้องให้ผู้ถูกวัดเป็นผู้บอกถึงความรู้สึกและความคิดเห็นในจิตใจของตนเอง และการปฏิบัติหรือ กระทำกิจกรรมที่ตนได้ทำตามความเป็นจริง โดยใช้การสัมภาษณ์หรอื ใหผ้ ู้ถูกวัดเขียนตอบ เช่นเดียวกบั การฟังและการอ่านที่กล่าวแล้ว และสามารถวัดทางอ้อมโดยใช้การสังเกตและเครื่องมือประเภท แบบสอบถาม หรอื แบบสำรวจ แบบสอบถามวัดเจตคตขิ องนกั เรยี นที่มีต่อการเขียนตดิ ต่อกิจธุระ คำชี้แจง แบบสอบถามนี้ต้องการถามเกี่ยวกับความคิดเห็นหรือความรู้สึกของนักเรียนท่ีมีต่อ การเขียนติดต่อกจิ ธุระ ตามความหมายของคำที่กำหนดให้ดเู ป็นคู่ ๆ นัน้ ให้พิจารณาวา่ นักเรียนมีความ คิดเห็นหรือความรู้สึกเช่นนั้นมากน้อยเพียงใด แล้วตอบโดยเขียนเครื่องหมาย/ในช่องที่นักเรียนมีความ คิดเห็นหรือความรูส้ ึกเช่นนน้ั ตามความเป็นจรงิ (ชอ่ งท่กี ำหนดให้นน้ั จะมี 7 ชอ่ ง ชอ่ งใดอยู่ใกล้คำด้านใด มากก็แสดงถึงปริมาณที่มากหรือมากขึ้นของความหมายในคำด้านนั้น ซึ่งในทางกลับกันก็ย่อมแสดงถึง ปริมาณทนี่ ้อยลงของความหมายในคำดา้ นตรงข้าม นกั เรียนมีความเห็นหรือความรสู้ ึกอย่างไรต่อ “การเขยี นตดิ ตอ่ กจิ ธุระ” สำคัญ ไม่สำคญั จำเป็น ไม่จำเปน็ มีประโยชน์ ไรป้ ระโยชน์ ฯลฯ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

153 แบบสอบถามวัดเจตคติของนกั เรยี นท่มี ีตอ่ งานเขียนประเภทร้อยกรอง (หรืองานเขยี นประเภทร้อยแก้วท่ีเดน่ ในดา้ นวรรณศิลป์) คำช้แี จง (ใช้ทำนองเดยี วกับคำช้ีแจงของแบบสอบถามวัดเจตคตขิ องนักเรียนที่มีต่อการเขียน ตดิ ต่อกจิ ธรุ ะ) นักเรยี นมีความคิดเห็นหรือมีความรูส้ กึ ต่อ “งานเขยี นประเภทรอ้ ยกรอง” ชอบ เกลียด มคี ุณคา่ ไรค้ ุณค่า น่าสนใจ น่าเบือ่ 4. การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและ หลักภาษา 4.1 พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและหลักภาษา พิจารณาจาก จุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทยจุดประสงค์ของรายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบาย รายวชิ า สรปุ ได้ว่า ตอ้ งการให้เหน็ คณุ ค่าของภาษาไทยในฐานะทเี่ ปน็ เคร่ืองมือสื่อสารของคนในชาติและ เป็นปจั จยั ในการสร้างเอกภาพของชาติ ตลอดจนเป็นเคร่อื งมือรกั ษาและสบื ทอดวัฒนธรรมไทย 4.2 เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยท่ี เกี่ยวกับภาษาและหลักภาษา ได้แก่ ความคิดเห็น ความรู้สึก และการปฏิบัติหรือทำกิจกรรมเกี่ยวกับ ภาษาและหลักภาษาหรือพูดรวมๆ เปน็ วชิ าภาษาไทย 4.3 วิธีวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและหลักภาษา การวัด พฤติกรรมด้านนี้โดยตรงต้องให้ผู้ถูกวัดเป็นผู้บอกถึงความรู้สึกและความคิดเห็นในจิตใจของตนเอง และการปฏบิ ัตหิ รือการทำกิจกรรมท่ีตนไดท้ ำตามความเป็นจรงิ โดยใชก้ ารสัมภาษณ์หรือให้ผถู้ กู วัดเขียน ตอบ เช่นเดียวกับการวัดเรื่องอื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว และสามารถวัดทางอ้อมโดยใช้การสังเกตและ เครื่องมือประเภทแบบสอบถาม และแบบสำรวจประกอบการสังเกตได้ ดังตัวอย่างแบบสอบถาม ประเภทมาตรจำแนกความหมายทางภาษา และแบบสอบถามประเภทมาตรการประมาณค่าวัดเจตคติ และความสนใจทมี่ ตี ่อภาษาไทยหรอื วชิ าภาษาไทย ตอ่ ไปนี้ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

154 แบบสอบถามวัดเจตคตขิ องนักเรียนท่มี ีต่อภาษาไทยหรือวิชาภาษาไทย คำชแ้ี จง (ใช้ทำนองเดียวกับคำช้ีแจงของแบบสอบถามวัดเจตคติของนักเรียนท่ีมีต่อการเขียน ตดิ ต่อกจิ ธรุ ะ) นกั เรยี นมคี วามคิดเห็นหรอื มีความรสู้ กึ อย่างไรตอ่ “ภาษาไทย” มคี ุณค่า ไรค้ ุณคา่ ชอบ เกลียด สำคญั ไมส่ ำคญั ฯลฯ แบบสอบถามวัดเจตคติของนักเรียนทมี่ ีตอ่ “ภาษาไทย” คำชี้แจง ให้เขียนเครื่องหมาย √ หลังข้อความในช่องที่แสดงว่านักเรียนมีความรู้สึกหรือ มีความคิดเหน็ อยา่ งไร ตารางท่ี 7.4 แบบสอบถามวัดเจตคตขิ องนกั เรียนท่ีมีต่อ “ภาษาไทย” ข้อความ เห็นดว้ ย เหน็ ไม่ ไมเ่ หน็ ไมเ่ หน็ ดว้ ย อย่างย่ิง ดว้ ย แน่ใจ ด้วย อย่างย่ิง 1. ข้าพเจา้ ชอบท่ีจะเรยี นภาษาไทย 2. เมือ่ มีโอกาสข้าพเจา้ จะเลือกเรียนภาษาไทย 3. ข้าพเจา้ คิดวา่ ภาษาไทยจะทำให้คนในชาติ รวมตัวเปน็ อนั หน่ึง อนั เดียวกัน 4. ขา้ พเจา้ เช่อื ว่าภาษาไทยจะทำให้ข้าพเจา้ เปน็ คนฉลาด 5. การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติ วรรณคดี และวรรณกรรมท่ีไดร้ ับการยกย่อง ซง่ึ หลักสตู รกำหนดใหเ้ รียนหรอื เลือกเรยี น 5.1 พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดีและ วรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียน พฤติกรรมการเรียนรู้ด้าน จิตพิสัยที่เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ พิจารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

155 ของรายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชา สรุปได้ว่าต้องการให้ประทับใจในศิลปะ การประพันธ์จนนำไปกล่าวอ้างได้ เห็นคุณค่าของวรรณคดีสำคัญในฐานะเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เหน็ คุณคา่ ของวรรณกรรมท่อี า่ นและเกิดความเพลิดเพลินในการอ่าน 5.2 เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยท่ี เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดี และวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือ เลือกเรยี น เน้ือหาทีน่ ำมาใช้ในการสร้างเคร่ืองมือวดั พฤติกรรมการเรียนร้ดู า้ นเจตคติพสิ ัยที่เก่ียวกับเร่ือง ต่าง ๆ เหล่านี้ ได้แก่ ความคดิ เห็น ความรู้สึก และการปฏบิ ัติหรอื ทำกิจกรรมเกีย่ วกับเรอ่ื งตา่ ง ๆ เหล่านี้ 5.3 วิธีวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดีและ วรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียน การวัดพฤติกรรมด้านน้ี โดยตรงต้องให้ผู้ถูกวัดเป็นผู้บอกถึงความรู้สึกและความคิดเห็นในจิตใจของตนเอง และการปฏิบัติ การกระทำกิจกรรมที่ตนได้ทำตามความเป็นจริง โดยใช้การสัมภาษณ์หรือให้ผู้ถูกวัดเขียนตอบ เช่นเดียวกับการวัดเรื่องอื่น ๆ ที่กล่าวมาแล้ว และสามารถวัดทางอ้อมโดยใช้การสังเกตและเครื่องมือ ประเภทแบบสอบถาม และแบบสำรวจประกอบการสังเกตได้ ดังตัวอย่างแบบสอบถามประเภทมาตร จำแนกความหมายทางภาษา และแบบสอบถามประเภทมาตรการประมาณค่าวัดเจตคติท่ีมตี ่อวรรณคดี และวัดความสนใจหรือความซาบซึ้งท่ีมีต่อการอ่านวรรณคดีหรือวรรณกรรมทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ต่อไปน้ี แบบสอบถามวัดเจตคติของนกั เรียนท่ีมีตอ่ วรรณคดี คำช้ีแจง (ใชท้ ำนองเดียวกับคำช้ีแจงของแบบสอบถามวัดเจตคติของนักเรียนที่มีต่อการเขียน ตดิ ตอ่ กิจธรุ ะ) นักเรียนมีความคดิ เห็นหรอื มคี วามรสู้ ึกต่ออย่างไร “วรรณคดี” นา่ ยกยอ่ ง นา่ ดถู ูก น่าช่นื ชม น่าตเิ ตียน สำคัญ ไม่สำคญั ชอบ เกลียด มีคุณค่า ไร้มีคุณคา่ ฯลฯ 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

156 แบบสอบถามวัดความสนใจหรอื ความซาบซึ้งในการอา่ นวรรณคดี (หรือวรรณกรรม) คำชีแ้ จง ใหเ้ ขยี นเครอ่ื งหมาย √ หลังข้อความในช่องทแ่ี สดงว่านักเรียนได้กระทำกิจกรรมนั้น ๆ มากนอ้ ยระดบั ใดตามความเป็นจริง ตารางที่ 7.5 แบบสอบถามวัดความสนใจหรือความซาบซึ้งในการอ่านวรรณคดี (หรือวรรณกรรม) ขอ้ ความ มาก มาก ปาน น้อย น้อย ท่ีสุด กลาง ที่สดุ 1. ขา้ พเจา้ ใชเ้ วลาว่างอา่ นวรรณคดี (หรือ วรรณกรรม) เสมอ 2. ข้าพเจ้าชอบท่องขอ้ ความในวรรณคดี (หรือวรรณกรรม) ตอนท่ขี า้ พเจา้ ชอบ 3. ข้าพเจา้ อา่ นวรรณคดี (หรือวรรณกรรม) ใน ลักษณะของการอ่านออกเสยี งทำนองเสนาะดัง ๆ 4. ขา้ พเจา้ มักขีดเส้นใตห้ รือทำเคร่ืองหมายในเนื้อหา ในวรรณคดี (หรอื วรรณกรรม) ตอนทีไ่ พเราะ 5. ขา้ พเจ้าอา่ นวรรณคดี (หรือวรรณกรรม) ด้วยความเพลิดเพลิน 5. สรปุ พฤตกิ รรมการเรียนรู้ดา้ นจิตพสิ ัยเปน็ พฤติกรรมท่ีเกดิ ขึ้นภายใจจิตใจของมนุษย์ท่ีเกี่ยวข้องกับ ความรู้สึก อารมณ์และจิตใจของบุคคล เช่น ความสนใจ ความซาบซึ้ง เจตคติ ค่านิยม ความต้องการ การปรับตัว คุณธรรม จริยธรรม และบุคลิกภาพ เป็นต้น นอกจากนั้นยังเป็นสิ่งที่สร้างสมขึ้นจนเป็น ลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคล การเกดิ จิตพสิ ัยภายในตัวบุคคลนน้ั จะพฒั นาจากระดับตำ่ จนถึงระดับสูง ได้แก่ การรับรู้ การตอบสนอง การสร้างคุณค่า การจัดระบบคุณค่า และการสร้างลักษณะนิสัย คุณลักษณะด้านจิตพิสัยแต่ละชนิดมีขอบข่ายของความหมายที่ซ้อนกันอยู่ แต่จะมีความแตกต่างกันใน ระดับและความกว้างของความหมาย การสร้างเครื่องมือวัดด้านจิตพิสัยตอ้ งคำนึงถึงความเหมาะสมกับ องคป์ ระกอบในการวัดจงึ จะไดเ้ ครื่องมือท่ีมีประสทิ ธภิ าพ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

157 คำถามท้ายบทท่ี 7 1. จงอธบิ ายแนวคดิ เกย่ี วกบั การกำหนดเคร่อื งมือวดั พฤติกรรมการเรยี นรู้ด้านจิตพิสัยมาพอสังเขป 2. เครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านจิตพิสัยมีองค์ประกอบที่สำคัญอย่างไรบ้าง จงอธิบาย พร้อมทงั้ ยกตัวอยา่ งประกอบให้ชดั เจน 3. หลักการสำคัญของการกำหนดเครื่องมือวัดพฤติกรรมด้านจิตพิสัยกับทักษะการฟัง พูด อ่าน และ เขยี น คอื อะไรจงอธิบายพร้อมท้ังยกตวั อย่างประกอบให้ชัดเจน 4. จงสร้างเครอื่ งมือวดั พฤตกิ รรมการเรยี นรดู้ า้ นจิตพิสัย ในหัวขอ้ ตอ่ ไปนี้ 4.1 จติ พิสัยท่เี กย่ี วกับการฟงั 4.2 จิตพิสยั ที่เกย่ี วกับการพดู 4.3 จิตพสิ ัยท่เี กย่ี วกับการอ่าน 4.4 จติ พสิ ัยทเ่ี ก่ียวกับการเขยี น 4.5 จิตพิสยั ทเ่ี กย่ี วกบั ภาษาและหลกั ภาษา 4.6 ด้านจติ พิสยั ท่ีเกย่ี วกับ วรรณคดี ประวัตวิ รรณคดีและวรรณกรรมทไ่ี ดร้ บั การยกย่อง 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

158 เอกสารอ้างองิ บุญชม ศรสี ะอาด. (2546). การวิจัยสำหรบั ครู. กรงุ เทพฯ : สุวรี ยิ าสาส์น. เบญจมาภรณ์ เสนารัตน์ และ สมประสงค์ เสนารัตน์. (2558). หลักการวัดและการประเมินผลทาง การศึกษา. มหาสารคาม : ห้างหนุ้ ส่วนจำกดั อภชิ าติการพมิ พ์. ประสาท เนืองเฉลมิ . (2564). วิจัยการเรยี นการสอน. พมิ พ์ครงั้ ที่ 5. กรงุ เทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . วิมลรัตน์ สุนทรโรจน์. (2553). นวัตกรรมตามแนวคิดแบบ Backward Design. มหาสารคาม : ภาควชิ าหลกั สูตรและการสอน คณะศกึ ษาศาสตร์มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม. สมนึก ภัททิยธนี. (2553). การวัดผลการเรยี นร้.ู พมิ พ์ครั้งท่ี 7. กาฬสินธ์ุ : ประสานการพิมพ์. สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2557). แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย จำกดั . อมรรัตน์ พิทักษ์วงศ์. (2551). การเปรียบเทียบผลการเรยี นรู้ เรื่องการแต่งบทร้อยกรองของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างการจัดกิจกรรมแบบอุปนัยและนิรนัย. วิทยานิพนธ์ปริญญา การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. อัฐพล อินต๊ะเสนา. (2561). เอกสารประกอบการสอน เรื่อง การวัดและประเมินผลวิชาภาษาไทย. มหาสารคาม : โรงพมิ พ์มหาวทิ ยาลัยราชภฏั มหาสารคาม. 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

159 บทท่ี 8 การวัดพฤติกรรมดา้ นทกั ษะพิสัย 1. แนวคิด พฤตกิ รรมด้านทกั ษะพสิ ยั เป็นพฤติกรรมการเรียนรทู้ ่ีบ่งช้ีถงึ ความสามารถในการปฏิบัติงานได้ อย่างคล่องแคล่ว ชำนิชำนาญ พฤติกรรมด้านนี้จะเห็นได้จากกระทำ ซึ่งแสดงผลของการปฏิบัติออกมา ได้โดยตรง โดยมีเวลาและคุณภาพของงานเป็นตวั ชีร้ ะดับของทักษะทีเ่ กิดว่ามมี ากน้อยเพียงใด การท่ีจะ ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ทางด้านทักษะพิสัย ผู้เรียนจะตอ้ งพรอ้ มที่จะใชอ้ วัยวะต่าง ๆ พฤติกรรมด้าน ทักษะพิสัย ประกอบด้วย พฤติกรรมย่อย ๆ 5 ขั้น คือ การรับรู้ กระทำตามแบบ การหาความถูกต้อง การกระทำอยา่ งต่อเนือ่ ง และการกระทำไดอ้ ยา่ งเป็นธรรมชาติ 2. เน้อื หา 2.1 พฤตกิ รรมด้านทักษะพสิ ยั กลุ่มวิชาภาษาไทยทต่ี ้องการวดั 2.2 เครือ่ งมอื วัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ด้านทักษะพิสยั 2.3 การกำหนดเครื่องมือวัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัยกับพฤติกรรมการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน 2.4 การสร้างเครือ่ งมือวัดพฤตกิ รรมการเรียนรดู้ า้ นทักษะพสิ ยั 2.4.1 การสรา้ งเครอ่ื งมือวดั พฤติกรรมการเรียนรู้ดา้ นทักษะพิสัยท่เี กย่ี วกบั การฟัง 2.4.2 การสร้างเครอื่ งมือวัดพฤติกรรมการเรยี นรูด้ า้ นทักษะพสิ ยั ทีเ่ กย่ี วกบั การพดู 2.4.3 การสร้างเครือ่ งมอื วัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ดา้ นทักษะพิสยั ที่เก่ยี วกับการอา่ น 2.4.4 การสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั พฤติกรรมการเรียนรดู้ า้ นทักษะพิสยั ท่ีเกี่ยวกับการเขยี น 2.4.5 การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ด้านทักษะพิสัยทีเ่ กี่ยวกับภาษาและหลัก ภาษา 2.4.6 การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวตั วิ รรณคดี และวรรณกรรมท่ีไดร้ บั การยกยอ่ ง ซึ่งหลกั สูตรกำหนดให้เรียนหรอื เลอื กเรียน 3. วตั ถุประสงค์ 3.1 สามารถอธิบายแนวคิดเกยี่ วกบั พฤติกรรมด้านทกั ษะพิสัยกลุ่มวิชาภาษาไทยที่ต้องการวัดได้ 3.2 สามารถนำเสนอขอ้ มลู เกี่ยวกับเครอ่ื งมอื วัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ด้านทักษะพิสยั ได้ 3.3 สามารถกำหนดเครื่องมือวัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัยกับพฤติกรรมการฟัง การพูด การอา่ น และการเขยี นได้ 3.4 สามารถสรา้ งเครอื่ งมอื วัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ด้านทักษะพสิ ัยประเภทตา่ ง ๆ ได้ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

160 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมกอ่ นเรียน 4.1.1 อาจารยแ์ ละนิสติ ร่วมกันสนทนาเกี่ยวกับเรอ่ื งการวดั พฤตกิ รรมด้านทักษะพสิ ยั 4.1.2 อาจารยน์ ำเข้าสู่บทเรยี นเรอื่ ง การวัดพฤติกรรมด้านทักษะพสิ ัย 4.2 กิจกรรมการเรยี นรใู้ นช้นั เรยี น 4.2.1 อาจารย์ผ้สู อนบรรยายเรอื่ ง การวดั พฤติกรรมด้านทกั ษะพสิ ัย ในประเด็นต่อไปน้ี - การสรา้ งเครือ่ งมือวดั พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ด้านทกั ษะพสิ ัยท่ีเกยี่ วกบั การฟัง - การสร้างเครื่องมือวดั พฤติกรรมการเรียนรูด้ ้านทักษะพิสัยทเ่ี กย่ี วกับการพดู - การสรา้ งเคร่อื งมือวัดพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ดา้ นทักษะพิสยั ท่เี ก่ียวกบั การอ่าน - การสร้างเครอื่ งมือวัดพฤตกิ รรมการเรียนรดู้ ้านทักษะพสิ ัยทีเ่ กยี่ วกบั การเขยี น - การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและ หลกั ภาษา - การสรา้ งเครอื่ งมือวัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ด้านทกั ษะพสิ ยั ทเี่ กย่ี วกับวรรณคดี ประวัติ วรรณคดี และวรรณกรรมทีไ่ ด้รับการยกย่อง ซงึ่ หลกั สูตรกำหนดให้เรียนหรือเลอื กเรียน 4.2.2 อาจารย์ผู้สอนและนิสิตร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง การวัดพฤติกรรม ด้านทกั ษะพสิ ัย 4.2.3 อาจารย์และนิสติ ร่วมกันสรปุ ความรูเ้ กี่ยวกบั เรื่อง การวัดพฤติกรรมด้านจติ พสิ ัย 4.3. กจิ กรรมเสริม อาจารย์ให้นสิ ิตศกึ ษาเร่ือง การวัดพฤตกิ รรมด้านทักษะพิสยั เพ่ิมเติมจาก แหล่งการเรียนรู้ อน่ื ๆ แลว้ สรปุ เป็นชนิ้ งานสง่ ในช่ัวโมงต่อไป 5. สือ่ การสอน 5.1 เอกสารคำสอนเรื่อง การวดั และการประเมินผลวชิ าภาษาไทย 5.2 PPT ประกอบการสอน เรอ่ื ง การวัดพฤตกิ รรมดา้ นทักษะพสิ ยั 6. การวัดและประเมินผล 6.1 การทดสอบ 6.2 การประเมินพฤตกิ รรมการมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมการเรียนรู้ 6.3 การเข้าช้นั เรียน 6.4 ความสามารถในการตอบคำถาม 6.5 การทำแบบฝึกหดั ทา้ ยบท 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

161 บทที่ 8 การวัดพฤตกิ รรมดา้ นทกั ษะพสิ ยั พฤติกรรมด้านทักษะพิสัยเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการ เคล่ือนไหวกลา้ มเนื้อส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกายในการปฏบิ ตั หิ รือการทำกจิ กรรมต่าง ๆ ซ่งึ เป็นการประสาน การทำงานของสมอง หรือสติปัญญา และกลา้ มเน้ือ การวัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัยเป็นการวัดทใี่ หผ้ ู้เรียนแสดงพฤติกรรมการปฏิบัติให้ดู โดยใช้ ความสามารถทางสมองหรือทางกายหรือทั้งสองอย่างก็ได้ เพื่อให้ผู้สอนได้ตัดสินระดับความสามารถ ในการปฏิบัติของผู้เรียนว่ามีความถูกต้องในกระบวนการปฏิบัติหรือไม่ ผลงานที่ได้จากการปฏิบัติ มีคณุ ภาพมากน้อยเพยี งใด ซ่ึงการวดั พฤติกรรมด้านทักษะพิสัยที่สมบูรณ์น้นั ไมเ่ พยี งแต่วัดกระบวนการ และผลงานเท่านั้น แต่รวมไปถึงการวัดพฤติกรรมการปฏิบัติของผู้เรียนด้วย ซึ่งหมายถึงพฤติกรรมด้าน จิตพสิ ยั นัน่ เอง 1. พฤตกิ รรมด้านทักษะพิสัยกลุ่มวิชาภาษาไทยทตี่ อ้ งการวัด อฐั พล อินตะ๊ เสนา (2561) กลา่ วถงึ พฤติกรรมดา้ นทกั ษะพสิ ยั กลุ่มวิชาภาษาไทยที่ต้องการวัด ดงั น้ี 1. จุดมุ่งหมายที่สำคัญของหลักสูตรกลุ่มวิชาภาษาไทยทั้งในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลายได้กำหนดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัยไว้อย่างชัดเจน กล่าวคือได้ระบุไว้ใน ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ไว้ในข้อ 2 และ 3 ดงั น้ี ข้อ 2 เพอ่ื ให้สามารถใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมกับวยั ข้อ 3 เพื่อให้สามารถฟังและอ่านได้อย่างมีวิจารณญาณและในข้อที่เกี่ยวกับทักษะ ในรูปแบบของกระบวนการได้แก่ ขอ้ 7 ท่ีระบุไวว้ ่าสามารถใช้ภาษาเป็นเครื่องมือแสวงหาความรูเ้ พ่ิมเตมิ ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้กำหนดจดุ ประสงคท์ ่ีเปลี่ยนพฤติกรรมด้านทักษะพิสัยไว้ ดังน้ี ขอ้ 2 เพอ่ื ให้สามารถใชภ้ าษาตดิ ตอ่ ส่อื สารไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ ขอ้ 3 เพือ่ ให้สามารถฟงั และอ่านอยา่ งมวี ิจารณญาณ ขอ้ 7 เพือ่ ใหส้ ามารถใชภ้ าษาเปน็ เคร่ืองมือแสวงหาความร้เู พม่ิ เติม ตามจุดประสงค์ในหลักสูตรที่กล่าวมาทั้งหมดเห็นได้ว่าเน้นพฤติกรรมด้านทักษะพิสัย โดยจุดประสงค์จะให้เกิดพฤติกรรมของการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน โดยการเกิดพฤติกรรม ดงั กลา่ วจะแสดงออกได้จากการปฏบิ ตั ิจรงิ 2. จุดประสงค์รายวิชา จะเน้นให้เห็นความต้องการด้านทักษะพิสัยอย่างชัดเจน เช่น “เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์” เป็นต้น การใช้ภาษาเชิงสรา้ งสรรค์ดังกลา่ ว ต้องเป็นการแสดงความสามารถในรูปแบบของการเสนอผลงานในด้านการพูด การเขียน ผู้ถูกสอบวัด ต้องแสดงทกั ษะเหล่านี้โดยการปฏบิ ตั จิ ริง 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

162 3. คำอธิบายรายวิชา ได้ระบุด้านทักษะพิสัยไว้ทั้งด้านการฟัง การพูด การอ่าน และ การเขียน เช่น ฝึกการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน เป็นต้น เพื่อให้สามารถเลือกใช้ถ้อยคำสำนวนได้ เหมาะสมกับเนอ้ื หาและความคิด ใช้ภาษาไดอ้ ยา่ งสภุ าพเหมาะสมกับสภาพการณ์ 4. ลักษณะหรือธรรมชาติของวิชาภาษาไทยเป็นวิชาทักษะ นั่นคือต้องใช้การฝึกปฏิบัติ เพ่ือใหเ้ กิดความคลอ่ งแคล่ว ทำได้โดยอัตโนมัติ หรอื เป็นนิสัย จากข้อที่กล่าวมาทัง้ 4 ข้อแล้วนั้น สรุปได้ว่า การวัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสยั เปน็ พฤติกรรม ที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับการเรียนการสอนภาษาไทย และการวัดต้องใหส้ ัมพันธ์กันในเชงิ ปฏิบตั ิ สำหรบั ความสามารถในการฟัง การพดู การอา่ น และการเขยี น 2. เครือ่ งมอื วดั พฤติกรรมการเรียนรดู้ า้ นทักษะพสิ ัย การวดั ด้านทักษะพิสัยเป็นการวัดจากการท่ีให้ผูเ้ รียนเป็นผูป้ ฏิบัติ นน่ั คอื การกำหนดให้ผู้เรียน เป็นผู้แสดงพฤติกรรมที่บอกถึงความสามารถตามจุดประสงค์ที่กำหนดหรือการดำเนินงานได้สำเร็จตาม เงื่อนไขที่กำหนด โดยเงื่อนไขที่กำหนดจะเหมือนกับสถานการณ์ที่เป็นจริงมากที่สุด หรืออาจจะเป็น สถานการณ์ทีเ่ ปน็ จรงิ เลยก็ได้ การพจิ ารณาความสามารถในการทำงานได้สำเรจ็ จากการแสดงพฤติกรรม ทส่ี ามารถสังเกต และพฤติกรรมทแ่ี สดงออกนี้เป็นการทดสอบประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลทีเ่ กิดข้ึนจาก การแสดงพฤติกรรมตามสถานการณท์ ก่ี ำหนดให้ (Creswell, 2015) 1. การสังเกต โดยผู้สอบวัดเป็นผู้สังเกตการกระทำของผู้ถูกวัด และอาจจะใช้เทคนิค การสัมภาษณ์ประกอบและที่ขาดไม่ได้คือ การบันทึก ดังนั้นเครื่องมือในการวัดผลภาคปฏิบัติที่สำคัญ ประการแรกคอื การสงั เกต 2. แบบบันทึก แบบฟอร์มสำหรับประกอบการสังเกต โดยบันทึกผลการสังเกตในแบบ บันทึก แบบบนั ทึกน้ีประกอบด้วย 2 ส่วน ดงั นี้ ส่วนที่หนึ่ง รายการในการตรวจสอบความสามารถในการปฏิบัติงาน การดำเนินงาน และรายการตรวจสอบผลงาน ส่วนที่สอง การให้คะแนนแต่ละรายการที่กำหนดไว้ในส่วนหนึ่งในแต่ละรายการ การกำหนดน้ำหนักคะแนนเป็นมาตรประมาณค่า ซึ่งจะมีน้ำหนักเป็นรายการละ 5 คะแนน หรือ 3 คะแนน ก็ได้ หรอื จะเปน็ แบบการกำหนดเป็นถูกได้ 1 ผดิ ได้ 0 ทีเ่ รียกวา่ แบบสำรวจรายการก็ได้ การวัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัย เช่น การวัดความสามารถด้านทักษะการพูด ทักษะ การอ่านออกเสียง ทักษะการฟัง ในการวัดทักษะต่าง ๆ เหล่านี้ต้องสมมติสถานการณ์ให้สอดคล้องกับ จุดประสงค์ของการวัด เครื่องมือประกอบด้วยแบบบันทึก ซึ่งรายการในแบบบันทึกต้องกำหนดเป็น รายการของการแสดงออกของพฤติกรรมการพูดในท่ีชุมชน ได้แก่ บุคลิกภาพ น้ำเสียง เนื้อหาที่พูด การลำดับข้อความ จะเห็นได้ว่าการพูดในที่ชุมชนจะมีรายการบันทึกที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมด้าน พุทธพิ สิ ัยด้วย 3. การจัดอันดับคุณภาพ เป็นการจัดอันดับคุณภาพของผลงานที่เป็นงานที่มีคุณภาพท่ี ไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขโดยตรงได้ เช่น งานประเภทข้อเขียนได้แก่ คำประพันธ์ต่าง ๆ การเขียน เรยี งความ การเขยี นย่อความ สง่ิ เหลา่ นนี้ อกจากการวดั ได้ดว้ ยเกณฑ์ตามแบบบันทึก แตก่ ็มผี ลงานท่ีเป็น คุณภาพโดยจดั อันดับคณุ ภาพ การจัดอันดับคุณภาพแบง่ เป็น 2 แบบดงั นี้ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

163 3.1 การจัดอันดับคุณภาพโดยการกำหนดตำแหน่ง เป็นการพิจารณาผลงาน โดยส่วนรวมทีละด้าน เช่น การเสนอเนื้อหา การใช้ภาษาในการสื่อสารโดยพิจารณาคุณภาพของงาน ทีละด้าน เช่น การเสนอเนื้อหา 1 ครั้ง การใช้ภาษาอีก 1 ครั้ง โดยการพิจารณาคุณภาพของงาน แล้วจัดเรียงอันดับเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ ดี ปานกลาง แย่ หรือ สูง กลาง ต่ำ แล้วจึงนำแต่ละกลุ่มมาเรียง กันใหม่ภายในกลุ่มจนครบทั้ง 3 กลุ่มแล้วนำมาเรียงอันดับใหม่ตั้งแต่อันดับ 1 จนอันดับสุดท้ายแล้วจึง แปลงอนั ทีเ่ รียบเรียงไวแ้ ลว้ ใหก้ ลายเป็นตวั เลขที่เป็นคะแนนตอ่ ไป 3.2 การจัดอันดับคุณภาพมาตรประมาณค่าเป็นวิธีการจัดอันดับคุณภาพโดยใช้รหัส ตัวเลข สำหรับลำดับตามรายการที่กำหนด ส่วนผลการจัดอันดับจะกำหนดเป็น 3 อันดับถึง 5 อันดับ หรอื 7 อันดบั แล้วแตจ่ ะกำหนดข้ึน เชน่ การให้เขียนนิทานต่อจากนิทานที่ได้แตง่ ไว้ คุณลักษณะในการ ท่ีจะกำหนดการจดั อันดบั คณุ ภาพพิจารณาและไว้ดงั นี้ - การใชภ้ าษา - แนวความคดิ - การจบเร่ืองไดอ้ ย่างสมบูรณ์ - ความสมั พนั ธ์ของเนื้อเรือ่ ง ฯลฯ สมมตุ อิ นั ดับทุกขอ้ รายการจะเปน็ 5 อนั ดบั อันดับการใหค้ ะแนนก็พจิ ารณาผลงานของ ผู้สอบ แล้วให้คะแนนไปทีละรายการจนครบ คะแนนรวมที่ได้คือ คะแนนของผลงานชิ้นนั้น ๆ ในการ แบ่งคณุ ลกั ษณะทีจ่ ะต้องพิจารณาแต่ละหัวข้อจะต้องมีน้ำหนักเทา่ ๆ กัน 3. การกำหนดเครื่องมือวัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัยกับพฤติกรรมการฟัง การพูด การอา่ น และการเขยี น พฤติกรรมด้านทักษะพิสัยเป็นพฤติกรรมที่สำคัญในการเรียนการสอนภาษา ทุกรายวิชา จะกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนต้องมีทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน แต่อย่างไรก็ดี การจะมีทักษะพิสัยตามที่กำหนดไว้ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ได้ ผู้เรียนต้องมีพื้นความรู้ด้านพุทธิพิสัย เป็นฐาน นั่นคือ ต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องของการใช้ภาษาที่เกี่ยวกับ การฟัง การอ่าน ที่เป็น ความสามารถพนื้ ฐานเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ หลักการ ความเขา้ ใจ การนำไปใช้ การวเิ คราะห์ เป็นตน้ การวัด จะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย เป็นพื้นฐานที่ต้องตอบว่ารายการที่กำหนดในแบบบันทึกจึงมี รายการด้านพุทธิพิสัยปรากฏอยู่ด้วย อนึ่งจากความเท็จจริงที่ว่าลักษณะของวิชาภาษาไทยเป็นวิชา ทักษะ นั่นหมายถึงต้องมีการฝึกทักษะในเชิงปฏิบัติเพื่อนำผลการฝึกมาแก้ไขปรับปรุง การสอบด้าน ทักษะพิสัยควรสอบวัดในรูปแบบของการสอบระหว่างสอน นั่นคือต้องมีการทดสอบเป็นระยะ และมีการเก็บคะแนนเป็นระยะเพื่อนำผลที่ได้ทุกครั้งมาพิจารณาร่วมกัน รวมทั้งต้องมีการแก้ไข พฤติกรรมที่ผดิ พลาดเพอื่ พฒั นาผเู้ รยี นด้วย (วิมลรตั น์ สุนทรโรจน์, 2553) 0563 305 การวัดและประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

164 เครื่องมือที่กำหนดที่ใชส้ ำหรับวัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัย ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และ การเขียน แบง่ ได้ดงั น้ี 1. พฤติกรรมในขณะปฏิบัติที่เป็นประสิทธิภาพของการปฏิบัติที่ไม่มีผลงานไว้ให้พิจารณา ภายหลัง นอกจากจะได้มีการบันทึกภาพหรือบันทกึ เสียงไว้ตอ้ งใช้การสังเกตเป็นหลัก และมีแบบบันทกึ รายการท่มี ีจุดประสงคใ์ นการสอบวัดพฤตกิ รรมนนั้ ๆ ไว้ 2. พฤติกรรมที่มีผลงาน จะมีแบบบันทึกผลงานโดยการให้คะแนนจะเป็นการจัดอันดับ คุณภาพโดยการกำหนดตำแหนง่ หรอื การจัดอนั ดับคุณภาพโดยมาตรประมาณค่าก็ได้ 4. การสรา้ งเครื่องมือวดั พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ดา้ นทักษะพิสัย พฤตกิ รรมการเรียนร้ดู า้ นทักษะพสิ ยั ท่ีกำหนดในหลักสูตรกลุ่มวิชาภาษาไทย โดยพิจารณาจาก จุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของรายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบาย รายวิชาทั้งวิชาบังคับและวิชาเลือก จะปรากฏทั้งในจุดประสงค์เรื่องการฟัง การอ่าน การเขียน ภาษา และหลักภาษา ตลอดจนวรรณคดี ประวัติวรรณคดี และวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตร กำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียน การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านนี้จะแยกกล่าว เช่นเดียวกับการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัยดังต่อไปนี้ (สมนึก ภัททิยธนี, 2553) 1. การสรา้ งเครือ่ งมอื วดั พฤติกรรมการเรียนรู้ดา้ นทกั ษะพิสยั ท่ีเกยี่ วกับการฟัง เกียรติภูมิ ชูเกียรติศิริ (2554) ได้กล่าวถึงการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ ด้านทกั ษะพสิ ยั ท่ีเก่ียวกบั การฟัง ดงั น้ี 1. พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทกั ษะพิสัยที่เก่ียวกับการฟัง พฤติกรรมการเรียนรูด้ ้าน ทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการฟังนี้ พิจารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของ รายวิชาและจุดประสงค์ที่ระบใุ นคำอธิบายรายวิชา สรุปไดว้ า่ ตอ้ งการให้มีมารยาทในการฟังและติดตาม ฟงั สิง่ ที่เปน็ ประโยชน์จากการฟงั 2. เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยท่ี เกี่ยวกับการฟัง ได้แก่ เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเรียนรูด้ า้ นพุทธพิ ิสัย ซึ่งนำมาใช้เป็นเกณฑใ์ น การประเมินการปฏบิ ัติเกยี่ วกับการฟงั ตามท่ีระบุในจุดประสงค์ 3. วิธีวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการฟัง การวัดพฤติกรรม ดา้ นนโี้ ดยตรงกค็ ือวัดจากการให้ปฏิบัติจริง หรือประเมินผลจากการปฏิบตั ิจริงนั้น โดยใช้การสังเกตและ บันทึก หรือแบบประเมิน ซึ่งใช้การจัดอันดับคุณภาพหรือแบบสำรวจต่าง ๆ ประกอบการสังเกตได้ ดังตวั อยา่ งแบบสำรวจการปฏิบัติในการฟัง ตอ่ ไปนี้ 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

165 แบบสำรวจการปฏิบตั ติ นในการฟงั ในดา้ นความมีมารยาทและการตดิ ตามฟังสงิ่ ที่เป็นประโยชน์ ตารางที่ 8.1 แบบสำรวจการปฏิบัติตนในการฟังในด้านความมมี ารยาทและการติดตามฟังส่ิงทีเ่ ป็น ประโยชน์ รายการ ใชไ้ ด้ ใช้ไม่ได้ 1. ต้ังใจ 2. รู้จกั ซกั ถามผูพ้ ดู ในช่วงจงั หวะท่ีเหมาะ 3. รจู้ ักซกั ถามผู้พูดดว้ ยถ้อยคำภาษาท่สี ภุ าพ 4. รู้จักซกั ถามผู้พูดดว้ ยถ้อยคำภาษาที่เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล 5. ตดิ ตามฟงั สงิ่ ท่ีเปน็ ประโยชน์ 2. การสรา้ งเครื่องมือวัดพฤตกิ รรมการเรียนรดู้ ้านทกั ษะพิสยั ท่เี กยี่ วกับการพดู รังสรรค์ มณีเล็ก (2546) ได้กล่าวถึงการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้าน ทกั ษะพสิ ัยทเ่ี กี่ยวกบั การพูด ดังนี้ 1. พฤตกิ รรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสยั ทีเ่ กี่ยวกับการพูด พฤตกิ รรมการเรียนรู้ด้าน ทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการพูดนี้ พิจารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของ รายวชิ า และจดุ ประสงคท์ ี่ระบุในคำอธบิ ายรายวชิ าก็คอื จดุ ประสงค์ที่เกี่ยวกับการพูดทัง้ หมด 2. เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรยี นรู้ด้านทักษะพิสัยที่ เกยี่ วกบั การพูด เน้ือหาทนี่ ำมาใช้ในการสรา้ งเครื่องมือวดั พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับ เรื่องนี้ ได้แก่ เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย ซึ่งนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการ ประเมินการปฏบิ ตั เิ กีย่ วกับการพดู ตามที่ระบุในจดุ ประสงค์ 3. วิธีวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการพูด การวัดพฤติกรรม ดา้ นน้ีโดยตรง กค็ อื วดั จากการให้ปฏิบตั ิจริง หรือประเมินผลจากการปฏบิ ัติจริงนัน้ โดยใช้การสังเกตและ บันทึกหรือแบบประเมิน ซึ่งใช้การจัดอันดับคุณภาพหรือแบบสำรวจต่าง ๆ ประกอบการสังเกต ดงั ตัวอย่างแบบประเมินผล โดยใชก้ ารจัดอนั ดับการพดู และแบบสำรวจความสามรถในการพูดต่อไปนี้ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

166 แบบประเมนิ ผลการพดู โดยใช้การจัดอนั ดับคณุ ภาพ ตารางที่ 8.2 แบบประเมนิ ผลการพูดโดยใช้การจัดอนั ดบั คุณภาพ ขอ้ ความ การจดั อนั ดับ 1. หน้าตาท่าทางเมือ่ เรม่ิ ปรากฏตวั 5 4 32 1 2. การเร่มิ เร่อื ง 5 4 32 1 3. การลำดับความ 5 4 32 1 4. การขยายความ 5 4 32 1 5. การใช้ถอ้ ยคำ สำนวน โวหาร 5 4 32 1 6. การสรุปเร่อื ง 5 4 32 1 7. คุณค่าสาระของเร่ือง 5 4 32 1 8. การใช้เสยี งท่ีเหมาะสมกบั เนอ้ื หา 5 4 32 1 9. ความชัดเจนในการออกเสียง 5 4 32 1 10. การใชท้ ่าทางประกอบการพดู 5 4 32 1 11. ความสนใจของผู้ฟงั 5 4 32 1 12. ความต้ังใจและความสนใจของผู้พดู 5 4 32 1 ฯลฯ เกณฑ์การประเมนิ 5 หมายถงึ ดีมาก 4 หมายถึง ดี 3 หมายถึง เกือบดี 2 หมายถงึ พอใช้ 1 หมายถึง ต้องปรับปรงุ แบบสำรวจความสามารถในการพดู จาสื่อสารกบั ผู้อ่นื ตารางที่ 8.3 แบบสำรวจความสามารถในการพดู จาสื่อสารกบั ผ้อู นื่ รายการ ผา่ น ไมผ่ า่ น 1. การพูดให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจความหมายไดช้ ดั เจน 2. การพดู ได้เหมาะสมกับกาลเทศะ 3. การพูดไดเ้ หมาะสมกบั บคุ คล 4. การรู้จักใชค้ ำพดู ท่ีสภุ าพ 5. การรจู้ กั ใช้คำพูดท่ีเหมาะสมกับสถานการณ์ 6. การพดู ท่ีกอ่ ให้เกดิ มนุษยสัมพนั ธ์ 7. การเป็นผฟู้ ังทีด่ ี 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

167 3. การสร้างเคร่ืองมือวดั พฤตกิ รรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยท่ีเกย่ี วกบั การอา่ น สุนันท์ ศลโกสุม และจันทิมา พรหมโชติกุล (2552) ได้กล่าวถึงการสร้างเครื่องมือวัด พฤตกิ รรมการเรียนรู้ด้านทกั ษะพสิ ัยท่เี กี่ยวกับการอ่าน ดงั นี้ 1. พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการอ่าน พฤติกรรมการเรียนรู้ ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ พิจารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของ รายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชา สรุปได้ว่าต้องการให้อ่านออกเสียงทั้งรอ้ ยแก้วและ ร้อยกรองได้ มีมารยาทในการอ่าน เลือกอ่านหนังสือได้ตรงตามความต้องการและติดตามอ่านสิ่งที่เป็น ประโยชน์ 2. เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่ เกีย่ วกบั การอา่ นเนื้อหาทน่ี ำมาใช้สร้างเคร่ืองมือวัดพฤติกรรมการเรียนรดู้ ้านทกั ษะพิสยั ท่ีเก่ียวกับเร่ืองน้ี ได้แก่ เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย ซึ่งนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมิน การปฏบิ ตั ิเก่ยี วกับการพูด ตามที่ระบใุ นจดุ ประสงค์ 3. วิธีวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการอ่าน การวัดพฤติกรรม ด้านนี้โดยตรงคือ วัดจากการให้ปฏิบัติจริง หรือประเมินผลจากการปฏิบัตจิ ริงนัน้ โดยใช้การสังเกตและ ใช้แบบบันทึก หรือแบบประเมนิ ซึ่งใช้การจัดอันดับคุณภาพหรือแบบสำรวจต่าง ๆ ประกอบการสังเกต ดังตัวอย่างแบบประเมนิ ผลโดยใช้การจัดอันดับคุณภาพ และแบบสำรวจเกีย่ วกบั การอ่านและการปฏิบัติ ตนในการอา่ นต่อไปน้ี แบบประเมนิ ผลการอา่ นออกเสียงธรรมดาโดยใช้การจดั อันดับคุณภาพ ตารางท่ี 8.4 แบบประเมินผลการอา่ นออกเสยี งธรรมดาโดยใชก้ ารจัดอนั ดับคณุ ภาพ เลข ชอ่ื – ความคลอ่ ง-แคล่วใน ความชัดเจน การเว้นจังหวะ การวางทา่ ทางใน ถูกต้องในการ วรรคตอนท่ี ขณะที่อ่านและ ผลการ หมาย ที่ นามสกลุ การอ่าน เหมาะสม การจับถือหนังสือที่ ประเมิน เหตุ ออกเสยี ง เหมาะสม 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 5 43 2 1 เกณฑ์การประเมนิ 4 = ดี 5 = ดีมาก 2 = อ่อน 3 = พอใช้ 1 = ออ่ นมาก 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาไทย

168 แบบประเมินผลการอ่านบทพรรณนาทใ่ี หภ้ าพพจนห์ รอื แสดงความรสู้ กึ โดยการจดั อันดบั คณุ ภาพ ตารางท่ี 8.5 แบบประเมนิ ผลการอา่ นบทพรรณนาทใ่ี ห้ภาพพจน์หรือแสดงความรู้สกึ โดยการจดั อันดับ คณุ ภาพ รายการประเมนิ 5 ระดับความสามารถ 1 หมาย ออ่ นมาก เหตุ ดีมาก 432 ดี พอใช้ อ่อน 1. ความคลอ่ งแคลว่ ในการอ่าน 2. ความถูกต้องชัดเจนในการออกเสียง 3. การใชน้ ้ำเสยี งได้เหมาะสมกบั เน้อื หา 4. การเวน้ จงั หวะวรรคตอนที่ เหมาะสม 5. ทา่ ทางในการอา่ น เช่น การแสดงสี หน้า แววตา และทา่ ทาง การจับถอื เอกสาร หรือหนังสือที่อา่ น การเงย หน้าขนึ้ มองผฟู้ ังสลับกับการอ่าน เป็น ตน้ รวม แบบสำรวจความสามารถในการอา่ นออกเสียงทำนองเสนาะ ตารางที่ 8.6 แบบสำรวจความสามารถในการอา่ นออกเสียงทำนองเสนาะ รายการ ผา่ น ไม่ผ่าน 1. ความถูกตอ้ งชัดเจนการออกเสยี ง 2. ความไพเราะนุม่ นวลในการออกเสยี ง 3. การหยดุ หรือเวน้ ชว่ งจังหวะ 4. การเนน้ เสียง 5. ความดงั – คอ่ ย 6. การทอดเสยี ง 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

169 แบบสำรวจการปฏิบัติตนในการอา่ น ตารางท่ี 8.7 แบบสำรวจการปฏิบตั ิตนในการอา่ น รายการ ผ่าน ไมผ่ ่าน 1. ปฏิบตั ิตนในขณะที่อยู่ในหอ้ งสมดุ ไดเ้ หมาะสม เชน่ ไม่สง่ เสียงดังรบกวน ผู้อ่ืน เปน็ ต้น 2. เลอื กอ่านหนงั สือไดถ้ ูกต้องเหมาะสม 3. ติดตามอ่านสิ่งที่เปน็ ประโยชน์ 4. การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรูด้ ้านทกั ษะพสิ ยั ทเี่ กย่ี วกบั การเขียน สุนันท์ ศลโกสุม และจันทิมา พรหมโชติกุล (2552) ได้กล่าวถึง การสร้างเครื่องมือวัด พฤติกรรมการเรยี นรู้ดา้ นทกั ษะพสิ ัยท่ีเกี่ยวกับการเขยี น ดงั น้ี 1. พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการเขียน พฤติกรรมการเรียนรู้ ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการเขียนนี้ พิจารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ ของรายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชา คือจุดประสงค์ที่เกี่ยวกับการเขียนทั้งหมด ยกเว้นจดุ ประสงคท์ ่มี พี ฤตกิ รรมการเรียนรดู้ า้ นจิตพิสัยซ่งึ ไดก้ ลา่ วถึงไปแลว้ 2. เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่ เกี่ยวกับการเขียน เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่ เกี่ยวกับเรื่องน้ี ได้แก่ เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย ซึ่งนำมาใช้เป็นเกณฑ์ใน การประเมนิ การปฏิบัตเิ ก่ยี วกับการพูดตามทร่ี ะบุในจุดประสงค์ 3. วิธีวดั พฤติกรรมการเรียนรูด้ ้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับการเขยี น การวัดพฤติกรรม ด้านนี้โดยตรงคือ วัดจากการให้ปฏบิ ตั ิจรงิ หรือประเมินผลจากการปฏิบัตจิ ริงนั้น โดยใช้การสังเกตและ ใช้แบบบันทึกหรือแบบประเมิน ซึ่งใช้การจัดอันดับคุณภาพหรือแบบสำรวจต่าง ๆ ประกอบการสังเกต ดังตัวอย่างแบบประเมินผลโดยใช้การจัดอันดับคุณภาพ และแบบสำรวจเกี่ยวกับการเขียนและ การปฏิบัติตนในการเขยี นตอ่ ไปนี้ 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย

170 แบบประเมินผลการเขียนเรียงความโดยใช้การจัดอันดับคุณภาพ ตารางที่ 8.8 แบบประเมินผลการเขยี นเรียงความโดยใช้การจัดอนั ดับคุณภาพ เลขที่ ชอื่ – เน้ือเร่อื ง ความคิดเหน็ การใช้ถ้อยคำ การลำดบั การวางโครง ผลการ หมาย นามสกุล สำนวนโวหาร เรอื่ ง เร่อื ง ประเมนิ เหตุ 321321 3 2 1 321321 1 2 3 4 5 เกณฑ์การประเมิน 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ออ่ น แบบสำรวจการปฏบิ ัตติ นในการเขียนในด้านความมีมารยาทในการเขียนหรือการใช้ภาษาเขยี น ตารางที่ 8.9 แบบสำรวจการปฏบิ ัติตนในการเขียนในดา้ นความมมี ารยาทในการเขียนหรือการใช้ภาษา เขียน รายการ ผา่ น ไม่ผ่าน 1. การไมเ่ ขียนใหร้ า้ ยหรอื ทำให้ผู้อ่ืนเสียหาย หรือเกดิ การเขา้ ใจผดิ (โดยตัง้ ใจหรอื เจตนา ) 2. การใชภ้ าษาในการเขียนได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล ฯลฯ 5. การสร้างเครือ่ งมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยทีเ่ กี่ยวกับภาษาและหลกั ภาษา สุวิมล ว่องวาณิช (2552) ได้กล่าวถึง การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ ด้านทกั ษะพิสัยทีเ่ ก่ยี วกบั ภาษาและหลกั ภาษา ดังน้ี พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและหลักภาษา พฤติกรรม การเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับภาษาและหลักภาษานี้พิจารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชา ภาษาไทย จุดประสงค์ของรายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชา สรุปได้ว่าอยู่ใน จุดประสงค์ที่ระบุว่าให้ใช้ภาษาได้ถูกต้อง ชัดเจน กะทัดรัด และสละสลวย ใช้ภาษาในการสื่อสารได้ ถูกต้องตามหลักภาษาและความนิยม และเรียบเรียงข้อความทั้งในการพูดและเขียนได้ถูกต้องตามหลัก ภาษาและความนยิ ม 0563 305 Measurement and Evaluation of Thai Language

171 พิจารณาจากจุดประสงค์ดังกล่าวนี้จะเห็นว่า พฤติกรรมที่กำหนดไว้นั้นต้อง แสดงออกในด้านการพูดและการเขียน และใช้เป็นเกณฑ์ส่วนหนึ่งในการประเมินเช่นเดียวกับเรื่องการ พูดและการเขียนดังที่ได้ยกตัวอย่างไปแล้ว ดังนั้นขอให้ย้อนกลับไปดูจากตัวอย่างในเรื่องการอ่านและ การเขียนในวธิ ีวัดพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ด้านทกั ษะพสิ ัยทั้ง 2 เรื่องน้ีได้ 6. การสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวตั ิวรรณคดี และวรรณกรรมที่ได้รับการยกยอ่ ง ซง่ึ หลักสูตรกำหนดใหเ้ รยี นหรือเลือกเรียน 6.1 พฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดีและ วรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียน พฤติกรรมการเรียนรู้ด้าน ทักษะพิสัยที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ พิจารณาจากจุดประสงค์ของหลักสูตรวิชาภาษาไทย จุดประสงค์ของ รายวิชา และจุดประสงค์ที่ระบุในคำอธิบายรายวิชา สรุปได้ว่าอยู่ในจุดประสงค์ที่ระบุว่า ให้วิจารณ์ได้ ตามหลักวิชาวรรณคดีวิจารณ์เบื้องต้นโดยเน้นในด้านวรรณศิลป์ และให้แสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ เก่ียวกบั งานประพันธห์ รอื หนงั สอื ทเี่ ลอื กอา่ นได้ 6.2 เนื้อหาที่นำมาใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านทักษะพิสัยท่ี เกี่ยวกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดีและวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือ เลือกเรียน เนือ้ หาทน่ี ำมาใช้ในการสร้างเคร่ืองมือวัดพฤติกรรมการเรียนรู้ดา้ นทักษะพิสัยท่ีเกี่ยวกับเร่ือง นี้ ไดแ้ ก่ เนอื้ หาท่เี ก่ยี วกับพฤตกิ รรมการเรยี นรดู้ ้านพุทธิพิสยั ในเรอ่ื งการวิจารณ์วรรณคดหี รอื วรรณกรรม ตามทรี่ ะบุไว้ในจดุ ประสงค์ โดยให้แสดงออกในรูปของการพดู หรือเขียนวจิ ารณ์ ซง่ึ นำมาใช้เป็นเกณฑ์ใน การประเมนิ การปฏบิ ตั ิตามท่รี ะบไุ วใ้ นจุดประสงค์ 6.3 วิธวี ัดพฤตกิ รรมการเรยี นรดู้ ้านทักษะพิสยั ที่เก่ยี วกับวรรณคดี ประวัติวรรณคดีและ วรรณกรรมที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งหลักสูตรกำหนดให้เรียนหรือเลือกเรียน การวัดพฤติกรรมด้านนี้ โดยตรงกใ็ ชว้ ธิ ีวัดเช่นเดยี วกบั การพูดและการเขยี นดงั ตวั อยา่ งแบบประเมนิ ผลการเขียนวจิ ารณ์วรรณคดี หรอื วรรณกรรม โดยใชก้ ารจดั อนั ดับคณุ ภาพตอ่ ไปน้ี แบบประเมนิ ผลการเขียนวจิ ารณว์ รรณคดี (หรือวรรณกรรม) โดยใช้การจดั อันดับคุณภาพ ตารางท่ี 8.10 แบบประเมนิ ผลการเขียนวิจารณ์วรรณคดี (หรอื วรรณกรรม) โดยใช้การจัดอนั ดับ คณุ ภาพ เลขที่ ชือ่ – นามสกลุ การใช้ การแสดง การใช้ภาษา ผลการ หมาย หลกั การ ความคดิ เหน็ ในการวิจารณ์ ประเมิน เหตุ วจิ ารณ์ ในการวจิ ารณ์ 321 321 321 เกณฑก์ ารประเมนิ 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = อ่อน 0563 305 การวดั และประเมินผลรายวชิ าภาษาไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook