Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย

แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย

Published by praponesasomsap, 2021-04-21 12:31:34

Description: แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย

Search

Read the Text Version

๑๙๔ ๕. นักเรียนสรุปองค์ความรู้จากการตอบคาถามลงในใบกิจกรรมท่ี ๑ บทบาทสาคัญของ พระมหากษตั รยิ ์ ไทยสมยั สุโขทยั และรว่ มกันเฉลย ๖. ครเู พมิ่ เติมวา่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ข์ องไทยอยู่อย่างสบื เน่ืองยาวนาน ความเขม้ แขง็ เสยี สละและมีคณุ ธรรมของพระมหากษตั รยิ ์ทาใหค้ นไทยมีประเทศอย่อู าศัยจนทกุ วันน้ี กิจกรรมท่ี ๒ รำลกึ อดีต ๘. ครูสมมุติให้นักเรียนย้อนอดีตไปสู่บ้านเมืองสมัยกรุงสุโขทัยเพ่ือเรียนรู้เร่ืองราวขอ ง พระมหากษัตรยิ ์ไทยในสมยั สุโขทัยทม่ี ีบทบาทและผลงานสาคัญในการพฒั นาชาติ ๙. นกั เรียนดูวดี ีทศั นจ์ ากส่อื Virtual Field Trip ตอนที่ ๑ สถาปนาอาณาจกั รสุโขทัย (ใชเ้ วลาประมาณ ๖ นาท)ี และสรปุ ความร้ใู นใบกจิ กรรมที่ ๒ สถาปนาอาณาจักรสโุ ขทยั ๑๐. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ เปน็ ๖ กลุม่ จานวนกลุม่ ละประมาณ ๔-๖ คน สมมุติให้ห้องเรยี นเปน็ อาณาจกั รสุโขทัยมชี าวเมืองสาคัญหลายเมอื ง ดังนี้ - กลมุ่ ท่ี ๑ ชาวเมอื งนครชมุ (จงั หวัดกาแพงเพชร) - กลมุ่ ท่ี ๒ ชาวเมอื งสองแคว (จงั หวดั พษิ ณุโลก) - กลุ่มท่ี ๓ ชาวเมอื งสระหลวง (จงั หวดั พจิ ิตร) - กลุ่มท่ี ๔ ชาวเมอื งศรีสชั นาลัย (อาเภอศรสี ชั นาลัย จงั หวัดสุโขทัย) - กลุ่มที่ ๕ ชาวเมืองพลัว (อาเภอปวั จงั หวดั นา่ น) - กลุม่ ท่ี ๖ ชาวเมอื งแพล (จังหวัดแพร่) ๑๑. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มทาป้ายชอ่ื เมือง วางแผนการ แบง่ งานสืบคน้ ประวัตผิ ลงานของ พระมหากษตั รยิ ์สุโขทัย (พ่อขนุ รามคาแหง / พระยาลไิ ทย) โดยใชว้ ธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์โดยไป สบื ค้นขอ้ มลู นอกเวลาเพอ่ื เตรยี มทากิจกรรมในชั่วโมงต่อไป ช่วั โมงที่ ๒ กจิ กรรมที่ ๓ ลูกเขยพระรว่ ง ๑๒. ครูแจ้งว่ากิจกรรมในช่ัวโมงนี้เป็นการให้ความรู้เร่ืองลาดับพระนามพระมหากษัตริย์ในสมัย สุโขทยั และผลงานการพฒั นาบ้านเมอื งท่สี าคญั โดยการทาเสน้ เวลา ๑๓. ครูแจกกระดาษให้แต่ละกลุ่มเพื่อทาเส้นเวลาและเลือกนักเรียนคนหนึ่ง มาอ่านประกาศ พระรว่ งเจ้าหน้าหอ้ งเรียน ขอ้ ความดงั นี้ “อาณาจักรสุโขทัยประสงคจ์ ะให้คนดีมีฝมี ือช่วยเรียงรายพระนามกษัตริย์ทั้งหมดของอาณาจักร สุโขทัยและผลงานเพื่อข้าจะได้รู้ลาดับลูกหลานและผลงานของลกู หลานของข้าให้ทุกเมืองส่งตัวแทนมารบั ชื่อและผลงานที่ข้ามีให้เอาไปดาเนินการ เจ้าเมืองใดมีความสามารถ เรียงได้ถูกต้องรวดเร็ว ข้าจะยกลูก สาวให้แต่งงานด้วย” ๑๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนไปรับซองข้อมูลจากครูและช่วยกันเรียงรายพระนามตาม ช่วงเวลาต้ังแต่ลาดับที่ ๑ – ๙ (ทาเส้นเวลาลงบนกระดาษฟลิบชาร์ท) นาผลงานไปติดให้ตรงกับราย พระนามและเพิม่ เตมิ ให้สมบูรณ์ทสี่ ดุ โดยใหน้ าความรทู้ ่ีได้จากการสืบคน้ มาแลว้ มาใช้ แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสังคมไทย แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ใ์ นสงั คมไทย

๑๙๕ ๑๕. นักเรียนที่ทาเสร็จกลุ่มแรกให้ออกมาสั่นกระดิ่ง และถวายรายงานรายพระนามกษัตริย์และ ผลงานสาคัญต่อพระรว่ ง ๑๖. นกั เรียนกล่มุ อน่ื ๆ นาผลงาน ติดกระดาน ๑๗. นักเรียนทกุ คนเขียนสรุปรายพระนามและผลงานพระมหากษตั ริยส์ ุโขทัยในกิจกรรมท่ี ๓ ลูกเขยพระรว่ ง ๑๘. ครเู ป็นตวั แทนพระร่วงเจ้าชมเชยการทางานของนกั เรยี นและมอบรางวลั เป็นภาพสาวสวย ๑ ภาพ) ชัว่ โมงที่ ๓ กิจกรรมที่ ๔ ผลงำนสรำ้ งชำติ ๑๙. นักเรียนนาผลงานที่ไปสืบค้นเกี่ยวกับประวัติ ผลงานของ พระมหากษัตริย์สุโขทัย (จากกจิ กรรม : ราลึกอดตี ) มานาเสนอและรว่ มแลกเปลี่ยนรู้ ครูถามว่าพระมหากษัตริย์สุโขทัยท่ีสร้างผลงานท่ีสาคัญโดดเด่นมีใครบ้างและมีผลงานสา คัญ อะไรบา้ ง ผลงานนั้นส่งผลอยา่ งไรตอ่ คนไทยในปัจจบุ ัน ใหแ้ ตก่ ล่มุ ร่วมกนั อธิบาย ๒๐. นักเรียนเขียนสรุปใบกิจกรรมท่ี ๔ ผลงานสร้างชาติ (แนวการตอบ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่ขุนรามคาแหงมหาราช พระยาลิไทย ผลงานท่ีโดดเด่น คือ การสถาปนาอาณาจักร การประดิษฐ์ ตัวอกั ษรไทย การสง่ เสรมิ พระพทุ ธศาสนา เปน็ ต้น) กิจกรรมท่ี ๕ พระมหำกรณุ ำธิคุณ ๒๑. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มช่วยกันเขยี นคาประกาศยกยอ่ งเชิดชเู ทดิ พระเกียรติพระมหากษตั ริย์ ในสมยั สโุ ขทัยดว้ ยความรสู้ ึกของคนในปัจจุบัน โดยครใู ห้ดตู ัวอยา่ งลายสือไทยจากศลิ าจารึกหลกั ที่ ๑ ด้านที่ ๑ ๒๒. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ สง่ ตัวแทนอ่านคาประกาศหน้าห้องเรียนจนครบทกุ กลุ่ม ชวั่ โมงท่ี ๔ ๒๓. ครนู ากล่องกระดาษมาพรอ้ มอปุ กรณ์ ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนมาช่วยกนั ทา ศลิ าจารึกจาลองจากกล่องกระดาษ ๒๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาคาประกาศจากกิจกรรมที่ ๕ พระมหากรุณาธิคุณ มาติดศิลาจารึก จาลองเป็นศิลาจารกึ หลักพเิ ศษ ๒๕. นักเรียนนาผลงานใบกิจกรรมที่ ๑ - ๔ แล้วจัดบอร์ดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ พระมหากษตั ริย์สุโขทัย หนา้ หอ้ งเรยี นโดยคิดชอื่ นิทรรศการร่วมกัน ๒๖. ครูสรุปความสาคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย (แนวตอบ กษัตริย์เป็นผู้นาให้ คนไทยได้ร่วมกันสร้างชาติ สร้างสรรค์งานท่ีเป็นประโยชน์และร่วมกันรักษาชาติบ้านเมืองมาได้จนถึง ปจั จบุ นั ๒๗. ครูใหน้ ักเรยี นใหถ้ ามตวั เองว่าได้ทาอะไรใหบ้ า้ นเมืองบ้าง ๒๘. ทดสอบความรู้เรอ่ื งหลังเรียน แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย

๑๙๖ ๑๑. สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ๑. สื่อการเรยี นรู้ ส่อื Virtual Field Trip ตอนที่ ๑ สถาปนาอาณาจักร ๒. ภาพอนสุ าวรียพ์ ่อขนุ รามคาแหงมหาราช ๓. ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ๔. ชดุ รายพระนามพระมหากษตั รยิ ์ ๙ พระองค์และพระราชกรณียกจิ ๕. คาประกาศพระร่วงเจา้ (ประกอบแสดงบทบาทสมสมต)ิ ๖. หนังสือประวัตศิ าสตร์สโุ ขทยั ๗. หนงั สอื เรียนประวัตศิ าสตร์ ๘. ใบกจิ กรรมที่ ๑ บทบาทสาคัญของพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยสมัยสโุ ขทัย ๙. ใบกจิ กรรมท่ี ๒ สถาปนาอาณาจกั รสุโขทยั ๑๐. กระดาษฟลปิ ชาร์ท ๑๒. ภาพสาวแสนสวย ๑๓. ใบกิจกรรมที่ ๔ ผลงานสร้างชาติ ๑๔. ตวั อย่างลายสอื ไทยจากศิลาจารกึ หลักที่ ๑ ด้านท่ี ๑ ๑๕. กลอ่ งกระดาษ แหลง่ กำรเรียนรู้ - ห้องสมุดโรงเรยี น - ข้อมลู ทางอนิ เทอรเ์ น็ต เร่อื ง ประวัตศิ าสตรส์ โุ ขทัย - วดี ที ัศนส์ ารคดีเรือ่ งพอ่ ขุนรามคาแหงมหาราช ๑๒. บันทกึ หลงั สอน ๑๒.๑ ด้านความรู้ ............................................................................................................................. .......................................... ..................................................................................................................................... .................................. ๑๒.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ............................................................................................................................. ....................................... ........................................................................................... ........................................................................ ๑๒.๓ ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... ๑๒.๔ ดา้ นสมรรถนะทสี่ าคัญของผู้เรยี น ............................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. .......................................... แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย แนวการจดั การเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พอื่ สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสังคมไทย

๑๙๗ แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ใ์ นสังคมไทย

๑๙๘ แนวการจดั การเรยี นร้ปู ระวตั ศิ าสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย

๑๓๙๙ ประกำศของพระร่วงเจำ้ เพ่อื แสดงบทบำทสมมตุ ิ ประกำศของพระร่วงเจำ้ “อาณาจักรสุโขทัยประสงค์จะให้คนดีมีฝีมือ ช่วยเรียงรายพระนามกษัตริย์ ทั้งหมดของอาณาจักรสุโขทัยและผลงาน เพื่อข้าจะได้รู้ลาดับลูกหลานและผลงาน ของลูกหลานของข้า ให้ทุกเมืองส่งตัวแทนมารับสิ่งท่ีข้ามี ให้เอาไปดาเนินการ เจา้ เมอื งใดมีความสามารถทาไดถ้ กู ต้องรวดเร็ว ข้าจะยกลูกสาวให้” รำยพระนำมกษตั ริย์สโุ ขทัย คำช้แี จง ใหค้ รตู ดั ข้อความทั้งหมดนีม้ าปนกนั นาใสซ่ องเพ่ือแจกใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ได้เรยี งลาดบั ทาเป็นเส้นเวลา (Time Line) และปะติดผลงานของแต่ละพระองค์ พ่อขุนศรีอินทรำฑติ ย์ พระมหำธรรมรำชำท่ี ๑ ลไิ ทย เร่มิ เสวยราชย์ พ.ศ.๑๗๙๒ พ.ศ. ๑๘๙๐ - ๑๙๑๑ สวรรคตปใี ดไมป่ รากฎ พระมหำธรรมรำชำท่ี ๒ พ.ศ. ๑๙๑๑ –ประมาณ พ.ศ. ๑๙๔๒ พ่อขุนบำนเมือง ไมป่ รากฏปีทีข่ ึ้นครองราชย์ พระมหำธรรมรำชำท่ี ๓ ไสลือไทย พ.ศ. ๑๙๔๓ - ๑๙๖๒ ถงึ พ.ศ. ๑๘๒๒ พระมหำธรรมรำชำท่ี ๔ บรมปำล พ่อขนุ รำมคำแหงมหำรำช พ.ศ. ๑๙๖พ๒ร–ะยปำรงะั่วมนาำณถมพ.ศ.๑๙๘๑ ประมาณ พ.ศ.๑๘๒๒ – พ.ศ. ๑๘๔๑ ประมาณ พ.ศ.๑๘๖๖ - ๑๘๙๐ พระยำเลอไทย พ.ศ.๑๘๔๑ – ประมาณ พ.ศ.๑๘๖๖ แนวการจัดการเรยี นการสอนประวัติศาสตรเ์ พือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย

๒๐๔๐ พระรำชกรณยี กิจและผลงำนที่สำคญั ของพระมหำกษัตริย์สโุ ขทยั คำชี้แจง ให้ครูตัดข้อความท้ังหมดนใ้ี สซ่ องปนกนั กบั รายพระนามพระมหากษัตรยิ ์ สถำปนำอำณำจกั ร สรำ้ งพระพุทธชนิ รำช ทำยุทธหตั ถีกับขุนสำมชน ปลกู ตน้ ตำล ประดษิ ฐล์ ำยสือไทย ทำเป็นดงตำล หนังสือเร่ืองไตรภมู พิ ระรว่ ง ได้เมืองเมำะตะมะ เป็นเมอื งประเทศรำช ทำนบุ ำรงุ พทุ ธศำสนำ ทำสญั ญำเปน็ ไมตรี กับพญำมังรำยและ ผลติ เงินหนกั ๑ บำท ใช้เปน็ มำตรฐำน พญำงำเมือง แนวการจดั การเรยี นการสอนประวัติศาสตรเ์ พ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตร์เพอ่ื สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริยใ์ นสงั คมไทย

๒๐๕๑ ใบกจิ กรรมท่ี เร่ือง กำรสถำปนำอำณำจกั รสุโขทยั และพระมหำกษัตริย์ในสมัยสุโขทยั ชอื่ ………………………………………………………………….ชน้ั ………….เลขท…ี่ …………… คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนบนั ทึกสาระสาคญั และความรูส้ ึกความภาคภมู ใิ จที่ได้จากการเรียนในใบกจิ กรรมน้ี กจิ กรรมที่ ๑ บทบาทสาคัญของพระมหากษัตรยิ ์ไทยสมยั สุโขทัย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… กจิ กรรมท่ี ๒ การสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทยั ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… กิจกรรมที่ ๓ ลูกเขยพระรว่ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… กจิ กรรมท่ี ๔ ผลงานสรา้ งชาติ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวการจัดการเรียนการสอนประวตั ิศาสตรเ์ พ่ือสรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสงั คมไทย

๒๐๖๒ ตัวอย่ำงรูปทรงศิลำจำรกึ คำชีแ้ จง ใหค้ รเู ลอื กรูปแบบและจดั ทาศลิ าจารึกจาลองเพ่ือใหน้ กั เรยี นปดิ คาประกาศเกียรตภิ ูมิ พระมหากษตั ริยส์ ุโขทยั ศลิ ำจำรกึ แบบส่เี หล่ยี ม ศลิ ำจำรึกแบบแผน่ แบน แนวการจดั การเรยี นการสอนประวตั ิศาสตรเ์ พ่ือสร้างสานกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัติศาสตรเ์ พอ่ื สรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริยใ์ นสังคมไทย

๒๐๓ บรรพบรุ ุษไทย เกรนิ่ นำ : ทำไมจงึ ต้องเรียนเร่อื งนี้ บรรพบุรุษคือผู้คนในอดีตที่ได้สร้างสมความดีงามและมีวีรกรรมอันพึงเคารพยกย่องและ ปฏิบัติตาม บรรพบุรษุ ทุกผู้ทุกคนต่างตระหนักในหน้าท่ีอันพึงมีต่อประเทศชาติและได้แสดงคุณธรรมอัน น่ายกย่องสรรเสริญ บางท่านได้แสดงคุณลักษณะอันโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ชัดในสังคมโลก ทาให้ผู้อื่น ได้รบั ทราบช่อื เสยี งของประเทศไทยในอดีต บรรพบุรษุ ไทยในอดีตมีจานวนมาก เพราะตา่ งคนกม็ ีจติ สานึกของความเป็นชาติ ความเป็น อันหน่ึงอันเดียวกัน และความสมัครสมานสามัคคี และมิได้คานึงถึงประโยชน์ส่วนตนก่อนประโยชน์ ส่วนรวม บรรพบุรษุ ของไทยจงึ เปน็ ต้นแบบที่สาคัญท่ที าให้คนรุ่นต่อมามจี ติ สานกั ของความรกั ชาตใิ นทาง ท่ีถูกทค่ี วร วีรกรรมของบรรพบุรุษไทยท่ีเราล้วนสานึกคือการปกป้องเอกราชและรักษาดินแดนไทย ด้วยการพลีชีพเพ่ือชาติ หลายท่านได้สร้างสรรค์ความเจริญทางศิลปะก่อเกิดเป็นเอกลักษณ์ไทยที่ ต่างชาติยกย่อง เช่นศิลปกรรมไทย นาฏศิลป์ไทย ดนตรีไทย อาหารไทย หลายท่านได้อุทิศตนเองและ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถทาให้ชาติไทยพ้นวิกฤตรุนแรงและคงความเป็นชาติไทยมาจนถึงทุก วนั น้ี การเรยี นรู้เรือ่ งราวของบรรพบรุ ุษไทยจึงเป็นส่วนหน่ึงของการสร้างความเข้าใจในความเป็นมาของ ชาตนิ ั่นเอง จุดม่งุ หมำย : เป้ำหมำยของกำรจดั กำรเรยี นรู้เร่ืองน้ี ๑. เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องวีรกรรม และผลงานของบรรพบุรุษไทยที่สะท้อน ถึงความอุตสาหะ ความยากลาบาก ความกล้าหาญ และความเสียสละของบรรพบุรุษไทยท่ีได้ร่วมกัน สร้าง พฒั นา ปกป้องและกอบก้ชู าติไทยให้คงอยู่จนถึงปจั จบุ ันนี้ ๒. ตระหนักในความสาคัญ และภาคภาคภูมิใจบรรพบุรุษไทยท่ีได้ปกป้องชาติไทยและ เอกราชไทยรวมทั้งการสร้างความเจรญิ รงุ่ เรอื งให้กับประเทศไทย ๓. เห็นแนวทางในการปฏิบัติตนในการเป็นพลเมืองดีของชาติ และสามารถถ่ายทอด เพอ่ื ใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจและปฏบิ ัตติ นไดถ้ กู ต้อง ประเด็นสำคัญที่ครูควรรู้ พ้ืนฐำนควำมรู้ จดุ เนน้ ทค่ี วรเชอ่ื มโยง และสิ่งทต่ี ้อง สร้ำงเสรมิ ใหเ้ กิดควำมภูมใิ จ ประวัติศาสตร์ไทยในสมัยอยุธยา ได้บันทึกวีรกรรมของบรรพบุรุษไทยท่ีได้ร่วมกันปกป้อง แผ่นดินโดยไม่เห็นแก่ชีวิตและทรัพย์สินของตนไว้ เช่นวีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน วีรกรรมของ พันท้ายนรสิงห์ หรือการเดินทางไปต่างประเทศของออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) เพ่ือเจริญพระราช แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจัดการเรียนรูป้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๐๔ ไมตรีกับต่างประเทศ บรรพบุรุษเหล่าน้ีเป็นเพียงตัวอย่างของบุคคลที่มีจิตใจงดงามท่ีทาหน้าที่เพ่ือ ประเทศชาติ เพ่ือความถูกต้องตามกฎหมาย และเพื่อความเป็นเอกราชของอาณาจักร สมควรได้รับ การยกย่องเป็นอย่างมาก ในรัชกาลของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ หรือ พระเจ้าเสือนั้น มักจะเสด็จพระราชดาเนิน โดยเรือพระท่ีนั่งเอกชัย เพื่อประพาสทรงเบ็ด ณ ปากน้าเมืองสาครบุรี หรือเมืองสมุทรสาครในปัจจุบัน โดยใช้เส้นทาวงคลองด่าน คลองสนามชัย เม่ือเรือพระท่ีน่ังถึงตาบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเค้ียวและมี กระแสน้าเช่ียวกราก พันท้ายนรสิงห์ซ่ึงถือท้ายเรือพระท่ีนั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระท่ีนั่ง กระทบกับก่ิงไม้หักตกลงไปในน้า พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดข้ึนฝั่งแล้วกราบทูลให้ทรงลงพระอาญา ตามพระกาหนดถึงสามคร้ังด้วยกัน เน่ืองจากในสองคร้ังแรก สมเด็จพระเจ้าเสือพระราชทานอภัยโทษ เพราะเหน็ ว่าเป็นอบุ ัตเิ หตสุ ุดวสิ ัยแตท่ า้ ยสดุ ก็ได้ตรสั สง่ั ใหป้ ระหารชวี ติ พนั ทา้ ยนรสิงห์ตามคาขอ วีรกรรมของพันท้ายนรสิงห์จึงเป็นอุทาหรณ์ของความจงรักภักดีของผู้อยู่ใต้เบื้องพระยุคล บาท และรับใช้พระมหากษัตริย์ และมีความซ่ือตรงต่อกฎหมายของแผ่นดิน การยินยอมรับโทษโดยไม่ รอ้ งขอให้ผ่อนผันนั้นเป็นแบบอยา่ งของการเรียนรู้ว่า สังคมมีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบตั ิ และพระเจ้าแผ่นดิน ทรงไว้ซึ่งพระราชอานาจอย่างสมบูรณ์ แม้ว่า พันท้ายนรสิงห์อาจจะขอร้องให้พระราชทานอภัยโทษได้ ก็ตาม ส่วนวีรกรรมของชาวบ้านบางระจันน้ัน เป็นกลุ่มคนไทยที่มีความรักชาติและหวงแหน แผ่นดินเกิดอย่างสูงสุด ยอมสละชีพของตนและสละบ้านเรือนเพ่ือธารงไว้ซึ่งเอกราชและชาติของไทย แม้จะมีกาลังเพียงน้อยแต่ก็ยังสามารถต่อต้านการรบจากกองทัพพม่าไว้ได้อย่างเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวและ เปน็ ตวั อยา่ งท่ีดขี องการรกั ชาตโิ ดยไมเ่ ห็นแกป่ ระโยชน์สว่ นตน ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาก่อนเสียกรุงครงั้ ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ บันทึกว่ากองทัพพม่ายก พลเข้ามาประชิดพระนคร โดยในปี พ.ศ. ๒๓๐๘ เนเมียวสีหบดียกทัพมาจากพม่ารุกเข้าจากทางเหนือ ได้มาหยุดอยู่ท่ีเมืองวิเศษชัยชาญ และจัดให้ทหารพม่ากองหน่ึงเที่ยวกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนทาง เมืองวิเศษชัยชาญ ราษฎรต่างพากันโกรธแค้นต่อการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่า จึงแอบคบคิดกันต่อสู้ ในเดือน ๓ พวกชาวเมืองวิเศษชัยชาญ เมืองสิงห์บุรี เมืองสรรคบุรี และชาวบ้านใกล้เคียงพากันคบคิด อุบายเพ่ือล่อลวงทหารพม่า ท้ังรวบรวมผู้คนไว้เพ่ือทาการต่อไป ในบรรดาชาวบ้านท่ีร่วมกันอยู่น้ีมี หัวหน้าที่สาคัญ คือ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ซึ่งได้หลอกลวงทหารพม่านาไปหาทรัพย์ สิ่งของที่ต้องการ ทหารพม่าหลงเช่ือตามไป ก็ถูกนายโชติและพรรคพวกซุ่มอยู่บุกเข้ามาฆ่าฟันพม่าตาย ประมาณ ๒๐ คน แลว้ จึงพากันหนีไปยงั บางระจัน หรอื ทีป่ รากฎชือ่ ว่า “บา้ นระจนั ” ในเวลาน้ันชาวเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เข้ามาหลบอาศัยอยู่ท่ีบางระจันเป็นจานวน มากขึ้น มีพระอาจารย์ธรรมโชติ ซึ่งมีกิตติศัพท์ว่า มีความเชี่ยวชาญทางวิทยาคมมากเป็นผู้นาทางจิตใจ ต่อมานายแท่นและผู้มีช่ือเสียงอ่ืน ๆ ชักชวนชาวบ้านได้อีกประมาณ ๔๐๐ คนเศษ พากันมาอยู่ท่ี บา้ นบางระจัน หลังจากนน้ั ก็ตั้งค่ายขน้ึ ลอ้ มรอบบา้ นบางระจนั ๒ ค่าย เพ่ือป้องกันทหารพม่าที่จะยกทัพ แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๐๕ ติดตามมาและเพ่ือจัดหากาลังและศัตราวุธในแถบตาบลนั้น นอกจากน้ี มีคนไทยช้ันหัวหน้าที่เข้ามา ร่วมด้วยอีก ๗ คน ท่ีปรากฎชื่อในพระราชพงศาวดาร ได้แก่ ขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจันหนวดเขยี้ ว นายทองแสงใหญ่ นายดอก และนายทองแก้ว รวมหัวหน้าท่สี าคัญของคา่ ยบางระจัน ครัง้ นัน้ รวม ๑๑ คน ตง้ั กองสู้กับกองทัพพมา่ กองกาลังชาวบ้านบางระจันต้องรวบรวมเสบียงอาหารและสรรพอาวุธด้วยตนเอง และ สามารถต้านทัพพม่าได้หลายครั้ง จนกระท่ังพ่ายแพ้ เพราะไม่มีกาลังและอาวุธเพียงพอ จะเห็นได้ว่า ชาวบ้านบางระจันมีความภูมิใจท่ีตนเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยธุ ยาและมีความหวงแหนแผ่นดนิ เกิด ไม่ให้ใครเข้ามาครอบครองทาลาย แม้ว่าจะมีกาลังเพียงน้อยก็ตาม สมดังความท่ีจารึกไว้ท่ีฐานของ อนุสาวรยี ์ชาวบา้ นบางระจนั ว่า “เมื่อเดือนสาม ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘ นายจันหนวดเขี้ยว นายโชติ นายดอก นายทองแก้ว นายทองเหม็น นายทองแสงใหญ่ นายแท่น นายเมือง พันเรือง ขุนสรรค์ และนายอิน ได้เป็นหัวหน้ารวบรวมชาวบ้าน ตั้งค่ายต่อสู้พม่าท่ีบ้านบางระจัน มีพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นผู้ประสิทธ์ิ ประสาทวิทยาคมบารุงขวัญ ตั้งแต่เดือนส่ี ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘ จนถึงเดือนเจ็ด ปีจอ พุทธศักราช ๒๓๐๙ วีรชนค่ายบางระจันได้ต่อสู้พม่า ด้วยความกล้าหาญและด้วยกาลังใจอัน เด็ดเด่ียวยอมสละแม้เลือดเน้ือและ ชีวิตเพื่อรักษาแผ่นดินไทย รบชนะพม่าถึงเจ็ดครั้ง จนพม่าคร่ันคร้ามฝีมือ รั ฐ บ า ล แ ล ะ ป ร ะ ช า ช น ช า ว ไ ท ย จึ ง พ ร้ อ ม ใจ กั น ส ร้ า ง อ นุ ส า ว รี ย์ น้ี ขึ้ น เพ่ือประกาศเกยี รตคิ ณุ ของวีรชนคา่ ยบางระจนั ให้ยั่งยืนชวั่ กาลนาน” บรรพบุรุษของไทยนั้นมิได้มีเพียงผู้ป้องกันประเทศด้วยความสามารถเท่าน้ัน หากแต่ยังมี บรรพบุรุษที่เผยแพร่ช่ือเสียงของไทยไปสู่สากลด้วย เช่น ออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) หรือท่ีรู้จักกัน ในช่ือโกษาปาน ราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซ่ึงเดินทางไปเจริญพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ แหง่ ประเทศฝรั่งเศส ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช การเปิดโลกทัศน์เป็นผลที่ได้รับจากการส่งทูตไป เจริญสัมพันธไมตรีด้านการค้ากับนานาประเทศโดยเฉพาะชาติตะวันตก ทาให้ประเทศไทยได้พบเห็น วิทยาการ แนวคิดและมุมมองใหม่ ๆ ท่ีแตกต่างจากชาติท่ีเจริญกว่า และนาข้อดีเหล่าน้ีมาพัฒนา ประเทศให้เจริญทัดเทียมประเทศอารยะทงั้ หลาย เม่ือมกี ารสง่ ทตู ไปเจริญสมั พันธไมตรีกบั ชาติใดสมเด็จ พระนารายณ์มหาราชก็มักจะส่งเหล่าขุนนางหรือพระบรมวงศานุวงศ์ไปด้วยจานวนหนึ่งเพ่ือไปศึกษา วิทยาการด้านการทหาร การบริหารบ้านเมือง และอ่ืน ๆ ท่ีสาคัญ ซึ่งนับว่าเป็นรากฐานของการพัฒนา ประเทศชาตทิ ี่แยบยลอยา่ งหนึ่ง แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๐๖ อีกวิธีหน่ึงของการเปิดโลกทัศน์ของไทยก็คือ การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามารับ ราชการเป็นขนุ นางของกรุงศรีอยธุ ยา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้นาวิทยาการความรู้ใหม่ ๆ เข้ามาช่วยพัฒนาให้ ประเทศไทยเจรญิ ก้าวหนา้ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว สยามและฝรั่งเศสเริ่มต้นความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชและสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศสถึง ๓ ครงั้ ครั้งแรก ทรงจัดให้ออกญาพิพัฒน์ราชไมตรีเป็นราชทูต ออกขุนศรีวิสารสุนทร เป็นอุปทูต ออกขุนนครวิชัย เป็นตรีทูต ไปโดยเรือกาปั่นฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๔ แต่ทว่าเคราะห์ร้าย เรือท่ีไปอับปางทีน่ อกฝ่ังเกาะมาดากัสการ์ คณะทูตท้ังหมดสาบสญู ไปหมดและทางสยามก็ไม่ได้ขา่ วคราว ใดใด คร้ังท่ี ๒ สืบเนื่องมาจากคณะทูตชุดแรกท่ีสูญหายไปทาให้สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรง พระวิตก จึงโปรดให้ขุนนาง ๒ คน คือ ออกขุนวิชัยวาทิต และ ออกขุนพิชิตไมตรี กับบาทหลวงวาเชต์ ผเู้ ป็นล่ามไปด้วยอกี คนหนึ่ง เดินทางออกไปสืบขา่ วทตู ไทยทีส่ ่งไปคราวแรก คณะทูตท่ีเดินทางไปคราวนี้ ไปโดยเรืออังกฤษออกจากสยามเมื่อวนั ท่ี ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๒๒๖ ไปข้ึนท่เี มืองมารเ์ ก็ตท่าเรือประเทศ อังกฤษ แล้วเดินทางไปลอนดอน พักอยู่ลอนดอนได้ไม่ช้าก็ข้ามมาประเทศฝรั่งเศส เน่ืองจากทูตท่ีไป คราวนี้มิได้นาพระราชสาส์นของสมเด็จพระนารายณ์ฯ ไปด้วย เพราะประสงค์แต่เพียงไปสืบข่าวทูตที่ ส่งมาชุดแรก แต่ราชสานักฝร่ังเศสก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ทว่ามิได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์อย่าง เป็นพิธีการ เป็นแต่ไปคอยเฝ้าเวลาเสด็จพระราชดาเนิน แต่ก็ทรงหยุดและทรงปราศรัยสอบถามเมื่อ วันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๒๒๗ เม่ือพระเจ้าหลุยส์ทรงทราบความจริงว่า สยามได้เคยทรงทูตมา แต่เรือแตกเสียกลางทาง ก็ทรงดาริเห็นว่าควรจะแต่งทูตมาเป็นการสนองตอบ เพ่ื อมิให้เสียทาง พระราชไมตรีท่ีไทยมีต่อฝรั่งเศส ดังนั้น พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จึงแต่งคณะราชทูตพร้อมทั้งพระราชสาส์น โดยการเดินทางคร้งั น้มี ี เมอสิเออร์ เลอ เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ เป็นราชทูต และมีบาทหลวง เดอ ชวั ซี เมอสิเออร์ เลอ เชอวาลิเยร์ เดอ ฟอร์แบง บาทหลวงตาชาร์ด และขุนนางอีกหลายคนเดินทางเข้ามา ด้วย เรือออกจากเมืองแบรสต์ ท่าเรือในฝร่ังเศสเม่ือวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ มาถึงปากน้า เจ้าพระยา เม่ือวันท่ี ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๒๒๘ ราชทูตที่มาคราวนี้มาโดยเรือ ๒ ลา ชื่อ ลัวโซ กับ ลา มาลีญ และ รบั ทตู ไทยท้ัง ๒ ทเี่ ดินทางไปสืบขา่ วน้นั กลบั มาด้วย การต้อนรับคณะทูตและพระราชสาสน์จากฝรั่งเศสชุดแรกท่ีเดินทางมายังประเทศไทยนั้น เป็นไปด้วยความยิ่งใหญ่อลังการและสมพระเกียรติกับพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เป็นอย่างมากเพราะ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ในขณะน้ันมีความเกรียงไกรท่ีสุดในบรรดากษัตริย์ทั้งหลายในแถบตะวันตก และอาจจะในตะวันออกด้วย ซึ่งการต้อนรับในครั้งน้ันทาให้คณะทูตจากฝร่ังเศสซาบซ้ึงใน พระมหากรณุ าธิคณุ ของสมเด็จพระนารายณ์ที่ทรงดแู ลพวกตนเปน็ อยา่ งดี แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ิศาสตร์เพ่ือสร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๐๗ ส่วนครั้งที่ ๓ นั้นเน่ืองด้วยสมเด็จพระนารายณ์ต้องการเจริญทางพระราชไมตรีกับ พระเจ้าหลุยส์ เพื่อเป็นการตอบแทนท่ีฝร่ังเศสได้ส่งทูตมายังประเทศไทย จึงจัดคณะทูตขึ้นชุดหนึ่ง ประกอบด้วย ออกพระวิสุทสุนทร (ปาน) เป็นราชทูต ออกหลวงกัลยาราชไมตรีเป็นอุปทูต ออกขุนศรี วิสารวาจา เป็นตรีทูต เดินทางพร้อมกับคณะทูต เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ซ่ึงจะกลับฝรั่งเศสใน คราวเดียวกัน ออกเดินทางจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ ไปถึงเมืองแบรสต์ เม่ือ วันท่ี ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๒๒๙ เม่ือขึ้นฝ่ังท่ีเมืองแบรสต์ แล้วก็เดินทางต่อไปยังเมืองน็องต์ เมืองออร์ เลออ็ งส์ เมอื งฟงแตนโบล และทส่ี ุดถึงกรุงปารีส ภารกิจของโกษาปานในประเทศฝร่ังเศสนั้นเป็นข่าวสาคัญในทวีปยุโรป เพราะนับเป็น คร้ังแรก ๆ ในประวัติศาสตร์การทูตของประเทศยุโรปที่ได้มีโอกาสต้อนรับคณะราชทูตจากดินแดน อันไกลโพ้น ในหลักฐานฝ่ายฝร่ังเศสท่ีสาคัญ คือ รายงานข่าวกิจกรรมของโกษาปานและคณะซ่ึง เมอซิเออร์ เดอ วีเซ่ เขียนรายงานเผยแพรใ่ นวารสารแมร์กลุ กาล็องต์ ในปี พ.ศ. ๒๒๒๙ และต่อมาแปล เปน็ ภาษาไทยในชอื่ โกษาปานไปฝรงั่ เศส ต้ังแต่ท่ีเดินทางถึงเมืองแบรสต์ คณะราชทูตสยามเป็นที่จับตามองของทุกคน และต่างก็ ได้รับคาส่ังให้ดูและคณะทูตชุดนี้ด้วยความเอาใจใส่ ตลอดเส้นทางการเดินทางจากเมืองแบรสต์ไปยัง ปารีส เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔ ท่พี ระราชวงั แวร์ซายนั้น โกษาปานได้ผ่านเมืองสาคัญตา่ ง ๆ และ ได้เย่ียมชมสถานท่ีมากมาย ดังปรากฏในรายงานของ เดอ วีเซ่ คือ เม่ือคณะราชทูตสยามออกจากเมือง แบรสต์ ก็เดิทานไปยังเมืองตูรส์ จากนั้นไปเมืองแวงแซนต์ ใกล้ปารีส และพานักท่ีปราสาทเดอแบร์นี ได้ เยี่ยมชมบา้ นเสนาบดีเซนเญอเล ไปดูนกั เรียนเลน่ ละครพดู ท่โี รงเรียนหลุยส์เลอกรองด์ จากน้นั ย้ายไปพัก อยู่ท่ีเมืองรงบูเย เพ่ือเตรียมจะเข้าเฝ้าฯ ชว่ งเวลาทรี่ อเวลานัน้ ราชทตู ได้ไปดูการขดุ คลอง ดปู ้อมปราการ และพระราชวังแองวาลีดส์ ไปเย่ียมราชบัณฑิตยสภาแห่งฝรั่งเศส ไปชมโรงช่างหัตถกรรม ไปดูอู่ต่อเรือ ไปโรงละคร หอดูดาว ร้านค้าต่างๆ และท่ีพระราชวังแวร์ซายส์ น้ันราชทูตไดเ้ ขา้ เฝ้าพระเจา้ หลยุ ส์ที่ ๑๔ ที่ห้องทอ้ งพระโรงกระจก หลังจากเขา้ เฝ้าแลว้ ได้ไปเย่ียมชมสถานท่ีต่างๆ อีกมาก ครั้นเมื่อจะเดินทางกลบั มา ราชสานักฝร่ังเศสได้สง่ ผู้แทนพิเศษ คือซมิ ง เดอ ลา ลูแบร์ และราชทูตเซเบอเรต์ พร้อมกองเรือฝร่ังเศสเข้ามาด้วย และเป็นเหตุให้พระเพทราชาไม่ไว้วางใจใน การกระทาของฝรง่ั เศส จนในทีส่ ุดจึงเกดิ การปฏิวัตผิ ลัดแผน่ ดนิ ข้ึน ตลอดระยะเวลาท่ีออกพระวสิ ทุ สนุ ทร (ปาน) ได้ทาหน้าทเี่ ปน็ ผู้เจรญิ พระราชไมตรรี ะหว่าง สยามกับฝรั่งเศสน้ัน ท่านได้ปฏิบัติภารกิจด้วยความพร้อมสมบูรณ์ อันเป็นเหตุให้ช่ือเสียงของสยาม ประเทศได้เลื่องลือถึงเมืองตะวันตก และเม่ือกลับมายังสยามแล้วท่านยังรับหน้าท่ีสาคัญในการสมาน ไมตรีตา่ ง ๆ มิให้บาดหมางกนั อกี ในหลายวาระ ในส่วนของประวัติบรรพชนน้ัน อาจสรุปได้ตรงกันท้ังเอกสารไทยและต่างชาติว่า ออกพระวิ สุทสุนทรเป็นราชนิกูลมาแต่ก่อน เอกสารร่วมสมัยเช่นในบันทึกของซิมง เดอ ลา ลูแบร์ ได้พูดถึงบรรพ ชนของโกษาปานไว้ว่า “มารดาของท่านเอกอัครราชทูตท่ีเราได้เห็นตัวกันในที่น้ีเป็นพระนมเหมือนกัน” แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ิศาสตรเ์ พอ่ื สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๐๘ แสดงว่ามารดาของท่านมีตาแหน่งเป็นพระนมของพระมหากษัตริย์ ซ่ึงเรียกต่อมาว่า เป็นเจ้าแม่วัดดุสิต ซึ่งเป็นพระนมเอกของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประวัติของออกพระวิสุทสุนทรที่เป็นที่รู้จักกันน้ันเร่ิมบันทึกอย่างเป็นทางการในราวรัชกาล ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์โดยเซอร์ จอห์น เบาวริ่ง ได้กล่าวไว้ในหนังสือ The Kingdom and People of Siam โดยอ้างพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า บรรพบุรุษของพระองค์ น้ันสืบเชื้อสายมาแต่มอญท่ีกรุงหงสาวดี ต่อมาได้ตามสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกลับมายังอยุธยา จึง โปรดให้ตั้งบ้านเรือนบริเวณริมวัดขุนแสน ทางทิศเหนือของเกาะเมือง ต่อมามีลูกหลานท่ีสืบเช้ือสาย หลายรุ่นจนถึงโกษาปาน จากน้ันมีหลานอีกคนหนึ่งรับราชการกับพระยาพิษณุโลก ได้รับพระราชทาน บรรดาศักด์ิเป็นพระอักษรสุนทร พระอักษรสุนทรมีบุตรหลายคน คนที่ ๔ ผู้ชายซ่ึงเป็นปู่ของพระองค์ ท่าน ซ่งึ ข้ึนเสวยราชสมบตั ิเปน็ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รชั กาลที่ ๑ จึงเห็นได้ว่าโกษาปานนั้น มิใช่เป็นราชทูตผู้อัญเชิญพระราชสาส์นและเจริญพระราชไมตรี เท่าน้ัน แต่ยังเป็นผู้ท่ีสรา้ งสรรคใ์ ห้เกิดความสัมพันธ์อันยั่งยืนระหว่าง ๒ ประเทศ นับแตอ่ ดตี จนปจั จบุ ัน ด้วย ด้วยความวิริยะอุตสาหะของท่าน ท่านได้แสดงความเฉลียวฉลาด สติปัญญา และไหวพริบท่ีดีใน การเจรจาความ และมีความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชอย่างสูง เป็นบรรพบุรุษที่ทา คณุ ประโยชนแ์ ก่ประเทศชาติอย่างตอ่ เน่อื ง นอกจากในสมัยอยุธยาแล้ว บรรพบุรุษของชาติไทยสมัยรัตนโกสินทร์อีกหลายพระองค์ หรือหลายคนก็ล้วนแต่มีความสาคัญและได้ร่วมสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงและความเจริญในด้าน ต่าง ๆ ให้กับประเทศชาติด้วย เพราะเมื่อประเทศได้พัฒนาข้ึนทัดเทียมอารยะประเทศ บรรพบุรุษของ ไทยก็ได้สร้างความเจริญให้แก่ชาติ ท้งั การศึกษา การสาธารณะสขุ การคมนาคม และอ่นื ๆ เมื่อแรกสร้างกรุงรัตนโกสินทร์น้ัน แม้จะยังคงมีศึกสงครามกับพม่าอยู่บ้าง แต่ด้วยพระปรีชา ญาณ และความเด็ดเดี่ยวสามารถของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา) กท็ รงขจัดข้าศึกที่จะ เข้ามารุกรานกรุงรัตนโกสินทร์ได้อย่างสงบราบคาบ โดยเฉพาะในสงครามเก้าทัพ ที่พม่ายกกองทัพ เข้ามาในปี พ.ศ. ๒๓๒๘ พระราชปณิธานในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ปรากฏชัดเจนว่าทรงหวงแหน แผน่ ดนิ ไทยมาก เพราะเป็นแผ่นดินท่ีบรรพบุรุษของพระองคไ์ ด้มอบให้ไว้ การรักษาแผ่นดินคือการแสดง ความกตัญญูที่สาคัญ ดังความในเพลงยาวนิราศกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จไปตีเมืองพม่า เมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๖ ตอนหน่งึ ว่า มนั ทำเมอื งเรำกอ่ นเท่ำใด จะทดแทนมนั ให้หมดสิ้น มันจิตอหังกำร์ทำมฬิ จะล้ำงใหส้ ุดส้ินอย่ำสงกำ การเสร็จสาเร็จลงเมอ่ื ใด ซ่ึงคิดไวข้ อใหส้ มปรารถนา แม้นมไิ ดก้ ไ็ มก่ ลับคืนมา จะเห็นเมืองพมา่ ในคร้งั นี้ เกรงกริ่งอยูแ่ ต่ข้างทัพบก จะไมย่ กหักไดใ้ ห้ถึงที่ แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๐๙ เกลอื กมนั กน้ั ตดั ทางตี จะตดั ทเี่ สบียงอาหารไว้ ไมส่ มคะเนให้เรรวน ทาป่วนไมห่ ักเอามนั ได้ เท่าน้ดี อกท่ีวติ กใจ จะทาใหเ้ สียการเหมอื นทวาย เม่อื ชนะแลว้ กลบั แพ้ให้แชไป จงึ เสียชัยเสยี เชิงไมส่ มหมาย พากนั หนแี ตไ่ ม่มอี นั ตราย ถ้าเสียหายอยา่ งอนื่ ไมเ่ ป็นไร อันกรุงรตั นอังวะครงั้ นฤ้ี ำ จกั พน้ เนอื้ มอื อย่ำสงสัย พมำ่ จะมำเปน็ ข้ำไท จะได้ใช้สร้ำงกรุงอยุธยำ ในครั้งสงครามเก้าทพั พระเจ้าปดุงไดย้ กทัพมาถึง ๙ ทัพ รวมกาลังพลมากถงึ แสนกวา่ นาย โดยแบ่งการเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์ออกเป็น ๕ ทิศทาง โดยทัพหลวงมีพระเจ้าปดุงเป็นผู้คุมทัพ มีกาลังพลมากที่สุดถึง ๕๐,๐๐๐ นาย ยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เพื่อรอสมทบกับทัพเหนือ และใตโ้ ดยมีจดุ มุ่งหมายทีจ่ ะเข้ารบกบั กรุงเทพฯ เวลาน้ันทางฝ่ายไทยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รวบรวมกาลังไพล่พลได้ เพียง 70,000 นายมีกาลังน้อยกว่าทัพพระเจ้าพม่าถึง 2 เท่า ประจวบเป็นทหารรบเดิมของพระเจ้ากรุง ธนบรุ ีที่เคยกอบกู้บ้านเมืองสมัยเสยี กรุงศรีอยุธยาไว้ได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรง ปรึกษาวางแผนการรับข้าศึกกับ สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ว่าจะทาการป้องกันบ้านเมืองอย่างไร แผนการรบของพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าฯ คือ จัดกองทัพออกเป็น 4 ทัพโดยให้รับศึกทางที่สาคัญก่อน แล้วค่อยผลัดตีทัพ ท่เี หลอื สมเด็จพระอนุชาธิราช พระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาท ได้ยกกองทัพไปถึงเมือง กาญจนบุรี ต้ังรับทัพอยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า เชิงเขาบรรทัด สกัดกั้นไม่ให้ทัพพม่าได้เข้ามารวบรวมกาลัง พลกันได้ นอกจากน้ียงั จัดกาลังไปตัดการลาเลียงเสบียงของพม่าเพื่อให้กองทพั ขาดเสบยี งอาหาร แล้วยัง ใช้อุบาย โดยทาเป็นถอยกาลังออกในเวลากลางคืน คร้ันรุ้งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามาผลัดเวร เสมือนว่ามี กาลังมากมาเพ่ิมเติมอยู่เสมอ เมื่อทัพพม่าขาดแคลนเสบียงอาหารประจวบกับครั้นคร้ามคิดว่ากองทัพ ไทยมกี าลังมากกวา่ จงึ ไม่กล้าจะบกุ เข้ามาโจมตี สมเดจ็ พระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเมอื่ สบโอกาสทา การโจมตีกองทัพ ๘ – ๙ จนถอยร่นพระเจ้าปดุงเม่ือเห็นว่าไมส่ ามารถบุกโจมตีต่อได้ประจวบท้ังกองทัพ ขาดเสบียงอาหารจึงได้ถอยทัพกลับ สาหรับการโจมตีทางด้านอื่น ทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมือง ลาปางสามารถป้องกันทัพพมา่ ท่ียกมาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือไดส้ าเร็จ เม่ือเสร็จศึกแล้ว สมเด็จพระบวร ราช เจ้ามหาสุรสิงเสด็จยกทัพลงไปช่วยทางปักษ์ใต้ต่อ แต่ก่อนท่ีจะเสด็จไปถึง ทัพพม่าได้โจมตีเมือง ระนอง เมืองถลาง เวลานั้นเจ้าเมืองถลางเพิ่งจะถึงแก่กรรมยังไม่มีการตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ แต่ชาวเมือง ถลางนาโดยคุณหญิงจันภริยาเจ้าเมืองถลางท่ีถึงแก่กรรมและนางมุกน้องสาว ได้รวบรวมกาลังชาวเมือง ต่อสู้ข้าศึกจนสุดความสามารถ สามารถป้องกันข้าศึกพม่าไม่ให้ยึดเมืองถลางไว้ได้ หลังเสร็จศึกแล้ว แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๑๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตรีย์ นางมุกน้องสาวเป็นท้าวศรีสุนทร นอกจากนี้ทัพพม่าบางส่วนสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ และ ยกลงไปตเี มืองสงขลาต่อ เจา้ เมืองและกรมการเมืองสงขลาพอทราบข่าวทพั พม่าตีเมืองนครศรีธรรมราช ได้ด้วยความขลาดจึงหลบหนีเอาตัวรอด แตเ่ จ้าเมอื งพัทลุงพระยาขุนคางเหล็กและได้นมิ นตภ์ ิกษุรูปหน่ึง นามว่า พระมหาช่วย มีชาวบ้านนับถือศรัทธากันมาก ได้ชักชวนชาวเมืองพัทลุงให้ต่อสู้ป้องกันสกัด ทัพพม่าไม่ให้เข้ายึดเมืองพัทลุงได้ เมืองกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสรุ สิงหนาท ยกกองทัพลงมา ช่วยหัวเมืองปักษ์ใต้ ตีทัพพม่าต้ังแต่เมืองไชยาลงมาจนถึงนครศรีธรรมราช เม่ือทพั พม่าแตกพ่ายถอยร่น ไปพน้ จากหัวเมืองปักษ์ใต้แล้ว พระมหาชว่ ยต่อมาไดล้ าสิกขาบทและเขา้ รบั ราชการ เหตุการณ์น้ีเป็นการแสดงความสามัคคีของคนไทยท่ีร่วมใจกันต่อสู้อานาจของพม่า และ ขจัดไมใ่ หผ้ อู้ ่ืนผ้ใู ดเขา้ มาครอบครองแผน่ ดนิ ไทยได้ บรรพบุรุษของคนไทยทุกพระองค์ ทุกคน จึงเป็นแบบอย่างท่ีดีในการตระหนักรักความเป็น ชาติเดียวกัน ร่วมแผ่นดินเกิดเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายเพ่ือธารงไว้ซึ่งเอกราชของชาติและสร้างสรรค์ส่ิงอัน เป็นประโยชน์ตอ่ ผอู้ น่ื แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ิศาสตรเ์ พ่ือสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๑๑ ตวั อย่ำงแผน ร่ำงแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ที่ ๑๑ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษาศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๒ สำระที่ ๔ ประวตั ิศาสตร์ รหสั วชิ า ........................ หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ่ี ……เร่ือง บรรพบรุ ุษไทย จานวน ๒ ช่ัวโมง หน่วยยอ่ ยท่ี ........ เร่อื ง พันท้ายนรสงิ ห์ จานวน ๒ ชว่ั โมง ๑. มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ ตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วฒั นธรรม ภูมิปัญญา มีความรกั ความภมู ิใจ และธารงความเปน็ ไทย ตวั ช้วี ัด ระบบุ คุ คลท่ีทาประโยชน์ต่อท้องถนิ่ หรือประเทศชาติ ๒. สำระสำคญั พนั ท้ายนรสงิ ห์วรี บุรษุ ไทยผู้มีความซ่อื สตั ยส์ จุ ริต กลา้ หาญ เสยี สละ จงรักภกั ดี เคารพ กฎหมาย รกั ษาระเบียบวนิ ยั เป็นบุคคลที่น่ายกย่องและยึดถือเปน็ แบบอยา่ งของคนไทยรุ่นหลัง ๓. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ ๑ เลา่ เรอื่ งบรรพบุรุษของไทยในอดีตท่ไี ดร้ บั การยกย่อง พันทา้ ยนรสงิ ห์ ได้ ๒ บอกคุณลักษณะท่ดี งี ามของพันทา้ ยนรสงิ หไ์ ด้ ๓ ปฏบิ ัตติ นท่ีแสดงออกถงึ ความภาคภมู ิใจในบรรพบรุ ุษของไทย ๔. สำระกำรเรยี นรู้ บรรพบรุ ุษของไทย “พันท้ายนรสิงห์” ๕. ทกั ษะ/กระบวนกำร ทักษะคา่ นยิ ม สร้างความตระหนัก รักและภาคภมู ใิ จในบรรพบุรุษไทย ๖. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ซ่ือสัตย์ มวี นิ ัย เสยี สละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิง่ ดีงาม (คา่ นิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ : ข้อ ๒ คสช.) ๗. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ๘. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้ ชิน้ งำน ๑. ผงั ความคดิ การประยุกต์ใช้คุณลกั ษณะทเ่ี ป็นแบบอย่างของพนั ทา้ ยนรสิงห์ ๒. บนั ทึกขอ้ ตกลงในช้ันเรยี น แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๑๒ ๙. กำรวัดและกำรประเมิน เป้ำหมำย วธิ วี ดั เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ำรประเมิน ด้านความรู้ การทดสอบ แบบทดสอบ ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไปผ่าน ดี = ๓ ดา้ นทกั ษะ/ การสังเกต แบบสงั เกตการมีส่วน พอใช้ = ๒ กระบวนการ ร่วม ปรับปรงุ = ๑ ระดบั ปฏิบัติ คุณลกั ษณะอันพึง การสังเกต แบบสงั เกตพฤติกรรม เป็นผูน้ า เป็นแบบอย่าง ประสงค์ - ซ่ือสตั ย์ การปฏิบตั ิ เห็นไดช้ ดั เจน ตอ่ เนื่อง - เสียสละ สม่าเสมอ = ๓ - อดทน เห็นได้ชดั เจน ตอ่ เน่ือง - มอี ุดมการณ์ในสง่ิ ทด่ี ี สมา่ เสมอ = ๒ งาม เหน็ ไดช้ ัดเจน = ๑ ดี = ๓ ดา้ นสมรรถนะสาคัญ การสงั เกต แบบบนั ทกึ การสังเกต พอใช้ = ๒ ปรบั ปรุง = ๑ ของผเู้ รียน - ความสามารถในการ ระดับปฏิบัติ สือ่ สาร เปน็ ผนู้ า เปน็ แบบอยา่ ง เห็นไดช้ ดั เจน ตอ่ เน่ือง - ความสามารถในการคิด สมา่ เสมอ = ๓ เหน็ ไดช้ ัดเจน ตอ่ เน่ือง - ความสามารถในการ สม่าเสมอ = ๒ เหน็ ไดช้ ัดเจน = ๑ ใช้ทักษะชีวิต - ความสามารถในการ ฟัง พูด ดู อา่ น เขียน การสังเกต แบบสงั เกตพฤติกรรม - การหาความเชื่อมโยง การปฏบิ ัติ ระหว่างเหตุและผล -การแยกแยะ ข้อเทจ็ จริง -การเช่อื มโยงการเรยี นรู้ การคาดคะเน - การร้แู ละเลือกรบั วธิ กี ารปฏิบตั ิ แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๑๓ ด้ำนสมรรถนะที่ ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชวี ติ กำรเสรมิ สร้ำงควำมสมั พันธ์อนั ดรี ะหวำ่ งบุคคล สำคญั ของผู้เรียน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั ปฏิบตั ิ - การทางานรว่ มกับคนอืน่ พฤติกรรม เปน็ ผูน้ า เป็นแบบอยา่ ง เหน็ - การมบี ทบาท และความ การปฏิบัติ ไดช้ ัดเจน ตอ่ เน่ือง สม่าเสมอ รบั ผดิ ชอบ ได้ระดับ ๓ - การตง้ั ใจปฏบิ ัติ เหน็ ได้ชดั เจน ไมต่ ่อเนื่อง สม่าเสมอ ได้ระดบั ๒ เหน็ ไดไ้ มช่ ัดเจน ได้ระดับ ๑ ๑๐ . กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (เทคนิคการสอนโดยใชบ้ ทบาทสมมตุ ิ) ข้นั นำเขำ้ สู่บทเรยี น ๑. ครูนาภาพทีเ่ กย่ี วข้องกบั ประวัติของพันท้ายนรสิงห์ เช่น ภาพการตกปลา การต่อยมวย ภาพทหารในสมยั อยธุ ยา ภาพเรอื พระท่ีน่งั ภาพคลองโคกขามสมัยอยุธยา ภาพศาลพันท้ายนรสงิ ห์ หรือ ภาพอื่นๆ มาให้เด็กดูเพ่ือเชื่อมโดยสู่การสนทนาถึง ความซื่อสัตย์ กล้าหาญ ความเสียสละของพนั ท้ายนรสิงห์ ซ่ึงเป็นสามัญชน ทีไ่ ด้รบั การจารึกในประวตั ศิ าสตร์ เปน็ บรรพชนตน้ แบบของความซอ่ื สัตย์และมวี ินัย ขนั้ กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ ๒. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้เห็นถึงการปกครองในยุคสมัย สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ ถึง ปัจจุบัน ท่ีมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกล่าวถึงสมัยอยุธยาตอนปลายซ่ึงเป็นสมัยของ การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ที่พระมหากษัตริย์ทรงสทิ ธอิ านาจเด็ดขาด ๓. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มๆ ละ ๕ – ๖ คน แล้วให้นักเรียนในแต่ละกลุ่ม เรียนรู้เร่ือง ประวตั ิพนั ทา้ ยนรสิงห์ โดยใช้ส่อื การต์ ูนพันท้ายนรสิงห์ จาก You tube มาใหน้ กั เรยี นดู ให้นกั เรยี นทกุ คน ในกลุ่มได้เรียนรู้ เข้าใจเนือ้ หา แนวคดิ ทั้งหมดของเร่อื ง ให้เข้าใจเร่อื งราวพอสงั เขป แล้วให้ ตัวแทนแต่ละกลุ่มช่วยกนั เลา่ เรอื่ งพันท้ายนรสงิ หโ์ ดยสรุป ๔. ข้นั การแสดงบทบาทสมมุติ ๑) กาหนดสถานการณ์และวเิ คราะหป์ ระเด็น ครูร่วมกับนักเรียนวางแผนแสดงบทบาทสมมุติ เร่ืองพันท้ายนรสิงห์ โดยกาหนด ข้ันตอนการแสดง ฉาก บทบาท บทสนทนา ร่วมกันเลือกตัวแสดง กาหนดบทบาท บทสนทนา โดยครู กากับการฝึกซ้อมดาเนินการฝึกซ้อมเป็นอย่างดี พร้อมให้ท่องบทสนทนาให้ได้ โดยเน้นการมีส่วนร่วม ของนักเรยี นท้งั ชั้นหรอื ตามความเหมาะสม ๒) กาหนดผสู้ ังเกตการณ์วิเคราะห์ประเดน็ ครูกาหนดให้นักเรยี นเป็นผู้สงั เกตการณ์ วิเคราะห์ประเด็นกาหนดข้อคาถาม โดย ให้นักเรียนที่เป็นผู้สังเกตการณ์ร่วมแสดงบทบาทสมมุติเป็นผู้สื่อข่าว ครูซักซ้อมเตรียมคาถามให้ ผสู้ ่อื ข่าว แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ิศาสตร์เพ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๑๔ ๓) การแสดงบทบาทสมมุติ ครใู ห้นกั เรียนแสดงบทบาทสมมุติ เรอ่ื ง พันทา้ ยนรสิงห์ โดย - ให้นักเรียนเข้าแถวตอนโดยคนแรกย่ืนมือทั้งคู่ไปขา้ งหน้าเฉียงข้ึนบนสมมุติเป็น หัวเรือ คนถัดมายื่นมือจับหลังคนข้างหน้า แล้วยื่นมือซ้ายเฉียงออกด้านข้างทาเป็นพาย คนถัดไปยื่นมือ ขวาจับหลังคนข้างหน้า ยื่นมือขวาเฉียงออกด้านข้างทาเป็นพาย สลับต่อเนื่องโดยตลอด ถ้านักเรียนมี มากอาจให้นักเรียนจับคู่ คนซ้ายหรือคนขวามือแตะหลังคนข้างหน้า คนด้านซ้ายย่ืนมือซ้ายเฉียงออก ด้านข้างทาเป็นพาย คนด้านขวาย่ืนมือวางเฉียงออกด้านข้างทาเป็นพาย ต่อเนื่องโดยตลอดมีความยาว พอสมควรคนสุดท้ายสมมุติเป็นพันท้ายนรสิงห์ ทาหน้าที่คัดท้ายเรือ คนกลางแต่งตัวสมมุติเป็นพระเจ้า เสือ (สมเดจ็ สรรเพชญท์ ี่ ๘ พ.ศ. ๒๒๔๖-๒๒๕๑) - ให้นักเรียนที่ทาหน้าท่ีเป็นหัวเรือพาเดิน-ว่ิง คดเค้ียวไปมา สมมุติแล่นเรือไป ตามลาคลองที่คดเคี้ยว ในท่ีสุดนักเรียนคนแรกท่ีสมมุติเป็นหัวโขนเรือชนกับก่ิงไม้หักทาให้ทุกคนล้มลง ขบวนเรอื สลายตัว - นักเรยี นทกุ คนสมมุติขน้ึ ฝ่ัง โดยมีนักเรียนท่ีสมมุติเป็นพระเจ้าเสอื น่งั ในท่ีสงู อัน เหมาะสม แล้วพันท้ายนรสิงห์ จึงน้อมเข้ามาก้มกราบขอรับโทษ นักเรียน ๓ - ๔ คนสมมุติเป็น เสนา อามาตย์ และองครักษ์ ยืนด้านหลังท่ีประทับ นักเรียนส่วนหน่ึงน่ังเป็นแถวหน้ากระดานซ้าย ขวา พัน ทา้ ยนรสิงห์ อยกู่ ลาง ตรงหนา้ พระเจา้ เสอื - บทสนทนา พระเจา้ เสอื “ไอส้ ิงห์ เอง็ ทาหัวเรื่อขา้ หัก เอ็งต้องตาย แตเ่ อ็งเปน็ เพ่อื นขา้ จะยก โทษตายให้” พนั ทา้ ยนรสิงห์ แสดงทา่ กราบและยดื ตัวตรง “ไม่ได้พะยะค่ะ ทาผดิ แลว้ ต้อง ยอมรับผดิ ขา้ ขอรบั โทษตามประเพณี” พระเจา้ เสือ “เอาละ ประหารก็ประหาร ขา้ จะใหเ้ ขาป้ันหุน่ เป็นตัวเจา้ แลว้ ให้เขา ประหารเสีย” พันทา้ ยนรสิงห์ “ขอใหป้ ระหารข้าพระพุทธเจา้ เถดิ ถ้าละเว้นโทษตาย คนจะเอา เยีย่ งอย่างเพื่อป้องกันมใิ ห้มนั ผใู้ ดติเตยี นพระเจ้าอยูห่ วั ทรงละเลยกฎหมายแผน่ ดนิ ” ๔) สังเคราะห์ อธบิ าย สรุป - ใหน้ กั เรยี นท่ีเป็นผู้สงั เกตการณ์ทีแ่ สดงบทบาทสมมตุ ิเป็นนักขา่ ว ช่อง ๓, ๕, ๗, ๘, ๙ ตามความเหมาะสม เข้ามาสมั ภาษณ์พนั ทา้ ยนรสงิ ห์ - สนทนา “ พวกกระผมมาจากอนาคต ปี ๒๕๕๗ กาลงั เรียนประวตั ศิ าสตร์บคุ คล สาคญั ขอสัมภาษณ์ พันทา้ ยนรสงิ ห์ กอ่ นถูกประหาร ครับ นกั ขา่ ว “ เหตุใดจึงทลู ขอใหป้ ระหารชวี ติ ทั้งๆที่พระเจา้ เสือทรงอภยั ใหแ้ ลว้ ” แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๑๕ พนั ท้ายนรสิงห์ “ข้าได้ทาความผิดสาเรจ็ แลว้ ตามกฎหมายวา่ ไวอ้ ยา่ งไรก็ต้องยอมรับผิด กฎหมายต้องเปน็ กฎหมาย ใครละเมดิ จะมไิ ด้ มิใหเ้ ปน็ เยย่ี งอยา่ งสืบไป นกั ขา่ ว “แล้วไมก่ ลัวตายหรอื อยา่ งไร” พันท้ายนรสิงห์ “ข้าพเจ้าไม่กลัว เกดิ เปน็ ชายชาตทิ หาร เสยี ชพี อย่าเสยี สตั ย์” แล้วนักขา่ วหนั ไปถาม เสนาอามาตย์ “ขอสมั ภาษณเ์ สนาอามาตย์ครับ” นักข่าว “ทาไมพันทา้ ยนรสงิ หจ์ งึ ไม่ยอมให้ละเวน้ โทษ แต่กลบั ยอมตาย” เสนาอามาตย์คนที่ ๑ “เพราะพันท้ายนรสิงห์เป็นซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีวินัยในตัวเอง รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ที่ เมือ่ กระทาผดิ แล้วยอมตายโดยไม่หลกี เลีย่ ง” เสนาอามาตย์คนที่ ๒ “เขามีวินยั ซอ่ื ตรง ซอ่ื สัตย์สุจรติ ” เสนาอามาตย์คนที่ ๓ “เพราะการกระทาของเขาเปน็ การแสดงความกลา้ หาญ เม่อื ทา ผดิ แล้วเขายอมรับผิด เพอื่ มใิ ห้เป็นเย่ยี งอย่างหนีคดแี ผน่ ดิน” นักข่าว กล่าวกับผู้ชมทางบ้าน “สวัสดีครับท่านผู้ชม เร่ืองราวของพันท้ายนรสิงห์ เป็น ตัวอย่างท่ีดี ได้รับการจารึกช่ือไว้เป็นประวัติศาสตร์ เป็นบรรพบุรุษไทยท่ีเป็นแบบอย่างในด้านความ ซอื่ สัตย์ กล้าหาญเปน็ ผู้มคี วามกล้าหาญเพ่อื รกั ษาระเบยี บ กฎหมาย ข้ันสรปุ บทเรยี น ๕. ครูสรุปบทเรียนเร่ืองพันท้ายนรสิงห์ สรุปได้ว่า พันท้ายนรสิงห์เป็นบรรพบุรุษไทยที่มี ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ท่ีรับผิดชอบ รักษากฎหมายแทนที่จะรักชีวิตตน เป็นคนกล้าหาญไม่รักตัวกลัวตาย ไม่หนีความผิด ซ่ึงเป็นบุคคลควรเอาเป็นตัวอย่าง และครูเชื่อมโยงให้เห็นถึงความสาคัญถึงการรักษากฎ กติกา ระเบียบวินยั ในห้องเรยี น โรงเรียน สังคม และกฎหมายของประเทศชาติ ขัน้ กำรนำไปประยุกต์ใช้ ๖. ครูตั้งประเด็นคาถามให้นักเรียนช่วยกันตอบ เช่น นักเรียนชอบพันท้ายนรสิงห์ในด้าน ใดมากท่ีสุด และนักเรียนจะนาส่ิงท่ีได้จากการเรียนรู้ เร่ืองพันท้ายนรสิงห์มาใช้ในชีวิตประจาวันของ นักเรยี นได้อย่างไร แล้วใหน้ ักเรียนกลุ่มเดิมที่แบ่งกลุ่มไว้แล้ว ร่วมกันเขียนเป็นผังความคดิ คณุ ลักษณะท่ี เป็นแบบอย่างท่ีได้เรียนรู้ จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุป แล้วทาเป็นบันทึกข้อตกลงในช้ันเรียน เก่ียวกับ ความซื่อสัตย์ ความมรี ะเบียบวินัย ความรบั ผิดชอบ ความจงรกั ภักดี ๗. ครสู ังเกตพฤติกรรมการแสดงออกของนักเรียนท้ังในห้องเรียนและนอกห้องเรยี น และ ให้การเสรมิ แรงเชงิ บวกเมอ่ื นักเรียนปฏิบตั ิสมา่ เสมอเปน็ แบบอย่างได้ เช่น ยกยอ่ งชมเชย ให้รางวลั ตาม ความเหมาะสม เพ่ือสรา้ งแรงจูงใจใหเ้ ด็กเกดิ ความตอ่ เน่ืองในการปฏบิ ตั ิ แลว้ บนั ทึกผลเพื่อการกาหนด กิจกรรมในการพฒั นาต่อยอด แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พ่อื สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๑๖ ๑๑. สื่อ/แหลง่ เรียนรู้ ๑. ภาพตัวอยา่ ง ๒. เว็ปไซด์ http://www.youtube.com/watch?v=_X๖zhttp:// http://www.youtube.com/watch?v=PbpN๘๗LrYuA ภาพยนตรก์ ารต์ นู พนั ทา้ ยนรสิงห์ http://www.youtube.com/watch?v=Jw๘p๓cOf๑bA&list=PLbwwMHxx๒XPHUbTSvy๓- jGEPBbO๖eaMhD&index=๓ ๑๒. บันทกึ หลงั สอน ๑. ดา้ นความรู้ ............................................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ....................................... ๒. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ...................................... ๓. ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... ๔. ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น .................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. ....................................... แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๑๗ แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเรียนรดู้ ้ำนทกั ษะค่ำนิยมกำรมีส่วนร่วม ************** คำชี้แจง สังเกตและพจิ ารณาพฤติกรรมแลว้ ใหก้ ารเคร่อื งหมาย ในช่องระดับคะแนนที่ตรงกบั การปฏบิ ตั ขิ อง นกั เรยี น ระดับ พฤตกิ รรมการการเรยี นรดู้ า้ นทกั ษะคา่ นยิ มการมีส่วนร่วม ๑. มสี ่วนร่วมปฏบิ ตั กิ จิ กรรม เกิดความคดิ รวบยอด นาไปสกู่ ารปรับใช้ มีพฤตกิ รรมดขี ้ึนเห็นได้ชดั เจน สมา่ เสมอ ให้ระดบั ๓ หมายถงึ ดี - ดีมาก ๒. มสี ว่ นรว่ มปฏบิ ตั ิกิจกรรม เกดิ ความคดิ รวบยอด นาไปส่กู ารปรับใช้ มีพฤติกรรมดีขนึ้ ให้ ระดบั ๒ หมายถึง ปานกลาง พอใช้ ๓. มีสว่ นร่วมปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ยังไม่นาไปสู่การปรับใช้ พฤติกรรมไม่ชดั เจน ให้ ระดับ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง เลขที่ ชือ่ -สกลุ ระดับพฤติกรรม ๓๒ ๑ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ เฉล่ยี คร้งั ที.่ .....................วันท่ี................................/................................../.............................................. ช่อื ครผู ูส้ อน/ผสู้ งั เกต........................................................................................................................ แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพือ่ สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๑๘ แบบสังเกตพฤติกรรม คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และค่ำนิยม ด้ำนควำมซือ่ สตั ย์ มีวนิ ัย อดทน มีอดุ มกำรณใ์ นส่ิงดงี ำม คำช้ีแจง สังเกตและพจิ ารณาพฤติกรรมแลว้ ให้การเครือ่ งหมาย ในช่องระดับคะแนนทตี่ รงกับการ ปฏบิ ัตขิ องนักเรยี น ระดบั พฤตกิ รรมกำรเรยี นรู้ ดา้ นความซื่อ สตั ย์ มีวนิ ัย อดทน มีอุดมการณ์ในส่ิงดงี าม ๑. ปฏบิ ัติตอ่ เนื่องสม่าเสมอ ด้วยความยนิ ดี เต็มใจ เปน็ แบบอยา่ ง และมคี วามเปน็ ผ้นู า ใหร้ ะดบั ๓ หมายถึง ดี - ดมี าก ๒. ปฏิบตั ิตอ่ เนือ่ ง สม่าเสมอ เปน็ แบบอย่างได้ ให้ ระดับ ๒ หมายถึง ปานกลาง พอใช้ ๓. ปฏิบตั ิไมต่ ่อเนือ่ ง ไมส่ ามารถเป็นแบบอยา่ งได้ ให้ ระดับ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรงุ เลขท่ี ชอื่ -สกลุ ระดบั พฤติกรรม ๓๒๑ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ เฉลย่ี ครง้ั ท่ี......................วนั ท.ี่ .............................../................................../.............................................. ช่ือครูผู้สอน/ผู้สงั เกต ...................................................................................................................... แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตรเ์ พื่อสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๑๙ แบบสงั เกตพฤติกรรม ด้ำนสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน ด้านความความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถการใชท้ ักษะชีวติ ************** คำชี้แจง สงั เกตและพิจารณาพฤติกรรมแล้วใหเ้ ขียนระดับคะแนน ในชอ่ งระดับพฤตกิ รรมทีต่ รงกบั สมรรถนะที่สาคัญ ระดบั พฤตกิ รรมการการเรียนรู้ดา้ นสมรรถนะทสี่ าคญั ของผเู้ รยี น ความสามารถในการส่อื สาร ๑. มีทกั ษะในการ ฟงั พดู ดู อ่าน เขียน ในระดับ ดี ให้ระดบั ๓ ๒. มที ักษะในการ ฟัง พดู ดู อา่ น เขียน อยใู่ นระดบั พอใช้ ให้ระดับ ๒ ๓. ยงั ขาดทกั ษะในการ ฟัง พูด ดู อา่ น เขียน ปรับปรุง ให้ระดบั ๑ ระดับ พฤติกรรมการการเรียนร้ดู า้ นสมรรถนะทส่ี าคญั ความสามารถในการคดิ เชื่อมโยง คิดอย่างมเี หตุผล ๑. หาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผล แยกแยะข้อเทจ็ จรงิ คาดคะเนได้ รู้ และเลือกรับวธิ ีการปฏบิ ตั ทิ ดี่ ี ในระดบั ดี ใหร้ ะดับ ๓ ๒. หาความเช่อื มโยงระหว่างเหตแุ ละผล แยกแยะข้อเท็จจริง คาดคะเนได้ รู้ และเลือกรับวิธกี ารปฏิบตั ิทดี่ ี ในระดับ พอใช้ ใหร้ ะดับ ๒ ๓. ขาดความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผล ไมส่ ามารถแยกแยะข้อเท็จจริง และคาดคะเนได้ ขาดการเลอื ก รับวิธีการปฏิบตั ิทีด่ ี ให้ระดับ ๑ ระดบั พฤตกิ รรมการการเรยี นรู้ดา้ นสมรรถนะทส่ี าคญั ของผเู้ รียน ความสามรถในการใช้ทักษะชีวิต ๑. มที ักษะชีวติ ในการเสริมสร้างสัมพนั ธ์ทด่ี รี ะหวา่ งบุคคล ในระดับ ดี ใหร้ ะดบั ๓ ๒. มที ักษะชวี ิตในการเสรมิ สร้างสมั พนั ธท์ ด่ี ีระหว่างบุคคล อยู่ในระดบั พอใช้ ให้ระดับ ๒ ๓. ยังขาดทักษะชีวติ ในการเสรมิ สร้างสัมพนั ธ์ท่ดี ีระหวา่ งบคุ คล ปรบั ปรุง ให้ระดับ ๑ ระดบั พฤติกรรมดา้ นสมรรถนะท่ีสาคัญ เลขท่ี ช่อื -สกลุ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถใน ในการสือ่ สาร ในการคดิ การใชท้ ักษะชีวติ (๓) (๓) (๓) ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ เฉลย่ี ครงั้ ที่......................วันท.่ี .............................../................................../.............................................. ชอื่ ครูผู้สอน/ผสู้ งั เกต ...................................................................................................................... แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรียนรูป้ ระวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๒๐ ควำมรู้สำหรับครู ประวัติพันทำ้ ยนรสิงห์ พันท้ายนรสิงห์ มีนามเดิมว่า สิงห์ แต่ก่อนท่านก็เป็นนักมวยที่เก่งมากและก็เคยข้ึนชกกับ พระเจ้าเสือมาแล้ว แต่ว่าเสมอกัน พระเจ้าเสือรู้สึกประทับใจจึงให้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก แล้ว เล่ือนขึ้นมาเป็นราชองครักษ์ พันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือพระท่นี ่ังเอกไชยอยใู่ นรชั สมัยสมเด็จพระ สรรเพชญ์ ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ) ได้รับ ยกย่องว่าเป็นผู้มีความซ่ือสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษาระเบียบ วินัยยงิ่ ชีวิต เร่ืองราวของพันท้ายนรสิงห์ปรากฏ อยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยาฉบับต่างๆ ได้ กล่าวถึงเหตุการณ์ใน พ.ศ.๒๒๔๖ - ๒๒๕๒ สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่๘ ประพาสปากน้าสาครบุรี (ปัจจุบันคือจังหวดั สมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ด ด้วยเรือพระทีน่ ง่ั เอกไชย มพี ันท้ายนรสงิ ห์เป็นนายท้าย พัน ท้ายนรสิงห์เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองอ่างทอง การเสด็จประพาสปากน้าสาครบุรีในครั้งน้ี เมื่อเรือ พระที่นั่งไปถึงตาบลโคกขามคลองบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือ พระทนี่ งั่ อยา่ งระมัดระวงั แตไ่ ม่อาจหลบเลย่ี งอบุ ัตเิ หตไุ ด้ หัวเรอื พระที่นั่งชนก่ิงไมใ้ หญ่หักตกลงไปในน้า พันท้ายนรสิงห์รู้โทษดวี ่า ความผิดครั้งนี้ถึงประหารชวี ติ ตามโบราณราชประเพณีซ่ึงกาหนด ว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่นั่งหัก ผู้น้ันถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสียจึงกราบทูลพระ กรุณาน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี สมเด็จพระสรรเพชญ์ท่ี ๘ ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุคร้ังน้ี เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาท จึงพระราชทานอภัยโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมยืนยัน ขอให้ตัดศีรษะตนเพ่ือรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกาหนดกฎหมาย เป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติ เตียนพระเจ้าอยู่หัวได้ว่าทรงละเลยพระราชกาหนดของแผ่นดินและเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป พระองค์ทรงโปรดให้ฝพี ายทั้งปวงปั้นมูลดินเป็นรปู พันท้ายนรสิงห์ แล้วใหต้ ดั ศรี ษะรูปดินน้นั เพื่อเปน็ การ ทดแทนกนั แตพ่ ันท้ายนรสิงห์ยงั บังคมกราบทลู ยืนยันขอใหป้ ระหารตน แม้สมเด็จพระสรรเพชญ์ ท่ี ๘ จะทรงอาลัยรกั นา้ ใจพนั ท้ายนรสงิ หเ์ พยี งใดก็ทรงจาพระทัย ปฎบิ ัติตามพระราชกาหนด ดารัสสง่ั ใหเ้ พชฌฆาตประหารพนั ท้ายนรสิงห์แล้วโปรดให้ต้งั ศาลสูงประมาณ เพียงตา นาศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระที่นั่งเอกไชยซ่ึงหักน้ัน ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล แล้วทรงพระราชดาริว่าคลองโคกขามคดเค้ยี วนักไม่สะดวกตอ่ การเดินเรือ บางครั้งชาวเมืองตอ้ งเดินเรือ ออ้ มเป็นที่ลาบากยงิ่ สมควรจะขดุ ลัดตัดตรง เม่ือขุดเสร็จจึงได้รับพระราชทานนามว่า \"คลองสนามไชย\" ต่อมาเปล่ียนเป็น \"คลองมหาชัย\"ทั้งน้ีเพื่อเป็นการราลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซ่ึงเป็นคนซ่ือสัตย์ ม่ันคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณี กรมศิลปากรได้ดาเนินการจัดสร้างศาลพัน ทา้ ยนรสิงหข์ ้ึน อยถู่ ัดจากศาลเกา่ ทีพ่ งั ลงไมม่ ากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบๆ ศาลไว้ ที่มา www.oknation.net/blog/ThaiTeacher/๒๐๐๙/๐๖/๑๖/entry-๔fXh๗PZ๐ แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวัติศาสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๒๑ แบบทดสอบวัดควำมรู้ เรอ่ื งพันทำ้ ยนรสิงห์ ๑. ให้นักเรยี นบอกลกั ษณะคุณความดี ของพันท้ายนรสิงห์ ๑) ................................................................................ ๒) .............................................................................. ๓)................................................................................. ๔)................................................................................ ๕) .............................................................................. ๒. นกั เรียนสามารถปฏบิ ัติตามคุณลกั ษณะทดี่ ี ขอ้ ใดไดบ้ าง ๑) ..................................................................................... ๒) .................................................................................... ๓) ................................................................................... ๔) ................................................................................... ๕) .................................................................................. เฉลย คณุ ลักษณะท่ดี ีของพันท้ายนรสิงห์ ๑.ซอ่ื สัตย์ ๒. เสียสละ ๓. มวี นิ ัย ๔ กลำ้ หำญ ๕. รับผดิ ชอบ ๖. จงรักภกั ดี ๗. รกั ษำกฎ กตกิ ำ เกณฑ์กำรประเมนิ ๔ ขอ้ ขน้ึ ไป ไดค้ ะแนน ๓ ๒ – ๓ ข้อ ได้คะแนน ๒ ๑ ข้อ ได้คะแนน ๑ แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย แนวการจดั การเรยี นรูป้ ระวัติศาสตร์เพ่อื สรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๒๒ กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ ตัวอยำ่ งแผน ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ รำยวิชำ รำ่ งแผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ่ี ๑๒ รหสั วชิ า…………………. หน่วยกำรเรียนรู้ที่ ๓ สงั คมศึกษาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จานวน ๒ ชว่ั โมง หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ จานวน ๒ ชว่ั โมง ประวัติศาสตร์ เรอ่ื ง ทา้ วเทพกระษตั รี ท้าวศรีสนุ ทร เรือ่ ง ท้าวเทพกระษตั รี ท้าวศรสี ุนทร ๑. มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ ส ๔.๓ เข้าใจความเปน็ มาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาไทย มีความรัก ความภมู ใิ จและธารงความเป็นไทย ตวั ชีว้ ัด ส ๔.๓ ป.๖ / ๓ ยกตัวอยา่ งผลงานของบุคคลสาคัญด้านต่างๆสมัยรตั นโกสินทร์ ๒. สำระสำคญั ท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรสี ุนทร เป็นวรี สตรไี ทยทเ่ี ป็นผู้นา เสียสละ และกล้าหาญ มสี ติปัญญา สามารถใช้กลยุทธว์ างแผนเอาชนะข้าศึก (พมา่ ) ซ่งึ เราควรยึดถอื เปน็ แบบอย่าง และภาคภมู ใิ จ ๓. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ ๑. เลา่ ประวตั แิ ละผลงานของทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรได้ ๒. อธิบายไดว้ ่ากรุงเทพกับเมืองถลางมคี วามสมั พันธก์ นั อย่างไร ๓. วิเคราะห์กลยทุ ธท์ ี่ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสนุ ทรใช้ตอ่ ส้กู บั ขา้ ศึกได้ ๔. ตระหนักและภูมิใจในความเป็นวีรสตรไี ทยของท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทร ๕. นาพฤติกรรมท่ีดขี องท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทร ไปปฏบิ ตั ิในชีวติ ประจาวนั จนเป็นนิสยั ๔. สำระกำรเรยี นรู้ ๑. ประวัตแิ ละผลงานของทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสนุ ทร ๒. ความสมั พันธร์ ะหว่างกรุงเทพกับเมืองถลาง ๓. กลยุทธ์ทท่ี ้าวเทพกระษตั รี ทา้ วศรสี ุนทรใชส้ ูข้ ้าศกึ ๔. ความตระหนักความภูมิใจในความเป็นวรี สตรีไทยของท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ๕. ทักษะกระบวนกำร กระบวนการกลมุ่ , กระบวนการคดิ วิเคราะห,์ ทักษะการสืบค้น ๖.คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ :ค่ำนิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประกำร (คสช.) ๑. มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ (์ คสช. :มคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์) แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจดั การเรียนร้ปู ระวัติศาสตรเ์ พือ่ สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๒๓ ๒. ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ (คสช. :ซ่อื สัตย์ เสียสละ อดทน มีอดุ มการณใ์ นสิง่ ทด่ี งี ามเพื่อสว่ นรวม) ๓. ใฝเ่ รียนรู้(คสช. :ใฝ่หาความรู้ หมัน่ ศกึ ษาเลา่ เรียน) ๔. มุง่ ม่นั ในการทางาน(คสช. :มสี ติ ร้ตู วั รคู้ ดิ ร้ทู า ร้ปู ฏบิ ตั ิ) ๕. รกั ความเปน็ ไทย(คสช. :รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม) ๗. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน ๑. ความสามารถในการส่อื สาร ๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต ๘. หลักฐำนกำรเรยี นรู้ ๑. ชิน้ งาน - ๒. ภาระงาน - ๙. กำรวดั และประเมินผล เปำ้ หมำย วธิ ีวดั เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ำรประเมนิ ดำ้ นควำมรู้ ๑.นกั เรียนสามารถเลา่ ประวตั ิ ทดสอบ แบบทดสอบ ๕ ขอ้ ผา่ นเกณฑ์ ๔ ขอ้ และผลงานของท้าวเทพ กระษัตรี ท้าวศรีสุนทรได้ ๒.นักเรยี นสามารถอธิบายได้ว่า กรงุ เทพกับเมืองถลางมี ประเมนิ ชน้ิ งาน แบบประเมินชิน้ งาน ตามสภาพจริง ความสมั พันธ์กันอย่างไร ๓. นักเรียนสามารถอธบิ ายกล ยุทธ์ทท่ี ้าวเทพกระษตั รี ท้าวศรี สนุ ทรใชส้ ู้ขา้ ศกึ ได้ ๕. นักเรยี นเกดิ ความตระหนัก สงั เกต แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ทีก่ าหนด และภมู ิใจในความเปน็ วีรสตรี พฤติกรรม ไทยของท้าวเทพกระษตั รี ทา้ ว ศรีสุนทร แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย แนวการจดั การเรียนร้ปู ระวัติศาสตร์เพื่อสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๒๔ ดำ้ นทกั ษะ/กระบวนกำร ๑. กระบวนการกล่มุ สงั เกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ ๒. กระบวนการคิดวิเคราะห์ ๓. ทักษะการสบื ค้น ด้ำนคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๑.รักชาติ ศาสนา สงั เกต แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน เกณฑ์ พระมหากษัตรยิ ์ พฤติกรรม ๒. ซอื่ สตั ย์ สุจรติ ๓. ใฝเ่ รียนรู้ ๔. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๕. รักความเปน็ ไทย ด้ำนสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการสอื่ สาร สงั เกต แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ น ๒. ความสามารถในการคดิ พฤติกรรม เกณฑ์ ๓. ความสามารถในการ แก้ปญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ ทักษะชวี ิต ๑๐. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ( กระบวนการกลุ่ม, กระบวนการคดิ วิเคราะห)์ ช่วั โมงที่ ๑ ข้ันนำเขำ้ สบู่ ทเรียน ๑. ครูสร้างความตระหนักให้นักเรียนเกิดความรักชาติ สานึกใน ความสาคัญของบรรพบุรุษไทย โดยใหด้ ภู าพท้าวเทพกษัตรี ท้างศรสี ุนทร เมอื งถลาง ปางพมา่ ล้อม ลุยรณั รอดเพราะคุณหญิงจนั รบั สู้ ผวั พญาผิวอาสญั เสยี กอ่ น ก็ดี เหลอื แต่หญงิ ยงั กู้ เกียรติไว้ชยั เฉลมิ เรมิ่ รบรุกตลบต้าน โจมตี ท้ังสกดั ตัดเสบียงที ดกั ด้าว พมา่ อดหมดพลังหนี จากเกาะ เจิงแฮ กลศึกแพ้แมท่ ้าว ไม่ทอ้ โถมหนอ ขอ้ ความท่ีแท่นฐานทิศเหนือ ด้านหนา้ อนสุ าวรยี โ์ ดย กรมพระนราธิปประพันธพ์ งศ์ แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พ่ือสร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๒๕ ๒. หลังจากที่นักเรียนอ่านด้วยน้าเสียงท่ีดังๆ ครูถามนักเรียน \"นักเรียนมีความรู้สึกอย่างไร หลงั จากทีไ่ ดด้ ภู าพและได้อ่านข้อความใต้ภาพได้ความรูอ้ ะไรจากภาพ จากข้อความทไ่ี ด้อ่าน ลองช่วยกัน วเิ คราะหภ์ าพและขอ้ ความดูซวิ า่ ในภาพเปน็ ใคร ทาอะไร ที่ไหน อยา่ งไร\" ๓. นักเรียนส่งตัวแทน ๒-๓ คน นาเสนอผลงานสาคัญพร้อมเปรียบเทียบเก่ียวกับผลงานที่ โดดเด่นของบุคคลทั้งสองจากภาพครูชมเชยนักเรียนท่ีเป็นตัวแทน และเพื่อนที่สนับสนุน ครูพยายาม สร้างความตระหนักเสริมแรงให้นักเรียนเกิดความภูมิใจในบุคคลสาคัญในอดีตท่ีทาให้ประเทศไทยรอด พน้ จากขา้ ศึกในขณะนั้น ทีใ่ หน้ ักเรยี นและครไู ดม้ แี ผน่ ดนิ อย่จู นถึงปัจจุบนั ข้นั กำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรู้ \"กจิ กรรมวีรสตรใี นดวงใจ\" ๔. นักเรียนศึกษาใบความรู้เรื่องท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรที่ครูเตรียมให้อย่างละเอียด แลว้ ตอบคาถามดงั นี้ ๑.) ทา้ วเทพกระษตั รี ท้าวศรีสุนทร เดมิ ช่ืออะไรอยู่ท่จี งั หวัดใด ๒.) ท่านทง้ั สองเป็นบุตรของใคร มสี ามชี ่อื อะไร สามที า่ นมตี าแหนง่ อะไร ๓.) เกิดเหตุการณ์อะไรกับครอบครัวของท่านและเมืองถลางทที่ ่านอาศัยอยเู่ กิดเม่ือไร ๔.) ใครเป็นผู้ทาให้เกิดเหตุการณ์ทา่ นท้งั สองใช้กลยทุ ธ์ใดในการแกป้ ัญหา แก้ปญั หา อย่างไร และมีผลอย่างไร ๕.) กรุงเทพกับเมืองถลางมีความสมั พนั ธ์กนั ยา่ งไร ๖.) นักเรยี นมีความร้สู ึกอย่างไรกับท่านทง้ั สอง และได้คณุ ธรรมในข้อใดบา้ ง ๗.) นักเรยี นเห็นดว้ ยไหมทจี่ ะยกย่องใหท้ ่านท้ังสองเปน็ \"วรี สตรีในดวงใจ\" ขน้ั สรุป ๕. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุป เรื่องท้าวเทพกษตั รี ทา้ วศรีสุนทร เป็นการสะท้อนถึงการหวงแหน แผ่นดินที่อาศัยอยู่ ยอมเสียสละความสุขของตนเองและครอบครัว เพ่ือรกั ษาแผ่นดินให้อนุชนรนุ่ หลังได้ อยู่จนถึงทุกวันนี้ นับว่าท่านท้ังสองมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เป็นตัวอย่างที่ดี สาหรับตัวนักเรียนจะ นาไปเปน็ หลกั ในการปฏบิ ัติในชีวติ ประจาวันอันเปน็ การสืบทอด ความตระหนักและความภมู ใิ จตอ่ ไป แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัติศาสตร์เพือ่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๒๖ ชว่ั โมงที่ ๒ กิจกรรม\"ฉันอยำกเปน็ วรี สตรี/วีรบรุ ษุ น้อย ๆ บ้ำง\" วัตถุประสงค์ ๑. นักเรยี นเกดิ ความตระหนกั และภูมิใจในตนเอง ๒. นกั เรยี นได้แนวทางปฏบิ ัติตนตอ่ การพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชุมชนและชาตไิ ทย กิจกรรมทสี่ ำคัญ ๑. ครใู ห้นักเรียนจัดกลมุ่ ตามความสมัครใจ ๔-๕ คน เขียนกจิ กรรม\"ฉันอยำกเป็นวีรสตรี/ วรี บุรษุ น้อย ๆ บ้ำง\" ตามประเดน็ ท่ีกาหนด และให้ยึดเป็นสัญญาใจวา่ ต่อไปเราจะปฏิบัตใิ ห้ได้จะได้ เป็นวีรสตรีไทยจริง ๆ ในส่วนผู้ชายให้เป็นวีรบุรุษน้อย ๆ บ้าง ตามสภาพจริงลงในสมุดบันทึกความดี ของนกั เรยี น ๑.๑วรี สตร/ี วีรบรุ ุษนอ้ ยๆ ในบำ้ นนกั เรียนระบุพฤตกิ รรม ๑)เชอ่ื ฟงั คาส่งั สอนของพอ่ แม่ ๒)ช่วยเหลอื งานครอบครวั ได้ตามกาลงั ๓)เป็นตวั อยา่ งท่ดี แี กน่ ้อง ๆ ฯลฯ ๑.๒ วรี สตรี/วรี บรุ ุษนอ้ ยๆ ในโรงเรยี นนกั เรียนระบุพฤติกรรม ๑)เปน็ นักเรยี นตวั อยา่ งดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรม ๒)เป็นหัวหน้าช้นั เรียนดีเดน่ ๓)เป็นประธานสภานักเรยี น ฯลฯ ๑.๓ วีรสตรี/วรี บุรษุ น้อยๆ ในชมุ ชนนักเรียนระบพุ ฤติกรรม ๑)เปน็ เยาวชนดีเด่นด้านจิตอาสาและเสียสละ ๒)เป็นเยาวชนดีเด่นด้านกตญั ญกู ตเวที ๓)ช่วยเหลืองานส่วนรวม ฯลฯ ๑.๔ วีรสตรี/วีรบรุ ษุ น้อยๆ ในระดบั ประเทศนักเรียนระบพุ ฤตกิ รรม ๑)เป็นเยาวชนดีเดน่ ดา้ นเสียสละ ๒)เป็นเยาวชนดเี ดน่ ดา้ นกตัญญู ๒. ครูหาอาสาสมัครท่ีจะนาเสนอผลงานของตนเองหน้าชั้นให้เพ่ือนไดร้ ับรู้ ๓- ๕ คน โดยครู ชมเชย ส่วนคนอ่นื ๆ นาส่งครเู พ่อื ตรวจและเสรมิ แรงใหเ้ ดก็ มุ่งม่ันจะปฏิบตั ิตามท่ีเขียนสัญญาใจไว้ แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่อื สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๒๗ ๓. ให้นักเรียนสืบค้นบรรพบุรุษไทยท่ีทาคุณประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมืองเพ่ิมอีกอย่างน้อย คนละ ๑ ทา่ น แลว้ นาสง่ ครู (การบ้าน) ขน้ั สรปุ ๔. ครแู นะนาใหน้ ักเรียนนากิจกรรม\"ฉันอยำกเป็นวีรสตรี/วีรบุรุษน้อย ๆ บำ้ ง\" ไปเป็นหลัก ในการปฏิบตั ใิ นชีวิตประจาวันอันเป็นการสืบทอด ความตระหนักและความภมู ิใจต่อไป ๑๑. สือ่ และแหล่งกำรเรียนรู้ ๑. ใบความรู้ ๒. ภาพประกอบ ๓. เอกสารเร่ืองทา้ วเทพกระษตั รี ทา้ วศรีสนุ ทร ๔. หนังสือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน ประวัตศิ าสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ๕. คาจารึก จากอนสุ าวรียท์ ้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรโดย กรมพระนราธิปประพนั ธ์พงศ์ ๑๒. บนั ทกึ หลงั สอน ๑. ด้านความรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๓. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๔. ด้านสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ิศาสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๒๘ ใบควำมรู้ เร่อื ง ประวตั ิและผลงำนทำ้ วเทพกระษัตรที ำ้ วศรีสุนทร ท้าวเทพกระษัตรี(เกิดประมาณปี๒๒๗๘ หรือ ๒๒๘๐ -ตายปีประมาณปี ๒๓๓๖) ท้าวศรี สุ น ท ร (ไม่ ท ร า บ )เป็ น วี ร ส ต รี ไท ย ที่ ป้ อ ง กั น เมื อ ง ถ ล า ง ให้ พ้ น จ า ก ข้ า ศึ ก ได้ ใน ส งค ร า ม เก้ า ทั พ ส มั ย รัตนโกสินทร์ตอนต้นท้ำวเทพกระษัตรีมีช่ือเดิมว่า \"ท่านผู้หญิงจัน\"ท้ำวศรีสุนทรเป็นน้องมีช่ือเดิมว่า \"คุณมุก\" ทง้ั สองเปน็ บุตรขี องจอมรง้ั เจ้าเมืองถลาง คุณจัน เป็นบุตรีคนแรกของจอมร้างบ้านเคียนซ่ึงเกิดจากนางหม้าเสี้ย มีพ่ีน้องร่วมบิดา มารดาเดียวกัน ๕ คนเมื่ออายุสมควรจะมีเรือน บิดามารดาก็ได้จัดการแต่งงานให้กับหม่อมภักดีภูธร (สามีคนแรก) มีธิดา ๑ คน คือแม่ปราง และบุตร ๑ คน คือนายเทียน (ต้นสกุลประทีป ณ ถลาง) หลังจากคลอดนายเทียน หม่อมภักดีภูธรเสียชีวิตลงคุณจันอยู่เป็นหม้ายจนกระทั่งแต่งงานครั้งที่สองกับ พระยาพิมลอัยา (ขัน)ภายหลังเป็นพระยาสุรินทราชาพิมลอัยา (ขัน) มีบุตรธิดาอีก ๒ คนคุณจันเป็นผู้ ประกอบด้วยความงาม มีอัธยาศัยสุภาพอ่อนโยนและมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวสมกับเป็นบุตรของจอม ร้างบ้านเคยี นจงึ เป็นท่สี นิทเสน่าหาของบิดามารดาและวงศ์ญาติทัง้ หลายเม่ือบดิ ามารดาแก่เฒ่า คุณจันก็ ได้รับภาระปกครองผู้คนบ่าวไพร่และดูแลการงานภายในครอบครัวแทนบิดามารดาโดยสิทธ์ิขาดเพราะ เป็นพ่คี นโต คุณมุก เป็นบุตรคนท่ี ๒ ของจอมร้างบ้านเคียน ซ่ึงเกิดจากนางหม้าเสี้ยมีกริ ิยาสุภาพอ่อนโยน ท้ังมีสติปัญญาและความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวไม่ย่อหย่อนกว่าคุณจันผู้พ่ีเป็นท่ีสนิทเสน่หาของบิดามารดา และวงศญ์ าติเชน่ กนั แตง่ งานกบั พระอาจฯท่านมุกไมม่ บี ุตรสืบตระกูล เมื่อจอมร้างบ้านเคียนถึงแก่กรรมลง พระถลางอาดบุตรชายและน้องชายท่านผู้หญิงจันได้ ครองเมืองถลาง ครองได้ไม่นานก็ถูกผู้ร้ายยิงตาย หลังสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบก๊กพระยานครได้ ประมาณ ๗ ปี จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาสุรินทราชาพิมลอัยา (ขนั ) เปน็ เจ้าเมืองถลางท่าน ผู้หญิงจันเป็นแม่เมืองปกครองเมืองถลางด้วยความสงบสุขสืบมาครั้นเม่ือพระยาสุรินทราชาพิมลอัยา (ขัน) เจ้าเมืองถลางถึงแก่อนิจกรรมกองทหารจากเมืองหลวงที่ยึดค่ายปากพระได้เข้าเกาะตัวจับกุมท่าน ผ้หู ญิงจันเป็นเชลยศกึ ไปทคี่ ่ายปากพระ ในข้อกลา่ วหาอ้างว่าสามเี ปน็ หน้แี ผ่นดิน ส่วนแผ่นดินพม่ามีพระเจ้าปดุงครองราชสมบัติใต้ฟ้าแผ่นดินอังวะ ลุปีพ.ศ. ๒๓๒๘พม่าได้ เตรียมกองทัพใหญ่ด้วยพระประสงค์ท่ีจะขยายอาณาเขตด้วยกองทัพที่ย่ิงใหญ่แกร่งกล้าในการรบ สามารถปราบรามัญไทใหญ่มณีปุระยะไข่รวบรวมไพร่พลได้ถึง ๑๔๔,๐๐๐ คน จัดเป็นทัพใหญ่หมาย โจมตีสยามประเทศ เป็นท่ีรู้จกั กันดีในนามสงครามเก้าทัพพมา่ ยกทัพเข้าบุกตีค่ายปากพระ ซึ่งทหารของ รัชกาลที่ ๑เป็นผู้บัญชาการค่าย พญาพิพิธโภไคยหนีไปเมืองพังงาท่านผู้หญิงจันในขณะน้ันยังถือว่าเป็น แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจดั การเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๒๙ เชลยศึก ได้หนีข้ามช่องปากพระเข้ามายังเมืองถลาง ผ่านบ้านไม้ขาว บ้านสาคู และบ้านเคียนอันเป็น ทต่ี ง้ั เมอื งถลาง แม่ทัพใหญ่ยี่หวนุ่ คมุ กาลัง ๓,๐๐๐ คน เข้าตหี ัวเมอื งทางชายฝ่ังทะเลตะวันตก ตง้ั แต่เมืองกระ ตะกั่วป่าตะกั่วทุ่ง ค่ายปากพระ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายที่เมืองถลางขุมคลังของสยามข่าวทัพเรือพม่า บุกโจมตีกอปรกับเจ้าเมืองถลางเสียชีวิตเป็นข่าวร้ายที่ทาร้ายจิตใจชาวเมืองถลางให้อยู่ในความ หวาดกลัว ไม่มีที่พ่ึงหมดหวังแต่พลังใจทั้งมวลกลับต้ังม่ันด้วยจิตใจท่ีเข็มแข็งของท่านผู้หญิงจันและคุณ มุกน้องสาว โดยได้นากาลังจากบ้านสาคู บ้านในยาง บ้านดอน บ้านไม้ขาวบ้านแขนน บ้านลิพอน บ้าน เหรียงมาเตรียมการรบ ณ ค่ายข้างวัดพระนางสร้างฝ่ายพม่ายกทัพเข้ามาเร่งก่อสร้างค่ายบริเวณทุ่งนา (โคกชนะพม่า)เพื่อเตรียมโจมตีเมืองถลาง ส่วนท่านผู้หญิงจันคุณมุกและคณะกรมการเมืองวางแผนต้ัง คา่ ยประชิดคา่ ยขา้ ศึกเตรียมปืนใหญ่ตรึงไว้ดงึ เวลาไดห้ ลายวันเป็นผลให้เสบียงอาหารของพม่าลดน้อยลง และวางแผนให้กลุ่มผู้หญิงแต่งตัวคล้ายทหารไทยเอาไม้ทองหลางเคลือบดีบุกมาถือแทนอาวุธทาทียก ขบวนเข้าเมืองถลางในช่วงดึกลวงพม่าว่าเมืองถลางมีกาลังมาเสริมทุกคืนทาให้พม่าคาดการณ์กองกาลัง เมืองถลางผิดพลาด การศึกครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง ๑ เดือนเศษ กาลังพม่าท้ังอ่อนล้าและขาดเสบียง อาหารเม่ือพม่าต้ังพลเข้าโจมตีถูกฝ่ายเมืองถลางระดมยิงปืนเล็กปืนใหญ่นาเอาดินประสิวไปโปรยใน กองทัพพม่ายิงคบเพลิงเข้าไปผสมตามยุทธวิธีพระพิรุณสังหารคร้ันเม่ือชาวเมืองถลางยิงปืนใหญ่แม่นาง กลางเมืองถูกต้นทองหลางหน้าค่ายพม่าหักลง กองทัพพม่าระส่าระสายเสียขวัญ และแตกทัพไปเม่ือวัน จันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่า ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช ๑๑๔๗ ตรงกับวันท่ี๑๓ มีนาคมพ.ศ. ๒๓๒๘ เป็นวนั ถลางชนะศึก เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีพระบรมราช โองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมบาเหน็จผู้ทาคุณแก่แผ่นดินให้ท่านผู้หญิงจันเป็น ท้าวเทพกษัตรี คุณ มุกนอ้ งสาวเป็น ทา้ วศรีสุนทรดารงยศอันมีศักด์แิ ก่ฐานานรุ ูป เป็นศรแี กเ่ มืองถลาง และวงศต์ ระกลู สืบไป นำมสกุลทีเ่ ปน็ เช้ือสำย ๑.ประทีป ณ ถลาง๒.ณ ถลาง ๓.ณ ตะก่ัวทุ่ง ๔.จินดาพล ๕.รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ๖.ศรี สมทุ ร ๗.ศรสี วสั ดิ์๘.จนั ทโรจน์วงศ์ ๙.ฉวีวงษป์ ระทีป ๑๐.ฤกษ์ถลาง ๑๑.เทยี นถลาง ๑๒.เชอ้ื นาคา๑๓. เทพสกลุ ๑๔.อุปถัมภ์ ๑๕.มาลกานนท์ ๑๖.มีเขา อนสุ ำวรยี ์ อนุสาวรีย์ของท้ังสองท่านต้ังอยู่ที่วงเวียนสี่แยกท่าเรือตาบลศรีสุนทรอาเภอถลางจังหวัด ภูเก็ตสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ จากหลักฐานสาคัญในจดหมายเหตุเมืองถลาง ๖ ฉบับ เพื่อเป็นการ เสริมและสนองพระราชดาริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จเปิดถนนสายถลาง ที่ได้พระราชทานนามว่า ถนนเทพกระษัตรีและได้มีการต้ังชื่อตาบลในภูเก็ต ๒ ตาบลตามท้าวเทพ กระษตั รี ทา้ วศรสี นุ ทรคือตาบลเทพกระษตั รีและตาบลศรสี ุนทรโดยจะมีการจดั งานราลกึ ถงึ ทา่ นทกุ ปี http://th.wikipedia.org/wikiE http://variety.horoworld.com/๑๐๔๙๐_ประวัต-ิ ท้าวเทพกระษัตร-ี ย่ามุก-ทา้ วศรีสนุ ทร-ย่าจนั -จังหวัดภเู ก็ต แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๓๐ คำจำรกึ ที่อนุสำวรียท์ ำ้ วเทพกระษตั รีทำ้ วศรีสนุ ทร โดย กรมพระนรำธิปประพันธพ์ งศ์ เมืองถลาง ปางพมา่ ลอ้ ม ลุยรณั รอดเพราะคุณหญงิ จัน รับสู้ ผวั พญาผิวอาสญั เสียก่อน ก็ดี เหลือแต่หญิงยังกู้ เกียรติไวช้ ยั เฉลมิ เร่ิมรบรกุ ตลบต้าน โจมตี ทงั้ สกดั ตัดเสบียงที ดักดา้ ว พม่าอดหมดพลังหนี จากเกาะ เจิงแฮ กลศึกแพแ้ ม่ท้าว ไม่ทอ้ โถมหนอ ขอ้ ความทแี่ ทน่ ฐานทศิ เหนือ ด้านหนา้ อนุสาวรีย์ ท้ำวเทพกระษัตรี ท้ำวศรีสนุ ทร (จัน) (มกุ ) ได้กระทาการปอ้ งกันรกั ษาเมืองถลางไวเ้ ปน็ สามารถเมอ่ื ปมี ะเส็ง พ.ศ. ๒๓๒๘ มิให้ข้าศึกตหี ัก เอาเมืองได้ เป็นวรี กรรมอันควรแกช่ นชาวเมอื งถลางตลอดจนชาวไทยท่ัวกันยกย่องสรรเสริญจงึ สรา้ ง อนสุ าวรีย์ให้ไวเ้ ปน็ อนุสรณ์ เม่อื พ.ศ. ๒๕๐๙ ท่ีมา: http://th.wikipedia.org/wik แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย แนวการจดั การเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๓๑ ภำพประกอบ อนุสำวรยี ท์ ำ้ วเทพกระษัตรที ้ำวศรีสนุ ทร แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๓๒ แบบประเมนิ ควำมรู้ เรื่อง ทา้ วเทพกระษตั รี ทา้ วศรสี ุนทร คำชแี้ จง ๑. แบบทดสอบมี ๕ ข้อ ๑๐ คะแนน ๒. ให้นักเรยี นเตมิ คาลงในชอ่ งว่างใหส้ มบรู ณ์ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๑. ท้าวเทพกระษตั รี ทา้ วศรีสุนทร เป็นวรี สตรที ่โี ดดเดน่ ในดา้ นใด และหลังจากเรยี นเรือ่ งท้าวเทพ กระษัตรี ท้าวศรีสุนทร จบแล้วนักเรยี นมีความภาคภูมิใจอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. นักเรยี นอธบิ ายกรุงเทพกับเมอื งถลางมีความสัมพนั ธ์กันยา่ งไร ………………………………………………………………………………………………………..…………………………………… ๓. ทา้ วเทพเทพกระษตั รี ท้าวศรีสุนทรมยี ทุ ธวธิ ีวางแผนการตอ่ ส้ขู า้ ศึกอยา่ งไรจงึ ได้รบั ชัยชนะ …………………………………………………………………..………………………………………………………………………… ๔. ใหน้ กั เรยี นสบื ค้นนามสกุลทเ่ี ปน็ เชื้อสายท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสุนทรว่ามีนามสกลุ อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๕. ถ้านักเรยี นเป็นท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร นักเรยี นจะตดั สินใจและมียุทธวธิ ีใดทสี่ ามารถต่อสู้ ขา้ ศกึ ได้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… เกณฑ์กำรประเมิน - นกั เรยี นตอบคาถามได้ ๔ใน ๕ ข้อ แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๓๓ กำรประเมินชิน้ งำน/ภำระงำน (รวบยอด) แบบประเมิน การสรปุ เรื่องทา้ วเทพกระษตั รี ท้าวศรสี นุ ทร รายการประเมิน คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ / ระดบั คะแนน ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรุง (๑) ๑. สรุปประวตั แิ ละ สรปุ ประวตั ิและ สรปุ ประวัติและ สรปุ ประวตั ิและ สรปุ ประวัติและ ผลงานของท้าวเทพ ผลงานของท้าวเทพ ผลงานของท้าว ผลงานของท้าว ผลงานของท้าว กระษัตรี ทา้ วศรี กระษัตรี ท้าวศรี เทพกระษัตรี ทา้ ว เทพกระษัตรี ทา้ ว เทพกระษัตรี ท้าว สนุ ทร สนุ ทรได้ถูกต้อง ศรีสนุ ทรได้ ศรสี นุ ทรได้ ศรีสนุ ทรไม่ได้ สมบรู ณ์ ถกู ต้อง บางส่วน ๒. สรุปความสมั พันธ์ สรปุ ความสมั พันธ์ สรปุ ความสมั พันธ์ สรุปความสมั พนั ธ์ สรปุ ความสมั พันธ์ กรุงเทพกับเมอื ง กรุงเทพกับเมือง กรงุ เทพกับเมอื ง กรงุ เทพกบั เมอื ง กรุงเทพกับเมือง ถลาง ถลางได้ถูกต้อง ถลางได้ถกู ต้อง ถลางไดบ้ ้าง ถลางไม่ได้ สมบูรณ์ ๓. สรุปกลยทุ ธ์ทท่ี า้ ว สรุปกลยุทธ์ทีท่ า้ ว สรปุ กลยุทธ์ท่ีท้าว สรปุ กลยทุ ธ์ทที่ า้ ว สรุปกลยุทธ์ทท่ี า้ ว เทพกระษัตรี เทพกระษัตรี ท้าว เทพกระษัตรี ท้าว เทพกระษัตรี ทา้ ว เทพกระษัตรี ทา้ ว ท้าวศรสี ุนทรใชส้ ู้ ศรีสุนทรใช้สูข้ ้าศึก ศรีสนุ ทรใชส้ ู้ ศรีสุนทรใชส้ ู้ ศรีสุนทรใชส้ ู้ ข้าศกึ ได้ ไดถ้ ูกต้องสมบรู ณ์ ข้าศึกได้ถูกต้อง ขา้ ศกึ ไดบ้ ้าง ข้าศึกไม่ได้ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ๑๑ - ๑๒ ดมี าก ๙ - ๑๐ ดี ๖-๘ พอใช้ ต่ากวา่ ๖ ปรบั ปรุง แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวัติศาสตรเ์ พื่อสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๓๔ แบบประเมนิ กำรนำเสนอผลงำน คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่องว่างทีต่ รงกบั ระดับคะแนน ลำดับที่ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน ๔๓๒๑ ๑ นาเสนอเนอ้ื หาในผลงานได้ถูกตอ้ ง ๒ การลาดับขนั้ ตอนของเน้ือเรือ่ ง ๓ การนาเสนอมีความน่าสนใจ ๔ การมสี ว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม ๕ การตรงต่อเวลา รวม ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............../.................../............... เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ ๔ คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ ๓ คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ ๑ คะแนน เกณฑ์กำรตัดสินคณุ ภำพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ ๑๘ – ๒๐ ดมี าก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ตา่ กวา่ ๑๐ ปรับปรงุ แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๓๕ แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุม่ คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด  ลงในช่องว่างที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับที่ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน ๔๓๒๑ ๑ การแบง่ หน้าท่ีกนั อยา่ งเหมาะสม ๒ ความร่วมมอื กนั ทางาน ๓ การแสดงความคดิ เหน็ ๔ การรบั ฟงั ความคดิ เห็น ๕ ความมีน้าใจช่วยเหลอื กัน รวม ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ ............../.................../............... เกณฑ์กำรให้คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ ๓ คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ ๒ คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้ง ให้ ๑ คะแนน เกณฑก์ ำรตดั สนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภำพ ๑๘ – ๒๐ ดมี าก ๑๔ – ๑๗ ดี ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ต่ากว่า ๑๐ ปรับปรงุ แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัติศาสตร์เพื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๓๖ แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ : คำ่ นยิ มหลกั ของคนไทย(คสช.) ชอื่ __________________________________________________ช้ัน ___________เลขท่ี ____ คำชแ้ี จง : นกั เรียนประเมินตนเองในระหว่างเรียน แลว้ ขดี  ลงในช่องค่านิยมทนี่ าไปใช้ และบอก เหตุผล ว่าไปใช้อยา่ งไร ข้อ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ค่านิยม คา่ นยิ มที่ นาไปใช้อย่างไร ที่ หลกั ของคนไทย นาไปใช้ () ๑ มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์(คสช. : มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์) ๒ มมี วี ินยั (คสช. : มรี ะเบียบวนิ ัย เคารพกฎหมาย เคารพผใู้ หญ่) ๓ ใฝเ่ รียนรู้(คสช. : ใฝห่ าความรู้ หมนั่ ศกึ ษาเล่าเรียน) ๔ มุ่งมั่นในการทางาน(คสช. : มสี ติ รตู้ วั รคู้ ิด รทู้ า ร้ปู ฏิบัติ) ๕ รักความเป็นไทย(คสช. : รักษา วัฒนธรรมประเพณีอนั งดงาม) แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย แนวการจดั การเรยี นรูป้ ระวัติศาสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๓๗ แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น (นักเรียนประเมินตนเอง) คำช้แี จง แบบประเมินความคิดเห็น ทศั นคติของผูเ้ รยี น เม่ือผู้เรียนอา่ นข้อความแต่ละข้อแล้ว ผู้เรียนมคี วามคิดเหน็ หรือ ทัศนคติอย่างไรให้ตอบในช่องท่ีตรงกับความคดิ เห็นหรอื ทัศนคติ ของผู้เรยี นมากทส่ี ดุ คือ ถา้ ผู้เรียนไมเ่ หน็ ด้วยอย่างยิง่ กบั ข้อความ ให้ใส่เครือ่ งหมาย  ทช่ี อ่ ง ๑ ถา้ ผู้เรยี นไม่เหน็ ดว้ ยกบั ข้อความ ให้ใสเ่ ครื่องหมาย  ที่ช่อง ๒ ถ้าผู้เรยี นไมม่ ีข้อคิดเห็นข้อความ ให้ใส่เครอ่ื งหมาย  ทช่ี ่อง ๓ ถ้าผู้เรียนเห็นด้วยขอ้ ความ ใหใ้ สเ่ คร่ืองหมาย  ทช่ี ่อง ๔ ถา้ ผเู้ รยี นเห็นดว้ ยอยา่ งยิง่ กบั ข้อความ ให้ใสเ่ ครือ่ งหมาย  ที่ชอ่ ง ๕ ขอ้ ท่ี รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน ๕ ๑๒๓๔ สมรรถนะท่ี ๑ ควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร ๑ ขา้ พเจ้าคดิ ว่าการพดู อธบิ ายเร่ืองราวต่างๆให้ผ้อู น่ื ไดเ้ ขา้ ใจเป็นเรอื่ งทง่ี ่าย ๒ ขา้ พเจ้าคิดวา่ การใช้กาลงั แก้ปัญหาความขัดแยง้ ไดผ้ ลดกี ว่า การเจรจาต่อรอง ๓ ข้าพเจ้าคิดวา่ ความขดั แย้งทางความคิดเปน็ เรื่องปัญหาเลก็ น้อยของสังคม ๔ ข้าพเจ้าคดิ ว่าการศึกษาคน้ ควา้ ทางอินเทอรเ์ น็ตสะดวกและรวดเรว็ ทนั ใจ ๕ ข้าพเจา้ คดิ ว่าการยนื ตรงเป็นการแสดงความเคารพ เม่อื ครูเดนิ ผ่าน ๖ ขา้ พเจ้าคิดว่าการมอบของท่ีระลึกหรอื บัตรอวยพรแดผ่ ปู้ กครอง ในวันสาคัญเป็นการระลกึ ถึงผมู้ ีพระคณุ ท่เี กยี่ วข้อง สมรรถนะท่ี ๒ ควำมสำมำรถในกำรคิด ๗ ขา้ พเจ้าคดิ ว่าการมองเหตกุ ารณเ์ พอ่ื เชือ่ มโยงไปยังเหตุการณ์อ่นื ๆ เป็นเรือ่ ง ท่ีทุกคนควรกระทา ๘ ขา้ พเจ้าคดิ วา่ การฟังขา่ วที่มีการเสนอข้อมลู ในมมุ มองทแ่ี ตกต่าง ทาใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ๙ ขา้ พเจ้าคิดวา่ คาติชมของเพ่ือนทาใหม้ คี วามกระตอื รอื ร้นที่ จะปรบั ปรุงผลงานของตน ๑๐ ขา้ พเจ้าคดิ ว่าการใชเ้ หตผุ ลในการตัดสินเพ่อื แกป้ ัญหาและไปใหถ้ งึ เป้าหมาย เป็นส่งิ ที่ทกุ คนต้องปฏบิ ตั ิ ๑๑ ขา้ พเจา้ คดิ ว่าการตดั สินใจโดยมขี อ้ สรุปท่มี ีฐานมาจากข้อมลู ท่ีน่าเชื่อถือเป็นการตัดสนิ ใจท่เี หมาะสมกบั ผู้มีความคิด ๑๒ ขา้ พเจ้าคิดวา่ การสร้างขอ้ โต้แย้งทด่ี ีสมเหตสุ มผลก่อใหเ้ กดิ การปรับปรุงและพัฒนาคน แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวตั ิศาสตร์เพ่ือสร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๓๘ ขอ้ ท่ี รำยกำรประเมิน ๑ ระดบั คะแนน ๕ ๒๓๔ สมรรถนะท่ี ๓ ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ ๑๓ ขา้ พเจ้าคดิ วา่ ปัญหาย่อมเกิดขึ้นกบั ตนเองและบุคคลใกลต้ ัว ๑๔ ข้าพเจา้ คิดว่าแนวโนม้ ของปญั หาอาจเกดิ ขึ้นในทุกสถานการณ์ ๑๕ ขา้ พเจ้าคดิ วา่ การวางแผนในการแกป้ ัญหาเป็นสงิ่ ทีด่ ี ๑๖ ข้าพเจ้าคิดวา่ การแกป้ ัญหาตามแผนที่วางไวเ้ ป็นสิ่งทีน่ ่าภาคภมู ใิ จ ๑๗ ขา้ พเจา้ คดิ ว่าการนาข้อคน้ พบทีไ่ ด้จากการแก้ปญั หาไปประยกุ ต์ใช้ ในสถานการณอ์ ื่นๆ ทาให้เกิดความภาคภูมใิ จ ๑๘ ข้าพเจา้ คิดวา่ ผลท่ีเกิดจากการแก้ปัญหายอมรบั ได้เสมอ สมรรถนะท่ี ๔ ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวิต ๑๙ ข้าพเจา้ รู้สกึ วา่ งานที่ไมเ่ คยทาเปน็ งานที่ท้าทายความสามารถ ๒๐ ข้าพเจา้ รสู้ ึกมคี วามกระตือรือร้นท่จี ะได้เรียนร้สู ิง่ ใหม่ๆ ๒๑ ขา้ พเจ้ารู้สึกมีความสุขทีไ่ ด้ช่วยเหลือเพื่อน ครู ครอบครัว และผู้อนื่ เมอื่ มีโอกาส ๒๒ ข้าพเจ้าร้สู กึ มคี วามอดทนตอ่ การพูดส่อเสียดของผ้อู ื่น ๒๓ ข้าพเจา้ รู้สึกปล้มื ใจทีเ่ ด็กไทยไปไกลถึงเวทีโลก ๒๔ ขา้ พเจา้ รู้สึกภูมิใจที่ควบคุมอารมณ์ตนเองได้ สมรรถนะท่ี ๕ ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี ๒๕ ขา้ พเจ้าคิดวา่ เทคโนโลยีมปี ระโยชนต์ ่อการเรยี นรู้ ๒๖ ขา้ พเจ้ารู้สกึ ชอบที่ครใู ชเ้ ทคโนโลยใี นการจัดการเรยี นการสอน ๒๗ ข้าพเจา้ รสู้ ึกเข้าใจบทเรยี นได้ดีข้ึนเม่ือครใู ชเ้ ทคโนโลยใี น การจัดการเรียนการสอน ๒๘ ขา้ พเจา้ คิดว่าเทคโนโลยีมีประโยชนใ์ นการตดิ ตอ่ สื่อสาร ๒๙ ข้าพเจ้าคิดว่าการใช้คอมพวิ เตอร์ / อินเทอรเ์ นต็ มปี ระโยชน์ตอ่ การสบื ค้น รวบรวมความรู้ ให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและชุมชน ๓๐ ข้าพเจ้าคดิ วา่ เทคโนโลยีมีบทบาทสาคญั ในการพฒั นาเศรษฐกิจ และสังคม ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัติศาสตร์เพือ่ สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๓๙ เกณฑก์ ำรให้คะแนนคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ำ่ น (๐) ผ่ำน (๑) ดี (๒) ดีเยีย่ ม (๓) ๑. รักชำติ ศำสน์ กษัตริย์ ปฏบิ ตั ติ นตามสิทธิ และหนา้ ทขี่ อง ๑.มคี วามสามคั คี ปฏิบตั ิตนตามสทิ ธิ ปฏิบตั ติ นตามสทิ ธิ นกั เรยี นใหค้ วาม ร่วมมือ รว่ มใจในการ ปรองดอง และหน้าท่ีของ และหน้าทขี่ อง ทากิจกรรมกับ สมาชกิ ในโรงเรียน นักเรียน ใหค้ วาม นักเรียนใหค้ วาม ชมุ ชนและสงั คม ปฏิบตั ิตนตามหลัก รว่ มมอื ร่วมใจใน ร่วมมอื ร่วมใจใน ของศาสนาอย่าง สม่าเสมอ เปน็ การทากิจกรรมกับ การทากิจกรรมกบั แบบอย่างที่ดี เข้าร่วมกิจกรรมและ สมาชิกในโรงเรียน สมาชิกในโรงเรียน มสี ว่ นร่วมในการจดั กจิ กรรมที่เก่ียวกบั และชมุ ชน สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ๒. ปฏบิ ตั ิตนตาม ไม่เข้ารว่ ม ปฏบิ ัติตนตาม ปฏบิ ตั ิตนตามหลัก ตามทีโ่ รงเรยี น และชมุ ชนจดั ข้ึนชน่ื หลักของศาสนา กจิ กรรมทาง หลกั ของศาสนา ของศาสนาอย่าง ชมในพระราชกรณยี กจิ พระปรชี าสามารถ ที่ตนนบั ถือ ศาสนาท่ีตนนบั ถือ ตามโอกาส สมา่ เสมอ ของพระมหากษตั รยิ ์ และพระราชวงศ์ ๓. แสดงออกซึง่ ไมเ่ ข้าร่วม เขา้ รว่ มกจิ กรรมที่ เขา้ รว่ มกิจกรรม ความจงรักภกั ดี กิจกรรมที่เก่ยี วกับ เกีย่ วกับสถาบนั และมสี ว่ นรว่ มใน ไม่นาสงิ่ ของและ ต่อสถาบัน สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ การจดั กจิ กรรมท่ี ผลงานของผู้อ่ืนมา พระมหากษัตริย์ ตามทีโ่ รงเรียน เกีย่ วกับสถาบนั เปน็ ของตนเอง พระมหากษัตริย์ และชุมชนจดั ขึ้น พระมหากษัตรยิ ์ ปฏบิ ตั ิตนต่อผอู้ ่นื ตามทโ่ี รงเรยี นและ ดว้ ยความซ่อื ตรงไม่ ชุมชนจดั ขึน้ หาประโยชน์ในทางท่ี ๒. ซ่อื สตั ย์สุจรติ ไมน่ าสง่ิ ของและ ไม่นาสง่ิ ของและ ๑. ไม่ถือเอา นาสงิ่ ของของคน ผลงานของผู้อนื่ มา ผลงานของผู้อ่นื มา สงิ่ ของหรือผลงาน อนื่ มาเปน็ ของ เป็นของตนเอง เป็นของตนเอง ของผู้อ่นื มาเปน็ ตนเอง ปฏิบัตติ นต่อผ้อู น่ื ปฏบิ ัติตนตอ่ ผ้อู ่นื ของตนเอง ด้วยความซื่อตรง ดว้ ยความซื่อตรง ๒. ปฏิบตั ติ นตอ่ ไม่หาประโยชน์ ผ้อู ื่นดว้ ยความ แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๔๐ พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่ำน (๐) ผำ่ น (๑) ดี (๒) ดเี ยย่ี ม (๓) ซอื่ ตรง ในทางท่ีไม่ถกู ต้อง ไม่ถูกต้องและเป็น ๓. ไมห่ าประโยชน์ แบบอย่างทด่ี ีดา้ น ในทางที่ไม่ ความซ่ือสัตย์ ถูกตอ้ ง ๓. ใฝเ่ รียนรู้ เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา เข้าเรียนตรงเวลา ๑. ตง้ั ใจเรียน ไม่ตั้งใจเรียน ตั้งใจเรียน เอาใจ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่ ๒. เอาใจใส่และมี ใส่ และมคี วาม และมีความเพียร และมีความเพียร ความเพยี ร เพยี รพยายามใน พยายาม ในการ พยายาม ในการ พยายามใน การเรียนรู้ มีสว่ น เรยี นรู้ มีสว่ นรว่ ม เรยี นรู้ มสี ่วนร่วม การเรยี นรู้ ร่วมในการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ในการเรยี นรู้ และ ๓. สนใจเข้ารว่ ม และเข้ารว่ ม ต่างๆ ท้งั ภายใน เขา้ รว่ มกิจกรรมการ กิจกรรมการ กิจกรรมการ และภายนอก เรียนรตู้ ่างๆ เรียนร้ตู ่างๆ เรยี นรู้ตา่ งๆ โรงเรียนบ่อยครัง้ ทงั้ ภายในและ บางครัง้ ๔. มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน ภายนอกโรงเรียน ๑. เอาใจใส่ต่อการ ไม่ตง้ั ใจปฏบิ ตั ิ เปน็ ประจาและเปน็ แบบอยา่ งที่ดี ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี หน้าทก่ี ารงาน ที่ได้รับมอบหมาย ตั้งใจและ ตั้งใจและ ต้งั ใจและรับผิดชอบ ๒. ตงั้ ใจและ รบั ผิดชอบในการ รับผิดชอบในการ ในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ีที่ รบั ผดิ ชอบใน ปฏบิ ัติหน้าที่ที่ ปฏิบตั หิ นา้ ทีท่ ี่ ได้รับมอบหมายให้ การทางานให้ ไดร้ ับมอบหมาย ไดร้ บั มอบหมายให้ สาเร็จ มีการปรบั ปรุง สาเรจ็ ให้สาเร็จมกี าร สาเรจ็ มกี าร และพฒั นาการ ๓. ปรับปรุงและ ปรับปรงุ และ ปรับปรุงและ ทางานใหด้ ีข้ึนด้วย พัฒนาการ พัฒนาการทางาน พฒั นาการทางาน ตนเอง และเป็น ทางานดว้ ย ใหด้ ขี นึ้ ให้ดีข้นึ ด้วยตนเอง แบบอยา่ งทด่ี ี ตนเอง แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัติศาสตร์เพ่อื สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๔๑ พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ ่ำน (๐) ผ่ำน (๑) ดี (๒) ดีเยยี่ ม (๓) ๕. รักควำมเปน็ ไทย ๑. แต่งกายและมี ไม่มสี มั มาคารวะ ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้มี ปฏิบัตติ นเป็นผมู้ ี ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผูม้ ี มารยาทแบบไทย มารยาทแบบไทย มารยาทแบบไทย มารยาทงดงาม ตอ่ ผู้ใหญ่ มีสมั มาคารวะ มีสมั มาคารวะ มสี มั มาคารวะ แบบไทย กตัญญูกตเวทตี อ่ ผู้ กตัญญูกตเวที กตัญญูกตเวทตี อ่ ผู้มี มีสมั มาภารวะ มพี ระคุณ และ ตอ่ ผูม้ พี ระคุณ พระคุณ แต่งกาย กตัญญกู ตเวที แตง่ กายแบบไทย แต่งกายแบบไทย แบบไทย ด้วยความ ตอ่ ผู้มีพระคณุ เขา้ ร่วมหรือมสี ว่ น ดว้ ยความ ภาคภูมิใจ เข้าร่วม ๒. รว่ มกิจกรรม รว่ มในกิจกรรมที่ ภาคภูมิใจ เข้าร่วม และมีสว่ นร่วมในการ ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับ เก่ยี วขอ้ งกับ และมสี ่วนรว่ มใน จดั กิจกรรมท่ี ประเพณี ศิลปะ ประเพณี ศลิ ปะ การจดั กจิ กรรมที่ เกย่ี วข้องกบั ประเพณี และวฒั นธรรม และวัฒนธรรม เกี่ยวข้องกบั ศลิ ปะและวัฒนธรรม ไทย ไทย ประเพณี ศิลปะ ไทย ชกั ชวน แนะนา ๓. ชักชวน แนะนา ผู้อ่นื และเป็นผู้นา ให้ผอู้ ่นื ปฏิบัติ และวัฒนธรรมไทย หรือแกนนาในการ ตาม ปฏบิ ัติตาม ขนบธรรมเนยี ม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ศลิ ปะ ประเพณี ศลิ ปะและ และวฒั นธรรม วัฒนธรรมไทย ไทย แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๔๒ แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คำชี้แจง : ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี  ลงใน ช่องว่างท่ตี รงกับระดบั คะแนน คุณลักษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน อนั พึงประสงค์ดำ้ น ๐๑๒๓ ๑. รกั ชำติ ศำสน์ ๑.๑ มคี วามสามัคคี ปรองดอง กษัตริย์ ๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของศาสนาทต่ี นนับถือ ๑.๓ แสดงออกซ่ึงความจงรักภักดีตอ่ สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ ๒. ซ่อื สัตย์สจุ ริต ๒.๑ ไมถ่ ือเอาส่งิ ของหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็น ของตนเอง ๒.๒ ปฏิบัตติ นตอ่ ผอู้ ่ืนดว้ ยความซ่ือตรง ๒.๓ ไมห่ าประโยชนใ์ นทางท่ีไม่ถูกต้อง ๓. ใฝ่เรียนรู้ ๓.๑ ตงั้ ใจเรียน ๓.๒ เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามใน การเรียนรู้ ๓.๓ สนใจเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ต่างๆ ๔. มงุ่ มัน่ ใน ๔.๑ เอาใจใส่ตอ่ การการปฏบิ ัตหิ น้าทที่ ไี่ ดร้ บั กำรทำงำน มอบหมาย ๔.๒ ตงั้ ใจและรับผดิ ชอบในการทางานให้สาเร็จ ๔.๓ ปรับปรุงและพฒั นาการทางานดว้ ยตนเอง ๕. รักควำมเปน็ ไทย ๕.๑ แต่งกายและมีมารยาทงดงามแบบไทย มสี มั มาคารวะ กตญั ญกู ตเวทีต่อผมู้ ีพระคุณ ๕.๒ ร่วมกจิ กรรมที่เก่ียวข้องกบั ประเพณี ศลิ ปะ และวฒั นธรรมไทย ๕.๓ ชักชวน แนะนาใหผ้ ู้อ่ืนปฏบิ ตั ิตาม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศลิ ปะ และวัฒนธรรมไทย ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน ............../.................../................ แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๔๓ ตวั อยำ่ งแผน รำ่ งแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑๓ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ รหสั วิชา ส ๒๓๑๐๕ รำยวชิ ำ ประวัติศาสตร์ จานวน ๘ คาบ จานวน ๒ คาบ หน่วยกำรเรียนร้ทู ี่....... เรอ่ื ง บุคคลสาคัญในสมยั รัตนโกสินทร์ หนว่ ยย่อยที่ ........ เร่อื ง ราลกึ อดีตบรรพบรุ ุษไทย ๑. มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ ตัวชว้ี ดั มาตรฐานการเรยี นรู้ ส ๔.๓ เข้าใจความเปน็ มาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภมู ิปญั ญา มคี วามรักความภมู ใิ จและธารง ความเปน็ ไทย ตัวช้วี ัด ส ๔.๓ ม.๓/๓ วเิ คราะหภ์ มู ิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ และอิทธพิ ลต่อการพฒั นาชาติไทย ๒. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด วีรกรรมความกลา้ หาญ เสียสละและการสร้างสรรค์ผลงานของบรรพบุรษุ ไทย มีส่วนสาคญั ท่ที า ให้คนไทยสามารถสร้างราชธานีใหม่ และรอดพ้นจากการรุกรานของต่างชาติ ช่วยให้ชาติได้พัฒนา รงุ่ เรืองสืบมาจนถงึ ปจั จุบนั และ เปน็ แบบอยา่ งใหค้ นรนุ่ หลงั ไดป้ ระพฤตปิ ฏบิ ัติตาม ๓. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ ๑. บอกประวตั ิชวี ติ และผลงานทส่ี าคัญของสมเดจ็ พระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหา- สรุ สงิ หนาท(บญุ มา) ๒. วิเคราะหว์ ีรกรรมท่สี าคัญของสมเด็จพระบวรราชเจา้ กรมพระราชวังบวรมหาสุรสงิ หนาท (บญุ มา) ทส่ี ่งผลต่อการพัฒนาชาติไทย ๓. นาแบบอย่างการประพฤติปฏบิ ัติตนทด่ี ีงามไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ๔. สำระกำรเรียนรู้ วีรกรรมของบรรพบรุ ุษไทย ผลงานของบุคคลสาคัญของไทยท่ีมสี ว่ นสรา้ งสรรค์ชาตไิ ทย สมเด็จพระบวรราชเจา้ กรมพระราชวังบวรมหาสรุ สงิ หนาท(บุญมา) ๕. ทกั ษะ/กระบวนกำร ๑. กระบวนการกล่มุ ๒. กระบวนการสบื ค้นข้อมูล ๓. กระบวนการคิดอย่างสรา้ งสรรค์ แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย