Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนว ป.4 - ป.6_แผน20ปี

แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนว ป.4 - ป.6_แผน20ปี

Published by moetpr2514, 2020-05-29 05:34:22

Description: แนวทางการจัดกิจกรรมแนะแนว ป.4 - ป.6_แผน20ปี

Keywords: แนวทางการจัดกิจกรรม

Search

Read the Text Version

15. ณเดชน์ คูกมิ ิยะ ณเดชน์ คูกิมิยะ ได้สาเร็จการศึกษาระดับปริญญำตรีจำกสำขำวิชำกำรภำพยนตร์และวีดิทัศน์ 48 วทิ ยำลัยนิเทศศำสตร์ มหำวิทยำลัยรังสติ เกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.31 และในปัจจุบันกาลังศึกษา ระดับปริญญาโททว่ี ทิ ยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลยั รงั สติ แหลง่ ท่ีมำ : https://campus.campus-star.com/variety/79046.html

แผนกำรจดั กจิ กรรมแนะแนวที่ 4 หนว่ ยกำรจดั กจิ กรรม กำรศกึ ษำ ช้นั ประถมศึกษำปีที่ 4 - 6 เร่ือง ควำมถนดั และทกั ษะทำงกำรเรยี น จำนวน 2 ช่ัวโมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ ความถนัดทางการเรียนและทักษะด้านต่างๆ เป็นความสามารถเฉพาะบุคคลและความสามารถทางการ เรียนของแต่ละบุคคลก็มีความแตกต่างกัน การเข้าใจและยอมรับความสามารถของตนเองและผู้อ่ืนจะช่วยให้เรา สามารถเลอื กเปา้ หมายการศกึ ษาได้อย่างเหมาะสม โดยไม่เลอื กเรียนตอ่ เพราะอยากเรยี นตามเพ่ือน 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศกึ ษำ ข้อที่ 1.ร้เู ข้าใจ และมีเจตคติที่ดตี อ่ การเรียนรตู้ ามหลกั สูตร ข้อที่ 2 มคี ่านยิ มในการเรยี นรู้ตลอดชวี ิต ข้อท่ี 4 พฒั นาตนเองดา้ นการเรยี นได้เต็มตามศักยภาพ 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 49 3.1 บอกความสนใจ ความถนัด และความสามารถทางการเรียนของตนเองได้ 3.2 บอกความสาคัญดา้ นความสามารถทางการเรียนของตนเองได้ 3.3 สรุปทกั ษะทส่ี าคัญดา้ นต่าง ๆ ทตี่ นเองมีเพ่ือประกอบการเลอื กเรยี นตอ่ ได้ 4. สำระกำรเรยี นรู้ 4.1 ความสนใจ ความถนดั และความสามารถทางการเรียน 4.2 ความสาคญั ดา้ นความสามารถทางการเรียน 4.3 ทักษะทส่ี าคัญดา้ นต่างๆ เพื่อประกอบการเลอื กเรียนต่อ 5. ชน้ิ งำน/ภำระงำน 5.1 ใบงานเรื่อง ความถนัดทางการเรยี นของฉัน 5.2 .ใบงานเร่อื ง การสารวจทักษะตนเอง 6. วิธกี ำรจดั กิจกรรม ช่วั โมงท่ี 1 6.1 ครูสนทนาพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับวิชาท่ีนักเรียนชอบ สนใจ และวิชาที่นักเรียนมีความถนัด โดยสุ่มถามความสนใจ ความชอบ และความถนัดทางการเรียนของนักเรียนแต่ละคน (แนวคาตอบมีหลากหลาย ขนึ้ อยูก่ ับนกั เรยี นแตล่ ะคน)

6.2 ครูอธิบายให้นักเรียนฟังว่า บางคร้ังวิชาที่เราชอบ เราจะสามารถเรียนได้ดี แต่บางคร้ังในวิชา 50 ที่เราชอบเราก็อาจมีผลการเรียนที่ไม่ดีนัก เน่ืองจากเราไม่มีความถนัด หรือเข้าใจมากพอ ด้ังน้ันหากนักเรียนชอบและ มคี วามสนใจในวิชาใดแล้ว แตเ่ ราไมม่ ีความถนดั เราจงึ ควรทจี่ ะฝกึ ฝนบ่อยๆ จนเกิดความถนดั ความชานาญ 6.3 ให้นักเรียนทาใบงานเรอื่ ง ความถนดั ทางการเรยี นของฉัน จากนั้นนาใบงานแลกเปลี่ยนกบั เพอ่ื นของ ตนเอง แล้วพิจารณาวา่ เพื่อนมีความถนัด เหมือนหรือตา่ งจากท่เี ราคิดอย่างไร 6.4 ครูสรุปให้นักเรียนฟังว่าคนแต่ละคนมีความสนใจ มีความชอบ ความถนัด ความสามารถด้าน การเรยี นท่แี ตกต่างกนั ซึง่ เราควรยอมรบั และช่ืนชมความแตกตา่ งของกันและกัน ชั่วโมงที่ 2 6.5 ครูและนักเรียนรว่ มกันทบทวนการเรยี นในครั้งท่ีผา่ นมา 6.6 แจ้งจุดประสงค์การร่วมกิจกรรมให้นักเรียนทราบว่า นักเรียนสารวจทักษะที่สาคัญด้านต่างๆ ของตนเอง เพ่อื ประกอบการเลอื เรยี นตอ่ ให้เหมาะสม 6.7 ให้นักเรียนศึกษาเอกสารใบความรู้ เร่ือง การค้นหาทักษะของตนเอง ประกอบการทาใบงาน เรือ่ ง สารวจทกั ษะตนเอง จากนน้ั ให้ทกุ คนสรุปทกั ษะทส่ี าคญั ของตนเองลงในใบงาน 6.8 ครูให้นักเรียนร่วมกันสะท้อนผลท่ีได้จากกิจกรรม ครูสรุปเพ่ิมเติมว่าการค้นหาความสนใจ ทักษะ และความถนัดที่ใช่ จะช่วยให้นกั เรียนเลอื กเป้าหมายการศึกษาและวางแผนอนาคตได้อยา่ งเหมาะสม 7. สอ่ื /อุปกรณ์ 7.1 ใบงานเร่ือง ความถนดั ทางการเรยี นของฉนั 7.2 ใบความรู้เรือ่ ง การค้นหาทกั ษะของตนเอง 7.3 ใบงานเรื่อง การสารวจทักษะตนเอง 8. กำรวัดและประเมนิ ผล 8.1 วธิ ีประเมิน 8.1.1 สังเกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจใบงาน 8.2 เคร่อื งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบประเมนิ ใบงาน

8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน ตัวบง่ ชี้ 8.3.1 การสังเกตการปฏิบัติกิจกรรม เกณฑ์ ผา่ น ให้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบัตกิ จิ กรรมด้วยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมงุ่ มน่ั ในการปฏบิ ัตงิ าน ไม่ผา่ น ไมใ่ หค้ วามร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบัตกิ จิ กรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบ่งชี้ ผ่าน การประเมินใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบูรณ์ครบถว้ น และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไมผ่ า่ น ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบรู ณค์ รบถ้วน และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา 51

ใบงำน เรือ่ ง ควำมถนดั ทำงกำรเรยี นของฉัน ชื่อ – สกลุ .......................................................................ช้ัน...........................................เลขท.่ี .......................... คำชี้แจง ให้นักเรยี นพจิ ารณาตนเองเกย่ี วกบั ดา้ นการเรยี น แล้วเขียนช่ือรายวิชาทม่ี ีความถนัดทางการเรยี น ลงในใบงานทไี่ ด้รับมอบหมาย …………………………… ………………………………… …………………………… ………………………………… …………………………… ………………………………… …………………………… ………………………………… …………………………… ………………………………… ………………………… ………………………………… 52 ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… ………………………………… …………………………… …………………………… …………………………… …………………………… …………………………… …………………………

ใบควำมรู้ เร่อื ง กำรค้นหำทักษะของตนเอง  ทกั ษะหรอื ความสามารถ หมายความถึง กจิ กรรมท่นี กั เรียนทาได้หรือมีความถนดั 53  การคน้ หาทักษะจะทาใหร้ ู้วา่ ตวั เราน้นั เหมาะกับงานประเภทใด  มนุษย์เราจะมีความถนัดต่างกัน บางคนถนัดทางานกับเคร่ืองจักร บางคนถนัดพูดคุยบางคนถนัด กับการใช้ หัวคดิ วิเคราะห์ ทักษะท่ีพูดถึงน้ีอาจจะหมายความรวมถึง ส่ิงที่นักเรียนมี ตามธรรมชาติ เช่น บางคนถนัดการเขียนรูป บางคนถนัดการทา ครวั เปน็ ต้น ทกั ษะบางชนดิ กเ็ ป็นส่งิ ทไ่ี ดจ้ ากการเรียนรู้ฝกึ ฝน ใหเ้ กดิ ความชานาญ เชน่ พมิ พ์ดดี ขบั รถ เล่นกีฬา เมื่อคนเราได้ค้นหาทักษะและรู้ว่าเรามีทักษะกลุ่มใดเป็น พิเศษแล้วเราก็จะได้รู้ว่างานทุกชนิดต้องการทักษะต่างกัน ถ้าเราจะหางาน เราก็ควรจะหางานที่ต่างกับทักษะท่ีเรามีอยู่ กจ็ ะทาไดง้ า่ ย เขา้ ได้ไปเพิม่ เติม หรือฝึกฝนใหเ้ กิด ความชานาญกอ่ นการตัดสินใจเข้าสูอ่ าชีพ เมื่อเราลงมือทากิจกรรม เราจะสังเกตเห็นว่าทักษะ บางชนดิ เราเองกม็ ี และเรากอ็ าจจะไม่คิดวา่ มันเป็นทักษะแต่จรงิ ๆ แล้วมันก็คือทักษะส่วนหน่ึง และเม่ือเราได้ร้ทู ักษะที่สาคัญของเรา เราก็จะได้หางานท่ีต่างกับทักษะที่เรามีจะทาให้เราทางานอย่างมี ความสขุ มากขนึ้ ที่มา : กรมสง่ เสรมิ การมงี านทา (2561). เคร่อื งมือคน้ หำตนเอง. เอกสารประกอบการอบรมครแู นะแนว โครงการพฒั นาเครือข่ายการแนะแนวอาชีพ. 27 สิงหาคม 2561 ขอนแกน่ , (เอกสารอัดสาเนา).

ใบงำน เร่อื ง กำรสำรวจทักษะตนเอง คำช้ีแจง ให้นกั เรียนสารวจทักษะของตนเอง ถ้าเราใช้ทกั ษะในด้านใด ก็ให้ใส่เครื่องหมาย  ในแต่ละทกั ษะ ที่ใช้ และให้พจิ ารณาวา่ เรามีทักษะดังกล่าวในระดบั ใด โดยให้ หมำยเลข 1 แทนระดับความชานาญท่ีมอี ยู่นอ้ ยทีส่ ดุ หมำยเลข 2 แทนระดับความชานาญที่มอี ยู่น้อย หมำยเลข 3 แทนระดบั ความชานาญที่มอี ยู่ปำนกลำง หมำยเลข 4 แทนระดับความชานาญที่มอี ยู่มำก หมำยเลข 5 แทนระดับความชานาญท่ีมอี ยู่มำกทส่ี ดุ รายการประเมนิ สารวจทักษะตนเอง มนี ้อย น้อย ปาน มาก มาก มาก กลาง ทส่ี ดุ 12345 1. การทางานทีเ่ กีย่ วข้องกบั วัตถุ……………………… …………… …………… …………… …………… …………… 54 2. การใชส้ ว่ นตา่ งๆ ของร่างกาย............................. …………… …………… …………… …………… …………… 3. การใช้ถอ้ ยคาหรอื ภาษา..................................... …………… …………… …………… …………… …………… 4. การใช้ตัวเลข...................................................... …………… …………… …………… …………… …………… 5. การใชญ้ าณพิเศษหรือลางสงั หรณ์ใจทเ่ี กิดขึน้ … …….…… ….………. …………. …..…….. …..…….. 6. การวิเคราะห์และการใชเ้ หตผุ ล…………………… …………… …………… …………… …………… …………… 7. การใชค้ วามคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์……………………… …………… …………… …………… …………… …………… 8. ทกั ษะเกยี่ วข้องกบั บคุ คลและการให้ความช่วยเหลือ …………… …………… …………… …………… …………… 9. ทกั ษะทางศิลปะ……………………………………….. ………….. …………… …………… …………… …………… 10. ความเปน็ ผู้นา............................................... ………….. …………… …………… …………… …………… เม่อื นกั เรียนทาเสร็จแล้ว ขอใหย้ ้อนกลบั ไปดวู า่ มหี วั ข้อใดบ้างทง้ั 10 หวั ขอ้ ทีน่ ักเรยี นมเี ครอื่ งหมาย  มากท่สี ดุ เม่ือไดแ้ ล้วก็ให้ใส่ทักษะทีส่ าคญั ๆ ของนักเรียนลงในชอ่ งวา่ งข้างลา่ ง นกั เรยี นก็จะได้ทราบว่า ตัวนักเรียนนม้ี คี วามสามารถด้านใดท่ีเดน่ ชัดบา้ ง ชอื่ ..........................................................................สกุล............................ชนั้ ........... ...เลขที่............... สรุปทักษะทีส่ าคญั ของฉัน คือ 1.…………………………………………………………………………………………………………………. 2………………………………………………………………………………………………………………….. 3………………………………………………………………………………………………………………..…

แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวท่ี 5 หนว่ ยกำรจดั กิจกรรม กำรศึกษำ ช้ันประถมศกึ ษำปีที่ 4 - 6 เรอ่ื ง ทำงเลือก จำนวน 3 ชั่วโมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั การตัดสินใจเลือกแผนการเรียน และสถานศึกษาต่อของผู้เรียน ครอบครัวเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วน สาคัญการตัดสินใจเลอื กแผนการเรียน และสถานศึกษา จึงควรให้ครอบครัวมสี ่วนร่วมในการเลือกเส้นทางวางแผน ดา้ นการศกึ ษา ดังนั้นจึงตอ้ งพจิ ารณาความพรอ้ มของครอบครวั ดว้ ย 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนกำรศึกษำ ขอ้ ท่ี 3 ให้ขอ้ มูลในการวางแผนการศกึ ษา 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 วางแผนการศึกษาของตนเองโดยคานงึ ถงึ ความสามารถ ศักยภาพของตนเอง และครอบครวั 3.2 เลอื กแนวทางการศึกษาต่อทเี่ หมาะสมได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ 55 4.1 การวางแผนการศึกษาตอ่ 4.2 การเลือกแนวทางการศึกษา 5. ชนิ้ งำน/ภำระงำน 5.1 ใบงานเรือ่ ง ความสามารถกบั แผนการเรยี น 5.2 ใบงานเรอื่ ง ทางเลอื กกับครอบครวั ของฉัน 6. วิธีกำรจัดกจิ กรรม ชัว่ โมงที่ 1 - 2 6.1 ครูสนทนาพูดคยุ กบั นกั เรียนเกีย่ วกับโรงเรยี นท่ีนกั เรยี นมคี วามประสงค์หรอื ต้องการศึกษาต่อ 6.2 ครูสอบถามนักเรียนว่านักเรียนแต่ละคนคิดวางแผนการเรียนต่อในสถานศึกษาที่ต้องการศึกษาต่อ อยา่ งไร สุ่มนักเรียนตอบคาถามตามความเหมาะสม 6.3 นักเรียนร่วมกันพิจารณาความสามารถของตนเอง และเพื่อนในชั้นเรียน จากนั้นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน ร่วมกันอภิปรายวางแผนการศึกษาของตนเองโดยคานึงถึงความสามารถ ศักยภาพของตนเอง และครอบครัว จากนนั้ ให้บันทึกขอ้ มูลลงในใบงานเรอ่ื ง ความสามารถกับแผนการเรยี น 6.4 ครูแนะแนวทาง เสนอแนะให้นักเรยี นฟงั ว่า การเลือกสถานที่ศึกษาตอ่ นกั เรยี นควรเลือกสถานศึกษา ที่เหมาะสมกับความสามารถของตัวนักเรียนเอง และความพร้อมของครอบครัวด้วย เช่น สถานศึกษาน้ันไม่ไกล

จากบ้านของนักเรียนมากจนเกินไป ค่าใช้จ่ายของสถานศึกษานั้นเหมาะสมกับฐานะทางครอบครัวหรือไม่ 56 ครอบครัวเห็นด้วยกับการตดั สินใจเลือกสถานท่ีเรยี นของนักเรยี น ฯลฯ 6.5 มอบหมายงานให้นักเรียนทาใบงานเร่ือง ทางเลอื กกับครอบครวั ของฉัน 6.6 ครูอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนฟังว่า ครอบครัวเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสาคัญต่อการเลือกแผน การเรียน และโรงเรียน เพราะครอบครวั เป็นสถาบันพ้ืนฐานที่จะผลักดนั ให้ผู้เรียนสามารถเรียนต่อได้ ดังนั้นในการ ตัดสนิ ใจเลือกแผนการเรยี นและทเี่ รียนจงึ ต้องพจิ ารณาความพร้อมของครอบครัวร่วมด้วย ช่ัวโมงที่ 3 6.7 ทบทวนกิจกรรมในครั้งที่ผ่านมา ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน แต่ละกลุ่มนาใบงานเร่ือง ทางเลือกกับครอบครวั ของฉัน มาสนทนาพูดคุยกันและสรปุ ในประเด็นดังตอ่ ไปน้ี “ครอบครัวมีความสาคญั ตอ่ การตัดสินใจเลอื กแผนการเรยี นและโรงเรียนอย่างไร” 6.8 ตวั แทนนกั เรียนแต่ละกล่มุ นาเสนอขอ้ สรุปของกลุ่มใหเ้ พ่อื นๆ ฟัง 6.9 ครูอธิบายเพ่ิมเติมให้นักเรียนฟังว่า ครอบครัวเป็นอีกปัจจัยหน่ึงท่ีมีส่วนสาคัญต่อการเลือกแผน การเรียน และโรงเรียน เพราะครอบครัวเป็นสถาบันพ้ืนฐานท่ีจะผลักดนั ให้ผู้เรียนสามารถเรียนต่อได้ ดงั นั้นในการ ตัดสินใจเลือกแผนการเรียนและที่เรยี นจงึ ตอ้ งพิจารณาความพร้อมของครอบครัวร่วมด้วย 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 ใบงานเร่อื ง ความสามารถกับแผนการเรยี น 7.2 ใบงานเรอื่ ง ทางเลือกกับครอบครวั ของฉัน 8. กำรวัดและประเมนิ ผล 8.1 วิธกี ำรประเมนิ 8.1.1 สังเกตการปฏิบตั ิกิจกรรม 8.1.3 ตรวจประเมนิ ผลงาน 8.2 เครื่องมือประเมิน 8.2.1 แบบสงั เกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 8.2.2 แบบประเมินตรวจผลงาน 8.3 เกณฑ์กำรประเมิน 8.3.1 สังเกตการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้ ผ่าน ให้ความรว่ มมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมดว้ ยความรบั ผิดชอบ และมีความมงุ่ มนั่ ในการปฏิบัตงิ าน ไมผ่ ่าน ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการจดั กิจกรรม ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมไม่ครบทุกรายการ

8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บ่งช้ี ผา่ น การประเมินใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบูรณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงต่อเวลา ไม่ผา่ น ใบงานไมถ่ ูกตอ้ งสมบรู ณค์ รบถว้ น และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา 57

ใบงำน เร่อื ง ควำมสำมำรถกบั แผนกำรเรยี น กลุม่ ท.ี่ ................................................. สมำชิกของกลุ่ม 1. .............................................................................. 2. .............................................................................. 3. .............................................................................. 4. .............................................................................. 5. .............................................................................. 6. .............................................................................. คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขียนความสามารถของนักเรียน และแผนการเรยี นทสี่ อดคล้องกบั ความสามารถ ของนกั เรียน ควำมสำมำรถ แผนกำรเรียน 58

ใบง เรอื่ ง ทำงเลือกกับ ชื่อ.........................................................สกลุ ................... คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนพิจารณาสภาพแวดล้อม ความตอ้ งการของครอบครัวของนักเรยี น และโรงเรียนใดศกึ ษาตอ่ ในอนาคต กำรเงิน ………………………………………… ………………………………………… ………………………………………… ………………………………………… ………… ส่ิงแวดลอ้ มอื่นๆ …………………………………………… …………………………………………… …………………………………………… …………………………………………… แผนการเรยี นและโรงเรยี นที่ฉันควรเลอื กเรยี น คือ แผนการเรยี น 1. ................................................................... 2. ............................... โรงเรียน 1. ................................................................... 2. ...............................

งำน 59 บครอบครวั ของฉัน ......................................ชน้ั ......................เลขท.ี่ ............ นในประเด็นที่กาหนดใหแ้ ลว้ พิจารณาว่านกั เรียนจะสามารถเลอื กแผนการเรยี น ระยะทำง …………………………………………… …………………………………………… …………………………………………… …………………………………………… ควำมตอ้ งกำรด้ำนกำรเรียน …………………………………………… …………………………………………… …………………………………………… …………………………………………… ..................................... 3. ................................................................... ..................................... 3. ...................................................................

แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวท่ี 6 หนว่ ยกำรจดั กจิ กรรม กำรศกึ ษำ ช้ันประถมศึกษำปที ี่ 4 - 6 เรื่อง มุมมอง มุมกลับ จำนวน 3 ชั่วโมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ การเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพต้องรู้จักวางแผนการเรียน รู้จักวิเคราะห์ข้อมูลสภาพความรู้พ้ืนฐาน ของตนเอง เช่น ผลการเรียนอยู่ในระดับใด รายวิชาใดท่ีมีผลการเรียนอยู่ในระดับดี รายวิชาใดผลการเรียน ควรปรบั ปรุงแก้ไข โดยเฉพาะชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นระดับช้ันสาคัญท่ีสาเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ระดับช้ัน ประถมศกึ ษา มกี ารประเมนิ ผลระดบั ชาติ (O-NET) เพ่ือเปน็ แนวทางเตรียมความพร้อมศกึ ษาตอ่ ในระดับท่สี ูงขน้ึ 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศึกษำ ขอ้ ที่ 1 รเู้ ข้าใจ และมีเจตคติทดี่ ีต่อการเรยี นรูต้ ามหลักสูตร ขอ้ ท่ี 3 ให้ข้อมลู ในการวางแผนการศึกษา 3. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 60 3.1 บอกผลการเรียนรายวชิ าต่างๆ ของตนเองในระดบั ชั้นท่ีผา่ นมาได้ 3.2 บอกความสาคญั การสอบ O-NET และผลการเรยี นในรายวชิ าจาเปน็ ท่ีสอบ O-NET ได้ 3.3 บอกรายวิชาทใี่ ช้ในการสอบเขา้ เรียนต่อระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ได้ 3.4 เสนอแนวทางการปฏิบตั ิดา้ นการเรียนเพ่ือเตรียมความพร้อมในการสอบและศกึ ษาต่อได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 ผลการเรียนรายวชิ าต่างๆ ที่ผา่ นมา 4.2 การสอบ O-NET 4.3 รายวิชาทใ่ี ช้ในการสอบเข้าเพือ่ ศกึ ษาต่อระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 4.4 แนวทางการปฏิบตั ติ นดา้ นการเรียนเพ่ือเตรียมความพร้อมในการสอบและศึกษาต่อ 5. ชน้ิ งำน/ภำระงำน 5.1 ใบงานเรื่อง ผลการเรียนของฉนั 5.2 ใบงานเรอ่ื ง เตรยี มตวั สอบ O-NET 5.3 ใบงานเร่อื ง เตรียมพร้อมเข้า ม. 1 6. วธิ ีกำรจัดกิจกรรม ชัว่ โมงท่ี 1 6.1 ครทู บทวนการจดั กิจกรรมจากคร้ังท่แี ล้ว ครแู ละนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายถึงความสาคัญของรายวชิ า ที่นักเรยี นเรยี นอยู่ปัจจุบนั

6.2 นักเรียนบันทึกข้อมูลผลการเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 ตามใบงานเรื่อง ผลการเรียน 61 ของฉนั พร้อมท้งั พจิ ารณารายวชิ าท่ีมผี ลการเรยี นดนี า่ พอใจ และรายวิชาทต่ี อ้ งปรบั ปรุง 6.3 นักเรียนแต่ละคนนาเสนอรายวิชาที่พอใจและรายวิชาที่ต้องปรับปรุง พร้อมทั้งร่วมกันแ สดง ความคิดเหน็ ว่าควรทาอยา่ งไรเพือ่ ปรบั ปรุงรายวิชาท่มี ีผลยังไม่เป็นที่นา่ พอใจใหด้ ีขนึ้ ช่วั โมงท่ี 2 6.4 ครูสนทนากับนักเรียนถึงความสาคัญของการสอบ O-NET วิชาท่ีต้องสอบและคะแนนเฉล่ีย O-NET ของโรงเรยี นในปกี ารศึกษาทผ่ี า่ นมา 6.5 นกั เรียนช่วยกันระดมความคดิ วา่ ควรทาอยา่ งไรจงึ จะทาให้คะแนน O-NET ของปีทน่ี ักเรยี น กาลัง ศกึ ษาอย่ใู นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 สงู ขน้ึ กว่าปีก่อนๆ 6.6 ให้นักเรียนบนั ทึกส่ิงท่ตี นจะปฏบิ ตั เิ พ่ือให้คะแนน O-NET สงู ขึ้น ลงในใบงานเรอ่ื ง เตรียมตวั สอบ O-NET ช่วั โมงท่ี 3 6.7 ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับการทาใบงานเร่ือง เตรียมตัวสอบ O-NET จากนั้นพูดคุยกันต่อ เก่ยี วกบั การเรยี นตอ่ ในระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 โดยใช้คาถาม เช่น - นักเรยี นอยากไปเรยี นต่อท่ีไหน เพราะเหตุใด? - โรงเรียนท่ีจะไปเรียนต่อต้องสอบเข้าหรอื ไม่ หากสอบเข้าต้องสอบวิชาอะไรบา้ งและใช้ผลคะแนน สอบ O-NET ในการพจิ ารณาด้วยหรอื ไม่? 6.8 นักเรียนพิจารณาผลการเรียนของตัวเองจากใบงานเรื่อง ผลการเรียนของฉัน ร่วมกับใบงานเรื่อง เตรียมตัวสอบ O-NET จากน้ันนักเรียนช่วยกันระบุวิธีการปฏิบัติตนในการเตรียมตัวสอบ เตรียมความพร้อมเพื่อ เขา้ ศึกษาตอ่ ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 และบนั ทกึ ลงในใบงานเรอื่ ง เตรียมพร้อมเขา้ ม. 1 6.9 สุ่มนักเรียน 2-3 คน นาเสนอแนวทางการเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 โดยครูคอยแนะนาและเสนอแนะ ให้ข้อมูลเพมิ่ เติมแนวทางการปฏบิ ตั ติ นด้านการเรยี นเพ่ือเตรียมความพรอ้ มในการสอบและศกึ ษาต่อ 7. ส่อื /อปุ กรณ์ 7.1 ใบงานเรอ่ื ง ผลการเรียนของฉัน 7.2 ใบงานเร่อื ง เตรยี มตวั สอบ O-NET 7.3 ใบงานเร่อื ง เตรียมพร้อมเขา้ ม. 1 8. กำรวัดและประเมนิ ผล 8.1 วธิ กี ำรประเมนิ 8.1.1 สังเกตการปฎบิ ัติกิจกรรม 8.1.2 สงั เกตการนาเสนอผลงาน 8.1.3 ตรวจผลงาน/ใบงาน

8.2 เคร่อื งมือประเมนิ 62 8.2.1 แบบสงั เกตการปฎิบตั ิกิจกรรม 8.2.2 แบบสงั เกตการนาเสนอผลงาน 8.2.3 แบบตรวจผลงาน/ใบงาน 8.3 เกณฑ์กำรประเมิน 8.3.1 สังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ช้ี ผา่ น ใหค้ วามรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ัติกิจกรรมด้วยความรับผดิ ชอบ และมีความมงุ่ มนั่ ในการปฏบิ ัตงิ าน ไมผ่ า่ น ไมใ่ หค้ วามร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ตั ิกิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ตรวจผลงาน/ใบงาน เกณฑ์ ตวั บ่งชี้ ผ่าน การประเมนิ ใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบูรณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงตอ่ เวลา (ระดับคุณภาพดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง) ไดร้ ะดับ “พอใช้” ผา่ นเกณฑ์ ไม่ผา่ น ใบงานไมถ่ กู ต้องสมบรู ณ์ครบถว้ น และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา (ระดับคุณภาพ ปรับปรุง) ไม่ผ่านเกณฑ์ เกณฑก์ ำรประเมินตรวจผลใบงำน ระดับคณุ ภาพ ดีมาก ระดับคุณภาพ ดี 1) ใบงาน เรื่อง ผลการเรยี นของฉนั ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรุง บอกผลการเรยี นไดถ้ ูกต้อง พิจารณาผลเหมาะสมทกุ รายวชิ า บอกผลการเรยี นไดถ้ ูกต้อง พิจารณาผลเหมาะสม 4-7 วชิ า ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก บอกผลการเรียนได้ถูกต้อง พิจารณาผลเหมาะสม 1-3 วชิ า ระดับคุณภาพ ดี บอกไม่ได้ ระดับคุณภาพ พอใช้ 2) ใบงานเร่อื ง เตรียมตัวสอบ O-NET ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรุง เสนอแนวทางส่งิ ที่ตนจะปฏบิ ัติได้ 5 ข้อข้ึนไป เสนอแนวทางสงิ่ ที่ตนจะปฏิบัติได้ 3 - 4 ข้อ เสนอแนวทางสิง่ ท่ีตนจะปฏิบัติได้ 1 - 2 ขอ้ เสนอแนวทางสง่ิ ท่ีตนจะปฏิบัติไม่ได้

3) ใบงานเรอื่ ง เตรยี มพร้อมเข้า ม. 1 ระดับคณุ ภาพ ดมี าก ระดับคุณภาพ ดี ระบุวิธีการปฏบิ ตั ิตนได้ 5 ขอ้ ขึ้นไป ระดบั คุณภาพ พอใช้ ระบวุ ิธกี ารปฏิบัติตนได้ 3 - 4 ข้อ ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ ระบุวิธีการปฏิบตั ิตนได้ 1 - 2 ขอ้ ระบุไม่ได้ 63

ใบงำน เรือ่ ง ผลกำรเรยี นของฉัน ชื่อ.........................................................สกลุ ........................................................ชนั้ ......................เลขท.ี่ ........ คำช้ีแจง ให้นักเรียนบันทึกข้อมูลผลการเรียนในระดบั ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แล้วพิจารณารายวิชาที่มีผลการเรียน ดีนา่ พอใจ และรายวชิ าทตี่ ้องปรบั ปรุง สำระ/วิชำ คะแนนเต็ม คะแนนท่ไี ด้ ระดบั ผลกำร ผลกำรพจิ ำรณำ เรียน พอใจ ปรับปรุง 64

ใบงำน 65 เรอ่ื ง เตรยี มตัวสอบ O-NET ชอ่ื .........................................................สกลุ ........................................................ช้ัน......................เลขท.่ี ........ คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนระบ/ุ เสนอแนวทางสง่ิ ทต่ี นจะปฏบิ ตั เิ พ่ือให้คะแนน O-NET สูงขึ้น 1. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ใบงำน 66 เรือ่ ง เตรยี มพร้อมเขำ้ ม. 1 ชื่อ.........................................................สกลุ ........................................................ชนั้ ......................เลขท.่ี ........ คำช้แี จง ให้นักเรยี นระบวุ ธิ ีการปฏิบัตติ นในการเตรยี มตวั สอบ/เตรียมความพร้อมเพ่ือเข้าศึกษาต่อ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 1. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 8. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวที่ 7 หนว่ ยกำรจัดกจิ กรรม กำรศึกษำ ชนั้ ประถมศึกษำปที ี่ 4 - 6 เรื่อง ควำมแตกต่ำง จำนวน 3 ชั่วโมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั บุคคลมคี วามสนใจ ความถนดั และความสามารถด้านการเรียนรู้แตกตา่ งกัน การได้ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหรือ ทางานในสงิ่ ทส่ี อดคล้องกับความสนใจ ความถนดั และความสามารถของแต่ละบุคคล จะสง่ ผลให้งานประสบ ความสาเรจ็ เป็นอยา่ งดี หากบุคคลเขา้ ใจความแตกต่างระหว่างกนั ยอมรบั ขอ้ แตกต่างของกันและกันได้จะทาให้ การเรียนไม่มีปัญหาและอปุ สรรค หรอื หากมีกส็ ามารถก้าวขา้ มข้อจากัดตา่ งๆของตนเองและผอู้ ืน่ ไดจ้ ะส่งผลต่อ การเรยี นรตู้ ามหลกั สูตรบรรลุเป้าหมายและเรียนรู้ได้อยา่ งเต็มศักยภาพของทุกคน 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศึกษำ 67 ข้อที่ 1 รูเ้ ข้าใจและมเี จตคตทิ ี่ดตี ่อการเรียนรู้ตามหลักสตู ร 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 บอกความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียนของตนได้ 3.2 เขา้ ใจและยอมรับความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลได้ 3.3 แสดงการยอมรบั กบั สง่ิ ที่ตนเองมีและเข้าใจผอู้ ืน่ ด้านความสนใจ ความถนดั และความสามารถ ทางการเรยี น 4. สำระกำรเรยี นรู้ 4.1 ความสนใจ ความถนัดของตนเอง ความสามารถทางการเรยี น 4.2 การยอมรับและเข้าใจความแตกตา่ งระหว่างบุคคล 5. ชน้ิ งำน/ภำระงำน 5.1 ใบงานเรอ่ื ง บันทึกวิชาทชี่ อบและเรียนได้ดี 5.2 ใบงานเรื่อง “งานของห้องเรา” 6. วธิ ีกำรจดั กิจกรรม ชั่วโมงท่ี 1 6.1 ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนการเรียนในคร้ังทแี่ ลว้ มา แจง้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ใหน้ ักเรยี นทราบ 6.2 ให้นกั เรยี นทกุ คนน่ังล้อมวง ครูอธบิ ายวธิ ที ากิจกรรม ดังนี้ - ทุกคนจะร่วมกันร้องเพลง ลมเพ ลมพัด เม่อื จบเพลงแตล่ ะครง้ั ครจู ะพดู ช่ือวชิ าที่จะถกู พัด ใหผ้ ้ทู ี่ชอบวชิ าน้นั วงิ่ ไปรวมกลุ่มกันแลว้ ลงช่อื ในกระดาษลงชื่อแตล่ ะรายวิชา (8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้) - ทาเช่นนี้จนครบทุกกลุ่มสาระการเรยี นรู้

6.3 ให้แต่ละคนไปจดชือ่ วชิ าท่มี ีรายชอ่ื ของตนเองปรากฏอยใู่ นแบบบันทกึ วิชาทีฉ่ นั เรียนไดด้ แี ละวชิ าท่ีชอบ 68 สว่ นที่ 1 ช่ัวโมงที่ 2 6.4 ครูและนักเรียนรว่ มกันทบทวนกิจกรรมจากช่ัวโมงท่ี 1 ใหน้ ักเรียนปฏิบตั ิกจิ กรรมเช่นเดยี่ วกับชั่วโมง ท่ี 1 แตเ่ ปลย่ี นเป็นวชิ าทีเ่ รยี นแล้วเขา้ ใจได้ดี และมคี วามสุข 6.5 ให้นักเรียนบนั ทกึ ชอื่ วชิ าทม่ี รี ายชื่อของตนปรากฏอยใู่ นแบบบนั ทึกเดยี วกับชั่วโมงที่ 1 โดยเขยี น ชอ่ื วิชา ในส่วนท่ี 2 ชว่ั โมงที่ 3 6.6 ทบทวนกจิ กรรมจากครง้ั ท่ีแล้วมา ให้นักเรียนพจิ ารณาข้อมูลรายช่ือวิชาในแบบบันทึกท่ีเขียนไวแ้ ล้ว ในชัว่ โมงท่ี 1 และช่วั โมงท่ี 2 6.7 เขียนหมายเลข 1 หน้าชื่อวิชาที่ชอบ และช่ือวิชาที่สนใจและมีความถนัดท่ีเป็นวิชาเดียวกัน กรณี มมี ากกวา่ 1 คู่ คตู่ อ่ ไปใช้หมายเลข 2 และ 3 ตามลาดับ แลว้ นาชือ่ วชิ ามาเขียนในส่วนท่ี 3 ของแบบบนั ทกึ 6.8 กาหนดสถานการณ์ท่ีเป็นงานของห้อง ที่ต้องใช้บุคคลทาหน้าท่ีต่าง ๆ ให้หัวหน้าห้องดาเนินการ มอบหมายงานตามความชอบ ความสนใจ และความถนัดของสมาชิกในห้องเรียน เช่น จัดกิจกรรมวันปีใหม่ กจิ กรรมวนั เด็ก โดยมีเลขานุการบนั ทึกการมอบหมายในใบงานเรือ่ ง “งาน...ของหอ้ งเรา” 6.9 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมว่า คนเรามีความสนใจในกิจกรรมแตกต่างกัน ความถนัด และ ความสามารถทางการเรียนของแต่ละบุคคลก็เช่นกัน หากนักเรียนแต่ละคนยอมรับข้อแตกต่างของกันและกันได้ จะทาให้การเรียนไม่มีปัญหาและอุปสรรค หรือหากมีก็สามารถก้าวข้ามข้อจากัดต่างๆของตนเองและผู้อื่นได้ จะส่งผลตอ่ การเรียนรู้ตามหลกั สตู รบรรลุเปา้ หมายและเรยี นรู้ได้อยา่ งเตม็ ศักยภาพของทุกคน 7. สื่อ/อปุ กรณ์ 7.1 แบบบนั ทึกวิชาทชี่ อบและเรียนได้ดี 7.2 ใบงานเร่อื ง “งาน..ของหอ้ งเรา” 7.3 แบบบันทึกระดบั คุณภาพการปฏิบตั งิ านรายบคุ คล 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 8.1 วิธีประเมนิ 8.1.1 สังเกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจแบบบนั ทกึ /ตรวจใบงานเรื่อง “งาน...ของหอ้ งเรา” 8.2 เคร่ืองมอื ประเมิน 8.2.1 แบบสังเกตการปฏิบัตกิ จิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน/ใบงาน/แบบบนั ทกึ คุณภาพการปฏบิ ตั ิงาน

8.3 เกณฑก์ ำรประเมนิ 69 8.3.1 สงั เกตการปฏบิ ัติกิจกรรม เกณฑ์ ตัวบ่งชี้ ผ่าน ให้ความร่วมมือในการจดั กจิ กรรม ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมดว้ ยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมงุ่ ม่นั ในการปฏิบัตงิ าน ไมผ่ า่ น ไมใ่ ห้ความร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บ่งชี้ ผ่าน การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และส่งตรงต่อเวลา ไม่ผ่าน ใบงานไมถ่ ูกตอ้ งสมบูรณ์ครบถว้ น และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา เกณฑ์การประเมนิ ผลงาน แบบบนั ทึกวชิ าทีฉ่ ันชอบและเรยี นได้ดี - บันทกึ ขอ้ มูลได้ 3 ส่วน ระดับคณุ ภาพ ดี - บันทกึ ข้อมูลได้ 2 สว่ น ระดับคุณภาพ พอใช้ - บันทกึ ข้อมูลได้ 1 สว่ น ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรงุ

แบบบนั ทึกวิชำทฉ่ี ันชอบและเรียนไดด้ ี ช่อื -สกลุ ..................................................................................................ชั้น............เลขท.่ี ...................... ส่วนที่ 1 วชิ ำที่ฉนั ชอบ สว่ นที่ 2 วิชำที่ฉนั เรียนได้ดี สว่ นท่ี 3 วิชำท่ีฉนั ทง้ั ชอบและเรยี นไดด้ ี 70

ใบงำน เรอ่ื ง “งำน..ของห้องเรำ” ชื่อ.........................................................สกลุ ........................................................ช้ัน......................เลขท.่ี ........ คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนระบวุ ธิ กี ารปฏบิ ตั ิตนในการเตรียมตวั สอบ/เตรยี มความพร้อมเพือ่ ศึกษาต่อ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภำระงำน หนำ้ ท่ี ชอื่ ผูป้ ฏบิ ตั ิ 71 ..........................................................ประธานการประชุม .........................................................ผูบ้ ันทกึ การประชมุ

แบบบันทกึ ระดับคณุ ภำพกำรปฏบิ ัติงำนรำยบุคคล ชื่อ.........................................................สกลุ ........................................................ช้ัน......................เลขท.่ี ........ คำช้แี จง บันทึกระดบั คุณภาพการปฏบิ ัติงาน และใบงาน ลงในชอ่ งแล้วสรปุ ระดบั คุณภาพตามเกณฑ์ ท่ี ชื่อ – สกลุ ระดับคณุ ภำพกำรปฏิบตั งิ ำน สรุประดับคุณภำพ แบบบันทกึ หอ้ งเรำ 72 เกณฑก์ ำรพจิ ำรณำ ระดับคุณภาพ ดี ดี 2 ใบงาน ระดับคุณภาพ พอใช้ มี ดแี ละพอใชเ้ ท่านั้น ระดบั คุณภาพปรบั ปรงุ มี ปรบั ปรงุ

แผนกำรจดั กิจกรรมแนะแนวท่ี 8 หนว่ ยกำรจัดกจิ กรรม กำรศึกษำ ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี 4 - 6 เร่ือง กำรเรียนรู้ของฉนั จำนวน 3 ชัว่ โมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ การเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนแตกต่างกันไปตามรูปแบบการเรียนรู้ท่ีแต่ละคนชอบและปฏิบัติ ซึ่งจะทาให้เกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุดสาหรับตนเองหากนักเรียนได้รู้รูปแบบการเรียนรู้ของตนและ ได้รู้ว่าตนเอง มีพหุปัญญา (Multiple Intelligences) ด้านใดจะช่วยพฒั นาการเรยี นรู้ของนักเรียน 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศึกษำ ขอ้ ท่ี 2 มีคา่ นยิ มในการเรียนรู้ตลอดชวี ิต ข้อท่ี 4 พัฒนาตนเองด้านการเรียนได้เต็มตามศักยภาพ 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 73 3.1 บอกรูปแบบการเรยี นรขู้ องตนเองได้ 3.2 สารวจและเรยี นรู้พหุปญั ญาของตนเอง 3.3 บอกวธิ กี ารพัฒนารปู แบบการเรียนรูข้ องตนเองได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 รูปแบบการเรยี นรู้ของแต่ละคน 4.2 การเรียนรู้พหปุ ัญญาของตนเอง 5. ช้ินงำน/ภำระงำน 5.1 รูปแบบการเรียนรู้ 1 – 2 5.2 สารวจพหุปัญญา 6. วธิ ีกำรจัดกิจกรรม ชั่วโมงท่ี 1 6.1 ทบทวนการจัดกิจกรรมในครั้งท่ีแล้ว ครูแจกกระดาษให้นักเรียนเขียนวิธีการเรียนของนักเรียน แล้วนามาติดที่กระดานหน้าชั้นเรียนให้ครบทุกคน ครูและนักเรยี นช่วยกันจัดประเภทของการเรียนรู้ของแต่ละคน เป็นกลุ่มๆ ที่มรี ปู แบบเดียวกัน สมุ่ ถามนกั เรยี น 1-2 คน วา่ เพราะอะไรจึงเลือกรูปแบบการเรยี นรแู้ บบนี้ 6.2 ครูให้นักเรียนดูภาพท่ี 1 รูปแบบการเรียนรู้ 1 แล้วให้นักเรียนอภิปรายข้อมูลจากภาพเกี่ยวกับ การเรียนรูใ้ นรูปแบบต่าง ๆ และความแตกตา่ งของแต่ละรูปแบบ

6.3 ให้นักเรียนดูภาพที่ 2 รูปแบบการเรียนรู้ 2 แล้วให้อภิปรายข้อมูลจากภาพเก่ียวกับผลที่เกิดจาก 74 การเรยี นรใู้ นรูปแบบตา่ ง ๆ และผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียน 6.4 ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่มแล้วรว่ มแลกเปลยี่ นเรยี นรเู้ กี่ยวกบั รูปแบบการเรยี นร้ขู องตนเอง 6.5 ครแู ละนกั เรียนช่วยกนั สรุปผลกจิ กรรม ชั่วโมงที่ 2 6.6 ครเู กรนิ่ นาถึงรูปแบบการเรียนรู้ของแต่ละบคุ คล สุ่มนักเรียน 4-5 คน ออกมาเล่าวธิ ีการพฒั นา รปู แบบการเรยี นรขู้ องนักเรียนว่ามรี ปู แบบการพัฒนาการเรียนรู้และเทคนิคการเรยี นของตนเองอยา่ งไรให้ประสบ ความสาเรจ็ ในการเรียนอย่างมีประสทิ ธภิ าพ ครชู น่ื ชมและเสรมิ แรงเชื่อมโยงการเรียนรู้ของแตล่ ะคนสกู่ ารเรยี นรู้ พหุปัญญา 8 ด้าน 6.7 ครูใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกับพหุปญั ญาแตล่ ะด้านและความสัมพันธ์ของรปู แบบการเรียนรู้แลว้ ให้นกั เรียน แบ่งกลุ่มศกึ ษาใบความรู้เร่ือง พหุปญั ญา (Multiple Intelligence) (8 กลุ่ม กลมุ่ ละ 1 ด้าน) แลว้ นาเสนอ 6.8 แจกใบงานเรือ่ ง แบบสารวจพหุปญั ญา ให้นักเรียนศกึ ษาเพอ่ื นามาทากจิ กรรมในครั้งถัดไป 6.9 ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรุปผลการเรยี นรู้ ช่ัวโมงท่ี 3 6.10 ครูทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับพหุปัญญาและความสัมพันธ์ของรูปแบบการเรียนรู้และพหุปัญญา ในกจิ กรรมแนะแนวครัง้ ท่ีแลว้ 6.11 ให้นักเรียนทาใบงานเร่ือง แบบสารวจพหุปัญญา จากน้ันตรวจให้คะแนนจากเฉลยแบบสารวจ พหุปัญญา 6.12 นกั เรยี นสรุปคะแนนทีไ่ ด้จากการสารวจพหุปัญญาแลว้ รว่ มกนั อภปิ รายถึงพหุปัญญาของแต่ละคน 6.13 ครูและนักเรียนช่วยกันสรุปผล รูปแบบการเรียนรู้ของแต่ละคนแตกต่างกัน พหุปัญญาของ แต่บุคคลบางคนเหมือนกันและแตกต่างกัน ดังน้ันแต่ละคนก็จะมีสไตล์การเรียนรู้ท่ีต่างกัน ส่วนวิธีการพัฒนา รปู แบบการเรียนรู้ของตนเองก็เช่นกันควรมีการเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตนเองและใช้ประโยชน์คุ้มค่าแก่ตนเอง มากทสี่ ดุ ครนู ดั หมายการจดั กจิ กรรมในคร้ังตอ่ ไป 7. สือ่ /อุปกรณ์ 7.1 ภาพท่ี 1 รปู แบบการเรยี นรู้ 1 7.2 ภาพที่ 2 รูปแบบการเรียนรู้ 2 7.3 ใบความร้เู รอื่ ง พหุปญั ญา (Multiple Intelligence) 7.4 ใบงานเร่อื ง แบบสารวจพหุปัญญา 7.5 กระดาษคาตอบแบบสารวจพหปุ ญั ญา 7.6 แบบเฉลยเรอ่ื ง แบบสารวจพหุปญั ญา

8. กำรวดั และประเมินผล ตัวบง่ ช้ี 8.1 วธิ ปี ระเมนิ 8.1.1 สงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครื่องมือประเมนิ 8.2.1 แบบสงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสังเกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เกณฑ์ ผา่ น ให้ความร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมด้วยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมงุ่ ม่ันในการปฏิบัตงิ าน ไม่ผา่ น ไม่ใหค้ วามร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน ตวั บ่งชี้ 75 เกณฑ์ ผ่าน การประเมนิ ใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบูรณ์ครบถว้ น และสง่ ตรงต่อเวลา ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถูกต้องสมบรู ณค์ รบถว้ น และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา

ใบควำมรู้ ภำพที่ 1 รูปแบบกำรเรียนรู้ 1 76 ทีม่ ำ : รปู แบบการเรียนรู้ (Learning Style) ตอนที่ 1 โดย เล่นจนไดเ้ ร่อื ง https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1019962241422593.1073741837. 988121224606695&type=3

ใบควำมรู้ ภำพบท่ี 2 รูปแบบกำรเรียนรู้ 2 77 ท่มี ำ : รปู แบบการเรยี นรู้ (Learning Style) ตอนที่ 1 โดย เลน่ จนได้เรอ่ื ง https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1019962241422593.1073741837. 988121224606695&type=3

ใบควำมรู้ 78 เรอื่ ง พหุปญั ญำ (Multiple Intelligence) ********************************************************* โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ ได้แบ่งสติปัญญาของมนุษย์ออกเป็น 8 ประเภท หรือพหุปัญญา (Multiple Intelligence) ดงั นี้ 1. ปญั ญำด้ำนภำษำ/กำรสือ่ ควำม (Verbal/Linguistic Intelligence) เป็นความสามารถในการใช้คาและภาษาทั้งในการพูดและเขียนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างงาน เขียนในลักษณะต่างๆทั้งร้อยแก้ว รอ้ ยกรองและอ่นื ๆ การพูดโน้มน้าวใจให้คล้อยตาม การใช้ภาษา เพ่ือการอธิบาย การใช้ภาษาเพอ่ื บอกเลา่ ประสบการณ์ ผู้มีความสามารถด้านน้ีมักจะประกอบอาชีพเป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์ นักการเมือง นักเล่านิทาน ฯลฯ และจะสามารถเรียนรู้ได้ดีจากการใช้ภาษาท้ังการเขียน พูดสื่อความคิด และการอ่าน ความสามารถ ในการใช้ Internet E-mail และการวิจัยระดบั สงู 2. ปัญญำด้ำนกำรใชเ้ หตผุ ล ตรรกะและคณติ ศำสตร์ (Logical/Mathematical Intelligence) เป็นความสามารถในการคิด อย่างสมเหตุสมผล การมองเห็นความสาคัญและความสัมพันธ์ของส่ิงต่างๆ อย่างชัดเจน การคิดคานวณ การคดิ คา่ ความน่าจะเป็น การทดสอบสมมติฐาน การเล่นเกม การถอดรหสั ผู้มีความสามารถด้านน้ีมักจะประกอบอาชีพเป็นนักสถิติ นักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ นกั ตรรกศาสตร์ฯลฯ 3. ปญั ญำด้ำนดนตรีและท่วงทำนอง (Musical/Rhythmic Intelligence) เป็นความสามารถในการรับรู้เสียงดนตรี กิจกรรมเข้าจังหวะ ท่วงทานองความแตกต่างของเสียง ทไ่ี ด้ยนิ การแสดงออก การแยกเสียงดนตรี การแต่งเพลง การเข้าใจสสี ันของดนตรี ผู้มีความสามารถด้านนี้มักจะประกอบอาชีพเป็นนักดนตรี และจะสามารถเรียนรู้ได้ดีเมื่อมีดนตรี หรอื ใชท้ ่วงทานองของเสียงประกอบท่าทาง 4. ปญั ญำดำ้ นกำรเคลือ่ นไหวทำงกำย (Body/Kinesthetic Intelligence) เป็นความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อ ความสามารถในการทางาน หรือการประสานสัมพันธ์กัน ของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อการทางานต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วกลมกลืน เช่น นักกีฬา ศัลยแพทย์ ช่างฝีมือ หรือมีความสามารถในการใช้ร่างกายในการแสดงออกถึงความรู้สึก เช่น นักแสดง นักเต้นรา ความสามารถทางด้านน้ีมีองค์ประกอบย่อย ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะท่ีต้องใช้เกี่ยวข้องกัน การทรงตัว ความแข็งแรง ทนทาน ความยืดหยุ่น และความเร็ว ผู้ท่ีมีความสามารถด้านน้ีจะเรียนได้ดี เมอื่ มีการเคลื่อนไหวทากิจกรรมการเลน่ หรือการแสดงท่ีใช้อวยั วะตา่ งๆ

5. ปญั ญำด้ำนมิตสิ ัมพนั ธ์ กำรเหน็ และมติ ิตำแหนง่ (Visual/Spatial Intelligence) 79 เป็นความสามารถในการรับรู้เก่ียวกับทิศทาง ตาแหน่ง รูปร่าง รูปทรง เส้น สี และมิติตาแหน่ง ของสิ่งต่าง ๆ ผู้มีความสามารถด้านน้ีมักจะประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์ ศิลปิน มัณฑนากร สถาปนิก นักเดินทะเล ผู้ที่มีความสามารถในด้านนี้จะเรียนได้ดีจากการเรียนด้วยภาพประกอบการแสดงตาแหน่งของแห่ง ทีข่ องส่งิ ท่เี รียน 6. ปัญญำดำ้ นมนษุ ยสมั พนั ธ์ ควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งบุคคล (Interpersonal Intelligence) เป็นความสามารถในการรับรู้อารมณ์ และความรู้สึกของบุคคลอื่นจากส่ิงท่ีเขาได้แสดงออกทั้งจาก สีหน้า ท่าทาง และน้าเสียง ยอมรับบุคคลและสามารถแสดงพฤติกรรมโต้ตอบได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนเป็น ความสามารถในการควบคมุ อารมณ์ เมือ่ ประสบกบั ภาวะที่ไม่พอใจจนทาให้แสดงพฤตกิ รรมที่เหมาะสม ราบรนื่ ผู้มีความสามารถด้านนี้มักจะมีเพ่ือนมาก ชอบติดต่อร่วมงานกับผู้อื่นและจะเรียนได้ดีเม่ือทากิจกรรม กลมุ่ และเรยี นรูจ้ ากกลมุ่ บุคคลต่าง ๆ การคดิ ท่เี ป็นน้าใจ 7. ปัญญำด้ำนกำรเข้ำใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence) เป็นความสามารถเก่ียวกับการตระหนักรู้ในเร่ืองต่าง ๆ ของตนเอง และมีความไวในความเปลี่ยนแปลง ในภาวะต่าง ๆ ของตนเองทั้งอารมณ์ ความตั้งใจ แรงจูงใจ ความสามารถของตนเองในด้านต่างๆ การหยั่งรู้ การคิดสร้างสรรค์ การแสวงหา และความสามารถในการนาข้อมูลเกี่ยวกับตนเองมาปรับใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ท้ังการทางาน ความขดั แย้ง การเลน่ และการตดิ ต่อกับบคุ คลอนื่ ผูม้ ีความสามารถดา้ นนีม้ ักจะประกอบอาชีพทต่ี ้องทางานคนเดียว เช่น เป็นเจา้ ของกจิ การ และมักจะชอบเรยี นรู้ ได้ดีด้วยตนเองตามลาพงั ดว้ ยการนาความรู้ ความเขา้ ใจตนเองมาปรบั ใช้ในการทางานได้อยา่ งชดั เจน 8. ปัญญำดำ้ นกำรเข้ำใจในธรรมชำติ (Naturalist Intelligence) เป็นความสามารถทางการรับรู้ และเข้าใจสภาพประกอบต่างๆ ในธรรมชาติทั้งความเป็นชีวิต และ กายภาพสิ่งแวดล้อม โดยมีความสามารถในการมองเห็นความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ของส่ิงต่างๆ มีความเข้าใจ ในกฎเกณฑ์ หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้น การถ่ายภาพธรรมชาติ การปลูกต้นไม้ การสะสมเปลือกหอย สงั เกตสัตว์ การชมนก ผู้เรียนที่มีความสามารถในลักษณะนี้เด่น จะเรียนรู้ได้ดีกับประสบการณ์ตรงในธรรมชาติ เรียนรู้จาก ของจรงิ เป็นนกั อนรุ ักษ์ธรรมชาติ เป็นตน้ ทม่ี ำ : http://portal.edu.chula.ac.th/mana.k/blog/view.php?Bid=1277087709556070

แบบสำรวจพหุปัญญำ 80 ********************************** คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนทาเคร่ืองหมาย  ลงในกระดาษคาตอบในข้อท่ีตรงกับนักเรียนมากที่สุด 1. หนังสอื สาคัญมากสาหรบั ฉัน 2. ฉันสามารถคานวณตัวเลขในใจได้อย่างง่ายดาย 3. เวลาหลบั ตาฉนั สามารถเหน็ ภาพได้อย่างชดั เจน 4. ฉนั เข้ารว่ มในกีฬาหรือกจิ กรรมทต่ี อ้ งเคล่อื นไหวรา่ งกายอยา่ งน้อย 1 ชนิดเปน็ ประจา 5. ฉันมีเสียงร้องเพลงท่ีไพเราะ 6. มกั จะมีคนมาขอคาแนะนา ปรกึ ษาในท่ีทางาน หรือเพ่ือนบ้านจากฉันเสมอ 7. ฉนั ใชเ้ วลาสว่ นใหญใ่ นการทาสมาธิ หรอื ครุ่นคิดกบั คาถามทสี่ าคัญเกี่ยวกบั ชวี ิต 8. ฉนั มีสัตวเ์ ลี้ยงอยา่ งน้อย 1 ชนิด 9. ฉันสามารถไดย้ ินเกีย่ วกับเรื่องงานก่อนฉันอ่าน พดู หรือเขยี นลงบน 10. คณิตศาสตร์และหรอื วิทยาศาสตร์ เปน็ /เคยเป็นวชิ าทีโ่ ปรดปรานเมอื่ อยใู่ นโรงเรียน 11. ฉันร้สู กึ ไวตอ่ สี 12. ฉันรู้สกึ วา่ เป็นการยากท่ีจะนั่งเฉย ๆ เปน็ เวลานาน ๆ 13. ฉนั สามารถบอกไดว้ า่ โน้ตดนตรผี ิดคยี ์ 14. ฉนั ชอบกีฬาประเภทกลุ่ม เช่น แบดมินตัน วอลเลยบ์ อล หรอื ซอฟบอล มากกวา่ กีฬาประเภทเด่ยี ว เช่น ว่ายนา้ หรอื วิง่ เหยาะ ๆ 15. ฉันเขา้ ร่วมการสมั มนาเพื่อพฒั นาคนเอง หรือกิจกรรมอ่ืน ๆ เพ่ือเรียนรู้เกี่ยวกับตนเองมากขน้ึ 16. ฉนั ชอบการไปเทยี่ วตามสวนสาธารณะ และสันทนาการกลางแจ้ง 17. ฉนั สามารถเข้าใจจากการฟังทางวิทยุ หรือเทป มากกว่าจากการเหน็ ภาพทางโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์ 18. ฉนั สนกุ กบั การแก้เกมหรือปญั หาท่ีต้องใช้การคิดที่เป็นเหตุเป็นผล 19. บอ่ ยครงั้ ท่ีฉนั ใชก้ ล้องบนั ทึกภาพเหตุการณ์ท่เี กิดขึ้นรอบ ๆ ตวั 20. ฉันชอบการทางานทตี่ ้องใชม้ ือ เช่น การเยบ็ ผา้ การทอ แกะสลัก งานไม้ หรือการสรา้ งโมเดล 21. ฉันเล่นดนตรีหรอื รกั ทจี่ ะเลน่ ดนตรี 22. เม่ือฉนั มีปัญหา ฉนั มักจะหาคนช่วยมากกว่าท่จี ะพยายามแกป้ ญั หาด้วยตนเอง 23. ฉันสามารถตอบโตด้ ว้ ยการใชค้ วามสงบ 24. ฉันชอบตกปลา ล่าสตั ว์ หรือไปออกค่าย 25. ฉันชอบเล่นประเภทสแครบเบ้ิล (Scrabble) เกมต่อรูป (Anagrams) หรือเกมผสมคา (Password) 26. ฉันชอบการทดลองท่ีต้ังคาถามด้วย“จะเป็นอย่างไรถา้ ...” ตัวอยา่ งเชน่ จะเปน็ อยา่ งไรถา้ ฉนั เพิ่มปรมิ าณนา้ ท่รี ดตน้ ไมใ้ นแตล่ ะสปั ดาห์ 27. ฉันสนกุ กบั การเลน่ เกมปริศนา เกมวงกตพิศวง และปริศนาอ่ืน ๆ ท่ีใชก้ ารมอง

28. บอ่ ยครงั้ ท่ีความคิดท่ดี ีทีส่ ุดเกิดขึ้นเม่ือฉันเดนิ เล่น หรอื วิ่งหรือ เมื่อฉนั เขา้ รว่ มในกจิ กรรมทตี่ ้องออกกาลงั กาย 81 29. ชวี ิตของฉันจะแยก่ ว่านีห้ ากขาดเสียงดนตรี 30. ฉันมเี พื่อนสนทิ อย่างน้อย 3 คน 31. ฉันมกั ครุน่ คิดอยเู่ สมอถึงเปา้ หมายบางประการทส่ี าคัญในชวี ติ 32. ฉันสนุกสนานกบั การให้อาหารและดแู ลสตั ว์ 33. ฉันสนกุ กับการเล่นคา (tongue twister) การทอ่ งโคลงกลอน 34. ฉนั ชอบทจ่ี ะครนุ่ คดิ ส่งิ ต่าง ๆ อย่างมีแบบแผนตามกฎเกณฑ์ต่างๆ 35. ฉันเหน็ ภาพชัดเจนในความฝนั 36. ฉนั ชอบใช้เวลาว่างส่วนใหญก่ ลางแจ้ง 37. บางครัง้ ฉนั พบว่า ตัวเองมกั จะฮมั ทานองเพลงท่คี นุ้ เคย 38. ฉันใชเ้ วลาว่างเล่นเกมประเภทท่ตี ้องใชส้ มองคิด และเลน่ ได้ตามลาพัง เช่น เกมถอดไพ่ 39. ฉันชอบท่ีจะประเมินตัวเองวา่ ประสบความสาเร็จตามจดุ หมายทกี่ าหนดไว้ 40. ฉันชอบเทยี่ วอุทยานแหง่ ชาติท่เี ปน็ ธรรมชาติ หรือภมู ปิ ระเทศมากกวา่ สถานท่ีทางประวตั ิศาสตร์ 41. บางครัง้ คนอน่ื ๆ มักจะหยุดและให้ฉนั อธบิ ายความหมายของคาท่ฉี ันใชใ้ นการเขยี นหรือพดู 42. ฉนั สนใจในการพัฒนาใหม่ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์ 43. ฉันสามารถอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยได้ 44. ฉันสามารถจาวิธีการทาได้ดีเมื่อฉันทามนั ดว้ ยตนเอง 45. ฉนั สามารถบอกได้ทันทีถ้าเสยี งเพลงหรือดนตรีเล่นผดิ โน้ต 46. ฉันรู้สึกทา้ ทายกบั การสอนคนอน่ื หรือกล่มุ คนในสง่ิ ทฉ่ี ันรู้วธิ ที า 47. ฉนั มมี มุ มองท่ีชดั เจนเกีย่ วกบั จดุ ดีและจุดด้อยของตนเอง 48. ฉันชอบอ่านเรื่องเกย่ี วกบั สัตว์ หรอื ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น เฮอรร์ เิ คน แผน่ ดินไหว และภูเขาไฟระเบิด 49. ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา และประวัตศิ าสตร์ง่ายสาหรับฉันมากกว่าคณติ ศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์ 50. ฉนั เชื่อว่า เกือบแทบทุกส่ิงมคี าอธบิ ายท่มี ีเหตผุ ล 51. ฉนั ชอบวาดภาพ หรอื ขดี เขียน 52. ฉันใชม้ ือแสดงท่าทางประกอบ หรอื ภาษากายอื่นๆ เวลาสนทนากบั คนอื่น 53. ฉนั สามารถใช้เวลาอยู่กบั ดนตรีดว้ ยเครือ่ งดนตรีง่ายๆ สกั ชนิ้ 54. ฉนั มองว่าตัวเองเปน็ ผู้นา หรือคนอนื่ เรียกเช่นนน้ั 55. ฉันชอบทจี่ ะอยตู่ ามลาพงั ในหอ้ งเลก็ ๆ มากกวา่ ทจ่ี ะอยู่ร่วมกบั คนมากๆ ในรสี อร์ทที่มชี ื่อเสียง 56. ฉนั สนุกกับการทาสวน หรอื ปลกู ต้นไม้ในร่ม 57. เวลาท่ีฉันขบั รถบนทางหลวง ฉนั สนใจกับคาบนป้ายตา่ ง ๆ มากกวา่ ทวิ ทัศน์ข้างทาง 58. ฉันชอบพิจารณาข้อผิดพลาดจากคาพดู และการกระทาของผู้อื่นในทบ่ี ้านและท่ีทางาน 59. ฉนั สามารถจนิ ตนาการส่งิ ท่ีอาจจะเกิด ถ้าพิจารณาจากภายนอก 60. ฉันสนกุ กบั การขีม่ า้ สนุกสนานโลดโผน หรอื กจิ กรรมทีม่ ีลักษณะท้าทาย ตน่ื เต้น เสย่ี งภัย

61. บอ่ ยครั้งท่ีฉนั ทาจงั หวะหรอื รอ้ งเพลงเบาๆ ขณะทางาน 62. ฉนั ไมร่ ้สู ึกอดึ อดั เวลาอยทู่ ่ามกลางคนหมมู่ าก 63. ฉนั มักจดบนั ทึกเหตุการณ์ส่วนตัวประจาวันถึงเหตกุ ารณ์ทเ่ี กิดในชวี ิต 64. ฉนั มกั สะสมก้อนหนิ ต้นไม้ ผเี ส้ือ ใบไม้หรือแก้วคริสตัล (หรอื วสั ดุอื่นๆ จากธรรมชาติ) ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ทีม่ ำ : http://portal.edu.chula.ac.th/mana.k/blog/view.php?Bid=1277087709556070 82

กระดำษคำตอบแบบสำรวจพหุปัญญำ คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นทาเคร่ืองหมาย  ลงในกระดาษคาตอบในข้อท่ีตรงกับนักเรียนมากท่ีสดุ ชื่อ-สกลุ .........................................................................................ชัน้ ...........................เลขท่ี…………… ขอ้ ที่ 1 ขอ้ ที่ 23 ขอ้ ท่ี 45 83 ขอ้ ท่ี 2 ขอ้ ที่ 24 ข้อท่ี 46 ข้อท่ี 3 ข้อท่ี 25 ขอ้ ที่ 47 ขอ้ ท่ี 4 ข้อท่ี 26 ข้อท่ี 48 ข้อที่ 5 ขอ้ ที่ 27 ขอ้ ท่ี 49 ข้อท่ี 6 ขอ้ ที่ 28 ขอ้ ที่ 50 ขอ้ ที่ 7 ขอ้ ที่ 29 ข้อที่ 51 ข้อที่ 8 ขอ้ ที่ 30 ขอ้ ท่ี 52 ข้อท่ี 9 ขอ้ ท่ี 31 ข้อท่ี 53 ขอ้ ท่ี 10 ข้อที่ 32 ข้อท่ี 54 ขอ้ ท่ี 11 ข้อท่ี 33 ข้อท่ี 55 ข้อท่ี 12 ข้อที่ 34 ขอ้ ท่ี 56 ขอ้ ที่ 13 ขอ้ ที่ 35 ขอ้ ที่ 57 ขอ้ ที่ 14 ขอ้ ที่ 36 ข้อที่ 58 ขอ้ ท่ี 15 ขอ้ ที่ 37 ข้อท่ี 59 ข้อท่ี 16 ข้อท่ี 38 ข้อท่ี 60 ข้อที่ 17 ข้อที่ 39 ข้อที่ 61 ข้อที่ 18 ขอ้ ที่ 40 ขอ้ ท่ี 62 ข้อที่ 19 ขอ้ ที่ 41 ขอ้ ท่ี 63 ข้อที่ 20 ข้อท่ี 42 ขอ้ ที่ 64 ข้อท่ี 21 ข้อที่ 43 ขอ้ ท่ี 22 ขอ้ ที่ 44

แบบเฉลย เแบบสำรวจพหุปญั ญำ คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นนาคะแนน 1 คะแนน ในช่องทที่ าเคร่ืองหมาย  ในกระดาษคาตอบในแตล่ ะดา้ นมาสรปุ รวมคะแนนพหุปัญญาแต่ละดา้ น ดังน้ี พหปุ ัญญำดำ้ น ขอ้ ท่ี รวมคะแนน 1. ภำษำ/กำรสือ่ ควำม 1, 9, 17, 25, 33, 41, 49, 57 2. กำรใชเ้ หตุผล ตรรกะ และคณติ ศำสตร์ 2, 10, 18, 26, 34, 42, 50, 58 84 3. ดนตรแี ละท่วงทำนอง 5, 13, 21, 29, 37, 45, 53, 61 4. กำรเคลอ่ื นไหวทำงกำย 4, 12, 20, 28, 36, 44, 52, 60 5. มิตสิ ัมพันธ์ กำรเห็น และมติ ติ ำแหนง่ 3, 11, 19, 27, 35, 43, 51, 59 6. มนุษยสัมพันธ์ ควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งบุคคล 6, 14, 22, 30, 38, 46, 54, 62 7. กำรเขำ้ ใจตนเอง 7, 15, 23, 31, 39, 47, 55, 63 8. กำรเขำ้ ใจในธรรมชำติ 8, 16, 24, 32, 40, 48, 56, 64 สรุปวำ่ ฉันมีพหุปัญญำดำ้ น................................................................................................... ชื่อ-สกุล......................................................................................... ......ชั้น...........................เลขท่ี……………

แผนกำรจดั กิจกรรมแนะแนวที่ 9 หนว่ ยกำรจดั กิจกรรม กำรศึกษำ ระดับชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี 4 - 6 เร่อื ง ฝนั ใหไ้ กลไปใหถ้ ึง จำนวน 3 ช่ัวโมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั ความฝันในอนาคตเป็นแรงผลักดันให้นักเรียนดาเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ถ้านักเรียนมีวิธีการ ไปสู่เป้าหมายด้านการเรียนในอนาคตของตนอย่างดี และมีผู้สนับสนุนไปสู่เป้าหมายนั้น เป้าหมายที่นักเรียน แตล่ ะคนต้ังไว้นนั้ ย่อมอยไู่ ม่ไกล 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศกึ ษำ ขอ้ 1 รู้เข้าใจและมีเจตคติท่ีดตี ่อการเรียนรู้ตามหลักสูตร ข้อ 3 ให้ขอ้ มูลในการวางแผนการศกึ ษา 3. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 85 3.1 บอกข้อมูลด้านความรู้ ความสนใจ ความสามารถ และเปา้ หมายด้านการเรยี นในอนาคตของตนได้ 3.2 บอกเป้าหมายดา้ นการเรยี นในอนาคตของตนได้ 3.3 เลือกวธิ กี ารไปส่เู ป้าหมายดา้ นการเรยี นในอนาคตของตนได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 การรจู้ กั ตนเอง 4.2 เป้าหมายการเรียน 4.3 วธิ ีการไปสูเ่ ป้าหมายด้านการเรียน 5. ช้นิ งำน/ภำระงำน 5.1 ใบงานที่ 1 เรื่อง นี่แหละตวั ฉัน 5.2 ใบงานที่ 2 เร่ือง เคยี งขา้ งกนั ...ไปใหถ้ ึงฝนั 6. วิธีกำรจัดกิจกรรม ช่ัวโมงที่ 1 6.1 ครูให้นักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงอนาคตของนักเรียนแต่ละคน หลังจากจบการศึกษาในแต่ละระดับ การประกอบอาชพี และการดาเนนิ ชีวิต 6.2 ให้นักเรียนวาดรปู อนาคตของนกั เรียน โดยให้บอกเปา้ หมายของนักเรียนเม่ือจบ ป.6 6.3 ครูให้นกั เรียนนาเสนออนาคตที่นักเรียนวาด โดยให้บอกเส้นทางการศึกษาในระดับต่าง ๆ เป้าหมาย ในอนาคตพร้อมเหตุผล

6.4 หลงั จบการนาเสนอ ครใู หน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายถงึ อนาคตของนักเรยี น ครแู ละนักเรียนร่วมกนั 86 สรปุ กจิ กรรม ช่ัวโมงที่ 2 6.5 ครเู กรนิ่ นาถึงการร้จู ักตนเองของนักเรยี นในดา้ นต่างๆ มีความสาคัญเพราะการรจู้ ักตนเองและเข้าใจ ตนเอง ทง้ั ภายในและรู้จักตนเองภายนอกในด้านความถนดั ความสนใจ ทักษะความสามารถ จดุ เดน่ จดุ ด้อย ลกั ษณะนิสยั อารมณ์ บคุ ลกิ ภาพ ผลการเรียน สุขภาพ เป็นตน้ รวมถึงความภมู ิใจ รักและเห็นคุณคา่ ในตนเอง จะช่วยใหน้ ักเรยี นมเี ป้าหมายการเรยี นในอนาคตไดเ้ ป็นอย่างดี 6.6 ใหน้ ักเรยี นทาใบงานเรื่อง นแ่ี หละตัวฉัน จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นจับคกู่ ับเพอื่ น แลว้ ให้เติมเต็มขอ้ มลู ดา้ นความสามารถและศักยภาพทไี่ ม่ไดเ้ ขียนไวใ้ นใบงานเรื่อง น่ีแหละตัวฉนั ให้แก่กันและกันทราบ 6.7 ครใู ห้นกั เรียนร่วมกันอภิปรายถึงความสามารถ ศักยภาพและอนาคตของนักเรียนจะเลือกเป้าหมาย ชีวิตของตนเองไปในทิศทางใดไปส่กู ารฝนั ให้ไกลไปให้ถึงเป้าหมายทวี่ างแผนไว้ ครนู ดั หมายการเรียนในคร้ังตอ่ ไป ช่วั โมงที่ 3 6.8 ครูทบทวนถึงกิจกรรมแนะแนวทั้งสองครั้งท่ีผ่านมา ซ่ึงในครั้งแรกนักเรียนได้ต้ังเป้าหมายในอนาคต ดา้ นการศกึ ษาของตนเอง ในคร้ังที่ 2 นักเรยี นได้ทบทวนเพื่อการรจู้ กั ตนเองในดา้ นความรู้ ความสนใจ ความถนัด ความสามารถ และเป้าหมายด้านการเรียนในอนาคตของตน รวมทั้งเพ่ือนๆ ได้ร่วมกันสะท้อนความสามารถและ ศกั ยภาพของนักเรยี นอกี ดว้ ย 6.9 ครใู ห้นักเรียนแบง่ กล่มุ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ตามใบงานเรอ่ื ง เคียงขา้ งกนั ...ไปให้ถงึ ฝนั แลว้ นาเสนอ 6.10 ครูให้นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายถงึ วิธีการไปสู่ความฝัน ความสาคญั และบทบาทของผู้สนบั สนุน (คนเคยี งขา้ ง) เพ่อื ใหน้ กั เรยี นประสบความสาเรจ็ ตามเปา้ หมายด้านการเรยี นท่ีตัง้ ไว้ 6.11 ครูและนักเรยี นชว่ ยกันสรปุ การเรียนรู้ที่ได้จากกิจกรรมในครั้งนี้ ครูสรปุ เพ่ิมเติมว่า การจะก้าวไปสู่ เป้าหมายได้ต้องเริ่มที่การรู้จักตนเองอย่างแจ่มแจ้ง จะช่วยให้นักเรียนรู้จักวางแผนชีวิตได้ตามความชอบ เราถนัด สนใจ และความสามารถเลือกในส่ิงท่ีใช่ตัวตนของเรา การที่นักเรียนต้องการทราบว่าตนเองเป็นอย่างไร มีความสามารถทางด้านใด หรืออย่างไรต้องมีเครื่องมือในการค้นหาตนเอง เช่น จากการทดสอบ การสารวจ จากประสบการณ์ ผ้อู ่ืนประเมนิ ฯลฯ การรูจ้ ักตนเองรอบด้าน จะชว่ ยใหน้ กั เรียนวางแผนชีวิตได้วา่ ตนจะเรียนอะไร จุดหมายไปทางไหน นอกจากนั้นการรู้จักตนเองในด้าน ร่างกาย อารมณ์ และสังคมก็นับว่าเป็น ส่ิงสาคัญอย่างย่ิง ท่ีจะช่วยใหส้ ามารถดาเนินชวี ติ อยู่ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข 7. สื่อ/อปุ กรณ์ 7.1 ใบงานเร่ือง น่ีแหละตวั ฉัน 7.2 ใบงานเรอื่ ง เคียงขา้ งกนั ...ไปให้ถงึ ฝนั

8. กำรวดั และประเมินผล ตัวบง่ ช้ี 8.1 วธิ ปี ระเมิน 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครอ่ื งมือประเมิน 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ัติกิจกรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมนิ 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ผา่ น ใหค้ วามร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรมดว้ ยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมุ่งม่นั ในการปฏบิ ัตงิ าน ไม่ผา่ น ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน 87 เกณฑ์ ตวั บ่งชี้ ผ่าน การประเมินใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบูรณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงต่อเวลา ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถูกต้องสมบรู ณ์ครบถว้ น และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา

ใบงำน เรอื่ ง นแ่ี หละตัวฉัน ชื่อ-สกุล.......................................................................................................................ชัน้ ............เลขท่ี.............. คำชีแ้ จง ให้นักเรยี นเขียนข้อมลู เก่ยี วกับตนเองลงในแผนภาพนี้เพ่ือใหน้ ักเรียนมองภาพรวมของตนเองเด่นชัดขนึ้ ฉันเก่ง ฉนั ตอ้ งการ …………………………………… ฉนั เปน็ คน …………………………………… ………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… ……………………….. …………………………….. ฉนั สามารถ ฉนั มคี วามสขุ ฉันภมู ใิ จ …………………………………… …………………………………… …………………………………… …………………………………… 88 ……………………………. ………………………… …………………………………… …………………………………… ฉันตั้งใจ ฉันจะเรยี น ……………………………….ตงั ้ ใ……………………………… …………………………………… …………………………………… ………………………………. …………………………………… ฉนั ชอบ …………………………… …………………………………… อนาคตฉันอยากเปน็ …………………………………… …………………………………… ……………………………. …………………………………… ……………………………. ใบงำน

เรือ่ ง เคยี งข้ำงกนั ...ไปใหถ้ งึ ฝัน ชื่อ-สกุล.......................................................................................................................ช้ัน............เลขท.่ี ............. คำช้ีแจง ใหน้ ักเรียนแลกเปล่ียนเรยี นรู้ถึงเป้าหมายในอนาคตทตี่ ้ังไว้แลว้ ให้บนั ทกึ กจิ กรรมลงในใบงาน เป้ำหมำยดำ้ นกำรเรียน วธิ กี ำรไปสู่ฝนั ที่เปน็ จริง คนเคียงข้ำงกนั ...ไปให้ถึงฝัน ในอนำคต (ความสาคัญและบทบาท) 89 “อย่ำลืมนะ เธอไม่ไดม้ ุ่งสูฝ่ นั เพียงลำพัง หันมำสิ ฉนั อยู่ข้ำงๆ”

แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวท่ี 10 หน่วยกำรจัดกิจกรรม กำรศึกษำ ชัน้ ประถมศึกษำปีที่ 4 - 6 เรอื่ ง แกไ้ ขได้ จำนวน 1 ชวั่ โมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ การพัฒนาตนแองด้านการเรียนให้เต็มศักยภาพน้ัน มีวิธีการเทคนิคการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพได้ หลากหลายวิธี การทราบความสามารถทางการเรียนตนเอง รู้จักวิเคราะห์รายวชิ าที่เป็นจุดแข็ง เรียนได้ดี รายวิชาท่ีควร ปรับปรุง พัฒนาผลการเรียนให้ดีข้ึน ดังนั้นการที่นักเรียนทราบสาเหตุที่ทาให้ผลการเรียนไม่เป็นที่พอใจ จะช่วยให้ สามารถหาวิธีแก้ไข ปรบั ปรุง เพ่ือพฒั นาให้ผลการเรียนดีข้ึน 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดำ้ นกำรศึกษำ ข้อที่ 4 พฒั นาตนเองด้านการเรียนไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพ 3. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 3.1 ระบุรายวิชาทผี่ ลการเรยี นยงั ไมเ่ ป็นทพี่ อใจพรอ้ มสาเหตุทไ่ี ดร้ ะดับผลการเรียนเช่นนั้นได้ 3.2 บอกวธิ กี ารพฒั นาให้ระดบั ผลการเรียนดขี ึ้นได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ 90 วิธีพัฒนาตนเองเพ่ือให้ผลการเรยี นดขี ึน้ 5. ช้นิ งำน/ภำระงำน 5.1 วิเคราะหผ์ ลการเรียนตนเอง 5.2 บันทึกระดับผลการเรียน 6. วิธีกำรจดั กจิ กรรม 6.1 ครูทบทวนกิจกรรมจากคร้งั ที่แล้ว แจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรูใ้ นชวั่ โมงนใ้ี หน้ กั เรยี นทราบ 6.2 ครูติดแผนภูมิระดับผลการเรยี นบนกระดานดา ระดบั ผลการเรียน 4 หมายถึงผลเรยี นเรียนดเี ยย่ี ม ระดับผลการเรียน 3.5 หมายถึงผลเรียนเรียนดมี าก ระดบั ผลการเรยี น 3 หมายถงึ ผลเรยี นเรยี นดี ระดบั ผลการเรียน 2.5 หมายถงึ ผลเรียนเรยี นคอ่ นขา้ งดี ระดับผลการเรยี น 2 หมายถงึ ผลเรียนเรยี นนา่ พอใจ ระดบั ผลการเรียน 1.5 หมายถึงผลเรียนเรยี นพอใช่ ระดบั ผลการเรียน 1 หมายถงึ ผลเรียนเรยี นผ่านเกณฑข์ นั้ ตา่ ระดับผลการเรยี น 0 หมายถึงผลเรยี นเรียนต่ากวา่ เกณฑ์ขน้ั ตา่

6.3 ครูสนทนาถึงความหมายของระดับผลการเรียน นักเรียนทราบความหมายของระดับผลการเรียน 91 หรือไมว่ า่ แต่ละระดบั ผลการเรียนหมายความวา่ อย่างไร 6.4 ครูให้นักเรียนบอกระดับผลการเรียนของตน ว่าในแต่ละวิชานักเรียนได้ระดับผลการเรียนอะไรบ้าง แล้วเขียนระดับผลการเรียนของตนโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มวิชาท่ีอยู่ระดับดี กลุ่มวิชาที่อยู่ระดับปานกลาง และกลุ่มวิชาท่ีอยู่ระดับปรับปรุง วิเคราะห์ผลการเรียนตนเอง แล้วให้สรุปรายละเอียดลงในแบบบันทึกระดับผล การเรยี น 6.5 นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงสาเหตุที่ระดับผลการเรียนที่ไม่เป็นท่ีพอใจและแนวทางการพัฒนา เพ่อื ใหผ้ ลการเรียนดขี ึน้ ครูให้กาลงั ใจและอานวยความสะดวกในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 6.6 ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ สาเหตแุ ละแนวทางการพัฒนาเพื่อใหผ้ ลการเรียนดีขน้ึ 7. ส่ือ/อุปกรณ์ 7.1 แผนภมู ริ ะดบั ผลการเรียน 7.2 แบบบันทกึ ระดับผลการเรียน 8. กำรวดั และประเมินผล 8.1 วิธีประเมนิ 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงานแบบบันทึกผลการเรียน 8.2 เคร่อื งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏิบตั ิกิจกรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงานบนั ทกึ ระดับผลการเรียน 8.3 เกณฑ์กำรประเมนิ 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบัติกจิ กรรม เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผ่าน ใหค้ วามร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั ิกิจกรรมด้วยความรบั ผดิ ชอบ และมคี วามมุง่ มนั่ ในการปฏิบัตงิ าน ไม่ผา่ น ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั ิกิจกรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน ตวั บง่ ชี้ เกณฑ์ ผ่าน การประเมนิ ใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงต่อเวลา ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถูกตอ้ งสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา

ใบงำน แบบบนั ทึกระดับผลกำรเรยี น ชื่อ-สกุล.......................................................................................................................ชนั้ ............เลขท.ี่ ............. คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนวิเคราะหผ์ ลการเรยี นของตนเองแบง่ เปน็ 3 กลุ่ม กล่มุ วิชาที่เรียนได้ระดบั ดี กล่มุ วชิ า ท่เี รยี นได้ระดับปานกลาง และกล่มุ วชิ าทเ่ี รียนไดร้ ะดับควรปรบั ปรงุ ลงในแบบบนั ทึกระดบั ผลการเรยี น วิชำท่ีได้ระดบั ดี วิชำท่ีไดร้ ะดับปำนกลำง วิชำที่ได้ระดบั ปรับปรุง ( ระดบั 4.0 - 3.5 – 3.0 ) ( ระดับ 2.5 – 2.0 - 1.5 ) ( ระดับ 1.0 ) 92 สรุปกำรวิเครำะห์กำรเรยี น จานวน........................วชิ า วิชาท่อี ย่ใู นระดบั ดี จานวน........................วชิ า วิชาทอี่ ยใู่ นระดบั ปานกลาง จานวน........................วชิ า วิชาท่อี ยใู่ นระดบั ปรับปรุง

แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวที่ 11 หน่วยกำรจดั กจิ กรรมดำ้ นกำรศกึ ษำ ชั้นประถมศกึ ษำปที ี่ 4 - 6 เรือ่ ง วิชำโปรดประโยชน์มำก จำนวน 2 ช่วั โมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั การรู้จักและเข้าใจกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ ตามหลักสูตร ถือเป็นจุดเร่ิมต้นที่สาคัญของการเรียนรู้ ซึ่งแต่ละรายวิชามีคุณค่า มีความหมายสาคัญ และมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ซึ่งตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) กาหนดกลุ่มสาระ การเรียนรู้ไว้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนานักเรียนให้เป็น คนดี คนเก่ง และอยูใ่ นสงั คมได้อย่างมคี วามสุข 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้านการศึกษา ขอ้ ท่ี 1 รู้จัก เขา้ ใจ และมเี จตคติทดี่ ีต่อการเรียนรู้ตามหลักสตู ร 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 93 3.1 ระบุกลุ่มสาระการเรียนรูท้ ตี่ นเองสนใจได้ 3.2 บอกประโยชน์ของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ตา่ งๆได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้ตู ามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 5. ชิ้นงำน/ภำระงำน จัดทาผงั ความคดิ (Mind Mapping) ประโยชน์ของกลุม่ สาระการเรียนรตู้ า่ งๆ 6. วิธกี ำรจัดกจิ กรรม ชัว่ โมงที่ 1 6.1 ครูเกริ่นนาเกี่ยวกับกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) และแจ้งจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ให้นกั เรยี นทราบ 6.2 ครอู ธบิ าย เกม “วิชาโปรด” ดงั น้ี 6.2.1 มีวงกลมจานวน 10 วง แตล่ ะวงกลมระบุช่ือกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระ และ 1 กจิ กรรม พัฒนาผเู้ รยี น 6.2.2 ครูเปิดเพลงขณะให้นักเรียนเดินเลือกวงกลมตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆ เมื่อได้ยินเสียง นกหวดี ใหน้ ักเรียนเขา้ ไปยนื ในวงกลมทีต่ นเองชอบมากท่สี ดุ 6.2.3 สมาชิกในกลุ่มร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนเหตุผลที่ตนเองชอบเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ ท่เี ลือก รวมทง้ั เหตผุ ลท่ชี อบกลมุ่ สาระการเรยี นรอู้ ื่นๆ นอ้ ยกว่า ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปกจิ กรรมวันนี้

ชั่วโมงท่ี 2 94 6.3 ทบทวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในช่ัวโมงที่ 1 ครูให้ข้อมูลเร่ือง สาระการเรียนรู้ ตามหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) 6.4 จัดกลุ่มนักเรียนเป็นกลุ่มๆ ละ 3-4 คน ให้ร่วมกันระดมความคิดประโยชน์ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ตา่ งๆ โดยใชผ้ งั ความคดิ (Mind Mapping) 6.5 ส่มุ นักเรยี นตวั แทนกลุ่ม นาเสนอผลงานกลุ่ม 6.6 ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปประโยชน์ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ในด้านการศึกษา อาชีพ ส่วนตัวและ สังคมของนักเรียน ครูสรุปเพ่ิมเติม เน้นย้าถึงความสาคัญของรายวิชาในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้และประโยชน์ ของการเรียนรู้ของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้เพ่ือเป็นพ้ืนฐานในการวางแผนการเรียน การศึกษาต่อ การอาชีพ และการดารงตนอย่ใู นสงั คมได้อย่างมีความสุข 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 นกหวีด 7.2 เพลง 7.3 ใบความรู้เรอื่ ง สาระการเรยี นร้ใู นหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) 8. กำรวัดและประเมนิ ผล 8.1 วิธีประเมิน 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ัติกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงานผงั ความคดิ (Mind Mapping) 8.2 เครือ่ งมือประเมิน 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงานผังความคดิ (Mind Mapping) 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบัติกิจกรรม เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี ผา่ น ใหค้ วามร่วมมือในการจดั กจิ กรรม ปฏบิ ัติกจิ กรรมด้วยความรบั ผดิ ชอบ และมคี วามมุ่งมั่นในการปฏิบัตงิ าน ไม่ผ่าน ไม่ใหค้ วามรว่ มมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั ิกิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ

8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผ่าน การประเมินใบงาน ผังความคิด (Mind Mapping) มีความถูกต้อง ความสมบูรณ์ ครบถ้วน และส่งตรงต่อเวลา ไมผ่ า่ น ใบงานผงั ความคดิ (Mind Mapping) ไมถ่ กู ต้องสมบูรณค์ รบถ้วน และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา 95

ใบควำมรู้ เรื่อง สำระกำรเรียนรใู้ นหลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพน้ื ฐำน พทุ ธศักรำช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) สำระกำรเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ ประกอบดว้ ย องคค์ วามรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ซ่ึงกาหนดให้ผเู้ รยี นทุกคนในระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐานจาเปน็ ต้องเรยี นรู้ โดยแบ่งเปน็ 8 กลมุ่ สาระ การเรยี นรู้ ดังน้ี คณติ ศำสตร์ : การนาความรู้ ภำษำไทย : ความรู้ ทกั ษะ และ สังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม : ทกั ษะและกระบวนการทาง วฒั นธรรมการใช้ภาษาเพ่ือการ การอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมไทยและสงั คมโลก คณติ ศาสตรไ์ ปใช้ในการ ส่ือสาร ความชนื่ ชม การเห็น แกป้ ญั หา การดาเนนิ ชีวิต คณุ คา่ ภมู ิปัญญาไทยและ อย่างสนั ตสิ ขุ การเปน็ พลเมอื งดี และศกึ ษาตอ่ การมีเหตุมผี ล ความภมู ใิ จในภาษาประจาชาติ ศรัทธาในหลกั ธรรมของศาสนา มเี จตคติทด่ี ตี อ่ คณติ ศาสตร์ การเห็นคณุ คา่ ของทรพั ยากร พฒั นากาคิดอยา่ งเป็นระบบ และส่งิ แวดล้อม ความรักชาติ และภมู ิใจในความเป็นไทย องค์ควำมรู้ สุขศกึ ษำและพลศกึ ษำ : ความรู้ ทกั ษะ 96 ทกั ษะสำคัญ และเจตคติในการสร้างเสริมสุขภาพ และคุณลกั ษณะ พลานามยั ของตนเองและผ้อู ่ืน การ ในหลักสตู รแกนกลำง ป้องกันและปฏบิ ตั ติ อ่ สง่ิ ตา่ งๆ ทีม่ ี กำรศกึ ษำข้ันพืน้ ฐำน 2551 ผลตอ่ สุขภาพอยา่ งถกู วธิ ีและทกั ษะ ในการดาเนินชีวิต ศิลปะ : ความรแู้ ละทกั ษะ ภาษาตา่ งประเทศ : วิทยำศำสตร์ : การนาความรู้ ในการคดิ รเิ ริม่ จนิ ตนาการ ความร้ทู กั ษะ เจตคติ และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สร้างสรรคง์ านศลิ ปะ ไปใชใ้ นการศกึ ษา ค้นคว้าหาความรู้ และ สนุ ทรยี ภาพและการเห็นคณุ คา่ และวัฒนธรรม แกป้ ัญหาอยา่ งเป็นระบบ การคดิ อย่าง ทางศิลปะ การใช้ภาษาต่างประเทศ เปน็ เหตเุ ป็นผล คิดวเิ คราะห์ ในการสื่อสาร การแสวงหา คดิ สร้างสรรค์ และจิตวิทยาศาสตร์ ความรู้ และการประกอบอาชีพ ที่มา : กระทรวงศึกษาธิการ. หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook