6.3 นักเรียนคนท่ี 1 ออกมาแสดงท่าทางบอกใบ้ถงึ อาชพี ที่จบั ได้ ให้เพื่อนในห้องชว่ ยกนั ตอบว่า 147 เปน็ อาชพี อะไร เมื่อตอบถูกเขียนช่ืออาชีพไว้บนกระดานดาจนครบทั้ง 4 คน 6.4 ครอู ธิบายเชอื่ มโยงถึงความสาคัญของอาชพี แตล่ ะประเภททนี่ ักเรยี นตอบ 6.5 นกั เรียนทาใบงาน “ลกู โซ่อาชีพ” 6.6 ส่มุ นักเรียนประมาณ 3-4 คน ออกมานาเสนอผลงานท่ีหนา้ ชัน้ เรยี น 6.7 ครูอธบิ ายความหมายของคาวา่ “อาชีพสจุ ริตหรอื สัมมาชีพ” ชัว่ โมงที่ 3 6.8 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-6 คน เรียกว่า กลุ่มบ้าน ให้สมาชิกในกลุ่มแต่ละคนเลือกหมายเลข ประจาตัว ตั้งแตห่ มายเลข 1-5 นักเรียนทไี่ ดห้ มายเลขเดียวกนั ใหไ้ ปร่วมกลมุ่ กนั เป็นกลุ่มใหม่ เรียกว่า กลมุ่ ผู้ส่อื ขา่ ว ให้แต่ละกล่มุ รว่ มกนั ยกตัวอยา่ งอาชพี ตามหวั ข้อ ดงั นี้ หมายเลข 1 อาชีพที่ไมเบียดเบียนผูอืน่ และไม่สรางความเดอื ดรอนเสยี หายแกสงั คม หมายเลข 2 อาชีพที่ชวยแกไขปญหา หรอื สรางสรรคชวี ติ และสงั คม หมายเลข 3 อาชีพท่ีชวยใหผูทาไดพัฒนาชีวิตของตนใหงอกงามย่ิงขึ้นทั้งดานพฤติกรรม ดานจิตใจ และดานปญญา หมายเลข 4 อาชพี ทที่ าใหชีวิตของตนมคี ณุ คานาภาคภูมใิ จ หมายเลข 5 อาชีพท่ีทาให ไดปจจัยเลี้ยงชีวิตมาดวยเรี่ยวแรงกาลังกายกาลังสติป ญ ญ า ความเพียรพยายาม ความสามารถและฝมือของตนและทาใหไดฝกฝนพัฒนาความเชี่ยวชาญยิ่งขึ้น 6.9 เมื่อนักเรียนกลุ่มผู้ส่ือข่าวทากิจกรรมที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อยแล้ว ให้กลับมาท่ีกลุ่มบ้านแล้ว ผลดั กันอภิปรายเพ่ือถ่ายทอดความรใู้ หส้ มาชกิ คนอื่นในกลุม่ บ้านฟัง 6.10 นักเรียนแต่ละกลุ่มทาใบงาน “คุณลักษณะของอาชีพสุจริต” แล้วให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออก นาเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรียน 6.11 นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ศึกษาความรู้เกี่ยวกับการทาขนมปังแซนด์จาก You tube จากน้ันให้ร่วมกันวางแผนเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ท่ีใช้ในการทาและเตรียมถุงสาหรับใส่แซนด์วิชเพื่อจาหน่าย ในชัว่ โมงต่อไป (ครูกาหนดให้เตรียมวสั ดุ อุปกรณใ์ หพ้ อสาหรับการทาแซนด์วิช 10 ชนิ้ ) ชั่วโมงท่ี 4 6.12 นักเรียนเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ให้พรอ้ มกอ่ นลงมอื ปฏิบตั ิ (เตรียมมาล่วงหนา้ ) 6.13 นักเรยี นลงมือปฏิบัตกิ ารทาแซนด์วิชตามสตู รท่นี กั เรียนคน้ ควา้ จากชัว่ โมงกอ่ น 6.14 นกั เรียนบรรจุแซนด์วชิ ใสถ่ งุ ใหเ้ รียบร้อย แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ นาไปจาหน่ายภายในโรงเรียน 6.15 นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ สรุปรายรบั ทีไ่ ด้จากการขายแซนด์วชิ แล้วเปรยี บเทียบกบั รายจา่ ยค่าวสั ดุอุปกรณ์ ในการทาแซนดว์ ิชวา่ ไดก้ าไรหรอื ขาดทนุ 6.16 มอบหมายงานให้นักเรียนทาใบงาน “ถอดบทเรียนจากแซนดว์ ิช” 6.17 ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปกิจกรรม
7. สอื่ /อปุ กรณ์ 148 7.1 ใบงานเรือ่ ง “คณุ ลักษณะของอาชีพสจุ ริต” 7.2 ใบงานเรอ่ื ง “ลูกโซอ่ าชีพ” 7.3 ใบงานเรื่อง “ถอดบทเรยี นจากแซนด์วิช” 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วธิ ีประเมิน 8.1.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครอื่ งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสังเกตการปฏิบตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตวั บ่งชี้ ผา่ น ใหค้ วามรว่ มมือในการจัดกจิ กรรม ปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมุ่งมน่ั ในการปฏิบัตงิ าน ไม่ผา่ น ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบตั ิกจิ กรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บง่ ช้ี ผ่าน การประเมนิ ใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบูรณ์ครบถ้วน และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา
ใบงำน 149 เร่อื ง “คุณลักษณะของอำชีพสจุ ริต” กลมุ่ บำ้ น ที.่ ............... สมาชิก 1…………………………………………….. สมาชิก 2…………………………………………….. สมาชิก 3…………………………………………….. สมาชิก 4…………………………………………….. สมาชิก 5…………………………………………….. คำชี้แจง ให้นกั เรยี นรว่ มกันสรุปคุณลกั ษณะของอาชีพสจุ ริต โดยรวบรวมขอ้ มลู ความรู้ และตวั อย่างอาชพี จากการเขา้ กลมุ่ นกั ข่าว คณุ ลักษณะของอำชีพสจุ รติ ไดแ้ ก่ 1……………………………………………………………………………………………… 2……………………………………………………………………………………………… 3……………………………………………………………………………………………… 4……………………………………………………………………………………………… 5………………………………………………………………………………………………
ใบงำน เรอ่ื ง “ลูกโซ่อำชีพ” ชอื่ -นำมสกลุ ............................................................................................ชัน้ ...............เลขท.ี่ .............. คำชี้แจง ให้นกั เรียนเขยี นชื่ออาชีพทต่ี นเองสนใจมากที่สุด 1 อาชพี ลงในวงกลม จากนน้ั ใหเ้ ขียนชือ่ อาชีพอ่นื ๆ ใหเ้ ชือ่ งโยงกบั อาชีพที่นักเรียนสนใจในรปู แบบผังความคิด (Mind Mapping) อำชีพทฉี่ นั สนใจ 150 ..............................
ใบงำน เร่ือง “ถอดบทเรยี นจำกแซนดว์ ชิ ” ช่อื -นำมสกลุ ..............................................................................................ช้นั .........เลขท.ี่ .......... คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นแสดงความรู้สึกต่อกิจกรรมในช่ัวโมงที่ 4 โดยใส่เครอื่ งหมายถูกลงในช่องทีต่ รงกับความรสู้ กึ ของนักเรยี นพร้อมท้ังให้เหตผุ ล กจิ กรรม ความรูส้ กึ เหตผุ ล 1. การวางแผนและเตรียมวัสดอุ ุปกรณใ์ นการทาแซนด์วชิ ชอบ ไม่ชอบ 2. การทาแซนด์วิชเพื่อจาหน่าย 3. การนาแซนดว์ ิชไปจาหนา่ ย 151 4. การพดู จงู ใจใหเ้ พ่ือนๆ ตกลงซ้อื แซนด์วชิ 5. เมือ่ เพื่อนในโรงเรยี นปฏิเสธทจี่ ะซ้ือแซนด์วชิ 6. การเปรียบเทียบรายรับและรายจา่ ยในการทา และจาหนา่ ยแซนดว์ ิช 7. ถ้าต้องทาอาชีพขายแซนด์วิช เปน็ เวลา 1 สปั ดาห์ 8. ถ้าต้องทาอาชีพขายแซนด์วิช เปน็ เวลา 1 เดือน 9. ถา้ ตอ้ งทาอาชีพขายแซนด์วชิ เป็นเวลา 1 ปี 10. ถา้ ต้องทาอาชพี ขายแซนดว์ ชิ ตลอดไป สรปุ 1. การทาแซนดว์ ิชและจาหนา่ ย จดั เป็นอาชีพประเภท............................................ 2. ความรู้สึกที่มีต่ออาชพี นี้ ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................
แผนกำรจดั กจิ กรรมแนะแนวที่ 22 หน่วยกำรจัดกจิ กรรม อำชีพ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี 4-6 เรื่อง รอบรู้ Idol จำนวน 2 ชั่วโมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั บคุ คลต้นแบบหรือบุคคลตัวอย่าง เป็นแบบอย่างในการดาเนินชีวิต เช่น ความสาเร็จของบุคคลต้นแบบ แนวคิด แนวทางการแก้ปัญหา ความพยายาม ความมั่นใจ ความคิดสร้างสรรค์ ความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน เพ่ือความสาเร็จ ความซื่อสัตย์ และเคารพสิทธิของผู้อื่น ดังน้ันการเลือกอาชีพจาเป็นต้องรู้คุณลักษณะสาคัญของ การประกอบวชิ าชีพน้ันๆ ถงึ จะประสบความสาเร็จ 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดา้ นอาชพี ข้อท่ี 1 การเรยี นรูเ้ กย่ี วกับอาชพี 3. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 152 3.1 อธบิ ายเหตผุ ลในการเลือกอาชีพให้เหมาะสมกบั ตนเองได้ 3.2 เลือกบุคคลตัวอย่างดา้ นอาชพี ท่เี ปน็ Idol ได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 บคุ คลต้นแบบอาชีพ 4.2 เหตุผลในการเลอื กอาชีพ 5. ชนิ้ งำน/ภำระงำน 5.1 ปฏบิ ัติกิจกรรมใบงานเหตุผลในการเลือกอาชพี 5.2 ศึกษา/ค้นหาบคุ คลตน้ แบบอาชพี ท่ีสนใจ 6. วธิ กี ำรจัดกิจกรรม ชั่วโมงท่ี 1 6.1 ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาถึงอาชีพที่นักเรียนอยากเป็น อาทิ อาชีพตารวจ พยาบาล แพทย์ ค้าขาย นกั แสดง นักรอ้ ง วศิ วกร เป็นต้น 6.2 สุ่มนกั เรียนนาเสนอความคดิ เห็นเกี่ยวกบั อาชพี ต่างๆ ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายถงึ เหตุผล ทีแ่ ต่ละคนตอบ 6.3 แจกใบกิจกรรมให้นักเรียนวาดภาพตนเองในอนาคตเกี่ยวกับอาชีพที่ตนเองอยากเป็น พร้อมเขียน ลักษณะงานอาชีพ คุณสมบัติ แรงจงู ใจที่อยากทา ฯลฯ เพอ่ื เป็นพ้นื ฐานการเลือกอาชพี ท่ตี นสนใจ 6.4 ครแู ละนักเรียนสรปุ กจิ กรรมช่ัวโมงนี้ และให้นกั เรยี นนาผลงานจัดปา้ ยนเิ ทศในชน้ั เรียน ชว่ั โมงที่ 2 6.5 นักเรียนดูคลิปบคุ คลท่ีประสบความสาเรจ็ ในอาชีพ และสนทนาแลกเปลย่ี นเก่ียวกับเนอ้ื หาจากคลปิ
6.6 ครูให้นักเรียนทุกคนบอกบุคคลที่เป็นต้นแบบอาชีพหรือไอดอลด้านอาชีพท่ีนักเรียนสนใจ โดยให้ 153 ออกมานาเสนอวา่ ไอดลอาชีพ คือใคร เพราะอะไรจึงเลอื กบุคคลน้เี ป็นตน้ แบบ 6.7 นักเรียนทาใบงานเร่ือง เหตุผลในการเลือกอาชีพ หลังจากน้ันสุ่มนักเรียนนาเสนอหน้าชั้นเรียน ครใู ห้นักเรียนส่งใบงานเพอ่ื ประเมิน และให้นักเรยี นนาผลงานจัดป้ายนิเทศ 6.8 ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปว่า “อาชีพ หมายถึง การทางานท่ีมีผลตอบแทนในรูปของรายได้ เพ่ือนาไปดารงชีวิตต่อไป ซึ่งจาเป็นจะต้องมีคุณลักษณะในการประกอบวิชาชีพ เช่น ขยันอดทน มีความเพียร พยายาม ซื่อสัตย์” ส่วนการแสวงหาบุคคลต้นแบบด้านอาชีพ ในปัจจุบันมีหลากหลายอาชีพข้ึนอยู่กับความสนใจ ในการเลอื กอาชีพซึ่งควรสอดคลอ้ งกบั คุณสมบตั ิของนักเรยี น เชน่ ลักษณะงาน บุคลกิ ภาพ ความถนัด ทกั ษะฯลฯ 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 คลปิ บคุ คลที่ประสบความสาเร็จในอาชพี . 7.2 ใบงานเร่อื ง เหตผุ ลในการเลอื กอาชีพ 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วธิ ปี ระเมนิ 8.1.1 สังเกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครอ่ื งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏิบตั ิกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้ ผา่ น ให้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมด้วยความรับผิดชอบ และมคี วามม่งุ มัน่ ในการปฏิบัติงาน ไมผ่ า่ น ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผ่าน การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบูรณ์ครบถว้ น และสง่ ตรงต่อเวลา ไม่ผา่ น ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบูรณค์ รบถ้วน และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา
ใบกจิ กรรม วำดภำพอำชีพท่ีอยำกเป็น ชอื่ -สกลุ .....................................................................................................ชนั้ ................ ...เลขท.่ี .................. คำชี้แจง ให้นักเรียนวาดภาพตนเองเกี่ยวกบั อาชพี ที่อยากเปน็ แล้วนาผลงานจัดป้ายนเิ ทศในช้นั เรยี น 154 ชื่ออำชพี ................................................. ลักษณะงานอาชีพ............................................................................................................... ....... ............................................................................................... ........................ คณุ สมบัติทฉ่ี นั มี คือ................................................................................................................... ................................................................................................................... แรงจงู ใจที่อยากทางานอาชีพนี้.................................................................................................... ………………………………………………………………………………………………………..
ใบงำน 155 เรื่อง เหตผุ ลในกำรเลอื กอำชพี ช่อื -สกลุ .....................................................................................................ชน้ั ................ ...เลขท่ี................... คำชี้แจง ให้นกั เรียนตอบ คาถามต่อไปนใี้ ห้สมบรูณ์ 1. นกั เรียนระบุอาชพี ทต่ี นเองสนใจ 1 อาชพี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. อธบิ ายเหตุผลในการเลือกอาชพี น้นั ๆ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. บคุ คลตน้ แบบด้านอาชีพท่นี กั เรียนสนใจ คอื ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เหตุผลทีเ่ ลอื กบุคคลต้นแบบอาชีพคนนี้ เพราะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวท่ี 23 หน่วยกำรจัดกิจกรรม อำชีพ ช้นั ประถมศกึ ษำปีท่ี 4-6 เรอื่ ง พลกิ ฝนั กูรู จำนวน 2 ช่ัวโมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั สื่อเป็นช่องทางในการเรียนรู้ที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้ง่ายท่ีสุด เช่น ส่ือโทรทัศน์เป็นช่องทางให้นักเรียน 156 เขา้ ถึงและติดตามข่าวสารท่เี ปน็ ความรู้รอบตวั หรือ อินเตอรเ์ ปน็ ช่องทางในการค้นคว้า ขอ้ มูล ความรู้ และวชิ าการ ต่างๆ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา มีการพัฒนารวดเรว็ และสงู ข้ึน ขณะที่ประเภทและความหลากหลายของส่ือ ต่างๆ ทาให้การรู้เท่าทันส่ือ (Media Literacy) ของนักเรียนไม่เพียงพอ ประกอบกับเด็กในวัยนี้ยังขาดวุฒิภาวะ ในการเลือกรับส่ือ จึงก่อให้เกิดความเส่ียงในการรับรู้ หรือเสพสื่อในทางท่ีไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมสาหรับการเรียนรู้ เพื่อประโยชน์เชิงพัฒนาการของเด็กได้ง่าย ครู พ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงควรให้ความรู้ท้ังในแง่บวกและแง่ลบ โดยระบุถึงเงื่อนไข และวิธีการเลือกรับหรือนาส่ือไปใช้ในทางที่เอ้ือประโยชน์ พร้อมทั้งคาแนะนา หรือ คาเตือน ในกรณที ่ีอาจเกดิ โทษขึ้น อาชีพ เป็นการทางานท่ีมีผลตอบแทนในรูปของรายได้ สามารถนาไปใช้ในการดารงชีวิต ซ่ึงจาเป็น จะต้องมีคุณลักษณะในการประกอบวิชาชีพ อาทิ ความขยันอดทน ความเพียรพยายาม ความซ่ือสัตย์ การค้นหา ข้อมูลอาชีพด้วยส่ือที่หลากหลาย ข่าวสาร สามารถเลือกรับข้อมูลอาชีพใหม่ที่เกิดข้ึนในปัจจุบันซึ่งเป็นช่องทางใน การใหน้ กั เรียนมีขอ้ มลู อาชพี เพอื่ ประกอบการวางแผนศึกษาต่อและการมีงานทาในอนาคตต่อไป 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นอำชีพ ข้อที่ 3 มีทกั ษะการตัดสินใจเพื่อวางแผนการศึกษาเพ่ือการมงี านทาเต็มตามศกั ยภาพ 3. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 3.1 ค้นหาขอ้ มลู อาชพี ท่ตี นเองสนใจจากแหล่งข้อมลู ท่นี า่ เช่อื ถอื ได้ 3.2 เลือกรับหรือไม่รบั ข้อมูล ขา่ วสาร ด้วยหลกั เหตผุ ล และความรอบคอบได้ 4. สำระกำรเรยี นรู้ 4.1 ค้นหาขอ้ มลู อาชีพท่สี นใจ 4.2 การเลือกรบั ข้อมูลอาชีพที่หลากหลาย 5. ช้ินงำน/ภำระงำน 5.1 ทากิจกรรมดอกไม้อาชพี 5.2 ราวง
6. วิธกี ำรจดั กิจกรรม 157 ช่ัวโมงที่ 1 6.1 แบ่งกลมุ่ นักเรยี น ประมาณกลมุ่ ละ 5 – 7 คน ให้สมาชกิ ในกลุ่มเลอื กประธานและเลขานกุ ารกลุม่ 6.2 นักเรียนอภิปรายร่วมกันภายในกลุ่มย่อยว่า อาชีพ หมายถึงอะไร โดยสืบค้นข้อมลู จากอินเตอร์เน็ต และอา้ งองิ ที่มาของขอ้ มลู แลว้ ส่งตัวแทนออกมารายงาน 6.3 แจกดอกไม้อาชพี ใหน้ กั เรยี นคนละ 1 ดอก ใหน้ กั เรยี นเขยี นขอ้ ความลงในใบงาน “ดอกไมอ้ าชีพ” ชว่ั โมงที่ 2 6.4 นักเรียนลอ้ มวงหน้าชั้นเรยี นเป็นวงกลม 6.5 ครูเปิดเทปเพลงราวงให้นักเรียนราวงไปเร่ือย ๆ ครูบอกกติกาว่า เม่ือครูเป่านกหวีด ให้นักเรียน เข้ากลุ่มอาชพี เดียวกัน และอภปิ รายภายในกลมุ่ ตามทตี่ นเขยี นในดอกไม้อาชีพ 6.6 นาดอกไม้อาชีพของนักเรยี นจดั ป้ายนิเทศ 6.7 ครแู ละนักเรยี นช่วยกนั สรุปวา่ 1) อาชีพ หมายถึง การทางานที่มีผลตอบแทนในรูปของรายได้ เพ่ือนาไปดารงชีวิตต่อไปซึ่งจาเป็น จะต้องมคี ุณลกั ษณะในการประกอบวชิ าชีพ อาทิน ความขยันอดทน มีความเพยี รพยายาม ความซ่อื สตั ย์ เปน็ ตน้ 2) ครูเพิ่มเติมความสาคัญและความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลต่างๆ ท่ีนักเรียนสืบค้น โดยเฉพาะ ขอ้ มลู จากอินเตอร์เนต็ 3) ครูแนะนาเว็บไซต์สาหรับค้นคว้าด้านอาชีพให้นักเรียนสืบค้นคว้าข้อมูลที่น่าเช่ือถือได้ เช่น คน้ ควา้ ฐานขอ้ มลู อาชีพจากเว็บไซต์ กลุ่มพัฒนาระบบงานแนะแนว ของ สพฐ. เวบ็ กรมการจัดหางาน เปน็ ต้น 7. สื่อ/อปุ กรณ์ 7.1 ใบงาน ดอกไม้อาชพี 7.2 นกหวีด 7.3 เทปเพลงราวง 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วิธีประเมนิ 8.1.1 สงั เกตการปฏิบตั ิกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครือ่ งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน
8.3 เกณฑ์กำรประเมนิ ตัวบ่งช้ี 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม เกณฑ์ ผา่ น ให้ความร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมุง่ ม่นั ในการปฏิบัติงาน ไมผ่ ่าน ไม่ให้ความร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั ิกิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บง่ ช้ี ผา่ น การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไม่ผ่าน ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบรู ณค์ รบถว้ น และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา 158
ใบงำน เร่ือง ดอกไมอ้ ำชีพ ชื่อ-สกลุ .......................................................................................ชน้ั ...................เลขท.่ี ............. คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนเขยี นข้อควำมลงในดอกไม้อำชพี ดังนี้ 159 ส่วนเกสร เขียนชื่ออำชีพ 1 อำชีพ ท่ีตนเองร้จู กั กลีบดอกที่ 1 ให้เขยี นคุณสมบตั ิของตนเอง ได้แก่ ควำมถนดั ควำมสนใจ บคุ ลกิ ภำพ ระดับสตปิ ัญญำ กลบี ดอกที่ 2 ใหเ้ ขียนลักษณะอำชีพท่ตี นสนใจมรี ำยละเอียด ดังนี้ - ลกั ษณะงำน คณุ สมบัตขิ องผปู้ ระกอบอำชีพ กลบี ดอกท่ี 3 - สถำบนั กำรศึกษำ กำรฝึกอบรมเพื่อเขำ้ สู่อำชพี - รำยได้ ควำมก้ำวหน้ำ เขยี นส่ิงทีน่ กั เรยี นต้องปรับปรงุ เพอ่ื ใหส้ อดคล้องกับอำชีพทต่ี นสนใจ
แผนกำรจดั กิจกรรมแนะแนวที่ 24 หน่วยกำรจัดกจิ กรรม อำชีพ ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 4-6 เรอื่ ง ตำมหำควำมฝนั จำนวน 2 ชั่วโมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ บุคคลจะมีลักษณะความสนใจเป็นลักษณะเฉพาะของตนเอง ซ่ึงมีความสัมพันธ์กับลักษณะของบุคคล 160 และมีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพของบุคคลน้ันๆ ความสนใจอาชีพของบุคคลตามทฤษฎีพัฒนาการดานอาชีพ ของกินซเบอรก (Ginzberg’s Theory of Career Development) เริ่มต้ังแต่วัยเด็กจนถึงอายุ 11 ป โดยเด็ก จะคิดเก่ยี วกับอาชีพในรูปของความปรารถนา มีความเพอฝนถึงอาชีพตาง ๆ ที่ตนชอบและอยากจะประกอบอาชีพ น้ัน ๆ โดยท่ีไมคานึงถึงความสามารถของตนเองและความเปนไปได พัฒนาการทางอาชีพของนักเรียน ในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 จัดอยู่ในระยะพิจารณาอาชีพ (Tentative Period) โดยจัดอยู่ในข้ัน ความสนใจอาชีพ (Interest Stage) ซึ่งเปนพื้นฐานข้ันแรกในการเลือกอาชีพโดยไม่คานึงถึงความสามารถ ท่ีแทจริง (Ginzberg,1974, pp. 37-40 อ้างถงึ ใน ณัฐอรยี า สขุ สวุ รรณพร, 2553) 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนอำชีพ ขอ้ ที่ 3 มที ักษะการตดั สนิ ใจเพือ่ วางแผนการศึกษาเพื่อการมงี านทาเต็มตามศกั ยภาพ 3. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 3.1 ยกตัวอย่างอาชีพทตี่ นเองสนใจตามความใฝ่ฝันได้ 3.2 บอกอาชีพที่ตนเองสนใจได้ 5 อาชพี 4. สำระกำรเรียนรู้ การร้จู ักอาชีพทหี่ ลากหลาย 5. ชิน้ งำน/ภำระงำน (ถำ้ มี) สารวจความสนใจดา้ นอาชีพ 6. วธิ ีกำรจดั กิจกรรม ชั่วโมงที่ 1 6.1 นักเรียนยกตัวอย่างชื่อและอาชีพของบุคคลท่ีนักเรียนรู้จักคนละ 1 - 2 ชื่อ เช่น ป้าแก้วขายส้มตา น้าสมศรเี ปน็ หมอนอนามัย ลุงดนยั เปน็ ตารวจ เปน็ ตน้ ครเู ขยี นชื่ออาชพี ไว้บนกระดานโดยเลอื กทีไ่ ม่ซ้ากัน 6.2 ครูและนกั เรียนร่วมกนั จัดประเภทของอาชีพ เช่น แรงงาน ค้าขาย เกษตรกรรม รบั ราชการ เปน็ ต้น 6.3 นักเรียนแต่ละคนเลือกอาชีพท่ีอยากเป็นใครตามรายช่ือ และอาชีพบนกระดานดาที่ครูเขียนไว้ หรือ อาชพี อนื่ ทไี่ มม่ บี นกระดานดา และบอกเหตุผลในการเลอื กบุคคลและอาชีพน้ันๆ 6.4 นักเรยี นอภิปรายตามประเด็น ตอ่ ไปน้ี
1) ทาไมคนจงึ ประกอบอาชีพไมเ่ หมือกนั 161 2) การเลอื กประกอบอาชพี ของคนเรามีเหตุผลอย่างไร 3) การรู้เหตุผลในการประกอบอาชีพทุกอาชีพมีประโยชน์อย่างไร 6.5 ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปว่า “การประกอบอาชีพทุกอาชพี ท่ีสุจริต มีประโยชน์ตอ่ ตนเอง ในดา้ นรายได้เลยี้ งตนเองและครอบครวั เป็นประโยชน์ตอ่ สงั คม ไมเ่ ป็นคนวา่ งงาน ดังนน้ั การเลอื กประกอบอาชพี จึงตอ้ งมีความรอบคอบมีเหตุผลต่อการเลอื กอาชพี อย่างถูกต้อง” ช่ัวโมงท่ี 2 6.6 ครชู ี้แจงวิธกี ารทาแบบสารวจความสนใจด้านอาชพี 1) นักเรยี นทาแบบสารวจ หลังจากนั้นจับคู่เพือ่ นทีเ่ ลือกอาชีพลาดับที่ 1 เหมือนกันแล้วช่วยกันตอบ คาถามดงั น้ี 2) เพราะเหตุใดจงึ สนใจอาชพี นี้มากทส่ี ุด 3) นักเรียนมจี ดุ เด่นท่ีเหมาะสมกับอาชีพน้ีอย่างไรบ้าง 6.5 สุ่มนักเรยี นนาเสนอผลงาน ครูใหข้ ้อเสนอแนะ เสริมแรงชมเชยการนาเสนอผลงานนกั เรยี น 6.8 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุป “ความสนใจในอาชีพ มีความสัมพันธ์กับความถนัดและคุณสมบัติอื่นๆ การสารวจอาชีพที่สนใจในครอบครัว ชุมชนช่วยให้นักเรียนรู้จักอาชีพต่างๆมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน ในการเลอื กประกอบอาชีพ จาเป็นตอ้ งมีความรอบคอบ และมเี หตผุ ลต่อการเลือกอาชีพอยา่ งเหมาะสม” 7. ส่อื /อปุ กรณ์ 7.1 ตัวอย่างอาชีพ 7.2 แบบสารวจความสนใจด้านอาชีพ 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วิธปี ระเมนิ 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ัติกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครื่องมือประเมิน 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน/แบบสารวจความสนใจในอาชีพ 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผา่ น ให้ความรว่ มมือในการจัดกจิ กรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมด้วยความรับผิดชอบ และมคี วามมุ่งม่ันในการปฏิบัติงาน ไมผ่ ่าน ไม่ใหค้ วามร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบัตกิ จิ กรรมไม่ครบทกุ รายการ
8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้ ผ่าน การประเมนิ ใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงตอ่ เวลา ยกตวั อย่างอาชีพที่ตนเองสนใจได้ อยา่ งน้อย 3 อาชพี ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถูกต้องสมบรู ณ์ครบถ้วน และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา ไม่สามารถยกตัวอยา่ งอาชีพที่ตนเองสนใจได้ 162
ใบงำน เรือ่ ง สำรวจควำมสนใจด้ำนอำชพี ชอ่ื -สกลุ .......................................................................................ช้ัน...................เลขท่.ี ............. คำชี้แจง ให้นกั เรยี นสารวจอาชพี เพยี ง 5 อาชพี ต่อไปน้ี นักเรยี นชอบอาชีพใดมากทส่ี ดุ โดยใส่เคร่อื งหมาย หนา้ อาชีพที่นักเรียนเลอื ก ถา้ ไม่มีในแบบสารวจสามารถเขียนเพิม่ เติมไดท้ ั้ง 5 อาชพี นกั ฟตุ บอล นักธรุ กิจ 163 นกั ร้อง พนักงานธนาคาร ดารา นกั บิน นักกีฬาอาชพี แอร์โฮสเตส ครูสอนฟุตเนส ครู เกษตรกร ช่างอุตสาหกรรม นกั โบราณคดี พนกั งานไปรษณยี ์ คา้ ขาย อาชพี อิสระ มคั คเุ ทศนน์ าเทีย่ ว ทาธรกจิ สว่ นตวั นักข่าว ช่างเสรมิ สวย พนักงานขายสินคา้ นกั บญั ชี วิศวกร ขายสลากกนิ แบ่งรฐั บาล ทนายความ ซักอบรีด ขายสนิ ค้าออนไลน์ เจา้ ของกจิ การ/ธรุ กจิ ต่างๆ พนกั งานล้างรถ อนื่ ๆ............................................................... สรุปอาชพี ที่สนใจ 5 อาชีพ เหตผุ ลทีส่ นใจอาชีพเหลา่ น้ี 1...................................2........................................... ................................................................................ 3...................................4........................................... ................................................................................ 5................................................................................ ………………………………………………………………………
แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนว ดำ้ นส่วนตวั และสงั คม 164
แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวท่ี 25 หนว่ ยกำรจัดกิจกรรม ส่วนตัวและสังคม ช้ันประถมศึกษำปีท่ี 4 - 6 เรอื่ ง พัฒนำกำรตำมช่วงวัย จำนวน 2 ช่วั โมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั นักเรียนอายุระหว่าง 9 – 12 ปี มีพัฒนาการทางร่างกาย ได้แก่ รูปร่างสูง และค่อนข้างจะผอมกว่า วัยอนุบาล เด็กชายและเด็ก หญิงจะมีน้าหนักและส่วนสูงขนาดเท่าๆกัน มีน้าหนักเพ่ิมขึ้นประมาณ 3 - 3.5 กิโลกรัมต่อปี และมีความสูงเพ่ิมขึ้นปีละประมาณ 6 เซนติเมตร กล้ามเนื้อมีกาลังและทางานประสานกัน ของกล้ามเนอ้ื ซบั ซ้อนมากขึ้น การใช้และบังคบั กล้ามเนื้อตา่ งๆจะดีขึน้ มาก 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนส่วนตัวและสงั คม ข้อที่ 1 1. รจู้ กั และเขา้ ใจตนเอง 3. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 3.1 สารวจสงิ่ ทีเ่ ปลีย่ นแปลงของร่างกายตามวยั 3.2 สรปุ สิง่ ที่เปล่ยี นแปลงของร่างกายตามวยั 4. สำระกำรเรียนรู้ 165 การพฒั นาตามช่วงวัย 5. ช้ินงำน/ภำระงำน บนั ทกึ การสารวจรา่ งกาย 6. วิธกี ำรจดั กจิ กรรม ชั่วโมงท่ี 1 6.1 นักเรียนดูภาพที่แสดงพัฒนาการตามช่วงวัยแล้วเปรียบเทียบส่ิงต่าง ๆ ของร่างกายในช่วงวัยของตน กับช่วงวัยทผี่ ่านมา จากน้ันส่มุ นักเรียนตอบคาถาม 6.2 นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายวา่ ส่ิงต่าง ๆ ของร่างกายทมี่ กี ารเปลยี่ นแปลงจากเดิม มอี ะไรบา้ งให้นักเรยี น ออกมานาเสนอพฒั นาการตามชว่ งวัยของตนเอง ครปู ระเมิน ตรวจสอบการนาเสนอพฒั นาการตามชว่ งวัยและ เสนอแนะเพิม่ เติม 6.3 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ กิจกรรม ช่ัวโมงท่ี 2 6.4 ครูและนักเรียนร่วมกนั ทบทวนกจิ กรรมในชว่ั โมงท่ี 1 แจ้งจุดประสงค์การเรียนรใู้ หน้ กั เรียนทราบ 6.5 แบ่งกลุ่มนกั รียน กลุม่ ละ 5-7 คน ให้นกั เรียนช่วยกันสารวจสิง่ ทเี่ ปลี่ยนแปลงทางรา่ งกายตามวัย และร่วมกนั สรุปสิง่ ท่ีเปลีย่ นแปลงของรา่ งกายตามวัย แลว้ ทาใบงานลงในแบบบันทึกการสารวจรา่ งกาย และ สรุปผลลงในแบบบนั ทกึ ระดับคณุ ภาพการปฏบิ ตั ิงานรายบุคคล
6.6 ให้ตัวแทนกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานของกลุ่ม ครใู หก้ ารเสริมแรงและชมเชยกลมุ่ ทท่ี างานสมบรู ณ์ 166 และเพ่ิมเตมิ แกก่ ลุ่มทยี่ ังทางานไมส่ มบูรณ์ ถกู ต้องและครบถ้วน ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ กิจกรรม 7. ส่ือ/อุปกรณ์ 7.1 ใบงานเรอ่ื ง เล่าเรื่องจากจินตนาการ 7.2 ใบงานเร่ือง บันทึกการสารวจรา่ งกาย 7.3 ใบงานเรอื่ ง 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 8.1 วิธปี ระเมิน 8.1.1 สังเกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครื่องมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสังเกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี ผา่ น ให้ความร่วมมือในการจัดกจิ กรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดว้ ยความรบั ผิดชอบ และมคี วามม่งุ มัน่ ในการปฏิบัติงาน ไม่ผา่ น ไมใ่ หค้ วามรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี ผ่าน การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบูรณ์ครบถ้วน และส่งตรงตอ่ เวลา ไม่ผา่ น ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา
แบบบันทกึ กำรสำรวจร่ำงกำย ช่ือกลุม่ .................................................................................................................... ............................ ชื่อสมาชิกในกลุ่ม 1……………………………………… 4………………………………………. 2……………………………………… 5………………………………………. 3……………………………………….. ข้อมูลกำรเปล่ียนแปลงของร่ำงกำย รำยกำรทเ่ี ปลยี่ นแปลง เปลย่ี นแปลงอยำ่ งไร 167 ข้อมูลทก่ี ลุ่มบอก ………………………………………………......………………… ………………………………………………......………………… ……………………………….……………………………………… ……………………………….……………………………………… …………..………………………………………………....……… …………..………………………………………………....……… ………………………………………….…………………………… ………………………………………….…………………………… ขอ้ มูลทเี่ พ่ิมเติม ………………………………………………......………………… ………………………………………………......………………… ……………………………….……………………………………… ……………………………….……………………………………… …………..………………………………………………....……… …………..………………………………………………....……… ………………………………………….…………………………… ………………………………………….……………………………
แบบบนั ทกึ ระดับคุณภำพกำรปฏิบัติงำนรำยบุคคล คำช้แี จง บันทึกระดบั คณุ ภาพการปฏิบัติงาน และใบงานลงในช่องแล้วสรุประดบั คุณภาพตามเกณฑ์ เลขท่ี ชื่อ-สกลุ ระดับคณุ ภำพกำรปฏบิ ัตงิ ำน สรปุ ระดบั คุณภำพ เลำ่ เรอ่ื ง เชอ่ื มโยง แตง่ เรอ่ื ง 168 เกณฑ์กำรพจิ ำรณำ ระดบั คุณภาพ ดี ดี 2 ใบงาน ระดับคุณภาพ พอใช้ มี ดแี ละพอใชเ่ ทา่ นั้น ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง มี ปรบั ปรุง
แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวที่ 26 หน่วยกำรจดั กิจกรรม ส่วนตัวและสงั คม ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ 4 - 6 เร่ือง รเู้ ขำ ร้เู รำ จำนวน 2 ช่ัวโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั การรับรู้อารมณ์ของตนและผู้อื่น จะช่วยให้เราแสดงพฤติกรรมต่อบุคคลเหล่าน้ันได้อย่างเหมาะสม การแสดงออกทางอารมณ์ที่ดี ย่อมส่งผลให้บคุ คลมคี วามม่ังคงทางอารมณ์ ทาให้การดาเนินชีวิตในสงั คมอยู่อย่างมี ความสุข การรู้เข้าใจตนเองและผู้อ่ืน รู้จักการจัดการกับอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม แสดงอารมณ์สอดคล้องกับวัย และสถานการณ์ จึงเป็นบุคคลที่มีความฉลาดทางอารมณ์และมีอารมณ์เชิงบวก จะทาให้นักเรียนสามารถปรับตัว เขา้ กบั ผอู้ น่ื ได้และอยูใ่ นสังคมอย่างมคี วามสขุ 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนส่วนตวั และสงั คม ข้อท่ี 1 รู้จักและเขา้ ใจตนเอง ขอ้ ที่ 2 รกั และเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผู้อ่นื 3. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 169 3.1 อธบิ ายการเกิดความคดิ ความร้สู ึก อารมณ์ของบุคคล 3.2 ระบุความคิด ความรสู้ ึกของตนเองเม่ือกระทบกบั เหตุการณต์ ่างๆ ได้ 3.3 จาแนกความคดิ ความรสู้ ึก อารมณด์ า้ นบวกและลบได้ 4. สำระกำรเรยี นรู้ 4.1 การรบั ร้อู ารมณ์และการแสดงออกทางอารมณ์ 4.2 การรู้จกั เขา้ ใจตนเองและผอู้ ่ืน 5. ช้นิ งำน/ภำระงำน 5.1 ใบงานเรอื่ ง หน้าฉนั อารมณฉ์ นั 5.2 บนั ทกึ การสังเกตความคดิ ความรู้สกึ อารมณ์ 6. วิธกี ำรจดั กิจกรรม ชั่วโมงท่ี 1 6.1 ครนู าเขา้ สู่บทเรียนโดยใช้คาถาม เช่น นกั เรยี นเคยโกรธหรือไม่ เพราะเหตุใด นักเรียนเคยเสยี ใจหรอื ไม่ เพราะเหตุใด นักเรียนเคยเกลียดหรอื ไม่ เพราะเหตุใด นักเรยี นเคยรักหรอื ไม่ เพราะเหตุใด
แลว้ รว่ มกันสรปุ การเกิดความคดิ ความรู้สึก อารมณ์ว่าเกิดจากการมีสิง่ ต่างๆ กระทบกับตัวเราดังแผนภมู ิ สิ่งเร้า 1 สงิ่ เรา้ 2 ตวั เรา ความคิด ความร้สู กึ อารมณ์ สง่ิ เรา้ 3 เชน่ อากาศร้อนอบอ้าวมากกระทบตวั เรา เราร้สู ึกร้อนอารมณก์ ็จะหงดุ หงิด เปน็ ตน้ 170 6.2 แจกกระดาษรูปหัวใจ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนเขียนความคิด ความรู้สกึ อารมณ์ทเี่ คยเกดิ ข้ึน พร้อมระบสุ าเหตุ โดยเขยี นแผ่นละ 1 ประเด็น และจะเขยี นคนละก่ีแผน่ กไ็ ด้ 6.3 นักเรียนแต่ละคนนากระดาษรูปหัวใจท่ีเขียนแล้วไปติดบนกระดาษแผ่นใหญ่ แยกตามลักษณะ ความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ ชว่ั โมงที่ 2 6.4 นากระดาษแผ่นใหญ่ในข้อ 3 (จากกจิ กรรมคร้ังท่ผี า่ นมา) ร่วมอภปิ รายให้ได้ข้อสรุป ดังน้ี 6.5 นกั เรียนแต่ละคนทาใบงานเรื่อง หนา้ ฉัน อารมณฉ์ นั 6.6 นักเรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 7 คน ร่วมกันพิจารณาผลงานของแต่ละคนแล้วสรุปเป็นภาพรวม ของกลมุ่ ( ใชใ้ บงาน เรือ่ ง หน้าฉนั อารมณฉ์ นั กลุม่ ละ 1 ใบงาน) 6.7 นักเรยี นไดร้ ับแบบบันทึกการสงั เกตความคิด ความรสู้ ึก อารมณ์ คนละ 1 แผน่ 6.8 นักเรียนปฏบิ ตั กิ ารสังเกตบคุ คล 3 กลุ่ม ได้แก่ ครู เพอ่ื น ผปู้ กครอง กลุ่มละ 1 คน
7. ส่ือ/อปุ กรณ์ 171 7.1 กระดาษรปู หัวใจ 3 เทา่ ของจานวนนกั เรียน 7.2 กระดาษชาร์ต 3 แผ่น 7.3 กระดาษกาวย่น 2 มว้ น 7.4 ใบงาน เร่อื ง หนา้ ฉัน อารมณฉ์ นั เทา่ จานวนนักเรยี นร่วมกบั จานวนกลุ่มยอ่ ย 7.5 แบบบันทึกการสังเกตความคิด ความรสู้ ึก อารมณ์ 8. กำรวัดและประเมนิ ผล 8.1 วธิ ปี ระเมนิ 8.1.1 สงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน/ตรวจบนั ทกึ การปฏิบัติงานรายบุคคล 8.2 เครอ่ื งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏิบัติกิจกรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน/ แบบบันทกึ การปฏบิ ตั งิ านรายบคุ คล 8.3 เกณฑก์ ำรประเมนิ 8.3.1 การสงั เกตการปฏบิ ัติกิจกรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผ่าน ให้ความรว่ มมือในการจัดกจิ กรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมด้วยความรับผดิ ชอบ และมคี วามมุ่งมั่นในการปฏิบัตงิ าน ไม่ผ่าน ไม่ให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผ่าน การประเมนิ ใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และส่งตรงตอ่ เวลา ไม่ผา่ น ใบงานไม่ถูกตอ้ งสมบูรณ์ครบถ้วน และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา
แบบบันทกึ ระดับคณุ ภำพกำรปฏิบตั ิงำนรำยบุคคล ช่อื .............................................................................................................................. คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นบันทกึ ระดบั คุณภาพการปฏิบัตงิ านและใบงานลงในช่องแล้วสรปุ ระดับคุณภาพตามเกณฑ์ ที่ ชอื่ –สกลุ ระดบั คณุ ภำพกำรปฏบิ ัตงิ ำน สรุประดบั คณุ ภำพ หน้ำฉัน อำรมณฉ์ ัน แบบบนั ทกึ 172 เกณฑ์กำรพิจำรณำ ระดบั คุณภาพ ดี ดี 2 ใบงาน ระดับคุณภาพ พอใช้ มี ดีและพอใช่เทา่ นนั้ ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง มี ปรับปรงุ
กระดำษรูปหัวใจ ขนำด 3 x 3 ความคิด ความรู้สึก สาเหตุ อารมณ์ที่เคยมี กระดำษชำร์ต 173 ดใี จ เสยี ใจ รัก โกรธ เกลียด อำรมณ์ ควำมรู้สึก กลวั ตนื่ เต้น อืน่ ๆ ใบงำน
เร่ือง “หนำ้ ฉนั อำรมณฉ์ นั ” ลักษณะใบหนา้ อารมณ์ ความรู้สึก ……………………………………… ……………………………………… …………………………..………….. ………………………………………. ………………………………………. …………………………………….. ………………………………………. 174 ………………………………………. …………………………………….. …………………………..………….. ชือ่ กลุม่ .....................................................ชัน้ ........................ ชื่อสมาชกิ ในกลุ่ม 1………………………………………………………. 2………………………………………………………. 3………………………………………………………. 4………………………………………………………. 5………………………………………………………. 6……………………………………………………….
แบบบนั ทึกกำรสังเกต ควำมคดิ ควำมรูส้ ึก อำรมณ์ วนั ท่ี บุคคล อำรมณ์ ควำมรู้สึก รไู้ ด้อย่ำงไร 175 ชื่อผ้บู ันทึก............................................................................. ช้นั ...............................................................................................
แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวท่ี 27 หน่วยกำรจัดกจิ กรรม ส่วนตัวและสังคม ช้นั ประถมศกึ ษำปที ี่ 4 - 6 เรื่อง รับได้ ใจเปน็ สุข จำนวน 2 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั บุคลิกภาพของบุคคลมีความแตกต่างกัน ซึ่งมีทั้งด้านบวกและด้านลบ หากยอมรับความจริงก็สามารถ ปรบั เปลยี่ นบคุ ลกิ ภาพใหเ้ หมาะสมได้ 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นส่วนตวั และสงั คม ขอ้ ที่ 1 รู้จกั และเข้าใจตนเอง ข้อที่ 4 ปรับตัวและดารงชวี ติ อยูใ่ นสังคมได้อยา่ งมคี วามสขุ 3. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 3.1 บอกความหมายบุคลกิ ภาพได้ 3.2 อธบิ ายบุคลกิ ภาพของตนเองและเพ่ือนได้ 3.3 แสดงการยอมรับบคุ ลิกภาพของตนเองและผู้อ่นื ท้ังดา้ นบวกและด้านลบได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ 176 บคุ ลิกภาพ 5. ชน้ิ งำน/ภำระงำน 5.1 การบันทกึ บุคลิกภาพ 5.2 การวางแผนพฒั นาบุคลกิ ภาพ 6. วธิ ีกำรจดั กิจกรรม ช่ัวโมงท่ี 1 6.1 นักเรียนศึกษาเอกสารความรเู้ รือ่ ง บุคลกิ ภาพ 6.2 นักเรียนแต่ละคนสรุปองคค์ วามรแู้ ผนภาพความคดิ (mind map) ลงในกระดาษท่ีครแู จกให้ 6.3 นักเรยี นและครอู ภปิ รายร่วมกนั เพ่อื ไดข้ ้อสรปุ เกี่ยวกับความหมายของบคุ ลิกภาพ และองค์ประกอบ ของบคุ ลกิ ภาพ 6.4 นักเรียนสง่ แผนภาพความคิด ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปกิจกรรม ช่ัวโมงท่ี 2 6.5 นักเรียนรวมกลุ่ม กลมุ่ ละ 5-7 คน ผลัดกันบอกข้อมลู เกีย่ วกบบุคลิกภาพของตนเองทีละคนโดยมี สมาชิกในกลมุ่ เสรมิ ให้ถูกตอ้ งสมบูรณ์ 6.6 นกั เรยี นแตล่ ะคนบนั ทกึ ข้อมลู บคุ ลกิ ภาพของตนที่ถูกต้องและสมบูรณ์ลงในแบบบันทึกบคุ ลิกภาพ
6.7 นักเรียนวิเคราะห์แบบบันทึกบุคลิกภาพของตนจากข้อ 6 เป็นด้านบวก และด้านลบ โดยทา 177 เคร่อื งหมาย + และเครือ่ งหมาย – หนา้ รายการบคุ ลกิ ภาพ 6.8 ครแู ละนกั เรียนอภิปรายรว่ มกันเพอ่ื ลงสรปุ ในประเด็นต่อไปนี้ - บุคลกิ ภาพของแตล่ ะคนมี 2 ด้าน (บวกและลบ) - บคุ ลิกภาพด้านลบ หากเรายอมรับความจรงิ ก็สามารเปลี่ยนแลงเปน็ ดา้ นบวกได้ 6.9 นาบุคลิกด้านลบทุกรายการมาเขียนในแผน “วางแผนพัฒนาบุคลิกภาพ” แล้วให้เวลา 1 สัปดาห์หาข้อมูลในการพัฒนาบุคลิกภาพด้านลบของตนจากแหล่งเรียนรูต้ ่างๆ บันทึกลงในแบบส่งครู ในสัปดาห์ ถัดไป 7. ส่อื /อุปกรณ์ 7.1 กระดาษ A 4 เทา่ จานวนนกั เรยี น 7.2 แบบบันทกึ บุคลิกภาพ 7.3 แบบวางแผนพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 8.1 วธิ ีประเมนิ 8.1.1 สังเกตการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครื่องมือประเมิน 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑ์กำรประเมนิ 8.3.1 การสังเกตการปฏิบตั ิกจิ กรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผ่าน ให้ความรว่ มมือในการจดั กจิ กรรม ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดว้ ยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมุ่งมั่นในการปฏบิ ัตงิ าน ไม่ผา่ น ไมใ่ หค้ วามร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้ ผา่ น การประเมินใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบูรณ์ครบถ้วน และส่งตรงต่อเวลา ไม่ผ่าน ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบูรณค์ รบถ้วน และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา
แบบบันทกึ บุคลกิ ภำพ 178 ชอื่ -สกลุ ..............................................................................................ช้นั ..................เลขท.่ี ................. รำยกำรบคุ ลกิ ภำพของฉันที่ฉันรู้ ()1 ()2 ()3 ()4 ()5 ()6 รำยกำรบุคลิกภำพของฉนั ทเ่ี พ่อื นบอก ()1 ()2 ()3 ()4 ()5 ()6
แบบวำงแผนพฒั นำบคุ ลิกภำพ ชอ่ื -สกลุ ..............................................................................................ชั้น..................เลขท.่ี ................. บุคลิกภำพทต่ี อ้ งพัฒนำ วิธีกำรพฒั นำ 179
แผนกำรจดั กจิ กรรมแนะแนวที่ 28 หน่วยกำรจดั กจิ กรรม สว่ นตัวและสงั คม ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี 4 - 6 เรอ่ื ง ค่ำของคน จำนวน 2 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1.สำระสำคญั ทุกคนมีคุณค่าในตนเอง มีศักยภาพสามารถพัฒนาตนเองได้ การเห็นคุณค่าของตนเองจะทาให้มีกาลังใจ มคี วามหวังและเปา้ หมายชีวิตในการประพฤติปฏิบัตติ นตอ่ ไปและเหน็ คุณค่าของผ้อู ่ืนจะทาใหม้ ีความร้สู ึกทีด่ ตี ่อกนั 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนสว่ นตวั และสังคม 180 ขอ้ ที่ 1 รูจ้ กั และเข้าใจตนเอง ข้อที่ 2 รกั และเห็นคณุ ค่าในตนเองและผู้อืน่ 3. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 3.1 บอกความรสู้ ึกท่ดี ีต่อร่างกายด้านบวกของตนเองและผู้อน่ื 3.1 บอกความรู้สกึ ท่ดี ตี ่อความคดิ ด้านบวกของตนเองและผ้อู น่ื 3.1 บอกความรู้สกึ ท่ดี ตี ่ออารมณ์และจติ ใจด้านบวกของตนเองและผูอ้ น่ื 4. สำระกำรเรยี นรู้ คุณค่าในตนเอง 5. ชิน้ งำน/ภำระงำน เขียนคณุ คา่ ของตนเองและคนอืน่ 6. วิธกี ำรจัดกิจกรรม ช่วั โมงท่ี 1 6.1 ครนู าเขา้ สูก่ จิ กรรมโดยให้นักเรยี นนั่งเปน็ วง 6.2 นักเรียนแต่ละคนได้รบั ซองแปล่า 1 ซอง และกระดาษขนาด 3 x 3 น้ิว เทา่ จานวนนักเรยี นในหอ้ ง เขยี นช่ือตนเองไว้หน้าซอง 6.2 แต่ละคนส่งซองไปทางขวามือของตนเอง ผู้ที่ได้รับซองอ่านช่ือหน้าซองแล้วเขียนส่วนของร่างกาย เจ้าของชื่อ ทค่ี ิดวา่ เป็นส่วนที่ดีลงในกระดาษ 3 x 3 นิ้ว ในซองละ 1 แผ่น ส่งต่อไปทางขวาเรื่อย ๆ จนซองกลับมา สู่เจ้าของชื่อครบทุกคน แต่ละคนอ่านข้อความจากกระดาษท่ีอยู่ในซองทุกแผ่น แล้วเก็บไว้เพื่อมาเรียนรู้ ในชั่วโมงตอ่ ไป 6.3 ครใู หน้ ักเรยี นสรปุ กจิ กรรม และนัดหมายการเรยี นในครั้งต่อไป
ช่ัวโมงท่ี 2 181 6.4 ครูและนักเรียนร่วมกันทาบทวนกิจกรรมในช่วั โมงที่ 1 ทาเช่นเดียวกับชั่วโมงที่ 1 แต่เปล่ียนข้อความ ท่ีเขียนเป็นความคิดที่ดีของเจ้าของช่ือบนซองเช่นเดียวกับช่ัวโมงท่ี 1 แต่เปลี่ยนข้อความท่ีเขียนเป็นอารมณ์และ จิตใจทดี่ ขี องเจ้าของชือ่ บนซอง 6.5 ให้นักเรยี นบอกความรสู้ กึ แล้วอ่านขอ้ ความท้ัง 3 ซองทีละคน 6.6 ครแู ละนกั เรียนอภปิ รายร่วมกัน เพ่ือได้ข้อสรุปดังน้ี 1) ทุกคนมสี ิ่งท่ีดีอยู่ในตนเอง 2) สิง่ ท่ดี ขี องเราคือคุณค่าของเราและสง่ิ ทด่ี ขี องผู้อืน่ คอื คณุ ค่าของผนู้ ั้น 3) การเห็นคุณค่าของตนเองจะทาให้บุคคลมีกาลังใจในการประพฤตปิ ฏิบตั ิตนตอ่ ไป 4) การเหน็ คุณค่าของผู้อื่นจะทาให้มคี วามรู้สึกที่ดตี ่อกนั 7. สอื่ /อปุ กรณ์ 7.1 ซองขนาด 3 x 3 นิว้ เทา่ จานวนนักเรียน 7.2 กระดาษขนาด 3 x 3 นว้ิ จานวนชุดเท่ากับ 3 เทา่ ของจานวนนักเรยี น และแตล่ ะชดุ เทา่ กับ จานวนนักเรียน 8. กำรวดั และประเมินผล 8.1 วิธปี ระเมนิ 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน/การตอบคาถาม 8.2 เครื่องมือประเมนิ 8.2.1 แบบสงั เกตการปฏิบตั ิกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑ์กำรประเมนิ 8.3.1 การสังเกตการปฏิบัติกจิ กรรม เกณฑ์ ตวั บ่งชี้ ผ่าน ใหค้ วามรว่ มมือในการจัดกจิ กรรม ปฏบิ ตั ิกิจกรรมดว้ ยความรับผิดชอบ และมคี วามมงุ่ มน่ั ในการปฏบิ ัตงิ าน ไมผ่ า่ น ไม่ให้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ตั ิกิจกรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลงาน เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี ผ่าน ตอบคาถามตามประเด็น มีความถูกต้อง ความสมบูรณ์ครบถ้วน และตรงต่อเวลา ไม่ผ่าน ตอบคาถามไมส่ มเหตผุ ล ไม่ถูกต้องสมบูรณ์ และไมต่ รงต่อเวลา
แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวท่ี 29 หน่วยกำรจัดกจิ กรรม ส่วนตวั และสังคม ชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี 4 - 6 เรื่อง ผ่อนคลำย จำนวน 2 ชัว่ โมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั สภาพครอบครัวและสภาพแวดลอ้ มในปัจจุบนั สง่ ผลต่อการดารงชวี ติ ของนักเรียน หากนักเรยี น มคี วามเครยี ด และความวิตกกังวล จะส่งผลต่อการเรียนและสขุ ภาพของนักเรียนได้ ดังนั้น การจัดการ กบั ความเครยี ดและความวติ กกงั วลจึงเปน็ ส่วนสาคัญท่จี ะทาใหน้ กั เรยี นสามารถปรับตวั และดารงชีวิตในสงั คม ได้อยา่ งมีความสุข 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนส่วนตวั และสังคม ข้อที่ 1 รู้จกั และเข้าใจตนเอง ข้อท่ี 4 ปรบั ตวั และดารงชีวติ อยใู่ นสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 182 3.1 บอกอารมณแ์ ละความเครียดทีเ่ คยเกิดขึน้ กับตนเองพร้อมสาเหตุ 3.2 แลกเปล่ยี นเรยี นรวู้ ิธผี อ่ นคลายอารมณแ์ ละความเครยี ดทีต่ นใช้ได้ผลมาแล้วกับกลมุ่ เพ่อื นได้ 3.3 สรุปวธิ กี ารคลายเครยี ดท่ีจะเลอื กไวใ้ ช้กับตนเอง 4. สำระกำรเรียนรู้ อารมณ์และความเครียด 5. ชน้ิ งำน/ภำระงำน 5.1 ใบงานเรื่อง ประเดน็ การอภปิ ราย 5.2 ใบงานเร่อื ง Mind Map วธิ ีผอ่ นคลายอารมณ์และความเครยี ด 6. วิธีกำรจัดกจิ กรรม ช่ัวโมงที่ 1 6.1 ครูให้นักเรียนนั่งในอิริยาบถท่ีสบายและหลับตา แล้วทาจิตใจให้สบาย ลืมเร่ืองวิตกกังวลต่างๆ ผ่อนคลาย แล้วเปดิ เพลง/ดนตรี ใหน้ กั เรียนฟงั ประมาณ 5 นาที จากนั้นให้นักเรียนลมื ตาและผอ่ นคลายใหส้ บายๆ 6.2 ครใู ห้นกั เรยี นอธิบายความรู้สึกก่อน ขณะ และหลงั ฟังเพลง/ดนตรี พร้อมทงั้ บอกข้อดขี อง ความรู้สกึ ดงั กลา่ ว
6.3 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม และร่วมกันอภิปรายถึงอารมณ์และความเครียดท่ีเคยเกิดข้ึนกับตนเอง 183 พฤติกรรมที่แสดงออก ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมที่แสดงออกพร้อมสาเหตุของอารมณ์และความเครียด ตามใบงานเรอื่ ง ประเดน็ การอภิปราย 6.4 ครแู ละนักเรียนชว่ ยกนั สรุปผลการอภิปราย ชว่ั โมงท่ี 2 6.5 ครูเกร่ินนาถึงการแบ่งกลุ่มร่วมกันอภิปรายถึงอารมณ์และความเครียดท่ีเคยเกิดขึ้นกับตนเอง ในกจิ กรรมแนะแนวครงั้ ทีแ่ ลว้ และให้นักเรียนช่วยกนั สรปุ ผลการอภปิ รายท่ีได้ 6.6 ครูใหข้ ้อมลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกับอารมณ์และความเครียด ผลเสียท่ีจะเกิดขึน้ กบั นักเรยี น 6.7 ครูให้นักเรียนแลกเปล่ียนกับเพื่อนในกลุ่มถึงวิธีผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดที่ตนใช้ได้ผลแล้ว นาเสนอวิธีผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดที่ตนใช้ได้ผล ในรูปแบบ Mind Map ตามใบงานเรื่อง Mind Map วธิ ีผ่อนคลายอารมณแ์ ละความเครียด 6.8 นกั เรียนในแต่ละกลมุ่ นาเสนอวธิ ีผอ่ นคลายอารมณ์และความเครยี ดทต่ี นใชไ้ ดผ้ ล 6.9 ครูให้นักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนวิธีผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดท่ีตนใช้ได้ผลที่นักเรียน แตล่ ะคนจะเลอื กใช้กบั ตนเองพรอ้ มบอกเหตผุ ล 6.10 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ การเรยี นรวู้ ิธีการผ่อนคลายอารมณ์และความเครยี ด 7. สื่อ/อุปกรณ์ 7.1 เสียงดนตรผี ่อนคลายจาก youtube เช่น - ดนตรผี ่อนคลาย เสยี งลาธาร นก https://www.youtube.com/watch?v=VdlkXxmKCGs - ดนตรคี ลายเครียด คลายสมอง https://www.youtube.com/watch?v=yoUvWQSj9VY - เพลงผ่อนคลายฟงั สบายๆ สรา้ งสมาธิ ttps://www.youtube.com/watch?v=m1kZLkAo8Ak 7.2 ใบงานเร่อื ง ประเดน็ การอภปิ ราย 7.3 ใบงานเรอ่ื ง Mind Map วธิ ีผ่อนคลายอารมณแ์ ละความเครยี ด 8. กำรวัดและประเมนิ ผล 8.1 วธิ ีประเมิน 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครื่องมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน
8.3 เกณฑ์กำรประเมิน 8.3.1 การสังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตัวบ่งชี้ ผา่ น ให้ความร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบัติกจิ กรรมด้วยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมุ่งมน่ั ในการปฏบิ ัติงาน ไม่ผา่ น ไมใ่ ห้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผ่าน การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไม่ผ่าน ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบูรณค์ รบถ้วน และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา 184
ใบงำน เรือ่ ง ประเด็นกำรอภิปรำย กลมุ่ ท่.ี .................................................สมาชิกกล่มุ .................................................................... ............................................................................................................................. .................... คำชี้แจง ให้นกั เรยี นแบ่งกลุ่มแลว้ รว่ มกนั อภิปรายในประเด็นต่อไปน้ี อำรมณแ์ ละควำมเครียด พฤตกิ รรมทแี่ สดงออก ผลกระทบทเี่ กดิ ขน้ึ จำก สำเหตขุ องอำรมณ์ ทเี่ คยเกิดขน้ึ กบั ตนเอง พฤติกรรมท่แี สดงออก และควำมเครยี ด 185
ใบงำน เรอื่ ง Mind Map วิธผี ่อนคลำยอำรมณแ์ ละควำมเครียด กล่มุ ท่ี..................................................สมาชกิ กลุ่ม.................................................................... ............................................................................................................. .................................... คำช้แี จง ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่มแล้วแลกเปลี่ยนกบั เพื่อนถึงวธิ ผี ่อนคลายอารมณแ์ ละความเครียดที่ตน ใชไ้ ด้ผล และนาเสนอในรปู แบบ Mind Map วิธีผอ่ นคลำยอำรมณ์ 186 และควำมเครยี ด
แผนกำรจดั กิจกรรมแนะแนวท่ี 30 หน่วยกำรจดั กจิ กรรม สว่ นตัวและสงั คม ช้ันประถมศกึ ษำปที ่ี 4 - 6 เรอ่ื ง ชื่นชมยนิ ดี จำนวน 2 ช่ัวโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ การมีสัมพนั ธภาพท่ีดีกบั บุคคลในครอบครัว เพอื่ น และบุคคลอ่ืน ๆ จะชว่ ยให้นักเรยี นอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุข หากนักเรียนรู้จักการสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับผู้อ่ืนจะก่อให้เกิดความสาเร็จและความสุข ในการดาเนินชีวิต การแสดงความรู้สึกที่ดีต่อกันด้วยการช่ืนชมผู้อื่นจะช่วยให้เกิดความรัก ความนับถือ ความร่วมมือ และมีมิตรภาพท่ีดีต่อกัน การชมเชยท่ีจะสร้างเสริมสัมพันธภาพท่ีดี เช่น ชมพฤติกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้น ใหม่ ๆ เป็นพฤตกิ รรมท่ีทาได้ดี บอกความร้สู ึกของเราต่อพฤติกรรมนั้นอยา่ งจรงิ ใจ 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนส่วนตวั และสงั คม ข้อท่ี 2 รักและเหน็ คุณค่าในตนเองและผอู้ ่นื ขอ้ ท่ี 4 ปรับตัวและดารงชวี ติ อย่ใู นสงั คมได้อยา่ งมีความสุข 3. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 187 3.1 แสดงใหผ้ อู้ น่ื ทราบวา่ เราชนื่ ชมการกระทาท่ีดงี ามของเขา 3.2 แสดงวิธกี ารสรา้ งสมั พนั ธภาพที่ดีกับผู้อ่นื 3.3 ระบวุ ธิ กี ารแสดงความช่ืนชมผู้อื่นอย่างหลากหลาย 3.4 แสดงความช่ืนชมใหผ้ ้อู น่ื รับรู้ได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 การสร้างสมั พนั ธภ์ าพกับบุคคลอื่น 4.2 การส่งเสรมิ ใหเ้ กิดสมั พันธภาพท่ดี ตี อ่ กนั มี 3 ปัจจยั คือ 1) การชมเชยหรือชืน่ ชมที่เหมาะสม 2) การตเิ พ่ือก่อ 3) การแกไ้ ขความขดั แยง้ ในเชงิ สร้างสรรค์ 5. ชิ้นงำน/ภำระงำน 5.1 เขยี นคาชมเชยผอู้ นื่ 5.2 ชมคลิปวดี โิ อ เรื่อง การสร้างสัมพันธภาพ 5.3 แสดงความรู้สกึ เม่อื ได้รบั คาชมและกลา่ วช่ืนชมเพ่ือน
6. วิธกี ำรจัดกจิ กรรม 188 ช่ัวโมงที่ 1 6.1 ครใู หน้ กั เรียนระดมความคดิ เกี่ยวกับคาชื่นชมผูอ้ ่ืนแลว้ ร่วมกนั เขียนบนกระดาน 6.2 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ให้ทั้งสองกลุ่มหันหน้าเข้าหากัน แล้วร่วมกันร้องเพลงหรือ เปิดเพลงประกอบขณะร้องเพลงให้นักเรียนเดินเป็นวงกลม เมื่อเพลงหยุดลงให้นักเรียนหันหน้าเข้าหากัน แล้วกล่าวช่นื ชมเพื่อนที่อยตู่ รงหน้าของนักเรียน 6.3 ครูให้นักเรยี นบรรยายความร้สู ึกเมื่อไดร้ ับคาช่ืนชมจากผูอ้ ื่น และความรู้สึกเม่ือกลา่ วชื่นชมผู้อ่ืนพร้อม ทงั้ ใหบ้ รรยายหนา้ ตา ท่าทาง บคุ ลกิ ลักษณะของบุคคลท่ีกล่าวช่นื ชมผู้อ่นื และผูท้ ่ีไดร้ ับคาชนื่ ชม 6.4 ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ การเรียนรู้จากกจิ กรรม ชั่วโมงท่ี 2 6.5 ครูเปิดคลิปวีดิโอ เร่ือง การสร้างสมั พันธภาพ เม่ือจบแลว้ ครูให้นักเรียนร่วมกันเล่าเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน ดงั นี้ 1) เหตกุ ารณ์ทเ่ี กิดขึน้ ในคลิปวีดิโอเกี่ยวกบั อะไร 2) ลาดบั เหตุการณ์ทีเ่ กิดขึน้ เป็นอยา่ งไร 3) มีบคุ คลใดเกยี่ วข้อง และแต่ละคนทาอะไร 4) ผลทีเ่ กิดขึ้นเปน็ อย่างไร 6.6 ครูให้ข้อมูลเพม่ิ เติมเก่ยี วกับการสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว เพอื่ น และบุคคลอ่ืน 6.7 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3 กลุ่ม จับสลากเลือกภาระงาน (การสร้างสัมพันธภาพกับในครอบครัว หรือเพื่อน หรือบุคคลอื่น) แล้วร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างสัมพันธภาพกับในครอบครัวหรือเพ่ือน หรอื บคุ คลอน่ื 6.8 ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปการเรยี นร้จู ากกจิ กรรม 7. สื่อ/อปุ กรณ์ คลิปวีดิโอ เรื่อง การสร้างสัมพันธภาพ https://www.youtube.com/watch?v=ivZd3RMK1m0 (ก ารสร้างสัม พั น ธภ าพ กั บ เพื่ อ น ) https://www.youtube.com/watch?v=7UA5Ywi7zaE (การสร้าง สมั พันธภาพกับครอบครวั และบุคคลอื่นๆ) หรือคลปิ วีดิโออน่ื ๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วิธปี ระเมิน 8.1.1 สงั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เคร่ืองมือประเมนิ 8.2.1 แบบสงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน
8.3 เกณฑ์กำรประเมิน 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผา่ น ให้ความรว่ มมือในการจดั กจิ กรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมด้วยความรับผดิ ชอบ และมคี วามมงุ่ ม่ันในการปฏบิ ัติงาน ไมผ่ า่ น ไม่ใหค้ วามรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลงาน เกณฑ์ ตวั บ่งช้ี ผา่ น เขียนชมเชย กลา่ วคาชื่มชนเพื่อนได้ แสดงออกอย่างเหมาะสมทง้ั บุคลิก ท่าทาง กลา่ วความรูส้ ึกต่อผอู้ น่ื ท่ีแสดงความชน่ื ชมได้ ไม่ผ่าน ไม่สามารถเขยี นชมเชยเพื่อนได้ ไม่กล้าแสดงออกทางในทางเหมาะสม กลา่ วชมเชยเพ่ือนและแสดงความรู้สกึ ช่นื ชมผอู้ ื่นไม่ได้ 189
แผนกำรจดั กจิ กรรมแนะแนวที่ 31 หน่วยกำรจดั กจิ กรรม ส่วนตัวและสังคม ประถมศกึ ษำปีที่ 4 - 6 เร่ือง กำรควบคุมอำรมณ์ จำนวน 2 ช่ัวโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ เมื่อมีอารมณ์โกรธ หากไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้จะนามาซึ่งการทะเลาะวิวาท นักเรียนต้องรู้จัก ควบคุมอารมณ์ของตนเองด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น นับ 1 – 10 ขอเวลาสงบสติอารมณ์ รู้จักขอบคุณ รู้จักขอโทษ รู้จักให้อภัย เป็นต้น เมื่อมีสถานการณ์ท่ีทาให้นักเรียนโกรธ ไม่พอใจ แล้วนักเรียนไม่รู้จักการควบคุมอารมณ์ของ ตนเอง ผลลัพธ์ท่ีไดอ้ าจจะทาใหร้ ู้สึกเสียใจได้ภายหลังหรือส่งผลเสียตา่ งๆ ต่อนกั เรียน หากนักเรยี นสามารถควบคุม อารมณข์ องตนเองไดจ้ ะทาใหส้ ามารถจัดการกับอารมณ์ของตนเองอย่างมสี ติและสรา้ งสรรค์ 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นส่วนตัวและสงั คม ข้อที่ 1 รู้จักและเข้าใจตนเอง ข้อท่ี 3 มีวุฒภิ าวะทางอารมณ์ 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 190 3.1 บอกอารมณ์ของตนเองในสถานการณต์ ่างๆ 3.2 ศึกษาวธิ ีการควบคมุ อารมณจ์ ากแหล่งเรยี นรู้ตา่ งๆ 3.3 บอกวธิ กี ารควบคมุ อารมณ์ในสถานการณ์ตา่ งๆ 4. สำระกำรเรยี นรู้ การควบคุมอารมณ์ 5. ชิ้นงำน/ภำระงำน - 6. วิธีกำรจดั กิจกรรม ช่ัวโมงที่ 1 6.1 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 2 กลุ่ม โดยกลุ่มท่ี 1 เป็นคนใบ้คา กลุ่มที่ 2 เป็นคนทายคาใบ้ ซึ่งเป็นคาใบ้ เกี่ยวกบั อารมณต์ ่างๆ 6.2 ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกันแบง่ ปันความรสู้ กึ ท่ีได้จากการทากจิ กรรม เช่น - ความรู้สกึ ของคนที่ใบ้คาและคนทท่ี ายคาใบ้ - ความแตกตา่ งทางสีหนา้ ท่าทาง และการแสดงออกของอารมณต์ ่างๆ ของคนท่ีใบ้คา - สาเหตกุ ารแสดงออกของอารมณต์ ่างๆ - ความรสู้ ึกของคนท่เี ห็น/ปฏิสัมพนั ธก์ บั บุคคลท่แี สดงอารมณ์ต่างๆ
6.3 ครูแจกใบความรู้ เร่ือง การควบคุมอารมณ์ ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับอารมณ์และวิธีการควบคุม 191 อารมณต์ า่ งๆ 6.4 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มศึกษาใบความรู้เพ่ิมเติม และให้ศึกษาวิธีการควบคุมอารมณ์จากเว็บไซต์ เอกสาร/หนังสือ บคุ คลใกล้ชดิ แลว้ นามาเสนอในครั้งถดั ไป 6.5 ครแู ละนกั เรียนร่วมกันสรปุ การเรยี นรจู้ ากกจิ กรรม ช่ัวโมงที่ 2 6.6 ครูเกริ่นนาถึงการแสดงออกทางอารมณ์และวิธีการควบคุมอารมณ์และให้นักเรียนร่วมกันทบทวน ถงึ ภาระงานท่มี อบหมายในกิจกรรมแนะแนวครงั้ ท่แี ล้ว 6.7 ครูให้แต่ละกลุ่มนาเสนอผลการศึกษาวิธีการควบคุมอารมณ์จากเว็บไซต์/เอกสาร/หนังสือ บคุ คลใกล้ชิด 6.8 ครูให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมถึงวิธีการควบคุมอารมณ์แล้วร่วมกันสรุปวิธีการ ควบ คุ มอารมณ์ ที่ นั ก เรีย น สามารถ ป ฏิ บั ติ ได้ แล ะห รือจะพย าย าม ป ฏิ บั ติ เพ่ื อให้ การแส ดงออก ท างอารม ณ์ มคี วามเหมาะสมตอ่ ไป 7. สือ่ /อุปกรณ์ 7.1 ป้ายคาใบ้ เช่น อารมณด์ ี โกรธ เครียด วิตกกังวล ไม่พอใจ อาย เศร้า งว่ ง ตกใจ หวิ เหน่อื ย มีความสุข ตกใจ กลวั ตลก ตกหลุมรกั เสยี ใจ เกลียด ฯลฯ 7.2 ใบความรูเ้ รือ่ ง การควบคุมอารมณ์ 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วธิ ีประเมิน 8.1.1 สังเกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เคร่ืองมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏิบตั ิกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมนิ 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบัตกิ จิ กรรม เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี ผา่ น ให้ความร่วมมือในการจัดกจิ กรรม ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมด้วยความรับผดิ ชอบ และมคี วามมุง่ มนั่ ในการปฏิบัตงิ าน ไม่ผา่ น ไมใ่ หค้ วามร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมไม่ครบทุกรายการ
8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผา่ น การประเมนิ ใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงต่อเวลา ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถูกต้องสมบรู ณค์ รบถว้ น และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา 192
ใบควำมรู้ 193 เร่ือง กำรควบคุมอำรมณ์ การควบคมุ อารมณ์ หมายถึง แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับวัยและสถานการณเ์ ป็นความสามารถ ในการจัดการกบั อารมณ์ได้อย่างเหมาะสม การเข้าใจความรู้สึกของตนเอง การควบคุมอารมณ์ตนเอง เหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น การปรับตวั เขา้ กับสิ่งแวดลอ้ มหรือมองโลกในแง่ดี อารมณ์และการแสดงออกท่ีเหมาะสม มหี ลักอยู่ 8 ประการ คอื 1) ความสามารถในการสนใจ เข้าใจและรจู้ ักพ่อแม่ เพอื่ นฝูง หรือบุคคลรอบข้างดว้ ยมีมนุษยสัมพันธ์ ทดี่ ี สามารถปรับอารมณ์ตนเองได้กบั ทุกสถานการณ์ 2) การรู้จกั ใชค้ นให้เปน็ ใช้คนให้เหมาะสมกบั บุคคล เวลา และเหตุการณร์ จู้ ักกล่าวคายกย่อง ชมเชยผู้อื่น 3) การรจู้ ักแสดงอารมณ์รกั ชอบ เกลยี ด กลา้ แสดงออกและกลา้ พดู 4) การรู้จักอารมณ์รัก ชอบ เกลยี ดจากผู้อ่นื ได้ 5) การยอมรบั สง่ิ ทดแทน เม่ือไม่มีสิง่ ทเี่ ราพอใจ กใ็ หพ้ อใจกับส่งิ ที่มีอยู่ 6) กลา้ เผชญิ กบั ประสบการณ์ต่างๆ ด้วยการเตรียมพรอ้ มท่จี ะพบกบั สง่ิ ใหม่ๆ เพือ่ การพัฒนาตนเอง 7) การรจู้ กั จับคาพูดและสหี น้าของผ้อู ื่นเปน็ 8) การรจู้ ักแสดงออกในทางสร้างสรรค์ เช่น กลา้ อาสาทจ่ี ะชว่ ยผู้อ่นื วธิ ีจัดกำรกับอำรมณ์ของตนเอง การจดั การกับอารมณ์เปน็ ความรบั ผิดชอบของตนเองการเปลยี่ นแปลงตนเองต้องมคี วามต้งั ใจท่จี ะ เปลยี่ นแปลง หม่นั ฝกึ ฝนตนเอง ใหก้ าลังใจตนเอง ฝึกให้เป็นคนอารมณด์ ีอยูเ่ สมอ การฝึกทักษะการจัดการกับ อารมณ์ มีดังนี้ 1) รจู้ กั และร้เู ท่าทนั อารมณ์ความรู้สกึ ของตนเอง 2) รูจ้ กั ควบคมุ อารมณ์ตนเอง 3) รูจ้ กั รอคอย 4) ร้จู กั เห็นอกเห็นใจ และไวตอ่ ความรสู้ ึกนึกคิดของผู้อ่นื 5) รจู้ กั รักษาสายสมั พนั ธ์ วธิ ีการเสริมสรา้ งอารมณด์ ี มีความสุข พ.ญ.พรรณพมิ ล หล่อตระกูล (2546) กลา่ วสรปุ ไว้ในเอกสาร การสอนทักษะชีวติ สรุปได้ดังน้ี 1) การมเี จคติเชิงบวกและความคดิ เชงิ บวก 2) ฝึกตนเองให้มีอารมณ์ขัน 3) ฝกึ มองคนอ่ืนในด้านบวก 4) รูจ้ กั เอาใจเขามาใสใ่ จเรา 5) การรสู้ ึกดีตอ่ ตนเอง 6) ทบทวนการแสดงออกทางอารมณข์ องตนเอง 7) ฝกึ สติ ฝึกการผ่อนคลายตนเอง 8) รู้จกั การประเมินสถานการณ์และอารมณ์
แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวท่ี 32 หน่วยกำรจดั กิจกรรม สว่ นตัวและสงั คม ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี 4 – 6 เรื่อง มิตรไมตรี จำนวน 2 ชวั่ โมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั การสอื่ สารเปน็ การติดตอ่ กันระหว่างบุคคลหลายระดบั เช่น เพ่อื น ครู พ่อแม่ ปู่ยา่ ตายาย พ่นี ้อง ฯลฯ ซ่ึงการใชค้ าพูดและกิรยิ าสุภาพเหมาะสมกับกาลเทศะจะช่วยใหก้ ารสอ่ื สารมีประสทิ ธภิ าพ อกี ทั้งนกั เรยี น ทมี่ มี ารยาทดใี นการส่ือสารจะทาใหน้ ักเรยี นเป็นทร่ี ัก ได้รับความประทบั ใจ คาชนื่ ชมจากบุคคลทีน่ ักเรยี นสื่อสารดว้ ย การสื่อสารกับผู้อื่นมีข้อควรคานึงถึงการพูดให้เหมาะสมกับบุคคล และการพูดให้เหมาะกับกาลเทศะจะช่วยให้เกิด สัมพันธภาพท่ดี ตี อ่ ผู้อ่ืน 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนสว่ นตัวและสงั คม ขอ้ ที่ 2 รักและเห็นคณุ คา่ ในตนเองและผู้อน่ื ข้อที่ 3 มวี ุฒิภาวะทางอารมณ์ 3. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 194 3.1 บอกมารยาทท่ีดใี นการสื่อสารกบั ผู้อ่ืน 3.2 อธิบายวธิ ีแสดงมารยาททดี่ ีในการสื่อสารกับผู้อื่น 3.3 แสดงมารยาทท่ดี ใี นการสือ่ สารกบั ผู้อน่ื 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 การสื่อสารที่ดี 4.2 มารยาทในการส่อื สารกับผู้อน่ื 5. ช้นิ งำน/ภำระงำน 5.1 การแสดงบทบาทสมมุติเก่ียวกับการสื่อสารกับบุคคลต่าง ๆ 5.2 ใบงาน เร่อื ง มิตรไมตรี 6. วธิ ีกำรจดั กจิ กรรม ช่ัวโมงท่ี 1 6.1 ครูใหน้ กั เรียนระดมความคิดเกย่ี วกับ - ในชีวิตประจาวันของนักเรียนมีการสื่อสารกับบุคคลใดบา้ ง - นักเรียนมีการสอื่ สารกบั แตล่ ะบคุ คลอย่างไร - นกั เรยี นคดิ วา่ มารยาทที่ดีในการสื่อสารกบั ผู้อน่ื เปน็ อย่างไร 6.2 ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม แล้วจับสลากแสดงบทบาทสมมุติเกี่ยวกับการส่ือสารกับบุคคลต่างๆ ให้เวลา แสดงกลุม่ ละ 5 นาที 6.3 ครใู หน้ กั เรียนรว่ มกนั อธบิ ายถงึ วธิ ีแสดงมารยาททด่ี ใี นการสอ่ื สารกับผู้อน่ื
ชัว่ โมงที่ 2 195 6.4 ครูเกร่นิ นาถึงวิธีแสดงมารยาทท่ีดีในการสือ่ สารกับผู้อ่นื ในกิจกรรมแนะแนวครัง้ ท่ีแล้วและใหน้ กั เรียน ร่วมกันทบทวนถงึ วิธีแสดงมารยาททด่ี ใี นการสอ่ื สารกับผอู้ ื่น 6.5 ครใู ห้ข้อมลู เพิ่มเตมิ เก่ยี วกับมารยาทที่ดใี นการส่ือสารกบั ผู้อ่นื 6.6 ครูให้นักเรียนทบทวนตนเองถึงจุดเด่นและส่ิงท่ีควรเพ่ิมเติมในการแสดงมารยาทท่ีดีในการส่ือสาร กับผอู้ ่ืน ตามใบงาน เรื่อง มิตรไมตรี 6.7 ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปการเรียนร้จู ากกจิ กรรม 7. สอ่ื /อุปกรณ์ 7.1 สลากในการแบ่งกลุ่มแสดงบทบาทสมมตุ ิเกย่ี วกับการสอ่ื สารกับบคุ คลต่างๆ ได้แก่ - การสื่อสารกบั เพื่อน - การสื่อสารกบั พ่อแม่ - การสือ่ สารกับครู - การส่อื สารกบั บุคคลท่ไี มร่ ู้จักเพื่อขอความช่วยเหลอื - การสอ่ื สารกบั ปู่ยา่ ตายาย 7.2 ใบงานเร่อื ง มิตรไมตรี 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วิธปี ระเมนิ 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครือ่ งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑ์กำรประเมนิ 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบตั ิกจิ กรรม เกณฑ์ ตวั บ่งช้ี ผ่าน ให้ความรว่ มมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบัตกิ ิจกรรมด้วยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมงุ่ มั่นในการปฏิบัติงาน ไม่ผา่ น ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั กิ จิ กรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี ผ่าน การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบูรณ์ครบถว้ น และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไม่ผ่าน ใบงานไมถ่ กู ต้องสมบรู ณ์ครบถว้ น และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา
ใบงำน เร่ือง มิตรไมตรี ชือ่ -สกุล............................................................................................ช้ัน................เลขท่.ี ................. คำชี้แจง ใหน้ ักเรียนทบทวนตนเองแล้วบอกจุดเดน่ และส่ิงทีค่ วรเพม่ิ เตมิ ในการแสดงมารยาทท่ีดี ในการสอื่ สารกับผอู้ ่ืนลงในชอ่ งวา่ ง จุดเด่น 196 สง่ิ ทีค่ วรเพ่มิ เติม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320