Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ปลาย

แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ปลาย

Published by Teacher JA ครูจา, 2021-04-20 17:05:36

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ม.ปลาย 2/2563

Search

Read the Text Version

83 ใบความรู้ เรื่อง คนยุคใหมใ่ สใ่ จเรื่องเพศ พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถานได้ใหค้ วามหมายของคำวา่ “เพศ” หมายถงึ “รูปทแี่ สดงใหร้ ู้ว่า หญงิ หรือชาย ทวั่ ไป คำว่า “เรอ่ื งเพศ” หรอื ในภาษาองั กฤษเรียกวา่ เซ็กส์ (sex)หมายถึงลักษณะทางกายภาพ ท่ีบอกวา่ เปน็ เพศชายหรอื หญงิ บางครั้งหมายถงึ แรงขับหรือสญั ชาตญาณตามธรรมชาติของมนษุ ยท์ ีแ่ สดงออกเป็นพฤตกิ รรมบางครั้ง หมายถึงพฤติกรรมทางเพศหรอื การมเี พศสมั พนั ธ์ เพศศกึ ษาหมายถึงกระบวนการเรยี นรูท้ ่จี ะทำใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ความเข้าใจ และมพี ฤตกิ รรมทางเพศอย่างถูกต้อง การจดั การเรยี นรเู้ พศศึกษารอบดา้ น หมายถงึ การจดั การเรยี นรูท้ มี่ ลี ักษณะดังนี้ 1.สอนให้เห็นวา่ เรอื่ งเพศเป็นเร่ืองธรรมชาติ ความตอ้ งการทางเพศเป็นเรื่องปกตแิ ละเป็นส่วนหน่ึงของชีวิตท่มี ีสุขภาวะ 2.สอนให้เหน็ ว่า การไมม่ เี พศสมั พนั ธ์คอื วิธีท่ไี ด้ผลทส่ี ดุ ต่อการป้องกนั การตง้ั ครรภไ์ มพ่ ึงประสงคโ์ รคตดิ ต่อทางเพศสัมพนั ธ์ รวมท้ังเอดส์ 3.สอนให้ตระหนักถงึ การใหค้ ุณคา่ และตระหนักถึงสง่ิ ทต่ี นเองให้คุณค่าควบคไู่ ปกับความเข้าใจวา่ ครอบครัวและชมุ ชนทเี่ รา อย่ใู ห้คุณค่าตอ่ ส่งิ นัน้ อยา่ งไร 4.ใหส้ าระท่หี ลากหลายเกยี่ วกับเรอื่ งเพศไม่ว่าจะเปน็ พฒั นาการ ธรรมชาตใิ นเรื่องเพศของมนษุ ย์ สมั พนั ธภาพ ทักษะส่วน บุคคลการแสดงออกในเรอื่ งเพศ สขุ ภาพทางเพศมติ ิด้านสังคมวัฒนธรรมของเร่อื งเพศ 5.ใหข้ อ้ เทจ็ จรงิ ตรงไปตรงมาไม่ปดิ บังในเรอื่ งการทำแท้งการสำเรจ็ ความใคร่ด้วยตนเอง ความพงึ พอใจและรสนิยมทางเพศ แบบตา่ งๆ 6.ใหข้ ้อมูลทางบวกเกี่ยวกบั เร่อื งเพศการแสดงออกทางเพศ ควบคไู่ ปกบั ผลดขี องการรักษาพรหมจรรย์ 7.สอนใหร้ ู้วา่ การใช้ถงุ ยาง และสารหลอ่ ลนื่ อยา่ งถกู ตอ้ งจะทำใหส้ ามารถลดความเส่ียงต่อการต้งั ครรภไ์ มพ่ งึ ประสงค์และการ เกิดโรคตดิ ทางเพศสัมพันธ์ แมว้ ่าจะไม่ประกันความเสีย่ งได้ 100% 8.สอนให้รู้วา่ การใช้วิธกี ารคมุ กำเนดิ สมยั ใหมส่ ามารถปอ้ งกนั การตงั้ ครรภไ์ ม่พึงประสงค์ไดอ้ ยา่ งไร 9.ให้ข้อมูลท่ีถกู ตอ้ งชดั เจนเกี่ยวกบั โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์และเอดส์ รวมทง้ั การหลกี เลีย่ งความเสย่ี งได้อย่างไรบา้ ง 10.สอนใหต้ ระหนกั วา่ คำสอน และคุณคา่ ทางศาสนาท่ีบุคคลยดึ ถอื มีส่วนกำหนดการดำเนนิ ชวี ติ และการแสดงออกทางเพศ ของบุคคลอย่างไร และให้โอกาสผเู้ รยี นได้สำรวจความคดิ ความเชอ่ื ของตน และครอบครวั ตอ่ เรอื่ งนี้ 11.สอนใหเ้ ห็นวา่ เมื่อเดก็ /วัยรนุ่ หญงิ ตัง้ ครรภ์ไมต่ ั้งใจและไม่พรอ้ มมที างเลอื กไมว่ า่ จะเป็นการอุ้มครรภจ์ นครบ กำหนดคลอด และเลีย้ งดทู ารกหรอื เมอื่ คลอดแลว้ หาทางใหท้ ารกแกผ่ ู้อปุ ถมั ภอ์ นื่ หรือยตุ ิการต้ังครรภ์ดว้ ยการทำแทง้ หากไม่พร้อมจรงิ ๆ การวางตัวต่อเพศตรงขา้ ม การวางตวั ตอ่ เพศตรงขา้ ม หมายถงึ การทีช่ ายหรอื หญิงประพฤติปฏบิ ัตติ ่อกนั เพ่ือสรา้ งสัมพันธภาพทดี่ ีระหวา่ งกนั ในแบบ เพอื่ น แบบพน่ี ้อง หรือแบบครู่ ักภายใต้สภาพแวดล้อมตลอดจนขนบธรรมเนยี มประเพณแี ละวัฒนธรรมใน สงั คมน้ัน ๆ การวางตวั ตอ่ เพศตรงขา้ มแบบเพอื่ น การวางตัวต่อเพศตรงขา้ มแบบเพือ่ น บุคคลควรปฏิบตั ติ อ่ เพศตรงขา้ มในดา้ นการพูด การแสดงกิรยิ าทา่ ทาง และความประพฤติ อื่น ๆ ทใี่ หเ้ กยี รติซงึ่ กนั และกัน เชน่ ฝา่ ยชายไม่ลว่ งเกนิ ฝา่ ยหญิงหรอื ท่ีเรียกวา่ แตะ๊ องั๋ เพราะธรรมชาตขิ องผู้ชายแลว้ มกั ถกู เน้อื ต้องตวั ผู้หญิง ซึ่งบางคร้ังผู้หญงิ จะคดิ ไม่ถงึ การพดู คำสภุ าพตอ่ กนั ควรช่วยเหลือกนั ในส่ิงท่พี อจะชว่ ยกันได้ รจู้ กั แสดงความขอบคณุ เมือ่ ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากเพศตรงข้าม ไม่ทำใหเ้ พื่อนอับอาย เพราะเราไมเ่ อาเปรียบซ่ึงกนั และกันเปน็ ทป่ี รึกษาซ่ึงกันและกนั มีความจรงิ ใจต่อ กัน ไมน่ ินทากันลับหลัง มีความหว่ งใยและเอือ้ อาทรต่อกนั เป็นต้น ถ้าปฏบิ ัตติ อ่ กนั ได้เช่นนจ้ี ะทำให้มสี มั พนั ธภาพที่ดรี ะหว่างเดียวกนั และ เพศตรงขา้ ม การวางตัวต่อเพศตรงข้ามแบบพน่ี ้อง มที ้ังฝา่ ยชายเปน็ พฝ่ี ่ายหญิงเป็นนอ้ งและฝ่ายชายเปน็ น้องฝา่ ยหญิงเป็นพี่ซ่งึ การปฏิบัติ โดย ทวั่ ไปกเ็ หมือน ๆ กับการวางตัวแบบเพื่อน แตค่ นเป็นพต่ี อ้ งเสยี สละมากกวา่ มคี วามเอ็นดตู ่อนอ้ ง ปกป้องนอ้ ง ชว่ ยเหลือน้อง ให้คำแนะนำส่ังสอนน้องตามสมควร ทำตัวเป็น แบบอย่างท่ดี แี ก่น้อง วางตัวให้เป็นทเ่ี คารพนับถือของนอ้ ง สำหรับคนท่ีเป็นน้องกต็ ้องใหค้ วามเคารพนบั ถือพี่ เช่อื ฟงั ช่วยเหลือพี่เม่อื มี โอกาสนอกจากนแ้ี ล้วยงั มีการคบกันแบบคู่รักทีแ่ ฝงมาในคราบของพี่นอ้ ง ซ่ึงฝา่ ยหนึง่ อาจไม่รู้ว่าอกี ฝา่ ยหน่ึงไมไ่ ด้คดิ แบบพน่ี ้อง หรือ อาจจะรกู้ นั ทั้งสองฝ่าย แต่บอกวา่ เปน็ พี่น้องเพ่อื ปดิ บังผู้ใหญ่ แต่การคบกนั แบบพน่ี อ้ งหรอื แบบครู่ กั นัน้ ผู้ใหญจ่ ะมองออกเพราะ พฤตกิ รรมท่ี แสดงออกต่อกันน้ันจะมีความแตกต่างกนั อย่างชัดเจน การวางตัวต่อเพศตรงขา้ มแบบครู่ ัก

84 การคบกันแบบคู่รกั อาจจะเรมิ่ ตน้ มาจากการคบกนั แบบเพ่อื นหรือการคบกันแบบพี่นอ้ ง มาก่อน แลว้ กแ็ ปรเปลยี่ นมาเปน็ แบบคู่รัก หรอื อาจจะคบกนั แบบครู่ กั เลยกไ็ ด้ อาจจะชอบพรอ้ ม ๆ กนั หรอื ฝา่ ยหน่ึงฝ่ายใดเป็นฝา่ ยชอบกอ่ น แต่ส่วนมากฝา่ ยชาย มักจะแสดงออกกอ่ น เพราะมคี วามกลา้ มากกวา่ ฝา่ ยหญงิ แต่ในสงั คมปจั จุบันเริ่มแปรเปลยี่ นไปมากแลว้ เพราะฝา่ ยหญงิ มคี วามกลา้ ข้ึน ความเขนิ อายนอ้ ยลง ซง่ึ ถอื เป็นส่งิ ทไี่ ม่ถกู ตอ้ ง เพราะเป็นการทำลายจารตี ประเพณอี ันดงี ามของสงั คมไทย การวางตัวโดยท่วั ไปกจ็ ะเหมือนกบั การวางตวั แบบเพื่อน แต่ก็จะมีความพเิ ศษ ความละเอยี ดลกึ ซงึ้ เพมิ่ ขึ้นไป เชน่ ชว่ ยเหลอื ต่อกันมากข้นึ เสียสละตอ่ กนั มากขึ้น ห่วงใยเออ้ื อาทรกันมากข้ึน คำนงึ ถึงความรู้สึกของอกี ฝ่ายหนง่ึ มากข้ึน เป็นตน้ การเปลย่ี นแปลงทางรา่ งกาย 1. ขนาดและความสูง : ในวยั เดก็ ท้ังเดก็ ผ้หู ญงิ และเดก็ ผชู้ ายจะมีความกวา้ งของไหล่และสะโพกใกล้ เคียงกนั แต่ เม่ือเขา้ สวู่ ยั ร่นุ ผู้ชายจะมีอตั ราเรว็ ในการเจรญิ เตบิ โตของไหล่มากทีส่ ดุ ทำใหว้ ัยรนุ่ ผู้ชายจะมไี หลก่ ว้างกวา่ ในขณะทีว่ ัยรุ่นผหู้ ญิงมีอัตราการ เจริญเติบโตของสะโพกมาก กวา่ ผชู้ าย นอก จากนก้ี ารทวี่ ยั น้ีมกี ารเจรญิ เติบโตสูงใหญไ่ ดร้ วดเร็ว โดยเฉพาะท่ี คอ แขน ขา มากกว่าที่ ลำตัว จะทำใหว้ ยั ร่นุ รสู้ ึกวา่ ตวั เองมีรปู รา่ งเก้งกา้ งน่ารำคาญ และการเจรญิ เติบโตหรือการขยายขนาดของร่างกายในแต่ละส่วน อาจ เกิดขึ้นไมพ่ รอ้ มกนั หรือไมเ่ ป็นไปตามขนั้ ตอน เช่น รา่ งกายซีกซา้ ยและซีกขวาเจริญเตบิ โตมขี นาดไมเ่ ทา่ กนั ในระยะแรกๆ ซงึ่ เปน็ เหตุ ทำใหเ้ ด็กตกอยูใ่ นความวติ กกังวลสงู ได้ จงึ ควรใหค้ วามมั่นใจกบั วยั นี้ 2. ไขมันและกล้ามเนอ้ื : เด็กผชู้ ายและเด็กผหู้ ญงิ มีความหนาของไขมันทสี่ ะสมอยใู่ ตผ้ วิ หนงั ใกล้เคยี งกนั จนกระท่ังอายุ ประมาณ 8 ปี จะเร่ิมมกี ารเจรญิ เตบิ โตอย่างรวดเร็ว วยั รุ่นชายจะมีกำลังของกล้ามเน้ือมากกว่าวยั รนุ่ ผู้หญงิ พละกำลังของกลา้ มเน้อื จะแข็งแรงข้ึน หลงั จากน้ันวยั รุ่นชายจะมไี ขมันใตผ้ ิวหนงั บางลง พร้อมๆกบั มกี ลา้ มเนื้อเพิ่มมากข้ึนและแขง็ แรงข้นึ ซ่งึ จะทำใหว้ ยั รุ่น ชายดผู อมลงโดยเฉพาะทีข่ า นอ่ ง และแขน สำหรับ วัยรุ่นหญงิ ถึงแม้วา่ จะมีการเพิม่ ขึ้นของกลา้ มเนื้อ แตข่ ณะเดยี วกนั จะมกี ารสะสม ของไขมนั ใตผ้ ิวหนงั เพิ่มขน้ึ อีกโดยทนี่ ำ้ หนักจะ เพม่ิ ไดถ้ งึ ร้อยละ 25 ของน้ำหนัก โดยเฉพาะไขมนั ทส่ี ะสมทีเ่ ต้านมและสะโพก ประมาณรอ้ ยละ 50 ของ วยั รุ่นหญงิ จะรสู้ ึกไม่พอใจในรปู ลกั ษณข์ องตน และมักคดิ วา่ ตัวเอง \"อ้วน\" เกนิ ไป มีวัยรุ่นหลายคนทีพ่ ยายาม ลดนำ้ หนัก จนถงึ ขนั้ ทมี่ ีรปู รา่ งผอมแห้ง 3. โครงสร้างใบหนา้ ชว่ งนี้กระดูกของจมกู จะโตขึ้น ทำให้ด้ังจมกู เป็นสนั ข้ึน กระดกู ขากรรไกลบนและ ขากรรไกรลา่ ง เตบิ โตเรว็ มากในระยะน้ี เช่นเดียวกบั กล่องเสียง ลำคอ และกระดูกอยั ลอยด์ และพบวา่ ในวยั รนุ่ ชายจะเจริญเตบิ โตเร็วกว่าวยั รนุ่ หญิง ชดั เจน เปน็ เหตใุ ห้วัยรุ่นชายเสยี งแตก 4. การเปล่ยี นแปลงของระดับฮอร์โมน ทงั้ ฮอร์โมนการเติบโต (growth hormone) และ ฮอร์โมนจาก ต่อมธัยรอยดม์ ี อิทธิพลตอ่ การเจรญิ เติบโต รวมทงั้ ฮอร์โมนทางเพศ นอกจากระดบั ฮอรโ์ มนจะมผี ลโดยตรงตอ่ การเจรญิ เตบิ โตทางร่างกาย และอวยั วะ เพศในวยั รุ่นแล้ว ตวั ของมันเองยงั ส่งผลถงึ ความร้สู ึกทางอารมณ์และจิตใจ ปฏิกิรยิ าการเรยี นรู้ ฯลฯ ในวยั รุ่นอกี ดว้ ย วยั ร่นุ ที่จะผา่ นชว่ ง วกิ ฤตนไี้ ด้ นอกจากจะต้องปรับตวั ใหเ้ ข้ากับสภาพร่างกายท่เี ปลย่ี นไปแลว้ ยังต้องเข้าใจและควบคุมอารมณค์ วามรสู้ ึกทพ่ี ลุง่ พลา่ นขึ้น จากการเปล่ยี นแปลงของระดบั ฮอร์โมนตา่ งๆ อกี ด้วยโดยเฉพาะตอ่ มไขมันใต้ผวิ หนงั และต่อมเหงื่อจะทำหน้าทเี่ พ่มิ มากข้ึน เป็นสาเหตุ ทำให้เกดิ ปัญหาเรื่อง \"สวิ \" และ \"กลิน่ ตัว\" แตเ่ นือ่ งจากวยั นี้จะให้ความสนใจเกีย่ วกับรา่ งกายทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงอย่าง รวดเรว็ และมี ความระแวดระวงั ตัวเองมาก จงึ ทำให้วยั ร่นุ พยายามที่จะรักษา \"สิว\" อยา่ งเอาเป็นเอาตาย ทงั้ ๆที่ \"สวิ \" จะเปน็ ปญั หาในชว่ งวยั นี้แค่ ระยะส้นั ๆ เท่าน้ัน 5. การเปลย่ี นแปลงของอวยั วะเพศ วัยรุน่ หญงิ มีการเจรญิ เติบโตอยา่ งรวดเร็วในช่วงระยะ 1 ปี ก่อนท่ี จะมีประจำเดือน โดยเฉพาะการเจรญิ เติบโตของเตา้ นม ซึง่ เริม่ มีการขยายในขนาดเม่ืออายุประมาณ 8-13ปี และจะใชเ้ วลา 2-2 ปีครึ่ง จึงจะ เจรญิ เตบิ โตเต็มที่ ในช่วงอายุ 11-13 ปี วยั รุ่นหญิงสว่ นใหญ่ (รอ้ ยละ 80) จะ มรี ูปรา่ งเป็นสาวเต็มตวั ดงั น้ันในชั้นประถมตอนปลาย หรอื มธั ยมต้น จะเห็นวา่ วัยรุน่ สาวจะมีรปู รา่ งสูงใหญเ่ ปน็ สาวน้อยแรกร่นุ ในขณะทพ่ี วกผู้ชายยังดเู ปน็ เดก็ ชายตัวเลก็ ๆ ทง้ั ๆ ที่เดก็ ผู้หญิง เคยตัวเล็กกว่าเดก็ ผ้ชู ายมาตลอด ทำใหเ้ ด็กสับสนและเปน็ กังวลกับสภาพร่างกายได้ การมรี อบเดอื นคร้งั แรก จะมีเมอื่ อายปุ ระมาณ 12-13 ปี การทมี่ ปี ระจำเดอื นแสดงให้เหน็ วา่ มดลกู และชอ่ งคลอดได้ เจริญเตบิ โตเตม็ ท่ี แต่ในระยะ 1-2 ปี แรกของการมปี ระจำเดอื น มกั จะเปน็ การมปี ระจำเดอื นโดยไมม่ ีไขต่ ก รอบเดอื นในชว่ งปีแรกจะ มาไมส่ ม่ำเสมอ หรือขาดหายไปได้ และเม่อื มปี ระจำเดือนแลว้ พบวา่ เดก็ ผหู้ ญิงยงั สูงต่อไปอีกเลก็ น้อยไปได้อีกระยะหน่งึ และจะเติบโต เตม็ ท่เี มอื่ ประมาณอายุ 15-17 ปี การมรี อบเดือนคร้งั แรกอาจทำใหร้ ูส้ ึกพอใจและภมู ใิ จทเี่ ป็นผู้หญงิ เตม็ ตัว หรอื อาจจะรสู้ ึกในทางลบ คือ หวน่ั ไหว หวาดหวน่ั หรือตกใจไดเ้ ชน่ กนั โดยทว่ั ไปการมรี อบเดือนครงั้ แรกจะเพมิ่ ความใกล้ชดิ ระหวา่ งวยั รุ่นหญิงกบั มารดาถา้ เคย ไวว้ างใจกนั มาก่อน แตว่ ยั รุน่ หญงิ บางคนจะปกปิดไม่กลา้ บอกใคร เพราะเข้าใจไปวา่ อวัยวะเพศฉีกขาด หรอื เป็นแผลจากการสำรวจตัว

85 ของวัยรุน่ เอง ใน ช่วงนว้ี ยั รนุ่ จะกังวลหมกมุน่ กบั รปู รา่ งหน้าตา และมักใชเ้ วลาอยู่หน้ากระจกนานๆ เพือ่ สำรวจรปู ร่าง ส่วนเวา้ ส่วนโคง้ หรือใชก้ ระจกสง่ ดูบรเิ วณอวยั วะเพศดว้ ยความอยากรู้ อยากเห็น ซงึ่ กไ็ ม่ใชพ่ ฤติกรรมทผี่ ิดปกตแิ ตอ่ ยา่ งใด สำหรับวยั รนุ่ ชาย ซงึ่ จะเรม่ิ มกี ารเจริญเตบิ โตของลกู อัณฑะ เม่อื เขา้ สชู่ ว่ งอายุ 10-13 ปี ครง่ึ และจะใช้เวลานาน 2 - 4 ปี กวา่ ท่จี ะเตบิ โตและทำงานไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ ในขณะทรี่ ูปรา่ งภายนอกจะมกี ารเจรญิ เตบิ โตเปลย่ี นแปลงช้ากว่าวัยรุ่นหญงิ ประมาณ 2 ปี คือ ประมาณอายุ 12-14 ปี ในขณะท่ีเพ่ือนผหู้ ญงิ ทเี่ คยตัวเล็กกว่า กลบั เจริญเติบโตแซงหน้า ทำใหว้ ยั รุ่นชายมีความวิตกกังวลเกี่ยวกบั รปู รา่ ง ความสงู ไดม้ าก เมื่อเติบโตเข้าส่วู ัยรนุ่ ตอนกลางช่วงวยั 14-16 ปี ลูกอณั ฑะเจรญิ เติบโตและทำงานได้เต็มทีจ่ ึงสามารถพบ ภาวะฝนั เปยี กได้ บางคนเข้าใจผดิ คดิ ว่าฝนั เปยี กเกิดจากการสำรวจความใครด่ ้วยตัวเอง หรือเปน็ ความผดิ อย่างแรง หรือทำใหส้ ภาพจิต ผดิ ปกติ หรือบางรายวติ กกังวลไปกับจินตนาการหรือความฝัน เพราะบางครั้งจะเป็นความคดิ ความฝนั เกยี่ วข้องกบั คนในเพศเดยี วกนั ซ่งึ กไ็ ม่ถอื วา่ เป็นเรื่องท่ผี ิดปกติอยา่ งใด การเปล่ียนแปลงทางอารมณ์ สังคม ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางรา่ งกายจะทำใหเ้ กดิ ผลกระทบตอ่ อารมณแ์ ละจิตใจไดอ้ ย่าง ตรงไปตรงมา ทงั้ ความวติ กกงั วล หงดุ หงดิ หมกมุ่น ไมพ่ อใจในรูปรา่ งท่เี ปลยี่ นไป 1. ความวิตกกังวลเกยี่ วกบั การเปล่ยี นแปลงของรา่ งกาย เดก็ ผู้ชายท่เี ข้าสู่วยั รนุ่ ช้า จะมีความวติ กกังวลสูงเกีย่ วกับ ความแขง็ แรงของรา่ งกาย ซึ่งอาจจะไมม่ ั่นใจในความเปน็ ชาย รู้สึกวา่ ตวั เองไมส่ มบรู ณม์ ักลกู ลอ้ เลยี น กล่ันแกลง้ จากเพอ่ื นๆ ทรี่ ปู รา่ ง ใหญ่โตกว่า มีความภาคภูมิใจในตนเองในระดับต่ำและร้สู กึ ว่าตัวเองมีปมดอ้ ยฝงั ใจไปได้อกี นาน วัยรนุ่ หญิงท่ีโตเรว็ กวา่ เพ่อื ในวัย เดียวกนั (early mature) มกั จะรสู้ กึ อดึ อัดและรสู้ ึกเคอะเขนิ ประหมา่ อายต่อสายตาและคำพดู ของเพศตรงข้าม ในขณะทสี่ ภาพ อารมณ์ จติ ใจยังเป็นเด็ก 2. ความวติ กกังวลกบั อารมณเ์ พศทสี่ ูงขนึ้ การ เปลย่ี นแปลงของระดบั ฮอรโ์ มนทางเพศ ซึง่ จะสง่ ผลทำใหว้ ัยรุ่นเกดิ อารมณเ์ พศขน้ึ มาไดบ้ ่อย วัย ร่นุ หลายคนท่ีมกี จิ กรรมส่วนตัวที่เบ่ียงเบนความสนใจ ทำใหส้ ามารถควบคุมอารมณไ์ ดอ้ ยา่ งดี โดยเฉพาะ ในวัยร่นุ ทีช่ อบเล่นกฬี ากลางแจ้งเปน็ ประจำวยั นจ้ี ะมีความสนใจ อยากรู้อยากเห็นอยู่แลว้ เปน็ ทุน และเม่อื มาผสมกับการทม่ี รี ะดับ ฮอรโ์ มนทางเพศเพ่ิมสูงข้นึ จะทำใหเ้ ดก็ เรียนรู้ท่จี ะหัดสำเร็จความใครด่ ้วยตนเอง อยากรู้อยากเห็นกิจกรรมทางเพศผูใ้ หญค่ วรเขา้ ใจถงึ ความรสู้ ึกนึกคิดรว่ มกับ ความอยากรูอ้ ยากเห็นของวัยรนุ่ ควรใหค้ วามรใู้ นเรือ่ งเพศทีถ่ กู ต้อง และถือว่าความรสู้ ึกในวัยนเ้ี ปน็ เร่อื ง ธรรมดา เป็นธรรมชาติอยา่ งหนึง่ การทว่ี ยั ร่นุ จะสำเร็จความใครด่ ้วยตนเองนนั้ ไม่มีอันตรายต่อรา่ งกาย และไมถ่ อื ว่าเปน็ เร่ืองทผ่ี ดิ ศีลธรรม ถา้ กระทำอยา่ งระมดั ระวงั เปน็ ส่วนตวั และไมท่ ำใหผ้ อู้ นื่ เดือดร้อน เป็นตน้ 3. ความวติ กกังวลกลัวการเปน็ ผ้ใู หญ่ วัย น้จี ะมีความคิดวติ กกงั วล กลวั จะไม่เป็นทีย่ อมรับจากคนรอบข้าง มักจะ กลวั ความรบั ผิดชอบ ซึง่ จะรู้สกึ วา่ เปน็ ภาระที่หนกั หนา ยุ่งยาก บางครัง้ อยากจะเปน็ เดก็ อยากแสดงอารมณ์สนกุ สนาน รา่ เริง เบกิ บาน 4. ความวิตกกงั วลในความงดงามทางร่างกาย ไม่ ว่าวัยรนุ่ หญิงหรอื ชายก็จะมคี วามรู้สึกต้องการใหค้ นรอบขา้ ง ช่ืนชมเกี่ยวกบั รปู ลกั ษณ์ภายนอกของตน สมเพศ สมวัย นนั่ เป็นเพราะวา่ เด็กจะสำนกึ วา่ ความสวยงามทางกายเปน็ แรงจูงใจ ทำใหค้ นยอมรับ ทำให้ เพื่อนยอมรับเข้าไปในกลุ่มได้งา่ ย เปน็ วิถีทางหนง่ึ ที่จะเข้าสสู่ งั คมและเปน็ ทดี่ ึงดดู ใจของเพศตรงขา้ ม ชว่ งนจ้ี ะเห็นว่าวยั รนุ่ จะสนอก สนใจ พิถพี ิถนั ในการเลือกเสือ้ ผา้ การหวผี ม เอาใจใส่ต่อการออกกำลงั กาย สนใจคณุ ค่าทางอาหาร เครือ่ งประดบั สุขภาพอนามัย การ วางตัวให้สมบทบาททางเพศ การวางตวั ในสังคม และความสนใจในแตล่ ะเรื่องอาจอย่ไู ดไ้ ม่นาน การเปล่ยี นแปลงทางจติ ใจ 1.ความรกั และความหว่ งใย ความ รสู้ ึกอยากทจี่ ะถกู รกั และยงั อยากได้รับความเอาใจใส่ หว่ งใยจากบคุ คลทีม่ คี วามสำคญั ตอ่ เดก็ แต่มักจะมีขอ้ แมว้ า่ จะต้องไมใ่ ช่การแสดงออกของพ่อแม่ทท่ี ำกบั เขาราวกับเด็ก เลก็ ๆ ไมต่ อ้ งการความเจา้ ก้ีเจ้าการ ไมต่ ้องการ ใหแ้ สดงความหว่ งใยอย่ตู ลอดเวลา 2. เป็นอิสระอยากทำอะไรไดด้ ้วยตวั ของตัวเอง อยาก ทำในสิง่ ทตี่ ัวเองคดิ แล้วว่าดี อยากมสี ่วนในการตดั สินใจ อยากทจ่ี ะ ทำตวั หา่ งจากพอ่ แม่ ห่างจากคำสงั่ การเจรญิ เตบิ โตในการทำงานของสมอง ทำให้เด็กวัยน้ีเรม่ิ มคี วามคดิ อ่านเปน็ ของตนเอง เร่มิ มี ความคดิ แบบนามธรรม (abstract thinking) การแยกจากพอ่ แมใ่ นเกอื บทกุ รูปแบบ บางครงั้ อาจทำให้วัยรุ่นเกดิ ความรสู้ กึ สบั สน สอง จิตสองใจ และอาจมีความรสู้ ึก \"สญู เสยี \" ในความรกั ความเอาใจใสจ่ ากพ่อแม่ แต่ถา้ พวกเขายอมรบั การดูแลหรือยอมทำตามคำส่งั ของ พอ่ แม่ กจ็ ะไปขดั กบั ความต้องการทจ่ี ะเปน็ เด็กโต เปน็ อสิ ระของตนเองทีต่ ้องการพึ่งพาตนเอง การให้การเลยี้ งดจู งึ ตอ้ งอาศัยความ เขา้ ใจ และเคารพในสทิ ธสิ ่วนบคุ คลด้วย

86 3. ต้องการเป็นตวั ของตวั เอง ความ ต้องการท่ี ยอมรบั ในสิ่งที่มาจากตัวของตัวเขาทำให้พวกเขามน่ั ใจในตวั เอง พอ่ แม่คง ตอ้ งสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ ได้ชว่ ยเหลือตัวเองให้มากทสี่ ุดเทา่ ที่จะทำได้ ตามวัย เพราะในการฝกึ เด็กนั้น นอกจากจะทำใหเ้ ด็กได้ใช้มอื ได้อย่าง คล่องแคลว่ แลว้ ยงั ชว่ ยทำให้เด็กได้หัดคิด หดั ตดั สินใจในการกระทำสงิ่ ต่างๆ ด้วย 4. อยากร,ู้ อยากเหน็ , อยากลอง การ ลองผดิ ลองถูก และคอยสังเกตดจู ากปฏกิ ริ ยิ าของคนรอบขา้ ง เพือ่ ตัดสินว่าสงิ่ ที่ทำ นั้น ดีเลวเป็นอย่างไรวยั ทโี่ ตขึ้น เมื่อความสามารถเพิ่มขน้ึ ร่างกายเจรญิ เตบิ โตข้ึนมา ส่งิ รอบตวั ตา่ งๆ ที่น่าสนใจ และท้าทาย ความสามารถกจ็ ะเรม่ิ เข้ามาเพ่อื ทดลองการสนบั สนนุ สง่ เสริมเดก็ ใหค้ ง สภาพอยากรู้ อยากเหน็ อยากลองและไดม้ ีโอกาสทดลองสิ่ง แปลกๆ ใหมๆ่ ในขอบเขตท่เี หมาะสมเพิม่ ขึ้นตามวยั จะทำให้เด็กกา้ วเข้าสูว่ ัยรุน่ ด้วยความภาคภมู ใิ จที่ตนเองเคยมปี ระสบการณ์ ต่างๆ มาบ้างสง่ิ เหลา่ น้ีจะมาเสรมิ ความภาคภูมใิ จในตนเองดงั นนั้ จะเห็นวา่ การฝึกสอน และใหโ้ อกาสเด็กได้ทดลองทำในสิง่ ทถ่ี ูกต้อง ควร ฝึกสอนมาตัง้ แต่เดก็ และควรคอ่ ยๆ สอนถงึ อนั ตรายในหลายสง่ิ หลายอย่างทมี่ อี ยู่ในสังคม และวิธกี ารแก้ไข เรียนร้ทู ้งั สิ่งที่ดีและเลว การ ฝึกใหเ้ ด็กไดล้ องในส่งิ ทน่ี ่าลอง แตส่ นอใหห้ ดั ยัง้ ตวั เองในสง่ิ ท่ีอันตรายจึงเป็นวธิ ที ี่สำคญั มาตั้งแตว่ ยั เรยี น แต่ ในทางตรงกันข้าม ในกล่มุ วยั รุน่ ทไี่ มเ่ คยถกู ฝกึ ให้ลองคดิ ลองทำก่อน จะเกิดความสับสน ว่นุ วายใจขาดความรู้ ขากทักษะ ขาดการฝึกฝน ขาดการลองทำ ผดิ ทำถูกมากอ่ น จึงทำให้กล่มุ นต้ี กอย่ใู นกลุม่ ที่มีอนั ตรายสงู และในกลุ่มเด็กวัยรนุ่ ท่ีพอ่ แม่ปล่อยปละละเลย หรอื ไม่เคยสอนให้ยับย้ังชัง่ ใจมาก่อน นกึ อยากทำอะไรก็จะทำ ไมเ่ คยตอ้ งผิดหวงั ไมเ่ คยสนใจว่าการกระทำของตัวจะสง่ ผลกระทบต่อผคู้ นรอบข้างอยา่ งไร พฤตกิ รรม อยากลองของ มักจะมีสงู สดุ ในชว่ งวยั รุ่นตอนกลาง เป็นเดก็ ก็ไมใ่ ช่ เปน็ ผู้ใหญก่ ็ไมเ่ ชิง แนวความคิดและการยับย้งั ตวั เองมไี ม่ มากพอ 5. ความถูกต้อง ยตุ ธิ รรม โดยเฉพาะเม่อื เขา้ สวู่ ัยรนุ่ ตอนกลาง มักจะถือว่าความยตุ ธิ รรมเป็นลักษณะหน่ึงของความเป็นผใู้ หญ่ วยั ร่นุ จงึ ให้ความสำคญั อย่างจริงจงั กับความถกู ต้อง ยุตธิ รรมตามทศั นะของตนเปน็ อยา่ งยงิ่ และอยากจะทำอะไรหลายๆ อยา่ ง เพอื่ เรยี กรอ้ งความยตุ ธิ รรม ท้งั ในแงบ่ คุ คลและสังคมสว่ นรวม จงึ มักจะเห็นภาพวยั รนุ่ ถกเถยี งกนั เรอื่ งของสง่ิ ตา่ งๆ ท่ีเกดิ ขึ้นรอบตัว 6.ความตื่นเตน้ ทา้ ทาย ความต้องการหาประสบการณ์แปลกๆ ใหมๆ่ เกลียดความจำเจซำ้ ซาก วัย รนุ่ กล่มุ นจ้ี ะสร้างความ ต่ืนเต้นท้าทายกบั การท่ีกระทำผดิ ต่อกฎเกณฑต์ า่ งๆ ของทางบา้ นและกฏของสงั คมนั่นเปน็ เพราะวา่ เปน็ ความต่ืนเต้นและความรสู้ ึกวา่ ถกู ทา้ ทาย แนวทางการเล้ยี งดเู ดก็ ฝกึ ให้เดก็ ไดม้ ี โอกาสทำงานที่ทา้ ทายความสามารถทลี ะนอ้ ยอยตู่ ลอดเวลา จะสง่ ผลทำให้เด็กได้ พฒั นาความเชยี่ วชาญขน้ึ มาได้ แกป้ ญั หาได้ 7.ต้องการการยอมรับว่าเปน็ ส่วนหน่ึงของบ้าน ของกลุ่มเพ่ือน พน้ื ฐานการเลีย้ งดูท่ียอมรบั และมีความรกั ความผกู พัน ระหวา่ งพอ่ แมเ่ ด็ก จะมีผลทำให้เดก็ เกิดความรสู้ ึก ดงั ทก่ี ล่าวมานอ้ี ย่างงา่ ยดาย จากการฝึกฝนให้โอกาสเด็กในการตดั สนิ ใจลงมอื กระทำ หรือแสดงความคิดเห็นใน เรือ่ งตา่ งๆ และรบั ฟงั พยายามทำความเข้าใจตาม ถา้ เบี่ยงเบนก็ชว่ ยแกไ้ ข ถา้ ถกู ตอ้ งกช็ มเชยและช่ืนชม สงิ่ เหล่าน้ีจะไปกระตุน้ ใหเ้ ดก็ เกดิ ความรสู้ ึกเป็นทีย่ อมรับจากบุคคลภายใน บ้าน ซึ่งจะส่งผลทำใหเ้ ดก็ อยากเป็นที่ยอมรบั จากเพอ่ื น จากครู และจากคนอน่ื ๆ ตอ่ ๆ ไป จงึ เป็นเหตผุ ลจงู ใจกระทำความดมี ากขนึ้ ๆ แต่ ในกรณตี รงกนั ข้าม ถา้ เด็กคนใดเกิดมาในครอบครวั ทยี่ งุ่ เหยิง ทำให้พอ่ แมไ่ มม่ ปี ญั หาพอทจี่ ะดแู ลเดก็ กลบั จะตอ้ งสง่ เดก็ มาฝากใหญ้ าตเิ ลยี้ งเปน็ ภาระ ไมม่ ใี ครเป็นธุระจดั การอะไรใหอ้ ยา่ งออกนอกหนา้ ถ้าไมจ่ ำเปน็ กไ็ มค่ อ่ ยอยากจะรับรู้ รับฟังเร่ืองของเดก็ ถงึ เวลาจะนานกไ็ มร่ วู้ ่าใครจะใหค้ วามอบอุ่นเมตตาหรือรกั ได้ มคี วามรสู้ กึ โดดเดย่ี ว ไม่เป็นทีต่ ้องการของใครแมแ้ ต่คนเดยี วในบา้ นไม่วา่ จะถกู หรือทำผดิ ทำดีหรือทำช่วั กไ็ ม่มีคนเห็นคนทกั หาคนที่หวงั ดจี รงิ จงั ในการแนะนำตกั เตอื นอดทนชว่ ยฝึกสอนกไ็ ม่มี ในลักษณะเชน่ น้ี เด็กจะมชี ีวิตท่ีเลอื่ นลอย ไมร่ ูส้ กึ วา่ ตวั เองเป็นสมาชิกภายในบ้าน เป็นคนหนึง่ ภายในครอบครวั ไมม่ ใี ครรับฟงั ปัญหา หรือไม่รูว้ า่ จะ ปรกึ ษาใคร เมอ่ื เติบโตไปโรงเรยี นก็มกั จะพกพาเอาความรสู้ ึกโดดเดย่ี ว ว้าเหวน่ ้ไี ปทโี่ รงเรียน ความทท่ี กั ษะไมไ่ ดถ้ กู ฝกึ สอนมาตั้งแตท่ ่ี บ้านจึงทำให้ผลการเรยี นไมด่ ี และมักจะแยกตัวออกจากกลุ่มเพอ่ื น การควบคมุ อารมณท์ างเพศ การจดั การกับอารมณ์เพศอาจแบง่ ตามความรุนแรงได้เปน็ 3 ระดับ ดงั น้ี ระดบั ที่ 1 การควบคุมอารมณ์ทางเพศ อาจทำได้ 2 วธิ ี คอื 1. การควบคมุ จติ ใจตนเอง พยายามข่มใจตนเอง มิให้เกดิ อารมณท์ างเพศไดห้ รือถา้ เกดิ อารมณท์ างเพศ กใ็ หพ้ ยายามข่มใจ ไว้ไม่ใหเ้ กิดอารมณท์ างเพศเพื่อให้อารมณท์ างเพศค่อยๆ ลดลงจนสสู่ ภาพอารมณ์ท่ปี กติ 2. การหลกี เล่ยี งจากสิง่ เรา้ สิ่งเรา้ ภายนอกทย่ี ัว่ ยอุ ารมณท์ างเพศหรือยัว่ กเิ ลสยอ่ มทำใหเ้ กิดอารมณท์ างเพศไดด้ ังนน้ั การ ตดั ไฟเสียแตต่ น้ ลม คอื หลีกเลย่ี งจากสงิ่ เรา้ เหล่านัน้ เสยี กจ็ ะชว่ ยให้ไมเ่ กิดอารมณไ์ ดเ้ ช่น ไม่ดสู อื่ ลามกต่างๆไมเ่ ทย่ี วกลางคนื เปน็ ต้น ระดับท่ี 2 การเบยี่ งเบนอารมณ์ทางเพศ ถ้าเกิดอารมณท์ างเพศจนไมอ่ าจควบคมุ ไดค้ วรใช้วิธกี ารเบ่ียงเบนเปลี่ยนใหไ้ ปสนใจในสิ่งอน่ื แทนท่จี ะหมกมุ่นอยู่กบั อารมณ์ทางเพศ

87 เช่นไปออกกำลังกาย ประกอบกจิ กรรมนันทนาการต่างๆใหส้ นกุ สนานเพลดิ เพลนิ ไปทำงานตา่ งๆเพ่ือให้จิตใจมุ่งท่งี าน ไปพดู คยุ สนทนากับคนอนื่ เป็นตน้ ระดบั ท่ี 3 การปลดปลอ่ ยหรือระบายอารมณ์ทางเพศ ถ้าเกดิ อารมณท์ างเพศระดับมากจนเบีย่ งเบนไม่ไดห้ รอื สถานการณ์นน้ั อาจทำให้ไม่มโี อกาสเบย่ี งเบนอารมณท์ างเพศกอ็ าจปลดปล่อย หรือระบายอารมณ์ทางเพศดว้ ยวธิ กี ารทเ่ี หมาะสมกับสภาพของวัยรนุ่ ซ่ึงเป็นนกั เรยี นโดยทำได้ 2 ประการ คือ 1. โดยการฝนั นัน่ ก็คือการฝันเปยี ก(Wet Dream)ในเพศชาย ซ่งึ การฝันน้ีเราไมส่ ามารถบังคับใหฝ้ ันหรอื ไม่ใหฝ้ ันได้แตจ่ ะเกดิ ขนึ้ เอง เมอื่ เราสนใจหรอื มคี วามรสู้ ึกในทางเพศมากจนเกินไปหรอื อาจเกดิ การสะสมของนำ้ อสจุ มิ ีมากจนลน้ ถงุ เก็บน้ำอสุจิธรรมชาติกจ็ ะ ระบายน้ำอสจุ อิ อกมาโดยการใหฝ้ นั เกยี่ วกับเรื่องเพศจนถงึ จดุ สดุ ยอดและมกี ารหลัง่ นำ้ อสุจิออกมา 2. การสำเรจ็ ความใครด่ ว้ ยตนเองหรอื อาจเรยี กอกี อย่างหนึง่ ว่าการช่วยเหลอื ตวั เอง(Masturbation)ทำได้ท้งั ผู้หญิงและผูช้ ายซึง่ ผู้ชายแทบทุกคนมักมีประสบการณ์ในเรอ่ื งน้ีแตผ่ ู้หญงิ นั้นมเี ป็นบางคนท่มี ีประสบการณใ์ นเร่ืองนกี้ ารสำเรจ็ ความใครด่ ้วยตนเองเปน็ เรือ่ งธรรมชาตขิ องคนเราเมือ่ เกดิ อารมณ์ทางเพศจนหยดุ ย้ังไมไ่ ด้ เพราะการสำเรจ็ ความใคร่ดว้ ยตนเองไมท่ ำให้ตนเองและผู้อ่นื เดอื ดรอ้ นแต่ไมค่ วรกระทำบ่อยนกั วธิ คี วบคุมอารมณท์ างเพศ 1. ใหค้ วามสนใจกบั การศกึ ษาเลา่ เรยี น เพื่อความก้าวหนา้ และ ความสำเร็จในการดำเนินชีวติ ในอนาคต 2. หลกี เลยี่ งการกระตุ้นอารมณท์ างเพศจากสือ่ ต่างๆท่ีเป็นสิ่งเร้าทำให้เกดิ อารมณ์ทางเพศเช่นหนงั สอื ตา่ งๆ การดูภาพยนตรห์ รือวีดโี อทย่ี ่วั ยุอารมณท์ างเพศหรือไมค่ วรอยตู่ ามลำพงั กับเพื่อนตา่ งเพศในท่ลี ับตาคน 3. สนใจเขา้ ร่วมกจิ กรรมตา่ งๆเชน่ ดนตรี กฬี า หรอื วาดรปู เพือ่ จะไดเ้ บ่ียงเบนความสนใจจากอารมณ์ทางเพศและยงั ทำให้ สขุ ภาพกายและสุขภาพจิตดดี ้วย ขอ้ คิดดีๆเกีย่ วกับความสัมพนั ธเ์ รื่องเพศ การมเี พศสัมพันธ์ นอกจากเป็นวิถที างธรรมชาตอิ ย่างหน่ึงของมนษุ ยย์ งั มีผลพลอยได้เกดิ ข้นึ ตามมาอกี ดว้ ย นกั วิชาการที่ชา่ งสรรหาเร่ือง วิจยั ระบวุ า่ ผลพลอยได้จากการมเี พศสัมพนั ธ์ สะทอ้ นออกมาทางกระบวนการทางชวี วทิ ยา ดังนี้ 1. เซก็ ซ์คอื การบำรงุ ความงาม การทดลองทางวทิ ยาศาสตร์พบวา่ ขณะผหู้ ญงิ มเี พศสัมพนั ธ์ เธอจะหลงั่ ฮอรโ์ มนเอสโตรเจน ออกมาปรมิ าณมากซง่ึ ทำให้เสน้ ผมเปน็ เงางามและผวิ พรรณนุ่มนวล 2. เพศสมั พันธท์ ี่อ่อนโยนและผอ่ นคลาย ชว่ ยลดการอักเสบทางผิวหนัง เชน่ สวิ และผ่ืนตา่ งๆเหงอ่ื ท่ไี หลออกมาเป็นตัวชะล้าง รขู ุมขน ทำใหผ้ ิวผ่องใส 3. เพศสมั พนั ธช์ ว่ ยเผาผลาญแคลอรที ่ีคุณกนิ เข้าไปช่วงมอ้ื ค่ำอนั โรแมนตกิ 4. เซ็กซ์คือการออกกำลังกายทปี่ ลอดภัยทสี่ ุดทงั้ ช่วยยืดเส้นยดื สายและทำใหก้ ลา้ มเน้ือตึงในทกุ ๆ ส่วนของรา่ งกายอีกทง้ั นา่ สนกุ กวา่ จ๊อกกง้ิ หรือวา่ ยนำ้ สกั 20 เท่ียวเปน็ ไหนๆแถมยังไมต่ อ้ งใช้รองเทา้ กฬี าแพงๆ 5. เซก็ ซช์ ว่ ยลดความตงึ เครยี ดไดด้ ีย่งิ กจิ กรรมทางเพศชว่ ยทำให้รา่ งกายหลง่ั สารเอนดอรฟ์ ินส์ในกระแสเลือดทำให้คณุ รู้สึกดี ขึ้น 6. มเี ซ็กซ์บ่อยๆ คณุ ยง่ิ ไดร้ ับสารเคมีทีช่ ือ่ ฟโี รโมนส์ (Pheromones) มากยงิ่ ขึ้น 7. กล่นิ ตวั ทถี่ ูกขบั ออกมาขณะมีความตอ้ งการทางเพศ เป็น 'น้ำหอม' ท่ชี ่วยกระตนุ้ ให้เพศตรงขา้ มคึกคกั ได้อยา่ งเหลอื เชือ่ 8. จบู กันทุกวนั ลดอาการฟนั ผุ การจูบกระต้นุ น้ำลายใหข้ ับนำ้ ลายออกมาจึงชว่ ยชะล้างฟนั ของคุณใหส้ ะอาด 9. เซ็กซ์แกป้ วดหวั ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผอ่ นคลายความตึงเครยี ดซงึ่ ไปปดิ กั้นหลอดเลือดในสมองไว้ 10. รว่ มเพศบอ่ ยๆ ชว่ ยแกอ้ าการคัดจมูกเพราะเซก็ ซ์เป็นยาแอนตี้ฮสิ ตามนี จากธรรมชาติ แกอ้ าการแพ้ฝุ่นแพ้ละอองได้ดี 11. เซ็กซ์จะเปน็ ยานอนหลบั ทีม่ ปี ระสิทธภิ าพดีกว่า แวเล่ยี ม (Valium) หลายเทา่ วฒั นธรรมทางเพศ หมายถงึ วัฒนธรรมท่มี ีอิทธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ ไดแ้ ก่ ระเบียบ จารตี ประเพณี ศีลธรรมและจรยิ ธรรมอันดี งามของคนไทยในดา้ นความประพฤติเกย่ี วกับเพศซึ่งเปน็ ท่ยี อมรับนบั ถอื และสืบทอดปฏบิ ตั ติ อ่ เนื่องกนั มายาวนาน ต้ังแตส่ มัยโบราณ จนถึงปัจจุบันซงึ่ ไดส้ ง่ ผลให้ครอบครัวและสงั คมไทยมีความสงบสขุ รม่ เยน็ วฒั นธรรมทางเพศของคนไทยถอื ว่าเป็นมรดกอนั มีคา่ ของสังคมไทยทที่ กุ คนควรอนุรกั ษแ์ บะประพฤติปฏิบตั ิตามซงึ่ มี ดงั นี้ 1. ชายหญงิ ควรมีอภสิ ิทธ์ิและศกั ด์ศิ รเี ท่าเทียมกันตามหลกั สิทธมิ นุษยชน ในสมยั กอ่ นผู้ชายจะมสี ทิ ธิและศักดิศ์ รีเหนอื กว่าผหู้ ญงิ มาก เมอ่ื เปน็ สามภี รรยากัน ภรรยาตอ้ งคอยปรนนิบัตสิ ามเี ปน็ อยา่ งดี ถา้ สามเี ปน็ เจา้ นายท่สี งู ศักด์แิ ลว้ ก็ตอ้ งดูแลเปน็ พิเศษ การแสดง

88 ความคดิ เห็นการตดั สนิ ใจทำได้น้อยเพราะสามมี อี ำนาจสทิ ธ์ิขาด ภรรยามักจะต้องเช่ือฟังสามี ซง่ึ ถอื วา่ ขาดความเสมอภาคทางเพศ ตอ่ มาสถานภาพสตรีเพม่ิ ขึน้ เป็นลำดับ เมื่อประเทศไทยเขา้ สยู่ ุคประชาธิปไตย ผ้หู ญงิ มีการศกึ ษามากขนึ้ สังคมเปดิ โอกาสใหผ้ หู้ ญงิ ทำงานหารายได้เล้ยี งครอบครวั มากขึ้น มีบทบาททางการศกึ ษามากข้ึน จนเปน็ ที่ยอมรับกันว่าผชู้ ายและผหู้ ญงิ ควรมสี ิทธแิ ละศกั ดิ์ศรี เท่าเทยี มกันยกเว้นบางเร่ืองเท่านนั้ ทเ่ี ปน็ เร่อื งของเพศซงึ่ มคี วามแตกตา่ งกัน เช่น ตำรวจต้องทำงานหนกั จับผ้รู า้ ยซ่ึงเป็นการเส่ยี ง ภยั ทหารตอ้ งทำหน้าทส่ี ูร้ บปอ้ งกนั ประเทศเป็นงานหนักและเสย่ี งภยั เปน็ ต้น2. ผูช้ ายควรให้เกยี รติและชว่ ยปกป้องอนั ตรายใหแ้ ก่ ผ้หู ญงิ ผู้ชายเป็นเพศท่ีแขง็ แรงและรปู รา่ งใหญโ่ ตกว่าผหู้ ญงิ สามารถทำงานหนักได้จงึ ควรชว่ ยดแู ลชว่ ยเหลืออยา่ ใหผ้ ูห้ ญิงต้องทำงาน หนกั เกนิ ไปโดยเฉพาะทางร่างกายเมื่อมภี ยั อันตรายผู้ชายจะตอ้ งทำหน้าทคี่ มุ้ ครองป้องกันหรอื แม้จะยงั ไมเ่ กิดภัยอันตรายกค็ วรจะชว่ ย ดแู ลคุ้มครองมิให้ภัยอนั ตรายเกิดข้ึนกบั ผูห้ ญงิ ถา้ มที ่ีนงั่ จำนวนจำกดั ไมเ่ พียงพอตอ้ งใหผ้ ู้หญิงนั่งก่อน ถา้ จะตกั อาหารหรอื ทำส่งิ ใดทตี่ อ้ ง ทำทลี ะคนหรือครัง้ ละนอ้ ยคน ควรให้ผหู้ ญิงได้ทำก่อน ยกเวน้ บางเรอ่ื งทเี่ ป็นอนั ตราย ผ้ชู ายก็ควรทำก่อนแลว้ แต่สถานการณ์ 3. การแสดงความชอบหรอื ความสนใจเพศตรงข้ามควรปฏิบัติตามจารตี ประเพณขี องสงั คมไทยอยา่ งเครง่ ครดั ความสนใจเพศตรงข้ามเป็นเร่อื งปกตขิ องคนเมื่อเข้าสวู่ ยั รุ่น วยั หนมุ่ สาว แตใ่ นสงั คมแต่ละสงั คมมักมีจารตี ประเพณี อันดงี าม แตใ่ นสงั คมแตล่ ะสังคมมักมจี ารตี ประเพณอี ันดีงาม ดงั นนั้ การชอบหรือสนใจเพศตรงขา้ ม ควรปฏิบตั ิตามจารตี ประเพณีของสงั คมนนั้ ๆ ในวัยเรยี นควรคบเพอ่ื นต่างเพศแบบเพอ่ื นจะดกี วา่ แต่ถา้ จะคบกันแบบครู่ กั ก็ตอ้ งอย่ใู นกรอบประเพณีอันดี งาม และให้พอ่ แมห่ รอื ผ้ปู กครองรบั รู้ และต้องเชอ่ื ฟงั ปรึกษาพอ่ แม่ ผ้ปู กครองดว้ ยเพราะวยั รนุ่ นั้นไมบ่ รรลนุ ติ ิภาวะ ยงั ผ่านโลกมานอ้ ย อาจรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ หรือทำผดิ พลาดข้ึนได้ 4. ทงั้ ผูห้ ญิงและผูช้ ายไม่ควรถูกเน้ือต้องตัวกันจนเกินความจำเปน็ ดูแลว้ ไม่เหมาะสม การถูกเนื้อตอ้ งตัวกเพศตรงข้ามเกนิ ความ จำเปน็ โอบกอด หนนุ ตกั ลบู ไลเ้ นอ้ื ตวั จับของสงวนกอดคอ ซง่ึ ผู้เปน็ คู่รกั และเปน็ นักเรยี นไม่ควรทำอย่างยิ่ง ไมค่ วรเลียนแบบ ละคร เพราะถ้าล่วงเกนิ โดยฝา่ ยหญงิ ไม่พอใจ เปน็ การกระทำท่ไี ม่ควรทำอยา่ งยิ่ง เพราะจะทำใหผ้ ู้หญงิ เสื่อมเสีย 5. ผ้หู ญงิ ไม่ควรแต่งตัวเปิดเผยสัดส่วน ในสังคมปัจจุบันการแต่งตงั ของผหู้ ญงิ บางคนไมร่ ดั กมุ เปน็ การยว่ั กิเลสผู้ชายอาจกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายต่อตนเอง เชน่ การถกู กระทำการอนาจาร หรือข่มขืน 6. ไม่มีเพศสัมพันธก์ อ่ นวยั อันควรและเมื่อยงั ไม่ไดแ้ ต่งงานกัน ในสงั คมปัจจบุ ันมวี ยั ร่นุ จำนวนไม่นอ้ ยท่มี ีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งไม่ เหมาะสม เพราะเป็นการขัดตอ่ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนยี นอนั ดีงามของไทย ซ่ึงบางรายพ่อแมห่ รอื ผปู้ กครองกไ็ ม่รแู้ ต่บางรายพ่อแม่รู้ ก็ ตอ้ งชว่ ยกนั แกไ้ ขปญั หาตอ่ ไป เปน็ การสร้างความหนกั ใจแกผ่ ปู้ กครองแล้วยังทำให้เสอื่ มเสยี ต่อวงศ์ตระกลู ถ้าเกิดต้งั ครรภ์ข้ึนมาจะต้อง เสียอนาคตแบะเกดิ ปญั หาสงั คมในระยะยาว 7. การเลือกคคู่ รองต้องเป็นไปโดยความสมคั รใจ ในสมัยกอ่ นอาจมีการแตง่ งานกันโดยไม่ไดส้ มัครใจ อาจเปน็ ฝ่ายชายไมส่ มคั รใจแต่ เปน็ พอ่ แม่เห็นชอบ หรือฝา่ ยหญิงไมส่ มัครใจแตเ่ พราะพอ่ แมเ่ ห็นชอบ ฝ่ายชายใชอ้ ทิ ธพิ ลเพราะพอ่ แมต่ อ้ งการปลดหนี้ แต่ในสมยั ปัจจบุ ันการมีคคู่ รองในลักษณะดังกล่ามไม่มอี ีกแล้ว นับว่าเป็นการสร้างความเสมอภาคทางเพศอยา่ งหนึ่งดว้ ย 8. ชายหญงิ ที่จะอยูด่ ว้ ยกนั แบบสามีภรรยาตอ้ งมีพธิ แี ตง่ งานที่ถูกต้องตามจารตี ประเพณขี องไทย เปน็ ความชาญฉลาดของบรรพบุรษุ ไทยทส่ี ร้างระเบยี บประเพณกี อ่ นทจ่ี ะอยกู่ ินกันแบบสามีภรรยาทฝี่ า่ ยชายต้องสง่ ผูใ้ หญไ่ ปสขู่ อหญิง สาว เมอ่ื ผู้ใหญฝ่ า่ ยหญิงยนิ ยอมแลว้ จงึ กำหนดวันหมนั้ และวันแต่งงานต่อไป การแต่งงานจะมีพิธีรดนำ้ สังข์เพ่อื ความเป็นสริ มิ งคลแก่ ครอบครวั ใหม่ และเปน็ การประกาศใหส้ งั คมรับรถู้ ึงการอยกู่ ินแบบสามภี รรยานอกจากพธิ ีแตง่ งานแลว้ ท้ังค่จู ะต้องไปจดทะเบยี นสมรส กนั ณ ทวี่ า่ การอำเภอ สำหรบั ตา่ งจงั หวดั และ ณ สำนกั งานเขตสำหรับกรงุ เทพมหานคร เพือ่ ใหถ้ ูกตอ้ งตามกฎหมาย 9. สามีภรรยาควรยดึ ค่านิยมในการครองค่แู บบครอบครัวผวั เดียวเมียเดยี ว ครอบครวั แบบผวั เดยี วเมยี เดยี วเปน็ วัฒนธรรมทาฃเพศทเ่ี หมาะสมและสอดคลอ้ งกับหลักมนษุ ยธรรมและสิทธมิ นุษยชนซึ่งถือไดว้ า่ เปน็ รากฐานและหลักประกันอันม่ันคงของชีวิตครอบครัวอย่างแทจ้ รงิ รวมทงั้ มคี วามปลอดภัยตอ่ โรคเอดส์ อกี ทัง้ ยงั สง่ ผลตอ่ การเล้ยี งดบู ตุ ร ใหส้ มบรู ณ์และไดร้ บั การศกึ ษาอยา่ งเต็มทต่ี ามศักยภาพและความสนใจของบตุ ร 10. สามีภรรยาต้องไม่กระทำรุนแรงตอ่ กัน สามีบางคนเมื่อไมพ่ อใจหรอื ทะเลาะกันกจ็ ะทำรา้ ยภรรยา ในทางตรงกนั ข้าม ภรรยาอาจ ทำรุนแรงตอ่ สามีกไ็ ด้ แต่กจ็ ะมนี อ้ ยกวา่ นอกจากนีก้ ารกระทำรุนแรงด้วยวาจาและการทอดทิ้งกันไมค่ วรอย่างย่ิง ถา้ มีปัญหาควรแก้กัน ดว้ ยสันตวิ ธิ ดี กี วา่ อาจเป็นเพราะสงั คมใจปจั จุบันสภาพสังคมที่ตอ้ งแขง็ ขนั อาจทำใหเ้ กิดความเครียด อาจแสดงออกโดยการกระทำที่ รนุ แรง หลายรายถึงข้นั ฆา่ กันตาย หรือฆา่ อีกฝ่ายแล้วตวั เองตายตาม นับเป็นความลม้ เหลวทีน่ า่ หดห่อู ย่างยงิ่ ตอ้ งพยายามใหก้ ำลังใจซึง่ กนั และกัน

89 ใบงานท1ี่ พบกลุ่มครง้ั ท่ี 1 คำสง่ั ให้นักศึกษาร่วมกนั ศึกษาค้นควา้ เรื่องต่อไปน้ี และตัวแทนกลุ่มนำเสนอรายงานหน้าช้นั ตามหัวขอ้ ที่ กำหนด 1. การปรับตวั ทางเพศ 2. การปรบั ตวั ทางดา้ นร่างกาย 3. การปรับตัวทางด้านจติ ใจ 4. ความรักระหว่างเพศ 5. ความรกั ในวัยรนุ่ 6. การควบคมุ อารมณ์ทางเพศ 7. การวางตวั ต่อเพศตรงข้าม 8. ขอ้ คิดเกยี่ วกบั เพศสัมพันธ์ 9. วัฒนธรรมทางเพศ 10.การดำเนนิ ชีวิตคู่อย่างมคี วามสุข

93 ใบงานท่ี 2 : พบกลุ่มครั้งท่ี 1 บทที่ 2 ปญั หาเพศศกึ ษา วิชาสุขศกึ ษา พลศึกษา ทช 31002 ชือ่ : ................................................ รหสั นักศึกษา : …………………….. ระดับ : ม .ปลาย กจิ กรรมท่ี 1 ให้นักศกึ ษาอธิบาย ในหัวข้อต่อไปนี้ โดยคน้ คว้าจากหนงั สอื และสอื่ อินเตอร์เน็ท 1.พฒั นาการทางเพศมีกี่ขั้นตอน ให้อธิบายพอสงั เขป ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 2.อารมทางเพศแบง่ ตามความรนุ แรงก่ีระดับ อะไรบ้าง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 3.มีวิธีการจดั การอารมณ์ทางเพศอยา่ งไรบา้ ง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 4.การจะมีความผดิ ฐานอนาจาร มอี งค์ประกอบอะไรบา้ ง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 5.การพรากผเู้ ยาว์ หมายถึงอะไร ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________

91 แบบทดสอบ วิชาสขุ ศึกษา พลศึกษา ทช31002 ระดบั ม.ปลาย จงเลือกคำตอบทถี่ ูกท่ีสุดเพียงขอ้ เดยี ว 1. การกระทำใด ไม่ใช่ การแสดงความเอ้ืออาทร ก. พาเพื่อนไปเทย่ี วกลางคืน ข. พาเพื่อนไปห้องพยาบาล ค. ใหเ้ พอื่ นขอยืมเงนิ ง. จดการบ้านให้เพื่อน 2. ขอ้ ใดไม่เกย่ี วข้องกับการดำเนนิ ชีวติ ท่ถี ูกต้องเหมาะสม ก. การอบรมเล้ียงดู ข. สภาพเศรษฐกิจของครอบครัว ค. ระดับการศึกษาของครอบครัว ง. ความเชื่อในคำพยากรณ์ชีวิต 3. ข้อใดเป็นอุปสรรคในการสร้างมนษุ ยสมั พนั ธม์ ากทสี่ ดุ ก. ความเกง่ ความดี ข. ความเหน็ แก่ตวั ค. ความมน่ั ใจในตนเอง ง. ความเห็นแกป่ ระโยชน์สว่ นรวม 4. บุคคลใดมโี อกาสปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ดีท่ีสุด ก. ระงบั อารมณ์ได้ดี ข. แตง่ กายทนั สมัย ค. เรียนหนังสอื เก่ง ง. มีเงินใชจ้ า่ ยพอเพยี ง 5. หากเกดิ ความขัดแย้งกับเพ่ือนในกลุ่ม นักเรยี นจะมแี นวทางในการแกป้ ญั หาอย่างไร ก. รอให้เพื่อนมาขอคืนดี ข. ไปคบกับเพ่ือนในกลุ่มอนื่ ค. พดู คยุ ปรบั ความเข้าใจ ง. คุยกบั เพ่ือนตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขนึ้ 6. การทจี่ ะมีสมั พันธภาพอันดี หรอื มติ รภาพทด่ี ตี อ่ กันไดน้ านแค่ไหนนน้ั ขึ้นอยู่กบั คุณลักษณะข้อใดเปน็ สำคญั ก. การแต่งกาย กิรยิ ามารยาท และการเปน็ ผู้ฟงั ท่ีดี ข. ความจริงใจ และความซื่อสัตย์ต่อเพ่ือน และคอยชว่ ยเหลอื เพื่อน ค. ความอดกลั่น ความเมตตากรณุ า และความเหน็ อกเหน็ ใจซึ่งกันและกัน ง. ความจรงิ ใจ ความซ่ือสตั ย์ ความอดกลนั้ ความเมตตากรุณา และความไม่เอารัดเอาเปรยี บ 7. ขอ้ ใดไมใ่ ชส่ ิง่ ที่ชาย พงึ ปฏิบัตติ ่อหญงิ ก. การใหค้ วามเคารพเชื่อฟงั ข. การให้ความชว่ ยเหลือ

92 ค. การให้การยอมรับยกยอ่ ง ง. ความเสมอภาคทางความสามารถ 8. ขอ้ ใดคือสิง่ ทหี่ ญิง พงึ ปฏิบัติต่อชาย ก. ความเทา่ เทยี มกัน ข. การให้ความช่วยเหลอื ค. ความเสมอภาคทางเพศ ง. การให้เกยี รตเิ พศชาย 9. เราควรปฏบิ ตั ติ นตอ่ เพศตรงขา้ มอยา่ งไร ก. ทำตามที่ผใู้ หญแ่ นะนำ ข. ทำตนใหเ้ หมาะสมกบั วฒั นธรรมไทย ค. ทำเหมอื นเพศเดียวกนั ไม่แบ่งแยก ง. ทำตนเป็นอิสระและเปน็ ท่ีพอใจของทงั้ สองฝ่าย 10. การทีน่ ักเรยี นมโี อกาสรูจ้ ักและคนุ้ เคยกับเพ่ือนตา่ งเพศ มีขอ้ ดีอย่างไร ก. ช่วยใหม้ เี พอื่ นตา่ งเพศมากขึน้ ข. ชว่ ยให้มีโอกาสพบคนรักทเ่ี หมาะสมเรว็ ข้ึน ค. ช่วยใหท้ ราบความพร้อมของตนและเพศตรงข้าม ง. ชว่ ยให้เรียนรู้ความแตกตา่ ง และปฏิบตั ิตนตอ่ เพศตรงขา้ มไดถ้ ูกต้อง 11. หากนกั เรียนคบกันในฐานะคนรัก ควรปฏิบัตติ ่อกันอย่างไร ก. หาโอกาสได้อยู่ดว้ ยกนั สองคน ข. ช่วยเหลอื กันและกัน และแก้ปญั หาการเรียนใหแ้ ก่กนั ค. พาไปพบบดิ ามารดาและญาติของแตล่ ะฝ่าย ง. ตกลงกนั วา่ จะดุใจกนั ไปก่อน ยังไมต่ กลงใจแนน่ อนในเรอื่ งการสมรส 12. การคบเพื่อนต่างเพศในฐานะคนรัก ควรหลกี เลี่ยงข้อใดมากที่สุด ก. การไปรับประทานอาหารด้วยกัน ข. การไปเทยี่ วเตร่กบั เพื่อนคนอ่นื ๆ ค. การอย่ดู ว้ ยกันตามลำพัง ง. การใหค้ วามสนทิ สนมกบั เพอ่ื นเพศตรงข้ามคนอนื่ 13. หากเพอ่ื นต่างเพศชวนไปดูภาพยนตรร์ อบดึก เราควรเลือกคำตอบขอ้ ใด ก. “ ขอบคุณทชี่ วนนะ แต่เราไปดกู ันวนั หลังดีกว่า ชวนเพ่ือน ๆไปดว้ ย ” ข. “ ใหไ้ ปกบั เธอฉนั ไมไ่ ปหรอก ” ค. “ เสยี ใจ ชา้ ไปแล้ว ” ง. “ ฉนั มนี ัดแลว้ ” 14. คำตอบขอ้ ใดเป็นการใช้ทักษะการต่อรอง ก. “ ลดราคาลงอีกได้ไหม ” ข. “ มี 99 บาท แลกใบละร้อยได้ไหม ”

93 ค. “ เสอ้ื ตัวน้ีใหญ่เกนิ ไปขอตัวเลก็ ลงหน่อย ” ง. “ อยา่ ทำอนั ตรายฉนั เลยนะ ตอ้ งการอะไรเอาไปเลย ” 15. เมื่ออย่ใู นวยั เรยี นหากนักเรยี นหญงิ ตงั้ ครรภโ์ ดยไมต่ ั้งใจ วิธกี ารแกป้ ญั หาท่ีควรกระทำคือข้อใด ก. ปรกึ ษาผ้ใู หญ่ หรือครูอาจารย์ ข. หาทางแก้ปัญหากับครู่ กั ค. ลาออกจากโรงเรยี น ง. ทำแทง้ 16. ผู้หญงิ ทไ่ี มย่ อมให้คนรกั สมั ผัสรา่ งกายมากเกินไป จัดเข้ากบั ข้อใด ก. รจู้ ักการคุมกำเนดิ ข. รจู้ กั ทักษะการปฏิเสธ ค. รูจ้ ักทกั ษะการต่อรอง ง. ความสัมพนั ธท์ ด่ี ีระหวา่ งครอบครัว 17. ผูห้ ญิงประเภทใดทส่ี ังคมไทยมักเปรยี บเทยี บว่าเหมือนนางวันทอง นางโมราห์ และนางกากี ก. ผู้หญงิ ที่มเี สนห่ แ์ รง ข. ผหู้ ญิงท่ใี บหน้าสวย ค. ผ้หู ญงิ ท่มี ีสามีหลายคน ง. ผู้หญิงท่ีไม่เอาใจใสด่ แู ลสามี 18. นกั เรยี นควรปฏิบตั อิ ยา่ งไรเพ่ือชว่ ยปรับปรงุ ตนเองให้มคี ุณลักษณะทจ่ี ะสร้างสมั พันธภาพอนั ดใี นหม่เู พ่ือนฝงู ได้ ก. จงเดินในเมอ่ื คนอ่ืนกำลังหยุดเดิน ข. จงน่งั ในเม่อื คนอน่ื กำลงั ยนื อยู่ ค. จงฟังในเมื่อคนอนื่ กำลังพูดอยู่ ง. จงพูดในเม่ือคนอ่นื กำลงั พูดอยู่ 19. การปฏบิ ัตใิ นข้อใด ท่จี ัดเปน็ พฤติกรรมเสย่ี งต่อความปลอดภยั ในชวี ิตมากท่สี ดุ ก. ขับรถดว้ ยความเร็ว 100 กม. ตอ่ ชวั่ โมง ข. การขับรถในขณะที่พดู โทรศัพท์มือถือ ค. การไม่คาดเข็มขดั นริ ภยั เม่ือนง่ั เบาะหน้า ง. สบู บุหรข่ี ณะขับรถ 20. ถ้านกั เรียนพบผ้ทู ีป่ ระสบอบุ ตั ิเหตุรถชน และตอ้ งการความชว่ ยเหลอื นักเรียนจะต้องทำส่ิงใดเป็นอนั ดับแรก ก. สังเกตมา่ นตา การหายใจ ลกั ษณะของสี ข. จบั ชพี จร และสำรวจสภาพการรา่ งกาย ค. วัดอณุ หภูมขิ องร่างกาย สังเกตการณห์ ายใจ ง. ตรวจสอบการหายใจและการเต้นของหวั ใจ 21. ปจั จยั และสาเหตทุ ่สี ำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุคืออะไร ก. ความประมาท ข. ขาดประสบการณ์

94 ค. ยานพาหนะเกิดชำรุด ง. เครื่องตักรกลเส่ือมคณุ ภาพ 22. ข้อใดเป็นวิธลี ดความอ้วนได้ดที ่ีสดุ ก. ใชย้ าลดความอว้ น ข. ใชอ้ ปุ กรณ์ไฟฟ้านวด ค. ออกกำลงั กายสม่ำเสมอ ง. รับประทานอาหารคารโ์ บไฮเดรตใหน้ ้อยลง 23. ถา้ รา่ งกายมีคอเรสเตอรอลมากเกนิ ไป ทำให้เป็นโรคใด ก. เบาหวาน ข. มะเร็ง ค. เหน็บชา ง. เสน้ เลอื ดอุดตัน 24. โรคใดจัดเป็นโรคทางกรรมพนั ธ์ุ ก. โรคพษิ สุนัขบ้า ข. โรคเบาหวาน ค. โรคอหิวาตกโรค ง. โรคไขห้ วัดใหญส่ ายพันธ์ใหม่ 2009โรคอหิวาตกโรค 25. ยาเสพติดท่ีผลติ มาจากธรรมชาติ ยกเว้น ขอ้ ใด ก. ฝน่ิ ข. กระท่อม ค. กัญชา ง. เฮโรอนี 26. เสพตดิ ชนดิ ที่ออกฤทธผ์ิ สมผสานกัน ก. เฮโรอีน ข. กัญชา ค. ทนิ เนอร์ ง. ยาบ้า 27. การป้องกนั ตนเองจากสิ่งเสพติด ยกเวน้ ข้อใด ก. ศกึ ษาหาความรู้ เพ่ือทดลองจะได้รู้เท่าทนั ยาเสพติด ข. เลือกคบเพือ่ นดี ที่ชักชวนกนั ไปในทางสรา้ งสรรค์ ค. เมอ่ื มปี ญั หาชวี ติ ควรปรึกษาผใู้ หญ่ ง. ใช้เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ 28. ข้อใดเป็นการสรา้ งความพรอ้ มด้านรา่ งกาย เพ่ือให้การทำงานมีความสขุ ก. การว่ิงอยกู่ บั ที่ ข. การจดั กิจกรรมนนั ทนาการ

95 ค. การออกกำลังกายและการพกั ผอ่ นใหเ้ พยี งพอ ง. การต้ังใจทำงานใหม้ ีประสิทธภิ าพ และการใชก้ ำลังกายอย่างเตม็ ทีใ่ นงานอาชีพ 29. กจิ กรรมนันทนาการในข้อใด ที่มีประโยชนต์ ่อร่างกายมากทีส่ ุด ก. ไปงานเลีย้ งสังสรรค์กับเพ่ือน ข. ไปเลน่ กีฬากบั เพ่อื น ค. ไปชว่ ยเหลือเด็กกำพรา้ ง. ไปรว่ มปลูกป่า 30. กจิ กรรมนนั ทนาการในข้อใด เหมาะสมกับนักเรียนมากท่ีสุด ก. สุรชัยอาสาไปดูแลผู้ป่วยโรคเอดส์ ข. สชุ าตไิ ปเทย่ี วกลางคนื กบั เพือ่ น ค. สกุ จิ ไปเล่นเกมคอมพวิ เตอรท์ ีร่ า้ น ง. สวุ ิชยั อาสาไปคา่ ยปลกู ปา่ เฉลย 1 ก 2 ง 3 ข 4 ก 5 ค 6 ง 7 ก 8 ง 9 ข 10 ง 11 ข 12 ค 13 ก 14 ง 15 ก 16 ข 17 ค 18 ค 19 ข 20 ง 21 ก 22 ค 23 ง 24 ข 25 ง 26 ข 27 ก 28 ค 29ข 30 ง

แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ คร้ังท่ี 7

แผนการเรยี นรู้ สาระทกั ษะการดำเนินชวี ิต ระดับมัธยมศึกษาตอนปลา ครั้งท่ี วนั /เดือน/ปี หัวเรอื่ ง/ตัวช้ีวัด เน้อื หาสาระการเรยี นรู้ 7 17 ม.ค.64 1. เขาใจปญหา สาเหตุและ 3. อาหารและโภชนาการ บอกวธิ ีการปองกนั โรคขาด 1. โรคขาดสารอาหาร สารอาหารได 2. การสขุ าภบิ าลอาหาร 2. อธบิ ายหลกั การ - การปนเป้ือน สุขาภบิ าลอาหาร และนาํ ไป - สุขลักษณะอาหารถุง ปฏบิ ตั เิ ปนกจิ นิสัย 3. การจดั โปรแกรมอาหารท่ี 3. สามารถจดั โปรแกรม เหมาะสมสำหรบั บุคคลตา่ ง ๆ อาหารท่เี หมาะสมสาํ หรบั - ตนเองและครอบครัว บุคคลกลุม - ผูส้ งู อายุ ผปู้ ่วย ตางๆ เชน ผูสูงอายุ ผูปวย ไดอยางเหมาะสม

รายวิชา สุขศึกษา พลศกึ ษา ทช31003 าย จำนวน 2 หน่วยกิต การจัดกระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผล ขัน้ ที่ 1 กำหนดสภาพปญั หา สอ่ื 2. ใบงาน 3. แบบทดสอบเก็บคะแนน ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ - หนงั สือ 1.1 ครทู กั ทายนักศึกษา และ - แผน่ พบั / แผ่นปลวิ สนทนาแลกเปลี่ยนการ - ใบความรู้ รบั ประทานอาหารในแต่ - อินเทอร์เน็ต ละวนั ข้นั ที่ 2 แสวงหาขอ้ มลู และ แหล่งเรียนรู้ จดั การเรียนรู้ - ห้องสมุด 1.3 ครูทบทวนความรู้ โดยครู - โรงพยาบาล / โรงพยาบาลส่งเสริม พดู คุยกับนกั ศกึ ษา สขุ ภาพชุมชน เกีย่ วกบั ปญหา สาเหตุ และบอกวิธกี ารปองกนั โรคขาดสารอาหาร แบ่งกลมุ่ ผเู้ รยี นออกเป็น กลุ่มย่อย จดั โปรแกรม อาหารที่เหมาะสมสำหรับ ผู้สงู อายุ 101

คร้งั ที่ วนั /เดือน/ปี หวั เร่อื ง/ตัวช้ีวัด เน้อื หาสาระการเรยี นรู้

การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ตั แิ ละการ นำไปใช้ 3.3 ใหต้ ัวแทนกลมุ่ ออกมา นำเสนอผลงานท่คี ้นคว้า ใหก้ ลุม่ อ่ืนฟัง 3.4 ครแู ละผเู้ รียนช่วยกนั สรปุ เนือ้ หาสาระสำคัญของ เรือ่ งและจดสาระสำคัญ ของเรื่อง ขนั้ ที่ 4 การประเมนิ ผล 4.1 แบบทดสอบ ใบงาน สงั เกตการณม์ ีสว่ นรว่ ม 102

99 ใบความรู้ เรื่อง อาหารและโภชนาการ อาหารและโภชนาการ อาหารหมายถึงสารซ่งึ อาจเป็นของแขง็ หรือของเหลวที่รับประทานเข้าไปแลว้ ไม่เปน็ พษิ หรอื โทษ ตอ่ ร่างกายแตม่ ีประโยชน์ตอ่ ร่างกาย โภชนาการ หมายถึง อาหารทเ่ี รารบั ประทานเขา้ ไปแลว้ รา่ งกายนำเอาไปใช้ เพ่ือการทำหน้าที่อยา่ งสมำ่ เสมอ ของอวัยวะทส่ี ำคัญเช่น หัวใจ ปอด เป็นต้นนอกจากนีย้ ังนำไปใชเ้ พื่อสร้างความเจริญเติบโตของรา่ งกายการซ่อมแซมส่วน ทีส่ ึกหรอของรา่ งกาย เราสามารถแบง่ อาหารออกเป็นประเภทโดยอาศยั หลักทางโภชนาการ ไดแ้ ก่ โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต ไขมัน วิตามนิ เกลอื แร่ และน้ำซึง่ มีส่วนสำคัญต่อการทำงานของรา่ งกายไมย่ งิ่ หย่อนไปกว่ากัน โดยโปรตีน คารโ์ บไฮเดรต และไขมัน เมื่อรบั ประทานเข้าไปรา่ งกายจะเผาผลาญทำให้เกิดพลงั งานได้ สว่ นพวกวิตามินเกลอื แร่ และน้ำ จะเป็น องค์ประกอบท่ีมคี วามสำคัญในการทำใหว้ งจรการทำงานต่างๆของร่างกาย ดำเนินต่อไปได้เปน็ ปกติ โภชนาการกบั สขุ ภาพการท่คี นเราจะมีสขุ ภาพดขี ้นึ อย่กู ับปัจจัยหลายๆ อย่างซ่ึงส่วนใหญ่จะอยภู่ ายใต้การ ควบคมุ ของตัวเอง ส่วนทน่ี อกเหนอื การควบคมุ มนี ้อย เช่นกรรมพันธ์ุ ดงั นน้ั ถา้ เราควบคุมปจั จยั ต่างๆ ได้เชน่ การเลีย้ งดู ตั้งแตเ่ ดก็ การดำเนนิ ชีวติ อย่างถกู ต้อง คนสว่ นใหญช่ ว่ ยกันรกั ษาส่งิ แวดลอ้ มในครอบครัวมคี วามสงบสุขดีคือมสี ุขภาพจิตดี และสิ่งที่สำคัญอีกประการหน่ึงคือการเอาใจใสเ่ รอื่ งโภชนาการ ถ้าสามารถควบคุมสง่ิ เหลา่ นี้ไดห้ มดสุขภาพดีถ้วนหนา้ ก็คง จะไม่เกินความเป็นจริง ความสำคญั ของอาหารกับสุขภาพ กิจกรรมของมนุษยใ์ นแต่ละวันจำเปน็ ตอ้ งใช้พลงั งานและสารอาหารที่ร่างกายได้รบั จากการรบั ประทานอาหารในแตล่ ะ มื้อการรู้จักเลอื กรับประทานอาหารใหเ้ หมาะสมกบั ความตอ้ งการของรา่ งกายจะชว่ ยใหร้ ่างกายเจริญเติบโตอย่างเตม็ ที่ สมบูรณแ์ ละมีสุขภาพร่างกายทแ่ี ข็งแรง 1.โภชนาการเปน็ การศึกษาความสัมพันธร์ ะหวา่ งอาหารกับกระบวนการต่างๆท่เี ก่ยี วข้องกบั สุขภาพ และการ เจริญเตบิ โตของส่งิ มีชวี ิตหากสภาพร่างกายไดร้ บั อาหารทีม่ ีสารอาหารครบ และเพียงพอตอ่ ความต้องการรา่ งกาย สามารถนำสารอาหารเหลา่ น้นั ไปใชไ้ ด้อย่างเต็มท่ี เรยี กวา่ ภาวะโภชนาการทด่ี แี ต่ถา้ รา่ งกายไดร้ ับสารอาหารท่ีไม่ครบถ้วน และไม่เพียงพอตอ่ ความต้องการของรา่ งกายจะเรยี กวา่ ภาวะโภชนาการท่ีไม่ดี หรอื ทุพโภชนาการ 2.ภาวะโภชนาการตำ่ เปน็ สภาวะของร่างกายท่ีขาดอาหารไดร้ บั สารอาหารตำ่ กว่าทีร่ ่างกายตอ้ งการหรอื รับประทานอาหารไม่ไดเ้ นื่องจากสาเหตุต่างๆ ทำใหเ้ กดิ โรคขาดสารอาหาร 3.ภาวะโภชนาการเกนิ เปน้ สภาวะของรา่ งกายท่ไี ด้อาหารและสารอาหารเกนิ ความตอ้ งการของร่างกายทำให้เกิด การสะสมจนเกดิ โทษแกร่ า่ งกาย

100 ผลทางร่างกายของภาวะโภชนาการ 1.ขนาดของรา่ งกายปจั จัยท่ีมอี ิทธิพลต่อขนาดของรา่ งกาย ได้แก่ พันธกุ รรมและสิ่งแวดลอ้ ม พันธุกรรมเปน็ ส่ิงท่ี ไม่สามารถเปลย่ี นแปลงได้ แต่สภาพแวดลอ้ ม เชน่ การรับประทานอาหาร เราสามารถปรบั ปรุงได้ โดยเลอื กรบั ประทาน อาหารให้เพียงพอและเหมาะสมตอ่ ความตอ้ งการของร่างกายก็จะทำใหก้ ารเจริญเตบิ โตของร่างกายเปน็ ปกติ 2.ภมู ติ ้านทานโรคผูท้ ่ไี ด้รับสารอาหารครบถว้ นตามความต้องการของร่างกายจะทำให้รา่ งกายสามารถสรา้ ง ภมู ิคุม้ กนั โรคต่างๆได้ หรอื หากได้รบั เชอ้ื โรคกส็ ามารถฟื้นตัวได้เรว็ 3.ไม่แกก่ อ่ นวยั และอายุยนื เมือ่ รา่ งกายมภี ูมิคุม้ กนั โรคความเสย่ี งท่จี ะเสียชีวิตก่อนวัยอนั สมควรกล็ ดนอ้ ยลง ผลต่อสติปัญญา และอารมณ์ การรจู้ ักเลือกรับประทานอาหารท่ดี มี ปี ระโยชนม์ ีสว่ นให้เกดิ พัฒนาการทางด้านสมอง มสี ติปัญญาที่เฉลียวฉลาด อารมณ์แจ่มใสกระตือรอื ร้น ปรับตวั เข้ากับสังคมได้งา่ ยผดิ กับผูท้ รี่ ับประทานอาหารไมม่ ปี ระโยชนจ์ ะทำให้ร่างกายออ่ นแอ พฒั นาการทางด้านสติปญั ญาลดนอ้ ยลง อารมณห์ ดหู่ ไม่แจ่มใสจนบางครงั้ อาจไม่สามารถดำเนินชีวติ ร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ ง ปกตสิ ขุ การบริโภคอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ 1.รับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ทุกวนั ไม่รับประทานอาหารที่ซำ้ ซากควรรับประทานอาหารที่หลากหลาย เพ่อื ใหไ้ ด้สารอาหารครบตามที่ต้องการ 2.รับประทานอาหารทส่ี ะอาดและปลอดภัยเพ่ือปอ้ งกนั การปนเปื้อนของส่งิ ท่เี ป็นพิษท่ีมีอยใู่ นอาหาร ทอี่ าจก่อใหเ้ กดิ อันตรายต่อตวั ผู้บรโิ ภค อาหารปนเปือ้ นไดจ้ ากหลายสาเหตุ คอื จากเช้อื โรค และพยาธติ ่างๆ สารเคมีทเ่ี ปน็ พิษหรอื สารปนเปือ้ นหรือโลหะหนกั ท่เี ป็นอันตราย ทั้งน้อี าจเกดิ จากกระบวนการผลติ ปรุง ประกอบและจำหน่ายอาหาร ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ หรือสง่ิ แวดล้อมที่ไมเ่ หมาะสม เช่นแผงลอยรมิ บาทวถิ ี การใช้สารปรุงแต่งอาหารไม่ได้มาตรฐาน การใช้ สารเคมีในการถนอมอาหารการใช้สารเคมกี ำจดั ศตั รพู ืชในปรมิ าณมาก เป็นตน้ หลกั การในการเลือกกินอาหารท่สี ะอาด ปราศจากการปนเปอ้ื น ควรเลอื กกินอาหารทีส่ ด สะอาด ผลิตจากแหลง่ ท่เี ชอ่ื ถอื ไดม้ ีเคร่ืองหมายรบั รองคุณภาพ มีกล่ิน รส และสสี นั ตามธรรมชาติในการปรุงอาหารในครัวเรือน ควรเลอื กซ้ืออาหารท่ีสด สะอาด มาปรุง ลา้ งทำความสะอาด กอ่ นนำไปปรงุ ประกอบ ใช้ภาชนะอุปกรณท์ ี่สะอาดปลอดภัย ลา้ งเก็บถกู สุขลกั ษณะมีพฤตกิ รรมบรโิ ภคทถ่ี ูกสุขลกั ษณะ คือ ล้างมือก่อนบรโิ ภค ใชช้ ้อนกลางการเลือกซื้ออาหารปรุงสำเรจ็ อาหารถุง ควรเลือกซื้อจากรา้ นจำหนา่ ยอาหารหรือ แผงลอยที่ถูกสขุ ลักษณะ ปรุงสกุ ใหม่ มีการปกปิดป้องกนั แมลงวันบรรจุในภาชนะทีสะอาดปลอดภยั มกี ารใชอ้ ปุ กรณ์หยิบ

101 จบั หรอื ตกั อาหารแทนการใช้มือ 3.รบั ประมานอาหารไขมันพอเหมาะเพื่อปอ้ งกนั การสะสมไขมันมากเกนิ ไป 4.รับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารอยา่ งสมำ่ เสมอเพ่ือชว่ ยระบบการขบั ถ่าย และลดไขมนั ในเลือดควรกินใย อาหารอย่างสม่ำเสมอ ใยอาหารทำใหก้ ารขับถ่ายอุจจาระเปน็ ไปตามปกตแิ ละป้องกันโรคหลายชนิดด้วย 5.ระมัดระวังการรับประทานอาหารท่มี ีสารก่อมะเรง็ เช่น อาหารประเภททอด ย่าง เผา หรืออาหารทไ่ี หม้ เกรยี ม 6.ลดปรมิ าณและระดับการรับประทานอาหรรสจดั เช่น หวานจดั เปร้ียวจัด เค็มจัด เผด็ จัด เพราะจะทำให้เกิด การระคายเคืองต่อเย่อื บุทางเดนิ อาหารและอาจกอ่ โรค เช่น โรคอว้ น โรคเบาหวาน โรคไต โรคกระเพาะ เป้นต้น 7.หลีกเลยี่ งเคร่อื งดืม่ ที่มแี อลกอฮอล์และน้ำอัดลมเพราะเสี่ยงตอ่ การเป็นโรคตา่ งๆเช่น โรคตบั แขง็ โรคแผลใน กระเพาะอาหาร โรคมะเรง็ ฟันผุ โรคเบาหวาน เป็นตน้ การด่มื เครื่องดื่มท่ีมีแอลกอฮอล์นำไปส่กู ารเกดิ อบุ ัติเหตบุ นท้อง ถนนการเจ็บป่วยดว้ ยโรคต่างๆเช่น ความดันโลหติ สงู ตบั แขง็ โรคกระเพาะ เป็นตน้ เครื่องด่ืมท่ีมแี อลกอฮอลไ์ ด้แกส่ ุรา เบยี ร์ ไวน์ บร่ันดี กระแช่ ฯลฯ จึงควรหลีกเลี่ยงเครอื่ งดืม่ ดังกลา่ วระวงั เร่อื งดื่มเหลา้ แม้ว่าเหล้าท่กี นิ จะถูกเผาผลาญให้ กำลงั งานได้กจ็ รงิ แตเ่ ราไม่จดั เหล้าเปน็ สารอาหาร เพราะผลท่ไี ด้ไม่คุ้มกับอนั ตรายท่เี หล้าคุกคามสขุ ภาพคนตดิ เหลา้ มัก เปน็ โรคขาดสารอาหารไดห้ ลายชนิด เช่น โรคขาดโปรตีน และแคลอรีโรคเหน็บชา เม่ือกินเหล้าไปนานๆ ตับถูกทำลายย่งิ ทำใหก้ ารขาดสารอาหารรนุ แรงมากข้ึน โรคขาดสารอาหาร โรคขาดสารอาหาร คือ โรคที่เกิดจากภาวะโภชนาการบกพรอ่ งทำให้รา่ งกายขาดสารอาหาร บางชนิด สารอาหารมหี ลายชนิดแต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป บางชนิดร่างกายต้องการมากบางชนิดรา่ งกายต้องการน้อย หากรบั ประทานอาหารไม่ถกู หลักโภชนาการก็จะเปน็ โรคขาดสารอาหารได้ซึง่ อาจเกิดจากสาเหตตุ า่ งๆ ดงั น้ี สาเหตทุ ี่ทำให้เกิดโรคขาดสารอาหาร 1.รบั ประทานอาหารไม่เพียงพอ เกดิ ขึ้นเน่ืองจากปัจจัยตา่ งๆ เช่น ความยากจนไมม่ เี งนิ ซื้ออาหารมารับประทาน ความ ห่างไกลความเจริญการเดินทางไปซอื้ อาหารมารบั ประทานลำบากจึงรบั ประทานแตอ่ าหารทีห่ าได้ในทอ้ งถน่ิ ของตน ขาดแคลนอาหารเนื่องจากอยู่ในภาวะสงคราม เกดิ อุทกภัย ผลผลิตตำ่ เปน็ ต้น 2.รบั ประทานอาหารไม่ถกู ต้องเกิดเน่ืองจากขาดความร้เู กยี่ วกบั การรับประทานอาหารท่ีถูกหลกั โภชนาการไม่มี ความรูว้ า่ อาหาร ชนิดใดใหป้ ระโยชน์อย่างไรและป้องกนั โรคใดหรอื มนี สิ ยั การรับประทานอาหารไม่ถูกต้อง เลือก รบั ประทานเฉพาะอาหารทช่ี อบ หรือมีความเชอื่ ผดิ ๆเก่ียวกบั การรับประทานอาหารตามขนมธรรมเนียมประเพณใี น ทอ้ งถิน่ นน้ั ๆ 3.มีความผดิ ปกติของร่างกาย เช่น มีโรคประจำตวั เก่ยี วกบั ระบบยอ่ ยอาหารทำให้ดูดซึมอาหารบางชนิดไดน้ ้อย หรอื มอี าการ แพอ้ าหารบางชนิด เช่นอาหารทะเล ไขเ่ ปน็ ต้น โรคขาดสารอาหารทส่ี ำคัญและพบเห็นบ่อยในประเทศ มีดังนี้ 1.โรคท่เี กิดจากการขาดสารโปรตนี และแคลอรีเปน็ โรคทเ่ี กิดจากรา่ งกายได้รบั สารอาหารประเภทโปรตนี คารโ์ บไฮเดรต และไขมันน้อยเกินไป หรอื สารอาหารเหลา่ น้ีมีคุณภาพไม่ดโี รคนีพ้ บได้บ่อยในเดก็ ที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี โดยเฉพาะทารกและเด็กก่อนวัยเรียนอันเนื่องมาจากการขาดดูแลเอาใจใส่เรอ่ื งการกินอาหารหรือไม่มีความรู้ทาง โภชนาการหรอื การนำนมขน้ หวาน และนมผงผสม ทีม่ สี ารอาหารนอ้ ยเกนิ ไปสำหรับเดก็ มาใหเ้ ดก็ ทานอาการของโรค รา่ งกายจะผอมแห้ง จะมีการบวมท่ที ้อง หน้า ขา ศีรษะโต ผวิ หนงั เหยี่ วการแก้ไขให้ป้องกันโดยการดื่มนมววั หรือนมถ่ัว เหลอื งเพิ่มข้นึ เพราะน้ำนมเป็นอาหารทปี่ ระกอบดว้ ยสารอาหารทส่ี มบรู ณท์ สี่ ุด 2.โรคขาดวิตามินที่พบมากในประเทศไทยเป็นโรคทเ่ี กดิ จากวิตามินเอ บีหน่งึ บีสอง ซี - ขาดวติ ามินเอ ทำใหเ้ กดิ โรค ตาฟาง ตาบอกกลางคนื ป้องกันกินอาหารประเภทไขมัน และผกั ใบเขียว ใบเหลือง

102 เช่น มะละกอ คะนา้ ตำลึง ไข่นมมะมว่ งสุก ผักบุ้ง - ขาดวติ ามนิ บหี น่งึ ทำให้เกิด ใจสัน่ โรคหัวใจโตและเตน้ เร็วหอบ เหน่ือย โรคเหนบ็ ชา การป้องกันทำได้โดยการ กินอาหารท่มี ีวิตามนิ บหี นึง่ เป็นประจำเช่น ขา้ วซ้อมมือ ถั่วเมล็ดแห้ง และควรหลีกเล่ยี งอาหารทีท่ ำลาย วติ ามนิ บีหนงึ่ เชน่ ปลาร้า หอยดิบ หมาก เมย่ี ง ใบชา - ขาดวิตามนิ บีสอง ทำใหเ้ กดิ โรค ปากนกกระจอก เปน็ แผลท่ปี ากแก้ไขไดโ้ ดยกินอาการประเภท นมสด น้ำเต้าหู้ ถวั เหลอื ง เปน็ ต้น - ขาดวติ ามนิ ซี ทำใหเ้ กดิ โรค ลักปดิ ลักเปดิ เลือดออกตามไรฟนั แก้ไขได้โดยทางอาหารท่ีมรี สเปรย้ี ว สม้ มะนาว มะขามมะเขือเทศ เป็นตน้ 3.โรคขาดแรธ่ าตุถ้าร่างกายขาดสารแรธ่ าตุกจ็ ะทำหน้าของอวัยวะผิดปกตแิ ละจะทำใหเ้ กิดโรคตา่ งๆ - ขาดธาตุ แคลเชียม จะเป็นโรคกระดูกอ่อน กระดูกไม่แข็งแรงมกั จะเป็นในเด็กและหญิงใหน้ มบุตร อาการของ โรคจะทำให้ข้อต่อกระดูกบวม ขาโคง้ โก่งกลา้ มเนือ้ หย่อน กระดูกซ่ีโครงด้านหนา้ รอยต่อนูน ทำให้อกเป็นสันเรยี กวา่ อกไก่ การปอ้ งกนั การขาดธาตุ แคลเชียม ให้กนิ อาหารประเภท นมสด ปลาท่ีกินได้ทง้ั กระดูกกระดูกออ่ น ผักสเี ขยี ว และควร เสริมด้วยน้ำมนั ตบั ปลา - ขาดธาตเุ หลก็ จะเปน็ โรคโลหิตจาง ร่างกายอ่อนแอ เบ่ืออาหารความต้านทานโรคตำ่ เปลอื กตาขาวซีด ลนิ้ อักเสบ เลบ็ เปราะ การป้องกันการขาดธาตเุ หลก็ ใหร้ ับประทานอาหารจำพวกเครอื่ งใน เช่นตับ หัวใจ เลือด เน้อื สัตว์ ผัก ใบเขยี วเปน็ ตน้ - ขาดธาตุไอโอดีน ไดแ้ กโ่ รคคอหอยพอก ตอ่ มไทรอยดบ์ วมและถา้ เป็นในเดก็ จะทำใหร้ า่ งกายแคระ สตปิ ัญญา เสื่อม หรือที่เรยี กวา่ โรคเอ๋อป้องกันได้ โดยกินอาหารทะเล ของเค็ม เกลือสมทุ ร (เกลือท่ีมาจากทะเล)

103 ใบงานที่ 1พบกลมุ่ ครั้งท่2ี : บทที่ 3 อาหารและโภชนาการ วชิ าสุขศึกษา พลศึกษา ทช 31002 ช่ือ : ........................................................ รหสั นกั ศึกษา : ………………….. ระดับ : ม .ปลาย คำส่ังจงอธิบายและตอบคำถามดงั ต่อไปน้ี 1. อาหาร หมายถึง..................................................... ............................................................................. ............................................................................................................................. ............................... 2. โภชนาการ หมายถึง............................................................................................................................. ............................................................................................................................. ............................... 3. จงอธิบายความหมายของโรคขาดสารอาหาร พรอ้ มทง้ั ยกตัวอย่าง คำอธิบาย ลักษณะและอาการของโรคขาด สารอาหาร จำนวน 1โรค ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................................................................ 4. จงบอก/อธิบายกิจกรรมนันทนาการ และการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรบั วัยเดก็ วยั ผู้ใหญ่ และผสู้ ูงอายุ วยั เด็ก.................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. วัยผใู้ หญ่................................................................................................................................................ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ผู้สูงอาย.ุ .................................................................................................................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 5. จงอธิบายวธิ ีการของการออกกำลังกาย/นนั ทนาการเพื่อสขุ ภาพของผู้เรียนทปี่ ฏิบัตจิ ริงในชวี ติ ประจำวนั มาพอ สงั เขป............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................... ............................................................................................... .............................................................

104 ใบงานที่ 2 พบกลมุ่ ครง้ั ท่ี 2: บทที่ 3 อาหารและโภชนาการ วชิ าสุขศึกษา พลศึกษา ทช 31002 ชื่อ : ........................................................ รหสั นกั ศกึ ษา : ………………….…….. ระดับ : ม .ปลาย กิจกรรมท่ี 1 ให้ผเู้ รียนตอบคำถามเร่ืองอาหารและโภชนาการ ตามหวั ข้อดังต่อไปนี้ 1. สารอาหารทำหนา้ ท่ีอะไรบ้าง จงอธิบาย ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 2. โรคจากโปรตนี และแคลอรีมีอาการอยา่ งไรบ้าง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 3. โรคขาดธาตุไอโอดนี มีอาการอย่างไรบ้าง ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 4. โรคขาดวติ ามินซี มผี ลอย่างไรกบั รา่ งกาย ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ 5. เมนูอาหาร 3 มื้อ สำหรับผ้ปู ว่ ยเบาหวาน คืออะไร ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________

105 แบบทดสอบ กลางภาค วิชาสุขศกึ ษา พลศึกษา ทช 31002 ระดบั ม.ปลาย คำส่งั จงเลอื กคำตอบที่ถกู ต้องเพียง 1คำตอบ 1.ข้อใดกลา่ วถึงกลา้ มเนื้อ ไมถ่ ูกต้อง 1. เซลลก์ ลา้ มเน้อื จะมีการเพิ่มเมอ่ื เตบิ โตเตม็ ที่และลดจำนวน เมื่ออายุมากขึ้น 2. กล้ามเน้อื ลายทเี่ ห็นเป็นสีขาว จะสามารถหดตัวได้เร็ว แต่ไม่ทนทานต่อการทำงาน 3. กล้ามเนอ้ื หัวใจ คลา้ ยกล้ามเน้อื เรียบ ทำงานไม่อยู่ในอำนาจจติ ใจ หดตัวเปน็ จงั หวะด้วยตวั เอง 4. กล้ามเนอื้ เรยี บ มลี ักษณะไม่ลายตามขวาง พบในอวัยวะภายในซึ่งไม่อยูใ่ นอำนาจจติ ใจ เช่น ลำไส้ใหญ่ 5. กล้ามเนอ้ื ลาย เปน็ กล้ามเน้อื ท่ัวๆไป หรือกลา้ มเน้ือแดงของรา่ งกาย อยู่ในอำนาจจิตใจภายใตก้ ารควบคุมของระบบ ประสาทสว่ นกลาง 2. เมอ่ื ใกล้วันสอบนกั เรยี นมีความหงดุ หงิด วติ กกงั วลเน่ืองจากรา่ งกายหลัง่ สารใดน้อยลง 1. ซโี รโทนิน เอ็นดอร์ฟิน 2. ซโี รโทนิน อินซลู นิ 3. เอ็นดอร์ฟิน กลูคากอน 4.เมลาโทนนิ โตปานิน 5.เอน็ ดอร์ฟิน ทรปิ คอน 3. โลหติ ดำจากสว่ นตา่ งๆของรา่ งกาย เชน่ แขน อก คอ ศีรษะ จะผ่านส่วนใดตามข้ันตอนจนกลายเปน็ โลหิตแดง 1. หวั ใจห้องบนซ้าย – ลา่ งซ้าย – ปอด – หัวใจหอ้ งบนขวา – ลา่ งขวา – ไปเลย้ี งรา่ งกาย 2. หัวใจห้องลา่ งซ้าย – บนซา้ ย – ปอด – หวั ใจหอ้ งบนขวา – ล่างขวา – ไปเลยี้ งร่างกาย 3. หวั ใจหอ้ งบนขวา – ล่างขวา – ปอด – หวั ใจห้องบนซ้าย – ลา่ งซ้าย – ไปเล้ียงรา่ งกาย 4. หวั ใจหอ้ งลา่ งขวา – ล่างซ้าย – ปอด – หัวใจหอ้ งลา่ งซ้าย – ล่างขวา – ไปเลยี้ งร่างกาย 5. หวั ใจหอ้ งบนขวา – ล่างซา้ ย – ปอด – หัวใจห้องบนซ้าย – ล่างขวา – ไปเลยี้ งร่างกาย 4. ขอ้ ใดเป็นการใชท้ ักษะปฏิเสธทไี่ ม่เหมาะสม 1. ปฏิเสธด้วยคำตอบนา่ เช่อื ถอื ทา่ ทจี รงิ จัง 2. เมือ่ ถูกรบเรา้ ใหห้ ลกี เล่ียงและปฏเิ สธดว้ ยถ้อยคำสภุ าพ 3. แสดงพฤติกรรมทสี่ ุภาพในการปฏิเสธควบคู่กับคำพูด 4. พูดตดั บท แสดงความไม่พอใจและตอบโตท้ ันที 5. ปฏิเสธด้วยถ้อยคำสภุ าพและอ้างเหตผุ ล 5. เมอ่ื ตกอย่ใู นสถานการณ์เส่ยี งต่อการมีเพศสัมพนั ธ์ ขอ้ ใดอาจเส่ยี งต่อการมเี พศสัมพันธ์ได้ 1.ลกุ หนีทันทเี มือ่ พดู ปฏิเสธแล้วก็ควรลุกออกห่างทนั ที อย่าใจอ่อน อย่ากลัววา่ เขาจะโกรธหรอื เกรงใจกัน 2.ดมื่ เครื่องด่ืมที่มีแอลกอฮอล์หรอื ใชส้ ิ่งเสพติด และมีความระมดั ระวังด่ืมน้ำและอาหารทรี่ บั ประทาน 3.ไปเทย่ี วในท่ปี ลอดภยั เช่น สวนสาธารณะ สถานทเ่ี ปดิ เผย และไม่พยายามเขา้ ไปอยู่ในทล่ี ับตาคนสองต่อสอง 4.วางแผนการตัดสนิ ใจ กอ่ นตัดสนิ ใจไปเทีย่ วกับแฟน ควรคดิ ใหร้ อบคอบว่าควรใกล้ชดิ กบั แฟนไดแ้ ค่ไหน ควร ระมดั ระวงั ตวั 5.รจู้ กั ปฏิเสธ เมอ่ื ถูกแฟนจับมือถือแขน สัมผัสร่างกายและพยายามกระตุน้ อารมณ์ทางเพศต้องพูดเสยี งดงั ฟงั ชัดและ นำ้ เสียงหนักแนน่ จริงจงั

106 6. ทักษะการตัดสินใจ หมายถึง ความหมายในขอ้ ใด จึงจะ ถอื ว่าถูกต้องทส่ี ดุ 1. ความสามารถในการหลีกเลยี่ งปญั หาต่าง ๆ ได้ 2. ความสามารถในการปฏบิ ัติพฤติกรรมทางเพศได้ 3. ความสามารถในการเลือกกระทำหรือไม่กระทำได้ 4. ความสามารถในการล่อลวงเพศตรงได้เปน็ อยา่ งดี 5. ความสามารถในการคดิ และตดั สนิ ใจ 7. วัฒนธรรมตา่ งชาตทิ ี่มผี ลต่อพฤติกรรมทางเพศของเด็กวยั รุ่นเกดิ จากสาเหตใุ ดมากทีส่ ุด 1. หนงั สือและสิ่งพิมพต์ า่ งๆ 2. การสอ่ื สารท่ีไร้พรมแดน 3. ความเจริญทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ 4. ภาพยนตร์ วทิ ยุ โทรทศั น์ 5. โทรศัพทม์ ือถือ 8. การวางแผนการดแู ลสุขภาพเพ่อื ให้มีสุขภาพดีด้วยการรับประทานอาหารครบทกุ หมู่และออกกำลังกายด้วยการ เดินจะได้ประโยชน์มากท่ีสดุ ขอ้ ใด 1. กระดูกยาว 2. มวลกระดูกหนาแนน่ ขน้ึ 3. กลา้ มเนือ้ แข็งแรงข้ึน 4. เอ็นและข้อต่อแข็งแรงขึ้น 5. ร่างกายมคี วามแขง็ แรง 9. หลกั ของการสรา้ งมนษุ ย์สัมพนั ธค์ อื ข้อใด 1. ตนเปน็ ทพ่ี ึง่ แห่งตน 2. เขา้ เมอื งตาหลว่ิ ต้องหลวิ่ ตาตาม 3. เอาใจเขามาใส่ใจเรา 4. ยกตนขม่ ท่าน 5. นำ้ พ่งึ เรอื เสอื พึ่งป่า 10. ข้อใดเป็นสมรรถภาพทางกายท่นี ักกีฬาแบดมนิ ตนั ควรมมี ากที่สุด 1.ความเรว็ 2.ความแข็งแรง 3.การทรงตัวท่ดี ี 4.ความอ่อนตวั 5.คล่องแคล่วว่องไว

107 11.คุณสมบตั ขิ ้อใด ควรนำมาใช้ในการเลน่ กฬี าประเภททีม 1.ความเสยี สละ 2.ความสามคั คี 3.ความเอ้อื เฟื้อเผ่ือแผ่ 4.ความขยันหมั่นเพยี ร 5.เอาใจเขามีใส่ใจเรา 12. ในการเลน่ กีฬา เม่อื เกิดอบุ ตั ิเหตุข้อเท้าเคล็ด นกั กีฬาควรปฏบิ ตั อิ ย่างไร 1.หยดุ พกั ใชค้ วามเย็นประคบ ปล่อยให้ขาหอ้ ยลง 2.หยดุ พัก ใชค้ วามร้อนประคบ ยกขาใหส้ ูงข้ึน 3.หยุดพกั ใช้ความเย็นประคบ ยกขาใหส้ ูงขึ้น 4.หยุดพกั ใช้ความรอ้ นประคบ ปลอ่ ยใหข้ าห้อยลง 5.หยุดพกั ใชค้ วามเยน็ สลับรอ้ นประคบ ยกขาให้สงู 13. การอบอนุ่ ร่างกายในข้อใด เหมาะสมทีส่ ุดสำหรับการเล่นฟุตบอล 1.หมุนคอ วงิ่ รอบสนาม สะพานโค้ง วดิ พื้น 2.วงิ่ รอบสนาม หมุนคอ ลุก – นง่ั สะพานโค้ง 3.ว่งิ รอบสนาม หมนุ คอ หมุนขอ้ เท้า เหยยี ดขา 4.ลุก – น่ัง วดิ พ้ืน หมุนคอ เหยียดขา 5.ว่งิ กลบั ตัว กระโดด หมนุ แขน 14. กีฬาชนดิ ใดท่มี กี ารตดั สินลกู ออกแตกตา่ งจากกีฬาอ่ืน 1.บาสเกตบอล 2.วอลเลย์บอล 3.ตะกรอ้ 4.ฟุตบอล 5.ฮอกกี้ 15. หลักในการออกกำลังกายใหห้ ัวใจแขง็ แรง ใชต้ ัวอักษรยอ่ ตามข้อใด 1. FITG 2. FITT 3. FIIT 4. FITI 5. FTTI 16. การออกกำลงั กายแบบใดเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบกิ 1. วง่ิ 100 เมตร ใช้เวลา 20 วนิ าที 2. กระโดดคำ้ ถ่อไดส้ ูง 5 เมตร 3. ยกนำ้ หนักได้ 100 กิโลกรัม 4. ข่จี ักรยานด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชวั่ โมง เป็นเวลา 30 นาที 5. กระโดดไกลได้ไกลถึง 15 เมตร

108 17. นกั เรียนฝกึ ออกกำลงั กายด้วยการวิดพ้นื เปน็ ประจำจะชว่ ยเพิม่ สมรรถภาพของกล้ามเนอื้ ส่วนใดมากทส่ี ดุ 1.กล้ามเน้อื ต้นขา 2.กลา้ มเนอ้ื หลัง 3.กลา้ มเนื้อหนา้ ท้อง 4.กล้ามเนอ้ื แขน 5.กล้ามเนื้อนอ่ ง 18. การว่งิ กลับตัว ต้องอาศัยสมรรถภาพทางกายดา้ นใด 1.ความคลอ่ งตัว 2.ความทนทาน 3.ความเรว็ 4.ความออ่ นตวั 5.ความแข็งแรง 19. การแสดงกระบกี่ ระบองมลี ำดบั ขั้นตอนอย่างไร 1.การขึ้นพรหม การถวายบังคม การรำ การเดินแปลง การตี 2.การถวายบังคม การขนึ้ พรหม การรำ การเดนิ แปลง การตี 3.การขึน้ พรหม การรำ การถวายบังคม การเดนิ แปลง การตี 4.การถวายบังคม การรำ การขน้ึ พรหม การเดินแปลง การตี 5.การตี การรำ การข้ึนพรหม การถวายบังคม 20. เม่อื นกั เรยี นไปใชบ้ รกิ ารรักษาสิวในร้านเสรมิ สวย ในฐานทเ่ี ปน็ ผู้บริโภค นักเรยี นมีวิธกี ารปกป้องสิทธิ ของตนเองอย่างไร 1. เลอื กรา้ นทสี่ ำนกั งานค้มุ ครองสิทธิผู้บริโภคใหก้ ารรบั รอง 2. เลอื กรา้ นที่มชี ือ่ เสยี ง และมีสาขาเปิดบริการมาก 3. เลอื กรา้ นท่มี ีแพทยแ์ ละพยาบาลที่มีใบอนญุ าตทำการ 4. เลอื กร้านที่มแี พทย์ท่ีมีใบประกอบโรค และใบอนญุ าตทำการ 5. เลอื กร้านทเี่ พื่อนไปใชบ้ รกิ ารสิวหายใบหนา้ สวย 21. สถานการณ์ทีเ่ ป็นปญั หาดา้ นสขุ ภาพมากทส่ี ุด 1. สภาพสงิ่ แวดล้อม 2. ความรู้ของประชาชน 3. สุขลกั ษณะนสิ ยั ของประชาชน 4. ความยากจนของประชาชน 5. การกระจายของแพทยแ์ ละบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังไม่ทั่วถงึ 22. ขอ้ ใดไมใ่ ช่สาเหตหุ รือปัจจัยเส่ียง ทีท่ ำให้เกดิ ความดันโลหิตสงู 1.พนั ธุกรรม 2.การตดิ เช้อื ไวรัส 3.การสูบบหุ รจ่ี ดั 4.ความเครียด 5.กินอาหารทม่ี ีไขมันสูง

109 23. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีเป็นการประเมินผลกระทบจากพฤติกรรมเส่ยี งของอุบัตเิ หตทุ างออ้ ม 1.คา่ รักษาในโรงพยาบาล 2.คา่ ฟืน้ ฟูสภาพร่างกายและจติ ใจ 3.ความโศกเศร้าเสยี ใจของครอบครัวและผ้เู ปน็ ท่ีรัก 4.ชดเชยระหว่างการเจบ็ ปว่ ย 5.ค่าพาหนะเดนิ ทางไปโรงพยาบาล 24. การปฏิบัตติ นในขอ้ ใดของนายเอกท่ีจดั เป็นพฤติกรรมเสยี่ งต่อสขุ ภาพ 1.การเข้านอนหลังเวลา 21.00 น. ทุกวนั 2.การนวดตนเองเมื่อมีอาการปวดกล้ามเนื้อ 3.การซ้ือยาแก้ท้องเสียมารับประทานเม่ือมีอาการท้องรว่ ง 4.การรับประทานอาหารประเภทแหนมสด ก้อยปลา 5.การรับประทานผกั และผลไมส้ ด 25. ในเมืองใหญ่ ๆ มักประสบปญั หาสงิ่ แวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพในข้อใด 1. อากาศเปน็ พิษ 2. โรคระบาด 3. การกำจดั ขยะผดิ วิธี 4. คนเหน็ แก่ตวั 5. แหล่งน้ำเสยี 26. ข้อใดไมใ่ ช่บทบาทของผู้นำกจิ กรรม 1. เตรียมอปุ กรณ์และสง่ิ อำนวยความสะดวกทจ่ี ะใชใ้ นกจิ กรรม 2. มีความรู้ในเรือ่ งการปฐมพยาบาลและวิธีการป้องกันการบาดเจ็บ 3. ทำความเขา้ ใจเกยี่ วกบั รูปแบบกจิ กรรม 4. ขณะร่วมปฏิบตั กิ จิ กรรมต้องให้ความสำคัญต่อกระบวนการกล่มุ 5. กระตุ้นให้ทกุ คนมีส่วนรว่ มในกิจกรรม 27. ในกรณีที่มสี ายไฟฟา้ ขาดพาดอยู่บนรถทนี่ ักเรยี นนั่งอยภู่ ายใน นกั เรียนจะออกจากรถดว้ ยความปลอดภัย อย่างไร 1. เปดิ ประตอู อกมาตามปกติ 2. ทุบกระจกให้แตกแล้วออกมาทางหนา้ ต่างรถ 3. ใชผ้ า้ แหง้ หรือกระดาษจบั ประตรู ถ เปิดรถแล้วกระโดดออกมา 4. น่งั รอในรถจนกวา่ จะมีคนมาช่วย 5. ชว่ ยเหลือโดยจับสายไฟท่ีพาดอยู่ออก 28. แมว่ ยั 17 ปี ก่อคดฆี าตกรรมฆา่ ลกู แลว้ เอาศพใส่ตู้เยน็ เพราะโกรธสามที ีท่ ะเลาะกนั แลว้ สามีไม่ยอมกลับ บ้าน จากขา่ วดังกล่าวนกั เรยี นคดิ ว่าอะไรเปน็ สาเหตุสำคัญทที่ ำให้เกิดปัญหา ในครอบครัวนี้ 1. สามีไม่ซื่อสัตยต์ ่อภรรยา 2. ภรรยามีอายุน้อยกวา่ สามี 3. ภรรยาขาดวุฒภิ าวะทางอารมณ์ 4. ญาติตวั ประกนั ไดร้ ับการเดือดรอ้ น 5. เสียงบประมาณท่ชี ว่ ยเหลอื ตัวประกัน

110 29. ขอ้ ใดเปน็ แนวทางปฏิบัตเิ พอ่ื ความปลอดภัยของชุมชน 1.โฟร์และมดเปน็ ผู้นำของชมุ ชน โดยมบี ทบาทในการร่วมกิจกรรมกบั ชุมชนและมคี วามเปน็ ผู้นำ กลา้ คิด กล้าตดั สนิ ใจ เสียสละและสนใจงาน 2.อ้มั ยึดวัฒนธรรมประเพณีจากตา่ งประเทศ เพื่อมงุ่ พฒั นาชุมชนให้กา้ วหนา้ 3.ตกิ๊ มมี นษุ ย์สมั พนั ธ์อยา่ งตอ่ เนอ่ื งกับเฉพาะชาวบ้านท่ีมีมนุษยส์ มั พันธ์ดว้ ย 4.ผู้ใหญ่บ้านพอล เร่ยี ไรเงนิ จากชาวบ้านเพื่อไปสรา้ งป้อมยาม 5.ชวนกันดืม่ เมื่ออยูเ่ วรยาม 30. การปฏบิ ตั ติ นในขอ้ ใดท่จี ัดเป็นพฤตกิ รรมเสีย่ งต่อความปลอดภัยในชีวติ มากทส่ี ดุ 1.การขบั รถด้วยความเร็ว 100 กม ตอ่ ชั่วโมง 2.การขับรถในขณะทพี่ ูดโทรศพั ท์มือถอื 3.การไมค่ าดเข็มขัดนริ ภยั เม่ือนั่งเบาะหน้า 4.สูบบุหรข่ี ณะขบั รถ 5.ดูหนัง ฟังเพลง พร้อมขบั รถ ……………………………………………

เฉลยขอ้ สอบ เฉลย ขอ้ 111 ขอ้ 1 16 1 1 17 เฉลย 2 3 18 4 3 4 19 4 4 2 20 1 5 3 21 2 6 2 22 4 7 2 23 3 8 3 24 2 9 5 25 3 10 2 26 4 11 3 27 1 12 1 3 28 3 13 4 29 3 14 2 30 4 15 2

แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ คร้ังท่ี 8

113 ตารางวิเคราะหส์ าระการเรยี นรู้ ระดับ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2563 สาระความรู้ ทกั ษะการดำเนนิ ชีวติ รายวิชาศลิ ปศกึ ษา รหัสวิชา ทช 31003 จำนวน 2 หนว่ ยกิต กศน.อำเภอบา้ นโป่ง สำนกั งาน กศน.จังหวัดราชบรุ ี มาตรฐานที่ 4.3 มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคตทิ ี่ดี เก่ยี วกับศิลปะและสุนทรยี ภาพ มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มีความรู้ เขา้ ใจ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม ชื่นชม เหน็ คณุ ค่าความงาม ความไพเราะ ธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ มทางทัศนศลิ ป์ ดนตรี และนาฏศลิ ปส์ ากล และสามารถวิพากษ์วจิ ารณ์ ทศั นศิลป์ ดนตรี และนาฏศิลปส์ ากลได้อย่างเหมาะสม ครัง้ ท่ี ตวั ช้วี ดั เนอ้ื หา การวเิ คราะห์เน้อื หา หมายเหตุ ง่าย ปานกลาง ยาก 1 1. อธบิ ายความหมาย 1. ความหมาย ความสำคญั และ ✓ ความสำคญั และความเปน็ มา ความเป็นมาของทัศนศิลป์สากลใน ของงานทศั นศิลป์สากลในด้าน ดา้ น - จิตรกรรม ตา่ ง ๆ - ประตมิ ากรรม - สถาปตั ยกรรม - ภาพพมิ พ์ 2. จุด เสน้ สี แสง เงา รูปรา่ งและ รปู ทรง เพ่ือให้เกดิ ความซาบซึ้ง และมที ัศนคติท่ดี ีกบั งานทัศนศิลป์ 2 1. อธิบายเก่ียวกับความซาบซงึ้ 1. การวิพากษ์วจิ ารณ์ งาน ✓ ในงานทศั นศิลป์สากล ทศั นศลิ ปส์ ากล 2. อธบิ ายกระบวนวพิ ากษ์ 2. ความงามทางทศั นศลิ ป์สากล ที่ วจิ ารณ์ งานทัศนศลิ ป์สากล เกิดจากการสรา้ งสรรคด์ ้วยจดุ เส้น ด้านต่าง ๆ สี แสง – เงา รูปร่าง และรปู ทรง 3. สามารถจินตนาการ และ ของวัตถจุ ากธรรมชาติ อธิบายวิเคราะห์ วพิ ากษ์ 3. ความคิดสรา้ งสรรค์ ความ วิจารณ์ วธิ กี ารสรา้ งสรรคค์ วาม สวยงาม ความเหมาะสม ความ งามจากธรรมชาติให้ออกมาเปน็ พอดีของการนำวัตถุ วัสดุสง่ิ ของ ความงามทางทัศนศิลป์สากล ต่างๆ มาประดบั ตกแต่งร่างกาย ที่ 4. อธิบายวิเคราะห์ วพิ ากษ์ อยู่อาศยั หรือตกแตง่ สถานที่ วจิ ารณ์คณุ คา่ ของงาน สง่ิ แวดล้อม ทว่ั ๆ ไป ทศั นศลิ ป์ สากล ในเรื่องของ ความงาม ท่เี กิดจากความคดิ สร้างสรรคข์ องมนษุ ย์ โดยนำ วตั ถุ วสั ดุ ส่งิ ของตา่ ง ๆ เข้ามา ประดับ เสรมิ แต่งรา่ งกาย ท่ีอยู่ อาศยั ตกแตง่ สถานท่ี

114 คร้งั ท่ี ตัวช้วี ดั เนือ้ หา การวเิ คราะห์เนื้อหา หมายเหตุ งา่ ย ปานกลาง ยาก 3 1. นำเสนอ ถา่ ยทอด ความรู้ 1. การศกึ ษา เปรียบเทียบ ✓ วิพากษ์ วจิ ารณ์ความคดิ ริเริ่ม วเิ คราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์ สรา้ งสรรค์ การตกแต่งวัสดขุ อง เกี่ยวกบั ความคิดสร้างสรรคใ์ น งานทศั นศิลปส์ ากล การประดับตกแต่งในงาน 2. อธบิ ายคุณคา่ ของความ ทัศนศิลป์สากล ซาบซง้ึ ความรักและความหวง 2. ความสำคัญ ความดี ความงาม แหนทางวัฒนธรรม ประเพณี ของวฒั นธรรม ประเพณี และความ ของโบราณสถาน สวยงามของจติ รกรรมฝาผนงั โบสถ์ โบราณวัตถุของสากลท่ัวโลก วิหาร พระราชวงั ยุคสมัยตา่ ง ๆ ทวั่ 3.นำเสนอถ่ายทอดความรู้ โลก วิเคราะห์วิพากษ์ วจิ ารณ์ 3. การนำเสนอและการวเิ คราะห์ วฒั นธรรม ประเพณี วพิ ากษว์ จิ ารณเ์ ก่ยี วกับวฒั นธรรม โบราณสถาน โบราณวตั ถุ ของ ประเพณี โบราณสถานและ สากลได้ โบราณวตั ถขุ องสากล 4 1. อธบิ ายประวัติ ความเป็นมา 1. ประวัติ ความเป็นมาและ ✓ และวิวฒั นาการของเคร่ือง วิวัฒนาการของเครือ่ งดนตรีสากล ดนตรสี ากลประเภทตา่ ง ๆ ประเภทต่าง ๆ 2. อธิบายคณุ คา่ และความ 2. คณุ ค่าและความไพเราะของการ ไพเราะของการเล่นเครื่องดนตรี เลน่ เครื่องดนตรสี ากล และการ สากล และสามารถวิเคราะห์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์ วพิ ากษว์ ิจารณ์ 5 1. อธิบาย รูปแบบและเทคนิค 1. รูปแบบของเครื่องดนตรีสากล ✓ วิธกี ารเล่นของเครื่องดนตรี ประเภทต่าง ๆ และเทคนิควธิ กี าร สากลประเภท ต่าง ๆ เลน่ ของเคร่ืองดนตรีสากลแต่ละ 2. อธิบายถงึ คุณคา่ และความ ประเภท ไพเราะของเพลงสากล และ 2. คุณค่าของความไพเราะ ของ สามารถวิเคราะห์ วิพากษ์ เพลง สากล และการวเิ คราะห์ วิจารณ์ เพลงสากล วพิ ากษ์ วจิ ารณ์ 6 1. อธิบายรูปแบบ ประเภท และ 1. การแสดงนาฏศลิ ปแ์ ละการ ✓ โอกาสในการแสดงนาฏศิลป์และ ละครสากลในรูปแบบและโอกาส การละครสากลท่ัวโลก ตา่ ง ๆ 2. อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่าง นาฏศลิ ป์และการละครสากล 2. ความสัมพนั ธร์ ะหว่างนาฏศลิ ป์ กบั การพฒั นาสังคม และการละครสากลกับบทบาท ทางสงั คมในการพัฒนาสงั คม

115 ครั้งที่ ตวั ชว้ี ดั เนอื้ หา การวเิ คราะห์เนื้อหา หมายเหตุ งา่ ย ปานกลาง ยาก 7 1. อธิบายประวตั ิ ความเป็นมา 1. ประวัติ ความเป็นมา และ ✓ และวิวฒั นาการของนาฏศิลป์ ววิ ัฒนาการการแสดงทางนาฏศิลป์ และการละครสากลประเภท และการละครสากลประเภทต่างๆ ตา่ ง ๆ 2. อธบิ ายคณุ ค่า ความสำคญั 2. คณุ คา่ ของนาฏศลิ ปแ์ ละการ ของนาฏศิลป์และการละคร ละครสากลท่เี กย่ี วข้องกบั มรดกทาง สากลมรดกทางวัฒนธรรม วัฒนธรรมภูมปิ ญั ญา สากลและการ และภูมปิ ญั ญาสากล กบั การ พัฒนาสังคม พฒั นาสังคม 8 1. สามารถประยุกต์ใชท้ ักษะ 1. การเลอื กใชแ้ ละผสมผสาน ✓ การแสดงนาฏศลิ ปแ์ ละการ องคป์ ระกอบและพฒั นาทกั ษะทาง ละครสากลไปใชใ้ หเ้ กดิ นาฏศิลปแ์ ละการละครสากล ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสังคม อยา่ งเหมาะสม 2. อธบิ ายการนำความรู้ ความ 2. การใช้ความรู้ ความเขา้ ใจและ เข้าใจและประสบการณ์มา ประสบการณป์ ระเมินคณุ ค่าการ ประเมนิ คุณค่าการละครและ ละคร และวิธกี ารเลือกชมการ เชอ่ื มโยงกับชีวติ และสงั คมเลือก แสดงนาฏศลิ ปแ์ ละการละครของ ชมการแสดง เพ่ือสร้างความสขุ สากล เพอื่ สรา้ งความสุขและเกดิ และเกิดประโยชนต์ อ่ ตนเอง ประโยชน์ต่อตนเอง

116 ตารางวิเคราะหส์ าระการเรยี นรู้ รายวิชา ทช31003 ศลิ ปศึกษา ระดับ ม. ปลาย หวั เรื่อง 1. ทศั นศลิ ป์สากล ตวั ชี้วัด เนอื้ หา เน้อื หางา่ ย เนื้อหายาก เนื้อหา หมาย (เรยี นรดู้ ้วย (จดั การ ยากมาก เหตุ เรียนร)ู้ (สอน ตนเอง) เสรมิ ) 1. อธบิ ายเกี่ยวกับความซาบซงึ้ 1. จุด เสน้ สี แสง เงา รูปรา่ ง ในงานทศั นศิลปส์ ากลได้ และรปู ทรง เพื่อให้เกิดความซาบซ้งึ 2.อธบิ ายความเปน็ มาของงาน และมีทัศนคติท่ดี กี บั งานทัศนศิลป์ ทศั นศลิ ป์สากลในดา้ นต่าง ๆ 2.ความเปน็ มาของทัศนศลิ ป์สากล 3. อธบิ ายกระบวนวิพากษ์ ในดา้ น วจิ ารณง์ านทศั นศลิ ปส์ ากลดา้ น - จติ รกรรม ตา่ ง ๆ - ประตมิ ากรรม 4.สามารถจินตนาการ และ - สถาปัตยกรรม อธบิ ายวิธีการสร้างสรรคค์ วาม - ภาพพิมพ์ งามจากธรรมชาตใิ ห้ออกมาเป็น 3. การวิพากษว์ ิจารณง์ านทัศนศลิ ป์ ความงามทางทัศนศลิ ปส์ ากล ของสากล 5.อธบิ ายคณุ คา่ ของงาน 4. ความงามทางทัศนศลิ ป์ของ ทัศนศิลป์ สากล ในเรื่องของ สากลท่เี กดิ จากการสรา้ งสรรค์ด้วย ความงามที่เกดิ จากความคิด จุด เสน้ สี แสง เงา รปู รา่ ง และ สร้างสรรค์ของมนษุ ย์ โดยนำ รูปทรงของวัตถจุ ากธรรมชาติ วตั ถุ วสั ดุ สิง่ ของตา่ ง ๆ เข้ามา 5. ความคิดสรา้ งสรรค์ ประดบั เสริมแต่งร่างกาย ที่อยู่ ความสวยงาม ความเหมาะสม อาศัย ตกแตง่ สถานที่ ความพอดีของการนำวัตถุ วัสดุ ส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ ไดอ้ ย่าง สิง่ ของตา่ งๆ มาประดับตกแต่ง เหมาะสม ร่างกายท่ีอยอู่ าศยั หรือตกแต่ง สถานท่สี ิง่ แวดลอ้ มทัว่ ๆ ไป

117 ตัวชี้วัด เนื้อหา เนือ้ หาง่าย เนอื้ หายาก เนื้อหา หมาย (เรียนรดู้ ้วย (จัดการ ยากมาก เหตุ 6. นำเสนอ ถ่ายทอด ความรู้ เรียนรู้) (สอน วพิ ากษ์วิจารณ์ ความคิดริเร่ิม ตนเอง) เสรมิ ) สร้างสรรค์ การตกแต่งวสั ดุ ของงานทัศนศิลปส์ ากล 6.ศกึ ษา เปรียบเทียบ วเิ คราะห์ 7.อธบิ ายคุณค่าของความ ซาบซง้ึ ความรักและความหวง วิพากษว์ ิจารณ์ เกยี่ วกบั ความคิด แหนทางวฒั นธรรม ประเพณี ของโบราณสถาน โบราณวตั ถุ สร้างสรรคใ์ นการประดับตกแต่งใน ของสากลท่ัวโลก 8.นำเสนอถ่ายทอดความรู้ งานทัศนศิลป์สากล วิพากษ์ วจิ ารณ์ วัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถาน 7.ความสำคัญ ความดี ความงาม โบราณวัตถุของสากลได้ ของวัฒนธรรม ประเพณี และความ สวยงามของจิตรกรรม ฝาผนัง โบสถ์ วหิ าร พระราชวัง ยคุ สมยั ตา่ ง ๆ ทัว่ โลก 8.การวเิ คราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เกย่ี วกบั วัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถานและโบราณวัตถุของ สากล

118 หัวเรอื่ ง 2. ดนตรสี ากล ตัวชว้ี ัด เนื้อหา เนื้อหางา่ ย เนอ้ื หายาก เนอ้ื หา หมาย (เรียนรดู้ ว้ ย (จดั การ ยากมาก เหตุ เรยี นร้)ู (สอน ตนเอง) เสรมิ ) 1.อธบิ ายประวตั ิความเปน็ มา 1. ประวัติความเป็นมาและ และวิวฒั นาการของเคร่ืองดนตรี ววิ ัฒนาการของเครือ่ งดนตรสี ากล สากลประเภทต่างๆ ได้ ประเภทต่าง ๆ 2.อธิบาย รูปแบบและเทคนคิ 2.รูปแบบของเครื่องดนตรีสากล วิธกี ารเล่นของเครื่องดนตรี ประเภทต่าง ๆ และเทคนิควธิ กี าร สากลประเภทต่างๆ ได้ เลน่ ของเครอ่ื งดนตรสี ากลแต่ละ 3.อธบิ ายคณุ คา่ และความ ประเภท ไพเราะของการเลน่ เคร่ืองดนตรี 3. คุณคา่ และความไพเราะของการ สากล และสามารถวเิ คราะห์ เล่นเครอ่ื งดนตรสี ากล และสามารถ วิพากษ์วจิ ารณ์ได้ วิเคราะห์ วิพากษว์ จิ ารณ์ 4. อธิบายถงึ คณุ ค่าและความ 4. คณุ คา่ และความไพเราะของ ไพเราะของเพลงสากล และ เพลง สากล และสามารถวเิ คราะห์ สามารถวเิ คราะห์ วิพากษ์ วิพากษ์วจิ ารณ์ วจิ ารณ์ เพลงสากล 5. ประวตั คิ วามเป็นมาของ 5. อธิบายประวัตคิ วามเปน็ มาของ ภูมิปัญญาทางดนตรีและ ภูมิปญั ญาทางดนตรีและเพลงสากล เพลงสากล ได้ 6. เหน็ คณุ คา่ และเกิดความ 6.อธิบายถงึ คุณค่าของความรัก หวงแหน ภูมปิ ญั ญา และความหวงแหน พรอ้ ม ทางดนตรีสากล ยกตัวอย่างตลอดจนร่วมสืบ สานกระบวนการถา่ ยทอดของ ภูมปิ ัญญาทางดนตรสี ากลได้

119 หวั เรอ่ื ง 3. นาฏศิลปส์ ากล ตวั ช้วี ดั เน้ือหา เนื้อหางา่ ย เนอ้ื หายาก เน้อื หา หมาย (เรียนรดู้ ้วย (จดั การ ยากมาก เหตุ เรยี นร)ู้ (สอน ตนเอง) เสรมิ ) 1.อธบิ ายรปู แบบ ประเภท และ 1.การแสดงนาฏศิลป์และ โอกาสในการแสดงนาฏศิลปแ์ ละ การละครสากลในรูปแบบและ การละครสากลท่ัวโลกได้ โอกาสตา่ ง ๆ 2.อธบิ ายประวัติ ความเป็นมา 2.ประวัติ ความเป็นมา และ และวิวัฒนาการของนาฏศิลป์และ ววิ ัฒนาการการแสดงทาง การละครสากลประเภทตา่ ง ๆได้ นาฏศิลป์ และการละครสากล 3.อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่าง ประเภทตา่ งๆ นาฏศิลปแ์ ละการละครสากล 3.ความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ กับการพฒั นาสงั คมได้ และการละครสากลกบั บทบาท 4.สามารถประยกุ ต์ใช้ทักษะการ ทางสังคมในการพัฒนาสังคม แสดงนาฏศิลป์ และการละคร 4.การเลือกใชแ้ ละผสมผสาน สากลไปใช้ใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อ องค์ประกอบและพัฒนาทักษะ ตนเองและสงั คมอยา่ งเหมาะสม ทางนาฏศิลป์ และการละคร ได้ สากล 5.อธิบายการนำความรู้ ความ 5.การใช้ความรูแ้ ละความเขา้ ใจ เขา้ ใจและประสบการณม์ าประเมนิ และประสบการณป์ ระเมินคุณคา่ คุณคา่ การละครและเชื่อมโยง การละครวิธีการเลือกชมการ ความหมายกับชีวติ และสงั คมได้ แสดงนาฏศิลปแ์ ละการละครของ เลอื กชมการแสดง เพ่ือสรา้ ง สากล เพ่ือสรา้ งความสุขและเกิด ความสุขและเกดิ ประโยชน์ต่อ ประโยชน์ต่อตนเอง ตนเองได้

120 ตัวช้ีวดั เนอื้ หา เนื้อหาง่าย เนอ้ื หายาก เนอ้ื หา หมาย (เรียนรดู้ ้วย (จัดการ ยากมาก เหตุ เรียนรู้) (สอน ตนเอง) เสรมิ ) 6.อธบิ ายคุณคา่ ความสำคญั ของ 6.คุณคา่ ของนาฏศิลปแ์ ละ นาฏศิลป์ และการละครสากล การละครสากลทีเ่ ก่ียวข้องกับมรดก มรดกทางวัฒนธรรม และภูมิ ทางวฒั นธรรมภมู ปิ ญั ญา สากลและ ปญั ญาสากล กับการพฒั นาสังคม การพฒั นาสังคม ได้ 7.อธิบายประวตั คิ วามเปน็ มา 7.ประวัติความเปน็ มาวิวฒั นาการ และววิ ัฒนาการของ ของลลี าศสากลต่างๆทว่ั โลก การลีลาศมาตรฐานได้ 8.อธิบาย คณุ คา่ และความสัมพันธ์ 8.คุณคา่ และความสมั พันธ์ของ ของวฒั นธรรม ประเพณีที่ วฒั นธรรม ประเพณี ที่เก่ียวข้อง เกยี่ วขอ้ งกบั ววิ ัฒนาการของลีลาศ กับการววิ ัฒนาการของ มาตรฐานทเี่ กี่ยวกับมรดกทาง การลีลาศมาตรฐานท่ีเปน็ มรดก วฒั นธรรม ทางวัฒนธรรม 9.ระบคุ ุณค่าและความสมั พนั ธ์ 9.การนำท่าลีลาศมาตรฐาน ของทา่ ลีลาศมาตรฐานไป ไปประยุกตใ์ ชป้ ระกอบเพลงอื่น ๆ ประยกุ ต์ใช้ประกอบกับเพลง อื่น เพอื่ นำไปใช้ โดยใหส้ อดคล้องกับ ๆเพือ่ ให้สอดคลอ้ งกับวฒั นธรรม วัฒนธรรมในภมู ิภาค ประเพณี และในชวี ติ ประจำวนั ของแต่ละภมู ภิ าคทั่วโลก

121 ตารางวิเคราะหส์ าระการเรยี นรู้ รายวิชา ทช31003 ศิลปศึกษา ระดับ ม. ปลาย หัวเรื่อง 1. ทศั นศลิ ป์สากล ตวั ชี้วัด เนอื้ หา เน้อื หางา่ ย เนื้อหายาก เนื้อหา หมาย (เรยี นรดู้ ้วย (จดั การ ยากมาก เหตุ เรียนร)ู้ (สอน ตนเอง) เสรมิ ) 1. อธิบายเกี่ยวกับความซาบซงึ้ 1. จุด เสน้ สี แสง เงา รูปรา่ ง ในงานทศั นศิลปส์ ากลได้ และรปู ทรง เพื่อให้เกิดความซาบซ้งึ 2.อธบิ ายความเปน็ มาของงาน และมีทัศนคติท่ดี กี บั งานทัศนศิลป์ ทศั นศลิ ป์สากลในดา้ นต่าง ๆ 2.ความเปน็ มาของทัศนศลิ ป์สากล 3. อธบิ ายกระบวนวิพากษ์ ในดา้ น วจิ ารณง์ านทศั นศลิ ปส์ ากลดา้ น - จติ รกรรม ตา่ ง ๆ - ประตมิ ากรรม 4.สามารถจินตนาการ และ - สถาปัตยกรรม อธบิ ายวิธกี ารสร้างสรรคค์ วาม - ภาพพิมพ์ งามจากธรรมชาตใิ ห้ออกมาเป็น 3. การวิพากษว์ ิจารณง์ านทัศนศลิ ป์ ความงามทางทัศนศลิ ป์สากล ของสากล 5.อธบิ ายคณุ คา่ ของงาน 4. ความงามทางทัศนศลิ ป์ของ ทัศนศิลป์ สากล ในเรื่องของ สากลท่เี กดิ จากการสรา้ งสรรค์ด้วย ความงามที่เกดิ จากความคิด จุด เสน้ สี แสง เงา รปู รา่ ง และ สร้างสรรค์ของมนษุ ย์ โดยนำ รูปทรงของวัตถจุ ากธรรมชาติ วตั ถุ วสั ดุ สิง่ ของตา่ ง ๆ เข้ามา 5. ความคิดสรา้ งสรรค์ ประดบั เสริมแตง่ ร่างกาย ที่อยู่ ความสวยงาม ความเหมาะสม อาศัย ตกแตง่ สถานที่ ความพอดีของการนำวัตถุ วัสดุ ส่ิงแวดล้อมต่าง ๆ ไดอ้ ย่าง สิง่ ของตา่ งๆ มาประดับตกแต่ง เหมาะสม ร่างกายท่ีอยอู่ าศยั หรือตกแต่ง สถานท่สี ิง่ แวดลอ้ มทัว่ ๆ ไป

122 ตัวชี้วัด เนื้อหา เนือ้ หาง่าย เนอื้ หายาก เนื้อหา หมาย (เรียนรดู้ ้วย (จัดการ ยากมาก เหตุ 6. นำเสนอ ถ่ายทอด ความรู้ เรียนรู้) (สอน วพิ ากษ์วจิ ารณ์ ความคดิ รเิ ร่ิม ตนเอง) เสรมิ ) สร้างสรรค์ การตกแตง่ วัสดุ ของงานทัศนศิลปส์ ากล 6.ศกึ ษา เปรียบเทียบ วเิ คราะห์ 7.อธบิ ายคณุ ค่าของความ ซาบซ้ึง ความรักและความหวง วิพากษว์ ิจารณ์ เกยี่ วกบั ความคิด แหนทางวัฒนธรรม ประเพณี ของโบราณสถาน โบราณวัตถุ สร้างสรรคใ์ นการประดับตกแต่งใน ของสากลท่ัวโลก 8.นำเสนอถ่ายทอดความรู้ งานทัศนศิลป์สากล วิพากษ์ วจิ ารณ์ วัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถาน 7.ความสำคัญ ความดี ความงาม โบราณวตั ถขุ องสากลได้ ของวัฒนธรรม ประเพณี และความ สวยงามของจิตรกรรม ฝาผนัง โบสถ์ วหิ าร พระราชวัง ยคุ สมยั ต่าง ๆ ทว่ั โลก 8.การวเิ คราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เก่ียวกบั วัฒนธรรม ประเพณี โบราณสถานและโบราณวัตถุของ สากล

123 หัวเรอื่ ง 2. ดนตรีสากล ตวั ชว้ี ัด เนื้อหา เนื้อหางา่ ย เนอ้ื หายาก เนอ้ื หา หมาย (เรียนรดู้ ว้ ย (จดั การ ยากมาก เหตุ เรยี นร้)ู (สอน ตนเอง) เสรมิ ) 1.อธบิ ายประวตั ิความเปน็ มา 1. ประวัติความเป็นมาและ และวิวฒั นาการของเคร่ืองดนตรี ววิ ัฒนาการของเครอื่ งดนตรสี ากล สากลประเภทตา่ งๆ ได้ ประเภทต่าง ๆ 2.อธิบาย รูปแบบและเทคนคิ 2.รูปแบบของเครื่องดนตรีสากล วิธกี ารเล่นของเคร่ืองดนตรี ประเภทต่าง ๆ และเทคนิควธิ กี าร สากลประเภทตา่ งๆ ได้ เลน่ ของเครอ่ื งดนตรีสากลแต่ละ 3.อธบิ ายคณุ คา่ และความ ประเภท ไพเราะของการเล่นเคร่ืองดนตรี 3. คุณคา่ และความไพเราะของการ สากล และสามารถวเิ คราะห์ เล่นเครอ่ื งดนตรสี ากล และสามารถ วิพากษ์วจิ ารณ์ได้ วิเคราะห์ วิพากษว์ จิ ารณ์ 4. อธิบายถงึ คุณค่าและความ 4. คณุ คา่ และความไพเราะของ ไพเราะของเพลงสากล และ เพลง สากล และสามารถวเิ คราะห์ สามารถวเิ คราะห์ วิพากษ์ วิพากษ์วจิ ารณ์ วจิ ารณ์ เพลงสากล 5. ประวตั คิ วามเปน็ มาของ 5. อธิบายประวตั ิความเปน็ มาของ ภูมิปัญญาทางดนตรีและ ภูมิปญั ญาทางดนตรแี ละเพลงสากล เพลงสากล ได้ 6. เหน็ คณุ คา่ และเกดิ ความ 6.อธิบายถงึ คณุ ค่าของความรัก หวงแหน ภูมปิ ญั ญา และความหวงแหน พรอ้ ม ทางดนตรีสากล ยกตัวอย่างตลอดจนร่วมสืบ สานกระบวนการถา่ ยทอดของ ภูมปิ ัญญาทางดนตรสี ากลได้

124 หวั เรอ่ื ง 3. นาฏศิลปส์ ากล ตวั ช้วี ดั เน้ือหา เนื้อหาง่าย เนื้อหายาก เนอื้ หา หมาย (เรียนรดู้ ้วย (จัดการ ยากมาก เหตุ เรยี นรู้) (สอน ตนเอง) เสรมิ ) 1.อธบิ ายรปู แบบ ประเภท และ 1.การแสดงนาฏศิลป์และ โอกาสในการแสดงนาฏศิลปแ์ ละ การละครสากลในรูปแบบและ การละครสากลท่ัวโลกได้ โอกาสตา่ ง ๆ 2.อธบิ ายประวัติ ความเป็นมา 2.ประวัติ ความเป็นมา และ และวิวัฒนาการของนาฏศิลป์และ ววิ ัฒนาการการแสดงทาง การละครสากลประเภทตา่ ง ๆได้ นาฏศิลป์ และการละครสากล 3.อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่าง ประเภทตา่ งๆ นาฏศิลปแ์ ละการละครสากล 3.ความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ กับการพฒั นาสงั คมได้ และการละครสากลกบั บทบาท 4.สามารถประยกุ ต์ใช้ทักษะการ ทางสังคมในการพัฒนาสังคม แสดงนาฏศิลป์ และการละคร 4.การเลือกใชแ้ ละผสมผสาน สากลไปใช้ใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อ องค์ประกอบและพัฒนาทักษะ ตนเองและสงั คมอยา่ งเหมาะสม ทางนาฏศิลป์ และการละคร ได้ สากล 5.อธิบายการนำความรู้ ความ 5.การใช้ความรูแ้ ละความเขา้ ใจ เขา้ ใจและประสบการณม์ าประเมนิ และประสบการณป์ ระเมินคุณคา่ คุณคา่ การละครและเชื่อมโยง การละครวิธีการเลือกชมการ ความหมายกับชีวติ และสงั คมได้ แสดงนาฏศิลปแ์ ละการละครของ เลอื กชมการแสดง เพ่ือสรา้ ง สากล เพ่ือสรา้ งความสุขและเกิด ความสุขและเกดิ ประโยชน์ต่อ ประโยชน์ต่อตนเอง ตนเองได้

125 ตัวช้ีวดั เนอ้ื หา เนื้อหาง่าย เนอ้ื หายาก เนอ้ื หา หมาย (เรียนรดู้ ้วย (จัดการ ยากมาก เหตุ เรียนรู้) (สอน ตนเอง) เสรมิ ) 6.อธบิ ายคุณคา่ ความสำคญั ของ 6.คุณคา่ ของนาฏศิลปแ์ ละ นาฏศิลป์ และการละครสากล การละครสากลทีเ่ ก่ียวข้องกับมรดก มรดกทางวัฒนธรรม และภูมิ ทางวฒั นธรรมภมู ปิ ญั ญา สากลและ ปญั ญาสากล กับการพฒั นาสังคม การพัฒนาสังคม ได้ 7.อธิบายประวตั คิ วามเปน็ มา 7.ประวัติความเปน็ มาวิวฒั นาการ และววิ ัฒนาการของ ของลลี าศสากลต่างๆทว่ั โลก การลีลาศมาตรฐานได้ 8.อธิบาย คณุ คา่ และความสัมพันธ์ 8.คณุ คา่ และความสมั พันธ์ของ ของวฒั นธรรม ประเพณีที่ วฒั นธรรม ประเพณี ที่เก่ียวข้อง เกยี่ วขอ้ งกบั ววิ ัฒนาการของลีลาศ กับการววิ ัฒนาการของ มาตรฐานทเี่ กี่ยวกับมรดกทาง การลลี าศมาตรฐานท่ีเปน็ มรดก วฒั นธรรม ทางวัฒนธรรม 9.ระบคุ ุณค่าและความสมั พนั ธ์ 9.การนำท่าลีลาศมาตรฐาน ของทา่ ลีลาศมาตรฐานไป ไปประยุกตใ์ ชป้ ระกอบเพลงอื่น ๆ ประยกุ ต์ใช้ประกอบกับเพลง อื่น เพือ่ นำไปใช้ โดยใหส้ อดคล้องกับ ๆเพือ่ ให้สอดคลอ้ งกับวฒั นธรรม วัฒนธรรมในภมู ิภาค ประเพณี และในชวี ติ ประจำวนั ของแต่ละภูมภิ าคทั่วโลก

แผนการจัดการเรยี นรู้ สาระความรู้ ทักษะดารดำเนินช ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย คร้ัง วัน/เดอื น/ปี หัวเร่อื ง/ตัวช้ีวัด เนื้อหาสาระวิชา ที่ ทศั นศลิ ป์ 1. ความหมาย ความสำคัญ ครนู 8 24 มกราคม 1. อธิบายความหมาย และความเปน็ มาของ ข้ัน 2564 ความสำคัญ ความเปน็ มา ทัศนศลิ ป์สากลในด้าน ครแู ของทัศนศลิ ปส์ ากล ใน - จิตรกรรม ในท ด้านตา่ ง ๆ - ประติมากรรม โบร 2. อธิบายเกย่ี วกบั ความ - สถาปัตยกรรม ครูแ ซาบซ้ึงในงานทัศนศิลป์ - ภาพพมิ พ์ และ สากล 2. วิพากษว์ จิ ารณ์ งาน -ป 3.สามารถวเิ คราะห์ ทศั นศิลปส์ ากล วพิ า วิพากษ์ วิจารณ์ งาน 3. ความงามทางทัศนศิลป์ คว ทศั นศลิ ป์สากลด้านต่างๆ จดุ สากล ท่เี กิดจากการ การ ขัน้ สรา้ งสรรคด์ ้วยจดุ เสน้ สี . คร ทศั แสง – เงา รูปร่าง และ 2.ค คน รูปทรงของวตั ถุจาก ธรรมชาติ

ชีวิต รายวิชาศิลปศกึ ษา รหัสวิชา ทช 31003 ย จำนวน 2 หน่วยกติ กจิ กรรมการเรยี นรู้ ส่อื /อปุ กรณ์ การวดั ผล ประเมนิ ผล นำผูเ้ รยี นสวดมนต์ไหว้พระ และทำสมาธิ 3 นาที -ใบความรู้ -การมีสว่ นรว่ ม. นท่ี 1 กำหนดสภาพปญั หา ความต้องการในการเรยี นรู้ กระบวนกลุ่ม และผู้เรียนรว่ มกนั สนทนากบั นกั ศึกษาเรื่องสถานที่สำคัญ แบบเรยี น -ใบงาน ทอ้ งถ่ิน ของตนเอง เชน่ วัด มสั ยิด โบราณสถาน รายวิชา ราณวตั ถุ ฯลฯ ศิลปศึกษา - แบบสังเกต และผู้เรียนรว่ มกนั วิเคราะห์ ความหมาย ความสำคัญ ะความเปน็ มาของทัศนศิลปส์ ากลในดา้ น - จติ รกรรม เคร่ืองฉาย ประติมากรรม- สถาปตั ยกรรม- ภาพพมิ พ์. โน๊ตบุ๊ค ากษว์ ิจารณ์ งานทัศนศิลป์สากล เคร่อื งเสียงพรอ้ ม วามงามทางทัศนศิลป์สากล ที่เกดิ จากการสร้างสรรคด์ ว้ ย ลำโพง เสน้ สี แสง – เงา รูปรา่ ง และรปู ทรงกำหนดกจิ กรรมใน รศึกษาหาความรู้ กระบวนการกลุม่ นท่ี 2 ข้ันแสวงหาข้อมลู รใู หน้ กั ศึกษาดูยทู ูป ความสำคัญ ความเป็นมาของเนื้อหา ศนศิลป์ และการวิพากษว์ ิจารณ์งานทัศนศิลป์ ครู แบง่ กลุ่มผเู้ รียน ออกเป็นกลมุ่ ย่อย กลุม่ ละ 4 – 5 น 4 กลุ่ม ศึกษาคน้ ควา้ เรอื่ งที่ครกู ำหนดให้ 130

ครง้ั วนั /เดอื น/ปี หวั เรื่อง/ตัวชี้วดั เน้อื หาสาระวชิ า ที่ 2.1 อนิ เ 2.2 แลก 2.3 นำเ 2.4 ขน้ั 1. ฟงั 2. และ 3.1 งาน วาง 3.2 ขั้น 4.1 ผลง

กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื /อุปกรณ์ การวดั ผล ประเมนิ ผล 1. ผูเ้ รียนศึกษาหาความรูด้ ้วยตนเอง จากสือ่ เทอร์เน็ต ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน แหลง่ เรียนรูอ้ ่ืน ๆ 2. ผู้เรยี นนำความร้ทู ไี่ ดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ มา กเปลยี่ นเรียนรู้กบั เพื่อนในกล่มุ 3. ผ้เู รียนรว่ มกันสรุปองค์ความรู้ และเขยี นสรุปรายงาน เสนอครผู ู้สอน 4 ครแู ละผ้เู รียนรว่ มกนั สรุปองค์ความรู้ท่ีได้รบั นท่ี 3 การปฏิบตั ินำไปใช้ ใหต้ วั แทนกลมุ่ นำเสนอผลงานทศ่ี ึกษาค้นควา้ ให้กลุ่มอืน่ ครแู ละผูเ้ รียนชว่ ยกนั สรุปเนื้อหาสาระสำคัญของเรื่อง 131 ะจดบนั ทึก 1 ผ้เู รียนนำความรูท้ ี่ได้รบั ไปปฏิบตั ใิ ชใ้ นการทำ น การ งแผนขยายอาชีพ ในการดำรงชีวติ ประจำวัน 2. ผเู้ รียนรวบรวมผลการปฏิบตั ิ สรุป และจดั ทำรายงาน นที่ 4 การประเมินผลการเรียนรู้ 1. ครูและผู้เรียนร่วมกนั สรุปองค์ความร้จู ากการนำเสนอ งาน รายงานของผเู้ รียน

ครง้ั วนั /เดอื น/ปี หวั เรื่อง/ตัวชี้วดั เนื้อหาสาระวิชา ท่ี 4.2 การ 4.3 เอก ตาม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook