Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระบรมราชาวิธี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

พระบรมราชาวิธี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

Published by Rattanagorn Putiaek, 2021-09-06 04:11:16

Description: พระบรมราชาวิธี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

Search

Read the Text Version

พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ไปทรงเย่ียมราษฎร ระหว่างทางไดท้ รงพบอธบิ ดีกรมทางหลวงท่อี า� เภอสันก�าแพง จงั หวดั เชยี งใหม่ พ.ศ. ๒๕๒๑ เส้นทำงคมนำคมในสว่ นภูมภิ ำค โครงการพระราชด�าริที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประเทศ มีท้ังโครงการพระราชด�าริในการสร้างถนนเพื่อเป็นเส้นทางสายหลักที่ เออื้ ประโยชนโ์ ดยตรง กบั โครงการพระราชดา� รเิ พอ่ื กจิ การดา้ นอน่ื ๆ เชน่ โครงการสรา้ งอา่ งเกบ็ นา้� ฝาย หรอื โครงการฟารม์ ตวั อยา่ งตา่ ง ๆ ซึ่งนอกเหนือจากการมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างเพียงพอ มีทรัพยากรส�าหรับการประกอบอาชีพให้มั่นคง รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิด สภาพแวดลอ้ มความเปน็ อยู่ทดี่ ี การสาธารณสุข การศกึ ษา และสังคม อันนบั เป็นการพัฒนาให้เกิดความเจรญิ อย่างย่งั ยืนทีแ่ ท้จริงแลว้ ยงั จ�าเปน็ ต้องมกี ารสรา้ งเส้นทางคมนาคมสายใหม่ ๆ เพื่อรองรับกบั การพฒั นาพืน้ ทีแ่ บบเบด็ เสรจ็ อีกด้วย การจัดสรา้ งถนนแตล่ ะสายทั่วทกุ ภูมภิ าค สว่ นใหญ่อยูใ่ นความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ซ่ึงเปน็ หน่วยงานในสงั กัดกระทรวง คมนาคม เสน้ ทางทส่ี รา้ งสนองพระราชดา� รใิ นทอ้ งถนิ่ ทรุ กนั ดารมกั มอี ปุ สรรคในการทา� งานทงั้ ในแงข่ องสภาพภมู ปิ ระเทศและสถานการณ์ ความไม่สงบอนั เน่ืองมาจากการตอ่ สทู้ างการเมืองในขณะน้นั ภำคเหนือ เส้นทำงแห่งขุนเขำ ลักษณะภูมิประเทศของภาคเหนือท่ีประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน มีแม่น้�าและล�าธารสายย่อยซ่ึงเป็นต้นน�้าส�าคัญของประเทศ กระจายอยู่มากมายท่ัวทั้งภูมิภาค ในแง่หนึ่งถือเป็นข้อดีของความอุดมสมบูรณ์ที่ธรรมชาติมอบให้แก่แผ่นดินไทย แต่ในอีกแง่หนึ่ง ภมู ิประเทศเช่นน้กี ็เปน็ ขอ้ จา� กดั ทท่ี �าใหก้ ารพัฒนาชวี ติ ความเป็นอยู่ของราษฎรในพืน้ ที่เตม็ ไปด้วยอุปสรรค พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน แนวพระราชด�าริให้กรมทางหลวงก่อสรา้ งและปรับปรงุ ทางหลวงบนแนวภเู ขาเพอื่ เชื่อมโยงเส้นทางในชนบทหลายเสน้ ทาง เช่น 148 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

การเสด็จพระราชดา� เนนิ ไปยงั บ้านปอน พ.ศ. ๒๕๒๑ ครง้ั ที่ ๓ เมอื่ วนั เสาร์ ที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ • สายสามแยกดอยอินทนนท์ ที่ กม. ๓๐ อ�าเภอแม่แจ่ม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร เสดจ็ ฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรสี ิรินธร จังหวดั เชียงใหม่ สยามบรมราชกมุ ารี ไปทรงเย่ียมราษฎรบา้ นวาก อา� เภอแมต่ ะไคร้ • สายสามแยกทางหลวงหมายเลข ๑๐๗ ที่ กม. ๑๔๐ จังหวัดล�าพูน เม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๙ ดอยอา่ งขาง อ�าเภอฝาง จังหวดั เชยี งใหม่ • สายสามแยกทุ่งข้าวหาง - แม่ลอย (แม่อ่าว - ห้วยไฟ - แมล่ อบ) อา� เภอป่าซาง จังหวัดล�าพนู พ.ศ. ๒๕๒๒ • สายตรอน - บา้ นแสนขัน อ�าเภอตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. ๒๕๒๓ • สายอา� เภอแมพ่ รกิ - บา้ นกอ้ ทงุ่ จังหวดั ล�าปาง • สายบ้านห้วยผา - บ้านหว้ ยผง้ึ จงั หวดั แม่ฮ่องสอน พ.ศ. ๒๕๒7 • สายบ้านห้วยผา - บ้านห้วยผ้ึง - นาปลาจาด - คาหาน - บ้านทุ่งมะส้าน ต�าบลห้วยผา อ�าเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวดั แม่ฮ่องสอน แม้ปัจจุบันถนนหนทางส่วนใหญ่ของประเทศได้รับการพัฒนา ให้ครอบคลุมแทบทุกพ้ืนที่ แต่ก็ยังมีพ้ืนที่ชนบทบางส่วนที่การเดินทาง ยังเป็นไปด้วยความยากล�าบาก โครงการส�าคัญอีกโครงการหน่ึงคือ โครงการก่อสร้างถนนสามแยก ทล. ๑๑๘ ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยน�้าขุ่น ต�าบลท่าก๊อ อ�าเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ศูนย์พัฒนาแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยพัฒนาและ สง่ เสรมิ อาชพี ชาวไทยภเู ขาใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี นึ้ ควบคไู่ ปกบั การดแู ล และฟื้นฟูป่าต้นน�้าล�าธาร แต่ปัญหาที่ส�าคัญในการด�าเนินงานคือ ต้ังอยู่ในเขตทุรกันดารท่ีการเดินทางเข้าถึงยากล�าบาก กรมทางหลวง ชนบทได้สนองพระราชด�าริในการสร้างถนนซ่ึงมีความยาวตลอด เส้นทาง ๒๒ กโิ ลเมตร ใน พ.ศ. ๒๕๕๒ เริ่มใชง้ านไดบ้ างสว่ น และ เสร็จสมบูรณท์ ้งั โครงการใน พ.ศ. ๒๕๖๐ 149

การสรา้ งทางสายปราจนี บรุ ี-เขาใหญ่ พ.ศ. ๒๕๒๓ สะพานเกาะแรต อา� เภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภำคใต้ ทะเลและภูเขำอันสงู ชัน ภมู ปิ ระเทศของภาคใต้ แมไ้ มไ่ ดเ้ ตม็ ไปดว้ ยภเู ขาอนั สลบั ซบั ซอ้ นเหมอื นภาคเหนอื แตอ่ ปุ สรรคสา� คญั ในการสรา้ งทางสญั จร ในภูมิภาคน้ีคือ ภูเขาท่ีสูงชันมีหน้าผาสลับกับแนวชายหาดที่ต้องอาศัยความรู้และความช�านาญในการวางรูปแบบการก่อสร้าง ถนน ประกอบกับยงั มีสถานการณค์ วามไมส่ งบในพ้ืนท่ีบางสว่ น ใน พ.ศ. ๒๕๑๓ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชด�าเนินไปทรงเยี่ยม ราษฎร ทหาร ต�ารวจ และเจ้าหน้าท่ีกรมทางหลวงในภาคใต้ มีพระราชด�ารัสแก่นายเฉลียว วัชรพุกก์ อธิบดีกรมทางหลวง ที่เข้าเฝ้าทลู ละอองธลุ ีพระบาท ณ พระต�าหนกั ทักษณิ ราชนิเวศน์ ถึงเส้นทางสายอา� เภอรามัน - บา้ นดาโตะ๊ หะลอ จังหวดั ยะลา และอ�าเภอรือเสาะ จังหวัดนราธวิ าส ว่า “สมควรต้องพัฒนาเส้นทางดงั กลา่ วให้ราษฎรในพืน้ ทไ่ี ด้ใช้ไปมาไดส้ ะดวก” นายเฉลียว วัชรพุกก์ ไดน้ อ้ มรบั พระราชกระแสมาดา� เนินการก่อสร้างเส้นทางตามแนวพระราชด�าริ ได้แก่ ทางสายอา� เภอ ระแงะ - บา้ นดุซงญอ - นิคมพัฒนาภาคใต้ ทางสายบา้ นสามแยก - อ�าเภอสุไหงปาดี และทางสายซากอ - นิคมพฒั นาภาคใต้ ถนนในท้องถิ่นทุรกันดารของภาคใต้ที่กรมทางหลวงก่อสร้างและปรับปรุงตามแนวพระราชด�าริอีก ๒ เส้นทาง ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข ๔๑๕๕ สายบ้านทอน อา� เภอบาเจาะ จงั หวัดนราธิวาส และถนนทเ่ี ช่อื มนิคมพัฒนาภาคใต้ - บ้านไอบาโจ - โตะ๊ โมะ - อ�าเภอสุคริ นิ จงั หวัดนราธิวาส นอกจากนี้มีเส้นทางคมนาคม เช่น ถนน สะพาน ในเขตท้องถ่ินห่างไกลที่กรมทางหลวงชนบทเป็นผู้ดูแลตามแนว พระราชด�าริอีกหลายโครงการ เช่น สะพานเฉลิมศิริราช โดยประสานงานกับส�านักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงาน โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�าริ เปน็ สะพานเช่อื มเกาะแรต ซ่งึ ต้งั อยใู่ นอ่าวไทย หา่ งจากแผ่นดนิ ใหญ่บริเวณบา้ นแหลมลื่น ต�าบลดอนสัก อ�าเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในช่วงน้�าลง น�้าจะลดจนแห้งเป็นโคลนตม ในช่วงฤดูมรสุม คล่ืนลมแรง เรือหางยาวไม่สามารถผ่านได้ จึงได้ด�าเนินการจัดสร้างสะพานคอนกรีตที่มีความยาว ๔๐๐ เมตร เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะ เด็กเลก็ เดินทางไปโรงเรียนได้สะดวก 150 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

ภำคตะวันออกเฉยี งเหนือ ดินแดนแหง่ ที่รำบสูง ถนนมิตรภาพช่วงสระบรุ ี - นครราชสมี า พ.ศ. ๒๕๐๑ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื มภี มู ปิ ระเทศเปน็ ทรี่ าบสงู เปน็ อปุ สรรคการใช้ เสน้ ทางสัญจรของประชาชนในพ้นื ท่ีต่าง ๆ เน่อื งจากในบางพน้ื ที่ยังคงมีความ อดุ มสมบรู ณด์ ว้ ยปา่ ไม้ สตั วป์ า่ นอ้ ยใหญ่ และแนวภเู ขาสงู ดงั นนั้ การกอ่ สรา้ งทาง จึงต้องใช้ความระมัดระวังท้ังคนท�างานเองและกับธรรมชาติโดยรอบ อาทิ การก่อสร้างทางสายปราจีนบรุ ี - เขาใหญ่ ใน พ.ศ. ๒๕๒๓ มจี ุดประสงคเ์ พือ่ การคมนาคมท่ีสะดวกและเพ่ือความม่ันคงของประเทศ เนื่องจากในขณะนั้น เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนด้านติดต่อกับประเทศกัมพูชา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงมี พระราชดา� รใิ หส้ รา้ งเสน้ ทางสา� หรบั รถยนตว์ งิ่ เพอ่ื ใหท้ หารผา่ นไปมาไดร้ ะหวา่ ง ปราจนี บรุ กี บั เขาใหญ่ และใหเ้ ชอ่ื มตอ่ กบั ทางสายปากชอ่ ง - เขาใหญ่ เสน้ ทางนี้ ตอ้ งผา่ นนา�้ ตกเหวนรกและทางเดนิ สตั วป์ า่ อนั อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายได้ จงึ ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแนวพระราชด�าริให้ศึกษา พจิ ารณาดวู า่ ระดบั ทางตอนใกลเ้ หวนรกควรใชร้ ะดบั ใด และการสรา้ งเสน้ ทางน้ี ควรสร้างให้มีมาตรฐานเพื่อให้รถยนต์บรรทุกของทหารได้ใช้ผ่านไปมาอย่าง ปลอดภยั แตไ่ มค่ วรใหร้ ถบรรทกุ สนิ คา้ ใชเ้ สน้ ทางนเ้ี พราะเปน็ การรบกวนสตั วป์ า่ เส้นทางนก้ี รมทางหลวงได้ก่อสรา้ งแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๒๕ 151

เสน้ ทำงคมนำคมในกรุงเทพมหำนครและปรมิ ณฑล การเตบิ โตของกรงุ เทพมหานครในชว่ งหลายสบิ ปมี านเ้ี ปน็ ไปอยา่ งรวดเรว็ ไมว่ า่ จะเปน็ การขยายขอบเขตของ ตวั เมอื งทก่ี ระจายสพู่ น้ื ทบ่ี รเิ วณรอบกรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล การเพมิ่ จา� นวนประชากรและจา� นวนยวดยาน พาหนะ ลว้ นสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกจิ และสงั คมในรชั สมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ขณะเดียวกันการขยายตัวดังกล่าวส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการจราจร ตามมาอยา่ งหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงทศวรรษแรก ๆ แห่งรัชสมัย ทางหลวงท่ีเช่ือมระหว่างจังหวัดยังมีไม่มากนัก ทางหลวงสายหลัก ที่ไดม้ าตรฐานมเี พียงไมก่ ่ีสาย อาทิ ถนนพหลโยธนิ ถนนเพชรเกษม ถนนสุขุมวทิ และถนนมติ รภาพ การเดนิ ทาง ตดิ ตอ่ ระหวา่ งประชาชนในแตล่ ะภาคจงึ จา� เปน็ ตอ้ งผา่ นใจกลางเมอื งหลวง ท�าใหพ้ นื้ ทก่ี รงุ เทพมหานครตอ้ งรองรบั ปรมิ าณรถมากเกนิ ขดี จา� กดั สง่ ผลใหเ้ กดิ ปญั หาการจราจรตดิ ขดั และปญั หามลพษิ ทางอากาศทเี่ กดิ จากการปลอ่ ย ไอเสยี ของรถยนต์ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงเลง็ เหน็ ถงึ ปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ และไมเ่ คย น่ิงนอนพระราชหฤทัยในการหาแนวทางการแก้ไขเพื่อบ�าบัดทุกข์บ�ารุงสุขให้ราษฎรของพระองค์ วิธีการหลัก ที่ทรงใช้ในการแกป้ ัญหาคือ การจัดการเรอื่ งถนนและระบบการจราจร ครั้งหน่ึงพระองค์มพี ระราชด�ารสั เกี่ยวกบั การจราจรในกรงุ เทพมหานคร ว่า “...ส�าหรับการจราจร เครื่องมือน้ันส�าคัญท่ีสุดก็คือถนน. ก็ต้องมีถนนที่เหมาะสม มีเคร่ืองควบคุม การจราจรท่ีเหมาะสมและมีกฎเกณฑข์ องแต่ละแห่ง แต่ละส่วน ของผิวจราจรนนั้ ใหเ้ หมาะสม. อนั นีก้ ไ็ มใ่ ช่ เรอื่ งของนติ ศิ าสตร์ ไมใ่ ชเ่ รอื่ งของรฐั ศาสตร์ หรอื ของตา� รวจ หรอื ของศาล เปน็ เรอื่ งของวศิ วกรรม. กจ็ ะตอ้ งทา� วศิ วกรรมใหด้ ขี น้ึ คอื หมายความวา่ ทา� ถนนใหด้ ขี นึ้ ใหส้ อดคลอ้ งซงึ่ เปน็ การบา้ นทหี่ นกั ทส่ี ดุ เพราะวา่ กรงุ เทพฯ ไดส้ รา้ งมาเปน็ เวลา ๒๐๐ ปแี ลว้ ไมไ่ ดม้ แี ผนผงั เมอื งทจี่ รงิ ๆ จงั ๆ. กม็ กี ารผงั เมอื งของทางการ แตว่ า่ กไ็ มค่ อ่ ย ได้ประโยชน์มากนกั เพราะวา่ คนไทย ตามชือ่ เป็นคนไทย คอื มีอิสระบังคับกนั ไม่ได้. จะสรา้ งอะไรกส็ รา้ ง อยาก จะสร้างเดย๋ี วนกี้ ส็ ร้าง กไ็ ปขวางกบั คนอนื่ คอื ขวางทางอ่ืน. อนั นกี้ ็เลยแกไ้ ขไมไ่ ด.้ ..” พระราชดา� รัส ในโอกาสท่คี ณบดคี ณะนติ ิศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย น�าคณะผ้รู ่วมจัดการแขง่ ขนั เดนิ - ว่งิ เขา้ เฝา้ ทลู ละอองธลุ ีพระบาท ทลู เกลา้ ทลู กระหม่อมถวายเงนิ รายได้จากการจดั งานเพื่อสมทบทุน โครงการแก้ปัญหาการจราจรตามพระราชด�าริ ณ พระต�าหนักจิตรลดารโหฐาน วันองั คาร ท่ี ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ 152 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

จากกระแสพระราชด�ารสั ข้างต้นเปน็ สง่ิ ยืนยันว่า พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรง ทราบถงึ ปญั หาการจราจรในกรงุ เทพมหานครเปน็ อยา่ งดี ทรงใหค้ วามสา� คญั กบั ปญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ รวมทงั้ ไดพ้ ระราชทานพระราชดา� ริ เพ่ือแก้ไขปัญหานี้มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นปัญหาท่ีส่งผลต่อการด�าเนินชีวิตของประชาชนจ�านวนมาก และกระทบต่อ เศรษฐกิจโดยรวมของชาติ โดยทรงศึกษาและวางแผนการปรับปรุงการคมนาคม ถึงกับเสด็จพระราชด�าเนินลงพื้นที่เพื่อส�ารวจ และเก็บข้อมูลดว้ ยพระองคเ์ อง ทง้ั นี้ พระองคย์ งั มกี ระแสพระราชดา� รวิ า่ ปญั หาการจราจรในเมอื งหลวงมใิ ชเ่ ปน็ ปญั หาเฉพาะคนเมอื งเทา่ นนั้ หากแตส่ มควร เป็นปัญหาระดบั ชาติท่ีทกุ ฝา่ ยตอ้ งร่วมมอื กนั แก้ไขอยา่ งเรง่ ด่วน จึงพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดา� ริที่เกีย่ วข้อง กับการแกป้ ญั หาจราจรที่ก�าลังวกิ ฤตอยู่หลายโครงการอยา่ งเป็นรปู ธรรม ดงั พระราชด�ารสั ว่า “...การแก้ไขโดยสร้างทาง ปรับปรงุ ทาง หรอื จ�ากดั จ�านวนรถนั้น จงึ เปน็ สงิ่ ทลี่ �าบาก. จะตอ้ งหาวธิ ีใหม.่ คอื จะตอ้ ง คา� นงึ ถงึ วา่ รถน่ี ทงั้ รถสว่ นบคุ คล ทง้ั รถบรรทกุ ตอ้ งมตี น้ ทางและปลายทาง เราแกไ้ ขจา� นวนรถไมไ่ ด้ แกไ้ ขเสน้ ทางไมไ่ ด้ เราจะ ตอ้ งแกไ้ ข ‘ตน้ ทางกบั ปลายทาง’ กห็ มายความวา่ จดั ให้ ‘ตน้ ทางกบั ปลายทาง’ อยใู่ นระยะทใ่ี กลข้ นึ้ . ถา้ ใกลข้ น้ึ แลว้ การใชถ้ นน ก็ใชเ้ วลาน้อยลง จา� นวนของถนน หรอื ความยาวของถนนทถ่ี ูกใชน้ ้ันกน็ ้อยลง. กเ็ ท่ากับมถี นนมากข้นึ และรถน้อยลง…” พระราชด�ารัส พระราชทานแกค่ ณะบุคคลตา่ ง ๆ ทเี่ ข้าเฝ้าทูลละอองธลุ พี ระบาท ถวายชยั มงคลในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย สวนจิตรลดา พระราชวงั ดุสติ วนั จันทร์ ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ แนวทางการแก้ไขการจราจรตามแนวพระราชด�าริน้ันแบ่งได้เป็น ๒ ลักษณะ แนวทางหน่ึงคือ การขยายผิวการจราจร เพอื่ รองรบั ปรมิ าณยวดยานพาหนะทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ตลอดจนการเพม่ิ เสน้ ทางคมนาคมใหเ้ พยี งพอตอ่ ความตอ้ งการ สว่ นอกี แนวทางหนง่ึ คอื การแก้ปัญหาการจราจรอย่างเปน็ ระบบ ผา่ นการสร้างโครงขา่ ยถนน สะพาน ทางคขู่ นานลอยฟา้ ทางแยกตา่ งระดับ และ ทางพิเศษ ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มสี ่วนสนองงานสรา้ งถนนตามแนวพระราชด�าริต่าง ๆ ในเขตกรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล เริ่มจากถนนที่สร้างเป็นพระบรมราชานุสรณ์เน่ืองในโอกาสพระราชพิธีส�าคัญ สะพาน จนถึงทางพิเศษ อันเป็นส่วนส�าคัญย่ิง ตอ่ การสรา้ งสรรคแ์ ละสนับสนนุ การพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ 153

ถนนตำมแนวพระรำชด�ำริ ถนนรัชดาภิเษก ถนนวงแหวนรอบใน พระบรมราชานสุ รณ์เนอ่ื งในโอกาสพระราชพธิ ีรชั ดาภิเษก ถนนรัชดาภิเษก หรือถนนวงแหวนรอบใน เป็นถนนวงแหวนสายแรกของกรุงเทพมหานคร แนวพระราชด�าริในการสร้างถนน สายนเ้ี ริ่มข้ึนเมือ่ พ.ศ. ๒๕๑๓ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร มรี ับสง่ั ถามพลตรี ประถม บุรณศริ ิ ผู้อ�านวยการกองวางแผน กรมทางหลวงในสมยั น้นั วา่ จะจดั ระบบอยา่ งไรจึงจะสามารถรบั ปญั หาการจราจรของกรุงเทพมหานครท่จี ะ เกิดข้ึนในอนาคตได้ พลตรี ประถม บุรณศริ ิ กราบบงั คมทูลวา่ ควรใชร้ ะบบ “ริง แอนด์ เรเดียล” (Ring & Radial) คอื ต้องมวี งแหวน รอบกรงุ เทพมหานคร และมถี นนออกจากศนู ยก์ ลางไปตดั กบั วงแหวนเหลา่ นนั้ โดยกา� หนดใหเ้ ปน็ ทางหลวงทคี่ วบคมุ การเขา้ ออก (Access Controlled) และตรงจุดตดั ท่ีสา� คัญจะท�าเป็นทางแยกตา่ งระดับทกุ แหง่ ซึ่งพระองค์มพี ระราชด�าริเห็นชอบด้วย และยังพระราชทาน ข้อเสนอแนะใหส้ รา้ งถนนให้สอดคล้องและมีทางเชอ่ื มตอ่ ถงึ กนั ทั้งระบบด้วยการวางผังเมืองเพ่ือแกป้ ญั หาจากการตา่ งคนต่างสร้าง ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๕๑๔ จอมพล ถนอม กติ ติขจร นายกรัฐมนตรีในสมยั นัน้ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธลุ ีพระบาท กราบบงั คมทูลขอรบั พระราชทานพระบรมราชานญุ าตจดั พระราชพธิ รี ชั ดาภเิ ษก เนอ่ื งในมหามงคลสมยั ทรงครองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๒๕ ปี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๑๕ ถวาย ทั้งจะจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นท่ีระลึกแห่งงาน พระองค์จึงพระราชทานแนวพระราชด�าริเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร เป็นคร้งั แรก โดยมีพระราชประสงคใ์ หส้ รา้ งถนนเพมิ่ ขนึ้ ท้ังถนนแบบวงรอบ (Ring Road) และถนนลอยฟา้ (Elevated Road) เพ่ือ พระราชทานเปน็ ของขวญั แกป่ ระชาชน แทนการสรา้ งพระบรมราชานสุ าวรยี เ์ นอ่ื งในโอกาสพระราชพธิ รี ชั ดาภเิ ษก ดงั พระราชดา� รสั ทวี่ า่ “รัชดาภิเษกน่ี ทางรัฐบาลขอมีการฉลองหน่อย. ถามว่าฉลองอะไร. ท่านจอมพลประภาส (จอมพล ประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น) ก็บอกว่าจะสร้างอนุสาวรีย์ ที่ไหนไม่ทราบ จ�าไม่ได้. เลยบอกว่า ขอเถิดอนุสาวรีย์ อยา่ เพง่ิ สรา้ ง สรา้ งถนนดกี วา่ . สรา้ งถนน เรยี กวา่ วงแหวน เพราะมนั เปน็ ความฝนั เปน็ ความฝนั มาตง้ั นานแลว้ เกอื บ ๔๐ ปี อยากสรา้ ง ถนนวงแหวน. รัฐบาลครง้ั โน้นบอกวา่ ถนนวงแหวนมแี ลว้ คอื ถนนราชวิถี ถนนราชวถิ ีข้างหลังนี้เองเป็นถนนวงแหวน. น่ีเดีย๋ วน้ี ท่านหัวเราะ แต่ครั้งโน้นเขารู้สึกว่าเป็นวงแหวน เพราะท่ีน่ีเราอยู่บ้านนอก. สมัยโน้นทางไปดอนเมือง ออกจากท่ีน่ีไปนิดเดียว ก็เป็นทุ่งนาแล้ว ถนนราชวิถีนี่ก็เป็นวงแหวน. เรานึกถึงว่าควรจะท�าวงแหวนใน ก็คือรัชดาภิเษกไปถึงสะพานพระราม ๖. เราก็บอกจอมพลประภาส. จอมพลประภาสก็รับจะทา� .” พระราชดา� รัส พระราชทานแกค่ ณะบคุ คลต่าง ๆ ทเ่ี ขา้ เฝ้าฯ ถวายชยั มงคลในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดสุ ิต วนั เสาร์ ท่ี ๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ 154 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

คณะรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้มีมติให้กรมทางหลวงเป็นผู้ด�าเนินการก่อสร้างถนนวงแหวนเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์ในโอกาสพระราชพิธีรัชดาภิเษก และกราบบังคมทูลขอพระราชทานนามถนนวงแหวนสายนี้ว่า “ถนนรัชดาภิเษก” ในวนั พฤหสั บดี ท่ี ๘ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๑๕ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ ไดเ้ สดจ็ พระราชด�าเนนิ ไปทรงวางศิลาฤกษถ์ นนรชั ดาภิเษก และมีพระราชกระแสรับสั่งว่า ถนนรชั ดาภเิ ษกจะใช้ประโยชนไ์ ดม้ ากขึน้ หากมเี ส้นทางท่ีเชือ่ มถนนจากทางภาคตะวนั ออกกับถนนจากทางภาคใต้ ใหต้ ิดตอ่ กัน ไดโ้ ดยผ่านถนนวงแหวนช่วงด้านใต้ ถนนรชั ดาภเิ ษกนบั เปน็ โครงการพระราชดา� รเิ พอ่ื แกป้ ญั หาดา้ นการจราจรในกรงุ เทพมหานครโครงการแรก ดว้ ยความรว่ มมอื ระหวา่ งกรมทางหลวง ในสงั กดั กระทรวงคมนาคม กรมโยธาธกิ าร ในสงั กดั กระทรวงมหาดไทย และกรงุ เทพมหานคร มคี วามยาว ท้ังสิ้น ๔๕ กิโลเมตร เร่ิมจากแยกถนนพระรามท่ี ๔ ผ่านศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ิไปทางทิศเหนือ ทางแยกต่างระดับ ขา้ มถนนลาดพรา้ ว ทางแยกตา่ งระดบั รชั โยธนิ ขา้ มถนนพหลโยธนิ ทางแยกตา่ งระดบั รชั วภิ าขา้ มถนนวภิ าวดรี งั สติ ทางแยกตา่ งระดบั ข้ามถนนประชาชื่น ไปตามถนนวงศ์สว่าง สะพานพระราม ๗ เข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ผ่านแยกท่าพระ ผ่านสะพานกรุงเทพ เขา้ ถนนพระราม ๓ ตอ่ เนอื่ งมาถงึ ทางแยกตา่ งระดบั ขา้ มถนนพระราม ที่ ๔ บรรจบกนั เปน็ ถนนวงแหวนรอบในของกรงุ เทพมหานคร ถนนรัชดาภิเษกช่วยแก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานครได้เป็นอย่างมาก อ�านวยความสะดวกแก่ประชาชนท่ีสัญจร เข้าออกระหว่างใจกลางเมืองกับส่วนนอก รวมทั้งผู้ที่มาจากต่างจังหวัด ให้สามารถเดินทางผ่านกรุงเทพมหานครออกไปได้ โดยไม่ตอ้ งเข้าสูศ่ ูนยก์ ลางของเมอื งที่มีการจราจรคบั คงั่ ถนนกาญจนาภิเษก ถนนวงแหวนรอบนอก พระบรมราชานุสรณ์เนอ่ื งในโอกาสพระราชพธิ กี าญจนาภเิ ษก กรมทางหลวงได้สนองพระราชด�าริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในโครงการ ก่อสร้างถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ตะวันออก และด้านใต้ ช่วงแรกคือถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก เร่ิมจากถนนพระราม ๒ ตัดผ่านฝั่งธนบุรีไปรวมกับถนนตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๐) เข้าสู่จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี ไปบรรจบถนนพหลโยธิน บริเวณแยกทางหลวง แผ่นดินหมายเลข ๓๒ (สายเอเชีย) เขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้เชิญชอ่ื พระราชพธิ กี าญจนาภเิ ษก เนอื่ งในโอกาสทรงครองสิริราชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๓๙ มาเป็นชื่อเรียกถนนสายน้วี ่า “ถนนกาญจนาภิเษก” 155

หลงั จากนนั้ กรมทางหลวงไดด้ า� เนนิ การกอ่ สรา้ งถนนกาญจนาภเิ ษกดา้ นตะวนั ออก (บางปะอนิ - บางพล)ี เรมิ่ ตน้ จากถนนพหลโยธนิ กิโลเมตรท่ี ๕๕ อา� เภอวังนอ้ ย เขตจังหวดั พระนครศรอี ยุธยา ลงมาทางทศิ ตะวนั ออกเฉียงใต้ ผ่านเขตจังหวัดปทุมธานี กรุงเทพมหานคร และจังหวดั สมุทรปราการ เชอ่ื มกับทางพเิ ศษสายบางพลี - สุขสวสั ด์ิ และทางพเิ ศษบรู พาวถิ ี ก่อสร้างเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๔๑ ระยะทาง ๖๓ กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักไปสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่อมาได้ก่อสร้างโครงการส่วนต่อขยาย ต้ังแต่ ทางแยกต่างระดับวัดสลุดจนถึงทางแยกต่างระดับบางปะอิน โดยขยายช่องจราจรจากเดิม ๔ ช่องจราจรเป็น ๖ - ๘ ช่องจราจร แลว้ เสร็จเมอื่ เดือนมนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ถนนกาญจนาภิเษกด้านใต้ (บางพลี - บางขุนเทียน) เป็นถนนวงแหวนรอบนอกด้านสุดท้ายท่ีสร้างเสร็จ และเปิดใช้งาน ในเดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ทา� ใหถ้ นนวงแหวนรอบนอกของกรงุ เทพมหานครสามารถใชง้ านไดต้ ลอดเสน้ ทาง และไดก้ อ่ สรา้ ง สะพานแขวนข้ามแม่น้�าเจ้าพระยาเพ่ิมเติมอีกหน่ึงแห่ง คือสะพานกาญจนาภิเษก ท่ีต�าบลบางจาก อ�าเภอพระประแดง จังหวัด สมทุ รปราการ และเช่อื มตอ่ กบั ทางพเิ ศษกาญจนาภเิ ษก ซึง่ เป็นการดา� เนนิ การกอ่ สร้างช่วงสุดทา้ ยของโครงการวงแหวนรอบนอก ด้านใต้ใหเ้ กิดเป็นโครงข่ายวงแหวนทสี่ มบรู ณ์ รวมทั้งสามารถเชื่อมตอ่ กับถนนวงแหวนอุตสาหกรรมและสะพานภูมิพล ๑ สะพาน ภูมพิ ล ๒ ได้ โครงข่ายถนนจตรุ ทิศตะวันตก - ตะวนั ออก เมอื่ มถี นนวงแหวนรอบในและรอบนอกเปน็ จดุ เรม่ิ ตน้ โครงการถนนเชอื่ มตอ่ เมอื งเสน้ ทางถดั มาคอื ถนนทตี่ ดั ผา่ นกรงุ เทพมหานคร ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเพื่อย่นระยะทางการสัญจร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระราชด�าริให้พัฒนาโครงข่ายถนนจตุรทิศตะวันตก - ตะวันออก โดยเร่ิมจากทางยกระดับคู่ขนานลอยฟ้าถนนบรมราชชนนี ผ่านสะพานพระราม ๘ จากน้ันจึงตรงเข้าสู่ถนนจตุรทิศฝั่งตะวันออก ซ่ึงเร่ิมจากถนนราชด�าเนินนอกถึงแยกสวรรคโลก ผ่านทางแยก ต่างระดับถนนศรอี ยธุ ยาข้ามถนนราชปรารภ เช่อื มต่อกบั ถนนยกระดบั และบงึ มกั กะสนั เข้าสูถ่ นนประชาสงเคราะห์ และเข้าสชู่ ่วงถนน เลียบคลองบางกะปิถึงถนนพระราม ๙ รวมถึงการปรับปรุงขยายผิวช่องทางจราจรเดิมและที่สร้างใหม่ ตลอดจนทางแยกต่างระดับ ข้ามแยกตา่ ง ๆ ปจั จุบันโครงขา่ ยถนนจตรุ ทศิ ตะวนั ตก - ตะวันออกเสร็จสมบูรณ์ตลอดเสน้ ทาง โดยส�านกั การโยธา กรุงเทพมหานคร เปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบด�าเนนิ การ สง่ ผลใหก้ ารเดนิ ทางไปมาระหวา่ งสองฝง่ั ของกรงุ เทพมหานครโดยผา่ นใจกลางเมอื งเปน็ ไปดว้ ยความสะดวก และใช้ระยะเวลาส้นั ลง นอกเหนือจากพระอัจฉริยภาพในการพิจารณาองค์รวมของเส้นทางการคมนาคมภายในกรุงเทพมหานครเพื่อวางโครงสร้าง พ้ืนฐานเส้นทางคมนาคมท่ีเหมาะสมแล้ว พระองค์มีแนวพระราชด�าริเร่ืองการแก้ไขปัญหาการจราจรท่ีส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ ของประชาชน จนเป็นทมี่ าของการก่อสรา้ งถนนตามมาอีกหลายเสน้ ทาง ถนนกาญจนาภเิ ษก ถนนวงแหวนรอบนอก 156 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดา� เนินไปทรงเปดิ ทางคขู่ นานลอยฟ้าบรมราชชนนี ณ สะพานพระราม ๘ เมอื่ วนั องั คาร ที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ทางคขู่ นานลอยฟ้าบรมราชชนนี ใน พ.ศ. ๒๕๓๖ ถนนบรมราชชนนปี ระสบปญั หาการจราจรคบั คง่ั เมอื่ ตอ้ งรองรบั ปรมิ าณรถยนตจ์ า� นวนมาก จากถนนหลายสายแถบฝั่งธนบุรี ประกอบกับแนวทางแยกต่างระดับข้ามถนนจรัญสนิทวงศ์มีช่วงส้ันมาก จงึ ทา� ใหก้ ารจราจรตดิ ขดั อยเู่ สมอ และทกุ ครง้ั ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร เสด็จพระราชด�าเนินไปทรงเยี่ยมพระอาการสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีซึ่งประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลศิริราช พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นปัญหาการจราจรท่ีติดขัดเป็นอย่างมากจากบริเวณสะพาน สมเด็จพระปิ่นเกล้าต่อเนื่องไปจนถึงถนนบรมราชชนนี จึงพระราชทานแนวพระราชด�าริเก่ียวกับการแก้ไขปัญหา จราจรบริเวณดังกล่าว กระทรวงคมนาคมได้ประชุมปรึกษากับกรุงเทพมหานคร และมีข้อสรุปในการก่อสร้าง ทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี ให้กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบด�าเนินการ ทั้งสนองกระแสพระราชด�ารัส เพม่ิ เติมท่ีว่า “หากสรา้ งสะพานยกระดับขาออกให้ยาวเลยไปจากขนสง่ สายใต้ จะมปี ระโยชน์มาก” ทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีมีลักษณะโครงสร้างเป็นทางยกระดับสูง ๑๒ เมตร ตามแนวเกาะกลาง ถนนบรมราชชนนี ขนาด ๔ ช่องทางจราจร มลี ักษณะเปน็ ทางยกระดบั คร่อมถนนบรมราชชนนี จากแยกสะพาน สมเด็จพระปิ่นเกล้าถึงทางแยกต่างระดับฉิมพลี ระยะทางรวม ๔.๕ กิโลเมตร นับเป็นหนึ่งในเส้นทางส�าคัญ ท่ีจะช่วยระบายการจราจรจากพ้ืนท่ีชั้นในของกรุงเทพมหานคร ผ่านสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าสู่ถนนสิรินธร ถนนบรมราชชนนี ถนนบางกอกนอ้ ย-นครชยั ศรี ใหส้ ามารถเดนิ ทางไปมาไดส้ ะดวก รวดเรว็ และมคี วามปลอดภยั ยง่ิ ขน้ึ สง่ ผลให้การจราจรทเี่ คยคับค่ังในบรเิ วณดังกลา่ วคลี่คลายไปไดด้ ว้ ยดี การแก้ปัญหาจราจรตามแนวพระราชด�าริยังสืบเนื่องไปถึงการสร้างถนนสุทธาวาสและถนนหยดน�้า แม้กระทรวงคมนาคมไม่ไดร้ ับผิดชอบด�าเนินการโดยตรง แต่ก็มีส่วนร่วมในการอา� นวยความสะดวกในการใช้พื้นท่ี 15๗

ถนนหยดน้า� ในช่วงเวลาเดียวกันกับการสร้างทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ทอดพระเนตรเห็นว่าสภาพการจราจรระหว่างถนนอิสรภาพกับถนนจรัญสนิทวงศ์ติดขัดเป็นอย่างมาก เพราะเปน็ แหล่งชมุ ชนที่อยอู่ าศยั ของประชาชนรวมทั้งเปน็ ท่ตี ั้งของโรงพยาบาลศิรริ าช จึงมพี ระราชดา� ริให้สร้างถนนสุทธาวาส เป็นถนนเส้นใหม่เลียบทางรถไฟสายใต้ (บางกอกน้อย) เริ่มจากปลายถนนอิสรภาพท่ีชุมชนบ้านเนินจนถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ ท�าให้พ้ืนท่ีเดิมซึ่งเคยเป็นจุดบอดกลายเป็นเส้นทางระบายรถจากถนนจรัญสนิทวงศ์เข้าสู่ถนนพรานนกได้อย่างล่ืนไหล โดยกรุงเทพมหานครเป็นผู้ด�าเนินการก่อสร้าง กระทรวงคมนาคมได้ช่วยอ�านวยความสะดวกในการปรับเส้นทางรถไฟสายใต้ และการใช้พน้ื ทเี่ ลยี บทางรถไฟ นับเปน็ พระมหากรุณาธคิ ณุ ที่ท�าใหป้ ระชาชนเดนิ ทางได้สะดวกขึ้น และบรรเทาความเดือดรอ้ น ของผู้ปว่ ยทีต่ ้องเดนิ ทางมายังโรงพยาบาลศิรริ าชไดเ้ ปน็ อยา่ งดี การแก้ไขปัญหาจราจรบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลศิริราชต่อเน่ืองมาถึงการก่อสร้างปรับปรุงขยายช่องทางการจราจร บริเวณถนนราชด�าเนินใน เดิมมีสภาพเป็นคอขวดตั้งแต่เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้ามาถึงหน้าส�านักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ท่ีถนนราชด�าเนินกลาง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กรุงเทพมหานครขยาย และปรับปรุงพืน้ ที่หน้ากรมประชาสัมพันธเ์ ดิมเป็นพื้นผิวจราจรชว่ งทางลงจากสะพานสมเด็จพระปน่ิ เกล้า ๔ ชอ่ งจราจร และมี พระราชด�าริให้กรุงเทพมหานครสร้างช่องการจราจรเพ่ิมทางด้านซ้ายอีกช่องทางหน่ึงเป็นถนนวนกลับรถเข้าสู่ถนนเจ้าฟ้า ลอดใต้เชิงสะพานสมเด็จพระปิน่ เกล้าเพอ่ื ออกสู่สนามหลวงได้ทนั ที โดยใช้ระยะเวลากอ่ สรา้ งเพียง ๒ เดือนเท่านน้ั ชว่ ยให้รถที่ ลงจากเชงิ สะพานสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ สามารถตรงเขา้ สถู่ นนราชด�าเนนิ หรอื วนเขา้ สถู่ นนเจา้ ฟา้ ไดอ้ ยา่ งคลอ่ งตวั และเมอื่ มองจาก มมุ สงู จะพบวา่ ถนนสายใหมน่ ม้ี ลี กั ษณะคลา้ ยหยดนา้� ประหนงึ่ นา�้ จากพระราชหฤทยั ทท่ี รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม พระราชทานแกพ่ สกนิกรของพระองค์ จงึ เปน็ ที่มาของชือ่ ถนนสายใหมน่ ี้ว่า ถนนหยดน้�า 158 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล ๑ สะพานภูมิพล ๒ และพระบรมรูปพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระบรมราชานุสรณ์เนื่องในโอกาสมหามงคล เสดจ็ เถลิงถวลั ยราชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี โครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม เป็นโครงการตามพระราชด�าริท่ีเป็นโครงการใหญ่และเป็นโครงการ ส�าคัญในช่วงปลายรัชสมัยที่กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดด�าเนินการจนแล้วเสร็จโดยเร็วเป็นท่ีพอพระราชหฤทัยย่ิง ดงั ปรากฏในพระราชดา� รสั ทพ่ี ระราชทานในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี กระทรวงคมนาคม และครบ ๑๐๐ ปี กรมทางหลวง วา่ “...ตลอด ๑๐๐ ปีที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้ปรับปรุงพัฒนากิจการคมนาคมของไทย ให้มี ประสิทธิภาพและก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเน่ือง. จึงขอให้ทุกคนทุกฝ่าย ทุกหน่วยงาน ในกระทรวงนี้ ได้ภูมิใจ ในงานทที่ า� ...” ถนนวงแหวนอตุ สาหกรรมและสะพานภูมิพล ๑ สะพานภมู ิพล ๒ ด้วยพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและด้วยพระเมตตาต่อปวงประชาราษฎร์ให้คลายทุกข์อันเนื่องจากวิกฤต จราจร เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานแนว พระราชดา� รใิ หแ้ ก้ไขปัญหาการจราจรท่ีติดขัดอนั เนอ่ื งมาจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยมพี ระราชประสงคใ์ ห้สรา้ ง เป็นถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ส�าหรับรองรับรถบรรทุกท่ีว่ิงอยู่ในเส้นทางที่เป็นวงแหวนเชื่อมระหว่างโรงงาน อุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรปราการทั้งสองฝั่งแม่น้�าเจ้าพระยากับบริเวณท่าเรือคลองเตย เพื่อมิให้รถบรรทุก เหลา่ นวี้ ิง่ เข้าไปยังตวั เมืองหรือทศิ ทางอ่ืน ๆ คณะรฐั มนตรไี ด้มมี ตเิ ม่ือวนั องั คาร ที่ ๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๓๙ เหน็ ชอบให้กรมโยธาธกิ าร ในสงั กดั กระทรวง มหาดไทย เปน็ ผดู้ า� เนนิ โครงการถนนวงแหวนอตุ สาหกรรม รว่ มกบั กรงุ เทพมหานครและกรมทางหลวง ในลกั ษณะ ของระบบโครงข่ายครอบคลุมพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะ เขตยานนาวา ของกรุงเทพมหานคร และพื้นท่ีอ�าเภอ พระประแดง จังหวัดสมทุ รปราการ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชด�าเนินไปทรงวาง ศลิ าฤกษ์ถนนวงแหวนอุตสาหกรรมเมอ่ื วนั จันทร์ ที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ ณ บรเิ วณรมิ ฝ่งั แมน่ �า้ เจ้าพระยา ดา้ นถนนพระราม ๓ เขตยานนาวา กรงุ เทพมหานคร ซึ่งเปน็ ทตี่ งั้ โครงการ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๔๕ ตง้ั กรมทางหลวง ชนบทข้ึนในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้รับโอนโครงการก่อสร้างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมและสะพานภูมิพล ๑ สะพานภูมิพล ๒ มาด�าเนินการต่อจนแลว้ เสรจ็ ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม มีลักษณะเป็นถนนวงรอบต่อเนื่องเชื่อมโยงพ้ืนท่ีย่านอุตสาหกรรมและท่าเรือ คลองเตยเข้าด้วยกัน มีถนนเชิงลาดและทางแยกต่างระดับท่ีเป็นมาตรฐาน มีความยาวรวมทั้งสิ้นประมาณ ๒๕ กโิ ลเมตร สว่ นสะพานภมู พิ ล ๑ สะพานภมู พิ ล ๒ เปน็ สะพานขา้ มแมน่ า�้ เจา้ พระยาของถนนวงแหวนอตุ สาหกรรม ลกั ษณะเป็น “สะพานขึงแฝด” ท่ีสรา้ งขน้ึ เป็นครงั้ แรกของประเทศไทย โดยทอดข้ามแมน่ �้าเจ้าพระยาถงึ ๒ ช่วง 159

สะพานภูมิพล ๑ คือสะพานด้านทิศเหนือ ฝั่งถนนพระราม ๓ เช่ือม ระหว่างแขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร กับต�าบล ทรงคนอง อา� เภอพระประแดง จงั หวดั สมทุ รปราการ สะพานภมู พิ ล ๒ คอื สะพานดา้ นทศิ ใต้ ฝง่ั ถนนปเู่ จา้ สมงิ พราย เชอ่ื มระหวา่ งตา� บลทรงคนอง กับต�าบลบางหญ้าแพรก อ�าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ตวั สะพานสงู จากระดบั นา้� ประมาณ ๕๔ เมตร มคี วามกวา้ ง ๗ ชอ่ งจราจร รวมชอ่ งจราจรสา� หรบั รถบรรทกุ หนกั ในชอ่ งทางขาขน้ึ มคี วามยาวทงั้ สน้ิ ประมาณ ๔.๒ กิโลเมตร เป็นสว่ นเชื่อมโยงถนนพระราม ๓ และถนน ปู่เจ้าสมิงพรายเข้าด้วยกัน ท�าให้โครงข่ายถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ต่อเนื่องถึงกันได้หมด นอกจากนี้บริเวณกลางสะพานมีทางแยกเป็น ทางยกระดับขนาดความกว้าง ๔ ช่องจราจร ความยาวประมาณ ๒.๒ กโิ ลเมตร ไปบรรจบกบั ถนนสขุ สวสั ดิ์ทางทศิ ตะวนั ตกด้วย การออกแบบและกอ่ สรา้ งสะพาน เปน็ การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยี ทางวิศวกรรมข้ันสูงเพื่อตอบสนองความต้องการและก้าวข้ามข้อจ�ากัด ต่าง ๆ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน มีความม่ันคง แข็งแรง และมคี วามงดงามทันสมยั โดยมีลกั ษณะเป็นสะพานขึงดว้ ยสายเคเบลิ สองระนาบสมมาตรกัน จัดเรียงสายเคเบิลแบบพัด มีเสาสะพานหลัก ๒ เสา โดยไม่มีตอม่อในน้�า ตรงบริเวณก่ึงกลางระหว่างสองสะพาน มีทางแยกต่างระดับ สูงจากพื้นดินประมาณ ๔๕ เมตร เปรียบเสมือน วงแหวนท่ีเปล่งรัศมีพร่างพรายไปทุกทิศ เป็นจุดศูนย์กลางกระจายรถ ไปสู่ ๓ เส้นทาง นอกจากน้ี บนสะพานแต่ละสะพานติดต้ังประติมากรรม ซ่ึงออกแบบเป็นส่ือสัญลักษณ์ระหว่างพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กับพสกนิกรของพระองค์ สะพานภมู พิ ล ๑ ตดิ ตงั้ ประตมิ ากรรม “พระบรบิ าล” รปู ดอกบวั รองรบั พระอุณาโลมซ่ึงประดิษฐานบนรูปสีมา อันสื่อความหมายถึง องคพ์ ระมหากษตั รยิ ท์ ท่ี รงปกครองขอบขณั ฑสมี า นา� ความอดุ มสมบรู ณ์ ความสุข และความเจริญก้าวหน้าสู่พสกนิกร ส่วนสะพานภูมิพล ๒ ตดิ ตัง้ ประติมากรรม “เหนือเกล้า” รูปหยดน้า� เบ้ืองบนมพี ระอุณาโลม สที องประดษิ ฐานบนแทน่ รปู แทง่ ปลายแหลมลอ้ มรอบ อนั สอ่ื ความหมาย ถึงน�้าพระราชหฤทัยขององค์พระมหากษัตริย์ท่ีหยาดลงสู่พสกนิกร ทัว่ ทุกสารทิศ รปู แบบเสาของสะพานยงั มคี วามสงา่ งามดว้ ยการออกแบบทเี่ นน้ เอกลักษณ์ความเป็นไทย รูปทรงเป็นเหลี่ยมเพชรที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากการพนมมือไหว้ จุดท่ีขาท้ังสองข้างของเสาสะพานมาบรรจบกัน เป็นต�าแหน่งท่ีประดับตราสัญลักษณ์งานฉลองราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ส่วนยอดเสาได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของยอดเจดีย์หรือยอดชฎา แสดงความพิสุทธ์ิสูงค่าเปรียบประดุจเพชรพระธ�ามรงค์ท่ีพระบาท สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร พระราชทาน ดว้ ยพระเมตตาแกท่ วยราษฎร์ 160 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

สะพานภมู พิ ล ๑ และสะพานภูมพิ ล ๒ สะพานภมู พิ ล ๑ และสะพานภมู พิ ล ๒ เรม่ิ กอ่ สรา้ งใน พ.ศ. ๒๕๔๕ แลว้ เสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ ไดท้ ดลองเปดิ ใชง้ านเมอื่ วนั พธุ ท่ี ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ในมหามงคลสมัยท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จ เถลิงถวัลยราชสมบัตคิ รบ ๖๐ ปี ๙ มถิ ุนายน ๒๕๔๙ ตอ่ มาเมอื่ วนั พธุ ท่ี ๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมพระราชทานนามสะพานด้านทิศเหนือว่า “สะพานภูมิพล ๑” ใช้ภาษาอังกฤษว่า “Bhumibol Bridge 1” และสะพานดา้ นทิศใต้ว่า “สะพานภมู ิพล ๒” ใชภ้ าษาองั กฤษว่า “Bhumibol Bridge 2” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชด�าเนินโดยเรือพระที่น่ังอังสนา จากท่ีประทับโรงพยาบาลศิริราชไปทรงเปิดถนนวงแหวนอุตสาหกรรม และทรงเปิดประตูระบายน�้าคลองลัดโพธิ์ อ�าเภอ พระประแดง จังหวัดสมทุ รปราการ เมอ่ื วนั พธุ ท่ี ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓ 161

พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระบรมราชานุสรณ์ ณ บริเวณ สวนสขุ ภาพคลองลัดโพธิ์ และสะพานภมู พิ ล ๑ สะพานภมู พิ ล ๒ หลังจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร เสดจ็ พระราชดา� เนนิ ไปทรงเปิดถนนวงแหวน อุตสาหกรรม สะพานภูมพิ ล ๑ สะพานภมู ิพล ๒ และประตูระบายน�้าคลองลัดโพธ์ิ เมอ่ื วนั พธุ ท่ี ๒๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๓ เปน็ โครงการตามพระราชดา� รทิ ป่ี ระสบผลสา� เรจ็ เปน็ ทพี่ อพระราชหฤทยั ยง่ิ ดว้ ยเมอ่ื เสดจ็ พระราชดา� เนนิ กลบั โรงพยาบาลศริ ริ าช พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร มพี ระราชดา� รใิ ห้จัดหาช่างปน้ั และหล่อพระบรมรปู เป็นการ สว่ นพระองค์ เพอ่ื อญั เชญิ ไปประดษิ ฐาน ณ บรเิ วณสวนสขุ ภาพลดั โพธ์ิ สะพานภมู พิ ล ๑ และสะพานภมู พิ ล ๒ อา� เภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมท้ังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ประทับยืนขณะ ทอดพระเนตรโครงการอา่ งเกบ็ นา�้ แมอ่ าวนอ้ ย อา� เภอปา่ ซาง จงั หวดั ลา� พนู เมอ่ื วนั พธุ ท่ี ๑๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เวลา ๑๖.๐๐ น. ใหใ้ ชเ้ ป็นต้นแบบในการปัน้ หลอ่ นับเป็นพระมหากรุณาธคิ ณุ แกก่ ระทรวงคมนาคมเปน็ ล้นเกลา้ ล้นกระหม่อมหาที่สดุ มิได้ กองงานส่วนพระองค์ได้ประสานงานกับกรมทางหลวงชนบทในการจัดหาพ้ืนที่เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปหล่อจ�าลอง กรมทางหลวงชนบทไดด้ �าเนินการออกแบบพื้นทปี่ ระดิษฐานพระบรมรปู และกระทรวงคมนาคมได้น�าข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย ท้ังน้ี ท่ีประดษิ ฐานพระบรมรปู ไดอ้ อกแบบเปน็ รูปเลข ๙ ใจกลางเส้นขมวดของหัวเลข ๙ นัน้ คือแท่นประดิษฐานพระบรมรปู จากน้นั จึงไดเ้ ร่มิ ด�าเนนิ การปรับปรุงพืน้ ที่เพอ่ื ประดิษฐานพระบรมรปู ตั้งแตว่ ันศุกร์ ท่ี ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๖ และด�าเนินการแลว้ เสรจ็ เมือ่ วนั พฤหสั บดี ที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ สว่ นการปัน้ หลอ่ พระบรมรูป กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้นายกิตตชิ ัย ตรีรตั นว์ ชิ ชา ประติมากร เป็นผู้ด�าเนนิ การ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเจิมแผน่ ทอง นาก เงิน เพ่ือนา� ไปประกอบพิธี เททองหล่อพระบรมรูป เมือ่ วนั อังคาร ที่ ๓๐ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เวลา ๑7.๓๐ น. ณ หอ้ งชัน้ ๑๖ อาคารเฉลมิ พระเกียรติ โรงพยาบาลศริ ิราช 162 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด�าเนินแทนพระองค์ไปทรงเททองหล่อ พระบรมรูป ขนาดความสูง ๒ เมตร ๓๐ เซนติเมตร และพระราชทานพระราชานุญาตให้คณะผู้จัดสร้าง และผู้แทนกระทรวง คมนาคมและกรมทางหลวงชนบทเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร เม่ือวันพฤหัสบดี ที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ และเม่ือวันพฤหัสบดี ท่ี ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ กระทรวงคมนาคมและกรมทางหลวงชนบทได้อัญเชิญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระบรมราชานุสรณ์เน่ืองในโอกาสมหามงคลเสด็จ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๔๙ ขนึ้ ประดษิ ฐาน ณ บรเิ วณสวนสขุ ภาพลดั โพธ์ิ สะพานภมู พิ ล ๑ และสะพานภมู พิ ล ๒ อ�าเภอพระประแดง จงั หวดั สมทุ รปราการ โดยมีพิธบี รรจแุ ผน่ ศลิ าจารึกพระราชทานในเวลา ๐๙.๐๐ น. และมีพธิ ีอญั เชญิ พระบรมรูป ขนึ้ ประดษิ ฐานยงั แทน่ ฐานในเวลา ๑๕.๓๙ น. แผน่ ศิลาจารึกเกีย่ วกับพระบรมรูปพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร มีความดงั น้ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มหติ ลาธิเบศรรามาธิบดี จกั รนี ฤบดินทร สยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพติ ร รชั กาลท่ี ๙ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ เสดจ็ ด�ารงสิรริ าชสมบตั ิ ณ วนั ท่ี ๙ มิถนุ ายน พุทธศกั ราช ๒๔๘๙ มพี ระบรมราชโองการเม่อื ทรงรับพระบรมราชาภิเษก “เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพื่อประโยชนส์ ุขแห่งมหาชนชาวสยาม” พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงรกั และทรงหว่ งใยพสกนกิ ร ทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ เสดจ็ พระราชดา� เนนิ ไปทรงเยย่ี มเยยี น และพระราชทานความช่วยเหลอื แกร่ าษฎร นับแต่พุทธศักราช ๒๔๙๕ กลา่ วได้ว่าบนผืนแผ่นดินไทยนี้ ไมม่ ีพนื้ ทใ่ี ดท่พี ระองค์มิเคยเสด็จ พระราชด�าเนนิ แม้จะยากลา� บากพระวรกายสักเพียงใด หากพสกนิกรประสบภัยเดอื ดรอ้ น ทรงบ�าบัดทุกขบ์ �ารุงสขุ ด้วยพระราชหฤทัย ที่ทรงมุ่งม่ัน เด็ดเด่ียว มิทรงย่อท้อต่อความล�าบากยากเข็ญ ทรงเสียสละแม้ประโยชน์และความสุขส่วนพระองค์ เพื่อความสุขของ อาณาประชาราษฎรช์ าวไทย ด้วยพระอจั ฉริยภาพ พระปรีชาในศาสตร์หลายดา้ น บังเกดิ เปน็ แนวพระราชดา� รหิ ลายประการ พทุ ธศักราช ๒๕๓๘ มพี ระราชดา� รสิ รา้ งสะพานภูมิพล ๑ และสะพานภมู ิพล ๒ เชื่อมโยงโครงขา่ ยถนนวงแหวนอตุ สาหกรรมของ กรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล สา� หรบั มหาชนใชย้ วดยานสญั จร กระจายการลา� เลยี งสนิ คา้ ออกไปสภู่ มู ภิ าค เสรมิ สรา้ งความเจรญิ พฒั นา ด้านเศรษฐกิจการพาณชิ ยข์ องประเทศไทย ขณะเดยี วกนั ทรงแกป้ ญั หาอยา่ งเปน็ องคร์ วม ไดม้ พี ระราชดา� รใิ หข้ ดุ ขยายคลองลดั โพธแิ์ ละจดั สรา้ งประตรู ะบายนา้� เพอ่ื บรรเทา ปัญหาอุทกภัยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อันเป็นการบริหารจัดการการจราจรและน�้าในคราวเดียวกัน ยังประโยชน์บริบูรณ์ เกื้อกูลความเจริญนานาทงั้ แกบ่ า้ นเมืองและพสกนกิ รอย่างยัง่ ยนื ด้วยส�านึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมรูปทรงงาน มาประดษิ ฐาน ณ สวนสขุ ภาพลัดโพธิ์ นับเปน็ สริ มิ งคลย่งิ ด้วยความปลม้ื ปีตทิ ี่ได้เกิดมาบนผนื แผน่ ดนิ ไทย พสกนิกรชาวไทยพร้อมใจกัน ประดษิ ฐานพระบรมรปู ทรงงานไวเ้ พ่ือประกาศพระเกยี รตคิ ุณใหป้ รากฏแผไ่ พศาลตราบจริ ัฐิตกิ าล พุทธศักราช ๒๕๕๖ 163

พิพธิ ภณั ฑว์ งแหวนอตุ สาหกรรม การสร้างถนนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล ๑ สะพานภูมิพล ๒ และการประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร อนั เปน็ พระบรมราชานสุ รณเ์ นอ่ื งในโอกาสมหามงคลเสดจ็ เถลงิ ถวลั ย ราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ ท่ีกระทรวงคมนาคมได้ด�าเนินการสนอง พระราชด�าริแล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นที่พอพระราชหฤทัยยิ่ง กระทรวงคมนาคมและ กรมทางหลวงชนบทจงึ ไดจ้ ดั สรา้ งพพิ ธิ ภณั ฑส์ ะพานวงแหวนอตุ สาหกรรมในพน้ื ท่ี ของสวนสุขภาพลัดโพธิ์ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะใต้ทางต่างระดับส่วนกลาง อาคาร พพิ ธิ ภณั ฑม์ ลี กั ษณะเปน็ สถาปตั ยกรรมรว่ มสมยั แบบไทยรามญั พน้ื ท่ี ๘๔๐ ตารางเมตร ภายในอาคารจดั พื้นทกี่ ารจดั แสดงดงั น้ี • ห้องโถงส่วนจัดแสดงพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และภาพงานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี • ห้องฉายวีดิทัศน์วันเสด็จพระราชด�าเนินทรงเปิดประตูระบายน้�าคลอง ลดั โพธิ์ และสะพานภมู พิ ล ๑ สะพานภมู พิ ล ๒ • สว่ นจัดแสดงพระราชกรณียกจิ ทางดา้ นคมนาคม • ห้องชมววิ ๓๖๐ องศาสะพานภูมพิ ล • สว่ นจัดแสดงแบบจา� ลองสะพานภูมิพล • ผลงานของกรมทางหลวงชนบท • สว่ นจดั แสดง “พอ่ มองเห็นเราเสมอ” 164 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

สะพำนตำมแนวพระรำชด�ำริ สะพานพระราม ๘ แม้การสร้างทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีจะช่วยบรรเทาปัญหาการ จราจรไปไดใ้ นระดบั หนง่ึ เนอื่ งจากมชี อ่ งทางจราจรขาเขา้ รวมกนั ทง้ั ถนนพน้ื ราบ และทางคขู่ นานลอยฟา้ ถงึ ๑๐ ชอ่ งทาง แตใ่ นทางกลบั กนั จากถนนราชด�าเนนิ สถู่ นนบรมราชชนนมี ชี อ่ งทางจราจรขาออกถงึ ๑๒ ชอ่ งทาง ถกู บบี ใหเ้ หลอื เพยี ง ๖ ชอ่ งทาง ท�าให้การจราจรในบรเิ วณดงั กลา่ วมลี ักษณะคล้ายคอขวด สง่ ผลให้ บรเิ วณเชงิ สะพานสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ ยงั คงมปี ญั หาการจราจรตดิ ขดั ทง้ั ฝง่ั ธนบรุ ี และฝ่งั ถนนราชดา� เนินตลอดจนบรเิ วณใจกลางเกาะรัตนโกสินทรอ์ ยเู่ สมอ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงพระราชทานแนวพระราชด�าริ เพ่ิมเติมให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกรุงเทพมหานครด�าเนินโครงการสร้าง ถนนยกระดับอรุณอมรินทร์และสะพานข้ามแม่น้�าเจ้าพระยาแห่งใหม่ เพื่อคลี่คลายปัญหาการจราจรบริเวณทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีและ สะพานสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ สะพานขา้ มแมน่ า้� เจา้ พระยาแหง่ ใหมน่ ม้ี ลี กั ษณะ โดดเด่นเป็นสะพานขึงแบบสมมาตร ขนาด ๔ ช่องทางจราจร และทรง พระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทานนามสะพานขา้ มแมน่ า้� แหง่ น้ี วา่ “สะพานพระราม ๘” 165

สะพานพระราม ๙ พระบรมราชานุสรณเ์ น่อื งในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา สะพานพระราม ๙ หรือท่ีรู้จักกันโดยทั่วไปในนาม “สะพานแขวน” สร้างเป็นพระบรมราชานุสรณ์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ และเป็นส่วนหน่ึงของทางด่วน เฉลิมมหานคร ช่วงดาวคะนอง-ท่าเรือ ที่ข้ามแม่น้�าเจ้าพระยาอันเปรียบเสมือนตัวต่อสุดท้ายท่ีท�าให้ทางพิเศษ สายแรกของประเทศไทยเสรจ็ สมบรู ณ์ มีลกั ษณะเป็นสะพานชนดิ Single Plane Type Cable-Stayed Bridge หรอื สะพานขงึ โดยใชส้ ายเคเบลิ ขนาดใหญซ่ งึ่ เปน็ ระนาบเดย่ี วไวก้ บั เสาสงู ของสะพานสา� หรบั รบั นา�้ หนกั ของสะพาน เน่ืองจากทางด่วนเฉลิมมหานคร ช่วงดาวคะนอง-ท่าเรือ จะต้องข้ามแม่น�้าเจ้าพระยาที่บริเวณวัดไทรซึ่งกว้าง ประมาณ ๕๐๐ เมตร สองฝง่ั แมน่ า�้ ยงั มโี กดงั เกบ็ สนิ คา้ อกี ทง้ั ยงั มเี รอื เดนิ ทะเลขนาดใหญว่ งิ่ ผา่ นไปมา ดงั นนั้ สะพาน ข้ามแมน่ ้�าเจ้าพระยาจึงตอ้ งออกแบบให้เปน็ แบบสะพานขงึ กรมเจ้าท่าได้ก�าหนดว่า สะพานดังกล่าวจะต้องมีตอม่ออยู่ในแม่น้�าซ่ึงลึกไม่เกิน ๒ เมตร วัดจากระดับน�้า ตา�่ สุด (- ๑.๗๓ เมตร จากระดบั นา�้ ทะเลปานกลาง) และทอ้ งสะพานจะต้องสงู กวา่ ระดบั สงู สุด (+ ๒.๑๗ จากระดบั น�้าทะเลปานกลาง) ไมต่ า่� กวา่ ๔๑ เมตร บริษัท Peter Fraenkel International Ing. และ Dr. Ing. Hellmut Homberg ซง่ึ เปน็ บรษิ ทั วศิ วกรทป่ี รกึ ษาและบรษิ ทั ออกแบบ ไดอ้ อกแบบสะพานเปน็ แบบ Cable-Stayed Bridge Harp Design โดยมตี วั สะพานยาว ๗๘๒ เมตร มชี ว่ งกลางยาว ๔๕๐ เมตร มคี วามกวา้ ง ๓๑-๓๓ เมตร มสี ายเคเบลิ ขึงเป็นแบบระนาบเด่ียว จ�านวนฝั่งละ ๑๗ คู่ เสาตอม่อฝั่งละ ๔ ต้น แต่ละต้นสูง ๓๕-๔๐ เมตร เสาขึงเคเบิล (Pylon) ต้ังอยู่บนตอมอ่ รมิ แมน่ า�้ สงู ๘๗ เมตร ความลาดของสะพานสูงสดุ ๕ เปอรเ์ ซ็นต์ และเอยี งออกดา้ นข้าง ๒.๕ เปอร์เซ็นต์ ทอ้ งสะพานสูงจากระดบั นา้� สูงสดุ ๔๑ เมตร ปลายสะพานมีเชิงลาดด้านฝ่งั กรุงเทพมหานครยาว ๖๕๐ เมตร ดา้ นฝง่ั ธนบรุ ยี าว ๖๓๐ เมตร การออกแบบเชงิ ลาดของสะพานเปน็ รปู Double T ซงึ่ เปน็ คอนกรตี อดั แรง มีความยาวช่วงละ ๕๐ เมตร กวา้ ง ๑๕ เมตร สองเสน้ ทางคกู่ ัน วนั เสาร์ ที่ ๑ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๗ เรมิ่ การกอ่ สรา้ งสะพาน ใชเ้ วลาสรา้ ง ๓ ปจี งึ แลว้ เสรจ็ ไดร้ บั พระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ว่า “สะพานพระราม ๙” เปิดใช้ อย่างเป็นทางการในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ นับเป็นสะพานเสาขึง ระนาบเด่ียวแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นสะพานขึงท่ีมีช่วงกลางยาวเป็นอันดับสองของโลกในขณะนั้น นอกจากนี้ สะพานพระราม ๙ ยังมีลักษณะพิเศษคือ เสาตอม่อ (Pylon Pier) ของสะพานภายในมีบันไดและ ลิฟต์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ตรวจสอบและซ่อมบ�ารุงได้ บนยอดเสาขึงเคเบิลฝั่งพระนคร นายจรัญ บุรพรัตน์ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยในสมัยนั้นได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นประดิษฐานไว้ เม่ือวันเสาร์ ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ 166 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

ทางพเิ ศษเฉลิมมหานคร ทางพเิ ศษศรีรัช ทำงพิเศษตำมแนวพระรำชด�ำริ ทางพเิ ศษเกดิ ขนึ้ จากแนวพระราชดา� รขิ องพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร เพอ่ื เชอ่ื มเสน้ ทาง การคมนาคมขนส่งระหว่างภาคต่าง ๆ ของประเทศเข้าด้วยกัน โดยไม่ต้องเดินทางผ่านใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร การทาง พเิ ศษแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม รับผิดชอบการจดั สร้าง ปจั จบุ ันเปิดให้บรกิ ารแลว้ จา� นวน ๙ เสน้ ทาง รวมระยะทาง ประมาณ ๒๘๑ กโิ ลเมตร มปี ริมาณการจราจรทใี่ ช้ทางพเิ ศษเฉลีย่ วันละ ๑.๘ ลา้ นเท่ียว (ข้อมลู ณ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนามอันเปน็ มงคลให้ 7 เสน้ ทาง ประกอบดว้ ย • ทางพเิ ศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษสายแรกของประเทศไทย (ระบบทางดว่ นขน้ั ท่ี ๑) เปิดให้บรกิ ารเปน็ ครัง้ แรกเมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ ระยะทาง ๒๗.๑ กโิ ลเมตร ประกอบด้วย สายดินแดง - ทา่ เรือ สายบางนา - ทา่ เรอื และสายดาวคะนอง - ทา่ เรือ • ทางพเิ ศษศรรี ชั (ระบบทางดว่ นขนั้ ที่ ๒) เปดิ ใหบ้ รกิ ารเปน็ ครงั้ แรกเมอ่ื วนั ท่ี ๒ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๖ ระยะทาง ๕๕.๑ กโิ ลเมตร เพอ่ื ลดปญั หาการจราจรบรเิ วณทางแยกดนิ แดง ทางแยกตา่ งระดบั มกั กะสนั และทางแยกตา่ งระดบั คลองเตย • ทางพเิ ศษฉลองรชั เปดิ ใหบ้ รกิ ารเมือ่ วนั ท่ี ๖ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ระยะทาง ๒๘.๒ กิโลเมตร เพ่ือแบ่งเบาการจราจร บนถนนรามอนิ ทราและยา่ นใจกลางเมอื งโดยไมต่ อ้ งผา่ นถนนทมี่ กี ารจราจรตดิ ขดั เชน่ ถนนลาดพรา้ ว ถนนพระราม ๙ ถนนเพชรบุรี และช่วยระบายการจราจรบนทางพิเศษเฉลิมมหานคร • ทางพเิ ศษอดุ รรถั ยา (บางปะอนิ - ปากเกรด็ ) เปดิ ใหบ้ รกิ ารเปน็ ครงั้ แรกเมอื่ วนั ท่ี ๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ระยะทาง ๓๒ กิโลเมตร เป็นทางพิเศษรับปริมาณการจราจรจากใจกลางเมืองมาเช่ือมกับถนนกาญจนาภิเษก ซ่ึงเป็น ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก และยังช่วยระบายการจราจรบนถนนสายหลัก เช่น ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนวิภาวดีรังสิต • ทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา - ชลบุรี) เปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ ระยะทาง ๕๕ กิโลเมตร เพอ่ื แกไ้ ขการจราจรบนทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข ๓๔ ช่วงบางนา - บางปะกง รวมทั้งชว่ ยสง่ เสรมิ การพัฒนาพืน้ ที่ชายฝัง่ ทะเลด้านตะวนั ออกของประเทศ และบรเิ วณท่าอากาศยานสวุ รรณภูมิ • ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสด์ิ) เปิดให้บริการโดยยกเว้นการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษชั่วคราว ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ และเปิดให้บริการโดยเก็บค่าผ่านทาง ในวันท่ี ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ระยะทาง ๓๔ กิโลเมตร เพ่ือบรรเทาปัญหาการจราจรบรเิ วณถนนบางนา - ตราด ถนนเทพารักษ์ ถนนศรีนครนิ ทร์ ถนนสขุ มุ วทิ ถนนสขุ สวสั ดิ์ ถนนพระราม ๒ และบรเิ วณใกลเ้ คยี ง รวมทง้ั ทา� ใหถ้ นนกาญจนาภเิ ษกซง่ึ เปน็ ถนนวงแหวน รอบนอกกรุงเทพมหานครครบระบบโดยสมบรู ณ์ • ทางยกระดบั อุตราภมิ ุข (ดินแดง - ดอนเมือง - หลกั ส่ี - อนสุ รณส์ ถาน - รงั สิต) หรอื ทีเ่ รียกกนั ในช่ือดอนเมอื ง โทลล์เวย์ เปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นทางยกระดับเหนือถนนวิภาวดีรังสิต มรี ะยะทางรวมประมาณ ๒๘ กโิ ลเมตร เพอ่ื บรรเทาปญั หาการจราจรบนถนนวิภาวดรี งั สิตและถนนพหลโยธิน สว่ นทางพเิ ศษที่ไม่ได้พระราชทานนาม มี ๒ เสน้ ทาง คอื • ทางพเิ ศษสายบางนา - อาจณรงค์ เปดิ ใหบ้ รกิ ารเมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๔๘ ระยะทาง ๔.๗ กโิ ลเมตร เชอื่ มตอ่ ทางพเิ ศษบรู พาวิถีกับทางพิเศษฉลองรชั และทางพเิ ศษเฉลมิ มหานคร ทา� ให้เป็นโครงข่ายทางพเิ ศษทสี่ มบูรณ์ยงิ่ ข้ึน • ทางพิเศษศรีรัช - กาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการเมื่อวันท่ี ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ระยะทาง ๑๖.๗ กิโลเมตร เช่ือมโครงข่ายทางพิเศษไปทางด้านตะวันตกของกรุงเทพมหานคร และปรมิ ณฑล ทา� ใหก้ ารเดนิ ทางระหว่างกรุงเทพมหานครกับจังหวดั ใกลเ้ คียงคลอ่ งตัวย่ิงขนึ้ 16๗

168 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

แนวพระรำชดำ� ริอน่ื ๆ ท่เี ก่ยี วเน่ืองกบั กำรคมนำคม ตำ� รวจจรำจรในพระรำชดำ� ริ จุดเร่ิมต้นของโครงการต�ารวจจราจรในพระราชด�าริเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระศรี- นครนิ ทราบรมราชชนนี ทที่ รงหว่ งใยพสกนกิ รทไี่ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นจากปญั หาการจราจรในเขต กรงุ เทพมหานคร จงึ มพี ระราชดา� รเิ พอ่ื บรรเทาปญั หาดว้ ยการพระราชทาน โครงการสายตรวจ รถจกั รยานยนตข์ องตา� รวจนครบาล ใน พ.ศ. ๒๕๓๗ เพอ่ื ใหเ้ ปน็ หนว่ ยเคลอ่ื นทเ่ี รว็ ในการ แกป้ ญั หาจราจร และพระราชทานพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองคร์ ว่ มกบั สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทรา บรมราชชนนี จา� นวน ๒๓ ลา้ นบาท แกก่ รมตา� รวจ (ปจั จบุ นั คอื สา� นกั งานตา� รวจแหง่ ชาต)ิ เพอ่ื นา� ไปจดั ซอ้ื รถจกั รยานยนตเ์ ปน็ “หนว่ ยเคลอื่ นทเ่ี รว็ ” และเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการซอื้ วทิ ยสุ อ่ื สาร คา่ เบยี้ เลย้ี ง ฯลฯ นอกจากนย้ี งั ไดพ้ ระราชทานแนวทางการปฏบิ ตั ใิ นโครงการนี้ ๕ ประการ คอื ๑. แสวงหาแนวทางให้ผูใ้ ชร้ ถใชถ้ นนเคารพกฎจราจรและมมี ารยาท ๒. ใชร้ ถจกั รยานยนตเ์ ปน็ หนว่ ยเคลอ่ื นทเี่ รว็ แกป้ ญั หาจดุ ทร่ี ถตดิ เสมอื น “รถนา� ขบวน” พระราชทานพระราชทรพั ยส์ ว่ นพระองค์ โดยรถจกั รยานยนต์จะเขา้ ไปแกไ้ ขปัญหาทา� ให้ขบวนรถเคลอื่ นทไ่ี ปได้ ส�าหรบั ซ้ือจักรยานยนต์ ๓. ใช้รถจักรยานยนตด์ แู ลการจราจรบนถนน ให้รถเคลือ่ นตวั ไปได้เรอ่ื ย ๆ ตามความเหมาะสม ๔. ถนนทเี่ ป็น “คอขวด” ใหร้ ถจกั รยานยนต์เข้าไปแก้ไขใหเ้ คล่ือนตัวไดเ้ รอ่ื ย ๆ เสมือนเทน�้าออกจากขวด ๕. ให้ประชาชนผู้ใชร้ ถใช้ถนนให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการจราจร นอกจากน้ี ส�านักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ท�าหน้าที่ ส�าคัญในการดูแลแก้ไขปัญหาจราจรในภาพรวมของประเทศ ได้น้อมน�าแนวพระราชด�าริการแก้ไขปัญหาจราจรมาประยุกต์ รว่ มกับการปฏิบตั ภิ ารกจิ ด้านการเสนอแนะนโยบายและจดั ทา� แผนหลกั แผนแม่บท และยทุ ธศาสตร์การพัฒนาระบบการขนส่ง และจราจร ความปลอดภัย และสิง่ แวดล้อมในระบบการขนสง่ ของประเทศใหเ้ ปน็ เอกภาพ กำรปลูกหญำ้ แฝกบ�ำรงุ ทำง โครงการปลูกหญ้าแฝก เป็นหน่ึงในโครงการพระราชด�าริให้หน่วยงานต่าง ๆ ด�าเนินการศึกษาทดลองว่ามีประโยชน์ ในการด�าเนินกจิ การของหนว่ ยงานนัน้ ๆ อย่างไรบ้าง กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทไดน้ อ้ มนา� พระราชดา� รไิ ปดา� เนนิ การ โดยกา� หนดนโยบายใหห้ นว่ ยงานดา้ นบา� รงุ ทาง และก่อสร้างทาง โดยเฉพาะทางหลวงท่ีตัดใหม่ให้ใช้การปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินลาดคันทางและ ลาดเหนือคันทางในสายทางต่าง ๆ เน่ืองจากคุณสมบัติของหญ้าแฝกเป็นพืชท่ีมีระบบรากลึก แผ่กระจายลงไปในดินตรง ๆ เป็นแผงเหมือนกา� แพง จึงช่วยกรองตะกอนดนิ และรักษาหนา้ ดินได้เป็นอย่างดี เพอ่ื เปน็ การป้องกันความเสยี หายท่จี ะเกิดขึน้ กรมทางหลวงไดน้ า� เทคนคิ วธิ กี ารปลกู หญา้ แฝกมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปอ้ งกนั การชะลา้ งพงั ทลายของดนิ ลาดคนั ทาง ตงั้ แต่ พ.ศ. ๒๕๓๖ จนถึงปจั จุบัน ซงึ่ ประหยัดงบประมาณดา้ นการบ�ารุงรกั ษาได้เปน็ อย่างดี 169

แนวพระรำชดำ� ริทำงน้�ำ 1๗0 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

การคมนาคมทางน�้ายังคงเปน็ เสน้ ทางสญั จรสา� คญั ของประชาชนเหมอื นทีเ่ คยเปน็ มาในอดีต แม้ในเวลาต่อมา เสน้ ทางนา้� ได้เปล่ียนรูปแบบการใช้งานไปจากเดิมบ้าง แต่สายน�้ายังคงเป็นสิ่งส�าคัญในการด�ารงชีวิต โดยเฉพาะน้�าสะอาดปราศจาก สารเจือปน ไม่ว่าจะเปน็ นา�้ จากแม่น�้าลา� คลอง หรอื แมแ้ ตน่ ้�าในทะเล พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงให้ความสา� คญั ตอ่ การพฒั นาประเทศ พร้อม ๆ กับ การรักษาสภาพแวดล้อม ตลอดจนการป้องกันและแก้ไขมลภาวะทางน้�า ทรงห่วงใยในการพัฒนาทรัพยากรน�้า อีกทั้งปัญหา สิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด มีโครงการในพระราชด�าริที่เก่ียวข้องกับการพัฒนาแหล่งน�้ามากมายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ไม่ว่า จะเปน็ การกกั เกบ็ นา้� การขดุ ลอกคลองระบายนา้� การบา� บดั นา�้ เสยี ดว้ ยวธิ ตี า่ ง ๆ รวมถงึ การรกั ษาสภาพลา� นา้� ใหส้ มบรู ณ์ เนอ่ื งจาก ทรงเล็งเห็นว่า “น้�าคือชีวิต” ดังความตอนหน่ึงในพระราชด�ารัสที่พระราชทานแก่คณะผู้บริหารส�านักงานคณะกรรมการพิเศษ เพอ่ื ประสานงานโครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชด�าริ (กปร.) ว่า “...หลักส�าคัญว่า ต้องมีน้�าบริโภค น�้าใช้ น�้าเพ่ือการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน�้า คนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน�้า คนอยไู่ ม่ได้ ไม่มไี ฟฟ้าคนอยูไ่ ด้ แต่ถา้ มไี ฟฟา้ ไมม่ ีน�้า คนอย่ไู มไ่ ด…้ ” พระราชด�ารสั พระราชทานแก่คณะผบู้ รหิ ารสา� นักงานคณะกรรมการพเิ ศษ เพอ่ื ประสานงานโครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดา� ริ ณ พระต�าหนกั จิตรลดารโหฐาน วนั จนั ทร์ ท่ี ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ 1๗1

โครงการพระราชดา� รจิ งึ มงุ่ เนน้ เรอ่ื งการพฒั นาแหลง่ นา้� นอกจากเพอ่ื ใหป้ ระชาชน ไดม้ นี า้� สา� หรบั ใชอ้ ปุ โภคและบรโิ ภค รวมถงึ การใชน้ า้� เพอื่ การเกษตรกรรมแลว้ ยงั พฒั นา เสน้ ทางนา้� เพอ่ื การคมนาคมขนสง่ ของประเทศ โดยรกั ษาสภาพแวดลอ้ มควบคกู่ นั ไปดว้ ย กระทรวงคมนาคมซ่ึงรับผิดชอบเส้นทางคมนาคมขนส่งทางน�้าของประเทศ ได้สนองพระราชด�าริในด้านการรักษาสภาพแวดล้อมและคุณภาพของแหล่งน�้า ควบคูไ่ ปด้วยเช่นกัน กำรพัฒนำแหล่งนำ้� อันเนือ่ งมำจำกพระรำชด�ำริ มีหลกั และวธิ กี ารที่สา� คญั ๓ ประการ คือ • ประการแรก การพัฒนาแหล่งน้�าจะเป็นรูปแบบใด ต้องเหมาะสมกับ รายละเอียดของสภาพภมู ิประเทศ • ประการทสี่ อง การพจิ ารณาวางโครงการพฒั นาแหลง่ นา�้ ใด ตอ้ งเหมาะสม กับสภาพแหลง่ นา้� ธรรมชาตทิ มี่ ีในแตล่ ะท้องถิ่น • ประการท่ีสาม การพิจารณาถึงความเหมาะสมในด้านเศรษฐกิจและ สงั คมของทอ้ งถนิ่ ตอ้ งหลกี เลยี่ งการเขา้ ไปสรา้ งปญั หาความเดอื ดรอ้ นใหก้ บั คนกลุ่มหน่ึงแต่สร้างประโยชน์ให้กับคนอีกกลุ่มหน่ึง ไม่ว่าประโยชน์ทาง ดา้ นเศรษฐกิจเกย่ี วกับการลงทนุ น้ันจะมคี วามเหมาะสมเพียงใดกต็ าม ส่วนการพัฒนาแหล่งน�้าเสียท่ีเป็นปัญหาเกิดข้ึนในทุกเมืองท่ีมีความแออัด เนื่องจากจ�านวนประชากร รถยนต์ ชุมชน หมู่บ้าน ห้างสรรพสินค้า และอุตสาหกรรม ต่าง ๆ เพ่ิมขึ้น ประกอบกับเส้นทางน้�าที่เดิมต่อเช่ือมถึงกันตลอดเส้นทางก็ตื้นเขิน ขนาดแคบลง ถูกรุกล้�าพื้นท่ีริมคลอง ถูกถมเป็นถนน หรือเกิดการสะสมของ สิง่ ปฏิกลู และสารเคมีตา่ ง ๆ ล้วนท�าใหเ้ กดิ ปญั หานา�้ เนา่ เสีย ส่งกลนิ่ เหม็นและเป็นพิษ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงตระหนักถึง ปัญหาที่เกิดขึ้น จึงพระราชทานแนวพระราชด�าริในการแก้ไข ด้วยการใช้ “น�้าดีไล่ น้�าเสีย” โดยใช้หลักการตามธรรมชาติแห่งแรงโน้มถ่วงของโลก (Gravity Flow) ในการแก้ไขมลพิษทางน�้า เช่น การน�าน�้าท่ีมีคุณภาพดีจากแม่น้�ามาช่วยผลักดัน และเจือจางน้�าเน่าเสียให้ออกจากแหล่งน�้าของชุมชนภายในเมืองตามคลองต่าง ๆ ท่ีบางส่วนยังใช้เป็นทางสัญจรของประชาชนด้วย ผลดีที่ตามมาคือการท�าให้น้�า ตามล�าคลองต่าง ๆ ได้มีโอกาสไหลเวียนถ่ายเทกันมากขึ้น ท�าให้น�้าที่มีสภาพทรง อยู่กับท่ีและเน่าเสียกลับกลายเป็นน�้าท่ีมีคุณภาพที่ดีข้ึน กำรพัฒนำเสน้ ทำงน้�ำอนั เนือ่ งมำจำกพระรำชดำ� ริ แนวพระราชด�าริด้านเส้นทางน้�าท่ีเกี่ยวข้องกับการคมนาคมและการบรรเทา ทุกข์แก่ราษฎร มีตัวอย่างเช่น ใน พ.ศ. ๒๕๓๑ มีพระราชประสงค์ให้กรมเจ้าท่า ขดุ ลอกรอ่ งน�้าบริเวณอา่ วปากพนัง รวมถงึ คลองหนา้ โกฏิ คลองทา่ พญา คลองฉกุ เฉนิ คลองปากระวะ คลองแพรกเมือง ท่ีอ�าเภอหัวไทร และอ�าเภอปากพนัง จังหวัด นครศรีธรรมราช เน่ืองจากพื้นท่ีบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายจากฝนท่ีตกหนัก ติดต่อกัน ท�าให้พ้ืนท่ีเพาะปลูกบริเวณท่ีลุ่มมีน�้าท่วมขัง การขุดลอกร่องคลองจึงช่วย ท�าให้การระบายน้�าในแม่น้�าปากพนังไหลลงสู่ทะเลได้เร็วขึ้น สามารถบรรเทาความ เสียหาย ตลอดจนช่วยอ�านวยความสะดวกในการสัญจรทางน�้าของชาวบ้านในพ้ืนที่ ป้องกันการเกดิ ปญั หาเรอื ติดสันดอนในชว่ งเวลาท่นี �า้ ตืน้ เขิน 1๗2 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

1๗3

1๗4 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

กำรขจดั มลพิษทำงทะเล การคมนาคมขนสง่ ทางนา�้ โดยเฉพาะทงั้ ในทะเลและมหาสมทุ ร ถอื เปน็ เสน้ ทาง ส�าคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยต้องพัฒนา ประสิทธิภาพของเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศ โดยมีท่าเรือท่ีมีความทันสมัยและ มมี าตรฐานระดบั สากล เช่น ท่าเรอื กรงุ เทพ ท่าเรอื แหลมฉบงั และทา่ เรอื ระนอง อย่างไรก็ตาม แม้กรมเจ้าท่า (กรมการขนส่งทางน้�าและพาณิชยนาวีในอดีต) มีการบรหิ ารจัดการขนส่งอย่างดี ก็อาจมีเหตกุ ารณ์ที่เหนือความควบคมุ เซน่ การเกดิ อุบัติเหตุเรือขนส่งสินค้า อันส่งผลท�าให้มีน�้ามันร่ัวลงสู่ทะเล ก่อให้เกิดมลพิษทางน้�า จากนา้� มนั ซ่งึ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบโดยตรงท้ังกับทรพั ยากรในทะเล พืน้ ทีช่ ายฝงั่ และ สิง่ แวดล้อม อันเปน็ ปญั หาท่ีตอ้ งไดร้ ับการแก้ไขอย่างเรง่ ดว่ น พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงเหน็ ถึง ปัญหาของมลพิษท่ีเกิดขึ้นจากการเดินเรือในน่านน�้า ท่ีจะส่งผลกระทบอย่างส�าคัญ ต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลและต่อประชาชนผู้อยู่อาศัยริมทะเลตลอดจนชาวประมง จึงทรงติดตามข้อมูลข่าวสารการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ตลอดเวลา โดยเฉพาะกรมเจา้ ทา่ ซง่ึ มภี าระหนา้ ทโ่ี ดยตรงในการปอ้ งกนั และแกป้ ญั หา มลพิษทางทะเล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระราชด�ารัสเก่ียวกับการป้องกันและขจัดมลพิษที่พระราชทานแก่กรมเจ้าท่า เมือ่ วนั พุธ ท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๙ ความตอนหนึง่ ว่า “...ปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม อันเนื่องมาจากมลพิษ หรือความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเกิดข้ึนในที่หนึ่งที่ใดก็ตาม ย่อมส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงท่ีอ่ืน ๆ ด้วย. เหตุน้ี ทุกคนทุกประเทศในโลก จึงย่อมมีส่วนรับผิดชอบอยู่ด้วยกัน ทั้งในการแก้ไข ลดปัญหา และปรับปรุง สร้างเสริมสภาวะแวดล้อมให้กลับคืนมาสู่สภาพอันจะเอ้ือต่อการมีชีวิตอยู่ อยา่ งเป็นสขุ ของตนเองและเพื่อนมนษุ ย์...” พระราชด�ารัส พระราชทานแกก่ รมเจา้ ท่า เมื่อวนั พุธ ที่ ๒๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่ออัญเชิญไปลงตีพมิ พ์ในหนังสือทีร่ ะลึกในพธิ รี บั มอบเรอื ขจดั คราบน้า� มันเด่นสทุ ธิ กรมเจ้าท่าตระหนักถึงความส�าคัญของปัญหามลพิษทางน�้า จึงได้สนองแนว พระราชด�าริในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้�าและส่ิงแวดล้อมด้วยการด�าเนินนโยบาย ในด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมทางน�้ามาอย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หามลพษิ ทางนา�้ จากนา้� มนั ไดจ้ ดั หาเรอื ขจดั มลพษิ ทางนา้� จา� นวน ๒ ลา� คือ เรอื เดน่ สุทธแิ ละเรือชลธารานรุ ักษ์ เพอ่ื ใชจ้ ดั การปอ้ งกัน และขจัดมลพิษทางนา�้ ใน ๓ พ้ืนทีห่ ลกั คอื • ฝั่งอ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีถึงจังหวัดตราด รวม ๙,๕๐๐ ตารางกิโลเมตร • ฝง่ั ทะเลอนั ดามนั จงั หวดั ระนองถงึ จงั หวดั สตลู รวม ๑๒,๐๐๐ ตารางกโิ ลเมตร • และฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ถึงจังหวัดนราธิวาส รวม ๒๕,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร 1๗5

พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร เสดจ็ ฯ ไปทรงเจมิ เรือเด่นสุทธิ เมอื่ วนั อังคาร ท่ี ๒๕ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๐ เรือเด่นสทุ ธิ พระบรมรำชำนสุ รณ์เนอื่ งในโอกำสพระรำชพธิ ีกำญจนำภิเษก เรอื เดน่ สทุ ธเิ ปน็ เรอื อเนกประสงค์ ขนึ้ ประจา� การครงั้ แรกใน พ.ศ. ๒๕๔๐ จากโครงการความชว่ ยเหลอื ของรฐั บาลเดนมารก์ ในการจดั สรา้ งเรอื พรอ้ มอปุ กรณข์ จดั คราบนา้� มนั ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ รฐั บาลไทยและรฐั บาลเดนมารก์ รว่ มกนั นอ้ มเกลา้ นอ้ มกระหมอ่ ม ถวายเรือเพอ่ื ขจดั คราบนา้� มันดงั กลา่ ว ในโอกาสพระราชพธิ กี าญจนาภเิ ษก ทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงครองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทานนามอนั เปน็ มงคลแก่ เรอื ขจดั คราบนา้� มนั ลา� นว้ี า่ “เดน่ สทุ ธ”ิ และเสดจ็ พระราชดา� เนนิ ไปทรงรบั มอบเรอื เมอ่ื วนั องั คาร ท่ี ๒๕ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๔๐ พร้อมกับทรงเจิมเรือเพ่ือความเป็นสิริมงคล และทรงรับฟังการบรรยายสรุปสมรรถนะ ตลอดจนรายละเอียดเก่ียวกับอุปกรณ์ ขจัดคราบนา้� มนั ของเรอื เดน่ สทุ ธิอนั นบั เปน็ พระมหากรณุ าธคิ ุณอย่างหาทีส่ ุดมิไดแ้ ก่กรมเจ้าท่า เรือเด่นสุทธิเป็นเรือส�าหรับขจัดมลพิษทางน�้าเนื่องจากน้�ามัน (Antipollution Vessel) มีขนาด ๒๑๓ ตันกรอส กว้าง ๗.๘๐ เมตร ยาว ๓๐.๘๐ เมตร ลกึ ๓.๒๐ เมตร กนิ น�้าลกึ ๒.๒๕ เมตร มภี ารกิจหลกั ในการป้องกนั และขจดั มลพิษทางน�้า เนอื่ งจากนา�้ มนั ในนา่ นนา้� ไทย และในพนื้ ทขี่ องทะเลอา่ วไทยตอนบน รวมถงึ ในแมน่ า�้ เจา้ พระยาตอนลา่ ง วธิ กี ารและอปุ กรณท์ ป่ี ระจา� อยู่ในเรือ ได้แก่ การล้อมกักคราบน้�ามันในน้�าโดยใช้ทุ่นกักน�้ามัน (Boom) การเก็บคราบน้�ามันข้ึนจากผิวน้�าโดยใช้อุปกรณ์ เก็บคราบน้�ามัน (Skimmer) การเก็บและขนส่งคราบน้�ามันท่ีเก็บได้โดยบรรจุคราบน�้ามันไว้ในถังเก็บของเรือ และการขจัด คราบน�้ามันด้วยสารเคมีขจัดคราบน้�ามัน ตลอดจนภารกิจรองที่สามารถให้การสนับสนุนการปฏิบัติการทางน�้าด้านอ่ืน ๆ เช่น การช่วยดบั เพลิงในทะเล การตรวจการณ์ทางทะเล ตลอดจนการคน้ หาและชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภยั ทางทะเล นอกจากนี้ กรมเจ้าท่ายังได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเดนมาร์กในการอบรมบุคลากรของกรมเจ้าท่าให้มีความรู้เกี่ยวกับ การป้องกนั และการแก้ปญั หามลพษิ ทางน�้าด้วย 1๗6 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ไปทรงเจิมเรือชลธารานุรกั ษ์ เมอ่ื วนั จนั ทร์ ที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ เรือชลธำรำนุรักษ์ นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๐ ที่เรือเด่นสุทธิได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ และท�าภารกิจในการขจัด คราบน้�ามันในทะเลอย่างดีย่ิงมาโดยตลอด เพ่ือให้การดูแลรักษาส่ิงแวดล้อมทางทะเลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น กรมเจ้าท่าจึงได้ต่อเรืออเนกประสงค์ขึ้นอีกหน่ึงล�า ก�าหนดให้มีขนาดใหญ่กว่าเรือเด่นสุทธิ เพื่อท�าหน้าท่ีหลัก ในการขจัดคราบน�้ามัน ช่วยดับเพลิงในบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน พร้อมท้ังมีภารกิจเสริมในการช่วย ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ในสภาวะปกติเรือขจัดคราบน�้ามันล�าที่ ๒ น้ีใช้ฝึกอบรมบุคลากร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้มีความรู้ความเข้าใจและมีประสบการณ์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษ ทางน้�าอย่างต่อเนื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมพระราชทานนามแก่เรือล�าน้ีว่า “ชลธารานุรักษ์” และเม่ือวันจันทร์ ท่ี ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้เสด็จพระราชด�าเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร สยามบรมราชกุมารี ไปทรงเจิมป้ายชื่อเรือชลธารานุรักษ์ ที่ศูนย์ฝึกพาณิชยนาวี อ�าเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อความเป็นสิริมงคล เรือชลธารานุรักษ์เป็นเรือที่ท�าหน้าที่ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลล�าท่ี ๒ ต่อสร้างโดยอู่เรือ ภายในประเทศ ใช้เวลา ๗๒๐ วัน มีขนาด ๒๙๒.๕๓ ตันกรอส กว้าง ๘ เมตร ยาว ๔๑.๘๕ เมตร กินน�้าลึก ๒.๒๐ เมตร ความเร็วสูงสุดไม่ต่�ากว่า ๑๘ นอต มีห้องเก็บเสบียงอาหารและน้�าจืดเพียงพอส�าหรับ อยู่ปฏิบัติงานในทะเลได้ไม่น้อยกว่า ๗ วัน มีเจ้าหน้าที่ประจ�าเรือทั้งหมด ๒๑ นาย 1๗๗

แนวพระรำชด�ำริทำงอำกำศ 1๗8 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

การคมนาคมทางอากาศเปน็ เสน้ ทางคมนาคมทส่ี ามารถยน่ ระยะเวลาในการเดนิ ทางรวดเรว็ มากกวา่ การคมนาคมประเภทอนื่ เพิ่มความสะดวกในการสัญจรและการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ยงั ทรงน�าข้อดขี องการคมนาคมทางอากาศมาใชอ้ �านวยความสะดวกและการพฒั นาดา้ นเกษตรกรรมของราษฎร อีกท้ังช่วยบรรเทาความทุกข์ร้อนจากภัยแล้งอันเป็นปัญหาท่ีรอการแก้ไขมาอย่างยาวนาน ซ่ึงกระทรวงคมนาคมได้มีส่วน สนองพระราชดา� รใิ นการนดี้ ว้ ย ทง้ั ในด้านการรวบรวมข้อมูลและการใชพ้ น้ื ทีท่ ่าอากาศยานเป็นฐานปฏบิ ัติการ ฝนหลวงหลั่งจำกน�้ำพระรำชหฤทัย จุดเริ่มต้นของฝนหลวงเกิดขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสดจ็ พระราชดา� เนนิ ไปทรงเยยี่ มราษฎรในภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทรงสงั เกตเหน็ วา่ มกี ลมุ่ เมฆปรมิ าณมากปกคลมุ อยเู่ หนอื พนื้ ที่ รอบเสน้ ทางบนิ แตไ่ มส่ ามารถกอ่ ตวั ใหเ้ กดิ เปน็ ฝนได้ จงึ มพี ระราชดา� รวิ า่ นา่ จะมวี ธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตรช์ ว่ ยใหเ้ กดิ การรวมตวั กนั ของเมฆทจ่ี ะทา� ใหเ้ กดิ เปน็ ฝนตกลงมาได้ นบั จากนน้ั จงึ ทรงศกึ ษาคน้ ควา้ เกยี่ วกบั การทา� ฝนหลวงมาโดยตลอด จนกระทงั่ พ.ศ. ๒๕๑๒ ทรงทดลองท�าฝนหลวงส�าเร็จเป็นครั้งแรกท่ีอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ�าเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และทรงมอบหมาย ใหก้ ระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหนว่ ยงานทดี่ ูแลรบั ผิดชอบเรือ่ งการจัดท�าฝนหลวงในทกุ พ้นื ท่ีที่เหมาะสมของประเทศไทย บริษัท การบินไทย จ�ากดั (มหาชน) ไดร้ ่วมปฏิบตั ิงานด้านการท�าฝนหลวงถวายในชว่ งปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๑ จนถึงต้นปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ซ่ึงขณะนั้นภาคเหนือของประเทศไทยก�าลังประสบกับภัยแล้ง ปริมาณน้�าในเขื่อนเริ่มลดลงถึงข้ันวิกฤต และ ทนี่ า่ เปน็ หว่ งคอื ความแหง้ แลง้ ไดเ้ รมิ่ แผข่ ยายไปยงั ภาคกลางและภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทา� ใหเ้ กษตรกรไมส่ ามารถทา� การเกษตรได้ ในชว่ งเดยี วกนั นี้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร เสดจ็ พระราชดา� เนนิ โดยเครอื่ งบนิ พระทนี่ งั่ ไปพระราชทานปริญญาบัตรท่ีจังหวัดเชียงใหม่ ขณะประทับเครื่องบินพระท่ีน่ัง มีพระราชด�าริที่จะท�าฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหา ภัยแล้งดังกล่าว 1๗9

จากน้ันกองงานส่วนพระองค์ได้ประสานงานกับบริษัท การบินไทย จ�ากัด (มหาชน) ให้ช่วยด�าเนินการถ่ายภาพ โดยส่งช่างภาพข้ึนไปถ่ายภาพ กลุ่มเมฆท่ีเคลื่อนตัวแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงจากห้องนักบิน ในเส้นทาง การบินโดยสารปกติ เทยี่ วบนิ TG 100 กรุงเทพฯ - เชยี งใหม่ นบั ตง้ั แต่วนั พุธ ที่ ๒๘ มกราคม ถึงวันพุธ ที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒ เน่ืองจากหากส่ง เครื่องบินของหน่วยราชการขึ้นไปถ่ายภาพ เกรงว่าจะเป็นการส้ินเปลือง งบประมาณแผน่ ดนิ พรอ้ มกับมีรบั สง่ั ผ่านผสู้ นองงานมาวา่ “ฝากบอกช่างภาพด้วยว่า ถ่ายเฉพาะเมฆ Cumulus หมอกแดด ไมต่ ้องถา่ ย” ข้อมูลที่บันทึกในแต่ละวันจะน�าส่งต่อให้แก่กองงานส่วนพระองค์น�าขึ้น ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นประจ�าทุกวัน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลส่วนหนึ่งใน การวิเคราะห์ติดตามผลการท�าฝนหลวงและสังเกตสภาพอากาศในแต่ละวัน โดยเปา้ หมายของการทา� ฝนหลวงคอื ทา� ใหฝ้ นตกเหนอื เขอ่ื นภมู พิ ลและทรี่ าบลมุ่ ภาคกลาง เพอื่ ใหส้ ามารถบรรเทาภาวะฝนแลง้ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ ตา� ราฝนหลวง 180 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

การถ่ายภาพกลุ่มเมฆระยะแรกใช้กล้องถ่ายภาพท่ีใช้ฟิล์มขนาด ๑๓๕ มม. ต่อมา เปลี่ยนมาใช้กล้องดิจิทัลและจัดท�าเป็นรายงานในคอมพิวเตอร์ท้ังหมด ท�าให้การปฏิบัติงาน รวดเร็วข้ึน นอกจากนั้นมีการปรับเปลีย่ นชว่ งเวลาการถ่ายภาพกล่มุ เมฆจากเที่ยวบนิ ช่วงเช้า เปน็ ชว่ งบา่ ย ท�าให้เหน็ ภาพการรวมตวั ของกลุม่ เมฆไดช้ ัดเจนขน้ึ ภายหลังจากที่มีข้อมูลเพียงพอแล้ว จึงเริ่มกระบวนการท�าฝนหลวงตามแนว พระราชด�าริ และเป็นที่น่ายินดีท่ีการปฏิบัติงานในคร้ังนั้นประสบผลส�าเร็จเป็นอย่างย่ิง ฝนตกเหนอื เขอื่ นภมู พิ ลตามพระราชประสงค์ สายนา�้ แหง่ ฝนหลวงนา� ความชมุ่ ชน่ื มาสแู่ ผน่ ดนิ สู่คนไทย และยังความชุ่มช่ืนและปลาบปล้ืมในหัวใจแก่คณะท�างานภายใต้การดูแลของ กระทรวงคมนาคมอย่างหาที่สุดมิได้ ท่ีมีโอกาสได้เป็นส่วนหน่ึงในพระราชกรณียกิจท่ีเปี่ยม ไปด้วยน�า้ พระราชหฤทัยท่ีทรงหว่ งใยประชาชนของพระองค์ นอกจากการปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวงสนองพระราชกระแสแลว้ บรษิ ทั การบนิ ไทย จา� กดั (มหาชน) ไดม้ สี ว่ นรว่ มปฏบิ ตั งิ านสนองพระราชดา� รทิ างการเกษตรดว้ ยการลงนามความรว่ มมอื กบั โครงการหลวงในการสนบั สนนุ สนิ คา้ โครงการหลวง โดยการผลติ สนิ คา้ เพอื่ จา� หนา่ ยภายใต้ ตราสนิ คา้ ของฝา่ ยครวั การบนิ เพอื่ สนบั สนนุ ชาวไทยภเู ขาใหม้ คี ณุ ภาพชวี ติ ทย่ี งั่ ยนื ถาวรตลอดไป 181

บริษัท วิทยกุ ารบินแห่งประเทศไทย จา� กดั ได้สนบั สนุนการบรกิ ารควบคุมจราจรทางอากาศแกเ่ คร่ืองบินของโครงการ พระราชดา� รฝิ นหลวงตามแผนการบนิ โดยเมอ่ื เครอื่ งบนิ บรรจสุ ารเคมขี นึ้ โปรยบนทอ้ งฟา้ พรอ้ มทา� การบนิ เจา้ หนา้ ทค่ี วบคมุ จราจร ทางอากาศจะจัดลา� ดบั ความสา� คัญของเครอ่ื งบนิ ฝนหลวงเป็นล�าดบั ตน้ เพอ่ื ให้ภารกจิ เป็นไปอยา่ งราบร่ืน ดา้ นสถานทใ่ี นการปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง กรมทา่ อากาศยาน (กรมการบนิ พาณชิ ยข์ ณะนนั้ ) สนองพระบรมราโชบายพระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร มาแตแ่ รกเริม่ ในการทรงงานดา้ นฝนหลวง โดยจัด “ศาลาที่ประทับ” ณ อาคารท่าอากาศยานบอ่ ฝ้าย อา� เภอหวั หนิ จังหวัดประจวบครี ขี นั ธ์ ในขณะนนั้ ถวายสา� หรับเปน็ ฐานปฏิบัติการ และไดเ้ พิ่ม พ้ืนที่การสนับสนุนแก่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในการเป็นที่ตั้งหน่วยปฏิบัติการและฐานปฏิบัติการฝนหลวงเรื่อยมา ถึงปัจจุบนั มีจา� นวนทงั้ สิน้ ๘ ทา่ อากาศยาน ดังนี้ • ทา่ อากาศยานบรุ รี มั ย์ ตง้ั เปน็ หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เรมิ่ ดา� เนนิ การตงั้ แตว่ นั องั คาร ที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ถงึ วนั พธุ ท่ี ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๗ • ทา่ อากาศยานนครศรธี รรมราช ตง้ั เปน็ หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เรมิ่ ด�าเนนิ การตงั้ แตว่ นั พฤหสั บดี ท่ี ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ถงึ วนั เสาร์ ท่ี ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ • ทา่ อากาศยานกระบี่ ตง้ั เปน็ หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เรม่ิ ดา� เนนิ การตง้ั แตว่ นั ศกุ ร์ ท่ี ๕ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ถงึ วนั จนั ทร์ ท่ี ๒๙ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๘ • ทา่ อากาศยานหวั หนิ ตงั้ เปน็ หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เรม่ิ ดา� เนนิ การตงั้ แตว่ นั องั คาร ท่ี ๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๙ - ปจั จบุ นั • ท่าอากาศยานแพร่ ต้ังเป็นฐานเติมสารฝนหลวงเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวง เริ่มด�าเนินการตั้งแต่วันศุกร์ ที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ - ปัจจุบัน • ทา่ อากาศยานขอนแกน่ ตง้ั เปน็ หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เรม่ิ ดา� เนนิ การตงั้ แตว่ นั พธุ ท่ี ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ - ปจั จบุ นั • ทา่ อากาศยานตาก ตง้ั เปน็ หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เรม่ิ ดา� เนนิ การตง้ั แตว่ นั พธุ ท่ี ๑ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙ - ปจั จบุ นั • ทา่ อากาศยานชมุ พร ตง้ั เปน็ หนว่ ยปฏบิ ตั กิ ารฝนหลวง เรมิ่ ดา� เนนิ การตง้ั แตว่ นั พธุ ท่ี ๑ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ถงึ วนั พฤหสั บดี ท่ี ๓๐ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙ 182 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

ท่ำอำกำศยำนไทยสสู่ ำกล ทา่ อากาศยานสุวรรณภมู ิ หลังจากท่ีท่าอากาศยานดอนเมืองซ่ึงเปิดให้บริการมาต้ังแต่ พ.ศ. ๒๔๕๗ เร่ิมไม่สามารถรองรับจ�านวนผู้โดยสารท่ีเพ่ิมขึ้นในแต่ละปีได้ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จ�ากัด รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวง คมนาคม ซงึ่ มบี รษิ ทั ทา่ อากาศยานไทย จา� กดั (มหาชน) และกระทรวงการคลงั เป็นผู้ถือหุ้น จึงจัดสร้างท่าอากาศยานสากลแห่งใหม่ขึ้นท่ีบริเวณอ�าเภอ บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่เรียกกันว่า “หนองงูเห่า” และเม่ือวันศุกร์ ท่ี ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนาม ท่าอากาศยานสากลแห่งใหม่ว่า “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” การสร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่เป็นหน่ึงในหน้าประวัติศาสตร์ของ การคมนาคมทางอากาศของไทย การท�างานทุกขั้นตอนจึงเป็นไปด้วยความ รอบคอบและค�านึงถึงทุกองค์ประกอบในการออกแบบ ก่อสร้าง ตลอดจน การปฏิบัติงาน ในฐานะประตูบานแรกต้อนรับอาคันตุกะต่างแดนผู้มาเยือน ประเทศไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการวางแผนและออกแบบ ให้มีความวิจิตรทันสมัยและผสานกล่ินอายวัฒนธรรมไทยได้อย่างงดงามและ ลงตัว ท้ังประติมากรรมยักษ์ ๑๒ ตนที่สวยงามและโดดเด่น สถาปัตยกรรม ไทย บุษบก ศาลาไทย รวมถึงจิตรกรรมนับร้อยช้ินท่ีใช้ประดับตกแต่ง ล้วนสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เยี่ยมเยือนเสมอมา 183

ดังนั้นเพ่ือให้กิจการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นไปอย่างราบร่ืน ตลอดจนเพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็น ขวญั กา� ลงั ใจตอ่ คณะผทู้ า� งานทกุ คน พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มเสดจ็ พระราชดา� เนนิ ไปทรงประกอบพธิ วี างศลิ าฤกษอ์ าคารผโู้ ดยสาร ทา่ อากาศยานสวุ รรณภมู ิ เมอื่ วนั พฤหสั บดี ที่ ๑๙ มกราคม พ .ศ. ๒๕๔๕ นอกเหนือจากภารกิจหลักท่ีอ�านวยความสะดวกด้านคมนาคมขนส่งทางอากาศแล้ว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังเป็น ต้นแบบของการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและการอยู่ร่วมกับชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดการปัญหาและ การปอ้ งกนั นา้� ทว่ ม เนอ่ื งจากบรเิ วณโดยรอบทา่ อากาศยานนน้ั เปน็ พน้ื ทลี่ มุ่ ตา่� พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร มีพระราชด�าริด้านการบริหารจัดการน�้าในพ้ืนที่โดยรอบท่าอากาศยาน เร่ิมตั้งแต่โครงการผันน้�าจากด้าน ตะวันออกของกรุงเทพมหานครลงสู่ทะเล โดยใช้คลองสรรพสามิตซึ่งเป็นคลองขนาดใหญ่ เป็นท่ีควบคุมระดับน�้าพร้อมกับ ระบายนา้� ลงสทู่ ะเล รวมถงึ พจิ ารณาโครงการขดุ ขยายคลองใหร้ องรบั ปรมิ าณนา้� ทเี่ หมาะสม เพอื่ ประโยชนแ์ กพ่ น้ื ทข่ี องทา่ อากาศยาน และพ้ืนที่ข้างเคียง ดังพระราชด�ารัสที่พระราชทานแก่นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงาน โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดา� รวิ า่ “การระบายน�้าบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ให้พิจารณาขุดลอกคลองระบายน�้า โดยมีขนาดที่เหมาะสม ไม่ใช่เพื่อ ระบายน้�าเฉพาะบริเวณสนามบิน ใหพ้ ิจารณารวมบริเวณรอบ ๆ ด้วย” พระราชด�ารัสท่พี ระราชทานแกน่ ายกรัฐมนตรใี นฐานะประธาน คณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชด�าริ ณ วังไกลกังวล อา� เภอหวั หนิ จังหวดั ประจวบคีรขี ันธ์ เม่อื วนั ศกุ ร์ ที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ 184 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จ�ากัด (บทม.) ที่มีหน้าที่ในการบริหารการก่อสร้าง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ร่วมแก้ไขปัญหาน้�าท่วม ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ด้วยการสนับสนุน งบประมาณในการขุดลอกและขุดขยายคลองรอบ พ้ืนท่ีโครงการก่อสร้างท่าอากาศยาน เพื่อช่วยรองรับ น�้าทดแทนคูคลองระบายน�้าภายในพื้นที่เดิม ท�าให้มี ปริมาตรรับน�้าได้ประมาณ ๓๔๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร ซ่ึงช่วยการระบายน�้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ ผลจากการขดุ ลอกคลอง รวมถงึ ขดุ ขยายคลองลาดกระบงั คลองหนองงูเห่า คลองเทวะตรง คลองขวาง และ คลองซอยต่าง ๆ ท่ีอยู่ด้านใต้ของโครงการ ช่วยเพ่ิม พื้นที่ปริมาตรการรับน�้าได้อีกประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้พ้ืนท่ีในเขตลาดกระบังและ จังหวัดสมุทรปราการปลอดภัยจากภาวะน�้าท่วมได้ ในระดับหน่ึง อีกท้ังยังมีน้�าไว้เพ่ือการอุปโภคบริโภค และใช้ประโยชน์ในการเกษตรได้เป็นอย่างดี 185

ทา่ อากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชยี งราย เม่ือวันเสาร์ ท่ี ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทาน พระบรมราชานุญาตแก่กระทรวงคมนาคมให้ใช้ชื่อท่าอากาศยาน เชยี งรายวา่ “ทา่ อากาศยานแมฟ่ า้ หลวง เชยี งราย” เพอ่ื เฉลมิ พระเกยี รติ และนอ้ มรา� ลกึ ถงึ พระกรณุ าธคิ ณุ ของสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ซ่ึงเคยประทับอยู่ ณ พระต�าหนักดอยตุง จังหวัดเชียงราย ทั้งยังเป็น อนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีของประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย กระทรวงคมนาคมได้มีพิธีเปิดป้ายชื่อ “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย” อยา่ งเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ ที่ ๒ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๓ 186 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

กำรพัฒนำกิจกำรด้ำนกำรบนิ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร สนพระราชหฤทัยในกิจการการบินของประเทศ และมีพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาท่ีสุดมิได้ต่อหน่วยงานด้านการขนส่งทางอากาศในสังกัดกระทรวง คมนาคม เช่น การเสด็จพระราชด�าเนินไปทอดพระเนตรการแสดงการบิน ที่หน่วยงานจัดขึ้นและทอดพระเนตรกิจการทางการบิน ทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มเจมิ เฮลคิ อปเตอรพ์ ระทน่ี ง่ั และเครอ่ื งบนิ พระทน่ี ง่ั เพ่ือความเป็นสิรมิ งคล การพระราชทานนามแก่เครื่องบนิ เหล่านลี้ ้วนสร้าง ความปล้ืมปีติให้แก่เหล่าข้าราชการและบุคลากรของหน่วยงานในสังกัด กระทรวงคมนาคมอย่างหาที่สดุ มไิ ด้ 18๗

ตลอดระยะเวลาท่ีผ่านมา หน่วยงานขนส่งทางอากาศ ภายใต้การดูแล ของกระทรวงคมนาคมทกุ หนว่ ยงาน ได้แก่ กรมท่าอากาศยาน สถาบนั การบิน พลเรอื น บริษัท การบนิ ไทย จ�ากัด (มหาชน) บรษิ ัท ทา่ อากาศยานไทย จา� กดั (มหาชน) บรษิ ทั โรงแรมทา่ อากาศยานสวุ รรณภมู ิ จา� กดั บรษิ ทั ไทย-อะมาดอิ สุ เซาท์อีสตเ์ อเชีย จา� กัด บรษิ ัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จา� กัด บริษัท วทิ ยุการบนิ แหง่ ประเทศไทย จ�ากดั และสา� นักงานการบินพลเรือนแหง่ ประเทศไทย ฯลฯ ได้ปฏิบัติงานสนองพระราชด�าริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพติ ร เพอ่ื มงุ่ มน่ั พัฒนากจิ การด้านการบนิ ใหเ้ จรญิ รดุ หนา้ ยกระดบั สูม่ าตรฐานโลก การพัฒนากิจการด้านการบินของประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียม นานาอารยประเทศนั้น บคุ ลากรการบินถอื เปน็ หวั ใจสา� คญั สถาบันการบินพลเรือน เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภายใต้การก�ากับ ดูแลของกระทรวงคมนาคม ได้รับเลือกจากองค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ใหเ้ ป็นศูนย์ฝกึ การบนิ พลเรือนเพ่ือผลติ และพฒั นาบุคลากรการบินทมี่ ี มาตรฐานสากลให้แก่หน่วยงานด้านการบินท้ังในประเทศและต่างประเทศ มีหลักสูตรครอบคลุมท้ังภาคพ้ืนดินและภาคอากาศแบบครบวงจร 188 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

สถาบันการบินพลเรือนเป็นสมาชิกประเภท “Full Member” ของ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ท�าให้สามารถน�าชุดการฝึก อบรมมาตรฐาน STPs ทพ่ี ฒั นาขนึ้ โดยกลมุ่ ประเทศสมาชกิ มาประยกุ ตใ์ ห้ เหมาะสมกบั การฝกึ อบรมบคุ ลากรดา้ นการบนิ พลเรอื นใหแ้ กห่ นว่ ยงาน ทางด้านการบิน ท้ังในประเทศไทย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมท้ัง ภมู ภิ าคอน่ื ๆ ของโลกไดอ้ ยา่ งมคี ณุ ภาพ อกี ทง้ั ยงั มบี คุ ลากรดา้ นการบนิ เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน การจัดการ การดูแลระบบการขนส่งทาง อากาศได้อยา่ งมมี าตรฐานสากล การพัฒนาบุคลากรด้านการบินพลเรือนส่งผลโดยตรงต่อการ พัฒนาการขนส่งทางอากาศของไทย และมีความพร้อมในการสนอง พระราชด�าริด้านเส้นทางทางอากาศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ผู้ส�าเร็จการศึกษาจากสถาบัน การบินพลเรือนจะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า เจา้ ฟา้ มหาจกั รี สริ นิ ธร สยามบรมราชกมุ ารี ปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ แทนพระองคท์ กุ ปี 189

แนวพระรำชดำ� รทิ ำงรำง 190 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

๑๒ ๓ ๑. สองกษัตรยิ ์โปรดประทบั ขบวนรถไฟจ�าลอง ๒. ประทับรถไฟพระทีน่ ั่งแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล อ�าเภอหัวหนิ วันเสาร์ ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ ๓. ขบวนรถพเิ ศษพระที่นั่ง การรถไฟแห่งประเทศไทย ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้มีโอกาสสนองงานด้วยความจงรักภักดีมาอย่าง ตอ่ เนอื่ งยาวนาน นบั แตค่ รงั้ ทรงพระเยาว์ ดว้ ยใน พ.ศ. ๒๔๘๑ การรถไฟแหง่ ประเทศไทยไดน้ อ้ มเกลา้ นอ้ มกระหมอ่ ม ถวายขบวนรถไฟจา� ลอง ๑ ขบวน ซง่ึ สรา้ งทโี่ รงงานมกั กะสนั แดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร ครั้งยังทรงเฉลิมพระอิสริยศักดิ์เป็นสมเด็จพระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานนั ทมหดิ ล พระอฐั มรามาธบิ ดนิ ทร รชั กาลท่ี ๘ ทง้ั สองพระองคโ์ ปรดประทบั บนขบวนรถไฟจา� ลองดงั กลา่ ว ซ่ึงสามารถแล่นได้บนรางด้วยแรงไอน้�าเสมือนขบวนรถไฟจริง ดังมีพระบรมฉายาลักษณ์ของสองกษัตริย์ เปน็ ภาพประวตั ศิ าสตรท์ ยี่ งั ความภาคภมู ใิ จและความสา� นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ลน้ เกลา้ ลน้ กระหมอ่ มหาทส่ี ดุ มไิ ด้ แกก่ ารรถไฟมาจนทกุ วันนี้ ครั้งเมื่อเริ่มรัชกาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดรถไฟพระที่นั่งถวายในคราวเสด็จพระราชด�าเนิน แปรพระราชฐานไปประทบั ณ วังไกลกังวล อา� เภอหัวหนิ จังหวัดประจวบคีรขี ันธ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ภายหลังพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส เมื่อวันศุกร์ ท่ี ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ และเมื่อเริ่มเสด็จพระราชด�าเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก็โปรดใช้รถไฟพระที่น่ังเป็น พระราชพาหนะสา� คัญตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๙๕ ตอ่ มาอีกหลายปี การเสดจ็ พระราชดา� เนนิ โดยรถไฟพระทนี่ ง่ั เพอื่ ไปปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ในพน้ื ทต่ี า่ ง ๆ แตล่ ะครง้ั การรถไฟ แหง่ ประเทศไทยได้จดั เตรียมขบวนรถไฟพระทีน่ ่ังถวายเปน็ พระราชพาหนะ ๓ ประเภท ได้แก่ รถพระทนี่ ง่ั ประทบั กลางวัน รถพระทีน่ ง่ั กลางวันและบรรทม และรถพระท่นี ง่ั บรรทม ตลอดจนปรับปรุงประสิทธภิ าพของระบบราง และอปุ กรณท์ ีเ่ กย่ี วขอ้ งให้สมบรู ณ์ที่สุด 191

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช บรมนาถบพิตร ยังโปรดให้จัดรถไฟพระท่ีน่ังถวายในการเสด็จ พระราชด�าเนินไปทรงต้อนรับพระราชคันตุกะด้วยพระองค์เอง ในโอกาสตา่ ง ๆ อาทิ สมเดจ็ พระนโรดมสหี นแุ หง่ ราชอาณาจกั รกมั พชู า สมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ ๙ แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก และ นายซูการ์โน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยเฉพาะการ รับเสดจ็ สมเดจ็ พระเจา้ เฟรเดอรกิ ที่ ๙ และสมเด็จพระราชินอี ินกรดิ นัน้ ยังทรงน�าเสด็จพระราชด�าเนินโดยรถไฟพระท่ีนั่งไปทอดพระเนตร โบราณสถานและการคล้องช้างในเพนียดท่ีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และในวันต่อมา ทรงน�าเสด็จพระราชด�าเนินโดยรถไฟพระท่ีน่ังไปยัง อา� เภอมวกเหลก็ จงั หวดั สระบรุ ี เพอื่ ทรงเปดิ ฟารม์ โคนมไทย-เดนมารค์ การจัดขบวนรถพิเศษพระที่น่ังท่ีการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดถวาย มีตัวอย่างดังเช่นในโอกาสพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๑ ซงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชด�าเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช 192 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในขณะน้ัน) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จ พระเจา้ พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าส ราชนครินทร์ โดยรถไฟพระท่ีน่ังขบวนรถพิเศษ จาก สถานีรถไฟจิตรลดาไปยังสถานีรถไฟอยุธยา ในการ พระราชพิธีบวงสรวงสังเวยสมเด็จพระมหากษัตริย์ ในอดีต ณ พลับพลาตรีมุข พระราชวังโบราณ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันองั คาร ที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ และเสด็จพระราชด�าเนินกลับกรุงเทพมหานคร โดยรถไฟพระทน่ี ง่ั ขบวนรถพเิ ศษในวนั เดยี วกนั ดงั ปรากฏ ในหนังสือจดหมายเหตุงานเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชพธิ รี ัชมังคลาภเิ ษก พ.ศ. ๒๕๓๑ ประมวลความ ไดด้ ังน้ี 193

ขบวนรถพเิ ศษพระทน่ี งั่ ทกี่ ารรถไฟแหง่ ประเทศไทยและกระทรวง คมนาคมจดั ถวายเปน็ พระราชพาหนะ ประกอบด้วยรถพระท่นี งั่ ๓ คนั คอื รถพระทีน่ ั่งประทับกลางวัน (พนก.) His Majesty’s Day Saloon (HMD.) รถพระที่น่ังบรรทม (พนท.) His Majesty’s Night Saloon (HMN.) รถพระท่ีนั่งกลางวันและบรรทม (พกท.) Royal Day and Night Saloon (RDN.) การรถไฟแหง่ ประเทศไทยไดด้ า� เนนิ การออกแบบ ตัวภาพพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายใน ประกวดราคาซ้ือ โดยบริษัท คราเวนส์ จ�ากัด จากสหราชอาณาจักร เป็นผู้สร้างและเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๐๙ รัฐบาลได้น�าขึน้ นอ้ มเกลา้ นอ้ มกระหมอ่ มถวายใน พ.ศ. ๒๕๑๐ ไดใ้ ชใ้ นการเสด็จพระราชด�าเนนิ หลายครั้ง รถไฟพระทนี่ ั่งท้ัง ๓ คันเก็บ รกั ษาไว้ ณ โรงงานมกั กะสนั มเี จา้ หนา้ ทด่ี แู ลและซอ่ มบา� รงุ อยา่ งใกลช้ ดิ การจดั รถไฟขบวนพเิ ศษพระทน่ี งั่ ในการนี้ประกอบดว้ ยขบวนรถนา� ซึ่งมีหัวรถจักร ยี.อี. พ่วงด้วยรถโบกี้วิทยุส่ือสาร รถปรับอากาศ ชั้นท่ี ๒ ปิดท้ายด้วยหัวรถจักร ยี.อี. ต่อจากน้ันเป็นขบวนรถพิเศษ พระทนี่ ง่ั มีหัวรถจกั ร ยี.อี. ๒ หัว ลากจูงรถพ่วงต่าง ๆ รวม ๑๒ คัน คือ รถโบก้ีวิทยุส่ือสาร รถโบก้ีจ่ายไฟฟ้าก�าลัง รถโบกี้บริการอาหาร รถปรบั อากาศชนั้ ที่ ๒ สา� หรบั ทหารมหาดเลก็ ขา้ ราชบรพิ าร รถพระทน่ี งั่ กลางวันและบรรทม รถพระท่ีนั่งบรรทม รถพระท่ีนั่งประทับกลางวัน และรถปรบั อากาศจดั เฉพาะรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงคมนาคม รฐั มนตรี ช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้ว่าการการรถไฟแหง่ ประเทศไทย 194 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

นอกจากน้ีการรถไฟแห่งประเทศไทยยังได้จัดขบวนรถพิเศษส�าหรับพระราชวงศ์ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะทตู านทุ ูต และขา้ ราชการชัน้ ผูใ้ หญ่ ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพถงึ สถานรี ถไฟอยธุ ยา และรบั กลบั เมอื่ เสร็จพระราชพิธี สว่ นสถานรี ถไฟรายทางจากกรงุ เทพมหานครถงึ สถานอี ยธุ ยา ประดบั ตกแตง่ ดว้ ยธงชาติ ปา้ ยตราสญั ลกั ษณง์ านพระราชพธิ ี รัชมงั คลาภเิ ษก ป้ายค�าถวายพระพร พร้อมโต๊ะหมูบ่ ชู าประดิษฐานพระบรมฉายาลกั ษณ์ มีพระสงฆ์ ๑๐ รปู เจริญชยั มงคลคาถา เม่ือขบวนรถพิเศษพระที่นั่งเคล่ือนผ่าน ตลอดจนจัดที่นั่งส�าหรับประชาชนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และวงดุริยางค์ ทีจ่ ะบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี (อา้ งอิง: จดหมายเหตุงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ในมหามงคลสมยั ทรงเจริญพระชนมพรรษาเสมอสมเด็จพระบรมอัยกาธริ าช พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ เฉลมิ พระชนมพรรษา ๕ รอบ พุทธศักราช ๒๕๓๐ และพระราชพิธีรชั มังคลาภิเษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๑ เลม่ ๒ กรมศิลปากรจดั พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๕ หนา้ ๙๙๘ - ๑๐๐๐) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีกระแสพระราชด�ารัสถึงการคมนาคมทางรถไฟว่า ไดป้ ระโยชนม์ าก จา� เปน็ ตอ้ งมกี ารพฒั นา และถา้ ทา� ไดส้ า� เรจ็ จะสง่ ผลสา� คญั ตอ่ เศรษฐกจิ ของไทย ดงั พระราชดา� รสั ทพ่ี ระราชทาน แก่กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องท่ีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟา้ กลั ยาณิวฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครนิ ทร์ ช้นั ๑๔ อาคารเฉลมิ พระเกียรติ โรงพยาบาลศริ ริ าช เม่ือวันศกุ ร์ ท่ี ๒๗ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ว่า “ที่จรงิ รถไฟนี้ จะได้ประโยชน์มาก เพราะว่าดกี ว่าการคมนาคมทางถนน ทางถนนมันแพงมาก ความจริงกท็ างรถไฟ จะถูกลงไปมาก ก็หมายความว่าดีสา� หรับการเศรษฐกิจของไทย ถา้ ทา� ไดส้ �าเร็จโดยเรว็ ” ด้วยความส�านึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ตลอดจนเพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการพัฒนาประเทศ โดยใหค้ วามสา� คญั กบั คนและการรกั ษาสง่ิ แวดลอ้ มเปน็ หลกั การรถไฟแหง่ ประเทศไทยจงึ จดั ทา� โครงการทนี่ อ้ มนา� แนวพระราชดา� ริ ในดา้ นต่าง ๆ มาใช้ในการพฒั นาและแกไ้ ขปญั หาอยา่ งยัง่ ยนื ดังต่อไปน้ี กำรปรับปรงุ และพฒั นำกำรใชป้ ระโยชนพ์ ื้นท่บี ริเวณสถำนีรถไฟธนบรุ ี (บำงกอกนอ้ ย) เพื่อสรำ้ งอำคำรศูนย์อุบตั ิเหตุ โรงพยำบำลศริ ริ ำช และกำรทูลเกลำ้ ทูลกระหม่อมถวำยเงนิ จ�ำนวน ๕๒๐ ลำ้ นบำท เพ่อื ใช้ในกำรกอ่ สรำ้ งพระบรมรำชำนุสรณ์ เนื่องในโอกำสพระรำชพธิ มี หำมงคลเฉลมิ พระชนมพรรษำ ๖ รอบ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย ด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ได้ด�าเนินโครงการปรับปรุงและ พฒั นาการใชป้ ระโยชนพ์ น้ื ทบี่ รเิ วณสถานรี ถไฟธนบรุ ี (บางกอกนอ้ ย) สรา้ งอาคารศนู ยอ์ บุ ตั เิ หตุ โรงพยาบาลศริ ริ าช เฉลมิ พระเกยี รติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช บรมนาถบพิตร เน่ืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ กระทรวงคมนาคมได้รวบรวมเงินบริจาคจากรัฐวิสาหกิจในสังกัดและประชาชนเพ่ือสมทบ เป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว น�าขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นจ�านวน ๕๒๐ ล้านบาท ในวันอังคาร ท่ี ๒๒ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ 195

กำรคมนำคมขนสง่ ทำงรถไฟฟำ้ รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พระบรมราชานุสรณ์เนื่องในโอกาส พระราชพิธกี าญจนาภิเษก เมอ่ื เทคโนโลยที างดา้ นการคมนาคมทางรางมคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ การรถไฟฟา้ ขนสง่ มวลชนแหง่ ประเทศไทย ในสงั กดั กระทรวงคมนาคมจงึ ไดด้ า� เนนิ โครงการกอ่ สรา้ ง รถไฟฟา้ ใต้ดินสายแรกของประเทศไทย คอื “รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลมิ รัชมงคล” สายสนี �า้ เงนิ ชว่ งหัวล�าโพง - บางซ่ือ มีระยะทาง ๒๐ กโิ ลเมตร รวม ๑๘ สถานี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้ พระราชทานพระมหากรณุ าธคิ ณุ ตอ่ การดา� เนนิ โครงการนเี้ ปน็ อยา่ งยงิ่ ไดท้ รงพระกรณุ า โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ มเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร (พระราชอสิ รยิ ยศในขณะนนั้ ) เสดจ็ พระราชดา� เนนิ แทนพระองค์ ไปทรงวางศลิ าฤกษร์ ถไฟฟา้ มหานคร สายสนี า้� เงนิ เมอื่ วนั องั คาร ท่ี ๑๙ พฤศจกิ ายน 196 พระบรมราชาวิถี ๗ ทศวรรษ พิพัฒน์คมนาคม

พ.ศ. ๒๕๓๙ ณ สถานหี วั ลา� โพง อนั เปน็ สถานเี ดยี วกนั กบั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงวางศิลาฤกษ์การก่อสร้าง สถานีรถไฟหัวล�าโพงท่ีถือเป็นจุดเริ่มต้นของการน�าระบบขนส่งมวลชน มาใหบ้ รกิ ารในประเทศไทยเป็นคร้งั แรก และกล่าวไดว้ ่าสถานีหวั ล�าโพงแห่งนี้ เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างระบบขนส่งมวลชนทางรางของรถไฟกับรถไฟฟ้า อยา่ งสมบูรณ์เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมือ่ วนั ศุกร์ ท่ี ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม พระราชทานชอ่ื เสน้ ทางรถไฟฟา้ มหานคร สายสนี ้า� เงิน ว่า “เฉลิมรัชมงคล” อนั มคี วามหมายวา่ เฉลิมฉลองความเปน็ มงคลแห่งความเป็นพระราชา ต่อมาเมื่อวันเสาร์ ที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔7 พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชด�าเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตน ราชสดุ า เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร สยามบรมราชกมุ ารี ไปทรงเปดิ การเดนิ รถไฟฟา้ มหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (หวั ล�าโพง - บางซอ่ื ) อยา่ งเปน็ ทางการ โดย ทง้ั สามพระองคไ์ ดป้ ระทบั รถไฟฟา้ พระทนี่ ง่ั ขบวนท่ี ๑ ตลอดเสน้ ทางจากสถานี รถไฟฟ้าหัวล�าโพงถึงสถานีรถไฟฟ้าบางซ่ือ จากน้ันเสด็จพระราชด�าเนินกลับ ไปยังศูนย์ซ่อมบ�ารุงรักษาและศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการ เพ่ือทอดพระเนตร ห้องควบคุมการเดินรถไฟฟ้า สร้างความปลาบปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณ แกเ่ จ้าหน้าท่ีโครงการและกระทรวงคมนาคมอย่างหาทส่ี ุดมิได้ 19๗


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook