Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อริยุปวาท-2

อริยุปวาท-2

Published by mnbvc-98, 2020-04-07 05:03:47

Description: อริยุปวาท-2

Search

Read the Text Version

อนันตริยกรรมทวี่ ่า เป็นกรรมหนัก มีโทษมหนั ต์ ให้ผลฉบั พลนั ทนั ตา แมอ้ ริยุปวาทกรรม ก็เป็นเช่นเดียวกนั อรยิ ปุ วาท ๒ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า กฎแห่งวจกี รรมทไ่ี มค่ วรมองขา้ ม หากพดู ไมร่ จู้ ักคิด จะทาให้ชวี ติ มอี ันเปน็ ไป พงึ ร้เู อาไว้ กอ่ นท่ีมันจะสายเกินแก้

“...ถา้ หากการกราบไหว้ การทาความเคารพบชู าสกั การะ การสรรเสรญิ คุณของพระรัตนตรยั หรอื พระอรยิ สงฆ์สาวกผ้ปู ฏิบัตดิ ีปฏิบัตชิ อบ ทาให้ไดบ้ ญุ เอนกอนันต์ มอี านสิ งสเ์ หน็ ทันตา ฉนั ใด แม้ในทางกลบั กนั อรยิ ปุ วาทกรรม คือ การนนิ ทาวา่ ร้าย การตาหนิติเตียนพระอริยสงฆส์ าวกหรอื ผู้ปฏิบตั ธิ รรมทง้ั หลาย กต็ อ้ งเปน็ บาปมหนั ต์ มีโทษเหน็ ทันตา ทาให้ผนู้ ้ัน มีอันเป็นไปได้เช่นกนั ฉันนนั้ ...” วัดโพธธิ รรมสิกขาลยั ลาสเวกสั 1396 Oahu Street, Las Vegas, NV 89104 Tel. (702) 405-0126,(702) 372-7668 Website : www.bddmc.org E-Mail : [email protected]

โอวาทปาตโิ มกข์ ขนั ติ คอื ความอดกลน้ั เป็นตบะอย่างย่งิ พระพุทธเจา้ ท้ังหลายกล่าวว่า นพิ พานเป็นบรมธรรม ผทู้ าร้ายคนอน่ื ไมช่ ือ่ วา่ เป็นบรรพชิต ผเู้ บียดเบียนคนอ่ืน ไมช่ ่ือว่าเป็นสมณะ การไมท่ าความชวั่ ทั้งปวง การบาเพญ็ แต่ความดี การทาจิตของตนใหผ้ ่องใส การไมก่ ล่าวรา้ ย การไมท่ าร้าย ความสารวมในปาติโมกข์ ความเปน็ ผู้รู้จกั ประมาณในอาหาร ทน่ี ง่ั นอนอนั สงดั ความเพยี รในอธิจิต นี้เป็นคาสอนของพระพุทธเจ้าทัง้ หลาย

หนงั สอื อรยิ ุปวาท เลม่ ๒ ผเู้ ขียน บ.สยังวสี เจ้าของ เจโตวสภี ิกขุ ๒๒๕ วัดจกั รวรรดิราชาวาส คณะ ๓ แขวงจักรวรรด์ิ เขตสมั พนั ธวงศ์ กทม ๑๐๑๐๐ ออกแบบปก : ธรรมะฟลี กู๊ด พิสูจนอ์ กั ษร : ธรรมะฟลี กูด๊ & รักชนก จติ รจนั ทร์ ใหก้ ารอปุ ถมั ภ์ : ศรีสวัสด์ิ นุราชและครอบครวั , ปรกรณ์พิทย(์ เลก็ ) Albright อบุ าสก อุบาสกิ าวดั โพธิธรรมสกิ ขาลยั ลาสเวกสั ใหก้ ารสนบั สนนุ พิเศษ : Wanpen Virattigovit, Narisara & Thong Chau, Boonkird Pankaew สนับสนนุ สอ่ื พิมพ์ธรรมทาน : วราภรณ์ จงหาญ ท่ีปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์ : ผดุงศกั ดิ์ กล้าหาญ, สมบตั ิ ปามน่ั เวป็ มาสเตอร์ : ผดงุ ศักดิ์ กล้าหาญ, พิมพท์ ่ี : Franklin Document Services 6765 Eastern Ave. # 6 Las Vegas, NV 89119 Phone: 702.384.2679 Fax: 702.384.5660 [email protected] 24 Hour Cell : 702.575.5520 พิมพ์คร้ังที่ ๑ จานวน ๑๐๐ เลม่ ขอ้ มลู ทางบรรณานุกรมหอสมุดแห่งชาติ ISBN : 978-616-348-110-8 ลขิ สิทธ์ิในต้นฉบบั นไ้ี ดร้ บั การสงวนไว้ตามพระราชบญั ญตั ลิ ิขสทิ ธ์ิ พ.ศ. ๒๕๓๗ แตไ่ มส่ งวนลขิ สิทธิใ์ นการจดั ทาจากตน้ ฉบับเพือ่ เผยแผใ่ นทุกกรณี เพื่อรกั ษาความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ในการจดั ทาหรอื เผยแผ่ โปรดใช้ความระวังและรอบคอบ ขอคาปรกึ ษาดา้ นข้อมลู ในการจัดทาเพื่อเผยแผ่ ตดิ ตอ่ สอบถามได้ท่ี 1วET3ดั e-9lMโW6. พ(aO7eธi0bal2ธิsh:)idรut4heร0aS:ม5mt-wrสm0e1wกิae2ftwขe6,e,า.L(bl7gลad0osdัย2om)dVล@3ec7าg.yo2aaสr-hsg7เo,ว6oN6ก.c8Vสัom89104

ขออนุโมทนาบุญพิเศษ คณุ วราภรณ์ (โอ๋) จงหาญและครอบครวั พรอ้ มทง้ั พนกั งานแห่งร้าน Franklin Document Services ผูม้ ีกศุ ลจิตศรัทธาในการพิมพห์ นงั สอื ธรรมะ เพื่อเป็นสะพานบญุ เผยแผ่พุทธธรรมแดผ่ ใู้ ฝธ่ รรมทัง้ หลาย ขอให้ผูม้ ีสว่ นแห่งธรรมทานในครง้ั นี้ จงมคี วามสุข ความเจรญิ ร่งุ เรอื ง ท้งั ทางโลกและทางธรรม มีสตปิ ัญญาคดิ อ่านแตกฉานในกรรมและวิบากกรรม มีชยั เหนือศัตรูหมู่มาร มีปฏภิ าณไหวพรบิ แก้ไขปญั หาไดใ้ นทุกเหตกุ ารณ์ และไดด้ วงตาเหน็ ธรรมโดยเร็วพลัน ขอผแู้ สวงบญุ และใฝ่ธรรมทุกท่าน จงเกดิ ความปลาบปลมื้ ด่ืมด่า เกิดความปตี ิ ความปราโมทย์ ความรื่นเรงิ บนั เทงิ ใจ ในธรรมทพี่ ระอริยเจา้ ทง้ั หลายประกาศแล้วทกุ เมอื่ เทอญฯ ขออนโุ มทนาบุญในกศุ ลเจตนาท่งี ดงามมา ณ โอกาสนดี้ ้วย เจโตวสีภิกขุ ณ โพธธิ รรมสกิ ขาลยั ลาสเวกสั

คำอทุ ศิ หลงั จากทข่ี ้าพเจา้ ได้ศึกษาธรรมะมาจากหลายครูอาจารย์ พร้อมทั้งพระอาจารย์พระมหาบรรพต ทว่ี ดั โพธิธรรมสกิ ขาลัย ลาสเวกัส และสวดพุทธมนต์สาธยายธรรมมาสักระยะหน่ึง ทาให้จิตใจเบาสบาย ผอ่ นคลายไดใ้ นระดับหนง่ึ แตข่ ้างในใจลึกๆ รู้ว่ายังมีความทกุ ข์ มคี วามกดดันอย่มู าก และยังไม่รจู้ ักวธิ ี เอามันออก แตเ่ มอ่ื ได้มาศึกษาปฏบิ ัตธิ รรมอย่างอย่างเขม้ ขน้ และตอ่ เน่ืองมากขึน้ โดยเฉพาะได้ทาความ เข้าใจเร่ืองกฎแหง่ กรรมของตวั เองและคนรอบข้างอย่างลึกซึง้ ตามหลักกรรมในพระไตรปิฎกจากที่พระ อาจารยส์ อน จึงได้รู้จักวธิ ีถอดถอนวิบากกรรมเกา่ ๆทเี่ คยฝังแน่นอยู่ในจติ ใจส่วนลกึ ออก ด้วยขอขมาโทษ การเปิดใจกวา้ ง การยอมรับ ไมป่ ฏเิ สธและรตู้ ามความเปน็ จรงิ ทาให้จติ ใจทีเ่ คยฟ้งุ ซ่าน หดหู่ เศร้าสร้อย ท้อแท้ โกรธเกลียดพลุ่งพล่าน หลดุ ออกจากใจอยา่ งมาก ทาใหจ้ ติ เกิดภาวะเบาสบาย เกิดความรสู้ กึ สด ช่ืนเบกิ บานอย่างบอกไม่ถูก เริม่ มองเห็นทางออกของความทกุ ขใ์ นชวี ิต ร้จู ักคดิ วิธีแก้ปัญหาดว้ ยปัญญา กล้าเผชญิ กบั เหตุการณต์ า่ งๆอยา่ งไม่หวัน่ ไหว มองเห็นคุณคา่ ของชีวิตและสจั ธรรมมากขน้ึ จึงเกิดกุศล จิต อยากจะมีสว่ นแห่งการช่วยเหลอื สนบั สนุนกิจกรรมท่ีเปน็ บุญกศุ ล ตามพุทธพจน์ท่วี ่า “การให้ธรรมะ เป็นทาน เป็นสิ่งทีม่ คี ณุ ค่าลา้ เลศิ ประเสริฐสูงสดุ ” ข้าพเจา้ จริ าภรณ์ ธัญญพานิชย์และคุณศตวรรษ จึงได้บรจิ าคปจั จยั สว่ นหนึ่งเพอื่ เปน็ ค่าพมิ พห์ นังสือธรรมะ อริยปุ วาท เล่ม ๒ โดย. บ.สยังวสี มอบเป็น ธรรมบรรณาการแดผ่ ใู้ ฝ่ธรรมทกุ ท่าน เพอ่ื ความเป็นสิรมิ งคลและเพอ่ื เป็นการสงั่ สมปัญญาบารมใี นทาง พระพทุ ธศาสนาสบื ตอ่ ไป อานสิ งส์ผลแหง่ บุญอันเกิดแตใ่ หธ้ รรมทานนี้ ขอน้อมบชู าคณุ แด่ คณุ พอ่ ปิ่น คณุ แม่ผล ธัญญ พานชิ ย์ คณุ แม่บุญช่วยและคุณพอ่ ส่าง พูนพพิ ัฒน์ คณุ พ่อบุญ คุณแมจ่ า้ รุณ คงเจริญวฒุ ิ และคุณ แม่สุดปลืม ภิญโญ ตลอดทั้งบรรพชนทงั้ หลายผู้ท่ีล่วงลบั ไป ขอใหท้ ่านเหล่านนั้ โปรดรับรูแ้ ละอนโุ มทนา บุญในกุศลเจตนาของข้าพเจ้าด้วย ขออุทศิ สว่ นบญุ นี้แด่เทพเจ้าเหล่าเทวดาทใี่ หก้ ารรักษาคมุ้ ครองขา้ พเจา้ และครอบครวั พรอ้ มท้งั เจา้ กรรมนายเวรทั้งหลายทขี่ า้ พเจ้าไดเ้ คยลว่ งเกนิ มาทง้ั ท่ีมีเจตนาและไมม่ เี จตนาทงั้ ในอดีตและปจั จบุ นั ด้วยอานิสงส์แห่งบุญน้ี ขอให้ขา้ พเจ้าเปน็ ผมู้ คี วามแตกฉานในธรรม ฉลาดในเรอ่ื งกรรมและวบิ าก มี ความสขุ ทัง้ ทางโลกและทางธรรม และขอความสุขสวัสดี ความสดช่ืนเบกิ บานแห่งจติ ใจ จงบงั เกิดขึน้ บังเกิดมแี ก่ผ้คู นทัง้ หลาย แกส่ รรพชวี ิตทัง้ มวลด้วยเทอญ ฯ ศตวรรษ คงเจริญวฒุ ิ จิราภรณ์ ธญั ญพานิชย์ ๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖

คำนำ กฎแห่งกรรมเป็นเรื่องลกึ ซึ้ง ละเอียดอ่อนซับซ้อน ยากทคี่ นทั่วไปจะเข้าใจได้อย่างกระจ่างชัด โดย ทไ่ี มล่ ังเลสงสยั ทั้งนีเ้ พราะเป็นวสิ ัยของพระพุทธเจา้ และเหล่าอริยสาวกเท่านั้น ทเ่ี ข้าใจอยา่ งถอ่ งแท้ แบบ ครบวงจรตลอดสาย แต่ถึงกระนนั้ กฎแหง่ กรรมกเ็ ป็นส่ิงท่ีนา่ ศึกษาเรียนรอู้ ย่างมาก ชาวพุทธส่วนใหญ่ จะเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม แต่ผู้ทเี่ ขา้ ใจในรายละเอยี ดของกรรมนั้นคงมีนอ้ ย มาก ซึง่ จะเห็นไดจ้ ากตอนท่ีชีวิตตกต่ายา่ แย่ มักจะเกิดความท้อแท้ เบ่อื หนา่ ยในการทา่ ดี แล้วตีโพยตีพาย โทษฟ้าดินวา่ ไมม่ ีความยุติธรรม ทงั้ น้ี เพราะไม่รู้ ไมเ่ ข้าใจถงึ ทีไ่ ปทีม่ าของกฎแห่งกรรมนัน่ เอง พุทธศาสนิกชนผทู้ ่ีไดศ้ กึ ษาธรรมะมาพอสมควร ยอ่ มรดู้ ีวา่ อนันตรยิ กรรมนั้น มโี ทษมาก เปน็ บาปหนกั และใหผ้ ลแบบฉบั พลนั ทันตา สว่ นอริยปุ วาทกรรม คอื การพดู ตา่ หนิพระอรยิ เจา้ กลับไม่คอ่ ยรู้ วา่ มีโทษภัยอันตรายอย่างไรบ้าง เพราะมองข้ามและไมเ่ หน็ ความสา่ คญั ดังน้ัน ขณะท่ีอริยุปวาทกรรม สง่ ผล จงึ ไม่คอ่ ยรู้ตัว ไม่รู้เทา่ ทันและแกไ้ ขไมถ่ กู จุด ชวี ิตจึงสะดดุ ติดขัด ความวิบตั ิไม่จางคลาย เรื่อง เลวรา้ ยหายนะ จงึ เกิดซา้ ๆซากๆ อยา่ งไม่ร้จู กั จบสิน้ เพราะไมร่ ซู้ ง้ึ วา่ อันท่ีจริงแล้ว อริยุปวากรรมนั้น ก็มีโทษมาก และเปน็ บาปมหนั ต์เหมือนอนันตริยกรรมเชน่ กนั โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในยุคสมยั ทคี่ นยึดตดิ ในวตั ถนุ ิยม เห็นเงนิ ทองเปน็ เรอ่ื งใหญ่ ถือเกยี รติยศ ชือ่ เสยี ง อา่ นาจเปน็ เรื่องส่าคญั มองขา้ มเรอื่ งศาสนา เห็นธรรมะเป็นเรื่องยุ่งยากและไร้สาระ มองขา้ ม เรื่องบาปกรรม พากนั เห็นกงจักรเป็นดอกบวั เหน็ บาปเปน็ บญุ เหน็ ช่วั เป็นดี เหน็ เร่ืองอปั รยี ว์ า่ เปน็ สริ ิ มงคล มกั พูดจาใส่ร้ายป้ายสีคนอน่ื เพ่ือเอาตัวรอด ชอบด่าวา่ โตเ้ ถียงพ่อแม่ครูอาจารยโ์ ดยขาดความ เคารพนบั ถือ วพิ ากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตรยิ ์อย่างไร้สามัญส่านกึ พูดจาจาบจ้วงล่วงเกนิ พระสงฆ์ สามเณร นักบวช หรอื พดู ต่าหนิตเิ ตียนผ้ปู ระพตติปิิบัติธรรมร่วมกันดว้ ยความแขง่ ดี แมใ้ นบางกรณี ก็ เข้าขา่ ยเปน็ อรยิ ปุ วาท ซึ่งจะเปน็ อปุ สรรคตอ่ การประพตติปิบิ ัตธิ รรม เสย่ี งต่อการไดร้ ับโทษภัยอันตราย อยา่ งหนัก และต้องเสียเวลาชดใช้วิบากกรรมนีไ้ ปอีกยาวนาน ฉะนนั้ ส่าหรับผรู้ ้ซู ึ้งถึงโทษท่ีเกิดจาก อริยุปวาทกรรมแลว้ จะไม่กลา้ ท่า ไมก่ ล้าเส่ียงในการพดู เช่นน้ัน เนอื้ หาสารธรรมต่างๆในอริยปุ วาท เล่ม ๒ นี้ หวงั ว่าคงจะชว่ ยให้ผู้อ่านไดเ้ กดิ ความตระหนักใน โทษของผรสุ วาจา ไดเ้ ข้าใจอย่างลกึ ซึง้ ถึงอันตรายที่เกิดจากอริยปุ วาทกรรม และชว่ ยตอบโจทย์ปัญหา ชวี ติ ทลี่ ึกลับซบั ซอ้ นวา่ เปน็ ผลมาจากวบิ ากกรรมอะไรกนั แน่ ทา่ ไมถึงแกไ้ ม่ยอมหลดุ พรอ้ มทั้งบอกมรรค วธิ ีช้ที างออกจากวังวนแห่งอกุศลกรรมน้ี และธรรมะวัคซีนสา่ หรับคมุ้ กันใจไมใ่ หเ้ กดิ ความประมาท ท่า พลาดผดิ ในอริยุปวาทอกี ตอ่ ไป เพ่อื ชีวิตท่ีสดใสสวยงาม และเพอ่ื ความก้าวหน้าในธรรมยงิ่ ๆข้ึนไป

คำอธษิ ฐำน ขา้ พเจา้ มีความศรัทธาเลอ่ื มใสอยา่ งย่ิงในคา่ สอนของพระพทุ ธองคเ์ รื่องกฎแหง่ กรรม จึงไดท้ ุมเท กายใจศกึ ษาค้นควา้ ข้อมลู ทเ่ี กย่ี วกบั อริยุปวาทกรรมน้ีจากคัมภรี ์พระไตรปิฎและอรรถกถา แลว้ รวบรวม และเรยี บเรียงดว้ ยภาษาทเ่ี ขา้ ใจง่ายให้อยใู่ นเล่มเดียวกนั ดว้ ยความอตุ สาหะวิริยะอยา่ งมาก เพอ่ื เปน็ ธรรม ทานแก่ผสู้ นใจใฝธ่ รรมท้ังหลาย ขออานสิ งส์แหง่ ธรรมทานน้ี จงเป็นเหตุปจั จัยให้ข้าพเจ้า มีสตปิ ญั ญาแตกฉานในเรือ่ งกรรมและ วิบากแหง่ กรรมย่งิ ๆข้ึนไป ค่าวา่ สะดุง้ กลัว ตกใจ หวัน่ ไหวในลทั ธอิ ัญญเดยี รถยี ผ์ ู้เปน็ มิจฉาทิิฐิ ท้งั หลาย อย่าได้เกดิ ขึ้นแก่ข้าพเจ้าในทกุ ๆภพชาตทิ เ่ี กิด ขอใหข้ ้าพเจา้ จงตัง้ มัน่ ในสมั มาทิิฐิ ได้มโี อกาส ใกลช้ ิดและศกึ ษาธรรมจากกลั ยาณมิตรผู้แตกฉานในสมาธแิ ละปัญญาทงั้ หลาย มจี ิตใจใฝ่ศกึ ษาในพุทธ ธรรมทุกเม่อื สามารถประกาศธรรมอยา่ งอาจหาญดังสีหนาท และเกิดมาเพ่ือรับใช้พระพุทธศาสนาทุกภพ ชาตติ ลอดไป คำอุทิศ ข้าพเจา้ ขออทุ ศิ ความดีท่ีเกิดจากหนงั สือเลม่ น้ี ให้แก่โยมมารดาบิดาผู้ใหก้ า่ เนิดชวี ติ คอื คุณพอ่ พรหม คณุ แมน่ าง สายสมบัติ และปู่ย่าตายาย ตลอดท้ังญาตแิ ละบรรพชนท้ังหลายของขา้ พเจา้ ขอให้ ทา่ นทงั้ สองและบคุ คลเหลา่ นั้น จงอนโุ มทนาบญุ ในธรรมทานครัง้ น้ีดว้ ย ขอให้ได้ไปบังเกดิ ในสุคตโิ ลก สวรรค์ และบังเกดิ ในดุสิตาเทวโลกชน้ั สูงย่งิ ๆข้นึ ไป อน่ึง ขา้ พเจา้ ขออุทศิ บุญกศุ ลทเ่ี กิดจากธรรมทานในคร้ังนี้ ให้แก่ครูอาจารย์ท่เี คยให้แสงสวา่ งทาง ธรรมแก่ขา้ พเจ้า มีอาจารยพ์ ร รัตนสุวรรณ, อาจารย์ศริ ิ พทุ ธศกุ ร์ แมอ่ ุบลวรรณา, แมช่ ปี น่ิ งาม สะอาด, หลวงพอ่ เสือ วิรุฬหผล, อาจารยบ์ ญุ มี เมธางกูร, ท่านเทพวิชิต ธรรมรงั สีและเหล่า โอปปาติกะทงั้ ปวงทีเ่ คยใหค้ า่ แนะน่า ตกั เตือนชว่ ยเหลือข้าพเจ้ามา ขอใหท้ า่ นเหล่าน้ัน จงเปน็ ผู้มีส่วน แห่งบุญกุศลทข่ี า้ พเจา้ อุทศิ ให้แลว้ น้ี ขอจงไดม้ คี วามปลาบปล้มื ปตี ิปราโมทยร์ ่นื เริงในธรรม และมีความสขุ ในเทวโลกย่งิ ๆข้ึนไปเทอญฯ ด้วยความปรารถนาดี บ.สยงั วสี ๗ พตศจกิ ายน ๒๕๕๖

อักษรยอ่ ชื่อคัมภรี ์ ทีใ่ ชใ้ นหนังสอื อริยปุ วาท ๒ พระวินัยปิฎก คำย่อ คำเตม็ ว.ิ จฬู . หมายถงึ วนิ ัยปฎิ ก จูฬวรรค ว.ิ ป. ” วนิ ัยปิฎก ปริวาร พระสตุ ตนั ตปิฎก คำย่อ คำเต็ม อัง.สัตต. ” องั คตุ ตรนกิ าย สตั ตกนิบาต องั .อฏั ฐ. ” องั คตุ ตรนิกาย อัฏฐกนบิ าต ที.ส.ี หมายถึง ทฆี นิกาย สีลขันธวรรค อัง.นว. ” องั คุตตรนิกาย นวกนิบาต ที.ปา. ” ทีฆนกิ าย ปาฎกิ วรรค อัง.ทสก. ” อังคตุ ตรนกิ าย ทสกนบิ าต ม.มู. ” มชั ฌิมนกิ าย มูลปัณณาสก์ อัง.เอกทสก. ” องั คุตตรนกิ าย เอกาทสกนบิ าต ม.อ.ุ ” มชั ฌิมนกิ าย อุปริปณั ณาสก์ ข.ุ เปต. ” ขทุ ทกนกิ าย เปตวตั ถุ ม.ม. ” มชั ฌมิ นิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ข.ุ เปต. ” ขุททกนิกาย วิมานวตั ถุ สงั .ม. ” สงั ยุตตนกิ าย มัชฌิมปัณณาสก์ ขุ.อุ. ” ขทุ ทกนิกาย อุทาน สงั .ส. ” สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ขุ.อติ .ิ ” ขทุ ทกนิกาย อิติวตุ ตกะ สงั .สฬา. ” สงั ยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ขุ.ชา. ” ขทุ ทกนิกาย ชาดก สัง.นิ. ” สงั ยตุ ตนกิ าย นทิ านวรรค ขุ.อป. ” ขุททกนิกาย อปทาน องั .เอก. ” อังคุตตรนิกาย เอกกนบิ าต ขุ.ปฏิ. ” ขทุ ทกนิกาย ปฏสิ ัมภทิ ามรรค องั .ติก. ” อังคุตตรนกิ าย ติกนิบาต ข.ุ สุตต. ” ขุททกนกิ าย สุตตนบิ าต อัง.จตกุ . ” อังคตุ ตรนกิ าย จตกุ กนบิ าต องั .ปญั จ. ” องั คุตตรนกิ าย ปัญจกนบิ าต หมำยเหตุ : พระไตรปฎิ กภาษาไทย ฉบบั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.แปล) พิมพท์ ่ี โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย วดั มหาธาตุยวุ ราชรงั สฤษฎ์ิ ๒๕๓๙ เลขหนา้ บอกเลม่ เลขหลังบอกหน้า เช่น องั .ตกิ . ๒๐/๓๘๖ หมายถงึ พระไตรปิฎก เล่ม ๒๐ อังคุตตรนิกาย ตกิ นิบาต หนา้ ๓๘๖

พระไตรปฎิ กและอรรถกถำ แปล ฉบบั มหามกุฏราชวทิ ยาลยั คำย่อ คำเต็ม อ.วิ.มหา. อรรถกถา วนิ ัยปฎิ ก มหาวิภงั ค์ เลขหน้าบอก ภาคและเลม่ เลขหลงั บอกหนา้ เชน่ อ.วิ.มหา. หมายถึง อรรถกถา วินยั ปิฎก มหาวภิ ังค์ ภาค ๑ เลม่ ๑ หน้า ๒๘๐ พระธัมมปฏั ฐกถำ แปล คณะกรรมการแผนกตารา มหามกฏุ ราชวิทยาลยั ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ คำย่อ คำเตม็ ธ.ป. หมายถงึ พระธัมมปัฏฐกถา แปล เลขหน้าบอก ภาค เลขหลงั บอกหนา้ เช่น ธ.ป. ๔/๑๐๓-๑๐๗ หมายถึง พระธมั มปัฏฐกถา แปล ภาค ๔ หนา้ ๑๐๓-๑๐๗ เร่อื งพระสารีบตุ รเถระ

วาจาของพระตถาคตเจา้ เปน็ หน่ึง...ไมม่ ีสอง ตถาคตตรสั รอู้ นุตตรสัมมาสัมโพธญิ าณในราตรีใด และปรนิ พิ พานด้วยอนปุ าทิเสสนิพพานธาตุในราตรใี ด ในระหวา่ งนี้ ยอ่ มภาษติ กลา่ ว แสดงออก ซ่งึ คาใด คาน้นั ทั้งหมด เปน็ จรงิ อย่างนนั้ แล ไม่เป็นอย่างอืน่ โลกสตู ร พระไตรปฎิ ก เลม่ ๒๕ ขทุ ทกนิกาย อติ ิวุตตกะ (มจร.แปล) หนา้ ๔๙๕ อรยิ ปุ วาท มีโทษมาก เปน็ บาปหนัก พระผู้มพี ระภาคตรสั ว่า ภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุผู้ด่าบรภิ าษเพ่ือน พรหมจารี ว่ารา้ ยพระอริยะ พงึ หวังได้โทษ ๕ ประการ คือ ๑. ต้องอาบตั ิปาราชกิ หรือตัดธรรมเปน็ เครื่องปิดกัน้ (โลกตุ ตรธรรม) ๒. ต้องอาบตั ิเศร้าหมองกองใดกองหน่งึ ๓. เป็นโรครา้ ยแรง ๔. หลงลมื สตมิ รณภาพ ๕. หลังจากมรณภาพแล้ว ยอ่ มไปเกิดในอบาย ทุคติ วนิ บิ าต นรก อักโกสกสตู ร พระไตรปฎิ ก เล่ม ๒๒ อังคตุ ตรนิกาย ปัญจกนิบาต หน้า ๓๕๔

อรยิ ปุ วาท มีโทษมาก เป็นบาปมหันต์ พระผ้มู พี ระภาคตรัสวา่ ภิกษุทัง้ หลาย ภิกษุผดู้ า่ บริภาษเพอื่ นพรหมจารี วา่ รา้ ยพระ อรยิ ะ เป็นไปไดท้ ี่ภกิ ษุน้ัน จะไม่ถงึ ความพนิ าศอยา่ งใดอย่างหน่งึ ใน ๑๑ อย่าง ดังนี้ ๑. ไมบ่ รรลุธรรมทย่ี ังไมไ่ ด้บรรลุ ๒. เส่ือมจากธรรมทีไ่ ดบ้ รรลุแล้ว ๓.สทั ธรรม ย่อมไมผ่ ่องแผ้ว ๔. เป็นผู้เขา้ ใจผดิ วา่ ได้บรรลสุ ทั ธรรม ๕. เป็นผู้ไมย่ ินดีประพฤติพรหมจรรย์ ๖. ต้องอาบัติอยา่ งใดอย่างหนงึ่ ๗. บอกคนื สิกขากลบั มาเป็นคฤหัสถ์ ๘. เป็นโรครา้ ยแรง ๙. ถึงความวกิ ลจริต หรอื จติ ฟุ้งซ่าน ๑๐. หลงลมื สติมรณภาพ ๑๑. หลงั จากมรณภาพแล้วจะไปเกดิ ในอบาย ทคุ ติ วนิ บิ าต นรก ภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษุใดก็ตามดา่ ว่าเพอ่ื น สพรหมจารีท้ังหลาย ว่ารา้ ยพระอริยะ เป็นไปไมไ่ ด้เลยท่ีภกิ ษนุ ั้น จะไม่ถงึ ความพนิ าศอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ใน ๑๑ อยา่ งนี้ พยสนสตู ร อัง.เอกาทส. (แปล) ๒๔/๓๙๗-๓๙๘ อักโกสกสูตร อัง.ทสก. (แปล) ๒๔/๑๙๙

สารบัญ เกริน่ นำ ..........................................................................................................๑ ลกั ษณะของอรยิ ปุ วำท ...................................................................................๓ อันตรำยิกธรรม สิ่งที่เปน็ โทษอันตราย ควรรู้ไว้เพือ่ ความปลอดภยั ในชีวติ ..........................................๔ อริยุปวำทกรรม มโี ทษมหนั ต์ ใหผ้ ลทนั ตา................................................................................๑๓ กรณตี ัวอย่ำงอรยิ ปุ วำท ...............................................................................๓๐ ๑.หญิงโสเภณดี ่ำพวกภกิ ษุ .........................................................................๓๐ ขอ้ คิด...คตธิ รรม  ทาบาปเพราะปาก  มรดกบาป  สะพานบุญ ๒.พระด่ำพระ และโยมด่ำพระ......................................................................๓๕ ข้อคดิ ...คตธิ รรม  ทาบาปเพราะเหน็ แก่ปากทอ้ ง เปรตหลมุ ขี้ ทาบาปเหมอื นกนั แต่ได้รับผลไม่เทา่ กนั ทาบญุ ได้บาป ๓.พระโพธสิ ตั วด์ ่ำภิกษสุ งฆ์.........................................................................๓๙ ข้อคิด...คตธิ รรม สังสารวฏั อันยาวนาน แมถ้ ูกมารแกล้ง บัณฑติ ก็ไมแ่ สดงอาการข้ึนลง วบิ ากกรรมในหา้ มคนอื่นทาบญุ ผู้ไมเ่ คยกราบไหวใ้ คร

(๒) ๔.แมด่ ่ำลกู ชำยผู้เป็นโสดำบนั ....................................................................๔๖ ข้อคิด...คตธิ รรม ลูกไม้หลน่ ไกลต้นคนจิตใจต่างกนั บญุ -บาป ใครทา ใครได้ บญุ -บาป ไมป่ นกัน ด่าพระโสดาบัน เปน็ บาปมากกว่าคนไดฌ้ านอภญิ ญา บาปแกไ้ ด้ด้วยบุญ โลกโอปปาตกิ ะ พระอรหันต์ ทาบุญ ตัวอยา่ งเปรยี บเทยี บ ผลกรรมจากการสาปแชง่ ดาบสผทู้ รงฌานอภญิ ญา เทวลดำบสสำปแช่งนำรทดำบส ..........................................................๕๒ ข้อคิด...คตธิ รรม สิรกิ ับกาลกณิ ีเขา้ กนั ไม่ได้ อย่ใู กล้ชดิ กบั คนพาล เปน็ ทุกข์ คนพาลสันดานหยาบ ไม่มีทางทราบวา่ บัณฑิตเป็นเช่นไร ใหท้ กุ ข์แก่ทา่ น ทุกข์นัน้ ถึงตวั ความผิดของคนอนื่ มองเหน็ ง่าย แตค่ วามผดิ ของตนเองมองเห็นยาก ขอขมาโทษแบบไม่เต็มใจ แก้กรรมไม่สาเร็จ อภญิ ญา ความรเู้ หนอื ประสาทสัมผสั ยม้ิ ไว้เม่ือภัยมา ย้ิมสหู้ มู่ภยั พาล ผู้มีปัญญา ยอ่ มแกป้ ัญหาได้ในทกุ สถานการณ์ วถิ ีแห่งพระโพธิสตั ว์

(๓) ชำติมนั ตดำบสสำปแช่งมำตังคดำบส................................................๕๘ ข้อคิดและคตธิ รรม ดีชวั่ อย่ทู ี่ตัวทา สูงต่าอยู่ทท่ี าตัว การถอื ตวั ก่อใหเ้ กดิ ภยั อันตราย ขอขมาโทษจากใจ ไมใ่ ช่เพียงพูดแคล่ มปาก คนชีโ้ ทษเหมือนชข้ี มุ ทรัพย์ พูดสาปแช่งคนอื่น เทา่ กับสาปแชง่ ตัวเอง ๕.พระสธุ รรมด่ำจิตตคหบดี อรยิ สำวกอนำคำมี...........................................๖๒ ข้อคิดและคติธรรม ทฏิ ฐมิ านะของพระ ละได้ยาก ลาภสักการะ ชื่อเสียง เป็นอนั ตรายต่อการบรรลธุ รรม  พระขอโทษโยม กิเลสเปน็ ส่ิงนา่ กลวั ปญั ญา คอื อริยทรัพย์ภายใน ๖.ภกิ ษเุ จำ้ อำวำสด่ำพระอรหนั ต์..................................................................๖๗ ข้อคิดและคติธรรม ลาภสกั การะฆ่าคนโง่ ด่าอยา่ งไร ได้อยา่ งนัน้ เมล็ดพนั ธ์ุแหง่ กรรม เน้อื นาบาป เม่อื บาปเบาบาง บญุ กเ็ ริ่มส่งผล  กรรมของผู้นา/เจ้าอาวาส

(๔) ๗.ภิกษณุ ีปุถุชนด่ำภิกษุณีอรหนั ต์..............................................................๗๓ ขอ้ คิด...คตธิ รรม พดู ตาหนิเขา แล้วเรามาเป็นเอง ปลูกพชื เชน่ ไร ย่อมได้ผลเชน่ นัน้ การดา่ พระอรหันต์ บาปเป็นล้านๆเท่า แมอ้ าชีพ ก็เป็นกรรม อาชีพมดื กรรมดา วจีกรรมที่วา่ มีโทษมาก มโนกรรมย่ิงหนักกวา่ พดู ตาหนพิ ่อแมม่ ีโทษมหนั ต์ ๘.พระโสดำบนั คิดตำหนิพระอรหันต์........................................................๗๙ ขอ้ คิดและคติธรรม มโนกรรม สัมพนั ธก์ ับอริยปุ วาท  ผู้เข้าสู่กระแสธรรม รู้หน้า แตไ่ มร่ ู้ใจ ระวังปากเอาไวด้ กี วา่ กนั เยอะ ๙.เศรษฐีหน่มุ คิดอยำกไดพ้ ระอรหันต์เป็นภรรยำ........................................๘๒ ข้อคดิ และคตธิ รรม เพยี งแค่คิด กผ็ ิดมหันต์ ทกุ อย่างเกดิ จากใจ(มโนมยา) เพยี งแค่เลื่อมใสในพระอรหันต์ ก็เป็นบญุ อนนั ต์ กรรมท่ีทาใหเ้ กดิ เป็นผู้หญงิ บาปกรรม กแ็ กไ้ ด้ ถ้ามีกัลยาณมติ รและคิดเปน็ คิดไม่เปน็ ได้บาปโดยไมจ่ าเป็น กรรมคดิ ไมด่ ีกับพ่อแม่

(๕) ๑๐.มหำอำมำตย์พูดดหู มิ่นท่ำนพระอรหันต์.................................................๘๘ ข้อคิด..คตธิ รรม มีความรู้ท่วมหัว เอาตัวไมร่ อด แม้รวู้ ่าเป็นอนั ตราย แต่แพใ้ จตัวเอง ถงึ มกี ลั ยาณมิตรช้นี า แต่ไม่ทาตามเพราะทรามปัญญา กรรมพดู ลอ้ เลน่ จติ สรา้ งรา่ งกาย ๑๑.บุรษุ ผหู้ นึ่งพูดคำหยำบกบั ทำ่ นพระปลิ นิ ทวัจฉะ.....................................๙๓ ขอ้ คิดและคติธรรม วาจาศักด์ิ หรอื อิทธฤิ ทธ์ิแหง่ กรรม ปากร้าย แต่วา่ ใจดี  เจตนา ไม่เปน็ กรรม ๑๒.ติสสำภกิ ษุณพี ูดดูหมนิ่ ท่ำนพระมหำกสั สปะ..........................................๙๗ ขอ้ คิด...คตธิ รรมในเรือ่ งนี้ ศรทั ธาขาดปญั ญา กต็ าบอด ชีวติ ลาเคญ็ เพราะใจลาเอียง ความเป็นอรหันต์ ปุถชุ นร้ไู ด้ยาก การเข้าใกล้พระอรหนั ตข์ องพาลชนเหมือนเขา้ ใกลง้ ูพิษ ตผิ คู้ วรเสรญิ สรรเป็นกรรมหนกั  กรรมพูดดูหมิ่นผู้ไม่มีความผดิ ๑๓.นันทำภิกษณุ พี ูดตำหนทิ ำ่ นพระมหำกสั สปะ........................................๑๐๒ ข้อคิดและคตธิ รรม พดู ไมค่ ิด พาใหช้ ีวิตตกต่า ปากก็ร้าย แถมใจยงั มดื บอด ตเิ พื่อกอ่ ตอ่ สติ พระเถระผมู้ ีคณุ อันย่ิงใหญ่คลา้ ยพระศาสดา  วิบากกรรมทางานโดยอัตโนมัติ บาปส่งเสรมิ บาป พระอานนท์ พุทธอนุชา

(๖) ๑๔.ภกิ ษรุ ูปหนงึ่ พูดใส่ร้ำยทำ่ นพระสำรีบตุ ร.............................................๑๐๘ ข้อคิดและคตธิ รรม หากรรมใส่หวั หาบาปใส่ตัว โกรธพระอคั รสาวก บาปหนกั หลายลา้ นเท่า ความตา่ งระหวา่ งอรยิ ชนกบั ปุถชุ นเมือ่ โดนนนิ ทา  ใชว้ กิ ฤตให้เป็นโอกาส คนดีชอบแกไ้ ข คนปญั ญาไว แกไ้ ขได้ทัน ๑๕.พระโกกำลิกะดำ่ พระอคั รสำวกทั้งสอง.................................................๑๑๔ ข้อคดิ ...คตธิ รรม  พระตกนรก ใกล้เกลอื กนิ ดา่ ง คนชัว่ ไม่ชอบคนดี อันตรายของลาภสกั การะและช่อื เสียง  คนใจบอด ไมม่ ใี คร ใหญเ่ กนิ กรรม เสียทรพั ย์ ยงั หาใหมไ่ ด้ แต่เสียศลี น้นั ไซร้ ต้องเสยี ใจไปอีกนาน เทวดามจี รงิ ไมไ่ ด้องิ นิยาย พระถกู ธรณสี บู ๑๖.เศรษฐีคิดดหู มนิ่ พระปจั เจกพุทธเจำ้ ตครสขิ ี........................................๑๒๓ ขอ้ คดิ และคติธรรม มืดมา สวา่ งไป ชวี ติ เป็นส่งิ ไม่แน่นอน แต่กรรมใหผ้ ลแน่นอน  โรคกรรม กรรมตดั รอน ๑๗.นำงจิญจปริพพำชกิ ำใส่ร้ำยพระพุทธเจ้ำ............................................๑๒๘ ข้อคิด...คตธิ รรม แมพ้ ระพุทธองคย์ ังถูกใส่ร้าย คนท่วั ไปหรอื จะพ้นคนนนิ ทา คบคนพาล นาไปสคู่ วามหายนะ สตั ว์โลก ยอ่ มเป็นไปตามกรรม พระพทุ ธเจา้ ห้ามวิบากกรรมไม่ได้ กรรมใส่รา้ ยผู้บริสุทธ์ิ

(๗) ๑๘.นำงสุนทรีปรพิ พำชิกำดำ่ พระพทุ ธเจำ้ และภกิ ษุสงฆ์...........................๑๓๕ ขอ้ คิดและคติธรรม น่ิงสงบ สยบการเคลื่อนไหว ความจริงเปน็ สิง่ ไม่ตาย ธรรมะยอ่ มชนะอธรรม  พระพุทธเจ้า ผู้เป็นเลศิ ในการใช้วาทะ ทาชวั่ ด้วยปาก บาปหนกั เกินกว่าจะคาดคิด เมือ่ กรรมสง่ ผล หา้ มไดย้ าก  กรรมใสร่ า้ ยผูอ้ ่ืน ๑๙.พระนำงมำคันทยิ ำด่ำพระพุทธเจำ้ และเหลำ่ อรยิ สำวิกำ.....................๑๔๒ ขอ้ คิด คตธิ รรม ฟงั ไมไ่ ด้ศพั ท์ จับเอามาคิดเคยี ดแค้น ฟังเร่อื งเดียวกัน แต่คิดไม่เหมอื นกัน สวยแตร่ ่างกาย แตใ่ จสกปรก  คนเหมือนกนั ย่อมดงึ ดูดกัน  พลังแห่งเมตตา ให้ทุกขแ์ ก่ทา่ น ทุกข์น้ันถึงตัว ๒๐. คหบดีพดู ตำหนิพระบรมสำรีริกธำตุ...................................................๑๕๑ ขอ้ คิดและคติธรรม ห้ามคนทาบญุ เปน็ บาป พูดตเิ ตยี นพระธาตเุ ทา่ กับตเิ ตยี นพระพุทธเจ้า บญุ อนนั ตแ์ ละบาปมหันต์ กรรมของพวกพุทธพาณิชย์และคนลองพระเครอ่ื ง บญุ -บาปใครทา ใครได้ กรรมลบหลู่พระพทุ ธรปู และพุทธพาณิชย์

(๘) ๒๑.ชำวนำพดู ตำหนพิ ระพทุ ธเจ้ำกสั สปะ ...............................................๑๕๗ ขอ้ คดิ และคติธรรม พดู ไมค่ ิด ชีวติ จึงลงอบาย พดู อยา่ งไร ไดอ้ ย่างน้ัน  กรรมทางานโดยอัตโนมัติ กฎแหง่ กรรม ! เปลย่ี นไม่ได้ ๒๒.พระโพธสิ ตั วพ์ ูดดหู มน่ิ พระพุทธเจำ้ กัสสปะ........................................๑๖๒ ข้อคิดและคติธรรม เปน็ อย่ดู ว้ ยปญั ญาดีท่สี ุด อทิ ธิพลของสง่ิ แวดลอ้ ม พงึ ระวงั ปากกบั ใจใหด้ ี บาปหรือบุญข้ึนอยู่ทปี่ าก ๒๓. พระกปิละด่ำพระอรยิ ะ ภกิ ษุณีด่ำภกิ ษสุ งฆ์........................................๑๖๖ ข้อคดิ คตธิ รรม มีปญั ญาทว่ มหวั แต่พาตัวตกนรก อย่าเอาธรรมวนิ ัยมาโต้เถียงกัน ธรรมะเหมอื นแพข้ามฟาก ไมไ้ ผ่ตา่ งปลอ้ ง พน่ี ้องตา่ งใจ ปลาพดู ได้ มืดมา มืดไป อริยปุ วำทกรรม ! ทำไมไ่ ด้.........................................................................๑๗๒ บคุ คลท่เี สย่ี งต่อการทาอริยุปวาท...................................................................๑๗๔ เมอ่ื อรยิ ุปวาทกรรมส่งผล คนเป็นไปตามกรรม.................................................๑๗๕ ชว่ งเวลาท่สี าคญั ไม่ควรทาผดิ ในอรยิ ุปวาท....................................................๑๗๗ คำเตอื น ! ผทู้ ค่ี ดิ ลว่ งเกนิ พระอรยิ เจ้ำ.......................................................๑๗๗

(๙) กำรขอขมำโทษ พุทธวธิ แี ก้อริยปุ วำทกรรม...............................................๑๗๘ เพยี งแค่ขอขมำโทษ สำมำรถลด-แกก้ รรมได้จรงิ หรือ ?............................๑๗๙ เพราะความโง่เขลาไมร่ ู้เท่าทัน จึงปดิ ทางสวรรค์ ก้นั ทางมรรคผลนิพพานของตวั เอง.................................................................๑๘๑ เสรมิ สร้ำงภูมิคุ้มกนั ดว้ ยธรรมะวัคซนี ......................................................๑๘๓ การไมค่ บคนพาล การคบบณั ฑติ มีสัมมาทิฏฐิ การบชู าคนทคี่ วรบูชา  ความอ่อนน้อมถ่อมตน การให้ทาน ตั้งความปรารถนาและไม่มคี วามตระหน่ี รจู้ กั ตวั เองตามความเปน็ จรงิ รจู้ กั คนอน่ื ตามเปน็ จริง สรรเสริญคณุ พระอรยิ เจ้า เปน็ คณุ อนันต์ บุญเห็นทันตา สรปุ อริยุปวำทกรรม...................................................................................๑๘๘ อนันตรยิ กรรมที่ว่ามโี ทษหนัก เป็นบาปมหนั ต์ แม้อรยิ ุปวาทกรรมก็เป็นเชน่ เดียวกัน รายชือ่ ผ้รู ว่ มบริจาคพมิ พ์หนังสือธรรมะเพื่อเป็นธรรมทาน

(๑๐) อคั โคหะมัสมิ โลกัสสะ เชฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ เสฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ อะยะมนั ตมิ า เม ชาติ นัตถิทานิ ปนุ พั ภะโวติ ฯ ในโลกน้ี เราเปน็ ผู้ลา้ เลศิ ท่สี ุด เปน็ ผเู้ จรญิ ท่สี ดุ เปน็ ผู้ประเสริฐทสี่ ดุ การเกดิ ของเราในนเี้ ป็นครง้ั สุดทา้ ย ไม่มกี ารเกิดอีกตอ่ ไปภพหน้า ฯ มหำปทำนสตู ร พระไตรปิฎกเล่ม ๑๐ ทฆี นิกาย มหาวรรค ( แปล) หนา้ ๑๔

อนันตริยกรรมท่ีว่า เป็นกรรมหนกั มีโทษมหันต์ ให้ผลทนั ตา แมอ้ ริยุปวาทกรรม ก็เป็นเชน่ เดียวกัน อริยปุ วาท ๒ ความทกุ ขข์ องมนุษยชาติทกุ เพศทกุ วยั ยอ่ มหนไี ม่พ้นไปจากเร่ืองปญั หาครอบครวั ไม่ ผลกรรมจากการพูดตาหนิตเิ ตยี น อบอนุ่ ความรกั ทีไ่ มร่ าบรนื่ สมหวงั แตกรา้ ว พระอรยิ เจ้าผู้บริสุทธิ์ ซงึ่ ไม่มีความผิด หยา่ รา้ ง หนา้ ที่การงานตดิ ขัด การเงินไมพ่ อจา่ ย ตดิ หนส้ี ินอรี งุ ตุงนงั ถูกหลอก ถกู โกงเป็นประจา จะทาใหช้ วี ติ มอี ันเป็นไป คดิ วา่ จะได้ แต่แลว้ กไ็ ม่ได้ สว่ นทไ่ี ด้มาแลว้ ก็ พึงร้เู อาไว้ ก่อนทม่ี ันจะสายเกินแก้ เก็บไมอ่ ยู่ มเี หตจุ าเปน็ ต้องใช้จ่าย ปญั หา สุขภาพ เจบ็ ป่วยไมส่ บาย โดยเฉพาะปญั หา กฎแหง่ วจกี รรม เร่ืองการประพฤติปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหนา้ ทคี่ ณุ ไม่ควรมองขา้ ม เกิดความท้อแทเ้ บอ่ื หนา่ ย ปัญหาเหล่านี้ เปน็ ส่ิงท่ีหลกี เลย่ี งไมไ่ ด้ หนีไม่พ้น ทุกคนเคยประสบ มา และมีหลายท่าน แม้พยายามแก้อยา่ งไร ก็ไม่ หลุด ถงึ หลดุ บางเปราะ แตก่ ็กลับมาเป็น เหมอื นเดิม ซ้าแล้วซ้าอีก ทาให้ชีวติ ติดขัด ไม่ ราบรน่ื สมหวังดังปรารถนาเทา่ ท่ีควรจะเป็น บาง คนถงึ ขนาดต้องหันไปพง่ึ ทางไสยศาสตร์ เล่น เครอื่ งรางของขลัง เปล่ียนชอื่ นามสกลุ สะเดาะ เคราะหต์ อ่ ดวงชะตาแบบงมงาย และสุดทา้ ย ก็

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๒ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจา้ ไมร่ เู้ หมือนเดมิ วา่ สาเหตุทแ่ี ทจ้ ริงของปัญหา ใหญ่หลวง เพราะฉะน้ัน จึงมองขา้ มไปและไม่ เหลา่ น้ี เกิดมาจากอะไรกันแน่ เมอ่ื ไม่รสู้ าเหตุ เหน็ ความสาคญั ของปญั หาที่แทจ้ ริง ย่อมแก้ไมไ่ ด้ ในเมอ่ื แกไ้ มไ่ ด้ อริยุปวาทกับผรุสวาจามคี วามหมาย ชวี ติ จงึ สะดดุ ตดิ ขดั มปี ัญหา เหมือนกันในแง่เป็นคาหยาบ เปน็ คาด่า เปน็ ถา้ หากกนิ ยาถูกโรค แก้ปัญหาถูกจุด คาพดู ท่ีไม่น่าฟัง หรอื เปน็ คาแสลงหู แตม่ ีนยั ปฏิบตั ิธรรมถกู หลกั ทาดีทอ๊ กซถ์ ูกวธิ ี ย่อมเห็น กว้างแคบแตกต่างกันออกไป คือ ผรุสวาจา ผลทนั ตา แต่ถ้ากินยาไมถ่ ูกโรค แกป้ ัญหาผดิ อาจจะเปน็ การดา่ ปุถชุ นหรือดา่ อรยิ ชนกไ็ ด้ จดุ ปฏิบตั ิธรรมผดิ หลกั ทาดีทอ๊ กซ์ไมถ่ ูกวธิ ี แต่สาหรับอริยปุ วาท เจาะจงถึงการดา่ พระอรยิ ะ ยอ่ มไมไ่ ด้ผลทต่ี อ้ งการและอาจจะมี อยา่ งเดียวเท่าน้ัน ผลขา้ งเคียงตามมาดว้ ย เรื่องการแก้ไขปัญหา อรยิ ปุ วาทมาจากคาว่า อรยิ ะกับอุปวาท ชีวติ ก็เป็นเชน่ เดียวกัน ถา้ ไมร่ ้สู าเหตุที่แท้จริง อรยิ ะ หมายถึง พระอริยเจา้ หรือ บุคคลผไู้ ด้ ของปญั หา ยอ่ มยากทีจ่ ะแกไ้ ข บรรลุโลกตุ รธรรม เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า การตดิ ต่อส่อื สารในชวี ิตประจาวัน โดย พระปจั เจกพทุ ธเจ้า และพระอรยิ สงฆ์สาวก การใชว้ าจา หรือใช้สื่อการเขียนทุกประเภท เป็น ท้งั ฝ่ายบรรพชติ และคฤหัสถ์ ไมว่ า่ จะเป็นพระ สง่ิ ทค่ี วรระมดั ระวังอยา่ งมาก เพราะอาจจะใชไ้ ป อรหนั ต์ พระอนาคามี พระสกทาคามี พระ ในทางสร้างสรรค์หรอื สร้างเสีย ทาลายใสร่ า้ ย โสดาบนั หรอื ผู้กาลงั ปฏบิ ัติในมรรค แตย่ ังไม่ ปา้ ยสคี นอ่นื กไ็ ด้ เมื่อพูดออกไปแลว้ เราจะตอ้ ง ถึงโสตาปัตตผิ ล บุคคลประเภทน้ีพระพทุ ธองค์ เป็นผู้รับผดิ ชอบต่อคาพดู นัน้ อยา่ งหลกี เลีย่ ง ตรสั เรยี กวา่ สทั ธานสุ ารีและธมั มานุสาร๑ี ไม่ได้ กฎแห่งกรรม หรือการใหผ้ ลของกรรม สว่ นคาว่า อปุ วาท หมายถงึ การเขา้ ไป เปน็ เร่อื งละเอยี ดออ่ นและลึกซ้ึง แต่ก็ไม่ยากเกนิ กลา่ วรา้ ย การกล่าวตดู่ ้วยคาไม่จริง การพดู จา กว่าที่เราจะศกึ ษาและทาความเข้าใจใหถ้ ูกตอ้ ง จาบจ้วงลว่ งเกิน การว่าร้าย การใสร่ า้ ย การดา่ ได้ ถา้ มหี ลักวิชาธรรมะจากพุทธพจน์ท่ีถูกต้อง ทอ การตาหนิตเิ ตียน การพดู ดถู กู พูดดูหม่ิน เป็นเคร่ืองมือชว่ ยในการวินิจฉัย เหยียดหยามกดใหต้ ่าลง กลา่ วคาสบประมาท อนันตรยิ กรรมซึ่งบณั ฑิตทงั้ หลายต่างรู้ พดู ปรามาส กล่าวคาเสยี ดสี กล่าวคาเปรยี บ กนั ดีวา่ เปน็ กรรมหนัก มโี ทษมหันต์ ให้ผล เปรยเหมอื นสัตว์เดรัจฉาน ฉับพลนั ทันตาในปจั จุบัน ฉันใด แมอ้ ริ มองในแง่พฤติกรรมที่แสดงออกภายนอก ยุปวาทกรรมนี้ กเ็ ป็นเช่นเดยี วกัน แต่คาวา่ อริยุปวาท จดั เปน็ วจีกรรม เป็นวจที จุ ริต อริยปุ วาทกรรม หรือ อริยปุ วาทน้ี คนสว่ นมาก ไม่คอ่ ยค้นุ หู และไมร่ วู้ า่ เปน็ กรรมหนกั เป็นบาป ๑ ม.มู. (แปล) ๑๒/๒๖๖-๒๖๗

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๓ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า เป็นบาปอกุศลทางวาจา ประเภทผรสุ วาจา คือ ลักษณะของอรยิ ปุ วาท เปน็ คาพดู หยาบคาย กระด้าง รนุ แรง ไมส่ ุภาพ เชือดเฉอื น เผด็ รอ้ น ฟังแลว้ ไม่ไพเราะเสนาะโสต การพูดตาหนิ พูดปรามาส พดู คาสบ แสลงหู ไมน่ า่ ฟัง กระตุน้ ให้เกดิ โทสะ เปน็ ไปเพือ่ ประมาท ดา่ ทอพระอรยิ เจ้าน้ัน มลี กั ษณะ ดงั น้ี ทาใหเ้ สียอารมณ์ ทาลายสมาธิ สว่ นในคมั ภีร์ชน้ั อรรถกถาพระวินัยปิฎก ๑.พูดใส่รา้ ยป้ายสีท่านดว้ ยอาบัติ มหาวภิ งั ค์กล่าวถงึ ตวั อย่างของอรยิ ุปวาท ซ่ึงมี ปาราชิกว่าท่าน ได้ฆ่ามนุษย์ เสพเมถุน ลกั ความหมายนัยรวมไปถงึ มโนกรรมฝา่ ยอกศุ ล ทรัพย์ พูดอวดคณุ วิเศษท่ไี มม่ ีในตน หรอื พูด ดว้ ย คอื การคิดดูหม่นิ การคิดจับผิด การคดิ ตาหนลิ ว่ งเกนิ วา่ ท่านไม่ใชพ่ ระ ไมเ่ ป็นพระแล้ว เพง่ โทษ คดิ ตาหนติ เิ ตยี นในใจดว้ ย ถงึ แม้ ขาดจากความเป็นพระไปแลว้ ไม่มคี ณุ สมบตั ทิ ่ี บุคคลผคู้ ิดตาหนลิ ว่ งเกินจะยงั ไมไ่ ด้แสดง จะเป็นพระได้หรอก ทา่ นเป็นพระช่ัว เป็นพระไม่ ออกมาทางวาจา กจ็ ัดเป็นอริยุปวาทได้เช่นกัน ดี เปน็ พระเลว เป็นพระใชไ้ ม่ได้ หรอื ท่านเปน็ เหมอื นภกิ ษุหนุ่มทีเ่ ปน็ โสดาบันคิดดหู มิ่น พระทไี่ ม่เอาไหน เปน็ ต้น ท้ังๆท่ีทา่ นไม่ไดท้ า พระอรหันต์ หรอื บตุ รชายของโสเรยยเศรษฐี อย่างน้นั แตเ่ ปน็ การพูดใหร้ ้าย คดิ อยากได้พระอรหนั ต์มาเปน็ ภรรยา จนทาให้ ๒.พดู ลบหลู่ดูหมน่ิ คณุ ธรรมของทา่ น ร่างชายกลายเปน็ หญงิ ไปทันใด อยา่ งไมน่ า่ เช่อื เช่น พูดด่าวา่ ทา่ นไม่มีฌาน ไม่ไดม้ รรคผล แตห่ ลังขอขมาโทษพระเถระแลว้ กก็ ลับมาเปน็ นพิ พานอะไรหรอก ท่านเป็นพระธรรมดาไมม่ ี เพศชายดงั เดมิ คุณวิเศษอะไร หรอื พดู กระทบกระเทยี บเปรียบ เปรย พดู เหน็บแนมกระทบเรื่องชาติกาเนิด ชอ่ื โคตรตระกลู การงาน ศลิ ปะ โรค รูปพรรณ สัณฐานของท่าน หรือคาสบประมาทอย่างอื่นๆ ในทานองท่วี ่า ท่านโงเ่ หมือนหมหู มา เหมือนววั ควาย ทา่ นเปน็ คนบา้ เป็นคนประสาทไม่ปกติ ดู เพ้ียนๆ เป็นคนขโี้ ม้ขี้คุย เปน็ คนโงเ่ ง่าเต่าตุน่ สิน้ คดิ ๒ เปน็ ตน้ ๓. พูดด่าวา่ สาปแช่งให้มอี นั เป็นไป ตา่ งๆ เช่น ขอให้อบุ ัติเหตุรถชนตาย ขอใหฉ้ ิบ  ว.ิ มหา.อ. (แปล)๑/๑/๒๘๐-๒๘๑ ๒ ว.ิ มหา. (แปล) ๒/ ๒๑๓, ธ.ป.๒/๗๐-๗๑เรอื่ งพระนางสามาวดี

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ หายวายวอด ขอใหม้ อี นั เป็นไปภายใน ๓ วนั อนั ตรายิกธรรม ๗ วัน ขอใหต้ ายโหง หรือขอให้ตายไม่ดี สงิ่ ท่เี ป็นโทษอนั ตรายต่อชวี ติ สาหรบั คาดา่ คาพดู เสยี ดสนี น้ั อาจจะ เปน็ คาหยาบ หรอื คาพูดสภุ าพก็เป็นได้ ท้ังนี้ อรรถกถาแห่งอลคทั ทูปมสูตร ได้ ขึ้นอยู่กับเจตนาทอ่ี ย่เู บือ้ งหลงั ของผู้พูดเปน็ กลา่ วถึง อันตรายิกธรรม๔ คอื ส่งิ ทเ่ี ป็น สาคญั ฉะนัน้ บคุ ลลผทู้ ่ีพูดล่วงเกิน พูดดหู มิ่น อุปสรรค หรือ เป็นอนั ตรายตอ่ การปฏบิ ัตธิ รรม กลา่ วคาตาหนติ ิเตยี นดา่ วา่ น้นั จะรู้ตวั หรือไม่ก็ และชีวิตในขณะท่ีเวยี นว่ายตายเกิดในสงั สารวัฏ ตาม จะพูดต่อหน้าหรือลบั หลัง หรอื วา่ พระอริย เพราะเมอ่ื ใครพลาดแล้ว มีโทษมาก มีผลรา้ ย เจา้ ทา่ นนนั้ จะรับรหู้ รอื ไม่ได้รับรกู้ ต็ าม ถอื ว่า ตามมาอย่างไม่คาดคดิ ถึงกับถกู ปิดกน้ั การ บคุ คลนั้นได้ทาอรยิ ุปวาทกรรมไปแล้ว๓ บรรลุมรรคผลนิพพาน และชวี ิตหลงั ตาย ประตูสวรรค์ถกู ปิดตาย ประตูอบายเปดิ รอรับ ห้ามการเกิดในเทวโลกภายในชาตนิ ้ัน แบง่ ออกเป็น ๕ ประการ คือ  กเิ ลส (มิจฉาทฏิ ฐ)ิ  กรรม (อนันตรยกิ รรม)  วิบาก (เกดิ เป็นสัตวแ์ ละบณั เฑาะก์)  อริยปุ วาท (พดู ตาหนิพระอรยิ เจ้า)  และวตี กิ กัมมะ (ละเมดิ ศีล) ในแตล่ ะหวั ข้อ มคี าอธิบาย ดงั น้ี ๑.กเิ ลส คือส่งิ ท่ีทาให้จติ ไมบ่ รสิ ุทธิ์ใน ท่ีน้ีหมายเฉพาะปริยุฏฐานกิเลสที่ครอบงาจิตใจ ได้แก่ มจิ ฉาทฏิ ฐิ คือ ความเห็นผดิ ความ เขา้ ใจผิด ความรไู้ ม่ตรงตามความจริง ในเร่ือง ชวี ติ และสจั ธรรม จดั เปน็ มโนกรรมฝ่ายบาป อกุศลประเภทท่ีรนุ แรง แบง่ ยอ่ ยได้อกี ดังนี้ ๓ วิ.มหา.อ. (แปล) ๑/๑/๒๘๐ ๔ ม.ม.ู (แปล) ๑๒/๒๔๕-๒๖๖,ดู อลคัททปู มสตู รและอรรถกถา

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๕ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ ๑.๑. ความเหน็ ผดิ วา่ “ผลของบุญ-บาป ทาน บริจาคสิ่งของชว่ ยเหลือคนอนื่ รกั ษาศลี ไม่มีจริง” (นัตถกิ ทฏิ ฐิ) เช่น ทานทใ่ี ห้แล้วแก่พอ่ ปฏบิ ตั ธิ รรมเปน็ ต้น กถ็ ือวา่ ไมเ่ ปน็ การทาบุญ แม่ พ่นี ้อง ญาติ แขกหรอื แก่พระสงฆ์สามเณร และไมไ่ ด้บุญ ไมม่ ผี ลบญุ อะไรติดตามมา เป็นตน้ ไมม่ ีผล ให้แล้วก็สญู เปล่า ยัญท่ีบูชาแลว้ มจิ ฉาทิฎฐปิ ระเภทน้ี ปฏิเสธทัง้ เหตุและผลของ หรอื การเซ่นสรวงก็ไมม่ ีผล การเคารพบชู ากราบ การทาชั่วและทาดีว่า ไมม่ ีชั่วไม่มดี ีและไมม่ ผี ล ไหว้ เป็นส่งิ ไรส้ าระ กรรมและผลกรรมท่ีทาดีหรอื กรรมชัว่ ไมม่ ผี ลกรรมดี ไม่มีบาปไม่มบี ญุ อะไร ทาช่วั ก็ไม่มีจรงิ ชาตทิ ่แี ลว้ หรอื ชาตหิ นา้ ไม่มีจริง ท้งั นั้น  มีคณาจารยช์ ือ่ มักขลิ โคสาล เปน็ ผู้ มีชาตินี้เพยี งชาตเิ ดียว เพราะสัตว์โลก ตายแลว้ ประกาศลทั ธินี้ เปน็ พวกไม่เชื่อเรื่องบญุ เรื่องบาป สญู ไม่มกี ารเกดิ อกี มารดาและบดิ าไม่มคี ุณจริง เหน็ วา่ เป็นเพยี งแค่นทิ านหลอกเดก็ ทาใหค้ น ทาดหี รือทาผดิ ตอ่ ทา่ นท้ังสอง ก็ไมม่ ีบุญ ไม่มี เกรงกลัวตอ่ บาปเฉยๆ แท้ทีจ่ รงิ แลว้ ไม่มี ซง่ึ บาป นรกสวรรค์ ภพภูมติ า่ งๆ กไ็ ม่มจี ริง เปน็ เทา่ กบั ปฏิเสธวา่ กรรมไม่มจี รงิ การกระทาไม่ เรือ่ งเพอ้ เจอ้ ไร้สาระหาความจริงไมไ่ ด้ และ มผี ล ความเพียรไม่มผี ล ตรงข้ามกบั คาสอน บุคคลทบ่ี รรลุธรรมเป็นพระอรหนั ต์ กไ็ มม่ ีในโลก ของพระพุทธเจ้าทุกอย่าง เปรียบเหมือนบุคคล ในสมัยพุทธกาล มเี จา้ ปายาส๕ิ ผคู้ รองเมือง พึงวางไซดกั ปลาไวท้ ป่ี ากอ่าวเพื่อความฉิบหาย เสตัพยะ เปน็ ต้น เป็นตวั อย่าง เพ่ือความพินาศแก่ปลาเปน็ อนั มาก แมฉ้ ันใด ๑.๒. ความเห็นผิดวา่ “เหตแุ ละผลที่ทา แม้คาสอนของเจ้าลัทธิ ชื่อ มักขลิ กฉ็ ันน้นั แล้ว ไม่ถอื ว่าเปน็ บาปหรือบญุ ” (อกิรยิ ทฏิ ฐ)ิ เหมอื นกัน เป็นเสมือนกับไซดักมนษุ ย์ เกิดขน้ึ ใน เช่น ‘ทาช่วั ทาดีแลว้ กถ็ อื ว่าเป็นเพียงแคก่ าร โลกแลว้ เพ่อื มิใช่ประโยชน์ เพอ่ื ทุกข์ เพือ่ ความ กระทาเฉย ไม่มีชัว่ ไม่มดี อี ะไรทงั้ นั้น ทาบาป ฉิบหาย เพอื่ ความพินาศแกม่ วลชนเป็นอันมาก หรือทาบุญแล้ว กไ็ มถ่ อื วา่ เปน็ บาปหรอื เป็นบุญ ๑.๓. ความเห็นผดิ วา่ “ทุกอย่างที่ได้รบั ไมว่ ่า เราจะทาเอง หรอื ใช้ให้ผู้อื่นทาบาปก็ตาม เปน็ แค่เร่ืองบังเอญิ ไมม่ ีเหตุปัจจยั ทาให้ ตวั อยา่ งเชน่ ฆ่าสัตว์ ลักทรพั ย์ คอรปั ชัน่ ผิด เกิด” (อเหตกุ ทิฏฐ)ิ คอื สัตวโ์ ลกทง้ั หลาย จะดี ในลูกเมยี สามีคนอื่น พูดเทจ็ เปน็ ตน้ การ หรอื ชว่ั จะสขุ หรอื ทกุ ข์ จะขน้ึ สวรรค์หรือตกนรก กระทาเช่นน้ี กไ็ มถ่ ือว่า เปน็ การทาบาป และไม่ ทุกอยา่ ง ขนึ้ อยู่ทคี่ วามบังเอญิ หรือโชคชะตา มบี าปกรรมติดตามมา อย่างเดียว ไมม่ เี หตปุ ัจจัยอะไรทที่ าใหส้ ตั ว์โลก ในทางตรงข้าม เมื่อบุคคลทาบญุ เองหรือ ทงั้ หลายเป็นอยา่ งนั้น จะเพยี รพยายามไปก็ ใชใ้ ห้คนอื่นทาก็ตาม เช่น ชว่ ยเหลอื ชวี ิตสัตว์ ทา เทา่ น้ัน เมื่อยังไมถ่ ึงเวลา ก็เปล่ียนแปลงอะไร ๕ ดู ท.ี ม.(แปล) ๑๐/๓๔๒-๓๗๒ ปายาสสิ ูตร  องั .ติก.(แปล) ๒๐/๓๘๖ ดู เกสกมั พลสตู ร

อริยปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๖ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า ไม่ได้๖ ลทั ธนิ ้ี เชื่อเร่ืองโชคลางเห็นว่า ทุกอย่าง ในสมัยคร้ังพทุ ธกาล มีพระสาติเปน็ ขน้ึ อยกู่ ับจังหวะของมัน ไมต่ ้องทาอะไร รอแต่ ตวั อย่าง คือ ภกิ ษรุ ูปนไ้ี ดฟ้ งั เร่อื งชาดกมาว่า ดวง คอยแต่วาสนาแบบเลอ่ื นลอยว่า วนั หนง่ึ จะ พระเวสสนั ดรในอดีตชาตินัน้ ไดเ้ กิดมาเป็น โชคดี ไม่ต้องลงทนุ ทาอะไรท้ังสน้ิ พระพุทธเจ้าในชาติปัจจบุ ัน จงึ เขา้ ใจผิดวา่ วญิ ญาณน(ี้ คาวา่ จิต,มโนและวิญญาณ เปน็ ส่ิง บคุ คลทีม่ ีมจิ ฉาทิฏฐมิ ดื บอด สุดโตง่ ท้ัง เดียวกัน) เปน็ ตัวยนื โรง ไม่รู้จักตาย พาเวียน ๓ ประการข้างตน้ น้ี ในชาติปจั จุบนั หมดสิทธิ์ ว่ายตายเกิด เปน็ ตัวที่ทาให้คนพดู ได้ รบั รู้ บรรลมุ รรคผลนิพพาน หลังจากตายแลว้ ไปเกิด สขุ ทกุ ข์และเป็นตัวรบั ผลของกรรม๗ แมม้ ี ในนรกซ่ึงเป็นภพภมู ิทม่ี ดื สนิทอย่างเดยี ว ไปเกดิ ภิกษรุ ูปอ่ืนบอกใหเ้ ปล่ยี นความเขา้ ใจเสยี ใหม่วา่ ในสุคติภูมิท่ีสว่างไสวบนโลกสวรรค์ชน้ั ใด การเขา้ ใจอย่างน้ัน ผดิ หลักคาสอนของพระ ชน้ั หน่ึงไมไ่ ด้ ศาสดา แต่ภกิ ษุน้ียงั ยนื ยัน และยึดถอื เชน่ นัน้ ๑.๔. ความเห็นผดิ ว่า จิตวิญญาณและ เหมอื นเดมิ การเขา้ ใจเช่นน้ีผดิ หลกั พุทธ โลกจกั รวาลนีเ้ ปน็ อมตะ (สัสสตทิฏฐิ) เปน็ สง่ิ ธรรม เนือ่ งจากวา่ สภาพวิญญาณ คอื การรบั รู้ ที่เท่ยี งแทแ้ น่นอน ยงั่ ยนื คงท่ี ไม่เปลย่ี นแปลง ทางตา หู จมกู ลิน้ กายและใจนนั้ เกิดจากเหตุ แมอ้ ะไรอยา่ งอนื่ จะเปลยี่ นไป แต่จติ และโลก ปัจจัยตา่ งๆ มีการเกิดและดบั ตลอดเวลา ไม่ใช่ จกั รวาลนี้ กย็ งั คงอยู่ไดเ้ หมือนเดมิ จะเกิดอีกกี่ สิ่งอมตะ เปลยี่ นแปลงได้ (อนจิ จัง) ไม่คงที่ ไมค่ ง ภพก่ชี าติ ยาวนานแค่ไหน อย่างอืน่ เปลีย่ นแปลง เดิม(ทกุ ขงั ) และไม่มีตัวตนท่ีแทจ้ ริง บังคับ ได้ แต่จติ วิญญาณนี้ เปน็ อมตะ ไม่รูจ้ ักตาย บญั ชาใหเ้ ปน็ ตามใจไมไ่ ด้ (อนตั ตา) การเกดิ ดับ ยังคงอยู่ ไม่สญู สลายตามกาลเวลา เปน็ อมตะ ของวิญญาณหรือจิตน้ีเร็วมาก ท่านอปุ มาว่า นิรันดร์กาล เพยี งแคช่ ั่วดดี นว้ิ จิตเกิดดับเปน็ ล้านๆครัง้ แต่ คนทีม่ มี ิจฉาทฏิ ฐปิ ระเภทน้ี ยังไปเกดิ ใน เพราะสตปิ ัญญาของปถุ ุชนคนเราจับไมท่ ัน จงึ สคุ ติโลกสวรรค์ได้ แต่จะบรรลุธรรมข้ันมรรคผล ไม่สามารถจะรู้ได้ นอกจากสัพพญั ญุตญาณของ และนพิ พานนน้ั ไม่ได้ เพราะยงั เหน็ กายใจเป็น พระพทุ ธองค์ อัตตาตัวตนอยู่ และมองไมเ่ หน็ ไตรลักษณ์ คอื เพราะอานาจมจิ ฉาทิฏฐแิ ละกรรมจาก อนจิ จงั ทกุ ขังและอนัตตาในขันธ์ ๕ อีกท้งั ละ การกล่าวตูค่ าสอนของพระพุทธเจา้ ทาให้ ความเห็นผิดเรอื่ งตัวตนยงั ไมไ่ ด้ พระสาติรูปน้ี ไมเ่ จรญิ งอกงามในพระธรรมวนิ ยั ได้อีกต่อไป การบรรลโุ ลกุตรธรรม คือ มรรค ๖ ม.ม. (แปล) ๑๓/๙๕-๑๑๓ อปณั ณกสูตร ๗ ม.มู. (แปล) ๑๒/๔๒๗-๔๕๑ มหาตณั หาสัขยสูตร

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๗ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจ้า ผลนิพพานในชาติน้ี ถูกปิดตาย เพราะ เหมอื นพวกคนตาบอดคลาชา้ ง คลาถกู ส่วน อุปนสิ ัยแห่งการบรรลมุ รรคผลของเขาไมม่ ี ไหน ก็คิดว่าชา้ งเปน็ อย่างนนั้ ๑๐ เช่น คลาถูก เน่อื งจากถูกอรยิ ปุ วาทกรรมขุดโค่นทาลาย ส่วนขา กค็ ิดวา่ ชา้ งเหมือนเสา คลาถูกหาง ก็ หมดแลว้ ต้องลาสกิ ขาเวยี นมาเพอื่ เป็น เขา้ ใจวา่ ช้างเหมือนไม้กวาด เป็นตน้ ท้ังที่ความ คฤหสั ถ์สถานเดียว แมพ้ ระพุทธองคก์ ็งดให้ จริง ช้างไม่ได้เป็นอยา่ งน้นั แต่เพราะรู้ไม่ครบ โอวาท ไมต่ รัสสอนอีกตอ่ ไป สว่ น จึงเกดิ ความหลงผดิ เขา้ ใจผิดไม่ตรงกับ ๑.๕. ความเห็นผดิ วา่ หลงั จากตายแลว้ ความจรงิ ชีวติ นี้ พร้อมทง้ั กายและใจทกุ อยา่ งก็จบสิ้น จติ ทางพระพุทธศาสนาสอนวา่ ตราบใดที่ วญิ ญาณ สญู สลาย (อุจเฉททิฏฐิ) เพราะเกดิ มเี ช้ือเกิด คือ กิเลส ไดแ้ ก่ อวิชชา ตณั หา ชาติเดยี วและตายเพียงแค่ชาติน้หี นเดียว ไมม่ ี อปุ าทาน กรรม ตายแลว้ ตอ้ งเกดิ อีกแน่นอน ชาติหนา้ หรือภพชาตติ ่อไป ยกเวน้ พระอรหนั ตผ์ ูห้ มดกเิ ลสแล้ว ตายแล้ว ในสมยั พทุ ธกาล มภี ิกษรุ ูปหนง่ึ ชอ่ื ยมก ยอ่ มไม่เกิดอีก ไมใ่ ชไ่ มเ่ กดิ อกี แบบอุจเฉททิฏฐิ เคยเข้าใจผิดว่าพระอรหันต์นัน้ หลังจากตาย แต่ทไ่ี ม่เกิดอีกเพราะหมดเชือ้ เกดิ แล้ว แล้วสูญสน้ิ พินาศ ไมเ่ กิดอีก๘ ซ่ึงถ้าดูอย่าง ส่วนความเห็น ความเขา้ ใจของพระยมก ผวิ เผนิ ก็เหมือนจะมีสว่ นถกู แต่เพ่ือป้องกัน น้ีไปตรงกับลทั ธิอุจเฉททิฏฐิ ฉะนั้น เพ่ือป้องกนั ความเขา้ ใจผดิ ไม่ใหไ้ ปปะปนสบั สนกับลัทธิ ความเขา้ ใจผดิ ในเร่อื งน้ี ท่านพระสารีบุตร จงึ อุจเฉททฏิ ฐิที่พวกศาสดา คณาจารย์ เจ้าลทั ธิ ได้อธิบายช้ีแจ้งประเด็นเรื่องการเกิดและไม่เกดิ ทง้ั หลายสอนกันจนแพรห่ ลายในยุคนน้ั ว่า สัตว์ อีกตามหลักพุทธธรรมให้ฟังอยา่ งชัดเจนแจม่ ทุกจาพวก หลังจากตายแล้วสูญ พนิ าศ ไม่ แจ้ง จนพระยมกเข้าใจถูกต้องและไดบ้ รรลุ เกดิ อกี เพราะลัทธิน้ี เป็นมจิ ฉาทฏิ ฐิ เขา้ ใจ ธรรมเปน็ พระอรหนั ต์ในขณะสนทนาถาม ผดิ เร่ืองชวี ิตในสังสารวฏั ไม่ถกู ต้องตามความ ตอบปัญหาธรรมในเรอื่ งนี้ เป็นจริง เน่ืองจากพวกศาสดาผู้ประกาศลัทธิ การหลงเข้าใจผิดเร่ืองชวี ิตอย่างมดื บอด เหลา่ นี้ มีบุพเพนวิ าสานสุ สติญาณ ซง่ึ เปน็ แล้วยึดถอื ความเหน็ ผิดนนั้ เป็นความเห็นถกู เคร่ืองมือในการตรวจสอบมขี ดี จากดั รเู้ ห็น แลว้ ไม่ละวาง จิตท่ีหลงผดิ ย่อมสรา้ งภพภมู ทิ ี่ สงั สารวฏั ไมต่ ลอดสาย๙ ไม่ครบวงจร กล่าวคอื มดื มดิ ชวี ติ หลงั จากตายของคนท่มี ีอจุ เฉท เห็นจตุ ิ(ตอนตาย) แต่ไมเ่ ห็นอุบัติ(ตอนเกดิ ) ทฐิ ิน้ี มีโทษมากกวา่ พวกมีสสั สตทฐิ ิ เพราะ จงึ เขา้ ใจผิด เกดิ สาคัญผดิ วา่ ตายแล้วสูญ ต้องเกดิ ในนรกสถานเดยี ว เกดิ ในสุคตโิ ลก ๘ สงั .ม. (แปล) ๑๗/๑๔๗-๑๕๓ ดู ยมกสูตรและอรรถกถา ๑๐ ขุ.อ.ุ (แปล)๒๕/๒๘๙-๒๙๒ ปฐมนานาตติ ถิยสตู ร ๙ ท.ี สี.(แปล) ๙/๑-๔๗ พรหมชาลสตู ร

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๘ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอรยิ เจ้า สวรรค์ไม่ได้ การท่จี ะละกเิ ลส ไดด้ วงตาเห็น จิตเลวทรามแลว้ ทุกอยา่ งกเ็ ลวทรามตามไปดว้ ย ธรรม บรรลุมรรคผลนพิ พานนั้น ยงั ห่างไกล ไม่ เพราะส่งิ ทัง้ หลายมใี จเป็นหวั หนา้ มีใจเปน็ จาเป็นตอ้ งพูดถึง ประธาน ทกุ อยา่ งข้ึนอยู่ท่ีใจ มิจฉาทิฏฐิ ความหลงผดิ ของพวกเจ้าลทั ธิ ศาสดาคณาจารยท์ ั้งหลาย เป็นความรทู้ ีย่ ังไม่ ๒. กรรม ในทน่ี ีห้ มายถงึ อนันตรยิ กรรม สมบูรณ์ เพราะรู้ไม่จริง รเู้ พียงบางส่วน ไมค่ รบ ซึง่ เปน็ กรรมท่ีให้ผลฉับพลนั ทนั ทีไม่มีระหว่าง ไม่ วงจรตลอดสาย ทั้งนีเ้ พราะเครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ใน มกี รรมอนื่ จะมาขัดขวางได้ เพราะเป็นกรรมหนกั การหย่ังรคู้ วามจรงิ คือ สมาธิ อภิญญาและ มโี ทษมาก ใหผ้ ลทันตา ทงั้ ในชาตปิ จั จบุ ัน และ หลกั อนุมานเทยี บเคียงยังไม่ได้มาตรฐานพอ ชาตหิ น้า แบง่ ได้ ดังนี้ จึงทาใหเ้ กิดความผดิ พลาด แลว้ ยึดถือความรู้  การฆ่ามารดาและบดิ า(มาต-ุ ปิตฆุ าต) น้ันวา่ เปน็ จริง อยา่ งอื่นผิด ตัวอยา่ งเช่น บรุ ุษคนหนง่ึ หลงเช่อื เมียมาก เพราะฉะนน้ั กเิ ลส คอื มจิ ฉาทฏิ ฐทิ ุก เกินไป จนเป็นเหตุทาร้ายทุบตแี ละฆา่ พ่อแม่ ประเภท ท้ังสัสสตทฏิ ฐิและอจุ เฉททิฏฐิ ช่อื วา่ จนถงึ แกช่ วี ิต ซ่งึ เป็นอดีตชาติทผ่ี ่านมาของท่าน เป็นบอ่ เกิดแหง่ บาปอกุศลท้งั หลายทง้ั ปวง อกี พระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกเบือ้ งซ้าย ทั้งมโี ทษมากตอ่ การดาเนินชีวิตท่ีดีงาม และตอ่ เป็นเลศิ ในทางฤทธ์ิ ผลกรรมน้ีทาให้ทา่ นต้องตก การปฏิบตั ธิ รรมเพอื่ บรรลุมรรคผลนพิ พาน ทงั้ ใน นรกหลายแสนปี เมอื่ เกิดเป็นมนษุ ย์ ได้ถกู ทบุ ชาติน้ี ชาตหิ นา้ และชาติตอ่ ไปเหมอื นพุทธพจน์ ตายประมาณ ๑๐๐ ชาติ แม้ในชาตสิ ดุ ท้าย ถงึ ที่วา่ จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันตแ์ ล้ว เศษวิบาก “ภกิ ษทุ ง้ั หลาย! เรายงั ไม่เล็งเหน็ แมธ้ รรม แหง่ กรรมทเี่ หลอื ยังส่งผลทาใหถ้ ูกพวกโจรทบุ อยา่ งหนง่ึ อ่ืน ซึง่ มโี ทษมากกว่าเหมือนอยา่ ง ตีจนรา่ งกายแหลกเหลว จนตอ้ งปรินิพพาน ส่วนพระเจา้ อชาตศตั รูได้ทาปิตฆุ าต มิจฉาทิฏฐินีเ้ ลย ภิกษุทั้งหลาย! โทษท้ังหมดมี โดยปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารพระบิดา แม้ มจิ ฉาทิฏฐเิ ปน็ อยา่ งย่งิ ...” ๑๑ ทกุ สงิ่ อยา่ ง ขึ้นอยทู่ ใ่ี จเป็นสาคญั เมอื่ ใจ ได้ฟงั ธรรมเทศนา๑๒จากพระศาสดา ซ่งึ ควรจะ รู้ผดิ ชวี ิตจึงผดิ พลาด ความชวั่ ทั้งหลายทงั้ ปวง ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลโุ สดาปตั ติผลใน เกิดมาจากจติ ท่ีมดื บอดหลงผดิ นเ้ี อง เพราะเม่อื ขณะน้ัน แต่ก็ถกู ปิตุฆาตกรรมนีป้ ิดก้นั บรรลุ ความเห็น ความเข้าใจผิดแลว้ แม้การคิด การ พดู และพฤตกิ รรมตา่ งๆ ก็พลอยผดิ ไปด้วย หาก  อัง.ปัญจ.(แปล) ๒๒/๒๐๙, ปริกปุ ปสูตร ม.อุ. (แปล) ๑๔/๑๖๐-๑๖๙ พหุธาตกุ สูตร และอรรถกถา ๑๑ องั .เอก.(แปล) ๒๐/๓๘ ๑๒ ท.ี ส.ี (แปล) ๙/๔๘-๘๕ สามัญญผลสตู ร องั . ฉัก. (แปล) ๒๒/๖๑๐-๖๑๑ อาวรณตาสูตร

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๙ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจา้ โลกตุ รธรรมไม่ได้ แมใ้ นเวลาตอ่ มา จะเปน็ อคั ร เพือ่ นรว่ มคณะขึ้นเขา่ ท่ที รวงอก จนกระอกั เลือด ราชูปถมั ภ์ในการปฐมสงั คายนาพระธรรมวินัยท่ี ตอ้ งมาอาพาธหนกั อกี ๙ เดอื น แมส้ านกึ ผดิ ได้ ถา้ สัตบรรณคหู า และได้บาเพญ็ บุญกุศลอืน่ อกี บ้าง ตง้ั ใจมาเข้าเฝ้าพระศาสดา แตไ่ ม่สามารถ มากมาย แต่สุดทา้ ย พระองค์ก็ถกู อภัยราช เขา้ เฝ้าต่อหน้าพระพกั ตร์ได้ เพราะความดีแม้ กมุ ารพระโอรสปลงพระชนม์ หลงั จากสวรรคต ขนาดเท่ากับเมล็ดงา กไ็ ม่มีเหลอื หมดบุญ แลว้ ไปเกิดในโลหกมุ ภนี รกอกี ๖ หมน่ื ปี บญุ สิ้นวาสนาเหลอื แต่กรรมดาอย่างเดยี ว เพราะ กศุ ลอนื่ ท่ที ามามากมาย แต่ก็ไมอ่ าจหา้ มวบิ าก บาปใหญ่หลวงและหนกั มาก จนแผ่นดนิ รับ ของกรรมนี้ไมใ่ หส้ ง่ ผลได้ จะตอ้ งไดร้ ับผล ไม่ไหว จึงตอ้ งถูกธรณีสูบ ณ บรเิ วณสระ ของอนันตรยิ กรรม คอ่ ยมารบั ผลของกศุ ลกรรม โบกขรณี ใกล้ประตทู างเขา้ วัดพระเชตวัน อ่นื ๆภายหลงั หลงั จากมรณภาพแลว้ กไ็ ปเกิดในอเวจีนรก เป็นเวลา ๑ กปั ๑๔ ซง่ึ คิดเปน็ ระยะเวลาก็นับไม่ การฆ่าพระอรหนั ต์(อรหันตฆาต) ถ้วนคานวนไมไ่ ดว้ า่ เป็นก่ีลา้ นๆๆๆปี ถึงจะพน้ เชน่ พวกมหาโจรทีเ่ หล่านกั บวชเดยี รถียจ์ า้ งมา จากนรก และยังต้องรบั เศษของกรรมนี้อีก ฆ่าทา่ นพระมหาโมคคัลลานะ แมท้ ่านไม่ได้ ยาวนาน เมอ่ื บุญกุศลทีเ่ กดิ จากการถวายกระดูก ปรินพิ พานทนั ที แตเ่ พราะการถูกทบุ ตนี ้ันเปน็ คางและลมหายใจเปน็ พุทธบูชา และกศุ ลกรรม เหตุใหท้ า่ นปรินิพพานในเวลาต่อมา ท้งั ผูจ้ า้ ง อนื่ ๆที่ทาไว้สง่ ผล ในขณะเว่ียนว่ายตายเกดิ ใน วานและผู้ลงมอื ฆ่า ไดร้ บั ผลกรรมตามกัน คอื ถกู สงั สารวัฏ เปน็ ระยะเวลาแสนกปั กจ็ ะได้ตรสั รู้ ลงทณั ฑ์ด้วยการเผาทง้ั เป็น เมอ่ื ตายแล้ว ก็ตอ้ ง ธรรมสาเร็จเป็นพระปัจเจกพทุ ธเจ้า พระนามว่า ไปเกดิ ในอบายภูมิ นบั ชาตไิ ม่ถ้วน อฏั ฐิสสระ  การทารา้ ยพระวรกายพระพุทธเจา้ ผู้ทีท่ าอนันตรยิ กรรมเพยี งขอ้ ใดข้อหนึง่ จนหอ้ โลหิต(โลหิตุปบาท) และการทาลาย ภายในชาติน้ัน ถงึ จะทากุศลความดีอน่ื ๆอีกมาก สงฆใ์ ห้แตกสามัคคีกนั (สังฆเภท) มีพระ หลายประการ กไ็ ม่สามารถบรรลุมรรคผล เทวทตั เป็นผู้กระทา๑๓ เพราะถกู ลาภสักการะ นิพพานได้ และหลังจากตายแลว้ ตอ้ งไปเกิดใน ครอบงา เนอ่ื งจากอยากเป็นพระพุทธเจ้าและ นรกอบายภูมิสถานเดียว แม้พระพุทธเจ้าก็ ต้องการปกครองสงฆ์ หลงั จากทาสงั ฆเภทแล้ว ช่วยไม่ได้ ไมม่ ีบุญกศุ ลอื่นใดทจี่ ะมาลบลา้ ง ตอ่ มาเกดิ การทะเลาะกนั ถกู พระโกกาลกิ ะ แก้ไข เปล่ยี นแปลงบาปกรรมน้ีได้ ทง้ั น้ี เพราะอนันตรยิ กรรมนม้ี ีโทษร้ายแรง เกินกว่าจะ ในกรณีนางยกั ษิณีแปลงเปน็ แม่วัวชนทา่ นพระพาหิยะจนถงึ แก่ ปรนิ ิพพาน ก็ไม่จดั เปน็ อนันตรยิ กรรม แต่เปน็ กรรมหนักมผี ลเท่ากบั ๑๔ ข.ุ อติ ิ. (แปล) ๒๕/๔๕๘-๔๖๐ เทวทตั ตสูตร และอรรถกถา, อนันตริยกรรม ข.ุ อ.ุ (แปล) ๒๕/๑๘๓-๑๘๗ พาหิยสตู รและอรรถกถา องั .ทสก.(แปล) ๒๔/๙๐-๙๑ ปฐมอานนั ทสูตร ๑๓ วิ.จ.ู (แปล) ๗/๑๙๐-๑๙๕, ขุ.อิต.ิ (แปล) ๒๕/๓๖๑-๓๖๒ สงั ฆเภทสตู ร

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๐ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจ้า เยยี วยา ยากทจี่ ะแกไ้ ขเหมอื นติดเชื้อเอดส์ (ภาษาพระเรียกวา่ อภุ โตพยญั ชนก)และการเกดิ หรอื เปน็ โรคมะเร็งระยะสดุ ท้ายจนร่างกายรบั เปน็ สัตว์เดรัจฉานทุกประเภท เช่น ช้าง ไมไ่ หวแลว้ ตอ่ ใหเ้ ป็นหมอเทวดา มียาวิเศษแค่ โพธสิ ตั ว์ ช่ือ ปาลิไลยกะ๑๖ที่เคยทาหนา้ ท่ี ไหน ก็ยากท่จี ะเยียวยารักษาไดท้ นั อปุ ฏั ฐากพระพุทธเจ้าในสมยั ที่พระองคป์ ลีก วเิ วกในปา่ ปาลไิ ลยกะตลอด ๓ เดือนภายใน ส่วนการขม่ ขืนภิกษุณีปถุ ุชนหรือพระ พรรษาก็ดี พญานาคทแ่ี ปลงตัวเป็นมนุษย์มา อรหันต์ท่ัวไป เป็นเพยี งกรรมหนกั (ครกุ รรม) ไม่ บวชเป็นภิกษุ กด็ ี หรือ เอรกปัตตนาคราช๑๗ ท่ี จัดเป็นอนันตริยกรรม กรรมชนิดนี้ จะปดิ กัน้ ใชน้ าคธดิ าฟ้อนราและร้องเพลงบนพังพานรอให้ เฉพาะการบรรลุมรรคผลนพิ พานอยา่ งเดียว แต่ คนมาร้องเพลงโตต้ อบ เพ่ือเป็นอบุ ายใหร้ ูว้ า่ พระ ไม่หา้ มการเกิดในสคุ ติโลกสวรรค์ สว่ นในกรณี สัมมาสมั พทุ ธเจา้ ได้อุบตั ิข้นึ แล้วในโลกแลว้ หรือ ของนันทมานพ ซง่ึ เปน็ ลูกของลงุ ไดข้ ่มขนื ทา่ น ยัง เปน็ ตน้ ก็ดี แม้จะทาความดีแค่ไหน ก็ไม่อาจ พระอุบลวรรณเถรี ผ้เู ปน็ อคั รสาวิกาเบื้อง ยังคุณวเิ ศษใหเ้ กิดขนึ้ ได้ ซา้ ย เลิศทางฤทธิ์ เพือ่ สาเรจ็ ความใครน่ ้นั เปน็ บาปหนกั มาก แม้แผน่ ดินรับไม่ไหว ต้องถูกธรณี ตามหลกั วินัย บัณเฑาะก์หรอื บคุ คลผ้มู ี สบู หลงั จากตายแลว้ ก็ไปเกดิ ในอเวจีนรก เพศกากวม ท่านห้ามไมใ่ หอ้ ุปสมบท ถ้าบวชแล้ว ก็ใหล้ าสกิ ขาเสีย เพราะจะทาใหเ้ กดิ ความเสอ่ื ม ในทางวนิ ัย มีขอ้ ห้ามสาหรับผขู้ ่มขืน เสียแก่หมคู่ ณะ สรา้ งบาปอกศุ ลกรรมตา่ งๆ ภิกษุณี หรอื ผู้เคยทาอนันตริยกรรมข้อใดข้อ ให้กบั ตัวเอง อีกท้ังไมส่ ามารถจะเจริญกา้ วหน้า หนึง่ หรือหลายข้อมาก่อน ซึง่ จะถกู ห้ามไม่ให้ ในทางธรรม๑๘ หรอื ไมส่ ามารถจะบรรลมุ รรคผล อปุ สมบท แมผ้ ู้ทบ่ี วชมาแล้ว กต็ ้องใหล้ าสิกขา และนพิ พานได้ภายในชาตนิ ้ัน เพราะถูกวิบาก เพราะไมส่ ามารถเจรญิ งอกงามในพระธรรมและ กรรมเกา่ ทีเ่ กิดจากมิจฉาทฏิ ฐิและการผิดศีลขอ้ วนิ ัย๑๕ คือไม่อาจไดฌ้ านสมาบัติ ไมส่ ามารถ กาเมสมุ จิ ฉาจารปดิ กั้นขัดขวางเอาไว้ และ บรรลุมรรคผลนพิ พานได้นนั่ เอง เนอ่ื งจากมีกเิ ลสรนุ แรง ๓.วบิ าก ในท่นี ีห้ มายถึง สง่ิ ที่เกดิ จาก ๑๖ ดู ขุ.อ.ุ (แปล) ๒๕/๒๔๒-๒๔๖,นาคสูตรและอรรถกถา ผลของกรรมเกา่ ตวั อย่างเชน่ การเกิดเปน็ ๑๗ วิ.มหา. (แปล) ๔/๑๗๕-๑๗๖ บัณเฑาะก์ (กะเทย, ทอม,เกย์) หรือ การเกดิ สาหรับเอรกปัตตนาคราชท่านน้ี เมื่อไดฟ้ งั ธรรมจากพระพทุ ธองค์แล้ว เป็นคนทม่ี ีเพศกากวม คอื มีทัง้ อวยั วะเพศ แมจ้ ะไมไ่ ด้บรรลมุ รรคผลนพิ พาน แต่ได้คุณพิเศษหลายประการ คือ หญิงและอวัยวะเพศชายในบคุ คลเดยี วกนั ไม่ต้องมรี า่ งกายเป็นนาคในขณะเกิด ตาย เสพสังวาส นอนหลบั และลอกคราบ แตม่ อี ตั ตภาพรา่ งกายเปน็ คน ธ.ป. ๖/๑๔๕-๑๕๓  ธ.ป. ๓/๒๑๔-๒๑๘ ดู เรอื่ งพระอบุ ลวรรณาเถรี ดู เร่อื งนาคราชชอ่ื เอรกปตั ตะ ๑๕ วิ.มหา. (แปล) ๔/๑/๑๗๕-๑๘๐ ๑๘ วิ.มหา. (แปล) ๔/๑/๑๘๐

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ ส่วนพญานาคทกุ ประเภท วา่ โดย สังฆาทเิ สส หรอื อาบตั เิ บา เชน่ อาบัติถุลลจั จัย กาเนดิ ช่ือว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน แม้จะทากุศล อาบตั ิปาจิตตยี ์ อาบัติปาฏิเทสนยี ะ อาบัติทุกกฏ แคไ่ หน ก็ไม่ได้ฌานหรอื บรรลุโลกุตรธรรมได้ และอาบตั ทิ พุ ภาสติ ๑๙ เนือ่ งจากบุคคลและสัตวเ์ ดรจั ฉานทัง้ หลาย สาหรับทาผดิ อาบัติขั้นปาราชกิ มีเป็น ดงั กลา่ วข้างต้น กาลังถูกวิบากกรรมเกา่ ใน อนั ตรายรา้ ยแรงทส่ี ุด คอื ปิดกั้นไมใ่ หบ้ รรลุมรรค อดีตชาติปดิ กัน้ ขัดขวางเอาไว้ ซึ่งวบิ ากกรรม ผลและนิพพาน ตลอดเวลาทต่ี ้องอาบัติแลว้ ยัง นท้ี างานโดยอัตโนมตั ิ แม้จะทากุศลความดี ปฏิญญาตัวเองวา่ “เป็นภกิ ษอุ ย”ู่ แตถ่ า้ เปล่ียน มากมายแค่ไหน กไ็ ม่ถงึ ข้ันสมาธิและปญั ญา จงึ เพศและภาวะมาเปน็ สามเณรหรอื คฤหัสถ์แล้ว ไม่มีคุณธรรมรองรบั มรรคผลและนิพพานภายใน วิบากกรรมน้ัน ก็ไม่เป็นอันตรายตอ่ การบรรลุ ชาติปัจจุบันได้ ธรรมขนั้ โลกุตตระ สาหรับทาผิดวินยั ล่วงละเมดิ อาบตั ิขั้นสังฆาทเิ สส หลังจากอย่ปู ริวาสกรรม ๔.อรยิ ปุ วาท คอื การพูดตาหนิ การด่า แลว้ ก็ไม่เป็นอนั ตราย สว่ นทาผดิ อาบตั ทิ ีเ่ หลอื พระอริยเจ้าทั้งหลาย แบ่งออกเป็น ๒ ระดับ หลังจากปลงอาบตั ิแลว้ ก็ไมเ่ ป็นอันตรายตอ่  ระดับทแ่ี ก้ไม่ได้ เป็นกรรมทร่ี ุนแรง โลกุตรธรรมเชน่ กัน เขม้ ข้น เช่นกรณพี ระโกกาลกิ ะด่าพระอัคร ในคัมภีรม์ ิลินทปัญหา พระนาคเสน สาวกท้ังสอง เป็นต้น อริยุปวาทอย่างน้ี แก้ไข กล่าวถงึ บคุ คลทไี่ มส่ ามารถบรรลโุ ลกุตรธรรม ไมไ่ ด้ สานึกไมท่ ันหรือไม่มโี อกาสแกต้ วั เพราะ ภายในชาติปัจจบุ นั ได้ ซึ่งมีนัยสอดคลอ้ งกับหลกั ถงึ แก่ความตายก่อน อันตรายิกธรรม ดังน้ี  ระดบั ท่ียังพอแกไ้ ด้ ซง่ึ เป็นกรรมทไี่ ม่ ๑. คนที่มีนิยตมิจฉาทฐิ ิ รนุ แรงมากนัก เมอ่ื สานึกผิด แล้วขอโทษทา่ น ๒. คนผู้ทาอนันตริยกรรม บาปกรรมนนั้ ย่อมกลับมาเป็นปกติ ไม่เปน็ ๓. คนที่ปลอมเพศเปน็ ภกิ ษุ อุปสรรคต่อการบรรลุธรรม เช่น กรณีของภิกษุ ๔.ภิกษกุ ลบั ไปถือลทั ธิศาสนาอนื่ รปู หน่ึงได้พูดใส่รา้ ยหาเร่ืองท่านพระสารีบตุ ร ๕. คนทขี่ ม่ ขืนภิกษุณี และกรณบี ุตรของโสเรยยเศรษฐี คิดอยากได้ ๖.ภิกษตุ อ้ งอาบตั ิสงั ฆาทิเสสแล้ว แตย่ ัง พระอรหนั ตม์ าเป็นภรรยา หลงั จากขอขมาโทษ ไมไ่ ดอ้ ยู่ปริวาสกรรม แล้ว ทกุ อยา่ งกก็ ลับมาเป็นปกติ ๗. บณั เฑาะก์ทุกประเภท ๘. คนมเี พศกากวม (อุภโตพยัญชนก) ๕.วตี ิกกมั มะ คอื การทาผดิ วนิ ัย ล่วงศีล ละเมิดอาบตั ิหนกั เช่น ทาผิดอาบัติปาราชกิ ๑๙ วิ.มหา. (แปล) ๘/๓๖๒

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๑๒ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า ๙. สตั วเ์ ดียรฉานทุกประเภท เมอื่ เข้าใจเช่นนี้ ภิกษรุ ูปน้ี จึงปกั ใจ ๑๐. เปรต๒๐ เช่ือมั่นว่าเปน็ สิง่ ทถ่ี กู ตอ้ ง แลว้ คิดอกุศลตอ่ ไปอกี ๑๑. และเดก็ อายตุ า่ กวา่ ๗ ขวบ วา่ ทาไมพระศาสดา จึงบัญญัติห้าม พระภิกษุไมใ่ หเ้ สพเมถนุ อย่างเข้มงวดนัก อันตรายิกธรรมทกี่ ล่าวแล้วขา้ งต้น ชือ่ วา่ ทง้ั ๆทีไ่ ม่มีโทษอะไร แลว้ พูดประกาศเร่ืองนี้ เปน็ อนั ตรายร้ายแรงต่อผู้เปน็ นยิ ตมิจฉาทฏิ ฐิ กับเพ่ือนภกิ ษดุ ้วยกนั ว่า โทษของกามไมม่ ี๒๑ และผ้ทู าอนันตริยกรรม ผกู้ ลา่ วอริยปุ วาท ผเู้ ปน็ อีกทง้ั พดู ยนื ยนั เป็นมั่นคงวา่ เรือ่ งนี้ถูกต้อง บัณเฑาะกแ์ ละผู้ลว่ งละเมิดอาบัติจริงๆ แตถ่ า้ ตามหลกั คาสอนของพระศาสดา ซง่ึ ถอื ว่า ใครยืนยนั ว่า ไมเ่ ปน็ อันตรายตอ่ ผทู้ าผิดตามท่ี เปน็ การพดู ใหร้ ้าย กล่าวตู่ บิดเบอื นคาสอนของ พระพทุ ธองคต์ รสั เอาไว้ ช่ือวา่ มมี จิ ฉาทิฏฐิ กลา่ ว พระพุทธเจ้า ทงั้ ๆที่พระพทุ ธองค์กลา่ วโทษของ ต่คู าสอนของพระพทุ ธเจ้า เรียกว่า เปน็ บาป กามไวอ้ ย่างมากมายหลายประการ เช่นว่า ต้อง หนกั เป็นอนั ตรายตอ่ การบรรลุมรรคผล ทามาหาเลย้ี งชีพด้วยความยากลาบาก กาม และนิพพานด้วยเช่นกัน ตัวอยา่ งเช่น พระ กอ่ ใหเ้ กดิ การทะเลาะวิวาท ใหท้ าบาปทุจรติ อริฏฐะซงึ่ เปน็ พหสู ตู และเปน็ พระธรรมกถกึ มี กามเหมือนสุนัขแทะกระดูกเปือ้ นเลอื ด เหมือน ความแตกฉานในธรรมะ แต่ไม่ฉลาดเรื่องวนิ ยั หลมุ ถา่ นเพลิง เปน็ ตน้ จึงไม่ร้เู รอ่ื งอันตรายิกธรรมเกี่ยวกบั การลว่ ง ละเมิดวนิ ยั บญั ญัติ คิดเอาเองว่า พวกคฤหสั ถท์ ่ี ฉะน้ัน ความเข้าใจผิดในพุทธธรรมอย่าง ยงุ่ เก่ียวอยกู่ บั กามคณุ ทเ่ี ป็นโสดาบันกม็ ี เปน็ สดุ โตง่ (นยิ ตมจิ ฉาทิฏฐ)ิ และการตาหนพิ ระ สกทาคามีก็มี เป็นอนาคามกี ็มี สว่ นพวกภกิ ษกุ ็ ธรรมของภิกษรุ ปู น้ี๒๒ เรียกไดว้ ่า เปน็ บาปหนกั ยังใชส้ อยผา้ ปผู า้ ห่มออ่ นนุม่ สิง่ น้ที งั้ หมดก็ยงั ทีแ่ กไ้ ม่ได้ มโี ทษใหญ่หลวง เปน็ การทาลาย ใชไ้ ด้ ไมผ่ ิดวนิ ยั ถงึ แม้รูป เสยี ง กล่ิน รส และ คุณความดีตัวเอง ทาใหห้ มดสิทธ์ิในการบรรลุ สัมผสั ของหญิง กต็ อ้ งไม่ผิดวนิ ัยเชน่ กัน โลกตุ รธรรม แม้พระศาสดากช็ ่วยไม่ได้ และ หลงั จากตายแลว้ ยอ่ มไปเกดิ ในนรกอยา่ งเดียว ๒๐ พวกเปรตทพี่ น้ จากอบาย ๔ มียกั ษิณผี ้เู ป็นมารดาของปุนัพพสุ ยกั ษิณผี ูเ้ ป็นมารดาของปิยงั กระ ยักษิณีผเู้ ปน็ มิตรของปุสสะท่ี เพราะฉะน้ัน อันตรายิกธรรมทง้ั ๕ เป็นติเหตุกะสามารถบรรลธุ รรมได้ อัง. สัตตก. (แปล) ๒๓/๓๕-๓๖ ประการ คอื กิเลส กรรม วบิ าก อริยปุ วาทและ สัง.ส. (แปล) ๑๕/๓๔๔-๓๔๕ ปยิ งั กรสูตร,ปนุ พั พสุสูตร วตี กิ ัมมะเหลา่ นี้ บางอย่างพอแก้ไขได้ แต่ และอรรถกถา ผทู้ ่บี รรลธุ รรมทป่ี รากฏในพระไตรปิฎกและอรรถกถา มีอายุน้อยที่สดุ ๒๑ วิ.มหา.(แปล) ๒/๕๒๕-๕๒๙,และอรรถกถา ประมาณ ๗ ขวบ แตม่ สี ามเณรรปู หน่ึง เป็นกรณพี เิ ศษ เพราะได้ องั .ติก. (แปล)๒๐/๓๕๗ อาปายกิ สตู ร บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ต้ังแต่อายุ ๕ ขวบ ต่อมาพระพทุ ธองคไ์ ด้ ๒๒ สัง.ส. (แปล) ๑๕/๕๔ ปฐมปัชชุนนธีตุสูตรและอรรถกถา ประทานอปุ สมบทให้เป็นภกิ ษุ ช่ือวา่ ปัญจสีลสมาทานยิ เถระ ม.อุ. (แปล) ๑๔/๑๗๔-๑๘๒ มหาจตั ตารีสกสูตรและอรรถกถา ดู ข.ุ อป. (แปล) ๓๒/๑๓๙-๑๔๓

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจา้ บางอยา่ งก็แก้ไขไมไ่ ด้ บคุ คลผู้หวังความ อริยุปวาทกรรม เจรญิ ก้าวหนา้ ในชวี ิตและการปฏิบัติธรรม จงึ มีโทษมหันต์ ให้ผลทนั ตา ควรหลีกให้หางไกล พึงสารวมระวังใหด้ ี อยา่ ได้ ประมาทพลาดเผลอ ล่วงละเมิด โดยเฉพาะ หากมองในดา้ นวนิ ัย ในแงอ่ าบัติ หรือ อย่างย่งิ อรยิ ปุ วาทกรรม เม่ือทาผดิ ไป พงึ รีบ สกิ ขาบท ภกิ ษผุ ูท้ ีพ่ ูดคาหยาบ ดา่ วา่ เสียดสี แกไ้ ขอยา่ ได้ชกั ช้า เพือ่ ผ่อนหนักใหเ้ ป็นเบา ผอ่ น เหนบ็ แนมเพ่ือนสพรหมจารดี ว้ ยกนั มีโทษทาง ร้ายใหก้ ลายเปน็ ดี เพื่อความปลอดภัยในชีวติ พระวินัย เป็นเพยี งแค่อาบตั ิปาจติ ตยี ์๒๓ ซึ่ง และการกา้ วหนา้ ในทางโลกและทางธรรม เปน็ อาบัติเล็กน้อย แตถ่ า้ มองในด้านธรรมกลบั มโี ทษมากอยา่ งคิดไมถ่ งึ เลยทีเดยี ว อนนั ตรยิ กรรมทงั้ ๕ ประการ เหล่าน้ี ผลกรรมตเิ ตยี นพระธรรม คอื การทาลายสงฆใ์ ห้แตกกนั การทารา้ ย พระพทุ ธเจา้ จนห้อโลหติ การฆา่ พระอรหันต์ ...ชนเหล่าใดมปี ัญญาทราม เท่ยี วติเตียนธรรมอนั การฆ่าพ่อและการฆ่าแม่นนั้ สาหรบั สังฆเภท ประเสรฐิ ชนเหลา่ นั้นยอ่ มบงั เกิดในนรกชือ่ โรรวุ ะ จัดเปน็ วจกี รรม นอกน้ันจดั เปน็ กายกรรม ซงึ่ อันทารุณเสวยทกุ ขต์ ลอดกาลนาน... มองเห็นง่าย เพราะแสดงออกอยา่ งชัดแจ้ง สว่ น อริยุปวาทกรรม จดั เป็นวจีกรรมฝ่ายอกศุ ลที่ โรรวุ นรกมี ๒ ประเภท คือ ธูมโรรุวนรก เป็นบาปหนกั ซึง่ เข้าใจตามได้ยาก และผลกรรม และชาลโรรวุ นรก สาหรับธูมโรรุวนรกมอี ยสู่ ่วน ที่ตามมากร็ นุ แรงสาหัสจนไม่อยากจะเช่ือ ชาว หน่ึงต่างหาก ส่วนชาลโรรุวนรกน้ันเปน็ ช่อื ของ พทุ ธส่วนใหญ่ จึงมองข้ามและไม่ไดต้ ระหนักวา่ อเวจมี หานรก ท่ีชอ่ื ว่า “โรรุวนรก” จะเป็นบาปใหญ่หลวง และมีผลร้ายตามมา อยา่ งไม่คาดคดิ เพราะวา่ เม่ือไฟนรกกาลงั ลุกไหมแ้ ผด เผาอยู่ พวกสัตว์ตา่ งพากันรอ้ งโอดโอยด้วยความ ทกุ ข์ทรมานแสนสาหสั สัง.ส. (แปล) ๑๕/๕๔ ถามว่า อริยปุ วาทกรรมทีว่ ่า มโี ทษมาก ปฐมปัชชนุ นธีตสุ ูตรและอรรถกถา เปน็ บาปมหันต์นัน้ มโี ทษมากเพยี งใด ? ตอบวา่ มโี ทษมากเทา่ กบั อนนั ตริยกรรม ๒๓ วิ.มหา. (แปล) ๒/๒๐๑-๒๑๐

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๔ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจา้ ถึงแมว้ ่า อริยปุ วาทกรรม ไม่ได้เปน็ การสญู เสียเงินทอง บ้าน รถ ท่ดี ิน หรอื อนนั ตรยิ กรรม หรือไม่ใชอ่ นนั ตริยกรรมก็ตาม ทรยั พส์ มบตั ิใดๆก็ตามจากการพนัน นับว่าเปน็ แต่โทษหรอื อันตรายท่เี กดิ จากอรยิ ปุ วาทกรรม การสูญเสียอยา่ งมาก แตก่ ารด่าว่าพระอริยะ นนั้ เป็นอันตรายรา้ ยแรงเท่ากับอนนั ตรยิ กรรม เพียงแค่ครัง้ เดียวนนั้ เป็นการสูญเสีย เป็น เหมอื นกัน คือ ปิดก้นั ขดั ขวางไมใ่ ห้เกิดในสคุ ติ ความหายนะมากกวา่ นั้นอีกเปน็ ลา้ นๆเท่า โลกสวรรค์ ผลกั ดนั ใหจ้ มดงิ่ สอู่ บายภมู ิอย่าง เพราะไม่ใช่เพยี งสญู เสยี ทรัพยเ์ ท่านั้น แตย่ ังต้อง เดยี ว และขวางกนั้ การบรรลุโลกตุ รธรรม คอื สูญเสียชวี ติ ิ คอื ตอ้ งมอี นั เป็นไป ตายกอ่ น มรรคผลและนพิ พาน๒๔ ภายในชาตินน้ั ดว้ ย อายุขัยดว้ ย และหลังจากตายแลว้ ยงั ตอ้ งไป สว่ นความตา่ งของอนนั ตรยิ กรรมกบั ชดใช้บาปกรรมในอบายภูมิดว้ ยความเจบ็ ปวด อรยิ ุปวาทอยทู่ ี่ว่า อนันตรยิ กรรมนน้ั เป็นกรรม ทกุ ข์ทรมานอีกนานแสนนาน เมือ่ กลับมาเกดิ หนักชนดิ ท่แี ก้ไขอะไรๆไมไ่ ด้เลย แม้ เป็นมนษุ ย์ ยังจะได้รับเศษกรรมนั้นอกี พระพุทธเจ้ากช็ ่วยไม่ได้ ถงึ จะขอขมาโทษก็ ไม่หลดุ พ้นจากกรรมนี้ สว่ นอรยิ ปุ วาท ในกรณี ข. “...สารีบุตร! เปรยี บเหมอื นภิกษผุ ู้ถึง ท่ีไมร่ นุ แรงมากนัก ยงั พอแกไ้ ข ทากลับใหม้ า พร้อมด้วยศลี ถงึ พร้อมดว้ ยสมาธิ ถึงพร้อมดว้ ย เป็นปกตไิ ด้ทัน ดว้ ยการขอขมาโทษ แต่ในกรณี ปัญญาพงึ ไดล้ ้มิ อรหตั ผล ในภพปจั จบุ นั นแี้ ล แมฉ้ นั ใด ทหี่ นกั มากเกินไป กแ็ ก้ไขอะไรไมไ่ ด้ เพราะไม่มี สารบี ุตร! เรากล่าวข้ออุปไมยนี้ ฉนั นน้ั บุคคลนั้น ไม่ โอกาสขอโทษ หรือสานกึ ไมไ่ ด้ ละวาจานนั้ เสยี ไมล่ ะความคิดน้ันเสยี ไม่สละคนื ทฏิ ฐิ ฉะนัน้ อรยิ ปุ วาทกรรม จึงช่ือว่ามีโทษ น้ันเสยี แล้ว ตอ้ งถูกโยนลงในนรก เหมอื นถกู นายนริ ย มาก ดงั พทุ ธพจน์ ตอ่ ไปน้ี บาลนามาโยนลงในนรกฉะนน้ั ” ๒๖ ก.“..การปราชัยดว้ ยทรพั ยใ์ นการเล่นการ สาหรับในดา้ นกศุ ล ความดี เมือ่ ศลี พนัน จนหมดตัวน้ี เป็นความผดิ เพียงเล็กนอ้ ย แต่ สมาธแิ ละปญั ญาเตม็ บริบูรณ์ ย่อมควรแก่การ การท่บี ุคคลมีใจประทษุ รา้ ยในผู้ท่ดี าเนนิ ไปดีแล้วน้ี บรรลุธรรมขัน้ สงู สดุ ฉนั ใด แม้ในดา้ นอกศุ ล เทา่ นั้น เป็นความผิดมากกวา่ บคุ คลผู้ตงั้ วาจา และ ความช่ัว เมอ่ื ทาอรยิ ุปวาทแลว้ ไม่ขอขมาโทษ ใจอันชว่ั ติเตยี นพระอรยิ ะ ยอ่ มเขา้ ถึงนรกสน้ิ ยอ่ มดิง่ ลงสูอ่ บายภมู ิ มนี รก เป็นตน้ อย่าง ๑๓๖,๐๐๐ นริ พั พทุ กัป กบั อกี ๕ อัพพุทกัป” ๒๕ หลกี เล่ียงไมไ่ ด้ เหมอื นกันฉนั นนั้ ๒๔ ขุ.อติ .ิ (แปล) ๒๕/๔๒๗ ดูมจิ ฉาทฏิ ฐิกสูตรและอรรถกถา, ๒๖ ม.มู.(แปล) ๑๒/๑๔๑-๑๖๔ ดู มหาสหี นาทสูตร วิ.มหา. อ.(แปล) ๑/๑/๒๘๐, ดู อลคัททปู มสตู ร และอรรถกถา ๒๕ องั .จตกุ ก.(แปล) ๒๑/๔ คาว่า กัปในทน่ี ี้ หมายถงึ ระยะเวลาท่ี ยาวนานเปน็ หลายล้านๆๆๆ ปี จนนับไม่ถว้ น คานวณไมไ่ ด้

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๕ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า ค. “... คนพาลผู้ไมเ่ ฉียบแหลม เป็นอสตั บรุ ษุ ๑๐. หลงลมื สติมรณภาพ ไมพ่ จิ ารณาไตรต่ รองให้รอบคอบ ตเิ ตียนผูค้ วร ๑๑. หลังจากมรณภาพแล้วจะไปเกิดใน สรรเสรญิ ช่ือวา่ ทาตนให้ถกู กาจัด ถกู ทาลาย มีความ อบาย ทคุ ติ วินิบาต นรก เสยี หาย ถูกผรู้ ตู้ เิ ตยี น และประสพสงิ่ ที่มิใชบ่ ญุ เปน็ อัน ภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษุใดก็ตามดา่ วา่ เพือ่ น มาก... สพรหมจารที ้ังหลาย ว่ารา้ ยพระอริยะ เปน็ ไปไม่ได้เลย ...สัง่ สมความผดิ ไวด้ ้วยปาก ย่อมไม่ประสพ ทภี่ ิกษนุ น้ั จะไมถ่ ึงความพินาศอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ใน ความสขุ เพราะความผดิ น้ัน...” ๒๗ ๑๑ อย่างน๒ี้ ๘ คนทาบาปอกศุ ล ความชั่ว ยอ่ มได้รับผล ผลกรรมจากการดา่ ว่า พดู ตาหนิตเิ ตยี น เป็นทกุ ข์ เดอื ดรอ้ น เหมือนปลกู สะเดาขม บวบ เพือ่ นสพรหมจารี(ผ้ปู ฏบิ ัติธรรมรว่ มกนั ) และ ขม ตมู กา รสชาตขิ องมันทุกอยา่ ง เปน็ รสขม ไม่ กรรมจากด่าวา่ พระอริยเจา้ ซง่ึ จะทาให้มีอัน น่ารับประทาน เหมอื นด่ืมน้านมผสมยาพษิ แม้ เป็นไป ๑๑ ประการน้นั ในอรรถกถาแหง่ พระ รสชาตจิ ะอรอ่ ยหวานช่ืนใจ แตเ่ มือ่ ยาพิษออก สตู รนี้ ไม่มคี าอธบิ ายมากนัก แต่มีพทุ ธพจน์ ฤทธิ์ ย่อมเป็นอันตรายต่อร่างกาย ถงึ แกช่ วี ติ อธบิ ายความไว้ในพระไตรปิฎกและอรรถกถา หรอื มีอาการเจบ็ ป่วยปางตาย ฉะนนั้ เล่มอื่น ซ่ึงมีนัยสอดคลอ้ งกับอริยุปวาทในพระ สตู รนี้ ดังนี้ ง.“...การดา่ ว่าเพอื่ นสพรหมจารีทงั้ หลาย วา่ รา้ ยพระอริยะ เป็นไปได้ทภ่ี ิกษุนน้ั จะถงึ ความพินาศ ไมบ่ รรลุธรรมท่ียังไม่ไดบ้ รรลุ อย่างใดอยา่ งหนง่ึ ใน ๑๑ อย่าง ดงั น้ี คือ ไมส่ ามารถบรรลุธรรม คอื ศลี สมาธิ ๑. ไมบ่ รรลุธรรมทย่ี งั ไมไ่ ดบ้ รรลุ และปญั ญา หรือมรรคผลนิพพานข้นั สงู ๒. เสอ่ื มจากธรรมท่ีได้บรรลแุ ลว้ ยิง่ ๆขน้ึ ไป บคุ คลผูท้ เ่ี ป็นภกิ ษุ ภิกษณุ ี สามเณร ๓.สทั ธรรม ย่อมไม่ผ่องแผ้ว สามเณรี หรือผทู้ เ่ี ป็นนักปฏบิ ตั ธิ รรมทั้งหลาย ๔. เป็นผเู้ ขา้ ใจผดิ วา่ ไดบ้ รรลุสทั ธรรม เมอื่ ไดท้ าอริยุปวาทกรรมแลว้ จะถกู ปดิ ก้นั ๕. เปน็ ผูไ้ ม่ยนิ ดปี ระพฤตพิ รหมจรรย์ ขดั ขวางไมใ่ หบ้ รรลโุ ลกตุ รธรรม๒๙ ถงึ แมผ้ ู้นนั้ ๖. ต้องอาบัตอิ ยา่ งใดอยา่ งหน่ึง จะต้ังใจปฏิบตั ธิ รรมอย่างเข้มงวด เป็นระยะ ๗. บอกคนื สิกขากลบั มาเปน็ คฤหัสถ์ ยาวนานแค่ไหน แต่จะไม่สามารถตรสั รธู้ รรมได้ ๘. เป็นโรครา้ ยแรง เพราะถกู กรรมนข้ี วางกน้ั เอาไว้ ทาให้การปฏิบัติ ๙. ถึงความวกิ ลจรติ หรอื จติ ฟ้งุ ซ่าน ๒๗ อัง.จตกุ ก. (แปล) ๒๑/๔ ปฐมขตสตู ร ๒๘ อัง.เอกาทส.(แปล) ๒๔/๓๙๗-๓๙๘ พยสนสตู ร ในอกั โกสกสูตร ไมม่ ีขอ้ ที่ ๗ คือ ลาลกิ ขา ดูหน้า ๑๙๙ ๒๙ อัง.ปัญจ.(แปล) ๒๒/๓๕๔-๓๕๕, อกั โกสกสูตร

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๖ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า ธรรมไม่กา้ วหน้า ไม่อาจบรรลธุ รรมข้ันสงู มากอ่ น แตห่ ลังจากทค่ี ดิ อยากปกครองสงฆ์ ทา ยง่ิ ๆขนึ้ ไปได้ คุณวิเศษทีค่ วรจะได้จากการ ใหเ้ สือ่ มจากฌานและฤทธ์ิ เมอ่ื ถกู พระองค์ ประพฤตธิ รรม จะกลายเป็นหมนั หยดุ ชะงัก ปฏิเสธ จงึ โกรธไมพ่ อใจ ได้ผกู อาฆาตในพระ และไมส่ ามารถเจรญิ งอกงามในธรรมวินยั ต่อไป ศาสดาเปน็ ครงั้ แรก เพราะกรรมน้ี ทาให้จติ ของ ไดอ้ ีกเหมือนอดตี ชาตขิ องชมั พุกาชีวกและนาง พระเทวทตั มืดบอดลงตามลาดับ แลว้ บงั อาจ อมั พปาลี เป็นต้น ถงึ ได้ปฏิบัติธรรมมานาน กลา้ คดิ วางแผนปลงพระชนมพ์ ระพทุ ธองค์ เพ่อื หลังจากไดท้ าอริยุปวาทแล้ว ก็บรรลุธรรมไมไ่ ด้ ตัง้ ตนเป็นพระพทุ ธเจา้ เสียเองอีกด้วย ซง่ึ ไม่มี เหมอื นไขมันอดุ ตันเสน้ เลือดสมองหรอื หวั ใจ ใครกลา้ ทา นอกจากคนเขลาเบาปญั ญา จติ มืด อย่างรนุ แรงจนเปน็ อัมพฤกษ์อัมพาต เหมอื นคน บอดเทา่ น้ัน ทม่ี ีเชอ้ื เอดส์(HIV) ซง่ึ สามารถทาลายภูมิ คนไข้ กาลงั จะหายปว่ ย รา่ งกายกาลัง ต้านทานจนหมด ร่างกายอ่อนแอไรภ้ ูมิคมุ้ กนั ฟ้นื ฟู แตด่ ้วยความรู้เท่าไมถ่ งึ การณ์ ไป เหมือนผปู้ ว่ ยทม่ี ีเซลลม์ ะเร็งในร่างกายมาก รบั ประทานอาหารผดิ สาแดง แสลงโรค เปน็ เหตุ เกนิ ไป จนร่างกายทรุดโทรมตา้ นทานไม่ไหว ทาใหร้ า่ งกายทรุดหนกั อาการเจ็บป่วยกาเรบิ หรอื เหมือนคนดม่ื ยาพิษชนิดรา้ ยแรง จนกาลัง ภูมติ ้านทานลดตา่ รา่ งกายท่ีเคยแขง็ แรง ก็กลับ ของรา่ งกายต้านทานไมไ่ ด้ เม่ือมไี ขมันเลว เช้อื ออ่ นแอลงกวา่ เดิม ฉนั ใด ผู้ทก่ี ล่าวอริยุปวาท ก็ โรคหรอื สารพิษตกคา้ งอยู่ในร่างกายอย่างมาก ทาให้ศลี สมาธิ ฌานสมาบตั ิ ฤทธ์ิ อภิญญาและ หากยงั ไม่เอาออกหรอื รักษาเยยี วยาใหห้ ายขาด ปัญญาทีต่ นเคยไดแ้ ลว้ เส่อื มถอย เหมอื นกนั ตอ่ ให้บารงุ ด้วยอาหารดีอย่างไร ร่างกายกจ็ ะ ฉนั นั้น แขง็ แรงเป็นปกติไมไ่ ด้ มีแต่ทรงกบั ทรดุ ไมเ่ อื้อ ไม่เพียงแต่การพูดตาหนิ ล่วงเกนิ พระ ต่อการนาไปใช้ประกอบกจิ การงาน เพอ่ื บรรลุ อรยิ เจ้าเทา่ น้นั ทีท่ าใหฌ้ านและฤทธิ์เสือ่ ม แม้แต่ เป้าหมายที่ตอ้ งการได้ ฉันใดกฉ็ ันนัน้ การพดู ลบหลูค่ ณุ อาจารย์ผ้สู อนส่งั ยงั ทาให้เวทย์ มนตค์ าถาทเ่ี รยี นมา เสือ่ มไดเ้ ชน่ กนั เหมอื นเรอ่ื ง ของพราหมณ์คนหนึ่ง ซ่งึ เป็นอดตี ชาติของพระ  เสือ่ มจากธรรมทไ่ี ดบ้ รรลุแลว้ ภกิ ษทุ เ่ี คยมศี ลี บรสิ ทุ ธ์ิ ศีลกเ็ ศร้าหมอง เทวทตั ไปเรียนมนต์จากอาจารย์ท่านหนึง่ ซ่ึง เคยมจี ิตใจมั่นคง ตงั้ ม่นั เป็นสมาธิ มฤี ทธิ์ เป็นคนอยใู่ นวรรณะตา่ เปน็ จณั ฑาล ซ่งึ อภญิ ญา ตอ่ มากเ็ สอื่ ม เคยมีปัญญา ร้ถู ูกผิด ดี สามารถทาใหม้ ะมว่ งออกลกู นอกฤดูกาลได้ ชัว่ ก็เส่ือมปญั ญา คุณธรรมหรอื คุณวเิ ศษตา่ งๆ ทเ่ี คยได้ ก็จะเสื่อมถอยลงหมด เหมือนกับพระ  วิ.จูฬ. (แปล) ๗/๑๗๓-๒๒๑, ธ.ป. ๑/๑๗๙-๒๐๒ เทวทตั เคยไดโ้ ลกิยสมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕ เรือ่ งพระเทวทัต ขุ.อติ .ิ (แปล)๒๕/๔๕๘ เทวทัตตสูตร อัง.ปัญจก. (แปล) ๒๒/๑๗๐-๑๗๑กกุธเถรสูตร

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๗ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ เม่อื ได้รบั การถ่ายทอดมนต์แลว้ จึงได้ไปแสดง จะตดิ ขดั เขา้ ไมไ่ ด้ แมบ้ างคร้งั เขา้ ได้ แต่ใช้ ฝมี ือให้พระราชาทอดพระเนตร จนได้เป็นทโ่ี ปรด เวลานาน และไม่สามารถทรงฌานอยู่ได้นาน ปรานและมชี ่ือเสียง เมือ่ ถกู พระราชาตรสั ถามถึง เหมือนเดมิ แมก้ าลังสติปญั ญา ปฏิภาณไหว ชอ่ื และโคตรของอาจารย์ผู้สอนมนต์ให้ เพราะ พริบที่เคยคมกลา้ สามารถคิด พจิ ารณาธรรมะ ความลมื ตัวและกลวั เสียหน้า จึงพูดลบหลู่คุณ ได้อยา่ งฉบั ไว แก้ไขปัญหาไดท้ นั ท่วงที ก็เกดิ อาจารย์ โดยโกหกวา่ ได้ร่าเรียนมนต์นี้มา ภาวะตดิ ขัด ตีบตนั คิดธรรมะไมอ่ อกเหมอื นคน จากอาจารยท์ ิศาปาโมกข์ ซ่งึ ไมเ่ ป็นความจริง สมองฝอ่ ปัญญาไม่โลดแล่น ไมป่ รโุ ปร่ง เมอ่ื มาทดลองทาอีกคร้ัง มนต์ทีเ่ คยขลัง เหมือนเดิม ทาให้ตัดสนิ ใจผดิ พลาดในเรื่อง ศกั ด์สิ ิทธิ์สัมฤทธิผลนนั้ กเ็ สอื่ มถอย หมดพลงั สาคญั ๆจนทาให้เกดิ ความเสียหายอันใหญ่ อานาจ๓๐ ไมม่ อี ิทธิฤทธปิ์ าฏิหาริย์เหมือน หลวงอย่างไม่น่าให้อภยั ตัวเอง เม่ือก่อน เปน็ เหตใุ หถ้ กู พระราชาตาหนิ แล้วขับ ก่อนหนา้ ท่ียงั ไม่ไดท้ ากรรมนี้ ก็พอ ไล่ใหห้ นี เม่ือคดิ ลบหล่คู ณุ อาจารย์ ทาให้ สามารถแยกแยะดี-ชัว่ ถูก-ผิด บญุ -บาปได้อย่าง คุณภาพของจิตพร่ามัว หยาบกระดา้ ง ขาดพลงั ชดั เจน แตห่ ลังจากทาอริยปุ วาทกรรมแลว้ จะ หว่นั ไหว ไมน่ ิง่ สงบ มาพูดโกหกเพม่ิ อีก ทาให้จติ ทาให้คนนน้ั เข้าใจผดิ คิดผดิ หรือพูดผดิ จากขาว มืดบอด ไม่รู้เห็นตามเปน็ จรงิ ขาดความเชอ่ื ม่ัน เปน็ ดาอย่างไม่น่าเชือ่ เหมือนพระเทวทัตเคย ฉะน้นั แม้มนตท์ เี่ คยขลังเพราะตง้ั ม่นั ในสัจจะ เปน็ คนดี รถู้ ูกผดิ ดีชว่ั มากอ่ น หลงั จากโกรธพระ ในเมื่อมาทาผิดศลี ธรรม ลบหลูเ่ นรคณุ ครู พุทธองค์แล้ว ทาให้พระเทวทตั เปลยี่ นไป อาจารย์ มนต์ท่ีทา่ นให้มาจงึ เสื่อมถอย กลับมาคิดและพูดลบหลคู่ ณุ ของพระพทุ ธองค์ ว่า “...ถงึ พระพทุ ธเจา้ เปน็ ศากยบตุ ร แม้เรากเ็ ปน็  สทั ธรรมยอ่ มไมผ่ อ่ งแผว้ ศากยบุตร ถงึ พระพทุ ธเจา้ เป็นสมณะ แม้เรา ก็เปน็ เมอื่ คณุ วเิ ศษทเ่ี คยได้มาเสื่อมลง พระ สมณะ ถงึ พระพทุ ธเจ้าเป็นผู้มีฤทธิ์ แมเ้ ราก็เป็นผ้มู ี สทั ธรรม คือ ศีล สมาธิ และปญั ญา ทเ่ี คย ฤทธิ์ ถึงพระพุทธเจ้ามีทิพจักษุ แมเ้ ราก็มที พิ จกั ษุ บรสิ ุทธผิ์ ่องแผ้ว กก็ ลบั เศร้าหมองไมบ่ รสิ ทุ ธผิ์ ่อง ถงึ แมพ้ ระพุทธเจา้ มีทพิ โสต แม้เราก็มีทิพโสต ถงึ แม้ ใส มีเหตุปจั จยั ผลกั ดนั ใหท้ าผิดศีลธรรมได้ง่าย พระพทุ ธเจา้ ได้เจโตปริยญาณ แมเ้ รา กไ็ ดเ้ จโตปรยิ และบ่อยครง้ั ทาใหศ้ ีลบกพร่อง ดา่ งพร้อย ขาด ญาณ ถงึ แมพ้ ระพุทธเจา้ รธู้ รรมท่ีเป็นอดตี อนาคต ทะลุ ไมบ่ รสิ ุทธผิ์ ่องแผ้วเหมือนเดิม แมฌ้ าน และปจั จบุ ัน แมเ้ รากร็ ้ธู รรมเหลา่ น้นั ... พระสมณโคดม สมาบตั ิที่เคยได้ ก็เสอื่ ม เคยเขา้ สมาธิได้ง่าย ก็ ๓๐ ขุ.ชา. (แปล) ๒๗/๘๒ ดู อนภิรตชิ าดก และอรรถกถา

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๑๘ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอริยเจ้า มใิ ช่อาจารย์ มิใชพ่ ระอุปชั ฌาย์ของเรา...เราจะเปน็ พระพุทธเจา้ เอง เราจะบรหิ ารภกิ ษุสงฆ์” ๓๑ พลงั วบิ ากของอรยิ ุปวาทกรรม ก่อนหน้า นท้ี ี่เคยโกรธไม่พอใจทถ่ี กู พระพทุ ธองคท์ รง ปฏิเสธเร่อื งทูลขอวตั ถุ ๕ ประการเป็นเหตุ ผลกั ดนั และครอบงาทาให้พระเทวทัต มจี ิตมืด บอด ทาใหส้ ตปิ ญั ญา ปฏภิ าณไหวพริบลด น้อยลง แล้วกลา้ คดิ อกศุ ลและพูดลบหลู่คุณของ พระพทุ ธองค์ได้อยา่ งไม่น่าเชอื่ เหมือนนายมิตต วนิ ทุกะเห็นกงจกั รเป็นดอกบัว เห็นชั่วเป็นดี เหน็ พระชินศรีเป็นเหมอื นพระธรรมดา แล้วมาทา บาปกรรมอยา่ งท่ีไมน่ า่ เช่ือ พระเทวทตั ตกถกู ธรณีสูบ ภกิ ษทุ งั้ หลาย เทวทตั ถูกอสัทธรรม ๘ ประการ ครอบงาย่ายจี ิต ตอ้ งไปเกิดในอบาย ตอ้ งไปเกดิ ใน นรก ดารงอยชู่ ั่วกปั แกไ้ ขไมไ่ ด้ คือ ถกู ลาภ ความ เสื่อมลาภ ถกู ยศ ความเสอื่ มยศ ถกู สกั การะ ความ เสอ่ื มสกั การะ ถูกความปรารถนาชว่ั ถกู ความมี มติ รชว่ั ครอบงายา่ ยจี ติ พระเทวทัตถกู ธรณสี ูบข้างสระโบกขรณี ใกล้ประตทู างเขา้ วดั พระเชตวัน ขณะท่กี าลังจะลง ไปสรงน้า หลังจากสานกึ ผิด คดิ จะมาเข้าเฝา้ พระ พุทธองค์ แต่ยงั มาไม่ถงึ ถกู แผ่นดินสบู กอ่ น ไปเกิด ในอเวจีนรกตลอด ๑ กัป องั .อฏั ฐก.(แปล) ๒๓/๒๐๗ ดู เทวทตั ตวิปตั ตสิ ตู ร ๓๑ ข.ุ อติ .ิ (แปล) ๒๕/๔๕๘ เทวทัตตสตู รและอรรถกถา

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๑๙ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอริยเจา้ แม้พระสุภัททะซ่งึ บวชตอนแก่ ก็เช่นกนั หลังจากมรณภาพแล้ว จะตอ้ งไปเกิดใน เมอ่ื ครง้ั ที่ท่านพระมหากสั สปะนาพาภกิ ษสุ งฆ์ อบายภมู ิหลายแสนชาติ๓๔ ประมาณ ๕๐๐ รูปมาเขา้ เฝ้าพระพทุ ธองค์ สภุ ทั ทภิกษุ ขรวั ตาแก่ซ่ึงได้คิดตาหนิ ขณะทีน่ ง่ั พกั ใต้รม่ ไมใ้ นระหวา่ งทาง หลังจาก โกรธไมพ่ อใจ และพูดลบหลู่ดหู มิ่นพระศาสดา ได้ยนิ ขา่ วการปรนิ พิ พานของพระศาสดาจาก ขนาดนี้ จดั ว่า เป็นอริยุปวาทกรรมอย่างหนัก อาชวี กคนหนึ่งแลว้ พวกภิกษุปุถชุ นก็ไมส่ ามารถ ยอ่ มไมม่ ที างเจริญงอกงามในธรรมวินัยแนน่ อน อดกลั้นความเศรา้ โศกเสียใจได้ ขรวั ตารปู นซ้ี ง่ึ และหลังจากส้ินชวี ติ แล้ว ตอ้ งไปส่อู บายภูมิ นั่งอยใู่ นทปี่ ระชุมน้นั ด้วย ได้พดู ลบหลู่คุณของ อยา่ งเดยี วไมต่ ้องสงสัย พระศาสดาข้ึนวา่ “อยา่ เศรา้ โศกเสยี ใจไปเลย ท่าน แมใ้ นกรณีของพระสุนักขัตตลิจฉว๓ี ๕ ก็ ทง้ั หลาย พวกเรารอดพ้นแล้วจากมหาสมณะรปู นั้น เช่นกัน เข้ามาบวชได้ ๓ พรรษา ฝึกสมาธิจนถึง ทีค่ อยจ้าจีจ้ า้ ไชพวกเราว่า ‘สง่ิ นคี้ วร สง่ิ นี้ไมค่ วรแก่ ขั้นได้ทิพยจกั ษุ คือตาทพิ ย์ เห็นเทวดา แตไ่ มไ่ ด้ พวกเธอ’ ตอ่ จากนีไ้ ป พวกเราจะได้ทาอะไรทกุ อยา่ ง ยนิ เสียง จงึ ตอ้ งการฝึกทิพยโสต หูทพิ ย์เพิ่ม พระ ตามใจชอบได้ โดยไม่ต้องมีใครมาคอยห้ามปราม” ๓๒ พุทธองค์ไมท่ รงสอน เพราะทรงเห็นวา่ ภิกษุนไ้ี ม่ อะไร คือ มูลเหตุท่อี ยู่เบื้องหลงั ทาให้ขรวั มอี ปุ นสิ ยั ในดา้ นน้ี แต่เขาเข้าใจผิด คดิ บาป ตาแก่รูปนี้ เกดิ ความหลงผดิ จิตมืดบอด ถอื ดี อกุศลไปเองวา่ “พระองคท์ รงหวงวิชา เพราะเกรง กล้าพดู จาบจ้วงลว่ งเกนิ พระศาสดาไดถ้ งึ ขนาดน้ี ว่า ถา้ เขาทาได้แลว้ จะเก่งเทยี บเท่าตน” จากวิบาก ถ้าไม่ใชเ่ กดิ จากอานาจของมโนกรรม ฝ่าย กรรมนั้น ทาให้จิตของภกิ ษนุ ีเ้ ร่ิมพรา่ มัว อกศุ ลก่อนหน้าน้ี คือ เขาเคยโกรธไม่พอใจและ เนอ่ื งจากตอ่ มาเกดิ ความไม่พอใจในพระศาสดา ผกู ใจเจบ็ ที่พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธ และรับสั่ง ทไ่ี ม่ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ และไมต่ อบ หา้ มไม่ให้ภิกษุสงฆ์ ๒๕๐ รปู รบั อาหาร คาถามทฤษฏีกาเนดิ โลกใหฟ้ งั โดยเฉพาะ บณิ ฑบาตข้าวยาคูทเี่ ขาอตุ ส่าหเ์ สียสละทรพั ย์ อย่างย่งิ ได้พดู ตาหนิพระองค์อยา่ งรุนแรงวา่ หนึ่งแสนกหาปณะ ต้ังใจทาถวาย๓๓อยา่ งดี ทง้ั นี้ “พระสมณ โคดมน้นั ไมม่ ญี าณทัศนะวิเศษ เน่อื งจากพระรูปนช้ี ักชวนทายกได้มาซงึ่ ส่งิ ที่ อะไรเลย แสดงธรรมตามท่ีนกึ คิดเอาเอง”๓๖ หลงั จาก ไม่สมควรแก่สมณะ หากภกิ ษฉุ นั อาหาร นนั้ มา สตปิ ัญญาของภิกษรุ ูปนี้ กเ็ ร่ิมมืดบอด บิณฑบาตนี้ จะทาใหผ้ ดิ วนิ ัย ละเมดิ อาบัติและ หนักกว่าเดิม ศีล สมาธิ ปญั ญาเสอ่ื มถอย ทา ๓๒ ท.ี ม.(แปล) ๑๐/๑๗๔ มหาปรินพิ พานสตู ร ๓๔ อรรถกถาแหง่ มหาปรินพิ พานสูตร ๓๓ ว.ิ มหา.(แปล) ๕/๑๓๖-๑๓๘, ว.ิ จ.ู (แปล) ๗/๓๗๕ ๓๕ ท.ี ปา.(แปล) ๑๑/๑-๓๔ ปาฎกิ สูตร, ที.ส.ี (แปล) ๙/๑๕๑-๑๕๘, มหาลิสตู รและอรรถกถา ๓๖ ม.มู. (แปล) ๑๒/๑๔๑-๑๔๕ มหาสีหนาทสูตร

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๒๐ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ ใหห้ ลงผดิ ย่ิงๆข้นึ ไป ผลกั ดนั ให้ไปศรทั ธา เมื่อรับประทานอาหารทผ่ี สมยาพษิ ชนดิ เล่ือมใสนกั บวชชเี ปลอื ยว่าเปน็ พระอรหันต์ ร้ายแรง ยอ่ มทาให้ร่างกายเกิดภาวะผดิ ปกติ ชนั้ ดี กลับเห็นผิดไปวา่ พระพุทธองค์ไม่ได้เปน็ เสยี ความสมดลุ ออ่ นกาลัง ใช้การไมไ่ ดต้ ามเดมิ พระอรหันต์ และขณะท่สี ารเสพติดประเภทแอลกอฮอล์ ออก ต่อมาอีกไม่นาน บญุ บวชกห็ มดลง ไม่ ฤทธ์ิ ยอ่ มทาใหร้ ะบบประสาทตา่ งๆมึนงงใชง้ าน สามารถประพฤติพรหมจรรยอ์ ยใู่ นอดุ มเพศได้ ไม่ไดเ้ ต็มท่ี ฉันใด เมื่ออรยิ ปุ วาทกรรมออกฤทธ์ิ ต้องลาสิกขากลบั มาเป็นคฤหัสถ์ แมล้ าสกิ ขาไป ใหผ้ ล ย่อมทาให้ใจผิดปกติ จิตฝ้าฟาง พรา่ มัว แล้ว เขายงั พูดตาหนิตเิ ตียน กลา่ วตพู่ ระพุทธ มดื บอด เชือ่ ในสงิ่ งมงายไร้สาระ ความคิดอา่ น องคอ์ กี เหมอื นเดิม บุคคลผใู้ จบอด มมี จิ ฉาทิฏฐิ ผิดพลาด ขาดสติ แลว้ ทาผิดศีลธรรมอยา่ ง ถึงจะอยู่ใกล้ชิดกับพระพุทธเจา้ ผู้ประเสริฐ กไ็ ม่ รนุ แรง ฉนั นั้นเหมอื นกัน ศรัทธาเล่อื มใส มองไมเ่ ห็นคณุ ของพระองค์ และ หลงั จากตายแล้ว ก็ไปเกิดในนรก แทนท่จี ะได้  เปน็ ผู้เข้าใจผิดวา่ ไดบ้ รรลุสทั ธรรม ประโยชนก์ ลบั ไดโ้ ทษตดิ ตวั ผู้ท่นี อนหลับแล้วฝันวา่ ได้เงินทอง มคี นไทยหลายคนท่เี คยนับถือพทุ ธ มากมาย จนกลายเปน็ เศรษฐี หรอื ถูกแตง่ ตงั้ เป็น ศาสนามากอ่ น แตต่ ่อมาภายหลงั เปลยี่ นไปนบั พระราชา ในขณะน้ัน คนฝันจะไม่รูว้ า่ ถือศาสนาครสิ ต์ หรอื อสิ ลาม พราหมณ์-ฮินดู  ขณะนตี้ ัวเองกาลงั นอนหลับ เป็นตน้ เพราะอานาจผลประโยชนใ์ นดา้ น  ตอนนี้กาลงั ฝัน การเงินและสวัสดิการอนื่ ๆ เป็นเครื่องล่อ หรือ และสงิ่ ท่ีรับรทู้ ้งั หมดในขณะนเ้ี กิดจาก เกีย่ วเน่อื งกบั เรอื่ งการแต่งงานกับคนตา่ งศาสนา ความฝัน เป็นภาพมายาทีจ่ ิตปรงุ แตง่ ขนึ้ ไม่ใช่ หรือวา่ ไม่พอใจในโชคชะตาตัวเองกต็ าม แต่ เร่ืองจริง แต่ในขณะที่ฝัน คนฝัน ย่อมเข้าใจวา่ เหตุปจั จยั อนั หนงึ่ ที่ทาใหเ้ ปลี่ยนศาสนา กค็ อื เปน็ เร่อื งจริง ตราบเท่าท่ีเขายังไมต่ ่นื จากความ อริยุปวาทกรรมท่คี นเหล่านั้นเคยทาเอาไวก้ ่อน ฝัน ฉนั ใด ในอดตี หน้านแ้ี น่นอน เพราะเมื่อไมพ่ ิจารณา ผทู้ ี่เสพสงิ่ เสพติดอยา่ งหนกั เมอื่ สารเสพ ไตรต่ รองอย่างรอบคอบดว้ ยปญั ญาแล้ว ไป ตดิ ออกฤทธ์ิ ย่อมทาให้เกิดการหลอนประสาท หู เลอ่ื มใสศรทั ธา นิยมชมชอบในบคุ คลหรือลัทธิ แวว่ แล้วเขา้ ใจผิดคดิ วา่ เป็นเรอ่ื งจริง จึงยนิ ดี นิกายที่เปน็ มิจฉาทฏิ ฐิ ยอ่ มเกิดจากคุณสมบัติ เพลดิ เพลินกับสง่ิ ท่ีจติ ปรุงแต่งขึ้น โดยไม่มีทางรู้ ของจติ ทเี่ ปลย่ี นไป และตอ้ งได้ประสพกับชะตา ว่า มนั เป็นมายาภาพ ฉันใด กรรมท่ีเกิดจากการตดั สินใจนั้นด้วย คนบ้า เสยี สติ วิกลจรติ ยอ่ มคดิ สรา้ งฝัน วาดวมิ านในอากาศ แล้วหลงหัวเราะดใี จ ร้องรา

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๒๑ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจ้า ทาเพลงไปตามประสาคนบา้ ซง่ึ เขาก็ไม่มีทางรู้ และกิสะ สงั กิจจะ ศาสดาเหลา่ นี้ นอกจากจะ ว่า สง่ิ ท่ีเกดิ ขน้ึ ในใจเขานั้น คือ ภาพหลอน ฉันใด เป็นนยิ ตมจิ ฉาทิฏฐิแล้ว ยังเคยได้พดู ติเตียนพระ พทุ ธองค์และพระอรยิ สาวกมากอ่ นทั้งนั้น ต่าง ขณะทว่ี บิ ากกรรมจากการลว่ งเกนิ แมใ่ น ประกาศวา่ ตวั เองเปน็ พระพทุ ธเจ้า และมี ฐานะผใู้ หก้ าเนดิ และเปน็ อรยิ สาวกิ าโสดาบัน สพั พัญญุตญาณตลอดเวลา ไม่วา่ จะยืน เดนิ สง่ ผลทาให้นายมิตตวนิ ทุกะ เหน็ กงจักรเปน็ นงั่ หรอื นอนก็ตาม ดอกบัว เหน็ เคร่อื งตรึงวา่ เป็นเครื่องประดับ เห็น เลือดทีอ่ าบไหลยอ้ ยเป็นเหมอื นแป้งผดั ทาและ บุคคลท่ีประกาศตนอย่างนนั้ หากยงั ไม่ ไดย้ นิ เสียงโหยหวนเป็นเสียงดนตรี ฉนั ใด หยดุ คดิ หยดุ พดู ไมก่ ลับใจเปล่ยี นความคิดใหม่ พระพทุ ธองค์ จะไม่เสด็จไปโปรด หรอื จะไม่ เม่อื อรยิ ปุ วาทกรรม อานวยผล ย่อมทา สามารถมาเผชญิ หนา้ กบั พระองคไ์ ด้๓๗ ใหผ้ นู้ น้ั หลงเขา้ ใจผิดในเรือ่ งธรรมะ ฉันนั้น เหมือนกัน กลา่ วคือ จะเหน็ ธรรมะทพี่ ระพทุ ธ แมใ้ นยคุ ปัจจบุ นั ภกิ ษุทเ่ี ปน็ เจ้าอาวาส หรือนักบวชผู้นาองค์กรทางศาสนา ถกู อริยปุ องคต์ รัสไว้ถกู ตอ้ งบรบิ ูรณ์ดแี ล้ว ว่าเปน็ วาทกรรมส่งผล ทาให้เจา้ สานักเหลา่ น้ัน เกดิ เข้าใจธรรมะผิด ตคี วามผิด กลา่ วตู่บดิ เบอื นคา ธรรมะทยี่ ังบกพร่อง ผดิ พลาด เห็นธรรมะที่ สอนของพระพุทธเจ้า โดยแนะนาพรา่ สอนลูก ศษิ ย์วา่ นพิ พานเปน็ อัตตา และสอนวา่ บรสิ ุทธ์ิ วา่ เปน็ ธรรมะท่ยี งั มีมลทนิ ซึง่ จะต้อง พระพทุ ธเจ้าและเหล่าพระอรหนั ตย์ ังสถิตอยบู่ น แปลความใหม่ ตคี วามใหม่ เกดิ จติ วปิ ลั ลาส สรวงสวรรค์ สามารถเอาขา้ วไปถวายได้ ทั้งๆที่ สาคัญผิด หลงตัวว่า มญี าณหย่ังรู้ธรรมะได้เอง พระพุทธองคต์ รัสยนื ยนั ชัดเจนว่า นพิ พานเป็น คดิ วา่ มีความเก่งกล้าสามารถเหนือครอู าจารย์ อนตั ตา และหลังจากพระองคป์ รนิ พิ พานแลว้ จะ หรอื คนทง้ั ปวง ทาให้เชื่อมนั่ ตัวเองแบบผิดๆ ไม่มีใครเห็นรา่ งกายเน้ือของพระองคไ์ ดอ้ กี ไม่ว่า ชอบคุยโตโออ้ วด และมีความหลงผิด คิดว่า จะเปน็ เทวดาหรอื มนุษยก์ ็ตาม๓๘ ตนเองไดบ้ รรลุธรรม ไดบ้ รรลุมรรคผลนิพพาน ขน้ั ใดขั้นหนึง่ ทัง้ ๆทค่ี วามจริง ไม่ได้เปน็ อย่าง นักบวชทเ่ี ป็นเจ้าสานกั บางแหง่ ได้ นั้น เปน็ เพียงความหลงเขา้ ใจผดิ คดิ ไปเอง หรอื ประกาศตัวเองวา่ เป็นพระอรหนั ตก์ ลับชาติมา เป็นมจิ ฉาวิมุตติ เหมือนพวกศาสดา คณาจารย์ เจ้าหมู่ เจ้าคณะ เจา้ ลัทธิท้งั หลายในสมัย  เจ้าลัทธิ ๒ ทา่ นน้ี มกั ไม่คอ่ ยถกู เอ่ยอา้ งมากเหมอื นเจ้าลัทธิครูท้งั ๖ พทุ ธกาล เช่น ปรู ณะ กัสสปะ, มกั ขลิ โคศาล, ม.มู.(แปล)๑๒/๔๐๒ ดู จูฬสจั จกสูตร อชิตะ เกสกมั พล, ปกุธะ กัจจายนะ, สัญชัย ๓๗ ที.ปา. (แปล)๑๑/๑-๓๔,ปาฏิกสูตร, เวลฏั ฐบุตร, นิครนถ์ นาฏบตุ ร,นนั ทะ วจั ฉะ, ม.อ.ุ (แปล) ๑๔/๑-๒๘ เทวทหสตู ร ๓๘ ว.ิ ป. (แปล) ๘/๓๔๒, ขุ.ปฏิ.(แปล) ๓๑/๘ ,๔๒๙, ที.สี.(แปล) ๙/๑-๔๗ พรหมชาลสูตร ดูเพ่ิมใน กรณธี รรมกายและกรณสี ันตอิ โศก โดย ป.อ. ปยตุ โต

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๒๒ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจ้า เกดิ และเป็นพระโพธสิ ตั ว์ดว้ ย ได้กล่าวตู่ ตอบวา่ ทาใหห้ ลงผดิ ทาพลาดในเรื่องท่ี บดิ เบือนคาสอนของพระศาสดา โดยตีความว่า เปน็ อันตรายต่อการบรรลธุ รรม เชน่ เร่ืองลาภ พระโพธสิ ัตว์ผทู้ ี่บาเพ็ญบารมีเพอ่ื เป็น สกั การะ ช่อื เสียง เงินทองและเพศตรงข้าม พระพทุ ธเจา้ มีสทิ ธิ์ท่ีจะเปน็ พระอริยบุคคล กล่าวคอื จะเห็นวัตถสุ ิง่ ของ เครอ่ื งใช้ ลาภ ข้ันใดขน้ั หน่ึงกไ็ ด้ จะบรรลุธรรมข้ันสงู สุด สักการะซง่ึ เปรยี บเสมือนกอ้ นน้าลาย หรือ คอื เป็นพระอรหันต์ได้ เมอื่ ตายแล้ว จะกลับ เหยื่อทถ่ี กู เก่ียวด้วยเบ็ดในความรูส้ กึ ของพระ ชาติมาเกดิ ใหม่ เพื่อบาเพญ็ บารมีร้อื ขนสตั ว์ให้ อริยเจา้ วา่ เป็นสง่ิ ทีม่ คี ณุ คา่ มสี าระนา่ ยินดี จะ ออกจากสงั สารวัฏ แล้วสาเรจ็ เป็นพระพทุ ธเจ้า เหน็ เรอื่ งเกียรติยศ ชื่อเสยี ง ตาแหน่ง ซ่งึ ภายหลังก็ได้ เปรยี บเสมอื นของทารุณ แสบเผด็ รอ้ นรุม่ การตคี วามหลักธรรมคาสอนในลกั ษณะ วา่ เป็นส่ิงหวานช่ืนใจ เอร็ดอร่อยนา่ ชวนชิม จะ เช่นน้ี ขดั แย้งกับหลักคาสอนของพุทธศาสนา เห็นเงนิ ทอง ซงึ่ เปรียบเสมือนงูพษิ วา่ เปน็ เถรวาท ทส่ี อนยืนยนั ชัดเจนวา่ พระโพธสิ ัตว์ คือ สิ่งจาเป็นทตี่ ้องใช้ และควรมีครอบครองเป็น ผูก้ าลังบาเพ็ญบารมเี พอ่ื โพธญิ าณ เป็นเพยี งแค่ เจา้ ของ และเหน็ เพศตรงข้ามซ่ึงเปน็ ขา้ ศกึ กัลยาณปถุ ุชน ยังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นใดขนั้ หนึ่ง ศัตรูต่อพรหมจรรย์ว่าเปน็ นางฟ้า เป็นสิ่งท่ีนา่ ไมว่ า่ จะเปน็ โสดาบนั หรืออรหันต์ เพราะถ้าได้ ปรารถนา น่าลูบคลาสัมผสั แลว้ ไม่มสี ตปิ ญั ญา บรรลุโลกุตรธรรมจรงิ กจ็ ะกลายเป็นสาวกของ สลัดออก พระพทุ ธเจ้าองคใ์ ดองคห์ นงึ่ ไป ไม่ได้เกดิ จาก คนที่ตดิ ยาเสพตดิ เช่น กัญชาอยา่ งหนัก การตรสั รเู้ อง และสาหรบั บคุ คลผู้ไดบ้ รรลธุ รรม ขณะทสี่ ารเสพติดออกฤทธิ์ ทาให้หลอนประสาท ข้ึนสูงสุดเป็นพระอรหันต์ หมดเช้ือเกดิ แลว้ หลงั เกิดภาวะหูแวว่ การรบั รู้ผิดปกติ เหน็ ภาพไปเอง ปรินพิ พานแล้ว ยอ่ มไมก่ ลับมาเกดิ อีก๓๙แนน่ อน ตามจินตนาการเหมือนวาดวิมานในอากาศ แต่ ไมว่ ่าจะเป็นภพไหนกต็ าม ความจริง มนั เป็นภาพลวงตา ไมใ่ ชข่ องจรงิ กว่า ถามวา่ ขณะที่อริยปุ วาทกรรม สง่ ผล รา่ งกายจะกลับคนื ส่สู ภาพปกติ ตอ้ งรอจนกวา่ นอกจากจะทาให้เกดิ ความสาคัญผดิ ในเรอ่ื งการ หมดฤทธิข์ องยาเสพติด ฉันใด แม้คนท่ีนอนหลับ แล้วฝนั วา่ ได้ไปเจอ บรรลธุ รรมแลว้ จะทาให้บคุ คลนัน้ มีแนวโน้มจะ เกิดความหลงผิด ทาผดิ ในเรอื่ งอะไรอกี บ้าง ? ขุมทรพั ย์ ซ่ึงมีเงินทองมากมาย จึงรสู้ กึ ตนื่ เต้น ดี ใจอย่างมาก เพราะคิดว่าเปน็ เรือ่ งจริง แตพ่ อ ตืน่ ขึ้นจากฝันมาสู่โลกความจริง ทกุ ส่ิงอยา่ ง ก็ ๓๙ สงั .ม.(แปล)๑๗/๑๔๗-๑๕๓ ดู ยมกสตู ร, เลือนหาย เพราะไม่ใช่ความจรงิ เป็นแคค่ วามฝัน สัง.ม. (แปล)๑๗/๑๕๗-๑๖๑ ดู วักกลิสตู ร เหมือนคนที่ถูกวบิ ากของอริยปุ วาทครอบงาจิต

อรยิ ปุ วาท ๒ บ. สยังวสี ๒๓ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า ขณะท่กี รรมกาลงั ออกฤทธิ์ ส่งผลทาให้คนนัน้ ความสะอาดร่างกาย เพราะมองไม่เห็นคุณค่า เกดิ ความสาคัญผดิ คิดวา่ ได้บรรลธุ รรม หรือเกิด ของร่างกายและความสะอาด ฉนั ใด คนทจ่ี ิต ภาวะหลงตวั เองในรปู แบบต่างๆ ซงึ่ ไม่เปน็ จริง ผิดปกติ ไมม่ สี ติสมั ปชญั ญะควบคมุ เพราะถกู แต่เปน็ เพียงความคิดท่จี ิตปรงุ แตง่ ไปเอง หลง อรยิ ุปวาทกรรมเล่นงาน ย่อมมองไมเ่ ห็น ยนิ ดี เพลิดเพลนิ กบั หลงผิดตดิ ในวังวนแห่งกรรม คณุ คา่ สารประโยชน์ของธรรมะ คือ บญุ กศุ ล จนกว่าอรยิ ุปวาทกรรมจะอ่อนกาลัง เหมือนกัน ความดงี ามท้งั หลาย จงึ ไม่อยากจะศึกษาเล่า ฉนั นั้น เรียน หรอื ฟังธรรม ไมอ่ ยากจะให้ทาน ขเี้ กียจ สวดมนตไ์ หวพ้ ระ เบ่ือหนา่ ยต่อการรกั ษาศลี ไม่  เปน็ ผ้ไู ม่ยนิ ดปี ระพฤตพิ รหมจรรย์ อยากประพฤติธรรม ปฏิบัติจติ ภาวนา เกิดความ เมอ่ื ศลี ไม่บริสทุ ธ์ิ สมาธเิ ส่ือม ปญั ญาอับ ส้ินหวัง เบื่อหนา่ ย ทอ้ แทต้ อ่ การทาดีทกุ อยา่ ง เฉา ไมม่ คี วามกา้ วหน้าในธรรม เกดิ ความท้อแท้ เหมือนกัน ฉนั นั้น เบ่ือหน่าย แต่ก่อน ขณะทร่ี ะลึกถึงพระรัตนตรัย จิตจะเกดิ ความปีติปราโมทย์ รืน่ เรงิ บันเทงิ ใจ แต่  ต้องอาบตั อิ ยา่ งใดอย่างหนึง่ หลงั ทาอรยิ ปุ วาทกรรมแล้ว จะหมดความยินดี เด็กเล็กไรเ้ ดยี งสา กลา้ จบั ไฟโดยทีไ่ มร่ ู้ว่า และความภูมใิ จในสมณเพศของตัวเอง จะคลาย ไฟเปน็ ของร้อน ทาใหไ้ หมม้ อื ได้ แม้แมลงเม่า ท่ี ความศรัทธาเลอ่ื มใสในพระรัตนตรยั ๔๐ เกดิ ชอบเล่นไต่ตอมไฟ สดุ ทา้ ย ปีกหลดุ ไม่สามารถ ความเคลอื บแคลง สงสยั ในพระศาสดา ไม่ บนิ ได้อกี ฉนั ใด ผ้ทู ีถ่ กู กรรมนี้ครอบงาจิต ทาให้ เชอ่ื มั่นในไตรสิกขา ลังเลในอริยสงฆ์สาวก มเี หตุ สติปญั ญาเสอื่ มถอย เหน็ การเคร่งครัดในวนิ ัย ให้เกดิ การกระทบกระท่งั ทะเลาะวิวาทกบั เพื่อน เปน็ เรอื่ งไรส้ าระ การรักษาศีลเปน็ เรือ่ ง สพรหมจารีด้วยกัน แลว้ เกิดความท้อแท้เบ่ือ ยงุ่ ยาก เห็นอาบตั เิ ลก็ น้อยวา่ ไม่สาคญั ใน หนา่ ย จิตฟุง้ ซา้ นไม่อยากประพฤติพรหมจรรย์๔๑ ทส่ี ุดก็ปลอ่ ยใจใหถ้ ลาลกึ ในเบญจกามคณุ เห็น (อรยิ มรรคมีองค์ ๘ ซึ่งสรปุ ลงในศลี สมาธิและ แกป่ ากท้อง ขาดสตสิ ัมปชัญญะ ไม่สารวมระวงั ปญั ญา)ชนิดท่ีใครๆก็ช่วยแกไ้ ขใหไ้ มไ่ ด้ อินทรยี ์ คือ ตา หู จมูก ล้นิ กายและใจ แล้ว เพราะจติ ถูกอริยปุ วาทกรรมครอบงา ทาให้ไป เกดิ ราคะ โทสะและโมหะอยา่ งรุนแรง จนไม่ ยนิ ดี เพลิดเพลินกบั เบญจกามคุณท้งั หลาย สามารถระงับและควบคมุ ได้ เดก็ ท่ยี งั ไร้เดียงสา หรือคนบา้ วกิ ลจริต ในท่สี ุด ก็มเี ร่อื งทะเลาะววิ าท ใส่รา้ ย จติ เพีย้ นผดิ ปกติ ย่อมไม่สนใจในการดูแลรักษา ป้ายสีกนั จบลงดว้ ยการทาผิดศีล ละเมดิ สิกขาบท ตอ้ งอาบัติเล็กน้อยจนถึงอาบตั ิหนกั ๔๐ ม.มู. (แปล) ๑๒/๑๙๗-๑๙๙ เจโตขีลสตู ร ๔๑ องั .อฏั ฐก.(แปล) ๒๓/๔๐๐-๔๐๖ กสุ ตี ารมั ภวัตถุสูตร

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๒๔ ผลกรรมจากการพูดตาหนิพระอรยิ เจา้ เช่น อาบตั ิสงั ฆาทิเสส หรอื อาบตั ิปาราชิก๔๒ สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ เป็นสาคญั มองข้าม อยา่ งหลีกเลีย่ งไม่ได้ เพราะแพใ้ จตนเอง คณุ คา่ ของศลี ธรรม สามารถทาชวั่ ทาผิดหลกั เหมือนกรณขี องเมตตยิ ะและภมุ มชกภกิ ษทุ ่ีใช้ ศลี ธรรมเพียงแคอ่ ารมณ์ชั่ววบู อยา่ งไมน่ ่าเชื่อ ให้เมตตยิ าภิกษุณีไปพูดใส่รา้ ยป้ายสีท่านพระ เพราะถูกกิน กาม เกยี รติ ชอ่ื เสียงครอบงา ทัพพมลั ลบตุ รผู้เปน็ พระอรหันต์ขีณาสพวา่ ได้ ข่มขนื เธอซง่ึ เปน็ เร่อื งเท็จ ไมเ่ ป็นความจริง๔๓ บอกคนื สกิ ขากลบั มาเปน็ คฤหัสถ์ หลังจากทาอริยุปวาทกรรมแล้ว จะมีเหตุ ผทู้ ีพ่ ดู ตเิ ตยี นพระอรยิ เจ้า ด้วยความ ทาให้ผิดวนิ ยั สว่ นจะล่วงละเมดิ ตอ้ งอาบัติขนาด ร้เู ทา่ ไม่ถงึ การณ์ จะทาให้ศรัทธาทเ่ี คยมีต่อพระ เบาหรืออาบตั ิหนกั น้ัน ขนึ้ อยู่กับความเขม้ ข้น รัตนตรยั เริ่มเสอื่ มถอย จิตถูกราคะ โทสะ โมหะ ของเจตนาของผพู้ ูดและพระอรยิ เจ้าทถี่ กู ตาหนติ ิ ครอบงา ไมส่ ามารถระงบั บรรเทาได้ ทาใหศ้ ีล เตียนล่วงเกนิ นนั้ เป็นระดับพระอรยิ บุคคลระดับ เศร้าหมองไม่บรสิ ทุ ธ์ิ จิตใจเร้าร้อนกระวน ไหน เปน็ อริยสาวกท่ัวไป พระมหาสาวก พระ กระวาย ไมร่ า่ เริงเบกิ บานในธรรมวินยั ไมย่ ินดี อัครสาวก พระปจั เจกพทุ ธเจา้ หรือเป็นพระ ในป่าเขาลาเนาไพร โคนตน้ ไม้ หรือในกฏุ หิ ลงั สมั มาสมั พุทธเจา้ นอ้ ยท่วี ่างเปล่า อาการเหล่านี้ เกดิ กับภิกษุ คนท่ีเหน็ แก่กิน เหน็ แก่ปากแก่ทอ้ ง เห็น รปู ใด นั่นเปน็ สญั ญาณบอกให้ทราบวา่ อีกไม่ แก่ความเอรด็ อรอ่ ยเปน็ เร่ืองสาคญั ยอ่ มกินอะไร นานภิกษรุ ูปนน้ั จะบอกคืนสกิ ขา กลับมา ไมเ่ ลอื กหน้า ไม่เลือกเวลา ไม่เป็นห่วงเร่อื ง เปน็ คฤหสั ถ์๔๔ เหมือนกรณขี องภิกษแุ ละ สขุ ภาพ ชอื่ วา่ เป็นการทาผดิ ตอ่ รา่ งกาย เปน็ การ ภิกษุณี ดังต่อไปน้ี คือ ทาร้ายตวั เอง และในทส่ี ุด โรคอว้ น หรอื โรคที่  พระสุนกั ขตั ตลิจฉวี หลงั จากโกรธไม่ เกิดจากความเสื่อมตา่ งๆ ก็จะถามหา เมอ่ื พอใจพระพุทธเจ้าท่ีไม่ทรงตรัสบอกเร่อื งการ อรยิ ปุ วาทกรรม สง่ ผล จะทาให้ความรสู้ กึ นกึ คิด ปฏิบัตเิ พื่อใหเ้ กิดตาทิพย์ เรื่องไมแ่ สดงอทิ ธฤิ ทธิ์ ของภกิ ษนุ ้ัน เปลีย่ นจากความใฝส่ ูง ไปใฝ่ตา่ ปาฏิหาริย์ใหด้ ู อีกทัง้ ไม่ตอบคาถามเร่อื งโลก เปลีย่ นจากใฝธ่ รรม ไปสู่ใฝอ่ ธรรม ไม่ได้ และจกั รวาล พรอ้ มทั้งพูดดหู มิ่นวา่ พระองค์ไมม่ ี มงุ่ หวงั เพื่อหลดุ พ้น แต่กลบั ถอื เกยี รติยศ ศักด์ิศรี ญาณวเิ ศษอะไร แสดงธรรมตามท่คี ดิ เอาเอง ชื่อเสยี งเป็นใหญ่ เห็นแกเ่ งินทอง ความ ๔๒ อัง.ปัญจก. (แปล) ๒๒/๓๕๔, อโุ ปสถสตู ร,  อัง.ปัญจ. (แปล) ๒๒/๑๒๖-๑๓๐ ดเู พ่ิม โยธาชวี สูตร ขุ.อ.ุ (แปล)๒๕/๒๖๐-๒๖๗ ดู อัคคิกขนั โธปมสตู ร, ๔๔ กอ่ นพระจะสึก จะมีบุพนมิ ิต ๕ ประการ คอื ศรัทธาเลอื่ มถอย ศีล อัง.สัตต. (แปล) ๒๓/๑๕๘-๑๖๕, เศรา้ หมอง หนา้ ตาไมเ่ บกิ บาน กิเลสเกิด จิตไมย่ นิ ดีในปา่ เรือนว่าง อัง.ปัญจ. (แปล) ๒๒/๓๕๔ อักโกสกสตู ร เป็นตน้ ข.ุ ชา. ๒๘/๕๕-๗๐ดู กุสชาดกและอรรถกถา ๔๓ วิ.มหา.(แปล) ๑/๔๑๕-๔๑๙

อริยุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๒๕ ผลกรรมจากการพดู ตาหนิพระอรยิ เจา้ เม่ือบุญในผา้ เหลอื งหมด ตอ่ มาไมน่ านจึงได้ ไปสู่หนี เพศ(คฤหัสถ์) แมผ้ ้ากาสาวพัตร์ที่นุ่งห่ม บอกลาสกิ ขา สึกมาเป็นฆราวาส กายน้ัน เกิดความเร้ารอ้ นระคายเคืองผวิ เหมอื น  พระจิตหตั ถิสารบี ุตร ซึ่งเป็นบตุ รของ มีหนามแหลมมาทม่ิ ตา ต้องเปล้อื งผา้ ทิ้ง พอใส่ ควาญช้างในกรงุ สาวัตถี เพื่อนคฤหัสถข์ อง เสอ้ื ผา้ แบบคฤหสั ถ์ อาการผดิ ปกติน้นั ถงึ หายไป โปฏฐปาทปรพิ พาชก ไดเ้ ขา้ มาบวชศึกษาเล่า อีกทัง้ ไมส่ ามารถจะกลับมาบวชใหม่ได้ และ เรยี นพระธรรมวนิ ัย จนเกดิ ความแตกฉาน เหมือนกรณเี มตติยาภิกษณุ ีทพ่ี ูดใสร่ ้ายท่าน เชี่ยวชาญและได้บรรลุฌานสมาบัติ แตบ่ วช พระทพั พมัลลบุตรวา่ ได้ขม่ ขนื ตัวเอง ซ่งึ เป็น แลว้ สกึ เป็นคฤหสั ถ์ถึง ๖ ครง้ั ด้วยอานาจแห่ง เรือ่ งไมจ่ ริง จนพระศาสดารบั ส่งั ภิกษสุ งฆบ์ อก บาปกรรมท่เี คยพูดสง่ เสรมิ ให้เพ่ือนภิกษดุ ว้ ยกนั ใหเ้ ธอพ้นจากความเป็นภิกษณุ ีทนั ที๔๖ แบบ มคี วามกระสนั อยากสึกเป็นฆราวาส แต่ในคร้งั ไม่ไดส้ กึ เป็นทางการ แต่สึกเพราะไม่มีสิทธ์ิอยู่ใน ที่ ๗ ลาสิกขาอกี ครง้ั เนอื่ งจากไม่พอใจทา่ น เพศบรรพชติ และไมม่ ีทางเจรญิ ในธรรมวินยั อกี พระมหาโกฏฐิตะทพ่ี ดู ตาหนิเขา เพราะได้พดู ตอ่ ไป เหมือนนสิ ิตนักศึกษาได้กระทาผดิ โตแ้ ย้งสอดข้นึ ในระหว่างสนทนาอภิธรรมกถา กฎระเบยี บของมหาวทิ ยาลยั อย่างรา้ ยแรง จน ของทา่ นพระมหาโมคคัลลานะกบั พระเถระรูป ถูกฝา่ ยทางผูป้ กครองใหพ้ ้นจากสภาพความเป็น น้ี เม่ือตอบคาซักถามในหลักพุทธธรรมของพระ นสิ ิต ฉนั ใดกฉ็ นั น้นั เหมือนกัน ผา้ กาสาวพัสตร์ มหาสาวกไม่ได้ จงึ โกรธไม่พอใจ แล้วสกึ ไปเปน็ ซ่งึ เปน็ ธงชัยของพระอรหันตท์ งั้ หลาย ผูม้ ีบญุ คฤหัสถ์๔๕ เม่อื บวชคร้ังท่ี ๘ จงึ ได้บรรลธุ รรมเป็น เทา่ นั้นจึงมีสทิ ธไ์ิ ด้นุ่งห่มอย่างปลอดภยั แตค่ นท่ี พระอรหันต์ มีบาปหนัก ย่อมไมอ่ าจนุ่งห่มได้ แม้นหากฝืนทา  ตสิ สาและนันทาภิกษณุ ี หลังจากที่ ไป ยอ่ มเปน็ ภัยอนั ตรายต่อตัวเอง ได้พดู เหน็บแนมทา่ นพระมหากสั สปะว่า เคย เปน็ เดียรถีย์ เพราะบวชเอาเองโดยไม่มพี ระ เป็นโรคร้ายแรง อุปชั ฌาย์อาจารย์ และยงั มากลา้ อวดภมู ิ วบิ ากกรรมทาใหเ้ กิดโรคได้ ส่วนจะเป็น ความรตู้ ่อหน้าท่านพระอานนท์ผู้เป็นมนุ ี โรคร้ายแรงและเรอื้ รงั มากแคไ่ หน กข็ ึน้ อยู่กบั ปราดเปรอ่ื งเหมือนพ่อค้าเข็มเอาเข็มมาขายกบั ความเข้มขน้ ของบาปกรรมทท่ี าไว้ ตามหลักฐาน ช่างเขม็ เพียงแค่พูดตาหนิเทา่ นี้ ก็ทาให้ชีวิต ที่ปรากฏในพระไตรปิฎกและอรรถกถา โรคหรือ ตกตา่ ทันที โดยเปลี่ยนจากอุดมเพศ(บรรพชิต) ทกุ ขเวทนาทางกาย เกิดจากสาเหตุต่างๆ ดังน้ี ๔๕ หลังจากบวชคร้งั ที่ ๘ ไดส้ าเร็จเปน็ พระอรหันต์ ๔๖ ว.ิ มหา.(แปล) ๑/๔๑๕-๔๑๙ ที.ส.ี (แปล) ๙/๑๗๕-๑๙๖ โปฏฐปาทสตู รและอรรถกถา  สนใจดู “โรคกรรม” โดย บ.สยังวสี อัง.ฉกั . (แปล) ๒๒/๕๕๔-๕๖๐ หัตถสิ ารปี ุตตสูตร

อรยิ ุปวาท ๒ บ. สยงั วสี ๒๖ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอรยิ เจ้า  อาหารท่ีมคี ุณภาพต่าและมีสารเคมี จิตเปน็ ตวั การสั่งบงั คบั และควบคุมการ ปนเปอ้ื น๔๗ จากนา้ ข้าว ผักพชื หรือผลไมต้ ่างๆ ทางานของรา่ งกาย เม่ือเกบ็ เมลด็ พนั ธ์ุแห่งเชือ้ บาป คอื อรยิ ุปวาทกรรมซึง่ เปรยี บเสมือนยาพษิ  น้าดี ลม เสมหะ หรือ ท้ังหมดรวมกัน เอาไว้ ทาให้จติ เกิดภาวะผดิ ปกติ เช่น ความ  บรหิ ารร่างกายไม่สมดุล โกรธ ความอาฆาตพยาบาท ความเครียด และ  ถูกทาร้ายรา่ งกาย วติ กกงั วลอยา่ งรุนแรง ส่งผลกระทบตอ่ ระบบ  และวิบากกรรม๔๘ ต่างๆของร่างกาย แล้วทาใหเ้ กดิ โรคภยั ไขเ้ จบ็ ได้ โรคท่เี กดิ จากวิบากกรรมนี้ เรยี กภาษา เหมอื นกัน คนวัดว่า “โรคกรรม” ซึ่งอาจเกิดไดท้ งั้ จาก กายกรรมหรอื มโนกรรมฝา่ ยอกศุ ล ก็ได้ เชน่ ถึงความวิกลจริต หรือจติ ฟงุ้ ซ่าน การเบยี ดเบียนสตั ว์ ทาทารณุ กรรมสัตว์ การดื่ม บคุ คลที่เคยพูดติเตียนพระอรยิ เจา้ มาใน สุรายาเสพตดิ หรอื ความอาฆาตพยาบาท อดีตชาติ แมเ้ กิดมาในชาติใหม่ กรรมน้นั ยงั ตาม แต่โรคกรรมในท่นี ้ี หมายถงึ โรคท่ีเกิด สง่ ผลทาใหเ้ กดิ จิตวิปลั ลาส มีพฤติกรรมวิตถาร จากวจีกรรม คือ อริยุปวาทกรรม เชน่ กรณี ชอบเปลอื ยกาย ไม่ใส่เสื้อผา้ นอนบนดนิ กิน พระโกกาลิกะด่าพระอคั รสาวกทัง้ สอง เพยี งแค่ อจุ จาระเปน็ อาหารและถอนผมดว้ ยแปลงตาล คู่เดยี วเท่าน้นั ก็ทาให้เกิดโรคแปลกประหลาด เหมือนชมั กพุกาชีวกและเหมือนสุนัขตวั โปรด คอื มีต่มุ เกดิ ข้ึนทว่ั รา่ งกายจนทนพิษไม่ไหว แลว้ ของสภุ มานพ ซ่งึ สนุ ขั ตัวนเี้ คยเปน็ บดิ าของเขา ถงึ แกม่ รณภาพ หรอื สุปปพทุ ธกุฏฐิ เป็นโรค ในอดีตชาติ ชื่อ โตเทยยพราหมณ์ เพราะโกรธ เรอื้ นต้งั แต่เกดิ จนตาย เพราะเคยคดิ ดูหมน่ิ และพูดคาหยาบกบั พระพทุ ธเจา้ จึงเกิดมาเปน็ พระตครสิขีปัจเจกพุทธเจ้า เอาไวใ้ นอดตี ชาติ สตั วเ์ ดรัจฉาน ในบา้ นของลูกชาย นางขชุ ชุตตราสาวใช้ของพระนางสามาวดี เมือ่ พระพุทธองค์เสด็จบณิ ฑบาตผ่าน หลงั จากเกิดมาไมน่ าน กก็ ลายเปน็ คนหลัง บ้านสุภมานพ สุนัขตัวนี้ ว่งิ ออกมาเหา่ คอ่ ม๔๙ เพราะอดีตชาติเคยพดู ดูหมิน่ และทา พระองค์ดว้ ยความไม่พอใจแลว้ หลงั จากนั้น กิริยาลอ้ เลยี นพระปัจเจกพุทธเจ้าซึ่งเปน็ คนหลัง ก็กลับไปนอนบนกองขเี้ ถา้ ขา้ งเตาไฟ แมค้ น ค่อมหนอ่ ยหนงึ่ มาก่อน ในบ้านจะอุ้มไปนอนบนท่ีนอน อนั หรหู รามีค่า มาก แต่มันก็กลับมานอนบนกองข้ีเถ้าเช่นเดมิ ๕๐ ๔๗ องั .จตุกก. (แปล) ๒๑/๑๔-๑๕ อธัมมิกสูตร ท้ังนเ้ี พราะอานาจบญุ กศุ ลท่ีจะได้นอนบนท่ีนอน ๔๘ สงั .สฬา. (แปล) ๑๘/๓๐๑ดู สีวกสูตร, ๕๐ ที.สี. (แปล) ๙/๑๙๗-๒๑๒, ดู สุภสูตรและอรรถกถา ม.อ.ุ (แปล) ๑๔/๓๔๙-๓๕๖ ดู จฬู กัมมวภิ งั คสตู ร ๔๙ อัง.เอก.(แปล) ๒๐/๓๒,เรอื่ งพระนางสามาวดีและอรรถกถา

อริยปุ วาท ๒ บ. สยงั วสี ๒๗ ผลกรรมจากการพูดตาหนพิ ระอริยเจา้ อันประณตี ถกู อริยุปวาทกรรมทาลายจนหมด เปน็ ไปต่างอยา่ งไมน่ ่าเชื่อ เช่น ถกู ฆาตกรรมบา้ ง สิ้นแลว้ ไม่มกี าลังสง่ ผลอีก จิตของสุนัขที่ อบุ ตั เิ หตุตายบา้ ง บางคนก่อนตาย ก็เจบ็ ปวด หมดบุญ ไร้วาสนา จงึ กลับมายนิ ดี พอใจกับสง่ิ ที่ ทกุ ขท์ รมาน หลงลมื สติ ละเมอ เพ้อตกนา้ ตาย เศรา้ หมองต่าตอ้ ยด้อยค่า ดว้ ยประการ ฉะนี้ บ้าง ตกหมอ้ กะทะทต่ี ้มนา้ เดอื ดๆตายบา้ ง ตดิ ยาเสพตดิ จนเพ้ียนแล้วฆ่าตัวเองตายบ้าง เมอ่ื  หลงลมื สตมิ รณภาพ ตายไปแลว้ เกดิ ในโลกโอปปาตกิ ะ ก็คดิ ว่าตวั เอง คนกอ่ นส้นิ ใจตาย ยอ่ มนกึ ทบทวนถงึ ยงั ไมต่ าย เพราะคดิ ว่า ถ้าตายแลว้ ต้องสญู สน้ิ อดตี ท่ีเคยผ่านมา เมื่อตัวเองทาช่วั ทาบาปกรรม ทุกอยา่ ง ไมม่ อี ะไรเหลืออกี แต่นยี้ ังมีร่างกาย มี ไวม้ าก ย่อมสะดุง้ กลัวตกใจ หวาดผวา พดู จา ความรู้สึกเหมอื นคนเดิมอยู่ กค็ ิดว่า ตวั เองยงั แบบคนไม่มสี ตคิ วบคุม ฉะนั้น การตายของคน ไม่ได้ตาย จงึ คดิ ฆ่าตวั ตายซ้าอีก ชว่ั มบี าปหนัก ไม่มศี ีลธรรมประจาใจ ช่อื ว่าเปน็  หลงั จากตายแลว้ ไปเกิดในอบาย การตายแบบหลงลมื สต๕ิ ๑ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง ทคุ ติ วนิ ิบาต นรก เมือ่ อริยุปวาทกรรมชนดิ รุนแรงสง่ ผล ทาให้ บคุ คลผู้ทไ่ี ม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรองอยา่ ง อานาจบญุ ท่คี ้าจุนร่างกายนี้หมดสมรรถภาพลง รอบคอบ พูดดา่ วา่ ติเตยี นพระอริยเจ้าซง่ึ เป็นผู้ท่ี เป็นเหตใุ หบ้ ุคคลนัน้ มอี ันเป็นไปถึงขนาด ควรสรรเสรญิ ทาให้ผู้น้ัน หลังจากตายแลว้ ไป เสียชีวติ แบบปัจจบุ ันทันด่วน ไม่ทันรู้ตวั ไม่ได้ เกดิ ในอบาย ทุคติ วนิ บิ าต นรก๕๒ เพราะเม่ือ เตรียมตัวกอ่ นตาย ไม่มสี ติควบคุมตัวเอง เช่น สนิ้ ชีวิตในขณะจิตเศร้าหมองขุ่นมัวด้วยโลภะ พระโกกาลกิ ะเป็นโรคแผลผุพองมรณภาพอยา่ ง โทสะและโมหะ มิจฉาทิฏฐิ ย่อมไปเกดิ ในทุคติ ทรมานแสนสาหสั นางจิญจปรพิ พาชกิ าถกู ธรณี ภมู อิ ยา่ งหลีกเลยี่ งไมไ่ ด้ สูบตาย และนางสุนทรปี ริพพาชิกา ก็ถกู ฆ่าปิด กาเนิดสตั ว์เดรัจฉานทกุ ประเภทท้ังที่ ปาก เป็นต้น อยูใ่ นโลกใบนี้ ซึง่ สามารถมองเหน็ ดว้ ยตาเนือ้ แมใ้ นยุคปจั จบุ นั พอจะเทียบเคียงใน หรือในโลกโอปปาตกิ ะก็ตาม ทง้ั หมดจดั อยู่ใน หลกั ธรรมขอ้ น้ีได้ เชน่ บุคคลผทู้ ีต่ าหนติ ิเตียนด่า ประเภทอบาย เพราะเปน็ ภูมิตา่ บรรลุธรรม วา่ สถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตรยิ ์ ไม่ได้ แต่ไม่จดั เปน็ ทุคติ เพราะยงั มีพวก ครอู าจารย์ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิง คอื ลูกทโ่ี กรธ พญานาคโอปปาตกิ ะซึง่ มีฤทธานุภาพ แปลง เกลียด ไมพ่ อใจ ดดุ ่าวา่ หรือสาปแช่งพ่อแม่ กายได้และมีทอี่ ยู่อาศยั สวยงาม ส่วนเปตวิสัย ตอ่ มาไมน่ าน มเี หตุทาใหบ้ ุคคลเหล่านน้ั มอี นั ๕๑ ข.ุ อุ.(แปล) ๒๕/๓๓๒-๓๓๔ ดู ปาฏลิคามิยสตู ร ๕๒ อัง.ปัญจก.(แปล) ๒๒/๓๗๘-๓๗๙ อวณั ณารหสตู ร อบาย (ลาบาก เดอื ดรอ้ น ไรค้ วามเจรญิ รุ่งเรือง) ทุคติ (ไปไม่ดี ตกตา่ ) วินบิ าต(ไม่มีอานาจจิตมาก) นรก (กระวนกระวายเดอื ดร้อนเสมอ)

อริยุปวาท ๒ บ. สยังวสี ๒๘ ผลกรรมจากการพดู ตาหนพิ ระอริยเจ้า จัดอยใู่ นประเภทอบายและทคุ ติ เพราะเปน็ ภพ เปน็ ไปอยา่ งนัน้ ไม่ได้ เหตุผลทพ่ี ระองคก์ ลา้ ภูมทิ ี่ทกุ ข์ทรมาน ลาบากเดือดรอ้ น โหยหวิ อยู่ ยืนยนั หนักแน่นเชน่ นี้ เพราะทรงมีสพั พัญญุต เสมอ หาความสุขได้ยาก แตไ่ ม่จดั เปน็ วนิ ิบาต ญาณทค่ี รบวงจรตลอดสาย รไู้ ดอ้ ย่างไม่ตดิ ขัด เพราะยงั มเี ปรตบางจาพวก เช่น เวมานิกเปรต เพราะฉะน้นั ทุกพระดารัส ทกุ ถ้อยคา ทกุ มีอิทธฤิ ทธแิ์ ละมีวมิ านทอ่ี ย่อู าศัยสวยงาม ประโยคทอี่ อกจากพระโอษฐข์ องพระองค์ สาหรบั อสุรกายทง้ั หลาย จัดอยใู่ นประเภท ย่อมไม่ผิดพลาดคลาดเคล่อื น เปน็ หนึ่งไม่มี อบาย ทุคติและวินิบาต เพราะเปน็ ภมู ติ า่ สอง เปน็ จรงิ ตลอดกาล๕๔ สว่ นจะมีอันเปน็ ไป เป็นอยู่อยา่ งลาบาก ไม่มีความสขุ และไมม่ ี ตามขอ้ ใดข้อหน่งึ หลายข้อ หรือเป็นทุกข้อนั้น ก็ อานาจในการเนรมติ  ข้นึ อยกู่ บั อริยุปวาทกรรมน้ัน ได้ทากบั พระอริย ส่วนสตั ว์นรก จัดเปน็ ทัง้ อบาย ทคุ ติและ เจา้ ระดบั ไหน ท่านมีคุณธรรมมากน้อยเพียงใด วนิ ิบาต เพราะเปน็ ภพภูมชิ ัน้ ต่าทสี่ ุด ไม่มี ดกู ารเปรยี บเทยี บ ดงั นี้ ความสุข ความรื่นเรงิ เจริญหูเจริญตาใดๆทั้งสิน้ พดู ตาหนิ ด่าวา่ พระสัมมาสัมพทุ ธเจา้ มีแตค่ วามทุกขท์ รมานอย่างเดียว ซงึ่ มีการ เพยี งพระองค์เดียว มโี ทษมากกวา่ ดา่ พระปัจเจก แบง่ ย่อยออก เป็นหลายระดับ หรอื เรยี กภาษา พุทธเจ้าร้อยองค์ การด่าว่าพระปจั เจกพุทธเจ้า ชาวบา้ นว่า มี ๘ ขมุ ใหญ่ๆ คอื มีโทษมากกว่าด่าพระอคั รสาวก การดา่ พระอัคร สญั ชีวนรก สาวก มีโทษมากกวา่ ดา่ อสตี มิ หาสาวก การดา่ กาฬสตุ ตนรก อสิตีมหาสาวก มีโทษมากกวา่ ด่าพระอรหันต์  สังฆาฏนรก สาวกทว่ั ไป  โรรุวนรก การดา่ พระอรหนั ต์สาวกที่ได้วิชชา ๓ มหาโรรวุ นรก ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ หรือ ผู้ไดอ้ ภิญญา ๖ มโี ทษ  ตาปนนรก มากกว่าด่าพระอรหันต์สุกขวิปัสสกะ(ท่ีละกเิ ลส  ปตาปนนรก ไดอ้ ย่างเดยี ว) การด่าพระอรหันต์ทีเ่ พ่ิงออกจาก  และอเวจมี หานรก๕๓ นโิ รธสมาบตั ิ มีโทษมากกว่าด่าพระอรหันตท์ ย่ี งั ไม่ได้เขา้ นิโรธสมาบตั ิ การดา่ พระอรหนั ต์สุก ผลกรรมทเ่ี กดิ จากอรยิ ปุ วาททง้ั ๑๑ วิปสั สกะทา่ นเดียว มโี ทษมากกวา่ ด่าพระ ประการน้ี พระพุทธองค์ตรัสเนน้ ยา้ วา่ ผ้ทู ท่ี า อนาคามีรอ้ ยท่าน การด่าพระอนาคามีท่านเดียว กรรมนแ้ี ล้ว จะต้องมอี นั เป็นไปเช่นนัน้ จะไม่ มโี ทษมากกว่าดา่ พระสกิทาคามีร้อยท่าน  วิ.มหา.อ.(แปล) ๑/๑/๒๘๓-๒๘๔ เวรญั ชกณั ฑ์ ๕๔ ขุ.อิต.ิ (แปล) ๒๕/๔๙๕ โลกสตู ร ๕๓ ข.ุ ชา. (แปล)๒๘/๔๕-๕๔ สังกิจจชาดกและอรรถกถา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook