Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 31_การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม

31_การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม

Published by bird.tent2626, 2020-04-21 03:22:32

Description: 31_การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม

Search

Read the Text Version

7. ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิ การควบคมุ การตรวจสอบการปฏิบตั ิ 7.1 เรยี กแถวตรวจยอดกาํ ลงั พล ตรวจความพรอ มของเจา หนา ทต่ี าํ รวจผปู ฏบิ ตั ิ รวมทงั้ อปุ กรณ เครื่องมือ-เครือ่ งใชก ารตงั้ จุดตรวจ 7.2 อบรมช้ีแจงสถานภาพอาชญากรรม การปฏิบัติของเจาหนาท่ีตํารวจในชวงเวลาที่ผานมา แนวนโยบายและคําส่ังของผูบ งั คบั บัญชา และขอราชการตาง ๆ ทีเ่ กยี่ วของ 7.3 กําหนดตัวเจาหนาที่ตํารวจผูปฏิบัติในแตละสวนของพื้นท่ีจุดตรวจ และทําความเขาใจกับ บทบาทหนา ทข่ี องแตละคนใหชัดเจน 7.4 การต้ังจุดตรวจ หรือจุดสกัด ใหรายงานทางศูนยวิทยุ ใหผูบังคับบัญชาทราบเมื่อเริ่มตน และในระหวางการปฏิบัติหนาท่ีตรวจคนของเจาหนาที่ผูปฏิบัติ ผูที่ทําหนาท่ีเปนผูควบคุมจะตองกํากับดูแล การปฏิบัติใหเปนไปตามระเบียบ กฎหมาย เพ่ือมิใหเจาหนาท่ีผูปฏิบัติแสวงหาประโยชนโดยมิชอบเกิดข้ึน ระหวา งปฏิบัติหนา ท่ี 7.5 เม่ือเสร็จส้ินการปฏิบัติใหรายงานผลการปฏิบัติเปนลายลักษณอักษร เสนอผูบังคับบัญชา ตามลําดบั ชั้นจนถงึ ผูส่ังอนุมัติ ภายในวันถัดไปเปน อยางชา 8. การตรวจคนรถเพื่อไมใหเกิดขอผิดพลาดและการคนซ้ํา สรางความเดือดรอน ความรําคาญ ใหก ับประชาชนโดยท่วั ไปเนือ่ งจากใชเวลานาน ควรดําเนนิ การดงั นี้ 8.1 ใหแบงพน้ื ทีร่ ถท่ีตองทําการตรวจคน ออกเปน 5 สวน คือ สวนท่ี 1 พนื้ ทีภ่ ายในรถดานหนาตรงผขู บั ข่ี และผูโ ดยสารดานหลังผขู บั ขี่ สวนท่ี 2 พ้นื ทภ่ี ายในรถดา นหนา ขา งซา ยผขู ับข่ี และผูโดยสารดานหลงั ดานซา ยผูข บั ขี่ สว นท่ี 3 กระโปรงทา ยรถ สว นท่ี 4 กระโปรงหนารถ สว นท่ี 5 ใตทอ งรถ 6 คมู ือยุทธวิธตี าํ รวจ

8.2 กรณรี ถของบุคคลทว่ั ไปท่เี ขา มาในพื้นทีก่ ารตั้งจดุ ตรวจ จะทาํ การตรวจคนเฉพาะสวนที่ 1 และสวนท่ี 2 เทานั้น คอื - ใตเ บาะคนขบั ลิ้นชกั คอนโซล เจา หนา ที่ตํารวจท่อี ยดู านผขู ับขจ่ี ะตรวจคนรถในสวนที่ 1 และสวนที่ 3 เจา หนา ที่ตํารวจทีอ่ ยูดานซา ยของผูขับข่จี ะทําการตรวจคนรถในสวนท่ี 2 และสว นท่ี 4 9. การแบง พนื้ ท่บี ริเวณจดุ ตรวจ สามารถแบงเปน 5 สวน ดังน้ี คูม ือยทุ ธวธิ ีตาํ รวจ 7

9.1 พื้นท่ีสวนแรก เปนพื้นที่เฝาสังเกตรถและบุคคลตองสงสัยท่ีอยูภายในรถที่จะว่ิงผาน เขามาในบริเวณพ้ืนท่ีตั้งจุดตรวจ เพ่ือแจงขอมูลกลับไปยังผูควบคุมจุดตรวจ รวมทั้งเปนจุดสกัดรถตองสงสัย ที่มีเจตนาจะหลบหนีไมยินยอมเขามาบริเวณพื้นท่ีท่ีตั้งจุดตรวจคน หรือไลติดตามรถที่วกกลับไปยังทิศทาง ที่เขา มาโดยมีเจาหนาที่ตาํ รวจฝายปอ งกันชดุ นอกเครอื่ งแบบ (ชุดจูโ จม) อยูปฏบิ ตั ิ 2 คน โดยอยกู อนถึงพน้ื ท่ี ต้ังจุดตรวจหา งประมาณ 20 เมตร หรือตามความเหมาะสมของสภาพพ้นื ท่ี 9.2 พ้นื ท่ีสวนท่ีสอง เปนพน้ื ทที่ ีพ่ จิ ารณาคัดเลือกรถตอ งสงสัยเพ่ือโบกรถเขามาสพู น้ื ทีต่ รวจคน ซึ่งจะมีเจา หนาที่ตํารวจ 1 นาย เปน ผคู ัดเลือกและสังเกตพฤตกิ รรมของรถทจ่ี ะเขา จุดตรวจคน โดยมเี จาหนาที่ ตาํ รวจฝา ยปอ งกัน 1 คน ฝา ยจราจร 1 คน และเจาหนาท่ตี าํ รวจที่ทําหนาท่เี ปน หัวหนา สายตรวจ (นายตาํ รวจ ระดบั สญั ญาบัตรข้ึนไป) 1 คน รวมเจาหนา ท่จี าํ นวน 3 คน 9.3 พ้ืนท่ีสวนท่ีสาม เปนพ้ืนท่ีตรวจคน มีเจาหนาที่ตํารวจฝายปองกันทําหนาที่ตรวจคนรถ และบุคคลตองสงสยั ทน่ี ่งั มา 3 ชดุ ปฏิบัติ (1 ชุดปฏิบตั มิ ี 3-4 คน รถท่เี ขาทาํ การตรวจคน ควรมีไมเกิน 3 คนั ในแตละชวงท่ีทําการตรวจคน และการตรวจคนใชเจาหนาที่ตํารวจ 3-4 คนตอรถทําการตรวจคน 1 คัน โดยคน 2 คน คมุ กนั 1-2 คน) โดยมีเจาหนาท่ีตํารวจฝายปองกันอีก 1 คน ทําหนาที่บันทึกภาพขณะตรวจคนไวเปนหลักฐาน และมเี จา หนา ทต่ี าํ รวจฝา ยจราจรอกี 1 คน ทาํ หนา ทด่ี าํ เนนิ การในสว นความผดิ ตาม พ.ร.บ.จราจร และอาํ นวย ความสะดวกดา นการจราจร และใหม ีนายตํารวจระดบั สารวัตร ซ่ึงเปน ผคู วบคมุ การปฏบิ ตั คิ อยดแู ลอยูใ นสวน พนื้ ท่ี 3 เปนหลกั 9.4 พื้นที่สวนที่สี่ เปนพื้นท่ีคอยสกัดรถ หากรถตองสงสัยที่เขามาในพื้นที่ต้ังจุดตรวจไมยอม หยุดรถใหทําการตรวจคน เจาหนาท่ีตํารวจฝายปองกันท่ีอยูปฏิบัติหนาท่ีทายพื้นท่ีจุดตรวจนี้จะทําหนาที่ นาํ รถตํารวจ ทีจ่ อดอยูทา ยจดุ ตรวจเขาสกดั ขวางกน้ั ไมใหผานหรอื ไลต ดิ ตามหากหลบหนี โดยจะมีเจาหนาท่ีตํารวจทําหนาท่ีประจํารถยนตสายตรวจ 1 คัน 1 คน และเจาหนาที่ตํารวจ ประจาํ รถสายตรวจจกั รยานยนต 1 คัน 2 คน รวมเจา หนา ทจี่ าํ นวน 3 คน 9.5 พ้ืนทส่ี วนทหี่ า เปนพ้นื ท่คี วบคมุ ผกู ระทาํ ความผดิ มีเจาหนา ท่ีตํารวจฝา ยปอ งกันอยปู ฏิบัติ อยา งนอย 2-3 คน และมีรถยนตสําหรบั ควบคมุ ผูตอ งหาจอดอยบู ริเวณพื้นที่น้ี ระยะระหวางสวนที่ 1 ถึงสวนที่ 5 ควรจัดใหมีระยะตามความเหมาะสมท่ีผูควบคุมการปฏิบัติ สามารถจะดูแลจดุ ตรวจ จดุ สกัด ไดทัว่ ถึง 8 คูมอื ยทุ ธวธิ ตี ํารวจ

10. ยุทธวิธีตาํ รวจในการตัง้ จดุ ตรวจ และจุดสกัด การตง้ั จุดตรวจบนทางทีม่ ีการจราจรไปในทศิ ทางเดยี วกนั (One way) การตัง้ จุดตรวจคน One Way (หนา ดา น) 10.1 กําหนดเลือกบริเวณพ้ืนที่จะทําการตรวจ โดยคาํ นงึ ความปลอดภยั ของผปู ฏบิ ตั งิ าน และประชาชนผถู กู ตรวจคน เปน สาํ คญั เชน ไมต ง้ั จดุ ตรวจหรอื จดุ สกดั บรเิ วณทางโคง เชงิ สะพาน ท่ีลาดชันหรือบริเวณทเี่ ปนจุดอับสายตา เปน ตน การต้งั จุดตรวจคน One Way (ทา ยดาน) 10.2 ติดต้ังแผงสัญญาณที่มีเครื่องหมายแสดงคําวา “หยดุ ตรวจ” ไวบ นผวิ จราจรในชอ งทางดา นซา ยใหผ ขู บั ขสี่ ามารถ มองเหน็ ไดใ นระยะไกลโดยสะดวก และควรมกี รวยยางคาดแถบ สสี ะทอ นแสงวางเปน แนวเฉยี งออกไปทางดา นหนา แผงสญั ญาณ เปนระยะพอสมควร และวางกรวยยางใหเปนชองทางตามแนว ขนานกันเพื่อเตือนและบังคับรถท่ีแลนเขามาใหเบี่ยงออกไป ไมพ ุง ตรงเขาชนแผงปายสญั ญาณ 10.3 หลงั แผงปา ยสญั ญาณเครอื่ งหมาย “หยดุ ตรวจ” หา งออกไปเลก็ นอ ยใหน าํ รถยนตส ายตรวจ จอดทํามุม 45 องศากับแนวขอบถนน หันหนาไปทางทิศทางกระแสจราจร เพ่ือใชเปนกําบังสําหรับบริเวณ “เขตพนื้ ทค่ี วามปลอดภยั ” และเปด สญั ญาณไฟวบั วาบไวเ พอื่ เพมิ่ จดุ สงั เกตตรงสว นบรเิ วณ “เขตพน้ื ทป่ี ลอดภยั ” ดานนอก และควรวางกรวยยางเปนแนวเพื่อกําหนดบริเวณพื้นท่ีตรวจคนไวเปนการปองกันอุบัติเหตุจากรถท่ี อาจหักเลีย้ วเขา มาในบรเิ วณ “เขตพ้ืนทีป่ ลอดภยั ” อยา งกะทันหัน 10.4 ทายจดุ ตรวจ ใหจ ดั รถยนตสายตรวจ 1 คัน และรถจกั รยานยนต 1 คนั จอดอยูใ นลักษณะ เตรยี มพรอมกรณีตองไลต ดิ ตามรถท่หี ลบหนี 10.5 สาํ หรบั รถจกั รยานยนตข องเจา หนา ทต่ี าํ รวจทรี่ ว มตรวจคน อาจใหจ อดชดิ ขอบทางดา นซา ย เพ่อื ปอ งกัน “เขตพืน้ ทีป่ ลอดภยั ” โดยหนั หนา ไปตามทศิ ทางการจราจรและพรอมทจ่ี ะใหการสนับสนนุ การไล ตดิ ตามรถทห่ี ลบหนี คูม ือยุทธวิธีตํารวจ 9

10.6 การวางกาํ ลงั เจา หนาทีต่ ํารวจ 1) ชน้ั ประทวน ใชเ ปน กาํ ลงั เรียกรถและทาํ หนาทต่ี รวจคนบริเวณ “เขตพนื้ ท่ปี ลอดภัย” การตรวจคนควรทําเปนคู เขาคนทีละดานของยานพาหนะ โดยแบงหนาท่ีกันใหชัดเจนวาใครเปนผูตรวจคน และใครทําหนาทีค่ มุ กัน 2) นายตํารวจช้ันสญั ญาบตั ร ทาํ หนา ที่เปน หวั หนาจุดตรวจ ควบคมุ ดแู ลและรบั ผดิ ชอบ การตรวจคนของผใู ตบ ังคบั บัญชา อยูในบรเิ วณ “เขตทป่ี ลอดภยั ” หากมกี าํ ลงั นอ ย กใ็ หล ดกําลงั ผปู ฏิบตั ลิ งได แตย งั คงใหถือปฏบิ ตั ิตามยทุ ธวธิ ดี งั กลาวขา งตน การตง้ั จุดตรวจบนทางที่มกี ารจราจรไปในทศิ ทางสวนกนั (Two way) 1. การวางกําลังและมาตรการรักษาความปลอดภัยใหใชทํานองเดียวกันกับการตั้งจุดตรวจ บนทางที่มกี ารจราจรไปในทิศทางเดียวกนั (One way) โดยอนโุ ลม 2. การเรียกตรวจคน ยานพาหนะ ควรเลือกตรวจคน ยานพาหนะทม่ี าจากทศิ ทางใดทศิ ทางหนึ่ง เพยี งดา นเดียว ไมค วรเรยี กตรวจคน ยานพาหนะพรอ มกันทั้ง 2 ทศิ ทาง เพราะจะทําใหเ กดิ จุดออนในการระวงั รักษาความปลอดภัยแกผูตองสงสัยที่ถูกตรวจและเจาหนาท่ีตํารวจที่เขามาทําการตรวจคน รวมทั้งกอใหเกิด ปญ หาดา นการจราจรอีกดว ย 10 คูมอื ยุทธวธิ ตี าํ รวจ

การต้ังจดุ ตรวจบนทางเดนิ รถที่บรเิ วณสี่แยก (Intersection) 1. ในการกาํ หนดพนื้ ทท่ี จ่ี ะเลอื กทาํ การตง้ั จดุ ตรวจ นอกจากตอ งคาํ นงึ ในเรอ่ื งความปลอดภยั ของ ผปู ฏบิ ัติงานแลว ยงั ตอ งคํานึงถึงสภาพการจราจรโดยรอบบริเวณท่ีมกี ารต้ังจุดตรวจดว ย วา จะเกดิ ผลกระทบ ดานการจราจรในทศิ ทางทีอ่ ยูรอบ ๆ บรเิ วณที่กาํ หนดใหม ีการตงั้ จุดตรวจหรอื ไม ดงั นั้น การควบคมุ สัญญาณ ไฟจราจรจะตองมีความสัมพันธกับการปฏิบัติงานและผลกระทบกับผูสัญจรไปมาในทิศทางอ่ืน รวมท้ังตองมี การหมุนเวียนกระแสการจราจรกบั พ้นื ท่ขี างเคยี งดว ย 2. ในการปฏบิ ตั หิ นา ทท่ี จ่ี ะตอ งมเี จา หนา ทต่ี าํ รวจจราจรมาควบคมุ สญั ญาณไฟจราจรไฟในทศิ ทาง ตรงขามกับพ้ืนที่ที่จะกําหนดใหเปนจุดตรวจเพ่ือใหมีสวนในการปฏิบัติ รวมทั้งสังเกตการณในพื้นที่สวนที่หา ซง่ึ เปน การปฏบิ ตั ขิ องเจา หนา ทท่ี ที่ าํ การตรวจคน บคุ คลและยานพาหนะทอ่ี ยใู นชอ งทางเดนิ รถทจี่ ะมกี ารตรวจ และมกี ารควบคมุ สภาพการจราจรโดยรอบบรเิ วณสแี่ ยกดา นอนื่ ๆ โดยกาํ หนดใหเ ปน การควบคมุ ระบบสญั ญาณ ไฟจราจรดว ยบคุ คล (manual control) เพือ่ ใหม กี ารสมั พนั ธก ับการปฏบิ ัติของเจา หนาท่ที ีม่ กี ารตงั้ จุดตรวจ และสัมพันธก ับพื้นทต่ี อ เนอื่ งขางเคียงดว ย 3. มกี ารใชแ ผงสญั ญาณทมี่ เี ครอ่ื งหมายแสดงคาํ วา “หยดุ ตรวจ” ไวบ นผวิ การจราจร ในชอ งทาง เดินรถดานซา ยกอ นถงึ บริเวณท่เี ปน สแ่ี ยกซ่งึ เปน พ้นื ทสี่ ว นที่สอง เพอื่ ใหผ ขู ับขีย่ านพาหนะไดท ราบวา มีการต้ัง จดุ ตรวจขึ้นบริเวณทเ่ี ปน สแ่ี ยก โดยมกี ารวางกรวยยางคาดแถบสีสะทอ นแสงเปน แนวยาวเรยี งไปตามชอ งทาง เดนิ รถจากบรเิ วณทกี่ าํ หนดใหเ ปน พนื้ ทเ่ี รม่ิ ทาํ การตรวจจนไปสนิ้ สดุ ทสี่ แี่ ยกซงึ่ มสี ญั ญาณไฟจราจร กอ นจะขา ม บรเิ วณสแี่ ยก (ไมน อ ยกวา 30 เมตร) โดยวางกรวยยางเรยี งเปน แถวยาวตามแนวชอ งทางเดนิ รถ ทง้ั นใี้ หค าํ นงึ ถงึ ความปลอดภัยของเจา หนาทีต่ าํ รวจที่ทาํ การตรวจเปน สําคัญ คมู อื ยุทธวธิ ีตํารวจ 11

4. ดา นพืน้ ท่ีสว นทหี่ า ซ่งึ อยูท ายมีรถยนตส าํ หรบั ควบคุมผูกระทาํ ผิดจอดเฉียงทาํ มมุ 45 องศา ที่บริเวณชองทางเดินรถดานเล้ียวซายผานตลอดไว เพ่ือกําหนดใหมีพ้ืนที่ท่ีจะควบคุมผูกระทําผิดและสําหรับ จอดยานพาหนะทจ่ี ะตอ งทาํ การตรวจคน อยา งละเอยี ดไวใ นบรเิ วณดงั กลา ว โดยมรี ถยนตส าํ หรบั ควบคมุ ซง่ึ เปน รถยนตข นาดใหญก าํ บงั และใหค วามปลอดภยั กบั ผปู ฏบิ ตั แิ ละบรเิ วณดงั กลา วจะไมม ยี านพาหนะทไี่ มเ กย่ี วขอ ง นอกจากที่ตอ งทาํ การตรวจคน อยางละเอยี ด หรอื ที่ตอ งการจะตรวจยึดไวผา นเขา มา 5. ใหนํารถยนตสายตรวจซ่ึงเปดสัญญาณไฟวับวาบไปจอดไวบริเวณปอมสัญญาณไฟจราจร ท่ีมีเจาหนาที่จราจรควบคุมสัญญาณการจราจร เพ่ือใหเปนจุดสังเกตและอยูในทิศทางท่ีมองเห็นการปฏิบัติ ในพน้ื ทสี่ ว นทหี่ า ซง่ึ มกี ารควบคมุ ผกู ระทาํ ความผดิ และมกี ารตรวจคน ยานพาหนะเพม่ิ เตมิ อยา งละเอยี ด ในสว น ที่อยูทางตรงขามกับที่จอดรถยนตไว เพื่อใหสามารถแจงสกัดจับหรือติดตามจับกุมผูที่หลบหนีจากการตรวจ ในพื้นที่สว นทห่ี า ไดใ นหลายทศิ ทางดว ย การตง้ั จดุ ตรวจคน ทางรวมทางแยก (ดานหนา ) 6. การปฏบิ ตั ขิ องเจา หนา ทใี่ หก าํ หนดทศิ ทางการตรวจ โดยเดนิ ตรวจจากดา นทา ยของสว นการตรวจ ซ่ึงอยูบริเวณส่ีแยกไปจนสุดที่บริเวณสวนหนาที่เปนสวนเร่ิมซ่ึงมีปายสัญญาณเตือนวาเปนจุดตรวจตั้งไว หรอื ใหเ ดินตรวจจากกรวยยางสสี ะทอนแสงทว่ี างอยจู ากจุดแรกไปจนถงึ กรวยยางสดุ ทายท่ีวางไว (ไมน อยกวา 30 เมตร) เมื่อสิ้นสุดใหฝงที่ตรวจดานขวาเดินข้ึนไป ฝงเกาะกลางถนนดานขวา สวนฝงดานซายใหเดินข้ึน ฟุตบาททางเดินดานซายแลวยอนกลับไปเริ่มตรวจท่ีบริเวณส่ีแยกอีกรอบ เม่ือไดรับสัญญาณไฟจราจรจาก เจาหนา ท่ที ่ีควบคุมสญั ญาณไฟจราจร 7. การปฏบิ ตั ขิ องเจา หนา ท่ี ตอ งใชค วามรวดเรว็ ในการสงั เกตและการปฏบิ ตั โิ ดยกาํ หนดใหส ลบั หนาท่ีกัน ในการตรวจคนยานพาหนะคันถัดไปใหผูทําหนาท่ีตรวจคนสลับเปนผูคุมกันในคันท่ีจอดอยูตอไป เพ่ือไมใหเกิดปญหาในการตรวจและมียานพาหนะตกคางอยูในบริเวณพื้นท่ีสวนท่ีสามซ่ึงเปนพ้ืนท่ีตรวจคน เม่ือไดรับสัญญาณไฟใหผานแยกไปไดท้ังหมด จึงตองใหสลับหนาที่ในการปฏิบัติและหากพบบุคคลหรือ ยานพาหนะตองสงสัยใหนําไปบริเวณดานซายของพื้นท่ีสวนที่หาเพื่อไมใหเกิดปญหากระทบกับจราจรบริเวณ ที่มีการตง้ั จดุ ตรวจคน 12 คมู ือยุทธวิธีตํารวจ

8. การวางกาํ ลงั เจา หนา ทต่ี าํ รวจ จะตอ งใชเ จา หนา ทต่ี าํ รวจจาํ นวนมากกวา การตง้ั จดุ ตรวจแบบอนื่ เน่ืองจากเปนบรเิ วณทเ่ี ปน ส่แี ยกทีม่ ีการควบคมุ สญั ญาณไฟจราจรดวยบคุ คล จึงตองมเี จา หนา ทต่ี ํารวจ ในการ ปฏบิ ตั มิ าก รวมทง้ั ผคู วบคมุ จะตอ งใหค วามสาํ คญั กบั พน้ื ทใี่ นสว นทห่ี า มากกวา สว นทห่ี นงึ่ ซง่ึ โอกาสของผเู จตนา จะหลบหนีโดยวกยานพาหนะกลบั จะนอ ยกวา การหลบหนจี ากพื้นท่สี ว นท่ีหา ดังนนั้ การควบคุมสง่ั การจึงควร กําหนดใหผูควบคุมจุดตรวจดังกลาวน้ีอยูในบริเวณสวนท่ีมีการจอดรถยนตสายตรวจไว เพื่อใหสั่งการมากข้ึน รวมทั้งในการกําหนดสัญญาณไฟจราจร หากพิจารณาไดวาจะมีผลกระทบกับการจราจรดานอื่น ๆ ที่จะตอง มกี ารสัมพนั ธก นั กับพื้นท่ขี า งเคียง การต้งั จุดตรวจคนทางรว มทางแยก (ดานหนา) หมายเหตุ : ในการตั้งจุดตรวจบนทางเดินรถที่มีการจราจรบริเวณส่ีแยก ควรใหความสําคัญ กับพ้ืนท่ีในสวนที่กําหนดใหเปนสวนตรวจคนอยางละเอียดมากกวาสวนอื่น ๆ หากมีกําลังเจาหนาที่ตํารวจ ไมเพยี งพอ การต้งั จดุ ตรวจคน ยอ ยหรอื จุดสกัด 1. การตงั้ จดุ ตรวจคน ยอ ยหรอื จดุ สกดั เปน ปฏบิ ตั กิ ารในสภาพถนนสายเลก็ ทมี่ กี ารจราจรไมห นาแนน คบั คงั่ หรอื ตรอกซอย และในเหตกุ ารณฉ กุ เฉนิ หรอื กรณเี รง ดว น ซงึ่ อาจไมม เี จา หนา ทตี่ าํ รวจและอปุ กรณเ พยี งพอ คูมอื ยุทธวธิ ีตาํ รวจ 13

ทจ่ี ะวางกาํ ลงั ตามยทุ ธวธิ ขี า งตน ได จงึ จาํ เปน ตอ งใชก าํ ลงั เจา หนา ทตี่ าํ รวจและยานพาหนะเทา ทมี่ อี ยอู ยา งจาํ กดั ในขณะนั้น ดําเนินการสกัดจบั และปฏบิ ัติการตรวจคน 2. การวางกําลังและมาตรการรักษาความปลอดภัยใหใชยุทธวิธีเดียวกันกับการต้ังจุดตรวจ โดยอนุโลมและควรตองมีรถยนตเตรียมพรอมไวกอนถึงจุดสกัด เพ่ือไวทําหนาท่ีสกัดกั้นหรือขวางถนนหรือไล ติดตามรถคนรา ยในกรณที ี่คนรายหรอื ผูตองสงสัยกลบั รถยอนหลบหนกี ารตรวจคน 3. ในการต้ังจดุ ตรวจจดุ สกัดจะตองแบง หนา ทกี่ นั ใหชัดเจนตามสถานการณ ดังน้ี (1) มกี าํ ลงั 2 นาย ใหแบงหนา ที่ ดงั น้ี ตํารวจคนที่ 1 : ทําหนา ทต่ี รวจคน ตาํ รวจคนที่ 2 : ทาํ หนา ทคี่ มุ กนั (2) มกี าํ ลัง 3 นาย ใหแบงหนา ที่ ดังน้ี ตาํ รวจคนที่ 1 : ทาํ หนา ทต่ี รวจคน ตํารวจคนท่ี 2 : ทาํ หนา ที่ชว ยเหลอื ตาํ รวจคนที่ 1 ในการคน หรือควบคมุ คนราย ตาํ รวจคนท่ี 3 : ทาํ หนาทีค่ ุม กัน (4) มกี าํ ลัง 4 นาย ใหแ บง หนาที่ ดงั นี้ สว นที่ 1 : 2 นาย ทาํ หนา ที่ตรวจคน สว นที่ 2 : 2 นาย ทําหนา ที่คมุ กัน สวนท่ี 3 : ทําหนาท่ีสนบั สนนุ หรือเปน กําลงั สํารองผลดั เปลย่ี นสว นท่ี 1 และสวนที่ 2 4. เม่ือมีรถยนตสายตรวจ หรือรถยนตบรรทุกอยางนอย 2 คัน อาจใชรถยนตเปนท่ีกําบัง เพื่อทําใหเกิดเขตพื้นท่ีปลอดภัยแลวใหเปนจุดหยุดรถเพื่อทําการตรวจคนบนทองถนนหรือตรอกซอย ซึ่งโดยปกติจะไมมีการจราจรคบั ค่งั หรือรถวิ่งอยางรวดเรว็ 5. ในบรเิ วณถนนในถ่ินทรุ กนั ดารหรอื ตรอกซอยทมี่ ีการขุดถนนเพอ่ื การซอ มแซมตาง ๆ อาจใช หลมุ บนถนนเปนเคร่อื งกดี ขวางชวยในการต้ังจุดสกัด 6. ในเขตพน้ื ทอ่ี นั ตราย ทอ่ี าจมกี ารกอ สรา งหรอื การใชค วามรนุ แรงในการตอ สกู บั เจา หนา ทตี่ าํ รวจ อาจดัดแปลงส่ิงอุปกรณในพ้นื ที่ใหเ ปน เครอ่ื งกีดขวางในการตั้งจดุ สกดั ได เชน ใชทอซเี มนต ใชง าแซง หรือวตั ถุ อยา งอ่ืนไปวางต้ังบนเสนทางที่มีการจราจรไมคบั คั่ง ขอ ควรระวัง ● ไมค วรตั้งจดุ ตรวจในพน้ื ทใ่ี กลท างโคง ทางแยก เชิงสะพานท่ลี าดชัน หรือจดุ อบั ลบั ตา ● ในเวลากลางคืนตอ งมีแสงสวา งอยา งเพียงพอ ● ในการเรียกรถใหหยุด ไมวากรณีใด ๆ อยาเอาตัวหรือสวนของรางกาย เชน แขน ขา เขาไปขวางเพ่อื ใหรถหยดุ ● การตรวจคน รถทเ่ี ขา พนื้ ทก่ี ารตงั้ จดุ ตรวจ ใหท าํ การตรวจคน คนกอ น แลว จงึ ทาํ การตรวจคน รถ 14 คมู อื ยทุ ธวธิ ีตํารวจ

11. ยุทธวธิ ีในการตรวจคน – จบั กุม การปฏิบัติหนาที่ของสายตรวจในการตรวจคน – จับกุมผูตองสงสัยหรือคนรายนั้น สายตรวจ จําตอ งคาํ นงึ ถึงความปลอดภยั ของตนเองและคูตรวจเปนหลักกอ น โดยวธิ ีการปฏบิ ตั ินั้นใหป ฏบิ ัติ ดังนี้ 11.1 การตรวจคน บุคคล 11.1.1 การยนื ปฏบิ ตั ิหนาท่ขี องสายตรวจ เมื่อจะตองทําการตรวจคนบุคคลตองสงสัย เจาหนาท่ีสายตรวจจะตองยืนใน ตําแหนงตรวจคนและคุมกัน (รูปตัว L) เพื่อปองกันหากกรณีจะตองใชอาวุธจะไดไมเกิดเหตุการณใชอาวุธ ยิงกนั เอง 11.1.2 การตรวจคนผตู องสงสัยทา ยืน 1) เม่ือจะตองทําการตรวจคนบุคคลตองสงสัย จะตองทําใหบุคคลตองสงสัย อยูในอาการเสยี หลัก ดว ยการใชคาํ พูดสัง่ ตง้ั แต ใหยกตวั หมนุ ตวั มือประสานทา ยทอย กางขาออก 2) การเขาตรวจคนใหสอดขาเขาไปท่ีระหวางขาของผูตองสงสัย การยืนของ สายตรวจจะตอ งยืนอยางมหี ลกั และสิง่ ท่ีควรคาํ นงึ คือ ใหอาวุธปน อยูหา งจากผูต องสงสัย เพ่อื ปอ งกันการถกู แยงอาวุธ มือขางหนึ่งยันตัวผูถูกคนไวใหอยูในอาการเสียหลัก สวนมืออีกขางหนึ่งตรวจคนตามรางกายของ ผถู ูกคน 3) การเปล่ยี นดา นในการตรวจคน ใหเ ปลีย่ นมอื ไปทาํ การตรวจคน อกี ดา นหนงึ่ สวนอกี มือหนึง่ ยนั ตวั ผถู ูกคน ไว เอวที่พกอาวธุ ยงั ตองอยหู า งจากตัวผูถ กู ตรวจคน เชน เดมิ 4) สาํ หรบั สายตรวจผคู มุ กนั ตอ งยนื อยอู กี ดา นหนง่ึ และคอยสงั เกตอากปั กริ ยิ า ของผถู กู ตรวจคนพรอมกับคอยสงั เกตเหตุการณรอบ ๆ ดาน การตรวจคน ทาน้ี ควรใชใ นการปฏิบตั ิหนาทปี่ กติ หรอื การปดลอ ม เพื่อปองปรามอาชญากรรม คูมือยทุ ธวธิ ตี ํารวจ 15

11.1.3 การตรวจคนผูตองสงสัยทานั่ง 1) ใชคาํ พูดสงั่ ใหผูถ กู คนอยใู นอาการเสียหลัก ดว ยการน่ังคุกเขา ขอเทา ไขวก นั เพอ่ื ลดความสะดวกในการเคลอื่ นไหว ผตู รวจคน เขา ทาํ การตรวจคน โดยเอาปลายเทา เหยยี บไวท น่ี อ งของผถู กู คน สน เทาวางไวท ่ีพื้น เพ่อื ใหม หี ลกั ในการยนื 2) เมอื่ เปลยี่ นดา นการตรวจคน ใหเ ปลย่ี นมอื ในการยนั ผถู กู คน ใหเ สยี หลกั มาอกี ดา นหนงึ่ อกี มือหน่ึงทําการตรวจคน สว นเทา ทว่ี างใหใชเ ทาขา งเดมิ แตเปลยี่ นการเหยียบที่นอ งไปอีกขา งหนึ่ง แลวทาํ การคนอกี ดานหนง่ึ 3) ผคู มุ กันใหสงั เกตอากปั กิรยิ าของผถู กู คนและเหตุการณโดยรอบ การตรวจคนควรใชใ นการระงับเหตุบางเหตุ เชน การทะเลาะวิวาท เปนตน 11.1.4 การตรวจคน ผตู องสงสยั ทานอน 1) สายตรวจจะใชค าํ พูดสง่ั ใหผูถูกคน นอนควาํ่ หนา กางแขนและขาออก 2) การเขาตรวจคน ใหทําการคนทีละดานและใหใชเขาดานหนึ่งกดไปที่ลําตัว ของผูถ กู คน ใชม ือกวาดไปตามตวั ของผถู ูกคนตัง้ แตลําตวั ไปจนถึงปลายขาทอนลา ง การสลับดานการตรวจคน ใหเดนิ ออ มเหนือศีรษะไปอีกดานหนง่ึ 3) ผูคุมกัน ใหปฏิบัติเชนเดียวกับทุกทาที่ไดกลาวมา และใหระวังเรื่องการใช อาวธุ อยา ใหเ กิดการยิงกันเอง การตรวจคน ทานอนควรใชเ ฉพาะผตู องสงสยั หรอื คนรา ยท่กี อเหตเุ ทาน้ัน 11.1.5 การตรวจคนผตู อ งสงสัยทา ยนั กาํ แพง กรณีการตั้งจุดตรวจหรือสายตรวจเรียกผูถูกคนเพ่ือทําการตรวจคน ใหส่ังให ผถู กู คน เอามอื ยนั กบั รถหรอื กาํ แพงหรอื เบาะรถจกั รยานยนต แขนของผถู กู คน ใหอ ยใู นลกั ษณะตงึ ขาทง้ั สองกางออก 16 คูมอื ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจ

สายตรวจผูทําการคนใหปฏิบัติในลักษณะเดียวกับการตรวจคนในทายืน การตรวจคนในทานี้สามารถนําไปใช ในการตงั้ จดุ ตรวจ หรอื กรณเี รยี กรถเพอื่ ทาํ การตรวจคน หรอื กรณตี รวจคน บคุ คลตอ งสงสยั ทส่ี ายตรวจตอ งการ ตรวจคน จะใชรถหรอื กาํ แพงหรือส่งิ อืน่ ที่สามารถใชใ นการยันตัวผตู อ งสงสยั ได หมายเหตุ จากทุกทา การตรวจคน ทก่ี ลา วมา ในกรณีผถู กู คน เปน คนรา ยใหควบคมุ ดวยการสวม กญุ แจมือกอ น แลวคอ ยทาํ การตรวจคน เพ่ือคนหาอาวุธ และสง่ิ ของผิดกฎหมายอ่นื 11.2 การตรวจคนพาหนะ การเดินเขาหารถ ใหสายตรวจเดินเขาทางดานทายรถโดยใชแนวเดียวกับรถ เพราะจะ สามารถสงั เกตในรถไดง ายและปลอดภัยกวา และในกรณีที่คนในรถใชอาวุธปน สายตรวจสามารถใชตัวถงั รถ เปน ทกี่ าํ บังได การยืนของสายตรวจจะตองยืนอยูบริเวณแนวเสากลางของรถ เพราะปองกันกรณี คนในรถอาจเปดประตูกระแทกทําใหสายตรวจลมลงกับพื้นได สวนการยืนของสายตรวจนั้นใหระวังอุบัติเหตุ ดานการจราจรดวย สายตรวจผูคุมกันใหยืนอยูอีกดานหนึ่งของรถและใหสังเกตภายในรถ หากสังเกตเห็นวา คนในรถมีหลายคนซ่ึงอาจไมป ลอดภยั ใหข อกาํ ลังสนับสนุนการปฏิบัติ คมู อื ยทุ ธวิธตี ํารวจ 17

กรณีตองใหนําคนในรถลงจากรถเพื่อทําการตรวจคนกอน เมื่อคนขับลงจากรถแลวให สายตรวจแจง ใหผูถกู คน เดินไปอีกดานหนึง่ เพื่อความปลอดภยั และปองกนั อบุ ตั ิเหตุจากการจราจร การตรวจคนใหสายตรวจตองคนอยางสุภาพและใหใชคําพูดเพื่อลดความกดดันระหวาง สายตรวจกบั ผถู กู คน สว นสายตรวจผคู มุ กนั จะตอ งคอยสงั เกตอากปั กริ ยิ าของผถู กู คน โดยระมดั ระวงั ใหม ากทส่ี ดุ การตรวจคน ภายในรถใหแ บง พน้ื ทเ่ี พอ่ื ใหก ารคน ละเอยี ดทส่ี ดุ โดยสายตรวจจะตอ งกาํ หนดเองอยา งเหมาะสม แตต องอยูใ นสายตาของเจา ของรถเพ่อื ปอ งกนั ปญ หาอนื่ ทจี่ ะตามมา สว นสายตรวจผคู ุม กนั จะตอ งคอยสังเกต เจา ของรถและเหตกุ ารณโ ดยรอบ ใหเ จา ของรถหรอื ผทู น่ี งั่ มาในรถไดเ หน็ การตรวจคน ของเจา หนา ทอี่ ยา งชดั เจน เพอื่ แสดงความบรสิ ทุ ธใิ์ จการปฏบิ ตั หิ นา ทขี่ องสายตรวจ และสายตรวจผทู าํ หนา ทค่ี มุ กนั ตอ งสงั เกตอากปั กริ ยิ า ของผถู กู คน อยูตลอดเวลา 11.3 การจบั กุมผตู องสงสยั หรือคนรา ย ทาควบคุมแขนของผูตองสงสัยหรือคนราย การปฏิบัติใหสายตรวจจับแขนขวาของ ผูตองสงสัยหรือคนรายโดยมือขวาจับที่ขอมือขวา สวนมือซายใหจับเหนือขอศอก บังคับใหแขนผูตองสงสัย หรอื คนรายตึงทส่ี ดุ ซ่งึ ถามีการขดั ขืนจะสามารถรูถ งึ อากปั กริ ยิ า ใชทาหกั ขอมือควาํ่ การยนื ใหย นื อยา งมหี ลกั มอื สองขา งทจ่ี บั แขนผตู อ งสงสยั หรอื คนรา ย ใหม อื ซา ยดงึ เขา หาตวั มือขวายกมือผูตองสงสัยใหปลายนิ้วมาทางดานหนา นํามือซายไปจับที่มือผูตองสงสัยโดยขอศอกของ ผตู อ งสงสยั อยูกลางอกของสายตรวจ หากผตู องสงสัยขดั ขนื ใหใ ชมอื ทง้ั สองขางกดที่หลงั มอื ผตู อ งสงสยั 18 คมู อื ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจ

ทาหักขอมือหรือฝามือหงายกลับ ใหใชมือขวาจับไปท่ีสันมือของผูตองสงสัย แลวหักข้ึน โดยใหแขนของผูตองสงสัยอยูในลักษณะตึง มือซายไปจับประกบมือขวาแลวกดสันมือลง ทาน้ีหากปฏิบัติถูก จะสามารถกดใหผูตองสงสัยลงกับพืน้ ไดอ ยางงา ยดาย ทาล็อกดานหลังจากทาจับแขนใหพลิกมือขวาไปประกบท่ีหลังมือขวาของผูตองสงสัย ท้งั หา นวิ้ มอื ซา ยทีจ่ บั เหนือขอศอกกดเขามากับหนา อกของสายตรวจ มอื ขวาใหพลิกเขา ทางดานหลังโดยศอก ของสายตรวจตองล็อกศอกของผูตองสงสัยเอาไวแลวบีบใหแนน มือขวาหักมือของผูตองสงสัยขึ้น มือซาย ดึงไหลซายใหผูตองสงสยั เสียหลัก ทา กดลงพน้ื ทา นส้ี ามารถปฏบิ ตั ไิ ดส องลกั ษณะคอื สายตรวจสง่ั ใหผ ตู อ งสงสยั หรอื คนรา ยนอนควา่ํ หนา ลงกบั พนื้ กางแขนและขาออก ใหห งายฝา มอื ขน้ึ และใหห นั หนา ออกไปอกี ดา นหนงึ่ เพอื่ ไมใ หเ หน็ การปฏบิ ตั ขิ อง สายตรวจ ใหส ายตรวจเดินเขาหาแลว จบั มือขวาของผถู ูกคนดึงขน้ึ แลวเอาเขาทัง้ สองขา งกดลงไปท่ลี ําตัวของ ผูถูกตรวจคน โดยเขาขวากดที่ตนคอ เขาซายกดที่กลางหลัง หรือใชวิธีจากทาควบคุมแขนออกแรงกระชาก ใหตัวผูตองสงสัยหรือคนรายเสียหลัก นอนควํ่าหนา แลวการปฏิบัติตอมาคือสายตรวจเอานํ้าหนักตัวกดตัว ผูตองสงสัยคือ เอาเขาขวากดบริเวณคอ เขาซายกดกลางหลัง มือของสายตรวจดึงขอมือของผูตองสงสัยขึ้น ใหแ ขนตึง จากนั้นนาํ เครื่องพนั ธนาการมาสวมแลวทาํ การตรวจคน ทีละดานใหละเอียดเพอื่ ทาํ การคน เสร็จสนิ้ เมอ่ื ตอ งการใหผ ถู กู คน ลกุ สายตรวจตอ งจบั ตวั พลกิ มาทางขา งใหจ บั ใหล กุ ขน้ึ ควบคมุ ตวั สง ไปยงั สน. เพอ่ื ดาํ เนนิ การ ในสว นทเี่ กี่ยวของตอ ไป คูมอื ยทุ ธวิธีตาํ รวจ 19

ระดับการใชก ําลังของเจาหนาท่ตี ํารวจเพ่อื แกไ ขสถานการณ (Use of Force) ในสว นตอ ไปนจ้ี ะกลา วถงึ ตวั แบบระดบั การใชก าํ ลงั ของเจา หนา ทต่ี าํ รวจในการตอบโตส ถานการณ ขอใหเจาหนาท่ีตํารวจทุกนายทบทวนหลักปฏิบัติเกี่ยวกับปฏิญญาสากลวาดวยสิทธิมนุษยชน รัฐธรรมนูญ ขอ กฎหมาย และหลกั ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจทเ่ี กย่ี วขอ งกบั ความปลอดภยั ของเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ นการตอบโต กอ นการเรมิ่ ศกึ ษาในสว นน้ี 1. ทมี่ าและความสําคัญของระดบั การใชก ําลงั ของเจาหนาท่ตี าํ รวจ ตัวแบบนี้พัฒนาข้ึนจากการศึกษาทางวิชาการรวมกันของหลายภาคสวน เพ่ือใหมีประสิทธิภาพ สูงสุดในการรักษาไวซึ่งความปลอดภัยในชีวิตทรัพยสินของประชาชน และเจาหนาที่ตํารวจที่ปฏิบัติงานซึ่งใน ประเทศที่เจริญแลว ระดับการใชกําลังของเจาหนาที่ตํารวจถือเปนสวนสําคัญในการแสดงออกถึงการเคารพ ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน มนษุ ย โดยเปน ภาระหนา ทหี่ ลกั ของรฐั ทจี่ ะตอ งจดั ใหม ขี น้ึ เพอื่ รองรบั การอนวุ ตั รปฏญิ ญาทรี่ ฐั ไดลงนามใหส ัตยาบันในการจะนาํ ไปปฏิบตั ใิ หเ กดิ ผลในทางกฎหมาย ทงั้ น้ี Code of Conduct for Law Enforcement Officials ของสหประชาชาติ ไดร บั การรบั รอง โดยมตทิ ปี่ ระชมุ ใหญส หประชาชาตทิ ่ี 34/169 เมอ่ื วนั ที่ 17 ธนั วาคม 2522 มาตรา 35 กาํ หนดกรอบการใชก าํ ลงั (use of force) ของเจาหนาท่ีของรัฐวาใหกระทําไดเพียงเฉพาะกรณีท่ีจําเปนอยางย่ิงและเพื่อประโยชน ในการปฏิบัติหนาที่เทานั้น การใชกําลังของเจาหนาที่รัฐจึงตองมีดุลพินิจในการนําไปใชที่ไมเกินกวาเหตุ หรอื ไดสัดสวนกับพฤติการณ ซึ่งตอมา UN Congress ในการประชุมเรื่อง Prevention of Crime and the Treatment of Offenders ครง้ั ที่ 8 ที่กรงุ ฮาวานา ประเทศคิวบา ระหวา งวนั ท่ี 27 สงิ หาคม ถึงวันท่ี 7 กนั ยายน 2533 ไดมีการรับรอง Basic Principles of the Use of Force and Firearms by Law Enforcement Officials ท่ีมรี ายละเอยี ดมากข้ึน ตัวแบบน้ีจึงใชฐานคติในการสรางแบบตอยอดองคความรูเพื่ออธิบายถึงกระบวนการตัดสินใจ ทเ่ี หมาะสมแบบฉับพลันทันทขี องเหตกุ ารณท ีเ่ กิดข้ึนกับเจาหนา ทต่ี ํารวจ โดยยดึ หลกั สากลที่ไดร บั การยอมรบั จาก UN ดงั นัน้ เจาหนาท่ตี าํ รวจทกุ นายจึงตองมีการฝกปฏิบตั จิ นเกิดทกั ษะอตั โนมัตแิ บบกลามเน้อื จดจํา อยางเขมขน การฝกทักษะการตัดสินใจในภาวะวิกฤติในสถานการณจําลองเสมือนจริง ซ่ึงจะตองพิจารณา การใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีถูกตอง เหมาะสม ไดสัดสวนกับพฤติการณของผูตองสงสัย/กระทําความผิด และในการออกปฏบิ ตั ิหนาที่ทกุ ครงั้ ตอ งมกี ารทบทวนการปฏบิ ตั ิตามตวั แบบนเี้ สมอ 20 คมู ือยทุ ธวิธตี าํ รวจ

2. การศกึ ษาแบบระดับการใชก ําลงั ของเจา หนาที่ตํารวจ ความหมาย ระดบั การใชก าํ ลงั หมายถงึ แนวความคดิ หรอื กรอบปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั ขน้ั ตอนและวธิ กี ารใชก าํ ลงั และ อาวธุ ของเจา หนา ทต่ี าํ รวจ เพอื่ ใชเ ปน แนวทางในการรเิ รม่ิ ใชก าํ ลงั หรอื อาวธุ ใหม คี วามเหมาะสมกบั สถานการณ กรอบของกฎหมาย และผลสมั ฤทธใิ์ นการควบคมุ เหตุการณ ระดับการใชกําลังมีลักษณะเปนหลักเกณฑการปฏิบัติที่มีความยืดหยุนและปรับเปล่ียนไปไดตาม สถานการณ ความสําคญั 1. เจาหนาท่ีตํารวจมีความจําเปนในการใชกําลังหรืออาวุธใหพอสมควรแกเหตุ ภายใตกรอบ ของกฎหมายไมใหรุนแรงเกินกวาเหตุ เพราะอาจถูกดําเนินคดีทั้งทางแพง อาญา และวินัย ตลอดจนทําให เสยี ภาพพจนเ กดิ เปนเง่ือนไขใหป ระชาชนเกลียดชังตํารวจ 2. การใชก าํ ลังของเจา หนาทตี่ าํ รวจ หากไมถกู ตองตามแนวคดิ ในการแกไขปญ หาอาจทาํ ใหเ กิด เหตุการณรุนแรง ทําใหเ จา หนาทีต่ ํารวจ เหย่อื หรือประชาชนเสยี ชวี ติ บาดเจ็บโดยไมจ าํ เปน 3. การเขาจัดการกับเหตุการณคับขันตาง ๆ เชน คนรายจ้ีตัวประกันเพ่ือหลบหนีน้ัน หากเจา หนาทต่ี าํ รวจรเิ รม่ิ ใชกาํ ลงั รุนแรงทันที เชน ใชอาวุธปนยงิ ทนั ทีอาจทาํ ใหการแกปญหายากขึ้น หลักพื้นฐาน เจา หนา ที่ตํารวจตอ งแสดงตนกอนการใชอ าวุธ และตอ งแจงเตือนใหท ราบลวงหนาวา จะมกี ารใช อาวธุ เวน แต การดาํ เนนิ การดังกลาวอาจทาํ ใหเ จาหนาทีต่ าํ รวจหรอื บคุ คลอนื่ เสยี่ งที่จะไดรับอันตรายแกชีวติ หรือแกรางกายหรือเปนท่ีชัดเจนวาไมมีความเหมาะสมหรือจําเปนท่ีตองดําเนินการดังกลาวในสถานการณ เชนนั้น ระดับการใชก ําลงั ของเจาหนา ทตี่ าํ รวจ การใชกําลังหรืออาวุธของเจาหนาที่ตํารวจใหเปนไปตามสถานการณและพฤติการณของคนราย และสภาพแวดลอมจากเบาไปหาหนัก ซ่ึงสามารถแบง ข้นั ตอนการตัดสนิ ใจไวในการใชกาํ ลงั เปน 6 ระดับ ดงั นี้ ระดับที่ 1 การปรากฏตัวของตํารวจ เม่ือตํารวจไปถึงท่ีเกิดเหตุผูที่จะกระทําผิดบางราย ก็อาจจะลมเลิกการทําผิด หรืออาจใหความรวมมือดวยดีโดยไมตองออกคําสั่ง เชน การจอดรถในท่ีหามจอด การลกั ลอบเร่ยี ไร การทะเลาะวิวาท ถาคนรา ยยงั ไมห ยุด ใหต ํารวจใชกาํ ลงั ระดับตอ ไป ระดับท่ี 2 การใชค าํ สงั่ ดว ยวาจา ตาํ รวจใชค าํ พดู สง่ั คนรา ยใหย อมเลกิ การกระทาํ ทเี่ ปน ความผดิ หรือการทําราย หากยอมปฏิบัติตามคําส่ังตองไมใชกําลัง ถาไมยอมปฏิบัติตามคําสั่ง ใหใชกําลังในระดับ เหมาะสม คมู อื ยทุ ธวิธตี าํ รวจ 21

ระดบั ท่ี 3 การใชเทคนิคการควบคุมดวยกายภาพ เม่ือคนรายไมปฏิบัติตามคําส่ังดวยวาจา แตแรก ตํารวจอาจใชเทคนิคการควบคุมตัวดวยมือเปลา หรือการกดจุด ถาหากขัดขืนไมยินยอมใหใชกําลัง ในระดับท่ีเหมาะสมตอไป ระดับที่ 4 การใชเทคนิคตอบโตอยางรุนแรง คนรายไมปฏิบัติตามคําส่ังและเขาโจมตีทําราย ตํารวจแตไมใ ชอาวุธ ใหป องกันตนเองไดโดยไมใชอ าวธุ เชนกัน คือ การชก การเตะ การทมุ การทาํ ใหห มดสติ หรือการใชส ารทาํ ใหเกิดอาการระคายเคือง ระดับที่ 5 การใชอ าวธุ ที่ไมถ ึงตาย คนรา ยใชอ าวุธและอาจทําอนั ตรายขน้ั บาดเจ็บหรอื เสยี ชีวิต และไมหยุดการกระทําหลังจากถูกแจงเตือน ใหเจาหนาท่ีตํารวจพิจารณาตอบโตไดทั้งไมใชอาวุธและใชอาวุธ ทไี่ มถ งึ ตาย ไดแ ก การใชก ระบอง เครอื่ งชอ็ ตไฟฟา กระสนุ ยาง ปน ยงิ ตาขา ย หากพจิ ารณาแลว เหน็ วา ไมส ามารถ หยดุ หรือควบคมุ คนรา ยไดใ หใชก าํ ลงั ขัน้ ตอไป ระดับท่ี 6 การใชก าํ ลงั ขน้ั เดด็ ขาดหรอื การใชอ าวธุ ปน คนรา ยใชอ าวธุ ทาํ อนั ตรายเจา หนา ทต่ี าํ รวจ หรอื บคุ คลอน่ื ทเ่ี สยี่ งตอ การไดร บั อนั ตรายแกร า งกายหรอื เสยี ชวี ติ และไมห ยดุ การกระทาํ หลงั จากถกู แจง เตอื น เจาหนาท่ีตํารวจไมสามารถแกไขไดดวยวิธีอื่นเพื่อหยุดยั้งภยันตรายท่ีกําลังจะเกิดขึ้นภายในเวลาอันจํากัด ใหใ ชอ าวธุ ปน ยงิ เพอื่ หยดุ ยงั้ การกระทาํ ของคนรา ย สง่ิ จาํ เปน ทคี่ วรคาํ นงึ ถงึ วา ระดบั การใชก าํ ลงั ของเจา หนา ท่ี ตาํ รวจน้นั ยดึ หลักกฎหมายเรื่องการปองกนั เปน เหตผุ ลในการตดั สนิ ใจ เนอ่ื งจากเปนการปองกันตัวเจาหนา ที่ ผปู ฏบิ ตั ิเอง หรือผูอืน่ ใหพ นจากภยันตรายซึง่ เกดิ จากการกระทําท่ฝี าฝน กฎหมาย และภยนั ตรายนั้นใกลจ ะถงึ และไดกระทาํ ไปพอสมควรแกเหตุ ซง่ึ ในการตัดสนิ ใจจะตองพิจารณาถึง ความรุนแรงของอาวธุ , ปฏกิ ริ ยิ าและ จํานวนคนรา ย และส่งิ ทสี่ ําคญั คาํ นงึ ถงึ อาวุธของเจา หนาทตี่ าํ รวจท่ีมีใชอยูในขณะนัน้ ดว ยเปนเคร่ืองบงชี้ชดั วา จะใชกําลงั ในระดับใด และตอ งไมเ กินกวา เหตดุ ว ย โดยมติ องเริม่ ตน ในระดบั ท่ี 1 เสมอไป อาจจะเริ่มที่ระดบั ใด กไ็ ด แลวแตในสถานการณที่กลาวมาขา งตน คือ อาวุธ ปฏกิ ิรยิ า จาํ นวนคนราย และอาวุธของเจา หนาท่ีทีม่ ี ใชอยูในขณะน้ัน และในทางกลับกันระดับการใชกําลังอาจลดลงตามลักษณะของความรุนแรงของคนราย ในเร่อื งอาวุธ ปฏกิ ริ ิยา จํานวนคนรา ย และอาวธุ ของเจา หนา ที่ วิธีในการศึกษาตัวแบบขอใหจดจําภาพรวมของท้ังตัวแบบใหไดกอน จากน้ันจึงเริ่มศึกษาแบบ แยกสว น ซ่งึ จะมีคาํ อธบิ ายโดยละเอยี ด เพ่ือเสรมิ ความเขา ใจ ตวั แบบทป่ี รากฏดานลา งน้ี จงึ ขอใหเริ่มตน ศึกษา แนวทางการปฏิบตั ิโดยดจู ากลกั ษณะการกระทาํ ของผูตองสงสัย/กระทําความผดิ (Action) กอ น ซ่ึงในสวนนี้ จะอธิบายถึงการแสดงออกถึงพฤติการณของผูตองสงสัยหรือผูกระทําความผิด แลวจึงมาศึกษาเร่ืองของ การตอบโตส ถานการณข องเจา หนา ทต่ี าํ รวจ (Reaction) โดยภาพทปี่ รากฏดา นลา งนเ้ี ปน ภาพรวมทงั้ หมดของตวั แบบ ขอใหทุกทานสังเกตจดจําหมายเลขที่ปรากฏบนพื้นที่สวนตาง ๆ ของตัวแบบ ซ่ึงเปนสวนสําคัญที่จะทําให การอธิบายในสวนตอ ๆ ไปไดงายข้ึน ในกรณีที่การศึกษาในสวนตอไปเกิดความไมแนใจ ขอใหทาน กลบั มาทบทวนหมายเลขทีป่ รากฏในภาพดานลา งอีกครง้ั หน่ึง 22 คูมอื ยทุ ธวิธีตาํ รวจ

รปู ภาพท่ี 21 ระดบั การใชก าํ ลงั ของเจาหนา ที่ตํารวจเพื่อแกไ ขสถานการณ (Use of Force) 2.1 คาํ อธบิ ายพน้ื ทสี่ ว นตา ง ๆ ของตัวแบบเรยี งตามลาํ ดบั หมายเลข ลกั ษณะของวธิ กี ารใชง านตวั แบบใหเ รม่ิ ตน ศกึ ษาตามพน้ื ทสี่ ว นตา ง ๆ ทม่ี หี มายเลขกาํ หนด ในภาพ ดงั นี้ พนื้ ทสี่ ว นที่ 1 แถบสีเขียว เหลือง แดง ในฝงท่ีเขียนวาผูตองสงสัย/ผูกระทําความผิด จะมแี ถบสี ทล่ี ากมาจนสดุ ฝง ของการปฏบิ ตั ขิ องเจา หนา ทตี่ าํ รวจ สงั เกตจากลกู ศรแนวนอนในตวั แบบ จะแสดงถงึ ระดับข้ันสูงสุดของการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีเจาหนาที่ตํารวจจะใชตอบโตได โดยลูกศรแนวต้ังจะลากข้ึน คูม ือยุทธวธิ ตี ํารวจ 23

ไปหาเคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีเหมาะสมดานบน ซ่ึงในบางชวงสีอาจมีเคร่ืองมือทางยุทธวิธีมากกวา 1 อยาง โดยปจจัยทเ่ี ขา มาเกย่ี วขอ งจะขนึ้ กบั พฤตกิ ารณแ วดลอมของเหตุการณน ั้น ๆ ซึ่งจะอธบิ ายในชวงทา ย พ้ืนท่สี วนท่ี 2 แถบสีเทาไลสีจากออนไปหาเขมท่ีเขียนขอความอาจจะเกินความจําเปน เขยี นไวเ พอื่ เตอื นวา หากเจา หนา ทตี่ าํ รวจปฏบิ ตั งิ านแลว การกระทาํ ของผตู อ งหาหรอื ผกู ระทาํ ความผดิ มกี ารใช เคร่ืองมือทางยุทธวิธีดานบนมาอยูในพ้ืนท่ีสีเทา แสดงวาเจาหนาที่ตํารวจกําลังปฏิบัติหนาท่ีโดยใชเครื่องมือ ทางยทุ ธวิธีเกนิ ความจาํ เปนแกเ หตุ พนื้ ที่สวนที่ 3 แถบสเี ขยี ว เหลอื ง แดง ทไ่ี ลส จี ากออ นไปหาเขม ทเี่ ขยี นขอ ความอาจจะไม ปลอดภยั เขยี นไวเ พอื่ เตอื นวา หากเจา หนา ทต่ี าํ รวจปฏบิ ตั งิ านแลว การกระทาํ ของผตู อ งหาหรอื ผกู ระทาํ ความผดิ มีการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีดานบนมาอยูในพ้ืนที่สีออน แสดงวาเจาหนาท่ีตํารวจกําลังปฏิบัติหนาที่โดยใช เครื่องมือทางยุทธวิธีไมเหมาะสมกับพฤติการณของผูตองหาหรือผูกระทําความผิด ซึ่งอาจสงผลใหเจาหนาท่ี ตาํ รวจไมปลอดภยั พ้นื ทีส่ ว นท่ี 4 แถบสเี ขยี ว เหลอื ง และแดง ทอี่ ยดู า นบน เปน อปุ กรณท างยทุ ธวธิ ที เ่ี หมาะสม ท่ีเจาหนาที่ตํารวจจะใชตอบโตได โดยมีสัดสวนการกระทําพอสมควรแกเหตุ ทั้งน้ี หากสังเกตลูกศรแนวต้ัง ในบางการกระทาํ ของผตู อ งหาทลี่ ากขน้ึ มาจากลกู ศรแนวนอน จะมลี กู ศรแนวตงั้ ผา นขนึ้ ไปไดห ลายจดุ แสดงวา เจา หนา ทต่ี าํ รวจสามารถใชเ ครอ่ื งมอื ทางยทุ ธวธิ ใี นการตอบโตส ถานการณไ ดห ลายประเภท โดยขนึ้ อยกู บั ปจ จยั ท่ีเขามาเกี่ยวขอ งกบั พฤติการณแวดลอ มของเหตุการณน้ัน ๆ ซ่ึงจะอธบิ ายในชว งทา ย สําหรับปกกาที่เขียนอยูดานนอกครอบคลุมพื้นที่สีเขียวออนและเขียวเขม ซึ่งมีขอความวา ใชเ บอ้ื งตน ในทกุ สถานการณ หมายถงึ การกระทาํ การใด ๆ กแ็ ลว แตใ นตวั แบบนใ้ี หเ รม่ิ ตน จากการแสดงตวั ของ เจาหนาที่ และการสั่งการดวยวาจาหรือทาทางกอนเสมอ ซ่ึงเปนหลักนิยมสากลท่ีท่ัวโลกใชปฏิบัติ อันมีที่มา จากการใหความสาํ คัญในสิทธแิ ละเสรภี าพของประชาชน ตามปฏญิ ญาสากลวาดวยหลกั สทิ ธมิ นษุ ยชน 24 คูมือยุทธวิธีตาํ รวจ

ระดับการใชก าํ ลังของเจา หนา ทต่ี าํ รวจเพอ่ื แกไขสถานการณ (USE OF FORCE) คมู อื ยุทธวธิ ตี ํารวจ 25

2.2 หลกั นยิ มในการสรา งตัวแบบระดับการใชก าํ ลงั ในประเทศท่ีมีการบังคับใชกฎการใชกําลังสําหรับเจาหนาท่ีตํารวจ นิยมนําสัญลักษณของ แถบสมี าเปนเคร่อื งมอื ในการอธิบายเพือ่ แบงระดับของการกระทาํ ของผูตอ งสงสัย/กระทาํ ความผดิ โดยส่ือถึง ความหนักเบาของพฤติการณ ทุกประเทศจะใหความสําคัญกับการกระทําของผูตองสงสัย/ผูกระทําความผิด (Action) อันมีเหตุอันควรสงสัยวาจะเปนความผิดตามกฎหมาย เปนตัวเร่ิมในการอธิบายตัวแบบโดยสีเขียว จะแสดงถงึ ระดบั ขน้ั การใชท เ่ี บาทส่ี ดุ สสี ม เปน ระดบั ขน้ั การใชก าํ ลงั ทมี่ คี วามแรงมากขนึ้ และสแี ดงเปน ระดบั ขน้ั การใชกําลังทต่ี องมีการตระหนักสูงสดุ เพ่ือใหงายตอการทําความเขาใจ จึงตัดสวนตางๆ ของตัวแบบมาเพ่ือใชในการอธิบายเปน 3 สว นสําคัญ คือ 1. การกระทาํ ความผิดของผตู อ งสงสัย/กระทาํ ความผิด 2. การตอบโตของเจาหนาที่ (ตามความหนักเบาของการกระทําของผูตองสงสัย/กระทํา ความผิด) 3. เครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโตผูตองสงสัย/กระทําความผิดที่เหมาะสม ท้ังนี้ หลักในการปฏิบัติทางทฤษฎีนั้นจะเปนสวนสําคัญในการพัฒนาการฝกภาคปฏิบัติที่ตองมีการฝกทักษะทาง ยทุ ธวธิ ตี ามทไ่ี ดมีการออกแบบไวโดยเฉพาะ 3. คําอธิบายทัว่ ไปเกย่ี วกับการกระทําของผตู อ งสงสยั /กระทําความผดิ บุคคลท่ี การกระทําของผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผิด ตอบโต การกระทําโดยเชอ่ื วา จะเกิดการบาดเจบ็ สาหัส หรือเสยี ชวี ติ บุคคลท่ี ขดั ขนื การกระทาํ โดยเชื่อวาจะเกิดอนั ตรายตอ กายจนไดร ับบาดเจบ็ การกระทาํ โดยปราศจากอาวุธ บคุ คลทใ่ี ห ความรว มมอื (แสดงกิรยิ า/ทาทางวาจะทํารายเจาหนาทีห่ รือผอู น่ื ) เคล่ือนไหว เพื่อหลีกเลี่ยงการใชก ําลงั ควบคุม (ระวังพฤติการณท ่อี าจเปลย่ี นแปลงได) (ระวังพฤตไกิมาป รฏณิบนท ัตง่ิ ่ีอเิตฉาายจมเคปาํลส่ียง่ั นแปลงได) ใหค วามรวมมือ เฉพาะทเี่ ปนการตอบสนองตอคาํ สง่ั เทานน้ั (ระวงั ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได) ใหความรว มมือโดยไมตอ งมีคําสั่ง (รกั ษาระยะหา งทเ่ี หมาะสม) จากภาพ จะพบวา แถบสเี ขยี วดา นลา งจะเปน ลกั ษณะของการกระทาํ ทผ่ี ตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ปฏบิ ตั ติ ามกรอบของกฎหมายและเชอ่ื ฟง เจา หนา ทต่ี าํ รวจ ไลร ายละเอยี ดขน้ึ ไปเปน แถบสเี หลอื งทเี่ รม่ิ ไมป ฏบิ ตั ติ าม 26 คมู ือยุทธวธิ ีตํารวจ

หรือมีทาทีขัดขืน ไปจนถึงแถบสีแดงท่ีเริ่มมีแนวโนมท่ีการกระทํารุนแรงในการตอบโตเจาหนาท่ีตํารวจ ซึ่งในแตละแถบสีจะมีการกระทําที่มีระดับความเขมขนแตกตางกันออกไปอีก ดังน้ันจึงควรจดจําแถบสีใหได กอ นจะศกึ ษาในหวั ขอ ถดั ไป ซงึ่ จะกาํ หนดแยกยอ ยลงไปอกี วา มพี ฤตกิ ารณต อบสนองตอ เจา หนา ทต่ี าํ รวจอยา งไร คาํ อธบิ ายอยา งละเอียดของการกระทําของผูตอ งสงสัยหรอื ผูกระทําความผดิ 3.1 การแบงระดับอยางละเอียดของบุคคลที่ใหความรวมมือ (แถบสีเขียว) แบงออกเปน 2 ระดบั ไดแ ก บคุ คลทใี่ ห ใหความรวมมือ ความรวมมอื เฉพาะทีเ่ ปนการตอบสนองตอ คําส่งั เทา นั้น (ระวงั ความเส่ยี งทอี่ าจเกดิ ขนึ้ ได) ใหความรวมมือโดยไมต อ งมีคาํ สั่ง (รักษาระยะหา งทเ่ี หมาะสม) ระดับที่ 1 ใหค วามรว มมอื โดยไมต อ งออกคาํ สง่ั (แถบสเี ขยี วออ น) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ท่ีใหความรวมมือโดยไมตองออกคําสั่ง ใหเจาหนาท่ีตํารวจรักษาระยะหางท่ีเหมาะสม ทั้งนี้ ตองไมลดระดับ การระมัดระวังตัวลง จนกวาจะมีการควบคุมตัวอยางถูกตองทางยุทธวิธี และมีการตรวจคนอยางละเอียด จนแนใ จวา มคี วามปลอดภัย ระดบั ที่ 2 ใหค วามรว มมอื ตามการออกคาํ สงั่ (แถบสเี ขยี วเขม ) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ใหความรวมมือเฉพาะที่เปนการตอบสนองตอคําสั่งเทาน้ัน ใหเจาหนาที่เรียงลําดับในการส่ังการใหถูกตอง ตามหลักทางยุทธวิธี การส่ังการดวยวาจา การแสดงออกดวยทาทางตองมีความเหมาะสมพอสมควรแกเหตุ ไดสัดสวนกับการกระทํา ทั้งน้ี ตองไมลดระดับการระมัดระวังตัวลง และประเมินความเสี่ยงในสถานการณ ใหสูงอยูเสมอ จนกวาจะมีการควบคุมตัวอยางถูกตองทางยุทธวิธี และมีการตรวจคนอยางละเอียดจนแนใจ วามคี วามปลอดภยั 3.2 การแบงระดับอยา งละเอียดของบุคคลที่ขัดขนื (แถบสีเหลอื ง) แบง ออกเปน 2 ระดับ บุคคลท่ี เคล่ือนไหว ขดั ขนื เพื่อหลีกเลี่ยงการใชก ําลงั ควบคุม (ระวงั พฤติการณท อี่ าจเปล่ยี นแปลงได) นง่ิ เฉย ไมปฏบิ ตั ิตามคาํ ส่งั (ระวังพฤติการณท่ีอาจเปลีย่ นแปลงได) คมู อื ยุทธวิธตี ํารวจ 27

ระดบั ที่ 1 ขดั ขนื ดว ยการนง่ิ เฉยไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั (แถบสเี หลอื งออ น) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผิดท่ีมีทาทีขัดขืนดวยการน่ิงเฉยไมปฏิบัติตามคําสั่งทางวาจาหรือทาทางของเจาหนาท่ีตํารวจ แมวา การนง่ิ เฉยนน้ั จะเปน การนง่ิ เฉยดว ยสนั ติ ไมม ที า ทางจะตอบโตก บั เจา หนา ทตี่ าํ รวจ แตก ารนงิ่ เฉยไมป ฏบิ ตั ติ าม เปนอุปสรรคในการเขาไปเผชิญเหตุ หรือทําใหเจาหนาท่ีตํารวจตองเขาใกลเกินกวาระยะปลอดภัย ทั้งน้ี เจาหนาที่ตํารวจท่ีตองดําเนินการกับบุคคลดังกลาว ตองระมัดระวังพฤติการณหรือทาทีท่ีอาจเปลี่ยนแปลง อยางรวดเร็ว โดยตองไมลดระดับการระมัดระวังตัวลง การสั่งการดวยวาจา การแสดงออกดวยทาทาง ตองมีความเหมาะสมพอสมควรแกเหตุ ไดสัดสวนกับการกระทําจนกวาจะมีการควบคุมตัวอยางถูกตอง ทางยทุ ธวิธี และมีการตรวจคนอยา งละเอียดจนแนใจวา มคี วามปลอดภยั ระดบั ที่ 2 ขัดขืนดวยการเคลื่อนไหวเพ่ือหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม (แถบสีเหลืองเขม) : ผูตองสงสัย/กระทําความผิดท่ีมีทาทีขัดขืนดวยการเคลื่อนไหว ไมปฏิบัติตามคําสั่งทางวาจาหรือทาทางของ เจาหนาท่ีตํารวจ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อหลีกเล่ียงการปฏิบัติ แมวาการเคล่ือนไหวนั้นจะเปนไปดวยสันติ หรือพยายามจะหลบหนี ซึ่งเปนอุปสรรคในการเขาไปเผชิญเหตุ หรือทําใหเจาหนาที่ตํารวจตองเขาใกล เกินกวาระยะปลอดภัย ท้ังนี้ เจาหนาท่ีตํารวจท่ีตองดําเนินการกับบุคคลดังกลาว ตองระมัดระวังพฤติการณ หรือทาทีท่ีอาจพลิกผันอยางรวดเร็ว โดยตองไมลดระดับ การระมัดระวังตัวลงการสั่งการดวยวาจา การแสดงออกดว ยทา ทางตอ งมคี วามเหมาะสมพอสมควรแกเ หตุ ไดส ดั สว นกบั การกระทาํ จนกวา จะมกี ารควบคมุ ตวั อยา งถกู ตอ งทางยทุ ธวธิ ี และมีการตรวจคนอยางละเอียดจนแนใ จวา มคี วามปลอดภัย กรณีมีทาทีหลบหนีใหพึงระมัดระวังอยางย่ิงในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีเพื่อตอบโตหรือยับย้ัง พฤติการณ และถือเปนเรื่องละเอียดออนในการตัดสินใจในการใชกําลัง ตองพึงสังเกตถึงแนวโนมหรือโอกาส ในการใชอ าวธุ เพม่ิ เตมิ ประกอบดว ย ซงึ่ ในสว นนจ้ี ะอยใู นการฝก ทกั ษะเพอื่ พฒั นาการตดั สนิ ใจทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ จากการจําลองสถานการณเสมอื นจริง 3.3 การแบงระดับอยางละเอียดของบุคคลที่ทําราย (แถบสีแดง) แบงการกระทําออกเปน 3 ระดับความรุนแรง บคุ คลท่ี การกระทาํ โดยเชื่อวา จะเกิดการบาดเจบ็ สาหสั ตอบโต หรอื เสียชวี ิต การกระทาํ โดยเชือ่ วาจะเกิดอันตรายตอ กายจนไดร ับบาดเจบ็ (แสดงกิริยาก/าทรากทระาทงวาํ าโดจยะทปาํรราาศยจเาจกา อหานวาุธทห่ี รือผอู น่ื ) ระดบั ท่ี 1 การกระทําโดยปราศจากอาวุธ (แสดงกิริยา/ทาทางวาจะทํารายเจาหนาที่หรือ ผูอ่ืน) : ผูตองสงสัย/กระทําความผิดไมใหความรวมมือหรือปฏิบัติตามคําสั่ง เม่ือเจาหนาที่เขาใกลเกินกวา ระยะปลอดภัย ท้ังยังแสดงกิริยาหรือทาทางวาจะทํารายเจาหนาที่ตํารวจ หรือผูอ่ืน ซ่ึงการกระทําน้ัน อาจสง ผลตอ ความปลอดภยั ของการปฏบิ ตั งิ านของเจา หนา ทต่ี าํ รวจทเี่ ขา เผชญิ เหตุ ทง้ั น้ี เจา หนา ทต่ี าํ รวจทต่ี อ ง ดําเนินการกับบุคคลดังกลาวตองพึงระมัดระวังการซุกซอนอาวุธหรือส่ิงท่ีอาจใชแทนอาวุธได ขณะเขาทําการ 28 คูมอื ยทุ ธวิธีตํารวจ

ตอบโตก บั สถานการณต อ งพงึ ระลกึ เสมอถงึ กฎของความปลอดภยั และตอ งมคี วามเหมาะสมพอสมควรแกเ หตุ ไดสัดสวนกับการกระทํา จนกวาทําการควบคุมตัวอยางถูกตองทางยุทธวิธี และมีการตรวจคนอยางละเอียด จนแนใ จวามคี วามปลอดภัย ระดบั ท่ี 2 การกระทําโดยเชอื่ วา จะเกดิ อนั ตรายตอกายจนไดรับบาดเจบ็ (แถบสีแดงออ น) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ไมใ หค วามรว มมอื หรอื ปฏบิ ตั ติ ามคาํ สงั่ เมอื่ เจา หนา ทเี่ ขา ใกลเ กนิ กวา ระยะปลอดภยั มพี ฤตกิ ารณต อบโตโ ดยมลี กั ษณะการกระทาํ ทเี่ ชอื่ วา จะมกี ารทาํ อนั ตรายตอ กายจนไดร บั บาดเจบ็ โดยอาจใชอ าวธุ หรือใชวัสดุที่ไมไดเปนอาวุธโดยสภาพ ประกอบการกระทํา ท้ังนี้ พึงระมัดระวังและสังเกตวัตถุท่ีผูตองสงสัย หรือผูกระทําความผิดใชในการตอบโตเจาหนาท่ี ขณะเขาทําการตอบโตกับสถานการณตองพึงระลึกเสมอ ถึงกฎของความปลอดภัย และตองมีความเหมาะสมพอสมควรแกเ หตุ ไดส ดั สวนกับการกระทาํ จนกวา ทาํ การ ควบคมุ ตวั อยางถูกตองทางยทุ ธวธิ ี และมกี ารตรวจคนอยางละเอยี ดจนแนใจวามคี วามปลอดภยั ระดับท่ี 3 การกระทาํ ทเี่ ชอื่ วา จะกอ ใหเ กดิ การบาดเจบ็ สาหสั หรอื เสยี ชวี ติ (แถบสแี ดงเขม ) : ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ไมใ หค วามรว มมอื หรอื ปฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั มพี ฤตกิ ารณต อบโตโ ดยมลี กั ษณะการกระทาํ ท่ีเชื่อวาจะกอใหเกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตโดยอาจใชอาวุธ หรือใชวัสดุที่ไมไดเปนอาวุธโดยสภาพ ประกอบการกระทํา ทั้งนี้พึงระมัดระวังและสังเกตวัตถุท่ีผูตองสงสัยหรือผูกระทําความผิดใชในการตอบโต เจาหนาท่ีขณะเขาทําการตอบโตกับสถานการณตองพึงระลึกเสมอถึงกฎของความปลอดภัย และตองมี ความเหมาะสมพอสมควรแกเหตุ ไดสัดสวนกับการกระทําจนกวาทําการควบคุมตัวอยางถูกตองทางยุทธวิธี และมกี ารตรวจคนอยา งละเอยี ดจนแนใจวามคี วามปลอดภัย 4. คําอธิบายท่วั ไปเกี่ยวกบั การปฏิบัตขิ องเจาหนาทต่ี าํ รวจ คําอธิบายในสวนน้ีจะเปนเรื่องของเคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีใชในการตอบโตท่ีเหมาะสม โดยตอง ทาํ ความเขา ใจวา การกระทาํ ของผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ จาํ แนกอยใู นสใี ด และมรี ะดบั ความรนุ แรงเพยี งใด เพื่อจะไดเลือกใชเครื่องมือทางยุทธวิธีสําหรับการตอบโตไดอยางเหมาะสม และจากภาพดานลางจะพบวา ในบางกลมุ สมี กี ารใชเ ครอ่ื งมอื ทางยทุ ธวธิ ใี นการตอบโตไ ดห ลายอยา ง ทงั้ นห้ี ลกั ในการพจิ ารณาทล่ี ะเอยี ดรอบคอบ เกิดจากการฝกทักษะในการตอบโต โดยตองคํานึงถึงหลักสัดสวนพอสมควรแกเหตุ และเปนการปองกัน โดยชอบดว ยกฎหมาย คมู อื ยทุ ธวิธีตํารวจ 29

การปฐมพยาบาล/แจงญาตผิ บู าดเจบ็ ปนไฟฟา* อาวุธ ปนห ืรอกํา ัลงที่ทําใหบาดเ ็จบสาหัสห ืรอ ึถงแ กความตาย กระสุนยาง สเปรย สเปรย พรกิ ไทย* พริกไทย* อาวธุ ทไ่ี มถึงตาย / ดิ้ว / กระบอง การปฏบิ ัตโิ ดยใชอาวุธ การจบั / การจบั /การ การใชกําลงั การกดจุด ปฏบิ ตั ิ ตอรางกาย ใหเ จ็บ เพ่ิมควบคุม โดยใชม อื เปลา การปฏิบัตโิ ดยปราศจากอาวธุ การส่ือสารดว ยวาจาหรือทา ทาง การโนม นาว / การแนะนํา / การตกั เตอื น / ออกคาํ ส่งั การแสดงตวั ของเจา หนา ที่ตํารวจในเคร่อื งแบบ / นอกเคร่ืองแบบแสดงบัตรประจําตัว (ทกั ทาย / แนะนาํ ตัว / แจงวตั ถุประสงค) 4.1 คําอธิบายโดยละเอียดท่วั ไปเกีย่ วกบั การปฏบิ ัติของเจา หนา ทตี่ าํ รวจ การสื่อสารดวยวาจาหรือทา ทาง : การโนม นา ว / การแนะนาํ / การตกั เตอื น / ออกคาํ สั่ง การแสดงตัวของเจา หนาที่ตาํ รวจในเคร่ืองแบบ / นอกเคร่ืองแบบแสดงบตั รประจําตัว (ทกั ทาย / แนะนําตัว / แจงวัตถุประสงค) การแสดงตัวของเจาหนาที่ท่ีเหมาะสมมีผลตอการตัดสินใจในการตอบโตจากผูตองสงสัย/กระทํา ความผดิ ดงั นัน้ การใหความสาํ คัญในการแสดงตวั ดว ยเครอ่ื งแบบ การแสดงบัตรประจาํ ตัวของเจา หนา ที่ และ การออกคําส่ังควบคุมผานทาทาง วาจา เปนทางเลือกระดับแรกท่ีเจาหนาที่ตํารวจทุกนายตองใชกอนท่ีจะมี การพฒั นาระดับการเลอื กใชเ ครอื่ งมือตอบโตทางยทุ ธวิธชี นิดอื่นๆ เพราะในสวนน้จี ะชว ยลดโอกาสและระดับ ความรนุ แรงในการกระทาํ ของผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ไดใ นระดบั หนง่ึ วธิ กี ารปฏบิ ตั ใิ นระดบั นเี้ หมาะสมทส่ี ดุ กับผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผิดทใ่ี หค วามรว มมอื (สเี ขยี ว) 30 คูมอื ยุทธวิธีตาํ รวจ

สเปรยพริกไทย* การจับ/ การจับ/การ การกดจดุ ควบคุม ใหเ จ็บ โดยใชม ือเปลา ในสวนน้ีจะเร่ิมอธิบายถึงการตอบโตทางยุทธวิธีที่เหมาะสมของเจาหนาท่ีตํารวจ ในระดับของ การกระทําความผดิ ของผตู องสงสยั /กระทําความผิด สาํ หรบั บุคคลท่ขี ดั ขืน (สีเหลอื ง) ก. การจับหรือการกดใหเจบ็ เพ่อื ยนิ ยอม หรือการควบคมุ ดวยมอื เปลา ในสว นนตี้ อ งมกี ารฝก ทกั ษะเฉพาะในการกดจดุ เพอ่ื ทาํ ใหห ยดุ ชะงกั หรอื การจบั หกั ตามขอ ตอ ตางๆ ของรางกาย เพือ่ ทําใหห มดแรงขัดขืน และยนิ ยอมปฏิบัติตามทเ่ี จาหนา ท่ีดาํ เนินการ ข. การใชส เปรยพ ริกไทย ในสวนนี้ตองมีขอพิจารณาถึงการฝกทักษะของการวางตําแหนงระยะปลอดภัยระหวาง เจา หนา ทตี่ าํ รวจกบั ทา ทใี นการตอบโต และโอกาสในการตดั สนิ ใจเขา โจมตขี องระหวา งผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ ปนไฟฟา * กระสนุ ยาง สเปรยพรกิ ไทย* อาวุธ ที่ไมถ งึ ตาย / ดว้ิ / กระบอง การใชกําลงั ตอ รางกาย เพ่อื ควบคมุ คมู อื ยทุ ธวิธีตาํ รวจ 31

ในสวนน้ีจะเริ่มอธิบายถึงการตอบโตทางยุทธวิธีที่เหมาะสมของเจาหนาที่ตํารวจ ในระดับของ การกระทําความผดิ ของผตู อ งสงสัย/กระทําความผดิ สําหรับบคุ คลทีข่ ัดขืน (สแี ดง) ก. การใชกําลังตอรางกายเพ่ือควบคุม ถือเปนแนวทางในการใชกําลังตอบุคคลที่ขัดขืน ในระดับตา่ํ สดุ ซ่งึ ตองมีการฝกทกั ษะเฉพาะทางเพอื่ ใหก ารใชก ําลังนนั้ เปน ไปตามขอกําหนด ตามกฎหมาย ข. อาวุธไมถึงตาย ด้ิว กระบอง เปนทางเลือกในการใชเครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโต สาํ หรบั บคุ คลทข่ี ดั ขนื โดยไมท าํ ใหบ าดเจบ็ สาหสั หรอื ถงึ ตาย ซงึ่ ตอ งมกี ารฝก ทกั ษะเฉพาะทาง ในการเลอื กจุดตกกระทบท่จี ะไมกอใหเ กดิ ความเสยี หายอยางถาวรตอรางกายผขู ัดขนื ค. สเปรยพริกไทย เปนทางเลือกในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโตสําหรับบุคคล ท่ีขัดขืน โดยกอใหเกิดอาการระคายเคืองแสบรอนที่ผิวหนัง ใบหนา หรือดวงตา เพ่ือลด โอกาสในการโจมตี บดบังทัศนวิสัยในการตอบโตกับเจาหนาท่ีซึ่งตองมีการฝกทักษะเฉพาะ ในการปฐมพยาบาลหลงั การใชส เปรยพ ริกไทย ง. กระสุนยาง เปนทางเลือกในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโตสําหรับบุคคล ที่ขัดขืน โดยทําใหเกิดการชะงัก หยุดย้ังพฤติการณ ลาถอย ซึ่งตองมีการฝกทักษะเฉพาะ ในการเลือกจดุ เลง็ ยิงเพอื่ ไมใหเกิดการบาดเจ็บสาหัสหรอื ถึงตาย จ. ปนไฟฟา เปนทางเลือกในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโตสําหรับบุคคลท่ีขัดขืน โดยทําใหเกิดการชะงัก หมดแรงในการตอบโต ลม ลง และยินยอมใหค วบคมุ ตวั โดยไมม ีแรง ในการตอสูขัดขืน ซึ่งตองมีการฝกทักษะเฉพาะในการเลือกจุดเล็งยิง ระยะเวลาในการช็อต และการปฐมพยาบาลหลังการใช ในกรณีทีอ่ าจเปน ผปู วยท่ีใสเ ครอ่ื งกระตุนหวั ใจไฟฟา ฉ. อาวุธปน เปนทางเลือกในการใชเคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโตสําหรับบุคคลท่ีขัดขืน โดยทําใหเกิดอาการบาดเจ็บไดในหลายระดับ ตั้งแตบาดเจ็บไมถึงตายในกรณีถูกอวัยวะ ไมส าํ คญั ไปจนกระทง่ั การบาดเจบ็ ทอ่ี าจถงึ ตายหากไมไ ดร บั การปฐมพยาบาลอยา งทนั ทว งที และบาดเจบ็ ถงึ ตายในทนั ทเี มอื่ โดนอวยั วะทสี่ าํ คญั ซง่ึ ตอ งมกี ารฝก ทกั ษะเฉพาะ ความแมน ยาํ ในการเล็ง การตัดสินใจยิงในภาวะวิกฤติและการฝกปฐมพยาบาลทางยุทธวิธีเพื่อรักษาชีวิต ของผูต อ งสงสัย/กระทาํ ความผิด จากตวั แบบทง้ั หมดจะพบวา ระดบั การใชก าํ ลงั ของเจา หนา ทใ่ี หค วามสาํ คญั กบั การรกั ษาชวี ติ ของ ผตู อ งสงสยั /กระทาํ ความผดิ โดยคาํ นงึ ถงึ ความปลอดภยั ในการปฏบิ ตั ทิ เ่ี หมาะสมควบคไู ปกบั การใหค วามเคารพ ในศักดิศ์ รคี วามเปนมนุษยอยางเทา เทยี มและเสมอภาค การปรับระดับการใชกําลังแบบกาวกระโดด อาจมีการปรับระดับความเขมของการใชเครื่องมือ ตอบโตท างยุทธวธิ ใี หส ูงข้นึ หรือลดลง ทง้ั นี้ ตอ งไมหลดุ จากกรอบพฤติการณข องผูต อ งสงสัย/กระทาํ ความผิด โดยตองพิจารณาถึงเหตุและผลอันอาจเกิดจากการใชเครื่องมือตอบโตทางยุทธวิธีท่ีมีสัดสวนเหมาะสมกับ การกระทําของผูตองสงสัย/กระทําความผิด มาประกอบดุลพินิจในการใชเคร่ืองมือตอบโตทางยุทธวิธีของ เจาหนา ท่ตี าํ รวจดวย ทั้งนี้ ตองมีการฝกทักษะหลายอยางควบคูกันไป ต้ังแตการพัฒนาทักษะในการตัดสินใจ การเลอื กใชเ คร่อื งมอื ตอบโตทางยุทธวธิ ที เี่ หมาะสม การปฐมพยาบาลหลงั การใชเครื่องมือทางยุทธวิธีเหลานนั้ กับผูตองสงสัย/กระทําความผิด และตองใหความสําคัญกับเครื่องมือตอบโตทางยุทธวิธีตํารวจ ดวยการ ฝกทักษะจากอปุ กรณม าตรฐานท่ีไดรับการจดั หาจากสํานกั งานตาํ รวจแหงชาติ 32 คูม ือยทุ ธวธิ ตี ํารวจ

บรรณานกุ รม กองบญั ชาการตาํ รวจนครบาล. (2561). คมู อื การบรหิ ารงานปอ งกนั และปราบปรามอาชญากรรม 4.0.กรงุ เทพฯ: โรงพิมพต าํ รวจ. สํานกั งานตํารวจแหง ชาต.ิ (2557). คูมอื การฝก ยุทธวิธีประจาํ สถานีตาํ รวจ. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพต าํ รวจ สาํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาต.ิ (2559). คมู อื การปฏบิ ตั มิ าตรฐานสาํ หรบั เจา หนา ทตี่ าํ รวจสายตรวจและเจา หนา ท่ี ตํารวจผูประสบเหตุ 2559. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพต ํารวจ คูมอื ยทุ ธวิธีตาํ รวจ 33

34 คมู ือยทุ ธวธิ ีตาํ รวจ

ภาคผนวก คมู ือยทุ ธวิธตี ํารวจ 35

36 คมู ือยทุ ธวธิ ีตาํ รวจ

ระเบยี บสํานกั งานตํารวจแหงชาติ วา ดวยประมวลระเบยี บการตํารวจไมเ กย่ี วกบั คดี ลักษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยที่เปนการสมควรปรับปรุงประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลักษณะท่ี ๒๕ หนาท่ี เวรยามหมูตรวจทองท่ีและกองรักษาการณ บทท่ี ๑ การจัดเวรยามรักษาหนาที่ บทท่ี ๒ การวางยาม บทท่ี ๓ ความประพฤตแิ ละหนาท่ขี องตาํ รวจยามโดยท่ัว ๆ ไป บทท่ี ๔ การตรวจยาม บทท่ี ๕ หนา ที่ยาม ประจําสถานีตํารวจ บทท่ี ๖ ยามประจําตูยาม บทที่ ๗ ยามคลังเงิน บทท่ี ๘ หนาที่ยามอารักขาสถานี สงขาวสารตาง ๆ บทที่ ๙ หนาท่ียามอ่ืน ๆ และยามหนาท่ีพิเศษ บทท่ี ๑๐ หมูตรวจทองท่ี บทท่ี ๑๑ กองรักษาการณทั่วไป บทที่ ๑๒ ระเบียบของกองรักษาการณทั่วไปของตํารวจนครบาล บทที่ ๑๕ กองรักษาการณกรมตํารวจ บทท่ี ๑๗ หนาที่นายสิบตํารวจเวร บทที่ ๑๘ หนาท่ีนายรอยตํารวจเวร บทที่ ๑๙ การจัดเวรยามประจําสถานที่ราชการ บทที่ ๒๐ การตรวจทองท่ีชายแดน และบทท่ี ๒๑ เวรสอบสวนคดี เพื่อใหเ หมาะสมและสอดคลอ งกบั สถานการณป จจบุ นั อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๑ แหงพระราชบัญญัติตํารวจแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ซ่ึงแกไขเพิ่มเติมโดยคําสั่งหัวหนาคณะรักษาความสงบแหงชาติ ที่ ๗/๒๕๕๙ เร่ือง การกําหนดตําแหนงของ ขา ราชการตาํ รวจซ่งึ มีอํานาจหนา ทใ่ี นการสอบสวน ลงวนั ที่ ๕ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๙ ผบู ัญชาการตํารวจแหง ชาติ จึงวางระเบียบไว ดังตอไปนี้ ขอ ๑ ใหเปลี่ยนช่ือลักษณะท่ี ๒๕ “หนาท่ีเวรยามหมูตรวจทองที่และกองรักษาการณ” เปน “เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ” ขอ ๒ ใหยกเลิกความใน ๒.๑ บทที่ ๑ การจดั เวรยามรักษาหนา ที่ ๒.๒ บทที่ ๒ การวางยาม ๑/๒๕๖๑ คมู ือยุทธวิธีตาํ รวจ 37

-๒- ๒.๓ บทท่ี ๓ ความประพฤตแิ ละหนา ทข่ี องตํารวจยามโดยทว่ั ๆ ไป ๒.๔ บทที่ ๔ การตรวจยาม ๒.๕ บทท่ี ๕ หนา ท่ียามประจําสถานตี าํ รวจ ๒.๖ บทที่ ๖ ยามประจาํ ตูยาม ๒.๗ บทที่ ๗ ยามคลังเงนิ ๒.๘ บทท่ี ๘ หนาทยี่ ามอารักขาสถานสี งขา วสารตาง ๆ ๒.๙ บทที่ ๙ หนา ท่ียามอ่นื ๆ และยามหนาทพี่ ิเศษ ๒.๑๐ บทท่ี ๑๐ หมตู รวจทอ งที่ ๒.๑๑ บทท่ี ๑๑ กองรกั ษาการณทั่วไป ๒.๑๒ บทท่ี ๑๒ ระเบยี บของกองรกั ษาการณทว่ั ไปของตํารวจนครบาล ๒.๑๓ บทที่ ๑๕ กองรกั ษาการณก รมตาํ รวจ ๒.๑๔ บทที่ ๑๗ หนาทน่ี ายสิบตาํ รวจเวร ๒.๑๕ บทที่ ๑๘ หนาทีน่ ายรอยตํารวจเวร ๒.๑๖ บทท่ี ๑๙ การจัดเวรยามประจาํ สถานท่รี าชการ ๒.๑๗ บทท่ี ๒๐ การตรวจทอ งทีช่ ายแดน ๒.๑๘ บทที่ ๒๑ เวรสอบสวนคดี ของลักษณะที่ ๒๕ หนาที่เวรยามหมูตรวจทองท่ีและกองรักษาการณ แหงประมวลระเบียบการตํารวจ ไมเ กีย่ วกับคดี และใหใชความทแี่ นบทา ยระเบยี บนแ้ี ทน ขอ ๓ ใหใ ชร ะเบียบนี้ ต้งั แตบ ัดนี้เปน ตนไป ประกาศ ณ วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ พลตํารวจเอก ( จกั รทิพย ชยั จนิ ดา ) ผบู ัญชาการตํารวจแหงชาติ 38 คมู อื ยทุ ธวธิ ตี าํ รวจ

ลักษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ บทท่ี ๑ บททั่วไป ขอ ๑ หนาที่ปองกันและปราบปรามการกระทําความผิดทางอาญา รักษาความสงบ เรียบรอย และความปลอดภัยของประชาชน ถาตํารวจสามารถปองกันใหอาชญากรรมเกิดขึ้นลดนอยลง จนประชาชนรูสึกวามีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน ยอมจะทําใหภารกิจปองกันอาชญากรรม ของสํานักงานตํารวจแหงชาติเกิดประสิทธิภาพ เปนท่ีพึ่งของประชาชนสมดังพระบรมราโชบายของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ซ่ึงมีพระราชดํารัสไววา “การจับผูรายนั้น ไมถือเปนความชอบ แตนับวาผูน้ันไดกระทําการครบถวนแกหนาท่ีเทานั้น แตจะถือเปนความชอบก็ตอเม่ือไดปกครองปองกัน เหตุรา ยใหชีวติ และทรพั ยส นิ ของขา แผน ดนิ ในทองถนิ่ น้นั อยูเ ปนสุขพอสมควร” ขอ ๒ สายตรวจและยามเปนกําลังสําคัญในการปองกันอาชญากรรม เพราะเปนกําลังพล ท่ีออกไปปฏิบัติหนาท่ีอยูใกลชิดประชาชน สรางความหวาดระแวงใหกับผูกระทําผิด ตัดโอกาสของ ผูกระทําผิดลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น สามารถไปถึงที่เกิดเหตุไดอยางรวดเร็ว ติดตามผูกระทําผิดได อยางใกลชิด และรักษาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุไวมิใหถูกทําลาย เปรียบสายตรวจและยามเปนกําลัง สวนหนาของสถานตี าํ รวจ ขอ ๓ หัวหนาสถานีตํารวจตองศึกษาพิจารณาลักษณะของอาคาร สถานที่ ภูมิประเทศ เหตุการณ พฤติกรรมของคนในแตละชุมชน ตลอดจนอาชีพของประชากร แลวจัดสายตรวจและยาม ใหเ หมาะสมโดยคาํ นึงถึงกาํ ลงั พล วสั ดุ ครุภัณฑ และงบประมาณ หัวหนาสถานีตํารวจจะตองจัดทําระบบขอมูลเพ่ือการปองกันอาชญากรรม วางมาตรการ ในการปองกันอาชญากรรมเพื่อลดอัตราการเกิดของอาชญากรรมเม่ือเทียบกับจํานวนประชากรในพ้ืนที่ ตองหม่ันฝกอบรมสายตรวจและยามใหเขาใจในภารกิจ ตองสรางจิตสํานึกในการเปนผูพิทักษสันติราษฎรวา เปน ผปู กปองรักษาความปลอดภัยในชีวติ และทรพั ยสินของประชาชน ใหม ีความภมู ิใจ และปฏบิ ตั หิ นา ท่ีอยา ง มเี กียรติและศักดิ์ศรี (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลกั ษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) คูม ือยุทธวธิ ตี ํารวจ 39

ลักษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ บทท่ี ๒ หนาทีค่ วามประพฤติของยาม ขอ ๑ หนา ทข่ี องยามโดยทวั่ ไปปฏบิ ัติ ดงั นี้ ๑.๑ ปอ งกนั ระงบั ยบั ยง้ั และตดั โอกาสไมใ หม กี ารกระทาํ ความผดิ ทกุ ประเภทเกดิ ขน้ึ ๑.๒ ปองกันปราบปราม จับกุม หาขาวเก่ียวกับอาชญากรรม พบปะประชาชน ท่ีเปนแหลงขาว เม่ือไดขาวหรือมีผูมาแจงเหตุถาเปนความผิดซ่ึงหนาหรือมีหมายจับ หากเปนเรื่องไมรุนแรง พอทจ่ี ะเขา จับกมุ ไดกใ็ หด ําเนนิ การจบั กุม หากเปน เร่ืองท่รี ุนแรงเกนิ กาํ ลังก็ใหแจงผบู งั คบั บัญชามาดําเนินการ ๑.๓ รักษาสถานท่ีเกิดเหตุ หามผูท่ีไมเก่ียวของเขาไปทําลายพยานหลักฐาน โดยรเู ทาไมถึงการณท ัง้ พยานวัตถุและพยานเอกสาร รอจนผบู งั คับบญั ชาไปถึง จงึ ไปปฏบิ ตั หิ นา ที่อ่ืนได ๑.๔ ถาเหตุที่เกิดข้ึนเก่ียวของกับหลายหนวยงานท่ีจะตองเขาไปแกปญหา ใหแจงผู บงั คบั บญั ชาและหนว ยงานทีเ่ กย่ี วขอ งทงั้ หมด ๑.๕ ชว ยเหลอื ประชาชนทอ่ี ยใู นเหตทุ จ่ี ะไดร บั อนั ตรายใหพ น จากเหตนุ นั้ หรอื พบเหตุ ประชาชนไดร บั บาดเจ็บจากเหตุทเี่ กิดขึน้ กช็ วยดาํ เนินการนําสง โรงพยาบาล ๑.๖ บรกิ ารประชาชนทเ่ี ขา มาขอรบั ความชว ยเหลอื เชน ประชาชนถามถงึ สถานทตี่ ง้ั ของหนว ยงาน หรือถนนหนทาง ๑.๗ ดแู ลรกั ษาความสะอาด ระมดั ระวงั ไมใ หผ ใู ดทง้ิ ขยะ บว นนา้ํ ลาย ทาํ ใหบ รเิ วณทรี่ บั ผดิ ชอบ สกปรก หรือจอดรถกีดขวางเสน ทางภายในบริเวณท่ีรับผดิ ชอบ ๑.๘ ถาเปนยามรักษาความปลอดภัยสถานท่ีราชการตองดูแลรักษาทรัพยสิน ของทางราชการ เชน สถานทีเ่ กบ็ อาวุธปน กระสนุ ปน วตั ถุระเบิด เครอื่ งมอื สือ่ สาร ยานพาหนะ ของกลาง ในคดีอาญา เอกสารสาํ คญั ไมใหถ ูกโจรกรรมหรือทําใหเสยี หาย ๑.๙ ปองกนั และระงับอัคคภี ัย ๑.๑๐ ปฏิบัติงานเรง ดวนตามคําส่ังของผูบงั คับบญั ชา ๑.๑๑ ถาเปนยามของหนว ยงานที่มผี ตู อ งหา ผตู อ งกัก และผตู อ งขังอยูใ นหอ งควบคมุ ยามตองชว ยเหลือสบิ เวรในการเยยี่ มและการเลี้ยงอาหารผตู อ งหา ผูตอ งกกั และผตู อ งขัง ขอ ๒ ยามตองประพฤตริ ะหวางปฏบิ ตั ิหนา ที่ ดงั น้ี ๒.๑ แตงเครื่องแบบใหถูกตองตามระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติวาดวย การแตงเครื่องแบบ ๒.๒ แสดงกิริยาทาทางใหองอาจผ่ึงผายในลักษณะท่ีพรอมจะเผชิญกับเหตุการณ ทุกขณะ 40 คมู อื ยทุ ธวธิ ีตํารวจ

-๒- ๒.๓ ปฏิบตั ติ อผมู าติดตอ ราชการดวยกิรยิ า วาจา ทา ทางทสี่ ภุ าพออ นโยน พรอมให คําแนะนาํ ในการติดตอราชการ ๒.๔ ตรวจตรารักษาหนาทีข่ องตนโดยเครง ครดั ๒.๕ เม่ือไดยินวิทยุ โทรศัพท หรืออาณัติสัญญาณนกหวีดจากยามใกลเคียง ขอความชว ยเหลอื ใหรีบไปยังสถานทน่ี น้ั โดยทันทีและเขาชว ยเหลือโดยเต็มกาํ ลัง ๒.๖ บําเพญ็ ตนใหเ ปนประโยชนแกป ระชาชนเทา ท่ีจะปฏิบัติได ขอ ๓ หามไมใ หย ามประพฤติ ดังน้ี ๓.๑ นง่ั นอน หลบั หรอื แสดงกริ ิยางว งเหงาหาวนอน ๓.๒ เสพหรือรับประทานสิ่งหนึ่งสง่ิ ใด ๓.๓ อานหนังสอื ใด ๆ นอกเหนอื หนา ท่ีของยาม เหมอ มองดูหรอื ฟง อะไรซึ่งไมใ ชธรุ ะ หนาท่ขี องตนจนเพลดิ เพลิน ๓.๔ สนทนาหรอื ใชอปุ กรณสื่อสารที่ไมเ กี่ยวกับหนาท่ี ๓.๕ คะนองกาย วาจา หรือสัพยอกกบั ผูใด ๓.๖ บรรจุซองกระสุนปนใสอาวุธปนยาว ชักอาวุธปนออกจากซองปน ชักกระบอง ออกจากซอง ถอดกญุ แจมอื ออกถอื ถอื ไมท อ นหรอื วตั ถอุ นื่ ใดซง่ึ ผดิ ไปจากระเบยี บของสาํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาติ เมอื่ ไมม ีเหตกุ ารณจ าํ เปน อยางหนึง่ อยา งใด ๓.๗ ละทิ้งหนาท่ียามไปกอนที่ยังไมมีผูมาผลัดเปล่ียน แมวาจะพนกําหนดเวลาผลัด ของตนไปแลว เวนแตผ ูบ งั คับบัญชาสง่ั จึงจะไปได (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) คมู อื ยุทธวิธีตํารวจ 41

ลกั ษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ บทที่ ๓ ยามประจําสถานตี าํ รวจ ขอ ๑ ยามประจําสถานีตํารวจนครบาลและสถานีตํารวจภูธรมีหนาท่ีรักษาการณในบริเวณ สถานตี าํ รวจ มีสิบเวรและนายรอ ยตาํ รวจเวรเปน ผคู วบคมุ ยามโดยปฏบิ ตั ิตามบทที่ ๒ ในสว นทเ่ี กยี่ วของและ ปฏบิ ัติเพม่ิ เติม ดังนี้ ๑.๑ รกั ษาความสงบเรยี บรอ ยในอาคารสถานตี าํ รวจ รวมทง้ั พน้ื ทบ่ี รเิ วณโดยรอบสถานี ตาํ รวจ ๑.๒ ดแู ลรกั ษาความปลอดภยั ทรพั ยส นิ ของทางราชการและสง่ิ ของทย่ี ดึ มาเกบ็ รกั ษา ซง่ึ อยใู นเขตพนื้ ทย่ี ามรกั ษาการณ เชน สถานทเ่ี กบ็ ของกลาง สถานทเี่ กบ็ อาวธุ ปน กระสนุ ปน วตั ถรุ ะเบดิ เครอ่ื ง มือสอ่ื สาร ไมใหถ กู โจรกรรมหรอื ทาํ ใหเ สยี หาย ๑.๓ ดูแลรักษาความสะอาด ระมัดระวังไมใหผูใดทิ้งขยะ บวนนํ้าลาย ทําใหบริเวณ ภายในอาคารสถานีตาํ รวจสกปรก หรือจอดรถกีดขวางเสน ทางภายในบรเิ วณสถานตี ํารวจ ๑.๔ ดแู ลหา มปรามไมใ หต าํ รวจหรอื ประชาชนทแ่ี ตง กายไมเ รยี บรอ ยเขา มาในอาคาร สถานีตาํ รวจ เวนแตผทู ี่จาํ เปน ตองเขา มา เชน ผมู าแจง ความ ผูต อ งหา หรือพยาน ๑.๕ หามปรามไมใหประชาชนท่ีไมมีกิจธุระเก่ียวของกับหนาที่ราชการเขามา พูดคุยกันเลนในอาคารสถานีตํารวจ หากมาหาผูใดในอาคารสถานีตํารวจเปนการสวนตัวใหออกไปพบปะพูด คยุ กันขางนอกอาคาร เวนแตจ ะไดรับอนุญาตจากผูบงั คบั บัญชา ๑.๖ หามปรามไมใหตํารวจที่ไมมีหนาท่ีราชการเก่ียวของอยางใดเขามาน่ังเลน ในอาคารสถานีตาํ รวจ หรือเคล่ือนยายส่งิ ของที่วางไวเ รียบรอยดแี ลว ๑.๗ ปฏบิ ตั ติ อ ผมู าตดิ ตอ ราชการทสี่ ถานตี าํ รวจดว ยกริ ยิ า วาจา ทา ทางทสี่ ภุ าพ ออ น โยน พรอมใหค ําแนะนาํ ในการติดตอ ราชการ ๑.๘ เปน ผชู วยสบิ เวรควบคมุ ดแู ลผูตอ งหา ผูตอ งกกั และผตู องขงั ไมใหหลบหนี หรอื กอ เหตวุ วิ าทกนั รวมตรวจคน ตวั ผตู องหา ผตู องกัก และผตู อ งขงั กอนนําเขาหรือนาํ ออกจากหอ งควบคมุ ๑.๙ เมื่อถึงเวลาท่ีกําหนดใหเย่ียมผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขัง ยามตอง ชวยเหลือสิบเวรตรวจตราอาหารส่ิงของที่นํามาเย่ียมผูตองหาใหถ่ีถวน อยาใหซุกซอนอาวุธ ส่ิงของผิด กฎหมาย ส่ิงของตองหาม เชน วัสดุอ่ืนใดที่ผูตองหาอาจจะใชผูกคอตายได และเอกสารอื่นใดเขาไปใน หอ งควบคุม ถา ผูเ ยี่ยมจะพดู จากับผูตอ งหา ผตู องกกั และผตู อ งขังตอ งใหพ ูดดัง ๆ ใหย ามไดย ิน กาํ หนดเวลาเยยี่ มผตู อ งหา ผตู อ งกกั และผตู อ งขงั วนั ละ ๓ ครง้ั คอื เวลา ๐๘.๐๐ นาฬก า ถงึ ๐๙.๐๐ นาฬก า เวลา ๑๒.๐๐ นาฬก า ถงึ ๑๓.๐๐ นาฬกา และเวลา ๑๖.๐๐ นาฬกา ถงึ ๑๗.๐๐ นาฬกา 42 คูม ือยทุ ธวธิ ตี ํารวจ

-๒- ๑.๑๐ เม่ือถึงกําหนดเวลาเล้ียงอาหารผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขัง ยามตอง ชวยเหลือสิบเวรตรวจตราตาม ๑.๙ และตรวจดวยวาอาหารที่จัดมาเลี้ยงน้ันบูดเสียและมีปริมาณเหมาะสม หรือไม ถา บูดเสียตองจดั มาใหม ถาปรมิ าณนอ ยตองตกั เตอื นผูจัดอาหาร กําหนดเวลาในการเลี้ยงอาหาร ผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขังวันละ ๓ ม้ือ คือ เวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา ถึง ๐๙.๐๐ นาฬกา เวลา ๑๒.๐๐ นาฬกา ถึง ๑๓.๐๐ นาฬกา และเวลา ๑๖.๐๐ นาฬกา ถึง ๑๗.๐๐ นาฬก า ๑.๑๑ หามปรามไมใหผูใดเขาไปพูดจากับผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขัง หรือ สงสง่ิ ของอื่นใดใหผ ตู อ งหา ผูต อ งกกั และผูตอ งขังนอกเวลาเย่ยี ม เวน แตไดรับอนุญาตจากนายรอยตาํ รวจเวร แตตองปฏบิ ัติตาม ๑.๙ ขอ ๒ การจัดยามประจําสถานีตํารวจและการเปลี่ยนผลัด ตามปกติใหผลัดเปล่ียนกัน เขายามผลดั ละ ๓ ช่วั โมง โดยผลัดที่ ๑ เขา ยามตัง้ แตเ วลา ๐๐.๐๑ นาฬก าเปนตนไป เวน แตถามเี หตผุ ลความ จาํ เปนจะจดั ผลัดเปน อยางอ่นื กใ็ หกระทําไดโ ดยใหอยูใ นดลุ พนิ ิจของหวั หนา สถานตี ํารวจ ขอ ๓ การผลัดเปลี่ยนหนาที่ของยาม ใหยามเกามอบหมายหนาที่ใหยามใหม ตรวจนับ จํานวนผูตองหา ผูตองกัก และผูตองขังในกรณีที่สภาพหองควบคุมสามารถตรวจได ถามีทรัพยสิ่งของ ท่ียามเการักษาอยู หรือมีคําสั่งของผูบังคับบัญชาสั่งไว ในระหวางเวลาที่ยามเกาปฏิบัติหนาที่มีพฤติการณ ผิดปกติหรือพฤติการณอันควรสืบสวนสังเกตการณตอไปประการใด ใหยามเกาชี้แจงมอบหมาย แกยามใหมใหเขาใจ เปนหนาที่ของยามใหมท่ีจะตรวจตราสิ่งของใหครบถวนถูกตองโดยทันที ถามีสิ่งใด เสยี หายในระหวา งทยี่ ามเกา ปฏบิ ตั หิ นา ที่ กใ็ หย ามใหมแ จง แกน ายรอ ยตาํ รวจเวรทราบ แลว ลงประจาํ วนั ไวเ ปน หลกั ฐาน (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเก่ียวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) คูม ือยทุ ธวิธตี าํ รวจ 43

ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ บทท่ี ๔ ตาํ รวจประจาํ ตยู าม ขอ ๑ ในทองที่ซ่ึงสมควรที่จะไดจัดใหมีตูยามเพ่ือใหตํารวจประจําตูยามคอยตรวจตรารักษา ความสงบเรียบรอ ยโดยใกลช ดิ ตลอดเวลาเปน ประจาํ เพ่อื จะไดปองกนั ระงบั ปราบปรามเหตกุ ารณท่ีเกดิ ขึ้น โดยมีกําลังตํารวจหลายคนปฏิบัติหนาที่เปนตํารวจประจําตูยามและสายตรวจประจําตูยาม มีเคร่ืองมือ เครื่องใชท่ีจําเปนเพื่อใชในการปฏิบัติงานในหนาที่ เชน อาวุธปน เครื่องมือส่ือสาร พรอมท่ีจะปฏิบัติงาน ในหนาท่ีไดทันทวงทีอยูเสมอ การจะจัดที่ใด ขนาด และจํานวนเทาใด ใหหัวหนาสถานีตํารวจพิจารณา ตามความเหมาะสม ขอ ๒ ตํารวจประจําตยู าม มหี นาที่ ดงั น้ี ๒.๑ หนาที่เก่ยี วกบั การปองกนั ปราบปราม ดําเนนิ การ ดงั นี้ ๒.๑.๑ การปองกัน ตองตรวจตราพ้ืนท่ีในเขตรับผิดชอบ พ้ืนที่ใดมีสถิติ การเกิดอาชญากรรมสูงและสูงเวลาใด ก็ตองเพ่ิมความถ่ีในการตรวจในพื้นที่และชวงเวลาน้ันใหถ่ีขึ้น ระหวางตรวจอาจจะแนะนําประชาชนใหระมัดระวังความปลอดภัยเก่ียวกับชีวิตและทรัพยสิน เชน พบเจาของบา นไมปดประตูรวั้ กแ็ นะนาํ ใหปด ๒.๑.๒ การปราบปราม ตาํ รวจประจาํ ตยู ามตอ งหาขา วเกยี่ วกบั อาชญากรรม ในพ้ืนที่ พบปะประชาชนท่ีเปนแหลงขาว เม่ือไดขาวถาเปนความผิดซ่ึงหนาหรือมีหมายจับ หากเปนเรื่องไม รนุ แรงพอท่ีจะเขาจบั กมุ ได ก็ดาํ เนินการจบั กุมไปตามกฎหมาย หากเปนเรื่องทเี่ กนิ กําลงั ท่จี ะดาํ เนินการ เชน ขาวคนรายในคดีสําคัญมีหมายจับ ขาวการลักลอบคายาเสพติดรายใหญ ก็ใหรายงานหัวหนาสถานีตํารวจมา ดําเนนิ การ ๒.๒ หนา ทเ่ี กย่ี วกบั การกระทําผดิ คดีอาญา เมือ่ มเี หตคุ ดีอาญาเกิดขึน้ ซงึ่ หนา ตาํ รวจ ประจําตยู าม หรือคดอี าญาทม่ี ีผมู ารอ งทุกขขอใหตาํ รวจประจาํ ตูยามชวยจัดการ เปน หนาทีข่ องตํารวจประจาํ ตยู ามจะตอ งพิจารณาจดั การโดยไมช กั ชา ดงั น้ี ๒.๒.๑ กรณีท่ีจะตองออกไประงับ ปราบปรามยังท่ีเกิดเหตุโดยดวน ไดแก การกระทําความผิดที่กําลังกระทําอยู ก็ใหพิจารณาวาเหตุน้ันรุนแรงเพียงใด ถาไมรุนแรง เชน การทะเลาะ ววิ าท ก็ใหด ําเนนิ การหามปรามจับกมุ ผูกระทําผดิ แตถ าเหตุนนั้ รนุ แรง เชน คนรา ยปลนธนาคาร เหตุทะเลาะ วิวาทคกู รณีมจี าํ นวนมากและแตละฝายมอี าวธุ ใหแจงหวั หนาสายตรวจมาดาํ เนนิ การดว น สว นตาํ รวจประจํา ตยู ามเขา ดาํ เนินการเทา ทจี่ ะทําได กรณีจับกุมผูกระทําผิดไดใหนําสงสถานีตํารวจ ถามีกําลังตํารวจ ไมเ พียงพอใหนาํ สง ตยู าม แลว แจง หัวหนา สายตรวจมารบั ตวั ไปดําเนนิ การ 44 คมู อื ยุทธวิธีตํารวจ

-๒- กรณมี ผี บู าดเจบ็ สาหสั ใหช ว ยนาํ สง โรงพยาบาล ถา ผบู าดเจบ็ เปน ผกู ระทาํ ผดิ กฎหมายในเหตกุ ารณท เ่ี กดิ ขน้ึ นน้ั ตอ งแจง หวั หนา สายตรวจ แลว ตาํ รวจประจาํ ตยู ามตอ งปอ งกนั ไมใ หห ลบหนี ๒.๒.๒ กรณที ไ่ี มต อ งออกไประงบั ปราบปรามยงั ทเ่ี กดิ เหตโุ ดยเรง ดว นแตต อ ง สบื สวนสอบสวนรวบรวมพยานหลกั ฐาน เชน มคี นมาแจง วา พบศพ บา นถกู โจรกรรมทรพั ยส นิ ใหต าํ รวจประจาํ ตูยามแจงพนักงานสอบสวนเวรออกมาดําเนินการ สวนตํารวจประจําตูยามใหเดินทางไปรักษาที่เกิดเหตุอยา ใหผทู ่ีไมเกีย่ วขอ งเขาไปทาํ ลายพยานหลกั ฐานโดยรเู ทา ไมถ ึงการณ และคอยอยูจนพนักงานสอบสวนเวรมาถึง แลว ตํารวจประจําตยู ามชวยสบื สวน ถา ไดพยานหลักฐานประการใด รายงานใหพ นักงานสอบสวนเวรทราบ ๒.๓ หนาท่ีเก่ียวกับคดีอาญาที่เกิดจากการกระทําโดยประมาท หรืออุบัติเหตุที่จะ ตองออกไปดาํ เนนิ การยังท่ีเกิดเหตโุ ดยเรงดว น เมอื่ ตํารวจประจาํ ตูยามไปถึงท่เี กดิ เหตุพบวา เปน เรอ่ื งเล็กนอ ย เชน รถเฉี่ยวชนกันเสียหายเล็กนอยไมมีผูบาดเจ็บ ก็ใหทําเครื่องหมายหรือถายรูปแสดงตําแหนงของ รถที่เก่ียวของทุกคัน แลวแยกรถออกใหพนเสนทางจราจร แลวอํานวยการจราจรใหรถเดินไดสะดวก แตถ า มคี นตายหรอื บาดเจบ็ สาหสั ใหแ จง พนกั งานสอบสวนเวรออกมาดาํ เนนิ การ ตาํ รวจประจาํ ตยู ามจดั การสง ผูบาดเจบ็ ไปรบั การรกั ษา แลวอํานวยการจราจรจนพนกั งานสอบสวนเวรมาถงึ ท่เี กดิ เหตุ กรณีเกดิ เหตุรุนแรง การแกป ญ หาเกย่ี วขอ งกับหลายหนว ยงาน เชน รถชนเสา ไฟฟาแรงสูงลมขวางถนนหลายตน ตํารวจประจําตูยามตองแจงนายรอยตํารวจเวรและหนวยงานที่เกี่ยวของ มาดาํ เนินการ โดยตํารวจประจําตูย ามตองทาํ หนาทอ่ี ํานวยการจราจร ๒.๔ หนาท่ีเกี่ยวกับการใหบริการประชาชน ตํารวจประจําตูยามนอกจากมีหนาที่ ปอ งกันปราบปราม ดําเนินการเกย่ี วกับคดีแลว ยังมหี นาท่ีใหบริการประชาชน เชน ประชาชนสอบถาม ถนน หนทาง ถามถึงทต่ี ัง้ อาคาร สถานท่ี เดก็ หลงทาง ก็ใหตาํ รวจประจําตยู ามชว ยเหลอื อํานวยความสะดวก ๒.๕ เมอ่ื ตาํ รวจประจาํ ตยู ามไดป ฏบิ ตั ติ าม ๒.๑ ถงึ ๒.๔ ไปแลว ประการใด ใหล งบนั ทกึ ประจาํ วนั ของตยู ามไวเ ปน หลกั ฐานทุกครง้ั ขอ ๓ ขอหามของตาํ รวจประจาํ ตูยาม ตาํ รวจประจาํ ตยู ามนอกจากจะตอ งประพฤตแิ ละไมป ระพฤตติ ามบทที่ ๓ แลว ยงั หา มไมใ หป ฏบิ ตั ิ ดังน้ี ๓.๑ ออกจากบริเวณตูยามโดยไมมีกิจจําเปน ถามีกิจจําเปนหรือไปปฏิบัติหนาท่ี เมือ่ เสร็จส้นิ ตอ งเดินทางกลบั มาประจําตยู ามโดยเรว็ ๓.๒ ยนิ ยอมใหประชาชนเขา มาในตูย ามโดยไมม ีเหตุอนั สมควร ๓.๓ นาํ สิ่งของเครื่องใชป ระจําตยู ามออกไปจากตูยามโดยไมจ ําเปน และนาํ สิง่ ของท่ี ไมใ ชส ําหรบั ตูยามเขามาเกบ็ ในตูย าม ๓.๔ เขา ไปในรา น โรงเรอื น หรอื บรเิ วณบา นเรอื นของผใู ด หรอื แอบแฝงตวั อยใู นทลี่ บั เมอ่ื ไมมกี จิ จําเปน ในหนาท่ี ๓.๕ ละทิ้งหนาที่ตํารวจประจําตูยามไปกอนที่ยังไมมีผูมาผลัดเปล่ียน แมวาจะพน กําหนดเวลาผลัดของตนไปแลว เวน แตผูบังคับบญั ชาสง่ั จงึ จะไปได คมู อื ยทุ ธวิธีตํารวจ 45

-๓- ในกรณจี าํ เปน ทจ่ี ะตอ งละหนา ที่ เชน จบั กมุ ผกู ระทาํ ผดิ ไดจ ะตอ งนาํ ตวั สง สถานี ตาํ รวจ ใชว ทิ ยุ โทรศพั ท หรอื เปา นกหวดี อาณตั สิ ญั ญาณเรยี กสายตรวจทอี่ อกไปตรวจตราในเขตพน้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบ ใหมาชวยรกั ษาหนาท่ีแทน ถา ไมมสี ายตรวจใกลเคียงหรอื เปนการปจจุบนั ทันดวนไมส ามารถจะแจงใหผ อู น่ื มา รบั หนาทีแ่ ทนได เชน จะตอ งติดตามจับกมุ ผกู ระทําผดิ ไปโดยฉบั พลันทันที ใหล ะหนา ทีไ่ ปได แตเม่อื กลับมา หรอื พน หนา ทตี่ าํ รวจประจาํ ตยู ามแลว จะตอ งรายงานเหตนุ น้ั ใหส บิ เวรหรอื นายรอ ยตาํ รวจเวรทราบและบนั ทกึ ไวในรายงานประจาํ วนั ดว ย เปนหนาที่ของผูบังคับบัญชาตามลําดับช้ันจะตองตรวจตราและกํากับดูแลยาม ทกุ ประเภทใหมีการผลดั เปล่ยี นยามตามกาํ หนดเวลาและปฏิบตั ิตามระเบียบ ขอ ๔ การจดั กําลงั ตํารวจประจําตูยามและการเปลี่ยนผลัด ตูยามแตล ะตูใหจัดกาํ ลังตาํ รวจประจาํ ตามความเหมาะสมแบง เปน ๓ ผลดั ผลดั หนึ่ง ๆ อยูป ระจํา ตยู าม ๘ ชว่ั โมง หมนุ เวยี นกันไป การเปลยี่ นผลดั ของตาํ รวจประจาํ ตยู าม โดยปกตใิ หเ ปลยี่ นในเวลา ๐๘.๐๐ นาฬก า ๑๖.๐๐ นาฬก า และ ๒๔.๐๐ นาฬกา กอนตํารวจประจําตูยามจะไปเปลี่ยนผลัดใหนายรอยตํารวจเวรตรวจจํานวน ความเรียบรอยของเคร่ืองแบบ ความพรอมเกี่ยวกับอาวุธและอุปกรณประจําตัว และใหแนะนําตักเตือน เก่ียวกับการปฏิบัติทุกคร้ัง เสร็จแลวจึงใหนายรอยตํารวจเวรควบคุมไปผลัดเปลี่ยน หามไมใหไปผลัดเปล่ียน หนาท่ีโดยไมมีผูควบคุม ตํารวจประจําตูยามคนใดไมสามารถไปประจําตูยามไดใหรายงานนายรอยตํารวจเวร และใหนายรอยตํารวจเวรพิจารณาจัดผูท่ีเหมาะสมไปแทน การเปล่ียนผลัดของตํารวจประจําตูยาม ใหล งบนั ทกึ ประจําวนั ไวตามระเบยี บดว ย ถา หวั หนา สถานตี าํ รวจมเี หตผุ ลและความจาํ เปน เกย่ี วกบั กาํ ลงั พลหรอื เหตกุ ารณ อาจจะพจิ ารณา ปรบั การดําเนินการตามวรรคหนึง่ และวรรคสองไดตามความเหมาะสม ขอ ๕ การรับสงงานในหนาที่ตํารวจประจําตูยาม เปนหนาที่ของผลัดที่จะพนจากหนาที่ สง มอบงานในหนา ที่ พรอ มดว ยจาํ นวนวสั ดุ อปุ กรณป ระจาํ ตยู าม รวมทง้ั คาํ สงั่ ของผบู งั คบั บญั ชาสง่ั ไว ในระหวา ง เวลาทตี่ าํ รวจประจาํ ตยู ามเกา ปฏบิ ตั หิ นา ทม่ี เี หตกุ ารณผ ดิ ปกตหิ รอื เหตกุ ารณอ นั ควรสบื สวนสงั เกตการณต อ ไป ประการใด ใหต าํ รวจประจาํ ตยู ามเกา ชแ้ี จงมอบหมายใหแ กต าํ รวจประจาํ ตยู ามผลดั ทจ่ี ะเขา รบั หนา ทใี่ หเ ปน การ ถูกตอ ง โดยลงบันทกึ ประจําวนั ของตูยามไวเปน หลักฐาน แลวจงึ จะออกจากหนาท่ีไปได ขอ ๖ การจัดระเบียบตูยามใหหัวหนาสถานีตํารวจพิจารณาจัดใหเหมาะสมตามสภาพของตู ยาม เนือ่ งจากตยู ามแตละแหงมรี ูปแบบและขนาดแตกตางกัน ขอ ๗ วสั ดุ อปุ กรณป ระจาํ ตยู ามใหเ ปน ไปตามอตั ราการจดั ครภุ ณั ฑป ระจาํ ตยู าม แตอ ยา งนอ ย ตองมี ๗.๑ เครอ่ื งมือส่อื สาร ๗.๒ อปุ กรณดับเพลงิ ๗.๓ รายชื่อพรอ มภาพถายของเจา หนาทต่ี ํารวจประจาํ ตยู าม ๗.๔ หมายเลขโทรศพั ทข องสถานทแ่ี ละหนว ยงานสําคญั ในพน้ื ท่ี 46 คมู ือยทุ ธวธิ ตี าํ รวจ

-๔- ๗.๕ ยาสามญั ประจําบาน ๗.๖ อปุ กรณใ นการสอ งสวา ง ๗.๗ สีสเปรยส ีขาว ๗.๘ ปายประชาสมั พนั ธแสดงช่อื สถานตี ํารวจที่รบั ผิดชอบ ๗.๙ แผนท่เี ขตรบั ผิดชอบของตูย าม (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) คมู ือยุทธวิธีตาํ รวจ 47

ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ บทท่ี ๕ การวางยาม ขอ ๑ ในกรณีที่สถานีตํารวจหรือหนวยงานใดตองวางยามรักษาสถานท่ีหลายจุด และติดตอกันหลายผลัด ใหจัดรองสารวัตรหน่ึงคนหรือหลายคนตามความจําเปนทําหนาที่เปน นายรอยตํารวจเวรควบคุมบังคับบัญชายามทรี่ ักษาสถานท่นี ัน้ ในระหวางปฏบิ ัตหิ นา ท่ี กอนถึงเวลาเขายามเปนหนาที่ของนายรอยตํารวจเวรที่จะตองเรียกตํารวจท่ีจะตองเขายาม รักษาสถานที่นั้นมาเขาแถวตรวจวา เคร่ืองแบบสะอาดเรียบรอย และมีอาวุธปน กระสุนปน และอุปกรณ ถูกตองครบถวนตามระเบียบแลวหรือไม ถาเห็นวาผูใดยังแตงเครื่องแบบไมสะอาดเรียบรอยและยังไมมี อาวุธปน กระสนุ ปน และอปุ กรณถ ูกตองครบถวนใหว า กลาวตักเตือนใหจัดการเสียใหมใ หถ ูกตอง เมื่อเหน็ วา เรียบรอ ยดแี ลวใหช้ีแจงภารกิจซงึ่ จะไปปฏบิ ัตินั้นกอ น แลว ดาํ เนินการใหไปปฏบิ ัติหนาทีต่ ามภารกิจ ขอ ๒ ถายามท่ีจะนําไปวางนั้นมีหลายจุดและอยูหางไกลกัน การใหนายรอยตํารวจเวร ซึ่งมีคนเดียวเปนผูนําไปวางอาจจะตองเสียเวลามากเกินควร ใหนายรอยตํารวจเวรพิจารณาแบงยาม ออกเปนพวก ๆ แลวใหนายรอยตํารวจเวรนําไปวางพวกหน่ึง สวนพวกท่ีเหลือใหยามที่มีอาวุโสในพวก ของตนนําไปวาง เฉพาะยามที่มีอาวุโสเม่ือนํายามไปวางแลวตองไปเขายามรักษาการณในหนาท่ีของตน ตามทก่ี ําหนดไวอ ีกดวย สถานที่วางยามแหงใดอยูหางไกลจากสถานีตํารวจไมสะดวกแกการท่ีจะเขาแถวเดินไป สบั เปลี่ยน ใหนายรอ ยตํารวจเวรพจิ ารณาส่ังการเดนิ ทางไปสบั เปล่ียนยามไดตามความเหมาะสม (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) 48 คูมอื ยุทธวิธตี ํารวจ

ลักษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรักษาการณ บทท่ี ๖ สิบเวรสถานตี ํารวจ ขอ ๑ สถานีตํารวจนครบาลและสถานีตํารวจภูธรตองจัดใหมีสิบเวร โดยจัดจากผูบังคับหมู งานปอ งกันปราบปรามปฏบิ ัติหนา ที่สบั เปลย่ี นหมุนเวยี นกันไป ขอ ๒ สิบเวรตองประพฤติตามบทที่ ๒ ขอ ๑ และขอ ๒ และตองไมประพฤติตามขอ ๓ ยกเวน ๓.๑ ขอ ๓ สิบเวรมีหนาทีโ่ ดยทัว่ ไปเปน ผูชว ยนายรอ ยตํารวจเวร และมหี นา ท่ีโดยตรง ดังน้ี ๓.๑ ตรวจตรา กํากับ ดแู ลยามประจําสถานีตาํ รวจใหปฏิบัตหิ นาท่ีตามระเบียบ ๓.๒ ตรวจจายอาวุธปน กระสุนปน วัสดุ อุปกรณแกตํารวจที่ขอเบิกไปใชในการ ปฏบิ ตั ิหนาท่ี ๓.๓ ตรวจรับอาวุธปน กระสุนปน วัสดุ อุปกรณคืนจากตํารวจท่ีกลับจากปฏิบัติ หนาท่ีใหมีจํานวนตรงตามที่เบิกไป โดยเฉพาะอาวุธปนตองอยูในสภาพสะอาด หมายเลขปนถูกตอง หากสงคนื ไมครบหรือชํารุดเสยี หายใหผ ูเ บกิ รายงานเหตุเปน ลายลักษณอ กั ษร แลวรายงานนายรอ ยตํารวจเวร ทราบและลงประจาํ วนั ไวเ ปน หลักฐาน ๓.๔ ถามีตาํ รวจจากหนวยงานอืน่ นําอาวุธปน กระสนุ ปนมาฝาก ใหป ฏบิ ตั ติ าม ๓.๒ และ ๓.๓ ๓.๕ ราวปนหรือตูเก็บอาวุธปนตามปกติใหใสกุญแจไว เวนแตเวลาเบิกจาย หรือ ผูบ ังคบั บญั ชาสงั่ การเปน อยางอน่ื ๓.๖ ถา มตี าํ รวจตอ งโทษทางวนิ ยั กกั ยามหรอื กกั ขงั อยทู สี่ ถานตี าํ รวจ สบิ เวรตอ งตรวจ จาํ นวนใหถูกตอ งครบถว นดูแลมิใหหลบหนี ๓.๗ ชวยงานประชาสัมพันธเมื่อมีประชาชนมาติดตอสอบถามเรื่องราวเหตุการณ ใด ๆ ถาไมใชความลับหรือเกนิ อาํ นาจหนาทใ่ี หอ ํานวยความสะดวกดว ยอัธยาศยั ไมตรีอนั ดียิ่ง ๓.๘ พิมพลายนิ้วมือบุคคลท่ีหนวยงานตํารวจหรือหนวยงานอ่ืนสงมาเพ่ือตรวจสอบ ประวตั บิ ุคคล ๓.๙ การปฏิบัตติ อ ผถู ูกควบคุม ใหดําเนนิ การ ดงั น้ี ๓.๙.๑ เมอ่ื มผี นู าํ อาหาร เครอื่ งดมื่ หรอื ของใชม าเยย่ี มทกุ กรณี หรอื การเลยี้ ง อาหารตามระเบยี บ ใหปฏิบตั ิตาม ๑.๙ และ ๑.๑๐ ของบทท่ี ๓ ๓.๙.๒ เม่ือตํารวจจับกุมตัวผูตองหามาสงใหรายงานผูบังคับบัญชาหรือ นายรอยตํารวจเวรทราบ แลวตรวจคนตัววาไมมีสิ่งของผิดกฎหมาย สิ่งของตองหาม เชน วัสดุท่ีพอจะใชผูก คมู ือยทุ ธวิธีตาํ รวจ 49

-๒- คอตายได การคน ตัวถา ผูถ ูกควบคุมเปนหญงิ ตอ งใหผ ูหญงิ คนแทน แลว นาํ เขา หอ งควบคุมโดยแยกชาย หญงิ และเดก็ การควบคมุ ตองปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย ระเบยี บ และคาํ สั่งทีเ่ กี่ยวขอ งกบั คดีอีกดว ย ๓.๙.๓ การนําตัวออกจากหองควบคุมและการนําตัวเขาหองควบคุมตอง ตรวจคนตัวทุกคร้ัง การเปดปดประตูหองควบคุมตองมีตํารวจรวมดําเนินการอยางนอยสองคน หามตํารวจท่ี เปดปดประตหู องควบคุมนาํ อาวธุ ปนติดตัว เพราะอาจจะถูกแยงอาวธุ ปน ได ๓.๙.๔ พิมพล ายนิ้วมือผูตองหาท่ีถูกจบั กุมมาใหม ๓.๙.๕ ดแู ลไมใ หผ ทู ถ่ี กู ควบคมุ ตวั หลบหนี กอ เหตวุ วิ าทกนั หรอื พยายามฆา ตัวตาย ๓.๙.๖ การนาํ ตวั ออกจากหอ งควบคมุ ตอ งไดร บั อนญุ าตจากนายรอ ยตาํ รวจเวร หรือผูบ ังคับบัญชากอน ตองใสก ุญแจมือและระมัดระวังโดยใกลชดิ ปองกนั มใิ หห ลบหนี ๓.๙.๗ การจะควบคุมตัวตํารวจไวในหองควบคุมตองใหถอดเครื่องแบบ กอน และตองควบคุมไวในหองที่แยกจากหองควบคุมผูตองหาท่ัวไป สวนการควบคุมตัวทหารใหปฏิบัติตาม ระเบยี บและคําสัง่ ท่เี กยี่ วของ ขอ ๔ การจัดเวรปฏิบัติหนาท่ีสิบเวรใหเปนไปตามท่ีผูบังคับบัญชากําหนด โดยหากจัด ผลัดละ ๒๔ ชั่วโมง ใหผลัดเปล่ียนกันเวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา ในระหวางปฏิบัติหนาท่ีเม่ือถึงเวลา ๒๑.๐๐ นาฬกา ใหสิบเวรพักผอนอยูในบริเวณสถานีตํารวจได หากจัดผลัดละ ๘ ชั่วโมง ใหผลัดเปลี่ยนเวร เวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา ๑๖.๐๐ นาฬก า ๒๔.๐๐ นาฬกา ตามลาํ ดับ ขอ ๕ การผลัดเปลี่ยนหนาท่ีของสิบเวร ใหสิบเวรเกามอบหมายหนาท่ีใหสิบเวรใหมตาม ระเบียบ ถามีทรัพยสิ่งของท่ีสิบเวรเการักษาอยู หรือมีคําสั่งของผูบังคับบัญชาส่ังไว มีพฤติการณผิดปกติ หรือพฤติการณอันควรสืบสวนสังเกตการณตอไปประการใด ใหสิบเวรเกาช้ีแจงมอบหมายแกสิบเวรใหม ใหเขาใจ เปนหนาท่ีของสิบเวรใหมท่ีจะตองตรวจตราส่ิงของใหครบถวนถูกตองโดยทันที ถามีสิ่งใดเสียหายก็ ใหแจง แกน ายรอยตาํ รวจเวรทราบ สิบเวรเกา สิบเวรใหมตองรวมกันตรวจจํานวนผูถูกควบคุมใหมีจํานวนครบถวน และตองตรวจ หองควบคุมทุกหองไมใหซุกซอนอาวุธ สิ่งของผิดกฎหมาย สิ่งของตองหามไว รวมท้ังสภาพหองควบคุม มีความมน่ั คงแข็งแรงหรือไม ประการใด และลงประจาํ วนั ไวเ ปน หลกั ฐาน (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ท่ี ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) 50 คูมือยุทธวิธีตาํ รวจ

ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ บทที่ ๗ นายรอ ยตาํ รวจเวรสถานีตํารวจ ขอ ๑ สถานีตํารวจนครบาลและสถานีตํารวจภูธรตองจัดใหมีนายรอยตํารวจเวร โดยจัด จากรองสารวัตรงานปองกนั ปราบปรามปฏิบตั หิ นา ท่ีสับเปลยี่ นหมนุ เวียนกนั ไป ขอ ๒ หนา ทีข่ องนายรอยตํารวจเวร มีดังน้ี ๒.๑ รับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบรอย ความปลอดภัย ในบริเวณสถานี ตํารวจ โดยเฉพาะหองควบคุมผูตองหา สถานท่ีเก็บของกลาง สถานท่ีเก็บอาวุธปน กระสุนปน วัตถุระเบิด เครื่องมือส่ือสาร สถานท่ี และตเู กบ็ เอกสารสาํ คัญไมใ หถ ูกโจรกรรมหรอื ทาํ ใหเ สยี หาย ๒.๒ ควบคุม กํากับ ดูแลใหสิบเวรและยามปฏิบัติหนาท่ีใหเปนไปตามระเบียบ และคําสงั่ ของผูบังคบั บัญชา ๒.๓ กอนวางยามตองเรียกขาราชการตํารวจที่จะตองเขายามมาเขาแถว แลว ตรวจการแตงเคร่ืองแบบใหถูกตอง มีอาวุธปน กระสุนปน อุปกรณใหครบถวน แลวแจงถึงภารกิจที่จะมอบ ใหย ามไปดาํ เนนิ การ ๒.๔ ดูแลการสงมอบหนาท่ีของยามและสิบเวรใหเปนไปตามระเบียบ ถามีทรัพย สงิ่ ของทีย่ ามดูแลเสยี หายกใ็ หดําเนนิ การไปตามระเบียบ ๒.๕ เมื่อมีผูขออนุญาตเย่ียมผูถูกควบคุมนอกเวลาเย่ียมใหพิจารณาวามีเหตุผลและ สมควรประการใด แลว ใหดาํ เนินการไปตามท่ีเหน็ สมควร ๒.๖ เมื่อมีการจับกุมผูตองหามาสงก็ใหพิจารณา ถาเห็นวาการจับกุมนั้นถูกตอง ตามกฎหมาย ก็สั่งสิบเวรและยามตรวจคนตัวแลวนําเขาหองควบคุม ถาผูถูกควบคุมเปนผูหญิงตองให ผหู ญงิ ตรวจคน แทน ๒.๗ ปฏบิ ัติหนาทอี่ ่ืน ๆ ทเี่ ก่ยี วของหรอื ไดร บั มอบหมาย ขอ ๓ นายรอยตํารวจเวรตองแตงเครื่องแบบในระหวางปฏิบัติหนาที่ใหถูกตองตาม ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาตวิ า ดว ยการแตง เครอ่ื งแบบ ขอ ๔ การจัดเวรปฏิบัติหนาท่ีของนายรอยตํารวจเวรใหเปนไปตามท่ีผูบังคับบัญชากําหนด โดยหากจัดผลัดละ ๒๔ ช่ัวโมง ใหผลัดเปล่ียนกันเวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา ในระหวางปฏิบัติหนาท่ีเมื่อถึงเวลา ๒๑.๐๐ นาฬกา ใหนายรอยตํารวจเวรพักผอนอยูในบริเวณสถานีตํารวจได หากจัดผลัดละ ๘ ช่ัวโมง ใหผ ลดั เปลย่ี นเวลา ๐๘.๐๐ นาฬก า ๑๖.๐๐ นาฬกา ๒๔.๐๐ นาฬก า ขอ ๕ การผลัดเปล่ียนหนาท่ีของนายรอยตํารวจเวร ใหนายรอยตํารวจเวรผลัดเกาสงมอบ หนาที่ใหเวรผลัดใหมตามระเบียบ ถามีทรัพยสิ่งของที่เวรผลัดเการักษาอยู หรือมีคําสั่งของผูบังคับบัญชา คมู อื ยทุ ธวธิ ีตํารวจ 51

-๒- สั่งไวประการใด ในชวงเวลาท่ีผานมามีเหตุการณสําคัญอะไรเกิดขึ้นดําเนินการไปแลวประการใด เวรผลดั ใหมจ ะตอ งรบั ไปดาํ เนนิ การตอ ไปอยา งไร หรอื ไม ใหเ วรผลดั เกา ชแ้ี จงมอบหมายแกเ วรผลดั ใหมใ หเ ขา ใจ นายรอยตํารวจเวรเกา นายรอยตํารวจเวรใหมตองรวมกันตรวจจํานวนผูถูกควบคุมวา มีจํานวนครบถวนหรือไม และตองตรวจหองควบคุมทุกหองไมใหซุกซอนอาวุธ สิ่งของผิดกฎหมาย ส่ิงของตองหามไว รวมท้ังสภาพหองควบคุมมีความม่ันคงแข็งแรงหรือไม ประการใด และลงประจําวัน ไวเ ปนหลกั ฐาน (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) 52 คมู อื ยทุ ธวิธตี าํ รวจ

ลกั ษณะที่ ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ บทท่ี ๘ พนักงานสอบสวนเวร ขอ ๑ สถานีตํารวจนครบาล สถานีตํารวจภูธร และหนวยงานอื่นที่มีงานสอบสวน เชนเดยี วกัน ตองจดั ใหมพี นักงานสอบสวนเวรเขา เวรตลอดเวลาปฏบิ ัตหิ นาท่ีสบั เปล่ยี นหมนุ เวียนกันไป ขอ ๒ หนาท่ขี องพนกั งานสอบสวนเวร มดี ังน้ี ๒.๑ เม่ือไดรับแจง วา ไดม เี หตเุ กดิ ขึ้นใหทาํ การสอบสวนโดยเรงดวน ๒.๒ ในกรณีที่ไดรับแจงเหตุทางโทรศัพทหรือทางอ่ืนซ่ึงผูแจงมิไดมาที่สถานีตํารวจ ดวยตนเอง และเปนกรณีที่จําเปนจะตองตรวจสถานที่เกิดเหตุ หรือกรณีผูแจงมีเหตุจําเปนไมสามารถมา สถานีตํารวจดวยตนเองได เชน เจ็บปวย ใหออกไปทําการสอบสวนโดยรีบดวน ในกรณีเชนน้ีการลงบันทึก ประจาํ วันรบั แจง ไมต อ งใหผ แู จงลงลายมอื ชอื่ เปน หลกั ฐาน ๒.๓ เม่ือไดรับแจงวามีเหตุเกิดข้ึนตาม ๒.๑ และ ๒.๒ ถาเปนกรณีท่ีมีระเบียบ ขอบังคับกําหนดใหตองรายงาน หรือพิจารณาเห็นสมควรรายงานใหผูบังคับบัญชาทราบ ก็ใหรายงานให ผบู ังคบั บัญชาทราบ ๒.๔ เมื่อไดรับคํารองทุกขไวแลว ใหมอบบัตรรับเรื่องราวรองทุกขตามแบบทาย บทน้ี ใหกบั ผูรองทกุ ขห รือกลา วโทษ เพอ่ื สะดวกในการติดตอกับพนกั งานสอบสวนภายหลัง ๒.๕ เมื่อพนจากหนาท่ีเขาเวรสอบสวนใหรายงานการปฏิบัติใหหัวหนางาน สอบสวนทราบ ๒.๖ ในระหวางปฏิบัติหนาท่ีเขาเวรสอบสวน ถาจะนัดผูเสียหายหรือพยาน มาสอบสวนในระหวางเขาเวร ตองพิจารณามิใหเปนปญหาอุปสรรคตอการปฏิบัติงานในขณะเขาเวร สอบสวน ๒.๗ ใหทําการสอบสวนคดีท่ีรับผิดชอบใหแลวเสร็จตามกําหนด สวนการ ดําเนินการสอบสวนจะทําในวัน เวลา สถานที่ใดใหเปนไปตามกฎหมาย ระเบียบ ขอบังคับเกี่ยวกับ การสอบสวน โดยพจิ ารณาถงึ ความสะดวกของผถู กู สอบสวน ผเู สยี หาย หรอื พยานดว ยเทา ทจี่ ะสามารถกระทาํ ได ๒.๘ การสอบสวนในกรณีที่ตองมีการสืบสวนหลังเกิดเหตุ ใหประสานการปฏิบัติ กับผูมหี นา ท่ีสืบสวนอยางใกลชิด ขอ ๓ พนักงานสอบสวนเวรตองแตงเครื่องแบบในระหวางปฏิบัติหนาที่ใหถูกตองตาม ระเบยี บสาํ นกั งานตาํ รวจแหง ชาตวิ าดว ยการแตง เครื่องแบบ ขอ ๔ การจัดพนักงานสอบสวนเวรปฏิบัติหนาที่ใหเปนไปตามที่ผูบังคับบัญชากําหนด หากจัดผลัดละ ๒๔ ชั่วโมง ใหผลัดเปล่ียนกันเวลา ๐๘.๐๐ นาฬกา หากจัดผลัดละ ๘ ชั่วโมง ใหผ ลัดเปล่ยี นกนั เวลา ๐๘.๐๐ นาฬก า ๑๖.๐๐ นาฬก า ๒๔.๐๐ นาฬกา คมู อื ยทุ ธวิธตี ํารวจ 53

-๒- ขอ ๕ การผลัดเปลี่ยนหนาที่ของพนักงานสอบสวนเวร ใหพนักงานสอบสวนเวรเกา สงมอบหนาที่ใหพนักงานสอบสวนเวรใหมตามระเบียบ ถามีทรัพยสิ่งของท่ีพนักงานสอบสวนเวรเการักษาอยู และตองสงมอบ หรือมีคําสั่งของผูบังคับบัญชาไวประการใด ในชวงเวลาที่ผานมามีเหตุการณสําคัญอะไร เกดิ ขนึ้ จดั การไปแลว ประการใด พนกั งานสอบสวนเวรใหมจ ะตอ งรบั ไปจดั การตอ ไปอยา งไร หรอื ไม ใหพ นกั งาน สอบสวนเวรเกา ชแ้ี จงมอบหมายแกพนักงานสอบสวนเวรใหมใหเขา ใจ (ระเบียบสํานักงานตํารวจแหงชาติ วาดวยประมวลระเบียบการตํารวจไมเกี่ยวกับคดี ลกั ษณะท่ี ๒๕ เวรยาม สายตรวจ กองรกั ษาการณ (ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวนั ท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑) 54 คมู ือยุทธวิธีตํารวจ

๑๔.๘ เซน ิตเมตร -๓- ๑๔.๘ เซนติเมตร (ดา นหนา บัตร) ๒๑ เซนติเมตร บตั รรบั เรอ่ื งราวรองทกุ ข เลขทร่ี บั เรอ่ื ง.............................................................................................................. วนั ทร่ี บั เรอื่ ง............................................................................................................... ชอ่ื ผถู กู รอ งเรยี น........................................................................................................ สงั กดั /ทอี่ ยผู ถู กู รอ งเรยี น........................................................................................... (ดานหลังบตั ร) ๒๑ เซนติเมตร (ชอ่ื หนว ยงานทรี่ บั เรอื่ งราวรอ งทกุ ข) ................................................................................ (ทตี่ ง้ั หนว ยงานทรี่ บั เรอ่ื งราวรอ งทกุ ข) .............................................................................. ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ (โทรศพั ทห นว ยงานทร่ี บั เรอ่ื งราวรอ งทกุ ข) ....................................................................... คมู ือยุทธวิธีตาํ รวจ 55


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook