กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. นักเรยี นยกบทประพันธ พรอ มอภิปรายใน ๏ เมอ่ื นั้น พระผ้พู งศ์เทวัญอสญั หยา ประเด็น ดังตอไปน้ี รับพลางทางชักอาชา ร้งั รารอไวไ้ ม่รอนราญ • นกั เรียนยกบทประพันธท ่ีแสดงจินตภาพ จง่ึ คิดว่าระตูผู้นี้ ท่วงทีสามารถอาจหาญ ทนี่ กั เรยี นประทับใจ พรอมอธิบายวา ทัง้ อาวุธตา่ งตา่ งก็ชา� นาญ จะผลาญบนหลงั มา้ เห็นยากใจ บทประพนั ธท น่ี กั เรยี นยกมามคี วามโดดเดน อยา่ เลยจะชวนตกี ระบ ่ี ไดท้ ีจะฆา่ เสียใหไ้ ด้ ดา นวรรณศลิ ปอยางไร คิดแล้วจงึ รอ้ งประกาศไป ดกู ่อนภวู ไนยธบิ ดี (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถยกบทประพันธไ ด เรารบกันบนหลังอาชา ตา่ งกล้าสามารถไมถ่ อยหนี อยางหลากหลาย ขนึ้ อยูกับความประทบั ใจ มาจะลงยงั พ้นื ปถั พี ตกี ระบ่ีให้เห็นฝีมือกนั ของนกั เรยี น ครูควรเนนคําอธิบายของ วา่ พลางลงจากอัสดร พระกรทรงกระบ่ีผาดผัน นกั เรยี นเปน หลัก เปน ตน วา รา� ร่ายหนั เหียนเวยี นระวนั หมายมัน่ เขน่ ฆา่ ราวี “เมือ่ น้นั ทาวกะหมงั กหุ นิงไววอง ๏ เมือ่ นน้ั ฯ ๑๐ ค�า ฯ ทา้ วกะหมงั กุหนงิ เรอื งศรี ขบั มา วกวิ่งชิงคลอง เคลาคลองกลบั กลอกหอกซัด จึง่ ถอดโกลนโจนจากพาชี ภูมไี ม่ย้ังรง้ั รา ขยบั กรผอนพุงขางละที ทรงกระบี่ร�าเรียงเคยี งร่าย ประปรายปลายกระบ่ีแลว้ ใหท้ า่ ระเดนมนตรีปอ งปด กระหยับหันผันหลังออกมา แลว้ กลบั หนา้ จว้ งโจมเขา้ ฟันแทง ระตตู ามติดพนั ดว ยสนั ทดั ผันผัดอาวุธกนั ไปมา” ๏ เมื่อน้ัน ฯ ๔ ค�า ฯ พระสุริยว์ งศเ์ ทวากล้าแข็ง จากบทประพันธข า งตน เนือ้ หากลา วถงึ ฉากของการตอ สู โดยนาํ เสนอจนิ ตภาพ กลบั กระบี่ใหท้ ่าเปลี่ยนแปลง ต่อแย้งยา่ งเทา้ เข้าชดิ การเคลอื่ นไหวไดอยางชัดเจน โดยมีการนํา แทงตอ้ งระตูแล้วฟันซ้�า ไมช่ อกช้�าผวิ หนงั แตส่ กั หนดิ คํากรยิ าทีแ่ สดงภาพเคลอื่ นไหวมาวางเรียง ต่างทรงศกั ดาวราฤทธิ์ เลยี้ วไล่ตามติดต้านทาน ตอเนือ่ งกัน นอกจากจะใหภาพที่ตอเน่ืองแลว ยังเปน การเลน เสียงสมั ผสั อกี ดวย) ๏ เมื่อน้ัน ฯ ๔ ค�า ฯ ท้าวกะหมังกหุ นิงหา้ วหาญ 2. ครสู มุ นักเรียน 2-3 คน นําเสนอหนา ช้ันเรียน แกว่งกระบ่ผี ัดผนั ประจัญบาน ไมย่ อ่ ท้อต่อต้านราญรบ จากนน้ั นักเรยี นบันทึกความเขาใจลงในสมุด แทงทะลวงจ้วงฟันทันที ระเด่นมนตรหี ลีกหลบ กระบีต่ ่อกระบีต่ กี ระทบ เปน็ ประกายกลมุ้ กลบกันไปมา ฯ ๔ ค�า ฯ กลอนโยน ๏ เมือ่ นนั้ ระเด่นมนตรใี จกลา้ เหน็ ระตูต่อตีมีศักดา คงท้ังศัสตราอาวุธ ทว่ งหนีทีไลไ่ วว่อง เพลงกระบี่ตีคลอ่ งเปน็ ท่ีสุด ยากท่ีใครจะรอตอ่ ยุทธ ์ เปน็ บรุ ุษผหู้ นง่ึ ในแดนไตร จ�ากูจะสงั หารผลาญดว้ ยกรชิ ซึง่ เทเวศร์ประสทิ ธป์ิ ระสาทให้ คดิ พลางชกั กริชฤทธิไกร แลว้ รอ้ งว่าไปมไิ ดช้ ้า ดกู ่อนระตูภมู ี เพลงกระบ่ีตีกนั จนสน้ิ ท่า ตา่ งคนไมแ่ พ้ฤทธา เรามารา� กรชิ สู้กัน 78 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT ขอ ใดใหจ นิ ตภาพแตกตา งจากขอ อนื่ ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมใหน กั เรยี นยกบทประพนั ธท น่ี กั เรยี นประทบั ใจนน้ั นกั เรยี น 1. ตายระดับทบั กนั ดังฟอนฟาง เลือดนองทองชา งเหลวไหล สามารถยกบทประพนั ธไ ดอ ยา งหลากหลายขนึ้ อยกู บั ความสนใจของนกั เรยี น ครคู วร 2. ผงคลีมืดคลมุ ชอมุ ควัน รีบรน พลขันธคลาไคล สงั เกตและพจิ ารณาวา บทประพนั ธทน่ี กั เรียนยกมาน้นั เปนบทประพนั ธท ีม่ คี ณุ คา 3. วา แลว สองกษัตริยก จ็ ัดทพั พรอ มสรรพพหลพลขนั ธ โดดเดน ในดานใดมากทส่ี ุด เพื่อพิจารณาความสนใจของนกั เรยี น และครูสามารถ 4. พอไดศ ภุ ฤกษกล็ ั่นฆอง ประโคมศึกกกึ กอ งทอ งสนาม ประเมินพื้นฐานความสนใจของนกั เรียนในบทประพนั ธแตละประเภทได นอกจากน้ี ครูยังสามารถนําขอมูลสวนน้ีไปใชในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของนักเรียน วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. หากมีกิจกรรมตอนใดหรือบทประพันธใดที่สอดคลองกับความสนใจของนักเรียน คนน้นั ครูสามารถเลอื กนกั เรียนคนดงั กลาวเพอ่ื ตอบคาํ ถามได เปนการสรางความ พอไดศภุ ฤกษก ็ล่ันฆอ ง ประโคมศกึ กกึ กองทองสนาม เช่ือมนั่ ในองคความรูที่มีพืน้ ฐานมาจากความสนใจของนกั เรียน บทประพนั ธในขอ 4. ปรากฏจินตภาพทางเสยี ง สวนในขอ อน่ื เปน จนิ ตภาพทางภาพ 78 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate Explain อธบิ ายความรู ว่าพลางทางถอดกริชกราย เย้ืองย้ายรา่ ยรา� บดิ ผนั 1. นักเรียนจบั คู จากนน้ั รว มกันยกบทประพันธ กวักพระหัตถ์ตรสั เรยี กระตูพลนั พระท�าทีเยย้ หยนั ไพรี ดังตอ ไปนี้ • นกั เรียนยกบทประพนั ธที่แสดงหัสสรส ๏ เม่ือนั้น ฯ ๑๐ ค�า ฯ ทา้ วกะหมังกุหนงิ เรืองศรี หรอื หาสยรส ซง่ึ เปน รสแหง ความขบขัน สนกุ สนาน ได้ฟงั ชื่นชมยินด ี ครง้ั นีอ้ เิ หนาจะวายชนม์ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถยกบทประพนั ธท่ี อนั เพลงกริชชวามลายู กูรู้สันทัดไมข่ ดั สน แสดงหัสสรส หรือหาสยรส ซงึ่ เปน รสแหง คิดแลว้ ชักกริชฤทธริ ณ ร่ายรา� ท�ากลมารยา ความขบขนั สนกุ สนาน เปน ตน วา กรขวาน้ันกุมกริชกราย พระหัตถ์ซา้ ยนั้นถือเชด็ หนา้ “บางบาวเขา คนละบา พานายวิง่ เขา้ ปะทะประกริชด้วยฤทธา ผัดผนั ไปมาไม่ครนั่ ครา้ ม ๏ เมื่อนั้น ฯ ๖ ค�า ฯ กลอง ระเดน่ มนตรีชาญสนาม ประเจียดเครื่องเปลือ้ งทงิ้ ไวเ กลอ่ื นกลน บางหนามเก่ียวหวั หไู มร ูต น พระกรกรายฉายกริชติดตาม ไมเ่ ข็ดขามครา้ มถอยคอยรบั ซกุ ซนดน ไปแตล าํ พัง หลบหลีกไวว่องป้องกนั ผัดผนั หันออกกลอกกลบั บา งเททิ้งไถขาวเขนงปน ปะทะแทงแสร้งท�าส�าทับ ย่างกระหยบั รุกไลม่ ไิ ดย้ ั้ง รื้อต่ืนเสยี งเพื่อนกนั ขางหลัง ท่ถี ูกปน ปวยขาละลาละลงั ฯ ๔ ค�า ฯ เชดิ อุตสาหค ลานเซซงั ซกุ ไป”) ๏ เห็นระตูถอยเทา้ กา้ วผดิ พระกรายกริชแทงอกตลอดหลงั ล้มลงด่าวดน้ิ สิน้ ก�าลงั มอดม้วยชวี งั ปลดปลง 2. นกั เรียนบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมุด ๏ เมอ่ื นนั้ ฯ ๒ ค�า ฯ โอด กะหรดั ตะปาตสี งู ส่ง ทั้งระเดน่ ดาหยนสุรยิ ์วงศ์ สุหรานากงทรงฤทธ์ิ ขยายความเขา ใจ Expand เห็นระเดน่ มนตรตี อ่ สู้ แทงระตแู ม่ทัพดบั จติ สามองค์ทรงมา้ กระช้นั ชดิ จะสังหารผลาญชวี ติ ไพรี 1. นักเรียนรว มกันอภปิ รายในประเด็น ตอไปน้ี ตา่ งเขา้ ลุยไลไ่ ม่รอรั้ง ทา้ วปาหยังประหมันผนั หนี • นักเรยี นคดิ วา บทประพันธท่แี สดงหัสสรส ทหารโห่เอาชยั ได้ท ี ตามตโี ยธาฝา่ ฟัน หรอื หาสยรส ซงึ่ เปนรสแหง ความขบขัน สนกุ สนานขา งตน สมั พันธกับการดาํ เนนิ ๏ เม่อื นั้น ฯ ๖ ค�า ฯ องคร์ ะตปู าหยังประหมนั เรื่องอยา งไร (แนวตอบ นกั เรียนสามารถอภิปรายไดอยา ง สดุ ท่ีจะรบั รองป้องกนั พลขนั ธพ์ ังพ่ายตายยบั หลากหลาย ข้นึ อยกู บั เหตผุ ลของนักเรียน ไพรพ่ ลัดจากนายกระจายหนี เห็นเสียทีตมี า้ ควบขับ เปนตนวา การใชหัสสรส หรอื หาสยรส ปลอมพลปนไปในกองทัพ ไม่ผนั หน1า้ มารบั แตส่ กั คน ซง่ึ เปนรสแหง ความขบขัน สนุกสนาน บา้ งบา่ วเขา้ คนละบ่าพานายว่งิ ประเจียดเครือ่ งเปล้อื งท้ิงไว้เกลื่อนกลน่ ชวยใหด าํ เนินเรือ่ งอยางมสี ีสนั สรางอารมณ บา้ งหนามเก่ยี วหวั หูไมร่ ตู้ น ซกุ ซนดน้ ไปแต่ลา� พัง ความรสู ึกอยางหลากหลาย เนื้อหามคี วาม บา้ งเททง้ิ ไถ้ขา้ วเขนงปนื รือ้ ตื่นเสยี งเพอ่ื นกันขา้ งหลงั สนกุ สนานและสรา งความสนใจในบท ทีถ่ กู ปนื ป่วยขาละลา้ ละลงั อตุ ส่าห์คลานเซซงั ซุกไป ประพนั ธไดมากยง่ิ ขึน้ ) ฯ ๒ คา� ฯ เชดิ เจรจา 79 2. ครสู ุมนักเรียน 2-3 คน นาํ เสนอหนาชน้ั เรยี น จากนั้นนักเรยี นบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมดุ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู ขอ ใดปรากฏรสวรรณคดตี างจากขอ อน่ื ครูควรเพ่มิ เติมความรเู กี่ยวกบั รสของวรรณคดี คือ รสหรอื ความรสู ึกทีไ่ ดจาก 1. สงสารนาํ้ คาํ ที่พร่าํ ส่งั คดิ ถึงความหลงั แลวใจหาย การอานวรรณคดี อันเกดิ จากการเขาใจคุณคาทางวรรณศิลป จนทําใหผูอานเกดิ ครวญพลางกําสรดระทดกาย แลว คดิ อายพวกพลมนตรี อารมณค วามรสู กึ คลอยตาม การพิจารณารสวรรณคดีสามารถแบง การพจิ ารณา 2. เอนองคลงองิ พิงเขนย กรเกยกา ยพักตรถวิลหวัง แบบตําราของไทยและแบบตาํ ราสนั สกฤต โดยในทนี่ ้จี ะยกเฉพาะรสวรรณคดี รสรกั รอนรนพน กําลัง ชลนยั นไ หลหลั่งลงพรั่งพราย สันสกฤต ประกอบไปดว ย 9 รส ไดแก 1. สิงคารรส คอื รสแหง ความรกั 3. เมอ่ื นน้ั สองระตวู ิโยคโศกศัลย 2. หาสยรส คอื รสแหงความสนุกสนาน 3. เราทรรส คอื รสแหงความโกรธแคน กอดศพเชษฐาเขาจาบัลย พิโรธราํ่ รําพันโศกา 4. วรี รส คอื รสแหง ความกลา หาญ 5. พภี ตั สรส คอื รสแหง ความเกลยี ดชงั ขยะแขยง 4. เมอ่ื น้ัน โฉมยงคอ งคร ะเดน จนิ ตะหรา 6. กรณุ ารส คอื รสแหง ความสงสาร 7. อทั ภตุ รส คือ รสแหงความอศั จรรยใ จ คอ นใหไมแลดสู ารา กัลยาค่ังแคนแนน ใจ 8. ภยานกรส คือ รสแหงความกลัว และ 9. ศานตริ ส คอื รสแหง ความสุขสงบ วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 4. โฉมยงคอ งคระเดนจนิ ตะหรา เมอื่ น้ัน กลั ยาคั่งแคน แนน ใจ คอนใหไมแ ลดสู ารา นักเรยี นควรรู ปรากฏรสวรรณคดแี บบพโิ รธวาทงั คอื รสของความโกรธ สว นในขอ 1. ขอ 2. และ 1 ประเจียด ผา ลงเลขยนั ตถ อื กนั วาเปน เคร่ืองปอ งกันอันตรายได 79 ขอ 3. เปน รสสลั ลาปงคพิสยั คอื รสแหง ความโศกเศรา ครํา่ ครวญ รําพนั คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Evaluate Engage Expand Expand ขยายความเขา ใจ 1. นักเรียนรวมกนั อภปิ รายในประเด็น ตอ ไปน้ี ๏ ครนั้ มาถึงทา้ ยค่ายม่นั ทา้ วประหมนั ปาหยังเปน็ ใหญ่ • นกั เรยี นคิดวา วรรณคดเี ร่ือง อิเหนา จึงหยุดปรกึ ษากันทนั ใด อนั เราจะหนีไปเหน็ ไมพ่ น้ ตอน ศกึ กะหมังกุหนิงใหขอ คิดใดบา ง และ ครัน้ จะคืนเขา้ ค่ายรายรับ ไมท่ นั ทีกองทพั ยงั สบั สน นกั เรยี นสามารถนาํ ขอคดิ ดงั กลา วมาปรับใช จะซ�้าเสียเสนรี ้ีพล จ�าจะผอ่ นใหพ้ ้นมรณา ในชวี ติ ประจําวนั ไดอ ยา งไร มาเราจะเข้าบงั คมคัล พระผพู้ งศอ์ สญั แดหวา (แนวตอบ นกั เรียนสามารถตอบไดอ ยาง จงึ ใหย้ กธงอัปรา โยธายง้ั หยดุ พรอ้ มกนั หลากหลายข้ึนอยกู บั เหตผุ ลของนักเรียน เปนตนวา สะทอนใหเหน็ วา การทนี่ ักเรียน ฯ ๖ ค�า ฯ เสด็จมากับหมู่กดิ าหยัน จะทําสงิ่ ใดน้ัน ตองไตรตรองใหร อบคอบ ๏ สององค์ลงจากอาชา ชง่ั น้ําหนกั ถึงผลดีและผลเสียที่จะเกิดข้ึน เสนาแวดลอ้ มแนน่ นนั ต์ จรจรัลมาสมรภูมชิ ยั ไมทาํ สง่ิ ตา งๆ โดยยึดเอาอารมณข องตนเอง เปน ทตี่ งั้ ลดการยึดถอื อํานาจของตนเปน ใหญ ฯ ๒ ค�า ฯ เชดิ แกต่ �ามะหงงเสนาผใู้ หญ่ จนกระทัง่ นาํ ความเดือดรอนไปสผู ูอ น่ื ) ๏ คร้ันถงึ จึงแจ้งกิจจา • นกั เรียนยกบทประพนั ธจากวรรณคดีเรื่อง เราผู้นอ้ งระตูที่บรรลยั ต้งั ใจจะมาเฝา้ บาทบงส์ุ อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กุหนงิ ทแ่ี สดงขอ คดิ หรือคติเตอื นใจสามารถนําไปประยกุ ตใ ชใน ๏ บดั นน้ั ฯ ๒ คา� ฯ จงึ มหาเสนาตา� มะหงง ชวี ิตประจาํ วนั ได (แนวตอบ นักเรยี นสามารถยกบทประพนั ธ พาระตูพ่ีนอ้ งทัง้ สององค ์ มาเฝ้าพระสุรยิ ์วงศ์ทรงธรรม์ ประกอบการอภปิ รายไดอ ยา งหลากหลาย ขึ้นอยกู ับเหตุผลของนักเรยี น เปนตนวา ฯ ๒ คา� ฯ เสมอ “โอวาพระองคผูท รงยศ ๏ วันทาทูลแถลงแจง้ คด ี บัดน้ที า้ วปาหยงั กบั ประหมนั พระเกยี รติปรากฏในแหลง หลา น้องระตูผมู้ ว้ ยชีวัน มาบังคมคลั พระภูวไนย สงครามทุกคร้ังแตหลงั มา ไมเ คยอปั ราแกไพรี ๏ เมอ่ื นนั้ ฯ ๒ คา� ฯ สองระตตู ัวสั่นหว่ันไหว ครัง้ นค้ี วรหรือมาพนิ าศ เบาจติ คิดประมาทไมพอท่ี กม้ กราบบาทมลู แลว้ ทลู ไป ภวู ไนยได้ทรงพระเมตตา เพราะรกั บตุ รสุดสวาทแสนทวี ข้านอ้ ยทั้งสองเป็นไพร ี โทษผดิ คร้ังนน้ี ักหนา จะทดั ทานภมู ีไมเ ชอ่ื ฟง”) จงโปรดปรานประทานชวี า ไวเ้ ปน็ ขา้ ใตเ้ บอื้ งบทมาลย์ ขอเอาพระเดชปกเก1ศเกลา้ ตราบเท่าสิน้ ชวี ังสังขาร 2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน นาํ เสนอหนาชน้ั เรยี น ถึงปจี ะมบี รรณาการ มาถวายตามบุราณประเพณี จากน้นั นกั เรียนบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมดุ ฯ ๖ ค�า ฯ เจรจา ช้า ระเดน่ มนตรเี รอื งศรี ๏ เม่ือนน้ั ฟังระตูสองราพาท ี ภูมจี งึ ตรสั ตอบไป ซึง่ ทา่ นมาวอนงอ้ ขอโทษ เราจะถือโกรธน้นั หาไม่ อนั เชษฐานดั ดาซ่งึ บรรลยั เพราะใจโอหงั กา� ลงั พาล ทบูชา่ นาเจพงลรบัิงปศลพงทสั้งง่ สสอกงานร2้ัน พากันกลับไปยงั ถิน่ ฐาน ให้พรอ้ มพงศ์วงศ์วานในธานี ฯ ๖ ค�า ฯ 80 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT บทละครเร่ือง อิเหนา ตอนศกึ กะหมงั กุหนงิ ใหข อคดิ อยา งไรกบั ผูอาน ในการจัดกิจกรรมการวิเคราะหข อ คดิ ที่ไดจ ากบทประพันธนน้ั ครคู วรเนนให 1. ผทู ่ีมีอํานาจยอมไดรับชยั ชนะในทกุ อยาง นกั เรยี นเกิดความคดิ วเิ คราะหส งั เคราะหดว ยตนเอง จากนั้นจงึ ใหน ักเรยี นรวมกนั 2. ผูท ม่ี ฝี ม ือและสติปญ ญาจะไดร บั การยกยอง แสดงความคดิ เห็นแลกเปลย่ี นกนั การรวมกนั พจิ ารณาถกเถยี งแลกเปล่ยี นความ 3. การไมปฏิบตั ิตามสญั ญานํามาซ่ึงความวนุ วาย คิดเหน็ ท้งั ทีเ่ ห็นดวยและไมเ หน็ ดวยของนกั เรยี นจะเปนการสรางความเขาใจบท 4. ความรกั ลูกในทางที่ผดิ นํามาซง่ึ ความพินาศสญู เสีย ประพนั ธไดอ ยา งลึกซ้งึ และชวยยกระดบั จิตใจของนกั เรยี น นอกจากนี้ องคค วามรู วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ความรักลกู ในทางทผ่ี ิดนาํ มาซ่ึงความพินาศ ทไี่ ดจ ากการสังเคราะหดังกลา วจะเปนแนวทางใหน กั เรยี นไดยดึ ถอื ปฏบิ ัติในอนาคต สูญเสีย สอดคลองกับเนื้อหา ซง่ึ กลา วถงึ ความรักลกู มากเกินไปของ ไดเปนอยา งดี ทาวกะหมงั กุหนงิ ทมี่ ีตอ วิหยาสะกาํ ราชบุตร จนนาํ มาสสู งครามชิงนาง สรางความสูญเสยี ตอชีวิตและทรพั ยส นิ ของประชาชน นักเรียนควรรู 1 บรรณาการ หมายถงึ ส่งิ ทีส่ ง ไปใหด วยความเคารพนับถือหรือดวยไมตรี 2 สงสการ หรอื สังสการ คอื พิธกี รรมเกีย่ วกับการปลงศพ 80 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ร่าย 1. ครใู หนกั เรยี นท่นี ําเสนอขอคิดจากวรรณคดี ๏ ตรสั พลางย่างเยื้องยุรยาตร องอาจดงั ไกรสรสีห์ เรอื่ ง อิเหนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ ท่มี ีความ สองระตูตามเสดจ็ จรล ี ไปท่ีวหิ ยาสะกา� ตาย สอดคลอ งกันจดั เปนกลมุ เดียวกัน จากนั้นให มาเห็นศพทอดทงิ้ กลงิ้ อย ู่ พระพินิจพศิ ดูแลว้ ใจหาย นักเรียนในกลมุ รว มกันอภิปรายแลกเปล่ียน หนุม่ นอ้ ยโสภาน่าเสยี ด1าย ควรจะนับวา่ ชายโฉมยง ความคดิ เหน็ วา เพราะเหตใุ ดนักเรยี นจงึ ได ทนตแ์ ดงดงั แสงทบั ทิม เพริศพร้ิมเพรารับกบั ขนง ขอ คดิ เชน น้ัน และขอคิดดังกลาวปรากฏใน เกศาปลายงอนงามทรง เอวองค์สารพดั ไม่ขดั ตา ตอนใดชัดเจนที่สุด จากนัน้ บันทกึ ความเขาใจ กระนห้ี รอื บิดามพิ ศิ วาส จนพนิ าศด้วยโอรสา ลงในสมุด แมน้ วา่ ระตจู รกา งามเหมือนวหิ ยาสะก�าน้ี จะมไิ ดร้ ้อนรนด้วยปนศกั ดิ ์ นา่ รักรปู ทรงสง่ ศรี 2. นกั เรียนแตละกลมุ ท่นี ําเสนอขอ คิด ดวยการ ตรสั แล้วลีลาขนึ้ พาชี กลับไปยงั ทีพ่ ลบั พลาพลัน แสดงบทบาทสมมติ ๏ เมื่อนัน้ ฯ ๑๐ คา� ฯ เชดิ สองระตูวโิ ยคโศกศัลย์ ตรวจสอบผล Evaluate กอดศพเชษฐาเข้าจาบลั ย์ พไิ รร�่ารา� พนั โศกา 1. นักเรียนสรุปสาระสาํ คัญเก่ยี วกับวรรณศิลป ฯ ๒ คา� ฯ โอด ท้งั ดานเนอ้ื หา ภาษา และรูปแบบได โอ้ พระเกียรตปิ รากฏในแหลง่ หล้า 2. นักเรยี นยกบทประพนั ธทแี่ สดงคณุ คาทาง ๏ โอว้ ่าพระองคผ์ ูท้ รงยศ วรรณศลิ ปประกอบการอธิบายได สงครามทุกครั้งแต่หลงั มา ไมเ่ คยอัปราแกไ่ พรี คร้ังน้ีควรหรือมาพินาศ เบาจติ คดิ ประมาทไมพ่ อที่ 3. นักเรียนสรุปสาระสําคัญเกย่ี วกบั ภาพสะทอน เพราะรักบุตรสดุ สวาทแสนทว ี จะทดั ทานภูมีไม่เชอื่ ฟัง ทางสงั คมและวัฒนธรรมท่ปี รากฏในวรรณคดี อนจิ จาวิหยาสะกา� เอ๋ย เวรส่ิงใดเลยแต่หนหลัง เรื่องอเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กุหนิงได เสียแรงเรอื งฤทธมี กี า� ลัง มาวอดวายชีวงั แต่ยังเยาว์ ต้งั แต่นไ้ี ปไม่เหน็ หน้า กลับคืนพาราจะเงยี บเหงา 4. นกั เรียนสรุปขอคดิ และนาํ ขอ คดิ มาประยุกต สองกษตั ริย์ก�าสรดซบเซา ใหล้ ะห้อยสร้อยเศร้าวญิ ญาณ์ ใชใ นชวี ติ ประจาํ วันได ฯ ๘ คา� ฯ โอด 5. นกั เรียนแสดงบทบาทสมมติจากขอคิดทีไ่ ด จากเรอื่ ง 81 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกรด็ แนะครู “คร้ันถึงนิเวศนวงั ใน ลงจากมโนมยั ผายผัน” ครคู วรเพ่มิ เติมความรจู ากบทประพันธท่ีวา ขอใดไมปรากฏคําที่มคี วามหมายสอดคลอ งกบั คาํ ที่ขดี เสน ใตใน “ครั้งนีค้ วรหรือมาพินาศ...จะทัดทานภูมีไมเชื่อฟง ” บทประพันธน้ี กวีตอ งการ บทประพันธขางตน ใหตัวละครแสดงความสังเวชตอ ชะตากรรมของทาวกะหมงั กุหนิง และสะทอน 1. ฟง ระตสู องราพาที ภมู จี งึ ตรัสตอบไป จุดมงุ หมายในตอนนี้ทีก่ วตี องการสอ่ื วา อยา ใจเบาเพราะความรกั เกินพอดี 2. รับพลางทางชักอาชา รงั้ รารอไวไมรอนราญ ควรไตรตรอง ฟงคาํ ทดั ทาน และคําแนะนําของผอู ื่น 3. วาพลางลงจากอสั ดร พระกรทรงกระบี่ผายผัน 4. ตรัสแลว ลีลาข้นึ พาชี กลับไปยงั ทพี่ ลับพลาพลัน นกั เรยี นควรรู วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. ฟงระตสู องราพาที ภูมีจงึ ตรสั ตอบไป 1 ทนตแ ดงดงั แสงทบั ทิม สะทอนใหเ หน็ คา นิยมการกนิ หมาก เม่อื เคี้ยวหมาก แลว ฟน เปน สแี ดงคลํ้าเหมือนสที บั ทิม เชอ่ื วาการเคยี้ วหมากชว ยไมใหฟนผุ ไมป รากฏคําที่มคี วามหมายส่ือถึงมา เชนเดียวกบั ขออนื่ ๆ ในขออืน่ ๆ ปรากฏคาํ ทีม่ ีความหมายสอื่ ถึงมา ดังนี้ ขอ 2. อาชา ขอ 3. อัสดร และ ขอ 4. พาชี คูมอื ครู 81
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage ครูใหนักเรียนพิจารณาบทประพันธ จากน้ัน ๖. ค�ำศพั ท์ วมิ าน สวรรคช์ ั้นฟา้ นักเรียนรว มกันตอบคาํ ถาม ดังตอ ไปนี้ เรง่ มา้ กระยาหงนั อาวธุ สา� หรบั เหนบ็ ตดิ ตวั มดี ๒ คม “อนั อะหนะบษุ บาบังอร กะระตะ ผู้มหี นา้ ที่รับใช้ใกล้ชิดพระเจ้าแผน่ ดนิ คร้งั กอ นจรกาตุนาหงนั กน้ั หย่ัน ชา้ ง ไดป ลดปลงลงใจใหป น กดิ าหยนั แก้วอันมีคา่ จากเมอื งพกุ ามในพม่า นัดกนั จะแตงการวิวาห” กริ ิณี เขาสัตวส์ า� หรบั ใส่ดินปืน • นกั เรยี นคดิ วา คาํ วา “อะหนะ” และ แก้วพุกาม ช่ือนกชนิดหนึ่ง เปน็ นกเป็ดน�้าที่มขี นาดเล็กที่สดุ เขนง ชอื่ นก มหี ลายชนดิ หากนิ เวลากลางคนื เคา้ หรอื ฮกู กเ็ รยี ก “ตนุ าหงนั ” ในบทประพันธขา งตนเปนคําใน คับแค ชอ่ื ตน้ ไม ้ ดอกมที งั้ สขี าวและสแี ดง ยอดออ่ น ดอก และฝกั กนิ ได้ ภาษาไทยหรือไม หรอื เปน คาํ ท่มี าจากภาษา เค้าโมง อืน่ อยา งไร แค (แนวตอบ คาํ ทปี่ รากฏขา งตน เปนคําภาษาชวา) • นกั เรียนคดิ วา คาํ วา “อะหนะ” และ นกคบั แค นกเค้าโมง ตน้ แค “ตุนาหงนั ” ในบทประพันธขางตน มีความ- หมายวาอยา งไร งาแซง ไม้เส้ยี มปลายแหลม วางเอนเรียงเป็นลา� ดับสา� หรบั ปอ้ งกนั (แนวตอบ คาํ วา “อะหนะ” เปนคาํ ที่ใชเ รียก จากพราก ญาติ ซ่ึงเปนลูกของนอ งใชเ ปน คาํ เรียกแสดง ชอ่ื นกในวงศน์ กเปด็ นา�้ ในวรรณคดนี ยิ มวา่ คขู่ องนกชนดิ นตี้ อ้ ง ความรสู ึกรักและเอน็ ดู และ คําวา “ตุนาหงนั ” เจยี ระบาด พรากและครวญถึงกนั ในเวลากลางคนื หมายถึง การหม้ัน) • นักเรียนคิดวา เพราะเหตใุ ดจงึ มีการใช ชนัก คาํ ภาษาชวาในบทประพันธวรรณคดเี ร่ือง อิเหนา ชมพนู ชุ (แนวตอบ เปนตนวา ใชเ พ่ือสรางบรรยากาศ ชกั ปีกกา และฉากในการดําเนนิ เรื่องใหม ีความสมจริง) ชาลี ชงิ คลอง สาํ รวจคน หา Explore ผา้ คาดเอวชนิดหนง่ึ มชี ายหอ้ ยทห่ี น้าขา 82 นักเรียนทบทวนความรูเดมิ และรวบรวมคาํ ศพั ท เเพครอื่ ือ่ ใหงผค้ กูนคทอข่ี ช่ีใ้าชงเ้ ทท้า�าสดอว้ ดยไเวชก้ อื ันกตเปกน็ ปมหรอื หว่ งห้อยพาดลงมา ภาษาชวาทปี่ รากฏในบทประพันธ วรรณคดเี ร่ือง อเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ พรอ มจดั กลมุ ขอ มลู วา ทองเน้ือบรสิ ุทธิ์ คําทนี่ ักเรยี นรวบรวมมานนั้ ใชใ นการกลา วถึงเน้อื หา เก่ียวกับอะไรบา ง อยา งไร ใหนกั เรียนบนั ทกึ เนอื้ หา รูปกองทพั ท่ตี ัง้ มกี องขวา กองซ้ายคลา้ ยปกี ท่ไี ดใ นรูปแบบตาราง ตาขา่ ย แยง่ ทางที่ตนจะไดเ้ ปรียบ เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT “จงึ ดํารสั ตรัสสง่ั ตาํ มะหงง เรงเตรยี มจตุรงคทพั ใหญ” ครคู วรเพมิ่ เติมความรเู กี่ยวกบั การสอนคาํ ศัพทในวรรณคดวี า การสอนคาํ ศัพท ขอใดปรากฏกลวิธีการสรรคําเชน เดียวกับคําที่ขีดเสน ใตใ นบทประพันธ ตองสอนรสคํา ศลิ ปะการใชคํา รวมถงึ ศลิ ปะในการเรยี บเรียงถอ ยคําควบคูกันไป ขางตน เรยี งตามลาํ ดับ พรอ มชใ้ี หน กั เรยี นเห็นวา การสรรคําของกวีมาใชในบทประพนั ธมีความแตกตา ง 1. เราจะตัดศึกใหญใ หยอยน ดว ยกาํ ลังร้พี ลเขม แข็ง จากคาํ สามัญ ฉะนัน้ การสอนคําศัพทใ นวรรณคดจี งึ ไมควรสอนเพยี งความหมาย 2. ส่งั เสร็จเสดจ็ ทรงอาชา ไปเฝาทาวหมนั หยาฉบั พลัน ของคําศัพทเ ทา น้นั เนอื่ งจากการสรรคาํ มาใชใ นบทประพนั ธของกวมี ีคุณคา ทาง 3. สมทบทัพระเดนมนตรี ไดฤ กษรงุ พรงุ นจี้ งยาตรา วรรณศลิ ปทัง้ ความไพเราะงดงามทางดา นเสียงและความหมาย สะทอนความ 4. พรอมดวยกิดาหยนั เสนี จรัลขน้ึ สวุ รรณพลับพลา สามารถของกวี ตลอดจนภมู ปิ ญญาทางภาษาในสังคมวฒั นธรรมไทยไดเ ปน อยา งดี วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. สง่ั เสรจ็ เสดจ็ ทรงอาชา ไปเฝาทา วหมันหยาฉับพลัน จากบทประพันธขา งตน ปรากฏคาํ ในภาษาเขมร คือ คําวา ดาํ รัส สอดคลองกบั คําวา เสดจ็ และคาํ ภาษาชวา คอื คําวา ตาํ มะหงง สอดคลอ งกับ คําวา หมนั หยา ในขอ 2. 82 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู เช็ดหน้า ผ้าเชด็ หน้า 1. นกั เรยี นบอกคําศัพทแ ละความหมายของ ดะหมัง คําศพั ทท ีน่ กั เรยี นรวบรวมมาขา งตน จากน้นั ตระเวนไพร เสนาผใู้ หญ่ จึงจัดกลุมคาํ ศัพทท ่ีนักเรยี นรวบรวมมา พรอมระบดุ วยวา คาํ ศพั ทท่ีนกั เรียนรวบรวม ตรสั เตร็จ ชอ่ื นกชนดิ หนง่ึ มกั ชอบหากนิ มาขา งตนมีเนื้อหากลาวถึงอะไรบา ง อยางไร ตาด เปน็ ฝงู และสง่ เสยี งรอ้ งตลอดเวลา นกั เรยี นสามารถยกตวั อยา งคําศัพทที่พบได ตา� มะหงง มอี กี ชอื่ หนง่ึ วา่ “ระวงั ไพร” ถา้ เปน็ อยางหลากหลาย เปน ตนวา คาํ ศัพทแ สดง ตนุ าหงัน วล ี หมายความวา่ ทอ่ งเทย่ี วไป นกตระเวนไพร (ปากเหลอื ง) ตําแหนงซง่ึ เปนชอ่ื เฉพาะ เชน ตาํ มะหงงและ เตา่ รา้ ง ดะหมัง ซ่งึ หมายถงึ เสนาผูใหญ เปน ตน สวา่ ง แจ้ง สวยงาม ไถ้ 2. นกั เรียนยกบทประพันธท ่ปี รากฏคําศพั ท ธงฉาน ผา้ ทอดว้ ยไหมควบเสน้ เงินหรือเสน้ ทอง จากการรวบรวมของนักเรยี นมาคนละหนึ่ง ธงชาย บทประพันธ นามครุฑา เสนาผใู้ หญ่ แน่นนันต์ 3. นักเรียนพิจารณาบทประพันธ จากน้ันรวมกัน บุหรง หมน้ั ตอบคาํ ถามในประเด็น ตอไปนี้ เบญจวรรณ “อันอะหนะบษุ บาบังอร ประเสบัน ชือ่ ต้นไมช้ นดิ หนึง่ ครง้ั กอ นจรกาตนุ าหงัน ปาเตะ ตน้ คลา้ ยต้นหมาก ไดปลดปลงลงใจใหป น ปืนตบั ผลเป็นทะลาย เป็นพวง นดั กันจะแตง การวิวาห” พลขันธ์ เต่ารงั้ หรือ หมากคัน ก็เรยี ก • นกั เรียนคิดวา จากบทประพันธขางตน พนั ตู นักเรียนสามารถแทนทคี่ ําศพั ทภาษาชวา เตารา้ ง ดว ยคําอน่ื ทม่ี ีความหมายคลา ยกนั ใน บทประพนั ธไ ดห รือไม ถุงส�าหรับคาดเอวติดตัวไปในที่ต่างๆ (แนวตอบ บทประพันธข างตน ใชค ําวา ธงน�ากระบวน มีลักษณะเปน็ รูปสามเหลี่ยม “ตนุ าหงนั ” ซ่ึงหมายถึงการหม้นั แตด วย ธงมีชายเปน็ รปู สามเหล่ียม บงั คับฉันทลกั ษณจ ึงใชค ําอ่ืนแทนไดย าก ชอื่ การตงั้ คา่ ยกองทพั ตามตา� ราพชิ ยั สงคราม ครฑุ า หมายถงึ นอกจากน้ี การใชค ําวา “ตนุ าหงัน” ครฑุ ยงั แสดงบรรยากาศของชวาทส่ี ัมพนั ธ มากมาย (นนั ต ์ มาจาก อนันต)์ กับฉากและการดําเนนิ เรอื่ ง กอ ใหเกดิ นก, นกยงู จินตภาพของวรรณคดไี ดอ ยางสมบรู ณ นกแก้วขนาดใหญ่ มหี ลายสี ทัง้ ในดานเสียงและความหมาย) ทพ่ี ักของเจ้านาย ชอ่ื ตา� แหน่งขนุ นาง 4. ครสู ุม นกั เรยี น 2-3 คน นาํ เสนอหนาช้นั เรียน ปืนทีย่ ิงพร้อมกันได้คราวละหลายนดั จากนน้ั บันทกึ ความเขาใจลงในสมดุ กองกา� ลงั ทหาร (พล = กา� ลงั ขนั ธ ์ = กอง) ต่อสู้ตดิ พนั 83 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู “เห็นระเดน มนตรีตอสู แทงระตูแมทัพดับจิต การสอนคาํ ศพั ทใ นวชิ าภาษาไทยเนอื้ หาวรรณคดนี น้ั ครคู วรแบง เวลาในการสอน สามองคท รงมา กระช้นั ชดิ จะสังหารผลาญชวี ติ ไพรี” คาํ ศพั ทใ หม คี วามเหมาะสม อาจใชว ธิ กี ารศกึ ษาแบบรายกลมุ โดยแบง กลมุ นกั เรยี นไป ศึกษาคาํ ศัพทแลวออกมารายงานหนาช้ันเรียน คาํ ศัพทท ี่ครมู อบหมายใหน กั เรียนไป จากบทประพันธข างตน คําท่ขี ดี เสนใตเปนคําในภาษาใดบาง เรียงตาม ศกึ ษานนั้ ตอ งมเี นอ้ื หาทส่ี ะทอ นความโดดเดน ทางวรรณศลิ ปข องบทประพนั ธ เพอื่ ให ลําดบั นกั เรยี นตระหนกั ในคณุ คา ทางวรรณศลิ ปข องวรรณคดนี บั ตงั้ แตก ลวธิ กี ารใชภ าษาใน ระดบั คาํ ตวั อยา งวธิ กี ารศกึ ษาคณุ คา ทางวรรณศลิ ปต ง้ั แตร ะดบั คาํ ครอู าจมอบหมาย 1. ภาษาชวา ภาษาเขมร ภาษาไทย ใหนักเรยี นไปศกึ ษาคาํ ศพั ทท ่ีเปน คําราชาศัพท ขณะเดียวกนั ก็มอบหมายใหนกั เรยี น 2. ภาษาชวา ภาษาบาลีสนั สกฤต ภาษาเขมร ศึกษาคําไวพจนและคําพองรปู พองเสยี งไปพรอมกันดว ย เพอ่ื ใหน กั เรยี นเหน็ ลักษณะ 3. ภาษาบาลีสนั สกฤต ภาษาไทย ภาษาชวา อนั หลากหลายดานภมู ปิ ญญาทางภาษาในวรรณคดีไทย 4. ภาษาบาลสี นั สกฤต ภาษาชวา ภาษาไทย วิเคราะหค ําตอบ ตอบขอ 2. ภาษาชวา ภาษาบาลีสันสกฤต ภาษา เขมร ประกอบดว ย ภาษาชวา คอื คําวา ระตู ภาษาบาลีสันสกฤต คอื คําวา องค ภาษาเขมร คอื คําวา ผลาญ คมู ือครู 83
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรียนรว มกนั ตอบคาํ ถาม ตอไปน้ี โพยมบน ท้องฟ้าเบือ้ งบน • นกั เรยี นคดิ วา หากนกั เรียนแทนทคี่ าํ ศพั ท ไพชยนต์ ภาษาชวาทปี่ รากฏในวรรณคดีเรอ่ื ง อิเหนา ชอื่ รถหรอื วมิ านของพระอนิ ทร ์ ดว ยคาํ ศพั ทใ นภาษาไทยคําอ่นื ทม่ี ีความ เฟอ่ื ง ใชเ้ รยี กทป่ี ระทบั ของพระเจา้ แผน่ ดนิ หมายคลา ยกัน จะสง ผลตอ คณุ คาทาง วรรณศิลปใ นบทประพนั ธหรือไม อยางไร ภัสมธ์ ุลี เคร่อื งห้อยโยงตามช่องหนา้ ตา่ ง (แนวตอบ นักเรียนสามารถอภปิ รายไดอยา ง มณฑก เพอ่ื ประดับใหง้ าม หลากหลายข้ึนอยกู บั เหตผุ ลของนกั เรียน เปนตนวา หากมีการใชคําศัพทค าํ อน่ื แทนท่ี มธุรส ผง ฝุน่ ละออง เฟอื่ ง คาํ ในภาษาชวา นอกจากจะกอ ใหเกิดปญ หา มยุรฉัตร เรยี กปนื เลก็ ยาวชนิดหนึ่งว่า ดานสมั ผสั ของบทประพนั ธแลว ยังสงผลตอ มา้ ใช้ ปืนมณฑก คุณคา ทางวรรณศลิ ปเ กี่ยวกบั ความสัมพันธ ม่านทองสองไข รสหวาน ดานฉากและบรรยากาศในการดาํ เนินเรอ่ื ง โมง ฉัตรทที่ า� หรือประดับด้วยหางนกยงู อกี ดว ย) ตัดไมข้ ่มนาม ผู้ขี่มา้ ทา� หนา้ ทน่ี า� สารไป 2. นักเรยี นบันทกึ ความเขาใจลงในสมดุ ยิหวา เรียกมา่ นที่แหวกออกแลว้ ยรู หงส์ รวบไว้สองข้าง ลักษณ์ ขยายความเขา ใจ Expand วหิ ล่ัน ชอ่ื ตน้ ไมช้ นดิ หนง่ึ อยตู่ ามปา่ ; ผลของตน้ โมง สนามใน วธิ นี บั เวลาตามประเพณีใน สามนต์ เวลากลางคนื เสน่า 1. นกั เรียนรว มกนั อภิปรายในประเดน็ ตอไปนี้ เสากระทู้ ไมซ้ ง่ึ กา� หนดชอื่ พอ้ งกบั ขา้ ศกึ พธิ ตี ดั หรอื ฟนั ไมข้ ม่ นาม เปน็ พธิ ที ี่ • นกั เรียนคดิ วา การใชคําศัพทภ าษาชวาใน เสาตะลุง ทา� กอ่ นยกทพั คอื นา� ไมท้ มี่ ชี อ่ื พอ้ งกบั ชอื่ ของศตั รมู าตดั หรอื ฟนั การประพนั ธวรรณคดเี ร่ือง อิเหนา สงผลตอ เปน็ การบา� รงุ ขวญั กองทัพและข่มขวัญฝ่ายขา้ ศกึ คุณคา ทางวรรณศิลปท ี่ปรากฏในวรรณคดี เรอื่ งน้ใี นดา นใดบา ง อยา งไร ชีวา ใจ (แนวตอบ สงผลตอ ฉากและบรรยากาศของ เรอื่ งทมี่ ีความสมจรงิ กอ ใหเกดิ จนิ ตนาการ เย้อื งย่างอย่างหงส์ ถึงดนิ แดนชวาไดเปนอยา งดี) หนังสือหรือจดหมาย เชน่ ในค�าวา่ ลายลักษณอ์ ักษร 2. นักเรียนบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมุด คา่ ยท่ที �าให้ขยบั รกุ เข้าไปหาข้าศกึ ทีละนอ้ ย สนามดา้ นในของพระนคร ตรงกบั คา� วา่ สามนตราช หมายถงึ เจา้ ผคู้ รองเมอื งประเทศราช อ่านวา่ สะ-เหนา่ ศัตราวุธคลา้ ยมีด ใช้สา� หรบั ขว้าง เสาทีเ่ ป็นหลักในการสรา้ งเขื่อน เสาส�าหรับผูกช้าง 84 เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT คําประพนั ธใ นขอใดไมปรากฏคาํ ถามเชงิ วาทศลิ ป ในการจัดการเรียนการสอนคาํ ศัพทใ นวรรณคดี คาํ บางคาํ มปี ระวตั ิความเปน 1. อันองคท าวดาหาธิบดี นน้ั ไมใ ชอ าหรือวาไร มาทสี่ ะทอนถึงสภาพสงั คม รวมถึงประเพณพี ธิ กี รรมในสังคมไทยทีไ่ ดรบั อิทธพิ ล 2. ตัง้ แตจะเชย่ี วเปน เกลยี วไป ทีไ่ หนเลยจะไหลคนื มา มาจากตา งสงั คมและวัฒนธรรม ครคู วรใหน กั เรยี นศึกษาคาํ ศัพทเ หลานี้ดวยวธิ ีการ 3. ซึง่ เกดิ ศึกสาเหตเุ ภทภยั ก็เพราะใครทาํ ความไวงามพักตร สืบคน ขอมูล อาจแบง กลุมสืบคน หรอื ใหน กั เรยี นเลอื กคําศพั ททตี่ นเองสนใจ การ 4. มาตรแมนเสยี เมอื งดาหา จะพลอยอายขายหนาหรอื หาไม คนควาขอมลู ของนักเรยี นนอกจากจะชวยใหน ักเรยี นเกิดการเรียนรคู วามหมาย วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. และท่ีมาของคําศัพทแลว นักเรยี นยังไดท ําความเขา ใจสภาพสังคมและวฒั นธรรมท่ี ตัง้ แตจะเชีย่ วเปน เกลยี วไป ทีไ่ หนเลยจะไหลคนื มา ปรากฏในวรรณคดี ที่สาํ คัญนักเรยี นยงั ไดฝ กฝนทักษะการสืบคน ขอมลู เพือ่ นํามาใช ไมปรากฏกลวธิ กี ารใชค าํ ถามเชิงวาทศลิ ป เนอื่ งจากการใชคําถามเชิง ในการสรา งองคค วามรูใหม เพื่อเตรยี มความพรอมใหนักเรียนสามารถจัดการองค วาทศิลป หมายถงึ คาํ ถามทไี่ มต องการคาํ ตอบ หรืออาจจะทราบคําตอบ ความรทู ่มี ีความหลากหลายในยคุ ขอมลู ขาวสารได อยูแลว การใชค ําถามดังกลาวมเี จตนาโนม นาวใจเปน หลกั 84 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate ขยายความเขา ใจ Expand ปกณิ กะ 1. นักเรียนรวมกันอภปิ รายในประเด็น ตอ ไปนี้ • นกั เรียนคดิ วา คําศพั ทภ าษาชวา ท่ีใชใ น ÀÒ¾¨µÔ áÃÃÁ½Ò¼¹§Ñ àÃ×èͧ ÍÔàË¹Ò วรรณคดเี รื่อง อเิ หนา เปน คําศพั ทจ ริงที่พบ Àา¾¨ตÔ ÃกÃÃÁ½าผ¹ั§ àÃÍè× § ÍàÔ Ë¹า ในภาษาชวาหรอื ไม อยา งไร (แนวตอบ นกั เรียนสามารถอภิปรายและ ภาพจติ รกรรมซงึ่ เขยี นบนฝาผนงั พระอโุ บสถหรอื พระวหิ าร คน ควา ขอ มลู เพิม่ เตมิ ได เนือ่ งจากคําศพั ท ตามวัดโดยท่ัวไป มักเก่ียวเน่ืองในพระพุทธศาสนา อาท ิ ทใ่ี ชเ ปน คาํ ทม่ี กี ารสรา งข้ึนมาใหม เพ่อื ใช พุทธประวัติหรือภาพชาดกเรื่องต่างๆ แม้จะมีการเขียนภาพเป็น สรา งบรรยากาศของชวาไดเ ปนอยา งดี) เรอ่ื งราวในวรรณคด ี แตท่ ไี่ ดร้ บั ความนยิ มกค็ งมเี พยี งเรอื่ งรามเกยี รติ์ • นักเรียนคิดวา วิธีการเลือกใชคําศัพทภ าษา อย่างเช่นท่ีฝาผนังพระระเบียงในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ ชวา ตลอดจนการสรางคําศพั ทใ หมใ หม ี วัดพระแกว้ เสยี งในภาษาชวาท่ีปรากฏในวรรณคดเี รอื่ ง อย่างไรก็ตาม ยังมีอยู่บางวัดท่ีฝาผนังพระอุโบสถเขียน อิเหนา แสดงถงึ ลักษณะเดนของวรรณคดี ภาพจติ รกรรมท่ีมีเร่อื งราวอ่นื อาท ิ พระอุโบสถวัดโสมนัสวรวิหาร เรอ่ื งน้ีในประเดน็ ใดบาง อยา งไร ซ่ึงสร้างขึ้นเพ่ือเป็นสถานท่ีร�าลึกถึงพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี (แนวตอบ แสดงใหเห็นกลวิธที างวรรณศิลป พระมเหสใี นพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว สร้างขึ้นเม่ือ ที่โดดเดนและสะทอ นความคิดสรางสรรค พ.ศ. ๒๓๙๖ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนเร่ืองอิเหนาปรากฏอยู่ ของกวไี ดเปน อยา งด)ี เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย แม้ในปัจจุบันภาพเขียนส่วนใหญ ่ จะลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังสามารถถ่ายทอดเร่ืองราว 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ ที่นา่ ประทบั ใจในตอนตา่ งๆ จากเรอื่ งอเิ หนาไดเ้ ปน็ อยา่ งด ี นอกจาก นี้ ยังมีการสอดแทรกความคิดและค่านิยมผสมกับจินตนาการ ตรวจสอบผล Evaluate ของช่างฝมือในสมัยน้ัน ท�าให้ภาพจิตรกรรมแห่งน้ีมีคุณค่าและ นา่ ศกึ ษาอย่างย่ิง 1. นักเรยี นรวบรวมคาํ ศพั ทภ าษาชวาทป่ี รากฏ ในวรรณคดีเรื่อง อิเหนา พรอมอธิบาย ความหมายได 2. นกั เรียนยกบทประพนั ธทแี่ สดงคุณคาทาง วรรณศิลป 3. นักเรยี นสามารถสรปุ คณุ คาทางวรรณศลิ ป ที่สมั พนั ธก ับภูมปิ ญ ญาทางภาษาในการ สรา งสรรคค ําศพั ทจ ากวรรณคดเี รื่อง อิเหนาได 85 ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู คําทีข่ ีดเสนใตใ นขอใดมีความหมายแตกตา งจากขอ อื่น การจัดการเรยี นการสอนคําศพั ทใ นวรรณคดี ครูควรเนนการบรู ณาการแบบ 1. ระตูทุกนครอยา นอนใจ ชว ยชงิ ชัยใหทนั การณ แทรกในเน้ือหา โดยครูอธบิ ายคําศัพทในบทประพันธ ขณะเดยี วกันกค็ วรสอนหลัก 2. บูชาเพลงิ ปลงสง สการ ใหพรอ มพงศว งศวานในธานี ภาษาควบคกู ันไปดวย เปน ตน วา สอนคาํ พอ งรูป คอื คําท่มี รี ูปเขียนเหมอื นกัน 3. เห็นทัพมาต้งั มัน่ กบั เมอื งไว พลไกรเพียบพน้ื ปถ พี แตมคี วามหมายแตกตางกนั ควบคกู บั การเรียนการสอนเร่ือง คําไวพจน และกลวิธี 4. ในสารพระผผู า นนคเรศ กะหมังกหุ นงิ นเิ วศนเขตขัณฑ การแผลงคําในบทประพนั ธ ตวั อยา งเชน คาํ วา มาส มคี ําพอ งเสยี ง คอื คาํ วา มาศ หมายถงึ ทอง คาํ วา มาด หมายถงึ มุงหรือหมายไว คาํ วา มาตร หมายถึง วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. เครือ่ งวดั ตา งๆ เพ่ือใหนักเรียนไดเ พิม่ เติมความรแู ละคลังคาํ ศพั ทใ หม ากขนึ้ นกั เรียนสามารถนาํ องคค วามรดู ังกลา วไปปรับใชในการศึกษาวรรณคดีเรื่องตางๆ เหน็ ทัพมาตง้ั มน่ั กบั เมอื งไว พลไกรเพียบพน้ื ปถพี ไดอ ยา งกวา งขวาง รวมถงึ เปนพืน้ ฐานในการประพันธวรรณคดไี ดอกี แนวทางหนง่ึ คําวา ปถพี หมายถงึ พื้นดิน สวนในขอ อนื่ ๆ นคร ธานี และนคเรศ หมายถงึ เมอื ง คมู ือครู 85
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Explain Expand Evaluate กระตนุ ความสนใจ Engage ครูสนทนาซกั ถามกระตนุ ความสนใจ ดงั ตอ ไปน้ี ๗. บทวิเครำะห์ • นักเรยี นทราบหรอื ไมว า นอกจากวรรณคดี บทละครเร่ือง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง สามารถน�ามาวิเคราะห์และประเมินคุณค่า เรอ่ื ง อเิ หนาแลว มีวรรณคดไี ทยเร่ืองใดบา ง ในด้านต่างๆ ได ้ ดังน้ี ทมี่ ีการรับเคา เรือ่ งมาจากตางประเทศ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดอ ยาง ๗.๑ คุณคำ่ ดำ้ นเนอื้ หำ หลากหลาย เปน ตนวา รามเกยี รติ์ สามกก ศกนุ ตลา โองการแชง นํ้า ลลิ ิตนทิ ราชาครติ ) ๑) โครงเร่อื ง • นักเรยี นคิดวา วรรณคดเี รอ่ื งตางๆ ทไี่ ทยรบั ๑.๑) แนวคิดของเร่ือง เร่ืองอิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง เป็นเร่ืองท่ีแสดงให ้ มาจากตางประเทศ มีวธิ ีการปรับปรงุ เน้ือหา เหน็ ถงึ ความรักของพ่อท่มี ีตอ่ ลูก รกั และตามใจลกู ทกุ อย่าง แม้กระท่งั ตวั ตายก็ยอม เพอ่ื สอื่ สารกบั ผคู นในสงั คมและวฒั นธรรมไทย ๑.๒) ฉาก เนอื้ เรอื่ งเป็นเร่อื งของชวา แตก่ ารบรรยายฉากในเรอ่ื งเปน็ ฉากของ อยา งไร ไเรท่ือยง ขบอ้างนไเทมยือทง่ีสทอ่ีกดลแ่าทวพรกรรเอณานไาวไ้อวย้ค่าืองกมรีศุงิลรัตปนะ โกอสาินททิ รพ์ รวะัฒรานชธพริรธมีสปมรโภะเชพ1ลณูกีทหี่ปลรวางก ฏ(เใมนื่อเอรื่อิเหงคนือา (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น ประสูต)ิ พระราชพิธกี ารพระเมรทุ ่ีเมืองหมันหยา พระราชพธิ ีรับแขกเมือง (เม่อื เมอื งดาหารบั ทตู ไดอ ยา งหลากหลาย เปน ตน วา การรบั วรรณคดี จรกา) พระราชพธิ ีโสกันต์ (สยี ะตรา) ซง่ึ ล้วนเปน็ พระราชพิธขี องไทยแต่โบราณ จากตา งประเทศเขามาในประเทศไทยจะมี ๑.๓) ปมขัดแย้ง ตอนศกึ กะหมงั กุหนิง มีหลายขอ้ ขดั แย้ง แต่ละปมปัญหาเป็น การปรับปรงุ เนอ้ื หาใหเ ขา กับกรอบวิธคี ิดทาง เรอื่ งทอี่ าจเกดิ ไดใ้ นชวี ิตจริง และสมเหตสุ มผล เชน่ วฒั นธรรมไทย จนกลายเปน วรรณคดที ่ีแสดง ปมแรก คือ ท้าวกุเรปันจะให้อิเหนาอภิเษกกับบุษบา แต่อิเหนาหลงรัก รากฐานทางวฒั นธรรมไทย) จินตะหรา ไมย่ อมอภเิ ษกกบั บุษบา ปมที่สอง ท้าวดาหาขัดเคืองอิเหนา ยกบุษบาให้จรกา ท�าให้ท้าวกุเรปัน สาํ รวจคน หา Explore และพระญาติทงั้ หลายไมพ่ อพระทยั ปมท่ีสาม ท้าวกะหมังกุหนิงขอบุษบาให้วิหยาสะก�า แต่ท้าวดาหายกให้ นักเรยี นทบทวนความรเู ดิมในสมุดและสบื คน จรกาไปแล้ว จึงเกดิ ศกึ ชงิ นางข้นึ เนอื้ หาจากบทวเิ คราะหใ นประเดน็ ตอ ไปนี้ ปมทสี่ ี่ อเิ หนาจา� เปน็ ตอ้ งไปชว่ ยดาหา จนิ ตะหราคดิ วา่ อเิ หนาจะไปอภเิ ษก กับบษุ บา จินตะหราขัดแยง้ ในใจตนเอง หวัน่ ใจกบั สถานภาพของตนเอง • คณุ คา ทางดานเนื้อหา แตป่ มขดั แย้งทงั้ หมด ปมทห่ี นึ่งเป็นปมปัญหาทีส่ �าคญั ท่สี ดุ ในตอนนี ้ • คณุ คาดา นกลวิธีการแตง ๒) ตวั ละคร ในเรอ่ื งอเิ หนา ตอนศกึ กะหมงั กหุ นงิ มตี วั ละครทม่ี บี ทบาทสา� คญั ปรากฏ • คณุ คาดานความรแู ละความคดิ อยมู่ าก ตวั ละครมีบคุ ลกิ ลกั ษณะนสิ ยั ที่โดดเด่นและแตกตา่ งกนั เช่น ๒.๑) ท้าวกุเรปัน เป็นกษัตริย์วงศ์เทวาผู้ยิ่งใหญ่ มีอนุชา ๓ องค์ ครองเมือง ดาหา กาหลัง สิงหดั ส่าหรี มีโอรสและธิดากับประไหมสหุ รี คอื อเิ หนากบั วิยะดา และมโี อรสกับ ลิกหู นึ่งองค์ คอื กะหรัดตะปาต ี ทา้ วกุเรปนั มลี กั ษณะนสิ ัย ดงั น้ี (๑) เป็นคนถือยศศกั ด์ิ ไม่ไว้หนา้ ใคร ไม่เกรงใจใคร เช่น ในราชสาสน์ ถงึ ระตหู มนั หยา กลา่ วตา� หนติ เิ ตียนระตูหมันหยาอยา่ งไมไ่ วห้ น้าวา่ เป็นใจใหจ้ ินตะหราแย่งคหู่ มั้น 86 เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT “... เขายังไมจ ากหมันหยา ในการศกึ ษาวเิ คราะหว รรณคดนี น้ั ถอื เปน ขน้ั ตอนทนี่ กั เรยี นจะตอ งนาํ องคค วามรู จนสลดั ตดั การววิ าห ศึกติดพารากเ็ พราะใคร ทเี่ กดิ จากการศกึ ษาเนอ้ื หาของวรรณคดดี ว ยวธิ กี ารอปุ นยั นาํ มาวเิ คราะหร วบรวมเปน เห็นจะรักเมียจริงยิง่ กวา ญาติ ไหนจะคลาดจากเมอื งหมันหยาได ความคิดรวบยอด นกั เรียนสามารถบอกความดเี ดน ของวรรณคดีแตล ะเรอ่ื งได พรอม ถงึ มาตรจะมาก็จาํ ใจ ดว ยกลวั ภยั พระราชบดิ า” นาํ ความรคู วามเขา ใจทไ่ี ดจ ากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมของนกั เรยี นมาแลกเปลยี่ นความคดิ ขอใดไมสามารถอนุมานไดจ ากบทประพันธ เหน็ รว มกนั เพ่ือพฒั นาองคค วามรูในการคดิ วเิ คราะห สังเคราะหค วามรูใหม รวมถงึ 1. เหนบ็ แนม การประเมินคุณคาของวรรณคดี ขณะเดียวกันนักเรียนก็ไดเรียนรูในการประเมินคา 2. ประชดประชัน ขอมูลหรือความคิดเห็นของตนเอง เพื่อนําไปปรับประยุกตในการพัฒนาองคความรู 3. ช่นื ชมในการกระทาํ และศกั ยภาพของนกั เรยี นใหม คี วามลกึ ซ้ึงและกวางขวางมากยงิ่ ข้ึน 4. แสดงความแคน เคอื งและนอ ยใจ นกั เรียนควรรู วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 3. ชนื่ ชมในการกระทํา ไมส ามารถอนมุ านได 1 สมโภช งานฉลองในพธิ ีมงคล เพ่ือความยินดีราเริง ใชเ ฉพาะแตใ นงาน จากบทประพันธข า งตน สวนในขอ อน่ื สามารถอนมุ านได เนือ่ งจาก พระราชพธิ เี ทานน้ั มเี นอื้ หาและเจตนาไปในทศิ ทางเดียวกนั 86 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Explore Evaluate Explain Expand Explain อธบิ ายความรู บุษบา สอนลูกให้ย่ัวยวนอิเหนาจนเป็นต้นเหตุให้บุษบาร้างคู่ตุนาหงัน แม้อันที่จริงท้าวกุเรปัน 1. นกั เรียนรวมกันตอบคําถาม ตอ ไปน้ี น่าจะค�านึงถึงจิตใจของท้าวหมันหยาบ้าง เพราะอย่างไรจินตะหราก็เป็นหลานของประไหมสุหร ี • การทว่ี รรณคดีเรื่องอเิ หนามีฉากเปนเมอื ง และผู้ทผี่ ิดควรจะเป็นอิเหนามากกวา่ ชวาน้ัน แทจ ริงแลว กลบั แสดงใหเหน็ ถึง บรรยากาศของสงั คม วฒั นธรรม ตลอดจน ในลกั ษณ์อกั ษรสารา ว่าระตหู มันหยาเปน็ ผใู้ หญ่ ประเพณีแบบไทย กลวิธีการประพันธ มีราชธิดายาใจ แกลง้ ให้แตง่ ตัวไว้ย่ัวชาย ดังกลาวสง ผลตอการดาํ เนนิ เรอื่ ง ตลอดจน จนลกู เรารา้ งคตู่ นุ าหงนั ไปหลงรักผูกพนั มนั่ หมาย คุณคา ทางวรรณศลิ ปข องวรรณคดีเรือ่ งน้ี จะให้ชงิ ผัวเขาเอาเดด็ ดาย ช่างไม่อายไพร่ฟา้ ประชาชน อยา งไร บัดนีศ้ ึกประชิดติดดาหา กิจจาลอื แจ้งทุกแห่งหน (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถอภปิ รายไดอ ยาง เสยี งานการววิ าหจ์ ลาจล ต่างคนตา่ งขอ้ งหมองใจ หลากหลายข้นึ อยูกับเหตผุ ลของนกั เรียน การสงครามครง้ั นม้ี ิไปช่วย ยังเห็นชอบด้วยหรือไฉน เปนตนวา การใชฉ ากในการดําเนินเรื่อง จะตัดวงศ์ตดั ญาตใิ หข้ าดไป กต็ ามแตน่ า�้ ใจจะเหน็ ดี แบบชวา แตนาํ เสนอบรรยากาศของสงั คม และวฒั นธรรม ตลอดจนขนบธรรมเนียม ในพระราชสาส์นของท้าวกุเรปันถึงอิเหนาได้ยกความผิดให้จินตะหรา จึง ประเพณแี บบไทยนน้ั สงผลตอ การสอ่ื สาร มีลักษณะเปน็ ผู้ใหญท่ ่มี ีอ�านาจ แต่ไมม่ เี มตตา ถือยศศักด์ ิ และอาจพิจารณาถงึ ความเป็นปถุ ชุ นที่ กับคนไทย ชว ยใหผชู ม ผฟู ง หรอื ผูอ า น ยอ่ มมีความล�าเอยี งเข้าข้างคนใกลต้ ัว ชาวไทยมคี วามเขา ใจเน้ือหาและเกิด (๒) เปน็ คนเขม้ แขง็ และเดด็ ขาด ดงั พระราชสาสน์ ทส่ี งั่ การใหอ้ เิ หนายกทพั จินตภาพไดเปนอยางดี นอกจากน้ี การสรา ง ไปชว่ ยทา้ วดาหา ถ้าไมไ่ ปก็จะตดั พ่อตดั ลูกกบั อเิ หนา บรรยากาศแบบชวา ยงั สามารถศึกษา ในฐานะภาพสะทอนถงึ โลกทัศนข องคนไทย แม้นมิยกพลไกรไปช่วย ถึงเราม้วยกอ็ ย่ามาดผู ี สมยั รัชกาลท่ี 2 ที่มตี อชวาไดอ ีกดว ย) อยา่ ดทู งั้ เปลวอคั ค ี แตว่ ันนีข้ าดกันจนบรรลยั 2. นักเรียนบนั ทึกความเขาใจลงในสมุด (๓) เปน็ คนรกั เกยี รติรักวงศต์ ระกูล โดยการส่งั ให้กะหรดั ตะปาตโี อรสองค์ แรกกบั ลิกู และอเิ หนา ไปชว่ ยเมืองดาหารบ เพราะเหน็ วา่ ถา้ เสียเมืองดาหายอ่ มหมายถงึ กษตั รยิ ์ ขยายความเขา ใจ Expand วงศเ์ ทวาพ่ายแพด้ ว้ ย ซ่ึงถือวา่ เปน็ เรื่องนา่ อายอยา่ งยิ่ง ดงั นี้ มาตรแมน้ เสยี เมืองดาหา จะพลอยอายขายหน้าหรือหาไม่ 1. นักเรียนยกตวั อยางฉากหรอื บรรยากาศจาก วรรณคดีเร่ือง อิเหนา ตอน ศกึ กะหมงั กหุ นิง ๒.๒) ท้าวดาหา เป็นอนุชาองค์รองของท้าวกุเรปัน มีราชธิดากับประไหม- ท่ีสะทอ นใหเห็นวัฒนธรรมหรอื บรรยากาศ สุหรีชื่อบุษบา ซ่ึงเป็นตุนาหงันของอิเหนา และมีโอรสองค์เล็กช่ือสียะตรา เป็นคู่ตุนาหงันของ แบบไทย โดยนักเรียนสามารถพิจารณา วยิ ะดา ขนษิ ฐาของอิเหนา ทา้ วดาหามลี ักษณะนสิ ยั ดังน้ี คําตอบไดอยางหลากหลายข้นึ อยูกับเหตุผล (๑) เปน็ ผรู้ กั ษาวาจา เมอ่ื พลง้ั ปากพดู วา่ จะยกนางบษุ บาใหใ้ ครก็ไดท้ ม่ี าสขู่ อ ของนักเรยี น ครนั้ จรกามาสขู่ อกร็ กั ษาวาจาสตั ย ์ ยกบษุ บาใหจ้ รกา แมท้ า้ วกะหมงั กหุ นงิ จะสง่ ทตู มาขอนางบษุ บา ให้วิหยาสะก�า กท็ รงปฏิเสธจนเปน็ เหตใุ ห้ท้าวกะหมังกหุ นิงยกทัพมาทา� สงคราม 2. นกั เรียนบันทึกความเขาใจลงในสมดุ 87 ขอ ใดไมมีความหมายบงบอกเวลา ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกรด็ แนะครู 1. สุดทจี่ ะบิดเบอื นเลอื่ นวันไป ดวยเกรงในบติ เุ รศตดั มา ครคู วรเพิม่ เติมความรูเกีย่ วกับคณุ คา ทางวรรณศิลปใ นวรรณคดีบทละคร 2. คร้ันรุงรางสรุ ยิ าก็คลาไคล เขา ในทส่ี นานสาํ ราญองค เร่อื ง อิเหนา วา มคี วามถงึ พรอมท้งั ในดานสุนทรยี ภาพ คอื มีทํานองกลอนไพเราะ 3. จงึ บายเบ่ียงเลย่ี งตอบพระนอ งรัก ใชจะหาญหักวงศเ ทวัญ ทวงทา การรายราํ สอดคลอ งกบั ทํานองกลอน สง ผลตอคณุ คา ทางวรรณศิลปท่ี 4. ครั้นสรุ ิยฉ ายบายสามนาฬก า กโ็ สรจสรงคงคาอา องค มคี วามสมบรู ณท้งั ในดานเสียงและเน้ือหา การศกึ ษาคุณคาทางวรรณศิลปของ วรรณคดเี รื่องน้ี จึงตอ งเริม่ ตนต้ังแตระดับคํา วามคี วามสมบรู ณข องเสียงดา นความ วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 3. ไพเราะ และมีเนอ้ื หาซาบซึ้งกินใจมากนอ ยเพยี งไร จึงถือเปน วรรณคดีท่ีทรงคุณคา ย่ิงในประวัตวิ รรณคดีไทย จนไดร บั ยกยองจากวรรณคดสี โมสรในสมยั รชั กาลท่ี 6 จึงบายเบ่ียงเล่ียงตอบพระนองรัก ใชจะหาญหกั วงศเ ทวัญ ใหเปน ยอดวรรณคดีประเภทกลอนบทละคร ไมป รากฏคําทมี่ ีความหมายบงบอกเวลา สว นในขอ อ่ืนๆ ปรากฏคาํ ทมี่ ี ความหมายบง บอกเวลา ดงั นี้ ขอ 1. คาํ วา เลอื่ นวัน ขอ 2. คาํ วา รงุ ราง และขอ 4. คําวา บา ยสามนาฬก า คูม ือครู 87
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Explore Explain Expand Evaluate Engage Explain อธบิ ายความรู 1. นักเรยี นรว มกนั ตอบคาํ ถามในประเด็น ตอไปนี้ อันอะหนะบษุ บาบงั อร คร้ังก่อนจรกาตนุ าหงนั • นกั เรียนคดิ วา ปมปญหาหรือปมความขดั แยง ได้ปลดปลงลงใจใหป้ ัน นดั กนั จะแตง่ การววิ าห์ ทเี่ กิดขนึ้ ในวรรณคดีเร่อื ง อเิ หนา ประกอบ ซงึ่ จะรับของส่รู ะตนู ้ ี เห็นผดิ ประเพณหี นักหนา ดวยปมใดบาง ฝงู คนทัง้ แผน่ ดินจะนนิ ทา สิง่ ของทเ่ี อามาจงคนื ไป (แนวตอบ ประกอบดวยปมปญ หา 4 ปม ไดแก 1. การปฏิเสธการแตง งานของอิเหนา (๒) เป็นผู้มีขัตติยมานะ เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว เมื่อขอความช่วยเหลือใน 2. ทา วดาหายกบุษบาใหจรกา เกิดความ การศึกสงครามไปยงั พีน่ ้อง หากไม่มีใครมาช่วยก็จะขอสรู้ บโดยลา� พัง ขดั เคอื งตอ พระญาติทงั้ หลาย 3. ทา วดาหาปฏิเสธการขอหมัน้ บุษบาของ แมน้ จะเคอื งขดั ตดั รอน ท้งั สามพระนครหาช่วยไม่ ทาวกะหมังกหุ นิง แตผ่ ูเ้ ดยี วจะเคย่ี วสงครามไป จะยากเย็นเป็นกระไรก็ตามที 4. จนิ ตะหราหวาดหวั่นกับสถานภาพของตน เนอ่ื งจากอเิ หนาจะเดนิ ทางไปเมืองดาหา) (๓) เป็นผู้มีความรอบคอบในการศึก เมื่อรู้ว่าจะต้องเกิดศึกสงครามแน่ก็ • นกั เรียนคดิ วา ปมความขดั แยงขา งตน แสดง วางแผนสง่ั การให้แจ้งขา่ วไปยงั เมืองพี่น้องท้ังสามเมอื ง และระตจู รกาใหม้ าช่วย ท้ังยงั ไดส้ ่ังใหม้ ี ถึงความสมเหตุสมผลในการดาํ เนนิ เรอ่ื ง การตกแต่งค่ายคู หอรบ และเตรียมก�าลงั ทัพรบั ศกึ หรอื ไม อยางไร (แนวตอบ มคี วามสมเหตสุ มผล เนอ่ื งจากแสดง คิดพลางทางส่งั เสนาใน เรง่ ใหเ้ กณฑ์คนขน้ึ หนา้ ท่ี ภาวะอารมณ ตลอดจนพฤตกิ รรมท่สี ง ผลตอ รกั ษามั่นไว้ในบุรี จะดทู ขี ้าศึกซง่ึ ยกมา การตดั สนิ ใจของมนุษยไ ดเปนอยา งด)ี อน่ึงจะคอยท่าม้าใช ้ ทีใ่ ห้ไปแจ้งเหตพุ ระเชษฐา กบั สองศรีราชอนุชา ยงั จะมาช่วยหรอื ประการใด 2. นักเรียนบันทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ ๒.๓) อเิ หนา เปน็ โอรสท้าวกุเรปันกบั ประไหมสหุ ร ี มขี นษิ ฐาชือ่ วิยะดา อเิ หนา ขยายความเขา ใจ Expand เปน็ เจ้าชายหนุ่มรปู งาม เขม้ แขง็ เดด็ ขาด เอาแต่ใจตวั เจา้ ช ู้ มีมเหสหี ลายพระองค์ คอื นาง จนิ ตะหรา นางสการะวาต ี นางมาหยารัศมี และนางบุษบา 1. นกั เรียนพิจารณาปมขัดแยง ทัง้ สี่ปมในเร่อื ง (๑) เปน็ คนรอบคอบ มองการณ์ไกล ไมป่ ระมาท เชน่ ตอนทสี่ งั คามาระตา จากน้นั รวมกันอภปิ รายในประเด็น ตอ ไปนี้ รบกับวิหยาสะก�า อิเหนาได้เตือนสังคามาระตาว่า ไม่ช�านาญกระบ่ี อย่าลงจากหลังม้า เพราะ • นักเรียนคดิ วา ปมปญหาท่เี กดิ ข้นึ ทัง้ ส่ีปม เพลงทวนนน้ั ชา� นาญอยแู่ ลว้ จะเอาชนะได้ง่ายกวา่ ขางตน สะทอ นภาวะความเปน มนุษยข อง ตัวละครในวรรณคดีเร่ือง อิเหนา หรอื ไม เม่อื นน้ั ระเด่นมนตรีใจหาญ อยางไร จงึ ตอบอนุชาชยั ชาญ เจ้าจะตา้ นต่อฤทธก์ิ ็ตามใจ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น แต่อย่าลงจากพาชี เพลงกระบ่ียงั หาช�านาญไม่ ไดอยางหลากหลายขนึ้ อยกู ับเหตผุ ลของ เพลงทวนสนั ทดั ชดั เจนใจ เห็นจะมีชยั แก่ไพรี นกั เรยี น เปน ตน วา ปมปญหาท้ังหมด มคี วามเก่ยี วเนือ่ งกัน สง ผลตออารมณและ (๒) เปน็ คนดอื้ ดงึ เอาแต่ใจตนเอง เช่น เม่อื ได้รบั พระราชสาส์นจากทา้ ว การตดั สนิ ใจของตัวละคร) กุเรปันถึงสองฉบับก็ด้ือดึง ไม่ยอมกลับเมืองกุเรปันและไม่ยอมอภิเษกกับบุษบา ถึงกับบอกว่า ใครมาขอก็ให้เขาไปเถิด ดงั น้ี 2. นกั เรยี นบนั ทกึ ความเขา ใจลงในสมดุ 88 เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT “เม่อื เราบัญชาการกําหนดทพั แลว จะกลบั งดอยอู ยา งไรได ในการพจิ ารณาความขัดแยงของตัวละคร ครคู วรเพม่ิ เตมิ ความรคู วามเขา ใจ อายแกไ พรฟาเสนาใน จะวากลวั ฤทธไิ กรไพริน เกยี่ วกบั ความขดั แยง ของตัวละครทส่ี ง ผลตอ การดําเนินเรื่อง ความขดั แยงในบท จําจะไปตา นตอรอฤทธ์ิ ถงึ มว ยมิดมใิ หใครดหู มน่ิ ประพนั ธถ ือเปน วิธกี ารเรา ความสนใจของผอู านใหจดจอกับการดําเนนิ เร่อื ง รวมถงึ เกียรติยศจะไวใ นธรณนิ ทร จนสุดสิน้ ดินแดนแผนฟา” ตอ งอาศัยกลวธิ ีการเลา เรอื่ งทเ่ี หมาะสม เพ่ือส่อื สารเนือ้ หาของบทประพนั ธอ ยา ง จากบทประพนั ธขา งตนขอ ใดแสดงถึงคณุ ลักษณะของผูพดู ท่ีมี เขมขน ความขดั แยง ในวรรณคดเี ร่อื ง อเิ หนา ถือวาเปน ปมความขดั แยงทสี่ ง ผลให ความโดดเดนมากท่ีสุด การดาํ เนนิ เรอ่ื งมคี วามสมเหตุสมผล ชว ยเนน ย้ําสภาวะทางอารมณข องตัวละครให 1. ชายชาตรี มีความเปลย่ี นแปลงอยูเสมอ จงึ สง ผลใหต วั ละครมีลกั ษณะกลม มคี วามสมจรงิ ของ 2. ขตั ติยมานะ ความเปนมนษุ ย นกั เรยี นสามารถนําปมความขดั แยง มาเปน พื้นฐานในการวเิ คราะห 3. ความกลา หาญ ตวั ละครไดอยางลึกซ้งึ 4. ความรบั ผดิ ชอบ วิเคราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 2. ขัตติยมานะ คือ ความเช่อื มัน่ ในสถานะ ความเปนกษัตริยข องตน โดยไมย อมใหใครดูหมนิ่ 88 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล Engage Evaluate Explore Explain Expand Explore สาํ รวจคน หา สมเดจ็ พระบิดาให้หาพี่ ใช่แต่คร้งั น้นี น้ั หาไม่ นกั เรยี นแบงกลมุ ออกเปน 6 กลมุ จากนน้ั ถงึ สองครง้ั พีข่ ดั รับสงั่ ไว้ ยงั มิได้บอกเจา้ ให้แจง้ การ ใหน ักเรยี นศึกษาบคุ ลิกลกั ษณะนิสัยของตวั ละคร ประกอบดวย ทา วกุเรปน ทา วดาหา อิเหนา (๓) เปน็ คนทมี่ คี วามรบั ผดิ ชอบ รกั ชอ่ื เสยี งวงศต์ ระกลู เมอ่ื เกดิ ศกึ กะหมงั - จนิ ตะหรา ทาวกะหมงั กุหนงิ และวิหยาสะกาํ กหุ นงิ แมจ้ ะเคยด้อื ดงึ เอาแต่ใจตวั เอง แตเ่ ม่อื ทราบขา่ วศึกจึงตอ้ งรีบไปช่วย ดังทกี่ ลา่ วถงึ เหตุผล ส�าคัญทีจ่ ะตอ้ งไปชว่ ยปอ้ งกันเมืองดาหา ลกั ษณะนสิ ยั ขอ้ นเี้ หมือนกนั กับทา้ วกุเรปนั ดงั ทีอ่ ิเหนา อธบิ ายความรู Explain บอกจนิ ตะหราว่า 1. นักเรยี นกลุมที่ 1 นําเสนอบุคลิกลกั ษณะนิสยั แมน้ เสยี ดาหาก็เสยี วงศ ์ อัปยศถึงองคอ์ สัญหยา ของทาวกเุ รปน ในประเด็น ตอ ไปนี้ • นักเรยี นคดิ วา ทาวกเุ รปนมีลกั ษณะนสิ ยั (๔) เป็นคนรู้ส�านึกผิด เม่ือยกทัพมากรุงดาหา ไม่กล้าเข้าเฝ้าท้าวดาหา อยา งไร ทันที จึงขอพักพลนอกเมือง และท�าการรบแก้ตัวก่อน จากน้ันให้ต�ามะหงงไปเฝ้าท้าวดาหาและ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถอภปิ รายไดอ ยาง รายงานว่า หลากหลายขึน้ อยูกบั เหตผุ ลของนกั เรียน เปนตนวา เปน คนถอื ยศศกั ดิ์ ไมไ วห นาหรอื ให้ขา้ ทลู องค์พระทรงฤทธ ิ์ ดว้ ยโทษผดิ ตดิ พันอยู่หนักหนา เกรงใจใคร มคี วามเขม แข็ง มีความเด็ดขาด จะขอท�าการสนองพระบาทา เสรจ็ แล้วจึงจะมาอัญชลี นอกจากนี้ ยังเปนคนรกั เกียรติของ วงศต ระกลู ) (๕) เปน็ คนเคารพย�าเกรงบิดา คือ ทา้ วกุเรปนั แม้จะดอื้ ดึงเปน็ บางครง้ั เช่นตอนทีอ่ เิ หนาจะหนอี อกจากเมอื งไปอย่กู ับนางจนิ ตะหราทีเ่ มืองหมันหยา แตเ่ มอื่ ทา้ วกเุ รปนั มี 2. นักเรยี นบนั ทกึ ความเขาใจลงในสมุด พระราชสาส์นส่ังให้น�าทัพไปช่วยท้าวดาหา แม้อิเหนาไม่อยากจากนางจินตะหรา แต่ด้วยความ- ย�าเกรงบดิ าจึงยอมยกทพั ไป ขยายความเขา ใจ Expand จะจ�าจากโฉมเฉลาเยาวเรศ เพราะเกรงเดชบิตรุ งค์ทรงศักดิ์ หรอื นจ่ี า� เปน็ จึงจ�าจากไป เพราะกลัวภยั พระราชบดิ า 1. นกั เรียนรวมกนั อภิปรายในประเดน็ ตอไปนี้ • นักเรยี นคดิ วา ทาวกเุ รปน ควรมคี ณุ ธรรมใด เพิ่มเตมิ หรือไม อยา งไร (แนวตอบ นกั เรียนสามารถอภิปรายไดอยา ง (๖) เป็นคนท่ีมีอารมณ์ละเอียดอ่อน เข้าใจ และห่วงความรู้สึกของผู้อื่น หลากหลายข้นึ อยกู บั เหตุผลของนักเรยี น เช่น เม่ือรู้ว่าจะต้องจากนางจินตะหรา ก็พูดปลอบโยนให้นางคลายเศร้าโศก ทั้งยังมอบสร้อย โดยอาจกลา วถงึ การลดขัตติยมานะของ สงั วาลไวเ้ ปน็ เครอื่ งร�าลึกถงึ พระองค หรือลดความเช่อื ม่ันในฐานะของ ตนเองมากเกินไป จะชว ยใหพ ระองครบั ฟง อยจู่ งดีเถิดพจ่ี ะลาน้อง อยา่ หมน่ หมองเศรา้ สร้อยละห้อยหา เหตุผลและความตอ งการของผูอ ืน่ ได เสรจ็ ศึกวนั ใดจะไคลคลา กลบั มาสู่สมภิรมย์รกั มากขึน้ ) ....................................... 2. นักเรียนบนั ทึกความเขาใจลงในสมดุ วา่ พลางทางเปลอ้ื งสงั วาลทรง ให้องคจ์ นิ ตะหรามารศรี จงเจ้าเอาเคร่ืองประดับนี้ ไวด้ ตู ่างพักตรพ์ ่จี ะขอลา 89 ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู “แตการศกึ ครัง้ น้ีไมควรเปน เกิดเข็ญเพราะลกู อปั ลักษณ จะมีคูผูช ายกไ็ มรกั จงึ หักใหสาสมใจ” ครคู วรเพมิ่ เติมความรคู วามเขา ใจเกีย่ วกับการวเิ คราะหตัวละครในวรรณคดี จากบทประพนั ธขางตนผพู ูดมจี ดุ ประสงคใดเปน สาํ คัญ โดยศึกษาตัวละครแตละตวั วามีความสัมพนั ธกบั วรรณคดเี รอ่ื งท่ีศกึ ษาอยางไร 1. ปรารถนาใหเ หน็ ใจ รวมถึงมคี วามสัมพันธกับตวั ละครตวั อ่นื ในเรือ่ งอยางไร การพิจารณาตัวละคร 2. ระบายความคบั ขอ งใจ ตองดูวา ตวั ละครท่นี กั เรยี นทาํ การศึกษาเปนตวั ละครประเภทใด มีพฤตกิ รรม 3. ตัดพอ ตอวาใหเ หน็ วา แคนใจ อยางไร และพฤติกรรมของตัวละครมคี วามสมจริงตอ การดําเนินเรื่องหรอื ไม 4. ประชดประชันดวยความเจบ็ ใจ มากนอยเพยี งใด นักเรยี นสามารถพจิ ารณาลักษณะนิสยั ของตวั ละครได จากการพิจารณาบทสนทนา ซึ่งมคี วามสาํ คญั ตอ การดําเนนิ เร่ือง ชว ยใหร ูจัก วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. ประชดประชนั ดวยความเจ็บใจ หนา ตา ลกั ษณะนสิ ยั พฤตกิ รรมของตัวละคร นักเรยี นสามารถนาํ ความรูดงั กลา ว ไปปรบั ใชใ นการวเิ คราะหตัวละครไดอ ยา งลกึ ซ้ึง ประชดประชนั หมายถึง พูดหรอื ทาํ เปนเชิงกระทบกระแทกแดกดนั มเี นอื้ หาขดั แยงกับความเปน จรงิ สงั เกตจากการกลา วถึงนางบุษบาวา มรี ูปโฉมอัปลกั ษณ คมู อื ครู 89
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262