แนวคดิ ในการออกแบบ แนวคิดในการออกแบบประกอบดว้ ย เร่ืองดงั ต่อไปน้ี แนวคิดจากธรรมชาติ ธรรมชาติ ประกอบไปด้วยรู ปทรงท่ีมีรู ปลักษณะ สมบูรณ์ลงตัวรู ปทรงที่มีรายละเอียด สลับซับซ้อนท้ังลีลา จังหวะ และสีสัน สวยงาม ท้งั ประเภทมีชีวติ และไม่มีชีวิต เช่น คน สตั ว์ พืช กอ้ นหิน ภูเขา ลาํ ธาร เป็นตน้ มนุษยอ์ าศยั ขอ้ มูลต่างๆ จากธรรมชาติมาใช้ ในงานออกแบบ ซ่ึ งจะมีกระบวนการ กลน่ั กรอง ขดั เกลา ปรับเปลี่ยน ดดั แปลงให้ เหมาะสมกลมกลืนตามวตั ถุประสงค์ของ งานออกแบบ
แนวคดิ จากประสบการณ์ ที่เราไดพ้ บเห็นและเรียนรู้มาลว้ นไดผ้ า่ นการออกแบบมาแลว้ ท้งั สิ้น นกั ออกแบบจะไดร้ ับประสบการณ์ในการออกแบบสะสมกนั เรื่อยมา บางอยา่ งกเ็ ป็นประสบการณ์ท่ี เคยเป็นผลงานในอดีต แลว้ นาํ มาปรับปรุงใหม่ เช่น หมอ้ ดินเผา เป็นตน้
แนวคดิ จากความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี การนาํ คอมพวิ เตอร์มาใชใ้ นการออกแบบ ทาํ ใหเ้ กิดความสะดวกสบายและมีความแม่นยาํ สูงในการคิดคาํ นวณ เช่น การออกแบบสิ่งก่อสร้าง ผอู้ อกแบบสามารถคาํ นวณการรับน้าํ หนกั จากความโคง้ ท่ีก่อข้ึนจากการเรียงอิฐกอ้ นเลก็ ๆ ต่อกนั และยงั คาํ นวณการถ่ายแรงจากหลงั คาไปตามส่วนโคง้ ลงสู่เสา หรือกาํ แพงได้
หลกั ในการออกแบบ แมว้ า่ จุดมุ่งหมายในการออกแบบส่วนใหญ่จะมุ่งเนน้ ดา้ นประโยชน์ใชส้ อยเป็นหลกั แต่ตอ้ งคาํ นึง ถึงความงามควบคู่กนั ไปดว้ ย รวมท้งั การเลือกวสั ดุที่เหมาะสมและประหยดั พ้ืนฐานท่ีใชใ้ นการ- ออกแบบประกอบดว้ ย เสน้ แสง-เงา สี ลกั ษณะพ้ืนผวิ รูปร่าง รูปทรง ความสมดุล ความกลมกลืน มีเอกภาพ มีสดั ส่วนท่ีเหมาะสม โดยอาจใชแ้ นวคิดจากธรรมชาติเขา้ มาช่วย หรือเป็นความคิดสร้าง- สรรคท์ ี่เกิดจากประสบการณ์
หลกั พิจารณาในการออกแบบมี ดงั น้ี ๑) โครงสร้างท้งั หมด โครงสร้าง หมายถึง ตวั วสั ดุ ระนาบท่ีรองรับ รวมท้งั ความคิดท่ีนาํ มา ใชใ้ นการออกแบบ เช่น การถ่ายทอดรูปแบบ เรื่องราว การใชว้ สั ดุ คุณสมบตั ิของวสั ดุ และส่ือท่ีใช้ เป็ นตน้
โครงสร้างนับเป็ นส่วนสําคญั ท้งั หมดของงาน ซ่ึงประกอบดว้ ย ๒ ส่วน คือ ส่วนประธาน ซ่ึงเป็ นส่วน หลกั ของงาน กบั ส่วนรองซ่ึงเป็ นส่วนประกอบที่ช่วย เนน้ ใหเ้ ห็นความเด่น ความสาํ คญั ของส่วนประธาน ท้งั สองส่ วนจะช่ วยเสริ มแล ะสัมพันธ์กันเพื่อให้งานดู สมบูรณ์ยงิ่ ข้ึน
๒) ความเป็ นเอกภาพ (Unity) การนาํ เอาทศั น- ธาตุ เช่น เส้น รู ปทรง แสง-เงา สี พ้ืนผิว มา ประกอบเป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั เมื่อมองดูแลว้ จะ ทําให้เกิดความรู้สึกเป็ นกลุ่มก้อน ไม่แตกแยก กระจดั กระจายจึงจะเป็นการจดั องคป์ ระกอบท่ีดี
๓) สมดุล (Balance) หมายถึง การจดั ส่วนประกอบซา้ ย ขวา ใหเ้ ท่ากนั หรือใหร้ ู้สึกเท่ากนั
ความสมดุล สามารถแบ่งลกั ษณะเป็น ๒ แบบ ดงั น้ี ส ม ดุ ล โ ด ย เ ห มื อ น กั น ท้ั ง ๒ ด้ า น (Symmetrical Balance) เช่น โครงสร้างของ มนุษยแ์ ละสตั ว์ และสถาปัตยกรรมหลายแห่ง เม่ือ ลากเส้นแบ่งตรงกลางภาพ จะได้ภาพสองขา้ ง เหมือนกัน สมดุลแบบน้ีให้ความรู้สึกมั่นคง แขง็ แรง ตรงไปตรงมา
สมดุลโดยท้งั ๒ ด้านไม่เหมอื นกนั (Asymmetrical Balance) สมดุลแบบน้ีเป็นการจดั ภาพท้งั ๒ ดา้ นไม่เหมือนกนั เมื่อแบ่งดว้ ยเสน้ แกนดิ่งตรงกลาง แต่ความสมดุลเกิดข้ึนไดด้ ว้ ยความรู้สึกท่ีตาเห็น เช่น การถ่วงน้าํ หนกั ดว้ ยรูปทรง สี เสน้ หรือความเด่นของพ้ืนผวิ
๔) ความกลมกลืน (Harmony) คือ ความรู้สึกที่ เ กิ ด ข้ึ น จ า ก ก า ร ป ร ะ ส า น ร ว ม เ ข้า กัน ข อ ง ส่วนประกอบ เม่ือมองดูแลว้ จะให้ความรู้สึกท่ีไม่ ขดั แยง้ เช่น ความกลมกลืนดว้ ยเส้น รูปร่าง รูปทรง ขนาด สี ทิศทาง พ้นื ผวิ เป็นตน้
๕) การเน้น (Emphasis) หมายถึง การจดั ส่วนประกอบให้น่าสนใจ มีจุดสนใจ เด่นชดั
การเน้นด้วยเส้น รูปร่าง รูปทรง และขนาด อาจเน้นเส้น รูปร่าง รูปทรงท่ีออกแบบให้เป็ นส่วน สาํ คญั มีความเด่นดว้ ยขนาดท่ีแตกต่าง หรือใหญ่เป็นพเิ ศษกวา่ ส่วนอื่น จะทาํ ใหน้ ่าสนใจ
การเน้นด้วยพื้นผิว โดยการใช้ลักษณะ พ้ืนผิวท่ีมีความขดั แยง้ หรือใช้ลกั ษณะต่างกนั เช่น พ้ืนผิวที่หยาบกบั ละเอียด ความขรุขระกบั ความเรียบ
การเน้นด้วยสี เป็นการนาํ เอาทฤษฎีสีมาใชเ้ พือ่ ความสวยงามควบคู่กบั การใชร้ ูปทรง ขนาด และพ้ืนผวิ เช่น ความเขม้ ของสี การใชส้ ีคู่ตรงขา้ ม และการใชส้ ีวรรณะเยน็ หรือสีวรรณะอุ่น
๖) ความขัดแย้งกัน (Contrast) หมายถึง ลกั ษณะท่ีตรงกนั ขา้ ม เพ่ือ เป็นการแกป้ ัญหาสิ่งท่ีมีลกั ษณะซ้าํ ๆ ไม่น่าสนใจ แลว้ นาํ จุดที่ขดั แยง้ กนั มาวางตามความเหมาะสมเพื่อให้ กลับมาน่าสนใจ อาจแสดงความ- ขัดแย้งโดยเส้น รู ปร่ าง รู ปทรง ขนาด สี และทิศทางของทศั นธาตุก็ ได้
๗) การซํ้า (Repetition) หมายถึง ลกั ษณะการจดั ทศั นธาตุท่ีตอ้ งการใหม้ ีการซ้าํ มีช่องไฟ หรือ จงั หวะเท่าๆ กนั ถา้ หากการซ้าํ มีจาํ นวนมากกค็ วรใชล้ กั ษณะการขดั แยง้ กนั เขา้ ช่วย เพ่อื ไม่ใหเ้ กิด ซ้าํ ซากจนทาํ ใหผ้ ลงานดูน่าเบื่อหน่าย
๘ ) จั ง ห ว ะ ( Rhythm) ห ม า ย ถึ ง ความสัมพนั ธ์ของทศั นธาตุ ในลกั ษณะของการ ซ้าํ กนั สลบั ไปมา หรือลกั ษณะล่ืนไหลเคลื่อนไหว ไม่ขาดระยะ ซ่ึงจะทาํ ให้งานเกิดความเด่น โดย จงั หวะอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบา้ งแต่ตอ้ งให้ สมั พนั ธ์กนั
๙) สัดส่ วน (Proportion) หมายถึง การเปรียบเทียบ ความสัมพนั ธ์และขนาดของ รูปร่าง รูปทรงต่างๆ ท่ีใชใ้ น ก า ร อ อ ก แ บ บ โ ด ย ใ ห้ มี ความสัมพันธ์กับงานและ การใช้สอย เช่ น การหา สัดส่วนท่ีเหมาะสมสวยงาม ของรูปทรงส่ีเหล่ียม เป็ นตน้ ถ้ า มี ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ท่ี เหมาะสมกันดี ก็หมายถึง การมีสดั ส่วนที่ดี
๓. ประเภทของงานออกแบบ การออกแบบทางศิลปะแบ่งออกเป็นสาขาใหญ่ๆ คือ สาขาวิจิตรศิลป์ (Fine Art) และสาขาประยกุ ต์ ศิลป์ (Applied Art) สาขาวิจิตรศิลป์ เป็นศิลปะท่ีสร้างข้ึน เพื่อชื่นชมในคุณค่าของศิลปะโดยตรง มิไดม้ ุ่ง ที่ประโยชนอ์ ่ืนๆ ส่วนสาขาประยกุ ตศ์ ิลป์ น้นั มุ่งเนน้ ประโยชน์ใชส้ อยเป็นสาํ คญั
การออกแบบตกแต่งภายใน การออกแบบและการตกแต่ง โดยนาํ เอาวตั ถุ เคร่ืองใช้ เครื่องเรือน มาจดั วางใหเ้ ป็นระเบียบ แบบแผนตามหลกั การทางศิลปะใหเ้ กิดคุณค่าทางความงามควบคูก่ นั ไปกบั ประโยชนใ์ ชส้ อย
ศิลปะการตกแต่งภายในอาคารพกั อาศัย เช่น บา้ น อพาร์ตเมนต์ หรือ แฟลต หอ้ งแถว ซ่ึงจาํ เป็น ตอ้ งใชศ้ ิลปะการตกแต่งเพอ่ื ใหเ้ กิดความสวยงามกลมกลืน ดูเป็นธรรมชาติ
ศิลปะการตกแต่งภายในอาคารประเภทอน่ื เช่น อาคารสาํ หรับประกอบอาชีพ อาคารสาํ หรับ ศึกษาเล่าเรียน ซ่ึงการตกแต่งภายใน กม็ กั จะดูโอ่อ่ามน่ั คง หรือแบบเรียบง่าย
ศิลปะการตกแต่งภายในสําหรับการจดั งาน เช่น งานเล้ียงพิธีมงคลสมรส งานพิธีทางศาสนา การจดั นิทรรศการ เป็นการตกแต่งสถานที่ที่ทาํ ใหเ้ กิดความรู้สึกหรูหรา หรือไดบ้ รรยากาศท่ีเหมาะสม กบั งาน
ศิลปะการตกแต่งสวนภายในบ้าน หรือ ภายในอาคาร มนุษยม์ ีความตอ้ งการใกลช้ ิดกบั ธรรมชาติ จึงได้มีการดึงธรรมชาติเข้าไปใน อาคารด้วยศิลปะการตกแต่ง เช่น การจัด สวนหย่อม สวนถาด หรือไม้ดัด ไม้กระถาง เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้สึก รื่นรมย์ สงบ ร่มเยน็
การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ การนาํ เอาหลกั การออกแบบมาสร้างสรรค์ ปรับปรุงผลิตภณั ฑต์ ่างๆ หรือสินคา้ ใหเ้ กิดลกั ษณะ เด่นมีรูปแบบใหม่ๆ สะดุดตา ดึงดูดความสนใจ ผบู้ ริโภคเห็นแลว้ อยากจะซ้ือ
การออกแบบส่ือสาร ส่ือสาร หมายถึง การส่งข่าวสารขอ้ มูลจากฝ่ าย หน่ึงไปสู่อีกฝ่ ายหน่ึง เป็ นการออกแบบท่ีมุ่งให้ส่ือที่ ส่งไปน้นั เขา้ ใจง่าย จดจาํ ง่าย ดึงดูดความสนใจ ดว้ ยวธิ ีการจดั ทาํ เป็นแผน่ ป้ ายสญั ลกั ษณ์
การออกแบบส่ิงพมิ พ์ ศิลปะสิ่งพิมพ์ (Graphic arts or Graphics) เป็นการออกแบบท่ีมีลกั ษณะหลากหลายของสิ่งพิมพ์ ออกแบบในลกั ษณะต่างๆ เพ่ือให้ผูค้ นไดอ้ ่าน ไดด้ ู โดยผ่านส่ือกลางต่างๆ เช่น ตวั อกั ษร เคร่ืองหมาย สัญลกั ษณ์ รูปภาพ และรูปอื่นๆ ซ่ึงตอ้ งผา่ นกรรมวิธีขีดเขียน การพิมพ์ การบนั ทึกภาพ รวมไปถึงเทคนิค การสร้างภาพต่างๆ โดยใชเ้ คร่ืองมือ เครื่องจกั รกล ใหเ้ กิดเป็นรูปร่างท่ีประณีต เรียบร้อย สวยงาม เพ่ือใช้ ติดต่อสื่อสารและโนม้ นา้ วจิตใจ ของกลุ่มเป้ าหมายตามท่ีตอ้ งการได้
การออกแบบสิ่งพิมพ์มีความสัมพนั ธ์กบั การ- ส่ือสาร เพราะการออกแบบสิ่งพิมพเ์ ป็ นส่วนหน่ึงใน กระบวนการออกแบบสื่ อสาร ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วีดิทศั น์ หรือการถ่ายภาพไปสู่จอโทรทศั น์ รวมถึงการออกแบบผลิตภณั ฑ์ บรรจุภณั ฑ์
ความสําคญั ของการออกแบบส่ิงพมิ พ์ ๑. การออกแบบส่ิงพิมพ์มีส่วนสร้างสรรค์ข้อตกลงร่วมกันของคนในสังคม เน่ืองจากมนุษยเ์ ป็ น สงั คมของคนหมู่มาก เพ่ือใหม้ ีการเคารพระเบียบ กฎเกณฑ์ ที่มีการยอมรับเป็นขอ้ ตกลงที่จะปฏิบตั ิต่อกนั และสืบกนั ไป จึงไดม้ ีการออกแบบสิ่งพิมพ์ ไดแ้ ก่ เครื่องหมายบอกทิศทาง เคร่ืองหมายจราจร เป็นตน้
๒. การออกแบบสิ่งพมิ พม์ ีส่วนเสริมสร้างขา่ วสารใหส้ ะดุดตา น่าสนใจ
๓. การออกแบบสิ่งพิมพม์ ีส่วนเสริมสร้างความเจริญกา้ วหนา้ ทางธุรกิจการคา้ และวงการอุตสาหกรรม
ประโยชน์ของการออกแบบสิ่งพมิ พ์ทมี่ ตี ่อธุรกจิ การค้า ๑) ช่วยสร้างเอกลกั ษณ์ ๒) สร้างภาพที่ดีใหส้ ินคา้ ๓) ช่วยจาํ แนกใหเ้ ห็นความแตกต่างของสินคา้ ๔) ช่วยใหเ้ กิดการพฒั นาระบบธุรกิจการคา้ และอุตสาหกรรม
หลกั การดาํ เนินงานออกแบบสิ่งพมิ พ์ - ผอู้ อกแบบควรวางเป้ าหมายเป็นอนั ดบั แรกวา่ ตอ้ งการบอกอะไรใหผ้ รู้ ับสารทราบ - ผอู้ อกแบบควรศึกษาใหช้ ดั วา่ กลุ่มเป้ าหมายเป็นใคร หญิง ชาย หรือไม่แยกเพศ และกลุ่มเป้ าหมาย มีอายเุ ท่าใด
- ผอู้ อกแบบตอ้ งเลือกส่วนประกอบท่ีจะใชใ้ นการออกแบบใหต้ รงกบั กลุ่มเป้ าหมาย เช่น การใชข้ อ้ ความ การใชส้ ญั ลกั ษณ์ หรือภาพต่างๆ - ผอู้ อกแบบตอ้ งคาํ นึงถึงส่ือวา่ ควรใชแ้ บบใดจึงจะไดผ้ ล เช่น การใชป้ ้ ายโฆษณา แผน่ โปสเตอร์ หนงั สือพมิ พ์ โทรทศั น์ ภาพยนตร์เป็นตน้ เพราะสื่อแต่ละอยา่ งมีผลต่อการรับรู้ท่ีต่างกนั ออกไป
ส่วนประกอบในงานออกแบบสิ่งพมิ พ์ ส่วนประกอบที่สําคญั ในงานออกแบบ สิ่งพมิ พ์ มีดงั น้ี ๑) ตัวอักษร จัดเป็ นองค์ประกอบ พ้ืนฐานสาํ คญั อนั ดบั แรกในการออกแบบ ซ่ึง นักออกแบบต้องเรี ยนรู้ ในเร่ื องของขนาด รูปร่าง ลกั ษณะ ตลอดจนวิธีการในการจัด และผลิตตวั อกั ษร ตวั อกั ษรมีส่วนสําคญั ใน การทาํ สิ่งพิมพ์ เน่ืองจากตวั อกั ษรใชใ้ น การดึงดูดสายตา ดึงดูดความสนใจของผอู้ ่าน
๒) ภาพประกอบ ภาพท่ีนาํ มาใช้ใน งานออกแบบประเภทต่างๆ น้ันมีหลาย ลั ก ษ ณ ะ ห ล า ย รู ป แ บ บ ข อ ง ก า ร สร้างสรรค์ โดยวตั ถุประสงค์ของการมี ภาพประกอบในงานออกแบบส่ือสิ่งพิมพ์ ค๑ือ) เพอ่ื ใชใ้ นการดึงดูดความสนใจ ๒) ใชอ้ ธิบายความคิดรวบยอด ๓) เพือ่ ใชอ้ า้ งอิงแทนตวั จริง ๔) เพ่อื ใชอ้ ธิบายเน้ือหาแทนขอ้ ความ
๕) เพื่อประกอบขอ้ มูลทางสถิติ
การออกแบบสัญลกั ษณ์ สัญลกั ษณ์ หมายถึง สิ่งที่ใชแ้ ทนการอธิบายดว้ ยคาํ พดู หรือการเขียนขอ้ ความในการส่งข่าวสาร จากฝ่ ายหน่ึงไปสู่ฝ่ ายหน่ึง เพ่อื ความสะดวกรวดเร็วและขจดั ปัญหาการไม่เขา้ ใจ หรือความไม่คุน้ เคยใน การใชภ้ าษา เช่น สญั ลกั ษณ์จราจร สญั ลกั ษณ์ทางการคา้ เป็นตน้
ลกั ษณะการออกแบบสัญลกั ษณ์ ๑. ใชต้ วั อกั ษรยอ่ หรือคาํ เตม็ สาํ หรับขอ้ ความส้นั ๆ ๒. ใชภ้ าพเป็ นสัญลกั ษณ์แทนเคร่ืองหมายการคา้ หรือ แทนความหมายของสิ่งน้นั ๆ ๓. ออกแบบโดยรวมเอาตวั อกั ษรกบั ภาพเขา้ ดว้ ยกนั ๔. ออกแบบจากอุดมการณ์เป็ นสัญลักษณ์แบบ นามธรรม โดยใชร้ ูปทรงเรขาคณิต หรือรูปทรงอิสระ
ห ลัก เ ก ณ ฑ์ ท่ี ดี ใ น ก า ร อ อ ก แ บ บ สัญลกั ษณ์ ๑. มีความประณีต เรียบร้อย ตดั ทอนรายละเอียดออก ๒. เขา้ ใจง่าย จาํ ไดง้ ่าย ๓. ดึงดูดความสนใจไดด้ ี สะดุดตา ๔. ไม่ลา้ สมยั
การออกแบบโปสเตอร์ โปสเตอร์ คือ ส่ือประเภทหน่ึงที่บอกกล่าวถึงเรื่องราวให้ผพู้ บเห็นไดท้ ราบ โดยมีจุดเด่นดึงดูดสายตา รวมท้งั สามารถทาํ ความเขา้ ใจไดภ้ ายในระยะเวลาอนั ส้ัน ในภาพอาจบรรจุตวั อกั ษร หรือรูปภาพ หรือท้งั สองอยา่ ง ผอู้ อกแบบควรจดั องคป์ ระกอบศิลป์ ที่สะดุดตา ดึงดูดความสนใจ เช้ือเชิญต่อสายตาของผคู้ น
๔. ศัพท์ทางทศั นศิลป์ ทัศนศิลป์ เป็ นศาสตร์ เฉพาะทาง จึ งมี ศัพท์ทาง ทัศนศิลป์ ท่ีต้องใช้ในการ บรรยาย การวิเคราะห์ ศัพท์ ทางทัศนศิลป์ น้ัน มีรากฐาน มาจากภาษาอังกฤษ และได้ บัญญัติศัพท์เป็ นภาษาไทย โดยราชบัณฑิตยสถานเป็ น หลกั บางคาํ ก็กาํ หนดข้ึนโดย ศิลปิ นไทย ผูเ้ ขียนตาํ ราทาง ศิลปะเพราะศพั ท์เฉพาะทาง ทศั นศิลป์ ในภาษาไทยเรายงั อยใู่ นวงการที่ไม่กวา้ งนกั
ตวั อย่างคาํ ศัพท์ทางทศั นศิลป์ คาํ ศัพท์ ความหมาย โครงสร้างเคล่ือนไหว (Mobile) เป็นประติมากรรมที่โครงสร้างบอบบาง จดั สมดุลดว้ ยเสน้ ลวดแขง็ งานสื่อผสม (Mixed Media) บางๆ ท่ีมีวตั ถุรูปร่างออกแบบเช่ือมติดกบั เสน้ ลวด เป็นเครื่อง แขวนท่ีเคลื่อนไหวไดด้ ว้ ยกระแสลมเบาๆ ทศั นธาตุ (Visual Elements) เป็นงานออกแบบทางทศั นศิลป์ ที่ประกอบดว้ ยหลายส่ือ โดยใช้ วสั ดุหลายๆ แบบ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ สร้างความกลมกลืนดว้ ย ความคิดสร้างสรรค์ สิ่งที่เป็นปัจจยั ของการมองเห็น เป็นส่วนต่างๆ ท่ีประกอบกนั เป็น ภาพ ไดแ้ ก่ จุด เสน้ น้าํ หนกั ที่วา่ ง รูปร่าง รูปทรง สี และลกั ษณะ พ้นื ผวิ
คาํ ศัพท์ ความหมาย ทศั นียภาพ (Perspective) วธิ ีเขียนภาพของวตั ถุใหม้ องเห็นวา่ มีระยะใกลไ้ กล ทศั นศิลป์ (Visual Art) ศิลปะท่ีรับรู้ไดด้ ้วยการเห็น ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม วงสีธรรมชาติ (Color Circle) ภาพพมิ พ์ และงานสร้างสรรคอ์ ่ืนๆ ท่ีรับรู้ดว้ ยการเห็น วรรณะสี (Tone) คือ วงกลมท่ีจดั ระบบสีในแสงสีรุ้งท่ีเรียงกนั อยใู่ นธรรมชาติ สีวรรณะอุ่นจะอยใู่ นซีกที่มีสีแดงและเหลือง ส่วนสีวรรณะเยน็ จะอยใู่ นซีกที่มีสีเขียวและม่วง สีคู่ตรงขา้ มกนั จะอยตู่ รงกนั ขา้ ม ในวงสี ลกั ษณะของสีแบ่งตามความรู้สึกอุ่น หรือเยน็ เช่น สีแดงอย่ใู น วรรณะสีอุ่น สีเขียวอยใู่ นวรรณะสีเยน็ เป็นตน้
คาํ ศัพท์ ความหมาย สีคูต่ รงขา้ ม สีที่อยตู่ รงกนั ขา้ มในวงสีธรรมชาติ เป็ นคู่สีกนั คือ สีคู่ท่ีตดั กนั (Complementary Colors) หรือต่างจากกนั มากที่สุด เช่น สีแดงกบั สีเขียว สีเหลืองกบั สีม่วง องคป์ ระกอบศิลป์ วชิ า หรือทฤษฎีที่เกี่ยวกบั การสร้างรูปทรงในงานทศั นศิลป์ (Composition of Art) เอกภาพ สภาพท่ีเป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ความสอดคลอ้ งกลมกลืนกนั การประสานกนั หรือการจดั ระเบียบส่วนต่างๆ เพ่ือสร้างผลรวม (Unity) อนั เป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ไม่สามารถแยกออกจากกนั ได้ การประสานกนั อยา่ งลงตวั ของทศั นธาตุ เช่น เส้น รูปทรง ขนาด ความกลมกลืน พ้ืนผวิ เป็นตน้ (Harmony) สภาพของการถ่วงดุลกนั ของทศั นธาตุท่ีประกอบกนั ในงานชิ้น ความสมดุล หน่ึง (Balance)
๒หน่วยการเรียนรู้ท่ี รูปแบบงานทศั นศิลป์ ตะวนั ออก
๑. รูปแบบงานทศั นศิลป์ ทศั นศิลป์ (Visual Artist) ป ร า ก ฏ ข้ึ น ม า ใ น โ ล ก ต้ ั ง แ ต่ สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ จนถึง ปัจจุบนั ศิลปิ นในแต่ละภูมิภาค ข อ ง โ ล ก ไ ด้ ถ่ า ย ท อ ด ผ ล ง า น ทศั นศิลป์ ไวอ้ ย่างมากมาย โดย ผลงานจะมีความแตกต่างกนั ไป ในแต่ละเช้ือชาติ ความเช่ือ ศาสนา
ทัศนศิลป์ หมายถึง ศิลปะท่ีส่ือความหมายและรับรู้ไดด้ ว้ ยการเห็น เป็ นงานท่ีแสดงรูปภาพรูปทรง ดว้ ยการใชค้ วามหมาย หรือร่องรอยท่ีปรากฎให้เห็นได้ เช่น ผลงานจิตรกรรม (Painting) ประติมากรรม (Sculpture) สถาปัตยกรรม (Architecture) ภาพพมิ พ์ (Graphic Art)
ศิลปะรูปลกั ษณ์ เป็ นศิ ลปะรู ปธร ร ม ท่ี แ สดง รูปลกั ษณ์ของคน สัตว์ และส่ิงอ่ืนๆ ท่ี เห็นในธรรมชาติ ศิลปิ นจะนาํ เสนอสิ่งที่ เคา้ ได้พบเห็น ไม่มีการบิดเบือนความ จริงตามธรรมชาติ การสร้างสรรคไ์ ม่ใช่ แค่การเลียนแบบธรรมชาติ แต่ถ่ายทอด ความรู้สึกนึกคิดลงไปในงาน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302