ใบควำมรู้ เรือ่ ง กำรใช้งำนอินเตอร์เนต็ อยำ่ งถูกต้อง วธิ ีใช้อนิ เตอรเ์ นต็ สรำ้ งสรรค์และถูกวธิ ี 247 ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคอินเทอร์เน็ต พวกเราได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินจากมัน เช่น ได้เล่นเกม ออนไลน์ , ได้ chat กับคนแปลกหน้า , ได้ดูรูปโป๊แบบไม่จากัด ,ได้หาแฟนใหม่ทางเน็ตวันละ 10 คน ฯลฯ แต่มีผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านเตือนว่า การหมกมุ่นอยู่กับเน็ต ระวังอันตรายร้อยแปด ทั้งเสียการเรียน ทั้งเสียคน บางทีอาจจะถึงกับได้พบอันตรายที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย ที่จริง ก็น่าเห็นใจน้อง ๆ นะ ... เพราะเรียนหนังสือ เครียดจะตายไป เลิกเรียนแล้ว ก็น่าจะได้มีโอกาสผ่อนคลายความเครียดกันบ้าง คนจะหาความสุขจากเน็ตสัก หน่อย ยังมาห้ามอีก อะไรทานองน้ัน ทีนี้ตามหลักพุทธศาสนาท่านว่า ความสุขมีสองแบบ คือ แบบ เสพบริโภค (กามฉันทะ ) กับแบบ สร้างสรรค์ (ธรรมฉันทะ ) ความสุขแบบเสพบริโภคน้ัน เป็นความสุขมีคุณน้อย มีโทษมาก ทาให้หลงเพลิดเพลิน ไม่เป็นอันทาการงาน มีแนวโน้มทาให้เกิดความรุนแรง เบียดเบียนกัน ร้อนรน กระวน กระวาย ไม่คุ้มค่า กับความสุขเพียงนิด ที่ต้องแลกกับความทุกข์ที่ตามมาเป็นพรวน ๆอย่ากระนั้นเลย budpage ขอลองเสนอวิธี หาความสุขอย่างสร้างสรรค์ (ธรรมฉันทะ) จากเน็ตสัก 5 วิธี มาแนะนากัน แบบว่าให้ได้ท้ังสนุก และ ได้รับสาระ ไปด้วย ดังต่อไปน้ี 1.\"ชื่นชมควำมงำมธรรมชำติบนเน็ต\" เปิดเวบค้นหาภาพธรรมชาติ จาพวก ต้นไม้ ภูเขา วิวสวย ๆ ดวงจันทร์ หรือ ดอกไม้ ฯลฯ พอได้พบภาพที่ถูกใจ ให้คุณมองภาพนั้นด้วยความชื่นชมพร้อมทั้งกล่าวพรรณา ความงามออกมา อาจจะเป็นคาพูดดี ๆ หรือ แต่งเป็นกลอน หรือแต่งเป็นเพลง ก็ได้ หากคุณลองทาดูแล้วคุณ รู้สึกว่าจิตใจของคุณมีความแช่มชื่นเบิกบาน จนอยากออกไปพบเห็นธรรมชาติจริง ๆ ข้างนอกละก้อ...แสดงว่า คุณได้ เข้าถึงความงามของธรรมชาติบ้างแล้ว 2. \"พรรณำควำมงำมของงำนศิลปะ\" อันนี้ก็คล้าย ๆ กัน ให้ search ค้นหาภาพงานศิลปะต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในอินเทอร์เน็ต คัดเลือกภาพที่ถูกใจสักภาพ แล้วให้คุณ พรรณาความงามของงานศิลปะชิ้นนั้น โดยสมมุติตัวเองว่าเป็นศิลปินกาลังบรรยาย ให้ผู้ชมฟัง พรรณาเข้าไปเถอะ หรือจะใช้วิธีพิมพ์บรรยายลงในคอมพ์ ก็ได้ ทาอย่างนี้สักประเดี๋ยวจิตใจของคุณ ก็จะเกิดความปีติสุข เพราะได้เข้าถึงความงามของศิลปะ 3. มีควำมสุขกับกำรเป็น\"พหูสูต \" \"พหูสูต\" แปลง่าย ๆ ว่า\"ผู้รอบรู้\" คือ ไม่ว่าจะพบเห็นอะไร ก็จะมองเห็นเป็นความรู้ไปหมด สามารถ อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง นิสัย\"พหูสูต\" นี่สามารถสร้างขึ้นมาได้ หากฝึกฝนเป็นประจา ยิ่งสมัยนี้มีอินเทอร์เน็ตยิ่งง่ายใหญ่ วิธีง่าย ๆ เริ่มต้นด้วย ทุก ๆ วัน ก่อนจะเปิดเน็ตให้ลองเหลียวมองส่ิงต่างๆ รอบตัวคุณ แล้วตั้งคาถามกับตัวเอง \"วันนี้เราอยากจะรู้เร่ือง เกี่ยวกับอะไร\" เม่ือเราได้พบส่ิงท่ีน่าสนใจแล้ว ก็ให้ค้นในอินเทอร์เน็ตว่าเราได้รับความรู้อะไรจากส่ิงน้ันบ้าง
ยกตัวอย่ำง เหลียวไปเหลียวมารอบ ๆ ตัว ก็พบว่าวันนี้ เราอยากจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ 248 \"ปากกาลูกลื่น\"ที่วางอยู่บนโต๊ะ เราก็พิมพ์ คาว่า\"ปากกาลูกลื่น\" หรือ ball-point pen ลงในเวบไซต์ประเภท search engine ( เช่น google.com ,siamguru.com ฯลฯ) จากนั้นก็ให้คัดเลือกหาอ่านเรื่องราวที่มีความรู้ เกี่ยวกับ\"ปากกาลูกลื่น\" เก็บเกี่ยวสาระให้ได้มากที่สุด จนเราสามารถคุยเรื่องปากกาลูกลื่นได้เป็นชั่วโมง ๆ (แววพหูสูตเร่ิมปรากฏ) วันต่อ ๆ มาก็ให้มองหาสิ่งอ่ืน รอบๆ ตัวเพื่อค้นหาความรู้อีก ลองตั้งเป้าไว้เลยว่า จะต้อง มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งของที่มีอยู่ในบ้านให้หมดทุกอย่าง หากใครทาได้ ถือว่าได้เป็นผู้รอบรู้คนหนึ่ง ในบ้าน เลยทีเดียว 4. สำรำนุกรมภำพ มาสะสม\"ภาพความรู้\"กันดีกว่า (รับรอง สนุกว่าสะสมรูปโป๊ ) กิจกรรมน้ี เป็นกิจกรรมที่ท้าทายมาก เพราะมีคนฉลาดๆเท่านั้นเองที่สามารถทาได้ วิธีการง่าย ๆ ก็คือให้ท่องเว็บไปเรื่อย ๆ ทีนี้เกิดไปเจอภาพอะไรที่เขามีคาอธิบายเกี่ยวกับภาพนั้น ๆ เราก็ลองอ่านดู ถ้าเรื่องราวน่าสนใจอ่านแล้วเรา เข้าใจ ประทับใจ ก็ให้ save ภาพนั้นเก็บไว้ในอัลบั้มภาพในเครื่องคอมพ์ของตนเอง ทาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเรามีคลังภาพแห่งความรู้เก็บไว้มากมาย ( ทุกภาพก่อน save เราจะต้องอ่านเนื้อหาคาอธิบายจนเข้าใจ ภาพน้ันได้ดีก่อน ไม่ใช่ เก็บแต่ภาพแต่ไม่ยอมเก็บความรู้) ยกตัวอย่าง เปิดเว๊บไปเห็นภาพ\"เหตุการณ์ 14 ตุลา\" เราก็อ่านเรื่องราวบรรยายภาพนั้นจนเข้าใจ ว่าได้เกิดอะไรขึ้น ในปี พ .ศ. 2516 จากนั้นให้save ภ าพ นั้น เก็บ เอาไว้ ห รือ ไป พ บ ภ าพ \"super nova\" (ดาวระเบิด) เราก็อ่านจนเข้าใจเนื้อหาสาระของภาพ แล้วก็เก็บภาพไว้ ทีนี้เวลาได้ภาพเก็บไว้ในอัลบั้มมากพอเพียงแล้ว เวลา ว่าง ๆ ให้คุณลองจัดแสดงภาพแบบสไลด์โชว์ บรรยายให้เพื่อนฝูงฟัง รับรองว่าคุณจะกลายเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ สามารถให้ความรู้และความสนุกสนานกับเพื่อน ๆ จนบรรดาเพื่อน ๆ จะต้องทึ่งในตัวคุณเป็นอย่างมากเลย ทีเดียว 5. \"เก็บคำคม\" ในเว็บบอร์ดบนอินเทอร์เน็ตมีคาคม ๆ สานวนดี ๆ มากมาย อ่าน ๆ แล้ว ให้เลือกสรรคาที่โดนใจ เอามาสะสมไว้ในไดอารี่ของเรา จะได้เก็บไว้อ่านประเทืองปัญญา จริงอยู่ในเว็บบอร์ด ส่วนใหญ่อาจจะมีคาพูดที่ไม่เหมาะสมมากมาย เช่น คาหยาบ คาส่อเสียด ด่าว่า กระทบกระเทียบ แต่ในคาพูดเหล่านี้บางครั้งก็มีสาระสอดแทรกอยู่ เราสามารถเลือกสรรสิ่งที่ดีๆ คือ เลือกเฟ้นสิ่งที่ เป็นเนื้อหา สาระออกมา ( คุ้ยหาเพชรจากกองขยะ ) คุณทราบหรือไม่ว่าคาพูดของคนบางคน (แม้แต่คาพูดของคนท่ีสติไม่ดี) บางครั้งจะให้แง่คิดดีๆ ที่ช่วยปรับปรุงชีวิตของเราให้พัฒนาขึ้นมาได้ ลองดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าการสะสมข้อความดี ๆ มีสาระ มีความสนุกสนาน และมีคุณค่า ไม่น้อยกว่าการสะสมพระเครื่อง หรือ ตุ๊กตาโมเดลราคาแพง ๆ เสียอีก ----------------------------------------------------------------------------- ที่มา : https://www.dek-d.com/board/view/840100/
แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวที่ 38 หน่วยกำรจดั กิจกรรม ส่วนตวั และสังคม ช้ันประถมศกึ ษำปีท่ี 4 - 6 เรื่อง เดก็ ไทยหัวใจหำ่ งไกลสำรเสพติด เวลำ 3 ช่ัวโมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ ผลกระทบจากปัญหาสารเสพติด ทาให้เกิดความเสียหายท้ังต่อตัวผู้เสพ ครอบครัว สังคม เศรษฐกิจและ ประเทศชาติ การแก้ไขปัญหาสารเสพติดต้องเร่ิมต้นจากครอบครัวซ่ึงใกล้ชิดกับเด็กและเยาวชนมากที่สุด โดยการ ให้เวลากับบุตรหลานและร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น นอกจากน้ีสังคมโรงเรียนและสถานศึกษาต้องมีการ ติดตาม สังเกตพฤติกรรมนักเรียน นักศึกษาที่เข้าข่ายเก่ียวข้องกับสารเสพติด การมุ่งให้ความรู้ ในเร่ืองอันตราย ผลกระทบท่ีเกิดจากการใช้สารเสพติด สร้างการรับรู้ ความตระหนักถึงภัยอันตราย การป้องกันและแก้ไขปัญหา สารเสพติด และเปน็ หน้าทีข่ องทกุ คนจะตอ้ งร่วมมือกัน 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนสว่ นตวั และสงั คม ข้อ 4 ปรบั ตัวและดารงชวี ิตอย่ใู นสังคมได้อย่างมีความสขุ 3. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 249 3.1 บอกโทษของสารเสพตดิ แตล่ ะประเภทได้ 3.2 บอกวิธีปฏิบัติตนให้หา่ งไกลจากสารเสพติดได้ 3.3 มีทกั ษะชีวิตในการป้องกันตนเองเพอ่ื ให้ห่างไกลจากสารเสพติด 4. สำระกำรเรยี นรู้ 4.1 โทษของสารเสพตดิ 4.2 ทกั ษะชวี ิตและวิธีปฏิบัตติ นให้หา่ งไกลสารเสพติด 5. ชน้ิ งำน/ภำระงำน 5.1 จัดทาแผนผังความคิด Mind Mapping เกีย่ วกบั สารเสพติด 5.2 ทาใบงาน 5.3 ใบกจิ กรรม บงิ โกโทษยาเสพตดิ 6. วิธีกำรจดั กจิ กรรม ช่ัวโมงท่ี 1 6.1 ครกู ล่าวทกั ทายนกั เรียน และยกตวั อยา่ งรูปภาพ คนสูบบหุ รี่ โดยถามประเดน็ วา่ - นักเรียนรู้จักหรือไหมว่าคนในภาพทาอะไร - นักเรยี นเคยเหน็ คนรอบข้างที่รู้จักทาเหมือนในภาพตัวอย่างหรอื ไม่
- นักเรียนคดิ ว่าหรอื รู้สึกอยา่ งไรเมือ่ เหน็ ภาพนี้ 250 6.2 ครอู ธิบายขยายความเกยี่ วกับภาพและโทษของสารเสพตดิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ 6.3 ครูเปิดข่าวเก่ียวกับยาเสพติดให้นักเรียนได้ชม และสอบถามถึงความรู้สึกและความคิดเห็นของ นักเรียนหลังได้ชมข่าวเกี่ยวกบั ยาเสพตดิ 6.4 ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน จากน้ัน ครูแจกใบความรู้เร่ือง โทษภัยของยาเสพติด ให้แต่ละกลมุ่ ไดศ้ กึ ษา 6.5 ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มทาแผนผงั ความคดิ Mind Mapping เกีย่ วกบั สารเสพตดิ 6.6 ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มเสนอแผนผงั ความคิด Mind Mapping เกย่ี วกบั สารเสพติด ของตนเอง 6.7 ครสู มุ่ กล่มุ นักเรยี นอ่นื ๆ ใหแ้ สดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ผลงานทขี่ องกลุม่ อืน่ ทีน่ าเสนอ 6.8 ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมในครง้ั น้ี ชั่วโมงที่ 2 6.9 ครูกล่าวทกั ทายนกั เรยี นและทบทวนบทเรียนในชัว่ โมงทผ่ี ่านมา 6.10 ครูแจกกระดาษแข็งให้นักเรียนวาดรูปสารเสพติดท่ีนักเรียนรู้จักมา 1 ชนิด และทาท่ีเป็น ท่ีคาดผมเพอ่ื นาแสดงบทละครต่อไป 6.11 ครูใหน้ ักเรยี นจับคู่ เพื่อแสดงบทบาทสมมตกิ ารถูกชักชวนเพ่ือนให้ยุ่งเก่ยี วกบั ยาเสพตดิ 6.12 ครนู ักเรียนดวู ดิ ีโอเก่ยี วกับทกั ษะการปฏเิ สธหากถูกชกั ชวนให้ยุ่งเกย่ี วกบั ยาเสพตดิ 6.13 ครูให้นักเรียนเรียนแต่ละคู่แสดงบทบาทสมมติทักษะการปฏิเสธการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ค่ลู ะ 1-2 นาที 6.14 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมและให้ข้อคิดเกี่ยวกับการปฏิเสธการยุ่งเก่ียวกับยาเสพติด รวมถงึ หน่วยรกั ษาบาบัดผู้ติดสารเสพติด ชั่วโมงท่ี 3 6.15 ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี นและทบทวนบทเรียนในชั่วโมงทผ่ี ่านมา 6.16 ครูต้ังคาถามเก่ียวกับโทษของยาเสพติดให้นักเรียนช่วยกับตอบ โดยการยกมือ โดยคาถามให้ตอบ เพยี ง จริง หรอื เทจ็ 6.17 ครูเขียนโทษของยาเสพตดิ ลงบนกระดาน 6.18 ครแู จกใบกจิ กรรม บิงโกโทษยาเสพติด ใหน้ กั เรยี นคนละ 1ใบ 6.19 ครูให้นักเรียนนาโทษของยาเสพติดท่ีครูเขียนบนกระดานโดยเลือกมาเขียนลงในใบกิจกรรม บิงโกโทษยาเสพติดของตนเอง 6.20 ครูเริ่มเล่นเกมบิงโกโทษยาเสพติด โดยครูจับสลากขึ้น เล่นครบ 5 รูป นักเรียนท่ีบิงโกรับรางวัล ทคี่ รเู ตรยี มไว้ 6.21 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปกิจกรรมเกมบงิ โกโทษยาเสพติด 6.22 ครูให้เวลานักเรียน 2-3 นาทีคิดเก่ียวกับคาขวัญป้องกันยาเสพติด เขียนลงในใบกิจกรรมบิงโก โทษยาเสพติด
7. ส่ือ/อุปกรณ์ 251 7.1 รูปภาพ คนสูบบหุ รี่ 7.2 ข่าวเก่ยี วกบั ยาเสพตดิ 7.3 ใบความรูเ้ ร่ือง โทษภยั ของยาเสพตดิ 7.4 คาถามเก่ยี วกับโทษของยาเสพตดิ 7.5 ใบกจิ กรรม บงิ โกโทษยาเสพติด 7.6 วดิ โี อเกย่ี วกบั ทักษะการปฏเิ สธ 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 8.1 วธิ ปี ระเมิน 8.1.1 สังเกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครือ่ งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสงั เกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสงั เกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้ ผ่าน ใหค้ วามร่วมมือในการจัดกจิ กรรม ปฏบิ ัติกิจกรรมด้วยความรับผดิ ชอบ และมคี วามมงุ่ ม่ันในการปฏิบัตงิ าน ไมผ่ า่ น ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบัตกิ จิ กรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บ่งชี้ ผา่ น การประเมนิ ใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบรู ณ์ครบถว้ น และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไม่ผา่ น ใบงานไม่ถูกตอ้ งสมบูรณค์ รบถ้วน และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา เกณฑก์ ำรประเมิน 1) แผนผงั ความคิด Mind Mapping เกี่ยวกบั สารเสพติด ขอ้ มลู การนาเสนอครบถ้วน บอกโทษของสารเสพติด 5 ข้อขน้ึ ไป ระดบั คุณภาพ ดีมาก ดี ขอ้ มูลการนาเสนอคอ่ นขา้ งครบถ้วน บอกโทษของสารเสพติด 3 ข้อขึ้นไป ระดบั คุณภาพ
ขอ้ มูลการนาเสนอคอ่ นข้างครบถว้ น ระดบั คุณภาพ พอใช้ บอกโทษของสารเสพตดิ 3 ข้อขน้ึ ไป ระดับคุณภาพ ปรับปรุง ข้อมลู การนาเสนอค่อนขา้ งครบถ้วน บอกโทษของสารเสพติด 1 ข้อข้นึ ไป 2) ใบกิจกรรม บิงโกโทษยาเสพติด ระดบั คุณภาพ ดมี าก เลอื กกรอกข้อมลู ได้ครบถว้ นและแต่งขวัญขวญั ได้ ระดับคุณภาพ ดี เลือกกรอกข้อมลู ได้ 6-8 ข้อและแต่งคาขวญั ได้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ เลอื กกรอกข้อมลู ได้ 3-5 ขอ้ และแต่งคาขวัญค่อนขา้ งได้ ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง เลือกกรอกข้อมลู ได้ 0-2 ข้อและแตง่ คาขวญั ไม่ได้ 252
ใบควำมรู้ 253 เร่ือง โทษภยั ของยำเสพติด 1. กำรสญู เสียด้ำนบคุ ลกิ ภำพและจติ ใจ เยาวชนย่อมมีบุคลิกภาพที่กาลังเจริญเติบโต มีการสร้างประสบการณ์ต่างๆ และหัดวิธีการและชั้นเชิง ในการผจญปัญหา หรือกระทาการ เพ่ือให้บรรลุเป้าหมาย การแก้ปัญหาย่อมต้องอาศัยกระบวนการทางจิตหลาย ประการ เช่น ความอดกล้ัน การควบคุมอารมณ์ การ แสดงอารมณ์ตามความเหมาะสม การใช้ความคิดและ ประมาณการ ตลอดจนการหาวิธแี ก้ปัญหา ใหเ้ กดิ ผลดีทีส่ ุด หากเยาวชนใช้และติดยาเสพติด โดยอาศัยเป็น ทางหนีจากความทุกข์ยากหรือปัญหาต่างๆแล้ว บุคลิกภาพของผู้น้ัน ก็ย่อมหยุดเจริญ แทนท่ีจะหาทางแก้ปัญหา ท่ีเหมาะสม กลับหันไปใช้ยาแทน เยาวชน ท่ีติดยาจงึ มบี คุ ลิกภาพใหม่ ทมี่ คี วามอดทนน้อย ระแวง และหาความ สขุ จากชีวิตธรรมดาท่ีไมใ่ ชย้ าเสพติดไม่ได้ หากผู้น้ันได้ผ่านการรักษาหลายครั้ง และเลิก ได้ไม่นานก็ต้องกลับไปใช้อีก ความเช่ือมั่นในตนเอง และความหวงั วา่ จะเลกิ จากยา กค็ ่อยๆ หายไปทกุ ที หากผู้น้ันถูกจับและติดคุกหลายๆ ครั้ง ความ กลัวคุกตะรางและการลงโทษต่างๆ ตลอดจนความไม่ดีใน สายตาของสงั คม ก็คอ่ ยลดเสื่อมและชินชาไป การ ติดคกุ ตะราง หรอื การถกู ลงโทษทางกฎหมายกลายเป็นเร่อื งเล็ก ค่านิยมของเขาก็เปลี่ยนไป ความดีกับความช่ัว ตามแนวคิดปกติก็เลือนไป ความสุขท่ีเกิดจากการกระทาความดี ก็ถอยไป นบั ไดว้ ่า เป็นการเสือ่ มสลายของสภาพจติ เมื่อเยาวชนคนหนึ่งคนใดติดยาเสพติด และมีบุคลิกภาพเปล่ียนแปลงไปจนถึงข้ันนี้ ก็จะเป็นพลเมืองดี ไม่ได้ ไม่สามารถใช้ชีวิตท่ีเป็นประโยชน์กับตนเองและผู้อื่นได้ กลับเป็นผู้ก่อให้เกิดปัญหาสาหรับตนเอง ครอบครัว และสังคม จงึ นับว่า เป็นการสูญเสยี ทรัพยากรมนษุ ยข์ องชาติ ซ่ึงเปน็ การสญู เสียที่สาคญั ท่สี ุด 2. กำรสญู เสียทำงสขุ ภำพอนำมยั ผู้ทตี่ ิดยาเสพติด อาจเกิดปญั หาทางสุขภาพ อนามยั หรือโรคต่างๆไดห้ ลายอยา่ ง ไดแ้ ก่ 2.1 การใช้ยาเกินขนาด โดยท่ีการด้านยา เปล่ียนแปลงอยู่เร่ือย ผู้ท่ีพยายามเลิกยาหรือเข้ารับ การ รักษา ความด้านยาจะลดลง ประกอบกับยาท่ีได้จากการ ลักลอบค้าไม่ได้มีการควบคุมมาตรฐาน ความแรงอาจ เปล่ียนแปลงได้อยู่เสมอ เพราะมีการเจือปนสารชนิดอ่ืนเข้าไป ก่อนนาออกจาหน่าย ผู้ติดยา จึงอาจใช้ยาเกนิ ขนาดและเป็นอันตรายได้ ย่ิงเป็นการใชย้ าท่ีฉีดเข้าหลอดเลือดแลว้ ยิ่งมีโอกาสเกินขนาดได้มากยา ที่มีฤทธิ์กดระบบประสาทกลาง เมื่อใช้เกิน ขนาดจะทาให้ไม่รู้สึกตัวไป การหายใจลดลง และอาจเป็นอันตราย เสียชีวิตได้ ในบางรายอาจเกิดการบวมของปอด ทาใหห้ ายใจหอบและเสมหะเป็นฟองได้
2.2 อาการจากการขาดยา อาการถอนยาท่ี เกิดขึ้นในผู้ติดยาบางคนท่ีติดอย่างรุนแรงและสุขภาพ 254 ไม่ดีอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการติดยา นอนหลับ อาจเกิดอาการไข้สูง ชัก และไม่รู้สึกตัวได้อาการ ถอนยาท่ีเกิดในเด็กแรกเกิด เน่ืองจาก มารดาติดยาเสพติด และใช้ยาในระยะก่อนคลอด จะทาให้เด็ก ไม่แข็งแรง หายใจนอ้ ย และเสยี ชีวติ ไดง้ ่าย 2.3 พิษจากยาเสพติด ยาเสพติดบางชนิด เช่น แอมเฟตามีน กัญชา โคเคน และแอลเอสดี มีผลทาให้เกิด อาการทางจิตได้ บางรายอาจคล้มุ คล่ัง วิกลจรติ ไปเปน็ ระยะเวลานาน ยาแอมเฟตามนี ทาให้เกิดอาการระแวงอย่าง รนุ แรง คิดว่าผู้อ่ืนจะมาทาร้ายจึงอาละวาด และทาร้ายผู้อื่น ได้ ในยาเสพติดท่ีลักลอบขายกัน อาจมีสารอื่น เจือปน เพ่ือให้ได้ปริมาณมากข้ึน เช่น สารหนู และสตริกนิน (strychnine) เปน็ ตน้ ซึ่งเป็นยาพษิ ทาให้เปน็ อันตรายได้ 2.4 อันตรายจากการฉีดยาที่ไม่สะอาด ผู้ติด ยาที่ใช้ยาฉีดเข้าหลอดเลือด หรือเข้ากล้ามเนื้อ มักไม่ได้ทา ความสะอาดหลอดฉีดยา ให้ปราศจากเช้ือเสียก่อน น้าท่ใี ช้ละลายยาเพ่ือฉดี ก็ไม่สะอาด จึงอาจฉีดเอาเชอ้ื โรคต่างๆ เข้าไปในร่างกายได้ ทาใหเ้ กิดการอักเสบของผิวหนัง และเน้ือเยอ่ื บรเิ วณทฉี่ ีด เกดิ เปน็ ฝีหรือเนือ้ ตายได้ อาจลุกลาม เกิดการอักเสบของหลอดเลอื ด หรือโลหิตเปน็ พษิ ได้ ในบางรายเช้ือโรคอาจเข้าไปยงั อวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ปอด สมอง และกระดูก ทาให้เกิดล้ินหัวใจอักเสบ และฝีตามอวัยวะต่างๆ ผู้ท่ีฉีดยาหลายคน อาจใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ทาให้โรคจากคนหนึ่งตดิ ไปยงั คนอื่นๆ ได้ เชน่ โรคตบั อกั เสบ เปน็ ตน้ ผู้ติดยามอี ัตราการเปน็ โรคนี้ มากกวา่ บุคคล ท่วั ไป และอาจเกดิ การระบาดเป็นโรคทลี ะหลายๆ คนได้ 2.5 อันตรายจากการฉีดยาท่ีไม่เหมาะสม เข้าร่างกาย ผู้ติดยาอาจใช้ยาเม็ดมาละลายน้า ฉีดเข้า หลอด เลือด โดยไม่ทราบว่า ในยาเม็ดมีแป้งพวกทัลคัม (talcum) อยู่ด้วย บางทีก็ใช้สาลีกรองน้ายาก่อนจะใช้ฉีด แป้ง และใยสาลีจะเข้าไปติดอยู่ตามหลอดเลือดฝอยของปอด เกิดโรคปอดแขง็ ทาใหก้ ารหายใจลาบากเร้ือรังและ ไม่มวี ิธี รักษา ในบางกรณียาอาจจะละลายไม่ดี มีเกล็ดหรือ ผลึกของยาเข้าไปในหลอดเลือดไปอุดหลอดเลือดต่างๆ เช่น ทส่ี มอง เกดิ เป็นอัมพาตได้ 2.6 โรคบางชนิดท่ีพบร่วมกับการติดยาเสพติด ผู้ติดยาเสพติดมักมีสุขภาพไม่ดี อาหารไม่เพียงพอ และ การดูแลสุขภาพอนามัย ตลอดจนการรักษาความ สะอาดของร่างกายไม่ดี จึงมีโรคต่างๆเกิดได้มาก เช่น วัณโรค ของปอด โรคผิวหนังต่างๆ เปน็ ตน้ มีผู้รายงานว่า พบโรคบางชนิดร่วมกับการติด ยาเสพติด โดยความสัมพันธ์ และวิธีการเกิด ยังไม่ได้เป็นท่ี เข้ าใจ ชั ด เจ น เช่ น โรค เนื้ อ เย่ื อ ก ล้ าม เนื้ อ ล ะล าย ตั ว (rhabdomyolysis) มี อ าก ารป ว ด ก ล้ าม เนื้ อ และอ่อนเพลีย ขยับเขย้ือนลาบาก มีการสลายตัวของเซลล์กล้ามเนื้อ ทาให้มีสารไมโอโกลบินเข้าไปในเลือด และ ขับถ่ายออกไปในปัสสาวะ (myoglobinemia, myoglobinuria) เห็นเป็นปัสสาวะสีดาโรคไตอักเสบ และโรค เส้นประสาทอกั เสบ กพ็ บไดใ้ นผตู้ ิดยาเสพติด
3. กำรสูญเสยี ทำงเศรษฐกจิ 255 3.1 ค่าใช้จ่ายในการใช้ยา ผู้ติดยาเสพติด ย่อมต้องใช้จ่ายเงินในการซ้ือยามาใช้ ย่ิงติดมากขึ้นย่ิง จาเป็นตอ้ งใช้ปริมาณยามาก เพราะเกดิ การด้านยาดังได้ กลา่ วแล้ว โดยเฉลี่ยเมือ่ พ.ศ. 2522 ผทู้ ่ีติดเฮโรอีน ใช้เงิน ซ้ือยาราววันละ 55 บาท ซ่ึงนับว่า เป็นค่าใช้จ่ายท่ีสูงมาก ผู้ที่สูบฝ่ิน หากมีฐานะไม่ค่อยดีนักก็จาเป็น ต้องขาย ทรัพย์สมบัติต่างๆ เพื่อใช้ในการสูบฝิ่น จึงทา ให้มีฐานะยากจนลง ผู้ที่ยากจนอยู่แล้วและต้องรับจ้างหาเงิน ย่ิงมีความลาบากในการยังชีพ และเลี้ยงดู ครอบครัว หากพิจารณาการสูญเสียทั้งประเทศซ่ึงมีผู้ติดยาอยู่มาก ผตู้ ิดยาเฮโรอีน 100,000 คน จะใช้ยามมี ลู ค่า ถึงวันละ 5.5 ลา้ นบาท หรือปีละ 2,000 ลา้ นบาท 3.2 การขาดงาน ผู้ติดยาเสพติดบางคน อาจ สามารถปรับการใช้ยาได้ และสามารถทางานได้ตามปกติ บางคนใช้ยาขนาดน้อยๆ ในเวลาเช้าและกลางวัน เพ่ือ ไม่ให้เกิดอาการถอนยาและสามารถทางานได้ แล้วใช้ ยามากในตอนเยน็ หรอื กลางคืน ผตู้ ิดยาสว่ นใหญ่ เม่ือติดงอมแงมแล้วจะไม่ สามารถทางานได้ เพราะจะมีผลต่อร่างกายและจิตใจท่ี ขดั กับ การทางาน เมื่อใช้ยามากในเวลากลางวัน ก็มีอาการซึม สะลึมสะลือ ความคิดช้า ทางานได้ลาบาก เมื่อ ยาหมด ฤทธิ์ก็เกิดอาการถอนยา คือ กระวนกระวาย และ ปวดเมื่อยตามตัว ฤทธ์ิของยาและอาการถอนยานี้เกิด สลับกัน อยู่ทั้งวัน จนไม่สามารถทางานหรือเรียนหนังสือ ได้ นอกจากน้ี ยังมีความจาเป็นต้องใชเ้ วลาในการไปหายามาเพื่อ ใช้ในคราวต่อไป และหาที่ซุกซ่อนเพื่อใช้ยา สิ่งต่างๆ เหล่าน้ี จะรบ กวนและขัดขวางการทางาน ทาให้ ประสิทธภิ าพลดลง จนอาจต้องออกจากงาน 3.3 ค่าใช้จ่ายในการจัดการแก้ปัญหาของรัฐ และเอกชน ท้ังในด้านการปราบปรามการลักลอบค้า ยาเสพติด การใหบ้ รกิ ารบาบัดรกั ษา และการปอ้ งกัน ทาให้สญู เสียงบประมาณและทรพั ยากรไปไม่น้อย 4. กำรสูญเสยี ทำงสังคม 4.1 การเสยี ชื่อเสียง และฐานะทางสังคมของ ผูต้ ดิ ยา ผู้ตดิ ยายอ่ มเป็นทร่ี ังเกียจของสังคม 4.2 ปัญหาในครอบครัว การติดยาเสพติดทา ให้คนในครอบครวั ได้รบั ความลาบากท้ังด้านจิตใจและ ฐานะ การเงิน มผี ลใหเ้ กดิ ความแตกแยกในครอบครัวได้ ดงั จะเห็นได้วา่ ผตู้ ดิ ยามอี ัตราการหยา่ ร้างสูง 4.3 ปัญหาอาชญากรรม ผู้ติดยาจาเป็นต้องใช้เงินจานวนมากในการซื้อยามาใช้ ประกอบกับ ความอยากยารุนแรง ทาใหข้ าดการย้ังคิด จึงเกิดอาชญากรรมต่างๆ ขึน้ ได้ ในชมุ ชนใดทีม่ ีผ้ตู ิดยาเสพติดอยู่ โอกาส ท่ีจะเกดิ การลักขโมยมมี ากข้นึ นอกจากนี้ ปญั หายาเสพติดอาจเป็นปญั หา ทางการเมอื งในประเทศ หรือระหว่างประเทศและมผี ลกระทบ ตอ่ ความม่นั คงของชาติได้ ที่มา : http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=9&chap=13&page=t9-13- infodetail04.html
ใบงำน เรอ่ื ง โทษภยั ของยำเสพตดิ คำช้แี จง ครอู า่ นข้อคาถามใหน้ ักเรยี นตอบข้อใดเปน็ จริงข้อใดเป็นเทจ็ พร้อมเขยี นข้อคาถามท่เี ป็นจรงิ ลงบนกระดาน เพอื่ ใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมบงิ โกโทษยาเสพตดิ ต่อไป ข้อคำถำม คำตอบ 1. ทาใหส้ ขุ ภาพเสื่อมโทรม (จริง) 2. อาการเจ็บป่วยง่าย (จรงิ ) 3. ไม่มสี มาธิ (จริง) 4. เรยี นเกง่ ขน้ึ (ไมจ่ ริง) 5. ขาดความรบั ผิดชอบ (จริง) 6. ถูกสงั คมรงั เกยี จ (จริง) 7. ครอบครวั อบอุ่น (ไมจ่ รงิ ) 8.ผิดกฎหมาย (จรงิ ) 256 9. ประสาทหล่อน (จริง) 10.สงั คมมีความสขุ (ไมจ่ รงิ ) 11.สมรรถภาพแย่ (จรงิ ) 12. เกิดอบุ ัตเิ หตุง่าย (จรงิ ) 13. สุขภาพแข็งแรง (ไม่จริง) 14. มีอนาคตสดใส (ไม่จรงิ ) 15. เกิดอาชญากรรม (จริง) 16. ครอบครวั แตกแยก (จรงิ ) 17. สญู เสียทรัพยส์ นิ (จรงิ ) 18. สมองเส่อื ม (จรงิ ) 19. เจบ็ ปวดกระดูกกลา้ มเน้ือ (จริง) 20. มะเรง็ ปอด (จรงิ )
ใบกจิ กรรม 257 บิงโกโทษยำเสพตดิ คำชแี้ จง ให้นักเรียนเลือกข้อความทีค่ รูเขยี นบนกระดาน มาเขยี นลงในตารางบิงโกให้เต็มตาราง เพ่ือเล่นเกม บิงโกโทษยาเสพติดตอ่ ไป 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. คาขวญั ปอ้ งกนั ยาเสพตดิ ……………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวที่ 39 หน่วยกำรจัดกจิ กรรม ส่วนตวั และสังคม ชัน้ ประถมศึกษำปีท่ี ป. 4- 6 เรือ่ ง เม่ือเข้ำมำไดก้ ผ็ ่ำนไปได้ จำนวน 3 ช่วั โมง ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1.สำระสำคัญ ความเครียดไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป ความเครียดที่ไม่มากนักช่วย ให้บุคคลมีความกระตือรือร้น มีพลัง ในการดาเนินชีวิต แต่การเกิดความเครียดอย่างมาก และสะสมอยู่เป็น เวลานาน มีผลทาให้เกิดความเจ็บป่วย ทั้งทางกายและทางจิต อารมณ์ ส่งผลกระทบทั้งด้านร่างกาย จิตใจและพฤติกรรมของตนเอง รวมท้ังส่งผล ต่อผู้อื่นด้วย การจัดการกับอารมณ์จึงมีความสาคัญ การพัฒนาตนเองให้มีความสามารถทางการจัดการอารมณ์ จะสง่ ผลตอ่ ความสาเร็จในชีวิตดว้ ย 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้ำนสว่ นตัวและสงั คม ข้อ 3 มวี ฒุ ิภาวะทางอารมณ์ 3. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 258 3.1 บอกสถานการณ์ทที่ าใหน้ ักเรียนโกรธหรอื เครยี ดได้ 3.2 ระบกุ ารปรบั ตวั ทดี่ ีของตนเองท่ีเหมาะสมกับพัฒนาการวยั รนุ่ ช่วงอายุ 10 -13 ปี 3.3 เสนอแนววธิ กี ารจัดการอารมณ์และความเครยี ดตามสถานการณ์ตา่ งๆ ได้ 3.4 สรุปวิธีการสรา้ งความม่ันคงทางอารมณ์ทีเ่ หมาะสมตนเอง 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 สถานการณ์ความเครยี ด 4.2 วธิ จี ดั การกับอารมณ์และความเครียด 5. ชิ้นงำน/ภำระงำน 5.1 ใบงาน โกรธและเครียดตอนไหน 5.2 บทบาทสมมุติ 5.3 สถานการณ์ท่ีทาใหเ้ ครียด ทาในกระดาษบรู๊ฟ 6. วธิ กี ำรจัดกิจกรรม ชั่วโมงท่ี 1 6.1 ครูทักทายนกั เรยี น ว่าวันนี้สบายดีไหม ใครอารมณ์อารมณ์ดีบา้ ง ใครอารมณ์ไมด่ ีบ้างเพราะอะไร
6.2 ครูติดภาพหน้าตา คนโกรธ คนเครียด คนเศร้า คนกังวลใจ คนมีความสุข คนมีความทุกข์ 259 คนทีกังวลใจ คนอกหัก คนผิดหวัง ไว้ตามผนังห้อง ครูให้นักเรียนเรียนไปเลือกยืนว่าวันนี้ใครมีอารมณ์ แบบไหนใหไ้ ปยืนตามรูปภาพ 6.3 หลังจากนักเรียนเลือกยืนแล้ว ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มตามภาพท่ีมีสมาชิกยืน ครูแจกใบงาน โกรธและเครยี ดตอนไหน ร่วมกนั ทาใบงานกล่มุ ชั่วโมงท่ี 2 6.4 ครใู ห้นกั เรียนดคู ลปิ วดี ีโอ Life is beautiful https://www.youtube.com/watch?v=eTLeg2Rfjho เป็นคลปิ เก่ียวกบั ชวี ิตของเดก็ ประถมปลายชาย ท่ชี ีวิตไมไ่ ดเ้ พียบพร้อม มีความยากลาบาก ขัดสน 6.5 แบ่งกลุ่มนักเรียนโดยครูให้จับสลากเป็นลูกอม ใครได้ลูกอมชนิดเดียวกันให้อยู่กลุ่มเดียวกัน ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายในกลุ่มโดยครูกาหนด หัวข้ออภิปรายว่า 1. เร่ืองนี้เป็นเร่ืองเกี่ยวกับอะไร 2.นักเรียนได้ข้อคิดอะไรจากเร่ืองนี้ 3.ถ้านักเรียนเจอสถานการณ์แบบในเร่ืองน้ีนักเรียนจะทาอย่างไรแต่ละกลุ่ม ชว่ ยกนั นาเสนอเรอ่ื งทอี่ ภิปราย ทาในกระดาษบรูฟ๊ ทัง้ 3 หัวขอ้ 6.6 สมุ่ ตัวอย่างออกมานาเสนอหน้าชัน้ เรยี น 2 กลมุ่ 6.7 แต่ละกลุ่มนาผลงานตดิ ตามผนงั ห้องใหแ้ บง่ ปันผลงานให้เพอ่ื นได้เรยี นรู้ 6.8 ครูให้แต่ละกลุ่มประเมินผลงานกัน กลุ่มไหนได้คะแนนการประเมินจากเพ่ือนมากท่ีสุด ครูมอบรางวัลให้ 6.9 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปการปรับตัวทดี่ ขี องตนเองท่ีเหมาะสม กบั วัยของนักเรยี น ช่ัวโมงที่ 3 -4 6.10 ครแู บ่งกลุม่ นักเรียนตามการจบั สลากรปู ภาพ ใครไดร้ ูปภาพเหมือนกันใหอ้ ยกู่ ลมุ่ เดยี วกนั 6.11 ครูแจกบัตรสถานการณ์ทาให้นักเรียนเครียดให้แต่ละกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผน หาวิธีการ จัดการกับความเครียดตามสถานการณ์ตอ่ ไปน้ี - เมอ่ื ฉนั สอบตก - ฉนั ถูกเพ่ือนล้อว่าอ้วน - พอ่ แม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง - ครดู ไุ ม่ส่งงาน - เงนิ ไม่พอใช้ - รนุ่ พช่ี วนสูบบุหรี่ - เพอื่ นชวนโดดเรียน - เพ่อื นยืมงินแลว้ ไมค่ ืน - ถูกเพ่ือนหลอก
6.12 นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มวางแผนแสดงบทบาทสมมุติ สถานการณ์ต่างๆ ท่ตี ้องเผชิญในข้อ 2 แสดงทุกกลุ่ม 260 ละไมเ่ กิน 5 นาที 6.13 ครูใหน้ ักเรยี นดูคลิป คนทอ่ี อกจากชีวิตคุณ ของ ฌอน จากลิงค์ ttps://www.youtube.com/watch?v=YRp82fpdf-A 6.14 ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปแนววิธีการจัดการอารมณ์และความเครยี ดตามสถานการณ์ตา่ งๆและ สรุปวธิ ีการ สร้างความม่นั คง ทางอารมณท์ เ่ี หมาะสมตนเอง 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 คลิปวดี โี อ Life is beautiful https://www.youtube.com/watch?v=eTLeg2Rfjho เป็น 7.2.คลิป คนที่ออกจากชวี ิตคุณ ของ ฌอน จากลิงค์ ttps://www.youtube.com/watch?v=YRp82fpdf-A 7.3. ใบงาน 7.4 .ใบความรู้ วธิ ีการจัดการความเครยี ดด้วยตนเอง 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วธิ ปี ระเมนิ 8.1.1 สังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครอื่ งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมนิ 8.3.1 การสงั เกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม เกณฑ์ ตัวบง่ ชี้ ผา่ น ให้ความร่วมมือในการจัดกจิ กรรม ปฏิบัตกิ ิจกรรมด้วยความรับผิดชอบ และมคี วามมงุ่ มนั่ ในการปฏบิ ัตงิ าน ไม่ผ่าน ไมใ่ หค้ วามร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี ผา่ น การประเมินใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และส่งตรงต่อเวลา ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถูกต้องสมบรู ณค์ รบถว้ น และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา
ใบควำมรู้ เร่ือง วิธีกำรจดั กำรควำมเครียดดว้ ยตนเอง 261 วธิ ีจัดกำรควำมเครยี ดง่ำยๆ ด้วยตนเอง ความเครียดเป็นสิ่งที่สามารถเกิดข้ึนได้ทุกวัน ไม่ว่าจะจากภาระงานที่หนักมากเกินไป, การเรียนท่ีหนัก หน่วง การต้องเผชิญกับภาวะกดดันต่างๆ ฯลฯ หลากหลายสาเหตุเหล่านี้ ทาให้ร่างกายมีความเครียดเกิดข้ึนจน ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจาวัน หากปล่อยไว้นานวันเข้าอาจทาให้เกิดการเจ็บป่วยท่ีรุนแรงได้ มาจัดการกับ ความเครยี ดกอ่ นที่จะสายเกนิ ไป ด้วยเคล็ดลบั เล็กๆ นอ้ ยๆ ที่ Interpharma เอามาฝากกันครบั 1. เริ่มต้นจากการสังเกตุร่างกายตัวเอง ว่ามีการตอบสนองต่อความเครียดอย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอาการ โมโหง่าย โกรธง่าย นอนไม่หลับ มีปัญหาในการนอน หงุดหงิด ซึมเศร้า รู้สึกอ่อนเพลีย พลังงานต่า ฯลฯ เหล่าน้ี เป็นอาการเบอ้ื งต้นท่สี ามารถบง่ ชไ้ี ดว้ า่ เรากาลังประสบกับภาวะเครยี ดอยู่ 2. วางแผนจัดการกับความเครียด โดยค้นหาว่าตนเองเกิดความเครียดจากสาเหตุใด หากไม่พบ ให้จด บนั ทึกเกี่ยวกับความเครียดเป็นระยะเวลา 2 – 4 สัปดาห์ โดยจดวันที่, เวลา, สถานที่ท่ีเกิดความเครียด, ส่ิงท่ีกาลัง ทา, คนท่ีอยู่ด้วยกัน ณ ตอนนั้น, ความรู้สึกท่ีเกิดขึ้น หลังจากเกิดข้ึนแล้วเราทาอะไรต่อ มีอาการทางร่างกาย
อย่างไร หลังจากนน้ั จึงเขา้ สขู่ ้ันตอนในการทบทวนถงึ สาเหตขุ องความเครียดท่ีเรากาลังเผชญิ อยู่ เพือ่ วางแผนรบั มือ 262 ต่อไป 3. จัดลาดับความสาคัญ แยกส่ิงที่ต้องทาก่อนเป็นอันดับต้นๆ และส่ิงท่ีสามารถทาทีหลังได้ออกจากกัน หลังจากนั้นให้วางแผนการทางานเปน็ ข้นั เป็นตอน และดาเนินการตามแผนท่ีวางไว้ รวมถึงฝึกท่ีจะปฏิเสธงานท่ีเข้า มาแบบปจั จบุ นั ทนั ดว่ นออกไป เพือ่ ไมใ่ หป้ ริมาณงานมากเกนิ กว่าทจ่ี ะรบั ผดิ ชอบได้ไหว 4. ระบายมันออกมาบ้าง ด้วยการขอกาลังใจและการสนับสนุนจากคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก การได้ระบายความรู้สึกของตัวเอง แทนท่ีจะเก็บไว้คนเดียว จะทาให้ภาวะตึงเครียดผ่อน คลายลง และรสู้ กึ ดีขึน้ 5. หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ออกไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้าง ออกกาลังกายอย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน จะช่วยปรับอารมณ์และลดระดับความเครียดลงได้ หรืออาจ น่ังสมาธิ กาหนดลมหายใจเข้า – ออก การหายใจเข้าออกลึกๆ จะช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดัน โลหิตลงได้อกี ดว้ ย 6. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ การมีสุขภาพกายท่ีดีย่อมส่งผลดีต่ออวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย ให้สามารถทางานได้เป็นปกติ มีภูมิคุ้มกันท่ีแข็งแรง โดยเฉพาะในกลุ่มวิตามินรวม ช่วยฟ้ืนฟู ร่างกายจากความเครียด ทาให้รู้สึกผ่อนคลายและคืนความกระชุ่มกระชวย ความมีชีวิตชีวา และความสดใสให้กับ รา่ งกายได้ 7. หาวิธีรักษา หากไม่สามารถจัดการความเครียดได้ด้วยตนเอง หรือตกอยู่ในภาวะซึมเศรา้ ควรปรกึ ษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพ่ือพูดคุยบอกเล่าปัญหา ความทุกข์ใจต่างๆ ที่ทาให้เกิดความเครียด และรับคาแนะนา จากแพทย์ผ้เู ชย่ี วชาญเพ่ือหาทางแกไ้ ขปญั หา การวางแผนรับมือในการจัดการกบั ความเครียดตอ่ ไป ความเครียดเป็นส่ิงท่ีเกิดขึ้นได้เป็นประจาทุกวัน และเป็นส่วนหน่ึงในการดาเนินชีวิตของเราทุกคน หากเราได้นา วิธกี ารขา้ งต้นไปใชใ้ นการจัดการความเครยี ดแล้ว ก็จะมีสขุ ภาพจิตและสขุ ภาพกายทดี่ ี มสี มดุลชวี ติ ที่ดไี ดใ้ นท่สี ุด -------------------------------------------------------------------------------------------------- ท่ีมา : https://www.interpharma.co.th/articles/สุขภาพ/วิธจี ัดการความเครยี ดงา่ ย/
ใบงำน เร่ือง โกรธและเครยี ดตอนไหน คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั คิดถึงสถำนกำรณ์ทีท่ ำใหส้ มำชิกในกลุ่มโกรธหรอื เครียดพร้อมบอกสำเหตุ สถำนกำรณ์ทำให้นักเรียนโกรธหรอื เครยี ด สำเหตทุ โ่ี กรธและเครียด 263
แผนกำรจัดกิจกรรมแนะแนวที่ 40 หนว่ ยกำรจดั กจิ กรรม ส่วนตวั และสังคม ชนั้ ประถมศึกษำปที ่ี 4 – 6 เรื่อง บุคลิกฉัน บุคลิกเธอ จำนวน 4 ชว่ั โมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ 264 บุคลิกภาพ คือกิริยา ท่าทาง ความคิด จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกของบุคคลซ่ึงมีท้ังด้านดีและด้านไม่ดี การรับรู้บุคลิกภาพของตนเองทั้ง 2 ดา้ น จะทาให้สามารถพัฒนาบุคลิกภาพท่ีดีอันจะเกิดความภาคภูมใิ จในตนเอง การรบั ร้บู คุ ลิกภาพท่ดี ขี องผู้อน่ื และแสดงความชื่นชม ย่อมทาให้มีความรูส้ ึกท่ีดีตอ่ กนั 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ส่วนตัวและสังคม ขอ้ ที่ 2 รกั และเห็นคณุ คา่ ในตนเองและผ้อู นื่ 3. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 3.1 บอกความคิดเห็นต่อบคุ ลิกภาพของตนเองและผูอ้ น่ื 3.2 แสดงความคิดเห็นและชื่นชมบคุ ลกิ ภาพและการกระทาทีด่ ีของผู้อ่ืนดว้ ยคาพูดและภาษากาย 3.3 ยอมรบั บุคลกิ ภาพของเพอ่ื นท้งั ดา้ นดีและดา้ นที่ตอ้ งได้รบั การพฒั นา 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 บุคลิกภาพของตนเองและผอู้ นื่ 4.2 การแสดงความคิดเหน็ และช่นื ชมบุคลกิ ภาพ 5. ชนิ้ งำน/ภำระงำน 5.1 การแสดงบทบาทสมมติ 5.2 ทาใบงานเร่ือง วธิ กี ารพัฒนาบคุ ลิกภาพอย่างเหมาะสม 6. วธิ กี ำรจดั กจิ กรรม ช่ัวโมงที่ 1 – 2 6.1 สนทนาพูดคุยกับนักเรียนเก่ียวกับเร่ืองบุคลิกภาพ และเชื่อมโยงให้เข้าใจว่าบุคลิกภาพไม่ใช่แค่สิ่งท่ี ปรากฏใหเ้ ห็นเพยี งทางร่างกายเทา่ น้ัน แตห่ มายรวมถงึ กิริยา ท่าทาง ความคดิ จิตใจ อารมณ์ ความร้สู กึ 6.2 นักเรียนชมวดี ทิ ศั น์ นิทานพื้นบา้ นเร่อื ง “พิกลุ ทอง สาวน้อยแสนดี” 6.3 นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ลกั ษณะบุคลกิ ภาพของตัวละครแตล่ ะตัว 6.4 นักเรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน โดยครูมอบหมายภาระงานให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมติเร่ือง “พกิ ลุ ทอง สาวนอ้ ยแสนดี” ทง้ั น้นี กั เรียนสามารถปรับเปล่ียนบทบาทของตวั ละครได้ตามท่ีนกั เรียนต้องการ
ชั่วโมงที่ 3 265 6.5 ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับลักษณะบุคลิกภาพของตัวละครในนิทานพ้ืนบ้าน ช่ือ พิกุลทอง และ มะลิ โดยตัง้ ประเดน็ การสนทนาดังน้ี - นกั เรียนชอบบคุ ลิกของตวั ละครตวั ใด เพราะเหตุ - นกั เรยี นคดิ ว่ามะลคิ วรปรบั ปรงุ พฤตกิ รรมอย่างไร จงึ จะมบี ุคลิกภาพทีด่ ี 6.6 นกั เรียนสารวจบุคลกิ ภาพของตนเอง ท้ังด้านกิรยิ า ท่าทาง ความคิด จิตใจ อารมณ์ ความรสู้ ึก แล้วหา จดุ เด่น ของตนเอง 6.7 นักเรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 4 – 5 คน สนทนากันในประเด็น “บุคลิกภาพของฉันและเธอ” โดยให้นกั เรียนแต่ละคนพดู ถึงลักษณะบุคลิกภาพของตนเองให้เพอื่ นฟัง จากน้ัน เพ่ือนๆ ชว่ ยกนั แสดงความคิดเห็น ต่อบุคลกิ ภาพของผู้นาเสนอ สลบั หมุนเวียนกนั แสดงความคิดเห็นจนครบทกุ คน 6.8 สมาชิกในกลุ่มคัดเลือกตัวแทนกลุม่ ทม่ี ีลกั ษณะบุคลิกภาพท่ดี ี และนาเสนอลกั ษณะบุคลกิ ภาพหน้าชั้น เรียน ทงั้ น้ีเม่อื แต่ละกลุ่มนาเสนอเสร็จแล้วให้สมาชิกในชนั้ เรยี นช่วยกัน แสดงความคดิ เห็นและ ชนื่ ชมบุคลิกภาพ ท่ดี ขี องเพอ่ื นอาจเป็นคาพูดหรอื ภาษากาย ช่ัวโมงที่ 4 6.9 นกั เรียนสารวจบุคลกิ ทีค่ วรปรบั ปรุงหรือพฒั นาของตนเอง พร้อมท้ังแสดงความคิดเห็น ตอ่ บุคลิกภาพที่ควรปรบั ปรงุ ของเพ่ือน 6.10 นักเรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน เสนอวิธีการพัฒนาบุคลิกภาพอย่างเหมาะสม แล้วบันทึกข้อมูล ลงในใบงานเร่ืองวิธีการพฒั นาบุคลกิ ภาพอยา่ งเหมาะสม 6.11 นักเรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี น โดยมีครคู อยแนะนาเพม่ิ เติม 6.12 ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ เก่ียวกับการรับรู้ และเข้าใจบุคลิกภาพของตนเองทั้ง ด้านที่ดีและด้านที่ ควรพัฒนา ซึ่งหากนักเรียนยอมรับ และรู้จักบุคลิกภาพในด้านท่ีควรพัฒนาแล้ว นักเรียนจะสามารถปรับปรุงหรือ พัฒนาบุคลกิ ภาพไดอ้ ย่างเหมาะสม 7. สอ่ื /อุปกรณ์ 7.1 วดี ิทัศน์ นิทานพื้นบ้านเรื่อง “พิกุลทอง สาวน้อยแสนดี” 7.2 ใบงานเรอื่ ง วิธกี ารพัฒนาบุคลกิ ภาพอยา่ งเหมาะสม
8. กำรวดั และประเมนิ ผล 266 8.1 วิธปี ระเมิน 8.1.1 สงั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เคร่อื งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสงั เกตการปฏบิ ัติกิจกรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผ่าน ใหค้ วามรว่ มมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั ิกิจกรรมด้วยความรับผดิ ชอบ และมคี วามมุ่งมน่ั ในการปฏิบัติงาน ไม่ผ่าน ไมใ่ ห้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมไม่ครบทุกรายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลงาน/ใบงาน เกณฑ์ ตัวบ่งชี้ ผา่ น การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบรู ณ์ครบถว้ น และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบูรณค์ รบถว้ น และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา เกณฑก์ ำรประเมนิ ระดบั คุณภาพ ดมี าก ใบงานเร่อื ง วธิ ีการพัฒนาบคุ ลกิ ภาพอย่างเหมาะสม ระดบั คณุ ภาพ ดี ระดบั คุณภาพ พอใช้ เสนอวธิ ีการพฒั นาบุคลิกภาพอยา่ งเหมาะสม 4 ข้อข้ึนไป ระดับคุณภาพ ปรบั ปรุง เสนอวิธีการพัฒนาบุคลิกภาพอยา่ งเหมาะสม 2 – 3 ขอ้ เสนอวิธีการพัฒนาบุคลกิ ภาพอย่างเหมาะสม 1 ขอ้ เสนอวิธกี ารพัฒนาบุคลกิ ภาพไมไ่ ด้
แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวที่ 41 หนว่ ยกำรจัดกิจกรรม ส่วนตัวและสงั คม ช้ันประถมศึกษำปีที่ 4-6 เร่ือง ฉนั ท์มติ รภำพ จำนวน 2 ช่ัวโมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ คนเราทกุ คนล้วนมคี ุณค่าเท่าเทียมกันสามารถสรา้ งคุณคา่ ให้ตนเองสรา้ งประโยชนใ์ ห้กับสงั คมได้ การอยรู่ ว่ มกนั ในสังต้องรูจ้ กั รักษามติ รภาพทดี่ รี ะหว่างกนั ไมส่ ร้างความขัดแยง้ และใชค้ วามรนุ แรงเขา้ ใจและ เหน็ อกเห็นใจกันระหวา่ งบุคคลใกล้ตัวและรอบข้างจะทาให้การอยู่รว่ มกันมีความสุข 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดา้ นสว่ นตัวและสังคม ข้อท่ี 2 รกั และเห็นคุณคา่ ในตัวเองและผู้อื่น 3. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 267 3.1 แสดงออกถึงการเข้าใจตนเอง เหน็ คณุ คา่ ของตนเองและผ้อู ่นื 3.2 แสดงพฤติกรรมการยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกตา่ งจากเพ่ือน 4. สำระกำรเรียนรู้ การรู้จกั รัก เขา้ ใจ เหน็ คุณคา่ ของตนเองและผ้อู ่นื 5. ชิน้ งำน/ภำระงำน ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามใบงาน 6. วิธีกำรจัดกิจกรรม ช่ัวโมงท่ี 1 6.1 ครูเล่าสถานการณ์ “เรือมนุษย์” ใหน้ กั เรียนฟงั แล้วตัง้ ประเด็นคาถาม “ถา้ นกั เรียนเป็นคนหนึ่งคนใดในเรือน้ัน นกั เรยี นจะตดั ใครออกจากเรอื ชูชพี เพราะเหตใุ ด” 6.2 แบง่ นกั เรยี นเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6 คน 6.3 ใหน้ ักเรียนสมมตุ ติ นเองเป็นบุคคลในเรือ แล้วรว่ มกันอภปิ รายแสดงเหตผุ ล และโตแ้ ยง้ ดว้ ยเหตผุ ลเมื่อ ไมเ่ หน็ ดว้ ยประเด็นดังน้ี “ทาอยา่ งไรจึงจะเหลือคน 5 คน อยบู่ นเรือชูชพี และพาเรือไปให้ถงึ ฝง่ั ซงึ่ ไม่ร้ทู ิศทาง ของฝง่ั ” 6.4 ตัวแทนกลมุ่ รายงานผลการตัดสนิ ใจเลือกคนลงเรือ 5 คน ด้วยเหตุผลของกลุ่มอยา่ งเปน็ กระบวนการ ขน้ั ตอน
ชั่วโมงท่ี 2 268 6.5 ครูนาอภปิ ราบสรุปแนวคิดวา่ “ทุกคนมคี ุณค่าเท่ากันแต่ละคนมปี ระโยชนต์ อ่ การเดินทาง ตาบอดอาจรู้ทิศทางลม นักบวชอาจช่วยดา้ นจติ ใจ คนชราอาจมีประสบการณ์การเดนิ เรือ เด็กมีโอกาสเปน็ ผู้ช่วย ทาประโยชน์ คนหนมุ่ จะสามารถชว่ ยคนอนื่ ๆ ได้เพราะพละกาลังมาก จงึ แก้ปญั หาด้วยการให้ 5 คน อย่บู นเรือ สว่ นคนหนมุ่ และนกั บวชเปล่ียนกันเกาะเรอื 6.6 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันเสนอแนวคิดเพ่มิ เตมิ เก่ยี วกบั การสรา้ งคณุ ค่าให้กบั ตวั เอง 6.7 นกั เรียนเขียนคุณคา่ ของตนเองในใบงาน “ฉนั รูว้ ่า... ฉนั มีคุณคา่ ” 7. สือ่ /อปุ กรณ์ 7.1 สถานการณ์ “เรือมนุษย์” 7.2 ใบงาน “ฉนั รู้วา่ ...ฉันมีคุณคา่ ” 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 8.1 วธิ ปี ระเมิน 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ัติกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครือ่ งมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑ์กำรประเมิน 8.3.1 การสังเกตการปฏิบตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผา่ น ใหค้ วามรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ตั ิกิจกรรมดว้ ยความรับผดิ ชอบ และมคี วามมุ่งมั่นในการปฏิบัติงาน ไมผ่ า่ น ไมใ่ ห้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บ่งช้ี ผา่ น การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบูรณ์ครบถว้ น และส่งตรงตอ่ เวลา ไมผ่ า่ น ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบูรณ์ครบถ้วน และส่งงานไมต่ รงต่อเวลา
สถำนกำรณ์เรอื มนุษย์ ในท้องทะเลกว้างใหญ่ มีเรือแล่นอยู่ 1 ลา บนเรือมีคนอยู่ 6 คน คือ นักบวช คนท้องแก่ เด็กทารก คนหนุ่ม คนชรา คนตาบอด ขณะที่เรอื กาลังแล่นอยู่นั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝนั ก็เกิดข้ึน เรอื เกิดรั่ว และจะต้องจมลง ใต้ท้องทะเลภายใน 5 นาที บนเรือมีเรือชูชีพอยู่ 1 ลา ซ่ึงสามารถบรรทุกคนได้ 5 คนเท่าน้ัน ถ้าบรรทุกเกินเรือ ชูชีพจะแตก และขณะนั้นทุกคนจะมองไม่เห็นฝั่งทะเลอยู่ทางทิศใดเลย ทุกคนจะตัดสินอย่างไร ว่าใครจะเป็น ผเู้ สียสละ 1 คน ........................................................................... 269
ใบงำน เร่อื ง ฉันรู้วำ่ ....ฉนั มีคุณค่ำ ช่อื -สกุล........................................................................ชนั้ ...........วัน/เดอื น/ปี............................... คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเขียนคุณค่าของตนเองตามหัวขอ้ ทก่ี าหนดจากรากของตน้ ไม้ไปส่เู ปา้ หมาย เป้ำหมำยชีวิตของฉนั กำรเรียน กำรทำงำน สังคม ควำมสำมำรถของฉนั 270 ตนเอง ครอบครัว ส่งิ ท่ฉี ันไดท้ ำแลว้ ปญั หำอปุ สรรคที่อำจเกิดข้นึ กบั ชวี ิตฉนั ควำมดีของฉนั สง่ิ ท่ฉี นั ยงั ไม่ไดท้ ำ ควำมภำคภมู ิใจของฉนั
แผนกำรจดั กจิ กรรมแนะแนวท่ี 42 หนว่ ยกำรจัดกิจกรรม สว่ นตัวและสังคม ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 4-6 เร่ือง กฎกำรปกป้องตนเอง (The Protect Yourself Rules) จำนวน 3 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคัญ การสร้างเสริมความรู้ ความคิด และการกระทาต่อตนเองและผู้อ่ืนอย่างเหมาะสมตามหลักคุณธรรม จริยธรรม กฎหมาย และค่านิยมท่ีดีงามของสังคมไทยและสากล เป็นส่ิงจาเป็นท่ีครอบครัวและสถานศึกษา ต้องให้ความสาคัญต้ังแต่วัยเด็กเพ่ือช่วยให้มีความยับยั้งชั่งใจ แยกผิดชอบชั่วดีได้ ลดพฤติกรรมการเลียนแบบ ท่ีอาจทาให้เกิดความชินชากับความรุนแรงได้ นักเรียนจึงควรได้รับการส่งเสริมให้รู้จักปกป้องกันตนเองจาก การถูกแกล้ง เพ่ือสรา้ งภูมิคมุ้ กนั ด้านจติ ใจ และสารมารถอย่รู ่วมกบั ผู้อนื่ ได้อยา่ งสรา้ งสรรคร์ ว่ มกัน 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ดา้ นสว่ นตวั และสงั คม ข้อ 4. ปรับตัวและดารงชีวิตอยู่ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสขุ 3. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 271 3.1 บอกความสาคญั และการใช้กฎการปกป้องตนเอง (The Protect Yourself Rules) ได้ 3.2 ระบพุ ฤตกิ รรมการกระทาท่ไี ม่พึงปฏบิ ตั ิตอ่ ผู้อื่นได้ 3.3 แสดงพฤตกิ รรมท่สี ่งผลดีตอ่ ตนเองและผู้อ่ืนได้ 4. สำระกำรเรียนรู้ กฎการปกปอ้ งตนเอง (The Protect Yourself Rules) 5. ช้ินงำน/ภำระงำน 5.1 ทาใบงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 5.2 ตรวจสอบความเขา้ ใจ 5.3 สรปุ เพ่ือทบทวนและฝึกกาหนดกฎการปกป้องตนเอง 6. วธิ ีกำรจัดกิจกรรม ช่ัวโมงท่ี 1 6.1 นักเรียนดูภาพพฤติกรรมการกล่ันแกล้งในโรงเรียนในต่างประเทศ และยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับ สถานการณใ์ นโรงเรยี นของตนเอง 6.2 นกั เรียนศึกษาข้อมลู จาก YOUTUBE “Good Touch & Bad Touch” 6.3 นักเรยี นดู YOUTUBE : https://www.google.com/url?sa=i&source=images&cd=&ved=2ahUKEwif_7Oft-_gAhVo4XMBHZY-
Al4QjRx6BAgBEAU&url=https%3A%2F%2Fwww.youtube.com%2Fwatch%3Fv%3D- 272 qAnQ3WvaD8&psig=AOvVaw0OFNLqWa3GW6zHEmUCkfy8&ust=1552017352814659 6.4 นักเรียนศึกษา ใบความร้เู รอ่ื ง สัมผัสอันตราย 6.5 นักเรยี นดวู ดี โิ อ/คลิปที่มเี นื้อหาเกีย่ วกับสัมพนั ธภาพที่ไมป่ ลอดภยั สาหรบั เด็ก 6.6 ครูและนักเรียนสรุปประเด็นสาเหตุและผลของพฤติกรรมการกล่ันแกล้ง และการสัมผัส ทไ่ี มป่ ลอดภยั ในสงั คมปัจจุบัน 6.7 นักเรียนทาแบบตรวจสอบความเขา้ ใจ ชั่วโมงท่ี 2 6.8 นักเรยี นศึกษาคลิปวดิ ิโอ เรอื่ ง กฎการปกป้องตนเอง (The Protect Yourself Rules) 6.9 นกั เรยี นและครูรว่ มอภปิ รายและสรุปความหมายของ “การปกป้องตนเอง” 6.10 นักเรียนอภิปรายและยกตัวอย่างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีสอดคล้องกับ 6 The Protect Yourself Rules 6.11 นักเรียนอภิปรายหลังจากศึกษาคลิปวิดิโอ เร่ือง กฎการปกป้องตนเอง (The Protect Yourself Rules) 1) รูส้ กึ อย่างไรเมือ่ บคุ คลอ่ืนเข้ามาใกล้ๆจนรูส้ ึกอึดอัด เพราะเหตใุ ดจึงรู้สกึ เชน่ นนั้ 2) การปกป้องตนเองอย่างไรในสถานการณ์ที่รู้สกึ ว่าไม่ปลอดภัยจากบุคคลอื่นในสถานการณ์ต่างๆ เช่น ถกู เบยี ดในรถโดยสาร การสมั ผัสแตะต้องร่างกายท่รี ูส้ ึกว่าถูกรวนรามโดยตงั้ ใจ 6.12 ครูให้ความรู้เพ่ิมเติมเกี่ยวกับการกาหนดกฎการปกป้องตนเอง (The Protect Yourself Rules) โดยใช้ความรู้สึกพึงพอใจ และความรู้สึกอึดอัด ไม่ปลอดภัย เป็นหลัก เช่นการส่ือสารหรือการแสดงออกเพื่อให้ บุคคลหยุดการกระทาที่ไม่สมควร สิทธิในการปกป้องตนเอง/ความกล้าในการปฏิเสธหรือห้ามปรามบุคคล ทไ่ี มเ่ คารพสทิ ธขิ องผู้อน่ื และการให้เกยี รติและเคารพสิทธขิ องผู้อ่นื 6.13 ให้นักเรยี นทาแบบสรุปเพอื่ ทบทวนและฝึกกาหนดกฎการปกป้องตนเอง 6.14 ครูใหข้ ้อสรปุ ดงั น้ี กฎการปกป้องตนเอง (The Protect Yourself Rules) นักเรียนสามารถนามาใช้ในการพัฒนาทักษะ ชีวิตในในการปฏิบัติตนให้รอดพ้นจากปัญหา การถูกกล่ันแกล้งหรือรังแกกันในโรงเรียน (Bullying) เช่น การผลัก ตอ่ ย หยิก ดงึ ผม ใช้อุปกรณ์แทนอาวุธในการข่มขู่ การล้อเลียนหรือทาให้รสู้ ึกอับอาย การใชค้ าหยาบคายหรือดูถูก เหยียดหยาม ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์กล่าวหาหรือใส่ความให้ได้รับความอับอาย เป็นต้น นักเรียนสามารถใช้ ทกั ษะในการหลีกเลยี่ งหรอื ใช้วธีการปฏิเสธ หรือไมเ่ อาความรุนแรง 7. สอ่ื /อปุ กรณ์ 7.1 ภาพตัวอยา่ งพฤตกิ รรมการกลัน่ แกล้งกันในโรงเรียน 7.2 วีดิโอ/คลปิ ทีม่ เี นือ้ หาเก่ยี วกบั สัมพันธภาพทไ่ี ม่ปลอดภยั สาหรับเด็ก
YOUTUBE “Good Touch & Bad Touch” 273 7.3 ใบความรู้ เรื่อง สัมผัสอันตราย 7.4 ใบความรู้ เรื่อง กฎการปกปอ้ งตนเอง 7.5 แบบตรวจสอบความเขา้ ใจ 7.6 ใบงาน ปรศิ นาอักษรไขว้ (Word Search) 7.7 แบบสรปุ เพื่อทบทวนและฝกึ กาหนดกฎการปกปอ้ งตนเอง 8. กำรวัดและประเมินผล 8.1 วธิ ปี ระเมิน 8.1.1 สังเกตการปฏิบัติกจิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครื่องมือประเมนิ 8.2.1 แบบสงั เกตการปฏิบัติกิจกรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑ์กำรประเมิน 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผ่าน ให้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมด้วยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมงุ่ มน่ั ในการปฏบิ ัติงาน ไม่ผ่าน ไม่ใหค้ วามร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบตั ิกิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลใบงาน เกณฑ์ ตัวบ่งชี้ ผา่ น การประเมินใบงาน มีความถูกตอ้ ง ความสมบูรณ์ครบถว้ น และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไมผ่ ่าน ใบงานไม่ถูกต้องสมบรู ณ์ครบถว้ น และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา
ภำพตวั อยำ่ งพฤตกิ รรมกำรกลน่ั แกลง้ กันในโรงเรยี น 274
ใบควำมรู้ เรอ่ื ง สัมผัสอนั ตรำย ใบควำมรู้ กฎกำรปกป้องตนเอง “The Protect Yourself Rules” 1. นักเรียนทบทวน 6 The Protect Yourself Rules เพ่ือปกปอ้ งตนเองจากสถานการณไ์ ม่ปลอดภยั The Protect Yourself 1.1 บอกพอ่ แม่ ผู้ปกครอง 1.2 รบั รวู้ ่าถูกคุกคาม ลวนลาม 1.3 ไม่เกรงใจ 1.4 หา้ มปราม/บอกให้หยดุ การกระทาน้นั ๆ 1.5 เลือกทางออกอยา่ งชาญฉลาด 1.6 ไม่ใช้ความรุนแรง/ไมใ่ ช้กาลงั 275
แบบตรวจสอบควำมเข้ำใจเกยี่ วกับกฎกำรปกป้องตนเอง (The Protect Yourself Rules) ชอ่ื – นำมสกลุ ...........................................................วนั เดอื น ป.ี ................................................... คำช้แี จง ใหน้ กั เรียนจบั คู่ Rule Bank กับข้อความต่อไปนี้ …………………………………………………….. Rule Bank บอกพอ่ แม่ ผู้ปกครอง 1. เมือ่ มผี ู้ทที่ าให้นักเรยี นรสู้ ึกกลวั หรอื แตะต้อง สมั ผัสร่างกายนักเรียนโดยไม่มี รับรู้ว่าถกู คุกคาม ลวนลาม เหตสุ มควร ไม่เกรงใจ ………………………………………………………. หา้ มปราม/ . บอกใหห้ ยดุ การกระทานนั้ ๆ 2. จบั หรือสัมผัสร่างกายส่วนทไ่ี มค่ วร โดยไมไ่ ด้รบั อนญุ าต ……………………………………………………… …… 3. สมาชกิ ในครอบครวั และเพือ่ นๆไม่ 276 สามารถทารา้ ยหรอื สมั ผสั รา่ งกายในส่วน ท่ีไม่ควรของนกั เรยี นได้ ………………………………………………… เลอื กทางออกอยา่ งชาญฉลาด 4.นกั เรียนมีสทิ ธิท่ีจะห้ามให้ผ้อู น่ื หยดุ การกระทาทีท่ าให้รู้สกึ ไมป่ ลอดภยั ไม่ใชค้ วามรนุ แรง/ ไมใ่ ชก้ าลัง ………………………………………………… 5. การท่นี กั เรยี นถูกทารา้ ยไมใ่ ชค่ วามผิด ของตันกั เรียนเอง ………………………………………………………… HOW TO STOP ? HOW TO STOP ? HOW TO STOP ? 6. นักเรียนสามารถเลอื กวธิ กี ารเพอ่ื หลกี เลยี่ งสถานการณ์ อนั ตรายท่งั ในโลกออนไลนแ์ ละในชวี ิตจริง
ใบงำน 277 ปริศนำอักษรไขว้ (Word Search : The Protect Yourself P P Y CAV I RQX YGRDMX U RP E R S O N A L S A F E T Y N I OXS LQVXDQLZL R J S VGT Y TWT J NY PUZDL AASR EMRGRNRDYSZN F CWMQ CWA B U A P E QMZ E Y J DAQT J NDS I GRDN TKNB PR R Y EGRT LG J Y O K GMWQ T T OA E V D Z L Y UB TZXMS CDUR R P L ZV C L XN PU J NH L R YOKWT HWL T R XU R ROD SWP B P E Y KT YORWPM I R E R PN SGDVBWJ VYWJ CR L LA P BGMY J R J R X PN E Y F G Z J DMR L YMLMT B R S ZD WORD BANK บคุ คลทีป่ ลอดภยั : Personal Safety ปกป้องตนเอง : Protect Yourself ผูใ้ หญ่ท่ไี ว้วางใจได้ :Trusted Adult คนแปลกหน้า : Stranger ทางเลอื กทีด่ ี : Smart Choices ความสามารถส่วนตวั : Power Privacy ขอบเขตความปลอดภยั :Trust Boundaries สัมผสั อันตราย : Unsafe Touches
แบบสรุปเพอ่ื ทบทวนและฝกึ กำหนดกฎกำรปกปอ้ งตนเอง 278 ชอื่ -สกลุ ...................................................................................ชน้ั ...............เลขที่........... คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นเขียนคาตอบสั้นๆ ตามความรู้สกึ และความเข้าใจของตนเอง 1. คาตอ่ ไปน้หี มายความวา่ อย่างไร ทางเลือกท่ีชาญฉลาด (Smart Choices) …………………………………………………………………………………………………………………….………..………………………………… สัมผสั ทไ่ี มป่ ลอดภยั (Unsafe Touches) …………………………………………………………………………………………………………………….……..…………………………………… การใชค้ วามรนุ แรง (Hitting is wrong) …………………………………………………………………………………………………………………….……….……………………….………… หา้ มเกรงใจ (It Doesn’t Matter Who it is) …………………………………………………………………………………………………………………….………..………………………………… บอกใหห้ ยุด (Tell Them to Stop) …………………………………………………………………………………………………………………….………..………………………………… บอกพ่อแม่ ผ้ปู กครอง (Tell an Adult) …………………………………………………………………………………………………………………….………..………………………………… 2. เปน็ เรื่องปกตเิ มอ่ื เพ่ือนทโ่ี รงเรยี นแตะต้องตวั เพอ่ื นๆโดยไม่ได้ขออนุญาต แตบ่ างครั้งก็ทาให้นักเรียนรู้สึกราคาญ ในกรณีเช่นน้นี ักเรียนจะแสดงสิทธิของความเป็นสว่ นตัวและบอกให้เพื่อนทราบได้อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. กฎการปกป้องตัวเองช่วยให้นกั เรียนไมส่ ร้างความเดือดร้อน ราคาญแกเ่ พือ่ นๆได้อย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………….………………………………..………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ******************************************* อำ้ งอิงจำก : The Barbara Sinatra Children’s Center Foundation, Extension lessons produced in collaboration with WonderGroveLearn.com
แผนกำรจัดกจิ กรรมแนะแนวท่ี 43 หน่วยกำรจัดกิจกรรม ส่วนตัวและสังคม ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 4-6 เรอ่ื ง สรำ้ งสรรคท์ ักษะ จำนวน 2 ช่วั โมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั การปรบั ตวั ให้เข้ากับสงิ่ แวดล้อมมีประโยชน์ตอ่ การอยรู่ ่วมกนั ในสังคม หากนักเรียนสามารถปรบั ตัว เขา้ กับสภาพสังคมสง่ิ แวดล้อมทีเ่ ปลยี่ นแปลงยคุ ดิจิตอลได้อย่างเหมาะสมก็จะไม่กอ่ ให้เกิดปญั หารวมท้งั สามารถปรบั ตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกดิ ข้นึ ในชีวติ อยา่ งเหมาะสมอยู่รว่ มกบั ผู้อน่ื อย่างมีความสุข รู้จกั หลกี เลีย่ งอบายมุข สารเสพตดิ การพนัน หรือส่ิงที่เป็นอันตรายต่อชวี ิต มีทกั ษะชวี ติ ในการอย่รู ่วมกันอยา่ ง สรา้ งสรรค์ การปรับตวั จึงเป็นทกั ษะที่สาคัญสาหรับการอย่รู ่วมกบั ผู้อื่นได้อยา่ งราบรนื่ 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้านสว่ นตัวและสงั คม ขอ้ ท่ี 2 ผเู้ รยี นสามารถปรับตัวไดอ้ ย่างเหมาะสม และอยู่รว่ มกบั ผอู้ น่ื อย่างมคี วามสุข 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 279 3.1 อธิบายวิธกี ารปรับตัวใหเ้ ขา้ กับสงิ่ แวดล้อมท่ีเปลย่ี นแปลงได้ 3.2 บอกทักษะทส่ี าคัญจาเปน็ ตอ้ งใช้สาหรับการปรับตัวอยูร่ ว่ มกบั ผอู้ ่ืนได้ 4. สำระกำรเรยี นรู้ ทักษะการปรบั ตัวและการอยู่ในสงั คมอยา่ งมีความสขุ 5. ชน้ิ งำน/ภำระงำน 5.1 ฟังนทิ านตน้ โอค๊ กับต้นอ้อ 5.2 แตง่ นิทาน/แสดงละคร 6. วธิ ีกำรจดั กจิ กรรม ช่ัวโมงที่ 1 6.1 ครเู ลา่ นทิ านเรอ่ื ง “ต้นโอค๊ กับต้นอ้อ” ให้นกั เรยี นฟัง และรว่ มสนทนาเกี่ยวกบั เน้ือหา ของนิทานในเบ้ืองตน้ 6.2 นกั เรียนเข้ากลุ่ม ๆ ละ 3 - 5 คน ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นและตอบคาถาม จากนิทานที่ครูเล่าให้ฟงั 6.3 สมุ่ ตัวอย่างตัวแทนกลมุ่ นาเสนองานจากนิทาน “ต้นโอ๊คกับตน้ อ้อ” จากประเด็นคาถามดงั นี้
1) เหตใุ ดตน้ โอ๊คจงึ ได้หกั สะบั้นลง 280 2) เหตุใดตน้ ออ้ จงึ ไม่หักเม่ือโดนพายุพัด 3) ต้นโอค๊ เปรยี บเหมอื นนิสยั ของคนประเภทใด 4) ต้นอ้อเปรยี บเหมือนนสิ ัยของคนประเภทใด 6.4 ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันอภิปรายและตอบคาถามใน 4 ประเดน็ จากเรอื่ ง “ตน้ โอค๊ กับต้นออ้ ” 6.5 ครใู ห้นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายถึงวธิ กี ารปรบั ตวั ให้เข้ากบั ส่ิงแวดล้อมที่เปล่ยี นแปลงได้ และมอบหมายใบงานใหน้ ักเรียนไปปฏิบัติ เร่อื ง ทกั ษะสาหรบั การปรบั ตัวอยู่รว่ มกบั ผอู้ น่ื 6.6 นกั เรยี นสง่ ใบงานให้ครปู ระเมิน ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายและตรวสอบแนวคาตอบ 6.7 ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ กิจกรรม และนัดหมายให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันแต่งนทิ านเรอื่ งใหม่ท่ใี ห้ ข้อคิดเหมือนนิทานเร่ือง“ต้นโอ๊คกับต้นอ้อ” นาเสนอนิทานเรื่องใหม่ในรูปแบบการแสดงละครซ่ึงให้แต่ละกลุ่มนา ผลงานท่ีแต่งมาแสดงเป็นละครในชวั่ โมงตอ่ ไป ชั่วโมงท่ี 2 6.8 ทบทวนกิจกรรมจากคร้ังท่ีแลว้ มาในช่วั โมงที่ 1 ให้สมาชกิ กลุ่มนาเสนอในรูปแบบการแสดงละคร นกั เรียนสรุปประเด็นของแตล่ ะเรอ่ื ง ครูประเมนิ ผลงาน สมาชกิ กลมุ่ อ่ืนเปลี่ยนกนั ประเมินการแสดงของแต่ละกลุ่ม 6.9 ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรปุ ผลการแสดงละครของแตล่ ะกลุ่ม ครใู ห้แนวคิดเพ่มิ เตมิ โดยสรปุ วา่ การปรับตัว เป็นทักษะที่จาเป็นและสาคัญสาหรับการดารงชีวิตในสังคมส่ิงแวดล้อมในยุคการเปล่ียนแปลงสังคม ดิจิตอล นักเรียนต้องตั้งรับการเปลี่ยนเปลี่ยนในยุคข่าวสารข้อมูลท่ีมากมาย ต้องรู้จักวิธีการปรับตัวเพื่อให้อยู่ใน สังคม และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ทักษะจาเป็น เช่น การส่ือสารอย่างสร้างสรรค์ การใช้ส่ือเทคโนโลยี อยา่ งฉลาด ทกั ษะการแกป้ ัญหาและตัดสินใจตา่ งๆ หรอื ทกั ษะการอยรู่ ่วมกนั ในสังคม สามารถบูรณาการและนามา ประยุกตใ์ ช้ในชีวิตประจาวันได้ 7. ส่อื /อุปกรณ์ นิทานเรอ่ื ง “ตน้ โอค๊ กับต้นอ้อ” 8. กำรวดั และประเมินผล 8.1 วธิ ีประเมิน 8.1.1 สังเกตการปฏิบัติกิจกรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครอ่ื งมือประเมิน 8.2.1 แบบสงั เกตการปฏิบตั ิกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน
8.3 เกณฑ์กำรประเมิน 8.3.1 การสังเกตการปฏบิ ตั ิกิจกรรม เกณฑ์ ตัวบ่งชี้ ผา่ น ให้ความร่วมมือในการจดั กิจกรรม ปฏิบัติกจิ กรรมด้วยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมุ่งมน่ั ในการปฏบิ ัติงาน ไม่ผา่ น ไมใ่ ห้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม ปฏิบตั กิ ิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมินผลใบงาน เกณฑ์ ตวั บง่ ชี้ ผ่าน การประเมินใบงาน มีความถูกต้อง ความสมบรู ณ์ครบถ้วน และสง่ ตรงตอ่ เวลา ไม่ผ่าน ใบงานไม่ถกู ตอ้ งสมบูรณค์ รบถ้วน และสง่ งานไมต่ รงต่อเวลา 281
นทิ ำนเรอ่ื “ตน้ โอค๊ กับตน้ อ้อ” นานมาแล้ว ในป่าแห่งหน่ึง มีต้นโอ๊คใหญ่ข้ึนสูงเป็นสง่ากลางพงอ้อ ต้นโอ๊คภูมิใจในความสูงสง่าของตน และมักดูหม่ินต้นอ้อเสมอว่า ต้นเล็ก ไม่งามสง่า อยู่มาวันหนึ่ง ลมพายุพัดมา ต้นอ้อก็โอนอ่อนลู่ลมไปตามแรงพายุ แต่ต้นโอ๊คนั้นกลับหักสะบ้ันลง เพราะลาต้นแข็งและไม่อ่อนผ่อนไปตามแรงลง............ต้นอ้อย้ิมและพูดกับต้นโอ๊ค วา่ ถึงแม้เราจะไมใ่ หญโ่ ต สูงสง่าเหมือนทา่ นเรากย็ ังอยู่ได้ไม่หักสะบน้ั เหมอื นท่าน .................................................................... จงตอบคาถามจากนิทานเรื่อง “ตน้ โอ๊คกับต้นอ้อ” 1. เหตุใดต้นโอค๊ จงึ ไดห้ กั สะบั้นลง 282 2. เหตุใดต้นอ้อจงึ ไม่หกั เมื่อโดนพายุพัด 3. ต้นโอ๊คเปรียบเหมือนนิสยั ของคนประเภทใด 4. ตน้ อ้อเปรียบเหมอื นนสิ ยั ของคนประเภทใด
ใบงำน 283 เรอ่ื ง ทักษะกำรปรับตัวสำหรับกำรอยู่ร่วมกับผอู้ น่ื ช่ือ-สกลุ ...........................................................................................................ช้ัน.......... ......เลขท่ี................ คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคาถามและเตมิ ข้อความลงในชอ่ งวา่ ให้ถกู ต้อง 1. การปรบั ตวั คอื ....................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. ............................................. ............................................................................................................................. .............................................. 2. ทกั ษะการปรับตวั มีความสาคญั อยา่ งไรต่อการอยู่ร่วมกับบุคคลอน่ื ในสังคม ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 3. นักเรยี นคิดวา่ ทักษะที่สาคัญจาเป็นตอ้ งใช้สาหรบั การปรับตัวอยู่รว่ มกับผู้อน่ื ได้ มที ักษะอะไรบา้ ง ใหน้ ักเรยี น ตอบอย่างน้อย 3 ทกั ษะ ............................................................................................................................. ............................................... .................................................................................................................................................................. .......... ........................................................................................................................ .................................................... 4. ใหน้ ักเรยี นมีวิธีการปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั สงิ่ แวดล้อมทเ่ี ปลยี่ นแปลงในยุคสงั คมดิจติ อลอย่างไรบา้ ง ............................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................ ...................................................................................................................................................... ................... ****************************************
ใบงำน 284 เรื่อง กำรแต่งนทิ ำน ชื่อ-สกุล...................................................................................ชั้น................เลขท่ี..................... คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนแตง่ นิทานเร่อื งใหม่ตามแนวเร่ืองเดมิ นทิ านเร่ือง................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ........................... ....................................................................................................... ................................................. ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ................................................................................................................................ ........................ .......................................................................................................... .............................................. ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ................................................................................................................................... ..................... ............................................................................................................. ........................................... ............................................................................................................................. ........................... ............................................................................................................................. ...........................
แบบประเมนิ กำรตรวจผลงำนกำรแตง่ นิทำน คำชแี้ จง ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนักเรยี นให้เขียนเชงิ สรา้ งสรรค์แล้วให้ลงคะแนนในช่อง ทตี่ รงกับพฤตกิ รรมของนักเรยี น เกณฑ์กำรประเมนิ ผา่ นการประเมนิ ต้องได้คะแนนรอ้ ยละ 60 ขึ้นไป เลขที่ ชือ่ -สกลุ เน้ือเรื่อง ่นำใจ รวม กำรใ ้ชภำษำกระ ัชบ ัชดเจน ุสภำพ ถูก ้ตอง เหมำะสม ลำดับควำม ิคดเหตุกำร ์ณอย่ำง ่ตอเน่ือง เร้ำควำมสนใจ ควำมรู้ ึสก กำรเ ีขยนสะกดกำรัน ์ต กำรเว้นวรรคตอน ูถก ้ตอง ควำมสะอำดเป็นระเบียบ 5 5 5 5 5 5 5 35 1 285 2 3 4 5 6 7 8 (ลงช่ือ)............................................ผู้ประเมนิ (............................................) ............../...................../.............
รำยละเอียด เกณฑ์กำรใหค้ ะแนนแบบประเมินกำรแตง่ นทิ ำน เกณฑก์ ำรให้คะแนน ประเด็นกำรประเมนิ 321 1. เนือ้ เรอ่ื งนา่ สนใจ เน้อื เร่อื งท่เี ขียนนา่ สนใจ เนอ้ื เรอ่ื งทเี่ ขียนน่าสนใจ ไม่มีความคดิ ใช้ตัวละครเดนิ เรือ่ งที่ ใช้ตวั ละครเดนิ เรื่องเรยี บ ในการเขยี นน่าสนใจ แปลกใหมเ่ หมาะสม งาย 2. การใช้ภาษากระชบั การใชภ้ าษากระชบั การใช้ภาษากระชับ การใช้ภาษาไมช่ ัดเจน ไม่ ชดั เจน สภุ าพ ถกู ต้อง ชดั เจน สุภาพ ถกู ตอ้ ง ชัดเจน สภุ าพ ถกู ต้อง สุภาพ ไมเ่ หมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เหมาะสม เป็นบาง ข้อความ ตลอดท้ังเร่ือง 3. ลาดับความคดิ ลาดับความคดิ ลาดับ ลาดับความคิด ลาดับ ลาดับความคิด ลาดบั เหตุการณ์อยา่ งต่อเนื่อง เหตุการณ์ไดอ้ ย่าง เหตกุ ารณ์ได้อยา่ ง เหตุการณ์สบั สน ต่อเนื่อง เหมาะสม ต่อเน่อื งบกพรอ่ งบางสว่ น วกวน ไม่ตอ่ เนื่อง 286 4. เรา้ ความสนใจ เขียนเรอื่ งไดด้ ี เรา้ ความ เขยี นเรื่องไดด้ ี เรา้ ความ เขียนเร่ืองได้ไม่ดี ความรสู้ กึ ผ้อู า่ น สนใจ ความรู้สกึ และ สนใจ ความรูส้ กึ และ ไม่เรา้ ความสนใจ ดงึ ดูดผ้อู า่ นเหมาะสม ดึงดดู ผู้อา่ นเหมาะสม และไมด่ ึงดผู อู้ ่าน บางส่วน 5. การเขยี นสะกดถูกต้อง เขยี นสะกดถูกต้อง เขยี นสะกดผิด 2 เขยี นสะกดผิดตง้ั แต่ 2 ทกุ คา ตลอดทง้ั เรื่อง ตาแหนง่ ตาแหนง่ ขึ้นไป 6. การเว้นวรรคตอน เขยี นเว้นวรรคตอน เขียนเว้นวรรคตอน เขียนเว้นวรรคตอนไม่ ถกู ต้อง ถกู ต้องตลอดทง้ั เร่ือง ถูกต้องเป็นบางสว่ น ถูกต้อง ตลอดท้งั เรือ่ ง 7. ความสะอาดสวยงาม ทางานสะอาด สวยงาม ทางานสะอาด สวยงาม ทางานไมส่ ะอาด และไม่ เปน็ ระเบียบ และเปน็ ระเบยี บ และไมเ่ ป็นระเบียบ เป็นระเบียบ
แผนกำรจดั กจิ กรรมแนะแนวท่ี 44 หนว่ ยกำรจัดกจิ กรรม ส่วนตัวและสงั คม ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 4-6 เร่อื ง เรำเพอ่ื นกนั จำนวน 3 ช่ัวโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. สำระสำคญั เพ่ือนมคี วามสาคัญและมคี วามหมาย การอย่รู ว่ มกัน ทางานรว่ มกัน ร้จู กั ปรับตัวเข้ากบั เพ่ือนจึงเป็นเร่ือง ทสี่ าคญั และจาเปน็ สาหรบั การอยู่ร่วมกันในสังคมไม่วา่ จะเปน็ ในช้ันเรียน หรือเพ่ือนนอกโรงเรียน เพื่อนชว่ ยรบั ฟงั ปัญหาและความไมส่ บายใจของกันและกนั การสร้างสัมพนั ธภาพทีด่ ีระหวา่ งเพื่อนโดยการใชค้ าพดู กริ ยิ า ทา่ ทาง ความรูส้ ึกนึกคิด และการกระทาท่เี หมาะสม จะทาให้เป็นทร่ี กั ใคร่ของเพือ่ น ยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของเพอื่ น ยอมรบั บุคลกิ ภาพของเพื่อนทแ่ี ตกต่างท้ังด้านดีและด้านทต่ี ้องพฒั นา สามารถทางานรว่ มกันได้ จะทาใหก้ ารอยรู่ ว่ มกันกับเพ่ือนไดอ้ ย่างมีความสุข 2. สมรรถนะกำรแนะแนว : ด้านส่วนตวั และสงั คม 287 ข้อที่ 2 ผเู้ รยี นสามารถปรับตัวได้อยา่ งเหมาะสมและอยู่รว่ มกบั ผู้อ่นื อยา่ งมคี วามสขุ 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 บอกความหมายและความสาคัญของเพ่อื นได้ 3.2 สร้างสัมพันธภาพกบั เพื่อนโดยใช้คาพูด กิริยา ท่าทาง อารมณ์ และความรู้สึกนึกคิด การกระทาได้ เหมาะสมกับสถานการณ์ 3.3 นาทักษะการปรับตัวไปใช้ในการทางานรว่ มกันและใช้ในชีวิตประจาวันได้ 4. สำระกำรเรยี นรู้ 4.1 ความหมายและความสาคญั ของเพื่อน 4.2 ทักษะการปรับตวั และการอยู่ร่วมกับเพื่อน 5. ช้นิ งำน/ภำระงำน 5.1 วิเคราะหก์ รณีตัวอยา่ ง 5.2 ทาใบงาน/ประเมินตนเอง 5.3 นาเสนอผลงานกลุ่ม
6. วิธกี ำรจดั กจิ กรรม 288 ช่ัวโมงท่ี 1 6.1 ครูใชม้ ือถอื เปิดเพลงที่มีความหมายเก่ียวกบั คาวา่ “เพื่อน” ใหน้ ักเรยี นฟัง ครูให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบ คาถามว่าความหมายของเพลงคอื อะไร ให้ความรูส้ ึกอยา่ งไรจากบทเพลง ส่มุ นักเรยี นตอบคาถาม 3-4 คน 6.2 ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายถงึ ความหมายและความสาคญั ของเพื่อนว่าคอื อะไร มคี วามสาคญั อยา่ งไรกบั นักเรียน ให้แตล่ ะคนบอกนิยามของคาวา่ “เพ่ือน” แสดงความคิดเหน็ และตอบคาถาม 6.3 สุ่มตวั แทนนักเรยี นตอบคาถามจากประเด็นคาถามดังน้ี 1) เพ่อื นมคี วามสาคญั อย่างไร 2) เพื่อนมกี ่ีประเภท 3) ทาไมจึงต้องปรบั ตัวในการอยรู่ ่วมกันกับเพื่อน 6.4 ครรู ่วมอภปิ รายและสนทนาเกีย่ วกับการอยรู่ ว่ มกันกบั ผู้อ่ืนอยา่ งสบายใจ วา่ ควรจะทาอยา่ งไร ให้นักเรียนแสดงความคิดเหน็ ว่าสิ่งทีค่ วรทา เพ่ือให้อยกู่ บั ผู้อนื่ อยา่ งมีความสุข และสบายใจ ควรทาอยา่ งไร 6.5 ครูและนักเรยี นช่วยกันสรุปความหมาย ความสาคัญของ “เพ่อื น” 6.6 แจกแบบประเมนิ การสร้างสมั พันธภาพท่ดี ีกบั ผู้อน่ื ครูอธบิ ายชี้แจงการประเมินตนเองและการแปลผล จากคะแนน ให้นักเรยี นสง่ แบบประเมนิ พร้อมแปลผลทคี่ รู 6.7 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปกิจกรรมว่าได้ผลการประเมินระดับดี หรือควรปรับปรุง ครูให้แนวคิด เพิ่มเติมว่า ใครที่ประเมินได้ระดับดี แสดงว่าเราเป็นผู้ท่ีมีทักษะในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดี ถ้าใครได้ระดับ คะแนนต่ากว่า 20 คะแนน แสดงว่าต้องปรับปรุงทักษะการสร้างสัมพันธภาพที่ดี ครูนัดหมายการจัดกิจกรรม ในครง้ั ตอ่ ไป ช่ัวโมงท่ี 2 6.8 ครแู ละนกั เรียนทบทวนกิจกรรมจากครั้งทแี่ ลว้ มาในชัว่ โมงท่ี 1 แบ่งนกั เรียนเป็น 5 กลุ่ม โดยตาม ความสมัครใจ กลุ่มละ 3-5 คน 6.9 แจกใบงานให้นกั เรียนแต่ละคน ในแต่ละกลุ่มๆ ละ 1 ใบงาน ( 1 เร่ือง) กรณีศกึ ษา ใหน้ กั เรยี นในกล่มุ ร่วมกัน พิจารณา แสดงความคดิ เห็นตามคาชแี้ จงในใบงาน ใหไ้ ด้คาตอบเป็นมติของกลุ่ม บนั ทกึ ผล สง่ ตวั แทนกลุม่ ออกมารายงานหนา้ ชนั้ เรียน 6.10 ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปกิจกรรมครูให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติมวา่ การสร้างสัมพนั ธภาพทดี่ ีกบั เพ่ือน โดยใชค้ าพูด กิรยิ า ท่าทาง อารมณ์ และความรู้สกึ นึกคดิ การกระทาได้เหมาะสมกบั สถานการณ์นัน้ ๆ จะช่วยให้มี ทักษะในการทางานร่วมกับเพื่อนหรือ กล่มุ เพ่ือนได้ราบรื่นและการทางานประสบความสาเร็จ 6.11 ครูนดั หมายการเรยี นในครง้ั ต่อไป
ชั่วโมงที่ 3 289 6.12 ทบทวนกจิ กรรมจากครั้งทแ่ี ลว้ มาในชว่ั โมงที่ 2 แจกใบงาน เรอื่ ง สรปุ สาระสาคัญ “เราเพื่อนกนั ” ให้สมาชิกกล่มุ ศึกษาแลว้ สรปุ สารสาคญั ผลงานลงในใบงาน จากนั้นให้กล่มุ นาเสนอผลงาน 6.13 สมาชกิ กลมุ่ นาเสนอสรปุ ประเดน็ ตามใบงานท่ไี ด้รบั มอบหมาย ครปู ระเมนิ ผลงาน สมาชกิ กลมุ่ อน่ื ร่วมกนั แลกเปล่ยี นแสดงความคดิ เห็นด้วยกัน 6.14 ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ สาระสาคัญ “เราเพื่อนกนั ” 6.15 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลงานแต่ละกลุ่ม ครูให้แนวคิดเพิ่มเติมโดยสรุปว่า เพ่ือนมีความสาคัญ ต่อการรับฟังเพอ่ื น การสร้างสมั พันธภาพกบั เพ่ือนหรือกับผู้อ่ืน สามารถกระทาได้หลายวิธี เชน่ คาพดู กริ ยิ าท่าทาง การแสดงอารมณ์ และความร้สู กึ นกึ คดิ สง่ิ เหล่านี้ ผ้กู ระทา ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ การสร้างทกั ษะเหลา่ นี้สามารถฝกึ ฝนได้ เพอ่ื นาไปใช้ในการทางานร่วมกันกบั เพื่อนและปรบั ใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ 7. ส่ือ/อุปกรณ์ 7.1 บทเพลงเก่ยี วกับเพื่อน 7.2 วีดโี อเกีย่ วกับเพื่อน 7.3 กรณศี กึ ษาเทา่ จานวนกลุม่ 8. กำรวัดและประเมนิ ผล 8.1 วธิ ีประเมิน 8.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 8.1.2 ตรวจผลงาน 8.2 เครื่องมือประเมนิ 8.2.1 แบบสังเกตการปฏบิ ัติกจิ กรรม 8.2.2 แบบตรวจผลงาน 8.3 เกณฑก์ ำรประเมิน 8.3.1 การสงั เกตการปฏิบตั กิ จิ กรรม เกณฑ์ ตัวบ่งช้ี ผ่าน ให้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ัติกจิ กรรมด้วยความรบั ผิดชอบ และมคี วามมงุ่ มนั่ ในการปฏบิ ัติงาน ไมผ่ ่าน ไม่ให้ความรว่ มมือในการจัดกิจกรรม ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมไม่ครบทกุ รายการ 8.3.2 การประเมนิ ผลงาน/ใบงาน เกณฑ์ ตัวบง่ ช้ี ผ่าน นาเสนอผลงาน /ใบงาน มีความถกู ต้อง ความสมบรู ณ์ครบถว้ น และสง่ ตรงต่อเวลา ไมผ่ ่าน การนาเสนอผลงาน /ใบงานไม่ถกู ต้องสมบูรณค์ รบถ้วน และส่งงานไม่ตรงต่อเวลา
แบบประเมินตนเอง เร่ือง กำรมสี ัมพนั ธภำพกบั ผู้อ่นื ชอ่ื -สกลุ .................................................................................................ชน้ั ................เลขท่.ี ............... คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นอา่ นข้อความ และทาเคร่ืองหมาย / ลงในช่องที่ตรงกบั ลักษณะของตนเองมากทสี่ ุด ขอ้ ควำม ไม่จริง จริง คอ่ นข้ำง จรงิ บำงครงั้ จรงิ มำก 1. ฉันชอบเข้าสงั คมและอยากทาความร้จู ักกับคนอ่ืนๆเสมอ 2. ฉันให้ความสาคัญอย่างมากในการเลือกใช้คาพดู ท่ีเหมาะสม 290 ไม่ว่าจะพดู กับใครก็ตาม 3. ฉันร้วู า่ เมอ่ื ไรควรพดู เมื่อไรควรจะฟงั 4. ฉนั ร้จู ักชวนคนอื่นพดู คุยในเรื่องทเี่ ขาสนใจ 5. ฉันมกั เปน็ คนเร่ิมต้นทักทายผู้อื่นก่อนเสมอ 6. เมอ่ื ไม่เหน็ ดว้ ยกับผอู้ ่ืน ฉันสามารถอธบิ ายเหตุผลท่ีเขายอมรับได้ 7. ฉันสามารถทาใหเ้ พ่ือนยอมรับจดุ อ่อนของเขาได้โดยไมเ่ สีย สัมพนั ธภาพ 8. ฉนั ยนิ ดรี ับฟงั คาวิพากษว์ จิ ารณ์ เพ่ือปรับปรงุ ตนเองเสมอ 9. นอกจากการฟังอยา่ งต้ังใจแลว้ บ่อยครง้ั ฉันสามารถเข้าใจ ความต้องการของผู้อื่นไดโ้ ดยการสงั เกต สีหนา้ กิริยา ท่าทาง 10. ฉันมเี พื่อนสนิทหลายคนท่ีคบกันมานาน คะแนน 4 = จรงิ มาก 3 = คอ่ นข้างจริง 2 = จรงิ บางคร้ัง 1 = ไมจ่ รงิ กำรเปลผล คะแนนมากกว่า 20 ขึ้นไป อยใู่ นเกณฑท์ ี่นา่ พอใจ คะแนน 20 และน้อยกวา่ อยใู่ นเกณฑ์ท่ีควรปรับปรุง
ใบงำนกลุ่มที่ 1 291 เรื่อง“ผูกมิตร” คำชี้แจง ใหส้ มาชิกแต่ละกลุ่มอภิปรายแสดงความคิดเหน็ ตอ่ สถานการณ์ท่ีเกิดข้ึน ว่ำจะทาอยา่ งไร เพ่ือให้เกดิ สัมพนั ธภาพทีด่ ีและบรรยากาศทเี่ ปน็ กนั เอง “ผกู มิตร” ญาญา เป็นนกั เรียนของโรงเรยี นเพียงคนเดียว ท่ีไดร้ ับคดั เลอื กเขา้ คา่ ยเนตรนารีรว่ มกบั กลุ่ม โรงเรียนอืน่ ญาญา จงึ ได้พบเพอื่ นมากมายจากต่างโรงเรยี น ญาญา ควรทาอย่างไร สิ่งที่ญำญำ ควรทำ : ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ช่อื กลุ่ม............................ รายชื่อสมาชกิ กลุ่ม 1..............................................................................2............................................. ............................ 3..............................................................................4...................... ................................................... 5..............................................................................6............................................. ............................
ใบงำนกลมุ่ ท่ี 2 เรื่อง “เปล่ยี นมุมควำมคดิ ” กรณศี ึกษำ เร่อื งเพือ่ นรังแกฉนั ณเดชน์ เป็นนกั เรยี นชนั้ ป. 6 เป็นนักเรยี นดี มนี ิสัยเรียบร้อยดี มคี วามประพฤตเิ รียบร้อย มีอุปกรณ์ การเรยี นครบถ้วน เกบ็ ไว้เป็นระเบยี บ เพื่อนๆ มาหยบิ ยืมไปใช้อย่เู ปน็ ประจา บอย เปน็ เพอ่ื นชายคนหนึ่งทช่ี อบมา หยบิ ของไปใช้ โดยไมบ่ อกกล่าว และเมอื่ ใชแ้ ลว้ ก็ไมร่ ับผิดชอบนามาคนื ทาให้ของใช้ ณเดชน์ หายอยูบ่ อ่ ยๆ ณเดชน์ เคยต่อว่า บอย แต่บอยกย็ ังปฏิบตั ิเหมอื นเดิม ถา้ นักเรยี นเปน็ ณเดชน์ นกั เรียนจะทาอย่างไร คำช้แี จง 292 1. อา่ นเรอ่ื งของ ณเดชน์ ให้เข้าใจ 2. ถา้ นักเรยี นเปน็ ณเดชน์ นักเรียนจะทาอยา่ งไร ให้สมาชกิ ให้เหตผุ ล บอกข้อดี ข้อเสีย ของทางเลือกท่ีนักเรยี นเลือก ตอบ.................................................................................................................................... เหตุผล................................................................................................................................. ข้อดี............................................................................................................................. ........ ขอ้ เสีย..................................................................................................................................... 3. ณเชน์ ควรปรบั เปล่ยี นความคิดอย่างไร ทจี่ ะทาให้ตนเองมี อารมณ์ และความรูส้ ึก ทไ่ี ม่เปน็ ผลเสียต่อตนเองและผอู้ ื่น ตอบ.................................................................................................................................... ........................................................................................................................ .................... ............................................................................................................................. ............... 4. สง่ ตวั แทนกลมุ่ รายงานผลหน้าชัน้ เรียน ชือ่ กลุ่ม ............................... รายชื่อสมาชกิ กลุม่ 1.........................................................................2.................................................. .................. 3.........................................................................4....................... ............................................. 5.........................................................................6.................................................. ..................
ใบงำนกลุ่มท่ี 3 293 “อกี นิดเดียว” คำช้แี จง สมาชกิ แตล่ ะกลุ่ม อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ ต่อสถานการณท์ เี่ กิดขน้ึ ว่าจะทา อยา่ งไร เพื่อใหเ้ กิดสัมพันธภาพและบรรยากาศที่เป็นกนั เอง “อีกนิดเดียว” อเล็ก และ หมาก เปน็ นักเรียนชัน้ ประศกึ ษาปที ี่ 5 ไดร้ ับมอบหมายใหจ้ ัดบอรด์ หนา้ ห้อง ซึ่งจะต้องทาให้เสรจ็ ภายใน 2 วนั ข้างหน้า แต่งานจัดบอร์ดยังคา้ งอีกมากต้องเร่งทาใหเ้ สรจ็ หมาก ปว่ ยกะทนั หัน ต้องนอนพักรกั ษาตวั ทีโ่ รงพยาบาลเป็นเวลา 2 วนั เขามีความวติ กกังวล และเครยี ดมาก เพราะกลัววา่ งานจะไมส่ าเร็จ และรสู้ กึ ไม่สบายใจท่ี อเลก็ จะต้องทางานหนัก เพียงคนเดียว เมอ่ื อเล็ก ไปเยยี่ ม หมาก กจ็ ะซักถามถึงงาน อเล็ก ควรทาอย่างไร สิง่ ที่ อเลก็ ควรทำ : ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ช่ือกล่มุ ............................... รายชื่อสมาชิกกลุม่ 1.........................................................................2.................................................. .................. 3.........................................................................4..................................... ............................... 5.........................................................................6.................................................. ..................
ใบงำนกลุ่มที่ 4 294 “เสยี ดำยจงั ” คำช้ีแจง สมาชิกแตล่ ะกลุ่ม อภิปรายแสดงความคิดเหน็ ต่อสถานการณท์ ี่เกิดขน้ึ วา่ จะ ทาอย่างไร เพ่ือใหเ้ กดิ สัมพันธภาพและบรรยากาศทเี่ ป็นกันเอง “เสียดำยจัง” ร่งุ รัตน์ และ เพญ็ นภา เปน็ เด็กเรยี นเกง่ ท้ังสองคนสมคั รสอบชงิ ทนุ ศึกษาตอ่ ตา่ งประเทศ และมี ความคาดหวงั มากทีต่ ้องไปศึกษาและหาประสบการณ์ที่ตา่ งประเทศด้วยกนั ผลสอบปรากฏวา่ รุ่งรัตน์ สอบผา่ นเพยี งคนเดยี ว ทาใหเ้ พ็ญนภารสู้ กึ เสียใจมาก รุ่งรตั น์ควรทาอยา่ งไร ส่งิ ทรี่ ่งุ รตั น์ควรทำ : ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ช่อื กลุม่ ............................... รายชื่อสมาชิกกลุม่ 1.........................................................................2.................................................................... 3.........................................................................4.................................................. .................. 5.........................................................................6..................................... ...............................
ใบงำนกลุ่มที่ 5 295 “เพิง่ นกึ ได้” คำชแ้ี จง สมาชกิ แต่ละกลุ่ม อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ ตอ่ สถานการณ์ ท่ีเกิดขน้ึ ว่าจะ ทาอยา่ งไร เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพและบรรยากาศที่เปน็ อันเอง “เพิ่งนกึ ได้” มาริษา และชนดิ า เป็นนักเรยี น พกั อยู่ห้องพักเดยี วกันแต่เรียนคนละห้อง ชนิดาออกไปทาธรุ ะข้างนอก บงั เอญิ มีโทรศัพทจ์ ากแอนฝากข้อความ ว่า “ขอให้ชนิดา นารายงานมาส่งอาจารย์ด่วน ก่อนเวลา 13.00 น. เพราะ อาจารยต์ อ้ งไปราชการอีก 3 วนั จงึ จะกลับมา ถา้ ไมส่ ง่ รายงาน ตอ้ งเริม่ ทาใหม่” มารษิ าเปน็ คนรับฝากข้อความ ชนดิ ากลบั มาหอ้ งพัก เวลา 11.00 น. ด้วยความหงดุ หงดิ ที่ไดเ้ จอะกบั เหตุการณข์ ณะออกไปทาธุระข้องนอก จน มาริษา นึกขึ้นได้ว่ามีข้อความฝากถงึ ชนดิ า เธอกน็ ามาให้ เมอ่ื ชนิดาไดร้ ับกห็ ันมามองนาฬิกาซ่ึงขณะนเี้ วลา 13.10 น. แล้ว ชนิดา ยิ่งมีความรู้สึกทแ่ี ย่มาก เพราะรายงานชิ้นนสี้ าคัญมาก ถ้านาไปส่งไม่ทัน เธอต้องเร่มิ ทาใหม่ ซง่ึ ต้องใช้เวลานานประมาณ 1 เดอื น มาริษา และชนดิ า ควรทาอย่างไร สงิ่ ที่มำรษิ ำและชนดิ ำควรทำ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... ชอื่ กลุม่ ............................... รายช่อื สมาชิกกลุม่ 1.........................................................................2.................................................. .................. 3.........................................................................4..................................... ............................... 5.........................................................................6.................................................. ..................
ใบงานกิจกรรม เรื่อง สรุปสาระสาคัญ “เราเพ่ือนกนั ” คำชีแ้ จง สมาชกิ แต่ละกลมุ่ อภิปรายแสดงความคิดเห็นแลว้ ตอบคาถามลงในใบงานกจิ กรรม กลมุ่ นาเสนอผลงาน หนา้ ชัน้ เรียน 1. “เราเพื่อนกัน” ในความหมายของกลุ่ม คือ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... 2. ทกั ษะการปรับตวั มีความสาคัญต่อการอย่รู ่วมกันในสงั คมอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... 3. ทักษะชีวติ ทีจ่ าเปน็ ในการปรบั ตวั เขา้ กบั เพือ่ น ควรมที กั ษะใดบ้าง เพราะอะไร 296 ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... 4. ขอ้ คิดท่ีไดป้ ระโยชน์และสาระสาคญั ของกิจกรรม “เราเพอ่ื นกนั ” นกั เรยี นได้อะไรบ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………....................... ช่ือกลุ่ม ............................... รายช่ือสมาชิกกลมุ่ 1.........................................................................2.................................................. .................. 3.........................................................................4.................................................................... 5.........................................................................6.................................................. ..................
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320