ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 200 อุ. ที่ ๑ เอว สว ฑฺฒา หิ ตสสฺ ภควโต ปรสิ า, ยททิ อฺมฺวจเนน อฺ มฺวุฏ าปเนน. [ มหาวิภงฺค ๑/๔๑๑] \"เพราะวา บริษทั ของพระผมู ีพระภาคเจาน้นั เจริญแลว ดว ยอาการอยางน้.ี (การวา กลา ว ซงึ่ กันและกัน การเตือนกันและกันใหออกจากอาบัตนิ ้ีใด), ดวย การวา กลาวซ่งึ กันและกัน ดวยการเตอื นกนั และกนั ใหออกจากอาบตั ิ (นนั้ ).\" ตั้งแต ยทิท ประกอบเปนภาษามคธวา ยททิ อฺมฺวจน อฺมฺวุฏ าปน, เตน อฺ มฺวจเนน อฺ มฺวุฏาปเนน. อุ. ที่ ๒ หตฺถิปท เตส อคคฺ มกขฺ ายติ ยทิท มหนฺตตเฺ ตน. [ม. ม.ู มหาหตฺถปิ โทปม. ๑๒/๓๔๙] \"รอยเทาชา ง บณั ฑิตกลาววา เลิศกวา รอยเทา เหลา นนั้ เพราะ (ความท่แี หง, รอยเทา ชางนใ้ี ด) รอยเทา ชา ง (น้ัน) เปนของใหญ. ตัง้ แต ยทิท ประกอบเปนภาษามคธวา ยทิท หตฺถิปท. ตสสฺ หตถฺ ิปทสฺส มหนตฺ ตฺเตน. อุ. ที ๓ กมมฺ สตฺเต วภิ ชติ หนี ปปฺ ณีตตาย. [ ม. อุ. สภุ . ๑๔/๓๗๖ ] \"กรรมยอมจาํ แนกสตั ว ท. เพือ่ (ความทแ่ี หง , สัตว ท. นใ้ี ด สัตว ท. (นนั้ ) เปน ผูเ ลวและด.ี
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 201 ตั้งแต ยทิท ประกอบเปนภาษามคธวา ยทิท สตาฺ , เตส สตฺตาน หนี ปฺปณตี ตาย. อ.ุ ท่ี ๒-๓ นี้ ฝาก ต ศัพท ทบ่ี ทภาวาทสิ ัมพันธ และ ประกอบบทน้นั ใหเปนบทโยคของ ยทิท. นี้ก็อนโุ ลม อ.ุ ที่ ๑. ประโยค ยททิ ประเภทท่ี ๓ [ ๓ ] ตามตวั อยางในขอ [ ๑ ] บทนามนามถัด ยททิ เปน ปฐมาวิภัตตเิ ปน ลิงคตั ถะ วาง ต ศพั ทไวในอนปุ ระโยคหนา , ตาม ตวั อยางในขอ [ ๒ ] บทนามนามถดั ยทิท เปนวิภัตตอิ ่นื จากปฐมา- วิภตั ติ ไมมี ต ศพั ท ตอ งฝาก ต ศัพทแ กบ ทนามนามน้ัน หรือบทที่ เนื่องแกบ ทนามนามนั้น ความก็พอยังได, แตย งั มปี ระโยค ยทิท อกี มาก ไมไดวาง ต ศพั ทไ ว และจกั ฝาก ต ศัพทไวแ กบ ทใดบทหน่ึงใหร ับ กนั กไ็ มถนดั , ในท่เี ชน น้ี ทา นแตก อ นจงึ แปลวา ' นไ้ี รเลา ' เลีย่ งคาํ วา ' ใด' เพอ่ื ไมตอ งมี ' นน้ั ' รบั . อ.ุ :- อ.ุ ที่ ๑ ตถาคตสาวกสงโฺ ฆ เตส อคคฺ มกฺขาติ, ยททิ จตตฺ าริ ปุริสยคุ านิ อฏ ปรุ ิสปุคฺคลา [ อติ วิ ุตฺตก ๒๕/๒๙๘ ] \"หมูสาวก ของพระตถาคต บัณฑติ กลาววา เลศิ กวาหมเู หลานั้น, คูแ หงบรุ ษุ ท. ๔ บุ ุรุษบุคคล ท. ๘ นี้ไรเลา .\" ยทิทนตฺ ิ ปท ปุริสยุคานตี ิ จ ปรุ สิ ปคุ คฺ ลาติ จ ปททวฺ ยสสฺ วเิ สสน.
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 202 แปลอยา งนี้ เหมอื นยกประโยคหนา เปน ประโยค ต หรอื ต ศพั ท แฝงอยใู นประโยคหนา. ยทิท หรอื ย ศัพทท ง้ั ปวง อาจแปลอยา งน้ี ไดต ามเหมาะ. (บาลีอตั ตปั ปสาทสตุ ต ตอนนี้ในจตุกกนบิ าต อังคตุ ตร- นิกาย [ ๒๑/๔๕ ] มีตอ เอส ภควโต..ปฺุกเฺ ขตฺต โลกสฺส, แตในอติ วิ ุตตกะน้ไี มมี. ถึงจะมตี อ เอส กเ็ ห็นวา เอส ไมใชเปน บท รบั ยทิท. เพราะไมใ ชลกั ษณะอนุประโยค ต ศพั ทท ใ่ี ชในประโยค ยททิ พึงเทียบดู). อกี อยางหน่งึ ทานใชอยา ง เสยฺยถยี (คอื ) เชน เอว สว ฑฺฒา... อฺมฺ วุฏ าปเนน สมเดจ็ พระมหาสมณเจา ว.ว. ทรงแปลวา \"เพราะบรษิ ัทของพระผูมพี ระภาคเจานัน้ เจรญิ แลวดวยอาการอยา งน้ี คือ ดว ยวา กลาวซ่งึ กันและกนั ดวยเตือนกันและกันใหอ อกจากอาบัต.ิ \" เพราะฉะน้ัน จึงใชเ ปน นบิ าตอยา ง เสยยฺ ถีท ไดอีกอยา งหน่ึง แปลวา 'น้ไี รเลา ' (โดยพยญั ชนะ), 'คอื ' (โดยอรรถ) เรยี กชอ่ื วา ปจุ ฉฺ นตฺโถ ตามทที่ านเรียกไวแ ลว ในแบบวากยสัมพนั ธ ตอนทว่ี า ดว ย นิบาต, หรอื นยิ มตโฺ ถ ตามท่เี รยี กในอรรถกถา [ สุ. ว.ิ ๒/๑๒๒] (หรอื เรยี กวา ลิงคัตถะ กน็ า ได, ความอยา งเดยี วกัน). พิจารณาดใู นประโยคมาก ยทิท กบั เสยฺยถีท เทยี บกนั ได แตมีขอ ทต่ี างกนั คือ ยททิ มุงกําหนดอรรถทยี่ งั มไิ ดก ําหนดอยางเดยี ว เสยฺยถีท มุงกาํ หนดดงั น้ัน และจาํ แนกขอดวย อ.ุ เทยี บกัน คือ :- ยททิ ตถาคตสาวกสงฺโฆ เตส อคคฺ มกฺขายติ, ยททิ จตฺตาริ
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 203 ปุรสิ ยุคานิ อฏ ปุริสปคุ ฺคลา. เสยฺยถีท อรโิ ย อฏงคฺ โิ ก มคฺโค เตส อคฺคมกขฺ าติ เสยฺยถที สมฺมาทิฏิ...สมมฺ าสมาธิ. [ อิติวุตตฺ ก. ๑๕/๒๙๘]. อ.ุ ที่ ๒ วมิ ุตติ าณทสสฺ น อนุปาทาปรินพิ พฺ านตถฺ าย, เอตทตถฺ า กถา..., ยททิ อนปุ าทา จติ ฺตสสฺ วิโมกฺโข. [สมนฺต. ๑/๑๐๗ ]. \"วิมตุ ติญาณทัสสนะ เพ่อื อนปุ าทาปรนิ พิ พาน, กถามีอนปุ าทาปริ- นิพพานนนั้ เปนประโยชน คอื ความพนแหง จิต เพราะไมยดึ ม่ัน.\" ใน อ.ุ น้ี เอต [ -ทตฺถา ] มุงยอ นกลบั ไปหาอนปุ าทาปรนิ ิพพาน จะใชร ับ ยททิ ไมไ ด, จงึ แปล ยทิท ไดแ ตอ ยา งเดียววา ' คอื .\" อุ. ท่ี ๓ อหฺหิ พรฺ าหมฺ ณ พหชุ นหิตาย ปฏิปนฺโน พหชุ นสขุ าย พหสุ ฺส ชนาตา อรเิ ย าเย ปติฏาปต า, ยททิ กลฺยาณธมฺมตา กลุ สธมมฺ ตา. [ องฺ. จตกุ กฺ ๒๑/๔๗ ] \"พราหมณ, เราแล ปฏบิ ตั ิ เพ่ือเกอื้ กูลแกช นมาก เพอ่ื สุขแกชนมาก, ยงั ประชุมชนมากใหต ง้ั อยู ในายธรรมอนั เปน อริยะ คอื ความเปนกลั ยาณธรรม ความเปน กุศลธรรม.\" (พหุสสฺ ชนตาติ พหุ อสฺส ชนตา. อทิ ฺจ กรณตฺเถ สามิวจน เวทิตพพฺ . มโน . ป.ู ๒/๓๘๘). ใน อ.ุ นี้ บทที่พึงกาํ หนด (อริเย าเย) เปนสัตตมวี ภิ ัตติ, สวนบทกําหนด (กลฺยาณธมฺมตา กุสลธมฺมตา) เปน ปฐมาวิภัตติ,
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนาท่ี 204 ท้งั ๒ จึงตางวิภัตติกนั . อกี อยางหนึง่ ทานประกอบวิภตั ติเสมอกัน อ.ุ พนฺธนา.วิปฺปโมกโฺ ข โหติ, ยทิท อวชิ ฺชาพนธฺ นา [ ม. ม. เวกฺขณ. ๑๓/๓๗๒ ] \"เปน ผพู นจากเครอื่ งผกู คือ จากเคร่อื งผกู คอื อวชิ ชา.\" [ ๔ ] ตวั อยา งท่ียกมาแสดงต้ังแตตนนี้ เพือ่ แสดงวา ยททิ ใชใน รปู ประโยคหลายอยาง ต้งั แตวาง ต ศัพทไวชดั เจน และเลือนไปจน ถึงตอ งฝาก ต ศพั ท จนถงึ หาท่ฝี ากไมได กลายเปนนบิ าต (โดยการ ใช) ในพวก เสยยฺ ถที . ประโยคท่วี าง ต ศัพทไ ว หรอื ทีฝ่ าก ต ศัพท ลงได เวลาแปลตดั ย-ต ไมป รากฏ ยทิท, ถาจะใหปรากฏก็ตอ งแปล ยททิ วา 'คอื ' และตั้งรปู คําแปลใหม เชน เอส ปจฺจโย ชรามรณสสฺ ยทิท ชาติ แปลวา \" น่นั เปนปจ จยั แหงชราและมรณะ คือ ชาติ \" แปล อยา งนี้ ใกลก บั รปู บาลี. ผูเพงภาษานิยมแปลดังนี.้ บทกาํ หนดดวย ยททิ น้ี คลา ยกนั กับวเิ สสนลาภ.ี อาจเทียบกันได ดังน:้ี บทกําหนดบทเดยี ว เปนวเิ สสลาภี, หลายบท เปนสรูป, แม แสดงกําหนดดวย ยทท ฺ-เสยยฺ ถีท นีก้ เ็ หมือนกนั , แสดงกําหนดบทเดยี ว ใช ยททิ . แสดงกําหนดหลายบท ใช เสยฺยถที . ฉะนั้น การแสดง สมั พนั ธ พึงสังเกตวธิ ีเรยี งวิธเี ขาในท่ีโนน มาใชใ นทน่ี ตี้ ามสมควร. อน่งึ ในประโยคทกี่ าํ หนดบทเปนเหตุ เชน ยทิท มหนตฺ ตฺตาย, แปล ยททิ วา'คอื ' เขา ความไมถนดั , แปลเปนปจุ ฉนัตถะทถี่ ามถงึ เหตุ (หรอื ใชเ ปน วิเสสนะ ของ การณ. การณ เหต)ุ เขาความได, ในเวลาแปลโดยอรรถ มกั ไมป รากฏ. ยทิท ทกี่ าํ หนดถามถงึ เหตุน้ี คลาย กกึ ารณา หรอื ต กสิ สฺ เหต,ุ แต กึการณา เปนสํานวนใหม,
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ที่ 205 และ ต กิสสฺ เหตุ กใ็ ชใ นทม่ี ีคาํ ตอบเปน ประโยค เชน เตสาห ธมฺม เทเสมิ...ต กสิ ฺส เหต,ุ เอเต หิ คามณิ ม ทปี า...วิหรนตฺ .ิ [ส. สฬา. ๑๘/๓๘๘] \"เราแสดงธรรมแกภ กิ ษแุ ละภกิ ษณุ ีเหลา นน้ั , ขอ นน้ั เพราะเหตแุ หง อะไร ? นายบา น, เพราะชน (คือภิกษแุ ละภิกษุณ)ี เหลา นน้ั เปนผมู เี ราเปนเกาะ...อยู.\" นีเ้ ปนขอพึงสงั เกต. สรูปอธบิ าย: ยททิ เปนนบิ าต ใชเปนสพั พนาม คอื เปน วิเสสนะ บา ง (น้ใี ด, น้ไี รเลา) กิริยาปรามาสบาง (น้ใี ด) เหมอื น ย ธรรมดา ตางแต ยทิท เมอ่ื ใชเ ปน วเิ สสนะ กเ็ ปน วิเสสนะของบทนาทนามไดท ุก ลิงคท ุกวจนะ เพราะยกเปนนิบาตแลว กห็ มดปญหา. อกี อยา งหนึง่ ยททิ ทานใชอยาง เสยฺยถที (น้ไี รเลา, คือ) เรยี กชอื่ วา ปจุ ฺฉนตฺโถ หรอื นยิ มตโฺ ถ. บาลแี ละอรรถกถาทมี่ าแหง ยททิ บาลี เอส ปจฺจโย ชรามรณสสฺ , ยททิ ชาติ. [ ท.ี มหา. มหานิทาน ๑๐/๖๗]. อรรถกถา ยทิท ชาตตี ิ เอตถฺ ยททิ นฺติ นิปาโต, ตสสฺ สพฺพปเทสุ ลิงคฺ านุรปู โต อตถฺ โต เวทติ พฺโพ, อธิ ปน ยา เอสาติ อยมสสฺ อตฺโถ, ชรามรณสฺส หิ ชาติ อุปนิสฺสยโกฏยิ า ปจฺจโย โหต.ิ [ ส.ุ วิ. ๒/๑๒๓].
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 206 บาลี เอว สว ฑฒฺ า-อฺ มฺวฏุ าปเนน. [มหาวภิ งฺค ๑/๔๑๑]. อรรถกถา ยททิ นตฺ ิ วฑุ ฺฒกิ ารณนิทสฺสนตฺเถ นิปาโต, เตน ย อทิ อฺมฺวฏุ าปเนน จ สว ฑฺฒา ปรสิ าติ เอว ปรสิ าย วุฑฒฺ กิ ารณ ทสฺสติ โหต.ิ [ สมนฺต. ๒/๑๒๗]. บาลี จนทฺ โน เตส อคคฺ มกขฺ ายติ, ยทิท มุทตุ าย เจว กมมฺ ฺ ตาย จ. [ องฺ. เอก. ๒๐/๑๑]. อรรถกถา ยททิ นตฺ ิ นิปาตมตฺต. [ มโน. ป.ุ ๑/๖๑]. บาลี ยททิ จตตาริ ปรุ ิสยคุ านิ อฏ ปุริสปคุ ฺคลา. [ ข.ุ อติ ิวตุ ฺตก ๒๕/๒๙๘ ]. อรรถกถา ยทิทนตฺ ิ ยานิ อมิ านิ. [ขุ อติ .ิ ป. ท.ี ๓๗๔]. บาลี ยททิ มทนิมฺมทโน...นพิ ฺพาน. [ข.ุ อติ ิวตุ ฺตก ๒๕/๒๙๘ ]. อรรถกถา ยททิ นตฺ ิ นปิ าโต, โย อยนฺติ อตโฺ ถ. [ ขุ. อติ ิ. ป. ท.ี ๒๗๓].
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนาท่ี 207 เอตทคฺค (๓) เอตทคฺค ทา นตัดเปน บท เอต+อคคฺ และใชไ ด ในลิงคทั้ง ๓, พงึ ถือเปน นบิ าตเหมือน ยทิท เพราะใชคงรูปอยู อยา งเดยี ว.ในปทานุกรมบางฉบับ แสดงเปนบทสมาสวา เอตทฺ (ในภาษาสส กฤต, แตใ นบาลไี มมีพยญั ชนะการนั ต จึงลงวา ทฺ อาคม) +อคฺค ทาํ สนธเิ ปน เอตทคคฺ ใหความหมายรวมกันวา อัครฐาน ยอด เปนตน. เอตทคคฺ เรยี กช่อื ตามอรรถที่ใช. อ.ุ เอตทคคฺ ภิกฺขเว มม สาวิกาน อปุ าสกิ าน พหสุ สฺ ตุ าน, ยทิท ชุชฺชตุ ฺตรา. อธบิ าย : [ ๑ ] ในอรรถกถาตอนแก เอตทคั คบาลี ในเอกนบิ าต อังคุตตรนิกาย ตัดบท เอตทคคฺ เปน เอต อคฺค [นโม. ป.ู ๑/๑๓๑] และแกอ รรถของบท ไปตามลิงคท ั้ง ๓ คือเปน เอส อคฺโค , เอสา อคฺคา, หรอื คงเปน เอต อคฺค. นี้แกอ รรถคอื ความ, แตโดย พยญั ชนะ คงใชว า เอตทคคฺ รูปเดยี ว, ชื่อเรยี กตามอรรถทใี่ ช คือ เอต เปน วิเสสนะ, อคคฺ เปนวิกติกัตตา หรอื วเิ สสนะ. อ.ุ :- อ.ุ ท่ี ๑ เอตทคคฺ ภิกขฺ เว มม สาวิกาน อปุ าสกิ าน พหุสฺสุตาน, ยทิท ขชุ ชฺ ตุ ตฺ รา . [ องฺ เอก. ๒๐/๓๔ ] \"ภกิ ษุ ท., ขุชชุตตราน้ใี ด, ขุชชุตตรานั่น เปน ยอดแหงอบุ าสิกา ท. ผูสาวกิ าของเรา ผพู หูสูต.\" เอตนฺติ ปท ขชุ ชฺ ตุ ตฺ ราติ ปทสฺส วิเสสน. อคคฺ นฺติ ปท โหตตี ิ ปเท วิกตกิ ตฺตา, โหติติ ปท ขชุ ชฺ ตุ ฺตราติ ปทสฺส กตฺตุวาจก
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ที่ 208 อาขยฺ าตปท. ภิกขฺ เวติ ปท อาลปน. มมาติ ปท สาวกิ กานฺนติ ปทสสฺ สมพนฺโธ, สาวิกานนตฺ ิ จ พหุสฺสตุ านนฺติ จ ปททฺวย อปุ าสกิ านนฺติ ปทสสฺ วิเสสน. อุปาสกิ านนตฺ ิ ปท นทิ ธฺ ารณ. ขชุ ฺชตุ ตฺ ราติ ปท อปุ าสกิ านนฺติ ปทสสฺ นทิ ธฺ ารณยิ , โหตีติ ปเท สยกตตฺ า. ยทิทนฺติ ปท ขุชชฺ ตุ ตฺ ราติ ปทสฺส วิเสสน. ขชุ ชฺ ุตฺตราติ ปท ลงิ ฺคตฺโถ (อีกอยางหนง่ึ อคฺค ศัพท ไมถ ือเปนอตวิ เิ สสคุณศัพท, บอก อปุ าสิกาน เปนอปาทาน ใน อคฺค [ เหมือนในโยชนาอภิธัมม]. หรอื ใน โหติ). อุ. ท่ี ๒ เอตทคฺค ภิกขฺ เว อตตฺ ภาวนี , ยททิ ราหุ อสรุ นิ ฺโท. [ องฺ. จตุกกฺ . ๒๑/๒๒ ] \"ภิกษุ ท., ราหู ผจู อมอสูรนี้ใด, ราหผู จู อมอสูรนั่น เปน ยอดแหง ผูมอี ัตภาพ ท. \" (ยททิ ราหุ อสรุ ินโฺ ทติ โย เอส ราหุ อสุรนิ ฺโท, อย อคฺโค นาม. มโน. ป.ู ๒/๓๔๐). คําแปลอีกแบบหน่ึง \"ภิกษุ ท., น่นั เปน ยอดแหงผูมีอตั ภาพ ท. คือราหู ผูอ สุรนิ ท. \" อุ. ที่ ๓ เอตทคฺค ภิกขฺ เว อเิ มส ทฺวนิ นฺ ทานาน, ยทิน ธมมฺ ทาน. [ ข.ุ อิตวิ ุตฺตก ๒๕/๓๐๕] \"ภกิ ษุ ท., ธรรมทานนีใ้ ด, ธรรมทาน นั่น เปนยอดแหงทาน ท. ๒ น.้ี \" (ยททิ นตฺ ิ ย อิท ธมมฺ ทาน วตุ ฺต, เอต อิเมสุ ทวฺ ีสุ ทาเนสุ อคฺค เสฏ อุตฺตม. ข.ุ อิต.ิ ป. ที ๔๐๔).
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนาที่ 209 คาํ แปลอีกแบบหน่งึ \"ภกิ ษุ ท., นน่ั เปน ยอดแหง ธรรม ท., ๒ เหลาน้ี คอื ธรรมทาน.\" [ ๒ ] ในการยกศัพทแปลวา \"ขชุ ชฺ ตุ ตฺ รา ขชุ ชตุ ตา ยททิ นีใ้ ด, ขชุ ชฺ ตุ ฺตรา ขชุ ชุตตรา เอต นน่ั อคคฺ โหติ เปน ยอด.\" อาจเกดิ ความรไู มสนทิ , ทา นจึงอาจสอนใหวิวรณะ คอื ไขไปหาลงิ ค ของบทนามนาม เชนวา ขชุ ฺชุตฺตรา ขุชชตุ ตรา. ยททิ เมาะ ยา เอสา, ยา เอสา. นใ้ี ด. เอต เมาะ เอสา. เอสา ขุชชฺ ตุ ตฺ รา ชชุ ชุตตรา น่นั . อคคฺ เมาะ อคคฺ . อคคฺ า โหติ เปน ยอด.... ดกู ็เขา ที แตพึงทราบวา น่ันเพยี งเพือ่ แสดงวา ยทิท เทา กบั ยา เอสา เปนตน , ในเวลาสมั พนั ธไมพ ึงบอกเปน ววิ ริยะ-วิวรณะ พึงบอก เขา โดยตรง, หรือบอกวิวรณะดวยอยางยกศัพทแปลกไ็ ด. [ ๓ ] เอตทคฺค นี้ ถา ถอื เปน บทสมาส เหมอื นที่แสดงไวใน ปทานุกรมบางฉบบั แปลวา เอตทัคคะ หรอื ผเู อตทคั คะ บอก สัมพนั ธเปนลงิ คตั ถะหรือวิเสสนะก็ได เหมือนดงั อ.ุ ท่ี ๒ แปลวา \"เอตทัคคะ (หรือผเู อตทคั คะ) แหงอุบาสิกา ท. ผูสาวกิ าของเรา ผพู หสู ตู คือ ขชุ ชตุ ตรา.\" สรปู อธบิ าย : เอตทคฺค พงึ ถอื เปนนบิ าต ใชไดใ นลิงคทั้ง ๓ เหมอื น ยททิ เรยี กช่ือตามอรรถทใี่ ช. อทิ (๔) อทิ นิบาต มใี ชใ นคําเกา มากแหง โดยมากใชร วม เขากับศพั ทอ ่ืน , พบเปน พ้นื อยูค อื เสยฺยถที (เสยยฺ ถา+อิท) ,
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนาท่ี 210 ยทิท (ยทฺ+อทิ ) , ยถยทิ ยเถท (ยถา+อทิ ) , ยาวจฺ ิท (ยาว+จ+อิท) , หิท (ห+ิ อทิ ), นยิท (น+อทิ ) , ตททิ (ตท+ฺ อิท), กมิ ทิ ) (ก+ึ อทิ ) . อ.ุ :- เสยฺยถที ยททิ แสดงแลวในขอ นัน้ ๆ ยถยทิ ยาวจฺ ทิ ; นาห ภกิ ขฺ เว อฺ เอกธมฺมป สมนปุ สฺสาม,ิ ย เอว ลหปุ ริวตฺต, ยถยทิ ภิกขฺ เว จติ ตฺ , ยาวฺจิท ภกิ ขฺ เว อุปมาป น สุกรา, ยาว ลหุปรวิ ตฺต จิตฺต. หทิ , นยิท; สงขฺ ารา จ อิท ภิกฺขเว อตตฺ า อภวสิ สฺ สุ. นยทิ สงฺขารา อาพาธาย สวตเฺ ตยฺยุ. อทิ นบิ าตนี้ ใชเปน เพียงนิบาตมาก ใชเปนนยิ มสัพพนาม บาง. อธบิ าย : [ ๑ ] อิท นิบาตนี้ รปู เดยี วกับ อทิ นยิ มสพั พนาม โดยมากใชรวมเขา ศัพทอื่น และเปนคําทา ยของศพั ทน นั้ เชน ยทิท ทวี่ าเปน นิบาต เพราะ อิท ในทเ่ี ชน นั้น ไมม ีความหมายแหง อิม ศพั ท ดงั ทท่ี า นเรียกวา นิปาตมตฺต เปนเพียงนิบาต, คอื ใชเปนวจนาลังการ วจนสิลิฏฐกะ หรอื บทปรู ณ, ทางขา งไทยเราถือเครง วาตองแปลทุกบท ทกุ ศัพท เมอ่ื พบ อิท เขา ก็ตองแปลวา น้ี และบางทยี กั ยา ยรปู ประโยค เพือ่ ใหล งิ คลงกัน เชน ยถยทิ อติ ถฺ สี ทฺโท แปลวา อทิ สททฺ ชาต สัททชาตนี้ใด อติ ฺถสี ทฺโท คือเสยี งแหง หญิง ยถา ฉนั ใด. แตทานวา อทิ เปนเพยี งนบิ าต จึงไมจ าํ ตอ งแปลอยางนน้ั ถารกั จะใหเปน คุณบท บอกวา อิทนตฺ ิ ปท อติ ถฺ สี ทโฺ ทติ ปทสฺส วิเสสน กย็ ังได เพราะ
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ที่ 211 บอกอยางน้ี ลงกันไดก ับประโยคท่ีมีบทนามนาม เปน นปุสกลงิ ค เชน ยททิ ภกิ ฺขเว จติ ตฺ , ยถยทิ เทยี บกันไดก บั ยถาต, บอกสัมพันธ รวมกันไปกบั ยถาศัพทก็ได บอกแยกวา วจนาลงั การกไ็ ด, แม อิท ที่ รวมอยูกบั ศัพทอ ื่น ก็พงึ ทราบอยางนี้ อุ. :- ยถยทิ , ยาวฺจิท อุ. ท่ี ๑ นาห ภกิ ฺขเว อฺ เอกธมมฺ ป สมนุปสสฺ ามิ, ย เอว ลหุปริวตตฺ , ยถยิท ภิกขฺ เว จติ ตฺ . ยาวฺจิท ภกิ ฺขเว อปุ มาป น สกุ รา, ยาว ลหุปริวตฺต จิตตฺ . [ อง.ฺ เอก. ๒๐/๑๑] \"ภิกษุ ท., เราไมแลเห็นแมธ รรมขอ หน่ึงอน่ื ท่ีแปรเรว็ เหมือนจติ (หรอื เหมอื น จิตน้ี) ภิกษุ ท., จนกระทั่ง, ภิกษุ ท., อุปมาไมท าํ งา ย เทา ที่จิต (แปรเร็ว.\" ยาวฺจาติ อธิมตฺตสมานตฺเถ นปิ าโต. อตวิ ิย น สกุ โรติ อตโฺ ถ. อิทนฺติ นปิ าตมตฺต. มโน. ป.ู ๑/๖๑). สัมพนั ธ ยถยิท ๑. ยถยทิ ส ทฺโท อุปมาโชตโก. ๒. ยถาสทโฺ ท อปุ มาโชตโก. อิทสทโฺ ท วจนาลงฺกาโร. ๓. ยถาสทโฺ ท อปุ มาโชตโก. อทิ นตฺ ิ ปท จิตตฺ นฺติ ปทสฺส วเิ สสน. สัมพนั ธ ยาวฺจิท ๑. ยาวจฺ ิทส ทฺโท กิริยาวเิ สสน.
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนาที่ 212 ๒. ยาวสทฺโท กริ ยิ าวิเสสน. จสทโฺ ท จ อิทส ทฺโท จ วจนาลงฺการา. อ.ุ ท่ี ๒ นาห ภกิ ขฺ เว อฺ เอกสททฺ มฺป สมนปุ สฺสามิ , โย เอว ปรุ สิ สสฺ จิตตฺ ปริยาทาย ติฏติ, ยถยทิ ภิกขฺ เว อติ ฺถสี ทฺโท. [จกฺขปุ าลตเฺ ถร. ๑/๑๕ ] \"ภิกษุ ท., เราไมแลเหน็ แมเสียงอยา งหน่งึ อนื่ ที่ ครอบงําจิตของชายตัง้ อยเู หมือนเสียงหญิง ภิกษุ ท.\" อ.ุ ท่ี ๓ นาห ภกิ ขฺ เว อฺ เอกธมมฺ มฺป สมนุปสสฺ าม,ิ เยน อนุปปฺ นฺนา วา อกสุ ลา ธมมฺ า อปุ ฺปชชฺ นฺต,ิ อุปปฺ นนฺ า วา กสุ ลา ธมฺมา ปริหายนตฺ ิ, ยถยิ ท ภกิ ขฺ เว ปมาโท. [อง.ฺ เอก. ๒๑/๑๓] \"ภกิ ษุ ท., เราไมแลเห็นแมธรรมอยา งหน่งึ อืน่ ทเ่ี ปนเหตใุ หธรรม เปน อกุศลทยี่ งั ไมเกดิ เกินข้ึน หรือธรรมเปน กศุ ลที่เกิดแลวเสือ่ มไป เหมอื นความประมาท ภกิ ษุ ท.\" (มังคลตั ถทีปนี [ ๒/๑๘๕ ] ยกฎีกา พระบาลีนม้ี าแกว า อิทนฺติ ลงิ คฺ วปิ ลลฺ าเสน นิทฺเทโส นิปาตปท วา เอต ยททิ นฺติอาทีสุ วิย....). หทิ , นยิท สงฺขารา จ หทิ ภิกฺขเว อตฺตา อภวสิ สฺ ส ุ, นยทิ สงฺขารา อาพาธาย สวตเฺ ตยยฺ , [ อนตฺตลกฺขณ. ๔/๒๕ \" \" ภกิ ษุ ท., ถา สงั ขาร ท. น้ี จกั ไดเ ปนตวั ตนแลว ไซร , สังขาร ท.นี้ ไมพงึ เปนไปเพอ่ื อาพาธ.\" อิทนฺติ ปท (ทง้ั สองแหง ) สงฺขาราติ ปทสฺส วเิ สสน.
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 213 [ ๒ ] อิท นบิ าตนี้ ปรากฏในสํานวนเกา ชั้นบาลี ในรูปประโยค เชน ทย่ี กมาเปนตวั อยางนี้ พงึ สังเกตใหด .ี อนง่ึ บางทานไดช ้แี จงวา ในคมั ภีรพ ระเวทของพราหมณ (อัน จะเทยี บกบั พระไตรปฎ ก) สรรพนามเชน อทิ ไมนยิ มลงิ คและวจนะ ของนามนาม, ในพระไตรปฎก กม็ ใี ชอยางนน้ั เชน สงฺขารา จ หิท เปนตน หรอื ดัง อุ. ทั้งหลายท่ยี กมาแลว. แมใ นคาถาวา อติสตี อติอุณหฺ อตสิ ายมทิ อหุ ก็เหมือนกนั , บางทานจึงใช อทิ กาโล ทเี ดยี ว. สรปู อธบิ าย : อิท นบิ าต ใชค วบทา ยศัพทอ่ืนเปนพน้ื เชน ยทิท ยถยทิ . ใชเ ปน เพียงนบิ าตควบไปกบั ศัพทน้นั ๆ บา ง เปนสพั พนาม บา งตามควร. ยตรฺ หินาม (๕) ยตรฺ หินาม หรอื ยตฺถ หนิ าม เปน นบิ าต ใช รวมกันในทแี่ สดงอศั จรรย, ในทีแ่ สดงสงั เวชบา ง แตนอ ย, ยตฺร ใชเ ปน สพั พนาม ในอรรถ ย ศัพท ทา นแกความเปน ปฐมา- วิภตั ติเปน ตน ตามความในทมี่ านัน้ ๆ, เปน วเิ สสนะของบทนามนาม ที่เพงถึง, หนิ าม พึงใชเปน นิบาต เรยี กชื่อวา วมิ ยฺ ตโฺ ถ หรอื อจฉฺ ริยตโฺ ถ (ความเดยี วกัน), ในท่ีแสดงสงั เวช นา เรยี กวา สงเฺ วคตฺโถ. ยตฺร หนิ าม น้ีวางไวในพากยใด กิรยิ าในพากยน้ัน ประกอบดว ยภวิสสนั ติวิภตั ตเิ ปนพ้ืน แตใชใ นอรรถอดตี กาล. (บาง มตวิ า หนิ าม ทาํ กิริยาใหเ ปนไปในอรรถปจ จุบันกาล). อ.ุ ยตรฺ
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 214 เปน ปฐมาวิภตั ติ อจฺฉรยิ วต โภ อพภฺ ุต วต โภ, ยาว ปณฺฑโิ ต อย ทีฆาวุ กมุ าโร, ยตรฺ หนิ าม ปต โุ น สงขฺ ิตเฺ ตน ภาสติ สฺส วติ ฺถาเรน อตฺถ อาชานสิ ฺสติ. ใน อ.ุ นี้ ยตฺร เทา กบั โย วิเสสนะของ กมุ าโร กตตฺ า ใน อาชานสิ สฺ ติ. อธบิ าย : [ ๑ ] ยตรฺ หนิ าม หรอื ยตถฺ หินาม เปน นิบาต ใชรวมกนั ในประโยคแสดงอศั จรรยท ี่เกดิ รสู กึ ในปจจุบนั . อศั จรรยนน้ั ทา นแสดงวามี ๒ คอื ครหอัจฉรยิ ะ อศั จรรยใ นทางติเตยี น ๑ ปสังสาอัจฉรยิ ะ อศั จรรยใ นทางสรรเสรฐิ ๑. [ อฏั ฐกถากนั ทรกสตู ร ป. ส.ู ๓/๒ ] ยตรฺ หินาม ใชในทท่ี ัง้ ๒ แตพบในทีส่ รรเสรญิ โดย มาก, ใชใ นทแ่ี สดงสงั เวชบา ง แตน อย. ประโยค ยตรฺ หินาม นี้ มีวิธปี ระกอบกิริยาแปลกจากประโยคธรรมดาทวั่ ๆ ไป คือ ในตอน ยตรฺ หนิ าม ประกอบกริ ยิ าในพากยดวยภวสิ สันติวิภัตติเปน พ้ืน แต ใชในอรรถแหง อดีตกาล ทา นวา ดวยอํานาจ ยตฺร ห.ิ (แตต ามมติ ในสัททนีติวาใชในอรรถปจจุบันกาล). และ ยตรฺ ทา นแกความเปน สัพพนาม ในอรรถ ย ศพั ท (ใด) เพง ถงึ นามนามในหนหลัง, และให เปนปฐมาวิภัตติ เปน ตน ตามแตจะปรับเขารปู ประโยคได, ในทาง สมั พันธ ยตรฺ จงึ เปนวเิ สสนะของบทนามนามที่เพง ถึง. สว น หินาม พงึ เรยี กชอื่ เปนนิบาตวา วมิ ฺหยตฺ โถ หรือ อจฉฺ ริยตฺโถ ตามทท่ี า น บอกไว, ในทางสมั พนั ธ ทานใหน ํามาเช่อื มทายกิริยาในพากย เชน อาชานสิ ฺสติ หินาม, โบราณแปลวา มา...แลว . อ.ุ :-
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนา ที่ 215 ยตฺร เปน ปฐมาวิภัตติ อุ. ท่ี ๑ อจฺฉรยิ วต โภ อพภฺ ุต วต โภ, ยาว ปณฺฑโิ ต อย ทีฆาวุ กมุ าโร, ยตรฺ หนิ าม ปต โุ น สงฺขิตฺเตน ภาสติ สสฺ วิตฺถาเรน อตฺถ อาชานสิ สฺ ติ. [ โกสมพฺ กิ กขฺ นฺธก ๕/๓๓๕ ] \"ดูกอ น ผเู จริญ ท., อศั จรรยหนอ, ดูกอนผูเจริญ ท., ไมเ คยมหี นอ, เทา ท่ี กุมารทีฆาวุนเี้ ปน บัณฑิต, กุมารไรเลา มารูท่วั ถึงอรรถแหง คําท่ีบดิ าตรัส โดยยอ ไดโ ดยพิสดารแลว.\" ยตฺร = โย. ยตรฺ าติ ปท กมุ าโรติ ปทสสฺ วเิ สสน. หินามสทโฺ ท อจฉฺ รยิ ตโฺ ถ. อุ. ท่ี ๒ อจฺฉริย อาวโุ ส, อพฺภตุ อาวโุ ส, (ยาว) ตถาคตสฺส มหิทฺธิกตา มหานภุ าวตา, ยตรฺ หนิ าม ตถาคโต อตเี ต พุทฺเธ ...ชาตโิ ตป อนสุ ฺสริสฺสติ. [ ที. มหา. มหาปทาน. ๑๐/๑๐ ] \"อัศจรรย อาวโุ ส, ไมเคยมี อาวโุ ส, (เทา) ท่พี ระตถาคตเปนผมู ฤี ทธิม์ าก มี อานุภาพมาก, พระถตาคตพระองคไ รเลา มาทรงตามระลกึ ไดแลว ซงึ่ พระพทุ ธเจา ท. ผูลว งแลว ....โดยพระชาติบา ง.\" ยตรฺ -โย. อุ. ที่ ๓ ปณฺฑโิ ต ภิกฺขเว อานฺนฺโท, มหาปโฺ ภิกขฺ เว อานนฺ โท, ยตรฺ หินาม มยา สงขฺ ิตฺเตน ภาสิตสสฺ วติ ฺถาเรน อตฺถ
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 216 อาชานสิ ฺสต.ิ ..[มหาวคฺค ๕/๒๐๓ ] \"ภกิ ษุ ท., อานนทเปนบณั ฑติ , ภกิ ษุ ท., อานนทมีปญญามาก, อานนทไรเลามารทู ่ัวถงึ คําท่เี รากลาว โดยยอ ไดโ ดยพิสดารแลว .\" ยตฺร=โย. ยตรฺ เปน ทุตยิ าวภิ ัตติ อุ. ที่ ๔ ปาปก วต โภ อย ปรุ ิโส กมฺม อกาสิ คารยหฺ สีสจฺเฉชฺช, ยตฺร หินาม รโฺ ปุริสา ทฬฺหาย รชชฺ ยุ า ปจฉฺ าพาห คาฬหฺ พนฺธน พนธฺ ติ ฺวา ขุรมณฑฺ กรติ วฺ า ขรสสฺ เรน ปณเวน รถยิ า รถิย สงิ ฆฺ าฏเกน สิงฆฺ าฏก ปริเณตวฺ า ทกขฺ ิเณน ทฺวาเรน นกิ ฺขาเมตฺวา ทกฺขิณโต นครสสฺ สีส ฉนิ ฺทิสสฺ นตฺ .ิ [ องฺ. จตุกกฺ . ๒๑/๓๒๗] \"ดูกอนผเู จริญ ท., บุรษุ น้ไี ดท าํ กรรมชวั่ นกั อันนา ติเตียน โทษถงึ ตดั ศีรษะ, บรุ ษุ ท.ของพระราชามาจับซึ่งบรุ ุษไรเลา มดั มอื ไพลหลังเสียมัง่ คง โกนศรี ษะดวยมดี โกน นําตระเวนไปท่วั ทุกถนน ท่ัวทกุ สี่แพรง (ตลอดทางรถโดยทางรถ, ตลอดทางสแี่ พรง โดยทาง สแี่ พรง) ดว ยทั้งกลองเสียงดงั ขรม แลว ออกทางประตดู านทักษิณ ตดั ศรี ษะแลวทางประตูทิศทักษณิ ของพระนคร.\" ยตรฺ = ย. ยตรฺ เปนตตยิ าวภิ ัตติ อ.ุ ท่ี ๕ อจฉฺ รยิ วต โภ อพภิ ตุ วต โภ, ยาว สทฺธาย สปุ ฺปย า ปสนนฺ า, ยตฺร หนิ าม อตตฺ โนป มสานิ ปริจฺจตาฺ นิ, กึ ปนมิ าย อฺ กิจฺ ิ อเทยฺย ภวสิ ฺสต.ิ [ มหาวคฺค ๕/๗๐ ] \"ดูกอนผเู จริญ ท.,
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 217 อัศจรรยห นอ, ดกู อ นผูเ จริญ ท., ไดเ คยมหี นอ. เทา สปุ ปย านี้ผูมีศรัทธา เล่อื มใส, เนือ้ แมของตน อันสุปปยาไรเลา มาสละแลว. กส็ ง่ิ ไร ๆ อน่ื อะไร จกั เปน ของอันสุปปยานไ้ี มพ ึงให.\" บาลีน้ี อรรถกถาไมไ ดแ ก แตต ามความ ยตฺร= ยาย (ตติยา- วิภัตติ). ยตรฺ เปน ปญ จมวี ิภตั ติ อ.ุ ท่ี ๖ อจฺฉรยิ วต โภ, อพภฺ ตุ วต โภ, (ยาว) ตถาคตสฺส มหทิ ธฺ ิกตา มหานภุ าวตา, ยตรฺ หินาม สห ทสสฺ เนน ภควโต ตาวมหาวโณ รฬุ โฺ ห ภวสิ สฺ ติ สจุ ฉฺ วิ โลมชาโต. [ มหาวคคฺ ๕/๗๑ ] \"ดกู อ นผูเ จริญ, อัศจรรยห นอ, ดกู อนผเู จริญ, ไมเ คยมหี นอ, (เทา) ความทพี่ ระตถาคตเปน ผมู ฤี ทธม์ิ าก มอี านภุ าพมาก, เหตุความ ท่พี ระตถาคตเปน ผมู ีฤทธ์มิ าก มีอานภุ าพมากไรเลา, แผลใหญเพียงนั้น มางอก มผี ิวเรียบรอ ย มีขนเกดิ แลว พรอ มกบั เหน็ พระผมู พี ระภาค.\" ยตฺร= ยสมฺ า. ยตฺร เปนสัตตมวี ภิ ัตติ อ.ุ ที่ ๗ อจฉฺ ริย วต โภ, อพฺภตุ วต โภ, (ยาว) สมณสสฺ มหทิ ธฺ ิกตา มหานุภาวตา, ยตฺร หินามาย พฺรหหฺ มายุ พรฺ าหฺมโณ าโต ยสสสฺ ี เอวรปู ปรม นปิ จจฺ การ กรสิ ฺสต.ิ [ม. ม. พฺรหมิ ายุ. ๑๓/๕๗๗] \"ดกู อนผเู จริญ ท., อศั จรรยห นอ, ดกู อนผเู จริญ ท., ไม
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ที่ 218 เคยมหี นอ, (เทา) ความท่ีสมณะมฤี ทธ์มิ าก มีอานุภาพมาก, ใน สมณะไรเลา พราหมณชื่อพรหมายุ ผูเ ลอ่ื งชือ่ ลอื ยศมาทํากายนอบนอม อยางยง่ิ ปานฉะนี้ .\" ยตรฺ = ยตฺถ, ยสฺมึ. อ.ุ ที่ ๘ อโห พทุ ฺโธ อโห ธมฺโม อโห ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตตา, ยตรฺ หินาม สายมนสุ ฏิ โ ปาโตวเิ สส อธฺคมสิ ฺสติ ปาตมนสุ ฏิ โ สายวิเสส อธคิ มิสสฺ ติ. [ม.ม. โพธริ าชกมุ าร. ๑๓/๔๗๔ ] \"โอ พระพทุ ธเจา, โอ พระธรรม, โอ ความที่พระธรรม อนั พระผูม-ี พระภาคเจาตรัสดแี ลว, ในเพราะพระพุทธเจา ในเพราะพระธรรม ในเพราะความที่พระธรรมอนั พระผูม ีพระภาคเจาตรัสดแี ลว ไรเลา บคุ คล ผูท ีท่ รงอนสุ าสนเวลาเยน็ มาบรรลคุ ุณวิเสสเวลาเชา , บุคคลผทู ีท่ รง อนุสาสนเ วลาเชา มาบรรลคุ ุณวเิ สสเวลาเยน็ .\" ยตรฺ = ยสฺม.ุ อ.ุ ที่ ๙ ธริ ตถฺ ุ กริ โภ ชาติ นาม, ยตรฺ หนิ าม ชาตสฺส ชรา ปฺ านิสสฺ ต.ิ [ ที. มหา. มหาปทาน. ๑๐/๒๕ ] \"ดกู อ นผูเจริญ ท., ขอทเี ถอะ ข้ึนช่อื วาชาติ นา ตเิ ตียน (ธิ+อตฺถ.ุ อตฺถุ = ภเวยยฺ ), ใน เพราะชาติไรเลา ชรามาปรากฏแกผเู กิดแลว.\" ยตรฺ = ยตรฺ , ยาย, ยสสฺ . ยตฺร หนิ าม ใน อ.ุ น้ี ใชใ นทางตเิ ตียน. อรรถกถาแกเปน ประโยคลกั ขณะ, แตในที่น้ี ใชเ ปนนมิ ิตตสตั ตมี ตามทเี่ หน็ วา ใชไ ด อยา งสน้ั .
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 219 [ ๒ ] ท่เี รยี กวา ประโยค ยตรฺ หินาม นน้ั สังเกตไดจากท่มี า ทัว่ ไปวา ประกอบดว ยอนุประโยคเต็มที่ ๓ อนุประโยค ดังนี้ :- ก. อนปุ ระโยค อจฉฺ ริย. ข. อนปุ ระโยค ยาว แสดงบทนามนามกับลกั ษณะเทา ทีต่ องให กลาววา อัศจรรย. ค. อนปุ ระโยค ยตรฺ หนิ าม ขยายความลักษณะน้นั ออกไปอีก และ ยตรฺ เพง ถงึ นามนามในอนุประโยค ข., บางทีมีตอไปอีกอนุประโยค หน่งึ ดัง อุ. ที่ ๕ แตก น็ อ ย,จงึ นับเอาแต ๓ อนปุ ระโยค. ในท่ีมาทัง้ ปวง อนุประโยค ก. มีบา งไมมบี าง สวนอนุประโยค ข. มีเปน พื้น และวาง ยาว ไวเ บื้องหนาบาง ไมว าง ยาว ไวบา ง, ถา วาง ยาว ไว หรอื เตมิ ยาว เขามา , อนปุ ระโยค ก. ก็เปน ประโยค ตาว. จักแยกประเภทใน อ.ุ ท่ี ๑ เปน ตวั อยาง :- ก. อจฉฺ ริย วต โภ อพภฺ ตุ วต โภ. ข. ยาว ปณฑฺ โิ ต อย ทีฆาวุ กมุ าโร. ค. ยตฺร หนิ าม ปตโุ น สงขฺ ติ เฺ ตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถ อาชานสิ สฺ ติ. [ ๓ ] ขอ ท่ี ยตฺร ใชเ ปน วิภัตตอิ ะไรนนั้ พงึ สงั เกตดงั นี้ : ยตฺร เพง ถงึ นามนามบทใดทก่ี ลา วถึงในอนปุ ระโยค ข., ถานามนามบทนนั้ มาเปนกตั ตาในกริ ิยาในพากย ยตฺร ห,ิ ยตฺร ใชเปน ปฐมาวภิ ัตติ, ถากิริยาในพากย ยตรฺ หิ มกี ัตตาอน่ื , ยตฺร ใชเปนวิภตั ตใิ นวิภัตติหน่งึ แลวแตความ, สวน ต ศัพทใ สล งท่บี ทนามนามท่ี ยตรฺ เพง ถงึ ใน
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนาท่ี 220 อนปุ ระโยค ข. นั้น [ ๔ ] ในท่นี อมแหง ขาดอนปุ ระโยค ข. เชน :- ก. อจฺฉริย ภนฺเต อพภฺ ตุ ภนเฺ ต. ค. ยตฺถ หิ นาม สตฺถุ เจว สาวิกาย จ อตฺเถน อตฺโถ, พยฺ ยชฺ เนน พฺยฺชน สสนทฺ ิสฺสติ...ยททิ อคคฺ ปทสมฺ .ึ [ ส. สฬา. ๑๘/๕๖๑ ].(ในทนี่ ้ีใช ยตถฺ แทน ยตฺร). ก. อัศจรรย พระเจาขา ไมเ คยมี พระเจาขา (ในพระธรรม- เทศนาน้นั ). ค. ใน (พระธรรมเทศนา) ไรเลา อรรถมาเทียบสมดว ยอรรถ พยัญชนะมาเทียบสมดว ยพยญั ชนะทงั้ ของพระศาสดาท้ังของพระสาวกิ า คืนในบทอันเลิศ. ใน อุ. น้ี ถาใหอนปุ ระโยค ก. คงเปนประโยค ตาว กต็ องใช ยตฺถ หิ นาม เปน นบิ าตรวมกนั ในวรรค ยาว เรยี กรวมกนั วา อัจฉ- รยิ ตั ถนบิ าต อยางที่ทานเรียกในอรรถกถา แปลวา \"อศั จรรย พระเจาขา , ไมเคยมี พระเจาขา, เทา อรรถมาเทยี บสมดวยอรรถ....\" [ ๕ ] ในบางแหงแตน อย กริ ยิ าในอนปุ ระโย ยตฺร หินาม ประกอบดว ยวัตตนามวิภตั ติ เชน นสฺสต วต โภ โลโก, วนิ สฺสติ วต โภ โลโก, ยตฺร หินาม ตถาคตสฺส อรหโต สมมฺ าสมพฺ ทุ ธฺ สสฺ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตตฺ นมต,ิ โน ธมมฺ เทสนาย. [ ว.ิ มหาวคฺค ๔/๙] \"ดูกอนผูเ จรญิ ท., โลกฉบิ หายหนอ, ดูกอ นผเู จริญ ท., โลก พินาศหนอ, ในโลกไรเลา จิตของพระตถาคตผูอ รหนั ต สมั มา-
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนา ท่ี 221 สัมพทุ ธเจามานอ มไป เพ่ือความเปนผูขวนขวายนอย, ไมนอ มไปเพือ่ การแสดงธรรม.\" (หินาม ในทีน่ ี้ นา เรยี กวาสงั เวคัตถะ). เพราะมี กิรยิ าในอนุประโยค ยตรฺ หินาม ประกอบดวยวตั ตมานาวภิ ัตติเชน ตัวอยา งนี้ จึงนาเห็นวามตใิ นสทั ทนตี ิวา เพราะอาํ นาจ หนิ ามนิบาต ภวิสสนั ตติวิภตั ติใชในอรรถวตั ตมานาวิภตั ติ มหี ลักฐานอยู. สรูปอธบิ าย : ยตรฺ ิ หนิ าม หรอื ยตฺถ หินาม เปน นิบาต ใชใน ทแี่ สดงอัศจรรย บางแหงแสดงสังเวชแตนอ ย. ยตรฺ ใชเ ปนสพั พนาม เปนปฐมาวิภัตตเิ ปน ตน ตามความ, ในทางสัมพันธเ ปนวิเสสนะ,หิ นาม เรยี กชอื่ วา อัจฉริยตั ถะ หรือ สังเวคัตถะ ตามสมควร. บาลีและอรรถกถาบางแหง ทมี่ าแหง ยตฺร หนิ าม บาลี อจฉฺ รยิ อาวโุ ส...ยตฺร หนิ าม......อนุสสฺ ริสสฺ ติ. [ อ.ุ ที่ ๒]. อรรถกถา ยตรฺ หนิ ามาติ อจฺฉริยตเฺ ถ นปิ าโต. โย นาม ตถาคโตติ อตโฺ ถ. อนสุ สฺ รสิ ฺสตตี ิ อทิ ยตรฺ หนิ ิปาตวเสน อนาคตวจน, อตโฺ ถ. ปเนตถฺ อตีตวเสน เวทิตพโฺ พ. [ สุ. วิ. ๒/๒๕ ]. บาลี อโห พทุ โฺ ธ.... ยตรฺ หนิ าม... [ อ.ุ ที่ ๘] อรรถกถา ยตฺร หนิ ามาติ วมิ หฺ ยตฺเถ นิปาโต. [ ป. ส.ู ๓/๓๐๓ ].
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนาที่ 222 ยตฺร เปน ปฐมาวิภัตติ บาลี ปณฑฺ โิ ต ภกิ ขฺ เว อานฺนโท...ยตรฺ หินาม.... [ อุ.ท่ี ๓]. อรรถกถา ยตรฺ หนิ ามาติ โย นาม. [ สมนตฺ . ๓/๒๓๖ ]. บาลี อจฉฺ รยิ ภนฺเต...ยตฺร หินาม เทวภูตสสฺ ป อปุ การานิ ปฺุ านิ..... [ สุมนาราชกมุ าร.ี องฺ. ปฺจก. ๒๒/๓๕ ]. อรรถกถา ยตฺร นนิ ามาติ ยานิ นาม. [ มโน. ป.ู ๓/๒๒ ] ยตฺร เปนทตุ ยิ าวิภัตติ บาลี ปาปก วต โภ...ยตรฺ หินาม... [ อ.ุ ที่ ๔ ]. อรรถกถา ยตรฺ หนิ ามาติ ย นาม. [ มโน. ปู. ๒/๕๑๐ ]. ยตรฺ เปนปญ จมวี ภิ ัตติ บาลี อจฺฉรยิ วต โภ...ยตรฺ หนิ าม .... [ อ.ุ ท่ี ๖.]. อรรถกถา ยตฺร หนิ ามาติ ยสมฺ า นาม. [ สมนฺต. ๓/๑๙๓ ].
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ท่ี 223 ยตรฺ เปน สตั ตมวี ิภตั ติ บาลี ธริ ตถฺ ุ.....ยตฺร หินาม.. [ อุ. ท่ี ๙ ]. อรรถกถา ยตฺร หนิ ามาติ ยาย ชาติยา สติ ชรา ปฺายติ. สา ชาติ ธริ ตฺถุ ธิกฺกตา อตถฺ ุ ชคิ จุ ฉฺ า นาเมสา ชาต.ิ [ ส.ุ วิ. ๒/๖๖ ]. ต (๖) ต นิบาต ใชใ นบางแหง อ.ุ ตป ภควา น มนสากาส,ิ ยถาต อนตุ ฺตเร อุปธิสงขฺ เย อธิมุตฺโต. อธิบาย : [ ๑ ] ต นบิ าต ทีใ่ ชร วบกับ ยถา เปน ยถาต น้ี มีในสํานวนเกา บางแหง ไมม ีความหมายแหง ต สัพพนาม อุ. :- อ.ุ ที่ ๑ ตป ภควา น มนสากาส,ิ ยถาต อนุตตฺ เร อปุ ธสิ งขฺ เย อิธมตุ โต. [ มารธีตา. ๖/๖๗ ]. \"พระผมู ีพระภาค ไมทรงทําคําแมน ้นั ไวในพระทัย เหมือนทีท่ รงนอ มไปในธรรมเปน ท่ีสน้ิ อุปธอิ ันเยี่ยม.\" อ.ุ ที่ ๒ สาธุ สาธุ ภกิ ขฺ ,ุ ยาถต อคุ โฺ ค คหปติ เวสาลิโก สมฺมา พยฺ ากรมาโน พยฺ ากเรยยฺ . [ องฺ . อฏ. ๓๒/๒๑๕ ] \"ภกิ ษุ ดีละ ดลี ะ, อยา งคฤหบดีอุคคะ ชาวเมอื งเวสาลี เมอื่ พยากรณโดยชอบ พงึ พยากรณน ่นั แหละ.\" (สาธุ สาธุ ภกิ ขฺ ุ เปนประโยค ตถา).
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสัมพนั ธ เลม ๒ - หนาท่ี 224 อ.ุ ที่ ๓ ยถาต ยุวา ยุวตึ. [มหาวภิ งฺค ๑/๒๗๔ ] \"เหมอื นชายหนุม พดู เคาะหญงิ สาว.\" (ยถาตนฺติ เอตฺถ ตนฺติ นปิ าตมตตฺ . สมนตฺ . ๒/๔๐ ). อ.ุ ที่ ๔ น สพฺโพ สพพฺ ทาเยว ตสสฺ ต อุปกปปฺ ติ. [ ข.ุ ขุ. นธิ กิ ณฑฺ . ๒๕/๑๑]. \"ขมุ ทรพั ยท้ังหมด ยอ มไมสําเร็จประโยชนแ กเ ขาในกาลทง้ั ปวง ทเี ดยี วแล.\" [ ตนตฺ ิ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต ทฏพฺโพ ยถาต อปฺปมตฺตสฺส อาตาปโนติ เอวมาทีสุ. ลงิ ฺคเภท วา กตวฺ า โสติ วตตฺ พฺเพ ตนฺติ วุตฺต ขุ. ขุ. ป. โช. น. ๒๔๔ ). [ ๒ ] ยถาต อรรถกถาบางแหงแกเ ปน ยสมฺ า ก็มี. ต นบิ าต บอกสมั พันธรวมกนั ไป หรือจะแยกบอกเปนวจนาลังการ หรืออวธารณะ ก็ได. สรูปอธิบาย : ต นบิ าต ใชใ นทบ่ี างแหง. โว, โน (๗) โว, โน เปนนบิ าตในทีบ่ างแหง, โว สักวา นิบาต คอื เปนบทปูรณะ หรอื อวธาณะ. อ.ุ เย หิ โว ปรสิ ทุ ฺธกาย- กมมฺ นตฺ า. โน ใชอ ยา ง นุ บาง. อ.ุ อภชิ านาสิ โน ตฺว มหาราช. สกั วา นิบาตบา ง. อ.ุ น โน สม อตฺถิ ตถาคเตน. อธบิ าย: [ ๑ ] โว และ โน ในสาํ นวนช้นั บาลีบางแหงใชเ ปน นบิ าต, น้ีเปนเรือ่ งทีค่ วรทราบไว เพราะถา ไมท ราบ เม่ือไปพบเขา
ประโยค๑ - อธิบายวากยสัมพันธ เลม ๒ - หนาท่ี 225 แปลของทา นไมออก (เพราะไมอ าจแปลเปน สัพพนาม) อาจคดิ แก เชนแก โน เปน โข. [ ๒ ] โว เปน บทปรู ณะ หรอื อวธารณะที่เรียกวา ' นิปาตมตฺต' สกั วา นิบาคต. อ.ุ :- อ.ุ ที่ ๑ เย หิ โว อริยา ปริสทุ ธฺ กายกมฺมนตฺ า อรฺวนปตถฺ านิ ปนฺตานิ เสนาเสนานิ ปฏิเสวนฺติ เตสมห อฺตโร. [ ม. ม.ู ภยเภรว. ๑๒/๒๙] \"ก็พระอรยิ ะ ท. เหลาใดแล มกี ารงานทางกายอนั บริสุทธ์ิ ยอมเสพเสนาสนะ ท. ท่ีเปนราวปา และไพรสณฑอันสงัด, เราเปน ผูหน่งึ แหงพระอรยิ ะเหลาน้ัน.\" (เย หิ โวติ เอตฺถ โวติ นิปามตตฺ ป. ส.ุ ๑/๑๕๗ ). อ.ุ ท่ี ๒ ปสสฺ ามิ โวห อตฺตาน ยถา อจิ ฺฉึ ตถา อห.ุ [ ขุ. ชา. มหาชนก. ๒๘/๑๖๗] \"เราเห็นแลซ่งึ ตน (วา) ไดเ ปน แลวดวยปรารถนา.\" [ ๓ ] ใน ใชอยา ง นุ บาง สกั วา นิบาตอยา ง โว บา ง อุ . :- โน ใชอ ยาง นุ อุ. ที่ ๑ อภิชานาสิ โน ตฺว มหาราช อมิ ปหฺ อเฺ ป สมณพรฺ าหมฺ เณ ปจุ ฺฉิตา. [ ท.ี ส.ี สามฺ ผล. ๙/๖๗] \"ดูกอ น มหาบพติ ร, พระองคทรงจําไดหรอื หนอ วา (เคย) ถามปญหานี้
ประโยค๑ - อธิบายวากยสมั พันธ เลม ๒ - หนา ที่ 226 กะสมณพราหมณ ท. แมอ ่ืน .\" (อภิชานาสิ โน ตวนฺติ อภชิ านาสิ นุ ตวฺ . ส.ุ วิ ๑๙๙). อ.ุ ที่ ๒ ปสฺสถ โน ตุมเฺ ห ภกิ ฺขเว อมุ มหนฺต อคฺคิกฺขนฺธ. [ องฺ. สตตฺ ก. ๒๓/๑๒๙ ] \"ภิกษุ ท., ทาน ท. เหน็ หรือหนอ ซ่งึ กองไฟ ใหญโ นน.\" (ปสสฺ ถ โนติ ปสฺสถ น.ุ มโน. ปู. ๓/๒๓๕). โน นิบาต ในอรรถน้ี ควรจดั เขา ในนบิ าตหมวดคาํ ถาม เรยี ก ชื ื่อวา ปุจฺฉนตฺโถ อยา ง นุ ศพั ท. โน สักวานิบาต. น โน สม อตถฺ ิ ตถาคเตน. [ ข.ุ ข.ุ รตน. ๒๕/๕ ]. \"รตนะ (นัน้ ) เสมอดวยพระตถาคตไมมีเลย.\" (โน อติ ิ อวธารเณ. ข.ุ ข.ุ ป. โช ๑๘๗). สรูปอธิบาย : โว,โน ใชเปน นิบาต ในสํานวนชัน้ บาลบี างแหง. บอกแกบางแหง หนังสอื อธบิ ายวากยสัมพนั ธ เลม ๑ ๑. ตัวอยางแสดงอาธาร หนา ๑๑๑ (ตามฉบับพิมพครงั้ ที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๙๒) วา พหิ ตสมฺ ึ เคเห ตฺวา มา กเถสิ แปล
ประโยค๑ - อธบิ ายวากยสมั พนั ธ เลม ๒ - หนาท่ี 227 และบอก เคเห เปนอาธาร ใน ตฺวา, ขอแกตามสัมพันธตวั อยางเปน ภาษามคธ ขอ ๓ ในทายวากยสมั พันธ เปน อาธาร ใน กเถส.ิ ใน เลม นี้ ยมมาเปน ตัวอยางในขอ วาดว ยวิวริยะ-ววิ รณะ หนา ๖๕. ๒. ในตอนอปรกาลกริ ิยา หนา ๑๘๒ ที่บอกวา ในการแปลใส คําวา 'แลว' เหมอื นปพุ พกาลกิรยิ า, ขอแกเปน ไมแ ปล ' แลว ' ตาม อภิธานนปั ปทกี าฉบบั บาลีแปลเปนไทย ของสมเด็จพระสังฆราชเจา กรมหลวงชนิ วรสิริวฒั น หนา ๔๓๖.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228