Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-07-20 04:11:13

Description: สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
(สำนักงาน กปร.)
หนังสือ,เอกสาร,บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

197

“...จะต้องอธบิ ายให้ราษฎรรู้ว่า การที่ปรมิ าณน�า้ ตามแหล่งนา�้ ธรรมชาตลิ ดลงนั้น กเ็ พราะมกี ารทา� ลายป่าต้นน�า้ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์....” “...การสร้างอ่างเก็บนา้� นอกจากจะให้ประโยชน์จากน�้าแล้ว ยงั จะช่วยให้ป่าอดุ มสมบูรณ์ และป้องกันการไหลบ่าของน�้าอกี ด้วย...” 198

บนภเู ขาได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในชว่ งฤดแู ลง้ ทัง้ นี้ เพื่อจะได้มิเปลืองเชื้อเพลิง เมือ่ น�าน�้าขึ้น ซึ่งกล้าไม้มักมีอัตราสูญเสียค่อนข้างสูง เมื่อ ไปพกั ณ ระดบั สงู สดุ ไดแ้ ลว้ จะสามารถปลอ่ ยนา้� กลา้ ไมเ้ จรญิ เติบโตพอสมควรจนสามารถทนทาน ให้ค่อยๆ ไหลซึมลงมา เพือ่ ช่วยเร่งรัด ต่อสภาวะแห้งแล้งได้แล้ว ในอนาคตภูเขา การปลูกป่าไม้ที่มีทัง้ พันธุ์ไม้ป้องกันกับไม้โตเร็ว ในบริเวณดงั กล่าวก็จะคืนสภาพเดิมเป็นภูเขาป่า นอกจากนัน้ ยงั จะแปรสภาพโครงการภูเขาป่า ท่จี ะมคี วามชมุ่ ช้นื พอสมควร ตลอดจนจะชว่ ยฟน้ื ฟู ให้เป็นป่าเปียกซึ่งสามารถป้องกันไฟป่าได้อีก สภาพสิง่ แวดล้อมในตอนล่างไม่ให้กลายเป็น ดว้ ย...” ดินแดนแหง้ แล้ง...” ภูเขาปา่ ที่เขียวขจีจากแนวพระราชด�ารินี้ ซ่ึ ง ต ่ อ ม า ไ ด ้ พ ร ะ ร า ช ท า น พ ร ะ ร า ช ด� า รั ส สามารถพบเห็นและเข้าศึกษาวิธีการอนุรักษ์และ เพิม่ เตมิ ว่า พัฒนาป่าไม้ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ชี้แนะให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจาก “...จะต้องพยายามสูบน�้าขึน้ ไปทีละขั้น พระราชด�าริหลายแห่งด้วยกัน โดยเฉพาะท่ีเด่นชัด จนถงึ ระดบั สงู สดุ เทา่ ท่จี ะเปน็ ไปได้ โดยพจิ ารณา คอื ทศ่ี นู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาหว้ ยทรายอนั เนอื่ งมาจาก ใช้เครื่องสูบน้�าพลงั งานธรรมชาติ เช่น พลงั งาน พระราชด�าริ อ�าเภอชะอ�า จังหวดั เพชรบุรี แสงอาทิตย์กบั พลังงานลม ซึง่ มีใช้งานอยู่แล้ว 199

“...ทฤษฎที �า Check Dam ในปา่ ไดป้ ระโยชน์ สว่ นทไี่ มไ่ ดเ้ อาน้�ามาชว่ ยก็ไดป้ ระโยชน์ คอื หนง่ึ ท�าใหเ้ กดิ ความชมุ่ ชนื้ สองไมท่ �าใหเ้ กดิ Flood...” “...ทฤษฎนี ตี้ ั้ง ๓๖ - ๓๗ ปีมาแล้ว ตอนไปกาฬสินธุ์ ถามเขาว่า นา้� มหี รอื เปล่า • แนวพระราชด�าริทฤษฎีการพัฒนา ตอบว่ามนี �้าไหลแต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ทา� Check Dam...” และฟื้นฟูป่าไม้โดยการใช้ทรัพยากร ทเ่ี ออื้ อา� นวยสมั พนั ธซ์ ง่ึ กนั และกนั ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สุด : Check Dam พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึง ความส�าคัญของการอยู่รอดของป่าไม้เป็นอย่างย่ิง ทรงเสนออุปกรณ์อันเป็นเครื่องมือท่ีจะใช้ประโยชน์ ในการอนรุ กั ษฟ์ น้ื ฟปู า่ ไมท้ ไ่ี ดผ้ ลดยี ง่ิ กลา่ วคอื ปญั หา ท่ีส�าคัญที่เป็นตัวแปรแห่งความอยู่รอดของป่าไม้ น้ัน “นา�้ ” คือสง่ิ ทขี่ าดไม่ได้โดยแท้ พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงแนะนา� ใหใ้ ชฝ้ ายกน้ั น้า� หรือเรยี กวา่ Check Dam หรืออาจเรยี กขานกนั ว่า “ฝายชะลอ ความชมุ่ ชื้น” กไ็ ด้เช่นกนั 200

Check Dam คอื สิ่งก่อสร้างขวางกนั้ ทางเดิน “...Check Dam ท�าแล้วน้�าไม่ระเหย...” ของลา� น้�า ซ่ึงปกติมักจะก้ันห้วยลา� ธารขนาดเล็ก ในบริเวณที่เป็นต้นน้�าหรอื พ้ืนที่ที่มีความลาดชันสูง ในส่วนของรูปแบบและลกั ษณะ Check Dam ทา� ใหส้ ามารถดา� รงชพี อยไู่ ด้ และหากชว่ งทนี่ า�้ ไหลแรง นน้ั ได้พระราชทานพระราชด�ารัสว่า ก็สามารถชะลอการไหลของน้�าให้ช้าลง และกกั เก็บ ตะกอนไม่ให้ไหลเทลงไปในบริเวณลุ่มน้�าตอนล่าง “...ให้พิจารณาด�าเนินการสร้างฝายราคา นับเป็นวธิ กี ารอนรุ กั ษ์ดินและน้�าได้ดมี ากวธิ ีการหนึง่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พระราชาธิบายว่า การปลกู ป่าทดแทนป่าไม้ที่ถกู ทา� ลายนน้ั “...จะต้องสร้างฝายเล็กเพื่อหนุนน�า้ ส่งไป ตามเหมืองไปใช้ในพื้นที่เพาะปลูกทั้งสองด้าน ซ่งึ จะใหน้ า้� คอ่ ยๆ แผข่ ยายออกไปทา� ความชมุ่ ช้นื ในบริเวณนัน้ ด้วย...” “...ทา� Check Dam ได้ผลจริงๆ คือ ทา� Check Dam แล้วนา�้ ดขี ึน้ ...” 201

“...เพ่อื เตรยี มความชุ่มช้ืนให้กับพ้ืนที่ท�าให้ต้นไม้เจริญงอกงามดีขึ้นและชะลอ และตะกอนดินไว้บางส่วน โดยน�้าที่กักเก็บไว้ การไหลของน�้าเม่ือมีฝนตกให้ช้าลง...” จะซึมเข้าไปในดิน ท�าให้ความชุ่มชืน้ แผ่ขยาย ออกไปท้งั สองขา้ ง ตอ่ ไปจะสามารถปลกู พนั ธไ์ุ ม้ ประหยดั โดยใชว้ สั ดรุ าคาถกู และหางา่ ยในทอ้ งถน่ิ ป้องกันไฟ พันธ์ุไม้โตเร็ว และพันธ์ุไม้ไม่ทิง้ ใบ เช่น แบบทิง้ หินคลุมด้วยตาข่ายปิดกัน้ ร่องน�้า เพือ่ ฟื้นฟูทีต่ ้นน�้าล�าธารให้มีสภาพเขียวชอุ่ม กับล�าธารเล็กเป็นระยะๆ เพื่อใช้เก็บกักน�้า ขึ้นเปน็ ล�าดับ...” ประเภทของ Check Dam นน้ั ทรงแยกออก เป็น ๒ ประเภท ดังพระราชดา� รัส คือ “...Check Dam มี ๒ อย่าง ชนิดหนึง่ ส�าหรับให้มีความชุ่มชืน้ รักษาความชุ่มชื้น อกี อยา่ งสา� หรบั ปอ้ งกนั มใิ หท้ รายลงในอา่ งใหญ.่ ..” จึงอาจกล่าวได้ว่า Check Dam น้ัน ประเภทแรกคือ ฝายต้นน้�าล�าธารหรือฝายชะลอ ความชมุ่ ชนื้ สว่ นประเภททส่ี องนนั้ เปน็ ฝายดกั ตะกอน นนั่ เอง “...สร้างฝายราคาประหยัด โดยใช้วัสดุราคาถกู และหาได้ง่ายในท้องถิ่น...” 202

“...ปิดกนั้ ร่องน�้ากบั ล�าธารขนาดเลก็ เป็นระยะ ๆ เพอ่ื ใช้เก็บกักน้า� และตะกอนดินไว้บางส่วน...” การสร้าง Check Dam พระบาทสมเด็จ “...ให้ด�าเนินการส�ารวจหาท�าเลสร้างฝาย พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชด�ารเิ พ่มิ เติมใน ต้นน�้าล�าธารในระดับสูงที่ใกล้บริเวณยอดเขา รายละเอียดว่า มากท่สี ดุ เทา่ ท่จี ะเปน็ ไปได้ ลกั ษณะของฝายดงั กลา่ ว “...ส�าหรับ Check Dam ชนิดป้องกัน “...น้�าที่เกบ็ กกั ไว้จะซึมเข้าไปสะสมในดิน ท�าให้ความชุ่มช้ืนแผ่ขยายออกไป ไม่ให้ทรายลงไปในอ่างใหญ่จะต้องท�าให้ดีและ สองข้างทาง...” ลึก เพราะทรายลงมากจะกักเกบ็ ไว้ ถ้าน�า้ ต้ืน ทรายจะขา้ มไปลงอา่ งใหญไ่ ด้ ถา้ เปน็ Check Dam ส�าหรับรักษาความชุ่มชืน้ ไม่จ�าเป็นต้องขดุ ลึก เพยี งแตก่ กั น้�าให้ลงไปในดนิ แต่แบบกกั ทรายน้ี จะตอ้ งทา� ใหล้ กึ และออกแบบอยา่ งไรไมใ่ หน้ า้� ลง มาแล้วไลท่ รายออกไป...” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน แนวพระราชดา� รเิ กีย่ วกบั การพจิ ารณาสรา้ งฝายชะลอ ความชุ่มช้ืน เพ่อื สร้างระบบวงจรน้�าแก่ป่าไม้ให้เกดิ ประโยชน์สูงสดุ คอื 203

“...หลักการฟื้นฟแู หล่งต้นนา�้ ล�าธารที่เส่ือมโทรม จะต้องพยายาม จา� เปน็ จะตอ้ งออกแบบใหม่เพอ่ื ใหส้ ามารถเกบ็ กกั น้า� ขยายความชุ่มชื้นจากร่องน้�าทุกร่องโดยการก่อสร้างฝายก้นั ร่อง ไวไ้ ดป้ รมิ าณมากพอสมควรเปน็ เวลานาน ๒ เดอื น... ดังกล่าว เพ่อื เก็บกกั น้�าไว้ส�าหรับหลังพ้ืนที่สงู ในแนวร่องน้�าเป็น การเก็บรักษาน�า้ ส�ารองได้นานหลังจากฤดูฝน ระยะ ๆ...” ผ่านไปแล้ว จะท�าให้มีปริมาณน�้าหล่อเลีย้ งและ ประคับประคองกล้าไม้พันธุ์ที่แข็งแรงและโตเร็ว ทีใ่ ช้ปลูกแซมในป่าแห้งแล้งอย่างสม�่าเสมอ และตอ่ เนอ่ื ง โดยการจา่ ยน้า� ออกไปรอบๆ ตวั ฝาย จนสามารถตงั้ ตวั ได.้ ..” Check Dam ตามแนวพระราชดา� ร ิ กระทา� ได ้ ๓ รปู แบบ คือ ๑. Check Dam แบบท้องถิ่นเบอื้ งต้น เป็นการก่อสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ เช่น ก่งิ ไม้และท่อนไม้ล้มขอนนอนไพร ขนาบด้วยก้อนหนิ “...ควรด�าเนินการสร้างเข่ือนขนาดเล็กราคาถูก ก้ันน้�าบริเวณเหนือฝายขึ้นไปเป็นระยะๆ เพ่ือท�าให้เกิดอ่างน้�าเลก็ ๆ ซ่ึงจะช่วย หล่อเล้ียงป่าไม้ตามแนวร่องน�า้ ท�าให้มีความชุ่มช้ืนขึน้ ...” 204

ขนาดต่างๆ ในล�าห้วย ซง่ึ เป็นการก่อสร้างแบบง่ายๆ “...เปน็ การชว่ ยรักษาตน้ นา้� และทา� ใหค้ วามชนื้ คอ่ ยๆ แผข่ ยายออกไป...” ก่อสร้างในบรเิ วณตอนบนของล�าห้วยหรอื ร่องน้�า ซึ่งจะสามารถดักตะกอน ชะลอการไหลของน�้าและ ขอ้ ค�านึงในการสรา้ ง Check Dam เพมิ่ ความชมุ่ ชน้ื บรเิ วณรอบฝายไดเ้ ปน็ อยา่ งดี วธิ ีการนี้ ๑. ควรส�ารวจสภาพพ้ืนท่ี วัสดุก่อสร้างตาม สิน้ เปลอื งคา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ยมาก หรอื อาจไมม่ คี า่ ใชจ้ า่ ยเลย ธรรมชาติ และรูปแบบ Check Dam ที่เหมาะสมกับ นอกจากใช้แรงงานเท่านั้น ภมู ปิ ระเทศมากท่สี ุด ๒. ต้องค�านึงถงึ ความแข็งแรงให้มากพอที่จะ การก่อสร้าง Check Dam แบบง่ายนสี้ ามารถ ไม่เกดิ การพังทลายเสยี หายยามที่ฝนตกหนักและ ท�าได้หลายวธิ ี เช่น กระแสน�า้ ไหลแรง ๓. ควรก่อสร้างในพื้นท่ีที่ช่องล�าห้วยมีความ ๑.๑ ก่อสร้างด้วยท่อนไม้ขนาบด้วยหนิ ลาดชันต�า่ เพอ่ื ท่จี ะได้ Check Dam ในขนาดทีไ่ ม่เล็ก ๑.๒ ก่อสร้างด้วยท่อนไม้ขนาบด้วยถงุ บรรจุ เกินไป อีกทั้งยังสามารถกักน้�าและตะกอนได้มาก ดินหรอื ทราย ๑.๓ ก่อสร้างแบบคอกหมูแกนดินอัดขนาบ ด้วยหิน ๑.๔ ก่อสร้างแบบเรียงด้วยหนิ แบบง่าย ๑.๕ ก่อสร้างแบบคอกหมหู ินท้ิง ๑.๖ ก่อสร้างแบบคอกหมูถงุ ทรายซเี มนต์ ๑.๗ ก่อสร้างแบบหลักคอนกรตี หินท้ิง ๑.๘ ก่อสร้างแบบถงุ ทรายซีเมนต์ ๑.๙ ก่อสร้างแบบคนั ดิน ๑.๑๐ ก่อสร้างแบบหลักไม้ไผ่สานขัดกนั อนั เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน ๒. Check Dam แบบเรียงด้วยหิน คอ่ นขา้ งถาวร กอ่ สรา้ งดว้ ยการเรยี งหนิ เปน็ ผนงั กน้ั นา�้ ก่อสร้างบริเวณตอนกลางและตอนล่างของล�าห้วย หรือร่องน้�า จะสามารถดักตะกอนและเกบ็ กกั น�้า ในช่วงฤดูแล้งได้บางส่วน ๓. Check Dam แบบคอนกรตี เสรมิ เหล็ก เป็นการก่อสร้างแบบถาวร ส่วนมากจะด�าเนินการ ในบรเิ วณตอนปลายของลา� หว้ ยหรอื รอ่ งนา้� จะสามารถ ดักตะกอนและเกบ็ กักน้�าในฤดูแล้งได้ดี ค่าก่อสร้าง เฉลี่ยประมาณ ๔๐,๐๐๐ - ๕๐,๐๐๐ บาท แล้วแต่ ขนาดของล�าห้วยซง่ึ ควรมคี วามกว้างไม่เกนิ ๔ เมตร 205

พอสมควร และในล�าห้วยที่มีความลาดชันสูงก็ควร ๔. วัสดุก่อสร้าง Check Dam ประเภทกิ่งไม้ สร้าง Check Dam ให้ถีข่ ้นึ ท่อนไม้ ท่ีน�ามาใช้ในการสร้างจะต้องระมัดระวัง ใช้เฉพาะไม้ล้มขอนนอนไพรเป็นลา� ดับแรกก่อนท่ีจะ “...Check Dam จะท�าหนา้ ทดี่ กั ตะกอนดนิ และทรายทถี่ กู ชะลงมาตามความลาดชนั ใช้ก่งิ ไม้ ท่อนไม้จากการริดก่ิง ถ้าจ�าเป็นให้ใช้ ของพน้ื ทไ่ี ม่ให้ลงในอ่างเกบ็ น้�าซ่งึ จะทา� ให้ตื้นเขนิ เกบ็ นา้� ได้น้อย...” น้อยทสี่ ุด ๕. ถ้าสร้าง Check Dam แบบคอกหมูแกนดิน อัดแน่น ควรมีทางระบายน�้าด้านข้างเพื่อป้องกัน น�้ า ก ัด ช ะ ส ัน ฝ า ย จ า ก ก า ร ท่ี มี ฝ น ต ก ห นั ก จ น มี น�า้ หลากมาก ๖. ควรปลูกไม้ยนื ต้นยึดดินบนสันฝาย เช่น ไคร้น้า� หรอื ไม้ชนิดอน่ื ๆ ทส่ี ามารถข้นึ ได้ดีบนท่ีชื้น ๗. ควรดา� เนนิ การก่อสร้าง Check Dam หลัง ฤดูฝนหรือหลังน้�าหลาก และทุกปีควรมีการบ�ารุง รกั ษา ขุดลอกตะกอน ซ่อมแซมสันฝาย และทาง ระบายน�้าล้นอยู่เป็นประจ�า 206

แนวทางท่เี หมาะสมในการสรา้ ง Check Dam “...หาท�าเลสร้างฝายต้นน�้าล�าธารในระดับสงู ท่ีใกล้บริเวณยอดเขามากที่สดุ เท่าท่ี กอ่ นดา� เนนิ การควรสา� รวจรอ่ งนา�้ ลา� หว้ ยใน จะเปน็ ได้ ออกแบบใหส้ ามารถเก็บกกั นา้� ไวไ้ ดป้ รมิ าณมากพอสมควรเปน็ เวลานาน พ้ืนท่ีท่ีมีปัญหาการพังทลายของดิน หรือปัญหา ๒ เดือน...” พนื้ ทขี่ าดความชมุ่ ชนื้ โดยพิจารณาถึงความลาดชนั “...การเกบ็ กักน้�าส�ารองไว้ได้นานหลงั ฤดูฝนผ่านไปแล้ว จะท�าให้มีปรมิ าณน�้า ของร่องน้�าและส�ารวจหาข้อมูลปริมาณน้�าไหล หล่อเล้ียงและประคบั ประคองกล้าไม้...” ในร่องน้�ามาใช้ประกอบการเลือกต�าแหน่งสร้าง Check Dam ดังน้ี ๑. ในพื้นที่ลาดชันสูง ในกรณีที่ความกว้าง ของล�าห้วยไม่เกิน ๒ เมตร ควรสร้างฝายผสม ใช้ วัสดุธรรมชาติ ไม้ท่อน หนิ ถงุ บรรจุดนิ หรอื ทราย แต่ ถ้าความกว้างของลา� ห้วยมากกว่า ๒ เมตร หรือใน ล�าห้วยมีน้�ามาก ควรเพมิ่ โครงสร้างของ Check Dam เป็นแบบคอกหมูที่มีโครงสร้างหลายระดับ มากน้อย ตามปรมิ าณน�า้ ๒. ในพืน้ ทีล่ าดชันปานกลาง ควรสร้าง Check Dam แบบคอกหมหู รอื แบบทอ้ งถนิ่ ของชาวบา้ น ถ้าเป็นแบบคอกหมูให้ใช้หินเรยี งหรอื กระสอบทราย ผสมซเี มนต์ขนาบโครงสร้าง ๓. ในพน้ื ท่ลี าดชนั ต่า� ในกรณที มี่ นี า้� มากควร สร้างฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่ถ้ามีน�้าไม่มากนัก และความกว้างไม่เกนิ ๒ เมตร อาจใช้ถงุ ทรายผสม ซีเมนต์ได้ นานาประโยชนจ์ าก Check Dam อนั เน่อื ง มาจากพระราชดา� ริ ๑. ช่วยลดการพงั ทลายของดินและลดความ รนุ แรงของกระแสน�้าในลา� ห้วย ท�าให้ระยะเวลา การไหลของน้า� เพ่มิ มากขึน้ ความชุ่มชืน้ มีเพมิ่ ข้ึน และ แผข่ ยายกระจายความชมุ่ ชนื้ ออกไปเปน็ วงกวา้ งในพน้ื ที่ ทัง้ สองฝั่งของล�าห้วย ๒. ช่วยกักเกบ็ ตะกอนที่ไหลลงมากบั น�้า ในลา� ห้วยได้ดี เป็นการช่วยยดื อายุแหล่งนา้� ตอนล่าง ใหต้ นื้ เขนิ ชา้ ลง คณุ ภาพของนา�้ มตี ะกอนปะปนนอ้ ยลง 207

“...สรา้ งฝายชมุ่ ชนื้ ขนาดเลก็ ราคาถูกตามแนวร่องน�้าเป็นระยะ ๆ ลดหลนั่ ลงมา เพอื่ เปน็ การรักษาและแผ่ขยายความชมุ่ ชนื้ ออกไปในบริเวณ แหล่งนา�้ ธรรมชาติ...” ๓. เพ่ิมความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่ เพอ่ื การบรโิ ภคของมนษุ ย์และสตั วต์ ่างๆ ตลอดจนนา� พ้ืนท่ี จากการที่ความชุ่มช้ืนเพิ่มมากขึ้น ความหนา ไปใช้ในการเกษตรได้อกี ด้วย แน่นของพนั ธ์ุพืชก็ย่อมจะมีมากขน้ึ Check Dam จึงนับเป็นพระราชด�าริ ๔. การที่สามารถกกั เกบ็ น้�าไว้ได้บางส่วนนี้ ท่เี ปน็ ทฤษฎกี ารพฒั นาปา่ ไมท้ ย่ี งั ประโยชนส์ ขุ แก่ ทา� ใหเ้ กดิ เปน็ ทอ่ี ยอู่ าศยั ของสตั วน์ า้� และใชเ้ ปน็ แหลง่ นา้� มนุษยชาตทิ ัง้ มวล “...ควรสรา้ งฝายตน้ นา�้ ลา� ธารตามรอ่ งนา้� เพอื่ ชะลอกระแสนา�้ และเก็บกกั นา้� สา� หรับ “...สร้างฝายเล็ก ๆ เพ่ือท�าให้เกดิ สระน�้าขนาดเล็กส�าหรับช่วยท�า สร้างความชุ่มช้ืนในดนิ ...” ความชมุ่ ชน้ื ใหก้ บั ปา่ ไมซ้ งึ่ คอ่ นขา้ งแหง้ แลง้ ใหค้ อ่ ยๆ คนื สภาพเดมิ และในขณะเดยี วกนั กเ็ ป็นการอนุรักษ์ต้นนา�้ ลา� ธารด้วย...” 208

“...ส่งเสริมให้ราษฎรน�าไปช่วยปลูกในบรเิ วณท่ีไม่ได้ใช้เป็นท่ที �ากิน จะได้มจี ิตส�านึกในการอนุรักษ์สภาพส่งิ แวดล้อมตามธรรมชาติ...” • ทฤษฎกี ารอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นา “ปา่ ชายเลน” อนั เน่อื งมาจากพระราชดา� ร ิ : แนวทาง การสรา้ งวงจรของระบบนเิ วศดว้ ยการ ปกปกั อนรุ กั ษแ์ ละขยายพนั ธไ์ุ มป้ า่ ชายเลน ปา่ ชายเลน เรยี กชอื่ กนั หลายอยา่ งวา่ ปา่ ชายเลน น�้าเค็ม และป่าเลน หรือบางแห่งเรยี ก ป่าโกงกาง เป็นป่าท่ีเกดิ ขึ้นตามชายฝั่งทะเลและปากแม่น�้าของ ประเทศไทย ลกั ษณะของป่าชนิดนี้เป็นป่าไม้ผลดั ใบ มีต้นไม้ข้ึนหนาแน่นแต่ละชนิดมีรากคา้� ยนั หรอื ราก หายใจแตกต่างกนั ไปตามแต่ชนดิ ของต้นไม้นั้นๆ ตลอดแนวชายฝั่งทะเลไทยยาวประมาณ ๒,๖๐๐ กิโลเมตร มีส่วนที่เป็นป่าชายเลนอยู่เพียง ประมาณร้อยละ ๓๖ ของความยาวชายฝั่งเท่านั้น ปัจจุบนั ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าชายเลนอยู่ประมาณ ๑,๖๗๙,๓๓๕ ไร่ โดยลดลงประมาณเกือบรอ้ ยละ ๕๐ 209

“...โครงการพฒั นาปา่ ไมค้ วบคกู่ บั การประมงจะเปน็ โครงการแบบอยา่ งในการพฒั นาพืน้ ทท่ี า� กนิ ของราษฎรในบริเวณอืน่ ทม่ี โี ครงสรา้ งลกั ษณะ เดยี วกนั ...” จากที่เคยมี ๒,๒๒๙,๓๗๕ ไร่ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ การบุกรุกท�าลายป่าชายเลนด�าเนินการอย่าง ป่าชายเลนในประเทศไทยข้ึนอยู่กระจัดกระจายตาม ต่อเน่ืองและรนุ แรงเพิ่มขึ้นเป็นล�าดับ เฉล่ียช่วงปี ชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย และด้านทะเลอันดามนั พ.ศ. ๒๕๒๒ - ๒๕๒๙ ปา่ ชายเลนลดลงปลี ะ ๘๑,๑๔๒ ไร่ สภาพป่าชายเลนโดยท่ัวๆ ไป พบว่า ทางภาคใต้ “...ฝึกให้ราษฎรช่วยท�าหน้าที่พนักงานดูแลรักษาปา่ เพราะต่างฝา่ ยต่างมี ของประเทศไทยแถบฝั่งทะเลอันดามันมีสภาพ ผลประโยชน์ร่วมกัน...” ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ส่วนทางภาคใต้ฝั่ง ตะวนั ออกของอา่ วไทยและภาคกลางบรเิ วณปากอา่ ว ไทยมสี ภาพคอ่ นขา้ งเสอื่ มโทรม ประกอบดว้ ยไมข้ นาด เลก็ และถูกรบกวนจากมนุษย์ในการเปล่ียนสภาพ ปา่ ชายเลนเปน็ นากงุ้ นาเกลอื และแหลง่ อตุ สาหกรรม เช่นเดียวกับภาคตะวันออก การท�านากุ้งได้ส่งผล กระทบต่อความเส่อื มโทรมของป่าชายเลนเป็นอย่าง มาก นอกจากนี้ป่าชายเลนยังถูกท�าลายด้วยเหตุ อื่นอีก เช่น การท�าเหมืองแร่ การเกษตรกรรมบาง ประเภท การขยายตวั ของชมุ ชน การสรา้ งทา่ เทยี บเรอื 210

“...ปลูกปา่ เพือ่ ใหร้ าษฎรมรี ายไดเ้ พมิ่ ขนึ้ โดยใหร้ าษฎรในทอ้ งถนิ่ นนั้ เขา้ รว่ มกิจกรรมเพือ่ เปน็ การสรา้ งความเขา้ ใจใหร้ าษฎรเหน็ ความส�าคญั ของป่าและการปลูกป่า...” การสร้างถนนและพาดสายไฟฟ้า รวมทั้งการสร้าง โรงงานอตุ สาหกรรมต่างๆ เหล่าน้ี ท�าให้จ�านวน ป่าชายเลนลดลงอย่างทีม่ ิอาจประมาณการได้ ความทราบฝา่ ละอองธุลีพระบาทถงึ ปัญหา และความสา� คญั ยงิ่ ของปา่ ชายเลนดงั กลา่ ว พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชด�ารแิ ก่ รัฐมนตรีชว่ ยวา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นาย โฆษติ ปน้ั เปย่ี มรษั ฎ)์ ในพระราชพธิ แี รกนาขวญั หวา่ น ข้าวในบรเิ วณสวนจิตรลดา พระราชวังดุสติ เม่ือวันท่ี ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ สรุปแนวพระราชด�ารวิ า่ “...ป่าชายเลนมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ ของพืน้ ทีช่ ายฝั่งทะเลและอ่าวไทย แต่ปัจจุบนั ป่าชายเลนของประเทศไทยเราก�าลังถกู บุกรุก และถกู ท�าลายลงไป โดยผูแ้ สวงหาผลประโยชน์ ส่วนตนจึงควรหาทางป้องกันอนุรักษ์และ 211

“...ทุกคนจะต้องช่วยกนั ดแู ลรักษาป่าไม้ซ่ึงเป็นของส่วนรวม...” ขยายพนั ธเ์ุ พ่มิ ขน้ึ โดยเฉพาะตน้ โกงกางเปน็ ไมช้ ายเลน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่ีบังเกิดขึ้นด้วยกระแส ทีแ่ ปลกและขยายพันธ์ุค่อนข้างยาก เพราะต้อง พระราชด�ารริ ่วมกบั สมเด็จพระศรนี ครินทราบรมราช อาศยั ระบบน�้าขึ้นน�้าลงในการเติบโตด้วย จึง ชนนี เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ โดย ขอให้ส่วนราชการที่เกีย่ วข้อง คือ กรมป่าไม้ ได้พระราชทานพระราชกระแส กับหม่อมราชวงศ์ กรมประมง กรมชลประทาน และกรมอทุ กศาสตร์ ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง และ ร่วมกนั หาพืน้ ที่ที่เหมาะสมในการทดลองขยาย นายสุเมธ ตันติเวชกลุ เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา พนั ธโ์ุ กงกางและปลกู สรา้ งปา่ ชายเลนกนั ตอ่ ไป...” ให้ร่วมกันเป็นแกนกลางในการด�าเนินการปลูกป่า พระราชทานแก่ประชาชนทั้งมวล ในโอกาสพระราช การสนองพระราชดา� รดิ า้ นอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นา พธิ กี าญจนาภเิ ษกเฉลมิ ฉลองสริ ิราชสมบตั เิ ปน็ ปที ่ี ๕๐ ปา่ ชายเลน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยทรงตง้ั มนั่ ในพระราชหฤทยั ทจ่ี ะฟน้ื ฟสู ภาพแวดลอ้ ม โครงการพัฒนาและฟื้นฟูปา่ ชายเลนในเขต และพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาตใิ หม้ สี ภาพยงั่ ยนื ถาวร พ้นื ที่เป้าหมายของจังหวัดสงขลาและจังหวัดปัตตานี ยาวนาน นับเป็นโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�าริใน การดา� เนนิ การปลกู ปา่ ชายเลน “ปา่ พระราชทาน 212

โครงการชุมชนพัฒนาป่าชายเลน ตา� บลหวั เขา อา� เภอสงิ หนคร จงั หวดั สงขลา เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ที่จะท�าการ พฒั นาชมุ ชนใหม้ คี วามส�านกึ ตระหนกั ในความรคู้ วาม เข้าใจในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ที่ ชุ ม ช น น้ี เ ค ย พ่ึ ง พิ ง อ า ศั ย ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ ในทะเลสาบสงขลาและอ่าวไทยมาเป็นเวลาช้านาน รูปแบบของการพัฒนาและฟื้นฟูป่าชายเลน ทต่ี า� บลหวั เขา จงึ เปน็ อกี มติ หิ นงึ่ ของการพฒั นาปา่ ไม้ ท่ีอาศัยความเก่ียวพันและเกื้อกลู ซึ่งกันและกัน ของมนุษย์และธรรมชาติ “...เพราะหน้าท่ีของป่าคือเป็นต้นไม้ และท�าหน้าที่เป็นทรพั ยากร วัตถุประสงค์ทส่ี �าคัญ คอื ในด้าน...สา� หรบั เป็นผลทีม่ าเป็นประโยชน์แก่ประชาชนได้...” ๑. รกั ษาสภาพแวดล้อมและสนับสนุน การจดั ระเบยี บทอ่ี ยอู่ าศยั ของชมุ ชน และเพมิ่ ผลผลติ มูลนิธชิ ัยพัฒนา-มูลนิธแิ ม่ฟ้าหลวง” ในจังหวัด ของสัตว์นา้� ทจ่ี ะเสนอทางเลอื กของการทา� การประมง สงขลาและปตั ตานนี นั้ มอี งคก์ รทท่ี า� หนา้ ทปี่ ระสานงาน ท่ที างการอนญุ าต เช่น อวนลอย ทั้งภาครัฐและเอกชน คือ มูลนิธโิ ททาล (Total) ๒. เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน สถาบันทรัพยากรชายฝั่ง มหาวิทยาลยั สงขลา ให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับป่าชายเลนที่มีความผูกพัน นครนิ ทร์ ได้ด�าเนินการปลกู ป่าชายเลนภายใต้ กบั วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชน ตลอดจนสามารถประสานสมั พนั ธ์ โครงการย่อย ๓ โครงการ คอื ระหว่างชาวบ้านกับภาครัฐบาลท่ีเกี่ยวข้องได้อย่าง คล่องตัว ๑. โครงการชุมชนพฒั นาป่าชายเลน ต�าบล ๓. เพอื่ ใหป้ ระชาชนมสี ่วนรว่ มในการปลกู ปา่ หวั เขา อา� เภอสิงหนคร จงั หวดั สงขลา ชายเลนและสร้างทัศนคติให้เกิดความรู้สึกหวงแหน ทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าต่อชีวิตและความเป็นอยู่ ๒. โครงการศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ของผู้คนในชมุ ชน ยะหร่งิ อ�าเภอยะหริ่ง จังหวดั ปัตตานี การปลูกป่าชายเลนท่ีต�าบลหัวเขา ใช้วิธีการ หลายรูปแบบในการดา� เนนิ งาน อาทิ ๓. โครงการศกึ ษาความเป็นไปไดใ้ นการฟื้นฟู - สร้างความเชื่อมั่นให้ชุมชนยอมรับปฏิบัติ ป่าชายเลน อ�าเภอหนองจิก จังหวดั ปัตตานี และร่วมงานปลูกป่า โดยใช้วิธีการปลูกฝัง จิตส�านึกสร้างความคุ้นเคยและประชาสัมพันธ์อย่าง สม�า่ เสมอ 213

- จัดการประชุมปรึกษาร่วมกนั เพ่ือหาข้อยุติ ในการเตรยี มงานการปลูกปา่ ซง่ึ ทางชมุ ชนไดจ้ ดั สรา้ ง เรอื นเพาะช�ากล้าไม้ และหากล้าไม้มาร่วมกันปลูก ป่าชายเลนกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และองค์กร ต่างๆ อย่างเตม็ ที่ - มกี ารรวมตวั กันของประชาชนก่อตงั้ “ชมรม อนุรักษ์ป่าชายเลนทะเลสาบสงขลา” ข้ึน โดย มีคณะกรรมการของชมรมประกอบด้วยสมาชิก ทง้ั ๘ หมบู่ า้ นของตา� บลหวั เขา รว่ มกนั ดา� เนนิ กจิ กรรม ต่างๆ เช่น - การดูแลรักษาเรือนเพาะชา� - การกนั้ ร้วั บริเวณเขตป่า - การท�าความเขา้ ใจกบั ชาวประมงในการดแู ล รกั ษาป่า 214

“...ไม้สา� หรบั ทา� ฟืนซึ่งราษฎรจ�าเป็นต้องใช้เป็นประจา� ซง่ึ เมอื่ ตัดไม้ใช้แล้ว ก็ปลูกทดแทนเพอื่ หมนุ เวยี นทนั ที...” บัดนกี้ ารปลกู ปา่ ชายเลนโดยประชาอาสานี้ ได้ มาก ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม มีอาชีพ มีการปลูกป่าชายเลนร่วมกนั สมา�่ เสมอเป็นคร้งั คราว ท�าการประมงขนาดเล็กโดยอาศัยท�ากินในป่าแห่งนี้ ตามโอกาสและวาระอันควร และได้ปลูกป่าชายเลน รวมท้ังมีการใช้พ้ืนที่บางส่วนเล้ยี งปลากะพงขาว ไปแล้วประมาณ ๓๐๐ ไร่ ในกระชังตามลา� แม่น้�า ล�าคลอง ตลอดจนเลี้ยงกุ้ง กลุ าด�าหลงั แนวเขตป่านีด้ ้วย พระราชด�ารดิ ้านป่าชายเลน จึงเป็นบทพสิ จู น์ ว่ามีคุณค่าสมควรที่จะอนุรักษ์และพัฒนาไว้เป็น การจัดท�าโครงการศูนย์ศึกษาธรรมชาติปา่ อย่างยิ่ง ชายเลนยะหรงิ่ มเี ปา้ หมายมงุ่ เนน้ ใหเ้ กดิ ประสทิ ธภิ าพ ในด้านการจัดการและสงวนรักษาป่าชายเลน โดย ศนู ยศ์ ึกษาธรรมชาติปา่ ชายเลนยะหรง่ิ มีเจตนารมณ์ท่ีจะให้ทุกฝ่ายมีความรู้ความเข้าใจ ในสภาพสมดุลตามธรรมชาติของป่าชายเลน และ ตงั้ อยทู่ อี่ า� เภอยะหรง่ิ จงั หวดั ปตั ตานี มปี า่ ชายเลน สร้างความร่วมมือรวมพลังกนั ระหว่างชุมชนและ ผนื ใหญ่มีอาณาบรเิ วณกว้างขวางถึง ๙,๐๘๐ ไร่ นักวิชาการที่จะผดงุ รักษาป่าชายเลนไว้ให้ย่ังยืนนาน สภาพป่าทวั่ ไปจดั ไดว้ า่ เปน็ ป่าชายเลนทสี่ มบรู ณ์มาก และยังประโยชน์แก่ชมุ ชนรอบด้าน ท้งั ทางตรง และ การจัดต้ังศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ทางอ้อม โดยเฉพาะเป็นแหล่งก�าเนิดท่ีส�าคัญของ จะทา� หนา้ ทเ่ี สรมิ สรา้ งการเรยี นรแู้ กป่ ระชาชนใหเ้ ขา้ ใจ กุ้ง หอย ปู ปลา ทอี่ ุดมสมบรู ณ์และชุกชมุ เป็นอย่าง ถงึ สภาพแวดล้อมของบริเวณที่ชุมชนอาศัยอยู่ และ 215

ร่วมคิดหาแนวทางส่งเสรมิ ให้เกิดกิจกรรมต่างๆ เช่น การร่วมกันปลกู ป่าชายเลนให้มีปรมิ าณเพมิ่ ขนึ้ ให้มี การจัดการด้านป่าชายเลนที่ถูกต้องเหมาะสมกับ ทอ้ งถนิ่ เปน็ ตน้ ทง้ั นศี้ นู ยศ์ กึ ษาวจิ ยั เกยี่ วกบั ปา่ ชายเลน ไดร้ วบรวมและเผยแพรข่ อ้ มลู ทางวชิ าการดา้ นปา่ ชายเลน แก่สาธารณชนท่วั ไป การจัดสร้างศูนย์ธรรมชาติป่าชายเลนยะหริ่ง นี้ ได้ด�าเนินการออกแบบที่ตระหนักถงึ การให้ความ สา� คญั ของการอนรุ กั ษธ์ รรมชาตแิ ละความกลมกลนื ที่ ไม่กระทบกบั สภาพแวดล้อมของท้องถ่นิ ดง้ั เดมิ ทางเดินป่าชายเลนยะหร่ิง (The Mangrove Trail) ยาวประมาณ ๑,๕๐๐ เมตร คือเป้าหมายทจ่ี ะ ดา� เนนิ การใหส้ า� เรจ็ ลลุ ว่ งตามวตั ถปุ ระสงคท์ จี่ ะใหเ้ ปน็ แหล่งศึกษาหาความรู้ด้วยการเข้าไปท�าการส�ารวจ และสมั ผสั ธรรมชาตปิ ่าชายเลนไดอ้ ยา่ งใกล้ชดิ ซง่ึ จะ “...ทกุ คนจะต้องช่วยกนั ดแู ลป่าไม้...” 216

สร้างความประทับใจและรู้แจ้งเห็นจรงิ ในการศึกษา ด้านนี้โดยตรง เน่ืองจากทางเดินธรรมชาติจะผ่าน จุดแสดงข้อมลู ต่างๆ ท่ีน่าสนใจในป่าชายเลน โดยมี ค�าอธิบายการด�ารงอยู่ของระบบนิเวศป่าชายเลนให้ เข้าใจอย่างแจ่มชัด ซ่ึงจะเป็นต้นแบบในการพฒั นา และอนุรกั ษ์ป่าชายเลนในแหล่งอื่นต่อไป โครงการศกึ ษาความเปน็ ไปไดใ้ นการ ฟน้ื ฟปู า่ ชายเลน อา� เภอหนองจกิ จงั หวดั ปตั ตาน ี สภาพพื้นที่แห่งนี้เป็นสภาพป่าชายเลนท่ี “...ควรศึกษาดูก่อนว่า พชื พรรณไม้ด้ังเดิมมีอะไรบ้าง แล้วปลกู แซมรายการ เส่ือมโทรมมาก แม้กรมป่าไม้ได้พยายามฟื้นฟพู ื้นท่ี ชนดิ ต้นไม้ ที่ศึกษามาได้ ไม่ควรน�าไม้ที่แปลกปลอมต่างพันธุ์ ต่างถิ่นเข้ามาปลกู ดงั กล่าวเป็นเวลา ๑๒ ปีแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถ โดยยังไม่ได้ศึกษาอย่างแน่ชดั เสียก่อน...” ดา� เนนิ การไดอ้ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม ทา� ใหบ้ ริเวณดงั กลา่ ว นปี้ ราศจากการที่ป้องกนั ลม ทีจ่ ะลดความรนุ แรงของ อันสมบูรณ์ดังเดิม เช่น ป่าชายเลนที่อ�าเภอยะหริ่ง ภยั ธรรมชาติ ซง่ึ จากการศกึ ษาของสถาบนั ทรัพยากร จังหวัดปัตตานี ป่าชายเลนที่จังหวัดระนอง พังงา ชายฝั่งมหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์พบว่ามีพ้ืนที่ และสตลู รวมทั้งทจ่ี ังหวัดเพชรบรุ แี ละสมทุ รสงคราม ทมี่ ศี กั ยภาพสงู ทจ่ี ะทา� การฟน้ื ฟูปลกู ปา่ ชายเลนไดน้ นั้ คงเป็นบทพิสูจน์ถงึ น้�าพระราชหฤทัยท่ีทรงสอดส่อง มเี พียง ๒๑๓ ไร่ และปัจจบุ นั ได้เพ่มิ ความพยายาม ในส่ิงแวดล้อมของพระมหากษัตริย์ไทยนักพัฒนา ในการค้นหาแนวทางพฒั นาฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพ ผู้ยง่ิ ใหญ่พระองค์น้ี อดุ มสมบูรณด์ งั เดมิ ดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ เชน่ การขดุ แพรก เพ่ือให้น�้าหล่อดินมีความชุ่มช้ืนอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น ทฤษฎีการพัฒนาป่าชายเลนอันเนื่องมาจาก พระราชด�ารใิ นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเป็น หน่ึงในพระมหากรณุ าธิคุณที่พระราชทานเพ่ือความ ผาสุกสมบูรณ์แก่แผ่นดนิ ไทยอย่างแท้จริง ปา่ ชายเลนหลายแห่งของประเทศไทยจึง บงั เกดิ ข้ึนในลกั ษณะที่คืนสู่ธรรมชาติพสิ ุทธ์ิ 217

“...การขุดคลองระบายน�้าออกจากพรุเป็นการช่วยระบายน้�าทท่ี ่วมล้นเข้านาราษฎรในฤดฝู นให้มที างไหลลงทะเล...” • การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นา “ปา่ พร”ุ ทฤษฎี การพัฒนาโดยหลักการที่ทรงเน้น การใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรธรรมชาต ิ ดว้ ยการปรบั ปรงุ สภาพปา่ ใหเ้ กดิ ความ สมดลุ ในระบบนิเวศมากท่สี ุด “ป่าพร”ุ เป็นป่าไม้ทบึ ไม่ผลัดใบประเภทหนง่ึ ซึ่งเหลืออยู่เพียงผืนเดียวในภาคใต้ของประเทศไทย มีลักษณะเด่นชัด คือ เป็นปา่ ดงดิบท่ีมีน้�าท่วมขัง ท่ัวทั้งบรเิ วณ ปา่ พรุเกิดจากธรรมชาติสร้างขึ้นโดยสาเหตุที่ คล่ืนลมทะเลซัดดินทรายชายฝั่งปิดกั้นเป็นแนวสัน เขอ่ื นจนกลายเปน็ แอง่ นา้� ขนาดใหญ่ เมอื่ ซากพชื หลน่ ทบั ถมกนั มากขนึ้ ในนา้� แชข่ งั น้ี กจ็ ะเกิดปฏกิ ริ ยิ าใหเ้ กดิ นา�้ และดินเปรย้ี วตามลา� ดับ 218

“...ปา่ พรุ เป็นพ้นื ท่ีท่ีส�าคัญต่อความอยู่ดีกินดีของราษฎรรอบพ้ืนที่น�้าพรุ อกี ทั้งยังเป็นอ่างเก็บน�้าธรรมชาติที่ชะลอการไหลบ่าของน�้า จากเทอื กเขาต่างๆ ก่อนระบายลงสู่ทะเล...” ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย มี พ้ ืน ท่ี ป่าพ ร รุ ว ม ทั้ ง ส้ิ น พื้นท่ีปา่ พรุในจังหวัดนราธิวาสท้ังหมดน้ี ๔,๐๐๐,๐๐๐ ไร่ ปา่ พรทุ มี่ ขี นาดใหญท่ ส่ี ุดอยทู่ จ่ี งั หวดั ประกอบด้วย นราธวิ าส มลี กั ษณะเปน็ ทร่ี าบลมุ่ ขนาดใหญ่กระจาย อยู่ในแนวเหนือใต้ด้านตะวันออกของพื้นที่จังหวัด มี - ปา่ พรทุ ย่ี งั อยใู่ นสภาพสมบรู ณ์ ๖๐,๕๒๕ ไร่ เน้อื ทป่ี ระมาณ ๒๙๐,๐๐๐ ไร่ ประกอบด้วยพรขุ นาด - ป่าพรุเสือ่ มโทรม ๓๓,๕๒๕ ไร่ ใหญ่ ๓ แห่ง - ป่าเสม็ดขาว ๙๑,๒๕๐ ไร่ - ทุ่งหญ้า ๖๑,๓๕๐ ไร่ - พรโุ ต๊ะแดง - พื้นทก่ี สกิ รรม ๒๗,๒๗๕ ไร่ - พรุบาเจาะ - พนื้ ทอี่ น่ื ๆ (หม่บู ้าน ปา่ ละเมาะ และแม่นา�้ ) - พรกุ าบแดง ๑๖,๐๗๕ ไร่ พรุโต๊ะแดงจัดได้ว่าเป็นพรทุ ่ีมีสภาพป่าพรุซ่ึง พนื้ ทเ่ี หลา่ นสี้ ว่ นใหญถ่ ูกบกุ เบกิ เพอื่ นา� มาใชใ้ น ยังคงสภาพธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์และมีขนาด การเกษตร แตเ่ นอ่ื งจากพนื้ ทพี่ รใุ นจงั หวดั นราธวิ าสมี ใหญ่ท่ีสดุ ในประเทศไทยเน้ือที่ประมาณ ๒๑๖,๕๐๐ ลกั ษณะทางกายภาพทไ่ี มเ่ หมาะสมอยหู่ ลายประการ ไร่ พ้ืนที่ป่าติดต่อกนั เป็นป่าขนาดใหญ่ครอบคลมุ ดังน้ัน การพัฒนาดังกล่าวจึงด�าเนินการไปด้วย พนื้ ท่หี ลายอ�าเภอ ความยากลา� บาก และยังประโยชน์ไม่เต็มที่ 219

พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาอันสืบเนื่องมาจาก พรซุ ่ึงในระยะแรกของการเสด็จพระราชด�าเนินแปร พระราชฐานไปยังพระต�าหนักทักษิณราชนิเวศน์ ใน ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ความทราบฝ่าละอองธุลพี ระบาทว่า ในหน้ามรสุมราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากมีน้�า ไหลบา่ ลงมาทว่ มพรุเขา้ ไรน่ าเสยี หาย จงึ มพี ระราชดา� ริ เพ่ือความร่วมมือกันระบายน้�าจากพรุธรรมชาติ ทง้ั หลายนีใ้ ห้เกษตรกรได้รบั ประโยชน์สงู สุด การระบายนา�้ ออกจากพรทุ า� ใหท้ รงพบวา่ มี สภาพดินเปรีย้ วเกิดขึ้น จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้ท�าการศึกษาวิจัยเรื่องน้ีอย่างจรงิ จัง กระทั่งเมื่อมี การจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเน่ือง มาจากพระราชดา� รขิ นึ้ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ จงึ ไดท้ า� หนา้ ท่ี เป็นแกนกลางประสานงานในการด�าเนินงานจนถึง ปัจจุบัน “...ให้รกั ษาสภาพพ้ืนท่ีพรุส่วนหน่ึงไว้ให้คงสภาพเดิมเพื่อความสมดุลของ การสนองพระราชดา� รดิ ว้ ยการกา� หนด สภาพแวดล้อม...” เขตการใชท้ ดี่ นิ ในบริเวณพน้ื ที่ปา่ พร ุ หากยงั ใชป้ ระโยชนโ์ ดยปราศจากการจดั การทเี่ หมาะสม สืบเน่ืองจากที่ราษฎรส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์ สภาพแวดล้อมของพ้ืนที่พรกุ ็ย่ิงจะมีแนวโน้มสูงขึ้น จากพื้นท่ีป่าพรอุ ย่างไม่ถกู ต้องตามหลักวิชาการ ในการเปล่ยี นแปลงไปในทางทเ่ี ส่ือมโทรมได้ง่าย ท�าให้พื้นที่ป่าพรุบางแห่งเส่ือมโทรมจนไม่สามารถใช้ ประโยชน์ได้อกี ต่อไป ต้องปล่อยท้ิงร้างไว้ตามสภาพ ทีม่ าของแนวพระราชด�าริพัฒนา ธรรมชาติ ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างกว้างขวาง โดย และฟนื้ ฟปู ่าพรุ เฉพาะราษฎรท่ีอาศัยอยู่รอบพื้นท่ีป่า โดยท่ัวไปมี ฐานะทางเศรษฐกิจตกต�่า เพราะพ้ืนท่ีท่ีใช้ท�าการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน เกษตรให้ผลผลติ ต่�ามาก ราษฎรเองก็ไม่มีความรู้ พระราชด�ารใิ ห้ส่วนราชการต่างๆ ร่วมกันศึกษา ในการทจ่ี ะแกไ้ ขพนื้ ทนี่ น้ั ใหส้ ามารถน�ามาใชป้ ระโยชน์ ได้การพฒั นาจงึ เป็นไปด้วยความยากลา� บาก ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองอนั เนอื่ งมาจาก พระราชด�าริได้ก�าหนดเขตการใช้ท่ดี นิ บริเวณพ้นื ท่พี รุ ในจงั หวดั นราธวิ าส เพอ่ื สนองพระราชด�าริในพระบาท สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ออกเป็น ๓ เขตคือ 220

“...ควรส่งเสรมิ การปลกู ป่าไม้ในบรเิ วณพรุ...” “...ควรศกึ ษาหาทางรักษาพ้ืนท่พี รไุ ม่ให้ถกู ท�าลายเพิม่ ขึ้นอกี ...” ซึ่งมีสารประกอบไพไรท์สะสมอยู่เป็นปรมิ าณมาก ในเขตนี้พืชพรรณธรรมชาติขึ้นเบียดเสียดกนั อย่าง หนาแน่น มีพันธุ์ไม้ยืนต้นขึ้นปะปนกันอยู่มากกว่า ร้อยชนิด โดยมีเรอื นยอดอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ ๒๐ - ๓๐ เมตร พชื พน้ื ลา่ งทข่ี นึ้ อยมู่ ที ง้ั ไมพ้ มุ่ เถาวลั ย์ ปาล์ม หวาย และเฟิร์นนานาชนดิ ๑. เขตสงวน (Preservation Zone) เป็น ๒. เขตอนุรักษ์ (Conservation Zone) บริเวณพ้นื ท่ีพรุที่ยังคงสภาพเป็นป่าธรรมชาติอย่าง เป็นบริเวณพื้นที่พรุท่ีพืชพรรณธรรมชาติถูกท�าลาย สมบูรณ์และยงั ไม่ถกู รบกวนจากมนุษย์ เนื้อที่ ไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และยังไม่มีโครงการพัฒนา ประมาณ ๕๖,๙๐๗ ไร่ พ้ืนท่ีส่วนใหญ่อยู่ทางตอน เข้าไปด�าเนินงานอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ป่าถกู ท�าลาย กลางและตอนใตข้ องพรุโตะ๊ แดง ในเขตอา� เภอตากใบ โดยการแผ้วถางและไฟไหม้ท�าความเสยี หายในช่วง อ�าเภอสุไหงปาดี และอ�าเภอสไุ หงโก-ลก และพ้ืนที่ ปีที่อากาศแล้งจัด มีเน้ือที่ประมาณ ๑๐๙,๙๓๘ ไร่ ทางตอนใต้ของพรบุ าเจาะในเขตอ�าเภอเมืองและ พื้นท่ีส่วนใหญ่อยู่ทางด้านตะวันตกของพรบุ าเจาะ อ�าเภอย่งี อ ปกติพ้ืนที่ป่ามีน้�าท่วมขังเกือบตลอดปี ในเขตอ�าเภอเมืองและอ�าเภอระแงะ และบริเวณทุ่ง ในฤดฝู นระดบั น้�าท่วมสูงสุด ๒ - ๓ เมตร พื้นที่ป่ามี หญ้ารวมป่าพรุโต๊ะแดงในเขตอ�าเภอตากใบ อ�าเภอ ลักษณะสูงๆ ต�า่ ๆ ต้นไม้ส่วนใหญ่แตกรากค้�ายันหรือ สไุ หงปาดี และอ�าเภอสุไหงโก-ลก พื้นท่ีเป็นที่ลุ่มมี เป็นพพู อน พ้ืนที่ป่ามีใบไม้กิ่งไม้แห้งทับถมกนั จนมี น้�าขังเกือบตลอดปี สูงจากระดับน้�าทะเลปานกลาง ลักษณะเป็นเนินสงู ขึน้ มาจากพนื้ ท่ปี ่าทั่วไป พ้นื ป่ามี ไม่เกนิ ๘ เมตร ปกติดนิ เปียกชืน้ ตลอดปี ในฤดูฝน ระดับสูงจากระดบั นา้� ทะเลปานกลางไม่เกิน ๘ เมตร ระดับน้�าสูงจากผิวดินต้ังแต่ ๒๐ - ๓๐ เซนติเมตร ดนิ เปน็ ดนิ อนิ ทรยี ์ ลกึ ลงไปเปน็ ดนิ เลนสเี ทาปนน้�าเงนิ ไปจนถึง ๑ เมตร ดินมีท้ังอินทรีย์และดินอนินทรีย์ 221

ซงึ่ เปน็ ดนิ เปรีย้ วจดั สา� หรับทางตอนใตข้ องพรโุ ตะ๊ แดง พฒั นาต่างๆ เข้าไปด�าเนินงานอย่างต่อเนอื่ ง มเี นื้อท่ี เป็นดนิ อินทรยี ์หนาประมาณ ๑ - ๓ เมตร ดินชั้นล่าง ประมาณ ๙๕,๐๑๕ ไร่ พื้นท่ีส่วนใหญ่อยู่ในเขต เป็นดนิ เลนทมี่ สี ารประกอบก�ามะถันสะสมอยู่ โครงการสหกรณ์นิคมบาเจาะในท้องท่ีอ�าเภอเมือง อา� เภอยงี่ อ และอา� เภอบาเจาะ และสหกรณน์ คิ มปเิ หลง็ น้�าท่ีท่วมขังอยู่ในบริเวณนี้ส่วนใหญ่มีส่วน ในท้องท่ีอ�าเภอตากใบและอ�าเภอสุไหงโก-ลก ประกอบเปน็ กรดจดั สดี า� หรอื สนี า�้ ตาลปนดา� เนอ่ื งจาก บรเิ วณพรสุ ะปอมท้องท่ีอ�าเภอเมือง และบริเวณพรุ มีสารอนิ ทรีย์แขวนลอยปะปนอยู่มาก พืน้ ทส่ี ่วนใหญ่ กาบแดงในท้องทอ่ี �าเภอเมอื งคาบเกยี่ วอ�าเภอตากใบ เป็นป่าเสม็ดขาวและพ้ืนท่ีป่าพรุท่ีได้รับความเสีย พ้ืนที่เหล่าน้ีได้จัดสรรที่ดินให้ราษฎรเข้าอยู่อาศัย หายจากไฟไหม้มีพืชพวกคมบาง ย่านล�าเท็ง กก และทา� กนิ อยา่ งถาวร สว่ นใหญม่ โี ครงการชลประทาน กระจดู และพชื พวกหญ้าขน้ึ เป็นพชื พื้นล่าง หรือเป็น เขา้ ไปดา� เนนิ การระบายนา�้ ออกจากพน้ื ท่ี ซงึ่ โดยทวั่ ไป พ้ืนท่ีซึ่งในอดีตถูกแผ้วถางแล้วถกู ปล่อยท้ิงร้างไป สงู จากระดบั นา�้ ลดลงจนตา่� กวา่ ผิวดนิ ประมาณ ๐.๕ - ต่อมามีไม้เสม็ดขาว กก กระจูด และพืชพวกหญ้า ๑ เมตร บรเิ วณพรุบาเจาะส่วนใหญ่มีดนิ อินทรีย์ถม ขนึ้ กระจัดกระจายอยู่ทวั่ ไป เป็นชัน้ หนาไม่เกิน ๒.๕ เมตร มีลักษณะเป็นกรดจัด และมคี ณุ ภาพการเกษตรตา�่ ใตช้ น้ั ดนิ อนิ ทรยี ซ์ ง่ึ ทงั้ ดนิ ๓. เขตพัฒนา (Development Zone) เป็น และนา้� มสี ภาพความเปน็ กรดจดั สว่ นบรเิ วณพรกุ าบแดง บรเิ วณพ้ืนที่พรุท่ีได้มีการระบายน้�าออกไปบ้างแล้ว และพรุสะปอมดนิ มที งั้ ดนิ อนิ ทรยี แ์ ละอนนิ ทรียป์ ะปน พชื พรรณธรรมชาติด้ังเดิมถกู แผ้วถางจนหมดส้นิ มี กันอยู่ส่วนใหญ่ พ้ืนที่ที่ใช้เพื่อกจิ กรรมทางด้านเกษตรและมีโครงการ “...ตรงน้ีต้องท�าเป็นบ่อใหญ่ ค่อยๆ ปรับปรุงให้เป็นพรุจืดปล่อยลงไปแบบ Gravity กอ็ าจจะพอได้ แต่ไม่ง้ันก็สบู นา�้ เอามาปลูกข้าวได้ ในบริเวณนี้ อาจจะปลูกข้าวได้ตลอดปี...” 222

การดา� เนินงานพัฒนาพื้นที่พรุ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเน่ือง มาจากพระราชด�าริได้จัดท�าแผนแม่บทในการพัฒนา และกา� หนดเขตการใช้ท่ีดินทั้ง ๓ เขต ให้มีการ ดา� เนนิ งานพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแบบผสมผสาน ให้สอดคล้องกนั ในหลายด้าน และก�าหนดแนวทาง การพฒั นาพื้นทีพ่ รุไว้ดงั น้ี ๑. เขตสงวน เปน็ เขตทดี่ า� เนนิ การสงวนรักษา “...พร.ุ ..เราต้องเก็บไว้ เพราะมีความส�าคัญเก่ียวกบั ส่ิงแวดล้อม ป่าไม้ไว้อย่างเข้มงวด เพ่ือให้สภาพแวดล้อมมีการ ต้องห้ามไม่ให้บุกรกุ เข้าไป...” เปลยี่ นแปลงนอ้ ยทสี่ ุด หนว่ ยงานทท่ี า� หนา้ ทรี่ บั ผดิ ชอบ โดยตรง คือ กรมปา่ ไม้ ปัจจุบนั ได้ประกาศเป็นเขต หา้ มลา่ สัตวป์ า่ แลว้ เมอื่ ไดม้ กี ารตรวจสอบรายละเอยี ด และประกาศเปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ัตวป์ า่ แลว้ ก็จะทา� ให้ การดูแลรกั ษาพน้ื ทเี่ หล่าน้ีมีประสิทธิภาพย่ิงขึน้ ๒. เขตอนุรักษ์ เป็นเขตท่ีด�าเนินการฟื้นฟู ให้กลบั เป็นป่าดงั เดิม ซึ่งเปล่ยี นไปเป็นเขตสงวนหรือ เปลีย่ นเปน็ เขตพฒั นา โดยการใชพ้ ืน้ ทกี่ ระทา� กจิ กรรม ต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อพ้ืนท่ีพรโุ ดยไม่มี ผลกระทบต่อระบบนิเวศของป่า และจะต้องผ่านการ เหน็ ชอบของหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งเสยี กอ่ น การดา� เนนิ งาน ในเขตน้ีจึงผนั แปรไปได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ คอื ๒.๑ ศกึ ษาวจิ ยั เกีย่ วกับการสา� รวจพนั ธพ์ุ ชื การทดแทนของสังคมพืช และระบบนิเวศของป่าพรุ ทัง้ หมด โดยมกี รมป่าไม้เป็นหน่วยงานหลกั ๒.๒ ศึกษาพันธุ์ไม้ท่เี หมาะสมส�าหรับการ ปลูกปา่ ทดแทน และศกึ ษาวธิ ีการจดั การเพือ่ ใหต้ น้ ไม้ ทปี่ ลกู เจริญเตบิ โตไดด้ ี มกี รมปา่ ไมเ้ ปน็ หนว่ ยงานหลัก ๒.๓ ประชาสมั พันธ์เพ่ือป้องกนั มิให้มกี าร บกุ รกุ ทา� ลายปา่ พรอุ กี ตอ่ ไป ด�าเนนิ การโดยกรมปา่ ไม้ และนคิ มสหกรณ์ 223

“...ให้ราษฎรในท้องถน่ิ นน้ั เข้ารว่ มกิจกรรม เพอ่ื เป็นการสรา้ งความเขา้ ใจให้ราษฎร ๓. เขตพฒั นา เป็นเขตทกี่ า� หนดให้หน่วยงาน เหน็ ความสา� คัญของป่า...” ต่างๆ ด�าเนินงานร่วมกันพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับ ฐานะความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดขี ้ึน โดย ๒.๔ ในกรณที ีม่ ีการจัดทา� โครงการพัฒนา ในเขตน้ี ให้จัดท�ารายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้าน ๓.๑ คน้ ควา้ วจิ ยั เพอ่ื หาทางปรบั ปรงุ แกไ้ ข ส่งิ แวดล้อมด้วยทกุ โครงการ สภาพดินและน�้าท่ีมีปัญหา ส�าหรบั ใช้ก�าหนดเป้า หมายและแนวทางในการพัฒนาต่อไป ด�าเนินการ โดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจาก พระราชด�ารแิ ละหน่วยงานท่ีเกย่ี วข้อง ๓.๒ ด�าเนินการพัฒนาพ้ืนท่ีพรุแบบ ครบวงจร โดยประกอบด้วยการควบคุมน�้าในพื้นที่ การปรับปรุงดิน การเลอื กชนดิ พืชท่ปี ลูก การสหกรณ์ และการตลาด ๓.๓ เลือกพื้นท่ีด�าเนินงานให้สอดคล้อง กบั ความต้องการของราษฎร โดยพจิ ารณาจากข้อมลู ตา่ งๆ เชน่ สภาพดนิ สภาพนา้� และสภาพภมู ปิ ระเทศ 224

๓.๔ รัฐเป็นผู้ด�าเนินงานโครงสร้างพ้ืน เกยี่ วกับปา่ พรขุ นึ้ บรเิ วณคลองโตะ๊ แดงฝง่ั ขวา บรเิ วณ ฐานท่ีส�าคัญจนแล้วเสร็จ และในระยะแรกรัฐ บ้านโต๊ะแดง หมู่ที่ ๘ ต�าบลปโู ต๊ะ อา� เภอสไุ หงโก-ลก จะจัดหาวัสดุปรบั ปรุงดินและพนั ธ์ุพชื ต่างๆ ให้แก่ จังหวัดนราธิวาส และจัดตั้ง “ศูนย์ศกึ ษาวิจัยและ ราษฎร ธรรมชาติปา่ พรุสริ ินธร” ข้นึ เพือ่ ถวายพระเกยี รติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ๓.๕ รัฐเป็นผู้จัดสรรงบประมาณ และ ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๓๖ พรรษา ซ่ึง บรหิ ารโครงการพฒั นาทด่ี า� เนนิ การในพนื้ ทดี่ งั กล่าว ศนู ย์แห่งน้เี ปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมและศกึ ษา ค้นคว้าเกี่ยวกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อมของ การคน้ ควา้ วจิ ยั ปา่ พรตุ ามพระราชดา� รกิ า้ วหนา้ ป่าพรุอย่างละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ในลักษณะ ข้ึนเป็นล�าดับ คณะผู้ด�าเนินงานสนองพระราชด�าริ ของเส้นทางเดินธรรมชาติ (Nature Trail) และ มีความเห็นว่า เพื่อให้การพัฒนาพื้นท่ีพรุเป็นไป นทิ รรศการความรู้ต่างๆ อย่างสอดคล้องผสมผสานกนั ท้ังในเร่อื งอนุรักษ์และ การพัฒนาพ้ืนที่เขตต่างๆ ในปา่ พรุได้ด�าเนินการไป บัดน้ีปา่ พรไุ ด้รับการใช้ประโยชน์อย่าง พร้อมกันอย่างได้ผลดีย่ิง ส่วนราชการอันประกอบ อเนกประสงค์ ควบคู่กับการสร้างสมดุลแห่ง ด้วย ส�านักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่อื ประสาน ระบบนเิ วศ ตามพระราชดา� ริแหง่ องคพ์ ระบาทสมเดจ็ งานโครงการอันเนอื่ งมาจากพระราชด�าริ (สา� นกั งาน พระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานเพ่ือความ กปร.) ร่วมกับกรมป่าไม้ได้รับสนองพระราชด�าริ โดย ผาสกุ นิรนั ดรของอาณาประชาราษฎร์ จัดหาสถานท่ีที่เหมาะสมเพื่อใช้เป็นแหล่งศึกษาวิจัย 225

ทฤษฎีใหม่ : การบริหารจัดการทีด่ ิน เพื่อการเกษตร อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดา� ริ ในทกุ คราทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ๑. ข้าวเป็นพืชที่แข็งแกร่งมาก หากได้น�้า พระราชด�าเนินไปทรงเย่ียมราษฎรตามพื้นที่ต่างๆ เพยี งพอจะสามารถเพม่ิ ปรมิ าณเมด็ ขา้ วได้มากยง่ิ ขน้ึ ทวั่ ประเทศนน้ั ไดท้ รงถามเกษตรกรและทอดพระเนตร พบสภาพปัญหาการขาดแคลนน�้าเพื่อการปลูกข้าว ๒. หากเก็บน้�าฝนที่ตกลงมาไว้ได้แล้ว น�ามา และเกดิ แรงดลพระราชหฤทยั อนั เปน็ แนวคดิ ขน้ึ วา่ ใช้ในการเพาะปลูกกจ็ ะสามารถเก็บเกี่ยวได้มากข้ึน เช่นกนั 226

๓. การสร้างอ่างเก็บน�้าขนาดใหญ่นับวันแต่ “...ทฤษฎีใหม่...เป็นวิธีการอย่างหนึ่งท่ีจะท�าให้ประชาชนมีกนิ จะยากทีจ่ ะด�าเนนิ การได้ เนื่องจากการขยายตวั ของ แบบตามอตั ภาพ คืออาจไม่รวยมากแต่ก็พอกนิ ไม่อดอยาก...” ชุมชนและข้อจ�ากดั ของปรมิ าณท่ีดินเป็นอปุ สรรค สา� คัญ ๔. หากแต่ละครวั เรอื นมีสระน้�าประจ�าไร่นา ทุกครวั เรอื นแล้ว เม่ือรวมปรมิ าณกนั ก็ย่อมเท่ากับ ปรมิ าณในอา่ งเกบ็ นา้� ขนาดใหญ่ แตส่ ิน้ คา่ ใชจ้ า่ ยนอ้ ย และเกิดประโยชน์สงู สุดโดยตรงมากกว่า ท่มี าแหง่ พระราชด�าร ิ “ทฤษฎใี หม”่ แรงดลพระราชหฤทัยในเร่ืองนี้เกดิ จากที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�าเนิน ไปทรงเย่ยี มราษฎรในภาคอีสานบริเวณพื้นท่ีบ้าน กดุ ตอแกน่ ตา� บลกุดสมิ คมุ้ ใหญ่ อา� เภอเขาวง จงั หวดั กาฬสินธ์ุ เม่อื วันที่ ๒๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ซ่ึง ทรงมีพระมหากรณุ าธิคุณพระราชทานพระราชดา� รัส 227

“...หลักมวี ่า แบ่งทด่ี ินเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทีส่ �าหรับปลูกข้าว อีกส่วนหน่ึงสา� หรับปลูกพชื ไร่ พชื สวน และกม็ ที ่ีสา� หรบั ขุดสระน�้า...” แกบ่ รรดาคณะบุคคลต่างๆ ท่ีเข้าเฝ้าฯ ถวาย กไ็ ดร้ วงแตไ่ มม่ ขี า้ วเทา่ ไรอนั น้เี ปน็ บทเรยี นท่ดี .ี .. พระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา แสดงให้เห็นว่า ข้าวนีเ้ ป็นพืชแข็งแกร่งมาก วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั ขอใหไ้ ดม้ นี า้� คา้ งกพ็ อ แมจ้ ะเปน็ ขา้ วธรรมดาไมใ่ ช่ สวนจติ รลดา พระราชวงั ดุสติ ว่า ข้าวไร่ ถ้าหากวา่ เราช่วยเขาเล็กน้อยกส็ ามารถที่ จะไดข้ า้ วมากขน้ึ หนอ่ ยพอท่จี ะกนิ ฉะนน้ั โครงการ “...ถามชาวบา้ นทอ่ี ยนู่ น่ั วา่ เปน็ อยา่ งไรบา้ งปนี ้ี ที่จะท�ามิใช่จะต้องท�าโครงการใหญ่โตมากนัก เขาบอกวา่ เกบ็ ขา้ วได้ แลว้ ขา้ วกอ็ ยตู่ รงน้นั กองไว้ จะได้ผล ท�าเล็กๆ ก็ได้ จึงเกิดความคิดขึน้ มา เรากไ็ ปดขู า้ ว ขา้ วนน้ั มรี วงจรงิ แตไ่ มม่ เี มลด็ หรอื รวง ว่าในที่เช่นนัน้ ฝนดีพอสมควร แต่ลงมาไม่ถูก หนง่ึ มซี กั สองสามเมลด็ กห็ มายความวา่ ๑ ไรค่ งได้ ระยะเวลา...ฝนกท็ ิง้ ช่วง ข้าวก็ไม่ดี...” ประมาณซกั ถงั เดยี วหรอื ไมถ่ งึ ถงั ตอ่ ไร่ ถามเขาทา� ไม เปน็ อยา่ งน้ี เขาบอกวา่ เพราะไมม่ ฝี น เขาปลกู กลา้ ไว้ จากพระราชดา� รสั ขา้ งตน้ แสดงใหเ้ หน็ ถงึ การที่ แลว้ เมอ่ื ข้ึนมากป็ กั ดา� ปกั ดา� ไมไ่ ดเ้ พราะวา่ ไมม่ นี า้� ทรงรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นจากปัญหาข้อเทจ็ จริงแล้ว ก็ปกั ในทรายทา� รใู นทรายแลว้ ปกั ลงไป เม่อื ปกั แลว้ ทรงวิเคราะห์เป็นแนวคดิ ทฤษฎีว่า ตอนกลางวันก็เฉามันงอลงไป แต่ตอนกลางคืน กต็ ้งั ตวั ต้งั ตรงขนึ้ มา เพราะมีน�้าค้าง แลว้ ในที่สดุ 228

“...ทฤษฎใี หม่นี้ มิได้เป็นการแจกจ่ายท่ดี นิ เป็นท่ีดนิ ของประชาชนเอง...” 229

“...ต้องเกบ็ น้�าฝนท่ลี งมา กเ็ กิดความคดิ ว่าอยากทดลองดูสกั สิบไร่ในทอี่ ย่างนนั้ สามไร่จะทา� เป็นบ่อน�า้ คอื เก็บน้า� ฝน...” “...วธิ กี ารแกไ้ ขกค็ อื ตอ้ งเกบ็ นา้� ฝนทต่ี กลงมา แนวทฤษฎใี หม ่ ก�าหนดข้นึ ดงั น้ี กเ็ กดิ ความคดิ วา่ อยากทดลองดูสกั ๑๐ ไร่ ในท่ี ให้แบ่งพ้ืนที่ถือครองทางการเกษตร ซึ่งโดย อยา่ งนน้ั ๓ ไรจ่ ะเปน็ บอ่ นา้� คอื เกบ็ น้า� ฝนแลว้ ถา้ เฉลีย่ แล้วเกษตรกรไทยมเี นอื้ ทดี่ นิ ประมาณ ๑๐ - ๑๕ จะตอ้ งบุดว้ ยพลาสติกกบ็ ุดว้ ยพลาสตกิ ทดลองดู ไร่ต่อครอบครวั แบ่งออกเป็นสัดส่วน คอื แลว้ อกี ๖ ไรท่ า� เปน็ ท่นี า สว่ นไรท่ ่เี หลอื กเ็ ปน็ บรกิ าร ส่วนแรก : ร้อยละ ๓๐ เน้อื ทเ่ี ฉลยี่ ๓ ไร่ ให้ หมายถึงทางเดินหรอื กระตอ๊ บ หรอื อะไรกแ็ ลว้ แต่ ท�าการขุดสระกักเก็บน้�าไว้ใช้ในการเพาะปลูก โดยมี หมายความวา่ น้า� ๓๐% ท่ที า� นา ๖๐% กเ็ ชอ่ื วา่ ถา้ ความลึกประมาณ ๔ เมตร ซ่ึงจะสามารถรับน้�าได้ เก็บนา้� ไวไ้ ดจ้ ากเดมิ ทเ่ี กบ็ เก่ยี วขา้ วไดไ้ รล่ ะประมาณ จุถงึ ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร โดยการรองรับจาก ๑ - ๒ ถงั ถา้ มนี ้า� เลก็ นอ้ ยอยา่ งนน้ั ก็ควรจะเกบ็ เกย่ี ว น้�าฝน ราษฎรจะสามารถน�าน้�าน้ีไปใช้ในการเกษตร ขา้ วไดไ้ รล่ ะประมาณ ๑๐ - ๒๐ ถงั หรอื มากกวา่ ...” ได้ตลอดปี ทั้งยังสามารถเล้ียงปลาและปลูกพืชน้�า พชื รมิ สระ เพอ่ื เพมิ่ รายไดใ้ หก้ ับครอบครัวอกี ทางหนง่ึ ในเวลาต่อมาได้พระราชทานพระราชด�าริให้ ด้วย ดังพระราชด�ารัสในโอกาสเสด็จพระราชด�าเนิน ทา� การทดลอง “ทฤษฎใี หม”่ เกีย่ วกับการจดั การทด่ี นิ ทอดพระเนตรการด�าเนินงานโครงการพัฒนาพื้นท่ี และแหลง่ นา้� เพือ่ การเกษตรขน้ึ ณ วดั มงคลชยั พฒั นา ตา� บลห้วยบง อา� เภอเมือง จังหวดั สระบุรี 230

“...ถ้าท�าโครงการนสี้ า� เร็จ กห็ มายความว่าท่ีต่างๆ หรือที่อื่นก็จะต้องทา� ได้ทงั้ น้ัน...” วัดมงคลชัยพฒั นาอันเน่ืองมาจากพระราชด�าริ เมื่อ นา้� ใชใ้ นชว่ งฤดแู ลง้ ประมาณ ๑,๐๐๐ ลกู บาศก์เมตร วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ความตอนหนึง่ ว่า ต่อไร่ ถ้าหากแบ่งแต่ละแปลงเกษตรให้มเี นอ้ื ท่ี ๕ ไร่ ทัง้ ๒ แห่งแล้ว ความต้องการนา้� จะต้องใช้ประมาณ “...การเล้ยี งปลาเปน็ รายได้เสริม ถา้ เลี้ยง ๑๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร ทีจ่ ะต้องเป็นนา�้ ส�ารองไว้ใช้ ปลาไมก่ เ่ี ดือนก็มีรายได.้ ..” ในยามฤดแู ล้ง สว่ นทส่ี อง : ร้อยละ ๖๐ เนอ้ื ทเ่ี ฉลีย่ ประมาณ ส่วนทีส่ าม : ร้อยละ ๑๐ เป็นพื้นท่ีที่เหลือ ๑๐ ไร่ เป็นพืน้ ท่ที �าการเกษตร ปลูกพชื ผลต่างๆ โดย มีเนื้อท่ีเฉล่ียประมาณ ๒ ไร่ จัดเป็นท่ีอยู่อาศัย แบ่งพ้นื ท่นี ีอ้ อกเป็น ๒ ส่วนคอื ถนนหนทาง คันคูดินหรอื คูคลอง ตลอดจนปลูกพืช สวนครวั และเล้ยี งสตั ว์ รอ้ ยละ ๓๐ ในสว่ นทหี่ นงึ่ : ทา� นาขา้ วประมาณ ๕ ไร่ รวมพ้ืนที่โดยเฉลี่ยประมาณ ๑๕ ไร่ ตาม สัดส่วน ๓๐-๓๐-๓๐-๑๐ ตามทฤษฎีใหม่นพี้ ระบาท ร้อยละ ๓๐ ในส่วนที่สอง : ปลกู พชื ไร่หรอื พืช สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ สวนตามแตส่ ภาพของพนื้ ทแ่ี ละภาวะตลาด ประมาณ พระราชทานแนวพระราชด�ารอิ ันเป็นหลักปฏิบัติ ๕ ไร่ ส�าคญั ยิง่ ในการด�าเนนิ การ คอื พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงค�านวณโดย ใช้หลกั เกณฑ์เฉล่ียว่า ในพ้ืนที่ท�าการเกษตรน้ีต้องมี 231

“...อยากให้แปลงทดลองว่า จะท�าอย่างนี้ ชาวบ้านทา� ได้ไหม ราชการจะช่วยอะไรได้บ้าง...” “...ให้ปลกู ข้าวเป็นหลัก ปลูกไม้ยนื ต้น ไม้ผลแซมบ้าง เพ่ือให้ชาวบ้านมีข้าวกิน ไม่ต้องซ้อื ...” 232

“...เช่ือว่าถ้าเกบ็ น้�าไว้ได้จากเดิมท่ีเกบ็ เก่ยี วข้าวได้ไร่ละหนึ่งถังถงึ สองถัง ถ้ามีน�้าเล็กน้อยอย่างนั้นกค็ วรจะเก็บเก่ียวข้าวได้ไร่ละประมาณ สิบถังยส่ี ิบถัง หรือมากกว่านั้น...” ๑. วิธกี ารน้ีสามารถใช้ปฏิบตั ิได้กบั เกษตรกร ๒. มงุ่ ใหเ้ กษตรกรมคี วามพอเพยี งในการเลยี้ ง ผเู้ ปน็ เจา้ ของทด่ี นิ ทมี่ พี ืน้ ทดี่ นิ จ�านวนนอ้ ย แปลงเลก็ ๆ ตวั เองได้ (Self Sufficiency) ในระดบั ชวี ติ ทปี่ ระหยดั กอ่ น ประมาณ ๑๕ ไร่ (ซ่ึงเป็นอตั ราถือครองเน้ือที่ โดยมุ่งเน้นให้เห็นความสา� คัญของความสามัคคี การเกษตรโดยเฉลี่ยของเกษตรกรไทย) กันในท้องถิน่ 233

“...โครงการทีจ่ ะท�า มิใช่จะต้องท�าโครงการใหญ่โตมากนัก จะได้ผล ทา� เลก็ ๆ กไ็ ด้...” “...ไร่ทีเ่ หลอื (สบิ เปอร์เซ็นต์) กเ็ ป็นท่บี ริการ หมายถงึ ทางเดนิ หรอื เป็นกระตอ็ บหรอื อะไรกแ็ ล้วแต่...” 234

“...จะต้องมอี ่างเกบ็ น�า้ ท่ีใหญ่กว่าอกี แห่งเพือ่ เสรมิ สระน้�า...” 235

๓. ก�าหนดจุดมุ่งหมายให้สามารถผลิตข้าว คาดว่าน�้าระเหยวนั ละ ๑ เซนติเมตร ดงั น้นั เมอ่ื เฉลย่ี บรโิ ภคได้เพยี งพอทงั้ ปี โดยยดึ หลกั วา่ การทา� นา ๕ ไร่ วา่ ฝนไมต่ กปลี ะ ๓๐๐ วนั นนั้ ระดบั นา�้ ในสระจะลดลง ของครอบครวั หน่ึงน้ัน จะมขี ้าวพอกินตลอดปี ซึง่ เป็น ๓ เมตร จงึ ควรมีการเติมน�้าให้เพียงพอ เนือ่ งจากน้า� หลักส�าคัญของทฤษฎีใหม่น้ี เหลือก้นสระเพยี ง ๑ เมตรเท่านั้น ทฤษฎใี หมใ่ นพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั จะ ดังน้ัน การมีแหล่งน้�าขนาดใหญ่เพ่ือคอยเติม เป็นทฤษฎที ่สี มบรู ณ์ตามแนวพระราชดา� ริได้นน้ั ทรง น้า� ในสระเล็ก จงึ เปรียบเสมือนมแี ทงก์น้�าใหญ่ๆ ทีม่ ี ค�านึงถึงการระเหยของน้�าในสระหรอื อ่างเก็บน้�าลึก นา้� สา� รองทจี่ ะเตมิ นา้� อา่ งเลก็ ใหเ้ ตม็ อยเู่ สมอ จะทา� ให้ ๔ เมตร ของเกษตรกรด้วยว่าในแต่ละวนั ทไ่ี ม่มีฝนตก แนวทางปฏิบตั ิสมบรู ณ์ข้ึน 236

กรณีของการทดลองทีว่ ัดมงคลชยั พัฒนา ทรงเสนอวธิ กี ารดังนี้ จากภาพตุ่มน�้าเล็กคือสระน�้าที่ราษฎรขุดข้ึน ๓,๐๐๐ ไร่ เมื่อมาเห็นว่าท�าได้ก็เช่ือและน�าไป ตามทฤษฎใี หมน่ ้ี เมอ่ื เกดิ ชว่ งขาดแคลนนา�้ ในฤดแู ลง้ ทา� บา้ ง แตต่ อ้ งไมท่ �าเรว็ นกั บริเวณนก้ี จ็ ะสนบั สนนุ ได้ ราษฎรก็สามารถสูบน้�ามาใช้ประโยชน์ได้ และหาก ๓,๐๐๐ ไร่ ช่างเขาบอกได้ ๗๐๐ ไร่ แต่ทฤษฎีของเรา น�้าในสระไม่เพียงพอก็ขอรบั น�้าจากอ่างห้วยหินขาว ได้ ๓,๐๐๐ ไร่...” ซึ่งได้ท�าระบบส่งน้�าเชื่อมต่อลงมายงั สระน�้าท่ีได้ขุด ไว้ในแต่ละแปลงซ่ึงจะช่วยให้สามารถมนี �้าใช้ตลอดปี ทฤษฎีใหม่จึงเป็นแนวพระราชด�าริ ท่ีบัดนี้ ไดร้ บั การพสิ จู น์และยอมรบั กนั อย่างกวา้ งขวางในหมู่ ในกรณีราษฎรใช้น�้ากนั มาก อ่างห้วยหินขาว เกษตรกรไทยแล้วว่า พระราชด�ารขิ องพระองค์เกิด ก็อาจมีปรมิ าณน้�าไม่เพียงพอ หากโครงการพฒั นา ขึ้นด้วยพระอัจฉริยภาพสงู ท่ีสามารถน�าไปปฏิบัติได้ ลุ่มน�้าป่าสักสมบูรณ์แล้วกใ็ ช้วิธีการสบู น้�าจากป่าสัก อย่างแท้จริง มาพักในหนองน�้าใดหนองน�้าหนึ่ง แล้วสบู ต่อลงมา ในอ่างเก็บน้�าห้วยหินขาวกจ็ ะช่วยให้มีปริมาณน�้าใช้ ความสมบูรณ์พูนสุขแห่งราชอาณาจักรไทย มากพอตลอดปี อบุ ตั ขิ นึ้ ในครง้ั นดี้ ว้ ยพระปรชี าสามารถอนั เฉยี บแหลม ของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทย ผมู้ เิ คยทรงหยดุ นงิ่ ทจี่ ะระดม ทรงเช่ือม่ันในทฤษฎีนี้มาก ดังพระราชด�ารัส สรรพกา� ลังท้ังปวงเพอ่ื ความผาสุกของชาวไทย ตอนหนงึ่ ว่า “...ให้ค่อยๆ ท�าเพ่ิมเติม ท�าให้ชาวบ้านมี รายได้เพ่ิมข้ึน แล้วทีหลงั ในเขตนอกเหนือจาก 237

“...การพัฒนาถ้าจะให้ได้ผลเร็วต้องยอมลงทนุ ท�าที่เกบ็ กกั นา�้ การขุดสระราคาอาจจะแพง แต่กต็ ้องทา� ให้ขนาดประหยดั ที่สดุ ...” 238

“...โครงการน้ีใช้เงินของมูลนิธิชัยพัฒนาส่วนหนึ่ง ใช้เงินของทางราชการส่วนหน่ึง โดยใช้วิธขี ุดบ่อน้�า เพ่ือใช้น้�าน้ันมาท�าการเพาะปลกู ตามทฤษฎีใหม่...” “...การขดุ สระน้นั กต็ ้องส้นิ เปลอื ง ชาวบ้านไม่สามารถท่จี ะออกค่าใช้จ่ายสา� หรบั การขดุ ก็ต้องท�าให้เขา...” 239

NEW THEORY ทฤษฎใี หม่ ขอ้ มูลประกอบเรื่อง อา่ งใหญเ่ องอาจตอ้ งเตมิ จากอา่ งใหญย่ งิ่ กวา่ (ปา่ สกั ) นา้� ลกึ ๓ เมตร จะระเหยหมด ต้องเตมิ จากอ่างใหญ่ ๑ ไร่ = ๑,๖๐๐ ตร.ม. ๓ ไร่ = ๔,๘๐๐ ตร.ม. X ๔ ม. = ๑๙,๒๐๐ ลบ.ม. น�้า ๑ ล้าน ลบ.ม. = > ๑,๐๐๐ ไร่ น�า้ ๑ แสน ลบ.ม. = > ๑๐๐ ไร่ ๑ ไร่ = ๑,๖๐๐ ตร.ม. น�้า ๑,๐๐๐ ลบ.ม. = > ๑ ไร่ ๓ ไร่ = ๔,๘๐๐ ตร.ม. อ่างใหญ่เองอาจต้องเตมิ จากอ่างใหญ่ยงิ่ กว่า (ป่าสกั ) X ๔ ม. = ๑๙,๒๐๐ ลบ.ม. ถ้าน้�าลกึ ๓ เมตร จะระเหยหมด ต้องเตมิ จากอ่างใหญ่ สระ ๓ ไร่; นา ๕ ไร่; ไม้ยนื ต้น ๒ ๑/๒ ไร่; พชื ไร่ ๒ ๑/๒ ไร่; บ้าน ๒ ไร่ ระบบทฤษฎีใหมท่ ส่ี มบูรณ์ อ่างใหญ่ เตมิ อา่ งเลก็ อา่ งเล็ก เตมิ สระน้�า 240

นอกจากน้ี ยงั ทรงพระกรณุ าพระราชทานแนวพระราชวนิ ิจฉัย กรณบี างพืน้ ที่ มีปัญหาไม่ทราบจะเอา ดนิ ทข่ี ดุ จากสระไปไวท้ ใ่ี ด ซง่ึ ถา้ ขดุ ๓๐% ของพน้ื ทแี่ ลว้ จะมดี นิ ขนึ้ มาเปน็ จ�านวนมาก ประมาณ ๑๐,๐๐๐ ม.๓ ถงึ ๑๙,๐๐๐ ม.๓ ดงั มีรายละเอยี ดพระราชทานเพมิ่ เตมิ ดงั นี้ ปญั หาดินท่ีขุดจากสระน�้า ในโครงการทฤษฎีใหม่ (๓ ไร ่ ลึก ๔ เมตร) ๑) ดนิ ผวิ (๕๐ ซม.) ถมทด่ี นิ ทา� กนิ ๕ ไร่ (นา) = ๒,๔๐๐ ลบ.ม. ๒) ท�าคันรอบสระ ๒ x ๒ x (๘๐ + ๒๔๐) = ๑,๒๘๐ ลบ.ม. ๓) ถมร่องไม้ผลหรอื ไม้ยนื ต้น และ ๔) ถมแปลงพืชไร่ (เฉลย่ี + ๑ ม. ๕ ไร่) = ๘,๐๐๐ ลบ.ม. ๕) ถมที่อยู่อาศัยและทีเ่ ลย้ี งสัตว์เลย้ี ง (๒ ม. ๒ ไร่) = ๖,๔๐๐ ลบ.ม. (เฉลยี่ ปรบั ระดบั ของทง้ั แปลง + ๑ เมตร) รวมทง้ั หมด ๑๘,๐๘๐ ลบ.ม. วิธีปฏิบตั ิ ขอ้ ๑ ขุดดินของเขตสระ (๓ ไร่) ลึก ๕๐ ซม. มาถมทน่ี า (๕ ไร่) ขุดดินของเขตบ้าน (๒ ไร่) ลกึ ๕๐ ซม. มาถมทนี่ า (๕ ไร่) รวมยกระดบั ท่ีนา ๕๐ ซม. วธิ ีปฏบิ ัต ิ ขอ้ ๒ ขดุ ดนิ ของเขตสระ (๓ ไร่) ลึกอีก ๕๐ ซม. มาทา� คนั รอบสระ ๒ x ๒ x ๓๒๐ ม. วิธปี ฏบิ ัติขอ้ ๓ (ข้อ ๓ และ ๔) ขุดร่อง (ท้องร่อง) ลึกประมาณ ๑ เมตร ขนึ้ มาถมเป็นยกร่อง ๕๐ ซม. (ดินผิว) ท้องร่อง กว้าง ๒ เมตร ยกร่อง กว้าง ๔ เมตร ดนิ ท่ีขุดจากสระถมท้องร่อง (ชดเชย ๑ เมตร) วธิ ปี ฏิบัติ ขอ้ ๔ (ขอ้ ๓ และ ๔) ผลักดนิ ผวิ (๕๐ ซม.) ไปพกั ท่แี ปลงนา แล้ว ขุดดนิ อกี ๑.๖๕ ม. จากเขตสระมาถม แล้วผลักดนิ ผวิ ทฝี่ ากไว้ท่แี ปลงนา กลบั มา วิธีปฏิบตั ิ ข้อ ๕ ขุดดินผวิ (๕๐ ซม.) จากเขตบ้าน ไปถมทเ่ี ขตพืชไร่ แล้ว ขดุ ดนิ อกี ๑.๓๕ ม. จากเขตสระมาถมเขตบ้าน ให้สูงขึ้น ๒ เมตร ๐.๕ + ๐.๕ + ๑.๖๕ + ๑.๓๕ = ๔.๐ 241

ทฤษฎใี หม่ ขน้ั ที่หนง่ึ (๑) ถ้าพดู อย่างสรปุ ท่สี ุด เป็นวธิ ีปฏบิ ัติของเกษตรกรท่เี จ้าของทด่ี ินจา� นวนน้อย แปลงเลก็ (ประมาณ ๑๕ ไร่) (๒) หลักส�าคญั : ใหเ้ กษตรกรมคี วามพอเพยี ง โดยเลย้ี งตวั ได้ (Self sufficiency) ในระดบั ชวี ติ ทป่ี ระหยดั ไว้ก่อน ทงั้ น้ีต้องมคี วามสามคั คใี นท้องถนิ่ (๓) มีการผลติ ข้าวบริโภคพอเพียงประจ�าปี โดยถือว่าครอบครัวหน่ึง ท�านา ๕ ไร่ จะมีข้าวพอกิน ตลอดปี ข้อนีเ้ ป็นหลกั สา� คัญของทฤษฎีน้ี (๔) เพื่อการนี้ จะต้องใช้หลักว่า ต้องมีนา้� ๑,๐๐๐ ลกู บาศก์เมตรต่อไร่ ฉะนัน้ ๕ ไร่ ต้องมี ๕,๐๐๐ ลกู บาศก์เมตร แต่ละแปลง (๑๕ ไร่) ท�านา ๕ ไร่ ท�าพืชไร่หรอื ผลไม้ ฯลฯ ๕ ไร่ (= ๑๐ ไร่) จะต้องมีน้�า ๑๐,๐๐๐ ลกู บาศก์เมตรต่อปี จึงได้ตง้ั สตู รคร่าวๆ ว่า แต่ละแปลงประกอบด้วย นา ๕ ไร่ และพชื ไร่และสวน ๕ ไร่ สระนา้� ๓ ไร่ ลึก ๔ เมตร จุประมาณ ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร (๑๙,๒๐๐) ท่อี ยู่อาศัย และอน่ื ๆ ๒ ไร่ รวมทั้งหมด ๑๕ ไร่ (๕) อุปสรรคสา� คัญท่ีสดุ คือ : อ่างเก็บน้�า หรอื สระ ทีไ่ ด้รบั น้�าให้เตม็ เพียงปีละหนึง่ คร้ัง จะมกี ารระเหย วันละ ๑ เซนตเิ มตร โดยเฉลย่ี ในวนั ท่ฝี นไม่ตกหมายความว่า ในปีหนงึ่ ถ้านบั ว่าแห้ง ๓๐๐ วัน ระดับนา้� ของ สระจะลดลง ๓ เมตร (ในกรณนี ี้ ๓/๔ ของ ๑๙,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร น้�าทีใ่ ช้ได้จะเหลอื ๔,๗๕๐ ลูกบาศก์ เมตร) จึงจะต้องมกี ารเตมิ นา�้ เพอ่ื ให้เพยี งพอ (๖) มีความจ�าเป็นที่จะมีแหล่งน�้าเพิ่มเติม ส�าหรบั โครงการวัดมงคลชัยพัฒนาได้สร้างอ่างเก็บน�้าจุ ๘๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร สา� หรบั เลี้ยง ๓,๐๐๐ ไร่ (๗) ลา� พังอ่างเกบ็ น้า� จุ ๘๐๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร จะเลย้ี งได้ ๘๐๐ ไร่ (โครงการวัดมงคล มีพืน้ ท่ี ๓,๐๐๐ ไร่ แบ่งเป็น ๒๐๐ แปลง) อ่างนี้จงึ เล้ียงได้ ๔ ไร่ต่อแปลง ลา� พงั สระในแปลงเล้ียงได้ ๔.๗๕ ไร่ จึงเห็นได้ว่า หมนิ่ เหม่มาก (๔.๗๕ ไร่ + ๔.๐๐ ไร่ = ๘.๗๕ ไร่) 242

ถ้าค�านึงว่า ๘.๗๕ ไร่นนั้ จะท�าเกษตรกรรมอย่างสมบูรณ์ได้อกี ๖.๒๕ ไร่ จะต้องอาศยั เทวดาเล้ยี ง แตถ่ า้ คา� นงึ วา่ ในระยะทไี่ มม่ คี วามจา� เปน็ ทจี่ ะใชน้ า�้ หรอื มฝี นตก นา้� ฝนทตี่ กมาจะเกบ็ ไวไ้ ดใ้ นอา่ งและในสระ ส�ารองไว้ส�าหรับเมอ่ื ต้องการ อ่างและสระจะท�าหน้าท่เี ฉลีย่ นา้� ฝน (regulator) จงึ เข้าใจว่าในระบบน้นี า�้ จะพอ (๘) ปัญหาใหญ่อีกข้อหน่ึง คือราคาการลงทุนค่อนข้างสูง เกษตรกรจะต้องได้รับความช่วยเหลือ จากภายนอก (ทางราชการ ทางมลู นิธิ และทางเอกชน) แต่ค่าด�าเนินการไม่สิ้นเปลอื งสา� หรับเกษตรกร ทฤษฎใี หม่ มลู นิธชิ ัยพฒั นา วันท ี่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๗ “...ปัจจยั สา� คญั คอื ปัจจัยน�้าแล้วกต็ ้องสามารถท่ีจะให้ประชาชนเข้าใจและยนิ ยอม ถ้าเขาไม่ยินยอมก็ทา� ไม่ได้...” 243

ทฤษฎใี หม่ ขนั้ ที่สอง เมื่อตัง้ ศูนย์บรกิ ารทวี่ ัดมงคลชัยพัฒนา และแปลงตวั อย่างท่ี “ทางดสิ โก้” สา� เร็จแล้ว เกษตรกรก็เร่ิม เข้าใจวธิ ีการ จงึ ขอให้ดา� เนินการในท่ีดนิ ของตน เมื่อได้ผลกต็ ้องเริม่ ขนั้ ที่สอง คือ ให้ เกษตรกร รวมพลังกัน ในรูป กลุ่ม หรอื สหกรณ์ ร่วมแรงใน (๑) การผลิต (พันธ์ุพชื เตรยี มดิน ชลประทาน ฯลฯ) (๒) การตลาด (ลานตากข้าว ยุ้ง เครือ่ งสีข้าว การจ�าหน่ายผลผลิต) (๓) การเป็นอยู่ (กะปิ น�้าปลา อาหาร เครอื่ งนุ่งห่ม ฯลฯ) (๔) สวัสดิการ (สาธารณสุข เงินกู้) (๕) การศึกษา (โรงเรยี น ทนุ การศึกษา) (๖) สงั คมและศาสนา ด้วยความร่วมมือของหน่วยราชการ มูลนิธิ และเอกชน ทฤษฎใี หม่ มลู นิธิชัยพฒั นา วันท ่ี ๑๒ กุมภาพันธ ์ ๒๕๓๘ 244

ทฤษฎใี หม่ ขน้ั ที่สาม ติดต่อร่วมมือกับแหล่งเงิน (ธนาคาร) และ กับแหล่งพลังงาน (บริษัทน�้ามัน) ต้ังและบริหารโรงสี (๒) ต้ังและบริหารร้านสหกรณ์ (๑, ๓) ช่วยการลงทนุ (๑, ๒) ช่วยพฒั นาคณุ ภาพชีวิต (๔, ๕, ๖) ทงั้ น้ี ท้งั ฝ่ายเกษตรกร และฝ่ายธนาคารกับบรษิ ัท จะได้รับประโยชน์ : เกษตรกรขายข้าวในราคาสูง (ไม่ถูกกดราคา) ธนาคารกับบริษัทซ้ือข้าวบริโภคในราคาต�า่ (ซ้อื ข้าวเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสเี อง) : (๒) : เกษตรกรซอ้ื เครื่องอปุ โภคบรโิ ภคในราคาต�่า (เป็นร้านสหกรณ์ ราคาขายส่ง); (๑, ๓) : ธนาคารกบั บรษิ ทั จะสามารถกระจายบุคลากร ทฤษฎีใหม่ มลู นธิ ชิ ยั พฒั นา วนั ท่ ี ๑๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๓๘ “...ทฤษฎีใหม่น้คี งมปี ระโยชน์ แต่ต้องทา� ด้วยความระมดั ระวัง...” 245

แนวคิดการพัฒนา คณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน “เส้นทางเกลอื ” อันเนือ่ งมาจากพระราชด�าริ ตามหลักสงั คมวทิ ยาการแพทย์ (Medical Sociology) ในการเสดจ็ พระราชดา� เนนิ ไปทรงเยยี่ มราษฎร มีผู้คนท่ีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทจ�านวนมากท่ี ในภูมิภาคต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นโรคน้ี และขอรบั การรกั ษาจากคณะแพทย์หลวง น้ัน ทรงพบว่าปัญหาการขาดสารไอโอดีนจนเกิด ทตี่ ามเสดจ็ เป็นโรคคอพอกนั้นยังมีอยู่มากมายหลายพื้นท่ี และ ยามท่ีเสด็จพระราชด�าเนินไปในท้องท่ีทุรกันดารน้ัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรง 246