กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรียนรวมกนั ตอบคาํ ถาม ดังตอไปนี้ ๒) ภาพพจน ์ • นกั เรยี นคดิ วา ในเร่อื ง นิราศนรนิ ทรคาํ โคลง ๒.๑) การเปรียบเทียบเกินจริง คือการกล่าวเกินจริง เพื่อให้ได้คุณค่าทางด้าน ปรากฏภาพพจนชนิดใดมากทีส่ ุด (แนวตอบ ปรากฏการใชโ วหารภาพพจน อารมณ์เป็นสา� คญั เชน่ ในโคลงบทที่ ๑๓๙ ที่วา่ แบบอธิพจน ซ่ึงหมายถึงการกลา วเกินจรงิ ) • เหตุใดจึงปรากฏภาพพจนดังกลา วมากที่สุด เอยี งอกเทออกอ้าง อวดองค์ อรเอย ในบทประพันธ และภาพพจนด งั กลาวสง ผล เมรุชบุ สมทุ รดินลง เลขแตม้ ใหเ กิดคณุ คาทางวรรณศิลปของบทประพันธ อากาศจักจารผจง จารกึ พอฤๅ อยา งไร โฉมแม่หยาดฟ้าแยม้ อยู่รอ้ นฤๅเห็น (แนวตอบ การใชภ าพพจนแ บบอธิพจนดังกลา ว แสดงใหเ หน็ ความเขม ขน ของอารมณค วามรสู กึ กวีใชค้ า� เอยี งอกเท แทนสง่ิ ทอ่ี ย่ใู นใจ ใชเ้ ขาพระสเุ มรชบุ นา�้ และดนิ แทนปากกา ของกวที ถ่ี ายทอดความรสู ึกออกมาไดแ จม แจง เขียนขอ้ ความในอากาศ ซึ่งลว้ นเป็นลกั ษณะทเี่ กินความเปน็ จริง ชดั เจน และมคี วามหนกั แนน ตลอดจนเปน การ ส่วนบทที่แสดงการคร่�าครวญถึงนางอันเป็นที่รัก ไม่มีบทใดหนักแน่นเท่ากับ แสดงใหเห็นลีลาการประพนั ธท ีโ่ ลดโผน มี โคลงบทท่ี ๑๔๐ ทว่ี า่ อหงั การของความเปนกวอี ยางเตม็ เปย ม วรรณคดีเรือ่ ง นิราศนรินทรค ําโคลง จึง ตราบขนุ คริ ขิ น้ ขาดสลาย แลแม่ สามารถสรางอารมณส ะเทือนใจแกผอู าน รักบ่หายตราบหาย หกฟา้ และผูฟงไดเปนอยางด)ี สุริยจนั ทรขจาย จากโลก ไปฤๅ ไฟแล่นล้างสห่ี ลา้ หอ่ นล้างอาลัย 2. นักเรยี นบนั ทึกความเขา ใจลงในสมดุ โคลงบทน้ีเป็นตัวอย่างของการใช้กวีโวหารเปรียบเทียบท่ีโลดโผนอีกบทหน่ึง ขยายความเขา ใจ Expand กวีใช้ภาพพจน์ชนิดอธิพจน์ ซึ่งเป็นการกล่าวเกินจริงเพื่อสร้างอารมณ์และความรู้สึก ในท่ีนี้เม่ือ อา่ นแลว้ นกั เรยี นจะเหน็ โอกาสทกี่ วจี ะสนิ้ อาลยั นางมอิ าจเปน็ ไปไดเ้ ลย เพราะกวา่ ทขี่ นุ เขา สวรรค์ 1. นักเรียนยกตัวอยางบทประพนั ธ ตอไปนี้ ทงั้ หกชนั้ ดวงอาทติ ย์ และ1ดวงจนั ทรจ์ ะสญู สลายไปจากโลกนนั้ คงนานแสนนานจนกา� หนดนับมิได้ • นักเรียนยกตัวอยา งบทประพนั ธทม่ี กี ารใช และกว่าจะมไี ฟบรรลัยกัลป์มาล้างโลกทั้ง ๔ นั้น กต็ ้องกินระยะเวลาอนั ยาวนานที่มอิ าจนับไดเ้ ชน่ ภาพพจนแ บบอธพิ จนจากวรรณคดีเร่ือง กัน ดังน้ัน โคลงบทนี้จึงเป็นโคลงปิดฉากการคร่�าครวญได้อย่างงดงาม โดยการให้ปฏิญญาท่ีมี นิราศนรินทรค ําโคลง น้า� หนักมากทีส่ ุดแกน่ างคือ กวจี ะมิมวี นั สิ้นรกั และอาลัยนางนน่ั เอง (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถยกตวั อยา งบทประพนั ธ ไดอ ยางหลากหลาย โดยบทประพนั ธส ว นใหญ ๒.๒) การใช้บุคคลวัต กวีใช้การสมมติสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ให้มีกิริยาอาการ มกี ารใชโวหารภาพพจนแบบอธิพจน ความรูส้ ึกเหมอื นมนษุ ย์ “นทสี สี่ มุทรมวย หมดสาย ตมิ ิงคลมังกรนาคผาย ผาดสอน จากมามาลิว่ ล้า� ลา� บาง หยาดเหมพริ ุณหาย เหอื ดโลก แลง แม บางยีเ่ รอื ราพลาง พพ่ี รอ้ ง แรมราคแสนรอ ยรอน ฤ เถา เรียมทน” เรือแผงชว่ ยพานาง เมยี งม่าน มานา บางบ่รับค�าคลอ้ ง คลา่ วน้�าตาคลอ 2. นักเรียนบนั ทึกความเขาใจลงในสมุด จะเหน็ ได้วา่ กวีใช้บางยเ่ี รอื และเรือแผงใหม้ กี ริ ยิ าเหมอื นมนษุ ย์ คือใหบ้ างยเี่ รอื ชว่ ยเอาเรือแผงไปรับนางมา แตบ่ างยีเ่ รอื ก็ไมร่ บั คา� 140 เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT “จากมามาล่ิวล้ํา ลาํ บาง ครูควรเพม่ิ เติมความรเู กยี่ วกับการใชโ วหารภาพพจนในบทประพันธวา การใช บางยี่เรือราพลาง พี่พรอ ง โวหารภาพพจนเ ปนการพลกิ แพลงภาษาท่ใี ชพ ดู และเขียนใหแ ตกตา งไปจากภาษาท่ี เรอื แผงชวยพานาง เมียงมาน มานา ใชอ ยูโดยทว่ั ไป เพอ่ื สรางจินตภาพ มีรสกระทบอารมณ และความรูสกึ หรอื กลาวได บางบร ับคําคลอง คลาวน้ําตาคลอ” วา ภาพพจนเปน การใชส ํานวนภาษารปู แบบหนึ่งเกดิ จากการเรยี บเรียงถอยคาํ ดวย จากบทประพันธขา งตน กวีใชโ วหารภาพพจนส อดคลอ งกับขอใด วธิ ีการตางๆ ใหผ ิดแผกไปจากการเรียงลาํ ดับคาํ หรอื ความหมายของคาํ ตามปกติ 1. อุปมา เพอ่ื ใหเ กดิ ภาพหรือใหม คี วามหมายพิเศษ คําวา ภาพพจน เปนศพั ทบัญญตั ใิ ชเทียบ 2. อธิพจน กบั คําวา ffiigure of speech ในภาษาอังกฤษ 3. บุคคลวัต 4. อปุ ลักษณ นกั เรยี นควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. บคุ คลวัต คอื การใหสงิ่ ที่ไมใ ชมนษุ ย กระทํากริ ิยาเชน เดียวกบั มนษุ ย กวีใหบ างยี่เรอื ชว ยเอาเรือแผงไปรับนาง 1 บรรลัยกลั ป เปน ชอ่ื เรยี กไฟท่เี ช่อื กันมาแตโ บราณวาเปนไฟทจี่ ะมาลา งโลก แตบางย่เี รือก็ไมร ับคาํ เมอ่ื สนิ้ กัป เรยี กวา ไฟบรรลยั กัลป ไฟกัลป หรอื ไฟประลยั กลั ป ก็ได 140 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู ๗.๒ ดำ้ นสงั คม 1. นักเรยี นพจิ ารณาบทประพันธแ ละรวมกันตอบ คําถาม ดังตอ ไปน้ี 12 “อยธุ ยายศลมแลว ลอยสวรรค ลงฤๅ ๑. นิราศนรินทร์ค�าโคลงมีเนื้อหาสาระท่ีจรรโลงวัฒนธรรมและจริยธรรมของสังคม โดยเนอื้ หากลา่ วถงึ บา้ นเมอื งทง่ี ดงามดว้ ยวดั และปราสาทราชวงั พระพทุ ธศาสนารงุ่ เรอื ง ประชาชน สงิ หาสนปรางคร ตั นบ รร- เจดิ หลา บุญเพรงพระหากสรรค ศาสนรงุ เรืองแฮ ก็ซาบซ้ึงในพระธรรมค�าสอน ซ่ึงความเจริญและความสงบสุขท้ังปวงนี้เกิดจากพระบารมีของ บังอบายเบิกฟา ฝกฟนใจเมอื ง” พระมหากษัตรยิ ์ ๒. นริ าศนรินทรค์ �าโคลงมคี ุณค่าทีส่ ะทอ้ นให้เหน็ สภาพชีวติ ความเป็นอยู่ของผคู้ นใน • นกั เรยี นคิดวา จากบทประพันธข า งตน มีการใชภาพพจนประเภทใดบา ง นักเรยี น สมยั รชั กาลที่ ๒ สภาพของสงั คมของบ้านเมืองในสมัยนั้นไดเ้ ป็นอยา่ งดี พิจารณาจากอะไร นิราศนรินทร์ค�าโคลง เป็นตัวอย่างของโคลงนิราศชั้นเย่ียมที่เปี่ยมด้วยความไพเราะ (แนวตอบ บทประพนั ธข างตน เปนการใช และมคี ณุ คา่ ทางวรรณศลิ ป ์ เหมาะสา� หรบั เยาวชนจะนา� ไปเปน็ แบบอยา่ งในการประพนั ธโ์ คลงทม่ี ี ภาพพจนแบบบคุ คลวตั กวีสมมตสิ ิง่ ท่ีมิใช เน้ือหาเป็นการพรรณนาอารมณ์ ความรัก และธรรมชาติ รวมท้ังรูปแบบทางฉันทลักษณ์ของ มนษุ ยใ หมีกริ ิยาอาการเชน มนษุ ย โดย รอ้ ยกรองไทยได้เปน็ อยา่ งดี พจิ ารณาจากการสนิ้ สุดของกรุงศรอี ยธุ ยา กลายไปเปน เมืองสวรรค และลงมาเกดิ ใหม เปนกรงุ เทพฯ) 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ ขยายความเขา ใจ Expand บูรณาการเช่อื มสาระ 1. นกั เรยี นรวมกนั อภิปรายในประเด็น ตอ ไปนี้ • เหตใุ ดกรุงศรีอยธุ ยาซ่ึงมใิ ชมนุษยจ ึง ครเู ชอ่ื มโยงองคค วามรูจากวรรณคดีเรือ่ ง นริ าศนรินทรคําโคลงกบั วิชา สามารถกระทาํ อาการเชน เดยี วกบั มนุษย ในกลมุ สาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในรายวิชา ได ความเปรยี บเชน นส้ี งผลตอคณุ คาดา น ประวตั ิศาสตรไ ทย ประเดน็ ดานพัฒนาการทางประวัติศาสตรเ ก่ียวกบั วิถีชวี ิต วรรณศลิ ปอยางไร รวมถึงสะทอ นคตคิ วาม ของผคู นในสมัยรัตนโกสนิ ทร ตลอดจนโลกทศั นท างประวัติศาสตรของคนใน เชือ่ ทางสงั คมและวัฒนธรรมไทยอยางไร สมัยรัตนโกสินทรมตี อความเจรญิ รงุ เรืองของกรงุ ศรีอยธุ ยารวมถึงการพิจารณา (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ ภาพแทน (Representation) ของกรุงศรอี ยธุ ยาในทศั นะกวสี มยั รตั นโกสนิ ทร คดิ เห็นไดห ลากหลาย เปนตน วา การใช เพอ่ื ใหนกั เรียนเกิดความรูแ ละความเขา ใจเนอ้ื หาของบทประพันธไ ดลึกซึ้ง ภาพพจนแ บบบุคคลวัต สงผลตอคณุ คา ยงิ่ ขนึ้ ตลอดจนเปน การทาํ ความเขาใจโลกทศั นท างวฒั นธรรมของคนใน ทางวรรณศลิ ป โดยสามารถตีความไดห ลาย สมยั รตั นโกสนิ ทรต อนตนไดเ ปน อยางดี ระดับ อยธุ ยาท่ีเจริญรุงเรืองไดล มสลายไป และมกี รงุ เทพมหานครทม่ี คี วามงดงาม ราวกบั เมอื งสวรรค สะทอนคติความเชื่อ 141 เรอ่ื งสวรรคก วสี ามารถนาํ มาใชเปน สือ่ เปรียบเทยี บได) 2. นักเรียนบันทกึ ความเขาใจลงในสมุด นกั เรยี นควรรู 1 จรรโลง หมายถงึ พยุงไวไมใ หเซหรือไมใหลม ลง ผดงุ คํา้ ชู เชน จรรโลง ประเทศ เปนตน หรือบาํ รุงรักษาและเชดิ ชูไวไ มใหเ สอ่ื ม อาทิ จรรโลงศาสนา 2 จรยิ ธรรม หมายถงึ ธรรมท่ีเปน ขอประพฤติปฏบิ ัติ ศีลธรรม กฎศีลธรรม มุม IT ศึกษาเนือ้ หาวรรณคดีเรอื่ ง นิราศนรนิ ทรค ําโคลงในรูปแบบของวีดทิ ัศนเพิม่ เติม ไดท ี่ http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_ content_id=11899&mul_source_id=021431 ศกึ ษาคน ควา และทําแบบฝก หดั เสริมความรูจากเรื่อง นริ าศนรินทรค ําโคลง เพิม่ เตมิ ไดท่ี http://www.sahavicha.com/?name=test&lfi e=readtest&id=1007 คมู ือครู 141
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรียนพิจารณาขอความท่ีกาํ หนดให จากนัน้ ปกณิ กะ เรือโบราณ นักเรียนรว มกนั ตอบคาํ ถาม ดงั ตอ ไปนี้ “นิราศนรนิ ทรคาํ โคลงมเี นือ้ หาจรรโลง เรือเป็นพาหนะท่ีจ�าเป็นอย่างย่ิงส�าหรับมนุษย์มาต้ังแต่สมัยโบราณ เป็นพาหนะพาผู้คน วฒั นธรรมและจริยธรรมของสังคม” หรือบรรทุกสินค้าจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่ง เป็นสิ่งท่ีช่วยถ่ายเทความเจริญภายในชุมชุน ระหว่าง • นกั เรยี นเห็นดว ยกบั คาํ กลาวขางตนหรอื ไม ชุมชนกับชุมชน จนกระท่ังถึงการติดต่อระหว่างประเทศต่อประเทศ ทวีปต่อทวีป ตลอดจนการ (แนวตอบ นักเรียนสามารถอภปิ รายไดอยา ง สา� รวจดนิ แดนตา่ งๆ ในยคุ โบราณ หลากหลายขน้ึ อยูกบั เหตผุ ลของนักเรียน อาจตอบวา เห็นดว ย เนือ่ งจากเน้ือหา วัตถปุ ระสงค์ในการใช้เรอื ของไทยในสมัยโบราณมี ๔ ประการ คือ กลาวถงึ ภาพความงามของบา นเมอื งและ ● ใชใ้ นการสัญจรไปมา ● ใชใ้ นการทา� สงคราม ความเจรญิ รงุ เรอื งของพระพทุ ธศาสนา ซึง่ ● ใช้ในการบรรทุกสินคา้ ● ใชใ้ นพระราชพธิ ีและประเพณตี า่ งๆ ความเจริญท้ังหลายน้ลี ว นเกดิ ขน้ึ มาจาก ประเภทของเรอื ถ้าแบ่งตามวธิ สี รา้ งจะแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ เรอื ตอ่ และ เรือขุด ซ่งึ เรือ พระบารมขี องพระมหากษตั ริย) • นอกจากคณุ คา ดา นการจรรโลงสังคมและ ในระยะแร1กของไทยเป2็นเรือขุดทั้งส้ิน โด3ยมีขนาดแล4ะลักษณะต5่างกันตาม6ความจ�าเป็นในการใช้ วัฒนธรรมแลว นักเรียนคิดวา นิราศนรินทร คําโคลง มีคณุ คาดานอืน่ หรอื ไม อยา งไร เชน่ เรอื มาด เรอื พายมา้ หรอื ไพมา้ เรอื ชะลา่ เรอื สา� ปนั นี เรอื ผหี ลอก เรืออีโปง เรือแม่ปะหรือเรอื หาง (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น แมงปอ่ ง ไดอยา งหลากหลายข้นึ อยูกับเหตุผลของ นักเรยี น เปน ตนวา วรรณคดเี ร่ือง นิราศ ปัจจุบันความนิยมในการท�าเรือขุดมีน้อย เพราะต้องใช้ท่อนซุงขนาดใหญ่ ซ่ึงค่อนข้างจะ นรนิ ทรคาํ โคลงสะทอ นภาพสงั คมวิถชี วี ติ ของ หาได้ยากและเป็นการสน้ิ เปลืองไมด้ ้วย ผคู น รวมถงึ โลกทศั นและคตคิ วามเชื่อของ คนไทยในสมยั รชั กาลที่ 2 ไดเปน อยางดี) ส่วนเรอื ส�าเภา เป็นเรือแบบจีนทีใ่ ช้แลน่ ไปมาคา้ ขายโดยเฉพาะระหว่างไทยกับจีน คนไทย ก็จ้างชาวจีนต่อให้บ้าง ภายหลังจึงต่อในไทย เป็นเรือขนาดใหญ่มาก ในสมัยโบราณใช้แลน่ ใบออก 2. นกั เรียนบันทกึ ความเขาใจลงในสมดุ ทะเล มีเสาใบหลายเสา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและพระบาทสมเด็จ พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการค้าขายกับจีนมาก ซ่ึงใช้เรือส�าเภาเป็นพาหนะ เรียกกันว่า “คา้ สา� เภา” ทา� รายไดใ้ หป้ ระเทศสงู มาก เรอื ส�าเภานอกจากจะใช้บรรทุกสินค้าแล้ว บางครั้งยังใช้เป็นเรือรบด้วย เช่นในรัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช โปรดใหต้ อ่ เรือพระท่นี ่งั ครฑุ เป็นเรือ ส�าเภารบทางทะเล มที ง้ั เสาใบ กรรเชยี งหรือแจวด้วย และมีปนื ใหญว่ างเรยี งรายทีแ่ คมเรอื และหัวเรือ ข้างทา้ ยเปน็ เกง๋ เป็นทีอ่ ยูข่ องนายเรอื ขยายความเขา ใจ Expand นักเรียนเขยี นแสดงความคิดเห็นในประเด็น เกยี่ วกบั “คุณคา ทางสงั คมและวฒั นธรรมไทยใน วรรณคดเี ร่ือง นริ าศนรินทรค ําโคลง” ความยาว 1 หนาสมุดบนั ทึก 142 นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT จากโคลงที่กําหนดใหตอไปนี้ โคลงบาทใดแสดงความทกุ ข 1 เรอื มาด คือ เรือขุดชนิดหนง่ึ ยาวประมาณ 4 วา 1. นทีสี่สมุทรมวย หมดสาย 2 เรือพายมา คอื เรอื ขดุ ชนิดหนงึ่ หวั เรอื และทายเรอื เรยี วงอนข้ึนพองาม มไี ม 2. ติมิงคลม งั กรนาคผาย ผาดสอน หกู ระตายตดิ ขวางอยูทงั้ หัวและทายเรือ ตรงกลางลําปองออก 3. หยาดเหมพริ ณุ หาย เหอื ดโลก แลงแม 3 เรอื ชะลา คอื เรอื ขดุ ชนดิ หนง่ึ ทอ งแบน หัวเชดิ ข้นึ เลก็ นอย หวั ตดั ทา ยตดั 4. แรมราคแสนรอยรอ น ฤๅ เถา เรยี มทน มขี นาดยาวมาก 4 เรือสาํ ปนนี คอื รปู รางอยา งเรือมาดแตหัวแบนโตเร่ียนํ้า วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. 5 เรอื ผีหลอก คอื เรือแจวชนดิ หน่ึง สําหรับจับสตั วน าํ้ ในเวลากลางคืน แรมราคแสนรอ ยรอ น ฤๅ เถา เรยี มทน 6 เรอื อีโปง คอื เรอื ขดุ ชนดิ หนึง่ ยาวประมาณ 1 วา ทาํ จากโคนตน ตาลผาซีก ในเนอื้ หาทงั้ ในบาทกอนหนากลา วถงึ ส่ือเปรยี บเทยี บความทุกขข องกวี และปดทา ยดว ยไม ทายเรอื เลก็ กวา หัวเรือ สว นบทประพนั ธในบาทที่สก่ี ลาวถึงความทุกขของกวีวา ทงั้ หมดท่กี ลา วมา ไมเ ทา ความทกุ ขของพ่ที ต่ี องจากนาง 142 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ค�าถามประจ�าหนว่ ยการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถสรุปสาระสําคัญเกี่ยวกบั หลกั เกณฑก ารพจิ ารณาคุณคาทางวรรณศลิ ป ๑. โวหารภาพพจนท์ เ่ี ดน่ ทสี่ ดุ ในนริ าศนรนิ ทรค์ า� โคลง คอื โวหารชนดิ ใด จงยกตวั อยา่ งพรอ้ มแสดง ดานเสียง คํา ความหมาย และการใช เหตผุ ลประกอบ ภาพพจนจ ากเร่อื ง นริ าศนรนิ ทรคําโคลง ๒. รสวรรณคดีใดที่พบมากท่ีสุดในนิราศนรินทร์ค�าโคลง นักเรียนคิดว่าเหมาะสมกับลักษณะ 2. นักเรียนสามารถยกบทประพันธทีม่ คี ณุ คา ดา น ค�าประพนั ธห์ รอื ไม่ จงยกตวั อยา่ งมา ๑ บท ประกอบคา� อธิบาย เสยี ง คาํ ความหมาย และภาพพจนได ๓. กวีพรรณนาความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุขของบ้านเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น 3. นกั เรยี นสรปุ ภาพสะทอ นสงั คมจากบทประพนั ธ อย่างไร และกวไี ดก้ ล่าววา่ เกดิ ขึน้ ไดเ้ พราะเหตใุ ด 4. นกั เรียนสามารถเขียนแสดงทัศนะเร่ือง ๔. นักเรียนคดิ ว่าเหตใุ ดกวจี งึ นยิ มใชธ้ รรมชาติมาเป็นองคป์ ระกอบในการครวญถงึ นาง “คุณคา ทางสังคมและวัฒนธรรมไทยใน ๕. โคลงในนิราศนรินทร์ทั้งหมดท่ีตัดตอนมาให้นักเรียนศึกษาน้ี แสดงถึงความเช่ือและค่านิยมที่ วรรณคดเี รื่อง นิราศนรนิ ทรคาํ โคลง” เด่นทส่ี ดุ ในด้านใด บอกมาเพียงด้านละ ๑ ตัวอย่าง หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู กิจกรรมสรา้ งสรรค์พฒั นาการเรยี นรู้ 1. ความเรยี งสรปุ สาระสาํ คัญเกย่ี วกับท่มี า ลกั ษณะคาํ ประพนั ธ และผูแตง เรอื่ ง นิราศ ๑. นักเรียนอ่านนิราศนรินทร์ค�าโคลงฉบับสมบูรณ์ แล้วเลือกโคลงที่ไม่ปรากฏในบทเรียน นรนิ ทรคําโคลง จ�านวน ๒ บท ถอดคา� ประพันธ์ พรอ้ มท้ังอธบิ ายความหมายของศพั ท์ 2. ตัวอยา งวรรณคดีท่มี ีลกั ษณะทางวรรณศลิ ป ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่มศึกษาค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับเทพเจ้าต่างๆ ท่ีกวีอ้างถึงในนิราศ สอดคลอ งกับวรรณคดเี รือ่ ง นริ าศนรนิ ทร นรนิ ทร์คา� โคลงจากแหล่งเรยี นร้ตู ่างๆ มาน�าเสนอสั้นๆ หนา้ ช้ันเรยี น พร้อมภาพประกอบ คําโคลง ๓. ศกึ ษาประวตั ศิ าสตรเ์ ส้นทางการเดนิ ทางตามทป่ี รากฏในนริ าศนรนิ ทร์ค�าโคลง โดยเลือกศึกษา 3. ความเรยี งสรุปสาระสําคญั เก่ียวกบั ปจจยั สถานท่ีใดสถานท่หี นึง่ แล้วเขียนส่งครผู สู้ อนความยาวประมาณ ๑ หนา้ กระดาษ ทางสังคมและประวตั ศิ าสตรท มี่ อี ทิ ธิพลตอ พัฒนาการของวรรณคดนี ริ าศ ๔. ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั สรุปบุคลกิ ภาพของนางอนั เป็นท่ีรกั ของกวี ๕. นักเรียนควรหาโอกาสอ่านนิราศเรื่องโคลงก�าสรวลซึ่งเป็นต้นแบบของนิราศนรินทร์ค�าโคลง 4. ความเรียงสรปุ ลกั ษณะเดนทางวรรณศิลป เช่ือมโยงกับความรูท างประวัตศิ าสตร วิถชี วี ิต แล้วพิจารณาลลี าหรอื ทว่ งทา� นองการแต่งวา่ แตกต่างจากนริ าศนรินทรค์ า� โคลงหรือไม่ อยา่ งไร และโลกทศั นข องสังคมไทยในอดตี 143 5. ความเรยี งสรุปภาพสะทอนทางสงั คม 6. ตวั อยางบทประพนั ธท ่มี ีคณุ คาทางวรรณศลิ ป 7. เรียงความแสดงทัศนะเรื่อง “คณุ คาทางสังคม และวัฒนธรรมไทยในวรรณคดีเรอื่ ง นริ าศ นรินทรค ําโคลง” แนวตอบ คาํ ถามประจาํ หนว ยการเรยี นรู 1. โวหารภาพพจนทเี่ ดนท่สี ดุ ในวรรณคดเี ร่อื ง นริ าศนรินทรค าํ โคลง ไดแก โวหารภาพพจนแบบอธพิ จนเปน การกลาวเกนิ จรงิ และบคุ คลวัตเปน การใหสง่ิ ทม่ี ใิ ชมนษุ ย กระทาํ กิริยาอาการเชนเดียวกับมนุษย การพิจารณาตวั อยางทนี่ กั เรียนยกมาข้นึ อยูก บั เหตุผลของนกั เรียน 2. รสวรรณคดีทเี่ ดนที่สุด คือ สัลลาปง คพสิ ยั เปนรสท่ีแสดงการครํ่าครวญ โหยหา สอดคลอ งกับลักษณะของนิราศทแ่ี สดงอารมณความรสู ึกของกวผี า นการครา่ํ ครวญ ถงึ นางอันเปนท่ีรกั ตัวอยางท่ีนักเรยี นยกมาประกอบขึน้ อยกู ับเหตุผลของนักเรยี น 3. แสดงความงามของวัดและพระราชวงั โดยบา นเมอื งท่ีรุงเรืองอยูไดน ้นั เชอ่ื วาเกดิ จากพระบารมแี ละคุณธรรมของพระมหากษตั ริย 4. การใชธรรมชาติเปน ส่ือเปรียบเทยี บสงผลตอการสื่อสารที่ชดั เจนเพราะเปน สิ่งใกลตวั กอ ใหเกิดจินตภาพไดง ดงามแจมชัด และสอดคลองกบั ลกั ษณะของการเดนิ ทาง 5. ความเชือ่ ท่เี ดน ทส่ี ดุ คือ ความเชื่อเก่ียวกบั คติธรรมทางพระพุทธศาสนาทผี่ ูกพันกับสถาบนั พระมหากษตั ริย หากพระมหากษัตรยิ ม ีพระบารมีและปกครองบานเมอื ง โดยธรรม บานเมอื งก็จะสงบสุขรม เย็นและมคี วามเจรญิ รงุ เรอื ง คมู อื ครู 143
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage หวั ใจชายหนมุ Explore เปนพระราชนพิ นธในพระบาท- เปาหมายการเรียนรู สมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา เจาอยูหัว เพือ่ พระราชทานตีพมิ พในหนงั สือดุสิตสมติ 1. วเิ คราะหวจิ ารณว รรณกรรมเรอ่ื ง หัวใจชายหนมุ เปนเร่อื งทส่ี ะทอนใหเ หน็ แนวพระราชดาํ ริ ตามหลกั การวิจารณเ บ้อื งตน ของพระองคในการปรับเปลีย่ นรับเอา อารยธรรมตะวันตกเขามาผสมกลมกลืนกับ 2. วเิ คราะหล ักษณะเดนของวรรณกรรมเรอื่ ง วฒั นธรรมของไทย โดยทรงส่ือพระราชดํารินั้น หวั ใจชายหนมุ เชอื่ มโยงกบั การเรียนรูทาง ผานตวั ละครในเร่อื งไดอ ยางแยบคาย ประวตั ิศาสตรและวถิ ชี ีวติ ของสังคมในอดตี สาระการเรียนรู้แกนกลาง 3. วิเคราะหแ ละประเมนิ คณุ คาดานวรรณศิลปของ วรรณกรรมเรื่อง หวั ใจชายหนุม ในฐานะทเ่ี ปน • การวเิ คราะห์และประเมินคุณคา่ วรรณคดีและวรรณกรรม มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ เรื่อง หัวใจชายหนุ่ม 4. สงั เคราะหข อคดิ จากวรรณกรรมเร่อื ง หัวใจ ชายหนมุ เพ่อื นาํ ไปประยกุ ตใชในชีวติ จริง สมรรถนะของผูเ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ õ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเรียนรู 3. ซ่ือสัตยสจุ ริต 4. มุง ม่ันในการทาํ งาน กระตนุ ความสนใจ Engage หวั ใจชายหนมุ ตวั ชีว้ ดั ครูสนทนาซักถามกระตุนความสนใจ ดังตอ ไปน้ี • นักเรียนตดิ ตอ พูดคุยกบั เพื่อนทอ่ี ยหู างไกล ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ๒, ๓, ๔ ดวยวิธกี ารใด • นกั เรียนเคยตดิ ตอกับเพ่ือนผานการเขียน เชน การเขียนจดหมายหรือจดหมาย อเิ ลก็ ทรอนิกสห รอื ไม • นักเรยี นคดิ วา การตดิ ตอผานการเขียนมขี อ ดี อยางไร เกรด็ แนะครู หนวยการเรียนรูน ้ี ครคู วรเช่อื มโยงใหนกั เรียนเหน็ ความสาํ คญั ของการตดิ ตอ สือ่ สารผา นการเขยี นจดหมาย โดยพจิ ารณาประเดน็ สําคัญ ดังน้ี ประเด็นแรก ประวตั ศิ าสตรก ารเขา มาของวธิ กี ารตดิ ตอ สอ่ื สารผา นจดหมาย นาํ มาใชใ นประเทศไทย นบั ตง้ั แตส มัยรัชกาลท่ี 5 ชวยใหการติดตอของประชาชนสะดวกรวดเรว็ มากยง่ิ ขึ้น และความแพรหลายของการตดิ ตอ สอื่ สารผา นจดหมาย ไดกอ ใหเ กดิ การสรางสรรค วรรณกรรมในรปู แบบของจดหมาย เพ่อื ถา ยทอดความในใจของผูเ ขยี นสผู อู านทม่ี ี ความใกลช ดิ กบั ผอู า น ผอู า นจงึ เปน เสมอื นบคุ คลทผ่ี เู ขยี นตอ งการบอกเลา ความในใจ ตางๆ ใหรับรู จากน้นั ครูจึงเชอ่ื มโยงเขาสูเนื้อหาของนวนิยายเร่ือง หวั ใจชายหนมุ ซง่ึ มีรปู แบบการเขียนในลกั ษณะของจดหมาย 144 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ ความสนใจ ๑. ควำมเปน มำ ครสู นทนาซกั ถามกระตนุ ความสนใจ ดงั ตอ ไปน้ี • นกั เรยี นคิดวา การตดิ ตอ ผา นการเขยี นมี หัวใจชายหนุ่ม เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดย ทรงใช้พระนามแฝงว่า “รามจิตติ” เพ่ือพระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “ดุสิตสมิต” เม่ือ ขอ ดแี ตกตางจากการพดู โทรศพั ทหรือไม พ.ศ. ๒๔๖๔ ลกั ษณะการพระราชนพิ นธเ์ ปน็ รปู แบบของจดหมาย มจี า� นวน ๑๘ ฉบบั รวมระยะเวลา อยา งไร ท่ีปรากฏตามจดหมายท้งั หมด ๑ ปี ๗ เดือน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสร้างตัวละครเอกข้ึนโดยสมมติให้มี คิดเหน็ ไดอยา งหลากหลายขึน้ อยกู ับเหตุผล ตัวตนจริง คือ “ประพันธ์ ประยูรสิริ” เป็นผู้ถ่ายทอดความนึกคิดและสภาพของสังคมของไทย ของนกั เรยี น เปน ตน วา การเขยี นชว ยใหใ ช ผา่ นมมุ มองของ “ชายหนมุ่ ” (นกั เรยี นนอก) ในรปู แบบจดหมายทส่ี ง่ ถงึ เพอื่ นชอื่ “ประเสรฐิ สวุ ฒั น”์ ความคิดไตรตรองอยางละเอยี ด สารท่สี อื่ ไป โดยทรงพระราชนพิ นธ์ชแ้ี จงไว้ในคา� น�านวนยิ ายเร่อื งนี้วา่ จึงมีความสมบูรณแ ละสามารถเกบ็ ขอ มูล ดงั กลา วมาทบทวนได) จดหมายเหล่าน้ี ข้าพเจ้าได้เลือกคัดแต่ฉบับที่มีเร่ืองน่าอ่านส�าหรับสาธารณชนมา สาํ รวจคน หา Explore รวบรวมไว,้ เพ่ือผู้อ่านหนงั สือพิมพ์ “ดุสิตสมติ ” จะไดอ้ ่าน ทราบความเหน็ และความเป็นไป ของคนหนมุ่ ไทยผ้ ู ๑ ซ่ึงได้มีโอกาสออกไปศกึ ษาวิชาการ ณ ประเทศยโุ รป. การทจ่ี ดหมาย นกั เรยี นแบงกลุมเปน 3 กลุม ใหแ ตละกลมุ จบั เหล่านี้ตกมาถึงมือข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าจ�าเป็นต้องขออภัยในการท่ีจะไม่แสดงให้ท่าน สลากหัวขอในการสืบคน ขอ มูลเกี่ยวกับวรรณกรรม ทราบ, เพราะอาจทีจ่ ะท�าความเดือดร้อนร�าคาญแก่คนท้ังหลาย. อกี ประการ ๑ เมอื่ ท่านได้ เรอื่ ง หัวใจชายหนมุ ตามหวั ขอ ตอไปนี้ อ่านจดหมายเหล่านแ้ี ลว้ , ทา่ นก็คงแลเห็นความจา� เปน็ ที่ขา้ พเจา้ จะตอ้ งจัดการแปลงนามท้งั ผู้เขียนและผู้รบั จดหมาย, อีกทงั้ บุคคลโดยมากท่ีออกนามในจดหมายน้ันๆ ด้วย. จดหมายท่ี • กลมุ ท่ี 1 ความเปนมา นายประพันธ์ ประยูรสริ ิ เขยี นถงึ นายประเสริฐ สุวัฒน์ เพือ่ นของเขามีหลายสบิ ฉบบั , แตท่ ี่ • กลุมที่ 2 ประวตั ผิ ูแตง • กลุมท่ี 3 ลักษณะคาํ ประพนั ธ มีข้อความบอกข่าวสุขทุกข์ก1ันโดยปกติ หรือวานส่ังซื้อของเป็นต้น ข้าพเจ้าได้คัดออกเสีย อธบิ ายความรู Explain หลายฉบับ, เพ่ือมิใหฟ้ น เฝอ เกนิ ไป. สว่ นจดหมายท่นี ายประเสรฐิ มตี อบมาถึงนายประพนั ธ์ 1. นกั เรียนกลุม ท่ี 1 นาํ เสนอความเปนมาของ ประยรู สิริ หาไดต้ กม2าถึงมือข้าพเจ้าไม,่ จ่ึงไมส่ ามารถน�ามารวบรวมไวใ้ นท่นี ี้ด้วย. ขา้ พเจ้า เรือ่ ง หัวใจชายหนุม ในประเด็น ตอ ไปน้ี เช่ือว่าผู้อ่านที่เห็นอกนายประ3พันธ์ก็คงมีบ้าง, และที่นึกติเตียนก็คงจะมีเหมือนกัน, แต่ • นักเรยี นอธบิ ายวา เรื่อง หวั ใจชายหนมุ อเหยล่า่างนไรี้ หๆ รือกท็ด่าี นขจ้าะพปเลจง้าธหรวรังมใจสวังเ่าวทช4่ากน็แคลงว้ จแะตไ่อดธั ้รยับาคศวยั าขมอบงันทเ่าทนิงเใถจิดบ”้าง ในเมื่ออ่านจดหมาย มีความเปนมาและความสาํ คัญอยา งไร (แนวตอบ หวั ใจชายหนมุ เปน บทพระราชนพิ นธ รามจิตติ ในรัชกาลที่ 6 ตพี ิมพใน “ดสุ ติ สมติ ” พ.ศ. 2464 โดยใชพระนามแฝงวา “รามจิตต”ิ 145 เน้ือหาสรางข้นึ โดยสมมติตวั เอกใหม ี ตัวตนจริง เพ่อื สรา งความสมจรงิ ของ ตัวละครและสามารถสอื่ สารสูผูอ านได อยา งชดั เจน) 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมุด ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู ขอ ใดคือความหมายของ “หัวใจ” ในเร่อื ง หวั ใจชายหนมุ 1. ปญหา 2. ชีวติ 1 ฟนเฝอ หมายถงึ ยงุ เหยงิ ปะปนคละกันจนยุง 3. ความรัก 4. ทรรศนะ 2 เหน็ อก มาจากคําวา เห็นอกเหน็ ใจ หมายถึง รวมรสู กึ ในความทกุ ขย าก ของผูอ่นื วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. ทรรศนะ หมายถึง ความเห็น, การเหน็ , 3 หวงั ใจ หมายถงึ คาดวา มกั ใชในทางทีด่ ี อาทิ หวงั ใจวา จะไดพบคนดี 4 ธรรมสงั เวช หมายถึง ความสังเวชโดยธรรม เมื่อเห็นความแตกดับของสังขาร เครอื่ งรเู หน็ , สิง่ ทีเ่ ห็น, การแสดง เนือ่ งจากเน้อื หาของเร่อื งนาํ เสนอผา น (เปนอารมณข องพระอรหนั ต) องคป ระกอบของวรรณกรรม รวมถงึ ความเหน็ ของตวั เอกทแ่ี สดงออก อยางตรงไปตรงมา มมุ IT ศกึ ษาคนควาขอมูลเพมิ่ เติมเก่ยี วกับเนือ้ หาเร่อื ง หัวใจชายหนมุ ไดที่ http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_ content_id=15776 คมู ือครู 145
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู 1. นกั เรียนกลุม ที่ 2 นาํ เสนอประวัติผูแตง ๒. ประวัติผู้แต่ง วรรณกรรมเรื่อง หัวใจชายหนมุ ในประเดน็ ตอไปน้ี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลท่ี ๖ แห่ง • วรรณกรรมเรอ่ื ง หวั ใจชายหนมุ แสดงให พระบรมราชวงศจ์ กั รี ตลอดระยะเวลา ๑๕ ปที ที่ รงครองราชย ์ (พ.ศ. ๒๔๕๓-๒๔๖๘) ทรงประกอบ เหน็ พระอัจฉรยิ ภาพดา นอกั ษรศาสตรข อง พระราชกรณียกิจเป็นอเนกประการ ทรงพระปรีชาสามารถทั้งด้านการทหาร การปกครอง พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา เจา อยูหวั การต่างประเทศ และโดยเฉพาะด้านอัก1ษรศาสต2ร์ พระองค์ทรงพระราช3นิพนธ์งานประพันธ์ อยางไร หลายประเภท เช่น บทละคร บทความ สารคดี นิทาน นิยาย เร่ืองส้ัน พระบรมราโชวาท (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิด พระราชหตั ถเลขา และทรงใช้พระราชนิพนธ์เป็นสื่อแสดงแนวพระราชดา� ริในเรอื่ งต่างๆ เหน็ ไดอ ยา งหลากหลายข้ึนอยกู บั เหตุผล บทพระราชนพิ นธห์ ลายเรอ่ื งไดร้ บั การยกยอ่ งจากวรรณคดสี โมสรวา่ เปน็ ยอดของวรรณคดี ของนักเรยี น เปน ตน วา ทรงพระราชนพิ นธ หรอื เปน็ หนงั สอื ทแ่ี ตง่ ด ี อาทิ หวั ใจนกั รบ เปน็ ยอดของบทละครพดู รอ้ ยแกว้ มทั นะพาธา เปน็ ยอด วรรณกรรมเรอื่ งนี้ไดอยา งสอดคลองกลมกลนื ของบทละครพดู คา� ฉันท ์ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หัวจึงทรงไดร้ ับการถวายพระราช- ทางวรรณศลิ ป ทรงถา ยทอดความรสู กึ นกึ คิด สมัญญาว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” ซึ่งมีความหมายว่า นักปราชญ์ผู้ย่ิงใหญ่ และใน พ.ศ. และสภาพสงั คมไดอ ยา งสมจรงิ และนาํ เสนอ ๒๕๑๕ พระองคย์ งั ไดท้ รงรบั การประกาศยกยอ่ งจากองคก์ ารการศกึ ษาวทิ ยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรม พระราชดําริตอความเปลี่ยนแปลงทางสังคม แห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ใหท้ รงเป็น ๑ ใน ๕ ของนักปราชญ์ไทย และวัฒนธรรมอยา งแยบยลผานตัวละครเอก และองคประกอบท่แี สดงถึงพระอัจฉริยภาพ ดานอกั ษรศาสตรไ ดเ ปนอยางด)ี ๓. ลกั ษณะค�ำประพนั ธ์ 2. นักเรียนบนั ทึกความเขา ใจลงในสมดุ หัวใจชายหนุม่ เปน็ นวนิยายร้อยแก้วในรปู แบบของจดหมาย โดยมขี ้อควรสังเกตส�าหรับ ขยายความเขา ใจ รูปแบบจดหมายทง้ั ๑๘ ฉบับในเรื่อง ดงั น้ี Expand ๑) หัวจดหมาย ตั้งแต่ฉบับที่ ๑ วันท่ี ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖-จนถึงฉบับสุดท้าย 1. นักเรียนคน ควา เพมิ่ เติมเก่ยี วกับบทพระราช- วนั ท่ี ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖- จะเห็นวา่ มีการเว้นเลขท้ายปี พ.ศ. ไว้ นพิ นธใ นพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา เจา อยหู วั ๒) ค�าขึน้ ต้นจดหมาย ทง้ั ๑๘ ฉบบั ใชค้ �าขน้ึ ตน้ เหมือนกันหมด คือ “ถึงพอ่ ประเสริฐ ที่แสดงใหเห็นพระอจั ฉรยิ ภาพดา นอักษรศาสตร เพอื่ นรกั ” โดยทรงแสดงแนวพระราชดาํ ริเรือ่ งตางๆ ๓) คา� ลงทา้ ย จะใช้คา� ว่า “จากเพ่อื น...” “แต่เพอื่ น...” แล้วตามด้วยความรูส้ กึ ของนาย ผา นบทพระราชนิพนธอยา งหลากหลาย ประพันธ์ เช่น “แต่เพื่อนผู้ใจคอออกจะยุ่งเหยิง” (ฉบับท่ี ๑๐) มีเพียง ๙ ฉบับเท่าน้ัน ที่ไม่ม ี (แนวตอบ เปน ตนวา พระราชนพิ นธเ รอื่ ง คา� ลงท้าย โคลนตดิ ลอ ซงึ่ นําเสนอในลักษณะของบทความ ๔) การลงชื่อ ตั้งแต่ฉบับท่ี ๑๔ เป็นต้นไป ใช้บรรดาศักด์ิท่ีได้รับพระราชทาน คือ 4 แสดงความคิดเหน็ เนือ้ หาแสดงแนวพระราชดาํ ริ ของพระองคทที่ รงมตี อสภาพสังคมวัฒนธรรม “บริบาลบรมศักดิ”์ โดยตลอด แตฉ่ บับท่ ี ๑-๑๓ ใช้ชือ่ “ประพันธ์” รว มยุคสมยั ของพระองคไดอ ยางแหลมคม ๕) ความสน้ั ยาวของจดหมาย มเี พียงฉบับท่ี ๑๔ เทา่ นัน้ ท่มี ขี นาดส้ันที่สดุ เพราะเป็น นอกจากนี้ พระองคย งั ทรงพระราชนิพนธ เพยี งจดหมายทแี่ จ้งไปยงั เพอ่ื นว่าตนได้รับพระราชทานบรรดาศกั ด์ิ วรรณคดที ่แี สดงคณุ คาทางวรรณศลิ ป อาทิ 146 วรรณคดเี รอื่ ง มัทนะพาธา) 2. นกั เรยี นบันทกึ ความเขาใจลงในสมดุ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรียนควรรู 1 บทความ คือ ขอเขยี นซึ่งอาจเปน รายงานหรอื การแสดงความคดิ เหน็ มัก ผแู ตงเร่อื ง หัวใจชายหนมุ มจี ดุ ประสงคอ ยางไรในการแตง เรอ่ื งนี้ ตีพิมพในวารสาร นติ ยสาร บทความแบง ไดห ลายประเภท ซงึ่ จะมีลักษณะ แนวตอบ ผูแ ตงตอ งการเสนอแนวคิดเก่ยี วกบั การรบั วัฒนธรรมตะวันตก แตกตา งกนั ตามเนอ้ื หาและการนาํ เสนอ โดยมผี แู บง ประเภทของบทความไว ในสงั คมไทย ในชวงเวลาท่ีประเทศกาํ ลังเปลยี่ นแปลงเขา สูความเปนสมัยใหม ตัวอยา งเชน บทความทางวิชาการ แสดงความคิดเห็น รายงาน บรรยาย วิเคราะห มกี ารสงบุตรหลานไปศึกษาในตา งประเทศมากขึ้น โดยผแู ตงตองการ วิจารณ อธิบาย ประเภทปกณิ กะ สัมภาษณ เปน ตน เสนอวา สังคมไทยควรเลอื กรบั แตสง่ิ ทด่ี ีและรจู ักปรับใชใ หสอดคลอ งกับ วัฒนธรรมไทยทด่ี งี าม 2 สารคดี คือเรอื่ งทเี่ รียบเรียงข้ึนจากความจรงิ ผา นการคนควาหาขอมูลมา อยางถูกตอง เชน สารคดีทองเทย่ี ว สารคดีชีวประวตั ิ เปน ตน 3 เรอ่ื งสนั้ คือ บนั เทงิ คดรี อยแกว รปู แบบหนง่ึ มีลกั ษณะคลายนวนยิ าย แตส้นั กวา โดยมเี หตุการณใ นเรื่องและตวั ละครนอย มปี มขดั แยง ของเรอ่ื งเพียงปมเดียว 4 บรรดาศกั ดิ์ คอื ฐานนั ดรศักดิ์ท่พี ระราชทานแกขาราชการหรือบคุ คลทัว่ ไป แบง ออกเปนเจา พระยา พระยา พระ หลวง ขนุ หม่นื พนั และทนาย โดยมี ราชทินนามตอ ทา ย ปจ จุบนั ไมมีการใชบ รรดาศกั ดิ์แลว 146 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู Explain ๔. เรื่องย่อ 1. นักเรยี นกลมุ ที่ 3 นาํ เสนอความสัมพนั ธ ระหวางเน้ือหาและลักษณะคําประพันธ นายประพนั ธ์ ประยรู สริ ิ เปน็ หนมุ่ ไทยทเี่ ดนิ ทางไปศกึ ษาตอ่ ยงั ประเทศองั กฤษ เมอ่ื ส�าเร็จ ดังตอ ไปนี้ การศึกษาก็เดินทางกลับประเทศไทยโดยทางเรือ ขณะเดินทางก็เขียนจดหมายถึงเพ่ือนชื่อ นาย • ลกั ษณะคาํ ประพนั ธส งผลตอการดาํ เนนิ ประเสริฐ สุวัฒน์ ที่ยังคงศึกษาอยู่ท่ีประเทศอังกฤษ เขียนเล่าเร่ืองราวเมื่อกลับมาถึงเมืองไทย เรอ่ื งอยางไร โดยผ่านจดหมาย ๑๘ ฉบับ ด้วยการระบายความรู้สึกท่ีคิดถึงประเทศอังกฤษและคนรักชาว (แนวตอบ มีการสรา งตัวละครสมมติ เลาเรื่อง- องั กฤษ ราวตา งๆ ใหเพอ่ื นสนิทฟง ผา นทางจดหมาย แสดงใหเหน็ ความใกลชิดระหวางผูเลาเรอื่ ง 1การเดินทางกลับเมืองไทยในครั้งนี้ ประพันธ์ต้องเข้ารับราชการด้วยการฝากเข้าตาม กับผอู า น ผูอานจึงเปนเสมอื นเพื่อนสนิทท่ี เใสหน้้ชส่ือายแซมง่ึ ่กเขิมาเไนม้ยช่ อซบ่ึงปแรตะเ่ พขาันกธ็ไ์ไมมส่ ่ปารมะาทรับถใหจ3างดาน้วยทเา� หเอ็นงวไ่าดแ้ มแ่กลิมะพเนอ่ ้ยไดหเ้นต้ารตยี ามเหหามคือคู่ นรนองาทงซเี่ หุนมฮาูหะยสินม2 ผเู ลาเร่อื งตอ งการเลา เรื่องใหฟง จงึ สามารถ สวมเคร่ืองประดับมากเกินไป ดูพะรุงพะรังราวต้นคริสต์มาส และท่ีส�าคัญประพันธ์ไม่ชอบการ ถายทอดความคดิ และอารมณความรูส ึกได แตง่ งานแบบคลมุ ถุงชน อยา งชดั เจน ตลอดจนสามารถโนมนาว จติ ใจผอู า น และส่ือสาระสําคญั ได) ประพนั ธ์ไมม่ ีความสขุ เพราะไม่มสี ถานเริงรมย์ให้เลอื กเที่ยวมากมายเหมอื นที่องั กฤษ แต่ เขาเริ่มมีความสุขความเพลิดเพลินขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้รู้จักกับหญิงสาวช่ือ อุไร สาวงามท่ีมี 2. นักเรียนบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ ความทนั สมัยไม่ตา่ งจากสาวฝร่งั ขยายความเขา ใจ Expand ประพันธ์และอุไรคบหากันอย่างสนิทสนมและออกเที่ยวเตร่ด้วยกันจนท�าให้อุไรเกิด ตเทั้งี่ยควรเรตภร์แ่แลละะพใช่อ้จต่า้อยงอจยัด่างกฟารุ่มแเฟต่งืองย4าจนนใทห้ัง้ทสั้งอๆงมทีป่ีไามก่พเสอียใงจกเปัน็นทอย�าใ่าหง้อมุไารกหันหไลปังคแบตก่งับงชาานยอคุไนรยใหังชมอ่ชบื่อ 1. นกั เรียนยกบทประพันธท มี่ ลี ักษณะคําประพันธ พระยาตระเวนนคร ทง้ั ๆ ท่ีเขามีภรรยาแลว้ ถึง ๗ คน ในทีส่ ดุ ประพนั ธแ์ ละอุไรกต็ ้องหยา่ ขาดกัน สอดคลองกนั โดยสามารถยกตวั อยาง วรรณกรรมทม่ี ีลกั ษณะการเลาเร่อื งผา น ครั้นประพันธ์ได้เลื่อนยศเป็นหลวงบริบาลบรมศักด์ิ อุไรจึงได้กลับมาขอคืนดี เพราะ จดหมาย อาทิ เร่อื งจดหมายจางวางหรา่ํ โดย พระยาตระเวนนครมีภรรยาสาวคนใหม่จึงขอบ้านที่เธออยู่คืน แต่ประพันธ์ไม่ใจอ่อนและแนะน�า จดหมายจางวางหร่าํ มีลกั ษณะการเลาเรื่องราว ให้เธอกลับไปอยบู่ ้านพอ่ ไมน่ านอไุ รก็ได้แตง่ งานใหมก่ บั หลวงพเิ ศษผลพานชิ พอ่ คา้ ที่มีฐานะดี ผา นจดหมาย โดยเนื้อหากลาวถึงการอบรม ท�าให้ประพนั ธร์ ู้สกึ โล่งใจเปน็ อยา่ งมาก สั่งสอน รวมถึงแนวทางการประพฤติปฏิบตั ิตน ของบุตรชายระหวา งทศี่ ึกษาอยูในตา งประเทศ ตอ่ มาประพนั ธ์ได้พบกับหญิงสาวคนหน่ึงชือ่ ศรสี มาน และร้สู กึ พึงใจในตวั เธอมาก ท้ังน้ี ผใู้ หญส่ องฝา่ ยกช็ อบพอกนั ประพนั ธจ์ งึ หวงั วา่ จะไดแ้ ตง่ งานครองคอู่ ยกู่ บั ศรสี มานอยา่ งมคี วามสขุ 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมดุ ย่งั ยืนในอนาคต ตรวจสอบผล Evaluate 147 1. นกั เรยี นสรุปสาระสําคญั เก่ียวกับความเปนมา ประวัติผูแตง และลกั ษณะคําประพนั ธ 2. นกั เรียนสามารถยกตัวอยางวรรณกรรมท่มี ี ลกั ษณะคําประพนั ธส อดคลอ งกับวรรณกรรม เรื่อง หวั ใจชายหนมุ ได บรู ณาการเชือ่ มสาระ นักเรียนควรรู ครูบูรณาการเช่อื มโยงองคความรูจ ากบทเรยี นเรอื่ ง หัวใจชายหนมุ กบั 1 เสนสาย หมายถงึ พวกพอ งหรอื ผูชวยเหลอื ที่สามารถอาํ นวยประโยชนใ หไ ด วิชาในกลุมสาระการเรียนรสู งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวชิ า ประวตั ิศาสตร โดยมเี น้ือหาเก่ียวกับพฒั นาการทางประวัตศิ าสตร ใน 2 นางซุนฮหู ยนิ เปนคาํ เรยี กภรรยาขุนนางจีน นางซุนฮูหยินเปน ตัวละคร ประเดน็ เกย่ี วกบั การเปลยี่ นแปลงดา นเทคโนโลยกี ารตดิ ตอ สื่อสารผาน ในเร่อื งสามกก เปน นองสาวของซุนกวน ซ่งึ ซุนกวนยกใหเ ปน ภรรยา คนที่ 3 ของ จดหมาย การตดิ ตอ สอ่ื สารทส่ี ะดวกและแพรห ลายน้ี มีอิทธิพลตอ การ เลาป ในวรรณกรรมเรื่อง หัวใจชายหนุม หมายถงึ แมก มิ เนยซึ่งมีเชื้อสายจนี สรา งสรรควรรณกรรมในรปู แบบของจดหมาย ท่ีบอกเลา อารมณค วามรสู กึ 3 พะรุงพะรงั ปะปนกนั จนรุงรงั อาทิ หอบขา วของพะรุงพะรัง, นุงนัง ตวั อยา ง ของผคู นในฐานะปจ เจกชนรวมยคุ สมัยอยา งตรงไปตรงมา นอกจากสามารถ เชน มหี นี้สินพะรงุ พะรงั เปนตน เชือ่ มโยงองคความรูดานลักษณะการประพนั ธก บั ความเปลี่ยนแปลงทาง 4 ฟมุ เฟอ ย หมายถงึ สรุ ยุ สรุ าย, ใชจา ยโดยไมคาํ นึงถึงความสิ้นเปลือง, สังคม เพอื่ ใหเ กดิ ความเขาใจเนอ้ื หาไดมากย่ิงขึ้นแลว ยงั สามารถศกึ ษา เกินความจาํ เปน ตัวอยางเชน ใชถ อ ยคําฟมุ เฟอย เปนตน เพิม่ เตมิ ในระดับสงู ขนึ้ ไป เก่ียวกบั ประวัตศิ าสตรสังคมดานอารมณความรูสกึ ของปจ เจกบุคคลท่มี ีตอเหตกุ ารณใ นแตละยุคสมยั ไดด ว ย คมู อื ครู 147
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครสู นทนาซักถามกระตนุ ความสนใจ ดงั ตอไปน้ี ๕. เนอื้ เร่ือง • หากนกั เรยี นสามารถสอ่ื สารกบั เพอื่ นทอ่ี ยหู า ง- หัวใจชายหนุ่ม ไกลกันไดเฉพาะในจดหมายเทาน้ัน นักเรียน จะเขยี นเลา เรอ่ื งใด จดหมายถงึ นายประเสรฐิ สุวฒั น์ (แนวตอบ นกั เรียนรว มกันอภิปรายแสดงความ คิดเห็นไดอยา งหลากหลายข้ึนอยกู บั เหตุผล ฉบบั ท่ี ๑ ของนักเรียน) สาํ รวจคน หา Explore เรือ “โอยามะมะร”ู เดินในทะเลแดง นักเรยี นศกึ ษาเนอื้ เรอ่ื ง หัวใจชายหนมุ โดย ถึงพอ่ ประเสริฐเพอื่ นรกั นกั เรียนจัดกลุม 11 กลุม พรอมจบั สลากเนื้อหา วันที่ ๒๓ กันยายน, พ.ศ. ๒๔๖- จดหมายแตล ะฉบบั ทง้ั 11 ฉบบั เตรียมนาํ เสนอ หนาชนั้ เรยี น จากนนั้ นกั เรยี นศกึ ษาเน้ือหาและ เพอื่ นคงนกึ เคอื งฉนั อยแู่ ลว้ ละสิ ทฉ่ี นั ยงั ไมไ่ ดเ้ ขยี นจดหมายมาถงึ เพอ่ื นกอ่ นน.้ี ท่ีจริง รวมกันอภิปราย ฉนั อยากเขียนมานานแล้ว, แต่มันทา� ใจไมล่ งวา่ จะเขียนว่ากระไร. จง่ึ รๆี รอๆ มาจนถึงเวลา น้ี. นี่ไม่ใช่เพราะไม่คิดถึงเพื่อนหามิได้, แต่ตรงกันข้ามฉันคิดถึงเหลือเกินจนไม่รู้จะเขียนไป อธบิ ายความรู Explain อย่างไรถูก. ตงั้ แตจ่ ากกนั มาแล้วฉันคิดถึงเพื่อนทกุ วนั , จรงิ ๆ นะ ไมแ่ กลง้ พูดเลย และฉัน ออกนึกริษยาเพ่ือนพิลึกด้วย. นึกถึงตัวฉันเองที่มาตกอยู่ในที่อย่างไร, และพ่อประเสริฐตก 1. นกั เรียนกลมุ ที่ 1 นําเสนอเน้อื หา ดังตอ ไปนี้ อยู่ในท่ีอย่างไร จะไม่ให้ฉันริษยาอย่างไรได้? ส่วนฉันสิมาตกอยู่บนเรือซ่ึงก�าลังแล่นอยู่ใน • สรปุ เนือ้ หาจดหมายฉบบั ที่ 1 ทะเลแดง, รอ้ นแทบสิ้นสติ, และเดนิ หา่ งออกจากท่ีถิ่นทีเ่ คยได้รบั ความสุข แลดไู ปข้างหนา้ (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับดลุ ยพินิจของครผู ูสอน ก็หวงั ได้แตจ่ ะไดเ้ ห็นความคบั แคบและอดึ อัดใจ อยา่ เข้าใจผดิ วา่ ฉนั ไมร่ ักกรงุ สยามหรอื ชาติ ครคู วรเพม่ิ เตมิ เนอ้ื หาใหส มบูรณ) ไทย. ชาติบา้ นเมอื งของฉันท�าไมฉนั จะไม่รู้จักรัก? แต่เป็นธรรมดาคนเราตอ้ งมคี วามรกั หลาย อยา่ ง, เชน่ รกั พอ่ แมห่ รอื ญาตพิ น่ี อ้ งกผ็ ดิ กบั การรกั ลกู รกั เมยี จรงิ ไหม? การรกั เมืองไทยเปรยี บ 2. นกั เรยี นรวมกนั ตอบคําถามในประเดน็ ตอไปน้ี เหมือนรักพ่อแม่, แต่การรักเมืองอังกฤษเหมือนรักเมีย, แล้วก็เมื่อต้องจากเมืองอังกฤษมา • ในจดหมาย “ประพนั ธ” กลาวถงึ เมืองไทยใน เมืองไทย จะไม่ให้ฉันอาลัยได้หรือ? คนเราท่ีไม่เคยพ้นจากอกพ่อแม่ก็รู้สึกพอใจอยู่แล้วใน ประเด็นใดบา ง อยา งไร การทอี่ ยบู่ ้านพ่อบ้านแม,่ แตพ่ อได้เคยออกไปเหน็ สงิ่ งามๆ และพบคนอื่นๆ นอกบ้านแล้ว (แนวตอบ เปน ตน วา กลาวดูถูกเมอื งไทยวา คงตอ้ งรู้สึกว่าบ้านพ่อแม่เป็นทค่ี บั แคบอดึ อดั อยบู่ า้ ง, ทง้ั การคยุ กบั คนแกค่ รอึ ย่างพ่อแมก่ ค็ ง ครแึ ละไมศ ิวไิ ลซ) ไม่ออกรสเทา่ คยุ กบั หน่มุ ๆ สาวๆ, จริงไหม? • นกั เรยี นคดิ วา “ประพนั ธ” มคี วามรสู กึ อยา งไร ตอเมืองไทย ขอให้นึกดูเถิดเพ่ือนเอ๋ย. ต่อน้ีไปฉันจะไม่มีเวลาได้ไปดูละครอย่างที่เราได้เคยไป (แนวตอบ ประพนั ธร ูส กึ ไมดแี ละรสู ึกเสยี ใจ ด้วยกันบ่อยๆ ในลอนดอน, จะไม่ได้ไปเที่ยวกินข้าวตามเร็สตอรังต์ และดูผู้หญิงสวยๆ ทตี่ องเดนิ ทางกลับเมืองไทย) และทีร่ า้ ยที่สดุ จะไมไ่ ดเ้ ตน้ รา� ! พอ่ ประเสรฐิ กร็ ้อู ยแู่ ล้ววา่ การเต้นร�าเกอื บจะเป็นชวี ติ ของฉนั 3. นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมดุ 148 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT “...การรักเมืองไทยเปรียบเหมอื นการรกั พอ แม, แตก ารรกั เมืองอังกฤษ ในการนําเสนอเนอื้ หาของนักเรียน ครคู วรพิจารณาตรวจสอบและเพมิ่ ประเดน็ เหมอื นรักเมยี ...” ตา งๆ ที่นกั เรยี นนาํ เสนอใหครบถว น เพอื่ ใหนกั เรียนมคี วามเขาใจทัศนคติของ ขอ ใดตอ ไปนีส้ อดคลองกบั คํากลาวขา งตนมากท่สี ดุ ตวั ละครอยางรอบดาน ชว ยใหน กั เรียนสามารถนาํ ขอมูลตางๆ มาใชในการปฏิบัติ 1. ประพนั ธร กั พอ แมเหมือนรักเมืองไทย กิจกรรมไดอยา งเหมาะสม โดยครูตรวจสอบและเพิ่มเติมเนอื้ หาในจดหมายฉบับท่ี 1 2. ประพันธร กั เมียเหมอื นรกั เมืองอังกฤษ ดังตอไปน้ี นายประพนั ธ ประยูรสริ ิ ไดส งจดหมายถงึ นายประเสรฐิ สวุ ฒั น ซึ่งเปน 3. ประพนั ธร กั พอแมมากกวา เมืององั กฤษ เพอ่ื นรกั กนั เปนฉบับแรก เน้ือความกลา วถงึ การเดนิ ทางจากลอนดอนกลับมายงั 4. ประพนั ธรกั เมอื งไทยและรักเมืองอังกฤษแตกตา งกนั ประเทศไทยของนายประพันธ และบรรยายถงึ ความเสยี ใจท่ตี องกลับประเทศไทย วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ประพันธรักเมอื งไทยและรกั เมอื งองั กฤษ นอกจากนี้ ยงั กลาวดูถูกบา นเกดิ ของตน และไดเ ลาถงึ เหตุการณทเ่ี กิดข้ึนระหวาง แตกตางกนั เนอื่ งจากขอความน้ตี อ งการสื่อถงึ ความรกั เมืองไทยกับ การเดินทางกลบั ภายในเรือโดยสาร คอื ไดพบปะกบั ผหู ญิงคนหนง่ึ ที่ตนเองสนใจ ความรกั ในเมอื งองั กฤษของประพนั ธเปนความรกั คนละรปู แบบ จึงใช แตตอ งผดิ หวงั เนอื่ งจากเธอมคี ูรกั มารอรบั ทท่ี า เรอื อยแู ลว ภาพพจนเปรยี บเทยี บ 148 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ทีเดียว เม่ือยังอยู่เมืองนอกด้วยกัน, เพื่อนเคยล้อว่าถ้าฉันไม่ได้เต้นร�านานๆ ถึงปวดท้อง! 1. นักเรียนรว มกันตอบคําถาม ตอ ไปน้ี นต่ี อ่ ไปฉันจะมติ ้องปวดทอ้ งแย่หรือ? แต่พดู กันจรงิ ๆ นะ, อ้ายการเต้นรา� นะมนั กไ็ ม่สูส้ �าคัญ • ในจดหมายประพนั ธกลา วถงึ เมืองนอกใน ประเด็นใดบา ง อยา งไร นักดอก. มันส�าคัญอีเรื่องท่ีจะไม่ได้กอดผู้หญิงน่ันแหละ. ถ้าไม่มีเ1ต้นร�ากันบ้าง เราจะวิ่งไป (แนวตอบ เปน ตน วา มคี วามงดงาม ความ สนกุ สนานท้งั จากการเขา รว มงานมหรสพ กอดเขาด้ือๆ ใครเขาจะยอม. อีกอย่างหน่ึงในเมืองไทยยังมีคนครึเหลืออยู่มาก ท่ีชอบเกบ็ อยา งการชมละครเวที งานเล้ยี งเตน ราํ ได ลกู สาวไมใ่ หพ้ บเหน็ ผชู้ าย, เพราะฉะนน้ั ดอู อกจะหาโอกาสไดช้ นื่ ใจยากอยสู่ กั หนอ่ ย. ฉันนึกๆ พบปะกบั หญงิ สาวและผคู นมากหนา หลายตา ไปแทบอยากพาเอาลิลี่เข้าไปเสียด้วยแล้วเทียว, แต่นึกสงสารหล่อนจะต้องไปตกอยู่ใน ทส่ี าํ คญั คอื เมืองนอกน้ันใหความรูสกึ หมคู่ น “อนั ศวิ ไิ ลซ,์ ” จะทนทานไมไ่ หว. ทา่ นบดิ ามารดาของฉนั นะทา่ นทา� โกพ้ อใชจ้ รงิ อย,ู่ แต่ ถึงความศวิ ไิ ลซอยา งมาก) พื้นของท่านไมใ่ ช่ “ศวิ ไิ ลซ์” จริงจงั ดอกนะเพื่อน. • นักเรียนคดิ วา ประพนั ธมคี วามรูส กึ อยางไร ตอเมืองนอก ฉันได้หวังอยู่ว่าในระหว่างเวลาเดินทางทะเล บางทีจะได้มีโอกาสพบปะสมาคมกับ (แนวตอบ พงึ พอใจและมีความสุข) ผู้หญิงอะไรบ้างสัก2คนสองคน. พอลงเรือฉันก็ตั้งใจมองหาผู้ท่ีหน้าตาท่าทางจะพอแก้ขัดได้, 2. นักเรยี นบันทกึ ความเขา ใจลงสมุด และฉนั นกึ กระหยมิ่ ใจเมอื่ ไดเ้ หน็ ผหู้ ญงิ คน ๑ ซง่ึ ออกจะพอใช.้ เขาชอ่ื มสิ ส์ มลิ เลอ่ ร,์ รปู รา่ ง ขยายความเขา ใจ Expand ออกจะคล้ายๆ ลิลี่, ซึ่งท�าให้ฉันคิดถึงลิลี่พิลึก, แต่มีความเสียใจท่ีจะต้องกล่าวว่า เขา ค่อนข้างจะจองหองอยู่หน่อย, เพราะถึงแม้ฉันกับหล่อนน่ังกินข้าวอยู่โต๊ะเดียวกันก็จริง 1. นักเรยี นรว มกนั อภปิ รายในประเด็น ตอไปน้ี หล่อนไม่ใคร่จะยอมพูดกับฉันเลย. หรือจะเป็นเพราะหล่อนกลัวตาพ่อของหล่อนก็ไม่ทราบ, • นกั เรยี นคดิ วา ทศั นคตขิ องประพนั ธท่มี ตี อ เพราะตาพ่อนั้นหน้าตาแกออกจะบ้าระห่ึมอยู่สักหน่อย. แต่เพื่อนก็รู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นคนที่ เมอื งไทยและเมอื งฝร่งั มคี วามแตกตางกัน พยายามปานใด, เพราะฉะนน้ั ในไม่ช้ามิสส์มิลเลอ่ ร์กต็ กลงตอ้ งพูดกบั ฉัน. ฉันนกึ ออกยนิ ดวี า่ หรอื ไม อยา งไร จะได้มีเพ่ือนเดินทางท่ีอาจจะช่วยท�าให้ใจค่อยหายเห่ียวสักหน่อย, แต่ท่ีไหนเล่า ในไม่ช้า (แนวตอบ ทัศนคติของประพันธท ่มี ีตอเมือง กไ็ ด้ความวา่ หลอ่ นจะไปเพยี งอียิปต์เทา่ นัน้ ฉะน้นั พอถึงอียิปต์ หล่อนก็ข้นึ จากเรือ. ฉนั หวงั นอกแตกตา งจากทศั นคตทิ ่ีมตี อ เมืองไทย ใจอยู่ว่าจะได้เห็นหล่อนแสดงความเสียใจสักเล็กน้อยในการท่ีต้องจากกัน, แต่เปล่าเลย! อยา งมาก โดยสามารถเปรยี บเทียบกันได หล่อนมัวแต่โบกผ้าเช็ดหน้าให้ใครคน ๑ ท่ีมาคอยรับอยู่ท่ีท่าเรือ, และซึ่งฉันเข้าใจว่าดู ในลักษณะคตู รงขา ม เชน เมอื งไทยมีความ เหมือนจะเป็น “หวานใจ” ของหลอ่ น! “คร”ึ และ “ไมศ ิวิไลซ” ซ่งึ ตรงขา ม กบั เมืองนอกท่ีเต็มไปดวยความทันสมยั จวนถงึ เวลาตอ้ งสง่ จดหมายแลว้ , เพราะฉะนนั้ ตอ้ งขอจบท.ี ถา้ พอ่ ประเสรฐิ มโี อกาสขอ ความสนกุ สนานและ “ความศิวิไลซ” ให้บอกลิล่วี ่าฉันฝากความรักมาถึงหล่อนด้วย. เปนตน ประพนั ธจงึ พอใจเมืองนอก มากกวา เมืองไทย) จากเพอ่ื นทีร่ ัก. ประพันธ์ 2. นักเรียนบนั ทึกความเขา ใจลงในสมดุ 149 ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู จากเร่อื ง หัวใจชายหนมุ ประพันธมีลกั ษณะนิสยั อยา งไร ครูควรรวบรวมความคดิ เหน็ ของนกั เรียนจากประเดน็ ตา งๆ ที่นักเรียนตอบ 1. หนมุ นกั เรยี นนอกท่ีชนื่ ชมวัฒนธรรมตะวนั ตก แลว นาํ เสนอบนกระดาน เพอ่ื ใหน กั เรยี นนาํ ไปใชใ นการอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ใน 2. หนุมนกั เรยี นนอกที่หลงใหลวฒั นธรรมตะวันตก กิจกรรมขยายความเขา ใจ ซึ่งจะชว ยใหน กั เรียนสามารถเปรยี บเทยี บความคดิ เห็น 3. หนุมนกั เรยี นนอกทย่ี ึดมั่นในความคดิ ของตนเองสูง ของประพันธทีม่ ีตอเมอื งไทยและเมืองนอกไดอ ยา งเดนชดั และสามารถเชอ่ื มโยงไป 4. หนุมนกั เรียนนอกทีค่ ล่งั ไคลว ัฒนธรรมตะวนั ตกจนขาดความเปนตวั ของ สูพัฒนาการของตวั ละครไดด ีย่ิงขน้ึ ตัวเอง นักเรียนควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. หนุมนักเรยี นนอกทคี่ ลัง่ ไคลวฒั นธรรม 1 ครึ หมายถงึ ไมทันสมยั 2 กระหยม่ิ หมายถงึ กร่ิม คือ ครึ้มใจ ภมู ิใจ อม่ิ ใจ มกั ใชเขา คูกบั คาํ ยม้ิ ยอง ตะวนั ตกจนขาดความเปน ตวั ของตัวเอง พจิ ารณาจากเน้อื หาท่ปี ระพันธ เปนกระหย่ิมยิ้มยอ ง (แผลงมาจาก ขยิ่ม) หลงใหลวัฒนธรรมตะวนั ตก และเหยยี ดหยามวัฒนธรรมไทยอันเปน รากเหงา พ้นื ฐานของตนเอง นักเรียนสามารถวเิ คราะหเ น้อื หาเพ่ิมเติมได จากขอคิดสาํ คัญของเรอื่ ง คูม อื ครู 149
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Explore Expand Evaluate Engage Explain Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรียนกลุมที่ 2 นาํ เสนอเนอ้ื หา ดังตอไปน้ี ฉบับที่ ๔ • สรปุ เน้ือหาจดหมายฉบับท่ี 4 (แนวตอบ ขึน้ อยกู บั ดุลยพนิ จิ ของครู และ ถงึ พอ่ ประเสริฐเพื่อนรัก. ถนนหวั ลา� โพง ครูควรเพ่มิ เติมเนอ้ื หาใหส มบรู ณ) วนั ท่ี ๑ ธนั วาคม, พ.ศ. ๒๔๖- 2. นกั เรยี นรวมกนั ตอบคําถาม ตอไปนี้ ฉันไมไ่ ดเ้ ขียนจดหมายมาถึงพ่อประเสริฐเดือนกว่าแลว้ , ซ่งึ ไมใ่ ชเ่ พราะไม่คดิ ถงึ , แต่ • คา นยิ มของสงั คมไทยท่ปี รากฏในจดหมาย เพราะไมใ่ ครจ่ ะมเี วลา ฉนั ไดจ้ บั ปากกาขนึ้ หลายหนแลว้ ดว้ ยความตงั้ ใจทจี่ ะเขยี น, แตเ่ ผอญิ ฉบบั ที่ 4 มีอะไรบาง มธี รุ ะอืน่ มาแทรกเสยี เสมอ. (แนวตอบ คานิยมของสงั คมไทยทป่ี รากฏใน จดหมายฉบับที่ 4 เปนตนวา การอาศัย ตั้งแต่ฉันกลับเข้ามาถึง ฉันได้ถูกคุณพ่อพาไปหาใครต่อมิใครแทบไม่เว้นแต่ละวัน, เสนสายในการเขา ทาํ งาน คา นยิ มการแตงงาน และฉันตอ้ งไหว้คนมาเสยี มากตอ่ มากจนนบั หนไมถ่ ว้ น, จนฉันแทบจะลงรอยเปน็ ถา้ ประนม แบบคลมุ ถุงชน การดูถกู อาชพี คาขายวา อยู่เสมอแล้ว. และหลังก็เกือบโค้งเสียแล้ว เพราะค�านับคนไม่ได้หยุด. คุณพ่อท่านตั้งใจ ต่าํ ตอ ยและไมสามารถเปน ใหญเ ปนโตได จริงๆ ท่จี ะท�าตามหน้าท่พี อ่ , คือช่วยลูกให้ได้ดีตามแบบโบราณ. ท่านยงั แลเห็นไม่ได้เลยวา่ นอกจากน้ี ผูหญิงในยุคสมัยของเรอื่ งยัง “ฟรี” คนเราอาจจะได้ดีหรือมีช่ือเสียงได้โดยอาศัยความสามารถของตัวเอง นึกๆ ไปที่จริงก็ มากข้นึ และสามารถพบปะไดงายข้นึ ดว ย) นา่ ขนั ทเี่ ราไดอ้ ตุ สา่ หอ์ อกไปหาวชิ าถงึ เมอื งนอก, แลว้ กลบั มาถงึ บา้ นกต็ อ้ งมาเดนิ เขา้ ทา้ ยครวั • นักเรยี นคดิ วา ประพนั ธม ีความรสู ึกตอ เท่าๆ กบั คนทไี่ ม่ไดไ้ ปเมอื งนอกเสียเลยน่ันเอง. คานยิ มดงั กลาวของสังคมไทยอยางไร (แนวตอบ ประพันธรสู ึกไมพ งึ พอใจคานิยม ความปรารถนาอนั ยงิ่ ใหญข่ องคณุ พอ่ กค็ อื อยากใหฉ้ นั ไดเ้ ขา้ ไปรบั ราชการในพระราช- ดงั้ เดิมของสังคมไทย และมคี วามคดิ เห็น สา� นกั . แตผ่ ทู้ ตี่ อ้ งการเขา้ ไปรบั ราชการในพระราชสา� นกั สมยั นมี้ นั มมี ากมายจนไมเ่ หลอื ตา� แหนง่ ตอ ตา นคา นยิ มเหลา นนั้ อกี ดว ย ยกตวั อยา ง เชน เพราะฉะนั้นฉันก็เข้าไปไม่ได้ คุณพ่อพาฉันไปหาเจ้าคุณผู้ส�าเร็จราชการมหาดเล็ก, ท่านก็ คา นยิ มการใชเสนสายในการเขาทํางาน โดย ประพนั ธกลาววา “นกึ ๆไปท่ีจริงกน็ าขนั ทเ่ี รา จพะูดไจมาใ่ ปครรเ่าชศอ่ื ร,ัยอเพยร่าางะดม,ี น่ั แใตจเ่ทสา่ ยี นวแา่ เสขดางไคมตว่ าอ้ มงกเสายีรใคจนวหา่ วัไมนม่อีตกา�, แโหดนย่งเกวรา่ งงจจะรไิงมๆห่ . มใอนบชร้ันาตบน้ คฉาันบอแอกกว้1 อุตสา หอ อกไปหาวชิ าถึงเมืองนอก, แลวกลับ มาถึงบานกต็ องมาเดนิ เขา ทา ยครวั เทา ๆ กบั อย่างเต็มท่ี, แต่ฉันสืบๆ ดูจึงได้ความว่าแท้จริงต�าแหน่งเขาบรรจุไว้เต็มแล้วจริงๆ จน คนทีไ่ มไดไ ปเมืองนอกเสยี เลยนนั่ เอง” จาก ไม่มีท่ีว่าง, และยังมีคนคอยจะเข้าอีกมาก, และในพระราชส�านักเวลาน้ีมีนักเรียนยุโรป บทประพันธขา งตนแสดงใหเห็นวา ประพันธ หลายคนอยูใ่ นต�าแหนง่ ดๆี ด้วย, เม่อื เข้ารบั ราชการในพระราชส�านักไมไ่ ด้เช่นนน้ั แล้ว, ฉันก็ มีความรูสกึ ไมพอใจวิธกี ารคัดเลอื กคนเขา เท่ยี วระเหระหนหางานทา� อยหู่ ลายวัน, พบแตท่ เ่ี ต็มๆ เสยี แทบทุกแห่ง ฉะน้ันจนบดั นฉ้ี ันก็ ทํางานดวยวิธกี ารใชเสน สาย โดยประพันธ ยังไม่ได้รับราชการ. ฉันได้บอกคุณพ่อว่า ฉันจะลองประกอบอาชีพทางค้าขายดูบ้าง, แต่ แสดงความคดิ เห็นตอกรณดี งั กลาววา การ ท่านก็ไม่ยอมที่จะให้ฉันท�าเช่นน้ัน. ท่านว่าค้าขายไม่มีหนทางที่จะเป็นใหญ่เป็นโตต่อไปได้, คดั เลอื กบคุ ลากรเขา ทาํ งานดว ยวธิ กี ารดงั กลา ว และถงึ จะทา� มาค้าขายดีอย่างไรๆ ก็จะเป็นอะไรไม่ได้ นอกจากขุนนางกรมท่าซา้ ย, ทั้งกว่า แสดงใหเ หน็ วา ความรูความสามารถไมไดม ี จะไดเ้ ปน็ หลวงกอ็ กี หลายป,ี แลว้ อาจจะเปน็ หลวงตงั้ แตอ่ ายุ ๓๐ เมอื่ อายุ ๔๕ จงึ ไดเ้ ปน็ พระ, ความสําคัญตอการคัดเลอื กบคุ คลเขา ทาํ งาน แล้วกย็ ังเปน็ พระอยู่จนทกุ วันน้,ี และไมแ่ ลเห็นทางทจี่ ะไดเ้ ปน็ พระยาด้วย แตอยา งไร โดยประพันธกลา วถงึ การทตี่ นเอง ไปศกึ ษาตอท่เี มอื งนอก แตก ลับมาเมอื งไทย พอฉันกลบั ถึงบ้านไดส้ ัก ๗ วนั คุณพอ่ ก็บอกวา่ ได้หาเมียไวใ้ หค้ นหนงึ่ แลว้ ! ฉันหมาย ก็ไดเ ขา ทาํ งานดว ยวธิ ีการท่ีไมต า งกัน) ว่าท่านพูดเล่นจึงหัวเราะ, แต่พูดกันไปพูดกันมาจึงรู้ว่าท่านพูดจริงๆ ไม่ใช่พูดเล่น. ผู้หญิง น้ันคือแมก่ ิมเนย้ ลกู สาวอากรเพง้ , ซ่งึ พ่อประเสริฐกค็ งจะรู้อยวู่ ่าเปน็ คนมัง่ มีพอใชอ้ ยู่. ทั้ง 3. นักเรียนบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมุด 150 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT “นกึ ๆ ไปท่จี ริงกน็ าขนั ทีเ่ ราอุตสาหอ อกไปหาวชิ าถงึ เมอื งนอก แลว กลบั ครูควรพิจารณาตรวจสอบและเพ่ิมประเดน็ ตา งๆ ทนี่ ักเรยี นนาํ เสนอใหครบถวน มาถงึ บา นก็ตอ งมาเดินเขาทา ยครวั เทา ๆกบั คนทมี่ ิไดไ ปเมอื งนอกเสียเลย เพ่ือใหน กั เรยี นมคี วามเขาใจทัศนคตขิ องตัวละครอยางรอบดา น โดยครูตรวจสอบ นัน่ เอง” และเพ่มิ เติมเนอื้ หาในจดหมายฉบบั ท่ี 4 ดังตอ ไปน้ี จดหมายในฉบับที่ 4 กลา วถึง การกลับมาถงึ ประเทศไทย และการเขา รบั ราชการ ซ่งึ ใชเ สน สายแตไม ขอ ใดมีพฤตกิ รรมสอดคลอ งกบั คาํ ท่ขี ีดเสนใต สําเร็จผล นอกจากน้ี คุณพอของนายประพันธไดห าภรรยาไวใ ห หลอ นชอ่ื กิมเนย 1. ประวิทยร างกายแข็งแรงจึงสามารถสมัครเปนทหารได เปน ลูกสาวของนายอากรเพง ซ่งึ พอของนายประพันธร บั รองวาเปน คนดมี ีความ 2. ลดั ดาเรยี นจบแลว สามารถสอบบรรจุเขารบั ราชการได เหมาะสมกัน แตด วยนายประพนั ธไ มย อมรบั เรือ่ งการคลมุ ถุงชน จึงไดขอดตู วั แม 3. มาลีไดเ ขาทาํ งานในหนวยงานทม่ี ีเพ่ือนของคุณแมเ ปนผูบรหิ าร กิมเนยกอ น นอกจากนน้ั ในจดหมายไดกลาวถึงการพบปะกับผหู ญิงคนหนง่ึ ทตี่ น 4. อาทรฝกฝนรอ งเพลงอยางหนกั จนสามารถควา รางวัลท่ี 1 ถูกใจท่โี รงพัฒนากรดวย ในการประกวดได นกั เรียนควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. มาลีไดเ ขา ทาํ งานในหนวยงานที่มีเพ่อื นของ คุณแมเปน ผบู ริหาร สอดคลองกับคาํ วา “เดนิ เขาทา ยครัว” ซ่ึงหมายถงึ การ ใชค วามคนุ เคยกันเปนสว นตวั เปนเครอ่ื งชว ยใหไดง านทาํ 1 หมอบราบคาบแกว ยอมตามโดยไมขดั ขืน, ยอมแพโ ดยดี 150 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ คุณพอ่ คุณแม่สรรเสริญเยินยอมากวา่ เปน็ คนดีนัก, วิเศษต่างๆ ราวกบั นางฟ้าตกลงมาจาก 1. นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายในประเด็น ตอ ไปน้ี สวรรค์ ฉันบอกวา่ ฉนั ยงั ไม่ไดเ้ ห็นตวั ผู้หญิงนน้ั เลย จะให้รบั รองว่าจะแตง่ งานกบั เขาอยา่ งไร • นักเรียนเห็นดว ยกบั ทศั นคติของประพันธที่ ได้, คุณพ่อกลับพูดอย่างหน้าตาเฉยว่า : “พ่อรับรองว่าเขาเป็นคนดี สมควรแก่ลูกด้วย มตี อสงั คมไทยหรอื ไม อยางไร ประการท้ังปวง” ฉันตอบว่า ฉันเช่ือแล้วว่าเขาเป็นคนดีจริงตามที่คุณพ่อกล่าวแล้วทุก (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได หลากหลาย ทง้ั เหน็ ดว ยหรอื ไมเ ห็นดวยกับ ประการ, แตต่ อ้ งขอให้คุณ1 พอ่ เขา้ ใจว่า ฉันเปน็ คนท่ีไดไ้ ปเรียนมาจากยุโรปแล้ว, จะแต่งงาน ทศั นคตทิ ี่ประพันธเ สนอ ข้นึ อยูก บั ประเด็น ที่ยกมา โดยสามารถพิจารณาได ดังตอ ไปนี้ อย่างท่ีเรียกว่าคลุมถุงชนไม่ได้เลย. ท่านออกจะฉุนเอาใหญ่. เสียงอึงคับบ้าน, จนคุณแม่ นกั เรยี นอาจตอบวา เหน็ ดว ยกบั ประพันธ ต้องไกล่เกลี่ยว่า ขอให้ฉันได้ดูตัวแม่กิมเน้ยเสียก่อน แล้วจึงค่อยตกลงไปสู่ขอกันจะดีกว่า, ทม่ี ีความรูส ึกตอตานระบบเสนสายหรือ คุณพ่อจึงตกลงตาม. พอลุกออกมาพ้นหน้าคุณพ่อคุณแม่แล้ว ฉันรีบจับตัวประภาซักดูว่า ระบบอุปถัมภในการรับคนเขาทาํ งาน รู้จักแม่กิมเน้ยหรือเปล่า. เขาตอบว่ารู้จัก. ฉันถามว่าเป็นอย่างไร, ประภาก็ตอบแต่ว่า: เน่ืองจากคนไทยทกุ คนควรมสี ิทธอิ ยา ง “คณุ พ่ีคอยดเู อาเองก็แล้วกนั ,” แลว้ กห็ ัวเราะ. ฉนั จะซกั เท่าไรกไ็ มต่ อบตรงๆ เลย, เปน็ แต่ เทาเทยี มในการแขงขนั โดยเนน การ หัวเราะอย่เู รื่อยเท่านน้ั . ฉันหวังใจว่าหนา้ ตาเจา้ หล่อนจะไมเ่ ปน็ นางงิว้ ตุ้งแชอ่ ะไรตัว ๑! พิจารณาทคี่ วามสามารถเปนหลัก หรือ ในประเดน็ การคลมุ ถงุ ชนคนเราเม่ือถึง ฉันขอบอกโดยจริงว่า ต้ังแต่ฉันเข้ามาถึงกรุงเทพฯ แล้วยังไม่ได้พบผู้หญิงที่ต้องตา ชว งวยั หน่งึ ทม่ี ีวุฒิภาวะเพยี งพอตอง เลย, จนท�าให้นึกว่าจะต้องเลยเป็น “แบชะเลอ่ ร์” เสยี ละกระมงั . แต่พวกเพ่อื นๆ เขาพา สามารถเลือกและรบั ผิดชอบชวี ติ ของตนเอง กนั หวั เราะและบอกว่าใหด้ ูๆ ไปกอ่ นเถดิ คงจะพบที่ดเี ขา้ บ้าง, สมยั น้ีผูห้ ญงิ “ฟร”ี ขึ้นกวา่ ได หรอื เรอ่ื งการคากเ็ ปน แนวทางในการ แตก่ ่อนมากและพบปะงา่ ยกวา่ ดว้ ย. ความจรงิ มอี ยอู่ ย่าง ๑ คอื ในเวลานี้เหน็ ผหู้ ญงิ ไทยไว้ พฒั นาตนเองและชาตไิ ดเ หมือนกนั แมจ ะ ผมยาวมากกว่าเมื่อก่อนเราไปเมืองนอกเป็นอันมาก; คนไว้ผมส้ันเกือบจะมีเหลือแต่คนแก่ ไมมีอํานาจแตมีเกยี รตใิ นฐานะท่ปี ระกอบ กับไพร่ๆ เท่าน้ันแล้ว. ข้อน้ีเป็นข้อควรยินดีอยู่, เพราะการไว้ผมยาวท�าให้ผู้หญิงสวยขึ้น อาชพี สุจริต หรอื นักเรียนอาจกลาวถึง มากเป็นแน่นอน. น่ีกย็ ังคงมีอีกชนั้ ๑ ทีจ่ ะเดินข้ึนต่อไป, คือการนุ่งผ้าให้ผิดกบั ผ้ชู าย. ใน ประเดน็ ทนี่ กั เรียนไมเ ห็นดว ยกบั ประพันธ เวลานก้ี ม็ ีผู้หญิงน่งุ ซ่นิ อยูก่ บั บ้านบ้างแล้ว, แต่ยงั ไมก่ ล้านงุ่ ไปไหนมาไหน. เพราะยังไมม่ ีใคร เกีย่ วกับการไมใ หเ กยี รตผิ ูห ญงิ เทา ทค่ี วร) เปน็ หวั หน้านา� “แฟแชน่ ” นุ่งซ่ินขนึ้ . ถ้าผู้หญงิ ไทยเรานุ่งซ่ินคงงามเปน็ แน.่ ... 2. นกั เรยี นบันทึกความเขา ใจลงในสมุด ในกรุงเทพฯ น้ีมีข้อเสียส�าคัญที่หาท่ีเท่ียวยากจริงๆ. เพราะขาดเร็สตอรังต์และ โรงละครดีๆ อย่างลอนดอน. พวกโฮเต็ลฝรั่งทางบางรักมีอยู่ก็จริง, แต่มันก็ไม่ถึงใจเลย, และไปสกั คร้งั สองคร้ังก็เบื่อ, เพราะนอกจากจะไปกินอาหารหรอื เครือ่ งด่มื แล้วก็ไม2ม่ ีอะไรที่ ยวนใจให้สนกุ เลย. พวกผู้หญงิ ไทยๆ เขาไม่ใคร่จะไปตามโฮเตล็ เหลา่ นัน้ , โฮเตล็ เจ๊กก็ไดเ้ กดิ มีข้นึ หลายแหง่ , แต่มันยิ่งซ�้าร้ายไปกว่าโฮเต็ลฝรั่ง, เพราะกับข้าวของกินกเ็ ต็มกลนื , และไม่ ใคร่จะพบคนไทยดว้ ย, มีแต่เจก๊ แนน่ ๆ ไปท้งั น้ัน. ละครกม็ ดี อู ยโู่ รงเดยี ว, แตด่ สู องหนก็เบอ่ื , เพราะเรอื่ งทเ่ี ลน่ มนั “อนั ” เหลือประมาณ, ภาพยนตรแ์ หละค่อยยงั ชั่วหนอ่ ย. ทง้ั มีโอกาส ได้พบเห็นคนไทยๆ มากด้วย เม่ือคืนวานซืนนี้เองฉันได้เห็นผู้หญิงที่ท่าทางออกจะเข้าที คน ๑ ทโ่ี รงพฒั นากร, แตเ่ หน็ ไม่ใคร่ถนัดเพราะนง่ั อยู่ห่างกนั . ฉนั จะต้องพยายามสบื สาวดู สกั หนอ่ ยวา่ หลอ่ นเปน็ ใคร, ถ้าได้ความจะบอกขา่ วมาให้เพือ่ นทราบด้วย. แตเ่ พื่อนท่รี ัก. ประพนั ธ์ 151 ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู “อายการเตนรํานะ มนั กไ็ มส สู าํ คัญนักดอก มันสาํ คญั อเี รอื่ งท่ีไมไ ดก อด ครคู วรเนนใหนกั เรยี นปฏิบัติกจิ กรรมท่ีชวยสรางปฏิสัมพนั ธแ ละรว มกนั ระดม ผหู ญงิ นะ แหละ ถา ไมมีการเตนรํากนั บา ง เราจะว่ิงไปกอดเขาด้ือๆ ใครเขา ความคดิ เพอื่ ใหน กั เรยี นมสี ว นรว มในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในการพฒั นาสตปิ ญ ญา และ จะยอม” สรา งความสมั พนั ธอ นั ดรี ะหวา งกนั ของนกั เรยี นรว มชน้ั เรยี น โดยในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมนน้ั นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ จากคาํ ตอบทนี่ กั เรยี นคน พบ หรอื การแบง นักเรียนเห็นดวยกับแนวคดิ ขางตน หรอื ไม พรอ มใหเหตุผลประกอบ กลมุ รว มกนั ตง้ั สมมตฐิ าน เพอ่ื คาดเดาแนวคดิ ทไี่ ดจ ากเรอื่ ง จากนนั้ จงึ รว มกนั อภปิ ราย แนวตอบ ไมเ ห็นดวยกับแนวคดิ นี้ เน่ืองจากวฒั นธรรมไทยปลูกฝงให เปนคนไมปลอ ยเน้อื ปลอ ยตวั ถา ความคดิ ทีว่ า การทปี่ ระพันธช ื่นชอบ นกั เรยี นควรรู การเตนรํา เพ่อื จะไดกอดผูหญิง ถอื เปนการรบั วฒั นธรรมตะวนั ตกมาใช เพ่ือฉวยโอกาสในสิ่งที่ไมเหมาะสม แสดงใหเห็นลักษณะนิสัยทม่ี ีความ 1 คลุมถุงชน เปน สาํ นวนไทย เรยี ก ลักษณะการแตงงานทีผ่ ูใหญจ ดั การให เห็นแกต วั ของผกู ลาวแสดงความคดิ เหน็ ขา งตน โดยที่เจา ตวั ไมร ูจกั คนุ เคยหรือรักกันมากอน 2 เจก เปนภาษาปาก หมายถึง คนจีน เปน คําทีม่ ีความหมายในลกั ษณะดูหมิ่น เหยยี ดหยาม ปจจบุ นั ถอื วาไมเหมาะสม คูม ือครู 151
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรียนกลุม ที่ 3 นําเสนอเน้ือหา ดงั ตอ ไปนี้ ฉบบั ที่ ๕ • สรุปเนอื้ หาจดหมายฉบับท่ี 5 (แนวตอบ ขนึ้ อยูกบั ดุลยพินจิ ของครูผูสอน ถงึ พอ่ ประเสรฐิ เพอ่ื นรกั . ถนนหวั ล�าโพง และครูควรเพม่ิ เติมเนอื้ หาใหสมบูรณ) วนั ท่ี ๑๕ ธันวาคม, พ.ศ. ๒๔๖- 2. นกั เรยี นรว มกนั ตอบคําถาม ตอ ไปนี้ ฉนั มขี า่ วทจ่ี า� จะตอ้ งรบี บอกมาใหท้ ราบ, คอื ฉนั ไดต้ กลงเขา้ รบั ราชการแลว้ . คณุ หลวง • “...คอื ฉันไดตกลงเขา รบั ราชการแลว. พิพัฒน์ไปจัดการอย่างไรไม่ทราบ, แต่ในท่ีสุด ฉันเป็นอันได้เข้ารับราชการในกรมพานิชย์ คณุ หลวงพพิ ฒั นไปจัดการอยางไรไมท ราบ และสถิติพยากรณ์. งานที่ต้องท�าไม่มีอะไรแปลกพอที่จะต้องเล่ามาให้เพ่ือนฟังโดยพิสดาร, แตใ นท่สี ดุ ฉนั เปน อันไดเขารบั ราชการ...” เพราะฉะนน้ั ขอยตุ ไิ วเ้ ถิด. จากขอ ความขางตน นักเรยี นคิดวา ประพันธ เขารบั ราชการไดด วยวิธีการใด ดวยความ คณุ พอ่ ไดพ้ าฉนั ไปดตู วั แมก่ มิ เนย้ แลว้ . หนา้ ตาเจา้ หลอ่ นเหมอื นนางซนุ ฮหู ยนิ , ตายาว, สามารถของตนหรอื ดวยระบบอปุ ถัมภ หลังตาชั้นเดียว, แต่ผวิ ขาวดี, และรู้จักแต่งผมดีพอใช.้ การแต่งตัวของหล่อนก็ใชเ้ ส้ือผ้าดๆี . (แนวตอบ ตอบไดหลายแนวทาง เปนตนวา ถูก “แฟแช่น”, แต่แต่งเครื่องเพชรมากเหลือเกิน; มอี ะไรต่อมอิ ะไรหอ้ ย, แขวน, และติด ประพันธเขา รบั ราชการโดยการอาศยั ระบบ เสนสายทตี่ นเองเคยคัดคา น เนอื่ งจาก พะรุงพะรังไปท้ังตัวจนดูราวก1ับต้นไม้คริสต์มาส. พูดจาพาทีก็พอใช้ได้, แต่ไม่ใคร่ได้พูดกับ ประพันธไมท ราบท่มี าของตําแหนงดงั กลา ว ทงั้ น้ีนกั เรียนอาจพิจารณาความสามารถของ ฉันมากนัก, เพราะยงั กระดากอยู่. ประพันธในฐานะทีเ่ ปนนกั เรยี นนอกรวมดวย รายทฉี่ นั เลา่ มาในจดหมายฉบบั กอ่ นวา่ ไดเ้ หน็ ทโี่ รงพฒั นากรนนั้ , ฉนั ไดพ้ ยายามสบื สาว เพื่อความชดั เจน) จนรูแ้ ลว้ วา่ เป็นใคร. ฉนั ได้หม่ันไปโรงภาพยนตร์น้นั บอ่ ยๆ จนเหน็ หลอ่ นอีกคืน ๑, แล้วชี้ให้ 3. นักเรยี นบันทึกความเขาใจลงในสมดุ เพือ่ นคน ๑ ดู จงึ ไดค้ วามจากเขาว่าหลอ่ นชือ่ นางสาวอุไร พรรณโสภณ, ลกู สาวพระพนิ ฐิ - พัฒนากร. ฉันจะพยายามรู้จักกับหล่อนให้จงได้ในไม่ช้า, ได้ข่าวว่าหล่อนเป็นผู้หญิงอย่าง ขยายความเขา ใจ Expand สมัยใหมแ่ ท้, ไม่หดหกู่ ลัวผ้ชู าย, และเขาวา่ หลอ่ นไดห้ ัดเตน้ รา� แล้วด้วย. ถ้าจรงิ เชน่ น้นั คงจะ ได้มีโอกาสค้นุ เคยกนั สักวนั ๑ เปน็ แนน่ อน. อย่างชา้ กใ็ นงานฤดหู นาว, ซง่ึ ในปนี ้ีได้ข่าวว่าจะ 1. นักเรยี นรวมกันอภปิ รายในประเดน็ ตอไปน้ี มีโรงเต้นร�าด้วย. เป็นเคราะห์ดีของฉันที่ประไพก็รู้จักหล่อนด้วย. ฉะน้ันคงจะน�าให้ฉันรู้จัก • นักเรยี นคิดวา การท่ีประพันธเขารับราชการ หลอ่ นได.้ ถา้ ไดร้ จู้ กั กบั ผหู้ ญงิ อยา่ งเชน่ แมอ่ ไุ รนแ้ี ลว้ จะทา� ใหฉ้ นั คอ่ ยวายคดิ ถงึ เมอื งองั กฤษได้ ดวยวิธกี ารดงั กลา ว แสดงใหเห็นวาประพนั ธ และจะท�าให้ชีวิตเป็นของน่าด�ารงอยู่อีกด้วย. แต่ถึงแม้เมื่อได้รู้จักกับหล่อนแล้ว หล่อนจะ มีลักษณะนิสัยอยางไร พอใจในตัวฉันหรอื ไมก่ ย็ งั รู้ไม่ได,้ เพราะหล่อนเปน็ ผ้ทู ่ีมีชายตอมมานานแล้ว. (แนวตอบ นักเรยี นสามารถอภปิ รายไดอยา ง หลากหลายข้นึ อยูก ับเหตุผลของนักเรียน ขอจบเพยี งเทา่ นท้ี .ี อกี ไมช่ ้าจะเขียนมาอีก. โดยนักเรียนอาจกลา วถงึ ลกั ษณะนสิ ยั ของ แต่เพอื่ นที่รกั . ประพนั ธวา ประพนั ธเปน คนท่ชี อบการ ประพันธ์ ประนีประนอมหรือสยบยอมตอ ปญหาถึงแม ตนเองจะคดั คาน แตห ากการแกป ญหาเอ้ือ 152 ประโยชนแ กตนก็ยนิ ดี) 2. นักเรยี นบนั ทึกความเขา ใจลงในสมดุ เกรด็ แนะครู v ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT “แตถ ึงแมเ มื่อไดร ูจ กั กับหลอ นแลว หลอนจะพอใจในตวั ฉันหรอื ไมก ็ยงั ครคู วรพจิ ารณาตรวจสอบและเพ่มิ ประเด็นตางๆ ทน่ี กั เรียนนําเสนอใหครบถวน ไมรูได เพราะหลอ นเปน ผทู ี่มชี ายตอมมานานแลว ” เพอื่ ใหน กั เรยี นมคี วามเขา ใจทศั นคตขิ องตวั ละครอยา งรอบดา น โดยครคู วรตรวจสอบ คาํ วา “ตอม” ในทีน่ ้ีมีความหมายตรงกับขอใด และเพ่มิ เตมิ เน้ือหาในจดหมายฉบับท่ี 5 ดังตอ ไปน้ี จดหมายในฉบับท่ี 5 กลาวถึง 1. วน 2. จบั การไดเ ขารบั ราชการของประพนั ธ โดยเขารับราชการในกรมพานิชยแ ละสถติ ิ 3. เกาะ 4. รุมลอ ม พยากรณ ตอ มาจึงไดพ บกับแมกมิ เนย ประพนั ธมคี วามเหน็ วา หนา ตาของหลอ น เหมือนนางซนุ ฮหู ยนิ แตก็ยงั ไมเปนท่ีถูกใจ นอกจากนี้ ประพันธย ังเลา ถงึ วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. รมุ ลอ ม คําวา “รุมลอ ม” เปน คาํ กริยา ผหู ญงิ ทเี่ จอในโรงพฒั นากรช่อื นางสาวอุไร พรรณโสภณ เปน ลูกสาวของพระพนิ ฐิ หมายถึง ออเขา มา รุมเขา มาหอมลอม มเี นื้อหาสอดคลองกบั บรบิ ทของ พฒั นากร ซ่ึงประพันธรสู กึ ประทบั ใจในตวั หลอ นอยา งมาก บทประพนั ธ นักเรียนควรรู 1 กระดาก รสู ึกขวยเขนิ , วางหนาไมส นิท, ตะขดิ ตะขวงใจไมกลา พดู หรือไม กลา ทําเพราะเกรงจะไดร บั ความอับอาย 152 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู ฉบบั ท่ี ๖ 1. นักเรยี นกลุมที่ 4 นําเสนอเน้อื หา ดังตอ ไปน้ี • สรปุ เนือ้ หาจดหมายฉบับท่ี 6 ถึงพอ่ ประเสริฐเพ่ือนรกั . ถนนหัวล�าโพง (แนวตอบ ข้นึ อยกู ับดลุ ยพินจิ ของครูเพ่มิ วันท่ี ๑๑ มกราคม, พ.ศ. ๒๔๖- เน้อื หาใหสมบูรณ) ฉันไม่ได้เขียนจดหมายมาถึงเพื่อนตั้งเดือน ๑, ซ่ึงฉันไม่มีอะไรที่จะแก้ตัวกับเพื่อน 2. นักเรียนรว มกันตอบคาํ ถาม ตอ ไปนี้ ผ้สู นทิ อย่างเช่นพอ่ ประเสรฐิ , จงึ ขอสารภาพเสียตามตรงว่าฉนั มัวเพลดิ เพลินเสียเทา่ นน้ั แต่ • นกั เรียนเปรยี บเทยี บภาพตวั ละครระหวา ง ถ้าพอ่ ประเสรฐิ เป็นฉันบา้ งกค็ งตอ้ งเพลนิ เช่นเดยี วกับฉันเหมอื นกนั . เวลานเี้ ผอญิ มีเวลาว่าง แมก ิมเนย กบั แมอ ุไรในสายตาของประพนั ธ เพราะฉะนั้นขอเขยี นจดหมายนมี้ าเพือ่ แกต้ วั และขออภัยด้วย. (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิด เหน็ ไดอยางหลากหลายข้ึนอยกู บั เหตุผลของ ฉันต้องขอบอกว่าประไพเป็นน้องสาวท่ีดีมาก เม่ือคืนวันที่ ๒ เดือนน้ี ประไพได้ นกั เรียน เปนตนวา ประพันธใหภาพของ จัดการเชิญแม่อุไรให้ไปดูการแต่งไฟทางล�าน้�า, เพราะฉะนั้นเราจึงมีโอกาสได้น่ังไปด้วยกัน ตวั ละครทงั้ สองทม่ี ลี กั ษณะตรงขามกนั นาน ในเรอื ยนต์ ในทม่ี ดื ! แนท่ เี ดยี วฉนั ไมไ่ ดป้ ลอ่ ยใหโ้ อกาสเชน่ นน้ั เปลอื งเปลา่ , และภายใน ดังรายละเอยี ด ตอ ไปน้ี แมก มิ เนย หนาตา เวลา ๒ ชัว่ โมงทไ่ี ปดูไฟน้นั นับว่าฉันกับแมอ่ ุไรได้รจู้ ักกันดีเกือบเทา่ กับคนทไ่ี ด้คุน้ เคยกันมา เหมือนนางซุนฮหู ยนิ แตง ตัวดีถกู แฟชนั่ แต แล้วตลอดชวี ติ . แตงมากเกนิ ไปจนคลา ยตนครสิ ตมาส สว น แมอไุ ร มรี ปู ลกั ษณดีถือเปนผหู ญงิ ทีง่ ามทีส่ ุด ต่อนั้นมา, ในระหว่างงานฤดูหนาว, ก็ได้พบปะกันมาก, โดยประไพได้เอ้ือเฟื้อมาก ท่ีเคยพบในกรุงสยาม กิรยิ าดี พูดจาไพเราะ จริงๆ จนฉันบอกแก่ประไพตรงๆ ว่า ถ้าเราเป็นฝรั่งฉันจะจูบหล่อนให้ถึงใจทีเดียว เพ่ือ เปนผหู ญิงหวั สมยั ใหมแ ท คลา ยผูห ญิงฝร่ัง แสดงความขอบใจในการที่ช่วยอุดหนุนให้สมประสงค์. นึกๆ ก็น่าประหลาดอยู่ท่ีในเมือง มากกวา ผหู ญิงไทย การศึกษาดี แตงตัวดี เรานี้พ่ีน้องจูบกันไม่ได้เหมือนอย่างฝรั่งเขา; แต่นึกไปอีกทีก็เห็นว่าห้ามไว้ดีกว่า, เพราะ เหมาะสม เขา สังคมไดดี และเตน ราํ ได มีชื่อ ประเพณีของเรากับของเขาผิดกันอยู่. ของฝร่ังเขาพี่น้องแต่งงานกันไม่ได้, แต่ของเราเป็น เสยี งเปนทีร่ ูจกั และเปนท่ีช่นื ชอบของผูช าย ผวั เมยี กันไดเ้ ท่ากบั ไม่ไดเ้ ป็นญาติกนั ! หลายคน) ในระหว่างงานฤดูหนาวฉันอยู่ข้างจะสนุกมาก, และหวังใจว่าแม่อุไรก็ได้รับความ 2. นกั เรยี นบนั ทึกความเขาใจลงในสมดุ พอใจไม่น้อยเหมอื นกัน. แตค่ งมคี นไมพ่ อใจอยู่บ้างเหมอื นกัน, คอื พวกพอ่ หนุ่มๆ ทีไ่ ดเ้ คย ตอมแมอ่ ไุ รอยแู่ ตก่ อ่ น. ในงานนนั้ แหละฉนั ไดเ้ หน็ อยา่ งแนน่ อนวา่ หลอ่ น “ปอปลู า่ ร”์ ปานใด; ขยายความเขา ใจ หล่อนราวกับดวงไฟทมี่ ตี วั แมลงบินตอมว่อนอยู่. แต่ฉันยอตวั ฉันว่า แมอ่ ไุ รชอบฉนั มากกวา่ Expand กใคนั รทๆกุ ใคนนื หมคนู่นน้ัอ.ืน่ หๆลพอ่ านกไดันย้รอษิ มยใา1หฉฉ้ ันนั เปพ็นาเแทถย่ี ววไทปกุ หคมนื ด,, และเตน้ รา� ดว้ ยกนั , กนิ “สปั เปอ้ ร”์ ดว้ ย 1. จากการเปรียบเทยี บภาพตัวละครระหวา ง ถ้าเป็นใจฉันบา้ งก็ต้องรษิ ยาเหมอื นกนั . ซ่งึ เป็นธรรมดาไมอ่ ศั จรรยอ์ ะไร, เพราะ แมกมิ เนย กับแมอุไร นักเรยี นรวมกันอภปิ ราย ในประเด็น ตอไปน้ี ดเู หมอื นฉนั ยงั ไมไ่ ดเ้ คยเลา่ มาใหเ้ พอื่ นฟงั เลยวา่ แมอ่ ไุ รนนั้ หนา้ ตารปู รา่ งเปน็ อยา่ งไร • เพราะเหตุใดประพันธจ งึ รูส กึ พงึ พอใจ ท่ีจริงนึกจะเล่าให้ฟังก็เล่าไม่ถูก, เพราะถึงจะชมด้วยถ้อยค�าอย่างไรก็ไม่เ2พียงพอที่จะให้ แมอ ุไรมากกวาแมกิมเนย (แนวตอบ นักเรยี นอาจตอบวา เน่ืองจาก เพอื่ นร้ไู ดว้ ่าหล่อนเปน็ คนสวยงาม, นา่ รกั , นา่ พงึ ใจปานใด. ฉนั ไม่ใชจ่ นิ ตกว,ี เพราะฉะน้นั แมอ ุไรเปน ผูหญงิ หัวสมัยใหมแบบตะวนั ตก จงึ สอดคลอ งกับอธั ยาศยั ของประพนั ธ 153 มากกวา แมก ิมเนย) ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT 2. นักเรยี นบันทึกความเขา ใจลงในสมดุ เกร็ดแนะครู “คณุ พอ ไดพ าฉันไปดูตวั แมกมิ เนยแลว หนาตาเจา หลอ นเหมอื น ครคู วรพิจารณาตรวจสอบและเพ่ิมประเดน็ ตางๆ ที่นักเรยี นนาํ เสนอใหครบถวน นางซุนฮหู ยิน” เพื่อใหน กั เรยี นมีความเขา ใจทัศนคติของตัวละครอยา งรอบดา น โดยครูตรวจสอบ และเพิ่มเตมิ เนื้อหาในจดหมายฉบบั ที่ 6 ดังตอไปน้ี จดหมายฉบับที่ 6 กลาวถึง ขอ ใดตอไปนีใ้ ชโ วหารภาพพจนเหมอื นขอความที่กลา วมาขา งตน ชว งเวลาทไี่ ดพ บแมอไุ ร การทองเที่ยวในระหวา งงานฤดหู นาวทกุ วนั ทกุ คืน และได 1. ถา เปน ใจฉนั บา งก็ตอ งริษยาเหมอื นกัน บรรยายถึงรปู รางลักษณะและความรสู กึ ของประพันธท มี่ ีตอแมอ ุไร วา เปน คนสวย 2. เราน้ีพน่ี อ งจบู กันไมไดเหมือนอยา งฝรั่งเขา นา รกั กระทง่ั งามท่ีสดุ ในกรงุ สยาม รวมถึงมลี ักษณะเหมอื นฝรง่ั มากกวา คนไทย 3. หลอนราวกบั ดวงไฟท่มี ีแมลงบนิ ตอมวอนอยู มกี ารศึกษาดี และส่ิงท่ีประพันธพงึ พอใจมากทสี่ ุด คอื การเตนรําของแมอ ุไร 4. หวงั ใจวาแมอ ไุ รก็จะไดรับความพอใจไมน อยเหมือนกัน วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. หลอ นราวกบั ดวงไฟท่มี ีแมลงบนิ ตอม วอนอยู เปน การใชภาพพจนแบบอปุ มา โดยใชคาํ วา “ราว” ในการกลาว เปรียบเทียบ สว นขอ อืน่ ไมปรากฏการใชภาพพจน นกั เรยี นควรรู 1 รษิ ยา อาการท่ไี มอยากใหคนอ่นื ไดด ,ี เหน็ เขาไดดีแลว ทนน่งิ อยไู มไ ด 2 จินตกวี เปนจินตนาการหรอื ภาพความนกึ คิดของกวที ถี่ า ยทอดสบู ทประพันธ คูมือครู 153
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. นกั เรียนรว มกนั อภปิ รายในประเดน็ ตอ ไปน้ี ขอบอกโดยย่อแต่ว่าหล่อน1เป็นผู้หญิงที่งามท่ีสุดท่ีฉันได้เคยพบในกรุงสยาม, และไม่ใช่งาม • นักเรียนคดิ วา ทศั นคตทิ ีป่ ระพนั ธมองผูห ญิง ทงั้ สองคนดงั กลาวขา งตน แสดงถงึ คา นยิ ม แต่รูป ทั้งกิริยาก็งามยวนใจ, พูดก็ดีและเสียงเพราะราวกับเพลงดนตรี, และท่ีดีที่สุดคือ สวนตวั ของประพนั ธอยา งไร หล่อนไม่ทา� ตัวเป็นหอยจบุ๊ แจงอย่างผู้หญิงไทยๆ โดยมาก. พดู กนั สน้ั ๆ, หลอ่ นคลา้ ยผู้หญิง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเหน็ ฝรัง่ มากกว่าผู้หญงิ ไทย, และนบั วา่ มี “เอดเู คชน่ั ” ดีพอใช;้ เขียนหนังสอื ไทยเก่ง. อ่านและ ไดอ ยางหลากหลายขน้ึ อยกู ับเหตุผลของ พูดภาษาอังกฤษได้บ้าง, เตน้ รา� เปน็ , และแต่งตัวดี, รจู้ ักใช้เคร่อื งเพชรแตพ่ อควร ไมร่ งุ รงั นกั เรยี น เปน ตน วา ประพนั ธเ ปน คนหวั สมยั ใหม เปน็ ตน้ ไม้ครสิ ต์มาส. หลงใหลคลง่ั ไคลว ฒั นธรรมตะวนั ตก และ ไมพงึ พอใจวฒั นธรรมบางอยางของไทย กล่าวถงึ ตน้ ไม้คริสต์มาสท�าให้นกึ ถึง “ซุนฮหู ยนิ ” ทค่ี ณุ พ่ออยากไดเ้ ป็นลูกสะใภ้นัก. ประกอบกบั ไดศึกษาเลาเรยี นในอังกฤษเปน ในงานฤดูหนาวแต่งตวั ไปเสียเพียบเพ่อื “โช” คน. ไปนั่งอยทู่ ่ีร้านเจ้าคณุ ภักดพี ีเ่ ขย, ดพู ราว ระยะเวลานาน สง ผลใหประพนั ธไ ดรบั ไปทั้งตัวราวกับหุ่นท่ีเขาติดของส�าหรับขาย คืนวันแรกเม่ือเห็นฉันเดินผ่านไป อุตส่าห์ร้อง อทิ ธพิ ลทางความคดิ และคานยิ มตะวนั ตก เชิญฉนั ให้แวะเขา้ ไป, แตฉ่ นั ขอตวั วา่ มีธรุ ะซ่งึ เป็นความจรงิ , เพราะฉันนดั กับแมอ่ ไุ รว่าจะไป จึงทาํ ใหป ระพนั ธตัดสนิ ใจดวยตนเอง และ ปรารถนาท่จี ะเลือกคคู รองดว ยตนเอง รับเขาที่ราชภัตตาคาร2. ภายหลังฉันเดินผ่านร้านเจ้าคุณภักดีไปกับแม่อุไร, “ซุนฮูหยิน” ประพนั ธจ ึงมีความพงึ พอใจผูห ญิงหวั สมยั ใหม ทใี่ ชช วี ิตคลายผูหญงิ ฝรั่งมากกวาผหู ญิงไทย ออกฉิวคอ้ นเสียสามสีว่ ง, แล้วเลยไมพ่ ดู กบั ฉนั อีกเลย. ฉนั คดิ ถงึ พอ่ ประเสรฐิ พลิ กึ , ชืน่ ชอบชวี ิตสนุกสนานและการเตนราํ ) แต่เพอ่ื นทีร่ กั . • นกั เรยี นเหน็ ดว ยกับทศั นคตขิ องประพนั ธ ประพันธ์ หรือไม อยางไร (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดหลาย แนวทางขน้ึ อยกู บั เหตผุ ลของนกั เรยี น เปน ตน วา เห็นดวย เน่อื งจากการเลือกคชู ีวติ นน้ั เปน เรอื่ งเฉพาะบคุ คล เมอ่ื มวี ฒุ ภิ าวะทเี่ พยี งพอแลว ประพนั ธจ งึ มสี ิทธิ์ตดั สินใจใหต รงกับรสนยิ ม ของตนเอง หรอื อีกแนวทางหนึ่งอาจกลาววา การตดั สนิ ใจตอ งคาํ นงึ ถงึ บุคคลในครอบครัว ตลอดจนสังคมและวัฒนธรรม) 2. นกั เรียนบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ 154 นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT “เพราะฉนั นัดกบั แมอ ุไรวาจะไปรับเขาทรี่ าชภตั ตาคาร” 1 ยวน หมายถึง ย่วั ลอ ชวนใหเ พลนิ ชวนใหย นิ ดี อาทิ ยวนตา ยวนใจ หรือ คําในขอใดมีการสรา งคาํ สอดคลองกบั คําทข่ี ีดเสนใต กอ กวนใหเ กดิ กเิ ลสหรือโทสะ 1. เพชรบุรี 2 ฉิวคอ นเสยี สามสีว่ ง หมายถึง แสดงความไมพอใจดว ยการตวดั สายตา 2. โรคาพาธ 3. สงั คญาติ มุม IT 4. คริสตมาส วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. โรคาพาธ เปนการสรางคาํ โดยใชวิธี ศึกษาคน ควาจากแบบฝก หัดเพิ่มเตมิ ไดท ี่ http://vichakarn.triamudom. การสรา งคาํ แบบคาํ สมาสมสี นธิ คือ โรค+อาพาธ สอดคลองกับคาํ วา ac.th/comtech/studentproject/final54/825socialthai/thai_exercise_06.html “ภัตตาคาร” มาจาก ภัตต+อาคาร ศกึ ษาเนือ้ หาเรอื่ ง หวั ใจชายหนุม ในลกั ษณะละครเวทไี ดท ี่ http://www.youtube.com/watch?v=E62KYcm90UY 154 คูม ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู ฉบับที่ ๙ 1. นักเรยี นกลมุ ท่ี 5 นําเสนอเน้อื หา ดังตอไปน้ี หัวหนิ • สรปุ เนื้อหาจดหมายฉบับท่ี 9 ถึงพอ่ ประเสริฐเพื่อนรัก. วันที่ ๒๑ พฤษภาคม, พ.ศ. ๒๔๖- (แนวตอบ ข้ึนอยูกับเหตผุ ลของครผู สู อน ครเู พ่มิ เตมิ เน้ือหาใหสมบรู ณ) ฉันเขยี นจดหมายฉบบั น้มี าบอกให้ทราบว่า ฉนั ได้แต่งงานกับแมอ่ ุไรแล้ว ต้งั แต่วนั ท่ี ๑๙ เดือนน.้ี การแตง่ งานของฉนั หาไดเ้ ป็นไปโดยสมปรารถนาทุกประการไม่, แต่ข้อส�าคญั ก็ 2. นกั เรียนรวมกนั ตอบคําถาม ตอไปน้ี คอื วา่ ไดแ้ ตง่ งานกนั แลว้ , เปน็ ผวั เมยี กนั แลว้ ตามกฎหมาย, ซงึ่ ทา� ใหฉ้ นั รสู้ กึ คอ่ ยโลง่ ใจไปมาก, • นกั เรยี นคดิ วา เพราะเหตใุ ดพอ ของ เพราะตามที่เป็นอยู่แตก่ ่อน รสู้ กึ ว่ามันไมง่ ดงามเลย. ประพันธจ งึ ไมต องการใหประพันธแ ตงงาน กับแมอ ุไร และพอของประพันธห าทางออก เมื่อฉันกลับจากหัวหินแล้ว บอกคุณพ่อว่าฉันมีความรักแม่อุไร ขอให้ท่านไปขอ, อยางไร ท่านเอะอะเอาฉันใหญ่. ท่านว่าท่านไม่อยากได้ผู้หญิงเช่นแม่อุไรมาเป็นลูกสะใภ้ของท่าน, (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ โดยทา่ นรงั เกยี จว่าได้เคยรจู้ ักมกั ค้นุ กบั ผูช้ ายมาหลายคนแลว้ , และกลา่ ววา่ ใครๆ เขากร็ จู้ ัก คิดเห็นไดอ ยา งหลากหลายข้ึนอยูกับเหตผุ ล ทงั้ นน้ั วา่ ทบ่ี า้ นนนั้ เขาใชค้ า� เรยี กกนั วา่ “โรงเรยี นฝกึ หดั เจา้ ช.ู้ ” ฉนั โกรธจนทา่ นแลเหน็ สหี นา้ ของนักเรียน เปน ตน วา รังเกียจวาแมอ ไุ ร ถนัด, คุณพอ่ จึงพูดเปน็ เชิงไกลเ่ กลีย่ วา่ ขอให้รอดูต่อไปอีกสักปี ๑ เถิด, และถ้าเม่ือเวลาล่วง รจู ักมกั คุนกับผชู ายหลายคน จนเปนทีร่ บั รู ของคนท่ัวไปวา บา นแมอุไรเปน “โรงเรยี น ไปได1ป้ ี ๑ แล้วฉันยังคงชอบใจอยู่ ทา่ นกไ็ มข่ ดั ใจ. ฉนั ตอบท่านว่าคอยไม่ได้, ท่านก็พูดแตผ่ ดั ฝก หดั เจา ชู” พอของประพนั ธจ งึ หาทางออก ดว ยการใหป ระพันธล องคบหากันไปกอน เพย้ี นรา�่ ไป, จนในทสี่ ดุ ฉนั ตอ้ งบอกแกท่ า่ นวา่ “ถา้ จะขนื ใหค้ อยตอ่ ไปอกี ถงึ ปหี นงึ่ ละกค็ ณุ พอ่ เปนระยะเวลาหนึง่ ป หากยังคงชอบพอกัน อยู ทานกจ็ ะไมขดั ใจ) คงจะไดห้ ลานเสยี กอ่ นนน้ั แลว้ !”2ทา่ นไดฟ้ งั ฉนั ตอบเชน่ นนั้ ออกจะตะลงึ ไปครู่ ๑. แลว้ จงึ กลา่ ว • เพราะเหตุใดคณุ พอ ของประพนั ธจงึ ยนิ ยอม ใหประพันธแตง งานกบั แมอ ไุ ร วา่ “เม่ือเจ้าได้ไปชิงสุกก่อนหา่ มเสียเช่นนั้นแลว้ พ่อก็สนิ้ พูด.” แลว้ เลยตกลงรบี ไปจัดการขอ (แนวตอบ เน่อื งจากประพันธแ ละแมอุไรได แมอ่ ไุ ร และพระพนิ ฐิ กย็ กใหโ้ ดยทนั ทเี ทยี ว ทา่ ทางจะไดร้ แู้ ลว้ เหมอื นกนั วา่ มคี วามจา� เปน็ อย.ู่ ชิงสกุ กอ นหามเสยี แลว จนแมอ ไุ รต้ังครรภ การแตง งานจึงเกิดขนึ้ ) เมอื่ การสขู่ อเปน็ อนั ตกลงกนั แลว้ คณุ พอ่ ไดไ้ ปหาเจา้ คณุ ผสู้ า� เรจ็ ราชการมหาดเลก็ เพอื่ 3. นักเรียนบนั ทึกความเขา ใจลงในสมุด ขอใหท้ า่ นชว่ ยเปน็ ธรุ ะจดั การใหไ้ ดร้ บั เกยี รตยิ ศ โดยขอพระราชทานใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ - อยหู่ วั ทรงแตง่ พระราชทาน แตเ่ จา้ คณุ ผสู้ า� เรจ็ ราชการทา่ นตอบวา่ ในระหวา่ งนม้ี พี ระราชธรุ ะ มาก, ตอ้ งรอไปกอ่ นจงึ จะกราบบงั คมทลู ได้ ขา้ งฝา่ ยเรากเ็ ผอญิ รอไมไ่ ด,้ จงึ ตกลงเปน็ อนั ตอ้ ง ขยายความเขา ใจ Expand จดั การแตง่ กนั เองทบี่ า้ น, ซงึ่ ทง้ั สองฝา่ ยรสู้ กึ กนั วา่ ออกจะไมพ่ อใจ, แตอ่ ยา่ งไรๆ กด็ กี วา่ รอชา้ ไป. เมื่อแต่งกันแล้วได้ตกลงมา “ฮันนี่มูน” ท่ีหัวหิน แม่อุไรว่าเราได้เร่ิมรักกันจริงจังท่ี หวั หิน, จึงอยากมาอกี แตเ่ วลาน้ีไม่ใชฤ่ ดทู ี่คนมากนั , ฉะนนั้ กอ็ อกจะเงยี บๆ อยู่ แม่อไุ รบอก ว่าไม่เป็นอะไร, เพราะการที่ไม่มีคนมากๆ ก็ยิ่งจะเป็นโอกาสดีส�าหรับเราทั้งสองจะได้อยู่ ด้วยกันเป็นสุขส�าราญ. ไม่ต้องร�าคาญเพราะคนกวน. แต่ฉันขอบอกตามตรงว่าฉันออกจะ นึกสงสัยอย่,ู เพราะตามความจรงิ แมอ่ ไุ รเป็นคนชอบสมาคม, เพราะฉะนน้ั เม่อื ต้องมาอยใู่ น ทีซ่ ่งึ ไมไ่ ดพ้ บปะกับใครนอกจากฉัน อาจทา� ให้หลอ่ นรู้สกึ เบื่อทนี่ ่ใี นไม่ชา้ กเ็ ป็นได.้ ในเวลานี้ 1. นักเรยี นรวมกันอภิปรายเกยี่ วกบั ภาพลกั ษณ ลมก็เร่ิมพัดออกจากฝัง่ เสยี แล้วดว้ ย. ของแมอไุ รทค่ี ณุ พอ ของประพนั ธกลา วถงึ ขางตน สะทอ นคา นิยมเก่ียวกบั ผหู ญงิ ใน ขอจบเรือ่ งเพยี งน้ที กี อ่ น. ถา้ มขี า่ วจะเขียนมาอีก สงั คมไทยอยางไร นกั เรียนอาจกลาววา ประพันธ์ วฒั นธรรมไทยตองการใหผ หู ญงิ รกั นวล 155 สงวนตัว และคาํ นึงถงึ เกียรติและชือ่ เสยี ง ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT ในวงสังคม 2. นักเรยี นบันทกึ ความเขาใจลงในสมุด เกรด็ แนะครู “ภายหลังฉันเดินผานรานเจา คุณภักดไี ปกบั แมอ ุไร ซนุ ฮูหยนิ ออกฉวิ ครคู วรพจิ ารณาตรวจสอบและเพ่ิมประเด็นตา งๆ ทน่ี ักเรยี นนําเสนอใหค รบถวน คอนเสยี สามสี่วง,แลวเลยไมตองพูดกบั ฉนั อีกเลย” เพือ่ ใหน กั เรยี นมีความเขาใจทศั นคตขิ องตวั ละครอยางรอบดา น โดยครูตรวจสอบ และเพม่ิ เติมเน้ือหาในจดหมายฉบบั ท่ี 9 ดงั ตอไปน้ี จดหมายในฉบับที่ 9 กลา วถึง คําวา “ฉวิ ” ในทนี่ ี้มีความหมายตรงกบั ขอ ใด การแตงงานกับแมอ ไุ รอยางรีบเรง เนอื่ งจากแมอ ุไรต้ังครรภ หลังแตง งานท้ังคไู ด 1. บีบขยาํ โดยแรง เดนิ ทางไปฮันน่ีมูนทหี่ ัวหินดว ยกัน 2. ขาดแยกออกจากกัน 3. รสู ึกไมพ อใจข้ึนมาทันที 4. ทําใหไ ดรบั ความอับอาย วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. รูส กึ ไมพอใจขึ้นมาทันที ซ่งึ เปน ความหมาย นกั เรยี นควรรู ของคําวา ฉวิ นักเรียนสามารถพิจารณาเน้อื หาจากบริบทของเรอ่ื ง 1 ผดั เพี้ยน หรือเพ้ยี นผดั หมายถึง ขอเลื่อนเวลาอยูเรอ่ื ยๆ เพิ่มเติมได 2 ชิงสกุ กอนหาม หมายถงึ กระทําในส่งิ ทยี่ ังไมค วรแกว ยั หรอื ยังไมถ ึงเวลา มักใชกบั ชายหญงิ ท่ลี ักลอบมคี วามสมั พนั ธก นั กอนแตง งาน คูมอื ครู 155
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Evaluate Engage Explain Explain Expand อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นกลมุ ที่ 6 นําเสนอเนื้อหา ดังตอ ไปนี้ ฉบับท่ี ๑๑ • สรปุ เน้ือหาจดหมายฉบับที่ 11 (แนวตอบ ขึน้ อยูกับดุลยพนิ จิ ของครผู ูส อน บา้ นเลขท่ี ๐๐ ถนนส่พี ระยา ครูเพิม่ เตมิ เน้อื หาใหสมบูรณ) วันที่ ๒๑ มถิ ุนายน, พ.ศ. ๒๔๖- 2. นักเรยี นพจิ ารณาขอความและตอบคาํ ถาม ถงึ พอ่ ประเสรฐิ เพอ่ื นรัก. ดงั ตอไปนี้ “คือเห็นวาโกรธผวั ไดต อหนา คนถือวา เปน ฉันได้กลบั มากรุงเทพฯ ได้ ๓ อาทิตยแ์ ล้ว, และฉันเขยี นจดหมายฉบับนมี้ าจากบ้าน เกยี รติยศด,ี อาจจะทําใหค นนับเขาเปน ผหู ญงิ ใหม่ของฉนั . แหง สมัยใหมไมต องยําเกรงผวั เสยี เลย.” “บา้ น!” ค�านีท้ ีจ่ รงิ ควรท่ีจะเปน็ ค�าไพเราะท่สี ดุ ส�าหรบั มนษุ ย,์ เพราะเม่ือกล่าวค�าน้ี • นกั เรียนคิดวา คา นิยมท่ปี รากฏในขอความ ขึ้นแล้ว ควรจะชวนให้นึกถึงที่อันเต็มไปด้วยความสุขส�าราญ; สุขกายเพราะมีที่พักอาศัย ขางตน มีความเหมาะสมหรือไม อยางไร อันพึงใจและเต็มไปด้วยสมบัติอันพึงใจของเราเอง, และสุขใจเพราะได้เห็นหน้าเมียผู้ร่วมใจ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความ รว่ มชีวิต แต่อนิจจา, ฉนั นเี้ ปน็ คนอาภพั ไม่ไดร้ บั ความสบายกายสบายใจดว้ ยคา� วา่ “บา้ น” คดิ เห็นไดอ ยางหลากหลายข้ึนอยกู ับเหตผุ ล นเี้ ลย ถ้าแม้พอ่ ประเสรฐิ ไมใ่ ชเ่ พื่อนท่ีรกั ท่สี ุด, และฉนั ไม่นกึ เชื่อใจว่าพอ่ ประเสริฐจะเหน็ ใจ ของนกั เรยี น เปน ตน วา คา นยิ มในขอ ความ ฉนั แล้ว, ฉนั คงจะไมเ่ ขียนจดหมายฉบับน้มี าเลย, เพราะฉันคงจะตอ้ งรู้สกึ อายทส่ี ดุ ในการท่ี ขา งตน เปน การนาํ คานิยมตะวันตกมาใชใ น จะตอ้ งประจานตนเองใหฟ้ งั , แตเ่ อาเถดิ , เมอื่ พอ่ ประเสรฐิ เปน็ ผทู้ ฉี่ นั เชอ่ื วา่ เปน็ มติ รแทข้ องฉนั , ทางทผ่ี ดิ โดยคา นยิ มขางตน อาจไมใ ชค า นยิ ม ฉันจึงขอเล่าข้อความให้ฟังโดยสัตย์จริง, ด้วยความหวังว่าเมื่อได้อ่านตลอดแล้วจะไม่ติโทษ ตะวนั ตกทงั้ หมดกเ็ ปน ได แตผ แู ตง นาํ มาใชเ ปน ฉันมากนัก. ขอ อา ง เพื่อสนบั สนุนความประพฤติของ ตวั ละคร ถือวา นาํ คา นิยมมาใชอ ยาง เมื่อวันท่ี ๒๙ เดอื นก่อนนี้ ฉนั กบั แม่อไุ รได้กลับจากเพชรบรุ ,ี และการทีก่ ลับนัน้ ไม่ ไมเหมาะสม) เร็วเกินไปเลย, เพราะถ้าขืนอยู่ท่ีเพชรบุรีต่อไปอีกสักสองหรือสามวันก็คงต้องขายหน้าเขา 3. นักเรยี นบันทกึ ความเขาใจลงในสมุด เป็นแน,่ และชาวเพชรบุรคี งได้เหน็ ฉนั กบั เมียวิวาทกนั กลางเมอื ง! พอ่ ประเสรฐิ กร็ ู้อย่แู ล้วว่า ฉนั เป็นคนพยายามอดกลัน้ โทโสมากท่ีสดุ , เพราะฉันเคยร้สู ึกดอี ยนู่ านแล้วว่า การมโี ทโสไม่ ขยายความเขา ใจ Expand เป็นประโยชน์แก่ตัว, และถึงจะไม่มีผลร้ายอย่างอื่นก็ท�าให้หน้าตาของเราบึ้งบูดไม่เป็นที่ เจริญตาแก่ผู้อ่ืนเลยเป็นแน่นอน. ฉะนั้นถึงแม้ใครจะท�าให้ฉันมีเหตุควรโกรธฉันก็มักเหนี่ยว ใจรอไว้จนไปถึงท่ีลับๆ ตาคนมาก จ่ึงจะยอมตัวให้โกรธ. แต่แม่อุไร, เมียรักของฉันเขาดู เหมือนจะถือคตติ รงกันขา้ ม, คอื เห็นว่าโกรธผวั ไดต้ ่อหนา้ คนเปน็ เกียรติยศดี, อาจจะทา� ให้ 1. นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายในประเดน็ ตอไปน้ี คนนับถือว่าเขาเป็นผู้หญิงแห่งสมัยใหม่ไม่ต้องย�าเกรงผัวเสียเลย. ฉะนั้นฉันพูดจากับเขา • นักเรยี นคดิ วา นักเรียนสามารถปรับคา นิยมท่ี ทีไรเขาจ่ึงต้องขู่ฟ้อๆ ราวกับแมวที่ดุเสมอๆ จนฉันไม่ใคร่กล้าพูดกับเขาต่อหน้าคน. ฉัน ปรากฏในขอ ความขา งตน ใหม คี วามเหมาะสม เขา้ ใจเสยี วา่ การทแ่ี มอ่ ไุ รพน้ื เสยี อยเู่ สมอๆ เชน่ นนั้ คงจะเปน็ เพราะเบอื่ การอยหู่ วั เมอื ง, ฉนั จง่ึ ไดหรือไม อยางไร ชวนกลับกรุงเทพฯ. (แนวตอบ นักเรยี นอาจรว มกนั อภปิ รายวา การกลบั มากรงุ เทพฯ กลบั ท�าให้เป็นเหตุร�าคาญใจมากขึ้นตงั้ แต่ตน้ ทีเดียว. เมอ่ื กลบั เราควรทาํ ความเขาใจใหถ กู ตองวา นอกจาก มาถงึ สถานบี างกอกนอ้ ยไมม่ ใี ครไปรบั เลยจนคนเดยี ว. ซงึ่ ท�าใหแ้ มอ่ ไุ รโกรธและบน่ ไมร่ จู้ กั จบ, เราจะถอื เกยี รตขิ องตนเองเปนสําคญั แลว และหล่อนพูดราวกับว่า เป็นความผิดของฉันในการที่ไม่มีใครไปรับ ฉันช้ีแจงว่าส่วนญาติ เรากไ็ มควรจะดหู ม่ินเกียรตขิ องผูอนื่ ดว ยการ ขา้ งหลอ่ นนน้ั ฉนั ไมม่ อี า� นาจอะไรทจ่ี ะบงั คบั เขาใหไ้ ปรบั ได.้ และสว่ นญาตขิ องฉนั นนั้ คณุ พอ่ ทะเลาะดา วา ใหเ สียหาย แตค วรจะอยูดว ยกนั 156 อยา งเคารพ โดยเฉพาะผทู เี่ ปนสามภี รรยากนั ) 2. นักเรียนบันทึกความเขาใจลงในสมดุ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู ครคู วรพจิ ารณาตรวจสอบและเพิ่มประเดน็ ตา งๆ ท่ีนกั เรียนนําเสนอใหค รบถว น “ ‘เมื่อเจา ไดช งิ สุกกอ นหา มเสยี เชนน้ันแลว พอก็ส้ินพูด’ แลวเลยตกลง เพื่อใหน ักเรยี นมคี วามเขาใจทัศนคติของตัวละครอยางรอบดาน ชว ยในการปฏิบัติ รีบไปจัดการขอแมอุไรและพระพินิฐก็ยกใหโ ดยทนั ทีเทยี ว” กิจกรรมไดอยา งเหมาะสม โดยครตู รวจสอบและเพ่ิมเติมเน้ือหาในจดหมายฉบับที่ 11 ดังตอไปนี้ จดหมายในฉบับที่ 11 กลา วถึง ประพันธก ลบั กรงุ เทพได 3 อาทิตย ขอใดสอดคลองกับคาํ ท่ีขดี เสน ใตมากที่สุด มาอยทู ่บี า นใหมท่เี ขารูสึกวา ไมมคี วามสขุ เลย การทป่ี ระพนั ธเลา ถงึ เรือ่ งราวตอน 1. ทาํ ความช่วั ทปี่ ด ไมไ ด ทอ่ี ยูเพชรบุรวี า เขาทะเลาะกับแมอ ุไรบอ ยคร้งั จงึ ชวนกลบั กรุงเทพฯ กย็ งั คงมีเร่อื ง 2. ตงั้ ใจทาํ อะไรที่ไมถ ูกวธิ ี ขัดใจ มีปากเสียงกันตลอดขากลับ เม่อื มาถงึ ทีบ่ านใหมก ม็ ีเรือ่ งใหทะเลาะกนั อีก 3. ดว นทําในสง่ิ ท่ยี งั ไมค วรแกว ัยหรอื ยังไมถึงเวลา ไมว า จะเปน การท่ีแมอ ุไรไมอ ยากจดั บา น เพราะถือวาตนเปนลกู ผดู ี นอกจากน้ี 4. ต้ังใจทาํ ในส่งิ ทขี่ ดั ตอ ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม ก็มเี หตใุ หข ดั ใจกันเร่ือยๆ ไมวา ประพนั ธจ ะทาํ อะไร แมอ ไุ รกม็ องวา ผิดเสมอ วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. ดว นทาํ ในสงิ่ ที่ยังไมควรแกว ยั หรือยงั ไมถงึ เวลา สอดคลอ งกับความหมายของสาํ นวน “ชงิ สุกกอนหาม” 156 คูม อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ท่านไม่สู้สบายอยู่, และพ่อประภาก1็ไปอยู่เสียท่ีโรงเรียนมหาดเล็ก จึ่งไปรับไม่ได้, แม่อุไรก็ 1. นักเรยี นพิจารณาขอ ความและตอบคาํ ถาม ดงั ตอไปน้ี ยง่ิ ไมพ่ อใจหนกั ขนึ้ และพดู จาแดกดนั ตา่ งๆ จนฉนั ตอ้ งขอวา่ เอาไวข้ น้ึ จากเรอื จา้ งแลว้ จงึ่ คอ่ ย “ ‘ดิฉันไมใ ชบา วจะไดแ บกหามเครือ่ งเรือน ทะเลาะกนั , เพราะการทะเลาะกนั ตอ่ หนา้ คนแจวเรอื จา้ งดไู มเ่ ปน็ การงดงามเลย. เมอ่ื ขา้ มมาถงึ ใหค ณุ ! ’... ‘ดฉิ นั เสยี ใจทค่ี วามเหน็ ไมต รงกบั คณุ ฝั่งตะวันออกแล้วฉันชวนว่า ให้ไปบ้านคุณพ่อด้วยกันก่อน, เพราะฉันไม่แน่ใจว่าบ้านใหม่ ดิฉนั เปน ลูกผูด ี ไมเ คยตอ งยกตองขนของอะไร ของเราที่ถนนส่ีพระยาจะได้จัดเรียบร้อยหรือยัง, โดยเหตุที่ได้ก�าหนดไว้เดิมว่าจะมาอยู่ต่อ เอง! ’... ” ปลายเดือนน้ี; แต่แมอ่ ุไรตอบดอ้ื ๆ ว่า ถ้าจะพาไปบา้ นคุณพ่อละก็พาไปส�าเพ็งเสยี ดีกวา่ ,... • นกั เรยี นคดิ วา จากคาํ กลาวขางตนของ แตฉ่ นั เหน็ วา่ จะโตเ้ ถยี งกนั ไปกอ็ ายอา้ ยคนขบั รถยนต,์ ฉนั จง่ึ ตกลงพามาทบี่ า้ นถนนสพี่ ระยา. แมอ ไุ รสะทอ นคา นยิ มใด (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น พอมาถึงก็แลเหน็ ทนั ทีวา่ บ้านนยี้ ังไม่พรักพร้อมเลย. ถนนพง่ึ จะโรยกรวดใหมๆ่ และ ไดอ ยางหลากหลายขน้ึ อยกู บั เหตุผล ของนักเรยี น เปน ตนวา คานิยมเรอ่ื งความ สวนก็ยังไม่ได้ลงมือท�าเลย; ภายในเรือนสีก็ทายังแทบจะไม่แห้ง, และเครื่องเรือนก็ยังไม่ได2้ เจายศเจา อยา ง ถือชนชัน้ และรงั เกยี จการ ทาํ งาน รวมถึงดูหมนิ่ การทาํ งานวาเปน เรื่อง จัดเป็นระเบียบเรียบรอ้ ย. แม่อไุ รเดินกระทืบตนี ปงั ๆ ขึน้ ไปถึงหอ้ งรับแขก, น่ังลงทา� หน้าม่ทู ู่ ของบาวไพร ซึง่ เปนการเหยียดหยามการ ไม่พดู ไมจ่ าอะไรเปน็ ครูใ่ หญ่ๆ. ฉนั เห็นทา่ ทางไม่ดจี ึง่ พูดอยา่ งใจดวี ่า : “เราต้องลงมอื จดั บ้าน งานและคณุ คา ในชีวิตของผอู ื่น) • นกั เรียนคิดวา คํากลาวขางตน เปนคา นิยม ของ3เราทีเดียว, ท่าทางก็เห็นจะสนุกดีนะหล่อน!” หล่อนตอบเสียงกระชากว่า “ดิฉันไม่ใช่ แบบไทยหรือแบบตะวนั ตก (แนวตอบ คํากลา วขา งตนเปน คานยิ ม บ่าวจะได้แบกหามเครื่องเรือนให้คุณ!” ฉันก็พูดไปอย่างยิ้มๆ ว่า“ฉันไม่ได้เห็นหล่อนเป็น แบบไทย คือ แมอ ุไรเปน คนเจา ยศเจา อยา ง บ่าวเลย. ฉันชวนหล่อนให้ช่วยกันจัดบ้านอย่างผัวหนุ่มเมียสาวที่ได้กันใหม่ๆ การจัดบ้าน ถอื ตวั และเหยยี ดชนชน้ั รังเกยี จการทํางาน เปน็ ของสนุกเพลดิ เพลนิ อยา่ งหนงึ่ ทีเดียวนะหล่อน...” หล่อนตอบกระชากมาอีกวา่ “ดิฉัน ของคนอน่ื เปน คา นิยมดั้งเดิมของไทย) เสยี ใจทคี่ วามเหน็ ไมต่ รงกบั คณุ . ดฉิ นั เปน็ ลกู ผดู้ ี ไมเ่ คยตอ้ งยกตอ้ งขนของอะไรเอง!” ฉนั ออก รู้สึกเลือดขน้ึ หน้า, จ่ึงงดไมต่ อบวา่ กระไร, เปน็ แต่ลกุ ไปดหู อ้ งอืน่ ๆ ในเรอื น, และเรียกคนใช้ 2. นกั เรียนบันทึกความเขาใจลงในสมุด ให้ช่วยจดั วางเคร่ืองแต่งให้พอดไู ด.้ คร้ันถงึ เวลากนิ ข้าวเย็นกเ็ กดิ ความอีก, เพราะอาหารไม่ ถกู ปากแม่อุไร, หลอ่ นกล็ กุ จากโตะ๊ เสยี กลางคันเฉยๆ และเรยี กรถยนต์ขึ้นไปบ้านพอ่ . ฉันไม่ ขยายความเขา ใจ Expand ได้ไปกับหล่อน, เพราะไม่อยากไปกีดขวางในการที่พ่อแม่กับลูกเขาจะพบปะพูดจากัน. ฉัน น่งั อ่านหนังสอื คอยอย่จู นดึก, เลยหลบั ไปกับเก้าอี.้ นีเ่ ป็นคืนแรกท่เี ราไดไ้ ปอยู่บา้ นของเรา! 1. นักเรียนรว มกันอภปิ รายในประเดน็ ที่วา • ขอความขา งตน ของแมอ ไุ รมคี วามขัดแยง ในวันต่อๆ มาก็ได้มีเหตุขัดใจกันเร่ือยๆ ซ่ึงจะเล่ามาให้ฟังโดยละเอียดก็เปลืองหน้า กบั คานิยมแบบตะวันตกของประพันธ กระดาษเปล่าๆ, จึ่งขอเล่ามาแต่โดยย่อว่า ฉันท�าอะไรดูผิดไปเสียหมดทุกอย่าง. ฉันไป หรอื ไม อยา งไร ท�างานที่กระทรวงก็เป็นความผิดหาว่าทิ้งหล่อนไว้คนเดียวในกลางป่า. ฉันไปหาพ่อแม่หรือ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถอภปิ รายได เพือ่ นฝงู บ้างก็มคี วามผดิ , และเพ่ือนฝูงมาเยี่ยมที่บ้าน ฉนั ต้อนรับเขากม็ ีความผดิ . มีงานการ หลายแนวทางวา ประพนั ธมีความเห็นตอ ทไ่ี หนฉนั พาหลอ่ นไป หลอ่ นกบ็ น่ วา่ พาไปให้เหนด็ เหน่ือยและอดนอน, แต่ครัน้ ไมพ่ าไปก็ว่า สงั คมไทยอยางไร และเปนคนเจายศเจา หวงกนั จะไมใ่ หห้ ลอ่ นไปพบปะผ้คู น. เช่นน้ีการกลับบ้านจ่ึงเลยกลายเปน็ ของท่ีฉนั รูส้ กึ เกือบ อยางหรอื ไม) เท่ากับไปโรงเ4รียนเมื่อเด็กๆ และตกลงฉันมีเวลาได้สบายแต่เม่ืออยู่นอกบ้านของตัวเท่านั้น. 2. นักเรียนบันทกึ ความเขา ใจลงในสมุด ขอจบทลี ะเหีย่ ใจนกั ! จากเพ่อื นผ้อู าภัพ. ประพันธ์ 157 “ไดบ า งดกี วาไมไดอ ะไรเลย” ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู ตรงกบั สาํ นวนไทยวาอยางไร 1. กินตามนํ้า ในการวิเคราะหคานยิ มทางสังคมและวัฒนธรรมทป่ี รากฏในบทประพันธ 2. กนิ แกลบกนิ ราํ ครูควรเพ่มิ เติมเน้อื หาเกยี่ วกับภมู ิหลังของวรรณคดตี ลอดจนอิทธิพลทางสงั คมและ 3. กินน้ําใตศ อก วัฒนธรรมทมี่ ตี อ แนวคิดของกวี นอกจากน้ี ครคู วรจดั การเรยี นการสอนโดยเนนให 4. กาํ ขด้ี ีกวา กําตด นักเรียนมสี วนรว มในการวเิ คราะหวิจารณ เพอ่ื ใหเ กิดการแสดงความคดิ เหน็ อยางมี วิจารณญาณ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. กาํ ขี้ดีกวา กําตด มีความหมายสอดคลอง นกั เรยี นควรรู กับคาํ กลา วขางตน 1 แดกดนั กลาวกระทบกระแทกหรือประชดเพราะความไมพอใจ 2 มทู ู ปา น ไมแ หลม สนั้ อว น ใหญ (ใชแ กห นา ) อาทิ หมาบลู ดอ กหนา มทู ู 3 บาว หมายถงึ คนใช 4 ละเห่ีย หมายถึง ออนใจ อิดโรย เชน กนิ ยาลมแกใ จละเหี่ย เปน ตน คูม ือครู 157
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรียนกลมุ ท่ี 7 นาํ เสนอเนือ้ หา ดังตอ ไปน้ี ฉบับที่ ๑๒ • สรปุ เนอื้ หาจดหมายฉบบั ที่ 12 (แนวตอบ ข้ึนอยกู บั ดุลยพนิ จิ ของครผู สู อน ถึงพ่อประเสรฐิ เพ่อื นรกั . บา้ นเลขที่ ๐๐ ถนนสี่พระยา ครูควรเพ่มิ เติมเนื้อหาใหส มบรู ณ) วนั ท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน, พ.ศ. ๒๔๖- 2. นกั เรยี นรว มกันตอบคําถาม ตอไปนี้ ฉันไดก้ ล่าวเปรยๆ มาบา้ งแลว้ ในจดหมายฉบบั กอ่ นๆ นว้ี า่ ฉันมองไปในอนาคตแล • นักเรียนคดิ วา ปมความขดั แยงที่ทําใหแ มอ ุไร อเหยน็า่ ใแหตล้ เ่ มมื ฆสภุหามษอติก1อ, งั กแฤลษะใทนก่ี จลดา่ หววมา่าย“ฉเบมบัฆสทดุกุ ทกาอ้้ ยนขมอซี งบั พใอ่นปเปรน็ะเเงสนิ ร,ฐิ” เพอื่ นไดก้ ลา่ วเตอื นฉนั มาวา่ และประพันธทะเลาะกนั ประกอบดว ย ซงึ่ ฉนั เขา้ ใจวา่ พอ่ ประเสรฐิ เรือ่ งใดบาง พรอมยกตวั อยางประกอบ คงตั้งใจว่า หวงั ใจวา่ ในไมช่ ้าฉนั กับแม่อไุ รจะปรองดองกนั ได้, ถูกไหม? ถา้ เพอ่ื นนกึ และหวัง คําอธิบาย เช่นนี้ละกต็ อ้ งเสียใจละเพ่อื น, เพราะความเป็นจริงมไิ ดเ้ ป็นเชน่ นน้ั เลย. นับจา� เดมิ แตเ่ วลาที่ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ แม่อไุ รไดแ้ ทง้ ลกู แล้ว (เมอ่ื กลางเดอื นกรกฎาคม), พอหล่อนหายเจบ็ กริ ิยาอาการของหล่อน เห็นไดอยา งหลากหลายข้ึนอยูกบั เหตุผลของ ก็ได้เปล่ียนแปลงไปเป็นล�าดับ, และในไม่ช้าหล่อนก็ได้ท�าให้ฉันแลเห็นได้โดยชัดเจนทีเดียว นักเรียน เปน ตนวา ปมความขดั แยงระหวา ง วา่ หลอ่ นส้ินรักฉนั เสยี แล้ว. แน่ทเี ดียวเมอื่ ฉันรสู้ กึ เช่นนนั้ ฉันมีความเสียใจมาก, แตเ่ พราะยัง ประพนั ธก บั แมอุไรเกดิ ขน้ึ จากลกั ษณะนสิ ัย มิได้มีเหตุอะไรมาท�าให้ฉันรู้สึกว่าจะอยู่ไปด้วยกันไม่ได้แท้ๆ, ฉันจึงสู้นิ่งทนอยู่กับหล่อนไป สว นตวั ของแตล ะคนทม่ี คี วามแตกตา งกนั ท้งั ๆ ทรี่ ู้แลว้ โดยแนใ่ จวา่ แมอ่ ุไรเท่ากบั ไมใ่ ช่เมยี ฉนั แลว้ . ท้งั นีก้ เ็ พราะ ฉนั เปน็ คนทีก่ ลัวคน โดยประพนั ธเ ปน คนที่มีความอดทนสงู ระงบั นินทาเสียจริงๆ. จึ่งต้ังใจว่าเม่ือเป็นกรรมของฉันแล้วก็จะก้มหน้า ทนกรรมไปจนถึงท่ีสุด, ความโกรธไดด ี และรูสกึ อับอายถา หากสามี นกึ เสยี วา่ เทา่ กบั อุทศิ ตัวเปน็ พรหมจรรย์เสยี ชาติหนงึ่ ทีเดียว. ภรรยาตอ งทะเลาะกนั ตอหนาบุคคลอืน่ แต แต่อยู่มาไม่ช้าก็ได้เกิดมีเหตุการณ์ข้ึนเป็นล�าดับ ดังฉันจะขอเล่าให้ฟังโดยย่อพอเป็น แมอุไรเปน คนที่ถือคตติ รงขาม คือ เช่ือวาการ สงั เขป. จ�าเดิมแตเ่ มอื่ แม่อไุ รแทง้ ลกู และหายเจบ็ แลว้ หลอ่ นชอบเทย่ี วเสมอๆ และชอบไป แสดงความโกรธและทะเลาะกบั สามีตอหนา คนเดียว, ไมไ่ ปกบั ฉัน. และฉันจะถามบ้างว่าไปแห่งใด ก็โกรธฉนุ เฉยี วทุกคราว จนฉันต้อง คนอื่นเปน เรื่องทด่ี ี เพราะเปน การทาํ ใหคน งดถามเพอ่ื รกั ษาสันติภาพภายในบ้าน. แต่ในไม่ชา้ ฉนั ก็จ�าเปน็ ต้องพูดเตือนเรื่องเทยี่ วของ นบั ถือวา เปน ผหู ญงิ สมยั ใหมไ มย ําเกรงสามี หล่อน. เพราะห้างและรา้ นตา่ งๆ เรม่ิ ส่งใบทวงเงินมามาก, ในเดอื นหนึ่งแม่อุไรเท่ียวทา� หนี้ และโดยปกตแิ มอุไรกเ็ ปนคนทีอ่ ารมณเสียงาย อยแู ลว มกั จะไมพอใจเรือ่ งตา งๆอยูเสมอ) 3. นักเรยี นบนั ทึกความเขา ใจลงในสมุด ขยายความเขา ใจ Expand ไว้ตง้ั พนั บาท, แตเ่ งินเดอื นของฉันก็เพียง ๒๐๐ บาทเท่านนั้ . ฉันจ่งึ ต้องเตือน แต่การเตอื น กลบั เป็นผลตรงกันข้าม, เพราะในเดือนตอ่ มา หลอ่ นไปท�าหน้ีไว้อกี ต้งั พันหา้ รอ้ ยบาท! ฉัน 1. นักเรยี นรว มกนั อภปิ รายในประเดน็ เกยี่ วกบั ตอ่ ว่าเขา้ หล่อนก็กลบั ตอบว่า “เมอื่ ก่อนคุณจะมาแต่งงานกบั ดิฉนั ทา� ไมคุณไม่สืบสวนใหไ้ ด้ ลักษณะนิสยั ของแมอไุ ร พรอมยกตวั อยา ง ความเสียก่อนว่าดิฉันต้องใช้จ่ายอย่างไร. ดิฉันจะยอมเปลี่ยนแปลงความส�าราญเช่นท่ีเคย ประกอบ โดยนักเรยี นอาจกลา ววา แมอ ไุ ร มาแตก่ ่อนเพ่อื ความพอใจของคณุ ไม่ได.้ ” ในที่สุดตกลงฉันต้องไปขอเงนิ จากคุณพอ่ มาใชห้ น้ี เปน คนเอาแตใจตวั มีพืน้ ฐานอารมณเ ปน ของแมอ่ ุไร. คนอารมณเสียงา ยและอารมณเสยี อยเู สมอ นอกจากนี้ ยังนาํ คา นยิ มผิดๆ มาใชอยเู สมอ 158 2. นกั เรียนบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมดุ เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT จากเรื่อง หวั ใจชายหนุม พฤตกิ รรมของประพนั ธใ นขอใดตรงกบั แนวคดิ ครคู วรพจิ ารณาตรวจสอบและเพม่ิ ประเดน็ ทนี่ กั เรยี นนาํ เสนอใหค รบถว น จดหมาย สําคัญของเร่ือง ในฉบบั ที่ 12 กลาวถึง แมอุไรไดแทงลกู และส้นิ รกั ประพนั ธแลว แตประพันธก ย็ ังทน 1. ประพนั ธป ฏเิ สธที่จะแตงงานกับหญิงทีบ่ ิดามารดาเลอื กให อยูกับแมอ ไุ ร แมอไุ รชอบไปเที่ยวและมักโกรธฉุนเฉยี ว เมือ่ โกรธฉนุ เฉียวก็มักจะออก 2. ประพนั ธแตงงานกบั แมอไุ ร ซึง่ เปนหญิงท่ปี ระพันธเ ลือกเอง ไปเท่ียวคนเดียว และสรา งหน้ีสินไวจ าํ นวนมาก นานเขา หา งรานตางๆ ก็มาทวงเงิน 3. ประพนั ธตัดสินใจหยา ขาดจากแมอ ไุ รเมือ่ เกิดความขดั แยงรนุ แรง แมป ระพันธจ ะตกั เตอื นอยา งไร เธอกจ็ ะไมปรับเปล่ียนตัวเอง พอ ของประพนั ธ 4. ประพนั ธต ดั สนิ ใจแตงงานใหมก ับผหู ญิงท่เี ขาพอใจและผูใหญก็ จึงลงแจงความในหนังสอื พิมพ ความขดั แยงของทง้ั คจู งึ ย่งิ ทวีความรนุ แรงมากขึ้น เห็นชอบดว ย แลวทง้ั คูจงึ แยกทางกัน ตอ มาประพนั ธกท็ ราบวา แมอไุ รไปคางบา นพระยา วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. ประพันธตดั สนิ ใจแตงงานใหมกบั ผหู ญงิ ที่ ตระเวนนคร ทั้งคจู งึ หยา ขาดจากกัน เขาพอใจและผูใหญกเ็ ห็นชอบดวย สอดคลองกับแนวคดิ สําคญั ของเร่อื ง ท่ีมกี ารนาํ เสนอการรบั วฒั นธรรมตะวนั ตกมาใชในสังคมไทย ควรเลือกรับ นกั เรียนควรรู แตส่ิงที่ดีและรจู กั ปรบั ใชใ หส อดคลอ งกับวฒั นธรรมไทยทดี่ ีงามดวย 1 สุภาษิต ถอ ยคาํ หรอื ขอความท่ีกลาวสืบตอ กันมาชา นานแลว มคี วามหมาย เปนคตสิ อนใจ เชน รักยาวใหบ่ันรกั ส้นั ใหตอ นาํ้ เชย่ี วอยา ขวางเรอื 158 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู คุณพ่อท่านโกรธมาก. บ่นอะไรต่อมิอะไรมากมาย แต่ในที่สุดก็ให้เงินนั้นตามท่ีขอ, 1. นักเรียนรวมกันตอบคําถาม ตอไปน้ี ฉนั กน็ กึ วา่ คงจะเปน็ อนั สน้ิ เรอื่ งรา� คาญไปพกั หนงึ่ . ทไ่ี หนเลา่ , ตอ่ นน้ั มาไมอ่ กี กวี่ นั เหน็ แจง้ ความ • นกั เรียนคดิ วา คําลงทา ยจดหมายของ ประพนั ธท ่ีกลา ววา “จากเพอ่ื นผโู ลง ใจ” ลงในหนังสือพิมพ์, ความวา่ ฉันไมข่ อรบั ผดิ ชอบในหน้สี ินของภรรยาอกี1ต่อไป, และจะยอม แสดงความรูส ึกของประพันธอยางไร (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ ใชใ้ หแ้ ตท่ ีฉ่ ันไดล้ งชือ่ รับรองไว้ด้วยเทา่ นน้ั . แมอ่ ไุ รเห็นแจง้ ความนี้เขา้ ฉิวใหญ,่ และในชัน้ ตน้ คิดเหน็ ไดอยา งหลากหลายข้ึนอยกู ับเหตุผล ฉนั กม็ ริ ทู้ จี่ ะเถยี งเขาอยา่ งไร นอกจากวา่ ฉนั ไมไ่ ดเ้ ปน็ ผสู้ ง่ แจง้ ความนน้ั ไปลง ฉนั สบถสาบาน ของนกั เรียน เปน ตน วา เปนขอ ความแสดง ความรูสกึ ของประพันธหลงั จากทป่ี ระพนั ธ ใแหต้เ่แทม่า่อใุดไรหไมล่ย่ออนมกฟ็ไมังค่เช�าื่อพูดฉฉันันจเส่ึงรียับเลปยาจกนวค่า�าจเะดไียปวส, ืบยใหืน้ยไดัน้คอวยาู่คม�าวเด่าใียควรแสต่ง่วแ่าจฉ้งันคแวกาลม้งนป้ันรไะปจลางน2; ตองประสบกบั เหตุการณต า งๆ) • นกั เรียนคดิ วา คาํ ลงทา ยของจดหมายแตล ะ หล่อนกลางเมือง, และในบ่ายวันน้ันเองหล่อนข้ึนรถไปอยู่บ้านพ่อของหล่อน, เช้าวันรุ่งขึ้น ฉบบั มคี วามสาํ คัญอยางไร และสะทอ นให แมอ่ ไุ รกไ็ ปลงแจง้ ความบ้างว่า หล่อนไมข่ อรบั ผดิ ชอบในเรอื่ งหน้ีสินของฉัน, และว่าฉนั ไม่มี เหน็ ความรสู ึกของผูเขยี นหรอื ไม อยา งไร อา� นาจเกยี่ วขอ้ งในทรพั ยส์ มบตั ขิ องหลอ่ นอกี ตอ่ ไป. ฉนั อตุ สา่ หไ์ ปสบื จนไดค้ วามวา่ แจง้ ความ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความ ที่ลงในนามของฉันนั้น หลวงบรรยายนรคดี, ทนายความ, ได้ส่งไปลงโดยค�าสงั่ ของคุณพ่อ คิดเหน็ ไดอ ยางหลากหลายข้นึ อยูกับ ของฉัน, ฉันก็ไปหาบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ขอให้งดการลงแจ้งความนั้นต่อไป, แล้วฉัน เหตุผลของนกั เรยี น เปน ตนวา คาํ ลงทา ย กต็ ามไปหาแมอ่ ไุ รท่บี ้านพระพนิ ิฐ. แตไ่ ดร้ ับคา� ตอบจากคนใช้วา่ แม่อไุ รไมส่ บาย, ลงมาพบ ในจดหมายแตล ะฉบบั ของประพนั ธเปน กับฉนั ไม่ได้. สวนทแ่ี สดงความรสู กึ และสรุปเหตกุ ารณท ี่ ประพนั ธตอ งประสบ รวมถึงเปนความรูส กึ ในคืนวันเดียวกันนั้นเอง คุณหลวงเทพปัญหามาหาฉันท่ีบ้าน. และเม่ือพูดจากันถึง ของประพันธในขณะท่เี ขยี นจดหมาย ซ่ึงก็ เรอื่ งตา่ งๆ พอสมควรแลว้ , คณุ หลวงเทพฯ จงึ กลา่ วขนึ้ วา่ บา่ ยวนั นนั้ ไดพ้ บแมอ่ ไุ รขน้ึ รถยนต์ คือหลังจากท่ีเหตุการณจ บลงแลว) เที่ยวอยู่กับพระยาตระเวนนคร. ฉันได้ฟังเช่น3นั้นก็ใจหายวาบ, เพราะทราบชื่อเสียงของ 2. นักเรียนบนั ทึกความเขาใจลงในสมุด เจา้ คณุ ผนู้ อี้ ยดู่ แี ล4ว้ วา่ เปน็ อยา่ งไร, แตฉ่ นั กต็ หี นา้ เฉยเพอื่ ไมใ่ หห้ ลวงเทพฯ รวู้ า่ ขา่ วทแี่ กเลา่ นน้ั ทแม�าอ่ใหไุ ร้ฉ,ันเสตะอื ดนุ้งสใตจ5ปใิ นากนาใรดท.ค่ี พบสอนหทิลสวนงเมทกพบั ฯคนไมปชี พอ่ื ้นเสเรยี ืองนเชฉน่ ันพกร็ระีบยาเขตียรนะเจวดนหนมคารย, ฉแบลับะหในนทึ่งส่ีถดุึง ขยายความเขา ใจ Expand ออ้ นวอนขอให้หล่อนกลับมาบ้าน, รุ่งขน้ึ ฉันไดร้ บั ซอง ๑ ซอง, ซง่ึ เมอ่ื ฉกี ผนึกกม็ กี ระดาษฉกี 1. นกั เรียนยกตัวอยางคาํ ลงทา ยของเนือ้ หาใน เป็นช้ินเล็กชิ้นน้อยร่วงออกมา ฉันเทออกแล้วจึงจ�าได้ว่าเป็นจดหมายที่ฉันมีไปถึงแม่อุไร จดหมายแตล ะฉบับ พรอ มเช่อื มโยงขอความ นน่ั เอง ขอใหน้ กึ เถดิ วา่ ฉนั รู้สึกสะดุ้งปานใด. ยง่ิ กวา่ นน้ั , ในบา่ ยวันเดยี วกันนั้นเอง แม่อไุ รได้ คําลงทา ยจดหมายกับสาระสาํ คญั ตลอดจน ข้ึนรถยนต์กับพระยาตระเวนนครขับผ่านหน้าบ้านฉันไป, และเมื่อผ่านบ้านน้ีแกล้งขับช้าๆ ความรูส ึกของประพนั ธใ นจดหมายแตล ะฉบับ เพื่อให้ฉนั เห็นถนดั ๆ ด้วย! นักเรยี นอาจยกตัวอยา งในจดหมายฉบับ กอ นหนา น้ี เชอ่ื มโยงกับสาระสาํ คญั ของ ต่อแต่นั้นมาก็มีแต่หนักขึ้นทุกที, จนในไม่ช้าก็ลือกันทั่วพระนครว่า พระยาตระเวน จดหมายแตละฉบับได กเชับ่นแนมั้น่อกุไร็อสอนกิทจสะนนม่าพกูดันอมยากู่บ้างจ,นเเกพือรบาะเทผ่าู้หกญับิงเปใด็นทผ่ีคัวบเมคีย้า6กกันับโพดรยะเปยาิดตเผรยะ.เวนกาแรลท้วี่เรขอาดพตาัวกมันาพไดูด้ 2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน นาํ เสนอหนาชั้น จากนนั้ บันทึกความเขา ใจลงสมดุ โดยไมด่ า่ งพรอ้ ยนนั้ หาไมไ่ ดท้ เี ดยี ว. ฉนั ไดม้ จี ดหมายไปถงึ แมอ่ ไุ รหลายฉบบั , ชวนใหก้ ลบั บา้ น. แตถ่ ูกฉีกเปน็ ชน้ิ ๆ ส่งคืนมาทกุ ฉบบั . ครั้นเม่ือปลายเดือนกอ่ นนี้ หลวงเทพฯ ปญั หามาบอก 159 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู “ผหู ญงิ ทม่ี ักเกบ็ ตัวอยูแตในบาน ขอี้ าย ไมรจู กั เขาสงั คม” 1 ฉวิ หมายถงึ รสู ึกไมพ อใจขึ้นมาทันที คาํ กลา วในขอ ใดสอดคลอ งกับขอ ความขา งตน 1. ทําตวั เปน หอยจุบ แจง 2 ประจาน หมายถงึ ประกาศเปดเผยความชวั่ ใหรทู ั่วกันดวยวธิ ีตาง ๆ เชน 2. เมฆทกุ กอ นมซี บั ในเปน เงนิ พดู ประจาน ตัดหวั เสียบประจาน พาตระเวนประจานทัว่ เมือง เปน ตน (ภาษาเขมร 3. จะไมเปน นางงว้ิ ตุงแชอ ะไรตวั หน่งึ ใชวา ผจาล แปลวา ทําใหเ ขด็ หลาบ) 4. หลอนราวกบั ดวงไฟที่มตี ัวแมลงบินตอมวอ นอยู 3 ตีหนา หมายถงึ แกลง ทําสหี นา ใหผ ิดจากใจจรงิ เชน ตีหนาเซอ เปน ตน วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ทําตวั เปน หอยจุบ แจง สอดคลองกับคํากลา ว 4 สะดงุ ใจ หมายถงึ ตกใจอยางมาก โดยเปนคําประสมระหวางคําวา สะดุง ซึ่ง หมายถงึ ไหวตวั ขน้ึ ทนั ทดี ว ยความตกใจ เพราะไมท นั รตู วั หรอื ไมไ ดน กึ คาดหมายไว ขา งตน โดยสามารถพจิ ารณาไดจากเน้ือหาในบทประพันธ ผูประพันธได เชน เม่ือไดยินเสยี งระเบดิ กส็ ะดุง สุดตวั เปนตน นาํ เอาลักษณะของหอยทมี่ เี ปลือกแข็งมาใชเ ปรียบเทยี บคนทเ่ี ก็บตวั อยใู น 5 สติ ความรสู กึ ความรูสกึ ตวั อาทิ ไดส ติ ฟนคนื สติ สิน้ สติ ความรูสกึ ผิดชอบ เปลอื กหรอื คนท่ีอยูแตกับตนเอง โดยไมส นใจคนรอบขา ง เชน มสี ติ ไรส ติ เปน ตน 6 คบคา ไปมาหาสเู ขาเปนพวกเดยี วกนั คบหา คูมอื ครู 159
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรียนกลมุ ท่ี 8 นาํ เสนอเนื้อหา ดงั ตอไปนี้ ฉันว่า แม่อุไรได้ไปค้างบ้านพระยาตระเวนแล้ว, ฉันก็ปรึกษาหารือกับหลวงเทพฯ และใน • สรปุ เนื้อหาจดหมายฉบบั ที่ 13 ทส่ี ดุ หลวงเทพฯ รบั ธรุ ะไปพูดจากบั แมอ่ ไุ ร, ขอหยา่ ขาดจากกัน. ในชนั้ ต้นหล่อนจะไมย่ อม, (แนวตอบ ขนึ้ อยกู ับดลุ ยพนิ ิจของครผู สู อน แตห่ ลวงเทพฯ ชแ้ี จงวา่ ถา้ ไม่ยอมหยา่ ฝา่ ยฉนั กไ็ ม่มที างอ่นื นอกจากฟ้องชายชู้. หลอ่ นไป ครคู วรเพ่ิมเติมเนอื้ หาใหสมบรู ณ) ปรกึ ษาหารือกับพระยาตระเวนแล้ว จึงบอกหลวงเทพฯ ว่าเป็นอันยอมหยา่ . หลวงเทพฯ ก็ ช่วยเป็นธุระทา� หนงั สอื สญั ญาหย่าขาดจากสามภี รรยากนั , และได้ลงชอ่ื กนั แลว้ เมือ่ วานน้ี. 2. นักเรียนพิจารณาขอความและตอบคําถาม ดงั น้ี “มีบางคนออกความเห็นแกฉันวาไมค วรหยาให ฉะน้ันบัดน้ีฉันก็กลับเป็นโสดอีกแล้ว. และคงจะไม่รีบร้อนหาคู่โดยด่วนเช่นครั้งก่อน ขายหนา เขา, เมอ่ื ไมพ อใจเมียท่แี ตงกันแลว ก็ อีกละ ขอใหพ้ ่อประเสรฐิ จ�าเร่อื งของฉนั ใส่ใจไว้เถิด. ควรหาเมียอีกคนหนึง่ ทีพ่ อใจอยกู นิ ดวยกัน” • นักเรียนคดิ วา ขอ ความดงั กลา วขา งตน จากเพือ่ นผู้โลง่ ใจ. สะทอนคา นยิ มของสังคมไทยใน ประพันธ์ ประเด็นใดบา ง อยางไร (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความ ฉบับท่ี ๑๓ คดิ เหน็ ไดอ ยา งหลากหลายข้ึนอยูกบั เหตผุ ล ของนักเรยี น เปน ตน วา เน้อื หาในขอ ความ ถงึ พ่อประเสรฐิ เพ่ือนรกั . บ้านเลขท่ี ๐๐ ถนนสีพ่ ระยา ดังกลา วขางตน สะทอนคานิยมเร่อื งการ วนั ท่ี ๒๒ ธนั วาคม, พ.ศ. ๒๔๖- แตงงานและการหยา รางของสังคมไทย โดย คนไทยเห็นวาการหยารางเปนการขายหนา ฉันไม่ได้เขียนจดหมายมาถึงพ่อประเสริฐต้ังเดือนหน่ึงแล้ว, ซึ่งฉันสารภาพว่าเป็น โดยเฉพาะฝายชายท่ถี กู ฝายหญงิ หยาราง ความผิด, ต้องขอโทษดว้ ยเถิด, แตถ่ ึงหากว่าจะเขียนมาถงึ คงไม่ได้มีขา่ วอันน่าฟงั บอกมาให้ เพือ่ ไปใชช ีวิตกับบคุ คลอนื่ วธิ ีแกป ญ หาโดย ทราบ, ฉันจงึ่ เห็นว่างดเสียดกี วา่ . ใชค านิยมของสงั คมไทยในยุคนนั้ คือ การแตงภรรยาใหมเ ขา บา นมาอยูกนิ รว มกนั มาบัดน้มี ขี า่ วทนี่ า่ บอกให้พ่อประเสริฐทราบอยบู่ า้ ง, จงึ่ เขยี นจดหมายฉบบั นีม้ า; แต่ โดยไมจ ําเปน ตอ งหยาขาดจากภรรยาคนเดิม ก่อนท่จี ะบอกขา่ วนน้ั ฉันขอเลา่ เรอ่ื งส่วนตัวของฉนั สกั เลก็ นอ้ ย. ตั้งแตฉ่ ันได้กลับเปน็ คนโสด สะทอนใหเหน็ การมภี รรยาไดห ลายคน และ อกี แลว้ ฉันร้สู กึ ว่ามคี วามสุขกายสขุ ใจมากขึ้น. จรงิ อย่กู ารทฉ่ี นั หย่ากับแมอ่ ไุ รนนั้ ได้ถูกคน ชว ยปอ งกันไมใหขายหนา ได) บางคนนนิ ทาติโทษ, แต่ฉันถือคติว่าการแตง่ งานเปน็ กิจสว่ นตัวของฉันโดยเฉพาะ, ไม่มผี ใู้ ด จะมารบั สขุ รบั ทกุ ขแ์ ทนฉนั ได.้ มคี นบางคนออกความเหน็ แกฉ่ นั วา่ ไมค่ วรจะหยา่ ใหข้ ายหนา้ เขา, 3. นักเรยี นบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ เม่ือไม่พอใจเมียที่แต่งกันแล้วก็ควรหาเมียอีกคนหนึ่งที่พอใจอยู่กินด้วยกันหาความสุขเสีย ก็แล้วกัน, แตฉ่ นั เถียงวา่ ถา้ ท�าเช่นน้ันก็เท่ากบั ลวงโลก, กลบั ไดร้ บั ค�าตอบว่าคนอนื่ ๆ เขาท�า ขยายความเขา ใจ Expand กันถมไป; คร้ันเมื่อฉันขอให้เขานึกดูว่า แม่อุไรนั้นพอใจคบกับพระยาตระเวนมากกว่าอยู่ 1. นกั เรยี นยกบทประพนั ธท ส่ี ะทอ นคา นยิ มเกยี่ วกบั 160 การหยา รางของสงั คมไทยจากบทประพันธ เร่ืองนี้ นกั เรยี นสามารถยกบทประพนั ธไ ดอยา ง หลากหลาย 2. ครูสมุ นักเรยี น 2-3 คน นาํ เสนอหนาชนั้ จากนนั้ บนั ทึกความเขา ใจลงในสมุด เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนไดขอคดิ อะไรจากเร่อื ง หวั ใจชายหนุม และสามารถนําขอคดิ ครคู วรพจิ ารณาตรวจสอบและเพ่มิ ประเดน็ ทีน่ กั เรยี นนาํ เสนอใหค รบถวน ดงั กลาวไปใชป ระโยชนในการดําเนนิ ชีวิตไดอยางไร จดหมายในฉบับท่ี 13 กลา วถึงความรสู ึกของประพนั ธซ ง่ึ มคี วามสุขทไ่ี ดก ลับมา แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดห ลากหลายขึ้นอยูก ับเหตผุ ลของนักเรยี น เปน โสดอีกครง้ั สวนแมอไุ รกไ็ ปอยกู บั พระยาตระเวน ซึง่ มนี างบาํ เรออยูกอนแลว เปนตนวา 1. การรูจกั เลอื กรับวฒั นธรรมตะวนั ตกใหสอดคลองกบั ถงึ 7 นาง และท้ังหมดกแ็ ผลงฤทธเ์ิ วลาพระยาตระเวนไมอ ยู พระยาตระเวนจึงหา วฒั นธรรมไทย 2. การแตงงานท่ีขาดการทาํ ความรจู ักหรือเขาใจกนั อยาง บานใหแมอ ไุ รอยอู กี หนึ่งหลงั สวนประพันธไดย า ยตําแหนงงานมาเปนผูช ว ยเจากรม แทจ ริง ยอ มไมยง่ั ยืน โดยพิจารณาแตเ พียงเปลอื กนอกไมไ ด 3. การใช โรงเรยี นในพระบรมราชูปถัมภ และในทางเสอื ปานั้น ประพนั ธไดเ ขาประจาํ กรม เสรภี าพในทางทผี่ ดิ ดวยการปลอยเน้อื ปลอยตัว จนกระท่งั พลาดพล้ัง และ มา หลวง เกดิ ความลม เหลวในชวี ิต 160 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand Expand ขยายความเขา ใจ กบั ฉนั ฉะน,้ี เขากย็ ังยนื ยนั วา่ มีเช่นน้นั ถมไปเขากม็ ิได้หยา่ ร้างกัน, เพราะเกรงจะขายหน้า, 1. นกั เรยี นรวมกนั อภปิ รายในประเด็น ตอ ไปน้ี เช่นน,้ี ฉันก็ต้องรบั สารภาพวา่ ฉันรูส้ ึกพ้นวิสยั ท่ีจะแลเหน็ ตามเขาได.้ ส่วนตวั ฉันเห็นว่า การ • นักเรยี นคิดวา ประพนั ธเ ห็นดวยกับคานิยม ที่ฉันจะคงเป็นผัวหญิงที่ไม่ได้อยู่บ้านฉันแล้ว และไปอยู่ในบ้านชายอื่นนั้นเป็นการหน้าด้าน การหยา รางของสงั คมไทยท่ีปรากฏใน พ้นวิสัยที่จะท�าไปได.้ ฉนั มคี วามยินดที ีป่ ระไพมีความเหน็ ตรงกับฉนั , และตงั้ แต่ฉันหย่ากับ บทประพนั ธห รอื ไม อยา งไร แม่อุไรแล้ว ประไพได้มาบ้านฉันบ่อยๆ, และท่านชายก็มาด้วย, นับว่าน้องสาวกับน้องเขย (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความ ของฉนั เมตตาตอ่ ฉนั มาก. นอกจากนม้ี พี วกเพ่อื นๆ ท่เี หน็ ใจได้มาเยย่ี มเยียน, นับวา่ ช่วยกัน คิดเห็นไดอ ยา งหลากหลายขึ้นอยกู ับเหตุผล ท�าให้ฉนั คลายความเหงาใจไปไดม้ าก. ของนักเรียน เปนตน วา ประพนั ธไมเหน็ ดว ย กบั คา นยิ มของสงั คมไทยเกย่ี วกบั การหยา รา ง คราวนจี้ ะขอจบั เลา่ ขา่ วตอ่ ไป. แมอ่ ไุ รหยา่ ขาดจากฉนั แลว้ กไ็ ปอยทู่ บี่ า้ นพระยาตระเวน ตอ งคํานึงถึงความคดิ เหน็ ของคนรอบขา ง โดยเปิดเผย, และพากันไปไหนๆ อย่างเปิดเผยทีเดียว. ใครๆ ที่รู้จักท้ังพระยาตระเวน เปนหลัก เนอ่ื งจากการหยา รางจะสงผลเสยี เปนท่อี ับอายของคนท่ัวไป โดยเฉพาะอยา ง ทพั้งรแะมยา่อตุไรรตะเ่าวงนถเาปม็นกนันักแเลลกง1ชันนวิด่าจทะี่ชยอืดบยแาตว่พไปยาไดย้าสมัก,ปาคนือใดถ้าเเพหร็นาผะู้หเปญ็นิงขส้อวยทๆ่ีทรแาบละกมันีคอนยตู่ดอีวม่า2 ย่งิ ฝายชายมกั รสู กึ ขายหนา มากกวาเมอ่ื ถูก ฝา ยหญิงหยา ขาด และวิธกี ารแกไขปญ หา เป็นตอ้ งพยายามให้ไดผ้ หู้ ญงิ นน้ั จนได้, แต่เมือ่ ใดได้แล้วกม็ ักจะชกั เบ่ือ, หรอื อยา่ งดกี ็ยดื ไป ของสงั คมไทย คือ คูสามภี รรยาควรถือสิทธิ ไดจ้ นกวา่ จะเหน็ ผหู้ ญงิ ทตี่ อ้ งตาอกี คน ๑. แมอ่ ไุ รนนั้ เขากไ็ ดพ้ ยายามเปน็ อนั มากทจี่ ะสนทิ สนม ของการเปน คูครองกนั ตอ ไป แมจ ะเปน เพียง ตั้งแต่ก่อนได้กับฉัน, และเมื่อมาได้กับฉันแล้วเขาก็ย่ิงกระท�าความพยายามแรงกล้ายิ่งข้ึน ในนามกต็ าม เพ่ือปองกนั มใิ หผ ูอนื่ ครหาวา จนเป็นผลส�าเร็จ. แต่ท่านเจ้าคุณผู้น้ีเป็นคนอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้, เพราะฉะนั้นในระหว่าง ไดห ยาขาดจากกนั แลว สว นฝา ยชายกค็ วร เวลาที่ก�าลังบ�าเพ็ญท�าทางเข้าหาแม่อุไรนั้น เขาจ่ึงได้หานางบ�าเรอแก้ขัดไว้เป็นล�าดับ, จน ไปหาความสุขดว ยการแตงภรรยาใหมมาอยู ในเม่ือถึงเวลาแม่อุไรได้ไปอยู่กับเขาน้ัน พระยาตระเวนมีนางบ�าเรอประจ�าบ้านอยู่แล้วถึง กนิ ดว ยกนั ) เจ็ดนาง! เก่งไหม? แน่ทีเดยี วเขาปดิ ขอ้ นี้, แตเ่ ร่ืองชนดิ น้ปี ิดใหส้ นทิ ยากที่สดุ , เพราะมนั เป็น เรื่องสา� หรับผู้หญงิ ชอบรู้ชอบเลา่ สูก่ นั ฟัง; คนหนง่ึ เลา่ ใหเ้ พอื่ นรกั , ส่ังวา่ อย่าพดู ไปนะ, แลว้ 2. นกั เรยี นยกบทประพันธ ดังตอ ไปน้ี เพื่อนคนนั้นก็ไปเล่าให้เพื่อนรักของตัวอีกคนหน่ึง, และต่อๆ กันไปเช่นนี้เป็นแถวไป, และ • นักเรียนยกบทประพันธทแ่ี สดงใหเ ห็น ความลับออกจากปากผู้หญิงคนเดยี วอาจที่จะร้ถู ึง ๒๐ คน ภายในอาทิตยเ์ ดียว, ฉะน้นั เมื่อ คานิยมเก่ียวกบั การหยา รา งของสังคมไทย มผี หู้ ญงิ ทม่ี ี “อนิ เตอเรส็ ต”์ อยา่ งเดยี วกนั อยู่ ๗ คน กข็ อใหน้ กึ ดเู ถดิ วา่ ความลบั นน้ั จะแพรห่ ลาย จากบทประพันธเ รอ่ื งน้ี ได้มากและรวดเร็วปานใด? ส่วนตัวฉันได้ทราบเรื่องนางทั้ง ๗ ของพระยาตระเวนน้ีจาก (แนวตอบ นกั เรียนสามารถยกบทประพนั ธได ประไพ, และประไพไดท้ ราบมาจากแม่สอ่ งแสงลูกสาวของพระยาตระเวนเอง ถ้าเมอ่ื ฉันไดร้ ู้ อยางหลากหลาย เปนตนวา “จริงอยูที่การ หยากับแมอุไรนน้ั ไดถูกคนบางคนนินทาติ เจชะน่ หนวแ้ี ัง4ลวว้่า,จะอไยด่า้เงปไร็นๆนาแงมสอุ่วไุิญรกช็ตา3ข้อองไงดพร้ ร้แู ะลย้วาเตหรมะอื เนวนกันกรในะเมรังอ่ื ?งนพา่องทปงั้ ระ๗เสนริฐน้ั จ, �าแไตดบ่้ไหามงท, ีหเลพอ่ ลนง โทษ” หรือ “เมอื่ ไมพอใจเมยี ทแี่ ตง กันแลว กค็ วรหาเมียอกี คนหนงึ่ ทีพ่ อใจอยูก นิ ดวยกัน ขอทานที่เคยได้ยินร้องๆ อยู่ว่า “เจ็ดนางเธอไม่รักไม่ใคร่ เธอมัวหลงใหลแต่แม่สุวิญชา?” หาความสขุ เสียกแ็ ลว กนั ”) แตพ่ อไดเ้ ขา้ ไปอยู่ในบา้ นพระยาตระเวนได้สักหนอ่ ย แมอ่ ไุ รก็รูส้ ึกวา่ ทนนางท้ัง ๗ ไม่ไหว; ในเวลาทพ่ี ระยาตระเวนอยู่บา้ นกพ็ อท�าเนา, แตพ่ อเจ้าคุณไปพน้ บา้ น แม่ท้งั ๗ กแ็ ผลงฤทธิ์ 3. ครสู ุม นักเรยี น 2-3 คน นําเสนอหนาชน้ั ต่างๆ, ฟ้องเจ้าคุณก็ไม่ใคร่เป็นผลสมปรารถนา ในที่สุดแม่อุไรเลยเปิดกลับไปอยู่บ้านพ่อ. จากนนั้ นักเรียนบันทึกความเขา ใจลงในสมุด 161 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรยี นควรรู จากวรรณกรรมเรือ่ ง หัวใจชายหนุม ขอใดกลา วไมถกู ตอง 1 นักเลง หมายถึง ผฝู ก ใฝใ นส่ิงนน้ั ๆ เชน นักเลงหนงั สอื นักเลงการพนัน 1. ประพนั ธม คี วามเห็นวา การหยา รา งกอ ใหเ กดิ ความอับอายแกคนทว่ั ไป ผูเกะกะระราน เชน เปนนกั เลง นกั เลงโต เปน ตน มใี จกวา ง กลา ไดกลาเสีย เชน 2. ประพันธม คี วามเห็นวา การหยารา งเปนเรือ่ งสว นตัวระหวา งสามภี รรยา ใจนกั เลง 3. ประพนั ธมคี วามเหน็ วา การหยา รางทําใหฝ า ยชายรูสึกขายหนา มากกวา 2 ตอม หมายถึง กิรยิ าที่แมลงตวั เล็ก ๆ แมลงวนั มาเกาะหรอื จบั หรอื บนิ วนเวยี นอยใู กล ๆ ความหมายโดยปริยายหมายถึง กิรยิ าอาการทีค่ ลายคลงึ เชน นั้น ฝายหญงิ เชน ผชู ายตอมผหู ญงิ เปน ตน 4. ประพนั ธเสนอวิธีการแกป ญ หาจากการหยา รา งวา สามีภรรยาควร 3 นางสวุ ญิ ชา ในบทประพันธน เี้ ปนคาํ กลาวเสยี ดสแี มอไุ ร โดยยกตวั ละครเอก ฝา ยหญิงจากวรรณคดีเรื่อง ไชยเชษฐ มากลาวเปรยี บเทยี บ เนอ่ื งจากพระไชยเชษฐ ครองคกู ันตอไป แมเ พยี งในนามก็ตาม มพี ระสนมอยูกอนแลวถึง 7 นาง กอ นทีจ่ ะมีนางสวุ ิญชา 4 เพลงขอทาน เปน เพลงพ้ืนบา นชนดิ หนึง่ มมี าต้งั แตค ร้ังโบราณ ใชร อ ง วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. การหยา รา งเปนเรือ่ งสว นตัวระหวางสามี เลานิทาน เพอ่ื ขอแลกเปลยี่ นเปนเงินหรือสิง่ ของ เน้อื หาสวนใหญเปนนิทานชาดก หรอื นิทานจักรๆ วงศๆ โดยใชเครือ่ งดนตรีประเภทฉิ่ง ฉาบ กรบั โหมง ประกอบ ภรรยา เนอ่ื งจากประพันธไมเห็นดว ยกับคานิยมการครองคูอยูแตเพียงใน นาม เนือ่ งจากคานิยมในสงั คมไทยเชอ่ื วาการหยา รางเปน เร่อื งทนี่ ํามาสู คูมอื ครู 161 ความรสู ึกขายหนา และใหเ หตผุ ลโตแ ยง วา การหยารา งเปนเรือ่ งระหวาง คสู ามีภรรยา
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. นักเรยี นรว มกันอภปิ รายในประเด็น ตอไปน้ี ฝา่ ยเจา้ คณุ ก็ตามไปง้อ, เพราะกา� ลังรกั อย,ู่ แต่แมอ่ ไุ รยืน่ ค�าขาดวา่ ถา้ จะใหไ้ ปอยู่ด้วยต้อง • นกั เรยี นคิดวา ประพันธม คี วามคิดเห็นตอ ไลน่ างทงั้ ๗ ไปเสยี กอ่ น, หรอื มฉิ ะนน้ั กต็ อ้ งหาบา้ นใหแ้ มอ่ ไุ รอยตู่ า่ งหากอกี บา้ น ๑, เขาตกลง คานยิ มเกี่ยวกับการหยา รางอยา งไร พรอม หาบา้ นใหแ้ มอ่ ไุ รอกี บา้ น ๑ ทถี่ นนราชประสงค.์ เขาไดเ้ งนิ เดอื น ๗๐๐ บาท, มบี า้ น ๒ บา้ น, ยกตวั อยา งประกอบ เมีย ๘ คน, ม้า ๔ ตัว, และเล่นกฬี าต่างๆ เสมอๆ, และเลยี้ งเพอื่ นฝูงบอ่ ยๆ ด้วย. เก่งไหม? (แนวตอบ ประพันธเหน็ วา การหยา รา งเปนเรื่อง สว นตัว หรือเปน เร่อื งเฉพาะสามภี รรยา ไม คราวนี้มีข่าวดีส่วนตัวฉันซ่ึงต้องเล่าให้พ่อประเสริฐฟัง. ฉันได้บอกมาใ1ห้ทราบใน เกี่ยวกบั ผอู นื่ หรอื สงั คมรอบขาง ความทุกข และความสขุ ที่เกดิ ข้ึนจากการแตง งานจงึ เปน จดหมายฉบับ ๑ แล้ว ว่าฉันไดเ้ ขา้ รับราชการในพระราชสา� นกั ตั้งแต่มถิ ุนายน ศกน,้ี และได้ เร่ืองเฉพาะตวั การทีค่ นสองคนสิ้นรกั กนั แลว กค็ วรแยกทางกัน หากยังครองคกู นั แตเพยี ง อยู่ในกรมบัญชาการมหาดเล็ก. ครน้ั 2เมื่อต้นเดอื นธนั วาคมน้ีฉนั ได้ยา้ ยต�าแหนง่ มาเปน็ ผชู้ ว่ ย ในนาม ก็นบั วาเปน การลวงโลก การที่ยงั คงครองคแู ตเพยี งในนามกบั หญิงทีม่ ไิ ดเ ปน เจา้ กรมโรงเรยี นในพระบรมราชปู ถมั ภ,์ นบั วา่ เปน็ ของถกู ใจของฉนั ทเี ดยี ว, เพราะฉนั แลเหน็ ภรรยาของตนเองอกี ตอ ไปแลว ประพันธถ อื วา เปน การกระทําที่ “หนา ดา น”) หนทางท่ีอาจจะไดท้ า� ก3ารตรงตามทางทฉ่ี นั ได้เล่าเรียน และชอบอยูแ่ ล้ว. ฉันหวังใจวา่ จะได้ ไปเป็นผสเู้่วลนก็ ทเชา่องรเส์พือเิ ศปษ่า4ทฉโ่ี รันงกเร็ไยี ดน้เขม้าหไาปดปเลระก็ จห�าลอวยงูด่กว้รยม.ม้าหลวง สมปรารถนาหลายเดือนมา 2. นกั เรยี นยกบทประพันธในประเด็น ตอไปน้ี • นกั เรียนยกบทประพันธทแ่ี สดงถงึ การโตแ ยง แลว้ , และการทีฉ่ ันไดเ้ คยเขา้ ไปฝึกหดั อยู่ในกองฝกึ หดั นายทหารทีอ่ อ๊ กซฟ์ อรด์ น้ันเป็นผลดี คานิยมเกี่ยวกับการหยา รางของสงั คมไทย แก่ฉันมากทีเดียว. ตั้งแต่ฉันได้เข้าไปประจ�าในกรมม้าหลวงแล้ว ฉันไม่ได้ขาดฝึกหัดเลย, จากบทประพันธเ ร่ือง หวั ใจชายหนุม และฉันได้ต้ังใจฝึกหัดและฟังค�าส่ังสอนจริงๆ. มาถึงเวลาน้ีเขาก�าลังบรรจุต�าแหน่ง (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถยกบทประพนั ธ ผูบ้ ังคับบญั ชา, เตรียมสา� หรบั ไปซอ้ มรบในปลายปีน,ี้ ฉนั ไดเ้ ปน็ ผูร้ ง้ั ผู้บังคบั หมวดผู้ ๑, และ ทแ่ี สดงเน้อื หาดงั กลาวไดอยา งหลากหลาย ไดเ้ ลื่อนยศเป็นนายหม่เู อก, เพราะฉะนน้ั ขอให้พอ่ ประเสริฐแสดงความยนิ ดีกับฉันดว้ ย. ฉนั เปนตน วา “ฉันถอื คติทีว่ าการแตงงานเปนกจิ คิดถงึ พ่อประเสริฐจริงๆ, อยากใหก้ ลับเขา้ มาอยู่ด้วยกนั ในกรงุ เทพฯ, ถ้าเขา้ มาฉันจะตอ้ งจงู สว นตวั ของฉนั โดยเฉพาะ” ขอ ความนแ้ี สดงวา เอาพ่อประเสริฐเข้าไปในกรมม้าหลวงด้วยอย่างแน่นอน, และเช่ือว่าพ่อประเสริฐก็จะชอบ ประพนั ธมีความเห็นวาการแตงงานเปน เรอ่ื ง ด้วย. ขอจบที; ว่างๆ จะบอกข่าวคราวมาอีก. ระหวา งคนสองคนไมไดเ กีย่ วของหรือขนึ้ อยู จากเพอ่ื นผกู้ �าลังตน่ื ตัว. ประพันธ์ กับคนอ่ืนในสงั คมมากนัก หรือกลา วไดว า ประพนั ธใ หค วามสําคญั เรอ่ื งการแตง งานใน ฐานะท่มี ีความสาํ คัญเฉพาะปจเจกบคุ คล หรอื ขอ ความท่ีวา “การที่ฉันจะคงเปนผวั หญงิ ทีไ่ มไ ดอ ยบู า นฉันแลว และไปอยูบ านชายอ่นื นน้ั เปนการหนา ดาน” ขอ ความน้ีเปนการ เนน ย้าํ ความสําคญั ของการครองคขู องสามี ภรรยาหากฝา ยหนงึ่ ฝายใดหมดรกั ตอกันแลว หรือไปคบหาคนใหมก ค็ วรจะเลกิ รากันไป 162 หากยงั คบกนั แตเ พยี งในนามกถ็ อื เปน เรอ่ื งทผี่ ดิ ) 3. นกั เรียนบนั ทึกความเขาใจลงในสมดุ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู 1 ศก ใชเ ปน คาํ ยอ ของศกั ราช สํานวน “ขุดอู” มคี วามหมายตรงกนั ขา มกบั สํานวนในขอ ใด 1. ลอยนวล 2 พระบรมราชปู ถมั ภ เปน คาํ ราชาศพั ทใ ชก บั พระมหากษตั รยิ หมายถงึ การคา้ํ จนุ 2. คลุมถุงชน การคํา้ ชู การสนบั สนนุ 3. เขาทา ยครวั 3 ผเู ลก็ เชอรพ ิเศษ หมายถงึ อาจารยพเิ ศษ 4. หมอบราบคาบแกว 4 เสอื ปา คือ ผูชายไทยท่มี ิไดเ ปน ทหารแตไดรับการฝกใหรูจักวิธกี ารรบ เพอ่ื จะ วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. คลุมถุงชน หมายถึง ลักษณะการแตง งาน ไดส ามารถปองกนั ชาติบานเมืองยามเมือ่ มีภยั ได มหี นา ท่ี คือ รกั ษาบา นเมืองซงึ่ อยู หนา ศึกซงึ่ ไมมีทหารรักษา ปะทะตานทาน หนว งเหนีย่ วขา ศึกไวเ พอื่ ใหกองทหาร ทีผ่ ใู หญเ ปนคนจดั หาใหโดยที่เจา บา วเจาสาวไมรูจ กั คุนเคย หรือรักกันมา ยกไปทัน รักษาดา นและขัดตาทัพในทีบ่ างแหง ชวยกองทหารไมใหต องแยกกอง กอ น ซ่งึ มีความหมายตรงขามกับสาํ นวน “ขดุ อ”ู ซึ่งหมายถงึ การตดั สินใจ เลอื กคูค รองดว ยตนเอง ยอ ยทาํ ใหเ ปลืองกาํ ลังเปลา ๆ รกั ษาการติดตอ บรรเทาภารกจิ ของกองทหาร ชวยลาดตระเวนสืบขาว รักษาความสงบเรยี บรอ ยภายใน ชว ยเจาหนา ทรี่ กั ษาความ สงบท่วั ไป ชวยเหลอื เวลาเกิดเพลงิ ไหม ลอ มวงั รักษาพระองค ชวยเหลอื เพอ่ื น 162 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ฉบบั ท่ี ๑๕ 1. นกั เรยี นกลมุ ที่ 9 นําเสนอเน้อื หา ดังตอไปนี้ • สรุปเนอ้ื หาจดหมายฉบบั ที่ 15 ถงึ พ่อประเสรฐิ เพ่ือนรัก. ท่พี กั กรมเสือป่าม้าหลวง ร.อ. (แนวตอบ ขึ้นอยูกับดลุ ยพนิ ิจของครผู ูส อน พระราชวังสนามจนั ทร์ ครูควรเพม่ิ เติมเน้อื หาใหส มบูรณ) วนั ท่ี ๒๓ มกราคม, พ.ศ. ๒๔๖- 2. นักเรยี นรวมกันตอบคําถาม ดงั ตอไปนี้ • การทีพ่ ระยาตระเวนมีภรรยาหลายคน ฉนั มเี วลาวา่ งอยวู่ นั นจ้ี ง่ึ เขยี นจดหมายฉบบั นมี้ าเพอื่ บอกขา่ วอะไรๆใหฟ้ งั บา้ งตามอยา่ ง สะทอนคา นยิ มในยคุ สมัยน้นั อยา งไร ท่เี คยมา. (แนวตอบ เปนตน วา การทพี่ ระยาตระเวน สามารถมีภรรยาไดห ลายคนในเวลา งานเฉลมิ พระชนมพรรษาปนี อี้ ยขู่ า้ งจะสนกุ มาก, และไมใ่ ชแ่ ตฉ่ นั ทเี่ หน็ เชน่ นน้ั ; คนอน่ื เดยี วกนั นน้ั สะทอนใหเห็นความไมเทาเทียม ก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน. เจ้าคุณตระเวนนครก็สนุกมากเหมือนกันตามประสาของเขา. เมื่อ กนั ระหวา งเพศชายและเพศหญิง และความ วนั ท่ี ๑ มกี ารเตน้ รา� ของกระทรวงตา่ งประเทศ พระยาตระเวนพาลกู สาวของเขาไป, แตไ่ มไ่ ด้ ไมเ ทา เทยี มกันนี้มไิ ดม เี พยี งเร่ืองการแตงงาน พาแมอ่ ุไรไปดว้ ย, เพราะยงั ไมไ่ ดเ้ ปน็ ผัวเมียกัน “โดยทางราชการ”. พระยาตระเวนแนะน�า หรอื คูครองเทาน้นั แตย งั รวมถึงความไม วา่ ถา้ แมอ่ ไุ รอยากไปในการเตน้ ร�าน้นั ดว้ ยกใ็ ห้ไปกับพ่อ, แต่แม่อไุ รฉนุ เลยไม่ไป. ข้อน้ันกลบั เทาเทยี มกันในทางเศรษฐกจิ ทฝี่ า ยหญิงตอง ทา� ใหพ้ ระยาตระเวนสนกุ มากขน้ึ , เพราะไดไ้ ปวางทา่ เปน็ ชายโสดไดอ้ ยา่ งถนดั ดตี ามเขาชอบ. พ่ึงพารายไดจ ากฝายชายเปนหลกั อาํ นาจ ในคืนน้ันมีผู้สังเกตเห็นว่าเขาออกจะชอบผู้หญิงสาวคนหนึ่งมาก, เพราะเห็นเต้นร�าด้วยกัน การตอรองในครอบครวั ระหวางฝา ยหญงิ หลายหน, และเมือ่ กนิ ของว่างก็ไปนัง่ กนิ อยดู่ ว้ ยกัน. หญิงคนน้ีชื่อสร้อย, เป็นลูกหลวงอะไร และฝายชายจงึ แตกตา งกนั นอกจากนี้ ฉันก็ฟงั ไมถ่ นัด, รูแ้ ต่วา่ เปน็ เพ่ือนรว่ มโรงเรียนกบั แมส่ อ่ งแสงลูกสาวพระยาตระเวน, ฉะน้ัน คา นยิ มของคนไทยในยุคสมยั น้นั ยงั มสี ว น จ่ึงรู้กันได้โดยสะดวกทีเดียว. ในคืนนั้นเมื่อกลับจากเต้นร�าเขาเลยพากันไปกินข้าวต้ม สนับสนุนใหฝา ยชายมีภรรยาไดห ลายคน ราชวงศ์ดว้ ยกนั . และไมถือวาเปนความผดิ ) ในระหว่างงานฤดูหนาวพระยาตระเวนก็ไปเดินควงอยู่กับแม่สร้อยโดยมาก; ส่วนแม่ 3. นักเรยี นบนั ทึกความเขา ใจลงในสมดุ อุไรน้ันไม่ได้ไปด้วยกัน, โดยอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่อ้างในการที่ไม่ไปในการเต้นร�าด้วยกัน นั้นเอง. ฉันต้องยอมว่าเขาช่างหาเหตุขัดข้องเก่งจริงๆ. เมื่อเป็นเช่นน้ีก็เป็นธรรมดาอยู่เอง ขยายความเขา ใจ Expand ท่ีแม่อุไรจะต้องรู้สึกแค้นไม่น้อย, และถ้าเป็นผู้ชาย ป่านน้ีก็คงไว้หนวดเคราเต็มหน้าแล้ว. 1. นักเรียนรว มกันอภิปรายในประเด็น ตอ ไปนี้ นช�้าึกใๆจมกาอ็กอทก่ีสจุดะ,นเา่ พสรงาสะาเรขแามถ่อือุไตรัว, วท่าเ่ตี ป้อ็นงหร้สูญกึ ิงตงาัวมเรแว็ ลเชะ่นยนั่วยี,้ วแน1ลมะาคกนทอ่ีสยุดา่ ใงนแเมม่อือไุ งรไคทงยจ,ะตแ้อลงะรเสู้ชกึื่อ • คานิยมการมีภรรยาหลายคนของสงั คมไทย ในปจ จบุ ันยงั คงมีอยหู รอื ไม หรอื มีความ ตัวของเขาว่าจะผูกใจอันรวนเรของพระยาตระเวนไว้ได้ช่ัวกาลนาน; เม่ือมาต้องแพ้เด็ก เปล่ียนแปลงหรอื ไม อยางไร (แนวตอบ เปนตนวา ในปจจุบันคานยิ มการ อนยกั ่าเรงยี ไรนบอ้าางย,ยุ งัแไตม่กเ่ ต็เง็มียบ๑อ๕ยู่ไมป่กีเชร่นะนโตค้ี กงตก้อระงเตสาียก2ใอจะมไารก,เปแ็นลแะนย.่ังคฉงนั อคยอู่ทยี่บฟ้างันอถยนู่วนา่ จราะชแปผลระงฤสทงคธ์ิ์ มภี รรยาหลายคนไมเ ปน ทยี่ อมรับ ท้งั ใน ดานกฎหมายทใ่ี หม กี ารจดทะเบียนสมรส น้ันเรื่อยมา. ฉันนึกประหลาดใจที่แม่อุไรยอมนิ่งอยู่ได้เช่นน้ี, และยังแปลไม่ออกว่าท�าไมจึ่ง และดานสงั คม เน่ืองจากผูห ญิงและผูชาย มีความเทา เทียมกนั ในดานสิทธิมากขึ้น) 163 2. นกั เรยี นบันทกึ ความเขาใจลงในสมุด ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู “ขนมปง ครึ่งกอ นยังดีกวา ไมม ีเลย” ครูควรพจิ ารณาตรวจสอบและเพม่ิ ประเด็นทีน่ ักเรียนนาํ เสนอใหครบถว น ขอความขางตน มีความหมายตรงกบั สาํ นวนไทยวาอยางไร จดหมายในฉบบั ท่ี 15 กลา วถึง การทป่ี ระพันธรูส ึกวา งานเฉลมิ ฉลอง 1. กินตามน้าํ พระชนมพรรษาปนี้สนุกมาก สวนพระยาตระเวนก็คงจะสนุกเหมอื นกัน เพราะไป 2. กนิ แกลบกนิ รํา ไหนมาไหนเปน ชายโสด เนื่องจากพระยาตระเวนกบั แมอุไรยงั ไมไดแ ตงงานกนั ตาม 3. กอแลว ตอ งสาน กฎหมาย ในตอนนพี้ ระยาตระเวนตดิ ผูห ญิงท่ชี อื่ สรอ ย อายเุ พียง 15 ป แตแมอไุ รก็ 4. กาํ ขี้ดีกวา กาํ ตด ยังไดแ ตนงิ่ เฉย เนื่องจากไมสามารถทําสง่ิ ใดได วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. กําข้ีดีกวากาํ ตด หมายถงึ ไดบา งดีกวาไมไ ด นกั เรียนควรรู อะไรเลย สอดคลองกับสาํ นวนทวี่ า “ขนมปง ครึ่งกอนยังดีกวาไมม ีเลย” 1 ยั่วยวน ทาํ ใหอีกฝายหนึ่งกําเรบิ รกั หรอื เกดิ ความใคร 2 กระโตกกระตาก หมายถึง สง เสยี งใหเขารอู ยางไกกาํ ลงั ออกไข ความหมาย โดยปรยิ ายหมายความวา เปดเผยขอ ความที่ตองการปด บงั คมู ือครู 163
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. นกั เรียนรว มกนั อภิปรายในประเดน็ ตอ ไปนี้ ยังน่ิงอยู่ได้. หรือจะเป็นเพราะรู้สึกข้ึนมาว่าถ้าจะเลิกกับพระยาตระเวนก็จะได้ความ • นกั เรยี นคดิ วา ประพันธเห็นดว ยกับคานยิ ม ลา� บาก, คือจะหาท่ีอยู่ไมไ่ ดน้ อกจากทจ่ี ะต้องกลับไปงอ้ พ่ออกี , ซ่ึงจะทา� ไมไ่ ด้มากนักเพราะ การมีภรรยาหลายคนหรือไม ประพนั ธแสดง เจ้าหล่อนได้อวดดีไว้เสียมากแล้วว่าไม่จ�าเป็นต้องพึ่งพ่ออีกต่อไป; ฉะนั้นจ่ึงจ�าใจยอมนิ่ง ความคิดเหน็ ตอ คานิยมเกีย่ วกบั การมภี รรยา ทนอย,ู่ เพราะอยา่ งไรๆ กย็ ังมีบ้านอยูเ่ ป็นอิสระ, และเงนิ ทองกค็ งยังมีใช้, รวมความกเ็ ป็น หลายคนในประเดน็ ใดบา ง อยางไร อนั วา่ หลอ่ นคงเหน็ ชอบตามสภุ าษติ องั กฤษวา่ : “ขนมปงั ครงึ่ กอ้ นยงั ดกี วา่ ไมม่ เี ลย” นกึ ๆ ไป (แนวตอบ ประพนั ธแ สดงความคิดเหน็ โตแยง กน็ า่ อนาถใจทีผ่ ู้หญงิ หรูเชน่ แมอ่ ุไรต้องมาตกอยู่ในท่ลี า� บากเช่นท่ีกลา่ วมาน.ี้ พรอมกับนําเสนอแนวทางการแกไ ขปญ หา คา นยิ มเก่ยี วกบั การมีภรรยาหลายคนของ ท่ีจริงนึกๆ ไปก็น่าประหลาดท่ีผู้หญิงท�าไมพอใจไปยอมเป็นเมียคนอย่างพระยา สงั คมไทย โดยกลา ววา สาเหตุสําคญั เกิดจาก ตระเวน. ถา้ เปน็ ใจฉัน ฉันคงอยากไดผ้ วั ท่ีไม่มีเมยี อยอู่ ีกคน ๑ หรือหลายๆ คนแลว้ เป็นแน่; การท่ผี หู ญงิ พึงพอใจในการเปน ภรรยาของ แต่ความจริงมันมีอยู่ว่า ผู้ชายใดย่ิงมีช่ือเสียงเป็นนักเลงผู้หญิงก็มักจะยิ่งหาเมียง่าย ซึ่งฉัน ผูชายทม่ี ภี รรยาอยูแลว หลายคนจึงเปนเหมือน แลไม่เห็นเลยว่าท�าไมจ่ึงเป็นเช่นนั้น. มีผู้พูดกันอยู่หลายคนว่าถึงเวลาแล้วที่ไทยเราควรจะ คาํ อนญุ าตใหฝ ายชายมภี รรยาไดห ลายคน ใช้ธรรมเนียมมีเมียคนเดียว, แต่ก็ดูไม่มีใครเต็มใจที่จะเป็นผู้เริ่มถือธรรมเนียมน้ันโดย คนไทยควรปรับทัศนคติหรือคา นิยมใหฝ า ย เคร่งครัดเลย. แม้ผู้ท่ีได้ไปเรียนยุโรปกลับมาก็มามีเมียมากๆ เหมือนกัน, เพราะฉะนั้นจะ ชายมภี รรยาไดเ พียงคนเดยี ว แตก ไ็ มม ใี คร หวงั ความเปลี่ยนแปลงจากคนพวกท่เี รียกว่า “หวั นอก” อยา่ งไรได.้ ใครมีเมียคนเดียวออก เครง ครดั นัก แมจะเปน นกั เรยี นท่ีจบจากตาง จะถูกหาวา่ เป็นคนโง่ดว้ ยซ�้า. การมเี มยี หลายๆ คน ไมท่ า� ให้ตอ้ งรับความเสอ่ื มเสยี อยา่ งไร ประเทศก็ตาม กลบั ยนิ ดีทจ่ี ะทําตาม เลย,... ฉะนั้นจะมีทหี่ วงั อยกู่ ็แต่ทต่ี ัวผหู้ ญงิ เองเท่านัน้ ; ถา้ เมอ่ื ไรผู้หญงิ ไทยท่ีดๆี พรอ้ มใจกัน คานยิ มดงั กลาว นอกจากน้ี ยงั ช้ใี หเ หน็ วธิ ีการ ต้ังกติกาไม่ยอมเป็นเมียคนที่เล้ียงผู้หญิงไว้อย่างเลี้ยงไก่เป็นฝูงๆ เท่าน้ันแหละ, ผู้ชายพวก แกปญหา โดยการใหผ หู ญงิ ไทยดๆี พรอมใจ มกั มากในกามจงึ่ จะต้องกลับความคิด และเปล่ียนความประพฤติ. กนั แตงงานกับฝา ยชายทเี่ ลือกจะมีภรรยาคน เดียว จึงเปน แนวทางการแกป ญ หาน้ไี ดอ ยา ง เออฉันได้ยนิ แตรตรวจแลว้ , ต้องขอจบเทา่ น้ีทีก่อน. เหมาะสม หรอื กลา วไดว า ผหู ญงิ ควรเปลยี่ น จากเพ่อื นผูค้ ดิ ถงึ . ทัศนคตใิ นการเลอื กคคู รองเสียกอ น ปญ หา การมีภรรยาหลายคนถงึ จะไดร บั การแกไ ข) หลวงบริบาลบรมศักดิ์ 164 2. นกั เรยี นยกบทประพนั ธท ี่แสดงถึงการโตแ ยง คานิยมเก่ยี วกบั การมีภรรยาหลายคนจากเร่ือง เปนตนวา “...ถึงเวลาแลวที่ไทยเราควรจะใชธรรมเนียมมี เมยี คนเดียว...” หรือ “...ฉะนน้ั จะมีทีห่ วงั อยกู แ็ ตที่ตัวผูหญิงเอง เทา นน้ั ;ถาเมื่อไรผหู ญงิ ไทยที่ดๆี พรอ มใจกนั ตง้ั กตกิ าไมย อมเปน เมยี คนทเ่ี ลย้ี งผหู ญงิ ไวอ ยา ง ไกเ ปน ฝูงๆเทา นนั้ แหละ, ผชู ายพวกมกั มากใน กามจึง่ จะตอ งกลบั ความคดิ และเปล่ยี นความ ประพฤต”ิ เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT จากเรือ่ ง หวั ใจชายหนุม นกั เรยี นพิจารณาขอความ ตอไปนี้ ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเก่ยี วกบั การวิเคราะหว จิ ารณเน้อื หาของ “หลอ นไดขดุ อูตามใจตนเองแลว เมอ่ื นอนในอูนั้นไมสบายจะโทษใครได” วรรณคดี โดยครูควรจดั กิจกรรมท่เี นน ใหน ักเรียนไดแ สดงความคดิ เหน็ ท่ีมตี อ บท ซงึ่ สอดคลอ งกบั สาํ นวนไทยทวี่ า “ปลกู เรอื นตามใจผอู ยู ผกู อตู ามใจผนู อนนน้ั ” ประพนั ธหรือวรรณคดที ี่นักเรียนอา น จากน้ันนักเรียนรวมกันอภปิ รายแสดงความ มคี วามหมายตรงขามกับสาํ นวนไทยในขอใด คิดเห็น เพอ่ื สรา งบรรยากาศการเรียนการสอนท่ีมคี วามเปนประชาธิปไตย นกั เรียน 1. คลมุ ถุงชน สามารถอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ ไดอ ยางหลากหลาย และรว มกันอภปิ ราย 2. ตที า ยครัว แลกเปล่ียน เปน การฝกใหนักเรยี นเปด ใจกวา ง ยอมรับความคดิ เห็นของผอู ืน่ อยาง 3. เรอื ลม ในหนอง หลากหลาย นอกจากน้ี ครูควรเพมิ่ เติมความรเู ก่ียวกบั อทิ ธิพลทางสังคมและ 4. ปลกู เรือนครอมตอ วัฒนธรรมท่ีมตี อแนวคดิ ของกวี เพ่ือใหน ักเรยี นสามารถตคี วามไดอยางรอบดา น วเิ คราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. คลุมถงุ ชน หมายถึง ลกั ษณะการแตงงาน เสนอความคดิ เหน็ ไดอ ยางแหลมคมและมีวจิ ารณญาณ ท่ผี ูใ หญเ ปนคนจัดหาให โดยทเี่ จาบาวเจา สาวไมรูจักคนุ เคย หรอื รกั กัน มากอ น ซึ่งมคี วามหมายตรงขา มกบั สาํ นวน “ปลกู เรอื นตามใจผอู ยู ผูกอู ตามใจผูนอนนั้น” อนั หมายถงึ การตัดสินใจเลอื กดวยตนเอง 164 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู 1. นกั เรยี นกลมุ ที่ 10 นําเสนอเนอ้ื หา ดงั ตอไปนี้ • สรปุ เนอ้ื หาจดหมายฉบบั ที่ 17 (แนวตอบ ขน้ึ อยูกับดุลยพินิจของครผู สู อน ฉบบั ท่ี ๑๗ ครูควรเพ่ิมเตมิ เน้อื หาใหสมบูรณ) 2. นักเรยี นรวมกันตอบคําถาม ตอไปนี้ • นกั เรยี นคดิ วา เหตุใดแมอ ไุ รจงึ ตองประสบ บ้านเลขที่ ๐๐ ถนนสีพ่ ระยา กับสถานการณ “ไมเ ห็นทีพ่ ่ึงแหง ใดอีกแลว ” วันท่ี ๓ มนี าคม, พ.ศ. ๒๔๖- เนือ่ งจากถกู พระยาตระเวนทอดท้งิ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดหลาย ถงึ พอ่ ประเสรฐิ เพ่อื นรกั . แนวทาง เปน ตนวา แนวทางแรกอาจตอบวา เปน เพราะนิสัยของแมอ ุไรท่ไี มม คี วาม ตลอดเวลาเดือนก่อนนี้ฉันได้เขียนจดหมายมาถึงเพื่อนได้แต่ฉบับเล็กๆ และเล่าแต่ ยบั ย้ังชงั่ ใจ ประพฤตติ นไมเ หมาะสม เรือ่ งซอ้ มรบ, ซงึ่ นา่ กลวั จะได้ทา� ให้เพ่อื นเบอ่ื มากกระมงั ? ถ้าเชน่ น้นั ก็ขอโทษเถิด, แต่ใน เมอ่ื มีสามแี ลวกลบั ไปคบหาชายคนใหม เดือนกุมภาพันธ์ฉันหาเร่ืองอะไรเล่ามาให้ฟังไม่ได้จริงๆ, เพราะเป็นเวลาที่ไปอยู่ค่ายท่ี ชายผูน้นั กม็ ไิ ดเห็นคา ตนเองแตอยางใด บ้านโป่ง และออกเดินกองพักแรมในสนาม, ก็เป็นธรรมดาอยู่เองท่ีฉันจะหาเร่ืองอะไรเล่า หรืออกี แนวทางหนึ่งอาจกลา ววาแมอ ไุ รเปน มาใหฟ้ งั ไมไ่ ดน้ อกจากเรอ่ื งกจิ การของฉนั ในหนา้ ทเ่ี สอื ปา่ , ทกี่ ระทา� อยเู่ ปน็ การประจา� . ฉนั มี คนที่มนี สิ ยั เอาแตใจตวั และรับคา นิยม ความยินดีที่ฉันได้เลื่อนยศเป็นนายหมู่ใหญ่ข้ึนแล้ว, นับว่าได้ขึ้นเร็วเกินกว่าที่ตัวฉันเอง ตะวันตกมาแบบผิดๆ ทําใหใ ชช วี ติ แบบ คาดหมาย. อิสรเสรีมากเกินไป จนไมค าํ นึงถงึ ความ เหมาะสมตามขนบธรรมเนียมประเพณี พอฉันกลับมาถึงบ้านนี้ได้ไม่กี่วันก็ได้รับแขกอย่างผิดความคาดหมาย, คือ แม่อุไร! ท่คี วรปฏบิ ัต)ิ แปลกไหม? คา่� วนั นน้ั ฉนั นงั่ อา่ นหนงั สอื อยู่ คนใชม้ าบอกแมอ่ ไุ รมาหา, ในชน้ั ตน้ ฉนั ไมเ่ ชอ่ื ; ฉันถามมันไปว่า: “อุไรไหน?” คนใช้มันท�าหน้าเลิกล่ักแล้วตอบว่า; “คุณอุไรน่ะสิขอรับ” 3. นกั เรยี นบันทึกความเขาใจลงในสมดุ ฉันทราบแน่ว่าคือเมียเก่าของฉันนั่นเอง, แ1ล้วฉันก็ลุกออกไปหาท่ีห้องรับแขก. หล่อนแต่ง ตวั เรยี่ ม, เสอื้ แพรสชี มพบู างๆ, นงุ่ ผา้ ซน่ิ ไหมชมพ,ู ประดบั เครอ่ื งเพชรพลอยนอ้ ยๆ พองาม, แต่ผัดหน้ามากไปสักหน่อย. พอหล่อนเห็นฉันเข้าไปในห้องรับแขกหล่อนก็ลุกขึ้นยืน, ท่าทางออกจะไมส่ ้สู บายนักแตฝ่ นื ยิ้ม. ฉนั คา� นับอย่างหน้าเฉยๆ, เชิญให้หล่อนน่ัง, และนง่ั ขยายความเขา ใจ Expand ลงในท่ไี มห่ ่างเกินไป, แล้วถามวา่ หล่อนมคี วามประสงค์อะไร. หลอ่ นเอย่ ขึ้นวา่ : “พูดยาก 1. นักเรยี นยกตัวอยางการกระทําของแมอ ุไรท่ี นัก-!” แลว้ กน็ ่งิ องึ้ ; ฉันก็นง่ั นง่ิ รอฟงั อยู่เฉยๆ. สักคร่หู น่งึ หล่อนพูดต่อไปว่า : “คณุ ไม่ชว่ ย นกั เรียนเห็นวา ความประพฤตขิ องแมอไุ รมี ความขดั แยง กบั ขนบธรรมเนยี มประเพณขี อง ดิฉันบ้างเลยนีค่ ะ” ฉนั ตอบว่าฉนั เสยี ใจ, ไม่ทราบว่าจะชว่ ยหล่อนได้อยา่ งไร. หลอ่ นนิง่ อยู่ สังคมไทยในยุคสมยั ของผูป ระพนั ธ อกี ครูใ่ หญๆ่ แล้วจึง่ พดู : “ดฉิ ันผิดไปแล้ว, ผดิ มากแตต่ น้ จนปลาย; ดิฉันได้ทา� ให้คุณหลวง (แนวตอบ กลา วถึงการท่แี มอ ไุ รคบหากบั ชาย ต้องรับความเดือดร้อนร�าคาญมาแล้วมากมาย, และคุณหลวงควรที่จะเกลียดดิฉันจริงๆ คนอ่นื ในขณะทตี่ นเองมีสามอี ยูแลว หรอื มี แต่ถึงคุณหลวงจะเกลียดดิฉันสักปานใดก็คงไม่มากเท่าดิฉันชังตัวเองเป็นแน่” พูดดังน้ีแล้ว ความชน่ื ชอบการออกไปเท่ียวกลางคืนเปน หลอ่ นก็ควกั ผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน�้าตา. ประจํา จนกระทั่งสรางหนส้ี นิ ใหสามตี องตาม ฉนั ก็นงั่ นงิ่ อย,ู่ จะให้ฉนั ตอบว่ากระไรได้. 165 ไปชดใชเปน จํานวนมาก ซง่ึ ถอื เปน การกระทํา ทข่ี ดั แยง กบั ขนบของสังคมและวัฒนธรรม) 2. นกั เรียนบันทึกความเขา ใจลงในสมุด ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู “ในสว นทีห่ ลอนกับฉนั จะกลบั ดีกนั ใหมน้ัน ไมแ ลเหน็ หนทางที่จะ ครคู วรพจิ ารณาตรวจสอบและเพ่ิมประเด็นที่นักเรียนนาํ เสนอใหค รบถวน เปนไปได และผลที่จะไดก ็จะมีแตความรอนใจไรส ขุ ดว ยกนั ทง้ั ค”ู จดหมายในฉบับท่ี 17 กลาวถงึ ประพันธไ ปอยทู ี่คา ยและไดเ ล่ือนตาํ แหนง เมอ่ื กลับ มาทบ่ี าน แมอไุ รก็มาขอคืนดี และขอรอ งใหประพันธชุบเล้ยี งหลอนอกี ครงั้ เพราะ จากขอความขางตน ผพู ดู มคี วามคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ชีวติ คขู องเขาอยางไร หลอนไมม ีที่ไป บานทีพ่ ระยาตระเวนซ้ือให ตอนนีก้ ย็ กใหแมสรอยซึ่งเปน ภรรยาใหม 1. เขาทั้งสองคนไมส ามารถคนื ดีกนั ได เสยี แลว จะกลับไปหาพอ ก็ไมไ ด เนอ่ื งจากเคยพูดอวดดกี บั พอ ไว แตป ระพนั ธเ ห็นวา 2. เขาทั้งสองคนเปน คสู ามีภรรยาท่ไี มเ หมาะสม แมอ ุไรควรกลับไปอาศัยอยูกับพอ จะดกี วา หลอ นจงึ กลับไปอาศยั อยูท่บี า นของพอ 3. หากทั้งสองอยดู วยกนั ยอมเกดิ การทะเลาะเบาะแวง กนั อกี ครัง้ หนึ่ง 4. เขาท้งั สองคนอยรู ว มกนั ไมได เพราะเปน คนใจรอนดวยกนั ทง้ั คู วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เขาท้ังสองคนไมส ามารถคนื ดีกนั ได โดย พิจารณาจากเนือ้ หาและบรบิ ทของขอความ ขอ นจี้ ึงมีความสอดคลองกับ โจทยท่ีถามความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ชีวิตคขู องตวั ละครไดช ัดเจนมากกวา นักเรยี นควรรู 1 ไหม ใยของสตั วช นดิ นกี้ เ็ รยี กวา ไหม เมอื่ นาํ มาทอเปน เครอื่ งนงุ หม เรยี กเครอ่ื ง นุง หม ทีท่ อดวยไหมวา ผาไหม หรือหากนาํ ไปตัดเยบ็ เปนเคร่ืองแตงกายก็มีการระบุ เน้ือผารว มกบั ลักษณะของเครอื่ งแตงกายดวย คมู ือครู 165
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Evaluate Expand ขยายความเขา ใจ Expand 1. นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายในประเดน็ ตอไปนี้ หลอ่ นซับน้�าตาพลาง; ช�าเลอื งดฉู ันพลาง; คร้นั เหน็ ฉนั นง่ั เฉยอยู่ หลอ่ นจึ่งพูดตอ่ ไป • นักเรียนคดิ วา การที่แมอไุ รตองพง่ึ พา อกี ว่า; “คณุ หลวงจะลงโทษอย่างไรดฉิ นั จะยอมรับทุกอย่าง, ขอแตใ่ ห้มีความกรุณาตอ่ ดฉิ ัน ฝา ยชายในการดาํ รงชวี ติ อยเู สมอ ไมว า จะ ผเู้ ปน็ สัตวผ์ ้ยู ากเทา่ นนั้ .” เปนการพึง่ พาพอ สามี และครู ักใหมอ ยาง พระยาตระเวน ในการดํารงชีวิตสะทอน ฉันจึ่งตอบว่า : “ฉันแลไม่เห็นว่าฉันจะมีอ�านาจลงโทษหล่อนอย่างไร, และยังไม่ คา นิยมของสงั คมไทยอยา งไร เขา้ ใจดว้ ยว่าทหี่ ลอ่ นขอความกรุณานัน้ หมายความอยา่ งไร.” (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความ คดิ เห็นไดอ ยา งหลากหลายขึ้นอยกู บั เหตุผล แมอ่ ไุ รอง้ึ อยคู่ รใู่ หญๆ่ แลว้ จงึ่ พดู วา่ ; “ดฉิ นั ไมเ่ หน็ ทพ่ี ง่ึ แหง่ ใดอกี แลว้ นอกจากคณุ หลวง, ของนกั เรียน เปนตนวา คา นยิ มของสงั คมไทย และถา้ คณุ หลวงเมตตาชบุ เลย้ี งดฉิ นั อกี ครง้ั หนง่ึ แลว้ ดฉิ นั สาบานวา่ จะปฏบิ ตั ริ บั ใชค้ ณุ หลวง เดมิ เชื่อวาผูห ญงิ เปนเพศทอี่ อ นแอตอ งไดรบั อย่างข้าทาสทีเดียว, ไม่ขอมีนายอนื่ นอกจากคุณหลวงเปน็ อันขาด.” การปกปอ งดแู ลเสมอ หรอื อีกแนวทางหน่งึ ผหู ญงิ เม่ือยงั ไมแตงงานถอื เปนสมบัตขิ อง ฉันจะตอบอย่างไรก็เห็นว่าไม่เหมาะ, จึ่งถามไปว่าหล่อนมีความคับแค้นอย่างไร, พอ เมอ่ื แตง งานแลวถือเปน สมบตั ิของสามี เปน็ อนั ไดค้ วามวา่ พระยาตระเวนเขาตอ้ งการบา้ นทถี่ นนราชประสงคน์ นั้ สา� หรบั ใหแ้ มส่ รอ้ ย หรืออาจตอบวา เพราะแมอไุ รไมเ รียนรูทีจ่ ะ เมียรักของเขาอยู่, เขาจึ่งขอให้แม่อุไรย้ายไปอยู่ท่ีอื่น. ครั้นว่า แม่อุไรจะกลับไปอาศัยบ้าน พ่งึ พาตนเองจงึ ตอ งอาศัยผูอื่นดูแลเสมอ โดย พอ่ ของตวั ก็ยังกลัวเสยี รศั มี, เหตทุ ่ีพดู ไว้แล้ววา่ จะไม่พึ่งพาอาศยั พ่ออีกตอ่ ไป. นอกจากการ พิจารณาบริบทของยคุ สมยั รว มดว ย) ท่ีจะไม่มีบ้านอยู่, มิหน�าซ้�าเงินก็จะไม่มีใช้สอย, เพราะเงินที่พระยาตระเวนเคยให้อยู่น้ันก็ • นกั เรียนคดิ วา คา นิยมดังกลา วแสดงใหเ หน็ ลดจ�านวนลงทุกที, จนในท่ีสุดเขาไม่ได้ส่งไปให้สองเดือนแล้ว. ฉันได้ทราบเรื่องราวตลอด ความไมเ ทา เทียมกันระหวา งเพศหญงิ และ แลว้ เชน่ นน้ั ฉนั กบ็ อกแม่อไุ รโดยตรงวา่ ฉันก็เสียใจที่หลอ่ นต้องรบั ความลา� บากเช่นน้นั , แต่ เพศชายหรือไม อยา งไร ขอใหห้ ล่อนนกึ ดวู ่า หลอ่ นไดข้ ดุ อูต่ ามใจตนเองแลว้ เมื่อนอนในอู่นน้ั ไม่สบายจะโทษใครได้. (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความ ส่วนการท่ีหล่อนกับฉันจะกลับดีกันใหม่นั้น, ฉันไม่แลเห็นหนทางท่ีจะเป็นไปได้, และผลท่ี คดิ เหน็ ไดอ ยา งหลากหลายขนึ้ อยกู บั เหตผุ ลของ จะได้ก็จะมแี ต่ความรอ้ นใจไรส้ ุขดว้ ยกนั ทัง้ คเู่ ท่านัน้ , ขออย่าให้คดิ ต่อไปดีกว่า, และในทส่ี ุด นกั เรียน เปน ตน วา คา นิยมดงั กลา วสะทอ น ฉันแนะน�าวา่ ใหห้ ลอ่ นกลับไปงอ้ พ่อของหลอ่ น และกลับไปอยู่กับพอ่ ดกี วา่ . ความไมเทา เทยี มทางเพศ คอื เพศชายเหนอื กวา เพศหญิง จงึ สามารถมภี รรยาไดหลายคน เมื่อเหน็ ว่าจะอยู่ต่อไปไมเ่ ปน็ ประโยชนแ์ ลว้ แมอ่ ไุ รกล็ ากลับไป, และฉันได้ขา่ วมาวา่ รวมถงึ ภาพมายาทเ่ี ห็นวา ฝา ยหญิงมคี วาม ตกลงไปงอ้ พอ่ , ปรองดองกันแล้ว, กเ็ ปน็ การดีสา� หรบั ตัวหล่อน. ออนแอรบั ผดิ ชอบตนเองไมไ ด ฝา ยชายจงึ ตองรับผิดชอบดูแล แตห ากพจิ ารณาสภาพ ตามท่ีฉันได้ประพฤติมาแล้ว หวังใจว่าพ่อประเสริฐจะเห็นด้วยว่าฉันได้ท�าถูกแล้ว, ทางเศรษฐกิจ รวมถึงโอกาสทางสังคมท่มี ตี อ เพราะไมม่ ีทางจะท�าอย่างอนื่ ได้. เพศหญงิ อาจกลาวไดวา ในสงั คมไทยแตเ ดมิ ฝา ยหญงิ ไมส ามารถทาํ งานรบั ราชการได จากเพ่ือนทีร่ กั . จงึ ทาํ ใหฝ า ยหญงิ ตอ งพ่งึ พาฝา ยชาย หลวงบริบาลบรมศกั ด์ิ ดานเศรษฐกจิ และสถานะทางสังคมเสมอ) 166 2. นกั เรียนบนั ทึกความเขา ใจลงในสมดุ เกร็ดแนะครู บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครูบูรณาการเชือ่ มโยงองคค วามรจู ากบทเรยี นเรือ่ ง หวั ใจชายหนมุ ครคู วรจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนโดยเนน ใหน ักเรยี นไดอ ภปิ รายแสดง กบั วชิ าในกลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม รายวชิ า ความคิดเหน็ ทมี่ ีตอบทประพนั ธท่นี กั เรียนไดศกึ ษา นักเรียนสามารถอภปิ รายแสดง ประวัตศิ าสตร เกี่ยวกับประวัตศิ าสตรสังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะดาน ความคิดเห็นไดอ ยา งเตม็ ท่ี เนน การอภปิ รายแสดงความคิดเห็นโตแยงหรอื สนับสนุน ขนบธรรมเนียมประเพณขี องผหู ญิงวา สังคมไทยมกี รอบวธิ ีคดิ เกยี่ วกับการ ขอ เสนอตา งๆ ท่ีนกั เรยี นเสนอมาเปน หลกั เพื่อสรา งบรรยากาศการเรยี นการสอน ประพฤตปิ ฏิบตั ิตนของผูหญงิ ในแตล ะยุคสมยั ที่มีความแตกตางกนั หรือไม ใหน ักเรยี นไดเปด กวา งทางความคิด นกั เรยี นสามารถเปด ใจรบั ฟง ความคิดเหน็ อยา งไร เพอื่ ใหนกั เรียนสามารถศึกษาเกยี่ วกับคา นิยมของสังคมไดอ ยาง ของผอู น่ื ไดอยางหลากหลาย นอกจากนี้ ครูควรเพ่มิ เตมิ ความรูเกี่ยวกบั อทิ ธิพล ลึกซ้ึง และสามารถนําองคความรดู ังกลาวมาใชใ นการวเิ คราะหสงั คมและ ทางสงั คมและวฒั นธรรมที่มีตอแนวคิดของกวี เพ่อื ใหนักเรยี นเกดิ การนําขอมูล วฒั นธรรมทีป่ รากฏในวรรณกรรมได ดงั กลา วมาใชใ นการวเิ คราะหแ ละวพิ ากษวิจารณไ ดอ ยา งรอบดานและแหลมคม เพ่ือใหน กั เรยี นเกดิ การพฒั นาความคดิ อยูตลอดเวลา โดยเฉพาะอยางยิ่งเพื่อให นกั เรยี นสามารถคิดวิเคราะหไ ดอ ยา งมีวจิ ารณญาณ 166 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู Explain ฉบับที่ ๑๘ 1. นกั เรียนกลุมที่ 11 นาํ เสนอเน้อื หา ดงั ตอ ไปน้ี • สรุปเนอ้ื หาจดหมายฉบบั ท่ี 18 ถงึ พ่อประเสรฐิ เพ่ือนรกั . บา้ นเลขท่ี ๐๐ ถนนสี่พระยา (แนวตอบ ข้นึ อยูก ับดลุ ยพนิ ิจของครูผูสอน วนั ท่ี ๑๓ เมษายน, พ.ศ. ๒๔๖- ครคู วรเพมิ่ เติมเน้ือหาใหสมบูรณ) ฉนั ตอ้ งรบี บอกขา่ วดมี าใหท้ ราบ. แมอ่ ไุ รไดต้ กลงแตง่ งานแลว้ กบั หลวงพเิ ศษผลพานชิ , 2. นักเรยี นรวมกันตอบคําถาม ดงั ตอไปน้ี พ่อค้ามั่งมี, ซ่ึงนับว่าเป็นโชคดีส�าหรับหล่อน. เพราะอาจจะหวังได้ว่าจะได้มีความสุขต่อไป • นักเรยี นคิดวา จดหมายฉบบั นป้ี ระพนั ธ ในชวี ติ . จรงิ อยหู่ ลวงพเิ ศษนน้ั รปู รา่ งไมใ่ ชเ่ ทวดาถอดรปู , แตห่ วงั ใจวา่ คงจะเขา้ ลกั ษณะขนุ ชา้ ง, แสดงความรสู กึ ตอ เหตกุ ารณต า งๆ คือ “ถึงรูปชั่วใจช่วงเหมือนดวงเดือน.” แต่ถึงจะใจไม่ช่วงเขาก็มีเงินพอท่ีจะซื้อความสุขให้ ที่เกดิ ขนึ้ วาอยา งไร แม่อไุ รได.้ (แนวตอบ เปนตน วา ประพนั ธรูสึก คลายความวิตกกังวลลงไปได จากการที่ 1การที่แม่อุไรได้ผัวใหม่เป็นเนื้อเป็นตัวเสียแล้วเช่นน้ี ท�าให้ฉันเองรู้สึกส้ินความตะขิด- แมอไุ รแตงงานใหม และตอนนี้กร็ สู ึก ปลืม้ ใจเนอ่ื งจากพบคนทถี่ กู ใจเชน กัน) ตะขวงห่วงใย. และรสู้ กึ วา่ อาจจะคดิ หาคู่ใหม่ได้โดยไมต่ ้องมีข้อควรรงั เกียจรังงอนเลย. พ่อ ประเสริฐเป็นเพื่อนรักกันอย่างสนิทสนมท่ีสุด, เพราะฉะน้ันฉันขอบอกตรงๆ ว่า ฉันได้รัก 3. นกั เรียนบันทกึ ความเขาใจลงในสมดุ ผหู้ ญงิ อยูร่ ายหนึ่งแลว้ , ซ่ึงฉันหวังใจวา่ จะไดเ้ ปน็ คู่ชวี ติ กันต่อไปโดยยั่งยืนจริงจัง. หลอ่ นชอื่ นางสาวศรีสมาน, เป็นลูกสาวพระยาพิสิฐเสวก. ฉันกับหล่อนได้คุ้นเคยพูดจากันเป็นที่ ขยายความเขา ใจ Expand ตอ้ งใจกันแล้ว, และเจา้ คณุ พสิ ฐิ กับคณุ พอ่ ของฉนั ก็ชอบกนั มาก. ฉะนน้ั พอพ่อประเสริฐกลับ เข้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็เตรยี มตัวไว้เป็นเพอื่ นบ่าวทเี ดยี วเถดิ ! 1. นกั เรียนรวมกนั อภิปรายในประเดน็ ตอไปน้ี • นกั เรยี นเปรียบเทยี บทศั นคตขิ องประพันธ จากเพ่อื นผกู้ �าลงั ปลมื้ ใจ. ในการเลอื กคูชีวิตวา การเลอื กคูท ่ปี รากฏ หลวงบรบิ าลบรมศกั ด์ิ ในตอนนกี้ ับตอนกอ นหนา นม้ี ีความ เปล่ียนแปลงหรอื ไม อยา งไร (แนวตอบ เปน ตนวา มีความเปล่ียนแปลงจาก แตเดมิ ท่ีพจิ ารณาเพยี งเปลือกนอก และใช เวลาในการศึกษากันไมนาน นอกจากนี้ ยงั เชอื่ วาการเลอื กคขู ึน้ อยกู ับการตัดสินใจของ ตนเองเทานัน้ แตในทายท่ีสดุ นี้ การเลือกคู ตองไดร บั ความเห็นชอบจากผใู หญด วย) 2. นกั เรียนบนั ทึกความเขาใจลงในสมดุ ตรวจสอบผล Evaluate 1. นักเรยี นสรปุ เนือ้ หาและสาระสําคัญได 2. นักเรียนสรปุ พฒั นาการของตัวละครได 167 3. นกั เรียนอธบิ ายเปรียบเทียบประเดน็ ดานสงั คม และวัฒนธรรม ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู “จริงอยหู ลวงพิเศษนัน้ รปู รา งไมใ ชเ ทวดาถอดรปู แตหวงั ใจวา คงจะเขา ลักษณะขุนชา ง คอื ‘ถงึ รูปช่ัวใจชว งเหมือนดวงเดือน’ แตถึงจะใจไมชวง ครูควรพจิ ารณาตรวจสอบและเพิม่ ประเด็นท่ีนักเรยี นนาํ เสนอใหค รบถว น เขากม็ เี งินพอท่จี ะซอ้ื ความสุขใหแมอ ไุ รได” จดหมายในฉบับท่ี 18 กลาวถงึ แมอไุ รไดแตง งานกบั หลวงพเิ ศษ ผลพานิช พอคา ขอใดใชโ วหารภาพพจนสอดคลอ งกับขอความขา งตน มั่งมี ประพันธจ ึงคลายหวง สวนประพนั ธก็ไดร กั ชอบพอกบั นางสาวศรสี มาน 1. อยาดทู ง้ั เปลวอัคคี แตว ันนขี้ าดกนั จนบรรลัย ลูกสาวพระยาพิสิฐเสวก นอกจากนี้ ครคู วรสรุปความคิดเหน็ จากการรว มอภิปราย 2. เสยี งโกลนกระทบแผงขา งมา ดังวาเสยี งพายอุ ึงอล แสดงความคิดเหน็ ของนกั เรียน ทั้งจากการปฏิบัติกิจกรรมในหองเรียน และจาก 3. หวงั เปน เกอื กทองรองบาทา พระผูวงศเ ทวาอนั ปรากฏ สมดุ บันทึกความเขาใจทน่ี ักเรยี นบนั ทกึ ในขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม รวมถงึ ครคู วร 4. อนั กรงุ ไกรไอศูรยทัง้ สอง จะเปนทองแผนเดยี วไปวนั หนา เพิ่มเติมขอมลู ตา งๆ เพ่ือปรับความเขาใจของนักเรยี นใหม คี วามชัดเจนยิ่งขึ้น พรอ มกันน้ันครคู วรตรวจสอบความเขา ใจ ตลอดจนความสนใจของนกั เรียนใน วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เสยี งโกลนกระทบแผงขา งมา ดังวา เสียง การปฏิบัตกิ ิจกรรมการเรียนการสอนเพมิ่ เตมิ อีกดวย พายุองึ อล เปน การใชโวหารภาพพจนแ บบอุปมาโวหาร นักเรยี นควรรู 1 ตะขิดตะขวง อาการทีท่ ําโดยไมส นทิ ใจหรอื ไมสะดวกใจเพราะกระดากอาย คมู ือครู 167
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูใหนกั เรยี นพจิ ารณาขอ ความ จากนนั้ สนทนา ๖. ค�ำศพั ท์ ซักถามคําถามกระตุนความสนใจ ดังตอไปนี้ “จะ ไมไ ดไปเทีย่ วกินขา วตามเรส็ ตอรังต” กรมท่าซา้ ย กรมท่า คือ ส่วนราชการในสมัยก่อนซึ่งสังกัดกรมพระคลัง มีหน้าท่ีเกี่ยวกับการ ต่างประเทศและปกครองเมอื งทา่ กรมท่าซา้ ยมหี น้าท่ีเก่ียวกบั ชนชาวจีน • นกั เรยี นคิดวา เพราะเหตุใดจงึ ตองใชค ํา “เรส็ ตอรงั ต” ในบทประพันธ ขนมปงั ครง่ึ กอ้ น- Half a loaf is better than none เป็นส�านวนอังกฤษ หมายความว่า ยงั ดกี วา่ ไมม่ เี ลย แมจ้ ะไม่ได้สิ่งใดอย่างครบถว้ นสมบูรณ์ แตถ่ า้ พอมีอยู่บา้ งกย็ งั ดีกว่าไมม่ ีเลย • นักเรียนคดิ วา เรอื่ ง หัวใจชายหนุม มกี ารใช ขุดอู่ อู่ คือ เปลเด็ก ค�าว่า “ขุดอู่” มาจากส�านวนว่า ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ คาํ ในภาษาตา งประเทศหรือไม ผกู อตู่ ามใจผนู้ อน ซง่ึ หมายความวา่ ทา� ตามความพอใจของผทู้ จ่ี ะไดร้ บั ผลโดยตรง สาํ รวจคน หา Explore “ขุดอ”ู่ ในท่ีนี้จงึ หมายถึง การเลอื กคคู่ รองดว้ ยตนเอง ครึ เก่า ลา้ สมัย นักเรียนรวบรวมคําศัพทภ าษาตางประเทศ คลมุ ถุงชน ลกั ษณะการแตง่ งานทผ่ี ใู้ หญจ่ ดั การใหโ้ ดยทเี่ จา้ ตวั ไมร่ จู้ กั คนุ้ เคยหรอื รกั กนั มากอ่ น ที่นักเรยี นสนใจจากบทเรียน และหาความหมาย โช show อวดให้ดู พรอมยกขอ ความท่ปี รากฏคําศัพทดังกลา วมาดว ย เดนิ เขา้ ทา้ ยครวั ส�านวนวา่ “เข้าทา้ ยครวั ” โดยทว่ั ไปหมายความว่า เขา้ ทางภรรยา ในท่ีนีห้ มายถงึ จากนัน้ สรา งตารางเปรียบเทียบคาํ ศพั ทด ังกลาวกบั ใชค้ วามรู้จกั คุ้นเคยกันเป็นส่วนตวั เป็นเครือ่ งชว่ ยให้ไดง้ านทา� คาํ ศัพทท ใี่ ชท่วั ไป แลว บนั ทกึ ความรลู งสมุด เทวดาถอดรูป มีรปู รา่ งหนา้ ตาดรี าวกับเทวดา นางงิ้วตุ้งแช่ ตัวละครหญิงในการแสดงงิ้ว ซึ่งแต่งหน้าจัด แต่งกายอย่างมีสีสันและมีเครื่อง อธบิ ายความรู Explain ประดับมาก แบชะเล่อร์ bachelor ชายโสด 1. ครูยกขอ ความวา “ในงานน้ีแหละฉันไดเหน็ วา ปอปูล่าร์ popular ไดร้ ับความนยิ มมาก หลอ น ‘ไดร ับความนิยมมาก’ ปานใด” คาํ วา พสิ ดาร ละเอียดลออ กวา้ งขวาง “ไดรับความนิยมมาก” ใชแทนที่ คาํ วา พืน้ เสยี อารมณ์เสีย หมายถึง โกรธ “ปอปูลาร” นักเรยี นรวมกันอภปิ ราย ดงั ตอ ไปนี้ ไพรๆ่ คนสามญั ชาวบ้าน • หากเปรียบเทยี บคาํ ศพั ทค าํ เดมิ กบั คําท่ี ฟรี free เป็นอิสระจากกฎเกณฑห์ รอื การควบคมุ นาํ มาแทนที่ นกั เรยี นคิดวา คําใดสามารถ เมฆทุกกอ้ นม-ี Every cloud has a silver lining เป็นส�านวนอังกฤษ หมายความว่า สือ่ สารไดเ หมาะสมกวากัน ซบั ในเปน็ เงนิ ในอปุ สรรคหรือความทกุ ข์ก็ยงั มีสิ่งดีๆ หรอื ความสุขแทรกอยบู่ า้ ง (แนวตอบ ถอื วา ใชไดเพราะมีความหมาย เรส็ ตอรังต์ restaurant ภตั ตาคาร รา้ นอาหาร คลายกัน แตใ นดานกลวิธีทางวรรณศิลป การใชคาํ วา “ปอปลู าร” จะมีความสมจริง เรซีย่ บั มในเปน็ เงิน สะอาดหมดจด เอีย่ มอ่อง วเิ ศษ ดเี ยย่ี ม มากกวา เน่อื งจากการใชคําศพั ทด งั กลา ว สอดคลอ งกับบุคลิกของตวั ละคร ซ่ึงเปน 168 หนมุ นักเรียนนอกทช่ี น่ื ชมวฒั นธรรมตะวันตก) 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมดุ เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ ครูเพิม่ เติมความรเู กี่ยวกบั คําทับศัพทแ ละการตีความ ดังตอไปนี้ คําทับศัพท นักเรียนเพม่ิ เติมความรเู กยี่ วกบั การตคี วามความหมายของคาํ เปน คาํ ทเี่ กดิ จากการถอดระบบการเขียนจากภาษาหนง่ึ ไปสูอีกระบบหน่ึงอยาง ดวยการสํารวจ รวบรวมขอความท่ีมคี าํ ทบั ศัพท จากนน้ั ใหนักเรียนคาดเดา มหี ลกั การ เพ่ือใหสามารถเขยี นคําในภาษาตา งประเทศดว ยภาษาและอกั ษรใน ความหมายทง้ั ความหมายนยั ตรงและความหมายนยั ประหวดั ตามความ ภาษานัน้ ๆ ไดสะดวก ในดา นการตีความความหมายของคํา ครูควรฝก ใหนกั เรียน เขา ใจของนักเรยี น และนักเรียนตรวจสอบความเขาใจจากพจนานุกรม ตคี วามไดใ นสองระดับ คอื ระดับแรกเปนการตีความความหมายนยั ตรงหรอื ความ แลว บันทึกลงในสมดุ หมายตรงตัวของบทประพันธ และในระดับที่สองเปน การตคี วามความหมายแบบ นยั ประหวัดหรือความหมายแฝงของบทประพันธอาจเปน ความหมายทางดาน กจิ กรรมทา ทาย อารมณความรูส กึ ท่ีมาพรอมกบั คําที่ใช รว มกบั บรรยากาศ รวมถึงฉากในการ ดาํ เนนิ เรื่อง เพอื่ ใหเกดิ ความเขา ใจกลวธิ ที างวรรณศลิ ปอ ยา งชัดเจน 168 คูมือครู นกั เรียนสาํ รวจและรวบรวมคาํ และขอ ความจากวรรณกรรมเรื่อง หวั ใจชายหนุมวา คาํ ทบั ศพั ทท ี่ใชส่อื ถงึ ส่ิงใดบา ง นกั เรียนรวบรวมเปน หมวดหมู และบันทกึ ลงในสมุด
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ลงรอยเป็น- ยกมือขึ้นประนมเพ่อื สวสั ดีบอ่ ยมาก จนมอื แทบจะยกอยู่ในท่านนั้ คา� วา่ ถ้า 1. นักเรยี นรวมกันอภิปรายในประเดน็ ตอ ไปน้ี ถา้ ประนม ในที่นี้คือ ท่า • นกั เรยี นคิดวา การใชคําทบั ศพั ทภาษา ลอยนวล ตามสบาย ไมม่ ผี ใู้ ดขัดขวางจบั กุม ตา งประเทศในบทประพันธ สงผลตอคณุ คา เล็กเช่อร์ lecture บรรยาย ทางวรรณศลิ ปด า นความสมจรงิ อยา งไร ศิวิไลซ์ civilize เจรญิ มีอารยธรรม (แนวตอบ นักเรยี นสามารถอภิปรายไดอยา ง สัปเป้อร์ supper อาหารเย็นซง่ึ รับประทานตอนหวั คา�่ หรืออาหารเบาๆ ทร่ี ับประทาน หลากหลาย ขึ้นอยกู บั เหตุผลของนกั เรียน ตอนกลางคืน เปนตนวา เกิดความสมจรงิ ในการดาํ เนิน สิน้ พูด หมดคา� พดู ที่จะกลา่ ว เพราะพูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด เร่อื ง เน่อื งจากตวั ละครเอกเปนนกั เรยี นนอก หดหู่ ห่อเหี่ยวไม่ช่ืนบาน ในที่นี้หมายความว่า กลัวหรือหลบ ไม่ยอมพบปะติดต่อ จงึ คนุ เคยกับการใชภาษาองั กฤษมากเปน ในความวา่ “หล่อนเป็นผูห้ ญิงอย่างสมยั ใหม่แท้ ไม่หดหกู่ ลัวผชู้ าย” พิเศษ) หมอบราบ ยอมตามโดยไม่ขดั ขนื คาบแก้ว 2. นักเรยี นยกตวั อยา งขอความท่มี ีคาํ ทบั ศัพทท ี่ หมายวา่ คาดวา่ นักเรียนสนใจ พรอ มบอกความหมายของ หลวง บรรดาศักดขิ์ ้าราชการทส่ี งู กวา่ ขนุ และต�า่ กว่าพระ คําทบั ศัพทน นั้ จากนนั้ นําคําทีม่ ีความหมาย หอยจุ๊บแจง ชอื่ หอยทะเลกาบเดย่ี ว เปลอื กผวิ ขรขุ ระ รปู รา่ งคอ่ นขา้ งยาว ปลายแหลม สเี ทาอมดา� ใกลเคียงกันมาแทนที่ พรอ มเขยี นอธิบาย หอยจบุ๊ แจงจะอา้ ฝาเปดิ ปากในนา้� นง่ิ แตเ่ มอื่ มสี ง่ิ ใดมากระทบ กจ็ ะปดิ ฝาซอ่ นตวั ทนั ท ี กลวธิ ีทางวรรณศิลป เพอื่ ตอบคาํ ถามในหวั ขอ หวั นอก ในทน่ี ้ีหมายถงึ ผู้หญงิ ทม่ี ักเก็บตวั อยู่แต่ในบ้าน ขี้อาย ไมร่ ูจ้ ักเข้าสังคม ทผ่ี า นมา หัวเมือง คนท่ีนิยมแบบฝรัง่ มคี วามคิดอา่ นแบบฝรง่ั อยู่ข้าง ต่างจังหวัด 3. ครูสุมนักเรียน 2-3 คนออกมานําเสนอ อ๊อกซ์ฟอร์ด คอ่ นข้าง จากน้ันบันทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ อากร Oxford ชอื่ เมอื งในประเทศองั กฤษ และมหาวทิ ยาลยั ทมี่ ชี อ่ื เสยี งของโลก ค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่งท่ีรัฐบาลเรียกเก็บ หากค�านี้อยู่หน้าช่ือบุคคล หมายถึง ตรวจสอบผล Evaluate อนิ เตอเร็สต์ บุคคลท่มี ีหน้าท่เี ป็นผเู้ ก็บค่าธรรมเนยี มนี้ เอดูเคชน่ั interest ความสนใจ 1. นกั เรียนสามารถปฏบิ ัตกิ ิจกรรมรวบรวม อุทิศตวั เป็น- education การศึกษา คําศัพท และสรางตารางเปรียบเทียบคําศพั ท พรหมจรรย์ ประพฤติตนเหมือนนักบวชโดยเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์ ท่ใี ชท ว่ั ไปกบั ทีป่ รากฏในเรอ่ื งได ฮันน่ีมนู honeymoon การไปเทยี่ วด้วยกนั ของคแู่ ตง่ งานใหม่ 2. นักเรียนสามารถเปรยี บเทียบความหมายของ คาํ ศัพทจากเรอื่ งและคําศพั ทท่ีใชท ่วั ไปดาน กลวธิ ีทางวรรณศิลปไ ด 169 บูรณาการเช่ือมสาระ เกร็ดแนะครู ครูบรู ณาการเชือ่ มโยงองคค วามรจู ากบทเรียนเรอ่ื ง หวั ใจชายหนมุ กบั ครูควรจดั กจิ กรรมการเรียนรูเก่ยี วกบั คณุ คา ทางวรรณศลิ ปทป่ี รากฏใน วชิ าในกลมุ สาระการเรยี นรภู าษาองั กฤษ ในประเดน็ เกยี่ วกบั การใชค าํ ทบั ศพั ท บทประพันธตัง้ แตในระดบั คํา เพือ่ ใหน กั เรยี นเกดิ ความซาบซ้ึงในคณุ คา และ วา ในสมัยรัชกาลท่ี 6 มรี ปู แบบหรือลักษณะการถอดรูปและเสยี งคําจาก ความงดงามของวรรณคดีและวรรณกรรม มกี ารใชคําที่กอ ใหเกดิ ความงดงาม ภาษาองั กฤษเปน ภาษาไทยอยา งไร และสามารถนาํ มาเปรียบเทียบกับหลัก ทงั้ ทางดา นเสยี งและความหมาย โดยผปู ระพนั ธไ ดส รรคาํ มาใชใ นการประพนั ธใ หเ ขา เกณฑก ารใชคาํ ทับศพั ท รวมถงึ การถอดรปู และเสยี งของราชบัณฑติ ยสถาน กบั เนอ้ื หา กอ ใหเ กดิ รสคาํ และรสความทส่ี ง ผลตอ คณุ คา ทางวรรณศลิ ป นอกจากน้ี ในปจจุบนั ได นอกจากน้ี นกั เรยี นยงั สามารถศึกษาเก่ยี วกบั รูปประโยคและ ครูควรเพิ่มเตมิ เน้อื หาเกี่ยวกบั ความหมายของคาํ ศัพทว า คําศพั ทท ีน่ าํ มาใชใน เครือ่ งหมายตางๆ ในประโยคภาษาไทยที่ปรากฎในวรรณกรรมเร่ือง บทประพันธ กอ ใหเ กดิ ความสมบรู ณทง้ั ดา นเสียงและความหมาย รวมถึงสงผลตอ หวั ใจชายหนมุ เปรียบเทียบกับรูปแบบการเขียน การใชเ ครอื่ งหมาย และ คุณคา ทางวรรณศิลปของบทประพนั ธห รอื ไม อยา งไร หากนกั เรยี นไมสามารถ การเรยี บเรียงประโยคในภาษาอังกฤษ เพ่ือใหน กั เรยี นมคี วามเขา ใจเนอ้ื หา ปฏบิ ัติกจิ กรรมดังกลา วได ครูควรแนะใหนักเรียนคน ควา หาความรูจากบทประพนั ธ ของเรือ่ ง หัวใจชายหนมุ ไดอยางลึกซงึ้ ตางๆ เพอ่ื ใหนักเรยี นเกิดความเขาใจมากยิ่งขึน้ คูมอื ครู 169
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Expand Evaluate Explain กระตนุ ความสนใจ Engage ครูสนทนาซักถามกระตุนความสนใจ ดังตอ ไปน้ี ๗. บทวิเครำะห์ • นกั เรยี นคดิ วา เมอื่ กลา วถึงคําวา “หวั ใจ” ๗.๑ ตวั ละคร และ “ชายหนุม ” นกั เรยี นมกั นึกถงึ เร่อื งราว เกี่ยวกบั อะไร ตัวละครทุกตัวในเร่ืองนี้ถูกสร้างข้ึนเพื่อเสนอแนวคิดและสารต่างๆ โดยเสนอผ่าน (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเหน็ มุมมองของประพนั ธ์ซ่ึงเป็นผเู้ ล่าเร่ืองและตวั ละครเหลา่ นี้ ท�าใหเ้ รารู้จักตัวละครได้ลกึ ซ้ึงย่ิงข้นึ ไดอ ยางหลากหลายขนึ้ อยูกับเหตผุ ล ๑) ประพนั ธ์ คอื ตวั แทนของหนมุ่ ไทยท่ไี ปศกึ ษาตา่ งประเทศแลว้ ประทบั ใจ คลงั่ ไคล้ ของนกั เรยี น อาจกลา วถงึ คาํ วา “หวั ใจ” วา วัฒนธรรมของประเทศน้ัน ถึงกับกล่าวว่า “เขาก�าลังเดินห่างออกมาจากถ่ินที่เคยได้รับความสุข เปนเร่อื งเกยี่ วกบั ความรัก หรอื สง่ิ ทม่ี ีความ (ประเทศอังกฤษ) แลดูไปข้างหนา้ ก็หวังได้แตจ่ ะไดเ้ ห็นความคับแคบและอึดอัดใจ” (ความคดิ ของ สําคัญอยา งยิ่งหรอื มีความสาํ คญั ที่สุด สว น ประพันธ์ทีม่ ีตอ่ เมืองไทย) อีกทัง้ ยังเปรียบ “รักเมืองไทยเหมือนรักพอ่ แม ่ รกั เมอื งองั กฤษเหมือน คาํ วา “ชายหนมุ ” เปนตนวา กลาวถงึ ความ รกั เมีย” รมุ รอ น ความแปลกใหม รวมถึงความตองการ ความคดิ ของประพนั ธย์ ิง่ ชดั เจนข้นึ เม่อื ประพนั ธ์เปรียบวา่ เม่ือเคยจากพ่อแม่ไป เปลี่ยนแปลง) เห็นสิ่งสวยๆ งามๆ ได้พบกับคนอื่นๆ นอกบ้าน ก็เป็นธรรมดาท่ีต้องรู้สึกว่าบ้านพ่อแม่คับแคบ • นกั เรียนคดิ วา หวั ใจชายหนมุ หมายถงึ อะไร อึดอัด คุยกับพ่อแม่ก็ไม่สนุกเท่ากับคุยกับหนุ่มๆ สาวๆ และเม่ืออ่านจดหมายฉบับต่อๆ ไป (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความ ก็จะเห็นความรู้สึกขัดแย้งของประพันธ์ท่ีมีต่อ1สังคมไทยมากขึ้น เขาไม่พอใจประเพณี ไม่พอใจ คดิ เหน็ ไดอ ยา งหลากหลายขน้ึ อยกู บั เหตผุ ลของ สภาพแวดล้อม ไม่พอใจเร่ืองฐานันดรศักด์ิ ซึ่งประพันธ์เห็นว่าท้ังหมดล้วนเป็นเคร่ืองแสดง นกั เรียน เปนตนวา หมายถึงความตองการ ความล้าหลงั เปล่ียนแปลงสิง่ ทม่ี ีความสาํ คัญบางอยา ง) เมื่อมาพบอุไรสาวไทยผู้ทันสมัยมีแนวคิดและมีค่านิยมแบบตะวันตกเต็มท ี่ ประพนั ธจ์ งึ ดจู ะมคี วามสขุ ขน้ึ และทงั้ สองไดม้ คี วามสมั พนั ธก์ นั อยา่ งใกลช้ ดิ จนอไุ รตงั้ ครรภจ์ ึงต้อง สาํ รวจคน หา Explore แต่งงานกนั โดยเรว็ เวลาผ่านไปประพันธ์ก็ประจักษ์แก่ใจว่าเขากับอุไรไม่เหมาะสมกัน ท้ังคู่จึงต้อง นกั เรียนศกึ ษาเนอ้ื หาและทบทวนความรูเ ดิม หย่ากัน และท�าให้ประพันธ์คิดได้ว่า ผู้หญิงท่ีเหมาะกับเขานั้นไม่ใช่ผู้หญิงเชยคร�่าครึ อย่างแม่กิมเน้ย หรือทันสมัยอย่างอุไร แต่ควรเป็นผู้หญิงที่มีลักษณะผสมผสานกันระหว่าง อธบิ ายความรู Explain ความเป็นไทยกบั ความเปน็ ตะวนั ตก นน่ั กค็ ือ ศรสี มาน 1. นักเรียนรว มกนั ตอบคาํ ถาม ตอ ไปน้ี ๒) อุไร เป็นสาวทันสมัยใจตะวันตก อาจกล่าวได้ว่าอุไรเป็นสัญลักษณ์ของ • นกั เรยี นคดิ วา ตวั ละครเอกของเรื่องมกี าร วัฒนธรรมตะวันตก ด้วยความเป็นสาวสวยทันสมัย มีพฤติกรรมแบบสาวตะวันตก ไม่หวงเนื้อ เปลยี่ นแปลงทางความคิดและพฤติกรรม หวงตัว เต้นร�าเป็น ชอบเที่ยวกลางคืน มีผู้ชายมารุมล้อมมากมายจนกลายเป็นสาว “ปอปูล่าร์” หรอื ไม อยางไร ท�าใหป้ ระพนั ธถ์ กู ใจและชนื่ ชมมาก จึงไดค้ บหาสมาคมสนทิ สนมจนกระท่ังไดแ้ ตง่ งานกนั (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ หลังจากแต่งงานพฤติกรรมของอุไรก็มิได้เปล่ียนแปล2ง อุไรไม่ได้ท�าหน้าท่ี คดิ เหน็ ไดอ ยา งหลากหลายขนึ้ อยกู บั เหตผุ ลของ แม่บ้าน ชอบข่มขู่สามี ดูถูกคนอื่น ชอบเที่ยว แม้กระท่ังหลังจากแท้งลูก อุไรก็ยิ่งเท่ียวหนกั นกั เรยี น เปน ตน วา มกี ารเปล่ยี นแปลง คอื ขนึ้ กว่าเดิม และหนักขึ้นเร่ือยๆ จนถึงกับไปค้างอ้างแรมบ้านชายอ่ืน ท�าให้ประพันธ์ต้องขอหย่า มีการเปลย่ี นทศั นคติของวัฒนธรรมตะวนั ตก อุไรจึงไปอยู่กับพระยาตระเวนนคร ซ่ึงเรียกได้ว่าเป็นชายชู้ ต่อมาก็หวนกลับมาหาประพันธ์อีก เขา กับสงั คมไทยมากขึ้น) เพราะถูกพระยาตระเวนนครทอดทิ้ง แต่ประพันธ์ปฏิเสธ อุไรก็กลับไปอยู่บ้านพ่อและแต่งงาน กบั หลวงพเิ ศษผลพานชิ พ่อค้าผูม้ ง่ั คง่ั 2. นกั เรียนบันทึกความเขาใจลงในสมุด 170 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT “การท่แี มอ ไุ รไดผัวใหมเ ปน เนอ้ื เปนตัวเสยี แลวเชน นี้ ทําใหฉนั เองรูสึกสน้ิ ครูควรเพ่มิ เติมความรูเกย่ี วกบั ลักษณะของตวั ละคร โดยเฉพาะอยา งยงิ่ ความตะขิดตะขวงหวงใย” ตวั ละครเอกอยา งประพันธ ซึง่ เปนตวั ละครประเภทหลายมติ ิ (round character) จากขอความทก่ี ลา วมาขา งตนแสดงใหเ หน็ วา ผูพ ดู มีความรูสกึ อยา งไร จะมกี ารเปลย่ี นแปลงทางความคดิ และพฤตกิ รรมในลกั ษณะของพฒั นาการอยาง 1. เขา ใจ สมา่ํ เสมอ ตัวละครในลักษณะดงั กลาวจงึ มคี วามสมจรงิ ผอู านสามารถมองเหน็ ได 2. หมดหว ง ท้งั ขอดีและขอ เสียของตวั ละคร ผลจากการกระทําตา งๆ ของตวั ละครจงึ 3. ไมอ ับอายแลว มีความสมเหตุสมผล 4. หมดความกังวลใจ วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 4. หมดความกงั วลใจ หากนกั เรียนพจิ ารณา นักเรียนควรรู บริบทของเนอ้ื ความในจดหมาย พบวา ประพนั ธม คี วามรสู กึ กังวลใจตอ การกระทาํ ของแมอุไร สังเกตจากคําวา “ตะขดิ ตะขวง” หมายถึง อาการ 1 ฐานันดรศักดิ์ ลําดับในการกาํ หนดช้นั บุคคล เชน ยศบรรดาศกั ดิ์ เปนตน ทที่ ําโดยไมสนิทใจหรือไมส ะดวกใจเพราะกระดากอาย 2 แทง ส้ินสุดการต้ังครรภก อนกาํ หนดคลอด โดยท่ลี กู ในทองไมส ามารถมีชวี ิต อยไู ด 170 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู ดังนั้น ชีวิตของอุไรแสดงให้เห็นว่า การไม่รู้จักเลือกรับวัฒนธรรมตะวันตก 1. นักเรียนรวมกันตอบคําถาม ตอไปนี้ แลว้ เลือกน�ามาปรบั ใชใ้ ห้เหมาะสมกับวถิ ีชวี ิตแบบไทยๆ นน้ั เป็นอยา่ งไร • นักเรยี นคดิ วา ลักษณะเดนดา นกลวิธีทาง วรรณศิลป ในเรอื่ งประกอบดว ย ๗.๒ ฉาก ประเด็นใดบา ง พรอมใหเหตผุ ล (แนวตอบ เนือ้ หามีความสมจริง โดยเกดิ ในเรื่องนี้เป็นสมัยท่ีคนไทยโดยเฉพาะคนชั้นสูงเพิ่งได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรม จากองคป ระกอบตางๆ นับต้งั แตบทเปด ตะวันตกใหม่ๆ สภาพบ้านเมืองเร่ิมมีความเจริญแบบตะวันตก คือ มีถนนหนทาง มีรถยนต์ เรือ่ งท่ี “รามจติ ติ” กลาวถึงจดหมายฉบบั ภภาัตษตาาไคทายรท ม่ี หคี ้าา� งทรบั ้าศนพั ทเ1ก ์ ิดแขละึ้นสมา� านกว นมภาีกษาารอใชงั ก้หฤนษังมสาือปพะิมปนพอ์ใยน ู่กสาภราสพื่อสสงัาครม กผเ็ู้อป่าน็ นสจงั คึงไมดขเ้ อหงน็ คกนาไรทใชย ้ ดงั กลา ววา เปนเร่ืองราวทเี่ กิดขน้ึ จรงิ ดาน ในสมยั รชั กาลท ่ี ๖ โดยเฉพาะสงั คมในเมอื งหลวงทมี่ กี ารกนิ “สปั เปอ้ ร”์ หรอื อาหารมอ้ื คา่� หรอื ดกึ ตวั ละคร เปน ตัวละครท่ีมีมติ ิและพฒั นาการ มีการเต้นร�า การเล่นแบดมินตัน เป็นต้น การอ่านเรื่องหัวใจชายหนุ่มจึงเท่ากับการเข้าไปมี เน่ืองจากตวั ละครมีความเปล่ยี นแปลง ประสบการณ์ย้อนยคุ รว่ มกบั คนในสมยั น้ันด้วย พฤติกรรมตางๆ อยา งสมาํ่ เสมอและมีความ ตอ เนอื่ ง จงึ สงผลใหตวั ละครมพี ฤตกิ รรม ๗.๓ กลวธิ ีการแต่ง ตา งๆ อยางเปน เหตเุ ปน ผล สวนกลวธิ ที าง วรรณศิลป สามารถพิจารณาดา นการใชค ํา หัวใจชายหนุ่ม เป็นนวนิยายขนาดส้ัน (epistolary novel) น�าเสนอในรูปแบบของ เน่ืองจากบทประพนั ธม ีการใชคาํ ทบั ศัพทท่ี จดหมาย นับเป็นการน�าประเภทวรรณกรรมแบบตะวันตกเข้ามาในวงวรรณกรรมไทย เนื้อหาใน ส่อื ถึงอารมณแ ละบรรยากาศเปนหลกั และ จดหมายเป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตของนักเรียนนอกในยุคท่ีสังคมไทยก�าลังปรับเปลี่ยนไปตาม การใชเ ครอื่ งหมายในการลาํ ดบั ประโยคแบบ อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตก แม้เร่ืองน้ีจะเป็นเร่ืองสมมติ แต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ภาษาอังกฤษ สง ผลตอ ความสมจริงในดาน เจ้าอยหู่ วั ทรงใช้กลวิธนี �าเสนอท่ที า� ใหผ้ ้อู ่านรู้สกึ ราวกับเรอ่ื งนี้เปน็ เรื่องจริง ดงั นี้ บุคลกิ ภาพของตัวละครทเ่ี ปนนักเรยี นนอก ๑. ก่อนอ่านจดหมายฉบับแรก ทรงเขียนค�าน�าว่า “รามจิตติ” หรือ “ข้าพเจ้า” หวั สมยั ใหม นิยมวฒั นธรรมตะวนั ตก กําลงั ว่าเป็นผู้รวบรวมจดหมายเหล่าน้ี และจดหมายทั้งหมดเป็นเสมือนจดหมายของบุคคลที่มีตัวตน เขียนบอกเลาเร่อื งราวทีเ่ กดิ ขนึ้ กบั ตนเอง จรงิ ๆ มีทม่ี าชดั เจน สว่ นประกอบตา่ งๆ ถกู ตอ้ งตามรูปแบบของจดหมายจริงทกุ ประการ ใหเ พ่อื นสนิทฟง สดุ ทาย คอื กลวิธที าง ๒. ตัวละครทุกตัวเป็นประเภทหลายมิติ (round character) คือ มีความสมจริง วรรณศิลปดงั กลา วสามารถนําเสนอความ ซงึ่ เปน็ พฤตกิ รรมของปถุ ุชนที่มที ้งั ขอ้ ดแี ละขอ้ เสีย ผลของพฤตกิ รรมมคี วามสมเหตุสมผล คดิ เหน็ ไดอ ยางตรงไปตรงมา) ๓. การใช้ส�านวนภาษาสอดคล้องกับลักษณะของตัวละคร มีการใช้ค�าทับศัพท์ ภาษาองั กฤษ รวมทัง้ ค�าสแลงมากมาย เหมาะกับประพนั ธผ์ ยู้ ังอยู่ในวัยหน่มุ และเพิ่งจบการศกึ ษา 2. นักเรยี นบันทึกความเขา ใจลงในสมุด กลบั มาจากตา่ งประเทศ ๔. เน้ือหาในจดหมายแสดงมุมมองของประพันธ์ที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ขยายความเขา ใจ Expand เหมอื นจดหมายส่วนตัวท่ัวๆ ไป นวนิยายเร่ืองหัวใจชายหนุ่มยังแสดงให้เห็นพระปรีชาสามารถในพระบาทสมเด็จ 1. นกั เรียนยกตวั อยางบทประพันธทีแ่ สดงใหเ หน็ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชนิพนธ์นวนิยายท่ีมีแก่นเร่ืองจริงจังให้น่าอ่าน อ่านสนุก ลักษณะเดน ดานกลวธิ ที างวรรณศลิ ป ดว้ ยลีลาโวหารอันเฉยี บคม แฝงพระอารมณ์ขัน ท�าใหเ้ รอื่ งมสี ีสนั มชี วี ติ ชีวา ไมน่ ่าเบ่ือ เช่น ทส่ี ง ผลตอความสมจรงิ ในการดําเนินเร่อื ง 171 2. ครสู มุ นักเรยี น 1-2 คน ออกมานาํ เสนอ หนาชนั้ เรยี น จากนัน้ นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู “จดหมายฉบับนีข้ าพเจา ไดเลอื กคดั ตน ฉบับทมี่ เี ร่ืองนา อานสําหรบั ครูควรรวบรวมประเดน็ ความคิด ดว ยวิธีการตัง้ คําถามในการสนทนา สาธารณชนมารวบรวมไว เพือ่ ผูอานหนงั สอื พิมพ ‘ดสุ ิตสมติ ’ จะไดอ า นทราบ ครคู วรมงุ ทบทวนความรเู ดิมทเี่ กดิ จากการศึกษาเน้อื หาวรรณกรรมทีน่ กั เรียนได ความเห็นและความเปน ไปของคนหนมุ ไทยผูห น่งึ ซง่ึ ขา พเจาจําเปน ตอ ง เรียนผา นมาเปนหลัก เพ่อื ใหน กั เรียนไดร วบรวมขอมูล และจัดกลมุ ประเด็นตา งๆ ขออภยั ในการที่จะไมแ สดงใหท า นทราบ” เนอ่ื งจากกระบวนการเรียนรใู นข้นั ตอนน้ีเปน ข้นั ตอนของการสังเคราะหค วามคดิ รวบยอดท่ีเกดิ จากการศกึ ษาดว ยวิธกี ารอนุมานแบบอปุ นยั จากนนั้ จึงทําการ ขอ ความทีย่ กมาน้มี ีคณุ คา ตอเนื้อหาอยางไร สงั เคราะหความรู โดยรวบรวมประเดน็ ตางๆ ไวใหเ ปน หมวดหมู เพือ่ ใหนักเรยี น 1. ทําใหเขาใจจดหมายทีเ่ ขียนมากขน้ึ เกดิ ความคดิ รวบยอดจากการเรยี นการสอน และสามารถขยายผลความคดิ รวบยอดนนั้ 2. ทําใหทราบความเห็นของชายหนุม มากขึ้น ประยกุ ตใ ชก บั การศึกษาเน้อื หาในประเด็นอ่ืนๆ ไดอยา งหลากหลาย 3. ทําใหเปน เสมอื นจดหมายของบุคคลที่มตี วั ตนจรงิ 4. ทําใหท ราบวา ในสมัยกอ นใชว ิธีการตดิ ตอ กนั ผา นทางจดหมาย นกั เรยี นควรรู วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 3. ทําใหเ ปน เสมือนจดหมายของบคุ คลทมี่ ี 1 ทบั ศัพท รับเอาคาํ ของภาษาหนึง่ มาใชในอีกภาษาหนึง่ โดยวธิ ีถา ยเสยี งและ ถอดอกั ษร ตัวตนจริง ซง่ึ เปนลกั ษณะสําคัญทางวรรณศิลปของวรรณกรรมเรอื่ งนี้ เนอ่ื งจากชว ยใหเ นือ้ หามีความสมจริงมากขนึ้ คมู อื ครู 171
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู นกั เรียนรว มกนั ตอบคาํ ถาม ตอ ไปน้ี ตอนทป่ี ระพนั ธเ์ ลา่ ถงึ กมิ เนย้ ใหเ้ พอ่ื นฟงั กเ็ ปรยี บเทยี บใหเ้ หน็ ภาพไดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ • มีผูกลา ววา “การท่ีประพันธเปนตัวละคร กิมเน้ยเป็นสาวจีนท่ีแต่งตัวดี แต่ประดับเครื่องเพชรมากเกินไป ท้ังแขวนทั้งห้อยติดพะรุงพะรัง ไปทั้งตัวจนดรู าวกับตน้ ไมค้ ริสตม์ าส หรือ ผเู ลาเร่อื ง ประพนั ธจึงสามารถเลือกสรรและ ● การรกั เมอื งไทยเปรยี บเสมอื นรกั พอ่ แม ่ แตก่ ารรกั เมอื งองั กฤษเหมอื นรกั เมยี คดั ทงิ้ ความจรงิ อน่ื ๆ ออกไป และเปน ผบู อกเลา ● หน้าตาเจ้าหลอ่ นเหมอื นนางซุนฮูหยิน เรอ่ื งราว เพอ่ื สรา งความจริงชดุ ใหมขึ้นมา ● ดูพราวไปทง้ั ตวั ราวกับหนุ่ ทีเ่ ขาติดของส�าหรบั ขาย ทดแทนความจรงิ ชดุ อื่นทถ่ี ูกคดั ทงิ้ ” นักเรียน ● หลอ่ นราวกบั ดวงไฟทม่ี ีตัวแมลงบินตอมว่อนอยู่ มีความคดิ เห็นอยางไรตอคาํ กลา วนี้ ● เสียงเพราะราวกับเพลงดนตรี (แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความ มอี ารมณ์ขันโดยการใชค้ า� เปรยี บเทยี บและเปรียบประชด เช่น คดิ เห็นไดอยา งหลากหลายขน้ึ อยูกบั เหตุผล ● ฉนั หวงั ใจว่าหนา้ ตาเจา้ หล่อนจะไม่เป็นนางง้วิ ตงุ้ แชอ่ ะไรตัวหนึง่ ของนกั เรยี น เปนตนวา อาจกลา วถึง ● ฉะนน้ั บดั น ี้ ฉนั กก็ ลบั เปน็ โสดอกี แลว้ และคงจะไมร่ บี รอ้ นหาคโู่ ดยดว่ นเชน่ ครง้ั กอ่ น ธรรมชาติของคนท่มี ักสรา งเรอื่ งเลา ขึ้นมาเพอื่ อกี ละ 1 ปกปอ งตนเองจากความผิด และการเลาเรื่อง ● ในระหว่างทก่ี า� ลังบ�าเพญ็ ท�าทางเข้าหาแม่อไุ รนน้ั เขาจึงได้หานางบา� เรอแกข้ ดั ไว้ กเ็ ปน การเลา ผา นประพนั ธเ พยี งคนเดยี ว เหตนุ ้ี เปน็ ลา� ดับ ประพนั ธจึงมสี ิทธิสถาปนาความจริงของ ใช้ค�าลงทา้ ยจดหมายเป็นคา� บ่งบอกอารมณข์ องผเู้ ขียนจดหมายแตล่ ะฉบับ ตนเองผา นเรือ่ งเลา ได และคัดท้ิงส่งิ ทตี่ นเอง ● แตเ่ พอ่ื นทรี่ กั จากเพอ่ื นผอู้ าภพั จากเพอ่ื นผกู้ า� ลงั ตนื่ ตวั จากเพอ่ื นผคู้ ดิ ถงึ จากเพอื่ น ไมต อ งการนําเสนอได ผูอานจึงเขา ใจเร่ืองราว ทีร่ ัก จากเพ่ือนผูก้ า� ลงั ปล้ืมใจ จากเพ่อื นผ้โู ล่งใจ ตางๆ ผานมุมมองของประพันธ ซงึ่ เปน ใช้คา� ทับศพั ทแ์ ละส�านวนต่างประเทศเพอ่ื สร้างภาพลักษณต์ วั ละครนกั เรียนนอก ตัวละครผูเลาเรอื่ ง) ● ทา่ นบดิ ามารดาของฉนั นะ ทา่ นทา� โกพ้ อใชจ้ รงิ อย ู่ แตพ่ น้ื ของทา่ นไม่ใช ่ “ศวิ ไิ ลซ”์ 2. นกั เรยี นบันทกึ ความเขาใจลงในสมุด จริงจงั ดอกนะเพื่อน ● สมัยนีผ้ หู้ ญงิ “ฟรี” ข้ึนกว่าแตก่ อ่ นมากและพบปะงา่ ยกวา่ ดว้ ย ขยายความเขา ใจ Expand ● ในงานน้นั แหละฉนั ไดเ้ ห็นอย่างแน่นอนว่าหลอ่ น “ปอปลู า่ ร์” ปานใด 1. นกั เรยี นลองสวมบทบาทเปนแมอ ุไร และเขียน ๗.๔ ทศั นะกวี จดหมายคนละหน่งึ ฉบับ แลวนํามาเปรียบเทียบ กบั จดหมายของประพนั ธ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแสดงพระราชด�าริของพระองค์ผ่าน ตัวละครต่างๆ ผู้อ่านต้องแยกให้ออกว่าเป็นทัศนะเร่ืองใด ผ่านตัวละครตัวใด เช่น ทรงให ้ 2. นักเรียนรว มกนั อภปิ รายในประเด็น ตอ ไปนี้ ประพันธ์แสดงทัศนะเก่ียวกับเรื่องประเพณีการคลุมถุงชน การแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติ การม ี • นกั เรยี นคิดวา หากแมอไุ รเปน คนเขียน ภรรยาหลายคน เป็นต้น แต่ทัศนะท่ีทรงน�าเสนอผ่านประพันธ์ก็หาใช่พระราชด�าริของพระองค์ จดหมาย เน้ือเร่ืองของวรรณกรรมจะมีความ เช่น ทัศนะของประพันธ์ต่อการเต้นร�า ที่ประพันธ์มองว่าดีตรงที่ได้กอดผู้หญิงนั้นเป็นทัศนะของ แตกตางกันกบั เน้ือเรื่องหัวชายหนุม หรอื ไม คนหน่มุ ท่ีขาดประสบการณ์ ไม่สขุ มุ จึงมองสงั คมและวัฒนธรรมอย่างฉาบฉวย และไม่ได้เขา้ ถึง • นกั เรยี นคิดวา เมอ่ื นกั เรยี นไดอา นจดหมาย วัฒนธรรมของตา่ งชาติอยา่ งแทจ้ รงิ ทนี่ กั เรยี นเขยี นแลว นักเรียนจะมีทัศนคตติ อ แมอ ุไรแตกตา งไปจากเดิมหรือไม อยา งไร 172 (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ คิดเหน็ ไดอยางหลากหลายขึ้นอยูกบั เหตผุ ล กจิ กรรมสรา งเสรมิ ของนกั เรยี น) เกร็ดแนะครู ครูเพ่มิ เตมิ ความรูเก่ยี วกับกลวธิ ีการเลา เรอ่ื ง โดยกลวธิ กี ารเลา เร่อื งในเร่ืองนีใ้ ช นักเรยี นเพ่ิมเติมความรูดว ยการคน หาวรรณกรรมเรอ่ื งอนื่ ทมี่ กี ลวิธีการ สรรพนามบรุ ษุ ทหี่ นึง่ (เชน ผม ดิฉนั ขา พเจา เปน ตน ) คอื ตัวละครเอกในเร่ืองเปน เลาเรื่องในแบบตา งๆ แลววิเคราะหความแตกตา งของมมุ มอง นักเรียน ผถู า ยทอดเรอ่ื งราว ทาํ ใหก ารนาํ เสนอเรอื่ งเลาผา นมมุ มองของตวั ละครเอกเปนหลกั บนั ทึกความเขาใจลงสมุด และผูเลา เปนผคู ดั สรรเนื้อหาหรอื เร่ืองทจี่ ะเลา กลา วไดวา การเลา เร่ืองดว ยกลวิธี การเลาเรื่องโดยใชสรรพนามบรุ ษุ ที่ 1 นี้ ผเู ลา เร่ืองถือเปน ผสู ถาปนาความจรงิ ของ กจิ กรรมทาทาย เรอ่ื งเลา ผานมุมมองหรอื สายตาของตนเอง และสามารถชน้ี าํ ทัศนะหรือความคดิ เห็น ของผูอา นไดเ ปน อยางดี นักเรียนควรรู นักเรียนเขยี นจดหมายโตต อบกบั ประพันธ พรอ มพิจารณามุมมองวา นักเรยี นสามารถโตแ ยง ประเด็นใดไดบางหรอื ไม หรือนักเรียนมคี วามเหน็ 1 นางบําเรอ หญงิ ท่ปี รนเปรอเฉพาะชายคนใดคนหนึ่งในทางกามารมณโดย คลอ ยตามทัง้ หมด นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขาใจลงสมดุ มไิ ดอ ยใู นฐานะภรรยา 172 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู ๗.๕ แนวคดิ ในการแต่ง นกั เรยี นรว มกนั พิจารณาขอ ความ พรอมตอบ คาํ ถาม ตอ ไปนี้ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเสนอแนวคดิ ผา่ นตวั ละครเอก คอื ประพนั ธ์ “หัวใจชายหนมุ มใิ ชเ พยี งการศกึ ษา “หวั ใจ” ทีแ่ สดงความรังเกียจ ดถู กู บ้านเกดิ เมอื งนอน แตก่ ลับไปช่นื ชมนิยมวฒั นธรรมตะวนั ตก พระองค์ ของประพันธในฐานะปจเจกชนคนหน่งึ เทานัน้ ทรงมีพระราชด�าริว่า คนไทยควรภูมิใจในวัฒนธรรมไทย ไม่ควรหลงนิยมวัฒนธรรมตะวันตก เกินไป จนละเลยความเป็นไทย ควรรู้จักเลือกสรรส่ิงที่เหมาะสมมาใช้เพื่อเสริมความเป็นไทยให้ แตเ ปนการศึกษา “หวั ใจ” ของประพันธใ นฐานะ ตวั แทนของคนไทยรุนใหมท ี่นยิ มอดุ มการณแบบ โดดเด่นยิง่ ข้ึน ตะวนั ตก และมีความขัดแยง กบั อุดมการณข อง ดังน้ัน แก่นเรื่องหรือแนวคิดส�าคัญ คือ การรู้จักอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยอันดีงาม และในเวลาเดียวกันก็รู้จักเลือกรับวัฒนธรรมตะวันตกบางประการมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให ้ คนรนุ เกา ทีย่ ึดมน่ั กับคานยิ มด้งั เดมิ ” สังคมไทยเจรญิ กา้ วหน้าอยา่ งยั่งยนื • นักเรียนเหน็ ดวยกับคาํ กลา วขางตนหรอื ไม ผู้อ่านจะเห็นว่าชีวิตรักของประพันธ์หนุ่มหัวนอกต้องอับปางลง เพราะทั้งเขาและ อยางไร อุไรต่างก็ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวซึ่งมีอารมณ์หวือหวา ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล และเน่ืองจาก (แนวตอบ ตวั ละครในเรอื่ งเปน ตัวแทนของ ทั้งสองคนมภี มู หิ ลงั และแนวคิดท่ตี า่ งกนั เชน่ ประพนั ธ์เป็นหนุ่มนกั เรยี นนอ1กนิยมตะวันตกก็จริง คา นยิ มของยุคสมัยระหวา งคา นยิ มไทยและ แต่มีครอบครัวท่ียึดม่ันอยู่กับขนบธรรมเนียมประเพณีแบบไทยๆ จิตส�านึกลึกๆ ของเขาจึงยัง คา นยิ มตะวันตก โดยมกี ารสรางตวั ละคร เห็นคุณค่าในความเป็นไทย จึงมิอาจยอมรับพฤติกรรมของภรรยาคืออุไรที่เป็นผู้หญิงสมัยใหม ่ ในลกั ษณะคตู รงขา ม เพอื่ เนน ย้าํ คา นยิ ม แบบตะวนั ตกแทๆ้ ได้ ความรักของทั้งสองคนจงึ เกิดเรว็ และดับเรว็ ทีผ่ ูทรงพระราชนิพนธตอ งการนําเสนอให นวนยิ ายเรอื่ งนจี้ งึ แสดงใหเ้ หน็ วา่ การแตง่ งานของคนหนมุ่ สาวทม่ี าจากการชอบพอกนั เดนชดั ย่ิงขนึ้ นกั เรยี นสามารถพิจารณา แต่เปลือกนอก ขาดการรู้จักและเข้าใจกันอย่างแท้จริงย่อมไม่จีรังยั่งยืน นอกจากน้ันพฤติกรรม จากองคประกอบของบทประพันธได) ของอุไรยังแสดงให้เห็นว่า ผู้หญิงที่ชิงสุกก่อนห่ามและใช้เสรีภาพในทางท่ีผิดต้องประสบ ขยายความเขา ใจ Expand ชะตาชวี ติ อย่างไร ท้ังสองประการนี้เป็นแนวคิดรองทีผ่ ู้ทรงพระราชนพิ นธ์ตอ้ งการเสนอ 1. นักเรียนยกตัวอยางบทประพันธ ดงั ตอไปนี้ ๗.๖ คุณค่าด้านปญั ญาและความคดิ • นักเรยี นยกตวั อยา งตัวละครทีเ่ ปน ตวั แทน คานยิ มของสังคม พรอ มอภปิ รายแสดง ๑) รอยตอ่ วฒั นธรรม พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงเสนอใหผ้ อู้ า่ น เหตุผล หรือคนไทยสมัยนั้นได้คิด คือ ในช่วงท่ีคนไทยก�าลัง “เห่อฝรั่ง” โดยมีพวกนักเรียนนอกเป็น (แนวตอบ ประพนั ธเ ปนตัวแทนของชายหนมุ ผนู้ า� “แฟแชน่ ” นนั้ คนไทยหลายคนสบั สนว่าจะปฏิบตั ิตนอยา่ งไร จึงจะไม ่ “คร”ึ คือต้องงดงาม ที่มคี า นยิ มแบบตะวนั ตกและตอตา นคานยิ ม ถกู ตอ้ งในความเปน็ ไทย และตอ้ งทนั 2สมยั ดว้ ย ทรงเสนอแนวคดิ นผี้ า่ นตวั ละคร ๒ คน คอื ประพนั ธ์ แบบไทย แตส ดุ ทา ยกส็ ามารถปรบั คา นิยม และอไุ ร ทรงชี้ใหเ้ ห็นความ “สุดโต่ง” ของผทู้ ่เี ป็น “ฝรง่ั จ๋า” และเม่ือบทบาทสุดโตง่ นนั้ ผิดพลาด ของตนใหเขา กบั ความเปน ไทยได สว น ลงเอยด้วยความล้มเหลว ประพันธ์และอุไรก็ค้นพบทางเลือกใหม่ท่ีลงตัว ดังแนวคิดท่ีทรงเสนอ แมอุไรเปน คนท่นี ําคา นิยมตะวันตกมาใช ไว้เกี่ยวกับการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมาใช้ในสังคมไทย ในช่วงที่ประเทศก�าลังเปลี่ยนแปลง แบบผิดๆ พระยาตระเวนเปนตัวแทน ไปเป็นแบบสมัยใหม่ว่า เราควรเลือกรับแต่ส่ิงท่ีดีและรู้จักปรับใช้ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมไทย คานิยมแบบไทยที่ไมเหมาะสม สวนคณุ พอ ท่ีดีงาม เพือ่ ให้สงั คมเจริญกา้ วหนา้ อย่างแทจ้ ริง ของประพนั ธเ ปน ตัวแทนคานยิ มแบบไทย 173 ดง้ั เดมิ ) 2. ครสู ุมนักเรียน 1-2 คนออกมานาํ เสนอ หนา ชนั้ เรยี น จากนนั้ บนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ บูรณาการเชอ่ื มสาระ ครบู ูรณาการเช่ือมโยงองคค วามรูจ ากบทเรยี นเรอ่ื ง หวั ใจชายหนุม กบั วชิ า เกร็ดแนะครู ในกลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม วชิ าประวตั ศิ าสตร ครูควรเพ่ิมเติมความรดู วยการเช่อื มโยงความรเู ดิมเกี่ยวกบั ลกั ษณะของตัวละคร ในประเดน็ เกยี่ วกับการเปลย่ี นแปลงเขา สคู วามเปนสมัยใหมของสังคมไทย ทไี่ ดเ รียนมากับความรูเก่ียวกบั สภาพสงั คมในยุคสมยั ของผูแตงและยุคสมยั ของเร่อื ง รวมถึงการแผขยายของอิทธิพลตะวนั ตก ทงั้ ทางดา นการเมอื งและวัฒนธรรม โดยมุงพจิ ารณาทบทวนในสมุดบนั ทกึ ของนักเรยี น จากการปฏบิ ัติกิจกรรมสว นของ เพอ่ื ใหน กั เรยี นไดพจิ ารณาเกีย่ วกบั ทศั นคติของผูค นในยุคสมยั แหงการ เน้อื เรอ่ื ง เพือ่ ใหนกั เรยี นสามารถสงั เคราะหความเขาใจ และสรปุ ความคิดรวบยอด เปลี่ยนผา นวา มกี ารยอมรับ รวมถงึ การตอบโตทางวฒั นธรรมอยางไร รวมถงึ สามารถพิจารณาโครงสรา งและวิธีคิดเก่ยี วกบั ตัวละครไดอ ยางลึกซงึ้ ผา นชนช้นั ใดบา ง เพ่ือใหนักเรยี นไดเกิดความรู ความเขาใจเน้ือหาของ วรรณกรรมเร่อื งนไี้ ดอ ยา งลกึ ซึ้งชดั เจนมากย่ิงข้นึ นกั เรียนควรรู 1 จิตสํานึก ภาวะที่จิตต่ืนและรูตัวสามารถตอบสนองตอส่งิ เรา จากประสาท สัมผัสท้งั 5 คือ รูป เสยี ง กล่ิน รส และสิง่ ท่สี ัมผัสไดด ว ยกาย 2 สดุ โตง ไกลมาก ปลายไกลสุด มากเกนิ ขอบเขตท่คี วรเปน ตงึ หรอื หยอน เกนิ ไป เชน การปฏิบัติสุดโตง เปนตน คมู อื ครู 173
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. นกั เรยี นรวมกนั อภปิ รายในประเด็น ตอไปน้ี ๒) ปลกู เรอื นตามใจผอู้ ยู่ ผกู อตู่ ามใจผนู้ อน บดิ ามารดาของประพนั ธอ์ ตุ สา่ หม์ อง • การใชต ัวละครแตละตวั ในเรอื่ งเปนตวั แทน หาผู้หญงิ ด ี มีฐานะ มชี าติตระกูล เป็นคนไทยเชอื้ สายจีน ขยันขันแข็งทา� มาหากนิ และเรยี บรอ้ ย นําเสนอคา นยิ มแตละแบบสะทอ นภาพ เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี แต่ส่ิงท่ีบิดามารดาไม่เห็นคือความรัก การท่ีลูกเป็นนักเรียนนอก พอใจท่ีจะมี ของสงั คมและวฒั นธรรมในยุคสมยั ท่ีแตง เสรีภาพในการหาคู่เองที่ถูกใจในนิสัยใจคอ รสนิยมเข้ากันได้ดี แต่ข้อผิดพลาดท่ีลูกมองไม่เห็น วรรณกรรมอยางไร เหมอื นผใู้ หญเ่ หน็ คอื คณุ สมบตั ทิ ดี่ กี วา่ ความสวยและความทนั สมยั โบราณจงึ กลา่ วไวว้ า่ เรอื่ งการ (แนวตอบ เปน ตนวา สะทอนใหเหน็ ความ แตง่ งานตอ้ งตามใจหนุ่มสาว บดิ ามารดามีหนา้ ท่ีให้คา� แนะน�า สัง่ สอน อบรม ใหล้ กู สาวลูกชาย หลากหลายและความเปลยี่ นแปลงของสงั คม เปน็ คนด ี สว่ นเรอื่ งความรกั เปน็ เรอื่ งสว่ นตวั ของเขาเอง ถา้ มพี นื้ ฐานด ี ความคดิ ดแี ลว้ การตดั สนิ ใจ และวฒั นธรรมไทยในยคุ สมัยน้นั อยา ง กน็ ่าจะผิดพลาดนอ้ ยท่ีสุด หลากหลาย ตลอดจนการเขามาปะทะ ๓) อยา่ ลมื ตวั นายประพนั ธเ์ ปน็ ตวั ละครทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ระหวา งวฒั นธรรมตะวันตกกบั วฒั นธรรมไทย ทหลรงงลตมืั้งใสจงั ใคหม้เไปท็นยตทัวเ่ี ปแน็ทบนา้ ขนอเกงวดิ ัฒเมนอื ธงนรรอมนตขะอวงันตนต กเทห่ีไน็ หไลดจบ้ า่ากเถขอ้้ายมคาา�ปทะแ่ีปสนดกงับนวสิ ัฒยั ฟนงุ้ ธเฟรรอ้ 1ม ไกทารยช นื่ แชลมะ สง ผลใหเกดิ ความเปลย่ี นแปลงในระดับ วฒั นธรรมตะวนั ตก ดถู กู บา้ นเมืองของตน เชน่ ปจ เจกบคุ คล) • นกั เรยี นคดิ วา ผทู รงพระราชนพิ นธม ที ัศนคติ “ฉนั นกึ ๆ ไปแทบอยากพาเอาลลิ ีเ่ ข้าไปเสียดว้ ยแลว้ เทยี ว แต่นกึ สงสารหลอ่ น ตอคานยิ มตา งๆในสงั คมอยางไร จะตอ้ งไปตกอยใู่ นหมคู่ น “อนั ศวิ ไิ ลซ”์ จะทนทานไมไ่ หว ทา่ นบดิ ามารดาของฉนั นะทา่ นทา� โกพ้ อใช้ (แนวตอบ ทรงเห็นวา คา นิยมของสงั คมไทย จรงิ อยู่ แต่พื้นของทา่ นไมใ่ ช่ “ศวิ ไิ ลซ์” จรงิ จงั ดอกนะเพ่ือน” ควรมีทง้ั ที่ควรรักษาไวและปรับตวั เพอ่ื ตอบ สนองบริบททางสังคมทเ่ี ปลย่ี นแปลงไป สว น ๔) การศึกษาดีช่วยให้คิดดี ประพันธ์เป็นตัวอย่างของผู้ท่ีได้รับการศึกษาจาก คา นิยมตะวนั ตกที่รับเขา มา ควรมีการเลือก ตะวันตกแลว้ มองสังคมไทยในสิ่งท่ียังไมเ่ ป็นสากล คือ รบั ปรบั เปล่ียนใหมคี วามเหมาะสมกับสงั คม ไม่ชอบการเข้าท�างานโดยใช้เส้นสาย อยากท�างานโดยใช้ความรู้ความสามารถ และวฒั นธรรมไทย) ของตนเอง • นักเรียนเหน็ ดวยกับทศั นคติของผปู ระพันธ หรอื ไม อยางไร “ฉันได้ถูกคุณพ่อพาไปหาใครต่อมิใครแทบไม่เว้นแต่ละวัน…คุณพ่อท่านตั้งใจ (แนวตอบ นกั เรียนสามารถอภิปรายแสดง จรงิ ๆ ทจี่ ะท�าตามหนา้ ท่พี ่อ คือช่วยให้ลูกได้ดตี ามแบบโบราณ ท่านยังแลเห็นไมไ่ ดเ้ ลยวา่ คนเรา ความคดิ เห็นไดห ลายแนวทาง เปน ตนวา สําหรับแนวทางแรกนกั เรยี นอาจตอบวา อาจจะไดด้ หี รอื มชี อื่ เสยี งไดโ้ ดยอาศยั ความสามารถของตวั เอง นกึ ๆ ไปทจ่ี2รงิ กน็ า่ ขนั ทเ่ี ราไดอ้ ตุ สา่ ห์ เหน็ ดว ย เนอื่ งจากการรบั วฒั นธรรมใดเขา มานนั้ ตองมกี ารคัดกรองหรอื ปรับประยุกตใ ห ออกไปหาวชิ าถงึ เมอื งนอก แลว้ กลบั มาถงึ บา้ นกต็ อ้ งมาเดนิ เขา้ ทา้ ยครวั เทา่ ๆ กบั คนทไี่ มไ่ ดไ้ ป เขา กับสภาพสงั คมและวัฒนธรรมไทย หรอื เมอื งนอกเสียเลยนั่นเอง” อกี แนวทางหนงึ่ อาจกลา ววา ไมเ หน็ ดวย เนือ่ งจากวฒั นธรรมเขามาพรอ มกบั ปจจัย “ความปรารถนาอนั ยง่ิ ใหญข่ องคณุ พอ่ คอื อยากใหฉ้ นั เขา้ รบั ราชการในพระราช- ตางๆ หากวัฒนธรรมทร่ี ับเขามาขดั แยง กบั ส�านัก…คุณพ่อพาฉันไปหาเจ้าคุณผู้ส�าเร็จราชการมหาดเล็ก…ท่านแสดงความเสียใจว่าไม่มี โลกทัศนข องคนในสงั คม วัฒนธรรมดังกลา ว ต�าแหน่งว่างจริงๆ…ฉันก็เที่ยวระเหระหนหางานท�าอยู่หลายวัน…ฉันได้บอกคุณพ่อว่า ฉันจะ กจ็ ะเสือ่ มไปเอง) ลองประกอบอาชพี ทางคา้ ขายดบู ้าง แต่ทา่ นไมย่ อมทีจ่ ะใหฉ้ นั ท�าเช่นน้นั ” 174 2. นกั เรยี นบนั ทึกความเขา ใจลงในสมดุ นกั เรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT ขอ ใดสอดคลองกับสาระสําคัญจากเรอ่ื ง หวั ใจชายหนมุ 1 ฟงุ เฟอ หมายความวา คะนอง ไดใ จ เหอ เหิม ใชจ ายเกินควร เกนิ ฐานะ 1. เร่ืองราวในชวี ติ ประจําวนั ทน่ี า สนใจ ใชจา ยในส่ิงที่ไมส มควรแกฐานะ 2. เรื่องราวเกยี่ วกับความรักของหนมุ นักเรียนนอก 2 ทา ยครวั เขาทา ยครัว หมายความวา เขา ทางภรรยา 3. เรื่องราวการศกึ ษาในตา งประเทศของหนมุ นกั เรยี นนอก 4. เร่ืองราวชีวิตและประสบการณตา งๆ ของหนมุ นักเรยี นนอก มุม IT วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. เรอื่ งราวเกี่ยวกบั ความรกั ของ หนุม นักเรยี นนอก เนื่องจากเปนโครงเรอ่ื งหลักของวรรณกรรมเรอื่ งน้ี ศึกษาเน้อื หาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ “การสรา งความเปนไทยกระแสหลัก และ “ความ เปนจรงิ ” ที่ “ความเปน ไทย” สราง” โดย ศาสตราจารยสายชล สตั ยานรุ กั ษ ไดท่ี http://www.peace.mahidol.ac.th/th/index.php?option=com_content&task =view&id=144&Itemid=155 หรือ http://www.peace.mahidol.ac.th/th/index. php?option=com_content&task=view&id=145&Itemid=155 174 คูม ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู ๕) การมีภรรยาคนเดียว สังคมไทยในอดีตผู้ชายส่วนใหญ่มีค่านิยมท่ีจะมีภรรยา 1. นกั เรยี นรวมกันตอบคาํ ถาม ตอ ไปน้ี หลายคน โดยถอื วา่ เปน็ หนา้ เปน็ ตา หรอื เปน็ เครอ่ื งแสดงใหเ้ หน็ ความมงั่ มขี องตน ซงึ่ ตวั ละครในเรอื่ ง • นักเรียนคดิ วา ขอ คิดสาํ คญั ของเรื่องนี้คอื มีความคิดขัดแยง้ กบั ค่านยิ มนี้ และต้องการให้ผู้หญงิ รว่ มกันตอ่ ตา้ นคา่ นยิ มการมภี รรยาหลายคน อะไร ผูทรงพระราชนิพนธต อ งการนําเสนอ ประเดน็ ใด “มบี างคนออกความเหน็ แกฉ่ นั วา่ เมอื่ ไมพ่ อใจเมยี ทแ่ี ตง่ กนั แลว้ กค็ วรหาเมยี อีกคน (แนวตอบ การเลอื กรับวัฒนธรรมตะวนั ตก หนงึ่ ทพี่ อใจอยกู่ นิ ดว้ ยกนั หาความสขุ เสยี กแ็ ลว้ กนั แตฉ่ นั เถยี งวา่ ถา้ ทา� เชน่ นน้ั กเ็ ทา่ กบั ลวงโลก” ในชวงยุคสมัยท่สี ังคมไทยเต็มไปดวยความ เปลีย่ นแปลง คนไทยควรเลอื กรับ “มผี พู้ ดู กนั อยหู่ ลายคนวา่ ถงึ เวลาแลว้ ทไ่ี ทยเราควรจะใชธ้ รรมเนยี มมเี มยี คนเดยี ว ปรบั เปล่ยี นใหส อดคลอ งกบั วฒั นธรรมไทย) แตด่ ไู มใ่ ครม่ ใี ครเตม็ ใจทจี่ ะเปน็ ผถู้ อื ธรรมเนยี มนน้ั โดยเครง่ ครดั เลย แมแ้ ตผ่ ทู้ ไ่ี ปเรยี นยโุ รปกลบั มา 2. นกั เรยี นบนั ทึกความเขาใจลงในสมุด ก็มีเมยี มากๆ เหมอื น1กนั … ฉะนนั้ จะมที ี่หวังอยกู่ แ็ ต่ทตี่ วั หญิงเองเท่าน้ัน ถ้าเมื่อไรผูห้ ญงิ ไทยทีด่ ีๆ ขยายความเขา ใจ Expand พร้อมใจกันตัง้ กติกา ไมย่ อมเป็นเมียคนทีเ่ ลย้ี งผหู้ ญงิ ไว้อย่างเลยี้ งไกเ่ ปน็ ฝงู ๆ เท่าน้นั แหละ ผู้ชาย พวกมกั มากในกามจง่ึ จะต้องกลบั ความคดิ และเปลี่ยนความประพฤต”ิ 1. นกั เรียนรว มกันอภปิ รายในประเดน็ ตอ ไปน้ี ๗.๗ คณุ คา่ ด้านความรู้ • เม่ือพจิ ารณาเนอ้ื หาทงั้ หมดของเรื่องน้ี แลว ในทศั นะของประพนั ธ นักเรยี นคดิ วา นวนิยายเร่ืองนี้แสดงให้เห็นวัฒนธรรมการแต่งกายว่า ในสม2ัยพระบาทสมเด็จ “ความเปนไทย” และ “ความเปนตะวนั ตก” พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้หญิงเร่ิมไว้ผมยาว ค่อยๆ เลิกนุ่งโจงกระเบน หันมานุ่งผ้าซิ่น หรอื ส่ิงท่ี “ไมใ ชค วามเปนไทย” คืออะไร ซึ่งการเปล่ยี นแปลงการแตง่ กาย นบั เป็นเรอ่ื งใหญส่ า� หรบั ผู้หญิงในสมัยอดีต โดยจะเร่ิมจากสงั คม พรอมยกตวั อยางประกอบ ช้ันสงู หรอื ผทู้ ีม่ กี �าลงั ทรพั ยก์ ่อน (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความ “ในเวลานเี้ หน็ ผหู้ ญงิ ไทยไวผ้ มยาวมากกวา่ เมอ่ื กอ่ นเราไปเมอื งนอกเปน็ อนั มาก คดิ เหน็ ไดอ ยางหลากหลาย “ความเปน ไทย” คนไว้ผมสั้นจะมีเหลือแต่คนแก่…ในเวลาน้ีก็มีผู้หญิงนุ่งซิ่นอยู่กับบ้านบ้างแล้ว แต่ยังไม่ และ “ความเปน ตะวนั ตก” น้ัน มคี วามหมาย กลา้ นงุ่ ไปไหนมาไหน เพราะยงั ไมม่ ใี ครเปน็ หวั หนา้ นา� “แฟแชน่ ” นงุ่ ซนิ่ ขน้ึ ถา้ ผหู้ ญงิ ไทยเรานงุ่ ในทางวัฒนธรรม มที ั้งดแี ละไมดี โดยความ ซน่ิ คงงามแน่” เปน ไทยดา นทไี่ มด นี นั้ ตวั อยา งเชน การพงึ่ พา ระบบอปุ ถมั ภ การมภี รรยาไดห ลายคน เปน ตน สวนขอ ดีของความเปน ตะวันตก คอื การมี หัวใจชายหนุ่ม หมายถึง ความร้สู ึก อารมณ ์ และความคิด ของผ้ทู อ่ี ยูใ่ นวยั หนุ่ม อสิ รเสรี แตมขี อ เสยี เมอ่ื นํามาใชใ นสงั คมไทย ซ่ึงเป็นภาวะท่ีเกิดข้ึนแก่คนหนุ่มได้ทุกยุคสมัย คร้ันผ่านพ้นวัยหนุ่มไปแล้ว ความรู้สึก อารมณ์ คอื การมเี สรีภาพเกนิ ขอบเขตอํานาจ รวมทั้งแนวคิดและทัศนะก็จะเปล่ียนแปลงไปตามวันเวลา เหมือนดัง “ประพันธ์” ตัวละครเอก ของตน จนกระทั่งสง ผลกระทบตอผูอน่ื ในเรอ่ื งนี้ จนเปนการฝาฝน ขนบธรรมเนียมประเพณี และวฒั นธรรมอันดงี ามของสังคมไทย ยอ มสงผลเสยี ตอตวั ผูใชส ิทธนิ ั้น) • นักเรยี นเห็นดว ยกับทัศนะดงั กลา วหรือไม 175 อยา งไร (แนวตอบ นกั เรียนอภปิ รายไดหลากหลาย) 2. นกั เรียนบนั ทึกความเขา ใจลงในสมุด ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู “ทานรังเกยี จวา ไดเ คยรูจกั มกั คุน กับผูชายมาหลายคนแลว และกลา ววา ในการปฏิบัตกิ จิ กรรมน้ี เนอ่ื งจากคาํ ถามทีใ่ ชม ลี ักษณะที่เปน นามธรรมซ่งึ เกิด ใครๆ เขาก็รูจ กั กนั ท้ังนน้ั วาที่บา นนนั้ เขาใชค าํ เรยี กวา โรงเรียนฝกหดั เจา ช”ู จากการสงั เคราะหเ นื้อหาเปนหลกั ครจู งึ ควรรวบรวมประเด็นที่นักเรยี นนาํ เสนอ บนกระดาน จากนั้นจึงจัดกลมุ เปน หมวดหมู และนําเสนอความคดิ รวบยอด ขอ ความน้ีผูพ ดู กลา วดวยความรสู ึกอยางไร เปน การศกึ ษาโดยใชว ธิ กี ารอุปนยั นักเรียนสามารถนําขอมลู ท่ไี ดจ ากกระบวนการนี้ 1. เสยี ดสี ไปประยกุ ตใ ชในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมในหวั ขอตอ ไปได 2. ตาํ หนิ 3. ไมพอใจ 4. เหยียดหยาม วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 1. เสยี ดสี ซ่งึ หมายถงึ อาการทีว่ า นกั เรียนควรรู กระทบกระเทยี บเหนบ็ แนมดว ยความอิจฉา สอดคลองกบั เน้อื หาในขอ ความ 1 กตกิ า กฎเกณฑหรือขอ ตกลงที่บคุ คลตง้ั แต 2 ฝา ยขึ้นไปกําหนดขน้ึ เปน ขา งตน หลกั ปฏบิ ัติ ขอตกลง 2 โจงกระเบน มว นชายผานงุ แลว สอดไปใตห วา งขา ดึงขน้ึ ไปเหนบ็ ขอบผานุงดานหลังระดบั บ้นั เอว เรยี กวธิ นี งุ ผา เชนน้ันวา นุงผาโจงกระเบน คูม ือครู 175
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. นักเรียนรวมกนั อภปิ รายในประเดน็ ตอ ไปน้ี ปกณิ กะ • นกั เรียนคดิ วา หลักเกณฑใ นการเลือกรับ วัฒนธรรมทไี่ มใชว ฒั นธรรมไทยในทัศนะของ ไปรÉณียใ์ นเมอื งจíาลอง วรรณกรรมเรอื่ ง หวั ใจชายหนุม เปนอยางไร (แนวตอบ การเลือกรบั ปรบั เปล่ียนวฒั นธรรม ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา เจา อยหู วั (ประมาณ ตะวันตกใหม คี วามเหมาะสมและสอดคลอ ง กบั ความเปนไทยทางวฒั นธรรม และการ เดอื นกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๑) พระองคไดท รงสรางเมอื งจาํ ลองข้นึ ใน เลิกคา นิยมที่ไมเ หมาะสมของสงั คมไทย เชน การมภี รรยาไดหลายคนเปลยี่ นเปน มภี รรยา พระราชวังดุสิต เพื่อใชทดลองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไดคนเดียวตามทศั นะของตะวันตก เพอ่ื ให สอดคลองกับหลกั ความเทา เทยี มของความ ทรงพระราชทานชอ่ื วา “ดสุ ติ ธาน”ี 1 เปน มนุษย) • นักเรยี นเห็นดวยกบั ทัศนะขางตนหรอื ไม เมืองดุสิตธานี สรางข้ึนบนเนื้อที่ราวสองไรครึ่ง มบี า นเรอื น (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถอภปิ รายไดหลาย แนวทางขึน้ อยกู ับเหตผุ ลของนกั เรียน) หลงั เลก็ ๆ และยังมสี ถานทต่ี างๆ เชน พระราชวงั วัด สถานท่รี าชการ • นกั เรียนคดิ วา ในสงั คมปจจบุ ันใครคอื ผกู ําหนดความเหมาะสมหรอื ไมเหมาะสม ตา งๆ โรงพยาบาล โรงเรยี น ธนาคาร ท่ีทาํ การหนงั สือพมิ พ และอื่นๆ ในการเลอื กรับวฒั นธรรม (แนวตอบ หากคา นิยมดงั กลา วชว ยใหค นอยู อีกมาก ท่ีเหมือนกับเมืองจริงๆ พระองคทรงใหพลเมืองในดุสิตธานี รวมกนั อยางสันตเิ ทา เทยี ม สอดคลองกบั วถิ ี ชวี ิตของคนสว นใหญ ผคู นสวนใหญในสงั คม มีสิทธิในการเลือกคนที่ตนพอใจขึ้นมาบริหารบานเมือง เพื่อปลูกฝง จึงเปนผูร ับคา นิยมเหลา นน้ั และคา นิยมท่ี เลือกรับเขา มาจะสามารถดํารงอยใู นสงั คม ระบอบประชาธปิ ไตยแกพลเมอื ง และวัฒนธรรมไดน ัน้ ยอมข้นึ อยกู ับคนสวน ใหญใ นสังคมท่จี ะนําคานิยมดงั กลา วไปปรบั นอกจากนี้ พระองคย งั ทรงเหน็ วา หนงั สอื พมิ พเ ปนเคร่ืองมือท่ี ใชก ับวถิ ชี ีวติ หรอื อกี แงม ุมหนงึ่ อาจกลาวได วา หากคานยิ มอยางใหมท ีร่ ับเขา มามีความ จําเปนในระบอบประชาธิปไตย และทรงพยายามปลูกฝงใหประชาชน ขดั แยงกับคา นิยมเดิม แตมีความสําคญั ใน ฐานะที่เปนระบบคุณคา ทเี่ ปนสากล อาทิ รูจักการใชเสรภี าพอยางมีขอบเขต และยังใหเสรภี าพแกหนังสือพมิ พใน คณุ คาดา นสทิ ธิมนุษยชน สมควรพัฒนาให เปน รากฐาน หรอื คานิยมหลักในสังคม) การแสดงความคิดเห็น วิพากษวิจารณบานเมืองไดอยางกวางขวาง 2. นักเรียนเขยี นเรียงความในหวั ขอท่วี า พระองคทรงสนพระราชหฤทัยในกิจการหนังสือพิมพเปนอยางย่ิงและ “ความเปนไทยในทัศนะรวมสมยั ” ยงั ทรงเปนหลักอยเู บอ้ื งหลงั ในการออกหนงั สือพิมพ ๓ ฉบบั คอื ๑. หนังสือพิมพด ุสิตสมัย พิมพออกจําหนายในวันที่ ๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๔๖๑ เปน หนงั สอื พมิ พร ายวนั ฉบับแรกของดุสิต ธานี ฉบบั นีค้ าบาํ รงุ เดือนละ ๓ บาท ๒. หนังสือพิมพดุสิตสักขี ออกคร้ังแรกใชชื่อวา เรคคอรด- เดอร ตอมาเปลี่ยนเปน รีคอรดเดอร ภายหลังเปล่ียนเปนชื่อไทยวา “ดสุ ิตสกั ข”ี ๓. หนังสือพิมพดุสิตสมิต เปนหนังสือพิมพรายสปั ดาห ทม่ี ี พระราชนพิ นธข องพระองคล งพมิ พเ ปน แกนหลกั ราคาเลมละ ๑ บาท รายไดจากการจําหนายหนงั สอื พิมพเลม นี้ท้งั หมดนาํ ไปบํารุงราชนาวี 176 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT แนวคดิ ของเร่ือง หัวใจชายหนมุ สอดคลองกับขอใด ในการจดั การเรยี นการสอนเพอื่ ใหน กั เรยี นเกดิ ความเขา ใจและตระหนกั ในคณุ คา 1. อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมตะวนั ตกในสังคมไทย ของวรรณคดี นอกจากการใหความสําคญั กบั คุณคาความงามทางภาษาแลว ครคู วร 2. สะทอ นบรรยากาศของสังคมไทยสมยั รัตนโกสนิ ทรต อนตน ช้ีแนะใหนักเรียนไดพิจารณาขอคิดท่ีลึกซ้ึงแหลมคม นําเสนอผานกลวิธีทางภาษาท่ี 3. การเลือกรบั วัฒนธรรมตะวันตกในยคุ ที่ประเทศไทยมีการเปลย่ี นแปลง มคี วามคมคายและแยบยล ความเขา ใจดงั กลา วขา งตน ตอ งเกดิ จากการวเิ คราะหแ ละ 4. ช้ีใหเหน็ ปญ หาของสังคมไทยในการเลือกรับวัฒนธรรมตะวันตกอยา ง สงั เคราะหจ ากตวั ผเู รยี นเอง โดยขอ คดิ ทไี่ ดอ าจเปน สาระสาํ คญั ทไี่ ดจ ากการสงั เคราะห ไมถ ูกตอง พรอ มระบุผลเสยี ท่ีเกดิ ข้นึ เนอ้ื หาจากบทประพนั ธต ามทศั นะทผ่ี เู ขยี นตอ งการสอื่ หรอื เปน ความคดิ เหน็ ทเ่ี กดิ จาก วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. ชีใ้ หเ หน็ ปญหาของสงั คมไทยในการเลอื กรบั ตวั ผอู า น ในการจดั การเรยี นการสอน ครผู สู อนจงึ ไมค วรบอกขอ คดิ ของวรรณคดเี รอ่ื ง วัฒนธรรมตะวันตกอยางไมถูกตอง พรอมระบผุ ลเสยี ที่เกิดข้นึ ครอบคลุม นน้ั แกผ เู รยี นโดยตรง แตค รคู วรตง้ั คาํ ถามหรอื ยกตวั อยา งในลกั ษณะตา งๆ ใหน กั เรยี น องคป ระกอบตา งๆ และสะทอนเนื้อหาสาํ คญั ของเรื่อง ไดส รปุ ขอ คิดจากประสบการณตามศกั ยภาพของนักเรียนเอง นกั เรียนควรรู 1 ไร หมายถึง จํานวนเนอื้ ท่ี 4 งาน หรือ 400 ตารางวา หรือ 1,600 ตารางเมตร 176 คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ค�าถามประจา� หน่วยการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นสรปุ เนื้อหาและสาระสาํ คญั ของ จดหมายได ๑. ทัศนะของประพันธ์ท่ีมีต่อสังคมไทยข้อใดท่ีนักเรียนเห็นด้วย ตอบตามความคิดเห็นของ นกั เรียน 2. นกั เรยี นสรุปพฒั นาการของตัวละครได 3. นักเรยี นอธิบายเปรยี บเทยี บประเด็นดานสงั คม ๒. นวนิยายในรูปแบบของจดหมายมีลักษณะอย่างไร นอกจากนวนิยายเร่ืองหัวใจชายหนุ่มแล้ว นักเรยี นร้จู ักนวนิยายเรอื่ งใดอกี ท่มี รี ูปแบบคล้ายคลึงกับนวนยิ ายเรื่องนี้ และวัฒนธรรม รวมถงึ สรปุ ทัศนคตขิ องสังคม จากวรรณกรรมเรอื่ ง หัวใจชายหนมุ ๓. “…ในสมัยน้ีบิดามารดาปล่อยให้ผู้หญิงเสรีมากข้ึน แต่ผู้หญิงยังไม่รู้ค่าแท้แห่งเสรีภาพ จึงใช้ เสรภี าพในทางทีผ่ ิดจนเสียตวั เสยี ชือ่ …” ขอ้ ความนี้สือ่ ความหมายวา่ อยา่ งไร จงอธิบาย หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู ๔. ปัจจุบันนี้วัยรุ่นไทยนิยมรับวัฒนธรรมญี่ปุ่น เกาหลี แนวคิดจากเรื่องหัวใจชายหนุ่มสามารถ 1. ความเรียงสรปุ สาระสําคญั จากวรรณกรรมเร่ือง น�ามาปรบั ใชก้ บั ปรากฏการณ์ดังกล่าวไดห้ รือไม่ อยา่ งไร จงอธิบาย หวั ใจชายหนมุ ๕. การพูดไทยค�าอังกฤษค�า เป็นการแสดงความเป็นผู้มีการศึกษาดีใช่หรือไม่ จงอธิบายตาม 2. ตัวอยางวรรณกรรมทม่ี ีลกั ษณะคาํ ประพนั ธ ความคิดเห็นของนกั เรยี น สอดคลองกบั วรรณกรรมเรอ่ื ง หัวใจชายหนมุ พรอ มคําอธบิ ายประกอบ กิจกรรมสรา้ งสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้ 3. ความเรยี งสรปุ สาระสาํ คัญของจดหมาย ๑. เขยี นบทความแสดงความคดิ เห็นทมี่ เี นือ้ หาเกีย่ วกับการเปลย่ี นแปลงวฒั นธรรม เชน่ “การรบั แตล ะฉบับ วัฒนธรรมตา่ งชาตนิ ัน้ ง่าย แตก่ ารรักษาเอกลักษณ์ของไทยน้ันยากยิ่งกวา่ ” ตง้ั ชอื่ บทความให้ นา่ สนใจ 4. ความเรียงสรปุ พัฒนาการของตวั ละคร 5. ความเรยี งอธิบายเปรยี บเทยี บประเด็นดานสงั คม ๒. จัดโต้วาทีโดยเลือกญัตติตามความสนใจของนักเรียน เช่น “ดูละครแบบไทยๆ ดีกว่าดูละคร เกาหลี” เป็นตน้ และวฒั นธรรม 6. ตารางเปรยี บเทียบคาํ ศัพทท ่ีใชท ั่วไปกับคาํ ศัพท ๓. จับคู่ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งความรู้ต่างๆ เลือกบุคคลท่ีมีช่ือเสียง ๑ คน ที่มีบทบาทในการ รักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมของชาติไทยไว้ในรูปแบบต่างๆ ศึกษาประวัติ พร้อมสรุปเล่า ทีป่ รากฏในเรอ่ื ง หน้าชน้ั เรยี น 7. ความเรยี งเปรยี บเทยี บความหมายของคําศพั ท จากเร่อื งและคําศัพทท่ใี ชทัว่ ไปดา นกลวิธที าง วรรณศลิ ป 8. บนั ทกึ การตอบคําถามประจําหนว ยการเรียนรู 177 แนวตอบ คําถามประจําหนว ยการเรยี นรู 1. คําตอบข้ึนอยูกับนักเรยี น เชน เห็นดว ยกบั ทศั นะของประพนั ธใ นเรอ่ื งการเลือกคูครองดว ยตนเอง ปฏิเสธการคลมุ ถุงชน 2. ใหต ัวละครเอกเปนผเู ลาเรอ่ื งราวผา นจดหมาย และใชจ ดหมายในการดาํ เนินเร่ืองท้งั หมด ผอู านจงึ เปน เสมอื นบุคคลผรู ับจดหมาย ซงึ่ มีความใกลช ดิ สามารถถายทอดความรูส กึ อยา งตรงไปตรงมา ตัวอยา งวรรณกรรมทมี่ ีกลวิธีการเลา เร่ืองผานจดหมาย เชน จดหมายจากเมอื งไทย จดหมายจางวางหร่ํา 3. การไมต ระหนกั รูใ นคุณคา และความหมายของการใชเสรภี าพอยางถกู ตองเหมาะสม อยูในกฎเกณฑของสังคมหรือขนบธรรมเนยี มประเพณี ทําใหเสรีภาพ ที่ไดม านนั้ สรา งผลรายแกต นเองและผูอนื่ 4. การรบั วัฒนธรรมมาพรอ มกบั กรอบวิธีคิดเรื่องความเจริญของแตละประเทศ ฉะนน้ั ในการรบั วฒั นธรรมจึงควรอยูใ นลกั ษณะเลอื กรบั และนํามาปรับเปลยี่ นให มคี วามเหมาะสมสอดคลอ งและเก้ือหนุนตอการดาํ เนนิ ชวี ิตของผูคน จงึ นับวาการรบั วัฒนธรรมดงั กลาวเขา มาใหมม คี วามเหมาะสม เชน วฒั นธรรมเกาหลี และญปี่ นุ มีการทุมเททํางานอยา งเต็มท่ี หรือวัฒนธรรมการแตงกาย ศิลปะและความบนั เทิง 5. หากพูดไทยคําองั กฤษคาํ โดยขาดความเขาใจความหมายทแ่ี ทจริงแลว ไมถือวาผูพูดมีการศกึ ษาดี ผูมีการศกึ ษาดีตอ งสอ่ื สารไดอยา งถกู ตอ งเหมาะสมท้ังกาละ และเทศะ นอกจากนี้ ยงั ตองสื่อสารใหท ุกคนเกิดความเขาใจตรงกันได คูมอื ครู 177
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Engage Explore เปาหมายการเรียนรู 1. วิเคราะหว ิจารณว รรณกรรมเร่อื ง ทกุ ขของ ชาวนาในบทกวี ตามหลกั การวจิ ารณเบอ้ื งตน 2. วิเคราะหแ ละประเมินคาดานวรรณศิลปข อง วรรณกรรมเรื่อง ทกุ ขข องชาวนาในบทกวี ในฐานะทเ่ี ปน มรดกทางวฒั นธรรม 3. สังเคราะหข อคิดจากวรรณกรรมเรอ่ื ง ทุกขของชาวนาในบทกวี เพือ่ นาํ ไปประยุกตใช ในชวี ติ จรงิ สมรรถนะของผูเ รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค ö ทุกขของชาวนาในบทกวี 1. มีวนิ ยั เปน บทความพระราชนพิ นธในสมเด็จ- 2. ใฝเรียนรู พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 3. ซือ่ สัตยสจุ ริต ทีแ่ สดงใหเหน็ ถงึ การเอาพระทัยใสแ ละความ 4. มงุ ม่นั ในการทํางาน เขา พระทัยในปญ หาตางๆ ตลอดจนพระเมตตาของ พระองคท ท่ี รงมตี อ ชาวนา เนอ่ื งดว ยชาวนาแตล ะทอ งท่ี หนว ยกำรเรียนรทู ่ี ลวนมสี ภาพชวี ิตและความทกุ ขยากที่ไมแ ตกตางกนั ถึงแมกาลเวลาจะผันผานไปอยา งไรก็ตาม กระตนุ้ ความสนใจ Engage ทกุ ขข องชาวนาในบทกวี ครเู ปดเพลง “เปบ ขา ว” ผลงานการประพนั ธข อง ตัวช้ีวดั สำระกำรเรียนรแู กนกลำง จติ ร ภมู ศิ กั ด์ิ จากแถบบนั ทกึ เสยี ง จากนน้ั ครสู นทนา ซักถามกระตุน ความสนใจ ดังตอ ไปนี้ ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ๒, ๓, ๔ • การวเิ คราะห์และประเมินคณุ คา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรม เรอ่ื ง ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกวี • เม่อื นกั เรียนไดฟ ง บทเพลงขางตน แลว นกั เรยี นมคี วามรูสึกอยา งไร • นกั เรยี นมคี วามรสู กึ อยา งไรตอ อาชพี “ชาวนา” (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอ ยา งกวางขวางขนึ้ อยกู ับกรอบวธิ ีคิดและ โลกทัศนข องนกั เรียน) เกร็ดแนะครู หนวยการเรยี นรนู ้ี ครูควรกระตนุ ใหน ักเรยี นเหน็ ความสําคัญของชาวนา ชใ้ี ห เหน็ ความทุกขของชาวนา ครคู วรจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเนน ใหนักเรียน ไดรว มอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ ขณะเดียวกนั ครูควรเนนใหน กั เรียนเคารพใน ศักด์ศิ รขี องทกุ อาชพี นักเรียนไมค วรดถู กู หรอื หมิ่นเกียรติชาวนา เพราะทุกอาชพี มี ความสาํ คัญและทุกอาชีพตองพบกบั ปญหาเชน เดียวกัน โดยเฉพาะอยางย่งิ ชาวนา ทผี่ ลติ อาหารเลย้ี งคนใหอยรู อด แตก ลับตอ งพบอุปสรรคและปญหาตา งๆ มากมาย ทง้ั จากภยั ธรรมชาตแิ ละการคดโกงของมนุษย นบั ตัง้ แตอดีตจนถงึ ปจจบุ นั ทส่ี าํ คญั นอกจากนักเรยี นจะตอ งเคารพในอาชพี ทุกอาชีพแลว ยังตอ งเคารพในคุณคา และ ศักด์ศิ รขี องความเปน มนุษยทเ่ี ทาเทยี มกนั 178 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๑ . ควำมเปน มำ ครูสนทนาซกั ถามกระตนุ ความสนใจ ตอไปนี้ • นักเรยี นบอกพระราชกรณียกจิ ของสมเดจ็ บทความเรอื่ ง ทกุ ขข องชำวนำในบทกวี มที ม่ี าจากหนงั สอื รวมบทพระราชนพิ นธ์ในสมเดจ็ - พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ าร ี เรอ่ื ง มณพี ลอยรอ้ ยแสง ซง่ึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ให้จัดพิมพ์ข้นึ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๓ ในวโรกาสทพี่ ระองค์ทรงเจริญพระชนมายคุ รบ ๓ รอบ โดยนสิ ติ วา ทรงประกอบพระราชกรณยี กิจดานใดบาง คณะอกั ษรศาสตร ์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย รนุ่ ท่ี ๔๑ (แนวตอบ เปนตนวา ดานการศกึ ษา การ หนังสือรวมบทพระราชนิพนธ์เร่ือง มณีพลอยร้อยแสง แบ่งเน้ือหาออกเป็น ๑๑ หมวด พฒั นาสังคม โครงการแกปญหาการขาด ด้วยกนั คือ กลน่ั แสงกรองกานท,์ เสียงพณิ เสยี งเลือ่ น เสียงเอื้อนเสียงขบั , เรียงรอ้ ยถอ้ ยดนตร,ี สารอาหาร เปนตน) ชวนคิดพจิ ิตรภาษา, นานาโวหาร, คา� ขานไพรัช, สมบัตภิ มู ปิ ัญญา, ธาราความคดิ , นทิ ิศบรรณา, • จากพระราชกรณยี กจิ ขางตนพระองคท รง สาราจากใจ และมาลยั ปกณิ กะ ใหความชวยเหลอื ผูใด อยางไร ในหมวด “ชวนคดิ พจิ ติ รภาษา” เปน็ พระราชนพิ นธบ์ ทความและบทอภิปรายรวม ๔ เร่ือง (แนวตอบ ทรงใหค วามชวยเหลอื ประชาชน ทกุ หมเู หลาโดยเฉพาะผูด อ ยโอกาส) คือ ภาษาไทยกับคนไทย, การใช้สรรพนาม, วิจารณ์ค�าอธิบายเร่ืองนามกิตก์ในไวยากรณ์บาล ี สา� รวจคน้ หา Explore และทุกข์ของชาวนาในบทกวี ซึง่ เป็นบทวจิ ารณร์ ้อยกรองทีจ่ ะนา� มาศกึ ษาในบทเรียนน้ี นกั เรยี นแบง กลุมเปน 2 กลมุ ใหแ ตล ะกลุม จบั สลากหวั ขอ เพอื่ สบื คน ขอ มลู เกยี่ วกบั วรรณกรรม เรอ่ื ง ทกุ ขของชาวนาในบทกวี ตามหวั ขอ ตอไปน้ี ๒. ประวัติผูแตง่ • กลุมที่ 1 ประวัตผิ ูแตง • กลมุ ที่ 2 ลักษณะคําประพันธ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพระราชกรณียกิจหลายประการ เชน่ ดา้ นดนตรี ไทย ทรงพระปรชี าสามารถในการขบั รอ้ งเพลงและทรงบรรเลง อธบิ ายความรู้ Explain ดนตรีไทยได้หลายประเภท ด้านภาษาและวรรณคดี ทรง 1. นักเรยี นกลมุ ที่ 1 นาํ เสนอประวัตผิ แู ตง เร่อื ง พระราชนิพนธ์วรรณกรรมร้อยแก้ว ร้อยกรอง และงานแปล ทุกขของชาวนาในบทกวี ในประเด็น ตอ ไปนี้ งานพระราชนพิ นธท์ ร่ี จู้ กั แพรห่ ลาย ไดแ้ ก ่ ยา�่ แดนมงั กร ผเี สอ้ื • การปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กิจของสมเดจ็ แกว้ จอมแกน่ แกว้ จอมซน ดั่งดวงแก้ว เป็นต้น ท้ังน้ีในงาน พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี พระราชนิพนธ์แต่ละเรื่อง พระองค์จะทรงใช้พระนามแฝงท่ี สงผลตอการสรา งสรรคบ ทพระราชนิพนธ แตกตา่ งกนั ไป เชน่ กอ้ นหิน แว่นแก้ว หนนู ้อย เปน็ ตน้ เรื่องน้อี ยา งไร นอกจากน้ียังทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้าน (แนวตอบ เนือ่ งจากพระองคท รงพระราช การศึกษา การพัฒนาสังคม โดยมีโครงการในพระราชด�าริส่วนพระองค์หลายโครงการ กรณยี กิจดานตางๆ อยา งหลากหลายและ โดยมุ่งเน้นทางด้านการแก้ปัญหา การขาดสารอาหารของเด็กในท้องถ่ินทุรกันดารและพัฒนา ตอ เนอ่ื ง โดยเฉพาะในถนิ่ ทรุ กนั ดาร พระองค มาสูก่ ารให้ความสา� คญั ทางด้านการศกึ ษาเพอื่ การพฒั นาบคุ คลอย่างสมบรู ณ์ จงึ ทรงเขา ใจความรูสกึ ของประชาชนเปน 17๙ อยา งดี บทพระราชนพิ นธดังกลา วจงึ นาํ เสนอสภาพปญหาเกี่ยวกับความทกุ ขยาก ของประชาชนไดอยา งแหลมคม) 2. นักเรียนบันทกึ ความเขาใจลงในสมุด บูรณาการเช่ือมสาระ เกร็ดแนะครู ครสู ามารถเช่ือมโยงองคความรจู ากการเรยี นเรอื่ ง ทุกขข องชาวนาใน บทกวี กบั รายวชิ าในกลมุ สาระการเรยี นรสู งั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม รายวิชาประวัติศาสตร ทง้ั ประวตั ศิ าสตรไทยและประวัตศิ าสตรสากล ครูเชอื่ มโยงความรเู กี่ยวกับพระอจั ฉริยภาพดา นอกั ษรศาสตร ตลอดจน โดยมีเนอื้ หาเกยี่ วกบั พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร โดยนกั เรียนสามารถนาํ พระราชกรณยี กิจดานตา งๆ ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี องคค วามรูเกี่ยวกบั วิถีชวี ติ ซงึ่ สะทอนสภาพสงั คมและวัฒนธรรมในแตละ โดยเฉพาะอยา งย่ิงดา นการศึกษา และการชว ยเหลอื ผดู อยโอกาสในพืน้ ท่หี างไกล ยุคสมยั โดยเฉพาะอยางยงิ่ การประกอบอาชพี เกษตรกรรมหรือการทาํ นา พระองคจ ึงทรงมีโลกทศั นกวา งไกลและเขา ใจความรสู กึ ของประชาชน ขอมูลสว นนี้ นอกจากน้ี นักเรียนยงั สามารถนาํ องคค วามรูดงั กลาวมาศกึ ษาในแนวทาง นกั เรยี นสามารถใชเ ปน พ้ืนฐานในการทาํ ความเขาใจพระราชนพิ นธเ รือ่ ง ทุกขข อง เปรียบเทียบกับประวัตศิ าสตรสงั คมชาวนาในประเทศจีน เพอ่ื ใหน กั เรยี น ชาวนาในบทกวีไดล กึ ซงึ้ ยิง่ ข้ึน เกิดความรคู วามเขา ใจวถิ ีชีวติ ชาวนามากย่งิ ขึ้น คูม่ ือครู 179
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรยี นกลมุ ท่ี 2 นําเสนอลกั ษณะคาํ ประพันธ ๓. ลักษณะค�ำประพันธ์ ในประเด็น ตอ ไปนี้ • วรรณกรรมเร่อื ง ทุกขข องชาวนาในบทกวี ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกว ี เปน็ “บทความแสดงความคดิ มลี กั ษณะคําประพนั ธแบบใด และมหี ลกั การ เหน็ ” ซง่ึ เปน็ บทความทมี่ จี ดุ มงุ่ หมายที่จะแสดงความคิดเห็นต่อ ประพนั ธอ ยางไร ประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ความคิดเห็นท่ีน�าเสนอได้มาจาก (แนวตอบ มลี กั ษณะการประพนั ธเ ปน “บทความ การวิเคราะห ์ การใช้วิจารณญาณไตร่ตรองของผเู้ ขียน โดยผ่าน แสดงความคิดเห็น” โดยมจี ุดมงุ หมาย เพ่อื การส�ารวจปัญหา ท่ีมาของเร่ือง และข้อมูลตา่ งๆ อยา่ งละเอยี ด แสดงความคิดเห็นตอ ประเด็นใดประเดน็ หน่งึ ความคดิ เหน็ ทเ่ี สนออาจจะเปน็ วธิ กี ารแกไ้ ขปญั หาตามทศั นะของ ท่ไี ดจ ากการวเิ คราะหไ ตรต รอง จากการ ผเู้ ขยี นหรือการโตแ้ ย้งความคดิ เหน็ ของผู้อืน่ ท่มี มี าก่อน สาํ รวจปญหา พรอมเสนอวิธกี ารแกป ญหา อย่างไรก็ตาม บทความแสดงความคิดเห็นที่ดีควรเสนอ ตามทัศนะของผูเขียนหรอื โตแยง ความคิดเหน็ ทัศนะใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครคิด หรือเสนอทัศนะที่มีเหตุมีผล ของผอู ื่น รวมถึงนําเสนอทศั นะใหม มเี หตผุ ล เป็นการสร้างสรรค์ ไม่ใช่การบ่อนท�าลาย ความน่าเชื่อถือของ และมีความสรางสรรค โดยเนน ท่ปี ระโยชนต อ ความคิดเห็นที่น�าเสนอนั้นขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ปัญหา การใช้ สวนรวมเปนหลัก) ปญั ญาไตรต่ รองโดยปราศจากอคต ิ และการแสดงถงึ เจตนาดขี อง ผเู้ ขยี นทเี่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม 2. นักเรียนบนั ทึกความเขาใจลงในสมุด ๔. เรื่องย่อ ขยายความเขา ใจ Expand เน้ือความในตอนแรกของบทความเร่ือง ทุกข์ของ 1. นกั เรียนรวมกนั อภปิ รายในประเดน็ ตอไปนี้ ชาวนาในบทกว ี สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราช- • นักเรยี นคิดวา วิธกี ารนาํ เสนอความทุกขข อง กุมารีได้ทรงยกบทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งกล่าวถึงชีวิต ชาวนาในลกั ษณะบทความแสดงความ และความทุกข์ยากของชาวนา ในตอนตอ่ มาทรงแปลบทกวี คดิ เหน็ มคี วามเหมาะสมหรอื ไม อยา งไร จนี ของหลีเ่ ชินเป็นภาษาไทย ทา� ใหม้ องเหน็ ภาพของชาวนา (แนวตอบ มคี วามเหมาะสม เพราะเอื้อ จนี เมอ่ื เปรยี บเทยี บกับชาวนาไทยว่ามิได้มีความแตกต่างกัน ตอการนําเสนอแนวคดิ อยางมีเหตผุ ลได แมใ้ นฤดกู าลเพาะปลกู ซง่ึ ภมู อิ ากาศเออื้ ใหพ้ ชื พนั ธธ์ุ ญั ญาหาร นอกจากนัน้ ผเู ขยี นยังสามารถใชภ าษาทมี่ ี บริบูรณ์ดี แต่ผลผลิตไม่ได้ตกเป็นของผู้ผลิต คือชาวนา สํานวนหรอื ลีลาเฉพาะของผูเขยี น เพ่อื สรา ง เท่าท่ีควร และส่วนท่ีส�าคัญท่ีสุด คือ ทรงช้ีให้เห็นว่าแม ้ สสี ันและความนา สนใจในบทความ) จิตร ภูมิศักด์ิและหล่ีเชินจะมีกลวิธีการน�าเสนอบทกวีที่ แตกตา่ งกนั แต่กวที งั้ สองทา่ นกลบั มแี นวความคดิ ทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั คอื มงุ่ ทจ่ี ะกลา่ วถงึ ความทกุ ขย์ าก 2. นักเรยี นบันทึกความเขา ใจลงในสมดุ ของชาวนา และทา� ใหเ้ หน็ วา่ ชาวนาในทกุ แหง่ และทกุ สมยั ลว้ นประสบแตค่ วามทกุ ขย์ ากไมแ่ ตกตา่ งกนั ตรวจสอบผล Evaluate 180 นักเรยี นสรปุ สาระสําคญั ในดานประวัติผูแตง ลักษณะคาํ ประพนั ธ พรอ มเนอ้ื หาและกลวิธีการ ประพันธ เกร็ดแนะครู บรู ณาการเช่ือมสาระ ครสู ามารถบรู ณาการเชอ่ื มโยงองคค วามรจู ากการเรียนเรื่อง ทุกขของ ครูเพ่ิมเตมิ ความรูเกี่ยวกบั หลกั การเขียนบทความแสดงความคดิ เหน็ วา ชาวนาในบทกวี กับวิชาในกลุมสาระการเรียนรสู ังคมศึกษา ศาสนา การเขยี นบทความแสดงความคดิ เหน็ ใหม คี วามนาเชอ่ื ถอื หรือเปน ท่ียอมรบั ของผูอ ื่น และวฒั นธรรม รายวชิ าเศรษฐศาสตร โดยพจิ ารณาประเดน็ ตา งๆ ดงั ตอ ไปน้ี ไดน ั้น มหี ลักการเขยี น ดงั ตอไปน้ี นกั เรยี นสามารถเชอื่ มโยงความรูทางเศรษฐกิจเกย่ี วกับการกาํ หนดราคา กลไกตลาด ตนทุนกาํ ไรทไี่ ดจ ากการลงทนุ รวมถงึ เรื่องโครงสรางทาง 1. ศกึ ษาขอ มลู อยางละเอยี ด จากแหลง ความรตู างๆ อยางหลากหลาย เศรษฐกจิ ซ่ึงเปนปจจยั ในการกําหนดราคาสนิ คา ทางการเกษตร โดยเฉพาะ พรอ มจับใจความใหชัดเจน การกําหนดราคาขา ว ซึ่งสง ผลตอ สภาพชีวติ และความเปน อยขู องชาวนา ตลอดจนเกษตรกรรายยอ ย เพอ่ื ใหน ักเรยี นตระหนักในความสาํ คญั รวมถึง 2. พิจารณาจดุ เดนและจุดดอย รวมถึงวิเคราะหขอเท็จจรงิ ของหลักฐานทใ่ี ช ความทกุ ขข องชาวนามากยง่ิ ขน้ึ นกั เรยี นสามารถประยกุ ตอ งคค วามรู อางองิ วา มีความนาเช่อื ถอื หรอื ไมอยางไร เพ่ือปรบั ปรุงแกไขใหเหมาะสม ดงั กลา วมาใชใ นชีวิตจรงิ ได 3. แสดงความคิดเหน็ อยางเปนกลาง ปราศจากอคติ และใชภาษาอยา ง สรางสรรค เพื่อใหเ กิดประโยชนตอสว นรวมมากที่สุด 4. นําเสนอเนอ้ื หาอยา งมเี หตผุ ล ในขณะเดยี วกนั ผูเขียนและผูอา นตองยอมรบั ความคดิ เหน็ และมุมมองทีแ่ ตกตาง โดยพิจารณาเหตผุ ลทีน่ าํ เสนอเปน หลัก 180 คูมือครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๕. เนอ้ื เรื่อง ครเู ลือกนกั เรยี นจาํ นวน 2 คน ออกมาอาน บทกวขี องจติ ร ภูมศิ ักดิ์ และหลเี่ ชนิ คนละ 1 บท จากนั้นครูสนทนาซกั ถามกระตุนความสนใจ ดังน้ี ทกุ ข์ของชาวนาในบทกวี • จากบทกวีทง้ั สองบทท่นี ักเรียนไดฟง นกั เรียนมคี วามรสู กึ อยางไร เม่ือคร้ังเป็นนิสิต ข้าพเจ้าได้เคยอ่านผลงานของจิตร ภูมิศักดิ์ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ศึกษา อยา่ งละเอยี ด หรอื วเิ คราะหอ์ ะไร เพยี งแตไ่ ดย้ นิ คา� เลา่ ลอื วา่ เขาเปน็ คนทคี่ น้ ควา้ วชิ าการไดก้ วา้ งขวาง • นักเรียนคดิ วา บทกวีท้งั สองบทมวี ิธีการ และลกึ ซึ้งถีถ่ ว้ น ในสมัยทเี่ ราเรยี นหนังสอื กัน ได้มีผูน้ า� บทกวีของจิตรมาใสท่ �านองรอ้ งกนั ฟังติด เลาเรือ่ งและมเี นอ้ื หาแตกตางกันหรือไม หมู าจนถึงวนั นี้ อยางไร (แนวตอบ นักเรยี นตอบไดหลากหลาย) เปิบข้าวทุกคราวค�า จงสูจ�าเป็นอาจิณ เหง่ือกูท่ีสูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นค1น สา� รวจคน้ หา ข้าวนี้น่ะมีรส Explore เบื้องหลังสิทุกข์ทน ให้ชนชิมทุกช้ันชน และขมข่ืนจนเขียวคาว นกั เรียนสบื คนเน้ือหาและองคประกอบในเร่อื ง จากแรงมาเป็นรวง ระยะทางน้ันเหยียดยาว อธบิ ายความรู้ Explain จากรวงเป็นเม็ดพราว ล้วนทุกข์ยากล�าบากเข็ญ เหง่ือหยดสักก่ีหยาด ทุกหยดหยาดล้วนยากเย็น ปูดโปนกี่เส้นเอ็น จึงแปรรวงมาเปิบกิน 1. นักเรียนวิเคราะหอ งคประกอบของบทความ น้�าเหง่ือที่เร่ือแดง และน�้าแรงอันหล่ังริน พรอ มตอบคําถาม ตอ ไปนี้ สายเลือดกูท้ังสิ้น ที่สูซดก�าซาบฟัน • นกั เรียนคดิ วา ในบทความเร่ืองน้ี มกี ลวิธี การเลา เรอื่ งอยางไร สอดคลอ งกับลกั ษณะ ของบทความหรอื ไม อยางไร ดูจากสรรพนามท่ีใช้ว่า “กู” ในบทกวีนี้ แสดงว่าผู้ที่พูดคือชาวนา ชวนให้คิดว่าเรื่องจริงๆ (แนวตอบ ใชส รรพนามบรุ ุษทีห่ นงึ่ คอื คาํ วา นนั้ ชาวนาจะมีโอกาสไหมท่จี ะ “ล�าเลิก” กับใครๆ วา่ ถ้าไม่มคี นที่คอยเหนื่อยยากตรากตรา� อยา่ ง “ขา พเจา ” เปน ผถู า ยทอดเรอ่ื งราว สอดคลอ ง พวกเขา คนอื่นๆ จะเอาอะไรกิน อย่าว่าแต่การล�าเลิกทวงบุญคุณเลย ความช่วยเหลือที่สังคมมี กบั ลักษณะบทความแสดงความคิดเห็น ตอ่ คนกลุ่มน้ีในด้านของปัจจยั ในการผลติ การพยงุ หรือประกนั ราคา และการรักษาความยตุ ิธรรม เนอ่ื งจากสามารถสรางความรูสึกใกลชิดกบั ท้ังปวงก็ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้ ท�าให้ในหลายๆ ประเทศที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจ ชาวนาต่างก ็ ผูอ าน และโนม นา วใจผูอ านใหค ลอ ยตามได) ละทิ้งอาชีพเกษตรกรรมไปอยู่ในภาคอุตสาหกรรมหรือภาคบริการ ซ่ึงท�าให้ตนมีรายได้สูงกว่า 2. นักเรียนบันทึกความเขาใจลงในสมุด หรือได้เงินเร็วกว่า แน่นอนกว่า มีสวัสดิการดีกว่าและไม่ต้องเส่ียงมากเท่าการเป็นชาวนา บางคนทยี่ ังคงอยู่ในภาคเกษตรกรรมกม็ ักจะนิยมเปล่ยี นพืชที่ปลูกจากธัญพืช ซงึ่ มกั จะได้ราคาต่า� เพราะรัฐบาลก็มีความจ�าเป็นท่ีจะต้องควบคุมราคามาเป็นพืชเศรษฐกิจประเภทอ่ืนท่ีราคาสูงกว่า ขยายความเขา้ ใจ Expand แตก่ ย็ งั มชี าวนาอกี เปน็ จา� นวนมากท่ีไมม่ ที างทจี่ ะขยบั ขยายตวั ใหอ้ ยู่ในสถานะทดี่ ขี น้ึ ได ้ อาจแยล่ ง ด้วยซ�้า แล้วก็ไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกากับใคร ถึงจะมีคนแบบจิตรที่พยายามใช้จินตนาการ 1. นกั เรยี นยกตวั อยา งบทความเร่อื งอน่ื ที่มกี ลวิธี สะทอ้ นความในใจออกมาสะกดิ ใจคนอื่นบ้าง แต่ปญั หาก็ยังไมห่ มดไป การเลาเรอื่ งคลา ยกบั บทความเร่อื ง ทุกขของ ชาวนาในบทกวี พรอมอธิบายวา มลี กั ษณะ 181 ที่สอดคลอ งกัน โดยบทความสว นใหญมักมี กลวิธีการเลาเรื่องโดยใชส รรพนามบรุ ษุ ทห่ี น่ึง 2. ครสู ุม นกั เรียน 1-2 คน นําเสนอหนา ชน้ั เรยี น บูรณาการเชือ่ มสาระ ครูสามารถบรู ณาการเชอ่ื มโยงองคความรูจากการเรียนเรื่อง ทุกขข อง เกร็ดแนะครู ชาวนาในบทกวี กบั วชิ าในกลุมสาระการเรยี นรกู ารงาน อาชพี และเทคโนโลยี ครเู พิม่ เตมิ ความรเู กย่ี วกบั กลวิธีการเลาเร่ือง โดยกลวิธีการเลาเร่ืองท่ีใชกนั อยาง รายวิชาเกษตรพืช ในประเดน็ ตอ ไปน้ี นักเรยี นศึกษาขัน้ ตอนและวธิ กี ารใน แพรห ลายโดยทว่ั ไป ไดแก 1. การใชส รรพนามบรุ ุษทีห่ นง่ึ (ผม ดิฉนั ขา พเจา) ซงึ่ การเพาะปลูกขา ว เพ่อื ใหนกั เรียนไดรับทราบขั้นตอนหรือวิธกี ารทํานา รวมถึง เปน ตวั ละครเอกในเรอ่ื งเปน ผถู า ยทอดเรอื่ งราว 2. การใชส รรพนามบรุ ษุ ทห่ี นง่ึ ซงึ่ เปน ทราบวธิ ีการเพ่มิ ผลผลิต เพือ่ แกป ญหารายไดท ่ไี มเ พยี งพอของชาวนา เพ่ือให ตวั ละครรองในเรอ่ื งเปน ผเู ลา 3. ผแู ตง เปน ผเู ลา ในฐานะทเ่ี ปน ผรู แู จง เหน็ จรงิ ทกุ อยา ง นักเรียนเกดิ ความเขาใจเก่ียวกับขั้นตอนรวมถึงวิธกี ารในการทาํ นา ตระหนกั ซงึ่ เปนวธิ ีท่นี ิยมใชก นั มากทสี่ ุด 4. ผูแตง เปน ผูเ ลาในฐานะทเ่ี ปน ผูสังเกตการณ ในความสําคญั ของอาชพี ชาวนามากยงิ่ ขึ้น รวมถงึ นักเรยี นสามารถประยกุ ต องคค วามรูดังกลาว มาใชในการทาํ ความเขา ใจเนื้อหาของบทความทแ่ี สดง ถงึ ความทกุ ขข องชาวนาไดอยางลกึ ซ้ึง นักเรยี นควรรู 1 ใหช นชมิ ทุกช้ันชน สะทอนใหเห็นวา แมสังคมไทยจะไมมีการแบง ช้ันวรรณะ ท่เี หน็ ชดั เจน แตในทางปฏบิ ัติแลวถอื วามีชนช้นั อยูในสังคมไทย เชน คนรวย คนยากจน ชนชนั้ สงู ชนชนั้ กลาง คนชน้ั ลา ง คนมกี ารศกึ ษา คนไรก ารศกึ ษา เปน ตน ครคู วรแนะนาํ นกั เรยี นวา แทจ รงิ แลว มนษุ ยท กุ คนมคี ณุ คา ความเปน มนษุ ยท ม่ี คี วาม เทา เทยี มกัน นักเรยี นตอ งมองคณุ คา ของคนท่ีความดีงามและคณุ ธรรม คมู่ ือครู 181
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู้ 1. นกั เรียนรวมกนั ตอบคาํ ถาม ตอไปน้ี หลายปีมาแลว้ ขา้ พเจา้ อ่านพบบทกวจี นี บทหนงึ่ ผแู้ ต่งช่อื หลีเ่ ชนิ ชาวเมืองอู่ซ ี มีชีวติ อยู่ • ผทู รงพระราชนพิ นธต งั้ ขอสงั เกตเกี่ยวกบั บท ในระหว่างปี ค.ศ. ๗๗๒ ถึง ๘๔๖ สมยั ราชวงศถ์ งั ทา่ นหลีเ่ ชินได้บรรยายความในใจไวเ้ ป็นบทกวี กวขี องจติ ร ภูมศิ กั ดิ์ และหลเ่ี ชนิ ในประเด็น ภาษาจนี ขา้ พเจา้ จะพยายามแปลดว้ ยภาษาทขี่ รขุ ระไมเ่ ปน็ วรรณศลิ ปเ์ หมอื นบทกวขี อง จติ ร ภมู ศิ กั ดิ์ ใดบาง และมขี อ สงั เกตอยา งไร (แนวตอบ ดานกลวธิ ีการเลาเรื่อง แมบ ทกวี หว่านข้าวในฤดูใบไม้ผลิ ข้าวเมล็ดหนึ่ง ทัง้ สองจะมีความแตกตางดานกลวิธี แตใน จะกลายเป็นหม่ืนเมล็ดในฤดูใบไม้ร่วง ดา นเนื้อหากลบั นาํ เสนอความทุกขเหมือนกนั ) รอบข้างไม่มีนาท่ีไหนทิ้งว่าง • นักเรียนคดิ วา ทัศนะที่ผทู รงพระราชนพิ นธ แต่ชาวนาก็ยังอดตาย ตองการนําเสนอคืออะไร ตอนอาทิตย์เท่ียงวัน ชาวนายังพรวนดิน (แนวตอบ นาํ เสนอความทุกขของชาวนาวา เหง่ือหยดบนดินภายใต้ต้นข้าว มีเหตุปจ จัยจากการกดขท่ี างชนช้ัน ดงั ปรากฏ ใครจะรู้บ้างว่าในจานใบนั้น ในขอ ความชวงแรกทชี่ าวนาไมสามารถ ข้าวแต่ละเม็ดคือความยากแค้นแสนสาหัส “ลําเลิก” ทวงบุญคณุ จากใครได เนือ่ งจาก โครงสรางทางสงั คมไมเอือ้ ความทกุ ขของ กวีผู้นี้รับราชการมีต�าแหน่งเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นอยู่ในชนบท ฉะนั้นเป็นไปได้ที่เขา ชาวนาจงึ ยังคงอยู แมจ ะมคี วามแตกตาง จะได้เห็นความเป็นอยู่ของราษฎรชาวไร่ชาวนาในยุคน้ัน และเกิดความสะเทือนใจจึงได้บรรยาย ของประเทศและระยะเวลา) ความร้สู ึกออกเปน็ บทกวที ี่เขาใหช้ อ่ื ว่า “ประเพณีด้งั เดมิ ” บทกวขี องหลเี่ ชิน เรยี บๆ ง่ายๆ แต่ก็ แสดงความขัดแย้งชดั เจน แม้ว่าในฤดูกาลนัน้ ภูมอิ ากาศจะอ�านวยให้พชื พันธุธ์ ญั ญาหารบริบรู ณ์ด ี 2. นักเรียนบันทกึ ความเขาใจลงในสมุด แต่ผลผลิตไม่ได้ตกเปน็ ประโยชนข์ องผู้ผลติ เท่าที่ควร เทคนคิ ในการเขยี นของหลเี่ ชนิ กบั จติ รตา่ งกนั คอื หลเี่ ชนิ บรรยายภาพทเ่ี หน็ เหมอื นจติ รกร ขยายความเขา้ ใจ Expand วาดภาพใหค้ นชม สว่ นจติ รใชว้ ธิ เี สมอื นกบั นา� ชาวนามาบรรยายเรอื่ งของตนใหผ้ อู้ า่ นฟงั ดว้ ยตนเอง เวลานสี้ ภาพบา้ นเมอื งกเ็ ปลยี่ นไป ตงั้ แตส่ มยั หลเี่ ชนิ เมอ่ื พนั ปกี วา่ สมยั จติ ร ภมู ศิ กั ด ์ิ เมอื่ 1. นกั เรยี นรว มกันอภปิ รายในประเดน็ ทีว่ า สาระ ๓๐ กว่าปีท่ีแล้ว สมัยที่ข้าพเจ้าได้เห็นเองก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันนัก ฉะน้ันก่อนที่ทุกคนจะหัน สาํ คญั ทอ่ี งคผ ทู รงพระราชนพิ นธต อ งการนาํ เสนอ ไปกินอาหารเม็ดเหมือนนักบินอวกาศ เร่ืองความทุกข์ของชาวนาก็คงยังจะเป็นแรงสร้างความ จากการเปรียบเทียบบทกวที ง้ั สองคอื อะไร สะเทอื นใจให้แก่กวยี คุ คอมพวิ เตอร์สืบต่อไป นักเรียนสามารถกลา วถึงสาระสาํ คญั การเนนยา้ํ อารมณสะเทอื นใจจากความทกุ ข ของชาวนา โดยเลือกบทประพนั ธทมี่ วี ธิ กี าร สงิ หาคม ๒๕๓๓ เลา เรือ่ งแตกตา งกัน ในดา นพืน้ ที่ และระยะ เวลา แตความทกุ ขของชาวนากย็ งั คงอยู 2. นักเรยี นบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมุด ตรวจสอบผล Evaluate นกั เรยี นสรุปคณุ คาทางวรรณศิลป พรอ ม 182 ยกบทประพนั ธป ระกอบ เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT จากบทความเรอ่ื ง ทุกขของชาวนาในบทกวี ขอความใดตอ ไปน้ี สอดคลอง ครูควรเพ่ิมเติมความรเู กี่ยวกบั พระอัจฉรยิ ภาพทางดานอกั ษรศาสตรข อง กบั การ “ลาํ เลิก” บญุ คุณของชาวนา สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทรงแปลบทกวีจีนของหลี่ 1. เปบขา วทกุ คราวคาํ จงสจู าํ เปน อาจณิ เชินเปนภาษาไทย ครคู วรสนทนากับนกั เรียนเกีย่ วกับเน้ือหาในบทพระราชนพิ นธ เหงอ่ื กทู ่สี ูกนิ จงึ กอเกดิ มาเปนคน เรอ่ื งตางๆ วา พระองคท รงมคี วามรอบรดู า นภาษาจนี อยา งดีเยยี่ ม จากบทความ 2. ขา วนนี้ ะ มีรส ใหชนชิมทกุ ช้ันชน ขางตน นักเรยี นจะเห็นไดว า พระองคท รงแปลบทกวจี ากภาษาจนี เปนภาษาไทย เบอื้ งหลงั สทิ กุ ขท น และขมข่นื จนเขียวคาว โดยยงั คงเนอ้ื หาและทวงทาํ นองการแตงทมี่ ีความสมบรู ณ นอกจากนี้ ยงั ทรง 3. จากแรงมาเปนรวง ระยะทางนน้ั เหยยี ดยาว พระอจั ฉริยภาพในการใชภาษาและศิลปะการประพันธ พระองคจ งึ ทรงเลือกสรร จากรวงเปนเม็ดพราว ลวนทกุ ขยากลําบากเข็ญ ถอยคําท่ีมคี วามสมบรู ณท ัง้ ดา นเสยี งและความหมาย ทสี่ ะทอนใหเ หน็ พระปรีชา 4. เหงือ่ หยดสกั กห่ี ยาด ทุกหยดหยาดลวนยากเยน็ สามารถดานอกั ษรศาสตร โดยครอู าจชแ้ี นะใหนักเรียนชมขาวในพระราชสาํ นัก ปดู โปนก่ีเสน เอน็ จงึ แปรรวงมาเปบ กนิ ทีเ่ สนอขาวพระราชกรณียกจิ ของพระองค เปน อกี ชอ งทางหน่ึงท่นี ักเรยี นจะได ตระหนักในพระปรีชาสามารถของพระองคมากขนึ้ วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 1. 182 ค่มู อื ครู เปบ ขา วทุกคราวคาํ จงสจู ําเปนอาจณิ เหง่ือกูท่ีสูกิน จงึ กอ เกดิ มาเปนคน ชใ้ี หเ ห็นคุณคาและความสาํ คัญของชาวนาจากคาํ วา “จงสูจําเปน อาจิณ” สอดคลอ งกบั ความหมายของคาํ วา “ลําเลิก” หมายถงึ ทวงบุญคณุ และใน ภาษาปากยังหมายรวมถงึ การตัดพอตอ วาอีกดวย
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage ๖. ค�ำศัพท์ ครอู านบทประพนั ธใหน ักเรยี นฟง จากน้ัน ครูสนทนาซักถามกระตุนความสนใจ ดงั นี้ ก�ำซำบ ซึมเข้าไป เขียวคำว “...เร่ืองจรงิ ๆ น้ัน ชาวนาจะมีโอกาสไหมท่จี ะ สีเขียวของขา้ ว ซึ่งนา่ จะหอมสดช่ืน แต่ในบทกวกี ลบั มกี ล่นิ เหมน็ คาว เพราะขา้ วนี้ ‘ลําเลกิ ’ กบั ใครๆ...” เกิดจากหยาดเหง่ือซึง่ แสดงถึงความทุกขย์ ากและความขมขื่นของชาวนา • นักเรียนคดิ วา คาํ วา “ลาํ เลิก” หมายถึง อะไร เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ งใชคํานี้ในตวั บท ธัญพืช มาจากภาษาบาลวี า่ ธญญฺ พชื เชน่ ขา้ ว ขา้ วสาล ี ขา้ วโพด ทใ่ี หเ้ มลด็ เปน็ อาหารหลัก สา� รวจคน้ หา Explore ประกันรำคำ การท่ีรัฐ เอกชน หรือองค์กรต่างๆ รับประกันที่จะรับซื้อผลผลิตตามราคาท่ีได้ เปิบ ก�าหนดไว้ในอนาคต ไม่วา่ ราคาในอนาคตจะเปลีย่ นแปลงไปก็ตาม นักเรยี นรวบรวมคําศัพท และหาความหมาย ภำคบรกิ ำร หรอื เปบิ ขา้ ว หมายถงึ วธิ กี ารใชป้ ลายนว้ิ ทงั้ หา้ หยบิ ขา้ วใสป่ ากตนเอง พรอมยกขอ ความประกอบ จากนัน้ สรางตาราง อาชพี ท่ีให้บรกิ ารผูอ้ ืน่ เช่น พนักงานในร้านอาหาร ชา่ งเสริมสวย เปรียบเทียบคาํ ศัพทดงั กลาวกบั คาํ ศพั ททีใ่ ชท ั่วไป ลำ� เลกิ กลา่ วทวงบญุ คุณ กลา่ วคา� ตดั พอ้ ตอ่ วา่ โดยยกเอาความดที ตี่ นทา� ไวใ้ หแ้ กอ่ ีกฝ่าย อธบิ ายความรู้ Explain หนง่ึ เพอ่ื ใหส้ �านกึ ถึงบุญคณุ ท่ตี นมีอยกู่ บั ผูน้ ัน้ สวสั ดกิ ำร การให้ส่ิงที่เอ้ืออ�านวยให้ผู้ท�างานมีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ท่ีดีและมีความ ครยู กขอ ความวา “...เรอื่ งจรงิ ๆ น้ัน ชาวนา สะดวกสบาย เช่น มสี ถานพยาบาล มที พี่ ักอาศยั จัดรถรับสง่ จะมโี อกาสไหมทจ่ี ะ ‘ทวงบุญคุณ’ กับใครๆ...” สู สรรพนามบรุ ษุ ที่ ๒ เปน็ ค�าโบราณ คาํ วา “ทวงบุญคุณ” ใชแ ทนท่ี คาํ วา “ลาํ เลิก” อำจิณ ประจ�า นักเรยี นรวมกนั ตอบคําถาม ตอไปนี้ สรรพส์ าระ • หากเปรยี บเทยี บคําศพั ทคาํ เดิมกบั คาํ ศพั ท ที่นํามาแทนที่ นกั เรียนคิดวา คําใดสอ่ื สาร จติ ร ภมู ิศักดิ์ ไดเหมาะสมมากกวา กัน (แนวตอบ ใชไ ดใ นทางความหมาย แตในดา น จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักวิชาการคนส�าคัญคนหน่ึงของไทยท่ีมี กลวธิ ีคําวา “ลําเลิก” หมายถงึ การตดั พอ ตอ วา สามารถสื่อสารได) ผลงานทางวชิ า1การทแ่ี ปลกใหมแ่ ละลกึ ซง้ึ รวมทงั้ ยงั มแี นวคดิ ตอ่ ตา้ น ระบบเผด็จการและการใช้อ�านาจกดขี่ของชนชั้นสูง นอกจากน้ียังมี ความเชยี่ วชาญในดา้ นภาษาศาสตร ์ ภาษาฝรง่ั เศส ภาษาบาล ี ภาษา สันสกฤต และภาษาเ2ขมรเป็นอย่างมาก งานนิพนธ์ท่ีโดดเด่น ได้แก ่ ขยายความเขา้ ใจ Expand ภาษาและนริ กุ ตศิ าสตร,์ โองการแชง่ นา้� และขอ้ คดิ ใหมใ่ นประวตั ศิ าสตร์ ไทยลมุ่ นา�้ เจา้ พระยา, ขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ ดว้ ย ชนชาตขิ อม, ความเปน็ มาของ นกั เรียนยกตวั อยางขอ ความอืน่ พรอมบอก ความหมาย จากนั้นนาํ คาํ ท่ีมคี วามหมายใกลเคยี ง ค�าสยาม ไทย ลาว และขอม, ลักษณะทางสังคมของช่ือชนชาติ, กันมาแทนท่ี พรอมอธิบายกลวธิ ีทางวรรณศลิ ป โฉมหน้าศักดินาไทย และบทกวขี องจติ ร ภมู ศิ กั ด ์ิ ซง่ึ ผลงาน ๓ เรอ่ื ง หลงั ไดร้ บั การยกยอ่ งใหเ้ ปน็ หนง่ึ ในรอ้ ยหนงั สอื ดที ค่ี นไทยควรอา่ น 183 ตรวจสอบผล Evaluate นกั เรยี นปฏิบตั ิกิจกรรม และสรา งตาราง เปรยี บเทียบกลวธิ ที างวรรณศิลปได กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู นักเรยี นเพ่ิมเติมความรูเกย่ี วกับการตคี วามความหมายของคาํ ดวย ครูเพ่มิ เตมิ ความรูเ ก่ยี วกับการตีความความหมายของคาํ โดยสามารถตีความ การสํารวจรวบรวมและคาดเดาความหมาย ทั้งความหมายนยั ตรงและ ไดใ นสองระดับ คือ การตีความความหมายนยั ตรงหรือความหมายตรงตวั ของ ความหมายนัยประหวดั จากบทประพนั ธตามความเขา ใจของนกั เรียน บทประพนั ธ และการตคี วามความหมายนยั ประหวัดหรือความหมายแฝงของ พรอ มบันทกึ ความหมายของคาํ ท่ไี ดจ ากการสํารวจ จากนั้นนักเรยี นจงึ บทประพนั ธ อาจเปนความหมายทางดา นอารมณค วามรสู ึกทมี่ าพรอ มกบั คาํ ท่ีใช ตรวจสอบความเขา ใจจากพจนานกุ รม นกั เรยี นบันทึกความเขา ใจลงในสมดุ เพือ่ ใหเ กิดความเขา ใจกลวิธที างวรรณศลิ ปอ ยา งชดั เจน กิจกรรมทา ทาย นักเรียนควรรู นักเรยี นสํารวจและรวบรวมคาํ และขอ ความจากบทความเร่อื งนี้วา 1 เผด็จการ คอื ระบอบการปกครองท่ีผูนําใชอ าํ นาจบริหารเดด็ ขาด โดยมผี ูนํา มกี ารใชคําทีม่ ีความหมายทงั้ สองระดับคือ ความหมายนัยตรงและ คนเดยี วหรือบคุ คลกลุมเดียวใชอ ํานาจอยา งเดด็ ขาดในการบรหิ ารประเทศ ความหมายนยั ประหวัดหรอื ไม คําทีใ่ ชโดยสวนใหญส ือ่ ถงึ สง่ิ ใด นักเรียน 2 นิรุกติศาสตร คอื วชิ าวาดว ยท่มี าและความหมายของคาํ นาํ ไปประยกุ ตใ ช บันทกึ ความเขา ใจลงในสมุด ในการศกึ ษาประวัตศิ าสตรข องกลมุ ชนตา งๆ คูม่ ือครู 183
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ้ ความสนใจ Engage ครูสนทนาซักถามกระตนุ ความสนใจ ดังตอไปน้ี ๗. บทวิเครำะห์ • เมอื่ อา นบทความแลว นกั เรยี นเกิดความรสู ึก ๗.๑ คณุ คา ดานภาษา อยางไรตอ “ชาวนา” • หากนกั เรยี นจะเขียนบทความ นกั เรียนจะ กลวธิ กี ำรแตง ทกุ ขข์ องชาวนาในบทกว ี นบั เปน็ ตวั อยา่ งอนั ดขี องบทความทส่ี ามารถ ยึดถือเป็นแบบอย่างได้ ด้วยแสดงให้เห็นแนวความคิดชัดเจน ล�าดับเร่ืองราวเข้าใจง่าย และมี เขียนเก่ยี วกบั อะไร เพราะเหตใุ ด สว่ นประกอบของงานเขยี นประเภทบทความอยา่ งครบถ้วน คือ (นักเรยี นสามารถตอบไดอ ยา งกวางขวาง) ● สวนน�ำ กล่าวถึงบทกวีของจิตร ภูมิศักด์ิ ที่ทรงได้ยินได้ฟังมาในอดีต มาประกอบในการเขียนบทความ สา� รวจคน้ หา Explore ● เนอ้ื เร่ือง วจิ ารณ์เกีย่ วกบั กลวธิ ีก1ารน�าเสนอบทกวีของจิตร ภูมศิ ักด ์ิ และของ หลเี่ ชิน โดยทรงยกเหตุผลตา่ งๆ และทรงแสดงทศั นะประกอบ เช่น นักเรยี นทบทวนความรลู งในสมุดและสืบคนวิธี การเขียนบทความแสดงความคิดเห็น พรอ มสรุป “...ชวนใหค้ ิดวา่ เรือ่ งจริงๆ นน้ั ชาวนาจะมีโอกาสไหมท่ีจะ “ลา� เลกิ ” กับใครๆ หลักเกณฑ ว่า ถ้าไมม่ คี นท่ีคอยเหน่อื ยยากตรากตร�าอย่างพวกเขา คนอืน่ ๆ จะเอาอะไรกิน...” อธบิ ายความรู้ Explain ● สว นสรุป สรปุ ความเพยี งสนั้ ๆ แต่ลกึ ซ้ึง ดว้ ยการตอกย้�าเรอ่ื งความทกุ ข์ยาก ของชาวนา ไม่วา่ ยุคสมัยใดก็เกิดปัญหาเช่นนี้ ดังความทว่ี ่า 1. นักเรียนรวมกันตอบคาํ ถาม ตอไปนี้ • นกั เรยี นคดิ วา บทความเร่ือง ทุกขข องชาวนา “...ฉะนนั้ กอ่ นที่ทุกคนจะหันไปกินอาหารเม็ดเหมือนนักบินอวกาศ เร่ืองความ ในบทกวี มคี ณุ คา ดา นภาษาและรปู แบบอยา งไร ทุกขข์ องชาวนาก็คงยงั จะเป็นแรงสรา้ งความสะเทอื นใจใหแ้ กก่ วียุคคอมพวิ เตอร์สืบต่อไป” (แนวตอบ เปน ตัวอยา งที่ดขี องบทความแสดง ความคดิ เหน็ เพราะนาํ เสนอแนวคิดอยาง ส�าหรับกลวิธีการอธิบายนั้นให้ความรู้เชิงวรรณคดีเปรียบเทียบแก่ผู้อ่าน โดยทรงใช้ ชดั เจน ลาํ ดบั เรอ่ื งราวเขา ใจงาย แยกเปน การเปรียบเทยี บวธิ กี ารน�าเสนอของบทกวีไทยและบทกวจี ีน ว่า สว นนํา เนื้อเร่ือง และสรุป) “เทคนคิ ในการเขยี นของหลเี่ ชนิ กบั ของจติ รตา่ งกนั คอื หลเี่ ชนิ บรรยายภาพทเี่ หน็ 2. นักเรยี นบันทกึ ความเขา ใจลงในสมุด เหมือนจิตรกรวาดภาพให้คนชม ส่วนจิตรใช้วิธีเสมือนกับน�าชาวนามาบรรยายเร่ืองของตนให้ ผู้อ่านฟงั ดว้ ยตนเอง” ขยายความเขา้ ใจ Expand นกั เรยี นสบื คน เนือ้ ความบทความใดบทความ 18๔ หนงึ่ ในบทพระราชนพิ นธ มณีพลอยรอ ยแสง และ ศึกษาเปรียบเทยี บกลวิธีการใชภ าษา นกั เรยี น สามารถยกบทความและพิจารณาองคป ระกอบ ทง้ั ลักษณะรวมและลักษณะเฉพาะทสี่ ะทอ น พระอจั ฉรยิ ภาพของผูทรงพระราชนิพนธไ ด เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT จากบทความเรื่อง ทุกขของชาวนาในบทกวลี ักษณะรวมของบทกวี ครูควรเนนทบทวนความรูเ ดมิ เกย่ี วกับบทความเรอื่ ง ทุกขข องชาวนาในบทกวี “เปบ ขาว” และ “ประเพณดี ้งั เดิม” คือขอใด ทั้งในดา นเนือ้ หา ลักษณะการใชภาษา และรูปแบบการเขียนบทความแสดง 1. สะทอนภาพความงดงามของทอ งทุง ความคดิ เหน็ วา มีลักษณะเดน สอดคลอ งสัมพนั ธก ันอยา งไร เพอื่ เปนพื้นฐาน 2. สะทอ นวิถีชวี ติ แบบพอเพียงของชาวนา สาํ หรับนกั เรยี นในการนาํ กรณีศกึ ษาจากประเดน็ ตางๆ จากเนื้อหาของบทประพันธ 3. สะทอนวิถีชีวติ และความทุกขข องชาวนา มาประมวลเปนความคดิ รวบยอด เพ่อื ใชเปนพ้ืนฐานในการทาํ ความเขาใจเนอื้ หาใน 4. สะทอนภาพการถูกกดราคาสินคาเกษตรจากพอคา คนกลาง ลาํ ดบั ตอ ไป นอกจากน้ี ครคู วรเพม่ิ เตมิ ความรเู กยี่ วกบั หลกั เกณฑก ารเขยี นบทความวา วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. สะทอ นวิถีชวี ติ และความทกุ ขของชาวนา การเขียนบทความตอ งมีเนอ้ื หาทีน่ า สนใจ มีการแสดงทัศนะ ความคดิ เหน็ ของ เปน แกน เร่ืองของบทกวที ้ังสอง นกั เรยี นสามารถพิจารณาเน้อื หาของบท ผเู ขียน มลี ลี าการเขียนนาอา น สวนใหญมกั ใชภาษากึ่งทางการ ประพันธไ ดจ ากแกน เรื่องของบทกวีทัง้ สอง รวมถงึ การเปรียบเทยี บใน บทพระราชนิพนธ นักเรียนควรรู 1 ทศั นะ หมายถึง ความเหน็ การเหน็ เครือ่ งรเู ห็นสงิ่ ท่เี ห็น การแสดง โดยสามารถเขยี นไดอ กี ลกั ษณะ คือ ทรรศนะ 184 คมู่ ือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู้ บทกวีของหลี่เชินเป็นบทกวีที่เรียบง่าย แต่แสดงความขัดแย้งอย่างชัดเจน คือ 1. นกั เรยี นรวมกนั ตอบคําถาม ตอ ไปนี้ แม้ว่าในฤดูกาลเพาะปลูก ภูมิอากาศจะเอ้ืออ�านวยให้พืชพันธุ์ธัญญาหารบริบูรณ์ดี แต่ผลผลิต • นักเรียนคิดวา บทความเรอ่ื ง ทุกขข อง ไม่ได้ตกเป็นของผู้ผลิต คือ ชาวนาหรือเกษตรกรเท่าที่ควร ซึ่งหลี่เชินได้บรรยายภาพที่เห็น ชาวนาในบทกวี มคี ุณคาดานเนือ้ หาอยา งไร เหมือนจิตรกรวาดภาพให้คนชม ส่วนจิตร ภูมิศักดิ์ ใช้กลวิธีการบรรยายเสมือนว่าชาวนาเป็น (แนวตอบ สะทอนความจริงทเี่ กดิ ขน้ึ กบั ผบู้ รรยาย เรอ่ื งราวใหผ้ ู้อา่ นฟังดว้ ยตนเอง ชาวนาในสังคมที่แตกตางกนั ทง้ั ในดานพื้นท่ี อย่างไรก็ตาม แนวคิดของกวีทั้งสองคนคล้ายคลึงกัน คือ ต้องการสื่อให้ผู้อ่านได้ และเวลา แตก ลับมคี วามทุกขแ บบเดียวกนั เหน็ วา่ สภาพชวี ติ ชาวนาในทุกแห่งและทุกสมยั ประสบกบั ความทกุ ขย์ ากไม่แตกต่างกัน และความทุกขน ้ันกแ็ กไขไดยาก) ๗.๒ คณุ คา ดานสงั คม 2. นกั เรยี นบนั ทึกความเขาใจลงในสมุด สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ าร ี ไดท้ รงเร่ิมตน้ ด้วยการยกบทกวี ขยายความเขา้ ใจ Expand ของจติ ร ภมู ิศกั ดิ์ ซ่ึงแต่งด้วยกาพยย์ าน ี ๑๑ จา� นวน ๕ บท มเี นื้อหาเกยี่ วกบั ความยากล�าบาก ของชาวนาที่ปลูกข้าวซึ่งเป็นอาหารส�าคัญของคนทุกชนชั้น พระองค์ทรงเห็นด้วยกับบทกวีน้ีและ 1. นักเรียนรวมกนั อภิปรายในประเด็น ตอ ไปนี้ ยงั ทรงกลา่ วอกี วา่ เนอ้ื หาบทกวขี องจติ ร ภมู ศิ กั ด ์ิ สอดคลอ้ งกบั บทกวขี องหลเี่ ชนิ กวชี าวจนี ทแ่ี ตง่ ไว้ • นกั เรยี นรว มกนั แสดงความคิดเหน็ วา “ทกุ ข ตง้ั แตส่ มยั ราชวงศถ์ งั แสดงใหเ้ หน็ วา่ สภาพชวี ติ ของชาวนาไมว่ า่ ทแี่ หง่ ใดในโลก จะเปน็ ไทยหรอื จนี ของชาวนา” คอื อะไร แลว ใหน กั เรียน จะเป็นสมัยใดกต็ าม ล้วนแล้วแตม่ คี วามยากแคน้ ล�าเคญ็ เชน่ เดยี วกัน วเิ คราะหว า ในปจ จุบันชาวนายงั ประสบกบั ดังนั้น แนวคิดส�าคัญของบทความพระราชนิพนธ์เรื่อง ทุกขของชาวนาในบทกวี “ทุกข” นัน้ อยูหรอื ไม พรอ มยกตัวอยางจาก จงึ อยูท่ ีค่ วามทกุ ขย์ ากของชาวนา และสภาพชวี ติ ของชาวนาทถี่ กู เอารดั เอาเปรยี บอยเู่ สมอ ดงั ความ ขาวหรอื เหตกุ ารณประกอบ ทวี่ า่ (แนวตอบ นักเรียนนาํ ขอ คดิ เห็นที่ปรากฏ ในบทความมารว มอภิปรายได เปนตน วา “...แมว้ า่ ในฤดกู าลนัน้ ภมู อิ ากาศจะอ�านวยให้พืชพันธ์ธุ ัญญาหารบรบิ ูรณด์ ี แต่ ความทุกขข องชาวนาคือ ปญหาความ ผลผลิตไมไ่ ดต้ กเปน็ ประโยชนข์ องผผู้ ลติ เทา่ ทค่ี วร” ยากจนจากราคาผลผลติ ตกตํา่ โดยที่ชาวนา ไมม ชี อ งทางในการเรยี กรองหรือตอ รองราคา แม้ว่าในบทความน้ีจะไม่ได้มีการเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา แต่แนวคิด แตอ ยางใด สงผลตอ ความเปนธรรมทางดา น ของเรือ่ งที่แจม่ แจง้ และชดั เจนดงั ท่ีกลา่ วมา กม็ ีผลใหส้ งั คมหรือหนว่ ยงานที่เกย่ี วข้องไดป้ ระจกั ษ์ รายได หรือกลาวไดวา “ผลผลิตไมไ ดตกเปน และตระหนักถึงความส�าคัญของชาวนา และเล็งเห็นปัญหาต่างๆ อันอาจจะน�าไปสู่การแสวงหา ของผูผลติ เทา ทคี่ วร” จากน้ันจงึ ยกตวั อยาง หนทางแกไ้ ขในทา้ ยทส่ี ดุ ขาวเก่ยี วกบั ปญหาทชี่ าวนาตอ งประสบ เชน ¾ÃÐÃÒª¹Ô¾¹¸ àÃ×èͧ ·Ø¡¢¢Í§ªÒǹÒ㹺·¡ÇÕ áÊ´§ãËŒàËç¹¶Ö§¤ÇÒÁࢌҾÃзÑ ปญหาภัยธรรมชาติ การกดราคา ราคา áÅÐàÍÒ¾ÃзÑÂãÊã‹ ¹»˜ÞËÒ¡ÒôÒí çªÕÇÔµ¢Í§ªÒǹÒä·Â ÍÕ¡·§Ñé ÂѧÊзŒÍ¹ãËŒàË¹ç ¶Ö§¾ÃÐàÁµµÒ ผลิตผลตกต่าํ สวนทางกับผลติ ภัณฑท ใี่ ชใ น Í¹Ñ à»Â›‚ ÁŹŒ ¢Í§¾ÃÐͧ¤· ·èÕ Ã§ÁµÕ Í‹ ªÒǹҼÁŒÙ ÍÕ Òª¾Õ »Å¡Ù ¢ÒŒ Ç໹š ËÅ¡Ñ àÃÁÔè ªÇÕ µÔ áÅСÒ÷Òí §Ò¹µ§Ñé ᵋ การเกษตรที่มีราคาสงู ข้ึน) àªÒŒ ¨Ã´¤Òíè ·Òí §Ò¹áººËÅ§Ñ Ê¿ŒÙ Ò‡ ˹Ҍ Ê´ŒÙ ¹Ô µÅÍ´·§éÑ »‚ ´§Ñ ¹¹Ñé 㹰ҹмºŒÙ ÃâÔ À¤ ¨§Ö ¤ÇÃÊÒí ¹¡Ö 㹤³Ø ¤Ò‹ 2. นกั เรียนนําแนวคดิ ท่ไี ดจ ากบทความเร่ือง áÅФÇÒÁËÁÒ¢ͧªÒǹҷ»èÕ Å¡Ù “¢ÒŒ Ç” Í¹Ñ à»¹š ÍÒËÒÃËÅ¡Ñ à¾Íè× ¡ÒÃÁªÕ ÇÕ µÔ ÍÂË٠ʹ¢Í§¤¹ä·Â ทุกขของชาวนาในบทกวีมาเรยี บเรยี งเปน บทความ พรอ มเสนอแนะแนวทางในการแกไ ข 18๕ ปญหา 3. นกั เรยี นนาํ ความคิดเหน็ และแนวทางการแกไ ข ปญหาดังกลาวมาแสดงบทบาทสมมติ ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT “ฉะน้นั กอนท่ีทุกคนจะหันไปกนิ อาหารเม็ดเหมอื นนักบินอวกาศ เรื่อง เบศรู ณรากษารฐกจิ พอเพยี ง ความทกุ ขข องชาวนากค็ งยงั จะเปน แรงสรางความสะเทอื นใจใหแ กกวยี คุ คอมพิวเตอรส ืบตอไป” อาชีพชาวนาเปนอาชีพหลักท่ีอยูคูสังคมไทยอันถือไดวาเปนสังคมเกษตรกรรม มาชา นาน โดยเปน อาชีพท่มี พี ้นื ฐานมาจากวถิ ีชวี ิตดั้งเดิมของสังคมไทย ขอใดตอ ไปนีส้ อดคลองกับเน้ือความขางตนมากทีส่ ุด 1. ทุกขข องชาวนาจะยังเปนปญหาเร้อื รงั ตอ ไป ใหนักเรียนวิเคราะหวา “ชาวนา” มีวิธีการดํารงตนท่ีสัมพันธกับหลักเศรษฐกิจ พอเพยี งในดา นใดบาง และนกั เรียนสามารถนาํ มาปรับใชในชีวติ ของตนไดอ ยางไร 2. เราสามารถชว ยเหลือใหชาวนาพน ทุกขไ ดด ว ยการเลกิ กนิ ขา ว 3. กวยี คุ คอมพวิ เตอรจ ะยงั คงแตง บทกวเี กย่ี วกบั ความทกุ ขข องชาวนาตอ ไป 4. เม่ือใดก็ตามทคี่ นเรากินอาหารเมด็ เหมือนนักบินอวกาศ ความทกุ ขข อง ชาวนาก็จะหมดไป วเิ คราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ทุกขของชาวนาจะยังคงเปนปญ หาเรือ้ รัง ตอ ไป เพราะเน้ือหาสว นน้เี ปน เนอ้ื หาสวนสรปุ มจี ุดมุง หมาย เพ่อื เนน ยา้ํ ประเดน็ ทนี่ าํ เสนอในบทความ คอื ความทุกขข องชาวนา โดยนาํ เสนอดวย กลวธิ กี ารใชถ อยคาํ เสยี ดสี คมู่ อื ครู 185
กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา้ ใจ 1. นักเรียนรว มกันอภิปรายความรจู ากบทความ ปกณิ กะ »ÃÐÇµÑ Ô¢ŒÒÇä·Â เรอื่ ง ทุกขข องชาวนาในบทกวี ดงั ตอไปนี้ • นักเรยี นศึกษาวา บทความเรอื่ ง ทกุ ขข อง พันธุ์ข้าวที่มนุษย์เพาะปลูกในปจจุบันพัฒนา ชาวนาในบทกวี สะทอ นใหเ หน็ ทัศนคติของ มาจากข้าวปา ซึ่งมีถิ่นก�าเนิดในเขตร้อนชื้นของทวีป สังคมอยางไร และนกั เรียนคดิ วาทศั นคติหรอื Gondwanaland ก่อนผืนดินจะเคล่ือนตัวออกจากกันเป็น คานิยมน้นั ยงั มอี ยใู นสงั คมปจ จุบนั หรือไม ทวปี ตา่ งๆ เมอ่ื ราว ๒๓๐-๖๐๐ ล้านปมาแล้ว อยางไร (แนวตอบ เปนตนวา สะทอนใหเ หน็ ทัศนคติ 1ในเบอ้ื งแรก มนษุ ยค์ น้ พบวิธปี ลูกขา้ วแบบทา� ไร่ ของคนในสงั คมที่เห็นวาชาวนาตองทาํ งาน หนัก อยใู นภาวะยากจน ทงั้ ทีท่ ําหนาท่เี ปน เล่ือนลอย ต่อมาจึงค้นพบการท�านาหว่าน ดังปรากฏ ผผู ลิตอาหารเลยี้ งคนท้งั ชาติ และปญหา หลกั ฐานในวฒั นธรรมยางเชา บริเวณลุ่มแม่น้�าเหลืองใน ความทกุ ขข องชาวนากย็ ังคงเปน ปญหาเรื้อรัง วัฒนธรรมลุงซาน ประเทศจีน และวัฒนธรรมฮัวบิเนียน ยาวนานยากจะแกไข บทความน้ี จึงชใี้ หเห็น ประเทศเวยี ดนาม เมอ่ื ประมาณ ๕,๐๐๐ - ๑๐,๐๐๐ ปม าแลว้ คุณคาและความสําคญั ของชาวนา ซ่งึ ทํา ภูมิปญญาด้านการปลูกข้าวพัฒนาสู่การปกด�า หนาที่ปลกู ขาวเลีย้ งชวี ิตของคนไทย) พบหลกั ฐานในวฒั นธรรมบา้ นเชยี งประเทศไทย เม่อื ไมต่ �่า • นกั เรียนคิดวา คนสว นใหญมีความรเู รอื่ งทกุ ข กวา่ ๕,๐๐๐ ปม าแล้ว ในประเทศไทย เมลด็ ข้าวท่ีเก่าแก่ ของชาวนาหรอื ไม และนกั เรยี นคดิ วา เหตุใด ปญ หาดงั กลาวจงึ ยงั ดาํ รงอยจู นถงึ ปจจุบัน ที่สุดที่พบมีลักษณะคล้ายข้าวปลูกของชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์อายุราว ๓,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ ปก่อน (แนวตอบ นักเรียนสามารถอภิปรายแสดงความ คริสต์ศักราช ได้แก่ รอยแกลบข้าว ซึ่งเป็นส่วนผสมของดินที่ใช้ปนภาชนะดินเผาที่โนนนกทา คดิ เห็นไดอ ยา งหลากหลาย อาจตอบวา ทราบ อา� เภอภเู วยี ง จงั หวดั ขอนแกน่ เปน็ หลกั ฐานทย่ี อมรบั กนั โดยทวั่ ไปวา่ เกา่ แกท่ ส่ี ดุ คอื ประมาณ ๓,๕๐๐ ป หรือไมทราบก็ได แตสิ่งที่ทาํ ใหโครงสรางของ กอ่ นคริสตศ์ ักราช หลกั ฐานอื่นๆ ทแี่ สดงใหเ้ หน็ วา่ สยามประเทศเปน็ แหลง่ ปลูกข้าวมาแตโ่ บราณ อาทิ ปญ หายังคงอยูน ับแตอ ดตี จนถึงปจ จบุ นั คอื เมล็ดข้าวที่ขุดพบทถี่ �้าปุงฮงุ จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน แสดงว่ามีการปลกู ขา้ วในบรเิ วณนเ้ี มอื่ ๓,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ ความไมร เู งื่อนไขตางๆ ทางเศรษฐกจิ และ ปก อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช หรอื ราว ๕,๔๐๐ ปม าแลว้ แหลง่ โบราณคดที บ่ี า้ นเชยี ง จงั หวดั อดุ รธานพี บรอยแกลบ สงั คม ตลอดจนภาวะกดขท่ี างเศรษฐกจิ ท่ีมี ขา้ วผสมอยกู่ บั ดนิ ทน่ี า� มาปน ภาชนะดนิ เผา กา� หนดอายไุ ดใ้ กลเ้ คยี งกบั แกลบขา้ วทถ่ี า้� ปงุ ฮงุ คอื ประมาณ ตอชาวนา) ๒,๐๐๐ - ๓,๕๐๐ ปก ่อนคริสต์ศักราช ลักษณะเป็นข้าวเอเชีย หลักฐานการค้นพบเมล็ดข้าว เถ้าถ่านใน • นกั เรียนรวมกันระดมความคดิ วา ปจ จบุ นั ดิน และรอยแกลบบนเครอ่ื งปน ดนิ เผาทโี่ คกพนมด ี อา� เภอพนสั นคิ ม จงั หวดั ชลบรุ ี แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ชมุ ชน มีปญ หาอะไรเกิดข้ึนในสงั คม ชุมชน หรือ ปลกู ขา้ วสมยั กอ่ นประวตั ศิ าสตรช์ ายฝง ทะเล นอกจากนย้ี งั พบหลกั ฐานคล้ายดอกข้าวปาเมืองไทยท่ีถ�้า โรงเรยี นของนกั เรียนบา ง แลวใหน ักเรยี น เขาทะลุ จังหวัดกาญจนบุรี อายุประมาณ ๒,๘๐๐ ปก่อนคริสต์ศักราชซึ่งเป็นช่วงรอยต่อยุคหินใหม่ เลือกปญหาท่กี ลาวมาขางตนนาํ มาเขียนเปน ตอนปลายกับยุคโลหะตอนต้น บทความแสดงความคิดเห็น (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น 18๖ ไดอ ยา งหลากหลาย) 2. นักเรียนบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมุด นักเรยี นควรรู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT จากบทความเรือ่ ง ทกุ ขข องชาวนาในบทกวี ขอ ใดมีความสอดคลอ งกบั 1 ไรเลื่อนลอย คือ การเพาะปลูกพชื ไรใ นพ้นื ท่ีหนงึ่ ๆ เมื่อผลผลิตทไ่ี ดน อย แนวพระราชดาํ รขิ ององคผทู รงพระราชนิพนธจากการเปรียบเทียบบทกวไี ทย ลงเพราะดนิ ขาดความสมบูรณ เกิดโรคระบาด มแี มลงศัตรูพืชหรือวัชพชื มาก และบทกวีจีนที่ปรากฏในบทความเร่อื ง ทุกขของชาวนาในบทกวี เกษตรกรก็จะยา ยไปปลูกพืชไรในพ้ืนท่อี น่ื ตอ ไปเรอ่ื ยๆ แตเดมิ คนไทยมกั เขา ใจวา 1. แสดงถงึ ปญ หาตา งๆ ของชาวนา การทาํ ไรเลอ่ื นลอยของชาวไทยภเู ขาเปนการทําลายปา แตผ ลการวจิ ยั ของ 2. สะทอ นวิถีชีวิตทม่ี ีความทุกขยากของชาวนา นกั วชิ าการจากหลายหนว ยงานกลับพบวา การทําไรของชาวไทยภูเขาเปน 3. กลวิธนี าํ เสนอของกวที ัง้ สองมีความแตกตางกนั การอนุรักษป า โดยใชว ธิ ีการปลกู พืชหมุนเวียนเปลี่ยนพืน้ ทีใ่ นแตละป เพอื่ ฟนฟู 4. สะทอ นใหเห็นพระเมตตาธรรมทมี่ ตี อ ราษฎร โดยเฉพาะชาวนาผยู ากไร หนา ดินและสภาพปา แลวกลบั มาปลูกพชื ในพน้ื ทีเ่ ดิมอีกครง้ั เมอื่ ดินอดุ มสมบูรณ วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. สะทอ นวิถชี วี ติ ท่มี ีความทุกขย ากของชาวนา ในชวงระยะเวลาทกี่ ําหนดไมใ ชเ ปน การเผาปา เพ่อื บกุ เบกิ พ้นื ท่ที กุ ครงั้ อยางที่เคย สอดคลองกบั แนวพระราชดําริขององคผ ทู รงพระราชนพิ นธ จากการ เขา ใจกัน เปรยี บเทยี บบทกวไี ทยและบทกวจี นี โดยมพี ระราชดาํ รวิ า บทกวที ง้ั สองแมจ ะมี ความแตกตางดานกลวธิ ีการแตง แตน ําเสนอเนื้อหาสอดคลองกนั นัน่ คอื การนาํ เสนอความทุกขยากของชาวนา 186 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ตรวจสอบผล Evaluate ค�าถามประจ�าหน่วยการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสรปุ สาระสําคัญเปนความเรยี งดว ย สาํ นวนภาษาของนกั เรยี นเอง บนั ทกึ ลงสมดุ สง ครู ๑. สาระส�าคัญของบทความเร่ือง ทุกข์ของชาวนาในบทกวี คอื อะไร ๒. เหตุใดชาวนาจงึ ละทงิ้ อาชพี เกษตรกรรมไปท�างานในภาคอุตสาหกรรมหรอื ภาคบรกิ าร 2. นักเรยี นสรุปคณุ คา องคประกอบของบทความ ๓. บทกวขี องจิตร ภูมศิ ักด ์ิ และหลี่เชิน มีเนื้อหาทเี่ หมือนหรือตา่ งกันอย่างไร จงอธิบาย ในดา นภาษา เนื้อหา และรูปแบบ ๔. ให้นักเรียนอธบิ ายกลวธิ กี ารแตง่ บทกวขี องหลี่เชนิ และจติ ร ภูมศิ กั ด์ ิ ด้วยสา� นวนภาษา 3. นกั เรยี นยกตวั อยางกลวิธที างวรรณศลิ ป ของตนเอง พรอ มคําอธิบาย ๕. “...ก่อนท่ีทุกคนจะหันไปกินอาหารเม็ดเหมือนนักบินอวกาศ เร่ืองความทุกข์ของชาวนาก็คง 4. นกั เรยี นอธบิ ายเปรยี บเทียบประเด็นดาน ยงั จะเปน็ แรงสรา้ งความสะเทอื นใจใหแ้ กก่ วยี คุ คอมพวิ เตอรส์ บื ตอ่ ไป” ขอ้ ความนสี้ อื่ ความหมาย สงั คมและวฒั นธรรมท่ีปรากฏในเรื่อง โดยยก อยา่ งไร จงอธบิ าย ตัวอยางจากขา ว พรอ มเขียนความเรียงสรปุ ทศั นคติของสงั คม ความเรยี งสรุปการดาํ รงอยู กจิ กรรมสร้างสรรคพ์ ฒั นาการเรยี นรู้ ของปญหา ๑. ให้นักเรียนค้นหาค�าศัพท์เกี่ยวกับ “ข้าว” เพิ่มเติมจากบทเรียน พร้อมหาภาพประกอบ 5. นกั เรียนนําขอคดิ ทไ่ี ดจ ากเร่ืองมาเรยี บเรยี ง คา� อธบิ าย แลว้ น�าไปตดิ ทป่ี ้ายนิเทศ เปน บทความแสดงความคิดเหน็ พรอม เสนอวิธีการแกปญ หา ๒. ให้นักเรียนช่วยกันค้นหาหรือคิดรายการอาหารท่ีมีส่วนผสมของ “ข้าว” แล้วอธิบายวิธีท�า พรอ้ มทัง้ บอกคุณคา่ ทางอาหารท่ีไดร้ ับ 6. นกั เรยี นนาํ ขอคดิ จากเรื่องมาแสดงบทบาท สมมติ ๓. เขยี นเรียงความเกี่ยวกบั ความทกุ ข์ของชาวนาในทศั นะของนักเรยี น ๔. ถ้านักเรียนมีโอกาสหรือมีท่ีอยู่ใกล้กับทุ่งนา ควรหาเวลาว่างไปดูวิธีการท�านาหรือลงมือท�านา 7. นกั เรียนตอบคําถามประจําหนว ยการเรียนรู ดว้ ยตนเอง หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู 187 1. ความเรียงสรุปสาระสาํ คญั ท่ีไดจากการเรียนรู 2. ตวั อยา งบทประพนั ธท ่ีมคี วามโดดเดน ทาง วรรณศิลป พรอมคาํ อธบิ าย 3. ตารางเปรียบเทยี บความหมายของคําศพั ท จากเรอ่ื งและคาํ ศัพททใี่ ชท่วั ไป พรอ มคาํ อธบิ ายเกย่ี วกับกลวิธีทางวรรณศลิ ป 4. ความเรียงอธิบายเปรียบเทยี บประเด็นดาน สังคมและวัฒนธรรมทป่ี รากฏในเรื่อง 5. บทความแสดงความคิดเห็นและเสนอวธิ กี าร แกปญ หา 6. การแสดงบทบาทสมมติจากขอคิดทีไ่ ด 7. บนั ทกึ การตอบคาํ ถามประจําหนวยการเรยี นรู แนวตอบ คําถามประจาํ หนวยการเรยี นรู 1. สาระสาํ คัญของเรอ่ื ง คือ การนาํ เสนอความทุกขย ากของชาวนาจากปญหาความยากจน ราคาผลผลติ ตกต่ํา ผลผลิตจึงไมไดตกเปนของผูผ ลิตเทาทคี่ วร โดยที่ ชาวนาไมม ีชอ งทางในการเรยี กรองหรอื ตอรองราคา สง ผลตอความเปน ธรรมดา นรายได และปญหาดงั กลา วกย็ งั คงอยขู า มพน ทั้งพ้ืนท่ี คอื ประเทศที่แตกตางกนั และเวลานับจากอดตี เม่อื พนั ปก อ นในสมยั ของหลี่เชนิ อดีตเมอื่ ไมนานมานใี้ นสมัยของจิตร ภมู ิศักด์ิ สมัยของ “ขาพเจา ” ในปจจบุ ัน และสมยั “กวยี ุคคอมพวิ เตอร” ในอนาคต 2. สาเหตเุ กดิ จากประเด็นตา งๆ ดังน้ี ประเด็นแรก คือ ความภาคภูมิใจตออาชพี เน่อื งจากสังคมไมใหเ กียรติตอ อาชีพชาวนาเทา ทคี่ วร ประเดน็ ทีส่ อง คอื ปญหาเร่อื ง รายได รายไดท ี่ไดรับไมค ุมกับเงนิ และแรงงานทล่ี งทุนไป ประเด็นท่สี าม คอื ความยากลําบากในการประกอบอาชพี ประเด็นท่ีส่ี คือ ปญ หาโครงสรางทางเศรษฐกิจ และความเหลือ่ มลํ้า ไดแก ปจจยั ในการผลติ การพยงุ และประกนั ราคาของรฐั บาล และความเปน ธรรมในการกาํ หนดราคา สวนสาเหตุทค่ี นหันไปนยิ มประกอบ อาชีพในภาคอตุ สาหกรรมหรือภาคบรกิ ารมากกวา เน่ืองจากอาชพี อน่ื มรี ายไดส ูงกวาหรือไดผ ลตอบแทนรวดเรว็ กวา แนน อนกวา มีสวัสดิการดีกวา และไมต อ งเสี่ยง เร่ืองการขาดทุนมากเทากบั การทํานา 3. เนื้อหามคี วามหมายท่ีเหมอื นกันคอื ตองการส่อื สารความทกุ ขข องชาวนา แตส่งิ ท่ีแตกตางกันในดานเนอ้ื หา คือ บทกวขี องจติ ร ภมู ิศกั ดิ์ พยายามช้ใี หผ อู าน ตระหนักถึงคุณคา ของชาวนา สําหรบั บทกวขี องหลเ่ี ชินจะเนน ประเด็นปญ หาความเหลื่อมล้าํ ซงึ่ เกดิ จากผลผลิตหรอื รายไดไ มค มุ คา กับการลงทนุ 4. ตางกันดานมมุ มองของผเู ลาเร่ือง คือ จิตร ภมู ศิ ักดิ์ ใชมมุ มองผเู ลา เรื่องบรุ ษุ ท่ี 1 จึงใหค วามรูสึกเหมือนชาวนามาเลา เรอื่ งใหฟง สว นหลเี่ ชินใชมุมมองของผสู งั เกต เลาใหฟ ง จงึ ใหค วามรูส ึกเหมอื นภาพวาดของจติ รกร 5. ไมวาจะยคุ สมยั ใด อดีตหรอื ปจ จบุ นั ความกา วหนาของวิทยาการจะกาวไกลแคไหน ชาวนาก็ยงั ทกุ ขยากเชนเดิม คมู่ ือครู 187
กระตนุ้ Enคgวagาeมสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล Explain Expand Evaluate Explore เปา หมายการเรียนรู 1. วิเคราะหว จิ ารณวรรณคดเี รือ่ ง มงคลสูตร คาํ ฉนั ทตามหลักการวิจารณเ บื้องตน 2. วิเคราะหลกั ษณะเดน ของวรรณคดเี รอ่ื ง มงคลสตู รคําฉนั ทเชื่อมโยงกับการเรยี นรทู าง ประวตั ศิ าสตรแ ละวิถีชวี ิตของสงั คมในอดีต 3. วิเคราะหแ ละประเมนิ คุณคา ดานวรรณศลิ ปข อง วรรณคดเี รือ่ ง มงคลสตู รคาํ ฉันท ในฐานะ ทเี่ ปน มรดกทางวฒั นธรรมของชาติ 4. สงั เคราะหขอ คดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม เพ่อื นาํ ไปประยุกตใชใ นชวี ติ จรงิ สมรรถนะของผูเรยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร มงคลสูตรคําฉันท 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชทกั ษะชวี ิต เปนวรรณคดคี าํ สอน ผลงาน พระราชนิพนธในพระบาทสมเดจ็ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค หนว ยการเรยี นรทู ี่ ÷ พระมงกฎุ เกลาเจาอยูหัว ที่ทรงนาํ หลักธรรม ท่ีเปนคาถาภาษาบาลีจากพระไตรปฎกมาแปล 1. มวี นิ ัย และเรยี บเรียงเปนคําประพันธที่ไพเราะ มีความ 2. ใฝเ รียนรู งดงามท้ังดานเสียงและความหมาย โดยมีเนอื้ หา 3. ซอื่ สัตยสุจรติ ทแ่ี สดงใหเ หน็ วา สิรมิ งคลจะเกิดแกตวั เราไดก็ดวย 4. มงุ มัน่ ในการทํางาน เปนผลมาจากการประพฤติปฏิบัติดี หาไดม ที ม่ี าจาก กระตนุ้ ความสนใจ Engage มงคลสตู รคาํ ฉนั ท ปจ จัยอ่ืนแตอ ยา งใด ครูสนทนาซักถามกระตนุ ความสนใจ ดังตอไปนี้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรูแกนกลาง • นักเรียนเคยไดยนิ คําวา “วตั ถุมงคล” ท ๕.๑ ม.๔-๖/๑, ๒, ๓, ๔, ๖ • กำรวเิ ครำะห์และประเมนิ คณุ คำ่ วรรณคดีและวรรณกรรม “สริ ิมงคล” และ “มงคลสมรส” หรอื ไม เร่อื ง มงคลสูตรค�ำฉันท์ นกั เรียนคดิ วา คาํ วา “มงคล” ดังกลาว หมายถงึ อะไร (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอยา ง หลากหลาย โดยครูเนนทบทวนองคความรู ของนักเรียนเปน หลกั ) เกร็ดแนะครู หนว ยการเรยี นรูน ้ี ครคู วรใหนักเรยี นปฏิบตั กิ ิจกรรมที่ชวยสรางปฏสิ ัมพันธ และรวมกนั ระดมความคดิ ใหนกั เรียนมสี ว นรว มในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเพ่ือพฒั นา สตปิ ญญา และสรา งความสัมพนั ธอ ันดีระหวางกันกับเพื่อนรว มชน้ั เรยี น เรมิ่ จาก กิจกรรมกระตุน ความสนใจ ครคู วรรวบรวมความคิดเหน็ จากคาํ ตอบของนักเรียน และจดั กลุมประเด็นตา งๆ ใหเ ปนหมวดหมู เพื่อทาํ ความเขา ใจพ้ืนฐานความรขู อง นกั เรียน และนาํ ขอ มลู ดังกลา วไปใชเ ปนพื้นฐานสรา งความเขาใจของนกั เรียนได ในการศึกษาเนื้อหา นักเรียนควรชว ยกันอา นและพจิ ารณาเนื้อเร่อื ง ตง้ั คาํ ถามเพอื่ คน หาคําตอบจากเร่ืองท่ีอา น และรว มกันอภปิ รายแสดงความคดิ เห็นจากคําตอบ ทนี่ ักเรียนคน พบ หรอื แบง กลุมนกั เรียนแลวรว มกนั ตัง้ สมมตฐิ าน เนนใหน กั เรยี นมี สว นรว มในการวเิ คราะหว จิ ารณ เพ่อื ใหน กั เรียนสามารถแสดงความคิดเหน็ อยางมี วจิ ารณญาณ 188 คู่มอื ครู
กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Engage กระตนุ้ ความสนใจ ๑ . ควำมเปนมำ ครูสนทนาซักถามกระตุนความสนใจ ดังตอไปน้ี มงคลสูตรค�าฉันท์ เป็นบทพระรำช1นิพนธ์ในพระบำทสมเด็จพระมงกุฎเกล2้ำเจ้ำอยู่หัว มี เน้ือหำว่ำด้วยมงคล ๓๘ อันเป็นพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกำย • นกั เรียนเคยทราบมากอนหรือไมว า คาํ วา หมวดขทุ ทกปำฐะ “มงคล” ตามหลกั พระพุทธศาสนา หมายถึง คำ� วำ่ “มงคล” หมำยถงึ เหตแุ หง่ ควำมเจรญิ กำ้ วหนำ้ หรอื ทำงกำ้ วหนำ้ และ “สตู ร” หมำยถงึ ธรรมที่นํามาซึ่งความสุขความเจริญ ค�ำสอนในพระพุทธศำสนำ มงคลสตู ร จงึ หมำยควำมวำ่ พระธรรมหรอื ค�ำสอนในพระพทุ ธศำสนำ ทจ่ี ะนำ� มำซึง่ ควำมสุขและควำมเจรญิ กำ้ วหนำ้ • นกั เรยี นคดิ วา ความหมายของคาํ วา “มงคล” มงคลสตู ร มที ่มี ำโดยปรำกฏเปน็ หลักฐำนอยู่ในพระไตรปิฎก ควำมว่ำ ขางตนมีความแตกตา งจากความหมายใน คําวา “วัตถมุ งคล” หรือไม อยางไร 3 (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดอยา ง คร้ังหนึ่งชำวชมพทู วีปได้มำประชมุ และพูดคุยกันวำ่ “การเหน็ เปน มงคล การไดย ินไดฟ งั หลากหลายขึน้ อยูก ับเหตผุ ลของนักเรยี น) เปน มงคล หรือการสดู ดมล้มิ เลียเปนมงคล” สา� รวจคน้ หา Explore ครั้งน้ันมีชำยคนหนึ่งนำมว่ำ ทิฏฐิมังคลิกะ ถือว่ำ กำรเห็นเป็นมงคล และมีชำยอีกคน หนึ่งนำมว่ำ สุตมังคลิกะ ถือว่ำกำรได้ยินได้ฟังเป็นมงคล และยังมีชำยอีกคนหนึ่งนำมว่ำ นักเรียนแบงกลุม เปน 4 กลมุ ใหแ ตละกลุมจับ มุตมงั คลิกะ ถือว่ำกำรสูดดมล้ิมเลยี เปน็ มงคล เม่ือชำยทงั้ ๓ ถอื มงคล ตำ่ งกนั จงึ กลำ่ วแก่ง สลากหวั ขอในการสืบคน ขอมูล ดงั ตอ ไปนี้ แย่งถกเถียงกันวำ่ อะไรคือมงคล ท ั้งหล ำฝยำพยำคกนันทคี่ไิดมเ่เรช่ือ่อื งชมำงยคทลง้ั สเำมมื่อกท็พ้ำำวกสันุทคธิดำววำ่ำ สมอะหไำรพจะรเหปม4็นรมู้วง่ำค ลม นคุษรยง้ั น์แั้นละมเนทษุพยย์แดลำะพเทำกพันยคดิดำ • กลมุ ท่ี 1 ความเปนมา เร่อื งมงคล แตย่ ังหำขอ้ สรุปไมไ่ ด ้ จงึ รอ้ งประกำศว่ำ อกี ๑๒ ปีขำ้ งหนำ้ พระพุทธเจ้ำจะตรัส • กลุมท่ี 2 ความหมายของคาํ วา “มงคล” เทศนำเร่อื งมงคล ใหค้ อยฟงั เมอ่ื รอ้ งประกำศแลว้ ท้ำวสุทธำวำสก็กลบั ไป • กลมุ ที่ 3 ประวตั ผิ ูแ ตง ครั้นล่วง ๑๒ ปี เทพยดำทั้งหลำยก็พำกันไปเฝ้ำพระอินทร์ กรำบทูลเร่ืองมงคลที่ • กลมุ ท่ี 4 เรอ่ื งยอ และลักษณะคาํ ประพันธ มหำชนและเทพยดำถือกันต่ำงๆ พระอินทร์จึงมีเทวบัญชำให้เทพยดำองค์หนึ่งทูลถำมข้อ มงคลแดพ่ ระพทุ ธเจำ้ อธบิ ายความรู้ Explain ขณะนน้ั พระพทุ ธเจำ้ ประทบั อย่ใู นเมอื งสำวตั ถ ี เทพยดำจงึ ทลู อำรำธนำขอใหพ้ ระพทุ ธเจำ้ ตรสั เทศนำเรือ่ งมงคล 1. นักเรยี นกลมุ ที่ 1 นําเสนอความเปน มาของ พระพทุ ธองคจ์ งึ ทรงเทศนำตรสั ตอบปญั หำเรอ่ื งมงคล ๓๘ ประกำร เมอื่ ทรงเทศนำจบแลว้ เรือ่ ง มงคลสูตรคําฉันท ในประเดน็ ตอ ไปนี้ เหลำ่ เทวดำทง้ั หลำยก็ไดบ้ รรลธุ รรม ครนั้ เมอ่ื รำตรนี นั้ ผำ่ นพน้ ไป พระพทุ ธองคจ์ งึ ไดท้ รงเทศนำ • นักเรยี นอธบิ ายวา วรรณคดเี ร่ือง เรอื่ งมงคลนปี้ ระทำนแกพ่ ระอำนนทซ์ ำ้� อกี ครำวหนง่ึ แลว้ ทรงใหพ้ ระอำนนทน์ ำ� ไปเผยแผแ่ กภ่ กิ ษุ มงคลสูตรคาํ ฉนั ทมีความเปนมาและ ทงั้ หลำย ความสําคญั อยา งไร (แนวตอบ เปนบทพระราชนพิ นธใ นพระบาท 189 สมเดจ็ พระมงกฎุ เกลาเจา อยูหัว รชั กาลท่ี 6 ทรงพระราชนพิ นธโดยใชค าํ ประพนั ธ ประเภทฉันท เนือ้ หาวาดวยมงคล 38 ประการ ซงึ่ มที ีม่ าจากพระสูตรหน่งึ ใน พระไตรปฎก พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย หมวดขทุ ทกปาฐะ) 2. นักเรยี นบนั ทึกความเขาใจลงในสมดุ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู จากคาํ กลา วทว่ี า “มงคลสตู รเปนพระสตู รทพี่ ระพทุ ธศาสนกิ ชนคนไทย 1 พระสูตร คอื พระธรรมเทศนาหรอื ธรรมกถาเร่อื งหน่ึงๆ ในพระสุตตนั ตปฎ ก รจู กั กันดีนัน้ ” นกั เรียนเห็นดวยกบั คาํ กลาวขางตน หรือไม และนอกเหนือจาก แสดงเจือดวยบุคลาธิษฐาน เมื่อพูดวา “พระสูตร” จึงหมายถึง พระสุตตันตปฎก ทก่ี ลา วในหนงั สอื เรียนแลว ยงั มกี ารกลา วถึงมงคลสตู รในทใ่ี ดอกี บา ง ท้ังหมด แนวตอบ มงคลสตู รเปน หลกั คาํ สอนทางพระพุทธศาสนาทแ่ี พรห ลายเปน อยางมากในสังคมไทย โดยมงคลสูตรหมายถงึ เหตุแหงความเจรญิ กาวหนา 2 พระสุตตนั ตปฎ ก ประมวลพุทธพจนหมวดพระสูตร คือ พระธรรมเทศนา เปน แนวทางในการประพฤติปฏิบัตติ นของคนในสังคมใหพบกับความสขุ คําบรรยายตางๆ ทต่ี รสั แสดงธรรมใหเหมาะกับบคุ คลและโอกาส ตลอดจน และความเจรญิ รงุ เรอื งในชวี ิต นอกจากที่ปรากฏในบทเรียนแลว พระสงฆ บทประพันธ เรอ่ื งเลา และเร่ืองราวท้ังหลายทเ่ี ปนชัน้ เดมิ ในพระพทุ ธศาสนา มกั นําหลกั มงคลสตู รไปใชสงั่ สอนพทุ ธศาสนิกชน โดยเลือกใหเ หมาะสม สอดคลอ งกับกาลเทศะและตวั บคุ คล เพื่อใหบ ุคคลสามารถนําไปปรับใชใน 3 ชมพทู วปี ปจจุบันหมายถงึ ดินแดนทเี่ ปนประเทศอินเดีย ปากสี ถาน เนปาล การดาํ เนนิ ชีวิตไดอ กี ดวย และบังกลาเทศ แตตามคติความเช่ือทีไ่ ทยรับมาจากอนิ เดยี และความเชื่อท่ีปรากฏ ในไตรภมู ิพระรวง ชมพทู วีป คอื ทวีปใหญอ ยูทางทิศใตของเขาพระสเุ มรุ เปนทวีป 1 ใน 4 ทวปี ไดแ ก อุตรกรุ ุทวีปหรืออุตรกรุ ทู วปี บุพวิเทหทวีป ชมพูทวปี และอมร- โคยานทวปี 4 พรหม ผูป ระเสริฐ หรือเทพในพรหมโลก เปนผูไมเ กยี่ วของดวยกาม มี 2 พวก คอื รปู พรหมและอรูปพรหม คู่มอื ครู 189
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262