7. ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิ การควบคมุ การตรวจสอบการปฏิบตั ิ 7.1 เรยี กแถวตรวจยอดกาํ ลงั พล ตรวจความพรอ มของเจา หนา ทต่ี าํ รวจผปู ฏบิ ตั ิ รวมทงั้ อปุ กรณ เครื่องมือ-เครือ่ งใชก ารตงั้ จุดตรวจ 7.2 อบรมช้ีแจงสถานภาพอาชญากรรม การปฏิบัติของเจาหนาท่ีตํารวจในชวงเวลาที่ผานมา แนวนโยบายและคําส่ังของผูบ งั คบั บัญชา และขอราชการตาง ๆ ทีเ่ กยี่ วของ 7.3 กําหนดตัวเจาหนาที่ตํารวจผูปฏิบัติในแตละสวนของพื้นท่ีจุดตรวจ และทําความเขาใจกับ บทบาทหนา ทข่ี องแตละคนใหชัดเจน 7.4 การต้ังจุดตรวจ หรือจุดสกัด ใหรายงานทางศูนยวิทยุ ใหผูบังคับบัญชาทราบเมื่อเริ่มตน และในระหวางการปฏิบัติหนาท่ีตรวจคนของเจาหนาที่ผูปฏิบัติ ผูที่ทําหนาท่ีเปนผูควบคุมจะตองกํากับดูแล การปฏิบัติใหเปนไปตามระเบียบ กฎหมาย เพ่ือมิใหเจาหนาท่ีผูปฏิบัติแสวงหาประโยชนโดยมิชอบเกิดข้ึน ระหวา งปฏิบัติหนา ท่ี 7.5 เม่ือเสร็จส้ินการปฏิบัติใหรายงานผลการปฏิบัติเปนลายลักษณอักษร เสนอผูบังคับบัญชา ตามลําดบั ชั้นจนถงึ ผูส่ังอนุมัติ ภายในวันถัดไปเปน อยางชา 8. การตรวจคนรถเพื่อไมใหเกิดขอผิดพลาดและการคนซ้ํา สรางความเดือดรอน ความรําคาญ ใหก ับประชาชนโดยท่วั ไปเนือ่ งจากใชเวลานาน ควรดําเนนิ การดงั นี้ 8.1 ใหแบงพน้ื ทีร่ ถท่ีตองทําการตรวจคน ออกเปน 5 สวน คือ สวนท่ี 1 พนื้ ทีภ่ ายในรถดานหนาตรงผขู บั ข่ี และผูโ ดยสารดานหลังผขู บั ขี่ สวนท่ี 2 พ้นื ทภ่ี ายในรถดา นหนา ขา งซา ยผขู ับข่ี และผูโดยสารดานหลงั ดานซา ยผูข บั ขี่ สว นท่ี 3 กระโปรงทา ยรถ สว นท่ี 4 กระโปรงหนารถ สว นท่ี 5 ใตทอ งรถ 6 คมู ือยุทธวิธตี าํ รวจ
8.2 กรณรี ถของบุคคลทว่ั ไปท่เี ขา มาในพื้นทีก่ ารตั้งจดุ ตรวจ จะทาํ การตรวจคนเฉพาะสวนที่ 1 และสวนท่ี 2 เทานั้น คอื - ใตเ บาะคนขบั ลิ้นชกั คอนโซล เจา หนา ที่ตํารวจท่อี ยดู านผขู ับขจ่ี ะตรวจคนรถในสวนที่ 1 และสวนที่ 3 เจา หนา ที่ตํารวจทีอ่ ยูดานซา ยของผูขับข่จี ะทําการตรวจคนรถในสวนท่ี 2 และสว นท่ี 4 9. การแบง พนื้ ท่บี ริเวณจดุ ตรวจ สามารถแบงเปน 5 สวน ดังน้ี คูม ือยทุ ธวธิ ีตาํ รวจ 7
9.1 พื้นท่ีสวนแรก เปนพื้นที่เฝาสังเกตรถและบุคคลตองสงสัยท่ีอยูภายในรถที่จะว่ิงผาน เขามาในบริเวณพ้ืนท่ีตั้งจุดตรวจ เพ่ือแจงขอมูลกลับไปยังผูควบคุมจุดตรวจ รวมทั้งเปนจุดสกัดรถตองสงสัย ที่มีเจตนาจะหลบหนีไมยินยอมเขามาบริเวณพื้นท่ีท่ีตั้งจุดตรวจคน หรือไลติดตามรถที่วกกลับไปยังทิศทาง ที่เขา มาโดยมีเจาหนาที่ตาํ รวจฝายปอ งกันชดุ นอกเครอื่ งแบบ (ชุดจูโ จม) อยูปฏบิ ตั ิ 2 คน โดยอยกู อนถึงพน้ื ท่ี ต้ังจุดตรวจหา งประมาณ 20 เมตร หรือตามความเหมาะสมของสภาพพ้นื ท่ี 9.2 พ้นื ท่ีสวนท่ีสอง เปนพน้ื ทที่ ีพ่ จิ ารณาคัดเลือกรถตอ งสงสัยเพ่ือโบกรถเขามาสพู น้ื ทีต่ รวจคน ซึ่งจะมีเจา หนาที่ตํารวจ 1 นาย เปน ผคู ัดเลือกและสังเกตพฤตกิ รรมของรถทจ่ี ะเขา จุดตรวจคน โดยมเี จาหนาที่ ตาํ รวจฝา ยปอ งกัน 1 คน ฝา ยจราจร 1 คน และเจาหนาท่ตี าํ รวจที่ทําหนาท่เี ปน หัวหนา สายตรวจ (นายตาํ รวจ ระดบั สญั ญาบัตรข้ึนไป) 1 คน รวมเจาหนา ท่จี าํ นวน 3 คน 9.3 พ้ืนท่ีสวนท่ีสาม เปนพ้ืนท่ีตรวจคน มีเจาหนาที่ตํารวจฝายปองกันทําหนาที่ตรวจคนรถ และบุคคลตองสงสยั ทน่ี ่งั มา 3 ชดุ ปฏิบัติ (1 ชุดปฏิบตั มิ ี 3-4 คน รถท่เี ขาทาํ การตรวจคน ควรมีไมเกิน 3 คนั ในแตละชวงท่ีทําการตรวจคน และการตรวจคนใชเจาหนาที่ตํารวจ 3-4 คนตอรถทําการตรวจคน 1 คัน โดยคน 2 คน คมุ กนั 1-2 คน) โดยมีเจาหนาท่ีตํารวจฝายปองกันอีก 1 คน ทําหนาที่บันทึกภาพขณะตรวจคนไวเปนหลักฐาน และมเี จา หนา ทต่ี าํ รวจฝา ยจราจรอกี 1 คน ทาํ หนา ทด่ี าํ เนนิ การในสว นความผดิ ตาม พ.ร.บ.จราจร และอาํ นวย ความสะดวกดา นการจราจร และใหม ีนายตํารวจระดบั สารวัตร ซ่ึงเปน ผคู วบคมุ การปฏบิ ตั คิ อยดแู ลอยูใ นสวน พนื้ ท่ี 3 เปนหลกั 9.4 พื้นที่สวนที่สี่ เปนพื้นท่ีคอยสกัดรถ หากรถตองสงสัยที่เขามาในพื้นที่ต้ังจุดตรวจไมยอม หยุดรถใหทําการตรวจคน เจาหนาท่ีตํารวจฝายปองกันท่ีอยูปฏิบัติหนาท่ีทายพื้นท่ีจุดตรวจนี้จะทําหนาที่ นาํ รถตํารวจ ทีจ่ อดอยูทา ยจดุ ตรวจเขาสกดั ขวางกน้ั ไมใหผานหรอื ไลต ดิ ตามหากหลบหนี โดยจะมีเจาหนาท่ีตํารวจทําหนาท่ีประจํารถยนตสายตรวจ 1 คัน 1 คน และเจาหนาที่ตํารวจ ประจาํ รถสายตรวจจกั รยานยนต 1 คัน 2 คน รวมเจา หนา ทจี่ าํ นวน 3 คน 9.5 พ้ืนทส่ี วนทหี่ า เปนพ้นื ท่คี วบคมุ ผกู ระทาํ ความผดิ มีเจาหนา ท่ีตํารวจฝา ยปอ งกันอยปู ฏิบัติ อยา งนอย 2-3 คน และมีรถยนตสําหรบั ควบคมุ ผูตอ งหาจอดอยบู ริเวณพื้นที่น้ี ระยะระหวางสวนที่ 1 ถึงสวนที่ 5 ควรจัดใหมีระยะตามความเหมาะสมท่ีผูควบคุมการปฏิบัติ สามารถจะดูแลจดุ ตรวจ จดุ สกัด ไดทัว่ ถึง 8 คูมอื ยทุ ธวธิ ตี ํารวจ
10. ยุทธวิธีตาํ รวจในการตัง้ จดุ ตรวจ และจุดสกัด การตง้ั จุดตรวจบนทางทีม่ ีการจราจรไปในทศิ ทางเดยี วกนั (One way) การตัง้ จุดตรวจคน One Way (หนา ดา น) 10.1 กําหนดเลือกบริเวณพ้ืนที่จะทําการตรวจ โดยคาํ นงึ ความปลอดภยั ของผปู ฏบิ ตั งิ าน และประชาชนผถู กู ตรวจคน เปน สาํ คญั เชน ไมต ง้ั จดุ ตรวจหรอื จดุ สกดั บรเิ วณทางโคง เชงิ สะพาน ท่ีลาดชันหรือบริเวณทเี่ ปนจุดอับสายตา เปน ตน การต้งั จุดตรวจคน One Way (ทา ยดาน) 10.2 ติดต้ังแผงสัญญาณที่มีเครื่องหมายแสดงคําวา “หยดุ ตรวจ” ไวบ นผวิ จราจรในชอ งทางดา นซา ยใหผ ขู บั ขสี่ ามารถ มองเหน็ ไดใ นระยะไกลโดยสะดวก และควรมกี รวยยางคาดแถบ สสี ะทอ นแสงวางเปน แนวเฉยี งออกไปทางดา นหนา แผงสญั ญาณ เปนระยะพอสมควร และวางกรวยยางใหเปนชองทางตามแนว ขนานกันเพื่อเตือนและบังคับรถท่ีแลนเขามาใหเบี่ยงออกไป ไมพ ุง ตรงเขาชนแผงปายสญั ญาณ 10.3 หลงั แผงปา ยสญั ญาณเครอื่ งหมาย “หยดุ ตรวจ” หา งออกไปเลก็ นอ ยใหน าํ รถยนตส ายตรวจ จอดทํามุม 45 องศากับแนวขอบถนน หันหนาไปทางทิศทางกระแสจราจร เพ่ือใชเปนกําบังสําหรับบริเวณ “เขตพนื้ ทค่ี วามปลอดภยั ” และเปด สญั ญาณไฟวบั วาบไวเ พอื่ เพมิ่ จดุ สงั เกตตรงสว นบรเิ วณ “เขตพน้ื ทป่ี ลอดภยั ” ดานนอก และควรวางกรวยยางเปนแนวเพื่อกําหนดบริเวณพื้นท่ีตรวจคนไวเปนการปองกันอุบัติเหตุจากรถท่ี อาจหักเลีย้ วเขา มาในบรเิ วณ “เขตพ้ืนทีป่ ลอดภยั ” อยา งกะทันหัน 10.4 ทายจดุ ตรวจ ใหจ ดั รถยนตสายตรวจ 1 คัน และรถจกั รยานยนต 1 คนั จอดอยูใ นลักษณะ เตรยี มพรอมกรณีตองไลต ดิ ตามรถท่หี ลบหนี 10.5 สาํ หรบั รถจกั รยานยนตข องเจา หนา ทต่ี าํ รวจทรี่ ว มตรวจคน อาจใหจ อดชดิ ขอบทางดา นซา ย เพ่อื ปอ งกัน “เขตพืน้ ทีป่ ลอดภยั ” โดยหนั หนา ไปตามทศิ ทางการจราจรและพรอมทจ่ี ะใหการสนับสนนุ การไล ตดิ ตามรถทห่ี ลบหนี คูม ือยุทธวิธีตํารวจ 9
10.6 การวางกาํ ลงั เจา หนาทีต่ ํารวจ 1) ชน้ั ประทวน ใชเ ปน กาํ ลงั เรียกรถและทาํ หนาทต่ี รวจคนบริเวณ “เขตพนื้ ท่ปี ลอดภัย” การตรวจคนควรทําเปนคู เขาคนทีละดานของยานพาหนะ โดยแบงหนาท่ีกันใหชัดเจนวาใครเปนผูตรวจคน และใครทําหนาทีค่ มุ กัน 2) นายตํารวจช้ันสญั ญาบตั ร ทาํ หนา ที่เปน หวั หนาจุดตรวจ ควบคมุ ดแู ลและรบั ผดิ ชอบ การตรวจคนของผใู ตบ ังคบั บัญชา อยูในบรเิ วณ “เขตทป่ี ลอดภยั ” หากมกี าํ ลงั นอ ย กใ็ หล ดกําลงั ผปู ฏิบตั ลิ งได แตย งั คงใหถือปฏบิ ตั ิตามยทุ ธวธิ ดี งั กลาวขา งตน การตง้ั จุดตรวจบนทางที่มกี ารจราจรไปในทศิ ทางสวนกนั (Two way) 1. การวางกําลังและมาตรการรักษาความปลอดภัยใหใชทํานองเดียวกันกับการตั้งจุดตรวจ บนทางที่มกี ารจราจรไปในทิศทางเดียวกนั (One way) โดยอนโุ ลม 2. การเรียกตรวจคน ยานพาหนะ ควรเลือกตรวจคน ยานพาหนะทม่ี าจากทศิ ทางใดทศิ ทางหนึ่ง เพยี งดา นเดียว ไมค วรเรยี กตรวจคน ยานพาหนะพรอ มกันทั้ง 2 ทศิ ทาง เพราะจะทําใหเ กดิ จุดออนในการระวงั รักษาความปลอดภัยแกผูตองสงสัยที่ถูกตรวจและเจาหนาท่ีตํารวจที่เขามาทําการตรวจคน รวมทั้งกอใหเกิด ปญ หาดา นการจราจรอีกดว ย 10 คูมอื ยุทธวธิ ตี าํ รวจ
การต้ังจดุ ตรวจบนทางเดนิ รถที่บรเิ วณสี่แยก (Intersection) 1. ในการกาํ หนดพนื้ ทท่ี จ่ี ะเลอื กทาํ การตง้ั จดุ ตรวจ นอกจากตอ งคาํ นงึ ในเรอ่ื งความปลอดภยั ของ ผปู ฏบิ ัติงานแลว ยงั ตอ งคํานึงถึงสภาพการจราจรโดยรอบบริเวณท่ีมกี ารต้ังจุดตรวจดว ย วา จะเกดิ ผลกระทบ ดานการจราจรในทศิ ทางทีอ่ ยูรอบ ๆ บรเิ วณที่กาํ หนดใหม ีการตงั้ จุดตรวจหรอื ไม ดงั นั้น การควบคมุ สัญญาณ ไฟจราจรจะตองมีความสัมพันธกับการปฏิบัติงานและผลกระทบกับผูสัญจรไปมาในทิศทางอ่ืน รวมท้ังตองมี การหมุนเวียนกระแสการจราจรกบั พ้นื ท่ขี างเคยี งดว ย 2. ในการปฏบิ ตั หิ นา ทท่ี จ่ี ะตอ งมเี จา หนา ทต่ี าํ รวจจราจรมาควบคมุ สญั ญาณไฟจราจรไฟในทศิ ทาง ตรงขามกับพ้ืนที่ที่จะกําหนดใหเปนจุดตรวจเพ่ือใหมีสวนในการปฏิบัติ รวมทั้งสังเกตการณในพื้นที่สวนที่หา ซง่ึ เปน การปฏบิ ตั ขิ องเจา หนา ทท่ี ที่ าํ การตรวจคน บคุ คลและยานพาหนะทอ่ี ยใู นชอ งทางเดนิ รถทจี่ ะมกี ารตรวจ และมกี ารควบคมุ สภาพการจราจรโดยรอบบรเิ วณสแี่ ยกดา นอนื่ ๆ โดยกาํ หนดใหเ ปน การควบคมุ ระบบสญั ญาณ ไฟจราจรดว ยบคุ คล (manual control) เพือ่ ใหม กี ารสมั พนั ธก ับการปฏบิ ัติของเจา หนาท่ที ีม่ กี ารตงั้ จุดตรวจ และสัมพันธก ับพื้นทต่ี อ เนอื่ งขางเคียงดว ย 3. มกี ารใชแ ผงสญั ญาณทมี่ เี ครอ่ื งหมายแสดงคาํ วา “หยดุ ตรวจ” ไวบ นผวิ การจราจร ในชอ งทาง เดินรถดานซา ยกอ นถงึ บริเวณท่เี ปน สแ่ี ยกซ่งึ เปน พ้นื ทสี่ ว นที่สอง เพอื่ ใหผ ขู ับขีย่ านพาหนะไดท ราบวา มีการต้ัง จดุ ตรวจขึ้นบริเวณทเ่ี ปน สแ่ี ยก โดยมกี ารวางกรวยยางคาดแถบสีสะทอ นแสงเปน แนวยาวเรยี งไปตามชอ งทาง เดนิ รถจากบรเิ วณทกี่ าํ หนดใหเ ปน พนื้ ทเ่ี รม่ิ ทาํ การตรวจจนไปสนิ้ สดุ ทสี่ แี่ ยกซงึ่ มสี ญั ญาณไฟจราจร กอ นจะขา ม บรเิ วณสแี่ ยก (ไมน อ ยกวา 30 เมตร) โดยวางกรวยยางเรยี งเปน แถวยาวตามแนวชอ งทางเดนิ รถ ทง้ั นใี้ หค าํ นงึ ถงึ ความปลอดภัยของเจา หนาทีต่ าํ รวจที่ทาํ การตรวจเปน สําคัญ คมู อื ยุทธวธิ ีตํารวจ 11
4. ดา นพืน้ ท่ีสว นทหี่ า ซ่งึ อยูท ายมีรถยนตส าํ หรบั ควบคุมผูกระทาํ ผิดจอดเฉียงทาํ มมุ 45 องศา ที่บริเวณชองทางเดินรถดานเล้ียวซายผานตลอดไว เพ่ือกําหนดใหมีพ้ืนที่ท่ีจะควบคุมผูกระทําผิดและสําหรับ จอดยานพาหนะทจ่ี ะตอ งทาํ การตรวจคน อยา งละเอยี ดไวใ นบรเิ วณดงั กลา ว โดยมรี ถยนตส าํ หรบั ควบคมุ ซง่ึ เปน รถยนตข นาดใหญก าํ บงั และใหค วามปลอดภยั กบั ผปู ฏบิ ตั แิ ละบรเิ วณดงั กลา วจะไมม ยี านพาหนะทไี่ มเ กย่ี วขอ ง นอกจากที่ตอ งทาํ การตรวจคน อยางละเอยี ด หรอื ที่ตอ งการจะตรวจยึดไวผา นเขา มา 5. ใหนํารถยนตสายตรวจซ่ึงเปดสัญญาณไฟวับวาบไปจอดไวบริเวณปอมสัญญาณไฟจราจร ท่ีมีเจาหนาที่จราจรควบคุมสัญญาณการจราจร เพ่ือใหเปนจุดสังเกตและอยูในทิศทางท่ีมองเห็นการปฏิบัติ ในพน้ื ทสี่ ว นทหี่ า ซง่ึ มกี ารควบคมุ ผกู ระทาํ ความผดิ และมกี ารตรวจคน ยานพาหนะเพม่ิ เตมิ อยา งละเอยี ด ในสว น ที่อยูทางตรงขามกับที่จอดรถยนตไว เพื่อใหสามารถแจงสกัดจับหรือติดตามจับกุมผูที่หลบหนีจากการตรวจ ในพื้นที่สว นทห่ี า ไดใ นหลายทศิ ทางดว ย การตง้ั จดุ ตรวจคน ทางรวมทางแยก (ดานหนา ) 6. การปฏบิ ตั ขิ องเจา หนา ทใี่ หก าํ หนดทศิ ทางการตรวจ โดยเดนิ ตรวจจากดา นทา ยของสว นการตรวจ ซ่ึงอยูบริเวณส่ีแยกไปจนสุดที่บริเวณสวนหนาที่เปนสวนเร่ิมซ่ึงมีปายสัญญาณเตือนวาเปนจุดตรวจตั้งไว หรอื ใหเ ดินตรวจจากกรวยยางสสี ะทอนแสงทว่ี างอยจู ากจุดแรกไปจนถงึ กรวยยางสดุ ทายท่ีวางไว (ไมน อยกวา 30 เมตร) เมื่อสิ้นสุดใหฝงที่ตรวจดานขวาเดินข้ึนไป ฝงเกาะกลางถนนดานขวา สวนฝงดานซายใหเดินข้ึน ฟุตบาททางเดินดานซายแลวยอนกลับไปเริ่มตรวจท่ีบริเวณส่ีแยกอีกรอบ เม่ือไดรับสัญญาณไฟจราจรจาก เจาหนา ท่ที ่ีควบคุมสญั ญาณไฟจราจร 7. การปฏบิ ตั ขิ องเจา หนา ท่ี ตอ งใชค วามรวดเรว็ ในการสงั เกตและการปฏบิ ตั โิ ดยกาํ หนดใหส ลบั หนาท่ีกัน ในการตรวจคนยานพาหนะคันถัดไปใหผูทําหนาท่ีตรวจคนสลับเปนผูคุมกันในคันท่ีจอดอยูตอไป เพ่ือไมใหเกิดปญหาในการตรวจและมียานพาหนะตกคางอยูในบริเวณพื้นท่ีสวนท่ีสามซ่ึงเปนพ้ืนท่ีตรวจคน เม่ือไดรับสัญญาณไฟใหผานแยกไปไดท้ังหมด จึงตองใหสลับหนาที่ในการปฏิบัติและหากพบบุคคลหรือ ยานพาหนะตองสงสัยใหนําไปบริเวณดานซายของพื้นท่ีสวนที่หาเพื่อไมใหเกิดปญหากระทบกับจราจรบริเวณ ที่มีการตง้ั จดุ ตรวจคน 12 คมู ือยุทธวิธีตํารวจ
8. การวางกาํ ลงั เจา หนา ทต่ี าํ รวจ จะตอ งใชเ จา หนา ทต่ี าํ รวจจาํ นวนมากกวา การตง้ั จดุ ตรวจแบบอนื่ เน่ืองจากเปนบรเิ วณทเ่ี ปน ส่แี ยกทีม่ ีการควบคมุ สญั ญาณไฟจราจรดวยบคุ คล จึงตองมเี จา หนา ทต่ี ํารวจ ในการ ปฏบิ ตั มิ าก รวมทง้ั ผคู วบคมุ จะตอ งใหค วามสาํ คญั กบั พน้ื ทใี่ นสว นทห่ี า มากกวา สว นทห่ี นงึ่ ซง่ึ โอกาสของผเู จตนา จะหลบหนีโดยวกยานพาหนะกลบั จะนอ ยกวา การหลบหนจี ากพื้นท่สี ว นท่ีหา ดังนนั้ การควบคุมสง่ั การจึงควร กําหนดใหผูควบคุมจุดตรวจดังกลาวน้ีอยูในบริเวณสวนท่ีมีการจอดรถยนตสายตรวจไว เพื่อใหสั่งการมากข้ึน รวมทั้งในการกําหนดสัญญาณไฟจราจร หากพิจารณาไดวาจะมีผลกระทบกับการจราจรดานอื่น ๆ ที่จะตอง มกี ารสัมพนั ธก นั กับพื้นท่ขี า งเคียง การต้งั จุดตรวจคนทางรว มทางแยก (ดานหนา) หมายเหตุ : ในการตั้งจุดตรวจบนทางเดินรถที่มีการจราจรบริเวณส่ีแยก ควรใหความสําคัญ กับพ้ืนท่ีในสวนที่กําหนดใหเปนสวนตรวจคนอยางละเอียดมากกวาสวนอื่น ๆ หากมีกําลังเจาหนาที่ตํารวจ ไมเพยี งพอ การต้งั จดุ ตรวจคน ยอ ยหรอื จุดสกัด 1. การตงั้ จดุ ตรวจคน ยอ ยหรอื จดุ สกดั เปน ปฏบิ ตั กิ ารในสภาพถนนสายเลก็ ทมี่ กี ารจราจรไมห นาแนน คบั คงั่ หรอื ตรอกซอย และในเหตกุ ารณฉ กุ เฉนิ หรอื กรณเี รง ดว น ซงึ่ อาจไมม เี จา หนา ทตี่ าํ รวจและอปุ กรณเ พยี งพอ คูมอื ยุทธวธิ ีตาํ รวจ 13
ทจ่ี ะวางกาํ ลงั ตามยทุ ธวธิ ขี า งตน ได จงึ จาํ เปน ตอ งใชก าํ ลงั เจา หนา ทตี่ าํ รวจและยานพาหนะเทา ทมี่ อี ยอู ยา งจาํ กดั ในขณะนั้น ดําเนินการสกัดจบั และปฏบิ ัติการตรวจคน 2. การวางกําลังและมาตรการรักษาความปลอดภัยใหใชยุทธวิธีเดียวกันกับการต้ังจุดตรวจ โดยอนุโลมและควรตองมีรถยนตเตรียมพรอมไวกอนถึงจุดสกัด เพ่ือไวทําหนาท่ีสกัดกั้นหรือขวางถนนหรือไล ติดตามรถคนรา ยในกรณที ี่คนรายหรอื ผูตองสงสัยกลบั รถยอนหลบหนกี ารตรวจคน 3. ในการต้ังจดุ ตรวจจดุ สกัดจะตองแบง หนา ทกี่ นั ใหชัดเจนตามสถานการณ ดังน้ี (1) มกี าํ ลงั 2 นาย ใหแบงหนา ที่ ดงั น้ี ตํารวจคนที่ 1 : ทําหนา ทต่ี รวจคน ตาํ รวจคนที่ 2 : ทาํ หนา ทคี่ มุ กนั (2) มกี าํ ลัง 3 นาย ใหแบงหนา ที่ ดังน้ี ตาํ รวจคนที่ 1 : ทาํ หนา ทต่ี รวจคน ตํารวจคนท่ี 2 : ทาํ หนา ที่ชว ยเหลอื ตาํ รวจคนที่ 1 ในการคน หรือควบคมุ คนราย ตาํ รวจคนท่ี 3 : ทาํ หนาทีค่ ุม กัน (4) มกี าํ ลัง 4 นาย ใหแ บง หนาที่ ดงั นี้ สว นที่ 1 : 2 นาย ทาํ หนา ที่ตรวจคน สว นที่ 2 : 2 นาย ทําหนา ที่คมุ กัน สวนท่ี 3 : ทําหนาท่ีสนบั สนนุ หรือเปน กําลงั สํารองผลดั เปลย่ี นสว นท่ี 1 และสวนที่ 2 4. เม่ือมีรถยนตสายตรวจ หรือรถยนตบรรทุกอยางนอย 2 คัน อาจใชรถยนตเปนท่ีกําบัง เพื่อทําใหเกิดเขตพื้นท่ีปลอดภัยแลวใหเปนจุดหยุดรถเพื่อทําการตรวจคนบนทองถนนหรือตรอกซอย ซึ่งโดยปกติจะไมมีการจราจรคบั ค่งั หรือรถวิ่งอยางรวดเรว็ 5. ในบรเิ วณถนนในถ่ินทรุ กนั ดารหรอื ตรอกซอยทมี่ ีการขุดถนนเพอ่ื การซอ มแซมตาง ๆ อาจใช หลมุ บนถนนเปนเคร่อื งกดี ขวางชวยในการต้ังจุดสกัด 6. ในเขตพน้ื ทอ่ี นั ตราย ทอ่ี าจมกี ารกอ สรา งหรอื การใชค วามรนุ แรงในการตอ สกู บั เจา หนา ทตี่ าํ รวจ อาจดัดแปลงส่ิงอุปกรณในพ้นื ที่ใหเ ปน เครอ่ื งกีดขวางในการตั้งจดุ สกดั ได เชน ใชทอซเี มนต ใชง าแซง หรือวตั ถุ อยา งอ่ืนไปวางต้ังบนเสนทางที่มีการจราจรไมคบั คั่ง ขอ ควรระวัง ● ไมค วรตั้งจดุ ตรวจในพน้ื ทใ่ี กลท างโคง ทางแยก เชิงสะพานท่ลี าดชัน หรือจดุ อบั ลบั ตา ● ในเวลากลางคืนตอ งมีแสงสวา งอยา งเพียงพอ ● ในการเรียกรถใหหยุด ไมวากรณีใด ๆ อยาเอาตัวหรือสวนของรางกาย เชน แขน ขา เขาไปขวางเพ่อื ใหรถหยดุ ● การตรวจคน รถทเ่ี ขา พนื้ ทก่ี ารตงั้ จดุ ตรวจ ใหท าํ การตรวจคน คนกอ น แลว จงึ ทาํ การตรวจคน รถ 14 คมู อื ยทุ ธวธิ ีตํารวจ
11. ยุทธวธิ ีในการตรวจคน – จบั กุม การปฏิบัติหนาที่ของสายตรวจในการตรวจคน – จับกุมผูตองสงสัยหรือคนรายนั้น สายตรวจ จําตอ งคาํ นงึ ถึงความปลอดภยั ของตนเองและคูตรวจเปนหลักกอ น โดยวธิ ีการปฏบิ ตั ินั้นใหป ฏบิ ัติ ดังนี้ 11.1 การตรวจคน บุคคล 11.1.1 การยนื ปฏบิ ตั ิหนาท่ขี องสายตรวจ เมื่อจะตองทําการตรวจคนบุคคลตองสงสัย เจาหนาท่ีสายตรวจจะตองยืนใน ตําแหนงตรวจคนและคุมกัน (รูปตัว L) เพื่อปองกันหากกรณีจะตองใชอาวุธจะไดไมเกิดเหตุการณใชอาวุธ ยิงกนั เอง 11.1.2 การตรวจคนผตู องสงสัยทา ยืน 1) เม่ือจะตองทําการตรวจคนบุคคลตองสงสัย จะตองทําใหบุคคลตองสงสัย อยูในอาการเสยี หลัก ดว ยการใชคาํ พูดสัง่ ตง้ั แต ใหยกตวั หมนุ ตวั มือประสานทา ยทอย กางขาออก 2) การเขาตรวจคนใหสอดขาเขาไปท่ีระหวางขาของผูตองสงสัย การยืนของ สายตรวจจะตอ งยืนอยางมหี ลกั และสิง่ ท่ีควรคาํ นงึ คือ ใหอาวุธปน อยูหา งจากผูต องสงสัย เพ่อื ปอ งกันการถกู แยงอาวุธ มือขางหนึ่งยันตัวผูถูกคนไวใหอยูในอาการเสียหลัก สวนมืออีกขางหนึ่งตรวจคนตามรางกายของ ผถู ูกคน 3) การเปล่ยี นดา นในการตรวจคน ใหเ ปลีย่ นมอื ไปทาํ การตรวจคน อกี ดา นหนงึ่ สวนอกี มือหนึง่ ยนั ตวั ผถู ูกคน ไว เอวที่พกอาวธุ ยงั ตองอยหู า งจากตัวผูถ กู ตรวจคน เชน เดมิ 4) สาํ หรบั สายตรวจผคู มุ กนั ตอ งยนื อยอู กี ดา นหนง่ึ และคอยสงั เกตอากปั กริ ยิ า ของผถู กู ตรวจคนพรอมกับคอยสงั เกตเหตุการณรอบ ๆ ดาน การตรวจคน ทาน้ี ควรใชใ นการปฏิบตั ิหนาทปี่ กติ หรอื การปดลอ ม เพื่อปองปรามอาชญากรรม คูมือยทุ ธวธิ ตี ํารวจ 15
11.1.3 การตรวจคนผูตองสงสัยทานั่ง 1) ใชคาํ พูดสงั่ ใหผูถ กู คนอยใู นอาการเสียหลัก ดว ยการน่ังคุกเขา ขอเทา ไขวก นั เพอ่ื ลดความสะดวกในการเคลอื่ นไหว ผตู รวจคน เขา ทาํ การตรวจคน โดยเอาปลายเทา เหยยี บไวท น่ี อ งของผถู กู คน สน เทาวางไวท ่ีพื้น เพ่อื ใหม หี ลกั ในการยนื 2) เมอื่ เปลยี่ นดา นการตรวจคน ใหเ ปลย่ี นมอื ในการยนั ผถู กู คน ใหเ สยี หลกั มาอกี ดา นหนงึ่ อกี มือหน่ึงทําการตรวจคน สว นเทา ทว่ี างใหใชเ ทาขา งเดมิ แตเปลยี่ นการเหยียบที่นอ งไปอีกขา งหนึ่ง แลวทาํ การคนอกี ดานหนง่ึ 3) ผคู มุ กันใหสงั เกตอากปั กิรยิ าของผถู กู คนและเหตุการณโดยรอบ การตรวจคนควรใชใ นการระงับเหตุบางเหตุ เชน การทะเลาะวิวาท เปนตน 11.1.4 การตรวจคน ผตู องสงสยั ทานอน 1) สายตรวจจะใชค าํ พูดสง่ั ใหผูถูกคน นอนควาํ่ หนา กางแขนและขาออก 2) การเขาตรวจคน ใหทําการคนทีละดานและใหใชเขาดานหนึ่งกดไปที่ลําตัว ของผูถ กู คน ใชม ือกวาดไปตามตวั ของผถู ูกคนตัง้ แตลําตวั ไปจนถึงปลายขาทอนลา ง การสลับดานการตรวจคน ใหเดนิ ออ มเหนือศีรษะไปอีกดานหนง่ึ 3) ผูคุมกัน ใหปฏิบัติเชนเดียวกับทุกทาที่ไดกลาวมา และใหระวังเรื่องการใช อาวธุ อยา ใหเ กิดการยิงกันเอง การตรวจคน ทานอนควรใชเ ฉพาะผตู องสงสยั หรอื คนรา ยท่กี อเหตเุ ทาน้ัน 11.1.5 การตรวจคนผตู อ งสงสัยทา ยนั กาํ แพง กรณีการตั้งจุดตรวจหรือสายตรวจเรียกผูถูกคนเพ่ือทําการตรวจคน ใหส่ังให ผถู กู คน เอามอื ยนั กบั รถหรอื กาํ แพงหรอื เบาะรถจกั รยานยนต แขนของผถู กู คน ใหอ ยใู นลกั ษณะตงึ ขาทง้ั สองกางออก 16 คูมอื ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจ
สายตรวจผูทําการคนใหปฏิบัติในลักษณะเดียวกับการตรวจคนในทายืน การตรวจคนในทานี้สามารถนําไปใช ในการตงั้ จดุ ตรวจ หรอื กรณเี รยี กรถเพอื่ ทาํ การตรวจคน หรอื กรณตี รวจคน บคุ คลตอ งสงสยั ทส่ี ายตรวจตอ งการ ตรวจคน จะใชรถหรอื กาํ แพงหรือส่งิ อืน่ ที่สามารถใชใ นการยันตัวผตู อ งสงสยั ได หมายเหตุ จากทุกทา การตรวจคน ทก่ี ลา วมา ในกรณีผถู กู คน เปน คนรา ยใหควบคมุ ดวยการสวม กญุ แจมือกอ น แลวคอ ยทาํ การตรวจคน เพ่ือคนหาอาวุธ และสง่ิ ของผิดกฎหมายอ่นื 11.2 การตรวจคนพาหนะ การเดินเขาหารถ ใหสายตรวจเดินเขาทางดานทายรถโดยใชแนวเดียวกับรถ เพราะจะ สามารถสงั เกตในรถไดง ายและปลอดภัยกวา และในกรณีที่คนในรถใชอาวุธปน สายตรวจสามารถใชตัวถงั รถ เปน ทกี่ าํ บังได การยืนของสายตรวจจะตองยืนอยูบริเวณแนวเสากลางของรถ เพราะปองกันกรณี คนในรถอาจเปดประตูกระแทกทําใหสายตรวจลมลงกับพื้นได สวนการยืนของสายตรวจนั้นใหระวังอุบัติเหตุ ดานการจราจรดวย สายตรวจผูคุมกันใหยืนอยูอีกดานหนึ่งของรถและใหสังเกตภายในรถ หากสังเกตเห็นวา คนในรถมีหลายคนซ่ึงอาจไมป ลอดภยั ใหข อกาํ ลังสนับสนุนการปฏิบัติ คมู อื ยทุ ธวิธตี ํารวจ 17
กรณีตองใหนําคนในรถลงจากรถเพื่อทําการตรวจคนกอน เมื่อคนขับลงจากรถแลวให สายตรวจแจง ใหผูถกู คน เดินไปอีกดานหนึง่ เพื่อความปลอดภยั และปองกนั อบุ ตั ิเหตุจากการจราจร การตรวจคนใหสายตรวจตองคนอยางสุภาพและใหใชคําพูดเพื่อลดความกดดันระหวาง สายตรวจกบั ผถู กู คน สว นสายตรวจผคู มุ กนั จะตอ งคอยสงั เกตอากปั กริ ยิ าของผถู กู คน โดยระมดั ระวงั ใหม ากทส่ี ดุ การตรวจคน ภายในรถใหแ บง พน้ื ทเ่ี พอ่ื ใหก ารคน ละเอยี ดทส่ี ดุ โดยสายตรวจจะตอ งกาํ หนดเองอยา งเหมาะสม แตต องอยูใ นสายตาของเจา ของรถเพ่อื ปอ งกนั ปญ หาอนื่ ทจี่ ะตามมา สว นสายตรวจผคู ุม กนั จะตอ งคอยสังเกต เจา ของรถและเหตกุ ารณโ ดยรอบ ใหเ จา ของรถหรอื ผทู น่ี งั่ มาในรถไดเ หน็ การตรวจคน ของเจา หนา ทอี่ ยา งชดั เจน เพอื่ แสดงความบรสิ ทุ ธใิ์ จการปฏบิ ตั หิ นา ทขี่ องสายตรวจ และสายตรวจผทู าํ หนา ทค่ี มุ กนั ตอ งสงั เกตอากปั กริ ยิ า ของผถู กู คน อยูตลอดเวลา 11.3 การจบั กุมผตู องสงสยั หรือคนรา ย ทาควบคุมแขนของผูตองสงสัยหรือคนราย การปฏิบัติใหสายตรวจจับแขนขวาของ ผูตองสงสัยหรือคนรายโดยมือขวาจับที่ขอมือขวา สวนมือซายใหจับเหนือขอศอก บังคับใหแขนผูตองสงสัย หรอื คนรายตึงทส่ี ดุ ซ่งึ ถามีการขดั ขืนจะสามารถรูถ งึ อากปั กริ ยิ า ใชทาหกั ขอมือควาํ่ การยนื ใหย นื อยา งมหี ลกั มอื สองขา งทจ่ี บั แขนผตู อ งสงสยั หรอื คนรา ย ใหม อื ซา ยดงึ เขา หาตวั มือขวายกมือผูตองสงสัยใหปลายนิ้วมาทางดานหนา นํามือซายไปจับที่มือผูตองสงสัยโดยขอศอกของ ผตู อ งสงสยั อยูกลางอกของสายตรวจ หากผตู องสงสัยขดั ขนื ใหใ ชมอื ทง้ั สองขางกดที่หลงั มอื ผตู อ งสงสยั 18 คมู อื ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจ
ทาหักขอมือหรือฝามือหงายกลับ ใหใชมือขวาจับไปท่ีสันมือของผูตองสงสัย แลวหักข้ึน โดยใหแขนของผูตองสงสัยอยูในลักษณะตึง มือซายไปจับประกบมือขวาแลวกดสันมือลง ทาน้ีหากปฏิบัติถูก จะสามารถกดใหผูตองสงสัยลงกับพืน้ ไดอ ยางงา ยดาย ทาล็อกดานหลังจากทาจับแขนใหพลิกมือขวาไปประกบท่ีหลังมือขวาของผูตองสงสัย ท้งั หา นวิ้ มอื ซา ยทีจ่ บั เหนือขอศอกกดเขามากับหนา อกของสายตรวจ มอื ขวาใหพลิกเขา ทางดานหลังโดยศอก ของสายตรวจตองล็อกศอกของผูตองสงสัยเอาไวแลวบีบใหแนน มือขวาหักมือของผูตองสงสัยขึ้น มือซาย ดึงไหลซายใหผูตองสงสยั เสียหลัก ทา กดลงพน้ื ทา นส้ี ามารถปฏบิ ตั ไิ ดส องลกั ษณะคอื สายตรวจสง่ั ใหผ ตู อ งสงสยั หรอื คนรา ยนอนควา่ํ หนา ลงกบั พนื้ กางแขนและขาออก ใหห งายฝา มอื ขน้ึ และใหห นั หนา ออกไปอกี ดา นหนงึ่ เพอื่ ไมใ หเ หน็ การปฏบิ ตั ขิ อง สายตรวจ ใหส ายตรวจเดินเขาหาแลว จบั มือขวาของผถู ูกคนดึงขน้ึ แลวเอาเขาทัง้ สองขา งกดลงไปท่ลี ําตัวของ ผูถูกตรวจคน โดยเขาขวากดที่ตนคอ เขาซายกดที่กลางหลัง หรือใชวิธีจากทาควบคุมแขนออกแรงกระชาก ใหตัวผูตองสงสัยหรือคนรายเสียหลัก นอนควํ่าหนา แลวการปฏิบัติตอมาคือสายตรวจเอานํ้าหนักตัวกดตัว ผูตองสงสัยคือ เอาเขาขวากดบริเวณคอ เขาซายกดกลางหลัง มือของสายตรวจดึงขอมือของผูตองสงสัยขึ้น ใหแ ขนตึง จากนั้นนาํ เครื่องพนั ธนาการมาสวมแลวทาํ การตรวจคน ทีละดานใหละเอียดเพอื่ ทาํ การคน เสร็จสนิ้ เมอ่ื ตอ งการใหผ ถู กู คน ลกุ สายตรวจตอ งจบั ตวั พลกิ มาทางขา งใหจ บั ใหล กุ ขน้ึ ควบคมุ ตวั สง ไปยงั สน. เพอ่ื ดาํ เนนิ การ ในสว นทเี่ กี่ยวของตอ ไป คูมอื ยทุ ธวิธีตาํ รวจ 19
ระดับการใชก ําลังของเจาหนาท่ตี ํารวจเพ่อื แกไ ขสถานการณ (Use of Force) ในสว นตอ ไปนจ้ี ะกลา วถงึ ตวั แบบระดบั การใชก าํ ลงั ของเจา หนา ทต่ี าํ รวจในการตอบโตส ถานการณ ขอใหเจาหนาท่ีตํารวจทุกนายทบทวนหลักปฏิบัติเกี่ยวกับปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน รัฐธรรมนูญ ขอ กฎหมาย และหลกั ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจทเ่ี กย่ี วขอ งกบั ความปลอดภยั ของเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ นการตอบโต กอ นการเรมิ่ ศกึ ษาในสว นน้ี 1. ทมี่ าและความสําคัญของระดบั การใชก ําลงั ของเจาหนาท่ตี าํ รวจ ตัวแบบนี้พัฒนาข้ึนจากการศึกษาทางวิชาการรวมกันของหลายภาคสวน เพ่ือใหมีประสิทธิภาพ สูงสุดในการรักษาไวซึ่งความปลอดภัยในชีวิตทรัพยสินของประชาชน และเจาหนาที่ตํารวจที่ปฏิบัติงานซึ่งใน ประเทศที่เจริญแลว ระดับการใชกําลังของเจาหนาที่ตํารวจถือเปนสวนสําคัญในการแสดงออกถึงการเคารพ ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน มนษุ ย โดยเปน ภาระหนา ทหี่ ลกั ของรฐั ทจี่ ะตอ งจดั ใหม ขี น้ึ เพอื่ รองรบั การอนวุ ตั รปฏญิ ญาทรี่ ฐั ไดลงนามใหส ัตยาบันในการจะนาํ ไปปฏิบตั ใิ หเ กดิ ผลในทางกฎหมาย ทงั้ น้ี Code of Conduct for Law Enforcement Officials ของสหประชาชาติ ไดร บั การรบั รอง โดยมตทิ ปี่ ระชมุ ใหญส หประชาชาตทิ ่ี 34/169 เมอ่ื วนั ที่ 17 ธนั วาคม 2522 มาตรา 35 กาํ หนดกรอบการใชก าํ ลงั (use of force) ของเจาหนาท่ีของรัฐวาใหกระทําไดเพียงเฉพาะกรณีท่ีจําเปนอยางย่ิงและเพื่อประโยชน ในการปฏิบัติหนาที่เทานั้น การใชกําลังของเจาหนาที่รัฐจึงตองมีดุลพินิจในการนําไปใชที่ไมเกินกวาเหตุ หรอื ไดสัดสวนกับพฤติการณ ซึ่งตอมา UN Congress ในการประชุมเรื่อง Prevention of Crime and the Treatment of Offenders ครง้ั ที่ 8 ที่กรงุ ฮาวานา ประเทศคิวบา ระหวา งวนั ท่ี 27 สงิ หาคม ถึงวันท่ี 7 กนั ยายน 2533 ไดมีการรับรอง Basic Principles of the Use of Force and Firearms by Law Enforcement Officials ท่ีมรี ายละเอยี ดมากข้ึน ตัวแบบน้ีจึงใชฐานคติในการสรางแบบตอยอดองคความรูเพื่ออธิบายถึงกระบวนการตัดสินใจ ทเ่ี หมาะสมแบบฉับพลันทันทขี องเหตกุ ารณท ีเ่ กิดข้ึนกับเจาหนา ทต่ี ํารวจ โดยยดึ หลกั สากลที่ไดร บั การยอมรบั จาก UN ดงั นัน้ เจาหนาท่ตี าํ รวจทกุ นายจึงตองมีการฝกปฏิบตั จิ นเกิดทกั ษะอตั โนมัตแิ บบกลามเน้อื จดจํา อยางเขมขน การฝกทักษะการตัดสินใจในภาวะวิกฤติในสถานการณจําลองเสมือนจริง ซ่ึงจะตองพิจารณา การใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีถูกตอง เหมาะสม ไดสัดสวนกับพฤติการณของผูตองสงสัย/กระทําความผิด และในการออกปฏบิ ตั ิหนาที่ทกุ ครงั้ ตอ งมกี ารทบทวนการปฏบิ ตั ิตามตวั แบบนเี้ สมอ 20 คมู ือยทุ ธวิธตี าํ รวจ
2. การศกึ ษาแบบระดับการใชก ําลงั ของเจา หนาที่ตํารวจ ความหมาย ระดบั การใชก าํ ลงั หมายถงึ แนวความคดิ หรอื กรอบปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ขน้ั ตอนและวธิ กี ารใชก าํ ลงั และ อาวธุ ของเจา หนา ทต่ี าํ รวจ เพอื่ ใชเ ปน แนวทางในการรเิ รม่ิ ใชก าํ ลงั หรอื อาวธุ ใหม คี วามเหมาะสมกบั สถานการณ กรอบของกฎหมาย และผลสมั ฤทธใิ์ นการควบคมุ เหตุการณ ระดับการใชกําลังมีลักษณะเปนหลักเกณฑการปฏิบัติที่มีความยืดหยุนและปรับเปล่ียนไปไดตาม สถานการณ ความสําคญั 1. เจาหนาท่ีตํารวจมีความจําเปนในการใชกําลังหรืออาวุธใหพอสมควรแกเหตุ ภายใตกรอบ ของกฎหมายไมใหรุนแรงเกินกวาเหตุ เพราะอาจถูกดําเนินคดีทั้งทางแพง อาญา และวินัย ตลอดจนทําให เสยี ภาพพจนเ กดิ เปนเง่ือนไขใหป ระชาชนเกลียดชังตํารวจ 2. การใชก าํ ลังของเจา หนาทตี่ าํ รวจ หากไมถกู ตองตามแนวคดิ ในการแกไขปญ หาอาจทาํ ใหเ กิด เหตุการณรุนแรง ทําใหเ จา หนาทีต่ ํารวจ เหย่อื หรือประชาชนเสยี ชวี ติ บาดเจ็บโดยไมจ าํ เปน 3. การเขาจัดการกับเหตุการณคับขันตาง ๆ เชน คนรายจ้ีตัวประกันเพ่ือหลบหนีน้ัน หากเจา หนาทต่ี าํ รวจรเิ รม่ิ ใชกาํ ลงั รุนแรงทันที เชน ใชอาวุธปนยงิ ทนั ทีอาจทาํ ใหการแกปญหายากขึ้น หลักพื้นฐาน เจา หนา ที่ตํารวจตอ งแสดงตนกอนการใชอ าวุธ และตอ งแจงเตือนใหท ราบลวงหนาวา จะมกี ารใช อาวธุ เวน แต การดาํ เนนิ การดังกลาวอาจทาํ ใหเ จาหนาทีต่ าํ รวจหรอื บคุ คลอนื่ เสยี่ งที่จะไดรับอันตรายแกชีวติ หรือแกรางกายหรือเปนท่ีชัดเจนวาไมมีความเหมาะสมหรือจําเปนท่ีตองดําเนินการดังกลาวในสถานการณ เชนนั้น ระดับการใชก ําลงั ของเจาหนา ทตี่ าํ รวจ การใชกําลังหรืออาวุธของเจาหนาที่ตํารวจใหเปนไปตามสถานการณและพฤติการณของคนราย และสภาพแวดลอมจากเบาไปหาหนัก ซ่ึงสามารถแบง ข้นั ตอนการตัดสนิ ใจไวในการใชกาํ ลงั เปน 6 ระดับ ดงั นี้ ระดับที่ 1 การปรากฏตัวของตํารวจ เม่ือตํารวจไปถึงท่ีเกิดเหตุผูที่จะกระทําผิดบางราย ก็อาจจะลมเลิกการทําผิด หรืออาจใหความรวมมือดวยดีโดยไมตองออกคําสั่ง เชน การจอดรถในท่ีหามจอด การลกั ลอบเร่ยี ไร การทะเลาะวิวาท ถาคนรา ยยงั ไมห ยุด ใหต ํารวจใชกาํ ลงั ระดับตอ ไป ระดับท่ี 2 การใชค าํ สงั่ ดว ยวาจา ตาํ รวจใชค าํ พดู สง่ั คนรา ยใหย อมเลกิ การกระทาํ ทเี่ ปน ความผดิ หรือการทําราย หากยอมปฏิบัติตามคําส่ังตองไมใชกําลัง ถาไมยอมปฏิบัติตามคําสั่ง ใหใชกําลังในระดับ เหมาะสม คมู อื ยทุ ธวิธตี าํ รวจ 21
ระดบั ท่ี 3 การใชเทคนิคการควบคุมดวยกายภาพ เม่ือคนรายไมปฏิบัติตามคําส่ังดวยวาจา แตแรก ตํารวจอาจใชเทคนิคการควบคุมตัวดวยมือเปลา หรือการกดจุด ถาหากขัดขืนไมยินยอมใหใชกําลัง ในระดับท่ีเหมาะสมตอไป ระดับที่ 4 การใชเทคนิคตอบโตอยางรุนแรง คนรายไมปฏิบัติตามคําส่ังและเขาโจมตีทําราย ตํารวจแตไมใ ชอาวุธ ใหป องกันตนเองไดโดยไมใชอ าวธุ เชนกัน คือ การชก การเตะ การทมุ การทาํ ใหห มดสติ หรือการใชส ารทาํ ใหเกิดอาการระคายเคือง ระดับที่ 5 การใชอ าวธุ ที่ไมถ ึงตาย คนรา ยใชอ าวุธและอาจทําอนั ตรายขน้ั บาดเจ็บหรอื เสยี ชีวิต และไมหยุดการกระทําหลังจากถูกแจงเตือน ใหเจาหนาท่ีตํารวจพิจารณาตอบโตไดทั้งไมใชอาวุธและใชอาวุธ ทไี่ มถ งึ ตาย ไดแ ก การใชก ระบอง เครอื่ งชอ็ ตไฟฟา กระสนุ ยาง ปน ยงิ ตาขา ย หากพจิ ารณาแลว เหน็ วา ไมส ามารถ หยดุ หรือควบคมุ คนรา ยไดใ หใชก าํ ลงั ขัน้ ตอไป ระดับท่ี 6 การใชก าํ ลงั ขน้ั เดด็ ขาดหรอื การใชอ าวธุ ปน คนรา ยใชอ าวธุ ทาํ อนั ตรายเจา หนา ทต่ี าํ รวจ หรอื บคุ คลอน่ื ทเ่ี สยี่ งตอ การไดร บั อนั ตรายแกร า งกายหรอื เสยี ชวี ติ และไมห ยดุ การกระทาํ หลงั จากถกู แจง เตอื น เจาหนาท่ีตํารวจไมสามารถแกไขไดดวยวิธีอื่นเพื่อหยุดยั้งภยันตรายท่ีกําลังจะเกิดขึ้นภายในเวลาอันจํากัด ใหใ ชอ าวธุ ปน ยงิ เพอื่ หยดุ ยงั้ การกระทาํ ของคนรา ย สง่ิ จาํ เปน ทคี่ วรคาํ นงึ ถงึ วา ระดบั การใชก าํ ลงั ของเจา หนา ท่ี ตาํ รวจน้นั ยดึ หลักกฎหมายเรื่องการปองกนั เปน เหตผุ ลในการตดั สนิ ใจ เนอ่ื งจากเปนการปองกันตัวเจาหนา ที่ ผปู ฏบิ ตั ิเอง หรือผูอืน่ ใหพ นจากภยันตรายซึง่ เกดิ จากการกระทําท่ฝี าฝน กฎหมาย และภยนั ตรายนั้นใกลจ ะถงึ และไดกระทาํ ไปพอสมควรแกเหตุ ซง่ึ ในการตัดสนิ ใจจะตองพิจารณาถึง ความรุนแรงของอาวธุ , ปฏกิ ริ ยิ าและ จํานวนคนรา ย และส่งิ ทสี่ ําคญั คาํ นงึ ถงึ อาวุธของเจา หนาทตี่ าํ รวจท่ีมีใชอยูในขณะนัน้ ดว ยเปนเคร่ืองบงชี้ชดั วา จะใชกําลงั ในระดับใด และตอ งไมเ กินกวา เหตดุ ว ย โดยมติ องเริม่ ตน ในระดบั ท่ี 1 เสมอไป อาจจะเริ่มที่ระดบั ใด กไ็ ด แลวแตในสถานการณที่กลาวมาขา งตน คือ อาวุธ ปฏกิ ิรยิ า จาํ นวนคนราย และอาวุธของเจา หนาท่ีทีม่ ี ใชอยูในขณะน้ัน และในทางกลับกันระดับการใชกําลังอาจลดลงตามลักษณะของความรุนแรงของคนราย ในเร่อื งอาวุธ ปฏกิ ริ ิยา จํานวนคนรา ย และอาวธุ ของเจา หนา ที่ วิธีในการศึกษาตัวแบบขอใหจดจําภาพรวมของท้ังตัวแบบใหไดกอน จากน้ันจึงเริ่มศึกษาแบบ แยกสว น ซ่งึ จะมีคาํ อธบิ ายโดยละเอยี ด เพ่ือเสรมิ ความเขา ใจ ตวั แบบทป่ี รากฏดานลา งน้ี จงึ ขอใหเริ่มตน ศึกษา แนวทางการปฏิบตั ิโดยดจู ากลกั ษณะการกระทาํ ของผูตองสงสัย/กระทําความผดิ (Action) กอ น ซ่ึงในสวนนี้ จะอธิบายถึงการแสดงออกถึงพฤติการณของผูตองสงสัยหรือผูกระทําความผิด แลวจึงมาศึกษาเร่ืองของ การตอบโตส ถานการณข องเจา หนา ทต่ี าํ รวจ (Reaction) โดยภาพทปี่ รากฏดา นลา งนเ้ี ปน ภาพรวมทงั้ หมดของตวั แบบ ขอใหทุกทานสังเกตจดจําหมายเลขที่ปรากฏบนพื้นที่สวนตาง ๆ ของตัวแบบ ซ่ึงเปนสวนสําคัญที่จะทําให การอธิบายในสวนตอ ๆ ไปไดงายข้ึน ในกรณีที่การศึกษาในสวนตอไปเกิดความไมแนใจ ขอใหทาน กลบั มาทบทวนหมายเลขทีป่ รากฏในภาพดานลา งอีกครง้ั หน่ึง 22 คูมอื ยทุ ธวิธีตาํ รวจ
รปู ภาพท่ี 21 ระดบั การใชก าํ ลงั ของเจาหนา ที่ตํารวจเพื่อแกไ ขสถานการณ (Use of Force) 2.1 คาํ อธบิ ายพน้ื ทสี่ ว นตา ง ๆ ของตัวแบบเรยี งตามลาํ ดบั หมายเลข ลกั ษณะของวธิ กี ารใชง านตวั แบบใหเ รม่ิ ตน ศกึ ษาตามพน้ื ทสี่ ว นตา ง ๆ ทม่ี หี มายเลขกาํ หนด ในภาพ ดงั นี้ พนื้ ทสี่ ว นที่ 1 แถบสีเขียว เหลือง แดง ในฝงท่ีเขียนวาผูตองสงสัย/ผูกระทําความผิด จะมแี ถบสี ทล่ี ากมาจนสดุ ฝง ของการปฏบิ ตั ขิ องเจา หนา ทตี่ าํ รวจ สงั เกตจากลกู ศรแนวนอนในตวั แบบ จะแสดงถงึ ระดับข้ันสูงสุดของการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีเจาหนาที่ตํารวจจะใชตอบโตได โดยลูกศรแนวต้ังจะลากข้ึน คูม ือยุทธวธิ ตี ํารวจ 23
ไปหาเคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีเหมาะสมดานบน ซ่ึงในบางชวงสีอาจมีเคร่ืองมือทางยุทธวิธีมากกวา 1 อยาง โดยปจจัยทเ่ี ขา มาเกย่ี วขอ งจะขนึ้ กบั พฤตกิ ารณแ วดลอมของเหตุการณน ั้น ๆ ซึ่งจะอธบิ ายในชวงทา ย พ้ืนท่สี วนท่ี 2 แถบสีเทาไลสีจากออนไปหาเขมท่ีเขียนขอความอาจจะเกินความจําเปน เขยี นไวเ พอื่ เตอื นวา หากเจา หนา ทตี่ าํ รวจปฏบิ ตั งิ านแลว การกระทาํ ของผตู อ งหาหรอื ผกู ระทาํ ความผดิ มกี ารใช เคร่ืองมือทางยุทธวิธีดานบนมาอยูในพ้ืนท่ีสีเทา แสดงวาเจาหนาที่ตํารวจกําลังปฏิบัติหนาท่ีโดยใชเครื่องมือ ทางยทุ ธวิธีเกนิ ความจาํ เปนแกเ หตุ พนื้ ที่สวนที่ 3 แถบสเี ขยี ว เหลอื ง แดง ทไ่ี ลส จี ากออ นไปหาเขม ทเี่ ขยี นขอ ความอาจจะไม ปลอดภยั เขยี นไวเ พอื่ เตอื นวา หากเจา หนา ทต่ี าํ รวจปฏบิ ตั งิ านแลว การกระทาํ ของผตู อ งหาหรอื ผกู ระทาํ ความผดิ มีการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีดานบนมาอยูในพ้ืนที่สีออน แสดงวาเจาหนาท่ีตํารวจกําลังปฏิบัติหนาที่โดยใช เครื่องมือทางยุทธวิธีไมเหมาะสมกับพฤติการณของผูตองหาหรือผูกระทําความผิด ซึ่งอาจสงผลใหเจาหนาท่ี ตาํ รวจไมปลอดภยั พ้นื ทีส่ ว นท่ี 4 แถบสเี ขยี ว เหลอื ง และแดง ทอี่ ยดู า นบน เปน อปุ กรณท างยทุ ธวธิ ที เ่ี หมาะสม ท่ีเจาหนาที่ตํารวจจะใชตอบโตได โดยมีสัดสวนการกระทําพอสมควรแกเหตุ ทั้งน้ี หากสังเกตลูกศรแนวต้ัง ในบางการกระทาํ ของผตู อ งหาทลี่ ากขน้ึ มาจากลกู ศรแนวนอน จะมลี กู ศรแนวตงั้ ผา นขนึ้ ไปไดห ลายจดุ แสดงวา เจา หนา ทต่ี าํ รวจสามารถใชเ ครอ่ื งมอื ทางยทุ ธวธิ ใี นการตอบโตส ถานการณไ ดห ลายประเภท โดยขนึ้ อยกู บั ปจ จยั ท่ีเขามาเกี่ยวขอ งกบั พฤติการณแวดลอ มของเหตุการณน้ัน ๆ ซ่ึงจะอธบิ ายในชว งทา ย สําหรับปกกาที่เขียนอยูดานนอกครอบคลุมพื้นที่สีเขียวออนและเขียวเขม ซึ่งมีขอความวา ใชเ บอ้ื งตน ในทกุ สถานการณ หมายถงึ การกระทาํ การใด ๆ กแ็ ลว แตใ นตวั แบบนใ้ี หเ รม่ิ ตน จากการแสดงตวั ของ เจาหนาที่ และการสั่งการดวยวาจาหรือทาทางกอนเสมอ ซ่ึงเปนหลักนิยมสากลท่ีท่ัวโลกใชปฏิบัติ อันมีที่มา จากการใหความสาํ คัญในสิทธแิ ละเสรภี าพของประชาชน ตามปฏญิ ญาสากลวาดวยหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน 24 คูมือยุทธวิธีตาํ รวจ
ระดับการใชก าํ ลังของเจา หนา ทต่ี าํ รวจเพอ่ื แกไขสถานการณ (USE OF FORCE) คมู อื ยุทธวธิ ตี ํารวจ 25
2.2 หลกั นยิ มในการสรา งตัวแบบระดับการใชก าํ ลงั ในประเทศท่ีมีการบังคับใชกฎการใชกําลังสําหรับเจาหนาท่ีตํารวจ นิยมนําสัญลักษณของ แถบสมี าเปนเคร่อื งมอื ในการอธิบายเพือ่ แบงระดับของการกระทาํ ของผูตอ งสงสัย/กระทาํ ความผดิ โดยส่ือถึง ความหนักเบาของพฤติการณ ทุกประเทศจะใหความสําคัญกับการกระทําของผูตองสงสัย/ผูกระทําความผิด (Action) อันมีเหตุอันควรสงสัยวาจะเปนความผิดตามกฎหมาย เปนตัวเร่ิมในการอธิบายตัวแบบโดยสีเขียว จะแสดงถงึ ระดบั ขน้ั การใชท เ่ี บาทส่ี ดุ สสี ม เปน ระดบั ขน้ั การใชก าํ ลงั ทมี่ คี วามแรงมากขนึ้ และสแี ดงเปน ระดบั ขน้ั การใชกําลังทต่ี องมีการตระหนักสูงสดุ เพ่ือใหงายตอการทําความเขาใจ จึงตัดสวนตางๆ ของตัวแบบมาเพ่ือใชในการอธิบายเปน 3 สว นสําคัญ คือ 1. การกระทาํ ความผิดของผตู อ งสงสัย/กระทาํ ความผิด 2. การตอบโตของเจาหนาที่ (ตามความหนักเบาของการกระทําของผูตองสงสัย/กระทํา ความผิด) 3. เครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโตผูตองสงสัย/กระทําความผิดที่เหมาะสม ท้ังนี้ หลักในการปฏิบัติทางทฤษฎีนั้นจะเปนสวนสําคัญในการพัฒนาการฝกภาคปฏิบัติที่ตองมีการฝกทักษะทาง ยทุ ธวธิ ตี ามทไ่ี ดมีการออกแบบไวโดยเฉพาะ 3. คําอธิบายทัว่ ไปเกย่ี วกับการกระทําของผตู อ งสงสยั /กระทําความผดิ บุคคลท่ี การกระทําของผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผิด ตอบโต การกระทําโดยเชอ่ื วา จะเกิดการบาดเจบ็ สาหัส หรือเสยี ชวี ติ บุคคลท่ี ขดั ขนื การกระทาํ โดยเชื่อวาจะเกิดอนั ตรายตอ กายจนไดร ับบาดเจบ็ การกระทาํ โดยปราศจากอาวุธ บคุ คลทใ่ี ห ความรว มมอื (แสดงกิรยิ า/ทาทางวาจะทํารายเจาหนาทีห่ รือผอู น่ื ) เคล่ือนไหว เพื่อหลีกเลี่ยงการใชก ําลงั ควบคุม (ระวังพฤติการณท ่อี าจเปลย่ี นแปลงได) (ระวังพฤตไกิมาป รฏณิบนท ัตง่ิ ่ีอเิตฉาายจมเคปาํลส่ียง่ั นแปลงได) ใหค วามรวมมือ เฉพาะทเี่ ปนการตอบสนองตอคาํ สง่ั เทานน้ั (ระวงั ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได) ใหความรว มมือโดยไมตอ งมีคําสั่ง (รกั ษาระยะหา งทเ่ี หมาะสม) จากภาพ จะพบวา แถบสเี ขยี วดา นลา งจะเปน ลกั ษณะของการกระทาํ ทผ่ี ตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ปฏบิ ตั ติ ามกรอบของกฎหมายและเชอ่ื ฟง เจา หนา ทต่ี าํ รวจ ไลร ายละเอยี ดขน้ึ ไปเปน แถบสเี หลอื งทเี่ รม่ิ ไมป ฏบิ ตั ติ าม 26 คมู ือยุทธวธิ ีตํารวจ
หรือมีทาทีขัดขืน ไปจนถึงแถบสีแดงท่ีเริ่มมีแนวโนมท่ีการกระทํารุนแรงในการตอบโตเจาหนาท่ีตํารวจ ซึ่งในแตละแถบสีจะมีการกระทําที่มีระดับความเขมขนแตกตางกันออกไปอีก ดังน้ันจึงควรจดจําแถบสีใหได กอ นจะศกึ ษาในหวั ขอ ถดั ไป ซงึ่ จะกาํ หนดแยกยอ ยลงไปอกี วา มพี ฤตกิ ารณต อบสนองตอ เจา หนา ทต่ี าํ รวจอยา งไร คาํ อธบิ ายอยา งละเอียดของการกระทําของผูตอ งสงสัยหรอื ผูกระทําความผดิ 3.1 การแบงระดับอยางละเอียดของบุคคลที่ใหความรวมมือ (แถบสีเขียว) แบงออกเปน 2 ระดบั ไดแ ก บคุ คลทใี่ ห ใหความรวมมือ ความรวมมอื เฉพาะทีเ่ ปนการตอบสนองตอ คําส่งั เทา นั้น (ระวงั ความเส่ยี งทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ได) ใหความรวมมือโดยไมต อ งมีคาํ สั่ง (รักษาระยะหา งทเ่ี หมาะสม) ระดับที่ 1 ใหค วามรว มมอื โดยไมต อ งออกคาํ สง่ั (แถบสเี ขยี วออ น) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ท่ีใหความรวมมือโดยไมตองออกคําสั่ง ใหเจาหนาท่ีตํารวจรักษาระยะหางท่ีเหมาะสม ทั้งนี้ ตองไมลดระดับ การระมัดระวังตัวลง จนกวาจะมีการควบคุมตัวอยางถูกตองทางยุทธวิธี และมีการตรวจคนอยางละเอียด จนแนใ จวา มคี วามปลอดภัย ระดบั ที่ 2 ใหค วามรว มมอื ตามการออกคาํ สงั่ (แถบสเี ขยี วเขม ) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ใหความรวมมือเฉพาะที่เปนการตอบสนองตอคําสั่งเทาน้ัน ใหเจาหนาที่เรียงลําดับในการส่ังการใหถูกตอง ตามหลักทางยุทธวิธี การส่ังการดวยวาจา การแสดงออกดวยทาทางตองมีความเหมาะสมพอสมควรแกเหตุ ไดสัดสวนกับการกระทํา ทั้งน้ี ตองไมลดระดับการระมัดระวังตัวลง และประเมินความเสี่ยงในสถานการณ ใหสูงอยูเสมอ จนกวาจะมีการควบคุมตัวอยางถูกตองทางยุทธวิธี และมีการตรวจคนอยางละเอียดจนแนใจ วามคี วามปลอดภยั 3.2 การแบงระดับอยา งละเอียดของบุคคลที่ขัดขนื (แถบสีเหลอื ง) แบง ออกเปน 2 ระดับ บุคคลท่ี เคล่ือนไหว ขดั ขนื เพื่อหลีกเลี่ยงการใชก ําลงั ควบคุม (ระวงั พฤติการณท อี่ าจเปล่ยี นแปลงได) นง่ิ เฉย ไมปฏบิ ตั ิตามคาํ ส่งั (ระวังพฤติการณท่ีอาจเปลีย่ นแปลงได) คมู อื ยุทธวิธตี ํารวจ 27
ระดบั ที่ 1 ขดั ขนื ดว ยการนง่ิ เฉยไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั (แถบสเี หลอื งออ น) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผิดท่ีมีทาทีขัดขืนดวยการน่ิงเฉยไมปฏิบัติตามคําสั่งทางวาจาหรือทาทางของเจาหนาท่ีตํารวจ แมวา การนง่ิ เฉยนน้ั จะเปน การนง่ิ เฉยดว ยสนั ติ ไมม ที า ทางจะตอบโตก บั เจา หนา ทตี่ าํ รวจ แตก ารนงิ่ เฉยไมป ฏบิ ตั ติ าม เปนอุปสรรคในการเขาไปเผชิญเหตุ หรือทําใหเจาหนาท่ีตํารวจตองเขาใกลเกินกวาระยะปลอดภัย ทั้งน้ี เจาหนาที่ตํารวจท่ีตองดําเนินการกับบุคคลดังกลาว ตองระมัดระวังพฤติการณหรือทาทีท่ีอาจเปลี่ยนแปลง อยางรวดเร็ว โดยตองไมลดระดับการระมัดระวังตัวลง การสั่งการดวยวาจา การแสดงออกดวยทาทาง ตองมีความเหมาะสมพอสมควรแกเหตุ ไดสัดสวนกับการกระทําจนกวาจะมีการควบคุมตัวอยางถูกตอง ทางยทุ ธวิธี และมีการตรวจคนอยา งละเอียดจนแนใจวา มคี วามปลอดภยั ระดบั ที่ 2 ขัดขืนดวยการเคลื่อนไหวเพ่ือหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม (แถบสีเหลืองเขม) : ผูตองสงสัย/กระทําความผิดท่ีมีทาทีขัดขืนดวยการเคลื่อนไหว ไมปฏิบัติตามคําสั่งทางวาจาหรือทาทางของ เจาหนาท่ีตํารวจ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อหลีกเล่ียงการปฏิบัติ แมวาการเคล่ือนไหวนั้นจะเปนไปดวยสันติ หรือพยายามจะหลบหนี ซึ่งเปนอุปสรรคในการเขาไปเผชิญเหตุ หรือทําใหเจาหนาที่ตํารวจตองเขาใกล เกินกวาระยะปลอดภัย ท้ังนี้ เจาหนาท่ีตํารวจท่ีตองดําเนินการกับบุคคลดังกลาว ตองระมัดระวังพฤติการณ หรือทาทีท่ีอาจพลิกผันอยางรวดเร็ว โดยตองไมลดระดับ การระมัดระวังตัวลงการสั่งการดวยวาจา การแสดงออกดว ยทา ทางตอ งมคี วามเหมาะสมพอสมควรแกเ หตุ ไดส ดั สว นกบั การกระทาํ จนกวา จะมกี ารควบคมุ ตวั อยา งถกู ตอ งทางยทุ ธวธิ ี และมีการตรวจคนอยางละเอียดจนแนใ จวา มคี วามปลอดภัย กรณีมีทาทีหลบหนีใหพึงระมัดระวังอยางย่ิงในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีเพื่อตอบโตหรือยับย้ัง พฤติการณ และถือเปนเรื่องละเอียดออนในการตัดสินใจในการใชกําลัง ตองพึงสังเกตถึงแนวโนมหรือโอกาส ในการใชอ าวธุ เพม่ิ เตมิ ประกอบดว ย ซงึ่ ในสว นนจ้ี ะอยใู นการฝก ทกั ษะเพอื่ พฒั นาการตดั สนิ ใจทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ จากการจําลองสถานการณเสมอื นจริง 3.3 การแบงระดับอยางละเอียดของบุคคลที่ทําราย (แถบสีแดง) แบงการกระทําออกเปน 3 ระดับความรุนแรง บคุ คลท่ี การกระทาํ โดยเชื่อวา จะเกิดการบาดเจบ็ สาหสั ตอบโต หรอื เสียชวี ิต การกระทาํ โดยเชือ่ วาจะเกิดอันตรายตอ กายจนไดร ับบาดเจบ็ (แสดงกิริยาก/าทรากทระาทงวาํ าโดจยะทปาํรราาศยจเาจกา อหานวาุธทห่ี รือผอู น่ื ) ระดบั ท่ี 1 การกระทําโดยปราศจากอาวุธ (แสดงกิริยา/ทาทางวาจะทํารายเจาหนาที่หรือ ผูอ่ืน) : ผูตองสงสัย/กระทําความผิดไมใหความรวมมือหรือปฏิบัติตามคําสั่ง เม่ือเจาหนาที่เขาใกลเกินกวา ระยะปลอดภัย ท้ังยังแสดงกิริยาหรือทาทางวาจะทํารายเจาหนาที่ตํารวจ หรือผูอ่ืน ซ่ึงการกระทําน้ัน อาจสง ผลตอ ความปลอดภยั ของการปฏบิ ตั งิ านของเจา หนา ทต่ี าํ รวจทเี่ ขา เผชญิ เหตุ ทง้ั น้ี เจา หนา ทต่ี าํ รวจทต่ี อ ง ดําเนินการกับบุคคลดังกลาวตองพึงระมัดระวังการซุกซอนอาวุธหรือส่ิงท่ีอาจใชแทนอาวุธได ขณะเขาทําการ 28 คูมอื ยทุ ธวิธีตํารวจ
ตอบโตก บั สถานการณต อ งพงึ ระลกึ เสมอถงึ กฎของความปลอดภยั และตอ งมคี วามเหมาะสมพอสมควรแกเ หตุ ไดสัดสวนกับการกระทํา จนกวาทําการควบคุมตัวอยางถูกตองทางยุทธวิธี และมีการตรวจคนอยางละเอียด จนแนใ จวามคี วามปลอดภัย ระดบั ท่ี 2 การกระทําโดยเชอื่ วา จะเกดิ อนั ตรายตอกายจนไดรับบาดเจบ็ (แถบสีแดงออ น) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ไมใ หค วามรว มมอื หรอื ปฏบิ ตั ติ ามคาํ สงั่ เมอื่ เจา หนา ทเี่ ขา ใกลเ กนิ กวา ระยะปลอดภยั มพี ฤตกิ ารณต อบโตโ ดยมลี กั ษณะการกระทาํ ทเี่ ชอื่ วา จะมกี ารทาํ อนั ตรายตอ กายจนไดร บั บาดเจบ็ โดยอาจใชอ าวธุ หรือใชวัสดุที่ไมไดเปนอาวุธโดยสภาพ ประกอบการกระทํา ท้ังนี้ พึงระมัดระวังและสังเกตวัตถุท่ีผูตองสงสัย หรือผูกระทําความผิดใชในการตอบโตเจาหนาท่ี ขณะเขาทําการตอบโตกับสถานการณตองพึงระลึกเสมอ ถึงกฎของความปลอดภัย และตองมีความเหมาะสมพอสมควรแกเ หตุ ไดส ดั สวนกับการกระทาํ จนกวา ทาํ การ ควบคมุ ตวั อยางถูกตองทางยทุ ธวธิ ี และมกี ารตรวจคนอยางละเอยี ดจนแนใจวามคี วามปลอดภยั ระดับท่ี 3 การกระทาํ ทเี่ ชอื่ วา จะกอ ใหเ กดิ การบาดเจบ็ สาหสั หรอื เสยี ชวี ติ (แถบสแี ดงเขม ) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ไมใ หค วามรว มมอื หรอื ปฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั มพี ฤตกิ ารณต อบโตโ ดยมลี กั ษณะการกระทาํ ท่ีเชื่อวาจะกอใหเกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตโดยอาจใชอาวุธ หรือใชวัสดุที่ไมไดเปนอาวุธโดยสภาพ ประกอบการกระทํา ทั้งนี้พึงระมัดระวังและสังเกตวัตถุท่ีผูตองสงสัยหรือผูกระทําความผิดใชในการตอบโต เจาหนาท่ีขณะเขาทําการตอบโตกับสถานการณตองพึงระลึกเสมอถึงกฎของความปลอดภัย และตองมี ความเหมาะสมพอสมควรแกเหตุ ไดสัดสวนกับการกระทําจนกวาทําการควบคุมตัวอยางถูกตองทางยุทธวิธี และมกี ารตรวจคนอยา งละเอยี ดจนแนใจวามคี วามปลอดภัย 4. คําอธิบายท่วั ไปเกี่ยวกบั การปฏิบัตขิ องเจาหนาทต่ี าํ รวจ คําอธิบายในสวนน้ีจะเปนเรื่องของเคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีใชในการตอบโตท่ีเหมาะสม โดยตอง ทาํ ความเขา ใจวา การกระทาํ ของผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ จาํ แนกอยใู นสใี ด และมรี ะดบั ความรนุ แรงเพยี งใด เพื่อจะไดเลือกใชเครื่องมือทางยุทธวิธีสําหรับการตอบโตไดอยางเหมาะสม และจากภาพดานลางจะพบวา ในบางกลมุ สมี กี ารใชเ ครอ่ื งมอื ทางยทุ ธวธิ ใี นการตอบโตไ ดห ลายอยา ง ทงั้ นห้ี ลกั ในการพจิ ารณาทล่ี ะเอยี ดรอบคอบ เกิดจากการฝกทักษะในการตอบโต โดยตองคํานึงถึงหลักสัดสวนพอสมควรแกเหตุ และเปนการปองกัน โดยชอบดว ยกฎหมาย คมู อื ยทุ ธวิธีตํารวจ 29
การปฐมพยาบาล/แจงญาตผิ บู าดเจบ็ ปนไฟฟา* อาวุธ ปนห ืรอกํา ัลงที่ทําใหบาดเ ็จบสาหัสห ืรอ ึถงแ กความตาย กระสุนยาง สเปรย สเปรย พรกิ ไทย* พริกไทย* อาวธุ ทไ่ี มถึงตาย / ดิ้ว / กระบอง การปฏบิ ัตโิ ดยใชอาวุธ การจบั / การจบั /การ การใชกําลงั การกดจุด ปฏบิ ตั ิ ตอรางกาย ใหเ จ็บ เพ่ิมควบคุม โดยใชม อื เปลา การปฏิบัตโิ ดยปราศจากอาวธุ การส่ือสารดว ยวาจาหรือทา ทาง การโนม นาว / การแนะนํา / การตกั เตอื น / ออกคาํ ส่งั การแสดงตวั ของเจา หนา ที่ตํารวจในเคร่อื งแบบ / นอกเคร่ืองแบบแสดงบัตรประจําตัว (ทกั ทาย / แนะนาํ ตัว / แจงวตั ถุประสงค) 4.1 คําอธิบายโดยละเอียดท่วั ไปเกีย่ วกบั การปฏบิ ัติของเจา หนา ทตี่ าํ รวจ การสื่อสารดวยวาจาหรือทา ทาง : การโนม นา ว / การแนะนาํ / การตกั เตอื น / ออกคาํ สั่ง การแสดงตัวของเจา หนาที่ตาํ รวจในเคร่ืองแบบ / นอกเคร่ืองแบบแสดงบตั รประจําตัว (ทกั ทาย / แนะนําตัว / แจงวัตถุประสงค) การแสดงตัวของเจาหนาที่ท่ีเหมาะสมมีผลตอการตัดสินใจในการตอบโตจากผูตองสงสัย/กระทํา ความผดิ ดงั นัน้ การใหความสาํ คัญในการแสดงตวั ดว ยเครอ่ื งแบบ การแสดงบัตรประจาํ ตัวของเจา หนา ที่ และ การออกคําส่ังควบคุมผานทาทาง วาจา เปนทางเลือกระดับแรกท่ีเจาหนาที่ตํารวจทุกนายตองใชกอนท่ีจะมี การพฒั นาระดับการเลอื กใชเ ครอื่ งมือตอบโตทางยทุ ธวิธชี นิดอื่นๆ เพราะในสวนน้จี ะชว ยลดโอกาสและระดับ ความรนุ แรงในการกระทาํ ของผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ไดใ นระดบั หนง่ึ วธิ กี ารปฏบิ ตั ใิ นระดบั นเี้ หมาะสมทส่ี ดุ กับผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผิดทใ่ี หค วามรว มมอื (สเี ขยี ว) 30 คูมอื ยุทธวิธีตาํ รวจ
สเปรยพริกไทย* การจับ/ การจับ/การ การกดจดุ ควบคุม ใหเ จ็บ โดยใชม ือเปลา ในสวนน้ีจะเร่ิมอธิบายถึงการตอบโตทางยุทธวิธีที่เหมาะสมของเจาหนาท่ีตํารวจ ในระดับของ การกระทําความผดิ ของผตู องสงสยั /กระทําความผิด สาํ หรบั บุคคลท่ขี ดั ขืน (สีเหลอื ง) ก. การจับหรือการกดใหเจบ็ เพ่อื ยนิ ยอม หรือการควบคมุ ดวยมอื เปลา ในสว นนตี้ อ งมกี ารฝก ทกั ษะเฉพาะในการกดจดุ เพอ่ื ทาํ ใหห ยดุ ชะงกั หรอื การจบั หกั ตามขอ ตอ ตางๆ ของรางกาย เพือ่ ทําใหห มดแรงขัดขืน และยนิ ยอมปฏิบัติตามทเ่ี จาหนา ท่ีดาํ เนินการ ข. การใชส เปรยพ ริกไทย ในสวนนี้ตองมีขอพิจารณาถึงการฝกทักษะของการวางตําแหนงระยะปลอดภัยระหวาง เจา หนา ทตี่ าํ รวจกบั ทา ทใี นการตอบโต และโอกาสในการตดั สนิ ใจเขา โจมตขี องระหวา งผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ปนไฟฟา * กระสนุ ยาง สเปรยพรกิ ไทย* อาวุธ ที่ไมถ งึ ตาย / ดว้ิ / กระบอง การใชกําลงั ตอ รางกาย เพ่อื ควบคมุ คมู อื ยทุ ธวิธีตาํ รวจ 31
ในสวนน้ีจะเริ่มอธิบายถึงการตอบโตทางยุทธวิธีที่เหมาะสมของเจาหนาที่ตํารวจ ในระดับของ การกระทําความผดิ ของผตู อ งสงสัย/กระทําความผดิ สําหรับบคุ คลทีข่ ัดขืน (สแี ดง) ก. การใชกําลังตอรางกายเพ่ือควบคุม ถือเปนแนวทางในการใชกําลังตอบุคคลที่ขัดขืน ในระดับตา่ํ สดุ ซ่งึ ตองมีการฝกทกั ษะเฉพาะทางเพอื่ ใหก ารใชก ําลังนนั้ เปน ไปตามขอกําหนด ตามกฎหมาย ข. อาวุธไมถึงตาย ด้ิว กระบอง เปนทางเลือกในการใชเครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโต สาํ หรบั บคุ คลทข่ี ดั ขนื โดยไมท าํ ใหบ าดเจบ็ สาหสั หรอื ถงึ ตาย ซงึ่ ตอ งมกี ารฝก ทกั ษะเฉพาะทาง ในการเลอื กจุดตกกระทบท่จี ะไมกอใหเ กดิ ความเสยี หายอยางถาวรตอรางกายผขู ัดขนื ค. สเปรยพริกไทย เปนทางเลือกในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโตสําหรับบุคคล ท่ีขัดขืน โดยกอใหเกิดอาการระคายเคืองแสบรอนที่ผิวหนัง ใบหนา หรือดวงตา เพ่ือลด โอกาสในการโจมตี บดบังทัศนวิสัยในการตอบโตกับเจาหนาท่ีซึ่งตองมีการฝกทักษะเฉพาะ ในการปฐมพยาบาลหลงั การใชส เปรยพ ริกไทย ง. กระสุนยาง เปนทางเลือกในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโตสําหรับบุคคล ที่ขัดขืน โดยทําใหเกิดการชะงัก หยุดย้ังพฤติการณ ลาถอย ซึ่งตองมีการฝกทักษะเฉพาะ ในการเลือกจดุ เลง็ ยิงเพอื่ ไมใหเกิดการบาดเจ็บสาหัสหรอื ถึงตาย จ. ปนไฟฟา เปนทางเลือกในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโตสําหรับบุคคลท่ีขัดขืน โดยทําใหเกิดการชะงัก หมดแรงในการตอบโต ลม ลง และยินยอมใหค วบคมุ ตวั โดยไมม ีแรง ในการตอสูขัดขืน ซึ่งตองมีการฝกทักษะเฉพาะในการเลือกจุดเล็งยิง ระยะเวลาในการช็อต และการปฐมพยาบาลหลังการใช ในกรณีทีอ่ าจเปน ผปู วยท่ีใสเ ครอ่ื งกระตุนหวั ใจไฟฟา ฉ. อาวุธปน เปนทางเลือกในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโตสําหรับบุคคลท่ีขัดขืน โดยทําใหเกิดอาการบาดเจ็บไดในหลายระดับ ตั้งแตบาดเจ็บไมถึงตายในกรณีถูกอวัยวะ ไมส าํ คญั ไปจนกระทง่ั การบาดเจบ็ ทอ่ี าจถงึ ตายหากไมไ ดร บั การปฐมพยาบาลอยา งทนั ทว งที และบาดเจบ็ ถงึ ตายในทนั ทเี มอื่ โดนอวยั วะทสี่ าํ คญั ซง่ึ ตอ งมกี ารฝก ทกั ษะเฉพาะ ความแมน ยาํ ในการเล็ง การตัดสินใจยิงในภาวะวิกฤติและการฝกปฐมพยาบาลทางยุทธวิธีเพื่อรักษาชีวิต ของผูต อ งสงสัย/กระทาํ ความผิด จากตวั แบบทง้ั หมดจะพบวา ระดบั การใชก าํ ลงั ของเจา หนา ทใ่ี หค วามสาํ คญั กบั การรกั ษาชวี ติ ของ ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ โดยคาํ นงึ ถงึ ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั ทิ เ่ี หมาะสมควบคไู ปกบั การใหค วามเคารพ ในศักดิศ์ รคี วามเปนมนุษยอยางเทา เทยี มและเสมอภาค การปรับระดับการใชกําลังแบบกาวกระโดด อาจมีการปรับระดับความเขมของการใชเครื่องมือ ตอบโตท างยุทธวธิ ใี หส ูงข้นึ หรือลดลง ทง้ั นี้ ตอ งไมหลดุ จากกรอบพฤติการณข องผูต อ งสงสัย/กระทาํ ความผิด โดยตองพิจารณาถึงเหตุและผลอันอาจเกิดจากการใชเครื่องมือตอบโตทางยุทธวิธีท่ีมีสัดสวนเหมาะสมกับ การกระทําของผูตองสงสัย/กระทําความผิด มาประกอบดุลพินิจในการใชเคร่ืองมือตอบโตทางยุทธวิธีของ เจาหนา ท่ตี าํ รวจดวย ทั้งนี้ ตองมีการฝกทักษะหลายอยางควบคูกันไป ต้ังแตการพัฒนาทักษะในการตัดสินใจ การเลอื กใชเ คร่อื งมอื ตอบโตทางยุทธวธิ ที เี่ หมาะสม การปฐมพยาบาลหลงั การใชเครื่องมือทางยุทธวิธีเหลานนั้ กับผูตองสงสัย/กระทําความผิด และตองใหความสําคัญกับเครื่องมือตอบโตทางยุทธวิธีตํารวจ ดวยการ ฝกทักษะจากอปุ กรณม าตรฐานท่ีไดรับการจดั หาจากสํานกั งานตาํ รวจแหงชาติ 32 คูม ือยทุ ธวธิ ตี ํารวจ
บรรณานกุ รม กองบญั ชาการตาํ รวจนครบาล. (2561). คมู อื การบรหิ ารงานปอ งกนั และปราบปรามอาชญากรรม 4.0.กรงุ เทพฯ: โรงพิมพต าํ รวจ. สํานกั งานตํารวจแหง ชาต.ิ (2557). คูมอื การฝก ยุทธวิธีประจาํ สถานีตาํ รวจ. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพต าํ รวจ สาํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาต.ิ (2559). คมู อื การปฏบิ ตั มิ าตรฐานสาํ หรบั เจา หนา ทตี่ าํ รวจสายตรวจและเจา หนา ท่ี ตํารวจผูประสบเหตุ 2559. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพต ํารวจ คูมอื ยทุ ธวิธีตาํ รวจ 33
34 คมู ือยทุ ธวธิ ีตาํ รวจ
ภาคผนวก คมู ือยทุ ธวิธตี ํารวจ 35
36 คมู ือยทุ ธวธิ ีตาํ รวจ
ระเบยี บสํานกั งานตํารวจแหงชาติ วา ดวยประมวลระเบยี บการตํารวจไมเ กย่ี วกบั คดี ลักษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เปนการสมควรปรับปรุงประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลักษณะท่ี ๒๕ หนาท่ี เวรยามหมูตรวจทองท่ีและกองรักษาการณ บทท่ี ๑ การจัดเวรยามรักษาหนาที่ บทท่ี ๒ การวางยาม บทท่ี ๓ ความประพฤตแิ ละหนาท่ขี องตาํ รวจยามโดยท่ัว ๆ ไป บทท่ี ๔ การตรวจยาม บทท่ี ๕ หนา ที่ยาม ประจําสถานีตํารวจ บทท่ี ๖ ยามประจําตูยาม บทที่ ๗ ยามคลังเงิน บทท่ี ๘ หนาที่ยามอารักขาสถานี สงขาวสารตาง ๆ บทที่ ๙ หนาท่ียามอ่ืน ๆ และยามหนาท่ีพิเศษ บทท่ี ๑๐ หมูตรวจทองท่ี บทท่ี ๑๑ กองรักษาการณทั่วไป บทที่ ๑๒ ระเบียบของกองรักษาการณทั่วไปของตํารวจนครบาล บทที่ ๑๕ กองรักษาการณกรมตํารวจ บทท่ี ๑๗ หนาที่นายสิบตํารวจเวร บทที่ ๑๘ หนาท่ีนายรอยตํารวจเวร บทที่ ๑๙ การจัดเวรยามประจําสถานที่ราชการ บทที่ ๒๐ การตรวจทองท่ีชายแดน และบทท่ี ๒๑ เวรสอบสวนคดี เพื่อใหเ หมาะสมและสอดคลอ งกบั สถานการณป จจบุ นั อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๑ แหงพระราชบัญญัติตํารวจแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ซ่ึงแกไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งหัวหนาคณะรักษาความสงบแหงชาติ ที่ ๗/๒๕๕๙ เร่ือง การกําหนดตําแหนงของ ขา ราชการตาํ รวจซ่งึ มีอํานาจหนา ทใ่ี นการสอบสวน ลงวนั ที่ ๕ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๙ ผบู ัญชาการตํารวจแหง ชาติ จึงวางระเบียบไว ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ใหเปลี่ยนช่ือลักษณะท่ี ๒๕ “หนาท่ีเวรยามหมูตรวจทองที่และกองรักษาการณ” เปน “เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ” ขอ ๒ ใหยกเลิกความใน ๒.๑ บทที่ ๑ การจดั เวรยามรักษาหนา ที่ ๒.๒ บทที่ ๒ การวางยาม ๑/๒๕๖๑ คมู ือยุทธวิธีตาํ รวจ 37
-๒- ๒.๓ บทท่ี ๓ ความประพฤตแิ ละหนา ทข่ี องตํารวจยามโดยทว่ั ๆ ไป ๒.๔ บทที่ ๔ การตรวจยาม ๒.๕ บทท่ี ๕ หนา ท่ียามประจําสถานตี าํ รวจ ๒.๖ บทที่ ๖ ยามประจาํ ตูยาม ๒.๗ บทที่ ๗ ยามคลังเงนิ ๒.๘ บทท่ี ๘ หนาทยี่ ามอารักขาสถานสี งขา วสารตาง ๆ ๒.๙ บทที่ ๙ หนา ท่ียามอ่นื ๆ และยามหนาทพี่ ิเศษ ๒.๑๐ บทท่ี ๑๐ หมตู รวจทอ งที่ ๒.๑๑ บทท่ี ๑๑ กองรกั ษาการณทั่วไป ๒.๑๒ บทท่ี ๑๒ ระเบยี บของกองรกั ษาการณทว่ั ไปของตํารวจนครบาล ๒.๑๓ บทที่ ๑๕ กองรกั ษาการณก รมตาํ รวจ ๒.๑๔ บทที่ ๑๗ หนาทน่ี ายสิบตาํ รวจเวร ๒.๑๕ บทที่ ๑๘ หนาทีน่ ายรอยตํารวจเวร ๒.๑๖ บทท่ี ๑๙ การจัดเวรยามประจาํ สถานท่รี าชการ ๒.๑๗ บทท่ี ๒๐ การตรวจทอ งทีช่ ายแดน ๒.๑๘ บทที่ ๒๑ เวรสอบสวนคดี ของลักษณะที่ ๒๕ หนาที่เวรยามหมูตรวจทองท่ีและกองรักษาการณ แหงประมวลระเบียบการตํารวจ ไมเ กีย่ วกับคดี และใหใชความทแี่ นบทา ยระเบยี บนแ้ี ทน ขอ ๓ ใหใ ชร ะเบียบนี้ ต้งั แตบ ัดนี้เปน ตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พลตํารวจเอก ( จกั รทิพย ชยั จนิ ดา ) ผบู ัญชาการตํารวจแหงชาติ 38 คมู อื ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจ
ลักษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ บทท่ี ๑ บททั่วไป ขอ ๑ หนาที่ปองกันและปราบปรามการกระทําความผิดทางอาญา รักษาความสงบ เรียบรอย และความปลอดภัยของประชาชน ถาตํารวจสามารถปองกันใหอาชญากรรมเกิดขึ้นลดนอยลง จนประชาชนรูสึกวามีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน ยอมจะทําใหภารกิจปองกันอาชญากรรม ของสํานักงานตํารวจแหงชาติเกิดประสิทธิภาพ เปนท่ีพึ่งของประชาชนสมดังพระบรมราโชบายของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ซ่ึงมีพระราชดํารัสไววา “การจับผูรายนั้น ไมถือเปนความชอบ แตนับวาผูน้ันไดกระทําการครบถวนแกหนาท่ีเทานั้น แตจะถือเปนความชอบก็ตอเม่ือไดปกครองปองกัน เหตุรา ยใหชีวติ และทรพั ยส นิ ของขา แผน ดนิ ในทองถนิ่ น้นั อยูเ ปนสุขพอสมควร” ขอ ๒ สายตรวจและยามเปนกําลังสําคัญในการปองกันอาชญากรรม เพราะเปนกําลังพล ท่ีออกไปปฏิบัติหนาท่ีอยูใกลชิดประชาชน สรางความหวาดระแวงใหกับผูกระทําผิด ตัดโอกาสของ ผูกระทําผิดลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น สามารถไปถึงที่เกิดเหตุไดอยางรวดเร็ว ติดตามผูกระทําผิดได อยางใกลชิด และรักษาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุไวมิใหถูกทําลาย เปรียบสายตรวจและยามเปนกําลัง สวนหนาของสถานตี าํ รวจ ขอ ๓ หัวหนาสถานีตํารวจตองศึกษาพิจารณาลักษณะของอาคาร สถานที่ ภูมิประเทศ เหตุการณ พฤติกรรมของคนในแตละชุมชน ตลอดจนอาชีพของประชากร แลวจัดสายตรวจและยาม ใหเ หมาะสมโดยคาํ นึงถึงกาํ ลงั พล วสั ดุ ครุภัณฑ และงบประมาณ หัวหนาสถานีตํารวจจะตองจัดทําระบบขอมูลเพ่ือการปองกันอาชญากรรม วางมาตรการ ในการปองกันอาชญากรรมเพื่อลดอัตราการเกิดของอาชญากรรมเม่ือเทียบกับจํานวนประชากรในพ้ืนที่ ตองหม่ันฝกอบรมสายตรวจและยามใหเขาใจในภารกิจ ตองสรางจิตสํานึกในการเปนผูพิทักษสันติราษฎรวา เปน ผปู กปองรักษาความปลอดภัยในชีวติ และทรพั ยสินของประชาชน ใหม ีความภมู ิใจ และปฏบิ ตั หิ นา ท่ีอยา ง มเี กียรติและศักดิ์ศรี (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลกั ษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) คูม ือยุทธวธิ ตี ํารวจ 39
ลักษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ บทท่ี ๒ หนาทีค่ วามประพฤติของยาม ขอ ๑ หนา ทข่ี องยามโดยทวั่ ไปปฏบิ ัติ ดงั นี้ ๑.๑ ปอ งกนั ระงบั ยบั ยง้ั และตดั โอกาสไมใ หม กี ารกระทาํ ความผดิ ทกุ ประเภทเกดิ ขน้ึ ๑.๒ ปองกันปราบปราม จับกุม หาขาวเก่ียวกับอาชญากรรม พบปะประชาชน ท่ีเปนแหลงขาว เม่ือไดขาวหรือมีผูมาแจงเหตุถาเปนความผิดซ่ึงหนาหรือมีหมายจับ หากเปนเรื่องไมรุนแรง พอทจ่ี ะเขา จับกมุ ไดกใ็ หด ําเนนิ การจบั กุม หากเปน เร่ืองท่รี ุนแรงเกนิ กาํ ลังก็ใหแจงผบู งั คบั บัญชามาดําเนินการ ๑.๓ รักษาสถานท่ีเกิดเหตุ หามผูท่ีไมเก่ียวของเขาไปทําลายพยานหลักฐาน โดยรเู ทาไมถึงการณท ัง้ พยานวัตถุและพยานเอกสาร รอจนผบู งั คับบญั ชาไปถึง จงึ ไปปฏบิ ตั หิ นา ที่อ่ืนได ๑.๔ ถาเหตุที่เกิดข้ึนเก่ียวของกับหลายหนวยงานท่ีจะตองเขาไปแกปญหา ใหแจงผู บงั คบั บญั ชาและหนว ยงานทีเ่ กย่ี วขอ งทงั้ หมด ๑.๕ ชว ยเหลอื ประชาชนทอ่ี ยใู นเหตทุ จ่ี ะไดร บั อนั ตรายใหพ น จากเหตนุ นั้ หรอื พบเหตุ ประชาชนไดร บั บาดเจ็บจากเหตุทเี่ กิดขึน้ กช็ วยดาํ เนินการนําสง โรงพยาบาล ๑.๖ บรกิ ารประชาชนทเ่ี ขา มาขอรบั ความชว ยเหลอื เชน ประชาชนถามถงึ สถานทตี่ ง้ั ของหนว ยงาน หรือถนนหนทาง ๑.๗ ดแู ลรกั ษาความสะอาด ระมดั ระวงั ไมใ หผ ใู ดทง้ิ ขยะ บว นนา้ํ ลาย ทาํ ใหบ รเิ วณทรี่ บั ผดิ ชอบ สกปรก หรือจอดรถกีดขวางเสน ทางภายในบริเวณท่ีรับผดิ ชอบ ๑.๘ ถาเปนยามรักษาความปลอดภัยสถานท่ีราชการตองดูแลรักษาทรัพยสิน ของทางราชการ เชน สถานทีเ่ กบ็ อาวุธปน กระสนุ ปน วตั ถุระเบิด เครอื่ งมอื สือ่ สาร ยานพาหนะ ของกลาง ในคดีอาญา เอกสารสาํ คญั ไมใหถ ูกโจรกรรมหรือทําใหเสยี หาย ๑.๙ ปองกนั และระงับอัคคภี ัย ๑.๑๐ ปฏิบัติงานเรง ดวนตามคําส่ังของผูบงั คับบญั ชา ๑.๑๑ ถาเปนยามของหนว ยงานที่มผี ตู อ งหา ผตู อ งกัก และผตู อ งขังอยูใ นหอ งควบคมุ ยามตองชว ยเหลือสบิ เวรในการเยยี่ มและการเลี้ยงอาหารผตู อ งหา ผูตอ งกกั และผตู อ งขัง ขอ ๒ ยามตองประพฤตริ ะหวางปฏบิ ตั ิหนา ที่ ดงั น้ี ๒.๑ แตงเครื่องแบบใหถูกตองตามระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติวาดวย การแตงเครื่องแบบ ๒.๒ แสดงกิริยาทาทางใหองอาจผ่ึงผายในลักษณะท่ีพรอมจะเผชิญกับเหตุการณ ทุกขณะ 40 คมู อื ยทุ ธวธิ ีตํารวจ
-๒- ๒.๓ ปฏิบตั ติ อผมู าติดตอ ราชการดวยกิรยิ า วาจา ทา ทางทสี่ ภุ าพออ นโยน พรอมให คําแนะนาํ ในการติดตอราชการ ๒.๔ ตรวจตรารักษาหนาทีข่ องตนโดยเครง ครดั ๒.๕ เม่ือไดยินวิทยุ โทรศัพท หรืออาณัติสัญญาณนกหวีดจากยามใกลเคียง ขอความชว ยเหลอื ใหรีบไปยังสถานทน่ี น้ั โดยทันทีและเขาชว ยเหลือโดยเต็มกาํ ลัง ๒.๖ บําเพญ็ ตนใหเ ปนประโยชนแกป ระชาชนเทา ท่ีจะปฏิบัติได ขอ ๓ หามไมใ หย ามประพฤติ ดังน้ี ๓.๑ นง่ั นอน หลบั หรอื แสดงกริ ิยางว งเหงาหาวนอน ๓.๒ เสพหรือรับประทานสิ่งหนึ่งสง่ิ ใด ๓.๓ อานหนังสอื ใด ๆ นอกเหนอื หนา ท่ีของยาม เหมอ มองดูหรอื ฟง อะไรซึ่งไมใ ชธรุ ะ หนาท่ขี องตนจนเพลดิ เพลิน ๓.๔ สนทนาหรอื ใชอปุ กรณสื่อสารที่ไมเ กี่ยวกับหนาท่ี ๓.๕ คะนองกาย วาจา หรือสัพยอกกบั ผูใด ๓.๖ บรรจุซองกระสุนปนใสอาวุธปนยาว ชักอาวุธปนออกจากซองปน ชักกระบอง ออกจากซอง ถอดกญุ แจมอื ออกถอื ถอื ไมท อ นหรอื วตั ถอุ นื่ ใดซง่ึ ผดิ ไปจากระเบยี บของสาํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาติ เมอื่ ไมม ีเหตกุ ารณจ าํ เปน อยางหนึง่ อยา งใด ๓.๗ ละทิ้งหนาท่ียามไปกอนที่ยังไมมีผูมาผลัดเปล่ียน แมวาจะพนกําหนดเวลาผลัด ของตนไปแลว เวนแตผ ูบ งั คับบัญชาสง่ั จึงจะไปได (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) คมู อื ยุทธวิธีตํารวจ 41
ลกั ษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ บทที่ ๓ ยามประจําสถานตี าํ รวจ ขอ ๑ ยามประจําสถานีตํารวจนครบาลและสถานีตํารวจภูธรมีหนาท่ีรักษาการณในบริเวณ สถานตี าํ รวจ มีสิบเวรและนายรอ ยตาํ รวจเวรเปน ผคู วบคมุ ยามโดยปฏบิ ตั ิตามบทที่ ๒ ในสว นทเ่ี กยี่ วของและ ปฏบิ ัติเพม่ิ เติม ดังนี้ ๑.๑ รกั ษาความสงบเรยี บรอ ยในอาคารสถานตี าํ รวจ รวมทง้ั พน้ื ทบ่ี รเิ วณโดยรอบสถานี ตาํ รวจ ๑.๒ ดแู ลรกั ษาความปลอดภยั ทรพั ยส นิ ของทางราชการและสง่ิ ของทย่ี ดึ มาเกบ็ รกั ษา ซง่ึ อยใู นเขตพนื้ ทย่ี ามรกั ษาการณ เชน สถานทเ่ี กบ็ ของกลาง สถานทเี่ กบ็ อาวธุ ปน กระสนุ ปน วตั ถรุ ะเบดิ เครอ่ื ง มือสอ่ื สาร ไมใหถ กู โจรกรรมหรอื ทาํ ใหเ สยี หาย ๑.๓ ดูแลรักษาความสะอาด ระมัดระวังไมใหผูใดทิ้งขยะ บวนนํ้าลาย ทําใหบริเวณ ภายในอาคารสถานีตาํ รวจสกปรก หรือจอดรถกีดขวางเสน ทางภายในบรเิ วณสถานตี ํารวจ ๑.๔ ดแู ลหา มปรามไมใ หต าํ รวจหรอื ประชาชนทแ่ี ตง กายไมเ รยี บรอ ยเขา มาในอาคาร สถานีตาํ รวจ เวนแตผทู ี่จาํ เปน ตองเขา มา เชน ผมู าแจง ความ ผูต อ งหา หรือพยาน ๑.๕ หามปรามไมใหประชาชนท่ีไมมีกิจธุระเก่ียวของกับหนาที่ราชการเขามา พูดคุยกันเลนในอาคารสถานีตํารวจ หากมาหาผูใดในอาคารสถานีตํารวจเปนการสวนตัวใหออกไปพบปะพูด คยุ กันขางนอกอาคาร เวนแตจ ะไดรับอนุญาตจากผูบงั คบั บัญชา ๑.๖ หามปรามไมใหตํารวจที่ไมมีหนาท่ีราชการเก่ียวของอยางใดเขามาน่ังเลน ในอาคารสถานีตาํ รวจ หรือเคล่ือนยายส่งิ ของที่วางไวเ รียบรอยดแี ลว ๑.๗ ปฏบิ ตั ติ อ ผมู าตดิ ตอ ราชการทสี่ ถานตี าํ รวจดว ยกริ ยิ า วาจา ทา ทางทสี่ ภุ าพ ออ น โยน พรอมใหค ําแนะนาํ ในการติดตอ ราชการ ๑.๘ เปน ผชู วยสบิ เวรควบคมุ ดแู ลผูตอ งหา ผูตอ งกกั และผตู องขงั ไมใหหลบหนี หรอื กอ เหตวุ วิ าทกนั รวมตรวจคน ตวั ผตู องหา ผตู องกัก และผตู อ งขงั กอนนําเขาหรือนาํ ออกจากหอ งควบคมุ ๑.๙ เมื่อถึงเวลาท่ีกําหนดใหเย่ียมผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขัง ยามตอง ชวยเหลือสิบเวรตรวจตราอาหารส่ิงของที่นํามาเย่ียมผูตองหาใหถ่ีถวน อยาใหซุกซอนอาวุธ ส่ิงของผิด กฎหมาย ส่ิงของตองหาม เชน วัสดุอ่ืนใดที่ผูตองหาอาจจะใชผูกคอตายได และเอกสารอื่นใดเขาไปใน หอ งควบคุม ถา ผูเ ยี่ยมจะพดู จากับผูตอ งหา ผตู องกกั และผตู อ งขังตอ งใหพ ูดดัง ๆ ใหย ามไดย ิน กาํ หนดเวลาเยยี่ มผตู อ งหา ผตู อ งกกั และผตู อ งขงั วนั ละ ๓ ครง้ั คอื เวลา ๐๘.๐๐ นาฬก า ถงึ ๐๙.๐๐ นาฬก า เวลา ๑๒.๐๐ นาฬก า ถงึ ๑๓.๐๐ นาฬกา และเวลา ๑๖.๐๐ นาฬกา ถงึ ๑๗.๐๐ นาฬกา 42 คูม ือยทุ ธวธิ ตี ํารวจ
-๒- ๑.๑๐ เม่ือถึงกําหนดเวลาเล้ียงอาหารผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขัง ยามตอง ชวยเหลือสิบเวรตรวจตราตาม ๑.๙ และตรวจดวยวาอาหารที่จัดมาเลี้ยงน้ันบูดเสียและมีปริมาณเหมาะสม หรือไม ถา บูดเสียตองจดั มาใหม ถาปรมิ าณนอ ยตองตกั เตอื นผูจัดอาหาร กําหนดเวลาในการเลี้ยงอาหาร ผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขังวันละ ๓ ม้ือ คือ เวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา ถึง ๐๙.๐๐ นาฬกา เวลา ๑๒.๐๐ นาฬกา ถึง ๑๓.๐๐ นาฬกา และเวลา ๑๖.๐๐ นาฬกา ถึง ๑๗.๐๐ นาฬก า ๑.๑๑ หามปรามไมใหผูใดเขาไปพูดจากับผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขัง หรือ สงสง่ิ ของอื่นใดใหผ ตู อ งหา ผูต อ งกกั และผูตอ งขังนอกเวลาเย่ยี ม เวน แตไดรับอนุญาตจากนายรอยตาํ รวจเวร แตตองปฏบิ ัติตาม ๑.๙ ขอ ๒ การจัดยามประจําสถานีตํารวจและการเปลี่ยนผลัด ตามปกติใหผลัดเปล่ียนกัน เขายามผลดั ละ ๓ ช่วั โมง โดยผลัดที่ ๑ เขา ยามตัง้ แตเ วลา ๐๐.๐๑ นาฬก าเปนตนไป เวน แตถามเี หตผุ ลความ จาํ เปนจะจดั ผลัดเปน อยางอ่นื กใ็ หกระทําไดโ ดยใหอยูใ นดลุ พนิ ิจของหวั หนา สถานตี ํารวจ ขอ ๓ การผลัดเปลี่ยนหนาที่ของยาม ใหยามเกามอบหมายหนาที่ใหยามใหม ตรวจนับ จํานวนผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขังในกรณีที่สภาพหองควบคุมสามารถตรวจได ถามีทรัพยสิ่งของ ท่ียามเการักษาอยู หรือมีคําสั่งของผูบังคับบัญชาสั่งไว ในระหวางเวลาที่ยามเกาปฏิบัติหนาที่มีพฤติการณ ผิดปกติหรือพฤติการณอันควรสืบสวนสังเกตการณตอไปประการใด ใหยามเกาชี้แจงมอบหมาย แกยามใหมใหเขาใจ เปนหนาที่ของยามใหมท่ีจะตรวจตราสิ่งของใหครบถวนถูกตองโดยทันที ถามีสิ่งใด เสยี หายในระหวา งทยี่ ามเกา ปฏบิ ตั หิ นา ที่ กใ็ หย ามใหมแ จง แกน ายรอ ยตาํ รวจเวรทราบ แลว ลงประจาํ วนั ไวเ ปน หลกั ฐาน (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) คูม ือยทุ ธวิธตี าํ รวจ 43
ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ บทท่ี ๔ ตาํ รวจประจาํ ตยู าม ขอ ๑ ในทองที่ซ่ึงสมควรที่จะไดจัดใหมีตูยามเพ่ือใหตํารวจประจําตูยามคอยตรวจตรารักษา ความสงบเรียบรอ ยโดยใกลช ดิ ตลอดเวลาเปน ประจาํ เพ่อื จะไดปองกนั ระงบั ปราบปรามเหตกุ ารณท่ีเกดิ ขึ้น โดยมีกําลังตํารวจหลายคนปฏิบัติหนาที่เปนตํารวจประจําตูยามและสายตรวจประจําตูยาม มีเคร่ืองมือ เครื่องใชท่ีจําเปนเพื่อใชในการปฏิบัติงานในหนาที่ เชน อาวุธปน เครื่องมือส่ือสาร พรอมท่ีจะปฏิบัติงาน ในหนาท่ีไดทันทวงทีอยูเสมอ การจะจัดที่ใด ขนาด และจํานวนเทาใด ใหหัวหนาสถานีตํารวจพิจารณา ตามความเหมาะสม ขอ ๒ ตํารวจประจําตยู าม มหี นาที่ ดงั น้ี ๒.๑ หนาที่เก่ยี วกบั การปองกนั ปราบปราม ดําเนนิ การ ดงั นี้ ๒.๑.๑ การปองกัน ตองตรวจตราพ้ืนท่ีในเขตรับผิดชอบ พ้ืนที่ใดมีสถิติ การเกิดอาชญากรรมสูงและสูงเวลาใด ก็ตองเพ่ิมความถ่ีในการตรวจในพื้นที่และชวงเวลาน้ันใหถ่ีขึ้น ระหวางตรวจอาจจะแนะนําประชาชนใหระมัดระวังความปลอดภัยเก่ียวกับชีวิตและทรัพยสิน เชน พบเจาของบา นไมปดประตูรวั้ กแ็ นะนาํ ใหปด ๒.๑.๒ การปราบปราม ตาํ รวจประจาํ ตยู ามตอ งหาขา วเกยี่ วกบั อาชญากรรม ในพ้ืนที่ พบปะประชาชนท่ีเปนแหลงขาว เม่ือไดขาวถาเปนความผิดซ่ึงหนาหรือมีหมายจับ หากเปนเรื่องไม รนุ แรงพอท่ีจะเขาจบั กมุ ได ก็ดาํ เนินการจบั กุมไปตามกฎหมาย หากเปนเรื่องทเี่ กนิ กําลงั ท่จี ะดาํ เนินการ เชน ขาวคนรายในคดีสําคัญมีหมายจับ ขาวการลักลอบคายาเสพติดรายใหญ ก็ใหรายงานหัวหนาสถานีตํารวจมา ดําเนนิ การ ๒.๒ หนา ทเ่ี กย่ี วกบั การกระทําผดิ คดีอาญา เมือ่ มเี หตคุ ดีอาญาเกิดขึน้ ซงึ่ หนา ตาํ รวจ ประจําตยู าม หรือคดอี าญาทม่ี ีผมู ารอ งทุกขขอใหตาํ รวจประจาํ ตูยามชวยจัดการ เปน หนาทีข่ องตํารวจประจาํ ตยู ามจะตอ งพิจารณาจดั การโดยไมช กั ชา ดงั น้ี ๒.๒.๑ กรณีท่ีจะตองออกไประงับ ปราบปรามยังท่ีเกิดเหตุโดยดวน ไดแก การกระทําความผิดที่กําลังกระทําอยู ก็ใหพิจารณาวาเหตุน้ันรุนแรงเพียงใด ถาไมรุนแรง เชน การทะเลาะ ววิ าท ก็ใหด ําเนนิ การหามปรามจับกมุ ผูกระทําผดิ แตถ าเหตุนนั้ รนุ แรง เชน คนรา ยปลนธนาคาร เหตุทะเลาะ วิวาทคกู รณีมจี าํ นวนมากและแตละฝายมอี าวธุ ใหแจงหวั หนาสายตรวจมาดาํ เนนิ การดว น สว นตาํ รวจประจํา ตยู ามเขา ดาํ เนินการเทา ทจี่ ะทําได กรณีจับกุมผูกระทําผิดไดใหนําสงสถานีตํารวจ ถามีกําลังตํารวจ ไมเ พียงพอใหนาํ สง ตยู าม แลว แจง หัวหนา สายตรวจมารบั ตวั ไปดําเนนิ การ 44 คมู อื ยุทธวิธีตํารวจ
-๒- กรณมี ผี บู าดเจบ็ สาหสั ใหช ว ยนาํ สง โรงพยาบาล ถา ผบู าดเจบ็ เปน ผกู ระทาํ ผดิ กฎหมายในเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขน้ึ นน้ั ตอ งแจง หวั หนา สายตรวจ แลว ตาํ รวจประจาํ ตยู ามตอ งปอ งกนั ไมใ หห ลบหนี ๒.๒.๒ กรณที ไ่ี มต อ งออกไประงบั ปราบปรามยงั ทเ่ี กดิ เหตโุ ดยเรง ดว นแตต อ ง สบื สวนสอบสวนรวบรวมพยานหลกั ฐาน เชน มคี นมาแจง วา พบศพ บา นถกู โจรกรรมทรพั ยส นิ ใหต าํ รวจประจาํ ตูยามแจงพนักงานสอบสวนเวรออกมาดําเนินการ สวนตํารวจประจําตูยามใหเดินทางไปรักษาที่เกิดเหตุอยา ใหผทู ่ีไมเกีย่ วขอ งเขาไปทาํ ลายพยานหลกั ฐานโดยรเู ทา ไมถ ึงการณ และคอยอยูจนพนักงานสอบสวนเวรมาถึง แลว ตํารวจประจําตยู ามชวยสบื สวน ถา ไดพยานหลักฐานประการใด รายงานใหพ นักงานสอบสวนเวรทราบ ๒.๓ หนาท่ีเก่ียวกับคดีอาญาที่เกิดจากการกระทําโดยประมาท หรืออุบัติเหตุที่จะ ตองออกไปดาํ เนนิ การยังท่ีเกิดเหตโุ ดยเรงดว น เมอื่ ตํารวจประจาํ ตูยามไปถึงท่เี กดิ เหตุพบวา เปน เรอ่ื งเล็กนอ ย เชน รถเฉี่ยวชนกันเสียหายเล็กนอยไมมีผูบาดเจ็บ ก็ใหทําเครื่องหมายหรือถายรูปแสดงตําแหนงของ รถที่เก่ียวของทุกคัน แลวแยกรถออกใหพนเสนทางจราจร แลวอํานวยการจราจรใหรถเดินไดสะดวก แตถ า มคี นตายหรอื บาดเจบ็ สาหสั ใหแ จง พนกั งานสอบสวนเวรออกมาดาํ เนนิ การ ตาํ รวจประจาํ ตยู ามจดั การสง ผูบาดเจบ็ ไปรบั การรกั ษา แลวอํานวยการจราจรจนพนกั งานสอบสวนเวรมาถงึ ท่เี กดิ เหตุ กรณีเกดิ เหตุรุนแรง การแกป ญ หาเกย่ี วขอ งกับหลายหนว ยงาน เชน รถชนเสา ไฟฟาแรงสูงลมขวางถนนหลายตน ตํารวจประจําตูยามตองแจงนายรอยตํารวจเวรและหนวยงานที่เกี่ยวของ มาดาํ เนินการ โดยตํารวจประจําตูย ามตองทาํ หนาทอ่ี ํานวยการจราจร ๒.๔ หนาท่ีเกี่ยวกับการใหบริการประชาชน ตํารวจประจําตูยามนอกจากมีหนาที่ ปอ งกันปราบปราม ดําเนินการเกย่ี วกับคดีแลว ยังมหี นาท่ีใหบริการประชาชน เชน ประชาชนสอบถาม ถนน หนทาง ถามถึงทต่ี ัง้ อาคาร สถานท่ี เดก็ หลงทาง ก็ใหตาํ รวจประจําตยู ามชว ยเหลอื อํานวยความสะดวก ๒.๕ เมอ่ื ตาํ รวจประจาํ ตยู ามไดป ฏบิ ตั ติ าม ๒.๑ ถงึ ๒.๔ ไปแลว ประการใด ใหล งบนั ทกึ ประจาํ วนั ของตยู ามไวเ ปน หลกั ฐานทุกครง้ั ขอ ๓ ขอหามของตาํ รวจประจาํ ตูยาม ตาํ รวจประจาํ ตยู ามนอกจากจะตอ งประพฤตแิ ละไมป ระพฤตติ ามบทที่ ๓ แลว ยงั หา มไมใ หป ฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๓.๑ ออกจากบริเวณตูยามโดยไมมีกิจจําเปน ถามีกิจจําเปนหรือไปปฏิบัติหนาท่ี เมือ่ เสร็จส้นิ ตอ งเดินทางกลบั มาประจําตยู ามโดยเรว็ ๓.๒ ยนิ ยอมใหประชาชนเขา มาในตูย ามโดยไมม ีเหตุอนั สมควร ๓.๓ นาํ สิ่งของเครื่องใชป ระจําตยู ามออกไปจากตูยามโดยไมจ ําเปน และนาํ สิง่ ของท่ี ไมใ ชส ําหรบั ตูยามเขามาเกบ็ ในตูย าม ๓.๔ เขา ไปในรา น โรงเรอื น หรอื บรเิ วณบา นเรอื นของผใู ด หรอื แอบแฝงตวั อยใู นทลี่ บั เมอ่ื ไมมกี จิ จําเปน ในหนาท่ี ๓.๕ ละทิ้งหนาที่ตํารวจประจําตูยามไปกอนที่ยังไมมีผูมาผลัดเปล่ียน แมวาจะพน กําหนดเวลาผลัดของตนไปแลว เวน แตผูบังคับบญั ชาสง่ั จงึ จะไปได คมู อื ยทุ ธวิธีตํารวจ 45
-๓- ในกรณจี าํ เปน ทจ่ี ะตอ งละหนา ที่ เชน จบั กมุ ผกู ระทาํ ผดิ ไดจ ะตอ งนาํ ตวั สง สถานี ตาํ รวจ ใชว ทิ ยุ โทรศพั ท หรอื เปา นกหวดี อาณตั สิ ญั ญาณเรยี กสายตรวจทอี่ อกไปตรวจตราในเขตพน้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบ ใหมาชวยรกั ษาหนาท่ีแทน ถา ไมมสี ายตรวจใกลเคียงหรอื เปนการปจจุบนั ทันดวนไมส ามารถจะแจงใหผ อู น่ื มา รบั หนาทีแ่ ทนได เชน จะตอ งติดตามจับกมุ ผกู ระทําผดิ ไปโดยฉบั พลันทันที ใหล ะหนา ทีไ่ ปได แตเม่อื กลับมา หรอื พน หนา ทตี่ าํ รวจประจาํ ตยู ามแลว จะตอ งรายงานเหตนุ น้ั ใหส บิ เวรหรอื นายรอ ยตาํ รวจเวรทราบและบนั ทกึ ไวในรายงานประจาํ วนั ดว ย เปนหนาที่ของผูบังคับบัญชาตามลําดับช้ันจะตองตรวจตราและกํากับดูแลยาม ทกุ ประเภทใหมีการผลดั เปล่ยี นยามตามกาํ หนดเวลาและปฏิบตั ิตามระเบียบ ขอ ๔ การจดั กําลงั ตํารวจประจําตูยามและการเปลี่ยนผลัด ตูยามแตล ะตูใหจัดกาํ ลังตาํ รวจประจาํ ตามความเหมาะสมแบง เปน ๓ ผลดั ผลดั หนึ่ง ๆ อยูป ระจํา ตยู าม ๘ ชว่ั โมง หมนุ เวยี นกันไป การเปลยี่ นผลดั ของตาํ รวจประจาํ ตยู าม โดยปกตใิ หเ ปลยี่ นในเวลา ๐๘.๐๐ นาฬก า ๑๖.๐๐ นาฬก า และ ๒๔.๐๐ นาฬกา กอนตํารวจประจําตูยามจะไปเปลี่ยนผลัดใหนายรอยตํารวจเวรตรวจจํานวน ความเรียบรอยของเคร่ืองแบบ ความพรอมเกี่ยวกับอาวุธและอุปกรณประจําตัว และใหแนะนําตักเตือน เก่ียวกับการปฏิบัติทุกคร้ัง เสร็จแลวจึงใหนายรอยตํารวจเวรควบคุมไปผลัดเปลี่ยน หามไมใหไปผลัดเปล่ียน หนาท่ีโดยไมมีผูควบคุม ตํารวจประจําตูยามคนใดไมสามารถไปประจําตูยามไดใหรายงานนายรอยตํารวจเวร และใหนายรอยตํารวจเวรพิจารณาจัดผูท่ีเหมาะสมไปแทน การเปล่ียนผลัดของตํารวจประจําตูยาม ใหล งบนั ทกึ ประจําวนั ไวตามระเบยี บดว ย ถา หวั หนา สถานตี าํ รวจมเี หตผุ ลและความจาํ เปน เกย่ี วกบั กาํ ลงั พลหรอื เหตกุ ารณ อาจจะพจิ ารณา ปรบั การดําเนินการตามวรรคหนึง่ และวรรคสองไดตามความเหมาะสม ขอ ๕ การรับสงงานในหนาที่ตํารวจประจําตูยาม เปนหนาที่ของผลัดที่จะพนจากหนาที่ สง มอบงานในหนา ที่ พรอ มดว ยจาํ นวนวสั ดุ อปุ กรณป ระจาํ ตยู าม รวมทง้ั คาํ สงั่ ของผบู งั คบั บญั ชาสง่ั ไว ในระหวา ง เวลาทตี่ าํ รวจประจาํ ตยู ามเกา ปฏบิ ตั หิ นา ทม่ี เี หตกุ ารณผ ดิ ปกตหิ รอื เหตกุ ารณอ นั ควรสบื สวนสงั เกตการณต อ ไป ประการใด ใหต าํ รวจประจาํ ตยู ามเกา ชแ้ี จงมอบหมายใหแ กต าํ รวจประจาํ ตยู ามผลดั ทจ่ี ะเขา รบั หนา ทใี่ หเ ปน การ ถูกตอ ง โดยลงบันทกึ ประจําวนั ของตูยามไวเปน หลักฐาน แลวจงึ จะออกจากหนาท่ีไปได ขอ ๖ การจัดระเบียบตูยามใหหัวหนาสถานีตํารวจพิจารณาจัดใหเหมาะสมตามสภาพของตู ยาม เนือ่ งจากตยู ามแตละแหงมรี ูปแบบและขนาดแตกตางกัน ขอ ๗ วสั ดุ อปุ กรณป ระจาํ ตยู ามใหเ ปน ไปตามอตั ราการจดั ครภุ ณั ฑป ระจาํ ตยู าม แตอ ยา งนอ ย ตองมี ๗.๑ เครอ่ื งมือส่อื สาร ๗.๒ อปุ กรณดับเพลงิ ๗.๓ รายชื่อพรอ มภาพถายของเจา หนาทต่ี ํารวจประจาํ ตยู าม ๗.๔ หมายเลขโทรศพั ทข องสถานทแ่ี ละหนว ยงานสําคญั ในพน้ื ท่ี 46 คมู ือยทุ ธวธิ ตี าํ รวจ
-๔- ๗.๕ ยาสามญั ประจําบาน ๗.๖ อปุ กรณใ นการสอ งสวา ง ๗.๗ สีสเปรยส ีขาว ๗.๘ ปายประชาสมั พนั ธแสดงช่อื สถานตี ํารวจที่รบั ผิดชอบ ๗.๙ แผนท่เี ขตรบั ผิดชอบของตูย าม (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) คมู ือยุทธวิธีตาํ รวจ 47
ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ บทท่ี ๕ การวางยาม ขอ ๑ ในกรณีที่สถานีตํารวจหรือหนวยงานใดตองวางยามรักษาสถานท่ีหลายจุด และติดตอกันหลายผลัด ใหจัดรองสารวัตรหน่ึงคนหรือหลายคนตามความจําเปนทําหนาที่เปน นายรอยตํารวจเวรควบคุมบังคับบัญชายามทรี่ ักษาสถานท่นี ัน้ ในระหวางปฏบิ ัตหิ นา ท่ี กอนถึงเวลาเขายามเปนหนาที่ของนายรอยตํารวจเวรที่จะตองเรียกตํารวจท่ีจะตองเขายาม รักษาสถานที่นั้นมาเขาแถวตรวจวา เคร่ืองแบบสะอาดเรียบรอย และมีอาวุธปน กระสุนปน และอุปกรณ ถูกตองครบถวนตามระเบียบแลวหรือไม ถาเห็นวาผูใดยังแตงเครื่องแบบไมสะอาดเรียบรอยและยังไมมี อาวุธปน กระสนุ ปน และอปุ กรณถ ูกตองครบถวนใหว า กลาวตักเตือนใหจัดการเสียใหมใ หถ ูกตอง เมื่อเหน็ วา เรียบรอ ยดแี ลวใหช้ีแจงภารกิจซงึ่ จะไปปฏบิ ัตินั้นกอ น แลว ดาํ เนินการใหไปปฏบิ ัติหนาทีต่ ามภารกิจ ขอ ๒ ถายามท่ีจะนําไปวางนั้นมีหลายจุดและอยูหางไกลกัน การใหนายรอยตํารวจเวร ซึ่งมีคนเดียวเปนผูนําไปวางอาจจะตองเสียเวลามากเกินควร ใหนายรอยตํารวจเวรพิจารณาแบงยาม ออกเปนพวก ๆ แลวใหนายรอยตํารวจเวรนําไปวางพวกหน่ึง สวนพวกท่ีเหลือใหยามที่มีอาวุโสในพวก ของตนนําไปวาง เฉพาะยามที่มีอาวุโสเม่ือนํายามไปวางแลวตองไปเขายามรักษาการณในหนาท่ีของตน ตามทก่ี ําหนดไวอ ีกดวย สถานที่วางยามแหงใดอยูหางไกลจากสถานีตํารวจไมสะดวกแกการท่ีจะเขาแถวเดินไป สบั เปลี่ยน ใหนายรอ ยตํารวจเวรพจิ ารณาส่ังการเดนิ ทางไปสบั เปล่ียนยามไดตามความเหมาะสม (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) 48 คูมอื ยุทธวิธตี ํารวจ
ลักษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ บทท่ี ๖ สิบเวรสถานตี ํารวจ ขอ ๑ สถานีตํารวจนครบาลและสถานีตํารวจภูธรตองจัดใหมีสิบเวร โดยจัดจากผูบังคับหมู งานปอ งกันปราบปรามปฏบิ ัติหนา ที่สบั เปลย่ี นหมุนเวยี นกันไป ขอ ๒ สิบเวรตองประพฤติตามบทที่ ๒ ขอ ๑ และขอ ๒ และตองไมประพฤติตามขอ ๓ ยกเวน ๓.๑ ขอ ๓ สิบเวรมีหนาทีโ่ ดยทัว่ ไปเปน ผูชว ยนายรอ ยตํารวจเวร และมหี นา ท่ีโดยตรง ดังน้ี ๓.๑ ตรวจตรา กํากับ ดแู ลยามประจําสถานีตาํ รวจใหปฏิบัตหิ นาท่ีตามระเบียบ ๓.๒ ตรวจจายอาวุธปน กระสุนปน วัสดุ อุปกรณแกตํารวจที่ขอเบิกไปใชในการ ปฏบิ ตั ิหนาท่ี ๓.๓ ตรวจรับอาวุธปน กระสุนปน วัสดุ อุปกรณคืนจากตํารวจท่ีกลับจากปฏิบัติ หนาท่ีใหมีจํานวนตรงตามที่เบิกไป โดยเฉพาะอาวุธปนตองอยูในสภาพสะอาด หมายเลขปนถูกตอง หากสงคนื ไมครบหรือชํารุดเสยี หายใหผ ูเ บกิ รายงานเหตุเปน ลายลักษณอ กั ษร แลวรายงานนายรอ ยตํารวจเวร ทราบและลงประจาํ วนั ไวเ ปน หลักฐาน ๓.๔ ถามีตาํ รวจจากหนวยงานอืน่ นําอาวุธปน กระสนุ ปนมาฝาก ใหป ฏบิ ตั ติ าม ๓.๒ และ ๓.๓ ๓.๕ ราวปนหรือตูเก็บอาวุธปนตามปกติใหใสกุญแจไว เวนแตเวลาเบิกจาย หรือ ผูบ ังคบั บญั ชาสงั่ การเปน อยางอน่ื ๓.๖ ถา มตี าํ รวจตอ งโทษทางวนิ ยั กกั ยามหรอื กกั ขงั อยทู สี่ ถานตี าํ รวจ สบิ เวรตอ งตรวจ จาํ นวนใหถูกตอ งครบถว นดูแลมิใหหลบหนี ๓.๗ ชวยงานประชาสัมพันธเมื่อมีประชาชนมาติดตอสอบถามเรื่องราวเหตุการณ ใด ๆ ถาไมใชความลับหรือเกนิ อาํ นาจหนาทใ่ี หอ ํานวยความสะดวกดว ยอัธยาศยั ไมตรีอนั ดียิ่ง ๓.๘ พิมพลายนิ้วมือบุคคลท่ีหนวยงานตํารวจหรือหนวยงานอ่ืนสงมาเพ่ือตรวจสอบ ประวตั บิ ุคคล ๓.๙ การปฏิบัตติ อ ผถู ูกควบคุม ใหดําเนนิ การ ดงั น้ี ๓.๙.๑ เมอ่ื มผี นู าํ อาหาร เครอื่ งดมื่ หรอื ของใชม าเยย่ี มทกุ กรณี หรอื การเลยี้ ง อาหารตามระเบยี บ ใหปฏิบตั ิตาม ๑.๙ และ ๑.๑๐ ของบทท่ี ๓ ๓.๙.๒ เม่ือตํารวจจับกุมตัวผูตองหามาสงใหรายงานผูบังคับบัญชาหรือ นายรอยตํารวจเวรทราบ แลวตรวจคนตัววาไมมีสิ่งของผิดกฎหมาย สิ่งของตองหาม เชน วัสดุท่ีพอจะใชผูก คมู ือยทุ ธวิธีตาํ รวจ 49
-๒- คอตายได การคน ตัวถา ผูถ ูกควบคุมเปนหญงิ ตอ งใหผ ูหญงิ คนแทน แลว นาํ เขา หอ งควบคุมโดยแยกชาย หญงิ และเดก็ การควบคมุ ตองปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ระเบยี บ และคาํ สั่งทีเ่ กี่ยวขอ งกบั คดีอีกดว ย ๓.๙.๓ การนําตัวออกจากหองควบคุมและการนําตัวเขาหองควบคุมตอง ตรวจคนตัวทุกคร้ัง การเปดปดประตูหองควบคุมตองมีตํารวจรวมดําเนินการอยางนอยสองคน หามตํารวจท่ี เปดปดประตหู องควบคุมนาํ อาวธุ ปนติดตัว เพราะอาจจะถูกแยงอาวธุ ปน ได ๓.๙.๔ พิมพล ายนิ้วมือผูตองหาท่ีถูกจบั กุมมาใหม ๓.๙.๕ ดแู ลไมใ หผ ทู ถ่ี กู ควบคมุ ตวั หลบหนี กอ เหตวุ วิ าทกนั หรอื พยายามฆา ตัวตาย ๓.๙.๖ การนาํ ตวั ออกจากหอ งควบคมุ ตอ งไดร บั อนญุ าตจากนายรอ ยตาํ รวจเวร หรือผูบ ังคับบัญชากอน ตองใสก ุญแจมือและระมัดระวังโดยใกลชดิ ปองกนั มใิ หห ลบหนี ๓.๙.๗ การจะควบคุมตัวตํารวจไวในหองควบคุมตองใหถอดเครื่องแบบ กอน และตองควบคุมไวในหองที่แยกจากหองควบคุมผูตองหาท่ัวไป สวนการควบคุมตัวทหารใหปฏิบัติตาม ระเบยี บและคําสัง่ ท่เี กยี่ วของ ขอ ๔ การจัดเวรปฏิบัติหนาท่ีสิบเวรใหเปนไปตามท่ีผูบังคับบัญชากําหนด โดยหากจัด ผลัดละ ๒๔ ชั่วโมง ใหผลัดเปล่ียนกันเวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา ในระหวางปฏิบัติหนาท่ีเม่ือถึงเวลา ๒๑.๐๐ นาฬกา ใหสิบเวรพักผอนอยูในบริเวณสถานีตํารวจได หากจัดผลัดละ ๘ ชั่วโมง ใหผลัดเปลี่ยนเวร เวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา ๑๖.๐๐ นาฬก า ๒๔.๐๐ นาฬกา ตามลาํ ดับ ขอ ๕ การผลัดเปลี่ยนหนาท่ีของสิบเวร ใหสิบเวรเกามอบหมายหนาท่ีใหสิบเวรใหมตาม ระเบียบ ถามีทรัพยสิ่งของท่ีสิบเวรเการักษาอยู หรือมีคําสั่งของผูบังคับบัญชาส่ังไว มีพฤติการณผิดปกติ หรือพฤติการณอันควรสืบสวนสังเกตการณตอไปประการใด ใหสิบเวรเกาช้ีแจงมอบหมายแกสิบเวรใหม ใหเขาใจ เปนหนาท่ีของสิบเวรใหมท่ีจะตองตรวจตราส่ิงของใหครบถวนถูกตองโดยทันที ถามีสิ่งใดเสียหายก็ ใหแจง แกน ายรอยตาํ รวจเวรทราบ สิบเวรเกา สิบเวรใหมตองรวมกันตรวจจํานวนผูถูกควบคุมใหมีจํานวนครบถวน และตองตรวจ หองควบคุมทุกหองไมใหซุกซอนอาวุธ สิ่งของผิดกฎหมาย สิ่งของตองหามไว รวมท้ังสภาพหองควบคุม มีความมน่ั คงแข็งแรงหรือไม ประการใด และลงประจาํ วนั ไวเ ปน หลกั ฐาน (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) 50 คูมือยุทธวิธีตาํ รวจ
ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ บทที่ ๗ นายรอ ยตาํ รวจเวรสถานีตํารวจ ขอ ๑ สถานีตํารวจนครบาลและสถานีตํารวจภูธรตองจัดใหมีนายรอยตํารวจเวร โดยจัด จากรองสารวัตรงานปองกนั ปราบปรามปฏิบตั หิ นา ท่ีสับเปลยี่ นหมนุ เวียนกนั ไป ขอ ๒ หนา ทีข่ องนายรอยตํารวจเวร มีดังน้ี ๒.๑ รับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบรอย ความปลอดภัย ในบริเวณสถานี ตํารวจ โดยเฉพาะหองควบคุมผูตองหา สถานท่ีเก็บของกลาง สถานท่ีเก็บอาวุธปน กระสุนปน วัตถุระเบิด เครื่องมือส่ือสาร สถานท่ี และตเู กบ็ เอกสารสาํ คัญไมใ หถ ูกโจรกรรมหรอื ทาํ ใหเ สยี หาย ๒.๒ ควบคุม กํากับ ดูแลใหสิบเวรและยามปฏิบัติหนาท่ีใหเปนไปตามระเบียบ และคําสงั่ ของผูบังคบั บัญชา ๒.๓ กอนวางยามตองเรียกขาราชการตํารวจที่จะตองเขายามมาเขาแถว แลว ตรวจการแตงเคร่ืองแบบใหถูกตอง มีอาวุธปน กระสุนปน อุปกรณใหครบถวน แลวแจงถึงภารกิจที่จะมอบ ใหย ามไปดาํ เนนิ การ ๒.๔ ดูแลการสงมอบหนาท่ีของยามและสิบเวรใหเปนไปตามระเบียบ ถามีทรัพย สงิ่ ของทีย่ ามดูแลเสยี หายกใ็ หดําเนนิ การไปตามระเบียบ ๒.๕ เมื่อมีผูขออนุญาตเย่ียมผูถูกควบคุมนอกเวลาเย่ียมใหพิจารณาวามีเหตุผลและ สมควรประการใด แลว ใหดาํ เนินการไปตามท่ีเหน็ สมควร ๒.๖ เมื่อมีการจับกุมผูตองหามาสงก็ใหพิจารณา ถาเห็นวาการจับกุมนั้นถูกตอง ตามกฎหมาย ก็สั่งสิบเวรและยามตรวจคนตัวแลวนําเขาหองควบคุม ถาผูถูกควบคุมเปนผูหญิงตองให ผหู ญงิ ตรวจคน แทน ๒.๗ ปฏบิ ัติหนาทอี่ ่ืน ๆ ทเี่ ก่ยี วของหรอื ไดร บั มอบหมาย ขอ ๓ นายรอยตํารวจเวรตองแตงเครื่องแบบในระหวางปฏิบัติหนาที่ใหถูกตองตาม ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาตวิ า ดว ยการแตง เครอ่ื งแบบ ขอ ๔ การจัดเวรปฏิบัติหนาท่ีของนายรอยตํารวจเวรใหเปนไปตามท่ีผูบังคับบัญชากําหนด โดยหากจัดผลัดละ ๒๔ ช่ัวโมง ใหผลัดเปล่ียนกันเวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา ในระหวางปฏิบัติหนาท่ีเมื่อถึงเวลา ๒๑.๐๐ นาฬกา ใหนายรอยตํารวจเวรพักผอนอยูในบริเวณสถานีตํารวจได หากจัดผลัดละ ๘ ช่ัวโมง ใหผ ลดั เปลย่ี นเวลา ๐๘.๐๐ นาฬก า ๑๖.๐๐ นาฬกา ๒๔.๐๐ นาฬก า ขอ ๕ การผลัดเปล่ียนหนาท่ีของนายรอยตํารวจเวร ใหนายรอยตํารวจเวรผลัดเกาสงมอบ หนาที่ใหเวรผลัดใหมตามระเบียบ ถามีทรัพยสิ่งของที่เวรผลัดเการักษาอยู หรือมีคําสั่งของผูบังคับบัญชา คมู อื ยทุ ธวธิ ีตํารวจ 51
-๒- สั่งไวประการใด ในชวงเวลาท่ีผานมามีเหตุการณสําคัญอะไรเกิดขึ้นดําเนินการไปแลวประการใด เวรผลดั ใหมจ ะตอ งรบั ไปดาํ เนนิ การตอ ไปอยา งไร หรอื ไม ใหเ วรผลดั เกา ชแ้ี จงมอบหมายแกเ วรผลดั ใหมใ หเ ขา ใจ นายรอยตํารวจเวรเกา นายรอยตํารวจเวรใหมตองรวมกันตรวจจํานวนผูถูกควบคุมวา มีจํานวนครบถวนหรือไม และตองตรวจหองควบคุมทุกหองไมใหซุกซอนอาวุธ สิ่งของผิดกฎหมาย ส่ิงของตองหามไว รวมท้ังสภาพหองควบคุมมีความม่ันคงแข็งแรงหรือไม ประการใด และลงประจําวัน ไวเ ปนหลกั ฐาน (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) 52 คมู อื ยทุ ธวิธตี าํ รวจ
ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ บทท่ี ๘ พนักงานสอบสวนเวร ขอ ๑ สถานีตํารวจนครบาล สถานีตํารวจภูธร และหนวยงานอื่นที่มีงานสอบสวน เชนเดยี วกัน ตองจดั ใหมพี นักงานสอบสวนเวรเขา เวรตลอดเวลาปฏบิ ัตหิ นาท่ีสบั เปล่ยี นหมนุ เวียนกันไป ขอ ๒ หนาท่ขี องพนกั งานสอบสวนเวร มดี ังน้ี ๒.๑ เม่ือไดรับแจง วา ไดม เี หตเุ กดิ ขึ้นใหทาํ การสอบสวนโดยเรงดวน ๒.๒ ในกรณีที่ไดรับแจงเหตุทางโทรศัพทหรือทางอ่ืนซ่ึงผูแจงมิไดมาที่สถานีตํารวจ ดวยตนเอง และเปนกรณีที่จําเปนจะตองตรวจสถานที่เกิดเหตุ หรือกรณีผูแจงมีเหตุจําเปนไมสามารถมา สถานีตํารวจดวยตนเองได เชน เจ็บปวย ใหออกไปทําการสอบสวนโดยรีบดวน ในกรณีเชนน้ีการลงบันทึก ประจาํ วันรบั แจง ไมต อ งใหผ แู จงลงลายมอื ชอื่ เปน หลกั ฐาน ๒.๓ เม่ือไดรับแจงวามีเหตุเกิดข้ึนตาม ๒.๑ และ ๒.๒ ถาเปนกรณีท่ีมีระเบียบ ขอบังคับกําหนดใหตองรายงาน หรือพิจารณาเห็นสมควรรายงานใหผูบังคับบัญชาทราบ ก็ใหรายงานให ผบู ังคบั บัญชาทราบ ๒.๔ เมื่อไดรับคํารองทุกขไวแลว ใหมอบบัตรรับเรื่องราวรองทุกขตามแบบทาย บทน้ี ใหกบั ผูรองทกุ ขห รือกลา วโทษ เพอ่ื สะดวกในการติดตอกับพนกั งานสอบสวนภายหลัง ๒.๕ เมื่อพนจากหนาท่ีเขาเวรสอบสวนใหรายงานการปฏิบัติใหหัวหนางาน สอบสวนทราบ ๒.๖ ในระหวางปฏิบัติหนาท่ีเขาเวรสอบสวน ถาจะนัดผูเสียหายหรือพยาน มาสอบสวนในระหวางเขาเวร ตองพิจารณามิใหเปนปญหาอุปสรรคตอการปฏิบัติงานในขณะเขาเวร สอบสวน ๒.๗ ใหทําการสอบสวนคดีท่ีรับผิดชอบใหแลวเสร็จตามกําหนด สวนการ ดําเนินการสอบสวนจะทําในวัน เวลา สถานที่ใดใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับเกี่ยวกับ การสอบสวน โดยพจิ ารณาถงึ ความสะดวกของผถู กู สอบสวน ผเู สยี หาย หรอื พยานดว ยเทา ทจี่ ะสามารถกระทาํ ได ๒.๘ การสอบสวนในกรณีที่ตองมีการสืบสวนหลังเกิดเหตุ ใหประสานการปฏิบัติ กับผูมหี นา ท่ีสืบสวนอยางใกลชิด ขอ ๓ พนักงานสอบสวนเวรตองแตงเครื่องแบบในระหวางปฏิบัติหนาที่ใหถูกตองตาม ระเบยี บสาํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาตวิ าดว ยการแตง เครื่องแบบ ขอ ๔ การจัดพนักงานสอบสวนเวรปฏิบัติหนาที่ใหเปนไปตามที่ผูบังคับบัญชากําหนด หากจัดผลัดละ ๒๔ ชั่วโมง ใหผลัดเปล่ียนกันเวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา หากจัดผลัดละ ๘ ชั่วโมง ใหผ ลัดเปล่ยี นกนั เวลา ๐๘.๐๐ นาฬก า ๑๖.๐๐ นาฬก า ๒๔.๐๐ นาฬกา คมู อื ยทุ ธวิธตี ํารวจ 53
-๒- ขอ ๕ การผลัดเปลี่ยนหนาที่ของพนักงานสอบสวนเวร ใหพนักงานสอบสวนเวรเกา สงมอบหนาที่ใหพนักงานสอบสวนเวรใหมตามระเบียบ ถามีทรัพยสิ่งของท่ีพนักงานสอบสวนเวรเการักษาอยู และตองสงมอบ หรือมีคําสั่งของผูบังคับบัญชาไวประการใด ในชวงเวลาที่ผานมามีเหตุการณสําคัญอะไร เกดิ ขนึ้ จดั การไปแลว ประการใด พนกั งานสอบสวนเวรใหมจ ะตอ งรบั ไปจดั การตอ ไปอยา งไร หรอื ไม ใหพ นกั งาน สอบสวนเวรเกา ชแ้ี จงมอบหมายแกพนักงานสอบสวนเวรใหมใหเขา ใจ (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) 54 คมู ือยุทธวิธีตํารวจ
๑๔.๘ เซน ิตเมตร -๓- ๑๔.๘ เซนติเมตร (ดา นหนา บัตร) ๒๑ เซนติเมตร บตั รรบั เรอ่ื งราวรองทกุ ข เลขทร่ี บั เรอ่ื ง.............................................................................................................. วนั ทร่ี บั เรอื่ ง............................................................................................................... ชอ่ื ผถู กู รอ งเรยี น........................................................................................................ สงั กดั /ทอี่ ยผู ถู กู รอ งเรยี น........................................................................................... (ดานหลังบตั ร) ๒๑ เซนติเมตร (ชอ่ื หนว ยงานทรี่ บั เรอื่ งราวรอ งทกุ ข) ................................................................................ (ทตี่ ง้ั หนว ยงานทรี่ บั เรอ่ื งราวรอ งทกุ ข) .............................................................................. ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ (โทรศพั ทห นว ยงานทร่ี บั เรอ่ื งราวรอ งทกุ ข) ....................................................................... คมู ือยุทธวิธีตาํ รวจ 55
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340