Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเรียนรู้ออนไลน์ ม.ต้น

คู่มือการเรียนรู้ออนไลน์ ม.ต้น

Published by Natnicha, 2021-05-05 08:30:41

Description: คู่มือการเรียนรู้ออนไลน์ ม.ต้น

Search

Read the Text Version

แผนการจัดกิจกรรมการเ รายวชิ า บันทกึ ไวไ้ ดป้ ระโยชน์ พท 22003 จ จานวน 4 บทเรียน หวั เรอ่ื ง วตั ถปุ ระสงค์เชิง กจิ กรรมการเรียนรู้ จาน พฤติกรรม ช่ัว ออนไลน์ท่ี 1. ผู฾เรยี นสามารถบอก - ผเู฾ รยี นศึกษา 12 ช 1 บทท่ี 1 ความหมาย ความหมาย ประเภท เรียนรจู฾ ากส่อื และประโยชนข์ องการ บทเรียนออนไลน์ ประเภท และ บนั ทึก Google site วิชา ประโยชนก์ ารบันทกึ บนั ทกึ ไว฾ได฾ ประโยชน์ เรื่องที่ 1 ความหมาย พท 22003 ค฾นคว฾า ความร฾ทู เี่ กย่ี วข฾อง ของการเขียนบนั ทึก - ผูเ฾ รียนทาํ แบบทดสอบก฽อน เร่ืองท่ี 2 ประโยชน์ เรยี น(Pre-test) ของการเขียนบนั ทกึ เรือ่ งที่ 3 ประเภทของ การเขยี นบนั ทึก

201 เรียนร้วู ิชาแบบออนไลน์ จานวน 1 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น 40 ชว่ั โมง นวน สื่อการเรยี นรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรียนรทู้ ่ี วโมง ประเมนิ ผล - คาดหวัง ชั่วโมง 1. หนังสอื วิชา - สมุดบนั ทกึ การ ผู฾เรียนสามารถบอก บันทกึ ไว฾ได฾ เรยี นรู฾ ความหมาย ประเภท ประโยชน์ - บทเรียน และประโยชนข์ องการ พท 22003 ออนไลน์ท่ี 1 บนั ทกึ 201

แผนการจดั กิจกรรมการเ รายวชิ า บันทกึ ไว้ได้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรียน หัวเร่ือง วตั ถุประสงคเ์ ชิง กิจกรรมการเรยี นรู้ จ ออนไลนท์ ่ี พฤตกิ รรม ช - ผ฾ูเรยี นศึกษาสอื่ วดี โี อเรอ่ื ง ความหมาย ประเภท และประโยชนก์ าร บันทกึ - ผู฾เรียนทาํ ใบงาน เรื่อง 1. ความหมาย ของการเขียนบนั ทึก 2.ประโยชนข์ องการ เขยี นบันทึก 3.ประเภทของการ เขียนบันทึก -ผู฾เรยี นทาํ แบบทดสอบหลัง เรยี น

202 เรียนรู้วชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 40 ชว่ั โมง จานวน สอื่ การเรียนรู้ การวัดและ กศน.4 ผลการเรยี นรูท้ ่ี ชั่วโมง ประเมินผล คาดหวัง 2. you tube เร่อื ง ความหมาย ประเภท และ ประโยชนก์ าร เขยี น 202

แผนการจดั กิจกรรมการเ รายวชิ า บนั ทึกไวไ้ ด้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรยี น หวั เรื่อง วตั ถปุ ระสงค์เชิง กิจกรรมการเรยี นรู้ จา ออนไลนท์ ี่ พฤติกรรม ช่ัว 2 เรื่อง หลกั การ อธิบายหลักการเขียน - ผเู฾ รยี นศึกษาเรียนร฾ู 6ช เขียนบันทกึ บันทกึ จากสื่อบทเรียน ออนไลน์ Google site วชิ าบนั ทกึ ไว฾ได฾ ประโยชน์ พท22003 หรือ อินเทอร์เนต็ คน฾ คว฾า ความรู฾ที่เกี่ยวข฾อง และบันทึกลงในสมดุ

203 เรียนรวู้ ชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หน่วยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 40 ชว่ั โมง านวน ส่อื การเรยี นรู้ การวัดและ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ท่ี ชอ฽ ง 1 คาดหวัง วโมง ประเมนิ ผล ผูเ฾ รยี นสามารถอธบิ าย ชัว่ โมง 1. หนงั สือวชิ า - ใบงานที่ 2 หลกั การในเขียน บนั ทึกได฾ บนั ทกึ ไว฾ได฾ เรือ่ ง หลกั การ ประโยชน์ เขยี นบนั ทกึ พท22003 - แบบทดสอบ กอ฽ นเรียน - ใบความร฾ู -บทเรยี น 2. you tube ออนไลน์ท่ี 2 เรือ่ งการเขียน บันทึก 203

แผนการจัดกจิ กรรมการเ รายวชิ า บนั ทึกไว้ไดป้ ระโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรยี น หัวเรอ่ื ง วตั ถปุ ระสงค์เชิง กจิ กรรมการเรียนรู้ จาน ออนไลน์ท่ี พฤตกิ รรม ชั่วโ - ผเ฾ู รียนศกึ ษาเรียนรู฾ 3 เรอ่ื ง หลกั การ อธิบายรูปแบบการ จากสื่อบทเรยี น 6ช เขียนบันทึก เขยี นบนั ทกึ แต฽ละ ออนไลน์ Google ประเภท site วชิ าบันทกึ ไว฾ได฾ ประโยชน์ พท22003 - ผเ฾ู รยี นศกึ ษาสือ่ วีดีโอ - ผูเ฾ รียนทําใบงาน ที่ 3

204 เรียนรู้วชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 40 ชว่ั โมง นวน สอ่ื การเรียนรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ท่ี โมง ประเมินผล ช฽อง 2 คาดหวัง ชัว่ โมง 1. หนงั สอื วชิ า -บทเรยี น ผ฾ูเรยี นสามารถอธบิ าย บนั ทกึ ไว฾ได฾ ออนไลน์ท่ี 3 รูปแบบการเขียน ประโยชน์ -แบบทดสอบ บันทึกได฾ พท22003 ใบงานท่ี 3 2. you tube เรอื่ ง การเขยี นบันทึก เหตุการณ์ 204

แผนการจัดกิจกรรมการเ รายวชิ า บันทกึ ไวไ้ ด้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรยี น หัวเร่อื ง วัตถปุ ระสงค์เชิง กิจกรรมการเรยี นรู้ จาน ออนไลนท์ ่ี พฤติกรรม ชั่วโ

205 เรยี นรู้วชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น 40 ชั่วโมง นวน ส่ือการเรียนรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรียนรูท้ ี่ โมง ประเมินผล คาดหวัง 3. you tube เรื่อง การเขยี นรายงาน 4. you tube เรื่อง การจดบนั ทกึ ในท่ี ประชมุ 205 0

แผนการจดั กิจกรรมการเ รายวิชา บันทึกไวไ้ ด้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรียน หวั เรื่อง วตั ถปุ ระสงค์เชิง กิจกรรมการเรียนรู้ ออนไลนท์ ่ี พฤติกรรม - ผ฾เู รยี นศึกษาเรยี นรู฾ 8 4 เรอ่ื ง ภาษาที่ใชใ฾ น ใชภ฾ าษาไดเ฾ หมาะสมกับ จากสื่อแบบเรียน การเขียนบนั ทึก บุคคลและประเภทของ ออนไลน์ Google -ภาษาที่ใช฾ในการ การบันทึก site วชิ าบันทกึ ไว฾ได฾ เขยี นบนั ทกึ ประโยชน์ พท22003 - ผเู฾ รียนศึกษาส่ือ วดี โี อ - ผู฾เรียนทาํ ใบงาน ท่ี 4

206 เรียนรู้วชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 40 ชั่วโมง จานวน สอื่ การเรียนรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั ช่วั โมง ประเมินผล 1. หนังสือวชิ า ช฽อง 3 ผู฾เรยี นสามารถใช฾ภาษาได฾ 8 ช่ัวโมง บันทกึ ไว฾ได฾ -บทเรียน เหมาะสมกบั บุคคลและ ประโยชน์ ออนไลนท์ ่ี 4 ประเภทของการบนั ทกึ พท22003 แบบทดสอบ รกั การอา฽ น ใบงานท่ี 4 2. you tube เรื่องภาษาพูด และภาษาเขียน 206 1

แผนการจัดกจิ กรรมการเ รายวชิ า บันทกึ ไว้ได้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรยี น หัวเรื่อง วตั ถปุ ระสงค์เชงิ กิจกรรมการเรียนรู้ จ ออนไลน์ที่ พฤติกรรม - ผูเ฾ รยี นศึกษาเรยี นร฾ู 8 5 บทที่ 3 ภาษาที่ใช฾ ใชภ฾ าษาได฾เหมาะสมกบั จากสอื่ แบบเรยี น ในการเขียนบนั ทึก บุคคลและประเภทของ ออนไลน์ Google เร่อื ง หลกั การใช฾ การบันทกึ site วชิ าบันทึกไว฾ได฾ ภาษาไทย ประโยชน์ พท22003 - ผเ฾ู รียนศึกษาสอื่ วดี ีโอ - ผเ฾ู รยี นทาํ ใบงาน ที่ 5 -แบบทดสอบ(Post- test)

207 เรยี นร้วู ชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 40 ชั่วโมง จานวน สอ่ื การเรยี นรู้ การวัดและ กศน.4 ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั ชั่วโมง ประเมินผล 1. หนังสือวิชา ช฽อง 4 ผ฾ูเรียนสามารถใชภ฾ าษาได฾ ชวั่ โมง บันทึกไว฾ได฾ -แบบทดสอบ เหมาะสมกับบคุ คลและ ประโยชน์ ใบงานท่ี 5 ประเภทของการบนั ทกึ พท22003 รักการอา฽ น 2. you tube เร่ืองระดับภาษา 207

208 ภาคผนวก : ส่อื เอกสารบทเรียนออนไลน์ 1-5 วชิ าบันทกึ ไว้ได้ประโยชน์ (พท22003)

209 แบบทดสอบก่อนเรียน บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 1 เร่ือง ความหมาย ประเภท และประโยชนข์ องการเขียนบนั ทึก คําชีแ้ จง เลือกคําตอบทีถ่ ูกต฾องทสี่ ุดแลว฾ ทําเคร่ืองหมาย X 1. การนําข฾อมูลมาเรียบเรยี งด฾วยสาํ นวนภาษาของตนเองเปน็ การบันทกึ แบบใด ก. บนั ทึกแบบถอดความ ข. บนั ทึกแบบคัดลอกข฾อความ ค. บันทึกแบบย฽อความ ง. บันทกึ แบบเสริมความ 2. ขอ฾ ใดไมใ฽ ช฽หลักการเขยี นบันทกึ ก. เขยี นตามลําดบั เหตกุ ารณ์ ข. ใชภ฾ าษาเรียบงา฽ ย ค. เขียนด฾วยภาษาของตนเอง ง. เขียนตามจนิ ตนาการ 3. การบนั ทึกที่คดั ลอกข฾อความมาและใส฽ไวใ฾ นเครือ่ งหมายอัญประกาศ คือการบนั ทกึ แบบใด ก. บนั ทึกแบบคัดลอกข฾อความ ข. บนั ทึกแบบถอดความ ค. บันทกึ แบบยอ฽ ความ ง. บนั ทกึ แบบเสริมความ 4. การจดเฉพาะประเดน็ สาํ คัญของเรื่องคือการจดบนั ทึกประเภทใด ก. บันทกึ คาํ สั่ง ข. บันทึกยอ฽ เรอื่ ง ค. บนั ทึกความเหน็ ง. บันทกึ รายงาน 5. การบันทึกความรูเ฾ ตอื นความจํา บรรยายความรส฾ู กึ ตรงกับข฾อใด ก. การเขยี นบนั ทึกเหตุการณ์ ข. การเขยี นยอ฽ ความ ค. การเขยี นบทความ ง. การจดบันทกึ การอภิปราย 6. “บนั ทกึ เหตุการณ์ประจาํ วัน” ตรงกบั ข฾อใด ก. การเขยี นบรรยายความรูส฾ กึ ข. การเขียนบันทกึ ความร฾ู ค. การเขียนบนั ทกึ เหตุการณ์ ง. การเขยี นเรื่องราวส฽วนตัวเพอ่ื เตือนความจํา

210 7. ข฾อมลู ทมี่ ีความสาํ คัญมากหรือเปน็ คาํ คม คาํ สภุ าษิต ควรจดบันทึกแบบใด ก. บนั ทกึ แบบถอดความ ข. บนั ทึกแบบเสรมิ ความ ค. บนั ทกึ แบบคดั ลอกข฾อความ ง. บนั ทกึ แบบย฽อความ 8. ภาษาแบง฽ ออกเปน็ ก่ีระดบั อะไรบ฾าง ก. 3 ระดับ คือ ภาษากง่ึ ทางราชการ ภาษาระดบั สนทนา ภาษาระดบั กนั เอง ข. 2 ระดบั คอื ภาษาพูดหรอื ภาษาไม฽เปน็ ทางการ และภาษาเขียนหรือภาษาระดบั ทางการ ค. 2 ระดบั คอื ภาษาระดบั พิธกี าร ภาษาระดับมาตรฐานวชิ าการ ง. 3 ระดับ คือ ภาษาทางการ ภาษากึง่ ทางการ ภาษาปาก 9. การเขียนรายงานเชิงวชิ าการควรใช฾ภาษาระดับใด ก. ภาษาทางการ ข. ภาษาก่งึ ทางการ ค. ภาษาพธิ ีการ ง. ภาษาปาก 10. ภาษาท่เี น฾นพธิ รี ีตองใช฾ในพิธีการตา฽ ง ๆ เปน็ ภาษาท่ใี ชใ฾ นการสือ่ สารข฾อใด ก. ภาษาปาก ข. ภาษาระดับทางการ ค. ภาษาระดบั กงึ่ ทางการ ง. ภาษาระดับสนทนา

211 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น บทเรยี นออนไลน์ที่ 1 เรือ่ ง ความหมาย ประเภท และประโยชนข์ องการเขยี นบนั ทึก 1. ก 2. ง 3. ค 4. ข 5. ก 6. ง 7. ค 8. ง 9. ก 10. ข

212 ใบความรู้ บทเรียนออนไลน์ท่ี 1 เรือ่ ง ความหมาย ประเภท และประโยชน์ของการเขยี นบนั ทึก สาระสาคญั การจดบันทึก คือการเขียนข฾อความ เพ่ือการเรียบเรียงความคิด เป็นการเก็บรักษาความร฾ู หรือถ฽ายทอดความร฾ูอย฽างย่ังยืนและเป็นระบบ สามารถต฽อยอดความรู฾ได฾ในช฽วงเวลายาวนาน มปี ระโยชนม์ ากในการศกึ ษาทกระดับ และการทาํ งานทกุ อาชพี ผลการเรียนรทู฾ ่ีคาดหวงั 1. ผู฾เรียนสามารถอธิบายความหมายของการเขยี นบนั ทึกได฾ 2. ผ฾เู รยี นสามารถบอกวัตถุประสงค์ของการเขยี นบนั ทกึ ได฾ 3. ผู฾เรยี นสามารถบอกประโยชน์ของการเขียนบันทึกแต฽ละประเภทได฾ ขอบขา่ ยเนอื้ หา เรือ่ งท่ี 1 ความหมายของการเขยี นบนั ทกึ เร่อื งที่ 2 ประโยชน์ของการเขียนบันทึก เรือ่ งท่ี 3 ประเภทของการเขยี นบนั ทกึ

213 เรื่องท่ี 1 ความหมายของการเขียนบนั ทึก การจดบนั ทกึ การจดบันทึก คือการเขียนข฾อความ เพ่ือช฽วยในการจําเป็นเครื่องมือในการรวบรวมความร฾ูที่ อ฽าน ประมวลความคิดหลังจากการอ฽าน และเพ่ือได฾กรอบความคิดในเนื้อหาสาระสําหรับการอ฽าน ต฽อไป การจดบันทึกมีประโยชน์มาก ในการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะอย฽างยิ่งการศึกษาด฾วยตนเอง ตามระบบการสอน ทางไกล เพราะผ฾ูเรียนต฾องค฾นคว฾าหาความร฾ูด฾วยตนเองจากการอ฽าน นักศึกษาท่ี เริม่ ตน฾ เรยี นเปน็ ปแี รก ๆ มักประสบปัญหาในเรื่อง การจดบันทึก เพราะขาดประสบการณ์ท่ีสําคัญคือ ไม฽รู฾เทคนิคในการจดบันทึกโดยธรรมชาติแล฾วมันเป็นการยากท่ีเราจะเข฾าใจ จดจําจุดสําคัญและ รายละเอยี ดปลกี ย฽อยที่เราอ฽านหรือฟงั ได฾หมด เราอาจจะลืมหัวข฾อใหญ฽ๆ ผลก็คือ ต฾องอ฽านใหม฽อีกคร้ัง หรอื สองครัง้ เพือ่ ใหจ฾ ําจดุ สําคัญไดซ฾ งึ่ เปน็ การเสียเวลา จึงควรจดสิ่งที่มาช฽วยจําว฽าเราอ฽านอะไรไปบ฾าง การจดบันทึกเป็นการช฽วยจําและทําให฾เข฾าใจย่ิงขึ้น นักศึกษาบางคนจดบันทึกไม฽ได฾เพราะพยายามจด อย฽างละเอียด จนเกินความจําเป็นไม฽มีการสรุปประเด็น ไม฽มีการเรียบเรียงความคิด ก็เกิดความท฾อแท฾ ท่ีจะจด และหยุดจด ซึ่งเป็นการแก฾ปัญหาท่ีผิด การจดบันทึก นับว฽าเป็นทักษะในการเรียนท่ีสําคัญ และจําเป็นมากสําหรับการเรียนด฾วยตนเองเพราะในแต฽ละภาคการศึกษา นักศึกษาอาจลงทะเบียน เรียนหลายวิชา ซ่ึงมีเนื้อหาสาระหลากหลายเป็นจํานวนมาก หากไม฽มีเทคนิค หรือเคร่ืองมือช฽วยใน การจําท่ีดีจะทําให฾เกิดความสับสนและเม่ือต฾องมีการทบทวนก฽อนสอบบันทึกย฽อท่ีทําไว฾จะเป็น ประโยชนอ์ ย฽างยิง่ แนวทางการจดบนั ทกึ ดร.วรี พงษ์ พลนิกรกิจ ได฾ให฾แนวทางในการบนั ทึกย฽อหรือการจดบนั ทึกไว฾ดงั น้ี 1) บันทึกสาระสําคัญ ได฾แก฽ การบันทึกคําหรือประเด็นสําคัญ ท้ังช่ือเรื่องหัวข฾อหลัก และหัวข฾อรอง รวมทั้งความหมายของคําสําคัญ ฯลฯ โดยการตอบคําถามตามสูตร5 W 1 H อาทิ ประเด็นสําคัญ เกี่ยวกบั อะไร อาจารยบ์ รรยายถงึ ส่งิ น้นั อย฽างไร และทําไมจงึ เป็นเชน฽ น้ัน ฯลฯ 2) บันทึกช่ือหนังสือหรือตํารา และหัวข฾อ รวมท้ังช่ือผู฾แต฽ง หรือช่ือหัวข฾อ และช่ืออาจารย์ผ฾ูบรรยาย การบันทึกจากการอ฽านน้ัน การบันทึกดังกล฽าวจะช฽วยในการค฾นคว฾าเม่ือต฾องการรายละเอียด รวมท้ัง การอ฾างอิงได฾ทนั ที 3) จัดหมวดหมู฽ของสาระสําคัญ โดยแบ฽งเป็นกลุ฽ม ๆ หรือหมวดหมู฽ตามแต฽เนื้อหา ท้ังนี้เพ่ือค฾นคว฾า หรือทบทวนได฾สะดวก และจดจําได฾ง฽ายขึ้น การจัดหมวดหมู฽ของสาระสําคัญทําได฾หลายวิธี เช฽น จดั หมวดหมต฽ู ามหัวข฾อ จดั หมวดหมู฽ความเหมอื นหรือความแตกต฽าง ฯลฯ

214 4) เรียงลําดับเรื่อง ให฾อ฽านและเข฾าใจง฽าย และท่ีสําคัญคือ เช่ือมโยงประเด็นให฾เห็นความสัมพันธ์ ท้ังหมด และถูกต฾องตามความหมาย การเรียงลําดับเรื่องทําได฾หลายวิธี อาทิ เรียงลําดับตามลําดับ เวลา (อดีตปัจจุบัน) เรียงลําดับตามตําแหน฽งพื้นท่ี (เหนือ-ใต฾-ออก-ตก) เรียงลําดับตามสาเหตุไปสู฽ผล (ทเ่ี กดิ ข้นึ ) ฯลฯ 5) ใช฾ถ฾อยคําท่ีกระชับ แต฽ชัดเจน เข฾าใจง฽าย และครอบคลุมเนื้อหามากท่ีสุด โดยอาจใช฾เทคนิคการ บนั ทึกโดยใชค฾ ําสมั ผสั ซ่ึงการใช฾คําท่มี เี สยี งสมั ผสั คลอ฾ งจองจะชว฽ ยให฾จําไดด฾ ี วธิ กี ารและเครือ่ งมือช่วยในการบนั ทกึ 1. การจดบันทกึ การจดบนั ทกึ สามารถดําเนินการได฾หลายวิธี สําหรับผ฾ูเรียนด฾วยตนเองอาจดําเนินการบันทึก ได฾ต้ังแต฽ช฽วงการอ฽านเอกสารการสอน เช฽นการใช฾ดินสอหรือปากกาขีดเส฾นใต฾หรือใช฾ปากกาสีขีดบน ข฾อความสําคัญไว฾หรืออาจทําเครื่องหมาย * > < = / หรือ ? เป็นต฾น หลังจากนั้นก็นํามาจัดทําเป็น บันทึกย฽อ ซึ่งสรุปสาระสําคัญจากการอ฽าน หรือการฟังการบรรยายจากอาจารย์สอนเสริม หรือจาก การฟังหรอื ชมรายการวทิ ยุกระจายเสียง รายการวิทยุโทรทัศน์ ทําให฾ได฾เนื้อหาสั้น กะทัดรัดมีใจความ สาํ คญั ครบถ฾วน อา฽ นงา฽ ย 2. การบันทึกย่อในกระดาษย่อความ การบันทกึ ยอ฽ ในกระดาษย฽อความ ไดแ฾ ก฽การบนั ทึกสาระสําคัญและรายละเอียดพร฾อมสรุปใน กระดาษยอ฽ ความทีแ่ บง฽ พ้นื ที่เป็น 3 สว฽ น ได฾แก฽ สว่ นที่ 1 สาระสาคัญ สาระสําคัญ ได฾แก฽ คําสําคัญ ประเด็นสําคัญหรือประโยคสําคัญที่มีคุณลักษณะสําคัญ คือ เป็นประโยคหรือคาํ ทมี่ คี วามหมายครอบคลุมยอ฽ หน฾าใดย฽อหน฾าหนึ่งมากที่สุด อาจเป็นเนื้อหาในส฽วนที่ ผู฾เขียนเน฾นยาํ้ มากที่สดุ และอาจเปน็ คาํ หรอื ข฾อความท่ีอธิบายรายละเอียด อธิบายสนับสนุนหรือความ คิดเห็นที่แตกต฽าง โดยทั่วไปมักปรากฏเป็นตัวอักษรขนาดใหญ฽ หรือตัวอักษรหนาเข฾ม หรือตัวอักษร เอยี ง ฯลฯ สว่ นที่ 2 รายละเอียด รายละเอียด คือส฽วนข฾อความที่เป็นเน้ือหาสาระท่ีขาดไม฽ได฾หรือเม่ือไม฽มีแล฾วอาจทําให฾ไม฽ เข฾าใจ หรือเข฾าใจผิดได฾

215 สว่ นท่ี 3 สว่ นสรุป ส฽วนสรุปเป็นการสรุปความหรือย฽อความเป็นการนําเอาเรื่องราวต฽าง ๆ มาเขียนใหม฽ ด฾วยสํานวนภาษาของผ฾ูเขียนเองเมื่อเขียนแล฾วเนื้อความเดิมจะส้ันลง แต฽ยังมีใจความสําคัญครบถ฾วน การยอ฽ นไี้ ม฽มขี อบเขตวา฽ ย฽อลงไปเทา฽ ใด จึงจะเหมาะสม เพราะบางเร่ืองมีใจความมากก็จะย฽อได฾ 1 ใน 2 บางคร้ังมีใจความสําคัญน฾อยอาจเหลือ 1 ใน 4 หรือมากกว฽านั้น แต฽ท่ีสําคัญควรครอบคลุมใจความ หรอื เนื้อหาสาระสําคญั เดิม 3. บันทึกเปน็ แผนภมู ิแบบเช่ือมโยงความสัมพันธ์ แผนภูมิหมายถึง แผนท่ี เส฾น หรือ ตารางท่ีทําขึ้นเพ่ือแสดงเรื่องใดเร่ืองหนึ่งการบันทึกแบบ แผนภูมิเชื่อมโยงความสัมพันธ์ช฽วยให฾นักศึกษาสามารถรวบรวมเนื้อหาสาระท่ีนักศึกษาต฾องการได฾ อยา฽ งตอ฽ เน่ือง เป็นระบบ ดูง฽าย จําง฽าย 4. บันทึกแบบแผนภูมคิ วามคิด การเขียนแผนภูมิความคิด Mind maps หรือแผนภูมิช฽วยจํา เป็นการบันทึกและเรียบ เรียงความเขา฾ ใจในสาระที่ได฾จากเน้ือเร่ืองทีอ่ ฽านซึง่ อาจจะอยใ฽ู นรปู ของแผนภูมิหรือแผนภาพท่ีทําขึ้นได฾ ง฽าย ๆ เข฾าใจง฽าย ๆ โดยมิได฾เน฾นรูปแบบมากนัก เนื่องจากต฾องการให฾อิสระแก฽ผู฾จัดทําแผนภูมิในการ สรปุ ตามความเขา฾ ใจดว฾ ยรปู แบบของตนเอง Mind maps เป็นเคร่ืองมือช฽วยจําท่ี โทนีปูซาน คิดค฾นมา ให฾เหมาะสมกับการทํางานของสมองเพราะมีการแตกข฾อมูลจากจุดศูนย์กลางคล฾ายเซลล์สมองจริง ๆ มีการใช฾ภาพ ใชส฾ สี นั ซ่งึ วา฽ กนั ตามหลักการทํางานของสมอง วิธกี ารเขยี นแผนภมู ิช่วยจา การเขียนแผนภูมิช฽วยจํา มีเทคนิคในการเขียนคําอธิบายควรสั้น ใช฾เคร่ืองหมายรูปภาพ ตัวเลข สัญลักษณ์ต฽าง ๆ มาประกอบ เพ่ือให฾การเขียนแผนภูมิ เป็นไปโดยง฽ายและรวดเร็วโดยมี แนวทางแบบง฽าย ๆ ดังนี้ ™ เร่มิ ตน฾ เขียนแผนภูมิดว฾ ยการเขียนหัวเรอ่ื ง หัวข฾อสําคัญหรือประเด็นสําคัญที่สุด ด฾วยรูปแบบ ใด ๆ ก็ได฾ท่ีคุณชอบไว฾ตรงกลางกระดาษค฽อย ๆ แตกแขนงความคิด ความเข฾าใจออกไปเป็นข฾อย฽อย ๆ โดยแตกแขนงออกจากศูนย์กลางใช฾เส฾นแสดงความเช่ือมโยงระหว฽างเร่ือง หรือข฾อย฽อยต฽ าง ๆ ท่ีเกี่ยวข฾องกันหรือต฽อเนื่องกันโดยความยาวแต฽ละเส฾นไม฽ต฾องเท฽ากัน ข้ึนอย฽ูกับความยาวของคํา บรรยายท่ีเขียนไว฾บนเส฾นน้ัน ๆเขียนคําบรรยายสั้น ๆ ไว฾บนเส฾นดังกล฽าว ใช฾ความหนาของเส฾นและ ขนาดของตัวหนังสือที่ต฽างกันข้ึนอย฽ูกับระดับความสําคัญของเรื่อง (เรื่องท่ีสําคัญกว฽าให฾ใช฾เส฾นหนา ตวั อักษรโต) ใชห฾ มายเลขช฽วยในการเรียงลําดบั ความสําคญั และความตอ฽ เนอ่ื งของสาระ

216 แผนภูมิความคิดท่ีใช฾ในการสรุปเรื่องที่มีหัวข฾อย฽อยจํานวนมาก ๆ อาจแบ฽งกลุ฽มนํามาเขียน เป็นกล฽ุมละ 1 หน฾า โดยมีข฾อแนะนําว฽าแต฽ละหน฾าควรมีใจความจบในแต฽ละเรื่องหรือแต฽ละหัวข฾อ (ไม฽ว฽าเป็นหัวขอ฾ ใหญห฽ รอื ขอ฾ ยอ฽ ยกต็ าม) ควรแบง฽ กระดาษเปน็ 80/20 คือ 80 จดส่ิงท่ีอ฽านหรือได฾ฟังมา อกี 20 จดตามความคิดของเรา สรุป ผ฾ูเรยี นควรมีทกั ษะทีด่ ีทัง้ ทักษะทางดา฾ นการอา฽ น การฟงั โดยสามารถเชื่อมโยงเนื้อหากับภาพ ในใจ (ในสมอง) ท่ีมีอย฽ู อันจะทําให฾ผู฾เรียนเข฾าใจในเนื้อหา และสามารถบันทึกแนวคิดหลักออกมาใน รปู แบบต฽าง ๆ ได฾ หากผ฾ูเรียนยังไมเ฽ ข฾าใจเนื้อหาในคร้งั แรกทเี่ รียน (หรอื ต฾องการศึกษารายละเอียดของ รายวิชาน้ัน) ผู฾เรียนอาจอ฽านหนังสือ ตํารา หรือเอกสารประกอบการเรียนการสอนรอบท่ี 2 (ในบางรายวิชาจะบันทึกเทปวีดิทัศน์ นักศึกษาสามารถนํามาดู/ฟังอีกคร้ังได฾) หรือสอบถามจาก อาจารย์ ผ฾ูสอน ซ่ึงจะทําให฾ผู฾เรียนเขา฾ ใจ และสามารถบันทกึ ได฾ถูกต฾องตามความหมาย ดังน้ันนักศึกษา จะเห็นได฾ว฽าการบันทึกย฽อ เป็นเร่ืองง฽ายที่จะทํา และยังช฽วยการลดปัญหาการอ฽านหนังสือไม฽ทัน อา฽ นแล฾วจาํ ไมไ฽ ด฾ไดเ฾ ป็นอยา฽ งดีอีกดว฾ ย

217 เรอ่ื งท่ี 2 ประโยชน์ของการเขียนบันทกึ การเขียนบันทึกมีประโยชน์ดังตอ฽ ไปนี้ 1. เพื่อช฽วยเพิ่มการจดจําเก็บรักษาข฾อมูลให฾มีความคงทนชัดเจนและสะดวกในการนํากลับมาได฾ สามารถ อ฾างอิงหรือนําไปใช฾ประโยชน์ได฾ในเหตุการณ์อื่น ๆ ลดโอกาสความคลาดเคล่ือนของข฾อมูลจากการ ถา฽ ยทอดขอ฾ มลู หลาย ๆ คร้ัง 2. เพอ่ื ใช฾ติดตอ฽ สือ่ สารทั้งในกรณเี ป็นทางการและไมเ฽ ปน็ ทางการ 3. เพื่อเก็บไว฾เปน็ หลกั ฐานหรือเพ่ืออา฾ งอิงในอนาคต เช฽น บันทึกรับแจง฾ ความประจาํ สถานตี าํ รวจ 4. เพ่อื เกบ็ รกั ษาความรูห฾ รือถา฽ ยทอดความรู฾อยา฽ งยง่ั ยนื และเปน็ ระบบ สามารถต฽อยอดความร฾ูได฾ในช฽วงเวลา ยาวนาน เช฽น การเขียนศลิ าจารกึ เป็นต฾น 5. เพอื่ รวบรวมความร฾ูให฾เป็นหมวดหมู฽ สําหรบั นําไปคน฾ คว฾า ถา฽ ยทอดหรือนําไปพัฒนาตอ฽ ไป เช฽น สถิติ นาํ้ ฝน สถิตการกฬี า สถิติราคาสนิ คา฾ เกษตร เปน็ ตน฾ 6. เพื่อความเพลดิ เพลนิ คลายเครยี ด หรืออาจเป็นงานอดิเรกของบางคน 7. เพ่อื ประโยชนอ์ น่ื ๆ เชน฽ เขยี นบันทกึ เพอื่ พิมพ์ขายสรา฾ งรายไดเ฾ ขยี นข฽าวเพื่อเป็นอาชีพ

218 เรอื่ งท่ี 3 ประเภทของการเขียนบันทกึ การจดบันทึกแบ่งออกเปน็ 3 ประเภท คอื 1. บันทึกสว฽ นตวั 2. บนั ทกึ ข฾อความก่งึ ทางการ 3. บันทึกข฾อความท่ีเป็นทางการ 1. บันทึกส฽วนตวั คอื การจดบันทกึ เหตุการณห์ รอื เรื่องราวที่เกิดขึน้ ในชวี ิตประจาํ วนั ถา฾ ผู฾เขียนบันทกึ ทกุ วัน เรียกวา฽ บันทกึ ประจาํ วนั บนั ทึกสว฽ นตัวแบง฽ เปน็ ประเภทย฽อย ๆ ดังนี้ 1.1 บนั ทึกเหตุการณ์ประจาํ วนั ควรมขี อ฾ มลเหตุการณ์ท่สี ําคัญประจําวนั 1.2 บนั ทึกความร฾ูจากการอา฽ น การดคู วรมีรายละเอียดดังน้ี - หวั ขอ฾ เรื่อง ผแู฾ ต฽ง ช่อื หนงั สือ และรายละเอยี ดของหนังสือ และข฾อความท่จี ะบนั ทกึ 1.3 บันทึกจากการฟัง ควรมีรายละเอยี ดดังนี้ - เรอื่ ง (รบั ฟงั จากสถานีใด) ฟงั เมื่อวนั ท.่ี .... เดือน......................... พ.ศ. .............. และระหวา฽ งเวลาใด ความว฽า ................................ 1.4 บันทกึ เหตกุ ารณส์ ําคัญ ควรมีรายละเอยี ดดงั น้ี วนั ที.่ ....... เดอื น......................... พ.ศ. ..................... สถานท่ี ………………………………… 2. บนั ทึกข฾อความกึ่งทางการ เชน฽ การจดบนั ทกึ ข฾อความจากการรบั โทรศัพท์ควรมรี ายละเอยี ด วัน เวลาทบ่ี นั ทึก ขอ฾ ความจากผใู฾ ด และถงึ ใคร มขี ฾อความว฽าอยา฽ งไร และใครเป็นผบู฾ นั ทึก ตวั อย่างบันทกึ การรับโทรศพั ท์ 20 มีนาคม 2554 ถึง คุณสายใจ จาก คุณสายสมร คณุ สายสมรขอเข฾าพบพร฽งุ นี้เวลา 10.00 น. เพื่อหารือ เรื่อง การวางแผนนําเสนองานจัดแสดงสินค฾าทเ่ี มืองทองธานี สายสุดา ผร฾ู ับโทรศพั ท์ เวลา 09.45 น.

219 3. บนั ทกึ เปน็ ทางการอาจเปน็ บนั ทกึ ของหน฽วยงานตา฽ ง ๆ หรอื บันทกึ ของทางราชการ บันทึก คือ ขอความซ่ึงผู฾ใต฾บังคับบัญชาเสนอต฽อผู฾บังคับบัญชา หรือผ฾ูบังคับบัญชาสั่งการแก฽ ผู฾ใต฾บังคบั บญั ชา หรอื ข฾อความที่เจ฾าหน฾าที่หรือหน฽วยงานระดับต่ํากว฽าส฽วนราชการระดับกรติดต฽อกัน ในการปฏบิ ตั ิราชการ บันทึกเป็นหนังสือราชการชนิดที่ 6 ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว฽าด฾วยงานสารบรรณ (หนังสือที่เจ฾าหน฾าท่ีทําขึ้นหรือรับไว฾เป็นเอกสารของทางราชการ ได฾แก฽ หนังสือรับรองรายงานการ ประชมุ บันทึก และหนังสอื อืน่ ) บนั ทึก มี 3 ประเภท คือ 1. บันทึกเสนอผบ฾ู งั คับบญั ชา 2. บนั ทึกส่งั การของผบ฾ู ังคับบัญชา 3. บันทกึ ติดต฽อราชการระหว฽างเจ฾าหนา฾ ท่ี หรอื ระหวา฽ งหนว฽ ยงานทต่ี ่าํ กวา฽ กรม วตั ถปุ ระสงคข์ องบนั ทกึ เพื่ออํานวยความสะดวกในการติดต฽อประสานงาน และส฽งงานภายในของส฽วนราชการ ลักษณะ ของบันทกึ ทีด่ ี 1. เสนอขอ฾ มูลท่ีจาํ เปน็ โดยถกู ต฾องครบถ฾วนและง฽ายแก฽การศกึ ษาเรอ่ื ง 2. เสนอแนวทางพิจารณาทีม่ หี ลกั เกณฑ์และเหตผุ ล 3. เสนอแนวทางวินิจฉัย หรือตัดสินใจท่ีเป็นไปได฾และบรรลุจุดประสงค์ โดยมีผลกระทบและ ความเสีย่ งน฾อยท่ีสุด ลักษณะของบันทึกเสนอผู้บงั คับบญั ชา 1. บนั ทึกยอ฽ เรือ่ ง คอื ข฾อความซึ่งผ฾ูใต฾บงั คบั บัญชาเขียนเสนอต฽อผ฾ูบังคับบัญชา โดยสรุปสาระ สําคญั ยอ฽ จากต฾นเรือ่ งทีม่ มี า โดยไมม฽ คี วามเหน็ ของผู฾ทาํ บนั ทกึ 2. บันทึกรายงาน คือ ข฾อความซ่ึงผ฾ูใต฾บังคับบัญชาเขียนเสนอต฽อผ฾ูบังคับบัญชา เพื่อรายงาน เร่ือง ท่ีได฾ปฏิบัติมา หรือประสบพบเห็นมา หรือศึกษาสํารวจ สืบสวน สอบสวนได฾ความมาเสนอให฾ ผูบ฾ ังคบั บัญชาทราบหรอื พจิ ารณาสง่ั การ 3. บันทึกขออนุญาต ขออนุมัติ คือ ข฾อความซึ่งผ฾ูใต฾บังคับบัญชาเขียนเสนอต฽อผู฾บังคับบัญชา เพื่อขออนญุ าตหรอื ขออนุมัตทิ ําการอย฽างใดอยา฽ งหน่งึ หรือขอเงิน หรือขอวัสดุสงิ่ ของใด ๆ 4. บันทึกความเห็น คือ ข฾อความซ่ึงผ฾ูใต฾บังคับบัญชาเขียนเสนอต฽อผู฾บังคับบัญชา โดยแสดง ความเห็นเสนอแนะแนวทางพิจารณาวินิจฉัย หรือดําเนินการในเรื่องท่ีเสนอน้ัน เพ่ือผู฾บังคับบัญชา จะได฾พจิ ารณาสัง่ การต฽อไป

220 รปู แบบและองค์ประกอบของบันทึกเสนอผู้บังคบั บัญชา 1. แบบบนั ทกึ ต฽อเน่ือง คือ การเขียนบันทึกลงในแผ฽นหนังสือ หรือแผ฽นบันทึกเรื่องเดิมที่มีมา น้ันเอง โดยเขียนต฽อท฾ายหนังสือ หรือบันทึกเรื่องเดิมท่ีมีมาน้ัน รูปแบบ ประกอบด฾วยข฾อความ เนื้อเรอ่ื ง ลงช่อื ตําแหน฽ง วนั เดือน ปี (ไมม฽ ีช่อื เรอ่ื ง ไม฽มคี ําลงทา฾ ย) 2. แบบร฽ายยาว โดยทัว่ ไปจะเขียนลงในกระดาษบันทึก ซ่ึงอาจเปน็ กระดาษบันทึกข฾อความ ท่ี ใช฾เขียนหนังสือภายใน หรือกระดาษบันทึกท่ีแต฽ละกรมจัดพิมพ์ขึ้นใช฾เฉพาะกรมก็ได฾รูปแบบ ประกอบด฾วย คาํ ข้ึนตน฾ ข฾อความเนือ้ เรอื่ ง ลงช่อื ตาํ แหน฽ง วัน เดอื น ปี 3. แบบลําดับตัวเลข โดยท่ัวไปจะเขียนลงในกระดาษบันทึก ซึ่งอาจเป็นกระดาษบันทึก ข฾อความ ท่ีใช฾เขียนหนังสือภายใน หรือกระดาษบันทึกท่ีแต฽ละกรมจัดพิมพ์ข้ึนใช฾เฉพาะกรมก็ได฾ รปู แบบ ประกอบด฾วย คําขน้ึ ตน฾ ขอ฾ ความเนื้อเรื่อง (เขียนเป็นขอ฾ ๆ โดยใสต฽ วั เลขตามลําดับเหตุการณ์) ลงช่ือ ตาํ แหน฽ง วัน เดือน ปี 4. แบบลําดับกระบวนการ โดยทัว่ ไปจะเขยี นลงในกระดาษบนั ทึก ซึ่งอาจเป็นกระดาษบันทึก ข฾อความ ท่ีใช฾เขียนหนังสือภายใน หรือกระดาษบันทึกที่แต฽ละกรมจัดพิมพ์ขึ้นใช฾เฉพาะกรมก็ได฾ รูปแบบ ประกอบด฾วย คําข้ึนต฾น ข฾อความเร่ือง (เขียนเป็นหัวข฾อตามกระบวนการนิยมใช฾ 2 แบบ คือ แบบคาํ ขอ และแบบปญั หา) ลงชือ่ ตาํ แหนง฽ วนั เดอื น ปี 5.แบบสําเร็จรูป จะเขียนลงในกระดาษบันทึก ซ่ึงแต฽ละกรมออกแบบจดพิมพ์ข้ึนใช฾เฉพาะ กรมน้ัน หลักการและเทคนคิ การเขียนบนั ทกึ เสนอ 1. บนั ทกึ ยอ฽ เรื่อง หลักการและเทคนิค 2. สรุปสาระสําคัญของเรื่องให฾สมบูรณ์และชัดเจน โดยอ฽านให฾เข฾าใจ จับใจความสําคัญ ใหไ฾ ดส฾ รุปความทั้งเรือ่ ง 3. ย฽อเร่ืองให฾สั้น โดยย฽อให฾ได฾ว฽า เรื่องอะไร ใคร ทําอะไร ทําต฽อใคร ทําเมื่อใด ทําที่ไหน ทําอยา฽ งไร ทาํ ทําไม 4. เสนอเร่ืองให฾เข฾าใจง฽าย โดยลําดับความให฾ดี เน฾นส฽วนสําคัญของเรื่อง อ฾างอิงให฾ดู รายละเอียดประกอบ

221 บนั ทึกรายงาน หลกั การและเทคนิค 1. เสนอสาระสําคัญของเรอื่ งใหส฾ มบูรณแ์ ละชัดเจน โดยใหม฾ ีสาระสาํ คญั ครบถ฾วนให฾เน้ือความ กระจ฽างชดั ไม฽คลุมเครอื 2. เขียนให฾กะทัดรัด โดยเขียนเน้ือความเท฽าที่จําเป็นต฾องรายงาน เขียนข฾อความให฾กระชับ ไม฽เยิน่ เย฾อ ยกรายละเอียดไปไว฾ในเอกสารแนบ 3. เสนอเรอื่ งให฾เข฾าใจงา฽ ย โดยใชแ฾ บบบันทึกแบบลําดบั ตวั เลข เขียนลําดบั เร่อื งเป็นข฾อ ๆ 4. เสนอแนวทางส่งั การ โดยระบใุ หช฾ ดั เจนวา฽ เพือ่ ทราบ เพ่ือพิจารณาสงั่ การ 5. บนั ทกึ ขออนุญาต ขออนุมัติ หลักการและเทคนิค 6. เขียนให฾กะทัดรัด โดยเขียนเน้ือความเท฽าท่ีจําเป็นต฾องรายงาน เขียนข฾อความให฾กระชับ ไม฽เยน่ิ เยอ฾ ยกรายละเอียดไปไวใ฾ นเอกสารแนบ 7. เสนอเร่ืองให฾เข฾าใจงา฽ ย โดยใชแ฾ บบบันทกึ แบบลําดับกระบวนการ เขียนคําขอและคําช้ีแจง เปน็ ขอ฾ ๆ 8. ชี้แจงความสําคัญและความจําเป็นท่ีจะต฾องดําเนินการ โดยชี้แจงความสําคัญและความ จาํ เป็นของเรือ่ งท่ีขอนน้ั 9. คาดหมายผลที่จะได฾รับจากการดําเนินการ โดยชี้แจงให฾เห็นผลดีกับผลเสียเปรียบเทียบ ผลดีกบั ผลเสยี แนวทางปูองกนั และแกไ฾ ขปญั หา อปุ สรรค และความเสียหายทจี่ ะเกิดขนึ้ (ถ฾ามี) 10. ระบุคําขอให฾ชัดเจน โดยระบุให฾ชัดเจนว฽า ขออนุญาตหรอขออนุมัติอะไรบ฾าง ก่ีประการ จาํ นวนเท฽าใด ควรแยกเป็นขอ฾ ๆ บันทกึ ความเห็น หลักการและเทคนิค 1. เขยี นให฾ง฽าย โดยใช฾แบบให฾เหมาะ ย฽อใหส฾ าระสําคญั ให฾เดน฽ ความเห็นใหด฾ ี 2. เขียนให฾สมบูรณ์ โดยเนื้อหาให฾สมบูรณ์ ข฾อมูลให฾ครบครัน สร฾างสรรค์ แนวความคิดลิขิต ให฾จับใจ 3. เขียนให฾มีเหตุผล โดยดําเนินเร่ืองให฾ถูก ผูกประเด็นให฾จําเพาะ วิเคราะห์ให฾จับใจวินิจฉัย ให฾เฉียบขาด

222 เทคนคิ การทาบนั ทึกความเห็น 1. ศึกษาเร่ือง ให฾เข฾าใจแจ฽มแจ฾ง ให฾ทราบสาระสําคัญ และได฾ข฾อมูลพอจับประเด็นของเรื่อง ใหไ฾ ด฾ประเด็นปัญหาทีจ่ ะตอ฾ งพจิ ารณา 2. วเิ คราะห์เร่ือง ให฾ได฾แนวทางพิจารณาโดยมหี ลกั เกณฑ์และเหตุผล 3. วนิ ิจฉยั เรอื่ ง ให฾ไดข฾ ฾อยุติ การเขยี นข้อความในบันทึกความเหน็ 1.การเขยี นเรือ่ ง เขียนได฾ 2 วิธี คือ เขียนเปน็ ใจความสําคญั ของเนอ้ื หา หรอื เขยี นเปน็ ชอ่ื ของเรือ่ ง 2. การเขียนคาํ ขอ เขยี นเฉพาะประเด็นหรือจดุ สาํ คัญทีต่ ฾องการใหผ฾ บ฾ู ังคับบัญชาพจิ ารณา 3. การเขยี นคาํ ชีแ้ จง เขยี นเหตผุ ลในการขออนุญาตหรือขออนมุ ัตเิ รือ่ งนนั้ 4. การเขยี นปัญหา เขยี นได฾ 2 วธิ ี คือ เขียนเป็นคําถาม หรอื เขยี นเป็นจดุ ประสงค์ 5. การเขียนข฾อเท็จจริง เขียนความเป็นมาของเร่ืองนั้น ข฾อเท็จจริงที่เกี่ยวข฾องกับเร่ืองนั้น ซงึ่ ปรากฏชัดอยู฽แล฾ว ตัวอย฽างเร่ืองท่ีพอจะเทียบเคียงกับเร่ืองนั้นได฾ ข฾อมูลอ่ืน ๆ ที่สําคัญและเกี่ยวกับ เรือ่ งน้ัน 6. การเขียนข฾อพิจารณา เขียนวิเคราะห์เร่ืองโดยอาศัยข฾อมูลใน “ข฾อเท็จจริง” เป็นพ้ืนฐาน นํามาปรับกับหลักเกณฑ์และ เหตุผล เพื่อแสดงว฽ามีทางเป็นไปได฾อย฽างไรบ฾างในการแก฾ปัญหาหรือ ดาํ เนนิ การเรื่องนั้น 7. การเขียนข฾อเสนอ เขียนคําตอบในการแก฾ปัญหาหรือตัดสินใจในเร่ืองน้ัน ซึ่งเขียนส้ัน ๆ วา฽ ผทู฾ าํ บันทกึ มีความเหน็ อย฽างไร

223 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 1 เรอื่ งที่ 1 ความหมายของการบนั ทึก 1. การจดบันทกึ หมายถึงอะไร .......................................................................................................................... .......................................... ..........................................................…………………………………...................................................... .............. .................................................................................................................................................................... 2. การเขยี นบันทึก มีประโยชน์ในชีวติ ประจําวันอย฽างไร ...............................................................................................................……… …………………………............... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... 3. บนั ทกึ ท่เี ป็นทางการ มีก่ปี ระเภท อะไรบา฾ ง ............................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................. ................................................... ............................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………

224 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 1 เรื่องท่ี 2 ประโยชนข์ องการบันทึก 1. การเขียนบันทกึ เหตกุ ารณ์ หมายถึงอะไร ........................................................................................... ....................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... 2. การเขียนบันทึกเหตุการณ์ ต฾องมรี ายละเอียดอะไรบ฾าง ............................................................................................................................. ................................................... ................................................................................................................................ ............................................... ................................................................................................................................................................................ 3. การเขียนบนั ทึกรายงาน แตกตา฽ งจาก การเขยี นบันทึกความเห็น อย฽างไร ................................................................................................................................................................................ ..................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................... 4. การเขยี นบนั ทึกย฽อเรอ่ื ง มวี ัตถุประสงค์อยา฽ งไร ................................................................................................................................ .............................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 5. การเขียนบันทึกตดิ ต฽อสัง่ การ มีประโยชน์อย฽างไร ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................. .......................................................... .................................................................ใ..บ...ง...า..น...บ...ท...เ..ร..ยี...น...อ..อ...น...ไ..ล...น...ท์ ...ี่ .1...........................................................

225 ใบงาน บทเรียนออนไลนท์ ่ี 1 เรอื่ งที่ 3 ประเภทของการบนั ทกึ 1. ภาษาท่ใี ชใ฾ นการเขียนบันทึกมีอะไรบ฾าง พร฾อมอธิบายรายละเอยี ด ............................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ... .......................................................................................................................... ...... 2. ภาษามีกร่ี ะดับ อะไรบา฾ ง พรอ฾ มอธิบายรายละเอียด ............................................................................................................................. ... ................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ... ................................................................................................................................ 3. การใช฾ภาษาแต฽ละระดบั ควรคํานึงเร่อื งใดบา฾ ง ............................................................................................................................. ... ................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ... ................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ... 4. การเขยี นบนั ทกึ ควรคํานึงเรื่องใดบ฾าง ............................................................................................................................. ... .......................................................................................... ...................................... ............................................................................................................................. ... ...................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ...

226 เฉลยใบงาน บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 1 เรื่อง 1 ความหมายของการเขยี นบนั ทึก การจดบันทึก หมายถึงการจดบันทึก คือการเขียนข฾อความ เพื่อช฽วยในการจําเป็นเคร่ืองมือ ในการรวบรวมความรู฾ที่อ฽าน ประมวลความคิดหลังจากการอ฽าน และเพื่อได฾กรอบความคิดในเน้ือหา สาระสําหรับการอ฽านต฽อไป การจดบันทึกมีประโยชน์มาก ในการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะอย฽างยิ่ง การศึกษาด฾วยตนเองตามระบบการสอน ทางไกล เพราะผ฾ูเรียนต฾องค฾นคว฾าหาความรู฾ด฾วยตนเองจาก การอ฽าน นักศึกษาที่เริ่มต฾นเรียนเป็นปีแรก ๆ มักประสบปัญหาในเร่ือง การจดบันทึก เพราะขาด ประสบการณ์ที่สําคัญคือไม฽ร฾ูเทคนิคในการจดบันทึกโดยธรรมชาติแล฾วมันเป็นการยากท่ีเราจะเข฾าใจ จดจําจุดสําคัญและรายละเอียดปลีกย฽อยท่ีเราอ฽านหรือฟังได฾หมด เราอาจจะลืมหัวข฾อใหญ฽ๆ ผลก็คือ ตอ฾ งอ฽านใหมอ฽ กี ครง้ั หรือสองคร้งั เพือ่ ให฾จาํ จุดสําคัญได฾ซ่ึงเป็นการเสียเวลา จึงควรจะสิ่งที่มาช฽วยจําว฽า เราอ฽านอะไรไปบ฾างการจดบันทึกเป็นการชว฽ ยจาํ และทาํ ให฾เข฾าใจยิง่ ขึน้ นักศึกษาบางคนจดบันทึกไม฽ได฾ เพราะพยายามจดอย฽างละเอยี ด จนเกินความจําเป็นไม฽มีการสรุปประเด็น ไม฽มีการเรียบเรียงความคิด ก็เกิดความท฾อแท฾ท่ีจะจด และหยุดจด ซ่ึงเป็นการแก฾ปัญหาท่ีผิด การจดบันทึก นับว฽าเป็นทักษะใน การเรียนท่ีสําคัญและจําเป็นมากสําหรับการเรียนด฾วยตนเองเพราะในแต฽ละภาคการศึกษา นักศึกษา อาจลงทะเบียนเรียนหลายวิชา ซึ่งมีเน้ือหาสาระหลากหลายเป็นจํานวนมาก หากไม฽มีเทคนิค หรือ เคร่ืองมือช฽วยในการจําที่ดีจะทําให฾เกิดความสับสนและเมื่อต฾องมีการทบทวนก฽อนสอบบันทึกย฽อ ที่ทํา ไวจ฾ ะเปน็ ประโยชนอ์ ย฽างยิ่ง การเขยี นบนั ทึก มีประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน 1. เพอ่ื ช฽วยเพม่ิ การจดจาํ เก็บรักษาขอ฾ มูลให฾มีความคงทนชัดเจนและสะดวกในการนํากลับมา ได฾สามารถอ฾างอิงหรือนําไปใช฾ประโยชน์ได฾ในเหตุการณ์อ่ืน ๆ ลดโอกาสความคลาดเคล่ือนของข฾อมูล จากการถา฽ ยทอดขอ฾ มูลหลาย ๆ คร้งั 2. เพอ่ื ใชต฾ ดิ ต฽อสื่อสารทั้งในกรณเี ปน็ ทางการและไม฽เปน็ ทางการ 3. เพื่อเก็บไว฾เป็นหลักฐานหรือเพื่ออ฾างอิงในอนาคต เช฽น บันทึกรับแจ฾งความประจําสถานี ตํารวจ เปน็ ต฾น 4.เพือ่ เก็บรกั ษาความร฾ูหรอื ถ฽ายทอดความร฾อู ย฽างยง่ั ยนื และเป็นระบบ สามารถต฽อยอดความร฾ู ได฾ในชว฽ งเวลายาวนาน เชน฽ การเขียนศิลาจารกึ เป็นต฾น 5. เพอ่ื รวบรวมความรู฾ให฾เป็นหมวดหม฽ู สําหรับนําไปค฾นคว฾า ถ฽ายทอดหรือนําไปพัฒนาต฽อไป เช฽น สถิตนิ า้ํ ฝน สถิตการกฬี า สถติ ริ าคาสินค฾าเกษตร เป็นต฾น 6. เพ่อื ความเพลิดเพลิน คลายเครยี ด หรอื อาจเปน็ งานอดิเรกของบางคน 7. เพอ่ื ประโยชน์อน่ื ๆ เช฽น เขยี นบันทกึ เพื่อพมิ พข์ ายสรา฾ งรายได฾เขียนขา฽ วเพื่อเป็นอาชพี

227 บันทกึ ท่เี ป็นทางการ มี 3 ประเภท ได฾แก฽ 1. บนั ทกึ สว฽ นตัว 2. บนั ทึกข฾อความกึ่งทางการ 3. บนั ทึกข฾อความท่ีเป็นทางการ

228 เฉลยใบงาน บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 2 เร่ือง ประโยชน์ของการเขยี นบันทกึ 1. การเขียนบนั ทึกเหตกุ ารณ์ หมายถึงอะไร การเขยี นบันทึกเหตุการณ์ โดยการเขียนเร่ืองราวที่ได฾พบเห็นเร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง เพ่ือเป็นการ บนั ทึกความรู฾ เตือนความจํา บรรยายความรสู฾ ึก หรอื แสดงขอ฾ คิดเห็น 2. การเขยี นบนั ทกึ เหตุการณ์ ตอ฾ งมีรายละเอยี ดอะไรบ฾าง 1. วนั เดือน ปี ท่บี นั ทึก 2. แหลง฽ ทีม่ าของเรือ่ งราวท่ีได฾พบเห็นมา 3. บันทกึ เรือ่ ง โดยสรุปย฽อสาระสําคัญด฾วยสํานวนภาษาของตน ซ่ึงอาจจะแสดง ข฾อคิดเห็น และสรุปไว฾ดว฾ ย 3. การเขยี นบันทกึ รายงาน แตกต฽างจาก การเขียนบันทกึ ความเหน็ อยา฽ งไร การเขยี นข฾อความรายงานเร่ืองที่ตนปฏิบัติหรือประสบพบเห็นหรือสํารวจ สืบสวนได฾ เสนอ ต฽อผ฾บู งั คบั บญั ชาควรเขยี นให฾ส้นั พิจารณาเฉพาะขอ฾ ความท่ีจําเป็นต฾องรายงาน แต฽ถ฾าเป็นการรายงาน เร่ืองท่ีได฾รับมอบหมายให฾ปฏิบัติต฾องรายงานทุกข฾อที่ผ฾ูบังคับบัญชาต฾องการทราบ หรือสนใจ แต฽การ เขียนบันทึกความเห็นเป็นการเขียนข฾อความแสดงความรู฾สึกนึกคิดของตนเก่ียวกับเรื่องที่เสนอ เพ่ือช฽วย ประกอบการพิจารณาสั่งการของผู฾บังคับบัญชา อาจบันทึกต฽อท฾ายเรื่องใดเร่ืองหน่ึงหรือ บันทึกต฽อท฾าย ย฽อเรื่อง ถ฾าเป็นเร่ืองที่ส่ังการได฾หลายทาง อาจเขียนบันทึกความเห็นไว฾ด฾วยว฽า ถ฾าสั่ง การทางใดจะเกิดผล หรือมีข฾อดีข฾อเสียอย฽างไร และถ฾ามีการอ฾างกฎหมายและระเบียบใด ก็ควรจัด นาํ เสนอประกอบเร่อื งนัน้ ๆ ดว฾ ย 4. การเขยี นบันทกึ ย฽อเรื่อง มวี ตั ถุประสงคอ์ ย฽างไร เป็นการเรียบเรียงข฾อความโดยเก็บแต฽ประเด็นสําคัญ ๆ แต฽ให฾เข฾าใจในเนื้อเรื่อง ครบถ฾วน ท่ีจะส่ังงานโดยไม฽ผิดพลาด หนังสือฉบับใดมีข฾อความสําคัญไม฽มากนักหรือไม฽อาจย฽อให฾ส้ันได฾อีก ก็เสนอให฾พิจารณาได฾เลย แต฽ควรขีดเส฾นใต฾เฉพาะข฾อความสําคัญ ๆ นั้นไว฾ด฾วย ก฽อนบันทึกย฽อเร่ืองผ฾ู บันทึกต฾องอ฽านเร่ืองราวให฾ละเอียดเสียก฽อน แล฾วจับประเด็นสําคัญของเร่ือง เขียนเป็นข฾อความส้ัน ๆ อาจไม฽จาํ เป็นต฾องเรยี งลาํ ดับข฾อความตามหนงั สือแตค฽ วรเรียบเรยี งข฾อความใหมเ฽ พ่ือใหเ฾ ข฾าใจงา฽ ยข้นึ 5. การเขยี นบันทกึ ติดต฽อสั่งการ มีประโยชนอ์ ย฽างไร เพ่ือสั่งการและชว฽ ยเตอื นความทรง จาํ ให฾ปฏิบัติตามคําสง่ั ตอ฽ ไป

229 เฉลยใบงาน บทเรียนออนไลนท์ ี่ 3 เรอ่ื ง ประเภทของการเขยี นบันทึก 1. ภาษาที่ใช฾ในการเขยี นบนั ทกึ มอี ะไรบา฾ ง พร฾อมอธิบายรายละเอียด 1. ภาษาพูด ภาษาพูด บางทีเรียกว฽า ภาษาปาก หรือ ภาษาเฉพาะกลุ฽ม เช฽น ภาษากลุ฽มวัยร฽ุน ภาษา กลุ฽มมอเตอร์ไซค์รับจ฾าง ภาษาพูดไม฽เคร฽งครัดในหลักภาษาบางคร้ังฟังแล฾วไม฽สุภาพ มักใช฾พูด ระหวา฽ ง ผส฾ู นทิ สนม หรือผู฾ไดร฾ บั การศึกษาต฽อ 2. ภาษาเขียน ภาษาเขียน มีลักษณะเคร฽งครัดในหลักภาษา มีท้ังระดับเคร฽งครัดมาก เรียกว฽า ภาษา แบบแผน เช฽น การเขียนภาษาเป็นทางการ ระดับเคร฽งครัดไม฽มากนัก เรียกว฽า ภาษาก่ึงแบบ แผน หรือ ภาษาไม฽เป็นทางการ ภาษาเขียนแบบแสดงข฾อเท็จจริง เช฽น การเขียนบทความ สารคดี เป็นตน฾ และ ภาษาเขยี นแบบประชาสัมพันธ์ เช฽น การเขยี นคําโฆษณา หรือคําขวญั เปน็ ตน฾ 2. ภาษามีกร่ี ะดบั อะไรบา฾ ง พรอ฾ มอธิบายออย฽างละเอยี ด 1. ระดับภาษาแบบแผน ลักษณะเด฽นของระดับภาษาแบบแผน คือ ความเคร฽งครัดด฾านความ สมบูรณ์ ของประโยค และความถูกต฾องด฾านไวยากรณ์อันได฾แก฽ ระเบียบการใช฾คํา ระเบียบโครงสร฾าง ประโยค เปน็ ต฾น ระดบั ภาษาแบบแผนจะใช฾ในการส่ือสารอยา฽ งเป็นทางการทุกชนิด 2. ระดับภาษาก่ึงแบบแผน ลักษณะเด฽นของระดับภาษากึ่งแบบแผน คือ ความลดหย฽อนในความ เคร฽งครัดด฾านความสมบูรณ์ของประโยค และความถูกต฾องด฾านไวยากรณ์ ใช฾ในการสื่อสารท้ังการพูด และการเขียนโดยจะส่ือบรรยากาศที่ทําให฾ผู฾รับส฽งสารมีสัมพันธภาพใกล฾ชิดกันมากกว฽าระดับภาษา แบบแผน 3. ระดับภาษาไม฽เป็นแบบแผน ลักษณะเด฽นของระดับภาษาไม฽เป็นแบบแผน คือ ไม฽เคร฽งครัด ดา฾ นความสมบรู ณข์ องประโยค และความถูกต฾องด฾านไวยากรณ์โดยสนิ้ เชงิ ใช฾สอ่ื สารในชวี ิตประจาํ วนั 3. การใชภ฾ าษาแต฽ละระดบั ควรคาํ นงึ เรื่องใดบ฾าง 1. การใช฾ภาษาผิด 2. การใช฾ภาษาไมเ฽ หมาะสม 3. การใช฾ภาษาไมช฽ ดั เจน 4. การใชภ฾ าษา ไมส฽ ละสลวย 4. การเขียนบันทึก ควรคาํ นึงเร่อื งใดบ฾าง 1. บนั ทึกแตส฽ ิ่งทีเ่ ป็นความจริง ไม฽บดิ เบอื นความจริง 2. เขียนดว฾ ยสํานวนภาษาของตนเองเปน็ ภาษาง฽ายๆ มรี ะเบียบ 3. บันทึกตามลําดบั เหตุการณ์ 4. บันทกึ เฉพาะสาระสําคญั วา฽ ใคร ทําอะไร กบั ใคร ท่ไี หน เมือ่ ไร อย฽างไร ทาํ ไม

230 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 เร่ือง หลักการเขียนบันทึก คาช้ีแจง : ใหน้ กั ศึกษาตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การเขียนบนั ทกึ หมายถึงอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. รปู แบบการเขียนบันทึกโดยทว่ั ไปจําแนกเปน็ กี่แบบ อะไรบา฾ ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. จงยกตัวอยา฽ งรูปแบบการบันทึกที่ไม฽เป็นทางการและเป็นทางการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….

231 เฉลยใบงาน บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 เรือ่ ง หลักการเขียนบันทกึ คาชแี้ จง : ใหน้ ักศึกษาตอบคาถามต่อไปนี้ 1. การเขยี นบนั ทึกหมายถึงอะไร - พจนานุกรมฉบับราชบัณทิตยสถาน พ.ศ. 2542 (2546 : 617) ได฾กลา฽ วไว฾ว฽า การบันทึก หมายถึง ข฾อความย฽อเพ่ือจําหรือเป็นหลักฐาน ข฾อความที่นํามาจดย฽อ ๆ ไว฾เพ่ือให฾รู฾เร่ืองเดิมการบันทึก จึงเป็น การเขียนขอ฾ ความน้ัน ๆ เพื่อแจ฾งข฽าวสารหรือติดต฽องานแบบก่ึงกางหรือไม฽เป็นทางการ อาจมีรูปแบบ กําหนดไวห฾ รอื ไม฽กําหนดรูปแบบก็ไดข฾ น้ึ อยู฽กบั หน฽วยงานนัน้ ๆ - ฟองจันทร์ สุขย่ิง (2550 : 10) ได฾กล฽าวไว฾ว฽า การบันทึก หมายถึง การจัดข฾อมูลไว฾เพ่ือช฽วยเตือน ความจํา หรือเก็บไว฾เป็นหลักฐาน ซึ่งผู฾บันทึกจะบันทึกอย฽างย฽อหรือละเอียดก็ข้ึนอย฽ูกับประเภทและ ความประสงค์ในการบนั ทึก - รัตนา ศาลิกร (2541 : 31) ได฾กล฽าวไว฾ว฽า การบันทึก หมายถึง ข฾อความที่จดไว฾เพ่ือช฽วยความจํา หรือเป็นหลักฐานข฾อความที่นํามาจดย฽อไว฾เพ่ือให฾ร฾ูเรื่องเดิม ในงานธุรกิจและหน฽วยงานราชการ การ เขียนบันทึกจะเน฾นการเขียนเรื่องราวเสนอผู฾บังคับบัญชา อาจเขียนข้ึนเองหรือตามคําสั่ง เพื่อใช฾เป็น หลักฐานในการติดต฽อสั่งงาน การติดต฽องานด฾วยวิธีดังกล฽าวจะอํานวยความสะดวกรวดเร็วเนื่องจาก เป็นการเขียนท่ีไม฽เป็นทางการ หรือแบบแผนเท฽าจดหมาย แต฽สามารถเก็บเป็นหลักฐานอ฾างอิงได฾ เน่ืองจากเป็นการติดต฽องานหรือสั่งการ หรือแบบแผนเท฽าจดหมาย แต฽สามารถเก็บเป็นหลักฐาน อา฾ งองิ ได฾ 2. รปู แบบการเขยี นบนั ทึกโดยทั่วไปจาํ แนกเป็นก่ีแบบ อะไรบา฾ ง จาํ แนกเป็น 8 แบบ 1. การเขียนบันทึกเหตกุ ารณ์ 2. บนั ทกึ หนังสือราชการภายใน 3. บนั ทึกรายงานการประชมุ 4. บนั ทึกตดิ ต฽อส่งั การ 5. บนั ทึกยอ฽ เรื่อง 6. บันทึกรายงาน 7. บันทกึ ความเหน็ 8. บันทึกชว฽ ยจาํ 3. จงยกตัวอยา฽ งรูปแบบการบนั ทึกที่ไม฽เป็นทางการและเป็นทางการ ไมเ฽ ป็นทางการ การเขียนบันทึกเหตุการณ์ บันทกึ ย฽อเร่ือง บันทึกช฽วยจํา บนั ทึกความเห็น เปน็ ทางการ บันทกึ เสนอผ฾ูบงั คับบัญชา บันทึกตดิ ต฽อราชการ

232 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 3 เร่ือง รปู แบบการเขียนบนั ทึก คาช้ีแจง : ให้นักศกึ ษาตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1 . การเขียนบนั ทึกรายงาน แตกตา฽ งจาก การเขียนบันทึกความเหน็ อย฽างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.การเขยี นเหตุการณห์ มายถึงอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. การเขียนบนั ทึกยอ฽ เร่ือง มีประโยชน์อย฽างไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4.ให฾นักศกึ ษาเขยี นบันทึกเหตุการณข์ องตนเอง 1 เรื่อง …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….

233 เฉลยใบงาน บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 เร่ือง รูปแบบการเขียนบันทึก คาชีแ้ จง : ใหน้ ักศกึ ษาตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การเขยี นบนั ทึกรายงาน แตกต฽างจาก การเขียนบนั ทึกความเหน็ อย฽างไร บันทึกรายงาน เป็นการเขียนข฾อความรายงานเรื่องท่ีตนปฏิบัติหรือประสบพบเห็นหรือสํารวจ สบื สวนได฾ สว฽ นบันทึกความเห็น เป็นการเขียนข฾อความแสดงความรู฾สึกนึกคิดของตนเองเก่ียวกับเรื่อง ทเี่ สนอ 2. การเขยี นเหตุการณ์หมายถึงอะไร การเขียนเหตุการณ์เป็นการเขียนเร่ืองราวที่ได฾พบเห็นเรื่องใดเรื่องหน่ึงเพื่อเป็นการบันทึกความรู฾ เตอื นความจํา บรรยายความรู฾สึก หรือแสดงขอ฾ คิดเห็น 3. การเขยี นบนั ทึกยอ฽ เรือ่ ง มีประโยชนอ์ ย฽างไร ช฽วยใหผ฾ ฾อู า฽ นรายละเอียดของเรือ่ งทั้งหมด ทม่ี ีความยาวอา฽ นไดร฾ วดเร็วขึ้นและประหยดั เวลาไดม฾ ากขึ้น 4. ใหน฾ ักศกึ ษาเขยี นบนั ทกึ เหตุการณข์ องตนเอง 1 เรือ่ ง (อยู฽ในความพจิ ารณาของครผู ูส฾ อน)

234 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 4 เรื่อง ภาษาทใี่ ชใ้ นการเขียนบนั ทึก 1. ภาษาทีใ่ ชใ฾ นการเขียนบันทึกมอี ะไรบา฾ ง พร฾อมอธิบายรายละเอยี ด ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. การใช฾ภาษาแตล฽ ะระดบั ควรคาํ นึงเรอื่ งใดบา฾ ง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................ ....................

235 เฉลยใบงาน บทเรียนออนไลน์ท่ี 4 เร่อื ง ภาษาที่ใชใ้ นการเขยี นบนั ทึก 1. ภาษาทใ่ี ชใ฾ นการเขยี นบันทึกมีอะไรบา฾ ง พร฾อมอธิบายรายละเอียด ภาษาทใ่ี ชใ฾ นการเขียนบันทกึ มี ภาษาพดู และภาษาเขยี น ภาษาพูด บางทีเรียกว฽า ภาษาปาก หรือ ภาษาเฉพาะกล฽ุม เช฽น ภาษากลุ฽มวัยร฽ุน ภาษากลุ฽ม มอเตอร์ไซค์รับจ฾าง ภาษาพูดไม฽เคร฽งครัดในหลักภาษาบางครั้งฟังแล฾วไม฽สุภาพ มักใช฾พูดระหว฽างผู฾สนิท สนม หรือผู฾ได฾รับการศึกษาตํ่า ในภาษาเขียนบันเทิงคดีหรือเรื่องส้ัน ผ฾ูแต฽งนําภาษาปากไปใช฾เป็นภาษาพูด ของตวั ละครเพ่ือความเหมาะสมกับฐานะตวั ละคร ภาษาเขียน มีลกั ษณะเครง฽ ครัดในหลักภาษา มีท้ังระดับเคร฽งครัดมาก เรียกว฽าภาษาแบบแผน เช฽น การเขียนภาษาเป็นทางการ ระดับเคร฽งครัดไม฽มากนัก เรียกว฽า ภาษาก่ึงแบบแผนหรือ ภาษาไม฽เป็น ทางการ ภาษาเขียนแบบแสดงข฾อเท็จจริง เช฽น การเขียนบทความ สารคดี และภาษาเขียนแบบ ประชาสมั พนั ธ์ เชน฽ การเขยี นคําโฆษณา หรือคาํ ขวัญ เปน็ ต฾น 2. การใชภ฾ าษาแต฽ละระดับ ควรคาํ นงึ เร่อื งใดบ฾าง ข฾อควรคํานึงในการใช฾ภาษาแต฽ละระดับ คือ เร่ืองการใช฾ภาษาท่ีถูกต฾อง เหมาะสมหากผ฾ูใช฾ภาษามี ความร฾ูเรื่องการใช฾ภาษาไม฽ดีพอ อาจทําให฾การติดต฽อสื่อสารเกิดความผิดพลาดส่ือสารได฾ไม฽ตรงความ ต฾องการ หรือส่ือความไดแ฾ ต฽ไม฽เหมาะสมทาํ ใหข฾ าดประสทิ ธิภาพในการสือ่ สารความผิดพลาดหรือความ ไม฽เหมาะสมท่ีเกิดข้ึนดังกล฽าวล฾วนมีสาเหตุมาจากการใช฾ภาษาท่ีบกพร฽องหรือไม฽คํานึงถึงการใช฾ ภาษาไทยอย฽างถูกต฾องภาษาเป็นระบบสัญลักษณ์ซ่ึงเกิดจากการที่คนในสังคมช฽วยกันกําหนดขึ้น ดังนั้นการใช฾ภาษาของมนุษย์จึงต฾องอย฽ูภายในระบบ อันประกอบด฾วยระเบียบและกฎเกณฑ์ท่ีสังคม ยอมรับร฽วมกันหากใช฾ผิดไปจากกฎเกณฑ์ท่ียอมรับกันแล฾วอาจก฽อให฾เกิดความสับสนในการสื่อ ความหมายได฾

236 ใบงาน บทเรียนออนไลนท์ ี่ 5 เร่ือง หลักการใช้ภาษาไทย ขอ฾ 1 ภาษามกี ีร่ ะดบั อะไรบา฾ ง พร฾อมอธิบายรายละเอียด ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................. .............................. .................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................

237 เฉลยใบงาน บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 5 เร่ือง หลกั การใช้ภาษาไทย 1 ภาษามีกรี่ ะดบั อะไรบา้ ง พร้อมอธิบายรายละเอียด ภาษามี 3 ระดบั คือ 1. ระดับภาษาแบบแผน ลักษณะเด฽นของระดับภาษาแบบแผน คือ ความเคร฽งครัดด฾านความ สมบูรณ์ของประโยคและความถูกต฾องด฾านไวยากรณ์อันได฾แก฽ระเบียบการใช฾คําระเบียบโครงสร฾าง ประโยค เป็นตน฾ ระดบั ภาษาแบบแผนจะใช฾ในการส่ือสารอย฽างเป็นทางการทุกชนิดเช฽น ใช฾ในเอกสาร ของทางราชการ ตํารา งานเขยี นวชิ าการ และคาํ กล฽าวเพอ่ื ใชอ฾ ฽านในพธิ กี าร 2. ระดับภาษากึ่งแบบแผน ลักษณะเด฽นของระดับภาษาก่ึงแบบแผน คือความลดหย฽อนในความ เคร฽งครัดด฾านความสมบูรณ์ของประโยค และความถูกต฾องด฾านไวยากรณ์ ใช฾ในการสื่อสารทั้งการพูด และการเขียนโดยจะสื่อบรรยากาศที่ทําให฾ผู฾รับส฽งสารมีสัมพันธภาพใกล฾ชิดกันมากกว฽าระดับภาษา แบบแผน เช฽น การพูดอภิปราย หรือบรรยาย การเขียนเชิงสนทนา ระดับภาษานี้อาจแทรกวิธีการต฽าง ๆ เพ่อื สรา฾ งรสและสีสันภาษา 3. ระดับภาษาไม฽เป็นแบบแผน ลักษณะเด฽นของระดับภาษาไม฽เป็นแบบแผนคือ ไม฽เคร฽งครัดด฾าน ความสมบูรณ์ของประโยค และความถูกต฾องด฾านไวยากรณ์โดยสิ้นเชิง ใช฾สื่อสารในชีวิตประจําวันกับ บคุ คลใกล฾ชิด บางทเี รยี กภาษาปาก มักประกอบด฾วยคําสมัยนิยม (Slang) คําตัดคําภาษาต฽างประเทศ คาํ ภาษาถนิ่ คาํ ตาํ่ ฯลฯ

238 แบบทดสอบหลังเรียน บทเรียนออนไลน์ท่ี 5 เร่ือง หลักการใชภ้ าษาไทย คาํ ช้ีแจง เลอื กคําตอบท่ถี ูกต฾องทสี่ ุดแลว฾ ทําเครื่องหมาย X 1. การนาํ ข฾อมูลมาเรียบเรยี งดว฾ ยสาํ นวนภาษาของตนเองเปน็ การบนั ทึกแบบใด ก. บันทกึ แบบถอดความ ข. บนั ทึกแบบคดั ลอกข฾อความ ค. บนั ทึกแบบยอ฽ ความ ง. บันทึกแบบเสริมความ 2. ขอ฾ ใดไม฽ใช฽หลักการเขยี นบันทกึ ก. เขียนตามลาํ ดับเหตุการณ์ ข. ใช฾ภาษาเรยี บงา฽ ย ค. เขยี นด฾วยภาษาของตนเอง ง. เขียนตามจินตนาการ 3. การบนั ทึกท่ีคดั ลอกข฾อความมาและใส฽ไวใ฾ นเคร่ืองหมายอัญประกาศ คือการบนั ทกึ แบบใด ก. บนั ทึกแบบคัดลอกข฾อความ ข. บนั ทกึ แบบถอดความ ค. บันทึกแบบย฽อความ ง. บันทึกแบบเสรมิ ความ 4. การจดเฉพาะประเดน็ สําคัญของเรื่องคอื การจดบันทึกประเภทใด ก. บนั ทึกคําส้ัง ข. บันทกึ ย฽อเรอื่ ง ค. บนั ทกึ ความเห็น ง. บนั ทกึ รายงาน 5. การบนั ทกึ ความรเ฾ู ตือนความจาํ บรรยายความร฾สู กึ ตรงกับข฾อใด ก. การเขียนบนั ทกึ เหตุการณ์ ข. การเขยี นย฽อความ ค. การเขยี นบทความ ง. การจดบนั ทกึ การอภิปราย 6. “บันทึกเหตุการณป์ ระจาํ วัน” ตรงกับข฾อใด ก. การเขียนบรรยายความร฾สู ึก ข. การเขยี นบันทึกความร฾ู ค. การเขยี นบนั ทึกเหตุการณ์ ง. การเขยี นเร่ืองราวสว฽ นตัวเพ่อื เตือนความจํา

239 7. ข฾อมูลที่มีความสาํ คญั มากหรอื เปน็ คาํ คม คําสภุ าษติ ควรจดบนั ทึกแบบใด ก. บันทกึ แบบถอดความ ข. บนั ทกึ แบบเสรมิ ความ ค. บนั ทกึ แบบคัดลอกข฾อความ ง. บนั ทึกแบบย฽อความ 8. ภาษาแบ฽งออกเป็นกีร่ ะดบั อะไรบา฾ ง ก. 3 ระดับ คอื ภาษากง่ึ ทางราชการ ภาษาระดับสนทนา ภาษาระดับกันเอง ข. 2 ระดบั คือ ภาษาพดู หรือภาษาไม฽เป็นทางการ และภาษาเขียนหรือภาษาระดับทางการ ค. 2 ระดบั คือภาษาระดับพธิ ีการ ภาษาระดบั มาตรฐานวิชาการ ง. 3 ระดบั คือ ภาษาทางการ ภาษากง่ึ ทางการ ภาษาปาก 9. การเขยี นรายงานเชิงวชิ าการควรใชภ฾ าษาระดับใด ก. ภาษาทางการ ข. ภาษากึ่งทางการ ค. ภาษาพิธกี าร ง. ภาษาปาก 10. ภาษาทีเ่ นน฾ พธิ ีรตี องใชใ฾ นพธิ กี ารต฽าง ๆ เป็นภาษาท่ีใชใ฾ นการส่อื สารข฾อใด ก. ภาษาปาก ข. ภาษาระดบั ทางการ ค. ภาษาระดับกง่ึ ทางการ ง. ภาษาระดบั สนทนา

240 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น บทเรียนออนไลน์ท่ี 5 เรอื่ ง หลักการใชภ้ าษาไทย 1. ก 2. ง 3. ค 4. ข 5. ก 6. ง 7. ค 8. ง 9. ก 10. ข

241 แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย สค22020 ใบงาน กิจกรรม คะแนน 1 เรอ่ื ง ความภมู ใิ จในความเป็นไทย - 1. สถาบนั หลักของชาติ 2. บญุ คณุ ของแผ฽นดิน 10 เรอ่ื ง มรดกไทยในสมัยอยธุ ยาและกรงุ ธนบุรี 10 1. ความหมาย นิยาม “มรดกไทย 10 2. ประเพณีไทย 10 3. วัฒนธรรมไทย 20 4. ศิลปะไทย 40 5. การอนุรักษม์ รดกไทย 100 คะแนน 2 เรอื่ ง สงครามช฾างเผือก 3 เรื่อง การเสยี กรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 4 เรื่อง การเสยี กรุงศรีอยุธยาครั้งท่ี 2 5 เร่อื ง ความสมั พันธ์กบั ต฽างประเทศในสมยั กรงุ ศรอี ยุธยาและกรุงธนบุรี 6 สอบระหว฽างภาค 7 สอบปลายภาค

แผนการจัดกจิ กรรมการเร รายวชิ า ประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทย สค22020 จ จานวน 12 บทเรยี น หัวเร่อื ง วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม กจิ กรรมการเรียนรู้ ออนไลน์ที่ 1 1. ความ 1. อธิบายความหมายของชาติ ผูเ฾ รียนศกึ ษาเรยี นรจ฾ู าก ภมู ใิ จใน ได฾ หนงั สอื แบบเรียน หรือ ความเป็น 2. อธิบายความเปน็ มาของชน อินเทอรเ์ นต็ เรอื่ ง ไทย ชาตไิ ทยได฾ 1.ความภมู ใิ จในความ 2. มรดก 3. บอกพระปรีชาสามารถของ เปน็ ไทย ไทยในสมยั พระมหากษัตริยไ์ ทยกับการรวม 1.1 สถาบันหลักของชา อยุธยา ชาตไิ ด฾ 1.2 บุญคณุ ของแผ฽นดนิ และกรุง 4. อธิบายประวตั ิความเป็นมา 2. มรดกไทยในสมัย ธนบุรี ของศาสนาพุทธ ครสิ ต์ และ อยุธยาและกรงุ ธนบุรี อิสลามได฾ 2.1 ความหมาย นิยาม 5. อธิบายความสําคัญของ “มรดกไทย” สถาบันศาสนาได฾ 2.2 ประเพณไี ทย 6. ระบบุ ทบาทและความสาํ คัญ 2.3 วัฒนธรรมไทย ของสถาบันพระมหากษตั ริย์ได฾ 2.4 ศลิ ปะไทย 7. อธิบายบุญคุณของ 2.5 การอนุรักษ์มรดก พระมหากษัตรยิ ไ์ ทยในอดีตได฾ ไทย

242 รยี นรู้รายวิชาแบบออนไลน์ จานวน 3 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 20 ช่ัวโมง จานวน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวดั และ กศน. ผลการเรียนร้ทู ่ี ชัว่ โมง ประเมนิ ผล 4 คาดหวงั 80 1. หนงั สอื เรียนวชิ า -บทเรยี น - 1. อธบิ าย อ ชม. ประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย ออนไลน์ที่ 1 ความหมายของชาติ สค22020 2. สื่ออนิ เทอร์เนต็ 2. อธิบายความ http://203.159. าติ 251.144/pattana เปน็ มาของชนชาติ น /download/g.6/ 22.%20History/ ไทย History%201,2,3/ 2..pdf 3. บอกพระปรชี า 3. Google Site บทเรียนออนไลน์ท่ี 1 สามารถของ พระมหากษัตรยิ ไ์ ทย กับการรวมชาติ 4. อธิบายประวตั ิ ความเปน็ มาของ ศาสตร์พทุ ธ คริสต์ และอิสลาม 5. อธิบาย ความสําคัญของ สถาบนั ศาสนา 242


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook