Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รูปเล่มสมบูรณ์ พหุวัฒนธรรม ๒๕๖๓

รูปเล่มสมบูรณ์ พหุวัฒนธรรม ๒๕๖๓

Published by croonui, 2022-03-10 08:34:09

Description: รูปเล่มสมบูรณ์ พหุวัฒนธรรม ๒๕๖๓

Search

Read the Text Version

วนั ที่ ๒ ตลุ าคม ๒๕๓๐ พระบาทสมเดจ็ พระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร พระราชด�ำเนินเย่ียมราษฎร บ้านลุโบะปาแระ ต�ำบลจอเบาะ อำ� เภอยีง่ อ จังหวดั นราธวิ าส วันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๓๓ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชปฏิสันถารกับฝีพาย ในการเสด็จพระราชด�ำเนินไปทอดพระเนตรการแข่งขันเรือกอและ และเรอื ยาว ณ พลบั พลาหนา้ ศาลาประชาคม จังหวัดนราธิวาส วนั ที่ ๒๑ สงิ หาคม ๒๕๓๔ สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรการสาธิต การท�ำขนมพื้นเมือง ในโอกาสเสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยม กลุ่มสมาชิกศิลปาชีพพิเศษพัฒนา ต�ำบลเชิงคีรี อ�ำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๓๙ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จไปทรงตรวจเย่ียม โครงการหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ๕ ณ ป่าสงวนแห่งชาติกะลุบี ตำ� บลตันหยงมัส อ�ำเภอระแงะ จังหวดั นราธิวาส วนั ที่ ๕ กนั ยายน ๒๕๔๔ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดี ศรสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั ทอดพระเนตรแผนท่ี บริเวณโครงการพัฒนาลุ่มน�้ำบางนรา อันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริของ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสทสี่ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเย่ียมราษฎร ณ วัดพระพุทธ ต�ำบลพร่อน อ�ำเภอตากใบ จังหวัดนราธวิ าส วันท่ี ๑ กันยายน ๒๕๔๕ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมกับพระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรและสมาชิกศิลปาชีพกลุ่มปักผ้า ณ บา้ นไทยสขุ หมู่ที่ ๘ ตำ� บลลาโละ อ�ำเภอรอื เสาะ จังหวดั นราธิวาส 241หลักสตู รสังคมพหวุ ฒั นธรรมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัตศิ าสตร์ท้องถ่ินจงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

บทที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช รชั กาลท่ี ๙ กับการพัฒนาในจงั หวัดชายแดนภาคใต้ ๑. ความเป็นมาของโครงการพระราชด�ำริ “เราจะครองแผ่นดนิ โดยธรรม เพ่อื ประโยชน์สุขแหง่ มหาชนชาวสยาม” พระปฐมบรมราชโองการ เมอื่ วนั ที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ มคี วามหมายลกึ ซงึ้ แสดงถงึ พระราชปณธิ าน ต้ังมั่นท่ีจะทรงอุทิศบ�ำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพ่ือให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขทั่วแผ่นดิน ด้วยทรงถือว่าทุกข์สุข ของราษฎร คอื ทกุ ขส์ ขุ ของพระองคเ์ อง ทรงศกึ ษา คน้ ควา้ ทดลอง และคดิ คน้ โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ เป็นจ�ำนวนมาก เพื่อช่วยเหลือเหล่าพสกนิกรให้พ้นจากสภาพความยากจน ล�ำบาก ไปสู่ความพออยู่พอกิน และมีความสุข ขนานไปกับการทรงงานพัฒนาได้ทรงอนุรักษ์ พิทักษ์ และแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ มของแผ่นดนิ ตงั้ แต่ท้องฟา้ จรดใตถ้ ึงทอ้ งทะเล กเ็ พ่อื ความสมดุลของสรรพชีวิตให้มคี วามยง่ั ยนื ทรงเรม่ิ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปเยย่ี มราษฎรทว่ั ประเทศ โดยเรม่ิ ตน้ ในภาคกลาง เมอื่ ปี ๒๔๙๕ ภาคตะวนั ออก เฉียงเหนือ เมื่อปี ๒๔๙๘ ภาคเหนือ เม่ือปี ๒๕๐๑ และเสด็จไปทรงเย่ียมราษฎรภาคใต้และหมุนเวียน ทกุ ภาคอกี หลายครงั้ ตงั้ แตป่ ี ๒๕๐๑ เปน็ ตน้ มา พระราชภารกจิ ดงั กลา่ ว เปน็ การทรงงานเพอื่ รบั ทราบทกุ ขส์ ขุ และ ปัญหาความเดือดร้อนที่แท้จริงของประชาชน ด้วยการศึกษาข้อมูลจากสภาพความเป็นอยู่และวิถีชีวิตที่แท้จริง ตามสภาพภูมิศาสตร์และภูมิสังคมของแต่ละภูมิภาค เพ่ือให้แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด จนเกิดค�ำพูดที่ว่า “ไม่มีท่ีไหน ในประเทศไทยทพี่ ระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ ฯ ไปไมถ่ งึ ” นบั เปน็ การทรงงานอยา่ งหนกั เพอื่ ตอ่ สกู้ บั ความยากจน ความดอ้ ย โอกาส ทางดา้ นการศกึ ษาและการสาธารณสขุ ซง่ึ เปน็ อปุ สรรคตอ่ ความเปน็ อยขู่ องราษฎร โดยในระยะแรกมโี ครงการ สาธารณสขุ ทส่ี ำ� คัญ เช่น เรอื เวชพาหน์ นำ� แพทย์และยาให้บริการประชาชนทอี่ ยู่ริมแม่นำ�้ ลำ� คลองที่การคมนาคม ไม่สะดวก พระราชทานทรัพย์เป็นกองทุนปราบอหิวาตกโรค ศึกษาวิจัยเพื่อผลิตน้�ำเกลือใช้ในประเทศ จัดตั้ง หน่วยแพทย์พระราชทาน และหน่วยทันตกรรมพระราชทาน เป็นต้น จนขยายไปสู่โครงการพัฒนาด้านต่างๆ ครอบคลมุ วถิ ชี วี ติ ทกุ ดา้ น เปน็ โครงการอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ แหง่ มหาชน ๔,๓๕๐ โครงการ ๑.๑ ปี ๒๔๙๕ โครงการพฒั นาชนบทอันเนอื่ งมาจากพระราชดำ� รแิ ห่งแรก เมอื่ เสดจ็ ฯ ไปยงั บา้ นหว้ ยมงคล อำ� เภอหวั หนิ จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ ซงึ่ หมบู่ า้ นนไี้ มม่ ถี นนเชอ่ื มตอ่ กับถนนหลัก (ถนนเพชรเกษม) ระหว่างทางเสด็จฯ รถติดหล่ม ทั้งทหารและต�ำรวจ ชาวบ้านช่วยกันเข็นรถขึ้น จากหล่ม ทรงทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร ในการเดินทางสัญจรไปมาและการขนส่งผลผลิต ทางการเกษตร จึงได้พระราชทานรถบลูโดเซอร์ ให้หน่วยต�ำรวจตระเวนชายแดนค่ายนเรศวร ไปสร้างถนน เพื่อชว่ ยเหลอื ราษฎรใหน้ �ำผลผลติ ออกมาจ�ำหนา่ ยยังชุมชนภายนอกไดส้ ะดวก จงึ ถือไดว้ ่าโครงการถนนห้วยมงคล เป็นโครงการพฒั นาชนบทอันเน่อื งมาจากพระราชด�ำรแิ หง่ แรก 242 หลักสตู รสังคมพหวุ ัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถนิ่ จังหวัดชายแดนภาคใต้)

๑.๒ ปี ๒๔๙๖ โครงการพฒั นาแหล่งน�้ำอนั เน่ืองมาจากพระราชดำ� รแิ ห่งแรก มีพระราชด�ำริให้สร้างอ่างเก็บน้�ำเขาเต่า อ�ำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากทรงทราบ ความล�ำบากของประชาชนในหมู่บ้านเขาเต่า ทีม่ ีประชากรอยู่กันอย่างหนาแนน่ ขาดแคลนน้�ำจดื ชว่ งน้ำ� ทะเลขนึ้ น�้ำเค็มจะไหลเข้าท่วมพื้นท่ี ทรงเริ่มแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน�้ำจืดของชาวบ้านท่ีน่ีเป็นล�ำดับแรก และ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จ�ำนวน ๖๐,๐๐๐ บาท เพ่ือสร้างอ่างเก็บน้�ำเขาเต่า ก่อสร้างท�ำนบดินปิดก้ัน นำ�้ ทะเล ทำ� ให้เกดิ เปน็ อ่างเกบ็ นำ้� สำ� หรับชาวบ้าน ไดใ้ ช้ท้ังการอุปโภค บรโิ ภค เลี้ยงปลา รวมทงั้ เพ่อื การเพาะปลูก โดยสร้างและใชป้ ระโยชนไ์ ดใ้ นปี ๒๕๐๖ นับเป็นโครงการพฒั นาแหล่งน้ำ� อนั เนอื่ งมาจากพระราชด�ำรแิ ห่งแรก ๑.๓ ปี ๒๔๙๘ ก�ำเนิดฝนหลวง มพี ระราชดำ� รใิ หศ้ กึ ษาทดลองทำ� ฝนเทยี ม หรอื ฝนหลวงแกไ้ ขปญั หาความแหง้ แลง้ ดงั พระราชดำ� รสั เมอ่ื วันที่ ๑๗ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๘ ความว่า “เรื่องฝนเทียมน้ี เริ่มต้ังแต่ พ.ศ. ๒๔๙๘ แต่ยังไม่ได้ท�ำอะไรมากมาย เพราะว่าไปภาคอีสาน ตอนนนั้ หนา้ แลง้ เดอื นพฤศจกิ ายน ทไี่ ปทเ่ี มฆมากอสี านกแ็ ลง้ กเ็ ลยมคี วามคดิ ๒ อยา่ ง ตอ้ งทำ� Check dam …. ตอนน้ันเกิดความคิดจากนครพนม ผ่านสกลนครข้ามไปกาฬสินธุ์ลงไปสหัสขันธ์ที่เดี่ยวน่ีเป็นอ�ำเภอสมเด็จ.... ไปจอดท่ีน่ันไปเย่ียมราษฎรมันแล้งมีฝุ่น... แต่มาเงยดูท้องฟ้า มีเมฆ ท�ำไมมีเมฆอย่างน้ี ท�ำไมจะดึงเมฆนี้ ใหล้ งมาได้ ก็เคยไดย้ นิ เร่ืองทำ� ฝน ก็มาปรารภกบั คณุ เทพฤทธิ์ ฝนทำ� ได้ มหี นงั สือ เคยอ่านหนงั สือ ท�ำได้” ใชเ้ วลา ๑๔ ปี ฝนเทยี มหรอื ฝนหลวงจงึ ตกไดจ้ รงิ ครงั้ แรกเมอ่ื ปี ๒๕๑๒ และไดพ้ ฒั นามาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง จนถงึ ปัจจุบัน สามารถช่วยพ้ืนที่การเกษตรไดป้ ระมาณ ๑๖๐ ลา้ นไร่ตอ่ ปี ๑.๔ ปี ๒๕๐๖ โรงเรยี นพระราชทานแหง่ แรก พระราชทานพระราชทรพั ยส์ ่วนพระองค์ จ�ำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท เพอื่ จัดสร้างโรงเรยี นสอนหนงั สือ ชาวเขาทบ่ี า้ นแมว้ ดอยปยุ ตำ� บลหางดง จงั หวดั เชียงใหม่ โรงเรยี นแห่งนีไ้ ด้พระราชทานนามว่า “โรงเรียนเจ้าพอ่ หลวงอุปถัมภ์ ๑” นับเป็นโรงเรียนพระราชทานแหง่ แรก ๑.๕ ปี ๒๕๐๘ แหล่งอาหารโปรตีนทส่ี �ำคญั สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ เม่ือคร้ังด�ำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งประเทศญ่ีปุ่น ได้ทูลเกล้าถวายปลานิลแด่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ ๒๕ มนี าคม ๒๕๐๘ กวา่ ๑,๕๐๐ ลา้ นตวั คดิ เปน็ มลู คา่ กวา่ ๕,๗๐๐ บาท นบั เปน็ แหลง่ โปรตนี ทสี่ ำ� คญั และสรา้ งรายได้ ใหแ้ กป่ ระชาชนจ�ำนวน ๕๐ ตัว ๑.๖ ปี ๒๕๑๒ ชว่ ยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก มพี ระราชด�ำริพัฒนาให้ชาวเขาปลกู กาแฟแทนการปลกู ฝ่ิน และได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรไร่กาแฟ ท่ีชาวกะเหร่ียงปลูกไว้บริเวณพ้ืนที่บ้านอังกาน้อย ดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันท่ี ๓ ธันวาคม ๒๕๑๗ โดยทไ่ี รแ่ หง่ นน้ั มตี น้ กาแฟเพยี งตน้ เดยี ว มพี ระราชดำ� รสั กบั ขา้ ราชบรพิ ารทตี่ ดิ ตามเสดจ็ ฯ และไมเ่ ขา้ ใจวตั ถปุ ระสงค์ ในการเสดจ็ ฯ ข้ามเขาสงู มาเพอ่ื การน้ีวา่ 243หลักสตู รสังคมพหวุ ัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ิศาสตรท์ ้องถิน่ จังหวดั ชายแดนภาคใต)้

“...แต่ก่อนเขาปลูกฝิ่น เราไปพูดจาช้ีแจงชักชวนให้เขามาลองปลูกกาแฟแทน กะเหรี่ยงไม่เคย ปลูกกาแฟมาก่อนเลย ยังดีที่กาแฟไม่ตายเสียหมด แต่ยังเหลืออยู่หน่ึงต้นนั้น ต้องถือว่าเป็นความก้าวหน้า ส�ำหรับกะเหรี่ยง...” จึงต้องเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรจะได้แนะน�ำชาวเขาต่อไป ท�ำอย่างไรกาแฟจึงจะเหลืออยู่มากกว่า หน่งึ ตน้ ปรากฏวา่ ปตี ่อมาชาวกะเหรี่ยงดอยอนิ ทนนท์ขายกาแฟไดเ้ ป็นเงนิ ต่อไรส่ ูงกว่าทีเ่ คยขายฝิ่นได้ ๑.๗ ปี ๒๕๑๕ โรงงานหลวงเพื่อปวงชน พระราชทานช่วยเหลือชาวเขาและชาวไร่ทางด้านเกษตรกรรม และจัดให้มีตลาดรับซ้ือผลผลิต ทางการเกษตร อกี ทง้ั นำ� เอาผลติ ผลไปเปน็ อตุ สาหกรรม มสี ถาบนั คน้ ควา้ และพฒั นาผลติ ภณั ฑอ์ าหาร ซง่ึ ระยะแรก ใชร้ ถยนตด์ ดั แปลงใหเ้ ปน็ โรงงานเคลอ่ื นท่ี ตอ่ มาไดใ้ ชอ้ าคารของโรงเรยี นตำ� รวจตระเวนชายแดนเปน็ โรงงานชวั่ คราว ซ่ึงการท่ีต้ังโรงงานหลวงอาหารส�ำเร็จรูปข้ึนมาน้ัน เกษตรกรสามารถน�ำเอาผลผลิตมาจ�ำหน่ายได้ในราคายุติธรรม มีเงินสดหมุนเวียน ผลผลิตเข้าสู่ตลาด โดยสูญเสียน้อย จึงเป็น “โรงงานหลวงอาหารส�ำเร็จรูปท่ี ๑ (ฝาง)” นบั เป็นโรงงานหลวงพระราชทานแหง่ แรก ๑.๘ ปี ๒๕๑๖ พัฒนาเพอ่ื เสรมิ ความม่นั คง เสด็จฯ ไปทรงเปิดโรงเรียนร่มเกล้าแห่งแรกท่ีบ้านหนองแคน ต�ำบลดงหลวง จังหวัดนครพนม ซ่ึงเป็นพ้ืนที่สีแดงเข้ม มีผู้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกับรัฐบาลมารวมกลุ่มกันในขณะน้ัน (เป็นทางผ่าน ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ใช้ขึ้นลงบนเทือกเขาภูพาน) โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก่อสร้าง อาคารเรียนถาวรแห่งแรก และพระราชทานพระราชดำ� รัสอันเป็นที่มาของยุทธศาสตร์ “เข้าใจ เขา้ ถึง พฒั นา” “....ขอให้คิดถึงประชาชนเหมือนลูก ขอให้ทหารช่วยดูแลประชาชน นอกเหนือจากหน้าที่ ท่ีต้องปฏบิ ัติในการป้องกนั ประเทศ” ๑.๙ ปี ๒๕๑๘ สหกรณ์ รวมกลุม่ รวมพลงั ทรงรับเกษตรกรชาวสวนผักชะอ�ำ ๘๒ ครอบครัว และเกษตรกรท�ำประโยชน์อยู่ในพื้นที่หุบกะพง ๔๖ ครอบครัว รวมเป็น ๑๒๔ ครอบครัว เข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ และให้ประโยชน์จากที่ดินเพ่ือท�ำเกษตร ครอบครวั ละ ๒๕ ไร่ โดยได้รับพระราชทานเงินตั้งกองทุนส�ำหรับพัฒนา “สหกรณ์การเกษตรหุบกะพง จ�ำกัด” จำ� นวน ๗,๕๕๔,๘๘๕ บาท นบั เป็นสหกรณ์การเกษตรอันเนอื่ งมาจากพระราชด�ำรแิ ห่งแรก ๑.๑๐ ปี ๒๕๒๒ ปฐมบท ศูนย์ศึกษาการพฒั นาอันเนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ มพี ระราชดำ� รใิ หจ้ ดั ตงั้ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาเขาหนิ ซอ้ นฯ ในลกั ษณะ “พพิ ธิ ภณั ฑธ์ รรมชาตทิ มี่ ชี วี ติ ” เพ่ือเป็นตัวอย่างความส�ำเร็จในด้านเกษตรกรรม และการพัฒนาอาชีพ เป็นต้นแบบและแนวทางให้แก่เกษตรกร รวมถึงผู้สนใจน�ำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติ ดังนั้น “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน” จึงนับเป็นพิพิธภัณฑ์ ธรรมชาตทิ ีม่ ีชีวิตแหง่ แรก ดงั พระราชด�ำรัสความว่า “...ประวัติมีว่า ตอนแรกมีท่ีดิน ๒๖๔ ไร่ ที่ผู้ใหญ่บ้านให้สร้างต�ำหนัก ในปี ๒๕๒๒ ท่เี ชิงเขาหินซ้อนใกลว้ ดั เขาหินซอ้ น ตอนแรก กต็ ้องคน้ คว้าวา่ ทีต่ รงน้ันคือตรงไหน กพ็ ยามสืบถามกไ็ ด้พบบน แผนที่พอดี อยู่มุมบนของระหว่างแผนที่ จนต้องต่อแผนที่ ๔ ระวาง ส�ำหรับให้ทราบว่าสร้างเป็นสถานท่ี ท่ีจะศึกษาเก่ยี วกับการเกษตรจะเอาไหม เขาก็บอกวา่ ยนิ ดกี ็เลยเริม่ ท�ำทน่ี ้นั ....” 244 หลักสตู รสงั คมพหวุ ัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวตั ิศาสตร์ท้องถนิ่ จังหวัดชายแดนภาคใต)้

๑.๑๑ ปี ๒๕๓๑ ทฤษฎใี หม่แหง่ แรก มีพระราชด�ำริให้พัฒนาบริเวณวัดมงคลชัยพัฒนา จังหวัดสระบุรี เพื่อศึกษาและจัดท�ำเป็น ศูนย์สาธิตการเกษตรทฤษฎีใหม่อย่างเป็นรูปธรรม สามารถให้เกษตรกรน�ำไปประยุกต์ใช้ปฏิบัติในพื้นที่ของตน สามารถพึ่งพาตนเองไดอ้ ย่างพออยู่พอกนิ นับเป็นจุดกำ� เนดิ ทฤษฎีใหมแ่ หง่ แรก “...ถ้าท�ำโครงการพัฒนาพื้นท่ีบริเวณวัดห้วยมงคลชัยพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ จงั หวดั สระบรุ ี นใี้ หแ้ บง่ พนื้ ที่ ๑๕ ไร่ ออกมาสกั ๓ ไร่ แลว้ ขดุ สระนำ้� เกบ็ กกั นำ�้ ไวช้ ว่ ยในการปลกู ขา้ ว จะทำ� ให้ ได้ผลทุกปี ได้ ๔๐ ถัง ซึ่งจะได้ ๑๐ เท่า ของปีท่ีได้ผลไม่ดี หรือท�ำนา ๑๕ ไร่ จะเท่ากับท�ำนา ๑๒๐ ไร่ ในปที ไ่ี ด้ผลผลิตไมด่ ี ทฤษฎีนด้ี ูประหลาด แตม่ นั เป็นจริงอยา่ งนัน้ ....” ๑.๑๒ ปี ๒๕๓๔ หญา้ แฝก ก�ำแพงธรรมชาตทิ ่มี ชี วี ิต มีพระราชด�ำริให้พิจารณาศึกษาใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝก เพ่ืออนุรักษ์ดินและน�้ำ ปรับปรุงดิน ท่ีเสื่อมโทรม และป้องกันการซะล้างพังทลาย ปัจจุบันมีการส่งเสริมการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกไปแล้ว ๔,๕๐๐ ล้านกล้า อนุรักษ์ดินและน�้ำในพ้ืนท่ีกว่า ๑๐ ล้านไร่ท่ัวประเทศ มีการวิจัยเก่ียวกับการใช้ประโยชน์ หญา้ แฝกกว่า ๒๐๐ เรอื่ ง ๑.๑๓ ปี ๒๕๓๕ พัฒนาลุม่ นำ้� ล�ำพะยัง-พัฒนาลุม่ น�้ำก่ำ� เสด็จฯ ไปพื้นท่ีก่อสร้างอ่างเก็บน�้ำล�ำพะยัง จังหวัดกาฬสินธุ์ ความจุ ๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งเสริมให้ราษฎรใหพ้ ฒั นาอาชพี การเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยขุดสระนำ้� ประจ�ำไรน่ า และระหวา่ งปี ๒๕๔๖ - ๒๕๔๙ ไดย้ กระดบั การเกบ็ นำ้� ของอา่ งเกบ็ นำ�้ ลำ� พะยงั ใหม้ คี วามจมุ ากขน้ึ และผนั นำ�้ จากอา่ งเกบ็ นำ�้ หว้ ยไผ่ จงั หวดั มกุ ดาหาร มาเพ่ิมให้พนื้ ทล่ี ุ่มน�ำ้ ล�ำพะยังโดยอุโมงค์ผันนำ้� “ล�ำพะยังภมู ิพฒั น์” พระราชทานภาพร่างฝีพระหัตถ์ “ตัวยึกยือ” เป็นแนวทางพัฒนาลุ่มน้�ำก่�ำ จังหวัดสกลนคร - จังหวัดนครพนม โดยการสร้างประตูน�้ำเป็นตอนๆ กักเก็บน้�ำได้รวม ๖๘.๓ ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถช่วยเหลือ พืน้ ที่การเกษตร ๑๖๕,๐๐๐ ไร่ ๑.๑๔ ปี ๒๕๓๖ พฒั นาลมุ่ น้�ำปากพนงั – เข่ือนขนุ ดา่ นปราการชล มีพระราชด�ำรัสพัฒนาลุ่มน้�ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช แก้ปัญหาน้�ำเค็มรุกตัวเข้าไป ในลำ� นำ�้ ฟน้ื ฟพู นื้ ทกี่ ารเกษตรและนารา้ ง ๑.๙ ลา้ นไร่ แบง่ เขตทำ� กนิ ระหวา่ งการเลยี้ งกงุ้ ทใ่ี ชน้ ำ�้ เคม็ และการเกษตร ที่ใชน้ ้�ำจดื แก้ไขปญั หาขดั แยง้ ของคนในพน้ื ที่ มพี ระราชด�ำรัสให้สร้างเขื่อนขนุ ด่านปราการชล จังหวดั นครนายก ความจุ ๒๒๔ ล้านลกู บาศกเ์ มตร แกไ้ ขปัญหาน�ำ้ ทว่ ม ชะล้างดนิ เปร้ยี ว และช่วยเหลอื พน้ื ท่ีการเกษตร ๑๘๕,๐๐๐ ไร่ ๑.๑๕ ปี ๒๕๓๗ พัฒนาลุม่ น�้ำหว้ ยบางทราย - ศูนยพ์ ัฒนาการเกษตรภูสงิ ห์ - ศนู ยพ์ ัฒนา และบรกิ ารด้านการเกษตร (หลัก ๒๒) สปป.ลาว มีพระราชด�ำริพัฒนาพื้นท่ีลุ่มน้�ำห้วยบางทราย จังหวัดมุกดาหารโดยสร้างอ่างเก็บน้�ำ ๗ แห่ง ความจุรวม ๒๔.๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งน�้ำได้ ๘,๙๐๐ ไร่ พฒั นาอาชพี แบบบูรณาการและฟืน้ ฟูปา่ ไม้ 245หลักสตู รสังคมพหุวัฒนธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวตั ศิ าสตรท์ ้องถ่ินจังหวัดชายแดนภาคใต)้

จัดตั้งศูนย์พัฒนาการเกษตรภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ช่วยเหลือการประกอบอาชีพของราษฎร ในพน้ื ท่ภี าคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ตอนล่าง พระราชทานโครงการศูนย์พัฒนาและบริการด้านการเกษตร (หลัก ๒๒) นครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว เพอื่ ใหบ้ รกิ ารดา้ นความรู้ ปจั จยั การผลติ พฒั นาอาชพี และคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน สปป.ลาว ๙ หมบู่ า้ น เป็นการขยายผลการพัฒนาสู่สากลและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแน่นแฟ้น ต่อมา สปป.ลาว ไดข้ ยายผลโครงการไปยงั แขวงอน่ื ๆ ทัว่ ประเทศ ได้แก่ แขวงสวุ รรณเขต และจ�ำปาศกั ด์ิ เป็นต้น ๑.๑๖ ปี ๒๕๔๒ เขื่อนป่าสักชลสิทธ์ิ มพี ระราชดำ� รใิ ห้สรา้ งเขอ่ื นป่าสกั ชลสทิ ธิ์ จังหวดั ลพบรุ ี ความจุ ๙๖๐ ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร ช่วยเหลือ พ้นื ทกี่ ารเกษตร ๑๗๔,๕๐๐ ไร่ รวมทงั้ ชว่ ยบรรเทาปญั หาน้�ำท่วมในพ้นื ทภี่ าคกลางตอนลา่ ง และกรงุ เทพมหานคร ๑.๑๗ ปี ๒๕๔๖ เขอ่ื นแควน้อยบำ� รงุ แดน มีพระราชด�ำริให้สร้างเข่ือนแควน้อยบ�ำรุงแดน จังหวัดพิษณุโลก ความจุ ๙๓๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ชว่ ยเหลอื พ้ืนท่ีการเกษตร ๗๕,๐๐๐ ไร่ และบรรเทาปญั หานำ�้ ท่วมพ้นื ท่จี ังหวดั พิษณโุ ลก และภาคเหนือตอนล่าง ๑.๑๘ ปี ๒๕๕๔ – ๒๕๕๕ การทรงงานที่ไมม่ วี นั หยุด นบั ถงึ ทกุ วนั นน้ี อกเหนอื จากโครงการทม่ี พี ระราชดำ� รโิ ดยตรงแลว้ ยงั มโี ครงการทท่ี รงรบั ฎกี าราษฎร ไว้เป็นโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ ในช่วงปี ๒๕๕๔ – ๒๕๕๕ จ�ำนวน ๗๙ โครงการ กระจายอยู่ ในจงั หวดั ตา่ งๆ ครอบคลมุ ทกุ ภมู ภิ าค โดยภาคกลาง ๙ โครงการ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ๓๒ โครงการ ภาคเหนอื ๓ โครงการ และภาคใต้ ๓๕ โครงการ ปัจจุบันมีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริด้านต่างๆ จนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕ จ�ำนวน ๔,๓๕๐ โครงการ และจะเพิ่มจ�ำนวนขึ้นทุกปีกระจายอยู่ท่ัวทุกภูมิภาค ทุกจังหวัดของประเทศ มากที่สุด คือ “โครงการพฒั นาแหลง่ น�้ำ” จ�ำนวน ๒,๙๕๕ โครงการ เปน็ การบรหิ ารจัดการนำ้� ตงั้ แต่นำ้� หยดแรกบนท้องฟ้า ลงมาสู่ต้นน้�ำถึงปลายน้�ำ สะท้อนให้เห็นถึงความหมายที่ว่า “น้�ำ คือ ชีวิต” และระบบบริหารจัดการน้�ำ แบบบูรณาการ ซงึ่ เรื่อง “น�้ำ” นี้ ทรงใหค้ วามส�ำคัญท้ังมติ ิของน้ำ� ท่วม น�้ำแลง้ และน�้ำเสยี อีกด้วย การพัฒนาดา้ น เหนือ ภาค ใต้ ไม่ระบุ รวม กลาง ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ๑) โครงการพัฒนาดา้ นแหล่งนำ้� ๑,๑๔๘ ๔๗๙ ๗๖๗ ๕๖๑ - ๒,๙๕๕ ๒) โครงการพฒั นาดา้ นการเกษตร ๔๖ ๔๙ ๔๓ ๒๗ - ๑๖๕ ๓) โครงการพัฒนาด้านสิง่ แวดล้อม ๕๒ ๓๕ ๒๘ ๓๐ - ๑๔๕ ๔) โครงการพฒั นาด้านสง่ เสริมอาชีพ ๘๘ ๓๔ ๑๑๘ ๘๕ - ๓๒๕ ๕) โครงการพฒั นาดา้ นสาธารณสขุ ๑๔ ๑๕ ๙ ๗ ๑๐ ๕๕ ๖) โครงการพัฒนาดา้ นคมนาคม/ส่อื สาร ๑๕ ๒๒ ๑๙ ๒๐ - ๗๖ ๗) โครงการพฒั นาดา้ นสวสั ดกิ ารสงั คม/การศกึ ษา ๒๐๑ ๗๔ ๕๓ ๖๓ ๔ ๓๙๕ ๘) โครงการพฒั นาดา้ นแบบบูรณาการ/อื่นๆ ๙๖ ๕๘ ๕๑ ๒๙ - ๒๓๔ รวมทั้งส้ิน ๑,๖๖๐ ๗๖๖ ๑,๐๘๘ ๘๒๒ ๑๔ ๔,๓๕๐ 246 หลกั สตู รสังคมพหวุ ฒั นธรรมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวตั ศิ าสตร์ทอ้ งถ่นิ จงั หวัดชายแดนภาคใต)้

๒. โครงการพระราชด�ำริในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชด�ำเนินไปเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ภาคใต้ ต้ังแต่ปี ๒๕๐๒ ทรงศกึ ษาปญั หาและพระราชทานพระราชดำ� รเิ พอ่ื แกไ้ ขปญั หาอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ภายใตแ้ นวทาง “เขา้ ใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” เริ่มมีโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริในเขตพ้ืนท่ีภาคใต้แห่งแรก เมื่อปี ๒๕๑๗ จนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ ท้ังสิ้น ๘๒๒ โครงการ ครอบคลุม ๘ ประเภท พ้ืนที่ภาคใต้มี ๑๔ จังหวัด ปัญหาท่ีเกิดขึ้นส่วนใหญ่ คือ น้�ำท่วม เมื่อยามน้�ำหลากจะระบายออกไม่ทัน ทั้งยังดินมีปัญหาเสื่อมโทรม อันเน่ืองมาจากน้�ำทะเลทะลักเข้าท่วมในไร่นา ทำ� ให้ในระยะยาวไมส่ ามารถเพาะปลกู หรือใชป้ ระโยชน์จากดินได้ ตาราง แสดงประเภทและจ�ำนวนโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำรใิ นพน้ื ท่ีจงั หวัดชายแดนภาคใต้ ประเภทและจ�ำนวนของโครงการ จังหวดั แหลง่ นำ้� การเกษตร สง่ิ การ สาธารณสขุ คมนาคม/ สวัสดกิ าร บรู ณาการ/ รวม แวดล้อม สง่ เสรมิ ส่อื สาร สังคม/ อนื่ ๆ อาชพี การศกึ ษา นราธวิ าส ๒๖๕ ๑๔ ๖ ๔๗ ๒ ๗ ๑๓ ๘ ๓๖๒ ปตั ตานี ๓๓ ๒ ๑ ๑๙ ๑ ๒ ๔ ๕ ๖๗ ยะลา ๔๖ ๒ ๒ ๕ ๑ ๔ ๖ ๐ ๖๖ สงขลา ๔๑ ๒ ๓ ๔ ๐ ๑ ๑๒ ๒ ๖๕ สตลู ๘ ๐ ๒๑ ๐ ๐ ๕ ๐ ๑๖ รวม ๓๙๓ ๒๐ ๑๔ ๗๕ ๔ ๑๔ ๔๐ ๑๕ ๕๗๖ ๒.๑ โครงการพระราชดำ� ริดา้ นต่างๆ ๑) ด้านแหล่งนำ�้ โครงการบรรเทาอุทกภัยอ�ำเภอหาดใหญ่อันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริจังหวัดสงขลา ช่วงเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ เกิดภาวะฝนตกหนักท�ำให้ปริมาณน้�ำท่าล้นครองอู่ตะเภาเกิดอุทกภัยในหลายพ้ืนท่ี จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายกับพื้นท่ีเพาะปลูก บ้านเรือน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สิน คิดเป็นมูลค่า ความเสียหาย ประมาณ ๔,๐๐๐ ล้านบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชด�ำรัส เม่ือวันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ความว่า “...การสรา้ งอ่างเก็บนำ�้ ขนาดใหญท่ ีค่ ลองอู่ตะเภา... คงไม่สามารถด�ำเนนิ การได้ เพราะไมม่ ที ำ� เลทเ่ี หมาะสม... การแกแ้ ละบรรเทานำ้� ทว่ มทคี่ วรพจิ ารณาดำ� เนนิ การ นา่ จะไดแ้ ก่ การขดุ คลองระบายนำ�้ ขนาดใหญ่ ใหท้ ำ� หนา้ ที่ แบ่งน�้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้�ำท่ีไหลลงมาท่วมตัวอ�ำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลา โดยเร็ว นอกจากน้ัน หากต้องการท่ีจะป้องกันน้�ำท่วมพ้ืนท่ีชุมชนและพื้นท่ีธุรกิจให้ได้ผลโดยสมบูรณ์แล้ว ...ควรพิจารณาสร้างคันก้ันน้�ำรอบบริเวณพื้นท่ีดังกล่าวพร้อมกับติดต้ังระบบสูบน�้ำออกจากพ้ืนท่ีไม่ให้ ทว่ มขงั ตามความจำ� เปน็ ทง้ั นใี้ หพ้ จิ ารณารว่ มกบั ระบบของผงั เมอื งใหม้ คี วามสอดคลอ้ งและไดร้ บั ผลประโยชน์ ร่วมกันดว้ ย...” 247หลักสูตรสงั คมพหุวัฒนธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวตั ศิ าสตรท์ ้องถิน่ จังหวัดชายแดนภาคใต้)

ในปี ๒๕๓๒ ได้ขุดลอกคลองธรรมชาติ จ�ำนวน ๔ สาย ความยาวรวม ๔๖.๙๐๐ กิโลเมตร เพื่อให้สามารถระบายน้�ำเร็วข้ึน ประกอบด้วย คลองอู่ตะเภา คลองอู่ตะเภาแยก ๑ คลองอู่ตะเภาแยก ๒ และคลองทา่ ช้าง – บางกลำ�่ แต่การด�ำเนินการยังไมค่ รอบคลุมแนวพระราชด�ำริท่ีไดพ้ ระราชทานไว้ หลังจากน้ันอีก ๑๒ ปี ต่อมา ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๓ เกิดภาวะน้�ำท่วมอีกคร้ัง ปริมาณ น�้ำสงู ถึง ๙๐๐ ลกู บาศก์เมตรต่อวินาที คลองอตู่ ะเภารบั น�ำ้ ได้เพยี ง ๔๕๐ ลูกบาศก์เมตรตอ่ วินาที คลองระบายน้ำ� ธรรมชาติที่ขุดลอกไว้ไม่สามารถรองรับปริมาณน้�ำได้ จึงท�ำให้เกิดอุทกภัยบริเวณเทศบาลนครหาดใหญ่ และบริเวณใกล้เคียง สรา้ งความเสียหายในวงกว้าง ประมาณ ๑๘,๐๐๐ ลา้ นบาท ประชาชนเสยี ชวี ิต ๓๐ คน หลงั จากนำ�้ ท่วมใหญ่ปี ๒๕๔๓ โครงการบรรเทาอุทกภัยอ�ำเภอหาดใหญ่ ตามทพี่ ระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานพระราชดำ� รไิ วเ้ มอ่ื ปี ๒๕๓๑ จงึ ไดร้ บั การอนมุ ตั ดิ ำ� เนนิ งานโดยขดุ ลอกคลองระบายนำ้� เพิ่มจ�ำนวน ๕ สายพร้อมอาคารประกอบ เพ่ือเป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพการระบายน�้ำ ให้สามารถระบายน�้ำ ได้รวม ๑,๐๗๕ ลูกบาศกเ์ มตรต่อวนิ าที ซงึ่ มากกว่าเม่ือยงั ไม่กอ่ สรา้ งโครงการฯ ถงึ ๒.๕ เทา่ ประกอบด้วย - ขดุ คลองระบายนำ้� สายใหมพ่ รอ้ มอาคารประกอบจำ� นวน ๕ สาย ความยาวรวม ๔๒.๒๘ กโิ ลเมตร ประกอบดว้ ย คลองระบายน�้ำ ร.๑, ร.๓, ร.๔, ร.๕ และ ร.๖ - งานติดต้ังระบบโทรมาตร เพือ่ คาดการณ์และเตือนภัย จากการด�ำเนินงานการแก้ไขปัญหาน้�ำท่วมหาดใหญ่ ตามกรอบระยะเวลาตามแผนงาน ๑๐ ปี (ปี ๒๕๔๔ - ๒๕๕๓) ไดถ้ กู ทดสอบประสทิ ธภิ าพหลงั เสรจ็ ทนั ที เพราะตอ่ มาปลายปี ๒๕๕๓ เกดิ พายดุ เี ปรสชน่ั ถลม่ เข้าพื้นท่ีของจังหวัดสงขลา ปริมาณน�้ำไหลบ่าสูงถึง ๑,๖๒๕ ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งสูงกว่าการรองรับปริมาณ น้�ำของระบบการแก้ไขปัญหาน้�ำท่วม แต่หากประเมินผลส�ำเร็จจากการรับมือในปี ๒๕๕๓ ภายใต้ภาพเหตุการณ์ ทเ่ี กดิ ขนึ้ แมจ้ ะมมี วลนำ้� มากกวา่ ระดบั ทว่ มลกึ และกนิ พน้ื ทมี่ ากกวา่ แตห่ ากจำ� นวนวนั ทนี่ ำ�้ ทว่ มขงั และอตั ราการลด ลงของน้�ำสามารถระบายน้�ำได้เร็วกว่าเดิม ช่วยลดความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น เช่น โครงการระบบระบายนำ�้ พรุโต๊ะแดง อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ จังหวัดนราธิวาส สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชดำ� ริ เมอ่ื วนั ที่ ๔ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.๒๕๕๓ ณ โครงการพฒั นาทด่ี นิ เปร้ยี วจดั บา้ นโคกอฐิ -โคกใน อ�ำเภอตากใบ จงั หวัดนราธวิ าส ความว่า “ให้บริหารจัดการน้�ำในพ้ืนท่ีป่าพรุโต๊ะแดงโยเอื้อประโยชน์แก่ป่าและไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชน” “ปา่ พรโุ ตะ๊ แดง” มชี อื่ ยา่ งเปน็ ทางการคอื “เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระเทพพระรตั นะราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี” เป็นพรุน้�ำจืดขนาดใหญ่ของประเทศ สภาพป่ายังคงอุดมสมบูรณ์มีความหลากหลาย ของสภาพพืชและสัตว์น�้ำ ครอบคลุมพ้ืนที่ประมาณ ๑๒๕,๖๒๕ ไร่ ในเขตอ�ำเภอเมืองนราธิวาส อ�ำเภอตากใบ อ�ำเภอสุไหงปาดี และอำ� เภอสไุ หงโก-ลก จังหวดั นราธิวาส พ้นื ทพี่ รโุ ตะ๊ แดงมสี ภาพปัญหาหลกั ๆ คอื ๑) บุรุกที่ดินเพ่ือท�ำกิน เนื่องจากมีการขยายตัวของชุมชนและความต้องการใช้ประโยชน์ใน ท่ีดนิ ราษฎรท่ีอยูโ่ ดยรอบของพรโุ ตะ๊ แดง ๒) ไฟไหม้ป่าพรุ ซ่ึงเคยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้างในปี ๒๕๔๑ และปี ๒๕๔๔ โดยมสี าเหตหุ ลัก คือ ในชว่ งฤดูแล้งเมื่อน�ำ้ พรแุ ห้ง ราษฎรจะจดุ ไฟเผาป่าเพอื่ เข้าไปใชป้ ระโยชน์ในปา่ พรุ 248 หลักสตู รสังคมพหุวัฒนธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ิศาสตรท์ ้องถ่ินจงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

การแก้ไขปัญหาในพ้ืนท่ี โดยใช้มาตรการการบริหารจัดการน�้ำและด้านสิ่งก่อสร้างควบคู่กันไป ประกอบดว้ ย มาตรการด้านการบรหิ ารจดั การน�ำ้ โดยกำ� หนดเกณฑร์ ักษาระดับนำ้� เพ่ือปอ้ งกนั ไฟไหมป้ า่ พรโุ ตะ๊ แดง ในช่วงฤดูแล้ง และจัดการน�้ำในช่วงฤดูฝน เพ่ือป้องกันน้�ำจากพรุโต๊ะแดง ไหลข้ามคันกั้นน�้ำเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบา้ นเรอื นราษฎร มาตรการสงิ่ กอ่ สรา้ งเพอื่ ปอ้ งกนั นำ้� จากปา่ พรโุ ตะ๊ แดงไหลขา้ มคนั กนั้ นำ�้ เขา้ พน้ื ท่ี โดยเสรมิ คนั กนั้ นำ้� ชาย ขอบพรุโต๊ะแดง รวมทั้งพิจารณาขุดลอกคลองระบายน�้ำออกจากพื้นท่ีพรุ และปรับปรุงระบบระบายน�้ำบริเวณ รอบขอบพรโุ ตะ๊ แดง เพือ่ ให้สามารถระบายนำ้� ได้รวดเร็วขึ้น ผลของการบริหารจัดการในพื้นท่ีป่าพรุโต๊ะแดง สามารถป้องกันและบรรเทาการเกิดไฟไหม้ได้ และช่วยลดบรรเทาในเขตบ้านโคกกระท่อม บ้านโคกยาง บ้านโคกกูแว และบ้านทุ่งนาหว่าน ต�ำบลพร่อน อำ� เภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส จำ� นวน ๓๕๐ ครัวเรอื น ๑,๔๐๐ คน และพื้นทก่ี ารเกษตร จ�ำนวน ๒,๕๐๐ ไร่ ๒) ดา้ นการเกษตร (๑) โครงการสวนยางเขาตันหยง ท่ีต้ังของโครงการเขตพระราชฐานพระตําหนักทักษิณราชนิเวศน์ หม่ทู ่ี ๔ บ้านเขาตนั หยง ตําบลกะลวุ อเหนอื อําเภอเมอื งนราธวิ าส จงั หวัดนราธิวาส (๒) โครงการพัฒนาหมู่บ้านปีแนมูคอ ท่ีต้ังของโครงการหมู่ที่ ๑๐ บ้านปีแนมูดอ ตําบลบูกิต อําเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เป็นการปรับปรุงพัฒนาพื้นท่ีดินเปรี้ยว เพ่ือการ ส่งเสริมการปลูกข้าว พืชผัก และไม้ผล แบบผสมผสาน พร้อมทั้งสาธิตการปลูกพืชปุ๋ยสด สาธิตการทําและการใช้ปุ๋ยหมัก และน้�ำหมักชีวภาพ เพอื่ ปรับปรงุ บํารงุ ดนิ และปลกู หญา้ แฝกเพื่ออนุรกั ษด์ นิ และนำ้� และจัดฝกึ อบรมราษฎรในพนื้ ทีห่ มู่บ้าน พ้ืนทสี่ ว่ น ใหญ่ใชป้ ระโยชนเ์ ป็นไร่นา สวนผสม (๓) โครงการฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตรในเขตลุ่มน�้ำบางนรา จังหวัดนราธิวาสที่ต้ังขอโครงการพื้นที่ ลุ่มน�้ำบางนรา ครอบคลุมพ้ืนที่อําเภอเมืองนราธิวาส อําเภอตากใบ และอําเภอเจาะไอร้อง จังหวันราธิวาส พ้ืนที่ ๑๗,๐๐๐ ไร่ โดยฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตรในพื้นที่ลุ่มน�้ำบางนรา ดําเนินการส่งเสริมการทํานาข้าว ในพ้ืนท่ีลุ่มน้�ำบริเวณโครงการ ประกอบด้วยกิจกรรมการเตรียมพื้นที่ การปรับปรุงดินโดยใช้หินปูนฝุ่นปรับสภาพ ความเป็นกรดของดิน สนับสนุนการใช้ปุ๋ยเพ่ือเพิ่มผลผลิตในโครงการ และกิจกรรมการอบรมให้ความรู้ ในการทําการเกษตรให้แก่เกษตรกรในพ้ืนที่โครงการ เช่น การทํานาข้าวได้รับผลผลิตประมาณ ๔๐-๕๐ ถัง/ไร่ เกษตรกรมคี วามเป็นอยทู่ ีด่ ีข้ึน ๓) ดา้ นสง่ิ แวดล้อม โครงการฟน้ื ฟทู รพั ยากรชายฝง่ั ทะเลอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ จงั หวดั ปตั ตานี และจงั หวดั นราธวิ าส เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๔ ราษฎรบ้านละเวง อ�ำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี ได้กราบบังคมทูลพระราชทาน ความช่วยเหลือจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงพิจารณาช่วยฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ของสตั วน์ ำ้� ทง้ั นี้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดพ้ ระราชทานคำ� แนะนำ� ใหจ้ ดั ประชมุ หารอื ผเู้ ชย่ี วชาญทเี่ กย่ี วขอ้ ง ทางด้านตา่ งๆ เพ่ือช่วยเหลือราษฎรที่ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น 249หลกั สูตรสังคมพหุวฒั นธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวตั ศิ าสตร์ท้องถน่ิ จงั หวัดชายแดนภาคใต้)

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานค�ำแนะน�ำ ในการประชมุ หารอื เพอื่ ร่างโครงการฟนื้ ฟูทรัพยากรชายฝ่งั ทะเล ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ความวา่ “สมควรทจี่ ะจดั ใหม้ สี ถานวี จิ ยั และการเพาะเลย้ี งสตั วน์ ำ้� ขนึ้ เพอื่ เพาะเลยี้ งสตั วน์ ำ�้ ปลอ่ ยลงสทู่ ะเล เพ่ือเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติ และเพื่อท�ำหน้าที่ฝึกอบรมราษฎรซ่ึงอยู่บริเวณใกล้เคียง ให้มีความรู้ในการเพาะ เลยี้ งสัตว์นำ้� และการอนุรักษ์ทรพั ยากรสัตวน์ �ำ้ พร้อมทัง้ จดั ท�ำปะการงั เทียม” จัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเล (ปะการังเทียม) ซ่ึงใช้วัสดุจ�ำพวกคอนกรีต ท่อระบายน�้ำ ซากเรือ หรือวัสดุขนาดใหญ่ ท่ีไม่ใช้งานแล้ว เพ่ือเป็นแหล่งท�ำการประมงส�ำหรับชาวประมงขนาดเล็ก รวมทั้งช่วยป้องกัน แหลง่ ทำ� การประมงใกลฝ้ ง่ั จากเครอื่ งมอื ทำ� การประมงทม่ี อี ตั ราการทำ� ลายสตั วน์ ำ้� วยั ออ่ นสงู เชน่ อวนลาก อวนรนุ เปน็ การสนบั สนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์นำ้� ชายฝง่ั และให้มีการใชป้ ระโยชนอ์ ย่างยง่ั ยืน ผลการสร้างปะการังเทียม พบว่า ให้ผลดีในการฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้�ำให้อุดมสมบูรณ์ขึ้น ซงึ่ เป็นประโยชนแ์ กช่ าวประมง และชว่ ยปอ้ งกนั เรอื อวนลาก อวนรุน ไม่ใหเ้ ขา้ มาท�ำการประมงใกล้ฝั่ง รวมทงั้ เปน็ แหล่งประมงใกล้ฝั่ง ซ่ึงช่วยให้ชาวประมงพื้นบ้านประหยัดค่าน�้ำมันลงได้ถึง ๑๐ – ๒๐% และมีรายได้เพ่ิมขึ้น ๒๐ – ๓๐% จากเดมิ กอ่ นมีการจัดสร้างปะการังเทยี มมีรายไดท้ ่ยี งั ไม่หักคา่ ใช้จ่ายเฉล่ีย ๑๐,๖๘๐ บาท/เดอื น/ราย และในปี ๑ และ ๒ ภายหลังการสร้างปะการังเทียมมีรายได้เฉลี่ยเพิ่มข้ึนเป็น ๑๒,๒๗๒ บาท/เดือน/ราย และ ๑๕,๔๔๐ บาท/เดือน/ราย ตามล�ำดบั รวมทงั้ เป็นการเพิ่มแหล่งทอ่ งเที่ยวทางทะเล นอกจากน้ียงั พบสตั ว์น�ำ้ บางชนิดที่ได้หายไปช่วงเวลาหน่ึงกลับมาให้เห็นในพ้ืนที่ เช่น ปลาหมอทะเลขนาดใหญ่ ปลาข่อนทะเล ปลาผีเส้ือ เทวรปู และปลาจะละเมด็ เทา เป็นต้น ๔) ด้านสง่ เสริมอาชพี (๑) โครงการหมู่บ้านปศุสัตว์-เกษตรมูโนะ ท่ีต้ังของโครงการหมู่บ้านปศุสัตว์-มูโนะ ตําบลโฆษิต อาํ เภอตากใบ จงั หวดั นราธวิ าส เปน็ การดาํ เนนิ งานในพน้ื ทสี่ าธติ และสง่ เสรมิ การปรบั ปรงุ ดนิ เปรยี้ วเพอ่ื ทาํ การเกษตร รวมท้ังขุดยกร่อง โดยสนบั สนนุ วสั ดุปรบั ปรงุ ดิน คอื หินปนู ฝนุ่ การทาํ ปุ๋ยหมกั การปลกู พืชปุ๋ยสดปรบั ปรุงบาํ รุงดนิ เพือ่ หลีกเล่ียงการใชส้ ารเคมี เพื่อนาํ มาใช้กบั การปลกู พชื ผกั เชน่ ผักกาด ถวั่ ฝกั ยาว ผักบงุ้ และผกั เสย้ี น เป็นตน้ การปลกู ไมผ้ ลแบบผสมผสาน เชน่ เงาะ ขนนุ กลว้ ย กระทอ้ น สม้ โชกนุ มะพรา้ วนำ�้ หอมและไผไ่ ร่ เปน็ ตน้ การเลย้ี งปลาในบอ่ ดนิ เปรย้ี วซงึ่ เกษตรกรมรี ายไดด้ ี โดยมรี ายไดจ้ ากการเกษตร เฉลย่ี ๓,๕๐๐ - ๕,๐๐๐ บาท/เดอื น ซ่ึงเป็นรายได้หลักจากจําหน่ายพืชผัก และไม้ผลบางส่วน และปรับปรุงพื้นท่ีโดยปรับรูปแปลงนา เพื่อส่งเสริม การทํานาข้าวตามความต้องการของสมาชิก จํานวน ๒๐๐ ไร่ ปัจจุบัน มีเกษตรกรเข้าร่วม ๓๗ ราย ส่งเสริม การทําไรน่ าแบบสวนผสม เช่น ปลูก พชื ผัก ไม้ผล เลี้ยงปลาในรอ่ งสวน เลีย้ งสตั ว์ และส่งเสริมการปลกู หญ้าแฝก เพื่อการอนรุ กั ษ์ดิน กิจกรรมเลี้ยงโคขุนเพิ่มรายได้สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรตามโครงการ พระราชดาํ รฯิ และกจิ กรรมขยายพนั ธสุ์ ตั วป์ กี เชน่ พนั ธไ์ุ ก่ พนั ธเ์ุ ปด็ เทศบาบารร์ ี่ สง่ เสรมิ การอบรมเลย้ี งสตั วป์ กี เปน็ ตน้ (๒) โครงการไบโอดีเซล ท่ีตั้งโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดําริ ตําบลกะลุวอเหนอื อาํ เภอเมืองนราธวิ าส จังหวัดนราธวิ าส พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ มพี ระราชดํารใิ หส้ ร้าง โรงงานสกดั และแปรรปู ปาลม์ นำ้� มนั ขนาดเลก็ ในปี ๒๕๓๑ เพอ่ื รองรบั ผลผลติ ปาลม์ นำ�้ มนั จากแปลงทดลองของศนู ยฯ์ เพื่อนําผลปาล์มไปสกัดเป็นน�้ำมันปาล์มดิบ และทําการแปรรูปจนถึงขั้นบริโภค โดยเน้นทางด้านการศึกษา และสาธติ ใหเ้ กษตรกรได้มาศึกษาหาความรู้ 250 หลักสูตรสงั คมพหวุ ัฒนธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวัติศาสตรท์ อ้ งถิ่นจงั หวัดชายแดนภาคใต้)

๔) ดา้ นสาธารณสุข (๑) โครงการหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) วัตถุประสงค์ เพ่ือช่วยเหลือประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดารให้มีสุขอนามัยที่ดีขึ้น ประชาชนได้รับบริการด้านการรักษาพยาบาล ป้องกันโรค ส่งเสรมิ และฟืน้ ฟูสุขภาพรวมทั้งสง่ เสรมิ และสนับสนนุ ให้ทอ้ งถ่นิ เหลา่ นน้ั พฒั นาคุณภาพชวี ติ ใหด้ ขี น้ึ (๒) โครงการ TO BE NUMBER ONE ไดด้ ำ� เนนิ งานโครงการรณรงคป์ อ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หายาเสพตดิ (TO BE NUMBER ONE) มาตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ จนถึงปัจจุบัน โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการด�ำเนินงาน TO BE NUMBER ONE ร่วมกันนั้น จะต้องมีการติดต่อประสานงานระหว่างหน่วยงาน ด้วยรปู แบบ และวิธกี ารประสานงานทแ่ี ตกตา่ งกัน ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑. การรณรงค์ปลุกจิตส�ำนกึ และสร้างกระแสท่เี อ้อื ต่อการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หายาเสพติด ๒. การเสริมสร้างภมู ิคุม้ กันทางจติ ให้แก่เยาวชนในชุมชน ๓. การสรา้ งและพฒั นาเครอื ข่าย (๓) โครงการสายใยรักแห่งครอบครวั ผลการดำ� เนนิ งาน ๑. การบรู ณาการอนามัยแมแ่ ละเด็ก และโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครวั ๒. เกษตรสมบูรณ์และอาชพี เสรมิ เพ่มิ รายได้ ๓. การช่วยเหลือกลุม่ ผดู้ อ้ ยโอกาสและผูป้ ระสบปญั หาสงั คม ๔. การจดั การศกึ ษาและศนู ย์พฒั นาเดก็ เล็ก ๕) ด้านสวสั ดกิ ารสังคม (๑) มลู นธิ ิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถมั ภ์ ก่อก�ำเนิดข้ึนด้วยพระมหากรุณาธิคุณใน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร พระราชทานเงนิ สามลา้ นบาท ทเ่ี หลอื จา่ ย จากการช่วยเหลือผู้ประสบมหาวาตภัยภาคใต้ ท่ีแหลม ตะลุมพุก จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕  ให้เป็นทุนประเดิมก่อตั้งมูลนิธิฯ และทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม รบั ไวใ้ น “พระบรมราชปู ถมั ภ”์ โดยทรงด�ำรงต�ำแหน่งพระบรมราชูปถัมภกแห่ง มูลนิธิฯ ด้วย   มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย เม่ือวันท่ี ๒๓ สงิ หาคม ๒๕๐๖ ช่ือมลู นิธิฯ หมายความวา่ “พระราชา และ ประชาชน” อนุเคราะห์ซงึ่ กนั และกนั แสดงถงึ น้�ำพระราชหฤทัยว่า ในการด�ำเนินงานควรจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย การด�ำเนินงานของมูลนิธิฯ ยึดมั่น ในพระบรมราโชบาย ตามท่ที รงมีพระราชด�ำริวา่ 251หลักสูตรสังคมพหวุ ัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถิ่นจงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

            “...ภัย ธรรมชาติหรือสาธารณภัยอาจเกิดขึ้นเม่ือใดก็ได้ ไม่มีผู้ใดจะคาดหมายได้ดังท่ีได้เกิดข้ึน ท่แี หลมตะลมุ พุกนครศรธี รรมราช และหลายจังหวัดภาคใต้ ...” “...ให้ไปให้ความอบอุ่นไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยฉับพลันท�ำให้ผู้ประสบภัยได้รับ การช่วยเหลอื มกี ำ� ลงั ใจทจ่ี ะปฏิบัติงานต่อไป...” “...การ ชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั นน้ั จะตอ้ งชว่ ยในระยะสนั้ หมายความวา่ เปน็ เวลาทฉ่ี กุ เฉนิ ตอ้ งชว่ ย โดยเร็ว และต่อไปก็จะต้องช่วยให้ต่อเน่ือง...ส่วนเรื่องการช่วยเหลือในระยะยาว ก็มีความจ�ำเป็น เหมือนกัน...เป็นผลว่าเขาได้รับการดูแลเหลียวแลมาจน กระท่ังได้รับการศึกษา ที่สามารถท�ำมาหากินได้ โดยสจุ ริตและโดยมปี ระสิทธิภาพ เป็นพลเมืองดขี องประเทศชาติ...” มูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์ฯ ได้รับเงินทุนด�ำเนินงาน จาก ๕ สว่ นดว้ ยกนั  สว่ นแรกไดร้ บั พระราชทานจาก พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทาน ส่วนต่อมาจากรัฐบาล ผู้ท่ีมีจิตศรัทธา บริจาค ทรัพย์สินซ่ึงมีผู้ยกให้และจากดอกผลอันเกิดจากทรัพย์สิน อันเปน็ ทุนของมูลนิธฯิ วตั ถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ๑) เพอื่ ใหก้ ารสงเคราะห์ชว่ ยเหลือผู้ประสบสาธารณภยั ทเ่ี กิดขนึ้ ท่ัวประเทศ ๒) เพ่ือใหก้ ารสงเคราะหด์ า้ นการศึกษา ๒.๑ ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีเย่ียมในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ฯ และเด็กก�ำพร้า หรืออนาถาท่คี รอบครัว ประสบสาธารณภัย ๒.๒ บูรณะ ซอ่ มแซม ปรับปรงุ โรงเรยี นราชประชานุเคราะหฯ์ ๓) เพอ่ื ใหม้ กี ารป้องกันสาธารณภยั ท่ีเกดิ ขึ้นท่วั ประเทศ ๔) เพอ่ื ใหก้ ารสงเคราะหช์ ว่ ยเหลอื เปน็ สว่ นรวมแกป่ ระชาชนทไี่ ดร้ บั ความทกุ ขย์ าก เดอื ดรอ้ นประการอน่ื ซึง่ คณะกรรมการบริหารพจิ ารณาเห็นสมควร และได้รบั ความเห็นชอบจากนายกมลู นธิ ิฯ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ในจงั หวัดชายแดนภาคใต้ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๔๒ ต�ำบลเกตรี อำ� เภอเมืองสตูล จงั หวัดสตลู โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๔๓ ต�ำบลฉาง อ�ำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๔๑ ตำ� บลวงั พญา อำ� เภอรามัน จังหวัดยะลา โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๔๐ จงั หวดั ปตั ตาน ี หมทู่ ่ี ๑ ตำ� บลรสู ะมแิ ล อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ปตั ตานี โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๙ ต�ำบลตนั หยงมัส อ�ำเภอระแงะ จังหวดั นราธิวาส โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๑๐ อำ� เภอบาเจาะ จงั หวดั นราธวิ าส 252 หลักสูตรสงั คมพหวุ ฒั นธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวตั ิศาสตร์ท้องถ่ินจงั หวัดชายแดนภาคใต)้

(๒) โครงการเพ่ือชุมชนเข้มแข็งและร่มเย็น บ้านสันติ ๒ ตามพระราชด�ำริ พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ วัตถุประสงค์ ของโครงการรวม ๔ ประการ คอื ๑) ความปลอดภยั และมน่ั คงในชีวติ ๒) ครอบครัวอบอนุ่ คุณภาพชวี ิตท่ีสดใส และสมบูรณ์ ๓) ท�ำมาหากิน และมีท่ที �ำกินทด่ี ีมกี ิจกรรมเสรมิ อาชพี ท่เี หมาะสม ๔) ไดร้ บั การดูแลเร่อื งสุขภาพอนามยั และการศกึ ษาของเยาวชนและลูกหลานท่เี หมาะสม ๖) การศกึ ษา (๑) โครงการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาตามพระราชด�ำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชด�ำริให้ช่วยเหลือนักเรียนท่ีอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งประสบกับปัญหากับความขาดแคลนในหลายๆ ด้าน ให้ได้รับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับ อย่างถูกต้อง ด้วยวิธีการและเทคโนโลยีท่ีจะช่วยให้นักเรียนได้รับความรู้ความเข้าในวิชาการอย่างดีพร้อมที่จะไป ศึกษาต่อในระดับสงู ต่อไปได้เท่าเทยี มกบั คนอนื่ ๆ และช่วยให้ครูทำ� หน้าทีค่ รูไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ที่ต้ังของโครงการโรงเรียนโครงการพระราชด�ำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี จ�ำนวน ๒๘ โรง ประกอบดว้ ย - โรงเรยี นตำ� รวจตระเวนชายแดน จ�ำนวน ๕ โรง - โรงเรยี นในความดแู ลของ สพฐ. จำ� นวน ๑๗ โรง - โรงเรียนสังกัดเอกชน จำ� นวน ๖ โรง (๒) โครงการโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ทีต่ ้งั ของโครงการ ๑. โรงเรยี นนริ ันดรวิทยา ตาํ บลบางปอ อาํ เภอเมอื งนราธิวาส จังหวดั นราธวิ าส ๒. โรงเรยี นอบั ตดี าวทิ ยา ตาํ บลลาโละ อําเภอรอื เสาะ จังหวดั นราธิวาส ๓. โรงเรยี นต้นตนั หยง ตําบลรอื เสาะ อําเภอเมอื งนราธวิ าส จงั หวัดนราธวิ าส ๔. โรงเรียนจรรยาอสิ ลาม ตําบลศาลาใหม่ อาํ เภอตากใบ จังหวดั นราธิวาส ๕. โรงเรียนสมบรู ณศ์ าสตร์ ตําบลปะแต อาํ เภอยะหา จงั หวัดยะลา ๖. โรงเรยี นคลองหนิ อิสลามวิทยา ตาํ บลปากลอ่ อาํ เภอโคกโพธ์ิ จงั หวดั ปัตตานี สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มพี ระราชดาํ ริให้ ช่วยเหลือเด็กนักเรียนให้มีความรู้ด้านวิชาสามัญและวิชาชีพด้านการเกษตรต่างๆ โดยจัดทําโครงการเกษตร อาหารกลางวัน สนับสนุนการผลิตอาหารในโรงเรียน และให้ขยายกิจกรรมการเกษตรไปสู่เยาวชน ในหมบู่ ้านใกล้เคยี ง เพ่ือใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ 253หลกั สูตรสงั คมพหุวัฒนธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวัติศาสตร์ทอ้ งถ่ินจงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

๗) ศาสนาและวฒั นธรรม พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก ให้ความส�ำคัญแก่ศาสนาทุกศาสนา โดยเฉพาะอย่างย่ิงพระองค์ได้ส่งเสริมกิจกรรมศาสนาอิสลามในพ้ืนที่ ๕ จงั หวัดชายแดนภาคใตพ้ อสังเขปได้ ดงั นี้ ๑. ทรงมีพระราชดำ� ริควรให้มีพระมหาคัมภรี อ์ ัลกูรอาน ฉบับความหมายภาษาไทย ๒. ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างมัสยิดบ้านเขาตันหยง ต�ำบลกะลุวอเหนือ อ�ำเภอเมือง จังหวัดนราธวิ าส ๓. ทรงพระด�ำรสิ นับสนุน และส่งเสรมิ ให้มีการจัดสร้างมสั ยดิ กลางประจำ� จงั หวดั ขึ้นทง้ั ๕ จงั หวดั ๔. ทรงมพี ระราชดำ� รใิ หม้ กี ารประกวดมสั ยดิ ดเี ดน่ โตะ๊ ครู โตะ๊ อหี มา่ ม และโรงเรยี นเอกชนสอนศาสนา ดีเด่นทกุ ปี ๕. ทรงพระราชทานเลี้ยงละศลี อดใหแ้ กผ่ ้นู ำ� ศาสนาในเดือนรอมฏอนปีละหลายๆ ครัง้ ๖. จัดใหม้ โี ครงการแข่งขนั เรอื กอและ ดว้ ยฝีพายชงิ ถว้ ยพระราชทานหนา้ พระทน่ี ั่ง โดยจัดท่ีพลบั พลา เฉลิมพระเกียรติฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ ๕๐ ปี แม่น้�ำบางนรา อ�ำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ความเป็นมาด้วยนายเจรญิ วัฒนายากร ไดน้ ำ� ความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จัดการแข่งขันเรือกอและด้วยฝีพายท่ีเป็นชาวประมงต่อหน้าพระท่ีนั่ง โดยชาวจังหวัดนราธิวาส ซ่ึงจะจัดเป็น ประเพณีทุกๆ ปีตลอดไป ในโอกาสที่เสด็จพระราชด�ำเนินแปรพระราชฐานประทับแรม ณ พระต�ำหนักทักษิณ ราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส และขอพระราชทานถ้วยรางวัลในการแข่งขัน จ�ำนวน ๑ ถ้วย โดยคณะพ่อค้า ของจังหวดั นราธิวาสจะเปน็ ผอู้ อกทุนและแบบถ้วยพระราชทาน ซ่งึ จดั ครง้ั แรกเมอื่ เดอื นสงิ หาคม ๒๕๑๘ ๓. โครงการศนู ย์ศึกษาการพัฒนาพกิ ลุ ทองอันเนอ่ื งมาจากพระราชด�ำริ ๓.๑ ความเป็นมาของศนู ยศ์ ึกษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองฯ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง เสดจ็ แปรพระราชฐานประทบั แรม ณ พระตำ� หนกั ทกั ษณิ ราชนเิ วศน์ จงั หวดั นราธวิ าส ชว่ งระหวา่ งวนั ท่ี ๓ สงิ หาคม ถงึ ๑๘ ตลุ าคม ๒๕๒๔ ทราบถงึ ปญั หาในการพฒั นาพน้ื ทก่ี ารเกษตร เนื่องจากพ้ืนท่ีส่วนใหญ่เป็นพื้นท่ีดินมีปัญหา มีสภาพน้�ำท่วมขังเกือบตลอดปี และเมื่อระบายน�้ำออกจากพ้ืนท่ีดิน จะแปรสภาพเป็นทดี่ นิ เปรย้ี วจดั หรอื ดินกรดกำ� มะถนั พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบถึงปัญหาดังกล่าว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัด ตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ ข้ึนเม่ือวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๒๕ ในรูปแบบการ บรู ณาการ ทดลอง วจิ ยั การแกป้ ญั หาในพนื้ ทแ่ี บบครบวงจร เพอ่ื เปน็ แหลง่ ศกึ ษา ทดลอง วจิ ยั การแกป้ ญั หาในพนื้ ที่ โดยมุ่งเน้นให้เป็นศูนย์รวมในการพัฒนาพ้ืนที่แบบครบวงจร ในรูปแบบของการบูรณาการ มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาศึกษาวิจัยและการพัฒนาพ้ืนที่ร่วมกัน (Research & Development) และเป็นต้นแบบในการพัฒนาพ้ืนที่ แบบเบ็ดเสร็จทจี่ ดุ เดยี ว (one stop service) ในลกั ษณะพิพธิ ภณั ฑ์ธรรมชาติท่มี ีชีวติ 254 หลกั สตู รสงั คมพหุวฒั นธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถ่ินจังหวดั ชายแดนภาคใต้)

๓.๒ พระราชดำ� รเิ กี่ยวกับศนู ย์ศึกษาการพัฒนาพิกลุ ทองฯ ๑) การกำ� หนดขอบเขตการใชท้ ีด่ นิ ในพืน้ ท่พี รุ พ้ืนที่ป่าพรุเป็นพื้นที่ลุ่มน้�ำท่วมขัง ดินส่วนใหญ่เป็นดินอินทรี ซ่ึงเกิดจากการสลายตัวพุพัง ของซากพชื ทเ่ี นา่ เปอ่ื ยทบั ถมเปน็ ชนั้ หนา ถดั ลงไปเปน็ ชนั้ ดนิ เลนหรอื ตะกอนดนิ ทะเลทมี่ สี ารไพไรทเ์ ปน็ จำ� นวนมาก ซึ่งถูกกับอากาศจะปลดปล่อยกรดก�ำมะถันออกมา เป็นสาเหตุท�ำให้ดินเปรี้ยวซ่ึงพบมากบริเวรขอบพรุที่ถูกน�้ำ ระบายออกไป พ้ืนท่ีพรุในจังหวัดนราธิวาส มีเน้ือที่ ๒๖๔,๘๖๐ ไร่ เป็นพรุใหญ่ๆ ๒ แห่ง คือ พรุบาเจาะ ทางตอนเหนือของจังหวัดมเี น้อื ท่ี ๕๒,๐๑๘ ไร่ และพรโุ ต๊ะแดง เนอ้ื ท่ี ๑๘๗,๐๔๐ ไร่ อย่ทู างทศิ ใต้ ลักษณะการใชพ้ ืน้ ทีพ่ รแุ บ่งเขตการใชท้ ่ีดินออกเปน็ ๓ เขต คอื ๑. เขตสงวน (Preservation zone) ยังคงสภาพสมบูรณ์เป็นเขตท่ีต้องด�ำเนินการรักษาไว้ อยา่ งเขม้ งวด เพอ่ื ใหส้ ภาพแวดลอ้ มมกี ารเปลยี่ นแปลงนอ้ ยทสี่ ดุ และจดั เปน็ เขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ เนอ้ื ที่ ๕๖,๙๐๗ ไร่ ๒. เขตอนุรกั ษ์ (Conservation zone) เปน็ ป่าพรุเส่ือมโทรมจากการถกู ทำ� ลายบางส่วนเปน็ เขตทไี่ ดด้ ำ� เนนิ การฟน้ื ฟใู หก้ ลบั เปน็ เขตสงวนดงั เดมิ โดยการศกึ ษาวจิ ยั สำ� รวจหาพนั ธพ์ุ ชื ทสี่ ามารถนำ� มาปลกู ทดแทน ได้อยา่ งเหมาะสม เน้ือท่ี ๑๐๙,๙๓๘ ไร่ ๓. เขตพัฒนา (Development zone) พื้นท่ีส่วนนี้ถูกระบายน�้ำออกไปและป่าถูกท�ำลาย เพ่ือน�ำท่ีดินไปใช้ในการเกษตร และเป็นที่อยู่อาศัย เป็นเขตที่ก�ำหนดให้หน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมด�ำเนินการพัฒนา พืน้ ที่ โดยทำ� การศกึ ษา ค้นควา้ วจิ ยั หาแนวทางในการปรบั ปรงุ แกไ้ ขและจัดการดินในพ้ืนท่ีพรุ เน้ือท่ี ๙๕,๐๑๕ ไร่ ๒) โครงการตามพระราชดำ� ริท่เี ปน็ ทป่ี ระจักษ์ ๑. โครงการแกลง้ ดิน ดำ� เนนิ การตามแนวพระราชดำ� รใิ นปพี .ศ. ๒๕๒๗ โดยทำ� การเรง่ ดนิ ใหเ้ ปน็ กรดจดั รนุ แรงทส่ี ดุ โดยการท�ำให้ดินแห้งและเปียกสลับกัน แล้วศึกษาวิธีการปรับปรุงดิน โดยการใช้น�้ำล้างดิน การใช้หินปูนฝุ่น และใช้ท้ังสองวิธีควบคู่กันไป การทดลอง พบว่า การขังน�้ำ ๔ สัปดาห์ แล้วระบายออกควบคู่กับการใช้หินปูนฝุ่น ในปรมิ าณนอ้ ยสามารถปรับปรุงดนิ เพอื่ ปลกู พืชในดนิ เปรยี้ วจัดไว้ จึงไดจ้ ดั ท�ำตำ� รา “คู่มือปรบั ปรุงดินเปรีย้ วจัด” และใช้เป็นต้นแบบในการพัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวจัด พร้อมท้ังได้รับจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เม่ือวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ เร่อื ง กระบวนการปรบั ปรงุ สภาพดนิ เปร้ยี วเพ่อื ให้เหมาะสมแก่การเพาะปลกู ๒. การคัดเลอื กพันธไุ์ ม้เพ่ือใช้ปลูกฟนื้ ฟูปา่ พรุ การคดั เลอื กพนั ธไ์ุ มท้ เ่ี หมาะสมสำ� หรบั ใชป้ ลกู เพอื่ ฟน้ื ฟปู า่ พรเุ สอ่ื มโทรม พบวา่ กะบยุ เขม็ ใหญ่ และสะเตียว เป็นพันธุ์ไม้ท่ีมีความรอดตายสูง หว้าน�้ำ หว้าหิน กะบุย ตังหนใหญ่ และขี้หนอนพรุ เป็นพันธุ์ไม้ ที่สามารถเจริญเติบโตได้เร็ว ส่วนเสม็ดขาวนั้นเป็นพันธุ์ไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้เร็วเช่นกัน แต่จากการส�ำรวจ พบไม้ชนิดน้ีเฉพาะในป่าพรุเสื่อมโทรม โดยไม่พบในป่าพรุสมบูรณ์ จึงไม่แนะน�ำให้น�ำไม้เสม็ดขาวมาปลูก เพอื่ การฟน้ื ฟปู า่ พรุ รวมทง้ั ไมน้ อกถน่ิ จากตา่ งประเทศ พบวา่ บางชนดิ สามารถเจรญิ เตบิ โตไดด้ ี เฉพาะชว่ งอายแุ รก ๆ เท่านั้น จงึ ไมแ่ นะนำ� ให้น�ำมาปลูกเพอื่ การฟื้นฟปู ่าพรุด้วย 255หลกั สูตรสงั คมพหวุ ัฒนธรรมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวตั ศิ าสตร์ท้องถิน่ จังหวดั ชายแดนภาคใต้)

๓. โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ การท�ำการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชด�ำริ ของในหลวงรัชกาลท่ี ๙ โดยยึดหลัก บริหารจัดการดินและน�้ำ เพ่ือการเกษตรในที่ดินขนาดเล็ก และรู้จักใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใหเ้ กษตรกรสามารถดำ� รงชวี ติ แบบพออยู่ พอกนิ และรจู้ กั พอเพยี งโดยไมเ่ ดอื ดรอ้ น ซงึ่ ไดค้ า่ เปน็ การใชท้ ดี่ นิ เปรยี้ วจดั แบง่ พน้ื ทโ่ี ดยปรบั สดั สว่ นใหเ้ หมาะสมกบั สภาพภมู ปิ ระเทศของภาคใต้ คอื ๑๐-๒๐-๓๐-๔๐ ๑๐ % เปน็ ทอี่ ยอู่ าศยั เลี้ยงสัตว์ ๒๐ % เป็นแหล่งน้�ำ ๓๐ % เป็นนาข้าว และ ๔๐ % เป็นพืชไร่ พืชสวน และท�ำการปรับปรุงสภาพ ความเปน็ กรดของดนิ ดว้ ยหนิ ปนู ฝนุ่ ๔. การปลูกปาล์มน�ำ้ มันในพื้นท่ีพรุ การทดลองปลูกปาล์มน้�ำมันในดินอินทรีย์ พบว่าปาล์มน�้ำมันสามารถข้ึนได้ดีในพื้นท่ีพรุ โดยทนสภาวะแห้งแล้งและน้�ำท่วมได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น ให้ผลผลิตค่อนข้างสูง แต่ควรบ�ำรุงดินโดยใส่ปุ๋ยจุลธาตุ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ โบรอน ๕. โรงงานสกัดและแปรรปู น�้ำมนั ปาล์ม โรงงานสกดั และแปรรปู นำ�้ มนั ปาลม์ ในชว่ งแรกใชว้ ธิ ที อดผลปาลม์ ในกะทะ ใชเ้ ครอ่ื งหบี แรงคน ต่อมาพัฒนาเครื่องแยกผลปาล์มจากทะลาย และการทอดผลปาล์มภายใต้ระบบสูญญากาศ ในกระบวนการผลิต ไมม่ นี ำ้� เสยี รวมทงั้ มกี ารผลติ นำ�้ มนั ไบโอดเี ซล ๔. โครงการฟาร์มตวั อย่างในสมเด็จพระนางเจา้ สิรกิ ติ ์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนพี นั ปหี ลวง “...ดิฉันท�ำฟาร์มตัวอย่างนี้เพ่ือสอนชาวบ้านให้สะสมอาหารเพ่ิมขึ้น จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร การกนิ และทำ� ฟารม์ ตวั อยา่ ง อยา่ งที่ ๒ ตอ้ งการใหท้ กุ ๆ คนทข่ี า้ พเจา้ พบปะไดม้ อี าชพี มที างทำ� มาหากนิ คอื รับเขาเข้ามา แล้วจ่ายเงินให้เขาเป็นลูกจ้างในฟาร์ม เวลาเดียวกันเขาก็เห็นวิธีเลี้ยงเป็ดเลี้ยงแกะ เลี้ยงอะไร ทงั้ หลายอยา่ ง ไดเ้ งนิ และไดค้ า่ จา้ งทกุ วนั ขา้ พเจา้ กบ็ อกวา่ ตอ้ งการคนงานมากๆ เพอ่ื ใหเ้ ขาเหลา่ นไ้ี ดม้ งี านทำ� ” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานจัดต้ังฟาร์ม ตวั อยา่ งตามพระราชดำ� รขิ นึ้ เพอื่ เปน็ แหลง่ จา้ งแรงงาน โดยใหร้ าษฎรทไ่ี มม่ ที ด่ี นิ ทำ� เกษตร รวมทง้ั ราษฎรทอ่ี ยบู่ รเิ วณ พื้นท่แี ละใกล้เคยี ง มีรายไดส้ ามรถเลย้ี งตนเองและครอบครัว และเป็นแหล่งผลิตอาหาร เป็นธนาคารอาหารชมุ ชน (Food bank) ในพ้นื ท่ีจงั หวัดชายแดนภาคใต้มี ๒๔ แห่ง ดงั นี้ จงั หวดั นราธวิ าส มี ๑๑ แหง่ จงั หวดั ปตั ตานี มี ๑๑ แหง่ จงั หวดั สงขลา มี ๒ แหง่ 256 หลักสูตรสงั คมพหุวัฒนธรรมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ศิ าสตร์ทอ้ งถ่ินจังหวัดชายแดนภาคใต้)

๔.๑ ฟาร์มตัวอยา่ งฯ บ้านสปี าย อำ� เภอยะหรงิ่ จงั หวัดปัตตานี เปน็ ทจ่ี ดั แสดงการเกษตร เพอื่ ใหเ้ กษตรกรและหนว่ ยงานตา่ งๆ สามารถเขา้ เยยี่ มชม พรอ้ มทง้ั สามารถ ขนสง่ ผลผลติ ไดร้ วมทงั้ อนรุ กั ษป์ า่ ในพนื้ ทโี่ ครงการ เพอื่ เปน็ แหลง่ ศกึ ษาทางนเิ วศวทิ ยาของนกั เรยี น นกั ศกึ ษาในพนื้ ท่ี ๔.๒ ฟาร์มตัวอยา่ งฯ บ้านโคกปาฆาบอื ซา อำ� เภอเมอื ง จังหวดั นราธิวาส มีการด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ มีกิจกรรม อาทิ สวนสัตว์ป่า มีการเล้ียงสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ป่า ไก่ต๊อก ไก่งวง ดา้ นการเกษตร มแี ปลงปลูกพืช ผกั ผลไม้ และพชื ไรป่ ลอดภัยจากสารพษิ และพนื้ ที่บางส่วนปลกู ยางพารา เปน็ พชื หลกั แซมดว้ ยสบั ปะรด กลว้ ย สรา้ งโรงเรอื นเพาะเหด็ งานประมง เลยี้ งปลาในบอ่ ดนิ และกระชงั ซง่ึ ผลผลติ ทไี่ ดเ้ พยี งพอแกก่ ารบรโิ ภค บางสว่ นสง่ ไปจำ� หนา่ ยยงั ตลาดตวั เมอื ง อกี ดว้ ย ๔.๓ ฟารม์ ตัวอยา่ งฯ บ้านท่าข้าม - บา้ นกลาง อ�ำเภอปานาเระ จังหวดั ปัตตานี ราษฎรมีรายได้จากการจัดจ้างแรงงานและเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการเกษตรท่ีถูกต้อง ทำ� ใหร้ าษฎรในบรเิ วณใกล้เคียงไดร้ บั ความร้แู ละสามารถสร้างรายได้เลยี้ งครอบครวั ได้ 257หลักสูตรสังคมพหุวฒั นธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถิ่นจังหวดั ชายแดนภาคใต้)

บทท่ี ๖ ตามรอยพระยุคลบาทฯ พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร “เข้าใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” ลปุ พี ทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ นบั เปน็ การครบรอบปที ่ี ๔๑ ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมทั้ง พระบรมวงศานวุ งศ์ ไดเ้ สดจ็ แปรพระราชฐานมาประทบั แทบทพ่ี ระตำ� หนกั ทกั ษณิ ราชนเิ วศน์ จงั หวดั นราธวิ าส เป็นครั้งแรกนับจากวันท่ี ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ เป็นต้นมา ตลอดระยะเวลานั้น พระบาทสมเด็จ พระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนี พนั ปหี ลวง รวมทัง้ พระบรมวงศานวุ งศ์ ตา่ งไดเ้ สดจ็ มาประทบั แรม ณ ต�ำหนกั ทักษณิ ราชนิเวศน์ พรอ้ มทงั้ ทรง พระราชดำ� เนนิ ไปเยยี่ มเยอื นพสกนกิ รของพระองคท์ า่ นในทกุ พนื้ ถนิ่ มไิ ดว้ า่ งเวน้  ไมว่ า่ จะเปน็ ทอ้ งถนิ่ ทรุ กนั ดาร ห่างไกลกันดารเพียงใด ไม่เลือกเวลาว่าจะเป็น เช้า สาย บ่าย ค�่ำ หรือค�่ำมืดดึกด่ืน ต้องกร�ำฝน กร�ำแดด ผา่ นความยากลำ� บากนานปั การ ทรงรเิ รม่ิ โครงการพฒั นาใหมๆ่ และทรงแกไ้ ขปญั หาอปุ สรรคประดามที เ่ี กดิ กบั ราษฎรในพน้ื ถิ่น กระทัง่ กลา่ วได้วา่ ไม่มพี ระเจ้าแผน่ ดินพระองคใ์ ดในโลกนอ้ี กี แล้ว ที่จะทุ่มเทพระวรกายให้กบั เหลา่ พสกนกิ รเทยี บเทา่ ทพี่ ระองคท์ า่ นไดก้ ระทำ� มา จนตอ่ มานำ� มาซงึ่ แนวคดิ การพฒั นาแบบ “เขา้ ใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” ๑. เกี่ยวกบั ศาสนา/ศลิ ปะ/วัฒนธรรม/ประเพณี พระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ทท่ี รงมตี อ่ พสกนกิ ร ชาวไทยมุสลิม “อสิ ลามกิ ชนมพี ระคมั ภรี อ์ ลั กรุ อา่ น อนั ประกอบพรอ้ มดว้ ยบทบญั ญตั ทิ างศลี ธรรม จรยิ ธรรม นติ ธิ รรม เป็นแม่บทศักด์ิสิทธ์ิส�ำหรับการประพฤติปฏิบัติและการด�ำเนินชีวิต ส่วนใหญ่จึงมีชีวิตที่เจริญมั่นคง มีความฉลาด รู้ผิดชอบชั่วดี มีความรับผิด ชอบต่อส่วนรวม และนับเป็นบุคคล ท่ีมีคุณค่า ถ้าแต่ละคนจะพยายามศึกษา พระคัมภีร์ให้เข้าใจถ่องแท้ย่ิงขึ้น พร้อมกับ เอาใจใส่วิทยาการด้านอ่ืนๆ ให้กว้างขวาง และก้าวหน้าอยู่เสมอ ก็จะส่งเสริมให้เป็น ผู้มีความดี มีความรู้ความสามารถครบถ้วน สมควรยิ่งที่จะเป็นหลักและเป็นก�ำลัง ในการพัฒนา เศรษฐกจิ และสังคม”  พระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเดจ็ พระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 258 หลกั สูตรสังคมพหุวัฒนธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวัติศาสตรท์ อ้ งถ่ินจงั หวดั ชายแดนภาคใต)้

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จเย่ียมราษฎรในจังหวัด ชายแดนทางภาคใต้หลายครั้ง โดยจะเสด็จแปรพระราช ฐานประทบั ณ พระตำ� หนกั ทกั ษณิ ราชนเิ วศน์ จงั หวดั นราธวิ าส ในชว่ งประมาณเดือนกนั ยายน ถงึ ตุลาคม คณะกรรมการอสิ ลาม ประจำ� จงั หวดั คณะกรรมการ มสั ยดิ และชาวไทยมสุ ลมิ ทงั้ ทจ่ี งั หวดั ปตั ตานี ยะลา นราธวิ าส และสตูล ต่างรอรับเสด็จแม้ว่าจะมีฝนตกทุกคนต่างก็เต็มใจ รอรบั เสด็จ คร้ังหน่ึงในหลวงทรงทราบว่ามีราษฎรยืนตากฝนรอ รับเสด็จอยู่ จึงทรงมีรับส่ังให้เข้าไปหลบฝนก่อนท่ีคณะเสด็จ จะเสด็จผา่ น   เน่ืองจากชาวไทยมุสลิมยังใช้ภาษาท้องถ่ินเป็น ส่วนใหญ่ เมื่อในหลวงทรงรับสั่งถามถึงทุกข์สุขและการท�ำ มาหาเลย้ี งชพี ชาวไทยมสุ ลมิ ส่วนใหญจ่ ะไมก่ ล้าถวายค�ำตอบ เน่ืองจากเกรงว่าจะพูดโดยใช้ภาษาไม่เหมาะสม พวกเขาได้แต่ย้ิมด้วยความดีใจ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงจงึ ทรงรบั สั่งให้ใชภ้ าษาทอ้ งถน่ิ ธรรมดาสามญั ไม่ต้องใช้ราชาศพั ท์ แลว้ จะมีผู้แปลความถวายให้ พระราชกรณียกิจในการเสด็จเยี่ยมราษฎรนั้น ท�ำให้ในหลวงทรงทราบถึงความแห้งแล้งของการขาดน�้ำ สภาพดินเคม็ ดินเปรย้ี วในการทำ� นา ทำ� สวน จึงทรงมีพระราชด�ำริให้มโี ครงการตา่ งๆ ขึ้น ทรงพระราชทานพนั ธุไ์ ม้ พันธุ์สัตว์ให้ชาวไทยมุสลิม น�ำไปเลี้ยงเป็นอาหารประจ�ำวันและสามารถน�ำไปเป็นอาชีพประจ�ำได้ต่อไป ถ้าในบริเวณนั้นมีศาสนสถาน หรือโรงเรียนสอนศาสนา ในหลวงจะเสด็จเย่ียมพระราชทานเวชภัณฑ์ และ พระราชทานทรพั ยส์ ว่ นพระองคใ์ หแ้ กศ่ าสนสถานและโรงเรยี นสอนศาสนา ยง่ิ กวา่ นนั้ ยงั ทรงมพี ระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้แพทย์หลวงท�ำการรักษาผู้ป่วย และผู้ป่วยบางราย หากไม่สามารถรักษาในท้องถิ่นได้ ก็จะทรงรับไว้ใน พระบรมราชานเุ คราะห์ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ในหลวงทรงแปรพระราชฐานประทบั ณ พระราชวังไกลกงั วล หวั หนิ ทรงเยย่ี มราษฎร ในหมู่บ้านชาวไทยมุสลิม ณ โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย ชะอ�ำ จังหวัดเพชรบุรี ที่นั่นมีมัสยิดเล็กๆ หลังหนึ่งชื่อมัสยิด นูรุ้ลเอียะห์ซาน หมู่บ้านน้ีเป็นชาวไทยมุสลิมยากจนท่ีอพยพมาจากท่ีอื่นเพ่ือมาประกอบอาชีพ อิหม่ามได้กราบบังคมทูลเชิญในหลวงเสด็จประทับในมัสยิด ซึ่งตั้งอยู่บนท่ีดิน ๑ ไร่ แต่ยังไม่สามารถจดทะเบียน ตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลามได้ เนื่องจากที่ดินไม่ใช่ที่ของมัสยิด จึงขอพระราชทานที่ดินตรงน้ันให้เป็นท่ี ของมสั ยดิ ในหลวงได้พระราชทานตามค�ำกราบทูล และยังมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเพิ่มให้อีก ๕ ไร่ พรอ้ มทัง้ มีรบั ส่ังใหเ้ จ้าหน้าทีช่ ว่ ยดำ� เนินการใหเ้ ปน็ ของมัสยิดอย่างถกู ต้องเรยี บร้อยดว้ ย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นต้นมา ในหลวงจะเสด็จเย่ียมมัสยิด นูรุ้ลเอียะห์ซาน และพระราชทาน พระราชทรัพย์สว่ นพระองคใ์ ห้มสั ยิดน้ีเป็นประจำ� ทุกครัง้ ท่ีเสด็จ เพอื่ สมทบทนุ สร้างโรงเรียนสอนศาสนา   259หลักสตู รสังคมพหวุ ัฒนธรรมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัตศิ าสตร์ท้องถน่ิ จังหวัดชายแดนภาคใต้)

ใน ปีพ.ศ. ๒๕๓๙ มัสยิดนูรุ้ลเอียะห์ซาน ช�ำรุดทรุดโทรมมากและคับแคบ อิหม่ามจึงขอพระบรม ราชานุญาตสร้างมัสยิดหลังใหม่แทนหลังเก่าบนที่ดิน พระราชทาน ในหลวงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ จำ� นวนหนงึ่ แสนบาท ในการสรา้ งใหน้ บั เปน็ มสั ยดิ แหง่ แรก ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานทรัพย์ส่วน พระองค์ และเปน็ มสั ยดิ ทอี่ หิ มา่ มไดท้ ลู เกลา้ ฯ ถวายใหอ้ ยู่ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มัสยิดแห่งนี้ก่อสร้างข้ึนใหม่ ดว้ ยความประณตี งดงาม โดยสรา้ งแลว้ เสรจ็ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ซง่ึ เปน็ ปแี หง่ มหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๖ รอบ ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๕ จะเป็นปีใดไม่แน่ชัด ท่านกงสุลแห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้เข้าเฝ้าถวาย พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับที่มีความหมายเป็นภาษาอังกฤษ เม่ือในหลวงทอดพระเนตรและทรงศึกษาดู ทรงมพี ระราชดำ� รวิ า่ ควรจะมพี ระมหาคมั ภรี อ์ ลั กรุ อาน ฉบบั ความหมายภาษาไทย ใหป้ รากฏเปน็ ศรสี งา่ แกป่ ระเทศชาติ เมอื่ นายตว่ น สวุ รรณศาสน์ จฬุ าราชมนตรใี นสมยั นน้ั เปน็ ผนู้ ำ� ผแู้ ทนองคก์ าร สมาคม และกรรมการอสิ ลาม เข้าเฝ้าถวายพระพรในนามของชาวไทยมุสลิมในวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีน้ัน ในหลวงทรงมีพระกระแสรับสั่ง ให้จุฬาราชมนตรี แปลความหมายของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน จากพระมหาคัมภีร์ฉบับภาษาอาหรับโดยตรง สง่ิ นเ้ี ปน็ พระมหากรณุ าธิคุณท่ีทรงมตี อ่ ศาสนาอสิ ลาม และทรงเปน็ องค์อคั รศาสนูปถมั ภกอย่างแทจ้ รงิ ในช่วงเวลา ท่ีจุฬาราชมนตรีแปลพระมหาคัมภีร์ถวายทุกครั้งที่เข้าเฝ้า ในหลวงจะทรงแสดงความห่วงใย ตรสั ถามถงึ ความคืบหนา้ อปุ สรรค ปัญหาท่เี กดิ ขึ้น และทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้พมิ พเ์ ผยแพร่ ในปีพ.ศ. ๒๕๑๑ อันเป็นปีครบ ๑๔ ศตวรรษ แห่งอัลกุรอาน ประเทศมุสลิมทุกประเทศต่างก็จัดงาน เฉลิมฉลองกันอย่างสมเกียรติ ประเทศไทยแม้จะไม่ใช่ ประเทศมสุ ลมิ แตก่ ไ็ ดม้ ีการจดั งานเฉลมิ ฉลอง ๑๔ ศตวรรษ แหง่ อลั กรุ อานขน้ึ ณ สนามกฬี ากติ ตขิ จร เมอื่ วนั ที่ ๑๖ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นวันเดียวกันกับการจัดงานเมาลิดกลาง ในปีน้ันในหลวงพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี เสด็จเป็นองค์ ประธานในพิธี และในวันนัน้ เปน็ วนั เริ่มแรกทีพ่ ระมหาคมั ภรี ์ อัลกุรอาน ฉบับความหมายภาษาไทย ได้พิมพ์ถวายตามพระราชด�ำริและได้พระราชทานแก่มัสยิดต่างๆ ท่วั ประเทศ ในหลวงทรงมพี ระราชด�ำรสั ในงานเฉลมิ ฉลอง ๑๔ ศตวรรษแห่งอลั กุรอาน ว่า “คัมภีร์ อัลกุรอาน มิใช่จะเป็นคัมภีร์ท่ีส�ำคัญในศาสนาอิสลามเท่าน้ัน แต่ยังเป็นวรรณกรรมส�ำคัญ ของโลกเล่มหน่ึง ซ่ึงมหาชนรู้จักยกย่อง และได้แปลเป็นภาษาต่างๆ อย่างแพร่หลายแล้วด้วย การท่ีท่านท้ัง หลายได้ด�ำเนินการแปลออกเผยแพร่เปน็ ภาษาไทยครัง้ น้ี เปน็ การสมควรชอบด้วยเหตุผล อย่างแทจ้ รงิ เพราะ จะเป็นการช่วยเหลือในอิสลามิกบริษัทในประเทศไทยท่ีไม่รู้ภาษาอาหรับ ได้ศึกษาเล่าเรียนธรรมมะในศาสนา ได้สะดวกและแพร่หลาย ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาส ให้ประชาชนผู้สนใจทั่วไปได้ศึกษา ท�ำความเข้าใจ 260 หลักสตู รสงั คมพหวุ ัฒนธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถน่ิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต)้

หลกั คำ� สอนของศาสนาอสิ ลามอยา่ งถกู ตอ้ ง และกวา้ งขวางยงิ่ ขน้ึ เปน็ ทที่ ราบกนั ดวี า่ คมั ภรี อ์ ลั กรุ อาน มอี รรถรส ลึกซ้ึง การที่จะแปลออกมาเปน็ ภาษาไทยโดยพยายามรกั ษาใจความแห่งคัมภรี เ์ ดมิ ไว้ใหบ้ รสิ ทุ ธบิ์ ริบูรณ์ และ พิมพข์ น้ึ ใหแ้ พรห่ ลายเช่นน้ี จึงเปน็ ทคี่ วรอนโุ มทนาสรรเสริญ และร่วมมอื สนบั สนุนอย่างยิง่ ...” ใน ปีพ.ศ. ๒๕๑๒ พระราชกรณียกิจอีกประการหนึ่ง คือ การส่งเสริมการศึกษาของชาวไทยมุสลิม โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแต่เดิมเยาวชนไทยมุสลิมจะมีการศึกษาภาคสามัญอย่างสูง เพียงแค่ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ ซ่ึงเปน็ ภาคบงั คบั แล้วจะเขา้ เรยี นภาคศาสนา เนอื่ งดว้ ยผ้ปู กครองเกรงวา่ บุตรหลานของตน จะไม่รู้ศาสนา ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ โรงเรียนสอนศาสนาในสมัยนั้น ก็ยังเรียนกันแบบปอเนาะ คอื นกั เรียนตอ้ งไปอยูก่ ับโตะ๊ ครู ช่วยอาชีพและเรียนหนงั สือ อยา่ งไมม่ ีหลกั สูตรว่านักเรยี นจะตอ้ งใชเ้ วลาเรยี นกปี่ ี ด้วยเหตุท่ีชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่จะถนัดใช้ภาษาท้องถ่ิน ไม่สามารถเขียนอ่านภาษาไทย และใช้ภาษาไทย ในการตดิ ตอ่ ราชการได้ ในหลวง ทรงเป็นห่วงใยในเร่ืองน้ีจึงมีพระกระแสรับสั่งให้กระทรวงศึกษาธิการ หาหนทางส่งเสริม และปรับปรุงการเรียนการสอนภาคสามัญให้ดีขึ้น มีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันกับบรรดาโต๊ะครูปอเนาะ จัดให้มีการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ท้ังยังจัดให้มี การดูงานการศึกษาในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงด้วย ปอเนาะตา่ งๆ จึงเริ่มมีการพัฒนาปรังปรุงดีข้นึ ปอเนาะใด ท่ีมีการพัฒนาปรับปรุงถึงเกณฑ์ ก็จะได้รับการคัดเลือกให้ เป็นโรงเรียนท่ีมีการบริหารการเรียนการสอนดีเด่น และเขา้ รบั พระราชทานรางวลั ประจำ� ปี นบั ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๑๒ เปน็ ต้นมา ในหลวง ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ชาวไทยมุสลิมด้านการส่งเสริมอาชีพ ทรงให้มีโครงการศูนย์ศึกษา และพฒั นาการเกษตรอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ ศนู ยฯ์ ทช่ี าวไทยมสุ ลมิ ไดร้ บั ประโยชน์ เชน่ ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นา ห้วยทราย จังหวัดเพชรบุรี ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส ท�ำให้ชาวไทยมุสลิมที่เคยยากจน เพราะไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ได้รับการพัฒนาให้ดีข้ึนจนสามารถยกระดับฐานะครอบครัวให้ดีขึ้นเหมือน กบั ชาวไทยภาคอ่นื ๆ ทมี่ า : บทความเรอื่ ง “พระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทท่ี รงมตี อ่ พสกนกิ รชาวไทย มสุ ลมิ ” โดยทา่ นผู้หญิงสมร ภมู ิณรงค์ ๒. เยี่ยมราษฎร ทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎร บ้านเจาะบากง ระหว่างเสด็จพระราชด�ำเนิน ทอดพระเนตรภูมิประเทศและทรงเย่ียม ราษฎรบ้านเจาะบากง ต�ำบลปูโยะ อ�ำเภอ สุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เม่ือวันที่ ๗ กนั ยายน ๒๕๒๔ 261หลกั สตู รสงั คมพหุวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวตั ศิ าสตร์ทอ้ งถ่ินจังหวัดชายแดนภาคใต้)

“ในหลวงทรงปฎิบัติพระราชกรณียกจิ อย่างไม่เหน็ แก่เหน็ดเหนอ่ื ย และไม่ทรงถือพระองค์แต่อย่างใด” พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด�ำเนินทรงส�ำรวจแหล่งน�้ำบริเวณ บ้านกูตง-บ้านโงกูโบ และพระราชทานพระราชด�ำริ ให้กรมชลประทานพิจารณาหาท�ำเลสร้างอ่างเก็บน้�ำ ส�ำหรับสนับสนุนน�้ำให้พ้ืนที่เพาะปลูกของราษฎร ในโอกาสเสด็จพระราชด�ำเนินเย่ียมราษฎรในเขตพื้นท่ี ตำ� บลบองอ อ�ำเภอระแงะ จังหวดั นราธิวาส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด�ำเนิน เยย่ี มราษฎร บา้ นสโุ บะปาแระ ตำ� บลจอเบาะ อำ� เภอยงี่ อ จังหวัดนราธวิ าส นาเซะบายด์ : รสู้ กึ เปน็ บญุ มากทใี่ นหลวงเสดจ็ ฯ มาทบ่ี า้ น เสยี งสะทอ้ นจากหญงิ มสุ ลมิ ชายแดนใต้ ที่ส�ำนึกในพระมหากรณุ าธคิ ุณเป็นย่งิ ณ บา้ นเลขที่ ๑ หมทู่ ี่ ๑ ตำ� บลบางปอ อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นราธวิ าส โดยไดพ้ บกบั  นางสตี แี ลขอ ดอเลาะยะแก ภรรยาของนายอารง ซงึ่ ออกมา ต้อนรับคณะของเราด้วยความดีใจ พร้อมกับส่ังให้ลูกสาวและหลาน ที่อยดู่ ว้ ยล�ำเลียงนำ�้ ทา่ มาใหด้ ่ืมกนิ “นายอารงเสยี ชวี ติ ไปหลายปมี าแลว้ ” นางสตี แี ลขอตอบคำ� ถาม หลังจากข้าพเจ้าถามหาสามีของเธอ จากนั้นเธอได้เล่าถึงเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ว่า เร่ืองที่ในหลวงทรงเคยเสด็จฯ มาเยี่ยมเยือนถึงท่ี บ้านเป็นเรื่องที่เกิดข้ึนนานแล้วขณะที่สามียังเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๑  โดยเวลานน้ั ไมม่ ใี ครทราบมาก่อนเลย 262 หลักสูตรสงั คมพหวุ ฒั นธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัติศาสตร์ท้องถิน่ จงั หวัดชายแดนภาคใต้)

“เวลาประมาณ ๖ โมงเยน็ กำ� ลงั ตกั ขา้ วใสจ่ านเตรยี มจะกนิ ขา้ วเปดิ ปอซอกบั ครอบครวั ซง่ึ อยกู่ นั พรอ้ ม หนา้ พ่อ แม่ และลกู ๆ อีก ๕ คน พอทราบว่าในหลวงเสด็จมาจงึ ทิ้งจานไว ้ ไม่ รู้สกึ หิวขา้ วกนั แล้ว มวั ตนื่ เตน้ ท่ีจะได้ไปรับเสด็จในหลวง ตอนนั้นสามีอยู่หน้าบ้านตรงท่ีเป็นดินโคลนมีถุงปุ๋ยอยู่ พอในหลวงเสด็จมาทรงยืน พดู คยุ กบั สามขี องฉนั สว่ นราชนิ เี สดจ็ ฯ เขา้ มาพรอ้ มกบั ลกู สาว มาพดู คยุ กบั ฉนั และลกู ๆ โดยพอมาถงึ พระองค์ ทา่ นเดนิ ไปดใู นครวั จากดา้ นนอก เหน็ ครวั ทำ� ดว้ ยไมไ้ ผ่ พระองคท์ า่ นทรงถามวา่ ทำ� จากอะไร ฉนั บอกวา่ ทำ� จาก ไมไ้ ผ่ เอาไมไ้ ผม่ าตเี ปน็ ฝา สว่ นพน้ื ทห่ี นา้ บา้ นในเวลานน้ั กเ็ ปน็ เหมอื นทอี่ ยปู่ จั จบุ นั นแี้ หละเปน็ พนื้ ดนิ เฉอะแฉะ” “บ้าน” ของชาวบ้านมุสลิมหลังที่ “ในหลวง” เคยเสด็จฯ จนเจ้าของบ้านถึงกับเอย่ คำ� “นาเซะบายด์ : รสู้ กึ วา่ เปน็ บญุ มาก ทใี่ นหลวงเสดจ็ มาทีบ่ ้าน” ลกู หลานและอาคันตกุ ะ รว่ มถ่ายภาพเปน็ ทร่ี ะลึก ผา้ หม่ ทีน่ างสีตีแลขอ ไดร้ บั พระราชทาน จากพระหัตถ์ ยังคงถกู เก็บรักษาไวอ้ ย่างดี เวลานั้นปรากฏว่ามีราษฎรเดินทางมาต้อนรับกันเป็นจ�ำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใชเ้ วลาเยยี่ มเยอื น และพดู คยุ กบั ราษฎรประมาณ ๑ ชว่ั โมง พรอ้ มกบั พระราชทานเสอ้ื ผา้ หม่ ฯลฯ ใหแ้ กช่ าวบ้าน โดยผ้าห่มทน่ี างสตี แี ลขอได้รบั พระราชทานจากพระหตั ถน์ ้นั ยังคงถูกเกบ็ รกั ษาไวอ้ ยา่ งดีภายในบ้านจนทกุ วนั นี้ 263หลกั สตู รสังคมพหุวัฒนธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวัติศาสตร์ท้องถน่ิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต)้

“ตอน น้ันหน้าบ้านพ้ืนถนนแฉะเหมือนปัจจุบัน ทางเจ้าหน้าท่ีท�ำไม้รองเป็นทางเดินไว้ แต่ในหลวง กไ็ มท่ รงยอมเดนิ บนทางเดนิ ไม้ แตท่ รงเดนิ ลยุ โคลนบนพนื้ ชน้ื แฉะเชน่ เดยี วกบั ชาวบา้ นทวั่ ไปทำ� ใหเ้ ปรอะเปอ้ื น ไปหมด ตอนในหลวงมาทกุ คนดใี จมาก อ่มิ เอิบใจมคี วามสุข พอในหลวงจะเสด็จกลบั เราเดนิ ไปส่งถงึ รถยนต์ พระทนี่ งั่ เพราะตอนมาเราไมไ่ ดอ้ อกไปตอ้ นรบั มกี ารถา่ ยทอดออกโทรทศั นด์ ว้ ยนะ ลกู ๆ หลานๆ ไดด้ กู นั หมด” นางสีตีแลขอ เล่าเป็นภาษามลายูถิ่นหรือยาวี ด้วยดวงตาเป็นประกาย โดยมีหลานชายและ พงศ์ นราฯ คอยแปลค�ำยากๆ ท่ขี ้าพเจ้าไมค่ อ่ ยเข้าใจให้ฟงั อกี ทอดหนึ่ง หลังจากพูดคุยกนั พอสมควรแล้ว ขา้ พเจา้ ถามคำ� ถามสุดทา้ ยก่อนเราจะลาจากกันว่า “รู้สกึ อย่างไรบา้ งทีใ่ นหลวงเสดจ็ มา” “นาเซะบายด์” นางตอบ พร้อมด้วยแววตาท่ีพร้ิมพราย และรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข หากจะแปลภาษา มลายูถนิ่ เป็นภาษาไทยประโยคน้ีมีความหมายยิ่งว่า “รูส้ กึ ว่าเปน็ บุญมากที่ในหลวงเสดจ็ ฯ มาทบ่ี ้าน” ๓. พระสหายในพ้นื ท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓.๑ พระสหายแห่งสายบุรี ท่ีมาของสมญานาม “พระสหายแห่งสายบุรี” น้ัน นายมนูญ มุกประดิษฐ์ ผู้ติดตามพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั บนั ทกึ ไวเ้ มอื่ คราวพระองคเ์ สดจ็ พระราชดำ� เนนิ ลงพน้ื ที่ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบรุ ี เพอ่ื ทรงทอดพระเนตร พ้ืนท่ีเพ่ือสร้างโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ และเพื่อขุดคลองชลประทานเพ่ือการเกษตรและแก้ไขปัญหาน้�ำท่วม เมอ่ื ปี ๒๕๓๕ และมรี บั สง่ั ตอ้ งการพบตวั วาเดง็ ปเู ตะ๊ เพอื่ สอบถามเรอ่ื งการสรา้ งฝายกน้ั นำ�้ คลองนำ้� จดื บา้ นทงุ่ เคจ็ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบรุ ี จังหวัดปัตตานี ในขณะนน้ั วาเด็ง ปูเตะ๊ ผซู้ ึ่งเปน็ เพียงประชาชนคนหนง่ึ เขาสวมโสรง่ และไมไ่ ดใ้ ส่เสือ้ แตเ่ ดินทางไปเข้า เฝ้าฯ เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่ท่ีมาตามเขาถึงสองครั้งสองคราอาจจะโกหก เพราะเขาไม่เช่ือว่าในหลวงจะเสด็จมา ในป่าเขาจริง ๆ จนกระท่ังได้พบพระองค์แล้ว แต่ วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็ยังไม่แน่ใจต้องหยิบธนบัตรข้ึนมาดู จึงจะเชื่อว่า เป็นพระเจา้ แผน่ ดิน 264 หลกั สตู รสงั คมพหุวฒั นธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัตศิ าสตร์ท้องถนิ่ จงั หวดั ชายแดนภาคใต)้

หลงั จากนนั้ ในหลวง กต็ รสั กบั วาเดง็ ปเู ตะ๊ เปน็ ภาษามลายวู า่ จะสรา้ งคลองชลประทานให้ เพอ่ื ชว่ ยเหลอื เรอ่ื งแหลง่ นำ�้ แกช่ าวบา้ นในการทำ� การเกษตร พระองคท์ รงสอบถามเสน้ ทางการขดุ คลองสายทงุ่ เคจ็ วา่ มเี ขตตดิ ตอ่ ที่ไหนบ้าง ซึ่ง วาเด็ง ปูเต๊ะ สามารถตอบได้ทุกค�ำถาม ถูกต้องตามแผนท่ีท่ีพระองค์ทรงมีอยู่ จึงตรัสชมว่า วาเด็ง ปูเต๊ะ เป็นคนรู้จริง รู้จักพื้นที่ เพราะในการจะไปช่วยใครท่ีไหน จ�ำเป็นต้องถามเจ้าของพื้นที่ก่อน เพราะชาวบ้าน จะรู้จริงกวา่ คนอื่น ชายวัยชรานุ่งโสร่งไม่สวมเส้ือรายหนึ่งเข้าเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บอกเปน็ ภาษามลายวู ่า “วนั นี้ในหลวงมา  ไม่รจู้ ะถวายอะไร เพงิ่ ขายผลไมใ้ นสวนได้เงินมาสองหม่ืนบาท แต่เอาไปซ้ือเคร่อื ง สูบน�้ำเสียแล้ว ท้ังสวนเหลือแต่ทุเรียนผลเดียว หน�ำซ�้ำยังดิบ” มีเสียงเย้ามาจากข้าราชการท่ีตามเสด็จว่า เคร่ืองสูบน้�ำนั่นไง  ยังใหม่อยู่ด้วย ชายชราผู้น้ันจึงบอกว่าให้ถอดขนขึ้นรถไปเลย  เขาขอถวายพระเจ้าอยู่หัว ท�ำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสรวล พลอยท�ำให้ข้าราชการติดตามต้ืนตันไปกับน�้ำใจของ “นายวาเด็ง ปูเต๊ะ” ผเู้ ฒา่ ชาวสวนย่ิงนกั วนั รุ่งขน้ึ พระองค์ทรงรับสั่งใหน้ ายวาเดง็ พายเรือใหพ้ ระองคป์ ระทับ เพื่อสำ� รวจคลองสายทงุ่ เค็จ พระองค์ มพี ระราชดำ� รสั ถาม พรอ้ มเปดิ แผนทเ่ี พอื่ ใหร้ วู้ า่ จะสรา้ งแหลง่ ชลประทานอยา่ งไร ตอนพายเรอื อยู่ ในหลวงตรสั ดว้ ยวา่ “ให้วาเด็งท�ำตัวตามสบาย มีอะไรที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง” นายวาเด็งจึงกราบทูล ในหลวงวา่ เม่อื ถงึ เวลาหนา้ ฝนน้ำ� จะท่วม ท�ำนาไมไ่ ด้ เม่ือถงึ หนา้ แลง้ ก็ท�ำนาไมไ่ ด้ เพราะไมม่ นี ้ำ� ท�ำให้ชาวบ้านเดือดร้อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ตรัสถามนายวาเด็งอีกว่า ชาวบ้านท�ำการเกษตร อะไรบ้าง นายวาเด็งตอบว่าชาวบ้านไม่เดือดร้อนอะไร ทุกคนท�ำการเกษตรตามวิถีชีวิตของคนชนบท คอื ปลกู พชื ผักสวนครวั และทำ� สวนไวก้ นิ กนั ทกุ บา้ น จากนั้น ในหลวง คงจะทรงลองใจนายวาเด็ง จึงตรัสถามขอที่ดินเพ่ือท�ำโครงการพระราชด�ำริ ด้วยความปลาบปล้ืมนายวาเด็งจึงขอยกท่ีดินถวายให้พระองค์ทันที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงแย้ม พระสรวล และมีพระราชดำ� รสั ว่าให้นายวาเดง็ เป็น “พระสหาย” ตัง้ แตบ่ ดั นัน้ ในหลวง ตรัสเรือ่ งนวี้ า่ “วาเด็งเปน็ คนซ่ือตรง...จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพ่ือนของในหลวง” พร้อมทรงชวนให้นายวาเด็งและภรรยาเดินทาง ไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ และเมื่อพระองค์เสด็จฯ มาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ตรัสเรียกให้เข้าเฝ้าที่พระต�ำหนัก ทักษณิ ราชนเิ วศน์ทุกคร้งั 265หลกั สตู รสงั คมพหุวฒั นธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถ่ินจงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

วันนี้ของนายวาเด็ง  ปูเต๊ะ มีภรรยาช่ือ นางสาลาเมาะ ปเู ต๊ะ มบี ตุ รท้ังหมด ๕ คน อาศยั อยู่ บ้านเลขที่ ๖๔ หมู่ ๕  บ้านบาเลาะ ต.ปะเสยะวอ อ.สาบบุรี จ.ปัตตานี ซ่ึงประกอบอาชีพเลี้ยงวัว และท�ำสวนผลไม้ จ�ำพวกทุเรียน ลองกอง จ�ำปาดะ เงาะ และมะพร้าว ชายชรามีวิถีชีวิตแบบพอเพียง เป็นแบบอย่างตามพระราชด�ำรัสของในหลวง ทรี่ จู้ กั กนิ รจู้ กั ใช้ ในชมุ ชนชนบท นอกจากน ้ี ยงั เปน็ ผทู้ ม่ี จี ติ ใจดงี ามเออื้ เฟอ้ื เผอ่ื แผ่ พรอ้ มกบั มคี วามจงรกั ภักดีต่อผืนแผ่นดินไทยและต่อในหลวงของเรา ยังคงใช้ชีวิตอย่างพอเพียงเคร่งครัด ด้วยชื่อเสียง และเป็นบุคคลอันเป็นท่ีเคารพรักของคนสายบุรีและจังหวัดปัตตานี คงจะหาบ้านหลังใหญ่กว่านี้อยู่ได้ไม่ยาก แตเ่ ปา๊ ะเดง็ กย็ งั มคี วามสขุ อยกู่ บั บา้ นไมห้ ลงั เกา่ แกอ่ ายเุ กอื บรอ้ ยปขี องตนเองกลางสวนผลไม้ และยงั เปดิ รบั แขกเหรื่อ ไปเย่ยี มเยยี นมิได้ขาด ครั้งหนึ่ง วาเด็ง ปูเต๊ะ ได้กล่าวไว้ว่า “เราไม่สามารถขอให้ทุกคน ท�ำอะไรเพ่ือในหลวงได้ แต่อยากให้ ทำ� ทกุ อยา่ งเพอ่ื สว่ นรวม อยา่ ทำ� เพอื่ ประโยชนส์ ว่ นตวั และผมไมส่ ามารถขอใหค้ นไทยทกุ คน รกั ในหลวงอยา่ ง ท่ผี มรกั แตผ่ มรกั ในหลวงหมดหวั ใจ”         เมื่อเวลา ๑๕.๐๐ น. วันท่ี ๗ สิงหาคม พ.ศ .๒๕๕๕ นายวาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งลุ่มน้�ำสายบุรี จังหวัดปัตตานี ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสียชีวิตอย่างสงบภายในบ้านพัก ที่ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ดว้ ยโรคชรา ในวยั ๙๖ ปี  ๓.๒ ลงุ นชุ ฝพี ายในหลวง-ราชินี ประพาส “บึงบวั บากง” นราธิวาส “ลุงๆ ไปพายเรือให้ในหลวงต๊ะ พระองค์ท่านจะเสด็จลงเรอื ชมบึง บากง” 266 หลกั สตู รสงั คมพหวุ ัฒนธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวตั ศิ าสตร์ทอ้ งถน่ิ จงั หวัดชายแดนภาคใต้)

ผู้ใหญ่สุดใจ แสงมณี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๖ บ้านบากง ต�ำบลรือเสาะ อ�ำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เดินทางมาเรียกนายนุช อนันตรานนท์ ซึ่งก�ำลังก่อสร้างบ้านอยู่ใกล้กับแยกทางหลวงสายรือเสาะ-ศรีสาคร ซ่ึงจากจุดแยกนี้เข้าไปเพียงประมาณ ๒๐๐ เมตร กจ็ ะถึงบรเิ วณของหนองบวั บากง นายนชุ อนนั ตรานนท์ ราษฎรบ้านบากง ซึง่ มีอาชีพรับเหมาก่อสรา้ ง ละจากงานหนั มามองหน้าผู้พูดด้วย ไมแ่ นใ่ จวา่ ผใู้ หญ่ใจพูดจรงิ หรือไม่ หรอื วา่ ตัวเองหูฝาดไปเอง จึงถามผู้ใหญ่ใจเพ่อื ความแน่ใจอีกครงั้ ผู้ใหญ่ใจจงึ กลา่ วซำ�้ “ไปพายเรือให้ในหลวงประทับ พระองค์ท่านต้องการชมบรรยากาศในบึง ให้คนอ่ืนพายเด๋ียวพายกัน เขลอะๆ เรือล่มแลว้ จะแย่กนั ไปหมด” หลังจากใช้เวลาสนทนาสอบถามรายละเอียดต่างๆ จนเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว นายนุช มองหน้าผู้ใหญ่ ใจอีกคร้ัง ละมือจากงานทง้ั หมด พรอ้ มกบั ค่อยๆ ยนื ขึน้ แหงนหนา้ มองทอ้ งฟา้ ท่สี ดใสไรเ้ มฆหมอก แลว้ ขยับเสอ้ื ผ้า ให้เรยี บรอ้ ย พร้อมกบั เรม่ิ เดนิ ออกไปข้างหนา้ ดว้ ยใจมุ่งมัน่ ... เป็นที่รับทราบกันว่าในบรรดาชาวบ้านในบ้านบากงนั้น ฝีมือการพายเรือไม่ว่าจะเป็นเรือประเภทใด คงไม่มีใครจะพายได้ช�ำนาญเท่านายนุช เพราะตลอดชีวิตล้วนผูกพันกับสายน�้ำอย่างแนบแน่น โดยเฉพาะพ้ืนท่ี กวา่ ๑๕๐ ไร่ ในหนองนำ้� ธรรมชาตริ ปู วงรที มี่ นี ำ�้ ขงั ตลอดปี และชาวบา้ นเรยี กกนั แตโ่ บรำ่� โบราณมาวา่ “พรบุ ากง” เพราะพื้นที่มีลักษณะเหมือนที่พรุโต๊ะแดง ก่อนจะมาเปล่ียนช่ือเรียกเป็น “หนองบัวบากง” ในภายหลัง เป็นพื้นท่ีที่นายนุชผูกพันมาต้ังแต่สมัยเยาว์วัยเป็นวัยรุ่นกระทง ออกหาปูหาปลา หาพืชผักมาเป็นอาหารของ ครอบครวั กระทง่ั อายุลุลว่ งได้ ๖๖ ปี ก่อนหน้าน้ีนายนุช มีอาชีพเป็นคนคัดท้ายเรือบรรทุกข้าวสารที่วิ่งขึ้นล่องจากนครศรีธรรมราช- กรุงเทพมหานคร อยู่หลายปี จนฝีมือในการพายเรือและคัดท้ายเรือนั้นว่ากันว่าเป็นท่ีเล่ืองลือนัก ก่อนจะตัดสินใจ ย้ายถน่ิ ฐานมาตั้งรกรากอย่ทู ี่บา้ นบากง กระท่ังวันที่ผู้ใหญ่ใจเดินทางมาบอกภารกิจอันยิ่งใหญ่ของชีวิต ที่ไม่คาดคิดว่าตัวเองมีโชควาสนา และโอกาสสงู สุดในชีวติ ท่จี ะได้พายเรอื ใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ประทบั เพอ่ื ชมทศั นียภาพในบึงบากง เหตุการณ์วันนั้นเกิดเม่ือวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๒๗ ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ และสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ไดเ้ สดจ็ มาเยย่ี มราษฎรทหี่ นองบวั บากง ขณะเดนิ ไปยงั จดุ หมายทบ่ี งึ บากง นายนชุ ดใี จจนบอกไมถ่ กู มอี าการตน่ื เตน้ พอควร ในความทรงจำ� ทจ่ี ดจำ� ได้ไม่ลืมเลือนคือขณะค่อยๆ เดินเข้าใกล้พระองค์ท่าน ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก�ำลังทอด พระเนตรแผนที่ก่อนลงเรือ หลังจากทอดพระเนตรแผนที่เสร็จแล้ว ยังแว่วได้ยินเสียงสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงทูลขอกบั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัววา่ ขอตามเสดจ็ ลงเรอื เพ่อื ชมบงึ บากงด้วย เพียงชั่วไม่นานต่อมา เรือล�ำน้อยก็ลอยล่องอยู่กลางบึงบัว โดยมีผู้โดยสารท่ีเป็นท่ีเทิดทูนของคนไทย ทั้งชาติ ๒ พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ประทับอยู่ ในล�ำเรือ ส่วนผู้พายเรืออยู่ตรงท้ายคนเดียวเป็นชายชาวบ้านสูงอายุ ผมสีดอกเลา ใบหน้าอิ่มเอิบ เรือน้อยค่อยๆ ลอยล่องตามแรงพายของฝีพายผู้ช�ำนาญการ ผ่านกอกก กอหญ้า และทอดตัวอยู่เบื้องหน้าแทบจะตลอดรายทาง คือ กลุ่มบัวหลวงดอกใหญ่อาบสีชมพูท่ีแทงดอกบานสะพร่ังเหนือผิวน�้ำใส ตัดกับเขียวใบบัวท่ีแผ่ใบห่มคลุม เหนอื ผิวน้ำ� เป็นวงๆ โดยมีฉากเบอื้ งหลังคือฟากฟา้ และทิวเขาทีท่ อดตวั นง่ิ สงบ 267หลักสตู รสังคมพหวุ ัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวัตศิ าสตร์ท้องถ่ินจังหวดั ชายแดนภาคใต้)

นายนชุ อนนั ตรานนท์ รำ� ลกึ ความหลงั ในคราครงั้ นนั้ วา่ ขณะพายเรอื ลอ่ งไปในลำ� นำ้� พระองคท์ า่ นตรสั ถาม หลายเร่ืองๆ ไมว่ ่าเรอื่ งอายุ เรื่องครอบครวั หรือความเปน็ อยขู่ องชาวบ้านในแถบน้ี “พระองคท์ า่ นถามถงึ อายอุ านามผม ถามวา่ อายเุ ทา่ ไหรแ่ ลว้ พอผมบอกอายุ พระองคท์ า่ นกบ็ อกวา่ แก่ กวา่ ผม ๑๐ ปี หลงั จากนน้ั พระองคท์ า่ นกถ็ ามผมเกยี่ วกบั ตน้ ไมพ้ รรณไมใ้ นบงึ บากงทผ่ี า่ นไปทอดพระเนตรเหน็ ถามหมดทุกอย่าง เช่น ทรงถามว่าหญ้าในบึงน้ีเป็นหญ้าอะไร ต้นไม้แต่ละต้นเรียกว่าอะไรบ้าง พอผมอธิบาย ต้มไม้อะไรต่อมิอะไร บอกท่านหมด ท่านก็ตรัสว่า ดี รู้จักพรรณไม้มาก เวลาพูดกับพระองค์ท่านผมก็ พดู ธรรมดาอยา่ งนี้ ผมพดู ใต้ ทา่ นฟงั ออกบอกใหพ้ ดู ไปเถอะ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ กท็ รงตรสั วา่ พดู อะไรกพ็ ดู ไป เถอะ พระองคท์ ่านฟงั ออกทงั้ นนั้ ” ในขณะทที่ งั้ สองพระองคท์ รงประทบั ในเรอื นเี่ อง ทต่ี อ่ มาไดป้ รากฏภาพขณะทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับในเรือ โดยมีนายนุชเป็นฝีพายอยู่ข้างท้ายล�ำเรือ โดยผู้ถ่ายภาพก็คือ นายเคลื่อน เล็มมณี ซ่ึงขณะน้ันเป็นเจ้าหน้าที่ของส�ำนักงานประถมศึกษาจังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้ภาพขณะเรือน้อยก�ำลังกลับเข้าฝั่งหลังจากเสด็จไปทอดพระเนตรบึงบากงเป็นเวลากว่า ๑ ช่ัวโมง ได้รับการเผยแพร่เปน็ ประจ�ำตามส่อื หลากหลายประเภท โดยเฉพาะภาพเคลอื่ นไหวในสถานโี ทรทัศน์ชอ่ งตา่ งๆ โดยหลังจากทอดพระเนตรบรรยากาศโดยรอบบึงบากงจนท่ัวแล้ว ท้ังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จข้ึนจากเรือขึ้นไปยังศาลาหลังเก่าเรียกกันว่า ศาลาเสด็จ หนองบัว ซึ่งปัจจุบันถูกร้ือไปหมดแล้ว และมีการก่อสร้าง “ศาลาทรงงานหนองบัวบากง” แทน เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ลักษณะเป็นศาลาอาคารไม้ เสาไม้หลายโอน หลังคามุง ด้วยกระเบ้ืองดิน ขนาดกว้าง ๑๘ เมตร ยาว ๒๕ เมตร ตั้งโดดเด่นอยูก่ ลางน�้ำ “ตอนนั้นพอผมพายมาถึงใกล้ๆ ฝั่งแล้วพระองค์ท่านข้ึนฝั่งแล้ว เหลือผมนั่งในเรืออยู่เพียงคนเดียว สมเด็จพระนางเจ้าฯ บอกว่า ส่งมือมาๆ แล้วจับมือผมลากข้ึนจากเรือ ตอนอยู่ในวัดก็เหมือนกัน มือข้างขวา ของผมจะสั่นอยู่บ่อยๆ ราชนิ ีเห็นก็เดินมาจับคล�ำดู แลว้ บอกไปให้หมอตรวจรักษา” นั่นเป็นเหตุการณ์ส�ำคัญท่ี นายนุช ได้กระท�ำหน้าที่ส�ำคัญครั้งส�ำคัญของชีวิต ถึงขนาดกล่าวด้วยเสียงสั่น เครือวา่ “ความรู้สึกผมที่ได้รับใช้ใกล้ชิดพระองค์ท่าน ผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกดีใจ ตื้นตันใจจนบอกไม่ถูก ในชีวิตหน่งึ ทไี่ ด้พายเรอื ใหพ้ ระองค์ทา่ นประทบั ร้สู ึกว่าเป็นบุญวาสนาสงู สุดสำ� หรับชวี ติ เราแลว้ ” 268 หลักสูตรสงั คมพหุวฒั นธรรมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวัติศาสตรท์ ้องถ่นิ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

อย่างไรก็ตามคล้อยหลังอีก ๒ ปีต่อมา คือ ปี ๒๕๒๙ ครงั้ ทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เมอื่ ครงั้ ยงั ดำ� รงพระอสิ รยิ ยศ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จมาท่ีบ้านบากง พระองค์ ได้ทรงถามว่า “คนไหนทีพ่ ายเรือให้ในหลวงประทบั ” ผู้ใหญ่ใจบอกคนนี้พร้อมกับช้ีมือมาที่นายนุช พระองค์ท่านกเ็ ลยบอกวา่ “ไปพายเรอื ให้ผมประทบั อีกซกั ที” ต่อมาจึงปรากฏภาพถ่ายขณะท่ีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จลงเรือ เพื่อชมบรรยากาศในบึงบากง โดยในมือของพระองค์ท่านถือใบพายเรือเพ่ือช่วยลุงนุชพายเรือเวียนไปรอบบึงด้วย และหลงั จากน้นั สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ ทรงโปรดเมตตาใหเ้ ข้าเฝ้า นางสาวชศู รี อนนั ตรานนท์ อาจารย์ ๒ ระดบั ๗ โรงเรยี นบา้ นบอื แนนากอ อำ� เภอศรสี าคร จงั หวดั นราธวิ าส และนางจรูญศรี สุขแสน อาจารย์ ๑ ระดับ ๕ โรงเรียนศรีวารินทร์ อ�ำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ลูกสาว ของนายนุช เล่าให้ฟังว่า ในคร้ังแรกหลังจากที่พ่อพายเรือให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงประทับในบึงบากงแล้ว ทรงโปรดให้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด รวมถึงหลังจากที่พายเรือให้ สมเด็จพระบรมฯ ในปี ๒๕๒๙ และหลังจากน้ันมาครั้งใดที่พระองค์เสด็จแปรพระราชฐานมาที่ต�ำหนักทักษิณ ราชนิเวศน์ พระองค์จะทรงมีพระเมตตาให้เข้าเฝ้าท่ีศาลาทรงงาน หรือที่วัดบากง รวมถึงท่ีพระต�ำหนักทักษิณ ราชนเิ วศน์ ด้วยความปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ นี าถ ตลอดจนพระบรมวงศานวุ งศท์ กุ พระองค์ ตอ่ มานายนชุ ได้ถวายที่ดนิ ทบ่ี ้านบากง จ�ำนวน ๙ ไร่ แด่สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ นางสาวชศู รี อนนั ตรานนท์ บอกเลา่ เรอ่ื งราวขณะไดม้ โี อกาสเขา้ เฝา้ อยา่ งใกลช้ ดิ วา่ บารมขี องพระองคท์ า่ น สูงส่งมาก เวลาให้เข้าเฝ้าพระองค์ท่านจะถามถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านท้ังหมด ท�ำให้สัมผัสได้ถึงความห่วงใย ทพี่ ระองค์ท่านมตี อ่ พสกนิกรทุกคน “ความรู้สึกที่ได้เข้าเฝ้า รู้สึกดีใจ ปลื้มใจ ตื้นตันจนบอกไม่ถูก ให้เข้าเฝ้าทั้งท่ีเราก็เป็นเพียงชาวบ้าน ธรรมดา ซาบซึ้งมากในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ในการเข้าเฝ้าแต่ละคร้ังพระองค์ท่านจะถามถึง พน่ี อ้ งชาวบา้ นบากง ความเปน็ อยขู่ องชาวบา้ นเปน็ อยา่ งไร ถามหมดเลย ถามวา่ ชาวบา้ นทำ� อะไร มอี าชพี อะไร พอกินไหม น�้ำท่วมมากไม๊ ฝนตกมากไม๊ แล้งไม๊ แล้วทางราชการมาช่วยอะไรบ้างหรือไม่ พระองค์ท่าน จะมีความเปน็ ห่วงมาก การเขา้ เฝ้าทุกคร้ังพระองคท์ ่านจะมพี ระเมตตาชนิดที่ว่าบอกไมถ่ ูกเลย บางคนบอกวา่ ได้เข้าเฝ้าแล้วปีหน้าคงจะไม่ต่ืนเต้นอะไร ไม่ใช่เลยค่ะ บารมีของพระองค์ท่านสูส่ง แต่พอไปถึงพระองค์ท่าน จะพดู กนั เอง รวมเวลาทใ่ี หเ้ ขา้ เฝา้ เกอื บเปน็ ชวั่ โมง ไดใ้ กลช้ ดิ มาก พระเมตตาของพระองคท์ า่ นจะไมถ่ อื พระองค์ เรากพ็ ดู จาโดยใชภ้ าษาบ้านๆ พ่อกพ็ ดู ใต”้ 269หลักสูตรสงั คมพหุวฒั นธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัติศาสตรท์ ้องถนิ่ จงั หวดั ชายแดนภาคใต)้

กล่าวได้ว่านี่คืออีกเหตุการณ์ส�ำคัญครั้งหนึ่งท่ีชาวบ้านในจังหวัดนราธิวาส ได้รับใช้ใกล้ชิดพระองค์ ท่านอย่างใกล้ชิด กลายเป็นการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของชาวบ้านบ้านบากง หมู่ที่ ๖ ต�ำบลรือเสาะ อ�ำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส โดยต่อมาชาวบ้านถึงกับน�ำเรือท่ีเคยเสด็จประทับซึ่งเป็นเรือขุดจากไม้ทั้งต้น เจ้าของเดิมคือ “พ่อท่านด�ำ” เจ้าอาวาสวัดทรายทองในขณะนั้น ไปเก็บรักษาไว้ในวัดทรายทอง กระท่ังต่อมาจึง ไดน้ ำ� ไปไว้ในพื้นทส่ี ว่ นหน่ึงของศาลาทรงงานบา้ นบากง เพอ่ื ใหป้ ระชาชนโดยทวั่ ไปไดเ้ ยยี่ มชม ส�ำหรับหนองบัวบากงน้ัน ต่อมาได้มีการปรับปรุงเป็นอ่างเก็บน�้ำ กลายเป็นหน่ึงในโครงการพระราชด�ำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเป็นโครงการชลประทานขนาดเล็กอันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริ โดยใช้งบประมาณจ�ำนวนหนึ่งปรับปรุงระบบระบายน�้ำหนองบัวบากง เพื่อให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยท่ัวถงึ ที่ส�ำคัญเม่ือถึงฤดูกาลประมาณเดือนสิงหาคมของทุกปี จะมีสัตว์น้�ำนานาชนิดโดยเฉพาะ “นกอพยพ” จากถิ่นไกลพากันอพยพมาอาศยั กันอยู่มากมาย ทั้งเกาะและบินวนเวียนไปมาเหนือบวั หลวงที่ต่างบานสะพร่งั ชูช่อ ชมพูงามท้าทายลม แดด ภาพท่ีเห็นแต่ไกลเป็นสีสันรายเรียงสลับร้ิวลายลานตา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ส�ำคญั อีกแห่งหน่งึ ของจังหวดั นราธวิ าส มากระท่งั บดั น้ี นายนุช อนันตรานนท์ ได้เสียชีวิตด้วยวัยชรา เม่ือวันท่ี ๑๓ มีนคม ๒๕๕๓ ท่ีบ้านเลขท่ี ๖๔/๑ หมู่ท่ี ๖ บา้ นบากง อ�ำเภอรอื เสาะ จงั หวดั นราธิวาส รวมอายุ ๙๓ ปี 270 หลักสูตรสังคมพหวุ ัฒนธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวัติศาสตรท์ ้องถ่นิ จังหวดั ชายแดนภาคใต)้

บทที่ ๗ “รายอกีตอ และประไมสุหรีกีตอ” จากประสบการณ์ที่ได้ปฏิบัติหน้าท่ีเป็นล่ามประจ�ำขบวนเสด็จฯ โดยท�ำหน้าที่เป็นล่ามภาษามลายู ถวายแด่ทุกพระองค์ และเป็นผู้ดูแลสมาชิกศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีโอกาส ได้พบเห็นได้ยิน ได้ฟังการพูดคุย และจากการสังเกตในการติดตามเป็นล่ามขบวนเสด็จฯ พระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ และพระบรมวงศานวุ งศาทกุ พระองคต์ ง้ั แตป่ ี ๒๕๑๖ จนถึงปัจจบุ ันเป็นเวลา ๔๐ ปี นบั ตง้ั แตพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ ตลอดจนบรมวงศานวุ งศ์ ทกุ พระองคไ์ ดเ้ สดจ็ แปรพระราชฐานประทบั แรม ณ พระตำ� หนกั ทกั ษณิ ราชนเิ วศน์ ตำ� บลกาลวุ อเหนอื อำ� เภอเมอื ง จังหวัดนราธิวาส ต้ังแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๖ พระองค์ได้เสด็จพระราชด�ำเนินในท้องที่ต่างๆ ทรงเยี่ยมเยือน พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทั่วทุกแห่งหน ในท้องที่ๆ เป็นทุ่งนาป่าเขา ในถ่ินทุรกันดารที่ห่างไกลท้ังกลางวันและ กลางคนื ทวั่ ทกุ ตำ� บล และหมบู่ ้านของจังหวัดนราธวิ าส และจงั หวดั ใกล้เคียง โดยไมท่ รงเหน็ดเหนอ่ื ย ไม่ยอ่ ทอ้ ต่อ ความยากล�ำบาก และประชาชนประสบปัญหาความทุกข์ยาก เดือดร้อนพระองค์ก็จะเสด็จฯ ไปรุดเยี่ยมทันที เม่ือพระองค์เสด็จไป ณ ที่ใด ท่ีน่ันก็จะได้รับการแก้ไข เสมือนทรงดับไฟในทรวงอกของประชาชน ให้เย็นลง อย่างฉับพลัน และที่น่ันก็จะได้รับการพัฒนาท่ีดีขึ้นและเจริญข้ึนเป็นล�ำดับ ประชาชนดีใจท่ีได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดโดยท่ีไม่ทรงถือพระองค์เลย ท�ำให้พระองค์ใกล้ชิดกับประชาชนมาก ทรงทราบถึงปัญหาของพื้นที่ ปัญหาของบุคคล ตลอดจนการด�ำรงชีวิต และวิถีชีวิตในพื้นที่โดยตรงอย่างละเอียด ตรงตามพระราชด�ำรัส ของพระองค์ที่ว่า การท�ำงานกับประชาชนในจังหวัดภาคใต้ ต้องเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา “การเข้าใจ” คงไม่ใช่ พูดจาพอเข้าใจ แต่คงต้องเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ ประวัติความเป็นมา เข้าใจวิถีชีวิต และเข้าใจถึงจิตใจคน เขา้ ใจถงึ ความรสู้ กึ นกึ คดิ ลกึ ๆ ของประชาชน ตอ้ งเขา้ ใจถงึ สภาพปญั หา ความเดอื ดรอ้ น ความตอ้ งการในดา้ นตา่ งๆ เช่น ด้านอาชีพ รายได้ การศึกษา สุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อม สิ่งที่ชอบ และไม่ชอบ ตลอดจนต้องเข้าใจ ถึงความแตกต่างทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อทางศาสนาของประชาชน แต่ละท้องถ่ิน อย่างแทจ้ รงิ อย่างลึกซ้ึง เพือ่ จะได้แก้ปัญหาตรงจดุ ตรงประเด็น และเกาใหถ้ ูกทค่ี นั ส่วนการ “เข้าถึง” มใิ ช่ไปถึง ขา้ พเจา้ คดิ วา่ คงตอ้ งเขา้ ถงึ ปญั หา เขา้ ถงึ ตวั คนกลมุ่ คน เขา้ ถงึ จติ ใจคน จงึ ตอ้ งเขา้ ไปชว่ ยเหลอื สรา้ งความรจู้ กั สนทิ สนม ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อให้เกิดความรัก ความศรัทธาความเช่ือถือ ความเช่ือม่ัน และความไว้วางใจท่ีแท้จริง ดังน้ัน การเข้าใจ เข้าถึง จึงต้องค�ำนึงถึงประเด็นต่างๆหลายด้าน เมื่อเข้าไปพัฒนาก็จะได้รับความร่วมมือ จากผ้นู �ำทอ้ งถนิ่ ผูน้ ำ� ชมุ ชน ผนู้ �ำศาสนา พลังมวลชน และองคก์ รตา่ งๆ เป็นอยา่ งดี เนือ่ งจากปญั หาเกิดจากท้องท่ี หรือคนท่ีในท้องท่ี ดังนั้น ควรให้โอกาสบุคคลในพื้นท่ีได้มีส่วนร่วมในกระบวนการคิด การวางแผน การให้ข้อมูล กระบวนการแก้ปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นของตนเอง งานจึงจะประสบความส�ำเร็จด้วยความราบรื่น พระองค์ ทรงท�ำให้ดูเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในการพระราชทานความช่วยเหลือ ในโครงการ พระราชดำ� รติ า่ งๆ มากมาย เชน่ โครงการพฒั นาทด่ี นิ แหลง่ นำ้� ระบบชลประทาน การเกษตร การประมง ปศสุ ตั ว์ เปน็ ตน้ 271หลักสูตรสงั คมพหวุ ัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัตศิ าสตร์ท้องถิน่ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

เพื่อเน้นการส่งเสริมอาชีพหลักของครอบครัว ตลอดจนทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพระราชทานโครงการศิลปาชีพ และโครงการฟาร์มตัวอย่าง เป็นต้น พระองค์ทรงเข้าพระทัย ถงึ ความทกุ ขย์ ากเดอื ดรอ้ น ความกงั วลใจ ความตอ้ งการ และวถิ ชี วี ติ ดา้ นศาสนา ขนบธรรมเนยี มประเพณวี ฒั นธรรม ของชาวไทย ทน่ี บั ถอื ศาสนาอสิ ลาม หรอื ชาวไทยมสุ ลมิ อยา่ งลกึ ซง้ึ ทกุ คนจงึ เคารพรกั และเลอื่ มใสศรทั ธาพระองค์ เปน็ อย่างยิ่ง ชาวไทยมุสลมิ จึงเรยี กพระองค์วา่ “รายอกตี อ” และ “ประไมสุหรกี ีตอ” “รายอกีตอ” ค�ำว่า “รายอ” แปลว่า พระเจา้ ของแผน่ ดิน พระมหากษัตริย์ หรือในหลวง คำ� ว่า “กตี อ” แปลว่า เรา หรือของเรา ดังน้ัน ค�ำว่า “รายอกีตอ” จึงแปลว่า “ในหลวงของเรา” และ “ประไมสุหรีกีตอ” จึงแปลว่า พระราชินีของเรา ซ่ึงการที่ชาวไทยมุสลิมในภาคใต้เรียกว่า “รายอกีตอ”และ “ประไมสุหรีกีตอ” ย่อมหมายถึง การยอมรับนับถือ การไว้วางใจ ความเคารพรัก ความเล่ือมใสศรัทธา หรือความจงรักภักดีเป็นท่ีย่ิง เพราะเดมิ ทเี ดียว ครงั้ ทพี่ ระองคเ์ สด็จฯ ภาคใตใ้ หมๆ่ ชาวไทยมสุ ลิมเรียกพระองค์ว่า “รายอซแี ย” คำ� วา่ “ซแี ย” มาจากค�ำว่า “สยาม” ฉะนั้น ค�ำว่า “รายอซีแย” จึงแปลว่า “พระเจ้าแผ่นดินสยาม” เป็นการเรียกคล้ายๆ กบั วา่ เปน็ ชาวตา่ งประเทศ หรอื เรยี กตามชาวมาเลเซยี ทง้ั นอี้ าจเปน็ เพราะวา่ ชาวไทยมสุ ลมิ สมยั กอ่ นมกี ารศกึ ษานอ้ ย เรียนหนังสือไทยน้อย จึงอ่านเขียนพูดภาษาไทยได้น้อย หรืออาจจะเป็นเพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไกลเกินไป หรืออาจเป็นเพราะเหตุใดก็มิอาจทราบโดยแน่ชัด แต่ส�ำหรับผู้ท่ีได้รับ การศึกษาสูงๆ ย่อมมีความรู้ความเข้าใจเช่นเดียวกับคนไทยท่ัวไป ท่ีเล่ามาน้ีเพื่อให้ทราบว่าการท่ีชาวไทยมุสลิม เรียกพระเจ้าอยู่หัว จากเดิมที่เคยเรียกแต่เดิมว่า “รายอซีแย” เปล่ียนมาเรียกใหม่ว่า “รายอกีตอ” และ “ประไมสุหรีกีตอ” น้ันมิใช่เรื่องธรรมดา ข้าราชการรุ่นเก่าๆ ท่ีเคยรับราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คงทราบปัญหาทางใต้ได้ดี ท่ีเกี่ยวกับค�ำว่า คนไทย หรือคนมลายู ฉะน้ัน การท่ีชาวไทยมุสลิมเรียกพระเจ้าอยู่หัว (พระนามเดมิ ) ว่า “รายอกีตอ” และเรียก “พระราชิน”ี วา่ “ประไมสุหรกี ีตอ” น้ัน ถอื ว่าเป็นคำ� ทม่ี ีความหมาย และมีความส�ำคัญย่ิงในความเป็นไทย โดยมีองค์พระประมุของค์เดียวกัน เพราะส่ิงเหล่าน้ี ซื้อไม่ได้ด้วยเงินตรา และสร้างไม่ได้ด้วยวัตถุ นับว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ดับไฟใต้โดยแท้จริง ในเวลาต่อๆ มา เม่ือประชาชนได้มีโอกาส รับเสด็จฯ และเขา้ เฝา้ ฯ อยา่ งใกลช้ ิดมากข้นึ ประชาชนได้รบั ทราบถงึ พระราชกรณียกจิ และโครงการพระราชด�ำริ ท่ีได้พระราชทานความช่วยเหลือแก่ประชาชนมากขึ้นทุกวัน พระองค์ไม่ได้เปล่ียนวิถีชีวิตของประชาชน แต่พระองค์ทรงเปล่ียนคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นโดยแท้จริง พระองค์ทรงมีพระราชปณิธานอย่างมุ่งมั่น ท่จี ะใหป้ ระชาชนอยู่ดีกนิ ดี อยูเ่ ย็นเปน็ สขุ อยูด่ ว้ ยรู้รักสามคั คี ด้วยความสมานฉนั ท์ เพ่อื ใหเ้ กิดความรม่ เย็นเป็นสขุ มาแทนท่ีภูมิภาคแห่งนี้ นับว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินท่ีทรงงานหนักที่สุดในโลก นับวันประชาชน ไดเ้ หน็ นำ�้ พระทยั ทบ่ี รสิ ทุ ธข์ิ องลน้ เกลา้ ลน้ กระหมอ่ ม ทม่ี ตี อ่ ประชาชนอยา่ งเปน็ รปู ธรรมทช่ี ดั เจน พระองคท์ รงเปน็ ทพี่ งึ่ ของพสกนกิ รชาวไทยทกุ คน พระองคไ์ มท่ รงคำ� นงึ ถงึ ความแตกตา่ งของศาสนาแตอ่ ยา่ งใด ประชาชนชาวไทยที่ นับถือศาสนาอิสลามจึงรักพระองค์ท่านมาก และประชาชนจะรอคอยการเสด็จฯ ของพระองค์ด้วยความหวัง อย่างมีความสุข และพดู เป็นเสียงเดยี วกันว่า “รายอกตี อบาเฮะ” และ “ประไมสุหรกี ีตอบาเฮะ” คำ� วา่ “บาเฮะ” แปลวา่ “ด”ี จงึ แปลวา่ “ในหลวงของเราด”ี และ “พระราชนี ขี องเราด”ี ปจั จบุ นั พดู วา่ “กตี อกาเซะรายอกตี อ” ค�ำว่า “กาเซะ” แปลว่า “รัก” จึงแปลว่า “เรารักในหลวงของเรา” และ “เรารักพระราชินีของเรา” ดังน้ัน พสกนกิ รทกุ หมเู่ หลา่ ตา่ งมคี วามจงรกั ภกั ดี มคี วามสำ� นกึ และซาบซง้ึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ เปน็ ลน้ พน้ หาทส่ี ดุ มไิ ด้ เหลา่ ข้าพระพุทธเจา้ ขอพระราชทานถวายพระพรใหพ้ ระองคท์ รงพระเจรญิ มีพระชนมายุย่ิงยืนนาน 272 หลักสตู รสังคมพหุวฒั นธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวัตศิ าสตร์ท้องถ่ินจงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พระองค์ท่าน ได้ให้ความส�ำคัญ ในการพัฒนาด้านจิตใจควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านการประกอบอาชีพ หรือเรื่องของปากท้องควบคู่ กันไป แต่ไดเ้ นน้ ในเรอ่ื งของจติ ใจก่อน ดงั น้ี ๑. การพฒั นาทางด้านจิตใจ จติ ใจเปน็ สง่ิ ทสี่ ำ� คญั มาก เพราะเกยี่ วกบั ขวญั และกำ� ลงั ใจ เกย่ี วกบั ความรสู้ กึ นกึ คดิ ความรกั ความศรทั ธา ความเชื่อถือ และความไว้วางใจของประชาชนโดยตรง พระองค์ทรงมีพระราชปณิธาน และความมุ่งม่ันท่ีแน่วแน่ ที่จะพัฒนาช่วยเหลือความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน และคล่ีคลายปัญหาต่างๆ โดยยึดหลักคุณธรรม ตามพระราชดำ� รสั “การรรู้ กั สามคั คี การเขา้ ใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” อยา่ งแทจ้ รงิ การทรงงานของพระองค์ ไดพ้ ฒั นา ด้านวัตถุควบคู่กับการพัฒนาด้านจิตใจ แต่พระองค์จะทรงเน้นด้านจิตใจก่อน เพ่ือให้ประชาชนเกิดความรัก ความศรัทธา ดังน้ันในการเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในระยะแรกๆ มักจะเสด็จฯ เป็นการส่วนพระองค์ โดยไม่มี หมายก�ำหนดการล่วงหน้าก็บ่อยครั้ง ท�ำให้ประชาชนได้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดมาก ทรงรู้จักประชาชน รจู้ กั ใจประชาชน รจู้ กั พ้นื ท่ี และทรงทราบปัญหาตา่ งๆ มากมาย ดงั นี้ ๑.๑ ด้านศาสนา ดา้ นศาสนา คอื เดมิ ทนี นั้ ชาวไทยมสุ ลมิ คดิ วา่ พระองค์ คงไมใ่ หค้ วามสำ� คญั กบั ศาสนาอสิ ลามมากนกั แต่จริงๆ แล้วพระองค์ทรงให้ความส�ำคญั มาก ปรากฏว่าในชว่ งแรกๆ ทเ่ี สดจ็ ฯ พระองคไ์ ด้พระราชทานเงนิ สำ� หรบั สร้างมัสยิดบ้านเขาตันหยงทันที และได้พระราชทานเงินอุดหนุนเป็นประจ�ำทุกปีต่อๆ มา พระองค์ได้เสด็จฯ เยี่ยมมัสยิด วัด ปอเนาะ หรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และสถานศึกษาต่างๆ ทรงศึกษาพ้ืนท่ี ทรงท�ำ ความรู้จักกบั ผนู้ ำ� ศาสนา และผูน้ ำ� ท้องถิน่ พระราชทานเงินบำ� รุงศาสนาไดพ้ ระราชทานส่งิ ของต่างๆ และยาสามญั ประจ�ำบ้าน เป็นต้น ต่อมาเม่ือทางราชการได้จัดมีการประกวดมัสยิดปอเนาะดีเด่นข้ึน อีหม่าม และโต๊ะครู หรือผู้บริหารโรงเรียน ครู นักเรียนที่ชนะการประกวดทุกคนจะได้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ ของพระองค์ พรอ้ มพระราชทานพระบรมราโชวาทเป็นประจำ� ทกุ ปี ๑.๒ ดา้ นภาษา เดิมที ชาวไทยมุสลิมพูดภาษาไทยไม่ได้ จึงเป็นทุกข์ใจกังวลใจมากเกรงว่าจะไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดเหมือนคนอ่ืนๆ แต่ปรากฏว่า พระองค์ทรงศึกษาบ้าง พระองค์ทรงจัดล่ามภาษามลายูประจ�ำขบวน เสด็จฯ ท�ำให้คนมีอายุมากที่พูดภาษาไทยไม่ได้สามารถเข้าเฝ้าฯ ได้อย่างใกล้ชิดเหมือนคนไทยทั่วไป ใครไปก่อน ได้เข้าเฝ้าอยู่แถวหน้า ใครมีของที่จะถวายก็สามารถที่จะถวายได้ โดยไม่ทรงค�ำนึงถึงความแตกต่างทางศาสนา แต่อย่างใด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระนามเดิม) และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ (พระนามเดิม) ทั้งสองพระองค์ทรงเรียนภาษามลายู รู้สึกดีใจมากท่ีได้มีโอกาสเข้าเฝ้าท้ังสองพระองค์ นอกจากน้ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานชื่อ หรือพระนาม แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยฯ (พระนามเดิม) ว่า “อามีนะ” ฉะน้ัน ท้ังสอง พระองค์ จึงสามารถตรัสเป็นภาษามลายูท้องถ่ินได้ โดยเฉพาะสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทรงสามารถตรัสเป็นภาษามลายูได้ โดยไม่ต้องใช้ล่ามต่อไปอีกแล้ว บางครั้งเม่ือมีพระสหายท่ีเป็นชาวต่างชาติ ตามเสด็จฯ และทักทายชาวมุสลิมที่เฝ้ารับเสด็จฯ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงเป็น ลา่ มแปลให้ชาวตา่ งชาติดว้ ยพระองค์เอง 273หลกั สูตรสงั คมพหวุ ฒั นธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวัตศิ าสตรท์ ้องถิน่ จังหวัดชายแดนภาคใต้)

๑.๓ ดา้ นขนบธรรมเนียมประเพณีและวฒั นธรรม ประชาชนกังวลใจวา่ ประเพณีวฒั นธรรมทเ่ี คยปฏิบตั มิ าชา้ นานแต่โบราณนัน้ จะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะครั้งหน่ึง ในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ก็เคยมีการเปล่ียนแปลงประเพณีบางอย่างมาแล้ว แตจ่ รงิ ๆ แลว้ พระองค์ไมท่ รงเปล่ยี นแปลงใดๆ เลย ดงั นี้ ๑) การแต่งกาย ทรงอนุญาตให้ชาวไทยมุสลิมแต่งกายตามประเพณีในการเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จฯ และส่งเสด็จฯ ตามประเพณที เ่ี คยแตง่ ในชวี ิตประจำ� วันตามปกติ ไมม่ ีการเปลยี่ นแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ๒) ศลิ ปะการแสดงพื้นเมือง ไดแ้ ก่ รองแงง็ และซำ� เป็ง เปน็ ตน้ พระองคท์ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงส่งเสริมให้มีการแสดงในพระต�ำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ต่อมา มีพระกระแสรับส่ังให้นางพระก�ำนัล และเจ้าหน้าท่ีกองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จฯ และนายทหารติดตาม ขบวนเสด็จฯ ให้หัดรองเง็ง และซ�ำเป็ง ไปแสดงตามต�ำหนักต่างๆ ทั้ง ๔ ภาค ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จังหวัดนราธิวาส จัดนักแสดงรองเง็ง และซ�ำเป็ง จ�ำนวน ๖๐ คู่ ๑๒๐ คน ไปแสดง ณ โรงละครแห่งชาติ ท่ีกรุงเทพฯ ในวโรกาส ๖๐ พรรษา ของพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ (พระนามเดิม) ทรงรว่ มแสดงด้วย จะเห็นว่าไดร้ ับการส่งเสริมเป็นอย่างดยี งิ่ ๓) ศิลปะการละเล่นพ้ืนเมือง ได้แก่ การเล่นดีเกฮูลู การขับร้อง อนาซีด การร�ำซีละ การตีกลอง กรอื โตะ๊ และบานอ ทรงส่งเสรมิ ใหม้ กี ารแสดงอย่างแพรห่ ลายด้วยดีตลอดมา ๔) ประเพณีอื่นๆ เช่น ทรงส่งเสริมให้มีการแข่งเรือกอและหน้าพระท่ีน่ัง พระองค์ทรงไปเป็น องคป์ ระธาน ทรงสง่ เสรมิ ให้มีการประกวดนกเขาชวา ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ มเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารีฯ (พระนามเดิม) ไปเป็นองค์ประธานและพระราชทานถ้วยรางวัล แก่เจ้าของนกท่ีชนะ การประกวดเปน็ ประจำ� ทุกปี ในการส่งเสริมด้านศาสนาวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยมุสลิมน้ัน พระองค์ทรงเห็นว่าเป็น เร่ืองส�ำคัญมากเพราะเก่ียวกับการเมืองการปกครอง และสังคมจิตวิทยา พระองค์ได้พระราชทานพระราชด�ำริ ให้รัฐบาลไปด�ำเนินการจัดตั้งศูนย์อ�ำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น รัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทย ได้น�ำพระราชด�ำริ ท่ีพระองค์ได้พระราชทาน ไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ท�ำให้สามารถแก้ไขปัญหาด้านศาสนา ประเพณีวัฒนธรรมของชาวไทยมุสลิม ท�ำให้สถานการณ์ได้คล่ีคลายในทางท่ีดีข้ึนเป็นล�ำดับ นับเป็นพระบารมี ปกเกลา้ ฯ และเปน็ พระมหากรณุ าธคิ ณุ อนั ทีห่ าท่สี ุดมิได้ ๑.๔ ด้านการรกั ษาสขุ ภาพลามัย และการช่วยเหลือประชาชน ทรงจัดหน่วยแพทย์พระราชทานรักษาผู้เจ็บป่วยฟรี มีบริการทั้งในบริเวณพระต�ำหนักทักษิณ ราชนิเวศน์ เรียกว่า หน่วยแพทย์หน้าวัง มีแพทย์ในขบวนเสด็จฯ และมีหน่วยแพทย์บริการ ณ จุดหมายท่ีเสด็จฯ ทุกแห่ง โดยให้บริการด้านการแพทย์เบ้ืองต้น หากอาการหนักทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระราชบรมราชานุเคราะห์ แล้วส่งรักษาต่อไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อาทิโรงพยาบาลนราธิวาสฯ โรงพยาบาลยะลา โรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ตามแต่กรณี บางรายที่มีอาการหนักไม่สามารถรักษา ในโรงพยาบาลในภาคใตไ้ ด้ ทรงสง่ รกั ษาตอ่ ทโ่ี รงพยาบาลใหญๆ่ ในกรงุ เทพฯ กม็ จี ำ� นวนมาก คา่ ใชจ้ า่ ยในการรกั ษา การเดินทาง ที่พัก อาหารการกินของผู้ป่วย และญาติท่ีติดตามเฝ้าไข้ได้รับการยกเว้น ทั้งน้ียังมีเจ้าหน้าที่ บรกิ ารรับ - สง่ ผปู้ ่วยดว้ ย 274 หลกั สูตรสงั คมพหวุ ฒั นธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวัติศาสตร์ท้องถน่ิ จังหวัดชายแดนภาคใต้)

ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ใหส้ มเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ (พระนามเดมิ ) ชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบปญั หา ความทกุ ขย์ ากเดอื ดรอ้ นกรณตี า่ งๆ เชน่ พระราชทานถงุ ยงั ชพี และเงนิ ขวญั ถงุ แกผ่ สู้ งู อายุ พระราชทานกายอปุ กรณ์ ความพิการ ทุนประกอบอาชีพ เครื่องมือประกอบอาชีพ ฝึกอาชีพแก่ผู้พิการและผู้ยากจน พระราชทาน เคร่ืองอุปโภคบริโภค ท่ีท�ำกิน บ้านท่ีอยู่อาศัย เบ้ียยังชีพรายเดือน รายปีแก่ผู้พิการ คนไร้ท่ีพ่ึง และผู้ด้อยโอกาส พระราชทานทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนและเด็กก�ำพร้า เป็นต้น พระองค์ทรงเป็นที่พึ่งท้ังทางกายและทางใจ โดยไม่เลือกศาสนาแต่อย่างใด ท�ำให้ทุกคนมีก�ำลังใจที่จะสู้ชีวิตต่อไป โดยมีพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งท่ีย่ิงใหญ่ เปน็ ความหวงั ของคนยากไร้ ผูด้ ้อยโอกาสอยา่ งแท้จรงิ ในบางพืน้ ทม่ี ีดนิ และน�้ำมสี ภาพเป็นพรุเป็นดินเสยี มีน้�ำขงั ตลอดปี ยงุ ก็ชุมดนิ กเ็ ป็นกรด บางคนอาจจะแพ้ ท�ำให้เกิดโรคบางอย่างได้ เช่น โรคเกี่ยวกับหู คอ จมูก โรคผิวหนัง โรคเท้าช้าง เป็นต้น ประชาชนจ�ำนวนมาก ขาดสุขภาวะโภชนาการ เด็กขาดสารอาหาร พระองค์ทรงเคยจัดคณะแพทย์พระราชทานมาฉีดวัคซีนให้กับเด็ก เพื่อป้องกันโรค ครั้งละ ๔๐ คน ได้รับส่ังให้ข้าพเจ้าจัดล่าม ๔๐ คน ประจ�ำตัวแพทย์ เพ่ือไปด�ำเนินการ ในทอ้ งท่ตี ่างๆ ของจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ๑.๕ ทรงฝากความคดิ ถึงประชาชน ด้วยมีนายสะอารี เจ๊ะแว เป็นครูโรงเรียนอัตตัรกียะห์อิสลามมียะห์ พูดกับข้าพเจ้าว่า “เรารัก และคิดถงึ ในหลวงและราชนิ ีมาก” แตเ่ ราไม่มีโอกาสได้เขา้ เฝ้าฯ “เราจะฝากสลามถึงพระองคไ์ ดไ้ หม” ขา้ พเจ้า จึงได้กราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ ซ่ึงทั้งสองพระองค์ดีพระทัยมาก ทรงตรัสว่า “ขอบใจ” และฝากความคิดถึง ไปยังนายสะอารีฯ และคนอื่นๆ ด้วย หลังจากนั้นประชาชนได้ฝากสลามถึงพระองค์ผ่านข้าพเจ้าและพระองค์ ก็ทรงฝากความคิดถึงประชาชนติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน นับว่าเป็นการสร้างความรักความผูกพันทางจิตใจ กับประชาชนไดอ้ ย่างลึกซึง้ จนเปน็ ที่ประทับใจของชาวมสุ ลิม ๒. การสง่ เสรมิ ด้านอาชพี และการพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของประชาชน ๒.๑ ด้านการพฒั นาท่ีดนิ เนอ่ื งจากการประกอบอาชพี เกษตรกรรม ปัจจยั สำ� คญั ทสี่ ดุ คอื ดนิ และน�ำ้ แตด่ นิ และน้ำ� มีปัญหา คือ เป็นดินพรุ ท�ำให้ดิน และน�้ำมีรสเปร้ียว และมีคุณภาพต�่ำ หากเปร้ียวจัดไม่สามารถประกอบอาชีพ ด้านการเพาะปลูก การเลี้ยงปลา และสัตว์น้�ำอื่นๆ ก็อยู่ไม่ได้ จังหวัดชายแดนภาคใต้มีพ้ืนที่ป่าพรุ ดินพรุ น�้ำพรุ เป็นจ�ำนวนมาก เนื่องจากดินมีสารไพไรท์ท�ำให้เกิดกรดก�ำมะถัน เมื่อดินแห้งท�ำให้เกิดดินเปร้ียว จ�ำเป็นต้อง แกล้งปรับปรุงพัฒนาพื้นที่พรุให้เป็นดินดีเสียก่อน จึงจะสามารถประกอบอาชีพทางการเกษตรได้ เรียกว่า “โครงการแกล้งดิน” มีแห่งเดียวในประเทศไทย พื้นที่ป่าพรุจะมีน�้ำขังตลอดปี ด้วยเหตุนี้เมื่อถึงฤดูฝน หากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันจะท�ำให้พ้ืนที่นา ที่ราบลุ่ม และบริเวณป่าพรุใกล้แม่น้�ำล�ำธาร น�้ำจะท่วมทันที และหากเปน็ จงั หวะทน่ี ำ�้ ทะเลหนนุ จะยงิ่ ทำ� ใหบ้ รเิ วณใกลป้ ากนำ้� นำ�้ ทว่ มสงู ขน้ึ เปน็ ทวคี ณุ และหากมฝี นตกชกุ หนกั บนภูเขาด้วยแล้ว บางครั้งท�ำให้เกิดดินถล่ม น้�ำจะท่วมขึ้นอย่างฉับพลัน ท�ำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต และทรพั ยส์ นิ บา้ นเรอื น ถนนหนทาง ผลติ ผลดา้ นเกษตร ปศสุ ตั ว์ และประมงจะเสยี หายหนกั ประชาชนจะเดอื ดรอ้ นมาก พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ และส�ำคัญมาก จึงต้องแก้ไขด้วยการพัฒนาอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ ที่เหมาะสม ทรงให้ส่วนราชการท่ีรับผิดชอบศึกษาพ้ืนท่ีพรุ แม่น้�ำ ล�ำคลอง และสภาพของพ้ืนท่ีต่างๆ เพื่อพัฒนา เป็นการบูรณาการแบบผสมผสาน และเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สูงข้ึนในทุกๆ ด้านอย่างย่ังยืน 275หลักสูตรสงั คมพหวุ ัฒนธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ศิ าสตร์ทอ้ งถ่ินจังหวดั ชายแดนภาคใต้)

พระองค์จึงทรงจัดต้ัง “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชด�ำริ” ขึ้นท่ีจังหวัดนราธิวาส เพื่อให้เป็นสถานท่ีศึกษา ค้นคว้า ทดลองวิจัย ทรงเน้นการพัฒนาดินเปรี้ยว และดินพรุ ซ่ึงเป็นดินเสีย หรอื ดนิ ทม่ี ปี ญั หาใหก้ ลบั มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้ พระองคม์ พี ระราชดำ� รวิ า่ “ศนู ยศ์ กึ ษาฯ นี้ เปน็ คลา้ ยๆ พพิ ธิ ภณั ฑใ์ หญ่ ที่มชี วี ติ ” และทรงใหพ้ ัฒนาดา้ นอื่นๆ ควบคู่กันไปทุกคร้ังท่ีพระองคเ์ สดจ็ ฯ จังหวดั นราธวิ าส สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชินีนาถ (พระนามเดิม) พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ได้ โดยเสด็จฯ หรือตามเสด็จฯ เพ่ือทรงศึกษาโครงการในพระราชด�ำริทุกประเภทในท้องที่ต่างๆ ฉะน้ัน แม้ว่าในระยะหลังๆ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว (พระนามเดิม) มิได้เสด็จฯ ก็ตาม แต่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (พระนามเดิม) และพระบรมวงศานวุ งศท์ กุ พระองคก์ ย็ งั ทรงงานตอ่ ทรงตดิ ตามผล หรอื ผลการดำ� เนนิ การสานตอ่ และสามารถทจี่ ะ ทรงตอ่ ยอด หรอื ทรงขยายผล ตลอดจนเพม่ิ ปรมิ าณของโครงการในพนื้ ทตี่ า่ งๆ มากขนึ้ ตามลำ� ดบั เสมอื นพระองคเ์ สดจ็ ฯ มาทรงงานดว้ ยพระองคเ์ องทกุ ประการ พระองคท์ รงมคี วามมงุ่ มน่ั ทจี่ ะยกระดบั ความเปน็ อยู่ และพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ของประชาชนใหส้ งู ขนึ้ จงึ ไดพ้ ระราชทานโครงการพระราชดำ� รดิ า้ นตา่ งๆ มากมาย เพอื่ ใหร้ าษฎรปรบั ใชใ้ นการดำ� รงชวี ติ กอ่ เกิดรายได้ สามารถพ่งึ ตนเองได้ ด�ำรงอยู่อย่างพอเพยี ง มีชวี ิตอยู่อย่างมคี วามสุขทยี่ ่ังยืน ๒.๒ ด้านการพัฒนาแหลง่ นำ้� พระองค์ได้เสด็จฯ เย่ียมราษฎรเพ่ือทอดพระเนตรสภาพภูมิประเทศ ทรงสอบถามราษฎรถึงสภาพ ปัญหาความเป็นอยู่ อาชีพ รายได้ โดยเฉพาะปัญหาท่ีเกิดจากน้�ำท่วมของแต่ละปี เพ่ือจะทรงหาแนวทาง ในการบรรเทาน้�ำท่วมในฤดูฝน แก้ปัญหาการขาดแคลนน้�ำเพ่ือการเกษตรในฤดูแล้ง การหาแหล่งน้�ำจืด และการป้องกันน�้ำเค็มท่ีไหลย้อนในพ้ืนที่การเกษตรของประชาชนตลอดจนการแก้ไขปัญหาคุณภาพของน้�ำ จึงได้พระราชทานโครงการเกี่ยวกับ “การบริหารจัดการน้�ำ” ซึ่งมีมากมาย อาทิ โครงการเขื่อนบางลาง จังหวัดยะลา – ปัตตานี เข่ือนแม่น�้ำบางนรา - ตากใบ จังหวัดนราธิวาส ประตูน�้ำป้องกันน้�ำเค็มตามแนวปากน�้ำ ชายทะเล จังหวัดนราธิวาส - ปัตตานี อ่างเก็บน�้ำ ฝายทดน้�ำ ฝายน้�ำล้น ท�ำนบน้�ำ คลองส่งน�้ำ และโครงการ ทอ่ ระบายนำ�้ ตลอดจนโครงการชลประทานขนาดใหญ่ กลาง เลก็ กระจายอยทู่ ว่ั ไปในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ เปน็ ตน้ ๒.๓ ด้านการเกษตร พระองค์ทรงส่งเสริมการประกอบอาชีพของราษฎรในหมู่บ้านบริเวณรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนา พกิ ลุ ทองกอ่ น ต่อมาไดข้ ยายไปด�ำเนนิ การในหมบู่ า้ นบรวิ าร และพนื้ ทีท่ ว่ั ไป เช่น โครงการพัฒนาการเกษตรหมู่บ้านโคกอิฐ – โคกใน บ้านยูโย อ�ำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เปน็ โครงการแหง่ แรก ทน่ี ำ� ผลการศกึ ษาจากโครงการแกลง้ ดนิ ไปขยายผลพฒั นาในพน้ื ทด่ี นิ ทม่ี ปี ญั หา โดยปรบั ระดบั พ้ืนท่ีให้ลาดเอียง เพื่อให้น้�ำจืดล้างกรดแล้วไหลลงสู่คลองระบายน�้ำ และใช้หินปูนฝุ่นปรับปรุงดินจนปลูกข้าว อยา่ งได้ผล ดำ� เนินการในพืน้ ทีห่ ลายหม่นื ไร่ โครงการปศุสัตว์เกษตรมูโนะ อ�ำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พระองค์ได้พระราชทานบ้าน พร้อมที่ดินท�ำกิน ให้กับราษฎรท่ียากจนประกอบอาชีพด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง ด�ำเนินการ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จนมีรายได้เป็นหม่ืนเป็นแสนต่อปีต่อครอบครัว สามารถเล้ียงตนเอง พึ่งตนเองได้ อยา่ งยง่ั ยนื สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ (พระนามเดมิ ) ไดพ้ ระราชทานโครงการศลิ ปาชพี ประเภทตา่ งๆ เป็นอาชีพเสริมแก่สมาชิก และพระองค์ได้เสด็จฯ ไปทรงงานศิลปาชีพ พร้อมทรงรับซื้อผลผลิตด้านการเกษตร เป็นประจำ� ทุกปี 276 หลกั สูตรสงั คมพหวุ ฒั นธรรมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวัติศาสตรท์ ้องถิ่นจงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

โครงการท�ำนาข้าวข้ันบันไดตามพระราชด�ำริ ทรงให้ด�ำเนินการในพื้นที่ของนิคมสร้างตนเองสุคีริน และนิคมสร้างตนเองศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส พระองค์ทรงมีพระกระแสรับสั่งว่า “ข้าวเป็นอาหารหลัก แตท่ ุกวนั น้ี จงั หวัดนราธวิ าส ยงั ซอื้ ขา้ วจากทอ่ี ่นื มาบรโิ ภค เพราะขา้ วมจี ำ� นวนไมเ่ พยี งพอ หากขา้ วจากทีอ่ ืน่ ส่งมาไม่ได้ คนท่ีน่ีคงเดือดร้อน จ�ำเป็นต้องท�ำนาข้าวขั้นบันได ให้ราษฎรได้เรียนรู้และมีประสบการณ์” นับวา่ พระองคท์ รงมคี วามหว่ งใยชาวจงั หวดั ชายแดนภาคใตเ้ ป็นอย่างยิง่ เป็นตน้ ๒.๔ ด้านการส่งเสริมอาชพี เชน่ โครงการส่งเสริมอาชีพหมู่บ้านบริวาร และหมู่บ้านรอบศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง ในจังหวัด นราธิวาส เป็นการส่งเสริมอาชีพด้านเกษตรกรรม พัฒนาพ้ืนท่ีดินที่มีปัญหาให้น�ำมาใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตร ส่งเสริม สนับสนุน และสาธิตพืชผักสวนครัว ส่งเสริมการเกษตร การปศุสัตว์ การประมง ด�ำเนินการในพื้นที่ หลายหม่นื ไร่ เพอื่ พัฒนาคุณภาพชีวติ ตามแนวพระราชดำ� รปิ รัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นตน้ โครงการฟาร์มตัวอย่าง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (พระนามเดิม) ได้พระราชทาน โครงการฟาร์มตัวอย่างขึ้น เพ่ือช่วยเหลือราษฎรในชนบทท่ียากจนมีรายได้น้อยไม่เพียงพอแก่การครองชีพ และเนือ่ งจากเหตุความไมส่ งบในจังหวดั ชายแดนภาคใต้ ประสบปัญหาในการประกอบอาชีพพระองค์จึงทรงจัดตงั้ ฟาร์มตัวอย่างขึ้น เพ่ือเป็นแหล่งจ้างงาน แหล่งผลิตอาหาร และแหล่งท่องเที่ยว และเป็นสถานที่เรียนรู้ อาชพี การเกษตร ใหส้ ามารถนำ� ความรทู้ ไี่ ดจ้ ากฟารม์ นำ� ไปประกอบอาชพี ทบี่ า้ น ตามแนวปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง กจิ กรรมในฟารม์ มงี านพชื งานประมง งานปศสุ ตั ว์ งานศนู ยป์ า่ -สตั วป์ า่ เปน็ ตน้ ปจั จบุ นั ฟารม์ ตวั อยา่ งมหี ลายแหง่ กระจายอยู่ตามอ�ำเภอต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท�ำให้ราษฎรมีงานท�ำนับพันคนเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยตรง โครงการเลี้ยงปลาในกระชัง ด้วยประชาชนมีฐานะยากจน รายได้น้อยไม่เพียงพอต่อการครองชีพ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีความประสงค์ที่จะให้ประชาชนมีอาชีพเสริม มีรายได้เพ่ิมและ เป็นการส่งเสริมการเล้ียงปลา จึงได้พระราชทานโครงการเลี้ยงปลาในกระชังขึ้น ปลาท่ีเลี้ยงได้แก่ ปลากะพง ปลาเก๋า ปลากดเหลือง เป็นต้น ต่อมาได้เลี้ยงปลาหลายชนิดตามความนิยมของการบริโภคของแต่ละท้องท่ี ทำ� ให้ประชาชนมอี าหารบริโภคและมรี ายไดใ้ นครอบครัวเพ่มิ ข้นึ เป็นตน้ ๒.๕ โครงการศิลปาชพี สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (พระนามเดิม) ได้พระราชทานอาชีพประเภทต่างๆ ใหร้ าษฎรทเ่ี ขา้ เฝา้ ฯ ตามความสมคั รใจ วา่ ใครจะฝกึ อาชพี อะไร ในการรวมกลมุ่ สมาชกิ และการหาครผู สู้ อนไปสอน ในแต่ละพ้ืนท่ี โดยส่งเงินพระราชทานพร้อมพระราชทานเงินค่าสอนให้กับครูผู้สอน เพ่ือให้ราษฎรได้มีอาชีพเสริม ในยามวา่ ง ไดม้ งี านทำ� มรี ายไดท้ แ่ี นน่ อนยง่ั ยนื ตลอดปี เปน็ การอนรุ กั ษภ์ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ สง่ เสรมิ ศลิ ปวฒั นธรรมไทย โดยสง่ เสรมิ ใหใ้ ชว้ สั ดหุ รอื วตั ถดุ บิ ในทอ้ งถน่ิ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ ปจั จบุ นั มกี ลมุ่ อาชพี ตา่ งๆ ประมาณ ๒๐ ประเภท เชน่ ผลติ ภณั ฑจ์ กั สานยา่ นลเิ ภา จกั สานกระจดู จกั สานเสอ่ื ปาหนนั จกั สานใบลาน เรอื กอและจำ� ลอง เครอื่ งปน้ั ดนิ เผา (เซรามิก) ปักผ้า ทอผ้าฝ้ายทอผ้าไหม ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แกะสลักไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์ ตัดเย็บเส้ือผ้า เขียนลายผ้าปาติก ถักโครเชร์ ไม้กวาดใยมะพร้าว พรมฝ้าย จักสานไม้ไผ่มู่ล่ีผสมกระจูด “สวนยางทรงเช่า” เพอื่ อนรุ กั ษย์ า่ นลเิ ภา ชา่ งเฟอรน์ เิ จอรห์ วาย เปน็ ตน้ ขา้ พเจา้ จะรวบรวมผลติ ภณั ฑศ์ ลิ ปาชพี ประเภทตา่ งๆ สง่ ไปยงั สวนจิตรดาทุกเดือน ทางสวนจิตรดาจะส่งเงินพระราชทานค่าผลิตภัณฑ์ ให้ข้าพเจ้าไปมอบให้กับสมาชิกเป็น 277หลักสตู รสังคมพหวุ ฒั นธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสูตรประวัติศาสตรท์ อ้ งถ่นิ จังหวัดชายแดนภาคใต้)

ประจ�ำทุกเดือนเช่นเดียวกัน ในช่วงเสด็จฯ พระองค์ทรงจัดให้มีการประกวดผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพประจ�ำทุกปี ในพระต�ำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เพ่ือต้องการพัฒนาฝีมือของสมาชิกและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพดี และสวยงามย่ิงขึ้น ผู้ชนะการประกวดจะได้รับพระราชทานเงิน โล่ห์ สร้อยคอทองค�ำ และวุฒิบัตรจากพระหัตถ์ ของพระองค์ ปัจจุบันบุตรหลานศิลปาชีพได้มีการศึกษาสูง มีสุขภาพพลามัยดี มีบ้าน และท่ีดินเป็นของตนเอง ทำ� ให้มคี ณุ ภาพชวี ติ ที่ดีขึน้ ตามล�ำดับสามารถพ่งึ ตนเองไดอ้ ยา่ งยงั่ ยนื ๒.๖ ด้านการอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม เชน่ ด้านการฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งทะเล หรือปะการังเทียม เนื่องจากชาวประมงขนาดเล็ก มีความเดือดร้อน จากความเสื่อมโทรมของทรัพยากรชายฝั่งทะเล ท�ำให้สัตว์น�้ำลดน้อยลง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (พระนามเดิม) มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดสร้างแหล่งอาศัยของสัตว์น�้ำ หรือปะการังเทียม โดยน�ำทอ่ ระบายน้ำ� คอนกรีตเสริมเหล็กของกรมทางหลวง แทง่ คอนกรตี ของกรมประมง ตรู้ ถไฟของการรถไฟแหง่ ประเทศไทย รถยนต์ขยะมูลฝอย และรถขนน้�ำของกรุงเทพมหานคร มอบหมายให้กองทัพเรือน�ำไปวางลงทะเล ให้เป็นบ้านของปลา หรือแหล่งสัตว์น้�ำอาศัยอยู่ในฝั่งทะเลพ้ืนท่ีจังหวัดนราธิวาส และปัตตานี ท�ำให้ปัจจุบัน มีสัตว์น�้ำประเภทต่างๆ เพ่ิมมากขึ้น ชาวประมงมีรายได้เพ่ิมมากข้ึน มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และประชาชนท่ัวไปได้ บรโิ ภคปลาในราคาถูก โครงการวิจัยศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร (พรุโต๊ะแดง) พระองค์ทรงอนุรักษ์พรุโต๊ะแดง อ�ำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เป็นศูนย์ข้อมูลของพรุทุกๆ ด้าน เช่น ข้อมูลพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า สัตว์น้�ำ หรือปลาในพรุทุกประเภท เป็นพรุที่สวยงามสมบูรณ์ที่สุด และใหญ่ท่ีสุดในประเทศไทย “หน่ึงเดียวในแผ่นดิน” ปัจจุบนั เป็นท่ที ่องเทีย่ วทสี่ ำ� คญั แหง่ หน่ึงของประเทศไทย โครงการอนุรักษ์สัตว์-ป่าไม้เขาส�ำนัก อ�ำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพ่ือเป็นการอนุรักษ์ภูเขา ท่ีมีความสมบูรณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (พระนามเดิม) ได้รับส่ังให้ข้าพเจ้าจัดหาราษฎร ที่ยากจน ไม่มีบ้านที่ดินเป็นที่อยู่อาศัยของตนเอง จ�ำนวน ๖ ครอบครัว พระองค์ได้พระราชทานเงิน และสร้างบ้าน ให้อยู่รอบเขาส�ำนัก ต�ำบลกะลุวอ อ�ำเภอเมืองนราธิวาส เพื่อท�ำหน้าที่อนุรักษ์ป่าไม้ และสัตว์ป่า บนเขาส�ำนัก ได้พระราชทานพันธุ์ไม้ผล พันธุ์ปลา พันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ รวมทั้งรับเข้าเป็นสมาชิกโครงการ ศิลปาชีพ บางปีพระองค์เสด็จเย่ียมบ้านและขึ้นบนบ้านของสมาชิกท้ัง ๖ ครอบครัว รวมทั้งได้เสด็จฯ ขึ้นบนเขา เพ่ือทอดพระเนตรความสมบูรณ์ของภูเขา ๒.๗ ด้านสวัสดิการสงั คม เช่น โครงการเศรษฐกิจพอเพียง หมู่บ้านรอตันบาตู อ�ำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เป็นโครงการ ท่ีมีความส�ำคัญย่ิง เพราะทรงซื้อที่ดินที่ว่างเปล่า มาท�ำการจัดสรรแบ่งแปลง และจัดสร้างเป็นหมู่บ้าน เพอื่ ทรงชว่ ยเหลอื ราษฎร ครอบครวั ผปู้ ระสบเคราะหก์ รรมเสยี ชวี ติ จากการกระทำ� ของผกู้ อ่ ความไมส่ งบ โดยพระองค์ ได้พระราชทานบ้านให้กับคู่สมรส หรือทายาทของผู้เสียชีวิต พร้อมท่ีดินที่ท�ำกิน จ�ำนวน ๑๕๐ หลัง สมาชิก สามารถเลือกอาชีพโดยสมัครใจ โดยสมัครเป็นคนงานในฟาร์มตัวอย่างรอตันบาตู ซ่ึงอยู่ในบริเวณเดียวกันก็ได้ หรือสมัครเป็นสมาชิกศิลปาชีพแผนกเคร่ืองปั้นดินเผา ทอผ้า ปักผ้า จักสานย่านลิเภา จักสานเส่ือกระจูด เป็นต้น สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ (พระนามเดมิ ) ทรงเปน็ หว่ งใยมาก จงึ ไดเ้ สดจ็ ฯ ไปทรงเยยี่ มเปน็ ประจำ� ทกุ ปี และสมาชิกได้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดทุกคน ท�ำให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นเป็นล�ำดับ 278 หลกั สูตรสงั คมพหุวฒั นธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวัติศาสตร์ทอ้ งถ่นิ จังหวดั ชายแดนภาคใต้)

หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ (พระนามเดิม) ได้พระราชทาน หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายแห่ง ด้วยพระองค์ทรงมีเมตตาผู้ยากจน ไม่มีบ้านที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ไม่มีที่ท�ำกิน หรือมีเพียงเล็กน้อย ไม่เพียงพอกับการประกอบอาชีพ จึงพระราชทานสร้างบ้านให้พร้อมที่ดินและท่ีท�ำกิน ทรงขอความร่วมมือจากส่วนราชการต่างๆ เข้าไปร่วมพัฒนา และส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตร การประมง การปศุสัตว์ เป็นต้น โดยพัฒนาตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นหมู่บ้านตัวอย่างท่ีดี ท่ีมีคนหลายวัฒนธรรมที่มาอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข และสามารถพึ่งตนเองได้อย่างย่ังยืน เป็นตน้ ๒.๘ ดา้ นการศึกษา สมัยก่อนโรงเรียนช้ันประถมศึกษามีน้อยไม่เพียงพอ ครูก็มีน้อยท�ำให้คุณภาพการศึกษาต�่ำ เมอ่ื นกั เรยี นจบชั้น ป.๔ หรือ ป.๖ ยังพดู ไทยไมไ่ ดจ้ งึ ไมส่ ามารถเรียนต่อมัธยมได้ ซง่ึ โรงเรยี นรัฐบาลทุกระดับสอน เฉพาะวิชาสามัญ ไม่มีสอนวิชาศาสนาอิสลาม ส่วนสถาบันศึกษาปอเนาะ หรือโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ก็สอนเฉพาะวิชาศาสนาอิสลามเท่าน้ัน ไม่มีวิชาสามัญ และวิชาชีพ เป็นต้น เมื่อพระเจ้าอยู่หัวฯ (ร.๙) ได้เสด็จฯ ราษฎรในพ้ืนที่ได้กราบทูลถึงปัญหาดังกล่าว ท�ำให้พระองค์ทรงเข้าพระทัยปัญหาอย่างท่องแท้และลึกซ้ึง จึงมีพระราชด�ำริให้รัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการไปด�ำเนินการจัดการด้านการศึกษาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ของประชาชน โดยส่งเสริมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามเปิดสอนวิชาสามัญและวิชาชีพ ส่วนโรงเรียรัฐบาล ทุกระดับที่มีนักเรียนไทยมุสลิมเป็นจ�ำนวนมาก ให้เปิดสอนวิชาอิสลามศึกษาควบคู่ด้วย ดังเช่นท่ีเป็นอยู่ทุกวันน้ี ซ่ึงมีสถาบันอุดมศึกษาบางแห่งได้เปิดสอนวิชาอิสลามอีกด้วย นับเป็นบุญของประเทศไทยท่ีมี “รายอกีตอ” มาดับร้อนได้ทัน ก่อนท่ีสถานการณ์จะลุกลามเลวร้ายไปกว่านี้ ปัจจุบันนี้แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (ร.๙) และสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ นี าถ (พระนามเดมิ ) จะไม่ได้เสด็จภาคใตห้ ลายปแี ล้วกต็ าม แตพ่ ระองคไ์ ด้ โปรดเกล้าให้พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้เสด็จฯ ทรงงานต่ออย่างต่อเน่ือง โดยเฉพาะสมเด็จพระเทพ พระรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี (พระนามเดมิ ) ไดเ้ สดจ็ ทรงงานและทรงเยย่ี มประชาชน เพอื่ ตดิ ตามผลงาน ในโครงการพระราชดำ� รติ า่ งๆ มากมาย เปน็ ประจำ� ทกุ ปี ปลี ะ ๒ ครงั้ ตลอดมา นบั เปน็ พระมหากรณุ าธคิ ณุ ทลี่ น้ พน้ การส่งเสริมการศึกษาควบคู่กับศาสนาและวิชาชีพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นับว่ามีความส�ำคัญ อย่างยิ่ง เพราะความต้องการของประชาชนสอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ว่า “การศึกษาคู่คุณธรรม” เพราะฉะน้ัน ในการส่งเสริมสนับสนุนด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีของชาวไทยมุสลิม พระองค์ทรงเน้นย้�ำว่าเป็นเรื่องส�ำคัญมาก เพราะเก่ียวกับการเมืองการปกครอง สังคมจิตวิทยา และวิถีชีวิต ของประชาชนอยา่ งแทจ้ รงิ พระองคจ์ งึ ไดพ้ ระราชทานพระราชดำ� รใิ หร้ ฐั บาลไปดำ� เนนิ การจดั ตง้ั “ศนู ยอ์ ำ� นวยการ บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” รัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทย ได้น�ำพระราชด�ำริดังกล่าวไปปฏิบัติให้เป็น รูปธรรม โดยมีวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ท�ำให้สามารถอ�ำนวยการช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิต ของประชาชน และได้แก้ไขความทุกข์ยากเดือดร้อนได้เป็นอย่างดีระดับหนึ่ง ท�ำให้สถานการณ์ได้คล่ีคลาย ไปในทางที่ดีขึ้นตามล�ำดับ ดังน้ัน ศูนย์อ�ำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเป็นที่พ่ึงและความหวัง ของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง นับเป็นพระบารมีปกเกล้าฯ และเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อย่างหาท่ีสดุ มไิ ด้ 279หลกั สตู รสงั คมพหวุ ฒั นธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวัติศาสตรท์ อ้ งถิ่นจังหวดั ชายแดนภาคใต)้

บทสรปุ ๑. รู้สึกดีใจ และประทับใจมาก ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (ร.๙) ทรงสร้างพระต�ำหนักทักษิณ ราชนิเวศน์ ในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ท่ีจังหวัดนราธิวาส เพราะเดมิ ทีในภูมิภาคนี้เต็มไปด้วยปญั หาตา่ งๆ มากมาย เช่น ประชาชนจ�ำนวนมากยังพูดภาษาไทยไม่ได้ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แม้แต่ดินและน�้ำก็ยังมีปัญหา ความรู้สกึ นึกคดิ ทางดา้ นจติ ใจของประชาชน ความกงั วลใจตา่ งๆ นานา หลังจากพระองคเ์ สด็จฯ เยย่ี มทอ้ งทตี่ า่ งๆ แปรพระราชฐานประทบั แรม ณ พระต�ำหนกั ทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธวิ าส ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. ๒๕๑๖ พระองค์ได้ เสดจ็ ฯ เยยี่ มทอ้ งทต่ี า่ งๆ ทรงศกึ ษาสภาพปญั หาตา่ งๆ อาทเิ ชน่ เรอื่ งดนิ และนำ้� ศกึ ษาความหลากหลายทางศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของประชาชนจากประชาชนโดยตรง ท�ำความรู้จักและการสร้างความใกล้ชิด กบั ประชาชน เพอื่ สรา้ งความรกั ความศรทั ธา โดยพระราชทานโครงการพระราชดำ� ริ ในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ฯ (ร.๙) สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ (พระนามเดมิ ) และพระบรมวงศานวุ งศ์ ไปดำ� เนนิ การทว่ั ทกุ พน้ื ทใ่ี นจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ มากกวา่ หนงึ่ พนั โครงการจนถงึ ปจั จบุ นั น้ี ถอื ไดว้ า่ มกี ารแกไ้ ขอยา่ งจรงิ จงั อยา่ งเปน็ รปู ธรรมทชี่ ดั เจน ที่สุด มีการพัฒนาปรับปรุงเปล่ียนแปลงทุกๆ ด้าน เป็นไปในทางท่ีดีขึ้นเป็นล�ำดับ โดยพระองค์ทรงน�ำยุทธศาสตร์ “รรู้ กั สามคั ค”ี “เขา้ ใจ เขา้ ถงึ พฒั นา” และ “ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง” ไปบรู ณาการอยา่ งผสมผสานกลมกลนื กบั วถิ ชี วี ติ ของประชาชน ทำ� ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงในทางทดี่ ขี นึ้ แตท่ สี่ ำ� คญั ทส่ี ดุ มกี ารเปลยี่ นแปลงทางดา้ นจติ ใจ ตลอดจนความรสู้ กึ นกึ คดิ ขวญั และกำ� ลงั ใจ ไดค้ ลคี่ ลายในทางทด่ี ขี นึ้ มาก การทป่ี ระชาชนเกดิ ความยอมรบั ไวว้ างใจ ความเล่ือมใสศรัทธาด้วยใจรัก และภักดีต่อพระประมุขของชาติ นั้นถือว่า เป็นนิมิตรหมายท่ีดียิ่ง เพราะสิ่งน้ี ซ้ือไม่ได้ด้วยเงินตรา และสร้างไม่ได้ด้วยวัตถุ พระองค์ทรงเป็นผู้ดับไฟร้อนในใจ และทรงแก้ไขความทุกข์ยาก เดือดร้อนจนหมดส้ิน พระองค์ไม่ได้เปล่ียนวิถีชีวิต แต่พระองค์ทรงพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น โดยมิได้ค�ำนึงถึงความแตกต่างทางด้านศาสนาแต่อย่างใด นับว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินท่ีมีคุณธรรม อันสูงส่ง ทรงพระอัจฉริยภาพ ทรงมีความมุ่งม่ันและมีพระปรีชาสามารถมาก ทรงเป็นนักแก้ไขปัญหา นักพัฒนา นกั เกษตร นกั ชลประทาน นกั บรหิ ารจดั การนำ�้ ทเี่ กง่ ทสี่ ดุ ในโลก เมอื่ พระองคเ์ สดจ็ ฯ ทรงงานจะมแี ผนทต่ี ดิ พระองค์ ตลอดเวลา เพอื่ ทรงศกึ ษาสำ� รวจและแกไ้ ขปญั หาเกยี่ วกบั แหลง่ นำ�้ ในแผนทใี่ หถ้ กู ตอ้ ง เปน็ ปจั จบุ นั และทนั สมยั ทส่ี ดุ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ท่ีทรงงานหนักที่สุดในโลกอีกด้วย พระองค์ได้พระราชทานทุกสิ่งทุกอย่างเพ่ือให้เกิด ความรม่ เยน็ เป็นสขุ มาแทนทีใ่ นภมู ิภาคแหง่ นี้ดว้ ยพระบารมีปกเกล้าฯ โดยแท้จริง ๒. สำ� หรบั ความประทับใจท่สี ดุ ในชีวติ ของข้าพเจ้า คือ เมือ่ วนั ท่ี ๒๐ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ขา้ พเจา้ เกอื บ จะเสียชีวิตต้องลาจากโลกน้ีไปแล้ว ด้วยเส้นเลือดในสมองแตกจนกลายเป็นอัมพาต แขนและขาเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่ด้วยพระบารมี และพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (ร.๙) และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ นี าถ (พระนามเดิม) ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ส่งนายแพทย์สุรชยั เคารพธรรม แพทยผ์ ู้เช่ยี วชาญ ด้านศลั ยกรรมประสาท โรงพยาบาลจุฬาฯ กรุงเทพฯ เดนิ ทางเพือ่ ท�ำการรักษาตัวข้าพเจ้าทโ่ี รงพยาบาลศนู ยย์ ะลา โดยพระองค์ได้พระราชทานเท่ียวบินพิเศษจากท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ของวันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ โดยมี ฯพณฯ พลากร สวุ รรณรฐั องคมนตรี เปน็ หวั หนา้ คณะ พรอ้ มดว้ ยทา่ นผหู้ ญงิ วจิ ติ ร สวุ รรณบปุ ผา มีท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ เป็นผู้ประสานงาน เมื่อท�ำการรักษาเสร็จเรียบร้อยจนอาการปลอดภัย คณะฯ ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที ท�ำให้อาการของข้าพเจ้าดีขึ้นเป็นล�ำดับ และหายเป็นปกติในเวลาต่อมา จึงมีความรู้สึกเสมือนได้เกิดใหม่คร้ังท่ีสอง ทางศาสนาอิสลามถือว่า องค์อัลเลาะห์ได้บันดาลพระทัยให้ พระองค์ทรงเมตตาข้าพเจ้า ท�ำให้มีชีวิตข้ึนมาอีกครั้ง นับว่าเป็นเร่ืองอัศจรรย์ย่ิง ไม่ผิดอะไรกับตายแล้วเกิดใหม่ ท�ำให้ข้าพเจ้า ครอบครัว และวงศ์ตระกูลมีความจงรักภักดี ส�ำนึก และซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น หาทส่ี ดุ มไิ ด้ 280 หลกั สูตรสังคมพหวุ ัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถ่ินจังหวัดชายแดนภาคใต้)

บทที่ ๘ สมเด็จพระเจ้าอยู่หวั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู รัชกาลปัจจบุ นั 281หลกั สูตรสังคมพหวุ ฒั นธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวตั ศิ าสตรท์ ้องถ่ินจังหวดั ชายแดนภาคใต)้

สมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู พระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวใน พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ มีพระเชษฐภคินี คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และพระขนิษฐภคินีสองพระองค์ คือ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขตั ติยราชนารี พระบาทสมเดจ็ พระมหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร (ร.๙) มีพระบรมราชโองการโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม ใหป้ ระกาศสถาปนาสมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ วชริ าลงกรณ ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เมอื่ วนั ที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ พระราชประวตั ดิ ้านการศึกษา พ.ศ. ๒๔๙๙ - พ.ศ. ๒๕๐๙ - ทรงเข้าศึกษาระดับอนุบาลที่พระท่ีนั่งอุดร พระราชวัง ดสุ ิต และโรงเรียนจติ รลดา มกราคม – กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๙ - ทรงเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียน คิงส์มีด เมอื งซฟี อรด์ แควน้ ซัสเซกส์ ประเทศองั กฤษ กันยายน – พ.ศ. ๒๕๐๙ – กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ - ทรงเขา้ รับการศึกษาระดบั มธั ยมศกึ ษาท่โี รงเรยี นมลิ ฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซทประเทศองั กฤษ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ – พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ - ทรงเขา้ รบั การศกึ ษาระดบั เตรยี มทหารทโี่ รงเรยี นคงิ ส์ เขตพารามตั ตา นครซดิ นยี ์ ประเทศออสเตรเลยี มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๕ – ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ - ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษา และทรงได้รับปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต (การศึกษา ด้านการทหาร) คณะการศึกษาด้านการทหาร มหาวทิ ยาลยั นิวเซาทเ์ วลส์ ประเทศออสเตรเลยี ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๐ – กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๒๑ - ทรงเข้ารบั ศึกษาท่ีโรงเรยี นเสนาธิการทหารบก หลักสูตรประจำ� รุ่นที่ ๕๖ 282 หลักสูตรสังคมพหุวัฒนธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจงั หวัดชายแดนภาคใต้)

กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ – ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๓๐ - ทรงเข้ารับการศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยทรงได้รับปริญญานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช กรงุ เทพฯ ประเทศไทย มกราคม – ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ - ทรงเขา้ รับการศกึ ษา ณ วทิ ยาลัยป้องกนั ราชอาณาจกั รแหง่ สหราชอาณาจักร พระราชภาระหนา้ ทท่ี างราชการ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ - ทรงเข้ารับราชการเป็นนายทหารประจ�ำกรมข่าวทหารบก กระทรวงกลาโหม ๖ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๑ - ทรงดำ� รงต�ำแหน่งรองผ้บู งั คบั กองพนั ทหารมหาดเลก็ รักษาพระองค์ กรมทหารราบท่ี ๑ มหาดเลก็ รักษาพระองค์ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๓ - ทรงด�ำรงต�ำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ กรมทหารราบท่ี ๑ มหาดเลก็ รกั ษาพระองค์ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๗ - ทรงดำ� รงตำ� แหนง่ ผ้บู งั คับการกรมทหารมหาดเลก็ รักษาพระองค์ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ - ทรงดำ� รงตำ� แหนง่ ผู้บญั ชาการหน่วยบญั ชาการทหารมหาดเลก็ ราชวัลลภรักษาพระองค์ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕ - ทรงดำ� รงตำ� แหนง่ ผบู้ ญั ชาการหนว่ ยบญั ชาการถวายความปลอดภยั รกั ษาพระองค์ สำ� นกั ผบู้ ญั ชาการ ทหารสูงสดุ ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ - ทรงปฏบิ ตั ิหน้าทีค่ รกู ารบินเครือ่ งบนิ ขบั ไล่ แบบ เอฟ - ๕ อี/เอฟ พระยศทางทหาร - พลเอก - พลเรือเอก - พลอากาศเอก 283หลกั สตู รสงั คมพหวุ ฒั นธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวัตศิ าสตรท์ อ้ งถิ่นจงั หวดั ชายแดนภาคใต้)

พระราชภารกจิ ด้านการฝกึ อบรมทางทหาร - ทรงเข้ารับการฝึกอบรมเพ่ิมเติมและทรงศึกษางานด้านการทหารในประเทศออสเตรเลีย โดยทุน ของกระทรวงกลาโหม - ทรงประจ�ำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ ที่นครเพิร์ธ รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย หลักสตู รที่ทรงฝึกอบรม - หลักสูตรวชิ าอาวุธพเิ ศษ การทำ� ลาย และยทุ ธวิธีการรบนอกแบบ - หลกั สูตรต้นหนช้นั สงู - หลักสตู รการลาดตระเวน และต้นหนชัน้ สูง - หลกั สูตรส่งทางอากาศ พระราชภารกจิ ด้านความมนั่ คงของประเทศ ในช่วงเกิดเหตุการณ์คุกคามความสงบสุขของประชาชน และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ พระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้านการทหาร โดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบ ในการต่อต้านการก่อการร้าย บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่ในบริเวณรอบค่าย ผ้อู พยพชาวกมั พูชาทีเ่ ขาล้านจงั หวดั ตราด เสดจ็ ขน้ึ ทรงราชย์ ภายหลังจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เมื่อวันท่ี ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ สภานิติบัญญัติแห่งชาติรับทราบมติคณะรัฐมนตรีกราบบังคมทูลเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จข้ึนครองสิริราชสมบัติ สบื ราชสันตติวงศ์เปน็ พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๑๐ เมื่อวันท่ี ๒๙ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อมาในวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ พลเอกเปรม ตินสูลานนท์ ผู้ส�ำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชติ ชลชัย ประธานสภานติ ิบัญญัติแห่งชาติ พลเอกประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา นายกรัฐมนตรี นายวรี ะพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท กราบบังคมทูลข้ึนครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รชั กาลที่ ๑๐ แหง่ พระบรมราชยจ์ กั รวี งศ์ โดยสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ทรงตอบรบั ขนึ้ ครองราชย์ เฉลมิ พระปรมาภไิ ธยวา่ “สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู ” 284 หลักสูตรสงั คมพหวุ ัฒนธรรมจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวัติศาสตร์ทอ้ งถิน่ จังหวัดชายแดนภาคใต้)

พระราชด�ำรสั ตอบขึน้ ครองราชย์ ในสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวมหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร “ตามท่ีประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าท่ีประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนาม ของปวงชนชาวไทย เชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์ เปน็ พระมหากษตั รยิ ์ วา่ เปน็ ไปตามพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลย เดช บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติ ของกฎมลเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันติวงศ์ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยน้ัน ข้าพเจ้า ขอตอบรบั เพอ่ื สนองพระราชปณธิ าน และเพอื่ ประโยชน์ ของประชาชนชาวไทยท้งั ปวง” 285หลักสตู รสงั คมพหุวฒั นธรรมจงั หวัดชายแดนภาคใต้ (หลักสตู รประวตั ิศาสตรท์ ้องถิ่นจังหวดั ชายแดนภาคใต)้

พระราชภารกจิ ดา้ นการศึกษา พระองค์พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้อาคารของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นท่ีตั้งของโรงเรียนอนุบาลช่ือว่า โรงเรียนอนุบาลทหารมหาดเล็กราชวัลลภ โดยในระยะแรก ได้จัดการเรียน การสอนเฉพาะชั้นอนุบาล ต่อมา โรงเรียนได้ย้ายไปท่ีจังหวัดนนทบุรี และได้รับพระราชทานช่ือใหม่ว่า โรงเรียน อนุราชประสทิ ธิ ์ นอกจากน้ี ยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษา ที่ตั้งอยู่ในชนบทห่างไกลคมนาคมไม่สะดวก กระทรวงศึกษาธิการได้สนองพระราชประสงค์ด้วยการน้อมเกล้าฯ ถวายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาจ�ำนวน ๖ โรงเรียน เป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ได้แก่ (๑) โรงเรียนมัธยม พัชรกิติยาภา อ�ำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันเปล่ียนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๑) โรงเรียน มัธยมจุฑาวัชร อ�ำเภอลานกระลือ จังหวัดก�ำแพงเพชร (ปัจจุบันเปลี่ยนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๒) โรงเรียนมัธยมวัชเรศร อ�ำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนช่ือเป็น โรงเรียนมัธยม พัชรกิติยาภา ๓) โรงเรียนมัธยมจักรีวัชร อ�ำเภอรัตนภูมิ จังหวัดสงขลา (ปัจจุบันเปล่ียนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยม สิริวัณวรี ๒) โรงเรียนมัธยมวัชรวีร์ อ�ำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยม สิริวัณวรี ๓) และ โรงเรียนมัธยมบุษย์น้�ำเพชร อ�ำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนช่ือเป็น โรงเรยี นมัธยมสริ ิวัณวรี ๑) สมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู เมื่อครงั้ ยงั เป็นสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงเยี่ยมเยาวชนในต�ำบลต่างๆ ทรงสนับสนุนการจัดต้ังศูนย์เยาวชน ต�ำบล รวมท้ังได้ทรงเป็นประธานงานวันเยาวชนแห่งชาติ วันที่ ๒๐ กันยายน ของทุกปี และทรงเป็นประธาน ในพิธีปฏิญาณตน และสวนสนามของลูกเสอื และเนตรนารี และสมาชกิ ผู้ทำ� ประโยชน์ ท้ังนี้พระองค์ได้ทรงอุปการะเด็กก�ำพร้า คือ จักรกฤษณ์ และอนุเดช ชูศรี ท่ีครอบครัวเสียชีวิต จากภูเขาถล่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งครอบครัวของบูรฮาน และบุศรินทร์ หร่ายมณี ซึ่งบิดาถูกลอบสังหาร จากเหตุความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะทรงอุปการะจนกว่าจะส�ำเร็จการศึกษาปริญญาตรี หรอื จนกว่าจะมอี าชพี สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ เปน็ ต้น สมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมือ่ ครง้ั ยงั เป็นสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร มพี ระราชดำ� รใิ หด้ ำ� เนนิ โครงการทนุ การศกึ ษาสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ขนึ้ เมอื่ พ.ศ. ๒๕๕๒ ดว้ ยพระราชปณธิ านทม่ี งุ่ สรา้ งความรู้ สรา้ งโอกาสแกเ่ ยาวชนไทยทมี่ ฐี านะยากจน ยากลำ� บาก 286 หลักสูตรสงั คมพหุวฒั นธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวัตศิ าสตร์ทอ้ งถ่ินจงั หวัดชายแดนภาคใต้)

แต่ประพฤติดี มีความสามารถในการศึกษา ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษาท่ีมั่นคงต่อเนื่อง ในระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย จนส�ำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ตามความสามารถของแต่ละคน เป็นการลงทุนเพ่ือพัฒนา ความรคู้ วามสามารถ และศกั ยภาพแกเ่ ยาวชนไทย ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๕๕๓ มพี ระราชดำ� รใิ หจ้ ดั ตง้ั มลู นธิ ทิ นุ การศกึ ษา พระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) ข้ึน โดยทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ และทรงใหน้ ำ� โครงการทนุ การศกึ ษาสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร มาอยภู่ ายใตก้ ารดำ� เนนิ งาน ของมลู นธิ ฯิ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความตอ่ เนอ่ื ง และยง่ั ยนื สบื ตอ่ ไป ซงึ่ ปจั จบุ นั มนี กั เรยี นทนุ พระราชทานฯ ในโครงการทงั้ สน้ิ จำ� นวน ๘ รุ่น จังหวดั ละ ๒ คน ชาย ๑ คน และหญงิ ๑ คน จ�ำแนกเป็นทุนการศึกษาระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สายสามัญทุนละ ๑๘,๐๐๐ บาท และสายอาชีพทุนละ ๒๒,๐๐๐ บาท นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานน้ีได้เสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนไทยที่เรียนดี หรือมีความขยัน หมน่ั เพยี ร มคี วามประพฤตดิ มี คี ณุ ธรรม มคี วามยากจน ยากลำ� บาก ใหไ้ ดม้ โี อกาสศกึ ษาตอ่ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หรือสายอาชีพ ต่อเนื่องไปจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่า โดยไม่มีภาระผูกพันต้องใช้ทุนคืน อันจะทำ� ให้สามารถพงึ่ พาตนเองไดอ้ ยา่ งมน่ั คง และเปน็ กำ� ลังคนท่มี ีคุณค่าของประเทศ พระราชภารกิจดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ สมเด็จพระเจา้ อยู่หวั มหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกูร เม่ือครงั้ ยงั เปน็ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชหฤทัยที่ทรงมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎร เนื่องจากทรงเห็นว่า การรักษาความบูรณ์แข็งแรงของร่างกายเป็นปัจจัยท่ีส�ำคัญของเศรษฐกิจที่ดี และความมั่นคงของสังคม เพราะผู้ที่มีสุขภาพอนามัยดีสามารถที่จะประกอบอาชีพได้อย่างเต็มก�ำลังความสามารถ แต่ราษฎรท่ีอาศัยอยู่ ในชนบททหี่ า่ งไกลความเจรญิ สว่ นใหญม่ ฐี านะความเปน็ อยทู่ ย่ี ากจน เมอ่ื เจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยไมม่ แี พทยท์ ใี่ หก้ ารดแู ลรกั ษา จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งโรงพยาบาลสมเดจ็ พระยพุ ราช ขน้ึ รวม ๒๑ แหง่ ทว่ั ประเทศ เพอื่ ใหก้ ารรกั ษา พยาบาลผู้เจ็บป่วยในถิ่นทุรกันดาร พระองค์ทรงเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จ พระยุพราช โดยมีโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ที่ตั้งอยู่ในพื้นท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ โรงพยาบาล สมเด็จพระยพุ ราชสายบุรี จังหวดั ปตั ตานี และโรงพยาบาลสมเดจ็ พระยุพราชยะหา จงั หวดั ยะลา 287หลักสตู รสังคมพหุวฒั นธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สตู รประวตั ิศาสตรท์ อ้ งถิ่นจงั หวดั ชายแดนภาคใต)้

พระราชภารกจิ ด้านศาสนา สมเด็จพระเจา้ อย่หู วั มหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู เมอ่ื ครงั้ ยงั เปน็ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ แทนพระบาทสมเดจ็ พระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ทรงประเคนผ้าไตร ประกาศนียบัตร และพัดยศ ในการตั้งภิกษุและสามเณรเปรียญ เนื่องในการพระราชพิธี ทรงบ�ำเพญ็ พระราชกุศลวสิ าขบชู า ณ พระอโุ บสถวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง พ.ศ. ๒๕๕๑ สมเด็จพระเจา้ อยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู เมื่อครั้งยงั เป็นสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เม่ือวันท่ี ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๙ ก่อนเสด็จ พระราชด�ำเนินไปทรงศึกษาต่อท่ีประเทศอังกฤษ นอกจากน้ี มีพระราชศรัทธาออกบวชในพระพุทธศาสนา โดยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร โปรดให้จัดการพระราชพิธีผนวช ณ พัทธสีมาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันท่ี ๖ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๒๑ โดยมสี มเดจ็ พระอรยิ วงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช (วาสน์ วาสโน) เปน็ พระอปุ ชั ฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สมเด็จพระธีรญาณมุนี (ธีร์ ปุณฺณโก) ถวายอนุสาสน์ได้รับถวายพระสมณนามว่า “วชิราลงฺกรโณ” และได้ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ตลอดจน ทรงลาสิกขา ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑ นอกจากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ยังเสด็จพระราชด�ำเนินแทน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปปฏิบัติพระราชกิจทางพระพุทธศาสนา อยา่ งสมำ่� เสมอ โดยเฉพาะเมอ่ื ครง้ั ยงั เปน็ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เชน่ เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ แทนพระองค์ทรงเปล่ียนเคร่ืองทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล เสด็จพระราชด�ำเนินแทนพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงบ�ำเพ็ญ พระราชกศุ ลในวันสำ� คัญทางพระพทุ ธศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบชู า วันเขา้ พรรษา และการถวายผา้ พระกฐนิ หลวงตามวดั ต่าง ๆ เป็นตน้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงบ�ำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้านศาสนา หลังจากเสด็จข้ึนทรงราชย์แล้ว คือ ทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันเฉลิม พระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ทรงพระราชอนสุ รณ์ค�ำนึงถึงสมเด็จพระบรมชนกนาถ และโปรดเกล้าฯ สถาปนาอิสริยยศ และเลื่อนอิสริยฐานันดรพระสงฆ์ที่ดํารงอยู่ในสมณคุณ และมีอุปการะย่ิงแก่การพระศาสนา ดงั กลา่ วสูงขึ้น เพอ่ื จกั ได้บรหิ ารพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรอื งสถาพร ตามโบราณราชประเพณี รวมท้ังยังทรงแต่งต้ังสมเด็จ พระมหามนุ วี งศ์ (อมั พร อมพฺ โร) ขน้ึ เปน็ สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ท่ี ๒๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยได้เสด็จ พระราชด�ำเนินไปประกอบพระราชพิธี ส ถ า ป น า ส ม เ ด็ จ พ ร ะ สั ง ฆ ร า ช ด ้ ว ย พระองค์เองเม่ือวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ 288 หลักสูตรสงั คมพหุวฒั นธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถิน่ จังหวดั ชายแดนภาคใต้)

ในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับศาสนาอิสลาม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มพี ระราชภารกจิ ดังน้ี ๑. พระองค์ทรงเสด็จเป็นประธานในพิธีเปิดงาน เมาลิดกลาง ณ ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลาม แห่งชาตเิ ฉลมิ พระเกียรติ เปน็ ประจำ� ทกุ ปี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชด�ำเนิน ไปทรงเปิดงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ครั้งท่ี ๕๕ ประจ�ำปี ฮิจเราะห์ศักราช ๑๔๓๘ จัดระหว่างวันท่ี ๘ ถงึ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๐ ศนู ยบ์ รหิ ารกจิ การศาสนาอสิ ลาม แหง่ ชาตเิ ฉลมิ พระเกยี รติ เขตหนองจอก กรงุ เทพมหานคร โดยมีประชาชนเฝา้ รับเสดจ็ ฯ จำ� นวนมาก ๒. พระองค์ทรงมีพระราชปณิธานอย่างแน่วแน่ ท่ีจะสานต่อพระราชด�ำริของ “เสด็จพ่อ” ในการแปล พระมหาคัมภีรอ์ ลั - กรุ อาน ถอื เป็นพระมหากรุณาธิคณุ ที่ชาวมุสลมิ ไม่เคยลมื เลอื น ๓. ทรงมีความผูกพันกับพสกนิกรชาวมุสลิม โดยเฉพาะชาวมสุ ลมิ ในจงั หวดั ปตั ตานี นอกจากนพ้ี ระองคก์ ย็ งั เป็นเจ้าของวลี “ยังไงเราก็ต้องมา” ท�ำให้ชาวมุสลิม ในพน้ื ทีร่ สู้ กึ ปลาบปล้ืมเปน็ อย่างมาก ๔. ทรงเสด็จเป็นองค์ประธานในการพระราชทาน ถว้ ยรางวลั การทดสอบการอญั เชญิ พระมหาคมั ภรี อ์ ลั - กรุ อาน ระดบั ประเทศ เป็นประจำ� ทกุ ปี ๕. ทรงสนับสนุนการท�ำงานของบุคลากรมุสลิม ในพื้นท่ี ๓ จังหวัดภาคใต้ โดยพระองค์ได้เป็นผู้พระราชทาน รางวัลแก่ ผู้แทนโรงเรยี น ผูบ้ รหิ ารโรงเรียน ครู และนักเรยี น โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ท่ีมีความประพฤติดี และมีผลงานดีเดน่ เป็นประจำ� ทุกปี 289หลักสตู รสังคมพหวุ ฒั นธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ิศาสตร์ท้องถิ่นจังหวดั ชายแดนภาคใต้)

พระราชภารกจิ ด้านการเกษตร พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งยังด�ำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงท�ำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอ่ืนๆ เป็นปฐมฤกษ์ เพอื่ พระราชทานแกเ่ กษตรกร สำ� หรบั นำ� ไปใชใ้ นการเพาะปลกู เปน็ การเพม่ิ ผลผลติ ทบี่ า้ นแหลมสะแก ตำ� บลเดมิ บาง อ�ำเภอเดมิ บางนางบวช จังหวัดสพุ รรณบรุ ี เมือ่ วนั ที่ ๒๓ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๘ พระราชภารกิจด้านการต่างประเทศ วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือครั้งยังด�ำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โปรดให้ พลอากาศโทภักดี แสงชูโต น�ำผ้าห่มกันหนาว ๒๐,๐๐๐ ผืน ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. ๒๕๕๔ ทปี่ ระเทศญป่ี ุ่น โดยมนี ายกษิต ภริ มย์ เปน็ ผรู้ ับมอบ วันท่ี ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ใหส้ ง่ ข้อความพระราชสาส์นแสดงความยนิ ดีไปยงั นายดอนลั ด์ ทรัมป์ (Donald John Trump) ในโอกาสสาบานตนเข้ารับต�ำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา คนท่ี ๔๕ หลังจากที่ได้รับชัยชนะ จากการเลือกต้ังประธานาธิบดีสหรฐั อเมริกา พ.ศ. ๒๕๕๙ โครงการเพอื่ ชุมชนเข้มแขง็ และร่มเยน็ บ้านสันติ ๒ ตามพระราชดำ� รพิ ระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าลงกรณ พระวชิรเกลา้ เจ้าอยู่หัว แนวพระราชด�ำริ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือครั้งยังด�ำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงห่วงใยราษฎร ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ก่อความไม่สงบใน ๓ จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ได้เสด็จมาทรงงานในพ้ืนที่จังหวัดยะลา โดยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในจงั หวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงเดือนพฤศจกิ ายน – ธนั วาคม ๒๕๔๙ จากบา้ นสนั ติ ๑ หมทู่ ่ี ๒ ต�ำบลเขอ่ื นบางลาง อ�ำเภอบันนังสตา และบ้านสันติ ๒ หมู่ท่ี ๖ ต�ำบลแม่หวาด อ�ำเภอธารโต จังหวัดยะลา จ�ำนวน ๗๔ ครอบครัว รวม ๑๓๔ คน ซึ่งได้อพยพไปอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม อ�ำเภอเมือง จังหวัดยะลา ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอรับ พระราชทานความชว่ ยเหลือ โดยในวันท่ี ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๐ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เม่ือครั้งยังด�ำรงพระอิสริยยศ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร ได้โปรดเกล้าฯ ให้แมท่ พั ภาคที่ ๔ ผอู้ ำ� นวยการศูนย์อำ� นวยการ บรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ และผู้ว่าราชการจงั หวัดยะลา พรอ้ มคณะเข้าเฝา้ ณ พระต�ำหนกั ทกั ษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมกันพิจารณาหาทางช่วยเหลือราษฎรกลุ่มดังกล่าว ในวันท่ี ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๐ ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหแ้ มท่ พั ภาคท่ี ๔  ผอู้ ำ� นวยการศนู ยอ์ ำ� นวยการบรหิ ารจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ และผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ยะลา พร้อมคณะเข้าเฝ้า ณ พระต�ำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จังหวัดนราธิวาส เพื่อถวายรายงานผลการช่วยเหลือราษฎร ดงั กลา่ ว โดยไดพ้ ระราชทานชอ่ื โครงการวา่ “โครงการเพอื่ ชมุ ชนเขม้ แขง็ และรม่ เยน็ บา้ นสนั ติ ๒ ตามพระราชดำ� ริ พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธิบดศี รสี ินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชริ เกล้าเจา้ อยู่หวั ” 290 หลกั สตู รสงั คมพหุวฒั นธรรมจังหวดั ชายแดนภาคใต้ (หลกั สูตรประวตั ศิ าสตรท์ ้องถ่ินจังหวดั ชายแดนภาคใต)้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook