41 ใบงาน เรื่อง คำศพั ท์ 10 คำ คำชี้แจง จงหาความหมายของคำศัพทใ์ นพจนานุกรมดงั ต่อไปนี้ 1. Mother ความหมาย……………………………………………………………………….. 2. Desk ความหมาย……………………………………………………………………….. 3. Computer ความหมาย……………………………………………………………………….. 4. Turn on ความหมาย……………………………………………………………………….. 5. Clock ความหมาย……………………………………………………………………….. 6. Chair ความหมาย……………………………………………………………………….. 7. Pencil ความหมาย……………………………………………………………………….. 8. Shoe ความหมาย……………………………………………………………………….. 9. Bag ความหมาย……………………………………………………………………….. 10.Money ความหมาย………………………………………………………………………..
42 ใบงาน หาคำศัพทจ์ ากสถานทต่ี า่ ง ๆ หน่วยการเรยี นรู้ การใชพ้ จนานุกรมภาษาอังกฤษ วิชา ภาษาอังกฤษเพื่อชวี ติ และสังคม ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย คำชแ้ี จง จงหาความหมายของคำศพั ทใ์ นพจนานกุ รมดังต่อไปน้ี 1. …………………..….…. คำอ่าน.............................................................. ความหมาย………………………………………………… 2. …………………..….…. คำอ่าน.............................................................. ความหมาย………………………………………………… 3. …………………..….…. คำอ่าน.............................................................. ความหมาย………………………………………………… 4. …………………..….…. คำอ่าน.............................................................. ความหมาย………………………………………………… 5. …………………..….…. คำอา่ น.............................................................. ความหมาย………………………………………………… 6. …………………..….…. คำอา่ น.............................................................. ความหมาย………………………………………………… 7. …………………..….…. คำอา่ น.............................................................. ความหมาย…………………………………………………
แผนการจัดกจิ กรรม
มการเรยี นรู้คร้งั ท่ี 4
แผนการเรียนรู้รายวิชา พต31001 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ภาค ชื่อหน่วยการเรียนรู้ สญั ลกั ษณ์ทค่ี วรรู้ เรือ่ ง เคร่ืองหมาย ส รายวิชา/หวั เรื่อง ตวั ชว้ี ดั เนื้อหา สญั ลกั ษณ์ อ่านและทำตาม 3. สญั ลักษณ์และปา้ ยประกาศตา่ ง ๆ (Signs & Notices) รจู้ กั ท่คี วรรู้ (10 ชั่วโมง) คำแนะนำในการใช้ ความหมายของสญั ลักษณแ์ ละป้ายประกาศทพี่ บใน ชวี ิตประจำวันและการประกอบอาชีพ เช่น การปฏิบตั ิตน คูม่ อื ปา้ ย ในแหล่งท่องเที่ยว โรงแรม พพิ ิธภณั ฑ์ โรงงาน สำนักงาน คำแนะนำ วธิ กี าร ยานพาหนะ ตวั อย่าง เช่น ปรุงอาหาร ข้อควรระวงั และ = Don’t take photo ป้ายประกาศ photograph. = Don’t take durian inside = No smoking
1 ภาษาองั กฤษเพื่อชวี ติ และสังคม คเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 สัญลกั ษณ์ ป้ายประกาศและคำอธบิ าย สปั ดาหท์ ี/่ ครง้ั ที่ 4 การจดั กระบวนการเรียนรู้ ส่ือและแหลง่ การวัดและ เรยี นรู้ ประเมนิ ผล ก ขัน้ ที่ 1 กำหนดสภาพปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ - ใบความรู้ - แบบฝกึ หัด 1.1 ครูนำภาพตวั อย่าง สญั ลักษณ์ ป้ายประกาศ - โปสเตอรป์ า้ ย - รายงาน คำอธิบายฉลากและคู่มอื การใชอ้ ุปกรณ์ต่างๆ มา จราจร ใหผ้ ู้เรียนดู - โปสเตอร์ 1.2 ครแู ละผเู้ รยี นสรา้ งความเขา้ ใจในเรื่องการดูปา้ ย สญั ลกั ษณ์ สญั ลกั ษณ์ ปา้ ยประกาศ คำอธบิ ายฉลากและคมู่ อื การ และปา้ ย ใชอ้ ปุ กรณต์ า่ งๆ โดยการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ประกาศ ขั้นท่ี 2 แสวงหาข้อมูลและจัดการเรยี นรู้ ตา่ ง ๆ - ฉลากยา 2.1 ครใู หผ้ เู้ รยี นแบง่ กลมุ่ ทำงาน โดยใหศ้ กึ ษาค้นคว้า หวั ข้อ ดงั น้ี ฉลากคมู่ อื 2.1.1 เครอ่ื งหมายจราจร การใชอ้ ุปกรณ์ 2.1.2 สญั ลกั ษณแ์ ละปา้ ยประกาศต่าง ๆ - ใบงาน 2.1.3 ฉลากยา และคมู่ อื การใช้อุปกรณ์ - แบบฝกึ หัด จากแหล่งการเรยี นรู้ เชน่ หอ้ งสมดุ อินเทอรเ์ นต็ ฯลฯ โดยใหผ้ ู้เรยี นจดั ทำเป็นรปู เลม่ รายงาน และให้ ยกตวั อยา่ งนำเสนอกลุ่มละ 2 นาที 2.2. ครูให้ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบ เรอ่ื ง เคร่อื งหมายจราจร สัญลกั ษณ์ ปา้ ยประกาศต่าง ๆ ฉลากยา และคมู่ อื ปา้ ย ประกาศตา่ ง ๆ 1 44
รายวิชา/หัวเร่อื ง ตัวช้วี ดั = Handicapped เนอื้ หา = elevationor lift Make up = do not disturb the room = make up the room = danger = safety first
การจดั กระบวนการเรียนรู้ ส่ือและแหลง่ การวัดและ เรียนรู้ ประเมนิ ผล ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ตั แิ ละการนำไปใช้ 3.1 ผู้เรยี นนำความรไู้ ปปฏิบตั ิ เชน่ การปฏบิ ตั ติ ามกฎ จราจรคำแนะนำช้ีแจงในการรบั ประทานยาได้ เป็นตน้ 3.1 ให้ผเู้ รยี นนำตัวอยา่ งท่ีพบในชีวติ ประจำวนั มาบันทกึ ไว้เป็นแฟม้ สะสมงาน ข้นั ที่ 4 การประเมนิ ผลการเรียนรู้ 4.1 ครูและผู้เรยี นนำแฟ้มสะสมงานและผลงานที่ไดจ้ าก การปฏบิ ัติมานำเสนอ 4.2 ครูและผเู้ รียนรว่ มกันสรา้ งเกณฑ์การประเมนิ คณุ ภาพ การเรยี นรู้ 4.3 ครู ผ้เู รยี น ผเู้ กยี่ วขอ้ ง ร่วมกนั ประเมนิ พฒั นาการ เรียนรู้ ให้เปน็ ไปตามเกณฑ์คณุ ภาพการเรียนรู้ 45
รายวชิ า/หวั เร่อื ง ตวั ช้วี ดั เนอื้ หา = no parking = Disabled Symbol etc. 2. สลากยาและคู่มอื ในการใช้อุปกรณ์ตา่ ง ๆ (Instructions) การอา่ น ทำความเข้าใจและปฏบิ ตั ิตามคำแนะนำในการ ใช้ยาและอุปกรณต์ า่ ง ๆ ท่ีใชใ้ นชวี ิตประจำวนั เช่น หมอ้ หุง ขา้ วไฟฟา้ เคร่ืองซักผา้ คอมพวิ เตอร์ โทรศัพทม์ อื ถอื เปน็ ต้น โดยให้เขา้ ใจสำนวนหรือโครงสรา้ งของประโยคท่ีมกั ใช้ เช่น - Keep out of reach of children. - Take one tablet after each meal. - Shake well before use.
การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื และแหล่ง การวดั และ เรียนรู้ ประเมินผล น 46
47 ใบความรเู้ รื่อง เครอ่ื งหมายหรือสญั ลกั ษณ์ ( Sign or Symbol ) เคร่ืองหมายหรอื สญั ลกั ษณ์ คอื สิง่ ทีบ่ ง่ บอกให้รคู้ วามหมายของสัญลักษณ์หรือป้ายประกาศตามสถานทตี่ ่าง ๆ เป็นการให้ข้อมูลทเ่ี ป็นสัญลักษณ์ เช่น การห้าม การเตือน การขอความชว่ ยเหลือ ฯลฯ เช่น No smoking โน สโม๊คกง้ิ หา้ มสบู บหุ ร่ี Woman’s lavatory วแู มน อสี ลาวาโทรี่ หอ้ งน้ำหญงิ เครอ่ื งหมายหรือสัญลักษณ์ตามประเภทตา่ ง ๆ Warning signs ( สญั ลกั ษณ์การเตือน )
48 Packing signs ( สัญลกั ษณก์ ารเก็บหรือบรรจสุ นิ ค้า ) 1. Glass with care ( fragile ). แกลส วิช แคร์ ( ฟาร์กลิ ). ระวงั แก้วแตก 2. Up / this side up. อพั / ดสิ ไซด์ อัพ. ยกดา้ นน้ีข้ึน 3. Use no hook. ยสู โน ฮคุ . ห้ามใช้ตะขอ 4. Two stack. ทู สแต็ค. วางซอ้ นกนั ได้ 2 ชั้น 5. Protect from Heat. โปรเท็กซ์ ฟอร์ม ฮีท. เกบ็ ไวใ้ นท่ีร่ม 6. Keep dry. คีฟ ดราย. หา้ มเปียกน้ำ. 7. Sling here. สลิง เฮีย. โซอ่ ย่บู รเิ วณน้ี
49 ปา้ ยสญั ลักษณจ์ ราจรภาษาไทย ป้ายสญั ลักษณจ์ ราจรภาษาองั กฤษ Traffic signs Air port Bar Bike Lane Car Rental สนามบนิ เคร่อื งดื่ม ทางรถจกั รยาน รถเช่า Cauti on Cliff Ahead Caution Deer Crossing Caution Poison Caution Radiation Area ระวังหน้าผาข้างหน้า ระวัง(กวาง)เดินข้ามถนน ระวงั สารพษิ ระวงั สารกัมมันตรงั สี Coffee Shop Danger High Voltage Dangerous Bend Dual Carriage Way End รา้ นกาแฟ ระวงั ไฟฟา้ แรงสูง อันตรายทางโค้งหักศอก ส้นิ สดุ ทางคู่ Dual Carriage Way End of Restriction End of Road Food Services Ahead เรม่ิ ต้นทางคู่ สดุ เขตจำกดั ความเรว็ สุดทาง ภัตตาคาร/ร้านอาหาร Junction Ahead Junction Ahead Lanes Merging Left Left Turn Split ทางแยกข้างหนา้ ทางแยกขา้ งหนา้ ทางร่วมข้างหนา้ (ดา้ นซ้าย) ทางแยกด้านซา้ ยข้างหน้า
50 Left Winding Road Narrow Bridge Narrow Road Motorcycles & Autos ทางคดด้านซ้าย สะพานแคบ ทาง / ถนนแคบลง Prohibited ห้ามรถมอเตอร์ไซด์และ รถยนต์ผ่าน Turn Left Turn Right Two Way Traffic Weight Limitation ใหเ้ ลีย้ วซา้ ย ใหเ้ ลยี้ วขวา เดินรถสวนทางกัน จำกดั น้ำหนกั บรรทกุ No Audible No Bikes No Entry No Parking หา้ มใชเ้ สยี ง / กดแตร ห้ามรถจักรยาน หา้ มเขา้ หา้ มจอดรถ No Passing No Pedestrians No Standing and Parking No Turn Left หา้ มแซง ห้ามเดินขา้ ม หา้ มหยดุ และห้ามจอด ห้ามเล้ยี วซ้าย No Turn Right No U – Turn One Way Traffic One Way หา้ มเลย้ี วขวา หา้ มกลบั รถ เดินรถทางเดียว ใหเ้ ดินรถทางเดียว
10 51 Pedestrian Crossing Railway Crossing Without Right Tune Split Right Winding Road ทางคนเดินขา้ ม Gate ทางแยกดา้ นขวาข้างหน้า ทางคดทางขวา ทางรถไฟขา้ งหนา้ (ไม่มเี ครื่องกั้น) Signal Ahead Slippery Road ระวังถนน Speed Limited Steep Hill Ascent สญั ญาณไฟข้างหน้า ลื่น (90km/ h) ทางขนึ้ ลาดชัน จำกัดความเรว็ ไมเ่ กนิ 90 กม./ ชม. Steep Hill Descent Stop Roundabout Ahead วงเวียน Taxi / Bus ทางลงลาดชนั ใหห้ ยุดรถ ขา้ งหนา้ แท๊กซี่ / รถเมล์ Trucks Prohibited Telephone Services Station Width Limitation ห้ามรถบรรทุกเข้า โทรศัพท์ สถานบี ริการนำ้ มัน จำกดั ความกวา้ ง
52 ใบงาน เร่อื งเคร่อื งหมาย สัญลกั ษณ์ ปา้ ยประกาศและคำอธบิ าย คำศัพท์………………………… คำอา่ น………………..…..…… ความหมาย………………….. คำศัพท์…………………………. คำอ่าน………………..…..…… ความหมาย………………….… คำศัพท์…………………………. คำอ่าน……………………...…… ความหมาย………………….…. คำศัพท์…………………………. คำอา่ น……………………...…… ความหมาย………………….….
แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้คร้งั ท่ี 5
54 หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรียนที่ ..2.. ปีการศึกษา 2563 สาระทกั ษะการดำเนินชีวิต รายวิชา เศรษฐกจิ พอเพียง รหัสวิชา ทช 31001 จำนวน ....40... หนว่ ยกติ กศน.อำเภอบา้ นโปง่ สำนักงาน กศน.จงั หวัดราชบุรี มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติท่ีดีเก่ียวกับปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงและสามารถประยุกตใ์ ชใ้ น การดำเนินชีวติ ได้อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน การเรียนร้รู ะดบั รู้ เขา้ ใจ ยอมรบั เห็นคณุ ค่า ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและสามารถประยุกต์ใชใ้ นการ ประกอบอาชีพและมภี ูมิคุ้มกันในการดำเนนิ ชีวิตของตนเอง ครอบครวั และชมุ ชนอยา่ งมีความสุข ที่ ตัวช้ีวดั เนอื้ หา เนอ้ื หางา่ ย เน้ือหายาก เนอ้ื หายาก หมาย (กรต) (กรต) สอนเสริม เหตุ (กรต) 1 1. อธบิ ายความเปน็ มา 1.ความพอเพียง (4ชม.) ความหมายและหลักแนวคดิ 1.1 ความเป็นมา ความหมาย ของปรชั ญาเศรษฐกิจ หลกั แนวคดิ พอเพยี ง 1.2 ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2.รเู้ ขา้ ใจและวเิ คราะห์ กับการจัดการความรู้ แนวคดิ หลักการปรชั ญา 1.3 การจดั การความรู้ ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2 1.อธิบายความหมาย ชุมชนพอเพียง (10 ชม.) ความสำคัญ และการบริหาร 2.1.ความหมาย ความสำคัญ การ จัดการชมุ ชน ตามหลัก บริหารจดั การชมุ ชน ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 2.2.การบรหิ ารจดั การชมุ ชน 2.วิเคราะห์กระบวนการ องค์กรตามหลักปรัชญาของ เทคนิค การบรหิ าร เศรษฐกจิ พอเพยี ง 2.3 กระบวนการ เทคนิคการ จดั การชุมชนและ ประยกุ ตใ์ ช้ในการดำเนนิ บริหารจดั การชมุ ชน ชวี ติ อยา่ งสมดุลพร้อมรบั ต่อ การเปลี่ยนแปลงของชุมชน
55 ที่ ตัวชว้ี ัด เนื้อหา เน้ือหา เนอ้ื หายาก เนอ้ื หายาก หมายเหตุ ง่าย (กรต) สอนเสรมิ (กรต) (กรต) 1.สำรวจและวิเคราะห์ปัญหาของ 3.การแกป้ ญั หาชมุ ชน (6ช.ม.) ชมุ ชนดา้ นสังคม เศรษฐกจิ ส่งิ แวดล้อมและวัฒนธรรมพนื้ ฐานของ 3.1 ปัญหาของชุมชนดา้ นสงั คม หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกจิ ส่ิงแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมพ้นื ฐาน 3.2 การพัฒนาชมุ ชนด้านสงั คม เศรษฐกิจ สง่ิ แวดล้อม และวฒั นธรรมตามหลกั แนวคิด ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.3 การมีส่วนรว่ มแกป้ ัญหาหรอื พฒั นาชุมชนด้านสังคม เศรษฐกจิ สง่ิ แวดล้อมและ วัฒนธรรมโดยใชป้ รัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 3.4 การสง่ เสริม เผยแพร่ ขยาย ผลงานการปฏิบตั ิตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งของบคุ คล ชุมชนที่ประสบผลสำเรจ็ 3 1.อธบิ ายและวเิ คราะห์การ 4. สถานการณข์ องประเทศกับ ( 5 ชม พัฒนาประเทศตามหลกั ความพอเพียง .) ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง 4.1 การวิเคราะห์สถานการณข์ อง 2.ประยุกต์ใชใ้ นการดำเนิน ชวี ติ อย่างสมดลุ และพร้อม ประเทศโดยใชห้ ลกั ของปรชั ญา รับตอ่ การเปลย่ี นแปลงของ ประเทศชาติ เศรษฐกิจพอเพยี ง 4.2 การพฒั นาประเทศใน สถานการณเ์ งินเฟ้อ ราคาผลผลิต ตกตำ่ คา่ ครองชีพสงู 4.3 การเลอื กแนวทางการดำเนนิ ชีวิตภายใตส้ ถานการณ์ของประเทศ โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
56 ที่ ตัวช้วี ดั เนือ้ หา เนอ้ื หางา่ ย เน้อื หายาก เน้ือหายาก หมายเหตุ (กรต) (กรต) สอนเสริม (กรต) 4 1. วเิ คราะหส์ ถานการณ์ 5.1 การวเิ คราะห์สถานการณข์ อง (5 ชม) ของโลก ประเทศในการการ โลก ประเทศภายใต้กระแสโลกาภิ พัฒนาประเทศให้กา้ วหน้า วัตน์ทีเ่ กี่ยวกบั ภาวะโลกร้อน การ ไปได้อยา่ งสมดุลภายใต้ ส่อื สารไรพ้ รมแดน และนำ้ มนั กระแสโลกาภิวตั น์ เชื้อเพลงิ ฯลฯ 2.ตระหนกั ในความสำคัญ 5.2 การวิเคราะห์สถานการณ์ของ ของการพฒั นาประเทศ โลกประเทศโดยใชห้ ลักปรชั ญาของ ภายใตก้ ระแสโลกา เศรษฐกิจพอเพียง ภวิ ัตน์และเลอื กแนว ทาง หลักปรชั ญา เศรษฐกจิ 5.3 การเลือกแนวทางการดำเนิน พอเพยี งมาประยุกตใ์ ชใ้ น ชีวิตภายใตส้ ถานการณข์ องโลกโดย การดำเนนิ ชวี ติ อย่างสมดุล ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ และพร้อมรบั ต่อการ พอเพียง เปลีย่ นแปลงของประเทศ ภายใตก้ ระแสโลกาภวิ ตั น์
57 ที่ ตวั ช้ีวัด เนอื้ หา เนอื้ หางา่ ย เน้อื หายาก เน้ือหายาก หมาย (กรต) (กรต) สอนเสริม เหตุ (กรต) 5 1. อธิบายแนวทาง 6. การประกอบอาชีพตามหลักปรัชญา กระบวนการเขา้ สู่อาชีพ เศรษฐกิจพอเพียง เพอ่ื การสรา้ งรายได้ (10 ชม.) ได้ อย่างม่ันคง ม่ังค่ังและยั่งยืน 2.อธิบายแนวทางการ 6.1 แนวทาง กระบวนการประกอบอาชีพ พฒั นาอาชีพได้ - การเขา้ ส่อู าชีพ 3.สามารถสร้างงานตาม - การพฒั นาอาชพี กล่มุ อาชีพทีเ่ หมาะสม 6.2 การสร้างงานอาชีพตามหลกั ปรัชญา กบั ตนเองได้อย่างน้อย เศรษฐกิจพอเพยี ง 5 กลมุ่ อาชพี 1 อาชีพ - เกษตรกรรม 4. นำความรูม้ าใชเ้ ป็น - อตุ สาหกรรม ฐานในการประกอบ - พาณิชกรรม อาชพี - ความคดิ สร้างสรรค์ 5. มคี ณุ ธรรมในการ - การอำนวยการและอาชพี เฉพาะทาง ประกอบอาชีพ 6.3 แนวทางการประกอบอาชีพให้ ประสบความสำเรจ็ -มคี วามรู้ คอื ต้องรอบรู้ รอบคอบ และ ระมดั ระวงั -คุณธรรมทีส่ ง่ เสรมิ การประกอบอาชีพได้ ประสบความสำเร็จ คือ ความซ่อื สตั ย์ สุจริต ขยัน อดทน แบ่งปนั
แผนรายวิชา เศรษฐกิจพอเพ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จำนวน มาตรฐานที่ 4.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และเจตคติทดี่ ี เกี่ยวกับปรชั ญาของเศรษฐก หน่วยการเรยี นรู/้ หัวเร่อื ง 3.การแก้ปัญหาชมุ ชน ครง้ั ที่ วัน/เดอื น/ปี หัวเร่ือง/ตัวช้วี ัด เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ 5 3 ม.ค. 64 1.สำรวจและ 3.การแก้ปญั หาชุมชน ขัน้ ก วิเคราะหป์ ญั หาของ 3.1 ปัญหาของชุมชนด้าน - ครทู ชุมชนดา้ นสงั คม สังคม เศรษฐกิจ ส่ิงแวดลอ้ ม เศรษ เศรษฐกิจสิ่งแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมพื้นฐาน และว 3.2 การพฒั นาชมุ ชนดา้ น - ครูช และวฒั นธรรม สงั คมเศรษฐกิจ - ผเู้ ร พ้ืนฐานของหลกั ส่ิงแวดล้อม ขั้นแ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ และวฒั นธรรมตามหลกั 1.แบ พอเพยี ง แนวคิดปรชั ญาของ 2.คร เศรษฐกจิ พอเพียง -การ 3.3 การมสี ว่ นร่วม ด้านส แก้ปญั หาหรือพฒั นาชุมชน -การ เศรษ ด้านสังคม ด้านว
พียง รหัสวิชา ทช 31001 1 หนว่ ยกิต จำนวน 40 ช่วั โมง กจิ พอเพยี งและสามารถประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างเหมาะสม การจัดกระบวนการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ การวัดผลและ ประเมนิ ผล กำหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรยี นรู้ - แบบเรยี น -แบบทดสอบ ทักทายกล่าวนำ และอธิบายถงึ การพัฒนาชุมชนด้านสังคม - Internet กอ่ นเรียน หลงั ษฐกิจ สิง่ แวดลอ้ ม - หอ้ งสมดุ เรียน วฒั นธรรมตามหลกั แนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชน - ใบงาน ชีแ้ จงวัตถปุ ระสงค์ของการเรียนรู้ - ใบความรู้ รยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน แสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ บง่ กลุ่มผเู้ รยี น จำนวน 4 กลุ่ม ทำกจิ กรรม ตามเนื้อหา รูกำหนดกรอบเนอ้ื หาตามใบงาน รพฒั นาชุมชนตามหลักแนวคิดปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง สงั คมเศรษฐกิจ /ดา้ นสง่ิ แวดล้อม/ดา้ นวฒั นธรรม รมีส่วนร่วมแกป้ ัญหาหรือพฒั นาชุมชนโดยใช้ปรัชญาของ ษฐกิจพอเพียงดา้ นสังคม / ด้านเศรษฐกจิ / ส่งิ แวดลอ้ ม / วัฒนธรรม 59
คร้งั ท่ี วนั /เดือน/ปี หัวเร่ือง/ตวั ช้วี ดั เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ 5 เศรษฐกจิ สิง่ แวดลอ้ มและ - ครูจัดก วฒั นธรรมโดยใชป้ รชั ญา ความคดิ ของเศรษฐกจิ พอเพียง ใบความ 3.การพ 3.4 การส่งเสริม เผยแพร่ ตามหลกั ขยายผลงานการปฏบิ ตั ติ าม - ดา้ นส หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ - ด้านเ พอเพยี งของบุคคล ชุมชนท่ี - ด้านส - ด้านว ประสบผลสำเร็จ 4.ใหผ้ เู้ ร ในการแ ข้นั ปฏบิ - ครูใหผ้ คน - ครแู ละ ผลงานก ชุมชน ท ขั้นประเ - สงั เกต - ใบงาน - แบบท
การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ การวัดผลและ ประเมินผล กจิ กรรมแบ่งกลมุ่ เพือ่ มอบหมายให้ ผู้เรยี นร่วมกันระดม ดและศึกษาจาก มรู้ ทำกจิ กรรมตามใบงาน กลุ่มละ 1 เนือ้ หา ดังนี้ พัฒนาชุมชนและการมสี ่วนร่วมแกป้ ญั หาหรือพัฒนาชุมชน กแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สังคม เศรษฐกจิ a สิง่ แวดล้อม วฒั นธรรม รียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนองานโดยให้ผู้เรยี นในห้องได้มีสว่ นร่วม แสดงความคิดเหน็ บัติและนำไปประยกุ ต์ใช้ ผเู้ รียนนำเสนอแนวทางการประยุกตใ์ ชโ้ ดยสมุ่ ผู้เรยี น 5-6 ะผเู้ รยี นร่วมอภิปรายถึงการส่งเสรมิ เผยแพร่ และขยาย การปฏิบัติตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งของบุคคล ท่ปี ระสบ ความสำเร็จโดยครูมีกรณตี วั อย่าง เมินผลการเรยี นรู้ ตพฤติกรรมการมสี ่วนรว่ ม น ทดสอบ
60 ชอื่ -สกุล ....................................................................รหสั นกั ศกึ ษา............................................. ........... แบบทดสอบกอ่ นเรียน หลงั เรียน วชิ าเศรษฐกิจพอเพียง (ทช ๓๑๐๐๑) 1. ข้อใดจัดได้วา่ เปน็ สมดลุ แหง่ ชีวติ 6. ในการดำรงชีวิต นกั เรียนตอ้ งดำเนินการอย่างไรจงึ จะ ก. มนี าปลูกผกั ไว้กิน เหลือกินก็ขายข้างบา้ น สรา้ งรายไดอ้ ีกทาง เหมาะสม และดที ่ีสดุ ข. เมษาจ้างคนทำสวน เก็บผลผลติ ไวก้ ิน เหลอื กนิ ก็สง่ ขาย ค. พฤษภาเป็นคนรักครอบครวั ทำงานหาเงินเล้ยี งดคู รอบครวั ก. การพง่ึ ตนเอง ง. มถิ นุ าไปทำงานในโรงงาน ส่งเงินมาหาเล้ียงครอบครวั ข. การพง่ึ บดิ ามารดา 2. ข้อใดจดั ว่าเป็นสังคมเขม้ แข็ง ค. การใหผ้ อู้ ื่นชว่ ยเหลือ ก. โรงเรียนมกี ารพฒั นาบุคลากร ข. ครอบครัวไม่มีหนี้ ง. คอยพระเจ้าประทานให้ ค. มีโครงการอบรมผูน้ ำท้องถนิ่ ง. คนในครอบครวั เล่นกีฬา 3. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกต้อง 7. ส่ิงใดเป็นเป้าหมายสำคัญของเศรษฐกิจพอเพยี ง ก. เมษาจ้างคนทำสวน เกบ็ ผลผลิตไว้กิน เหลือส่งขาย ก. ความหรูหรา ข. มีนาปลกู ผกั ไว้กิน เหลือกินกข็ ายข้างบ้าน สร้างรายไดอ้ ีกทาง ข. ความฟ่มุ เฟอื ย ค. พฤษภาเปน็ คนรักครอบครวั ทำงานหาเงนิ เลย้ี งภายใน ค. ความอยดู่ ีกินดี ครอบครวั ง. ความเปน็ เอกภาพ ง. ไมถ่ กู ทุกข้อมิถุนาไปทำงานในโรงงาน ส่งเงินมาหาเลี้ยง ครอบครวั 8. เศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ ปรัชญาในการดำรงชวี ติ ของคน 4. ข้อใดอธิบายถึงแนวคดิ เศรษฐกิจพอเพียงได้ถกู ต้องท่สี ดุ กลุ่มใด ก. แนวคิดน้ใี ช้ได้เฉพาะเกษตรกรเท่านั้น ก. นกั เรียน ข. ความพอเพียง คือ การรจู้ ักคิด พอใจกับส่งิ ท่ีตนมีอยู่ ข. เกษตรกร ค. ความพอเพยี ง หมายถึง พออยู่ พอกนิ พอใช้ และไมพ่ ง่ึ พา ค. ขา้ ราชการ ผ้อู นื่ ง. ทุกกลมุ่ อาชพี ง . ความพอเพยี ง คือ การพอมี พอกินสำหรบั ตนเอง และ 9. ขอ้ ใด มใิ ช่ หลกั การของระบบเศรษฐกจิ พอเพียง ครอบครัว ก. การพึง่ ตนเอง 5. นกั เรยี นสามารถนำหลกั การเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใชใ้ นการเรยี น ข. การอยูอ่ ย่างสันโดษ ย่างไร ค. การรวมกลมุ่ ของชาวบ้าน ก. เน้นการพง่ึ พาตนเองเป็นสำคญั ง. ความสามคั คี และเอ้ือเฟ้อื เผื่อแผ่ ข. ไม่ทำความเดอื ดร้อนใหบ้ คุ คลอ่ืน 10 แนวทางปฏิบัติตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพยี ง ข้อใดท่ี ค. ปฏบิ ตั ติ นในลกั ษณะการพออยู่พอกิน นกั เรียนควรยดึ เปน็ แนวทางในการดำเนนิ ชีวติ ง. ถูกทุกข้อ ก. ประกอบอาชพี ด้วยความสจุ รติ ข. นำทรัพยากรมาใชอ้ ย่างรคู้ ุณค่า ค. ใชค้ วามรใู้ นการพัฒนาภูมิปญั ญาท้องถ่นิ ง.มคี วามประหยัด ลดความฟมุ่ เฟือยในการดำรงชีวิต
61 เฉลย วิชาเศรษฐกจิ พอเพยี ง ม.ปลาย 1. ก 2. ข 3. ข 4. ค 5. ง 6. ก 7. ค 8, ง 9. ข 10. ง ใบความรู้ ท่ี 1 เรื่อง เศรษฐกิจพอเพยี ง ชมุ ชน องค์กรพัฒนาเอกชน รวมทง้ั สถาบนั ศาสนา เพอ่ื การปอ้ งแก้ไขปัญหาสิง่ แวดลอ้ มชมุ ชนและยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ทง้ั ทางด้าน จิตใจ และวฒั นธรรมของคนในสังคม 3. สรา้ งความรคู้ วามเข้าใจดา้ นสงิ่ แวดล้อมชมุ ชน และสรา้ งจิตสำนกึ จิตวิญญาณ ให้ประชาชนเหน็ ความสำคญั ของ ส่ิงแวดลอ้ มชมุ ชน และมพี ฤตกิ รรมร่วม 4. สนับสนุนการพฒั นาและจดั ระบบฐานข้อมลู สิง่ แวดลอ้ มชมุ ชนและพื้นทีส่ เี ขยี วขององคก์ รตา่ งๆ ทเี่ กย่ี วขอ้ งทง้ั ภาครฐั และภาคเอกชน ให้มีมาตรฐานเดยี ว กันและมกี ารเชื่อมโยงโครงขา่ ยของระบบขอ้ มลู ไปในทิศทางเดยี วกัน 5. ปรบั ปรุงการบริหารและการจดั การของภาครฐั ในการดำเนินงานและการบังคับใชน้ โยบาย แผน กฎหมาย และระเบยี บที่ เกี่ยวข้องกบั การวางแผนและ การจดั การสง่ิ แวดลอ้ มชมุ ชน 6. ในสว่ นของประชาชนให้นำหลักการผู้กอ่ ใหเ้ กิดมลพษิ เป็นผรู้ ับผิดชอบในเศรษฐกิจพอเพียง คอื อะไร เศรษฐกิจพอเพยี ง (Sufficiency Economy) เปน็ ปรัชญาทพ่ี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงมีพระ ราชดำรสั ชีแ้ นะแนวทางการดำเนนิ ชวี ติ แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดรวมถงึ การพฒั นาและบริหารประเทศ ทต่ี ง้ั อยบู่ นพ้ืนฐานของ ทางสายกลาง คำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การสรา้ งภมู ิคุ้มกนั ทด่ี ใี นตวั ตลอดจนใช้ความรู้ ความรอบคอบ และคณุ ธรรม ประกอบการวางแผน การตดั สินใจ และการกระทำ หลกั แนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลักแนวคิดของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การพฒั นาตามหลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง คอื การพัฒนาทต่ี ั้งอยู่บนพ้ืนฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตดั สนิ ใจ และการกระทำ ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีหลกั พจิ ารณาอยู่ 5 สว่ น ดังน้ี 1. กรอบแนวคดิ เปน็ ปรัชญาทชี่ ี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏบิ ตั ติ นในทางที่ควรจะเปน็ โดยพนื้ ฐานมาจากวถิ ชี ีวติ ด้งั เดมิ ของ สงั คมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ไดต้ ลอดเวลา และเปน็ การมองโลกเชงิ ระบบทมี่ กี ารเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเนน้ การรอดพ้น จากภัย และวกิ ฤตเพ่ือความมน่ั คง และความย่งั ยนื ของการพัฒนา 2. คุณลกั ษณะ เศรษฐกจิ พอเพยี งสามารถนำมาประยุกต์ใชก้ บั การปฏิบตั ติ นได้ในทุกระดบั โดยเนน้ การปฏบิ ตั บิ นทางสาย กลาง และการพฒั นาอย่างเปน็ ขั้นตอน 3. คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คณุ ลักษณะ พรอ้ ม ๆ กนั ดังน้ี 3.1 ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีทไ่ี มน่ อ้ ยเกนิ ไป และไมม่ ากเกนิ ไปโดยไม่ เบียดเบยี นตนเองและผ้อู น่ื เชน่ การผลติ และการบรโิ ภคทอ่ี ยู่ในระดับพอประมาณ 3.2 ความมีเหตผุ ล หมายถึง การตัดสนิ ใจเกยี่ วกบั ระดบั ของความพอเพยี งน้ัน จะต้องเป็นไป อยา่ งมเี หตผุ ล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจยั ท่เี กย่ี วข้อง ตลอดจนคำนงึ ถงึ ผลทค่ี าดวา่ จะเกิดขึน้ จากการกระทำนัน้ ๆ อยา่ งรอบคอบ 3.3 การมภี มู ิคุ้มกันที่ดใี นตวั หมายถงึ การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรบั ผลกระทบและการ เปลย่ี นแปลงด้านตา่ งๆท่ีจะเกดิ ข้ึน โดยคำนงึ ถึง ความเป็นไปได้ของสถานการณต์ า่ งๆ ทคี่ าดว่าจะเกดิ ขนึ้ ในอนาคตทงั้ ใกลแ้ ละไกล 4. เงอ่ื นไข การตดั สินใจและการดำเนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ ให้อยูใ่ นระดบั พอเพยี งน้ัน ตอ้ งอาศยั ทั้งความรู้ และคณุ ธรรมเป็นพน้ื ฐาน 4.1 เง่ือนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรเู้ ก่ยี วกบั วชิ าการตา่ งๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งอย่างรอบ ดา้ นความรอบคอบ ทจ่ี ะนำความรเู้ หล่านนั้ มาพจิ ารณาให้เช่ือมโยงกัน เพอ่ื ประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขนั้ ปฏบิ ตั ิ 4.2 เงือ่ นไขคุณธรรม ทีจ่ ะต้องเสรมิ สรา้ งประกอบดว้ ยมคี วามตระหนักในคุณธรรม มีความ ซือ่ สตั ยส์ ุจรติ และมคี วามอดทน มคี วามเพยี รใชส้ ตปิ ัญญาในการดำเนินชีวิต
62 5. แนวทางปฏบิ ตั /ิ ผลทคี่ าดวา่ จะได้รบั จากการนำปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาประยุกต์ใช้ คอื การพัฒนาทีส่ มดุลและย่งั ยนื พร้อม รับต่อการเปลี่ยนแปลง ในทุกด้าน ทง้ั ดา้ นเศรษฐกจิ สังคม สิ่งแวดลอ้ ม ความรูแ้ ละเทคโนโลยี หลกั การของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ ปรชั ญาท่ีถอื ว่าเป็นนวตั กรรมทม่ี คี ุณค่ายิง่ และยังมี ความลึกซง้ึ กา้ วหนา้ และเหมาะสมสำหรบั สังคม หลักการสำคญั ของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง มี 5 ประการ คือ 1. ความพอประมาณ คอื ความพอดี ไมน่ อ้ ยเกนิ ไป ไมม่ ากเกินไป ไมเ่ ติบโตเรว็ เกินไป ไมช่ ้าเกนิ ไปและไมโ่ ดเดน่ เกนิ ไป 2. ความมีเหตผุ ล คือทกุ อยา่ งตอ้ งมที ไ่ี ปท่ีมา อธบิ ายได้ การสง่ เสรมิ กันในทางท่ีดีสอดคลอ้ งกับหลักพุทธรรม คอื ความ เปน็ เหตเุ ปน็ ผลเพราะส่ิงนท้ี ำใหเ้ กดิ สิง่ น้ี ทุกสิ่งทุกอย่างเกดิ ขึน้ ตามเหตุผลปัจจัย 3. ความมีภมู คิ มุ้ กนั ท่ีดี จะต้องปกป้องคมุ้ ครองไมใ่ หเ้ กดิ ความเส่ยี งท่ีไม่ควรจะเปน็ เชน่ เกดิ ความเส่ยี งเพราะมคี วามโลภ มากเกินไป 4. ความรอบรู้ ต้องมีความรอบคอบ มกี ารใชค้ วามรู้ ใชว้ ทิ ยาการด้านความระมดั ระวัง มีการจดั องคค์ วามรู้ท่ีดี ดำเนนิ การ อยา่ งรอบคอบ ครบถว้ นรอบด้าน ครบทุกมิติ 5. ความมีคณุ ธรรมความดี คณุ ธรรมความดเี ปน็ พ้นื ฐานของความมน่ั คง ซึ่งประกอบดว้ ยความซื่อสตั ย์สจุ ริต มานะอดทน พากเพียรและใชส้ ติปญั ญาในการดำเนนิ ชีวติ
63 ใบความรทู้ ่ี 2,4 แนวคิดการบรหิ ารจดั การตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยี งในชุมชนมคี วามสำคญั สืบเนือ่ งมาจากปัจจัยภายนอกประเทศของไทย โดยเฉพาะอย่างยง่ิ แนวคดิ ของนักเศรษฐศาสตรท์ นุ นิยมและระบบเศรษฐกิจโลกของประเทศทางตะวนั ตก เชน่ สหรัฐอเมริกา ที่เน้น ระบบเศรษฐกจิ แบบทุนนยิ ม เสรนี ยิ ม หรอื บริโภคนยิ ม ที่ใหค้ วามสำคัญกับวัตถุ เงินตรา ประสิทธิภาพ กำไร ความรวดเร็ว การต่อสู้ แข่งขัน ผลประโยชนส์ ูงสดุ รวมทงั้ เนน้ ความเจรญิ ก้าวหนา้ การขยายตลาด และการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ โดยใชข้ ้อมลู ข่าวสารและ เทคโนโลยที ี่ทนั สมยั เพิ่มมากข้นึ ๆ แนวคดิ ดงั กลา่ วนไ้ี ดเ้ ขา้ มามอี ิทธพิ ลต่อแนวคิด แนวทางการพฒั นา และแนวทางการบรหิ ารจดั การ ภายในประเทศและในชมุ ชนของไทยที่ผา่ นมา ตวั อย่างเช่น ในปี 2517 ช่วงกลางของแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2515-2519) และในช่วงปี พ.ศ. 2530-2539 ขณะน้ันเศรษฐกิจของประเทศขยายตัวในอตั ราท่ีสูงตามแนวคดิ ของระบบทนุ นิยม ดงั กลา่ ว และประมาณปี 2540 ระบบเศรษฐกจิ ของไทยเสียหายอยา่ งมหาศาล ในส่วนของประชาชนบางส่วนยังคงมคี วามโลภ บริโภค อย่างฟุ่มเฟอื ย ตกอยู่ในภาวะหน้ีสนิ อยา่ งถอนตัวไมอ่ อก และขาดหลกั พ้นื ฐานในการดำรงชีวิตไดอ้ ย่างมนั่ คง ทำให้ถูกนำไปสกู่ ารกระทำ ทเี่ บยี ดเบยี นกนั ไดง้ ่ายมากขน้ึ ประกอบกบั ปจั จัยภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนในทุกชุมชนจำนวนไม่นอ้ ยไดใ้ ช้ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ มอย่างฟุ่มเฟือยและต่อเน่อื ง ทำใหท้ รัพยากรธรรมชาตเิ ส่อื มสภาพ เสื่อมสลาย หรอื ถูกทำลายเปน็ จำนวนมาก โดยบางอยา่ งหมดส้นิ ไปและไมอ่ าจหาทดแทนได้ อาจเปรียบเทยี บได้ว่า ประชาชนใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ ม 3 สว่ น ขณะทที่ ำนบุ ำรงุ ไดเ้ พียง 1 สว่ น หากปลอ่ ยใหแ้ นวคิด แนวทางการพฒั นา และแนวทางการบริหารจดั การภายในประเทศของไทย ยงั คงเปน็ เช่นนต้ี อ่ ไป ประเทศชาตแิ ละประชาชนยอ่ มไดร้ ับความเสยี หายและเดอื ดรอ้ นเพ่ิมมากขน้ึ ๆ กล่าวคอื ประเทศชาติ เจริญก้าวหนา้ แบบกระจกุ ตัวเฉพาะบางพนื้ ที่บางชุมชนโดยไมก่ ระจายความเจรญิ ไปยงั พนื้ ทหี่ รือชุมชนอ่นื ด้วยอย่างสมดุมล เกดิ การ ตอ่ สู้แขง่ ขนั เพอื่ สร้างความรำ่ รวยอย่างเกินความจำเป็น เกิดชอ่ งว่างระหว่างคนรวยกบั คนจนภายในประเทศเพม่ิ มากข้ึน และระบบทุน นยิ มยังทำลายทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ มให้หมดส้นิ ไป เสือ่ มสลาย ดอ้ ยคณุ ภาพ หรอื ใชอ้ ยา่ งไมค่ ุ้มคา่ เป็นจำนวนมหาศาลเพื่อ นำทรพั ยากร ธรรมชาตมิ าใชใ้ นกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม ทำใหเ้ หลือและปล่อยทง้ิ กากพิษสารพษิ ออกมาจากปลายทางของ การผลิตเพมิ่ มากขน้ึ สง่ ผลใหร้ ะบบนเิ วศน์ของชมุ ชนสูญเสยี ความสมดลุ และเกดิ ภัยธรรมชาตเิ พิ่มมากขึ้น ในส่วนของประชาชนตอ้ ง เผชิญกบั ความเดอื ดร้อนทกุ ข์ยาก เช่น ประชาชนขาดคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมเพิม่ มากขนึ้ ครอบครัวและชมุ ชนแตกแยก เกิดการเอารดั เอาเปรยี บกนั ตอ้ งตอ่ สดู้ ิน้ รนและแสวงหาเกินความจำเป็น รวมท้งั เกดิ การแยง่ ชิงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อมระหว่างประชาชน และชุมชนเพ่ิมมากขน้ึ ด้วย ผนวกกบั แนวทางการพัฒนาประเทศหรอื แนวทางการบรหิ ารจดั การภายในประเทศและในชมุ ชนท่ีผ่าน มายงั ไม่ประสบผลสำเรจ็ มากเทา่ ท่ีควร สาเหตทุ เ่ี กดิ จากปจั จัยภายนอกและปจั จยั ภายในประเทศทม่ี คี วามสัมพันธก์ นั ไดส้ รา้ งความเสียหายและเดือดรอ้ นแกป่ ระเทศชาติและ ชุมชนข้างต้น ได้นำมาสกู่ ารเกิดหรอื การนำเสนอแนวคดิ และแนวทางการบรหิ ารจัดการตามแนวทาง “ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง” สำหรับในทีน่ ้เี รียกวา่ การบริหารจดั การตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยี ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงมีพระราชดำรทิ ี่จะเหน็ การสรา้ งเศรษฐกิจพอเพียงใหเ้ กดิ ขึน้ เพือ่ นำมาใช้ในการบรหิ าร จัดการหรือการพัฒนาประเทศชาติและชมุ ชนไทย พรอ้ มกับคาดหวังให้ ประชาชนยดึ ถอื การบริหารจัดการและการดำเนินชวี ิตตามแนวทางนเี้ ป็นหลักพนื้ ฐาน อันจะนำไปสู่จุดหมายปลายทางสำคญั คือ ประเทศชาติและประชาชนอยู่เย็นเป็นสขุ โดยประเทศชาตมิ ีความเจรญิ กา้ วหนา้ อยา่ งมั่นคง ยงั่ ยืน รวมทง้ั ประชาชนในชาตทิ กุ ระดบั มี คณุ ภาพชวี ติ ทีด่ ีขนึ้ และอยเู่ ยน็ เปน็ สขุ ร่วมกัน ความเป็นมาของแนวคดิ และแนวทางการบริหารจัดการตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพียง มีสาเหตจุ ากปจั จยั ภายนอกและ ภายในประเทศ ปจั จยั ภายนอก ปจั จัยภายใน แนวคิดและระบบเศรษฐกิจโลกแบบ ประชาชนบางส่วนโลภ บรโิ ภคอยา่ งทนุ นยิ ม เสรีนยิ ม และบริโภคนิยมของฟุม่ เฟอื ย รวมทง้ั ใช้ ทำ ให้เสอ่ื มสลายและเหตตุ ะวนั ตกเขา้ มามีอทิ ธพิ ลต่อแนวคดิ ทำลายทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม และแนวทางการบรหิ ารจัดการ ภายใน อยา่ งต่อเน่ือง อีกทัง้ แนวทางการบริหาร ประเทศและในชุมชนของไทย จดั การทผ่ี า่ นมาไมส่ ำเรจ็ เทา่ ท่คี วรประเทศชาติและ ประชาชนไดร้ ับความเสยี หายเดอื ดร้อน เชน่ เกิดความเจรญิ แบบกระจุกตวั ผล เกดิ ชอ่ งวา่ งระหว่างคนจนและคนรวย ประชาชนไดร้ ับ ความเดือดร้อน (เกิดปญั หา) เช่น ขาดคณุ ธรรม ครอบครัวแตกแยก ต้องต่อสูด้ ิน้ รนเกนิ ความจำเป็น
64 แนวคิดและแนวทางการบริหารจัดการ เกิดแนวคิด ตามแนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง และแนวทาง เพอ่ื นำมาใช้ในประเทศชาติและ ชมุ ชนไทย การบรหิ ารจดั การ ประเทศชาติและประชาชนอยเู่ ย็นเปน็ สขุ ประเทศชาตมิ คี วามเจริญก้าวหนา้ อย่างมั่นคง ย่งั ยนื รวมทงั้ จุดหมาย ประชาชนมีคณุ ภาพชวี ติ ท่ดี ีข้ึนและอยู่เยน็ เป็นสุขรว่ มกัน ปลายทางสำคญั สำหรับความหมายของเศรษฐกิจพอเพยี ง อธบิ ายไดว้ ่า คำวา่ เศรษฐกจิ พอเพียง มไิ ดเ้ นน้ เฉพาะด้านเศรษฐกิจเพียงดา้ นเดียว แตใ่ นการ ดำรงชีวติ และการปฏบิ ัติงานของประชาชนและชุมชนทกุ ระดบั จะต้องพอเพียงในทุกด้าน ไมว่ ่าจะเป็นดา้ นวัตถแุ ละจติ ใจ หรอื ดา้ น เศรษฐกิจ สงั คม การเมอื งการปกครองและการบรหิ าร โดยคำว่า ความพอเพยี ง หมายถงึ ทางสายกลางทมี่ อี งคป์ ระกอบอยา่ งน้อย 3 ประการ ซ่ึงไมอ่ าจขาดประการใดประการหนง่ึ ดงั นี้ 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดที ่ีไม่นอ้ ยเกนิ ไปและไมม่ ากเกนิ ไปโดยไมเ่ บยี ดเบียนตนเองและผอู้ น่ื เชน่ การผลิตและการ บรโิ ภคท่อี ยูใ่ นระดับพอประมาณ กินอยู่ใช้แตเ่ พียงพอดตี ามกำลงั ความสามารถ ไม่ฟมุ่ เฟอื ย 2. ความมีเหตุผล หมายถงึ การตดั สนิ ใจเก่ียวกบั ระดับของความพอเพยี งจะต้องเป็นไปอย่างมเี หตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตปุ จั จัยท่ี เก่ียวข้องตลอดจนคำนงึ ถึงผลทีค่ าดว่าจะเกดิ ข้ึนจากการกระทำนน้ั ๆ อยา่ งรอบคอบ 3. การมีภมู คิ ้มุ กัน หมายถึง การสร้างหรอื เตรียมตวั ด้วยการหาขอ้ มลู ข่าวสารหรอื ศกึ ษาหาความรเู้ พิม่ เตมิ เพ่อื ให้มพี ้ืนฐานหรอื มีความ พร้อมมากเพียงพอท่จี ะรบั ผลกระทบและการเปลยี่ นแปลง หรอื สถานการณ์ทงั้ หลายท่จี ะเกดิ ข้ึนในอนาคตท้ังใกล้และไกลดว้ ยความไม่ ประมาท ทง้ั น้ี ในการดำรงชวี ติ และการปฏิบตั ิงานของประชาชนและชมุ ชนตอ้ งอาศัยความรูแ้ ละ คณุ ธรรมควบคู่กันไปด้วย โดยความรู้ จะต้องประกอบดว้ ยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั ท่จี ะนำวิชาการตา่ ง ๆ มาใชใ้ นการคิดหรือการวางแผนและการ ปฏิบัตงิ านทกุ ขั้นตอน สว่ นคณุ ธรรมนั้น เปน็ การเสริมสร้างพ้ืนฐานจติ ใจของประชาชนในชุมชน ซึ่งรวมท้ังเจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั และบคุ ลากร ในทกุ ภาคทกุ ระดับใหม้ สี ำนกึ ในเรอื่ งความซอ่ื สัตย์ สจุ รติ อดทน ความเพยี ร และมสี ตปิ ญั ญาในการดำรงชีวิตและการปฏบิ ตั ิงาน เปน็ ตน้ ความพอเพยี งดังกล่าวน้ถี ือเป็นสว่ นสำคัญของการบริหารจัดการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยี งซ่งึ ในที่สุดจะนำไปส่จู ดุ หมายปลายทาง สูงสดุ คือ ประเทศชาติและประชาชนอยูเ่ ยน็ เปน็ สุขอย่างมน่ั คงและยง่ั ยนื การบรหิ ารจัดการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน นับแต่นไ้ี ป เป็นท่นี า่ ยนิ ดวี า่ ชมุ ชนไทยทุกระดบั และทุกวงการจะกล่าวถึง เศรษฐกิจพอเพยี ง กนั อยา่ งกว้างขวาง คำน้ีอาจเขา้ มาแทนท่ี เศรษฐกจิ แบบค้าขาย เศรษฐกจิ ทเี่ นน้ ความเจรญิ เตบิ โตและเศรษฐกิจย่ิงมากยิง่ ดี บทความนเ้ี ขยี นขึ้นเพือ่ เปน็ พ้ืนฐานสำหรับการ พจิ ารณาศึกษา ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง หรืออาจเรยี กว่า หลักหรอื แนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง แตใ่ นที่นีข้ อเรยี กวา่ การบรหิ ารจดั การ ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ใน 4 หวั ขอ้ ไดแ้ ก่ (1) ความหมายของการบริหารจดั การ (2) ความสำคญั ความเป็นมา และความหมาย (3) หลกั การสำคญั ของการบริหารจัดการตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงในชุมชน และ (4) บทสรปุ ความหมายของการบริหารจดั การ แนวทางการดำเนินงานหรอื การปฏิบตั ิงานท่บี ุคลากรและหน่วยงานภาครัฐนำมาใช้ในการปลี่ยนแปลง พฒั นา หรือสรา้ งความอยเู่ ยน็ เปน็ สุขและการกนิ อยูแ่ ต่เพยี งพอดีใหแ้ กป่ ระชาชนและประเทศชาติ อาจเรยี กว่า การพฒั นา การบรหิ าร การจดั การ หรือการบริหาร จดั การ กไ็ ด้ ข้ึนอยกู่ ับสภาพการณ์ของประเทศ ยุคสมยั และผูน้ ำรฐั บาล เช่น ในสมัยพลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์ ดำรงตำแหนง่ นายกรัฐมนตรไี ดใ้ หค้ วามสำคญั กบั คำวา่ การพัฒนา โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ การพฒั นาชนบท อกี ทง้ั ในสมัยนัน้ ไดม้ ีการจดั แบง่ ประเทศ ท้งั หลายในโลกออกเปน็ ประเทศทพี่ ฒั นาแล้วและประเทศท่ีกำลังพัฒนา โดยไทยถูกจดั เปน็ ประเทศทก่ี ำลังพฒั นาประเทศหนง่ึ ขณะที่ สมัย พ.ต.ท. ทกั ษณิ ชนิ วัตร ดำรงตำแหน่งเปน็ นายกรฐั มนตรี ไดน้ ำคำว่า การบริหารจดั การ มาใช้ โดยส่วนหน่ึงนำมาจากแนวคิด ผบู้ รหิ ารสงู สดุ หรือ ซอี โี อ ของภาคเอกชนหรอื ภาคธุรกจิ มาปรบั ใชใ้ นภาครัฐหรอื ในวงราชการ โดยมุง่ หวังให้การบริหารราชการเกดิ ความรวดเร็ว ลดข้ันตอนและลดพธิ ีการท่ไี ม่จำเปน็ รวมท้งั จูงใจด้วยการใหร้ างวลั ตอบแทน เป็นตน้ เพอื่ ชว่ ยเพม่ิ ความเขา้ ใจการจดั การ มากขน้ึ จงึ ขอนำความหมายคำว่า การจัดการ และการบริหารจัดการ มาแสดงไว้ดว้ ย เชน่ 1. สมพงศ์ เกษมสนิ ในปี พ.ศ. 2523 กลา่ วไว้ว่า การจดั การ นยิ มใชก้ บั การบรหิ ารธรุ กิจเอกชน หรอื การดำเนนิ การตามนโยบายท่ี กำหนดไว้ 2. ธงชยั สนั ตวิ งษ์ ในปี พ.ศ. 2543 กลา่ วถงึ ลกั ษณะของงานบริหารจัดการไว้ 3 ดา้ น คือ 2.1 ในด้านทเี่ ปน็ ผู้นำหรือหัวหนา้ งาน งานบรหิ ารจัดการ หมายถึง ภาระหน้าที่ของบคุ คลใดบุคคลหนงึ่ ที่ปฏิบตั ติ นเป็นผ้นู ำภายใน องค์การ
65 2.2 ในดา้ นของภารกิจหรอื สงิ่ ทีต่ ้องทำ งานบรหิ ารจัดการ หมายถึง การจดั ระเบยี บทรัพยากรตา่ ง ๆ ในองคก์ าร และการประสาน กิจกรรมต่าง ๆ เขา้ ด้วยกนั 2.3 ในด้านของความรบั ผดิ ชอบ งานบรหิ ารจดั การ หมายถึง การตอ้ งทำใหง้ านตา่ ง ๆ สำเร็จลุลว่ งไปดว้ ยดีดว้ ยการอาศยั บคุ คลตา่ ง ๆ เข้าดว้ ยกนั 3. วริ ชั วริ ชั นภิ าวรรณ กลา่ วไว้ว่า การบริหารจัดการ การบรหิ ารการพฒั นา แมก้ ระทัง่ การบรหิ ารการบรกิ าร แตล่ ะคำมคี วามหมาย คล้ายคลงึ หรือใกลเ้ คยี งกนั ทเ่ี หน็ ไดอ้ ย่างชดั เจนมีอย่างน้อย 3 สว่ น คือ หนง่ึ ล้วนเป็นแนวทางหรอื วธิ กี ารบริหารงานภาครัฐที่หน่วยงาน ของรฐั และ/หรือ เจ้าหน้าทีข่ องรัฐ นำมาใชใ้ นการปฏบิ ัตริ าชการเพอ่ื ชว่ ยเพมิ่ ประสทิ ธิภาพในการบริหารราชการ สอง มีกระบวนการ บรหิ ารงานหรอื กระบวนการบริหารจดั การทป่ี ระกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ การคิด หรือการวางแผน การลงมอื ปฏิบตั งิ าน และการ ประเมินผลและ สาม มีจดุ หมายปลายทาง คือ การพัฒนาประเทศไปในทศิ ทางทีท่ ำใหป้ ระชาชนมคี ณุ ภาพชวี ิตทีด่ ขี ้ึน รวมท้ัง ประเทศชาตมิ ีความเจรญิ กา้ วหนา้ และม่ันคงเพม่ิ ข้ึน สำหรบั สว่ นทแี่ ตกต่างกัน คือ แตล่ ะคำมีจุดเน้นตา่ งกัน กล่าวคอื การบรหิ ารจัดการ เน้นเรอื่ งการนำแนวคดิ การจดั การของภาคเอกชนเขา้ มาใชใ้ นการบรหิ ารราชการ เชน่ การมงุ่ หวังผลกำไร การแข่งขัน ความรวดเรว็ การตลาด การประชาสัมพนั ธ์ การจงู ใจด้วยค่าตอบแทน การลดข้ันตอน และการลดพธิ ีการ เป็นตน้ ในขณะทกี่ ารบรหิ ารการพฒั นาให้ ความสำคญั เร่ืองการบริหารรวมทัง้ การพัฒนานโยบาย แผน แผนงาน โครงการ หรือกิจกรรมของหน่วยงานของรฐั สว่ นการบรหิ ารการ บรกิ ารเน้นเร่อื งการอำนวยความสะดวกและการใหบ้ รกิ ารแก่ประชาชน จากความหมายของคำต่าง ๆ ข้างต้น ทำให้สรปุ ได้วา่ โดยทั่วไป คำวา่ การบรหิ าร การจดั การ และการบริหารจดั การ มคี วามหมาย ใกลเ้ คยี งกนั และอาจนำมาใช้แทนกันได้ คำว่า การบรหิ าร สว่ นใหญใ่ ชใ้ นภาครฐั หรือหน่วยงานภาครัฐ ขณะท่ีคำวา่ การจดั การ นยิ มใช้ ในภาคเอกชนหรอื ภาคธรุ กิจซ่ึงมีวตั ถปุ ระสงค์ในการจัดต้งั เพอ่ื มุ่งแสวงหากำไร หรอื กำไรสูงสดุ โดยผลประโยชน์ท่ีจะตกแกส่ าธารณะ ถอื เปน็ วตั ถปุ ระสงค์รองหรอื เป็นผลพลอยได้ เช่นนี้ จึงแตกต่างจากวตั ถปุ ระสงคใ์ นการจดั ต้งั หน่วยงานภาครัฐท่จี ัดต้ังขนึ้ เพ่ือให้บริการ สาธารณะท้ังหลาย แก่ประชาชน สำหรับในที่นี้ ใช้ คำว่า การบรหิ ารจดั การ ซึ่งหมายถงึ แนวทางการดำเนินงานหรือการปฏบิ ัติงานใด ๆ ของบคุ ลากรและหน่วยงานทกุ ภาค ไม่วา่ จะเปน็ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคที่ไมส่ งั กดั ภาครฐั และภาคประชาชน นำมาใช้ในการเปลย่ี นแปลง พัฒนา หรือสร้าง ความสุขความเจรญิ กา้ วหน้าอย่างม่นั คงและย่งั ยืนใหแ้ กป่ ระชาชนและประเทศชาตดิ ้วย คำว่าการบรหิ ารจัดการนน้ั อาจมองในลกั ษณะ ทเ่ี ปน็ กระบวนการ ซ่ึงหมายถงึ การมีขัน้ ตอนในการดำเนินงานหรือการปฏบิ ัติงานอยา่ งเปน็ ระบบกไ็ ด้ กลา่ วคือ หากการดำเนนิ งาน หรอื การปฏบิ ตั ิงานน้ัน เกี่ยวข้องกบั คน สิง่ ของและหน่วยงาน โดยครอบคลมุ เรอ่ื งตา่ ง ๆ เชน่ (1) การจดั การนโยบาย (2) การจัดการ อำนาจหน้าที่ (3) การจัดการคุณธรรม (4) การจดั การทเ่ี กย่ี วข้องกับสงั คม (5) การวางแผน (6) การจัดองค์การ (7) การจดั การทรัพยากร มนษุ ย์ (8) การอำนวยการ (9) การประสานงาน (10) การรายงาน และ (11) การงบประมาณ เชน่ น้ี เปน็ การนำ กระบวนการบริหาร จดั การ หรือ ปจั จัยท่ีมสี ว่ นสำคญั ต่อการบริหารจัดการ ท่ีเรียกว่า แพม็ ส์-โพสคอรบ์ 6 แตล่ ะตวั มาเป็นแนวทางในการใหค้ วามหมาย ของการบริหารจดั การด้วย อีกตวั อย่างหนึง่ คือ หากการดำเนินงานหรอื การปฏบิ ัตงิ านใด ๆ ของบุคลากรและหน่วยงานทกุ ภาคท่ี เก่ียวขอ้ งกับ คน สิง่ ของ และหน่วยงาน โดยครอบคลมุ เร่อื งต่าง ๆ เช่น (1) คน (Man) (2) เงิน (Money) (3) วัสดุอปกรณ์ (Material) (4) การ จดั การทว่ั ไป (Management) และ (5) คณุ ธรรม (Morality) เชน่ น้ี เป็นการนำ ปัจจยั ทีม่ สี ว่ นสำคญั ตอ่ การบริหารจัดการ ท่เี รียกวา่ 5M แต่ ละตัวมาเป็นแนวทางในการใหค้ วามหมายการบรหิ ารจดั การ นอกจากนี้ ยังอาจนำปจั จยั อน่ื มาใช้เป็นแนวทางในการให้ความหมายของ การบรหิ ารจดั การได้อีก เปน็ ต้นว่า 3M ซึง่ ประกอบดว้ ย คน (Man) เงิน (Money) และการจดั การท่ัวไป (Management) และ 5 ป ซึ่ง ประกอบดว้ ย ประสิทธภิ าพ ประสทิ ธิผล ประหยดั ประสานงาน และประชาสมั พนั ธ์ การใหค้ วามหมายตามตัวอย่างขา้ งต้นนี้ เป็นการนำ หลักวชิ าการด้านการบรหิ ารจดั การ คือ กระบวนการบรหิ ารจดั การ และ ปจั จัยท่มี สี ว่ นสำคัญตอ่ การบรหิ ารจดั การ มาใช้เป็นแนวทาง ในการให้ความหมายซ่ึงนา่ จะมสี ว่ นทำใหก้ ารให้ความหมายคำวา่ การบรหิ ารจดั การเชน่ นีค้ รอบคลุมเนอ้ื หาสาระสำคญั ทเ่ี ก่ยี วกบั การ บริหารจดั การได้ชดั เจน เข้าใจไดง้ า่ ย เปน็ วชิ าการ และมีกรอบแนวคดิ ดว้ ย
66 ใบความร้ทู ี่ 5 เร่อื ง ภาวะโลกร้อน ภาวะโลกร้อน คอื อะไร อะไรคอื สาเหตุของการภาวะโลกร้อน ภาวะโลกรอ้ น หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงภมู อิ ากาศทเี่ กดิ จากการกระทำของมนุษย์ ทที่ ำให้อณุ หภมู เิ ฉลี่ยของโลกเพิ่ม สงู ขึ้น เราจงึ เรยี กวา่ ภาวะโลกร้อน (Global Warming) กจิ กรรมของมนษุ ยท์ ท่ี ำให้เกดิ ภาวะโลกร้อน คือ กจิ กรรมท่ที ำให้ปรมิ าณกา๊ ซเรือน กระจกในบรรยากาศเพิ่มมากข้ึน ได้แก่ การเพ่มิ ปรมิ าณก๊าซเรือนกระจกโดยตรง เช่น การเผาไหมเ้ ชื้อเพลงิ และ การเพม่ิ ปรมิ าณก๊าซ เรอื นกระจกโดยทางอ้อม คือ การตดั ไม้ทำลายปา่ ปรากฏการณ์เรอื นกระจก หมายถึง การท่ีชั้นบรรยากาศของโลกกระทำตัวเสมอื น กระจกทีย่ อมใหร้ ังสคี ล่นื สน้ั จากดวงอาทิตย์ผ่านทะลลุ งมายังผวิ พ้ืนโลกได้ แตจ่ ะดดู กลืนรงั สีคล่ืนยาวทโ่ี ลกคายออกไปไมใ่ หห้ ลดุ ออก นอกบรรยากาศ ทำใหโ้ ลกไม่เยน็ จดั ในเวลากลางคืน บรรยากาศเปรยี บเสมอื นผ้าหม่ ผนื ใหญ่ที่คลุมโลกไว้ ก๊าซทยี่ อมใหร้ งั สคี ลื่นส้นั จาก ดวงอาทติ ย์ผา่ นทะลุลงมาไดแ้ ตไ่ มย่ อมใหร้ งั สีคลน่ื ยาวที่โลกคายออกไปหลดุ ออกนอกบรรยากาศ เรยี กว่า ก๊าซเรือนกระจก ก๊าซเรอื นกระจกทส่ี ำคัญๆ มอี ะไรบา้ ง ก๊าซเรอื นกระจกทีส่ ำคญั ได้แก่ กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทนและกา๊ ซไนตรสั ออกไซด์ 1. กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์ เกดิ จาก การเผาไหมเ้ ชือ้ เพลงิ โรงงานอุตสาหกรรม และการตัดไม้ทำลายปา่ 2. กา๊ ซมเี ทน เกิดจาก การยอ่ ยสลายซากสิง่ มีชวี ติ ในพน้ื ทีท่ ่มี นี ้ำขงั เช่น นาขา้ ว 3. กา๊ ซไนตรัสออกไซด์ เกดิ จาก อตุ สาหกรรมทใ่ี ช้กรดไนตรกิ ในกระบวนการผลิต และการใช้ปยุ๋ ไนโตรเจนในการเกษตรกรรม รไู้ ดอ้ ย่างไรว่าโลกรอ้ นขึ้น และในอนาคตอณุ หภมู เิ ฉลย่ี ของโลกจะสูงขนึ้ กี่องศาเซลเซียส จากการเฝา้ ตดิ ตามความผันแปรของอุณหภมู โิ ลก พบวา่ ในระยะ 10 ปี สดุ ท้าย พ.ศ. 2539 – 2548 เป็นช่วงท่ีอุณหภูมิ เฉล่ยี ของโลกร้อนท่ีสุด หากไม่มมี าตรการใดๆ ท่ีจะยบั ยัง้ การปลอ่ ยออกกา๊ ซเรอื นกระจกแล้ว คาดวา่ อณุ หภมู เิ ฉลย่ี ของโลกจะเพิ่ม สูงขึน้ 1.5-4.5 องศาเซลเซยี ส ภายในปี ค.ศ. 2100 ภาวะโลกร้อนสง่ ผลตอ่ ประเทศไทยอยา่ งไร จากความผนั แปรของภมู ิอากาศมผี ลตอ่ ลักษณะอากาศทว่ั โลก รวมทั้งประเทศไทยกม็ ีสญั ญาณท่บี ่งบอกถงึ ผลกระทบที่ เกิดข้นึ นัน่ คอื ความรุนแรงของภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น นอกจากนพ้ี บว่า อุณหภมู เิ ฉลย่ี ทัว่ ประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2549 ซง่ึ อยู่ ในช่วงต้นฤดูหนาวสูงกว่าปกติ 1.7 องศาเซลเซียส สงู สดุ เป็นอันดับ 1 ในรอบ 56 ปี ของประเทศ และในเดอื นธนั วาคม 2549 อณุ หภมู ิ เฉลย่ี สงู กวา่ ค่าปกติประมาณ 1 องศาเซลเซยี ส (อณุ หภมู เิ ฉลี่ย 24 องศาเซลเซยี ส) ในช่วง 10 ปี ทีผ่ า่ นมา ประเทศไทยมสี ภาพอากาศเป็นอย่างไร จากการศกึ ษาขอ้ มลู 54 ปี ต้งั แต่ พ.ศ.2494 ซึ่งเปน็ ปแี รก ที่เรม่ิ มกี ารตรวจวัดขอ้ มลู พบว่า อณุ หภูมิของประเทศไทยมีแนวโนม้ สูงขึน้ ท้ังอุณหภูมเิ ฉลย่ี (รูปที่ 1) อณุ หภมู ิสูงสดุ เฉล่ีย(รูปที่ 2) และ อุณหภมู ติ ำ่ สดุ เฉล่ยี (รูปที่ 3) ส่วนปริมาณฝนและวันท่ีฝนตกมแี นวโนม้ ลดลง (รปู ที่ 4 และ5) ถงึ แมว้ ่าในชว่ ง 10 ปที ี่ผ่านมาทั้งปริมาณฝน และจำนวนวนั ฝนตกอยใู่ นเกณฑส์ งู กว่าคา่ ปกติ มากกวา่ ทจี่ ะตำ่ กวา่ ปกตกิ ต็ าม ในปี 2550 น้ี โลกและประเทศไทย มสี ภาพอากาศเป็นอย่างไร การเพ่มิ ข้ึนของกา๊ ชเรอื นกระจกทำใหบ้ รรยากาศโลกกัก เกบ็ พลงั งานความรอ้ นเพมิ่ ขึน้ ส่งผลใหค้ วามสมดลุ ของพลงั งานโลกเปลย่ี นแปลงไป อุณหภูมเิ ฉลย่ี ของบรรยากาศบริเวณผิวโลกสงู ขึ้น คลน่ื ความรอ้ นเกดิ บอ่ ยครง้ั และรนุ แรงขึน้ ซึ่งจะส่งผลต่อเนอื่ งนานปั การ เชน่ ฤดกู าล ปรมิ าณและการกระจายของน้ำฝนเปล่ียนแปลง ไป ระดับน้ำทะเลสงู ขึน้ เนื่องจากน้ำแข็งขัว้ โลกละลาย นำ้ ทะเลขยายตัว เนือ่ งจากอุณหภมู ิสงู ขน้ึ เกิดพายแุ ละภัยพิบัตริ ุนแรงและถข่ี ้ึน ในปี 2550 สภาพอากาศท่ัวไปของโลก มกี ารคาดการณไ์ ว้วา่ อุณหภูมจิ ะสงู ขึน้ ทำให้มีอากาศรอ้ นจดั อกี ปหี นงึ่ สำหรบั ประเทศไทยในปี 2550 คาดวา่ พ้นื ท่ีสว่ นใหญ่ของประเทศไทยจะมปี ริมาณฝนสูงกว่าคา่ ปกติ โดยเฉพาะในช่วงฤดรู ้อนและตน้ ฤดูฝน และฤดฝู นจะมาเร็วกวา่ ปกติ และในช่วงฤดูรอ้ นจะมอี ากาศรอ้ นจดั ในหลายพืน้ ที่ สว่ นอณุ หภมู เิ ฉล่ียของประเทศจะสงู กวา่ ค่า ปกติโดยเฉพาะในชว่ งคร่งึ แรกของปี
67 ใบความรทู้ ่ี 6 แนวทางการตัดสนิ ใจเลอื กอาชพี การตดั สนิ ใจเลือกอาชีพเพือ่ จะไปศกึ ษาเพิม่ เติม หรอื เพ่ือหางานทำนั้น เป็นเร่อื งสำคญั ตอ่ ชีวิตคนเรามาก การเลือก อาชีพควรพิจารณาใหร้ อบคอบทง้ั ตวั เองและทงั้ งานอาชีพวา่ เหมาะสมกันเพียงใด ถา้ ตดั สินใจเลอื กอาชพี อยา่ งรีบร้อนไมร่ อบคอบ อาจ ตอ้ งทำงานทไ่ี ม่ตรงกบั อุปนสิ ยั ซึ่งเป็นผลให้ทำงานน้ันไม่ดเี ทา่ ท่ีควร ไมม่ คี วามเจรญิ ก้าวหน้า ก่อใหเ้ กดิ ความเบื่อหน่ายต่อการทำงาน น้นั ๆ เป็นเหตุใหอ้ ยากเปลี่ยนงาน และอาจเป็นผ้วู า่ งงานในที่สดุ ซง่ึ จะเปน็ ผลเสียหายตอ่ ตนเองตอ่ สังคมและเศรษฐกจิ ของประเทศชาติ อย่างมาก จะทราบไดอ้ ย่างไรวา่ ตวั ท่านเองเหมาะสมกับงานอาชีพประเภทไหน ในเมอื่ อาชพี ต่างๆ ใน ประเทศไทยนน้ั มีมากกวา่ สองพนั อาชีพ เพอื่ ชว่ ยให้ท่านไดท้ ราบแนวทางในการพิจารณาเลอื กอาชพี อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมกบั ตัวทา่ น เอง ขอใหท้ า่ นอา่ นเอกสารน้อี ย่างละเอียดถ่ถี ้วน และใชด้ ลุ ยพินิจพิจารณาขอ้ เท็จจรงิ ต่างๆ โดยรอบคอบ อยา่ ลืมวา่ อนาคตของท่าน ข้นึ อยู่กบั การตัดสนิ ใจเลอื กอาชพี อยา่ งถกู ตอ้ ง จะทราบได้อย่างไรวา่ อาชพี ไหนเหมาะสมกับตัวเอง การเลอื กประกอบอาชีพจึงมคี วามสำคญั ต่อมนุษยเ์ ป็นอนั มาก คนที่เลือกประกอบอาชพี ทีเ่ หมาะสมกับตน ยอ่ มกอ่ ใหเ้ กดิ ความเพลดิ เพลิน และกอ่ ใหเ้ กิดความสขุ ในการทำงาน และยังมีโอกาสท่ีจะประสบความสำเรจ็ ในการประกอบอาชพี มาก ในทางตรงกนั ขา้ ม ถา้ บุคคลประกอบอาชีพทไี่ ม่เหมาะสมกบั ตนเองแล้ว กจ็ ะเกดิ ความเบ่ือหนา่ ยในการทำงาน และเนอ่ื งจากคนเราตอ้ งใช้เวลาในการ ประกอบอาชพี ภายหลังจากการศกึ ษาเปน็ เวลาชา้ นานถึงหน่ึงในสามของชวี ิต หรอื ประมาณ 100,000 ชว่ั โมง การทจ่ี ะต้องอดทนตอ่ กิจกรรมทนี่ ่าเบื่อหน่าย เป็นระยะเวลาอันแสนนานเช่นนี้ จงึ ทำให้ชีวิตของตนไมม่ คี วามสขุ การประกอบอาชีพทีไ่ ม่เหมาะสมหรอื ไม่ สอดคล้องกับบุคลิกภาพ ความสนใจและความถนดั นอกจากจะมโี อกาสประสบความสำเรจ็ ในการประกอบอาชีพนอ้ ยแล้ว ยงั เปน็ การ ทรมานชวี ิตอย่างหน่งึ อกี ดว้ ย การเลอื กอาชีพที่ไมเ่ หมาะสมกบั บุคลกิ ลักษณะอปุ นิสัย ความรู้ ความสามารถ ความสนใจ และความถนดั ในงานอาชพี ของ ตนเองและความต้องการของตลาดแรงงาน อาจก่อให้เกดิ ผลเสยี หายหลายประการ เช่น เรียนไมส่ ำเรจ็ ตอ้ งเปล่ียนวิชาใหม่ ทำให้ เสยี เวลาและทุนทรัพยไ์ ปโดยเปลา่ ประโยชน์ หางานทำยาก หางานทำไมไ่ ด้ หรือไม่อยากทำงานอาชพี ตามทไี่ ดร้ บั การศกึ ษาอบรมมา ทำงานไม่ก้าวหนา้ เนื่องจากการ ทำงานอาชีพจะตอ้ งทำด้วยใจรกั ตัง้ ใจและมคี วามรับผดิ ชอบในหนา้ ท่หี ากไดง้ านทำที่ไมเ่ หมาะสมกับ บคุ ลิกลักษณะอุปนสิ ยั ความสามารถ ความถนัด หรือความสนใจแลว้ โอกาสท่ีรกั งาน ต้ังใจทำงาน หรอื รบั ผิดชอบในหน้าท่กี ารงานก็จะ มีนอ้ ย มีแต่ความเบ่อื งานไมอ่ ยากทำงานหรือทำไปอย่างแกนๆ โอกาสกา้ วหนา้ จงึ มีน้อย เปลี่ยนบอ่ ย เมือ่ เกดิ ความเบ่ืองาน ไม่อยาก ทำงานก็จำเป็นตอ้ งหางานใหม่ท่ีนา่ สนใจและ ถูกใจกว่า จึงต้องเปล่ียนงานบอ่ ยไปเรือ่ ยๆ จนกวา่ จะถูกใจ ผลเสยี ทเี่ กดิ ขึ้นทัง้ หมดน้ี ก่อใหเ้ กิดการสูญเปล่าท้งั เวลาความเจรญิ กา้ วหน้าของบคุ คล เศรษฐกจิ ของครอบครัว และ ของประเทศชาติเป็นสว่ นรวมอีกดว้ ย การเลอื กประกอบอาชีพเปน็ กระบวนการทส่ี ลบั ซบั ซ้อน ซ่งึ บุคคลที่จะตดั สินใจเลือกอาชพี จะตอ้ งรจู้ ักตัวเองในดา้ นความสนใจ ความสามารถ และความถนัดเปน็ อย่างดี ซึง่ เปน็ การยากสำหรบั ปถุ ชุ นทว่ั ไป นอกจากจะตอ้ งรจู้ กั ตัวเองแล้ว ผู้เลอื กอาชพี จะต้องรู้จกั โลกของงาน คอื รู้จักอาชีพโดยละเอยี ดหลายอาชีพจึงมคี วามจำเป็นต้องจดั บรกิ ารแนะแนวอาชีพ เพือ่ ช่วยเหลอื บุคคลใหส้ ามารถเลอื กอาชีพท่ีเหมาะสมกบั ตนเอง เพอื่ ใหป้ ระสบความสำเรจ็ ในการประกอบอาชีพ สามารถทำประโยชน์ ใหแ้ ก่ตนเองและสงั คม คนเรามีความถนัด ความสามารถ และความสนใจในงาน อาชีพแตกตา่ งกนั ดงั นัน้ ทา่ นตอ้ งรู้จักตวั เอง และ รจู้ ักงานอาชพี ต่างๆ อยา่ งกว้างขวาง รวมท้ังรจู้ ักพิจารณาดวู ่า มีงานอะไรบ้างท่ีทา่ นชอบ และสนใจมากท่ีสุด และงานน้นั ๆ เหมาะสม กับอปุ นิสัยและบคุ ลกิ ลักษณะของทา่ นหรือไม่ ก่อนกอ่ นสินใจเลอื กอาชีพ มี 2 ประการทีท่ ่านต้องพจิ ารณา คือ
68 ใบงานท่ี 1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เร่ือง ความพอเพยี ง ชอื่ ....................................................................... รหัสนักศกึ ษา .................................................................... 1.ให้ผู้เรียนศึกษาดว้ ยตนเองจากใบความรู้ หนงั สือแบบเรียนและการหาข้อมลู ทางอินเตอรเ์ นต็ การคน้ ควา้ ข้อมูลทาง อินเตอร์เน็ตโดยคน้ ควา้ ผ่านทาง google 1. ปรชั ญา เศรษฐกิจ พอเพียง หมายถงึ อะไร ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ...................................................................................................................................................................................... ... ............................................................................................................... .......................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... 2. เศรษฐกจิ พอเพียง ท่าน สามารถ ปรบั ใช้ ใน การ ดำเนิน ชีวิต อยา่ งไร ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ .............................................................................................................................................................. ........................... ................................................................................................... ...................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................
69 ใบงานที่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เร่อื ง ชุมชนพอเพียง ชอื่ ....................................................................... รหสั นกั ศึกษา .................................................................... จากข้อความตอ่ ไปนี้ ใหผ้ เู้ รียน วเิ คราะหเ์ ขยี นส่งอาจารยป์ ระจำกลมุ่ และ นำเสนอเพ่ือแลกเปล่ียน “ การโฆษณาในจอทวี ี และวิทยุปจั จบุ ัน ถา้ ยงั โฆษณากนั อยา่ งบ้าเลอื ดอยอู่ ย่างน้ี จะไปสอนให้คนไม่ซอื้ ไมจา่ ย และให้บริโภคตามความจำเปน็ ไดอ้ ยา่ งงไร ในเมอื่ ปล่อยใหม้ กี ารกระตุน้ การบริโภคแบบเอาเปน็ เอาตายอยู่เชน่ นี้ ผู้คนก็คดิ ว่า อะไรที่ตัวเองต้องการตอ้ งเอาใหไ้ ด้ ความตอ้ งการถูกทำใหก้ ลายเปน็ ความจำเปน็ ไปหมด ” .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................................................................................................................
70 ใบงานท่ี 3 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรอ่ื ง การแก้ปญั หาชุมชน สมาชกิ ในกล่มุ 1. .................................................................................. 2. ……………………………………………………… 3. .................................................................................. 4. ……………………………………………………… ให้ศึกษาข้อมูลจากใบความรู้และร่วมระดมความคดิ เห็นในการมีส่วนรว่ มแก้ปญั หาหรือพัฒนาชุมชนตามหลกั แนวคิด ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในแต่ละด้านดังนี้ 1. ดา้ นสงั คม ................................................................................................................................................................ ............ ............................................................................................................................................................................ .................................................................................... ............................................... ......................................... ........................................................................................................................................................ .................... 2. ด้านเศรษฐกิจ ................................................................................................................................................. ........................... ........................................................................ ................................................................................................. ... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ............................................... 3. ด้านสิง่ แวดล้อม .................................................... ............................................................................................................ ............ ..................................................................... ................................................................................................. ...... .................................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ................................................................. ดา้ นวฒั นธรรม .............................................................................................................................. .............................................. ........................................................................ ........................................................................................... ......... ............................................................................................................................. ............................................... ............................................................................................................................................................................ แหล่งเรียนรูท้ ศ่ี ึกษาคน้ ควา้ ............................................................................................................................................
71 ใบงานท่ี 4 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง สถานการณข์ องประเทศกับความพอเพียง ชอื่ ......................................................................... รหสั นกั ศึกษา .................................................................... ใหน้ ักศึกษาคน้ ควา้ ข้อมูลขา่ วสังคม เศรษฐกิจของประเทศไทย และติดลงใบงาน ตดิ ข่าว ใหน้ กั ศึกษาแสดงความคิดเห็นในการนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้แกไ้ ขปัญหา ................................................................................................................................. ........................................................ ......................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................................................ ............................. .................................................................................................. ....................................................................................... ............................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................................ แหล่งเรยี นรทู้ ี่ศึกษาค้นควา้ ................................................................................................................................
72 ใบงานที่ 5 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 เร่ือง สถานการณ์โลกกบั ความพอเพียง ช่อื ......................................................................... รหสั นกั ศึกษา .................................................................... 1 ให้นกั ศึกษาค้นคว้าข้อมลู จากหนังสือพิมพ์ หรือ internet ในหัวขอ้ ที่เกี่ยวกบั ภาวะโลกร้อน / การสื่อสาร / เศรษฐกิจ โดยเลือกเพยี ง 1 หัวขอ้ แล้ววเิ คราะหต์ ามหวั ข้อดังน้ี ปญั หา.............................................................................................................................................................. ......... ...................................................................................................... ........................................................................... ................................................................................................................................................................................. สาเหต.ุ ...................................................................................................................................................................... .................................................................................... ............................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... แนวทางการแก้ไขปญั หาโดยนำหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งไปใช.้ ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................... .................................................................................................................................................................. ............... 2. ใหน้ กั ศึกษาวิเคราะหส์ ภาพปญั หาของตนเอง ครอบครัว ตามหวั ข้อดงั นี้ ปญั หา....................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................... สาเหต.ุ .................................................................................................................................................... .................. .................................................................................. ............................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... แนวทางการแกไ้ ขปญั หาโดยนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งไปใช.้ ............................................................ ............................................................................................................................. ................................................... .................................................................................................................................................................. ............... แหล่งเรียนรทู้ ี่ศึกษาค้นควา้ ......................................................................................................................................
73 ใบงานที่ 6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 6 เร่ือง การประกอบอาชีพตามหลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง เพอื่ การสร้างรายไดอ้ ยา่ ง มัน่ คง ม่ังคง่ั และย่ังยนื ชื่อ......................................................................... รหสั นักศึกษา .................................................................... ใหน้ กั ศกึ ษาเลอื กอาชีพทีเ่ หมาะสมกบั ตนเองโดยอธบิ ายถึงกระบวนการเข้าสูอ่ าชีพและบอกแนวทางการพัฒนาอาชีพ ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 2.ใหน้ ักศกึ ษาจดั ทำโครงการอาชพี ทส่ี นใจและเหมาะสมกับตนเองโดยใช้ขอ้ มูลความรู้จากการศึกษาแนวทางการประกอบอาชีพให้ ประสบความสำเรจ็ จำนวน 1 โครงการ แหลง่ เรียนร้ทู ศี่ ึกษาคน้ คว้า......................................................................................................................................
แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้คร้งั ท่ี 6
75 หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ม.ปลาย ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2563 สาระ ทกั ษะการดำเนินชวี ติ รายวชิ า สุขศึกษา รหสั วชิ า ทช31002 จำนวน 2 หน่วยกิต กศน.อำเภอเมืองราชบุรี สำนักงาน กศน.จังหวดั ราชบรุ ี มาตรฐาน รู้เขา้ ใจ มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม เจตคติที่ดี มีทักษะในการดแู ล และสรา้ งเสริมการมพี ฤตกิ รรมสุขภาพที่ดี ปฏิบตั ิจนเปน็ กิจนิสัย วางแผนพัฒนาสขุ ภาพ ดำรงสขุ ภาพของตนเอง และครอบครวั ตลอดจนสนับสนนุ ให้ชุมชนมี ส่วนรว่ มในการส่งเสรมิ ดา้ นสขุ ภาพพลานามยั และพัฒนาสภาพแวดล้อมทด่ี ี ท่ี ตวั ช้ีวดั เนื้อหา เนอ้ื หา เนอื้ หา เน้อื หา หมาย งา่ ยด้วย ปาน ยาก เหตุ ตนเอง กลาง (สอน (กรต.) (พบ เสริม) กลมุ่ ) 1. 1. เขาใจการทํางานของ การทำงานของระบบในร่ (12ชม) ระบบตางๆ ในรางกาย 1.1. างกาย การทาํ งานของระบบยอย - การทำงานของระบบ อาหาร ย่อยอาหาร 1.2.การทาํ งานของระบบ - การทำงานของระบบ ขับถาย ขับถ่าย 1.3.การทํางานของระบบ - การทำงานของระบบ ประสาท 1.4.การทํางานของระบบสบื ประสาท พนั ธุ - การทำงานของระบบสืบ 1.5.การทาํ งานของระบบต อมไรทอ พันธุ 2. สามารถดแู ลรกั ษาปองกนั - การทำงานของระบบ ความผดิ ปกติของระบบ ตอ่ มไร่ทอ อวยั วะสําคญั 5 ระบบ - การดูแลรกั ษาระบบของ รวมทง้ั สรางเสริม และดํารง ร่างกายทสี่ ำคญั ประสทิ ธิภาพได
76 ท่ี ตวั ชี้วัด เนื้อหา เน้ือหา เนือ้ หา เนื้อหา หมาย ง่ายดว้ ย ปาน ยาก เหตุ ตนเอง กลาง (สอน (กรต.) (พบ เสริม) กลุ่ม) 2. 1. เรียนรทู ักษะการสื่อสาร 2. ปญั หาเพศศกึ ษา ✓ และตอรองเพือ่ ขอความชวย - ทักษะการจัดการปญั หา (6ชม) เหลือเกย่ี วกบั ปญหาทางเพศ ทางเพศ ได -ปัญหาทางเพศในเด็กและ 2. เรียนรกู ารจัดการกับ วยั รุน อารมณ และความตองการ -การจัดการกบั อารมณ์ กับปญหาทางเพศไดอยาง และความต้องการทางเพศ เหมาะสม -ความเชอื่ ท่ผี ดิ ๆ ทางเพศ 3. เรยี นรแู ละสามารถ -กฎหมายท่ีเกยี่ วข้องกบั วิเคราะหความเช่ือเรอื่ งเพศ การละเมิดทางเพศทาง ท่สี งผลตอปญหาทางเพศได เพศ อยางเหมาะสม 4. เรยี นรแู ละสามารถวิ เคราะหอิทธิพลส่ือทสี่ งผลให เกดิ ปญหาทางเพศได 5. อธิบายโรคที่กฎหมายที่ เกย่ี วของกบั การลวงละเมิด ทางเพศไดอยางถกู ตอง 3 1. เขาใจปญหา สาเหตแุ ละ 3. อาหารและโภชนาการ ✓ บอกวธิ ีการปองกนั โรคขาด 1. โรคขาดสารอาหาร (6ชม) สารอาหารได 2. การสขุ าภบิ าล 2. อธิบายหลักการสขุ าภิบาล อาหาร อาหาร และนําไปปฏิบตั ิเป - การปนเปอื้ น นกจิ นสิ ยั - สุขลกั ษณะอาหารถงุ 3. สามารถจัดโปรแกรม 3. การจัดโปรแกรม อาหารทเี่ หมาะสมสําหรับ อาหารที่เหมาะสมสำหรบั บคุ คลกลุม บคุ คลต่าง ๆ ตางๆ เชน ผูสงู อายุ ผูปวยได - ตนเองและครอบครัว อยางเหมาะสม - ผู้สงู อายุ ผปู้ ว่ ย
77 เน้อื หา เน้ือหา เนอ้ื หา ปาน ยาก ท่ี ตวั ชี้วัด เน้ือหา งา่ ยด้วย กลาง (สอน หมาย ตนเอง (พบกลุ่ม เสรมิ ) เหตุ (กรต.) 4. 1. เรยี นรวู ธิ ีการวาง 4. เสริมสรา้ งสขุ ภาพ ✓ แผนพัฒนาเสรมิ สรางสุขภาพ 1. การรวมกลุม่ เพื่อสร้าง (12ชม) ตนเองและครอบครัว เสรมิ สุขภาพ เช่น กลุ่ม 2. อธบิ ายโรคที่การจัด ออกกำลงั กาย เลน่ โปรแกรมการออกกาํ ลงั กาย กีฬา บำเพ็ญประโยชน์ สาํ หรับตนเอง และผูอื่นได และนนั ทนาการ เปน็ ต้น ถกู ตองเหมาะสมกับ บุคคล 2. การออกกำลงั กายท่ี และวยั ตางๆ เหมาะกับบุคคลและวยั ตา่ ง ๆกบั การลว่ งละเมิน ทางเพศและกฎหมาย คุ้มครองเด็กและสตรี 5. 1. อธบิ ายโรคท่ที ถ่ี ายทอด 5. โรคทถ่ี ่ายทอดทาง ✓(8ชม) ทางพันธกุ รรม สาเหตุ อาการ พันธกุ รรม การ 1. โรคทีถ่ ่ายทอดทาง ปองกนั และการรกั ษาโรคต พนั ธุกรรม สาเหตุ อาการ างๆ การป้องกันและการรักษา 2. อธบิ ายหลกการและ - โรคทลั ลัสซเี มยี เหตผุ ลในการวางแผนรวมกบั - โรคภูมิแพ้ - โรคขาดสารไอโอดีน ชุมชน เพอื่ ปองกันและหลกี เล่ยี งโรคที่ 2. การวางแผนร่วมกบั ชุมชนเพื่อป้องกนั และ ถายทอดทางพนั ธกุ รรม 3. อธิบายผลกระทบของ หลีกเลี่ยงโรคตดิ ต่อและ โรคทเ่ี ปน็ ปัญหา พฤติกรรม สุขภาพทีม่ ี สาธารณสุข ตอการปองกันโรค 3. ผลกระทบของ พฤติกรรมสุขภาพที่มผี ล ต่อการป้องกันโรค 4. ขอ้ มูล ข่าวสาร และ แหลง่ บริการเพ่ือการ ป้องกนั โรค
78 เนือ้ หา เน้ือหา เนอ้ื หา ปาน ยาก ท่ี ตวั ชวี้ ัด เนอ้ื หา ง่ายด้วย กลาง (สอน หมาย ตนเอง (พบกลุ่ม เสรมิ ) เหตุ (กรต.) 6. 1. รแู้ ละเขาใจ หลกั การและ 6. ปลอดภยั จากการใช้ วิธกี ารใช้ยาท่ีถกู ต้อง ยา ✓(8ชม) 2. จาํ แนกอนั ตรายจากการใช 1. หลกั การและ ยาประเภทตาง ๆ ไดอยาง วธิ กี ารใชย้ า เชน่ การใช้ ถูกต้อง โดยไมจ่ ำเป็น 3. วเิ คราะห์ผลกระทบจาก 2. ความเชอื่ เก่ยี วกับ ความเชอื่ ทผี่ ิดเกยี่ วกับการใช้ การใช้ยา ยาได้ - ยาบำรงุ กำลงั สตรี 4. ปฐมพยาบาลและให - ยาที่ทำจากอวยั วะสัตว์ ความชวยเหลือแกผูที่ไดรบั เชน่ อุ้งตีนหมี ดีงู สมอง อันตรายจากการใชยาไดอยาง ลิง ยาดองงเู หา่ 3. การ ถกู ตอง วิเคราะห์อนั ตรายจากการ ใช้ยา การป้องกนั และการ ชว่ ยเหลือ 4. การแนะนำในการ เลือกใช้ข้อมลู ขา่ วสาร เกีย่ วกบั การใชย้ า 7. 1. วเิ คราะหปญหาสาเหตุ 7. ผลกระทบจากสาร ✓(8ชม) และผลกระทบจากการแพร เสพติด ระบาดของสารเสพตดิ ได 1. การวิเคราะห์ปญั หา 2. ปฏิบัติตนในการหลกี เลย่ี ง สาเหตุ ผลกระทบและการ และมีความรวมมอื ในการปอง แพร่ระบาดของสารเสพ กนั สงเสพติดในชุมชน ตดิ 3. เผยแพรความรูดานกฎ 2. การมสี ว่ นรว่ มในการ หมายทีเ่ ก่ียวของกับสิง่ เสพติด ป้องกันส่ิงเสพคิดในชมุ ชน แกผูอ่นื ได 3. กฎหมายทเี่ กีย่ วขอ้ ง กับส่งิ เสพติด
79 ท่ี ตัวช้วี ดั เนื้อหา เน้ือหา เน้ือหา เนอ้ื หา หมาย งา่ ยดว้ ย ปาน ยาก เหตุ ตนเอง กลาง (สอน (กรต.) (พบ เสรมิ ) กลุ่ม) 8. 1. สามารถบอกถงึ 8. ทักษะชวี ิตเพ่ือ ✓ ความหมาย ความสาํ คัญของ สขุ ภาพจิต (10ชม) ทักษะชวี ติ 1. ความหมาย 2. สามารถอธบิ ายถงึ ทักษะ ความสำคญั ของทักษะ ชีวติ ทจี่ ําเปนในชวี ิต ชวี ติ 10 ประการ 3 ประการไดอยางถูกตอง 2. ทักษะชวี ติ ท่จี ำเป็น 3 ประการ - ทกั ษะการตระหนักรู้ใน ตน - ทักษะการจัดการกบั อารมณ์ - ทักษะการจดั การ ความเครยี ด 3. การประยกุ ตใ์ ชท้ ักษะ ชวี ิตในการทำงานการ ปรับตวั และการแก้ปัญหา ชีวติ 4. การแนะนำ กระบวนการทักษะชวี ติ ใน การแกป้ ัญหากับผู้อืน่
80 ที่ ตวั ชวี้ ดั เน้อื หา เนือ้ หางา่ ย เนอ้ื หา เน้ือหา หมาย ดว้ ยตนเอง ปาน ยาก เหตุ (กรต.) กลาง (สอน (พบ เสรมิ ) กลมุ่ ) 9. 9 อาชีพจำหน่าย ✓ อาหารสำเร็จรปู ตาม (10ชม) หลักสขุ าภิบาล -การถนอมอาหารโดยใช้ ความรอ้ ง -การถนอมอาหารโดยใช้ ความเย็น -การถนอมอาหารโดยใช้ การทำแหง้ -การถนอมอาหารโดย การหมักดอง-การถนอม อาหารโดยใรงั สี -อาชพี จำหน่ายอาหาร สำเร็จรูป 8. ตามหลกั สขุ าภิบาล -การจัดแต่งรา้ น -การบรหิ ารจดั การธรุ กิจ -การกำหนดราคาขาย -คุณธรรมในการ ประกอบอาชีพ รวม 68 ชม. 12 ชม.
แผนการเรยี นรู้ สาระทักษะการดำเนินชีวติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปล ครัง้ ท่ี วนั /เดือน/ หัวเร่ือง/ตัวช้ีวัด เนอ้ื หาสาระการเรียนรู้ 1 ปี 10 ม.ค.64 1. เรยี นรทู กั ษะการส่ือสาร 2. ปญั หาเพศศึกษา และตอรองเพื่อขอความชวย - ทกั ษะการจดั การปญั หาทาง เหลือเก่ยี วกบั ปญหาทางเพศ เพศ ได -ปญั หาทางเพศในเด็กวยั รุ่น 2. เรยี นรกู ารจดั การกบั -การจัดการกับอารมณ์ และ อารมณ และความตองการ ความตอ้ งการทางเพศ กับปญหาทางเพศไดอยาง -ความเช่อื ท่ีผิดๆ ทางเพศ เหมาะสม -กฎหมายทเี่ ก่ียวข้องกับการ 3. เรียนรแู ละสามารถ ละเมิดทางเพศทางเพศ วิเคราะหความเชื่อเรอ่ื งเพศ ทส่ี งผลตอปญหาทางเพศได อยางเหมาะสม 4. เรียนรแู ละสามารถวิ เคราะหอิทธพิ ลส่ือท่ีสงผล ใหเกิดปญหาทางเพศได 5. อธบิ ายโรคทก่ี ฎหมายที่ เกย่ี วของกบั การลวงละเมิด ทางเพศไดอยางถูกตอง
ต รายวชิ า สขุ ศึกษา พลศกึ ษา ทช31003 ลาย จำนวน 2 หน่วยกติ การจัดกระบวนการเรียนรู้ สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล ขั้นท่ี 1 กำหนดสภาพปญั หา สอ่ื 1. ใบงาน ความตอ้ งการในการเรยี นรู้ - หนังสือ 1.1 ครูทกั ทายนักศึกษา และ - แผน่ พบั / แผ่นปลิว เปิดประเด็นการทำแทง้ ของวยั รุน่ - ใบความรู้ ขน้ั ท่ี 2 แสวงหาข้อมลู และ - อนิ เทอรเ์ น็ต จัดการเรียนรู้ แหลง่ เรยี นรู้ 1.1 ครูทบทวนความรู้ โดยครู - หอ้ งสมุด - โรงพยาบาล / พูดคุยกบั นกั ศกึ ษา โรงพยาบาลส่งเสรมิ เก่ียวกับพฤตกิ รรมทาง สุขภาพชมุ ชน เพศของวยั รุ่นในปัจจบุ นั โดยยกปัญหาวัยรุน่ หญงิ แตง่ กายไม่เหมาะสม เชน่ สายเดีย่ ว กางเกงเอวต่ำ เส้ือคบั ฯลฯ 1.2 แบ่งกลมุ่ ผเู้ รยี นออกเป็น กลมุ่ ย่อย จำนวน 5 กล่มุ ศกึ ษาเร่ืองทค่ี รูกำหนดให้ 84
ครั้งท่ี วัน/เดอื น/ หวั เร่อื ง/ตัวช้ีวัด เน้อื หาสาระการเรยี นรู้ ปี
การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้ การวัดและประเมินผล ขน้ั ที่ 3 การปฏบิ ตั แิ ละการ นำไปใช้ 3.1 ใหต้ ัวแทนกลมุ่ ออกมา นำเสนอผลงานท่คี ้นคว้า ใหก้ ลุ่มอนื่ ฟัง 3.2 ครูและผ้เู รียนช่วยกนั สรปุ เนือ้ หาสาระสำคัญของ เรือ่ งและจดสาระสำคัญ ของเรื่อง ขนั้ ที่ 4 การประเมนิ ผล 4.1 แบบทดสอบ ใบงาน สงั เกตการณม์ ีสว่ นรว่ ม 85
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281