Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการนิเทศเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนาฯ

รายงานการนิเทศเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนาฯ

Published by ศน.ซัครียา หมาดบากา, 2022-08-15 02:12:30

Description: รายงานการนิเทศเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนาฯ

Search

Read the Text Version

รายงานการนเิ ทศเพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019 ) โดยการใช้ DEEP นายซัครียา หมาดบากา ศึกษานิเทศก์ วทิ ยฐานะศึกษานิเทศก์ชานาญการ สานักงานเขตพืน้ ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสตูล สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

231 ประวตั ผิ ู้รายงาน ช่ือ - สกุล นายซคั รียา หมาดบากา ตาแหน่ง ศึกษานิเทศก์ สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตลู วัน เดือน ปี เกดิ 22 กุมภาพนั ธ์ 2520 ท่ีอยู่ปัจจุบนั 77/1 หมู่ ต.ยา่ นชื่อ อ.ควนโดน จงั หวดั สตลู โทรศัพท์ อเี มลล์ (E- mail) 081-2774854 Zakreeya.stn @esdc.go.th ประวตั ิการศึกษา ประกาศนียบตั ร ประถมศึกษา (ป.6) พ.ศ. 2527-2532 โรงเรียนบา้ นกาเนะ จงั หวดั สตูล พ.ศ. 2532-2535 ประกาศนียบตั รมธั ยมศึกษา (ม.3) พ.ศ. 2535-2538 โรงเรียนสตูลวิทยา จงั หวดั สตูล พ.ศ.2538-2540 ประกาศนียบตั รวิชาชีพ (ปวช.) ช่างไฟฟ่ า พ.ศ.2540-2542 วทิ ยาลยั เทคนิคสตลู จงั หวดั สตลู พ.ศ.2553-2555 ประกาศนียบตั รวิชาชีพช้นั สูง (ปวส.) ช่างไฟฟ้ากาลงั วทิ ยาลยั เทคนิคสตลู จงั หวดั สตลู ปริญญาตรี (คบ.) เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมทางการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา จงั หวดั สงฃลา ปริญญาโท (กศ.ม.) บริหารการศึกษา มหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ จงั หวดั สงฃลา ประวตั กิ ารทางาน 6 ก.ค.2553- 5 ก.ค.2555 ครูผชู้ ่วย โรงเรียนบา้ นเกาะสาหร่ายชยั พฒั นา อาเภอเมืองสตลู จงั หวดั สตูล 6 ก.ค.2555 -14 ธ.ค.2555 ครู คศ.1โรงเรียนบา้ นเกาะสาหร่ายชยั พฒั นา อาเภอเมืองสตลู จงั หวดั สตลู 15 ธ.ค.2555- 1 มี.ค.2563 ครู คศ.2โรงเรียนบา้ นควนเก อาเภอทา่ แพ จงั หวดั สตูล 2 มี.ค.2563 - ปัจจุบนั ศึกษานิเทศก์ สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล อาเภอเมืองสตูล จงั หวดั สตูล

จ สารบัญ เร่ือง หน้า บทคดั ยอ่ .................................................................................................................................... ก กิตติกรรมประกาศ...................................................................................................................... ง สารบญั ....................................................................................................................................... จ สารบญั ตาราง............................................................................................................................. ช สารบญั แผนภูมิ.......................................................................................................................... ฌ บทท่ี 1 บทนา ความเป็นมาและความสาคญั ของปัญหา........................................................................ 1 วตั ถปุ ระสงคข์ องการวิจยั .............................................................................................. 9 สมมติฐานของการวิจยั .................................................................................................. 9 ขอบเขตของการวิจยั ..................................................................................................... 10 วธิ ีการวจิ ยั ..................................................................................................................... 12 ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ........................................................................................... 12 คานิยามศพั ทเ์ ฉพาะ....................................................................................................... 13 กรอบแนวคิดการนิเทศเพ่อื พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) โดยการใช้ DEEP................................................................................ 14 2 เอกสารและงานวิจยั ทเี่ กยี่ วข้อง การนิเทศการศึกษา....................................................................................................... 15 การจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019)........................... 37 DEEP........................................................................................................................... 67 การวิจยั เชิงปฏิบตั ิการ................................................................................................... 69 งานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง......................................................................................................... 76 3 วิธีดาเนนิ การวจิ ยั ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง........................................................................................... 79 ข้นั ตอนการวิจยั ............................................................................................................ 80

ฉ สารบัญ (ต่อ) บทที่ หน้า 3 วธิ ีดาเนนิ การวิจยั (ต่อ) เคร่ืองมือที่ใชก้ ารวิจยั ................................................................................................ 86 เครื่องมือท่ีใชใ้ นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล..................................................................... 87 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู .............................................................................................. 95 การวิเคราะหข์ อ้ มลู .................................................................................................... 96 สถิติท่ีใชก้ ารวเิ คราะห์ขอ้ มูล..................................................................................... 97 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล สัญลกั ษณ์ที่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มลู ....................................................................... 99 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ................................................................................................ 101 5 สรุปผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั .......................................................................................... 110 สรุปผล...................................................................................................................... 110 อภิปรายผล................................................................................................................ 115 ขอ้ เสนอแนะ............................................................................................................. 121 บรรณานุกรม.......................................................................................................................... 122 ภาคผนวก 129 ก ผเู้ ชี่ยวชาญผทู้ รงคุณวุฒิ.............................................................................................. ข เครื่องมือการประเมินงานวจิ ยั ..................................................................................... 141 ค ผลการหาคณุ ภาพเครื่องมือการวิจยั ............................................................................ 168 ง ผลงานและการเผยแพร่ผลงาน................................................................................... 223 ประวตั ิของผู้รายงาน............................................................................................................... 231

ช สารบัญตาราง ตาราง หน้า 1 กรอบแนวคิดทางการประเมินผลการนิเทศเพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์ 93 โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019 ) โดยการใช้ DEEP 101 102 2 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา 102 (COVID 2019 ) สาหรับผดู้ ูแลผใู้ ชร้ ะบบ (ผบู้ ริหารสถานศึกษา) (N=10)………… 104 105 3 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา 106 ( COVID 2019 ) สาหรับครูผสู้ อน (N=50)................................................................ 107 4 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019 ) สาหรับนกั เรียน (N=100)......................................................... 108 5 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา 109 ( COVID 2019 ) สาหรับผดู้ ูแลผใู้ ชร้ ะบบ (ผบู้ ริหารสถานศึกษา) (N=10)................ 6 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019 ) สาหรับครูผสู้ อน(N=50)................................................................... 7 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019 ) สาหรับนกั เรียน (N=100).................................................................. 8 ค่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดบั ความพึงพอใจของผลการประเมิน ความพึงพอใจสาหรับผบู้ ริหารสถานศึกษาท่ีมีต่อการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) (N=10).................................... 9 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและระดบั ความพึงพอใจของผลการประเมิน ความพึงพอใจสาหรับครูผสู้ อนที่มีต่อการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019 ) (N=50).......................................................... 10 ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานและระดบั ความพึงพอใจของการประเมิน ความพึงพอใจของนกั เรียนท่ีมีต่อการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019 ) (N=100)...............................................................

ซ สารบญั ตาราง (ต่อ) ตาราง หน้า 11 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา 191 (COVID 2019) สาหรับผดู้ ูแลผใู้ ชร้ ะบบ (ผบู้ ริหารสถานศึกษา).................................. 192 195 12 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) สาหรับครูผูส้ อน........................................................................... 13 ผลการประเมินการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) สาหรับนักเรียน............................................................................

ฌ สารบัญแผนภูมิ แผนภูมิ หน้า 1 กรอบแนวคิดการนิเทศเพอ่ื พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) โดยการใช้ DEEP........................................................................ 14

ก บทคดั ย่อ ชื่อเร่ือง : รายงานการนิเทศเพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019 ) โดยการใช้ DEEP ชื่อผรู้ ายงาน : นายซคั รียา หมาดบากา ตาแหน่งศึกษานิเทศก์ วทิ ยฐานะศึกษานิเทศกช์ านาญการ สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตลู ปี ที่วิจยั : 2564 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- รายงานการวิจยั คร้ังน้ีมีวตั ถปุ ระสงค์ 1) ผลการใช้ DEEP เพ่อื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรน่า (COVID 2019) ของผรู้ ับการนิเทศ 2) เพ่ือใชค้ ู่มือนิเทศ ติดตามและประเมินผล เพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) โดยการใช้ DEEP 3) ความพึงพอใจของผูร้ ับการนิเทศที่มีต่อการใช้ DEEP เพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการวิจยั เป็น 1) ผบู้ ริหารสถานศึกษาโรงเรียน ในสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล ปี การศึกษา 2564 จานวน 10 โรง จานวน 10 คน 2) ครูผสู้ อนนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ท่ี 5 ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ในโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาสตูล ปี การศึกษา 2564 จานวน 10 โรง ๆ ละ 5 คน จานวน 50 คน 3) นกั เรียน ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 5 ถึงช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ในโรงเรียนสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสตูล ปี การศึกษา 2564 จานวน 10 โรงๆ ละ 10 คน จานวน 100 คน โดยวิธีการเลือกแบบ เจาะจง(Purposive Random Sampling) เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวิจยั ประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) สาหรับผรู้ ับการนิเทศ จานวน 3 ฉบบั 2) คู่มือนิเทศ ติดตามและประเมินผลเพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา (COVID 2019) โดยการใช้ DEEP เครื่องมือท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูล ประกอบดว้ ย 1) แบบประเมินการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) ของผู้รับการนิเทศ 2) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้รับการนิเทศที่มีต่อการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) และสถิติท่ีใชใ้ นการวิเคราะห์ ขอ้ มูล ไดแ้ ก่ ค่าเฉลี่ย (  ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( S.D.) ค่าร้อยละ(%) และการทดสอบค่าที แบบกลุม่ เดียว (t – test) ผลการวิจยั พบวา่ 1. ผลการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019 ) ของผรู้ ับการนิเทศ มีผลการประเมินแตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ท่ี .05 ท้งั หมด โดย 1) ผดู้ ูแลผใู้ ชร้ ะบบ (ผูบ้ ริหารสถานศึกษา) มีคะแนนเฉล่ีย 16.10 จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน คิดเป็ นร้อยละ 80.50

ข ซ่ึงสูงกว่าเกณฑก์ าหนด 2) สาหรับครูผูส้ อน มีคะแนนเฉลี่ย 17.10 จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน คิดเป็ นร้อยละ 85.50 ซ่ึงสูงกว่าเกณฑ์กาหนด และ 3) สาหรับนักเรียน มีคะแนนเฉลี่ย 12.32 จากคะแนนเตม็ 15 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 82.13 ซ่ึงสูงกวา่ เกณฑก์ าหนด เป็นไปตามสมมุติฐาน ที่กาหนดไว้ 2. คู่มือนิเทศ ติดตามและประเมินผลเพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP มีความสอดคล้องและเหมาะสมในระดับมากท่ีสุด สามารถนาไปใชใ้ นการนิเทศไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ สูงกวา่ สมมุติฐานที่กาหนดไว้ 3. ความพึงพอใจของผรู้ ับการนิเทศที่มีตอ่ การใช้ DEEP เพอื่ พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019 ) มีผลการประเมินในภาพรวม อยู่ในระดบั มากท่ีสุด โดย 1) ผบู้ ริหาร สถานศึกษาประเมินความพึงพอใจอยู่ในระดบั มากที่สุด (  = 4.80 ,S.D =.460) 2) ครูผูส้ อนประเมิน ความพึงพอใจอยู่ในระดบั มากที่สุด ( = 4.81, S.D. =.427) และ 3) นกั เรียนประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดบั มากที่สุด (  =4.82 ,S.D. =.428) สูงกวา่ สมมตุ ิฐานท่ีกาหนดไว้

ค กติ ตกิ รรมประกาศ รายงานการนิเทศเพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา( COVID 2019 ) โดยการใช้ DEEP ฉบบั น้ี สาเร็จได้ด้วยความกรุณาอย่างดีย่ิงจาก นายประหยดั สุขขี ผูอ้ านวยการ สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล ที่ให้คาปรึกษา ให้ความรู้อนุเคราะห์ขอ้ มูล แนวคิด และขอ้ เสนอแนะต่างๆ เพ่ือใหก้ ารดาเนินงานวิจยั สาเร็จและมีความสมบูรณ์ ผูร้ ายงานขอขอบพระคุณ อยา่ งสูงไว้ ณ โอกาสน้ี ผรู้ ายงานขอขอบพระคุณในความกรุณาจาก นายอานาย สีนาค รองผอู้ านวยการสานกั งานเขต พ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล นายธราเดช มหปุญญานนท์ ผูอ้ านวยการโรงเรียนบ้านกลาง สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสงขลา เขต 1 นายปัณณธร ละมา้ ย ศึกษานิเทศก์ สานกั งาน เขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาภเู กต็ นายอาบีดีน หลีเส็น ครู โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 40 (บา้ นควนโพธ์ิ) นายอบั ดุลเลาะห์ พนั หวงั ครู โรงเรียนบา้ นกุบงั ปะโหลด สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสตลู นายเจนวิทย์ อุสสวิโร ศึกษานิเทศก์ และนางจิรัชฎา ลิมานิ ศึกษานิเทศก์ สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาสตลู ท่ีเป็นผเู้ช่ียวชาญตรวจสอบขอ้ มูล หาคุณภาพเคร่ืองมือในการวจิ ยั ท้งั หมด ใหค้ าปรึกษาและขอ้ เสนอแนะเป็นอยา่ งดียงิ่ ขอขอบคุณนายนภดล ยงิ่ ยงสกุล ผอู้ านวยการกลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล และคณะศึกษานิเทศก์ทุกคน ในความร่วมมือ ดาเนินงานนิเทศ ติดตามและประเมินผลโรงเรียนในสังกดั เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ซ่ึงเป็นผลใหข้ อ้ มูล สารสนเทศมีความสมบรู ณ์เป็นประโยชนต์ ่อการวิจยั อยา่ งแทจ้ ริง ขอขอบคุณนางพูลทรัพย์ คชฤทธ์ิ ขา้ ราชการบานาญ อดีตผอู้ านวยการโรงเรียนนิคมพฒั นา ภาคใต้ 1 นางสุนีย์ อาดา นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ปฏิบตั ิหน้าที่ผูอ้ านวยการกลุ่ม DLICT สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล คณะผบู้ ริหารและคณะครูโรงเรียนที่เป็นกลุ่มตวั อย่าง การวิจยั ในคร้ังน้ี และนางปิ ยธิดา หมาดบากา ครู โรงเรียนอนุบาลสตูล ผูช้ ่วยเหลืออนุเคราะห์ขอ้ มูล และวเิ คราะห์ขอ้ มลู ในการพฒั นาผลงานทางวิชาการคร้ังน้ีมีความสาเร็จดงั วตั ถุประสงค์ กราบขอบพระคุณบิดามารดาของผู้รายงาน ที่ให้การสนับสนุนให้กาลังใจผู้รายงาน มาโดยตลอด ประโยชน์และคุณค่าอนั เกิดจากการวิจยั น้ี ขอมอบเพ่ือการพฒั นาคุณภาพการศึกษา แก่เยาวชนไทย มอบเป็นกตญั ญูกตเวทิตาแก่บิดามารดา ครูอาจารย์ ตลอดจนผมู้ ีพระคุณทุกทา่ น ซคั รียา หมาดบากา

บทที่ 1 บทนำ 1. ควำมเป็ นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ มาตรา 258 ให้ดาเนินการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ให้เกิดผลอย่างน้อย จานวน 6 ดา้ น ประกอบด้วย ดา้ นการเมือง ดา้ นการบริหารราชการแผ่นดิน ดา้ นกฎหมาย ดา้ นกระบวนการยุติธรรม ดา้ นการศึกษา และด้านอื่น ๆ ซ่ึงรัฐบาลได้จัดทาแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) เป็ นไปตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2560 มาตรา 65 กาหนดใหร้ ัฐพงึ จดั ใหม้ ียทุ ธศาสตร์ ชาติเป็ นเป้าหมายการพฒั นาประเทศอย่างยงั่ ยืน เพื่อใช้เป็ นกรอบในการคาเนินงานให้สอดคลอ้ ง และบูรณาการการทางานของทุกภาคส่วนให้สอดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตร์ชาติและมีการประกาศแผน แม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) เพ่ือเป็ นแนวทางให้หน่วยงานรัฐใช้ในการ ดาเนินงานให้สอดคลอ้ งกบั การปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สานกั งานปลดั กระทรวง ศึกษาธิการ เล็งเห็นความสาคญั ของการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ท่ีตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ศตวรรษท่ี 21 ให้สอดคลอ้ งกับการคาเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้เกิดผลตามแนว ทางการปฏิรูปประเทศขา้ งตน้ และนโยบายของรัฐบาล ขอ้ 8 ขอ้ ย่อย 8.2.1 ปรับรูปแบบการเรียนรู้ และการสอนเพ่ือพฒั นาทกั ษะและอาชีพของคนทุกช่วงวยั สาหรับศตวรรษปรับโครงสร้างหลกั สูตร การศึกษาให้ทนั สมยั มีการนาเทคโนโลยีและการเรียนรู้ผา่ นประสบการณ์จริงเขา้ มามีส่วนในการ จดั การเรียนการสอนและปรับระบบดึงดูด การคดั เลือก การผลิตและพฒั นาครูที่นาไปสู่การมีครู สมรรถนะสูง เป็ นครูยุคใหม่ที่สามารถออกแบบและจดั ระบบการสร้างความรู้ สร้างวินัย กระตุน้ และสร้างแรงบนั ดาลใจ เปี ดโลกทศั น์มุมมองของเด็กและครูดว้ ยการสอนในเชิงแสดงความคิดเห็น ให้มากข้ึน ควบคู่กับหลกั การทางวิชาการ รวมถึงการพฒั นาข้าราชการพลเรือน และบุคลากร ทางการศึกษาในสังกดั กระทรวงศึกษาธิการใหม้ ีสมรรถนะตามตาแหน่งของแต่ละบุคคล ตามที่แต่ละ หน่วยงานคาดหวงั ดว้ ยเหตุดงั กล่าว การจดั กระบวนการเรียนรู้ในปัจจุบนั จึงมุ่งเน้นความสาคญั ท่ีตวั ผูเ้ รียน โดยปิ ดโอกาสให้เลือกเรี ยนตามความถนัดและความสนใจ ส่งเสริ มให้มีส่วนร่ วมในทุก กระบวนการเรียนรู้ พฒั นาความสามารถในการแสวงหาความรู้ และการนาความรู้มาประยุกต์ใช้ เพื่อการพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มท่ี รวมท้ังปลูกฝังความมีคุณธรรม ค่านิยม และ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามแนวทางการจัดการศึกษาท่ีระบุในพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแกไ้ ขเพ่ิมเติม(ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 หมวด 4 แนวการจดั การศึกษา มาตรา 6

2 ว่า \"การจัดการศึกษาต้องเป็ นไปเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็ นมนุษย์ที่สมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญาความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวฒั นธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืน ไดอ้ ยา่ งมีความสุข\" และ มาตรา 22 วา่ \"การจดั การศึกษาดอ้ งยดึ หลกั ว่าผูเ้ รียนทุกคนมีความสามารถ เรียนรู้ และพฒั นาตนเองได้ และถือว่าผูเ้ รียนมีความสาคญั ที่สุด กระบวนการจดั การศึกษาต้อง ส่งเสริมให้ผูเ้ รียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศกั ยภาพ” (สานักงานเลขาธิการสภา การศึกษา. 2550 : 12) โลกในปัจจุบนั จะมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นดา้ นวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษา ขอ้ มูลข่าวสารหรือด้านเศรษฐกิจและปัญหาสังคม ทาให้คนเราตอ้ งพฒั นาตนเองท้งั ร่างกาย จิตใจ สังคมและสติปัญญาเพื่อใหท้ นั กบั ภาวะที่เปล่ียนแปลงน้นั เม่ือสังคมโลกในปัจจุบนั มีการเปล่ียนเปลงท่ีเกิดข้ึนอย่างรวดเร็วมนุษยจ์ ึงจาเป็ นตอ้ งเรียนรู้เพ่ือให้สามารถปรับตวั ไดท้ นั กบั การเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึนอยู่ดลอดเวลา กระบวนการจดั การศึกษาจึงเป็นสิ่งท่ีสาคญั และจาเป็น ต่อการพฒั นาประเทศ ดังจะเห็นว่าประเทศท่ีมีความเจริญมีความมน่ั คงทางเศรษฐกิจและความ มนั่ คง ของประเทศชาติ ประชาชนสามารถประกอบอาชีพเป็นหลกั ฐานมีสุขภาพดี มีคนตกงานนอ้ ย นน่ั หมายถึงประเทศไดจ้ ดั การเร่ืองการศึกษาให้แก่คนในประเทศดี เพราะการศึกษาที่ดีจะบ่งบอกถึง คณุ ลกั ษณะของประชากรของประเทศน้นั ๆ ดงั น้นั การจดั การศึกษาในยคุ ท่ีมีการเปลี่ยนแปลงสูงน้นั ผทู้ ี่รับผิดชอบในการจดั การศึกษาจึงมีความจาเป็ นอย่างย่ิงที่ตอ้ งตามกระแสกระบวนทศั น์ใหม่ให้ ทนั และนามาประยุกต์ใชใ้ ห้สอดคลอ้ งกบั บริบทของตนเองจึงจะส่งผลให้ผูเ้ รียนไดร้ ับประโยชน์ จากการจดั การศึกษาไดอ้ ย่างสูงสุด (ไพพรรณ เกียรติโชติชยั , 2550 : 2) การศึกษาจึงเป็ นเครื่องมือ สาคญั ที่จะช่วยพฒั นาคนในชาติใหม้ ีความรู้ ความสามารถและมีคุณลกั ษณะตรงตามความตอ้ งการของ สังคมและประเทศชาติ ดงั น้นั การศึกษาจึงมีบทบาทสาคญั ในการพฒั นาประเทศ นนั่ คือการสร้าง คนใหม้ ีทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 กา้ วเขา้ สู่Thailand 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม (รุ่ง แกว้ แดง, 2550 : 260 ) หัวใจของการปฏิรูปการศึกษาคือการปฏิรูปการเรียนรู้ หวั ใจของการปฏิรูปการเรียนรู้ คือ การปรับ การเรียนเปล่ียนการสอน ปรับเปล่ียนจากการยึดวิชาเป็ นตวั ต้งั มายึดมนุษยห์ รือผูเ้ รียนเป็ นตวั ต้งั หรือที่เรียกว่ายึดผูเ้ รียนเป็ นสาคญั (ประเวศ วะสี, 2550 : 260) ในการจดั การศึกษาให้มีคุณภาพ เพื่อการพฒั นาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเร่ืองน้นั \"ครู\" ถือวา่ เป็ นปัจจยั สาคญั อย่างยิ่ง เน่ืองจากครูเป็ น ผู้ที่มีบทบาทสาคัญในการจัดการเรี ยนรู้และพัฒนาผู้เรี ยนในทุกๆ ด้าน ดังจะเห็นได้จาก พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2545 หมวด 7 มาตรา 52 ถึง มาตรา 57 ที่ไดใ้ ห้ความสาคญั อย่างยิ่งต่อการพฒั นาวิชาชีพครู (ยุพิน ยืนยง, 2553 : 1) อย่างไร ก็ตามถึงแมว้ า่ รัฐจะไดใ้ หค้ วามสาคญั ต่อวชิ าชีพครู โดยบญั ญตั ิไวใ้ นกฎหมายตา่ งๆ ดงั กลา่ ว แตจ่ าก การประเมินผลของหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง เช่น สานักงานเลขาธิการสภาการศึกมา พบว่า มีปัญหา

3 ขาดแคลนครูท่ีมีคุณภาพ ไม่ไดค้ นเก่ง คนดี และใจรัก มาเป็นครูและการพฒั นากรูประจาการยงั ไม่ ประสบผลสาเร็จตามเป้าหมายท้งั ดา้ นปริมาณและดา้ นคุณภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2552 : 1-2) สอดคลอ้ งกบั ฤตินันท์ สมุทร์ทยั (2556 :3) ที่ไดอ้ ภิปรายไวว้ า่ ในยุคปัจจุบนั เราให้ความสาคญั ต่อ การศึกมาเป็ นอย่างมาก แต่ละเลยการให้ความสาคัญกับครูจึงส่งผลให้คุณภาพการศึกษาของ ประเทศชาติลดลงอย่างต่อเน่ืองตลอดทศวรรษที่ผ่านมา การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง กระทรวงศึกษาธิการจึงได้กาหนดประเด็นสาคัญท่ีต้องพฒั นาอย่างเร่งด่วน ได้แก่ การพฒั นา คุณภาพครูยคุ ใหมใ่ หม้ ีคุณภาพ ซ่ึงมีมาตรการหลกั คือ 1) ปรับปรุงและพฒั นาระบบและหลกั เกณฑ์ การประเมินสมรรถนะวิชาชีพครูให้เชื่อมโยงกบั ความสามารถ ในการจดั การเรียนการสอนและ เรียนรู้เพื่อพฒั นาผเู้ รียนเป็นสากญั 2) เร่งจดั ต้งั กองทุนพฒั นาและกองทุนส่งเสริมครู คณาจารยแ์ ละ บุคลากรทางการศึกษา 3) พฒั นาครู อาจารย์ โดยใชโ้ รงเรียนเป็ นฐาน ให้สามารถจดั การเรียนการสอน ท่ีเนน้ ผูเ้ รียนเป็นสาคญั รวมท้งั ให้มีระบบและมาตรการจูงใจให้ครู คณาจารยแ์ ละบุคลากรทางการ ศึกษาไดพ้ ฒั นาอย่างต่อเนื่อง และ 4) พฒั นาครู คณาจารยแ์ ละบุคลากร ให้สามารถจดั การเรียนการสอน วิจัย พัฒนานวตั กรรมและเทคโนโลยีได้ (สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2552 : 20-21) ครูจึงเป็ นบุคคลสาคัญในกระบวนการปฏิรูปการศึกษาเพราะว่าครูป็ นกลุ่มบุคคลด่านหน้า และเป็ นกลไกสาคญั ในการพฒั นาคุณภาพผูเ้ รียน แต่เน่ืองจากสภาพสังคมมีการเปล่ียนแปลงจึงมี ความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมีการพฒั นาครูและเครียมครูท่ีจะเขา้ สู่วิชาชีพให้มีสมรรถนะสูงข้ึน เพราะครู ตอ้ งพฒั นาผเู้ รียนให้สามารถเผชิญสถานการณ์ต่างๆ ไดท้ ้งั ในปัจจุบนั เละอนาคต ดงั น้นั การพฒั นา ครูเพื่อเพิ่มสมรรถนะทางวิชาชีพให้เกิดข้ึนจึงมีกวามสาคญั เละจาเป็ นอย่างยิ่งท่ีจะสร้างครู ให้เกิด ศักยภาพทางสมรรถะท่ีสูงข้ึนเพื่อก้าวสู่ความเป็ นครูมืออาชีพ (Professional Teacher) ที่แท้จริง ต่อไป (สุรศกั ด์ิ ปาเฮ, 2556 : 3 ) ในการปฏิรูปเพื่อการพฒั นาคุณภาพครูยุคใหม่จาเป็นตอ้ งพิจารณา ถึงมาตรฐานวชิ าชีพครู เพราะถือวา่ เป็นเป้าหมายที่สาคญั ของการพฒั นาครูโดยในความตอ้ งการของ ครูต่อการพฒั นาวิชาชีพ ก็คือความสามารถในเชิงสมรรถนะนน่ั เอง ซ่ึงจากผลการวิจยั ภายใตก้ าร ปฏิรูปการศึกษาไทยที่ผ่านมา พบวา่ ครูไทยมีความตอ้ งการที่จะไดร้ ับการพฒั นาเชิงสมรรถนะทาง วิชาชีพในดา้ นต่างๆ หลายประการ โคยเฉพาะด้านการจดั การเรียนรู้ (นิรันดร กากแกว้ , 2560 : บทคดั ย่อ) ส่ิงสาคญั ประการหน่ึงท่ีจะช่วยให้ครูในสถานศึกษาสามารถปฏิบตั ิงานไดบ้ รรลุตาม เป้าหมาย ตามความคาดหวงั ของหลกั สูตรการศึกษาในยุค Thailand 4.0 คือการนิเทศการศึกษา (จริยา แตงอ่อน, 2559 : 12) ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั สุวิมล ว่องวาณิช (2553 : 5) ไดอ้ ภิปรายไวว้ ่าในการ พัฒนาครูเพ่ือให้ครูมีคุณภาพต้องใช้กระบวนการที่เป็ นระบบซ่ึงจากการศึกษาแนวคิดของ นักวิชาการ นักการศึกษาพบว่ากระบวนการท่ีจะใช้แกป้ ัญหาน้ีได้ดีคือการนิเทศการสอนนั่นเอง และสอดคลอ้ งกบั เยาวพา เตชะคุปต์ (2542 : 86 อา้ งถึงในกุลกาญจน์ สุวรรณรักษ,์ 2562 : 8) ท่ีได้

4 สรุปไวว้ า่ การนิเทศการสอนน้นั สามารถช่วยเหลือและแกป้ ัญหาต่างๆ ในโรงเรียนได้ เช่น ปัญหา เก่ียวกบั การนาหลกั สูตรไปใชใ้ นโรงเรียน ปัญหาเกี่ยวกบั การจดั การเรียนการสอนของครู เพราะครู จัดกิจกรรมการเรียนการสอนไม่ได้มุ่งเน้นการยึดผูเ้ รียนเป็ นสาคัญ การจัดการเรียนการสอน ไมห่ มาะสมและเอ้ือต่อการท่ีจะพฒั นาใหน้ กั เรียนมีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้นึ เป็นตน้ การนิเทศ ในศตวรรษท่ี 21 มุ่งเน้นการนิเทศท่ีเกิดจากความสมคั รใจของครูผูส้ อนในการที่จะพฒั นาการจดั การเรียนรู้ของตนตามเป้าหมายที่กาหนด ผ่านการมีส่วนร่วมของบุคลากรท่ีอยู่ในบริบทการเรียนรู้ เดียวกัน และส่งเสริมการสร้างบรรยากาศของการพฒั นาวิชาชีพครูที่มีการเก้ือกูลกันและกัน อยา่ งเป็นมิดร นอกจากน้ีการนิเทศในศตวรรษที่ 21 ยงั ตอ้ งมีการนาเทคโนโลยตี ่างๆ เขา้ มาช่วยสนบั สนุน ให้การนิเทศเป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทนั ต่อความตอ้ งการของผูร้ ับการนิเทศ โดยเฉพาะ ระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ทางการศึกษา ท่ีสามารถนามาประยุกตใ์ ชใ้ นข้นั ตอนต่าง ๆของการ นิเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็ นการติดต่อส่ือสาร การให้คาปรึกษา การเสนอแนะ แหล่งเรียนรู้ และการนิเทศออนไลน์ ซ่ึงช่วยทาให้ผูน้ ิเทศสามารถติดตามพฒั นาการของผูส้ อน ไดอ้ ย่างสม่าเสมอและต่อเนื่อง กระบวนการนิเทศดงั กล่าวขา้ งตน้ จะช่วยพฒั นาทกั ษะการสะทอ้ นคิด การประสานความร่วมมือ และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของผูส้ อน อนั จะนาไปสู่การพฒั นา สมรรถนะการจดั การเรียนรู้ในศตวรรมท่ี 21 ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ดว้ ยเหตุน้ี แนวคิดการนิเทศในปัจจุบนั จึงใหค้ วามสาคญั กบั การสร้างบรรยากาศการนิเทศ ที่เป็ นมิตร ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากรท่ีอยู่ในบริบทการเรียนรู้เดียวกนั โดยมุ่งเนน้ การนิเทศ ท่ีเกิดจากความสมัครใจของครูผูส้ อน ในการที่จะพฒั นาการจัดการเรียนรู้ของตนเองให้ดีข้ึน ตามเป้าหมายท่ีกาหนดข้ึน ดงั ที่ เกรียงศกั ด์ิ สังขช์ ยั (2552: 5) ไดก้ ล่าวถึงทิศทางการนิเทศการสอน ในปัจจุบนั ที่มุ่งเน้นการนิเทศภายในโรงเรียน โดยบุคลากรในโรงเรียนร่วมกันปรับปรุง และพฒั นา การเรียนการสอนของตนเอง โดยผูน้ ิเทศจากภายนอกจะเป็ นเพียงผูป้ ระสานงาน มีกระบวนการนิเทศ ที่ดาเนินการอย่างเป็นระบบและมีข้นั ตอนท่ีชดั เจน รวมท้งั ส่งเสริมการนิเทศภายในโรงเรียนท่ีครู ร่วมกนั นิเทศกนั เองโดยใช้เทคนิคตา่ งๆ เช่น การนิเทศแบบเพื่อนช่วยเพ่ือน(Peer coaching) แบบเพื่อน ร่วมพฒั นาวิชาชีพ (Collaborative Professional Development) หรือการนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) สอคคลอ้ งกบั ท่ี ณรงคช์ ยั ศรีศศะลกั ษณ์ (2553: 17) กล่าวไวว้ ่า การนิเทศในปัจจุบนั เน้นการดาเนินการเป็ นระบบประชาธิปไตย มีการวิเคราะห์ ผลงานที่เน้นเป้าหมาย มีการเตรียม การวางแผน ดาเนินตามแผน มีการประเมินผลอย่างต่อเน่ือง เน้นการทางานเป็ นทีม ผูบ้ ริหารร่วมกัน แกป้ ัญหาและสนบั สนุนอย่างเป็ นกลั ยาณมิตร และถือว่าการนิเทศเป็ นการกิจสาคญั ในการพฒั นา คุณภาพการศึกษา นอกจากน้ี โอลิวาและเปาลาส (Oliva and Pawlas ,2008 : 109) ยงั ไดก้ ล่าวไวว้ ่า การนิเทศการสอน ภายในโรงเรียนในปัจจุบนั และอนาคต จะม่งุ เนน้ ใน 3 มิติ คือการพฒั นาการเรียน

5 การสอน (Instruction Development) การพฒั นาหลกั สูตร(Curiculum Development) และการพฒั นา บุคลากร/วิชาชีพ (Staff Development/Professional Development) และมุ่งเน้นการปรับปรุ งพัฒนา การเรียนการสอนโดยตรงซ่ึงจะเป็ นการนิเทศ ในลกั ษณะเป็ นรายบุคคลและรายกลุ่มท่ีสอดคลอ้ งกับ ปัญหาและความตอ้ งการของครูและโรงเรียน ยง่ิ ไปกวา่ น้นั ผนู้ ิเทศการสอนจะตอ้ งมุง่ เนน้ การปฏิบตั ิงาน ตามแนวคิดการนิเทศเพื่อพฒั นาสมรรถนะการจดั การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21เพื่อการปรับปรุงและพฒั นา การเรียนรู้ของผูเ้ รียนเป็ นสาคญั โดยจะดอ้ งมีการประเมินผลการจดั การเรียนรู้ของครู และมีการ ประชุมระหวา่ งครูและผูน้ ิเทศอย่างต่อเน่ือง แนวคิดในปัจจุบนั ที่มีนักวิชาการนามาประยุกต์ใช้ใน การนิทศการจดั การเรียนการสอน ท้งั การนิเทศครูประจาการภายในระบบโรงเรียน และการนิเทศ นิสิต นักศึกษาฝึ กหัดครูที่ทาการฝึ กประสบการณ์วิชาชีพในสถาบันอุดมศึกษาอย่างได้ผล มีหลากหลายวธิ ี ไม่วา่ จะเป็น การนิเทศแบบคลินิก การนิเทศแบบประชาธิปไตย การนิเทศแบบร่วม พฒั นา การนิเทศแบบมีส่วนร่วม การนิเทศแบบพฒั นาการ และการนิเทศเพื่อการเปลี่ยนแปลง ดงั ท่ี สามารถ ทิมนาค (2554 : 494) และ รุ่ งชัชดาพร เวหะชาติ (2557: 163-184) เสนอแนวคิด กระบวนการสอนงาน และการเป็ นพ่ีเล้ียง (Coaching and Mentoring) การพฒั นาบทเรียนร่วมกนั (Lesson Study) และการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) ก็เป็ นแนวคิด ที่สามารถนามา ประยุกต์ใช้กบั การนิเทศในปัจจุบนั ท่ีมุ่งเน้นการพฒั นาการจดั การเรียนรู้ท่ีส่งผลต่อคุณภาพของ ผูเ้ รียน ผ่านกระบวนการร่วมแรงร่วมใจของบุคลากร ท่ีอยู่ในบริบทการเรียนรู้เดียวกนั โดยอาศยั ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี มาสนบั สนุนกระบวนการนิเทศใหม้ ีประสิทธิภาพยงิ่ ข้นึ อยา่ งไรก็ตาม เนื่องจากการส่ือสารและการปฏิสัมพนั ธก์ บั ครูผสู้ อนในช้นั เรียน เป็นกระบวนการ สาคญั ของการนิเทศ ผูน้ ิเทศจึงควรผสมผสานระหวา่ งการนิเทศแบบ เผชิญหนา้ ในช้นั เรียนกบั การ นิเทศผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยควรกาหนด อตั ราสัดส่วนของการนิเทศแบบเผชิญหน้า และการนิเทศผ่านระบบเครือข่ายให้พอเหมาะกับบริบทการทางานจริงของครูผูส้ อน โดยควร กาหนดการนิเทศบนเครือขา่ ยใหอ้ ยใู่ นอตั ราส่วนระหวา่ ง 30 - 79% จึงจะถือวา่ เป็นการนิเทศท่ีอาศยั หลกั การเรียนรู้แบบ ผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ในช้นั เรียนและการเรียนรู้บนเครือข่าย ดังท่ี อัลเลนและชีแมน(Allen and Seaman, 2005 : 96) การนาแนวคิดข้างต้นมาประยุกต์ใช้ใน กระบวนการนิทศ จะช่วยให้การนิเทศ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผูใ้ ห้และผูร้ ับการนิเทศใน ศตวรรษท่ี 21 ท่ีเนน้ การส่งเสริมทกั ษะการนาตนเอง การพฒั นาทกั ษะการคิดริเริ่ม การแกป้ ัญหา การรู้เท่าทนั เทคโนโลยแี ละสารสนเทศ ความร่วมมือและการทางานเป็นทีม เนื่องจากเป็นการนิเทศ ที่เกิดจากความสมคั รใจของกลุ่มครูท่ีตอ้ งการพฒั นาการสอนของตนเอง ทาให้มีแรงจูงใจภายใน ท่ีจะเรียนรู้ อีกท้งั ยงั เป็นการร่วมมือกนั ของครูท่ีอยูใ่ นบริบทการเรียนรู้เดียวกนั ทาใหม้ ีความเขา้ ใจ สภาพของการจดั การเรียนรู้ท้งั ในดา้ นเน้ือหา สภาพผเู้ รียน และ บริบทแวดลอ้ มต่างๆ จึงสามารถที่

6 จะให้ข้อมูลยอ้ นกลับ และข้อเสนอแนะเก่ียวกับการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ี การนิเทศตามแนวคิดท้ังสามจะเน้นการกาหนด เป้าหมายในการนิเทศท่ีชัดเจน ซ่ึงจะนาไปสู่ การเสริมสร้างความรู้ ความเขา้ ใจและการฝึ กฝนทกั ษะท่ีจาเป็นที่ครูผสู้ อนตอ้ งการไดร้ ับการพฒั นา ก่อนการสอน รวมท้งั ยงั ทาให้ผูน้ ิเทศสามารถกาหนดประเด็นการสังเกตการสอนในแต่ละคร้ัง ได้อย่างชดั เจน จุดเน้นที่สาคญั อีกประการหน่ึง คือ การใช้คาถามของผูน้ ิเทศในการกระตุน้ ให้ ครูผสู้ อน สะทอ้ นความคิดเกี่ยวกบั การสอนของตนเองและพฤติกรรมการเรียนรู้ของผูเ้ รียนท่ีเกิดข้ึน ในช้นั เรียนจนผสู้ อนสามารถวิเคราะห์จุดดีและจุดที่ควรตอ้ งพฒั นาดว้ ยตนเองได้ ซ่ึงจะทาให้ผูส้ อน เกิดความเขา้ ใจและสามารถท่ีจะยอมรับขอ้ เสนอแนะจากผูน้ ิเทศได้ นอกจากน้ี แนวคิดดังกล่าวยงั ส่งเสริมใหม้ ีการนาเครือข่ายทางการศึกษาออนไลน์ (Educational Social Networking) มาประยกุ ตใ์ ช้ใน การนิเทศเพ่ือให้การติดต่อส่ือสาร ระหวา่ งผใู้ หแ้ ละผรู้ ับการนิเทศเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ทนั ต่อ ความตอ้ งการและการนาไปใช้งานในช้ันเรียนโดยในทุกข้นั ตอนของการนิเทศจะมีศึกษานิเทศก์ ซ่ึงเป็ นผูท้ ี่มีประสบการณ์การสอนทาหน้าที่เป็ นผู้สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือตลอด กระบวนการสอนทาให้ครูผูร้ ับการนิเทศเกิดกาลงั ใจในการท่ีจะพฒั นาตนเองแนวทางในการนา แนวคดิ ท้งั สามไปใชใ้ นการนิเทศมีดงั ต่อไปน้ี 1. เป็นการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ท่ีเกิดจากความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการ อภิปรายสะท้อนความคิดของบุคค ลที่ อยู่ในบริ บทการเรี ยนรู้เ ดียวกันจะช่วยให้ครู ได้เ รี ยน รู้ แนวความคิดในการพฒั นาการจดั การเรียนรู้ท่ีกวา้ งขวาง และลึกซ้ึงอยา่ งเป็นกลั ยาณมิตร ไดพ้ ฒั นา ตนเองอย่างต่อเน่ือง จนไดบ้ ทเรียนท่ีมีคุณภาพสามารถนาไปใช้ในการพฒั นานักเรียนของตนเอง ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพต่อไป 2. การนิเทศที่มีการกาหนดเป้าหมายในการพฒั นาท่ีชดั เจน มีการส่งเสริมความรู้ และฝึกฝน ทักษะจาเป็ นก่อนการจัดการเรียนการสอน จะทาให้ศึกษานิเทศก์สามารถให้ข้อเสนอแนะ แก่ครูผูส้ อนได้ตรงตามจุดเน้นที่ต้องการพฒั นา และทาให้ครูสามารถพฒั นาตนเองได้ตรงตาม เป้าหมายที่กาหนด 3. การนาเทคโนโลยีมาใช้ในการนิเทศ จะช่วยให้ครูผูส้ อนสามารถวิเคราะห์การสอน ไดอ้ ย่างชดั เจน ช่วยเพ่ิมช่องทางและเวลาในการติดต่อสื่อสารและให้คาปรึกษา และสามารถสะทอ้ น ผลการสอนระหว่างศึกษานิเทศก์และครู ได้ทนั ต่อความต้องการในการใช้งานจริงในช้ันเรียน การนาแนวทางข้างต้นมาปรับใช้ในกระบวนการนิเทศ จะช่วยให้ครูผูส้ อนได้รับการพัฒนา ความสามารถในการจดั การเรียนรู้ผ่านการร่วมแรงร่วมใจของบุคลากรในบริบทการเรียนรู้เดียวกนั ท้งั ในรูปแบบการนิเทศในช้นั เรียนและแบบออนไลน์ตลอดจนไดร้ ับขอ้ เสนอแนะและกาลงั ใจจาก

7 ศึกษานิเทศก์ จนทาให้ไดบ้ ทเรียนหรือแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ ที่สามารถนาไปใชใ้ นการ จดั การเรียนรู้ใหเ้ กิดประสิทธิผลสูงสุดแก่นกั เรียนไดต้ ามเป้าหมายท่ีกาหนด จากปลายปี พ.ศ.2562 จนถึงปัจจุบนั ท่ีมีการแพร่ระบาคโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า(COVID 2019) ทาให้ประเทศไทยมีผูต้ ิดเช้ือโควิด 2019 เป็ นจานวนมาก ส่งผลให้โรงเรียนทั่วประเทศ ไมส่ ามารถจะจดั การเรียนการสอนในโรงเรียนได้ แต่โรงเรียนก็ตอ้ งเปี ดการเรียนการสอนตามปกติ แบบวิถีใหม่ ในรูปแบบการจดั การเรียนการสอนที่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็ นแบบ Online , On-hand, On-air,On -demand หรือรูปแบบอื่นๆตามความเหมาะสมกับสภาพความพร้อมของ โรงเรียน ของครูผสู้ อน และของนกั เรียน เพื่อใหน้ กั เรียนมีคุณภาพเป็นไปตามหลกั สูตรสถานศึกษา เต็มตามศกั ยภาพของผูเ้ รียน การจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์ท่ีไม่สามารถจดั การเรียน การสอนที่โรงเรียนไดน้ ้นั โรงเรียนจะตอ้ งมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจดั การเหมาะสมกบั สภาพความ พร้อมของโรงเรียน ครูผสู้ อน และนกั เรียน โดยยดื หลกั \" โรงเรียนหยดุ เรียนที่โรงเรียน แตน่ กั เรียน ทุกคนตอ้ งไดเ้ รียนรู้ อย่างทว่ั ถึง เสมอภาค และเต็มตามศกั ยภาพ\" สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสตูล ซ่ึงเป็ นหน่วยงานหน่ึงที่ทาหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษาให้กับ โรงเรียนในสังกดั เพ่ือให้โรงเรียนสามารถจดั การศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาคโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา(COVID 2019) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล จึงไดด้ าเนินการศึกษา รวบรวมขอ้ มูลจากการรายงานสภาพการจดั การเรียนการสอนของโรงเรียน และสังเคราะห์เป็ นขอ้ เสนอแนะแนวทางการจดั การเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาค เช้ือไวรัสโคโรนา (COVID 2019) (สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล,2563 : บทสรุป) ที่สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ และสอดคลอ้ งกบั นโยบาย แนวทางของหน่วยงานตน้ สังกัด เพื่อให้ โรงเรียนไดน้ าไปเป็นแนวทางหรือปรับใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนที่เหมาะสมกบั สภาพความ พร้อมและศกั ยภาพของโรงเรียนต้งั แตป่ ี การศึกษา 2563 - ปี การศึกษา 2564 เม่ือ 31 สิงหาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็ นประธานเปิ ดงาน “Education Digital Disruption : ปลดล็อกการศึกษาไทยด้วยแพลตฟอร์ม ดิจิทัล\" พร้อมเปี ดประสบการณ์แพลตฟอร์มด้านการศึกษาเพ่ือความเป็ นเลิศ \"DEEP\" หรือ Digital Education Excellence Platform ณ โรงเรียนวดั ราชบพิธ โดยกระทรวงศึกษาธิการมีความม่งุ มนั่ ท่ีจะ ใช้ระบบการศึกษา เป็ นกลไกในการขบั เคล่ือนการพฒั นาทุนมนุษย์ (Human Capital) สู่ความเป็น เลิศโดยมุ่งเน้นให้กระบวนการทางานของกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีการ \"ปลดล็อก ปรับเปล่ียน เปิ ดกวา้ ง\" เพื่อรองรับการปฏิรูปทางการศึกษา ตามแผนงานการศึกษายกกาลงั สอง โดยมี DEEP เป็ นแพลตฟอร์มท่ีช่วยสร้างการเรียนรู้ท่ีมีหลกั สูตรต่างๆ รองรับ โดยผูเ้ รียนสามารถเลือกหัวข้อ เรียนตามสมรรถนะท่ีตอ้ งการพฒั นาได้ ในช่วงระยะแรกของ DEEP เร่ิมตน้ ให้การพฒั นาทกั ษะ

8 ดา้ นภาษาองั กฤษ และทกั ษะดา้ นดิจิทลั ใหก้ บั นกั เรียน ครู และผบู้ ริหารสถานศึกษา และประชาชน ทว่ั ไปสามารถเขา้ มาเรียนเพื่อการ Re-Skill เพ่ิมทักษะของตวั เองได้เช่นกัน สาหรับการใช้งาน บนแพลตฟอร์ม DEEP น้นั เป็ นระบบการล็อกอินคร้ังเดียว (Single Sign-on ) โดยเมื่อลงทะเบียน บน DEEP ในคร้ังแรกและได้รับอีเมลจากระบบ ก็สามารถข้าใช้ Google หรือ Microsoft ผ่าน แพลตฟอร์ม DEEP ในอนาคต กระทรวงศึกษาธิการไดว้ างแผนให้ DEEP เป็ นแพลตฟอร์มสาคญั ที่นอกจากจะช่วยพฒั นาองคค์ วามรู้ให้นกั เรียนและครูในระบบแลว้ ยงั ช่วยปรับเปล่ียนระบบการ เรียนการสอนของไทย ใหน้ กั เรียนนกั ศึกษาไดท้ าการศึกษาหาความรู้ดว้ ยตนเองนอกหอ้ งเรียน และ นามาวิเคราะห์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกบั ครูท่ีจะรับหนา้ ที่ในการเป็นผอู้ านวยความสะดวกทางการเรียน (Facilitator)( https://moe360.blog/2020/08/31/digital-education-excellence-platform/) กระทรวงศึกษาธิการ สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ โดยศูนยเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสื่อสาร จึงไดด้ าเนินการจดั ทาดิจิทลั แพลตฟอร์มเพ่ือการเรียนรู้แห่งชาติ (National Digital Learning Platform) เพ่ือเป็ นช่องทางการเรี ยนออนไลน์ผ่านระบบเทคโนโล ยีดิจิทัลของ กระทรวงศึกษาธิการ ต้งั แต่ระดับประถมศึกษาถึงระดับมธั ยมศึกษา ประกาศนียบตั รวิชาชีพถึง ประกาศนียบตั รวชิ าชีพช้นั สูง การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั รวมถึง การฝึกอบรม เพ่ือพฒั นาทกั ษะของครูและบุคลากรทางการศึกษาในกากบั กระทรวงศึกษาธิการ และขยายไปถึง ประชาชนทุกช่วงอายุทว่ั ประเทศ ที่จะไดม้ ีโอกาสสามารถเขา้ ถึงเน้ือหาทางการศึกษาที่มีคุณภาพ อนั จะนาไปสู่การเกิดผลสัมฤทธ์ิทางดา้ นการศึกษาคุณภาพของการศึกษาในภาพรวมของประเทศ โดยมีวตั ถุประสงคข์ องแพลตฟอร์มดา้ นการศึกษาเพ่ือความเป็ นเลิศ (Digital Education Excellence Platform : DEEP) ดงั น้ีคือ 1) เพ่ือเป็ นศูนยก์ ลางการเรียนออนไลน์ของผูเ้ รียน 3 กลุ่ม อนั ไดแ้ ก่ (1) ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกดั กระทรวงศึกษาธิการ (2) นกั เรียน นกั ศึกษาใน สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีครูเป็ นผู้สอนและ (3) ประชาชนทุกช่วงอายุท่ัวประเทศ 2) เพื่อเป็นศูนยก์ ลางการประเมินสมรรถนะผา่ นการเรียนออนไลน์ การฝึ กอบรม การสอบผา่ นศูนย์ พัฒนาศักยกาพบุคคลเพื่อความเป็ นเลิศ (Human Capital Excellence Center : HCEC) ครูและ บุคลากรทางการศึกษาในสังกดั กระทรวงศึกษาธิการตามมาตรฐานท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนด (1) เพอ่ื เป็นศนู ยก์ ลางในการจดั การสอนออนไลน์ของครูในสงั กดั กระทรวงศึกษาธิการ (2) เพื่อเป็น ศูนยก์ ลางสาหรับผูท้ ่ีมีความสามารถในการผลิตสื่อ สามารถนาสื่อเข้ามาไวใ้ นระบบให้ผูเ้ รียน ที่สนใจจะเรียนออนไลนเ์ ขา้ มาเลือกเรียนตามที่ตนเองตอ้ งการได้ ผูร้ ายงานเป็ นศึกษานิเทศก์ผูร้ ับผิดชอบกลุ่มงานส่งเสริมและพฒั นาสื่อนวตั กรรมเทคโนโลยี ทางการศึกษา กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสตูล ไดร้ ับมอบหมายให้เป็ น Admin แพลตฟอร์มดา้ นการศึกษาเพื่อความเป็ นเลิศ

9 “DEEP” หรื อ Digital Education Excellence Platform ระดับสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสตูล ไดด้ าเนินการใหค้ วามรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั แพลตฟอร์มดา้ นการศึกษาเพื่อความ เป็ นเลิศ “DEEP” หรือ Digital Education Excellence Platform แก่คณะผูบ้ ริหารศึกษานิเทศก์ และ บุคลากรทางการศึกษาในสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตลู คณะผบู้ ริหารสถานศึกษา และคณะครูของสถานศึกษาในสังกัด ในรูปแบบการช้ีแจงในที่ประชุมประจาเดือน และ ผ่านเอกสารทางระบบสารบรรณอิเลก็ ทรอนิคส์ และออนไลน์ จดั การอบรมให้ความรู้แก่ครูและ บุคลากรในโรงเรียนที่มีความตอ้ งการพิเศษเป็นรายโรง รวมท้งั จดั การอบรมให้ความรู้แก่ครูผ่าน กลุ่มไลน์ที่กาหนดข้ึนมาเป็ นการเรียนรู้การสร้างและการใช้ส่ือเทคโนโลยีโดยเฉพาะอยู่เสมอ จึงกาหนดการนิเทศเพื่อการพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP และดาเนินการวิจยั ตามข้นั ตอนอย่างเป็ นลาดบั รวมท้งั นาเสนอผลการวิจยั เป็ น รายละเอียดของรายงานฉบบั น้ีเป็นลาดบั ไป 2.วตั ถปุ ระสงค์ของกำรวิจยั การนิเทศเพอ่ื พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP มีวตั ถุประสงคก์ ารวจิ ยั ดงั น้ี 1. เพ่ือวิเคราะห์ผลการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) ของผรู้ ับการนิเทศ 2. เพอ่ื ใชค้ มู่ ือนิเทศ ติดตามและประเมินผลเพ่อื พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP 3. เพอ่ื วิเคราะหค์ วามพึงพอใจของผรู้ ับการนิเทศท่ีมีต่อการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) 3. สมมติฐำนกำรวจิ ยั การนิเทศเพ่อื พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP ผวู้ ิจยั ต้งั สมมติฐานการวิจยั ดงั น้ี 3.1 คู่มือการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) ของผรู้ ับการนิเทศ 3.1.1 ค่มู ือการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) สาหรับผดู้ ูแลผใู้ ชร้ ะบบ(ผบู้ ริหารสถานศึกษา)

10 3.1.2 คมู่ ือการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) สาหรับครูผสู้ อน 3.1.3 คูม่ ือการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) สาหรับนกั เรียน ที่สร้างข้ึนมีความสอดคลอ้ งและเหมาะสมอยใู่ นระดบั มาก มีระดบั คุณภาพไม่ต่ากวา่ ร้อยละ80 3.2 การประเมินผลการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา (COVID 2019)ของผรู้ ับการนิเทศ คือ 3.2.1 การประเมินผลการใช้ DEEP เพื่อพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัส โคโรนา ( COVID 2019) สาหรับผดู้ ูแลผใู้ ชร้ ะบบ(ผบู้ ริหารสถานศึกษา) 3.2.2 การประเมินผลการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) สาหรับครูผสู้ อน 3.2.3 การประเมินผลการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) สาหรับนกั เรียน แตกต่างกนั อยา่ งมีนยั สาคญั ท่ี .05 3.3 คูม่ ือนิเทศ ติดตามและประเมินผลเพอ่ื พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP ที่สร้างข้ึนมีความสอดคลอ้ งและเหมาะสมอยใู่ น ระดบั มาก มีระดบั คุณภาพไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 80 3.4 ระดบั ความพงึ พอใจของผรู้ ับการนิเทศท่ีมีต่อการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ใน สถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) คือ 3.3.1 ระดบั ความพึงพอใจของผดู้ ูแลระบบ(ผบู้ ริหารสถานศึกษา) ท่ีมีต่อการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) 3.3.2 ระดบั ความพึงพอใจของผใู้ ชร้ ะบบครูผสู้ อนท่ีมีต่อการใช้ DEEP เพื่อพฒั นา การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) 3.3.3 ระดบั ความพึงพอใจของผใู้ ชร้ ะบบนกั เรียนที่มีตอ่ การใช้ DEEP เพอื่ พฒั นา การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) มีผลการประเมินอยใู่ นระดบั มาก 4.ขอบเขตของกำรวิจัย 4.1 ประชากรและกล่มุ ตวั อย่าง 4.1.1 ประชากร การวิจยั คร้ังน้ี ประชากรคือผรู้ ับการนิเทศ มีรายละเอียดคือ

11 1) ผบู้ ริหารสถานศึกษา โรงเรียนในสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศึกษาสตลู ปี การศึกษา 2564 จานวน 159 โรง จานวน 135 คน (ไม่นบั รวมผรู้ ักษาการ ในตาแหน่งผบู้ ริหารสถานศึกษา) 2) ครูผสู้ อน ไดแ้ ก่ ครูผสู้ อนนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ในโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสดูล ปี การศึกษา 2564 จานวน 159 โรง มีครูจานวน 1386 คน 3) นกั เรียน ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ในโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล ปี การศึกษา 2564 จานวน 159 โรง มีนกั เรียนจานวน 8626 คน 4.1.2 กลุ่มตวั อยา่ ง การวจิ ยั คร้ังน้ี ผวู้ ิจยั ไดด้ าเนินการกาหนดขนาดกลุม่ ตวั อยา่ งจากการ เลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เป็นผรู้ ับการนิเทศ คอื 1) ผบู้ ริหารสถานศึกษา โรงเรียนในสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา ประถมศึกษาสตลู ปี การศึกษา 2564 จานวน 10 โรง จานวน 10 คน 2) ครูผสู้ อน ไดแ้ ก่ ครูผสู้ อนนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ในโรงเรียนสังกดั สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล ปี การศึกษา 2564 จานวน 10 โรงๆ ละ 5 คน จานวน 50 คน 3) นกั เรียน ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ในโรงเรียน สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสตูล ปี การศึกษา 2564 จานวน 10 โรงๆ ละ 10 คน จานวน 100 คน โดยกาหนดใหน้ กั เรียน โรงเรียนละ 5 คน 4.3 ขอบเขตดา้ นเน้ือหา 4.3.1 การใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) สาหรับผรู้ ับการนิเทศ 4.3.2 การนิเทศ ติดตามและประเมินผลเพื่อพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP 4.4 ตวั เปรที่วจิ ยั ประกอบดว้ ย ตวั เเปรตน้ และตวั แปรตาม 4.4.1 ตวั แปรอิสระ ไดแ้ ก่ 1) ค่มู ือการใช้ DEEP เพือ่ พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) สาหรับผรู้ ับการนิเทศ 2) คู่มือนิเทศ ติดตามและประเมินผลเพือ่ พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP

12 4.4.2 ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่ 1) ผลการประเมินการใช้ DEEP เพอื่ พฒั นาการเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา ( COVID 2019) ของผรู้ ับการนิเทศ 2) ความพงึ พอใจของผรู้ ับการนิเทศที่มีต่อการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) 4.5 ระยะเวลาในการวิจยั ระยะเวลาที่ใชใ้ นการวจิ ยั การนิเทศเพ่ือพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา (COVID 2019) โดยการใช้ DEEP ต้งั แตว่ นั ที่ 1 กนั ยายน 2563 ถึงวนั ท่ี 31 มีนาคม 2565 5. วธิ ีกำรวิจยั วิธีการวิจยั ในคร้ังน้ี เป็นวธิ ีการวิจยั เชิงปฏิบตั ิการ (Action Research)โดยผวู้ จิ ยั ไดน้ าเอา หลกั การและข้นั ตอนดาเนินการตามแนวคดิ ของเคมมิสและแมค แทกการ์ท ( Kmmis และ McTaggart, อา้ งถึงใน ประวิต เอราวรรณ์, 2545 : 3-10) โดยนามาประยกุ ตเ์ ป็นข้นั ตอนการวจิ ยั ในภาระงานของผวู้ จิ ยั เอง ซ่ึงเป็นกระบวนการวจิ ยั การนิเทศเพ่อื พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์ โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP มี 5 ข้นั ตอนดงั น้ี ข้นั ตอนที่ 1 การศึกษาขอ้ มลู พ้นื ฐานและความตอ้ งการนิเทศ ข้นั ตอนท่ี 2 การวางแผนการนิเทศ ข้นั ตอนท่ี 3 จดั ทาเครื่องมือท่ีใชใ้ นการนิเทศและการหาคุณภาพเคร่ืองมือ ข้นั ตอนท่ี 4 ดาเนินการนิเทศ ข้นั ตอนที่ 5 การประเมินผลการนิเทศ (รายละเอียดตามข้นั ตอนดงั กล่าว ขอนาเสนอในบทท่ี 3) 6.ประโยชน์ท่ีคำดว่ำจะได้รับ การนิเทศเพื่อพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP มีประโยชนท์ ี่คาควา่ จะไดร้ ับดงั ต่อไปน้ี 1. ไดท้ ราบสภาพการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP ซ่ึงเป็นขอ้ เสนอแนะสาหรับผูร้ ับการนิเทศ 2. ไดท้ ราบความคดิ เห็น และความพึงพอใจของผรู้ ับการนิเทศ ซ่ึงจะเป็นขอ้ มูลเพอื่ วาง แผนการพฒั นาการจดั การเรียนรู้ต่อไป

13 3. สามารถนาการจดั การเรียนรู้โดยการใช้ DEEP ไปขยายผลในการจดั การเรียนรู้รูปแบบ อ่ืนๆ ต่อไป 7. คำนิยำมศัพท์เฉพำะ 1. กำรนิเทศ หมายถึงกระบวนการทางานร่วมกนั ของบคุ ลากรทุกฝ่าย เพือ่ ปรับปรุงและ พฒั นาคุณภาพการศึกษาและพฒั นาผเู้ รียน โดยความร่วมมือระหวา่ งผนู้ ิเทศและผรู้ ับการนิเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ครูใหส้ ามารถจดั กิจกรรมการเรียนไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ท่ีมีวิธีการปฏิบตั ิอยา่ ง เป็นข้นั ตอนและต่อเนื่อง ถกู ตอ้ งตามหลกั วชิ าการ โดยความร่วมมือของผนู้ ิเทศและผรู้ ับการนิเทศ ตามแนวทางของประชาธิปไตยท่ีเนน้ การใหค้ วามช่วยเหลือแนะนา และการเคารพซ่ึงกนั และกนั ระหวา่ งผนู้ ิเทศกบั ผรู้ ับการนิเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อพฒั นาคณุ ภาพนกั เรียนและยกระดบั คุณภาพ 2. กำรพฒั นำกำรจดั กำรเรียนรู้ หมายถึง การกระทาหรือการหาวธิ ีการเทคนิคตา่ งๆเพ่ือใช้ ในการจดั การเรียนรู้ใหม้ ีประสิทธิภาพดีข้นึ กวา่ เดิม ทาให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ มีความสนใจในการ เรียนรู้ ช่วยใหเ้ ขา้ ใจในบทเรียน เน้ือหา สาระการเรียนรู้ที่ครูต้งั เป้าหมายไว้ 3. สถำนกำรณ์โรคไวรัสโคโรนำ ( COVID 2019) หมายถึง ช่วงเวลาท่ีมีโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา ( COVID 2019) ระบาดไปทวั่ ท้งั ประเทศ ทาใหโ้ รงเรียนตา่ งๆประสบปัญหาในการจดั การเรียนการสอน จึงตอ้ งหาวธิ ีการจดั การเรียนรู้ในรูปแบบตา่ งๆ 4. DEEP หมายถึง ช่องทางบนโลกออนไลนท์ ่ีรวบรวมขอ้ มลู ต่างๆท่ีช่วยอานวยความ สะดวกในการใชง้ านจดั การเรียนการสอนออนไลนข์ องครูและนกั เรียน อีกท้งั เป็นแหลง่ ท่ีสามารถ พฒั นาตนเองไดด้ ว้ ย 5. ผู้รับกำรนิเทศ หมายถึง 5.1 ผดู้ ูแลผใู้ ชร้ ะบบ (ผูบ้ ริหารสถานศึกษา) หมายถึง ผบู้ ริหารโรงเรียนสงั กดั สานกั งาน เขดพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล ปี การศึกษา 2564 ซ่ึงเป็นผทู้ าหนา้ ที่ Admin ของสถานศึกษา น้นั ๆ ดว้ ย 5.2 ครูผสู้ อน หมายถึง ครูผสู้ อนนกั เรียนท่ีกาลงั เรียนในช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 ของโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศกึ ษาสตูล ปี การศึกษา 2564 5.3 นกั เรียน หมายถึง นกั เรียนท่ีกาลงั เรียนในช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 ของโรงเรียนสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสตลู ปี การศึกษา 2564

14 8. กรอบแนวคดิ กำรนิเทศเพื่อพฒั นำกำรจดั กำรเรียนรู้ในสถำนกำรณ์โรคไวรัสโคโรนำ (COVID 2019) โดยกำรใช้ DEEP การนิเทศเพื่อพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) โดยการใช้ DEEP ดงั แผนภมู ิ 1 ต่อไปน้ี 1.คมู่ ือการใช้ DEEP คู่มือนิเทศ ติดตามและ 1.ผลการใช้ DEEP ประเมินผลการ เพือ่ พฒั นาการเรียนรู้ เพื่อพฒั นาการเรียนรู้ พฒั นาการจดั การเรียนรู้ ในสถานการณ์โรคไวรัส ในสถานการณ์โรค โคโรนา(COVID 2019) ในสถานการณ์โรคไวรัส ไวรัสโคโรนา (COVID ของผรู้ ับการนิเทศ 2019) โดยการใช้ DEEP 2.ความพึงพอใจของผรู้ ับ โคโรนา(COVID 2019) การนิเทศที่มีต่อการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ สาหรับผดู้ ูแลผใู้ ชร้ ะบบ ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา (COVID 2019) ( ผบู้ ริหารสถานศึกษา) 2.คู่มือการใช้ DEEP เพอ่ื พฒั นาการเรียนรู้ ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา(COVID 2019) สาหรับครูผสู้ อน 3.คมู่ ือการใช้ DEEP เพ่ือพฒั นาการเรียนรู้ ในสถานการณ์โรคไวรัส โคโรนา(COVID 2019) สาหรับนกั เรียน แผนภูมิ 1 กรอบแนวคิดการนิเทศเพือ่ พฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) โดยการใช้ DEEP

บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกย่ี วข้อง การนิเทศเพื่อพฒั นาการจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา ( COVID 2019) โดยการใช้ DEEP ผวู้ ิจยั ไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวขอ้ งกบั การดาเนินงาน ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การนิเทศการศึกษา 2. การจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรน่า ( COVID 2019) 3. DEEP 4. การวจิ ยั เชิงปฏิบตั ิการ 5. งานวิจยั ท่ีเก่ียวขอ้ ง 5.1 งานวิจยั ในประเทศ 5.2 งานวจิ ยั ต่างประเทศ 1. การนิเทศการศึกษา ปั จจุบันงานในด้านการศึกษาได้เจริ ญก้าวหน้าไปมากมีการเปล่ียนแปลงหลายๆ ประการ เช่น การเปลี่ยนแปลงหลกั สูตรความรู้ในสาขาวิชาการต่าง ๆ เพิ่มข้ึน แนวคดิ และแนวการ เรียนการสอนใหม่ๆ เพิ่มข้ึนตลอดจนการเปล่ียนแปลงจุดมุ่งหมายของการศึกษา แต่ยงั พบว่า ผูบ้ ริหาร ครูและผูเ้ กี่ยวขอ้ งบางคนยงั ไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้ทนั ต่อความเปลี่ยนแปลงปัญหา ดงั กล่าวขา้ งตน้ สามารถจะแกไ้ ขไดโ้ ดยอาศยั ผนู้ ิเทศหรือศึกษานิเทศก์ ซ่ึงมีหนา้ ที่นิเทศการศึกษา ให้ครูมีความเจริญงอกงามทางวิชาการสามารถพ่ึงตนเองได้ และนาความรู้เหล่าน้ีไปใช้ให้เป็ น ประโยชน์ในการพฒั นาการเรียนการสอนตามวตั ถุประสงคท์ ่ีวางไว้ ดงั น้นั เรื่องการนิเทศการศึกษา จึงเป็ นเรื่ องสาคัญที่ศึกษานิเทศก์ควรจะได้ศึกษาและทาความเข้าใจในรู ปแบบ หลักการ กระบวนการ และวิธีการของการนิเทศการศึกษาเพ่อื นามาใชใ้ นการพฒั นาการเรียนการสอนต่อไป เพ่ือให้เกิดความเขา้ ใจในเรื่องของการนิเทศการศึกษาดีข้ึน จึงขอนาเสนอความรู้เบ้ืองตน้ เก่ียวกบั การนิเทศการศึกษาในรายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี

16 1. ความหมายของการนิเทศ ไดม้ ีนกั วิชาการ นกั บริหารและนกั การศึกษาไดใ้ หค้ วามหมายเกี่ยวกบั การนิเทศการศึกษา (Supervision)ซ่ึงส่วนมากจะมีความหมายท่ีตรงกนั หรือใกลเ้ คยี งกนั ดงั น้ี กู๊ด (Good ,1973 : 374 ) ไดใ้ หค้ วามหมายของการนิเทศการศึกษาว่า เป็นความพยายาม ของผทู้ าหนา้ ท่ีนิเทศที่จะช่วยในการให้คาแนะนาแก่ครู หรือผอู้ ื่นที่ทาหนา้ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การศึกษา ให้สามารถปรับปรุงการสอนของตนใหด้ ีข้ึนช่วยให้เกิดความเจริญงอกงามในดา้ นอาชีพช่วยพฒั นา ความสามารถของครู แฮริส ( Harris ,1985 : 10) ได้ให้ความหมายของการนิเทศการศึกษาว่าหมายถึงสิ่งท่ี บุคลากรในโรงเรียนกระทาต่อบุคคลหรือส่ิงหน่ึงสิ่งใดโดยมีวตั ถุประสงค์เพ่ือจะคงไว้หรื อ เปลี่ยนแปลงปรับปรุงการดาเนินการเรียนการสอนในโรงเรียนมุ่งให้เกิดประสิทธิภาพในดา้ นการ สอนเป็ นสาคญั ชารี มณีศรี (2550 : 29) ได้สรุปความหมายการนิเทศว่า “เป็ นกระบวนการของความ ร่วมมือกบั ผูม้ ีหนา้ ที่เก่ียวขอ้ งเพ่ือปรับปรุงการสอนของครู และการเรียนของเด็กให้ทนั ต่อความ เปลี่ยนแปลง(Dynamic) มากกว่าเชื่องช้า (Static) ไม่ทนั สมยั ความมุ่งหมายของการนิเทศมุ่ง ส่งเสริมใหค้ รูเจริญกา้ วหนา้ ทางวชิ าชีพปรับปรุงการสอนใหด้ ีข้นึ ” ชาญชัย อาจิณสมาจาร (2548 : 1 อ้างถึงใน โชคระวี เจียมพุก 2563 : 11) ) ได้ให้ ความหมายการนิเทศการศึกษา คือกระบวนการสร้างสรรค์ ที่ไม่หยุดน่ิงในการใหค้ าแนะนา และ การช้ีช่องทางในลกั ษณะที่เป็นกนั เองแก่ครู และนกั เรียนเพื่อการปรับปรุงตวั ของเขาเองและสภาพ การเรียนการสอนเพอ่ื ให้ บรรลุ เป้าหมายทางการศึกษาที่พึงประสงค์ วชั รา เลา่ เรียนดี ( 2550 : 3) ไดใ้ หค้ วามหมายของการนิเทศวา่ หมายถึง กระบวนการ ดาเนินงานร่วมกันระหว่างผูน้ ิเทศกับผูร้ ับการนิเทศ เพ่ือให้การช่วยเหลือแนะนา และให้ความ ร่วมมือกนั ในการปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพการจดั กิจกรรมการเรียนรู้อนั จะส่งผลถึงผลการเรียนรู้ ของผเู้ รียน สรุปได้ว่า การนิเทศ หมายถึง กระบวนการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยความร่วมมือระหวา่ งผนู้ ิเทศและผรู้ ับการนิเทศที่เนน้ การใหค้ วามช่วยเหลือแนะนาและผรู้ ับการ นิเทศยอมรับ เพื่อประสิทธิภาพของการจดั การศึกษาการนิเทศจึงเป็ นกระบวนการในการแนะนา ช่วยเหลือครูให้ สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพท้งั ในด้านการพัฒนา หลกั สูตรการจดั การเรียนการสอนการวดั และประเมินผล และการจดั กิจกรรมเสริมอ่ืนๆ

17 2. ความจาเป็ นในการนเิ ทศ ในปัจจุบนั การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาใหป้ ระสบผลสาเร็จไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั กระบวนการ นิเทศการสอนเป็นองคป์ ระกอบดว้ ย ท้งั น้ีเพราะการนิเทศการสอนเป็ นกระบวนการของการทางาน ร่วมกับครู เพ่ือปรับปรุงการเรียนการสอนในช้ันเรียนให้มีประสิทธิผล ได้มีนักวิชาการและ นกั การศึกษาไดก้ ล่าวถึงความจาเป็นเก่ียวกบั การนิเทศการการศึกษาไวห้ ลายทา่ น ดงั น้ี กิติมา ปรีดีดิลก (2532 : 263 อา้ งถึงใน กุลกาญจน์ สุวรรณรักษ,์ 2562 : 6) ไดแ้ สดง ความเห็นวา่ การนิเทศการสอนมีความจาเป็นต่อกระบวนการเรียนการสอนมากดว้ ยเหตุผลที่วา่ 1. การศึกษาเป็นกิจกรรมท่ีซับซอ้ นและยงุ่ ยาก จาเป็นจะตอ้ งมีการนิเทศ 2. การนิเทศการสอนเป็นงานที่มีความจาเป็นตอ่ ความเจริญงอกงามของครู 3. การนิเทศการสอนมีความจาเป็นต่อการช่วยเหลือครู ในการเตรียมการสอน 4. การนิ เทศการสอนมีความจาเป็นต่อการทาใหค้ รูเป็นบุคคลที่ทนั สมยั อยเู่ สมอ อนั เน่ืองมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสงั คมที่มีอยตู่ ลอดเวลา กรองทอง จิรเดชากุล (2550 : 4) ท่ีไดส้ รุปเก่ียวกบั ความจาเป็นของการนิเทศการการสอน ที่สอดคลอ้ งกนั ไวว้ า่ การนิเทศการสอนเป็นการปรับปรุงคุณภาพของการจดั การศึกษา การพฒั นา สถานศึกษา ครูและผทู้ ี่เก่ียวขอ้ งเขา้ สู่มาตรฐานการศึกษา รวมท้งั เป็นการประสานงานให้เกิดการ ปฏิบัติที่ดีท่ีมีประสิทธิภาพในสถานศึกษา ท้ังน้ี เน่ืองจากสังคมมีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ ด้าน ตลอดเวลา สาเร็จ ยรุ ชยั (2556 : 101) ไดส้ รุปถึงความจาเป็นของการนิเทศการศึกษาที่สอดคลอ้ ง กนั ไว้ ดงั น้ี 1. สภาพสงั คมเปล่ียนไปทุกขณะการศึกษาจาเป็นตอ้ งเปล่ียนแปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั การเปล่ียนแปลงของสังคมดว้ ยการนิเทศการศึกษาจะช่วยทาใหเ้ กิดความเปล่ียนแปลงข้นึ ใน องคก์ ารที่เก่ียวขอ้ งกบั การศึกษา 2. ความรู้ในสาขาวชิ าต่างๆ เพม่ิ ข้ึนโดยไม่หยดุ ย้งั แมแ้ นวคดิ ในเร่ืองการจดั กระบวนการ เรียนรู้กเ็ กิดข้นึ ใหม่อยตู่ ลอดเวลา การนิเทศการศึกษาจะช่วยทาใหค้ รูมีความรู้ทนั สมยั อยเู่ สมอ 3. การแกไ้ ขปัญหาและอปุ สรรคตา่ ง ๆ เพอื่ ใหก้ ารจดั กิจกรรมการเรียนรู้ พฒั นาข้นึ จาเป็นตอ้ งไดร้ ับการช้ีแนะหรือการนิเทศการศึกษาจากผชู้ านาญการโดยเฉพาะจึงจะทาใหแ้ กไ้ ข ปัญหาไดส้ าเร็จลลุ ว่ ง 4. การศึกษาของประเทศเพอื่ ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ จะตอ้ งมีการ ควบคุมดูแลดว้ ยระบบการนิเทศการศึกษา

18 5. การศึกษาเป็นกิจกรรมที่ซบั ซอ้ น จาเป็นที่จะตอ้ งมีการนิเทศเพ่ือเป็นการใหบ้ ริการ แก่ครูท่ีมีความสามารถตา่ งๆ กนั 6. การนิเทศการศึกษาเป็นงานที่มีความจาเป็นต่อความเจริญงอกงามของครู แมว้ า่ ครู จะไดร้ ับการฝึกฝนมาอยา่ งดี แลว้ ก็ตาม แต่ครูก็จะตอ้ งปรับปรุงฝึกฝนตนเองอยเู่ สมอในขณะ ที่ทางานในสถานการณ์จริง 7. การนิเทศการศึกษามีความจาเป็นตอ่ การช่วยเหลือครูในการเตรียมการจดั กิจกรรม 8. การนิเทศการศึกษามีความจาเป็นต่อการทาใหค้ รูเป็นบคุ คลที่ทนั สมยั อยเู่ สมอ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสงั คมที่มีอยเู่ สมอ อญั ชลี ธรรมะวธิ ีกุล (2552 : 25-26) เสนอแนวคดิ เก่ียวกบั ความจาเป็นในการนิเทศ การศึกษา ดงั น้ี 1. การปฏิรูปการศึกษา เน่ืองจากนโยบายของรัฐบาล จาเป็นอยา่ งยง่ิ ท่ีจะตอ้ งปฏิรูป การศึกษาใหไ้ ดม้ าตรฐานโดยเฉพาะการทางานของครูในสภาพ แวดลอ้ มท่ีกาลงั เปลี่ยนแปลง ทางดา้ นการศึกษาและเทคโนโลยดี า้ นดิจิทลั เพอ่ื พฒั นาเศรษฐกิจและสงั คม 2. การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การศึกษา จาเป็นตอ้ งเปล่ียนแปลงใหส้ อดคลอ้ งกบั การ เปล่ียนแปลงของสังคม การนิเทศการศึกษาจะช่วยทาใหเ้ กิดความเปลี่ยนแปลงข้ึนในองคก์ าร ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การศึกษาคือโรงเรียนหรือสถานศึกษา 3. การเจริญกา้ วหนา้ ของศาสตร์วิชาความรู้ ความรู้ในสาขาวชิ าตา่ งๆ เพ่มิ ข้ึนโดยไมห่ ยดุ ย้งั แมแ้ นวคิดในเร่ืองการจดั กระบวนการเรียนรู้กเ็ กิดข้ึนใหม่อยตู่ ลอดเวลา การนิเทศการศึกษาจะช่วย ทาใหค้ รูมีความรู้ทนั สมยั อยเู่ สมอ 4. การนิเทศการศึกษาเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับวา่ สามารถพฒั นางานได้ การแกไ้ ขปัญหา และอปุ สรรคตา่ งๆ เพอื่ ใหก้ ารจดั กิจกรรมการเรียนรู้พฒั นาข้ึน จาเป็นตอ้ งไดร้ ับการช้ีแนะหรือการ นิเทศการศึกษาจากผชู้ านาญการโดยเฉพาะจึงจะทาใหแ้ กไ้ ขปัญหาไดส้ าเร็จลุล่วง 5. การจดั การศึกษาของประเทศเพ่อื ใหเ้ ป็นไป ตามมาตรฐานการศึกษาของชาติ จะตอ้ งมี การควบคมุ ดูแลดว้ ยระบบการนิเทศการศึกษา 6. การนิเทศการศึกษาเป็นกิจกรรมท่ีมีความจาเป็นต่อการพฒั นาการทางานของครู แมว้ า่ ครู จะไดร้ ับการฝึกฝนมาอยา่ งดีแลว้ กต็ าม แตค่ รูกจ็ ะตอ้ งปรับปรุงฝึกฝนตนเองอยเู่ สมอในขณะท่ี ทางานในสถานการณ์จริง 7. ครูยงั ตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาในหลายๆ ดา้ นการนิเทศการศึกษา มีความจาเป็นต่อการ ช่วยเหลือครูในการเตรียมการจดั กิจกรรม

19 8. การพฒั นาครูใหท้ นั สมยั การนิเทศการศึกษามีความจาเป็นตอ่ การทาใหค้ รูเป็นบคุ คล ท่ีทนั สมยั อยเู่ สมอเนื่องจากการเปล่ียนแปลงทางสงั คมท่ีมีอยเู่ สมอ สรุปไดว้ า่ ผมู้ ีหนา้ ท่ีนิเทศ จึงควรจะตอ้ งจดั ดาเนินการเพื่อช่วยเหลือครูใหม้ ีความสามารถ ในการปรับปรุงพฒั นาเทคนิคการสอน การทางานเพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ตามท่ีหลกั สูตร การศึกษา ข้ันพ้ืนฐานคาดหวงั ไว้ อันจะทาให้การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ของครูก้าวทันโลกท่ีกาลังเจริญ กา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยแี ละก่อใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ผเู้ รียนอยา่ งเตม็ ท่ี 3. จดุ มุ่งหมายของการนิเทศ ในการนิเทศการสอนแต่ละคร้ังจะตอ้ งมีการกาหนดจุดมุ่งหมายการนิเทศเพ่ือเป็นแนวทาง ในการดาเนินการนิเทศการสอนที่ชดั เจน เพื่อจะใหเ้ กิดผลที่ตอ้ งการมีนกั วิชาการและนกั การศึกษา หลายทา่ นได้ กลา่ วถึงเก่ียวกบั ความมุ่งหมายของการนิเทศการสอนไวอ้ ยา่ งสอดคลอ้ งกนั เช่น วชั รา เล่าเรียนดี (2556 : 6) ซ่ึงไดแ้ สดงความคดิ เห็นวา่ จุดมุ่งหมายของการนิเทศการสอน เป็ นการปรับปรุงกระบวนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ เป็ นการส่งเสริมและพฒั นาความ เจริญกา้ วหนา้ ในวิชาชีพครู ท่ีส่งผลโดยตรงตอ่ ผลการเรียนรู้ของผเู้ รียน สร้างขวญั และกาลงั ใจ และ สร้างความสมั พนั ธท์ ่ีดีระหวา่ งบุคคลที่เกี่ยวขอ้ งในการทางานร่วมกนั โดยอาศยั การนิเทศช่วยเหลือ แนะนาให้ความรู้และการฝึ กปฏิบตั ิด้านการพฒั นาหลกั สูตร เทคนิควิธีการเรียนการสอนใหม่ ๆ การใช้และการสร้างสื่อนวตั กรรมด้านการสอนและการทาวิจยั ในช้ันเรียน เพื่อให้ครูสามารถ ปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรี ยนการสอนหรื องานในวิชาชีพของตนเองอย่างต่อเน่ือง มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดตามเป้าหมาย กิติมา ปรีดีดิลก (2532 : 264 อา้ งถึงใน สาเร็จ ยรุ ชยั , 2556 : 108) ไดส้ รุปจุดมงุ่ หมายของ การนิเทศการสอนไวว้ า่ เพื่อช่วยให้ครูคน้ หาและรู้วิธีการทางานดว้ ยตนเอง รู้จกั แยกแยะ วิเคราะห์ ปัญหาของตนเอง โดยให้ครูรู้ว่าอะไรที่เป็ นปัญหาท่ีกาลังเผชิญอยู่และจะแก้ปัญหาเหล่าน้ัน ได้อย่างไร รู้สึกม่ันคงในอาชีพและมีความเช่ือม่ันในความสามารถของตน คุ้นเคยกับแหล่ง วิทยาการ และสามารถนาไปใชใ้ นการจดั การเรียนการสอนได้ เผยแพร่ให้ชุมชนเขา้ ใจถึงแผนการ จดั การศึกษาของโรงเรียนและใหก้ ารสนบั สนุนโรงเรียน ตลอดจนเขา้ ใจปรัชญาและความตอ้ งการ ทางการศึกษา สงดั อุทรานนั ท์ (2530 : 12 อา้ งถึงใน สาเร็จ ยุรชยั ,2556 : 108) ไดส้ รุปถึงจุดมุ่งหมาย ของการนิเทศการศึกษาวา่ มีจุดมุ่งหมายที่สาคญั 4 ประการ ดงั ต่อไปน้ี 1. เพ่ือพฒั นาคน หมายถึง การนิเทศการศึกษาเป็ นกระบวนการทางานร่วมกันกับครู และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา เพ่ือให้ครูและบุคลากรได้ เปล่ียนแปลงพฤติกรรมในทางท่ีดีข้ึน

20 2. เพือ่ พฒั นางานการนิเทศการศึกษา หมายถึง การนิเทศการศึกษาท่ีมีเป้าหมายสูงสุดอยทู่ ี่ ผเู้ รียน ซ่ึงเป็นผลผลิตจากการจดั กระบวนการเรียนรู้ของครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเหตุน้ี การนิเทศท่ีจดั ข้ึนจึงมีจุดมุ่งหมายท่ีจะ “พฒั นางาน” คือการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนที่ดีข้นึ 3. เพื่อสร้างการประสานสมั พนั ธ์การนิเทศการศึกษา หมายถึง การนิเทศการศึกษาเป็นการ สร้างการประสานสัมพนั ธ์ระหว่างผูน้ ิเทศและผูร้ ับการนิเทศ ซ่ึงเป็ นผลมาจากการทางานร่วมกนั รับผิดชอบร่วมกนั มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซ่ึงกันและกนั ซ่ึงไม่ใช่เป็ นการทางานภายใตก้ ารถูก บงั คบั และคอยตรวจตราหรือคอยจบั ผดิ 4. เพื่อสร้างขวญั และกาลงั ใจ หมายถึง การจดั กิจกรรมการนิเทศท่ีมงุ่ ใหก้ าลงั ใจแก่ครูและ บุคลากรทางการศึกษา ซ่ึงถือว่าเป็ นจุดมุ่งหมายที่สาคญั อีกประการหน่ึงของการนิเทศ เน่ืองจาก ขวญั และกาลงั ใจเป็ นส่ิงสาคญั ท่ีจะทาให้บุคคลมีความต้งั ใจทางานหากนิเทศไม่ไดส้ ร้างขวญั และ กาลงั ใจแก่ผปู้ ฏิบตั ิงานแลว้ การนิเทศการศึกษาก็ยอ่ มประสบผลสาเร็จไดย้ าก สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน (2550 : 2) ไดส้ รุปสาระสาคญั เก่ียวกบั จุดมงุ่ หมายของการนิเทศการสอนไวว้ า่ งานนิเทศการศึกษาเป็นงานท่ีปฏิบตั ิกบั ครู เพื่อใหเ้ กิดผล ตอ่ คณุ ภาพผเู้ รียนโดยตรง โดยมีจุดมงุ่ หมายที่สาคญั คือ 1. เพอื่ ช่วยพฒั นาความสามารถของครูผสู้ อน 2. เพื่อช่วยใหค้ รูสามารถวเิ คราะหป์ ัญหาและหาแนวทางแกไ้ ขปัญหาไดด้ ว้ ยตนเอง 3. เพอ่ื ช่วยใหค้ รูคน้ หาวิธีการทางานดว้ ยตนเอง 4. เพ่ือช่วยใหค้ รูมีความศรัทธาในวิชาชีพของตน 5. เพอื่ ช่วยใหค้ รูมีความกา้ วหนา้ ในวชิ าชีพ 6. เพื่อช่วยใหค้ รูมีทกั ษะในการปฏิบตั ิงาน เช่นการพฒั นาหลกั สูตร การปรับปรุง การเรียนการสอน การใชแ้ ละผลิตสื่อการสอน การวดั และประเมินผล เป็นตน้ 7. เพอื่ ช่วยครูใหส้ ามารถทาวิจยั ในช้นั เรียนได้ สรุปไดว้ ่าการนิเทศมีจุดมุ่งหมายเพ่ือมุ่งให้การช่วยเหลือ แนะนา และสนับสนุนให้ครู ได้รับการพฒั นางานในวิชาชีพของตนเองให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอันจะส่งผลต่อ พฒั นาการการเรียนรู้ของผูเ้ รียน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบนั ที่มีการเปล่ียนแปลงทางสังคม (Social Change) อยา่ งรวดเร็วในทกุ ๆ ดา้ น 4. ประเภทการนเิ ทศการศึกษา การนิเทศการศึกษา (อญั ชลี ธรรมะวิธีกุล, 2552 : 25) อาจแบ่งออกตามวิธีปฏิบัติงาน เป็น 4 ประเภท

21 1.การนิเทศเพื่อป้องกนั (Preventive) การนิเทศเพ่ือการแกไ้ ข (Correction) เป็ นการนิเทศ ท่ีเกิดจากการพบขอ้ ผิดพลาดและบกพร่องก็ใหห้ าทาง ช่วยแกไ้ ขโดยวธิ ีการตา่ งๆ 2. การนิเทศเพื่อการแก้ไข (Correction) เป็ นการนิเทศท่ีพยายามหาวิธีการต่างๆ มาจัด ดาเนินงานเพอ่ื ป้องกนั ปัญหาตา่ งๆ ที่จะเกิดข้ึน 3. การนิเทศเพื่อก่อ (Construction) เป็นการนิเทศที่เกิดจากความพยายามท่ีจะกระทาในทาง ท่ีเหมาะสมเพ่ือความเจริญเติบโตในอนาคต เช่น การใช้ระเบียบวิธีสอนท่ีดีเป็ นประจาช่วยให้ กาลงั ใจ ช่วยกระตนุ้ ใหค้ รูทางานดว้ ยความกระฉบั กระเฉง 4. การนิเทศเพ่ือการสร้างสรรค์ (Creation) เป็ นการนิเทศท่ีพยายามจะคิดสร้างสรรค์ ในสิ่งใหมๆ่ ใหเ้ กิดมีข้ึนในโรงเรียน สรุปไดว้ ่า การนิเทศท้งั 4 ประเภทจะช่วยทาให้การศึกษามีประสิทธิภาพอีกท้งั ยงั ป้องกนั ไม่ใหเ้ กิดปัญหาต่างๆ ไม่วา่ จะเป็นปัญหาทางผปู้ กครองหรือปัญหาในชุมชน เพียงแต่ผบู้ ริหารและ บุคลากรทกุ คนรับฟังและช่วยเหลือกนั ในการแกป้ ัญหาใหถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมเทา่ น้นั 5. หลกั สาคัญของการนิเทศ หลกั สาคญั ของการนิเทศการศึกษา หลกั การนิเทศน้ีมีผูก้ าหนดไวห้ ลายคนแตกต่างกัน โดยจะยกตวั อยา่ งหลกั การของต่างประเทศ และหลกั การในประเทศให้เป็นแนวทางในการพิจารณา ดงั น้ี บริกส์ และจสั ทแ์ มน (Briggs and Justman : 1952 : 108-109) ไดเ้ สนอหลกั การนิเทศสาหรับ ผเู้ ก่ียวขอ้ งไวด้ งั น้ี 1. การนิเทศการศึกษาตอ้ งเป็นประชาธิปไตย 2. การนิเทศการศึกษาจะตอ้ งเป็นการส่งเสริมและการสร้างสรรค์ 3. การนิเทศการศึกษาควรจะตอ้ งอาศยั ความร่วมมือของวิทยากรหลายคนมากกวา่ ท่ีจะแบง่ ผนู้ ิเทศออกเป็นรายบุคคล 4. การนิเทศการศึกษา จะตอ้ งคานึงถึงความถนดั ของแตล่ ะบคุ คล 5. จุดมุ่งหมายสูงสุดของการนิเทศการศึกษา คือหาทางช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดความรู้ความสามารถ ตามความมุง่ หมายของการศึกษา 6. การนิเทศการศึกษาจะตอ้ งเก่ียวขอ้ งอยกู่ บั การส่งเสริมความรู้สึกอบอุ่นใหแ้ ก่ครู และการสร้างมนุษยส์ ัมพนั ธอ์ นั ดีระหวา่ งหมคู่ ณะ 7. การนิเทศการศึกษาควรเร่ิมตน้ จากสภาพการณ์ปัจจุบนั ที่กาลงั ประสบอยู่ 8. การนิเทศการศึกษาควรเป็นการส่งเสริมความกา้ วหนา้ และความพยายามของครู ใหส้ ูงข้ึน

22 9. การนิเทศการศึกษาควรเป็ นการส่งเสริม และปรับปรุงสมรรถวิสัย ทัศนคติ และ ขอ้ คิดเห็นของครูใหถ้ กู ตอ้ ง 10. การนิเทศการศึกษาควรต้งั อยบู่ นหลกั การและเหตผุ ล 11. การนิเทศการศึกษาควรต้งั อยบู่ นรากฐานของการพฒั นาวชิ าชีพมากกวา่ จะเป็น ความสัมพนั ธ์ส่วนบคุ คล 12. การนิเทศการศึกษา พยายามหลีกเล่ียงการกระทาอยา่ งเป็นพธิ ีการมาก ๆ 13. การนิเทศการศึกษาควรใชเ้ คร่ืองมือ และกลวิธีง่าย ๆ 14. การนิเทศการศึกษาควรมีจุดมงุ่ หมายที่แน่นอน และสามารถประเมินผลไดด้ ว้ ยตนเอง สรุปได้ว่า หลักการของการนิเทศการศึกษา เป็ นหลักการที่สามารถจะนาไปใช้ในการ ดาเนินการนิเทศของผู้นิเทศเป็ นแนวทางในการปฏิบัติการนิเทศการศึกษาของหน่วยงาน ทางการศึกษา ซ่ึงประกอบดว้ ยหลกั การท่ีสาคญั คือหลกั ของการมุ่งประโยชน์เพื่อการพฒั นาครู เป็ นสาคญั หลกั แห่งความร่วมมือของผูบ้ ริหาร ผูน้ ิเทศและครู หลกั ของการสร้างสัมพนั ธภาพบน ความเท่าเทียมและการยอมรับซ่ึงกนั และกนั หลกั ของความเป็นระบบและมีความต่อเนื่อง และหลกั ของ ความยดื หยนุ่ ใหอ้ ิสระในการพฒั นาตนเอง 6. กระบวนการนิเทศการศึกษา จิติมา วรรณศรี (2557 : 113) กลา่ วถึงกระบวนการนิเทศการศึกษาวา่ นกั วิชาการท้งั ในและ ต่างประเทศได้นาเสนอกระบวนการในการดาเนินการนิเทศท่ีมีท้งั ส่วนคลา้ ยคลึงและส่วนที่แตกต่าง เพอ่ื ใหก้ ารนิเทศสอดคลอ้ งกบั ปัญหาและความตอ้ งการตามบริบทของสถานศึกษาการมีประยุกตใ์ ช้ กระบวนการวิจยั และกระบวนการบริหาร PDCA รายละเอียดดงั น้ี ข้ันตอนที่ 1 การสารวจสภาพและปัญหา เป็ นการสารวจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ สภาพการณ์ปัจจุบนั และปัญหาในการดาเนินงาน ข้นั ตอนที่ 2 การวางแผนการนิเทศ เป็ นการร่วมกันพิจารณาวางแผนกาหนดแนวทาง วิธีการหรือเทคนิคต่าง ๆ ที่จะใชใ้ นการนิเทศการศึกษา วิธีการท่ีเลือกใชน้ ิเทศควรให้เหมาะสมกบั สภาพการณ์ของสถานศึกษา ข้นั ตอนท่ี 3 การดาเนินการนิเทศเป็ นการดาเนินการนิเทศภายในโดยผูน้ ิเทศที่ได้รับ มอบหมายปฏิบตั ิการนิเทศตามกาหนดการในปฏิทินการนิเทศดว้ ยเทคนิคหรือวิธีท่ีไดว้ างแผนไว้ ข้นั ตอนที่ 4 การประเมินผลและปรับปรุง เป็ นการตรวจสอบการบรรลุจุดมุ่งหมายและ การแกป้ ัญหาในการนิเทศโดยใชว้ ิธีการประชุมผูน้ ิเทศเพ่ือวิเคราะห์ขอ้ มูลจากการดาเนินการนิเทศ ตามแผนที่กาหนด

23 แฮริส (Harris; อา้ งถึงใน อญั ชลี ธรรมะวิธีกุล , 2552 : 29) ไดก้ าหนดข้นั ตอนของ กระบวนการนิเทศการศึกษาไวด้ งั น้ี 1. ข้นั วางแผน (Planning,P) ไดแ้ ก่ การคดิ การต้งั วตั ถุประสงค์ การคาดการณ์ลว่ งหนา้ การกาหนดตารางงาน การคน้ หาวิธีปฏิบตั ิงาน และการวางโปรแกรมงาน 2. ข้นั การจดั โครงการ (Organizing) ไดแ้ ก่ การต้งั เกณฑม์ าตรฐาน การรวบรวมทรัพยากร ท่ีมีอยู่ท้ังคนและวสั ดุอุปกรณ์ความสัมพันธ์แต่ละข้ัน การมอบหมายงาน การประสานงาน การกระจายอานาจตามหนา้ ที่ โครงสร้างขององคก์ าร และการพฒั นานโยบาย 3. ข้นั การนาเขา้ สู่การปฏิบตั ิ (Leading) ไดแ้ ก่ การตดั สินใจ การเลือกสรรบุคคล การเร้าจูงใจ ให้มีกาลงั ใจคิดริเร่ิมอะไรใหม่ ๆ การสาธิต การจูงใจ และให้คาแนะนา การสื่อสาร การกระตุน้ ส่งเสริมกาลงั ใจ การแนะนานวตั กรรมใหม่ ๆ และใหค้ วามสะดวกในการทางาน 4. ข้นั การควบคุม (Controlling) ไดแ้ ก่ การส่ังการ การใหร้ างวลั การลงโทษ การใหโ้ อกาส การตาหนิการไลอ่ อก และการบงั คบั ใหก้ ระทาตาม 5. ข้นั ประเมินผล (Appraising) ไดแ้ ก่ การตดั สินการปฏิบตั ิงาน การวิจยั และการวดั ผลการ ปฏิบตั ิงาน กิจกรรมท่ีสาคญั คอื พิจารณาผลงานในเชิงปฏิบตั ิวา่ ไดผ้ ลมากนอ้ ยเพยี งใด และวดั ผล ดว้ ยการประเมินอยา่ งมีแบบแผน มีความเที่ยงตรง ท้งั น้ีควรจะมีการวิจยั ดว้ ย 6. การนาทางเลือก ท่ีเลือกไวไ้ ปทดลองใช้ (Implementation) เป็นข้นั ดาเนินการ (Doing, D) 7. การประเมินผลการทดลอง เพ่อื พิจารณาดูวา่ ไดผ้ ลตามวตั ถปุ ระสงคห์ รือไม่ เป็นข้นั ตอน การ ตรวจสอบ (Check, C) 8. การปรับปรุงแกไ้ ขส่วนท่ีบกพร่องหลงั จากทดลองดูแลว้ กระบวนการของเดม่ิงเป็นข้นั พฒั นา (Action, A) สรุปไดว้ ่า กระบวนการนิเทศการศึกษาเป็ นการทางานอย่างมีแบบแผน โดยเริ่มจากการ วิเคราะหง์ านการเรียนการสอนของครู เพ่ือจะไดท้ ราบปัญหา ระบุปัญหาที่จะตอ้ งรีบแกไ้ ขปรับปรุง ก่อนหลังแล้ว จึงวางแผนที่จะดาเนินการโดยหาทางเลือกท่ีจะแก้ปัญหาท่ีดีที่สุด ต่อจากน้ัน ก็ดาเนินการตามแนวข้นั ตอนตามลาดบั จนถึงข้นั การประเมินผลการปฏิบตั ิงานแลว้ จึงนาผลการ ปฏิบตั ิไปปรับปรุงแกไ้ ขต่อไป 7. วิธดี าเนนิ การการนเิ ทศการศึกษา นิตยา เปล้ืองนุช ( 2554 : 107- 109) ไดก้ ล่าวถึงวธิ ีการดาเนินการจดั การนิเทศสามารถ ดาเนินการเป็นข้นั ตอนตามลาดบั ดงั น้ี 1. ข้นั ตอนการวางแผนการนิเทศมีขอ้ ปฏิบตั ิ ดงั น้ี

24 1. 1 เริ่มจากการรับรู้สภาพปัจจุบนั ปัญหา และความตอ้ งการร่วมกันของบุคลากร ภายในโรงเรียน ถา้ หากผูบ้ ริหารหรือผูน้ ิเทศดาเนินงานไปโดยท่ีครูและบุคลากรผูเ้ ก่ียวขอ้ งยงั ไม่ ทราบว่าเป็ นปัญหาหรือยงั ไม่เห็นความจาเป็ นท่ีจะตอ้ งกระทา ครูและบุคลากรเหล่าน้ันก็มกั จะ ไม่ให้ความสาคญั หรือไม่มีความสนใจในการปฏิบตั ิงาน ดงั น้นั ในการวางแผนงานจึงควรจัดใหม้ ี การประชุมช้ีแจง ประชุมระดมความคิดเห็นหรือวิธีการสอนอ่ืนใดก็ได้เพื่อให้ครูผูร้ ับการนิเทศ ไดร้ ับรู้การนิเทศ ไดร้ ับรู้ว่าตวั เขาเองเป็ นบุคคลหน่ึงท่ีจะตอ้ งร่วมแกป้ ัญหาหรือดาเนินการอย่าง หน่ึงอยา่ งใดเพ่ือใหค้ ณุ ภาพการจดั การศึกษาของโรงเรียนดีข้ึนกวา่ เดิม 1.2 เม่ือผเู้ ก่ียวขอ้ งท้งั 3 ฝ่าย คือผบู้ ริหาร ผนู้ ิเทศ และผรู้ ับการนิเทศไดร้ ับรู้และยอมรับ ปัญหาและความตอ้ งการร่วมกันแลว้ ผูด้ าเนินการนิเทศก็จะเป็ นผูน้ าในการวิเคราะห์หาสาเหตุ ของปัญหากาหนดจุดประสงค์ กาหนดทางเลือกการแกป้ ัญหาและกาหนดการดาเนินการนิเทศ 1.3 หลงั จากการดาเนินการวางแผนการนิเทศจนกระทงั่ ไดแ้ นวทางในการดาเนินการ แลว้ ก็จะตอ้ งจัดสรรบุคลากรและมอบหมายงานให้บุคลากรฝ่ ายต่าง ๆ รับผิดชอบในข้นั ตอนน้ี ผูบ้ ริหารจะตอ้ งรับรู้ถึงบทบาทหนา้ ท่ีและความรับผิดชอบของบุคคลฝ่ ายต่าง ๆ จากน้นั จึงใหค้ วาม สนใจและคอยเอาใจใส่ตอ่ การปฏิบตั ิงานของบุคคลเหล่าน้ี โดยตลอดระยะเวลาการดาเนินงาน 2. ข้นั ตอนการใหค้ วามรู้ก่อนการนิเทศการท่ีจะดาเนินการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผูร้ ับการ นิเทศหรือจะให้ผูร้ ับการนิเทศปฏิบัติงานอย่างใดก็จาเป็ นจะตอ้ งให้ความรู้ความเขา้ ใจในสิ่งท่ีจะ ปฏิบตั ิเสียก่อนสาหรับข้นั ตอนน้ีมีขอ้ เสนอแนะในการดาเนินงานนิเทศการศึกษาภายในโรงเรียน ดงั น้ี 2.1 การให้ความรู้เก่ียวกับการปฏิบัติงานก่อนที่จะดาเนินการปฏิบัติจริงน้ันอาจ ดาเนินการโดยบุคลากรภายในโรงเรียนที่มีความรู้ความสามารถในเร่ืองน้ัน ๆ หรืออาจจะเชิญ วิทยากรผทู้ รงคณุ วฒุ ิจากหน่วยงานภายนอกก็ ได้ 2.2 ในกรณีที่เชิญวิทยากรจากภายนอกมาให้ความรู้น้ัน ผูบ้ ริหารจาเป็ นจะต้อง มอบหมายใหค้ ณะผนู้ ิเทศเป็นผตู้ ิดตามแนวความคิดจากวทิ ยากรเพ่ือนาไปสู่การปฏิบตั ิที่ถกู ตอ้ ง 2.3 ถึงแม้ผูบ้ ริหารโรงเรียนจะไม่อยู่ในฐานะเป็ นผูด้ าเนินการให้ความรู้หรือได้รับ มอบหมายให้ผูอ้ ่ืนรับผิดชอบโครงการนิเทศไปแลว้ ก็ตาม หากเป็ นไปไดผ้ ูบ้ ริหารโรงเรียนควรจะ ร่วมรับฟังวิทยาการใหม่ ๆ จากวิทยากรไปพร้อม ๆ กับครูผูร้ ับการนิเทศดว้ ยการเขา้ ร่วมกิจกรรม ของผบู้ ริหารจะบงั เกิดผลดี 3 ประการ คือ ประการแรก ทาใหผ้ บู้ ริหารมีความเขา้ ใจถึงหลกั การหรือ แนวความคิดใหม่ท่ีครูและบุลากรในโรงเรียนจะไดป้ ฏิบตั ิอนั จะก่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจตรงกนั ในการ ปฏิบัติงาน ประการท่ีสอง หากเกิดปัญหาหรื ออุปสรรคใดหรือต้องการความช่วยเหลือสิ่งใด ผูบ้ ริหารสามารถจะตัดสินใจช่วยเหลือไดอ้ ย่างถูกตอ้ งทันที และประการสุดทา้ ย การเข้าร่วม

25 กิจกรรมของผูบ้ ริหารจะมีผลต่อการเอาใจใส่และความต้งั ใจของผูร้ ับการนิเทศ ท้งั น้ีเพราะครูและ บุคลากรต่าง ๆ โดยทวั่ ไปจะมีความยาเกรงผบู้ ริหารโรงเรียนนนั่ เอง หลงั จากการใหค้ วามรู้แก่ผรู้ ับ การนิเทศได้เสร็จสิ้น ควรจัดให้มีช่วงเวลาสาหรับสร้างขอ้ ตกลงในการทางานดว้ ย ขอ้ ตกลงน้ี จะเป็นเสมือนแนวทางในการทางานและจะเป็นเสมือนกฎหรือระเบียบหรือสัญญาตอ่ กลุ่ม ซ่ึงจะมี ผลตอ่ ความตอ้ งใจและเอาจริงกบั การปฏิบตั ิงานของผูร้ ับการนิเทศเป็นอยา่ งมาก 3. ข้นั การดาเนินการปฏิบัติงานนิเทศในขณะท่ีผูร้ ับการนิเทศไดล้ งมือปฏิบตั ิงานตามที่ ไดร้ ับความรู้มาแลว้ ผูน้ ิเทศกจ็ ะทาตามหนา้ ท่ีนิเทศของตน ส่วนผูบ้ ริหารก็จะคอยสนบั สนุนใหก้ าร ปฏิบตั ิงานนิเทศดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพในการดาเนินการนิเทศน้ันมีขอ้ เสนอแนะต่อการ ปฏิบตั ิงาน ดงั น้ี 3.1 การนิเทศงานของผู้นิเทศน้ัน ควรดาเนินการไปตามข้อตกลงที่ได้ทาร่วมกัน ในข้นั ที่ 2 การทานอกเหนือจากขอ้ ตกลงร่วมกันจะทาให้ผูร้ ับการนิเทศไม่มีความไวว้ างใจในตวั ผนู้ ิเทศได้ 3.2 ถึงแมผ้ ูป้ ฏิบตั ิงานพร้อมท่ีจะรับการนิเทศแลว้ ก็ตามก่อนที่จะลงมือนิเทศควรจะได้ ดาเนินการวางแผนร่วมกนั ระหว่างผูน้ ิเทศและผูร้ ับการนิเทศเสียก่อนการวางแผนร่วมกนั น้ีจะช่วย สร้างความคุน้ เคยและสร้างความไวว้ างใจตอ่ ผนู้ ิเทศเป็นอยา่ งมาก 3.3 เมื่อถึงเวลาเขา้ ทาการนิเทศก็ควรจะเขา้ ไปพร้อมกับครูและควรออกจากห้องเรียน พร้อมกับครูผูร้ ับการนิเทศการเขา้ ห้องสอนช้า และออกจากห้องสอนก่อนกาหนดจะสร้างความ รู้สึกหวาดระแวงใหแ้ ก่ผรู้ ับบริการนิเทศได้ 3.4 ขณะทาการสังเกตพฤติกรรมการสอนถา้ หากพบว่าครูทาการสอนผิด โปรดอย่า ทกั ทว้ งเป็นอนั ขาด การทกั ทว้ งความผดิ พลาดขณะท่ีครูกาลงั สอน จะสร้างความไมพ่ อใจแก่ครูผรู้ ับ การนิเทศและทาใหน้ กั เรียนเสื่อมศรัทธาต่อครูผูส้ อน ส่ิงที่ถูกตอ้ งก็คือควรพูดคุยกับครูผูส้ อนเป็ น การส่วนตวั หลงั จากการสอนไดผ้ ่านไปแลว้ และใหค้ รูผูส้ อนดาเนินการแกไ้ ขหรือช้ีแจงขอ้ ผิดพลาด แก่นกั เรียนดว้ ยตวั ของเขาเอง 3.5 ควรใช้เทคนิควิธีการนิเทศหลาย ๆ แบบและควรให้มีการเปลี่ยนบทบาทในการ นิเทศบา้ ง เช่น ให้ไปสังเกตการสอนของเพื่อนครูในห้องอื่นเพ่ือเปลี่ยนบทบาทเป็ นผูน้ ิเทศและ ขณะเดียวกันจะไดแ้ นวคิดหรือเทคนิควิธีการสอนจากครูคนอื่นอีกดว้ ย ซ่ึงวิธีการน้ีถือว่าเป็ นการ นิเทศโดยทางออ้ ม 3.6 การใหข้ อ้ มูลป้อนกลบั ( feed back) แก่ผูร้ ับการนิเทศควรเป็ นไปดว้ ยความเที่ยงธรรม ไม่ลาเอียง และควรจะให้ขอ้ มูลท้งั ส่วนท่ีดีซ่ึงควรรักษาไว้ และส่วนบกพร่องซ่ึงสมควรจะทาการ แกไ้ ขปรับปรุงควบคกู่ นั ไป

26 กลิคแมน (Glickman, C., 2017 : 87) กล่าวถึงวิธีการของการนิเทศคือการนาวิธีการนิเทศ มาใชใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั ระดบั ความสามารถของครูดว้ ยมี 3 วิธีคอื 1. การนิเทศแบบช้ีนา (Directive Approach) โดยผูน้ ิเทศเป็ นผูช้ ้ีนา เม่ือครูมีความรู้และ ความสามารถแตย่ งั ขาดประสบการณ์ 2. การนิเทศแบบไม่ช้ีนา (Non - Directive Approach) วิธีน้ีจะใช้เมื่อครู มีคุณภาพสูง มีประสบการณ์และมีความสามารถแตต่ อ้ งการเพม่ิ ศกั ยภาพของตนใหไ้ ปถึงขดี สุด 3. การนิเทศแบบร่วมมือ (Collaborative Approach) เมื่อครูอยู่ในระดับกลาง ๆ สามารถ ทางานตามหนา้ ที่ไดด้ ีตามปกติ แต่จะทาไดด้ ีที่สุดเม่ือมีผู้ นิเทศคอยกระตนุ้ ดูแล และส่งเสริม สรุปไดว้ ่า วิธีดาเนินการของการนิเทศการศึกษาจะดีเพียงใดก็ตาม ก็ตอ้ งอาศยั ความร่วมมือ ร่วมใจของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษา ดงั น้นั จึงกระทาอยา่ งรอบคอบและระมดั ระวงั ความรู้สึก ของผถู้ กู นิเทศ การใหโ้ อกาสในการแกไ้ ข ปรับปรุงจะนาไปสู่ความสาเร็จที่ยง่ั ยนื 8. คณุ ลกั ษณะทีด่ ีของผู้นิเทศ อญั ชลี ธรรมะวิธีกลุ (2552 : 48) การนิเทศเป็นกระบวนการท่ีเป็นท้งั ศาสตร์และศิลป์ ดงั น้นั ผทู้ ่ีจะทาหนา้ ท่ีผนู้ ิเทศจะตอ้ งมีคุณลกั ษณะท่ีดีดงั น้ี 1. ดา้ นความรู้ ตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจใน หลกั ทฤษฎี การจดั การเรียนการสอนตลอดจน องคป์ ระกอบอ่ืนๆ ที่เก่ียวขอ้ ง อนั จะผลโดยตรง ต่อ การเรียนรู้ของผเู้ รี ยน นอกจากน้ีตอ้ งรู้เก่ียวกบั พฤติกรรมของบคุ คล รวมท้งั องคก์ รท่ีเกี่ยวขอ้ ง 2. ด้านทกั ษะ ตอ้ งมีทกั ษะการสอนในเกณฑ์ดี มีทกั ษะในการส่ือสาร การแก้ไขปัญหา การมองโลก ในแงด่ ี และมีคณุ ลกั ษณะเฉพาะตวั ท่ีดีดว้ ย 3. ดา้ นเจตคติ ตอ้ งเป็นคนท่ีมีลกั ษณะนิสยั ท่ีดี มีความสนใจ ต้งั ใจท างาน มีความรับผดิ ชอบ ขยนั ขนั แขง็ มีความสุภาพ เป็นกนั เอง เสียสละและอทุ ิศ ตนเพือ่ งาน ทวเี กียรติ บุญยไพศาลเจริญ (http://203.157.184.6/Newaumpher/fileupload/8255tavee.pdf) เสนอแนวคิดเก่ียวกบั คุณลกั ษณะท่ีดีของผนู้ ิเทศ 1. มีความเขา้ ใจและวสิ ยั ทศั นช์ ดั เจนในงานที่ทา 2.ทกั ษะในการรับฟัง 3. มีความกระตือรือร้นในการแสดงความเห็นและอยากสอน 4. มีความยดื หยนุ่ 5. มองโลกในแง่ดี 6. มีการเตรียมตวั ก่อนนิเทศ

27 ขวญั เรือน เสรารมย์ (https://www.gotoknow.org/posts/192233) ผนู้ ิเทศการสอนแบบมีส่วนร่วม เป็นผปู้ ระสานท่ีมปี ระสิทธิภาพตอ้ งมีคณุ ลกั ษณะในดา้ นต่าง ๆ ดงั น้ี 1. ความรู้ ผูน้ ิเทศการสอนแบบมีส่วนร่วมต้องเป็ นบุคคลท่ีมีความรู้เกี่ยวกับหลักการ ความคิดรวบยอด ปรัชญาทางการศึกษา การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน และวิธีการของการนิเทศ การสอบแบบมีส่วนร่วมเป็ นอย่างดี จะตอ้ งเป็ นคนท่ีรอบรู้ในเร่ืองต่าง ๆ ของสถานศึกษาและ วฒั นธรรมสถานศึกษา เขา้ ใจปัญหาของการพฒั นาสถานศึกษาการพฒั นาการจดั กิจกรรมการเรียน การสอนเป็นอย่างดี มีความเขา้ ใจอยา่ งหนกั แน่นในปัญหาทางการศึกษา ตลอดจนโครงสร้างของ การจดั การศึกษารอบรู้แนวดาเนินการและวิธีการนิเทศปฏิบตั ิ การหลกั การความคิดรวบยอดของ การพฒั นาทฤษฎีการนิเทศ 2. มีบุคลิกภาพและค่านิยม ผูน้ ิเทศเป็ นคนท่ีใชก้ ระบวนการประชาธิปไตย มีจิตใจท่ีมอง โลกในแง่ดี และมีประโยชน์ ใจกวา้ งเปิ ดเผย มีขอ้ ผูกพนั ต่อคณะครู และการพฒั นาของตนเอง ผูน้ ิเทศตอ้ งแสดงออกถึงความบากบนั่ อดทนและริเริ่มในการพฒั นากิจกรรมการเรียนการสอน มีบุคลิกลักษณะด้านสังคมที่น่าช่ืนชอบของคณะครูในสถานศึกษาและที่สาคญั จะต้องเป็ นคน ถ่อมตนและต้งั ใจท่ีจะทาตนเองใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ ่ืนไดใ้ หม้ ากท่ีสุด 3. มีความสามารถและความคล่องแคล่ว ผูน้ ิเทศการสอนแบบมีส่วนร่วมต้องเป็ นคน ที่สามารถส่ือสารกับคณะครูได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถจดั การใชย้ ุทธศาสตร์ด้านการ พฒั นาการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนในสถานศึกษา เช่น การสอนแบบบุรณาการ การสอน ที่เน้นผู้เรี ยนเป็ นศูนย์กลาง เพ่ือให้คณะครู ได้ใช้ในการศึกษาค้นคว้าเพื่อพัฒนาการเรี ยน การสอนเป็ นการยกระดบั คุณภาพของคณะครู ผูน้ ิเทศการสอนแบบมีส่วนร่วมตอ้ งเป็ นผูม้ ีทกั ษะ ในการนิเทศเป็ นอย่างดีและสามารถรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์ สังเคราะห์ เอกสารต่าง ๆ และ การเขยี นรายงานการนิเทศ 4. มีทกั ษะทางสังคม ผูน้ ิเทศการสอนแบบมีส่วนร่วมตอ้ งมีความสามารถในการส่งเสริม บรรยากาศแบบประชาธิปไตยในสถานศึกษาอย่างเป็ นกันเองและเปิ ดเผยด้วยวิธีการเช่นน้ี จะสามารถส่งเสริมใหโ้ รงเรียนเขา้ มามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและร่วมกนั ทางาน นน่ั คือ การจัดโอกาสให้สถานศึกษาได้ตระหนักถึงความสาคัญจาเป็ นในการทางานร่ วมกัน กบั ผูป้ ระสานงานการนิเทศการสอนแบบมีส่วนร่วม เช่น การระดมสมอง หรือการระดมความคิด การอภิปรายกล่มุ 5. การสร้างสัมพนั ธภาพ ในการนิเทศการสอนแบบมีส่วนร่วม การสร้างสัมพนั ธภาพระหว่าง ผูน้ ิเทศกับผูร้ ับการนิเทศจะช่วยให้การทางานร่วมกันในการปฏิบตั ิงานเป็ นไปตามวตั ถุประสงค์ อยา่ งมีประสิทธิภาพ สามารถทาไดห้ ลายวิธีไดแ้ ก่ การประชุมช้ีแจงให้เขา้ ใจผลงาน การมอบหมาย

28 ภารกิจ การประชุมช้ีแจงให้เขา้ ใจสภาพและปัญหาที่เกิดข้ึน การให้การยอมรับ การมอบหมาย ภารกิจ การเสริมแรง และการสร้างแรงจูงใจ สรุปไดว้ ่า ลกั ษณะสาคญั ของผูน้ ิเทศดา้ นความรู้ท่ีจะสามารถพฒั นาครู จาเป็ นตอ้ งมีทกั ษะ ด้านมนุษยสัมพนั ธ์ และทกั ษะเฉพาะด้าน ผูน้ ิทศจึงต้องพฒั นาตนเอง ใฝ่ ศึกษาหาความรู้เพิ่มพูน ศกั ยภาพตนเองอยเู่ สมอ ท้งั น้ีเพือ่ ทาหนา้ ท่ีผชู้ ่วยเหลือและเป็นที่ปรึกษาของครูไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 9. กจิ กรรมการนิเทศการศึกษา กิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ในการนิเทศการศึกษาและนิเทศการสอนเป็ นเคร่ืองมือท่ีสาคัญ เพ่ือส่งเสริมและพฒั นาการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมการสอนและการปฏิบตั ิงานของครู ซ่ึงกิจกรรม การนิเทศการสอนมีมากมายหลายแบบ ผนู้ ิเทศจะตอ้ งพิจารณาเลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับสถานการณ์ หรือสภาพและปัญหาของสถานศึกษาและใหค้ านึงถึงหลกั เกณฑใ์ นการเลือกใชก้ ิจกรรมแต่ละชนิด อย่างเหมาะสม โดยให้พิจารณาถึงจุดประสงค์ของการนิเทศ ขนาดกลุ่มของผูร้ ับการนิเทศ ประสบการณ์ หรือประโยชน์ที่ผรู้ ับการนิเทศไดร้ ับเป็นสาคญั ไดม้ ีนกั วิชาการและนกั การศึกษาหลายทา่ นได้ กล่าวถึงกิจกรรมการนิเทศการสอน เช่น Harris (1985 : 71-86 อา้ งถึงในวชั รา เลา่ เรียนดี , 2556 : 16 – 18) ไดเ้ สนอกิจกรรมการนิเทศไว้ สอดคลอ้ งกนั ซ่ึงสามารถสรุปไดด้ งั น้ี 1. การบรรยาย (Lecturing) เป็นกิจกรรมที่เนน้ การถา่ ยทอด ความรู้ ความเขา้ ใจของ ผนู้ ิเทศไปสู่ผรู้ ับการนิเทศ ใชเ้ พยี งการพดู และการฟังเทา่ น้นั 2. การบรรยายโดยใช้ สื่อประกอบ ( Visualized lecturing) เป็นการบรรยายท่ีใช้ ส่ือ เขา้ มาช่วย เช่น สไลด์ แผนภูมิ แผนภาพ ฯลฯ ซ่ึงจะช่วยใหผ้ ฟู้ ังมีความสนใจมากยง่ิ ข้ึน 3. การบรรยายเป็นกลุม่ (Panel presenting) เป็นกิจกรรมการใหข้ อ้ มูลเป็นกลุ่มท่ีมีจุดเนน้ ที่การใหข้ อมูลตามแนวความคดิ หรือแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นซ่ึงกนั และกนั 4. การใหด้ ูภาพยนตร์หรือโทรทศั น์ ( Viewing Film or Television) เป็นการใชเ้ คร่ืองมือที่ เป็นส่ือทางสายตา ได้ แก่ ภาพยนตร์ โทรทศั น์ วีดีทศั น์ เพอื่ ทาใหผ้ รู้ ับการนิเทศไดร้ ับความรู้และ เกิดความสนใจมากข้นึ 5. การฟังคาบรรยายจากเทปวทิ ยแุ ละเคร่ืองบนั ทึกเสียง (Listening to Tape, Radiorecordings) เป็นการใชเ้ คร่ืองบนั ทึกเพ่ือนาเสนอแนวความคิดของบุคคลหน่ึงไปสู่ผฟู้ ังคนอ่ืน 6. การสงั เกตในช้นั เรียน (Observing in Classroom) เป็นกิจกรรมท่ีทาการสงั เกต การปฏิบตั ิงานในสถานการณ์จริงของบคุ ลากร เพื่อวิ เคราะห์ สภาพการปฏิบตั ิงานของบุคลากร ซ่ึงจะช่วยใหท้ ราบจุดดี หรือจุดบกพร่องของบุคลากร เพื่อใชใ้ นการประเมินผลการปฏิบตั ิงานและ ใชใ้ นการพฒั นาบคุ ลากร

29 7. การสาธิต ( Demonstrating) เป็นกิจกรรมการให้ความรู้ท่ีมุ่งใหผ้ อู้ ่ืนเห็นกระบวนการและ วิธีการดาเนินการ 8. การสมั ภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structured Interviewing) เป็นกิจกรรมสัมภาษณ์ ที่กาหนดจุดประสงคช์ ดเจนเพ่อื ใหไ้ ดข้ อมูลตา่ งๆ ตามตอ้ งการ 9. การสัมภาษณ์ เฉพาะเร่ือง (Focused Interview) เป็นกิจกรรมการสมั ภาษณ์แบบก่ึง โครงสร้างโดยจะทาการสัมภาษณ์เฉพาะโรงเรียนท่ีผตู้ อบมีความสามารถจะตอบไดเ้ ท่าน้นั 10. การสัมภาษณ์แบบไม่ช้ีนา ( Non-directive Interview) เป็นการพดู คุยและอภิปราย หรือการแสดงความคิดของบุคคลท่ีสนทนาดว้ ย ลกั ษณะของการสมั ภาษณ์จะสนใจกบั ปัญหาและ ความในใจของผรู้ ับการสัมภาษณ์ 11. การอภิปราย ( Discussing) เป็นกิจกรรมท่ีผนู้ ิเทศและผรู้ ับการนิเทศปฏิบตั ิร่วมกนั ซ่ึงเหมาะสมกบั กลุ่มขนาดเลก็ มกั ใชร้ ่วมกบั กิจกรรมอื่นๆ 12. การอา่ น (Reading) เป็นกิจกรรมท่ีใชม้ ากกิจกรรมหน่ึงสามารถใชไ้ ดก้ บั คนจานวนมาก เช่น การอา่ นขอ้ ความจากวารสาร มกั ใชผ้ สมกบั กิจกรรมอ่ืนๆ 13. การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและการคดิ คานวณ (Analyzing and Calculating) เป็นกิจกรรม ท่ีใชใ้ นการติดตามประเมินผล การวจิ ยั เชิงปฏิบตั ิการและการควบคุมประสิทธิภาพการสอน 14. การระดมสมอง ( Brainstorming) เป็นกิจกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การเสนอแนวความคดิ วธิ ีการแกป้ ัญหาหรือใชข้ อเสนอแนะนาต่างๆ โดยใหส้ มาชิกแตล่ ะคนแสดงความคิดโดยเสรี ไม่มี การวิเคราะห์หรือวิพากษว์ จิ ารณ์แตอ่ ยา่ งใด 15. การบนั ทึกวีดีทศั น์และการถา่ ยภาพ ( Videotaping and Photographing)วดี ีทศั น์ เป็นเครื่องมือท่ีแสดงให้เห็นรายละเอียดท้งั ภาพและเสียง ส่วนการถ่ายภาพมีประโยชน์มากในการ จดั นิทรรศการ กิจกรรมน้ีมีประโยชนใ์ นการประเมินผลงานและการประชาสัมพนั ธ์ 16. การจดั ทาเคร่ืองมือและขอ้ ทดสอบ ( Instrumenting and Testing) เป็นการใช้ แบบทดสอบและแบบประเมินต่างๆ 17. การประชุมกล่มุ ยอ่ ย (Buzz Session) เป็นกิจกรรมการประชุมกลุม่ เพ่ืออภิปราย ใหห้ วั ขอ้ เร่ืองท่ีเฉพาะเจาะจง มุง่ เนน้ การปฏิสัมพนั ธภ์ ายในกลุ่มมากที่สุด 18. การจดั ทศั นศึกษา (Field Trip) เป็นกิจกรรมการเดินทางไปสถานท่ีแห่งอ่ืน เพอ่ื ศึกษาและดูงานที่สัมพนั ธ์กบั งานท่ีตนปฏิบตั ิ 19. การเยยี่ มเยยี น (Intervisiting) เป็นกิจกรรมท่ีบุคคลหน่ึงไปเยย่ี มและสังเกตการทางาน ของอีกบคุ คลหน่ึง 20. การเขยี น (Writing) เป็นกิจกรรมที่ใชเ้ ป็นสื่อกลางในการนิเทศเกือบทกุ ชนิดเช่น

30 การเขยี นโครงการนิเทศ การบนั ทึกขอ้ มลู การเขยี นรายงาน การเขยี นบนั ทึก ฯลฯ 21. การแสดงบทบาทสมมติ เป็นกิจกรรมที่สะทอ้ นใหเ้ ห็นความรู้สึกนึกคิดของบคุ คล กาหนดสถานการณ์ข้ึนแลว้ ใหผ้ ทู้ ากิจกรรมตอบสนองหรือปฏิบตั ิตนเองไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น 22. การเขียนเป็ นกิจกรรมที่ใช้เป็ นสื่อกลางในการนิเทศเกือบทุกชนิด เช่นการเขียน โครงการนิ เทศการบนั ทึกขอ้ มูลการเขียนรายงานการเขยี นบนั ทึก ฯลฯ 23. การปฏิบตั ิตามคาแนะนาเป็นกิจกรรมท่ีเนน้ การปฏิบตั ิในขณะที่ปฏิบตั ิมีการคอยดูแล ช่วยเหลือมกั ใชก้ บั รายบุคคลหรือกลุ่มขนาดเลก็ กรองทอง จิรเดชากุล (2550 : 7) ไดก้ ล่าวถึงกิจกรรมการนิเทศภายในโรงเรียนไวด้ งั น้ี 1. การใหค้ าปรึกษาแนะนาเป็นการพบปะกนั ระหวา่ งผูน้ ิเทศกบั ผรู้ ับการนิเทศ เพ่ือช่วย ใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิงานกา้ วไปถึงจุดหมายปลายทางได้ เช่น ความกา้ วหนา้ ทางวชิ าชีพ ความสามารถ ที่จะรับผิดชอบงานในหนา้ ท่ีสูงข้ึน ซ่ึงมี 2 วิธีการคอื 1.1 การใหค้ าปรึกษาแนะนาแบบไม่เป็นทางการเป็นการใหค้ าปรึกษาแนะนาโดยใช้ เวลาวา่ งพูดคยุ กนั เช่น ตอนรับประทานอาหารกลางวนั เป็นตน้ 1.2 การใหค้ าปรึกษาแบบเป็นทางการ การใหค้ าปรึกษาแบบเป็นทางการใชข้ ้นั ตอน ของการนิเทศเป็นโคชชิ่ง เขียนเป็นสญั ลกั ษณ์ คอื CQCD ข้นั ที่ 1 C – Compliment (ชมเชย) ข้นั ท่ี 2 Q – Question (สอบถาม) ข้นั ท่ี 3 C – Correct (แกไ้ ข) ข้นั ท่ี 4 D – Demonstrate (สาธิต) 2. การใหศ้ ึกษาเอกสารทางวิชาการเป็นการมอบหมายเอกสารให้ ผูร้ ับการนิเทศไปศึกษา คน้ ควา้ เรื่องใดเร่ืองหน่ึงหรือตอนใดตอนหน่ึงแลว้ นาความรู้น้นั มาถ่ายทอดใหแ้ ก่คณะครูเพื่อให้ ผรู้ ับการนิเทศมีโอกาสไดศ้ ึกษาหาความรู้ความเขา้ ใจดว้ ยตนเองจากเอกสารทางวชิ าการ และเพือ่ เป็นการเสริมแรงใหแ้ ก่ผรู้ ับการนิเทศเตรียมตวั ไปถา่ ยทอดความรู้ให้ผอู้ ่ืนตอ่ ไป มีข้นั ตอนดงั น้ี ข้ันที่ 1 เตรียมผูร้ ับการนิเทศ ผูบ้ ริ หารศึกษาสภาพปัญหาท่ีพบในปัจจุบัน เลือกผรู้ ับการนิเทศ ข้นั ท่ี 2 ศึกษาเอกสารทางวิชาการ ผูบ้ ริหารมอบหมายเอกสารทางวิชาการให้ผูร้ ับ การนิเทศไปศึกษาคน้ ควา้ ใชเ้ วลา 3 - 5 วนั ข้ันที่ 3 ถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการผูบ้ ริหารเตรียมสถานท่ีประชุม แจ้งผูร้ ับ การนิเทศ ใชเ้ วลาในการถ่ายทอด 15 - 30 นาที

31 ข้นั ท่ี 4 ประเมินผล ผบู้ ริหารสงั เกตการเปล่ียนแปลงการจดั การเรียนรู้ของครู และ สอบถามผรู้ ับการนิเทศเพ่ือสังเกตความรู้ความเขา้ ใจและการนาไปใช้ ข้นั ที่ 5 สรุปขอ้ มูล ผูบ้ ริหารสรุปขอ้ มูลของผูร้ ับการนิเทศจากผลการประเมิน ควรยกย่องชมเชยเป็ นการสร้างขวญั กาลงั ใจควรหมุนเวียนให้ผูอ้ ่ืน แลว้ บนั ทึกลงในแบบบนั ทึก การนิเทศ 3. การสนทนาทางวชิ าการ เป็นการประชุมครูหรือกลุ่มผสู้ นใจในเร่ืองราวข่าวสารเดียวกนั โดยกาหนดใหผ้ ูส้ นทนาคนหน่ึงนาสนทนาในเร่ืองที่กลุ่มสนใจ เพ่ือเพ่ิมพูนความรู้ความเขา้ ใจแนว ทางการปฏิบตั ิงานเทคนิควิธีการแก่คณะครูในโรงเรียน และเพื่อพัฒนาบุคลากรในโรงเรียน มีข้นั ตอนดงั น้ี ข้นั ที่ 1 ศึกษาปัญหาสารวจปัญหาความตอ้ งการในเร่ืองราวที่มีความสนใจร่วมกนั หรือเป็ นปัญหาร่วมกนั เช่นเรื่อง การสอนภาษาไทยแบบมุ่งประสบการณ์ภาษา เร่ือง การจดั การเรียนรู้ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นตน้ ข้นั ท่ี 2 เลือกผสู้ นทนาทางวชิ าการเลือกบุคคลใดบุคคลหน่ึงในโรงเรียนที่เห็นว่ามี ความสามารถเป็นผนู้ าสนทนาทางวชิ าการ ผนู้ าทางวิชาการควรหมุนเวียนกนั ข้ันที่ 3 ปฏิบัติการกาหนดการสนทนาทางวิ ชาการในเวลาที่ เหมาะสม กาหนดเวลาสนทนาคร้ังละ 30 – 45 นาที ข้ันท่ี 4 ประเมินผลสังเกตและบันทึกความสนใจและความเข้าใจของผู้ร่วม สนทนาทางวิชาการและสังเกตการพฒั นาตนเองและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการจดั การเรียนรู้ ของครู 4. การเยยี่ มนิเทศช้นั เรียน เป็นการที่ผนู้ ิเทศไปพบและสังเกตการทางานของครูในช้นั เรียน เพอ่ื ร่วมกนั พฒั นาการทางานให้มีคณุ ภาพ สารวจความตอ้ งการของครู ประเมินผลการสอนของครู กระตนุ้ ใหค้ รูปรับปรุงการจดั การเรียนการสอนและใหค้ าแนะนาแก่ครูมีข้นั ตอนดงั น้ี ข้นั ท่ี 1 สร้างขอ้ ตกลงในการเย่ียมช้นั เรียนพบปะสนทนา สร้างความคุน้ เคยและ สร้างเจตคติที่ ดีในการนิ เทศแก่ครู วางแผนการเย่ียมช้ ันเรี ยนร่ วมกับครู โดยกาหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการ ข้ันท่ี 2 ปฏิบัติ การเย่ียมนิเทศช้ันเรียน ผูน้ ิเทศเข้าเยี่ยมช้ันเรียนตรงตามเวลา ท่ีกาหนดใหค้ วามเป็นกนั เอง เพื่อสร้างเจตคติท่ีดีแก่ครู ข้นั ท่ี 3 วิ เคราะห์ ผลการเยี่ยมช้นั เรียน วิเคราะห์ ผลการเยี่ยมช้นั เรียนร่วมกัน กบั ครู สรุปผลและใหค้ าปรึกษา ข้นั ท่ี 4 ปรับปรุงการทางาน ครูนาผลการเยย่ี มช้นั เรียนมาปรับปรุงแกไ้ ข

32 5. การศึกษาดูงานเป็นการพาบุคลากรของโรงเรียนไปพฒั นาตนเองโดยการศึกษาคน้ ควา้ และเพ่มิ พูนประสบการณ์ในสถานที่ต่างๆ เพ่ือใหบ้ ุคลากรในสถานศึกษา ไดพ้ ฒั นาและพฒั นางาน ใหม้ ีคุณภาพ มีข้นั ตอนดงั น้ี ข้นั ท่ี 1 เลือกสถานท่ี ศึกษาดูงานที่ตรงกบั ปัญหาและความตอ้ งการ ข้นั ท่ี 2 กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ ของการศึกษาดูงาน ข้นั ที่ 3 วางแผน ประสานงานกบั สถานท่ี ท่ีจะไปศึกษาดูงาน ข้นั ท่ี 4 แจง้ หน่วยงานท่ีไปศึกษาดูงาน บรรยายสรุปใหฟ้ ัง ข้นั ที่ 5 ควรใชเ้ วลาในการศึกษาดูงาน นานพอสมควร ข้นั ที่ 6 หลงั จากศึกษาดูงานแลว้ ควรกลบั ไปสรุปแนวทางความคิดและวางแผน ปรับปรุงงานตอ่ ไป 6. การสังเกตการสอนเป็ นการจดั ให้บุคคลหน่ึง (ผูน้ ิเทศ) ท่ีมีความรู้ความเขา้ ใจในเรื่อง การจัดการเรียนรู้มาสังเกตพฤติกรรมการสอนของครู (ผูร้ ับการนิเทศ ) ในขณะจัดกิจกรรม การเรียนรู้เพ่ือให้ครูสามารถพฒั นาหรือปรับปรุงการจดั การเรียนรู้ ใหม้ ีประสิทธิภาพโดยใช้ขอ้ มูล ยอ้ นกลบั จากการสงั เกตของผนู้ ิเทศ มีข้นั ตอนดงั น้ี ข้นั ที่ 1 สร้างความสมั พนั ธ์ระหวา่ งครูกบั ผนู้ ิเทศ ข้นั ท่ี 2 ปรึกษาหารือและการเตรียมแผนการจดั การเรียนรู้ ข้นั ที่ 3 การสงั เกตการสอน ข้นั ท่ี 4 วิ เคราะห์พฤติกรรมการจดั การรู้ร่วมกนั ข้นั ท่ี 5 ปรับปรุงการสอน 7. การประชุมนิเทศเป็ นการให้ข้อมูลป้อนกลับแก่ผู้นิเทศเกี่ยวกลับปัญหาท่ีเกิดข้ึน โดยผูน้ ิเทศเป็ นผูศ้ ึกษาหาแนวทางในการแกไ้ ขปัญหา แลว้ นามาแนะนาแก่ผูร้ ับการนิเทศหรือ ผูน้ ิเทศและผูร้ ับการนิเทศศึกษาและหาขอ้ มูลท่ีเป็ นประโยชน์ ต่อการปรับปรุงแกไ้ ขปัญหาน้ัน ๆ เพื่อให้ผูร้ ับการนิเทศได้แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนและนาไปปรับปรุงแก้ไขอย่างมี คุณภาพ มีข้นั ตอนดงั น้ี ข้นั ที่ 1 ข้นั เร่ิมตน้ ผูน้ ิเทศรับทราบปัญหาจากผูร้ ับการนิเทศแลว้ สนทนาสอบถาม ถึงเรื่องราวท่ีเป็นปัญหาน้นั ๆ และศึกษาแนวทางแกไ้ ขจากเอกสาร ตารา หรือจากประสบการณ์ ข้นั ท่ี 2 ข้นั อภิปรายและแสดงความคิดเห็นผูน้ ิเทศนาอภิปรายถึงปัญหาของผูร้ ับ การนิเทศ หรือร่วมกนั อภิปรายและแสดงความคดิ เห็น ข้นั ท่ี 3 ข้นั สรุป ผูน้ ิเทศและผรู้ ับการนิเทศร่วมกนั สรุปเก่ียวกบั การแกไ้ ขปัญหา และผนู้ ิเทศตดั สินใจแกไ้ ขปัญหาแก่ผรู้ ับการนิเทศ

33 สานักงานทดสอบทางการศึกษา (2554 : 109 - 110) กล่าวถึงกิจกรรมการนิเทศภายใน ตามแนวทางการประเมินคุณภาพมาตรฐานการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน เพ่ือการประกนั ภายในของสถานศึกษา ดงั น้ี 1. มีการวิเคราะหห์ ลกั สูตรมาตรฐานการเรียนรู้ 2. มีกาหนดการเรียนรู้ 3. มีแผนการจดั การเรียนรู้ ส่งแผนการจดั การเรียนรู้ตรวจสม่าเสมอ 4. สอนตามแผนการจดั การเรียนรู้ 5. สอนเตม็ เวลาเตม็ หลกั สูตร 6. มีการผลิตส่ือ/การใชส้ ื่อ 7. มีการสอนซ่อมเสริม 8. เอกสารธุรการในช้นั เรียนครบและเป็นปัจจุบนั 9. หอ้ งเรียนสะอาดเรียบร้อย 10. มีการปรับปรุงหอ้ งเรียนและบรรยากาศท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ 11. มีการสรุปผลการปฏิบตั ิงานส่งผบู้ ริหาร 12. มีการดูแลตรวจสุขภาพนกั เรียนเป็นประจา 13. มีขอ้ มลู นกั เรียนรายบุคคล 14. มีระบบการดูแลช่วยเหลือและติดตามนกั เรียนอยา่ งสม่าเสมอ 15. มีการเยยี่ มบา้ นนกั เรียน 16. มีการประเมินผลการปฏิบตั ิงานของตนเอง สรุปไดว้ า่ กิจกรรมการนิเทศการศึกษาสามารถเกิดข้นึ ไดอ้ ยา่ งหลากหลายวิธีหลายรูปแบบ ผนู้ ิเทศและผรู้ ับการนิเทศสามารถเลือกใชใ้ หต้ รงกบั วตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายในแต่ละคร้ังได้ 10. การนิเทศการจดั การเรียนรู้ในยุคดจิ ทิ ัล การนิเทศการจัดการเรียนรู้ในปัจจุบัน จาเป็ นต้องนาการบริหารจัดการเทคโนโลยี สารสนเทศนามาใชใ้ นการพฒั นาร่วมดว้ ย เนื่องจากก่อให้เกิดการสร้างการรับรู้ระหวา่ งผูน้ ิเทศ และ ผูร้ ับการนิเทศ โดยอาศยั วิธีการต่าง ๆ เช่น การประชุม สัมมนา เอกสาร หนงั สือ ประชาสัมพนั ธ์ เพ่ือสร้างวสิ ยั ทศั น์หรือสร้างเป้าหมายร่วมกนั ในการดาเนินงาน จึงจาเป็นตอ้ งมีการกาหนดวิธีการนิเทศ และกิจกรรมการนิเทศท่ีเหมาะสมตามสภาพปัญหาและความต้องการ เช่น การประชุมสัมมนา การแลกเปล่ียนเรียนรู้ การสังเกตช้ันเรียน การสะทอ้ นผลหลงั การสอน การวิพากษ์แผนการจดั การเรียนรู้ การบนั ทึกวิดิโอและการถ่ายภาพ การสัมภาษณ์ การ Coaching & Mentoring ฯลฯ โดย เน้นการใช้ ICT ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การใช้ Application Line การใช้ Clip Video การใช้ Video

34 Conference หรือ YouTube รวมท้ัง การใช้ Facebook Lite, Facebook Group เป็ นต้น การจัดการ เรียนรู้โดยใชส้ ่ือเทคโนโลยี ทางไกล (DLTV / DLIT) เป็ นการออกแบบการเรียนรู้และการจดั การ เรียนรู้ โดยใช้สื่อ เทคโนโลยีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (Distance Learning Information: DLIT) รวมท้งั การออกแบบการเรียนรู้และการจดั การเรียนรู้ทาง Internet โดยใช้ Application Line, Facebook, Zoom, Google meet, Google sites, Google Classroom, YouTube และอื่น ๆ รวมท้ังส่ง เอกสารการสอน แบบฝึ กหัด การบา้ น ไปยงั บา้ นนักเรียนทางไปรษณีย์ เพื่อให้นักเรียนไดเ้ รียนรู้ ภายใต้สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป (มุกดา เลขะวิพัฒน์, 2563 : 7-8) เช่นเดียวกันกับ Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) ไดใ้ หแ้ นวทางเกี่ยวกบั การนา ICT มาใชท้ ้งั ในและนอกโรงเรียน โดยมีปัจจยั ที่สาคญั ประกอบดว้ ย การเรียนรู้ ICT เพื่อเป็นแหล่ง การเรียนรู้ที่สาคญั เก่ียวกบั หลกั สูตรการฝึ กฝนครูและการเรียนรู้ดา้ นอุปกรณ์ทาง ICT เฉพาะทาง เพ่ือนามาใชใ้ นการพฒั นากลยทุ ธ์การสอน สาหรับครู / ผเู้ รียน พฒั นาผสู้ อน การประเมินผลกลาง ภาคเรียน การประเมินผลการปฏิบัติ การพฒั นากลยุทธ์การสอนรายวิชาต่าง ๆ รวมถึงการจัด บรรยากาศการเรียนรู้ หรือการจดั การช้นั เรียน เป็ นตน้ (Organization for Economic Co-operation and Development, 2021) เพ่ือเป็ นการส่งเสริมสนับสนุนการสอนดว้ ย ICT ท้งั ในด้านการสื่อสาร และแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสาร การมีส่วนร่วมของผูเ้ ช่ียวชาญ การพฒั นาความเป็ นมืออาชีพ และการ ควบคมุ ดูแลขอ้ มูลท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การศึกษาเพ่ือใหก้ ารสอนพฒั นามากข้นึ สาหรับทกั ษะความเขา้ ใจและการใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทลั (Digital Literacy) ของผูน้ ิเทศและ ครู เป็ นทกั ษะหน่ึงที่สาคญั ท่ีตอ้ งมี ซ่ึง จิณณวตั ร ปะโคทงั (2561 : 22) ไดก้ ล่าวถึงทกั ษะดงั กล่าว ไดอ้ ย่างน่าสนใจว่า ทกั ษะดงั กล่าวเป็ นการนาเคร่ืองมืออุปกรณ์และเทคโนโลยีท่ีมีอยู่ในปัจจุบนั อาทิ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ แท็บเล็ต โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และส่ือออนไลน์มาใช้ให้เกิด ประโยชน์สูงสุดในการส่ือสารการปฏิบตั ิงานและการทางานร่วมกนั หรือใชเ้ พ่ือพฒั นากระบวนการ ทางานหรือระบบงานในองค์กรให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยทักษะดังกล่าวได้ ครอบคลุมความสามารถ 4 มิติ คือ มิติการใช้ (Use) มิติเขา้ ใจ (Understand) มิติการสร้าง (Create) และมิติการเขา้ ถึง (Access) ท้งั 4 มิติน้ีจะช่วยใหเ้ ขา้ ถึงเทคโนโลยดี ิจิทลั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ท้งั น้ี ในปัจจุบนั แวดวงทางการศึกษาหลายประเทศทัว่ โลกกาลงั ก้าวข้ามรูปแบบการเรียนการสอน แบบเดิม ๆ ที่ใช้ครูเป็ นศูนย์กลางมาเป็ นการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีเป็ นฐาน การจดั การเรียนรู้ในยคุ น้ีถือว่าเป็นยคุ ของ “โลกคอื หอ้ งเรียน” ซ่ึงจากอดีตท่ีครูเป็นผถู้ ่ายทอดความรู้ เพยี งอยา่ งเดียว แตป่ ัจจุบนั เริ่มมีการนาส่ือเทคโนโลยเี ขา้ มามีส่วนร่วมในการถา่ ยทอดความรู้จากครู ไปสู่ผเู้ รียนส่งผลใหผ้ เู้ รียนเกิดความเขา้ ใจ ใฝ่ เรียนรู้ สนุกสนาน กระตือรือร้นในการเรียนรู้มากข้ึน ดงั น้นั การจดั การเรียนรู้ในยคุ ดิจิทลั ครูควรมีบทบาทในการเป็นผอู้ านวยความสะดวกให้ผเู้ รียนเกิด

35 การเรียนรู้ และเป็ นผูร้ ่วมเรียนรู้ไปพร้อมกับผูเ้ รียน ซ่ึงเป็ นคุณลกั ษณะของครูในศตวรรษท่ี 21 ท่ีเรียกว่า E-Teacher โดยครูตอ้ งมีประสบการณ์ในการจดั การเรียนรู้แบบใหม่ จดั การเรียนรู้ผ่าน ระบบอินเทอร์เน็ตและส่ือเทคโนโลยีต่าง ๆ เพ่ือสนบั สนุนให้ผเู้ รียนมีทกั ษะในการแสวงหาความรู้ ใหม่ ๆ อยู่เสมอ อนั เป็นการทา้ ทายให้ครูไดพ้ ฒั นาตนเอง โดยทกั ษะการเรียนรู้ของครูในศตวรรษ ท่ี 21 แบบ E-Teacher ที่ครูควรปฏิบตั ิ มีดงั น้ี 1. Experience มีประสบการณ์ในการจดั การเรียนรู้แบบใหม่ 2. Extended มีทกั ษะการแสวงหาความรู้ 3. Expended มีความสามารถในการถ่ายทอดหรือขยายความรู้ของตนสู่นักเรียน ผ่านสื่อ เทคโนโลยไี ดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ 4. Exploration มีความสามารถในการเสาะหาและคัดเลือกเน้ือหาความรู้ หรือเน้ือหา ท่ีทนั สมยั เหมาะสมและเป็นประโยชน์ตอ่ ผเู้ รียนผา่ นทางส่ือเทคโนโลยี 5. Evaluation มีความสามารถในการเป็ นผูป้ ระเมินท่ีดี มีความยุติธรรมและ สามารถนา เทคโนโลยมี าใชใ้ นการประเมินไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม 6. End-User เป็นผทู้ ี่ใชเ้ ทคโนโลยี (User) อยา่ งคุม้ ค่าและใชไ้ ดอ้ ยา่ งหลากหลาย 7. Enabler มีความสามารถใชเ้ ทคโนโลยสี ร้างบทเรียนได้ 8. Engagement ต้องร่วมมือและแลกเปล่ียนเรี ยนรู้ซ่ึงกันและกันผ่านสื่อเทคโนโลยี จนพฒั นาเป็นเครือข่ายความร่วมมือ เช่น ชุมชนครูบนเวบ็ ไซต์ 9. Efficient and Effective มีความสามารถใช้ส่ือเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล ท้ังในฐานะท่ีเป็ นผูส้ ร้างองค์ความรู้ ผูเ้ ผยแพร่และผูใ้ ช้องค์ความรู้ ประกอบกับ สถานการณ์ของโลกที่เปล่ียนแปลงไปในโลกที่นาดิจิทลั มาใชใ้ นปัจจุบนั และอนาคต ทาใหท้ กั ษะ ที่จาเป็นท่ีนามาใชไ้ ม่ว่าจะเป็นผนู้ ิเทศ ผนู้ าทางการศึกษา ครูและผเู้ รียนจาเป็นตอ้ งมีความเกี่ยวขอ้ ง กบั กลุ่มคนทางานในอนาคต ขอ้ มูลของ World Economic Forum : WEF พบว่า จากผลการสารวจ ของบริษทั ตา่ ง ๆ ทกั ษะที่คนทางานในองคก์ รจาเป็นตอ้ งมีและมีความตอ้ งการสูงข้นึ ในปี ค.ศ. 2025 พบวา่ มีทกั ษะที่จาเป็นและเพ่ิมสูงข้ึน ประกอบดว้ ย การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคิดวิเคราะห์ การแกป้ ัญหา การจดั การตนเอง การใชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ การพฒั นา การทางานร่วมกบั ผอู้ ื่น การจดั การ และการติดต่อส่ือสารในกิจกรรมต่าง ๆ การรู้หนังสือและความสามารถทางกาย ตามลาดบั จาก ขอ้ มลู ดงั กลา่ วทาใหผ้ นู้ ิเทศ ครูและบุคลากรทางการศึกษาตอ้ งตระหนกั และใหค้ วามสาคญั กบั ความ ทา้ ทายของการนาเทคโนโลยมี าใชใ้ นการพฒั นาการนิเทศและการจดั การเรียนรู้ที่มีความเด่นชดั มากข้ึน โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่สะทอ้ นให้เห็นว่า การจดั การศึกษาได้มีรูปแบบท่ี เปล่ียนไปจากเดิมอย่างมาก จากเดิมท่ีครูเคยสอนแบบเผชิญหนา้ จาเป็ นตอ้ งปรับเปลี่ยนให้ใชก้ าร

36 สอนด้วยระบบออนไลน์ เช่นกันกับผูน้ ิเทศจากเดิมที่ต้องไปร่วมสังเกตการสอนในห้องเรียน จาเป็ นตอ้ งปรับรูปแบบการนิเทศให้สอดคลอ้ งกบั ยุคการสอนในวิถีใหม่ได้หลากหลายวิธีการ อาทิ แบบ E-Teacher Professional Learning Community : PLC การนิเทศออนไลน์โดยการเขา้ เป็นสมาชิก ในหอ้ งออนไลนท์ ี่ครูสอนร่วมกบั ผูเ้ รียนในห้องออนไลน์น้นั ลว้ นเป็นแนวปฏิบตั ิที่ดี ทาให้พบสภาพ ของปัญหาอุปสรรค วิธีการแกไ้ ขการสอนของครูเช่นเดียวกนั กบั ในหอ้ งเรียนสภาพจริง นอกจากน้ี เพ่ือให้เพ่ิมประสิทธิภาพของการจัดการเรี ยนรู้ ครูควรต้องนาการวิจัย ทางการศึกษา หรือ Educational Research มาใช้ โดยให้ครูไดศ้ ึกษาและพฒั นาการสอนเพ่ือนามาสู่ การสร้างนวตั กรรมการเรียนการสอน หรือกิจกรรมการเรียนรู้ เทคนิคการจดั การเรียนรู้ที่ทนั สมยั สอดคลอ้ งกบั หอ้ งเรียนออนไลน์ มาช่วยพฒั นาการจดั การเรียนรู้ให้สอดคลอ้ งกบั บริบทของผเู้ รียน สามารถนาผลของการวิจยั มาใชพ้ ฒั นาการเรียนการสอนต่อไปใหด้ ีข้ึน ซ่ึงเร่ิมจากงานสอนท่ีทาเป็น ประจาต่อยอดสู่การพฒั นาเป็ นครูมืออาชีพ โดยเฉพาะในยุคดิจิทลั ที่สามารถดาเนินการ PLC ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างกวา้ งขวาง ภายใต้บริบทของสถานศึกษาที่มีความคล้ายคลึงกัน ก็สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้เป็ นอย่างดี เช่นเดียวกันกับผลจากการจดั การเรียนรู้ในยุคดิจิทลั ที่นาการจดั การเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา (STEM Education) มาใชเ้ ป็นการจดั การเรียนรู้ในลกั ษณะ ของการบูรณาการข้ามกลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration) ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (S) เทคโนโลยี (T) วิศวกรรมศาสตร์ (E) และคณิตศาสตร์ (M) มาผสมผสานกนั อย่างลงตวั เพื่อมุ่ง แกป้ ัญหาท่ีพบในชีวิตจริง สร้างเสริมประสบการณ์ทกั ษะชีวติ ความคิดสร้างสรรคแ์ ละเป็นการเตรียม ความพร้อมให้กับผู้เรี ยนในการปฏิบัติงานท่ีต้องใช้องค์ความรู้แล ะทักษะกระบวนการ ดา้ นวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี นาไปสู่การออกแบบเชิงวิศวกรรมเพ่ือสร้างนวตั กรรม ในอนาคต (สิทธิพล อาจอินทร์, 2560 : 47-48) สามารถนามาใชไ้ ดอ้ ย่างแพร่หลาย ปรากฏในงานวิจยั ท่ีนาดิจิทลั มาใช้ร่วมกับการจดั การศึกษา และเกิดประโยชน์แก่การพฒั นาการศึกษาในวงกวา้ ง ไม่ว่าจะเป็ นการกระตุน้ ให้ครูพฒั นาการจดั การเรียนรู้ การนากระบวนการวิจยั มาใช้พฒั นาการ จดั การเรียนรู้ ผนู้ ิเทศยงั คงเป็นผทู้ ี่มีบทบาทสาคญั ร่วมกบั ครูเสมอ เพราะการเป็นผนู้ าทางการศึกษา เป็ นบทบาทที่สาคญั สรุปไดว้ ่า ผูน้ ิเทศตอ้ งมีจากการศึกษาเกี่ยวกบั การสังเคราะห์รูปแบบการเป็ นผูน้ าการ จดั การเรียนรู้ โดยมีตวั กลางการเช่ือมโยงระหว่างดา้ นการเป็นผนู้ าการจดั การเรียนรู้กบั ผลสัมฤทธ์ิ ของผูเ้ รียน คือ ข่าวสารทางวิชาการที่ผูน้ ิเทศหรือผูน้ าการศึกษาสามารถนามาใช้เป็นช่องทางหน่ึง ของการนิเทศ การประเมินผลและการพฒั นาความเชี่ยวชาญในวิชาชีพไดเ้ ป็นอยา่ งดีโดยการนาส่ือ ออนไลนม์ าใชใ้ หส้ อดคลอ้ งและเหมาะสม

37 2. การจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนา (COVID 2019) จากสภาพปัจจุบนั ที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา (COVID 2019) ทาให้ประเทศไทย มีผูต้ ิดเช้ือไวรัสโคโรนา (COVID 2019) เป็นจานวนมาก ส่งผลให้โรงเรียนทวั่ ประเทศไม่สามารถ จะจดั การเรียนการสอนในโรงเรียนได้ แต่โรงเรียนก็ตอ้ งเปิ ดการเรียนการสอนตามปกติแบบวิถีใหม่ ในรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็ นแบบ On-line ,On-hand, On-air, On –demand หรือรูปแบบอ่ืนๆตามความเหมาะสมกับสภาพความพร้อมของโรงเรียน ของครูผสู้ อนและของนกั เรียน เพื่อให้นกั เรียนมีคุณภาพเป็นไปตามหลกั สูตรสถานศึกษา เต็มตาม ศกั ยภาพของผูเ้ รียน การจดั การเรียนการสอนในสถานการณ์ท่ีไม่สามารถจัดการเรียนการสอน ที่โรงเรียนไดน้ ้นั โรงเรียนจะตอ้ งมีการปรับเปลี่ยนวธิ ีการจดั การเรียนการสอนท่ีเหมาะสมกบั สภาพ ความพร้อมของโรงเรียน ครูผูส้ อน และนักเรียน โดยยึดหลัก “ โรงเรียนหยุดเรียนท่ีโรงเรียน แต่นักเรียนทุกคนตอ้ งได้เรียนรู้อย่างทว่ั ถึง เสมอภาคและเต็มตามศกั ยภาพ” สานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษาประถมศึกษาสตูล ซ่ึงเป็ นหน่วยงานหน่ึงท่ีทาหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนการจดั การศึกษา ให้กบั โรงเรียนในสังกัดเพื่อให้โรงเรียนสามารถจดั การศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดเช้ือ ไวรัสโคโรน่า (COVID 2019) ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสตูล จึงไดด้ าเนินการศึกษา รวบรวมขอ้ มูลจากการรายงานสภาพการจดั การเรียนการสอนของโรงเรียน และสังเคราะห์เป็ นขอ้ เสนอแนะแนวทางการจดั การเรียนการสอนในสถานการณ์การแพร่ระบาด เช้ือไวรัสโคโรน่า (COVID 2019) ท่ีสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ และสอดคลอ้ งกบั นโยบายแนวทาง ของหน่วยงานตน้ สังกัด เพื่อให้โรงเรียนได้นาไปเป็ นแนวทางหรือปรับใช้ในการจดั การเรียน การสอนที่เหมะสมกบั สภาพความพร้อมและศกั ยภาพของโรงเรียนตอ่ ไป ดงั น้ี 1. ด้านการบริ หารจัดการ แนวทางการบริ หารจัดการของโรงเรี ยน ที่ควร ดาเนินการ มีดงั น้ี 1.1 สารวจความพร้อมของนักเรียนและผูป้ กครองเป็ นรายบุคคล ท้งั ความ พร้อมของอุปกรณ์การส่ือสาร ความพร้อมในด้านการใช้เครื่องมือการสื่อสาร และความพร้อม ของผปู้ กครอง ในการเขา้ มามีส่วนร่วมในการจดั การเรียนรู้ของนกั เรียน 1.2 สร้างภาคีเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการวางแผน ให้คาปรึกษาช่วยเหลือ เพ่ือให้การจดั การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภยั ท้งั นักเรียน ผูป้ กครอง และ บคุ ลากรในโรงเรียนทกุ คน 1.3 ให้การสนับสนุนงบประมาณ สื่อการเรียนรู้ อุปกรณ์การเรียนรู้ เพื่อให้ การจดั การเรียนการสอนดาเนินไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ

38 2. ดา้ นการจดั การเรียนการสอน แนวทางการจดั การเรียนการสอนในสถานการณ์ ที่ไมส่ ามารถเรียนท่ีโรงเรียนได้ มีดงั น้ี 2.1 จดั กิจกรรมการเรียนรู้ให้มีความหลากหลาย เหมาะสม สอดคลอ้ งกบั วยั ของนกั เรียน ความตอ้ งการ ศกั ยภาพของนกั เรียนและและความพร้อมของนักเรียนและผปู้ กครอง แต่ละคน 2.2 จดั การเรียนการสอนโดยเนน้ การออกแบบแบบบูรณาการที่สอดคลอ้ งกบั วถิ ีการดาเนินชีวิตของนกั เรียนและมีความสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานและตวั ช้ีวดั ตามหลกั สูตรเพิ่มมากข้ึน เพื่อให้นักเรียนไดเ้ รียนอย่างมีความสุขในการเรียนรู้เพราะได้เรียนจากสภาพจริงในการดาเนินวิถี ชีวิต เรียนจากการปฏิบตั ิจริงในแหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่ใกลบ้ า้ น และผูป้ กครองก็จะมีศกั ยภาพพอที่จะ ช่วยใหค้ าปรึกษาช่วยเหลือแนะนาการเรียนรู้ใหก้ บั นกั เรียนไดเ้ ป็นอยา่ งดี 2.3 จดั การเรียนรู้ที่เนน้ การเรียนรู้จากการปฏิบตั ิการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง เรียนรู้ ตามแนวทาง Active learning มากกวา่ การบรรยาย ทาใหก้ ารบรรยายนอ้ ยลง และนกั เรียนเรียนรู้จาก หนา้ จอลดลง 2.4 ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนไดม้ ีโอกาสในการเลือกปฏิบตั ิ กิจกรรมตามความสนใจ และพหุปัญญาของผเู้ รียนรายบุคคลเพ่มิ มากข้ึน 2.5 จดั กิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคลอ้ งกับระดับความสามารถในการเรียนรู้ ของผเู้ รียนที่จะสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมเหลา่ น้นั สาเร็จไดด้ ว้ ยตนเอง 2.6 เลือกใช้ส่ือการเรียนรู้ท่ีมีอยู่รอบตวั ผูเ้ รียนหรือสื่อของจริงท่ีอยู่รอบๆบา้ น ท่ีนกั เรียนสามารถเขา้ ไปเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งปลอดภยั 2.7 ใชส้ ื่อออนไลน์อยา่ งเหมาะสม ไมม่ ากเกินไปจนทาใหเ้ กิดผลกระทบต่อร่างกาย และจิตใจ ของผเู้ รียน 2.8 เลือกใช้แหล่งการเรียนรู้ที่มีความปลอดภยั ต่อชีวิตและสุขภาพของผูเ้ รียน หลีกเล่ียงแหล่งน้า ปี นข้ึนท่ีสูง การใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้า และกิจกรรมอ่ืนๆ ท่ีเป็ นอนั ตรายต่อร่างกาย และชีวติ 2.9 ออกแบบการวดั และประเมินผลโดยใช้แนวทางประเมินเพื่อพฒั นาผูเ้ รียน (Assessment for learning) ด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย ประเมินจากสิ่งท่ีผู้เรี ยนปฏิบัติไม่แยก การประเมินออกจากการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงอาจใหผ้ เู้ รียนจดั ทา Portfolio ของตนเอง 3. บทบาทของครู ผู้สอน บทบาทของครู ผู้สอนในการจัดการเรี ยนการสอน ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถเรียนท่ีโรงเรียนได้ มีดงั น้ี

39 3.1 เอาใจใส่กระบวนการเรียนรู้ของผูเ้ รียนด้วยการติดตามถามไถ่ผูเ้ รียนและ ผปู้ กครองเป็น ระยะๆ 3.2 กระตุน้ ผูเ้ รียนให้มีวินัยในตนเอง มีความรับผิดชอบ โดยอาจทาเป็ นสัญญา การเรียนรู้ระหวา่ งครูกบั นกั เรียน และกระตนุ้ ใหก้ าลงั ใจในการเรียนรู้ตอ่ ไป 3.3 ให้คาปรึกษาผูป้ กครองเก่ียวกบั แนวทางและวิธีการช่วยเหลือให้คาแนะนา กบั ดูแลผเู้ รียนใหป้ ฏิบตั ิกิจกรรมการเรียนรู้ตามที่ครูกาหนดอยา่ งต่อเน่ือง 3.4 ให้ความช่วยเหลือนักเรียนท่ีเรียนไม่ทันเพื่อนเป็ นรายกรณีโดยใช้รูปแบบ ที่เหมาะสม 3.5 ประสานเครือข่ายชุมชน อาสาพฒั นาผูเ้ รียนในการเข้ามามีส่วนร่วมในการ จดั การเรียนรู้ โดยการสื่อสารสร้างความเขา้ ใจสร้างความรู้ใหก้ บั ผปู้ กครองอยา่ งต่อเน่ือง 3.6 มีความยืดหยุ่นในการจดั การเรียนการสอนท้งั ในด้านการวดั และประเมินผล และด้านเข้าเรียนของนักเรียน เช่น วดั ผลและประเมินผลจากใบงาน แบบฝึ ก ชิ้นงาน จากการ สอบถามผปู้ กครอง สอบถามนกั เรียนโดยตรง วดั จากคลิปวิดิโอนกั เรียนที่ส่งมาใหค้ รู ยดื หยนุ่ เวลาเรียน ตามตารางเรียนท่ีครูกาหนด 3.7 มีการประเมินความกา้ วหน้าและประเมินผลการเรียนรู้ของผูเ้ รียนด้วยวิธีการ ที่หลากหลายและยดื หยุ่น 3.8 มีการพฒั นาตนเองในการใชส้ ื่ออีเลก็ ทรอนิกส์ในการจดั การเรียนการสอนเพ่ิม มากข้ึน 3.9 ครูตอ้ งเป็นพ่เี ล้ียงใหก้ บั นกั เรียนและผปู้ กครองอยา่ งต่อเนื่อง สรุปไดว้ ่า การจดั การเรียนรู้ในสถานการณ์โรคไวรัสโคโรน่า (COVID 2019) ท่ีสอดคลอ้ ง ตระหนกั ใหเ้ กิดการบริหารจดั การเรียนการสอนโดยมีครูเป็นผดู้ าเนินการเป็นหลกั สาคญั 2.1 แนวคดิ เกี่ยวกบั การจดั การเรียนรู้ 2.1.1 ความหมายและหลกั การเกี่ยวกบั การจดั การเรียนรู้ ความหมายของการจดั การเรียนรู้ นกั วิชาการในดา้ นการศึกษา ไดใ้ ห้ความหมาย ของการจดั การเรียนรู้ ไวด้ งั น้ี กระทรวงศึกษาธิการ (2551 : 25) กล่าวถึง การจดั การเรียนรู้เป็ นกระบวนการ สาคญั ในการนาหลกั สูตรสู่การปฏิบตั ิ หรือหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐานเป็นหลกั สูตร ท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องผูเ้ รียน เป็นเป้าหมาย สาหรับพฒั นาเด็กและเยาวชนในการพฒั นาผูเ้ รียนให้มีคุณสมบตั ิตามเป้าหมายหลกั สูตร ผูส้ อน พยายามคดั สรรกระบวนการเรียนรู้ จดั การเรียนรู้โดยช่วยใหผ้ เู้ รียนเรียนรู้ผ่านสาระท่ีกาหนดไวใ้ น

40 หลกั สูตร 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมท้งั ปลูกฝังเสริมสร้างคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ พฒั นาทกั ษะ ตา่ ง ๆ อนั เป็นสมรรถนะสาคญั ใหผ้ เู้ รียนบรรลุตามเป้าหมาย ฮุชและดนั แคน(Hough and Duncan,1970 : 144) ไดอ้ ธิบายความหมายของการ จดั การเรียนรู้ว่า หมายถึง กิจกรรมท่ีบุคคลไดใ้ ช้ความรู้ของตนเองอย่างสร้างสรรคเ์ พื่อสนบั สนุน ให้ผูอ้ ่ืนเกิดการเรียนรู้และมีความสุข การจดั การเรียนรู้จึงเป็ นกิจกรรมในแง่มุมต่าง ๆ 4 ดา้ นดงั น้ี (1) ด้านหลกั สูตร หมายถึง การศึกษาถึงจุดมุ่งหมายของการเรียน มีความเขา้ ใจในจุดประสงค์ รายวิชา และการต้งั จุดประสงค์ การเรียนรู้ที่ชัดเจนและเลือกเน้ือหาได้เหมาะสมกับทอ้ งถิ่น (2) การจดั การเรียนรู้ หมายถึง การเลือกวิธีสอนและวธิ ีจดั การเรียนรู้ท่ีเหมาะสมเพอื่ ช่วยใหผ้ เู้ รียนบรรลุ ตามจุดประสงค์การเรียนรู้ท่ีวางไว้ (3) การวดั ผล หมายถึง การเลือกวิธีวดั ผลที่เหมาะสมและและ สามารถวิเคราะห์ผลได้ และ (4) การประเมินผลการจดั การ เรียนรู้ หมายถึงความสามารถในการ ประเมินผลหลงั การจดั การเรียนรู้ ฮิลล์ (Hills,1982 : 266) ให้ความหมายของการจัดการเรี ยนรู้ว่าหมายถึง กระบวนการใหก้ ารศึกษาแก่ผเู้ รียน ซ่ึงจะตอ้ งอาศยั ปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งผูส้ อนกบั ผเู้ รียน สรุปไดว้ า่ การจดั การเรียนรู้หมายถึง สภาพการเรียนรู้ที่กาหนดข้ึนเพื่อใหผ้ ูเ้ รียนไปสู่เป้าหมายหรือจุดประสงค์ การเรียนการสอนท่ีกาหนดไวม้ ีการวางแผนการจดั การเรียนรู้จนถึงการประเมินผล ซ่ึงในการจดั การ เรียนรู้มีความสัมพนั ธ์และมีปฏิสัมพนั ธ์เกิดข้ึนระหวา่ งผสู้ อนกบั ผูเ้ รียน ผเู้ รียนกบั ผเู้ รียน ผูเ้ รียนกบั สิ่งแวดลอ้ ม และผูส้ อนกบั สิ่งแวดลอ้ ม ซ่ึงความสัมพนั ธ์และการมีปฏิสัมพนั ธ์ ก่อให้เกิดการเรียนรู้ และประสบการณ์ใหมท่ ่ีผเู้ รียนสามารถนาประสบการณ์ใหมน่ ้นั ไปใชไ้ ด้ สรุปได้ว่าการจัดการเรียนรู้เป็ นกระบวนการท่ีมีระบบระเบียบครอบคลุม การดาเนินการ ต้งั แต่การวางแผนการจดั การเรียนรู้จนถึงการประเมินผล 2.1.2 หลกั การในการจดั การเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ (2551 : 25) ไดใ้ ห้หลกั การในการจดั การเรียนรู้ว่า ตอ้ งให้ ผูเ้ รียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลกั ษณะอนั พึง ประสงค์ตามที่กาหนดไวใ้ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน โดยยึดหลักว่า ผูเ้ รียน มีความสาคญั ท่ีสุด เช่ือวา่ ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดข้ึนกบั ผเู้ รียนกระบวนการจดั การเรียนรู้ ตอ้ งส่งเสริมให้ผูเ้ รียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตาม ศักยภาพ คานึงถึงความแตกต่างระหว่าง บุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญ ท้งั ความรู้และคุณธรรมจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ให้ หลกั การท่ีสาคญั ในการจดั การเรียนรู้ไว้ ดงั น้ี