๔.๑ ประโยชน์ของพชื ในทอ้ งถ่นิ ๑๑๘ ยชน์ของพชื และสตั ว์ในท้องถน่ิ วิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี นมาให้นักเรียนดูแล้วถามว่าส่ิงท่ีอยู่ในรูปหรือ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ มนุษย์หรือไม่ อย่างไร (นักเรียนตอบความเข้าใจ ๑. รูปหรอื ผลติ ภณั ฑ์ทท่ี ามาจากพืช สงค์ในใบกิจกรรมท่ี ๑ พืชในท้องถิ่นมีประโยชน์ ในท้องถิ่น ไปน้ี ๒. รูปชนดิ ของพืชและรูปประโยชน์ องพืชในท้องถิน่ ) อมลู ) ของพชื ชนิดนัน้ ทเี่ ป็นคู่กนั บายประโยชนข์ องพืชในท้องถนิ่ ) ๓. กระดาษสีเทาขาว จขั้นตอนการทากิจกรรม เมื่อแน่ใจแล้วว่า ๔. สีไม้ ม แลว้ ชกั ชวนนักเรยี นทากิจกรรมที่ ๑ โดยครูใหเ้ วลา ภำระงำน / ช้ินงำน ใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือ ๑. การบันทกึ ผลกจิ กรรมในใบงาน ลงในใบงาน ๐๑ ประโยชน์ของพืชในท้องถ่ิน ๒. การทาแบบฝึกหัด วธิ กี ำรประเมิน ๑. การตอบคาถามในใบงาน ๒. สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการทากิจกรรม ๓. สงั เกตด้านคุณธรรมขณะทากิจกรรม นท้องถ่ินจากการสบื คน้ เพ่ือนาเสนอในชว่ั โมงต่อไป
แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี หน่วยกำรเรียนรทู้ ่ี ๑ พืชและสตั ว์ หน่วยย่อยที่ ๔ ประโย กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ รำยวิชำว ๒ ชว่ั โมงที่ ๒-๓ ขั้นนำ (๑๐ นำท)ี ๖. ครทู บทวนความรู้เดิมของนักเรยี นเก่ียวกับประโย ๖.๑ มพี ชื อะไรบ้างในท้องถน่ิ ทมี่ ีประโยชน์ (คาต ๖.๒ พืชที่สืบค้นมีประโยชน์อย่างไร (คาตอบตาม สรา้ งบา้ นเพือ่ เปน็ ทอ่ี ยู่อาศัย) ข้นั สอน (๑๐๐ นำท)ี ๗. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการทากิจกรรม เดนิ ศึกษา ๘. (ในช่วั โมงถดั ไป) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปราย ๘.๑ มพี ชื อะไรบา้ งในท้องถิน่ ท่มี ีประโยชน์ (คาต ๘.๒ พืชในท้องถิ่นมีประโยชน์อย่างไรบ้าง (คาต ไมไ้ ผน่ ามาสรา้ งบ้านเพอื่ เปน็ ที่อยู่อาศยั ) ๘.๓ จากการสืบค้นข้อมูล พืช มีประโยชน์กับมน เครื่องนงุ่ ห่ม ยารกั ษาโรค) ๙. ครูนารูปหรือผลิตภัณฑ์ในข้ันนาเข้าสู่บทเรยี นม สง่ิ ที่อยใู่ นภาพหรือผลิตภัณฑ์น้ันมปี ระโยชนต์ ่อมน ข้ันสรุป (๑๐ นำท)ี ๑๐. ครแู ละนักเรยี นช่วยกันสรปุ ได้วา่ พืชมีประโยช เครอื่ งนุ่งห่ม และยารกั ษาโรค
๔.๑ ประโยชน์ของพืชในท้องถิ่น ๑๑๙ ยชน์ของพืชและสัตว์ในทอ้ งถ่ิน วทิ ยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ช้ันประถมศึกษำปีที่ ยชน์ของพืชในท้องถ่นิ โดยใช้แนวคาถามดังนี้ เกณฑก์ ำรประเมนิ ตอบตามท่นี ักเรียนสืบค้น เช่น ผัก ไมส้ กั ) ๑. การตอบคาถามในใบงานไดถ้ ูกต้องด้วย มท่ีนักเรียนสืบค้น เช่น ผักใช้เป็นอาหาร ไม้สักนามา ตนเอง - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน ม และติดผลงานบนผนังห้อง เพื่อให้นักเรียนทั้งชั้น - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ยผลการทากจิ กรรม โดยครูอาจใช้คาถามดงั ต่อไปนี้ ๒. มที กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตอบตามที่นกั เรยี นสบื ค้นมา เชน่ ขา้ ว ไม้ไผ่) ขณะทากิจกรรม ตอบตามที่นักเรียนสบื ค้นมา เช่น ข้าวใชเ้ ปน็ อาหาร - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน นุษย์ด้านใดบ้าง (พืชมีประโยชน์เป็นอาหารที่อยู่อาศยั - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓. มคี ุณธรรมจรยิ ธรรมขณะทากิจกรรม นมาให้นักเรียนดูอีกครั้งแล้วชวนนักเรียนอภิปรายว่า - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน นษุ ย์ด้านใดบ้าง - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ชนต์ ่อมนุษย์ในแง่ปัจจัยส่ี คอื เป็นอาหาร ท่อี ยู่อาศัย
แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๑ พืชและสตั ว์ หนว่ ยย่อยที่ ๔ ประ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ รำยวิชำ ๒ ชว่ั โมงท่ี ๔ ขนั้ นำ (๕ นำท)ี ๑๑. ครูให้นักเรียนจับคู่รูปชนิดของพืช กับประ ประโยชน์คอื ทอี่ ยูอ่ าศยั กะหล่าปลี ประโยชนค์ ขั้นสอน (๔๕ นำท)ี ๑๒. ครูให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ อ่านใบกจิ กรรมท่ี ๑ ๑๓. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกนั เขียนแผนผงั คว ลงในกระดาษแข็งสีเทาขาว จากนั้นให้นาเสนอ กลมุ่ เดนิ ดูผลงานที่กลุ่มอนื่ จัดแสดง ๑๔. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการท ๑๔.๑ พืชในท้องถ่ินมีประโยชน์กับมนุษย์ใน เครอ่ื งน่งุ ห่ม ยารักษาโรค) ๑๔.๒ ประโยชน์ของพชื ที่มีต่อการดารงชีวิตม ๑๕. นักเรยี นตอบคาถามหลังจากทากิจกรรมหน ขน้ั สรปุ (๕ นำท)ี ๑๖. ครูและนกั เรยี นช่วยกันสรุปอีกครงั้ ว่าพืช ทอี่ ยอู่ าศยั เครอ่ื งนุ่งหม่ และยารักษาโรค ๑๗. นกั เรยี นทาใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัดเรอื่ ง ประ
ที่ ๔.๑ ประโยชนข์ องพืชในทอ้ งถ่นิ ๑๒๐ ะโยชน์ของพชื และสัตว์ในทอ้ งถิ่น ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง ชั้นประถมศึกษำปที ่ี ะโยชน์ของพืชหน้าห้องเรียน เช่น รูปไม้ไผ่หรือไม้สัก คือ อาหาร เป็นต้น ๑ ข้อที่ ๔ หนา้ ๕๕ วามคดิ ประโยชน์ของพืชในท้องถ่ินในด้านต่าง ๆ โดยอาจให้ติดแผนผังไว้ที่ผนังห้องให้นักเรียนแต่ละ ทากจิ กรรม โดยครูอาจใชค้ าถาม ดังตอ่ ไปน้ี นด้านใดบ้าง (พืชมีประโยชน์เป็นอาหาร ที่อยู่อาศัย มนุษย์ ๔ ด้าน เรียกวา่ อะไร (ปจั จัยส่ี) น้า ๕๙ ชมีประโยชนต์ อ่ มนษุ ย์ในแง่ปจั จัยส่ี คอื เปน็ อาหาร ะโยชนข์ องพืชในท้องถ่ิน หน้า ๖๐
๑๒๑ แบบประเมนิ ด้ำนคณุ ธรรม แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ่ี ๔.๑ ประโยชน์ของพืชในท้องถ่ิน ช่ือผูป้ ระเมนิ /กลมุ่ ประเมิน…………………………………………………………………………………………............................................ ชือ่ กลมุ่ รบั กำรประเมนิ ……………………………………………………………………………………………….............................................. ประเมนิ ผลคร้ังท…ี่ …......……………....…….. วัน ……….....……..…. เดือน ………..….............……. พ.ศ. ……............................….. เรอื่ ง……………………………………………………………………………………………….............................................................…………… ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดับพฤตกิ รรม คะแนนทไ่ี ด้ ๑. ม่งุ มัน่ ในการทางาน เกิด = ๑ ไมเ่ กดิ = ๐ ๒. ซ่อื สตั ยต์ ่อตนเอง ๓. ใฝเ่ รียนรู้ รวมคะแนนท่ีไดท้ งั้ หมด = …………… คะแนน คณุ ลกั ษณะตามจุดประสงค์ด้านคุณธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๒๒ แบบประเมนิ ด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ในกำรทำกจิ กรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๔.๑ ประโยชน์ของพืชในทอ้ งถ่ิน เกณฑ์การประเมินมีดังนี้ ๓ หมายถึง ดี ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง สง่ิ ทีป่ ระเมนิ คะแนน การจดั กระทาและสื่อความหมายขอ้ มูล รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมนิ ทักษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรงุ (๑) การจัดกระทาและ นาเสนอแผนผังความคิด นาเสนอแผนผังความคิด ไม่สำมำรถนาเสนอแผนผัง สอ่ื ความหมายข้อมลู เรื่องประโยชน์ของพืชใน เรื่องประโยชน์ของพืชใน ความคิด เร่ืองประโยชน์ของ ทอ้ งถ่ินให้ผูอ้ น่ื เข้าใจได้ง่าย ท้องถ่ินให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย พืชในท้องถิ่นใหผ้ ู้อ่ืนเขา้ ใจ และชัดเจนได้ ด้วยตนเอง และชัดเจนได้ จำกกำร ได้งา่ ยและชดั เจน ได้ ถึงแมจ้ ะ ชีแ้ นะของครูหรอื ผอู้ ืน่ ไดร้ ับคาแนะนาจากผู้อ่นื
เฉลยใบงำน ๑๒๓ ฝำ้ ย เครือ่ งน่งุ ห่ม ฟำ้ ทะลำยโจร ยำรกั ษำโรค สกั ทอี่ ย่อู ำศยั อำหำร แครอท บล็อคโคลี่
๑๒๔ ขึ้นอยูก่ ับกำรสบื ค้นของนกั เรียน เชน่ ขข้ำวนึ้ อยกู่ บั การสืบอคำหำ้นร ของ นกั เรยี น เชน่
๑๒๕ นกั เรียนสำมำรถเขียนในรปู แบบอ่นื ได้ เคร่อื งนงุ่ หม่ ท่ีอยู่อำศยั ประโยชนข์ องพืชในทอ้ งถิน่ ยำรกั ษำโรค อำหำร
๑๒๖ คำตอบขนึ้ กับผลกำรสืบค้นข้อมลู เช่น ข้ำว ขิง ขำ้ ว เป็นอำหำร ไม้ไผ่ เป็นที่อยู่อำศยั ขงิ เปน็ ยำรกั ษำโรค เครอ่ื งนุ่งห่ม ยำรกั ษำโรค ที่อยู่อำศยั และอำหำรหรือ ปัจจยั สี่
๑๒๗ X ทำจำกพืชนิดต่ำง ๆ ทำจำกฝ้ำย ทำจำกดิน หรอื จะตอบ ทำจำกหญำ้ คำข้นึ อยกู่ ับ เหตุผล X X ทำจำกไม้ ทำจำกยำง ทำจำกเหล็ก
๑๒๘ ทำจำกเนือ้ ตำล X ทำจำกตน้ ปอสำ และมะพรำ้ ว ทำจำกอะลูมิเนียม พลำสตกิ และกระจก
๑๒๙ คำชแ้ี จงประกอบแผนจดั กำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ เวลำ ๔ ชว่ั โมง แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๔.๒ ประโยชน์ของสตั ว์ในท้องถน่ิ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. สำระสำคัญของแผน สัตวม์ ีประโยชน์ตอ่ มนษุ ย์มากมาย ๒. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในกำรนำไปใช้ (ให้ระบสุ ่ิงทตี่ ้องกำรเนน้ หรอื ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ) ในเร่อื งต่อไปน้ี คือ ๒.๑ ขอบขำ่ ยเน้ือหำ สัตว์มีประโยชนต์ ่อมนุษยม์ ากมาย นอกจากนามาใชเ้ ปน็ อาหารแลว้ ยงั นามาทาเปน็ พาหนะ เคร่อื งน่งุ หม่ เครอ่ื งใช้ ยารักษาโรค และอนื่ ๆ ๒.๒ จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม คำ่ นิยม) (ถำ้ มี) จดุ ประสงคด์ ำ้ นควำมรู้ อธิบายประโยชนข์ องสัตว์ในทอ้ งถิ่น จุดประสงค์ด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ การจัดกระทาและสอื่ ความหมายของข้อมูล จดุ ประสงคด์ ้ำนคุณธรรม ๑. มีความมุง่ ม่นั ในการทางาน ๒. มีจติ เมตตากรณุ าต่อสัตว์ ๓. ซอื่ สัตย์ต่อตนเอง ๒.๓ กำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ ๑) กำรเตรียมตวั ของครู นกั เรยี น (กำรจดั กลุ่ม) (ถ้ำมี) การจดั กลุ่ม โดยแบ่งนกั เรียนออกเปน็ กลุ่ม กล่มุ ละ ๔-๖ คน ๒) กำรเตรยี มสอ่ื วสั ดอุ ุปกรณ์ ของครู นกั เรยี น (ถำ้ ม)ี สิง่ ท่ีครตู อ้ งเตรยี ม คอื บัตรภาพสัตว์ ๑ ชุด/กลุ่ม ๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกจิ กรรม (ถำ้ มี) ๓.๑ ใบงาน ๐๑ ประโยชนข์ องสตั ว์ในทอ้ งถนิ่ ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เร่ืองประโยชน์ของสัตว์ในท้องถ่ิน
๑๓๐ ๒.๔ วดั ผลประเมินผล (ถำ้ ม)ี ๑) วธิ ีกำรวดั ผลประเมินผลกำรเรยี นรู้ ๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน ๑.๒ สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการทากจิ กรรม ๑.๓ สงั เกตดา้ นคณุ ธรรมขณะทากจิ กรรม ๒) วิธกี ำร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ๒.๑ เครื่องมอื และเกณฑ์ในกำรประเมินด้ำนควำมรู้ ตรวจให้คะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แล้วใช้เกณฑ์ในการใหค้ ะแนนดงั นี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เคร่ืองมอื และเกณฑ์ในกำรประเมนิ ทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (ดงั แนบ) แลว้ นาคะแนนมารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการให้คะแนนดงั น้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๓ เครอ่ื งมือและเกณฑ์ในกำรประเมินด้ำนคณุ ธรรม สงั เกตคุณลักษณะด้านคุณธรรมโดยใช้แบบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม (ดงั แนบ) แล้วนาคะแนนมรวมกนั แล้วใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดังนี้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลังเรยี น แบบฝึกหัดก่อนเรยี น หลังเรยี น ทาแบบฝกึ หดั ในใบงานหลังเรียน ๓. อน่ื ๆ ............................................................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................................................
หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ่ี ๑ พืชและสตั ว์ แนวกำรจดั กจิ กรรมกำร กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ เร่อื ง ประ รำยวชิ ขนั้ นา แนวการจัดกจิ ก ขั้นสอน ตรวจสอบความรเู้ ดมิ เกยี่ วกับประโยชนข์ รว่ มกนั ทากจิ กรรมที่ ๑ ในท้องถ่ินมีประโ ขน้ั สรปุ ทาใบงาน ๐๑ ประโยชน์ของสัตว์ในท้องถ การวดั และประเมินผล อภปิ รายเรอื่ งประโยชน์ของสัตว์ในทอ้ งถิ่น ร่วมกนั สรุปเกีย่ วกบั ประโยชน์ของสตั ว์ใน ทาใบงาน ๐๒ แบบฝึกหดั เรื่องประโยชน ประเมนิ จากการตอบคาถาม ประเมนิ จากการทากจิ กรรมในชน้ั เรียน ประเมนิ จากการทาแบบฝกึ หัด
รเรียนรู้ของแผนกำรจดั กำรเรยี นร้ทู ี่ ๔.๒ ๑๓๑ ะโยชนข์ องสัตว์ในท้องถนิ่ ชำวทิ ยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่วั โมง ช้ันประถมศึกษำปีที่ ๒ กรรมการเรยี นรู้ ของสัตว์ในท้องถิน่ โยชน์อะไรบ้าง ถ่นิ น นท้องถิ่น นข์ องสตั วใ์ นท้องถิ่น
หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ พืชและสัตว์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๔ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๔ รำยวชิ ำ ขอบเขตเนอ้ื หำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (๔ ชั่วโมง) สั ต ว์ มี ป ร ะ โ ย ช น์ ต่ อ ค น ม า ก ม า ย ชั่วโมงท่ี ๑ นอกจากนามาใช้เป็นอาหารแล้วยังนามา ขน้ั นำ (๕ นำที) ทาเป็นพาหนะ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ ๑. ครูนาเขา้ สู่บทเรยี น โดยให้นักเรยี นดบู ตั รภาพสตั วช์ ยารกั ษาโรค และอน่ื ๆ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไรบา้ ง (นักเรยี นตอบตามความเ ขัน้ สอน (๕๐ นำที) จุดประสงคด์ ำ้ นควำมรู้ ๒. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประสงค อธิบายประโยชน์ของสัตว์ในทอ้ งถิน่ อะไรบ้าง หน้า ๖๓ จากนน้ั ครถู ามคาถาม ดงั ต่อไ ๒.๑ นกั เรยี นจะเรียนเร่ืองอะไร (ประโยชน์ของ จุดประสงค์ด้ำนทักษะกระบวนกำรทำง ๒.๒ นักเรียนจะเรียนดว้ ยวิธกี ารใด (สบื คน้ ขอ้ ม วิทยำศำสตร์ ๒.๓ เมือ่ เรยี นจบแลว้ นกั เรยี นจะทาอะไรได้ (อ การจัดกระทาและส่ือความหมายขอ้ มลู ๓. นกั เรยี นอ่านวธิ ที าและทาความเข้าใจข้ันตอนก จดุ ประสงค์ด้ำนคณุ ธรรม จึงให้นกั เรยี นลงมอื ทากจิ กรรม ๑. มีความมุง่ มน่ั ในการทางาน ๔. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ ๔ ๒. มจี ิตเมตตากรณุ าต่อสัตว์ สัตว์ในท้องถิ่นมีประโยชน์อะไรบ้าง โดยครูให้เ ๓. มคี วามซ่ือสตั ยต์ ่อตนเอง ท่ีนามาใชป้ ระโยชนจ์ ากแหลง่ เรียนรู้ตา่ ง ๆ เช่น ห ข้นั สรุป (๕ นำท)ี ๕. ครูให้นักเรียนเตรียมตัวนาเสนอผลการสืบค
๔.๒ ประโยชนข์ องสัตว์ในทอ้ งถิ่น ๑๓๒ ประโยชนข์ องพืชสตั ว์ในท้องถน่ิ ำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชวั่ โมง ชัน้ ประถมศกึ ษำปีที่ ๒ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ บัตรภาพสัตวช์ นิดต่าง ๆ ชนดิ ตา่ ง ๆ แล้วถามนกั เรียน ว่าสัตว์แต่ละชนิด ภำระงำน / ช้ินงำน เข้าใจของตนเอง) ๑. การบนั ทึกผลกิจกรรมในใบงาน ๓. การทาแบบฝกึ หัด ค์ในใบกิจกรรมที่ ๑ สัตว์ในท้องถ่ินมีประโยชน์ ไปน้ี วิธีกำรประเมิน งสตั วใ์ นท้องถิน่ ) ๑. การตอบคาถามในใบงาน มลู ) ๒. สงั เกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อธบิ ายประโยชน์ของสตั วใ์ นทอ้ งถนิ่ ) ในการทากิจกรรม การทากจิ กรรม เม่อื แนใ่ จแล้วว่านกั เรียนเขา้ ใจ ๓. สงั เกตด้านคุณธรรมขณะทากิจกรรม ๔ คน แล้วชักชวนนักเรียนทากิจกรรมที่ ๑ เวลานักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลสัตว์ หนงั สอื นติ ยสาร หรอื การต์ นู ความรู้เกย่ี วกบั สัตว์ ค้นข้อมูลในช่ัวโมงถัดไป
หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ พืชและสตั ว์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๔ กล่มุ สำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๔ รำยวิช ชัว่ โมงที่ ๒-๓ ข้ันนำ (๑๐ นำท)ี ๖. ครูติดรูป เป็ด ม้า วัว แล้วให้นักเรียนร่วมก อยา่ งไร ใหน้ ักเรียนเสนอความคดิ เหน็ โดยครเู ขียน ขั้นสอน (๑๐๐ นำท)ี ๗. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเตรียมนาเสนอ ที่หลากหลาย เช่น ทาแผนภาพ วาดภาพ เพ่ือให้เพ่ือนกลุ่มอ่ืน ๆ ศึกษา ๘. (ในชั่วโมงถัดไป) ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รา ๘.๑ มสี ตั วอ์ ะไรบา้ งในท้องถ่ินที่มีประโยชน์ (คา ๙.๒ สัตว์ในท้องถ่ินมีประโยชน์อย่างไรบ้าง (คา อาหาร) ๙ ครูนารูปสัตว์ชนิดต่าง ๆ ในข้ันนาเข้าสู่บทเรียน วา่ สตั ว์ชนิดตา่ ง ๆ มปี ระโยชน์อยา่ งไรบา้ ง ขั้นสรปุ (๑๐ นำท)ี ๑๐. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปไดว้ ่าสัตวใ์ นท้องถนิ่ เป็นเคร่อื งนงุ่ หม่ ช่วยให้เพลิดเพลนิ เป็นยารักษาโ
๔.๒ ประโยชนข์ องสตั ว์ในท้องถน่ิ ๑๓๓ ๔ ประโยชน์ของพืชสัตว์ในท้องถิ่น ชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชว่ั โมง ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๒ กันอภิปรายว่าส่ิงมีชีวิตดังกล่าวมีประโยชน์หรือไม่ เกณฑ์กำรประเมิน นความคดิ เห็นของนักเรยี นไวบ้ นกระดาน ๑. การตอบคาถามในใบงานได้ถกู ตอ้ งดว้ ย ตนเอง อและช่วยกันทาผลงานเพ่ือนาเสนอรูปแบบ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน พ หรือตาราง แล้วติดผลงานไว้บนผนังห้อง - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ายผลการทากจิ กรรม โดยครอู าจใชค้ าถามดังต่อไปน้ี ๒. มที กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ าตอบตามทนี่ ักเรียนสบื คน้ มา เชน่ ไก่ หม)ู ขณะทากิจกรรม าตอบตามที่นักเรียนสืบค้นมา เช่น ไก่กับหมูใช้เป็น - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน นมาให้นักเรียนดูอีกครั้งแล้วชวนนักเรียน อภิปราย - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓. มีคณุ ธรรมจรยิ ธรรมขณะทากิจกรรม นมีประโยชน์กับมนษุ ย์ในด้านต่าง ๆ เชน่ เป็นอาหาร - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน โรค เป็นพาหนะ - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๑ พชื และสัตว์ แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ท กลมุ่ สำระกำรเรยี นรูว้ ทิ ยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๔ ป รำยวิชำว ช่วั โมงท่ี ๔ ขน้ั นำ (๑๐ นำท)ี ๑๑. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะคนในกลุ่มเลือกรปู สัตวไ์ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มอธบิ ายประโยชน์ของสัตวช์ ขน้ั สอน (๔๕ นำท)ี ๑๒. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันระดมความคดิ กับคนในท้องถิ่นและสร้างรายได้ได้ และนาเ หรือติดบอรด์ ของโรงเรยี นเพื่อให้คนทวั่ ไปมีความ ๑๓. ครูนาอภิปรายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับประโยชน์ข นามาใชเ้ ป็นอาหารแลว้ ยงั นามาทาเปน็ พาหนะ เ ๑๔. นกั เรียนรว่ มกันตอบคาถามหลังจากทากจิ กร ขน้ั สรปุ (๕ นำที) ๑๕. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่าสัตว์มีประโย ยังนามาทาเปน็ พาหนะ เคร่อื งนุง่ หม่ เครอื่ งใช้ ย ๑๖. นกั เรียนทาใบงาน ๐๒ แบบฝึกหดั เร่ืองประ
ที่ ๔.๒ ประโยชน์ของสัตว์ในท้องถ่นิ ๑๓๔ ประโยชนข์ องพืชสัตว์ในท้องถน่ิ วิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ ๒ ไปคนละ ๑ ชนิด ไมซ่ า้ กัน จากน้นั มอบหมาย ชนิดนนั้ ให้เพ่ือน ๆ ในหอ้ งฟงั ดวา่ ในท้องถน่ิ ควรเล้ยี งสตั วช์ นดิ ใดทีม่ ปี ระโยชน์ เสนอในรูปแบบท่ีน่าสนใจผ่านส่ือสังคมออนไลน์ มรู้ ของสัตว์ว่า สัตว์มีประโยชน์ต่อคนมากมาย นอกจาก เคร่ืองน่งุ หม่ เครอ่ื งใช้ ยารักษาโรค และอื่น ๆ กรรม หน้า ๖๗ ยชน์ต่อคนมากมาย นอกจากนามาใช้เป็นอาหารแล้ว ยารกั ษาโรค และอื่นๆ ะโยชนข์ องสัตว์ในท้องถิ่น หนา้ ๖๘
๑๓๕ แบบประเมนิ ดำ้ นคณุ ธรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๔.๒ ประโยชน์ของสตั ว์ในท้องถิ่น ช่อื ผ้ปู ระเมนิ /กลมุ่ ประเมนิ …………………………………………………………………………………………............................................ ชือ่ กล่มุ รบั กำรประเมนิ ……………………………………………………………………………………………….............................................. ประเมินผลครงั้ ท…ี่ …......……………....…….. วัน ……….....……..…. เดอื น ………..….............……. พ.ศ. ……............................….. เร่อื ง……………………………………………………………………………………………….............................................................…………… ที่ ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งช้ี ระดับพฤติกรรม คะแนนท่ไี ด้ ๑. มุ่งมั่นในการทางาน เกดิ = ๑ ไมเ่ กดิ = ๐ ๒. ซ่อื สตั ย์ต่อตนเอง ๓. มีจติ เมตตากรณุ าต่อสตั ว์ รวมคะแนนทไ่ี ดท้ ั้งหมด = …………… คะแนน คุณลักษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๓๖ แบบประเมนิ ด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ในกำรทำกจิ กรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๔.๒ ประโยชนข์ องสตั ว์ในท้องถิ่น เกณฑ์การประเมนิ มดี ังน้ี ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถงึ พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรงุ สง่ิ ท่ีประเมนิ คะแนน การจัดกระทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู รวมคะแนน เกณฑก์ ำรประเมนิ ทกั ษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑) การจัดกระทาและ นาเสนอแผนผังความคิด นาเสนอแผนผังความคิด ไม่สำมำรถนาเสนอแผนผัง ส่ือความหมายข้อมูล เรื่องประโยชน์ของสัตว์ เรื่องประโยชน์ของสัตว์ ความคิด เร่ืองประโยชน์ของ ในท้องถ่ินให้ผู้อื่นเข้าใจ ในท้องถ่ินให้ผู้อ่ืนเข้าใจ ส ัต ว ์ใ น ท ้อ ง ถิ ่น ใ ห ้ผู ้อื ่น ได้ง่ายและชัดเจน ได้ ได้ง่ายและชัดเ จน ได้ เข้าใจได้ง่ายและชัดเจนได้ ด้วยตนเอง จำกกำรชี้แนะของครู ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก หรือผู้อื่น ผอู้ ่นื
๑๓๗ เฉลยใบงำน อำหำร เคร่ืองใช้ เครื่องนุ่งห่ม อำหำร อำหำร อำหำร เคร่ืองใช้ อำหำร อำหำร พำหนะ
๑๓๘ ขึ้นอยู่กับกำรรวบรวมข้อมูลของนกั เรยี น เชน่ มำ้ เปน็ พำหนะ
๑๓๙ สตั ว์มีประโยชน์ต่อมนษุ ย์ เช่น เปน็ อำหำร พำหนะ เครอื่ งนุง่ ห่ม เคร่อื งใช้ ยำรกั ษำโรค ขนึ้ อยู่กับกำรรวบรวมข้อมลู ของนักเรยี น เช่น มำ้ เป็นพำหนะ เป็นพำหนะ เคร่ืองนงุ่ ห่ม เครอ่ื งใช้ ยำรักษำโรค
๑๔๐
๑๔๑ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๒ ตัวเรา
๑๔๒ มำตรฐำนกำรเรยี นรู้และตวั ช้ีวดั ของหนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ ตวั เรำ (จำนวน ๑๑ ชั่วโมง) มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตวั ช้ีวดั มำตรฐำน ว ๑.๑ เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของส่ิงมีชีวิต ท่ีทางานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในการดารงชีวิตของ ตนเองและดแู ลส่งิ มีชีวิต ตัวชว้ี ัด ว ๑.๑ ป. ๒/๔ ทดลองและอธบิ ายร่างกายของมนษุ ย์สามารถตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ และการสมั ผสั ว ๑.๑ ป. ๒/๕ อธบิ ายปจั จัยทจี่ าเป็นต่อการดารงชวี ิตและการเจรญิ เติบโตของมนษุ ย์ มำตรฐำน ว ๘.๑ ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาตทิ ่ีเกิดขึ้นสว่ นใหญ่มรี ปู แบบทแ่ี น่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมือที่มีอยู่ในชว่ งเวลานั้น ๆ เข้าใจว่าวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสงิ่ แวดลอ้ มมคี วามเกี่ยวขอ้ งสมั พนั ธ์กัน ตวั ชีว้ ดั ว ๘.๑ ป. ๒/๑ ต้ังคาถามท่เี กย่ี วกับเรือ่ งทจ่ี ะศกึ ษาตามที่กาหนดให้หรือตามความสนใจ ว ๘.๑ ป. ๒/๒ วางแผนการสงั เกต สารวจตรวจสอบ ศึกษาคน้ ควา้ โดยใช้ความคดิ ของตนเอง และของครู ว ๘.๑ ป. ๒/๓ ใชว้ สั ดุอุปกรณใ์ นการสารวจตรวจสอบ และบนั ทึกผลดว้ ยวิธงี า่ ย ๆ ว ๘.๑ ป. ๒/๔ จดั กลุ่มข้อมูลที่ไดจ้ ากการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๕ ตัง้ คาถามใหม่จากผลการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๖ แสดงความคดิ เหน็ ในการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๗ บนั ทกึ และอธบิ ายผลการสังเกตสารวจตรวจสอบอยา่ งตรงไปตรงมาโดยเขยี นภาพ แผนภาพ หรือคาอธิบาย ว ๘.๑ ป. ๒/๘ นาเสนอผลงานด้วยวาจาใหผ้ ู้อน่ื เข้าใจกระบวนการและผลของงาน
๑๔๓ ลำดับกำรนำเสนอแนวคิดหลกั ของหนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๒ ตวั เรำ มนษุ ยต์ ้องการอาหาร น้า อากาศ เพื่อการดารงชีวติ และการเจริญเตบิ โต ร่างกายของมนุษยม์ ีการตอบสนองต่อแสง อณุ หภมู ิ และการสัมผัส
๑๔๔ โครงสรำ้ งแผนกำรจัดกำรเรยี นร้ขู องหน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๒ ตวั เรำ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ แผนที่ ๑ (ปัจจัยท่ีจาเปน็ (ปัจจัยทจ่ี าเปน็ ต่อการเจริญเติบโต ต่อการเจริญเติบโต และการดารงชวี ิตของเรา) และการดารงชีวิต) (๗ ชวั่ โมง) (๗ ชัว่ โมง) หนว่ ยย่อยที่ ๒ หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๒ (การตอบสนองต่อสิ่งเรา้ ตัวเรำ ของเรา) ( ๑๑ ชวั่ โมง) (๔ ชวั่ โมง) แผนท่ี ๒ (การตอบสนองต่อสิ่ง เร้าของเรา) (๔ ชัว่ โมง)
๑๔๕ หนว่ ยย่อยท่ี ๑ ปจั จยั ทจี่ ำเป็นต่อกำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชวี ิตของเรำ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๑ ชือ่ หนว่ ย ตัวเรำ จำนวนเวลำเรยี น ๗ ชวั่ โมง จำนวนแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ๓ แผน ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สำระสำคญั ของหนว่ ย มนุษยต์ ้องการอาหาร นา้ อากาศ เพ่อื การดารงชวี ติ และการเจริญเตบิ โต มำตรฐำนและตวั ช้ีวดั มำตรฐำน ว ๑.๑ เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่ิงมีชีวิตความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตที่ ทางานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในการดารงชีวิตของ ตนเองและดูแลสงิ่ มีชีวติ ตัวช้วี ัด ว ๑.๑ ป. ๒/๕ อธบิ ายปัจจยั ทีจ่ าเป็นต่อการดารงชวี ติ และการเจรญิ เติบโตของมนุษย์ มำตรฐำน ว ๘.๑ ใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจติ วทิ ยาศาสตรใ์ นการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปญั หา รวู้ า่ ปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติที่เกิดข้ึนส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเคร่ืองมือท่ีมีอยู่ใน ช่วงเวลานน้ั ๆ เขา้ ใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสิ่งแวดลอ้ มมีความเกี่ยวข้องสมั พันธก์ ัน ตวั ชีว้ ัด ว ๘.๑ ป. ๒/๑ ต้งั คาถามที่เกี่ยวกบั เรอ่ื งทจี่ ะศกึ ษาตามท่ีกาหนดใหห้ รือตามความสนใจ ว ๘.๑ ป. ๒/๒ วางแผนการสังเกต สารวจตรวจสอบ ศึกษาค้นควา้ โดยใชค้ วามคิดของตนเอง และของครู ว ๘.๑ ป. ๒/๓ ใช้วัสดุอุปกรณ์ในการสารวจตรวจสอบ และบนั ทกึ ผลดว้ ยวิธงี า่ ย ๆ ว ๘.๑ ป. ๒/๔ จดั กลุ่มข้อมูลที่ไดจ้ ากการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๕ ตงั้ คาถามใหมจ่ ากผลการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๖ แสดงความคิดเห็นในการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๗ บันทกึ และอธิบายผลการสงั เกต สารวจตรวจสอบอยา่ งตรงไปตรงมา โดยเขียนภาพ แผนภาพหรือคาอธบิ าย ว ๘.๑ ป. ๒/๘ นาเสนอผลงานด้วยวาจาใหผ้ ้อู นื่ เขา้ ใจกระบวนการและผลของงาน
๑๔๖ ลำดบั กำรเสนอแนวคิดหลักของหน่วยย่อยที่ ๑ ปจั จัยที่จำเป็นตอ่ กำรเจริญเตบิ โต และกำรดำรงชวี ติ ของเรำ ต้ังแต่แรกเกดิ จนเป็นผ้ใู หญ่ รา่ งกายมนุษย์มีการเปลย่ี นแปลงและเจรญิ เติบโต มนุษย์ตอ้ งการอาหาร น้า อากาศ เพ่ือการดารงชีวติ และการเจริญเติบโต โครงสร้ำงของหน่วยย่อยท่ี ๑ ปจั จัยทจี่ ำเป็นต่อกำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ิตของเรำ . หนว่ ยกำรเรียนรู้ ช่อื หน่วยย่อย จำนวนแผน ชอ่ื แผน จำนวน กำรจดั กำรเรียนรู้ ช่วั โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ หน่วยย่อยที่ ๑ ปจั จัยท่ี ๓ ๑. ปัจจัยจาเป็น ๗ ตัวเรา จาเปน็ ตอ่ การการ ต่อการเจรญิ เตบิ โต เจริญเตบิ โตและ และการดารงชีวติ การดารงชีวติ ของเรา ของเรา
๑๔๗ คำชี้แจงประกอบแผนจดั กำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๒ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑ ปจั จยั ท่จี ำเปน็ ต่อกำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชีวติ เวลำ ๗ ชว่ั โมง -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. สำระสำคัญของแผน มนุษยต์ ้องการอาหาร นา้ อากาศ เพือ่ การดารงชีวิตและการเจริญเตบิ โต ๒. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในกำรนำไปใช้ (ให้ระบสุ ่ิงที่ต้องกำรเน้นหรอื ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ) ในเร่อื งต่อไปน้ีคอื ๒.๑ ขอบเขตเนือ้ หำ ร่างกายของมนุษย์ มกี ารเจรญิ เติบโตวดั ได้จากสว่ นสูงและนา้ หนักทีเ่ พิ่มขนึ้ ปจั จัยที่จาเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โต และการดารงชีวิตของมนุษย์ ได้แก่ อาหาร น้า อากาศ ซ่ึงปัจจัยแต่ละปัจจัยล้วนมีประโยชน์กับร่างกายในวันหน่ึง ๆ เราควรรบั ประทานอาหารใหค้ รบ ๕ หมู่ เพือ่ ให้ร่างกายเจริญเติบโตเหมาะสมตามเพศและวัย ๒.๒ จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ (ควำมรทู้ กั ษะ คุณธรรมจริยธรรม ค่ำนิยม) (ถำ้ มี) จุดประสงค์ดำ้ นควำมรู้ อธิบายปัจจัยท่จี าเป็นต่อการดารงชีวิตและการเจรญิ เติบโตของมนุษย์ จุดประสงคด์ ้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. การจาแนกประเภท ๓. การวัด ๔. การจัดกระทาและสื่อความหมายข้อมูล ๕. การลงความเหน็ จากข้อมูล จดุ ประสงค์ดำ้ นคณุ ธรรม ๑. มคี วามมุ่งมน่ั ในการทางาน ๒. ซ่ือสตั ยต์ อ่ ตนเอง ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๔. มีวนิ ยั ๒.๓ กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ๑) กำรเตรียมตัวของครูนกั เรยี น (กำรจดั กลุ่ม) (ถ้ำม)ี การจดั กลมุ่ โดยแบ่งนักเรยี นออกเป็นกลมุ่ ละ ๔-๖ คน ๒) กำรเตรยี มสื่อวสั ดุอุปกรณข์ องครูนกั เรียน (ถำ้ มี) ส่ิงท่คี รตู ้องเตรยี มคอื ๒.๑ สมุดสุขภาพประจาตัวของนกั เรยี น ๑ เล่ม/คน ๒.๒ เครอื่ งช่ังนา้ หนัก และที่วดั สว่ นสูง ๑ ชดุ /ห้อง ๒.๓ อาหารทม่ี ตี ามท้องถ่ินหรือรปู อาหารสาเรจ็ รูป
๑๔๘ ๒.๔ รูปอาหารหลกั ๕ หมู่ ๑ ชดุ /ห้อง ๒.๕ รปู อาหารแต่ละหมแู่ ตล่ ะชนดิ ๑ ชุด/หอ้ ง ๒.๖ เตรยี มดาวน์โหลดโปรแกรมประยุกต์ “วทิ ย์ ป.๒“ เพอ่ื ส่อง AR หนา้ ๘๖ ๒.๗ รปู คนรบั ประทานอาหารและนา้ ๓) เตรียมใบงำน ใบควำมรู้ ใบกิจกรรม (ถำ้ มี) ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การเจริญเติบโตของเรา ๓.๒ ใบงาน ๐๒ อาหารกับการเจรญิ เติบโต ๓.๓ ใบความรู้ เร่อื งอาหารหลัก ๕ หมู่ ๓.๔ ใบความรู้ เรอื่ งปจั จยั ทจี่ าเปน็ ตอ่ การเจริญเติบโตและการดารงชีวิตของเรา ๓.๕ ใบความรู้ เรอ่ื งเหตกุ ารณเ์ หมืองถลม่ ทปี่ ระเทศชิลี ๓.๖ ใบงาน ๐๓ ปัจจัยที่จาเปน็ ตอ่ การเจริญเตบิ โตและการดารงชีวิตของมนษุ ย์ ๓.๗ ใบงาน ๐๔ แบบฝกึ หัด เร่ืองปจั จยั จาเปน็ ต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชีวติ ของเรา ๒.๔ วัดผลประเมนิ ผล (ถำ้ มี) ๑) วธิ ีกำรวดั ผลประเมินผลกำรเรียนรู้ ๑.๑ สงั เกตการตอบคาถามในช้นั เรียน ๑.๒ การตอบคาถามในแบบฝึกหดั ๑.๓ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการทากิจกรรม ๑.๔ สงั เกตดา้ นคณุ ธรรมขณะทากิจกรรม ๒) วธิ กี ำรเคร่อื งมือเกณฑ์ ๒.๑ เครอื่ งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมนิ ด้ำนควำมรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงานแล้วใช้เกณฑ์ในการให้คะแนนดังนี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เครอ่ื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (ดงั แนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกนั แลว้ ใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดังน้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
๑๔๙ ๒.๓ เคร่ืองมอื และเกณฑ์ในกำรประเมนิ ดำ้ นคุณธรรม สงั เกตคุณลักษณะดา้ นคุณธรรมโดยใช้แบบประเมนิ ด้านคุณธรรม (ดังแนบ) แลว้ นาคะแนน มารวมกันแล้วใช้เกณฑใ์ นการให้คะแนนดังนี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบกอ่ นเรยี น หลังเรียน แบบฝกึ หดั ก่อนเรียน หลงั เรยี น ทาแบบฝึกหัดในใบงานหลงั เรียน ๓. อื่นๆ ................................................................................................................................................................. ...... ............................................................................................................................ ..........................................
หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ่ี ๒ ตัวเรำ แนวทำงกำรจัดกิจกรรม กล่มุ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ เรื่อง ปจั จัยทีจ่ ำเป ข้ันนา แนวการจดั ขั้นสอน ครทู บทวนความรู้เก่ียวกบั ความหมาย ข้นั สรุป ร่วมกันทากิจกรรมที่ ๑ เรามีการเจริญ วดั และประเมนิ ผล รว่ มกนั ทากิจกรรมท่ี ๒ อาหารเกยี่ วก รว่ มกนั ทากิจกรรมท่ี ๓ ปจั จยั ทจี่ าเปน็ อภปิ รายเรื่องปจั จัยท่จี าเป็นต่อการเจ ทาใบงาน ๐๑ การเตบิ โตของเรา และ ทาใบงาน ๐๓ ปจั จัยทจี่ าเป็นต่อการเ ร่วมกันสรปุ เก่ยี วกบั ปจั จยั ทจี่ าเปน็ ตอ่ ทาใบงาน ๐๔ แบบฝึกหัด เร่ืองปัจจยั ประเมนิ จากการตอบคาถาม ประเมินจากการทากิจกรรมในช้ันเรีย ระเมินจากการทาแบบฝกึ หัด
มกำรเรยี นรขู้ องแผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ่ี ๑ ๑๕๐ ปน็ ตอ่ กำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชวี ิต เวลำ ๗ ช่ัวโมง รำยวชิ ำวทิ ยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษำปที ่ี ๒ ดกิจกรรมการเรียนรู้ ยของการเจริญเตบิ โตและการดารงชวี ติ และวิธกี ารวัดการเจรญิ เตบิ โต ญเตบิ โตอยา่ งไร กับการเจริญเติบโตหรือไม่ อยา่ งไร นต่อการดารงชวี ติ และเจริญเติบโตของเรามีอะไร จริญเติบโตและการดารงชวี ติ ของมนุษย์ ะทาใบงาน ๐๒ อาหารกับการเจริญเตบิ โต เจรญิ เตบิ โตและการดารงชวี ิตของมนุษย์ อการเจริญเตบิ โตและการดารงชีวติ ของมนุษย์ ยทจี่ าเป็นต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชวี ิตของมนุษย์ ยน
หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๒ ตวั เรำ แผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ ๑ ปัจจ กล่มุ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๒ ปจั จัยท่จี ำเป ขอบเขตเน้ือหำ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ (๗ ช่ัวโมง) ร่างกายของมนุษย์ มีการเจริญเติบโต ชวั่ โมงที่ ๑-๒ ขัน้ นำ ( ๑๐ นำที) วัดได้จากส่วนสูงและน้าหนักที่เพ่ิมข้ึน ๑. ครูนานักเรียนเข้าสบู่ ทเรียนโดยมีแนวคาถามดงั น ปัจจัยที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตและ การดารงชีวิตของมนุษย์ ได้แก่ อาหาร น้า ๑.๑ เราทราบได้อย่างไรวา่ เราเจริญเตบิ โต อากาศ ซ่ึงปัจจัยแต่ละปัจจัยล้วนมี ๑.๒ เราจะวัดการเจริญเติบโตของเราได้อย่างไร ประโยชน์กบั รา่ งกาย ๑.๓ เราต้องการสงิ่ ใดบา้ งเพือ่ การเจริญเตบิ โตแล ๑.๔ ทาไมส่งิ นั้นจงึ ทาใหเ้ ราเจริญเตบิ โตและมีชีว อาหารที่รับประทานในวันหน่ึง ๆ ควร ๑.๕ ความหมายของการดารงชีวิตคืออะไร และคว จะครบ ๕ หมู่ เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโต ความเขา้ ใจของตนเอง แล้วครเู ขียนสง่ิ ทน่ี กั เรียนตอ เหมาะสมตามเพศและวยั ขั้นสอน (๑๐๐ นำที) ๒. ครูถามนกั เรียนวา่ เราช่ังน้าหนกั และวัดส่วนสูงทกุ จุดประสงค์ด้ำนควำมรู้ และวัดสว่ นสงู และเขียนคาตอบของนกั เรยี นบนกร อธิบายปจั จยั ท่ีจาเปน็ ต่อการดารงชีวติ ๓. ครใู หน้ ักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจดุ ประสงคใ์ นใ จากนัน้ ครถู ามคาถามดังน้ี และการเจรญิ เติบโตของมนุษย์ ๓.๑ นักเรยี นจะเรียนเร่อื งอะไร (การเจริญเติบโต ๓.๒ นักเรยี นจะเรยี นดว้ ยวธิ ีการใด (สงั เกตและว ๓.๓ นกั เรยี นเรยี นแล้วจะทาอะไรได้ (วดั การเจรญิ
๑๕๑ จยั ท่จี ำเป็นตอ่ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ิต เวลำ ๗ ชั่วโมง ป็นตอ่ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ติ ของเรำ ชน้ั ประถมศกึ ษำปที ่ี ๒ รำยวชิ ำ วิทยำศำสตร์ ส่ือ / แหลง่ เรียนรู้ ๑. สมุดสุขภาพประจาตวั ของ นักเรยี นแต่ละคน น้ี ๒. เคร่ืองช่ังน้าหนัก และทวี่ ัดส่วนสูง ๓. อาหารทม่ี ีตามท้องถิ่นหรือรปู อาหารสาเร็จรูป ละการดารงชีวติ ๔. รูปอาหารหลัก ๕ หมู่ วิตอยู่ได้ ๕. รปู อาหารแตล่ ะหมู่แตล่ ะชนดิ วามหมายของการเจริญเตบิ โตคืออะไร นกั เรยี นตอบตาม ๖. รปู คนกาลงั รับประทานอาหาร และนา้ อบบนกระดาน ภำระงำน / ช้นิ งำน กเดือนเพอ่ื อะไร เราใช้เครื่องมืออะไรในการชั่งน้าหนกั ๑. การบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม ระดาน ลงในใบงาน ใบกจิ กรรมที่ ๑ เรามีการเจริญเตบิ โตอย่างไร หนา้ ๗๑ ๒. การทาแบบฝกึ หดั ตและการดารงชวี ิตของมนุษย์) วดั ) ญเตบิ โตของร่างกายตนเองได)้
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๒ ตวั เรำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑ ปจั จัย กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๒ ปัจจัยท่ีจำเป็น ร จุดประสงคด์ ้ำนคณุ ธรรม ๔. นักเรียนอ่านวิธีทาในใบกิจกรรมท่ี ๑ จากน้ันครูตร ๑. การสังเกต ได้ ๒. การจาแนกประเภท จงึ ใหน้ ักเรยี นทากิจกรรม ๓. การวดั ๕. นักเรียนสารวจและเปรียบเทียบขนาดเส้ือผา้ และรอ ๔. การจดั กระทาและส่ือความหมาย วา่ แตกต่างกันหรือไม่ เป็นเพราะเหตุใด ๖. ครูให้นักเรียนชั่งน้าหนักและวัดส่วนสูงเพื่อเปรียบเท ข้อมูล ได้จากสมุดสุขภาพประจาตัวของนักเรียนแต่ละคน ๕. การลงความเหน็ จากข้อมูล หน้า ๗๒ ๗. ครูใหน้ กั เรียนเขยี นแผนภมู ิแท่งในใบงาน ๐๑ หนา้ ๘. (ในช่ัวโมงถัดไป) ครูให้นักเรียนช่วยกันคิดว่ามีอะไร ใหเ้ หตุผลประกอบกอ่ นใหน้ กั เรียนทากิจกรรม ๙. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับการเจริญ ของตัวเองเมื่อ ๓ เดอื นและ ๖ เดือน ทผ่ี ่านมาและเด แนวคาถามดงั น้ี ๙.๑ ๖ เดือนทผ่ี า่ นมากบั เดือนปัจจบุ ัน นกั เรียนมสี ่วน ๙.๒ รไู้ ด้อย่างไรว่าร่างกายของเรามกี ารเจริญเติบโต ๑๐. นกั เรียนตอบคาถามหลงั จากทากจิ กรรม หนา้ ๗๔ ขั้นสรุป (๑๐ นำท)ี ๑๑. ครแู ละนกั เรียนชว่ ยกันสรปุ ว่ารา่ งกายของมนษุ ย์ม
๑๕๒ ยท่จี ำเป็นตอ่ กำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชวี ิต เวลำ ๗ ช่ัวโมง นตอ่ กำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชีวิตของเรำ ช้นั ประถมศึกษำปีที่ ๒ รำยวชิ ำ วิทยำศำสตร์ รวจสอบความเข้าใจที่ได้จากการอ่านจนแน่ใจว่านักเรียนทา วิธีกำรประเมนิ ๑. การตอบคาถามในใบกจิ กรรม ๒. การตอบคาถามในชน้ั เรยี น รองเท้าทใี่ ช้ในปัจจบุ ันกบั ที่ใช้ในปีทผ่ี า่ นมา แลว้ รว่ มอภิปราย ๓. สงั เกตทักษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการทากิจกรรม ทียบกับเมื่อ ๓ เดือนและ ๖ เดือนที่ผ่านมาโดยดูข้อมูลเดิม ๔. สงั เกตดา้ นคณุ ธรรมขณะ น และวาดภาพลงในใบงาน ๐๑ การเจริญเติบโตของเรา ทากิจกรรม ๗๓ รบ้างท่ีทาให้เราเจริญเติบโตและดารงชีวิตอยู่ได้ พร้อมท้ัง ญเติบโตของเรา โดยดูจากตารางบันทึกน้าหนักและส่วนสูง ดือนปจั จุบัน และจากกราฟที่ทาในใบงาน ๐๑ โดยอาจใช้ นสูงและนา้ หนักเปน็ อย่างไร (ส่วนสูงและน้าหนักทเ่ี พิม่ ขนึ้ ) ต (มีส่วนสงู และนา้ หนกั เพิ่มขึ้น เสอื้ ผ้าคับขนึ้ ) ๔ มีการเจริญเติบโตโดยดจู ากนา้ หนักและสว่ นสงู ทเี่ พิ่มข้ึน
หน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี ๒ ตวั เรำ แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๑ ปัจจยั กลุม่ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๒ ปัจจัยท่ีจำเปน็ ร ชัว่ โมงที่ ๓ ขัน้ นำ (๑๐ นำที) ๑๒. ครูนาอาหารทีม่ ีตามท้องถิ่นหรือรูปอาหารมาให ดงั ต่อไปน้ี ๑๒.๑ จากรปู อาหารมีอาหารกหี่ มู่ อะไรบ้าง ๑๒.๒ อาหารหมู่ท่ี ๑ ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง ๑๒.๓ อาหารหมทู่ ่ี ๒ ประกอบด้วยอะไรบ้าง ๑๒.๔ อาหารหมทู่ ่ี ๓ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง ๑๒.๕ อาหารหมทู่ ี่ ๔ ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง ๑๒.๖ อาหารหมทู่ ่ี ๕ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง ๑๒.๗ ถ้าเรารับประทานอาหารครบท้ัง ๕ หมู่ จะส่ง ของตนเอง โดยครูอาจเขยี นคาตอบของนักเรยี นไวบ้ ขัน้ สอน (๔๕ นำท)ี ๑๓. ครูให้นักเรยี นนกั เรียนอา่ นชือ่ กิจกรรมและจุดปร หรือไม่ อย่างไร หนา้ ๗๕ จากนนั้ ครถู ามคาถามดังน ๑๓.๑ นักเรียนจะเรียนเร่ืองอะไร (การจาแนกหมู่อ ๑๓.๒ นกั เรียนจะเรยี นดว้ ยวธิ กี ารใด (สารวจและสบื ค ๑๓.๓ นักเรียนเรียนแล้วทาอะไรได้ (จาแนกหมู่อาหา ๑๔. นักเรียนอา่ นวิธที าข้อ ๑-๒ ในกิจกรรมท่ี ๒ หนา้ แนวคาถามดังน้ี
๑๕๓ ยทจี่ ำเป็นต่อกำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชีวิต เวลำ ๗ ชั่วโมง นตอ่ กำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชวี ติ ของเรำ ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๒ รำยวชิ ำ วิทยำศำสตร์ หน้ ักเรียนดูเพือ่ กระตุ้นความสนใจ จากน้ันครใู ช้คาถาม เกณฑ์กำรประเมิน ๑. การตอบคาถามในแบบฝกึ หดั งผลดตี ่อรา่ งกายเราอย่างไร นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจ บนกระดาน ได้ถูกตอ้ งดว้ ยตนเอง ระสงค์ในใบกิจกรรมท่ี ๒ อาหารเก่ียวกบั การเจริญเติบโต - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน น้ี - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน อาหารและประโยชนท์ ีไ่ ด้รับจากสารอาหาร) - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ค้นข้อมลู ) ๒. มที ักษะกระบวนการ ารและบอกประโยชนท์ ี่ได้รบั จากอาหาร) า ๗๕ และครูตรวจสอบความเข้าใจจากการอ่าน โดยใช้ ทางวิทยาศาสตรข์ ณะทากิจกรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓. จดุ ประสงคด์ ้านคณุ ธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน
หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ่ี ๒ ตัวเรำ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ี ๑ ปจั จัย กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๒ ปจั จัยท่ีจำเป ร ๑๔.๑ ในกจิ กรรมข้อ ๑ ต้องทาอย่างไรบ้าง (สารวจร ๑๔.๒ ในกจิ กรรมข้อ ๒ ต้องทาอยา่ งไรบ้าง (สืบคน้ ส รายการอาหารในข้อ ๑ บันทึกผล) ๑๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มทากิจกรรมข้อ ๑-๒ สารว ของอาหารท่ีกินทง้ั ๓ ม้ือ บนั ทึกลงในใบงาน ๐๒ อาห ๑๖. ครูตรวจสอบการบันทึกส่วนประกอบของอาหารท หรือไม่ ถา้ ยังไมค่ รบถ้วนหรอื ไม่ถกู ต้อง ครคู วรชว่ ยแก ๑๗. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยครูอาจใช้คาถา ๑๗.๑ อาหาร ๑ จานมสี ่วนประกอบของอาหารก แกงจดื หมูสับ มสี ว่ นประกอบ ๖ อยา่ ง ไดแ้ ก่ ผกั หมสู บั ๑๗.๒ อาหารที่นักเรียนรับประทานอยู่ในอาหาร ตามความเข้าใจของตนเองและชวนนกั เรียนไปหาคา ขั้นสรปุ (๕ นำท)ี ๑๘. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปได้ว่า อาหารแต่ละช หลายอย่าง ช่ัวโมงที่ ๔-๕ ขัน้ นำ (๕ นำที) ๑๙. ครชู วนนักเรยี นทบทวนอาหาร ๕ หมู่วา่ มอี ะไรบา้ ง ขั้นสอน (๑๐๕ นำที) ๒๐. ครูใหน้ ักเรยี นอ่านกิจกรรมท่ี ๒ ขอ้ ๓-๕ หนา้ ๗๕
ยทจี่ ำเป็นตอ่ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ติ ๑๕๔ ปน็ ตอ่ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ติ ของเรำ รำยวชิ ำ วิทยำศำสตร์ เวลำ ๗ ชว่ั โมง ชั้นประถมศกึ ษำปีที่ ๒ รายการอาหาร) สว่ นประกอบของอาหารทร่ี บั ประทานใน ๑ วนั ตาม วจอาหารที่กินในแต่ละมื้อ พร้อมทั้งบอกส่วนประกอบ หารกบั การเจรญิ เตบิ โต หน้า ๗๘-๘๐ ทีน่ กั เรยี นบนั ทกึ ลงในตาราง หนา้ ๗๘-๘๐ วา่ บนั ทกึ ถกู ต้อง กไ้ ขให้ถูกต้อง ถามดงั ต่อไปนี้ ก่อี ยา่ ง อะไรบา้ ง (นักเรยี นตอบตามการทากิจกรรม เช่น บ วนุ้ เสน้ ต้นหอม ผักชี กระเทยี ม) รหลัก ๕ หมู่ใด และมีประโยชน์อย่างไร (นักเรียนตอบ าตอบจากการทากิจกรรมตอ่ ไป) ชนิดท่ีนักเรียนรับประทานอาจประกอบด้วยส่วนประกอบ ง ๕ แล้วตรวจสอบความเขา้ ใจขั้นตอนการทากิจกรรมจน
หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๒ ตวั เรำ แผนกำรจดั กำรเรยี นรทู้ ี่ ๑ ปจั กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๒ ปจั จัยที่จำเ แนใ่ จวา่ นักเรียนทาได้ จงึ ใหน้ กั เรียนลงมอื ทากจิ กรร ๒๑. นักเรียนอ่านใบความรู้ เรื่องอาหารหลัก ๕ ในใบความรู้ โดยครอู าจใช้แนวคาถามดงั นี้ ๒๑.๑ เราตอ้ งกนิ อาหารวันละกี่มื้อเป็นหมู่หลัก อ ๒๑.๒ ในแตล่ ะวนั เราควรรับประทานอาหารให ๒๑.๓ อาหารทัง้ ๕ หมู่ มอี ะไรบ้างและใหป้ ระ หมเู่ นื้อสัตว์ ไข่ นม และถวั่ ตา่ ง ๆ ชว่ หมขู่ ้าว แปง้ นา้ ตาล เผอื ก มัน ให้พ หมผู่ ักต่าง ๆ ชว่ ยใหร้ ่างกายต้านท หม่ผู ลไม้ตา่ ง ๆ ช่วยในการขับถ่าย ของร่างกาย หมูไ่ ขมนั และน้ามันจากพชื และสตั ว ๒๒. ครูยกตัวอยา่ งการจาแนกสว่ นประกอบของอ ขำ้ ว ไข่ ข้ำวไขเ่ จียว น้ำมนั
จจัยทจ่ี ำเปน็ ต่อกำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชีวติ ๑๕๕ เป็นต่อกำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชีวิตของเรำ เวลำ ๗ ชั่วโมง รำยวิชำ วิทยำศำสตร์ ช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๒ รม หมู่ หน้า ๗๖ แล้วครูและนักเรียนช่วยกันอภิปรายความรู้ อะไรบ้าง (มอ้ื หลักมี ๓ มื้อ คือ มอื้ เช้า มือ้ เที่ยง และมอื้ เยน็ ) ห้ครบกห่ี มู่ (๕ หมู่) ะโยชนอ์ ย่างไร (มี วยให้รา่ งกายเจริญเตบิ โตแข็งแรง และซอ่ มแซมสว่ นทส่ี ึกหรอ พลงั งานแกร่ า่ งกาย ทานโรค และชว่ ยควบคมุ การทางานของร่างกาย ย เสรมิ สรา้ งรา่ งกายให้แขง็ แรง และชว่ ยควบคุมการทางาน ว์ ช่วยให้พลงั งานแกร่ ่างกาย ชว่ ยให้รา่ งกายอบอุ่น) อาหารตามหมู่อาหารจากในตาราง เชน่
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266