วิธกี ารท�าเครือ่ งดกั หมอกอันเนื่องมาจาก “...แผงดักหมอกควรจะออกแบบให้สำมำรถรบั น้�ำได้ทั้งด้ำนหน้ำ พระราชด�าริ และด้ำนหลงั ของแผง กำรติดตั้งแผงควรพิจำรณำทิศทำงของลม และตง้ั ขวำงทำงลมเพือ่ ดักหมอกและน�ำ้ ค้ำง...” ๑. ใชว้ สั ดทุ อ้ งถนิ่ ทหี่ ำไดง้ ำ่ ยและรำคำถูก เชน่ ตำข่ำยไนลอน เส่อื ลำ� แพน ถงุ ปุ๋ยไนลอน มำเป็น อปุ กรณ์ทำ� เคร่อื งดกั หมอก ๒. สร้ำงแผงขึงด้วยวัสดุดังกล่ำวดักไอน้�ำ จำกหมอก โดยวำงใหต้ งั้ ฉำกกบั ทศิ ทำงลมพดั ซงึ่ จะทำ� ให้ ดักหมอกได้ในอตั รำสงู ๓. ในบำงกรณีอำจสร้ำงข้ึนได้หลำยรปู แบบ ตำมควำมเหมำะสมกบั สภำพท้องถ่ิน บำงแบบอำจ ติดตั้งบนกังหันลมเพ่ือให้แผงดักหมอกหันสู้ลมอยู่ ตลอดเวลำ หรอื บำงครงั้ แผงดกั หมอกอำจทำ� ลกั ษณะ อ่อนตวั เพือ่ มใิ ห้แผงโค่นล้มยำมลมพัดแรง ๔. ไอนำ้� จำกหมอกจะกระทบกับแผงดกั หมอก ทำ� ให้เกิดลักษณะคล้ำยหยดน�้ำ “...วัสดุทจี่ ะใช้ท�ำแผงดกั หมอกจะใช้วัสดุอะไรกไ็ ด้แต่ควรเป็นวัสดทุ ่หี ำง่ำยหรือวสั ดุท้องถิ่นพน้ื บ้ำน และรำคำไม่แพง...” 97
“...ควรพิจำรณำทดลองท�ำแผงดักหมอกให้มีขนำดใหญ่ขึ้นเพ่อื จะได้รับน�้ำจ�ำนวนมำกขึ้น ท้ังนี้อำจทดลองในพ้ืนที่ของศูนย์ศึกษำฯ ห้วยฮ่องไคร้โดยทดลองตำมแนวที่ได้ปลูกต้นหญ้ำแฝกกไ็ ด้...” 98
“น้�า” ที่เกิดข้ึนสำมำรถใช้ประโยชน์ในกำร การสานอย่าให้ทึบ ควรสานให้โปร่ง เนือ่ งจาก ปลกู ปำ่ โดยอำจจะไมต่ อ้ งเอำใจใสด่ แู ลรดนำ้� มำกนกั ในอากาศนั้นมีความช้นื อย่แู ล้ว จะทา� ให้เกดิ การ เพรำะได้หยดน้�ำธรรมชำตินี้ช่วยเหลอื อยู่แล้ว ควบแน่นและกลัน่ ตัวเปน็ หยดน�า้ ได้...” ซ่ึงจะช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้แม้ในพ้ืนที่ แห้งแล้ง กำรใชถ้ งุ ปยุ๋ มำเปน็ วสั ดนุ นั้ คำดวำ่ จะไมไ่ ดผ้ ล เท่ำที่ควร เนื่องจำกเม่ือหมอกมำกระทบกบั แผง พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวได้พระรำชทำน ดักหมอกน้ีแล้วก็จะกระจำยออกไป เพรำะว่ำถุงปุ๋ย พระรำชดำ� ริเพมิ่ เตมิ วำ่ “...แผงดกั หมอกน้สี ามารถ มีควำมทบึ และพ้นื ทีห่ นำแน่นมำกเกินไป ช่วยบงั แดดบังลมกับต้นไม้ในระยะแรกทีเ่ ริ่ม ท�าการปลูกต้นไม้ หรือในระยะแรกที่ต้นไม้เริ่ม เครื่องดักหมอกจึงเป็นนวัตกรรมรูปแบบหน่ึง เตบิ โตขึน้ ได้ด้วย ส่วนวัสดทุ ีจ่ ะน�ามาใช้ในการ ที่พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวทรงเลือกใช้ให้ ดักหมอกน้ี ควรจะเปน็ วสั ดปุ ระเภทท่รี พู รนุ มากๆ เกดิ ประโยชน์สุขแก่แผ่นดิน เป็นแนวคิดท่ีแสนง่ำย เชน่ ตาขา่ ยไนลอน ซ่งึ จะทา� ใหเ้ กดิ การจบั ตัวของ แต่มิมีผู้ใดคิดถึงเร่ืองใกล้ตัวเช่นน้ีทัดเทียมพระองค์ หยดน�า้ ได้ดี อีกทัง้ การใช้วัสดุที่เป็นเสื่อล�าแพน จงึ นบั เปน็ พระปรชี ำสำมำรถทก่ี อปรดว้ ยพระอจั ฉรยิ ภำพ สูงส่งยิง่ 99
หลักการบา� บดั นา�้ เสียโดยการท�าใหเ้ จอื จาง (Dilution) ตามแนวทฤษฎีการพัฒนาอันเนอ่ื งมาจากพระราชดา� ริ “นา�้ ดไี ลน่ ้า� เสีย” โดยใช้หลกั การตามธรรมชาติแหง่ แรงโน้มถ่วงของโลก (Gravity Flow) 100
“...ถ้ำเรำมีน�้ำแล้วมำใช้อย่ำงระมัดระวังข้อหนึ่ง และควบคุมน�้ำที่เสียอย่ำงดี อีกข้อหนง่ึ ก็อยู่ได้...” “...หำกว่ำปัญหำของน�้ำนี้เรำได้สำมำรถที่จะแก้ไขหรอื อย่ำงน้อย ไปได้มำก ซึ่งจะเป็นวิธีกำรช่วยบรรเทำน้�ำเน่ำเสีย ท่ีสดุ ก็ท�ำให้เรำได้มีน้�ำใช้ได้อย่ำงเพยี งพอ ฉะนั้นกำรพฒั นำน้ัน ในคลองต่ำงๆ ตอนช่วงฤดแู ล้งได้อย่ำงดี ส่ิงส�ำคัญกอ็ ยู่ท่ตี รงนี้...” เม่ือวันท่ี ๔ เมษำยน พ.ศ. ๒๕๒๘ พระบำท กำรใช้น้�ำคุณภำพดีมำช่วยบรรเทำน้�ำเน่ำเสีย สมเดจ็ พระเจ้ำอยู่หัว เสดจ็ พระรำชดำ� เนินพร้อมด้วย หรอื ทเี่ รยี กกนั วำ่ “นา�้ ดไี ลน่ า้� เสยี ” นน้ั ไดแ้ ก่ กำรใชน้ ำ�้ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ท่ีมีคณุ ภำพดีช่วยผลักดนั น้ำ� เน่ำเสียออกไป และช่วย ไปทอดพระเนตรสภำพน้�ำเน่ำเสียตำมคลองต่ำงๆ ให้น�้ำเน่ำเสียมีสภำพเจือจำงลง ทั้งน้ีโดยรับน�้ำจำก ในเขตกรุงเทพมหำนครที่บริเวณประตูระบำยน้�ำ แม่น้�ำเจ้ำพระยำ หรอื จำกแหล่งนำ้� ภำยนอกส่งเข้ำไป ปำกคลองเทเวศร์ คลองแสนแสบ และคลองลำดพรำ้ ว ตำมคลองต่ำงๆ เช่น คลองบำงเขน คลองบำงซ่ือ ซ่งึ ในคร้งั นัน้ ได้พระรำชทำนพระรำชด�ำริว่ำ คลองแสนแสบ คลองเทเวศร์ หรอื คลองบำงล�ำพู ฯลฯ เป็นต้น ซง่ึ กระแสน�้ำจะไหลแผ่กระจำยขยำยไป “...น้�ำนี้จะต้องใช้ให้ดี คือน้�ำมันมีคุณอย่ำงท่ีเรำใช้น้�ำส�ำหรบั บรโิ ภค น�้ำส�ำหรับ ตำมคลองซอยทเ่ี ชอื่ มกบั แมน่ ำ้� เจำ้ พระยำอกี ดำ้ นหนงึ่ กำรเกษตร น�้ำส�ำหรับอุตสำหกรรม ทั้งหมดน้ีต้องใช้น้�ำที่ดี หมำยควำมว่ำน้�ำนี้ ดังนั้นเมื่อกำรก�ำหนดวงรอบเก่ยี วกับกำรไหลของน�้ำ สะอำด...” ไปตำมคลองตำ่ งๆ นบั แตป่ ำกคลองทนี่ ำ�้ ไหลเขำ้ จนถงึ ปลำยคลองทีน่ �ำ้ ไหลออกได้อย่ำงเหมำะสม โดยท่นี ำ้� สำมำรถไหลเวียนไปตำมล�ำคลองได้ตลอดแล้ว ย่อมสำมำรถเจอื จำงน�้ำเน่ำเสยี และชกั พำสง่ิ โสโครก 101
“...เรำมกี �ำลงั ทไ่ี ดม้ ำโดยเปลำ่ ฟร.ี .. พลังพระอำทติ ยม์ ำทำ� ใหน้ ำ้� นดี้ ขี น้ึ ...” เปน็ ๒ แผนดว้ ยกนั คอื แผนสำ� หรบั ใชก้ บั ในฤดฝู น หรอื ในฤดนู ้ำ� มำกน้ี กเ็ พ่อื ประโยชนใ์ นกำรปอ้ งกนั “...กำรจัดระบบควบคุมระดับน�ำ้ ในคลอง น�ำ้ ท่วมและเพือ่ บรรเทำอุทกภัยเป็นส�ำคัญ แต่ สำยตำ่ งๆ โดยเฉพำะอยำ่ งย่งิ กำรจดั ระบบระบำยนำ้� แผนกำรระบำยน้ำ� ในฤดแู ลง้ นน้ั กต็ อ้ งจดั อกี แบบหน่งึ ในกรงุ เทพมหำนครน้นั สมควรวำงระบบใหถ้ กู ตอ้ งตำม ตำ่ งกนั ไป เพอ่ื กำรกำ� จดั หรอื ไลน่ ำ้� เนำ่ เสยี ออกจำก สภำพกำรณแ์ ละลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ซง่ึ ควรแบง่ ออก คลองดังกล่ำวเป็นหลัก ซงึ่ ท้ังสองระบบนีค้ วรจะ พจิ ำรณำถงึ วธิ ีกำรระบำยนำ้� โดยอำศยั แรงโนม้ ถว่ ง ของโลกให้มำกที่สุด ทัง้ นีเ้ พื่อประหยัดค่ำใช้จ่ำย ในกำรควบคุมระดบั น�้ำตำมล�ำคลองเหลำ่ น้.ี ..” จำกแนวพระรำชด�ำรดิ ังกล่ำว จึงบังเกิด กรรมวิธีในกำรบ�ำบัดน้�ำเสีย ๒ ประกำร ตำมแนว พระรำชดำ� ริ “น�ำ้ ดีไล่นำ�้ เสยี ” คอื วธิ ที ่ีหนงึ่ ให้เปิดประตูอำคำรควบคุมน�้ำ รับน�้ำจำก แม่น�้ำเจ้ำพระยำในช่วงจังหวะน�้ำข้ึน และระบำย “...ถ้ำเรำทำ� อะไรด้วยกำ� ลงั ของน้ำ� ที่ขึ้นและลงนจ่ี ะได้กำ� ไรมำกข้ึน..” 102
ออกสู่แม่น้ำ� เจ้ำพระยำตอนระยะน�้ำลง ซง่ึ มีผลท�ำให้ “...เวลำไหนน้ำ� ข้ึนน�ำ้ ลง...เวลำนำ้� ขน้ึ เต็มทเี่ ปิด เวลำนำ�้ ลงปิด...” น้�ำตำมลำ� คลองมีโอกำสไหลถ่ำยเทกนั ไปมำมำกข้ึน กว่ำเดมิ เกดิ มกี ำรหมุนเวยี นของน้ำ� ท่มี สี ภำพเน่ำเสีย ประชำกร ตำ� บลบำงกระสัน้ อำ� เภอบำงปะอนิ จงั หวดั กล่ินเหม็น กลำยเป็นน้�ำท่ีมีคุณภำพดขี ึ้น พระนครศรีอยุธยำ แล้วเสด็จพระรำชด�ำเนินโดย รถยนต์พระท่ีน่ังเลียบคลองเปรมประชำกร ตลอด วธิ ที ่ีสอง ชว่ งคลองตอนบนถงึ คลองรงั สติ กระทงั่ ถงึ ปำกคลอง วัดหลักส่ี เขตบำงเขน กรุงเทพมหำนคร ซ่ึงได้ เมอ่ื วนั ที่ ๕ มนี ำคม พ.ศ. ๒๕๓๑ พระบำท พระรำชทำนพระรำชดำ� ริเกีย่ วกบั กำรบำ� บดั นำ�้ เสีย วำ่ สมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวเสด็จพระรำชด�ำเนินพร้อม ด้วยสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำช “...คลองเปรมประชำกรช่วงตอนล่ำง กุมำรีไปทอดพระเนตรท่ีบรเิ วณปำกคลองเปรม เป็นคลองสำยหนึง่ ที่สำมำรถรับน�้ำจำกแม่น�ำ้ “...เวลำน้�ำในแม่น้�ำเจ้ำพระยำลดลงไปด้วยน�้ำลงถึงจังหวะน�้ำลง กป็ ดิ ...” “...ไหลไปมันก็ไล่นำ้� โสโครกไปอย่ำงนี้ทุกวัน...” 103
“...พลังของพระอำทิตย์กับพระจนั ทร์ร่วมกนั คอื น�้ำข้นึ น้ำ� ลง เวลำน้ำ� ขน้ึ ในแม่น�้ำเจ้ำพระยำจะขึน้ เลย นนทบุรี ปทมุ ธำนเี กอื บถงึ อยุธยำ... เวลำนำ้� ข้นึ ก็ขนึ้ ไปถงึ โน่น เวลำน�ำ้ ลงกล็ งไปในทะเล...” เจ้ำพระยำไปชว่ ยบรรเทำน้�ำเสยี โดยสง่ กระจำย ให้เป็นคลองสำยหลักในกำรผันน�้ำคุณภำพดี ไปตำมคลองต่ำงๆ ของกรุงเทพมหำนคร ไปชว่ ยบรรเทำให้น�ำ้ เสียให้เจอื จำงลง...” จึงควรขดุ ลอกคลองนี้พร้อมกำ� จัดวัชพืชเพือ่ “...ใหห้ ำวธิ รี บั น้ำ� เขำ้ คลองเปรมประชำกร “...ใช้ระบบคลองเป็นสิ่งน�ำส่ิงโสโครกแล้ววิธีท่ีจะกำ� จัดก็คือ ทิ้งลงในน้�ำ แม่น�้ำ ตอนบนเป็นปริมำณมำกภำยในเวลำอันรวดเร็ว ลงทะเล... แต่ก่อนนท้ี ำ� ได้เพรำะว่ำมันยงั น้อย แต่เดีย๋ วนีม้ ันมำกขึ้นทกุ ท.ี ..” เพือ่ อัดเพิ่มระดับน�้ำให้สูงขึน้ จะได้สำมำรถ กระจำยน�ำ้ เข้ำทุ่งบำงไทร-บำงปะอิน ส�ำหรับใช้ เพำะปลูกอย่ำงเพียงพอ อย่ำงไรก็ตำมจะต้อง ดำ� เนนิ กำรขดุ ลอกหนองน้ำ� ธรรมชำตไิ ปพรอ้ มกนั จะได้สำมำรถเก็บส�ำรองน�้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ อย่ำงเต็มที่ ส�ำหรับเส้นทำงน�้ำที่เชื่อมกับแม่น�้ำ เจ้ำพระยำเสน้ อ่ืนๆ เช่น คลองเชียงรำกน้อยน้นั ต้องรีบรับน�ำ้ เข้ำมำเมือ่ น�ำ้ ขึน้ และปิดประตู บังคับน�ำ้ ไม่ให้ไหลย้อนกลับเมือ่ น�้ำลง ทัง้ นี้ เพือ่ เก็บกักน�ำ้ คลองเปรมประชำกรตอนบน ในลกั ษณะ “อำ่ งเกบ็ น้ำ� ” เพอ่ื ใชผ้ ลกั ดนั น้ำ� เนำ่ เสยี ในคลองเปรมประชำกรตอนลำ่ งตอ่ ไป...” 104
แนวพระรำชด�ำริสองประกำรน้ี แสดงถึง “...ฝนตกก็ดีซมิ ำเจือน้�ำให้สะอำด...” พระปรีชำสำมำรถในพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว ว่ำทรงเช่ียวชำญในด้ำนกำรแก้ไขปัญหำส่ิงแวดล้อม มีพลังของแสงอำทิตย์ พลังของพระอำทิตย์กับ อย่ำงแท้จรงิ พระจันทร์ร่วมกัน คือน�ำ้ ขึน้ น�ำ้ ลง เวลำน้ีขึ้น ในแม่น�้ำเจ้ำพระยำ น�้ำเจ้ำพระยำจะขึน้ จนเลย ในเร่อื งน้ี ในโอกำสท่ีพระบำทสมเด็จพระเจ้ำ นนทบุรีเลยปทุมธำนีไปเกือบถึงอยุธยำ เวลำ อยู่หัวทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้เอกอคั รรำชทูต และกงสลุ ใหญไ่ ทยทปี่ ระจำ� กำรในตำ่ งประเทศ ๗๗ นำย เข้ำเฝ้ำทูลละอองธลุ พี ระบำท ในวันท่ี ๑๗ สิงหำคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ณ พระต�ำหนักจิตรลดำรโหฐำน น้ัน ได้พระรำชทำนพระรำชดำ� รสั ว่ำ “...Notorious Problem Ecology ของ กรงุ เทพฯ ทีเ่ รำกต็ อ้ งกำรแกไ้ ขมำต้งั เทำ่ ไร ๘ - ๙ ปแี ลว้ แตก่ ็ไมไ่ ดท้ �ำ เพิง่ มำทำ� เอำเมื่อปที แี่ ล้ว คือว่ำเรำมีกำ� ลังทีไ่ ด้มำโดยเปล่ำ ฟรี ไม่ต้องใช้ ไบโอโลจิคอลซีสเต็ม (Biological System) ก็ “...น้ำ� สะอำดเสยี เงินนิดเดยี วค่ำไฟฟ้ำส�ำหรับเปิดประตนู ำ้� ...” 105
นำ้� ข้นึ ก็ข้ึนไปถึงโนน่ เวลำน้ำ� ลงก็ลงไปในทะเล... เป็นวันท่ี ๓๐ เมษำยน ๒๕๒๙ เปดิ ประตูน้�ำก็ฟู่ แถวเทเวศร์ เวลำน้ำ� ขนึ้ ประมำณ ๑ เมตร เวลำ เขำ้ ไป เพรำะวำ่ นำ้� ในแมน่ ้ำ� เจำ้ พระยำ ซ่งึ กน็ บั วำ่ น�ำ้ ลงประมำณ ๑ เมตร รวมแลว้ ๒ เมตร ควำม ใชไ้ ด้ เข้ำไปในคลองเทเวศรซ์ ึ่งด�ำเมย่ี ม เวลำน�้ำ แตกต่ำงหมำยควำมว่ำ ถ้ำเรำท�ำอะไรดว้ ยกำ� ลงั ในแมน่ ้�ำเจำ้ พระยำลดลงไปดว้ ยนำ้� ลง ถงึ จังหวะ ของน�้ำที่ขนึ้ และลงนีก่ ็จะได้กำ� ไรมำกขึ้น เม่ือ น�ำ้ ลงก็ปิด น�ำ้ นีก่ ็ไหลไปทีอ่ ืน่ ไม่ได้ไหลไป ๘ ปีแล้ว ๙ ปี ไปทีป่ ำกคลองเทเวศร์ คลอง ปำกคลองตลำด ไหลไปมันก็ไล่น�้ำโสโครกไป เทเวศร์นีก้ ็ผ่ำนกรุงเกษม แล้วไปออกที่โรงแรม อย่ำงนี้ทุกวัน แต่เวลำน�ำ้ ขึ้นน�ำ้ ลง เขำก็บอกว่ำ รอยลั ออคิดฯ ตรงนัน้ ท�ำประตูน�ำ้ แต่ก็ปิด มีโทรศัพท์ทีจ่ ุดปำกคลอง เขำก็มีให้โทรศพั ท์ เอำไว้ นำ�้ ในคลองเทเวศรก์ โ็ สโครก เด็กจะลงใน ไปท่อี ทุ กศำสตร์ วำ่ เวลำนน้ั เวลำไหนนำ้� ข้นึ นำ้� ลง น้ำ� เปน็ อหวิ ำตท์ ง้ั นน้ั แลว้ ก็ไปบอกวำ่ ขอใชไ้ ฟฟำ้ เวลำน�ำ้ ขึ้นเต็มทีเ่ ปิด เวลำน้�ำลงปิด ทำงโน้น สักนิดได้มัย้ ใช้ไฟฟ้ำเปิดประตูตอนนั้นน�ำ้ ขึน้ ... ตรงกันข้ำม เวลำน�ำ้ ขึน้ ปิด ภำยในไม่กีว่ ัน เวลำน้นั เดอื นเมษำยน ฝนก็ไมต่ ก กเ็ ปดิ เวลำนน้ั ผ่ำนผดุงกรุงเกษมกับคลองเทเวศร์ เด็กฉลอง 106
“...ผดงุ กรงุ เกษมกับคลองเทเวศร์ เดก็ ฉลองสงกรำนต์ว่ำยนำ�้ สบำยเลย สนุกสนำนและไม่เป็นโรคเพรำะว่ำน้ำ� สะอำด...” สงกรำนตว์ ำ่ ยน้ำ� สบำยเลย สนกุ สนำนและไมเ่ ปน็ โรคเพรำะว่ำน�ำ้ สะอำด เสยี เงินนิดเดยี วคำ่ ไฟฟำ้ สำ� หรับเปิดประตนู ้ำ� ไมต่ ้องสบู ...” พระรำชด�ำรบิ �ำบัดน้�ำเสียโดยหลกั กำรน้ี เปน็ วธิ ีกำรทง่ี ำ่ ย ประหยดั พลงั งำน และสำมำรถปฏบิ ตั ิ ได้ตลอดเวลำ ซงึ่ แสดงถงึ พระปรชี ำสำมำรถอันสงู ยงิ่ ในพระวิริยอุตสำหะที่ทรงทุ่มเท เพ่อื ควำมสุข ของปวงชนทั้งหลำย “...ถ้ำทำ� ได้ถกู จังหวะได้เหมำะสมแล้วนำ้� คลองกจ็ ะดขี ้นึ เยอะ...” 107
หลกั การบ�าบัดน้�าเสียโดยการกรองน้�าเสยี ด้วยผักตบชวา (Filtration) ตามแนวทฤษฎกี ารพฒั นา อนั เนือ่ งมาจากพระราชด�าริ “บงึ มักกะสนั ” 108
“...ไบโอโลจิคอลซสี เต็ม (BIOLOGICAL SYSTEM) คอื เอาผักตบชวาท่ีเขาว่าเป็นของเลวเอามาใช้เป็นของดี...” บึงมักกะสนั เป็นบึงขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลาง ไปอย่างรวดเรว็ กรุงเทพมหานคร ซ่ึงการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถงึ ขุดข้นึ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ มีความลึก ๑๕ เมตร กว้าง ๖๐ เมตร ยาว ๒,๓๘๐ เมตร โดยมเี น้อื ท่ีผวิ น้�ารวม ภัยแห่งภาวะมลพิษดังกล่าวที่พสกนิกรของพระองค์ ทัง้ ส้นิ ประมาณ ๙๒ ไร่ เพอ่ื ใช้เป็นแหล่งระบายน�้า และรองรบั น้�าเสยี รวมทั้งน้�ามันเคร่อื งจากโรงงาน “...ให้ผกั ตบชวาน้ีดูดความโสโครกแล้วกท็ �าเป็นระเบยี บ เวลามันโตขึ้นหน่อย รถไฟมักกะสันเป็นเวลานานหลายปี จึงท�าให้บึง กด็ งึ ขึน้ แล้วก็เอามาท�าปุ๋ยหมักได้...” มักกะสนั ต้ืนเขินจากการตกตะกอนของส่งิ แขวนลอย กอปรกบั รอบบึงมกั กะสนั มีชมุ ชนแออัด ๓ ชมุ ชน คือ ชุมชนรัชฏภัณฑ์ ชุมชนสามเสน และชุมชนทับแก้ว รวม ๗๒๙ ครวั เรอื น ซงึ่ ส่วนใหญ่ต่างกถ็ ่ายสง่ิ ปฏกิ ลู และขยะมูลฝอยลงสู่บงึ มักกะสนั จนเกดิ ปัญหาภาวะ สงิ่ แวดลอ้ มเสอื่ มโทรมและน�้าเนา่ เสยี กลายเปน็ แหลง่ เพาะเช้ือโรคแห่งหนึ่งท่ามกลางความเจรญิ ทางด้าน วตั ถุของสงั คมเมอื งทม่ี กี ารพฒั นาความเจรญิ กา้ วหนา้ 109
“...ภารกิจหลกั ของโครงการฯ นี้ ในฤดแู ล้งคอื การกา� จดั นา้� โสโครกด้วยผกั ตบชวา พ.ศ. ๒๕๒๘ ให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันปรับปรุง สว่ นในฤดฝู นใหท้ �าหนา้ ทก่ี กั เกบ็ น้�าและระบายน�้าสว่ นเกนิ ส�าหรบั ภารกจิ รอง ไดแ้ ก่ บงึ มกั กะสนั เพอ่ื ใชป้ ระโยชนใ์ นการชว่ ยระบายนา�้ และ การใช้ผักตบชวาท�าปุ๋ยหมกั ...” บรรเทาสภาพน้�าเสียในคลองสามเสน โดยใช้วิธีการ ในรูปแบบของ “เครื่องกรองน�้ำธรรมชำต”ิ จะได้รบั ผลกระทบโดยตรงมากย่ิงขึ้น หากมิได้รบั การแกไ้ ขอยา่ งทนั ทว่ งที จงึ ไดพ้ ระราชทานพระราชดา� ริ กล่าวคอื ให้มกี ารทดลองใช้ผกั ตบชวา ซง่ึ เป็น เม่ือวันท่ี ๑๕ เมษายน และวันท่ี ๒๐ เมษายน วัชพืชที่ต้องการก�าจัดอยู่แล้วน้ี มาท�าหน้าท่ีดูดซับ ความโสโครก รวมทั้งสารพิษจากน�้าเน่าเสีย โดย ทรงเนน้ ใหท้ า� การปรบั ปรงุ อยา่ งประหยดั และไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเดอื ดร้อนแก่ประชาชนทีอ่ าศัยอยู่รมิ บงึ ดังพระราชด�ารสั ตอนหน่งึ ว่า “...บึงมักกะสันนี้ ท�ำโครงกำรทีเ่ รียกว่ำ แบบคนจน โดยใชห้ ลกั วำ่ ผักตบชวำที่มอี ย่ทู ่วั ไป นัน้ เป็นพืชดูดควำมโสโครกออกมำแล้วก็ท�ำให้ น�ำ้ สะอำดขึน้ ได้ เป็นเครือ่ งกรองธรรมชำติ ใชพ้ ลงั งำนแสงอำทติ ยแ์ ละธรรมชำตขิ องกำรเตบิ โต ของพืช...” “...ถ้าได้สงิ่ โสโครกมากก็ไม่มีทางที่จะทา� ให้ส่ิงโสโครกเหล่าน้ีสลายไป เพราะเหตุว่าไม่มพี ชื ต้นไม้อะไรต่างๆ ท่จี ะกินสงิ่ โสโครกเหล่านี.้ ..” 110
แนวพระราชด�ารนิ ้ันทรงให้ท�าโครงการง่ายๆ โดยในเวลากลางวัน อัลจีซ่ึงเป็นพืชน�้าสีเขียวก็จะ โดยให้สูบน�้าจากคลองสามเสนเข้าบึงทางหน่ึง และ ท�าการสังเคราะห์แสงโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ ใหส้ ูบนา�้ ออกจากคลองสามเสนอีกทางหนง่ึ ระยะหา่ ง ในน�า้ และแสงแดด กันประมาณ ๑๐๐ - ๒๐๐ เมตร หรือฝังท่อระบายน้�า ออกทางระบายน้�าอโศก-ดินแดง โดยให้คงมีผกั ตบ ดังสมการ (SUNLIGHT) ชวาอยู่ในบงึ และท�าการตกแต่งให้ดีไว้บรเิ วณกลาง (CH2O)+O2+H2O บงึ เพ่ือกรองน�้าเสีย แต่ถ้าจ�าเป็นต้องเกบ็ ผกั ตบชวา semilight ขึ้นบ้างเป็นครั้งคราวนน้ั ก็ให้น�าไปใช้ประโยชน์ เช่น ทา� ปยุ๋ หมกั หรอื เชอ้ื เพลงิ แต่อย่าน�าไปท�าอาหารสตั ว์ CO2+H2O เพราะมธี าตโุ ลหะหนัก “...การกา� จดั นา�้ โสโครกและมลภาวะทวั่ ไปเปน็ ปญั หาส�าคญั แลว้ การแกป้ ญั หากแ็ ก้ โดยพระองคไ์ ดพ้ ระราชทานพระราชาธบิ ายวา่ อย่างนี้ ค่อยๆ ท�า คือถ้าไม่ได้ท�าอย่างท่ที า� นี้ ป่านน้กี ไ็ ม่ได้ทา� อะไรเลย...” “...แนะน�ำว่ำผักตบชวำนีใ้ ช้ได้หลำยทำง “...ผักตบชวานม้ี นั กนิ สิง่ โสโครกแล้วผักตบชวานแ้ี พร่ได้เรว็ กต็ อ้ งยกเอาขน้ึ มาแล้ว ใช้มำหมักเป็นปุ๋ยได้ข้อหนึ่ง ถ้ำจะท�ำเป็นก๊ำซ มาท�าประโยชน์ ถ้าไม่ท�าประโยชน์ผักตบชวาจะแพร่เตม็ บึง...” ชวี มวลกไ็ ดข้ อ้ หนง่ึ ถำ้ จะนำ� มำใชเ้ ปน็ อำหำรสตั ว์ ก็ได้ แมต้ อ่ ไปจะใชเ้ ปน็ อำหำรสำ� หรบั มนษุ ยก์ ็ได้ เพรำะว่ำค่ำโปรตีนในผักตบชวำมีสูงพอสมควร จะใชม้ ำทำ� ประกอบกบั แกลบมำอดั เปน็ ฟนื หรอื ทีเ่ รียกว่ำ ถ่ำน แทน ถ่ำนที่เขำใช้เผำกนั ท�ำให้ ปำ่ ไมเ้ สียหำย ซึง่ ก็ไดท้ ดลองแลว้ ได้ผลด.ี ..” หลักกำรท�ำงำนของระบบบ�ำบัด น้ำ� เสีย “บงึ มักกะสนั ” ระบบบา� บัดน�้าเสียบึงมักกะสันเป็นระบบ บา� บดั นา้� เสยี แบบธรรมชาติ ทเ่ี รยี กวา่ ระบบ Oxidation Pond หรอื เรียกว่า “ระบบสำยลมและแสงแดด” ซงึ่ สว่ นใหญจ่ ะมบี อ่ ดนิ มขี นาดความลึก ๐.๕ - ๒ เมตร สามารถให้แสงสว่างลงไปได้ ซึ่งมีการใส่ผักตบชวา เข้าไปเพ่ือใช้เป็นตัวดูดซับสารอาหารและโลหะหนัก ในน้�าเสียจากคลองสามเสน โดยสามารถบ�าบัดน้�า เสยี ได้วนั ละ ๓๐,๐๐๐ - ๑๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร การท�างานของระบบอาศัยการท�างานร่วมกนั ระหวา่ งพชื นา้� ซงึ่ ไดแ้ ก่ สาหรา่ ย หรืออลั จี กบั แบคทเี รีย 111
“...อนั น้ีก็เป็นวิธกี ารธรรมชาติ มีเพียงแต่ว่าท�าให้บงึ น้ันเรยี บร้อยข้ึน ท�าคัน แล้วกท็ �าปั๊มน้�าลงมาจากคลองสามเสนแล้วก็เอาออกไป ให้ลงคลองแสนแสบและคลองสามเสน ก็ได้ผลดีพอสมควร...” อัลจีจะน�าคาร์โบไฮเดรตไปใช้สร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งผลของปฏกิ ิริยากจ็ ะได้คาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนออกซิเจนที่เป็นผลพลอยได้น้ันก็จะถูกแบคทีเรยี ซึ่งเป็นส่วนประกอบส�าคัญในการด�ารงชีพของอัลจี นา� ไปใช้ในการย่อยสลายน้า� เสีย ดังนั้น อัลจีและแบคทีเรียจึงสามารถด�ารงชีวิตอยู่ ดงั สมการ ร่วมกันได้ โดยต่างฝ่ายต่างพ่ึงพาอาศัยกันและกัน การด�ารงชีวิตในลักษณะนี้ เรยี กว่า SYMBIOSIS BACTERIA เน่ืองจากอัตราการเติมออกซิเจนค่อนข้างต่�า ORGANIC+COMBINED OXYGEN - H2O+C3O2+CH4+ENERGY ดังน้ัน การเจริญเติบโตของแบคทีเรยี จึงถูกจ�ากัด ด้วยปริมาณออกซิเจน เม่ือเป็นเช่นน้ีอัตราเร็วของ “...เคร่ืองถ่ายอากาศในน�้ากเ็ รียกว่าเป็นการท�าน้�าให้สะอาด โดยเร่มิ จากใช้พืช ปฏกิ ิรยิ าของการทา� ลาย BOD จึงค่อนข้างช้า ระบบ ตามธรรมชาติแล้วกต็ ่อมาใช้เคร่ือง...” OXIDATION POND จึงต้องใช้บ่อท่ีมีขนาดใหญ่ กินเน้ือที่มาก เนื่องจากประสิทธิภาพของระบบ บึงมักกะสันขึ้นอยู่กับปริมาณของออกซิเจนท่ีได้ จากการสังเคราะห์แล้ว ดังน้ันในบึงจะต้องไม่ปลูก ผักตบชวามากเกนิ ไป เพราะจะบดบังแสงแดด ส�าหรับผักตบชวานั้นก็จะท�าหน้าที่ดูดซึม อาหารต่างๆ และโลหะหนักในนา้� ซึ่งจากการศึกษา ของกลมุ่ วชิ าการ พบวา่ ผกั ตบชวามกี ารเจรญิ สงู สดุ ใน 112
“...วธิ ีท�านีก้ ็ใช้ประโยชน์จากผกั ตบชวา โดยทา� ขึ้นมาเป็นปุ๋ยกไ็ ด้...” เวลาภายหลงั การปลกู ๑๖ - ๑๗ สปั ดาห์ จงึ ต้องดแู ล ท่ี ๑ โดยมแี นวผา่ นบงึ มกั กะสนั และมตี อมอ่ โครงสรา้ ง ระบบนโ้ี ดยการเอาผกั ตบชวาออกทกุ ๑๐ สปั ดาห์ อยู่กลางบงึ ประสิทธิภำพของระบบบำ� บัด คราวเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ นำ�้ เสียของบึงมักกะสนั พระราชด�าเนินไปทรงเปิดศูนย์ควบคุมระบบป้องกัน น�้าท่วมกรงุ เทพมหานคร เม่อื วันท่ี ๗ สงิ หาคม พ.ศ. พบวา่ สามารถลดคา่ BODไดร้ ะหวา่ ง๑๙-๘๕% ๒๕๓๓ ได้พระราชทานพระราชดา� รวิ ่า “...การสรา้ ง โดยเฉลี่ยได้ ๕๑% มีประสทิ ธิภาพในการฟอกตัว ทางด่วนใหม่ท�าให้น�า้ ในบึงไมถ่ กู แสงแดด จึงใช้ ด้านการก�าจัด Total COLIFORM แบคทีเรยี และ วิธีธรรมชาติในการบ�าบัดน้�าเสียโดยผักตบชวา FeCal COLIFORM แบคทีเรยี เฉลยี่ ๙๐% และ ๘๙% ไม่ได้ในปัจจุบัน ซึง่ ควรจะใช้เครื่องพ่นอากาศ ตามล�าดบั เข้าช่วย...” มูลนิธิชัยพัฒนาและกรงุ เทพมหานคร จึงรับสนองพระราชด�ารดิ ้วยการปรับปรุงบึงมักกะสัน กำรพัฒนำปรับปรุงระบบบ�ำบัด ให้สามารถฟอกน�้าในคลองสามเสนให้สะอาดข้ึน น�้ำเสียบงึ มักกะสันให้สอดคล้องกบั กำร วนั ละ ๒๖๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร ด้วยการใช้เครือ่ ง พฒั นำบำ้ นเมือง เตมิ อากาศแบบทนุ่ ลอยผสมกบั การใชผ้ ักตบชวา กจ็ ะ สามารถบ�าบัดน�้าเสยี ได้เพ่ิมจากเดิมประมาณ ๑๐ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เท่า โดยมูลนิธชิ ัยพฒั นาเป็นผู้จดั หาและติดตง้ั เคร่ือง ได้ด�าเนินการก่อสร้างทางด่วนมหานครข้ัน ๒ ระยะ เติมอากาศ ขนาด ๑๑ KW จ�านวน ๑๐ เคร่ือง 113
“...ผักตบชวาทจ่ี ะกนิ คาร์บอนไดออกไซด์แล้วก็กินสง่ิ โสโครกเราเอาออกมาแล้วก็มาทา� เป็นปุ๋ย ก็ให้คาร์บอนไดออกไซด์เหมือนกนั ...” และกรุงเทพมหานครเป็นผู้ด�าเนินการขุดลอกบึง พระราชดา� ริจากสว่ นราชการตา่ งๆ ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง รว่ มกนั พร้อมท้ังติดต้ังเครอ่ื งสูบนา�้ และปลกู ผักตบชวา ดา� เนนิ การ โดยมมี ตเิ หน็ ชอบใหก้ รงุ เทพมหานครและ การรถไฟแห่งประเทศไทยร่วมเป็นหน่วยงานหลัก อนึ่ง ส�าหรบั ผกั ตบชวาท่ีสามารถปลกู ได้และ ในการใช้ประโยชน์และดูแลรักษาบึงแห่งนี้ให้คงมี เก็บข้ึนเป็นคร้ังเป็นคราวน้ันให้น�าไปใช้ประโยชน์ สภาพท่ีดสี บื ไป ในรปู ปยุ๋ หมกั หรอื เชอ้ื เพลงิ และอาหารสตั วต์ ามความ เหมาะสม พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเปรยี บเทยี บ ว่า “บงึ มกั กะสัน” เป็นเสมือนดง่ั “ไตธรรมชำต”ิ ส่วนน้�าท่ีใสสะอาดขึ้นกใ็ ห้ระบายออกสู่คลอง ของกรงุ เทพมหานคร ที่เป็นแหล่งเก็บกกั และระบาย ธรรมชาตติ ามเดมิ แลว้ รบั นา้� เสยี จา� นวนใหมม่ าดา� เนนิ น�้าในฤดูฝน นอกจากน้ียงั มีผลพลอยได้หลายอย่าง การผ่านกรรมวิธีเป็นวงจรเช่นน้ีตลอดไป เช่น ปุ๋ย เชื้อเพลิง เย่อื สานจากผกั ตบชวา และ การปลกู พืชน้�าอ่ืนๆ เช่น ผกั บุ้ง เป็นต้น รวมทั้ง ในอนาคตเมื่อการก�าจัดน�้าเน่าเสียด้วยผักตบ การเลี้ยงปลาด้วย โดยมิได้มีพระราชประสงค์ ชวาในบึงมักกะสนั แห่งน้ีได้ผลดี ก็จะได้น�าไปใช้เป็น จะทา� ใหเ้ ปน็ สวนสาธารณะแตอ่ ยา่ งใด ดงั พระราชดา� รสั แบบอย่างในการแก้ไขปัญหาน้�าเน่าเสียท่ีแหล่งน้�า ความตอนหนง่ึ ว่า หรือลา� คลองอื่นต่อไป “บงึ มักกะสัน” ได้รบั การปรบั ปรงุ สนอง 114
“...ถ้าไม่ท�าจรงิ จงั กรุงเทพฯ อยู่ไม่ได้ ภายใน ๒๐ ปีข้างหน้าแย่ เดยี๋ วนี้กแ็ ย่ คือคนเราจะทนไม่ได้ ไปทอี่ นื่ กไ็ ปไม่ได้แล้วก็เมอื งไทยจะแย่...” “...ในกรุงเทพฯ ตอ้ งมีพื้นที่หำยใจ แตท่ ่ีนี่ ทรงเรียกว่า เรำถือว่ำเป็นไตกำ� จัดสิง่ สกปรกและโรค สวน “แถลงการณ”์ สำธำรณะถอื ว่ำเป็นปอด แต่นี่เหมือนไตฟอก เลือด ถ้ำไตท�ำงำนไม่ดีเรำตำย อยำกให้เข้ำใจ มักกะสนั หลักของควำมคดิ อนั น.ี้ ..” วนั ที่ ๘ มถิ ุนายน ๒๕๓๐ ภารกจิ หลัก : หน้าแล้ง ก�าจัดน�า้ โสโครก บงึ มักกะสนั จึงเป็นบึงที่สร้างภาวะแวดล้อม ด้วยวิธีธรรมชาติ เรียบง่าย ประหยัด และที่ส�าคัญ ด้วยผกั ตบชวา เปน็ แหลง่ คน้ ควา้ ทดลองทพ่ี ระราชทานเพือ่ ปวงประชา : หน้าน้า� เก็บกกั และระบายน�้า จักได้มีสขุ ถ้วนท่ัวหน้ากนั ภารกจิ รอง : ท�าปุ๋ยหมกั เชอ้ื เพลงิ การพัฒนาบึงมักกะสนั จึงนับเป็นความสา� เร็จ เยอ่ื สานจากผักตบชวา ท่ีเกิดจากพระปรชี าสามารถในเชิงวิชาการด้าน ปลกู ผกั น�า้ อืน่ ๆ ผักบุ้ง เป็นต้น นิ เ ว ศ วิ ท ย า แ ล ะ ก า ร แ ก ้ ไ ข ป ั ญ ห า ภ า ว ะ ม ล พิ ษ เล้ยี งปลา ทางน้�าด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกล จึงนับเป็น (สวนสาธารณะไม่เกยี่ ว) พระมหากรุณาธคิ ณุ อย่างย่ิงแก่ชาวไทยทง้ั มวล ยกคนั รวมบึง ๘๐ ซม. คลองสามเสน ๕๐ ซม. 115
ทฤษฎีการบา� บัดนา้� เสีย โดยใช้กระบวนการทางชีววิทยาผสมผสาน กบั เคร่อื งกลเติมอากาศแบบ “สระเติมอากาศชีวภาพบา� บดั ” (Biological Treatment Aerated Lagoon) ตามแนวพระราชดา� ริ “บึงพระราม ๙” 116
“บึงพระรำม ๙” จดั ได้ว่าเป็นบงึ ขนาดใหญ่ “...บางคนว่าโครงการตามพระราชด�ารนิ ้ี เป็นโครงการแบบไม่ใช้ อยใู่ จกลางกรงุ เทพมหานคร มเี นอื้ ทปี่ ระมาณ ๑๓๐ ไร่ วิชาการชั้นสงู ไม่ใช่ใช้วิชาการชั้นสงู ทั้งหมด แต่วิธีมองทัศนะ และมีความยาวถึง ๑,๓๐๐ เมตร ตัง้ อยู่ในเขตทด่ี นิ ต้องมองแบบกันเอง ว่าจะท�าอะไรเลก็ ๆ ท�าอะไรท่ีไม่วุ่นวาย ของส�านักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตรยิ ์ ซึ่งอยู่ ใหญ่โตจนเกนิ ไป แต่ก่อนนี้คิดมาตลอดว่า “Small is beautiful...”” ติดกับคลองลาดพร้าวทางฝั่งตะวันตก-ตะวันออก เฉยี งใต้ ในบริเวณท่ีคลองลาดพร้าวบรรจบกับคลอง แสนแสบในทอ้ งทเ่ี ขตหว้ ยขวาง ซงึ่ มปี ญั หาภาวะมลพษิ น้�าเน่าเสียอย่างรนุ แรงเพ่ิมข้ึนเป็นลา� ดับ เนื่องจาก คลองลาดพร้าวเป็นคลองระบายน้�าหลกั คลองหน่ึง ของกรงุ เทพมหานคร ซงึ่ รับนา้� เสียมาจากแหลง่ ชมุ ชน ทอ่ี ยสู่ องฝง่ั คลอง มคี วามกวา้ งประมาณ ๒๐ - ๓๐ เมตร ลกึ ประมาณ ๓ เมตร คณุ ภาพนา�้ มสี ภาพความเนา่ เสยี เฉล่ยี วัด BOD ได้ประมาณ ๑๙ มิลลกิ รัมต่อลิตร ค่าสงู สดุ ๔๒ มลิ ลกิ รมั ต่อลิตร ค่าตา�่ สดุ ๙ มลิ ลิกรัม ต่อลิตร มสี ีค่อนข้างด�า และมีกลนิ่ เน่าเหมน็ ของก๊าซ ไฮโดรเจนซลั ไฟต์ตลอดเวลา ร ะ บ บ บ� า บั ด น้� า เ ส ยี ท่ี บึ ง พ ร ะ ร า ม ๙ เป็นโครงการอนั เนื่องมาจากพระราชด�าริในพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่ีพระราชทานพระราชด�าริว่า “การใช้วิธีการทางธรรมชาติแต่เพียงอย่างเดียว ไมเ่ พยี งพอในการบา� บดั นา้� เสยี ใหด้ ีข้นึ จา� เปน็ ตอ้ ง ใชเ้ คร่อื งเตมิ อากาศลงไปในน้า� โดยทา� เปน็ ระบบ สระเตมิ อากาศ (Aerated Lagoon)” โดยมอบหมาย ให้หน่วยงานหลายหน่วยงานรับไปด�าเนนิ การ ได้แก่ - ส�านักงานคณะกรรมการพิเศษเพ่ือ ประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�าริ (ส�านักงาน กปร.) - กรมชลประทาน - กรมท่ีดิน - รัฐบาลญี่ปุ่น - กรุงเทพมหานคร “...น�้าในประเทศไทยท่ีไหลเวียนน้ันยังมีอยู่ เพยี งแต่ต้องบรหิ ารให้ดี ถ้าบรหิ าร ให้ดีแล้ว มีเหลอื เฟือ...” 117
ลกั ษณะของระบบบำ� บดั น้ำ� เสยี บงึ พระรำม ๙ เพื่อใช้แบคทีเรียชนิดท่ีใช้ออกซิเจนช่วยย่อยสลาย เป็นระบบบ�าบัดน�้าเสยี แบบสระเติมอากาศ สารอนิ ทรยี ใ์ นนา�้ จงึ ทา� ใหร้ ะบบบา� บดั นา้� เสยี แบบสระ (Aerated Lagoon) โดยใช้เคร่อื งจักรกลเติมอากาศ เตมิ อากาศสามารถรบั ภาระบรรทกุ (Loading) ไดม้ ากกวา่ (Mechanical Aerated) มาชว่ ยเพิม่ ออกซเิ จนละลายน�้า บ่อเขียวซ่ึงใช้ออกซิเจนตามธรรมชาติจากพืชน�้าและ สาหร่าย หลักกำรทำ� งำนของระบบ ระบบบ�าบัดน�้าเสยี แบบสระเติมอากาศ เป็น ระบบบ�าบัดน�้าเสียทางชีววิทยา โดยใช้แบคทีเรีย เปน็ ตวั กา� จดั สารอนิ ทรียใ์ นนา้� ทงิ้ ดว้ ยปฏกิ ิรยิ าแบบใช้ ออกซิเจน ซึ่งนิยมใช้กันแพร่หลายมากระบบหนึ่ง ในการบา� บดั นา�้ เสยี จากชมุ ชนและโรงงานอตุ สาหกรรม กับปฏิกิริยาของระบบเป็นบ่อขนาดใหญ่ลึกไม่น้อย กวา่ ๒ เมตร ปฏกิ ริ ยิ าการท�าลาย BOD โดยแบคทเี รยี จะเร็วกว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในระบบ Oxidation Pond เพราะมีการเติมออกซิเจนด้วยเคร่ืองมือกล จงึ ทา� ใหก้ ารเจริญเตบิ โตของแบคทเี รยี ไมถ่ กู จา� กดั ดว้ ย 118
อตั ราการเติมออกซิเจนในระบบ Oxidation Pond ข. บ่อบ�ำบดั น�ำ้ เสียแบบกึง่ ไร้อำกำศ มาก และปฏกิ ริ ยิ าการทา� ลาย BOD เรว็ กว่าหลายเท่า (Facultative Pond) คอื บอ่ ทที่ า� หนา้ ทเี่ ปน็ บอ่ ตกตะกอน สา� หรบั ปริมาณ BOD เท่าๆ กัน ดงั นั้น ระบบ Aerated กา� จดั ตะกอน และบา� บดั น้า� ให้มคี ณุ ภาพดีขน้ึ Lagoon จึงใช้พ้นื ท่ีน้อยกว่าระบบ Oxidation Pond ประมาณ ๘ - ๑๐ เท่า การทา� งานของระบบสระเตมิ อากาศบงึ พระราม ๙ เริ่มจากการสบู น้�าเสียจากคลองลาดพร้าวเข้า ระบบ Aerated Lagoon แบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คอื ก. บ่อบ�ำบัดน�ำ้ เสียแบบสระเติมอำกำศ (Aerobic Lagoon) ได้แก่ บ่อที่มีกา� ลงั เคร่ืองเติม อากาศ (Aerator) พอเพยี งท่ีจะกวนน้�าให้บ่อย อยา่ งทวั่ ถงึ จนไมม่ กี ารตกตะกอนเกดิ ขน้ึ ในบอ่ ปฏกิ ริ ยิ า ชีวเคมีท่ีเกดิ ขึ้นในบ่อจะเป็นแบบใช้ออกซิเจนตลอด ความลึกของบ่อ โดยปกติแล้วน�้าท้ิงที่ออกจาก บ่อเตมิ อากาศจะค่อนขา้ งข่นุ จ�าเป็นต้องแยกตะกอน ออกจากบ่อตกตะกอนเสียก่อน บ่อน้ีจึงท�าหน้าที่ เติมอากาศลงไปในนา้� และกวนน�้าในบ่อตลอดเวลา 119
ในบอ่ เตมิ อากาศ ซง่ึ จะมกี ารเตมิ อากาศดว้ ยเครอ่ื งเตมิ อากาศตลอดเวลา เพอ่ื ใหแ้ บคทเี รยี ทา� การยอ่ ยสลาย สารอินทรีย์ในน้�าเสียโดยปฏิกริ ิยาทางชีวเคมีแบบใช้ ออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง น�้าเสียจะถูกกักเก็บในบ่อ เตมิ อากาศนาน ๑๖ ชวั่ โมง จากนนั้ จะไหลโดย Gravity Flow ไปยังบอ่ กึง่ ไรอ้ ากาศ (Facultative Pond) เพอื่ ทา� การ บา� บดั สารอนิ ทรยี ท์ ห่ี ลงเหลอื ในบอ่ นา�้ และเปน็ การตก ตะกอนแยกแบคทีเรียออกจากน�้าเสียด้วยท�าให้น้�าใส นา้� จะถกู กกั เกบ็ อยใู่ นบอ่ นอี้ กี เปน็ เวลา ๒ ชว่ั โมง แลว้ ก็ จะระบายทงิ้ ลงคลองลาดพรา้ วตามเดมิ รวมระยะเวลา ในการบา� บดั นา�้ เสยี ของระบบบา� บดั นา้� เสยี บงึ พระราม ๙ เฉลีย่ ประมาณ ๒๐ ชวั่ โมง 120
ผลสัมฤทธติ์ ำมแนวทฤษฎีกำร พฒั นำระบบตำมพระรำชดำ� รใิ นพระบำท สมเดจ็ พระเจ้ำอยหู่ วั ปัจจุบนั ประสิทธภิ าพในการลดค่า BOD ของ น้�าเสียคลองลาดพร้าวเท่ากับ ๖๕% น�้าท้ิงที่ผ่าน การบ�าบดั แลว้ จะมคี า่ BOD เฉลีย่ ๙ มลิ ลกิ รัมตอ่ ลิตร และมคี ่า pH เท่ากับ ๗.๕ วิธีการบ�าบัดน้�าเสยี ระบบน้ีมีข้อดีคือ การ ดา� เนนิ การและการควบคมุ ดแู ลทา� ไดง้ า่ ย คา่ กอ่ สรา้ งตา�่ ไม่ส้นิ เปลืองเนื้อที่มากนัก ไม่มีปัญหาในการก�าจัด ตะกอน และไม่มีกล่นิ เน่าเหม็นอันเป็นเหตุเดือดร้อน รา� คาญต่างๆ จึงนับเป็นพระปรีชำสำมำรถที่ส่งผลให้ พสกนิกรทั้งหลำยมีคุณภำพชีวิตและสภำพ แวดลอ้ มท่ดี ยี ่งิ 121
ทฤษฎกี ารบา� บัดนา้� เสยี ดว้ ยการผสมผสาน ระหว่างพืชน้�ากับระบบการเตมิ อากาศ (Constructed Wetland and Air Transfer for Waste Water Treatment) ณ บรเิ วณหนองสนม-หนองหาน หนองพสรนะมบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน ส่ิงโสโครกและโลหะหนัก ต่อจากน้ันจึงใช้กังหันน�้า ชั ย พั ฒ น า แ ล ะ แ ผ ง ท ่ อ เ ติ ม อ า ก า ศ ใ ห ้ ก ับ น้� า เ สี ย พระราชด�าริให้ท�าโครงการบ�าบัดน�้าเสยี โดยวิธี ตามความเหมาะสมตลอดจนใหต้ กตะกอนกอ่ นปลอ่ ยนา้� ธรรมชาติผสมผสานกับเทคโนโลยีแบบประหยัด ลงหนองสนมเพื่อปรับสภาพน�้าให้ดีขึ้น นอกจากนี้ กล่าวคือ จัดสร้างบ่อดักสารแขวนลอย ปลูกต้นกก ยังใชป้ ระโยชนจ์ ากผักตบชวาในดา้ นตา่ งๆ ไดอ้ กี ดว้ ย อยี ปิ ต์เพ่ือใช้ดับกล่นิ และปลกู ผกั ตบชวาเพ่ือดูด 122
เชน่ ทา� ปยุ๋ หมกั ทอเสือ่ หรอื ทา� เชอ้ื เพลงิ ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี นอกจากนี้ ทางด้านท้ายน�้าของกระบวนการ กำรท�ำงำนของระบบบำ� บัดน�้ำเสียของ บ�าบัดจะมีตะแกรงกระบะติดต้ังไว้ เพื่อรองรับ เศษขยะทล่ี อยปะปนมากบั น้�าให้กกั ไว้ในด่านแรก หนองสนม แบ่งเป็น ๓ ส่วนคอื - ส่วนแรก เป็นการบ�าบัดน�้าเสยี ด้วยกก จากน้ันน้�าเสียจึงจะผ่านเข้าไปในบ่อปลกู กก อยี ปิ ต์ ซง่ึ สารอนิ ทรยี จ์ ะถูกกา� จดั ใหล้ ดลง แลว้ จงึ ไหล อยี ิปต์ ซ่ึงเป็นพืชที่มีคุณสมบัติช่วยดูดมูลสารต่างๆ เข้าสู่บ่อตกตะกอนตามธรรมชาติ ทป่ี นเปอ้ื นอยใู่ นนา้� เสยี ใหล้ ดลง โดยใชล้ านกรองกรวด เบ้อื งต้นก่อนท่ีจะถงึ บ่อปลกู กกอยี ปิ ต์ ให้ท�าหน้าท่ี - ส่วนที่สอง เป็นการใช้ระบบบ�าบัด กรองสารแขวนลอยและช่วยเติมออกซิเจนให้กับ น้�าเสยี ด้วยบ่อเติมอากาศโดยใช้กังหันน้�าชัยพัฒนา นา้� เสยี ตลอดจนชว่ ยใหเ้ กิดจลุ นิ ทรยี เ์ กาะทกี่ อ้ นกรวด เข้าช่วย เตมิ ออกซิเจนในน�้าเพื่อให้ทา� การย่อยสลาย ซึง่ ส่งผลให้มีการย่อยสลายสารอินทรีย์ทีอ่ ยู่ในน้�าเสีย สารอนิ ทรยี ท์ ลี่ ะลายอยใู่ นนา�้ เสยี ซง่ึ ตกตะกอนไดย้ าก ให้ลดลงได้ ให้กลายเป็นตะกอนจุลนิ ทรีย์ท่ีมีน�้าหนัก (Sludge) “...น�า้ มีมากในโลก...ทีก่ า� ลงั มีมากข้นึ คือ น้า� เน่า จะต้องป้องกนั ไม่ให้มนี �า้ เน่า...” 123
ทีส่ ามารถตกตะกอนได้รวดเร็ว ในข้ันน้ีตอนปลายของการบ�าบัดน้�าเสียก็ให้ ผ่านไปยงั บ่อปลกู ผักตบชวา ให้ช่วยลดสารพิษต่างๆ ที่เหลอื อยู่ได้อีก แล้วส่งเข้าบ่อตกตะกอนอกี ครั้งหนึง่ เพ่ือให้ได้น�า้ ทใี่ สสะอาดยงิ่ ขึน้ “...น้�าเน่าจะมอี ยู่เสมอ แต่อย่าให้น้�าเน่านั้นเป็นโทษมากเกินไป...” “...ทไี่ ปสกลนคร ก็ไปดนู า้� โสโครกนนั่ แหละ พอแกไ้ ดเ้ พราะวา่ ทยี่ งั ม.ี ..” 124
- ส่วนที่สำม ระบบปรบั ปรุงคุณภาพน�้า ในหนองสนม โดยใช้เครื่องเติมอากาศแบบกงั หันน้�า ชัยพัฒนา ติดตั้งไว้ที่ปากทางเข้าของหนองสนม เพ่ือเติมอากาศขั้นสดุ ท้าย นอกจากน้ียงั ปลูกผักตบ ชวาโดยก้นั ไว้เป็นคอกเรยี งสลบั กันเป็นแถวๆ เพ่ือ ชว่ ยบ�าบดั นา้� เสียและเปน็ แหลง่ ทอี่ ยอู่ าศยั ของสัตวน์ �้า ทั้งระบบ 125
126
“...เราจะต้องพยายามทีจ่ ะคดิ ให้ดวี ่าเราจะใช้น้า� น้ีให้ดอี ย่างไร...” 127
หนองหาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน พระราชดา� รใิ หเ้ รง่ ดา� เนนิ การแกไ้ ขปญั หานา�้ เสยี ทป่ี ลอ่ ย ลงหนองหานโดยเรว็ โดยให้รวบรวมนา้� เสียที่ระบาย ลงหนองหานที่ข้างโรงผลิตน้�าประปา ที่บริเวณ ข้างโรงพยาบาล โดยหาทางผันน้�าด้วยท่อและคูน้�า จากจดุ ทงั้ สองมารวมกนั ทจี่ ดุ ระบายนา้� ทง้ิ ณบรเิ วณใกล้ ฌาปนสถานภูหมากเสื่อ รวมปริมาณน้�าประมาณ รอ้ ยละ ๗๐ จากเขตเทศบาล ซง่ึ ระบายลงหนองหาน มาไว้ ณ ทเ่ี ดยี ว แลว้ ใหจ้ ดั ทา� โครงการบา� บดั นา้� เสยี โดย วิธีธรรมชาติผสมผสานกับเทคโนโลยีแบบประหยัด เพอ่ื ใหส้ ามารถรองรับการขยายตวั ของชมุ ชนเทศบาล เมอื งสกลนครในอนาคตตอ่ ไป 128
พระราชด�ารใิ นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังกล่าว หน่วยราชการต่างๆ ได้สนองพระราชด�าริ ดังนี้ คอื ทางด้านกรมประมงได้ด�าเนินการออกแบบ และก่อสร้างระบบบา� บัดน�้าเสยี แบบบ่อผ่ึง Waste Water Stabilization Ponds ขนึ้ ในพน้ื ทป่ี ระมาณ ๙๒ ไร่ บริเวณริมหนองหาน เริ่มก่อสร้างเมื่อปี ๒๕๓๔ แล้วเสรจ็ ในปี ๒๕๓๕ ในส่วนของกรมโยธาธิการได้ด�าเนินการ ออกแบบและก่อสร้างท่อรับน้�าเสยี ในเขตเทศบาล เมืองสกลนคร เพ่ือน�าน้�าเสยี เข้าไปบา� บดั ในระบบ บ�าบัดน�้าเสียของกรมประมงเป็นการรบั สนอง พระราชด�ารเิ ช่นกนั โดยเร่ิมก่อสร้างในปี ๒๕๓๔ แล้วเสรจ็ สมบรู ณ์ในปี ๒๕๓๖ 129
นอกจากนท้ี างดา้ นกรมชลประทานกไ็ ดด้ า� เนนิ การศึกษาหาข้อมูลต่างๆ พร้อมทั้งออกแบบก่อสร้าง ระบบบา� บดั นา�้ เสยี ด้วยพืชน�า้ (Constructed Wetland for Waste Water Treatment) ซึ่งเป็นการบ�าบัด น�้าเสยี โดยวิธีธรรมชาติ เพ่ือใช้เป็นบ่อบา� บัดน้�าเสีย ขั้นสุดท้าย (Polishing Pond) ท้ังนี้เป็นการน�าเอา เทคโนโลยแี บบประหยดั จากสหรัฐอเมริกามาประยกุ ต์ ใช้ในประเทศไทย ประโยชน์ของระบบบ�าบัดน�้าเสยี โดยวิธี ธรรมชาติชนิดน้ี คือ เป็นรูปแบบง่ายๆ เสียค่าใช้ จ่ายน้อย และง่ายต่อการใช้ การบา� รงุ รักษา เป็นไป ตามแนวพระราชด�าริ เป็นระบบท่ีจะช่วยปรับปรุง คณุ ภาพน้�าให้ดยี ิ่งขนึ้ และเป็นการอนรุ ักษ์ทรัพยากร ในแหล่งน้�าหนองหานให้ได้รบั ประโยชน์สูงสุด และยัง่ ยืนนาน “...หนองหานทส่ี กลนคร โรงประปาอยขู่ า้ งสว่ นมที ง้ั นา้� โสโครกลงไปในหนองหาน เขาก็ตอ้ งทา� ทอ่ ยนื่ ไปในหนองหานไปเอานา้� มาทา� นา้� ประปา ที่น่าหนักใจก็ต้องแก้ไข...” 130
ลกั ษณะของระบบ ๑. เป็นระบบบ�าบัดน�้าเสียด้วยพชื น�้าในพื้นท่ี ๘๔.๕ ไร่ ในส่วนท่ีเพ่ิมเติมของกรมประมง และ เชื่อมต่อกับระบบบ�าบัดน�้าเสียของกรมประมงที่ได้ สรา้ งเสรจ็ แลว้ ระบบดงั กลา่ วจะแบง่ ออกเปน็ ๔ เซลล์ แตล่ ะเซลลป์ ระกอบดว้ ยหนองนา้� ตนื้ (Marsh) สองดา้ น ส่วนตรงกลางของแต่ละเซลล์จะเป็นบ่อนา้� ลกึ (Pond) ๒. บริเวณหนองน้�าตื้น (Marsh) จะมคี วามลึก ของน้�าปกตอิ ยู่ระหว่าง ๑๐ - ๒๐ ซม. ถกู กา� หนดให้ ท�าหน้าที่ในการลดค่าบีโอดี (BOD) ลดค่าของแข็ง แขวนลอย (Suspended Solids) ทเี่ กิดข้ึนจากสาหร่าย สีเขียว (Algae) ก�าจัดแบคทีเรยี ชนิด Faecal Coli- form เปลยี่ นไนโตรเจนให้เป็นแอมโมเนยี และลดค่า 131
ฟอสฟอรัส ซ่ึงพืชน�้าที่ใช้ปลูกเพื่อท�าหน้าที่ดังกล่าว มที ง้ั หมด ๑๕ ชนิด ได้แก่ - ธูปฤๅษี (Typha angustifolia) - กกเล็ก (Cyperus putcherrimus) - กกกลม (Cyperus corymbousus) - กกอียิปต์ (Cyperus papyrus) - แห้วทรงกระเทียม (Elocharis dutcis) - กกสามเหล่ียม (Scirpus Grossus) - หญ้าปล้องละมาน (Echinochloa crusgalli) - แพงพวยน�า้ (Jussiaea repens) - ตาลปัตรฤาษี (Linnoecharis flava) - เออ้ื งเพชรม้า (Polygonum tomemtosum) 132
“...น�้าน้จี ะต้องใช้ให้ดี คือ นา�้ นั้นมคี ุณ อย่างที่เราใช้น้�าส�าหรับบริโภค นา้� สา� หรบั การเกษตร น้า� สา� หรับอตุ สาหกรรม ทัง้ หมดนตี้ ้องใช้น้า� ท่ดี ี หมายความว่า น้า� ทส่ี ะอาด...” - พทุ ธรกั ษา (Conna indica) - บัวสาย (Nymphaea lotus) - บอน (Colocacia esculentum) - ดีปลีน�า้ (Potamogeton malaianus) - ขาเขยี ด (Monochoira vaginalis) - ดปี ลีน�้าเล็ก (Potamogeton crispus) - ผกั ตบไทย (Monochoria hastata) - กระจับ (Trapa bispinosa) - ผกั บุ้ง (lpomoea aguatica) ๔. หลงั ปลกู พชื น้�าไปแล้วประมาณ ๓ เดือน ๓. บริเวณบ่อลกึ กา� หนดให้มคี วามลึกของนา�้ ระบบบา� บดั นา้� เสียดงั กลา่ วน้ี จะสามารถลดค่าความ แต่ละบ่อ ๑ เมตร ท�าหน้าท่ใี นการเปลย่ี นไนโตรเจน เน่าเสียของน้�าที่ปล่อยออกมาจากระบบบ�าบัด ให้เป็นไนเตรท (Nitrification) และเปล่ียนสารอาหาร น้�าเสียของกรมประมง ให้มีคุณภาพดีย่ิงขึ้น และ ไนเตรทไปอยู่ในรปู ของก๊าซไนโตรเจน (Dinitrification) เม่ือพืชเติบโตสมบูรณ์เต็มท่ี ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ รวมทงั้ ลดคา่ ฟอสฟอรัสดว้ ยพชื นา้� (Submersed Plant) ๖ เดือน ถึง ๑ ปี ระบบนี้จะสามารถบ�าบัดน้�าเสีย ต่างๆ ดังน้ี ให้เป็นน้�าดอี ย่างสมบรู ณ์แบบ - สาหร่ายหางกระรอก (Hydrilla verticillata) 133
ทฤษฎีการบา� บัดน้�าเสีย ดว้ ยระบบบ่อบา� บดั นา้� เสียและวชั พืชบ�าบัด (Lagoon Treatment and Grass Filtration) ณ แหลมผักเบี้ย 134
หลักการบา� บดั นา�้ เสยี โดยวธิ ธี รรมชาตแิ บบ แหลมผักเบย้ี บ่อผึ่ง หรือบ่อตกตะกอน และระบบบ่อ บา� บัดน้า� เสีย (Oxidation Pond, Sedi- พระรำชดำ� รริ ะบบบอ่ บำ� บดั นำ้� เสยี และวชั พชื mental Pond and Lagoon Treatment) บำ� บดั (Lagoon Treatment and Grass Filtration) ตามแนวทฤษฎีการพัฒนาอนั เนอื่ งมาจาก พระราชด�าริ โครงการวิจัยและพัฒนาส่งิ แวดล้อมแหลม ผกั เบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชด�าริ ตั้งอยู่ท่ีต�าบล แหลมผักเบี้ย อ�าเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี เป็นโครงการศึกษาวิจัยวิธีการบ�าบัดน้�าเสีย ก�าจัด 135
ขยะมูลฝอย และการรักษาสภาพป่าชายเลนด้วย วิธีธรรมชาติตามแนวพระราชด�าริที่มีสาระส�าคัญ สรุปได้ว่า ป ั ญ ห ำ ภ ำ ว ะ ม ล พิ ษ มี ผ ล ก ร ะ ท บ ตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มของชมุ ชนเปน็ อยำ่ งมำก และนบั วนั จะทวีคูณมำกยงิ่ ขึ้น กำรด�ำรงชีพของพสกนิกร ทง้ั หลำยในปจั จบุ นั ตอ้ งเผชญิ ภำวะวกิ ฤตอิ นั เกดิ จำกสง่ิ แวดลอ้ มเสอ่ื มโทรมรนุ แรงข้นึ ตลอดเวลำ สำเหตุส�ำคัญประกำรหนึ่ง คือ ชุมชน เมือง ต่ำงๆ ยังขำดระบบบ�ำบัดน�ำ้ เสียและกำรก�ำจัด ขยะมลู ฝอยท่ดี แี ละมปี ระสทิ ธภิ ำพ พระบำทสมเดจ็ พระเจำ้ อยู่หวั มพี ระรำชกระแสว่ำ “...ปญั หาส�าคญั อกี อนั หนง่ึ คอื เรอื่ งสิง่ แวดลอ้ ม เรอื่ งน้�าเสยี กบั ขยะ ไดศ้ กึ ษามาแลว้ เหมอื นกนั ท�าไมย่ ากนกั ในทางเทคโนโลยมี นั ท�าได้ แล้วในเมืองไทยก็ทา� ได้...” 136
“...ปัญหาส�าคัญ คือ เรื่องสิง่ แวดล้อม เร่ืองน�้าเสียกบั ขยะ ได้ศกึ ษามาแล้วเหมือนกัน ทา� ไมย่ ากนกั ในทางเทคโนโลยีทา� ได้ แลว้ ในเมอื ง ไทยเองก็ท�าได้ หาเทคโนโลยจี ากต่างประเทศ มาแลว้ ท�าในเมืองไทยกท็ �าได้ หรือจะจ้างบริษัท ต่างประเทศมาท�าก็ได้ นีแ่ หละปัญหาเดียวกัน เดี๋ยวนกี้ า� ลงั คิดจะท�าแต่ติดอยูท่ ที่ จ่ี ะทา� ...” และได้พระราชทานแนวพระราชดา� รวิ ่า “...อย่างที่บอกว่า เอาน�้าเสียมาใช้ใน ทางเกษตรกรรม ท�าได้ แต่ที่ทีท่ �านัน้ ต้องมีที่ สกั ๕,๐๐๐ ไร่ ...ขอให้ผู้เชย่ี วชาญต่างๆ มาชว่ ย “...ต้องท�าการเรียกว่าการกรองน�า้ ให้ท�าน้า� นัน้ ไม่โสโครกแล้วกป็ ล่อยน�้าลงมาเป็นทีท่ �าการเพาะปลูก หรอื ท�าทุ่งหญ้า หลังจากนั้นน้�าทเ่ี หลือ กล็ งทะเลโดยทไี่ ม่ทา� ให้น้�านัน้ เสีย...” 137
138
“...ถ้าไม่จดั การโดยเร็วเรากจ็ ะนอนอยู่ในน�้าเน่า...นา�้ ดกี จ็ ะไม่มใี ช้...” รว่ มกนั ทา� ทา� ไดแ้ น.่ .. ถา้ ใครเอาท่มี าให้ ๕,๐๐๐ ไร่ รายละเอยี ดเพ่ิมเติมอกี ดงั พระราชดา� รสั ว่า ทีอ่ ยู่ใกล้กรุงเทพฯ พอใช้ ท�าให้ดูยงั ไม่ทัน “...แล้วก็ต้องท�าการเรียกว่า การกรองน�้า เกษียณอายเุ ลย คงได้เหน็ ...” ให้ท�าน้�านัน้ ไม่ให้โสโครก แล้วก็ปล่อยน�้าลงมา ทีเ่ ป็นทีท่ �าการเพาะปลูก หรือท�าทุ่งหญ้า ในส่วนแนวการด�าเนินงานหรือวิธีการน้ัน ได้ หลังจากนั้นน�า้ ทีเ่ หลือก็ลงทะเล โดยทีไ่ ม่ท�าให้ พระราชทานพระราชด�ารสั ว่า น้า� นัน้ เสยี ...” “...โครงการท่ีจะท�านไ้ี มย่ ากนกั คอื วา่ กม็ า เอาสิ่งทีเ่ ป็นพิษออก พวกโลหะหนักต่างๆ เอาออก ซ่งึ มวี ธิ ที า� ตอ่ จากนน้ั กม็ าฟอกใสอ่ ากาศ บางทีกอ็ าจไม่ต้องใส่อากาศ แล้วกม็ าเฉลี่ย ใส่ในบึง หรือเอาน�า้ ไปใส่ในทุ่งหญ้าแล้วก็ เปลีย่ นสภาพของทุ่งหญ้าเป็นทุ่งหญ้าเลีย้ งสัตว์ ส่วนหนึ่งเปน็ ท่ีสา� หรับปลูกพชื ปลูกตน้ ไม้...” 139
“...ทางใต้ของออสเตรเลียมีโครงการ จากการศึกษาวิเคราะห์เบื้องต้นมาก่อนของ เขาเอานา้� เสยี น่ไี ปใสค่ ลอง แลว้ กใ็ สท่ อ่ ไปใกลท้ ะเล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนานมาแล้วน่ีเอง จึง แล้วท�าเป็นสระ เป็นบ่อใหญ่มาก เป็นพื้นที่ตั้ง ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้สา� นกั งาน กปร. และ เปน็ รอ้ ยไร่ หลายร้อยไร่ เขาก็ไปทา� ให้นา้� น่ันนะ กรมชลประทานรว่ มกนั ศกึ ษาแกไ้ ขปญั หาสงิ่ แวดลอ้ ม หายสกปรก แลว้ กเ็ ทลงทะเล...” โดยให้เจ้าหน้าท่ีของท้ังสองหน่วยงานเดินทางไป ศึกษาดูงานเก่ยี วกบั การบ�าบัดน้�าเสยี และการก�าจัด ขยะมูลฝอยท่ีประเทศออสเตรเลีย เพื่อน�ารูปแบบ และวธิ กี ารมาปรบั ปรุงใชใ้ หเ้ หมาะสมกบั ประเทศไทย ต่อไป คณะท�างานได้ด�าเนินการสนองพระราชด�าริ ดงั กลา่ วขา้ งตน้ พรอ้ มกบั ส�ารวจพน้ื ทดี่ า� เนนิ การ พบวา่ บรเิ วณตา� บลแหลมผกั เบย้ี อา� เภอบา้ นแหลม จงั หวดั เพชรบรุ ี เปน็ พนื้ ทท่ี เี่ หมาะสมทไ่ี ดร้ บั การคดั เลอื กจาก คณะท�างานให้เป็นแหล่งด�าเนินการก่อสร้างระบบ บ�าบัดน้�าเสยี ตามแนวพระราชด�าริ โดยอยู่ห่างจาก 140
เทศบาลเมอื งเพชรบรุ ี ประมาณ ๑๘ กโิ ลเมตร มพี ืน้ ท่ี การสนองพระราชดา� รใิ นโครงการนมี้ หี นว่ ยงาน ทง้ั สน้ิ ๑,๑๓๕ ไร่ ซงึ่ เปน็ พืน้ ทสี่ าธารณประโยชน์ ไมม่ ี ที่เกย่ี วข้อง ประกอบด้วย มูลนธิ ชิ ยั พฒั นา สา� นักงาน ปญั หาดา้ นเวนคนื ทดี่ นิ แตอ่ ยา่ งใด คณะกรรมการพิเศษเพ่ือประสานงานโครงการ อันเน่ืองมาจากพระราชด�าริ (ส�านักงาน กปร.) เมอ่ื คณะท�างานน�าผลการศึกษาในการจัดทา� โครงการข้ึนกราบบงั คมทูล เพ่ือทรงพระกรณุ าทราบ และในเวลาต่อมาได้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเห็น ด้วยกับรูปแบบและแนวความคดิ ดงั กล่าว ส�านกั งาน กปร. และกรมชลประทาน จงึ รว่ มกนั จดั ทา� แผนปฏบิ ตั กิ าร โครงการศกึ ษาวจิ ยั และพฒั นาสง่ิ แวดลอ้ มแหลมผกั เบย้ี อนั เน่ืองมาจากพระราชด�าริ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ด�าเนินการ ตามแผนงานดงั กล่าวได้ 141
กรมชลประทาน กรมป่าไม้ กรมประมง มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันราชภัฏ เพชรบรุ ี และเทศบาลเมอื งเพชรบรุ ี รว่ มกันดา� เนนิ การ ดงั น้ี ๑. เร่มิ ด้วยเทศบาลเมอื งเพชรบุรี ดา� เนนิ การ สรา้ งทอ่ ระบายรวบรวมนา�้ เสยี (Combine Waste Water System) ในเขตเทศบาลและเขตใกล้เคียงเข้าเป็น ระบบท่อส่งน�้าเสีย ไปยังสถานสี ูบนา้� เสยี ที่คลองยาง โดยกรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสบู น้�าขนาด ๔๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อช่ัวโมง ปัจจุบันมีปริมาณ น�้าเสยี ทตี่ ้องบา� บดั วนั ละ ๔,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร แต่ เพ่ือเป็นการรองรับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต 142
ภาพโครงสรา้ งการทา� งาน ระบบบ�าบดั น�้าเสยี แบบลากูนทรีตเมนต์ จึงได้มีการออกแบบไว้ให้การท�างานท้ังระบบน้ี สามารถรองรับปริมาณน�้าเสยี ได้ถึง ๑๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อวนั ท่ีจุดนี้จะท�าหน้าที่เป็นบ่อดักขยะ แยกถุง พลาสติก เศษผ้า ใบตอง เศษไม้ และตะกอน แขวนลอยขนาดใหญ่ต่างๆ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่อื - ลดความสกปรก - ลดการท�างานของเคร่อื งปั๊มน้�าเสียให้ น้อยลง จัดได้ว่าสถานท่ีนี้เป็นบ่อตกตะกอนข้ันต้น ที่ สามารถลดค่าความสกปรกไปได้ถงึ ๔๐% แล้ว ๒. ระบบการบ�าบัดน้�าเสีย เร่มิ ขึ้นภายหลัง 143
ทม่ี กี ารสบู นา�้ เสยี จากคลองยางไหลเขา้ สบู่ ริเวณบา� บดั ก. ระบบบำ� บดั หลกั ประกอบด้วย นา�้ เสยี แหลมผกั เบีย้ ตามทอ่ ยาวเปน็ ระยะทางถึง ๑๘ ระบบบ�าบัดน้�าเสีย (Lagoon Treatment) กโิ ลเมตร เขา้ สรู่ ะบบบ�าบดั นา้� เสยี ทต่ี า� บลแหลมผกั เบย้ี มีจา� นวน ๕ บ่อ ในพื้นที่ ๙๕ ไร่ นา�้ เสียจะไหลเข้า ซ่ึงดา� เนนิ การพร้อมกัน ๒ ระบบ คอื ตามระบบนา้� ล้น ดงั นค้ี ือ - บ่อตกตะกอน (Sedimentation Pond) ๑) ระบบบ�าบดั น�า้ เสยี - บ่อบา� บัด ๑ - ๓ (Oxidation Pond) ๒) ระบบกา� จัดขยะ - บ่อปรับคณุ ภาพนา�้ (Polishing Pond) ระบบบำ� บัดน�้ำเสีย แบ่งออกเป็น นา้� เสยี ทสี่ ง่ มาตามทอ่ จะไหลเขา้ สบู่ อ่ ตกตะกอน แล้วผ่านเข้าไปยงั บ่อบ�าบัดที่ ๑ ท่ี ๒ และที่ ๓ ตามล�าดับ แล้วไหลล้นเข้าสู่บ่อปรับคุณภาพน�้า เป็นขั้นสุดท้าย ก่อนที่จะระบายลงสู่ป่าชายเลนต่อไป ซึ่งน้�าเสียขั้นสดุ ท้ายน้ีจะได้รบั การตรวจสอบ คุณภาพนา้� จากคณะวจิ ยั อย่างใกล้ชดิ ข. ระบบบำ� บดั รอง อยู่ระหว่างด�าเนินการ ในพ้นื ท่ี ประมาณ ๖๐ ไร่ ประกอบด้วย - ระบบบงึ ชีวภำพ (Constructed Wetland) เป็นการด�าเนินการโดยให้น้�าเสียผ่านบ่อดินต้ืนๆ 144
รปู ส่เี หลีย่ มผนื ผ้า กว้าง ๒๕ เมตร ยาว ๓๐๐ เมตร หญ้ารซู ี่ เป็นต้น ระบบแปลงหญ้านี้จะรับน�้าจาก จา� นวน ๔ บ่อ ภายในบงึ ปลูกพชื ที่มรี ากพุ่มประเภท บ่อปรับคุณภาพน�้าของระบบบ่อบ�าบัดน�้าเสียเข้าไป กกพนั ธตุ์ า่ งๆ และออ้ เปน็ ตน้ ซงึ่ พืชเหลา่ นม้ี รี ะบบราก ขงั ในแปลงหญา้ เปน็ ระยะๆ นานครงั้ ละ ๑ - ๒ สปั ดาห์ แผ่กระจายยดึ เกาะดิน และสามารถเจริญเติบโตดี กระทง่ั นา�้ มีความสะอาดดีย่ิงขนึ้ ในนา้� ขังเสีย สูงประมาณ ๑๕ - ๓๐ ซม. การบา� บดั นา�้ เสยี จะเรมิ่ จากตน้ บงึ ไหลลน้ ผา่ นพชื ตา่ งๆ ไปทา้ ยบงึ อย่างต่อเนื่อง โดยพืชทั้งหลายจะช่วยดูดซับสารพิษ และอินทรีย์สารให้ลดน้อยลง ตลอดจนทา� หน้าทีย่ ่อย สลายสารอนิ ทรียใ์ หห้ มดไป นา้� ทเี่ หลอื ลน้ ออกจากบงึ จงึ เป็นน�้าที่ดีท่ใี ช้ประโยชน์ได้ - ระบบกรองน้�ำเสียด้วยหญ้ำ (Grass Filtration) โดยการปล่อยนา้� เป็นระยะ (Bat Flow) ผ่าน เข้าไปในแปลงหญ้า จา� นวน ๔ แปลง มีขนาดและ ลกั ษณะเหมือนระบบบึงชีวภาพ หญ้าท่ีปลกู ได้แก่ หญ้าเนเปีย หญ้าแฝก หญ้านวลน้อย หญ้าขน และ 145
- ระบบกรองน�้ำเสียด้วยป่ำชำยเลน (White and Red Mangrove) น�้าเสียจะได้รับการบา� บัด ผ่านเข้าไปในพ้ืนท่ี ๓๐ ไร่ ท่ีทา� การปลกู ป่าชายเลน ประเภทโกงกาง แสมขาว ซง่ึ ปลกู แบบคละผสมผสาน กนั ในลกั ษณะทเี่ ปน็ ธรรมชาติ ซง่ึ นา้� ทผี่ า่ นปา่ ชายเลน น้ีจะได้รับการบ�าบัดจนเป็นน�้าท่ีดีตามมาตรฐาน เช่นกนั กำรนีน้ ับเป็นแนวพระรำชด�ำริทีเ่ ป็น แบบฉบบั แกช่ มุ ชนทง้ั หลำยทว่ั ประเทศไดด้ ำ� เนนิ กำร เจริญรอยพระยุคลบำท โดยยดึ กำรด�ำเนนิ งำนท่ี แหลมผกั เบีย้ เป็นต้นแบบ 146
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308