Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือครูวิทยาศาสตร์ ป.2 เล่ม 1

คู่มือครูวิทยาศาสตร์ ป.2 เล่ม 1

Published by Amanee Hayihasa, 2022-07-03 03:15:14

Description: คู่มือครูวิทยาศาสตร์ ป.2 เล่ม 1

Search

Read the Text Version

ำเปน็ ต่อกำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชวี ติ ของพชื ๔๐ ติบโตและกำรดำรงชวี ติ ของพชื ำวทิ ยำศำสตร์ เวลำ ๕ ช่ัวโมง ชัน้ ประถมศึกษำปที ่ี ๒ มตร) ของใบ และลาตน้ ของพชื ) ทั้ง ๓ กระถางเวลาใด (เวลาเดียวกันทกุ วัน) ลือกระถางละ ๔ ต้น และทาเครื่องหมายว่าต้นใด มสงู ของต้นพชื บันทึกผลลงในตาราง ลักษณะลาตน้ ๒๐ ในช่วงวนั ทีเ่ ริ่มทดลอง ยวกบั แสงและนา้ เป็นปัจจัยทีจ่ าเป็นต่อการเจริญเติบโต ติบโตของตน้ พืชดว้ ยการวัดความสูง สังเกตลักษณะและ ชจะมลี ักษณะเปล่ยี นแปลงไปอย่างไรบ้าง (นักเรยี นตอบ งต้นพืชท้ัง ๓ กระถาง และบันทึกผลลงในตาราง รทดลอง โดยอาจใช้คาถาม ดงั ต่อไปนี้ ญเตบิ โตเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ พืชและสตั ว์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑.๒ ปจั จัยทจ่ี ำ กล่มุ สำระกำรเรยี นรูว้ ิทยำศำสตร์ ๘.๗ หน่วยท่ใี ชว้ ดั คหืออนะ่วไยรย(่อเซยนทต่ี ๑ิเมตกรำแรลเจะรมิญลิ เลติเมบิ ๘.๘ สิง่ ทต่ี ้องตดิ ตามคืออะไร (ความสงู รลำักยษวณิชำะวขิท ๘.๙ นักเรยี นจะสงั เกตและวดั ความสงู ของต้นพืชท (แตกต่างกัน กระถางใบที่ ๓ ท่ีรดน้า พืชทุกชนดิ มีความ ใบท่ี ๒ ท่ีไม่ไดร้ ดน้า) ๑๓.๒ จากการทดลองตน้ พชื ในกระถางที่ ๒ และ ๓ ส และการดารงชีวติ ของพืช) ๑๓.๓ ตน้ พชื ในกระถางใบที่ ๑ และ ๓ มกี ารเจรญิ เตบิ โต ใบมีสีเขยี ว ลาต้นใหญ่มากกวา่ กระถางใบที่ ๑ ท่ีไม่ไดร้ บั ๑๓.๔ จากการทดลองตน้ พืชในกระถางท่ี ๑ และ ๓ สร และการดารงชวี ติ ของพืช) ข้ันสรปุ (๑๐ นำท)ี ๑๔. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปวา่ ในการทดลองของกระถ และการดารงชีวิตของพืช และในการทดลองของกระถา และการดารงชีวติ โดยสงั เกตได้จากการเปล่ียนแปลง ชั่วโมงท่ี ๔ ขั้นนำ (๕ นำที) ๑๕. ครูทบทวนจากครงั้ ทแ่ี ล้ว แล้วถามนักเรียนวา่ นอกจ เจริญเติบโตและดารงชีวิตได้ (นักเรยี นตอบตามความเข้า

ำเปน็ ต่อกำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชวี ติ ของพืช ๔๑ มบตโตร)และกำรดำรงชีวติ ของพชื ขทอยงใำบศำแสลตะรล์าตน้ ของพืช) เวลำ ๕ ชั่วโมง ทั้ง ๓ กระถางเวลาใด (เวลาเดยี วกนั ทุกวัน) ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ ๒ มสูงเพ่ิมมากขึน้ ใบมสี เี ขียว ลาต้นใหญม่ ากกวา่ กระถาง สรุปไดว้ ่าอะไร (น้าเปน็ ปัจจัยท่จี าเป็นต่อการเจรญิ เติบโต ตเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร (กระถางใบท่ี ๓ ไดร้ บั แสง บแสง) รุปได้วา่ อะไร (แสงเปน็ ปัจจยั ท่ีจาเปน็ ตอ่ การเจรญิ เติบโต ะถางที่ ๑ กบั ๓ แสงเปน็ ปัจจัยท่ีจาเป็นต่อการเจริญเติบโต างที่ ๒ กับ ๓ น้าเป็นปัจจัยที่จาเป็นต่อการเจริญเตบิ โต งลักษณะของใบ ลาตน้ และความสงู ของตน้ พืช จากแสงและน้าแลว้ ยังมปี จั จัยอ่ืนอีกหรอื ไม่ทีช่ ว่ ยให้พชื าใจของตนเอง)

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๑ พชื และสตั ว์ แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑.๒ ปจั จัยทจ่ี ำ กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้วู ิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยท่ี ๑ กำรเจรญิ เตบิ โ รำยวชิ ำวทิ ข้นั สอน (๔๕ นำท)ี ๑๖. ครูใหน้ ักเรียนอ่านใบกจิ กรรมที่ ๑ ขอ้ ท่ี ๘ ๑๗. นักเรียนและครูร่วมกันอ่านใบความรู้เรื่อง ปัจ ของพืชทีละย่อหนา้ จากน้ันครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อ ๑๗.๑ นอกจากน้าและแสงแล้ว ยงั มีปจั จยั อะไรอกี ทพี่ (อาหาร อากาศและธาตุอาหาร) ๑๗.๒ พชื ใชน้ ้าในกจิ กรรมใดของพืช (เพือ่ การงอกขอ ๑๗.๓ แสงมีประโยชนต์ ่อพชื อยา่ งไรบ้าง (เพื่อใช้ในกา ๑๗.๔ พชื ใช้แกส๊ ออกซิเจนทาอะไร (ใช้ในการงอกของ ๑๗.๕ พืชใช้แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ทาอะไร (ใชใ้ นกา ๑๗.๖ ธาตุอาหารมีประโยชน์กบั พืชอย่างไร (เพอ่ื ให้พ ๑๘. ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายวิธีการเขียนแผนผัง การดารงชีวิตของพืช โดยอาจยกตัวอย่างวิธีการเขียน ช่วยเหลอื ในการเขยี น ๑๙. นกั เรยี นตอบคาถามหลังจากทากิจกรรม หนา้ ๒๒- ขน้ั สรปุ (๑๐ นำท)ี ๒๐. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ ได้ว่าปจั จยั ท่ีจาเป็นต่อก อากาศ ธาตอุ าหาร และอาหาร เรามวี ธิ กี ารสงั เกตวา่ พชื และความสูงของต้นพืชท่ีเพ่ิมขึ้น

ำเป็นตอ่ กำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชีวิตของพืช ๔๒ โตและกำรดำรงชวี ติ ของพืช ทยำศำสตร์ เวลำ ๕ ช่ัวโมง ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ ๒ จจัยที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตและ การดารงชีวิต อภิปรายโดยอาจใช้คาถาม ดังนี้ พชื จาเป็นต้องใชเ้ พื่อการเจรญิ เตบิ โต และการดารงชีวติ องเมล็ด สร้างอาหาร ลาเลยี งอาหารและธาตอุ าหาร) ารสร้างอาหารและการงอกของเมลด็ บางชนดิ ) งเมลด็ และการหายใจ) ารสร้างอาหาร) พชื เจรญิ เติบโตเป็นปกติ) งความคิด เรื่องปัจจัยที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตและ นในเร่ืองอ่ืนจนแน่ใจว่านักเรียนเขียนได้ และครูคอย -๒๔ การเจริญเติบโตและการดารงชีวิตของพชื ได้แก่ น้า แสง ชมีการเจรญิ เติบโตโดยสังเกตจากลักษณะของใบ ลาตน้

๔๓ แบบประเมินด้ำนคณุ ธรรม แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๑.๒ ปจั จยั ท่จี ำเปน็ ต่อกำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชีวติ ของพืช ช่ือผปู้ ระเมิน/กลุ่มประเมนิ …………………………………………………………………………………………............................................ ช่ือกลุม่ รับกำรประเมนิ ………………………………………………………………………………………………............................................ ประเมนิ ผลครัง้ ท…ี่ …......……………....…….. วัน ……….....……..…. เดือน ………..…..........……. พ.ศ. ……............................….. เรื่อง………………………………………………………………………………………………...........................................................…………… ที่ ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบ่งชี้ ระดบั พฤตกิ รรม คะแนนทไ่ี ด้ ๑. มีความมุ่งมน่ั ในการทางาน เกิด = ๑ ไม่เกิด = ๐ ๒. มคี วามสามัคคี ชว่ ยเหลือในการทางานกลุ่มรว่ มกนั ๓. มคี วามซือ่ สัตยต์ ่อตนเอง รวมคะแนนทไ่ี ด้ท้งั หมด = …………… คะแนน คณุ ลกั ษณะตามจดุ ประสงค์ด้านคุณธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๔๔ แบบประเมนิ ด้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตรใ์ นกำรทำกิจกรรม แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑.๒ ปจั จัยที่จำเปน็ ตอ่ กำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชีวิตของพชื เกณฑก์ ารประเมนิ มีดงั นี้ ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถงึ ควรปรบั ปรุง ส่ิงทปี่ ระเมิน คะแนน การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจดั กระทาและสือ่ ความหมายขอ้ มูล การลงความเหน็ จากขอ้ มลู การกาหนดนิยามเชงิ ปฏิบัติการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป รวมคะแนน เกณฑก์ ำรประเมนิ ทกั ษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรุง (๑) การสงั เกต ใช้ตาในการรวบรวมข้อมูล ใช้ตาในการรวบรวมข้อมูล ไม่สำมำรถใช้ตาในการรวบรวม การวดั เกย่ี วกบั ลักษณะของต้นพืชได้ เกี่ยวกับลกั ษณะของต้นพชื ได้ ข้อมูลเก่ียวกับลักษณะของต้นพืช ด้วยตนเองโดยไม่เพ่ิมเติม จำกกำรช้ีแนะของครูหรือ ได้ ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก ความคดิ เหน็ ผ้อู ื่น ผอู้ ่นื ใช้ไม้บรรทัดวัดความสูงของ ใช้ไม้บรรทัดวัดความสูงของ ไม่สำมำรถใช้ไม้บรรทัดวัดความ ต้นพืชและบอกหน่วยได้ ต้นพืชและบอกหน่วยได้อย่าง สูงของต้นพืชและบอกหน่วยได้ อยา่ งถูกตอ้ งได้ดว้ ยตนเอง ถูกต้องได้จำกกำรชี้แนะของ อย่างถูกต้องได้ ถึงแม้จะได้รับ ครูหรือผู้อ่นื คาแนะนาจากผู้อนื่

๔๕ ทักษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑) การใช้จานวน ใส่ค่าและหน่วยวัดความสูง ใสค่ า่ และหนว่ ยวัดความสงู ได้ ไม่สำมำรถใส่ค่าและหน่วยวัด การจดั กระทาและ สื่อความหมายขอ้ มลู ถูกตอ้ งได้ดว้ ยตนเอง ถูกต้องจำกกำรชแ้ี นะของครู ความสูงได้ถูกต้อง ถึงแม้จะได้รับ การลงความเหน็ หรือผอู้ นื่ และเพิ่มควำม คาแนะนาจากผอู้ ่ืน จากขอ้ มลู คดิ เห็น การกาหนดนิยาม เชิงปฏิบัติ นาเสนอแผนผงั ความคดิ นาเสนอแผนผงั ความคิด ไม่สำมำรถนาเสนอแผนผัง การกาหนดและ ปจั จัยท่จี าเป็นต่อการ ปัจจยั ทจ่ี าเปน็ ตอ่ การ ความคิดปัจจัยที่จาเป็นต่อการ ควบคุมตัวแปร เจรญิ เตบิ โตและดารงชวี ติ เจรญิ เติบโตและดารงชวี ิต เจริญเติบโตและดารงชีวิตของพืช การทดลอง ของพชื ให้ผูอ้ ่ืนเข้าใจงา่ ย ของพืช ใหผ้ ้อู ืน่ เขา้ ใจงา่ ยและ ให้ผู้อื่นเข้าใจง่ายและชัดเจน และชัดเจน ดว้ ยตนเอง ชัดเจน จำกกำรชแ้ี นะของครู ถงึ แมจ้ ะไดร้ ับคาแนะนาจากผู้อ่ืน หรือผ้อู ื่น เพิ่มเตมิ ความคดิ เห็นเกย่ี วกบั เพ่มิ เตมิ ความคิดเห็นเก่ยี วกับ ไม่สำมำรถเพิ่มเติมความคิดเห็น ลักษณะของต้นพืช ที่สังเกต ลักษณะของต้นพืช ท่ีสังเกต เกี่ยวกบั ลกั ษณะของต้นพชื ไดอ้ ย่างมีเหตุผลดว้ ยตนเอง ได้อย่างมีเหตุผลจำกกำร ที่สังเกตได้อย่างมีเหตุผล ถึงแม้ ชแี้ นะของครหู รอื ผู้อืน่ จะได้รับคาแนะนาจากผู้อืน่ กาหนดขอบเขตของการวัด กาหนดขอบเขตของการวัด ไม่สำมำรถ กาหนดขอบเขตของ การเจรญิ เติบโตของพืชที่ปลกู การเจริญเติบโตของพืชที่ปลกู การวัดการเจรญิ เตบิ โตของพชื ได้ดว้ ยตนเอง จำกกำรชี้แนะของครูหรือ ท่ีปลูก ถึงแม้จะได้รับคาแนะนา ผูอ้ ่นื จากผู้อ่ืน บอกตัวแปรต้น ตัวแปรตาม บอกตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ไม่สำมำรถ บอกตัวแปรต้น และตัวแปรที่ต้องควบคุมให้ และตัวแปรท่ีต้องควบคุมให้ ตัวแปรตามและตัวแปรท่ีต้อง คงท่ีในการทดลองปัจจัยท่ี คงที่ในการทดลองปัจจัยที่ ควบคุมให้คงที่ในการทดลอง จาเป็นต่อการเจริญเติบโต จาเป็นตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและ ปัจจยั ทีจ่ าเป็นตอ่ การเจริญเติบโต และการดารงชีวิตของพืชที่ การดารงชวี ิตของพชื ท่ีปลูกได้ และการดารงชีวิตของพืชที่ปลูก ปลกู ได้ด้วยตนเอง จำกกำรช้ีแนะของครูหรือ ได้ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก ผอู้ ่นื ผอู้ ่นื ทาการทดลองปจั จัยที่จาเป็น ทาการทดลองปัจจัยท่ีจาเป็น ไม่สำมำรถ ทาการทดลองปัจจัย ต่อการเจริญเติบโตและ ต่ อการเจริ ญเติ บโตและ ท่ีจาเป็นต่อการเจริญเติบโตและ ดารงชีวิตของพืชท่ีปลูกโดย ดารงชีวิตของพืชท่ีปลูกโดยมี ดารงชีวิตของพืชที่ปลูกโดยมี มี ข้ันตอนครบถ้วนเหมาะสมได้ ขั้นตอนครบถ้วนเหมาะสมได้ ถึงแมจ้ ะไดร้ ับคาแนะนาจากผู้อน่ื

๔๖ ทักษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรับปรุง (๑) การตคี วามหมาย ขน้ั ตอนครบถ้วนเหมาะสมได้ จำกกำรช้ีแนะของครูหรือ ขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป ดว้ ยตนเอง ผอู้ ่นื อธิบายเกี่ยวกับปัจจัยที่ อธิ บายเก่ี ยวกั บปั จจั ยท่ี ไม่สำมำรถอธิบายเกี่ยวกับปัจจัย จาเป็นต่อการเจริญเติบโต จาเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โตและ ท่ีจาเป็นต่อการเจริญเติบโตและ และการดารงชีวิตของพืช การดารงชีวิตของพืช โดยใช้ การดารงชีวิตของพืช โดยใช้ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมจาก ข้อมูลที่รวบรวมจากการ ข้อมูลที่รวบรวมจากการสังเกต การสังเกต การทดลอง และ สังเกต การทดลอง และการ การทดลอง และการสืบค้นข้อมูล การสืบค้นข้อมูลได้ด้วย สืบค้นข้อมูลได้จำกกำรช้แี นะ ถึงแมจ้ ะไดร้ บั คาแนะนาจากผอู้ น่ื ตนเอง ของครหู รือผอู้ ่นื

เฉลยใบงำน ๔๗ (บนั ทกึ ผลตำมกำรทำกิจกรรมของนกั เรียน)

(บนั ทกึ ผลตำม (บันทึกผลตำม กำรทำกจิ กรรม กำรทำกจิ กรรม ของนกั เรยี น) ของนกั เรยี น) ๔๘

(บนั ทกึ ผลตำม (บันทึกผลตำม กำรทำกจิ กรรม กำรทำกจิ กรรม ของนกั เรยี น) ของนกั เรยี น) ๔๙

(บนั ทึกผลตำม (บันทึกผลตำม กำรทำกจิ กรรม กำรทำกจิ กรรม ของนกั เรยี น) ของนกั เรยี น) ๕๐

๕๑ นักเรยี นสำมำรถทำรปู แบบอ่ืน ๆ ตำมควำมคดิ ของนกั เรียนได้

๕๒ ทรำบจำกกำรสงั เกตและวัดตน้ พืชมีกำรขยำยขนำดสว่ นสูงเพิม่ และมีจำนวนใบ มำกข้ึน มี ทรำบจำกตน้ พชื บำงส่วนทไ่ี มไ่ ด้รับแสงและนำ้ ไมส่ ำมำรถเจรญิ เติบโตตอ่ ไปได้ ใบและลำตน้ เห่ียวเฉำ แตกต่ำงกนั คอื กระถำงที่ ๑ มใี บสีเหลือง และลำตน้ ลบี เล็กมำกกวำ่ พืชกระถำงที่ ๒

๕๓ แสง แตกต่ำงกนั คอื พชื กระถำงท่ี ๓ มีกำรเจริญเตบิ โตดกี วำ่ โดยมใี บเขียวลำตน้ อวบ และสงู กวำ่ กระถำงที่ ๑ น้ำ

๕๔ หนว่ ยยอ่ ยที่ ๒ กำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชวี ติ ของสตั ว์ หน่วยกำรเรียนร้ทู ่ี ๑ ช่อื หนว่ ย พืชและสตั ว์ จำนวนเวลำเรยี น ๔ ชวั่ โมง จำนวนแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ ๑ แผน --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- สำระสำคัญของหน่วย สัตว์ตอ้ งการอาหาร น้า อากาศเพอ่ื การการดารงชีวิตและการเจรญิ เติบโต มำตรฐำนกำรเรยี นร้แู ละตวั ช้วี ัด มำตรฐำน ว ๑.๑ เข้าใจหน่วยพืน้ ฐานของสง่ิ มีชวี ติ ความสมั พันธข์ องโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมชี วี ติ ที่ ทางานสมั พนั ธก์ นั มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สอื่ สารสิ่งทเ่ี รียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในการดารงชีวติ ของตนเอง และดแู ลส่ิงมีชีวติ ตัวชว้ี ดั ว ๑.๑ ป. ๒/๒ อธิบายอาหาร น้า อากาศเปน็ ปัจจยั ท่จี าเปน็ ตอ่ การดารงชีวิตการเจริญเตบิ โตของพชื และสัตว์ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มำตรฐำน ว ๘.๑ ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสบื เสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รู้วา่ ปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติท่ีเกิดขึ้นส่วนใหญม่ รี ปู แบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ภายใตข้ ้อมลู และเครื่องมือที่มีอยู่ ในช่วงเวลานน้ั ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคม และสงิ่ แวดลอ้ มมีความเก่ียวขอ้ งสัมพันธ์กัน ตวั ชว้ี ดั ว ๘.๑ ป. ๒/๑ ต้ังคาถามทเี่ ก่ยี วกบั เร่อื งทจ่ี ะศกึ ษาตามที่กาหนดให้หรือตามความสนใจ ว ๘.๑ ป. ๒/๒ วางแผนการสงั เกต สารวจตรวจสอบ ศึกษาค้นคว้า โดยใช้ความคิดของตนเอง และของครู ว ๘.๑ ป. ๒/๓ ใช้วัสดุอปุ กรณ์ในการสารวจตรวจสอบ และบันทกึ ผลด้วยวธิ งี ่าย ๆ ว ๘.๑ ป. ๒/๔ จดั กลุ่มข้อมูลท่ีไดจ้ ากการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๕ ต้งั คาถามใหม่จากผลการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๖ แสดงความคดิ เหน็ ในการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๗ บันทึกและอธิบายผลการสังเกตสารวจตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาโดยเขียนภาพ แผนภาพหรือคาอธิบาย ว ๘.๑ ป. ๒/๘ นาเสนอผลงานดว้ ยวาจาใหผ้ อู้ ่นื เข้าใจกระบวนการและผลของงาน

๕๕ ลำดับกำรเสนอแนวคดิ หลกั ของหน่วยย่อยท่ี ๒ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ติ ของสัตว์ สตั ว์ต้องการอาหาร น้า อากาศ เพอื่ การดารงชวี ิตและการเจรญิ เติบโต โครงสรำ้ งของหน่วยยอ่ ยที่ ๒ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ิตของสัตว์ หนว่ ยกำรเรียนรู้ ชอ่ื หนว่ ยย่อย จำนวน ชือ่ แผนกำร จำนวนชว่ั โมง แผน จดั กำรเรียนรู้ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๑ หน่วยยอ่ ยที่ ๒ การเจริญเติบโต ๑ ๒. ปจั จยั ทจี่ าเป็น ๔ พืชและสตั ว์ และการดารงชีวติ ของสตั ว์ ต่อกาเจริญเตบิ โต และการดารงชีวิต ของสตั ว์ .

๕๖ คำชีแ้ จงประกอบแผนจัดกำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๒ ปัจจยั ทจ่ี ำเปน็ ต่อกำรเจริญเตบิ โตและในกำรดำรงชีวติ ของสัตว์ เวลำ ๔ ช่วั โมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. สำระสำคญั ของแผน สัตว์ตอ้ งการอาหาร นา้ อากาศ เพ่อื การดารงชวี ิตและการเจรญิ เติบโต และมนุษยน์ าความรูเ้ กีย่ วกบั สตั ว์ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาวนั ๒. ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ ในกำรนำไปใช้ (ให้ระบสุ ง่ิ ท่ีต้องกำรเน้นหรือขอ้ สังเกต ขอ้ เสนอแนะ คำแนะนำ) ในเรือ่ งตอ่ ไปนี้ คอื ๒.๑ ขอบขำ่ ยเนื้อหำ ปัจจยั ทีจ่ าเปน็ ในการดารงชวี ติ และการเจริญเติบโต สตั วต์ อ้ งการอาหาร น้า และ อากาศ เพอ่ื การเจริญเตบิ โต และการดารงชีวิต หากขาดปจั จยั เหล่านสี้ ตั ว์ก็ตายได้ ๒.๒ จุดประสงค์กำรเรียนรู้ (ควำมรู้ ทักษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม คำ่ นิยม) (ถำ้ มี) ๑. ระบปุ ัจจัยทจ่ี าเปน็ ในการดารงชวี ติ และการเจรญิ เตบิ โต ๒. เลือกวธิ ีในการวดั และใช้เครอ่ื งมือในการวดั การเจริญเติบโตได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จุดประสงคด์ ำ้ นทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ๑. การสังเกต ๒. การวัด ๓. การใชจ้ านวน ๔. การจดั กระทาและส่อื ความหมายขอ้ มลู ๕. การลงความเห็นจากข้อมลู จุดประสงคด์ ้ำนคณุ ธรรม ๑. มจี ิตเมตตากรุณาต่อสตั ว์ ๒. มคี วามสามัคคี ชว่ ยเหลือในการทางานกล่มุ รว่ มกัน ๓. มคี วามมุง่ มัน่ ในการทางาน ๒.๓ กำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ ๑) กำรเตรียมตวั ของครู นกั เรยี น (กำรจดั กลมุ่ ) (ถ้ำมี) ๑.๑ การจดั กลมุ่ โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุม่ กลุ่มละ ๔-๖ คน ๑.๒ เตรียมสบื คน้ ขอ้ มูลเกยี่ วกับวธิ กี ารเลย้ี งสตั วท์ ีค่ ิดวา่ นักเรยี นจะเลอื กเลี้ยง เช่น ไก่ ปลา หนอน

๕๗ ๒) กำรเตรยี มสื่อ วัสดอุ ปุ กรณ์ ของครู นักเรยี น (ถ้ำม)ี สง่ิ ที่ครูตอ้ งเตรยี ม คอื ๒.๑ เตรียมช่วยนักเรียนแนะนาเร่ืองการเลือกสตั วเ์ ลีย้ ง วสั ดุอุปกรณท์ ่จี ะใช้เลี้ยงสัตวว์ ่าจะหาได้จากท่ีไหน อย่างไร ๒.๒ เตรียมหาสถานทส่ี าหรบั เลยี้ งสัตวท์ ่ีนักเรียนจะเลอื กเล้ียง ๒.๓ เตรยี มอปุ กรณ์สาหรบั เปิดนิทาน หรอื อา่ นนทิ านเรื่องลงิ อวดเก่ง ๒.๔ สไี ม้หรือสเี ทียน ๒ กล่อง/กลมุ่ ๒.๕ ไม้บรรทัด ๑ อนั /กลมุ่ ๒.๖ สายวัด ๑ เส้น/กล่มุ ๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกจิ กรรม (ถ้ำม)ี ๓.๑ ใบงาน ๐๑ ปจั จัยที่จาเปน็ ต่อการเจริญเติบโตและการดารงชวี ติ ของสตั ว์ ๓.๒ ใบงาน ๐๒ แบบฝกึ หัด เรือ่ งปัจจัยทจ่ี าเป็นต่อการเจริญเตบิ โตและการดารงชวี ิตของสัตว์ ๒.๔ วัดผลประเมินผล (ถ้ำมี) ๑) วธิ ีกำรวดั ผลประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ ๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน ๑.๒ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรใ์ นการทากิจกรรม ๑.๓ สังเกตดา้ นคณุ ธรรมขณะทากิจกรรม ๒) วธิ ีกำร เคร่อื งมอื เกณฑ์ ๒.๑ เครอ่ื งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมินดำ้ นควำมรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดงั นี้ - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เครอ่ื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมนิ ทกั ษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ สังเกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใชแ้ บบประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (ดังแนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกัน แล้วใช้เกณฑ์ในการใหค้ ะแนนดังน้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๕๘ ๒.๓ เคร่อื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินด้ำนคณุ ธรรม สังเกตคณุ ลกั ษณะด้านคณุ ธรรมโดยใช้แบบประเมินดา้ นคุณธรรม (ดงั แนบ) แลว้ นาคะแนนมรวมกนั แลว้ ใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังน้ี - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบกอ่ นเรียน หลงั เรียน แบบฝกึ หดั ก่อนเรยี น หลงั เรยี น ทาแบบฝกึ หัดในใบงานหลังเรียน ๓. อื่น ๆ ............................................................................................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................................................................................

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ พืชและสตั ว์ แนวกำรจดั กจิ กรรมกำ กลุม่ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตร์ เรือ่ ง ปจั จัยทจ่ี ำเป็นต รำยวิช ขน้ั นา แนวการจดั กจิ ก ขน้ั สอน  ตรวจสอบความรเู้ ดมิ เก่ยี วกับปัจจยั ทีจ่ าเป  ร่วมกันทากิจกรรมที่ ๑ เรอื่ ง รู้ไหมวา่ ...ส ขนั้ สรุป  อภปิ รายเร่ืองปัจจยั ที่จาเป็นต่อการเจริญเ การวดั และประเมินผล  ทาใบงาน ๐๑ ปัจจยั ทีจ่ าเปน็ ต่อการเจรญิ  รว่ มกนั สรปุ เกย่ี วกบั ปัจจัยทจ่ี าเปน็ ต่อการ  ทาใบงาน ๐๒ แบบฝึกหดั เร่ืองปัจจัยท่จี า  ประเมินจากการตอบคาถาม  ประเมินจากการทากจิ กรรมในช้นั เรยี น  ประเมินจากการทาแบบฝกึ หัด

ำรเรียนร้ขู องแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๒ ๕๙ ตอ่ กำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชวี ิตของสัตว์ ชำวทิ ยำศำสตร์ เวลำ ๔ ชั่วโมง ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ ๒ กรรมการเรยี นรู้ ป็นต่อการเจริญเติบโตและการดารงชวี ติ ของสัตว์ สัตว์ตอ้ งการอะไรบ้างเพ่ือการเจริญเติบโตและดารงชวี ิต เติบโตดารงชวี ิตของสตั ว์ ญเติบโตและการดารงชวี ติ รเจริญเติบโตและการดารงชวี ติ สัตว์ าเป็นต่อการเจรญิ เติบโตและการดารงชวี ติ ของสัตว์

หน่วยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๑ พืชและสตั ว์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ที่ ๒ ปัจจยั กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๒ กำ ขอบเขตเน้ือหำ กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (๔ ชัว่ โมง) สัตว์ต้องการอาหาร น้า และ อากาศ ชว่ั โมงท่ี ๑-๒ ขัน้ นำ (๑๐ นำท)ี เพ่ือการเจริญเติบโต และการดารงชีวิต ๑. ครกู ระตุ้นความสนใจโดยสุ่มใหน้ ักเรียนอา่ นน หากขาดปจั จยั เหลา่ นส้ี ตั วก์ ต็ ายได้ มีชาวประมงคนหนึ่งวางอวนในแม่น้า แล้วก็ก บนต้นไม้แถวนั้นต้ังแต่เช้าก็คิดว่า “เราน่าจะทาอย จุดประสงค์ดำ้ นควำมรู้ เพ่ือดักปลาจะได้เอาปลามากินเป็นอาหาร” คิดด ๑. ระบุปัจจัยท่ีจาเป็นในการดารงชีวิต ไปท่รี ิมน้า แต่ด้วยความที่ไมเ่ คยใชอ้ วนมาก่อน อ ลิงนอ้ ยวา่ ยน้าไมเ่ ปน็ จงึ เกือบจมนา้ หายใจไม่ออก และการเจรญิ เติบโต สัญญากบั ชาวประมงวา่ ต่อไปนจี้ ะไม่เลน่ ซนอีกต ๒. เลอื กวิธีในการวัดและใช้เครอ่ื งมือ ๒. ครูตัง้ คาถามเพ่ือใหน้ ักเรยี นคดิ ดงั ต่อไปนี้ พร วัดการเจรญิ เตบิ โตไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและ ๒.๑ จากนทิ าน ลิงตอ้ งการสิง่ ใดบ้างในการด เหมาะสม อากาศเพราะใชใ้ นการหายใจ) ๒.๒ นอกจากอาหารและอากาศ ลิงน่าจะต ตามความเขา้ ใจ) ๒.๓ นิทานเร่ืองนี้สอนนักเรียนในเรื่องใด (ก เกดิ อนั ตรายได้) ขั้นสอน (๑๐๐ นำที) ๓. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประสง การเจริญเตบิ โตและการดารงชีวติ หน้า ๒๖ จา

ยท่ีจำเป็นต่อกำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชีวติ ของสตั ว์ ๖๐ ำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชีวิตของสัตว์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ ชนั้ ประถมศึกษำปีที่ ๒ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ ๑. อินเทอรเ์ นต็ ๒. หนงั สือเก่ยี วกับการเลย้ี งสตั ว์ นาอา่ นนิทานเรื่อง“ลิงอวดเก่ง” ให้กลมุ่ อื่น ๆ ฟงั ดงั น้ี ๓. ผมู้ คี วามรใู้ นชมุ ชน กลับไปหาข้าวปลากินที่บ้าน ลิงตัวหนึ่งซึ่งนั่งซุ่มดูอยู่ ๔ ผปู้ กครอง อย่างชาวประมงได้เช่นกันไม่น่าจะยากเลย แค่วางอวนไว้ ๕. ลูกสตั ว์เล้ียง ดังน้นั ลิงจอมซนก็ลงจากต้นไม้มาหยบิ อวนอีกปากหนึ่ง ๖. อุปกรณ์และอาหารสาหรับ อวนจงึ พันตวั เจ้าลงิ นอ้ ย จนทาให้พลัดตกลงแม่นา้ ไป เลีย้ ง กโชคดีท่ชี าวประมงเห็นเขา้ จงึ เขา้ มช่วยไว้ได้ทัน ลงิ น้อย สตั ว์ที่เลือก (เชน่ ถ้าเล้ยี งปลา ตอ่ ไป ควรเตรยี ม อ่างเลย้ี งปลา พืชน้า รอ้ มทง้ั เขยี นคาตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน กรวดทราย นา้ อาหาร ทีช่ ้อน ปลา) ดารงชีวิต รไู้ ด้อย่างไร (ต้องการอาหาร คอื ปลา และ ๗. เคร่อื งมอื ในการวดั การเจริญเติบโต (เชน่ ไม้บรรทดั ต้องการอะไรอีกบ้างเพ่ือการดารงชีวิต (นักเรียนตอบ เชือก เครื่องชง่ั มวล เป็นต้น) การเล่นซนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่อาจทาให้ งค์ในใบกิจกรรมท่ี ๑ รู้ไหมว่า...สตั ว์ต้องการอะไรใน ากนน้ั ครูถามคาถาม ดงั ตอ่ ไปน้ี

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๑ พืชและสัตว์ แผนกำรจดั กำรเรียนรทู้ ี่ ๒ ปจั จัย กลมุ่ สำระกำรเรียนรูว้ ทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๒ กำ จดุ ประสงค์ด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำง ๓.๑ นักเรยี นจะเรียนเร่อื งอะไร (ปัจจัยทจ่ี าเป็น วทิ ยำศำสตร์ ๓.๒ นักเรียนจะเรียนดว้ ยวิธกี ารใด (การสังเกต) ๑. การสงั เกต ๓.๓ เมื่อเรยี นจบแล้วนักเรยี นจะทาอะไรได้ (ระบปุ ๒. การวดั ๔. นักเรียนอ่านวิธที าและทาความเขา้ ใจขั้นตอน ๓. การใช้จานวน จึงให้นักเรียนลงมอื ทากิจกรรม ๔. การจดั กระทาและส่อื ความหมายข้อมูล ๕. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ เลือกทีจ่ ะเล้ียงสตั ว์ท่หี าง่าย ๕. ลงความเห็นจากขอ้ มลู สุนัข กบ เปน็ ตน้ ) ๖. นักเรียนไปสืบค้นวิธีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจากแ จุดประสงคด์ ำ้ นคุณธรรม ผู้ปกครอง หนงั สอื เกี่ยวกบั การเลย้ี งสัตว์ จากนัน้ น ๑. มีจิตเมตตากรุณาตอ่ สตั ว์ ดังตอ่ ไปนี้ ๒. มคี วามสามัคคี ชว่ ยเหลอื ใน ๖.๑ สัตวเ์ ล้ยี งทฉี่ นั เลอื ก ตอ้ งการอะไรบ้างเพ่ือใ การทางานกล่มุ รว่ มกนั ๖.๒ ฉนั จะเลย้ี งสตั วน์ ้ีอย่างไร และเล้ียงท่ีไหน ๓. มคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน ๖.๓ การเจรญิ เตบิ โตของสัตวเ์ ลีย้ งที่ฉนั จะสงั เกต ๖.๔ ฉนั จะวัดการเจริญเติบโตของสัตวเ์ ลยี้ งอย่า ๗. นกั เรียนแบ่งหน้าทีใ่ นการดแู ลสัตว์เล้ียง (เชน่ และใหท้ กุ คนในกลุ่มตอ้ งช่วยกนั สงั เกตลักษณะพฤต ตนเอง เป็นเวลา ๓ สัปดาห์ สัปดาห์ละ ๑ ครงั้ (หา ๘. นักเรียนแตล่ ะกลุม่ เล้ียงสัตวเ์ ป็นเวลา ๓ สปั

๖๑ ยที่จำเป็นตอ่ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชวี ติ ของสตั ว์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชวี ติ ของสัตว์ ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ ๒ รำยวชิ ำวิทยำศำสตร์ นตอ่ การเจริญเติบโตการดารงชวี ิตของสตั ว์) ภำระงำน / ช้นิ งำน ) ๑. การอา่ นบทร้องเล่นสาหรบั เดก็ ปัจจยั ท่ีจาเป็นในการดารงชวี ิตสัตว์) ๒. การเลี้ยงสัตว์และการบนั ทกึ ผล นการทากิจกรรม เม่ือแน่ใจแลว้ วา่ นกั เรยี นเข้าใจ ๓. การเลือกใชเ้ ครื่องมือและวัด การเจรญิ เตบิ โตของสัตว์ ยในท้องถิน่ (เชน่ ปลาหางนกยงู นก ลกู ไก่ สกุ ร แมว ๔. การบันทกึ ผลกิจกรรมในใบงาน แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ผู้รู้ในชุมชน ๕. การทาแบบฝึกหดั นาผลการสบื ค้นมาอภิปรายกนั ในกลุม่ ตามประเด็น วธิ ีกำรประเมนิ ใหม้ ชี ีวติ ๑. การตอบคาถามในใบงาน ๒. สังเกตทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตมีอะไรบ้าง ในการทากจิ กรรม างไร และใชเ้ ครื่องมอื ใด ๓. สังเกตด้านคณุ ธรรมขณะทากิจกรรม น การให้อาหาร การทาความสะอาดสถานทเี่ ลี้ยง) ติกรรมและวัดการเจรญิ เตบิ โตของสัตวเ์ ลี้ยงของกลมุ่ ากมกี ลอ้ งถา่ ยรูป อาจถา่ ยรปู ประกอบดว้ ย) ปดาห์

หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่ ๑ พืชและสตั ว์ แผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๒ ปจั จ กลมุ่ สำระกำรเรียนรูว้ ิทยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยท่ี ๒ ขั้นสรุป (๑๐ นำท)ี ๙. ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปเก่ียวกับวธิ ีการเล ทบทวนบทบาทหน้าท่ีในการเลยี้ งสัตว์ และวธิ การเจรญิ เติบโตและการดารงชวี ติ ของสัตว์ หน้า ชว่ั โมงที่ ๓-๔ ขัน้ นำ (๑๐ นำท)ี ๑๐. ครูทบทวนความรู้เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับ ของสัตว์เลี้ยงตนเอง โดยใชแ้ นวคาถามดังน้ี ๑๐.๑ นกั เรียนเลี้ยงสตั วอ์ ะไร (นกั เรยี นตอบตา ๑๐.๒ สัตวเ์ ล้ียงของนักเรยี นกนิ อะไรเป็นอาหา ๑๐.๓ นักเรียนวัดการเจริญเติบโตของสัตว์ได ของลาตัว) ขั้นสอน (๑๐๐ ช่วั โมง) ๑๑. เม่ือครบ ๓ สัปดาห์ ครูอาจให้นักเรียนน อภิปรายลักษณะและพฤติกรรมท่ีสังเกตได คาถามดังตอ่ ไปนี้ ๑๑.๑ ปลามีการเจริญเติบโตข้ึนหรือไม่ สงั เ ยาวเพมิ่ มากขึ้น)

จัยที่จำเปน็ ตอ่ กำรเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชวี ติ ของสตั ว์ ๖๒ กำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชีวิตของสัตว์ เวลำ ๔ ช่วั โมง รำยวิชำวทิ ยำศำสตร์ ช้ันประถมศึกษำปีที่ ๒ ล้ียงและวิธีการวัดการเจริญเติบโตของสตั ว์เลี้ยงตนเอง เกณฑก์ ำรประเมิน ธกี ารบันทึกผลลงในใบงาน ๐๑ ปัจจัยท่จี าเปน็ ตอ่ ๑. การตอบคาถามในใบงานไดถ้ กู ต้องด้วย า ๒๙-๓๑ ตนเอง - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน บวิธีการเล้ียงสัตว์เล้ียง และวิธีการวัดการเจริญเติบโต - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ตามการทากิจกรรมของตนเอง) ๒. มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ าร (นกั เรียนตอบตามการทากิจกรรมของตนเอง) ขณะทากิจกรรม ด้อย่างไรบ้าง (วัดความสูง/วัดความยาว และวัดขนาด - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน นาเสนอผลการทากิจกรรม และแต่ละกลุ่มร่วมกัน - ตา่ กวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ด้ รวมทั้งผลการวัดการเจริญเติบโต โดยครูอาจใช้ ๓. มคี ณุ ธรรมจริยธรรมขณะทากิจกรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน เกตได้อย่างไร (เจรญิ เติบโตขึน้ เพราะขนาดความ

หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๑ พชื และสตั ว์ แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๒ ปัจจ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์ หนว่ ยย่อยที่ ๒ ก ๑๑.๒ ทาไมปลาต้องโผล่ข้ึนมาเหนือน้าในบางครง้ั ๑๑.๓ ทาไมปลาจงึ ไปตอดทพ่ี ืชนา้ (เพื่อกนิ อาหา ๑๑.๔ ทาไมปลาตอ้ งขยับกระพุ้งแก้ม (เพือ่ รับเอา ๑๑.๕ เมื่อเรม่ิ ใหอ้ าหารปลา นกั เรียนสงั เกตเห็นพ ๑๑.๖ หากงดใหอ้ าหารปลา จะส่งผลต่อปลาอย ๑๑.๗ สรปุ ได้ว่าปัจจัยที่จาเปน็ ในการดารงชีวติ แ และ น้า) * หากเลยี้ งสตั ว์ชนดิ อ่นื ๆ ครูควรใช้ตัวอยา่ งคา ของสตั วเ์ ก่ียวข้องกบั ปัจจัยท่จี าเป็นต่อการเจรญิ เ ๑๒. ครูชวนนักเรียนอ่านวิธีทาในใบกิจกรรมท่ี แน่ใจวา่ นกั เรียนทากจิ กรรมได้ ๑๓. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มอ่านนิทานเร่ือง ชวี ิตใหม ลงในใบงาน หนา้ ๑๒ ๑๔. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับปัจ แนวคาถามดงั ต่อไปนี้ ๑๔.๑ ปัจจัยที่จาเป็นต่อการเจริญเตบิ โตและการดา ๑๔.๒ นักเรียนรู้ได้อย่างไรว่าส่ิงเหล่าน้ันมีความจ (รไู้ ดจ้ ากที่มคี นใจดขี ้าวเปียกไปเล้ียงดู ใหน้ ้า อาห รกั ษาบาดแผลจนหาย ไมน่ านขา้ วเปียกก็กลับมาม

จัยที่จำเป็นต่อกำรเจรญิ เตบิ โตและกำรดำรงชวี ิตของสตั ว์ ๖๓ กำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชีวิตของสตั ว์ เวลำ ๔ ชั่วโมง รำยวิชำวิทยำศำสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี ๒ ง (เพือ่ เอาอากาศใช้ในการหายใจ) าร) าออกซเิ จนท่ีอยใู่ นน้า) พฤติกรรมของปลาอย่างไรบ้าง (ปลากนิ อาหาร) ย่างไร (ขาดอาหาร และตายในทีส่ ดุ ) และการเจรญิ เติบโตของปลา คอื อะไร (อาหาร อากาศ าถามทแี่ สดงให้เห็นว่า การแสดงพฤตกิ รรมต่าง ๆ ญเตบิ โตและดารงชีวิต ๑ ข้อ ๔ และตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนจน มข่ องขา้ วเปียก แล้วร่วมกนั อภิปราย และตอบคาถาม จจัยที่จาเป็นต่อการเจริญเติบโตของสัตว์ โดยอาจใช้ ารงชีวติ ของสัตว์มีอะไรบ้าง (น้าอาหาร และอากาศ) มจาเป็นต่อการเจริญเติบโตและการดารงชีวิตของสัตว์ หาร และจัดใหอ้ ยู่ในทม่ี ีอากาศถ่ายเทไดด้ ี และยังช่วย มสี ุขภาพแขง็ แรงและมีความสขุ )

หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่ ๑ พชื และสตั ว์ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๒ ปจั จัย กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วทิ ยำศำสตร์ หน่วยยอ่ ยที่ ๒ กำร ๑๕. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายถึงประโยชน์จาก และการดารงชีวิตและให้นักเรียนนาความรู้ท ดารงชีวติ อยูไ่ ด้ ๑๖. นักเรยี นตอบคาถามหลังจากทากจิ กรรมห ขั้นสรุป (๑๐ นำที) ๑๖. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันอภปิ รายจนไดข้ ้อสรุปว่า ของสตั ว์ ไดแ้ ก่ อาหาร นา้ และอากาศ และความ การเจริญเติบโตจะเหน็ การเปลยี่ นแปลงขนาดเ และน้าหนักเพ่ิมขึ้นด้วย และสัตว์ยังคงต้องกา การมีชีวติ อยู่

ยท่ีจำเปน็ ต่อกำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชวี ิตของสัตว์ ๖๔ รเจริญเตบิ โตและกำรดำรงชวี ติ ของสตั ว์ รำยวิชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๔ ช่ัวโมง ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี ๒ กการเรียนรู้เร่ืองปัจจัยทจ่ี าเป็นต่อการเจรญิ เติบโต ท่ีได้ไปดูแลสัตว์เลี้ยงที่บ้านให้เจริญเติบโตและ หน้า ๓๓ าปจั จัยทจ่ี าเป็นในการดารงชีวติ และการเจรญิ เตบิ โต มแตกตา่ งระหวา่ งการเจริญเตบิ โตและการดารงชีวิต เพ่ิมขึ้น เชน่ การเปลีย่ นแปลงความยาว ความสูง ารอาหาร น้า และอากาศ เพื่อการดารงชีวิตหรอื

๖๕ แบบประเมินด้ำนคณุ ธรรม แผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ่ี ๒ ปัจจัยท่ีจำเป็นต่อกำรเจรญิ เติบโตและกำรดำรงชีวติ ของสัตว์ ชื่อผูป้ ระเมิน/กลุม่ ประเมิน…………………………………………………………………………………………............................................ ชื่อกล่มุ รบั กำรประเมิน……………………………………………………………………………………………….............................................. ประเมินผลครงั้ ท…่ี …......……………....…….. วนั ……….....……..…. เดอื น ………..….............……. พ.ศ. ……............................….. เร่ือง……………………………………………………………………………………………….............................................................…………… ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดบั พฤติกรรม คะแนนที่ได้ ๑. มุง่ มน่ั ในการทางาน เกดิ = ๑ ไม่เกดิ = ๐ ๒. สามคั คี ช่วยเหลือในการทางานกล่มุ รว่ มกนั ๓. มจี ิตเมตตากรณุ าต่อสตั ว์ รวมคะแนนทีไ่ ดท้ ั้งหมด = …………… คะแนน คณุ ลกั ษณะตามจุดประสงคด์ ้านคณุ ธรรม - มากกวา่ ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๖๖ แบบประเมนิ ด้ำนทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตรใ์ นกำรทำกิจกรรม แผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๒ ปัจจัยท่ีจำเป็นตอ่ กำรเจริญเติบโตและกำรดำรงชีวิตของสัตว์ เกณฑ์การประเมินมดี ังน้ี ๓ หมายถงึ ดี ๒ หมายถึง พอใช้ ๑ หมายถึง ควรปรบั ปรุง ส่ิงทีป่ ระเมิน คะแนน การสังเกต การวดั การใช้จานวน การจดั กระทาและส่อื ความหมายขอ้ มูล การลงความเห็นจากข้อมูล รวมคะแนน เกณฑ์กำรประเมิน ทกั ษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรงุ (๑) การสงั เกต ใช้ตาในการรวบรวมข้อมูล ใช้ตาในการรวบรวมข้อมูล ไ ม่ ส ำ ม ำ ร ถ ใ ช้ ต า ใ น ก า ร การวดั เก่ียวกับลักษณะของสัตว์ เกี่ยวกับลักษณะของสัตว์ได้ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล เ กี่ ย ว กั บ การใช้จานวน ไ ด้ ด้ ว ย ต น เ อ ง โ ด ย ไ ม่ จำกกำรชี้แนะของครูหรือ ลักษณะของสัตว์ได้ ถึงแม้จะ เพ่ิมเตมิ ความคดิ เหน็ ผ้อู ่นื ไดร้ บั คาแนะนาจากผู้อ่ืน ใช้ไม้บรรทัดวัด ความยาว/ ใช้ไม้บรรทัดวัด ความยาว/ ไม่สำมำรถใช้ไม้บรรทัดวัด ความสูง/ความกว้าง และ ความสูง/ความกว้าง และ ความยาว/ความสูง/ความกว้าง บอกหน่วยได้อยา่ งถูกต้อง บอกหนว่ ยไดอ้ ย่างถูกต้อง และบอกหน่วยได้อย่างถูกต้อง ดว้ ยตนเอง จำกกำรชี้แนะของครูหรือ ถึงแม้จะได้รับคาแนะนาจาก ผอู้ ่นื ผูอ้ ่นื นับจานวนได้ถูกต้องด้วย นับจานวนได้ถูกต้องจำก ไ ม่สำมำรถ นับจานว นได้ ตนเอง กำรช้ีแนะของครูหรือผูอ้ น่ื ถู ก ต้ อ ง ถึ ง แ ม้ จ ะ ไ ด้ รั บ คาแนะนาจากผอู้ ่ืน

๖๗ ทักษะ ดี (๓) พอใช้ (๒) ควรปรบั ปรุง (๑) การจัดกระทาและ นาเสนอแผนผังความคิด นาเสนอแผนผังความคิด ไม่สำมำรถนาเสนอแผนผัง สือ่ ความหมายขอ้ มูล ปัจจัยท่ีจาเป็น ต่ อ ก า ร ปั จ จั ย ที่ จ า เ ป็ น ต่ อ ก า ร ความคดิ ปจั จัยทจ่ี าเปน็ ต่อการ เจริญเติบโตและดารงชีวิต เจริญเติบโตและดารงชีวิต เจริญเติบโตและดารงชีวติ ของ ของสัตว์ ให้ผู้อ่ืนเข้าใจง่าย ของสัตว์ ให้ผู้อ่ืนเข้าใจง่าย สัตว์ ให้ผู้อ่ืนเข้าใจง่ายและ และชัดเจนดว้ ยตนเอง และชัดเจนจำกกำรชี้แนะ ชั ด เ จ น ถึ ง แ ม้ จ ะ ไ ด้ รั บ ของครหู รอื ผู้อื่น คาแนะนาจากผอู้ น่ื การลงความเห็นจาก เ พ่ิ ม เ ติ ม ค ว า ม คิ ด เ ห็ น เพิม่ เตมิ ความคิดเหน็ เกี่ยว ไม่สำมำรถเพ่ิมเติมความคิดเหน็ ข้อมลู เกีย่ วกบั ลักษณะของสตั ว์ กับ ลัก ษ ณ ะ ข อ ง สัต ว ์ท่ี เกี่ยวกับลักษณะของสัตว์ ที่สังเกตได้อย่างถูกต้อง สังเกตได้อย่างถูกต้องและมี ที่สังเกตได้อย่างถูกต้องและ และมเี หตุผลด้วยตวั เอง เหตุผล โดยอำศยั คำแนะนำ มี เ ห ตุ ผ ล ถึ ง แ ม้ จ ะ ไ ด้ รั บ ของครหู รือผอู้ ื่น คาแนะนาจากผู้อ่ืน

เฉลยใบงำน ๖๘ บันทึกตำมกำรทำกิจกรรมของนกั เรยี น บนั ทึกตำมกำรทำกจิ กรรมของนกั เรียน บันทกึ ตำมกำรทำกจิ กรรมของนกั เรยี น บันทกึ ตำมกำรทำกจิ กรรมของนกั เรียน บนั ทึกตำมกำรทำกิจกรรมของนักเรียน

๖๙ บันทึกตำมกำรทำกจิ กรรมของนักเรียน บนั ทึกตำมกำรทำกจิ กรรมของนกั เรยี น

๗๐ ไม้บรรทัด ไม้เมตร เชือก เซนตเิ มตร เมตร สำยวดั เซนตเิ มตร บันทกึ ตำมกำรทำกจิ กรรมของนกั เรยี น บนั ทึกตำมกำรทำกจิ กรรมของนักเรียน บันทึกตำมกำรทำกิจกรรมของนักเรยี น

๗๑ ไมถ่ ูกตอ้ ง จะรกั และคอยดูแลใหข้ ำ้ ว ให้น้ำที่สะอำดอยเู่ สมอ ใหอ้ ำหำร น้ำ และให้อย่ใู นที่มีอำกำศถ่ำยเทสะดวก

๗๒ เปลีย่ นแปลง เชน่ มขี นำดลำตัวยำวขน้ึ นำ้ หนกั มำกขึ้น อำหำร นำ้ อำกำศ กำรขำดปัจจัยที่ทำให้เจริญเตบิ โต เช่น ขำดอำหำร ทำให้สัตวต์ ำยหรือออ่ นแอ ให้สตั ว์ไดร้ บั ปัจจัยทจี่ ำเปน็ ในกำรเจรญิ เตบิ โตอย่ำงเพยี งพอ อำหำร นำ้ อำกำศ

๗๓ ขำดอำหำร ไดร้ บั อำหำรเยอะเกนิ ไป ใหป้ ลำได้รบั อำหำรในปรมิ ำณทีพ่ อเหมำะ อำหำร นำ้ อำกำศ

๗๔ หนว่ ยย่อยท่ี ๓ กำรตอบสนองต่อสิง่ เร้ำของพืชและสัตว์ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๑ ชอื่ หนว่ ย พืชและสตั ว์ จำนวนเวลำเรยี น ๑๐ ชวั่ โมง จำนวนแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ ๒ แผน ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ สำระสำคญั ของหนว่ ย พชื และสัตวเ์ ปน็ สงิ่ มชี วี ิตทมี่ กี ารตอบสนองต่อสงิ่ เรา้ การตอบสนองต่อส่งิ เรา้ คือการแสดงออกเม่อื มีสงิ่ มา กระตุน้ โดยสิ่งที่มากระต้นุ คือส่ิงเรา้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้และตวั ชว้ี ัด มำตรฐำน ว ๑.๑ เข้าใจหน่วยพ้ืนฐานของสิ่งมีชีวิตความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตท่ี ทางานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้และนาความรู้ไปใช้ในการดารงชีวิตของ ตนเองและดแู ลส่งิ มชี ีวติ ตวั ชว้ี ดั ว ๑.๑ ป. ๒/๓ สารวจและอธบิ ายพชื และสตั วส์ ามารถตอบสนองต่อแสง อณุ หภมู ิและการสัมผัส มำตรฐำน ว ๘.๑ ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา รู้ว่าปรากฏการณ์ ทางธรรมชาติท่ีเกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบท่ีแน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้ภายใต้ข้อมูลและเครื่องมือท่ีมีอยู่ใน ช่วงเวลาน้นั ๆ เข้าใจวา่ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ มมีความเก่ียวข้องสมั พนั ธ์กัน ตวั ชีว้ ดั ว ๘.๑ ป. ๒/๑ ตงั้ คาถามทีเ่ กย่ี วกับเรื่องที่จะศกึ ษาตามท่ีกาหนดให้หรือตามความสนใจ ว ๘.๑ ป. ๒/๒ วางแผนการสังเกต สารวจตรวจสอบ ศกึ ษาค้นควา้ โดยใชค้ วามคิดของตนเอง และของครู ว ๘.๑ ป. ๒/๓ ใชว้ ัสดุอุปกรณ์ในการสารวจตรวจสอบ และบันทึกผลดว้ ยวธิ ีง่าย ๆ ว ๘.๑ ป. ๒/๔ จดั กลมุ่ ข้อมูลที่ได้จากการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๕ ตงั้ คาถามใหม่จากผลการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๖ แสดงความคดิ เหน็ ในการสารวจตรวจสอบ ว ๘.๑ ป. ๒/๗ บนั ทกึ และอธบิ ายผลการสงั เกตสารวจตรวจสอบอยา่ งตรงไปตรงมาโดยเขยี นภาพ แผนภาพหรือคาอธบิ าย ว ๘.๑ ป. ๒/๘ นาเสนอผลงานดว้ ยวาจาใหผ้ อู้ ่นื เข้าใจกระบวนการและผลของงาน

๗๕ ลำดับกำรเสนอแนวคดิ หลกั ของหน่วยย่อยที่ ๓ กำรตอบสนองตอ่ ส่งิ เร้ำของพชื และสตั ว์ พชื และสัตวส์ ามารถตอบสนองตอ่ แสง อุณหภมู ิ และการสมั ผสั โครงสรำ้ งของหน่วยยอ่ ยท่ี ๓ กำรตอบสนองต่อส่งิ เรำ้ ของพืชและสัตว์ หน่วยกำรเรียนรู้ ช่อื หน่วยยอ่ ย จำนวน ช่ือแผนกำรจดั กำร จำนวนชัว่ โมง แผน เรยี นรู้ ๖ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๓ ๒ ๓.๑ การตอบสนองต่อ ๔ พืชและสัตว์ การตอบสนองตอ่ สง่ิ เรา้ ส่งิ เรา้ ของพืช ของพืชและสัตว์ ๓.๒ การตอบสนองต่อ ส่งิ เรา้ ของสัตว์ .

๗๖ คำชี้แจงประกอบแผนจดั กำรเรยี นรู้ หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ ๑ เวลำ ๖ ชว่ั โมง แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๓.๑ กำรตอบสนองตอ่ สิ่งเร้ำของพชื ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. สำระสำคัญของแผน พชื มีการตอบสนองต่อแสง อณุ หภูมิ และการสมั ผสั ๒. ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติมในกำรนำไปใช้ (ให้ระบุสิ่งทตี่ ้องกำรเน้นหรอื ข้อสงั เกต ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ) ในเรื่องต่อไปนี้ คือ ๒.๑ ขอบขำ่ ยเนือ้ หำ พชื เป็นส่ิงมชี วี ิตมีการตอบสนองต่อสง่ิ เร้า การตอบสนองตอ่ สิง่ เรา้ คือการแสดงออกเม่อื มสี งิ่ มากระตุ้น โดย ส่ิงท่มี ากระตุน้ คือส่งิ เรา้ เช่น แสง อุณหภูมิ การสัมผสั พืชจะมีการตอบสนองตอ่ แสงโดยอาจเบนปลายยอดเข้าหาแสง พชื บางชนิดตอบสนองตอ่ อณุ หภูมิโดยสลัดใบทง้ิ เมื่อถึงฤดหู นาว พชื บางชนดิ ตอบสนองตอ่ การสมั ผสั โดยการหบุ ใบ ๒.๒ จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ (ควำมรู้ ทกั ษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม ค่ำนิยม) (ถ้ำม)ี จดุ ประสงค์ด้ำนควำมรู้ อธบิ ายการตอบสนองตอ่ แสง อุณหภูมิ และการสมั ผัสของพืช จุดประสงคด์ ้ำนทักษะกระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ ๑. การสงั เกต ๒. การลงความเห็นจากข้อมูล ๓. การทดลอง ๔. การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป จุดประสงค์ดำ้ นคุณธรรม ๑. มคี วามมุ่งม่นั ในการทางาน ๒. ซื่อสัตย์ตอ่ ตนเอง ๓. ใฝเ่ รยี นรู้ ๔. มีวนิ ัย ๒.๓ กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ๑) กำรเตรยี มตวั ของครู นกั เรยี น (กำรจดั กลุ่ม) (ถำ้ ม)ี การจดั กลมุ่ โดยแบง่ นักเรียนออกเป็นกลุม่ กล่มุ ละ ๔-๖ คน

๗๗ ๒) กำรเตรยี มส่อื วสั ดอุ ปุ กรณ์ ของครู นกั เรยี น (ถำ้ มี) สง่ิ ท่คี รูต้องเตรียม คือ ๒.๑ รูปใบจามจรุ หี ุบและใบจามจุรีท่กี าง อย่างละ ๑ รปู /ห้อง ๒.๒ ตน้ ไมยราบ ๒.๓ แหล่งเรียนรู้ เช่น เว็บไซต์ หนังสือ ที่เก่ียวข้องกับการตอบสนองต่ออุณหภมู ิของพืช ๓) เตรยี มใบงำน ใบควำมรู้ ใบกจิ กรรม (ถ้ำมี) ๓.๑ ใบงาน ๐๑ การตอบสนองตอ่ สิ่งเรา้ ของพชื (๑) ๓.๒ ใบงาน ๐๒ การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช (๒) ๓.๓ ใบงาน ๐๓ การตอบสนองต่อสิง่ เร้าของพชื (๓) ๒.๔ วัดผลประเมินผล (ถำ้ ม)ี ๑) วธิ กี ำรวดั ผลประเมินผลกำรเรียนรู้ ๑.๑ การตอบคาถามในใบงาน ๑.๒ สังเกตทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ในการทากิจกรรม ๑.๓ สงั เกตด้านคุณธรรมขณะทากจิ กรรม ๒) วิธีกำร เครอ่ื งมือ เกณฑ์ ๒.๑ เครอ่ื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินด้ำนควำมรู้ ตรวจใหค้ ะแนนจากการตอบคาถามในใบงาน แลว้ ใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังนี้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ต่ากวา่ ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๒.๒ เครอ่ื งมือและเกณฑใ์ นกำรประเมินทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ สังเกตทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้แบบประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (ดงั แนบ) แล้วนาคะแนนมารวมกนั แล้วใชเ้ กณฑใ์ นการใหค้ ะแนนดังนี้ - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน

๗๘ ๒.๓ เครือ่ งมอื และเกณฑ์ในกำรประเมินดำ้ นคุณธรรม สงั เกตคุณลกั ษณะด้านคณุ ธรรมโดยใช้แบบประเมนิ ดา้ นคณุ ธรรม (ดังแนบ) แลว้ นาคะแนนมรวมกนั แลว้ ใชเ้ กณฑ์ในการใหค้ ะแนนดังน้ี - มากกว่า ๘๐ % ได้ ๓ คะแนน - ๕๐ % - ๗๙ % ได้ ๒ คะแนน - ตา่ กว่า ๕๐ % ได้ ๑ คะแนน ๓) กำรทดสอบก่อนเรยี น หลงั เรยี น แบบฝกึ หดั ก่อนเรียน หลังเรยี น ทาแบบฝึกหัดในใบงานหลังเรยี น ๓. อื่น ๆ ............................................................................................................................................................................................................ ...........................................................................................................................................................................................................

หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๑ พชื และสตั ว์ แนวกำรจดั กิจกรรมกำร กลมุ่ สำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตร์ เร่อื ง กำร รำยวชิ ขน้ั นา แนวการจัดกจิ ก ขน้ั สอน  ตรวจสอบความร้เู ดมิ เกย่ี วกบั การตอบสน  ร่วมกันทากจิ กรรมที่ ๑ ๒ และ ๓ การตอ ขนั้ สรุป  ทาใบงาน ๐๑ ๐๒ และ ๐๓ การตอบสน การวดั และประเมินผล  อภิปรายเรอื่ งการตอบสนองต่อสิง่ เรา้ ของ  รว่ มกันสรปุ เกย่ี วกบั การตอบสนองต่อสิง่ เ  ทาใบงาน ๐๔ แบบฝกึ หดั เรื่องการตอบส  ประเมินจากการตอบคาถาม  ประเมินจากการทากิจกรรมในชน้ั เรยี น  ประเมินจากการทาแบบฝึกหัด

รเรียนรูข้ องแผนกำรจดั กำรเรียนร้ทู ี่ ๓.๑ ๗๙ รตอบสนองต่อสิง่ เร้ำของพืช ชำวิทยำศำสตร์ เวลำ ๖ ช่ัวโมง ชนั้ ประถมศึกษำปีท่ี ๒ กรรมการเรียนรู้ นองต่อสง่ิ เรา้ ของพืช อบสนองต่อส่ิงเรา้ ของพชื องต่อสง่ิ เร้าของพืช งพืช เร้าของพชื สนองต่อสง่ิ เร้าของพืช

หน่วยกำรเรียนรู้ท่ี ๑ พืชและสตั ว์ แผนกำรจัดกำรเรยี นรทู้ ่ี ๓ กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้วิทยำศำสตร์ หน่วยย่อยที่ ๒ กำรตอบส รำยวชิ ำว ขอบเขตเนื้อหำ กจิ กรรมกำรเรียนรู้ (๖ ชว่ั โมง) พืชเป็นสิ่งมีชีวิตมีการตอบสนองต่อ ช่ัวโมงที่ ๑-๒ ขั้นนำ (๑๐ นำที) สิ่งเร้า การตอบสนองต่อส่ิงเร้า คือการ ๑. ครูกระตุ้นความสนใจนักเรียนโดยนาตัวอย่า แสดงออกเมื่อมสี ิง่ มากระต้นุ โดยส่งิ ที่มา ต่อสิ่งเร้า ๑-๒ ภาพ/สถานการณ์ เช่น รูปใบจา กระตนุ้ คือส่ิงเร้า เชน่ แสง อุณหภูมิ การสัมผสั แลว้ นาอภปิ ราย โดยมแี นวคาถามดงั น้ี พชื จะมีการตอบสนองต่อแสงโดยอาจเบน ปลายยอดเข้าหาแสง พืชบางชนิด ๑.๑ จากรปู ใบจามจุรีแต่ละรปู มีลกั ษณะอย ตอบสนองต่ออุณหภูมิโดยสลัดใบทิ้งเมื่อ ๑.๒ เพราะเหตุใดใบจามจรุ จี ึงมลี กั ษณะเชน่ น ถึงฤดูหนาว พืชบางชนิดตอบสนองต่อ ๑.๓ สง่ิ กระต้นุ ทที่ าใหใ้ บจามจุรีมพี ฤติกรรมเ การสัมผสั โดยการหบุ ใบ ๑.๔ ส่งิ ทีม่ ากระตุ้นน้เี รียกว่าอะไร (สิง่ เร้า) ๑.๕ จามจุรีมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างไ จุดประสงคด์ ้ำนควำมรู้ นักเรียนสามารถตอบไดต้ ามความเขา้ ใจของตนเ อธิบายการตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ ขน้ั สอน (๑๐๐ นำที) ๒. ครแู บ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ ๔-๕ ค และการสมั ผัสของพชื ๓. ครูให้นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรมและจุดประ อะไรบ้าง (๑) หน้า ๓๖ จากนนั้ ครถู ามคาถาม ด ๓.๑ นักเรยี นจะเรียนเรอ่ื งอะไร (ส่ิงเรา้ และกา ๓.๒ นักเรียนจะเรียนด้วยวิธกี ารใด (การสังเก ๓.๓ เม่อื เรียนจบแล้วนกั เรียนจะทาอะไรได้ (


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook