Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือ Halal Haram A5

หนังสือ Halal Haram A5

Published by fakrutdeen tapohtoh, 2022-08-03 09:54:21

Description: หนังสือ Halal Haram A5

Search

Read the Text Version

อย่างไรให้สอดคล้องกับวิถีทางที่เที่ยงตรงของชีวิตเพื่อให้หน่วยโครงสร้าง ทางด้านครอบครัวและโครงสร้างทางสังคมมีความเข้มแข็งและที่สุดแล้วคือ มนษุ ยชาติโดยรวม นอกเหนือจากนั้นแล้ว ศาสนบัญญัติอิสลามพื้นฐานได้ห้ามบรรดา มุสลิมจากรับประทานเนื้อสุกรและเนื้อของสัตว์มีเขี้ยวล่าเหยื่อ (เช่น สิงโต เสือ เสือดาว) งู แมว สุนัข หนู เป็นต้น การห้ามสิ่งนี้มีวัตถุประสงค์ที่อยู่บน หลักความบริสุทธิ์ตามธรรมชาติของมนุษย์ เนื่องจากอาหารเมื่อถูก รับประทานเข้าไปแล้วไม่เพียงเข้าไปยังกระเพาะอาหาร ลำไส้และกลายมา เป็นอุจจาระเท่านั้น แต่ยังถูกดูดซึมและเผาผลาญ (เมแทบอลิซึม) ภายใน ระบบและไหลเวียนยังทกุ ส่วนของร่างกายมนุษย์รวมทั้งสมอง และคงเป็นไป ไม่ไดท้ ่ีสิ่งน้จี ะไมส่ ง่ ผลต่อมนุษย์ ทางด้านการแพทย์ จากบทความของ ดร.อิบรอฮิม กาเซ็ม (Dr. Ebrahim Kazim) ท่ี ชื่อว่า “มุมมองทางด้านการแพทย์ที่มีต่ออาหารต้องห้ามในศาสนาอิสลาม” (นิตยาสารมุสลิม ฉบับเดือนกรกฎาคม ปี 1981) ได้อธิบายโรคที่มีเนื้อสุกร เป็นพาหะ เขาเขียนไว้ความว่า “สุกรเป็นสัตว์ที่กินของเสีย เป็นสัตว์ที่กินไม่ เลือก มันกินทุกๆอย่าง” มีเชื้อโรคจากสุกรจำนวนมากที่เป็นพาหะนำเชื้อไป ยังมนุษย์ โดยเฉพาะปรสิตที่เข้าไปอาศัยและแย่งชิงอาหารจากที่มันเข้าไป อาศัย เมื่อเร็วๆนี้งานวิจัยได้ให้ความสนใจไปยังกลุ่มคนชรา ลักษณะเฉพาะ ของผู้สงู อายนุ ัน้ เนื้อเยอื่ เส้นหลอดเลือดภายในหัวใจ สมองและส่วนอื่นๆ จะ สูญเสียความยืดหยุ่นและแข็งตัว ซึ่งมีสาเหตุมาจากกระบวนการหนึ่งท่ี เรียกว่า ภาวะหลอดเลือดตีบตัน (arteriosclerosis) เมื่อเกิดการก่อตัวของ ลิ่มเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะอุดตันของหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อหัวใจ หรอื โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดตบี ในสมองหรอื Storke ปัจจัยทางอาหารที่แตกต่างกันเป็นคำตอบสำหรับภาวะผนังหลอด เลือดแดงแขง็ ตวั (arteriosclerosis)... 101

ไขมันจากสุกร (lard) ประกอบดว้ ย วติ ามินดี 2,800 หน่วยตอ่ 100 กรัมและปราศจากวิตามินเอทั้งหมด ล่าสุดพบว่าวิตามินดีทำหนา้ ที่จับไขมนั ในผนังหลอดเลือดด้านใน (atheroma) ซึ่งเป็นสาเหตุของการดูดซับ แคลเซียมเพิ่มมากขึ้นภายในผนังหลอดเลือด ระดับไขมันในเลือดจากการ ดำรงชีวิตของมนุษย์นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคลอเลสเตอรอลในอาหารที่นำเข้าไป แตข่ ้ึนอยูก่ ับสดั สว่ นของไขมนั สัตว์ในอาหารท่ีสัมพันธก์ ับเบต้าไลโปโปรตีนใน เลือด ไขมันสัตว์ที่มีองค์ประกอบของกรดไขมันอิ่มตัว และกรดไขมันอิ่มตัว เหล่าน้ีถูกคน้ พบวา่ เปน็ สาเหตหุ น่งึ ของการจับไขมันในผนังหลอดเลอื ดด้านใน ของมนุษย์ เบคอนไขมันปานกลางประกอบด้วยโปรตีน 25% และไขมัน 55% ▪ ตามรายงานวิจยั ทางการแพทย์ไดร้ ะบวุ า่ องคป์ ระกอบของไขมนั ใน เนื้อสุกรนั้นมีปริมาณมากกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ (เนื้อวัว เนื้อแกะ ฯลฯ) และต้องใช้ระยะเวลาในการย่อยที่ยาวนานกว่า ดร.เอ็ม เจฟ เฟอร์ (Dr. M Jaffer) จากบทความ Islamic Review (ลอนดอน) ในเดอื นมกราคม ปี 1967 ได้ระบุภยั อนั ตรายจากเชื้อโรค 16 ชนิด ในเนื้อสุกรที่ได้ถูกค้นพบในงานวิจัยสมัยใหม่แล ะโรคที่อาจจะมี สาเหตมุ าจากเน้ือสุกร ▪ จำนวนคนไข้ที่ได้รับการติดเชื้อจากพยาธิตัวตืด (Tapeworm disease) สูงที่สุดในโลกจากกลุ่มประเทศที่รับประทานเนื้อสุกร ซึ่งทริคิโนซิส สไปราทิส (Trichinelia spirates) และพยาธิลำไส้ เปน็ สาเหตุให้เกิดโรคชนดิ อนื่ ๆท่ีเชื่อวา่ มาจากสุกร กฎหมายของพระเจ้า มุสลิมปฏิบัติตามกฎหมายของพระเจ้า ซึ่งมีอำนาจมากกว่า คำแนะนำทางการแพทย์ ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานความว่า “พวกเจ้าจง บริโภคในสิง่ ท่ีอัลลอฮฺทรงประทานปัจจยั ยังชีพแก่พวกเจา้ ซึ่งเป็นที่อนุมัติ ทดี่ ี และพวกเจา้ จงขอบคณุ ต่อความโปรดปราณของอลั ลอฮฺ หากพวกเจ้า 102

เคารพภักดีเฉพาะพระองค์เท่านั้น แท้จริง พระองค์ทรงห้ามพวกเจ้า เพียงแต่สัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งเสียงท่ี มันเพื่ออื่นจากอัลลอฮฺ ดังนั้นผู้ใดที่อยู่ในสภาพคับขัน โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไมเ่ ป็นผู้ละเมิดแล้ว แท้จริงอลั ลอฮฺเป็นผู้ทรงอภยั ผู้ทรงเมตตาเสมอ” (อัล นะหฺลฺ : 114-115) จากอายะฮฺข้างต้นเป็นคำบัญชาจากพระผู้สร้างจักวาลและผู้ออก กฎหมายสงู สุด มุสลิมทุกคนอยู่ภายใต้กฎเกณฑท์ ี่ต้องยอมจำนนตอ่ กฎหมาย นี้ นี่คือคำตอบที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาสำหรับผู้ที่ถามว่า เพราะเหตุใด มุสลิมจงึ ละเว้นจากการรบั ประทานเนื้อสุกร อย่างไรก็ตาม ไม่มีบาปแต่ประการใดหากมุสลิมรับประทานเน้ือ สุกรโดยแรงบีบจากความอดยากหรือความหิวโหย เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของ เขา แต่หากมุสลิมได้โยนความยำเกรงในตัวเขาทิ้งโดยจงใจรับประทานเนื้อ สุกร เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่ไร้เกียรติ ไร้ซึ่งศรัทธาหรือไม่มีหลักการ เขาเป็น มุสลิมที่น่าอับอายและเป็นมุสลิมบาปในสายตาของบุคคลอื่นรวมทั้งผู้มิใช่ มสุ ลิม มุสลิมคนหนึ่งถูกแรงกดดันให้รับประทานเนื้อสุกรเพื่อรักษาไว้ซ่ึง ชีวิตของตัวเขา ไม่ถือเป็นการกระทำผดิ บาปแต่ประการใด แต่มุสลิมคนหนง่ึ คนใดจงใจรับประทานมันในขณะที่เขากำลังอาศัยอยู่ในประเทศที่มิใช่มุสลมิ ถือเป็นผู้กระทำบาปใหญแ่ ละนำมาซึ่งความโกรธกริ้ว นำมาซ่งึ การลงโทษจาก พระเจา้ ทกุ เวลา ดังพระมหาคมั ภรี ์อลั กุรอานไดป้ ระกาศไว้ความวา่ “อัลลอฮฮฺได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้อง จองกนั กลา่ วซ้ำกนั ผิวหนังของบรรดาผ้ทู เ่ี กรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาจะ ลุกชันขึ้น แล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อ รำลึกถึงอัลลอฮฺ นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงชี้นำทาง แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้น 103

สำหรับเขาจะไม่มีผชู้ น้ี ำทาง ดังน้ันผู้ใดทป่ี อ้ งกันใบหน้าของเขาให้พ้นจาก การลงโทษอันชั่วช้าในวันกิยามะฮ (จะเหมือนกับผู้ที่ปลอดภัยจากการ ลงโทษกระน้นั หรอื ?) และจะมเี สียงกลา่ วแก่บรรดาผอู้ ธรรมว่า จงลิ้มรสสิง่ ที่พวกเจ้าแสวงหาไว้เถิด บรรดาหมูช่ นก่อนหน้าพวกเขาได้ปฏเิ สธมาแล้ว ดังนัน้ การลงโทษได้มีมายังพวกเขา โดยที่พวกเขาไมร่ ูส้ ึกตวั ดังนัน้ อัลลอ ฮฺทรงให้พวกเขาลิ้มรสความอัปยศในชีวิตของโลกนี้ และแน่นอนการ ลงโทษในปรโลกนน้ั ย่งิ ใหญก่ ว่า หากพวกเขาไดร้ ้”ู (อัซซูมาร : 23-26) ตอนท่ี 11 เจลาตินคืออะไร? เจลาตินเป็นโปรตีนเสื่อมสภาพที่ได้จากหนัง เอ็นและกระดูกของ สัตว์ เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษ เจลาตินจึงมีหลากหลายหน้าที่และนิยม นำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมยา เจลาตินเป็น สารให้ความคงตัวที่ได้รับความนิยมจากอุตสาหกรรมอาหารและถูกนำมาใช้ ในอาหารอยา่ งเช่น ไอศกรมี ขนมหวาน วุ้น ไสก้ รอกและเครือ่ งด่ืมจากนม เภสัชตำรับของประเทศอังกฤษ (British Pharmacopoeia : BP) ได้ให้คำจำกัดความเจลาตินว่าเป็นอนุพันธุ์ของคอลลาเจน (โปรตีนที่สัมพันธ์ กบั หนงั กระดูกและเนอ้ื เย่อื เก่ยี วพนั ธอ์ ่ืน ๆ) ด้วยเหตนุ ้ี ความหมายของคำว่า เจลาติน จึงไม่สามารถใช้กับสารที่ได้มาจากพืช ถึงแม้ว่าจะมีสารท่ีได้มาจาก พืชและมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับเจลาติน ความแตกต่างระหว่างสารสองชนดิ 104

นน่ั กค็ ือคณุ ค่าทางโภชนาการ สารทีไ่ ด้มาจากพชื เปน็ แหลง่ ของคารโ์ บไฮเดรต ตัวอย่างเช่น วุ้น กัมอารบิก และโลกัสกัม (locust gum) แต่เจลาตินที่มา จากสตั วเ์ ปน็ แหล่งของโปรตนี สารทีม่ คี ณุ สมบัติเช่นเดยี วกันกบั เจลาตินแตม่ แี หล่งท่ีมาจากพืชน้ัน มีมูลค่าในทางการค้า แต่วัตถุดิบของเจลาตินได้มาจากส่วนที่ไม่ใช้ประโยชน์ จากโรงฆ่าสัตว์ เจลาตินเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ละลายได้ในน้ำและผลิตขึ้นโดยผ่าน การยอ่ ยสลายคอลลาเจน ซง่ึ คอลลาเจนเปน็ แหลง่ ของโปรตีนท่ีไดจ้ ากเน้ือเย่ือ ของสัตว์ โดยหนัง เอ็น กระดูกจากสุกรและวัวเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับการ ผลิตเจลาตนิ สารละลายท่ีมีเจลาติน 1% เจลสามารถรวมตัวเป็นของแข็งเมื่อ ได้รับความเย็น คุณลักษณะพิเศษเหล่านี้คือเหตุผลที่นิยมนำเจลาตินมาใช้ อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและ อตุ สาหกรรมยา เจลาติน จัดเปน็ โปรตีนบริสุทธ์ทิ ไี่ ม่มคี าร์โบไฮเดรตและไขมันต่างๆ ปนอยู่ สำหรบั ประเทศแถบตะวันตกบางประเทศ เช่น สหรฐั อเมริกา สหราช อาณาจกั รและประเทศสมาชกิ สหภาพยโุ รป เมื่อมีการใช้ เจลาตนิ ในอาหาร ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอยี ดลงบนฉลากสินคา้ ด้วยเหตุน้เี จลาตินท่มี ี อยู่ในอาหารจึงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจพบ อย่างไรก็ตามเจลาตินสามารถ ตรวจพบได้หากมีไฮดรอกซีโพรลีน(ลักษณะเฉพาะของกรดอะมิโนที่พบใน คอลลาเจน) ปรากฏอยใู่ นอาหารทท่ี ำการทดสอบ เจลาตนิ มีท้ังชนิดแผน่ หรือชนดิ ผง ชนิดผงนิยมนำมาใช้โดยท่ัวไปใน อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เจลาตินสามารถหลอมละลายและเพิ่มปริมาตร ขน้ึ ในน้ำทีอ่ ณุ หภมู ิ 70 องศาเซลเซยี ส มีอัตราการดดู ซบั น้ำได้สูงและสามารถ เปล่ยี นรปู เปน็ เจลทอ่ี ุณหภูมิ 4 องศาเซลเซยี ส คุณสมบตั เิ หล่านี้ทำให้เจลาตนิ เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการผลิตไอศกรีม เนื่องจากเจลาตินที่เติมเข้าไป สามารถป้องกันการเกิดผลึกน้ำแข็งขนาดใหญ่ในระหวา่ งกระบวนการแช่แข็ง เจลาตินในรูปเจลจะละลายเมื่อได้รับความรอ้ น 105

แหลง่ ท่มี าของเจลาติน ในประเทศผู้ผลติ เนอื้ จะมีโรงฆ่าสตั วจ์ ำนวนหนึ่งท่ีจะมโี รงงานแปร รูปเจลาตินเพื่อจัดการกับของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเสียดังกล่าวหลังจาก ผ่านการแปรรูปจะกลายสภาพเป็นผงสีขาว ไม่มีกลิ่น ซึ่งถูกนำใช้ใน อตุ สาหกรรมอาหารเปน็ จำนวนมาก ดังท่เี ราไดอ้ ธิบายไปแล้วกอ่ นหนา้ นว้ี ่า เจลาตินผลิตมาจากหนังและ เอน็ ของสตั วอ์ ยา่ งเชน่ สกุ ร ววั และ สัตว์อื่น ๆ ในกรณที เ่ี จลาตนิ ไดม้ าจากววั กไ็ มจ่ ำเปน็ วา่ เจลาตนิ ดงั กลา่ วจะตอ้ ง ฮาลาลเสมอไป เนอ่ื งจากววั อาจจะไมไ่ ดร้ บั การเชอื ดอย่างถูกตอ้ งตามหลักศา สนบัญญัติอสิ ลาม ซึ่งในประเทศที่มิใช่มุสลิมหลายประเทศ มีโรงฆ่าสัตว์ไมก่ ่ี โรงท่ีตอบสนองความตอ้ งการของมสุ ลิม นอกจากนี้ อาหารโดยส่วนใหญ่ที่มีเจลาตินเป็นส่วนประกอบไม่ได้ ระบุว่า ผลติ ภณั ฑใ์ ดเปน็ เจลาตินจากสกุ รหรือเจลาตนิ จากวัว การใชเ้ จลาตินในชีวิตประจำวัน เจลาตินถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแต่ใช้ในอุตสาหกรรม อาหารเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก เป็นสารยึดเกาะและ การถ่ายภาพ หน้าที่ของเจลาตินในอาหาร 1. เปน็ วัตถเุ จอื ปนอาหาร • วัตถุใหค้ วามคงตัว 106

ไอศกรมี : เจลาตินเป็นวตั ถใุ ห้ความคงตัวชนดิ หน่ึงซงึ่ ถูกนำมาใช้ใน อุตสาหกรรมไอศกรีม การใชเ้ จลาตินในไอศกรีมนั้นเพ่ือปอ้ งกนั การการก่อตัว ของผลกึ นำ้ แข็ง เจลาตินยังปอ้ งกนั ไอศกรีมจากการละลายอย่างรวดเร็วได้อกี ดว้ ย เพ่ือท่ไี อศกรมี จะยังคงรูปในสภาพของแขง็ และขณะเดยี วกนั ยังช่วยใหไ้ ด้ เนอ้ื สมั ผสั ท่ีออ่ นนุ่ม (เจลาตนิ ประมาณ 0.2-0.6% ถกู เตมิ ลงไปในข้ันตอนการ ผสมไอศกรมี ) น้ำตาลไอซ่ิง : เจลาตินถูกนำมาใชเ้ ป็นวัตถใุ หค้ วามคงตัวในน้ำตาล ไอซ่งิ หนา้ ที่ของเจลาตินคอื เพอ่ื ป้องกันของเหลวจากน้ำท่ีซึมออกภายในเค้ก เนื่องจากการผสมน้ำตาลไอซิ่ง นอกจากนี้ยังช่วยให้รูปร่างของไอซิ่งดียิ่งข้ึน เจลาตินประมาณ 1-2% ถูกเติมลงไปในนำ้ ตาลไอซ่ิง ก่อนท่ีจะวางขาย • อมี ัลซิไฟเออร์ เจลาตินถูกนำมาใช้เป็นสารเพื่อให้เกิดการผสมกันระหว่างน้ำกับ น้ำมัน ตัวอย่างเช่น ในการผสมน้ำมันมะนาวและน้ำเชื่อม ในการผสมนี้เจ ลาตนิ ประมาณ 0.2% ถูกนำมาใชเ้ พอ่ื ใหว้ ัตถุดบิ ดงั กล่าวผสมเป็นเน้อื เดยี วกนั • วัตถใุ หค้ วามข้นหนดื เจลาตินประมาณ 0.1% ถูกนำมาใช้เพื่อให้ความข้นหนืดแก่กล่ิน เพือ่ นำมาใชใ้ นไอศกรมี • สารทที่ ำให้เกดิ เจล เจลาตินถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเยลลีเมื่อเทียบ กบั การใช้สาหรา่ ยทะเล ทีเ่ ป็นเช่นนีเ้ น่อื งจากจดุ หลอมเหลวของเจลาตินนั้นมี ค่าตำ่ กว่าเม่ือเทียบกับสาหร่ายทะเล การทำเจลาตินจงึ งา่ ยดว้ ยการละลายใน น้ำร้อน คุณสมบัตินี้ยังให้ผลดีอีกอย่างนั่นคือ ทำให้เยลลี่มีความนุ่มและ ละลายได้ในปาก เยลลี่ที่เกิดจากสาหร่ายทะเลนั้นมีความเหนียวมากเกินไป (มีจุดหลอมละลายสูงเมื่อเทียบกับเจลาติน) จึงจำเป็นต้องเคี้ยว ด้วยเหตุนี้ สาหร่ายทะเลจึงไม่เปน็ ทีน่ ิยมในหมู่ผ้บู รโิ ภค 107

ลูกอมเยลลี (Jujubes) อาจจะมีเจลาติน 7-9% ในขณะท่ี Jellybeans ชนิดแข็งมีเจลาติน 2-7% เจลาตนิ ยงั ถูกนำมาใชใ้ นการทำหมาก ฝรั่งกลิ่นผลไม้อีกด้วย ปริมาณเจลาตินที่ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์นี้คือ 0.4- 1.5% เจลาตินยังถูกเติมลงในลูกอม ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีความสุขในการ เคี้ยว เจลาตินยังถูกนำมาใช้เป็นสารที่ทำให้เกิดเจลในเนื้อเบอร์เกอร์ อย่างเช่น เพื่อทำให้น้ำซุปและน้ำเกรวี่มีความขน้ หนืด อาหารประเภทนี้ส่วน ใหญ่เป็นอาหารกระป๋องที่มีขายอย่างแพร่หลาย จะมีเจลาตินประมาณ 8- 10% 2. เป็นกาวในขนมหวาน เจลาตินถูกนำมาใช้เพ่ือเป็นกาวยึดขนมหวานในบางประเภท เจลาตินที่ ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้จะถูกละลายในน้ำเชื่อมเข้มข้น ซึ่งมีเจลาติน ประมาณ 1.5-1.9% เช่น ในการตกแต่งหน้าเค้กอาจจะมีเจลาตินประมาณ 1.5% 3. เปน็ สารทำใหเ้ กดิ ฟอง ตัวอย่างขนมหวานชนิดหนึ่งท่ีทำโดยใช้เจลาตินเป็นสารที่ทำให้เกิดฟอง นั่นคือ มาร์ชเมลโล ไข่ขาวยังถูกนำมาใช้เพื่อเป็นสารทำให้เกิดฟอง เชน่ เดียวกนั แตโ่ ดยทัว่ ไปไข่ขาวและเจลาตนิ ถูกนำมาใชค้ วบคกู่ ันเพ่ือทำขนม หวานประเภทน้ี อาหารและสนิ ค้าอื่นๆที่มเี จลาตนิ เปน็ สว่ นประกอบ การใช้เจลาตินในผลิตภัณฑ์อาหารเกือบทุกชนิดกลายเป็นเรื่อง สำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากความจริงที่ว่าเจลาตินที่รับประทานได้น้ัน เป็นอาหารที่มีความโดดเด่น โดยมีโปรตีนที่ย่อยได้โดยทันทีในปริมาณมาก 108

ตรงข้ามกับสารให้ความแน่นเนื้อและอิมัลซิไฟเออร์ชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ เจ ลาตินยังมีความหลากหลายและมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะที่แตกต่างกัน ทำให้ ผ้ใู ชส้ ามารถเลอื กเจลาตินทตี่ รงกบั ความต้องการของเขา หมากฝรัง่ ความสำคัญประการหนึ่งในการนำเจ ลาตินมาใช้ประโยชน์นั่นคือ การนำไปใช้ใน กระบวนการผลิตหมากฝรั่ง โดยทั่วไปเจลาตนิ ท่ี มีเจลแข็ง และความหนืดต่ำ เป็นที่ยอมรับว่ามี ค ว า ม ด ี เ ล ิ ศ ส ำ ห ร ั บ ผ ล ิ ต ภ ั ณ ฑ ์ ป ร ะ เ ภ ท นี้ ผลิตภัณฑ์เหลา่ น้มี ีเจลาตนิ 7-10 % ลูกกวาด ของหวานประเภทนี้มีมากมายหลายชนิด เจ ลาตินหลากหลายชนิดกันถูกเลือกให้สอดคล้องกับ เทคโนโลยีเนอื้ สมั ผสั และสูตรของผลติ ภณั ฑ์ ผลติ ภัณฑ์ เหล่านี้ประกอบด้วย เจลาติน 0.5 – 1.5 % ซึ่งขึ้นอยู่ กบั ชนดิ ของเจลาตินดว้ ย เยลลี ในหลายๆประเทศ สิ่งสำคัญประการ หนึ่งในการนำเจลาตินมาใช้ประโยชน์นั่นคือ การ ผลิตขนมหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยลลี ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ประกอบด้วยเจลาตินที่ให้เจ ลแข็งผสมกับน้ำตาล กลิ่นที่ได้มาจากกรดอินทรีย์ และสี ในผลิตภัณฑ์สุดท้ายของเยลลีมีปริมาณ เจ ลาตินประมาณ 2.5-5 % 109

ขนมหวานกง่ึ สำเรจ็ รปู นอกเหนือจากเยลลีที่เตรียมจากน้ำร้อนโดยเฉพาะแล้ว ยังมีของ หวานพร้อมรับประทานอื่นๆ อย่างเช่น พุดดิ้ง ซึ่งชงในน้ำเย็น ผลิตภัณฑ์จะ ไม่ละลายอยา่ งรวดเร็วในน้ำเยน็ เนื่องจากมีส่วนประกอบที่เป็นผง ได้แก่ นม ผงและแป้งพรีเจลาตไิ นซ์ (เปน็ การให้ความรอ้ นกบั สารละลายแป้งจากนั้นทำ ใหแ้ ห้งด้วยเคร่อื งทำแห้ง….ผูแ้ ปล ) แยม มาร์มาเลดและผลิตภณั ฑท์ าหนา้ ขนมปังอืน่ ๆ กระบวนการแปรรูปแยม มาร์มาเลตและอื่นๆ มี การใช้เจลาตนิ เพื่อวัตถุประสงค์ของกระบวนการเจลาติไนซ์ (ปรากฏการณ์ของน้ำแป้งเมื่อได้รับความร้อน--ผู้แปล) การ ปรับปรุงเนอ้ื สมั ผสั และความขน้ หนดื ของสารละลาย ปลาและกุง้ เจลาตินที่มีค่าบลูม5ความแข็งสูงสุดนั้นเป็น ตวั เลอื กที่ดที ี่สุดสำหรับนำมาใชใ้ นปลา ก้งุ และ อาหารทะเลชนิดอื่นๆ ความเข้มข้นของ สารละลายเจลาตินควรจะมีค่าประมาณ 5 % สินค้าที่ดีเยี่ยมมีการผสมในช่วงเวลาอันส้ัน 5 เจลาตินถูกจัดเกรดและจำหน่ายโดยค่าบลูมของเจลาติน ซึ่งเป็นค่าการวัด ความแข็งแรงของเจลที่เกิดขึ้นโดยสารละลาย เจลาติน 6.67% เก็บไว้ใน อ่างน้ำอุณหภมู ิคงที่ 10 ºC (50 ºF) เป็นเวลา 18 ชั่วโมง เครื่องมือนีเ้ รียกว่า เครื่องวิเคราะห์เนื้อสัมผัสอาหาร (Taxture Analyzer) สามารถนำไปใช้ใน การวัดน้ำหนักเป็นกรัมกดลงบนลูกสูบมาตรฐาน AOAC ขนาด 4 มิลลิเมตรในเจล หากกระบวนการนต้ี อ้ งใช้ 200 กรัม ดังนั้นเจลาตินที่ต้องใช้ คอื เจลาตินบลูม 200 โดยเจลาตินแตล่ ะชนดิ ยังถกู ทดสอบความหนดื ท่ีความ 110

เนื่องจากจะให้สีทีส่ ว่างสดใส ผู้ผลิตใช้เจลาตินในการเคลือบผิวหน้าเพื่อเพมิ่ คุณค่าทางโภชนาการและลักษณะภายนอกท่ีดงึ ดดู สายตา ขนมหวานและลูกกวาด (Confectionery items) เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวโน้มการทำขนม หวานและลูกกวาดเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเติม คุณค่าทางโภชนาการในอุตสาหกรรมเพื่อให้บรรลุ วตั ถุประสงคน์ ้ี จงึ ได้มีการเติมน้ำตาลและวติ ามนิ และ ยังมีโปรตนี ซึ่งถูกเติมลงไปดว้ ย ในขนมหวานส่วนใหญ่ นำเจลาตนิ มาใช้เพอ่ื : • เป็นวัตถดุ ิบพื้นฐาน • เป็นแหล่งโปรตีนสำหรับกระบวนการผลิตลูกกวาดและผลิตภัณฑ์ อาหารที่ต้องการคุณค่าทางโภชนาการ • เพื่อผลิตลูกอมอัดเม็ดและอัดแท่ง เนื่องจากเจลาตินมีคุณสมบัติ เป็นสารยดึ เกาะ • เพ่ือผลติ ของหวานและขนมหวานที่ไดอ้ ดั อากาศเข้าไป นำ้ ผลไม้ เข้มข้น6.67% เหมือนกันอีกด้วย มาตรฐานระดับความหนืดนั้นจะเชื่อมโยง กับระดับค่าบลูมของเจลาติน การวิเคราะห์ค่าอื่นๆอีกจำนวนมากเพื่อ รับประกันความบริสุทธิ์ของเจลาติน ในหมู่การทดสอบอื่นนี้คือ การ ประเมินผลทางด้านจุลชีววิทยา เถ้าของสารอนินทรีย์ ความใส ปริมาณ ความชื้นและปริมาณโลหะหนัก หมายเลขที่ต่ำสุด เป็นเจลาตินที่ความแข็ง ของเจลอ่อนสุด โดยเป็นเจลาติน\"พื้นฐาน\" มีสามชนิดคือ 125, 175 และ 250 111

ในน้ำผลไม้ เจลาตินถูกเติมเข้าไปเพื่อทำหน้าที่เป็น สารช่วยให้เกิดการตกตะกอน ขจัดความขุ่นมัวและช่วยเพ่ิม ความใสให้กับผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตน้ำผลไม้บางรายใช้เจลาตินเพ่ือ ทำใหน้ ้ำผลไมม้ ีความเขม้ ขน้ ขึ้นและยงั เพม่ิ คุณคา่ ทางโภชนาการ อีกด้วย เนื่องจากตวั ของเจลาตินเองมคี ุณสมบัติที่ทำใหเ้ กิดฟอง จึงเป็นเรอื่ งงา่ ยในการแปรรปู เพือ่ ใหไ้ ดป้ รมิ าณและรสชาตทิ ดี่ ีขึน้ โยเกริ ์ต การผลิตโยเกิรต์ รสผลไม้ท่ไี ด้จากกวนและผา่ นการพาสเจอร์ไรซ์นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากปราศจากสารที่ทำให้เกิดความคง ตัวอย่างเช่น เจลาติน ผู้ผลิตโยเกิร์ตโดยส่วนใหญ่ที่ผลิตโยเกิรต์ แบบธรรมดายงั ใช้เจลาตินเพื่อเพิ่มความแน่นเนอื้ และคุณค่าทาง โภชนาการ และยังช่วยป้องกันการแยกชั้นของเวย์ (Whey) อีก ดว้ ย คณุ สมบตั ิทท่ี ำใหเ้ กิดความคงตัวของเจลาตินนี้ยังทำให้เกิด การกระจายของอณุ หภมู ิอยา่ งสม่ำเสมอในผลิตภณั ฑ์ เครอ่ื งดม่ื ทไ่ี ด้จากการหมกั นม กระบวนการผลิตเครื่องดื่มนมเปรี้ยว มีการใช้เจลาตินเพื่อแก้ไข ปัญหาความสามารถในการละลายที่แตกต่างกันในระหว่างกระบวนการผลติ เมื่อไม่กีป่ ีที่ผ่านมามีการใช้เจลาตินในการผลิตนมหมักเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก เจลาตินมปี ระสิทธภิ าพสูงดว้ ยการผสมในปรมิ าณท่จี ำเป็นเพียงเล็กน้อยให้ได้ คณุ ลักษณะดังเช่น • ความลน่ื ลิ้น • ปรับปรงุ เนือ้ สัมผสั • เพิ่มคุณคา่ ทางโภชนาการ • ยดื อายกุ ารเกบ็ รกั ษา • เพิ่มความเข้มขน้ ในนม 112

• คุณสมบัตขิ องการทำใหเ้ ปน็ เนื้อเดยี วกัน เจลาตินในน้ำนมเยน็ จะขยายตัว และเมอื่ ได้รบั ความรอ้ นจะละลาย อย่างสมบูรณ ์ซึ่ง ช ่วย ให ้เก ิดก ารแ พร่ กระจา ยข อ งกลิ่ น อ ย ่ า ง สมำ่ เสมอ ไอศกรีม ในการผลิตไอศกรีม เจลาตินทำหน้าทีเ่ ป็นสาร ให้ความคงตัว การมีเจลาตินในผลิตภัณฑ์สร้าง ความมั่นใจได้ว่า ไอศกรีมจะไม่แข็งจนเกินไป หากเก็บที่อุณหภูมิต่ำและระยะเวลานาน หรือ จะไม่หลอมละลายได้ง่าย เจลาตินชนิดบลูม 200 และชนิดที่สูงกว่าช่วยให้ไอศกรีมมีเนื้อ สัมผัสที่นิ่มและละลายในปากอย่างนุ่มนวล ในช่วงระยะเวลาของการบ่ม ไอศกรีม เจลาตินจะไปขัดขวางการเจริญเติมโตของผลึกน้ำแข็ง และ คุณสมบตั ิการเกดิ ฟองของเจลาตนิ จะเปน็ ตวั ช่วยในขัน้ ตอนการผสม เจลาตนิ ยังช่วยในการแพรก่ ระจายกลิ่นและสารเตมิ แต่งทั่วทุกส่วน ของเน้ือไอศกรีม เจลาตินบลมู ขนาดกลางและสูงถกู นำมาใช้เพื่อใหผ้ ลลัพธท์ ดี่ ี ดังคุณสมบตั ขิ ้างตน้ ท่กี ลา่ วมา เจลาตนิ ยังช่วยรกั ษาความหนดื ของไอศกรีมให้ ตำ่ ลงอกี ด้วย เนยแข็งไขมนั ต่ำ/เนย/มาการีน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนาการได้แนะนำการบริโภคผลิตภัณฑ์ ประเภทนี้ โดยพวกเขาได้เสนอแนะให้ลดปริมาณไขมันในเนยและมาการีนท่ี มีอยู่จาก 80% ลดลงเหลือ 40% เพื่อให้เกิดความคงตัวของอิมัลชันใน ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จึงต้องมีการเติมเจลาติน 0.5-15% ตามที่ได้รับการ แนะนำ การเลือกชนดิ ของเจลาตินจะดำเนนิ การหลังจากไดพ้ ิจารณาสารอมิ ลั ซไิ ฟเออร์ที่จะนำมาใช้ 113

ผลิตภัณฑ์รกั ษาเส้นผม เจลาตินถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในแชมพู แชมพูบำรุงเส้นผม ครีมนวดผม ครีมแต่งผม สเปรย์ผม และยาบำรงุ รักษาเส้นผม การมีเจลาติน เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์รักษาเส้นผมช่วย ให้การหวีผมทั้งขณะเปียกและแห้งทำได้อย่าง ง่ายดาย นอกจากนี้เจลาตินยังถูกนำมาใช้เพื่อ ลดระยะเวลาการทำแหง้ และปรบั ปรุงเสน้ ผมให้ เงางามอกี ด้วย ผลิตภณั ฑบ์ ำรุงผิว เจลาตินถูกนำมาใช้ในครีมกันแดด มาร์กหน้า ครีมบำรุงผิว โลชัน บำรุงผิว ครีมให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว ครีมทากลางคืน ผลิตภัณฑ์ยกกระชับผิว และครมี โกนหนวด เจลาตินยังถูกนำมาใชใ้ นเครื่องสำอางเพ่อื ดูดซับความช้ืน อีกดว้ ย เจลาตินจากสุกรในเนื้อไก่ ในเดือนมกราคม ปี 2002 หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหาร ของประเทศไอร์แลน (FSAI) มีความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพและความ ปลอดภัยของชิ้นเนื้ออกไก่ที่นำเข้าจากประเทศเนเธอร์แลนด์และผู้จำหน่าย หลักคือการค้าอาหารของชาวไอริช (The Irish catering trade) สำนักงาน มาตรฐานแหง่ สหราชอาณาจักร (UK food Standards Agency) ไดร้ ายงาน 114

ผลการสอบสวนผลิตภัณฑ์อย่างเดียวกัน ซึ่งเน้นถึงปัญหาทางด้านคุณภาพ และการออกฉลากที่เกี่ยวข้องกับผู้จำหน่ายชิ้นเนื้ออกไก่ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ยังเก่ียวข้องกับผูผ้ ลิตรายหนึ่งจากประเทศเบล เยีย่ มและผผู้ ลิตอกี รายในสหราชอาณาจกั ร จากผลการวิเคราะห์ตวั อย่างจำนวน 30 ตัวอย่าง พบวา่ 23% ของ ตัวอย่างแจ้งองคป์ ระกอบของเนอื้ ต่ำกวา่ เกณฑ์ท่ีกำหนด อีก 54% ท่ีเหลือได้ แจ้งองค์ประกอบของเนื้อสูงเกินกวา่ ทีแ่ สดงจริง ซึ่งมีน้ำเพ่ิมเข้ามาอยู่ในช่วง 14-43 % โดยพบว่า 26 % ของตัวอย่างมีระดับไฮดรอกซี่โพลีนสูง ซึ่งเป็น ตวั ชวี้ ดั ว่ามโี ปรตีนทถ่ี กู ยอ่ ยสลายจากคอลลาเจนถกู เตมิ เขา้ ไปในชิน้ เนอื้ อกไก่ แต่ทว่าส่ิงน้ไี ม่ถกู ระบไุ ว้บนฉลาก คอลาเจนจากสัตวถ์ กู เตมิ เข้าไปเพ่อื ทำหน้าท่ีเปน็ สารดึงน้ำและเป็น แหล่งของโปรตีนเสริม คอลลาเจนที่นำมาใช้นำมาจากหลากหลายแหล่ง รวมทั้งจากเจลาติน เลือด โปรตีนเวย์ ผงโปรตีนจากเนื้อวัวและเนื้อสุกรผ่าน เครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย บางครั้งอาจได้มาจากเศษชิ้นเนื้อท่ีหลงเหลอื จาก เครื่องจกั รแปรรูปผลติ ภณั ฑจ์ ำพวกเนือ้ สัตว์ นอกจากนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบตัวอย่างที่มีระดับไฮดรอกซีโ่ พลี นพบว่ามีดีเอ็นดีจากเนื้อสุกรและเนื้อวัวอยู่อย่างมีนัยสำคัญใน 57 % ของ ตัวอย่างที่ได้ทำการวเิ คราะห์ ส่วนประกอบจากเน้ือวัวและเนื้อสกุ รท่มี ีอย่นู ้นั ส่วนใหญ่ไม่ถูกระบุไว้บนฉลากของผลิตภัณฑ์ จึงมีปัญหาหลักคุณธรรมและ จริยธรรมที่เกี่ยวพันกับการรวมวัตถุดิบจากเนื้อสุกรและเนื้อวัวในผลิตภัณฑ์ เนื้ออกไก่แต่ไมไ่ ด้ระบุไวบ้ นฉลาก ซึ่งมีบางผลิตภัณฑไ์ ดร้ ะบุว่า “ฮาลาล” สิ่ง นี้คือความจรงิ ท่ีเกยี่ วข้องกบั ชาวมสุ ลิม ผลสรุปชใ้ี หเ้ ห็นวา่ โปรตนี จากเนื้อวัวและเน้ือสกุ รอาจจะถูกเติมลง ไปในเน้อื ไก่โดยผา่ นสารเพม่ิ ปรมิ าณ (bulking agent) หากสารชนดิ นีถ้ กู ผลติ โดยผู้ผลิตรายเดยี วและจำหน่ายเป็นสารประกอบในตลาดยุโรป จึงเป็นไปได้ ที่ชิ้นส่วนไก่จากผู้ผลิตรายอื่นๆในสหภาพยุโรป (EU) และเนื้อแปรรูปอื่นๆ อาจจะให้ผลทเี่ หมือนกัน 115

แหล่งที่มา: รายงานฉบับสุดท้ายในการสอบสวนองค์ประกอบและ ฉลากชิ้นเนื้ออกไก่ที่นำเข้าจากประเทศเนเธอร์แลนด์ไปยังประเทศ ไอร์แลนด์—หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารของประเทศไอร์แลนด์ 27/05/2002 การฉดี น้ำ แป้งและเจลาตนิ ในเนอื้ สัตว์แปรรปู นิตยสารอาหารฉบับหนึ่งได้สำรวจเนื้อสัตว์แปรรูปพบว่า บริษัทท่ี ได้รับความน่าเชื่อถือในสหราชอาณาจักร ได้ขายผลิตภณั ฑ์เนื้อสัตว์ที่เติมน้ำ ลงไปประมาณ 10-20% ตัวอย่างสินค้าชนิดหนึ่งที่มีปริมาณน้ำมากที่สุดนั่น คือ แฮมบรรจุกระปอ๋ ง พบเนื้อเพียง 55% ที่ถูกอัดลงไปร่วมกับนำ้ “โปรตีน จากสกุ ร” (เจลาติน) เกลือ นำ้ ตาลและวัตถุปรุงแตง่ อน่ื ๆอีก 5 ชนดิ จากการสำรวจพบการเติมน้ำลงในเบคอน แฮม เนื้อไก่ ไก่งวง ไส้ กรอกและฮอทดอก โดยน้ำถูกเติมเข้าไปด้วยการแช่ การปัน่ ไปมาและฉดี เข้า ไป ซึ่งโดยทั่วไปถูกผลิตขึ้นในสภาพที่มีฟอสเฟตเป็นสารเติมแต่งหรือมี ส่วนประกอบอ่ืนๆ เชน่ แปง้ หรือเจลาติน สินค้าอื่นๆจากการสำรวจของนิตยสารอาหารฉบับนี้ประกอบไป ด้วย ไก่ทอดอเมริกันที่มีเนื้อเพียง 62 % ไส้กรอกสูตรตำหรับชาวไอริชซึ่งมี เนื้อเพียง 37% ฮอทดอกมีเนื้อไม่ถึง 50% (49% เป็นเนือ้ ไก่และเนื้อหมู ไม่ 116

รวมคอลาเจนและไขมัน) แฮมเนื้อแกะและไก่งวงมีเปอร์เซ็นต์ของเนื้อ 86% และ 60% ตามลำดับ รายการส่วนประกอบบนฉลากแสดงให้เห็นว่า ผลิตภณั ฑท์ ้ังหมดนั้นถกู ฉดี นำ้ เพ่ิมเขา้ ไป เอียน โทกเลฟิ (Ian Tokelove) โฆษกจากสำนกั งานคณะกรรมการ อาหารแห่งสหราชอาณาจักรเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งจัดพิมพ์ นิตยสารอาหาร กล่าวว่า “ลูกค้าจำนวนมากไม่ทราบว่า เนื้อสัตว์แปรรูป สามารถฉีดน้ำทุกอย่างเพิ่มเข้าไปได้ตั้งแต่ 10% ถึง 30% ถึงแม้ว่าบริษัท ต้องการเปิดเผยน้ำที่ถูกเติมเข้าไป แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ระบุว่ามีน้ำ จำนวนเท่าไหร่ที่เพิ่มเข้าไป ข้อมูลที่กำหนดให้บนฉลากนั้นไม่สอดคล้องกัน ซ่ึงในบางครงั้ ยากต่อการค้นหาและบ่อยคร้ังทำให้เกดิ ความสบั สนอยา่ งมาก” ในสหราชอาณาจักร บริษัทที่ต้องการเติมน้ำในอาหารประเภท ต่างๆรวมไปถึงเนื้อนั้นเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายหากระดับน้ำที่เติมลงไปไม่เกิน 5% ก็ไม่จำเป็นต้องประกาศการเติมน้ำลงบนฉลาก หากบริษัทเติมน้ำในเน้อื มากวา่ 5% (หรือ 10 % ของน้ำในเบคอน และแฮม) ดงั น้ันบรษิ ัทจำเป็นต้อง ระบุบนฉลากวา่ ผลิตภณั ฑ์นี้ได้บรรจนุ ำ้ เข้าไป กฎหมายยังเรียกร้องให้บริษัทเปิดเผยค่าเปอร์เซ็นต์ของเนื้อใน ผลติ ภัณฑเ์ น้อื (ถกู เรียกว่าการประกาศปริมาณสว่ นประกอบหรือ QUID) เพื่อ ช่วยให้ผู้บรโิ ภคได้เปรียบเทียบผลติ ภัณฑแ์ ละเห็นความค้มุ คา่ ของเงนิ ที่จา่ ยไป อย่างไรก็ตามกฎหมายดังกล่าวไม่ได้กำหนดให้บริษัทต้องแจ้งปริมาณน้ำ จำนวนมากเท่าไหร่ที่เติมลงไปแก่ลูกค้าของพวกเขา การสำรวจยังพบคำว่า “ไดเ้ ตมิ นำ้ ” ที่ได้แจ้งไว้บนฉลาก บ่อยคร้ังถกู พมิ พ์เป็นอกั ษรตัวเลก็ ๆ แหล่งทีม่ า : สำนักงานคณะกรรมการอาหาร (สหราชอาณาจกั ร), ตีพิมพ์เมอ่ื วนั ที่ 27 เมษายน 2005 117

ตอนที่ 12 สมาคมคมุ้ ครองผู้บรโิ ภครัฐปนี งั (CAP) กบั ประวตั ิการศกึ ษาปัญหาเจลาติน เมื่อปลายปี 1977 สมาคมคุ้มครองผู้บริโภครัฐปีนัง (CAP) ได้ เปิดเผยเป็นครั้งแรกถึงความเป็นไปได้ว่า เจลาตินนั้นได้มาจากสุกร และ อาจพบในอาหารจำนวนมากทีม่ สุ ลิมกำลงั บริโภค ดังนั้น CAP ได้ยื่นจดหมายร้องเรียนไปยังกระทรวงสาธารณสุข อย่างเร่งด่วน ใหก้ ำหนดมาตรการเฝา้ ระวังสิ่งทเี่ กดิ ขึ้นนโี้ ดยทนั ที เพือ่ บรรเทา ความวิตกกงั วลของมุสลิมภายในประเทศ ปัญหาดงั กลา่ วยังมีการเผยแพรไ่ ป ยังสาธารณะเพื่อเตือนให้มุสลิมหลีกเลี่ยงจากการบริโภคเจลาตินและ ผลติ ภัณฑท์ ่ีมีเจลาตนิ เป็นสว่ นประกอบ การยนื ยนั ว่าเจลาตนิ มแี หลง่ ทม่ี าจากสุกร ในปี 1982 มรี ายงานจำนวนมากทีท่ ำให้ CAP ยนื ยนั ได้วา่ เจลาติน นั้นแท้ที่จริงแล้วได้มาจากสุกร ผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าวพบว่า ผลิตมาจาก หนัง เอน็ และกระดกู ของสุกรท่ีไม่ใช้ประโยชนแ์ ล้ว เจลาตินยังไดม้ าจากหนัง ของวัว หนังแกะ และชิ้นส่วนอื่นๆของสัตว์ เช่น กระดูกอ่อน เป็นต้น แต่ เนื่องจากหนงั วัวและหนังแกะ เปน็ ผลติ ภณั ฑ์เครอ่ื งหนงั ที่มลู ค่าเพ่ือใช้ในการ ผลติ สินคา้ อนื่ ๆ ตรงกันขา้ มกับหนังของสุกร ซึง่ ไมไ่ ด้เป็นเครื่องหนังที่มีมูลค่า 118

ดว้ ยเหตนุ ี้หนังสกุ รจึงนยิ มนำมาใช้ผลติ เจลาติน ในความเป็นจริงแล้ว เจลาตนิ ทไ่ี ด้จากหนงั สกุ รพบวา่ เปน็ เจลาตินท่ีมคี ณุ ภาพดที ่ีสุด มีรายงานจำนวนมากที่แสดงให้เห็นถึงบทบาทของสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เออร์เนส เอ็ม. มาร์ค (Ernest M. Mark) จากบริษัท Kind and Knox Gelatine ได้เขียนในหนังสือสารานุกรมเทคโนโลยีทางเคมี พิมพ์ครั้งที่ 2 ฉบับที่ 10 ปี 1996 (Encyclopaedia of chemical Technology :2nd Edition, Vol 10, 1996) “การผลิตเจลาตินในสหรัฐอเมริกาผลิตจากหนัง สกุ รมากที่สุด” ฮาร์แลนด์ เอช. ยัง (Harland H. Young) ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน เทคโนโลยีอาหาร จากบริษัท Swift and Company ได้ยืนยันความสัมพันธ์ เกี่ยวกับการผลิตเจลาตินโดยกล่าวว่า “หนังสุกรแสดงถึงอุปทานความ ต้องการวัตถุดิบคอลลาเจนจำนวนมหาศาลเพื่อการผลิตเจลาตินที่มี คุณภาพสงู ในสหรัฐอเมรกิ า” หนงั สุกรเพียงสว่ นน้อยเทา่ นน้ั ทีถ่ ูกนำมาใช้เพ่ือ ทำถงุ มอื สารานุกรมด้านอุตสาหกรรมเคมีวิเคราะห์ ฉบับที่ 13 ปี 1971 (Encyclopaedia of Industry Chemical Analysis ; Vol 13, 1971) ได้ ยืนยันสิ่งนี้โดยระบุว่า “แหล่งพื้นฐานของคอลลาเจนคือหนังสุกร หนังลูกวัว และกระดูกของวัว โดยนำหนังสุกรมาทำความสะอาดหลังจากนั้นแช่ใน สารละลายกรดหลายๆชั่วโมงหลังผ่านไปหลายขั้นตอนก่อนที่เจลาตินจะถูก ผลิตขึน้ หลักฐานไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ประธานของบริษัทคราฟท์ (Kraft Corperation) ซึ่งได้เกษียณไปแล้วกล่าวว่า “การผลิตเจลาตินกินได้ที่ใหญ่ ที่สุดในสหรัฐอเมริกาได้ทำมาจากหนังสุกร” พอล สมิธ (Paul Smith) ผเู้ ขยี นหนงั สือ กาวและเจลาตนิ (Glue and Gelatine) ไดใ้ ห้น้ำหนักในเร่ือง นวี้ า่ “ในสหรฐั อเมรกิ าหนงั สุกรจำนวนมหาศาลถูกนำมาใช้ในการทำเจลาติน และกาวที่กินได้ เจลาตินโดยทั่วไปไม่เหมาะสำหรับนำมาใช้เพื่อยืดอายุการ เกบ็ รักษาหรือการละลายเพอื่ ใหไ้ ดค้ วามแขง็ แรงของเจลสงู สุด แต่หนงั สกุ รให้ 119

สิ่งที่ตรงกันข้ามคือได้เจลาตินและกาวที่ใสเป็นประกายซึ่งนำมาใช้งานใน หลากหลายอุตสาหกรรม” สุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุด นักวิศวกรรมอาหารคนหนึ่งจากประเทศ มาเลเซียได้อธิบายขน้ั ตอนการผลติ 120

เจลาติน เขาได้เขียนไว้ว่า “ในช่วงฤดูหนาวปี 1978 ผมได้เข้าเยี่ยมในบริษทั ผลิตอาหารเสรมิ ท่ัวไปแหง่ หน่งึ ซึ่งตงั้ อย่ใู นเมอื งบอสตนั ในโรงงานแหง่ นี้ผมได้ เห็นหนังสุกรถูกนำมาใช้ผลิตเป็นเจลาตินทั้งหมดด้วยกับตาตัวเอง ผู้จัดการ โรงงานยังได้ยืนยันถึงกระบวนการดังกล่าว โดยหนังของสุกรได้ผ่าน กระบวนการหลายขัน้ ตอน กอ่ นท่จี ะถกู ทำให้เป็นเจลาติน “ผู้จัดการโรงงานกล่าวว่า โรงงานได้ทำการผลิตเจลาตนิ โดยส่วน ใหญ่เพื่อการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งจำหน่ายในประเทศอีกด้วย ในสหรัฐอเมริกาได้ส่งไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ ต่างประเทศได้ส่งไปยังประเทศในแถบตะวันออกกลางเป็นจำนวนมาก โรงงานแห่งนี้เป็นผูผ้ ลิตเจลาตนิ รายใหญใ่ นสหรัฐอเมริกาและอาจจะเป็นหนึ่ง ในผผู้ ลติ รายใหญข่ องโลก” จากภาพท่ีได้แสดงไว้ก่อนหน้านี้เราจะเหน็ ได้ว่า แม้กระทั่งปจั จุบนั หนังสุกรยังคงเปน็ วัตถดุ บิ หลักในการผลิตเจลาตินของโลก การตรวจสอบทด่ี ำเนนิ การโดย CAP CAP ได้ทำการตรวจสอบอาหารหลากหลายประเภทที่อาจจะมีเจลาตินเป็น ส่วนประกอบ การตรวจสอบเหลา่ น้ีได้ดำเนินการระหวา่ งปี 1985-1986 ตอ่ ไปน้ีเป็นตวั อยา่ งผลติ ภัณฑอ์ าหารบางชนิดทไ่ี ด้รับการตรวจสอบ และพบว่ามีเจลาตินเป็นส่วนประกอบ (การตรวจสอบได้ดำเนินการในปี 1985) วุ้นแผ่น (Agar-agar strips) ในปี 1985 CAP ได้ทำการตรวจสอบวุ้นแผ่น 20 ตัวอย่าง ที่ซื้อมา จากสถานที่ต่างๆภายในประเทศ ผลทอ่ี อกมายนื ยันว่า 13 ตวั อย่างมเี จลาติน เป็นสว่ นประกอบ 121

กรมกิจการศาสนา (The Department of Islamic Affairs) ได้ รับรองว่าเจลาตินหะรอม ดังนั้นผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ประกอบด้วยเจลาตินใน เวลาน้นั ควรไดร้ ับการพิจารณาว่า หะรอม ตวั อยา่ งของวนุ้ แผน่ ทม่ี เี จลาตนิ รวมอยดู่ ว้ ยเหลา่ น้ี ได้นำเข้ามาจาก ประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยนำเข้ามาและบรรจุภายในประเทศมาเลเซีย การขายวุน้ แผน่ เหลา่ นี้ได้รบั ความนิยมในการซ้อื มาเพ่อื แบ่งขาย วุ้นทำมาจากสาหร่ายทะเล มีหลายประเทศเป็นผู้ผลิต เช่น ประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์ ซึ่งผู้ผลิตได้ทำการ ผสมวุ้นบรสิ ุทธิจ์ ากสาหรา่ ยทะเลร่วมกับเจลาติน เพื่อเพิ่มคุณสมบัติของการ เกิดเจลและให้ได้นำ้ หนักที่เพิ่มขน้ึ ชา ชอ็ กโกแลตและผงคสั ตารด์ กึ่งสำเรจ็ รปู ในปี 1985 ได้ทำการตรวจสอบสินคา้ ประเภทตา่ งๆพบว่า มี ส่วนประกอบของเจลาตินในหลายผลิตภณั ฑ์ ผลติ ภณั ฑ์เหลา่ นี้ประกอบดว้ ย ชากง่ึ สำเร็จรปู เชน่ ลิปตนั เนสทแี ละเนสทชี ามะนาว กลุ่ม ชอ็ คโกแลต เชน่ Mars Milk Chocolate, Cadbury’s Picnic Milk Chocolate และ Cadbury’s Double Decker Milk Chocolates ยังพบผงคัสตารด์ จำนวน หนงึ่ มีเจลาตินเปน็ ส่วนประกอบ ผลติ ภณั ฑเ์ หล่านปี้ ระกอบไปดว้ ยผงคสั ตารด์ 122

ของรอแยลเบริ ด์ แอนดก์ รนี ในการสำรวจเม่อื ไม่นานมานี้พบว่าผลติ ภณั ฑ์ ดงั กล่าวสว่ นใหญ่อยใู่ นตลาดได้ไมน่ าน ปี 1985 – ในหมูผ่ ลิตภัณฑท์ ี่พบเจลาตินเป็นส่วนประกอบ คอื ชาก่งึ สำเร็จรปู ลปิ ตนั ผลิตภัณฑท์ ม่ี เี จลชา็อตกินโเกปแน็ ลสต่วCนaปdรbะกuอryบแแลตะ่ไมผงไ่ ดคสร้ั ะตบารไุ วด์ บ้ นฉลาก ช็อกโกแลต Cadbury และผงคาสตารด์ 1985 – ถึงแม้ว่าผลติ ภัณฑเ์ หลา่ นจี้ ะมเี จลาตนิ เปน็ ส่วนประกอบ แตก่ ไ็ มถ่ กู ระบุ ไว้บนกฉาลราตกรผวลจติสภอณับไฑด์ช้ดอ็ ำกเโนกินแกลาตรCตa่อdในbปurี y19แ8ล5ะผซงึ่งคเาปสิดตเาผรยด์ ว่า Maggi Rendang Mix, Carnation Evaporated Milk, Coffee-mate แ ล ะ Kraft 123

Cream Cheese มีเจลาตินเป็นส่วนประกอบ แต่ไม่ได้ระบุส่วนประกอบ ดังกล่าวไว้บนฉลากผลติ ภณั ฑข์ องพวกเขา ขนมหวานและหมากฝรั่งจำนวนหนึ่งยังพบว่ามีเจลาตินเป็น ส่วนประกอบหลังได้ทำการตรวจสอบซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ประกอบด้วย Bubble Gum ,Bubble Yum, Sugus, Crisp Chewy, Rowntree’s Fruit Gums และขนมหวานชนดิ อนื่ ๆ แต่กระนั้นผลิตภัณฑ์เหล่านี้โดยส่วนใหญ่ยังคงมีจำหน่ายอยู่ใน ท้องตลาด ซึ่งติดเครื่องหมายรับรอง ฮาลาลทั้งจาก JAKIM หรือจากองค์กร ศาสนาอิสลามของประเทศผ้ผู ลิต CAP ไดแ้ สดงความคดิ เห็นต่อโฆษณาชิน้ หนึ่งของเนสทเ์ ล่ในปี 1985 ปัญหาเจลาตินไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นมาใหม่ CAP ได้เปิดเผยปัญหาเจ ลาตินเม่อื นานมาแลว้ เราไดใ้ หเ้ วลาเพอื่ ทำการตรวจสอบอกี คร้งั และไดพ้ สิ ูจน์ การมีเจลาตินจำนวนหนึ่งอยู่ในตลาดของประเทศมาเลเซีย ทั้งแต่นั้นมา ปญั หาเจลาตนิ ได้ทำให้เกิดการโตเ้ ถยี งกนั ระหวา่ งผบู้ รโิ ภคและผู้ผลิตอาหาร ในเดือนสิงหาคมปี 1985 บริษัท เนสท์เล่ (มาเลเซีย) จำกัด ได้ลง โฆษณาขนาดใหญ่ในหนังสือพิมพ์ชั้นนำฉบับหนึ่ง ซึ่งได้ปฏิเสธว่าผลิตภัณฑ์ ของบริษัทมีเจลาตินเป็นส่วนประกอบ โฆษณาดังกล่าวได้โจมตี CAP กับข้อ กล่าวหาที่ปราศจากมูลเหตุ นอกจากนี้ยังได้วิจารณ์บทความเรื่องเจลาตินใน สิ่งพิมพ์เผยแพร่ของ CAP นั่นคือ Utusan Pengguna (กรกฎาคมปี 1985) วา่ เป็นความเข้าใจผดิ และไม่มีมลู ความจริง โฆษณาครึง่ หนา้ ของเนสท์เล่ ได้ปรากฏเปน็ เวลาสองวัน (วันที่ 19 และ 20 สิงหาคม ปี 1985) ใน Utusan Malaysia, Berita Harian, New Straits Times, The star and Nanyang siang Pau. 124

ในเดือนกรกฎาคมและ สิงหาคมปี 1985 เอกสารพิมพ์ เผยแพร่ Utusan Pengguna ได้ เน้นถึงการค้นพบของ CAP ว่ามี ผลิตภัณฑ์อาหารจำนวนมากมีเจ ลาตนิ เป็นส่วนประกอบ แตอ่ ย่างไร ก็ตามเจลาตินเหล่านี้ไม่ถูกระบุไว้ บนฉลากของผลติ ภัณฑ์ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ เนสทเ์ ล่ได้ออกโฆษณาเมอื่ วันที่ 19 เนสทเ์ ลท่ ่พี บเจลาติน ประกอบดว้ ย และ 20 สิงหาคม ปี 1985 ซึ่งไดป้ ฏเิ สธ • Maggi Tomato Ketchup • ว่าสนิ ค้าของเนสทเ์ ล่ไม่มสี ว่ นประกอบ Maggi Cook • It Right Beef Rendang Mix • Carnation ของเจลาตนิ Evaporated Milk • Coffee – mate • Nestea Iced Tea Mix • Instant Nestea. เนสท์เล่ได้ออก แถลงการณ์ตามรายงานฉบบั หนึ่งจากสถาบันวิจัยและพัฒนาด้านการเกษตร แห่งมาเลเซยี (MARDI) ที่ได้ยืนยนั ว่า ผลติ ภัณฑข์ องเนสท์เล่ไมม่ สี ว่ นประกอบ ของเจลาติน ด้วยเหตุนี้ CAP ได้ทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่อีก ครั้งและพบว่าผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ยังคงมีเจลาตนิ ซึ่งถือเป็นการยืนยันผล การตรวจสอบกอ่ นหน้านี้ของ CAP ปญั หาน้ีไดก้ ลายเปน็ เร่ืองถกเถียงกันของ ผบู้ ริโภคในการเผชญิ หนา้ กบั คำแถลงการท่ีขัดแยง้ กันของ CAP และเนสท์เล่ 125

ในปี 1986 CAP ยังคงตรวจสอบเจลาตินอยู่เช่นเดิม ซึ่งในเวลาน้ัน พบเจลาตนิ เป็นสว่ นประกอบในช็อคโก แล็ตแท่งขนาดเล็กของเนสท์เล่ที่นำเข้า จากประเทศออสเตรเลีย หนึ่งใน ผลติ ภณั ฑเ์ หล่านีค้ อื ร็อคก้โี รด (Rocky Road) ซึ่งมีคำว่า “เจลาติน” ระบุ ไวบ้ นฉลาก สนิ คา้ ตัวอน่ื ๆ เชน่ เนสทเ์ ล่ มวิ ค์ก้บี าร์ (Nestle’ Milky Bar) เนสท์ เลค่ รีมนม (Nestle’ Full Cream Milk) แ ล ะ เ น ส ท ์ เ ล ่ เ ค ล ื อ บ ช ็ อ ค โ ก แ ล็ ต ( Nestle’ rich Dark Chocolate) ซ่ึ ง ไม่ได้ระบุเจลาตินบนฉลาก แต่มีคำว่า “อีมัลซิไฟเออร์”แทน ทำให้เกิด 1986 – เนสทเ์ ล่ได้นำเขา้ ชอ็ กโกแลตท่ี ค ว า ม เ ค ล ื อ บ แ ค ล ง ส ง ส ั ย ต่ อ มีสว่ นประกอบของเจลาตนิ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเนสท์เล่ที่วาง จ ำ ห น่ า ย ในป ร ะ เ ทศ Utusan Pengguna ได้รับจดหมายสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จากเนสท์เล่ได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งในหนังสือพิมพ์ Mingguan Islam แนะนำผู้บริโภคไม่ควรซื้อผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ที่นำเข้า มาจากต่างประเทศ ซ่งึ เป็นผลติ ภัณฑท์ ่ีนอกเหนอื อำนาจของเนสทเ์ ลม่ าเลเซยี เพื่อให้เกิดความเชื่อมน่ั วา่ ผลติ ภณั ฑ์ของเนสท์เล่ (มาเลเซีย) เหล่านปี้ ราศจาก เจลาตนิ เขายังกล่าวอีกว่า เนสท์เล่ไม่มีอำนาจท่ีจะยับยั้งการนำเข้าสินค้า ดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถไปขัดขวางนักธุรกิจในประเทศนี้ซื้อขายสินค้า กับบริษัทเนสท์เล่ในต่างประเทศ เขากล่าวว่าผู้บริโภคมีทางเลือกที่ดีกว่าใน การไม่ใช้สนิ ค้านำเข้าของเนสทเ์ ล่ 126

จากแถลงการณ์ที่ออกมานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เป็นไปได้ที่ ผลิตภัณฑ์ของเนสทเ์ ล่มเี จลาตินเป็นส่วนประกอบได้วางจำหน่ายในประเทศ ของเรา ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ซึ่งนำเข้ามาในประเทศที่ได้รับการ ตรวจสอบและพบว่ามีเจลาตินเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ นมข้นจืดคาร์เนชั่น (Carnation Evaporated Milk) ที่ได้นำเข้าจากประเทศอังกฤษ คอฟฟี่เมต (Coffee-mate) จากประเทศสหรฐั อเมรกิ า เนสทีชาเย็นผสม (Nestea Iced Tea Mix) ท่นี ำเขา้ จากประเทศฟิลปิ ปินสแ์ ละสหรัฐอเมรกิ า ในโฆษณาของเนสท์เล่เคยปฏิเสธว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่มีเจลาติน เป็นส่วนประกอบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นขัดแย้งกับคำแถลงการณ์ที่ออกมา ภายหลงั อยา่ งชัดเจน ในหนังสอื พมิ พ์ Mingguan Islam ที่กล่าววา่ ผลติ ภัณฑ์ ของเนสท์เล่ที่นำเขา้ จากต่างประเทศ อาจจะมีเจลาตินเปน็ สว่ นประกอบ แล้วอะไรที่ผลิตภัณฑ์จากเนสทเ์ ล่ได้กล่าวเกี่ยวกบั \"ผลิตในมาเลเซยี เพื่อคนมาเลย์โดยคนมาเลย์?\" ซึ่งทราบกันดีว่าอาหารที่ประทับด้วยคำว่า “ ผ ล ิ ต ใ น ม า เ ล เ ซ ี ย ” แ ท ้ ท ี ่ จ ร ิ ง แ ล ้ ว ไ ด ้ บ ร ร จ ุ ท ี ่ น ี ้ เ ท ่ า น้ั น โดยทสี่ ่วนประกอบถูกนำเข้ามาจากตา่ งประเทศ ตัวอยา่ งเช่น นมผง ได้นำเขา้ โดยโรงงานนมทป่ี ระเทศนแี้ ละไดบ้ รรจภุ ายในประเทศ เนสท์เล่ในประเทศมาเลเซียจะมั่นใจได้หรือไม่ว่า ส่วนประกอบที่ นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้น ปราศจากเจลาติน? (Utusan Konsumer, เมษายน 1986) ตงั้ แต่ CAP ได้เปิดเผยปญั หาเรื่องน้ี บรษิ ัทจึงได้แจง้ บนฉลากของเขาว่า ขณะนพ้ี วกเขาใช้วตั ถเุ จอื ปนอาหารซึง่ มีที่มาจากพืช ในมาเลเซีย การใช้เจลาตนิ ในอาหารน้ันได้รับอนุญาตภายใตก้ ฎหมาย อาหารปี 1985 ซึ่งมีข้อบังคับ 11 รายการที่อนุญาตให้ใช้เจลาตินเพื่อปรับ สภาพอาหาร ข้อบังคับยังได้ระบุอีกว่า หากสารนั้นมีแหล่งที่ได้มาจากสัตว์ ดังนนั้ ช่ือของสัตว์จำเป็นต้องระบไุ ว้บนฉลาก 127

เราได้ทำการสำรวจครั้งหนึ่งในปี 2005 พบผลิตภัณฑ์อาหารที่มีเจ ลาตินเปน็ ส่วนประกอบ ซง่ึ ไดร้ ะบุชอ่ื ของสัตว์ท่ีนำมาสกัด มผี ลิตภัณฑ์จำนวน มากที่ประกอบด้วยเจลาตินซึ่งสกัดมาจากวัว (bovine) และอ้างว่าเป็น ผลิตภัณฑ์ ฮาลาล บางผลิตภัณฑม์ ีเคร่ืองหมายของ JAKIM ขณะที่ผลิตภณั ฑ์ อ่ืนๆ มีคำว่าฮาลาล เป็นตัวอักษรภาษาอาหรับหรือได้ติดเครื่องหมายจาก อ ง ค ์ ก ร อ ิ ส ล า ม จ า ก ป ร ะ เ ท ศ ท ี ่ ส ิ น ค ้ า ด ั ง ก ล ่ า ว ไ ด ้ ผ ล ิ ต ข้ึ น จากสถานการณข์ ้างต้น มสุ ลิมจงึ ควรระมัดระวังเมอ่ื บรโิ ภคอาหารท่ีมี เจลาตินเป็นส่วนประกอบ ถึงแม้ว่าเจลาตินดังกล่าวนั้นอ้างว่าได้มาจากสัตว์ ฮาลาล ก็ยังไม่สามารถพจิ ารณาได้วา่ ฮาลาล จนกวา่ สตั ว์ดังกลา่ วจะได้รับการ เชือดอย่างถูกต้องตามหลกั ศาสนบัญญตั อิ ิสลาม ตอนที่ 13 การใชป้ ระโยชนจ์ ากเจลาตนิ ในเภสชั ภณั ฑแ์ ละผลิตภัณฑท์ างการแพทย์ เจลาติน ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการผลิตยาและผลิตภัณฑ์ ทางการแพทย์ ถกู นำมาใช้เปน็ ยา เนอ่ื งจากเป็นตัวประสานเพ่อื ทำให้เกิดเม็ด ยาและยาอม เปน็ ตัวเคลอื บเพอื่ หอ่ หมุ้ ตวั ยา เปน็ ตวั กลางในยาเหนบ็ ทวาร ใน ฟองน้ำ (sponges) เพื่อหยุดการไหลของเลือด และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นอีก มากมาย 128

แคปซลู (Capsules) CAP ได้ดำเนินการสำรวจในปี 1991 พบวา่ มีบรษิ ทั เภสัชภัณฑร์ ายใหญ่จำนวนสาม บริษัทขายยาและวิตามินเสริมในประเทศ มาเลเซียและสั่งยาโดยแพทย์ในคลินิก เป็นที่ ทราบกันว่าการผลิตแคปซูล เจลาตินชนิดแข็ง นั้นผลิตจากหนังของสุกรซึ่งมาจากประเทศ สหรัฐอเมรกิ า แคปซลู ที่ทำจากเจลาตินไดส้ รา้ ง บริษัทที่เกี่ยวข้องคือ บริษัท Eli ความสบั สนในหมู่ผบู้ ริโภค Lilly บริษัท Parke - Davis และบริษัท RP Scherer โดยเจลาตินประมาณ 60% ถูกนำมาใช้โดยบริษัท Parke -Davis และบริษัท RP Scherer ในประเทศแคนาดาเป็นประจำทุกปี ซึ่งมาจากหนัง ของสุกร ข้อมูลดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยในหนังสือ ศูนย์กลางการค้าระหว่าง ประเทศ/ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD)/ ข้อตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) ที่ เรียกวา่ เจลาติน : มมุ มองของตลาดโลกกับการอา้ งอิงพเิ ศษต่อศักยภาพของ ประเทศทกี่ ำลังพฒั นา แคปซูลเจลาตินชนิดแข็งประกอบด้วยเจลาตินบริสุทธิ์และสีผสม อาหารในปริมาณเล็กน้อยที่ประสานเข้าด้วยกัน แคปซูลเจลาตินอีกชนิดคือ แคปซูลชนิดนิ่มหรือแคปซูลยืดหยุ่น ซึ่งมีวิตามินบางชนิดได้บรรจุในแคปซลู ชนดิ นี้ 129

อุตสาหกรรมยาใช้เจลาติน 6.5% ของเจลาตินทั้งหมดที่ผลิตขึ้น โดยส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้เพื่อการผลิต แคปซูล นับตั้งแต่การค้นพบแคปซูล กว่า 130 ปีที่ผ่านมาโดย Mothes เภสัชกรชาวฝรั่งเศส ซึ่งอุตสาหกรรม ได้มีการพฒั นาไปอย่างรวดเรว็ 2005 – มีการใช้เจลาตนิ ในแคปซลู วิตามิน แคปซูลเจลาตินถูกนำใช้ อยา่ งแพรห่ ลาย โดยผู้ผลติ ยา เน่อื งจาก • เ จ ล า ติ น เหล่านี้ละลายในกระเพาะอาหารหลังจากการ รบั ประทานภายในไม่กี่นาที • เจลาตินมีความคงตัว แม้เก็บไว้เป็นเวลานานและยา เกือบทุกประเภทที่เป็นของแข็งสามารถบรรจุในแคปซลู ได้ • เจลาตินมีรสจืด ยาเมด็ และยาอม (Tablet and pastilles) เจลาตินทำหน้าที่เป็นสาร ยึดเกาะในการทำเม็ดยา ในกรณีน้ี เจลาตินจะผสมกับสารตัวเร่งก่อนการ บีบอัดเปน็ เมด็ ยา ขน้ั แรกสารตวั เรง่ จะ แคปซลู เจลาตนิ ชนิดละลายไดง้ า่ ยใน เปลี่ยนเป็นเม็ดเล็กหรือชิ้นส่วนเล็กๆ กระเพาะ โดยการผสมเข้ากับเจลาตินก่อนที่สาร จะถกู นำไปร่อนและทำใหแ้ หง้ นอกจากนีไ้ ด้เพ่ิมสารทชี่ ว่ ยใหเ้ กิดการกระจาย ตวั สารหล่อล่ืน สารป้องกันการจับตัวเป็นก้อนก่อนบบี อัดเปน็ เม็ดยา 130

ในการทำยาอม (ยาอมแก้ไอ) เจลาตินและกลีเซอรีนถูกนำมาใช้ อยา่ งแพรห่ ลายและทำหนา้ ท่เี ชอื่ มประสานในยาอม เปน็ วัตถใุ ห้ความเย็นแก่ ลำคอและปลอ่ ยสารเร่งปฏิกิริยาออกมาในช่วงเวลาส้นั ๆ ไมโคลเอนแคปซูเลชัน (Micro-encapsulation) ไมโคลเอนแคปซูเลชัน เป็นขั้นตอนหนึ่งของการเคลือบยาด้วยการ เคลือบเจลาตินชั้นบาง ๆ เป็นการเคลือบที่ความหนาประมาณ 1-500 ไมครอน เพ่อื ทำหน้าท่ี : • ปอ้ งกันรสขมจากตัวยา • แยกสารสองชนิดทไี่ มส่ ามารถผสมเข้าดว้ ยกัน • ทำใหย้ าแพร่ออกมาอยา่ งช้าๆ • ลดโอกาสการซมึ ผา่ นของออกซิเจนทีท่ ำใหย้ าเสอื่ มคณุ ภาพ ยาเหน็บทวาร (Suppository) ยาเหน็บทวาร เป็นการเตรียมของแข็งชนิดหนึ่งใน รูปกระสุนปืนหรือรูปทรงกรวยที่จะสอดเข้าไปในทวารหนัก หรือไส้ตรง สารเร่งปฏิกิริยาจะหลอมละลายหรือกระจายไป ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาจำเพาะหรืออวัยวะเฉพาะส่วนของ รา่ งกาย ตัวกลางท่สี ามารถนำมาใชป้ ระกอบไปดว้ ย ไขมนั ขผี้ ง้ึ และเจลกลีเซอรอลเจลาติน (glycerol gelatin gel) ตัวอย่าง จากเภสัชตำรับของอังกฤษ [British Pharmaceutical Codex (BPC)] กลีเซอรอลและเจลาตินที่เป็นตัวกลางมีองค์ประกอบ ของเจลาตนิ 14% และกลีเซอรอล 70% ฟองน้ำเจลาติน (Gelatine sponge) ฟองน้ำเจลาตินช่วยในการรักษาบาดแผล เนื่องจากเจลาติน สามารถหยุดการไหลของเลือดได้เป็นอย่างดี จึงอำนวยความสะดวกใน ขั้นตอนการรกั ษา 131

ฟองน้ำเจลาตินถูกนำมาใช้เป็นประจำในทางทันตกรรม การแพทย์ และในการศัลยกรรมสำหรับอดุ บาดแผลชั่วคราวเพื่อทำให้เลือดหยุดไหล ได้ ทำการทดสอบเจลาตนิ ทางเภสชั ภณั ฑโ์ ดยเฉพาะ ในการละลายในสารละลาย ของเหลวและทำให้เป็นฟองน้ำ ทำให้แห้งอย่างช้าๆ ตัด บรรจุ และผ่านการ ฆ่าเชอ้ื เจลาตนิ มีคุณสมบตั พิ เิ ศษโดยตวั ของเจลาตินเองมีพลังในการดูดซับสงู สำหรับเนือ้ เยอื่ ของเหลวตลอดจนตัวที่เขา้ กนั ได้กับเจลาตนิ ในบางครั้งตัวดูด ซับถกู ทำให้อิม่ ตัวดว้ ยยาปฏิชีวนะ ผงผา่ ตดั (Surgical powder) เจลาติน หลังจากได้รับความร้อนที่อุณหภูมิ 142 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตัวของเจลาตินจะสูญเสียสภาพการเกิดเจลในน้ำ เจ ลาตนิ ในสภาพน้ีถกู นำมาใช้เป็นผงฆ่าเชื้อ เมอื่ ผงเจลาตินถกู โรยบนบาดแผลที่ เปิด ก็จะช่วยเร่งในกระบวนการรักษาบาดแผล ซึ่งให้ผลที่คล้ายกับการใช้เจ ลาตินฟองน้ำห้ามเลือด เจลาตินปดิ บาดแผล (Gelatine dressing) วสั ดุสว่ นใหญเ่ ช่นยา Zinc paste ปิดแผล [เภสชั ตำรบั ของประเทศ สหรัฐอเมริกา (USP)] หรือ Unna Paste ซึ่งถูกนำมาใช้ในการรักษาแผล เปื่อยจากการกดทับโดยมีเจลาตินเป็นส่วนประกอบหลัก เจลนิ่มมี Zinc oxide (10%) และเจลาตนิ (15%) ในตัวกลางกลีเซอรีนที่เป็นน้ำกซึ่งระจาย ในชั้นแต่งบาดแผล นำมาใช้ในการปิดบาดแผลหลอดเลือด ตัวปิดบาดแผล ประเภทนี้สามารถกำจัดออกไปหลงั จากแชใ่ นน้ำอุน่ วตั ถุทดแทนพลาสมา่ (Plasma substitute) เจลาตินได้รับการพิสจู น์แลว้ ว่าเป็นตวั เพิม่ พลาสมาที่ดีเยี่ยม ซึ่งถูก นำมาใชใ้ นกรณีการไหลเวยี นเลอื ดลดปรมิ าณลงอยา่ งเฉียบพลนั 132

ตอนที่ 14 การใชง้ านเจลาตนิ ในฟิลม์ ถา่ ยภาพและการพมิ พ์ คุณสมบัติทางกายภาพของเจลาตินทำให้เจลาตินเหมาะแก่การ นำมาใช้เป็นฟิล์มถ่ายภาพและกระดาษพิมพ์ภาพ ถึงแม้ว่าจะมีโพลิเมอร์ สังเคราะห์อกี หลายชนิดที่เหมาะสมสำหรับนำมาใช้ (พอลิเมอร์สังเคราะห์ยงั ละลายน้ำได้อีกดว้ ย) แต่ถึงกระน้ันเจลาตินยังคงถูกนำมาใช้เป็นสารยึดเกาะ ในชนั้ อิมัลชันของฟลิ ์มถา่ ยภาพ กระบวนการน้ีเปน็ ทีร่ ู้จักกนั มานานกว่า 100 ปี ฟิลม์ ถา่ ยภาพ ฟิล์มถ่ายภาพถูกสร้างขึ้นจากชั้นสารเคมีที่ไวต่อแสง ซึ่งได้รับการ ปกป้องด้วยชั้นของเจลาติน ชั้นเจลาตินบางๆหลายชั้นถูกนำมาใช้ใน เจลาตนิ ถกู นำมาใช้ในฟิล์มขาวดำและฟลิ ม์ สี 133

การเคลือบเพื่อให้สามารถยึดเกาะอิมลั ชันและฐานของฟิล์ม ส่วนชั้นล่างของ ฟิล์ม เจลาตินถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการโค้งงอของตัวฟิล์ม ชั้นน้ี ประกอบดว้ ยวัสดุสชี นิดดดู ซบั แสงที่สามารถทะลุผา่ นฟลิ ์ม ชั้นอมิ ัลชนั ประกอบด้วยสารเคมี เชน่ ผลึกซิลเวอรเ์ ฮไลด์ ทผ่ี สมกับ เจลาตินให้เป็นสารยึดเกาะ ในฟิล์มขาวดำมีชั้นอิมัลชันเพียงหนึ่งหรือสองชน้ั เมื่อเทยี บกบั ฟลิ ์มสีซ่งึ มีชนั้ ของอิมลั ชนั กับช้นั เจลาตินประมาณหกช้ัน ภาพใน หนา้ ถัดมา แสดงโครงสร้างฟิลม์ ขาวดำและฟิลม์ สี ชั้นเจลาตนิ บริสทุ ธิ์เปน็ ช้ันที่ป้องกันช้นั อิมลั ชันจากรอยขีดข่วนและ การกัดกร่อน ฟิล์มอิมัลชันประกอบด้วยซิลเวอร์เฮไลด์ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไวต่อ แสงเกื้อหนุนกับฐานฟิล์มซึ่งทำมาจากวัสดุที่เป็นพลาสติกหรือไตรอะซิเตท ภายใต้ฐานฟลิ ม์ ยังมีชั้นเจลาตินอีกช้นั เพ่ือป้องกันการโค้งงอของตัวฟิล์ม ช้ัน เจลาตินยังประกอบด้วยวัสดุที่เป็นสี เพื่อป้องกันไม่ให้แสงจากด้านล่างของ ฟลิ ม์ ทะลุผา่ น 134

ฟิล์มสีสร้างขึ้นจากอิมัลชันขาวและดำสามชั้นที่เคลือบอย่าง สม่ำเสมอกับตัวกรองแสงชั้นที่หนึ่ง ซึ่งชั้นบนสุดไวต่อแสงสีฟ้า ด้านล่างของ ชั้นนี้กรองแสงสีเหลือง ชั้นที่กรองแสงสีเหลืองยอมให้แสงสีฟ้าทะลุผ่านไปยัง ชั้นสีทีอ่ ย่ดู า้ นลา่ ง อมิ ัลชนั ชน้ั ทสี่ องมีความไวต่อแสงสเี ขียว ชน้ั ทสี่ ามมีความไวต่อแสง สีแดง โครงสร้างฐานและชั้นผิวที่ได้รับการเคลือบเพื่อป้องกันการโค้งงอ เช่นเดยี วกับฟิลม์ ขาวดำ ชั้นที่สี่นั้นสามารถรองรบั ได้ทุกสีจากวัตถทุ ีถ่ ่ายภาพ 135

ซึง่ แตล่ ะสจี ากวตั ถทุ ถี่ ่ายภาพให้ผลท่ีแตกต่างกันไปจากสามช้นั อิมัลชนั ทเี่ หลอื สว่ นแสงสีขาวให้ผลที่พอๆกันทกุ ช้ัน กระดาษพมิ พภ์ าพ กระบวนการเคลือบกระดาษพิมพ์ภาพด้วยเจลาตินเหมือนกันกับ กระบวนการเคลือบฟิล์มอิมัลชัน ก่อนที่กระดาษจะถูกเคลือบด้วยอิมัลชัน แบเรียมซัลเฟตจะผสมเข้ากับเจลาตินก่อน ซึ่งจะทำให้กระดาษมีความเรียบ นอกจากน้ี สารทชี่ ่วยให้เจลาตินแข็งตัวยงั ถกู เติมเขา้ ไปอีกดว้ ย การใชป้ ระโยชน์จากเจลาตินในอตุ สาหกรรมกระดาษและการพิมพ์ กระดาษคาร์บอน กระดาษชนิดนี้ทำจากเยื่อกระดาษที่เคลือบ ด้วยเม็ดสีเจลาตินกับผงคาร์บอนหนึ่งชั้น แล้วจุ่มลงในสารละลาย โพแทสเซยี มไดโครเมต เพื่อเก็บอนภุ าคคาร์บอนไว้ในกระดาษ กระดาษโฟโต้ กระดาษชนิดนี้ถูกนำมาใช้ในการพิมพ์ภาพจาก เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เจลาตนิ ที่มอี ยู่ในกระดาษช่วยในการดดู ซบั ตวั ทำละลาย ในนำ้ หมกึ และสใี หส้ มำ่ เสมอกัน เพ่ือรบั ประกันการยึดเกาะลงบนกระดาษ Collotype เป็นเทคนิคการพิมพ์ประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการพิมพ์หิน (lithography) กระบวนการพิมพ์ประเภทนี้สามารถ ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ได้สูงสดุ 5,000 สำเนา ในการพิมพ์ collotype นั้น ฟิล์มถูก เตรียมขึ้นโดยการเคลือบลงบนกระจก ชิ้นสังกะสี หรืออะลูมิเนียมกับ สารละลายไดโครเมตหรอื เจลาติน การพิมพ์โรตารี่ อตุ สาหกรรมการพิมพ์มกี ารใชเ้ จลาตินมานานกว่า 100 ปี เพื่อเพิ่มความเร็วในการพิมพ์จาก 1,400 รอบต่อชั่วโมง ไปจนถึง 4,000 รอบต่อชวั่ โมง 136

ตอนท่ี 15 เจลาตนิ ทต่ี อ้ งสงสัยถกู ติดฉลากเปน็ ผลิตภัณฑ์ฮาลาล เมื่ออดีตที่ผ่านมา เจลาตินยี่ห้อหนึ่งที่ชื่อว่า David Gelatine Unflavoured Jelly Powder ได้สร้างความสับสนและข้อสงสัยในหมู่ ผบู้ ริโภค โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ผู้บริโภคท่เี ปน็ มุสลิม ครั้งหนึ่ง CAP ได้ทำการสำรวจในรฐั ปีนงั เมื่อปี 1992 พบว่า ฉลาก บนกล่องเจลาตินมีคำวา่ ฮาลาล โดยแต่ละกล่องไดบ้ รรจผุ งเจลาตินจำนวน 5 ซอง ซ่ึงคาดวา่ สกัดมาจากเน้อื เยื่อของสตั ว์ 137

CAP ได้เขียนจดหมายไปยังเลขาธิการสมาคมผู้บริโภคออสเตรเลีย (ACA) สอบถามถงึ สตกิ เกอร์ ฮาลาลว่าประเทศไหนเปน็ ผู้ตดิ ไดร้ ับการตดิ ในประเทศออสเตรเลียหรือติดเมื่อมาถึงในประเทศมาเลเซีย? จดหมายของ เราได้ส่งต่อจาก ACA ไปยังบริษัท Davis Gelatine ซึ่งได้ตอบกลับมาเมื่อ วันที่ 19 ตลุ าคม 1992 บริษัท Davis Gelatine ไดย้ ืนยันวา่ สติกเกอร์ฮาลาล นัน้ ไดต้ ดิ ท่ีโรงงานในประเทศออสเตรเลียและนวิ ซแี ลนด์ บริษัท Davis Gelatine ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า บริษัทได้รับ อนุญาตให้ผลิตสินค้าฮาลาล ในการตอบของบริษัทได้ทำให้เราทราบว่าเป็น 1992 โ–รงสงญั านลทักษ่ีอยณู่ใ์นHเAมLือAงไLคทรส่ีตติด์เบชนิรก์ชล(อ่Cงhขrอisงtchurch) ประเทศนิวซีแลนด์ ได้ผลติ DavisเปGe็นlแaบtinบeซอเปง็นขสา่ิงยทปตี่ ล้อีกงขสองสงัยDเนaือ่vงidจาGกelatine สำหรับผู้บริโภค ซึ่งขายใน เจลาตปินรถะกู เสทกศัดอจอาสกเเตนรื้อเเลยียอ่ื แขลอะงเสอตั เชว์ียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีจดหมายปิดผนึกจาก หน่วยงาน การจัดการเนื้ออิสลามประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand Islamic Meat Management) ซึ่งกล่าวว่าการผลิตเจลาตินในโรงงานแห่งน้ี ได้รับการอนุญาตให้ใช้คำว่าฮาลาล สำเนาของจดหมายจากที่ปรึกษามุสลิม ออสเตรเลีย (Australian Muslims Consultant) และผู้ตรวจการระดับสูง จากมาเลเซีย (Malaysian High Commissioner) ใน ป ร ะ เ ทศ นิวซีแลนด์ได้สง่ มายัง CAP เพอ่ื สำรองขอ้ มูลและประกาศต่อไป 1992- จดหมายจากกองกิจการศาสนาสำนัก อย่างไรก็ตาม กองกิจการ นายกรัฐมนตรี ได้ระบวุ า่ สถานะฮาลาลของ ศาสนา สำนักนายกรัฐมนตรี ผลติ ภณั ฑ์ Davis Gelatine เปน็ ท่นี ่าสงสัย (Islamic Affairs Division in the Prime Minister’s Department) ในจดหมาย ของเขาลงวันที่ 28 พฤศจิกายนปี 1992 ยังคง สงสัยในสถานะฮาลาลของ 138

David Gelatine ซงึ่ นำมาขายทปี่ ระเทศมาเลเซียในขณะนัน้ หากเปน็ เช่นน้ัน เหตใุ ดถึงไมฟ่ ้องรอ้ งดำเนนิ คดีผู้ผลติ ภายใต้กฎหมายการคา้ ปี 1972 ? (Trade Description Act 1972) ตามที่ระบุในกฎหมาย ผู้ผลิตเป็นผู้รับผิดชอบต่อ ผลิตภัณฑ์ของเขาที่มีเครื่องหมายฮาลาล หากเขาสามารถรับประกันสินค้า ของพวกเขาว่าฮาลาล ซึ่งสามารถดำเนินคดีต่อผู้ผลิตที่ทำความผิด จากการ ติดเครื่องหมายด้วยคำว่า ฮาลาล บนผลิตภัณฑ์ หากได้รับการพิสูจน์ว่า วัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นได้มาจากสัตว์ ซึ่งเป็นสัตว์ต้องห้ามภายใต้กฎหมาย อิสลาม CAP มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับบริษัทผู้ผลิตผลติ ภัณฑ์อาหาร ทต่ี ดิ เครื่องหมายฮาลาลบนผลิตภัณฑ์ของพวกเขาตามอำเภอใจ ความกังวลนี้ ได้ทวีเพิ่มมากยิ่งขึ้น เมื่อผลิตภัณฑ์อย่างเช่น เจลาติน ซึ่งบ่อยครั้งสถานะ ฮาลาลของวตั ถุดิบเป็นที่ตอ้ งสงสยั 2005 – แม้ว่าสถานะฮาลาลของ Davis CAP พบว่าเป็น Gelatine จะเป็นท่ีตอ้ งสงสยั แตบ่ นกล่องบรรจุ เ ร ื ่ อ ง ย า กท ี ่ จ ะ เ ช ื ่ อว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัท David ยังคงมี Gelatine นั้นฮาลาล เม่ือ สตกิ เกอรฮ์ าลาล ผลิตภัณฑ์ได้ระบุไว้อย่าง ชัดเจนบนกล่องว่า (เจ ลาติน) ที่สกัดจากเนื้อเย่ือ ของสัตว์ ถึงแมบ้ รษิ ัทจะอ้าง ว่าใชห้ นงั ของววั ปัญหากค็ อื วัวที่นำมาใช้ในการผลิตได้ ผ่านการเชือดอย่างถูกต้อง ต า ม ห ล ั กศ า ส นบ ั ญ ญ ั ติ อิสลามหรือไม่ ซึ่งไม่มีข้อมูล ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ระบุไว้บน ฉลาก 139

CAP ได้ทำการสำรวจในเดอื นมนี าคมปี 2005 พบว่า บรษิ ัท David Gelatine ยังคงใช้เครื่องหมาย “ฮาลาล” บนกล่องที่เราได้รายงานไปในปี 1992 ซึ่งทาง JAKIM ไม่ได้ให้ความกระจ่างแก่ผู้บรโิ ภคต่อสถานะฮาลาลของ ผลติ ภัณฑ์น้ี สิ่งที่ตามมาก็คือ ได้มีบทความฉบับแก้ไข โดยสภาอุละมาอฺแห่ง อินโดนีเซียหรือ Majelis Ulama Indonesia (MUI) ต่อประเด็นเจลาตินฮา ลาล บทความยังได้ให้พิจารณาการผลิตเจลาตินจากบริษัท Leiner Davis ท่ี อา้ งว่าฮาลาลอีกดว้ ย ความยากลำบากในการคน้ หาเจลาตินฮาลาล เจลาตินฮาลาที่ผลิตขึ้นมีจำนวนค่อยข้างจำกัด เจลาตินทั้งหมดที่ ประกาศว่าฮาลาลจึงไม่จำเป็นว่า จะเป็นเจลาตินฮาลาลเสมอไป ด้วยเหตุน้ี เราจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเมอ่ื เลอื กซ้อื เจลาตินฮาลาล 140

ในบรรดาส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับสุกรที่ถือว่าไม่ฮาลาลใน อาหารและเครื่องดื่มนั่นก็คือ เจลาติน สารชนิดนี้ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ อาหารหลากหลายประเภท เชน่ ไอศกรีม น้ำเช่อื มพุดดิ้ง เคก้ ฯลฯ เจลาตินที่ ฮาลาลจริงๆในวนั น้ี ยังคงเปน็ เรอ่ื งยากที่จะคน้ หา ในระหว่างงานนิทรรศการอาหารฮาลาลนานาชาติ (Inhafax) ปี 1994 บริษัทรายหนึ่งจากประเทศมาเลเซียได้นำเสนอเจลาตินที่ได้รับการ รบั รองฮาลาล ยหี่ อ้ อลั -บากอเราะห์ โดยกลา่ ววา่ เป็นเจลาตนิ ทีไ่ ดม้ าจากวัวซงึ่ ผ่านการเชอื ดตามหลกั ศาสนบัญญตั อิ สิ ลาม การค้นพบเจลาตินฮาลาลจากประเทศมาเลเซีย ได้รับการต้อนรับ จากสภาอลุ ามะอดฺ ้านอาหาร (MUI’s food) และคณะกรรมการวจิ ัยเวชภณั ฑ์ และเครื่องสำอาง (LP.POM MUI) ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในขณะนั้น กำลังมองหาทางเลือกเพื่อทดแทนเจลาตินหะรอม อย่างไรก็ตามเมื่อ LP.POM MUI ได้นำเสนอ เจลาตินจากประเทศมาเลเซีย กลับถูกปฏิเสธ ถึงความไม่มั่นใจเนื่องจากคุณภาพของเจลาตินอัล-บากอเราะหไ์ ม่สอดคล้อง กับมาตรฐานทางอตุ สาหกรรม ความพยายามในค้นหาเจลาตินฮาลาลยังคงดำเนินต่อไป ในปี 1997 LP.POM MUI ได้เยือนประเทศนิวซีแลนด์ และได้ทำการตรวจสอบ ผลติ ภัณฑห์ นึง่ ซ่ึงเปน็ เจลาตินจากบรษิ ทั Leiner Davis พบวา่ เปน็ เจลาตินท่ี ผลิตมาจากกระดูกของวัว ซึ่งควบคุมการฆ่าโดยองค์การจัดการเนื้ออิสลาม แห่งประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand Islamic Meat Management หรอื NZIMM) จากข้อมูลที่ได้ให้มา MUI ได้สันนิษฐานว่า กระดูกที่ได้จากการฆ่า สัตว์ฮาลาลมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรมเจลาติน นอกจากน้ีอาจจะมีสัตว์ทไี่ ม่ผ่านการเชือดตามหลักศาสนบญั ญตั ิอิสลาม ท้ังน้ี เนือ่ งมาจากมีความต้องการกระดูกจำนวนมหาสารในการแปรรูปเจลาติน 141

ในช่วงปลายปี 1999 ได้มีความตอ้ งการขอการรบั รองเจลาตนิ ฮาลา ลจากประเทศฝรั่เศส อา้ งวา่ เปน็ เจลาตนิ ยีห่ ้อ SWK ซง่ึ ทำมาจากกระดูกท่ีได้ จากประเทศปากีสถาน LP.POM.MUI และสภาอาหารและโภชนาการอสิ ลาม แห่งสหรัฐอเมริกา (INFANCA) ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบเพื่อพิจารณาว่า ผลิตภณั ฑด์ ังกลา่ วฮาลาลหรือไม่ ขั้นแรก พวกเขาได้เข้าเยี่ยมชมที่เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน เพื่อสังเกตขั้นตอนการฆ่าวัวและกระดูกที่ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบ จากการ สังเกตพบว่ามุสลิมเชือดวัวสอดคล้องตามศาสนบัญญัติอิสลาม โดยมีกระดูก ฮาลาลเปน็ จำนวนมากในปากสี ถานเนื่องจากประชากรสว่ นใหญ่ของประเทศ เป็นมสุ ลมิ ในความเป็นจริง Zein Nasution เป็นหน่ึงในคณะผู้แทนจาก LP. POM MUI กล่าวว่า พลเมืองของการาจีต้องการให้พวกเขาช่วยเหลือใน โครงการเจลาตินเพื่อที่ว่า กระดูกดังกล่าวจะได้รับการส่งออกไปยังประเทศ ฝรงั่ เศส มั่นใจได้ว่ากระดูกดังกล่าวนั้นฮาลาล จากนั้นผู้แทนได้เข้าเยี่ยม เมือง Marseiller ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมเจลาตินขนาด ใหญ่แห่งหนึ่ง เจลาตินจากโรงงานแห่งนี้ใช้กระดูกที่นำเข้าจากประเทศ ปากีสถานได้ส่งออกเจลาตินไปยังหลายประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศ มสุ ลิม การผลติ เจลาตินฮาลาลได้ทำขึน้ ดว้ ยเคร่อื งหมายและรหัสที่เฉพาะ ซ่ึง INFANCA เป็นองค์กรแรกที่ให้การรับรอง โดยเจลาตินฮาลาลจากเมือง Marseiller ยงั ไดต้ ิดเครอื่ งหมาย“ฮาลาล” จาก INFANCA อีกดว้ ย จำเปน็ ต้องมคี วามรอบคอบ ในประเทศอนิ โดนเี ซียมีผลติ ภณั ฑเ์ จลาตินในท้องตลาดจำนวนมาก ที่นำเข้ามาจากประเทศต่างๆ อาทิเช่น บราซิล อาเจนติน่า ยุโรป และ นิวซีแลนด์ ยี่ห้อของเจลาตินที่หาได้ง่ายนั้นเป็นยี่ห้อต่างประเทศที่ยังหาได้ ง่ายในประเทศอื่นๆอีกดว้ ย ตัวอย่างเชน่ ยห่ี อ้ Leiner Davis ทีม่ าจากประเทศ นิวซีแลนด์ ยังสามารถหาได้ในยุโรปและละตินอเมริกา ในมุมมองนี้ไม่ได้ หมายความวา่ ผลิตภัณฑ์ Leiner Davis จะต้องมาจากประเทศเพียงประเทศ 142

เดียวเท่านั้นเช่นเดียวกันกับเจลาตินยี่ห้อ SWK ถึงแม้ว่าอาจจะได้รับการ ตรวจประเมินในเมือง Marseilles ว่าฮาลาล แต่อุตสาหกรรมเหล่านี้ยังมี โรงงานในละตินอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอาร์เจนตินา ดังน้ัน เม่ือเราพิจารณาสนิ คา้ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ย่ีห้อของเจลาตนิ แลว้ เราควรสงั เกต ดวู า่ มนั มาจากประเทศใดดว้ ย มเี จลาตินจำนวนหน่งึ ท่วี างขายในประเทศอินโดนเี ซยี มีเครอ่ื งหมาย ฮาลาลจากประเทศที่เป็นแหล่งผลิต แต่ไม่ใช่การรับรองฮาลาลทั้งหมดที่จะ ถูกยอมรับจาก MUI เนือ่ งจากมีความเข้าใจท่ีแตกต่างกนั ตัวอย่างเช่น เจลาตินจากอาร์เจนตินามีใบรับรองฮาลาลจาก สมาคมมสุ ลิมอารเ์ จนตนิ า(Muslim Association of Argentina) แต่หลงั จาก การตรวจสอบพบว่า มีผู้เชือดมุสลิมเพียงสามคนเท่านั้นที่ทำงานภายใต้ คณะกรรมการ นอกจากนี้ยังพบอีกว่าพวกเขายังได้ให้ใบรับรองฮาลาลกับเจ ลาตินทั้งหมดที่ผลิตมาจากวัว (ที่มิใช่สุกร) ถึงแม้ว่ากระบวนการเชือดไม่ สอดคลอ้ งกบั ศาสนบญั ญตั ิอิสลามกต็ าม ตามมาตรฐานของ MUI ถึงแม้เจลาตินนั้นจะมาจากวัว แต่หากวัว ไมไ่ ดร้ บั การเชือดตามหลกั ศาสนบญั ญัตอิ สิ ลาม กไ็ มส่ ามารถยอมรบั ได้ เน่ืองดว้ ยความแตกต่างเหลา่ น้ี จนถงึ ขณะนี้ MUI ยังไม่ไดร้ บั รองเจ ลาตินฮาลาลจากประเทศอาร์เจนตินาและลาตินอเมริกา สำหรับเจลาติน SWK ของฝรั่งเศสและนิวซีแลนด์ ซึ่งไม่ใช่เจลาตินทั้งหมดจะถกู ยอมรับว่าฮา ลาล มีเพียงเจลาตินที่ติดเครื่องหมายรับรองฮาลาลเท่านั้นที่ถือว่าเป็นเจ ลาตนิ ฮาลาล ท่มี า : “Hati-hati produk gelatin: Perlu sertificat Halal”, Berita IPTEK 23/1/01 143

“Susahnya mencari gelatin Halal” ,Majelis Ulama Indonesia บทความขา้ งต้นแสดงใหเ้ ห็นถึงความยากลำบากของการได้มาซึ่งเจ ลาตินฮาลาลในประเทศอนิ โดนเี ซียแม้วา่ จะเปน็ ประเทศมสุ ลมิ กต็ าม ดังนั้น ผู้บริโภคมุสลิมจึงควรระมัดระวังเมื่อซื้อสินค้าที่มี เครื่องหมายฮาลาล ในความเป็นจริงผลิตภัณฑ์อาหารใดๆที่มีเจลาตินเป็น ส่วนประกอบเป็นสิ่งที่ต้องสงสัยแม้ว่าจะมีเครื่องหมายฮาลาล เนื่องจากใน หลายๆกรณีมนั อาจเป็นเคร่อื งหมายฮาลาลปลอม ด้วยเหตุนี้หน่วยงานภาครัฐควรบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้ผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงฉลาก เช่น แหล่งที่มาของเจลาตินนั้นได้มา อย่างไร 144

ตอนท่ี 16 เนยแข็ง (Cheese) หะรอมหรอื ต้องสงสัย? เนยแข็งเป็นรายการอาหารประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในหมู่ ผู้บรโิ ภคจำนวนมาก เป็นอาหารที่รับประทานร่วมกับขนมปังหรือนำมาใช้ทำ ขนมอบ มสุ ลมิ จำเป็นต้องทราบส่งิ ท่เี ตมิ ลงไปในการทำเนยแข็ง วธิ ที ่พี บมากทส่ี ดุ ในการตกตะกอนนมคือ การใช้เอนไซม์ท่เี ตรียมได้ จากเรนเนท ซึ่งโดยทั่วไปสกัดมาจากกระเพาะของลูกวัว กระทั่งการบริโภค ลูกวัวไม่ทันต่อความต้องการเรนเนทในการเตรียมเนยแข็ง ปัญหาความขาด แคลนเอนไซม์นี้จึงได้รับการพัฒนาขึ้น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้กลายเป็นวิธี ปฏิบัติกันโดยทั่วไปในการผสมเรนเนทที่สกัดจากกระเพาะของลูกวัวกับ เอนไซม์เปบซินซึ่งส่วนมากได้มาจากกระเพาะของสุกร เอนไซม์เหล่านี้ ได้ เปลี่ยนน้ำนมจากของเหลวให้กลายเป็นก้อนแข็งซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในการ ผลิตเนยแข็ง การผสมเรนเนทจากลูกวัวและเปบซินจากสุกร เป็นการผสมที่ เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการทำเนยแข็ง โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในประเทศสหรัฐอเมรกิ า โดยทัว่ ไปศัพทค์ ำว่า “เรนเนท” หมายถงึ เอนไซม์ทง้ั หมดทเี่ ตมิ ลงใน นำ้ นมเพอ่ื ชว่ ยในข้ันตอนการการตกตะกอนของการทำเนยแขง็ สิ่งที่ทำให้เนยแข็งเป็นที่ถกเถียงกันในศาสนาอิสลามน่ันก็คือ แหล่งที่มาของเรนเนทที่ใช้ในขั้นตอนดังกล่าว ซึ่งเรนเนทสามารถได้มาจาก สตั ว์ จากพชื หรือจากจุลินทรยี ์ 145

เรนเนทจากสตั วน์ น้ั ไดม้ าจากกระเพาะของลูกวัว เพอ่ื ให้ได้เรนเนท สัตว์จะต้องถูกฆ่าก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นนำกระเพาะของลูกวัวตัด เป็นชิ้นๆ ขจัดไขมันออกและทำให้แห้ง แช่ในสารละลายเพื่อทำให้ยุ่ยและ ผสมกับสารละลายเกลอื ก่อนที่เรนนินจะถูกสกัดออกมา สิ่งท่ีเป็นปัญหาใหญ่ นั่นก็คือ สัตว์ดังกล่าวได้ผ่านการเชือดอย่างถูกต้องตามหลักศาสนบัญญัติ ผลิตภณั ฑ์อาหารบางชนดิ ซึง่ อาจจะมี สว่ นประกอบของเนยแข็งและเวย์ อิสลามหรือไม?่ เรนเนทจากพชื คล้ายกับเอนไซม์ทีม่ าจากพืช (ได้แก่ โบรมิเลนจาก สัปปะรด ฟิซินจากผลมะเดื่อฯลฯ) เรนเนทจากจุลินทรีย์มีเอนไซม์ที่คล้าย กับเรนเนทจากลูกวัว แต่เรนเนทที่ได้มีกลิ่นที่แตกต่างกันเล็กน้อย โดยเรน เนททั้ง 3 แหล่ง เรนเนทท่ีมาจากสัตว์ (โดยทั่วไปเป็นเรนเนทที่มาจากลกู ววั ) เป็นเอนไซม์ที่ถูกนำมาใชอ้ ยา่ งแพร่หลายมากท่สี ุด เรนเนทเป็นส่วนที่จำเป็นสำหรับการทำเนยแข็ง การทำเนยแข็ง เริ่มต้นด้วยน้ำนม เชื้อจุลินทรีย์เริ่มต้นถูกเติมลงไปในนมเพ่ือทำการหมัก ซ่ึง 146

ในที่สุดก็จะก่อตัวในรูปเคิรด์ (ก้อนนม) หลังจากนั้นตัดเปน็ ก้อนเลก็ ๆและอ่นุ ใหค้ วามร้อนเพือ่ กำจดั เวย์ส่วนทเี่ ปน็ น้ำของนมออกไป กอ้ นนมดังกล่าวจะถูก ทำให้คงรูปเพื่อทำให้เกิดรูปร่างตามความต้องการ เกลือจะถูกเติมลงไปใน ก้อนนม ข้ันตอนสุดท้ายนำเนยแข็งที่ได้ทำการฉาบหรือเคลือบก้อนนมและ เคล่ือนยา้ ยเขาส่กู ารบม่ ก่อนนำไปขาย ตามที่ระบุไว้ใน Cheese Market News (มิถุนายน ปี 2000) ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงก่อนที่เนยแข็งจะได้รับการพิจารณาว่าฮาลาล มี ดงั ต่อไปน้ี : • แหล่งที่มาของนม แหล่งของนมทีไ่ ด้รับอนุญาตคือ วัว ควาย แพะ แกะและอฐู • เอนไซม์ เอนไซม์ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการผลิตเนยแข็ง ไม่เพียงแต่เพื่อการตกตะกอน เท่านั้นแต่ยังนำมาใช้สำหรับการบม่ และการปรับปรุงกลิ่นให้ดีขึ้นอีกด้วย เอนไซม์เรนเนทจากวัวซึ่งได้ จากลูกวัวที่ไม่ผ่านการเชือดอย่างถูกต้องตามหลักศาสนบัญญัติ อิสลามนัน้ ไมเ่ ปน็ ที่อนญุ าตในศาสนาอสิ ลาม • วัตถุปอ้ งกนั การจบั ตวั เปน็ ก้อน เนยแข็ง shredded ส่วน ใหญ่ มีการเติมพวกวัตถุป้องกันการจับตัวเป็นก้อนบางชนิด ซ่ึง สว่ นประกอบเหลา่ นค้ี วรมาจากแหลง่ ทฮ่ี าลาล • วัตถุกันเสีย วัตถุกันเสียและสารยับย้ังเชื้อราควรมาจากแหล่งทีฮ่ า ลาลทั้งหมด เนื่องจากสารกันเสียเหล่านี้อาจจะมีอิมัลซิไฟเออร์ที่ ได้มาจากสัตว์ หากมาจากสัตว์ที่เราไม่ทราบแหล่งที่มา ดังนั้นวัตถุ กันเสยี เปน็ เรอ่ื งหลักทน่ี ่ากังวลสำหรบั มสุ ลิม • กลิ่น ส่วนใหญ่กลิ่นเนยแข็งสามารถหาได้โดยทั่วไป ซึ่งกลิ่นเหล่าน้ี จะต้องไม่มีแอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลาย จนกระทั่งไขมันสัตว์ถูก 147

นำมาใช้เพื่อเพ่ิมกลิ่นให้ปรากฏเด่นจัดย่ิงขึ้น ไขมันดังกล่าวจะต้อง มาจากแหลง่ ท่ฮี าลาล • วัตถุรักษากลิ่น ผู้ผลิตเนยแข็งบางรายใช้วัตถุรักษากลิ่น เพื่อคง รกั ษากลิ่นของเนยแข็งใหม้ ีความโดดเด่นโดยเฉพาะ แหล่งที่มาของ วัตถุรักษากลิ่นควรมาจากแหล่งที่ฮาลาล ปัญหาก็คือ วัตถุป้องกัน กลิ่นบางชนดิ มสี ่วนประกอบจากไขมันสตั ว์ ซ่งึ อาจจะทำให้เนยแข็ง ทมี่ ีส่งิ เหลา่ น้ี ไม่เปน็ ทยี่ อมรับสำหรับผ้บู รโิ ภคมุสลิม สว่ นประกอบเหลา่ น้ีไม่เพียงส่งผลต่อการผลิตเนยแข็งฮาลาลเท่านั้น แต่ ยงั ส่งผลกระทบสำคัญตอ่ ผลพลอยไดจ้ ากเนยแข็งอย่างเชน่ เวย์อีกดว้ ย ผงเวย์ บ่อยครัง้ ถกู เตมิ ลงไปในการแปรรปู อาหาร เช่น เครอื่ งดื่มและบิสกติ ดว้ ยเหตุ ที่เวย์มีปริมาณเอนไซม์ค่อนข้างมาก เช่นนี้ผู้บริโภคมุสลิมจึงควรให้ความ สนใจเกยี่ วกับอาหารทม่ี ีเวย์เป็นส่วนประกอบด้วย ข้อความต่อไปนี้ถอดความมาจากจดหมายฉบับหนึ่งของกองกิจการ ศาสนา สำนักนายกรัฐมนตรี (The Islamic Affairs Division, Prime Minister’s Department) ลงวันที่ 20 พฤษภาคม ปี 1995 ต่อการฟัตวาใน ประเด็นเรื่องเนยแข็ง : “การประชุมอย่างเป็นทางการในหมู่นักวิชาการ ศาสนา (Muzakarah) โดยมีมติจากที่ประชุมว่า เนยแข็งเป็นส่วนประกอบ อาหารชนิดหนึ่งที่ถูกพิจารณาว่ามูบาฮฺ โดยมีข้อแม้ว่าเอนไซม์ที่นำมาใช้ใน การทำเนยแข็งนั้นควรได้มาจากพืชหรือจากจุลินทรีย์ หากมีแหล่งที่มาจาก สัตว์ เอนไซม์ดังกล่าวจะต้องมาจากสัตว์ฮาลาลที่ผ่านการเชือดอย่างถูกต้อง ตามหลักศาสนบญั ญัตอิ ิสลาม” อย่างไรก็ตาม ถ้าเงื่อนไขที่กำหนดจากการประชุมอย่างเป็นทางการ ในหมู่นักวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนยแข็ง ควรลงความเห็นว่ามันฮา ลาลและไมใ่ ช่มบุ าหฺ หากเนยแข็งทผี่ ลติ ใช้เรนเนทจากสัตว์ท่ีผ่านการเชือด อย่างถูกต้องตามกฎหมายอิสลามเนยแข็งดังกล่าวจึงจะฮาลาล ในทาง กลับกัน หากเรนเนทมาจากสัตว์ที่ไม่ผ่านการเชือดอย่างถูกต้องตาม 148

กฎหมายอิสลามเนยแข็งดังกล่าวจึงจะหะรอม เพราะฉะนั้นคำถามที่ เกิดขึ้นคือ อะไรคือหลักเกณฑ์ในที่ประชมุ แล้วลงความเห็นว่าเนยแข็งน้ัน มุบะหฺ และอะไรคือหลักเกณฑ์ที่ทาง JAKIM หรือองค์กรศาสนาประจำ ท้องถิ่นที่เนยแข็งได้ผลิตขึ้นในการออกเครื่องหมายฮาลาล? (ทั้งในกรณี ของการนำเข้าเนยแข็งและผลิตภัณฑ์ที่มีเนยแข็งเป็นส่วนประกอบ) แน่นอนสำหรับ JAKIM ในการออกเครื่องหมายฮาลาล ควรทำการ ตรวจสอบส่วนประกอบของผลิตภณั ฑอ์ าหารเปน็ อันดับแรก เพ่ือยืนยันว่า ผลติ ภัณฑด์ งั กล่าวฮาลาลโดยแทจ้ รงิ จากการสำรวจในปี 2005 พบว่า ผลิตภัณฑ์เนยแข็งและผลิตภัณฑ์ อาหารท่มี ีเนยแข็งเป็นส่วนประกอบสว่ นใหญ่ไม่ได้ระบุแหล่งท่มี าของเรนเนท ที่ใช้บนฉลาก ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับมุสลิมในการพิจารณาว่าจะบริโภค หรือไม่บริโภคอาหารดังกล่าว ในหมู่ผลิตภัณฑ์อาหารที่ไม่ได้ระบุแหล่งที่มา ของเรนเนทที่ใช้ ได้แก่ K. Roger’s Cheese Crunch, Silver Bird Mini Round Crackers, Jacob’s Cheese Crackers, Picon Cheese Spread, Ritz Cheese Crackers, Hwa Tai Cream Cheese Sandwich Biscuits, Cheese sandwich (Julie’s), และ Julie’s Cheese Crackers. มุสลิมท่ีชื่นชอบรับประทานเนยแข็งควรมีความรู้เกี่ยวกับเนยแข็งและ ผลิตภัณฑ์ที่มีเนยแข็งเป็นส่วนประกอบที่อาจจะมีสารหะรอมผสมอยู่ ฉลาก ของผลิตภัณฑค์ วรจะระบุว่าเนยแข็งทีผ่ ลติ ขึน้ นนั้ ใช้เรนเนท จากพชื จลุ นิ ทรยี ์ หรือจากสัตว์ ภายใต้กฎข้อบังคับด้านอาหาร ปี 1985 ที่บังคับให้ผู้ผลิต อาหารแจ้งสว่ นประกอบท่ีใช้บนฉลากผลิตภณั ฑ์ อยา่ งไรกต็ ามผู้ผลิตเนยแข็ง และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีเนยแข็งเป็นส่วนประกอบโดยส่วนมากไม่ได้ระบุ แหล่งที่มาของเรนเนทในผลิตภัณฑ์สุดท้าย สำหรับมุสลิมที่ต้องการนำเนย แข็งมารับประทาน แนะนำให้เลือกเนยแข็งที่ผลิตจากประเทศมุสลิมหรือใช้ เรนเนทท่ีทำจากพืชหรือจากจุลนิ ทรยี ์ 149

ตอนที่ 17 นมผงดดั แปลงสำหรับทารกพบเวย์และไขมนั จากสกุ ร นมแม่เป็นสิทธิ์ที่มีมาแต่กำเนิดของทารกแรกเกิดทุกคน แต่ เนื่องจากการตลาดของบริษัทน้ำนมที่ไร้ซึ่งศีลธรรม ทำให้เด็กทารกมากกว่า ล้านคนทัว่ โลกได้ปฏเิ สธสิทธทิ์ ีม่ ีมาน้ี มีหลายวรรค (อายะฮฺ) ในอัลกุรอานที่กล่าวถึงการเลี้ยงลูกด้วยนม แม่ ตัวอย่างเช่น “และมารดาทั้งหลายนั้น จงให้นมแก่ลกู ๆของนางภายใน สองปีเต็ม สำหรับผู้ที่ต้องการจะให้ครบถ้วนในการให้นม และหน้าที่ของ พ่อเด็กนั้น คือปัจจัยยังชีพของพวกนางและเครื่องนุง่ ห่มของพวกนางโดย ชอบธรรม…” (อัลบากอเราะห์: 233) 150


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook