Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อจท. ภาษาไทย หลักภาษา ม.4

อจท. ภาษาไทย หลักภาษา ม.4

Published by pearyzaa, 2021-05-16 01:35:13

Description: อจท. ภาษาไทย หลักภาษา ม.4

Search

Read the Text Version

๓ การอ่านส่ือส่ิงพมิ พ์ประเภทนวนิยาย นวนิยาย แปลตามศพั ทว์ า่ “นิยายใหม่” มาจากคาวา่ novel เป็นงานเขียนร้อยแกว้ ที่ใหค้ วามบนั เทิงแก่ผอู้ ่าน “ธรรมชาติของนวนิยายน้นั อยา่ งท่ีหน่ึงคือเป็นเร่ืองแต่ง มีตวั ละคร มกั ใช้ กลวธิ ีท่ีทาให้ ผอู้ ่านแลเห็นไดง้ ่ายวา่ ไม่ใช่เร่ืองจริง เป็นเรื่องสมมติ แมจ้ ะ แต่งเรื่องของบุคคลท่ีมีชีวติ อยจู่ ริงๆ กจ็ ะทาใหค้ นอ่านรู้วา่ ไม่ไดเ้ ขียนเร่ือง จริง แต่วธิ ีเจรจาของตวั ละครในเร่ืองจะเลียนแบบชีวติ จริงมากที่สุด วธิ ีเจรจา หรือการสนทนาของตวั ละครนิยมใหเ้ ป็นไปตามฐานะ ตามวยั และพยายาม วาดภาพใหเ้ ห็นอาการกิริยาของตวั ละครใหช้ ดั ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงในการช่วย ดาเนินเรื่อง” ม.ล. บุญเหลือ เทพยสุวรรณ

๓ การอ่านสื่อสิ่งพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๑. องค์ประกอบของนวนิยาย โครงเร่ือง • นวนิยายแต่ละเรื่องจะมีโครงเร่ืองใหญแ่ ละโครงเร่ืองยอ่ ย • โครงเร่ืองใหญ่ หมายถึง เรื่องที่เกี่ยวพนั กบั ปัญหาความขดั แยง้ ท่ีสาคญั ของตวั ละครเอก • โครงเร่ืองยอ่ ย คือ เรื่องที่แทรกอยใู่ นโครงเร่ืองใหญ่ มีความสาคญั นอ้ ย แต่เสริมใหเ้ รื่องสนุกสนานข้ึน • โครงเร่ืองจะมีส่วนประกอบที่สาคญั อยู่ ๒ ประการ คือ พฤติกรรมที่เป็น การกระทาของตวั ละครในเรื่องและความขดั แยง้ ในลกั ษณะต่างๆ กนั

๓ การอ่านส่ือสิ่งพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๑. องค์ประกอบของนวนิยาย แก่นเรื่องหรือความคดิ หลกั • จุดสาคญั ของเรื่องที่จะเช่ือมโยงเรื่องท้งั หมดเขา้ ดว้ ยกนั เพื่อส่ือความคิด ของผแู้ ต่ง • แก่นเร่ืองมีหลายแนวทาง • แนวแสดงทรรศนะเป็นแนวท่ีผเู้ ขียนเสนอความคิดเห็นต่อส่ิงหน่ึงส่ิงใด เช่น ความแคน้ ความหึงหวง ความกลวั • แนวแสดงพฤติกรรม เป็นแนวท่ีผเู้ ขียนเนน้ พฤติกรรมของตวั ละคร เช่น พฤติกรรมตอบแทนบุญคุณตลอดท้งั เรื่อง

๓ การอ่านส่ือสิ่งพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๑. องค์ประกอบของนวนิยาย ตัวละคร • ผทู้ ี่มีบทบาทในเรื่อง จะตอ้ งเหมือนมนุษยห์ รือเทียบเท่า • มีชีวติ จิตใจ แสดงอารมณ์ บทบาท คาพดู และมีปฏิกิริยาเช่นคนจริงๆ • พฤติกรรมที่ตวั ละครแสดงออกตอ้ งน่าเชื่อถือ • ตวั ละครสาคญั ในเรื่องเรียกวา่ ตวั ละครเอก ตวั ละครอ่ืนเป็นตวั ประกอบ • ตวั ละครที่มีมิติเดียว เป็นตวั ละครท่ีมีลกั ษณะนิสยั ประจาหรือแสดงนิสยั ดา้ นเดียวตลอดเรื่อง เช่น นิสยั ร่าเริง นิสยั เศร้าสร้อย เป็นตน้ • ตวั ละครที่มีหลายมิติ โดยมีลกั ษณะนิสยั หลายอยา่ งเปล่ียนไปตาม เหตุการณ์และสิ่งแวดลอ้ ม • ตวั ละครที่ดีตอ้ งมีลกั ษณะสมจริง

๓ การอ่านสื่อส่ิงพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๑. องค์ประกอบของนวนิยาย ฉากและบรรยากาศ • ขอ้ เทจ็ จริงเก่ียวกบั ส่ิงต่างๆ ท่ีปรากฏในเน้ือเรื่อง บอกใหร้ ู้วา่ เหตุการณ์ น้นั เกิดท่ีใด • การใชฉ้ ากที่มีจริงและเป็นท่ีรู้จกั ยอ่ มทาใหเ้ ร่ืองมีความสมจริงมากข้ึน • ฉากที่ดีควรจะสอดคลอ้ งกบั เน้ือเร่ืองและช่วยสร้างบรรยากาศ • ฉากที่มีความถูกตอ้ งตามสภาพภูมิศาสตร์และเหตุการณ์ในประวตั ิศาสตร์ ช่วยส่งเสริมนวนิยายเร่ืองน้นั ใหม้ ีคุณค่าเพม่ิ ข้ึนเป็นอยา่ งมาก • จุดอ่อนของฉากบางเรื่องทาใหค้ ุณค่าของเร่ืองน้นั ดอ้ ยลงไปอยา่ งน่า เสียดาย ผแู้ ต่งที่ประณีตจึงเอาใจใส่ต่อความถูกตอ้ งของฉากเป็นอยา่ งยง่ิ

๓ การอ่านส่ือส่ิงพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๑. องค์ประกอบของนวนิยาย บทสนทนา • การโตต้ อบระหวา่ งตวั ละคร • บทสนทนาจะตอ้ งช่วยสร้างความสมจริง เป็นธรรมชาติ คลา้ ยคลึงกบั ชีวติ จริงและตอ้ งเหมาะสมกบั บุคลิกลกั ษณะของตวั ละครแต่ละตวั • ควรช่วยใหเ้ น้ือเร่ืองคืบหนา้ ไป ทาใหเ้ ห็นลกั ษณะนิสยั ของตวั ละคร ชดั เจนข้ึน • ช่วยใหเ้ ห็นสภาพสงั คม ประเพณี วฒั นธรรม การศึกษา การปกครอง สภาพเศรษฐกิจและอื่นๆ ประกอบไปดว้ ย • บทสนทนาเป็นส่วนประกอบใหเ้ ขา้ ใจเรื่องราวพฤติกรรมไดม้ ากข้ึน • บทสนทนาจะแยกออกจากบทบรรยายหรือบทพรรณนา

๓ การอ่านสื่อส่ิงพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๑. องค์ประกอบของนวนิยาย ทรรศนะของผู้แต่ง • ขอ้ คิดเห็นของผแู้ ต่งที่ตอ้ งการเสนอต่อผอู้ ่าน • ส่วนใหญเ่ สนอผา่ นตวั ละครในเร่ือง เช่น “ดอกไมส้ ด” เสนอทรรศนะ เกี่ยวกบั ผดู้ ีในนวนิยายเร่ือง สามชาย วา่ ผดู้ ีท่ีแทจ้ ริง คือ ผทู้ ี่ยงั คงมีความ ประพฤติดี ไม่วา่ จะตกต่าหรือยากจนเพียงใด เป็นตน้ ท่วงทานองแต่งหรือกลวธิ ี • ลกั ษณะวธิ ีการของผแู้ ต่งท่ีจะแสดงความคิด ความรู้สึก เพ่อื ใหเ้ น้ือเรื่อง ดาเนินไปตามโครงเรื่องที่ผกู ไว้ รวมไปถึงการเลือกใชภ้ าษา

๓ การอ่านสื่อส่ิงพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๒. แนวทางในการอ่านนวนิยาย เนื้อเรื่อง โครงเรื่อง และแก่นเร่ือง • เม่ืออ่านนวนิยายเร่ืองใดแลว้ ควรจะเล่าเรื่องยอ่ ได้ • บอกไดว้ า่ ใชก้ ลวธิ ีอะไรบา้ งในการดาเนินเรื่อง • รู้วา่ แก่นหรือแนวคิดหลกั ของเรื่องคืออะไร • โครงเรื่องน้นั ต่อเน่ืองสมั พนั ธ์กนั หรือไม่ ตวั ละคร • ตวั ละครตวั ใดเป็นตวั เอก มีลกั ษณะนิสยั อยา่ งไร • ตวั ละครแต่ละตวั สร้างอยา่ งสมจริงหรือไม่

๓ การอ่านส่ือสิ่งพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๒. แนวทางในการอ่านนวนิยาย ฉากและบรรยากาศ • ผแู้ ต่งจะกล่าวถึงสถานท่ี ช่วงเวลา เหตุการณ์ ภูมิประเทศหรือบรรยากาศ ใดๆ กต็ าม ผอู้ ่านตอ้ งพิจารณาความสมจริงและความถูกตอ้ งตรงกบั ช่วงเวลาหรือสภาพการณ์ในเร่ืองน้นั • พจิ ารณาวา่ ฉากและบรรยากาศมีอิทธิพลต่อตวั ละครหรือไม่ บทสนทนา สานวนภาษา และกลวธิ ีในการแต่ง • นวนิยายควรใชภ้ าษาใหเ้ หมาะกบั ตวั ละคร เช่น วยั การอบรม และยคุ สมยั เพ่อื จะไดแ้ สดงบุคลิกกบั ลกั ษณะของตวั ละครได้ • ควรแยกคาบรรยายกบั คาเจรจาหรือสานวนภาษาของตวั ละครใหเ้ ห็นเด่นชดั • กลวธิ ีท่ีจะนาเสนอเรื่องใหม้ ีความน่าสนใจหรือไม่

๓ การอ่านสื่อส่ิงพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ๒. แนวทางในการอ่านนวนิยาย ทรรศนะของผู้แต่ง • การมองหาทรรศนะของผแู้ ต่งตอ้ งมองจากส่วนต่างๆ ของนวนิยาย เช่น จากคาพดู ของตวั ละคร จากวธิ ีการท่ีผแู้ ต่งบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ จากทรรศนะของตวั เอก เป็นตน้ • ผแู้ ต่งนวนิยายแฝงทรรศนะไวม้ ากเพยี งใด ผอู้ ่านกต็ อ้ งเพง่ พิศใหม้ ากข้ึน บางคร้ังอาจลางเลือนจนตอ้ งอ่านงานของผแู้ ต่งคนน้นั หลายๆ เรื่องกม็ ี • นกั อ่านท่ีดีน่าจะลองพจิ ารณาวา่ นวนิยายเร่ืองท่ีตนอ่านอยนู่ ้ี ผแู้ ต่งแฝง ทรรศนะหรือปรัชญาไวห้ รือไม่ และทรรศนะน้นั คืออะไร

๓ การอ่านสื่อสิ่งพมิ พ์ประเภทนวนิยาย (ต่อ) ตัวอย่างนวนิยาย

๔ การอ่านส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ๑. ความหมายของส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ • “สื่อ” หมายถึง สิ่งท่ีติดต่อใหถ้ ึงกนั หรือชกั นาใหร้ ู้จกั กนั ส่ือหรือมีเดีย (media) มีรากศพั ทม์ าจากภาษาละติน แปลวา่ “ระหวา่ ง” ซ่ึงหมายถึง สิ่งที่บรรจุข่าวสารเพ่อื ก่อใหเ้ กิดการสื่อสาร • “สื่อ” คือ ตวั กลางในการนาเสนอขอ้ มูลข่าวสาร สื่อมีววิ ฒั นาการอยา่ ง ต่อเนื่องต้งั แต่รูปแบบด้งั เดิม ไดแ้ ก่ หนงั สือ แผนที่ และรูปภาพไปจนถึง ส่ือที่นาเสนอขอ้ มูลข่าวสารโดยใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ หรือท่ีเรียกวา่ “สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์” • ข่าวสารท่ีนาเสนอจะอยใู่ นรูปของขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ และใชอ้ ุปกรณ์ใน การอ่าน

๔ การอ่านสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ (ต่อ) ๒. ประเภทของส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ประเภทออฟไลน์ • ขอ้ มูลที่ถูกเกบ็ อยใู่ นอุปกรณ์บนั ทึกขอ้ มูล • ผอู้ ่านสามารถเขา้ ถึงไดโ้ ดยตรงจากเคร่ืองคอมพิวเตอร์หรือเคร่ืองเล่นต่างๆ • สื่อที่นาเสนอบทเรียนจากเอกสาร ตารา ใหอ้ ยใู่ นรูปของสื่อการเรียนการ สอนทางคอมพิวเตอร์ สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ประเภทออนไลน์ • ส่ือที่ถูกเกบ็ อยใู่ นเคร่ืองคอมพวิ เตอร์อื่น ผอู้ ่านจะเขา้ ถึงส่ือไดโ้ ดยผา่ น บริการต่างๆ ของเครือข่ายการสื่อสารขอ้ มูล ท่ีใหบ้ ริการผา่ นทางอินเทอร์เน็ต • ขอ้ ความประชาสมั พนั ธข์ องหน่วยงานที่ส่งมาในรูปของไปรษณีย์ อิเลก็ ทรอนิกส์ หนงั สือพมิ พอ์ อนไลนต์ ่างๆ

๔ การอ่านส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ (ต่อ) ๓. แนวทางในการอ่านสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ • พจิ ารณาความน่าเช่ือถือของขอ้ มูลที่นาเสนอ อาจจะพจิ ารณาไดจ้ าก ขอ้ มูลมีการระบุชื่อของผใู้ หข้ อ้ มูล หรือแหล่งที่มาของขอ้ มูล มีการตรวจสอบความถูกตอ้ งของขอ้ มูลก่อนนาออกเผยแพร่ • พิจารณาความถูกตอ้ งของขอ้ มูลท่ีนาเสนอ ขอ้ มูลท่ีดีตอ้ งมีความถูกตอ้ ง ครบถว้ น อา้ งอิงขอ้ มูลมากกวา่ หน่ึงแหล่ง ขอ้ มูลควรมีการระบุวนั ที่ไว้ • พจิ ารณาจากความทนั สมยั วา่ มีการเปล่ียนแปลงหรือปรับปรุงขอ้ มูล อยเู่ สมอๆ โดยเฉพาะขอ้ มูลท่ีเป็นขอ้ มูลทางดา้ นการแพทย์ ธุรกิจ วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

๓หน่วยการเรียนรู้ท่ี การอ่านแปลความ ตคี วาม และขยายความ การอ่านแปลความ การอ่านตคี วาม การอ่านเพ่ือขยายความ • เป็นการอ่านท่ีมีความสมั พนั ธเ์ กี่ยวเนื่องกนั ท้งั หมด • โดยการอ่านแปลความเป็นทกั ษะพ้นื ฐานของการอ่าน ตีความ และการอ่านเพื่อขยายความ • ถา้ สามารถแปลความของเรื่องท่ีอ่านไดแ้ ลว้ กย็ อ่ มช่วย ส่งเสริมใหส้ ามารถตีความเร่ืองท่ีอ่าน และสามารถขยาย ความไดใ้ นที่สุด • การศึกษาหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการอ่านแต่ละประเภท ยอ่ ม ช่วยใหส้ ามารถอ่านสารต่างๆ ได้ อยา่ งมีประสิทธิภาพ

๑ การอ่านแปลความ การอ่านแปลความ • การแปลตามอกั ษรหรือคาโดยถือความหมายเป็นสาคญั • รักษาเน้ือหาและความสาคญั ของเรื่องเดิมไวไ้ ดอ้ ยา่ งครบถว้ น • การแปลความจะไม่คานึงถึงรูปแบบเดิมของขอ้ ความเลย ถอ้ ยคาสามญั ไม่จาเป็นตอ้ งแปลความ เพราะเป็นเร่ืองง่ายที่ทุกคนสามารถทาความ เขา้ ใจเรื่องไดท้ นั ทีที่อ่าน จึงรูค้ วามหมายไดแ้ จ่มแจง้ ตรงกนั

๑ การอ่านแปลความ (ต่อ) ๑. แปลคาศัพท์เฉพาะให้เป็ นภาษาธรรมดา • เป็นการแปลความหมายจากระดบั หน่ึงไปสู่อีกระดบั หน่ึง • ถา้ ผอู้ ่านไม่รู้ความหมายของศพั ทเ์ ฉพาะในขอ้ ความตอนใด กอ็ าจไม่รู้ ความหมายและไม่สามารถตีความขอ้ ความตอนน้นั ได้

๑ การอ่านแปลความ (ต่อ) ๒. แปลสานวน สุภาษติ คาพงั เพย • แปลสานวน สุภาษิต คาพงั เพย หรือคาร้อยกรอง คาภาษาบาลีสนั สกฤตท่ี ไทยนามาใชใ้ หเ้ ป็นภาษาสามญั หรือในทางกลบั กนั

๑ การอ่านแปลความ (ต่อ) ๓. แปลเครื่องหมายต่างๆ

๒ การอ่านตคี วาม การอ่านตีความ • การอ่านที่ผอู้ ่านจะตอ้ งใชส้ ติปัญญาตีความหมายของคาและขอ้ ความท้งั หมด • พิจารณาถึงความหมายโดยนยั ซ่ึงเป็นความหมายของคาหรือขอ้ ความในแง่มุม อ่ืนๆ ท่ีมิใช่ความหมายหลกั หรือความหมายที่รู้กนั โดยทว่ั ไป เรียกชื่ออีกอยา่ ง หน่ึงวา่ ความหมายแฝง ที่ผเู้ ขียนตอ้ งการจะสื่อ • ผอู้ ่านจะสามารถตีความหมายของคาและสานวนไดถ้ ูกตอ้ งหรือไม่น้นั จาเป็นตอ้ งอาศยั เน้ือความแวดลอ้ มของขอ้ ความน้นั ๆ • บางคร้ังตอ้ งอาศยั ความรู้หรือประสบการณ์เก่ียวกบั เหตุการณ์ปัจจุบนั เป็น เคร่ืองช่วยตดั สิน

๒ การอ่านตคี วาม (ต่อ) หลกั เกณฑ์ในการอ่าน • อ่านเรื่องท่ีจะตีความน้นั ใหล้ ะเอียด แลว้ พยายามจบั ประเดน็ สาคญั ใหไ้ ด้ • ขณะที่อ่านตอ้ งพยายามคิดหาเหตุผลและใคร่ครวญอยา่ งรอบคอบ นามา ประมวลเขา้ กบั ความคิดของตนเองวา่ ขอ้ ความหรือเรื่องน้นั มีความ หมายถึงส่ิงใด • พยายามทาความเขา้ ใจถอ้ ยคาท่ีเห็นวา่ มีความสาคญั • ตอ้ งไม่ลืมตรวจดูบริบทดว้ ยวา่ บริบทหรือส่ิงแวดลอ้ มน้นั ไดก้ าหนด ความหมายของคาน้นั อยา่ งไร

๒ การอ่านตคี วาม (ต่อ) หลกั เกณฑ์ในการอ่าน • ตอ้ งระลึกไวเ้ สมอวา่ การตีความไม่ใช่การถอดคาประพนั ธ์ เพราะการตีความเป็นการจบั ใจความสาคญั และคงไวซ้ ่ึงคาของขอ้ ความเดิม • การเขียนเรียบเรียงถอ้ ยคาท่ีไดจ้ ากการตีความน้นั จะตอ้ งใหม้ ีความหมาย ชดั เจน • การตีความเก่ียวกบั เน้ือหาหรือน้าเสียง เป็นการตีความตามความรู้ ความคิด และประสบการณ์ของผตู้ ีความเอง ดงั น้นั ผอู้ ่ืนจึงอาจไม่เห็น พอ้ งตามกไ็ ด้

๒ การอ่านตคี วาม (ต่อ)

๓ การอ่านเพ่ือขยายความ การอ่านเพ่ือขยายความ • การอ่านเพื่อนามาอธิบายเพิ่มเติมใหม้ ีความละเอียดเพิ่มมากข้ึนจากเน้ือความเดิม • การอ่านเพ่อื ขยายความสามารถใชว้ ธิ ีการยกตวั อยา่ งประกอบหรือมีการอา้ งอิง เปรียบเทียบ เพ่อื ใหไ้ ดเ้ น้ือความที่กวา้ งขวางออกไปจนเป็นท่ีเขา้ ใจยง่ิ ข้ึน

๓ การอ่านเพื่อขยายความ แปลความ • ความโศกเกิดจากความรัก ความกลวั เกิดจากความรัก ผทู้ ี่สละ • ความรักไดแ้ ลว้ กไ็ ม่โศก กไ็ ม่กลวั ตคี วาม • ความรักเป็นตน้ เหตุใหเ้ กิดความโศกและความกลวั • ผทู้ ่ีละความรักไดแ้ ลว้ ยอ่ มไม่มีความโศก ไม่มีความกลวั

๓ การอ่านเพ่ือขยายความ ขยายความ • เมื่อบุคคลมีความรักต่อส่ิงใดหรือคนใด เขากต็ อ้ งการใหส้ ิ่งน้นั หรือคนน้นั คง อยใู่ หเ้ ขารักตลอดไป • มนุษยโ์ ดยทวั่ ไปยอ่ มจะกลวั วา่ สิ่งน้นั ๆ จะสูญหายหรือคนท่ีตนรักจะจากเขาไป ท้งั ที่โดยกฎธรรมชาติแลว้ ทุกส่ิงทุกอยา่ ง รวมท้งั มนุษยแ์ ละสตั วท์ ้งั หลายยอ่ ม ตอ้ งเปล่ียนแปลง สูญสลายหรือแตกดบั ทาลายไปตามสภาพของมนั เป็นแน่แท้ • ถา้ บุคคลรู้ความเป็นจริงในขอ้ น้ี จะสามารถละความรัก ความผกู พนั และความ ติดใจท่ีมีต่อสิ่งน้นั เสีย เพ่ือวา่ เขาจะไม่ตอ้ งเศร้าโศก ไม่ตอ้ งกลวั อีกต่อไป

๔หน่วยการเรียนรู้ท่ี การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น การอ่านของแต่ละบุคคล ย่อมมีจุดประสงค์ท่ีแตกต่างกนั ออกไป ซ่ึงผูอ้ ่าน จาเป็นจะตอ้ งทราบจุดมุ่งหมายของการอ่านน้นั ๆ ก่อนอ่านในทุกคร้ัง เพราะการอ่าน ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ เป็ นการช่วยให้ได้รับข่าวสาร สาระต่างๆ เพื่อประกอบการ ตดั สินใจ ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหา ทาให้เกิดความเข้าใจท่ีลึกซ้ึง สามารถนา ความรู้เพื่อไปใชใ้ นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องที่อ่านได้

๑ การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น การอ่านเพื่อแสดงความคดิ เห็น • การพจิ ารณาสารที่อ่านดว้ ยเหตุผลแลว้ แสดงความคิดเห็นประกอบ • อาจเป็นไปในทางชื่นชม เห็นคลอ้ ยตาม สนบั สนุน • อาจเป็นไปในทางติติง โตแ้ ยง้ คดั คา้ น • อาจต้งั เป็นขอ้ สงั เกต ขอ้ เสนอแนะต่างๆ กไ็ ด้

๑ การอ่านเพื่อแสดงความคดิ เห็น (ต่อ) หลกั การเพ่ือแสดงความคดิ เห็น กาหนดจุดมุ่งหมายในการอ่าน • การรู้จุดมุ่งหมายในการอ่านจะช่วยใหผ้ อู้ ่านสามารถเลือกวธิ ีการอ่านท่ี เหมาะสมกบั ประเภทของการอ่าน เลือกใช้วธิ ีการอ่านทเ่ี หมาะสม • การอ่านมีหลายระดบั และมีวธิ ีการต่างๆ ตามความมุ่งหมายและประเภท ของส่ือท่ีอ่าน o การอ่านจบั ประเดน็ o การอ่านสรุปความ

๑ การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น (ต่อ) หลกั การเพ่ือแสดงความคดิ เห็น มคี วามรู้ในเรื่องทจี่ ะแสดงความคดิ เห็น • หากผอู้ ่านมีความรู้จากดั หรือไม่เขา้ ใจเรื่องท่ีตนจะแสดงความคิดเห็น อยา่ งถ่องแท้ สารท่ีเสนอความคิดเห็นกจ็ ะแคบและไม่ไดร้ ับความน่าเชื่อถือ การใช้ภาษาในการแสดงความคดิ เห็น • ควรระวงั การใชถ้ อ้ ยคาสานวน หลกั การแสดงความคิดเห็น เพื่อผอู้ ่ืนจะ ไดเ้ ขา้ ใจสารที่แสดงความคิดเห็นน้นั ในทางท่ีพงึ ประสงค์

๑ การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น (ต่อ) หลกั การเพื่อแสดงความคดิ เห็น การแสดงความคดิ เห็นเป็ นเรื่องเฉพาะของตัวผู้อ่าน • ผอู้ ่านจะตอ้ งเขา้ ใจวา่ การแสดงความคิดเห็นน้นั เป็นการเสนอสารที่ผอู้ ่าน คิด อาจจะมีผอู้ ่านเพยี งคนเดียวที่มีความคิดเห็นเช่นน้นั • ผอู้ ่านคนอื่นๆ ยอ่ มมีสิทธ์ิท่ีจะไม่เห็นดว้ ยกบั ความคิดของผอู้ ่านไดเ้ สมอ • ควรเปิ ดโอกาสรับฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่นดว้ ย การรู้จกั ประเภทของสารทอี่ ่าน • ผอู้ ่านตอ้ งรู้จกั ประเภทของสารต่างๆ ท่ีอ่านวา่ เป็นประเภทใด • สารแต่ละประเภทกจ็ ะมีลกั ษณะเฉพาะท่ีแตกต่างกนั ออกไป

๑ การอ่านเพื่อแสดงความคดิ เห็น (ต่อ) หลกั การเพื่อแสดงความคดิ เห็น ส่วนสาคญั ในการแสดงความคดิ เห็น • ทมี่ า o ส่วนท่ีเป็นเรื่องราวต่างๆ หรือตน้ เร่ืองที่ผอู้ ่านตอ้ งการจะแสดง ความคิดเห็น • ข้อสนับสนุน o ขอ้ เทจ็ จริง หลกั การ รวมท้งั ขอ้ มูลอนั เป็นความคิดเห็นของผอู้ ่ืน นามาประกอบเพ่อื ใหค้ วามคิดเห็นของตนมีน้าหนกั น่าเชื่อถือ • ข้อสรุป o สิ่งท่ีตอ้ งการส่ือใหผ้ ฟู้ ังหรือผอู้ ่านยอมรับหรือนาไปปฏิบตั ิ

๑ การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น (ต่อ) ข้อควรคานึงในการแสดงความคดิ เห็น ประโยชน์ • ความคิดเห็นท่ีดีตอ้ งมีประโยชน์และมีคุณค่าต่อผอู้ ่าน • เป็นประโยชน์ต่อบุคคลส่วนใหญไ่ ม่ใช่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหน่ึง ความสมเหตุสมผล • ความคิดเห็นท่ีดีตอ้ งมีความสมเหตุสมผล มีขอ้ สนบั สนุนท่ีมีความ น่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของบุคคลทว่ั ไป • กรณีตวั อยา่ งที่นามาอา้ งตอ้ งเป็นตวั แทนของกรณีท้งั หมดไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง

๑ การอ่านเพื่อแสดงความคดิ เห็น (ต่อ) ข้อควรคานึงในการแสดงความคดิ เห็น ความเหมาะสมกบั ผู้รับสารและกาลเทศะ • บางเร่ืองอาจนาเสนอแก่สาธารณชนได้ แต่บางเรื่องกไ็ ม่ควรแสดงต่อ บุคคลทว่ั ไป • ตอ้ งพิจารณาสารดงั กล่าวเพอ่ื นาเสนอไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะกบั กาลเทศะ การใช้ภาษา • ภาษาที่ใชต้ อ้ งชดั เจนตรงตามความตอ้ งการ และเหมาะสม

๑ การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น (ต่อ)

๑ การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น การอ่านเพ่ือแสดงความคดิ เห็น • ความคิดเห็นของแต่ละบุคคลยอ่ มมีความแตกต่างกนั ตามความรู้ ทศั นคติ ความ เชื่อและประสบการณ์ • ผอู้ ่านสามารถฝึกฝนไดโ้ ดยเร่ิมจากการเป็นนกั อ่าน ทาความเขา้ ใจหลกั การอ่าน เพื่อแสดงความคิดเห็น และคิดพิจารณาอยา่ งมีเหตุผล ตลอดจนถ่ายทอดดว้ ย ภาษาที่ถูกตอ้ ง เพอ่ื ใหผ้ อู้ ่านสามารถแสดงความคิดเห็นไดอ้ ยา่ งมีคุณค่า

ตอนท่ี ๒ การเขียน ในปัจจุบันการส่ือสารด้วยเทคโนโลยีมีบทบาทมากข้ึนในการดาเนินชีวิต แต่ การสื่อสารดว้ ยวิธีการเขียนน้นั ยงั คงมีความสาคญั และมีความจาเป็ นต่อการทางาน และ การติดต่อสื่อสารทวั่ ไป หากผเู้ ขียนหรือที่เรียกอีกนยั หน่ึงว่าผูส้ ่งสารเขียนไม่ถูกตอ้ ง ใชถ้ อ้ ยคาไม่เหมาะสม หรือ เขียนไม่ชัดเจน ผิดจุดประสงค์ อาจทาให้ผูอ้ ่านหรือผูร้ ับสารเข้าใจผิด มีอคติต่อสาร ท่ีไดร้ ับ และส่งผลให้การสื่อสารไม่สัมฤทธิผล ดงั น้ัน การเขียนจึงมีความสาคญั เป็ น อยา่ งมากในการติดต่อส่ือสารทาความเขา้ ใจกนั

๑หน่วยการเรียนรู้ที่ การเขยี นบันทกึ ความรู้ การเขยี น คือ การถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก จินตนาการ และความ ตอ้ งการของผสู้ ่งสารออกมาเป็นลายลกั ษณ์อกั ษร เพือ่ ใหผ้ รู้ ับสารสามารถอ่านเขา้ ใจ ตรงตามท่ีผเู้ ขียนตอ้ งการได้ การเขียน ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจสารตรงตามที่ผเู้ขียนตอ้ งการไดน้ ้นั ข้ึนอยกู่ บั องคป์ ระกอบ หลายอยา่ ง ไดแ้ ก่ ประสบการณ์และสิ่งแวดลอ้ มของผเู้ ขียนกบั ผอู้ ่าน ทกั ษะทางภาษา ระบบความคิดของผเู้ ขียนและผอู้ ่าน

๑ การเขียนบันทกึ ความรู้จากการอ่าน การเขยี นบนั ทกึ ความรู้จากการอ่าน • การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากแหล่งต่างๆ เพ่ือนามาใชใ้ นการเขียน ผอู้ ่านจาเป็นตอ้ ง มีทกั ษะการเขียนสรุปความ ถอดความ และคดั ลอกขอ้ ความสาคญั • การมีระบบการบนั ทึกท่ีดีจะช่วยให้ผูอ้ ่านสามารถรวบรวมขอ้ มูลข่าวสารต่างๆ จากการอ่านไปใช้ให้เป็ นประโยชน์ได้อย่างถูกตอ้ งครบถว้ น ช่วยให้การจัด ระเบียบขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการอ่านเป็นไปอยา่ งมีระบบ ท้งั ยงั ช่วยใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจและ จดจาขอ้ มูลเหล่าน้นั ไดโ้ ดยง่าย การบนั ทึกการอ่านเป็นทกั ษะท่ีมีความสาคญั และจาเป็นอยา่ งยงิ่ ต่อการเรียน ท้งั น้ี เพราะการเรียนจะตอ้ งคน้ ควา้ เอกสารประกอบการเรียนเป็นจานวนมาก นอกจากน้ี การบนั ทึกการอ่านยงั ช่วยใหผ้ เู้ รียนมีสมาธิในการอ่านอีกดว้ ย

๑ การเขียนบนั ทกึ ความรู้จากการอ่าน (ต่อ) ๑. การบนั ทกึ ความรู้จากการอ่าน • จบั ใจความสาคญั ของเรื่องได้ • ทราบวา่ ขอ้ มูลใดเกี่ยวขอ้ งกบั เร่ืองที่ตนตอ้ งการศึกษา • มีวธิ ีการบนั ทึกท่ีเป็นระบบ • เขียนผงั ความคิด หรือ mind maps ใหเ้ ขา้ ใจไดง้ ่าย • เขียนบนั ทึกดว้ ยถอ้ ยคาของตนเอง • บนั ทึกแหล่งที่มาของขอ้ มูลน้นั ๆ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน

๑ การเขยี นบนั ทกึ ความรู้จากการอ่าน (ต่อ) ๒. วธิ ีการบันทกึ ความรู้จากการอ่าน • รู้จกั เลือกและมีวธิ ีการบนั ทึกท่ีเป็นระบบ โดยคานึงถึงวตั ถุประสงคใ์ น การอ่านเสมอวา่ ตอ้ งการอะไรจากการอ่าน • ทราบวตั ถุประสงคแ์ ละความสาคญั ของขอ้ เขียนน้นั o พจิ ารณาช่ือเรื่อง บทคดั ยอ่ หรือบทนา o อ่านขอ้ ความในยอ่ หนา้ แรก o สารวจขอ้ เขียนน้นั อยา่ งคร่าวๆ o สงั เกตวธิ ีการร้อยเรียงองคป์ ระกอบต่างๆ ของขอ้ เขียน o อ่านส่วนที่เป็นภาพประกอบและคาดเดาวา่ ผเู้ ขียนใชเ้ น้ือหาส่วน น้นั เพอ่ื วตั ถุประสงคอ์ ะไร

๑ การเขียนบนั ทกึ ความรู้จากการอ่าน (ต่อ) ๒. วธิ ีการบนั ทกึ ความรู้จากการอ่าน • ทราบลกั ษณะการนาขอ้ มูลต่างๆ มาใชใ้ นการเขียน o จากแนวคิดในอดีตมาจนถึงปัจจุบนั o เรียงตามลาดบั ข้นั ตอนหรือเหตุการณ์ o เรียงจากความสาคญั มากไปหาความสาคญั นอ้ ย o เรียงจากแนวคิดที่ไม่ซบั ซอ้ นไปหาแนวคิดท่ีซบั ซอ้ นมาก ท่ีสุด o เรียงจากแนวคิดกวา้ งๆ ทว่ั ไปไปหาแนวคิดที่เฉพาะเจาะจง o เรียงจากส่วนท่ีใหญ่ที่สุดไปหาส่วนท่ีเลก็ ที่สุด o เรียงจากตวั ปัญหาไปสู่การแกป้ ัญหาน้นั o เรียงจากเหตุไปหาผล • แสดงความคิดเห็นของตนเองขณะบนั ทึกสาระสาคญั จากการอ่าน

๑ การเขียนบนั ทกึ ความรู้จากการอ่าน (ต่อ) ๒. วธิ ีการบันทกึ ความรู้จากการอ่าน

๑ การเขียนบนั ทกึ ความรู้จากการอ่าน (ต่อ) ๒. วธิ ีการบันทกึ ความรู้จากการอ่าน

๒ การเขียนบนั ทกึ ความรู้จากการฟัง ๑. ลกั ษณะของการฟัง การฟังด้วยความไม่สมคั รใจ • เป็นพฤติกรรมการฟังที่มีประสิทธิภาพในระดบั นอ้ ย • ผฟู้ ังอาจจะถกู บงั คบั ใหฟ้ ังหรือจาใจฝืนอารมณ์ฟังเร่ืองที่ตนไม่สนใจ • ไม่เห็นคุณค่าสาระของสารท่ีฟัง อาจเป็นการฟังเพ่อื รักษามารยาท การฟังด้วยความสมัครใจ • เป็นการฟังที่มีประสิทธิภาพในระดบั สูงข้ึน • ผฟู้ ังถูกชกั จูงโนม้ นา้ วใหฟ้ ังดว้ ยความเตม็ ใจ • มีความสนใจท่ีจะรับสารและเกิดความตอ้ งการที่จะฟัง จิตใจจดจ่อต่อ สารที่ฟัง จึงไดร้ ับประโยชนจ์ ากการฟัง

๒ การเขียนบนั ทกึ ความรู้จากการฟัง (ต่อ) ๑. ลกั ษณะของการฟัง การฟังเป็ นนิสัย • เป็นการฟังท่ีมีประสิทธิภาพในระดบั สูง • ทุกคนควรพฒั นาใหเ้ กิดข้ึนจนเป็นนิสยั โดยเรียนรู้และฝึกฝนอยา่ ง สม่าเสมอ • ฟังโดยไม่ตอ้ งบงั คบั หรือฝืนใจฟัง ฟังเป็นกิจวตั ร • การมีนิสยั ชอบติดตามฟังเรื่องราวข่าวสารต่างๆ อยา่ งสม่าเสมอส่งผล ใหเ้ ป็นคนรอบรู้ • ผทู้ ี่มีนิสยั รักการฟัง แสวงหาโอกาสที่จะฟังเป็นนิจ จะทนั โลกทนั เหตุการณ์ และไดร้ ับประสบการณ์อยา่ งกวา้ งขวาง • การฟังท่ีเป็นนิสยั พ้ืนฐานทาใหบ้ ุคคลเป็น “พหูสูต” คือเป็นผฟู้ ังมากรู้มาก

๒ การเขียนบนั ทกึ ความรู้จากการฟัง (ต่อ) ๒. การจดบนั ทกึ ความรู้จากการฟัง • การฟังและการจดบนั ทึกเป็นของคู่กนั • บนั ทึกคือผลของการสื่อสารระหวา่ งผบู้ รรยายกบั ผฟู้ ัง คาบรรยายเป็น เสมือนคาสนทนาของผพู้ ดู กบั ผฟู้ ัง ผสู้ อนกบั ผเู้ รียน • ผลการสนทนาจะประสบผลสาเร็จเพียงใด ดูไดจ้ ากบนั ทึกท่ีจด • การฟังใหเ้ ขา้ ใจไดด้ ีน้นั ข้ึนอยกู่ บั องคป์ ระกอบหลายประการ o ความสนใจในเร่ืองที่บรรยาย o รูปแบบของการบรรยาย o ความพร้อมของผฟู้ ัง o ผเู้ รียนจะตอ้ งรู้วธิ ีการจดบนั ทึกอยา่ งมีประสิทธิภาพ คือ รู้แนวทางในการจดและวธิ ีการจดบนั ทึก

๒ การเขียนบันทกึ ความรู้จากการฟัง (ต่อ) ๓. แนวทางการเขยี นบันทกึ ความรู้จากการฟัง • เตรียมพร้อมที่จะจดบนั ทึก • ใชอ้ ุปกรณ์ในการจดบนั ทึกท่ีเหมาะสม • จดบนั ทึกดว้ ยภาษาของตนเอง • กาหนดคายอ่ ในการจดบนั ทึก • จดบนั ทึกใหส้ มบูรณ์ ครอบคลุมประเดน็ สาคญั ทุกประเดน็ • จดั ระเบียบบนั ทึก เป็นลาดบั ข้นั ตอนใหเ้ ห็นความสมั พนั ธข์ องขอ้ ความ • จดบนั ทึกอยา่ งมีตรรกะ คือ จดบนั ทึกอยา่ งมีเหตุมีผล • จดบนั ทึกละเอียดในเร่ืองท่ีไม่คุน้ เคย • จงระวงั การเลือกจา • จดบนั ทึกไม่ทนั ใส่เครื่องหมาย “?” เพอื่ กนั ลืม • ทบทวนบนั ทึกทนั ทีเม่ือจบการฟัง โดยใชเ้ วลาส้นั ๆ

๒ การเขยี นบันทกึ ความรู้จากการฟัง (ต่อ)

๒ การเขยี นบันทกึ ความรู้จากการฟัง (ต่อ)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook