Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือ Halal Haram A5

หนังสือ Halal Haram A5

Published by fakrutdeen tapohtoh, 2022-08-03 09:54:21

Description: หนังสือ Halal Haram A5

Search

Read the Text Version

บริษัทข้ามชาติได้นำพืชดังกล่าวเข้าห้องปฏิบัติการและดำเนินการวิจัย บางอย่าง จากนน้ั พวกเขาโมเมเอาเองว่าพืชผลเหลา่ นีเ้ ปน็ สิทธ์ขิ องพวกเขา ด้วยกฎหมายสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับการดัดแปลงพันธุกรรม บริษัทใช้ นำมาอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของยีน ราวกับเป็นการปักธงบนการสร้างของ พระเจ้าและการพูดวา่ “ฉนั เปน็ เจ้าของส่งิ นี”้ ใครมสี ิทธิเปน็ เจา้ ของการสร้าง ของพระเจา้ กระน้ันหรือ? ความเปน็ เจา้ ของกรรมสิทธ์ทิ ี่ถูกกล่าวอ้างเหลา่ น้นั ไม่สอดคลอ้ งกับ หลักการอิสลาม เนื่องจากพืชทุกชนิดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ดังพระ มหาคัมภีรอ์ ลั กรุ อานได้กลา่ วไวค้ วามว่า “มนุษย์จงพิจารณาดูอาหารของเขาซิ เราได้หลั่งน้ำฝนลงมา มากมายอยา่ งไร แล้วเราแยกแผ่นดนิ ออกไป และเราไดใ้ ห้เมลด็ พชื งอกเงย ขึ้นจากในแผ่นดิน และองุ่นและพืชผัก และมะกอกและอินทผลัม และ เรือกสวนที่หนาทึบและผลไม้และทุ่งหญ้าทั้งน้ีเพื่อเป็นประโยชน์แก่พวก เจา้ และสตั ว์เลย้ี งของพวกเจา้ ” (อะบะซะ : 24-32) ส่ิงสำคัญทห่ี ายไปจากการถกเถียงอาหารดัดแปลงพนั ธุกรรมคือ มติ ิ ทางจิตวิญญาณของอาหาร อาหารเป็นมากกว่าการนำวัตถุดิบมาประกอบ รวมเข้าด้วยกนั อาหารที่ปลกู ด้วยการเชื่อมโยงกับความยำเกรงและเอกภาพ ของการสรา้ งจะช่วยฟนื้ ฟูจิตวญิ ญาณ อาหารหนึ่งเป็นอาหารท่ีเจรญิ เตบิ โตใน หนทางการทำงานท่หี ลงผดิ ของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ สำหรบั การที่ผู้สร้าง ให้เราได้รับความอดยากซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งบำรุงที่สำคัญ ความผิดพลาด อย่างหนึ่งที่จะเป็นอันตรายต่อความผาสุขทางจิตวิญญาณของเราและ ความสามารถของเราต่อความสำนึกในพระเจ้า นี่คือรากฐานสำหรับสุขภาพ ในอดุ มคติ 201

ตอนท่ี 25 เสน้ ผมของมนษุ ย์ในอาหาร จะเป็นอย่างไรหากคุณเห็นเส้นผมในอาหารท่ีคุณรับประทาน? คุณ คงสะอิดสะเอียดไม่นอ้ ย แต่คุณทราบหรอื ไม่ว่า เส้นผมมนุษย์นั้นถูกนำเขา้ สู่ กระบวนการแปรสภาพให้เป็นส่วนประกอบจริงๆในอาหาร และสารใน คำถามนี้คอื แอล-ซสิ เทอีน (L-cysteine) แอล-ซิสเทอีน (L-cysteine) คอื อะไร? แอล-ซิสเทอีน เป็นกรดอะมิโนที่ถกู นำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เภสัชภัณฑ์และเครื่องสำอาง ในการทำขนมปัง แอล-ซิสเทอีนถูกนำมาใช้ลด ระยะเวลาการผสมเพื่อให้เกิดโด (dough) ของแป้ง (ก้อนแป้งที่มีลักษณะ ยืดหยนุ่ ไดด้ ี เหนยี ว นุม่ ไมข่ าดง่าย….ผ้แู ปล ) ยับยั้งการหดตัวของหนา้ พิซซ่า หลังจากกางให้เป็นแผ่นเรียบ และช่วยยับยั้งการหดตัวของโดเนื่องมาจาก อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการทำเบเกอรี่ หรือการหดตัวของโดเนื่องจาก เครอ่ื งปรับอากาศ ย่งิ ไปกวา่ น้ันแอล-ซิสเทอนี ยงั ถกู นำมาใชใ้ นอตุ สาหกรรมอาหารเพอ่ื ผลติ เป็นสารใหก้ ลนิ่ เนือ้ (meat flavour) ในผลิตภัณฑ์อยา่ งเช่น ซปุ ก้อน ถึงแม้ว่าแอล-ซิสเทอีนอาจจะมีอยู่ในอาหารจำนวนหนึ่ง แต่สาร เหลา่ นี้ไมเ่ คยได้รบั การระบุวา่ เปน็ ส่วนประกอบในอาหาร เนอ่ื งจากสารชนดิ นี้ ไม่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นวัตถุเจือปนอาหาร (food additive) แต่เป็นตัว ชว่ ยในกระบวนการผลิต (processing aid) 202

ผง L-cysteine สารเพม่ิ การพองตวั ของแปง้ มี L-cysteine เปน็ ส่วนประกอบ แหล่งทีม่ าของแอล-ซสิ เทอนี ในปัจจุบันแอล-ซิสเทอนี ที่นำมาใช้ทั่วโลกมากกว่า 80% ที่ถูกผลติ ขน้ึ ในประเทศจนี ซ่ึงสกัดมาจากเสน้ ผมของมนษุ ยแ์ ละขนไก่ 203

เสน้ ผมของมนุษยน์ ั้นอุดมไปด้วยกรดอะมิโน 2 ชนิดคอื แอล-ซิสเท อีนและแอล-ไทโรซีน (L-tyrosin) มีแอล-ซิสเทอีนในเส้นผมของมนุษย์ ประมาณ 14% ระหว่างการสกัดแอล-ซิสเทอีน โปรตีนเคราติน (keratin) จากเส้นผมมนุษย์จะถูกย่อยด้วยกรดไฮโดรคลอริกและน้ำ หลังจากผ่านไป หลายขัน้ ตอน โปรตีนเคราตนิ กไ็ ด้เปล่ยี นเปน็ แอล-ซสิ เทอีน ศาสนาอิสลามมมี มุ มองอยา่ งไรเก่ียวกับแอล-ซิสเทอนี ตามกฎหมายชารีอะฮฺ สำหรับมุสลิมแล้วการบริโภคส่วนหนึ่งส่วน ใดของร่างกายมนุษย์นั้นเป็นสิ่งหะรอม จากการสัมภาษณ์มุฟตีของรัฐเปรัก (Perak) ดาโต๊ะ เซอรี ดร.ฮารูสสานี บิน ซาการียา ทำให้ทราบว่า ทุกๆส่วน ของร่างกายมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ล่วงละเมิดไม่ได้และควรได้รับความเคารพ ดังนั้นอาหารที่มีแอล-ซิสเทอีนเป็นส่วนประกอบจึงเป็นสิ่งที่น่าสงสัย เน่อื งจากแอล-ซสิ เทอาจจะไดม้ าจากเส้นผมของมนุษยก์ ็เป็นได้ ในมมุ มองเรอ่ื งน้ี ผู้บรโิ ภคมุสลิมควรระมัดระวังเมื่อเลือกซ้ืออาหาร ในท้องตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่อาจจะมีแอล-ซิสเทอีนเป็น สว่ นประกอบ (เช่น ขนมปัง พซิ ซ่าและอาหารทม่ี กี ล่นิ เนื้อ) สำหรับสิ่งที่ทุกคนควรทราบนั่นคือ แอล-ซิสเทอีนถูกนำมาใช้ใน อาหารที่คุณซื้อ อาจจะมาจากเส้นผมของมนุษย์และอาจจะไม่ระบุไว้ใน ส่วนประกอบบนฉลากอาหาร ตอนท่ี 26 แอลกอฮอล์ในอาหารและเคร่อื งด่มื 204

แอลกอฮอล์เป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม) ในศาสนาอิสลาม แต่มุสลมิ กำลงั บริโภคแอลกอฮอล์ในรปู สารแตง่ กลิ่นอาหารโดยไมร่ ูต้ ัว ในอตุ สาหกรรม อาหาร แอลกอฮอลเ์ ปน็ ตัวทำละลายทส่ี ำคญั รองจากน้ำ เนื่องจากแอลกอฮอล์มีคุณสมบัติพิเศษในการละลาย แอลกอฮอล์ จึงถูกนำมาใช้เป็นตัวทำละลายในสารแต่งกลิ่นอาหาร ในการผลิตสารแต่ง กลิ่นอาหาร น้ำมันหอมระเหยที่สกัดมาได้จะถูกทำละลายในแอลกอฮอล์ นอกจากแอลกอฮอล์จะส่งผลให้เกิดความคงทนยาวนานแล้ว สารแต่งกล่ิน อาหารทท่ี ำละลายในแอลกอฮอลย์ งั รักษากล่นิ เอาไว้ไดย้ าวนานอีกด้วย ตามทัศนะทางวิชาการอิสลามบางส่วนรวมทั้งจาก JAKIM ต่อการ บริโภคแอลกอฮอล์ปริมาณเล็กน้อยที่ไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมานั้นไม่หะรอม แตท่ วา่ อัลกรุ อานและหะดษิ ไดร้ ะบไุ วอ้ ย่างชัดเจนว่าแอลกอฮอล์นัน้ หะรอม “พวกเขาจะถามเจ้าเกี่ยวกับน้ำเมาและการพนัน จงกล่าวเถิดว่า ในท้ัง สองน้นั มีโทษมากและมีคณุ หลายอย่างแก่มนษุ ย์ แต่โทษของมนั ท้ังสองน้ัน มากกวา่ คุณของมนั ...” (อลั บะเกาะเราะฮฺ : 219) ตามรายงานจากหะดิษที่บันทึกโดยอิม่ามมุสลิม ซึ่งท่านนบี (ซล.) ได้กล่าวว่า “สิ่งใดที่ปรมิ าณมากของมันทำให้มึนเมา ดังนั้นปรมิ าณน้อยของ มันกถ็ ือว่าตอ้ งห้าม (หะรอม)” อาจมีแอลกอฮอลใ์ นโคคา-โคลา 205

ในปี 1994 การศึกษาของ CAP ได้แสดงให้เห็นว่าโคคา-โคลา เครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมี ขายใน 185 ประเทศรวมทั้งประเทศ มาเลเซีย อาจจะมีแอลกอฮอล์เป็น ส่วนประกอบ เรื่องนี้อ้างหลักฐาน ข ้ อ ม ู ล จ า ก ห น ั ง ส ื อ “For God, Country and Coca-Cola” เขียนโดย Mark Pendergrast ในหนังสือเล่มนี้ได้บอก ประวัติของบริษัทโคคา-โคล่า ซึ่ง Pendergrast ได้เปิดเผยสูตรลับของ เครื่องดื่มอนั เก่าแก่ยาวนานกว่าร้อยปี ในสูตรไดก้ ลา่ วถึงการใชแ้ อลกอฮอล์ ตามที่ระบุในสูตรประกอบด้วย กาเฟอีน กรดมะนาวและน้ำมะนาว ผสมรวมกนั ในหน่ึงควอรท์ (หน่วยที่ใช้ ตวงมีค่าเท่ากับ 1 ใน 4 แกลอน ...ผู้ แปล) ในนำ้ เดือด เมอ่ื เย็นลงเติมวานิล ลาและสารแต่งกลิ่นลงไป ภาพ ดา้ นขา้ งคอื สตู รลบั ของโคคา-โคลา ความลับนี้เก็บไวเ้ ป็นอย่างดีกว่าร้อยปี ซึ่งสูตรนี้ได้กล่าวกันว่าเป็น สูตรดังเดิมของโคคา-โคลา ถูกค้นพบโดย Pendergrast บนกระดาษชิ้นสี เหลอื งสัญลักษณ์ “X” ทเี่ กบ็ ไว้ในบรษิ ัท การเปิดโปงสูตรลับของโคคา-โคลาได้แสดงให้เห็นว่า ภายใต้ หน้ากากที่โคคา-โคล่าปกปิดอาจจะลวงตามุสลมิ จำนวนมากในการที่พวกเขา บรโิ ภคแอลกอฮอล์โดยไมร่ ตู้ ัว 206

อัลกุรอานและหะดิษได้ห้ามมุสลิมไว้อย่างชัดเจนจากการบริโภค อาหารที่มีส่วนประกอบทต่ี ้องสงสัย ตามท่ีระบุไว้ในอลั กรุ อานและหะดษิ เมอ่ื มีบางสิง่ ทต่ี ้องสงสัยในอาหาร ดงั นัน้ จึงควรหลีกเล่ยี งจากอาหารดงั กล่าว มแี อลกอฮอล์ในเครอ่ื งด่ืมโคลาย่ีห้ออืน่ ๆดว้ ยหรือไม่? เรื่องราวของโคคา-โคลาที่ยกมาทำใหเ้ กิดคำถามวา่ โคลาย่หี ้ออืน่ มี แอลกอฮอลแ์ ละสว่ นประกอบท่ตี อ้ งสงสัยอืน่ ๆอกี ด้วยหรือไม่ แหล่งข้อมูลจากอุตสาหกรรม เครื่องดื่มโคล่าส่วนใหญ่จะได้รบั การ เตรยี มดว้ ยวธิ กี ารที่เหมอื นกัน แนะนำให้มุสลมิ ควรหลีกเลีย่ งการดม่ื โคลา่ และ น้ำอัดลมชนดิ อื่นๆ ยิ่งกว่านั้นอาจจะเป็นไปไดว้ ่าผลิตภณั ฑ์ดังกล่าวกำลังเจอื ปนด้วยแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มเหล่านี้ยังเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจาก ผลิตภัณฑด์ ังกลา่ วมีปรมิ าณนำ้ ตาลสูง แอลกอฮอล์ในกล่ินวานลิ ลา กลิ่นวานิลลาถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการอบเค้กและบิสกิต อย่างไรก็ตาม CAPได้ทำการสำรวจพบว่า กลิ่นวานิลลาจำนวนหนึ่งมีแอก กอฮฮลเ์ ป็นตัวทำละลาย การตรวจสอบได้ดำเนินการในปี 2005 ต่อกลิ่นวานิลลายี่ห้อต่างๆ จำนวนหนึ่งพบว่า ปริมาณ แอลกอฮอล์ในตัวอย่างที่ทำการ ตรวจสอบมีค่าระหว่าง 2.32 - 5,900 ppm (สว่ นในลา้ นส่วน) ตัวอย่างทั้ง 3 ยี่ห้อที่ได้ทำ กลิ่นวนลิ ลาสกดั ทง้ั สามยหี่ อ้ เหลา่ นี้ การตรวจสอบคอื มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ 207

▪ ย่ีหอ้ บุหงา รายา -----5,900 ppm ▪ ยีห่ อ้ Sim --------2.32 ppm ▪ ยห่ี ้อ FIC ------- 2.80 ppm มีตัวอย่างหนึ่งที่ทำการตรวจสอบ พบแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ อีกทั้งมีเคร่ืองหมายฮาลาลจาก JAKIM อีกด้วย ตามที่ JAKIM ได้กล่าวไว้ การใช้แอลกอฮอล์เป็นสารใหค้ วามคงตัวนั้นถือว่ามุบะฮ นี่คือเง่ือนไขของ แอลกอฮอล์ (เอททานอล) ที่มาจากสารเคมี และเนื่องจากมันถูกนำมาใช้ ในปริมาณเล็กน้อย จึงกล่าวได้ว่ามันจะไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมา แม้ว่า แอลกอฮอล์ที่ได้มาจากสารเคมีหรือผ่านกระบวนการหมักเช่น เหล้า แอลกอฮอลก์ ็ยงั คงมีคุณสมบัติเหมือนกัน รวมถงึ คุณสมบัติที่ทำให้เกิดการ มึนเมา ดังนั้นอะไรคือหลักเกณฑ์ของ JAKIM ในการวินิจฉัยระหว่างสอง กระบวนการผลติ สนิ ค้าท่เี หมอื นกันดังกล่าว? เพื่อให้เกิดความชัดเจนสำหรับการใช้แอลกอฮอล์ ให้เราลองไตร่ตรอง หะดษิ ดังตอ่ ไปน้ี อบูตอลฮะห์ได้เรียนถามท่านนบี (ซ.ล.) ถึงเด็กกำพร้าที่ได้รับสุราเป็น มรดก ท่านได้กล่าวว่า : ท่านจงเทมันทิ้งไป เขา(อบูตอลฮะห์) ได้กล่าวว่า: ข้าพเจ้าจะไม่เอามันทำเป็นน้ำส้มสายชู หรือ? ท่านตอบว่า ไม่ (รายงานโดย มุสลมิ ,อาบดู าวดู และตรี มซี ยี ์) หะดิษนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการห้ามสิ่งดังกล่าว หากการ กระทำสิ่งนีเ้ พือ่ ทำใหแ้ อลกอฮอล์เป็นสิง่ ทีด่ ีกว่า และถ้าหากชารีอะฮฺอนุญาต การกระทำดังกล่าวแล้วทำไมท่านนบี (ซล.) จึงต้องสั่งให้เขาเทมันทิ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งนี้เกี่ยวพันกับมรดกของเด็กกำพร้า ซึ่งตามท่ี ชารีอะฮฺไดห้ ้ามนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายหรือการสูญเสียที่อาจจะเกิดข้นึ ตามมา 208

(Al-Ashribah lit al-mausnah al Fiqhiyyah ; al-zuhayli, Fiqh al-Islam wa Adillatah 7/4) ชัดเจนแล้วว่า หากคนหนึ่งคนใดปฏิบัติตามทัศนะของมัศฮับ (สำนักนิติศาสตร์) ชาฟีอี ซึ่งเป็นมัศฮับที่ถูกยอมรับในประเทศมาเลเซียและ หมู่เกาะมลายู ดงั น้ันการใชแ้ อลกอฮอล์ในผลิตภัณฑอ์ าหาร ไม่วา่ แอลกอฮอล์ ดังกล่าวได้มาจากการกลั่นหรือไม่ หรือว่าปริมาณแอลกอฮอล์ทีเ่ ติมลงไปนน้ั กอ่ ให้เกดิ การมึนเมาหรือไม่ การใชแ้ อลกอฮอลถ์ ือว่าทำใหอ้ าหารนน้ั หะรอม ดังนั้นเหตุผลของ JAKIM ในการออกเครื่องหมายฮาลาลในเรื่องนี้ เป็นสิ่งท่ีไมน่ ่าเช่ือถือ ดว้ ยเหตนุ ้ีผบู้ ริโภคทต่ี ้องการใช้สารแต่งกลิ่นวานิลลาใน ขนมอบของพวกเขา แนะนำใหใ้ ชเ้ ป็นวานลิ ลาผงแทนการใชก้ ลิ่นวานิลาที่อยู่ ในรูปของเหลว 209

ตอนท่ี 27 ส่วนประกอบทีต่ ้องสงสยั ในเคร่ืองสำอาง สำหรับผูห้ ญิงโดยส่วนใหญแ่ ล้ว เครื่องสำอางเป็นสิ่งที่พวกเธอขาด ไปไม่ได้ แต่คุณทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังส่วนประกอบที่น่าสงสัยเหล่านี้ อาจจะบรรจุส่วนประกอบที่น่ารงั เกียจผสมอยูด่ ้วย? จากการศึกษาของ CAP แสดงให้เห็นว่ามีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในท้องตลาดจำนวนมาก อาจจะ บรรจุสารอยา่ งคอลลาเจน สารสกดั จากรก (placental extract) และนำ้ ครำ่ (amniotic Fluid) ในเครอื่ งสำอาง คอลลาเจนคืออะไร? คอลลาเจนเป็นสารเมือกที่พบในกระดูก กระดูกอ่อนและเนื้อเย่ือ เกี่ยวพันของสัตว์หรือตัวอ่อนในครรภ์ ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายใน เครือ่ งสำอางหลากหลายชนิด เชน่ แชมพู โลชัน่ บำรุงผวิ และลปิ สติก ในความเป็นจริง คอลลาเจนที่อยู่ในเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่ผู้ผลิต ภาคภูมิใจโดยนำมาใชเ้ ป็นจุดขายในการโฆษณา ตามที่ผูผ้ ลิตเคร่ืองสำอางได้ โฆษณาไว้ คอลลาเจนนั้นสามารถฟื้นคืนเซลล์ผิวเก่าให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ ขึน้ มาอีกครง้ั ผิวหนังของเราประมาณหนึ่งในสามประกอบด้วยคอลลาเจน ใน ร่างกายของมนษุ ย์นั้นมีคอลลาเจนอยู่ 2 ชนดิ คือ คอลลาเจนทล่ี ะลายได้ หรอื 210

soluble collagen (ในผิวหนังของวัยรุ่น) และคอลลาเจนที่ไม่ละลาย หรือ insoluble collagen (ในผิวหนังของผ้สู ูงอาย)ุ คอลลาเจนที่ละลายได้จะเปลี่ยนสภาพเป็นคอลลาเจนที่ไม่ละลาย เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หรือสาเหตุจากการโดนแดดเป็นเวลานาน จากสารเคมี (ในเครื่องสำอาง) และปัจจัยจากอาหารที่รับประทาน เมื่อเกิดสิ่งนี้ผิวหนังก็ จะตงึ แห้งและเกดิ รอยย่น เครื่องสำอางบางผลติ ภณั ฑ์อาจจะใช้วัตถดุ บิ ท่ีไดม้ าจากรถของมนุษย์ โดยอา้ งวา่ คอลลาเจนทมี่ ีอยูใ่ นรกของมนุษย์ช่วยฟืน้ ฟูเซลลผ์ ิวเกา่ งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นวา่ การใช้ประโยชน์จากคอลลาเจนตอ่ ผิวหนังช่วยลดหรือแทนที่ คอลลาเจนที่สูญเสียไป แต่ถึงกระนั้นไม่ใช่ คอลลาเจนทกุ ชนิดจะสามารถสง่ ผลตอ่ ผวิ หนงั ได้ มเี พียงคอลลาเจนท่ีจำเพาะ เท่านั้นทีจ่ ะนำมาใช้ประโยชน์ได้ สารเคมีบางชนิดแม้ว่าจะมปี ริมาณเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้คอลลาเจนเปลี่ยนเป็นคอลลาเจนที่ไม่ละลาย ซึ่งไม่ส่งผล ประโยชนป์ ระการใดแกผ่ ิวหนัง 211

ปิโตรเคมีที่มีอยู่ในสูตรผสมคอลลาเจน เช่น ไฮโดรคาร์บอน (แม้วา่ จะมปี รมิ าณเพยี งเล็กน้อย) จะทำให้คอลลาเจนเปน็ คอลลาเจนท่ีไม่ละลายได้ วัตถุกันเสียจำนวนหนึ่งที่เข้ากันไม่ได้กับโปรตีนเช่น เมททิลพาราบีล (methyparaben) โพรเพิลพาราบีน (propylparaben) เอททิลพาราบีน (ethylparaben) และบิทิลพาราบีน (butylparabe) จะต้องไม่นำมาใช้กับ ผลิตภณั ฑ์ที่ผสมคอลลาเจน ครั้งหนึ่ง CAP ได้สำรวจพบว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเกือบทุก ชนิดที่ได้ตรวจสอบ (รวมทั้งลิปสติก) ประกอบด้วยสารเคมีเหล่านี้อย่างใด อย่างหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้คอลลาเจนเปลี่ยนเป็นคอลลาเจนชนิดไม่ละลาย และไม่ส่งผลให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงแต่ประการใดต่อผิวหนงั การใช้ทารกจากครรภ์มนษุ ย์ในเครอื่ งสำอางและการทำวิจัย ในปี 1980 ที่ผ่านมา CAP ได้ทำการสำรวจพบว่า บริษัท เคร่ืองสำอางได้ทำการซื้อทารกมนุษยจ์ ากคลินกิ ทำแท้งเพอื่ นำมาใช้ในการทำ วิจยั บางบรษิ ทั ยงั ใชท้ ารกมนุษยเ์ ป็นสว่ นประกอบในครีมเสรมิ ความงามหรือ ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชนิดอื่นอีกด้วย โดยเชื่อว่าตัวอ่อนทารกเหล่านี้มี สารที่สามารถเพิ่มความงามให้แก่ผิวหนัง ด้วยเหตุนี้ทารกจึงมีมูลค่าในเชิง พาณิชย์และมีบริษัทรับซื้อทารกจากโรงพยาบาลและคลินิกทำแท้งใน สหรฐั อเมรกิ าและยโุ รป ในเดือนตุลาคมปี 1985 Mr. Horst Haase จากประเทศเยอรมนี ตะวันตก ซึ่งเป็นนักการเมืองชาวยุโรปคนหนึ่ง ได้กล่าวอ้างว่าตัวอ่อนระยะ เริ่มแรกของมนุษย์กำลังถูกนำมาใช้เพื่อทำการวิจัยในเครื่องสำอาง ตัวอ่อน ของมนุษย์นน้ั ถูกซอื้ มาโดยผา่ นการค้าระหวา่ งประเทศ Mr. Haase ได้ปรากฏตัว ณ สภายโุ รปทผี่ า่ นมาในเมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเรียกร้องให้มีการประกาศห้ามการใช้ตัวอ่อนของมนษุ ย์ ในเชิงอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ เขากล่าวว่า ในปี 1982 ตำรวจ 212

แคลิฟอร์เนียได้เข้าทำการยึดตัวอ่อนมนุษย์จำนวน 500 ศพ เพื่อมาผลิตเป็น เครอ่ื งสำอาง ในปี 1981 ผ้รู กั ษาความปลอดภยั ดา่ นชายแดนประเทศสวิตส์เซอร์ แลนด์และฝรั่งเศส พบรถบรรทุกที่เดินทางมาจากยุโรปตอนกลางได้บรรทุก ตัวอ่อนมนุษยแ์ ช่แข็ง พวกเขากำลังขนส่งไปยังห้องปฏิบัติการ (laboratory) ของโรงงานในประเทศฝรงั่ เศส ตัวอ่อนของมนุษย์นี้ได้รับการรายงานในวารสาร Gazette du Palais ซึ่งเป็นวารสารทางด้านกฎหมายที่มีช่ือเสียงฉบับหนึ่งได้รายงานว่า มี การคา้ ซากศพตวั ออ่ นของมนุษย์อยา่ งคล่องตัวเพ่ือให้ “ผลติ ภัณฑเ์ สริมความ งามนำมาใช้ในการฟื้นฟูสภาพผิว ถูกนำมาขายที่ประเทศฝรั่งเศสในราคา แพง” CAP ยังได้รับโบชัวร์การโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมความงามจาก ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ยืนยันถึงการสร้างผิวใหม่ผ่านการใช้งานของ “เซลล์ ใหม่ที่มีชีวิต” ซึ่งเซลล์ใหม่เหล่านี้ได้จากตัวอ่อนของทารกโดยเฉพาะ ที่มา จาก รก ม้าม ตับ และเยื่อบุลำไส้ ตามท่ีระบุไวใ้ นโบชัวร์ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกตั้งราคาไว้ที่ 180, 160, และ 120 ฟรังค์ (หรือประมาณ 630, 560 และ 420 บาทตามลำดับ) ตามทร่ี ะบไุ วใ้ นโบชัวร์ปี 1980 ของ ศนู ย์ Henri Chenot ในประเทศฝร่งั เศส ซงึ่ ไมท่ ราบแน่ชดั วา่ ศูนย์ ดังกล่าวยังคงมีอยู่หรือไม่ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังคงขายอยู่อีกหรือไม่ หรือว่ามี ตวั ออ่ นของมนุษยม์ ีอยู่จรงิ หรอื ไม่ ในปี 1976 วอชิงตันโพสต์ (Washington Post) ได้รายงานว่า โรงพยาบาลทั่วไปในเขตโคลัมเบียมีรายได้จากบริษัทค้าอวัยว ะของเด็กท่ี คลอดออกมาเสยี ชวี ิต เด็กที่เสียชีวติ จากการคลอดก่อนกำหนด และเด็กที่ถูก ทำแท้งซึ่งมีรายได้ถึง 68,000 ยูเอสดอลล่า เงินที่ได้จากการขายสิ่งเหล่านี้ กลับมาซื้อชุดอุปกรณ์ทีวี ค่าเดินทางของแพทย์เพื่อไปสัมมนา และการซื้อ อาหารวา่ งสำหรับอาจารย์หมอท่ีมาเยีย่ ม 213

เมื่อนิตยสารของอเมริกาฉบับหนึ่งชื่อ “All About Issues” ได้ ตีพิมพ์กล่าวหาการนำเด็กที่ถูกทำแท้งมาใช้ในการผลิตเครื่องสำอางในปี 1984 เป็นสาเหตุทำให้เกิดการโตเ้ ถียงครั้งใหญ่ บริษัทเครือ่ งสำอางชั้นแนว หน้าในอเมริกาจำนวนมากได้ออกมาปฏิเสธการใช้ตัวอ่อนจากครรภ์ของ มนุษย์ในผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ตามทรี่ ะบุในนิตยสาร นอกจากผลติ ภณั ฑเ์ สริมความงามจะเจาะจง การใชค้ อลลาเจนจากสตั ว์แลว้ ผลติ ภัณฑด์ งั กลา่ วอาจจะมคี อลลาเจนจากตัว ออ่ นของทารกที่ถกู ทำแทง้ อกี ดว้ ย การกระทำเช่นนี้นำมาซึ่งการตั้งคำถามต่อความรอบคอบของ กฎหมายที่อนุญาตการทำแท้งและวิธีการกำจัดทารกที่ถูกทำแท้ง ซึ่งใน มาเลเซยี การทำแท้งเปน็ สง่ิ ผดิ กฎหมาย ตวั ออ่ นในครรภข์ องมนุษยม์ พี ร้อมจำหนา่ ย CAP ได้ทำการสำรวจในปี 1980 ที่ผ่านมาเปิดเผยว่า โรงงานผลิต เครื่องสำอางไม่มีปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบตัวอ่อนของมนุษย์เพื่อนำมา จำหน่าย ในสหรัฐอเมริกาเพียงแห่งเดียว ทุกๆปีมีผู้หญิงที่ทำแท้งในคลินิก ประมาณ 1.5 ล้านคนและอาจจะมีที่บ้านอีก 1.5 ล้านคน นับตั้งแต่การทำ แท้งในสหรฐั อเมรกิ าเป็นเรื่องถกู กฎหมาย ในปี 1973 ทำใหม้ ีการทำแท้งมาก ขึ้นกว่า 18 ล้านคน ตามที่ระบุในนิตยสารจันทร์เสี้ยวของแคนาดา (Canadian magazine Crescent) ดูเหมือนว่าจำนวนการทำแท้งจะเพิ่มขึ้นในตะวันออกอีกด้วย ในปี 1984 ประเทศสิงคโปร์มีการทำแท้ง 19,000 คน เฉลี่ยประมาณ 50 คนต่อ 214

วันซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่านับตั้งแต่รัฐบาลได้ออกกฎหมายการทำแท้งในปี 1974 ซง่ึ เป็นส่วนหน่ึงของโปรแกรมการวางแผนครอบครัว ในสหรัฐอเมริกาได้ประมาณการว่า ผลกำไรที่ได้จากการทำแท้ง ประมาณครึ่งหนึ่งจากพันล้านดอลล่าต่อปี เงินที่ได้นั้นยังมาจากการขาย ร่างกายของทารกที่ถูกทำแท้งอีกด้วย ตามที่ระบุในนิตยสาร “All About Issues” ร่างกายของทารกถูกนำมาขายโดยใส่ในถุง นิตยสารยงั ไดใ้ ห้ข้อมูลที่ นา่ กลวั บางอย่างเกย่ี วกับวธิ ีการทไ่ี ร้จติ สำนกึ ของการกำจดั ทารกในครรภ์จาก การทำแท้ง ด้วยการนำก้อนของทารกที่ได้จากการทำแท้งใส่ในถุงพลาสติก แลว้ ผกู ให้แนน่ และโยนลงในถงั ขยะเพ่อื ส่งตอ่ ไปยงั กระบะถงั ขยะตอ่ ไป มีเหตุการณ์ที่ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า ฝูงสุนัขที่หิวโหยได้ลากถุงใบ ดงั กล่าวไปตามท้องถนน ถุงทบ่ี รรจอุ ยู่ขาดกระจดั กระจายบนพื้นถนนกระท่ัง สุนัขได้รุมกนั แยง่ ชิงรก กระดกู และเนื้อของเด็กทารกอย่างตะกละตะกลาม พบผลติ ภณั ฑ์ทป่ี ระกอบดว้ ยคอลลาเจน จากการสุ่มตัวอย่างสินค้าในปี 2000 เราพบลิปสติกชื่อดังอย่าง นอ้ ยทส่ี ุด 2 ย่หี ้อคือ Yves Saint Laurent และ Maybelline ทมี่ คี อลลาเจน เปน็ ส่วนประกอบ การสำรวจของเราไดแ้ สดงให้ เห็นว่าคอลลาเจนเป็นคำพรรณนาท่ถี ูก นำมาใช้กันโดยทั่วไปในประสิทธิภาพ ของส่วนประกอบกับคุณสมบัติพิเศษที่ ถูกระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ของลิปสติก ลิปสติกยีห่ อ้ Maybelline ได้อ้างคำวา่ “คอลลาเจน” ด้านหน้าและด้านหลัง ของฉลาก แต่คอลลาเจนที่อยู่ใน ลิปสติก อาจจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ใดๆ 215

จากการสำรวจของเราพบเพียงเครื่องสำอางที่นำเข้าจาก ต่างประเทศเท่านั้นที่ฉลากได้ระบุว่ามีส่วนประกอบของคอลลาเจน ผลิตภณั ฑ์ย่ีห้อที่เหมอื นกันดังกล่าวซ่ึงผลิตภายในประเทศฉลากไมไ่ ด้ระบกุ าร ใช้ส่วนประกอบข้างต้น ผู้บริโภคอาจจะ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่หะ รอมเช่นน้ีเม่ือพวกเขาซื้อเครอ่ื งสำอาง การสำรวจของเราในปี 2000 พบผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้มีส่วนประกอบ ของคอลลาเจน • St Ives Collagen Elastin Dry Skin Lotion • St Ives Swiss Spa Extra Body Shampoo • Alberto VO5 Hot Oil Hot Hair Treatment • Maybelline lipstick • Yves Saint Laurent Lipstick การฉดี คอลลาเจน 216

ปัจจุบัน คอลลาเจนไม่เพียงนำมาใช้เป็นครีมทาหน้าเท่านั้น แต่ยัง นำมาใชฉ้ ดี ใต้ผิวหนังเพือ่ ลบรอยย่นอีกด้วย คอลลาเจนจำนวนมากจากหลาย แหล่งถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้ เช่น แหล่งที่มาจากวัวหรือได้มาจาก มนุษย์ 1984 – ผลติ ภัณฑเ์ สริมความงามบาง รกของแมท่ ่ไี ด้มาในช่วงคลอด ผลติ ภณั ฑ์ใช้สารสกดั จากรก ถกู นำมาใช้ในโรงงานผลติ เครื่องสำอาง การศึกษาทางคลินิกได้แสดงให้เห็นว่า คอลลาเจนที่ได้จากมนุษย์ นั้นดีกว่าเม่ือเทียบกับคอลลาเจนที่มาจากสัตว์ ที่เป็นเช่นนีเ้ พราะคอลลาเจน ที่มาจากมนุษย์นั้นให้ผลที่ยาวนานและผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การ ทดสอบอาการแพ้ เนื่องจากไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะธรรมชาติ ของรา่ งกาย การปฏิบตั ิเชน่ นจี้ ึงไม่ขัดแยง้ กับหลกั การอสิ ลามในความรู้สกึ แต่ อยา่ งไรก็ตามมนั อาจจะยงั คง หะรอม หากสารท่ฉี ดี ไปเปน็ สารท่ี หะรอม สารสกดั จากรกในเครื่องสำอาง ในปี 1982 CAP ได้เปิดเผยสิ่งที่น่าอัปยศของโรงพยาบาลรัฐใน ประเทศมาเลยเซียด้วยการขายรกของมนุษย์ให้กับบริษัทเครื่องสำอาง 217

ต่างชาติ รกที่ได้นั้นถูกนำมาใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยาทา (ointment) และครีมทาหนา้ การสบื สวนของเราไดเ้ ปดิ เผยวา่ โรงพยาบาลขนาดใหญจ่ ำนวนมาก ได้ทำสญั ญากบั ตวั แทนของบริษัทเพื่อขายรกของแม่ผ้ซู ่งึ ได้ให้กำเนิดบุตรของ พวกเธอ รกคือเยอ่ื บุช้นั ในของมดลกู ทถ่ี ูกขับออกมาหลกั จากคลอดบุตร เห็นได้ชัดว่าการค้าขายรกได้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลของรฐั มาหลาย ปีแล้ว สิ่งที่ตามมาหลังจาก CAP ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าว ทำให้กระทรวง สาธารณสุขได้ออกคำสงั่ ไปยังหลายโรงพยาบาลหยดุ การกระทำเชน่ นั้น ในหมู่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทราบถึงการบรรจุสารสกัดจากรก คือ ครีมทาหน้า ครีมทาตัว (body cream) ยาทาและครีมนวดผม สารสกดั จากรกเป็นที่ต้องการอย่างมากหลังจากที่มันช่วยฟื้นคืนสภาพความงามโดย เชื่อว่าฮอร์โมนจากรกนั้นส่งผลดีต่อผิวของมนุษย์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มี หลกั ฐานข้อสรุปทางวทิ ยาศาสตร์ตอ่ ประเด็นน้ี นำ้ คร่ำ (Amniotic fluid) สารอีกชนดิ ที่ถกู นำมาใช้ในเครื่องสำอางบางยหี่ ้อนน่ั คือ นำ้ คร่ำ ซึ่ง เป็นของเหลวที่พบในถุงน้ำคร่ำของเด็กที่ยังไม่คลอด โรงงานผลิต เครื่องสำอางอ้างว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีสารชนิดนี้ในโฆษณาสินค้าเพื่อ ดึงดูดลูกค้าด้วยการใช้คำว่า “ตัวกลางแรกของสิ่งมีชีวิตที่มาจากธรรมชาติ” ในครมี ทาหนา้ แชมพูและสบู่ ผู้บริโภคที่ไม่ประสงค์ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบจากมนุษย์ หรือสัตว์ ควรจะศึกษาฉลากสินค้าอย่างละเอียดก่อนซื้อและควรหลีกเลี่ยง ผลิตภัณฑ์ใดก็ตามท่ีฉลากเหล่านั้นระบกุ ารบรรจสุ ารสกัดจากรก คอลลาเจน หรือน้ำครำ่ อย่างไรก็ตามคุณอาจคิดในใจว่ายังมผี ลิตภณั ฑท์ ี่มีสารเหล่าน้ีอยู่แต่ ไม่ระบุสง่ิ เหลา่ น้ไี วบ้ นฉลากสินคา้ ของพวกเขาอีกดว้ ย 218

การใช้ประโยชน์จากสารทีม่ าจากมนุษย์ลงบนผวิ หนังไม่เพียงแค่น่า รังเกียจเทา่ นัน้ แตย่ ังหะรอมอีกด้วย ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากผิวหนังของนกั โทษประหารชีวิต บริษัทเครื่องสำอางจากจีนรายหนึ่ง ได้ใช้ผิวหนังจากนักโทษที่ถูก ตัดสนิ ประหารชวี ติ เพือ่ นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามสง่ ขายไปยัง ประเทศในแถบยุโรป การสืบสวนนี้ได้รับการเปิดเผยโดยหนังสือพิมพ์ การเ์ ดยี น (Guardian) ขององั กฤษ ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทได้แจ้งลูกค้าถึงการพัฒนาคอลลาเจน เพื่อลบเลอื นร้ิวรอยและรักษาริมฝีปากที่ได้จากผิวหนังของนักโทษหลงั จากท่ี พวกเขาถูกยิงประหารชีวิต ตัวแทนจำหน่ายกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัท บางบริษัทได้ส่งออกไปยังสหราชอาณาจักร และยังใช้ผิวหนังจากนักโทษ ประหารชวี ิตอกี ดว้ ย ด้วยขอ้ กำหนดของสหภาพยโุ รปเพื่อการควบคุมการเสริมความงาม จากส่ิงที่ไมค่ าดคิด เชน่ คอลลาเจน แพทย์และนกั การเมืองกลา่ วถึงการค้นพบ ด้านที่อันตรายต่อใบหน้า จากจำนวนของผู้บริโภคที่ค้นหาสิ่งปรับปรุง รูปลักษณ์ของพวกเขาทีก่ ำลังเพ่ิมมากขึ้น นอกเหนือจากความกังวลทางด้าน จริยธรรมแล้ว ยังมีโอกาสเส่ยี งตอ่ การติดเชื้ออกี ด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันคัดเลือกคณะกรรมการด้าน สุขภาพ เพื่อดำเนินการตรวจสอบระบบการควบคุมดูแลและอาจจะเริ่มการ สอบสวนและตงั้ คำถามเกี่ยวกบั ความจำเป็นในการควบคุมใหมโ่ ดยทันที ศัลยกรรมตกแต่งยังเป็นเรื่องที่น่ากงั วลเนื่องจากความล่าช้าในการ เข้าสกู่ ฎระเบียบเพ่อื การควบคมุ อุตสาหกรรมเสรมิ ความงาม ยังไม่ชัดเจนว่า “ฟิลเลอร์ความงาม” ต่างๆ เช่น คอลลาเจนที่มีอยู่ ในสหราชอาณาจักร หรือบนอินเตอร์เน็ตนั้น ได้จัดจำหน่ายโดยบริษัท 219

ดงั กลา่ วหรือไม่ ซงึ่ ไมส่ ามารถระบไุ ดเ้ นอื่ งจากเหตผุ ลทางกฎหมาย นอกจากนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า คอลลาเจนที่ทำมาจากผิวหนังของนักโทษนั้น อยู่ใน ข้ันตอนการวิจัยหรอื อยู่ในขั้นตอนการผลติ แล้ว แตอ่ ยา่ งไรก็ตามการ์เดียนได้ เรียนรู้ว่า บริษัทดังกล่าวได้ส่งออกผลิตภัณฑ์คอลลาเจนไปยังสหราช อาณาจักรในอดีตที่ผ่านมา ตัวแทนของบริษัทได้บอกลกู คา้ ว่าได้ส่งออกไปยัง ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศในแถบยุโรปอีกด้วย และบริษัทกำลัง พยายามพฒั นาฟลิ เลอร์โดยใช้เน้อื เยื่อจากทารกที่ถกู ทำแท้ง เมื่อการ์เดียนได้เข้าสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ ผู้แทนของบริษัท กลับปฏิเสธการใช้ผิวหนังจากนักโทษประหารชีวิต แต่ก่อนหน้านี้เขาได้ ยอมรับการใช้ผิวหนังนักโทษในระหว่างการสนทนากับนักวิจัยในฐานะนัก ธุรกิจฮอ่ งกงจำนวนหน่งึ วา่ สง่ิ นไ้ี ดถ้ กู กระทำอยา่ งแน่นอน ผู้แทนจำหน่ายของบริษัทได้บอกกับนักวิจัยว่า : “งานวิจัยจำนวน มากยังคงดำเนินการในวิธีการแบบดั้งเดิม โดยใช้ผิวหนังจากนักโทษที่ถูก ประหารและทารกทีถ่ ูกทำแทง้ ” วัตถุดิบน้ี เขากล่าวว่าซือ้ มาจากบริษัท “ไบ โอเทค” ซึ่งบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดทางภาคเหนือของเฮยหลงเจียง (Heilongjiang) และไดร้ บั การพฒั นาในทอ่ี ืน่ ๆของประเทศจนี เขากล่าวว่าการใช้ผิวหนังและเนื้อเยื่อส่วนอื่นๆ ของนักโทษ ประหารชีวิตไม่ใช่เรื่องแปลก โดยกล่าวว่า “ในประเทศจีนถือเป็นเรื่องปกติ อย่างมากและผมตกใจมากที่ประเทศตะวันตกทำเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องใหญ่” เขากล่าวให้สัมภาษณ์จากสำนักงานทางตอนเหนือของประเทศจีน และยัง กล่าวเสริมว่า “รัฐบาลได้สร้างแรงกดดันบางอย่างที่มีต่อสิ่งอำนวยความ สะดวกทางการแพทยท์ ้ังหมด เพอื่ ให้งานประเภทนไ้ี มเ่ ปน็ ท่ีจับตามอง” ผู้แทนจำหน่ายได้กล่าวถึงการส่งออกของบริษัทไปยังประเทศ ตะวันตกผ่านทางฮ่องกงว่า “เรายังคงอยู่ในช่วงแรกของการขายผลิตภัณฑ์ เหลา่ น้แี ละลูกค้าจากต่างประเทศค่อนข้างแปลกใจท่ปี ระเทศจีนสามารถผลิต คอลลาเจนเหมือนคอลลาเจนจากมนุษยแ์ ต่มีค่าใช้จ่ายที่น้อยกวา่ ตะวนั ตกถงึ 220

5%” ผวิ หนงั จากนักโทษถกู นำมาใชเ้ พ่ือทำให้ราคาถกู เขากลา่ ว “ปัจจุบันมี คา่ ธรรมเนียมบางอยา่ งทจ่ี ะตอ้ งจา่ ยใหก้ ับศาล” ผู้แทนที่รับสารภาพหลังการสอบสวนภายในอุตสาหกรรมการ ศัลยกรรมความงามในประเทศอังกฤษที่ทำหนา้ ท่ีโดยกรมอนามยั ได้ชี้แจงถึง ความจำเป็นในการออกกฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมการรักษาด้วย คอลลา เจน เซอร์เลียมโดนัลด์สัน (Sir Liam Donaldson) หัวหน้าเจ้าหน้าท่ี การแพทย์ได้เน้นย้ำถึงความกังวลจากการสอบสวนการใช้ซากศพเพื่อรักษา ความงาม “กิจการความงามเป็นกิจการที่เติบโตอย่างรวดเร็วในการดูแล สุขภาพของเอกชน” เขากล่าวว่า “เราต้องเชื่อมั่นว่าเราปกป้องความ ปลอดภัยของผู้ป่วยอย่างเหมาะสม ด้วยการปรับปรุงกฎระเบียบและการ ฝกึ อบรม” กรมอนามัยได้ตกลงเสนอแนะที่จะให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม แต่ กำลังรอใหค้ ณะกรรมาธกิ ารยโุ รป ร่างขอ้ เสนอกฎหมายการควบคุมผลติ ภณั ฑ์ เสริมความงาม ซึ่งอาจใชเ้ วลาหลายปีกอ่ นทีก่ ฎหมายนจ้ี ะบงั คับใช้ ในขณะท่กี ารรกั ษาความงามรวมถึงผทู้ มี่ ฟี ลิ เลอร์ความงามน้ันกำลัง เติบโตและไดร้ ับความนิยมอย่างรวดเร็ว ในสหราชอาณาจักรมีการฉดี และฝงั ลงไปประมาณ 150,000 ครั้งในแต่ละปี การรักษาริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มเป็น การรักษาประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 170 ปอนด์ ฟิลเลอร์บางส่วนได้ทำมาจากเนื้อเยื่อของวัวหรือเนื้อเยื่อจากสุกร และอีกแหล่งได้มาจากเนื้อเยื่อของมนุษย์ กรมอนามัยเชื่อว่า อาจจะมีความ เสย่ี งของการแพร่เชอื้ ไวรัสผา่ นทางเลอื ด และโรคสมองฝอ่ จาก คอลลาเจนท่ี มีเนื้อเยื่อของมนุษย์ ถึงแม้จะยังไม่พบหลักฐานว่าสิ่งนี้เคยเกิดขึ้น แต่การ สอบสวนพบว่า คอลลาเจนบางชนิดทีฉ่ ีดเข้าไปกระตุน้ ให้เกิดปฏกิ ริ ิยาการ อักเสบที่ก่อใหเ้ กิดความเจ็บปวด มีแผลเป็นและทำให้เสียโฉมอย่างถาวร ใน รายงานของทีมสอบสวนพวกเขากล่าวว่า หากมีความเสี่ยง “การปฏิบัติบัติ จะตอ้ งดำเนินการผ่านกฎระเบียบเพื่อปอ้ งกันความปลอดภัยของผปู้ ่วย” 221

ในขณะที่กฎระเบียบใหม่ถูกร่างขึ้นมา กรมอนามัยในปัจจุบันไม่มี อำนาจทจี่ ะควบคุมฟิลเลอร์จากเน้ือเยอื่ ท่สี ่วนใหญเ่ ป็นของมนุษย์ มีไวเ้ พอ่ื ฉีด หรือฝังลงไป เช่นเดียวกับที่พวกมันครอบครองพื้นที่สีเทาทางกฎหมาย กฎระเบยี บท่คี วบคุมผลติ ภัณฑ์ทางการแพทย์ไมค่ รอบคลุมผลติ ภณั ฑโ์ ดยสว่ น ใหญ่ ในขณะเดียวกันสารเหล่านี้ก็ไม่ถูกจัดอยู่ในประเภทของยา พวกมันยัง หลบหลีกกฎระเบยี บเครอื่ งสำอาง ท่บี ังคับใช้เฉพาะกบั สารทใี่ ช้บนพน้ื ผิวหนัง เท่านนั้ และไม่รวมสารทฉ่ี ีดใตผ้ ิวหนัง ในเดือนมิถุนายนปี 2001 Wang Guoqi ซึ่งเป็นอดีตนายแพทย์ ทหารชาวจีนท่านหนึ่ง ได้บอกสมาชกิ สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาว่า เขา เคยทำงานในพนื้ ทปี่ ระหารเพ่ือช่วยศัลยแพทยเ์ ก็บชิ้นส่วนอวัยวะของนักโทษ ท่ีถูกประหารชีวติ มากกว่า 100 ศพ โดยไม่ต้องไดร้ บั ความยนิ ยอม ศลั ยแพทย์ ใชร้ ถตู้ท่จี อดอยใู่ กลก้ ับพน้ื ทป่ี ระหารเพื่อทำการผา่ ศพ กล่าวกันว่าผิวหนังมีมูลค่าสูงในการรักษาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจาก แผลไฟไหม้ และ Dr. Wang ไดก้ ล่าวว่า ในปี 1995 เขาถลกหนงั รา่ งกายของ นักโทษที่ถูกยิงประหารชีวิตขณะที่หัวใจของชายคนนั้นยังคงเต้น Dr. Wang กำลังมองหาที่ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา ยังได้กล่าวอีกว่า กระจกตาและ เนื้อเยื่อส่วนอื่นๆของร่างกายถูกถอดออกมาเพื่อการปลูกถ่าย และกล่าวว่า โรงพยาบาลของเขาคือ โรงพยาบาลกองพลตำรวจทหารทั่วไทเทียนจิน (Tianjin paramilitary police general brigade hospital) ได้ขายชิ้นส่วน ของศพเพือ่ หากำไร คอลลาเจนคอื อะไร? คอลลาเจน เป็นโครงสร้างหลักของโปรตีนที่พบในชั้นผิวหนัง กระดูก เอ็น และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันธ์อื่นๆ แผ่นที่มัดรวมกันเป็นก้อนของคอลลาเจน (matted sheets) ทำให้ผิวหนังมีความเหนียว ทนและจากการม้วนภายใน โมเลกุลทเ่ี รียกวา่ “เคเบลิ ” ช่วยเพมิ่ ความแข็งแรงใหก้ บั เสน้ เอ็น 222

คอลลาเจนถูกนำมาใช้ทำอะไร? การฉีดคอลลาเจนนั้นถูกนำมาใช้ในการทำศัลยกรรมเสริมความงามเพื่อเพิ่ม ความอวบอิ่มแก่ริมฝปี ากและลบรอยย่นใหห้ มดไป ในการทำศัลยกรรมเสริม ความงามของประเทศอังกฤษการฉีดคอลลาเจนได้รับความนิยมเป็นอันดับ สองรองจากการทำโบท็อกส์ คอลลาเจนให้ผลที่ไม่ถาวร จึงจำเป็นต้องฉีด บ่อยคร้ัง คอลลาเจนเหมาะสำหรบั อะไรอกี บา้ ง? คอลลาเจนเริ่มนำมาใช้งานเมื่อราว 8,000 ปีที่ผ่านมา ย้อนไปในสมัยยุคหิน มนุษย์ถ้ำ (Neolithic cave dwellers) ที่อาศัยอยู่รอบทะเลเดตซี เชื่อกันว่า ได้นำคอลลาเจนมาใช้ในรูปของกาวดั้งเดิม เมื่อเร็วๆนี้นักวิจัยได้พัฒนา คอลลาเจนในรูปแบบทส่ี ามารถเทหรอื ฉดี เขา้ ไปในบาดแผลเพ่ือผนกึ บาดแผล คอลลาเจนมาจากไหน? มแี หลง่ ท่ีมาของคอลลาเจนจำนวนหน่งึ ซึง่ บริษทั บางแหง่ สกัดคอลลาเจนจาก หนังวัวและจัดการลดความเสี่ยงของอาการแพ้และการติดเชื้อให้น้อยที่สุด คอลลาเจนอีกแหล่งเก็บรวบรวมจากอวัยวะที่มนุษย์บริจาคหรือเซลล์ที่สกดั จากผปู้ ่วยก่อนเพ่มิ จำนวนในห้องปฏบิ ัติการ คอลลาเจนปลอดภยั หรอื ไม่? คอลลาเจนสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้หากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง และในทางทฤษฎีมีความเสี่ยงในการเกิดโรคที่ถูกส่งผ่านมา คอลลาเจน จำนวนเล็กน้อยจะถูกฉีดเข้าสู่ผิวหนังหลายๆครั้งไม่กี่สัปดาห์ก่อนการรักษา เพอ่ื ทดสอบอาการแพ้ทอ่ี าจมีโอกาสเกดิ ข้ึน ปีกอ่ นหน้านเ้ี ซอรเ์ ลียมโดนลั ดส์ นั ได้เตือนว่า การฉีด คอลลาเจนสามารถแพร่กระจายภาวะเช่น โรคตับ อกั เสบและโรคสมองฝอ่ ซ่ึงเป็นโรคววั บา้ ท่ีเกดิ กับมนุษย์ โดย Ian Cobain และ Adam Luck, The Guardian, 13 กันยายน 2005 223

ตอนท่ี 28 ผลติ ภัณฑท์ ่ีทำมาจากสตั ว์ 224

กระดูกสตั ว์ในเคร่ืองป้นั ดินเผา คุณทราบหรือไม่ว่ามีกระดูกสัตว์ ในเครื่องปั้นดินเผา ที่เรียกว่า “Fine bone China” โบนไชน่านั้นแข็งแรง ไม่ แตกง่ายและมีลักษณะขาวราวกับงาช้าง เป็นภาชนะสีขาวที่ใช้รับประทานบนโต๊ะ อาหาร ซึ่งแตกต่างจากภาชนะเซรามิค ทวั่ ไป โบนไชน่าเป็นการผสมกันของ เครื่องเคลือบดินเผา (porcelain) กับเถ้า กระดูกประมาณ 40-50 % เถ้ากระดูก เน่อื งจากโบนไชน่าทำมาจากเถา้ กระดกู ช่วยทำให้เครื่องถ้วยชามมีความขาว ดว้ ยเหตุนมี้ สุ ลิมจงึ ควรหลีกเล่ยี งการใช้ แข็งแรงและมีน้ำหนักเบา แต่ขณะให้ ความร้อนจำเป็นต้องลดอุณหภูมิการ เคร่อื งปัน้ ดนิ เผาดังกลา่ ว เผาลง 150-200 องศาเซลเซียส โดยประมาณจากเครือ่ งเคลือบดนิ เผาโดยท่วั ไป เถ้ากระดูกได้มาจากการนำกระดูกสัตว์ไปบดและเผา เนื้อเย่ือ ทงั้ หมดจะถูกกำจัดออกดว้ ยความร้อนทอ่ี ณุ หภูมมิ ากวา่ 1,000 องศา สดุ ทา้ ย เถ้าที่ได้จะถูกนำมาบดเป็นผงและผสมกับน้ำก่อนเติมลงในวัสดุทำเครื่อง เคลือบดินเผา โบนไชน่าถูกคดิ คน้ ในประเทศองั กฤษหลงั ศตวรรษท่ี 18 ซ่งึ โดดเด่น ในเร่อื งความแขง็ แรง โปรง่ แสง บอบบางและเป็นเคร่ืองถ้วยชามทมี่ ีความขาว หลงั จากนัน้ กเ็ ร่มิ ผลติ ขึน้ ในยุโรป กระดกู สัตว์ชว่ ยทำใหเ้ ครือ่ งป้ันดนิ เผามสี ีขาว หากเปรยี บเทยี บโบน ไชน่ากับถ้วยจามชนิดอืน่ ๆ สามารถสังเกตุเห็นความแตกตา่ งนี้ได้ในทันที ตัว 225

โบนไชน่าของจีนส่วนใหญ่จะมีสีขาวออกเทา ยกเว้นสำหรับจีนอเมริกันบาง ชนิดท่มี ีสีเหมอื นงาช้าง โบนไชนา่ ของแทส้ ่วนใหญ่มีสขี าวราวกับหมิ ะ น่าเสียดาย ถึงแม้จะเป็นสินค้าที่ยอดเยี่ยม แต่จากที่มีกระดูกสัตว์ ในชุดถ้วยชา กาแฟและชุดจานอาหารค่ำ ทำให้สินค้าเหล่านั้นเป็นรายการ ต้องห้ามสำหรับมุสลมิ ด้วยเหตุนี้ จึงแนะนำให้มุสลมิ ใชเ้ ครื่องปั้นดนิ เผาท่ที ำ จากเซรามิคหรือแก้วแทน ในหมู่ยี่ห้อเครื่องปั้นดินเผาทีผ่ ลิตโบนไชน่าในตลาด คือ Noritake และ Wedgewood แปรงทท่ี ำจากขนของสกุ ร แปรงบางชนิดทำมาจากขนของสกุ ร โดยท่ัวไปแลว้ แปรงท่ีทำจากขนของสกุ รจะถกู ตดิ ปา้ ยวา่ “ขนแปร งบริสุทธ์” เหตุผลของการทำแปรงจากขนของสุกร เนื่องจากขนของสุกรมี ความสามารถในการกักสีได้ดีเมื่อเทียบกับวัตถุดิบสังเคราะห์อย่างเช่น ไนลอน นอกจากแปรงที่ใช้สำหรับทาสีแล้ว ยังมีแปรงทำความสะอาด รองเทา้ และหมวกซงกก (songkok) แปรงสีฟนั และแปรงปดั หน้า ยงั พบว่าทำ มาจากขนของสุกรอกี ด้วย 226

ถึงแม้ว่าจะมีแปรงในท้องตลาดที่ทำจากขนของม้าและลาแต่แปรง เหล่านั้นมีราคาแพง มุสลิมจึงควรทำการตรวจสอบฉลากของแปรงอย่าง ละเอยี ดเพื่อให้ม่ันใจว่า สนิ ค้าเหลา่ น้ีไมไ่ ดท้ ำมาจากขนของสุกร CAP ได้ทำการสำรวจพบว่าผลติ ภณั ฑ์ เคร่ืองหนงั จำนวนมาก เช่น กระเป๋า และถงุ มือ ทำมาจากหนังของสุกร ขวา : จดุ สามจดุ ซ่งึ เปน็ สัญลกั ษณ์ บอกลกั ษณะของเครอ่ื งหนังจากสกุ ร ผลติ ภณั ฑ์ทีท่ ำจากหนงั ของสกุ ร มุสลิมอาจจะไม่ทราบว่าเสื้อแจ๊คเก็ตหรือรองเท้าที่เขากำลังสวมใส่ หรอื กระเป๋าสตงั ค์ทพี่ กพาหรือผลิตภณั ฑเ์ ครอื่ งหนังอื่นๆไดท้ ำมาจากหนงั ของ สุกร นคี่ ือรายละเอยี ดบางสว่ นของผลติ ภณั ฑจ์ ากหนงั ของสกุ ร หนงั สุกรถูกนำไปใช้ทไ่ี หนบ้าง ? ▪ ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังโดยทั่วไป หนังสุกรถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ เครื่องหนังจากประเทศจีนหรือประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ 227

โดยทั่วไป แต่ยังพบในเครื่องหนังจากยุโรปและประเทศอื่นๆที่ พัฒนาแล้ว สินคา้ บางชิน้ เปน็ สนิ คา้ ที่มยี ี่หอ้ ราคาแพง ▪ รองเท้าหนังและรองเท้ากีฬา ตัวรองเท้าทั้งหมดหรือส่วนที่บุ ภายในรองเท้าอาจจะทำมาจากหนังของสกุ ร ▪ เสื้อแจ็คเก็ต แจ็คเก็ตหนังนิ่มมีทั้งที่ชายเสื้อยาวถึงหัวเข่าหรือยาว ถงึ สะเอว กับเสื้อแขนยาวหรอื เส้อื ไม่มีแขน ▪ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีตัว กระเป๋าทั้งหมดทำจากหนังของสุกรหรือเพียงแค่บุรองภายในที่ อาจจะทำมาจากหนังของสุกร ▪ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าสะพายสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โดยทวั่ ไปแลว้ การบรุ องภายในนน้ั ทำมาจากหนังสกุ ร อยา่ งไรกต็ าม อาจจะมสี ่วนอ่นื ๆของกระเปา๋ ทท่ี ำมาจากหนงั ของสุกรได้อีกดว้ ย ▪ กระเป๋าหิ้ว: กระเป๋าหิ้วทั้งใบหรือเพียงแค่บุรองภายในกระเป๋า อาจจะทำมาจากหนังของสกุ ร จากการสำรวจของ CAP เราพบสิ่งของจำนวนหนึ่ง เช่น ถุงมือที่ใช้ใน โรงงานอุตสาหกรรมและถุงปอกระเจาที่ใช้ชิ้นส่วนจากหนังของสุกรใน การตกแตง่ เพราะเหตใุ ดหนงั สกุ รจงึ ถกู นำมาใช้ ? ในหลายๆประเทศหนังของสุกรมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย มี น้ำหนักเบากว่าหนังนิ่มซึ่งเป็นหนังที่มาจากหนังวัว เนื่องจากราคาถูก หาซื้อ ได้ง่ายตามท้องตลาดและขายดี เดิมทีหนังของสุกรถูกนำมาใช้บุรองภายใน กระเป๋าเนื่องจากบางและแข็งแรง แต่ในปัจจุบันถูกนำมาประโยชน์ใน หลากหลายผลติ ภัณฑ์ เน่อื งมาจากอตั รากำไรจากการส่ังซอื้ สูง เราจะแยกแยะหนงั ของสุกรได้อยา่ งไร ? 228

หนังสุกรส่วนใหญ่ดูลักษณะคล้ายกับหนังนิ่ม แต่โดยทั่วไปมันบาง กว่าและมีจุดทีด่ ูเหมือนรอยกดหรอื รูเล็กๆ แต่ทว่ามีรอยกดปรากฏเพียงด้าน เดียวของเครื่องหนัง ส่วนอีกด้านโดยทั่วไปจะดูเหมือนจุดเล็กๆที่แม้ว่าใน ขณะน้นั อาจจะสงั เกตมันไมเ่ หน็ เป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะระหว่างหนังสุกรและหนังนิ่มจากวัวใน ผลติ ภัณฑ์ แต่เมอื่ ตรวจตราอย่างละเอียดรอบคอบจะเหน็ ลักษณะของจดุ และ รูของหนังสุกรที่สังเกตได้ หากคุณยังไม่แน่ใจก็ให้อ่านฉลากของผลิตภัณฑ์ หรือถามพนักงานขาย แต่ไม่ควรตั้งคำถามว่า “นี่เป็นหนังของสุกรใช่หรือ ไหม?” กับพนักงาน แต่ให้เขาบอกคณุ ว่าหนงั สตั ว์ท่ีใช้ทำมาจากสัตวอ์ ะไรบา้ ง อย่างไรก็ตามไม่จำเป็นต้องเชื่อคำพูดทั้งหมดของพวกเขา แค่ให้พวกเขา พิสจู นย์ นื ยันด้วยหลกั ฐาน ตอนที่ 29 การสูบบุหร่เี ป็นสิ่งหะรอม โดยสภาชี้ขาดทางศาสนา (ฟัตวา) ประเทศมาเลเซยี องค์การอนามัยโลกได้ประมาณการว่ามีผู้สูบบุหรี่ประมาณ 1.25 พนั ลา้ นคนทวั่ โลก เทยี บไดก้ บั หนึง่ ในสามของประชากรโลกท่มี ีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งผู้สูบบุหรี่โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในประเทศท่ีกำลังพัฒนาและ สว่ นมากเป็นผู้ชาย จำนวนตัวเลขในปัจจุบันประมาณ 500 ล้านคนท่ยี งั มีชีวิต อยใู่ นวนั น้ี ซ่ึงในที่สุดจะถูกฆ่าโดยผลติ ภณั ฑย์ าสบู มากกวา่ ครึ่งของผู้สูบบุหรี่ ในขณะน้ีเป็นเด็กและวยั รุ่น คาดการกนั ว่าในปี 2030 บุหรีอ่ ย่างเดียวจะเป็น สาเหตทุ ำให้เกิดการเสยี ชวี ิตมากทีส่ ุดท่ัวโลก ราวประมาณ 10 ลา้ นคนตอ่ ปี ในประเทศมาเลเซียกว่า 25 ปีที่ผ่านมา การสูบบุหรี่ที่เพิ่มขึ้น สัมพนั ธ์กบั โรคที่เพม่ิ ขึ้น เช่น โรคมะเรง็ และโรคหวั ใจลม้ เหลว จากการสำรวจ สุขภาพสองครั้งพบว่าจำนวนของผู้สูบบุหรี่ในมาเลเซียได้เพิ่มขึ้นอย่างน่า ตกใจ ในระวา่ งปี 1986-1996 229

ตามทไี่ ดร้ ับการศึกษาด้านสขุ ภาพและอัตราการเจบ็ ปว่ ยในปี 1996 พบว่า ผู้ชายมีความถี่ของการสูบบุหรี่เป็น 49.2% เมื่อเทียบกับ 3.5% ของ ผู้หญิงที่สูบบุหรี่ ผู้ชายมาเลย์มุสลิมที่สูบบุหรี่มีอัตราเพิ่มขึ้น 35% หรือ ประมาณหนึ่งล้านคน ซึ่งผู้สบู บุหร่ีโดยส่วนใหญ่อยใู่ นเขตพน้ื ที่ชนบทและเป็น ผู้มีรายได้ต่ำ ในหมู่เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี มีความถี่ของการสูบ บุหรี่ประมาณ 16.7 % ซึ่งความถี่ของเด็กผู้ชายประมาณ 30.7 % และ เดก็ ผูห้ ญงิ ประมาณ 4.8 % ผลกระทบท่มี ีตอ่ สขุ ภาพจากการสบู บหุ ร่ี การสูบบุหรี่ถูกมองว่าเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในโลกท่ี สามารถป้องกันได้ แพทย์ได้เตือนว่า การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงของ โรคมะเร็งปอด โรคหัวใจและโรคทรวงอก จากการตรวจสอบของ นกั วทิ ยาศาสตรแ์ สดงให้เห็นวา่ ในควนั บหุ รีม่ ีสารพิษมากกว่า 4,000 ชนดิ อันตรายจากบุหรี่ยังส่งผลต่อผู้ไม่สูบผ่านทางควันบุหรี่ที่ปล่อย ออกมาในอากาศ การสูบบุหรี่ยังส่งผลโดยตรงต่อเด็กในท้อง การสูบบุหรี่ใน ระหวา่ งการตง้ั ครรภ์จะไปขดั ขวางการเจริญเติบโตของทารกในครรภแ์ ละอาจ ชักนำให้ทารกมนี ้ำหนักแรกเกิดนอ้ ย ศาสนาอิสลามและการสบู บุหรี่ หลักฐานที่เกิดจากผลกระทบทางด้านสุขภาพของการสูบบุหรี่ได้ ปรากฏออกมามากกว่า 30 ปีมาแล้ว แมว้ ่านกั วิชาการอิสลามยังมคี วามเหน็ ที่ ไมต่ รงกันตอ่ สถานะของการสูบบหุ ร่ี นกั วิชาการบางกล่มุ กล่าววา่ การสูบบุหรี่ นั้นหะรอม นักวิชาการอีกกลุ่มซ่ึงกลา่ วว่าการสูบบุหรี่เปน็ มักโระห์ ในขณะท่ี กลุ่มสามกลา่ วว่าบหุ รน่ี ้นั หะรอมเฉพาะบุคคลทแ่ี พทยแ์ จ้งต่อเขาว่าการสูบ บุหรี่นั้นส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตามการสูบบุหรี่สามารถ พิจารณาได้วา่ หะรอม เนอ่ื งจาก 230

1. การสูบบุหรีก่ ่อให้เกดิ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพและอัลกุรอานได้ห้ามส่ิงที่ นำมาซ่ึงการทำลายตนเอง “...และจงอย่าโยนตัวของพวกเจ้าสู่ความพินาศ...” (อัลบากอเราะฮฺ : 195) “...และจงอย่าฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตา ตอ่ พวกเจ้าเสมอ.”(อลั นิสาอฺ : 29) 2. การสูบบุหรี่เป็นการสิ้นเปลืองเงินและทรพั ยากร ศาสนาอิสลามได้ ห้ามมุสลมิ กระทำในสงิ่ ที่สรุ ุ่ยสรุ า่ ย “และจงให้สิทธิแก่ญาติที่ใกล้ชิด และผู้ที่ขัดสน และผู้เดินทาง และ อย่าสุรุ่ยสุร่ายนัก แท้จริงบรรดาผู้สุรุ่ยสุร่ายนั้นเป็นพวกพ้องของเหล่า ชยั ฏอน และชยั ฏอนน้นั เนรคณุ ต่อพระเจ้าของมนั ” (อลั อิสรออฺ : 26-27) 231

3. การสูบบุหรี่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการกระทำบาป และเป็นลักษณะนสิ ัยทีไ่ มด่ ี การสูบบุหรไี่ ม่เพยี งแตท่ ำอันตรายตอ่ ผู้สูบเทา่ นั้น แต่ยังทำอันตรายต่อคนรอบข้างด้วยการหายใจรับควันเหม็นของบุหรี่เข้าไป อีกดว้ ย อลั กุรอานไดห้ า้ มการกระทำในส่ิงชัว่ รา้ ยและสิ่งไม่ดี อย่างเช่น “...และจะอนุมัติให้แก่พวกเขาซึ่งสิ่งดีๆทั้งหลายและจะให้เป็นที่ ต้องห้ามแกพ่ วกเขา ซ่งึ ส่งิ ทเ่ี ลวทงั้ หลาย... (อลั อะอฺรอฟ : 157) “จงกล่าวเถิด (มูฮัมหมัด) ว่า สิ่งเลวกับสิ่งดีนั้นย่อมไม่เท่าเทียมกัน และแม้ว่าความมากมายของสิ่งชั่วนั้น ได้ทำให้ท่านพึงพอใจก็ตาม จงยำ เกรงอัลลอฮฺเถิด ผู้มีสติปัญญาทั้งหลายเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับ ความสำเร็จ” (อลั มาอีดะฮฺ : 100) 4. การสูบบุหรี่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและทำให้ร่างกายอ่อนแอ ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนอย่างหนึ่งนั่นคือ การที่บุคคลหนึ่งติดสิ่งเสพติด เมื่อถึง ช่วงเวลาของความอยากอย่างรุนแรง ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะคิด วเิ คราะห์ แก้ปญั หาหรือทำงานตา่ งๆทีส่ ำคญั จนกวา่ เขาได้จะสบู บหุ ร่ี เมือ่ คนๆหนงึ่ สบู บุหรี่ ทำให้กลา้ มเนื้อของเขาหยอ่ นลง อาจทำให้เกิดการ เพ้อทำให้ใช้ความคิดได้น้อยลง ระบบการย่อยอาหารของเขายังได้รับ ผลกระทบ ก่อใหเ้ กิดอาการหงุดหงดิ งา่ ย มือส่ัน โกรธง่าย และนอนไม่หลับ ดังนั้น แทนที่จะเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ เขากลับตกเป็นทาสของบุหร่ี ทำให้ การควบคมุ อารมณแ์ ละความรสู้ ึกของเขาอ่อนแอ อัลลอฮต้องการให้ผู้ศรัทธา ของพระองค์มีความแข็งแรงและสามารถความคุมความต้องการของเขา พระองค์กล่าวว่า “และอัลลอฮฺ ทรงปรารถนาที่จะอภัยโทษให้แก่พวกเจ้า และบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำนั้นปรารถนาที่จะให้พวกเจ้าเอน เอียงออกไปอยา่ งมากมาย (อัลนสิ าอฺ : 27) 232

5. การสูบบุหรี่เกี่ยวข้องกับการบริโภคสารที่ชั่วร้ายอย่างหนึ่ง (khabeeth) มันมกี ลน่ิ และรสชาติทเ่ี หม็นและเปน็ ภยั อันตรายตอ่ ร่างกาย สิ่ง น้เี พียงพอแลว้ ทีบ่ หุ รี่จะเป็นสิง่ ตอ้ งหา้ ม เนอ่ื งจากอลั ลอฮฺได้กล่าวว่า “...โดยที่เขา (มูฮัมหมัด) จะใช้พวกเขาให้กระทำในสิง่ ท่ีชอบและห้าม พวกเขามิให้กระทำในสิ่งที่ไม่ชอบและจะอนุมัติให้แก่พวกเขาซึ่งสิ่งดีๆ ทั้งหลายและจะใหเ้ ป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขา ซึ่งสิ่งที่เลวทั้งหลาย และจะ ปลดเปลื้องออกจากพวกเขาซึ่งภาระหนักของพวกเขาและห่วงคอ ท่ี ปรากฏอยู่บนพวกเขา...” (อัลอะอฺรอฟ : 157) 6. ผู้สูบบุหรี่คนหนึ่ง ได้สูดควันบุหรี่เข้าไป โดยที่มันไม่ได้หลอ่ เล้ยี งตัว ของเขาแต่อย่างใด การกระทำเช่นนี้เฉกเช่นการกระทำของชาวนรกซึ่งกิน ต้นไม้ที่เต็มไปด้วยหนามอันตราย “ไม่มีอาหารอื่นนอกจากต้นหนามแห้ง มันจะไมท่ ำใหอ้ ้วนและไม่หายหิว” (อัลฆอชิยะฮฺ : 6-7) 7. ผู้สูบบุหรี่นั้นได้ทำให้ตัวของเขาเป็นแบบอย่างสำหรับลูกและคน อื่นๆท่ีติดตาม ไม่วา่ เขาจะชอบหรือไม่กต็ าม เขาได้นำผตู้ ิดตามเขามอบหมาย ยังสิ่งชั่วร้าย การกระทำบางครั้งแข็งแรงกว่าคำพูด ดังนั้น แม้เขาตักเตือน หรือห้ามผู้ติดตามจากการสูบบุหรี่ แต่หากตัวของเขาสูบมันเสียเองก็จะเป็น ขอ้ อา้ งที่แข็งแรงแกผ่ ตู้ ดิ ตามเขาในการกระทำมนั เชน่ กัน ปัญหาดังกล่าวแย่ยิ่งกว่าเมื่อผู้สูบบุหรี่เป็นนักวิชาการศาสนาหรือผู้รู้ ใน กรณเี ช่นนี้ อนั ตรายทเี่ ขาสร้างขนึ้ เป็นมากกวา่ ส่งิ ที่ได้พูดออกมา เนือ่ งจากคน จำนวนมากนำตัวของเขาเป็นแนวทางและแบบอย่าง เช่นนี้เป็นการนำไป ในทางที่ผิดด้วยตัวของเขาเอง สิ่งนี้เป็นบาปและเพิ่มภาระที่จะต้องแบกรับ เพิม่ อีกหลายเทา่ 8. คนดีโดยส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และออกห่างจากผู้ที่สูบ บหุ ร่ี เพราะฉะนั้น ผู้สบู บหุ ร่ีจะถูกบีบบังคับให้ออกหา่ งจากคนดีๆ อย่างน้อย ที่สุดในขณะที่เขาสูบบุหร่ี เขาวางตัวเองเป็นตัวเลือกในการถูกเนรเทศ การ 233

สร้างความเหินห่างทางจิตวิญญาณและความเป็นปรปักษ์ระหว่างตัวเขากับ คนดีและหนั ไปใกล้ชดิ กับคนช่ัว ผลกระทบจากสิง่ น้ไี ดป้ รากฏเพ่มิ มากขึ้นและ รุนแรงขน้ึ ทุกขณะ 9. การสูบบุหรี่เป็นรูปแบบหนึ่งของความเสื่อมโทรมทางศีลธรรม มัน ได้แพร่กระจายไปในหมู่ผู้คนที่มศี ีลธรรมน้อย เป็นการสะท้อนการเลยี นแบบ คนไมใ่ ช่มสุ ลมิ อย่างมดื บอด ซึง่ ส่วนใหญ่สบู ในบาร์ ดสิ โก้ คาซโิ น และสถานที่ บาปอื่นๆ ผู้สูบอาจจะขอหรือขโมยหากเขาไม่มีเงินเพื่อซื้อบุหรี่ เขาจะมี มารยาทที่น่ารังเกียจต่อเพื่อนและครอบครัวของเขา โดยเฉพาะเมื่อเขามี อาการอยากสูบบุหรี่ 10. ผู้สูบบุหรี่ได้ดูถูกตัวเขาเอง เนื่องจากเขารู้สึกได้ว่าบุหรี่เพียง เล็กน้อยสมารถควบคุมตัวเขาไว้ได้ ทำให้เขารู้สึกเป็นคนอ่อนแอ พ่ายแพ้ต่อ กเิ ลส ตอนท่ี 30 อุตสาหกรรมฟารม์ เลยี้ งสัตวฮ์ าลาลหรอื ไม่? 234

พวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยระมัดระวังเมื่อรับประทานอาหารที่ทำ จากเนื้อสัตว์ เราพิจารณาเพียงแค่ว่า สัตว์เหล่านี้ได้รับการเชือดอย่างไร ดำเนินการสอดคล้องตามหลักศาสน บัญญัติอิสลามหรือไม่ แต่เราไม่ค่อ พิจารณาเก่ียวกับสัตวด์ งั กล่าวว่า ได้รับ การเลี้ยงและการขนส่งมาโดยวิธีใด ก่อนที่พวกมันจะจบลงบนจานของเรา ในความเป็นจริงสัตว์จำนวนมากเหล่าน้ี ได้รับการเลี้ยงดูในสภาพที่น่ากลัวและ นา่ เศรา้ อย่างย่งิ เพื่อตอบสนองความต้องการ เนื้อไก่และไข่ไก่ของพวกเรา ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ตลาดการค้าเนื้อสัตว์ปีกมี การแข่งขันสูง ระบบการผลิตไดร้ ับการ พฒั นาอย่างหนัก เป็นผลให้มีการใชก้ รง ตับแบตเตอรี่ (battery cages) เพื่อ การผลิตไข่ไก่ในเชิงพาณิชย์ ไข่ไก่ส่วน ใหญใ่ นวนั น้มี าจากไกท่ อ่ี าศยั อยใู่ นกรงตับแบตเตอรี่ ไก่เนื้อจำนวนมากที่ถูกฆ่าเพือ่ ปรนเปรอความตอ้ งการของผูบ้ รโิ ภค การดำรงชีวิตของพวกมันช่างน่ากลัวและสั้นกว่าของวัว แกะและสุกร ซึ่งใน ที่สุดก็เพื่อความรวดเร็วของการแข่งขันบนชั้นวางในซุปเปอร์มาเก็ต แต่ไม่มี ใครพิจารณาสภาพที่เป็นจรงิ ในอุตสาหกรรมฟาร์มเลีย้ งสัตว์ ที่สัตว์เหลา่ น้ไี ด้ ถกู บีบคน้ั จากข้อจำกัดทางธรรมชาติของพวกมนั เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลผลิตทสี่ ูงสดุ ? 235

เครื่องจักรจำนวนมากในปัจจุบนั ถูกนำเข้าสูฟ่ ารม์ เลี้ยงไกโ่ ดยใช้ กรงตบั แบตเตอร่ีเพ่ือเปน็ บา้ นของไก่ทผี่ ลติ ไข่ กรงเหลา่ นมี้ กั กอ่ ให้เกดิ ความ เจ็บปวดและความทุกขท์ รมานอยา่ งสาหัสกับไกท่ ่ีถกู ขัง ตัวอยา่ งเช่น • พ้ืนท่ีทีจ่ ัดสรรใหก้ ับแม่ไกใ่ นกรงตบั แบตเตอรี่ไม่มีพนื้ ทีใ่ ห้มนั ได้สยายปกี ออกเตม็ ที่ เพ่อื ให้มนั มีอสิ ระในการเคลื่อนไหวหรอื การออกกำลงั กาย • แม่ไก่ในกรงตับแบตเตอรี่เหล่านี้จะถูกตัดจะงอยปาก (ขั้นตอนหนึ่งท่ี เจบ็ ปวด) เพ่อื ลดการจกิ กัดและกินเนื้อพวกเดยี วกนั เอง • พฤติกรรมพื้นฐานทางธรรมชาติ เช่นการจับเหยื่อ การทำรังและความ เป็นสว่ นตวั ในการการออกไขน่ ้นั เป็นไปไมไ่ ด้ในกรงตับแบตเตอรี่ • แม่ไก่ในกรงตับแบตเตอร่ีส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้เพียงปีเดียวเท่าน้ัน หลงั จากนนั้ พวกมันจะถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหารสตั ว์หรือสารปรุงรสให้กลิ่น เขม้ ขน้ • แม่ไก่ในกรงตับแบตเตอรี่ประสบปัญหาด้านสุขภาพเป็นจำนวนมาก เป็นผลโดยตรงจากการใส่ในกรงขังทำให้ขนหลุดร่วง ผิวหนังถลอก บาดแผลที่เกิดตามเท้า (รวมถึงการบวมที่อุ้งเท้าอย่างผิดปกติ) และ พัฒนาการด้านกระดูกไม่ดี (ซึ่งทำให้กระดูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระดกู ขาหกั งา่ ย) เมื่อพิจารณาถึงสภาพของไก่ที่ได้รับการเลี้ยงในทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่น่า สงสัยหากไก่ยงั ฮาลาลสำหรบั มสุ ลิม 236

สาระสำคญั ของหลักคำสอนอิสลามต่อ \"สทิ ธสิ ตั ว์\" คือการลดิ รอนสทิ ธ์ ความเป็นธรรมของสัตว์ในส่วนแบ่งทรัพยากรธรรมชาติถือเป็นบาปใหญ่ใน สายตาของพระเจา้ ทีส่ มควรไดร้ ับการลงโทษตามผลตอบแทนท่ีไดก้ ระทำไว้ ในอัลกุรอาน อัลลอฮฺได้ตรัสว่า “และไม่มีสัตว์ใดๆ ในแผ่นดิน และ ไม่มีสัตว์ปีกใดๆ ที่บินด้วยสองปีกของมัน นอกจากประหน่ึ งเป็น ประชาชาติเยี่ยงพวกเจ้านน่ั เอง...” (อลั -อนั อาม : 38) ท่านนบีมุฮัมหมัด (ซ.ล.) ได้วางวิธีการนี้ไว้ความว่า : “สิ่งถูกสร้าง ทั้งหมดเป็นเหมือนครอบครัว (อายาล) ของอัลลอฮฺ และผู้ที่อัลลอฮฺทรงรัก 237

ทสี่ ดุ ในหมูม่ นุษย์น้ันคือผทู้ ่ที ำประโยชนม์ ากท่ีสดุ เพ่อื ครอบครัวของพระองค์” (รายงานโดยอนัส, Mishka al-Masabih, 3:1392; อา้ งโดย บคุ อรยี ์) นักอทั ถาธบิ ายอัลกุรอาน กล่าววา่ ,\"... สัตว์ทกุ ชีวติ ดำรงชีวติ ดำรงอยู่ ทั้งในแบบปัจเจกและแบบสังคมเช่นเดียวกับสมาชิกของประชาคมมนุษย์ กล่าวอีกนัยหนึง่ พวกมันเปน็ เหมอื นชุมชนทีม่ ีสิทธิของตนเอง และไม่ได้เก่ียว ขอ้ กบั สายพันธขุ์ องมนุษย์หรือเกย่ี วข้องกับคุณค่าของมัน รายละเอียดเหล่านี้ ได้รบั การกล่าวถึงเพ่ือเน้นจุดทีว่ า่ แมส้ ายพันธุ์เหล่านี้ ซ่ึงโดยทัว่ ไปถือว่าไม่ไดม้ ี ความสำคัญหรืออันตรายเสียด้วยซ้ำก็สมควรได้รับที่ได้รับการปฏิบัติเยี่ยง ชุมชนหนึ่ง ที่ค่าในตัวและคุณค่าที่มองไม่เห็นของพวกมัน ย่อมสมควรได้รบั การยอมรบั โดยไมค่ ำนงึ วา่ จะมีผลประโยชน์หรอื อันตรายอย่างชดั เจนกต็ าม\" เล่าจากอะบีฮรุ อยเราะห์ (ร.ด.) จากท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า : แท้จริงมีมดตัวหนึ่งกัดนบีท่านหนึ่งจากบรรดานบีต่อมา นบีท่านนั้นได้ออก คำสั่งให้จัดการกับรังที่มดตัวนั้นอาศัยอยู่ รังมดจึงถูกเผา ต่อมาอัลลอฮฺได้มี โองการลงมายังนบที ่านนั้นว่า : เพราะมดตัวหนงึ่ ทกี่ ดั ทา่ นท่านจึงได้ทำลาย ประชากรหนง่ึ จากบรรดาประชากรที่กล่าวคำตสั เบยี ะห์หรือ? (รายงานโดยบุ คอรีและมุสลิม) การสร้างความเสียหายใดๆหรือการตอบโต้ความเสียหายด้วยอีก ความเสียหายหน่งึ นั้นเปน็ สงิ่ ตอ้ งห้าม (ลาซารอรอ วาลาซริ อรอ) 238

การลวกขณะไก่ยงั มชี วี ิต การตดั จะงอยปากด้วยความเจบ็ ปวด การทำใหไ้ กพ่ กิ าร นคี่ อื สง่ิ ทคี่ ณุ ไม่ทราบเกี่ยวกับสูตรลับของผพู้ นั 239

อะไรอยู่เบื้องหลังสโลแกน “อร่อย จนต้องเลียนิ้ว” ของไก่ทอด KFC? มันเป็น เรอ่ื งราวการละเมดิ มนษุ ยธรรมทีน่ า่ กลัวที่คณุ ไม่มีวนั ลืม ไก่ที่เล้ียงไว้สำหรับ KFC นั้นถูก กระทืบ เตะ กระแทกกับพ้นื และฝาผนังอย่าง แรง จงอยปากของมนั ถกู ตดั ออก และหวั ของ มันบิดเบี้ยว บุหรี่ถูกจี้เบาๆบนดวงตาและ ปาก หน้าของมันถูกสเปรย์ด้วยสี และ ร่างกายของพวกมันเบียดเสียดเข้าหากันซ่ึง ยากท่ีไกเ่ หล่านจี้ ะถา่ ยอุจจาระ ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการสรุปผล ของการสืบสวนอย่างลับๆในโรงฆ่าไก่ของโร งาน Moorefield ในเวสต์เวอรจ์ เิ นยี ประเทศ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ปี 2004 ซงึ่ ใหข้ ่าวโดย PETA (People for the Ethical Treatment of Animals : ประชาชนเพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีศีลธรรม) เป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดใน โลกทางด้านสทิ ธิสตั ว์ โรงงาน Moorefield ได้รบั การคัดเลือกเนอื่ งจาก KFC ไดช้ ื่อว่า “ผู้ จำหน่ายแห่งปี” ในปี 1997 และทาง PETA อยากจะเหน็ “สิ่งที่ดที ี่สุด” ที่ผู้ จำหนา่ ยอย่าง KFC ได้นำเสนอ ในการสบื สวนของ PETA เมือ่ คนงานทโ่ี รงฆ่า สัตว์ (ดำเนนิ งานโดย บริษัท Pilgrim 's Pride ซงึ่ เป็นบรษิ ัท ไกย่ ักษใ์ หญ่เป็น อันดับสองในสหรัฐฯรองจากบริษัท Tyson Foods) ได้ถ่ายวีดีโอการกระทำ ผดิ ไว้ทัง้ หมด ดร. เอียน ดันแคน (Dr Ian Duncan) ศาสตราจารย์ด้านชาติพันธุ์ วิทยาประยกุ ต์ มหาวิทยาลัย Guelph และประธานมหาลัยในสวัสดิการสัตว์ 240

(animal welfare) กล่าวว่า “เทปนแี้ สดงให้เห็นฉากของความโหดร้ายทารุณ ท่สี ุดท่ีผมเคยไดเ้ หน็ กับไก่ ...” ตามที่ PETA กล่าวถึงการละเมิดที่ทารุณที่สุดที่ไก่ได้ประสบใน อุตสาหกรรมฟารม์ เลีย้ งสัตว์และในโรงฆ่าสตั ว์ของผู้จำหนา่ ย KFC ยังรวมถึง การลวกไกข่ ณะยงั มีชีวติ และการทำให้สัตว์พกิ ารตลอดชวี ติ รายงานผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นอดีตคนงานของโรงงานดังกล่าวได้ รายงานต่อ PETA เปิดเผยการกระทำการทารุณเลวทรามที่คล้ายกัน เช่น ไก่ ทีด่ วงตาของมนั ประทุออกมา กระดกู หกั พกิ าร ชิ้นสว่ นอวยั วะขาดหายไป ไก่ ถูกลวกขณะยังมีชวี ติ และตามตวั ของมนั โปง่ ออกเปน็ กอ้ นๆ! นค่ี อื ภาพสภี าพหนงึ่ ซ่ึงแสดงสภาพทนี่ า่ โศกเศร้าที่ไก่เหลา่ นีไ้ ด้ฝืนใจ อดกล้นั ในระหวา่ งที่พวกมนั ยงั มีชวี ิตอยู่ ประกอบด้วย ไก่ท่ีถกู ทำให้พิการจาก การเลย้ี งและพกิ ารจากการได้รบั ยามากเกนิ ขนาด (เพ่ือการเจรญิ เติบโตอย่าง รวดเร็ว) ซงึ่ พวกมนั ไมส่ ามารถเดินเหนิ อยา่ งสะดวก ไกท่ ีต่ ิดอยู่กับอุปกรณ์ให้ นำ้ และไก่ที่หวิ โหยจนตาย เก่ยี วกับ KFC KFC เป็นห่วงโซอ่ าหารจานดว่ นทใ่ี หญ่ทส่ี ุดในโลก ซึง่ มผี ลประกอบการทว่ั โลกกว่าส่พี ันล้านเหรียญ (เทียบเทา่ 28.6 พนั ลา้ นรงิ กิต) ในปี 2002 เป็นห่วงโซ่ร้านอาหารชั้นนำในประเทศมาเลเซียที่มีมากกว่า 330 สาขาและกว่า 50% ของส่วนแบ่งการตลาด KFC เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของกรุง กัวลาลัมเปอร์ และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมอาหารจานด่วนใน ประเทศมาเลเซีย [ทม่ี า : เวป็ ไซต์ เคเอฟซี โฮลดง้ิ (มาเลเซยี ) จำกดั ] ปัญหาไดเ้ กดิ ขนึ้ ในประเทศน้ดี ว้ ยจริงหรือ? กระบวนการเลี้ยงไก่ที่ถูกสุขอนามัยและมีมนุษยธรรมในประเทศ ของเราเป็นอย่างไร? การกระทำท่ีละเมิดเช่นเดียวกับฟาร์มเลี้ยงไก่ใน 241

ต่างประเทศมีโอกาสเกิดขึ้นที่ประเทศนี้ด้วยหรือไม่? เรามีความเสี่ยงจาก ผลกระทบทางดา้ นสุขภาพเชน่ เดียวกบั ตา่ งประเทศดว้ ยหรือไม่? ที่ซึ่งการรักษามนุษยธรรมเป็นเรื่องที่น่ากังวล ไม่มีใครรู้ขนาดของ ปัญหา เนื่องจากไม่รู้ความใหญ่ของขนาดปัญหา การสอบสวนอย่างเป็น ทางการจงึ ได้ถกู ดำเนนิ การทีน่ ่ี จากมุมมองทางด้านสุขอนามัยและความปลอดภัย แม้ว่าการสุ่ม ตรวจของ CAP ตามฟาร์มไก่จากการสำรวจที่ผ่านมา พบเห็นสภาพที่สกปรก นา่ ตำหนอิ ยบู่ ่อยครงั้ และการใช้ยาปฏิชีวนะทม่ี ากเกนิ กำหนดตามฟาร์มเล้ียง สัตว์ เป็นผลให้ในปี 2003 ปีเดยี ว จากการตรวจสอบไก่ 17 ตัวอยา่ งพบ 13 ตัวอย่างมีแบคทีเรียสายพันธุ์ที่ทนต่อยาปฏิชีวนะ Nitro furan หรือ Chloramphenicol อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทนต่อยาปฏิชีวนะทั้งสองชนิด สายพนั ธุ์ของแบคทเี รยี ทีท่ นต่อยาปฏิชวี นะเหล่านี้ไมป่ รากฏอยใู่ นสงิ่ แวดล้อม และแบคทเี รยี เหล่าน้ีมอี ยเู่ ฉพาะในไก่เนื่องจากไก่ดังกลา่ วได้รับการสัมผัสกับ ยาปฏิชีวนะในฟาร์ม ทั้ง Nitro furan (สารที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง) และ Chloramphenicol (อาจจะมีโอกาสทำให้เกิดโรคไขกระดูกถูกกดอย่าง รา้ ยแรงในบางคน) ซ่งึ ถกู ห้ามใชใ้ นอาหารและไม่ควรมีอยูใ่ นไก่ ในการตรวจสอบเพิ่มเตมิ เมอ่ื เร็ว ๆ นี้ การทดสอบของเราได้ค้นพบ ว่า เนื้อไก่เปน็ หนง่ึ ในเนอื้ สตั วท์ ี่อนั ตรายมากทสี่ ดุ ในท้องตลาด เนอ่ื งจากมกี าร ปนเปื้อนจากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอยู่เสมอ ซึ่งบ่งชี้ถึงสภาพเลี้ยงและวิธีการ แปรรูปที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ที่มา :\" Kentucky Fried Cruelty \", Konsumer Utusan, ม.ค.- ก.พ. ปี 2005 242

PETA ไมพ่ อใจในคำประกาศฮาลาลจากรฐั บาลมาเลเซีย เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2000 ได้มีประกาศจากJAKIM และฝ่าย บริการสตั วแพทย์ (VSD) กล่าวว่าเน้ือสัตวท์ ม่ี าเลเซยี ได้นำเขา้ มาจากประเทศ อินเดียซึ่งเป็นเนื้อ “ฮาลาล” นั้น ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นการตบหน้า ผู้บริโภคที่มีมนุษยธรรม ตามที่ อิงกริด นิวเคิร์ค (Ingrid Newkirk) ประธาน องคก์ รประชาชนเพอื่ การปฏิบตั ิตอ่ สัตวอ์ ยา่ งมศี ีลธรรม (PETA) โดย นิวเคิร์ค (Newkirk) ได้จัดแถลงข่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ เปิดตัววีดิโอสั้นเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับ “เนื้อสัตว์ต้องห้าม” วิดีโอดังกล่าวได้ แสดงการกระทำที่ละเมิดต่อสัตว์ ก่อนที่พวกมันจะมายังโรงฆ่าสัตว์เพื่อการ สง่ ออก PETA ยนื ยนั ว่า คำแถลงใหม่ของรัฐบาลตรงกนั ขา้ มกบั สง่ิ ท่ีตัวแทน ของฝา่ ยบริการสตั วแพทย์ ซึง่ ประกอบดว้ ยหัวหน้า ดร. แมททา อบั ดลุ เราะห์ มาน (Dr. Matta Abdul Rahman) และเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์อาวุโส ดร. ฮัจ ยี มะห์มัด กามารุลซามาน บิน มะห์หมัด ชารีฟ ( Dr. Hj. Muhmad Kamarulzaman bin Muhmad Sarif) ได้บอกแก่นิวเคร์คและผู้แทนคนอืน่ ของ PETA อย่างเป็นความลับ ฝ่ายบริการสัตวแพทย์ยอมรับกับเราว่า หลกั ฐานการขนสง่ สตั วอ์ ย่างโหดร้ายก่อนการฆ่าประกอบดว้ ย การหักกระดูก 243

หางของสัตว์โดยเจตนา การนำพริกและบุหรี่จี้เข้าไปในดวงตาของพวกมัน ตลอดจนรถบรรทุกที่แออัดเบียดเสียดกันอย่างรุนแรง เป็นผลให้เกิดการ เหยียบกันและตายเน่ืองจากขาดอากาศหายใจ เป็นเรอ่ื งทนี่ ่ากังวลและน่าจะ ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดถ่ถี ้วน ซึ่งรัฐบาลมาเลเซยี เป็นผู้กำหนดและ เป็นเจา้ ของหลกั เกณฑเ์ น้อื สตั วฮ์ าลาลไดป้ รากฎการละเมิด อย่างไรก็ตามนิวเคิร์คได้กล่าวว่า นายมูฮัมหมัด เจ๊ะโซ๊ะ (Mr. Mohamed Jusoh) ผ้อู ำนวยการ JAKIM ไมส่ นใจและดถู กู พวกเขาอย่างมาก ในระหว่างการประชุมของหน่วยงานเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและทำใหท้ ราบ ได้อย่างชัดเจนว่า เขาไม่สนหลักฐานการตรวจสอบใดๆก็ตามจากPETA นิว เคิร์คกล่าวว่า “สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับรองคณะผู้แทนต่างประเทศด้วย การดูถูกแสดงให้เห็นว่า JAKIM ได้ตัดสินใจแล้วถึงความเสี่ยงมากเกินไป สำหรับพวกเขาที่จะรับฟังปัญหา” ผู้แทนจากPETA ยังเก็บตัวรอเกือบสาม ชวั่ โมงเพื่อไดห้ มายกำหนดการประชุมกบั ฮจั ยี Mustafa bin Abd Rahman ผู้อำนวยการฝา่ ย PETA ได้เรียนรู้ว่าทั้งสองหน่วยงานมีข้อจำกัดในการตรวจสอบ สภาพคอกสัตว์(พื้นที่กักกันสัตว์) ภายในโรงฆ่าสัตว์และทำการฆ่าบนพื้นมา โดยตลอด แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี สภาพโรงฆ่าของ พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยเป็นปัญหา ซึ่ง PETA กล่าวตลอดมาว่า โรงฆ่าสัตว์ ส่งออกทั้งสีแ่ ห่งแสดงการฆ่าสัตว์ตามมาตรฐานฮาลาลและยินดีใหผ้ ู้แทนจาก PETA ตรวจสอบได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า นิวเคิร์ค กล่าวว่า \"รัฐบาลพยายามที่จะหันเหความสนใจไปยังโรงฆ่าสัตว์ในขณะที่เพิกเฉยต่อ การทารุณสัตว์ที่อยู่นอกประเทศอย่างปฏิเสธไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่น่าไว้ว างใจ” “รัฐบาลกำลังก่อความเสียหายให้กับผู้บริโภคและจะประสบความสำเร็จแค่ เพยี งบน่ั ทอนความเชือ่ มั่นในความเป็นกลางของรฐั บาลเอง” PETA ได้ดึงความสนใจไปยังกฎระเบียบในการนำเข้าเนื้อสัตว์ของ รัฐบาลมาเลเซีย ซ่ึงจำได้ว่ามาตราที่ 5.1 และท่ตี ามมา เรือ่ ง\"สภาพสัตว์/สัตว์ ปีกก่อนการฆ่า\" สิทธติ ามกฎหมายของศาสนาอิสลาม \"สตั วท์ ้งั หมดจะต้อง ... 244

ปราศจากร่องรอยบาดแผลใดๆ ... หรือการกระทำใดๆที่ทำให้ผิดรูปร่างไป จากเดิม” “โดยที่สัตว์และสัตว์ปีกจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม ก่อนสู่ขั้นตอนการฆ่า การกระทำที่ทารุณ การตุบตี การกระทำที่อาจ ก่อให้เกิดความเครียดหรือความกลัวใดๆเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด ...” และ “การกระทำใดๆที่ทำให้สัตว์เกิดบาดเจ็บ หรือการตัดอวัยวะของสัตว์ ก่อนท่ีสตั ว์จะถกู ฆ่านน้ั เปน็ ส่ิงต้องห้าม” PETA เช่อื ว่ามุสลมิ ทั่วโลกมสี ทิ ธิท์ จ่ี ะ ได้รับรู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับที่มาของเนื้อสัตว์ที่พวกเขาอาจจะซื้อบน ความศรัทธา นิวเคิร์คกลา่ วว่า “นักวิชาการอิสลามที่เราได้ขอคำปรกึ ษาบอก แก่เราวา่ ในขณะทเ่ี น้อื จากสตั ว์ท่ีตกลงมาขาหกั หลังจากนั้นได้รับการฆ่าตาม วิธีฮาลาลเป็นที่อนุญาตให้รับประทานเนื้อสัตว์ดังกล่าวได้ แต่เนื้อสัตว์ ดังกล่าวจะหะรอมโดยสมบูรณ์หากตั้งใจให้สัตว์ได้รับบาดแผลและความ เจ็บปวด และหลังจากนั้นส่งออกเป็นเนื้อฮาลาล เนื่องจากว่าขั้นตอนการฆา่ ไดด้ ำเนินในวธิ ีการเชือดแบบฮาลาล (ข่าวประชาสัมพันธ์ของ PETA ลง วันที่ 27 กรกฎาคม 2000) ปญั หาการทำให้สตั วส์ ลบ (Stun) ในศาสนาอสิ ลาม 245

เมื่อเร็วๆนี้ ชาวมาเลเซียต่างตกตะลึงเมื่อ พบว่าสเตก็ เน้ือวัวท่ีพวกเขารบั ประทาน ซึง่ นำเข้ามา จากประเทศออสเตรเลียอาจจะไม่ ฮาลาล ส ถ า น ะ ฮ า ล า ล ข อ ง เ น ื ้ อ ว ั ว ส ั ญ ช า ติ ออสเตรเลียที่นำเข้ามากลายเป็นคำถามหลังจาก JAKIM พบว่า โรงฆ่าสัตว์ในประเทศออสเตรเลียฆ่า สัตว์ด้วยวิธีการแทงที่ทรวงอก (thoracic-piercing) ซงึ่ เป็นวิธีท่ไี มส่ อดคลอ้ งกบั หลักศาสนบัญญตั อิ ิสลาม ประเทศออสเตรเลียบังคับให้โรงฆ่าสัตว์ทั้งหมดฆ่า สัตว์ด้วยวิธีการนี้ รวมถึงการฆ่าสัตว์ด้วยการแทง ผ่านหลอดเลือดแดงเพอ่ื ใหม้ นั ตายอย่างรวดเรว็ จากสิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลมาเลเซียได้หยุด การนำเข้าเน้อื ววั จากประเทศออสเตรเลียเปน็ การช่ัวคราว เหตุการณ์นี้ได้เปิดหูเปิดตามุสลิมทั่วโลก จากประเด็นเนื้อสัตว์ฮา ลาลที่มาจากโรงฆา่ สัตว์ต่างประเทศอาจจะมีสถานะที่ตอ้ งสงสยั เนื่องจากวิธี ปฏิบัติในการทำให้สัตว์สลบก่อนการฆ่าเปน็ วิธีการที่ถูกนำมาใช้ในโรงฆ่าสัตว์ ส่วนใหญ่ทั่วโลก ถึงแม้ว่าสัตว์จะได้รับการฆ่าสอดคล้องกับวิธีการของมุสลมิ แตว่ ิธีปฏิบัติในการทำใหส้ ัตวส์ ลบก่อนการฆ่าอาจทำให้เนือ้ สตั วน์ น้ั หะรอม ตามวิชากายวิภาคสัตว์ การฆ่าสตั วเ์ พ่ือนำมาเปน็ อาหารดว้ ยวิธีทาง ศาสนานั้นไม่เป็นการทรมานสัตว์ เนื่องจากการตัดหลอดเลือดดำบริเวณ ลำคอ ทำให้เลือดไหลออกมาจำนวนมาก จากการตัดหลอดเลอื ดทำให้ความ ดนั เลอื ดลดตำ่ ลงค่อนขา้ งมากและสมองไมม่ ีเลอื ดไปเลย้ี งอย่างเฉียบพลัน ทำ ให้สัตว์หมดความรู้สกึ โดยทนั ที ท่านรอซูลลุ ลอฮฺ (ซ.ล.) ได้กล่าววา่ “อัลลอฮฺได้กำหนดความกรณุ า (หรือความดีงาม) ในทุกสิ่ง ถ้าหากว่าจะมีการฆ่า ก็ให้ทำในลักษณะที่ดีที่สุด 246

และเมื่อทา่ นเชอื ด กใ็ ห้เชือดในลักษณะท่ีดีทสี่ ดุ ด้วยการลบั มดี ให้คมและวาง สตั วใ์ นทา่ ท่สี บาย” (รายงานโดย มสุ ลมิ ) ในทางตรงกันข้าม การทำให้สัตว์สลบ เช่นกรณีการใช้ปืนยิงสลบ (captive bolt) หรือการทำให้สัตว์สลบด้วยการกระแทกอย่างแรง สัตว์ อาจจะตายเนื่องจากการกระแทกดังกล่าว เหมือนกับกำลังจะตายเนื่องจาก แรงกระแทกที่รุนแรง และสตั วน์ ้อี าจจะจดั อยู่ในประเภท มาวกวู ซฺ ะห์ (สัตวท์ ี่ ถูกตีตาย) ซ่งึ เปน็ ท่ตี ้องหา้ มในศาสนาอสิ ลาม ในการผ่านกระแสไฟฟ้าลงในอ่างน้ำถูกนำมาใช้เพื่อทำให้สัตว์ปีก สลบ สัตว์ปีกเหล่านี้อาจจะมีบางส่วนที่จมน้ำหรือหัวใจวายตาย ซึ่งจัดอยู่ใน ประเภท มัยตะห์ (สัตว์ที่ตายเอง) การรับประทานเนื้อสัตว์เหล่านี้เป็นที่ ต้องห้าม นักวิชาการอิสลามยังมีการถกเถียงกันว่า การทำให้สัตว์สลบด้วย แก๊สเคมไี ม่ควรถูกนำมาใช้เป็นหน่ึงในวิธีการทำใหส้ ัตว์สลบ เนื่องจากวธิ ีนี้จะ คล้ายกบั การตายโดยการรดั คอ และสตั วด์ งั กลา่ วจดั อยใู่ นประเภท มนุ คอ นกิ อห์ (สตั ว์ท่ถี กู รัดคอตาย) ศาสนาอิสลามห้ามมิให้มุสลิมบริโภคเนื้อสตั วใ์ ดก็ตามท่ตี ายก่อนทีผ่ ู้ เชือดสัตว์ตามศาสนาอิสลามจะทำการเชือด และห้ามบริโภคเลือดต่างๆใน ปรมิ าณใดกต็ าม การห้ามสองส่งิ เหล่านีอ้ าจจะถูกฝ่าฝืนในกรณีของการทำให้ สัตว์สลบ มุสลิมยังได้รับการเตือนให้หลีกเลี่ยงจากการรับประทานสิ่งใดก็ ตามทตี่ อ้ งสงสัย โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงเน้อื สัตวท์ ีม่ นุษยท์ ำการบรโิ ภคควรมาจาก ธรรมชาติ มีประโยชน์ และไมก่ อ่ ให้เกิดอันตราย ด้วยเหตุนี้ มุสลิมยึดทรรศนะที่ว่าการทำให้สัตว์สลบไม่เพียงไม่ จำเป็นเท่านั้น แต่ยังเป็นการทารุณและทรมานสัตว์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยัง ส่งผลต่อการนำเลือดออกจากซากสัตว์ ด้วยวิธีนี้จะได้ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่มี คณุ ภาพตำ่ 247

ในความหมายซูเราะฮฺอัลมาอีดะฮฺ อัลลอฮฺได้ตรัสความว่า “ได้ถูก ห้ามแก่พวกเจ้าแลว้ ซึ่งสัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกร และสัตว์ท่ี ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮฺที่มัน (ขณะเชือด) และสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และสัตว์ที่ถูกตีตาย และสัตว์ที่ตกเหลวตาย และสัตว์ที่ถูกขวิดตาย และ สัตว์ที่สัตว์ร้ายกัดกิน นอกจากที่พวกเจ้าเชือดกัน และสัตว์ที่ถูกเชือดบน แท่นหินบชู า...” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการทำให้สัตว์สลบนั้นเป็นการทารุณและทำให้ สัตวไ์ มไ่ ดร้ บั ความชอบธรรม ซึง่ เปน็ ส่ิงตอ้ งหา้ มอย่างชัดเจนในศาสนาอสิ ลาม วิธีการทำให้สตั วส์ ลบ มีวิธีการมากมายท่นี ำมาใช้สำหรบั การทำใหส้ ัตว์สลบ ตวั อยา่ งเช่น ปืนยงิ สลบ (Captive bolt pistol) การทำให้สัตว์สลบด้วยวิธีนี้ ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในฟาร์ม สตั วท์ กุ แห่ง ปืนยิงสลบมี 2 ชนดิ คอื แบบเจาะทะลุ (penetrative) และแบบ ไม่เจาะทะลุ (non-penetrative) การทำให้สัตว์สลบแบบเจาะทะลุเป็นการ ผลักดันแท่งเหล็กกระแทกเข้าไปในกะโหลกของสัตว์ ทำให้สัตว์สลบซึ่งเป็น ผลจากการท่ีสมองถูกทำลายและกะโหลกไดร้ ับความเสียหาย ส่วนการทำให้ สัตว์สลบแบบไม่เจาะทะลุนั้นจะใช้สลักปืนแบบ “หัวเห็ด” ซึ่งจะส่งผล กระทบต่อสมองโดยปราศจากการทะลุเข้าไปในกะโหลกทำให้สัตว์สลบหรอื หมดสติด้วยสาเหตุจากการกระแทกอย่างแรง หลังจากที่สัตว์สลบก็จะถูก นำไปเชือด สลักปืนที่เขียนคำว่า “Captive (เชลย)” เนื่องจากมันวิ่งออกจาก กระบอกแต่ยังคงเชื่อมอยู่กับปืน กระบอกปืนถูกวางไว้ตรงส่วนกลางของ หนา้ ผากสตั ว์ โดยเหน่ียวไกยิงหรอื ยิงโดยอัตโนมตั ิกระแทกที่หวั ของสตั ว์ การเจาะสมอง (Pitching) 248

การทำให้สลบด้วยการเจาะสมองนั้น โดยส่วนใหญ่ไดด้ ำเนินการใน โรงฆา่ ปศสุ ตั วจ์ ำพวก วัว แพะ แกะ การปฏบิ ตั ดิ ังกลา่ วรวมไปถงึ การสอดลวด หรอื แทง่ เหล็กผา่ นยังหลุมในหวั ทที่ ำโดยปืนยงิ สลบ แท่งเหลก็ จะเลอ่ื นขนึ้ และ ลงเพือ่ ทำความเสียหายแก่สมองและไขสันหลัง การทำให้สัตว์สลบโดยกระแสไฟฟ้าไหลผ่านศรี ษะ (Electric head-only stunning) การทำให้สัตว์สลบโดยกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านศีรษะดว้ ยคมี หนีบ ถูก นำมาใช้ในการสลบโค ลูกวัว แกะ แพะ กระตา่ ยและนกกระจอกเทศ ผปู้ ฏิบตั ิ จะวางคีมหนีมที่มีกระแสไฟฟ้าคีบบริเวณศีรษะของสัตว์และปล่อย กระแสไฟฟ้าผ่านไปยงั สมอง คาดว่าก่อให้เกิดอาการหมดสตไิ ปชั่วคราว การทำให้สลบด้วยการผ่านกระแสไฟฟ้าลงในอ่างน้ำ (Water bath stunning) การทำให้สลบด้วยการผ่านกระแสไฟฟ้าลงในอ่างน้ำถูกนำมาใช้ อย่างแพรห่ ลายเพอื่ ให้ไก่ ไกง่ วง เปด็ และห่านสลบ สตั ว์ปีกเหลา่ นจี้ ะถูกแขวน ห้อยหัว เคลื่อนที่ผ่านตัวขนส่งลำเลียงสัตว์ไปยังอ่างน้ำที่ปล่อยกระแสไฟฟ้า ลงไป โดยหัวของสัตว์จะจุ่มลงไปในน้ำพอประมาณ ราวแขวนเคลื่อนเข้ามา สัมผัสกับราวที่เชื่อมต่อกับดิน เมื่อปีที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มความแรงของ กระแสไฟฟ้าขึ้น โดยวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์ปีกดังกล่าวจะประสบ กบั ภาวะหวั ใจหยดุ เตน้ และตายเมอ่ื พวกมนั ลงไปในอ่างนำ้ การทำใหส้ ลบดว้ ยแกส๊ (Gas stunning) ส ั ต ว ์ จ ะ ถ ู ก ท ำ ใ ห ้ ส ล บ โ ด ย ก า ร น ำ ส ั ต ว ์ ร ม ด ้ ว ย แ ก๊ ส คาร์บอนไดออกไซด์ที่ผสมกับอากาศ แก๊สนี้เป็นสาเหตุให้สัตว์สลบ หลังจาก นน้ั จึงจะถกู ฆ่า 249

บทสรุป มุสลิมมีความรู้สึกอ่อนไหวต่อประเด็นฮาลาล-หะรอมในอาหารท่ี พวกเขารับประทาน พวกเขาจะรูส้ ึกมั่นใจและจะซ้ือเฉพาะผลติ ภณั ฑ์ท่ไี ด้รบั การรับรองสถานะฮาลาลเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ต้องการผลิตสินค้าเพื่อขายใน ตลาดมุสลิม ควรตรวจสอบวา่ ผลิตภณั ฑ์ดงั กล่าวเป็นผลติ ภัณฑ์ท่ีฮาลาลอย่าง แท้จริง น่าเสียดายที่บริษัทและนักธุรกิจไร้ยางอายบางราย กระทำการไร้ ความรับผิดชอบดว้ ยการขายผลติ ภณั ฑท์ ี่ไมฮ่ าลาลแกผ่ ้บู รโิ ภคมุสลมิ โดยการ หลอกลวงว่าสินค้าของพวกเขาเปน็ สินคา้ ฮาลาล รัฐบาลต้องมีมาตรการจัดการและออกกฎหมายเพื่อการลงโทษ ผู้กระทำความผิด กฎหมายใหม่ท่ีควบคุมผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลควร นำเข้ามาใช้ และในขณะเดียวกันกฎหมายที่มีอยู่ควรได้รับการแก้ไขเพิ่มเตมิ เพ่ือทำให้กฎหมายเหล่าน้ันสอดคลอ้ งกบั กฎหมายท่ีจะออกมาใหม่ กฎหมายฮาลาล/หะรอมใหม่นี้จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่า ผู้ผลติ จะแสดงความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑอ์ าหารท่ีติดฉลากฮาลาลมากยิง่ ขน้ึ เม่ือ มขี ้อพพิ าททีเ่ กยี่ วข้องกบั สถานะฮาลาลของผลติ ภณั ฑ์ ภาระความรับผิดชอบ ในการพสิ ูจน์วา่ ผลติ ภัณฑด์ ังกล่าวนน้ั ฮาลาลจะต้องเป็นของผูผ้ ลติ ผู้กระจาย สนิ ค้าและผู้จัดจำหนา่ ย กฎหมายอาจจะยงั ให้มกี ารใชค้ ำว่า “ไมฮ่ าลาล” ต่อ ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ต้องห้ามภายใต้กฎหมายอิสลาม เพื่อเป็นข้อแนะนำ 250


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook