แผนการจัดกิจกรรมการเ รายวชิ า บันทกึ ไวไ้ ดป้ ระโยชน์ พท 22003 จ จานวน 4 บทเรียน หวั เรอ่ื ง วตั ถปุ ระสงค์เชิง กจิ กรรมการเรียนรู้ จาน พฤติกรรม ช่ัว ออนไลน์ท่ี 1. ผูเรยี นสามารถบอก - ผเู รยี นศึกษา 12 ช 1 บทท่ี 1 ความหมาย ความหมาย ประเภท เรียนรจู ากส่อื และประโยชนข์ องการ บทเรียนออนไลน์ ประเภท และ บนั ทึก Google site วิชา ประโยชนก์ ารบันทกึ บนั ทกึ ไวได ประโยชน์ เรื่องที่ 1 ความหมาย พท 22003 คนควา ความรทู เี่ กย่ี วของ ของการเขียนบนั ทึก - ผูเ รียนทาํ แบบทดสอบกอน เร่ืองท่ี 2 ประโยชน์ เรยี น(Pre-test) ของการเขียนบนั ทกึ เรือ่ งที่ 3 ประเภทของ การเขยี นบนั ทึก
201 เรียนร้วู ิชาแบบออนไลน์ จานวน 1 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น 40 ชว่ั โมง นวน สื่อการเรยี นรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรียนรทู้ ่ี วโมง ประเมนิ ผล - คาดหวัง ชั่วโมง 1. หนังสอื วิชา - สมุดบนั ทกึ การ ผูเรียนสามารถบอก บันทกึ ไวได เรยี นรู ความหมาย ประเภท ประโยชน์ - บทเรียน และประโยชนข์ องการ พท 22003 ออนไลน์ท่ี 1 บนั ทกึ 201
แผนการจดั กิจกรรมการเ รายวชิ า บันทกึ ไว้ได้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรียน หัวเร่ือง วตั ถุประสงคเ์ ชิง กิจกรรมการเรยี นรู้ จ ออนไลนท์ ่ี พฤตกิ รรม ช - ผูเรยี นศึกษาสอื่ วดี โี อเรอ่ื ง ความหมาย ประเภท และประโยชนก์ าร บันทกึ - ผูเรียนทาํ ใบงาน เรื่อง 1. ความหมาย ของการเขียนบนั ทึก 2.ประโยชนข์ องการ เขยี นบันทึก 3.ประเภทของการ เขียนบันทึก -ผูเรยี นทาํ แบบทดสอบหลัง เรยี น
202 เรียนรู้วชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 40 ชว่ั โมง จานวน สอื่ การเรียนรู้ การวัดและ กศน.4 ผลการเรยี นรูท้ ่ี ชั่วโมง ประเมินผล คาดหวัง 2. you tube เร่อื ง ความหมาย ประเภท และ ประโยชนก์ าร เขยี น 202
แผนการจดั กิจกรรมการเ รายวชิ า บนั ทึกไวไ้ ด้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรยี น หวั เรื่อง วตั ถปุ ระสงค์เชิง กิจกรรมการเรยี นรู้ จา ออนไลนท์ ี่ พฤติกรรม ช่ัว 2 เรื่อง หลกั การ อธิบายหลักการเขียน - ผเู รยี นศึกษาเรียนรู 6ช เขียนบันทกึ บันทกึ จากสื่อบทเรียน ออนไลน์ Google site วชิ าบนั ทกึ ไวได ประโยชน์ พท22003 หรือ อินเทอร์เนต็ คน ควา ความรูที่เกี่ยวของ และบันทึกลงในสมดุ
203 เรียนรวู้ ชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หน่วยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 40 ชว่ั โมง านวน ส่อื การเรยี นรู้ การวัดและ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ท่ี ชอ ง 1 คาดหวัง วโมง ประเมนิ ผล ผูเ รยี นสามารถอธบิ าย ชัว่ โมง 1. หนงั สือวชิ า - ใบงานที่ 2 หลกั การในเขียน บนั ทึกได บนั ทกึ ไวได เรือ่ ง หลกั การ ประโยชน์ เขยี นบนั ทกึ พท22003 - แบบทดสอบ กอ นเรียน - ใบความรู -บทเรยี น 2. you tube ออนไลน์ท่ี 2 เรือ่ งการเขียน บันทึก 203
แผนการจัดกจิ กรรมการเ รายวชิ า บนั ทึกไว้ไดป้ ระโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรยี น หัวเรอ่ื ง วตั ถปุ ระสงค์เชิง กจิ กรรมการเรียนรู้ จาน ออนไลน์ท่ี พฤตกิ รรม ชั่วโ - ผเู รียนศกึ ษาเรียนรู 3 เรอ่ื ง หลกั การ อธิบายรูปแบบการ จากสื่อบทเรยี น 6ช เขียนบันทึก เขยี นบนั ทกึ แตละ ออนไลน์ Google ประเภท site วชิ าบันทกึ ไวได ประโยชน์ พท22003 - ผเู รยี นศกึ ษาสือ่ วีดีโอ - ผูเ รียนทําใบงาน ที่ 3
204 เรียนรู้วชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 40 ชว่ั โมง นวน สอ่ื การเรียนรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ท่ี โมง ประเมินผล ชอง 2 คาดหวัง ชัว่ โมง 1. หนงั สอื วชิ า -บทเรยี น ผูเรยี นสามารถอธบิ าย บนั ทกึ ไวได ออนไลน์ท่ี 3 รูปแบบการเขียน ประโยชน์ -แบบทดสอบ บันทึกได พท22003 ใบงานท่ี 3 2. you tube เรอื่ ง การเขยี นบันทึก เหตุการณ์ 204
แผนการจัดกิจกรรมการเ รายวชิ า บันทกึ ไวไ้ ด้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรยี น หัวเร่อื ง วัตถปุ ระสงค์เชิง กิจกรรมการเรยี นรู้ จาน ออนไลนท์ ่ี พฤติกรรม ชั่วโ
205 เรยี นรู้วชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หน่วยกติ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น 40 ชั่วโมง นวน ส่ือการเรียนรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรียนรูท้ ี่ โมง ประเมินผล คาดหวัง 3. you tube เรื่อง การเขยี นรายงาน 4. you tube เรื่อง การจดบนั ทกึ ในท่ี ประชมุ 205 0
แผนการจดั กิจกรรมการเ รายวิชา บันทึกไวไ้ ด้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรียน หวั เรื่อง วตั ถปุ ระสงค์เชิง กิจกรรมการเรียนรู้ ออนไลนท์ ่ี พฤติกรรม - ผเู รยี นศึกษาเรยี นรู 8 4 เรอ่ื ง ภาษาที่ใชใ น ใชภ าษาไดเ หมาะสมกับ จากสื่อแบบเรียน การเขียนบนั ทึก บุคคลและประเภทของ ออนไลน์ Google -ภาษาที่ใชในการ การบันทึก site วชิ าบันทกึ ไวได เขยี นบนั ทกึ ประโยชน์ พท22003 - ผเู รียนศึกษาส่ือ วดี โี อ - ผูเรียนทาํ ใบงาน ท่ี 4
206 เรียนรู้วชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 40 ชั่วโมง จานวน สอื่ การเรียนรู้ การวดั และ กศน.4 ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั ช่วั โมง ประเมินผล 1. หนังสือวชิ า ชอง 3 ผูเรยี นสามารถใชภาษาได 8 ช่ัวโมง บันทกึ ไวได -บทเรียน เหมาะสมกบั บุคคลและ ประโยชน์ ออนไลนท์ ่ี 4 ประเภทของการบนั ทกึ พท22003 แบบทดสอบ รกั การอา น ใบงานท่ี 4 2. you tube เรื่องภาษาพูด และภาษาเขียน 206 1
แผนการจัดกจิ กรรมการเ รายวชิ า บันทกึ ไว้ได้ประโยชน์ พท22003 จา จานวน 4 บทเรยี น หัวเรื่อง วตั ถปุ ระสงค์เชงิ กิจกรรมการเรียนรู้ จ ออนไลน์ที่ พฤติกรรม - ผูเ รยี นศึกษาเรยี นรู 8 5 บทที่ 3 ภาษาที่ใช ใชภ าษาไดเหมาะสมกบั จากสอื่ แบบเรยี น ในการเขียนบนั ทึก บุคคลและประเภทของ ออนไลน์ Google เร่อื ง หลกั การใช การบันทกึ site วชิ าบันทึกไวได ภาษาไทย ประโยชน์ พท22003 - ผเู รียนศึกษาสอื่ วดี ีโอ - ผเู รยี นทาํ ใบงาน ที่ 5 -แบบทดสอบ(Post- test)
207 เรยี นร้วู ชิ าแบบออนไลน์ านวน 1 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 40 ชั่วโมง จานวน สอ่ื การเรยี นรู้ การวัดและ กศน.4 ผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั ชั่วโมง ประเมินผล 1. หนังสือวิชา ชอง 4 ผูเรียนสามารถใชภ าษาได ชวั่ โมง บันทึกไวได -แบบทดสอบ เหมาะสมกับบคุ คลและ ประโยชน์ ใบงานท่ี 5 ประเภทของการบนั ทกึ พท22003 รักการอา น 2. you tube เร่ืองระดับภาษา 207
208 ภาคผนวก : ส่อื เอกสารบทเรียนออนไลน์ 1-5 วชิ าบันทกึ ไว้ได้ประโยชน์ (พท22003)
209 แบบทดสอบก่อนเรียน บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 1 เร่ือง ความหมาย ประเภท และประโยชนข์ องการเขียนบนั ทึก คําชีแ้ จง เลือกคําตอบทีถ่ ูกตองทสี่ ุดแลว ทําเคร่ืองหมาย X 1. การนําขอมูลมาเรียบเรยี งดวยสาํ นวนภาษาของตนเองเปน็ การบันทกึ แบบใด ก. บนั ทึกแบบถอดความ ข. บนั ทึกแบบคัดลอกขอความ ค. บันทึกแบบยอความ ง. บันทกึ แบบเสริมความ 2. ขอ ใดไมใ ชหลักการเขยี นบันทกึ ก. เขยี นตามลําดบั เหตกุ ารณ์ ข. ใชภ าษาเรียบงา ย ค. เขียนดวยภาษาของตนเอง ง. เขียนตามจนิ ตนาการ 3. การบนั ทึกที่คดั ลอกขอความมาและใสไวใ นเครือ่ งหมายอัญประกาศ คือการบนั ทกึ แบบใด ก. บนั ทึกแบบคัดลอกขอความ ข. บนั ทึกแบบถอดความ ค. บันทกึ แบบยอ ความ ง. บนั ทกึ แบบเสริมความ 4. การจดเฉพาะประเดน็ สาํ คัญของเรื่องคือการจดบนั ทึกประเภทใด ก. บันทกึ คาํ สั่ง ข. บันทึกยอ เรอื่ ง ค. บนั ทึกความเหน็ ง. บันทกึ รายงาน 5. การบันทึกความรูเ ตอื นความจํา บรรยายความรสู กึ ตรงกับขอใด ก. การเขยี นบนั ทึกเหตุการณ์ ข. การเขยี นยอ ความ ค. การเขยี นบทความ ง. การจดบันทกึ การอภิปราย 6. “บนั ทกึ เหตุการณ์ประจาํ วัน” ตรงกบั ขอใด ก. การเขยี นบรรยายความรูส กึ ข. การเขียนบันทกึ ความรู ค. การเขียนบนั ทกึ เหตุการณ์ ง. การเขยี นเรื่องราวสวนตัวเพอ่ื เตือนความจํา
210 7. ขอมลู ทมี่ ีความสาํ คัญมากหรือเปน็ คาํ คม คาํ สภุ าษิต ควรจดบันทึกแบบใด ก. บนั ทกึ แบบถอดความ ข. บนั ทึกแบบเสรมิ ความ ค. บนั ทกึ แบบคดั ลอกขอความ ง. บนั ทกึ แบบยอความ 8. ภาษาแบง ออกเปน็ ก่ีระดบั อะไรบาง ก. 3 ระดับ คือ ภาษากง่ึ ทางราชการ ภาษาระดบั สนทนา ภาษาระดบั กนั เอง ข. 2 ระดบั คอื ภาษาพูดหรอื ภาษาไมเปน็ ทางการ และภาษาเขียนหรือภาษาระดบั ทางการ ค. 2 ระดบั คอื ภาษาระดบั พิธกี าร ภาษาระดับมาตรฐานวชิ าการ ง. 3 ระดับ คือ ภาษาทางการ ภาษากึง่ ทางการ ภาษาปาก 9. การเขียนรายงานเชิงวชิ าการควรใชภาษาระดับใด ก. ภาษาทางการ ข. ภาษาก่งึ ทางการ ค. ภาษาพธิ ีการ ง. ภาษาปาก 10. ภาษาท่เี นนพธิ รี ีตองใชในพิธีการตา ง ๆ เปน็ ภาษาท่ใี ชใ นการสือ่ สารขอใด ก. ภาษาปาก ข. ภาษาระดับทางการ ค. ภาษาระดบั กงึ่ ทางการ ง. ภาษาระดับสนทนา
211 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น บทเรยี นออนไลน์ที่ 1 เรือ่ ง ความหมาย ประเภท และประโยชนข์ องการเขยี นบนั ทึก 1. ก 2. ง 3. ค 4. ข 5. ก 6. ง 7. ค 8. ง 9. ก 10. ข
212 ใบความรู้ บทเรียนออนไลน์ท่ี 1 เรือ่ ง ความหมาย ประเภท และประโยชน์ของการเขยี นบนั ทึก สาระสาคญั การจดบันทึก คือการเขียนขอความ เพ่ือการเรียบเรียงความคิด เป็นการเก็บรักษาความรู หรือถายทอดความรูอยางย่ังยืนและเป็นระบบ สามารถตอยอดความรูไดในชวงเวลายาวนาน มปี ระโยชนม์ ากในการศกึ ษาทกระดับ และการทาํ งานทกุ อาชพี ผลการเรียนรทู ่ีคาดหวงั 1. ผูเรียนสามารถอธิบายความหมายของการเขยี นบนั ทึกได 2. ผเู รยี นสามารถบอกวัตถุประสงค์ของการเขยี นบนั ทกึ ได 3. ผูเรยี นสามารถบอกประโยชน์ของการเขียนบันทึกแตละประเภทได ขอบขา่ ยเนอื้ หา เรือ่ งท่ี 1 ความหมายของการเขยี นบนั ทกึ เร่อื งที่ 2 ประโยชน์ของการเขียนบันทึก เรือ่ งท่ี 3 ประเภทของการเขยี นบนั ทกึ
213 เรื่องท่ี 1 ความหมายของการเขียนบนั ทึก การจดบนั ทกึ การจดบันทึก คือการเขียนขอความ เพ่ือชวยในการจําเป็นเครื่องมือในการรวบรวมความรูที่ อาน ประมวลความคิดหลังจากการอาน และเพ่ือไดกรอบความคิดในเนื้อหาสาระสําหรับการอาน ตอไป การจดบันทึกมีประโยชน์มาก ในการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะอยางยิ่งการศึกษาดวยตนเอง ตามระบบการสอน ทางไกล เพราะผูเรียนตองคนควาหาความรูดวยตนเองจากการอาน นักศึกษาท่ี เริม่ ตน เรยี นเปน็ ปแี รก ๆ มักประสบปัญหาในเรื่อง การจดบันทึก เพราะขาดประสบการณ์ท่ีสําคัญคือ ไมรูเทคนิคในการจดบันทึกโดยธรรมชาติแลวมันเป็นการยากท่ีเราจะเขาใจ จดจําจุดสําคัญและ รายละเอยี ดปลกี ยอยที่เราอานหรือฟงั ไดหมด เราอาจจะลืมหัวขอใหญๆ ผลก็คือ ตองอานใหมอีกคร้ัง หรอื สองครัง้ เพือ่ ใหจ ําจดุ สําคัญไดซ งึ่ เปน็ การเสียเวลา จึงควรจดสิ่งที่มาชวยจําวาเราอานอะไรไปบาง การจดบันทึกเป็นการชวยจําและทําใหเขาใจย่ิงขึ้น นักศึกษาบางคนจดบันทึกไมไดเพราะพยายามจด อยางละเอียด จนเกินความจําเป็นไมมีการสรุปประเด็น ไมมีการเรียบเรียงความคิด ก็เกิดความทอแท ท่ีจะจด และหยุดจด ซึ่งเป็นการแกปัญหาท่ีผิด การจดบันทึก นับวาเป็นทักษะในการเรียนท่ีสําคัญ และจําเป็นมากสําหรับการเรียนดวยตนเองเพราะในแตละภาคการศึกษา นักศึกษาอาจลงทะเบียน เรียนหลายวิชา ซ่ึงมีเนื้อหาสาระหลากหลายเป็นจํานวนมาก หากไมมีเทคนิค หรือเคร่ืองมือชวยใน การจําท่ีดีจะทําใหเกิดความสับสนและเม่ือตองมีการทบทวนกอนสอบบันทึกยอท่ีทําไวจะเป็น ประโยชนอ์ ยางยิง่ แนวทางการจดบนั ทกึ ดร.วรี พงษ์ พลนิกรกิจ ไดใหแนวทางในการบนั ทึกยอหรือการจดบนั ทึกไวดงั น้ี 1) บันทึกสาระสําคัญ ไดแก การบันทึกคําหรือประเด็นสําคัญ ท้ังช่ือเรื่องหัวขอหลัก และหัวขอรอง รวมทั้งความหมายของคําสําคัญ ฯลฯ โดยการตอบคําถามตามสูตร5 W 1 H อาทิ ประเด็นสําคัญ เกี่ยวกบั อะไร อาจารยบ์ รรยายถงึ ส่งิ น้นั อยางไร และทําไมจงึ เป็นเชน น้ัน ฯลฯ 2) บันทึกช่ือหนังสือหรือตํารา และหัวขอ รวมท้ังช่ือผูแตง หรือช่ือหัวขอ และช่ืออาจารย์ผูบรรยาย การบันทึกจากการอานน้ัน การบันทึกดังกลาวจะชวยในการคนควาเม่ือตองการรายละเอียด รวมท้ัง การอางอิงไดทนั ที 3) จัดหมวดหมูของสาระสําคัญ โดยแบงเป็นกลุม ๆ หรือหมวดหมูตามแตเนื้อหา ท้ังนี้เพ่ือคนควา หรือทบทวนไดสะดวก และจดจําไดงายขึ้น การจัดหมวดหมูของสาระสําคัญทําไดหลายวิธี เชน จดั หมวดหมตู ามหัวขอ จดั หมวดหมูความเหมอื นหรือความแตกตาง ฯลฯ
214 4) เรียงลําดับเรื่อง ใหอานและเขาใจงาย และท่ีสําคัญคือ เช่ือมโยงประเด็นใหเห็นความสัมพันธ์ ท้ังหมด และถูกตองตามความหมาย การเรียงลําดับเรื่องทําไดหลายวิธี อาทิ เรียงลําดับตามลําดับ เวลา (อดีตปัจจุบัน) เรียงลําดับตามตําแหนงพื้นท่ี (เหนือ-ใต-ออก-ตก) เรียงลําดับตามสาเหตุไปสูผล (ทเ่ี กดิ ข้นึ ) ฯลฯ 5) ใชถอยคําท่ีกระชับ แตชัดเจน เขาใจงาย และครอบคลุมเนื้อหามากท่ีสุด โดยอาจใชเทคนิคการ บนั ทึกโดยใชค ําสมั ผสั ซ่ึงการใชคําท่มี เี สยี งสมั ผสั คลอ งจองจะชว ยใหจําไดด ี วธิ กี ารและเครือ่ งมือช่วยในการบนั ทกึ 1. การจดบันทกึ การจดบนั ทกึ สามารถดําเนินการไดหลายวิธี สําหรับผูเรียนดวยตนเองอาจดําเนินการบันทึก ไดต้ังแตชวงการอานเอกสารการสอน เชนการใชดินสอหรือปากกาขีดเสนใตหรือใชปากกาสีขีดบน ขอความสําคัญไวหรืออาจทําเครื่องหมาย * > < = / หรือ ? เป็นตน หลังจากนั้นก็นํามาจัดทําเป็น บันทึกยอ ซึ่งสรุปสาระสําคัญจากการอาน หรือการฟังการบรรยายจากอาจารย์สอนเสริม หรือจาก การฟังหรอื ชมรายการวทิ ยุกระจายเสียง รายการวิทยุโทรทัศน์ ทําใหไดเนื้อหาสั้น กะทัดรัดมีใจความ สาํ คญั ครบถวน อา นงา ย 2. การบันทึกย่อในกระดาษย่อความ การบันทกึ ยอ ในกระดาษยอความ ไดแ กการบนั ทึกสาระสําคัญและรายละเอียดพรอมสรุปใน กระดาษยอ ความทีแ่ บง พ้นื ที่เป็น 3 สว น ไดแก สว่ นที่ 1 สาระสาคัญ สาระสําคัญ ไดแก คําสําคัญ ประเด็นสําคัญหรือประโยคสําคัญที่มีคุณลักษณะสําคัญ คือ เป็นประโยคหรือคาํ ทมี่ คี วามหมายครอบคลุมยอ หนาใดยอหนาหนึ่งมากที่สุด อาจเป็นเนื้อหาในสวนที่ ผูเขียนเนนยาํ้ มากที่สดุ และอาจเปน็ คาํ หรอื ขอความท่ีอธิบายรายละเอียด อธิบายสนับสนุนหรือความ คิดเห็นที่แตกตาง โดยทั่วไปมักปรากฏเป็นตัวอักษรขนาดใหญ หรือตัวอักษรหนาเขม หรือตัวอักษร เอยี ง ฯลฯ สว่ นที่ 2 รายละเอียด รายละเอียด คือสวนขอความที่เป็นเน้ือหาสาระท่ีขาดไมไดหรือเม่ือไมมีแลวอาจทําใหไม เขาใจ หรือเขาใจผิดได
215 สว่ นท่ี 3 สว่ นสรุป สวนสรุปเป็นการสรุปความหรือยอความเป็นการนําเอาเรื่องราวตาง ๆ มาเขียนใหม ดวยสํานวนภาษาของผูเขียนเองเมื่อเขียนแลวเนื้อความเดิมจะส้ันลง แตยังมีใจความสําคัญครบถวน การยอ นไี้ มมขี อบเขตวา ยอลงไปเทา ใด จึงจะเหมาะสม เพราะบางเร่ืองมีใจความมากก็จะยอได 1 ใน 2 บางคร้ังมีใจความสําคัญนอยอาจเหลือ 1 ใน 4 หรือมากกวานั้น แตท่ีสําคัญควรครอบคลุมใจความ หรอื เนื้อหาสาระสําคญั เดิม 3. บันทึกเปน็ แผนภมู ิแบบเช่ือมโยงความสัมพันธ์ แผนภูมิหมายถึง แผนท่ี เสน หรือ ตารางท่ีทําขึ้นเพ่ือแสดงเรื่องใดเร่ืองหนึ่งการบันทึกแบบ แผนภูมิเชื่อมโยงความสัมพันธ์ชวยใหนักศึกษาสามารถรวบรวมเนื้อหาสาระท่ีนักศึกษาตองการได อยา งตอ เน่ือง เป็นระบบ ดูงาย จํางาย 4. บันทึกแบบแผนภูมคิ วามคิด การเขียนแผนภูมิความคิด Mind maps หรือแผนภูมิชวยจํา เป็นการบันทึกและเรียบ เรียงความเขา ใจในสาระที่ไดจากเน้ือเร่ืองทีอ่ านซึง่ อาจจะอยใู นรปู ของแผนภูมิหรือแผนภาพท่ีทําขึ้นได งาย ๆ เขาใจงาย ๆ โดยมิไดเนนรูปแบบมากนัก เนื่องจากตองการใหอิสระแกผูจัดทําแผนภูมิในการ สรปุ ตามความเขา ใจดว ยรปู แบบของตนเอง Mind maps เป็นเคร่ืองมือชวยจําท่ี โทนีปูซาน คิดคนมา ใหเหมาะสมกับการทํางานของสมองเพราะมีการแตกขอมูลจากจุดศูนย์กลางคลายเซลล์สมองจริง ๆ มีการใชภาพ ใชส สี นั ซ่งึ วา กนั ตามหลักการทํางานของสมอง วิธกี ารเขยี นแผนภมู ิช่วยจา การเขียนแผนภูมิชวยจํา มีเทคนิคในการเขียนคําอธิบายควรสั้น ใชเคร่ืองหมายรูปภาพ ตัวเลข สัญลักษณ์ตาง ๆ มาประกอบ เพ่ือใหการเขียนแผนภูมิ เป็นไปโดยงายและรวดเร็วโดยมี แนวทางแบบงาย ๆ ดังนี้ เร่มิ ตน เขียนแผนภูมิดว ยการเขียนหัวเรอ่ื ง หัวขอสําคัญหรือประเด็นสําคัญที่สุด ดวยรูปแบบ ใด ๆ ก็ไดท่ีคุณชอบไวตรงกลางกระดาษคอย ๆ แตกแขนงความคิด ความเขาใจออกไปเป็นขอยอย ๆ โดยแตกแขนงออกจากศูนย์กลางใชเสนแสดงความเช่ือมโยงระหวางเร่ือง หรือขอยอยต าง ๆ ท่ีเกี่ยวของกันหรือตอเนื่องกันโดยความยาวแตละเสนไมตองเทากัน ข้ึนอยูกับความยาวของคํา บรรยายท่ีเขียนไวบนเสนน้ัน ๆเขียนคําบรรยายสั้น ๆ ไวบนเสนดังกลาว ใชความหนาของเสนและ ขนาดของตัวหนังสือที่ตางกันข้ึนอยูกับระดับความสําคัญของเรื่อง (เรื่องท่ีสําคัญกวาใหใชเสนหนา ตวั อักษรโต) ใชห มายเลขชวยในการเรียงลําดบั ความสําคญั และความตอ เนอ่ื งของสาระ
216 แผนภูมิความคิดท่ีใชในการสรุปเรื่องที่มีหัวขอยอยจํานวนมาก ๆ อาจแบงกลุมนํามาเขียน เป็นกลุมละ 1 หนา โดยมีขอแนะนําวาแตละหนาควรมีใจความจบในแตละเรื่องหรือแตละหัวขอ (ไมวาเป็นหัวขอ ใหญห รอื ขอ ยอ ยกต็ าม) ควรแบง กระดาษเปน็ 80/20 คือ 80 จดส่ิงท่ีอานหรือไดฟังมา อกี 20 จดตามความคิดของเรา สรุป ผูเรยี นควรมีทกั ษะทีด่ ีทัง้ ทักษะทางดา นการอา น การฟงั โดยสามารถเชื่อมโยงเนื้อหากับภาพ ในใจ (ในสมอง) ท่ีมีอยู อันจะทําใหผูเรียนเขาใจในเนื้อหา และสามารถบันทึกแนวคิดหลักออกมาใน รปู แบบตาง ๆ ได หากผูเรียนยังไมเ ขาใจเนื้อหาในคร้งั แรกทเี่ รียน (หรอื ตองการศึกษารายละเอียดของ รายวิชาน้ัน) ผูเรียนอาจอานหนังสือ ตํารา หรือเอกสารประกอบการเรียนการสอนรอบท่ี 2 (ในบางรายวิชาจะบันทึกเทปวีดิทัศน์ นักศึกษาสามารถนํามาดู/ฟังอีกคร้ังได) หรือสอบถามจาก อาจารย์ ผูสอน ซ่ึงจะทําใหผูเรียนเขา ใจ และสามารถบันทกึ ไดถูกตองตามความหมาย ดังน้ันนักศึกษา จะเห็นไดวาการบันทึกยอ เป็นเร่ืองงายที่จะทํา และยังชวยการลดปัญหาการอานหนังสือไมทัน อา นแลวจาํ ไมไ ดไดเ ป็นอยา งดีอีกดว ย
217 เรอ่ื งท่ี 2 ประโยชน์ของการเขียนบันทกึ การเขียนบันทึกมีประโยชน์ดังตอ ไปนี้ 1. เพื่อชวยเพิ่มการจดจําเก็บรักษาขอมูลใหมีความคงทนชัดเจนและสะดวกในการนํากลับมาได สามารถ อางอิงหรือนําไปใชประโยชน์ไดในเหตุการณ์อื่น ๆ ลดโอกาสความคลาดเคล่ือนของขอมูลจากการ ถา ยทอดขอ มลู หลาย ๆ คร้ัง 2. เพอ่ื ใชติดตอ สือ่ สารทั้งในกรณเี ป็นทางการและไมเ ปน็ ทางการ 3. เพื่อเก็บไวเปน็ หลกั ฐานหรือเพ่ืออา งอิงในอนาคต เชน บันทึกรับแจง ความประจาํ สถานตี าํ รวจ 4. เพ่อื เกบ็ รกั ษาความรูห รือถา ยทอดความรูอยา งยง่ั ยนื และเปน็ ระบบ สามารถตอยอดความรูไดในชวงเวลา ยาวนาน เชน การเขียนศลิ าจารกึ เป็นตน 5. เพอื่ รวบรวมความรูใหเป็นหมวดหมู สําหรบั นําไปคน ควา ถา ยทอดหรือนําไปพัฒนาตอ ไป เชน สถิติ นาํ้ ฝน สถิตการกฬี า สถิติราคาสนิ คา เกษตร เปน็ ตน 6. เพื่อความเพลดิ เพลนิ คลายเครยี ด หรืออาจเป็นงานอดิเรกของบางคน 7. เพ่อื ประโยชนอ์ น่ื ๆ เชน เขยี นบันทกึ เพอื่ พิมพ์ขายสรา งรายไดเ ขยี นขาวเพื่อเป็นอาชีพ
218 เรอื่ งท่ี 3 ประเภทของการเขียนบันทกึ การจดบันทึกแบ่งออกเปน็ 3 ประเภท คอื 1. บันทึกสว นตวั 2. บนั ทกึ ขอความก่งึ ทางการ 3. บันทึกขอความท่ีเป็นทางการ 1. บันทึกสวนตวั คอื การจดบันทกึ เหตุการณห์ รอื เรื่องราวที่เกิดขึน้ ในชวี ิตประจาํ วนั ถา ผูเขียนบันทกึ ทกุ วัน เรียกวา บันทกึ ประจาํ วนั บนั ทึกสว นตัวแบง เปน็ ประเภทยอย ๆ ดังนี้ 1.1 บนั ทึกเหตุการณ์ประจาํ วนั ควรมขี อ มลเหตุการณ์ท่สี ําคัญประจําวนั 1.2 บนั ทึกความรูจากการอา น การดคู วรมีรายละเอียดดังน้ี - หวั ขอ เรื่อง ผแู ตง ช่อื หนงั สือ และรายละเอยี ดของหนังสือ และขอความท่จี ะบนั ทกึ 1.3 บันทึกจากการฟัง ควรมีรายละเอยี ดดังนี้ - เรอื่ ง (รบั ฟงั จากสถานีใด) ฟงั เมื่อวนั ท.่ี .... เดือน......................... พ.ศ. .............. และระหวา งเวลาใด ความวา ................................ 1.4 บันทกึ เหตกุ ารณส์ ําคัญ ควรมีรายละเอยี ดดงั น้ี วนั ที.่ ....... เดอื น......................... พ.ศ. ..................... สถานท่ี ………………………………… 2. บนั ทึกขอความกึ่งทางการ เชน การจดบนั ทกึ ขอความจากการรบั โทรศัพท์ควรมรี ายละเอยี ด วัน เวลาทบ่ี นั ทึก ขอ ความจากผใู ด และถงึ ใคร มขี อความวาอยา งไร และใครเป็นผบู นั ทึก ตวั อย่างบันทกึ การรับโทรศพั ท์ 20 มีนาคม 2554 ถึง คุณสายใจ จาก คุณสายสมร คณุ สายสมรขอเขาพบพรงุ นี้เวลา 10.00 น. เพื่อหารือ เรื่อง การวางแผนนําเสนองานจัดแสดงสินคาทเ่ี มืองทองธานี สายสุดา ผรู ับโทรศพั ท์ เวลา 09.45 น.
219 3. บนั ทกึ เปน็ ทางการอาจเปน็ บนั ทกึ ของหนวยงานตา ง ๆ หรอื บันทกึ ของทางราชการ บันทึก คือ ขอความซ่ึงผูใตบังคับบัญชาเสนอตอผูบังคับบัญชา หรือผูบังคับบัญชาสั่งการแก ผูใตบังคบั บญั ชา หรอื ขอความที่เจาหนาที่หรือหนวยงานระดับต่ํากวาสวนราชการระดับกรติดตอกัน ในการปฏบิ ตั ิราชการ บันทึกเป็นหนังสือราชการชนิดที่ 6 ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวยงานสารบรรณ (หนังสือที่เจาหนาท่ีทําขึ้นหรือรับไวเป็นเอกสารของทางราชการ ไดแก หนังสือรับรองรายงานการ ประชมุ บันทึก และหนังสอื อืน่ ) บนั ทึก มี 3 ประเภท คือ 1. บันทึกเสนอผบู งั คับบญั ชา 2. บนั ทึกส่งั การของผบู ังคับบัญชา 3. บันทกึ ติดตอราชการระหวางเจาหนา ท่ี หรอื ระหวา งหนว ยงานทต่ี ่าํ กวา กรม วตั ถปุ ระสงคข์ องบนั ทกึ เพื่ออํานวยความสะดวกในการติดตอประสานงาน และสงงานภายในของสวนราชการ ลักษณะ ของบันทกึ ทีด่ ี 1. เสนอขอ มูลท่ีจาํ เปน็ โดยถกู ตองครบถวนและงายแกการศกึ ษาเรอ่ื ง 2. เสนอแนวทางพิจารณาทีม่ หี ลกั เกณฑ์และเหตผุ ล 3. เสนอแนวทางวินิจฉัย หรือตัดสินใจท่ีเป็นไปไดและบรรลุจุดประสงค์ โดยมีผลกระทบและ ความเสีย่ งนอยท่ีสุด ลักษณะของบันทึกเสนอผู้บงั คับบญั ชา 1. บนั ทึกยอ เรือ่ ง คอื ขอความซึ่งผูใตบงั คบั บัญชาเขียนเสนอตอผูบังคับบัญชา โดยสรุปสาระ สําคญั ยอ จากตนเรือ่ งทีม่ มี า โดยไมม คี วามเหน็ ของผูทาํ บนั ทกึ 2. บันทึกรายงาน คือ ขอความซ่ึงผูใตบังคับบัญชาเขียนเสนอตอผูบังคับบัญชา เพื่อรายงาน เร่ือง ท่ีไดปฏิบัติมา หรือประสบพบเห็นมา หรือศึกษาสํารวจ สืบสวน สอบสวนไดความมาเสนอให ผูบ ังคบั บัญชาทราบหรอื พจิ ารณาสง่ั การ 3. บันทึกขออนุญาต ขออนุมัติ คือ ขอความซึ่งผูใตบังคับบัญชาเขียนเสนอตอผูบังคับบัญชา เพื่อขออนญุ าตหรอื ขออนุมัตทิ ําการอยางใดอยา งหน่งึ หรือขอเงิน หรือขอวัสดุสงิ่ ของใด ๆ 4. บันทึกความเห็น คือ ขอความซ่ึงผูใตบังคับบัญชาเขียนเสนอตอผูบังคับบัญชา โดยแสดง ความเห็นเสนอแนะแนวทางพิจารณาวินิจฉัย หรือดําเนินการในเรื่องท่ีเสนอน้ัน เพ่ือผูบังคับบัญชา จะไดพจิ ารณาสัง่ การตอไป
220 รปู แบบและองค์ประกอบของบันทึกเสนอผู้บังคบั บัญชา 1. แบบบนั ทกึ ตอเน่ือง คือ การเขียนบันทึกลงในแผนหนังสือ หรือแผนบันทึกเรื่องเดิมที่มีมา น้ันเอง โดยเขียนตอทายหนังสือ หรือบันทึกเรื่องเดิมท่ีมีมาน้ัน รูปแบบ ประกอบดวยขอความ เนื้อเรอ่ื ง ลงช่อื ตําแหนง วนั เดือน ปี (ไมม ีช่อื เรอ่ื ง ไมมคี ําลงทา ย) 2. แบบรายยาว โดยทัว่ ไปจะเขียนลงในกระดาษบันทึก ซ่ึงอาจเปน็ กระดาษบันทึกขอความ ท่ี ใชเขียนหนังสือภายใน หรือกระดาษบันทึกท่ีแตละกรมจัดพิมพ์ขึ้นใชเฉพาะกรมก็ไดรูปแบบ ประกอบดวย คาํ ข้ึนตน ขอความเนือ้ เรอื่ ง ลงช่อื ตาํ แหนง วัน เดอื น ปี 3. แบบลําดับตัวเลข โดยท่ัวไปจะเขียนลงในกระดาษบันทึก ซึ่งอาจเป็นกระดาษบันทึก ขอความ ท่ีใชเขียนหนังสือภายใน หรือกระดาษบันทึกท่ีแตละกรมจัดพิมพ์ข้ึนใชเฉพาะกรมก็ได รปู แบบ ประกอบดวย คําขน้ึ ตน ขอ ความเนื้อเรื่อง (เขียนเป็นขอ ๆ โดยใสต วั เลขตามลําดับเหตุการณ์) ลงช่ือ ตาํ แหนง วัน เดือน ปี 4. แบบลําดับกระบวนการ โดยทัว่ ไปจะเขยี นลงในกระดาษบนั ทึก ซึ่งอาจเป็นกระดาษบันทึก ขอความ ท่ีใชเขียนหนังสือภายใน หรือกระดาษบันทึกที่แตละกรมจัดพิมพ์ขึ้นใชเฉพาะกรมก็ได รูปแบบ ประกอบดวย คําข้ึนตน ขอความเร่ือง (เขียนเป็นหัวขอตามกระบวนการนิยมใช 2 แบบ คือ แบบคาํ ขอ และแบบปญั หา) ลงชือ่ ตาํ แหนง วนั เดอื น ปี 5.แบบสําเร็จรูป จะเขียนลงในกระดาษบันทึก ซ่ึงแตละกรมออกแบบจดพิมพ์ข้ึนใชเฉพาะ กรมน้ัน หลักการและเทคนคิ การเขียนบนั ทกึ เสนอ 1. บนั ทกึ ยอ เรื่อง หลักการและเทคนิค 2. สรุปสาระสําคัญของเรื่องใหสมบูรณ์และชัดเจน โดยอานใหเขาใจ จับใจความสําคัญ ใหไ ดส รุปความทั้งเรือ่ ง 3. ยอเร่ืองใหสั้น โดยยอใหไดวา เรื่องอะไร ใคร ทําอะไร ทําตอใคร ทําเมื่อใด ทําที่ไหน ทําอยา งไร ทาํ ทําไม 4. เสนอเร่ืองใหเขาใจงาย โดยลําดับความใหดี เนนสวนสําคัญของเรื่อง อางอิงใหดู รายละเอียดประกอบ
221 บนั ทึกรายงาน หลกั การและเทคนิค 1. เสนอสาระสําคัญของเรอื่ งใหส มบูรณแ์ ละชัดเจน โดยใหม ีสาระสาํ คญั ครบถวนใหเน้ือความ กระจางชดั ไมคลุมเครอื 2. เขียนใหกะทัดรัด โดยเขียนเน้ือความเทาที่จําเป็นตองรายงาน เขียนขอความใหกระชับ ไมเยิน่ เยอ ยกรายละเอียดไปไวในเอกสารแนบ 3. เสนอเรอื่ งใหเขาใจงา ย โดยใชแ บบบันทึกแบบลําดบั ตวั เลข เขียนลําดบั เร่อื งเป็นขอ ๆ 4. เสนอแนวทางส่งั การ โดยระบใุ หช ดั เจนวา เพือ่ ทราบ เพ่ือพิจารณาสงั่ การ 5. บนั ทกึ ขออนุญาต ขออนุมัติ หลักการและเทคนิค 6. เขียนใหกะทัดรัด โดยเขียนเน้ือความเทาท่ีจําเป็นตองรายงาน เขียนขอความใหกระชับ ไมเยน่ิ เยอ ยกรายละเอียดไปไวใ นเอกสารแนบ 7. เสนอเร่ืองใหเขาใจงา ย โดยใชแ บบบันทกึ แบบลําดับกระบวนการ เขียนคําขอและคําช้ีแจง เปน็ ขอ ๆ 8. ชี้แจงความสําคัญและความจําเป็นท่ีจะตองดําเนินการ โดยชี้แจงความสําคัญและความ จาํ เป็นของเรือ่ งท่ีขอนน้ั 9. คาดหมายผลที่จะไดรับจากการดําเนินการ โดยชี้แจงใหเห็นผลดีกับผลเสียเปรียบเทียบ ผลดีกบั ผลเสยี แนวทางปูองกนั และแกไ ขปญั หา อปุ สรรค และความเสียหายทจี่ ะเกิดขนึ้ (ถามี) 10. ระบุคําขอใหชัดเจน โดยระบุใหชัดเจนวา ขออนุญาตหรอขออนุมัติอะไรบาง ก่ีประการ จาํ นวนเทาใด ควรแยกเป็นขอ ๆ บันทกึ ความเห็น หลักการและเทคนิค 1. เขยี นใหงาย โดยใชแบบใหเหมาะ ยอใหส าระสําคญั ใหเดน ความเห็นใหด ี 2. เขียนใหสมบูรณ์ โดยเนื้อหาใหสมบูรณ์ ขอมูลใหครบครัน สรางสรรค์ แนวความคิดลิขิต ใหจับใจ 3. เขียนใหมีเหตุผล โดยดําเนินเร่ืองใหถูก ผูกประเด็นใหจําเพาะ วิเคราะห์ใหจับใจวินิจฉัย ใหเฉียบขาด
222 เทคนคิ การทาบนั ทึกความเห็น 1. ศึกษาเร่ือง ใหเขาใจแจมแจง ใหทราบสาระสําคัญ และไดขอมูลพอจับประเด็นของเรื่อง ใหไ ดประเด็นปัญหาทีจ่ ะตอ งพจิ ารณา 2. วเิ คราะห์เร่ือง ใหไดแนวทางพิจารณาโดยมหี ลกั เกณฑ์และเหตุผล 3. วนิ ิจฉยั เรอื่ ง ใหไดข อยุติ การเขยี นข้อความในบันทึกความเหน็ 1.การเขยี นเรือ่ ง เขียนได 2 วิธี คือ เขียนเปน็ ใจความสําคญั ของเนอ้ื หา หรอื เขยี นเปน็ ชอ่ื ของเรือ่ ง 2. การเขียนคาํ ขอ เขยี นเฉพาะประเด็นหรือจดุ สาํ คัญทีต่ องการใหผ บู ังคับบัญชาพจิ ารณา 3. การเขยี นคาํ ชีแ้ จง เขยี นเหตผุ ลในการขออนุญาตหรือขออนมุ ัตเิ รือ่ งนนั้ 4. การเขยี นปัญหา เขยี นได 2 วธิ ี คือ เขียนเป็นคําถาม หรอื เขยี นเป็นจดุ ประสงค์ 5. การเขียนขอเท็จจริง เขียนความเป็นมาของเร่ืองนั้น ขอเท็จจริงที่เกี่ยวของกับเร่ืองนั้น ซงึ่ ปรากฏชัดอยูแลว ตัวอยางเร่ืองท่ีพอจะเทียบเคียงกับเร่ืองนั้นได ขอมูลอ่ืน ๆ ที่สําคัญและเกี่ยวกับ เรือ่ งน้ัน 6. การเขียนขอพิจารณา เขียนวิเคราะห์เร่ืองโดยอาศัยขอมูลใน “ขอเท็จจริง” เป็นพ้ืนฐาน นํามาปรับกับหลักเกณฑ์และ เหตุผล เพื่อแสดงวามีทางเป็นไปไดอยางไรบางในการแกปัญหาหรือ ดาํ เนนิ การเรื่องนั้น 7. การเขียนขอเสนอ เขียนคําตอบในการแกปัญหาหรือตัดสินใจในเร่ืองน้ัน ซึ่งเขียนส้ัน ๆ วา ผทู าํ บันทกึ มีความเหน็ อยางไร
223 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 1 เรอื่ งที่ 1 ความหมายของการบนั ทึก 1. การจดบันทกึ หมายถึงอะไร .......................................................................................................................... .......................................... ..........................................................…………………………………...................................................... .............. .................................................................................................................................................................... 2. การเขยี นบันทึก มีประโยชน์ในชีวติ ประจําวันอยางไร ...............................................................................................................……… …………………………............... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... 3. บนั ทกึ ท่เี ป็นทางการ มีก่ปี ระเภท อะไรบา ง ............................................................................................................... ..................................................... ............................................................................................................................. ....................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................. ................................................... ............................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
224 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 1 เรื่องท่ี 2 ประโยชนข์ องการบันทึก 1. การเขียนบันทกึ เหตกุ ารณ์ หมายถึงอะไร ........................................................................................... ....................................................................................... ............................................................................................................................. .................................................... ............................................................................................................................. .................................................... 2. การเขียนบันทึกเหตุการณ์ ตองมรี ายละเอียดอะไรบาง ............................................................................................................................. ................................................... ................................................................................................................................ ............................................... ................................................................................................................................................................................ 3. การเขียนบนั ทึกรายงาน แตกตา งจาก การเขยี นบันทึกความเห็น อยางไร ................................................................................................................................................................................ ..................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................. .................................................. ............................................................................................................................................................................... 4. การเขยี นบนั ทึกยอเรอ่ื ง มวี ัตถุประสงค์อยา งไร ................................................................................................................................ .............................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 5. การเขียนบันทึกตดิ ตอสัง่ การ มีประโยชน์อยางไร ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................................................................. .................................................................................................................. .......................................................... .................................................................ใ..บ...ง...า..น...บ...ท...เ..ร..ยี...น...อ..อ...น...ไ..ล...น...ท์ ...ี่ .1...........................................................
225 ใบงาน บทเรียนออนไลนท์ ่ี 1 เรอื่ งที่ 3 ประเภทของการบนั ทกึ 1. ภาษาท่ใี ชใ นการเขียนบันทึกมีอะไรบาง พรอมอธิบายรายละเอยี ด ............................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ... ............................................................................................................................. ... .......................................................................................................................... ...... 2. ภาษามีกร่ี ะดับ อะไรบา ง พรอ มอธิบายรายละเอียด ............................................................................................................................. ... ................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ... ................................................................................................................................ 3. การใชภาษาแตละระดบั ควรคํานึงเร่อื งใดบา ง ............................................................................................................................. ... ................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ... ................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ... 4. การเขยี นบนั ทกึ ควรคํานึงเรื่องใดบาง ............................................................................................................................. ... .......................................................................................... ...................................... ............................................................................................................................. ... ...................................................................................... .......................................... ............................................................................................................................. ...
226 เฉลยใบงาน บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 1 เรื่อง 1 ความหมายของการเขยี นบนั ทึก การจดบันทึก หมายถึงการจดบันทึก คือการเขียนขอความ เพื่อชวยในการจําเป็นเคร่ืองมือ ในการรวบรวมความรูที่อาน ประมวลความคิดหลังจากการอาน และเพื่อไดกรอบความคิดในเน้ือหา สาระสําหรับการอานตอไป การจดบันทึกมีประโยชน์มาก ในการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะอยางยิ่ง การศึกษาดวยตนเองตามระบบการสอน ทางไกล เพราะผูเรียนตองคนควาหาความรูดวยตนเองจาก การอาน นักศึกษาที่เริ่มตนเรียนเป็นปีแรก ๆ มักประสบปัญหาในเร่ือง การจดบันทึก เพราะขาด ประสบการณ์ที่สําคัญคือไมรูเทคนิคในการจดบันทึกโดยธรรมชาติแลวมันเป็นการยากท่ีเราจะเขาใจ จดจําจุดสําคัญและรายละเอียดปลีกยอยท่ีเราอานหรือฟังไดหมด เราอาจจะลืมหัวขอใหญๆ ผลก็คือ ตอ งอานใหมอ กี ครง้ั หรือสองคร้งั เพือ่ ใหจาํ จุดสําคัญไดซ่ึงเป็นการเสียเวลา จึงควรจะสิ่งที่มาชวยจําวา เราอานอะไรไปบางการจดบันทึกเป็นการชว ยจาํ และทาํ ใหเขาใจยิง่ ขึน้ นักศึกษาบางคนจดบันทึกไมได เพราะพยายามจดอยางละเอยี ด จนเกินความจําเป็นไมมีการสรุปประเด็น ไมมีการเรียบเรียงความคิด ก็เกิดความทอแทท่ีจะจด และหยุดจด ซ่ึงเป็นการแกปัญหาท่ีผิด การจดบันทึก นับวาเป็นทักษะใน การเรียนท่ีสําคัญและจําเป็นมากสําหรับการเรียนดวยตนเองเพราะในแตละภาคการศึกษา นักศึกษา อาจลงทะเบียนเรียนหลายวิชา ซึ่งมีเน้ือหาสาระหลากหลายเป็นจํานวนมาก หากไมมีเทคนิค หรือ เคร่ืองมือชวยในการจําที่ดีจะทําใหเกิดความสับสนและเมื่อตองมีการทบทวนกอนสอบบันทึกยอ ที่ทํา ไวจ ะเปน็ ประโยชนอ์ ยางยิ่ง การเขยี นบนั ทึก มีประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน 1. เพอ่ื ชวยเพม่ิ การจดจาํ เก็บรักษาขอ มูลใหมีความคงทนชัดเจนและสะดวกในการนํากลับมา ไดสามารถอางอิงหรือนําไปใชประโยชน์ไดในเหตุการณ์อ่ืน ๆ ลดโอกาสความคลาดเคล่ือนของขอมูล จากการถา ยทอดขอ มูลหลาย ๆ คร้งั 2. เพอ่ื ใชต ดิ ตอสื่อสารทั้งในกรณเี ปน็ ทางการและไมเปน็ ทางการ 3. เพื่อเก็บไวเป็นหลักฐานหรือเพื่ออางอิงในอนาคต เชน บันทึกรับแจงความประจําสถานี ตํารวจ เปน็ ตน 4.เพือ่ เก็บรกั ษาความรูหรอื ถายทอดความรอู ยางยง่ั ยนื และเป็นระบบ สามารถตอยอดความรู ไดในชว งเวลายาวนาน เชน การเขียนศิลาจารกึ เป็นตน 5. เพอ่ื รวบรวมความรูใหเป็นหมวดหมู สําหรับนําไปคนควา ถายทอดหรือนําไปพัฒนาตอไป เชน สถิตนิ า้ํ ฝน สถิตการกฬี า สถติ ริ าคาสินคาเกษตร เป็นตน 6. เพ่อื ความเพลิดเพลิน คลายเครยี ด หรอื อาจเปน็ งานอดิเรกของบางคน 7. เพอ่ื ประโยชน์อน่ื ๆ เชน เขยี นบันทกึ เพื่อพมิ พข์ ายสรา งรายไดเขียนขา วเพื่อเป็นอาชพี
227 บันทกึ ท่เี ป็นทางการ มี 3 ประเภท ไดแก 1. บนั ทกึ สว นตัว 2. บนั ทึกขอความกึ่งทางการ 3. บนั ทึกขอความท่ีเป็นทางการ
228 เฉลยใบงาน บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 2 เร่ือง ประโยชน์ของการเขยี นบันทกึ 1. การเขียนบนั ทึกเหตกุ ารณ์ หมายถึงอะไร การเขยี นบันทึกเหตุการณ์ โดยการเขียนเร่ืองราวที่ไดพบเห็นเร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง เพ่ือเป็นการ บนั ทึกความรู เตือนความจํา บรรยายความรสู ึก หรอื แสดงขอ คิดเห็น 2. การเขยี นบนั ทกึ เหตุการณ์ ตอ งมีรายละเอยี ดอะไรบาง 1. วนั เดือน ปี ท่บี นั ทึก 2. แหลง ทีม่ าของเรือ่ งราวท่ีไดพบเห็นมา 3. บันทกึ เรือ่ ง โดยสรุปยอสาระสําคัญดวยสํานวนภาษาของตน ซ่ึงอาจจะแสดง ขอคิดเห็น และสรุปไวดว ย 3. การเขยี นบันทกึ รายงาน แตกตางจาก การเขียนบันทกึ ความเหน็ อยา งไร การเขยี นขอความรายงานเร่ืองที่ตนปฏิบัติหรือประสบพบเห็นหรือสํารวจ สืบสวนได เสนอ ตอผบู งั คบั บญั ชาควรเขยี นใหส้นั พิจารณาเฉพาะขอ ความท่ีจําเป็นตองรายงาน แตถาเป็นการรายงาน เร่ืองท่ีไดรับมอบหมายใหปฏิบัติตองรายงานทุกขอที่ผูบังคับบัญชาตองการทราบ หรือสนใจ แตการ เขียนบันทึกความเห็นเป็นการเขียนขอความแสดงความรูสึกนึกคิดของตนเก่ียวกับเรื่องที่เสนอ เพ่ือชวย ประกอบการพิจารณาสั่งการของผูบังคับบัญชา อาจบันทึกตอทายเรื่องใดเร่ืองหน่ึงหรือ บันทึกตอทาย ยอเรื่อง ถาเป็นเร่ืองที่ส่ังการไดหลายทาง อาจเขียนบันทึกความเห็นไวดวยวา ถาสั่ง การทางใดจะเกิดผล หรือมีขอดีขอเสียอยางไร และถามีการอางกฎหมายและระเบียบใด ก็ควรจัด นาํ เสนอประกอบเร่อื งนัน้ ๆ ดว ย 4. การเขยี นบันทกึ ยอเรื่อง มวี ตั ถุประสงคอ์ ยางไร เป็นการเรียบเรียงขอความโดยเก็บแตประเด็นสําคัญ ๆ แตใหเขาใจในเนื้อเรื่อง ครบถวน ท่ีจะส่ังงานโดยไมผิดพลาด หนังสือฉบับใดมีขอความสําคัญไมมากนักหรือไมอาจยอใหส้ันไดอีก ก็เสนอใหพิจารณาไดเลย แตควรขีดเสนใตเฉพาะขอความสําคัญ ๆ นั้นไวดวย กอนบันทึกยอเร่ืองผู บันทึกตองอานเร่ืองราวใหละเอียดเสียกอน แลวจับประเด็นสําคัญของเร่ือง เขียนเป็นขอความส้ัน ๆ อาจไมจาํ เป็นตองเรยี งลาํ ดับขอความตามหนงั สือแตค วรเรียบเรยี งขอความใหมเ พ่ือใหเ ขาใจงา ยข้นึ 5. การเขยี นบันทกึ ติดตอสั่งการ มีประโยชนอ์ ยางไร เพ่ือสั่งการและชว ยเตอื นความทรง จาํ ใหปฏิบัติตามคําสง่ั ตอ ไป
229 เฉลยใบงาน บทเรียนออนไลนท์ ี่ 3 เรอ่ื ง ประเภทของการเขยี นบันทึก 1. ภาษาที่ใชในการเขยี นบนั ทกึ มอี ะไรบา ง พรอมอธิบายรายละเอียด 1. ภาษาพูด ภาษาพูด บางทีเรียกวา ภาษาปาก หรือ ภาษาเฉพาะกลุม เชน ภาษากลุมวัยรุน ภาษา กลุมมอเตอร์ไซค์รับจาง ภาษาพูดไมเครงครัดในหลักภาษาบางคร้ังฟังแลวไมสุภาพ มักใชพูด ระหวา ง ผสู นทิ สนม หรือผูไดร บั การศึกษาตอ 2. ภาษาเขียน ภาษาเขียน มีลักษณะเครงครัดในหลักภาษา มีท้ังระดับเครงครัดมาก เรียกวา ภาษา แบบแผน เชน การเขียนภาษาเป็นทางการ ระดับเครงครัดไมมากนัก เรียกวา ภาษาก่ึงแบบ แผน หรือ ภาษาไมเป็นทางการ ภาษาเขียนแบบแสดงขอเท็จจริง เชน การเขียนบทความ สารคดี เป็นตน และ ภาษาเขยี นแบบประชาสัมพันธ์ เชน การเขยี นคําโฆษณา หรือคําขวญั เปน็ ตน 2. ภาษามีกร่ี ะดบั อะไรบา ง พรอ มอธิบายออยางละเอยี ด 1. ระดับภาษาแบบแผน ลักษณะเดนของระดับภาษาแบบแผน คือ ความเครงครัดดานความ สมบูรณ์ ของประโยค และความถูกตองดานไวยากรณ์อันไดแก ระเบียบการใชคํา ระเบียบโครงสราง ประโยค เปน็ ตน ระดบั ภาษาแบบแผนจะใชในการส่ือสารอยา งเป็นทางการทุกชนิด 2. ระดับภาษาก่ึงแบบแผน ลักษณะเดนของระดับภาษากึ่งแบบแผน คือ ความลดหยอนในความ เครงครัดดานความสมบูรณ์ของประโยค และความถูกตองดานไวยากรณ์ ใชในการสื่อสารท้ังการพูด และการเขียนโดยจะส่ือบรรยากาศที่ทําใหผูรับสงสารมีสัมพันธภาพใกลชิดกันมากกวาระดับภาษา แบบแผน 3. ระดับภาษาไมเป็นแบบแผน ลักษณะเดนของระดับภาษาไมเป็นแบบแผน คือ ไมเครงครัด ดา นความสมบรู ณข์ องประโยค และความถูกตองดานไวยากรณ์โดยสนิ้ เชงิ ใชสอ่ื สารในชวี ิตประจาํ วนั 3. การใชภ าษาแตละระดบั ควรคาํ นงึ เรื่องใดบาง 1. การใชภาษาผิด 2. การใชภาษาไมเ หมาะสม 3. การใชภาษาไมช ดั เจน 4. การใชภ าษา ไมส ละสลวย 4. การเขียนบันทึก ควรคาํ นึงเร่อื งใดบาง 1. บนั ทึกแตส ิ่งทีเ่ ป็นความจริง ไมบดิ เบอื นความจริง 2. เขียนดว ยสํานวนภาษาของตนเองเปน็ ภาษางายๆ มรี ะเบียบ 3. บันทึกตามลําดบั เหตุการณ์ 4. บันทกึ เฉพาะสาระสําคญั วา ใคร ทําอะไร กบั ใคร ท่ไี หน เมือ่ ไร อยางไร ทาํ ไม
230 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 เร่ือง หลักการเขียนบันทึก คาช้ีแจง : ใหน้ กั ศึกษาตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การเขียนบนั ทกึ หมายถึงอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. รปู แบบการเขียนบันทึกโดยทว่ั ไปจําแนกเปน็ กี่แบบ อะไรบา ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. จงยกตัวอยา งรูปแบบการบันทึกที่ไมเป็นทางการและเป็นทางการ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….
231 เฉลยใบงาน บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 เรือ่ ง หลักการเขียนบันทกึ คาชแี้ จง : ใหน้ ักศึกษาตอบคาถามต่อไปนี้ 1. การเขยี นบนั ทึกหมายถึงอะไร - พจนานุกรมฉบับราชบัณทิตยสถาน พ.ศ. 2542 (2546 : 617) ไดกลา วไววา การบันทึก หมายถึง ขอความยอเพ่ือจําหรือเป็นหลักฐาน ขอความที่นํามาจดยอ ๆ ไวเพ่ือใหรูเร่ืองเดิมการบันทึก จึงเป็น การเขียนขอ ความน้ัน ๆ เพื่อแจงขาวสารหรือติดตองานแบบก่ึงกางหรือไมเป็นทางการ อาจมีรูปแบบ กําหนดไวห รอื ไมกําหนดรูปแบบก็ไดข น้ึ อยูกบั หนวยงานนัน้ ๆ - ฟองจันทร์ สุขย่ิง (2550 : 10) ไดกลาวไววา การบันทึก หมายถึง การจัดขอมูลไวเพ่ือชวยเตือน ความจํา หรือเก็บไวเป็นหลักฐาน ซึ่งผูบันทึกจะบันทึกอยางยอหรือละเอียดก็ข้ึนอยูกับประเภทและ ความประสงค์ในการบนั ทึก - รัตนา ศาลิกร (2541 : 31) ไดกลาวไววา การบันทึก หมายถึง ขอความที่จดไวเพ่ือชวยความจํา หรือเป็นหลักฐานขอความที่นํามาจดยอไวเพ่ือใหรูเรื่องเดิม ในงานธุรกิจและหนวยงานราชการ การ เขียนบันทึกจะเนนการเขียนเรื่องราวเสนอผูบังคับบัญชา อาจเขียนข้ึนเองหรือตามคําสั่ง เพื่อใชเป็น หลักฐานในการติดตอสั่งงาน การติดตองานดวยวิธีดังกลาวจะอํานวยความสะดวกรวดเร็วเนื่องจาก เป็นการเขียนท่ีไมเป็นทางการ หรือแบบแผนเทาจดหมาย แตสามารถเก็บเป็นหลักฐานอางอิงได เน่ืองจากเป็นการติดตองานหรือสั่งการ หรือแบบแผนเทาจดหมาย แตสามารถเก็บเป็นหลักฐาน อา งองิ ได 2. รปู แบบการเขยี นบนั ทึกโดยทั่วไปจาํ แนกเป็นก่ีแบบ อะไรบา ง จาํ แนกเป็น 8 แบบ 1. การเขียนบันทึกเหตกุ ารณ์ 2. บนั ทกึ หนังสือราชการภายใน 3. บนั ทึกรายงานการประชมุ 4. บนั ทึกตดิ ตอส่งั การ 5. บนั ทึกยอ เรื่อง 6. บันทึกรายงาน 7. บันทกึ ความเหน็ 8. บันทึกชว ยจาํ 3. จงยกตัวอยา งรูปแบบการบนั ทึกที่ไมเป็นทางการและเป็นทางการ ไมเ ป็นทางการ การเขียนบันทึกเหตุการณ์ บันทกึ ยอเร่ือง บันทึกชวยจํา บนั ทึกความเห็น เปน็ ทางการ บันทกึ เสนอผูบงั คับบัญชา บันทึกตดิ ตอราชการ
232 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 3 เร่ือง รปู แบบการเขียนบนั ทึก คาช้ีแจง : ให้นักศกึ ษาตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1 . การเขียนบนั ทึกรายงาน แตกตา งจาก การเขียนบันทึกความเหน็ อยางไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.การเขยี นเหตุการณห์ มายถึงอะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. การเขียนบนั ทึกยอ เร่ือง มีประโยชน์อยางไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4.ใหนักศกึ ษาเขยี นบันทึกเหตุการณข์ องตนเอง 1 เรื่อง …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………….
233 เฉลยใบงาน บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 เร่ือง รูปแบบการเขียนบันทึก คาชีแ้ จง : ใหน้ ักศกึ ษาตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การเขยี นบนั ทึกรายงาน แตกตางจาก การเขียนบนั ทึกความเหน็ อยางไร บันทึกรายงาน เป็นการเขียนขอความรายงานเรื่องท่ีตนปฏิบัติหรือประสบพบเห็นหรือสํารวจ สบื สวนได สว นบันทึกความเห็น เป็นการเขียนขอความแสดงความรูสึกนึกคิดของตนเองเก่ียวกับเรื่อง ทเี่ สนอ 2. การเขยี นเหตุการณ์หมายถึงอะไร การเขียนเหตุการณ์เป็นการเขียนเร่ืองราวที่ไดพบเห็นเรื่องใดเรื่องหน่ึงเพื่อเป็นการบันทึกความรู เตอื นความจํา บรรยายความรูสึก หรือแสดงขอ คิดเห็น 3. การเขยี นบนั ทึกยอ เรือ่ ง มีประโยชนอ์ ยางไร ชวยใหผ อู า นรายละเอียดของเรือ่ งทั้งหมด ทม่ี ีความยาวอา นไดร วดเร็วขึ้นและประหยดั เวลาไดม ากขึ้น 4. ใหน ักศกึ ษาเขยี นบนั ทกึ เหตุการณข์ องตนเอง 1 เรือ่ ง (อยูในความพจิ ารณาของครผู ูส อน)
234 ใบงาน บทเรียนออนไลน์ที่ 4 เรื่อง ภาษาทใี่ ชใ้ นการเขียนบนั ทึก 1. ภาษาทีใ่ ชใ นการเขียนบันทึกมอี ะไรบา ง พรอมอธิบายรายละเอยี ด ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. การใชภาษาแตล ะระดบั ควรคาํ นึงเรอื่ งใดบา ง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................................ ....................
235 เฉลยใบงาน บทเรียนออนไลน์ท่ี 4 เร่อื ง ภาษาที่ใชใ้ นการเขยี นบนั ทึก 1. ภาษาทใ่ี ชใ นการเขยี นบันทึกมีอะไรบา ง พรอมอธิบายรายละเอียด ภาษาทใ่ี ชใ นการเขียนบันทกึ มี ภาษาพดู และภาษาเขยี น ภาษาพูด บางทีเรียกวา ภาษาปาก หรือ ภาษาเฉพาะกลุม เชน ภาษากลุมวัยรุน ภาษากลุม มอเตอร์ไซค์รับจาง ภาษาพูดไมเครงครัดในหลักภาษาบางครั้งฟังแลวไมสุภาพ มักใชพูดระหวางผูสนิท สนม หรือผูไดรับการศึกษาตํ่า ในภาษาเขียนบันเทิงคดีหรือเรื่องส้ัน ผูแตงนําภาษาปากไปใชเป็นภาษาพูด ของตวั ละครเพ่ือความเหมาะสมกับฐานะตวั ละคร ภาษาเขียน มีลกั ษณะเครง ครัดในหลักภาษา มีท้ังระดับเครงครัดมาก เรียกวาภาษาแบบแผน เชน การเขียนภาษาเป็นทางการ ระดับเครงครัดไมมากนัก เรียกวา ภาษาก่ึงแบบแผนหรือ ภาษาไมเป็น ทางการ ภาษาเขียนแบบแสดงขอเท็จจริง เชน การเขียนบทความ สารคดี และภาษาเขียนแบบ ประชาสมั พนั ธ์ เชน การเขยี นคําโฆษณา หรือคาํ ขวัญ เปน็ ตน 2. การใชภ าษาแตละระดับ ควรคาํ นงึ เร่อื งใดบาง ขอควรคํานึงในการใชภาษาแตละระดับ คือ เร่ืองการใชภาษาท่ีถูกตอง เหมาะสมหากผูใชภาษามี ความรูเรื่องการใชภาษาไมดีพอ อาจทําใหการติดตอสื่อสารเกิดความผิดพลาดส่ือสารไดไมตรงความ ตองการ หรือส่ือความไดแ ตไมเหมาะสมทาํ ใหข าดประสทิ ธิภาพในการสือ่ สารความผิดพลาดหรือความ ไมเหมาะสมท่ีเกิดข้ึนดังกลาวลวนมีสาเหตุมาจากการใชภาษาท่ีบกพรองหรือไมคํานึงถึงการใช ภาษาไทยอยางถูกตองภาษาเป็นระบบสัญลักษณ์ซ่ึงเกิดจากการที่คนในสังคมชวยกันกําหนดขึ้น ดังนั้นการใชภาษาของมนุษย์จึงตองอยูภายในระบบ อันประกอบดวยระเบียบและกฎเกณฑ์ท่ีสังคม ยอมรับรวมกันหากใชผิดไปจากกฎเกณฑ์ท่ียอมรับกันแลวอาจกอใหเกิดความสับสนในการสื่อ ความหมายได
236 ใบงาน บทเรียนออนไลนท์ ี่ 5 เร่ือง หลักการใช้ภาษาไทย ขอ 1 ภาษามกี ีร่ ะดบั อะไรบา ง พรอมอธิบายรายละเอียด ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... .................................................................................................................................. .............................. .................................................................................................... ............................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................
237 เฉลยใบงาน บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 5 เร่ือง หลกั การใช้ภาษาไทย 1 ภาษามีกรี่ ะดบั อะไรบา้ ง พร้อมอธิบายรายละเอียด ภาษามี 3 ระดบั คือ 1. ระดับภาษาแบบแผน ลักษณะเดนของระดับภาษาแบบแผน คือ ความเครงครัดดานความ สมบูรณ์ของประโยคและความถูกตองดานไวยากรณ์อันไดแกระเบียบการใชคําระเบียบโครงสราง ประโยค เป็นตน ระดบั ภาษาแบบแผนจะใชในการส่ือสารอยางเป็นทางการทุกชนิดเชน ใชในเอกสาร ของทางราชการ ตํารา งานเขยี นวชิ าการ และคาํ กลาวเพอ่ื ใชอ านในพธิ กี าร 2. ระดับภาษากึ่งแบบแผน ลักษณะเดนของระดับภาษาก่ึงแบบแผน คือความลดหยอนในความ เครงครัดดานความสมบูรณ์ของประโยค และความถูกตองดานไวยากรณ์ ใชในการสื่อสารทั้งการพูด และการเขียนโดยจะสื่อบรรยากาศที่ทําใหผูรับสงสารมีสัมพันธภาพใกลชิดกันมากกวาระดับภาษา แบบแผน เชน การพูดอภิปราย หรือบรรยาย การเขียนเชิงสนทนา ระดับภาษานี้อาจแทรกวิธีการตาง ๆ เพ่อื สรา งรสและสีสันภาษา 3. ระดับภาษาไมเป็นแบบแผน ลักษณะเดนของระดับภาษาไมเป็นแบบแผนคือ ไมเครงครัดดาน ความสมบูรณ์ของประโยค และความถูกตองดานไวยากรณ์โดยสิ้นเชิง ใชสื่อสารในชีวิตประจําวันกับ บคุ คลใกลชิด บางทเี รยี กภาษาปาก มักประกอบดวยคําสมัยนิยม (Slang) คําตัดคําภาษาตางประเทศ คาํ ภาษาถนิ่ คาํ ตาํ่ ฯลฯ
238 แบบทดสอบหลังเรียน บทเรียนออนไลน์ท่ี 5 เร่ือง หลักการใชภ้ าษาไทย คาํ ช้ีแจง เลอื กคําตอบท่ถี ูกตองทสี่ ุดแลว ทําเครื่องหมาย X 1. การนาํ ขอมูลมาเรียบเรยี งดว ยสาํ นวนภาษาของตนเองเปน็ การบนั ทึกแบบใด ก. บันทกึ แบบถอดความ ข. บนั ทึกแบบคดั ลอกขอความ ค. บนั ทึกแบบยอ ความ ง. บันทึกแบบเสริมความ 2. ขอ ใดไมใชหลักการเขยี นบันทกึ ก. เขียนตามลาํ ดับเหตุการณ์ ข. ใชภาษาเรยี บงา ย ค. เขยี นดวยภาษาของตนเอง ง. เขียนตามจินตนาการ 3. การบนั ทึกท่ีคดั ลอกขอความมาและใสไวใ นเคร่ืองหมายอัญประกาศ คือการบนั ทกึ แบบใด ก. บนั ทึกแบบคัดลอกขอความ ข. บนั ทกึ แบบถอดความ ค. บันทึกแบบยอความ ง. บันทึกแบบเสรมิ ความ 4. การจดเฉพาะประเดน็ สําคัญของเรื่องคอื การจดบันทึกประเภทใด ก. บนั ทึกคําส้ัง ข. บันทกึ ยอเรอื่ ง ค. บนั ทกึ ความเห็น ง. บนั ทกึ รายงาน 5. การบนั ทกึ ความรเู ตือนความจาํ บรรยายความรสู กึ ตรงกับขอใด ก. การเขียนบนั ทกึ เหตุการณ์ ข. การเขยี นยอความ ค. การเขยี นบทความ ง. การจดบนั ทกึ การอภิปราย 6. “บันทึกเหตุการณป์ ระจาํ วัน” ตรงกับขอใด ก. การเขียนบรรยายความรสู ึก ข. การเขยี นบันทึกความรู ค. การเขยี นบนั ทึกเหตุการณ์ ง. การเขยี นเร่ืองราวสว นตัวเพ่อื เตือนความจํา
239 7. ขอมูลที่มีความสาํ คญั มากหรอื เปน็ คาํ คม คําสภุ าษติ ควรจดบนั ทึกแบบใด ก. บันทกึ แบบถอดความ ข. บนั ทกึ แบบเสรมิ ความ ค. บนั ทกึ แบบคัดลอกขอความ ง. บนั ทึกแบบยอความ 8. ภาษาแบงออกเป็นกีร่ ะดบั อะไรบา ง ก. 3 ระดับ คอื ภาษากง่ึ ทางราชการ ภาษาระดับสนทนา ภาษาระดับกันเอง ข. 2 ระดบั คือ ภาษาพดู หรือภาษาไมเป็นทางการ และภาษาเขียนหรือภาษาระดับทางการ ค. 2 ระดบั คือภาษาระดับพธิ ีการ ภาษาระดบั มาตรฐานวิชาการ ง. 3 ระดบั คือ ภาษาทางการ ภาษากง่ึ ทางการ ภาษาปาก 9. การเขยี นรายงานเชิงวชิ าการควรใชภ าษาระดับใด ก. ภาษาทางการ ข. ภาษากึ่งทางการ ค. ภาษาพิธกี าร ง. ภาษาปาก 10. ภาษาทีเ่ นน พธิ ีรตี องใชใ นพธิ กี ารตาง ๆ เป็นภาษาท่ีใชใ นการส่อื สารขอใด ก. ภาษาปาก ข. ภาษาระดบั ทางการ ค. ภาษาระดับกง่ึ ทางการ ง. ภาษาระดบั สนทนา
240 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น บทเรียนออนไลน์ท่ี 5 เรอื่ ง หลักการใชภ้ าษาไทย 1. ก 2. ง 3. ค 4. ข 5. ก 6. ง 7. ค 8. ง 9. ก 10. ข
241 แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรรู้ ายวิชาประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย สค22020 ใบงาน กิจกรรม คะแนน 1 เรอ่ื ง ความภมู ใิ จในความเป็นไทย - 1. สถาบนั หลักของชาติ 2. บญุ คณุ ของแผนดิน 10 เรอ่ื ง มรดกไทยในสมัยอยธุ ยาและกรงุ ธนบุรี 10 1. ความหมาย นิยาม “มรดกไทย 10 2. ประเพณีไทย 10 3. วัฒนธรรมไทย 20 4. ศิลปะไทย 40 5. การอนุรักษม์ รดกไทย 100 คะแนน 2 เรอื่ ง สงครามชางเผือก 3 เรื่อง การเสยี กรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 4 เรื่อง การเสยี กรุงศรีอยุธยาครั้งท่ี 2 5 เร่อื ง ความสมั พันธ์กบั ตางประเทศในสมยั กรงุ ศรอี ยุธยาและกรุงธนบุรี 6 สอบระหวางภาค 7 สอบปลายภาค
แผนการจัดกจิ กรรมการเร รายวชิ า ประวัตศิ าสตรช์ าตไิ ทย สค22020 จ จานวน 12 บทเรยี น หัวเร่อื ง วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม กจิ กรรมการเรียนรู้ ออนไลน์ที่ 1 1. ความ 1. อธิบายความหมายของชาติ ผูเ รียนศกึ ษาเรยี นรจู าก ภมู ใิ จใน ได หนงั สอื แบบเรียน หรือ ความเป็น 2. อธิบายความเปน็ มาของชน อินเทอรเ์ นต็ เรอื่ ง ไทย ชาตไิ ทยได 1.ความภมู ใิ จในความ 2. มรดก 3. บอกพระปรีชาสามารถของ เปน็ ไทย ไทยในสมยั พระมหากษัตริยไ์ ทยกับการรวม 1.1 สถาบันหลักของชา อยุธยา ชาตไิ ด 1.2 บุญคณุ ของแผนดนิ และกรุง 4. อธิบายประวตั ิความเป็นมา 2. มรดกไทยในสมัย ธนบุรี ของศาสนาพุทธ ครสิ ต์ และ อยุธยาและกรงุ ธนบุรี อิสลามได 2.1 ความหมาย นิยาม 5. อธิบายความสําคัญของ “มรดกไทย” สถาบันศาสนาได 2.2 ประเพณไี ทย 6. ระบบุ ทบาทและความสาํ คัญ 2.3 วัฒนธรรมไทย ของสถาบันพระมหากษตั ริย์ได 2.4 ศลิ ปะไทย 7. อธิบายบุญคุณของ 2.5 การอนุรักษ์มรดก พระมหากษัตรยิ ไ์ ทยในอดีตได ไทย
242 รยี นรู้รายวิชาแบบออนไลน์ จานวน 3 หนว่ ยกติ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ 20 ช่ัวโมง จานวน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวดั และ กศน. ผลการเรียนร้ทู ่ี ชัว่ โมง ประเมนิ ผล 4 คาดหวงั 80 1. หนงั สอื เรียนวชิ า -บทเรยี น - 1. อธบิ าย อ ชม. ประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย ออนไลน์ที่ 1 ความหมายของชาติ สค22020 2. สื่ออนิ เทอร์เนต็ 2. อธิบายความ http://203.159. าติ 251.144/pattana เปน็ มาของชนชาติ น /download/g.6/ 22.%20History/ ไทย History%201,2,3/ 2..pdf 3. บอกพระปรชี า 3. Google Site บทเรียนออนไลน์ท่ี 1 สามารถของ พระมหากษัตรยิ ไ์ ทย กับการรวมชาติ 4. อธิบายประวตั ิ ความเปน็ มาของ ศาสตร์พทุ ธ คริสต์ และอิสลาม 5. อธิบาย ความสําคัญของ สถาบนั ศาสนา 242
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365