ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 100 หฺจิ = ถาวา. พบใชใ นพระอภิธรรม อ.ุ หจฺ ิ ปคุ คฺ โล อปุ - ลพภฺ ติ สจฉฺ กิ ตถฺ ปรมตฺเถน. [ กถาวตั ถ.ุ ๓๗/๑ ] \"ถา บคุ คล อัน...] ยอมได โดยอรรถเปน แจงจรงิ อรรถอยางย่งิ ไซร.\" อรรถกถา [ ป. ท.ี น. ๑๕๑ ] แกเปน ยทิ. (๖) อนคุ ฺคหตฺโถ บอกอรรถ คอื คลา ยตาม. อรุจสิ จู นตฺโถ บอกอรรถ คือ แสดงความไมเ หน็ ดวย. อนคุ คหตั ถะ: กิจฺ าป, ยทิป.กาม หรือ กามจฺ = ถงึ (ใช หนาคาํ พดู ) , แมน อ ยหนึ่ง (ใชห ลังคาํ พดู ). อรจุ ิสุจนัตถะ: ตถาป, ปน, อถโข=แต, ถึงอยา งนัน้ , ท่ีแท. (ใชหนาคําพูด). อนคุ คหัตถะในท่ีมาตา ง ๆ เจป สเจป (-อถโข) อุ. :- โย เจป อติจจฺ ชวี ติ, อถโข โส ชรสาป มียต.ิ [ ชราสุตฺต. ๒๕/๙๙๒ ] \"ถงึ หากวาผใู ดจะมีอายยุ นื เกินรอ ยปไปได, ผนู ้ันชราเขา ก็คงจะตาย เปน แท.\" คําแปลของสมเด็จพระมหาสมณเจา ว.ว. จากหนงั สือ ศราทธพรตเทศนา). ตาว (-ปน) ในสมั พนั ธต ัวอยา งเปน ภาษามรรค (ในแบบ) ขอ ๑ ทานเรยี กเปน อนุคคหจถ. (อยยฺ า อธิ าป ตาว โทโส มา โหต,ุ อิมิสสฺ า ปน ปต า...)
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 101 ในโยชนาอภธิ ัมมตั ถ. เรยี กอนคุ คหัตถนิบาตวา อปุ คมนบิ าต, เรียกอรุจิสนู ตั ถนบิ าตวา วิเสสาภิธานารมั ภะ. (๗) อปุ มาโชตโก สงความอุปมา คอื ขอความท่นี าํ มาเปรยี บ. อุปเมยยฺ โชตโก สอ งความอปุ ไมย คือขอ ความทคี่ วรเปรียบ. อปุ มาโชตก: ยถา, เสยฺยถาป= ฉนั ใด; วิย, อิว = ราวกะ, เพยี งดัง, เหมือน , เชน , ดจุ , ประหนง่ึ เปนตน . อุปเมยยโชตก : ตถา, เอว = ฉันนั้น. อปุ มา - อุปเมยยโชตกในท่ีมาตา ง ๆ อุปมา : ยเถว, ยถายนมม, ยถาป, เสยยฺ ถาปนาม, ยถริว, ยถาจ,= ฉันใด; วา= ราวกะ (เหมอื น วิย). อ.ุ วา (อุปมาโชตก): มธุ วา มฺติ พาโล. (๑๑๘๙). อปุ ไมย: ตถาห,ิ เอวเมว, ตเถว, เอวป , ตถรวิ = ฉนั น้ัน. (ปฏิภาคตฺถาวาจก นิบาตบอกอรรถ คือ ความเปรียบเทียบ. ๑๑๔๒. ๑๑๔๓). นิบาตหมวดที่ ๓ ลงในความทอ นเดียว (๑) อนสุ ฺสวนตโฺ ถ บอกอรรถ คอื ความเลาหรอื ลอื กันตอ ๆ มา. กริ , ขล,ุ สทุ = ไดยนิ วา . (๒) ปุจฺฉนตโฺ ถ บอกอรรถ คือ ความถาม.
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 102 ก,ึ ปน, กถ, กจจฺ ิ, นุ, นน,ุ อุทาหุ, อาทู, เสยี ยฺ ถที , เปน ตน. (นบิ าตไทยดูในวจวี ิภาค สวนอพั ยยศพั ทท่วี า ดว ยนิบาต). ปุจฉนัตถะในทีม่ าตาง ๆ กสึ ุ = อะไรส,ิ กจจฺ นิ =ุ บา งหรือหนอ . (๑๑๓๙). อป= บา งหรอื . อุ อป ภนฺเต ภิกขฺ ลภติ ถฺ . (๑๑๘๓). อป นุมานิ ภกิ ฺขเว ปฺจ พชึ ชาตานิ วุฑุฒึ วิรฬุ ฺหึ เวปุลฺล อาปชฺเชยยฺ .ุ [ส. ขนธฺ วาร. ๑๗/๖๗ ]. เอว = อยา งนั้นหรือ. (๑๑๘๖). อโถ, อถ. (๑๑๙๐). จรหิ. โดยมากใชก บั กึ ศัพท อยางเปน สรอยคํา ท่ีตรงกับ คาํ ไทยวา ' เลา ' ในคําวา ' ทาํ ไมเลา ' เปนตน นา สงเคราะหเรยี กชอ่ื วา ปุจฉฺ นตโฺ ถ. อุ :- อ.ุ ที่ ๑ อถ กิฺจรหิ เต อย สารปิ ตุ ตฺ โอฬารา อาสภวิ าจา ภาสิตา. [สมฺปสาทนีย. ๑๑/๑๐๙] \" สารีบตุ ร, เม่ือเปนเชน น้ัน ทาํ ไมเลา เธอจึงกลาวอาสภิวาจาอันโอฬารน้.ี \" กึ = กสฺมา (ตามสทั ทนีติสตู ร และอรรถกถาพระสูตรนี้ทีจ่ ะแสดงตอไป) เรียกชอ่ื สมั พนั ธวา เหตุ (= กสฺมา) กไ็ ด ปุจฉนตั ถะ ก็ได. กึ เชน นี้ ในวจีวภิ าคตอนที่วา ดว ยนาม แสดงวา ถามถึงเหตุ แปลวา ' ทาํ ไม.' สวน จรหิ เรียก ุปจุ ฉนตั ถะ.
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ที่ 103 อ.ุ ท่ี ๒ อถ โก จรหิ เทวมนุสสฺ โลเก รโต มโน กสสฺ ป พฺรปู เมต. [ มหาวคฺค. ๔/๖๖] \"กัสสปะ, ก็ทนี ั้น ใจของทานยินดแี ลวในสงิ่ ไรเลา ในเทวโลก หรอื ในมนษุ ยโลก? ทานจงบอกขอน้ันแกเ รา.\" โก ใน อุ. นี้ อรรถกถา [ สมนฺต. ๓/๒๙] แกเปน กหุ ึ เปน อาธาร ใน รโต. กินตฺ ิ วา กระไร. ใชร วมกนั ในพากยทม่ี กี ิรยิ าในพากยประกอบดวย สัตตมีวิภตั ตเิ ปน พืน้ . อุ :- อุ. ท่ี ๑ กินฺติ ต กเรยยฺ าสิ. [ อภยราชกมุ ารสุตฺต. ๑๓/๙๑] \"พระองค พงึ ทรงทาํ ทารกน้ัน ประการไร.\" อุ. ท่ี ๒ กินตฺ ิ อนาคตา จ เปสลา สพฺรหมฺ จารี อาคจฺเฉยยฺ .ุ [ ภิกฺขุ- อปรหิ านิยธมฺมสุตตฺ ] \"ทําไฉน เพอื่ นสพรหมจารผี ูมศี ลี เปน ทีร่ ัก ซงึ่ ยังไมมาพึงมา.\" อรรถกถา [ มโน. ป.ู ๓/๑๘๙ ] แกเ ปนเหตุวา เกน นุ ฉข การเณน. กินตฺ ิ ตามรปู ศัพทเปน นบิ าตบอกความถาม แตในทีบ่ างแหง ใช แสดงความปรารถนา ดงั อ.ุ ท่ี ๒ น.้ี อุ. ท่ี ๓ กนิ ฺติ เต อานนทฺ สตุ วชชฺ ี อภริ หฺ สนฺนิปาตา สนนฺ ปิ าต-
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนาท่ี 104 พหุลา. [ สตตฺ ก. องงฺ ๒๓/๑๘] \"อานนท, เธอไดยนิ (คาํ ) วา- กระไร วา เจา วชั ชี ท. ประชุมกนั เนือง ๆ มาดว ยการประชมุ กนั ? \" อุ. น้ี กิริยาไมใ ชกริ ิยาสัตตมวี ิภัตติ. กินฺติ เรยี กในโยชนาบางแหงวา ปสส าการปจุ ฉฺ า. [ โยชนาสมนฺต. ๑/๑๕๖]. กนิ ฺติ ในทน่ี น้ั ถามขอความวา ยนฺต อรยิ า อาจกิ ฺขนฺต.ิ [ สมนฺต. ๑/๑๑๖]. กินฺติ ใชใ นทแ่ี สดงความปรารถนา นา เรียกวา ปริกปปฺ ปจุ ฉา. ในโยชนาอกี แหง หนึ่งเรยี กวา ปจุ ฺฉากาโร. [ โยชนา สมนตฺ . ๑/๒๕๗. แกสมนั ต. ๑/๓๐๖] ถึงจะถามดว ยมุงอยางไร กค็ ง เปนคําถาม ฉะนน้ั พงึ เรียกตามแบบแตอยา งเดียววา ปุจฉนัตถะ. ยถากถ = ตามอยางไร, เหมือนอยา งไร. อ.ุ ยถากถ ปน ตว ภิกฺขุ มยา สงฺขติ ฺเตน ภาสิตสฺส วิตถฺ าเรน อตฺถ อาชานาสิ. [ ส. ขนธฺ าวาร. ๑๗/๔๓] \"ภกิ ษ,ุ ก็ทา นเขาใจเนอื้ ความแหงคําท่ีเรา กลา วโดยยอ โดยพิสดาร เหมือนอยา งไร.\" ยถากถน ้ี ใชใ นทถ่ี าม ใหแสดงความเขาใจเปนตน ดงั มเี รือ่ งแสดงวา พระภิกษุรูปหนึ่ง กราบทลู ขอไหพระพุทธเจาทรงแสดงธรรมแกตนโดยยอ , เมอื่ ทรงแสดง แลว ก็กราบทูลวารแู ลว, พระพุทธเจาจงึ ตรัสถามใหแ สดงดวยประโยค ทย่ี กมาเปนตัวอยา งนน้ั . ยถา ในคาํ วา ยถาห. ยถา น้ี ทา นแสดงอรรถในบางแหงเทากบั กึ [ ยถาห= ยถา: กึ อาห. โยชนาสมนฺต. ๑/๒๘] อุ. โส หิ สงฺขตาสงขฺ ตเภท สกลมปฺ ธมฺมชาต. ...พชุ ฺฌิ อฺาส.ิ ยถาห สย อภิฺ าย กมทุ ฺทิเสย-ฺ
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 105 ยนตฺ ิ [ อธิธมมฺ ตถฺ . ปมปรจิ เฉท. น. ๖๓] \"จริงอยู พระสัมมา- สมั พทุ ธะน้ัน ตรสั รู คอื ทรงรูท ว่ั ธรรมชาตแมทั้งสิ้น ตา งโดยสงั ขตธรรม และอสงั ขตธรรม. พระผมู พี ระภาคตรสั วา ' เรารยู งิ่ โดยตนเองแลว พงึ ยกใครขึ้น (วา เปน ศาสดา) อยา งไรเลา .\" โยชนา [ ๑/๘๙] วา ยถาติ ปจุ ฉฺ า. ภควาติ (ปท) อาหาติ ปเท กตฺตา. สยนฺตฺ (ปท) อภิ ฺ ายาติ ปเท ตตยิ าวิเสสน. อภิ ฺายาติ (ปท) อทุ ทฺ สิ ฺเสยยนฺติ ปเท ปุพฺพกาลกริ ิยา. กนฺติ (ปท) อุททฺ ิสเฺ สยฺยนฺติ ปเท กมฺม. อหนฺติ (ปท) อทุ ทฺ ิสเฺ สยฺยนฺติ ปเท กตฺตา. อุทฺทสิ ฺเสยยฺ นตฺ ิ (ปท) กตตฺ วุ าจก อาขฺยาตปท. อิตีติ (สทฺโท) วจนนฺติ ปทสสฺ สรูป. วจนนตฺ ิ (ปท) อาหาติ ปเท กมมฺ . ยถา ในคาํ วา ยถาห น้ี แปลโดยอรรถวา เชน , อยางท่.ี (๓) สมปฺ ฏิจฉฺ นตฺโถ บอกอรรถ คอื ความรับคําถาม. อาม (เปนพืน้ ), อามนฺตา (แตในพระอภิธรรม)= ขอรบั , จะ, เออ เปนตน ตามชน้ั . สมั ปฏจิ ฉนัตถะในทมี่ าตาง ๆ สาหุ= ดีละ; ลหุ = ดลี ะ, เบาใจ : โอปายกิ = สมควร; ปฏิรูป = สมควร; สาธุ= ดีละ; เอว = อยางนั้น. (สมปฺ ฏิจฉฺ นตฺถวาจก นบิ าตบอกอรรถ คือ ความรับ. ๑๑๔๔). (๔) อยุ โฺ ยชนตฺโถ บอกอรรถ คือ ความสง ออกไป (ใชใ น คาํ ยอม, คาํ เตือน, คําชกั ชวน, คําใชใหทาํ ).
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 106 อิงฆฺ , ตคฆฺ , หนฺท, เตนหิ=เชญิ เถดิ , เอาเถิด, ถา อยางน้ัน (เตนหิ วิภตฺตปิ ฏิรปู โก มรี ูปแมนศัพทท่ีประกอบดวยวิภตั ตินาม). อุยโยชนัตถะในทม่ี าตาง ๆ องิ ฺฆ, หนฺท เรยี ก โจทนตั ถะ (โจทนตั ถวาจก บอกอรรถ คอื เตือน. ๑๑๕๗). (๕) อจฉฺ ริยตฺโถ บอกอรรถ คอื ความหลากใจ, เบกิ บานใจ. สเ วคตฺโถ บอกอรรถ คอื ความสลดใจ, กรอมใจ. อโห (ใชตน คาํ พดู ) = โอะ (หลากหรอื เบกิ บานใจ), โอ, พุโธ (สลดใจ); วต (ใชขางทา ย) = หนอ. อจั ฉริยัตถะในท่มี าตาง ๆ อโห, ห=ิ โอ (วิมหยัตถวาจก. ๑๑๔๙) ; หา = โอ, อา . (บอกอรรถ คอื ทุกข. ๑๑๕๙). อโห (บอกอรรถลําบาก, อศั จรรย ๑๒๐๑). นิบาตหมวดท่ี ๔ ลงในบท (๑) อวธารณตฺโถ, อวธาโร บอกอรรถ คือ ความหาม นาม, คุณ และกิรยิ าอื่นเสยี . เอว, ว (เปน พื้น), หิ= เทานน้ั นน่ั เทยี ว, เทยี ว, แล เปน ตน . อวธาระในทีม่ าตางๆ เอว = เทยี ว. เทานน้ั . อ.ุ ต กึ มฺ ถ กาลามา ฯ เป ฯ เอว โน เอตถฺ โหติ. (๑๑๘๖).
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 107 จ= แท, เทียว. อุ. ฆเต จ. (๑๑๘๗). อิติ แสดงในขอที่วาดว ย อติ ิ. วา (ในอรรถวัสสคั ค) = เทียว. (๑๑๘๙). ยาว, ตาว. (๑๑๙๓). ขล.ุ (๑๑๙๕). ตุ. (๑๑๙๗). (๒) อเปกขฺ ตโฺ ถ บอกอรรถ คอื ความเพงนามอนื่ ดว ย. ป, อป = แม, ถงึ . (๓) สมภฺ าวนตฺโถ บอกอรรถ คือ ความชม. ครหตโฺ ถ บอก อรรถ คือ ความต.ิ ป, อป = แม, ถึง. สมั ภาวนะ - ครหะในที่มาตา งๆ อปน าม (๑๑๙๑. อ.ุ อป สัมภาวนะ ' อป ทิพฺเพสุ กาเมสุ รตึ โส นาธิคจฉฺ ติ.' (๑๑๘๓). (๔) ปทปูรโณ ลงพอใหอักขระในบาทแหงคาถาเต็มตาม กําหนด. วจนาลงฺกาโร, วจนสลิ ฏิ โก ลงพอใหค ําไพเราะสละ สลวยขึน้ . วจีวิภาคสว นอพั ยยศพั ท ทว่ี าดวยนิบาตสักวา เปน เครื่องทาํ บท ใหเต็ม : นุ หนอ, สุ ส,ิ เว เวย, โว โวย, โข แล, วต หนอ, หเว เวย เปนตน และ ห,ิ จ,ปน ท่ไี มมีความหมายอะไร.
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 108 ปทปูรณะในที่มาตาง ๆ สทุ , อสฺสุ, ยคเฺ ฆ, เว, หา (๑๑๕๐) : อโถ, อถ (๑๕๙๐); ตุ (๒๑๙๗). เหลา นี้ หมายถึงที่ไมม คี วามหมายอะไร. ปทปูรณะ เรียกในคาถา. วจนาลังการ วจนสลิ ฏิ ฐกะ เรยี กใน เวยยากรณปาฐะ. (๕) สมสาโย บอกอรรถ คอื ความพรอมกนั มี ๒ : ทพพฺ - สมวาโย เขากับนาม ๑ กริ ยิ าสมวาโย เชา กับกริ ิยา ๑. สทธฺ ,ึ สห = พรอ ม. สมวายในที่มาตางๆ สม, อมา ('สห, สทธฺ ึ สม, อมา.' ๑๑๓๖) = กบั พรอ ม. (๖) ปฏเิ สธ บอกอรรถ คือ ความหาม. น ไม, โน ไม , มา อยา, (เปนพืน้ ). ปฏเิ สธในท่ีมาตา ง ๆ อ, อล, นหิ. (นเิ สตฺถวาจก บอกอรรถ คือ ปฏิเสธ ๑๑๔๗). หมายเหต:ุ ในวจวี ภิ าคสวนอัพยยศัพทจดั ว, เอว, วินา เปน นิบาตบอกปฏิเสธ ซงึ่ หมายคามรวมถงึ อวธารณะดวย, แตใน วากยสัมพนั ธตอนตน ท่วี าดว ยนิบาต แสดงแยกประเภทเปน ปฏิเสธ หมวด ๑ อวธารณะหมวด ๑. วินา เรยี กเปน กิรยิ าวิเสสนะก็ได. (๗) อติ ิ ศัพท ก. อากาโร อมขอ ความ เนอื่ งกับกริ ยิ า = วา ...... ดงั น.้ี
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 109 ข. สรปู เนอ่ื งดว ยบทนาม = วา ........ดังน้,ี คือ. ค. อาทยตฺโถ อมความยอ ไวไมห มด = วา........ ดงั นี้ เปน ตน. ฆ. นทิ สสฺ น เปน ตัวอยาง = อยา งน.ี้ ง. เหตวฺ ตโฺ ถ เปนเหตุ = เพราะเหตุนั้น. จ. ปกาโร เปน ประการ = ดว ยประการฉะน.ี้ ฉ. สมาปนโฺ น, ปรสิ มาปนฺโน มใิ นที่สดุ ความ = ดงั น้ีแล, แล. ช. สฺ าโชตโก บอกชือ่ = ชอื่ วา. ชื่อตามลักษณะอ่ืน อวธารณะ = เทียว, นั่นเทียว. อุ. อตฺถิ อทิ ปฺปจจฺ ยา ชรา- มรณนตฺ ิ อติ ิ ปฏุ เ น สตา อานนฺท ' อตฺถตี สิ ฺส วจนีย. (๑๑๘๘) \"อานนท, คาํ ที่ทานเปนผูถูกถามวา ชราและมรณะ เพราะส่งิ น้ี ๆ เปนปจ จยั มอี ยหู รอื ดงั นี้น่ันเทยี ว พึงกลา ววา มอี ยู ดังนี้ พงึ มี.\" นบิ าตหมวดท่ี ๕ เปน บท. (๑) อาลปน นบิ าตบอกอาลปนะทั้งปวง. วจวี ภิ าคสวนอัพยยศัพท ที่วา ดวยนบิ าตบอกอาลปนะ: คมเฆ ขอเดชะ, ภนเฺ ต, ภทนเฺ ต ขาแตท านผูเจริญ, ภเณ พนาย, อมฺโภ แนผูเจริญ, อาวุโส ผมู อี ายุ, เร, อเร เวย, โวย, เห เฮย , เช แม. อาลปนะในทม่ี าตาง ๆ องิ ฆฺ = เชิญเถิด, โภ, อมฺโภ = พอ เฮย, ผเู จริญ, หเร เฮย (๑๑๓๙). นน,ุ วต. (๑๑๙๒).
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนาท่ี 110 (๒) กาลสตตฺ มึ นบิ าตบอกกาลทัง้ ปวง. วจีวภิ าคสวนอพั ยยศพั ท ทีว่ าดวยนิบาตบอกกาล : อถ ครัน้ น้ัน, ปาโต เชา , ทิวา วัน, สาย เย็น, สุเว ในวนั , หยิ ฺโย วนั วาน, เสฺว วนั พรุง, สมปฺ ติ บดั เดยี๋ วนี,้ อายตึ ตอ ไป. ปจ จัยลงในกาล คือ ทา ทานิ รหิ ธุนา ทาจน ชชฺ ชฺชุ: สพพฺ ทา ในกาลท้ังปวง, สทา ในกาลทกุ เมอ่ื , เอตรหิ ในกาลน,้ี เดยี๋ วน้ี , กรหจิ ในกาลไหนๆ , บาคร้ัง, เอกทา ในกาลหนึ่ง, บางที, ยทา ในกาลใด, เมื่อใด, ตทา ในกาลนนั้ , เม่ือนั้น, กทา ในกาลไร, เม่อื ไร, กทาจิ ในกาลไหน, บางคราว, อทิ านิ ในกาลนี้, เดี๋ยวนี้, อธนุ า ในกาลน,้ี เม่อื กี,้ กุทาจน ในกาลไหน, อชฺช ในวนั น้ี สชฺชุ ในวนั มอี ยู, วนั น้ี, ปรชชฺ ุ ในวันอ่ืน, อปรชฺชุ ในวันอ่นื อีก. กาลสตั ตมใี นทม่ี าตา ง ๆ จิรสสฺ นาน, จริ นาน, จเิ รน โดยกาลนาน, จริ รตฺตาย ตอ - เพือ่ ราตรนี าน (๑๑๓๖). กทาปน บางคราว, กทาจิ บางคราว, ( ' อสากลเฺ ย ตุ ปน จิ.' ' ปน, จิ ใชบอกอรรถ คือ บางที. ๑๑๔๕). รตตฺ , โทโส= ราตร,ี คา่ํ (๑๑๔๗). (สชฺชุ) สปท=ิ เดยี๋ ว, วันนั้น, (๑๑๔๙) (ปาโต) ปเค = เชา. (๑๑๕๒). (สทา) สน = ในกาลทุกเม่ือ. (๑๑๕๓). สุเว เสฺว = พรงุ น้;ี ปรสุเว หนา แตพ รุงนี้, (๑๑๕๕).
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 111 ตทานิ = ในกาลนั้น. (๑๑๖๑. ลง ทานิ ปจจยั ). อโถ, (อถ) = ลําดบั นนั้ , คร้ังนน้ั . (๑๙๙๐). สิยา = ในกาลบางคราว. ( 'กทาจสิ ททฺ ตฺเถ นิปาโต' ' เปน นบิ าตใชใ นอรรถ กทาจิ ศพั ท.' โยชนา สมนฺต. ๑/๒๖๖) อุ. กิ จฺ ิ สิยา กริ ิยาโต, สิยา อกริ ิยโต [ สมนฺต. ๑/๓๒๐] \" บางสกิ ขาบท เกดิ โดยการทาํ ในบางคราว, โดยการไมท ําในบางคราว.\" ปเุ ร - ปจุ ฺฉา. อุ. ปเุ ร วจนยี ปจฉฺ า อวจ. [ ส. ขนฺธวาร. ๑๗/๑๕] \"ไดกลา วคาํ ท่คี วรกลา วกอ นในภายหลัง.\" ปาต. อ.ุ สาย ปาต อปุ ฏ าน คจฺฉต.ิ [ วิสาขา. ๓/๗๗] \"ไปสทู ีบ่ าํ รุงในเวลาเย็นในเวลาเชา .\" สายปาต. อ.ุ สายปาต.....อทาส.ิ [ ยมกปฺปาฏิหาริย. ๖/๘๗] \"ไดใหทั้งเวลาเยน็ ท้งั เวลาเชา.\" (๓) อาธาโร นิบาตบอกทีท่ ้ังปวง. วจวี ภิ าคสวนอัพยยศัพท ทีว่ า ดว ยนบิ าตบอกที่ : อทุ ธฺ เบอื้ งบน อปุ ริ เบื้องบน, อนฺตรา ระหวา ง, อนฺโต ภายใน, ติโร ภายนอก, พหิ, พหทิ ฺธา, พาหิรา, ภายนอก, อโธ เบื้องต่ํา เหฏา ภายใต, โอร ฝง ใน, ปาร ฝง นอก, หุร โลกอนื่ , สมมฺ ขุ า ตอหนา , ปรมมฺ ุขา ลบั หลงั , รโห ที่ลบั . อาธารในที่มาตา งๆ ปเุ ร, อคฺคโต, ปุรโต, = กอน, หนา . (อภมิ ขุ ตฺถวาจก ๑๑๔๘). เปจจฺ , อมุตฺร=ภพอนื่ , ขา งหนา .( ๑๑๔๘).
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 112 อนตฺ เรน (อนตฺ รา, อนโฺ ต) = ระหวาง (๑๑๕๐) พาหิร = ภายนอก (๑๑๕๓). (ตโิ ร ภายนอก) , ตริ ิย = ขวาง (๑๑๕๙). (กุตฺร), กุตฺถ = ไหน; (๑๑๖๐). ปรตถฺ า เบือ้ งหนา, ทศิ ตะวนั ออก เปน ตน ; ปรุ า เนื่อง, ติด ตอ กนั เปน ตน (๑๑๙๔). ตโิ ร = ปด, ขวาง. (๑๒๐๑). อารา, ทรู า, อารกา = ไกล. (๑๑๕๗). หมายถึงทบ่ี อกท่ี. (๔) กิรยิ าวิเสสน นบิ าตบอกเขตแดน ประการเปน ตน ซ่ึง เปน คณุ บทของกริ ิยา. วจีภาคสว นอพั ยยศพั ท ทวี่ าดวยนิบาตบอกปริจเฉท: กีว เพยี งใด, ยาว เพียงใด, ตาว เพียงน้ัน, ยาวเทว เพยี งใดน่นั เทียว, ตามเทว เพยี งนน้ั นั่นเทียว, ยาวตา มีประมาณเพยี งใด, ตาวตา มีประมาณเพียง นั้น, กติ ตฺ าวตา มีประมาณเทาใด , เอตฺตาวตา มปี ระมาณเทาน้ัน, สมนตฺ า รอบคอบ. นิบาตบอกประการคือ เอว, ตถา ดว ยประการนนั้ , กถ ดว ย ประการไร; (ถา, ถ, ถตฺตา ปจ จัยลงในประการ อุ. อฺถา อฺถตฺตา ดวยประการอ่ืน , อยา งอ่ืน. ๑๒๐๒). นบิ าตมเี นื้อความตา ง : อฺทตฺถุ โดยแท, อทธฺ า แนแ ท, อวสฺส แนแ ท, อารา ไกล, นีจ ต่ํา, นูน แน, นานา ตาง ๆ, ปจฺฉา ภายหลัง, ปฏ าย ตั้งกอ น, อาวี แจง, อจุ จฺ สูง. กฺวจ.ิ
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 113 บา ง, มิจฺฉา ผิด, มธุ า เปลา, มสุ า เทจ็ , สกึ คราวเดียว. สตกขฺ ตฺตุ รอ ยคราว, (กขฺ ตตฺ ุ ปจ จยั ลงในสังขยา. ๑๒๐๒). ปภูติ จําเดิม, ปุน อกี , ปุนปปนุ บอ ย ๆ, ภยิ โฺ ย ยงิ่ , ภยิ ฺโยโส โดยย่งิ , สณกิ คอ ย ๆ, (สนกิ เรว็ , ๑๑๕๓) , สย สาม เอง. นิบาตในที่มาตา งๆ (ปุนปฺปุน), อภิณหฺ , อสก,ึ อภึกขฺ ณ, มหุ ุ= บอย ๆ, เนอื ง ๆ . (๑๑๓๗). วินา, นานา, อนตฺ เรน, ริเต ; ปถุ ุ =เวน เสยี , ตาง ๆ, นอกจาก ตาง ๆ . (๑๑๓๗). พลว. สฏุ ,ุ อตวิ , กมิ ุต (ส,ุ อต)ิ =ด,ี ยิ่ง. (๑๑๓๘). ตคฆฺ , สสกฺก, กาม, ชาต,ุ เว, หเว=แท (เอกส ตฺถวาจก บอกอรรถ คอื แท. ๑๑๔๐). อ.ุ ท่ี ๑ น หิ ชาตุ คพฺภเสยยฺ ปนุ เรติ. [เมตตฺ สตุ ตฺ . ๒๕/๑๔] \"ยอ ม ไมถ งึ ความนอน (เกดิ ) ในครรภอ กี โดยแททเี ดียว.\" อ.ุ ที่ ๒ น หิ ชาตุ โส มม หเึ ส. [องคฺ ุลิมาลสุตตฺ . ๑๔/๔๘๗] \"เขาไมพงึ เบียดเบียนขาพเจา โดยแทท เี ด่ียว.\" อรรถกถา อ.ุ ท้งั ๒ นี้ [ ป. โช. น. ๒๘๒ และ ป. ส.ู ๓/๓๑๖ ] แกอรรถวา เอกเ สน.
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 114 ส = เอง (๑๑๔๔). กทาจิ, ชาตุ = ดอกกระมัง. (๑๑๔๖). ชาตุ ๑๑๔๐ แท) . สพฺพโต โดย- ทัง้ ปวง, สมนฺโต, ปริโต, (สมนตฺ า) = โดยรอบ (๑๑๔๖). สทฺธ = เหมาะ, สม. (๑๑๔๗). อสี , กิ จฺ ิ, มน = นอ ย (๑๑๔๗). สาหสา = ไมทันตรึก, ผลุนผลัน; สาหส = พลการ. (๑๑๔๘). ตุณฺหี = นง่ิ ; (๑๑๔๙). อาว,ิ ปาตุ = ปรากฏ, แจง, ชัด (บอกอรรถ คือ ปรากฏก็ได บอกอรรถ คือ ตอ หนา กไ็ ด ๑๑๔๙,๑๑๕๗). ปสยหฺ = ขม , คุมเหง.( พลักการตั ถวาจก. ๑๑๔๙). ส, ทิฏ า (อานันทัตวาจก. บอกอรรถ คือ ความยินดี (๑๑๕๑). อตฺถุ (อุสูโยปคมตฺถวาจก บอกอรรถ คอื เขา ใกลรษิ ยา. (๑๑๕๑). ยถตตฺ , ยถาตถ = แท, จริง. (๑๑๕๒). ปาโน = มาก (๑๑๕๓). สนกิ = เรว็ (๑๑๕๓). อตฺถ (อทสสฺ นตถฺ วาจก บอกอรรถ คอื ไมเหน็ . ๑๑๕๔) อุ. อฏงฺคต. นโม= นอบนอม; สมมฺ า = โดยชอบ ; สุฏ ุ = ดวยดี (๑๑๕๔). (อารา), ทูรา, อารกา = ไกล (๑๑๕๗).
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 115 สจฉฺ =ิ แจง, ใส; ธวุ = เที่ยง; ทฏุ ุ, กุ = ชว่ั , นาเกลยี ด (๑๑๕๙). สุวตถฺ ี สวสั ด,ี เจริญสขุ . (๑๑๖๐). สามิ = กงึ่ , พงึ เกลยี ด. (๑๑๒๐๐) มโิ ถ= กนั และกัน, ลบั , สงัด. (๑๒๐๐). หรือ มิถุ ดงั ในคาํ มิถเุ ถทาย. [มหาปรนิ ิพฺพานสุตตฺ . ๑๐/๘๙]. เอชฌฺ อันเดียวกัน, ดวยกนั (ชฺฌปจ จัย. ๑๒๐๒). ปฏิกจฺจ กอน, ใชก บั เอวศพั ทเ ปนพนื้ . อุ. ปฏกิ จฺเจว ต กยิรา. [ ส. ส. ๑๖/๘๑] \"พงึ ทํากจิ น้นั กอนทเี ดียว.\" (ปฏกิ จเฺ จวาติ ปมเ ยว. สา. ป. ๑/๑๔๓. ใน อ.ุ นี้ ฉบบั สหี ลเปน ปฏิคจเฺ จว). นบิ าตเหลา นี้ ท่เี ปน คณุ บทของกริ ยิ า เรยี ก กิริยาวเิ สสนะ ทัง้ หมด.
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 116 ขอ ประกอบ ๑๑. นบิ าตตามทีก่ ลาวในขอ กอ นนัน้ มีขอทคี่ วรอธิบายชแ้ี จง ประกอบ กบั ทงั้ มีขอปลีกยอ ยบางประการเกย่ี วดวยนบิ าต อันควร กลาวประกอบไว ตอไปนี้ :- (๑) นิบาตนอกแบบทส่ี งเคราะหเขาในหมวดตามแบบนน้ั บาง นิบาตมีท่ใี ชนอยมาก, บางนบิ าตใชม ากในบางอรรถ, แตในบางอรรถ ใชน อย เชน : หนฺท ใชในอรรถอยุ โยชนะโดยมาก ใชในอรรถวากยา- รมภะนอย. ตวั อยางที่นาเห็นวาเปน วากยารัมภะ: อถ น สตถฺ า \"หนฺท กโุ ต นุ ตฺว มหาราช อาคจฺฉสิ ทวิ า ทิวสสฺ าติ ปมตร อาลป, [อฺตรปุริส. ๓/๑๑๑ ] \"ลาํ ดบั นน้ั พระศาสดาตรัสทกั พระราชานัน้ กอนกวาวา ' ดกู อ นมหาบพิตร, กพ็ ระองคเสดจ็ มาจาก ทไี่ หนหนอ ในเวลายังวัน ๆ.\" ในแบบจึงแสดงไวในหมวดที่ใชม าก, นกั เรียนใชบอกตามแบบอยา งเดยี วกพ็ อ. (๒) นิบาตหลายศพั ทร วมกนั แสดงอรรถอันเดยี ว มใี ชเ ปน อนั มาก ตรงกบั คําทีท่ า นเรยี กวา นปิ าตสมทุ าย ' ประชุมแหงนิบาต' หรอื อภินนฺ ปนิปาต ' นบิ าตท่ไี มแ ยกกัน' (ดงั เรียก อถวา ในอรรถ อปรนยั . โยชนา อภิ. ๑/๙๐, ๑๙๖). นบิ าตพวกน้ี พงึ รวมเรยี กชอ่ื เดียว เพราะถึงมหี ลายศัพทก ็รวมกันแสดงอรรถเดียว เชน อถวา (อถ+วา) วิกปั ปต ถะ, นหิ (น+ห)ิ ปฏเิ สธ.
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ที่ 117 นบิ าตทแ่ี สดงอรรถอันเดียวกนั วางไวใ กลก นั เรยี กรวมกัน ทเี ดยี วก็ได ดงั เชน กึ ปน ตางแสดงความถาม ทา นเรยี กรวมวา กึ ปนาติ ปุจฉฺ า. [ โยชนา อภิ. ๒/๕๙๘ ]. แตท แ่ี สดงอรรถตา งกนั ดังทท่ี านเรยี กวา ภินนนิบาต [ โยชนา อภ.ิ ๑/๒๙๐ ] ตองแยกเรยี กตามอรรถ อุ.น จ ปเนต วุตตฺ นฺติ. [ อภิธมมฺ ตฺถ. ปฺจมปรเิ ฉท น. ๑๗๕] \"ก็แต อทุ ธจั จสหคตจิตนั่น พระผมู พี ระภาคไมตรสั แล.\" ทานแยกเรยี กวา นศัพท ปฏิเสธ. จศัพท วากยารัมภะ. ปนศัพท วิเสสตั ถะ. [ โยชนา ๒/๖๐๖]. พึงสงั เกต อุ. ตอ ไปน้ี :- อ.ุ ที่ ๑ สรสิ ตวฺ ทพฺพ เอวรปู กตฺตา (วาป) ยถาย ภิกฺขุนี อาห. [มหาวภิ งฺค. ๑/๓๗๕ ] \"ทพั พะ, เธอระลึกไดหรอื วา กระทาํ กรรมเชน ท่ีนางภกิ ษนุ ี้กลา วแลว แมบ าง.\" วาป ไมม ใี นบาลี แตโ ยชนา [ ๑/๔๖๕ ] แกว า ปาฐะ วา กตฺตา วาป กม็ ี และแสดงวา วาป เปน อเปกขัตถะ (วาปติ อเปกฺขตโฺ ถ นิปาตสมฺทาโย). อุ. ท่ี ๒ ทลุ ฺลภ วาป ลภนตฺ ิ [ ส. ส. ๑๕/๖๖ ] \"ยอ มไมตุฏฐิ แม ท่ไี ดย าก.\" อ.ุ ที่ ๓ โย พาโล มฺ ตี พาลยฺ ปณฑฺ ิโต วาป เตน โส [ คณฺ ิเภทกโจร ๓/๑๓๐ ]
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 118 \"ผใู ดเปนพาล รูความท่ีเปน พาล, ผูนั้นแมเปน บณั ฑิต เพราะ ความรูน้นั .\" อุ. ที่ ๔ จนทฺ น ตคร วาป อปุ ฺปล อถ วสสฺ ิถี เอเตส คนฺธชาตาน สลี คนฺโธ อนตุ ตฺ โร. [ อานนทฺ เถรปฺห. ๓/๘๒] \"จนั ทรก ็ดี กฤษณาก็ดี อบุ ลกด็ ี มะลเิ ครือกด็ ,ี กล่นิ แหงศลี เปน เยยี่ มกวา คันธชาตเหลาน.้ี \" วาป, อถ วกิ ัปปตถะ. (จะแยกเรียก อป เปน ปทปรู ณะก็ได) . อ.ุ ท่ี ๕ ต วาป ปตุ ตฺ โรทนตฺ .ิ [ สานุสามเณร. ๗/๑๕๖ ] \"ลกู , ชน ท. รอ งไหถ งึ แมบตุ รนั้น.\" (๓) กริ ยิ าวิเสสนะนั้น หมายถงึ แตท ่ีเปนคุณบทของกริ ิยา, ถา เปนคุณบทของนามหรือแมของนิบาตดว ยกนั เรยี กวเิ สสนะ อุ. :- อุ. ท่ี ๑ ยาวตา ภิกฺขเว.... [ องฺ. จตกฺ ฺก. ๒๑ /๔๔] \"ภิกษุ ท., สตั ว ท. มีประมาณเพยี งใด.....\" ยาวตา วิเสสนะ ของ สตฺตา. [ โย. อภ.ิ ๑/๑๐๙ ]. อ.ุ ที่ ๒ ธมมฺ จกกฺ ปปฺ วตตฺ น หิ อาทึ กตวฺ า ยาว สภุ ทฺทปริพฺพาชก-
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนาท่ี 119 วนิ ยนา กตฺพุทธฺ กจิ เฺ จ กสุ ินาราย อปุ วตฺตเน มลฺลาน สาลวเน ยมกสาลานมตฺ เร วิสสขปุณฺณมีทวิ เส ปจจฺ สู สมเย อนปุ าทเิ สสาย นพพฺ านธาตุยา ปรนิ ิพฺพุเต ภควติ โลกนาเถ [ สมนฺต. ๑/๕] \"ความพสิ ดารวา เมอื่ พระโลกนาถผมู พี ระภาค ผูทรงทําพุทธกจิ แลว ตราบถงึ โปรด (แนะนาํ ) สุภัททปรพิ าชก จับแตท รงยังธรรมจกั ร ใหเปน ไปเปนตน ทรงปรนิ พิ พานแลว ดวยทงั้ อนุปาทเิ สสนิพพานธาตุ ในสมยั ใกลร งุ ในวันวสิ าขปุณณมี ณ ระหวา งแหงไมส าละทั้งคู ใน สาลวันของมลั ลกษัตรยิ ท. อนั เปน ทแ่ี วะพกั ใกลก รุงกสุ นิ ารา.\" พึง สงั เกตสมั พันธ ในโยชนา [ ๑/๒๔ ] ดงั ตอไปน้ี:- ธมมฺ จกกฺ ปปฺ วตฺตนนฺติ ปท กตวฺ าติ ปเท ปกตกิ มมฺ . หีติ ปท วิตฺถาโชตโกง อาทินตฺ ิ ปท กตฺวาติ ปเท วกิ ตกิ มมฺ . กตฺวาติ ปท ยาวาติ ปเท วิเสสน. ยาวาติ ปท พุทธฺ กจิ เฺ จติ ปทสฺส วิเสสน. สุภททฺ ...วินยนาติ ปท ยาวาติ ปเท อปาทาน. กตพทุ ฺธกจิ เจ ภควตตี ิ ปทฺทวย โลกนาเถติ ปทสฺส วเิ สสนง กสุ นิ ารายนตฺ ิ ปท ปรนิ พิ พฺ เุ ตติ ปเท เทสวเสน สามฺ าธาโร สมีปาธาโร วา. อปุ วตตฺ เนติ ปท สาลวเนติ ปทสสฺ วิเสสน. มลลฺ านนตฺ ิ ปท สาลวเนติ ปเท สมพฺ นโฺ ธ. สาลวเนติ ปท ปรนิ ิพพฺ ุเตติ ปเท เทสวเสน วเิ สสาธาโร. ยมกสาลานนตฺ ิ. ปท อนเฺ รติ ปเท สมพฺ นโฺ ธ. อนตฺ เรติ ปท ปรนิ ิพพฺ ุเตติ ปเท วิเสสาธาโร. วิสาขปุณฺณมีทวิ เสติ ปท ปรินพิ พฺ ุเตติ ปเท สามฺกาลสตตฺ มี. ปจฺจูสสมเยติ ปท ปรนิ พิ ฺพเุ ตติ ปเท วิเสสกาลสกตตฺ มี. อนุปาทิเสสายาติ ปท นิพฺพานธาตุยาติ ปทสฺส วเิ สสน. นิพพฺ านธาตุยาติ ปท ปรนิ พิ พฺ เุ ตติ ปเท อติ ถฺ มภฺ ตู ลกขฺ ณ.
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 120 ปรินิพพฺ เุ ตติ ปท สนนฺ ปิ ตติ านนฺติ ปเท ลกขฺ ณกริ ยิ า โลกนาเถติ ปท ปรินพิ พฺ เุ ตติ ปเท ลกฺขณวนตฺ . อ.ุ ที่ ๓ นกิ ฺขมโต ปฏ าย ยาว อรหตตฺ มคคฺ า กสุ ลสฺส อปุ ฺปาทนเฺ จว อปุ ปฺ าทิตสฺส จ ภาวนา. [ อานนทฺ ตฺเถรสฺสปฺห. ๖/๑๐๕] \"การยงั กุศลใหเกดิ และการยงั กศุ ลท่เี กดิ แลว ใหเ จรญิ ตราบถึงอรหัตมรรค จาํ เดิมแตออกบวช.\" บอกสัมพันธ ปฏาย ยาว เทียบ อาทึ กตวฺ า ยาว วา ยาว วเิ สสนะของ อปุ ปฺ าทน และภาวนา. ปฏ าย วิเสสนะ ของ ยาว. (๔) นบิ าตยงั ใชใ นอรรถตาง ๆ เหมือนบทนาม เชน :- วิกตกิ ัตตา: อุ. เอกทิวส ทินฺโนวาโทเยว หสิ สฺ สตฺตนนฺ สว จฉฺ ราน อล อโหสิ. [ อานนฺทตเฺ ถรสสฺ ปหฺ . ๖/๑๐๔ ] \"เพราะ วา โอวาทที่ประทานแลวในวันหนึ่งของพระวปิ สสีสัมมาสมั พุทธเจานั้น ไดเปนของพอแก ๗ ป. \" ประธาน : อุ . สุวตตฺ ิ โหตุ สพพฺ ทา. [ รตนตฺตยปปฺ ภาวา- ภยิ าจนคาถา] \"ขอความสวสั ดี จงมีในกาลทุกเมื่อ.\" สวุ ตฺถิ นบิ าตบอกอรรถ คอื ปรารถนา [ อาสสี ตฺวาจก. ๑๑๖๐ ] แปลวา สวสั ดี, เจรญิ สขุ . (๕) นบิ าตจําพวกที่ใชลงในตติยาวิภตั ติ ทา นมักเรียกเปน ตติยาวิเสสนะ, บางคร้ังเรียกเปน กรณะ ก็มี เชน สกกฺ จฺจ โดยเคราพ, ภยิ ฺโยโส โดยยิ่ง, จิเรน โดยกาลนาน (จิเรน. ๑๑๓๖). สพฺพโต
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 121 โดย...ท้งั ปวง, สมนตฺ โต, ปรโิ ต, สมนฺตา โดยรอบ (๑๑๔๖). ยถา โดยประการใด, ตถา โดยประการนั้น, เอตตฺ าวตา โดย, ดว ย คํามปี ระมารเพยี งน้ี. (๖) อติ ิศพั ทท ว่ี างอาทิศัพทไ ดด วย เปน อติ ิอาทิ ทา นแสดง เปนบทสมาส ในเวลาแสดงสัมพันธจึงไมตองแยกศพั ท และใหอา นขอ ความทีอ่ ิติอาทิอมไวท งั้ หมดดวย. อ.ุ น หิ สกฺกา ปรโลก คจฺฉนเฺ ตน ' อธวิ าเสถ กติปาห, ทาน ตาว เทมิ, ธมมฺ ตาว สณุ ามีตอิ าทีนิ วตตฺ . [ โคฆาตกปุตตฺ . ๗/๖ ] \"แทจริง บคุ คลเม่ือไปสปู รโลก ไมอ าจ เพือ่ จะกลา วคํามวี า ขอทานโปรดใหย บั ย้งั อยู ๒-๓ วนั , ขาพเจา จะใหท าน กอน, ขา พเจาจะฟงธรรมกอ น ดังนเี้ ปน ตน.\" เมือ่ แสดงสัมพนั ธถงึ อิตอิ าทิ ใหแ สดงวา อธิวาเสถ ฯ เป ฯ สณุ ามตี อิ าทีนิ อวุตตกัมม ใน วตตฺ ุ. (หรือวิเสสนะของ วจนาน)ิ . (๗) อติ ศิ พั ทท่วี างกลาง แตอ มความท้ังขางหนาทงั้ ขางหลงั โบราณเรยี กวา อติ นิ าคพาธ เชน :- จนทฺ สรุ เิ ยหิ เม อตโฺ ถ เต เม เทหตี ิ ยาจโิ ต โส มาณโว ตสฺส ปาวท.ิ [มฏกุณฑฺ ล.ิ ๑/๒๘] \"มาณพน้ัน ไดกลา วแกพ ราหมณน ั้นวา 'ความตอ งการของ ขา พเจา ดวยดวงจันทรแ ละสรู ย, ทา นผอู ันขาพเจาขอแลว, จงให ดวงจนั ทรและสรู ย ท. นนั้ แกข า พเจา ดงั น.้ี \" แทท ี่จรงิ อติ ิ พงึ วางหลงั ยาจิโต เพราะอมความสดุ ลงท่ีบทใด กว็ างหลังบทนน้ั แตในท่ีน้ีวางแทรกในระหวาง เพราะฉันทลกั ษณะ
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนาท่ี 122 บังคับ และอมความท้ังขางหนาขางหลัง จงึ เรียกวา นาคพาธ. ชอื่ นี้ แสดงลักษณะอติ ทิ ่ีต้ังอยูในประโยค ไมใชชอ่ื สัมพนั ธ. ชื่อสัมพนั ธค ง เรยี กตามอรรถที่ใช เชน ใน อ.ุ นั้น อิติ ศพั ท อาการ ใน ปาวท.ิ (๘) นบิ าตทใ่ี ชต ามทีว่ างไวเ รียก านปฺปยุตตฺ หรือ ฐาน- สมั ปยตุ , สวนนบิ าตที่ชักไปใชใ นท่ีอน่ื จากที่วางไวเรยี ก อฏ านปฺ- ปยตุ ฺต หรือ อัฏฐานสมั ปยตุ . (โยชนา อภธิ มฺมตฺถ. ๑/๒๘๘). อ.ุ อิธ เอกจโฺ จ หตถฺ ิรตนมฺป ทสสฺ นาย คจฺฉติ, อสฺสรตนมฺป ทสฺสนาย คจฉฺ ติ.... [วากยสัมพันธตอนตน สวนนบิ าต ท่วี า ดว ย วกิ ัปปต ถะ] \" บุคคลบางพวกในโลกน้ี ไปเพือ่ ดชู า งแกวบา ง, ไปเพ่ือ ดมู า แกว บาง....\" ป ศพั ท เปน วากยวกิ ัปปตถะ พงึ วางแลว คจฺฉติ แตวางหลงั หตฺถริ ตน เปนตน. อติ ินาคพาธ กส็ งเคราะหเขาใน อัฏฐานสัมปยุต. อัฏฐานสมั ปยตุ นี้ โดยท่ีแททา นวางถูกลกั ษณะวธิ วี ากยสัมพันธ ดังบศี่ ัพทว ิกัปปต ถะนนั้ นิยมวางทบ่ี ทตา งกนั (หตฺถิรตน เปนตน ) ไมวางท่บี ทซํา้ (คจฺฉติ). ในทางอรรถแหง สัมพนั ธ นบิ าที่ใชเ ปนานสัมปยุต มีอรรถ อยางหนึ่ง, อัฏฐานสัมปยุต มีอรรถอกี อยางหน่งึ , เรอื่ งน้ีพึงสังเกต ใหด ี เชน วตุ ฺตป เจต, ถา อป เปน ฐานสมั ปยตุ ก็เปน วตุ ฺต อปจ เอต (อปจ อปรนยั ), ถา เปนอฏั ฐานสัมปยตุ ก็เปน วุตตฺ จ เอต อป (จ ทัฬหีกรณะ, อป อเปกขัตถะ).
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 123 (๙) นบิ าตและปจจยั เบด็ เตล็ด คอื :- ก. อตถฺ ิ บอกอรรถ คือ มี (สตฺตาตถฺ วาจก. ๑๑๕๔), นตถฺ ิ (น+อตถฺ ิ). ทงั้ ๒ น้ี ในโยชนาเรียก กตฺตุวาจก นปิ าตปท. ข. กิร เปนไปในอรรถ คือ ไมชอบใจ เรียกช่อื อรจุ ฺยตโฺ ถ หรอื อรจุ ิ (กริ านุสสฺ วารจุ ีส.ุ ' ' กริ เปนไปในอรรถ คือ ไดย นิ วา๑ ไมช อบใจ ๑.' ๑๑๙๙). ทานแสดงตัวอยางไว คือ ขณวตถฺ ุปรติ ฺตตฺตา อาปาถ น วชนฺติ เย, เต ธมฺมารมมฺ ณา นาม เยส รปู าทโย กริ . กิร ใน อุ. ตอ ไปน้ี กน็ าเห็นวา แสดงอรรถไมช อบใจ: ธริ ตฺถุ กริ โภ ชาติ นาม. [ มีในขอวา ดวย ธ]ิ . ค. ก เปน ไปในอรรถ คอื วาริ (นาํ้ ) ๑ มทุ ฺธนิ (ยอด) ๑. ('ก ตุ วารมิ หฺ ิ มทุ ฺธานิ.' ๑๑๙๘). ฆ. หิ ปจจยั ลงในสัตตมวี ิภัตติ เชน ยหิ (๑๒๐๒) เปน พวก เดียวกบั ตรฺ ตฺถ ห ธ ธิ หึ ห หิฺจน ว ท่ีทา นแสดงไวแ ลวใน วจวี ิภาคสวนอัพยยศัพท. ง. โตปจ จยั โดยปกตเิ ปน เคร่อื งหมายตติยาวิภัตติและปญจมวี ภิ ัตติ แตบางศัพทใชในอรรถอนื่ เชน ยโต ตโต ที่แสดงกาล เรยี กกาลสตั ตมี แปลวา ในกาลใด, ในลาํ ดบั นน้ั , ในกาลน้ัน. (ตโต= ตทนนฺตร, ตทา. [ โยชนาสมนตฺ . ๑/๓๖ ]. ยโต โขติ ยทา โข. [ มงคฺ ลตฺถ. ๒/๑๙๑ ]. ตโต = ปจฺฉา ในบางแหง ) (๑๐) นบิ าตทใี่ ชในอรรถถามโดยปกติ ใชในอรรถอนื่ ก็มี เชน :- กถฺจิ บอกอรรถ คือ ยาก, เสียใจ. (กจิ ฺฉตฺถวาจก. ๑๑๕๘).
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาท่ี 124 กึ บอกอรรถ คอื เกลยี ด (' กึ ตุ ปจุ ฉฺ าชิคุจฉฺ าสุ.' ' กึ เปน ไปในอรรถ คอื ปจุ ฉฺ า ชคิ จุ ฉฺ า ๑๑๙๘). นนุ บอกอรรถ คอื ติเตียน อุ. นนุ อาวุโส ภควตา อเนก- ปรยิ าเยน วริ าคาย ธมฺโม เทสโิ ต. [ มหาวิภงฺค ๑/๓๔ ] \"ผูม อี าย,ุ ธรรมอันพระผูมพี ระภาคทรงแสดงเพอื่ วริ าคะโดยอเนกปริยาย มใิ ชห รือ.\" [ นนูติ อนมุ ติ คหรตเฺ ถ นปิ าโต สมนฺต. ๑/๒๕๐]. กถ (หิ นาม ) บอกอรรถ คือ ตเิ ตยี น (นนิ ทฺ าตฺถวาจก) อ.ุ กถ หิ นาม ตฺว โมฆปุรสิ เอว สวฺ ากฺขาเต ธมมฺ วินเย ปพพฺ ชติ ฺวา น สกขฺ สิ ฺสสิ ยาวชีว ปรปิ ณุ ฺณ ปรสิ ทุ ธฺ พฺรหฺมจริย จรติ .ุ [ มหาวิภงฺค ๑/๓๕ ] \"แนะ โมฆบุรษุ , ไฉนทา นมาบวชแลว ในธรรมวนิ ัยอนั เรากลา ว ดีแลว อยางน้ี ไมอาจเพือ่ ประพฤตพิ รหมจรรยใหบ ริสุทธ์ิบรบิ รู ณต ลอด ชวี ติ ไดเลา.\" นิบาตเหลานี้ จะถามเพือ่ อะไรก็ตาม กค็ งสรูปลงใน ปุจฉนัตถะ เหมอื นอยา ง กินตฺ .ิ (๑๑) หิ นาม นิบาต มอี าํ นาจทาํ กิรยิ าในพากยทมี่ ักประกอบ เปน อนาคตวจนะ (ภวิสสฺ นตฺ วิ ภิ ัตติ) ใหเปนอตตี วจนะโดยความ. (ยตฺรหนิ ปิ าตวเสน อนาคตวจน, อตโฺ ต ปเนตถฺ อตีตวเสน เวทติ พโฺ พ. สุ. วิ ๒-๒๕) อกี มติหนง่ึ วา ใหเปนปจจบุ นั วจนะ (วตตฺ มานาวภิ ัตต)ิ , มตนิ ้ขี องสทั ทนีต.ิ [ การก น. ๑๓๐ ] อุ. ในขอ กอน. หิ นาม นําไปเชือ่ มทา ยกิริยาในพากย ดงั อ.ุ น้นั ประกอบวา สกฺขสิ สฺ สิ หิ นาม. โบราณแปลวา มา.... แลว. บางแหง ทานวางแตนามศัพท แตมอี าํ นาจเปลีย่ นกาลแหง บท
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนาท่ี 125 กริ ยิ าในพากยเชนเดยี วกบั หิ นาม. อ,ุ ตตฺถ. นาม ตฺว โมฆปรุ สิ ย ตวฺ อสทฺธมฺม สมาปชชฺ สิ สฺ สิ. [มหาวภิ งฺค ๑/๓๖ \" แนะโมฆบรุ ุษ, ทานมาสมสูแลว ซงึ่ อสัทธรรม... ไรนนั่ ในองคชาตของมาตุคามน้นั .\" (อรรถกถา [ สมนตฺ ๑/๒๕๕] แกอ รรถ ย ตว วา ย เปน หีฬ- นัตถนบิ าต [ นบิ าตในอรรถ เยย , หม่นิ ], ตฺว เปนไวพจนของ ต ศพั ท, ย ตวฺ เมาะ ย ต, พึงเรียกเปน วเิ สสนะ. นาม ศพั ทนําเช่อื ม วา สมาปชฺชสิ ฺสสิ นาม). แต หิ นาม ไมเปลย่ี นกาลแหง บทกิรยิ ากม็ ี อ.ุ กถ หิ นาม มาทโิ ส อจุ เฺ จ อาสเน นสิ ที ิตวฺ า ตสฺส ภควโต สาสน โสตพฺพ มเฺ ยยฺ .[ ส. ขนธฺ วาร. ๑๗/๑๐๙] \" บุคคลผูเชน กบั เรา จะมาสาํ คัญ ขาวสาสนของพระผูมพี ระภาคเจา น้ัน วา อนั คนพึงน่ังบนอาสนะสงู สดับ ฟง อยา งไรได.\" (พงึ สงั เกตการใชวภิ ตั ตกิ ิรยิ าในพากย). (๑๒) คํา ๆเดยี ว แปลซาํ้ เชน มธุ า เปลา ๆ โบราณ เรียกชอื่ พิเศษวา วิจฉาวจนาเมณฑกนัย. วิจฺฉา สส กฤตเปน วปี สฺ า แปลวา ซํา้ , วจิ ฉาวจนะ ก็คือคําซํา้ , เปนคาํ ไขของ อาเมณฑก. อาเมณฑ หรอื อาเมณฑก แปลวา กลา วซาํ้ . อาเมณฑติ วจนะ ใชหมายในทีท่ ั่วไปถงึ คําทก่ี ลา วซ้ํา ๒ คร้ัง เพราะความราเริง เชน สาธุ สาธุ เปนตน ดงั คาถาวา : ภเย โกเธ ปสส าย ตุรเิ ต โกติหลจฉฺ เร หาเส โสเก ปสาเท จ กเร อาเมฑิต พุโธ. [สมนฺต. ๑/๑๙๑ ]
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 126 \"ปราชญพึงทาํ คํากลา วซาํ้ ในเพราะความกลวั , ความโกรธ, ความสรรเสรญิ , ความรบี ดว น, ความอลหมาน, ความอศั จรรย, ความ รา เริง, ความโศก, ความเลอื่ มใส.\" แต วจิ ฉาวจนาเมณฑกนัย ในทนี่ ี้ ไมใ ชอ าเมณฑิตวจนะ เพยี ง เอานัยมาใชใ นคําแปลเทานน้ั , และมุธา เปลา ๆ ที่เปน คณุ บทของกิริยา ก็คอื กิรยิ าวเิ สสนะนน่ั เอง. อนง่ึ ยถา ที่ใชในอรรถซา้ํ วา 'ใด ๆ ' ทานเรยี กวา วจิ ฺฉาวาจก เชน ในคําวา ยถาธปิ ฺเปต. (โยชนา อภ.ิ [ ๑/๑๕๗ ] วา อธปิ ปฺ ยติ อจิ ฺฉิยตีติ อธิปฺเปต, ย ย อธิปฺเปต ยถาธปิ เฺ ปตล ยถาสทโฺ ท วิจฺฉาวาจโก). (๑๓) มชี ่อื นบิ าตทีท่ า นเคยเรียกมาแตก อน เชน หิ สองความ สังเขป เรียก สงั เขปโชตก, สองความวาธรรมเนียน หรือ ธรรมดา เรยี กธมั มตาโชตก ดงั คําวา อตถฺ สมปฺ นนฺ า หิ (ธรรมเนียนหรือธรรมดา ผูท ถ่ี งึ พรอ มแลว ดว ยอรรถ). กริ ' ขอทีเถอะ' เรียก ยาจนตั ถะ, ตามความ กต็ รงกับทเี่ ปนไปในอรรถ คอื ไมชอบใจ. (๑๔) นิบาตโดยมากไมไดยนื ตัวอยใู นอรรถอยางเดยี ว จึงกําหนดให แนล งไปทเี ดียวไดย าก ทงั้ จะกลาวใหสน้ิ เชิงก็เปน กายยาก เชน ตถา ศัพท บางแหงใชใ นอรรถ วา ศพั ทก็มี [ โยชนา อภิ. ๑/๑๘๓]. น้จี ะหา ท่ีบอกไวใ นแบบไดย าก เพราะเปน การใชพ เิ ศษ. หรอื เชน ปาโต ปฏ าย, อชชฺ ปฏาย เห็นวา ควรบอก ปาโต และ อชชฺ เปน อปาทาน ใน ปฏาย.(บางแหงใชวา อชชฺ โต ปฏ าย ก็มี). ฉะนนั้
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 127 ตองคํานึงถงึ อรรถในทนี่ นั้ ๆ เปนขอสําคัญ แมจะพเิ ศษจากแบบ กต็ อง ถือวา เปนการใชพ ิเศษเฉพาะแหง ๆ ไป.
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 128 นบิ าตโดยเอกเทศ ๑๒. จะยกนิบาตมีอรรถหลายอยา งบางนบิ าตทกี่ ลาวมาแลว ตามหมวดในขอกอน แตยังไมส้นิ อรรถทีใ่ ช มาประมวลกลาว โดยเอกเทศ กับท้งั นิบาตท่ีแปลออกไปอนั ไมอ าจจดั เขาหมวดไดท ีละ- ศพั ท คอื :- (๑) อถ, อถวา, อถโข ใชอ รรถตามชอ่ื สัมพันธ ดงั ตอ ไปน้ี :- วากยารมั ภโชตก. อถ ก.็ สมจุ จยตั ถะ. อถ ดว ย. วิกปั ปตถะ. อถ หรอื , บา ง; อถวา หรอื วา , อกี นยั หน่ึง. ปริกัปปต ถะ. อถ ถา วา . อรุจสิ ุจนัตถะ. อถโข แต, ก็แตวา , ถงึ อยา งนนั้ . ปุจฉนตั ถะ. อถ (๑๑๙๐) ดังเราถาม คาํ แปลในบาล-ี ลปิ ก รม). กาลสตั ตม.ี อถ ครน้ั นน้ั , อถโข ครั้งนน้ั แล. (ถา มบี ทนามนาม ก็เปน วเิ สสนะ เชน อถโข กาเล ในกาลนนั้ แทจ ริง). อถ กาลสตั ตมี ที่คกู ับยทา (ยทา-อถ) = ตทา อุ. :- ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมมฺ า ฯเป ฯ อถสสฺ กงขฺ า วปยนฺติ สพพฺ า. [ มหาวคฺค ๔/๒] \"เมอื่ ใดแล ธรรม ท. ปรากฏ....เมอื่ น้ัน ความสงั สยั ของ
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 129 พราหมณน้ันยอมส้ินไป.\" ตตยิ าวเิ สสนะ. อถ. (เมาะ สจฺจโต) โดยแท. อุ. ปฺ า นาม น ปจติ ฺวา ขาทนตฺถาย กตา, อถโข วจิ ารณตถฺ าย กตา. [ กณุ ฺฑลเกสเี ถรี. ๔/๑๐๖ ] \"ชื่อวาปญ ญา ทาํ ไวเพื่อประโยชนต มกนิ หามไิ ด, ทําไวเ พอ่ื ประโยชนว จิ ารณโดยแท. ลกั ขณวนั ตะ. อถ. อ.ุ อถ กสฺมา น อุจจฺ ินิโต [ สมนตฺ . ๑/๗ ] \"เมอ่ื เปนอยา งนั้น เพราะเหตุไร พระเถระจงึ ไมเลือกพระ อานนฺท.\" (อถาติ อจุ จฺ ติ พพฺ ภาเว สต.ิ โยชนา ๑๒๙). หรอื ดัง อถ กิ จฺ รหิ, อถ โกจรหิ ท่กี ลาวแลวในขอปจุ ฉนัตถะ. อถ ทก่ี ลา วความสืบตอไปจากตอนตน (ปม- อถ) แปลกนั วาในภายหลัง ดงั คาํ วา อถาปร เอตทโวจ สตถฺ า, อเถกทิวส. ใน บางแหงอาจแปลโดยอรรถวา แลว, คร้นั แลว , ดงั อุ. วา วนทฺ ิตวฺ า สมฺมาสมฺพทุ ธ อาทโิ ต อถ ธมฺมจฺ สงฆฺ ฺจ \"ไหวพ ระสมั มา- สัมพทุ ธะแตตน แลว (ไหว) พระธรรมและพระสงฆ. \" อถ จ ปน เปน นิบาตหมู ใชใ นความทอ นหลังทก่ี ลา วชมหรือติ นาเรียกรวมวา สมั ภาวนโชตกนปิ าตสมหุ ะ หรอื ครหโชตกนปิ าตสมหุ ะ ตามความ, ตรงกับความไทยวา ก็แตว า, ถึงอยา งนั้น. อุ. :- อุ. ที่ ๑ โก นุ โข โภ โคตม เหตุ โก ปจจฺ โย; ยนฺติฏเตว นิพพฺ าน, ตฏิ ติ นพิ พฺ านคามี, ตฏิ ติ ภว โคตโม สมาทเปตา; อถ จ ปน โภโต โคตมสฺส สาวกา โภตา โคตเมน เอว
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 130 โอวทยิ มานา เอว อนสุ าสยิ มานา; อปเฺ ปกจเฺ จ อจจฺ นตฺ นิฏ นพิ พฺ าน อาราเธนตฺ ิ, เอกจเฺ จ นาราเธนฺต.ิ [ม. อุป, คณกโมคฺคลลฺ าน. ๑๔/๘๕ ] \"ขาแตพ ระโคดมผูเ จริญ, เหตุอะไรหนอแล ปจจัยอะไร, เพราะเหตุ ปจจยั ไรเลา พระนพิ พานก็มีอยู, ทางใหถ ึงพระนิพพานกม็ อี ยู, พระ โคดมผเู จริญผชู ักนําก็มีอย,ู ถงึ อยางน้ัน พระสาวก ท. ของพระโคดม ผูเจริญ ผูอ ันพระโคดมผเู จริญโอวาทอยอู ยา งนั้น อนุสาสนอ ยูอยางนน้ั , บางพวกกย็ ังพระนพิ พานท่สี ําเรจ็ โดยสว นเดียวใหสัมฤทธ,์ิ บางพวกก็ ไมใหส มั ฤทธ.์ิ \" (ย เปน ปฐมาวิภัตติ ใชในอรรถเหต,ุ เรื่องน้ีจะมี แสดงขางหนา). อ.ุ ที่ ๒ สามเณเรน อทิ าเนว ภตตฺ ภตตฺ ; อถ จ ปน สรุ ิโย นภมชฺฌ อติกฺกนโฺ ต ปฺ ายต.ิ [สขุ สามเณร. ๕/๙๓] \"ภัตร อนั สามเณรฉนั เสรจ็ เดยี๋ วนเี้ อง. ก็แตวา อาทิตยป รากฏเลยทามกลาง ฟา แลว .\" อถ จ ปน ใชวางในพากยางคท ่ีเปนตอนหน่ึงของพากยก็มี อ.ุ :- อุ. ท่ี ๑ อฺตติ ฺถยิ า ปรพิ พฺ าชกา อนธฺ อจกฺขุกา อชานนตฺ า อาโรคยฺ อปสสฺ นตฺ า นิพฺพาน; อถ จ ปนมิ คาถ ภาสนฺติ ... [ ม. ม. มาคณฑฺ ิย. ๑๓/๒๘๒] \"ปรพิ าชก ท. ผูอญั ญเดียรถีย ผบู อด ไมม ี
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ที่ 131 จกั ษุ ไมรูความไมมีโรค ไมเหน็ นิพพาน, ก็แตว า ยอ มกลา ว คาถาน้.ี ..\" อุ. ท่ี ๒ ภทเฺ ท ตวฺ อโิ ต ปพุ ฺเพ อมเฺ หหิ น ทฏิ ปุพพฺ า; อถ จ ปน โน มหนฺต สกกฺ าร กโรส.ิ [ โสเรยยฺ ตเฺ ถร. ๒/๑๖๐ ] \"นางผูเจริญ, หลอ น อนั เราไมเคยเหน็ ในกอนแตน ้ี ก็แตว าทาํ สักการะใหญแ กเรา.\" อ.ุ ที่ ๓ สพฺเพ เนว เอกสิ ฺสา มาตุ ปตุ ฺตา, น เอกสสฺ ปต,ุ นาป วีตราคา; อถ จ ปน อวเสสาน อตฺถาย ปฏปิ าฏยิ า ชีวิต ปรจิ ฺจชึสุ. [ สงกฺ ิจจฺ สามเณร. ๔/๑๒๙ ] \" ภกิ ษุ ท. นั้นทง้ั หมด ไมใ ช เปน บุตรรว มมารดา ไมใ ชเ ปนบุตรรว มบิดา, ท้งั ไมใชเ ปนผปู ราศจาก ราคะ, กแ็ ตวา บริจาคชวี ิตเพ่อื ประโยชนแหงภกิ ษุ ท. ทีเ่ หลือโดย ลําดบั .\" พากยเ ชน น้ี นักเรยี นมกั ตดั เปน ๒ พากย แตเ ห็นวา ไมตัดกไ็ ด เพราะพากยางคก็เปน ขอความตอนหน่ึง ๆเหมือนกัน จึงเปน ฐานะทจ่ี ะ วางนบิ าตจําพวกตน ขอความลงได. อถ จ ปน วางอยา งกิริยาวิเสสนะก็มี. อ.ุ เสยฺยถาป พรฺ าหฺมณ ปุรโิ ส ทฬิทโฺ ท อสฺสโก อนาฬฺหิโย ตสสฺ อกามสสฺ วสิ โอลคฺเคยฺยุ อนิ นเฺ ต อมโฺ ภ ปรุ ิส มส ขาทิตพพฺ มูลฺจ อนุปปฺ ทาตพพฺ นฺติ, เอวเมว โข พฺราหมฺ ณ พรฺ าหฺมณา อปฺปฏิฺ าย เตส สมณ-
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 132 พฺราหฺมณาน อถ จ ปนมิ า จตสโฺ ส ปารจิ รยิ า ปฺ เปนตฺ .ิ [ม.ม. เอสุการสี ตุ ตฺ . ๑๓/๖๑๑] \"พราหมณ, ชน ท. พงึ แขวนสว นเนื้อ (โค) แกบ รุ ุษผขู ัดสนจนยาก ไมป รารถนาวา ' บุรษุ ผเู จริญ, ทานพงึ เค้ียว กนิ เนอื้ นี้ และพึงใหมูลคา' แมฉ นั ใด; พราหมณ ท. กฉ็ ันน้ันเหมือน กนั แล ยอ มบญั ญตั ิปารจิ รยิ า ๔ นี้ กแ็ ตดวยความไมรับรองแหงสมณ- พราหมณ ท. นั้น.\" อุ.นอี้ าจเรยี งแยกอนปุ ระโยคได ดังน้ี :- ก. เอวเมว โข พฺราหมฺ ณ พรฺ าหฺมณา อิมา จตสฺโส ปาริจรยิ า ปฺ าเปนฺติ; อถ จ ปน เต สมณพฺราหฺมณา น ปจฺจฺาสุ. ข. เอวเมว โข พรฺ าหมฺ ณ พฺราหมฺ ณา, สมณพรฺ าหมฺ ณา น ปจจฺ ฺาส;ุ อถ จ ปน เตส อมิ า จตสโฺ ส ปาริจริยา ปฺ เปนฺติ. นิปาตสมหุ ะนี้ บางทา นกแ็ ยกเรียงตามท่ีเห็นสมแกอรรถในท่ีน้นั ๆ. (๒) อป ทานวาเปนอปุ สคั , โดยมากใชเ ปนนิบาตดังกลา ว มาแลว, ใชเ ปน อุปสัคตาม อ.ุ ทีท่ า นแสดงไว คอื อปธ าน (๑๑๘๓). อป ใชใ นอรรถที่กลา วแลว ในขอกอ น คือ สมุจจยัตถะ, (และ วิกัปปตถะ), ปุจฉนตั ถะ, อเปกขัตถะ, สัมภาวนตั ถะ, ครหตั ถะ. อนึง่ อป โบราณทา นแปลแปลก ๆหลายอยา ง, ท่ีควรกลา ว คือ อนึ่งโสด, โดยแท, เออก,็ อป (อนึ่งโสด) เรยี กวกิ ปั ปตถะหรือ อปรนยั ; อป (โดยแท) เรยี กวิกปั ปตถะ, สมั ภาวะ หรือ ครหะ
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนาท่ี 133 ตามควร; อป (เออก็), อปจ (เออก)็ , บางทานเรียกโจทนตั ถะ. อุ. :- อุ. ที่ ๑ อป นุ หนุกา สนฺตา. [ มหลลฺ กตฺเถร. ๗/๗๗] \"เออก็ คางของเราลา แลว.\" อ.ุ ที่ ๒ อป อตรมานาน ผลาสาว สมิชฌฺ ต.ิ [ ขุ. ชา. เตมิย. ๒๘/๑๕๖ ] \"เออก็ ความหวังในผล ยอ มสําเรจ็ แกบุคคลผไู มดว นเห็นแตไ ด. \" (คําแปลนยั มงคลวิเสสกถา. ศก ๑๒๕). อป ในที่บางแหง แสดงความปริกปั ( =สเจ) ก็ม.ี อปจ โข ปน อปจ ปน เปน นิบาตหมู สงความวิกปั นา เรียกวา วกิ ปั ปต ถนปิ าตสมหุ ะ ตรงกบั ความไทยวา ถงึ อยา งไรกด็ ี ถึงกระนนั้ กด็ ี. อีกอยางหน่งึ สองอปรนยั นาเรยี กวา อปรนยโชตก- นิปาตสมุหะ ตรงกบั ความไทยวา ก็อีกอยา งหน่งึ แล, โบราณใชว า แมน อนั หน่ึงโสด. อ.ุ :- อุ. ท่ี ๑ มนุสฺสาน เอต ปสาทภฺ , อนาปตฺติ ภกิ ขฺ เว ปสาทภเฺ ; อปจ โข ปน พรฺ าหฺมณสสฺ อรหนฺเตสุ อธมิ ตตฺ เปม; ตสฺมา
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 134 ตุมฺเหหปิ ตณฺหาโสต เฉตฺวา อรตตฺ เมว ปตตฺ ุ ยุตฺต. [ ปสาท- พหลุ พรฺ าหฺมณ. ๘/๑๐๓] \"คํานัน่ เปน การกลา วดว ยความเลอ่ื มใสแหง มนษุ ย ท. , ภกิ ษุ ท., ไมเ ปนอาบตั ิ ในเพราะการกลา วดว ยความเลือ่ มใส; ถงึ กระนั้นก็ดี พราหมณมีความรักมปี ระมาณย่ิงในพระอรหันต ท., เพราะฉะน้นั กค็ วรท่ที าน ท. จะตดั กระแสตณั หาบรรลุพระอรหัต แทเที่ยว.\" อุ. ที่ ๒ ตสมฺ า น สุต มงฺคล; อปจ โข ปน มตุ มงคฺ ล. [ มงฺคลตฺถ. ๑/๓ ] \"เพราะเหตุน้นั สตุ ะไมใชม งคล, แมอ นงึ่ โสด มตุ ะเปน มงคล.\" อ.ุ ที่ ๓ อโห เต ภาริย กมมฺ กต, กสมฺ า มยหฺ นาจิกฺขิ; อปจ ปน เต เถโร ขมาปโต [ โสเรยยิ ตเฺ ถร. ๒/๑๖๑] \"โอ ! กรรม หนกั อันทานทําแลว , เพราะเหตไุ ร จึงไมบ อกแกฉนั ; อีกอยางหน่ึงแล พระเถระอนั ทานใหอ ดโทษแลว หรือ.\" อ.ุ น้ี แยกเรยี ก อปจอปรนย, ปน ปจุ ฉนัตถะ (อนึ่งเลา ) ก็ได. นิปาตสมหุ ะน้ี บางทานแยกเรยี งตามทีเ่ หน็ สมแหอรรถในที่นนั้ ๆ. อป นาม เรียกวกิ ัปปต ถะ เหมือน อปฺเปว นาม (ชอ่ื แม ไฉน, ทําอยางไรเสยี ) อ.ุ :- อ.ุ ท่ี ๑ อป นาม เอวรโู ปป รกขฺ โส ธมมฺ ชาเนยยฺ . (รสวาหณิ ี, อุรคสตุ ฺต) \"ช่อื แมไฉน รากษสเหน็ ปานนพี้ ึงรธู รรม.\"
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 135 อุ. ที่ ๒ อป นาม อชชฺ ลเภยฺยาม. [ มงคฺ ลตฺถ. ๑/๑๒๑ ] \"ทํา อยางไรเสีย วันน้ี เราพงึ ได. \" อปเฺ ปว นาม วา มาจาก อป+ เอว+นาม, เพราะ อป เมอื่ มีสระ ตามมา บางครงั้ กลายเปน อปฺป จงึ เปน อปเฺ ปว นาม. อน่ึง ป วา เปนรปู ตัดของ อป เนื่องจากการสนธิกอน,เพราะ อป เม่อื สนธกิ ับศัพทหนา อ ยอมกลายไปโดยวิธสี นธิ เชน อชชฺ าป จาป นาป หรือหายไป เชน มนสุ โฺ สป วาป สพเฺ พป, จงึ เกดิ เปน รูป ป ขึ้นใชอ ีกศัพทห น่งึ โดยไมค ํานงึ ถงึ อ ตนศพั ท เชน ทตุ ิยมปฺ อติ ปิ ถา เปน อป ตองสนธเิ ปน ทุตยิ ะมะป อติ ปี หรือ อจิ ฺจาป), และบทเชน มนุสโฺ สป วาป สพเฺ พป จะเขยี นวา มนุสโฺ สป (มนุสโฺ ส' ป), วาป (วา' ป) , สพฺเพป (สพฺเพ' ป ) กไ็ ด; วา มนุสฺโส ป, วา ป, สพฺเพ ป กไ็ ด. (๓) อล ทา นวา (๑๑๙๐ ) ใชในอรรถ ภูสนะ (พอ) อ.ุ อล- กาโร'ทาํ ให (งาม) พอ' บาง, วรรณะ( ปฏกิ เขปะ หรือปฏเิ สน = อยา เลย) อ.ุ อล เม พทุ ฺเธน ' อยา เลยดว ยพระพทุ ธเจาของเรา' บาง, ปรยิ ัตติ (พอ, ควร, อาจ, สามารถ) อ.ุ อลเมต สพพฺ ' ทั้งหมดนี้ พอ' บา ง แตทางสมั พันธคงเรียกตามเนือ่ งอยูใ นประโยค อุ. :- อุ. ท่ี ๑ (วารณะ) อล อยฺย, มาตา เม ตชเฺ ชฺสฺสติ. [ ปาฏกิ าชีวก. ๓/๔๐ ] \"อยา เลย ผูเปนเจา, มารดาของขาพเจา จะดุเอา\" อล เรียกลงิ คตั ถะ
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ที่ 136 หรอื ปฏิกเขปลงิ คตั ถะ หรอื ปฏิเสธิลงิ คตั ถะ. อ.ุ ท่ี ๒ (ปรยิ ตั ติ) ตตฺถ ทกฺโข โหติ อนลโส.... อล กาตุ อล สวธิ าตุ. [ อง.ฺ จตกุ ฺก.๒๑/๔๖ ] \"เปน ผขู ยันไมเกียจครานในกิจ ท. น้นั ...เปน ผูพ อ (อาจ, สามารถ) เพอื่ ทํา, เปนผพู อเพื่อจดั .\" อล วิกติกตั ตา ใน โหติ. (๔) เอว นิบาต ใชในอรรถหลายอยาง ประมวลกลาวคอื :- นทิ สั สนะ แปลวา อยา งนี.้ อ.ุ :- อ.ุ ท่ี ๑ เอวป เต มโน, เอหิ ตวฺ มาณวก เยน สมโณ อานฺนโท เตนปุ สงกฺ มตุ อนุกมฺป อปุ าทาย. [ ๑๑๘๖]. อ.ุ ท่ี ๒ ....ติ เอวเมเต ตโยป วนิ ยาทโย เฺยยฺ า. [ สมนฺต. ๑/๒๐] \"วินัยเปน ตน แม ๓ เหลา น้ี บัณฑติ พงึ รอู ยา งวานี.้ [อติ ิ เอว ศพั ท นทิ ัสสนะ ใน เยฺ ยา. โยชนา ๑/๔๒]. อนึง่ ทานแสดง อติ ฺถ เปน นิทัสสนะ คูกบั เอว บาง. (๑๑๕๘). อาการ แปลวา ดวยประการดังนี.้ อ.ุ เอว พฺยา โข อห ภนฺเต ภควตา ธมฺม เทสติ อาชานามิ. [ ๑๑๘๖]. อุปเมยยฺ โชตก แปลวา ฉันนน้ั . อุ . :- เอว ชาเตน มจฺเจน กตฺตพพฺ กสุ ล พห.ุ [ ๑๑๘๖ และ วสิ าขา. ๓/๗๙].
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 137 \"มัจจะผเู กิดแลว พงึ ทํากสุ ลใหม าก ฉันนนั้ .\" สมั ปหงั สนะ (รา เรงิ ) แปลวา อยางนน้ั .อ.ุ :- อ.ุ ท่ี ๑ เอวเมต ภควา, เอวเมต สคุ ต. [ ๑๑๘๖ และ องฺ. ติก. ๒๑/๒๔๗] \"ขาแตพระผูมีพระภาค, ขอน้ี อยางนน้ั , ขาแตพระสุคต, ขอน้ี อยางนน้ั .\" อ.ุ ที่ ๒ เอว ภทฺเท, เอว ภทเฺ ท. [ อฺ ตรปรุ ิส. ๓/๑๑๙] \"นาง ผเู จริญ, อยางนัน้ , นางผูเจรญิ , อยางน้ัน.\" เอว ทแี่ สดงความราเริงหรอื เลื่อมใส ใชเปน อาเมณฑิตวจนะ คอื กลาวซา้ํ เชนเดยี วกับสาธุ. ปุจฉนะ หรือ ปุจฉนตั ถะ แปลวา อยา งนั้นหรอื . อ.ุ เอว กิร มหาราช. [ อฺตรปุรสิ . ๓/๑๑๑] \" มหาบพิตร, ไดยินวา อยางนน้ั หรอื .\" วจนปฏคิ คาหะ คือ สมั ปฏจิ ฉนตั ถะ แปลวา อยางน้ัน. อ.ุ ตอจากปุจฉนะ เอว ภนฺเต \"อยา งน้ัน พระเจาขา.\" เอว ทเี่ ปน คาํ รับวาเปนจริง บางอาจารยเรยี กวา สัจจวาจก- ลงิ คัตถะ. อวธารณะ แปลวา อยางนี้, เทยี ว, เทานนั้ . อุ. เอว โน เอตถฺ โหติ. [ อง.ฺ ตกิ . ๒๐/๒๔๖.๑๑๘๖ ] \" ความเหน็ ของขาพระ- พทุ ธเจา ในขอนี้เปน อยางนี.้ \" (หามความเหน็ อื่น).
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาท่ี 138 นแี้ สดงตามแนวอภิธานนัปปทปี กา (๑๑๘๖), นอกจากน้ี ทา น ยังแสดงวาใชใ นอรรถอปุ เทส (แนะนาํ ), ครหา (ตเิ ตยี น), ในอรรถ อิท ศพั ท และปริมาณ. สวนชื่อสัมพนั ธ พึงเรียกตามที่ใชก ัน และเรยี กเปน กริ ยิ าวเิ สสนะ ตติยาวิเสสนะ เปน ตน ตามควร. ท่เี ปนคํารับ คําแสดงความราเริง เรียกเปน ลงิ คตั ถะก็ม.ี (๕) ตาวนบิ าต โดยปกติ กเ็ ปน พวกปริจเฉททตั ถวาจก. บอก อรรถ คอื ความกําหนด (๑๑๔๑) ' เพียงนั้น' ใชค ูก บั ยาว ' เพียงใด.' และ ยาว-ตาว น้ี ทา นยงั แสดงอรรถละเอียดลงไปอกี คอื สากลฺย (นริ วเสส) 'เพยี ง' อ.ุ ยาวทตฺถ ตาวคหติ ประโยชนเพียงใด ถอื เอา เพยี งนน้ั ; มาณ; (ประมาณ) อวธิ (กาํ หนด); อวธารณ. (๑๑๙๓). อีกนยั หนงึ่ ตาว ศพั ท ทานแสดงวา ใชในอรรถ ๔ อยา ง คือ ปม, กม, วคั คพั ภนั ตราเปกขน, อนชุ านน. (ตาวสทฺโท ปมกม- วคฺคพภฺ นฺตราเปกขฺ นานชุ านนสงขฺ าเตสุ จตูสุ อตเฺ ถสุ วตตฺ ิ โยชนา อภิ. ๑/๒๐๔). เพราะ ตาว ใชในอรรถหลายอยาง จึงแปลไดต ามอรรถหลาย อยา งตามอรรถทใ่ี ช เชน ตาว ท่ีเปน ปฐมตั ถวาจก บอกอรรถ คือ ปม แปลวา กอน, ท่ีเปน กมัตถาวาจก บอกอรรถ คือ ลาํ ดบั แปลวา โดยลําดบั [ = กเมน] เปนตน , แตโดยมาก ใชแปลกัน เปน ปรจิ เฉทัตวาจก (เพยี งนนั้ ) และปฐมัตถวาจก (กอ น) เรียก ชอื่ วา กริ ยิ าวิเสสนะเปน พื้น อุ. :-
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 139 อุ. ที่ ๑ ติฏ ถ ตาว ภนฺเต [ จกฺขปุ าลตฺเถร. ๑/๑๕] \"หยุดประเดย๋ี ว ขอรับ.\" อุ.ที่ ๒ ปจฺฉา เทว อาจกิ ฺขิสฺสาม,ิ ทารูนิ ตาว อาหารเปถ. [ โพธริ าช- กุมาร. ๖/๒] \"ขา แตเทวะ, ขาพระองคจกั ทลู ภายหลัง, ของพระองค โปรดใหน าํ ไม ท. มากอ น.\" อ.ุ ท่ี ๓ ปสาธน ปน ตาว นฏิ าติ. [ วสิ าขา. ๓/๕๕ ] \"แตเ ครอื่ ง ประดบั ยงั ไมส ําเรจ็ .\" (ตาว กิริยาวเิ สสนะ). อุ. ที่ ๔ ภาตกิ ตรณุ าปจ ตาว. [จกฺขุปาลตเฺ ถร. ๑/๖ ] \"พ,ี่ เออก็ เด๋ียวนี้ ทา นยังหนุมอยู.\" อ.ุ ท่ี ๕ เตนหิ กตปิ ตาว สกขฺ รา อาหร. [ อนภิรตภกิ ขฺ ุ. ๑/๑๐๗]. \"ถาอยางน้นั เธอจงนาํ กอนกรวด ท. มาเทา จํานวนกหาปณ.\" อ.ุ ที่๖ น ตาว สกขฺ ิสสฺ าม วิตถฺ าเรน ธมฺม เทเสต.ุ [ สฺชย. ๑/๘๗ ] \"เราจกั ไมอ าจเพื่อจะแสดงธรรมโดยพสิ ดารเดย๋ี วนี้ได. \" อุ. ท่ี ๗ ธน ตาว อมฺหาก ธน อุปทาย กากณิกมตฺต. ทาริกาย ปน อารกฺขมตตฺ าย ลทธฺ กาลโต ปฏาย กึ อเฺ น การเณน. [ วสิ าขา.
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 140 ๓/๕๔ ] \" ทรพั ย เทียบทรพั ยข องเรา ก็เพียงกากณิก เทา นนั้ , ถึง อยา งนั้น ประโยชนอะไรดว ยเหตอุ นื่ จาํ เดิมแตกาลทที่ ารกิ ไดมาตรวา อารกั ขา.\" ตาว อนุคคหัตถะ, ปน อรจุ สิ ูจนตั ถะ. อ.ุ ท่ี ๘ ตาว มหนเฺ ต นคเร. [ วสิ าข. ๓/๕๔ ] \"ในนครอันใหญเพียง นั้น.\" ตาว มหทฺธนา มหาโภคา. [ โสเรยฺยตฺเถร. ๒/๑๖๔ ] \"มี ทรัพยม าก มโี ภคะมาก เพียงน้นั .\" ตาวเทว กาลสตั ตมี ' ในขณะนั้นนนั่ เทยี ว, ในทนั ทนี ัน่ เทียว.' อุ. น ตาวเทว นฏิ ิต. [โพธิราชกุมาร. ๖/๒] \"ไมเ สร็จในขณะ นน้ั นนั่ เทียว.\" ตาวเทว บางทเี หลอื เพยี ง ตาวเท. อ.ุ รโฺ อาจกิ ขฺ ิ ตาวเท. (๖) ธิ บอกอรรถ คอื ตเิ ตียน (นนิ ฺทาตถฺ วาจก. ๑๑๖๐) แปลวา ดังเราติเตยี น, นา ตเิ ตยี น, เรยี ก นนิ ทาตถะ หรอื คาหัตถะ อุ. :- ธิ พฺราหมฺ ณสสฺ หนตฺ าร ตโต ธิ ยสฺส มุ ฺจติ. [ สารปี ุตฺตเถร. ๘/๑๑๒] ดังเราตเิ ตยี นคนผูประหารพราหมณ, คนใดปลอ ย (เวร) แก ผูประหาร (กอ น) น้ัน, เราตเิ ตยี นคนน้นั กวาคนผูค นประหาร (กอ น) น้ัน.\" ธิ เรยี ก ครหัตถะ หรอื ครหัตถลิงคตั ถะ ไมตอ งไขเปน ครหาม.ิ (อรรถกถาแหงคาถานี้ วา ครหามิ ก็เพือ่ แสดงความแหง ธิ วา 'ดงั
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 141 เราติเตียน.' ) หนตฺ าร อวตุ ตกัมม ใน ธ.ิ ธิ เปนวกิ ตกิ ตั ตาก็ได. อ.ุ ธริ ตฺถุ กริ โภ ชาติ นาม. [ ที. มหา . ๑๐/๒๕ ] \"ผเู จริญ ท., ขอทเี ถอะ ชอื่ วา ชาติ (ความเกิด) พงึ เปน สภาพนา ติเตียน.\" (ธิตรถ=ุ ธ+ิ อุตถฺ .ุ อตฺถ=ุ ภเวยยฺ ). ธิ วกิ ตกิ ัตตา ใน อตถฺ ุ. กริ นา เห็นวาบอกอรรถ คือ ไมชอบใจ. (๗) สาธุ นิบาต ใชใ นอรรถหลายอยาง ประมวลกวา คือ :- สมั ปฏจิ ฉนัตถะ (๑๑๔๔) อ.ุ :- อ.ุ ท่ี ๑ สาธุ ภนฺเต. [ มหากสสฺ ปตเฺ ถร. ๔/๕๘ ] \" สาธุ ! พระเจา ขา .\" อ.ุ ท่ี ๒ สาธุ กเถสสฺ าม.ิ [ กณุ ฺฑลเกส.ี ๔/๑๐๙ ] \"สาธุ ! ฉันจกั กลาว.\" อายาจนัตถะ อ.ุ :- อ.ุ ที่ ๑ สาธุ ภนฺเต ภควา, อยนายสฺมา สารปี ุตโฺ ต, เตนปุ สงฺกมตุ อกุกมฺป อปุ ทาย. [ องฺ ทกุ . ๒๐/๘๒ \"ขาแตพระองคผูเจรญิ , ดงั ขา พระองคขอโอกาสอาราธนา! ของพระผูม ีพระภาค จงทรงอาศยั ความอนุเคราะหเสด็จเขา ไปทางทีพ่ ระสารบตุ รอยู.\" (สาธูติ อายาจนตเฺ ถ นิปาโต. มโน. ป.ู ๒/๕๒). อุ. ท่ี ๒ สาธาห ภนเฺ ต ปวึ ปรวิ ตฺเตยยฺ [ มหาวภิ งคฺ . ๑/๑๑] \"ขาแต พระองคผูเ จริญ, ดังขา พระองคขอโอกาสอนุญาต ! ขา พระองค
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนาที่ 142 พงึ ใหแ ผนดินพลกิ .\" สาธุ เปนคํา อายาจนะ. (สาธตู ิ อาจนเมต. สมนตฺ . ๑/๒๐๖). อ.ุ ที่ ๓ สาธุ วตสฺส พรฺ หฺมโลกมคฺค กเถถ. [ สารีปุตฺตเถรสสฺ - มาตุพฺราหมฺ ณ. ๔/๑๑๔] \"ดังขา พระองคขอโอกาสอาราธนา ! ขอ พระองคจงตรัสบอกทางแหงพรหมโลกแกพ ราหมณน ้ัน.\" สัมปหงั สนัตถะ อุ. สาธุ สาธุ สปฺปรุ สิ .[ มหาวภิ งฺค. ๑/๑๒๙] สาธ,ุ สาธุ ! (ดลี ะ, ดีละ), สตั บรุ ษุ .\" สาธุ เปนคาํ แสดง ความรา เริง. (สาธุ สาธตู ิ สมปฺ หสนตเฺ ถ นิปาโต สมนตฺ . ๑/๔๘๒). สาธุ ตน ขอความอยา งน้ี เรยี กวาลงิ คัตถะกไ็ ด.
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 143 กติปยนบิ าต ๑๓. ยงั มีนบิ าตอกี เลก็ นอ ย ใชในอรรถพเิ ศษ คอื :- ตถา อนุกกัฑฒนตั ถะ (๑) ตถา ศัพท ที่วางไวเ บอ้ื งหนา บทหรอื ความทอนหลงั ชักถงึ บทเดียวหรอื หลายบทขางตน หรอื ในความทอ นตน เรียก ชือ่ วา อนุกฺกฑฺฒน หรือ อนุกฺกฑฒฺ นตโฺ ถ. อุ. ปหานงฺคาทิ- วเสน ปนสสฺ วเิ สโส อุปริ อาวภิ วสิ ฺสต.ิ ตถา อรปู าวจร- โลกุตตฺ เรสุป ลพฺภมานกวเิ สโส. ในตัวอยางน้ี ความทอนตน แสดงวา ความแปลกกนั แหง ฌานน้ัน ดว ยสามารถแหง องคทพี่ ึงละ เปนตน จักมแี จง ขา งหนา, ในความทอนหลังวาง ตถา ศัพท ชัก ถึงบทวา อปุ ริ อาวภิ วสิ สฺ ติ เพอ่ื ไมใชซา้ํ กนั เพราะความแปลก กันท่ไี ดอยูแมในอรปู าวจระและโลกตุ ระกจ็ ักมแี จง ขางหนา เหมอื นกนั . ทานเรยี ก ตถา ศัพทวา อนกุ กฺ ฑฺฒน เรยี ก ลพภฺ มานกวิเสโส วา ลงิ ฺคตฺโถ.พึงสงั เกตวา ทานไมเ ติม อปุ ริ อาวิภวิสสฺ ติ ในความ ทอ นหลังอกี , นา เปนเพราะเตมิ เขา มา กจ็ ักซ้าํ กนั ปวยประโยชน ที่วาง ตถา ศัพทไว. อธบิ าย: [ ๑ ] ตถา ในอรรถนี้ ทา นเรยี กชอื่ เดียวกันกับนบิ าต หมวดที่ ๒ ขอ ๑๖๓ ในวากยสมั พนั ธตอนตน , เพราะฉะนั้น อนุก- กฑั ฒนะ หรอื อนกุ กฑั ฒนัตถะ จึงมี ๒ คอื ใช จ ศพั ทเ ปนพื้น ดงั
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนาที่ 144 ทา นแสดงไวในแบบ ๑ ใช ตถา ศพั ท ดงั ทานเรียกในโยชนาทแ่ี สดง ในขอน้ี ๑. [ ๒ ] เม่ืองวางตถาอนุกกัฑฒนะ ไมตองเติมอนกุ กฑั ฒนิยะ คอื บทเดยี วหรอื หลายบทท่ี ตถา ศพั ทช กั ถึง ในเวลาแปลหรอื สมั พนั ธ เพราะมี ตถา ศัพทแทนอยแู ลว . ในเวลาแปลยกศพั ท ทา นเคยสอนให ไข ตถา ศัพทไปหาบทที่ชัก กเ็ พ่อื ใหท ราบวา ตถา ชกั บทไหน. อุ :- อ.ุ ท่ี ๑ ปหานงฺคาทวิ เสน ปนสสฺ วเิ สโส อปุ ริ อาวิภวสิ ฺสติ. ตถา อรูปาวจรโลกุตตฺ เรสปุ ลพฺภมานกวิเสโส. [ อภิธมมฺ ตฺถ. ปปรจิ เฺ ฉท. น. ๘๗ ] \"แตความแปลกกนั แหงฌานนั้น ดวยสามารถแหงองคพ งึ ละ เปนตน จักมแี จง เบื้องหนา, ความแปลกกนั ท่ไี ดอ ยูแมใ นอรูปวาจรและ โลกตุ ระท้ังหลายกเ็ หมอื นกนั .\" ใน อุ. น้ี ตถา ศัพท ชกั บทวา อปุ ริ อาวิภวสิ สฺ ต.ิ โยชนา [ ๑/๔๓๗ ] วา ตถาติ อนุกฺกฑฒฺ น. อรูปาวจร- โลกตุ ฺตเรสุปต ิ (ปท) ลพภฺ มานาติ ปเท อาธาโร. ลพภฺ มานกวิเสโสติ (ปท) ลงิ คฺตโถ. อ.ุ ท่ี ๒ เตสฺหิ จตุนนฺ มฺป วตฺถภุ ูตานิ จกฺขวฺ าทนี ิ อปุ าทารปู าเนว. ตถา อารมฺมณภูตานปิ รูปาทีนิ. [ อภธิ มฺมตถฺ . ปมปริจเฺ ฉท. น. ๗๘ ] \"จริงอยู จกั ษุเปนตน ทัง้ หลาบ อนั เปน วตั ถุแหงวิญญาณแม ๔ เหลานนั้ ชือ่ รูปอาศยั น่นั เทยี ว, รูปเปน ตน ท้งั หลายแมทีเ่ ปน อารมณ กเ็ หมอื นกนั .\"
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 145 ใน อ.ุ นี้ ตถา ศพั ทชักบทวา อปุ าทารปู านิ. โยชนา [ ๑/๓๒๘ ] วา ตถาสทโฺ ท อนุกกฺ ฑฒฺ นตโฺ ถ. ... อารมมฺ ณภตู านิปติ (ปท) รปู าทีนตี ิ ปทสสฺ วิเสสน. รปู าทีนตี ิ (ปท) ลงิ ฺคตฺโถ. อ.ุ ท่ี ๓ ตีหิ องคฺ ุลหี ิ คเหตฺวา โถเก ตณฑฺ เุ ล อทาสิ. ตถา มุคเฺ ค, ตถา มาเส. [ พฬิ าลปทกเสฏ .ิ ๕/๑๗] \"เศรษฐีคนหนึ่ง ..ไดเ อา นิว้ ๓ นิ้ว หยิบใหข า วสารหนอ ยหนึง่ , ไดใ หถ่ัวเขียวอยางนน้ั ( คือ เอาน้วิ ๓ นวิ้ หยบิ ....หนอ ยหนง่ึ ), ไดใหถ ่ัวเขียวอยา งน้นั (คือ เอานว้ิ ๓ น้วิ หยบิ ...หนอ ยหนงึ่ ), ไดใ หถ วั่ ทองอยา งนั้น.\" ใน อ.ุ น้ี ตถา ศพั ทท ง้ั ๒ ชักถึง ตีหิ องฺคุลหี ิ คเหตวฺ า โถเก. สว น อทาสิ ละไวว างตามวิธเี รียงธรรมดา จงึ ตองเตมิ เขามา. สัมพันธป ระโยค ตถา มุคเฺ ค เปนตัวอยาง: (ตถาสทโฺ ท ตีหิ องคฺ ลุ หี ิ คเหตวฺ า โถเกติ ปทานิ อากฑฒฺ ติ). ตถาสทฺโท อนกุ กฺ ฑฺฒ- นตฺโถ. มุคฺเคติ ปท อทาสีติ ปเท อวตุ ตฺ กมมฺ . อทาสตี ิ ปท เสฏติ ิ ปทสฺส กตตฺ ุวาจก อาขยฺ าตปท. อุ. ที่ ๔ ปถุ ชุ ชฺ นา อตตฺ โนว วสิ เย ปหฺ วิสชเฺ ชตวฺ า โสตาปนฺนสฺส วิสเย ปฺห วสิ ชเฺ ชตุ นาสกฺขสึ .ุ ตถา สกาทาคามิอาทีน วิสเย โสตาปนฺนาทโย. [ ยมกปาฏหิ าริย. ๖/๙๕] \"ปถุ ุชน ท. แกป ญ หา ในวสิ ยั ของตนเทานั้น ไมไ ดอาจเพ่อื แกป ญหาในวสิ ยั ของพระโสดาบนั , พระโสดาบันเปน ตน ก็เหมอื นกนั (คือแกปญ หาในวสิ ัยของตนเทา นั้น)
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ที่ 146 ไมไดอาจเพ่ือแกป ญ หาในวสิ ยั ของพระสกทาคามี เปนตน .\" สมั พันธป ระโยค ตถา ฯ เป ฯ โสตาปนนฺ าทโย เปน ตวั อยา ง: (ตถา ศัพท ชกั ถึง อตฺตโน ว วิสเย ปหฺ วิสชฺเชตฺวา). ตถา ศพั ท อนุกกฑั ฒนัตถะ. โสตาปนนฺ าทโย สยกัตตา ใน น อสกขฺ ึสุ. น ศัพท ปฏิเสธ ใน อสกขฺ ึส.ุ อสกขฺ สึ ุ อาขยาตบท กัตตุวาจก. สกทาคามิอาทีน สามีสมั พนั ธ ใน วสิ เย. วสิ เย ภนิ นฺ าธาร ใน ปฺห. ปฺห อวตุ ตกมั ม ใน วิสชเฺ ชต.ุ วสิ ชฺเชตุ ตมุ ตั ถสัมปทาน ใน น อสกขฺ ึส.ุ อ.ุ ที่ ๕ ปรุ โต ทฺวาทสโยชนกิ า ปรสิ า อโหสิ. ตถา ปจฺฉโต จ อุตตฺ รโต จ ทกฺขิณโต จ. [ ยมกปปฺ าฏหิ าริย. ๖/๘๓ ] \"ไดมบี ริษทั แผไ ป ๑๒ โยชนเ บ้อื งหนา, ไดม ีบรษิ ัท (แผไป) อยางนน้ั ท้ัง เบือ้ งหลัง ทั้งเบือ้ งซา ย ทง้ั เบือ้ งขวา.\" (ตถา ศพั ท ชักถึง ทวฺ าทสโยชนกิ า). ปริสา สยกัตตา ใน อโหสิ. อโหสิ อาขยาตบท กตั ตวุ าจก. ตถา ศพั ท อนุกกฑั ฒนัตถะ. ปจฉฺ โต อตุ ฺตรโต และ ทกฺขณิ โต ตติยาวเิ สสนะ ใน อโหส.ิ อกี อยา งหนงึ่ ตถา ศพั ท ชักถึง ทวฺ าทสโยชนิกา ปรสิ า อโหสิ. ึพงึ บอกวา ตถา ศพั ท อนกุ กฑั ฒนตั ถลิงคตั ถะ. ปจฺฉโต เปน ตน ตติยาวิเสสนะ ใน ตถา. อ.ุ ที่ ๖ อคฺคกิ ฺขนฺโธ ปเนตถฺ อุทกธาราย อสมฺมสิ โฺ ส อโหสิ. ตถา อทุ ธารา อคฺคขิ นฺเธน. [ ยมกปฺปาฏิหาริย. ๖/๘๔] \"กใ็ นยมกปั -
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 147 ปาฏหิ ารยิ ญาณน้ี กองไฟไมไดเ จือกับทอ น้ํา, ทอนํ้า ก็อยางนัน้ (ไม ไดเ จือ) กบั กองไฟ.\" (ตถา ศพั ท ชกั ถงึ อสมมฺ ิสฺโส). ตถา ศัพท อนกุ กฑั ฒนตั ถะ. อทุ กธารา ลงิ คัตถะ. อคคฺ ิกขฺ นเฺ ธน สหตั ถตตยิ า ใน ตถา.(เชน เดียวกบั อุทกธาราย สหตั ถตตยิ า ใน อสมฺมสิ โฺ ส). อ.ุ ท่ี ๗ มหาราช มนสุ ฺสตตฺ นาม ทลุ ลฺ ภเมว. ตถา สทฺธมฺมสฺสวน, ตถา พุทธฺ ุปปฺ าโท. [เอรกปตตฺ นาคราช. ๖/๑๐๓ ] \" มหาบพติ ร, ช่อื วา ความเปน มนุษย เปนส่ิงทไ่ี ดย ากนัก, การฟง สัทธรรมก็เหมอื นกนั , ความเกดิ ข้นึ แหง พระพุทธเจาก็เหมอื นกัน.\" มหาราช อาลปนะ. มนสุ สฺ ตฺต สยกัตตา ใน โหติ. โหติ อาขยาตบท กัตตวุ าจก. นามศพั ท สัญญาโชตก เขากบั มนุสสฺ ตฺต.ุ ืทลุ ฺลภ วิกตกิ ตั ตา ใน โหติ. เอวศพั ท อวาธารณะ เขากบั ทลุ ลฺ ภ. (ตถา ศพั ท [ ที่ ๑] ชักถงึ ทลุ ฺลภ). ตถา ศัพท อนกุ กัฑฒ- นัตถะ. สทธฺ มฺมสสฺ วน ลงิ คัตถะ. (ตถา ศัพท [ ที่ ๒ ] ชักถึง ทุลลฺ โภ) . ตถา ศพั ท อนุกกฑั ฒ- นตั ถะ. พุทฺธปุ ปฺ าโท ลงิ คัตถะ. สรูปอธบิ าย : ตถาอนกุ กฑั ฒนัตถะ เปน นิบาตชักถึงบทเดียว หรอื หลายบทในความทอนตน. กมิ งฺค ปน (๒) กมิ งคฺ ปน ลงตน ความทอ นหลงั ที่ตรงกนั ขา มกับความ
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 148 ทอนตน กลา วถามความทอ นหลงั นั้นใหก ลับคลอ ยตามความทอนตน , กมิ งฺค เรยี กชอ่ื วา กริ ยิ าวิเสสน (มีอะไรเปน เหตุ), หรือ เหตุ (เพราะเหตุอะไร). ปนเรียกชื่อวา ปจุ ฉฺ นตโฺ ถ (ก็...เลา ,...เลา). ในความทอนหลงั ทานไมเรยี งกริ ิยาไว พงึ ประกอบใหม ีธาตุเดียวกับ ในทอนตน ดวย ภวสิ สฺ นตฺ ิ วภิ ัตติ, แลว ถา ในทองตน มีปฏเิ สธ ก็ ตองไมม ปี ฏิเสธ, ถา ในทอ งตน ไมมีปฏเิ สธ ก็ตองมปี ฏเิ สธ. อ.ุ ตาต มหลลฺ กสสฺ หิ อตฺตโน หตถฺ ปาทานป อนสฺสวา โหนตฺ ิ น วเส วตฺตนตฺ ิ, กมิ งฺค ปน าตกา. ประกอบความทอนหลงั เตม็ ทีว่ า กมิ งคฺ ปน าตกา อสสฺ วา ภวสิ ฺสนติ, วเส วตฺติสฺสนฺติ. อธบิ าย : [ ๑ ] กมิ งคฺ ปน โดยปกติใชคูกันไป มอี รรถและ รปู ประโยคดงั ที่แสดงแลว อุ. :- อุ. ที่ ๑ ตาต มหลฺลกสสฺ หิ อตตฺ โน หตฺถปาทาป อนสฺสวา โหนฺติ น วเส วตฺตสตฺ ิ, กมิ งคฺ ปน าตกา. [ จกขฺ ปุ าลตฺเถร. ๑/๖ ] \"พอ , ก็มือและเทาของคนแก แตข องตัวเองยังวาไมฟ ง ไมเ ปนไป ในอํานาจ, กญ็ าตทิ งั้ หลายจกั วา ฟง จักเปนไปในอาํ นาจ มีอะไรเปน เหตุเลา.\" กิมงคฺ ส ทโฺ ท. ภวสิ ฺสนตฺ ีติ จ วตฺติสสฺ นตฺ ตี ิ จ ปททวฺ ยสฺส กริ ิยาวิเสสน. ปนสทฺโท ปุจฉฺ ตโฺ ถ าตกาติ ปท ภวิสฺสนฺตีติ จ วตตฺ สิ ฺสนฺตตี ิ จ ปททวฺ เย สยกตฺตา. ภวิสสฺ นตฺ ตี ิ จ วตตฺ ิสสฺ นตฺ ีติ จ ปททฺวย าตกาติ ปทสฺส กตตฺ วุ าจก อาขฺยาตปท. อสสฺ วาติ
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนาที่ 149 ปท ภวิสสฺ นตฺ ตี ิ ปเท วกิ ติกตฺตา. วเสติ ปท วตฺตสิ ฺสนฺตีติ ปเท อาธาโร. อุ. ท่ี ๒ อยโฺ ย หิ นาม ภเวสี สเี ลสุ ปรปิ รู ิการี ภวสิ สฺ ติ, กมิ งคฺ ปน มย. [ องฺ. ปฺจก. ๒๒/๒๔๑] \"กภ็ เวสอี ุบาสกผูหัวหนามาทําให บรบิ รู ณใ นศลี ท. แลว , กเ็ รา ท. จกั ไมท าํ ใหบรบิ รู ณใ นศีล ท. เพราะเหตอุ ะไรเลา.\" กมิ งคฺ เหตุ ใน น ภวิสสฺ าม. ประกอบเต็มที่วา กิมงฺค ปน มย สีเลสุ ปริปรุ กิ ารโิ น น ภวิสฺสาม. อรรถกถา [ มโน. ป.ู ๓/๗๗ ] วา กมิ งคฺ ปน มยนฺติ มย ปย เกเยว การเณร ปริปูรปิ ารโิ น น ภวสิ ฺสาม. [ ๒ ] กมิ งฺค มนี ิยมแปลอีกอยา งหนึง่ วา ' ปวยกลาวดงั หรือ, กลาวไปทําอะไร, ปว ยกลา วไปไย.' ดงั อ.ุ ท่ี ๑ ทา นแปลวา ' ก็จกั กลาวไปทําอะไร ถึงญาติ ท.' ในอรรถกถาบางแหง ก็แกค วามแหง ศพั ท กิมงฺค วา 'คาํ อะไรจะตองกลาว.' บางทา นเรยี กวา กิมงคฺ ทแ่ี ปล อยา งนวี้ า ลงิ คัตถะ [ ๓ ] กมิ งฺค ปน นม้ี ีความเทา โก ปน วาโท ดังในประโยควา : ประโยคท่ี ๑ อจฺฉราสงฆฺ าตมตฺตป จ ภิกขฺ เว ภิกขฺ ุ เมตตฺ าจิตตฺ ภาเวติ, อย วจุ จฺ ติ ภกิ ฺขเว ภกิ ฺขุ อริตตฺ ชฌฺ าโน วิหรติ สตถฺ สุ าสานกโร โอวาทปฏกิ โร อโมฆ รฏ ปณ ฑฺ กุ ฺชติ, โก ปน วาโท เย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228