Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อจท. ภาษาไทย หลักภาษา ม.4

อจท. ภาษาไทย หลักภาษา ม.4

Published by pearyzaa, 2021-05-16 01:35:13

Description: อจท. ภาษาไทย หลักภาษา ม.4

Search

Read the Text Version

๒ คาราชาศัพท์สาหรับพระมหากษตั ริย์ (ต่อ) คากริยาราชาศัพท์ • คากริยาราชาศพั ทบ์ างคาท่ีผอู้ ื่น เช่น เจา้ นาย ขา้ ราชการ ประชาชน ใชก้ บั พระราชา พระราชินี และบุคคลช้นั ต่างๆ ยงั มีอยู่

๓ คาราชาศัพท์สาหรับพระภกิ ษุ คานาม • คานามที่ใชส้ าหรับพระภิกษุน้นั ส่วนมากใชเ้ ช่นเดียวกบั บุคคลทวั่ ไป เวน้ แต่คาบางคาที่กาหนดไวเ้ ฉพาะพระภิกษสุ งฆ์ o กาสาวพสั ตร์ ผา้ ยอ้ มฝาด คือ ผา้ เหลืองพระ o กลด ร่มขนาดใหญ่ มีดา้ มยาว สาหรับพระธุดงคโ์ ดยเฉพาะ o จีวร ผา้ สาหรับห่มของภิกษุสามเณร คู่กบั สบง o สบง ผา้ นุ่งสาหรับภิกษสุ ามเณร o สังฆาฏิ ผา้ คลุมกนั หนาวสาหรับพระใชท้ าบบนจีวร ใชพ้ นั พาดบ่าซา้ ย o ตาลปัตร พดั ใบตาล มีดา้ มยาว สาหรับพระใชใ้ นพิธีกรรม o ไทยธรรม ของถวายพระ o ธรรมาสน์ ที่สาหรับภิกษสุ ามเณรนงั่ แสดงธรรม

๓ คาราชาศัพท์สาหรับพระภิกษุ (ต่อ) คานาม • คานามหมวดสถานท่ีและส่ิงอ่ืนๆ เรือนหรือตึกสาหรับพระภิกษุสามเณรอยอู่ าศยั o กฏุ ิ o วหิ าร วดั ส่วนใหญเ่ ป็นที่ประดิษฐานพระพทุ ธรูป o เจดยี ์ สิ่งซ่ึงก่อเป็นรูปคลา้ ยลอมฟาง มียอดแหลม บรรจุส่ิงท่ี นบั ถือ เช่น พระธาตุ o พทุ ธาวาส ส่วนหน่ึงของวดั ประกอบดว้ ย โบสถ์ วหิ าร เจดีย์ ใชเ้ ป็นท่ีประกอบสงั ฆกรรม โดยมีกาแพงก้นั ไวจ้ าก ส่วนท่ีเป็นสงั ฆาวาส o สังฆาวาส บริเวณที่อยอู่ าศยั ของพระสงฆ์ ประกอบดว้ ย กฏุ ิ หอฉนั ศาลาการเปรียญ o หอไตร หอสาหรับเกบ็ พระไตรปิ ฎก

๓ คาราชาศัพท์สาหรับพระภิกษุ (ต่อ) คานาม • คานามหมวดพระภิกษุและบุคคลท่ีเกี่ยวขอ้ ง o สมภาร เจา้ อาวาส o อุปัชฌาย์ พระเถระผเู้ ป็นประธานในการบวช o กรรมวาจาจารย์ อาจารยผ์ ใู้ หส้ าเร็จกรรมวาจา คือ คู่สวด ในการบวช o นาค ชายหนุ่มที่ไปอยวู่ ดั เพ่อื เตรียมตวั บวช o ทายก ทายกิ า ชายและหญิงผถู้ วายจตุปัจจยั แก่ภิกษุ สามเณร o มหา สมณศกั ด์ิที่ใชน้ าหนา้ ชื่อภิกษุท่ีสอบไล่ได้ ต้งั แต่ เปรียญธรรม ๓ ประโยคข้ึนไป ผนู้ าทาง คือ ผจู้ ดั การทางกศุ ล ผชู้ ้ีแจงทางบุญ o มคั นายก

๓ คาราชาศัพท์สาหรับพระภิกษุ (ต่อ) คาสรรพนาม • คาสรรพนามท่ีพระภิกษุใชก้ บั บุคคลระดบั ต่างๆ

๓ คาราชาศัพท์สาหรับพระภิกษุ (ต่อ) คาสรรพนาม • คาขานรับของพระภิกษุ • คาสรรพนามที่บุคคลทวั่ ไปใชก้ บั พระภิกษุ

๓ คาราชาศัพท์สาหรับพระภกิ ษุ (ต่อ) คากริยา • มีคากริยาหลายคาท่ีกาหนดไวใ้ ชส้ าหรับพระภิกษุ

๔ คาศัพท์สาหรับบุคคลทวั่ ไป คาศัพท์สาหรับบุคคลทวั่ ไป • หลกี เลยี่ งคาพูดเหยยี ดหยาม o คาหยาบ คาด่า คาเสียดสี คาเหน็บแนมตาหนิใหผ้ ฟู้ ังเจบ็ ใจ เป็นคา ท่ีไม่สมควร พดู เพราะไม่ใช่คาสุภาพ • หลกี เลยี่ งคาหยาบ คาด่า คากระด้าง o การเรียกผอู้ ่ืนวา่ อา้ ย อี o การใชส้ รรพนาม มึง กู o การด่าวา่ เปรียบเปรยใหผ้ อู้ ่ืนต่าเสมือนสตั ว์ o ของเสียท่ีขบั ถ่ายออกจากร่างกาย ควรใชป้ ัสสาวะ (แทนเยย่ี ว) อุจจาระ (แทนข้ี) ผายลม (แทนตด) o ถา้ ของเสียน้นั เป็นของสตั ว์ แนะนาใหใ้ ชค้ าวา่ “มูล” แทน “ข้ี”

๔ คาศัพท์สาหรับบุคคลทว่ั ไป (ต่อ) คาศัพท์สาหรับบุคคลทวั่ ไป • หลกี เลย่ี งคาผวน o คาผวน หรือคาท่ี มีความหมายสองแง่ เช่น ที่หา้ ท่ีหก แปดตวั o คาผวนแลว้ ความหมายไม่หยาบ จะถือวา่ เป็นศิลปะการใชภ้ าษา อยา่ งหน่ึง เช่น นกั ร้อง (นอ้ งรัก) พกั รบ (พบรัก) o คาที่มีความหมายสองแง่น้นั แง่หน่ึงมีความหมายธรรมดาตรงตวั แต่อีกแง่หน่ึงอาจมีความหมายไปทางเพศ จึงถือเป็นคาไม่สุภาพ ไม่สมควรพดู

๔ คาศัพท์สาหรับบุคคลทวั่ ไป (ต่อ) คาศัพท์สาหรับบุคคลทว่ั ไป • หลกี เลย่ี งคาสแลง o คาสแลงหรือคาคะนอง เป็นคาท่ีมีใชก้ นั เฉพาะกลุ่ม o วยั รุ่น นิยมพดู เป็นช่วงระยะเวลาหน่ึง แลว้ ผา่ นไปกม็ ีคาใหม่ข้ึนมา อีก เช่น คาวา่ แอาบแบวา แซว ซ่าส์ ป๊ิ ง แจ๋ว สุดสุด o คาเหล่าน้ีส่วนมากผทู้ ี่พดู มกั จะมุ่งความสนุกมากกวา่ อยา่ งอ่ืน o เมื่อใดท่ีจาเป็นตอ้ งใชภ้ าษาใหถ้ ูกตอ้ งตามมาตรฐานของคาสุภาพ ผใู้ ชภ้ าษากย็ อ่ มมีดุลพนิ ิจวา่ ควรใชค้ าอยา่ งไรจึงจะเหมาะสม

๔ คาศัพท์สาหรับบุคคลทวั่ ไป (ต่อ) คาศัพท์สาหรับบุคคลทวั่ ไป • หลกี เลยี่ งภาษาปาก o แมว้ า่ ภาษาปากจะไม่ใช่คาหยาบหรือคาสแลง แตอ่ าจไม่เหมาะ สาหรับการใชเ้ ป็นภาษาทางการ จึงตอ้ งเปล่ียนใหส้ ุภาพข้ึนตาม ความเหมาะสม

๔หน่วยการเรียนรู้ที่ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์และโคลง บทร้ อยกรอง เป็นคาประพนั ธ์ท่ีถูกร้อยเรียงข้ึน โดยมีลกั ษณะบงั คบั ในการ แต่ง เรียกว่า “ฉนั ทลกั ษณ์” มีการกาหนดจานวนคา คาเอก คาโท สัมผสั ตามลกั ษณะ ของบทร้อยกรองประเภทต่างๆ ไดแ้ ก่ โคลง ฉนั ท์ กาพย์ กลอน ร่าย ซ่ึงบท ร้อยกรอง แต่ละชนิดน้ีมีแบบแผนฉันทลกั ษณ์ที่แตกต่างกนั ไป การรู้จกั ลกั ษณะ ประเภท และ ฉนั ทลกั ษณ์ของบทร้อยกรอง จะช่วยใหแ้ ต่งบทร้อยกรองไดถ้ ูกตอ้ งและไพเราะยง่ิ ข้ึน

๑ ลกั ษณะบังคบั ๙ ประการของบทร้อยกรอง พยางค์ • เสียงที่เปล่งออกมาคร้ังหน่ึงๆ จะมีความหมายหรือไม่มีกไ็ ด้ • การนบั พยางคข์ ้ึนอยกู่ บั ลกั ษณะบงั คบั ของร้อยกรองแต่ละชนิด o ร้อยกรองประเภทฉนั ทถ์ ือวา่ พยางค์ คือ คาแต่ o ร้อยกรองประเภทอื่น อาจนบั รวม ๒ พยางคเ์ ป็น ๑ คาได้ เช่น วจี ตลาด สนอง คณะ • ขอ้ กาหนดของร้อยกรองแต่ละชนิดวา่ จะตอ้ งมีจานวนคาจานวนวรรค จานวนบาท จานวนบทเท่าใด o กลอนแปด กาหนดวา่ ๑ บทมี ๒ บาท ๑ บาท มี ๒ วรรค ๑ วรรค มี ๘ คา

๑ ลกั ษณะบังคบั ๙ ประการของบทร้อยกรอง (ต่อ) สัมผสั สัมผสั บังคบั หรือสัมผสั นอก • ตาแหน่งบงั คบั การส่งสมั ผสั กนั ระหวา่ งวรรค ระหวา่ งบทของร้อยกรอง • กาหนดใชค้ าที่ประสมดว้ ยสระ และมาตราสะกดเดียวกนั ในการรับส่งสมั ผสั o “มี-ดี-ฝี-ปี -สี-หนี” “จง-คง-ตรง-หลง-ปลง-หงส์”

๑ ลกั ษณะบงั คบั ๙ ประการของบทร้อยกรอง (ต่อ) สัมผสั สัมผสั ใน • สมั ผสั ภายในวรรค ซ่ึงจะมีหรือไม่มีกไ็ ด้ • ไม่ไดก้ าหนดใหเ้ ป็นสมั ผสั บงั คบั แต่หากมีจะช่วยทาใหบ้ ทร้อยกรอง มีความไพเราะมากยง่ิ ข้ึน • สมั ผสั ที่เกิดภายในวรรคอาจเป็นสมั ผสั สระหรือสัมผสั อกั ษร

๑ ลกั ษณะบงั คับ ๙ ประการของบทร้อยกรอง (ต่อ) คาครุ คาลหุ คาครุ • คาที่ประสมดว้ ยสระเสียงยาวในแม่ ก กา เช่น มาลี ศรีโสภา • คาท่ีมีตวั สะกด เช่น นอ้ ง รัก นกั เรียน พากเพยี ร เขียน อ่าน • คาที่ประสมดว้ ย ไอ ใอ เอา เช่น ไป ให้ เราสมั ผสั บงั คบั หรือสมั ผสั นอก คาลหุ • คาท่ีประสมดว้ ยสระเสียงส้นั ในแม่ ก กา เช่น มะลิ เอะอะ • คาท่ีประสมดว้ ยสระ อา เช่น จา ทา ดา

๑ ลกั ษณะบงั คบั ๙ ประการของบทร้อยกรอง (ต่อ) คาเอก คาโท • คาที่บงั คบั ใชร้ ูปวรรณยกุ ตเ์ อกและโท ในตาแหน่งท่ีกาหนดไวใ้ นบทร้อย กรองประเภทโคลงและร่าย o คาเอก คือ คาหรือพยางคท์ ี่มีรูปวรรณยกุ ตเ์ อก เช่น ไม่ ใช่ ที่ ป่ า นุ่ม o คาโท คือ คาหรือพยางคท์ ่ีมีรูปวรรณยกุ ตโ์ ท เช่น ฟ้า ให้ น้า บา้ น o ค า เ อ ก โ ท ษ คื อ ค า โ ท ท่ี เ ขี ย น โ ด ย ใ ช้รู ป ว ร ร ณ ยุก ต์ เ อ ก เช่น “ท่าโขลงโขลงชา้ งค่าม ตามโขลง” (ขา้ ม - ค่าม) o คาโทโทษ คือ คาเอกท่ีเขียนโดยใชร้ ูปวรรณยกุ ตโ์ ท เช่น “ใครติสิใครเสอ้ ห่อนรู้สีสา” (เซ่อ – เสอ้ )

๑ ลกั ษณะบงั คับ ๙ ประการของบทร้อยกรอง (ต่อ) คาเป็ น คาตาย คาเป็ น • คาหรือพยางคท์ ่ีประสมสระเสียงยาวใน แม่ ก.กา เช่น มา ดี สี ฟ้า • คาท่ีมีมาตราตวั สะกด แม่กง กน กม เกย เกอว เช่น กางเกง ลนลาน จุ๋มจิ๋ม วยุ้ วา้ ย แวววาว • คาที่ประสมดว้ ยสระเสียงส้นั อา ไอ ใอ เอา เช่น ดาขา ไปไหน ใจใหญ่ คาตาย • คาที่ประสมสระเสียงส้นั ในแม่ ก.กา เช่น เอะอะ เลอะเทอะ • คาท่ีมีตวั สะกดในมาตราแม่ กก กด กบ เช่น ยกึ ยกั อึดอดั ซุบซิบ พบรัก

๑ ลกั ษณะบงั คับ ๙ ประการของบทร้อยกรอง (ต่อ) เสียงวรรณยุกต์ • เสียงสามญั เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี และเสียงจตั วา ที่กาหนดใชใ้ นบท กลอน • ถือวา่ เสียงวรรณยกุ ตเ์ ป็นสิ่งจาเป็นในการเขียนกลอนใหไ้ พเราะ • ตอ้ งรู้วา่ คาทา้ ยวรรคใดนิยมใชห้ รือไม่นิยมใชเ้ สียงวรรณยกุ ต์ คานา

๑ ลกั ษณะบงั คับ ๙ ประการของบทร้อยกรอง (ต่อ) คาสร้อย • คาท่ีใชล้ งทา้ ยวรรค ทา้ ยบาท เพือ่ ความไพเราะในการเอ้ือนเสียง • เพิ่มขอ้ ความใหส้ มบูรณ์ ใชเ้ ป็นคาถาม ใชเ้ พอ่ื ใหค้ รบความ • ส่วนมากจะใชเ้ ฉพาะโคลงกบั ร่าย เช่น เอย แล แฮ นา เทอญ

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ กาพย์ยานี ๑๑ คณะ • กาพยย์ านี ๑๑ หน่ึงบทมี ๔ วรรค หรือ ๒ บาท บาทแรก เรียกวา่ บาทเอก และบาทท่ี ๒ เรียกวา่ บาทโท • บาทหน่ึงมี ๒ วรรค วรรคหนา้ มี ๕ คา วรรคหลงั มี ๖ คา เสียง • คาสุดทา้ ยของบท หา้ มใชค้ าตาย และคาท่ีมีรูปวรรณยกุ ต์ สัมผสั • คาทา้ ยของวรรคหนา้ สมั ผสั กบั คาที่ ๑, ๒, ๓ ของวรรคหลงั ในบาทเอก • คาทา้ ยของบาทเอก สมั ผสั กบั คาทา้ ยของวรรคหนา้ ของบาทโท • คาทา้ ยของบทแรก สมั ผสั กบั คาทา้ ยของบาทเอกบทต่อไป

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์ยานี ๑๑

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์ยานี ๑๑ คาแนะนาบางประการในการแต่งกาพย์ยานี ๑๑ • คาที่รับสมั ผสั ไม่นิยมใชค้ าท่ีมีเสียงเดียวกบั คาท่ีส่งสมั ผสั ถึงแมจ้ ะเขียน ต่างกนั เช่น สาน-สาส์น-ศาล-สาร เป็นตน้ • ไม่มีขอ้ บงั คบั เสียงวรรณยกุ ต์ หรือ รูปวรรณยกุ ต์ แต่ส่วนใหญ่จะนิยม ใชเ้ สียงวรรณยกุ ตส์ ามญั และจตั วา ในคาสุดทา้ ยของบาทโท เสียงตรี เสียงเอก กม็ ีบา้ งแต่ไม่ค่อยนิยม • คาสุดทา้ ยของบท ไม่นิยมใชค้ าตายหรือคาท่ีมีรูปวรรณยกุ ต์ • เหมาะกบั เน้ือหาที่เป็นพรรณนาโวหาร เช่น พรรณนาความรู้สึก ความรัก • สมั ผสั ใน คือ สมั ผสั ภายในวรรคเป็นสมั ผสั ไม่บงั คบั จะมีหรือไม่มีกไ็ ด้ ไม่ถือเป็นขอ้ บงั คบั และไม่เคร่งครัดมากนกั แต่ถา้ มีจะทาใหท้ านอง กาพยไ์ พเราะสละสลวยยงิ่ ข้ึน

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์ฉบงั ๑๖ คณะ • หน่ึงบท มี ๓ วรรค วรรคแรก ๖ คา วรรคท่ีสอง ๔ คา วรรคทา้ ย ๖ คา เสียง • นิยมใชเ้ สียงสามญั และเสียงจตั วาเป็นคาส่งสมั ผสั และคาทา้ ยวรรค สัมผสั • สมั ผสั มีระหวา่ งวรรค ๑ แห่ง และสมั ผสั ระหวา่ งบท ๑ แห่ง • สมั ผสั ระหวา่ งวรรค คาทา้ ยวรรคแรกสมั ผสั กบั คาทา้ ยวรรคที่สอง • สมั ผสั ระหวา่ งบท คาทา้ ยวรรคของบทแรกสมั ผสั กบั คาทา้ ยวรรคแรก ของบทต่อไป

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์ฉบัง ๑๖

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์ฉบัง ๑๖ คาแนะนาบางประการในการแต่งกาพย์ฉบงั ๑๖ • มีลีลาคึกคกั โลดโผน และสง่างามกวา่ กาพยย์ านี โบราณนิยมใชแ้ ต่งบท พากยโ์ ขน บทสวดมนต์ การต่อสู้ ถา้ เป็นนิยาย นิทาน กใ็ ชเ้ ป็นบท พรรณนาโวหาร ปัจจุบนั นิยมใชเ้ ขียนบทสดุดี และบทปลุกใจ • ความไพเราะข้ึนอยกู่ บั เสียงสมั ผสั ใน มกั จะเพมิ่ ในวรรคเป็นคู่ๆ ทุกวรรค ท้งั สมั ผสั สระและสมั ผสั อกั ษร • คาสุดทา้ ยของบทมกั นิยมใชเ้ สียงวรรณยกุ ตส์ ามญั และจตั วา ส่วน วรรณยกุ ตอ์ ่ืนไม่นิยมใช้ และไม่มีพบบ่อยนกั • ไม่บงั คบั สมั ผสั ระหวา่ งวรรคท่ี ๒ กบั วรรคท่ี ๓ จะมีหรือไม่มีกไ็ ด้ คาท่ี รับสมั ผสั ไม่นิยมใชค้ าท่ีมีเสียงเดียวกบั คาท่ีส่งสมั ผสั ถึงแมจ้ ะเขียนต่างกนั

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ คณะ • กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ บทหน่ึงมีบาทเดียว แบ่งเป็น ๗ วรรค • วรรคละ ๔ คา รวม ๒๘ คา จึงเรียกวา่ กาพยส์ ุรางคนางค์๒๘ สัมผสั • คาทา้ ยวรรคหนา้ สมั ผสั กบั คาทา้ ยวรรคที่สอง • คาทา้ ยวรรคท่ี ๓ สมั ผสั กบั คาทา้ ยวรรคท่ี ๕ และวรรคท่ี ๖ • คาทา้ ยวรรคท่ี ๔ สมั ผสั กบั คาหน่ึงหรือสองของวรรคท่ี ๕ • สมั ผสั ระหวา่ งบท คาทา้ ยวรรคท่ี ๗ ของบทแรก สมั ผสั กบั คาทา้ ยวรรคที่ ๓ ของบทต่อไป

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ คาแนะนาบางประการในการแต่งกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ • คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๓ หากลงดว้ ยเสียงจตั วาจะเพม่ิ ความไพเราะยงิ่ ข้ึน • ความไพเราะของกาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘ บางวรรคอาจจะเล่นคา ซ้าคา ซ้า ความดว้ ยเสียงสระหรือดว้ ยเสียงพยญั ชนะ กจ็ ะเพิ่มความไพเราะข้ึน

๒ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทกาพย์ (ต่อ) กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ คาแนะนาบางประการในการแต่งกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ • สมั ผสั ใน เป็นสมั ผสั ไม่บงั คบั จะมีหรือไม่มีกไ็ ด้ ส่วนใหญ่นิยมแต่งใหม้ ี สมั ผสั ในเป็นคู่ๆ

๓ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทโคลง โคลงส่ีสุภาพ คณะ • บทหน่ึงมี ๔ บาท บาทหน่ึงมี ๒ วรรค วรรคหนา้ ๕ คา วรรคหลงั ๒ คา ยกเวน้ บาทท่ี ๔ วรรคหลงั มี ๔ คา และบาทท่ีหน่ึง บาทที่สามอาจมีคา สร้อยหรือไม่มีกไ็ ด้ สัมผสั • สมั ผสั นอกหรือสมั ผสั บงั คบั คือ คาทา้ ยในบาทแรกส่งสมั ผสั ไปคาท่ี ๕ของ บาทท่ีสองและสาม คาทา้ ยของบาทที่สองส่งสมั ผสั ไปคาท่ี ๕ ของบาทท่ีส่ี • สมั ผสั ในของร้อยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพนิยมใชส้ มั ผสั อกั ษรมากกวา่ สมั ผสั สระ คาเอก คาโท • มีคาเอก ๗ แห่ง คาโท ๔ แห่ง

๓ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทโคลง (ต่อ) โคลงส่ีสุภาพ

๓ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทโคลง (ต่อ) โคลงสามสุภาพ คณะ • โคลงสามสุภาพบทหน่ึงมี ๒ บาท แบ่งเป็น ๔ วรรค วรรคที่ ๑, ๒, ๓ มี วรรคละ ๕ คา วรรคสุดทา้ ยมี ๔ คา อาจมีคาสร้อยได้ ๒ คา คาเอก คาโท • มีคาเอก ๓ แห่ง คือ คาท่ี ๔ วรรค ๒ คาท่ี ๒ วรรค ๓ และคาที่ ๑ วรรคท่ี ๔ มีคาโท ๓ แห่ง คือ สุดทา้ ยของวรรคท่ี ๒ และ ๓ และคาที่ ๒ วรรคท่ี ๔ สัมผสั • คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๑ ส่งสมั ผสั ไปยงั คาท่ี ๓ ของวรรคท่ี ๒ • คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๒ ส่งสมั ผสั ไปยงั คาสุดทา้ ยของวรรคที่ ๓ • สมั ผสั ระหวา่ งบท คาสุดทา้ ยของบทแรกส่งสมั ผสั ยงั คาท่ี ๑, ๒ หรือ ๓ ของ บทต่อไป

๓ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทโคลง (ต่อ) โคลงสามสุภาพ

๓ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทโคลง (ต่อ) โคลงสองสุภาพ คณะ • โคลงสองสุภาพบทหน่ึงมี ๒ บาท แบ่งเป็น ๓ วรรค วรรคท่ี ๑ และ ๒ มีวรรคละ ๕ คา วรรคสุดทา้ ยมี ๔ คา อาจมีคาสร้อยได้ ๒ คา คาเอก คาโท • มีคาเอก ๓ แห่ง คือ คาท่ี ๔ วรรค ๑ คาท่ี ๒ วรรค ๒ และคาท่ี ๑ วรรคท่ี ๓ คาโท ๓ แห่ง คือ คาสุดทา้ ยของวรรคท่ี ๑ และ ๒ และคาท่ี ๒ วรรคที่ ๓ สัมผสั • คาสุดทา้ ยของวรรคที่ ๑ ส่งสมั ผสั ไปยงั คาสุดทา้ ยวรรคที่ ๒ สมั ผสั ระหวา่ ง บท คาสุดทา้ ยของบทแรกส่งสมั ผสั ไปยงั คาที่ ๑, ๒ หรือ ๓ ของบทต่อไป

๓ การแต่งคาประพนั ธ์ประเภทโคลง (ต่อ) โคลงสองสุภาพ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook