Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 9. สถานภาพถกู ต้องตามกฎหมาย การมีสถานภาพที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทําให้เครือข่ายและผู้นําเครือข่าย ได้รับการสนับสนุนและความไว้ใจจากสมาชิกเครือข่าย อีกท้ังยังสามารถดําเนินงานได้กว้างขวางขึ้นด้วย การมีสถานภาพถกู ตอ้ งตามกฎหมายจะช่วยดึงดูดการมีสว่ นรว่ ม และทําใหไ้ ด้รับการอุดหนุนทางการเงนิ ได้งา่ ยขึน้ ความถูกต้องตามกฎหมายทําได้โดยการมีผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือจากสังคมเข้าร่วมในเครือข่าย และการเผยแพร่ท่ีมีเปูาหมายดี การใช้ชื่อท่ีจําง่าย และเคร่ืองหมายของเครือข่ายบ่อยๆ ก็สามารถช่วยให้ได้รับ การยอมรับจากสงั คมและกฎหมาย คุณภาพของข้อมูลข่าวสาร ประสบการณ์ หรือเทคโนโลยีที่เครือข่ายมีการส่งเสริมหรือแลกเปล่ียน มีผลต่อช่ือเสียงระยะยาวของเครือข่าย กลุ่มแกนนําของเครือข่ายควรมุ่งม่ันท่ีจะทําให้ข้อมูลข่าวสารท่ีเผยแพร่นั้น ได้รับความเชื่อได้ว่ามีความถูกต้องตามกฎหมาย เครือข่ายการวิจัยและพัฒนามักได้ประโยชน์จากกลุ่มแกนนําท่ีมี ผู้เช่ียวชาญทางวิชาการมีวิธีการทํางานแบบ \"ติเพ่ือก่อ\" และมีการทําความเข้าใจความเป็นจริงของระดับรากหญ้า อย่างใกล้ชดิ 10. การเสริมให้สมบูรณ์และการเชื่อมโยงเครือข่ายแต่ละเครือข่ายต่างก็มีวัตถุประสงค์ โครงการ สมาชิก และระบบการจัดการที่แตกต่างกัน แต่ก็มีส่วนที่เหลื่อมซ้อนกันอยู่ การเช่ือมโยงระหว่างเครือข่ายจะเป็นการเสริม ความสมบูรณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งมีหลายลักษณะ โดยอาจเป็นการเสริมในแง่ภูมิศาสตร์ เช่น การเชื่อมโยงเครือข่ายท่ี ดําเนินการในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกเข้าด้วยกัน หรือเช่ือมเครือข่ายแนวราบที่ ประกอบด้วยองค์กรที่มีรูปแบบแตกต่างกันเข้าด้วยกัน เช่น หน่วยงานพัฒนาเอกชน ชาวนา สถาบันวิจัย เป็นต้น หรือเชื่อมโยงเครือข่ายท่ีอยู่ในสาขาวิชาต่างกันเข้าด้วยกัน เช่น วิทยาศาสตร์ด้านสัตว์ วิศวกรรมทางการ เกษตร สังคมวิทยาชนบท การขนส่ง เป็นต้น นอกจากน้ีการเช่ือมโยงเครือข่ายในแนวต้ังที่ช่วยนําความคิดเห็น และประสบการณ์ของผู้ได้รับประโยชน์ หน่วยงานส่งเสริม นักวิจัย ผู้กําหนดนโยบาย หน่วยงานความช่วยเหลือ นกั การเงิน และภาคเอกชนเข้าด้วยกันก็มีความจาํ เปน็ การเช่ือมโยงระหว่างเครือข่ายมคี วามจําเป็นเพือ่ - ทําใหเ้ กิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกลุ่ม - สง่ เสรมิ ความร่วมมือทีเ่ สริมซึ่งกันและกันใหเ้ ร่ืองที่ทํานั้นมีความสมบูรณ์ - หลกี เล่ยี งการแข่งขัน - ลดความซ้าํ ซ้อนของการให้บริการ - ทาํ ให้ผลประโยชนข์ องเครือข่ายมีมากข้นึ - ใชข้ อ้ ไดเ้ ปรียบหรือจดุ แข็งขององค์กรต่าง ๆ มาทาํ ให้เกิดประโยชน์สงู สุด Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 41
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. โดยการเช่ือมเครือข่ายอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ทําให้เกิดข้ึ นและรักษาไว้ได้ด้วยการ มีกิจกรรมร่วมกัน หรือเป็นตัวแทนร่วมกันในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง และการร่วมกันประสานงาน การประชมุ 11. การติดตามผลและประเมินผล เครือข่ายต้องการการติดตามผล และประเมินผลเป็นประจํา สม่ําเสมอ และถ่ีถ้วน ไม่เพียงแต่ประเมินความสอดคล้องของแผนการทํางานกับวัตถุประสงค์อย่างต่อเนื่องเท่านั้นแต่ควรมี การประเมินความก้าวหน้าและความสําเร็จของเครือข่ายเป็นระยะๆ ด้วย โดยกระบวนการกําหนดวิธีและเครื่องชี้วัด ประสทิ ธภิ าพของกิจกรรมเครือข่ายเปน็ เรอื่ งทสี่ มาชิกทั้งมวลตอ้ งเขา้ มามสี ่วนร่วมเรยี นรแู้ ละกําหนด 12. การจัดการเครือข่าย เป็นเร่ืองซับซ้อนและมีคนน้อยคนนักท่ีได้รับการฝึกฝนมาในสายนี้ความสําเร็จของ เครือข่ายหลายแห่งชี้ให้เห็นว่า เครือข่ายจํานวนมากสามารถดําเนินการให้บรรลุผลสําเร็จได้ด้วยกลุ่มของผู้จัดการมือ สมัครเล่นท่ีมีความกระตือรือร้น ซึ่งไม่เคยผ่านการฝึกอบรมด้านการจัดการมาก่อนเลย อย่างไรก็ตาม ไม่จําเป็นที่ เครือข่ายท้ังหมดต้องเรียนรู้ผ่านประสบการณ์หรือลองผิดลองถูก การจัดหลักสูตรฝึกอบรมสําหรับการทํางานหรือ การจัดการเครอื ขา่ ยในระดับภมู ภิ าคจะเป็นประโยชนม์ าก 13. การเก่ียวข้องกับผู้ได้ประโยชน์ เครือข่ายมุ่งเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ย่ังยืน จําเป็นต้องพยายามส่งเสริมให้ ผู้ได้ประโยชน์เข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างเครือข่ายตัวอย่างเช่นเครือข่ายวิจัยและพัฒนาการเกษตร จะประสบความสําเร็จถ้าใช้วิธีการที่พิจารณาหรือรับเอาความคิดเห็นและประสบการณ์ของเกษตรกรมาเป็นส่วนหนึ่ง ของการวจิ ยั และพัฒนาดว้ ย เครือข่ายระดับชาติและระดับนานาชาติ ก็ได้ประโยชน์จากการมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับเครือข่าย ผู้ได้รับประโยชน์ระดับพื้นท่ีเช่นกัน การแลกเปล่ียนระหว่างกลุ่มผู้ได้ประโยชน์ในส่วนต่างๆ ของประเทศ และระหว่างประเทศเป็นส่ิงท่ีมีคุณค่า สมาชิกเครือข่ายสามารถช่วยติดต่อกับกลุ่มต่างๆ ในท้องถ่ิน และอํานวย ความสะดวกใหก้ ับการติดตามผลการดําเนินกจิ กรรม 14. การมีสว่ นร่วมและผลประโยชน์ตอบแทน การมีสว่ นร่วมในเครือข่ายจะเกิดข้ึนจากการท่ีสมาชิกมองเห็น ประโยชน์ท่ีจะได้รับจากการทําเช่นนั้น สมาชิกต้องมีส่วนได้ส่วนเสียในวัตถุประสงค์ของเครือข่ายมีผลประโยชน์ใน กจิ กรรมบางอยา่ ง มีความปรารถนาจะสมทบอะไรบางอย่างให้มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ ศรัทธาต่อเครือข่าย เชื่อใจผู้นํา เครอื ขา่ ย และมคี วามร้สู ึกเชอ่ื มน่ั ตอ่ ความสําเรจ็ และความก้าวหนา้ ในอนาคตของเครอื ข่าย ถ้าวัตถุประสงค์ของเครือข่ายดี การเช่ือมโยงภายในเครือข่ายเหมาะสม เอ้ือให้เกิดความเคล่ือนไหวของ กิจกรรมและความแข็งขันของสมาชิก โครงการหรือกิจกรรมมีลักษณะกระจายอํานาจไปให้กับมวลสมาชิกที่ได้ รับประโยชน์การดาํ เนนิ งานของเครือขา่ ยจะนําไปส่กู ารพัฒนาทย่ี ั่งยืนได้ในทสี่ ุด ปัจจัยสําคัญ 4 ประการในการสร้างระบบเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ สามารถสรุปได้ ดังนี้ (การบรหิ ารงานแบบเครอื ขา่ ยในภาครฐั เวทีปัญญา สมั มนาวาที ครง้ั ท่ี 6,2551 สบื ค้นเม่อื วนั ที่ 26 พฤศจกิ ายน 2558) Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 42
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 1) การออกแบบเครือข่าย: ความสําเร็จของการบริหารงานแบบเครือข่ายมักข้ึนอยู่กับการออกแบบเครือข่าย ตั้งแต่ตอนเริ่มต้น เมื่อกําหนดแนวทางและโครงสร้างการบริหารเครือข่ายแล้ว โครงสร้างดังกล่าวต้องสามารถ สนับสนนุ การไหลเวยี นของข้อมูลและทรัพยากรระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในเครอื ขา่ ยได้ การออกแบบเครือข่ายที่มี ประสิทธิภาพเปรียบเหมือนการมีแผนที่การเดินทางท่ีดีซ่ึงจะช่วยให้ภาครัฐดําเนินงานประสบผลสําเร็จตามเปูาหมาย และนโยบายได้ 2) การประสานงานในเครือข่าย: เพื่อให้การบริหารงานแบบเครือข่ายประสบความสําเร็จหน่วยงานต่างๆ ต้องสามารถเชอื่ มต่อกนั ไดใ้ นหลากหลายระดับซง่ึ เทคโนโลยีอาจเป็นเคร่ืองมือสําคัญที่ช่วยเชื่อมต่อการดําเนินงานของ หน่วยงานต่างๆ ในเครือข่ายเข้าด้วยกันเป็นใบเบิกทางให้สมาชิกในเครือข่ายได้มีการแ ลกเปล่ียนความรู้ ร่วมดําเนินงานชว่ ยกันตัดสนิ ใจ แบง่ ปันข้อมูลของผู้ใช้บริการร่วมกัน 3) การติดตามผล: ระบบการวัดผลการดําเนินงานท่ีมีประสิทธิภาพเป็นส่ิงจําเป็นอย่างยิ่งหากขาดข้อมูล ด้ า น ผ ล ง า น ที่ เ ชื่ อ ถื อ ไ ด้ ก า ร ท่ี จ ะ ท ร า บ ว่ า ส ม า ชิ ก ใ น เ ค รื อ ข่ า ย ไ ด้ ป ฏิ บั ติ ต า ม บ ท บ า ท ห น้ า ที่ ไ ด้ ค ร บ ถ้ ว น ห รื อ ไ ม่ และประชาชนผู้รับบริการพอใจในบริการที่ได้รับหรือไม่ ย่อมเป็นไปไม่ได้ด้วยเหตุน้ีระบบการวัดและติดตามผล จงึ เป็นการสรา้ งความนา่ เชื่อถือให้เกดิ ข้นึ ในระบบการบริหารงานแบบเครือขา่ ย 4) การเสริมสร้างประสิทธิภาพ : การทํางานของภาครัฐในแบบเครือข่ายจําเป็นต้องอาศัยความสามารถ และทักษะในการทํางานที่แตกต่างไปจากเดิม นอกเหนือไปจากความรู้ในด้านการวางแผนการจัดทํางบประมาณ การจัดหาบุคลากร และภารกิจโดยท่ัวไปที่เคยปฏิบัติกันมาการบริหารแบบระบบเครือข่ายยังต้องอาศัย ความชํานาญในด้านอื่นๆ ด้วย อาทิการฝึกสอน การเป็นคนกลางประสานงาน การเจรจาต่อรอง การวิเคราะห์ ความเส่ียงการจัดการด้านสัญญา ความสามารถในการแก้ปัญหาท่ีไม่เป็นไปตามแบบแผนการคิดเรื่องกลยุทธ์ การสื่อสารระหวา่ งบุคคล การจดั โครงการและธรุ กิจและการสร้างทมี เปน็ ตน้ สํานกั บริหารยทุ ธศาสตรก์ ลมุ่ จังหวัดภาคใตฝ้ ง่ั อนั ดามนั (ม.ป.ป. น.73-74) “โครงการบูรณาการอุตสาหกรรม การท่องเท่ียวอันดามันสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลกบนฐานความเข้มแข็งของชุมชนตามแนว เศรษฐกิจพอเพียงสํานักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน”กล่าวถึง ปัจจัยที่เป็นหัวใจให้เกิดความ ร่วมมืออย่างยั่งยืน ในท่ีน้ีสามารถตีความหมายของความร่วมมืออย่างย่ังยืนของเครือข่าย ว่าเป็นความเข้มแข็งของ เครือข่ายได้ การมุ่งให้เกิดการพัฒนาใดๆด้วยรูปแบบการทํางานแบบเครือข่ายให้มีความยั่งยืนนั้น จําเป็นต้องอาศัย ปัจจัยพืน้ ฐานสําคัญหลายประการ ดงั นี้ 1) สมาชกิ เครือขา่ ยมีความคิดเห็น และเปูาหมายรว่ มในการทาํ งาน 2) เครือขา่ ยมีแกนนาํ ทมี่ คี วามเข้มแข็ง และไม่มีขอ้ ขดั แยง้ เชงิ ผลประโยชน์ (Conflict of Interest) 3) ภารกิจมีความชัดเจน ทัง้ ในดา้ นเปูาหมาย วตั ถปุ ระสงค์ และกระบวนการทาํ งานรว่ มกนั Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 43
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 4) สามารถกําหนดรูปแบบการบริหารจัดการระหว่างองค์กรเครือข่าย (Business Model) ท่ีมีประสิทธิภาพ เช่น มีกลุ่มเปูาหมายชัดเจน กําหนดรูปแบบของสินค้าและบริการ หลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์ที่ยอมรับได้ โครงสรา้ งการทํางาน เป็นตน้ 5) มีการสร้างให้เกิดบรรยากาศในการไว้วางใจซ่ึงกันและกันพร้อมกับช่องทางในการให้สมาชิกในเครือข่าย สรา้ งผลงานและเครอื ขา่ ยอย่างตอ่ เนอื่ ง 6) ชมุ ชนรสู้ ึกถึงความเปน็ เจา้ ของในภารกิจของเครือข่าย การพัฒนาเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน (การสร้างเครือข่าย, สืบค้นเมื่อวันท่ี 26 พฤศจิกายน 2558) มีเงอื่ นไขดังต่อไปน้ี 1. สมาชิกทเ่ี ขา้ รว่ ม ตอ้ งเขา้ ใจเปูาหมายในการรวมตวั กันวา่ จะก่อให้เกดิ ความสาํ เร็จในภาพรวม 2. สรา้ งการยอมรบั ในความแตกตา่ งระหวา่ งสมาชกิ ยอมรบั ในรูปแบบและวัฒนธรรมองค์กรของสมาชิก 3. มีกิจกรรมสมํ่าเสมอและมากพอท่ีจะทําให้สมาชิกได้ทํางานร่วมกัน เป็นกิจกรรมที่ต้องแน่ใจว่าทําได้ และกระจายงานได้ทั่วถึง ควรเลือกกิจกรรมท่ีง่ายและมีแนวโน้มประสบผลสําเร็จ อย่าทํากิจกรรมท่ียากโดยเฉพาะ ครั้งแรกๆ เพราะถา้ ทาํ ไม่สําเร็จอาจทาํ ให้เครือขา่ ยทเ่ี ริ่มก่อตัวเกิดการแตกสลายได้ 4. จัดใหม้ แี ละกระตุ้นใหม้ ีการสอ่ื สารระหวา่ งกันอย่างท่ัวถงึ และสมาํ่ เสมอ 5. สนับสนุนสมาชิกทุกกล่มุ และทกุ ด้านทต่ี อ้ งการความชว่ ยเหลือ เนน้ การช่วยเหลือกลุ่มสมาชิกท่ียังอ่อนแอ ใหส้ ามารถชว่ ยตนเองได้ 6. สรา้ งความสัมพันธข์ องบคุ ลากรในเครอื ข่าย 7. สนับสนุนให้สมาชิกได้พัฒนางานอย่างเต็มกําลังตามศักยภาพและความชํานาญที่มีอยู่ โดยร่วมกัน ต้ังเปูาหมายในการพัฒนางานให้กับสมาชิกแต่ละกลุ่ม ส่งผลให้สมาชิกแต่ละกลุ่มมีความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน เป็นพ้ืนฐานในการสรา้ งความหลากหลายและเข้มแขง็ ให้กบั เครอื ข่าย 8. สร้างความสัมพันธ์ท่ีแน่นแฟูน ระหว่างบุคลากรทุกระดับของสมาชิกในเครือข่ายในลักษณะความสัมพันธ์ ฉันทเ์ พือ่ น 9. จดั กจิ กรรมให้สมาชกิ ใหม่ของเครือข่าย เพ่ือเชื่อมต่อคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ ในการสืบทอดความเป็นเครือข่าย ต่อไป 10.จัดให้มีเวทีระหว่างคนทํางานเพื่อพัฒนาหรือแก้ปัญหาในการทํางานด้านต่างๆ อย่างสมํ่าเสมอ รวมทงั้ การใหก้ าํ ลังใจซึ่งกนั และกัน 11.จัดใหม้ ชี ่องทางการทาํ งานรว่ มกนั การสือ่ สารท่ีงา่ ยต่อการเข้าถึงท่ีทันสมัยและเป็นปัจจุบัน เช่น การสร้าง ระบบการสง่ ตอ่ งาน และสร้างเว็บไซตเ์ พ่ือเชื่อมโยงเครอื ขา่ ยเข้าดว้ ยกนั Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 44
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. จากท่ีกล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า กลยุทธ์การส่งเสริมความเข้มแข็งของเครือข่าย ต้องมีภารกิจ เปาู หมาย วตั ถปุ ระสงค์ กระบวนการทํางาน และกิจกรรมรว่ มกนั อย่างชัดเจน กาํ หนดรูปแบบการบริหารจัดการระหว่าง องค์กรเครือข่าย (Business Model) ท่ีมีประสิทธิภาพได้ มีการประสานงานที่ดี กระบวนการติดต่อสื่อสารต้องมี ความสมํ่าเสมอ เข้าถึงได้ ทันสมัย และเป็นปัจจุบัน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันปกปูองการแทรกแซง จากองค์กรอื่นๆ มีทรัพยากรที่เพียงพอและเหมาะสมตลอดจนมีแผนการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ มีการกระจายอํานาจในเครือข่ายอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม สถานภาพของเครือข่ายต้องมีความถูกต้อง ตามกฎหมายและสามารถเล้ียงตัวเองได้มีการติดตามผลและประเมินผลอย่างต่ อเน่ืองและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมสร้างประสิทธิภาพของบุคคลากรในเครือข่ายเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และสร้างบรรทัดฐาน ความรว่ มมือท่ดี ี 2.6 เทคนิคการเสริมสรา้ งเครือขา่ ย นฤมล นิราทร (2543, น.59-65) กล่าวถึง เทคนิคในการทํางานเครือข่ายให้ประสบความสําเร็จที่ไม่ได้ตัดสิน แคเ่ พยี งความสามารถหาสมาชกิ หรือภาคีเครือข่ายเท่านัน้ สงิ่ สาํ คัญไดแ้ ก่ 1. การมีพันธะสัญญาที่หนักแน่นระหว่างกัน (Commitment) นอกจากจะหมายถึงการมีอุดมการณ์ และความสมั พันธท์ เ่ี หนียวแนน่ มสี ายสัมพันธ์ระหวา่ งกัน 2. การพฒั นาอยู่ตลอดเวลา (Continuous Improvement) 3. การรักษาพันธกรณีระยะยาว (Long-term Commitment) องค์กรที่มีพันธกรณีร่วมกัน มีความผูกพันในระยะยาวและได้รับประโยชน์ร่วมกันเท่าน้ันท่ีจะอยู่ในสภาพท่ีจะสามารถแลกเปลี่ยนทรัพยากร ตลอดจนรว่ มกันทาํ งานและการสรา้ งผลงานทีเ่ ปน็ ประโยชน์ 4. การเสริมพลัง (Empowerment) หมายถึง การสนับสนุนให้องค์กรเครือข่ายได้มีโอกาสแสดง ความสามารถ รว่ มคิด รว่ มแกไ้ ขปัญหาต่างๆ ขณะเดยี วกนั ตอ้ งมกี ารเสริมทักษะการสร้างเครือข่ายให้ผู้ปฏิบัติงานและ สร้างความสัมพันธก์ บั หนว่ ยวิชาการตา่ งๆ 5. การสร้างค่านิยมร่วมกัน (Shared Value) ได้แก่ การให้ความสําคัญต่อคุณภาพของงาน ความยดื หยุ่น คา่ นยิ มการทาํ งานรว่ มกนั เปน็ ทีม เป็นตน้ 6. ภาวะผู้นํา (Leadership) เป็นสิ่งสําคัญไม่น้อยไปกว่าองค์ประกอบใดๆ ภาวะผู้นํา หมายถึง การสร้างวิสัยทัศน์ในเชิงกลยุทธ์ รวมท้ังชักจูงโน้มน้าวให้ผู้อื่นเห็นความสําคัญต่อสิ่งที่จะต้องกระทําร่วมกัน และจัดหาทรัพยากรที่จําเป็นต่อการทํางาน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายและผลสําเร็จของงาน นอกจากนน้ั ผูน้ าํ ตอ้ งเปน็ คนซอ่ื สัตย์ สุจริต ขยัน เสยี สละเพื่อส่วนรวม Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 45
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. เทคนิคการทํางานร่วมกันเป็นเครือข่าย (เทคนิคการสร้างเครือข่ายและทีมงาน, 2552 สืบค้นเมื่อ วนั ที่ 26 พฤศจิกายน 2558) มดี ังนี้ 1. สร้างความผกู พนั และความรับผิดชอบต่อการสรา้ งเครือขา่ ย - ผปู้ ฏิบตั ิงานให้ความร่วมมือ - วิเคราะห์ พูดคยุ ปญั หาร่วมกนั - มีความพร้อมท่จี ะทาํ งานรว่ มกัน 2. เตรียมตวั เตรียมใจไว้วา่ การสร้างเครือขา่ ยตอ้ งใชเ้ วลา - ผู้บรหิ ารตอ้ งให้เวลากับการสร้างเครือข่าย - รว่ มกันทาํ งานให้สาํ เรจ็ ตามเปาู หมาย - จดั กจิ กรรมสร้างความสมั พันธ์และมีความเคลอ่ื นไหวอยา่ งตอ่ เนื่อง สมา่ํ เสมอ 3. การเคารพและความไวว้ างใจระหว่างกนั เป็นสิ่งสําคญั 4. องคก์ รที่ร่วมเครอื ขา่ ยจะตอ้ งได้รบั ประโยชน์จากการสรา้ งเครอื ข่าย - ตอ้ งร้จู ักเสียสละจากการสร้างเครือข่าย - ตอ้ งหมน่ั สรุปบทเรียนจากการทาํ งาน - วิเคราะหจ์ ุดแข็ง จุดอ่อน 5. ในกรณีท่ีการสร้างเครือข่ายจําเป็นต้องมีการลงนาม ในสัญญาต้องให้แน่ใจว่าเป็นสัญญาที่จัดทํา อย่างรอบคอบ 6. ในช่วงการร่วมเป็นเครือข่ายหรือประสานงานกันสถานการณ์อาจมีการเปลี่ยนแปลง เราควรต้อง ตระหนกั ถงึ ปัญหาขององค์กรเครือขา่ ย และมีความยึดหยนุ่ พอสมควร 7. ตอ้ งแน่ใจว่าทั้งองค์กรของท่านและองค์กรที่เป็นเครือข่าย มีความคาดหวังท่ีตรงกันในการร่วมมือกัน ทํางานตลอดระยะเวลาทตี่ กลงจะรว่ มงานกัน 8. ตระหนกั ในความแตกตา่ งทางวฒั นธรรมทั้งในด้านพ้ืนท่ีและวัฒนธรรมองค์กร อย่าคาดหวังว่าองค์กร เครอื ข่ายจะสนองตอบตอ่ ปญั หาเหมอื นทท่ี า่ นตอบสนอง 9. ตระหนกั ในความเปน็ อิสระขององคก์ รท่รี ว่ มเปน็ เครือข่าย 10. รบั ผดิ ชอบในความสําเร็จ หรอื ความลม้ เหลวรว่ มกัน Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 46
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. สัญญา สัญญาวิวัฒน์ (2551, น.142) ได้เสนอหลักการสร้างเครือข่ายท่ีเรียกว่า หลักการ BAN (Balance, Ability and Networking) ไว้ 3 ประการ คือ 1. การรักษาสมดุลที่มีในคนแต่ละคน คือ การมีสุขภาพอนามัยดี ถ้าไม่มีสมดุล คือ การเจ็บปุวย ส่วนในครอบครัว ถา้ ครอบครวั ไมส่ มดลุ คือ ครอบครวั แตกแยก และในชุมชนสมดุล คือ ชุมชนท่ีเข้มแข็งหรือชุมชนที่มี ความสามคั คี 2. การสร้างความสามารถ คือ ความสามารถในการทําให้เกิดการพ่ึงตนเองได้ ซึ่งจะต้องมี 5 ด้าน คือ ด้านเทคโนโลยี ด้านเศรษฐกิจ ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ด้านจิตใจ และด้านสังคมวัฒนธรรม ปัจจัยการพ่ึงตนเอง ท้ัง 5 นั้น ท้ังมองแบบแยกส่วนและมองรวมกันในระหว่างที่เสริมสร้างความสามารถเหล่าน้ันอยู่มีความจําเป็นต้อง รักษาสมดุลและแต่ละปัจจัยต้องมีความมั่นคงเข้มแข็ง ดําเนินการเพ่ิมขีดความสามารถไปเร่ือยๆ อย่างมั่นคง ในขณะเดียวกันจะต้องรักษาสมดุลระหว่าง 5 ปัจจัยน้ันด้วย กล่าวคือ จะต้องโตไปเท่าๆ กัน หรือไล่เล่ียกัน มิฉะนั้น อาจลม้ ลงมาได้ 3. การสร้างเครือข่ายหรือการมีเพื่อน พันธมิตรการพัฒนาซึ่งอาจพัฒนาชุมชนหรือองค์กรใดก็ได้ มิตรเหล่าน้ีจะเป็นท่ีพ่ึงของกันและกัน เรียนรู้กันและกัน ช่วยเหลือกันยามมีปัญหาช่วยกันเสริมสร้าง ความเจริญก้าวหนา้ หรอื ชว่ ยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั ซึ่งการมีเพือ่ นคคู่ ิดมิตรค่ใู จ มีประโยชน์หลายประการ ท่ีสําคัญช่วยให้ เกิดการพัฒนา นฤมล นิราทร (2543, น.43 ) กล่าวถึง ปรัชญาการสร้างเครือข่าย เพราะต้องคํานึงถึงเสมอว่า “เครือข่าย” เป็นกระบวนการพัฒนาความสมั พนั ธ์ระหว่างมนุษย์กับมนษุ ย์ การนําเครอื ข่ายตอ้ งมี LINK คือ “การเขือ่ มโยง” L – Learning การเรียนรู้ I – Investment การลงทนุ N – Nature การฟูมฟักบํารุง G (K) – Give การรักษาสัมพนั ธภาพ เทคนิคการเสริมสร้างเครือข่าย เป็นการกลวิธีต่างๆ ที่ใช้ในการเสริมสร้างการทํางานของเครือข่ายต่างๆ ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากข้ึน จากท่ีได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า เทคนิคหรือปัจจัยที่เสริมสร้าง เครือข่าย ต้องมีความสัมพันธ์ การเช่ือมโยงท่ีเหนียวแน่น มีความรับผิดชอบต่อการสร้างเครือข่ายในระยะยาว สรา้ งคา่ นิยมรว่ มกนั มีการเสริมพลงั (Empowerment) ให้เครอื ข่ายได้มีโอกาสแสดงความสามารถ ร่วมคิด ร่วมแก้ไข ปัญหาต่างๆ มีการเสริมทักษะการสร้างเครือข่ายให้ผู้ปฏิบัติงานและสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งต้องใช้ เวลา และควรมีความเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ต้องหม่ันสรุปบทเรียนจากการทํางานมีความยึดหยุ่น มีรับผิดชอบร่วมกันสร้างความสามารถท่ีทําให้เกิดการพ่ึงตนเองได้ และส่ิงสําคัญต้องมีสัมพันธภาพหรือเพ่ือน ในการสร้างเครอื ขา่ ย Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 47
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 2.7 แนวทางการเสริมสรา้ งเครือข่าย การสร้างเครือข่าย หมายถึง การทําให้มีการติดต่อและการสนับสนุนให้มีการแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร และการร่วมมือกันดว้ ยความสมัครใจ ในทัศนะของ Starkey การสรา้ งเครือขา่ ยควรสนับสนนุ และอํานวยความสะดวก ให้สมาชิกในเครือข่ายมีความสัมพันธ์ฉันท์เพ่ือน ที่ต่างก็มีความเป็นอิสระมากกว่าทําให้เกิดการคบค้าสมาคมแบบ พ่ึงพิง นอกจากน้ี การสร้างเครือข่ายต้องไม่ใช่การสร้างระบบการติดต่อเผยแพร่ข่าวสารแบบทางเดียว เช่น การถา่ ยทอดขา่ วสารทางส่ือสารมวลชน การส่งนิตยสารจดหมายขา่ วให้กับสมาชิกเหล่านี้ไม่ใช่เครือข่าย เครื่องมือของ การส่ือสารมวลชนอาจนํามาใช้ในเครือข่ายได้ แต่การใช้เคร่ืองมือเหล่านี้เพียงอย่างเดียวไม่สามารถเรียกได้ว่ าเป็น การสร้างเครือข่าย ดังน้ัน เครือข่ายจึงไม่ใช่การส่งจดหมายข่าวไปให้สมาชิกตามรายช่ือเท่าน้ัน แต่ต้องมี การแลกเปลยี่ นขา่ วสารข้อมลู ระหวา่ งกัน Burke (1990 อ้างถึงใน พงศกร ควรรู้ดี, 2553) เสนอแนวทางการสร้างและพัฒนาเครือข่ายท่ีมุ่งรักษา ความสมดลุ ระหว่างความตอ้ งการของหน่วยงานสนับสนุนและเครือข่าย ดังน้ี 1. ปัจจัยนําเข้าจากภายนอก : ประเด็นสําคัญท่ีสุด คือ อันตรายอันเกิดจากทรัพยากรภายนอกท่ีให้ผลเสีย มากกว่าผลดี การเปิดกว้าง และกระบวนการวางแผนแบบมีส่วนร่วมสามารถช่วยได้ การรวมศูนย์จะมีมาก ผ่านการจัดหาเงินอุดหนุนและเป็นการทํางายเครือข่าย จึงเป็นเรื่องสําคัญท่ีต้องให้ตัวแทนกลุ่มมีความรับผิดชอบ ในการระดมทรัพยากรแทนท่ีหน่วยงานสนับสนุนจะเป็นหวั เร่ยี วหวั แรงในเร่อื งน้ี 2. ความเป็นเอกภาพ : รูปแบบท่ีถูกออกแบบไว้ยากท่ีจะเติบโตได้ แต่ละเครือข่ายอาจไม่เหมือนกัน ต้องเปดิ โอกาสใหเ้ ครอื ข่ายออกแบบของตวั เอง 3. คํานิยาม : เครือข่ายต้องนิยามหรือกําหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตประเด็นหรือขอบเขตพื้นท่ีของ ตัวเอง เครือข่ายจําเป็นต้องแน่ใจว่าไม่ซ้ําซ้อนหรือแข่งขันกับเครือข่ายที่มีอยู่แล้ว แต่จะพัฒนาความสัมพันธ์ไป เช่ือมโยงกับสถาบนั ท่ีเก่ยี วขอ้ ง 4. ความเก่ียวข้องในวงกว้าง : ถ้าจะให้เครือข่ายอยู่รอด เครือข่ายต้องมีสมาชิกท่ีมีความมุ่งมั่นอยู่เป็นหลัก ในการดาํ เนินกิจกรรมของเครอื ข่ายมากกว่า 1 คน ต้องมีกลุ่มแกนของเครือข่ายท่ีคอยผลักดัน คนกลุ่มน้ีควรเป็นคนท่ี คอยกระตุ้นให้ความสัมพันธ์ภายในเครือข่ายมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และควรติดต่อสื่อสารกับสมาชิกท่ีห่างหายไปให้ บ่อยครงั้ สมํา่ เสมอ มกี ารแบ่งงานใหก้ บั สมาชกิ ร่วมรับผิดชอบ 5. การมีส่วนร่วม : ปกติเครือข่ายประกอบด้วย สมาชิกขององค์กรพัฒนาเอกชน นักวิจัย องค์กรชุมชน เป็นต้น ด้วยเหตุน้ีจึงจําเป็นต้องมีการส่งเสริมการติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่า คนเหล่าน้ยี ังคงตดิ ต่อและเอ้อื ประโยชน์ให้กันอยู่ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 48
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 6. ความขัดแย้งภายใน : สมาชิกเครือข่ายมักจะสงสัยระแวงกัน หรือมีวาระแฝงแปลกๆ ออกไป การเปิดเผย และการติดต่อสื่อสารที่ดีภายในเครือข่าย จะช่วยลดความตึงเครียดได้ ความเป็นประชาธิปไตย และกระบวนการตดั สินใจแบบใสสะอาด มคี วามสําคญั สําหรบั การจดั การกับเรอ่ื งนี้ 7. รางวัล : การรับรู้ถึงความพยายามท่ีสมาชิกทุ่มเทให้กับเครือข่ายมีความสําคัญต่อการรักษา ความกระตือรือร้นของสมาชิกเมื่อเวลาเปล่ียนไปความสนใจก็เปลี่ยนไป มีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงสมาชิก คุณค่าของเครอื ขา่ ยอาจมาจากสายสัมพันธ์แบบไมเ่ ป็นทางการท่ีเกิดขน้ึ บรเิ วณรอบๆ เครอื ข่าย 8. ความยืดหยุ่น: เครือข่ายต้องการกฎและความรับผิดชอบ แต่ต้องไม่ตายตัวมากเกินไป ความสามารถใน การปรับมีความสําคัญตอ่ ความยั่งยืนของเครือข่าย ขณะท่ีวัตถุประสงค์ของเครือข่ายควรจะชัดเจนแต่ก็ต้องมีขอบเขต ทีเ่ ครือข่ายสามารถเปลยี่ นแปลงได้ 9. ทําประสบการณ์ให้เป็นเรื่องเป็นราว : ถ้าเครือข่ายเป็นการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ การเรียนรู้ ก็จาํ เป็นต้องถกู ทาํ ใหเ้ ปน็ เรอื่ งเป็นราว เพอ่ื เปน็ ประโยชน์ตอ่ สมาชกิ ใหม้ ากทสี่ ุดเทา่ ทจ่ี ะมากได้ 10. การให้เงินอุดหนุน : เครือข่ายไม่อาจดําเนินกิจกรรมได้ด้วยตนเองจําเป็นต้องใช้เงินและทรัพยากรอื่นๆ ท่ีไม่ใช่ตัวเงินในการทํางานของเครือข่าย แหล่งอุดหนุนเงินที่หลากหลายเป็นส่ิงจําเป็นในการสร้างความยั่งยืนให้กับ เครือข่าย 11. ความถูกตอ้ งตามกฎหมาย : เครอื ข่ายต้องมชี ่ือและมกี ารตดิ ตอ่ เพอ่ื จดั ตัง้ ช่อื เสียงเรียงนามของเครือข่าย การได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานระดับสูงและการประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่างๆ จะช่วยสร้างความยั่งยืนและพลัง อํานาจของเครอื ขา่ ย เกสรา วิเศษรัตน์ (2556, น.11-13) กลา่ วถงึ แนวทางในการเสริมสรา้ งเครอื ขา่ ยตามที่ Starkey ได้เสนอไว้ว่า ควรดําเนนิ การดังนี้ 1. เชญิ องคก์ รและผ้ทู ี่มีสว่ นได้เสยี มาร่วมประชุมโดยมหี วั ข้อการประชมุ ที่น่าสนใจเก่ียวกับผลประโยชน์ร่วม หรือเปูาประสงค์ท่ีเกี่ยวข้องกัน มอบหน้าที่ในการบริหารจัดการการประชุมให้กับบรรดาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกัน รับผดิ ชอบการหาข้อตกลงร่วมในกจิ กรรมท่ีเปน็ ผลประโยชน์รว่ มดงั กลา่ ว 2. กําหนดวัตถุประสงค์ของการจัดต้ังเครือข่าย ทิศทาง กิจกรรมหลัก และคุณสมบัติของสมาชิกให้ชัดเจน โดยให้สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในกระบวนการกําหนดด้วย เพื่อปูองกันการครอบงําจากกลุ่มคนบางกลุ่ม ท้งั นี้ ควรมีการทบทวนเปน็ ระยะๆ เพอื่ ปรบั ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการณข์ องสังคมและความต้องการของสมาชกิ 3. จัดตั้งกลุ่มแกนของเครือข่ายที่ปวารณาตัวเข้ามาทําหน้าที่ประสานงาน จัดการ และส่งกําลังบํารุงให้กับ สมาชิกซึ่งต้องไม่ติดอยู่กับกิจกรรมประจําวันขององค์กรตัวเอง และกลุ่มแกนต้องดําเนินกิจกรรมของเครือข่ายให้ บังเกิดประโยชน์สูงสุด ท้ังนี้ ต้องมีการหมุนเวียนเปลี่ยนกลุ่มผู้นําเครือข่ายเพ่ือการพัฒนาภาวะผู้นําของสมาชิก และปูองกนั การผูกขาดอํานาจ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 49
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 4. ความรูส้ กึ เปน็ เจ้าของร่วมและความผูกพันที่เหนียวแน่น มีส่วนอย่างสําคัญต่อความสําเร็จของเครือข่าย ควรเปิดโอกาสให้สมาชิกเข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ การเลือกกิจกรรมและวิธีการทํางานของเครือข่ายใน ลกั ษณะประชาธิปไตย 5. เครอื ข่ายตอ้ งมีวิธีการจัดหาและจัดการทรัพยากร เพื่อความมีประสิทธิภาพในการขับเคล่ือนกิจการของ เครือข่ายและความสามารถในการพ่ึงตนเอง ทรัพยากรน้ีไม่ได้หมายถึงเงินทุนเท่าน้ัน แต่ยังหมายความรวมถึง คุณภาพของสมาชิก วธิ กี ารจัดการแบบมีสว่ นรว่ ม เทคโนโลยี การแลกเปล่ยี นขอ้ มูลขา่ วสาร ฯลฯ 6. ทําให้เครือข่ายมีสถานภาพถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้เครือข่ายและผู้นําเครือข่ายได้รับการสนับสนุน และความไว้เนื้อเชื่อใจจากสมาชิกเครือข่ายอีกท้ังยังได้สามารถดําเนินงาน ได้กว้างขวาง อาจมีช่ือและสัญลักษณ์ของ เครอื ข่ายเพอ่ื ให้เป็นท่ีจดจาํ ไดง้ ่าย และอาจสง่ ขา่ วสารไปให้กบั บคุ คลเปาู หมายท่สี ามารถใหก้ ารรับรองเครือข่ายได้ 7. ควรสนับสนุนให้มีการเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายกับเครือข่าย เพ่ือเสริมให้เครือข่ายมีความเข้มแข็ง มากขึ้น ซึ่งมีท้ังทางแนวราบ แนวตั้ง หรือในภูมิภาคต่างระดับกัน การเชื่อมเครือข่ายทําได้ท้ังอย่างเป็นทางการและ ไม่เป็นทางการด้วยการมีกิจกรรมร่วมกันหรือเป็นตัวแทนร่วมกันในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการท่ีเก่ียวข้องและ การร่วมกันประสานงานการประชมุ 8. ควรมีการติดตามผลและประเมินผลเป็นประจําสมํ่าเสมอและถ่ีถ้วน โดยดูความสอดคล้องของแผนการ ทํางานกับวตั ถุประสงค์ ความกา้ วหน้าและความสาํ เรจ็ ของเครอื ข่ายในแตล่ ะระยะ ท้งั น้ีควรให้สมาชิกเข้ามามีส่วนร่วม ในกระบวนการกําหนดวิธีและเคร่ืองช้ีวัดประสิทธิภาพของกิจกรรมเครือข่าย และร่วมเรียนรู้ตลอดกระบวนการ ตดิ ตามและประเมนิ ผล 9. ควรมกี ารจัดหลกั สูตรฝกึ อบรมดา้ นการจดั การเครือขา่ ยให้กับองคก์ รแกนและผนู้ ําเครือข่ายสมํ่าเสมอ 10. ถ้าวัตถุประสงค์ของเครือข่ายดี การเช่ือมโยงภายในเครือข่ายเหมาะสม เอื้อให้เกิดความเคลื่อนไหว ของกิจกรรมและความแข็งขันของสมาชิกโครงการหรือกิจกรรมมีลักษณะกระจายอํานาจไปให้กับมวลสมาชิกที่ได้รับ ประโยชน์ การดาํ เนินงานของเครือข่ายจะนําไปสู่การพฒั นาทีย่ ่งั ยนื ได้ในทีส่ ุด เกรียงศกั ด์ิ เจรญิ วงศศ์ ักดิ์ (2543, น.61-75) กล่าวถงึ แนวทางในการเสริมสรา้ งเครือข่าย ดงั นี้ 1. การสร้างความตระหนักในปัญหาและสํานึกในการรวมตัว เป็นการสร้างความตระหนักให้คนในสังคม ได้รับรู้ถึงปัญหาหรือวิกฤติการณ์ ผลกระทบท่ีเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดการรวมตัวกันเป็นเครือข่าย โดยใช้ก ลยุทธ์ คือ การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ นโยบาย กิจกรรม แผนการดําเนินงานของเครือข่าย โดยสร้างความเขา้ ใจและสรา้ งภาพลกั ษณ์กระต้นุ ใหป้ ระชาชนอยากเขา้ ร่วมกจิ กรรมและเป็นสมาชกิ ของเครือข่าย 2. การสรา้ งจดุ ร่วมของผลประโยชน์ เครอื ขา่ ยตอ้ งแสดงใหเ้ หน็ ว่า เครือขา่ ยมีผลประโยชน์ต่อสมาชิกและ สังคมอย่างไร สามารถแก้ไขปัญหาหรือวิกฤตการณ์ที่เกิดข้ึนได้อย่างไร วัตถุประสงค์ของเครือข่ายต้องสอดคล้องกับ ความต้องการของประชาชน จงึ จะจูงใจให้เปน็ สมาชิกของเครือข่าย Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 50
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 3. การแสวงหาแกนนําที่ดีของเครือข่าย คือ เป็นผู้นําที่มีภาวะผู้นําหรือมีคุณสมบัติของผู้นําท่ีเหมาะสม เป็นท่ียอมรับของคนท่ัวไป เพ่ือให้เป็นแกนนําในการจัดต้ังเครือข่าย การดําเนินงานของเครือข่ายและการขยาย เครือข่าย เพราะแกนนํา ที่ดจี ะมีพลงั ในการจูงใจใหค้ นเขา้ รว่ มกจิ กรรมของเครือข่ายได้งา่ ย 4. การสร้างแนวร่วมสมาชิกของเครือข่าย สมาชิกของเครือข่ายเป็นปัจจัยสําคัญในการจัดตั้งเครือข่าย การสร้างแนวร่วมของสมาชิกเครือข่ายให้กว้างขวางด้วยการดึงบุคคล กลุ่ม องค์กรท่ีมีคุณสมบัติเหมาะสมเข้าเป็น สมาชิกเครอื ข่าย ท้ังในดา้ นปริมาณและคณุ ภาพ ซ่ึงเป็นส่ิงจําเป็นของเครือข่าย โดยอาจดําเนินการโดยให้แกนนําและ สมาชิกเป็นผู้แสวงหาผู้ท่ีมีความคิดหรือประสบปัญหาแบบเดียวกันเข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่าย แล้วขยายออกไปยัง บุคคลกลุ่มองค์กรอื่นๆ ต่อไป พัฒนาสมาชิกให้สามารถสร้างเครือข่ายต่อไปได้ด้วยตนเอง ซึ่งจะทําให้การจัดต้ัง เครือขา่ ยได้ง่ายและประสบความสาํ เรจ็ อภิญญา เวชยชัย (อ้างถึงใน ธนพล แสงจันทร์, 2555, น.55-56) กล่าวถึง ข้ันตอนการสร้างเครือข่ายระดับกลุ่ม มีดังน้ี 1. กลมุ่ ตอ้ งผา่ นการพูดคุย มองเห็นปัญหา วิเคราะห์ร่วมกันและเห็นพ้องต้องกันก่อนถึงความจําเป็นของ การพ่ึงพาอาศัยกัน เห็นประโยชน์และผลดีที่จะเกิดข้ึนจากการรวมกลุ่มกัน ท้ังนี้เป็นข้ันตอนในการสร้างจิตสํานึก และมีความพรอ้ มทีจ่ ะทํางานร่วมกันในลักษณะของการประสานงานทั้งต่อบคุ คลและต่อกลุ่มในรปู เครือขา่ ย 2. สมาชิกท่ีเป็นลูกข่ายต้องมีความเข้าใจต่อเปูาหมายและวัตถุประสงค์ของการรวมกลุ่ มและ การประสานงานอยา่ งชัดเจน และตอ้ งทาํ ความเข้าใจกบั สมาชกิ ในกล่มุ ลกู ขา่ ยอย่างชดั เจนและทัว่ ถึง 3. เมื่อสามารถตกลงกันได้ในเปูาหมายแล้วจะต้องร่วมกันจัดรูปแบบขององค์กรเพ่ือให้เกิดการ ประสานงานท่ีแน่นอนในระดับหน่ึง ในขั้นตอนนี้จะต้องมีการจัดโครงสร้างของการประสานงานจัดระบบงาน มกี ารแบง่ งาน การกาํ หนดกฎระเบยี บทจ่ี ะยึดถือร่วมกนั การกาํ หนดเวลาและสถานท่ีที่จะพบปะกันเปน็ ประจํา 4. จัดกิจกรรมเพ่ือสร้างคว ามสัมพันธ์กันและจัดให้เกิดคว ามเคล่ือนไหว อย่างต่อเน่ือง ทั้งนี้เพราะเครือข่ายมักจะมีโครงสร้างท่ีหลวมกว่าความเป็นกลุ่ม และยังอยู่ห่างไกล กระจัดกระจายด้วย ดังน้ัน ในเครือข่ายจําเป็นต้องจัดกิจกรรมให้มีการเคล่ือนไหวอย่างต่อเนื่องและสม่ําเสมอ เพื่อเป็นการสร้าง ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งลกู ขา่ ยและฝกึ ฝนวธิ ีการประสานงานไปพรอ้ มๆ กันดว้ ย 5. ขณะที่เริ่มกระบวนการประสานงานต้องหม่ันสรุป ช้ีแจง ทําความเข้าใจกับสมาชิกให้สามารถสรุป บทเรียน มองเห็นด้านดีและไม่ดีท่ีเกิดข้ึน ต้องเข้าใจบทบาทในฐานะเป็นเครือข่ายว่าเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ เพื่อเป็นการขดั เกลาความคดิ หวังด้านเดียวของสมาชิกทีย่ งั ไม่พร้อม 6. เม่ือเครือข่ายเริ่มต้นจากกิจกรรมท่ีมีผลประโยชน์ร่วมกันแล้วจึงขยายมาเป็นเครือข่ายด้านการศึกษา เรยี นรรู้ ่วมกนั และสร้างความเข้มแข็งจนสามารถเปน็ ขุมพลงั ในการต่อรองกับภายนอกได้ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 51
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 7. เมือ่ เครอื ข่ายสามารถจัดต้ังและดําเนินการจนบรรลุเปูาหมายแล้ว อาจมีการสลายเครือข่ายหรือมีการ ขยายวัตถุประสงค์อื่นเพิ่มเข้าไปใหม่ได้เพ่ือเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ดํารงอยู่อย่างต่อเน่ือง การสลายหรือ การขยายการทาํ งานเครอื ข่ายจะข้นึ อยู่กับความคดิ เหน็ ขององค์กรสมาชิกทั้งหมดในการตัดสนิ ใจ Starkey (1997, p.14) ได้เสนอแนวทางในการสร้างเครือข่ายวา่ ควรดําเนินการ ดงั น้ี 1. เชิญองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียมาร่วมประชุม โดยมีหัวข้อการประชุมท่ีน่าสนใจเกี่ยวกับผลประโยชน์ ร่วมหรือเปูาประสงค์ทีเกี่ยวข้องกัน มอบหน้าที่ในการบริหารจัดการการประชุมให้กับบรรดาผู้มีส่วนได้เสียร่วมกัน รับผดิ ชอบ การหาขอ้ ตกลงรว่ มในกิจกรรมที่เปน็ ผลประโยชนร์ ่วมดังกลา่ ว 2. กาํ หนดวัตถุประสงค์ของการจดั ตั้งเครอื ขา่ ย ทิศทาง กิจกรรมหลกั และคุณสมบัติของสมาชิกให้ชัดเจน โดยให้สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในกระบวนการกําหนดด้วย เพ่ือปูองกันการครอบงําจากกลุ่มคนบางกลุ่ม ทงั้ น้ี ควรมกี ารทบทวนเปน็ ระยะ ๆ เพ่ือปรับใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการณ์ของสงั คม และความต้องการของสมาชกิ 3. จัดต้งั กลุ่มแกนของเครือข่ายทปี่ วารณาตัวเขา้ มาทําหน้าทป่ี ระสานงาน จัดการ และส่งกําลังบํารุงให้กับ สมาชิก ซึ่งต้องไม่ติดอยู่กับกิจกรรมประจําวันขององค์กรตัวเอง และกลุ่มแกนต้องดําเนินกิจกรรมของเครือข่ายให้ บังเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งน้ีต้องมีการหมุนเวียนเปล่ียนกลุ่มผู้นําเครือข่าย เพื่อพัฒนาภาวะผู้นําของสมาชิก และปูองกนั การผูกขาดอาํ นาจ 4. ความรู้สึกมีส่วนเป็นเจ้าของและความผูกพันที่เหนียวแน่น มีส่วนอย่างสําคัญต่อความสําเร็จของ เครือข่าย ควรเปิดโอกาสให้สมาชิกเข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ การเลือก กิจกรรมและวิธีการทํางานของ เครือข่ายในลกั ษณะประชาธปิ ไตย 5. เครือข่ายต้องมีวิธีการจัดหาและจัดการทรัพยากร เพ่ือความมีประสิทธิภาพในการขับเคล่ือนกิจการ ของเครือข่าย และความสามารถในการพึ่งตนเอง ทรัพยากรน้ีไม่ได้หมายถึงเงินทุนเท่าน้ัน แต่ยังหมายความรวมไปถึง คณุ ภาพของสมาชิก วิธีการจดั การแบบมีส่วนรว่ ม เทคโนโลยกี ารแลกเปลี่ยนข้อมูลขา่ วสาร ฯลฯ 6. ทาํ ให้เครอื ขา่ ยมสี ถานภาพถกู ต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เครือข่ายและผู้นําเครือข่ายได้รับการสนับสนุน และความไว้เนื้อเช่ือใจจากสมาชิกเครือข่าย อีกทั้งยังได้สามารถดําเนินงานได้กว้างขวาง อาจมีช่ือและสัญลักษณ์ของ เครือขา่ ยเพื่อใหเ้ ปน็ ทจ่ี ดจาํ ไดง้ า่ ย และอาจส่งขา่ วสารไปให้กบั บุคคลเปูาหมายทส่ี ามารถให้การรับรองเครือข่ายได้ 7. ควรสนับสนนุ ให้มีการเช่อื มโยงระหวา่ งเครือข่ายกับเครือขา่ ย เพอื่ เสริมใหเ้ ครอื ข่ายมีความเข้มแข็งมาก ขึ้น ซ่ึงมีได้ทั้งทางแนวราบ แนวตั้ง หรือในภูมิภาคต่างระดับกัน การเชื่อมเครือข่ายทําได้ท้ังอย่างเป็นทางการและ ไม่เป็นทางการ ด้วยการมีกิจกรรมร่วมกัน หรือเป็นตัวแทนร่วมกันในการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการท่ีเกี่ยวข้อง และการร่วมกนั ประสานงานการประชมุ 8. ควรมกี ารตดิ ตามผลและประเมินผลเปน็ ประจาํ สม่ําเสมอและถี่ถว้ น โดยดูความสอดคล้องของแผนการ ทํางานกบั วตั ถุประสงค์ ความก้าวหน้าและความสาํ เร็จของเครือข่ายในแต่ละระยะท้ังน้ีควรให้สมาชิกเข้ามามีส่วนร่วม Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 52
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ในกระบวนการกาํ หนดวธิ ีและเครอื่ งชีว้ ดั ประสิทธภิ าพของกิจกรรมเครอื ขา่ ยและร่วมเรียนรู้ตลอดกระบวนการติดตาม และประเมนิ ผล 9. ควรมีการจดั หลกั สตู รฝกึ อบรมด้านการจัดการเครอื ข่ายให้กบั องค์กรแกน และผนู้ าํ เครอื ขา่ ยสมํา่ เสมอ 10. ถ้าวัตถุประสงค์ของเครือข่ายดี การเชื่อมโยงภายในเครือข่ายเหมาะสม เอื้อให้เกิดความเคล่ือนไหว ของกิจกรรมและความแขง็ ขันของสมาชิก โครงการหรือกิจกรรมมลี กั ษณะกระจายอํานาจไปให้กับ มวลสมาชิกท่ีได้รับ ประโยชน์ การดาํ เนินงานของเครอื ข่ายจะนาํ ไปส่กู ารพฒั นาที่ยงั่ ยนื ไดใ้ นทีส่ ดุ จากแนวทางการเสริมสร้างเครือข่ายที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า การเสริมสร้างเครือข่ายควรเร่ิม จากการสรา้ งความตระหนกั ใหค้ นในสังคมได้รับรู้ถึงปัญหาหรือวิกฤติการณ์ ผลกระทบที่เกิดขึ้น เพ่ือให้เกิดการรวมตัว กันเป็นเครือข่าย จากนั้นมีการการระดมทรัพยากรท้ังทุนและบุคลากรในการขับเคลื่อนเครือข่ายสร้าง ความเป็น เอกภาพของเครือข่ายโดยการกําหนดวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งเครือข่าย ทิศทาง กิจกรรมหลัก และคุณสมบัติของ สมาชิกให้ชัดเจนมีกลุ่มแกนของเครือข่ายเป็นหลักในการดําเนินกิจกรรมของเครือข่ายให้บังเกิดประโยชน์สูงสุด มีการใหร้ างวลั เครือข่ายตอ้ งมวี ิธกี ารจดั หาและจัดการทรัพยากรอยา่ งตอ่ เนอื่ ง รวมถงึ ตอ้ งทําให้เครือข่ายมีสถานภาพ ถูกต้องตามกฎหมายเพ่ือให้เครือข่ายและผู้นําเครือข่ายได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากสมาชิกเครือข่าย นอกจากน้ีส่ิงท่ีสําคัญในการเสริมสร้างเครือข่ายให้มีประสิทธิภาพ คือ การเช่ือมโยงระหว่างเครือข่ายกับเครือข่าย มีการพัฒนาศักยภาพของสมาชิกเครือข่าย สมาชิกเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม มีความเข้าใจต่อเปูาหมายและ วตั ถปุ ระสงค์ของการรวมกลุม่ อย่างชัดเจนและสรา้ งความเข้าใจกับสมาชิกให้สามารถสรุปบทเรียน มองเห็นด้านดีและ ไม่ดที เ่ี กิดข้ึน 3. แนวคิดเก่ียวกบั การบรหิ ารจดั การองค์กร วิโรจน์ เป็นสุข (2554, น.6) กล่าวว่า การจัดการ หมายถึง ขบวนการท่ีทําให้งานกิจกรรมต่างๆ สําเร็จมาได้ อย่าง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ด้วยคนและทรัพยากรขององค์การ (Robbins and Decenzo, 2004 ; Certo,2003) ซึ่งตามความหมายน้ีองค์ประกอบที่เก่ียวข้องกับการจัดการ ได้แก่ ขบวนการ (process) ประสิทธิภาพ (Efficiency) ขบวนการ ในความหมายของการจัดการนี้ หมายถึง หน้าท่ีต่างๆ ด้านการจัดการ ได้แก่ การวางแผน การจัดองค์การ การโน้มนาํ องค์การ และการควบคุม ปรีดา เรืองวิชาธร (2547) ให้ความหมาย “การบริหารองค์กร” ว่า หมายถึง การจัดการปัจจัย ท้ังด้านกําลังคน ซ่ึงหมายถึง สติปัญญา จิตใจ ทักษะความสามารถด้านต่างๆ ของแต่ละคน และปัจจัยด้านวัตถุ อปุ กรณ์ รวมถึงทุนทรัพย์ ในการดําเนินงานแล้วผสมผสานให้ดําเนินตามยุทธศาสตร์หรือแผนงานที่วางไว้อย่างสมดุล ลงตัว เพอื่ นําไปสู่ผลหรือเปูาหมายที่ตอ้ งการ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 53
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. Derak French and Heather Saward (วิชัย นาคสิงห์, 2552)ได้ให้ความหมายว่าการจัดการ หมายถึง กระบวนการกิจกรรมหรือการศึกษาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าท่ีในอันที่จะเช่ือมั่นได้ว่า กิจกรรมต่างๆ ดําเนินไปใน แนวทางทีจ่ ะบรรลุผลสําเรจ็ ตามวตั ถุประสงคท์ ่กี าํ หนดไว้ อองรี ฟาโยล์ (Fayol, 1949 อ้างถึงใน วิชัย นาคสิงห์, 2552) ได้กล่าวถึงการจัดการว่าเป็นกระบวนการ ที่ประกอบด้วยขั้นตอนท่ีสําคัญ 5 ขั้นตอน คือ การวางแผน การจัดองค์กร การบังคับบัญชา การประสานงาน และการควบคมุ วาร์เรน บี. บราวน์ (Warren B.Brown อ้างถึงใน วิชัย นาคสิงห์, 2552) ให้ความหมาย การบริหาร คือ งานของผู้นําทีใ่ ช้ทรัพยากรบรหิ ารท้ังปวงที่มีอยู่ในหน่วยงาน เพ่อื ใหเ้ ปูาหมายทีก่ ําหนดไว้บรรลผุ ล วิชัย นาคสิงห์ (2552) กล่าวถึง ความสําคัญของการจัดการ ว่ามีผลต่อความสําเร็จขององค์กร แมจ้ ะเป็นสง่ิ ทไ่ี มส่ ามารถมองเห็นได้ แต่สามารถวัดและประเมินผลได้ การจัดการทําให้การใช้ทรัพยากรมีความคุ้มค่า และเกิดประสิทธิผลในการผลิต นอกจากน้ียังช่วยให้คุณภาพชีวิตของพนักงานดีขึ้น และยังเป็นการแสวงหาวิธีการ ทํางานที่ดที ี่สุดและความสาํ คัญประการสุดท้าย คอื การจดั การชว่ ยทาํ ใหเ้ กิดการจา้ งงาน ทําให้ประชาชนมีรายได้ วรรณพร พุทธภูมิพิทักษ์ และคณะ(2554, น.5) กล่าวว่า การจัดการถือเป็นสมองขององค์กรในการท่ีองค์กร จะประสบความสําเร็จตามเปูาหมายทีก่ าํ หนดไว้นั้นจําเป็นต้องมีกระบวนการจัดการที่ดี รวมท้ังต้องอาศัยการวางแผน และการตัดสินใจของฝุายจัดการซ่ึงพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ โดยท่ัวไปการจัดการ หมายถึง การทํางานให้สําเร็จ โดยอาศัยผู้อื่นและสามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ ทั้งในรูปของเงินเดือนค่าตอบแทนและความคาดหวัง ในหน้าทีก่ ารงาน เพ่อื ให้เกดิ ขวัญและกําลงั ใจในการทาํ งาน เฮนริ ฟาโยล (Henri Fayol, น.1841-1925อ้างถึงใน วรรณพร พุทธภูมิพิทักษ์ และคณะ, 2554, น.14-15) Fayol เ ป็ น บิ ด า ด้ า น ก า ร จั ด ก า ร ต า ม ห ลั ก ก า ร บ ริ ห า ร เ ข า เ ป็ น นั ก อุ ต ส า ห ก ร ร ม ช า ว ฝ รั่ ง เ ศ ส ได้เสนอแนวความคิดเกี่ยวกับหลักการบริหารงาน 14 ประการ ซ่ึงถือว่าเป็นหลักการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ของ Fayol (Fayol’s Principles of Effective Management) ดังน้ี - การแบ่งงานกันทาํ (Division of Work) - อาํ นาจและหน้าที่ความรบั ผิดชอบ (Authority and Responsibility) - ความมีระเบียบวนิ ัย (Discipline) - ความมผี ู้บงั คับบัญชาเพยี งคนเดียว (Unity of Command) - การมีเปูาหมายเดียวกนั (Unity of Direction) - ผลประโยชน์ส่วนตัวมีความสําคัญน้อยกว่าผลประโยชน์ขององค์การ (Subordination of Individual to the General Interest ) - ค่าตอบแทนและวธิ ีการจา่ ยค่าตอบแทน (Remuneration and Methods) Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 54
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. - การรวมอํานาจ (Centralization) - สายการบงั คับบัญชา (Scalar Chain) - คาํ สง่ั (Oder) - หลกั ความเสมอภาค (Equity) - ความมน่ั คงในงาน (Stability of Tenure) - ความคดิ ริเร่ิม (Initiative) - ความสามัคคี(Esprit de Corps) นอกจากน้ี Fayol ยังได้เสนอแนวความคิดในด้านกระบวนการจัดการว่าประกอบด้วยหน้าที่ (Functions) ทางการบริหาร คอื 1. การวางแผน (Planning) เป็นหน้าที่ของผู้บริหารท่ีจะต้องทําการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ที่จะมี ผลกระทบต่อธุรกิจ และกําหนดข้ึนเป็นแผนการปฏิบัติงานหรือวิถีทางจะปฏิบัติเอาไว้เพ่ือสําหรับเป็นแนวทางของ การทาํ งานในอนาคต 2. การจัดองค์การ (Organizing) เป็นหน้าท่ีที่ผู้บริหารจําต้องจัดให้มีโครงสร้างของงานต่างๆ และอํานาจ หน้าที่ เพือ่ ใหท้ รพั ยากรในการบริหารงานเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ 3. การบังคับบัญชาส่ังการ (Commanding) เป็นหน้าท่ีในการส่ังการงานต่างๆของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ผู้บริหารและคนงานจะต้องเข้าใจถึงข้อตกลงในการทํางานของคนงานและองค์การท่ีมีอยู่รวมถึงการติดต่อส่ือสาร กับผใู้ ต้บังคบั บญั ชาอยา่ งใกล้ชดิ 4. การประสานงาน (Coordinating) เป็นหน้าที่ที่จะต้องเชื่อมโยงงานของทุกคนให้เข้ากันได้ และกํากบั ให้ไปสูจ่ ุดหมายเดยี วกนั 5. การควบคุม (Controlling) เป็นหน้าท่ีในการท่ีจะต้องกํากับให้สามารถประกันได้ว่ากิจกรรมต่างๆ ทที่ ําไปนั้นสามารถเข้ากันได้กับแผนท่ไี ดว้ างไว้ สรุปได้ว่า การบริหารจัดการองค์กร เป็นกระบวนการท่ีผู้นําใช้ทรัพยากรต่างๆ ในองค์กรได้อย่างมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผล ทําให้งานหรือกิจกรรมต่างๆ สําเร็จตามเปูาหมายท่ีกําหนดไว้ ซ่ึงกระบวนการ ดังกล่าวนั้น ได้แก่ การวางแผน การจัดองค์กร การบังคับบัญชา การประสานงาน และการควบคุม โดยมีหลักการ จัดการท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ ไดแ้ ก่ การแบง่ งานกันทาํ มคี วามรบั ผิดชอบ มีระเบียบวินัย การมีผู้บังคับบัญชาเพียงคนเดียว มีเปูาหมายเดียวกัน ผลประโยชน์ส่วนตัวมีความสําคัญน้อยกว่าผลประโยชน์ขององค์การ มีสายการบังคับบัญช า คําสั่งท่ีชัดเจนยึดหลักความเสมอภาค มีความรู้สึกมั่นคงในงาน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีความสามัคคี ส่วนด้านกระบวนการทางการบริหารนั้น ประกอบด้วย การวางแผน การจัดการองค์การ การบังคับบัญชาส่ังการ การประสานงาน และการกํากับควบคุม Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 55
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 4.สถานการณก์ ารจดั การเครอื ข่ายผูส้ ูงอายใุ นต่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2558) ได้ประเมินสถานการณ์ว่าปี พ.ศ. 2544-2643 (2001-2100) จะเป็นศตวรรษแห่งผู้สูงอายุ หมายถึง การมีประชากรอายุ 60 ปีข้ึนไปมากกว่า รอ้ ยละ 10 ของประชากรรวมท่ัวโลกและมีแนวโนม้ ว่าประชากรผู้สูงอายุเหล่าน้ีจะมีฐานะยากจน เป็นประเด็นท้าทาย ท้ังทางสังคมและเศรษฐกิจท่ีแต่ละประเทศจะต้องมีแผนรองรับ ท้ังนี้ การคาดการณ์ว่าโลกกําลังก้าวเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุในศตวรรษแห่งผู้สูงอายุช่วงปี 2001-2100 นั้น แต่ละประเทศจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแตกต่างกันไป ตามสภาพแวดล้อมของแต่ละประเทศ เช่น ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทางด้านการแพทย์ การโภชนาอาหาร จากตารางแสดงเปรียบเทียบการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประเทศญี่ปุนนับเป็นตัวอย่างประเทศที่เข้าสู่สังคม ผสู้ ูงอายอุ ยา่ งเตม็ ท่เี ร็วกวา่ ประเทศอืน่ ๆ ตามมาดว้ ยประเทศอิตาลี เยอรมันและสวเี ดน กล่าวได้ว่า ผลจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ทําให้ประชาชนมีรายได้เพ่ิมข้ึน มีความเป็นอยู่ที่ดีมีโภชนาการ ทางอาหารท่ีถูกหลักอนามัย ประชากรมีมาตรฐานชีวิตที่ดี มีการศึกษา มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ ซ่ึงจะส่งผลทําให้ประชาชนมีสุขภาพท่ีดีขึ้น อัตราการตายลดลง ประชากรมีอายุยืนยาวจนทําให้โลกเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ จะเห็นได้จากปิรามิดของประชากรโลก แสดงถึงโครงสร้างของประชากรโลกเปลี่ยนไปในช่วงของผู้สูงอายุ ขยายมากขึน้ ต้งั แต่ ปี 2010 Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 56
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. นอกจากนี้ ในสัดส่วนผู้สูงอายุที่มากข้ึนท่ัวโลกจะมาจากประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกําลังพัฒนา สังเกตได้ว่าประเทศท่ีพัฒนาแล้วหรือประเทศท่ีมีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจจะมีการพัฒนาทาง ด้านเทคโนโลยีและการแพทย์ทําให้รัฐบาลสามารถพัฒนาทางด้านสาธารณสุขและโรงพยาบาลได้อย่างทั่วถึง มีระบบสวสั ดิการทางสงั คมท่ดี สี ่งผลให้ประชาชนมีมาตรฐานชวี ติ ที่ดีกว่าประเทศด้อยพัฒนา จึงทําให้ประเทศท่ีพัฒนา แล้วมีโอกาสเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุได้เร็วกว่าประเทศกําลังพัฒนา เนื่องจากมีความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี การพัฒนาทางด้านการแพทย์ จึงทําให้มียารักษาโรคที่ทันสมัย มีโภชนาการทางด้านอาหาร อนามัย สาธารณะสุขท่ีดี ประชากรจงึ มอี ายุยนื มากขน้ึ อัตราการตายลดลงในขณะทีอ่ ัตราการเกิดก็น้อยลงด้วย สํานักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี (2557) กล่าวว่า ในปัจจุบัน ความสําคัญของผู้สูงอายุและจํานวนผู้สูงอายุในโลกกําลังเพิ่ มสูงขึ้นและเป็นที่น่าจับตามองในเชิงของการพัฒนา จากข้อมูลในปี ค.ศ. 2012 มีจํานวนผู้สูงอายุ 809 ล้านคนหรือประมาณร้อยละ 11 และคาดการณ์ว่าในอีก 16 ปี ข้างหน้าจะมีผู้สูงอายุเพ่ิมเป็นร้อยละ 16 หรือกว่าหนึ่งพันล้านคน และร้อยละ 22 ในปี ค.ศ. 2050 หรือกว่า สองพันล้านคนของประชากรโลก โดยในอิตาลีเองปัจจุบันมีจํานวนผู้สูงอายุ 16.4 ล้านคน จากจํานวนประชากร ทัง้ ประเทศ 60.9 ลา้ นคนหรอื ประมาณรอ้ ยละ 27 ของจํานวนประชากรในประเทศ และคาดการณ์จะมีจํานวนเพิ่มข้ึน Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 57
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. เป็นร้อยละ 34.6 และ 38.4 ในปี ค.ศ. 2030 และค.ศ. 2050 แ นวโน้มการเติบโตด้านประชากร พบว่ามีอตั ราการเตบิ โตเร่งสูงขน้ึ ในกล่มุ ผูส้ งู อายุในขณะท่ีอตั ราการเกดิ ลดลง ท้ังนี้สําหรับโซนท่ีมีการดูแลผู้สูงอายุท่ีดี ได้แก่ ยุโรปเหนือโดยเฉพาะสวีเดน นอร์เวย์ ไอส์แลนด์ ยุโรป ตะวันตก คือ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ ส่วนอเมริกาเหนือ คือ แคนาดาและสหรัฐอเมริกา บางประเทศในเอเซียและบางประเทศในละตินอเมริกา คือ นิวซีแลนด์ ญี่ปุน ออสเตรีย ไอร์แลนด์ อังกฤษ และ ออสเตรเลีย สําหรับประเทศที่ถือว่ามีการจัดการในระดับตํ่า ได้แก่ หลายๆ ประเทศในทวีปแอฟริกาและเอเซีย ตะวนั ออก คอื จอร์แดน ปากสี ถาน และอัฟกานิสถาน สําหรบั ประเทศไทยอยใู่ นลําดับท่ี 42 4.1 เครอื ข่ายทางสงั คมและการดูแลผ้สู ูงอายุในต่างประเทศ อิตาลี ภาพรวมของผู้สูงอายุในประเทศอิตาลี จากรายงาน Global Age Watch Index (www.helpage.org) ในด้านสงั คม รายได้ และสงิ่ แวดล้อมของผสู้ ูงอายุใน 91 ประเทศ ประเทศอติ าลีถกู จัดลําดับด้านสวัสดิการและสถานะ ความกินดีอยู่ดีของผู้สูงอายุอยู่ในลําดับที่ 27 จากประเทศที่สํารวจท้ังหมด 91 ประเทศ (คิดเป็นร้อยละ 89 ของจํานวนประชากรที่มีอายุ 60 ขึ้นไปท่ัวโลก) โดยตามหลังประเทศชิลี สโลเวเนีย อุรุกวัย และ อาร์เจนติน่า ท้ังน้ี ประเทศที่น่าอยู่ มีสวัสดิการที่ดี ใส่ใจต่อผู้สูงอายุอย่างดีเย่ียม (Ageing-friendly) ในโลกอันดับต้นๆ จากการ จัดลําดับของ Global Age Watch Index คือ ประเทศสวีเดน นอร์เวย์ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา และ สวสิ เซอแลนด์ Global Age Watch Index คือ ตัวชี้วัดคุณภาพความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ ภายใต้มาตรวัดหลัก 4 ประการ คือ ความมั่นคงของรายได้ คุณภาพด้านสุขภาพกาย/ใจ งาน/ความปลอดภัยทางสังคมสิ่งแวดล้อม ที่เหมาะสม (Income security, Health status, Employment and education, Enabling societies and environment) จดั ทําเปน็ ครั้งแรกในโลกโดยสถาบันวิจัย Help age International กับการช่วยเหลือด้านข้อมูลจาก United Nation Department of Economic and Social Affairs, the World Bank, World Health Organization, International Labour Organization, UNESCO และ Gallup World Poll และความช่วยเหลือ จากผู้เช่ียวชาญกว่า 40 คนในด้าน Aging, Health, Social Protection และ Human Development เปูาหมาย เพ่ือเป็นข้อมูลและตัวช้ีวัด (Social & Economy) เพื่อสะท้อนให้รัฐบาลเห็นถึงผลของการดําเนินนโยบายสําหรับ ผสู้ งู อายแุ ละสง่ เสรมิ ให้คนกลุ่มดงั กล่าวมคี วามอยู่ดกี ินดีเช่นเดยี วกับคนในช่วงอายุอนื่ ๆ สวีเดน ในเว็บไซต์ของประเทศสวีเดน (ELDERLY CARE IN SWEDEN, 2015) กล่าวถึง การดูแลสุขภาพและสังคม ของผู้สูงอายุ ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายสวัสดิการสังคมท่ีสําคัญของสวีเดน ประเทศสวีเดนมีจํานวนผู้สูงอายุสูงมากถึง Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 58
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. 9.8 ล้านคน และร้อยละ 18 เป็นผู้สูงอายุ 65 ปี ซ่ึงตัวเลขดังกล่าวจะมีการเพ่ิมสูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ในปี ค.ศ. 2030 จากการสํารวจในปี ค.ศ. 2010 สวีเดนถือเป็นประเทศท่ีมีอัตราการมีอายุยืนติดอันดับต้นๆ ของโลก คือ อายุเพศชาย เฉลี่ยที่ 79.1 ปี และเพศหญิงเฉล่ียนท่ี 83.2 ปี สวีเดนเป็นประเทศท่ีมีจํานวนผู้สูงอายสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ กลุม่ EU และจดั เปน็ ผสู้ ูงอายุที่มสี ุขภาพดี หลายๆ เทศบาลเลือกท่ีจะให้ภาคเอกชนเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ โดยในปี ค.ศ.2011 มีจํานวนผู้สูงอายุ ทภ่ี าคเอกชนดแู ลอย่ทู ่ีบา้ น รอ้ ยละ 18.6 ผู้สูงอายุสามารถเลือกได้ว่าจะให้มีคนมาดูแลตนเองที่บ้านหรือไปอยู่บ้านพัก ที่ภาครัฐหรือเอกชนจัดเตรียมให้ อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวทางเทศบาลก็ยังคงรับผิดชอบในทุกเร่ือง มกี ารตง้ั ศนู ยช์ ่วยเหลือหรอื จัดสรรบา้ นพกั สําหรบั ผูส้ ูงอายพุ ร้อมมสี ่ิงอาํ นวยความสะดวกให้ มีข้อเท็จจริงในการดูแลผู้สูงอายุในสวีเดนเร่ืองสิทธิในการอยู่ร่วมกัน ในปี ค.ศ.2012 มีการปรับปรุง พ.ร.บ.การบริการทางสังคมของสวีเดน โดยให้ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ด้วยกันมานานสามารถอยู่ด้วยกันต่อไปได้ ในบั้นปลายชีวิตในสถานท่ี ที่รัฐจัดให้ ในปี ค.ศ. 2012 ถือเป็นปีแห่งผู้สูงอายุที่มีศักยภาพของยุโรปและ ความเป็นปึกแผ่นระหว่างรุ่น โดยมีวัตถุประสงค์ท่ีจะช่วยสร้างวัฒนธรรมผ่านศักยภาพที่เหลืออยู่ของผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลสวีเดนและองค์กรต่างๆ ได้ให้ความร่วมมือกับทาง EU ทั้งในด้านการก่อต้ังกองทุนและการดูแลเร่ือง โปรแกรมดแู ลสุขภาพ เทศบาลสวีเดนวางแผนที่จะสร้างบ้านพักและบริเวณที่พักอาศัยท่ีตอบสนองความต้องการของ ผู้สูงอายุและผู้พิการ การเข้าถึงความต้องการของคนกลุ่มน้ีมีส่วนสําคัญในการผลักดันกฎหมายในช่วงหลายปีมาน้ี สวีเดนมีจํานวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นและมีความต้องการที่จะอาศัยอยู่ในบ้านพักแบบน้ี โดยทั่วไปบ้านพักผู้สูงอายุมีไว้ สําหรับผู้มอี ายุ 55 ปีขึ้นไป บ้านพักรูปแบบน้ีมีสิ่งอํานวยความสะดวกข้ันพื้นฐานและมีการดูแลสําหรับผู้สูงอายุท่ีอยู่ที่ บา้ นของตนเองด้วย เปูาหมายหนึ่งของการดูแลผู้สูงอายุท่ีไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ คือ การช่วยให้เขาได้ใช้ชีวิตตามปกติ มีความอิสระ รวมทั้งสามารถอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้นานที่สุดเท่าท่ีจะทําได้ นอกจากนี้ผู้สูงอายุที่ยังคงอาศัย อยู่ท่ีบ้านจะได้ได้รับการสนับสนุนหรือความช่วยเหลือหลายๆ ด้านเพื่อทําให้ชีวิตง่ายข้ึน ตัวอย่าง เช่น บ้านในเขตเทศบาลของสวีเดนมอี าหารพร้อมทานสง่ มาให้ท่ีบ้าน ในปี ค.ศ.2011 เจา้ หนา้ ท่ที คี่ อยชว่ ยเหลือผู้สูงอายุท่ีบ้านนั้นได้ให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีข้ึนไป ประมาณ 211,000 คน เทศบาลเกือบคร่ึงประเทศมีการจัดเตรียมอาหารสําหรับผู้สูงอายุในวันพิเศษ ในขณะท่ีมี กลุ่มผ้สู งู อายุจาํ นวนหนึ่งมาร่วมทําอาหารรับประทานกันเอง แตล่ ะเทศบาลจะประเมนิ เองว่าจะตอ้ งมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ระดับหรือประเภทของการช่วยเหลือและรายได้ของบุคคลน้ัน ค่าใช้จ่ายสูงสุดสําหรับบ้านพัก “Home Help” คือ 1,760 เหรียญสวีเดนต่อเดือน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเฉพาะ กจิ กรรมในตอนกลางวนั ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.2011 Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 59
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ช่วงกลางวันในเขตเทศบาลมีกจิ กรรมกระตุ้นและการฟ้ืนฟูสมรรถภาพสําหรับผู้สูงอายุท่ีไม่สามารถช่วยเหลือ ตนเองได้ กิจกรรมเหล่านี้จัดไว้สําหรับผู้ที่มีภาวะสมองเส่ือมหรือผู้ท่ีมีปัญหาด้านจิตใจหรืออารมณ์ กิจกรรมเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้สูงอายุยังคงอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาต่อไปได้ มีการจัดการบริการขนส่งให้กับผู้สูงอายุท่ีไม่สามารถ ช่วยเหลือตนเองได้ ด้วยรถแท็กซี่หรือรถท่ีดัดแปลงเป็นพิเศษ เพ่ือให้แก่ผู้ที่ไม่สามารถใช้บริการสาธารณะได้ ในส่วนของกาชาดของประเทศสวเี ดนมีการดําเนินการรวมถึงการเข้าเยี่ยมผู้สูงอายุ โดยอาสาสมัครกาชาดจะเข้าเย่ียม ผู้สูงอายุที่บ้านของพวกเขาเองหรือศูนย์ผู้สูงอายุต่างๆ การเย่ียมอาจจะรวมถึงการพูดคุย การพาไปเดินเล่นหรือ บรกิ ารจากทางโรงพยาบาลในแต่ละปีจํานวนอาสาสมคั รกาชาดทเ่ี ข้าเยี่ยมผู้สูงอายมุ ปี ระมาณ 30,000 คน ระบบบําเหน็จบํานาญในสวีเดน พลเรือนของสวีเดนทุกคนมีสิทธิ์จะได้รับเงินบํานาญหลังจากพวกเขา เกษียณอายุ โดยสามารถเลือกรบั เงินบํานาญได้ตั้งแตอ่ ายุระหว่าง 61-67 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.2005-2011 จํานวนผู้สูงอายุ ท่ีทํางานของประเทศสวีเดนอายุ 65-74 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 ค่าเฉลี่ยอายุเกษียณ คือ 64 ปี อายุเฉลี่ยของผู้สูงอายุ ทีย่ ังรู้สึกวา่ สามารถทํางานไดอ้ ยู่นน้ั อยทู่ ่ี 64.4 ปี ซงึ่ เป็นอายุที่สูงท่ีสุดในสหภาพยุโรป ประชาชนที่ได้ทํางานและอาศัย อยู่ในสวีเดนจะได้รับเงินบํานาญเกษียณอายุแห่งชาติอิงตามเงินภาษีท่ีได้จ่ายไป ซึ่งเงินส่วนนี้จะรับผิดชอบใน ด้านการรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุและการใช้ชีวิตหลังเกษียณ โดยผู้สูงอายุยังคงใช้ชีวิตและการดําเนินกิจกรรม ไม่ต่างจากก่อนเกษียณ ในปี ค.ศ.2012เงินบําเหน็จบํานาญแห่งชาติถูกใช้ไป 11,428 เหรียญสวีเดนต่อเดือน นอกเหนือจากเงินก้อนนี้ชาวสวีเดนยังได้เงินบําเหน็จบํานาญจากการประกอบอาชีพจากนายจ้างของเขาด้วย นอกจากน้ี จากจํานวนผู้ที่ได้รับเงินบําเหน็จบํานาญร้อยละ 65 หลายคนเลือกออมเงินบํานาญของตนเอง เพ่ือเป็นการสรา้ งความมน่ั คงในชีวติ เพิ่มมากขึ้นอีกดว้ ย ญ่ปี ุน สราวุธ ไพฑูรย์พงษ์ (2558) กล่าวถึง การปฏิรูปการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในประเทศญ่ีปุนไว้ว่า ญ่ีปุนเป็นประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมานานก่อนประเทศไทย ปัจจุบันจากประชากรญี่ปุนมี 127 ล้านคน เป็นผูส้ ูงอายุท่ีมีอายุ 65 ข้ึนไป จํานวน 32 ล้านคน หรือ 1 ใน 4 ผู้สูงอายุท่ีอายุ 60 ปีข้ึนไป มีจํานวนถึง 40 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 เน่ืองจากญี่ปุนถือว่าเป็นประเทศท่ีพัฒนาแล้ว จึงน่าสนใจเก่ียวกับระบบการดูแลผู้สูงอายุใ น ระยะยาวว่าญี่ปุนทาํ อยา่ งไร มีปญั หาและแก้ไขปญั หาอย่างไร การดูแลผู้สูงอายุ เป็นปัญหาหนักใจและใช้งบประมาณท่ีสูงมากของประเทศญี่ปุนมานานแล้ว ต้ังแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ.2482 – พ.ศ.2486) และญี่ปุนก็พยายามท่ีจะแก้ไขปัญหาปฏิรูป ปรับโครงสร้าง การดูแลผู้สูงอายุมาอย่างต่อเน่ือง แต่ก็ยังไม่สามารถทําได้ง่ายๆ แม้ในปัจจุบันก้าวสําคัญ (ท่ีผิดพลาด) ในการดูแล ผู้สูงอายุของญ่ีปุนคือ ปี พ.ศ. 2516 เร่ิมให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ไม่ต้องเสียค่ารักษาพยาบาล ผลคือ จํานวนผู้สูงอายุท่ีเข้าโรงพยาบาลเพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็วและเป็นผู้สูงอายุในภาวะพ่ึงพิง (Social admission) ซึ่งอาจไม่ได้ต้องการการรักษาทางแพทย์เท่าใดนัก ในตอนน้ันเริ่มมีแรงกดดันทางการเมืองและมีประเด็นรายจ่าย Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 60
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. สงเคราะห์ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุท่ีเป็นภาระจํานวนมหาศาล ในขณะเดียวกันระบบการดูแลผู้สูงอายุแบบดั้งเดิม ภายในครอบครัวของญี่ปุนเร่ิมประสบภาวะวิกฤตหรือขาดแคลนเพราะระบบครอบครัวขยายและการดูแลผู้อาวุโส ในครอบครวั กําลงั หายไปในปี 2526 รฐั บาลญี่ปนุ จึงยกเลิกการรักษาฟรีผมู้ ีอายุ 70 ขนึ้ ไป แผนทองคํา (Gold Plan) ของญ่ีปุนจึงเกิดข้ึนในปี พ.ศ.2532 โดยมียุทธศาสตร์ 10 ปี เพ่ือส่งเสริมสุขภาพ และสวัสดิการของผู้สูงอายุ ท่ีสําคัญคือ รองรับปัญหาผู้สูงอายุในภาวะพึ่งพิงที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการขาดแคลน การดูแลผู้สูงอายุทั้งที่บ้านและในสถานบริบาล แผนทองคํามียุทธศาสตร์การปรับเปลี่ยนจากการอยู่ในโรงพยาบาล หรือสถานบริบาลนานๆ เป็นการให้อยู่บ้านและสถานบริบาลของชุมชน ขณะเดียวกันก็กําหนดเปูาหมายจะขยาย จํานวนเตียงในสถานบริบาลเป็น 2 เท่า เพิ่มจํานวนเจ้าหน้าท่ีในสถานบริบาลเป็น 3 เท่า และเพิ่มศูนย์ดูแลกลางวัน 10 เท่า รวมทั้งสร้างโครงการใหม่ๆ เช่น การให้องค์กรท้องถ่ินเป็นผู้ประสานงานสถานบริบาล ให้เทศบาลแต่ละแห่ง มีการสํารวจผู้สูงอายุในเขตตนเพื่อปฏิบัติตามแผน รวมท้ังมีการจัดทําแผนปฏิบัติการของแต่ละเขตซ่ึงช่วยให้ ประชาชนให้ความสนใจและเป็นโอกาสให้สามารถผลักดันนโยบายระดบั ชาติ แต่หลังจากท่ีนําแผนทองคํามาใช้ ปรากฏว่าธุรกิจดูแลสุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็ว ทําให้รายจ่ายด้านน้ี เพ่ิมขึ้นร้อยละ 10-15 ต่อปี ผลต่อมาคือ เปูาหมายของแผนทองคําที่ต้ังไว้ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ ของประชาชน รัฐบาลจึงจําเป็นต้องปรับแผนในปี 2537 เป็น “แผนทองคําใหม่” เพิ่มเปูาหมายจํานวนเตียง ศูนย์ดูแลกลางวันบริการถึงบ้าน ฯลฯ ข้ึนอีก ซ่ึงได้ผลดีขึ้น แต่ปรากฏว่าต้องใช้ต้นทุนสูงและไม่เหมาะกับจํานวน ผสู้ ูงอายุท่ีคาดวา่ จะเพ่มิ มากข้ึน นอกจากนนั้ การเข้าถงึ บริการกบ็ ริหารจัดการโดยข้าราชการส่วนท้องถิ่นซึ่งไม่มีความรู้ ทางวิชาการที่เก่ียวข้อง การเข้าถึงบริการให้เฉพาะผู้มีรายได้น้อย การให้บริการของแต่ละเขตไม่เหมือนกัน และผู้ใช้บริการไม่สามารถเลือกผู้ให้บริการได้ (เช่น ถูกบังคับให้ใช้โรงพยาบาลท่ีกําหนดเท่านั้น) ที่น่าสนใจ คือ ญ่ีปุนไมไ่ ด้ดูแคเ่ ร่อื งการประกันสังคมและการประกนั การดแู ลผู้สูงอายุอย่างเดยี ว แต่พยายามหามาตรการอย่างอ่ืน มาเสริม เช่น ในปี 2538 มีการออกกฎหมาย “มาตรการสําหรับสังคมผู้สูงอายุ” เพื่อสร้างสังคมท่ีประชาชนทุกกลุ่ม อายุสามารถดํารงชีพไดต้ ลอดชีวติ อย่างมคี วามมน่ั คง และปีต่อมาก็กําหนดมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ซ่ึงได้ประกาศใช้ในปี 2544 มีการส่งเสริมให้ภาคเอกชนจ้างงานผู้สูงอายุมากข้ึนโดยการออกกฎหมาย (2549) ให้ภาคเอกชนจ้างพนักงานจนอายุ 65 ปี แบบค่อยเป็นค่อยไป และนายจ้างสามารถลดเงินเดือนพนักงานที่สูงอายุได้ มีพนักงานไม่น้อยท่ีถูกลดเงินเดือนคร่ึงหน่ึง เมื่ออายุ 60 ปี โดยยังทํางานในตําแหน่งเดิม นอกจากนั้นยังมี มาตรการอนื่ ๆ ท่สี ง่ เสริมให้ผสู้ งู อายุพง่ึ ตนเองมากขนึ้ ญ่ีปุนต้องหากลไกทางการคลังตัวใหม่ในการแก้ปัญหาด้านงบประมาณและภาษี โดย พ.ศ.2540 ได้กําหนด นโยบายประกันการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวแบบบังคับ ซึ่งรัฐสภาได้รับรองในเดือนธันวาคม และเริ่มบังคับใช้กฎหมาย ระบบประกันการดูแลระยะยาว (Long-term Care Insurance: LTCI) ในเดือนเมษายน พ.ศ.2543 โดยเป็นระบบ ท่ีใช้บังคับไปแล้ว ก่อนหน้าน้ันประมาณ 20 ปี ผู้สูงอายุในภาวะเส่ือมถอยที่ต้องการการดูแลระยะยาว Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 61
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. จะเข้าโรงพยาบาลฐานะผู้มีภาวะพ่ึงพิง ต่อมาพบว่าสถานการณ์การดูแลรักษาผู้สูงอายุก็เลวร้ายข้ึน เช่น ระยะเวลาในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มข้ึน เน่ืองจากคนมีอายุยืนยาวข้ึน ผู้สูงอายุท่ีเป็นผู้ปุวยติดเตียง 1 ใน 2 คนจะ ตดิ เตยี งเปน็ เวลา 3 ปีขนึ้ ไป ขณะเดยี วกนั คนดูแลกอ็ ายมุ ากข้นึ กวา่ รอ้ ยละ 50 ของคนดูแลผ้สู งู อายุ มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สัดส่วนของผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเดียวกับลูกหลานลดลงเหลือประมาณร้อยละ 50 ผู้หญิงที่ออกไปทํางานนอกบ้านเพิ่ม จํานวนมากขน้ึ ประชาชนเขา้ ใจภาระของรฐั บาลในการดแู ลผูส้ ูงอายุมากข้นึ จงึ เปน็ ท่ีมาของ LTCI LTCI จะเน้นให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกใช้บริการท่ีตนต้องการได้ มีการให้สวัสดิการและบริการดูแลรักษา สุข ภ า พ ที่ ค รอ บ คลุ มแ ล ะเ ห มา ะ สม กั บผู้ ที่มี ภ าว ะ พ่ึง พิ ง ส่ง เ สริ ม กา ร มีส่ ว นร่ ว ม ข อง ภ าค เ อก ช น เชน่ สถานประกอบการ สหกรณก์ ารเกษตร และองค์กรทไี่ ม่หวังผลกําไร โดยใหบ้ ริการหลากหลายและมีประสิทธิภาพ และท่ีสําคัญคือ ให้แยกการดูแลระยะยาวออกจากการประกันสุขภาพ ทั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของญ่ีปุนก ารปรับ โ ค ร ง ส ร้ า ง ก า ร ป ร ะ กั น สั ง ค ม โ ด ย ใ ห้ ผู้ สู ง อ า ยุ เ ป็ น ผู้ ป ร ะ กั น ต น แ ล ะ ร่ ว ม จ่ า ย ค่ า รั ก ษ า พ ย า บ า ล ร้อยละ 10 ของจํานวนเตม็ การคลังของ LTCI เป็นแบบได้มาจ่ายไป (Pay-as-you-go) ระบบนี้จะอาศัยเงินคร่ึงหนึ่งจากเบี้ยประกันที่ เรียกเก็บจากผู้ประกันตนและอีกคร่ึงหน่ึงจากรายได้ภาษี ระบบนี้แบ่งผู้ประกันตนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 อายุ 65 ปีขึ้นไป และกลุ่มที่ 2 อายุระหว่าง 40-64 ปี สัดส่วนของรายรับดังกล่าวมาจากกลุ่มท่ี 1 สองส่วน จากกลุม่ ที่ 2 สามสว่ น และจากรัฐบาลห้าส่วน สําหรับเบี้ยประกันของกลุ่มท่ี 1 นั้นทางเทศบาลหรือจังหวัดจะหักเอา จากบํานาญของผู้สูงอายุ ในขณะท่ีกลุ่มที่ 2 จะเรียกเก็บรวมกับเบี้ยประกันสุขภาพ ซ่ึงคนกลุ่มอายุ 40-64 ปีน้ีเป็น แบบบังคับจ่าย เบ้ียประกันจะกําหนดตายตัวสําหรับรายได้ระดับต่างๆ ท้ังน้ี คนท่ีอายุต่ํากว่า 40 ปี ยังไม่ต้องทํา ประกัน LTCI และไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกัน การใช้บริการ LTCI ยังมีกฎ กติกา มารยาทอื่นที่ควรทราบอีก คอื ผทู้ ม่ี อี ายุ 65 ปีขึ้นไป(กลมุ่ ที่ 1) ทม่ี ปี ญั หาสุขภาพต้องการรับบริการ LTC ไม่สามารถเข้ารับบริการได้โดยอัตโนมัติ แต่จะต้องได้รับการรับรองว่าสมควรได้รับบริการ LTC โดยต้องยื่นขอใบรับรองจากเทศบาลหรือจังหวัดท่ีเป็นผู้ให้ ประกันและจะต้องถูกประเมินสุขภาพกายและจิตก่อน (ไม่เก่ียวกับระดับรายได้) ด้วยแบบสอบถาม 74 คําถาม เก่ียวกับกิจกรรมในชีวิตประจําวัน จากนั้นก็จะถูกจัดระดับการดูแลออกเป็น 7 ระดับ และสรุปผลโดยคณะกรรมการ LTCI การได้รับการคัดเลือกจะมีการทบทวนทุก 2 ปี (หรือ 6 เดือนสําหรับผู้ปุวยในระดับล่างๆ)หลังจากได้ใบรับรอง หรือใบอนุญาตแล้ว ผู้ใช้บริการ LTCI ยังต้องช่วยจ่ายเงินร่วมจ่าย (co-payment) อีกร้อยละ 10 ของการใช้จ่ายใน การดแู ลซึ่งรฐั กําหนดตารางราคาไว้ ท้ังน้ียังมีเพดานว่าผู้ปุวยแต่ละคนสามารถใช้สิทธิค่าร่วมจ่ายร้อยละ 10 น้ีแค่ไหน เพียงใด คือ ใช้เกินสิทธิไม่ได้ ถ้าเกินเพดาน ส่วนที่เหลือต้องจ่าย 100 เปอร์เซ็นต์ ค่าเพดานดังกล่าวจะกําหนดตาม ระดบั รายไดแ้ บบถดถอยคอื คนรวยมเี พดานตาํ่ กว่าคนจน ยุ่งยากเหมอื นกัน ต้งั แตใ่ ช้ระบบ LTCI มา รายจ่ายในการดแู ลระยะยาว (รวมที่ผู้ใช้บริการร่วมจ่าย) เพ่ิมเท่าตัวจาก 4 ล้านล้าน เยน (1.6 ล้านล้านบาท) เป็น 8.4 ล้านล้านเยน (3.4 ล้านล้านบาท เทียบงบประมาณของประเทศไทย Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 62
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ทั้งประเทศ ปี 2557 แค่ 2.5 ล้านล้านบาท) และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 20 ล้านล้านเยน (8 ล้านล้านบาท) ในอกี 10 ปขี า้ งหนา้ สาเหตุสาํ คัญคอื ความตอ้ งการการดแู ลระยะยาวทเี่ พ่ิมสูงขึ้น (และการดแู ลที่ดียิ่งขึ้น) กับการเพิ่ม ของประชากรสงู อายุอยา่ งต่อเนื่อง ในตลอดเวลา 10 กว่าปีท่ีผ่านมา LTCI มีการประเมินเป็นระยะๆ และมีการปฏิรูปหลายครั้ง เช่น ในปี พ.ศ.2546 มีการกําหนดค่าบริการใหม่และมีการปรับผังการบริการใหม่ ในปี พ.ศ. 2548 มีการปฏิรูป โดยต้ังเปูาหมายการสร้างสังคม ผู้สูงวัยที่ปราดเปรียว ความอยู่รอดของโครงการ และการประมวลการประกันสังคม โดยมีการกําหนดทิศทางต่างๆ ภายใต้เปูาหมายดังกล่าว ในปี 2549 มีการให้ “เบี้ยปูองกันการดูแลระยะยาว” เปน็ มาตรการจงู ใจเพ่อื ลดความตอ้ งการใช้บริการดูแลผู้สงู อายุท่ีบ้าน โดยออกเงินใหไ้ ปออกกําลังกาย เป็นตน้ Setsuko Nagata (กรมส่งเสริมสหกรณ์, 2553) กล่าวถึง ค่าใช้จ่ายหรือค่าครองชีพของผู้สูงอายุในญี่ปุนแต่ ละเดือนมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประชากรผู้สูงอายุท่ีอาศัยอยู่คนเดียวเพ่ิมขึ้น ครอบครัวเดี่ยวเพ่ิมขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งร้อยละของผู้สูงอายุโดยรวมเป็นผู้ชายร้อยละ 8 ผู้หญิงร้อยละ 18 ที่พักอาศัยกับครอบครัวมีร้อยละ 74% จะอาศัยอยู่กบั ลกู ร้อยละ 50 ภรรยาเสียชีวิตร้อยละ 50 สามีเสียชีวิตร้อยละ 76 ปัญหาชีวิตของผู้สูงอายุท่ีอยู่คนเดียว คือ รายไดน้ อ้ ย ชวี ิตไม่มั่นคง สุขภาพไม่ค่อยดี ไม่มีคนดูแลยามเจ็บปุวย ไม่มีคนช่วยซ้ือของ ไม่มีเพ่ือนบ้าน ไม่มีเพ่ือน ไม่มีคนรับฟังความกังวลต่างๆ ในชีวิต ไม่สามารถไปร่วมกิจกรรมกลุ่มอาวุโส (งานอดิเรก การรักษาสุขภาพ การเดินทางท่องเท่ียว การออกกําลังกาย) ไม่สามารถจัดการและทําความสะอาดบ้านได้ เกิดอาชญากรรมบ่อย มีคนล่อลวง บางคนมีครอบครัวอยู่ใกล้กันแต่ไม่ดูแลกัน แม้มีมีชีวิตอยู่แต่ไม่สัมพันธ์กัน บ้างคงเป็นญาติแต่อยู่ไกล การติดต่อไกล สํานักงานสวัสดิการสังคมของท้องถ่ินได้พยายามดูแลสภาพความเป็นอยู่และ สวัสดิการของผู้สูงอายุ ซง่ึ อยคู่ นเดยี วตามสิทธมิ นษุ ยชนขนั้ พื้นฐาน โดยใชง้ านดูแลบา้ น และคณะกรรมการประชาชนดา้ นเดก็ ปัญหาทางสังคมของผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว เพราะขาดการติดต่อกับสังคม เจ็บปุวย เสียชีวิตคนเดียวโดยไม่มี ใครทราบ มักเป็นเหยื่อของการหลอกลวง เกิดความเหงาจากการอยู่คนเดียว เช่น เม่ือคนเหล่านี้เสียชีวิต ติดต่อญาติ ไม่ได้ถูกหลอก เกิดอาชญากรรม เป็นต้น ดังนั้น การปูองกันปัญหาโดยเฉพาะปัญหาที่เกิดง่าย คือ ผู้สูงอายุท่ีอยู่ คนเดียวซ่ึงไม่ติดต่อกับคนในชุมชน คนเหล่านี้มักจะไม่ค่อยมีโอกาสขอความช่วยเหลือขอคําปรึกษาด้านสุขภาพ ด้านเศรษฐกิจ อาชญากรรมจากคนใกล้ชิด จําเป็นต้องมีที่ปรึกษาอยู่ใกล้ๆ โดยผู้สูงอายุต้องเข้ามีส่วนร่วมกับชุมชน ผู้สูงอายุ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุและพบปะกับคนบ้านใกล้เคียงมีการแต่งงานกันของผู้สูงอายุ (แต่งงานใหม่) ร่วมกันเป็น ครอบครัวใหม่ แตก่ ารแตง่ งานกนั ของผสู้ งู อายุ จะกลายเปน็ คนแกด่ แู ลคนแก่ ซึ่งลูกหลานบางครอบครัวกไ็ ม่เห็นดว้ ย ในญ่ีปุนมีบริการพยาบาลเย่ียมบ้าน ซึ่งเป็นการดูแลผู้ปุวยท่ีสูงอายุที่ไม่มีผู้ดูแลและมีค่าใช้จ่ายเป็น ค่าประกันสุขภาพ และประกันดูแลผู้สูงวัยกรณีใช้พยาบาลเยี่ยมบ้าน เป็นการบริการที่มีคําแนะนําจากแพทย์ โดยมีพยาบาลวิชาชีพออกจากสถานพยาบาลไปให้บริการตรวจดูแลสภาพความเป็นอยู่ อาการปุวยของผู้สูงอายุ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 63
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ท่ีบ้าน ให้คําแนะนําการตัดสินใจที่เหมาะสม บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ช่วยสนับสนุนดูแลผู้ปุวยที่บ้าน ประสานตดิ ต่อกบั แพทย์และหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วข้อง แนะนาํ การใชบ้ รกิ ารท่บี ้านรปู แบบต่างๆ ได้แก่ 1. การดูแลสุขภาพ เช็ดตัวบนเตียง สระผมแชมพู ช่วยอาบน้ํา คําแนะนําและความช่วยเหลือ การกินอาหารและการขับถ่าย 2. การวินิจฉัยอาการเจ็บปุวย ตรวจวัด สภาพเจ็บปุวยหรือภาวะทุพพลภาพและตรวจสอบชีพจร วัดอุณหภมู ิ ความดนั โลหติ เปน็ ต้น 3. การดูแลข้ันสดุ ทา้ ย มะเรง็ ระยะรนุ แรงหรือมะเรง็ ระยะสดุ ทา้ ยช่วยเหลอื ดแู ลอย่างเหมาะสมทบี่ ้าน 4. ฟ้ืนฟทู ีบ่ ้าน การปอู งกันการงอหดและฟนื้ ฟกู ารทํางาน, ฝกึ การกลนื 5. การให้คําปรึกษาช่วยเหลือและดูแลครอบครัวผู้สูงอายุ ให้คําแนะนําในการดูแลและให้คําปรึกษา ต่างๆ 6. การรกั ษาพยาบาลตามท่ีแพทย์กําหนด การรักษาพยาบาลตามคําแนะนาํ แพทย์ 7. การจัดการอุปกรณ์ทางการแพทย์ เชน่ การใชเ้ ครือ่ งออกซิเจนทีบ่ ้านและการใช้เครือ่ งชว่ ยหายใจ 8. การปูองกนั แผลจากการกดทบั ของการนอนบนเตียง เช่น สอนเทคนิค การปูองกันและการรักษา 9. การดูแลภาวะสมองเสอื่ มและปอู งกันอบุ ัติภยั ดูแลให้คําปรึกษาแนะนาํ เทคนคิ การดแู ล 10. การปูองกันดูแล ให้คําแนะนําเพ่ือปูองกันการขาดสารอาหารและการเสื่อมของการเคล่ือนไหว ของรา่ งกาย ญี่ปุนมีวันให้ความเคารพผู้สูงอายุที่รัก คือ วันจันทร์สัปดาห์ท่ี 3 ของเดือนกันยายน เป็นวันที่ให้ ความเคารพผู้สูงอายุท่ีได้สร้างสรรค์สังคมมานาน และเพื่อเฉลิมฉลองอายุยาวของผู้สูงอายุเหล่าน้ัน และเป็นวันหยดุ ประจาํ ชาตอิ ีกด้วย ในสว่ นสวสั ดิการสําหรบั ผู้สงู อายนุ น้ั มีดังตอ่ ไปนี้ 1. หากผู้สูงอายุต้องการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ องค์กรส่งเสริมสังคมผู้สูงอายุมีกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การพัฒนาส่งเสริมกิจกรรมสังคมสําหรับผู้สูงอายุ การสรา้ งเครอื ข่ายสนับสนนุ และการส่งเสริมสขุ ภาพ มีกจิ กรรมกีฬาส่งเสรมิ และฝกึ อบรมผนู้ าํ ทํากิจกรรมอาสาสมัคร 2. เม่ือผู้สูงอายุต้องการทํางานเพื่อให้ผู้สูงอายุท่ีต้องการใช้ชีวิตอย่างม่ันคงและมีคุณค่า ศูนย์ข้อมูลพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุจะหางานในตําแหน่งอาชีพที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุและพัฒนางาน ตามความสามารถและความต้องการ โดยเฉพาะการให้คําปรึกษาผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี ทํางานวิจัยท่ีเหมาะสม สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการต่างๆ และกิจกรรมทางสังคมสําหรับผู้ สูงอายุท่ีมีอายุมากกว่า 60 ปี อยา่ งเปน็ รปู ธรรม พฒั นาศนู ยข์ ้อมูลพัฒนาศกั ยภาพผ้สู งู อายุในแตล่ ะจังหวัดโดยให้บรกิ ารแบบไม่เสียค่าใชจ้ า่ ย 3. ศูนย์ทรัพยากรผู้สูงอายุท่ีจัดหางานช่ัวคราวหรือระยะสั้นให้ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มีการจัดฝึกอบรมเพื่อเรียนรู้ทักษะงาน ตั้งอยู่ในทุกเมือง/ตําบล/หมู่บ้าน เป็นนิติบุคคลทํากิจกรรม Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 64
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. สาธารณะภายในกํากับของผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นระบบสมาชิก เมื่อจะใช้บริการต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิก ศูนย์ทรัพยากรผู้สูงอายุในพ้ืนท่ีต้องเสียค่าใช้บริการ โดยทั่วไปมีค่าธรรมเนียมรายปี 500 - 1,000 เยน งานก็ได้แก่ งานสํานักงาน (บัญชี ท่ัวไป) และงานเบาๆ เช่น การบํารุงรักษาต้นไม้ ช่างไม้ ทาสี เขียนจดหมาย ทําความสะอาด ตัดหญ้าในสวน เป็นตน้ เป็นการได้ออกแรงเพ่อื รักษาร่างกายใหแ้ ข็งแรงและได้ทําประโยชน์ 4. หากผ้สู ูงอายตุ อ้ งการปรกึ ษาพดู คยุ ในความทุกขแ์ ละความกงั วลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลสวัสดิการ ศูนย์สามารถให้คําปรึกษากับผู้สูงอายุ ตั้งแต่เร่ืองความกังวลและความทุกข์ของการดูแลผู้สูงอายุของครอบครัว ข้อมูลส่ิงอํานวยความสะดวกและข่าวสารการบริการ เงินบํานาญ กฎหมายและภาษีอากร นอกจากนี้ ยังสามารถให้ คาํ ปรกึ ษาทางโทรศพั ท์ จดั ทํานติ ยสารเผยแพร่ข้อมูลหรอื งานนทิ รรศการอุปกรณส์ วสั ดิการโดยไม่คดิ ค่าบริการ 5. หากคุณต้องการรับคําแนะนําเกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุท่ีเจ็บปุวยที่บ้านและรับคําปรึกษาเก่ียวกับ ผู้สูงอายุสมองเสื่อม ศูนย์บริการผู้สูงอายุสามารถให้คําปรึกษาครบวงจรในการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านตลอด 24 ช่ัวโมง หน้าท่ีหลัก คือ การติดต่อและประสานงานกับรัฐ ท้องถิ่น หรือเมือง เพื่อให้สามารถได้รับบริการสาธารณะท่ีจําเป็น และสามารถรับคําปรึกษา คําแนะนํา ในการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน นอกจากน้ี ได้จัดแสดงนิทรรศการอุปกรณ์ เคร่ืองอํานวยความสะดวกและสอนวิธีใช้ คอยแจ้งข้อมูลบริการของรัฐและข่าวสําหรับท้องถ่ิน จัดเป็นหน่วยงานให้ คําปรึกษาที่ใกล้ตัวที่สุด การประสานโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลประกันสูงอายุ บ้านพักคนชรา ตรวจสอบยืนยัน สถานที่จากเทศบาลท้องถิ่น ซ่ึงผู้เช่ียวชาญให้คําปรึกษา คือ นักสังคมสงเคราะห์ นักสวัสดิการดูแลพยาบาลผู้สูงอายุ และเจา้ หนา้ ทอี่ นามยั นางพยาบาล เปน็ การให้คําปรกึ ษาโดยไมค่ ดิ คา่ ใชจ้ า่ ยใดๆ 6. การดูแลผู้สูงอายุที่ต้องการความดูแลใกล้ชิดได้โดยญาติ ใกล้ชิด ไม่ต้องลาออกจากงาน ระบบลาพักงานมาดูแลผู้สูงอายุเป็นระบบตามกฎหมายว่าด้วยการลาพักงานดูแลลูก อ่อน/ดูแลผู้สูงอายุเร่ิมบังคับใช้ กับทุกบริษัทเมื่อเมษายน ค.ศ.1999 ซึ่งพนักงานท่ีมีคนในครอบครัวต้องได้รับการดูแล สามารถขอลาพักงาน ต่อนายจ้างได้ในระยะเวลาประจํา และห้ามไม่ให้บริษัทเลิกจ้างพนักงานดังกล่าว คนในครอบครัว ได้แก่ คู่สมรส บิดามารดา บุตรหลาน ปุูย่าตายาย พ่ีน้อง หลาน สามารถลาหยุดได้คนละคร้ัง คร้ังละไม่เกิน 3 เดือน หากจะใช้ ประโยชนใ์ นระบบน้ี ตอ้ งยนื่ เอกสารลว่ งหน้า 2 สปั ดาหก์ ับนายจ้าง 7. ภาพรวมของระบบดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เป็นกฎหมายพื้นฐานของสวัสดิการผู้สูงอายุ ได้แก่ กฎหมายสวัสดิการผู้สูงอายุในปี ค.ศ.1963 เม่ือนําระบบประกันการดูแลรักษาพยาบาลมาใช้ ส่วนมาก การบริการตามกฎหมายสวัสดิการผู้สูงอายุนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นการพยาบาล ระบบประกัน บริการท่ีไม่เป็นเปูาหมาย ของระบบประกันผู้สูงอายุหรือกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุท่ีอยู่นอกเปูาหมายได้รวมใหม่เป็น “บริการสนับสนุน ปูองกัน ดูแลชีวิต\" ซึ่งกิจกรรมน้ี ดูแลผู้สูงอายุและผู้สูงอายุท่ีอ่อนแอและอยู่คนเดียวไม่ให้อยู่ในสภาพท่ีต้องนอนติดเตียง ช่วยให้เขาสามารถดํารงชีวิตเองได้ หน้าท่ีหลัก คือ การบริการสวัสดิการที่บ้าน เช่น บริการส่งอาหาร บริการพาไป ทาํ ธุระข้างนอกบ้าน (บริการรบั ส่ง) บริการทาํ ความสะอาดทน่ี อน และฆ่าเชอื้ โรค Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 65
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ออสเตรเลีย บทความจากเว็บไซต์ของคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (ไม่ระบุปี) พูดถึงการจัดสวัสดิการ สังคมในประเทศออสเตรเลีย สังคมในปัจจุบันเป็นไปในแนวทางเสรีนิยม สิ่งท่ีสะท้อนหลักการดังกล่าวปรากฏ ในหลายด้าน อาทิ การใช้หลักให้ผู้รับบริการต้องมีส่วนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย (users pay) การพยายามลดบทบาท ของรัฐลักษณะต่าง เช่น นโยบายการเลิกสถานสงเคราะห์ (deinstitutionalization) หรือแม้แต่การเรียกผู้รับบริการ ว่า “ลูกคา้ ” (customer) แม้รัฐพยายามลดภาระในเรื่องเหล่าน้ี แต่ความรับผิดชอบในด้านงบประมาณยังคงเป็นของ รฐั อย่างเต็มท่ี การเปลย่ี นแปลง จึงปรากฏเฉพาะในด้านวิธกี ารปฏบิ ัตหิ รอื วธิ กี ารจดั การเปน็ สําคญั หากสิ่งแวดล้อมด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองของประเทศไทยยังคงเป็นไปดังเช่นในปัจจุบันแล้ว แนวทางการจดั สวสั ดกิ ารสังคมแบบออสเตรเลียนา่ จะเหมาะสมกบั ประเทศไทย กล่าวคือ รัฐต้องลดบทบาทในการเป็น ผู้จัดสวัสดิการให้น้อยลงแต่ส่งเสริมให้ครอบครัว องค์กร เอกชน และสังคมเข้ามามีบทบาทมากขึ้น บทบาทของรัฐ คงเหลืออยู่เพียงการให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ การส่งเสริมทางวิชาการ และประสานงานในด้านกฎระเบียบ และการบริหารจัดการ อยา่ งไรก็ตามการเปลีย่ นแปลงลักษณะนี้คงต้องใช้เวลาพอควร การสนับสนุนประชาชนให้ทํางานอาสาสมัคร : รัฐบาลออสเตรเลียนอกจากจะให้ความสําคัญกับ การจัดบริการสังคมแก่ประชาชนของตนแล้ว ยังมีนโยบายที่แฝงมากับการจัดสวัสดิการเรื่อง การส่งเสริมให้คนใน ชุมชนทํางานเพ่อื ชุมชนของตนเองด้วย เพราะเชอื่ ว่าคนเหล่านย้ี อ่ มตัง้ ใจทาํ งานและจะสง่ ผลดีต่อชุมชนและประเทศใน ภาพรวม นโยบายนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าสามารถช่วยเหลือกลุ่มบุคคลท่ีไม่สามารถช่วยตนเองได้ อาทิ คนพิการ คนชรา ผู้ปุวย หรือแม้แต่การทํางานสาธารณะภายในชุมชนของตน ดูแลเรื่องสภาพสิ่งแวดล้อมใน ชุมชน หน่วยงานของรัฐบาลและเอกชนจะฝึกอบรมให้อาสาสมัครรู้วิธีการทํางานท่ีถูกต้องตามหลักวิชาการและ กฎหมาย และจดั สรรค่าตอบแทนจํานวนหนึ่งใหเ้ ป็นสินน้าํ ใจ (แตไ่ มม่ ากเท่าการไปรับจา้ งทํางานประจําตามหน่วยงาน ต่างๆ) การสนับสนนุ องคก์ รชุมชน : รัฐบาลมนี โยบายใหอ้ งค์กรชุมชน องค์กรเอกชนท้ังหลายสามารถเสนอโครงการ พัฒนาชุมชนของตนได้ โดยจะมีการพิจารณาโครงการปีละ 2 คร้ัง แต่ละครั้งจะมีองค์กรชุมชนประมาณ 150 แห่ง ได้รับทุนสนับสนุน รวมเป็นเงินประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ ออสเตรเลีย (ประมาณ 640 ล้านบาท) โครงการท่ีเสนอ โดยชุมชนเหล่านี้จะเน้นการแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้นในชุมชนของตน ดําเนินงานโดยคนในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นแบบ อาสาสมัครหรือมีการจ้างมืออาชีพมาช่วยดําเนินการก็ตาม ท้ังน้ี รัฐบาลจะพิจารณาโครงการท่ีเน้นการสร้างชุมชนให้ เข้มแข็ง การมสี ่วนรว่ มของประชาชน และสามารถแก้ไขปัญหาด้านเด็ก ครอบครวั และชมุ ชนไปในเวลาเดยี วกัน นอกจากนี้ กลไกการทํางานของภาคประชาสังคม ประเทศออสเตรเลียยังมีการรวมตัวของภาคประชาสังคม และ สมาคมวิชาชีพต่างๆ ท่ีเข้มแข็งพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “วิชาชีพสังคมสงเคราะห์” เพราะการปฏิบัติ หน้าที่สังคมสงเคราะห์ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐ คือ ต้องเป็นผู้จบการศึกษาด้านน้ีเท่านั้น (ต้องจบในออสเตรเลีย Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 66
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. หรือในประเทศทเ่ี ป็นเครอื จักรภพ ที่ใชห้ ลกั สูตรแบบเดยี วกันเท่าน้ัน) และนกั สังคมสงเคราะห์จะได้รับค่าตอบแทนสูง กว่านักสงั คมศาสตร์ หรอื ผู้ปฏบิ ตั ิงานสวัสดิการสังคมท่ัวไป องค์กรภาคเอกชนที่เข้มแข็ง ได้แก่ Australian Council of Social Services (ACOSS) เป็นหน่วยงานกลางขององค์กรพัฒนาเอกชนที่ทําหน้าที่จัดสวัสดิการใน ประเทศออสเตรเลียทํานองเดียวกับสภาสังคมสงเคราะห์ของประเทศไทยซ่ึงมีสมาชิกในแต่ละมลรัฐด้วย ทําหน้าที่ประสานงานองค์กรภาคเอกชนต่างๆ เพ่ือเป็นกระบอกเสียงให้คนพิการ คนจนและผู้ด้อยโอกาสกลุ่มต่างๆ นอกจากนี้ยังทําหน้าที่พัฒนาความเข้มแข็งขององค์กรสมาชิกเป็นศูนย์กลางข้อมูล จัดรณรงค์ สัมมนา และสะท้อน สภาวะสงั คมผ่านสือ่ ต่างๆ เน่ืองจาก ACOSS เป็นสภาระดับชาติ ดังน้ัน บทบาทของ ACOSS จึงไม่ใช่การจัดบริการสังคมให้กับ ผู้รับบริการโดยตรงแต่เน้นไปท่ีการผลักดันให้เกิดการเปล่ียนแปลงในนโยบายสังคมระดับมหภาค และการให้ การสนับสนุนหรอื พฒั นาสถาบนั ให้กับสมาชกิ ในสังกัด นโยบายที่ ACOSS ให้ความสําคัญในการเคล่ือนไหวระดับชาติ ได้แก่ นโยบายด้าน เศรษฐกิจ ภาษี บริการชุมชน การจ้างงาน การเคหะคนพื้นเมืองประเด็นทางสังคมระหว่าง ประเทศความม่ันคงทางสงั คม ชุมชนชนบทการศกึ ษาฝกึ อบรมและความเป็นธรรมจากการทําหน้าท่ีเป็นสภากลางของ องค์กรเครือข่ายทั่วประเทศจึงทําให้งานของ ACOSS สามารถครอบคลุมและเชื่อมโยงชุมชนและบริการต่างๆ ไดท้ วั่ ประเทศ Social Policy Research Centre in Partnership with The Benevolent Society (2013) กล่าวถึง การส่งเสริมเครือข่ายทางสังคมสําหรับผู้สูงอายุในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนของประเทศอ อสเตรเลียไว้ว่า การมีส่วนร่วมทางสังคมของผู้สูงอายุเป็นส่วนสําคัญท่ีจะทําให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพท่ีดี ในงานเขียนช้ินนี้ให้ความสําคัญ ไปท่ีลักษณะ ผลกระทบของเครือข่ายทางสังคมของผู้สูงอายุ และวิธีการดูแลผู้สูงอายุในชุมชนท่ีจะส่งเสริม การมีสว่ นรว่ มในเครือขา่ ยทางสังคมของผู้สงู อายุทอี่ าศยั อยใู่ นบา้ นของตนเอง ในด้านเครือข่ายทางสังคมและการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุส่วนมากในประเทศออสเตรเลีย มีส่วนร่วมทางสังคมกับผู้คนในชุมชน ปี ค.ศ.2006 มีการสํารวจทางสังคม พบว่า ผู้สูงอายุร้อยละ 96 (ที่มีอายุ 65 ปี ขนึ้ ไป) ไดต้ ิดตอ่ ส่อื สารกบั ครอบครวั และเพอ่ื นอย่างนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ 1 ครงั้ ส่วนผู้สูงอายุร้อยละ 76 ได้พบปะพูดคุยกับ ครอบครัวและเพื่อนๆ อยา่ งไรก็ตามในขณะที่ผ้สู ูงอายสุ ว่ นใหญ่มกี ารทํากจิ กรรมทางสังคมและมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรม ของชุมชนมีการพักผ่อนหย่อนใจ มีการทํากิจกรรมอ่ืนๆ ท่ีมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมและอัตราการรวมตัวกันของ ผู้สูงอายุมักจะลดลงตามอายุที่เพ่ิมมากข้ึน ประมาณร้อยละ 93 ของจํานวนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนมีส่วนร่วมใน กิจกรรมทางสังคมอย่างไม่เป็นทางการ เช่น การพบปะสังสรรค์กับเพ่ือน กิจกรรมทางสังคมที่มีมากท่ีสุด คือ การเดินทางไปพบเจอเพ่ือนหรือการมีเพ่ือนเดินทางมาหาที่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 87 ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันของ ผูส้ ูงอายุทัง้ เพศชายและเพศหญิงที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมจนอายุ 85 ปีข้ึนไป ผู้สูงอายุที่ไม่ได้ดําเนินกิจกรรม ใดๆ ทางสังคม คิดเป็นร้อยละ 15 ของผู้สูงอายุเพศชาย และคิดเป็นร้อยละ 9 ของผู้สูงอายุเพศหญิง ในส่วนของ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 67
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65-74 ปี คิดเป็นร้อยละ 66 ท่ีมีส่วนร่วมทางสังคมอย่างจริงจังรวมถึง การสนับสนุนของกลุ่ม และคิดเป็นร้อยละ 43 ของผู้สูงอายุที่อายุ 85 ปีขึ้นไป จะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ทางสังคมกับเพ่ือนนอกบ้านมี ความสาํ คัญลดลงตามอายทุ ่เี พ่ิมมากขน้ึ เครือข่ายทางสังคมมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดี กล่าวคือ มีความเห็นที่สอดคล้องกันอย่างมากว่า การมีส่วนร่วมกับเครือข่ายทางสังคมเป็นประโยชน์อย่างมากและเช่ือมโยงกับผู้สูงอายุท่ีมีความสะดวกสบาย มีความม่ันคงปลอดภัย และยังคุณประโยชน์อยู่ การมีส่วนร่วมทางสังคมดังกล่าวหมายถึงความรู้สึกท่ีมีคุณค่าและ ช่ืนชมท่ีได้รับการยกย่องเป็นองค์ประกอบท่ีสําคัญของความเป็นอยู่ท่ีดี การมีส่วนร่วมทางสังคมสามารถช่วยให้รักษา ขวัญกําลังใจในการทํางานแม้ร่างกายจะมีความเจ็บปุวยท่ีรุนแรงและมีความพิการ นําไปสู่การสร้างแรงจูงใจใน การทําส่ิงต่างๆ ได้ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมท่ีเชื่อมโยงกับความเข้าใจท่ีเหมาะสม การทํางานของร่างกาย และอารมณ์ประโยชน์ท่ีสําคัญอย่างหนึ่ง คือ ผู้สูงอายุสามารถมีความสัมพันธ์ทางสังคม ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะ มีข้อจํากัดทางด้านร่างกายที่จํากัดพวกเขาออกจากกิจกรรมอ่ืนๆ และการมีส่วนร่วมนี้จะสนับสนุนความสามารถใน กิจกรรมอ่ืนที่เขาไม่สามารถทําได้ เครือข่ายทางสังคมอยู่ภายใต้สถานการณ์บางอย่างที่มีผลกระทบเชิงลบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน เพราะเครือข่ายทางสังคมน้ันอาจจะเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งความต้องการที่ขาดสติ และความผิดหวัง เครอื ข่ายทางสังคมแบบน้ี อาจจะทําให้เกิดพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงก่อให้เกิดสุขภาพท่ีไม่ดี โดยเฉพาะครอบครัวท่ีทํา ให้เกิดความขุ่นเคืองใจ แต่ก็ยังมีความรักและการสนับสนุนที่ดีเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับความรักและการสนับสนุน การวิจัยเหล่านี้บ่งช้ีว่า การส่งเสริมการติดต่อสื่อสารทางสังคมและการมีส่วนร่วมจะเสริมสร้าง ความเป็นอยู่ที่ดีหรือ คณุ ภาพชีวติ ที่ดีของผสู้ ูงอายุนั้นต้องใช้ความเข้าใจและการเห็นอกเห็นใจต่อความจําเป็นและความต้องการส่วนบุคคล ของผู้สงู อายุ เครือข่ายทางสังคมที่มีผลต่อสุขภาพและความพิการ นักวิจัยพบว่า ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในเชิงบวก ช่วยส่งเสริมการทํางานของร่างกายในผู้สูงอายุ การศึกษาวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าปฏิสัมพันธ์ทางสังคมมีส่วนช่วย ให้เกิดเครือข่ายทางสังคมที่กว้างขวางข้ึนและช่วยปูองกันผลกระทบที่จะเกิดต่อสุขภาพอีกด้วย การศึกษาของ UK เก่ยี วกับการมีสว่ นรว่ มทางสงั คมของผสู้ ูงอายุและด้านสุขภาพ พบว่าพวกเขาให้ชุมชนเป็นผู้ดูแลและบําบัดรักษาความ เจ็บปุวยท่ีเกิดขึ้น ผู้ท่ีมีส่วนร่วมทางสังคมมากจะมีโอกาสเจ็บปุวยน้อย การศึกษาเกี่ยวกับการพบปะสังสรรค์ หรือความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างผู้สูงอายุที่สามารถช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจําวันขั้นพ้ื นฐานตาม ดัชนีบาร์เธล ADL ผู้พิการ และผู้สูงอายุ (อายุ 65 ปีข้ึนไป) ที่มีความสัมพันธ์ทางสังคม ใน 3 ประเทศแถบยุโรป พบว่า ความสัมพันธ์ทางสังคมช่วยประคับประคองความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในกิจวัตรประจําวันของ ผสู้ ูงอายุ (ADL) รวมถงึ การฟน้ื ฟูผูส้ ูงอายุหลังจากท่ีได้รบั บาดเจบ็ หรอื อุบตั ิเหตุ อกี ดว้ ย Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 68
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. เครือข่ายทางสังคมกับเครือญาติ เพื่อนๆ พบว่า ผู้สูงอายุท่ีไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้นั้น เมื่อมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเครือญาติ เด็กๆ ในครอบครัวนอกเหนือจากบุตรและคู่สมรส หรือเพื่อนๆ จะช่วยชะลอ ความเจ็บปุวย และฟื้นตวั ดีขึน้ จากความพิการ เวลาท่ีผู้สงู อายุใช้พบปะสังสรรค์กับเพ่ือน พบว่ามีผลกระทบในเชิงบวก ต่อการอยู่รอดของผู้สูงอายุหรือเป็นการท่ีพวกเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมสันทนาการร่วมกัน ซึ่งมันมีคุณค่ามากกว่า กิจกรรมท่ีทําไปตามหน้าที่ในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าการเข้าสังคมจะนําไปสู่การมีอายุที่ยืนยาว หรือคนท่ีอ่อนแอมากๆ เข้ากับคนง่าย มีความเป็นกันเอง ซึ่งการมีส่วนร่วมทางสังคมน้ันจะทําให้เพิ่มความเช่ือม่ัน และสามารถที่จะเอาชนะความอ่อนแอด้านร่างกายของเขาได้ ในทางกลับกันเม่ือคนมีความอ่อนแอเพิ่มมากข้ึน จะมีผลให้มีความสามารถในการติดต่อกับสังคมภายนอกลดน้อยลง ดังนั้น ความสัมพันธ์หรือการมีส่วนร่วมกับเพ่ือน จึงลดนอ้ ยลงนัน่ เอง การสนับสนุนเครือข่ายทางสังคมของผู้สูงอายุสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เป็นเคร่ืองมือและเป็น ภาวะอารมณ์ของคนในสังคม โดยมีปัจจัยท่ีสําคัญ คือ การช่วยเหลือ การขนส่งเคลื่อนย้ายข้อมูลข่าวสาร และการช่วยเหลือทางกายภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกของความเคารพและความรักอย่างไรก็ตามไม่รวมทุก รปู แบบของการสนับสนุนท่ีได้รับผลระโยชน์ ในการรวมรวมข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า การสนับสนุนเครือข่ายทางสังคม ของผู้สูงอายุนั้นจะเพ่ิมขีดความสามารถและให้อิสรภาพแก่ผู้สูงอายุ ทุกคนจําเป็นท่ีต้องได้รับการสนับสนุนเท่าท่ี จะเป็นไปได้ในการพัฒนากลไกการเผชิญปัญหาและการจัดการความเครียดขอ งตนเองท่ีจะไม่ทําลายอิสรภาพของ พวกเขา ทุกคนควรจะได้รับการสนับสนุน ในการไปถึงยังเปูาหมายท่ีวางไว้และช่วยสร้างจุดแข็งของตนเองและ ความสําเร็จจากการทาํ งานท่ผี า่ นมาในอดีต รวมถงึ กิจกรรมยามวา่ งและความสนใจของพวกเขา ในการวางแผนและการส่งมอบบริการ มันอาจจะเป็นเร่ืองยากสําหรับผู้สูงอายุท่ีจะรักษาความสัมพันธ์ทาง สังคมและมุ่งที่จะลดความโดดเดี่ยวทางสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความพยายามเหล่านี้ควรจะวางแผนและปรึกษา กับผู้สูงอายุและควรได้รับการประเมินอย่างเหมาะสมเสียก่อน การรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมน้ัน มีแนวโน้มที่จะ ประสบผลสําเร็จ ถ้าพวกเขาใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่จากชุมชนและมีการช่วยเหลือสนับสนุนทุนให้กับชุมชนต่างๆ จากการศึกษาช้ินหนึ่งของสหรัฐอเมริกา พบว่า การช่วยเหลือสนับสนุนอย่างมีประสิทธิผลน้ันจะสามารถต่อสู้กับ ความโดดเด่ียวอ้างว้างในกลุ่มผู้สูงอายุได้ ผู้สูงอายุช่ืนชอบกิจกรรมเป็นกลุ่มที่มีระยะเวลาที่ยาวนาน และมีกิจกรรม ทห่ี ลากหลาย และมกี ารควบคุมของกลุ่มในระดบั หนึ่ง การออกแบบการสนับสนุนทางสงั คมรวมถงึ ปฏิบตั ทิ ่ดี ที ่สี ดุ - แนะนาํ การแทรกแซง สนบั สนุน ทีเ่ ป็นสว่ นหนง่ึ ของการไปสกู่ ลยทุ ธท์ ี่กว้างข้ึน - กําหนดกลุ่มเปูาหมายท่ีชัดเจนของผู้สูงอายุ รวมถึงผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่ากลุ่มผู้สูงอายุตามที่กําหนดไว้ ในโปรแกรม เพอ่ื การส่งตอ่ และการประเมินผล - ความสามารถในการสรา้ งชุมชนโดยใช้ทรพั ยากรท่ีมีอยใู่ นชุมชนเท่าท่ีเปน็ ไปได้ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 69
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. - การสรา้ งความรว่ มมือกบั ผ้มู ีส่วนได้เสียและหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้อง อินเดีย Lisa F. Berkman, Sekher, Benjamin Capistrant, and Yuhui Zheng (2012) อธิบายถงึ เครือข่ายสังคม ครอบครวั และการดูแลผ้สู ูงอายุในประเทศอนิ เดียไวว้ า่ เครอื ข่ายทางสงั คมและความสัมพันธ์ในครอบครัว เป็นหน่ึงใน สถาบันหลักที่ให้การสนับสนุนและให้โอกาสในการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุท่ัวโลกเครือข่ายทางสังคมจะถูกกําหนด โดยสมาคมและโครงสร้างของความสัมพันธ์ทางสังคม เม่ือสังคมเกิดการเปล่ียนแปลงทางด้านประชากร มีจํานวน ประชากรมากข้ึน ประชากรมีอายุขัยเพิ่มข้ึน และมีอัตราการเกิดลดลง นําไปสู่สังคมผู้สูงอายุจากนี้ไปสังคมจะต้อง เผชิญกับความท้าทายในการเปล่ียนแปลงด้านประชากรศาสตร์และสุขภาพ จึงต้องมีการปรับตัวและพัฒนาวิธีการ หรอื นวตั กรรมใหม่ๆ มาปรบั ใชใ้ นดา้ นต่างๆ ของสังคม ด้านการสร้างเครือข่ายผู้สูงอายุและความสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับคนในครอบครัว ทางรัฐบาลมีแค่ แนวทางในการแนะนําให้คนหนุ่มสาวทําหน้าท่ีแบ่งเบางานหนักและดูแลผู้สูงอายุแต่ไม่สามารถจัดการได้อย่าง มีประสทิ ธภิ าพไดเ้ นื่องจากขาดงบประมาณ การจัดการระบบสุขภาพท่ีไร้ประสิทธิภาพ ความเหล่ือมลํ้าทางสังคมของ เมืองหลักและเมืองที่ห่างไกลออกไปอีกทั้งยังมีปัญหาในด้านวรรณะที่ต่างกันจนไม่สามารถเข้าร่วมพูดคุยกันได้ อย่างสนิทใจ ในสังคมอินเดียผู้หญิงที่แต่งงานแล้วจะทํางานหนัก และผ่านชีวิตที่ลําบากมากมาทั้งชายและหญิง ทําให้ ไม่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ นอกจากกิจกรรมในชุมชนของตัวเอง บางครอบครัวผู้สูงอายุอาศัยอยู่กับ ครอบครวั ตัวเองตลอดชวี ิตไม่คอ่ ยได้พบปะคนอ่ืน ทําให้หลงั เวลาเกษียนจงึ ยากแก่การเข้าสงั คมได้อีก ฮอ่ งกง ในด้านของกรมสวัสดิการสังคมเขตปกครองพิเศษรัฐบาลฮ่องกง (2558) มีบริการสําหรับผู้สูงอายุ เป็นการดูแลจากชุมชนท่ีมีต่อผู้สูงอายุ มีศูนย์กลางสังคมสําหรับกลุ่มผู้สูงอายุท่ีมีกิจกรรมในด้านสังคม ด้านกีฬา การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการบริการแนะนําให้ข้อมูลเก่ียวกับทรัพยากรในชุมชน มีการสร้างเครือข่าย ผู้สูงอายุในศูนย์แห่งนี้ นอกจากน้ียังมีศูนย์กลางชุมชนของผู้สูงอายุ (District Elderly Community Centres : DECCs) ที่ดําเนินการมาต้ังแต่ปี ค.ศ. 2002 เพ่ือให้ผู้สูงอายุได้รับการบริการที่ครอบคลุม นอกจากนี้ต้ังแต่ปี ค.ศ.2003 กรมสวัสดิการสังคมยังได้ปรับปรุงทุกศูนย์บริการสําหรับผู้สูงอายุให้เป็นศูนย์กลางชุมชนของผู้สูงอายุ รูปแบบใหม่ (The new District Elderly Community Centres : DECCs) เพ่ือขยายการทํางานและมีบริการท่ี เหมาะสมสาํ หรบั ผูส้ ูงอายุเพื่อที่จะชว่ ยให้ผ้สู ูงอายุดาํ เนนิ ชีวิตอย่ใู นชุมชนตอ่ ไปได้ DECCs มีการทํางานร่วมกันกับการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุในตําบล โดยมีการให้บริการด้านการศึกษา การจัดการผู้รับบริการรายกรณี การเข้าถึงระบบเครือข่าย มีกลุ่มสนับสนุนผู้สูงอายุ ให้ความรู้ด้านสุขศึกษา มีกิจกรรมการพัฒนา การพัฒนาอาสาสมัคร มีบริการด้านกิจกรรมทางสังคมและการพักผ่อนจิตใจ รวมถึงบริการ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 70
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ด้านอาหาร การดูแลซักรีดเสื้อผ้า เป็นต้น ซึ่งเป็นการให้บริการเฉพาะเวลากลางวัน เวลา 9.00 – 17.00 น. ต้ังแต่ วันจนั ทร์-เสาร์ มีการเสยี ค่าสมาชิกประจาํ ปีหรือคา่ ธรรมเนยี มในการใช้บรกิ าร สงิ คโปร์ สําหรับประเทศสิงโปร์นั้น ปภาวี นุพาสันต์ (2556) กล่าวว่า ประเทศสิงคโปร์มีจํานวนประชากรสูงอายุ เพ่ิมอย่างรวดเร็วเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลมีโครงการที่ออกแบบเพ่ือเป็นเครือข่ายทาง สังคมสําหรับผู้สูงอายุ โครงการแรกเป็น โครงการช่วยเหลือทางสังคม (Public/Social Assistance Scheme) ซ่งึ มเี ง่ือนไขในการใหค้ วามช่วยเหลือที่ค่อนข้างเข้มงวด สําหรับผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการนี้จะได้รับเบี้ยยัง ชีพไม่เกิน 230 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือนและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจากบริการด้านการแพทย์ ในปี พ.ศ.2542 มีผู้สูงอายุสิงคโปร์จํานวน 1,789 คน ที่ได้รับความช่วยเหลือภายใต้โครงการน้ีซึ่งคิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้ท่ีได้รับ ความช่วยเหลือท้ังหมดของโครงการ บุคคลกลุ่มอื่นที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการน้ีประกอบด้วยเด็กท่ียังช่วย ตนเองไม่ได้ ผทู้ ุพพลภาพ หรอื ผทู้ ีท่ ํางานไม่ได้ เนอ่ื งจากเหตุผลดา้ นสขุ ภาพ โครงการท่ี 2 คอื Medifund Scheme ซง่ึ เปน็ กองทนุ ชว่ ยเหลอื คนยากจนท่ีไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลได้ นโยบายหลักของประเทศสิงคโปร์ด้านการดูแลทางสังคม การเข้าถึงบริการด้านท่ีอยู่อาศัย มีเปูาหมายเพื่อต้องการให้ผู้สูงอายุอยู่ในครัวเรือนเดียวกับบุตรหรือคู่สมรสของบุตรให้มากที่สุด หากไม่สามารถอยู่ใน ครัวเรือนเดียวกันได้ ก็จะพยายามให้ผู้สูงอายุและบุตรหรือคู่สมรสของบุตรมีบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกันเพื่อจะได้ดูแล กันสะดวกยิ่งข้ึน จากการสํารวจพบว่านโยบายน้ีประสบความสําเร็จ เนื่องจากสิงคโปร์มีข้อจํากัดเร่ืองท่ีอยู่อาศัยมาก และท่ีอยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นของรัฐบาล ดังนั้น รัฐจึงมีเครื่องมือท่ีจะเอ้ือประโยชน์แก่ผู้ที่ปฏิบัติตามนโยบายได้มาก เชน่ การใหส้ ิทธิการเช่าบ้านของรัฐแก่ครอบครัวท่ีมีคนหลายรุ่นอยู่ด้วยกันก่อน หรือการให้เบิกเงินจากกองทุนสํารอง เล้ียงชีพ (Central Provident Fund หรือ CPF) ในอัตราที่สูงขึ้นถ้าเป็นการซื้อบ้านในบริเวณเดียวกับบ้านของบิดา หรือมารดา เป็นต้น ในปัจจุบันร้อยละ 33.5 ของผู้ท่ีมีอายุ 60 ปีข้ึนไปมีเงินสะสมในกองทุนสํารองเลี้ยงชีพ แต่จากผลการสํารวจของรัฐบาลสิงคโปร์ก็ยังปรากฏว่าเงินออมในบัญชีดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ดังนั้น บุตรยังคงเป็น แหลง่ รายได้เสริมท่สี ําคญั ของผูส้ ูงอายุ การดําเนินนโยบายในปัจจุบันของกระทรวงพัฒนาชุมชน เยาวชนและการกีฬา (The Ministry for Community Development, Youth and Sports) ได้ปฏิบัติตามแผนงานหลักด้านการดูแลผู้สูงอายุโดยมี กลยุทธห์ ลัก 3 ข้อคือ 1. สร้างระบบการให้บริการและส่ิงอํานวยความสะดวกที่เหมาะสมสําหรับผู้สูงอายุ นั่นคือเน้นการสร้างศูนย์ ท่ีสามารถให้บริการหลากหลายรูปแบบท่ีทําให้ไม่ต้องมีการย้ายผู้สูงอายุจากศูนย์ หนึ่งไปยังอีกศูนย์หนึ่ง เมื่อความต้องการของผู้สูงอายุเปล่ียนไปเมื่ออายุมากข้ึน เน้นศูนย์ที่เป็นแบบศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 71
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. (One-Stop Center) ท่ีเช่ือมโยงกับศูนย์ของชุมชน ซึ่งจะเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ทั้งที่ช่วยตนเองได้และ ไมไ่ ด้ เพ่อื สง่ เสริมใหผ้ ู้สูงอายุทีย่ งั ชว่ ยตนเองได้เป็นอาสาสมัครดูแลผ้สู ูงอายทุ ช่ี ่วยเหลอื ตนเองไมไ่ ด้ในชุมชนเดียวกัน 2. ปรับปรุงนโยบายการให้บริการแก่ผู้สูงอายุ เน้นที่ระบบการอุดหนุนในอุตสาหกรรมผลิตบริการ เพ่ือผู้สูงอายุให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยจะมีหลายระดับแตกต่างกันตามรายได้ของผู้รับบริการ ส่ ว น ใ น ด้ า น ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ จ ะ ใ ช้ ร ะ บ บ ก า ร แ ข่ ง ขั น ใ น ต ล า ด โ ด ย ผู้ ที่ ป ร ะ มู ล ไ ด้ ร า ค า ท่ี ต่ํ า ที่ สุ ด จ ะ ไ ด้ เ ป็ น ผผู้ ลิตบริการนนั้ ๆ 3. จดั ใหม้ ีโครงการอยา่ งต่อเนอื่ งเพ่อื ผูส้ งู อายุในแต่ละกลุ่มเปูาหมาย ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุท่ียังช่วยเหลือตนเองได้ ผู้สูงอายุท่ีช่วยตนเองไม่ได้ และผู้ให้การดูแลผู้สูงอายุท่ีต้องดูแลผู้สูงอายุที่ปุวยด้วยโรคทางสมอง โดยเฉพาะ โรคอลั ไซเมอร์ (Alzheimer) และพาคนิ สัน (Parkinson) เปน็ ต้น ประเทศสิงคโปร์คาดว่าจะดําเนินการในอนาคตอันใกล้ นั่นคือ การเพ่ิมอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของคน อายุ 55-64 ปี โดยมีการวางแผนงาน อาทิ การฝึกอบรมผู้สูงอายุให้มีทักษะเป็นที่ต้องการมากข้ึน การให้สิ่งจูงใจแก่นายจ้าง ในการจ้างผู้สูงอายุเข้าทํางาน การกําหนดอัตราค่าจ้างท่ีมีความยืดหยุ่นมากกว่า กําหนดตามวยั วฒุ ิ เปน็ ต้น สาธารณรฐั ประชาชนจนี ในสาธารณรัฐประชาชนจีน จากการสํารวจของรัฐบาลในปี 1999 แสดงให้เห็นว่าจํานวนประชากรที่อายุ มากกว่า 60 ปี มีถึง 127 ล้านคน หรือร้อยละ 10.1 ของจํานวนประชากรท้ังหมด โดยผู้สูงอายุมีภาวะโรคเส่ือม เพิ่มสูงข้ึนและผลกระทบทางสังคม ซึ่งประเด็นของผู้สูงอายุน้ันอยู่ในทุกวาระการประชุมของรัฐบาล บริการสุขภาพ ในประเทศจีนกําลังเปล่ียนจากระบบของทุนรัฐบาลฝุายเดียวเป็นรัฐบาลอุดหนุนเพียงบางส่วน จึงทําให้เกิดการ เปล่ียนแปลงของระบบเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา ในทางตรงกันข้ามระบบการดูแลเบื้องต้นที่มีอยู่ในประเทศตะวันตก หลายๆ ประเทศนั้น ระบบการดูแลเบื้องต้นน้ันหลักๆ ดําเนินการอยู่ที่คลินิก ‘Street Block’ ให้บริการประชาชน ท่ีอาศัยอยู่ในเขตเมืองบริเวณน้ัน คลินิกนี้ให้บริการลูกจ้างในโรงงานโดยพนักงานของคลินิกท่ีจะถูกฝึกจากบุคลากร ทางการแพทย์ สหรฐั อเมริกา บทความ Planning for Eldercare (2011) ในเว็บไซต์ National Care Planning Council (NCPC) ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวถึง กิจกรรมท่ีสนับสนุนทางสังคมจะนําไปสู่คุณภาพชี วิตท่ีดีข้ึนของผู้สูงอายุ การสนบั สนนุ ทางสังคมในผูส้ ูงอายมุ คี วามสําคัญมาก กลา่ วคือ คนส่วนใหญ่มกั ใช้เวลากบั เพอื่ นมากกว่าท่ีจะแยกตัวเอง ออกจากสังคมและความโดดเดี่ยว อย่างไรก็ตาม การขาดการสนับสนุนทางสังคมจะทําให้คุณภาพชีวิตโดยรวม ของบุคคลแย่ลง การขาดการสนับสนุนทางสังคมส่งผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ มีการสนับสนุนทางสังคมเชิงบวกมากมายที่สามารถทําให้สุขภาพกายและจิตใจของผู้สูงอายุแต่ละคนดีขึ้น Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 72
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. การสนับสนุนจากผู้อ่ืนมีความสําคัญในการลดความเครียด ทําให้สุขภาพกายดีข้ึนและสามารถเอาชนะปัญหาด้าน สขุ ภาพจติ ได้ เช่น ภาวะซมึ เศร้า และความวิตกกังวลต่างๆ เม่ือพิจารณาการสนับสนุนทางสังคมสําหรับผู้สูงอายุ อันดับแรกน่าจะเป็นการสนับสนุนจากสมาชิกใน ครอบครัว ในขณะท่ีความจริงนั้นการสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากครอบครัว มีหลายสถานการณ์ในแต่ละคนในที่ไม่ สามารถสนับสนุนได้ เช่น ความเครียดเนื่องจากภาระหน้าท่ีและความรับผิดชอบ การเจ็บปุวย ความตาย ปัญหาทางด้านการเงิน การย้ายงาน เป็นต้น ในประเทศสหรัฐอเมริกากลุ่มอายุที่เติบโตเร็วที่สุด คือ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 85 ปีข้ึนไป เน่ืองจากความจริงแล้วการสนับสนุนครอบครัวสําหรับผู้สูงอายุแต่ละคนย่อมลดลงแน่นอน ความจาํ เปน็ สาํ หรบั การบรกิ ารขน้ั พน้ื ฐานของชุมชนมคี วามสาํ คัญมากในปัจจุบัน บริการขั้นพน้ื ฐานของชมุ ชนสามารถเปน็ ประโยชนอ์ ย่างมากสําหรับผู้สูงอายุแต่ละคน บริการสําหรับผู้สูงอายุ ครอบคลุมในหลายพื้นท่ี แต่หน่ึงในพ้ืนที่สําคัญท่ีพิจารณาก่อนหน้าน้ีเป็นการสนับสนุนทางสังคม การสนับสนุน ผู้สูงอายุพบได้ในหลายพ้ืนท่ีรวมถึงศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ได้แก่ สิ่งอํานวยความสะดวก การจัดส่งอาหาร การเข้าร่วมใน พิธีทางศาสนา ฯลฯ บริการเหล่าน้ีเป็นการให้การสนับสนุนทางสังคมในเชิงบวกท่ีสามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุให้ต่อสู้ หรือเอาชนะกับความเหงาและความโดดเด่ียว อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนทางสังคมต้องหมายรวมถึงการมีชีวิตอยู่ ของร่างกายและการพบปะพูดคุยมีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าบริการท่ีสนับสนุนทางสังคมน้ันควรจะเป็นกิจกรรมท่ีมี คุณภาพ และส่งเสริมการเห็นคณุ คา่ ของตนเอง การเห็นคุณค่าของตนเองน้ันเป็นหัวใจสําคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีและความพึงพอใจโดยรวมของบุคคล กิจกรรมทางสังคมสามารถช่วยเพ่ิมความตระหนักรู้ในแต่ละคนได้ กิจกรรมสําหรับผู้สูงอายุอาจจะรวมถึง กลุ่มความทรงจํา การเขียนบันทึก การอ่านหนังสือที่ชอบ การออกกําลังกายและการร้องเพลงกับกลุ่มเพ่ือน ฯลฯ แตล่ ะคนอาจจะมีความพึงพอใจมากถ้าพวกเขาเป็นส่วนหนง่ึ ในกจิ กรรมทางสังคมท่เี กดิ ขึ้น Derek Jones (2012) กล่าวถึง การมีส่วนร่วมและปฏิสัมพันธ์ของผู้สูงอายุในประเทศสหรัฐอเมริกา มีความสําคัญ กล่าวคือ ความสุขกับสุขภาพท่ีดีนั้นนําไปสู่การใช้ชีวิตท่ีดีมีความสุขและมีสุขภาพท่ีดีด้วย มีการศึกษา แสดงให้เห็นว่า ระบบการทํางานของสมองด้านความรู้ความเข้าใจลดลงอย่างรวดเร็วเม่ือการส่ือสารกับคนอ่ืนๆ ไม่สมํ่าเสมอหรือลดน้อยลง และโชคร้ายที่มันไม่ได้หยุดเพียงแค่น้ัน ความโดดเดี่ยวทางสังคม ความเหงา ความเบื่อ หน่าย และความรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าหรือการไม่เห็นคุณค่าของตนเองน้ันจะเกิดขึ้นตามมาเช่นกัน เป็นปัจจัยเส่ียงที่ พบบอ่ ยสาํ หรับการฆ่าตวั ตายในกลุ่มผสู้ ูงอายุ มีข้อเท็จจริงบางอย่างท่ีน่าสนใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและผลกระทบ ของการแยกตัวออกจากสังคม ประโยชน์ของการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในผู้สูงอายุ ได้แก่ ช่วยลดความเสี่ยง ท่ีอาจเกิดปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งบางโรค โรคกระดูกพรุน และโรคไขข้ออักเสบได้ ช่วยลด ความเส่ียงที่อาจเกิดโรคอัลไซเมอร์ขึ้นได้ ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ ช่วยลดความเส่ียงต่อปัญหาสุขภาพจิต Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 73
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. เชน่ ภาวะซมึ เศรา้ และลดความผิดปกติของบุคลิกภาพได้ เป็นต้น ผลกระทบของการแยกตัวออกจากสังคม ส่งผลให้ เกดิ ความรสู้ ึกเหงาและหดหู่ ไม่ค่อยมีแรงจะทําอะไร มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากขึ้น และเกิดภาวะความดันโลหิต สูง เนื่องจากมีกิจกรรมลดลงและภาระผูกพันที่มาพร้อมกับอายุท่ีมากขึ้น มันยากท่ีจะรักษาปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อย่างเพยี งพอ ซึง่ กไ็ ม่ถึงกบั เป็นไปไม่ได้ มีบทความในวารสาร American Society on Aging (2014) ที่กล่าวถึง ความสัมพันธ์ทางสังคม สุขภาพท่ีดีของผู้อพยพสูงอายุของสหรัฐอเมริกาไว้ว่า สหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกอื่นๆ มีอัตราการเพ่ิมขึ้นของ จํานวนผู้อพยพมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1970 รายงานล่าสุดจากสํานักงานสํามะโนครัวประชากรของอเมริกา ระบุว่าเกือบ ร้อยละ 13 ของชาวอเมริกัน เป็นชาวต่างชาติท่ีเกิดในอเมริกาและประมาณร้อยละ 12 เป็นกลุ่มของผู้อพยพท่ีมี อายุ 65 ปีข้ึนไป ผู้อพยพในปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากละตินอเมริกาและเอเชีย โดยเฉพาะผู้สูงอายุชาวละติน ซ่ึงถือเป็นสัดส่วนของประชากรผู้สูงอายุที่มีจํานวนมากข้ึน ผู้อพยพโดยเฉพาะผู้มาจากประเทศกําลังพัฒน า อาจจะเคยมีชีวิตที่ดีและการดูแลสุขภาพที่ดีมากในประเทศเหล่าน้ัน แต่มักจะพบว่าเมื่ออพยพเข้ามาท่ีอเมริกาแล้ว จะเกิดความเครียดในชีวิต เน่ืองจากมีการเปล่ียนแปลงในด้านที่อยู่อาศัยการจ้างงาน และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน อีกทงั้ ความสมั พันธใ์ นด้านสังคมที่ตอ้ งมีการปรบั ตัวมาก ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ท า ง สั ง ค ม ค ร อ บ ค ลุ ม ถึ ง สิ่ ง แ ว ด ล้ อ ม แ ล ะ ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง เ ค รื อ ข่ า ย ท า ง สั ง ค ม ตลอดจนการสนับสนุนการรับรู้หรือความสัมพันธ์กับเพ่ือน ครอบครัว หรือจากชุมชนที่มีขนาดใหญ่ การท่ีมีการเชื่อมต่อทางสังคมและสร้างมิตรภาพอาจจะมีส่วนช่วยให้ผู้อพยพสามารถปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิต แบบใหม่มีสุขภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้อพยพสามารถท่ีจะหาเพ่ือนและคงความสัมพันธ์ทางสังคมที่มี ความหลากหลายข้ึนกับปัจจัย ด้านอายุและระดับการยอมรับในวัฒนธรรมที่แตกต่างกันได้ งานวิจัยเกี่ยวกับ การย้ายถ่ินฐาน ระบุว่าความสัมพันธ์ทางสังคมและสุขภาพท่ีดีน้ันมีข้อจํากัด แต่ข้อมูลส่วนใหญ่นั้นแสดงให้เห็นว่า องค์ ป ร ะ กอบ เ ห ล่ า นี้ ของ ผู้ สู ง อา ยุ ท่ีอ พย พ มา อ ยู่ อเ มริ กา นั้ น ขึ้น อยู่ กั บ ผู้ สู งอ า ยุ ท่ี อา ศั ย อยู่ ที่อ เ มริ กา ตั้ งแต่ เ กิ ด ถึงแม้ว่าจะเป็นคนกลุ่มท่ีน้อยกว่าก็ตาม มีเครือข่ายสังคมที่แน่นแฟูนคอยสนับสนุนและดูแลพวกเขาใน ช่วงบ้นั ปลายชีวติ ด้านวัฒนธรรมและสังคม เช่น การพ่ึงพาอาศัยกันของเพื่อนบ้านจะรู้สึกถึงความสามัคคีในชุมชนมีผลต่อ สภาวะจิตใจ ความเป็นอยู่ที่ดี และสุขภาพทางกาย ผู้ที่อาศัยในย่านที่มีความหลากหลายของเช้ือชาติหรือพื้นท่ีที่มีผู้ อพยพสูงมีแนวโน้มที่จะพูดภาษาเดียวกันซ่ึงทําให้พวกเขาเกิดมิตรภาพระหว่างกันมากข้ึน ถือว่าเป็น การสนับสนุนเครือข่ายทางสังคมให้กว้างขวางมากข้ึน เพ่ือนบ้านยังอาจจะช่วยด้านอํานวยความสะดวกใน ชีวติ ประจําวันของผ้สู ูงอายุ เชน่ การพาไปร้านขายของชาํ การช่วยงานบ้านและงานในสวน โดยรวมแล้วย่านอาศัยที่มี พนื้ ฐานด้านความสัมพนั ธ์และมีการแลกเปลย่ี นความช่วยเหลอื ใหแ้ ก่ผ้อู พยพ ดงั เช่น ในชุมชนและชมุ ชนทางศาสนาก็มี ส่วนช่วยให้เกิดความเชื่อมโยงทางสังคม การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเป็นตัวช้ีวัดถึงการมีส่วนร่วมทางสังคมและ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 74
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. สามารถช่วยเยียวยาความรู้สึกท่ีไม่ดีของการย้ายไปสู่ประเทศใหม่ ผู้อพยพสูงอายุมักจะเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา บ่อยกวา่ ผู้อพยพวยั หนุ่มสาวโดยทั่วไปนัน้ พบวา่ ผ้สู งู อายุผู้ท่ีเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาจะมีความเส่ียงในการเสียชีวิต ก่อนวัยอันควร ความทุกข์ใจ และความบกพร่องทางสติปัญญาลดลง องค์กรทางศาสนาช่วยให้ผู้อพยพปรับตัวเข้ากับ สถานการณ์ในชีวิตใหม่ได้ หลายๆ องค์กรทางศาสนามีการบริการทางสังคมแก่ศาสนิกชนด้วยการช่วยเหลือ ด้านอาหาร เคร่ืองนุ่งห่ม และท่ีพักอาศัย อีกทั้งยังให้โอกาสในการทํากิจกรรมทางสังคมที่นําไปสู่โอกาสในการเข้า ทาํ งานและการมีส่วนรว่ มในการเป็นพลเมอื ง จาการศึกษาท่ีผ่านมา พบว่าผู้อพยพสูงอายุมีอารมณ์ที่ดีข้ึนมากกว่าผู้สูงอายุชาวพ้ืนเมืองและประโยชน์ของ การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาช่วยให้ผู้อพยพได้รับการพัฒนาและทําให้มีสังคมท่ีเหนียวแน่น แข็งแรง มีกลไกหลายอย่างในการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่มีผลดีต่อสุขภาพจากท่ีได้กล่าวมาแล้ว คือ ชุมชนมีส่วนช่วย ควบคุมพฤติกรรมท่ีมีผลต่อสุขภาพ เช่น การด่ืมเหล้าหรือสูบบุหรี่จัด บ่อยคร้ังท่ีกิจกรรมทางศาสนาเป็นกิจกรรมของ ครอบครัว ซึง่ เป็นปัจจยั สําคัญในการสนับสนนุ ทางสงั คมของผอู้ พยพสงู อายุ ดงั นนั้ การอพยพโยกย้ายถิ่นฐานน้ันทําให้ เกิดการปรบั ตวั ทกี่ อ่ ให้เกดิ ความเครียดสงู แต่ความสมั พนั ธ์ทางสงั คมท่ีเขาอาศัยอยู่จะช่วยลดภาระและทําให้สุขภาพดี ขึน้ ได้ คาดว่าในปี 2030 สหรัฐอเมริกาจะมีการเปลี่ยนแปลงทางประชากรผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีข้ึนไป มีจํานวน มากกว่าเดิมเป็น 2 เท่า คือ มีจํานวนเพ่ิมถึง 70 ล้านคน การเติบโตของจํานวนประชากรผู้สูงอายุนั้นจะสร้างความ ต้องการบริการและนโยบายท่ีเกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุที่ไม่เคยเกิดข้ึนมาก่อน สมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ National Association of Social Workers (NASW) ได้ริเร่ิมที่จะสร้างความตระหนักเกี่ยวกับขอบเขตของ การปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ในกลุ่มผู้สูงอายุ มีการเพิ่มจํานวนการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพ รวมถึงการเพิ่มจํานวน คณาจารย์ นักสังคมสงเคราะห์ทใ่ี ห้บริการผู้สงู อายุและครอบครัวของพวกเขา เดนมาร์ก Pernille Hohnen Roskilde Universitet (2011) กล่าวถึง การเป็นหุ้นส่วนทางสังคมในการดูแลผู้สูงอายุ ของประเทศเดนมาร์ก การดูแลผู้สูงอายุนั้นสอดคล้องกับสวัสดิการสังคมในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียที่มีแบบแผน และวัฒนธรรมในการให้และการมีใจที่กว้างขวางสามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ประมาณร้อยละ 25 ของผู้สูงอายุ ชาวเดนมาร์กท่ีมีอายุ 65 ปีข้ึนไปจะได้รับการดูแล ผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุนั้นจะถูกยกเว้นภาษีจากท้องถ่ิน ในช่วง 10 ปี ท่ีผา่ นมาน้กี ารดูแลผู้สูงอายุมีมาตรฐานมากข้นึ ผู้ดแู ลสว่ นใหญ่ได้รับการฝึกฝนให้ดูแลและเปน็ ผูช้ ่วยเหลอื ได้ ถึงแม้วา่ การดูแลผูส้ ูงอายุจะมีระดับทีใ่ หญม่ าก มีข้อกําหนดโดยเทศบาลท้ังการเงินและการดูแลยังคงเป็นของ ภาครัฐ ท่ีเรียกว่า Free Choice Model คือไม่เสียค่าใช้จ่าย ซ่ึงเคยมีขึ้นในประเทศเดนมาร์กในช่วงแรกของปี ค.ศ. 2003 ในปี ค.ศ.2006 ร้อยละ 15 ของผู้ที่ได้รับการดูแลทั้งหมดหรือบางส่วนของการดูแลในภาคเอกชน ในปี ค.ศ.2009 ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ดูแลเรื่องทําความสะอาด ถูกจัดหาโดยภาคเอกชนร้อยละ 5 Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 75
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. เป็นการดูแลส่วนบุคคลที่จัดหาโดยภาคเอกชน ภาครัฐพยายามที่จะนําการดูแลของภาคเอกชนน้ีไว้ในส่วน Free Choice Model อย่างไรก็ตาม เราคาดหวังว่าส่วนแบ่งการตลาดของผู้จัดหาคนดูแลภาคเอกชนจะยังคงเติบโต ขน้ึ ต่อจากนเ้ี ราจะมงุ่ เน้นไปทข่ี ้อกําหนดของการดแู ลสว่ นบุคคล การดูแลผู้สูงอายุถูกพัฒนาเป็นรูปแบบที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ผู้จัดหา (Purchaser-Provider Model) การพัฒนานี้ได้เพิ่มมาตรฐานและลดอํานาจของผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุ สําหรับเทศบาลและผู้มีส่วนได้เสียน้ัน สิ่งที่ท้าทายท่ีสุด คือ เรื่องของงบประมาณที่จํากัดและการเปลี่ยนแปลงทางประชากรในอนาคต (การเพ่ิมข้ึน ของจํานวนผูส้ ูงอายุที่จําเป็นต้องได้รับการดูแล และคาดว่าจํานวนวัยแรงงานจะลดลง) เทศบาลส่วนใหญ่จะพิจารณา แกป้ ญั หาต่างๆ และจะพยายามจัดการ จัดระเบียบการดูแลผูส้ งู อายรุ ปู แบบใหม่เพ่ือใหต้ รงกับความท้าทายเหลา่ นี้ มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และหุ้นส่วนทางสังคมเชื่อมต่อกับการดูแลผู้สูงอายุ ที่มีอิทธิพลต่อองค์กร อิสระระดับชาติท่ีมีสมาชิกเกือบ 580,000 คน และ 217 ท้องถิ่นในประเทศเดนมาร์ก เปูาหมายห ลักของพวกเขา คือ การเป็นตวั แทนและสนบั สนุนความสนใจของผู้สูงอายุในทุกๆ ด้านของชีวิต ประเด็นผู้สูงอายุน้ันได้รับการถกเถียง อย่างจริงจังเก่ียวกับสภาวการณ์หรือเงื่อนไขของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการบริการสาธารณะ เช่น คุณภาพของอาหารท่ีจัดให้กับผู้สูงอายุท่ีบ้าน หรือคุณภาพของการดูแลผู้สูงอายุและการใช้บริการจากการดูแล ผู้สงู อายุในภาคเอกชน ในระดับทวีปยุโรปน้ัน รัฐบาลท้องถิ่นของประเทศเดนมาร์ก (Local Government Denmark : LGDK) มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับศูนย์ศึกษานโยบายทวีปยุโรป (Centre for European Policy Studies : CEPS) ตัวแทนจากรัฐบาลท้องถิ่นของประเทศเดนมาร์ก (LGDK) อธิบายว่า พวกเขาได้รับอิทธิพลจากนโยบายของสหภาพ ยุโรปและคําส่ังในการเปิดตัวนโยบายและเชื้อเชิญคณะกรรมการผ่านศูนย์ศึกษานโยบายทวีปยุโรป (CEPS) จึงมีอิทธิพลต่อการเมืองในช่วงเร่ิมต้น รัฐบาลท้องถิ่นของประเทศเดนมาร์ก (LGDK) ตั้งข้อสังเกตว่า พวกเขาไม่มี ความร่วมมือในภาคส่วนของการดูแลผู้สูงอายุในระดับสหภาพยุโรป และยังเสนอแนะอีกว่าเร่ืองน้ี อาจเป็นเพราะว่า เป็นความแตกต่างของประเทศที่มีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ FOA (Fag og Arbejde) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานและการ ลงทุนขนาดใหญ่นั้นยังได้จัดระเบียบในระดับทวีปยุโรปและมีตัวแทนของสภาการบริการสาธารณะของสหภาพยุโรป (European Federation of Public Service Unions : EPSU) เป็นตัวแทนทางอ้อมผ่าน the Danish TUC ส่วนเครือข่ายอ่ืนๆ นั้นในระดับนานาชาติ สมาพันธ์อุตสาหกรรมของประเทศเดนมาร์กได้ริเริ่มเครือข่าย ซ่ึงประกอบด้วยสมาชิกในการให้การดูแลผู้สูงอายุ ซ่ึงหลักๆ น้ันจะเน้นการปฏิบัติ โดยเป็นเครือข่ายที่มาพบปะกัน 5-6 คร้ังต่อปี และเกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาท่ีหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ จึงสะท้อนให้เห็นว่า มกี ารรว่ มมอื ของหนว่ ยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กร สมาพันธ์ต่างๆ ด้านแรงงาน ด้านการดูแลผู้สูงอายุในประเทศ เดนมาร์กอย่างเป็นระบบและนําไปเช่ือมโยงเข้ากับนโยบายในการขับเคล่ือนด้านแรงงาน การยกเว้นภาษีให้กับ ผทู้ ี่ดูแลผสู้ งู อายุ สรา้ งมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายใุ นประเทศเดนมาร์ก Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 76
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. Mary E. Jarden and Jens Ole Jarden กล่าวถึง การดูแลผู้สูงอายุในประเทศเดนมาร์ก ก่อนหน้านี้ มีความเช่ือว่าโดยส่วนใหญ่น้ันปัญหาสังคมและการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุควรได้รับการแก้ไขผ่านหน่วยงานที่ รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ความคิดที่จะให้ผู้สูงอายุพักอาศัยอยู่ท่ีบ้านเท่าท่ีจะเป็นไปได้น้ัน นโยบายนสี้ ะท้อนให้เห็นถึงการเปล่ียนแปลงของคา่ ใช้จ่ายมากเป็นอนั ดับตน้ ๆ การช่วยเหลือผู้สูงอายุเพ่ือให้เขาช่วยเหลือตนเองได้ เพ่ือรองรับความสะดวกสบายของผู้สูงอายุท่ีอาศัย อยู่ในบ้านของเขา ภาครัฐหรือเทศบาลพัฒนาบริการอย่างกว้างขวาง เพ่ือช่วยเหลือผู้สูงอายุเหล่านั้นให้สามารถ ช่วยเหลือตนเองได้ ได้แก่ การทําความสะอาด การไปซื้อของ การซักผ้า การจัดเตรี ยมอาหาร และตัวเอง ด้านสุขอนามัย ส่วนการดูแลท่ีบ้านน้ันสามารถให้สมาชิกในครอบครัวหรือเครือญาติมาช่วยแบ่งเบาภาระผู้สูงอายุท่ี ปุวยหรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้การดูแลผู้สูงอายุท่ีบ้านนั้นมี 2 รูปแบบ คือ การดูแลระยะยาว (long term care) และการดูแลระยะส้ัน (temporary home care) การดูแลระยะยาวนั้นไม่มีค่าธรรมเนียม ในทางตรงกันข้ามน้ันการดูแลระยะสั้นมีเงื่อนไขการเสียค่าธรรมเนียมของแต่ละคนขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้รับบริการ ซึ่งต้องมีเอกสารในการรับรองด้วย มีพยาบาลสาธารณสุขให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงการศึกษาผู้ปุวย การดแู ลรักษา และการช่วยกรอกข้อมลู สําหรบั ความต้องการที่หลากหลาย เช่น เปลี่ยนแปลงท่ีอยู่ การช่วยเหลือกรณี ฉุกเฉิน เชน่ เดยี วกับการขอสนับสนุนสิง่ อาํ นวยความสะดวกในศนู ย์ดแู ลผู้สูงอายุ โครงการ “ผู้สูงอายุช่วยเหลือผู้สูงอายุ” งานอาสาสมัครเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในประเทศเดนมาร์ก กฎหมาย การบริการทางสังคมที่มีขึ้นในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1998 นั้นดําเนินการพัฒนาและขยายความพยายามอาสาสมัคร ทางสังคมด้วยงบประมาณ 700,000 ดอลลาร์เป็นประจําทุกปี ในปี ค.ศ.1999 ระดับภูมิภาคแ ละเขตเทศบาล ใช้งบประมาณไปมากถึงร้อยละ 46 ของเงินทุนดังกล่าว โครงการนี้ครอบคลุมถึง 120 เทศบาล จากทั้งหมด 275 เทศบาลในประเทศเดนมาร์ก ความตั้งใจที่จะต่อสู้กับความโดดเด่ียวด้วยการสร้างเครือข่ายของผู้สูงอายุ เปูาหมาย คือ การสร้างอาสาสมัครช่วยเหลือในส่วนท่ีเหลืออีก 155 เทศบาล ภายในช่วง 3 ปีข้างหน้า เปูาหมายนี้ถูกขยาย คุณลักษณะของอาสาสมัครด้วยการบูรณาการการทํางานของอาสาสมัครที่จะเข้ามาในชีวิตประจําวันของผู้สูงอายุ โดยไม่คํานึงถึงอายุ วิชาชีพ หรือเช้ือชาติของอาสาสมัคร ด้วยเหตุน้ีจึงพัฒนา \"ความเข้าใจความแตกต่างทางสังคม\" ทหี่ วงั วา่ จะเสรมิ สรา้ งรปู แบบสวสั ดกิ ารสงั คมของประเทศเดนมาร์ก จาไมกา้ ในเว็บไซต์ Dogood ของประเทศจาไมก้า รวบรวมรายช่ือองค์กรไม่แสวงหาผลกําไรท่ีช่วยเหลือ กลุม่ ผู้สูงอายุ ได้แก่ - The Golden Age Home เปน็ บริษทั ทม่ี รี ฐั บาลเปน็ เจา้ ของ ดําเนินงานมานาน 25 ปี จัดตั้งข้ึนเพื่อให้ การดูแลด้านท่ีอยู่อาศัยและสิ่งอํานวยความสะดวกต่างๆ แก่ผู้สูงอายุที่ยากจนในเมือง Kingston และ ST.Andrew มีการให้บริการที่นอน ตู้เก็บของ และมีบริการห้องนํ้าประมาณ 7-9 ห้อง มีอาหารให้ทาน 3 ม้ือต่อวัน มีห้องน่ังเล่น Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 77
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. สามารถเลน่ เกมและกจิ กรรมสันทนาการอ่นื ๆ มีบริการทางการแพทย์และทันตกรรม มีเสรีภาพในการดําเนินกิจกรรม ทางศาสนา มีเจ้าหนา้ ที่รักษาความปลอดภัย มีพนักงานท่ีมีประสบการณ์และได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีท่ีคอยบริการ ในบ้านพัก การมีส่วนร่วมทางสังคม กิจกรรมนันทนาการ ทําให้ผู้สูงอายุมีกําลังใจในการใช้ชีวิตมากข้ึน นอกจากนี้ ทาง The Golden Age Home ยังให้ความช่วยเหลือในการทําธุรกรรมส่วนตัวด้วย The Golden Age Home เปิดบรกิ ารทุกวนั กอ่ นเวลา 7.30 น. - สภาแห่งชาติสําหรับผู้สูงอายุ (The National Council for Senior Citizens) เป็นหน่วยงานของ กระทรวงแรงงานและเครือข่ายความม่ันคงทางสังคมกับภาคเอกชน อาสาสมัคร และประชาชนในโครงการพัฒนา กิจกรรม ได้แก่ การส่งเสริมกิจกรรมของผู้สูงอายุ การสนับสนุนการส่วนร่วมในการสร้างชาติ ให้ความสําคัญกับ การทํางานและการเห็นคุณค่าของผู้สูงอายุ สนับสนุนความจําเป็นทางด้านร่างกาย เศรษฐกิจและสังคม สง่ เสรมิ แนวทางการช่วยเหลือกันระหว่างรุ่น สนบั สนุนใหผ้ ้สู ูงอายสุ ามารถเข้าถึงการบริการทางสังคม และส่งเสริมให้ ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการสร้างรายได้และมีส่วนร่วมในโครงการการดูแลชุมชนต่างๆ ด้วย ให้บริการกับผู้สูงอายุที่มี อายุ 60 ปีข้ึนไป ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับน้ัน ได้แก่ สามารถใช้บริการรถโดยสารใน รัฐ Kingston บางพื้นท่ีของ St. Catherine and Montego Bay ได้รับการรักษาพยาบาล อาหาร ฝึกฝนทักษะ คอมพิวเตอร์และการเข้าถึง Internet การมีบัตรสุขภาพสําหรับผู้สูงอายุ ได้แก่ กองทุนสุขภาพแห่งชาติ (National Health Fund : NHF) และ Jamaica Drug for the Elderly (JADEP) - The Help Age International ช่วยเหลือผู้สูงอายุในการเรียกร้องสิทธิ คัดค้านการเลือกปฏิบัติและ เอาชนะความยากจน เพ่ือให้พวกเขามีความภาคภูมิใจ ความมั่นคง มีศักยภาพ และมีสุขภาพท่ีดี การทํางานของ Help Age มพี ลังจากเครอื ขา่ ยทว่ั โลก ทาํ งานด้านการปกปูองคมุ้ ครองทางด้านสังคม สุขภาพ ความม่ันคงในการดํารง ชีพ ผู้ติดเช้ือ HIV/AIDS กรณีฉุกเฉินต่างๆ และสิทธิมนุษยชนและการเลือกปฏิบัติรวมทั้งการสร้างเครือข่าย The Help Age ทํางานและให้บริการผ่านพันธมิตรท่ีสําคัญและชมรมผู้สูงอายุ แต่ไม่จํากัดเฉพาะการฝึกอบรมในการ สนับสนุนดูแลทางสังคมสําหรับผู้สูงอายุ การดูแลทางสังคมสําหรับผู้ติดเชื่อ HIV/AIDS ลดความเส่ียงจากโรคแทรก ซ้อน และการฝึกอบรมดูแลผู้ปุวยท่ีติดเช้ือ โอกาสในการพัฒนาวิถีชีวิต การเข้าถึงบริการทางสังคมท่ีสําคัญ ผู้ท่ีจะ ได้รบั บรกิ ารนีต้ ้องเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีข้ึนไป ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากน้ี ประชากรผู้สูงอายุในจาไมก้า มีส่วนร่วมใน การส่งเสรมิ การเจรจาและปฏสิ ัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุ องค์กรภาคประชาสังคมและรัฐบาลในการพัฒนานโยบายและ การปฏิบัตทิ เ่ี ป็นประโยชนต์ อ่ ผู้ดอ้ ยโอกาส บาร์เรน กระทรวงแรงงานและการพัฒนาสังคมของประเทศบาห์เรน (2015) ปัจจุบันกํากับดูแลภายใต้ความร่วมมือ กับชุมชนในการดูแลบ้านหรือศูนย์ดูแลกลางวันสําหรับผู้สูงอายุ เพ่ือให้การดูแลและการฟ้ืนฟูสมรรถภาพสําหรับ ผู้สูงอายทุ อ่ี าศัยอยู่ในพื้นท่ีใกลเ้ คยี งเฉพาะชว่ งกลางวัน บา้ นที่ดูแลผสู้ ูงอายุเหล่าน้ีเสนอมุมมองท่ีหลากหลายทางสังคม Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 78
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. สุขภาพ ด้านจิตใจ และการดูแลด้านการกีฬา นันทนาการ และการพัฒนาบริการและโปรแกรมที่เหมาะสมกับ การฟ้ืนฟูสมรรถภาพของผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุกลางวันหรือบ้านเหล่าน้ีมีการจัดการภายในโครงการท่ี มีส่วนร่วมกับชุมชน มีจุดมุ่งหมายท่ีจะเชื่อมโยงกลุ่มคนที่น่าสนใจและพยายามพัฒนาการทํางานที่กระจัดกระจายอยู่ โดยใชป้ ระโยชน์จากการเป็นหุ้นส่วนที่แท้จริงระหว่างองค์กรภาคประชาสังคมภาคเอกชนและรัฐบาลผ่านการยอมรับ ของความคิดริเริ่มของโปรแกรมในพื้นที่ท่ีให้การดูแลผู้สูงอายุ และเปิดให้เป็นโครงการท่ีนําไปสู่การพัฒนาสังคม อย่างยั่งยนื ทําให้ความพยายามเหล่าน้ีประสบความสําเร็จและให้บริการท่ีดีเลิศสําหรับผู้สูงอายุท่ีอยู่ในราชอาณาจักร มีการจัดสรรและสนับสนุนทุนประจําปีสําหรับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ในปี ค.ศ.2011 มีการสนับสนุนดังกล่าว มากถึง 100,000 ดินาร์ (ประมาณ 9,500,000 บาท) นอกจากน้ี ยังมีผู้เข้าชมเพ่ือศึกษาดูงานการดูแลผู้สูงอายุท่ีบ้าน หรอื ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแห่งน้ีมีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการท่ีจัดโดยมาตรการ การดูแลผู้สูงอายุสําหรับผู้ท่ีดูแลผู้สูงอายุ ในบา้ นแหง่ น้ี จาํ นวน 4 คร้งั ผทู้ ีเ่ ขา้ อบรมมที ง้ั สน้ิ 60 คน จากสถานการณ์ในแต่ละประเทศที่กล่าวมาน้ัน สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาทางสังคมของผู้สูงอายุมีคล้ายๆ กัน กล่าวคือ ผู้สูงอายุที่ขาดการติดต่อกับสังคมและชุมชน เพราะอยู่คนเดียวไม่มีผู้ดูแล ไม่มีญาติ คู่ชีวิตเสียชีวิตไป หรือผู้สูงอายุที่อพยพย้ายถ่ินบ่อยๆ จะเกิดความเครียด รู้สึกโดดเด่ียว เหงา รู้สึกเบื่อหน่าย และรู้สึกว่าตนเองด้อยค่า จนทําให้เกิดเหตุการณ์การฆ่าตัวตายในกลุ่มผู้สูงอายุ กิจกรรมท่ีสนับสนุนทางสังคมจะนําไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนของ ผู้สูงอายุทั้งทางร่างกายและจิตใจ คือ การใช้เวลาพบปะพูดคุยกับผู้อ่ืนไม่ปล่อยให้ตนเองโดดเดี่ยวจนเกิดภาวะเครียด หรืออาการซึมเศร้า ในบางประเทศมีแนวทางให้ให้คนหนุ่มสาวทําหน้าท่ีแบ่งเบางานหนักและดูแลผู้สูงอายุ มีบริการทางสังคมและนโยบายต่างๆ มากมายเพื่อดูแลผู้สูงอายุทั้งจากภาครัฐและองค์กรท่ีไม่แสวงหาผลกําไร เช่น การจัดส่งอาหาร การมีส่ิงอํานวยความสะดวกให้ มีผู้ดูแลหรือพยาบาลคอยดูแลช่วงเวลากลางวัน มีบ้านพักที่ภาครัฐหรือเอกชนจัดเตรียมให้ จัดตั้งกองทุนและการดูแลเร่ืองโปรแกรมดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ พัฒนาส่งเสริมกิจกรรมสังคมสําหรับผู้สูงอายุ สร้างเครือข่ายสนับสนุนและการส่งเสริมสุขภาพ มีศูนย์กลางสังคม สําหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกิจกรรมในด้านสังคม มีโครงการกองทุนสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลและสิทธิการเช่าบ้านของ รัฐแก่ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอยู่ด้วยกัน มีการยกเว้นภาษีท้องถ่ินแก่ผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุ การพยายามลดบทบาทของรัฐ และส่งเสริมให้ครอบครัว องค์กร ภาคเอกชน และสังคมเข้ามามีบทบาทมากขึ้น (รัฐสนับสนุนงบประมาณเป็นหลัก ร่วมกับผรู้ บั บรกิ าร) มีการออกกฎหมายให้ภาคเอกชนจ้างพนักงานในตําแหน่งเดิมจนอายุ 65 ปี แต่มีการลดเงินเดือน ลงครึ่งหนึ่งเม่ืออายุ 60 ปี มีมาตรการที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุพึ่งตนเองมากข้ึน การดูแลด้านที่อยู่อาศัยและส่ิงอํานวย ความสะดวกต่างๆ แก่ผู้สูงอายุท่ียากจน มีบริการด้านสุขภาพ สุขอนามัย ความปลอดภัย และมีกิจกรรมนันทนาการ มีองค์กรปกปูองสิทธิของผู้สูงอายุ มีกิจกรรมที่ส่งเสริมการเห็นคุณค่าของตนเองในผู้สูงอายุ สิ่งที่น่าท้าทายและ เป็นปัญหาสําคัญในหลายๆ ประเทศ คือ งบประมาณท่ีจํากัด ความเหล่ือมลํ้าทางสังคม ความแตกต่างทางวรรณะ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 79
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. จึงทําใหส้ วัสดกิ ารสําหรบั ผู้สูงอายุน้ันขับเคลื่อนไปได้ยาก ในอนาคตบางประเทศจะมีการฝึกอบรมด้านทักษะที่จําเป็น ให้กบั ผสู้ งู อายุให้มที กั ษะเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานหรือในสังคม การให้ส่ิงจูงใจแก่นายจ้างในการจ้างผู้สูงอายุเข้า ทํางาน รวมถึงการกําหนดอัตราคา่ จ้างที่มคี วามยืดหยุน่ มากกว่ากําหนดตามวยั วฒุ ิ จากที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า สถานการณ์การจัดการเครือข่ายผู้สูงอายุในต่างประเทศ จํานวนผู้สูงอายุในโลกกําลังเพ่ิมสูงขึ้น ซ่ึงเป็นประเด็นทางสังคมและเศรษฐกิจท่ีแต่ละประเทศต้องมีแผนการรองรับ ซ่ึงในหลายประเทศให้ความสําคัญการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุ โดยมีการกําหนดนโยบายสวัสดิการสังคม เพื่อมาใช้ใน การดูแลสุขภาพและสังคมของผู้สูงอายุ จากบริบทของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันมีท้ังประเทศท่ีพัฒนาแล้ว และประเทศทกี่ ําลังพฒั นาทาํ ใหร้ ะบบการดูแลผู้สงู อายุในแต่ละประเทศมคี วามแตกต่างกนั ไป ในประเทศที่พัฒนาแล้ว กจ็ ะมีแผนและมาตรการ มีสวสั ดกิ ารทด่ี ี ใส่ใจตอ่ ผูส้ ูงอายุ เช่น ในประเทศสวีเดน ผู้สูงอายุสามารถเลือกได้ว่าจะให้มี คนมาดูแลที่บ้านหรือไปพักในท่ีภาครัฐหรือเอกชนจัดเตรียมให้ มีการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือหรือจัดสรรบ้านพักสําหรับ ผ้สู งู อายุพร้อมสง่ิ อาํ นวยสะดวกในบา้ นให้ แตใ่ นประเทศทีก่ าํ ลงั พัฒนาบางประเทศ รัฐบาลมีแค่แนวทางในการแนะนํา ให้วยั แรงงานหันมาดแู ลผสู้ งู อายุ แต่ไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากขาดงบประมาณการจัดการระบบ สขุ ภาพทีไ่ รป้ ระสิทธภิ าพ และปญั หาความเหลื่อมลํ้าทางสังคม เป็นตน้ ด้านเครือข่ายผู้สูงอายุในแต่ละประเทศมีรูปแบบการให้บริการผู้สูงอายุหลายรูปแบบ มีท้ังมาจาก การสนับสนุนจากรัฐบาล ภาคเอกชน องค์กรชุมชน องค์กรศาสนา และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ในบางประเทศท่ีมีงบประมาณท่ีเพียงพอ เครือข่ายจากภาครัฐก็จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือผู้สูงอายุโดย ช่วยเหลือในรูปแบบของการสงเคราะห์การให้สิทธิต่างๆ เอื้อประโยชน์แก่ผู้สู งอายุ ปัจจุบันในทุกประเทศ มุ่งความสําคัญไปทางด้านเครือข่ายความสัมพันธ์ทางสังคมและความสัมพันธ์ในครอบครัว มีการสร้างเครือข่ายใน ชุมชนและอาสาสมัครเข้ามาร่วมดูแลผู้สูงอายุ ส่งเสริมกิจกรรมสังคมสําหรับผู้สูงอายุ โดยในทุกประเทศ มีเปูาหมายให้ผสู้ ูงอายสุ ามารถดูแลตนเองได้มากทีส่ ุด 4.2 เครอื ข่ายสงั คมออนไลนข์ องผ้สู งู อายุ THE NEW YORK TIMES (2009) กล่าวถึง เครือข่ายสังคมออนไลน์สําหรับผู้สูงอายุท่ีระบุว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุท่ีมีอายุ 75 ปีข้ึนไป มักจะอาศัยอยู่คนเดียวและพวกเขาหันไปให้ความสนใจกับเครือข่ายสังคม ออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เช่น Facebook และ MySpace เพื่อการสนับสนุนและมิตรภาพ เครือข่ายสังคมออนไลน์ ให้ประโยชนค์ ลา้ ยกบั กลมุ่ เพือ่ นในโลกของความเป็นจรงิ มีการรวมกลุ่มและพดู คยุ ในเรื่องที่ชอบเหมอื นๆ กนั Joseph F. Coughlin ผู้บริหารของ the Age Lab at the Massachusetts Institute of Technology กล่าวว่า หนึ่งในความท้าทายที่ย่ิงใหญ่ท่ีสุดหรือความสูญเสียท่ีเราต้องเผชิญน่ันคือ เครือข่ายสังคมของเรามีสุขภาพ เส่ือมลงเมื่อสูงอายุข้ึนก็เร่ิมปุวย ทั้งตัวเราเอง คู่สมรส เพ่ือนก็เสียชีวิตจากไป อนาคตของวัยชราเป็นเร่ืองเกี่ยวกับ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 80
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. การเข้าพักในชุมชนบริเวณเดียวกัน และต้องมีเทคโนโลยี โดยมีวิธีท่ีจะสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายรูปแบบใหม่ ทําใหพ้ วกเขาได้พบเจอเพอื่ นใหม่และมคี วามรู้สกึ ถงึ เปูาหมายรว่ มกนั รูปแบบใหมด่ ว้ ย Masha Tarle (2013) กล่าวถึง เครือข่ายทางสังคมและกระดานสนทนาออนไลน์ท่ีสามารถมีส่วนร่วม ในการติดตอ่ กบั ทุกคนในทุกๆ ท่ี โดยไมค่ าํ นึงถึงอายแุ ละสุขภาพของผู้ใช้งาน โอกาสที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางสังคม เ ป็ น สิ่ ง สํ า คั ญ ม า กสํ า ห รั บ ผู้ สู ง อ า ยุ แ ล ะ เ มื่ อ ทํ า กั น อ ย่ า ง แ พ ร่ ห ล า ย จ ะ เ ป็ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ที่ สํ า คั ญ ข อ ง ผู้ สู ง อ า ยุ อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุจํานวนมากในยุโรปไม่ได้ใช้เวลาไปกับสื่อออนไลน์หรือถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวโดยใช้เครือข่าย ทางสังคมออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น ในสหราชอาณาจักรมีเพียงร้อยละ 33 ของผู้สูงอายุที่มีอายุ 75 ปีข้ึนไปที่เคยใช้ อินเทอร์เน็ต ในประเทศเดียวกัน Of com (ผู้กํากับดูแลอิสระในอุตสาหกรรมการส่ือสารของสหราชอาณาจักร) ประเมินว่าในขณะท่ีวัยรุ่นที่มีอายุ 16-24 ปี จํานวนร้อยละ 92 ได้สร้างโปรไฟล์บนเว็บไซต์สังคมออนไลน์ สว่ นผู้สงู อายทุ มี่ ีอายุต้งั แต่ 65 ปีข้ึนไป มเี พียงร้อยละ 25 ในสงั คมออนไลน์ท่ีสรา้ งโปรไฟล์ บนเวบ็ ไซต์เชน่ เดยี วกนั ดังนั้น เหตุใดจึงไม่มีผู้สูงอายุท่ีมีส่วนร่วมในเครือข่ายทางสังคม อาจเป็นเพียงเพราะทัศนคติและการรับรู้ว่า พวกเขาแก่เกินไปหรือเครือข่ายอาจจะมีความซับซ้อนเกินไป หรืออุปสรรค เช่น มีสุขภาพที่แย่ลง หรือทรัพยากรท่ีต้องใช้กับเครือข่ายมีไม่เพียงพอ ข้อสงสัยเหล่าน้ียากที่จะตอบและมีงานวิจัยอ่ืนๆ ท่ีต้องหาสาเหตุ ทีแ่ ท้จรงิ และวธิ กี ารขจัดอุปสรรคเหลา่ นีอ้ อกไป บทความนจ้ี ะจัดการความเป็นไปได้ที่ว่าส่ือสังคมออนไลน์และกระดาน สนทนาออนไลน์สามารถใช้ได้กับผู้สูงอายุและวิธีการที่พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมในเครือข่ายทางสังคม ประโยชน์อย่างหนึ่งของส่ือสังคมออนไลน์สําหรับผู้สูงอายุ คือ เพ่ือติดต่อกับเพ่ือนและครอบครัวและบุคคลอ่ืนท่ี เปน็ ท่ีนยิ ม ประโยชน์อกี อยา่ งหน่ึงก็คอื ว่าพวกเขาสามารถเข้าร่วมกลุ่มและพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเห็นกับคนอ่ืนๆ ทีส่ นใจในเรื่องเดยี วกันและมีงานอดิเรกเหมือนกัน ท่ีสําคัญพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนปัญหาของพวกเขากับคนอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่ต้องออกไปไหน สามารถทําได้จากที่บ้าน มีความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว Anja K. Leist สรุปออกมาได้ดีเก่ียวกับผลกระทบ disinhibiting ของสังคมออนไลน์ว่าในการเปิดเผยสิ่งท่ีเป็นทุกข์หรือสถานการณ์ ที่ทําให้อึดอัดการเปิดเผยตัวเองเป็นท่ีรับรู้ทําได้ง่ายข้ึนผ่านทางเทคโนโลยีหรือ ICT ง่ายกว่าการพบเจอกัน ส่ือสังคม ออนไลน์นั้นเมื่อใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้สูงอายุเป็นแนวคิดที่หมายถึงความรู้สึกในการ เชอ่ื มโยงสังคมโลก เพิม่ การควบคมุ และการรบั รปู้ ระสทิ ธภิ าพมคี วามสามารถของตนเอง เปน็ ที่น่าสนใจและชี้ให้เห็นว่า ประโยชน์ของการเสริมสร้างพลังอาํ นาจนน้ั ไม่จาํ กัดเพียงผู้สูงอายุเท่าน้ัน แต่ยังขยายไปท่ีอ่ืนอีกด้วย ท้ังที่เป็นการดูแล อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ในการตรวจสอบพื้นท่ีออนไลน์ของผู้ดูแลผู้สูงอายุ มีจํานวนข้อความที่โพสต์ ต่อสปั ดาห์ทเ่ี กย่ี วกับความรสู้ ึกเชิงลบ ความเครียด ความกดดันของผู้ดูแล และการปรับปรุงความเป็นอยู่ทั้งของผู้ดูแล ผ้สู งู อายุและผู้สงู อายมุ ีจํานวนลดลง ด้านภัยคุกคามหรืออันตรายจากสื่อสังคมออนไลน์นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ใช้งานท่ีเป็นเด็ก เยาวชน หรือวัยทํางาน เช่น การโจรกรรมข้อมูลเพื่อมาหลอกลวง อาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ สิ่งเหล่านี้สามารถปูองกันได้ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 81
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. โดยให้ผู้สูงอายุรู้จักวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย รู้จักการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนเครือข่ายสังคม ออนไลน์ เครือข่ายทางสังคมอาจมีบทบาทสําคัญในการทําให้ผู้สูงอายุสนุกสนานไปกับประโยชน์จากการเสริมสร้าง ศกั ยภาพจากโลกดิจิตอล เครือขา่ ยทางสังคมเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเติมเต็มความต้องการในการติดต่อสื่อสารทาง สังคมของผู้สูงอายุได้ แต่เป็นเครื่องมือท่ีเติมเต็มการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมรูปแบบต่างๆ และนิยมใช้กันมากขึ้น เพ่ือท่ีจะทําให้ผู้สูงอายุใช้เครือข่ายทางสังคมออนไลน์ติดต่อส่ือสารกับสมาชิกในครอบครัว ผู้ดูแล เพื่อนๆ คนในชุมชนท่ี สามารถดูแลช่วยเหลอื พวกเขาได้ Ilona Griniute (2014) กล่าวในเว็บไซต์ telecentre-europe ของประเทศเบลเย่ียมเกี่ยวกับแนวโน้ม ในอนาคตของสื่อสังคมและผู้สูงอายุ เป็นความจริงที่ว่าผู้สูงอายุมีแนวโน้มท่ีจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและ ชุมชนน้อยลง นอกจากน้ีความพิการทางร่างกายและปัญหาสุขภาพสามารถนําไปสู่การแยกตัวออกจากสังคม แต่การศึกษาล่าสุดยืนยันว่าสื่อทางสังคม (Social media) จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผู้สูงอายุ Pew Internet รายงานว่าตัวเลขของผู้ท่ีใช้ Social media ท่ีมีอายุต้ังแต่ 50 ปีขึ้นไปนั้น มีจํานวนเป็นสองเท่าของ ปีท่ีผา่ นมา เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม ได้แก่ Facebook, Twitter, LinkedIn, MySpace และอื่น ๆ ในขณะนี้ได้ กลายเป็นเคร่ืองมือสื่อสารสําหรับผู้สูงอายุ ตามที่เว็บไซต์ nydailynews.com เกือบ 2 ใน 3 ของผู้สูงอายุที่มีอายุ 50-64 ปีและร้อยละ 43 ของผู้ท่ีมีอายุ 65 ปีข้ึนไป ในขณะน้ีใช้งาน Facebook อยู่ พิสูจน์ได้ว่าผู้สูงอายุยังต้องการ ที่จะติดต่อกับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาที่มีอายุน้อยกว่าและติดตามชี วิตของพวกเขาในสังคมออนไลน์ งานวจิ ยั ลา่ สุดของ T.Nef et al. (2013) แสดงใหเ้ ห็นว่าผูท้ ี่มอี ายมุ ากกว่า 50 ปี เป็นกลุ่มผู้ใช้ Facebook ท่ีเติบโตเร็ว ที่สุด การลดลงของการแยกตัวออกจากสังคม ความโดดเด่ียว และความเข้มแข็งท่ีเก่ียวกับชีวิตครอบครัวของพวกเขา เป็นหน่ึงในแรงจูงใจที่สําคัญท่ีสุดสําหรับผู้สูงอายุท่ีจะไปใช้ส่ือสังคมออนไลน์ (Social Media) นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมในชุมชน การสร้างแวดวงสังคมรูปแบบใหม่ และการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ในสื่อออนไลน์ ทาํ ใหผ้ ู้สงู อายใุ ช้ Social Media มากข้นึ การเรียนรู้เรื่องที่อยู่อาศัยและการปรับปรุงเครือข่าย (LIN) มี 4 เหตุผลที่บอกว่าทําไมเราเห็นผู้สูงอายุในสื่อ สังคมออนไลน์ กล่าวคือ มีความจําเป็นท่ีจะต้องติดต่อกับคนท่ีเคยรู้จัก ติดต่อกับผู้ท่ีมีความเจ็บปุวยเหมือนกัน เช่น กลุ่มโรคเบาหวาน ใช้ติดต่อกับสมาชิกในครอบครัวท่ีอายุน้อยกว่า และใช้เล่นเกมเพ่ือความบันเทิง และมีอ่ืนๆ อีกมากมายในสื่อสังคมออนไลน์ ขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ seniornet.org ซึ่งเป็นเคร่ืองมือส่ือทางสังคมออนไลน์ท่ีจะช่วยให้ การวิจั ยเกี่ย ว กับ ผู้สู งอายุ แล ะการเรีย น รู้เก่ียว กับ หั วข้อท่ีพวกเขา สน ใจห รือเป็น งาน อดิเรกที่พว กเขาช อบ ทํา ซึ่งอาจจะเป็นวิธีท่ีจะได้รับคําตอบอย่างรวดเร็วด้วยการเข้าถึงและติดต่อกันบน Facebook หรือ Twitter Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 82
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. แทนการใช้โทรศัพท์ ส่ือทางสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือที่ยอดเย่ียมท่ีให้ความบันเทิงและสามารถดูวิ ดีโอ อา่ นหนงั สือออนไลน์ (e-book) ได้ หรือแม้แตจ่ ะเลน่ เกมส์กส็ ามารถทาํ ได้เช่นกนั อย่างไรกต็ าม ยงั คงมผี ้สู ูงอายหุ ลายคนทจี่ ะมีสว่ นร่วมในกิจกรรมทางสอ่ื สังคมออนไลน์ T.Nef et al. กล่าวถึง จํานวนการปูองกันปัญหาและอุปสรรคในกลุ่มผู้สูงอายุจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ความกังวลในความเป็นส่วนตัว และความไว้วางใจสูงสุดเป็นอุปสรรคที่สําคัญ ปัญหาทางเทคนิค เช่น การขาดทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และความรู้ เก่ียวกับเว็บไซต์ ผู้สูงอายุยังรู้สึกกลัวของเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมเมื่อมีการใช้ส่ือสังคมออนไลน์ (Social Media) อกี ส่งิ หน่งึ ที่สําคญั พบว่าผใู้ ช้ท่เี ปน็ ผ้สู งู อายุพบว่ามันยากทจี่ ะเข้าใจและเข้าใจวัตถุประสงค์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ดังนั้น อะไรท่ีสามารถทําได้ในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมออนไลน์ในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ดูแลผู้สูงอายุอาจมี บทบาทสําคัญในการให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุด้วยการแบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขาเองเกี่ยวกับ social media มีการสนทนากับผู้ดูแลของพวกเขาเก่ียวกับเว็บไซต์และเนื้อหาท่ีออกมาสามารถเพิ่มความไว้วางใจและส่งเสริมให้ ผู้สูงอายุใช้ social media เห็นได้ชัดว่ามีประโยชน์มากมายในการใช้ social media และเคร่ืองมือ บางทีผู้สูงอายุ อาจจะแค่ตอ้ งการความใสใ่ จ ความตระหนักจากคนรอบข้าง University of Exeter (2014) กล่าวถึง การฝึกอบรมผู้สูงอายุในการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพ่ือพัฒนาความ เป็นอยู่ ที่ดีขึ้นและต่อสู้กับความโดดเด่ียวของผู้สูงอายุ โดย Dr.Thomas Morton จาก University of Exeter เป็นผู้นําโครงการ ในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคมและมีแนวโน้มชอบพบปะติดต่อกับผู้อ่ืน ซ่ึงการมีสัมพันธภาพกับสังคมสําคัญต่อการเชื่อมโยงสุขภาพทางกายและใจ คือ ถ้าผู้สูงอายุพบปะกับผู้อ่ืน มีความสัมพันธ์กับสังคมภายนอกจะทําให้สุขภาพจิตดี ส่งผลให้สุขภาพร่างกายดีไปด้วย แต่ผู้สูงอายุที่แยกตัวออกมา จากสังคม รักสันโดษจะมีความเส่ียงที่จะทําให้ร่างกายอ่อนแอ มีโรคภัยไข้เจ็บ ร่างกายทรุดโทรมได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้วิธีท่ีจะสนับสนุนการเช่ือมโยงทางสังคมของผู้คนเป็นเปูาหมายท่ีสําคัญมาก การศึกษาคร้ังน้ี แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเป็นเคร่ืองมือท่ีมีประโยชน์ ทําให้สามารถเช่ือมโยง มนุษย์กับสังคมและสนับสนุนผู้สูงอายุ ในชุมชนให้ใช้เทคโนโลยอี ยา่ งมปี ระสิทธิภาพและมปี ระโยชนส์ ูงสุด เพื่อสขุ ภาพและคุณภาพชวี ิตที่ดีของผูส้ งู อายุ จากท่ีกล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ให้ประโยชน์คล้ายกับกลุ่มเพื่อนในโลกของ ความเปน็ จริงของผ้สู ูงอายุ ทําให้พวกเขาได้พบเจอเพื่อนใหม่ ติดตอ่ กบั เพือ่ นเก่า ครอบครัว เกิดความรู้สึกถึงเปูาหมาย ร่วมกันผ่านทางปฏิสัมพันธ์รูปแบบใหม่ เช่น Facebook Twitter LinkedIn และ MySpace เป็นต้น พวกเขา สามารถเข้ารว่ มกลมุ่ และพูดคุยแลกเปล่ียนความคิดเหน็ กับคนอนื่ ๆ ทีส่ นใจในเรื่องเดียวกันและมีงานอดิเรกเหมือนกัน ท่ีสําคัญพวกเขาสามารถแลกเปล่ียนปัญหาของพวกเขากับคนอื่นๆ โดยที่พวกเขาสามารถทําได้จากท่ีบ้าน มคี วามสะดวกสบายและความเปน็ ส่วนตัว โดยไม่คํานึงถึงอายุและสุขภาพของผู้ใช้งาน เห็นได้ว่าส่ือสังคมออนไลน์นั้น เม่ือใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้สูงอายุ เพิ่มการควบคุมและการรับรู้ประสิทธิภาพใน ความสามารถของตนเอง สามารถรักษาความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้สูงอายุ การมีสัมพันธภาพกับสังคมสําคัญ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 83
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ต่อการเชื่อมโยงสุขภาพทางกายและใจ เนื่องจาก เม่ือผู้สูงอายุพบปะกับผู้อ่ืน มีความสัมพันธ์กับสังคมภายนอกจะทํา ให้สุขภาพจิตดีส่งผลให้สุขภาพร่างกายดีไปด้วย ก่อนหน้านี้ ในยุคท่ียังไม่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยี หรือประมาณ 5-10 ปีท่ีแล้ว ผู้สูงอายุมีแนวโน้มท่ีจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและชุมชนน้อยลง ประกอบกับ ความพิการทางร่างกายและปัญหาสุขภาพที่เกิดข้ึน ทําให้ผู้สูงอายุมักจะแยกตัวออกจากสังคม แต่ในสังคมทุกวันน้ี เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่มีความสําคัญและมีประโยชน์มาก สามารถเชื่อมโยงผู้คนกับสังคมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุ ในชมุ ชนใช้เทคโนโลยีอย่างมปี ระสิทธภิ าพเกิดประโยชน์สูงสุด เพอ่ื สุขภาพที่ดแี ละคณุ ภาพชีวิตทีด่ ีข้นึ ของผูส้ ูงอายุ 5. งานวิจยั ทเี่ ก่ียวข้อง 5.1 งานวจิ ยั เก่ยี วกบั การจัดการ/การจดั การเครือขา่ ย 1. พัชรีสิโรรส (2541) ศึกษาเร่ือง “เครือข่ายและกระบวนการนโยบายด้านอุบัติภัยจราจร” พบสาเหตุความล้มเหลวในการจัดการปูองกันอุบัติภัยจราจรของไทยเนื่องมาจากการขาดค่านิยมร่วมที่ทุกฝุาย เห็นพ้องต้องกัน (Value Consensus) ของหน่วยงานต่างๆ ท้ังภาครัฐและเอกชนท่ีเกี่ยวของกับนโยบายว่าอุบัติภัย เป็นปัญหาร้ายแรงต้องแก้ไขเร่งด่วน ตลอดจนในหมู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียถึงความร้ายแรงของอุบัติภัยจราจร การขาดความเช่อื มโยงระหว่างหนว่ ยงานผปู้ ฏบิ ตั ทิ าํ ให้ขาดการประสานในการทํางานร่วมกัน สถานภาพและศักยภาพ ของหน่วยงานประสาน (Meso-Level Institutions) ท่ีมีปัญหาด้านอํานาจหน้าที่และเครื่องมือนโยบายการขาด การสนับสนุนจากภาครัฐและฝุายการเมืองอย่างจริงจัง บทบาทท่ีจํากัดของภาคสังคมในการผลักดันให้มีการปูองกัน หรือลดอุบัติภัยจราจร และการขาดผู้นําที่เข้มแข็งทั้งจากภาครัฐและภาคสังคมท่ีจะผลักดันให้เครือข่ายนโยบาย ขยายตัวจากงานวิจัยเก่ียวกับการจัดการเครือข่ายแสดงให้เห็นถึงขอบเขตการศึกษาการจัดการเครือข่ายภาครัฐ โดยการศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาการจัดการเครือข่ายภาครัฐในมิติของเครือข่ายในการจัดการระหว่างองค์การ (intergovernmental management) โดยมีประเด็นท่ีจะศึกษาในเบื้องต้นตามงานวิจัยของ Robert Agranoff และ Michael McGuire (2545) คือ (1) ธรรมชาติภาระงานของการจัดการเครือข่าย (2) กระบวนการกลุ่มใน การประสานความร่วมมือ (3) ความยืดหยุ่นของเครือข่าย (4) ความรับผิดขอบของตัวแทนในเครือข่าย (5) ปจั จัยท่ีส่งเสรมิ ความเข้มแข็งของเครือข่าย (6) พลงั เครือข่ายท่ีส่งผลต่อการแก้ไขปัญหากลุ่ม และ (7) ผลลัพธ์ของ การจัดการเครือข่ายนอกจากนี้ประเด็นท่ีสําคัญสําหรับการจัดการในรูปแบบเครือข่าย คือ ค่านิยมที่เห็นพ้องต้องกัน (value consensus) หรือความสอดคล้องของเปูาหมายและคุณค่าสาธารณะ (public value) ซ่ึงจะทําให้เครือข่าย แตกตา่ งการบรหิ ารงานในรูปแบบอื่นๆ ที่เพียงแค่การประสานความร่วมมือตามบทบาทหน้าที่ขององค์การหรือกลุ่มที่ เปน็ สมาชิกอยูเ่ พยี งเท่านัน้ 2. ชนิดาภา ศรีหนู (2554) ศึกษา “การจัดการเครือข่ายครัวเรือนเศรษฐกิจพอเพียงตําบลขอนหาด อําเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช” มีวัตถุประสงค์เพ่ือ1) ศึกษาบริบทชุมชนและบริบทเครือข่ายครัวเรือน Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 84
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. เศรษฐกิจพอเพียง 2) ศึกษาการจัดการเครือข่ายครัวเรือนเศรษฐกิจพอเพียง 3) ศึกษาการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง ของเครือข่ายครัวเรือน โดยดําเนินการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ศึกษาประกอบด้วยอาจารย์ ครัวเรือน สมาชิกเครือข่าย ผู้นํา และภาคี จํานวน 141 คน โดยใช้การศึกษาแบบมีส่วนร่วม เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสังเกต ใช้การสัมภาษณ์ จัดกลุ่มสนทนา จัดเวทีชุมชนท้ังแบบทางการและไม่เป็นทางการใช้การวิเคราะห์แบบอุปนัย เพ่ือนําไปพัฒนาชุมชน ระดบั ครัวเรอื นไปสกู่ ารพ่ึงตนเองตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ผลการศึกษาสรุปไดว้ ่า บรบิ ทชุมชนตําบลขอนหาด มีสภาพทางกายภาพและชีวภาพ เป็นท่ีราบอุดมสมบูรณ์ เหมาะสมกับการทําเกษตรทํานา ทําสวน มีการพัฒนาทางด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ มีวัฒนธรรมประเพณีท่ีผ่านการปฏิบัติสืบต่อกันมากลายเป็นทุนทางสังคมสามารถสร้างสรรค์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นชุดความรู้และสรุปเป็นบทเรียนนํามาใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชน ส่วนในด้านบริบทเครือข่าย พบว่า เป็นการจัดความสัมพนธ์ของชุมชนในระบบเครือข่ายของเครือญาติ มีความสามัคคี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สร้างความสัมพนธ์ระดับครัวเรือนและชุมชน มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนภายใต้บริบทเครือข่ายตาม แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเน่ืองจนถึงปัจจุบัน ส่วนในด้านการจัดการ เครือข่ายพบว่า ครัวเรือนเศรษฐกิจพอเพียงมีการจัดการสองด้าน คือการพัฒนาการเรียนรู้การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสรมิ ให้ชุมชนและเครอื ข่ายพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องในด้านระบบเศรษฐกิจพอเพียงของเครือข่ายครัวเรือน ชุมชนให้ ความสําคัญต่อการพึ่งตนเอง และการประกอบอาชีพภายใต้ความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันคู่กับเง่ือนไข ความรู้ คุณธรรม การสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้แก่คนในชุมชน พัฒนาศักยภาพต้ังแต่ระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน โดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งในการดําเนินชีวติ 3. พระดาวเหนือ บุตรสีทา (2557) ศึกษาเรื่อง “การสร้างเครือข่ายและการจัดการเครือข่ายการเผยแผ่ พระพุทธศาสนาของชุมชนบ้านพบธรรมนําสุขอําเภอทุ่งเสลี่ยมจังหวัดสุโขทัย” มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารูปแบบ เครือข่ายทางสังคมในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของชุมชนบ้านพบธรรมนําสุข 2) ศึกษาขั้นตอนในการสร้างเครือข่าย ทางสังคมในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของชุมชนบ้านพบธรรมนําสุข 3) ศึกษาการจัดการเครือข่ายทางสังคมในการ เผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาของชมุ ชนบา้ นพบธรรมนําสขุ 4) ศึกษาปัญหาอปุ สรรคและข้อเสนอแนะในจัดการเครือข่ายเผย แผ่พระพุทธศาสนาของชุมชนบ้านพบธรรมนําสุข เป็นการศึกษาเฉพาะกรณีโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงคุณภาพเป็น หลกั ใช้การสมั ภาษณ์แบบเจาะลกึ กับผใู้ หข้ ้อมลู ท่ีสาํ คัญ15ราย ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบเครือข่ายของชุมชนบ้านพบธรรมนําสุข มี 2 รูปแบบ คือ 1) เครือข่ายระดับ ชุมชน/เครือข่ายเชิงพื้นท่ีและเครือข่ายระดับบุคคลโดยมีการรวมกลุ่มกันของบุคคล กลุ่มบุคคลท่ีมีความสนใจ มาทํากจิ กรรมรว่ มกันอย่างต่อเน่อื ง มเี ปูาหมายเพื่อเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนารว่ มกันและเสริมสร้างความรักความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในชุมชนสําหรับข้ันตอนการสร้าง/ก่อรูปเครือข่ายน้ัน 5 ข้ันตอน ดังน้ี 1) ตระหนักถึงปัญหาและสํานึก Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 85
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. การรวมตัวเป็นเครือข่าย 2) มีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกัน 3) สร้างความไว้วางใจ 4) การแสวงหาแกนนําท่ีดี 5) การสร้าง แนวร่วมสมาชกิ เครอื ข่าย แนวทางการจัดการเครือข่ายมีการจัดการใน 2 ขั้นตอน คือ 1) การสร้างความเป็นองค์การเครือข่ายและการ ทําให้เกิดความมั่นคง ประกอบด้วย (1) จัดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในเครือข่าย (2) สร้างความรู้สึกร่วมใน การทํางาน ร่วมกัน (3) จัดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน (4) จัดระบบข้อมูลข่าวสารในการติดต่อข่าวสารและขั้นตอนที่ 2) การรักษาความต่อเนื่องของการเป็นองค์การเครือข่าย ประกอบด้วย (1) มีการดําเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง (2) สร้างความเสมอภาคและเท่าเทียม (3) รักษาสัมพันธภาพท่ีดีระหว่างกัน (4) การให้ความช่วยเหลือกันระหว่าง เพ่ือนสมาชิกปัญหาและอุปสรรคสําคัญในการจัดการเครือข่าย ประกอบด้วยการขาดแคลนบุคลากรในการทํางาน ส่ิงปลูกสร้างท่ีใช้ในการฝึกอบรมไม่มีความม่ันคงงบประมาณในการสนับสนุนไม่เพียงพอ ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ของหน่วยงานภาครัฐและนํา้ ทว่ มสถานทจี่ ดั กิจกรรม 4. พิตรพิบูล ไชยเมือง และคณะ (2557) ศึกษาวิจัยเรื่อง “รูปแบบการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคม ท่ีมีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริหารจัดการในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จังหวัดหนองบัวลําภู ” การวิจัยนี้มี วัตถุประสงค์เพ่ือ 1) ศึกษาปัจจัยการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคมในการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการ 2) ศึกษาองค์ประกอบปัจจัยการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริหารจัดการ และ 3) พัฒนารูปแบบการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริหารจัดการใน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จังหวัดหนองบัวลําภู ใช้วิธีการศึกษาแบบผสม (Mixed Methods) แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการของเครือข่าย และการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคม กลุ่มเปูาหมาย ประกอบด้วย ผู้นําชุมชน ประธานหรือผู้แทน จํานวน 15 กลุ่มองค์กรด้วยแบบสัมภาษณ์เชิงลึก ประเด็นการสนทนากลุ่ม และแบบสังเกตแบบมีส่วนร่วม นําเสนอผลการวิเคราะห์แบบการพรรณนาวิเคราะห์ ระยะที่ 2เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคม กลุ่มตัวอย่าง จํานวน 530 กลุ่มองค์กรด้วยเคร่ืองมือแบบสอบถาม และระยะท่ี 3 เป็นการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างเครือข่าย ทางสังคม โดยการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติการวิเคราะห์ปัจจัย (EFA) การวิเคราะห์องค์ประกอบยืนยัน CFA) และ สมการโครงสรา้ ง (SEM) นําเสนอผลการวิเคราะห์ในรูปแบบสถิติพรรณนา และสถิติอนุมาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยในกระบวนการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคมในการพัฒนาคุณภาพการบริหาร จัดการในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ประกอบด้วยปัจจัยทุนทางสังคม( = 3.42, S.D. = 0.65) ปัจจัยเครือข่ายทาง สังคม ( = 3.30, S.D. = 0.83)ปัจจัยกระบวนการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคม ( = 3.18, S.D. = 0.71) ปัจจัยคุณภาพการบริหารจัดการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ( = 3.15, S.D. = 0.77) และปัจจัยการมีส่วนร่วม ( = 3.02, S.D. = 0.84) ซ่ึงแปลผลโดยภาพรวมได้ในระดับปานกลาง2) องค์ประกอบปัจจัยการเสริมสร้างเครือข่าย ทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริหารจัดการ มี 7 ปัจจัย ได้แก่ (1) เครือข่ายทางสังคม (2) ทุนทางสังคม (3) Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 86
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. กระบวนการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคม (4) การมีส่วนร่วมในการดําเนินการ (5) การมีส่วนร่วมในการบริหาร (6) กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และ (7) คุณภาพการบริหารจัดการในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ซึ่งอธิบายความแปรปรวนสะสม ได้ร้อยละ 65.1 3) คุณภาพการบริหารจัดการได้รับอิทธิพลทางตรงจากปัจจัยการมี ส่วนร่วมในการดําเนินการ( = 0.56) และปัจจัยกระบวนการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ( = 0.56) ในขณะเดียวกัน ยังได้รับอิทธิพลทางอ้อมจากปัจจัยทุนทางสังคมและปัจจัยเครือข่ายทางสังคม อย่างมีนัยสําคัญ ทางสถิติท่ีระดับ .01 และสามารถพยากรณ์คุณภาพการบรหิ ารจัดการไดร้ อ้ ยละ 46.5 จากที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปได้ว่า งานวิจัยเก่ียวกับการจัดการเครือข่ายกล่ าวถึงสาเหตุ ความล้มเหลวดําเนินการเนื่องมาจาก การขาดค่านิยมร่วมที่ทุกฝุายเห็นพ้องต้องกัน (Value Consensus) ของหน่วยงานต่างๆ ท้ังภาครัฐและเอกชนขาดความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานผู้ปฏิบัติทําให้ขาดการประสานในการ ทาํ งานร่วมกนั ปัญหาดา้ นอํานาจหนา้ ท่ีและเครอ่ื งมอื นโยบายการขาดการสนบั สนุนจากภาครฐั และฝุายการเมืองอย่าง จรงิ จงั บทบาททจ่ี าํ กัดของภาคสังคมและการขาดผู้นําท่ีเข้มแข็งทั้งจากภาครัฐและภาคสังคมท่ีจะผลักดันให้เครือข่าย นโยบายขยายตัว(จากงานศึกษาวิจัยของพัชรีสิโรรส, 2541 ศึกษาเร่ือง “เครือข่ายและกระบวนการนโยบายด้าน อุบัติภัยจราจร”)สอดคล้องกับงานวิจัยของพระดาวเหนือ บุตรสีทา(2557) ศึกษาเร่ือง “การสร้างเครือข่ายและการ จัดการเครือข่ายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของชุมชนบ้านพบธรรมนําสุขอําเภอทุ่งเสล่ียมจังหวัดสุโขทัย ”) พบวา่ ปญั หาในการบรหิ ารจัดการเครือขา่ ย สว่ นใหญ่มาจากการขาดแคลนบุคลากรในการทํางาน สิ่งปลูกสร้างท่ีใช้ใน การฝึกอบรมไม่มีความมั่นคงงบประมาณในการสนับสนุนไม่เพียงพอปัญหาการทุจริตคอรัปช่ันของหน่วยงานภาครัฐ และนํ้าทว่ มสถานท่จี ดั กจิ กรรม อย่างไรก็ตามการจัดการเครือข่ายท่ีมีความเข้มแข็ง ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่องจนถึง ปัจจุบัน มักจะเป็นเครือข่ายท่ีมีลักษณะแบบความสัมพันธ์แบบเครือญาติ มีความสามัคคี ช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน (จากงานศึกษาวิจัยของชนิดาภา ศรีหนู (2554) ศึกษา “การจัดการเครือข่ายครัวเรือนเศรษฐกิจพอเพียง ตําบลขอนหาด อําเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช”) มีขั้นตอนการจัดการเครือข่าย(พระดาวเหนือ บุตรสีทา (2557) ศกึ ษาเรือ่ ง “การสร้างเครือข่ายและการจัดการเครอื ข่ายการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของชุมชนบ้านพบธรรมนํา สุขอําเภอทุ่งเสล่ียมจังหวัดสุโขทัย”) ออกเป็น 2 ข้ันตอน คือ 1) การสร้างความเป็นองค์การเครือข่ายและการทําให้ เกิดความม่ันคง ประกอบด้วย (1) จัดบทบาทหน้าที่ของสมาชิกในเครือข่าย (2) สร้างความรู้สึกร่วมในการทํางาน ร่วมกัน (3) จัดกระบวนการเรยี นรรู้ ่วมกัน (4) จัดระบบข้อมูลข่าวสารในการติดต่อข่าวสารและข้ันตอนท่ี 2) การรักษา ความตอ่ เน่ืองของการเป็นองคก์ ารเครอื ข่าย ประกอบด้วย (1) มกี ารดําเนนิ กิจกรรมอย่างต่อเน่ือง (2) สร้างความเสมอ ภาคและเท่าเทียม (3) รักษาสัมพันธภาพท่ีดีระหว่างกัน (4)การให้ความช่วยเหลือกันระหว่างเพื่อนสมาชิก องค์ประกอบปัจจัยการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคมท่ีมีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริหารจัดการ (จากงานการวิจัยของ พิตรพิบูล ไชยเมือง และคณะ(2557) ศึกษาวิจัยเร่ือง “รูปแบบการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 87
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. คุณภาพการบริหารจัดการในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จังหวัดหนองบัวลําภู” มี 7 ปัจจัย ได้แก่ (1) เครือข่ายทาง สังคม (2) ทุนทางสังคม (3) กระบวนการเสริมสร้างเครือข่ายทางสังคม (4) การมีส่วนร่วมในการดําเนินการ (5) การมีส่วนร่วมในการบริหาร (6) กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และ (7) คุณภาพการบริหารจัดการ ในองคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น 5.2 งานวจิ ัยเก่ียวกับเครอื ขา่ ยผู้สูงอายุ 1. ปรียานุช จันทิมา (2555) ศึกษาวิจัยเรื่อง “พัฒนาการของเครือข่ายผู้สูงอายุในการดูแลสุขภาพตนเอง : กรณีศึกษาชุมชนเขตเทศบาลเมืองอํานาจเจริญ” วัตถุประสงค์เพ่ือ1) ศึกษาพัฒนาการในการดูแลสุขภาพตนเองของ ผู้สูงอายุในเขตเทศบาลเมืองอํานาจเจริญต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 2) สังเคราะห์การพัฒนาการของเครือข่ายและ ผลกระทบต่อการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุ 3) วิเคราะห์เงื่อนไขเชิงบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และวฒั นธรรมของทอ้ งถน่ิ ที่มตี ่อการพัฒนาการของเครือข่ายผู้สูงอายุและผลกระทบของเครือข่ายต่อการดูแลสุขภาพ ตนเองของผสู้ ูงอายุในเขตเทศบาลเมืองอํานาจเจริญ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้สูงอายุ จํานวน 44 คน เจ้าหน้าท่ีสาธารณสุข 2 คน พัฒนาชมุ ชน จํานวน 1 คน อสม.7 คน และผู้นาํ ชุมชน จาํ นวน 9 คน ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ พ้ืนที่ที่ศึกษา คือ ชุมชน แห่งหน่งึ ในเขตเมอื งเทศบาลเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอํานาจเจริญ ใชร้ ะยะเวลาดาํ เนนิ การวิจยั 12 เดอื น 1) ด้านพัฒนาการในการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุในเขตเทศบาลเมืองอํานาจเจริญตั้งแต่อดีตจน ถงึ ปัจจบุ ันน้ัน อดีตทผ่ี า่ นมาผสู้ งู อายมุ ีวิธีการดูแลสขุ ภาพตนเองหลายวิธี เช่น ระบบการดูแลสุขภาพในครอบครัวและ ชุมชน ระบบการแพทย์ปัจจุบัน และระบบการแพทย์พื้นบ้าน ระบบการดูแลสุขภาพดังกล่าวเกิดขึ้นจากวัฒนธรรม ท้องถิ่น เมื่อเจ็บปุวยก็มีการรักษาตนเองด้วยวิธีท่ีได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษประสบการณ์ตามวิถีชีวิตและ วัฒนธรรม เมอื่ สถานการณท์ างเศรษฐกจิ สังคมและวัฒนธรรมเปลย่ี นแปลงไปเช่นในปัจจบุ ันทาํ ให้ระบบการแพทย์แผน ปจั จุบนั เปน็ ทางเลือกในการรักษาความเจ็บปวุ ยของผสู้ ูงอายุส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามระบบการแพทย์พ้ืนบ้านก็ยังคงติด อยู่กับครอบครวั และเครอื ญาตทิ ่มี ีกระบวนการดูแลตนเองดว้ ยแบบแผนปฏิบตั เิ ฉพาะตัว 2) ด้านพัฒนาการของเครือขา่ ยทีม่ ผี ลกระทบต่อการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุ พบว่า ผู้สูงอายุได้ใช้ เครือข่ายผสู้ ูงอายุเปน็ ชอ่ งทางหน่ึงในการสื่อสารทไี่ ด้ผลดีตอ่ การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ เครือข่ายผู้สูงอายุมีกิจกรรม ทางสุขภาพร่วมกัน คนในชุมชนและหน่วยงานต่างๆ เห็นความสําคัญ ให้การสนับสนุน ส่งเสริม เป็นเครือข่าย ที่เข้มแข็ง มีกิจกรรมต่อเน่ือง สอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรมท้องถิ่น และพบว่ามีผลกระทบในทางบวกต่อสุขภาพ ของผสู้ ูงอายุ 3 ) ด้านเง่ือนไขเชิงบริบททางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของท้องถ่ินที่มีต่อพัฒนาการของเครือข่าย ผู้สูงอายุและผลกระทบของเครือข่ายต่อการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุนั้น พบว่าเครือข่ายเป็นหัวใจของ การพัฒนาการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุ ช่วยให้ผู้สูงอายุมีมุมมองสุขภาพแบบใหม่ ไม่มองเฉพาะการเจ็บปุวย Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 88
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. เท่านั้นแต่มองสุขภาพให้ครอบคลุมทุกประเด็นท่ีเกี่ยวข้องในทุกมิติตามวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอย่างรอบด้าน ท่ีทําให้เกิดการเชื่อมประสานกันเป็นเครือข่าย ครอบครัว ชุมชน ท่ีเก่ียวข้องสัมพันธ์กันกับองค์กรต่างๆ ท่ีเป็นบริบทของชุมชน ภาวะเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม หน่วยงานต่างๆ ท้ังทางตรงและทางอ้อม ซ่ึงล้วนแตม่ ีผลกระทบตอ่ สขุ ภาพผู้สูงอายทุ ้งั สิ้น 2. อัจฉรา พุฒิมา (2555) ศึกษาเร่ือง “การจัดการเครือข่ายผู้สูงอายและผู้พิการ กรณีศึกษาเทศบาลเมือง เมืองแกนพฒั นา อําเภอแมแ่ ตง จงั หวดเชยี งใหม่”มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการจัดการและปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแสดง ต่างๆ ในเครอื ขา่ ยผู้สงู อายแุ ละผู้พกิ ารของเทศบาลเมอื งเมอื งแกนพัฒนาและเพ่ือศึกษาถึงตัวแบบการจัดการเครือข่าย ผู้สูงอายและผู้พิการของเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนาโดยงานวิจัยช้ินนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพใช้วิธีการศึกษาแบบ กรณีศึกษา ผลการศกึ ษาพบว่ามอี งค์ประกอบหลกั ของเครอื ขา่ ยการจัดการเครือข่ายและปฏิสัมพันธ์ สามารถอธิบายผ่าน องค์ประกอบ 7 ประการ (1) ผู้จัดการเครือข่ายหลัก คือเทศบาล ผู้นําทางการเมืองท้องถิ่น และผู้นําชุมชน (2) เน้นการทํางานร่วมกันกับเครือข่ายและ (3) เพ่ือให้เกิดความคล่องตัว (4) ความรับผิดชอบของหน่วยงานใน เครอื ข่ายมากกว่าหน่ึงหน้าที่ (5) ปัจจัยส่งเสริมความเข้มแข็งที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นท่ีได้แก่ การเข้าไปมีส่วนร่วมใน ระดับบริหารของเทศบาล (6) การได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและความเข้มแข็งของชุมชนซ่ึงทําให้ (7) รปู แบบการบรหิ ารจัดการเครือขา่ ยแตกต่างกนั ไปตามแตล่ ะพ้ืนทโ่ี ดยไดต้ วั แบบการจดั การเครือข่ายที่ชื่อว่าตัวแบบ เครือข่าย 7 เหล่ียม (Heptagon network model) ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยช้ินน้ี คือ (1) ควรเพ่ิมกลไกการมีส่วน ร่วมเพ่ือให้เครือข่ายมีความเข้มแข็งมากย่ิงขึ้นและ (2) ควรเน้นกระบวนการสร้างค่านิยมสาธารณะ (Public Value) ของกจิ กรรมในเครือขา่ ยเพอ่ื ใหเ้ ครือข่ายในแต่ละพนื้ ทีส่ ามารถรว่ มกันทํางานเปน็ เครอื ข่ายเดยี วกนั ได้ 3. ฉันทนา พานทอง (2555) ศึกษาวิจัยเร่ือง “พัฒนาการและการจัดการเครือข่ายผู้สูงอายุและเครือข่าย ผพู้ กิ ารกรณศี ึกษาเทศบาลตาํ บลหนองตองพัฒนา อําเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่”มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนาการ ของเครือข่ายผู้สูงอายุและเครือข่ายผู้พิการของเขตเทศบาลตําบลหนองตองพัฒนาและเพ่ือสร้างตัวแบบการจัดการ เครือข่ายผู้สูงอายุและเครือข่ายผู้พิการของเขตเทศบาลตําบลหนองตองพัฒนา โดยงานวิจัยช้ินนี้เป็นงานวิจัย เชิงคุณภาพใช้วิธกี ารศกึ ษาแบบกรณศี ึกษาผลการศึกษาพบวา่ รปู แบบของเครอื ข่ายมี 2 รูปแบบ คือ เครือข่ายผู้สูงอายุ และเครือข่ายผู้พิการ ทั้งน้ีพัฒนาการของเครือข่ายผู้สูงอายุแบ่งได้ 4 ยุค ตามระยะเวลาและลักษณะการจัดการ เครอื ข่าย ในขณะทเี่ ครือขา่ ยผพู้ กิ ารเกิดในยุคท2ี่ ของเครือข่ายผู้สูงอายุ ลักษณะของการจัดการเครือข่ายแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ (1) การดําเนินโครงการหรือการจัดกิจกรรมโดยมีเทศบาลตําบลหนองตองพัฒนาเป็นองค์กรหลัก (2) การดําเนินโครงการหรือการจัดกิจกรรมโดยมีองค์กรอื่นๆเป็นองค์กรหลัก (3) การดําเนินโครงการหรือ การจัดกิจกรรมโดยมีชมรมเป็นองค์กรหลัก ซึ่งสามารถสรุปเป็นตัวแบบเครือข่ายได้ 2 ตัวแบบ คือ เครือข่ายที่มีผู้นํา เป็นหลักของเครือข่าย (Leadership-Base Network)และเครือข่ายพันธะแห่งดวงดาว (Star Alliances Model) Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 89
Strategies for Elderly Network Strengthen of Ministry of Social Development and Human Security. ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยช้ินน้ีคือ (1) ควรเพ่ิมกระบวนการในการสร้างค่านิยมในการพึ่งตนเองและสร้างค่านิยมถึง การเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชนให้มากข้ึน และ(2) รัฐบาลควรให้การสนับสนุนและสร้างกลไกการสนับสนุน ใหอ้ งค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นในการดําเนินการร่วมกนั กับเครือข่าย 4. มาศวรี สังขเรียง (2552) ศึกษาวิจัยเร่ือง “เครือข่ายความสัมพันธ์ทางสังคมท่ีส่งผลต่อสภาพจิตใจของ ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุโพธิ์ทอง ตําบลมะลวน อําเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี” ซึ่งเปนการวิจัยเชิงคุณภาพ มวี ัตถปุ ระสงค์ เพ่ือศกึ ษาเครือขายความสัมพันธทางสงั คมท่สี งผลตอสภาพจิตใจของผูสูงอายุในชมรมผูสูงอายุโพธ์ิทอง ตาํ บลมะลวน อาํ เภอพุนพนิ จงั หวัดสรุ าษฎรธานกี ลุมตวั อยางคัดเลือกแบบเจาะจง เปนผูสงู อายุชมรมผูสงู อายุโพธ์ิทอง จํานวน 20 คน แบงเปน ผูสูงอายุท่ีมีเครือขายความสัมพันธทางสังคมมากจํานวน 14 คนและผูสูงอายุที่มีเครือขาย ความสมั พนั ธทางสังคมนอย จํานวน 6 คน ผูวิจัยเก็บรวบรวมขอมูลโดยการสัมภาษณการสังเกตแบบมีสวนรวมและไม มสี วนรวม และดําเนินกิจกรรม เพอ่ื สรางความสัมพันธทางสงั คมใหแกผูสงู อายุ ผลการวิจัยพบว่าผูสูงอายุท่ีมีเครือขายความสัมพันธทางสังคมมากจํานวน14 คน มีความสัมพันธกับญาติ พ่ีนอง บุตร หลาน มีการพบปะติดตอกันตามโอกาส ความสัมพันธกับเพื่อนบานมีการพึ่งพาอาศัยซ่ึงกันและกัน มีการเข าร วมกิจกรรมต างๆกับชุมชนอย างสม่ําเสมอทําให ผู สูงอายุมีจิตใจดีมีความสุขและใช ชีวิตอย างมีคุณค า สวนผูสูงอายุท่ีมีเครือขายความสัมพันธทางสังคมนอย จํานวน 6 คน พบวา ผูสูงอายุ สวนใหญเปนผูสูงอายุท่ีมี การดํารงชีวิตเชนเดียวกับผูสูงอายุทั่วไป แตประสบปญหาทางดานเศรษฐกิจตองประกอบอาชีพเพื่อหารายได รวมทง้ั มภี าระตางๆทีต่ องรับผิดชอบ ความสัมพันธระหวางญาติเริ่มหางกันออกไป สําหรับความสัมพันธกับเพื่อนบ้าน และการเขารวมกิจกรรมตางๆ ของชุมชน ผูสูงอายุสวนใหญมีการพูดคุยและทํากิจกรรมกับเพื่อนบานนอย หากเปนเพอื่ นบานไกลๆ มกั ไมไดไปมาหาสูกนั และจะไปเฉพาะงานสาํ คญั ของญาติพี่นองและรีบกลับสวนงานสังสรรค แทบไมไดไปเลยดวยเหตุผลขางตนนี้จึงอาจทําใหผูสูงอายุมีจิตใจเศรา เหงารูสึกวาตนเองเปนภาระแกสังคม สําหรับกิจกรรมเพื่อสรางความสัมพันธทางสังคมใหแกผูสูงอายุกิจกรรมสวนใหญเปนกิจกรรมตามประเพณี ไดแก กิจกรรมรดนํ้าดําหัวกิจกรรมวันแม ประเพณีรับ-ส งตายาย เป นต นจากการติดตามและประเมินผล พบวา ผูสูงอายุทั้งสองกลุมยังคงปฏิบัติกิจกรรมอยางตอเน่ือง สงผลดีตอสภาพจิตใจ ทําใหผูสูงอายุใชเวลาวางใหเกิด ประโยชนและผูสงู อายุที่มีเครอื ขายความสัมพนั ธทางสงั คมนอยก็มีความสุขมากขนึ้ รูปแบบของเครือข่ายผู้สูงอายุมี 2 รูปแบบ คือ เครือข่ายผู้สูงอายุและเครือข่ายผู้พิการ ลักษณะของ การดําเนินโครงการ การจัดการเครือข่าย หรือการจัดกิจกรรม โดยมี (1) องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเป็นองค์กรหลัก (2) องค์กรอื่นๆ เป็นองค์กรหลัก (3) ชมรมเป็นองค์กรหลัก โดยมีตัวแบบเครือข่าย แบ่งได้ 2 ตัวแบบ คือ เครือข่ายที่มีผู้นําเป็นหลักของเครือข่าย และเครือข่ายพันธะแห่งดวงดาว (จากงานวิจัยของ ฉันทนา พานทอง (2555) ศึกษาวิจัยเร่ือง “พัฒนาการและการจัดการเครือข่ายผู้สูงอายุและเครือข่ายผู้พิการกรณีศึกษาเทศบาล ตําบลหนองตองพัฒนา อําเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่”) องค์ประกอบหลักของเครือข่าย (จากงานวิจัยของ Technical and Promotion Support Office Region 1-12 หนา้ 90
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280