Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

แนวคิดและทฤษฎีการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

Published by E-book Prasamut chedi District Public Library, 2019-07-20 04:11:13

Description: สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงาน
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
(สำนักงาน กปร.)
หนังสือ,เอกสาร,บทความนี้นำมาเผยแพร่เพื่อการศึกษาเท่านั้น

Search

Read the Text Version

ผังการด�าเนินงานโครงการศึกษาวจิ ยั 147

ทฤษฎบี า� บัดน�า้ เสียด้วยวิธกี ารเตมิ อากาศ โดยใชว้ ธิ ีทา� ให้อากาศสามารถละลายลงไปในน้�า (Air Transfer) เพ่ือเร่งการเจรญิ เตบิ โต และการเพาะตัวอย่างรวดเร็วของแบคทเี รยี จนมจี �านวนมากพอ ทจ่ี ะทา� ลายสิง่ สกปรกในน�้าให้หมดส้ินไปโดยเร็ว ตามแนวทฤษฎกี ารพฒั นาอันเน่อื งมาจากพระราชดา� ริ “กังหันนา้� ชัยพฒั นา” 148

“...ได้ให้ช่างเขาท�า ให้ช่ือว่า Surf Boat เพราะเหมือนเคร่อื งเรอื สบื เน่ืองจากสภาพแวดล้อมที่เกดิ ขึ้นเป็น Surf Boat มใี บพดั ทใ่ี สท่ หี่ างทเ่ี ปน็ แทง่ ทห่ี มนุ ๆ กเ็ ลยเรียกวา่ Surf Boat ภาวะมลพิษจากน้�าเน่าเสยี ของประเทศไทย มีอัตรา ได้ผลดี ใช้เคร่อื ง ๑ - ๒ แรงม้า ก็จะตักน�้าข้ึนมาโปรยลงมา และปริมาณสงู ขึ้นเป็นล�าดับ จนยากแก่การแก้ไข ท�าให้มอี อกซเิ จนในน้�า...” ให้บรรเทาเบาบางลงได้ ส่งผลต่อสุขภาพพลานามัย ทเ่ี สอ่ื มโทรมแก่พสกนกิ รท้งั หลายย่งิ นกั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยใน ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนทั้งหลายเป็น อยา่ งมาก ไดเ้ สดจ็ พระราชดา� เนนิ ทอดพระเนตรสภาพ น้�าเน่าเสียในพื้นท่ีหลายแห่งหลายครั้ง ทั้งในเขต กรงุ เทพมหานคร ปรมิ ณฑล และตา่ งจงั หวดั พรอ้ มทง้ั ได้พระราชทานพระราชด�ารเิ รื่องการแก้ไขน�้าเน่าเสยี ในระยะแรก ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๒๗ - ๒๕๓๐ ทรงแนะน�าให้ใช้น�้าท่ีมีคุณภาพดีช่วยบรรเทาน�้าเสีย และวิธีการกรองน�้าเสยี ด้วยผักตบชวาและพืชน�้า ต่างๆ ซ่ึงก็สามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้ผลในระดับ หน่ึงเท่านนั้ “...เร่อื งมลภาวะก็ค่อยๆ ทา� ค่อยๆ คดิ แต่ว่าทจี่ ะท�าให้เป็นล่�าเป็นสนั มนั มากไป มันแพงจงึ ค่อยๆ ท�า...” 149

ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นต้นมา สภาพ ความเน่าเสียของน้�าบรเิ วณต่างๆ มีอัตราแนวโน้ม รุนแรงมากยิ่งขึ้น การใช้วิธีธรรมดาไม่อาจบรรเทา ความเน่าเสยี ของน�้าอย่างมีประสิทธิภาพเท่าท่ี ควร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทาน พระราชดา� รใิ หป้ ระดษิ ฐเ์ ครอื่ งกลเตมิ อากาศแบบประหยดั ค่าใช้จ่าย สามารถผลิตข้ึนได้เองในประเทศ ซึ่งมี ลกั ษณะเป็นไปในรูปแบบ “ไทยท�าไทยใช”้ โดยทรง ได้แนวทางจาก “หลุก” ซ่งึ เป็นอุปกรณ์วิดน้า� เข้านา อนั เป็นภูมปิ ัญญาชาวบ้าน ถอื เป็นจุดคดิ ค้นเบื้องต้น และทรงมุ่งหวังท่ีจะช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาล ในการบรรเทาน้า� เน่าเสียอีกทางหนง่ึ ด้วย การนี้จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิ ชัยพัฒนาสนับสนุนงบประมาณเพื่อการศึกษา 150

“...ควรจะไดพ้ ยายามศกึ ษาคน้ ควา้ วชิ าการและเทคโนโลยอี ันทนั สมยั ใหล้ กึ ซงึ้ และกวา้ งขวาง แลว้ พจิ ารณาเลือกเฟน้ สว่ นทดี่ ี มปี ระสทิ ธภิ าพ แน่นอน มาปรับปรงุ ใช้ด้วยความฉลาดริเร่ิมให้พอเหมาะพอสมกับฐานะและสภาพของบ้านเมอื งของเรา...” และวิจัยส่งิ ประดิษฐ์ใหม่น้ี โดยด�าเนินการจัดสร้าง กับอากาศตกลงไปยังผิวน�้าจะท�าให้เกิดฟองอากาศ เครอื่ งมอื บา� บดั นา�้ เสยี รว่ มกบั กรมชลประทาน ซงึ่ ไดม้ กี าร จมตามลงไป กอ่ ใหเ้ กดิ การถา่ ยเทออกซเิ จนอกี สว่ นหนง่ึ ผลติ เคร่ืองกลเติมอากาศข้ึนในเวลาต่อมา และรู้จัก กนั แพร่หลายทั่วประเทศ ในปัจจุบันนี้มักนิยม “...เคร่ืองน้ีก็ได้ให้ช่าง กองช่างท่ีกรมชลประทานท�า โดยมูลนิธิ เรียกกนั ว่า “กังหนั นา้� ชัยพัฒนา” ชยั พัฒนาได้ให้ทุน...” วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรปู แบบและ พระราชด�าริในการสร้างและพัฒนาเคร่ืองต้นแบบ เคร่อื งกลเตมิ อำกำศท่ผี วิ หนำ้ หมนุ ชำ้ แบบทนุ่ ลอย หรอื “กังหนั นำ้� ชยั พัฒนำ” ซ่งึ มใี บพดั ขบั เคลื่อนน�้า และซองวดิ นา�้ ไปสาดกระจายเป็นฝอย เพื่อให้สมั ผัส กับอากาศได้อย่างท่ัวถงึ เป็นผลให้ออกซิเจน ในอากาศสามารถละลายเขา้ ไปในน�้าไดอ้ ย่างรวดเรว็ และในช่วงที่น�้าเสียถกู ยกข้ึนมากระจายสมั ผัส 151

ซ่ึงกังหันน้�าชัยพัฒนาแบบน้ี จะใช้ประโยชน์ได้ทั้ง การเตมิ อากาศ การกวนแบบผสมผสาน และการทา� ให้ เกดิ การไหลตามทิศทางท่กี า� หนด การทดลองวจิ ยั เพอ่ื ประดษิ ฐเ์ ครอื่ งกลเตมิ อากาศ ซึ่งใช้บ�าบดั นา�้ เสยี ในพืน้ ทต่ี ่างๆ ตามความเหมาะสม แ ล ะ อ ย ู่ ใ น ร ะ ห ว ่ า ง ก า ร ศึ ก ษ า ท ด ล อ ง แ ล ะ วิ จั ย จา� นวน ๙ รูปแบบ คือ ๑. เคร่ืองกลเติมอากาศระบบเป่าอากาศ และวดิ นา�้ ขนึ้ ไปสาดกระจายเปน็ ฝอยเพอ่ื ใหส้ มั ผสั กบั ลงไปใต้น้�าและกระจายฟอง อากาศได้อย่างทั่วถงึ เป็นผลให้ออกซิเจนในอากาศ สามารถละลายผสมกับน�้าได้เรว็ และในช่วงที่นา้� เสีย Chaipattana Aerator, Model RX-1 ถูกยกขน้ึ มากระจายสมั ผสั กบั อากาศตกลงไปยงั ผวิ นา�้ เปน็ เครือ่ งกลเตมิ อากาศระบบเปา่ อากาศลงไป จะท�าให้เกิดฟองอากาศจมตามลงไป ก่อให้เกิดการ ใต้น้�าและกระจายฟองที่ออกแบบแผงท่อเติมอากาศ ถ่ายเทออกซิเจนอีกส่วนหน่ึง ซ่ึงกังหันน�้าชัยพัฒนา ให้กบั น้�าเสีย ใช้วิธอี ดั อากาศเข้าไปท่ีท่อน�าอากาศ จะใชป้ ระโยชนไ์ ดท้ งั้ การเตมิ อากาศ การกวนแบบผสม แล้วแบ่งแยกออกไปกระจายตามท่อกระจายซึ่งเจาะ ผสาน และการทา� ใหเ้ กดิ การไหลตามทศิ ทางทกี่ า� หนด รูเล็กๆ ไว้ รทู ี่เจาะไว้จะปล่อยอากาศออกมาเติมให้ จากการทดสอบประสิทธิภาพปรากฏว่าสามารถ กับน�้าเสีย ในขณะเดียวกันกจ็ ะท�าให้น�้าเสยี เกดิ การ ถา่ ยเทออกซเิ จนไดเ้ ทา่ กบั ๐.๙ กโิ ลกรัมของออกซเิ จน ปั่นป่วนและการเติมอากาศจะดีข้ึน แต่ขณะน้ีได้เลิก ต่อแรงม้าต่อชั่วโมง ท้ังน้ีได้มีการน�าไปใช้ทดลองที่ ใช้แบบนแ้ี ล้ว เนื่องจากประสทิ ธภิ าพตา่� และมปี ัญหา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกลา้ วดั บวรนเิ วศวหิ าร รวมทงั้ การอุดตันของท่อกระจายฟองอากาศ ได้ท�าการติดตั้งในระบบบ�าบัดอีกหลายพื้นท่ี เช่น วดั เทพศริ นิ ทราวาส หนองสนม จงั หวดั สกลนคร และ ๒. เครือ่ งกลเติมอากาศทีผ่ ิวน้�าหมุนช้า บรเิ วณสระแก้ว เทศบาลเมืองลพบรุ ี เป็นต้น แบบ “ทนุ่ ลอย” หรอื “กงั หนั น้า� ชยั พฒั นา” Chaipattana Aerator, Model RX-2 เป็นแบบทุ่นลอยมีซองวิดน้�าและใบพัด ขบั เคลอื่ นนา�้ หมนุ รอบเปน็ วงกลม ส�าหรบั ขบั เคลอื่ นนา้� 152

๓. เครื่องกลเติมอากาศระบบเป่าอากาศ หมนุ ใต้น�้า หรือ “ชัยพัฒนาซปุ เปอรฟ์ องแอร์” ๕. เครื่องกลเติมอากาศระบบอัดและ ดดู อากาศลงใตน้ ้า� หรอื “ชยั พฒั นาแอรเ์ จท” Chaipattana Aerator, Model RX-5 Chaipattana Aerator, Model RX-3 เ ป ็ น แ บ บ ทุ ่ น ล อ ย ใ ช ้ วิ ธี อั ด อ า ก า ศ ล ง ไ ป แลว้ แยกกระจายเปน็ ๘ ทอ่ ตามแนวนอน ทอ่ กระจาย ฟองอากาศนี้จะหมุนเคล่ือนท่ีได้โดยรวม ท�าให้การ เติมอากาศเป็นไปอย่างท่ัวถึง จากการทดลองแล้ว พบว่า ประสทิ ธภิ าพการถ่ายเทออกซิเจนได้เท่ากับ ๐.๗๕ กโิ ลกรมั ของออกซเิ จนต่อแรงม้าต่อช่ัวโมง ๔. เครื่องกลเติมอากาศแรงดันน�้า หรือ “ชยั พฒั นาเวนจูร”่ี Chaipattana Aerator, Model RX-4 เป็นเคร่อื งท่ีใช้ปั๊มแบบจุ่ม หรอื เรียกว่าไดโวร์ เปน็ ตวั ขบั เคลอ่ื นนา�้ ใหอ้ อกไปตามทอ่ จา่ ย โดยทปี่ ลายทอ่ จะท�าเป็นคอคอด เพ่ือดูดอากาศจากข้างบนผสม กับน�้าที่อดั ลงด้านล่างเคร่อื ง น�้าท่ีได้มีการทดสอบ ประสทิ ธภิ าพในการถ่ายเทออกซิเจนแล้วได้เท่ากับ ๐.๕๕ กโิ ลกรมั ของออกซเิ จนต่อแรงม้าต่อช่ัวโมง 153

โดยใช้ใบพัดหมุนอยู่ใต้น�้าส�าหรบั ขับเคลื่อน ๘. เครื่องมือจับเกาะจุลินทรีย์ หรือ น�้า ให้เกดิ การปั่นป่วนและมีความเรว็ สูง สามารถ “ชัยพัฒนาไบโอ” ดึงอากาศจากภายนอกให้ลงไปสัมผสั กบั น�้าด้านล่าง ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ได้มีการติดตั้งใช้ที่ Chaipattana Bio-Filter, Model RX-8 วัดประยรุ วงศาวาสวรวิหาร สถานสงเคราะห์คนชรา บ้านบางแค เป็นต้น เปน็ เครอ่ื งทใ่ี ชร้ ว่ มในกระบวนการบา� บดั นา้� เสยี โดยใช้เส้นเชือกเป็นวสั ดตุ ัวกลาง ส�าหรับให้จุลินทรยี ์ ๖. เครือ่ งกลเติมอากาศแบบตีน�า้ สัมผัส ใช้เป็นที่อยู่อาศยั อากาศ หรอื “เคร่อื งตีนา�้ ชยั พัฒนา” Chaipattana Aerator, Model RX-6 ใช้ใบพดั ตีน�้าให้กระจายเป็นฝอย เพื่อให้น้�า ๙. เครื่องกลเติมอากาศแบบกระจายน�้า สัมผัสกบั อากาศด้านบน เคร่ืองชนิดน้ีได้มีการติดต้ัง สมั ผสั อากาศ หรือ “น�า้ พชุ ัยพัฒนา” ใช้อยู่ทบ่ี ริเวณบึงมกั กะสนั Chaipattana Aerator, Model RX-9 ๗. เครื่องกลเติมอากาศแบบดูดและอัด นา้� ลงไปทใ่ี ตผ้ วิ น้า� หรอื “ชยั พฒั นาไฮโดรแอร”์ Chaipattana Aerator, Model RX-7 เป็นเคร่ืองกลเติมอากาศแบบดูดและอัดน้�า เป็นเคร่ืองที่ติดตั้งมอเตอร์ไว้ด้านบนแล้วต่อ ลงไปทใี่ ตผ้ ิวนา�้ โดยใชป้ ม๊ั ดดู นา้� จากใตน้ า้� ขนึ้ มาสัมผสั เพลาขับเคล่ือน เพื่อไปหมุนปั๊มน�้าท่ีอยู่ใต้น้�า เมื่อ กบั อากาศแลว้ ขบั ดนั นา้� ดงั กลา่ วลงสใู่ ตน้ า้� อกี ครัง้ หนง่ึ เครื่องท�างานปั๊มจะดูดน�้าแล้วอัดเข้าเส้นท่อส่งไปยัง ซึ่งจะทา� ให้น้�าด้านล่างเกิดการปั่นป่วน หัวกระจายน้�า ซ่ึงมีลักษณะเป็นวงกลมเจาะรูไว้ โดยรอบ โดยแรงดนั ของนา้� ทส่ี งู นเี้ องทท่ี า� ใหน้ า้� สกปรก พงุ่ ออกผา่ นรเู จาะดว้ ยความเร็วสูงขนึ้ ไป สาดกระจาย สมั ผสั กับอากาศด้านบนได้เป็นอย่างดี 154

“...พยายามศึกษาวิทยาการและเทคโนโลยีอันก้าวหน้าทุกสาขาจากทั่วโลกแล้วเลอื กสรรส่วนส�าคัญท่ีเป็นประโยชน์มาปรับปรงุ ใช้ให้พอดี พอเหมาะกบั สภาพการของประเทศของเรา...” เคร่ืองกลเติมอากาศนานาประเภทดังกล่าว บ�าบัดความสกปรกในรูปของมวลสารต่างๆ ให้ลด ได้เร่ิมน�ามาติดตั้งใช้งานกับระบบบา� บัดน้�าเสียตาม ต�่าลงได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่ก�าหนด ปัจจุบัน สถานที่ต่างๆ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นต้นมา โดยท�าการปรบั ปรุงตลอดเวลา เพ่ือให้ บรรลเุ ป้าหมายที่จะให้มีการบ�าบัดน�้าเสยี อย่างมี ประสทิ ธภิ าพ สะดวกในการใชง้ าน ประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย และบา� รุงรกั ษาได้ง่าย ตลอดจนมีอายกุ ารใช้งาน ทยี่ าวนาน การด�าเนินงานในขณะน้ีได้ผลสา� เร็จดี น่าพงึ พอใจ สามารถท�าให้น้�าใสสะอาดขึ้น ลดกล่ิน เหม็นลงไปได้มาก และมีปรมิ าณออกซิเจนในน้�า เพ่มิ ข้ึน บรรดาสตั ว์นา�้ อาทิ เต่า ตะพาบนา�้ และปลา สามารถอยอู่ าศยั ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั ตลอดจนสามารถ 155

มีหน่วยงานต่างๆ ทง้ั ภาครัฐและเอกชน ได้ร้องขอให้ พระองค์แรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยและเป็น มลู นธิ ิชยั พฒั นา และกรมชลประทานเขา้ ไปชว่ ยเหลอื คร้งั แรกของโลก” ในการบ�าบดั นา�้ เสียอย่างเร่งด่วนเป็นจ�านวนมาก กังหันน้�าชัยพัฒนามีช่ือเสียงโด่งดังยิ่งขึ้น เป็นที่น่าปีติยินดีเป็นล้นพ้นแก่ปวงพสกนิกร อกี ครงั้ หนงึ่ เมอ่ื ส�านกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาติ ไทยทั้งมวล เม่ือเคร่ืองกลเติมอากาศ “กงั หันน้�า ได้ประกาศให้กังหันน�้าชัยพัฒนา ได้รบั รางวัล ชัยพัฒนา” ได้รับการพจิ ารณา และทูลเกล้าฯ ถวาย ที่ ๑ ในประเภทรางวลั ผลงานคดิ ค้นหรือสงิ่ ประดษิ ฐ์ สิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย เมอ่ื วันท่ี ๒ กมุ ภาพันธ์ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ประจ�าปี ๒๕๓๖ พ.ศ. ๒๕๓๖ นบั เปน็ สิง่ ประดษิ ฐ์เครือ่ งกลเตมิ อากาศ และทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลน้ีแด่พระบาทสมเด็จ เครอื่ งท่ี ๙ ของโลกท่ไี ด้รับสิทธิบตั ร และเป็นครง้ั แรก พระเจ้าอยู่หัวอีกวาระหนึ่ง โดยสดุดีถึงพระปรีชา ท่ีได้มีการรับจดทะเบียนและออกสิทธิบัตรให้แก่ สามารถในการคิดค้นเคร่ืองเติมอากาศชนิดน้ีว่า พระบรมราชวงศ์ด้วย สามารถบ�าบดั น้�าเสียได้ดียิ่ง จึงนับได้ว่าสิทธิบัตรเครื่องกลเติมอากาศใน นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติก�าหนดให้ พระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็น วันท่ี ๒ กุมภาพนั ธ์ของทุกปีเป็น “วันนักประดษิ ฐ”์ “สทิ ธบิ ัตรในพระปรมาภไิ ธยของพระมหากษตั รยิ ์ 156

157

เพอื่ เปน็ การเทอดพระเกียรติ ซง่ึ สบื เนอ่ื งจากการไดร้ บั หลักกำรและวิธีกำรท�ำงำนของ สิทธิบัตรในพระปรมาภไิ ธย เมื่อวนั ที่ ๒ กมุ ภาพันธ์ กังหนั น้ำ� ชยั พฒั นำ ๒๕๓๖ นั่นเอง กังหันน้�าชัยพัฒนาเป็นเคร่ืองกลเติมอากาศ “เครอ่ื งกลเติมอากาศท่ผี วิ นา้� หมนุ ชา้ แบบ แบบทนุ่ ลอย สามารถปรบั ตวั ขนึ้ ลงไดต้ ามระดบั ขน้ึ ลง ท่นุ ลอย” หรอื “กังหนั นา�้ ชัยพฒั นา” เป็นผลงาน ของผวิ นา�้ ในแหลง่ นา�้ เสยี มสี ว่ นประกอบสา� คญั คอื ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน พระราชดา� ริใหป้ ระดษิ ฐค์ ดิ คน้ ผลงานดงั กลา่ ว เพอ่ื ใช้ - โครงกังหันน�้ารปู ๑๒ เหลีย่ ม ในการบ�าบัดน้�าเสียท่ีเกดิ จากแหล่งชุมชนและแหล่ง - ซองบรรจนุ า้� ตดิ ตง้ั โดยรอบ จ�านวน ๖ ซอง อุตสาหกรรม นับว่าเป็นผลงานทก่ี ่อให้เกิดประโยชน์ รซู องนา�้ พรนุ เพือ่ ให้น�้าไหลกระจายเป็นฝอย แบบอเนกประสงคไ์ ดท้ ง้ั การเตมิ อากาศ การขบั เคลอื่ น - ซองน้�าจะถกู ขับเคลื่อนให้หมุนโดยรอบ และการกวนผสมผสาน ด้วยเกียร์มอเตอร์ ซ่ึงท�าให้การหมุนเคล่ือนที่ของ ซองนา้� วดิ ตกั นา�้ ดว้ ยความเรว็ สามารถวดิ น�้าลกึ ลงไป จากใต้ผิวน�้า ประมาณ ๐.๕๐ เมตร ยกน้�าสาด 158

ขน้ึ ไปกระจายเปน็ ฝอยเหนอื ผวิ นา้� ไดส้ ูงถงึ ๑.๐๐ เมตร การผลกั ดนั ของซองนา้� รวมทง้ั การโยกตวั ของทนุ่ ลอย ท�าให้มพี ื้นท่ผี ิวสมั ผสั ระหว่างน้�ากับอากาศมาก และ ในขณะทา� งานสามารถผลกั ดนั นา้� ใหเ้ คลอ่ื นทผี่ สมผสาน ส่งผลให้ออกซิเจนสามารถละลายไปในน้�าได้อย่าง ออกซิเจนเข้ากบั น้�าในระดับความลึกใต้ผิวน้�าได้เป็น รวดเร็ว อยา่ งดอี กี ดว้ ย จงึ กอ่ ใหเ้ กดิ กระบวนการ ทง้ั การเตมิ อากาศ การกวนแบบผสมผสาน และการทา� ใหเ้ กดิ การ - ในขณะที่น�้าเสียถูกยกข้ึนไปสาดกระจาย ไหลของนา�้ เสยี ไปตามทศิ ทางทก่ี า� หนดโดยพรอ้ มกนั สัมผัสกบั อากาศแล้วตกลงไปยังผิวน�้านั้น จะก่อให้ เกดิ ฟองอากาศจมตามลงไปใต้ผวิ น้�าด้วย ในปัจจุบันมีภาคเอกชนและหน่วยงานของรัฐ ได้น�าส่งิ ประดิษฐ์ไปใช้เป็นจ�านวนมากและได้รับการ อนง่ึ ในขณะทซ่ี องน้�ากา� ลงั เคลือ่ นทลี่ งสผู่ ิวน้�า จดสิทธิบัตรแล้ว จึงเป็นผลงานที่มีข้ันตอนและการ แลว้ กดลงไปใตผ้ วิ นา้� นน้ั จะเกิดการอัดอากาศภายใน ประดิษฐ์ในระดับที่สูงกว่าส่ิงประดิษฐ์ที่มีอยู่แล้วใน ซองนา้� ภายใตผ้ วิ นา�้ จนกระทง่ั ซองนา้� จมนา�้ เตม็ ท่ี กอ่ ให้ ปจั จบุ นั นบั ไดว้ า่ เปน็ ประดษิ ฐกรรมชนิ้ ที่ ๙ ของโลก ซง่ึ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการถ่ายเทออกซเิ จนได้สงู ขน้ึ แสดงถงึ พระปรชี าสามารถอนั เปย่ี มดว้ ยพระอจั ฉรยิ ภาพ สงู ส่งเป็นเลศิ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั หลังจากนั้น น้�าที่ได้รับการเติมอากาศแล้ว จะเกิดการถ่ายเทของน�้าเคล่อื นท่ีออกไปด้วย 159

ทฤษฎีการบา� บดั น้�าเสยี โดยกระบวนการทางฟิสกิ ส์เคมี (Physical-Chemical Process) ดว้ ยการท�าให้ตกตะกอน (Sedimentation) ตามพระราชด�าริ “สารเร่งตกตะกอน” PAC (Poly Aluminum Chloride) 160

การบ�าบัดน้�าเสยี อนั เนื่องมาจากพระราชด�าริ “...การใช้เทคโนโลยีอนั ทันสมัยในงานต่าง ๆ นั้นว่าโดยหลกั การ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นมีอยู่หลากหลาย ควรจะให้ผลมากในเร่อื งประสทิ ธภิ าพการประหยัดและการทุ่น วธิ ีการ ทง้ั นขี้ น้ึ อยกู่ ับสภาพของนา�้ เนา่ เสยี ทม่ี ลี ักษณะ แรงงาน...” ต่างๆ กันไป ดั ง จ ะ เ ห็ น ไ ด ้ จ า ก แ น ว พ ร ะ ร า ช ด� า ริ ที่ ไ ด ้ พระราชทานในวาระต่างๆ ดังน้ี เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ ณ บรเิ วณแปลงสาธิตสวนจิตรลดา พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชด�ารเิ กีย่ วกบั การ แก้ไขปัญหาน�้าเสีย ความว่า “...การแก้ไขน�้าเสียมีท�ากันหลายวิธกี าร ท้งั ด้านการใช้สารเคมีดว้ ย...” การน้ีส�านักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือ ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�าริ (ส�านักงาน กปร.) ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาและ กรมชลประทาน ดา� เนนิ การสนองพระราชดา� รดิ ว้ ยการ ประดิษฐ์เคร่อื งบา� บัดน�้าเสียด้วยสารเคมีท่ีสามารถ 161

บ�าบัดน้�าเสียให้มีสภาพดีขึ้น เพ่ือใช้เป็นเคร่อื ง ๑. ควรด�าเนินการศึกษา ค้นคว้า เกี่ยวกับ ต้นแบบในการพัฒนาปรบั ปรงุ สภาพแวดล้อมต่อไป ความเป็นไปได้ในการผลิตสาร PAC (Poly Aluminum Chloride) ข้ึนภายในประเทศ เพื่อท่ีจะท�าให้ต้นทุน เคร่ืองบ�าบัดน�้าเสียด้วยสารเร่งตกตะกอน คือ ในการบา� บัดนา้� เสยี ลดลง ผลสบื เนอ่ื งจากพระราชดา� รทิ พ่ี ระราชทานแนวปฏบิ ตั ไิ ว้ ๒. ควรน�าน�้าเสยี ประเภทต่างๆ และน้�าเสีย ต่อมา ในวันท่ี ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๗ จากคลองสามเสน คลองเปรมประชากร และคลอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�าเนิน แสนแสบ มาท�าการทดลองบ�าบัดโดยตรวจสอบ ไปทอดพระเนตรการท�างานของเคร่ืองบ�าบัดน�้าเสีย คุณภาพน�้าท้ังก่อนและหลังบ�าบัด โดยเฉพาะเร่ือง โดยใช้สารเร่งตกตะกอน พร้อมด้วยคณะกรรมการ เชอื้ โรคและสารตกตะกอนจ�าพวกโลหะหนกั เพอื่ ทจ่ี ะ มูลนิธชิ ัยพฒั นา ณ บริเวณสนามข้างอาคาร นา� ตะกอนไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนไ์ ด้ เชน่ ท�าปยุ๋ เปน็ ตน้ ชัยพัฒนา สวนจติ รลดา พระราชวงั ดสุ ิต ซง่ึ ในโอกาส น้ีได้พระราชทานชื่อ Model ของเคร่อื งบา� บัดน�้าเสีย ๓. คณุ ภาพนา้� ภายหลงั บา� บดั อาจจะตอ้ งผา่ น น้ีว่า “TRX-1” และได้พระราชทานพระราชด�าริ กระบวนการเตมิ ออกซเิ จนอกี ครัง้ หนง่ึ โดยใชเ้ ครอื่ งกล เพ่มิ เติมเพ่ือเป็นแนวปฏิบัติในการศึกษาวิจัย และ เติมอากาศเข้าไปช่วย โดยต่อท่อดูดอากาศผสมกัน พัฒนา สรุปได้ว่า ตรงบรเิ วณท่อน้า� ไหลออกทผ่ี ่านการบา� บดั แล้ว 162

คุณสมบัติ ๒. ก ร ณี ที่ มี ม ล ส า ร ข น า ด เ ล็ ก เ ก ดิ ก า ร แขวนลอย และแพร่กระจายผสมอยู่ในน้�าจนยาก เคร่อื งบ�าบัดน้�าเสยี โดยใช้สารเร่งตกตะกอน แก่การตกตะกอน ให้เติมสารเพื่อช่วยเร่งการ (PAC) เป็นเคร่อื งบ�าบัดน้�าเสยี ท่ีมีประสทิ ธิภาพสูง ตกตะกอนใหเ้ รว็ ขนึ้ โดย “สารชว่ ยเรง่ การตกตะกอน” มีระบบการท�างานที่ไม่ยุ่งยากสามารถควบคุม การทา� งานไดอ้ ยา่ งงา่ ย มขี นาดกะทดั รดั ทา� ใหส้ ะดวก สารช่วยเร่งการตกตะกอนน้ีมีอยู่หลายชนิด ในการเคลอ่ื นย้ายและตดิ ตงั้ นอกจากนน้ั ยงั ประหยดั เช่น สารส้ม เฟอร์รกิ คลอไรด์ เฟอร์ริกซัลเฟต คา่ ใชจ้ า่ ยในการกอ่ สรา้ ง การเดนิ ระบบ และการบา� รุง โซเดียมอลูเมต และปูนขาว ซึ่งวิธีการนี้จ�าเป็นต้อง รักษาอีกด้วย ใช้สารโซดาไฟช่วยปรบั สภาพความเป็นกรดเป็นด่าง ของน�้าให้เหมาะสมด้วย หลักกำรบ�ำบัดน�ำ้ เสียด้วยเครื่อง PAC แต่สารช่วยเร่งการตกตะกอนท่ีมีการพัฒนา ใหม่ล่าสุดน้ี เรียกว่า “โพลีอลูมินัมคลอไรด์” ๑. ใหม้ ลสารทผี่ สมอยใู่ นนา้� ทงั้ ขนาดใหญแ่ ละ (Poly Aluminum Chloride) เรยี กส้ันๆ ว่า PAC ขนาดเลก็ เกิดการตกตะกอน 163

กระบวนการบ�าบัดน้�าโดยใช้สารเร่งตกตะกอน 164

กระบวนกำรทำ� งำนของเคร่อื ง PAC ออกจากถงั กวนช้า ผ่านแผ่นก้นั ลดความเรว็ ของน้�า เป็นระยะต่อเน่ืองกนั ข้นั ท่ี ๑ : นำ้� เสียเข้ำระบบขน้ั ต้น (lnfluent Discharge) โดยวิธีการปั๊มน�้าสูบส่งน�้าดิบให้ไหล ขั้นที่ ๔ : ระบบกำรตกตะกอน ด้วย ผ่านเข้าเส้นท่อ พร้อมทั้งใช้ปั๊มเตมิ สารเร่งตกตะกอน การออกแบบรูปทรงถังตกตะกอนแบบทรงกลม (Dosing Pump) เข้าสู่เส้นท่อเพ่ือผสมกับน้�าดิบใน (Sedimentation Tank) ซ่งึ ทา� หน้าท่ีทา� ให้กลุ่มก้อนของ ปรมิ าณทเ่ี หมาะสม อนุภาคสารแขวนลอยท่ีจับตัวกนั สามารถตกตะกอน ลงสู่ก้นถงั ได้อย่างรวดเรว็ ส่วนน�้าใสท่ีผ่านการ ข้นั ท่ี ๒ : เขำ้ สรู่ ะบบกวนเรว็ (Rapid Mixer) ตกตะกอนแล้วจะไหลล้นกระจายออกสู่ด้านบน เป็นข้ันตอนท่ีเกดิ การผสมคลุกเคล้ากนั อย่างรวดเรว็ ตามเสน้ รอบวง แลว้ ลน้ ผา่ นระบบการกรองตะกอนลอย ระหวา่ งนา้� ดบิ และสารเรง่ ตกตะกอนภายในทอ่ กวนเรว็ ตอ่ จากนน้ั จงึ ไหลลงสรู่ เู จาะดา้ นลา่ งทบ่ี งั คบั ใหน้ า�้ ไหล ท่ีออกแบบเป็นแผ่นเกลียว เพอ่ื บงั คบั นา้� ท่มี คี วามเรว็ เปน็ ฝอยเพอื่ ใหน้ า้� มพี นื้ ทสี่ มั ผสั กบั อากาศไดม้ ากทสี่ ดุ ให้ไหลวนและปั่นป่วน (Turbulence) จนเกิดเป็น อนั เปน็ การเตมิ อากาศใหก้ บั น้�าขนั้ สุดทา้ ยอกี ครง้ั หนง่ึ กระบวนการผสมระหว่างของเหลวท้ังสองชนิดได้ ก่อนทีจ่ ะนา� เอาน้�าน้ีไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อย่างรวดเรว็ และสมบูรณ์ การบ�าบัดน้�าเสยี ด้วย PAC นี้ ได้รับผลดเี ป็นที่ ขัน้ ที่ ๓ : ผ่ำนไปยังระบบกวนช้ำ (Slow น่าพอใจย่งิ ด้วยวิธีการขจัดนา�้ ขุ่นได้ดีกว่าสารส้มถงึ Mixer) ด้วยการลดความเรว็ ของนา้� จากท่อกวนเร็ว ๓ เทา่ และไมเ่ กดิ ความเสียหายใดดงั ทเ่ี กดิ จากสารสม้ เพ่อื ให้เกดิ การรวมตัวของอนุภาคสารแขวนลอย กอปรกับตกตะกอนไดร้ วดเรว็ และประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย จนกลายเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ (Flock) แล้วจึงไหล มาก จึงนับเป็นเคร่ืองปรับปรุงคุณภาพน�้าที่สามารถ เข้ามามีบทบาทในกระบวนการ Recycle ทสี่ �าคญั ย่ิง ที่จะน�าน�า้ เสียกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกในอนาคต 165

ทฤษฎีการแก้ไขปัญหานา้� ทว่ ม อันเน่อื งมาจากพระราชด�าริ ตามแนวทางการบรหิ ารจดั การดา้ นน�้าทว่ มลน้ (Flood Management) 166

โดยทปี่ ระเทศไทยตงั้ อยใู่ นเขตมรสุม มฝี นตกชกุ และปริมาณน้�าฝนสูง จึงเกิดปัญหาน�้าท่วมอยู่ใน หลายพื้นทเี่ กือบทกุ ภูมภิ าค พระบาทสมเดจ็ พระเจ้า อยู่หัวทรงมีพระปริวิตกห่วงใยในปัญหาที่เกดิ ข้ึน อยู่เสมอมา และทรงวิเคราะห์ลกั ษณะทางกายภาพ ของพ้นื ท่ีที่ประสบปัญหาน�้าท่วม และทรงค�านึงถึง การเลอื กใช้วิธกี ารต่างๆ ที่เหมาะสมกบั สภาพท้องท่ี และสมรรถนะของก�าลงั เจ้าหน้าท่ีที่มีอยู่ตลอดจน งบประมาณค่าใช้จ่ายในส่วนทเ่ี กย่ี วข้องด้วย วิธกี ำรต่ำงๆ ทีพ่ ระบำทสมเด็จพระเจ้ำ อยู่หัวพระรำชทำนพระรำชด�ำริในกำรแก้ไข ปญั หำนำ้� ท่วม คอื ๑. การก่อสร้างคนั กนั้ น�้า เพ่ือป้องกนั น�้าท่วม ซ่ึงเป็นวิธีการด้ังเดิมแต่คร้ังโบราณ โดยการก่อสร้าง คันดินกั้นน้�าขนาดที่เหมาะสมขนานไปตามล�าน้�า ห่างจากขอบตล่ิงพอสมควร เพ่ือป้องกันมิให้น�้าล้น 167

ตล่งิ ไปท่วมในพ้ืนที่ต่างๆ ด้านใน เช่น คันก้ันน�้า เช่ือมต่อกับล�าน�้าที่มีปัญหาน�้าท่วมโดยให้น้�าไหล โครงการมูโนะ และโครงการปิเหลง็ อันเนื่องมาจาก ไปตามทางผนั น้�าท่ีขุดข้ึนใหม่ไปลงล�าน้�าสายอื่น พระราชด�าริ จงั หวัดนราธิวาส เป็นต้น หรือระบายออกสู่ทะเลตามความเหมาะสม ซึ่งการ ด�าเนินการสนองพระราชด�าริวิธีนี้ ด�าเนินการโดย ๒. การก่อสร้างทางผันนา้� เพ่ือผนั น�า้ ทั้งหมด กรมชลประทานในการแก้ไขปัญหาจากแม่นา้� โก-ลก หรอื บางส่วนท่ีล้นตล่ิงท่วมท้นเข้ามาให้ออกไป เขา้ มาทว่ มไรน่ าของราษฎรเสยี หายหลายหมนื่ ไรท่ กุ ปี โดยการก่อสร้างทางผนั น้�า หรือขุดคลองสายใหม่ การขดุ คลองมูโนะได้ช่วยบรรเทาลงได้เป็นอย่างดี ๓. การปรบั ปรงุ และตกแตง่ สภาพลา� นา�้ เพอ่ื ให้ น้�าท่ีท่วมทะลักสามารถไหลไปตามล�าน้�าได้สะดวก หรอื ชว่ ยใหก้ ระแสนา้� ไหลเรว็ ยิง่ ขน้ึ อนั เปน็ การบรรเทา ความเสยี หายจากนา�้ ท่วมขังได้ โดยใช้วิธกี ารดังนี้ - ขุดลอกล้�าน้�าต้ืนเขินให้น�้าไหลสะดวกขึ้น - ตกแต่งดินตามลาดตล่ิงให้เรียบมิให้เป็น อปุ สรรคต่อทางเดินของน้า� - ก�าจัดวัชพืช ผักตบชวา และร้อื ท�าลาย สิ่งกีดขวางทางนา้� ไหลให้ออกไปจนหมดส้นิ - หากล�าน้�าคดโค้งมาก ให้หาแนวทาง ขุดคลองใหม่เป็นลา� นา้� สายตรงให้นา้� ไหลสะดวก 168

การก่อสร้างเขื่อนเกบ็ กักน�้าเป็นมาตรการ ป้องกนั น้�าท่วมทส่ี �าคญั ประการหน่ึงในการกกั เกบ็ น้�า ทไ่ี หลทว่ มลน้ ในฤดนู า้� หลาก โดยเกบ็ ไวท้ างดา้ นเหนอื เขื่อนในลกั ษณะอ่างเกบ็ น้�าซ่ึงปัจจุบันด�าเนินการ ตามพระราชด�ารมิ ากมายหลายแห่งในประเทศไทย และการป้องกันน้�าท่วมใหญ่ในระดับประเทศนั้น ขณะน้ไี ด้อยู่ในระหว่างด�าเนินการหลายจุด คอื - โครงการพฒั นาลุ่มน�้าป่าสักอันเนื่อง มาจากพระราชดา� ริ - โครงการพัฒนาพื้นท่ีลุ่มน้�าปากพนัง อันเน่ืองมาจากพระราชด�าริ - โครงการพัฒนาลุ่มน้�านครนายกตอนบน จังหวัดนครนายก 169

กำรแก้ไขปัญหำน�้ำท่วมพืน้ ทีใ่ นเขต น�้าท่วมให้ออกจากพ้ืนท่ีเป็นไปอย่างล่าช้า คูคลอง กรงุ เทพมหำนครและปรมิ ณฑลตำมพระรำชดำ� ริ จา� นวนมากมีความลาดเทน้อย อกี ทั้งมีจา� นวนหลาย “แกม้ ลงิ ” คลองทลี่ า� นา้� ตน้ื เขนิ มวี ชั พชื ปกคลมุ กดี ขวางทางนา้� ไหล ท�าให้เกดิ เป็นสาเหตุในหลายปัจจัยของการเกิด จากสภาพธรรมชาตดิ ง้ั เดมิ ของกรงุ เทพมหานคร น�้าท่วมขังในกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑล มีลกั ษณะลุ่มต่�าท�าให้มีการระบายน้�ายามเกดิ ภาวะ เป็นระยะเวลายาวนาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน แนวพระราชดา� รใิ หม้ รี ะบบการบรหิ ารจดั การดา้ นนา้� ทว่ ม ในวธิ ีการท่ีตรัสว่า “แก้มลิง” ซึง่ ได้พระราชทานพระ ราชอรรถาธบิ ายว่า “...ลงิ โดยทว่ั ไปถา้ เราสง่ กลว้ ยให้ ลงิ จะรบี ปอกแลว้ เอาเขา้ ปากเคยี้ วแลว้ เอาไปเกบ็ ไวท้ ่แี กม้ ลิงจะเอากล้วยเข้าไปไว้ทีก่ ระพุ้งแก้มได้เกือบ ทัง้ หวี โดยเอาไปไว้ทีแ่ ก้มก่อนแล้วจึงน�ามา เคยี้ วบรโิ ภคและกลืนกนิ เขา้ ไปภายหลัง...” 170

171

เปรียบเทียบได้กับเม่ือเกิดน้�าท่วมก็ขุดคลอง ลักษณะและวิธีกำรของโครงกำร ต่างๆ เพื่อชักน้�าให้มารวมกันแล้วน�ามาเกบ็ ไว้ แก้มลิง เปน็ บอ่ พักนา้� อนั เปรยี บไดก้ บั แกม้ ลิง แลว้ จงึ ระบายนา้� ลงทะเลเมอ่ื ปริมาณน้า� ทะเลลดลง ๑. ดา� เนนิ การระบายนา้� ออกจากพนื้ ทตี่ อนบน ให้ไหลไปตามคลองในแนวเหนือ-ใต้ลงคลองพักน้�า ขนาดใหญ่ท่ีบริเวณชายทะเล เช่น คลองชายทะเล ของฝั่งตะวันออก ซง่ึ จะทา� หน้าทเ่ี ป็นบ่อเก็บน�า้ ขนาด ใหญ่ คอื แก้มลิง ต่อไป ๒. เมื่อระดับน�้าทะเลลดลงต่�ากว่าระดับน้�า ในคลอง ก็ท�าการระบายน้�าจากคลองดังกล่าว ออกทางประตูระบายน�้า โดยใช้หลักการทฤษฎี แรงโน้มถ่วงของโลก (Gravity Flow) ตามธรรมชาติ ๓. สบู นา้� ออกจากคลองทที่ า� หนา้ ท่ี “แกม้ ลงิ ” น้ี ให้ระบายออกในระดับต�่าที่สดุ ออกสู่ทะเล เพื่อจะได้ ทา� ใหน้ า้� ตอนบนคอ่ ยๆ ไหลมาเองตลอดเวลา สง่ ผลให้ ปริมาณน้า� ท่วมพ้นื ทล่ี ดน้อยลง 172

173

๔. เม่ือระดับน�้าทะเลสงู กว่าระดับน้�าใน หลักการ ๓ ประเด็น ท่ีโครงการแก้มลิงจะ ล�าคลอง ให้ท�าการปิดประตูระบายน�้า เพื่อป้องกนั สามารถมีประสทิ ธิภาพบรรลผุ ลส�าเรจ็ ตามแนว มิให้น�้าย้อนกลับ โดยยึดหลกั น้�าไหลทางเดียว (One พระราชดา� ริ คือ Way Flow) ๑. การพิจารณาสถานท่ีท่ีจะทา� หน้าท่ีเป็นบ่อ พักและวธิ ีการชักนา้� ท่วมไหลเข้าสู่บ่อพกั น้�า ๒. เส้นทางน้�าไหลท่ีสะดวกต่อการระบายน้�า เข้าสู่แหล่งที่ทา� หน้าทีบ่ ่อพกั นา�้ ๓. การระบายน้�าออกจากบ่อพักน้�าอย่าง ต่อเน่อื ง จากหลักการข้างต้น การสนองพระราชด�าริ จึงด�าเนินการพิจารณาจากการใช้ล�าคลองหนองบึง ธรรมชาติ หรอื พ้ืนท่ีว่างเปล่าน�ามาใช้เป็นบ่อพักน้�า แหล่งน้�าท่ีจะน�าน�้าเข้าบ่อพักและระบายน�้าออกจาก บ่อพักน้�าตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ซึ่งผล 174

การด�าเนินการศึกษาและพิจารณาก�าหนดรูปแบบ ๒. โครงกำรแก้มลิงในพื้นทีฝ่ ั่งตะวันตก ของโครงการแล้วสามารถแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วนคือ ของแม่น�้ำเจ้ำพระยำ ท�าหน้าที่รับน�้าในพื้นท่ี ฝั่งตะวันตกของแม่น�้าเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัด ๑. โครงกำรแกม้ ลงิ ฝง่ั ตะวนั ออกของแมน่ ำ้� อ่างทอง พระนครศรอี ยุธยา ปทุมธานี นครปฐม เจ้ำพระยำ ท�าการรบั น�้าในพ้ืนที่ฝั่งตะวันออก กรุงเทพมหานคร และสมุทรสาครไปลงคลอง ของแม่น้�าเจ้าพระยา นับตั้งแต่จังหวัดสระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบรุ ี และ กรุงเทพมหานคร มาตามคลองสายต่างๆ โดย ใช้คลองชายทะเลท่ีตั้งอยู่รมิ ทะเลด้านจังหวัด สมุทรปราการ ท�าหน้าท่ีเป็นบ่อพักน�้าหรือรับน�้า และพิจารณาหนองบึงหรือพ้นื ที่ว่างเปล่าตามความ เหมาะสม เปน็ บอ่ พักนา้� เพมิ่ เตมิ โดยใชค้ ลองธรรมชาติ ในแนวเหนือ-ใต้ เช่น คลองพระองค์ไชยานุชิต คลองบางปลา คลองด่าน คลองบางปิ้ง คลองตา� หรุ คลองชายทะเล เป็นแหล่งระบายน�า้ เข้าและออกจาก บ่อพกั น�า้ 175

มหาชยั -สนามชัย และแม่นา้� ท่าจีน เพือ่ ระบายออกสู่ ด้วยวธิ ีการต่างๆ คอื ทะเลด้านจังหวดั สมุทรสาคร โครงการแก้มลงิ “แม่น�า้ ท่าจีนตอนล่าง” นอกจากสภาพพ้ืนที่ทั่วไปแถบน้ันยงั ไม่มี ซ่ึงใช้หลักในการควบคุมนา้� ในแม่น�้าท่าจีน คือ เปิด คันกั้นน�้าริมฝั่งเจ้าพระยาและคันก้นั น�้าขนานกับ ระบายนา�้ จา� นวนมากลงสอู่ า่ วไทยเมอ่ื ระดบั นา้� ทะเลตา่� ชายทะเลแล้ว คลองต่างๆ ทม่ี ที างนา�้ ไหลเชอื่ มต่อกับ ปิดก้ันไม่ให้น้�าจากด้านท้ายน้�าไหลรุกล้�าเข้าไป ชายทะเลกย็ ังไม่มกี ารควบคุมเพียงพอ ดงั น้ันเม่อื น�้า ในแม่น�้าเมื่อน�้าทะเลมีระดับสงู ถอื เป็นโครงการ ทะเลมีระดับสงู ขึ้นจึงหนุนไม่ให้น้�าจืดไหลออกทะเล อเนกประสงคท์ ส่ี า� คญั ยง่ิ ในอนาคตดว้ ย นอกจากชว่ ย หรอื ไหลออกทะเลได้ช้ามากก่อให้เกิดภาวะน้�าท่วม บรรเทาอุทกภัยให้กับพ้ืนท่ีบางส่วนทางตะวันตกของ รนุ แรงและท่วมขงั นานวัน แมน่ า้� เจา้ พระยา ตง้ั แตต่ อนใตท้ างรถไฟสายใตม้ าแลว้ ยงั จะช่วยป้องกนั การรุกลา้� ของนา้� เคม็ เข้าไปในแม่นา�้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน ทา่ จนี ชว่ งฤดแู ลง้ ระหวา่ งเดอื นมกราคม – พฤษภาคม พระราชดา� รเิ พอื่ ใหก้ ารระบายน้�าทว่ มออกทะเลเรว็ ขนึ้ 176

โดยสามารถน�าน�้าไปใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร ๓. โครงการแก้มลงิ “คลองสุนัขหอน” อุตสาหกรรม และอุปโภคบรโิ ภคได้อีกด้วย ประกอบด้วย โครงการแก้มลงิ “แม่น�า้ ท่าจีนตอนล่าง” - ประตปู ดิ กน้ั คลองสุนขั หอน พรอ้ มอาคาร จะมีประสิทธิภาพสมบรู ณ์ต้องด�าเนินการครบระบบ ประกอบ ๓ โครงการ ด้วยกัน คือ - สถานีสบู นา้� ออกจากคลองสุนขั หอน ๑. โครงการแก้มลงิ “แม่น�า้ ทา่ จนี ตอนล่าง” โครงการแก้มลิงนับเป็นนิมิตหมายอันเป็นสิ่ง ประกอบด้วย ท่ีชาวไทยท้ังหลายได้รอดพ้นจากทกุ ข์ภัย ท่ีนา� ความ เดือดร้อนแสนลา� เค็ญมาสู่ชีวิตท่ีอบอุ่นปลอดภัย ซ่ึง - ประตรู ะบายนา้� ค.ส.ล. ปิดกั้นนา�้ แม่นา�้ แนวพระราชด�าริอันเป็นทฤษฎีเก่ียวกับการบริหาร ท่าจีน จัดการด้านน�้าท่วมนมี้ ีพระราชด�าริเพ่ิมเตมิ ว่า “...ได้ด�าเนินการในแนวทางทีถ่ ูกต้องแล้ว - ประตเู รอื สญั จร ขอใหร้ บี เรง่ หาวธิ ปี รบั ปรงุ และเพม่ิ ประสทิ ธิภาพ - ทา� นบดินปิดลา� นา้� เดมิ ต่อไป เพราะโครงการแก้มลิงในอนาคต - บนั ไดปลา จะสามารถช่วยพนื้ ที่ไดห้ ลายพืน้ ท่.ี ..” - สถานสี ูบนา�้ ขนาดใหญ่ ๒. โครงการแก้มลิง “คลองมหาชัย-คลอง สนามชยั ” ด�าเนินการก่อสร้างท�านบปิดก้ันในคลอง มหาชยั -คลองสนามชยั พรอ้ มกอ่ สรา้ งประตรู ะบายนา้� รวมท้งั คลองสาขาต่างๆ คอื - ประตูระบายน้�าคลองสหกรณ์สาย ๓ - ประตูระบายน�า้ คลองเจ๊ก - ประตรู ะบายน�า้ คลองโคกขาม - ประตรู ะบายน�า้ คลองแสมด�า - ประตูระบายน�้าคลองแสมดา� ใต้ พ้นื ท่ีท้ังหมดน้ีจะท�าหน้าที่รบั น้�าและน�้าท่วม ขังจากพ้ืนท่ีตอนบนมาเก็บไว้ พร้อมกับระบายลงสู่ อ่าวไทยตามจังหวะการขึ้น-ลงของระดับน้�าทะเลโดย อาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกและการสบู น�้าท่ีเหมาะสม และสอดคล้องกัน โดยจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ในการระบายน้�าตามคูคลองธรรมชาติต่างๆ ในช่วง ฤดูฝน และช่วยป้องกันการรุกล�้าของน�้าเคม็ มใิ ห้ไหล เข้าไปในแม่น�้าล�าคลองและพื้นท่ีการเกษตร รวมท้ัง สามารถเกบ็ กักน�้าจืดไว้ด้านเหนือประตูระบายน�้า เพ่อื น�าไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ได้อีกด้วย 177

ทฤษฎกี ารพัฒนาฟื้นฟปู า่ ไม้ อันเนื่องมาจากพระราชด�าริ ปา่ ไมข้ องประเทศไทยถกู ทา� ลายลงอยา่ งรวดเร็ว พังทลายของดินอย่างรนุ แรง จนเป็นปัญหาต่อการ ตามแรงหนุนเนื่องของประชากรที่เพ่ิมข้ึน ผนวกกบั ประกอบอาชีพทางการเกษตร กลายเป็นทุกข์ร้อน พลังผลักด้านทางเศรษฐกิจระบบทุนนิยมเสรที ่ี ของแผ่นดิน มุ่งค้าขาย โดยใช้ป่าเป็นตัวส�าคัญเชิงพาณิชย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนัก การเช่นนี้ก่อให้เกดิ ภาวะแห้งแล้งเนื่องจาก ถงึ ปญั หาดงั กลา่ วยง่ิ นกั โดยเฉพาะเรอื่ งปา่ ไมเ้ ปน็ สง่ิ ท่ี ต้นน�้าล�าธารถูกท�าลาย ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล พระองค์ทรงห่วงใยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มเสด็จ เม่ือยามน�้าหลากกเ็ กดิ น้�าท่วมฉบั พลัน และมีการ เถลิงถวัลย์สิริราชสมบัติเป็นต้นมา 178

“...การทจ่ี ะมตี น้ นา�้ ลา� ธารไปชว่ั กาลนานนนั้ สา� คญั อยทู่ กี่ ารรกั ษาปา่ และปลกู ป่าบรเิ วณต้นน้�า...” • ปา่ ไม้สาธิต...พระราชดา� ริเร่ิมแรก นาพร้อมข้าราชบรพิ าร เม่อื วันท่ี ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ส่วนพระองค์ ๒๕๐๔ จา� นวน ๑,๒๕๐ ต้น ในระยะต้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้า ต่อมาทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้น�าพันธุ์ อยู่หัวได้เสด็จพระราชด�าเนินแปรพระราชฐานไป ไม้ต่างๆ ทั่วประเทศมาปลูกในบริเวณท่ีประทับ ประทบั ณ พระราชวงั ไกลกงั วล อ�าเภอหวั หนิ จงั หวดั สวนจติ รลดาในลกั ษณะปา่ ไมส้ าธติ นอกจากนยี้ งั ไดส้ รา้ ง ประจวบคีรีขันธ์เป็นประจ�าแทบทุกปี โดยในระยะ พระต�าหนักเรือนต้นไม้บรเิ วณป่าไม้สาธิตนั้น เพื่อ แรกจะเสด็จด้วยรถไฟพระที่นั่ง ต่อมาเมื่อมีการ ทรงศึกษาธรรมชาติวิทยาของป่าไม้ด้วยพระองค์เอง ปรับปรุงเส้นทางคมนาคมดีขึ้น จึงเสด็จโดยรถยนต์ อย่างใกล้ชดิ และลกึ ซ้งึ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ พระทน่ี ัง่ ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๓ - ๒๕๐๔ ขณะ เสด็จพระราชด�าเนินผ่านจังหวัดนครปฐม ราชบุรี เส้นทางสายอ�าเภอท่ายาง-หัวหิน ท่ีมีต้นยางขนาดใหญ่ ท่ีทรงมี และเพชรบรุ ี เมื่อรถยนต์พระท่ีน่ังผ่านอ�าเภอท่ายาง พระราชประสงค์ให้ท�าการอนรุ ักษ์ไว้ จงั หวัดเพชรบุรนี น้ั มตี ้นยางขนาดใหญ่ปลกู เรยี งราย ทัง้ สองข้างทาง จงึ ได้มีพระราชดา� รทิ จ่ี ะสงวนบริเวณ ป่ายางน้ีไว้ให้เป็นสวนสาธารณะ แต่ในระยะนั้น ไมอ่ าจดา� เนนิ การได้ เนอื่ งจากตอ้ งจา่ ยเงนิ คา่ ทดแทน ในอตั ราทส่ี ูง เพราะมรี าษฎรมาท�าไรท่ า� สวนในบรเิ วณ นน้ั จา� นวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเริ่ม ทดลองปลูกต้นยางด้วยพระองค์เอง โดยทรง เพาะเมลด็ ยางในกระถางบนพระต�าหนักเปี่ยมสขุ พระราชวังไกลกงั วล และได้ทรงปลกู ต้นยางนั้นใน แปลงปา่ ไมท้ ดลองในบรเิ วณแปลงทดลองปลูกตน้ ยาง 179

“...ต้องพยายามอธบิ ายให้ราษฎรเข้าใจถงึ การตัดต้นไม้ส�าหรบั ใช้สอยให้ถกู ประเภท โดยเฉพาะต้นไม้ท่ีปลกู ส�าหรบั ใช้เป็นไม้ฟืนซ่ึงปลกู เพอ่ื ประโยชน์ และความสะดวกของราษฎรเอง...” แนวพระราชดา� ริด้านปา่ ไม้ : การใชอ้ า� นาจบงั คบั ทรงคดิ คน้ นานาวธิ ที จ่ี ะอนรุ กั ษป์ า่ ไมใ้ หย้ นื ยง • ทรงสรา้ งความตระหนกั ใหม้ คี วามรกั ปา่ ไม ้ ณ หน่วยงานพัฒนาต้นน้�าทุ่งจ๊อ ในปี พ.ศ. ดว้ ยจติ สา� นกึ รว่ มกนั (Awareness and ๒๕๑๙ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทาน Sharing Participation) มากกว่าวิธี พระราชด�ารใิ ห้มีการปลูกต้นไม้ ๓ ชนิด ที่แตกต่าง กนั คือ ไม้ผล ไม้โตเร็ว และไม้เศรษฐกิจเพื่อจะ “...ตอ้ งอธบิ ายใหร้ าษฎรรวู้ า่ การทป่ี ริมาณนา�้ ตามแหลง่ นา้� ธรรมชาติ ทา� ใหเ้ กิดปา่ ไมแ้ บบผสมผสาน และสรา้ งความสมดลุ ลดลงนนั้ ก็เพราะมีการทา� ลายป่าต้นน�า้ โดยรู้เท่าไม่ถงึ การณ์...” แก่ธรรมชาติอย่างย่ังยืน สามารถตอบสนองความ ตอ้ งการของรฐั และวถิ ปี ระชาในชมุ ชนประการส�าคญั นนั้ มพี ระราชดา� ริทยี่ ึดเปน็ ทฤษฎกี ารพฒั นาดา้ นปา่ ไม้ โดยปลกู ฝังจติ ส�านกึ แก่ประชาชนว่า “...เจา้ หนา้ ทป่ี า่ ไม้ ควรจะปลกู ตน้ ไมล้ งใน ใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูก ตน้ ไมล้ งบนแผน่ ดนิ และรกั ษาตน้ ไมด้ ว้ ยตนเอง...” นบั เปน็ ทฤษฎที เ่ี ปน็ ปรชั ญาในดา้ นการพฒั นา ป่าไม้ทยี่ ่งิ ใหญ่โดยแท้ 180

“...การปลูกป่าน้ีสา� คญั อยู่ที่ปล่อยให้เขาข้นึ ได้ คอื อย่าไปตอแยต้นไม้ อย่าไปรังแกต้นไม้...” • ทฤษฎกี ารปลกู ปา่ โดยไมต่ อ้ งปลกู ตาม “...เราจะทา� ใหป้ ระเทศไทยกลับมคี วามอุดมสมบรู ณ์ มคี วามชมุ่ ชน้ื หลกั การฟน้ื ฟสู ภาพปา่ ดว้ ยวฏั ธรรมชาต ิ ได้ ขออย่าไปรงั แกป่าเท่านั้นเอง ไม่ต้องท�าอะไรมาก...” (Natural Reforestation) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยใน ปัญหาปรมิ าณปา่ ไม้ลดลงเป็นอย่างมาก จึงทรง พยายามค้นหาวธิ นี านาประการทจ่ี ะเพมิ่ ปรมิ าณของ ป่าไม้ในประเทศไทยให้เพ่ิมมากขึ้นอย่างม่ันคงและ ถาวร โดยมีวิธกี ารที่เรยี บง่ายและประหยัดในการ ดา� เนนิ งาน ตลอดจนเปน็ การสง่ เสรมิ ระบบวงจรปา่ ไม้ ในลักษณะอันเปน็ ธรรมชาตดิ ง้ั เดมิ ซง่ึ ไดพ้ ระราชทาน พระราชด�าริหลายวธิ กี าร คอื ๑. ปลกู ปา่ โดยไมต่ อ้ งปลกู ดว้ ยวธิ ีการ ๓ วธิ ี คอื ก. “...ถา้ เลอื กไดท้ ่ที เ่ี หมาะสมแลว้ กท็ ้งิ ปา่ น้นั ไวต้ รงนน้ั ไมต่ อ้ งไปทา� อะไรเลย ปา่ จะเจรญิ 181

“...ถ้าเลอื กได้ที่ที่เหมาะสมแล้ว กท็ ้ิงไว้อยู่อย่างน้ัน โดยไม่ไปรงั แกป่า ต้นไม้ เติบโตขึน้ มาเป็นป่าสมบรู ณ์โดยไม่ต้องไปปลูก กจ็ ะขึน้ เอง...” เลยสกั ต้นเดยี ว...” ข. “...ไม่ไปรังแกป่าหรือตอแยต้นไม้ เพยี งแตค่ มุ้ ครองให้ข้นึ เองได้เท่านน้ั ...” ค. “...ในสภาพปา่ เต็งรัง ป่าเส่อื มโทรม ไมต่ อ้ งทา� อะไรเพราะตอไมก้ จ็ ะแตกก่งิ ออกมาอกี ถงึ แมต้ ้นไม่สวยแตก่ เ็ ปน็ ต้นไม้ใหญ่ได.้ ..” ๒. ปลูกป่าในทสี่ งู ทรงแนะนา� วธิ ีการ ดังน้ี “...ใช้ไม้จ�าพวกทีม่ ีเมล็ดทัง้ หลายขึน้ ไปปลูกบนยอดทีส่ ูง เมื่อโตแล้วออกฝักออก เมลด็ กจ็ ะลอยตกลงมาแลว้ งอกเองในทต่ี ่�าตอ่ ไป เปน็ การขยายพันธ์ุโดยธรรมชาติ...” ๓. ปลูกป่าต้นน�้าล�าธาร หรือการปลูกป่า ธรรมชาติ ทรงเสนอแนวทางปฏบิ ตั วิ ่า ก. ปลกู ต้นไม้ทขี่ ึ้นอยู่เดมิ คือ “...เมอ่ื ป่าชุ่มชืน้ แล้ว ปริมาณน�า้ ฝนท่ตี กลงมากจ็ ะมากขึน้ ตามไปด้วย ซึ่งเป็นการเพม่ิ ปริมาณนา�้ ในแหล่งนา�้ ให้มากข้ึนตามล�าดบั ...” 182

“...การแผว้ ถางปา่ บนเขาและตามล�าหว้ ย เพอื่ การเกษตรกรรมนนั้ เปน็ การทา� ลายแหลง่ เกดิ ของตน้ นา้� ลา� ธาร และจะเปน็ ผลเสยี ของเกษตรกรเอง...” “...ศึกษาดูก่อนว่าพืชพันธ์ุไม้ดัง้ เดิม “...เนอื่ งจากป่าต้นน�้าล�าธารถกู ท�าลายลงไปมากขึ้นทุกที จงึ ควรมี มอี ะไรบา้ ง แลว้ ปลกู แซมตายรายการชนดิ ต้นไม้ นโยบายในการป้องกันรักษาป่าเป็นการปลกู ป่าทดแทน....” ท่ศี กึ ษามาได.้ ..” ข. งดปลูกไม้ผิดแผกจากถิ่นเดมิ คอื “...ไม่ควรน�าไม้แปลกปลอมต่างพันธุ์ ต่างถนิ่ เข้ามาปลูกโดยยังไม่ได้ศกึ ษาอย่างแน่ชัด เสียก่อน...” ๔. การปลูกปา่ ทดแทน ในขณะนี้ประเทศไทยเรามีพื้นท่ีปา่ ไม้ เหลอื อยเู่ พยี งรอ้ ยละ ๒๕ ของพืน้ ทป่ี ระเทศประมาณการ ได้เพยี ง ๘๐ ล้านไร่เท่านั้น หากจะเพ่ิมเน้ือที่ปา่ ไม้ให้ได้ประมาณ ร้อยละ ๔๐ ของพ้ืนท่ีประเทศแล้ว คนไทยจะต้อง ช่วยกันปลกู ป่าถงึ ๔๘ ล้านไร่ โดยใช้กล้าไม้ปลูก ไม่ต�่ากว่าปีละ ๑๐๐ ล้านต้น ใช้เวลาถึง ๒๐ ปี จงึ จะ เพิ่มป่าไม้ได้ครบเป้าหมายทก่ี �าหนดไว้เท่าน้ัน 183

“...การปลูกป่าทดแทนตามไหล่เขา จะต้องปลูกต้นไม้หลาย ๆ ชนิด เพ่ือให้ได้ประโยชน์อเนกประสงค์ คือมีทั้งไม้ผล ไม้สา� หรับก่อสร้าง และไม้สา� หรับท�าฟืน....” “...การปลกู ป่าทดแทนน้ันควรถือเป็นงานเร่งด่วน....” วถิ ีทางแบบผสมผสานกนั ในเชงิ ปฏบิ ตั ิ ดงั พระราชด�าริ ความตอนหน่งึ ว่า การปลูกปา่ ทดแทนจึงเป็นแนวทฤษฎีการ พฒั นาป่าไม้อันเน่ืองมาจากพระราชด�ารทิ ่ีพระบาท “...การปลูกป่าทดแทนจะต้องท�าอย่างมี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานมรรควิธีในการ แผน โดยการดา� เนินการไปพร้อมกบั การพฒั นา ปลกู ป่าทดแทน เพ่ือคืนธรรมชาติสู่แผ่นดินด้วย ชาวเขา ในการนี้เจ้าหน้าทีป่ ่าไม้ ชลประทาน และฝ่ายเกษตรจะต้องร่วมมือกันส�ารวจต้นน�้า ในบรเิ วณพ้นื ท่ีรบั ผดิ ชอบ เพอื่ วางแผนปรับปรงุ ต้นน�้าและพฒั นาอาชพี ได้อย่างถูกตอ้ ง...” วธิ กี ารปลกู ป่าทดแทน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทาน คา� แนะนา� ใหม้ กี ารปลกู ปา่ ทดแทนตามสภาพภมู ศิ าสตร์ แ ล ะ ส ภ า ว ะ แ ว ด ล ้ อ ม ข อ ง พ้ื น ท่ี ท่ี เ ห ม า ะ ส ม กล่าวคอื ๑. ปลกู ปา่ ทดแทนในพื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุก แผ้วถาง และพื้นทป่ี ่าเสอื่ มโทรม 184

“...การปลกู ปา่ ทดแทนในพน้ื ท่เี สอ่ื มโทรม “...การปลูกปา่ ทดแทน ตน้ ไมท้ จ่ี ะปลูกจะตอ้ งมที ง้ั ตน้ ไมท้ ค่ี ลมุ แหลง่ น�้า ตน้ ไมย้ ึดดนิ หรอื พ้นื ทต่ี น้ นา้� ลา� ธารท่ถี ูกบุกรกุ แผว้ ถางจนเปน็ ไม้ผล ต้นไม้ใช้ท�าฟืน ต้นไม้ใช้ในการก่อสร้าง ตลอดจนต้นไม้ที่มคี ่าทางเศรษฐกิจ ภเู ขาหวั โลน้ แลว้ จา� ต้องปลกู ปา่ ทดแทนเร่งด่วน เพือ่ ใช้ประโยชน์ได้อย่างอเนกประสงค์...” นน้ั ควรจะทดลองปลกู ตน้ ไมช้ นดิ โตเรว็ คลมุ แนว ร่องน�า้ เสียก่อน เพือ่ ท�าให้ความชุ่มชื้นค่อยๆ ๓. การปลูกป่าทดแทนบรเิ วณต้นน�้าบน ทวขี ้ึน แผข่ ยายออกไปทง้ั สองรอ่ งน้า� ซง่ึ จะทา� ให้ ยอดเขาและเนนิ สูง ตน้ ไมง้ อกงามและมสี ว่ นชว่ ยปอ้ งกนั ไฟปา่ เพราะ ไฟจะเกดิ ง่ายหากป่าขาดความชุ่มชื้น ในปีตอ่ ไป “...ตอ้ งมกี ารปลกู ปา่ โดยปลกู ไมย้ นื ตน้ และ กใ็ หป้ ลกู ตน้ ไมใ้ นพน้ื ทถ่ี ดั ขน้ึ ไป ความชมุ่ ช้นื กจ็ ะ ปลูกไม้ฟืน ซึ่งไม้ฟืนนั้นราษฎรสามารถตัดไป แผข่ ยายกวา้ งตอ่ ไปอกี ตน้ ไมจ้ ะงอกงามดตี ลอด ใช้ได้ แต่ต้องมีการปลูกทดแทนเป็นระยะ ส่วน ทัง้ ปี...” ไม้ยนื ต้นจะช่วยให้อากาศมีความชุ่มชื้น ซึ่งเป็น ๒. การปลกู ป่าทดแทนตามไหล่เขา “...จะต้องปลูกต้นไม้หลายๆ ชนิด เพือ่ ให้ได้ประโยชน์อเนกประสงค์ คือ มีทง้ั ไม้ผล ไม้ สา� หรบั กอ่ สรา้ ง และไมส้ า� หรบั ทา� ฟนื ซง่ึ เกษตรกร จ�าเป็นต้องใช้เป็นประจ�า ซึง่ เมื่อตดั ไม้ใช้แล้ว กป็ ลูกทดแทนหมุนเวยี นทนั ท.ี ..” “...การปลูกป่าทดแทนจะต้องรบี ปลกู ต้นไม้คลมุ แนวร่องน�้าเสียก่อน เพื่อให้ความชุ่มช้ืนแผ่ขยายออกไป...” 185

“...สง่ิ ทสี่ า� คญั และจะตอ้ งดา� เนนิ การโดยรีบดว่ น คอื การปลกู ปา่ สา� หรบั ใชเ้ ปน็ ฟนื ในบริเวณใกลห้ มบู่ า้ น...” ขนั้ ตอนหนึง่ ของระบบการให้ฝนแบบธรรมชาติ ๔. ให้มกี ารปลกู ปา่ ทยี่ อดเขา เนอื่ งจากสภาพ ทั้งยังช่วยยึดดนิ บนเขาไม่ให้พังทลายเมือ่ เกิด ป่าบนที่เขาสูงทรุดโทรม ซ่ึงจะมีผลกระทบต่อลุ่มน้�า ฝนตกอกี ด้วย...” ตอนล่าง และคดั เลอื กพันธุ์ไม้ทีม่ เี มลด็ เป็นฝักเพอ่ื ให้ เป็นกระบวนการธรรมชาตปิ ลูกต่อไปจนถึงตนี เขา “...จะต้องค�านวนเมื่อที่ท่ีจะปลกู ป่าให้สมดุลกบั จ�านวนประชากรในหมู่บ้านด้วย ซง่ึ จะเปน็ การปอ้ งกันไมใ่ หร้ าษฎรตดั ไมท้ า� ลายปา่ ตอ่ ไป....” ๕. ปลกู ป่าบริเวณอ่างเก็บน้�า หรือเหนืออ่าง เก็บนา�้ ทีไ่ ม่มคี วามชุ่มชืน้ ยาวนานพอ ๖. ปลกู ปา่ เพอ่ื พฒั นาลมุ่ นา้� และแหลง่ นา้� ใหม้ ี นา�้ สะอาดบริโภค ๗. ปลูกป่าให้ราษฎรมีรายได้เพ่ิมขึ้น โดยให้ ราษฎรในทอ้ งทน่ี นั้ ๆ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการปลกู และ ดแู ลรักษาตน้ ไมใ้ หเ้ จรญิ เตบิ โต นอกจากนย้ี งั เปน็ การ ปลูกฝังจิตสา� นึกให้ราษฎรเห็นความส�าคัญของการ ปลูกป่า ๘. ปลกู ป่าเสริมธรรมชาติ เพ่ือเป็นการเพ่ิม ท่อี ยู่อาศัยแก่สตั ว์ป่า 186

บดั นี้ ในหลายโครงการท่ีเป็นการปลกู “...ให้พฒั นาพืน้ ทปี่ ่าไม้ โดยควบคมุ ไม่ใหม้ กี ารตดั ต้นไม้ในบรเิ วณปา่ ไมท้ ค่ี อ่ นข้าง ปา่ ทดแทนตามแนวพระราชด�าริได้บรรลุผลสมั ฤทธ์ิ สมบรู ณ์...” น่าพึงพอใจ อาทิ โครงการปลูกป่าชัยพัฒนา แมฟ่ า้ หลวง ทดี่ อยตงุ จงั หวดั เชยี งราย และทหี่ นองพลบั เบ็ดเสร็จน้ันไว้ด้วย อ�าเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรขี ันธ์ โครงการ ลักษณะทัว่ ไปของป่า ๓ อยา่ ง ปลูกสร้างสวนป่าในศูนย์ศึกษาการพัฒนาต่างๆ พระราชด�าริปลูกป่า ๓ อย่างน้ัน มีพระราช โครงการสวนปา่ สิรเิ จรญิ วรรษ จงั หวดั ชลบุรี โครงการ ปลกู ปา่ ห้วยองคต จังหวัดกาญจนบุรี โครงการ ดา� รัส ความว่า ปลกู ปา่ เสรมิ ธรรมชาตใิ นและนอกเขตภพู านราชนเิ วศน์ “...ป่าไม้ที่จะปลูกนั้น สมควรที่จะปลูก จังหวดั สกลนคร เป็นต้น แบบปา่ ใชไ้ มห้ นง่ึ ปา่ สา� หรบั ใชผ้ ลหนง่ึ ปา่ สา� หรบั ๕. การปลูกป่า ๓ อย่าง ได้ประโยชน ์ ๔ อย่าง : การรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติด้วย พระปรชี าญาณอยา่ งชาญฉลาดใหเ้ กดิ ประโยชน์ แกป่ วงชนมากท่ีสดุ ยาวนานทส่ี ุด และท่วั ถึงกนั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนา� การ ปลูกป่าในเชิงผสมผสาน ทั้งด้านเกษตรวนศาสตร์ และเศรษฐกิจสงั คมไว้เป็นมรรควิธปี ลกู ปา่ แบบ “...การปลูกต้นไม้ประเภทต่าง ๆ คละกันน้ัน ราษฎรส่วนรวมจะสามารถตัดเป็นฟืนหรอื เพ่อื ใช้สอยในการก่อสร้างโดยไม่เป็นการทา� ลาย ป่าต้นนา�้ อีกทัง้ ยังสามารถเก็บผลไม้เพือ่ บรโิ ภคหรือจ�าหน่ายได้อีกด้วย...” 187

“...ปลูกสวนป่าโดยใช้ไม้สามชนิดเป็นหลัก กล่าวคือ ไม้โตเรว็ ไม้ผล และไม้ใช้สอย...” ใชเ้ ปน็ ฟนื อยา่ งหนง่ึ อนั น้แี ยกออกไปเปน็ กวา้ งๆ “...การปลูกป่า ๓ อย่าง แต่ให้ประโยชน์ ใหญ่ๆ การที่จะปลูกต้นไม้ส�าหรับได้ประโยชน์ ๔ อย่าง ซึ่งได้ไม้ผล ไมส้ ร้างบา้ น และไม้ฟืนนนั้ ดังนี้ ในค�าวิเคราะห์ของกรมป่าไม้รู้สึกจะไม่ใช่ สามารถใหป้ ระโยชน์ได้ถงึ ๔ อยา่ ง คือ นอกจาก ป่าไม้ เป็นสวน หรือจะเป็นสวนมากกว่าป่าไม้ ประโยชน์ในตัวเองตามชื่อแล้ว ยังสามารถให้ แต่ในความหมายของการช่วยเหลือเพือ่ ต้นน�้า ประโยชนอ์ นั ท่ี ๔ ซึง่ เป็นขอ้ ส�าคญั คือสามารถ ล�าธารนั้น ป่าไม้เช่นนีจ้ ะเป็นสวนผลไม้ก็ตาม ช่วยอนรุ ักษด์ นิ และตน้ น้�าล�าธารดว้ ย...” หรือเป็นสวนไม้ฟืนกต็ าม นั่นแหละเป็นป่าไม้ที่ ถกู ต้อง เพราะท�าหน้าที่เป็นป่า คือ เป็นต้นไม้ และได้มีพระราชด�ารัสเพิม่ เติมว่า และทา� หนา้ ท่เี ปน็ ทรพั ยากรในดา้ นสา� หรบั ใหผ้ ล “...การปลูกป่าถ้าจะให้ราษฎรมีประโยชน์ ที่มาเปน็ ประโยชน์แก่ประชาชนได้...” ให้เขาอยู่ได้ ให้ใช้วิธีปลูกไม้ ๓ อย่าง แต่มี ประโยชน์ ๔ อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ประโยชน์ทีไ่ ด้รบั ไม้เศรษฐกิจ โดยปลูกรองรับการชลประทาน ในการปลกู ป่า ๓ อย่างนั้น พระบาทสมเด็จ ปลูกรบั ซับน�้า และปลกู อุดชว่ งไหล่ตามรอ่ งหว้ ย พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทาน โดยรบั นา้� ฝนอยา่ งเดยี ว ประโยชน์อย่างท่ี ๔ คือ พระราชาธิบายถึงประโยชน์ในการปลกู ปา่ ตาม ได้ระบบอนุรักษด์ นิ และน้�า...” พระราชด�าริว่า 188

พระราชดา� รเิ พอ่ื อนรุ กั ษแ์ ละฟน้ื ฟปู า่ ไม้ ดา� เนนิ การ “...ควรคดั เลอื กพันธ์ุไม้ทใ่ี ช้นา้� น้อยและสามารถยึดต้นไม้...” ในหลายส่วนราชการ ทั้งกรมป่าไม้และศูนย์ศึกษา การพฒั นาอนั เน่ืองมาจากพระราชด�าริทุกแห่ง คือ การปลูกป่าใช้สอย โดยด�าเนนิ การปลูกพันธุ์ไม้โตเร็ว ส�าหรับตัดก่ิงมาท�าฟืนเผาถ่าน ตลอดจนไม้ส�าหรับ ใช้ในการก่อสร้างและหัตถกรรม ส่วนใหญ่ได้มี การปลกู พนั ธไ์ุ มโ้ ตเรว็ เปน็ สวนปา่ เชน่ ยคู าลปิ ตสั ขเ้ี หลก็ ประดู่ แค กระถนิ ยกั ษ์ และสะเดา เป็นต้น วิธีการปลูกป่าเพ่อื ทดแทนหมุนเวยี น นอกจากน้ันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชด�ารเิ พ่ิมเติมเก่ยี วกับการ ปลูกป่าเพ่อื ใช้ท�าฟืนว่า “...การปลกู ปา่ สา� หรบั ใชเ้ ปน็ ฟนื ซ่งึ ราษฎร จา� เปน็ ตอ้ งใชเ้ ปน็ ประจา� ในการนจ้ี ะตอ้ งคา� นวณ เน้อื ทท่ี จ่ี ะใชป้ ลกู เปรยี บเทยี บกบั จา� นวนราษฎร ตลอดจนการปลูกและตัดต้นไม้ไปใช้ จะต้องใช้ ระบบหมุนเวียนและมีการปลูกทดแทน อันจะ ทา� ให้มไี ม้ฟนื ส�าหรบั ใชต้ ลอดเวลา...” “...การปลกู สวนปา่ นน้ั นา่ จะมกี ารปลกู พนั ธไ์ุ มป้ ระเภทตา่ งๆ คละกนั ไปโดยมพี นั ธไ์ุ มย้ นื ตน้ ไมผ้ ลและไมเ้ พอื่ ท�าฟนื ซงึ่ นอกจากจะชว่ ยปอ้ งกนั มิให้ดนิ พงั ทลายในฤดูฝนและรกั ษาความชุ่มชนื้ ของดินแล้ว ยงั มีผลประโยชน์จากไม้ผล และไม้เพ่ือทา� ฟืนอีกด้วย...” 189

“...ใช้ระบบท่อส่งน้�ามาหล่อเล้ยี งบริเวณป่าไม้เส่อื มโทรมในช่วงท่ีมีสภาพแห้งแล้งให้เกิดความชุ่มชื้นตลอดเวลา จะท�าหน้าที่อนุรักษ์ป่าไม้ ทางอ้อม กล่าวคอื ใช้เป็นแนวป้องกนั สกดั กนั้ ไฟป่าอย่างมปี ระสิทธิภาพ เน่อื งจากมลี กั ษณะเป็น “ป่าเปียก”...” • พระราชดา� ร ิ“ปา่ เปยี ก”ทฤษฎกี ารพฒั นา ป่าไม้โดยการใช้ทรัพยากรน�้าให้เกิด ประโยชนส์ งู สดุ ในการสรา้ งแนวปอ้ งกนั ไฟ คือป่าเปยี ก (Wet Fire Break) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนัก ถงึ คุณค่าอเนกอนันต์ของน้�าเป็นย่ิงนัก ทรงค�านึง ว่าทุกสรรพส่ิงในสภาพแวดล้อมของมนุษย์น้ันจะ เก้อื กูลซึ่งกันและกันได้ หากรู้จักน�าไปประยุกต์ใช้ ให้เป็นประโยชน์ให้ได้ เฉกเช่นเดียวกับพระราชด�าริ “ป่าเปียก” เพื่อป้องกันไฟไหม้ป่านั้น จึงเป็นมรรค วิธีที่ทรงคิดค้นขึ้น จากหลกั การที่แสนง่ายแต่ได้ ประโยชน์มหาศาล กล่าวคือ ยามท่ีเกิดไฟไหม้ปา่ ขึ้นคราใด ผู้คนส่วนใหญ่ก็มักค�านึงถึงการแก้ปัญหา 190

ด้วยการระดมสรรพก�าลังกันดับไฟป่าให้มอดดับ “...ให้พิจารณาปลูกป่าเป็นแนวสลับกับการปลูกพชื ไร่เพ่ือการ อย่างรวดเรว็ แต่แนวทางป้องกนั ไฟปา่ ระยะยาวน้ัน ศกึ ษาทดลองทจ่ี ะใชแ้ นวพชื ไร่เปน็ แนวปอ้ งกนั ไฟป่าแบบทเี่ รยี กว่า ยงั ดเู ลือนรางในการวางระบบอย่างจริงจงั ”ระบบเปียก”...” พระราชดา� รปิ า่ เปยี กจงึ เปน็ แนวพระราชดา� รหิ นงึ่ แนวพระราชด�าริป่าเปียก จึงนับเป็น ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแนะน�าให้ศูนย์ ทฤษฎีการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้โดยใช้ความชุ่มชื้น ศึกษาการพฒั นาอันเนื่องมาจากพระราชดา� ริท�าการ เปน็ หลกั สา� คญั ท่จี ะชว่ ยใหป้ า่ เขยี วสดอยตู่ ลอดเวลา ศึกษาทดลองจนได้รับผลสา� เร็จเป็นท่นี ่าพอใจ ไฟป่าจึงเกิดได้ยาก การพัฒนาเพือ่ การอนุรักษ์ และฟน้ื ฟปู า่ ไมท้ ่สี ามารถทา� ไดง้ า่ ยและไดผ้ ลดยี ่ิง วิธกี ารสรา้ ง “ป่าเปยี ก” วธิ กี ารแรก : ท�าระบบป้องกันไฟไหม้ป่า โดย “...พยายามสบู น�้าข้ึนไปทีละชั้นจนถงึ ระดับสูงสดุ เท่าที่จะเป็นไปได้ ปล่อยน้�าให้ ใช้แนวคลองส่งน้�าและแนวพืชชนิดต่างๆ ปลกู ตาม ค่อยๆ ไหลซึมลงมา เพ่ือช่วยเร่งรดั การปลูกป่าที่มีทั้งพันธุ์ไม้ท้องถิ่นกบั พันธุ์ไม้ แนวคลองนี้ โตเรว็ นอกจากน้ันยงั จะแปรสภาพโครงการภูเขาป่าให้เป็นป่าเปียก ซึ่งสามารถ วิธีท่ีสอง : สร้างระบบการควบคุมไฟป่าด้วย ป้องกันไฟป่าได้อกี ด้วย...” แนวปอ้ งกนั ไฟปา่ เปยี ก โดยอาศยั น�้าชลประทานและ นา้� ฝน วธิ ที ส่ี าม : โดยการปลกู ต้นไม้โตเร็วคลมุ แนว ร่องน�้า เพอ่ื ให้ความชุ่มชื้นค่อยๆ ทวีขน้ึ และแผ่ขยาย ออกไปท้ังสองร่องน�้า ซึ่งจะทา� ให้ต้นไม้งอกงาม และ มสี ว่ นชว่ ยปอ้ งกนั ไฟปา่ เพราะไฟปา่ จะเกดิ ขนึ้ งา่ ยหาก ป่าขาดความชุ่มชนื้ วิธีทส่ี ่ี : โดยการสร้างฝายชะลอความชุ่มช้นื หรือท่ีเรียกว่า Check Dam ข้ึน เพือ่ ปิดก้ันร่องนา�้ หรอื ล�าธารขนาดเล็กเป็นระยะๆ เพ่ือใช้เก็บกักน�้าและ ตะกอนดินไว้บางส่วน โดยน�้าที่เก็บไว้จะซึมเข้าไป สะสมในดนิ ทา� ให้ความชุ่มชื้นแผ่ขยายเข้าไปทั้งสอง ด้านกลายเป็น “ปา่ เปียก” วิธีที่ห้า : โดยการสบู น้�าเข้าไปในระดับที่สงู ที่สุดเท่าท่ีจะท�าได้แล้วปล่อยน้�าลงมาทีละน้อยให้ คอ่ ยๆ ไหลซมึ ดนิ เพอื่ ชว่ ยเสรมิ การปลูกปา่ บนพนื้ ทส่ี ูง ในรปู “ภูเขาป่า” ให้กลายเป็น “ป่าเปียก” ซึ่ง สามารถป้องกนั ไฟป่าได้อีกด้วย วิธีที่หก : ปลกู ต้นกล้วยในพ้ืนที่ที่กา� หนด ให้เป็นช่องว่างของปา่ ประมาณ ๒ เมตร หากเกิด ไฟไหม้ปา่ ก็จะปะทะต้นกล้วยซึ่งอุ้มน้�าไว้ได้มากกว่า พืชอ่นื ทา� ให้ลดการสูญเสียน้า� ลงไปได้มาก 191

192

193

• พระราชดา� ริ “ภูเขาป่า” : ทฤษฎี ทีส่ ูงให้สมบูรณ์ขึน้ บริเวณดังกล่าวจะได้กลาย การพฒั นาฟน้ื ฟปู า่ ไมโ้ ดยใชค้ วามรเู้ บ้อื งตน้ เป็น “ภูเขาป่า” ในอนาคต ซึง่ หมายความว่า ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย ี มตี น้ ไมน้ านาชนดิ ซง่ึ ปกคลมุ ดนิ ในอตั ราหนาแนน่ มาเปน็ หลกั การดา� เนนิ การ ทีเ่ หมาะสมกับลักษณะภูมิประเทศแต่ละแห่ง ต้นไม้เหล่านั้นจะมีผลช่วยรักษาระดับความ การสร้างภูเขาป่าอนั เนื่องมาจากพระราชด�าริ ชุ่มชืน้ ในธรรมชาติให้อยู่ในเกณฑ์ทีพ่ อเหมาะ เป็นมรรควิธีหนึ่งที่พระราชทานแนวคิดอันเป็นทฤษฎี ไม่แห้งแล้งเกินไป และยงั ช่วยยดึ ผิวดินอันมีค่า การพัฒนา อันเปน็ มติ ใิ หมแ่ กว่ งการปา่ ไม้ ๒ ประการ คอื ไมใ่ หถ้ กู น้า� เซาะทลายลงมายงั พ้นื ท่รี าบอกี ดว้ ย...” ประการแรก หากมีน�้าใกล้เคียงบรเิ วณน้ัน ประการที่สอง หากไม่มีแหล่งน้�าในพื้นท่ี โดยมีพระราชด�ารัสว่า เพื่อฟื้นฟูป่าไม้ในบรเิ วณภูเขาเส่ือมโทรม มีพระราช ดา� รสั ว่า “...ควรส�ารวจแหล่งน�้าเพือ่ การพิจารณา สร้างฝายขนาดเล็กปิดกั้นร่องน�้าในเขตต้นน�้า “...ให้พิจารณาส่งน�้าขึน้ ไปยงั จุดทีส่ ูงท่ีสุด ล�าธาร ทั้งนีเ้ พ่ือแผ่กระจายความชุ่มชืน้ ออกไป เท่าทีจ่ ะด�าเนินการได้ ทัง้ นี้เพือ่ ให้สามารถจ่าย ใหก้ วา้ งขวาง อนั จะชว่ ยฟน้ื ฟสู ภาพปา่ ในบรเิ วณ น�้าลงไปหล่อเลีย้ งกล้าไม้อ่อนทีป่ ลูกทดแทนไว้ 194

“...สร้างฝายขนาดเล็กปิดกั้นร่องน้�าในเขตต้นน�้าลา� ธาร เพือ่ แผ่กระจายความชุ่มช้ืนออกไปให้กว้างขวางอนั จะช่วยฟื้นฟูสภาพป่าในบริเวณ ที่สงู ให้สมบรู ณ์ขึน้ บริเวณดงั กล่าวจะกลายสภาพเป็น “ภเู ขาป่า” ในอนาคต....” “...การปลกู ป่าบนภูเขาต่าง ๆ ควรด�าเนินการโดยวธิ ีที่เรยี กว่า “ป่าเปียก” หรืออาจเรียกว่าภเู ขาป่าก็ได้ แต่ปัจจุบนั ฝนตกน้อยจงึ จ�าเป็นต้อง จัดสร้างระบบส่งน�้าด้วยวธิ ีสบู น�้าข้นึ ไปพกั ในบ่อพกั น้�าบนภเู ขา แนะน�าระบบกระจายน�้า ช่วยการปลกู ป่าแบบกง่ึ ถาวร....” 195

“...การปลูกป่า การศึกษาพน้ื ท่ีพร้อมระบบเรื่องน�้าด้วย ในพ้นื ที่ภเู ขาควรจะสร้างฝายแม้ว หรอื Check Dam เพื่อกกั น้�าไว้สร้างความชุ่มชนื้ ให้ยาวนานข้ึน และเป็นระบบกันไฟป่าด้วย....” 196