Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20201009-moral indicator

20201009-moral indicator

Published by pawnin.chaiyabat, 2020-10-09 02:21:29

Description: 20201009-moral indicator

Search

Read the Text Version

71 ชว่ งวัย เชียงรำย จังหวัด อุดรธำนี อยธุ ยำ สุรำษฎรธ์ ำนี Generation  มีพฤตกิ รรมพอเพียง  มีพฤตกิ รรมพอเพียง  มีพฤตกิ รรมพอเพียง มีพฤติกรรมพอเพียง Y โดยเฉพำะดำ้ นเศรษฐกิจ โดยเฉพำะด้ำนเศรษฐกจิ โดยเฉพำะดำ้ นเศรษฐกจิ โดยเฉพำะดำ้ นเศรษฐกจิ เชน่ ประหยดั ไม่ฟุ่มเฟือย เชน่ ใส่เส้อื ผา้ เก่าของ เช่น หอ่ กบั ขา้ วมากนิ ที่ เชน่ ซือ้ ของต่าง ๆ ตาม เก็บออม ขยนั ครอบครวั ตง้ั สตกิ อ่ นซ้ือ ทางาน ออมเงนิ เป็น ความจาเปน็ เกบ็ เงินซอ้ื  มพี ฤตกิ รรมพอเพยี ง ซอื้ ของจาเปน็ ตอนลดราคา ประจาทุกเดือน ปลกู ผกั ของเอง ใช้ของให้คมุ้ ค่า ด้ำนอื่น ๆ เช่น ใช้หลกั ประหยดั รคู้ ณุ ค่าของเงิน กนิ เอง ใช้ส่งิ ตา่ ง ๆ อยา่ ง ถา้ ของไมเ่ สยี ยังไม่ซอื้ ใหม่ คาสอนของพระพุทธเจ้า เกบ็ ออม ทาอาหารกินเอง ประหยดั คุ้มคา่ ทงั้ ของ อาทิ เส้ือผา้ โทรศพั ท์ โดยเฉพาะการมสี ตใิ น ลดการสงั สรรค์นอกบ้าน ส่วนตัวและทีท่ างาน เช่น ไม่ซอื้ ของตามกระแสหรอื การรคู้ วามต้องการตนเอง  มพี ฤติกรรมพอเพียง น้า ไฟ กระดาษ ใช้อีเมล หลงเชือ่ โฆษณา ไม่ข้อง การบริโภค และการรบั ด้ำนอนื่ ๆ เช่น พอเพยี งใน แทนจดหมายกระดาษ เกย่ี วกับอบายมุข ซักรดี ขา่ วสาร การใช้ “คาพดู ” คือ ไมใ่ ช้ ใชใ้ บตองแทนพลาสติกใน เสอ้ื ผา้ เอง ปลกู ผกั กินเอง คาพูดที่ทารา้ ยคนอืน่ และ การจัดอาหารเมื่อจดั นาอาหารมาแบ่งปันกัน ไมพ่ ดู เรื่องท่ไี ม่จาเปน็ ประชุม คดั แยกขยะเสมอ ใช้รถร่วมกันถ้าไปทาง มีมนษุ ยสมั พันธ์กับเพื่อน บริจาคของทีไ่ มใ่ ชใ้ ห้ผู้ท่ี เดียวกัน บริจาคของทไ่ี ม่ รว่ มงาน มีสติกับการรบั ส่อื ขาดแคลน ใชแ้ ล้วใหค้ นอื่น โฆษณา ทาเกษตรพอเพยี ง มพี ฤติกรรมพอเพยี ง ใชห้ ลักศาสนานาทาง ด้ำนอ่นื ๆ เช่น การตั้ง เปา้ หมายชีวิตชัดเจนเพอ่ื ลาดับการปฏิบตั ิก่อน-หลงั ยอมรบั ความผดิ พลาดของ ตัวเอง สอนใหผ้ ู้อืน่ รจู้ ัก ความพอเพียง Generation  มีพฤติกรรมพอเพียง  มพี ฤติกรรมพอเพยี ง  มพี ฤติกรรมพอเพยี ง มีพฤติกรรมพอเพียง Z โดยเฉพำะด้ำนเศรษฐกิจ โดยเฉพำะดำ้ นเศรษฐกิจ โดยเฉพำะด้ำนเศรษฐกิจ โดยเฉพำะด้ำนเศรษฐกิจ เชน่ ปลกู ผกั กินเอง เช่น ปลกู หรอื เล้ยี งส่งิ ท่เี ปน็ เชน่ ประหยดั อดออม เชน่ เก็บออม ประหยดั ประหยดั เกบ็ ออม ไมพ่ ก อาหาร ไมเ่ ป็นหนี้ จดั สรร เกบ็ เงนิ ซื้อของท่อี ยากได้ ซือ้ เสื้อผา้ ราคาไมแ่ พง เงนิ สดเยอะ ไม่กเู้ งินหาก เงนิ เป็นสว่ น ๆ มเี งินออม และจาเป็นดว้ ยตวั เอง ใชร้ ถร่วมกนั ถ้าไปทาง ไม่จาเปน็ เอาของกินจาก หารายได้พเิ ศษ ใช้ส่งิ ของ ทางานพารท์ ไทม์เพื่อหา เดยี วกนั เดนิ ทางด้วยรถ บ้านมาไวก้ นิ ท่หี อพกั ต่าง ๆ อยา่ งคมุ้ คา่ รายได้เพมิ่ ใช้ของคุ้มค่า สาธารณะ ทาอาหารกนิ ไม่เท่ยี วบอ่ ย ไม่ตดิ หรู เสยี แลว้ จึงซือ้ ใหม่ จัดสรร เอง เที่ยวเฉพาะในช่วง ทางานเสริม ลดการสง่ั ซอ้ื แบง่ เงนิ เป็นสัดสว่ น ๆ ท้ัง เทศกาล ไม่ซื้อเส้อื ผ้าหรอื ของออนไลน์ หาข้อมูล เงนิ เก็บและเงินใชจ้ ่าย โทรศัพทใ์ หมห่ ากของเก่า เปรียบเทยี บราคากอ่ น รีไซเคลิ ของมาใชใ้ หม่ ยังใชง้ านได้อยู่ ไมใ่ ช้เงิน สง่ั ซ้อื ของ ใชช้ ีวิตในแบบ ไมท่ าอะไรเกนิ ตวั เกนิ กวา่ รายรบั ไม่ขอ้ ง ของตัวเอง พอใจในสิง่ ทีม่ ี เกีย่ วกับอบายมุข พออยูพ่ อกนิ ไม่ลักขโมย ทาทกุ อย่างอย่างมีสติ

72 วินยั ผู้เข้าร่วมกล่าวถึงพฤติกรรมวินัยของตนเอง 3 ระดับ จากระดับพ้ืนฐานซ่ึงเป็นการมี ระเบียบวินัยจากภายในตนเองไปสู่การปฏิบัติตามระเบียบวินัยทางสังคม และไปสู่การเป็นผู้ส่งเสริมให้ สังคมมีวินัยเพ่ือความสงบสุขของส่วนรวม โดยพฤติกรรมท่ีทุกกลุ่มให้ความสาคัญมากที่สุด คือ กำรมี มำตรฐำน กฎ ระเบียบภำยในตนเอง และทาอย่างสม่าเสมอ การจัดการในเร่ืองที่ตนให้ความสาคัญ เช่น เร่ืองเวลา การเงิน การงาน สุขภาพ ความสัมพันธ์ และจิตใจตนเอง รองลงมา คือ กำรปฏิบัติตำม กฎระเบยี บภำยนอก ซงึ่ ตนเองสัมพันธอ์ ยู่ด้วย ทั้งครอบครัว ชุมชน ที่ทางาน ศาสนา หรอื สังคม ซง่ึ มกั เป็น กฎระเบียบที่เด่นชัดในสังคมและมผี ลต่อคนทุกกลุ่มใกล้เคยี งกัน และกลุ่มสุดท้ายท่พี บบา้ ง โดยกระจายตัว และไมข่ ้ึนกับอายุ คอื กำรทำเพอ่ื ส่วนรวมและสง่ เสริมวินัยใหผ้ อู้ ่นื ดังตารางที่ 34 ตำรำงที่ 34 ผลการจัดกระบวนการพฒั นาตวั ช้ีวัดคณุ ธรรม ประเด็นวนิ ยั ชว่ งวยั เชียงรำย จงั หวัด อดุ รธำนี อยธุ ยำ สุรำษฎรธ์ ำนี Baby  กำรมมี ำตรฐำน กฎ  กำรมมี ำตรฐำน กฎ กำรมมี ำตรฐำน กฎ  กำรมีมำตรฐำน กฎ Boomer ระเบยี บ ภำยในตนเอง ระเบียบ ภำยในตัวเอง ระเบยี บ ภำยในตัวเอง ระเบยี บ ภำยในตัวเอง และทำอย่ำงสมำ่ เสมอ และทำอย่ำงสม่ำเสมอ และทำอยำ่ งสม่ำเสมอ และทำอย่ำงสมำ่ เสมอ ในเรื่อง เวลา เช่น ตรงตอ่ ในเร่อื ง การเงิน เช่น เก็บ ในเรือ่ ง เวลา เชน่ ตรงต่อ ในเรอ่ื ง การงาน เชน่ ตื่น เวลา การบรหิ ารจดั การ ออมสม่าเสมอ ไมใ่ ช้จ่าย เวลา การเงนิ เช่น มกี าร แตเ่ ชา้ มาทางาน ทางาน เวลาท่ีดีทงั้ เรื่องส่วนตวั เกนิ รายได้ มรี ะเบยี บ เชน่ วางแผนทางการเงิน เสรจ็ วนั ตอ่ วนั ไม่ค้างงาน และงาน การเงิน เช่น ทางานบา้ นสม่าเสมอ ทั้งค่าใช้จา่ ยและเกบ็ ออม การเงิน เชน่ เกบ็ รายได้ บรหิ ารจดั การเงินอยา่ งดี  ปฏบิ ตั ิตำมกฎระเบียบ ทกุ เดือน การงาน เชน่ 10% ฝากธนาคาร จัดทา กาหนดวงเงนิ ทส่ี ามารถ ภำยนอก เช่น เขา้ ทางาน กากับตดิ ตามงานทไ่ี ดร้ ับ บัญชีรายรับ-รายจ่าย ใช้ได้ในแตล่ ะเดือน เกบ็ ตรงเวลา จา่ ยหนส้ี นิ ตรง มอบหมายอย่างสม่าเสมอ ไม่กู้ยืมเงินหากไม่จาเป็น ออมเงนิ ทกุ เดือน ความมี เวลา ไวท้ รงผมและแต่ง ชีวติ เช่น ตง้ั เป้าหมายของ สุขภาพ เชน่ ต่นื แตเ่ ชา้ มา ระเบยี บ เช่น จัดขา้ วของ กายตามระเบยี บโรงเรียน ชีวิตและหาแนวทางหรือ ออกกาลังกาย เป็นระเบียบ การควบคมุ หรือทท่ี างาน ปฏิบัตติ าม วธิ ีการไปสเู่ ป้าหมาย  ปฏิบัตติ ำมกฎระเบียบ ตนเอง เชน่ ระมดั ระวงั หลกั ศาสนา เข้าแถวเคารพ ใฝ่หาความรอู้ ยเู่ สมอเพื่อ ภำยนอก เช่น ปฏบิ ตั ิตาม คาพดู ควบคุมอารมณ์ ธงชาตติ อนเชา้ ขับรถตาม ความไมป่ ระมาทในการ หลกั ศาสนา เชน่ ถอื ศลี สุขภาพ เชน่ ออกกาลัง กฎจราจร ท้ิงขยะลงถงั ดาเนนิ ชวี ติ อด ละหมาดหา้ เวลา กายอย่างสม่าเสมอ สร้างหรอื ออกแบบบ้าน ปฏิบัตติ ำมกฎระเบียบ รับประทานอาหารฮาลาล ความสัมพันธ์ เช่น นดั เจอ อาคาร ไมใ่ หส้ ง่ ผลกระทบ ภำยนอก เชน่ ไมท่ าผิด ปฏิบัติตามกฎหมาย เพอื่ นฝูงสมา่ เสมอ ตอ่ ผู้อ่นื กฎหมาย ปฏบิ ัตติ นตาม ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบยี บ  ปฏิบตั ติ ำมกฎระเบียบ หลกั ศาสนา ปฏบิ ตั ติ น ของสถานทตี่ ่าง ๆ ทิง้ ขยะ ภำยนอก เชน่ รักษากฎ ตามกฎระเบยี บของ ลงถัง ลงเวลาเข้างาน จราจร รกั ษาวนิ ัยของ สถานทีท่ างาน เคารพ ขา้ ราชการ ปฏบิ ตั ติ าม กตกิ าของสังคม ขอ้ ควรระวงั ในประเดน็ ส่ิงแวดล้อม อาทิ ไมใ่ ช้ สารเคมี เกบ็ ขยะและไม่ ทงิ้ ขยะลงแมน่ า้ ลาคลอง แยกขยะ เขา้ แถว/ต่อควิ รกั ษาข้อตกลง/กติกา

73 ช่วงวัย เชียงรำย จังหวัด อุดรธำนี อยุธยำ สรุ ำษฎร์ธำนี  กำรทำเพอื่ สว่ นรวม และสง่ เสริมวนิ ยั ใหผ้ ู้อ่นื เช่น ทาตัวเป็นแบบอย่าง ท่ดี ใี หก้ บั ผ้อู ื่น คานึงถึง ความปลอดภัยของผอู้ ื่น และตนเอง Generation กำรมมี ำตรฐำน กฎ  กำรมมี ำตรฐำน กฎ  กำรมมี ำตรฐำน กฎ  กำรมมี ำตรฐำน กฎ X ระเบยี บภำยในตวั เอง ระเบียบภำยในตัวเอง ระเบียบภำยในตวั เอง ระเบยี บภำยในตวั เอง และทำอย่ำงสม่ำเสมอ และทำอยำ่ งสม่ำเสมอ และทำอย่ำงสมำ่ เสมอ และทำอยำ่ งสมำ่ เสมอ ในเรอื่ ง การเงนิ เช่น ในเร่อื ง เวลา เชน่ ต่นื นอน ในเรือ่ ง การเงนิ เช่น ออม ในเรอ่ื ง สุขภาพ เช่น ดูแล ประหยดั ใช้เงินเมอื่ ตรงเวลา การเงนิ เชน่ เงินเป็นประจา การงาน สขุ ภาพรา่ งกายใหแ้ ข็งแรง จาเปน็ ฝึกความจริงแท้ ประหยดั เก็บออมเงนิ เช่น ทางานเสรจ็ ถงึ กลบั ดว้ ยการออกกาลังกาย ต่อตนเอง เชน่ ทบทวน มรี ะเบยี บ เช่น แยกขยะ บ้าน ความมีระเบียบ เชน่  ปฏบิ ัตติ ำมกฎระเบียบ ตนเอง กล้ารักษาสิทธิ ก่อนทงิ้ ทางานบา้ นอยา่ ง ไม่วางสงิ่ ของเรี่ยราด ภำยนอก เชน่ ปฏบิ ตั ิตาม สม่าเสมอ การควบคมุ  ปฏิบตั ิตำมกฎระเบยี บ กฎจราจร ปฏิบัตติ นตาม ของตนเอง ปฏิบัติตำมกฎระเบียบ ตนเอง เชน่ พูดจาสภุ าพ ภำยนอก เชน่ รกั ษากฎ กฎระเบยี บของสถานท่ี ภำยนอก เช่น รักษากฎ ไมข่ โมยของของผ้อู ืน่ จราจร ปฏบิ ัติตนตาม ตา่ งๆ อาทิ แต่งกายให้  ปฏิบตั ิตำมกฎระเบียบ ระเบยี บขององค์กร สภุ าพเมือ่ มาสถานท่ี จราจร เขา้ คิว กำรทำเพ่ือส่วนรวม ภำยนอก เชน่ เข้าทางาน ทิ้งขยะในทที่ ่ีกาหนดไว้ ราชการ สแกนเวลาเข้า และส่งเสรมิ วนิ ัยใหผ้ ูอ้ นื่ ตรงเวลา แตง่ กายตาม  กำรทำเพ่อื สว่ นรวม ทางาน เช่น เป็นตัวอยา่ งท่ีดี กฎระเบยี บโรงเรยี นหรือ และสง่ เสรมิ วนิ ยั ให้ผอู้ ืน่ ใหก้ ับลกู ๆ สอนนกั เรียน สถานทที่ างาน ขับรถตาม เช่น การปฏิบัตติ นเปน็ ให้เป็นคนมวี ินยั และ กฎจราจร ไม่ขับรถแข่งกัน แบบอยา่ งแกผ่ ูอ้ น่ื ความรบั ผดิ ชอบ ตอนกลางคนื จ่ายภาษี ไม่แซงคิว Generation  กำรมีมำตรฐำน กฎ  กำรมีมำตรฐำน กฎ  กำรมีมำตรฐำน กฎ  กำรมีมำตรฐำน กฎ Y ระเบียบภำยในตัวเอง ระเบียบภำยในตัวเอง ระเบยี บภำยในตวั เอง ระเบียบภำยในตวั เอง และทำอยำ่ งสมำ่ เสมอ และทำอยำ่ งสม่ำเสมอ และทำอยำ่ งสม่ำเสมอ และทำอยำ่ งสม่ำเสมอ ในเรอื่ ง เวลา เชน่ ตรงตอ่ ในเร่อื ง การเงนิ เช่น เก็บ เรื่อง การเงนิ เช่น แบง่ ในเรอ่ื ง เวลา เชน่ ตรงตอ่ เวลา บรหิ ารจดั การเวลา ออมสมา่ เสมอ วางแผน เงินเป็นสัดสว่ น เกบ็ ออม เวลาในการประชุมหรอื ทางาน ไมค่ วรผลดั วนั การใชจ้ ่ายเงิน หารายรบั ไวใ้ ช้ยามฉกุ เฉนิ สขุ ภาพ นดั หมาย การเงิน เช่น ประกันพรงุ่ การควบคมุ จากหลายช่องทาง สขุ ภาพ เชน่ ออกกาลงั กายอย่าง เกบ็ ออมอย่างสม่าเสมอ ตนเอง เชน่ บังคบั ตนเอง เชน่ ออกกาลงั กายอยา่ ง สม่าเสมอ กนิ อาหารทมี่ ี การควบคมุ ตนเอง เช่น ไม่ใหพ้ ูดหรอื กระทาไม่ดี สม่าเสมอ ควบคุมอาหาร ประโยชน์ ใช้โทรศพั ทม์ อื ถือเมื่ออยู่ ต่อผ้อู ื่น มมี ารยาทและ เพื่อลดนา้ หนัก เลือกทาน  ปฏบิ ตั ิตำมกฎระเบียบ ในชว่ งเวลาวา่ ง สุขภาพ กาลเทศะ ความสัมพันธ์ อาหารทมี่ ีประโยชน์ ภำยนอก เช่น ปฏบิ ตั ติ าม เช่น ไมร่ ับประทานจุกจิก เชน่ กนิ ขา้ วกับครอบครวั  ปฏิบตั ิตำมกฎระเบยี บ กฎจราจร นอนเป็นเวลา ไม่นอนดกึ สม่าเสมอ ภำยนอก เชน่ เข้าทางาน ไมต่ น่ื สาย  กำรปฏิบัติตำมกฎ- ตรงเวลา จา่ ยหนส้ี นิ ตรง  ปฏบิ ัตติ ำมกฎระเบียบ ระเบียบภำยนอก เช่น เวลา ขบั รถตามกฎจราจร ภำยนอก เชน่ แต่งกาย การทาตามกฎระเบียบ เขา้ แถวเคารพธงชาติตอน ตามกฎระเบยี บสถานที่

74 ชว่ งวยั เชียงรำย จงั หวัด อุดรธำนี อยธุ ยำ สุรำษฎร์ธำนี กฎจราจร กฎของ เชา้ เดนิ ตามช่องทางที่ ยืนเคารพธงชาติ ปฏิบตั ิ องคก์ ร กฎของหมู่บา้ น ถูกตอ้ งตามระเบยี บของ ตามวฒั นธรรมประเพณี ปฏิบัตติ ามวนิ ัยสงฆ์ ระบบขนส่งสาธารณะ อาทิ อาทิ ไหวค้ รูโนราห์ บังคับตนเองให้ปฏบิ ตั ิ รถไฟฟ้า BTS ไวท้ รงผม ปฏิบัตติ ามกฎจราจร ตามกฎทก่ี าหนดไว้ ตามระเบยี บของโรงเรยี น หรอื แต่งกายตาม หรือทที่ างาน ไมแ่ ซงควิ ขอ้ กาหนดขององค์กร แม้จะไมช่ อบ การเขา้ คิว  กำรทำเพอื่ ส่วนรวม และสง่ เสรมิ วินยั ให้ ผ้อู ืน่ เช่น อบรมส่ังสอน ลูกด้วยการเปน็ ตวั อย่าง ใหด้ ู เป็นตัวอย่างทดี่ ี ใหก้ ับครอบครัวและ ผ้อู ่นื Generation  ปฏิบตั ิตำมกฎระเบยี บ  กำรมมี ำตรฐำน กฎ  กำรมีมำตรฐำน กฎ  กำรมมี ำตรฐำน กฎ Z ภำยนอก เช่น เขา้ แถว ระเบยี บภำยในตัวเอง ระเบยี บภำยในตวั เอง ระเบยี บภำยในตวั เอง เคารพธงชาติ มาเรียนตรง และทำอยำ่ งสมำ่ เสมอ และทำอย่ำงสม่ำเสมอ และทำอย่ำงสมำ่ เสมอ เวลา เข้าคิวซื้อของ ในเรอื่ ง เวลา เชน่ ตน่ื นอน ในเรือ่ ง การเรยี น เช่น ในเรอื่ ง การเงนิ เชน่ ตรงเวลา กนิ ข้าวตรงเวลา ทบทวนบทเรียนอยา่ ง ทางานส่งตนเองเรยี น ไปเทยี่ วแล้วกลบั ตามเวลา สม่าเสมอ ต่ืนเชา้ เพอื่ อ่าน ความสัมพนั ธ์ เชน่ ดแู ล ท่ีวางแผนไว้ มรี ะเบียบ หนงั สอื การงาน เชน่ เลีย้ งดบู ุพการี เช่น เม่ือต่ืนนอนเกบ็ ทนี่ อน ทางานในส่วนของตนเอง  ปฏบิ ตั ิตำมกฎระเบียบ ใหเ้ รียบรอ้ ย ทางานบา้ น ใหส้ าเรจ็ และยอมทาใน ภำยนอก เช่น เขา้ เรียน สม่าเสมอ ทง้ิ ขยะลงถัง สว่ นของคนอ่ืนเพอื่ ใหง้ าน ตามเวลา แตง่ กายตาม แยกขยะกอ่ นทิง้ แตง่ กาย สาเรจ็ และผ่านไปได้ กฎระเบยี บของสถานที่ ตามกาลเทศะ สุขภาพ เช่น การควบคมุ ตนเอง เช่น ทาความสะอาดหอ้ งเรียน การควบคมุ อาหารเพ่อื ลด ตั้งใจเรียน/ทาสิ่งตา่ ง ๆ เมื่อเป็นเวรของตนเอง  ปฏบิ ตั ติ ำมกฎระเบียบ ตอ่ แถว ไมแ่ ซงควิ ผู้อนื่ นา้ หนกั  ปฏบิ ตั ิตำมกฎระเบยี บ ภำยนอก เชน่ ต่อแถว ท้งิ ขยะลงถงั ปฏบิ ตั ิตาม ภำยนอก เชน่ เข้าเรียนตรง ไมแ่ ซงคิว ไมเ่ ล่นระหว่าง กฎจราจร อาทิ ใสห่ มวก เวลา แมไ้ ปเที่ยวแล้วกลับ เรยี น แตง่ กายและตัดผม กันนอ็ ค ดึกกต็ อ้ งตน่ื ไปเรียนตอน ถกู ระเบยี บของโรงเรยี น เชา้ ได้ ส่งการบา้ นตรงเวลา ปฏิบัติตามกฎจราจร เขา้ ทางานตรงเวลา ไมข่ ับ  กำรทำเพ่ือสว่ นรวม รถฝ่าไฟแดง ไมข่ ับรถบน และสง่ เสรมิ วินัยให้ผูอ้ น่ื ทางเท้าเด็ดขาด จอดรถ เช่น เป็นผฟู้ งั ทดี่ ี รบั ฟงั ตามประเภทของรถ มีนา้ ใจ ความคดิ เหน็ ของผู้อนื่ กับเพ่อื นร่วมทอ้ งถนน

75 สุจริต ผู้เข้าร่วมกล่าวถึงพฤติกรรมสุจริตของตนเอง 2 ระดับ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมท่ีเกิด ควบคู่กับบทบาทหน้าที่ทางสังคมตามช่วงวัย คือ กำรทำหน้ำท่ีอย่ำงซื่อสัตย์ และกระทำกำรป้องกัน กำรทุจริต โดยมีการอ้างอิงถึงระเบียบวินัยและความถูกต้องท่ีมีการกาหนดไว้ในบทบาทหน้าท่ีนั้น ๆ อยู่ แล้ว และรองลงมา คือ พฤติกรรมสุจริตอ่ืน ๆ ที่ประพฤติโดยส่วนตัว ซ่ึงมักเช่ือมโยงกับข้อกาหนดทาง ศลี ธรรมของสงั คม เช่น การไม่โกหก ไม่ลกั ขโมย ไม่เป็นชู้ ประเด็นที่น่าสนใจ คือ แม้พฤติกรรมวินัยและสุจริตจะเก่ียวข้องกับการปฏิบัติตาม ระเบยี บกฎเกณฑ์บางอย่างขององค์กรหรือสังคมทัง้ คู่ แต่พฤติกรรมสุจริตมกั พ่วงกบั การตัดสินถูก-ผดิ ดี-ช่ัว ขาว-ดา อย่างชัดเจนและรุนแรง โดยมักมีการกล่าวถึงพฤติกรรมสุจริต-ทุจริตคู่กัน และผู้เข้าร่วมในหลาย พืน้ ทเ่ี ห็นตรงกันว่า เป็นพฤติกรรมคุณธรรมท่ีเกิดไดย้ ากในสังคมไทย และมีแนวโน้มที่พฤติกรรมคุณธรรม นี้จะลดลงตำมช่วงวัย เพรำะถูกกำหนดและครอบงำไว้ด้วยโครงสร้ำงอำนำจที่ทุจริตขององค์กรและ สังคม ดังตารางที่ 35 ตำรำงท่ี 35 ผลการจัดกระบวนการพฒั นาตัวชวี้ ัดคณุ ธรรม ประเดน็ สจุ ริต ชว่ งวัย เชยี งรำย จังหวัด อดุ รธำนี อยุธยำ สรุ ำษฎร์ธำนี Baby  ทำหน้ำทอี่ ย่ำงซ่ือสตั ย์  ทำหน้ำทอี่ ย่ำงซื่อสัตย์  ทำหนำ้ ที่อย่ำงซอ่ื สัตย์  ทำหนำ้ ทอี่ ยำ่ งซอ่ื สัตย์ Boomer และกระทำกำรปอ้ งกนั และกระทำกำรป้องกัน และกระทำกำรปอ้ งกนั และกระทำกำรป้องกนั กำรทุจรติ เช่น การตัง้ กำรทจุ รติ เชน่ มกี ารทา กำรทุจรติ เช่น เปดิ เผย กำรทจุ ริต เชน่ การใช้รถ กติกาในการตรวจสอบ ประชาพิจารณ์ จัดทาแผน ขอ้ มูลอย่างมธี รรมาภบิ าล หลวงในงานราชการ ตั้งคณะกรรมการจัดซอื้ ดว้ ยกระบวนการมสี ว่ นร่วม โปรง่ ใส ท่ัวถึง มีระบบการ เทา่ นั้น ภาคธุรกิจไมใ่ ห้ วัสดุอุปกรณอ์ ยา่ งโปร่งใส มีการกระทาทโ่ี ปรง่ ใส ตดิ ตามและตรวจสอบ เปอร์เซ็นตก์ ับองค์กรหรอื มีขน้ั ตอนการทางานที่ ตรวจสอบได้ มกี ารตรวจ อย่างตรงไปตรงมา อาทิ หน่วยงานราชการ องคก์ ร ตรวจสอบได้ มีมาตรการ สอบถวงดลุ โดยตวั แทนภาค งานจัดซื้อจดั จ้าง หรือกลุม่ คนทท่ี าหนา้ ท่ีใน ควบคมุ ด้านความซื่อสตั ย์ ประชาชน ภาคราชการ สอ่ื มวลชนตอ้ งวางตัวเปน็ การตรวจสอบจะตอ้ งมี อาทิ ใหเ้ ขยี นใบลาออก ภาคเอกชน ซ่ึงมาหารอื กลาง มีจรรยาบรรณใน ความเทย่ี งตรง ตดั สินหรอื ลว่ งหน้า นาเทคโนโลยี ร่วมกัน ผ้นู าองคก์ รต้อง วชิ าชีพ โดยนาเสนอข่าวที่ ประเมินตามความเปน็ จริง หรอื ระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ซ่อื สัตยส์ ุจรติ ถกู ตอ้ ง ไมบ่ ิดเบือน ให้ทกุ  พฤติกรรมสุจรติ อื่น ๆ มาใช้ อาทิ การตอกบตั ร  พฤติกรรมสจุ ริตอน่ื ๆ คนรบั รู้อยา่ งโปรง่ ใสและ เชน่ ไม่เอาเงนิ ท่ไี ดจ้ าก เข้าออกงาน ปฏิเสธการ เช่น มกี ารกระทาทตี่ รงไป เกิดการมสี ว่ นรว่ มของทกุ การเลน่ พนันไปบรจิ าควดั ให้สนิ บน ไมใ่ ช้ระบบเสน้ ตรงมา มีความซื่อสตั ย์ต่อ ภาคสว่ น ผูน้ าทางศาสนา สาย คนื เงนิ ที่ไดม้ าเกินให้ กันในครอบครัวระหว่าง ต้องมคี วามบรสิ ุทธิ์ใจ เจา้ ของ สามี-ภรรยา ยุติธรรม เท่ยี งธรรม ไมท่ า  พฤติกรรมสุจริตอ่นื ๆ การทุจริตในภาครัฐ อาทิ เช่น มีสจั จะวาจา ซอื่ ตรง การทอนเงินเกนิ การให้ ต่อตนเอง หน้าที่ และ คา่ คอมมิชชนั ไม่ใช้เงนิ ซอ้ื ความรบั ผิดชอบ เสยี ง  พฤตกิ รรมสุจรติ อืน่ ๆ เชน่ ไมห่ ยบิ ทรพั ยส์ นิ ของ ผู้อืน่ โดยไมไ่ ดร้ บั อนุญาต ไม่พูดโกหก

76 ช่วงวัย เชียงรำย จงั หวดั อุดรธำนี อยธุ ยำ สุรำษฎร์ธำนี Generation  ทำหน้ำที่อย่ำงซื่อสตั ย์ ทำหนำ้ ที่อยำ่ งซอ่ื สตั ย์  ทำหน้ำทีอ่ ย่ำงซื่อสัตย์  ทำหนำ้ ทอี่ ย่ำงซอื่ สตั ย์ X และกระทำกำรป้องกัน และกระทำกำรป้องกนั และกระทำกำรปอ้ งกัน และกระทำกำรปอ้ งกัน กำรทุจริต เช่น มีการ กำรทุจริต เชน่ ใหข้ ้อมูลที่ กำรทจุ ริต เชน่ ไม่รับ กำรทุจริต เชน่ ผ้ปู ระเมิน ทบทวนหลักการ วิธคี ิด เป็นจริง ลงเวลาทางาน สินบน เขา้ ทางานตรง โครงการต้องตดั สินหรอื ต่าง ๆ ในการทางานเพื่อ ตามเวลาจริง เมื่อสแกน เวลา ไมเ่ ซน็ ลงเวลาเขา้ ประเมนิ ตามความจรงิ ป้องกันการทุจรติ มคี วาม เข้าทางานแลว้ จะตอ้ งไม่ ทางานแทนกัน สื่อควรมี การทาโครงการจะตอ้ งไม่ ซื่อสัตยต์ อ่ ตนเองและ ไปทาธุระอยา่ งอน่ื เขยี น จรรยาบรรณในการ เอาเงินส่วนตา่ งเขา้ หนา้ ท่ีการงาน สามารถ เบกิ จ่ายเงนิ ตามทใ่ี ช้จรงิ นาเสนอขา่ ว คนคา้ ขาย กระเป๋าตนเอง และหาก แยกระหวา่ งเวลาทางาน ตดั สิน/ประเมนิ คะแนน เลอื กขายของท่มี คี ุณภาพ เหน็ คนเอาเงนิ ส่วนต่าง กับเวลาส่วนตัว หรือเกรดตามความเปน็ ไมใ่ ชอ้ านาจในทางมิชอบ ต้องรีบแจ้งใหห้ นว่ ยงาน  พฤติกรรมสจุ ริตอน่ื ๆ จริงโดยปราศจากอคติ ไม่ใช้เสน้ สาย ไม่เล่นพรรค ทราบ คนทาโครงการท่ี เช่น วาจาสุจรติ จรงิ ใจ ส่วนตัว เล่นพวก ไมโ่ กงราคาบตั ร ช่วยเหลอื ชุมชนตอ้ งนา พฤติกรรมสุจริตอ่นื ๆ โดยสาร เงินไปใช้ชว่ ยเหลอื ชุมชน เช่น ไม่ขโมยของ ไม่เอา  พฤติกรรมสจุ รติ อ่ืน ๆ อย่างแทจ้ รงิ หนว่ ยงาน เปรยี บผอู้ ่นื เกบ็ กระเปา๋ เชน่ ไม่โลภมากอยากได้ หรือองคก์ รท่ใี หบ้ รกิ าร เงินได้แล้วรบี เอาไปคนื เกินความจาเปน็ จะตอ้ งใหบ้ รกิ ารแบบไม่ เจ้าของ ชาระเงินตาม เลอื กทรี่ ักมักท่ชี งั ไมล่ อก ราคาสินค้าจริงแมค้ นขาย ขอ้ สอบ  พฤตกิ รรมสจุ ริตอ่ืน ๆ จะไมอ่ ยู่ ปฏิบตั ติ นตาม กฎระเบยี บและกฎหมาย เช่น ไมห่ ยิบของคนอ่ืน ยมื ของสว่ นรวมไปใชแ้ ลว้ โดยไม่ได้รับอนญุ าต นามาคืนท่ีเดมิ ไมช่ ารต์ เกบ็ กระเปา๋ เงินหรอื แบตเตอรข่ี องใช้สว่ นตวั ใน ส่งิ ของของผอู้ นื่ ไดต้ ้องรบี สถานทรี่ าชการ เอาไปคนื เจา้ ของ ซ่อื สัตย์ ตอ่ คนในครอบครวั ไม่นอกใจ ไม่คบชู้ Generation  ทำหน้ำท่ีอยำ่ งซอ่ื สตั ย์  ทำหน้ำท่อี ยำ่ งซ่อื สตั ย์  ทำหนำ้ ท่อี ย่ำงซอ่ื สตั ย์  ทำหน้ำที่อย่ำงซื่อสัตย์ Y และกระทำกำรป้องกัน และกระทำกำรป้องกนั และกระทำกำรปอ้ งกัน และกระทำกำรป้องกัน กำรทจุ ริต เช่น การรักษา กำรทจุ ริต เชน่ ให้ข้อมูลท่ี กำรทุจรติ เชน่ เปดิ เผย กำรทุจริต เช่น ผ้บู งั คบั กฎระเบยี บอยา่ งเครง่ ครดั ถกู ต้องตามขอ้ เท็จจรงิ ข้อมลู อยา่ งโปรง่ ใส ท่วั ถึง บัญชาประเมินผลงานของ ซ่ือสตั ยต์ อ่ ผูบ้ รโิ ภค ไม่อวดอ้างสรรพคณุ สนิ คา้ มีระบบการประกวดราคา ลูกน้องตามความจรงิ ประกอบอาชพี ท่ีสจุ รติ เกินจรงิ เปิดเผยราคาของ ทีโ่ ปรง่ ใส ไมส่ รา้ งข่าว คณะหนงั ตะลุงแม้คนดูจะ ไมเ่ ลอื กปฏิบัติ ให้บริการ สนิ ค้าชดั เจน ไมท่ จุ รติ ใน ปลอม ไมข่ ายของทไ่ี ม่มี น้อยแต่ก็แสดงเต็มทีแ่ ละ อยา่ งเท่าเทยี ม ทาตาม การสอบ ไมเ่ รยี กรับเอา คุณภาพหรือคณุ ภาพต่า เตม็ เวลาทรี่ บั จา้ งไว้ สญั ญาทใ่ี ห้ไว้ ตั้งเกณฑ/์ ผลประโยชนจ์ ากผเู้ ข้า กวา่ ที่ระบุ ไมล่ อกข้อสอบ คนคา้ ขายไมโ่ กงตาชงั่ มาตรการ/กฎท่ีสจุ รติ สอบ อาทิ การรับเงินใต้ หรอื ลอกผลงานของผอู้ น่ื ไมล่ อกหรือไมบ่ อกข้อสอบ ไมใ่ ห้หรือรับสินบน ไมเ่ อา โตะ๊ เพ่อื ใหม้ โี อกาสเขา้ มีจรรยาบรรณในงานทท่ี า เพ่ือน หน่วยงานด้านการ เปรียบลูกค้า ทางาน ไม่เกบ็ เงินทอน ไม่ใหส้ นิ บนตารวจเพ่ือ จดั สรรท่ีดินตอ้ งจัดสรร  พฤติกรรมสุจรติ อ่นื ๆ เม่อื มีคนฝากเงนิ ไปซือ้ ของ หลบเลย่ี งความผดิ ไมร่ บั ทดี่ ินให้ประชาชนอย่าง เชน่ มสี จั จะ มจี ดุ มงุ่ หมาย  พฤติกรรมสจุ ริตอืน่ ๆ สินบน ไมเ่ ขยี นบลิ เกิน เทา่ เทยี มกัน ไม่รับสนิ บน ในการประกอบอาชีพท่ี เช่น การชว่ ยเหลอื ผ้อู นื่ ราคาให้ลูกคา้ ไมน่ าสมบตั ิ ไม่หยิบสิง่ ของของราชการ

77 ชว่ งวัย เชยี งรำย จงั หวัด อดุ รธำนี อยุธยำ สุรำษฎร์ธำนี สุจรติ รักษากฎจราจร ด้วยความจริงใจ ไม่หวัง ของราชการมาใชส้ ่วนตวั ไปใชส้ ว่ นตวั ผตู้ ดั สินกีฬา พอ่ แม่ทาตนเป็นอยา่ งท่ดี ี ผลตอบแทนหรือหวงั ผล ขายสนิ คา้ ราคายตุ ิธรรม ตอ้ งตัดสินตามกฎกตกิ า ให้เดก็ เห็น แอบแฝง เม่อื เกบ็ เงนิ หรอื ไม่โกงตาชัง่ ไมร่ ับเด็กฝาก ของกีฬาต่าง ๆ สิง่ ของได้นาส่งคืนเจา้ ของ เข้าเรียน สร้างกลไกใน นักการเมอื งไมซ่ ้อื เสยี ง ไมอ่ ยากได้ของของผ้อู ื่น การรบั เร่ืองทจุ รติ อาทิ หากมีคนซือ้ เสยี งกไ็ ม่ ซื่อสตั ยต์ ่อความรสู้ กึ ของ ศูนยด์ ารงธรรม เลือกคนน้ัน ตนเอง อาทิ การพูดตรง ๆ  พฤตกิ รรมสุจริตอ่ืน ๆ  พฤตกิ รรมสุจรติ อ่นื ๆ ตามความร้สู กึ ของตนเอง เช่น พดู ความจรงิ ไมล่ ัก เช่น ไมโ่ กหกครอบครัว แตไ่ ม่ทาร้ายจติ ใจผ้ฟู งั ขโมย ไมเ่ อาเปรยี บผ้อู ่นื เพ่ือปดิ บงั ความผดิ เกนิ ไป ซือ่ สตั ย์ตอ่ ค่คู รอง ซ่ือสัตยต์ อ่ คนรักและ ไม่แซงคิว ไมห่ ยบิ เงนิ พ่อ ไม่นอกใจทั้งคาพูดและ ครอบครัว คืนทรพั ยส์ นิ ที่ แมโ่ ดยไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต การกระทา พบให้แกเ่ จ้าของ คนื เงนิ ท่ี เลอื กทางานท่สี จุ รติ แม้ แม่ค้าทอนเกนิ เงนิ เดอื นจะนอ้ ย อาทิ อาชีพครู Generation  ทำหน้ำท่ีอยำ่ งซ่ือสัตย์  ทำหนำ้ ที่อย่ำงซอ่ื สัตย์  ทำหนำ้ ที่อยำ่ งซ่อื สัตย์ ทำหนำ้ ท่อี ยำ่ งซือ่ สตั ย์ Z และกระทำกำรปอ้ งกนั และกระทำกำรปอ้ งกัน และกระทำกำรป้องกัน และกระทำกำรปอ้ งกัน กำรทจุ ริต เชน่ ไมโ่ กง กำรทจุ รติ เช่น ไมล่ อก กำรทจุ รติ เชน่ ไมด่ ูโพย กำรทจุ รติ เชน่ พนักงาน ขอ้ สอบ ไมล่ อกข้อสอบ ข้อสอบ ชแ้ี จงการใช้เงิน ข้อสอบจากมอื ถือ ไม่ให้ ร้านสะดวกซ้ือไมแ่ อบหยิบ ไมใ่ ช้ทรัพย์สนิ ของบริษทั อย่างโปร่งใส เพอื่ นลอกข้อสอบหรอื เงินในร้าน ไมล่ อกขอ้ สอบ เพอื่ ประโยชนส์ ว่ นตวั  พฤตกิ รรมสุจรติ อน่ื ๆ ลอกรายงาน ไม่รบั จา้ ง เมื่อเหน็ เพ่อื นโกงข้อสอบ  พฤติกรรมสจุ รติ อ่ืน ๆ เชน่ คนื เงนิ ให้แม่คา้ ที่ทอน ทางานใหเ้ พ่ือน ไมใ่ ห้ ต้องรีบแจ้งครู กรรมการ เชน่ ตรงตอ่ เวลา ไม่ลกั เกินจานวน ลดความอยาก สนิ บนตารวจเพื่อหลบ จะต้องตดั สินกีฬาด้วย ขโมย ไมเ่ อาเปรียบผอู้ น่ื ได้อยากมีของตนเอง เลยี่ งความผิด ความถกู ตอ้ ง ไมเ่ ลอื กทรี่ ัก ทาหนา้ ทข่ี องตนให้ดีทัง้  พฤตกิ รรมสจุ รติ อนื่ ๆ มกั ทชี่ ัง เจา้ นายต้องให้ ตอ่ หน้าและลบั หลัง เช่น ไมเ่ อาความลับของ เงินเดือนลูกน้องอย่างเทา่ ผู้อื่นไปเปดิ เผย เทียม ไมเ่ ลือกคนทซี่ ื้อ เสียง ไมโ่ ฆษณาขายของ เกินจริง อาทิ พวกครมี หน้าขาว พฤติกรรมสุจริตอน่ื ๆ เชน่ เก็บกระเปา๋ เงนิ หรือ ของของผอู้ ่นื ไดต้ อ้ งรบี คืน แม่ค้าทอนเงนิ เกนิ ตอ้ งรบี คนื เลอื กทางานที่สจุ รติ แมจ้ ะมีคนมาเสนองานที่ ทุจริตแตไ่ ด้เงินเยอะกว่า อาทิ โตะ๊ พนันบอล ไมแ่ ซงควิ

78 จติ สำธำรณะ ผูเ้ ข้ารว่ มกล่าวถึงพฤตกิ รรมจิตสาธารณะของตนเอง 6 ระดับ ในลกั ษณะการทาประโยชน์ ต่อผู้อื่นอย่างกว้างขวางและลึกซึ้งมากข้ึนเรื่อย ๆ จากการทาประโยชนใ์ ห้คนใกล้ตัวแล้วจึงขยายไปสู่สังคม วงกว้าง และเข้าถึงผู้ท่ียากลาบากได้มากขนึ้ ซึ่งเป็นการใหส้ ่ิงของ การใหเ้ วลา แรงกาย แรงใจ จนถึงการลุก ข้นึ มาก่อการหรือเป็นเจ้าภาพในการทาประโยชน์เอง โดยเร่ิมต้ังแต่ระดับแรกสุด เป็นกำรเอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ คนรอบข้ำง และแผ่ขยายการทาประโยชน์ออกไปเร่ือย ๆ คือ กำรบรจิ ำคสงเครำะห์ส่ิงของหรือทรัพย์สิน กำรเข้ำร่วมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อสำธำรณะ/สร้ำงควำมตระหนักถึงปัญหำของสังคม กำรริเริ่ม กิจกรรมพัฒนำชุมชน/สังคม จนถึงกำรสร้ำงโอกำสให้ผู้อ่ืนได้ตระหนักถึงคุณค่ำและเคำรพศักด์ิศรี ควำมเป็นมนุษย์ของตน ทั้งนี้พบว่าระดับของการมีพฤติกรรมจิตสาธารณะไม่ข้ึนกับอายุ แต่ข้ึนกับโอกาส ของสถานการณแ์ ละความสัมพันธ์ทางสังคมว่าแบบใดท่ีจะเออ้ื ใหผ้ ูค้ นสามารถแสดงพฤติกรรมจติ สาธารณะ ไดใ้ นระดับใด เช่น ในภาวะวกิ ฤต สถานการณท์ างสังคมจะเอ้ือให้ระดบั จิตสาธารณะของคนในสังคมมีขนาด ใหญแ่ ละกวา้ งขวางมากกวา่ ในสถานการณป์ กติ ดังตารางที่ 36 ตำรำงที่ 36 ผลการจัดกระบวนการพัฒนาตวั ช้ีวดั คณุ ธรรม ประเดน็ จิตสาธารณะ ชว่ งวยั เชียงรำย จังหวดั อดุ รธำนี อยธุ ยำ สุรำษฎรธ์ ำนี Baby  สรำ้ งโอกำสใหผ้ ้อู ่ืน  ริเรมิ่ กจิ กรรมพัฒนำ  ริเริ่มกิจกรรมพฒั นำ  สรำ้ งโอกำสใหผ้ ู้อื่น Boomer ตระหนกั ถึงคณุ คำ่ และ ชุมชน/สงั คม เชน่ อาสา ชุมชน/สงั คม เชน่ การให้ ตระหนกั ถงึ คุณค่ำและ เคำรพศกั ดิ์ศรีควำมเปน็ สอนพิเศษนักเรยี น การให้ ความรู้หรือคาแนะนาแก่ เคำรพศกั ดศ์ิ รคี วำมเป็น มนุษยข์ องตนเอง เชน่ ความรู้ดา้ นจติ อาสาเพือ่ ผ้อู ื่นท้งั ทางสามญั และทาง มนษุ ยข์ องตนเอง เช่น การจัดหาสถานท่ีให้กลมุ่ ขยายผลไปสเู่ ดก็ ใหอ้ ยาก ศาสนา การช่วยเหลอื ขอทานโดย ชาติพนั ธุ์ได้วางขายสนิ คา้ ทาจิตอาสา ทาโครงการ  เข้ำร่วมกจิ กรรมทีเ่ ป็น การจา้ งงานแทนการให้ ทางวฒั นธรรมของตน ดแู ลสิ่งแวดลอ้ ม อาทิ ซอย ประโยชน์ของสำธำรณะ เงนิ อาทิ เสื้อผา้ เครอื่ งจักสาน สวยดว้ ยมอื เรา การเทศน์ เชน่ การเปน็ ผู้พิพากษา  เข้ำร่วมกิจกรรมที่เปน็ ของชนเผา่ ส่งั สอนผูป้ ่วยเอดส/์ ผู้ป่วย สมทบแม้จะเกษยี ณแลว้ ประโยชนต์ ่อสำธำรณะ  ริเริม่ กจิ กรรมพัฒนำ ติดเตยี ง/ผู้พกิ าร/ผู้ทด่ี ้อย การชกั ชวนผ้อู น่ื เข้าร่วม เช่น ดแู ลสิ่งแวดล้อมด้วย ชมุ ชน/สังคม เช่น รเิ รม่ิ โอกาส) ใหม้ ีกาลังใจใน กจิ กรรมทเี่ ป็นประโยชน์ การไมเ่ ผาขยะหรือใบไม้ โครงการพฒั าชมุ ชน/ การใช้ชีวิตตอ่ ไป ต่อสงั คม เพื่อลดมลพษิ เกบ็ ขยะ สังคมในรูปแบบต่าง ๆ  เขำ้ รว่ มกิจกรรมทเี่ ป็น  บริจำคสงเครำะห์ การตักเตือนผู้ขับรถ  เข้ำร่วมกจิ กรรมที่เป็น ประโยชนข์ องสำธำรณะ สิ่งของหรอื ทรพั ยส์ นิ จักรยานยนต์บนทางเทา้ ประโยชนต์ อ่ สำธำรณะ เชน่ การขายของนาเงนิ เขา้ เชน่ การเปน็ ศนู ยก์ ลางใน หรือผ้ทู ี่นาสนุ ัขมาทงิ้ ที่วัด เช่น ทาความสะอาดพ้นื ที่ การกศุ ล รว่ มวางแผนแกไ้ ข การระดมทรพั ยากรเพ่อื การทาความสะอาดที่ สาธารณะ ปลกู ป่า ปัญหานา้ ท่วม เป็นตัวแทน แจกจ่ายให้ผูท้ ี่ขาดแคลน สาธารณะ การซอ่ มแซม  บรจิ ำคสงเครำะห์ ชาวบ้านรวมกลุ่มต่อรอง  เอ้ือเฟอ้ื เผ่ือแผค่ นรอบ ถนน การชว่ ยเหลอื ดูแล สิ่งของหรอื ทรพั ย์สิน สทิ ธติ า่ ง ๆ ข้ำง เช่น แบง่ เบาภาระ ผปู้ ว่ ยตดิ เตียง การรว่ ม เชน่ บรจิ าคเสอ้ื ผา้ และ  บริจำคสงเครำะห์ งานของผู้อน่ื มใี จบริการ กิจกรรมพัฒนาโรงเรยี น เงินแก่ผู้ขาดแคลน สงิ่ ของหรอื ทรพั ยส์ นิ ช่วยเหลอื เดก็ และคนแก่ รูปแบบต่าง ๆ เชน่ บริจาคส่ิงของให้เดก็ ข้ามถนน เปิดโอกาสให้  บรจิ ำคสงเครำะห์ คนยากไร้ ผ้อู นื่ ได้แกไ้ ขข้อผดิ พลาด สงิ่ ของหรือทรพั ย์สิน  เออ้ื เฟื้อเผือ่ แผค่ นรอบ เชน่ บรจิ าคเงินชว่ ย ขำ้ ง เชน่ การใหย้ ืมเคร่ือง ผู้ประสบภยั บริจาคเงิน

79 ชว่ งวัย เชยี งรำย จังหวดั อุดรธำนี อยุธยำ สรุ ำษฎรธ์ ำนี เสยี งฟรใี นงานมงคล ใหใ้ ช้ ทาบุญให้วัด บรจิ าคของ สถานท่ีจัดกจิ กรรมเพอ่ื ไม่ใช้แล้วให้ผขู้ าดแคลน สงั คมฟรี เยย่ี มผตู้ อ้ งขัง  เอ้ือเฟอื้ เผอ่ื แผ่คนรอบ ขำ้ ง เชน่ แบง่ ที่น่ังบนรถ โดยสารใหผ้ ู้อื่น การให้ คาปรกึ ษาหรอื ให้กาลังใจ ผูอ้ น่ื ให้อาหารสนุ ขั หรือ แมวจรจัด Generation  ริเริม่ กจิ กรรมพฒั นำ  รเิ ริ่มกิจกรรมพัฒนำ  สรำ้ งโอกำสใหผ้ ้อู นื่  ริเริ่มกิจกรรมพัฒนำ X ชุมชน/สังคม เชน่ ชุมชน/สงั คม เชน่ ผลักดัน ตระหนักถงึ คุณค่ำและ ชุมชน/สงั คม เชน่ โครงการบรกิ ารวชิ าการท่ี ใหล้ กู ศษิ ย์ลงทางานชุมชน เคำรพศักด์ิศรีควำมเปน็ การหาทนุ ช่วยชาวบา้ นทา ให้นักเรียนนกั ศึกษาลง การรวมกลมุ่ ผู้ปกครอง- มนษุ ยข์ องตนเอง เช่น วิจัยทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับวิถชี วี ิต พ้ืนทไี่ ปให้ความรตู้ า่ ง ๆ นักเรยี นในการชว่ ยกนั ไม่พดู จาดถู ูกดูแคลนผู้อ่นื ความเป็นอย่ขู องชาวบ้าน แกช่ าวบา้ น/กลุ่มชาตพิ นั ธุ์ แกป้ ัญหาน้าทว่ ม กจิ กรรม  เข้ำรว่ มกิจกรรมทีเ่ ป็น ให้ดขี น้ึ ทาเกษตรอนิ ทรีย์ โครงการสรา้ งอาชีพให้แก่ ให้ผสู้ ุงอายุเปน็ อาสาสมคั ร ประโยชนข์ องสำธำรณะ เพื่อความปลอดภยั ต่อ ผู้ว่างงาน โครงการธรุ กจิ ในโรงพยาบาล ตงั้ ชมุ นุม เช่น เปดิ โอกาสใหผ้ ู้อนื่ ได้ สุขภาพและสง่ิ แวดลอ้ ม ท่องเที่ยวชมุ ชนโดยชมุ ชน อาสามคั ร อบรมเด็กเร่อื ง ใช้ของส่วนร่วม ใช้ของ  เข้ำรว่ มกิจกรรมทเ่ี ป็น ไดร้ บั ประโยชนจ์ ากการ การเปน็ อาสาสมคั ร ไปทา ส่วนรวมอย่างระมดั ระวัง ประโยชนต์ อ่ สำธำรณะ เป็นไกด์ เปิดโฮมสเตย์ กจิ กรรมที่บ้านพักคนชรา/ ไม่ใหเ้ กดิ ความเสียหาย เชน่ อาสาสมัครใน และขายผลติ ภณั ฑช์ มุ ชน ศูนยม์ ะเร็ง นาออกกาลงั ใชข้ องสว่ นรวมแลว้ เก็บ กจิ กรรมทางศาสนา อาทิ  เข้ำรว่ มกิจกรรมทเ่ี ปน็ กายร่วมกบั หน่วยงานรอบ เขา้ ทเ่ี ดิม เปน็ สัปเหร่อโดย ชว่ ยเตรยี มงาน ชว่ ยลา้ ง ประโยนข์ องสำธำรณะ ชมุ ชน สร้างเครือข่าย ไมห่ วังผลตอบแทนเพราะ จานหรือชว่ ยอานวย เชน่ กจิ กรรมรวมกลมุ่ เพอ่ื ระหวา่ งโรงเรียนในพ้ืนท่ี ถือวา่ เปน็ การทาบุญ ความสะดวกต่าง ๆ เปน็ กระบอกเสียงของผู้ หา่ งไกล การรวมกลมุ่ ทา  บริจำคสงเครำะห์ การปลูกต้นไมเ้ พอ่ื ลดโลก เดือดร้อนเพื่อใหร้ ฐั บาล โรงทานแจกอาหาร แจกไข่ สงิ่ ของหรือทรพั ย์สนิ รอ้ น การปิดน้า-ไฟเมือ่ ไม่ ไดท้ ราบและแกป้ ญั หา ไก่ จากธรุ กิจของตนเอง เชน่ การรบั อปุ การะเด็ก ใชเ้ พ่อื ช่วยลดการใช้ การเผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสาร การจดั ทาหลกั สตู ร Active กาพรา้ ใหท้ นุ การศกึ ษา ทรพั ยากรโดยไม่จาเป็น สาคัญต่าง ๆ ใหผ้ อู้ ่นื รู้ Citizen อบรมสร้าง แกเ่ ดก็ ด้อยโอกาส บรจิ าค การวพิ ากษว์ ิจารณ์การ จติ สานึกใหเ้ ด็ก เงนิ ชว่ ยเหลือผดู้ อ้ ยโอกาส ทางานของรฐั บาลหรอื  เขำ้ ร่วมกิจกรรมทเี่ ป็น บรจิ าครา่ งกาย สถานการณ์ทางสงั คม ประโยชน์ตอ่ สำธำรณะ  เอ้อื เฟอื้ เผ่ือแผค่ นรอบ  บริจำคสงเครำะห์ เช่น การอาสาชว่ ยงาน ข้ำง เช่น ให้กาลงั ใจผ้ใู ต้ ส่ิงของหรอื ทรัพย์สิน พระบรมศพรชั กาลท่ี 9 บังคับบญั ชา เปดิ โอกาส เช่น การบริจาคของใช้ ทาความสะอาดดูแลชุมชน ใหผ้ อู้ ่ืนแกไ้ ขขอ้ ผิดพลาด และเงินใหผ้ ูท้ ี่ขาดแคลน ชว่ ยงานคนในชมุ ชน อาทิ มอบทุนการศึกษาใหแ้ ก่ งานศพ หรอื เวลาประสบ เยาวชนทยี่ ากไร้ การเป็น ภยั นา้ ท่วม การเป็นล่าม ศูนยก์ ลางระดมทรัพยากร อาสาในศาลเพ่ือช่วย ต่าง ๆ เพื่อนาไปแจกจ่าย นักทอ่ งเท่ยี วตา่ งชาติ  บริจำคสงเครำะห์ แก่ผขู้ าดแคลน สงิ่ ของหรือทรัพย์สิน

80 ชว่ งวัย เชียงรำย จงั หวัด อุดรธำนี อยธุ ยำ สุรำษฎรธ์ ำนี เชน่ ชว่ ยใหท้ ี่พักพิงแก่ ผ้ปู ระสบภยั จากน้าท่วม  เอ้ือเฟ้ือเผื่อแผค่ นรอบ ขำ้ ง เช่น การจอดรถรบั นกั ท่องเทีย่ วทโ่ี บกรถขอ ร่วมเดนิ ทางด้วย Generation สร้ำงโอกำสให้ผู้อ่ืน รเิ รม่ิ กจิ กรรมพัฒนำ  กำรริเรม่ิ กิจกรรม เข้ำรว่ มกจิ กรรมที่เปน็ Y ตระหนักถงึ คุณค่ำและ ชมุ ชน/สังคม เชน่ การฝกึ พัฒนำชมุ ชน/สงั คม ประโยชน์ของสำธำรณะ เคำรพศักด์ิศรีควำมเปน็ นักเรียนให้เป็นอาสาสมัคร เชน่ โครงการสรา้ งอาชีพ เช่น เปน็ วิทยากรแบ่งปัน มนุษยข์ องตนเอง เชน่ เข้ำรว่ มกจิ กรรมทเี่ ป็น โครงการกจิ กรรมศาสนา ความรู้ ดแู ลศาสนาสถาน การจดั หาสถานท่ใี หก้ ลมุ่ ประโยชนข์ องสำธำรณะ เพื่อปลูกฝังคณุ ธรรม ปลูกป่าชายเลน รณรงค์ ชาติพนั ธุ์ได้วางขายสนิ คา้ เชน่ การเกบ็ ขยะใหเ้ ปน็  เข้ำรว่ มกิจกรรมทีเ่ ปน็ งดเหลา้ ทางวัฒนธรรมของตน ตวั อยา่ ง การสื่อสารกบั ผนู้ า ประโยชน์ของสำธำรณะ เอื้อเฟอ้ื เผื่อแผ่คนรอบ อาทิ เสื้อผา้ เครอ่ื งจักสาน ชมุ ชนในเร่ืองการปรบั ปรุง เชน่ การวงิ่ สมทบทนุ ซ้ือ ข้ำง เช่น การรบั เพ่อื นที่ ของชนเผา่ ไฟส่องสว่างและการสรา้ ง เคร่อื งมือแพทยใ์ ห้แก่ เดินทางไปทางเดยี วกันขึน้ เข้ำรว่ มกิจกรรมท่เี ป็น ความปลอดภัยในชุมชน โรงพยาบาล การสรา้ ง รถไปกบั ตน การชว่ ยเดก็ ประโยชนข์ องสำธำรณะ การดูแลสมบตั ิ่ส่วนรวม โรงเรียนบนดอย การเปน็ และผสู้ งู วยั ขา้ มถนน เชน่ การร่วมวง่ิ เพือ่ หาทุน หนว่ ยกู้ชพี โดยไมห่ วัง ซื้อเคร่ืองมอื แพทยใ์ ห้ ผลตอบแทน ใสห่ น้ากาก โรงพยาบาล สรา้ งฝาย อนามัยเม่ือไมส่ บาย ชะลอนา้ เก็บขยะตาม การรกั ษาสมบัตสิ าธารณะ สถานที่ต่าง ๆ ตดิ ตาม การให้ความรหู้ รอื เผยแพร่ ขอ้ มูลข่าวสารสถานการณ์ ข่าวสารสาคัญแกผ่ ้อู ื่น ทางสงั คม และเผยแพร่ การแยกขยะก่อนท้ิงและ ขา่ วสารสาคัญใหผ้ ูอ้ น่ื รู้ ทิ้งขยะลงถัง  บริจำคสงเครำะห์  บริจำคสงเครำะห์ ส่งิ ของหรือทรัพย์สนิ สิง่ ของหรอื ทรัพยส์ นิ เช่น การแจกของใช้ให้แก่ เช่น การเป็นศูนย์กลางใน ผูป้ ระสบอุทกภยั การเปน็ การระดมทรัพยากรเพื่อ ศนู ยก์ ลางระดมทรพั ยากร แจกจา่ ยแก่ผู้ขาดแคลน เพื่อนาไปแจกจ่ายใหผ้ ู้ที่ บรจิ าคปฏทิ ินเพือ่ ผพู้ ิการ ขาดแคลน ทางสายตา บรจิ าคเงนิ เอ้อื เฟ้ือเผอื่ แผ่คน ชว่ ยผู้ดอ้ ยโอกาส รอบตวั เชน่ แบ่งปนั ผกั  เอ้ือเฟอื้ เผ่ือแผ่คนรอบ ผลไมใ้ นสวนให้เพ่ือนบ้าน ขำ้ ง เชน่ การรบั ฟงั ผู้อืน่ เพ่ือคลายความกังวลใจ มใี จบริการชว่ ยอานวย ความสะดวกให้ผู้อ่ืน Generation  ริเร่มิ กิจกรรมพัฒนำ  เข้ำรว่ มกิจกรรมทเ่ี ปน็  เขำ้ ร่วมกิจกรรมท่เี ป็น  รเิ ร่ิมกจิ กรรมพัฒนำ Z ชมุ ชน/สังคม เชน่ รเิ ร่มิ ประโยชนข์ องสำธำรณะ ประโยชนต์ อ่ สำธำรณะ ชุมชน/สังคม เช่น เชน่ เป็นอาสาสมัครให้ โครงการติวหนังสือให้รุ่น

81 ชว่ งวัย เชยี งรำย จังหวัด อดุ รธำนี อยุธยำ สุรำษฎร์ธำนี โครงการพัฒนาชุมชน/ คาปรึกษาแกผ่ สู้ ูงวยั ใน เช่น ทาสีโรงเรยี น นอ้ ง การเลือกอาชพี ทีไ่ ด้ สงั คมในรปู แบบต่าง ๆ ชุมชน การเกบ็ ขยะ ชว่ ยงานวันเดก็ เกบ็ ขยะ ช่วยเหลอื ผู้อ่นื อาทิ ครู  เขำ้ ร่วมกจิ กรรมที่เป็น  เอื้อเฟือ้ เผ่ือแผค่ นรอบ  บรจิ ำคสงเครำะห์ แพทย์ นกั การเมือง ประโยชน์ต่อสำธำรณะ ขำ้ ง เช่น การสละท่ีน่งั บน สง่ิ ของหรอื ทรัพย์สนิ ตวิ เตอร์ เช่น ทาโรงทาน บรจิ าค  เขำ้ ร่วมกิจกรรมท่ีเปน็ เช่น ร่วมทาสนามเด็กเลน่ รถโดยสารใหผ้ อู้ ่นื ให้เด็กบนดอย รว่ มทา เงินสมทบทนุ ซอื้ เคร่ืองมอื ประโยชนข์ องสำธำรณะ ความสะอาดชุมชนหรอื แพทยใ์ หโ้ รงพยาบาล เชน่ เมือ่ เกิดปัญหาขึ้นใน หมู่บา้ น  เอ้อื เฟอ้ื เผ่อื แผ่คนรอบ โรงเรยี นจะรบี ไปแจง้ ครู  บริจำคสงเครำะห์ ขำ้ ง เช่น พาผ้สู ูงอายุขา้ ม การเสนอตวั ทากิจกรรม สงิ่ ของหรือทรพั ย์สนิ ถนน ชว่ ยปฐมพยาบาลผู้ ของโรงเรยี น ทาหน้าที่ เชน่ บริจาคเส้ือผ้าและ ได้รับอบุ ตั เิ หตุ ให้เพ่ือนยืม เป็นหัวหนา้ ห้องหรอื เงินแก่ผยู้ ากไร้ ปากกา ตกั เตอื นเพอ่ื นให้ ประธานนกั เรียน กลับมาเรยี นหนังสือ  เอื้อเฟ้ือเผ่อื แผค่ นรอบ  เอ้อื เฟ้ือเผือ่ แผค่ นรอบ ข้ำง เชน่ ให้คาแนะนา ข้ำง เช่น ช่วยเข็นรถคน พิการ ชว่ ยผอู้ ื่นซ่อมรถ หรอื เป็นท่ีปรึกษาให้เพื่อน ช่วยถือของ ชว่ ยสอน หนงั สอื ใหค้ นท่อี า่ นเขียน ภาษาไทยไมไ่ ด้ รบั ผดิ ชอบ ผู้เข้าร่วมกล่าวถึงพฤติกรรมรับผิดชอบของตนเองเป็น 4 ระดับ ในลักษณะของการแผ่ ขยายจากจุดเล็ก ๆ ออกไปสู่ส่ิงที่กว้างขวางขึ้นเช่นเดียวกับพฤติกรรมจิตสาธารณะ แต่ขณะเดียวกันก็ เช่ือมโยงกับบทบาทหน้าท่ีตามช่วงวัยเช่นเดียวกับพฤติกรรมวนิ ัยและสุจริต คือ เริ่มต้ังแต่ควำมรับผิดชอบ ต่อครอบครัวไปสู่ควำมรับผิดชอบต่อหน้ำท่ี/กำรงำน ควำมรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม และ ควำมรบั ผิดชอบต่อสงิ่ แวดลอ้ ม ตามลาดบั ดงั ตารางท่ี 37 ตำรำงท่ี 37 ผลการจดั กระบวนการพฒั นาตัวชว้ี ดั คุณธรรม ประเด็นรบั ผดิ ชอบ ช่วงวยั เชียงรำย จังหวัด อุดรธำนี อยุธยำ สุรำษฎร์ธำนี Baby ควำมรบั ผิดชอบตอ่  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ  ควำมรับผดิ ชอบตอ่  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ Boomer ครอบครวั เชน่ การดูแล ตนเอง เชน่ การคานึงถงึ ครอบครวั เช่น อบรม ครอบครัว เช่น เลยี้ งดู ลูกหลาน ทางานบ้าน ผลกระทบก่อนลงมอื ทา ดูแลลกู หลานทงั้ ดา้ น พ่อแม่และลกู ลดความขดั แยง้ ภายใน อะไร การควบคุมอารมณ์ ร่างกายและจติ ใจให้เป็น  ควำมรับผดิ ชอบตอ่ ครอบครัว สามีทาอาหาร ตนเอง คนท่มี ีคุณภาพ หน้ำที/่ กำรงำน เช่น ใหภ้ รรยาทานไดเ้ พราะ  ควำมรับผดิ ชอบต่อ  ควำมรับผิดชอบตอ่ ปฏิบัตติ ามกฎระเบยี บ เห็นใจท่ีทางานหนกั ครอบครวั เช่น อบรมและ หน้ำที่/กำรงำน เช่น ของสถานที่ทางาน ควำมรับผิดชอบตอ่ ให้คาปรึกษากบั ลูกหลาน การทางานให้สาเรจ็ ตาม  ควำมรับผดิ ชอบตอ่ หนำ้ ที่/กำรงำน เช่น ดแู ลให้การศกึ ษาเพ่อื ใหเ้ ดก็ ทไ่ี ด้รบั มอบหมายมา สงั คมส่วนรวม เช่น รักษาคาพดู ตน มงุ่ มน่ั ใน เติบโตและสามารถดแู ล ทางานเต็มเวลาและเตม็ ปฏบิ ตั ิตามกฎหมาย การทางาน ในฐานะของ ตนเองได้ ความสามารถ ศึกษาหา ไมส่ รา้ งความเดือดรอ้ น

82 ชว่ งวัย เชยี งรำย จงั หวัด อุดรธำนี อยธุ ยำ สุรำษฎรธ์ ำนี หวั หนา้ งานต้องดแู ล  ควำมรับผิดชอบตอ่ ความรูเ้ พิ่มเตมิ เพอ่ื พัฒนา ใหแ้ กส่ งั คม การเขา้ ร่วม ความเป็นอย่ขู องลกู น้อง หน้ำที่/กำรงำน เช่น ตนเองใหส้ ามารถทางานท่ี กจิ กรรมที่เปน็ ประโยชน์ โดยสง่ เสรมิ ความกา้ วหนา้ ทางานใหเ้ สรจ็ และถูกตอ้ ง ยากขนึ้ ได้ จดั ประเภทของ ต่อสังคมส่วนรวม การใช้ ให้แกล่ ูกน้อง การแสดง ตามกาหนด ครูมหี นา้ ท่ี งานเปน็ งานหลกั (ตอ้ งทา) social media ในทางท่ี ความรับผิดชอบหากเกิด ดแู ลรบั ผดิ ชอบนักเรยี นใน และงานรอง (ทากไ็ ด้ สร้างสรรค์ ขอ้ ผิดพลาดที่มาจากตน การอบรมสงั่ สอนให้สมกับ ไม่ทาก็ได้ แต่ถ้ารับปาก ในฐานะครูจะต้องเตรยี ม ทผี่ ปู้ กครองไว้ใจสง่ มาเรยี น แล้วต้องทา) การสอนทุกครั้ง การดูแล  ควำมรบั ผิดชอบตอ่  ควำมรับผิดชอบต่อ นักเรยี นใหท้ ่วั ถึง สังคมส่วนรวม เชน่ ดูแล สงั คมส่วนรวม เชน่ ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ สัตว์เลย้ี งของตนเอง ปลกู จติ สานึกใหเ้ ดก็ ผา่ น สังคมสว่ นรวม เชน่ แจ้ง การดแู ลส่ิงแวดล้อม กลไก บา้ น วดั โรงเรียน  ควำมรบั ผิดชอบตอ่ เจ้าหน้าที่เม่ือพบผู้ทาผดิ แสดงความรับผดิ ชอบต่อ สง่ิ แวดล้อม เช่น ลด ละ ผู้ทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบจาก เลกิ การใช้พลาสตกิ /โฟม การกระทาของเรา เลอื กใช้วสั ดทุ นี่ ามาใช้ซ้า ควำมรบั ผิดชอบต่อ ได้ ไม่เผาขยะ/เผาป่า สิ่งแวดล้อม เชน่ การทา ตรวจสอบเครื่องยนตไ์ ม่ เกษตรอินทรีย์ ไมท่ าลาย ใหป้ ล่อยควนั เสีย/มลพษิ สิ่งแวดล้อม สง่ เสรมิ ให้ ทงิ้ ขยะให้ถกู ท่ี คัดแยก กลุ่มองคก์ รชมุ ชนสรา้ ง ขยะ สง่ิ แวดลอ้ มขนึ้ มาใหม่ เช่น ขอไมป้ ่าไมพ้ ะยงู มา ปลูก จดั ทาธนาคารตน้ ไม้ ทายทุ ธศาสตรด์ า้ นอาหาร สุขภาพ และสง่ิ แวดล้อม Generation  ควำมรับผดิ ชอบตอ่  ควำมรบั ผิดชอบตอ่  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ ควำมรับผดิ ชอบต่อ X ตนเอง เชน่ มีสติ โดยการ ตนเอง เช่น การแบง่ ปนั สงิ่ ตนเอง เช่น การจดั สรร ตนเอง เช่น ดแู ลสุขภาพ ระวงั ความคดิ คาพดู ตา่ ง ๆ ใหผ้ ้อู ่นื แต่ไมล่ ะเลย เวลาระหว่างงานและ รา่ งกายของตนเองให้ การกระทา ตนเอง ครอบครัว แข็งแรง รกั ษาคาพดู /  ควำมรับผดิ ชอบตอ่  ควำมรับผดิ ชอบต่อ  ควำมรับผดิ ชอบตอ่ คาสัญญาทใ่ี หไ้ ว้กับผู้อื่น ครอบครัว เชน่ ดแู ลคน ครอบครัว เช่น การเปน็ ครอบครัว เช่น ทาอาหาร ควำมรับผดิ ชอบตอ่ ในครอบครัว (พ่อ แม่ ปู่ ตวั อย่างท่ีดีให้แกล่ ูกหลาน ทางานบา้ น การส่งลกู ไป ครอบครัว เชน่ การดแู ล ยา่ ตา ยาย ทเี่ ปน็ ผู้ป่วย อบรมสั่งสอนลูกหลาน โรงเรียน สอ่ื สารพดู คยุ / พอ่ แม่และลูก การเป็น ตดิ เตยี ง) การทางานบ้านตามทไ่ี ด้ เปิดใจรับฟงั ความคดิ เห็น ตวั อยา่ งทีด่ ใี ห้แกค่ นใน  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ แบง่ หนา้ ที่กนั ไวแ้ ลว้ ของลูก ครอบครัว สอนลกู หลาน หน้ำท่ี/กำรงำน เช่น  ควำมรบั ผิดชอบตอ่  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ ไม่ให้สร้างความเดอื ดรอ้ น ทางานตามหน้าทขี่ องตน หนำ้ ที/่ กำรงำน เช่น หน้ำที่/กำรงำน เช่น แก่สงั คม รับผิดชอบตอ่ ข้อมลู ปฏบิ ตั หิ น้าท่ีใหด้ ที สี่ ุด ทางานทไ่ี ด้รับมอบหมาย ควำมรับผิดชอบตอ่ ข่าวสารทจี่ ะสอ่ื สารออกสู่ การเรยี นรสู้ ิ่งใหม่ ๆ ซง่ึ จะ อยา่ งเตม็ ท่ี ยดึ เปา้ หมาย หน้ำท่/ี กำรงำน เชน่ สงั คม แสวงหาความร้เู พื่อ ชว่ ยพฒั นาตนเองให้ทางาน ขององคก์ ร การถา่ ยโอน มจี รรยาบรรณทางวิชาชีพ นามาพฒั นางาน ไดด้ ีขน้ึ รักษาสขุ ภาพให้ ความรับผิดชอบให้ลกู นอ้ ง ของตน ไมท่ างานอย่างอื่น

83 ชว่ งวัย เชียงรำย จงั หวัด อดุ รธำนี อยุธยำ สรุ ำษฎร์ธำนี  ควำมรบั ผิดชอบต่อ แขง็ แรงเพื่อไมใ่ ห้เกดิ เท่าทที่ าได้ (เปน็ การฝกึ ให้ ในเวลาราชการ การดูแล สังคมส่วนรวม เชน่ ผลกระทบตอ่ การทางาน ลกู นอ้ งมคี วามรับผดิ ชอบ) เอาใจใสผ่ รู้ บั บรกิ ารใน  ควำมรบั ผิดชอบต่อ ฐานะผ้ใู หบ้ รกิ าร ทาประโยชนเ์ พอ่ื คนอื่น และสง่ิ อ่นื ๆ ช่วยงานชุมชนเมือ่ มีเวลา  ควำมรบั ผิดชอบตอ่ สงั คมสว่ นรวม เชน่ ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ สังคมสว่ นรวม เชน่ ชักชวนใหผ้ ้อู นื่ ทาความดี สงั คมส่วนรวม เชน่ ดแู ล การปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย/ หา้ มปรามผ้อู ่ืนไม่ให้ทา สตั วเ์ ลีย้ งไม่ให้ไปรบกวน กฏเกณฑ์ การชาระหนส้ี นิ ความชัว่ ผอู้ ื่น ปฏบิ ตั ติ ามกฎจราจร การไมส่ รา้ งความเดือดร้อน  ควำมรับผิดชอบต่อ ใหผ้ ้อู ่ืน สง่ิ แวดล้อม เชน่ ลดการ  ควำมรบั ผดิ ชอบตอ่ ใช้พลาสตกิ คดั แยกขยะ สง่ิ แวดล้อม เชน่ การไม่ กอ่ นทง้ิ ทิ้งขยะลงถัง เผาออ้ ย/เผาปา่ /เผาต้นไม้ หม่นั ตรวจดรู ถอยเู่ สมอ ไม่ใช้รถทค่ี วนั ดาผิดปกติ เพือ่ ไมใ่ หก้ อ่ ควนั หรอื ไม่ท้งิ ขยะลงแมน่ า้ ลาคลอง มลพษิ  ควำมรับผิดชอบต่อ ศำสนำ เชน่ ปฏบิ ัตติ าม หลักธรรมคาสอนศาสนา Generation  ควำมรับผดิ ชอบตอ่  ควำมรบั ผดิ ชอบตอ่  ควำมรบั ผิดชอบต่อ  ควำมรบั ผดิ ชอบตอ่ Y ครอบครวั เช่น ดแู ล ตนเอง เชน่ จดั การตนเอง ครอบครัว เชน่ จัดสรร ตนเอง เชน่ ดแู ลสุขภาพ สมาชกิ ในครอบครัว ให้ดาเนนิ ชีวติ ไดโ้ ดยไมเ่ ปน็ เวลาให้สมดลุ ทงั้ เรื่องงาน ร่างกายของตนใหแ้ ข็งแรง  ควำมรับผดิ ชอบตอ่ ภาระของผู้อน่ื การรกั ษา และครอบครัว ไมโ่ ยนความผดิ ของตนเอง หนำ้ ที่/กำรงำน เชน่ คาพูดโดยพดู แลว้ ต้องทาให้  ควำมรับผิดชอบตอ่ ให้ผู้อื่น ทาตามคาพูดหรอื ทางานท่รี ับผดิ ชอบใหด้ ี ได้ หน้ำท/ี่ กำรงำน เชน่ คาสัญญาที่ใหไ้ วก้ บั ผอู้ น่ื ทส่ี ดุ มาทางานตรงเวลา  ควำมรบั ผิดชอบต่อ ตั้งใจทางานตามท่ีไดร้ ับ ซ่ึงแสดงถึงความใสใ่ จใน ศกึ ษาหาความรใู้ นงานที่ ครอบครัว เช่น การดแู ล มอบหมาย ทางานให้เสร็จ ความรสู้ กึ ของผู้อืน่ รบั ผิดชอบเพม่ิ เตมิ บพุ การีและผ้ใู หญ่ในบา้ น ส้ินตามเวลาที่กาหนด  ควำมรบั ผดิ ชอบตอ่  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ เมอ่ื ท่านเจบ็ ป่วย อาทิ วางแผนการทางาน ครอบครวั เช่น ยอมรบั สังคมส่วนรวม เช่น ลาออกจากงานเพื่อดูแล ติดตามผลและสรุปงาน ผดิ /สารภาพผดิ กบั คนใน เปน็ พลเมอื งดีทปี่ ฏบิ ัติ ผปู้ ่วยมะเร็ง การส่ังสอน อยา่ งสม่าเสมอ รักษา ครอบครัวเมือ่ ทาผิดพลาด ตามกฎหมาย การทางาน ลูกหลานเรอ่ื งการดาเนิน ความลบั ของข้อมูล  ควำมรบั ผิดชอบตอ่ ชีวติ และเปน็ คนดีของสังคม การหลกี เลีย่ งการแต่งชดุ หนำ้ ท่ี/กำรงำน เช่น รว่ มกบั ชมุ ชน  ควำมรบั ผดิ ชอบตอ่ ขา้ ราชการไปเดินห้าง สง่ งานตรงเวลา สรา้ งหรอื หน้ำท่ี/กำรงำน เชน่  ควำมรับผิดชอบต่อ ผลติ ผลงานทม่ี คี ุณภาพ การทาหน้าทใี่ หด้ ีท่ีสดุ สังคมสว่ นรวม เช่น ตั้งใจปฏบิ ตั งิ านเตม็ ท่ี ทางานใหเ้ สรจ็ เพ่ือส่งตอ่ รับผดิ ชอบตอ่ องค์กร อาทิ อย่างสดุ ความสามารถ ผูเ้ กย่ี วข้องไปดาเนินการตอ่ การทาหน้าทแี่ ทนคนใน เตรยี มความพร้อมก่อน การไมผ่ ลักภาระงานให้ องค์กรทล่ี างาน การรับฟัง ปฏิบตั งิ านอยา่ งสม่าเสมอ ผูอ้ นื่ การเตรียมแผนสารอง ผ้เู ก่ียวข้องกบั การทางาน อาทิ อาจารย์จะตอ้ ง เพ่ือป้องกนั ความเสียหายท่ี กอ่ นการรา่ งกฎระเบยี บ เตรยี มเอกสารการสอน อาจเกดิ ข้ึนได้ ขององคก์ ร กอ่ นไปสอนนกั เรียน

84 ชว่ งวัย เชียงรำย จังหวัด อุดรธำนี อยุธยำ สรุ ำษฎร์ธำนี  ควำมรบั ผิดชอบตอ่ ปฏบิ ตั ิตามคาสง่ั ของ สังคมส่วนรวม เช่น ผ้บู ังคับบญั ชา การจ่ายภาษี การขับรถ  ควำมรบั ผิดชอบต่อ ตามกฎจราจรเพอ่ื ไมใ่ หเ้ กิด สงั คมส่วนรวม เช่น อุบตั ิเหตุ ปฏบิ ัติตามกฎระเบยี บ  ควำมรบั ผิดชอบต่อ ของสถานทที่ างาน สิ่งแวดล้อม เชน่ การคัด ปฏิบตั ิตามกฎหมาย แยกขยะและท้ิงขยะถกู ท่ี ปฏบิ ตั ิตามกฎกติกาของ การแข่งขนั กีฬา ไมส่ รา้ ง ความเดอื ดร้อนให้สังคม จา่ ยหน้ีสนิ ตรงเวลา Generation  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ  ควำมรบั ผดิ ชอบตอ่  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ  ควำมรับผิดชอบตอ่ Z ครอบครัว เชน่ การช่วย ครอบครวั /ผู้อ่ืน เช่น ตนเอง เชน่ การจัดสรร ตนเอง เช่น การเตรียมตัว พอ่ แมท่ างานบ้าน ดูแล ทางานบ้านทุกวัน รกั ษา เวลาเลน่ เกมและทางาน กอ่ นไปโรงเรียน อาทิ ผู้สงู อายใุ นครอบครวั คาพูดทใี่ ห้ไว้กบั เพื่อน ใหเ้ หมาะสม การดแู ล เตรียมหนงั สือเรยี น อาทิ เตรยี มอาหาร พาไป ทางานใหเ้ สร็จในแตล่ ะวนั ความสะอาดข้าวของ ชุดนกั เรียน สมุด ปากกา หาหมอ การประหยดั  ควำมรบั ผิดชอบต่อ เครื่องใช้ อาทิ ซกั รองเทา้ ดินสอ การไปเรยี นหรือไป คา่ ใช้จ่ายในครอบครัว หน้ำท/ี่ กำรงำน เช่น ลา้ งรถจักรยานยนต์ ทางานตรงเวลา การดูแล อาทิ ทางาน part time ทางานทีไ่ ดร้ บั มอบหมายให้  ควำมรับผดิ ชอบตอ่ สตั ว์เล้ียง  ควำมรบั ผิดชอบต่อ สาเรจ็ ลลุ ่วงตามกาหนด ครอบครัว เชน่ ชว่ ยพ่อ  ควำมรับผดิ ชอบต่อ หน้ำท/ี่ กำรงำน เชน่ ยอมรบั ผดิ เมอื่ ทาผดิ พลาด แมท่ างานบ้าน/ดแู ลนอ้ ง ครอบครัว เช่น การดูแล ตัง้ ใจเรยี นหนังสือ สง่ งาน และพร้อมท่ีจะแก้ไข ทาอาหารใหค้ รอบครวั เลยี้ งดบู พุ การี ตรงเวลา ทางานท่ไี ด้รบั การติดตามและกากับการ ทาน  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ มอบหมายเสรจ็ ตามเวลา ทางานทท่ี ารว่ มกับผู้อ่ืน  ควำมรบั ผดิ ชอบต่อ หนำ้ ท่ี/กำรงำน เช่น  ควำมรับผิดชอบต่อ หน้ำท่ี/กำรงำน เชน่ การต้ังใจทางานทไ่ี ดร้ บั สังคมส่วนรวม เช่น ทางานทไี่ ด้รับมอบหมาย มอบหมายอยา่ งเต็มที่ ช่วยพอ่ ทางานชมุ ชนโดย อยา่ งเตม็ ความสามารถ ต้ังใจเรยี นหนงั สอื การเขียนโครงการขอ เพอ่ื ใหง้ านออกมาดที ี่สุด ทบทวนหนังสือเสมอ งบประมาณจากสภา ส่งงานตรงเวลาท่กี าหนด การยอมรับความผิดพลาด องค์กรชมุ ชนเพอ่ื นามา มีสว่ นร่วมในกลุ่มตามทไ่ี ด้ จากการปฏบิ ตั ิงานของตน พฒั นาเศรษฐกจิ ชมุ ชน แบ่งหน้าทก่ี ันไว้  ควำมรับผิดชอบตอ่ สังคมสว่ นรวม เชน่ เกบ็ ภาชนะใส่อาหารหลงั รับประทานอาหารเสร็จ เคารพกฎกติกาทางสังคม ปฏิบตั ติ ามกฎหมาย ไปใชส้ ิทธิในการเลอื กตั้ง

85 4.1.3 ผลกำรสังเครำะห์ข้อมูลองค์ประกอบของคุณธรรมแต่ละด้ำนท่ีได้จำกกำรสำรวจ (นำร่อง) พฤติกรรมทำงคุณธรรมของคนไทย กำรจัดกระบวนกำรกลุ่มพัฒนำตัวชี้วัดคุณธรรม และ กำรทบทวนวรรณกรรมท่ีเก่ียวขอ้ ง 4.1.3.1 พอเพียง เมื่อทาการสังเคราะห์ข้อมูลองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งช้ีพอเพียง ซ่ึงเป็นข้อมูลที่มีความสอดคล้องร่วมกันระหว่างสามแหล่งท่ีมาของข้อมูล คือ การสารวจออนไลน์ การทบทวนวรรณกรรม และการจัดกระบวนการกลุ่ม จึงสามารถสรุปองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งช้ี พอเพียงเพ่อื นาไปพฒั นาเปน็ ตวั ชี้วดั เชงิ ปรบั ฐานความเขา้ ใจด้านคุณธรรม ดังตารางท่ี 38 ตำรำงท่ี 38 สรุปองค์ประกอบและพฤตกิ รรมบ่งชีพ้ อเพียงท่ีไดจ้ ากการสารวจออนไลน์ ทบทวนวรรณกรรม และกระบวนการกลุ่ม แหลง่ ขอ้ มลู องค์ประกอบ ควำมหมำย สำรวจ ทบทวน กระบวนกำร ออนไลน์ วรรณกรรม กลุม่ มภี มู คิ มุ้ กนั การเตรียมพร้อมรับผลกระทบ   จากความเปล่ียนแปลงที่จะเกิดข้ึน มเี หตผุ ล การพจิ ารณาเหตุปจั จยั    และผลทค่ี าดวา่ จะเกดิ ขน้ึ อย่างรอบคอบ มีความพอประมาณ ความพอดี ไมน่ อ้ ยเกินไปและไม่มากเกินไป    4.1.3.2 วินัย เมื่อได้ทาการสังเคราะห์ข้อมูลองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้วินัยซ่ึงเป็น ข้อมูลท่ีมีความสอดคล้องร่วมกันระหว่างสามแหล่งที่มาของข้อมูล คือ การสารวจออนไลน์ การทบทวน วรรณกรรม และการจัดกระบวนการกลุ่ม จึงสามารถสรุปองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งช้ีวินัยเพ่ือนาไป พัฒนาเป็นตัวชว้ี ัดเชงิ ปรบั ฐานความเขา้ ใจดา้ นคุณธรรม ดงั ตารางที่ 39 ตำรำงที่ 39 สรุปองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้วินัยท่ีได้จากการสารวจออนไลน์ ทบทวนวรรณกรรม และกระบวนการกลุม่ แหลง่ ข้อมลู องคป์ ระกอบ ควำมหมำย สำรวจ ทบทวน กระบวนกำร ออนไลน์ วรรณกรรม กลุม่ การตรงต่อเวลา การดาเนินกจิ กรรมต่าง ๆ ตามเวลาทีก่ าหนดไว้    การเคารพกฎระเบยี บ การปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบียบและกฎหมาย    และกฎหมาย ความสามารถในการกากับควบคุมตนเอง การควบคุมตนเอง เพ่ือสร้างพฤตกิ รรมท่ดี ีอันนาไปสู่   การบรรลเุ ปา้ หมายทต่ี ง้ั ไว้ 4.1.3.3 สุจริต เมื่อได้ทาการสังเคราะห์ข้อมูลองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้สุจริตซึ่ง เปน็ ขอ้ มูลทีม่ ีความสอดคล้องร่วมกันระหวา่ งสามแหล่งท่ีมาของข้อมลู คอื การสารวจออนไลน์ การทบทวน วรรณกรรม และการจัดกระบวนการกลุ่ม จึงสามารถสรุปองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้สุจริตเพ่ือนาไป พฒั นาเปน็ ตัวชี้วัดเชงิ ปรับฐานความเข้าใจดา้ นคณุ ธรรม ดังตารางท่ี 40

86 ตำรำงที่ 40 สรุปองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้สุจริตท่ีได้จากการสารวจออนไลน์ ทบทวนวรรณกรรม และกระบวนการกลุม่ แหลง่ ขอ้ มลู องคป์ ระกอบ ควำมหมำย สำรวจ ทบทวน กระบวนกำร ออนไลน์ วรรณกรรม กลุม่ การไมด่ าเนินกจิ กรรมทน่ี ามาซ่ึงผลประโยชน์ การไมเ่ อารดั เอาเปรยี บ เหนอื กว่าผอู้ ่ืนด้วยวธิ ีการเบยี ดเบยี นผู้อน่ื    หรือทาใหผ้ อู้ ่ืนเดอื ดรอ้ น การยืนหยดั การยดึ มัน่ ในความถกู ต้องและยนื หยัด    ในความถกู ต้อง ที่จะกระทาในส่ิงทถ่ี ูกต้อง แมว้ ่าจะมี ความยากลาบากหรือมีอุปสรรคเขา้ มาขัดขวาง 4.1.3.4 จิตสำธำรณะ เมื่อได้ทาการสังเคราะห์ข้อมูลองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งช้ี จิตสาธารณะซึ่งเป็นข้อมูลที่มีความสอดคล้องร่วมกันระหว่างสามแหล่งท่ีมาของข้อมูล คือ การสารวจ ออนไลน์ การทบทวนวรรณกรรม และการจัดกระบวนการกลุ่ม จึงสามารถสรุปองค์ประกอบและพฤติกรรม บ่งชีจ้ ติ สาธารณะเพือ่ นาไปพัฒนาเปน็ ตัวชว้ี ดั เชิงปรบั ฐานความเขา้ ใจด้านคุณธรรม ดงั ตารางที่ 41 ตำรำงที่ 41 สรุปองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้จิตสาธารณะที่ได้จากการสารวจออนไลน์ ทบทวน วรรณกรรม และกระบวนการกลุม่ แหลง่ ข้อมลู องคป์ ระกอบ ควำมหมำย สำรวจ ทบทวน กระบว ออนไลน์ วรรณกรรม นกำร กลุ่ม มจี ติ อาสา การเขา้ รว่ มกจิ กรรมท่เี ป็นประโยชน์   ต่อส่วนรวมของสงั คม มจี ติ สานกึ สาธารณะ การคานงึ ถึงผลประโยชน์ของสว่ นรวมเป็นสาคัญ   การเสยี สละ การเสยี สละแรงกาย ทรพั ยส์ ิน และเวลา   เพ่ือชว่ ยเหลอื ผูอ้ ่ืน เพือ่ ชว่ ยเหลือผอู้ นื่ โดยไม่หวังผลตอบแทน 4.1.3.5 รับผิดชอบ เม่ือได้ทาการสังเคราะห์ข้อมูลองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้ รบั ผดิ ชอบซึ่งเปน็ ข้อมูลที่มคี วามสอดคล้องร่วมกนั ระหว่างสามแหล่งทมี่ าของข้อมลู คอื การสารวจออนไลน์ การทบทวนวรรณกรรม และการจัดกระบวนการกลุ่ม จึงสามารถสรุปองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งช้ี รบั ผดิ ชอบเพอื่ นาไปพัฒนาเปน็ ตวั ชีว้ ดั เชงิ ปรับฐานความเขา้ ใจด้านคุณธรรม ดงั ตารางท่ี 42

87 ตำรำงที่ 42 สรุปองค์ประกอบและพฤติกรรมบ่งชี้รับผิดชอบที่ได้จากการสารวจออนไลน์ ทบทวน วรรณกรรม และกระบวนการกล่มุ แหล่งขอ้ มลู องค์ประกอบ ควำมหมำย สำรวจ ทบทวน กระบวนกำร ออนไลน์ วรรณกรรม กลมุ่ ตงั้ ใจปฏิบตั หิ น้าทขี่ องตน การปฏิบัตหิ นา้ ทหี่ รือดาเนนิ กิจกรรม    ท่ไี ดร้ บั มอบหมายอยา่ งสุดความสามารถ ดูแลบคุ คลท่ีอยู่ภายใต้ การดูแลเอาใจใสบ่ คุ คลที่อยภู่ ายใตก้ ารดูแล    อาณัต/ิ บุคคลภายใต้ ของตนอย่างดีท่สี ุด การดแู ล ยอมรบั ผลการกระทา การยอมรับขอ้ ผิดพลาดจากการกระทาของ    ของตน ตนและพรอ้ มที่จะปรบั ปรงุ แกไ้ ขให้ดขี ึน้       4.2 ผลกำรสร้ำงและพฒั นำแบบประเมนิ กำรรับรู้ดำ้ นคุณธรรม จากการสังเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการสารวจ (นาร่อง) พฤติกรรมทางคุณธรรมของคนไทยผ่าน ระบบออนไลน์ การทบทวนวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง และการจดั กระบวนการกลุ่ม ทาให้ได้องคป์ ระกอบของ คุณธรรมแต่ละดา้ น ดงั ตารางที่ 43 ตำรำงท่ี 43 องค์ประกอบของคุณธรรมแตล่ ะดา้ น คณุ ธรรม องคป์ ระกอบ 1) มีภูมิคมุ้ กัน คอื การเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากความเปลีย่ นแปลงทจ่ี ะเกิดขึน้ พอเพียง 2) มเี หตุผล คอื การพิจารณาเหตุปจั จยั และผลท่ีคาดวา่ จะเกดิ ขึน้ อยา่ งรอบคอบ 3) มีควำมพอประมำณ คอื ความพอดี ไมน่ อ้ ยเกนิ ไปและไมม่ ากเกินไป 1) กำรตรงต่อเวลำ คอื การดาเนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามเวลาที่กาหนดไว้ วนิ ยั 2) กำรเคำรพกฎระเบยี บและกฎหมำย คือ การปฏิบตั ติ นตามกฎระเบยี บและกฎหมาย 3) กำรควบคมุ ตนเอง คือ ความสามารถในการกากับควบคุมตนเองเพื่อสร้างพฤติกรรมทีด่ ีอนั นาไปสู่ การบรรลเุ ป้าหมายท่ตี ัง้ ไว้ 1) กำรไม่เอำรัดเอำเปรียบ คือ การไม่ดาเนินกิจกรรมท่ีนามาซึ่งผลประโยชน์เหนือกว่าผู้อ่ืนด้วย สุจริต วธิ ีการเบียดเบียนผ้อู นื่ หรือทาใหผ้ ูอ้ ื่นเดอื ดร้อน 2) กำรยนื หยัดในควำมถกู ต้อง คือ การยดึ มั่นในความถกู ต้องและยืนหยัดท่ีจะกระทาในสง่ิ ที่ถกู ตอ้ ง แมว้ ่าจะมคี วามยากลาบากหรอื มีอุปสรรคเขา้ มาขัดขวาง 1) มจี ติ อำสำ คอื การเข้าร่วมกจิ กรรมทเี่ ป็นประโยชน์ตอ่ ส่วนรวมของสังคม จิตสำธำรณะ 2) มจี ติ สำนกึ สำธำรณะ คือ การคานงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องส่วนรวมเปน็ สาคัญ 3) กำรเสียสละเพ่ือชว่ ยเหลือผ้อู ื่น คือ การเสียสละแรงกาย ทรัพยส์ ิน และเวลา เพือ่ ชว่ ยเหลือผู้อื่น โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน 1) กำรต้ังใจปฏิบัติหน้ำที่ของตน คือ การปฏิบัติหน้าที่หรือดาเนินกิจกรรมท่ีได้รับมอบหมายอย่าง สดุ ความสามารถ รบั ผิดชอบ 2) กำรยอมรบั ผลกำรกระทำของตน คือ การยอมรับขอ้ ผิดพลาดจากการกระทาของตนและพร้อมที่ จะปรับปรงุ แก้ไขใหด้ ีขน้ึ 3) กำรดูแลบุคคลท่ีอยู่ภำยใต้อำณัติหรือบุคคลภำยใต้กำรดูแล คือ การดูแลเอาใจใส่บุคคลท่ีอยู่ ภายใตก้ ารดูแลของตนอยา่ งดีทีส่ ุด

88 จากน้ันนาองค์ประกอบของคุณธรรมท้ัง 5 ด้าน มาสร้างเป็นแบบประเมินการรับรู้ด้านคุณธรรม ซ่ึงประกอบด้วยข้อคาถามเชิงสถานการณ์ 14 ข้อ ตามองค์ประกอบของคุณธรรมแต่ละด้าน การกาหนด ตัวเลือกของแต่ละข้อคาถามน้ันจะมีจานวนไม่ต่ากว่า 6 ตัวเลือก โดยแต่ละตัวเลือกจะกาหนดพฤติกรรม และเหตุผลในการแสดงพฤติกรรมตามเหตุผลเชิงจริยธรรมของโคลเบิร์ก 6 ข้ัน ส่วนการให้คะแนนจะใช้ หลักการใหค้ ะแนนแบบรบู ริค (rubric scoring) ซึ่งมีคะแนนระหว่าง 1-6 คะแนน ตามเหตผุ ลเชิงจรยิ ธรรม ของโคลเบิรก์ 6 ขน้ั ดังท่ไี ดอ้ ธิบายไว้แล้วในบทท่ี 3 (ดูแบบประเมินการรบั รูด้ า้ นคณุ ธรรมในภาคผนวก ค) 4.2.1 ผลกำรตรวจสอบควำมเที่ยงตรงเชิงเน้ือหำ ด้วยกำรหำค่ำดัชนีควำมสอดคล้องภำยใน (IOC) ซึ่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน ประเมินความสอดคล้องเหมาะสมระหว่างข้อคาถาม ตัวเลือก และ วตั ถุประสงค์การวิจยั พบว่า คา่ IOC ของข้อคาถามเชิงสถานการณอ์ ยู่ระหว่าง 0.2 ถึง 1 และค่า IOC ของ ตัวเลือกอยู่ระหว่าง -0.2 ถงึ 1 เมื่อทาการปรับแกต้ ามคาแนะนาของผทู้ รงคุณวฒุ ิเพ่ือให้ค่า IOC ผา่ นเกณฑ์ ที่ยอมรับได้ คือ มากกว่า 0.5 ทุกข้อ จึงทาให้ค่า IOC ของข้อคาถามเชิงสถานการณ์อยู่ระหว่าง 0.4 ถึง 1 โดยมีเพยี ง 1 ข้อคาถามเท่านนั้ ท่ีเม่ือปรับแกแ้ ล้วได้ค่า IOC ต่ากว่า 0.5 คือ ได้ 0.4 แต่ทัง้ นค้ี ณะผู้วจิ ัยยังคง เลือกใช้ข้อคาถามดังกล่าวเน่ืองจากเป็นสถานการณ์ที่สร้างข้ึนตามบริบทสังคมชนบท เพื่อให้แบบประเมิน ชดุ นคี้ รอบคลมุ บริบททั้งสังคมเมืองและชนบท สว่ นคา่ IOC ของตัวเลอื กนั้นเมื่อปรับแก้แลว้ อยู่ระหว่าง 0.6 ถงึ 1 ซ่งึ ผ่านเกณฑท์ ี่ยอมรับได้ ดงั ตารางที่ 44-48 (ดูรายละเอยี ดรายข้อในภาคผนวก ง) ตำรำงที่ 44 ความเทย่ี งตรงเชงิ เนอื้ หาของแบบประเมินการรบั รคู้ ุณธรรม ด้านพอเพียง ข้อ องคป์ ระกอบ หวั ข้อ IOC หมำยเหตุ สถานการณ์ 0.8 - 1 มภี ูมิคมุ้ กัน ตัวเลือก 0.2-0.8 ปรบั แก้ 3 ขอ้ ทาให้ IOC = 0.6-0.8 สถานการณ์ 0.4 ปรับแก้ ทาให้ IOC = 0.8 2 มีเหตผุ ล ตัวเลือก 0-1.0 ปรบั แก้ 6 ขอ้ ทาให้ IOC = 0.6-1.0 สถานการณ์ 0.8 ปรับแก้ ทาให้ IOC = 1.0 3 มคี วามพอประมาณ ตัวเลือก -0.2-0.8 ปรับแก้ 3 ขอ้ ทาให้ IOC = 0.6-1.0

89 ตำรำงที่ 45 ความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหาของแบบประเมนิ การรบั รคู้ ุณธรรม ดา้ นวนิ ัย ข้อ องค์ประกอบ หัวขอ้ IOC หมำยเหตุ ปรับแก้ ทาให้ IOC = 0.4 ซงึ่ ยงั ไม่ผา่ นเกณฑ์ แตไ่ ด้เลอื กนาไปใชเ้ พราะ 4 การตรงตอ่ เวลา สถานการณ์ 0.2 เป็นสถานการณ์ทส่ี ร้างข้นึ ตามบรบิ ทสงั คม ชนบท เพือ่ ให้แบบประเมนิ ชดุ น้คี รอบคลุม บริบททั้งสงั คมเมืองและชนบท ตวั เลือก 0.6-1.0 - 5 การเคารพกฎระเบียบ สถานการณ์ 0.8 - และกฎหมาย ตัวเลือก 0.4-1.0 ปรับแก้ 1 ขอ้ ทาให้ IOC = 0.8-1.0 6 การควบคมุ ตนเอง สถานการณ์ 0.6 - ตัวเลอื ก 0.6-1.0 - ตำรำงที่ 46 ความเทีย่ งตรงเชงิ เนอ้ื หาของแบบประเมินการรับรู้คุณธรรม ด้านสุจริต ข้อ องคป์ ระกอบ หวั ข้อ IOC หมำยเหตุ 7 การไมเ่ อารดั สถานการณ์ 1 - เอาเปรียบ ตวั เลือก 0.2-1.0 ปรบั แก้ 1 ข้อ ทาให้ IOC = 0.6-1.0 8 การยืนหยดั สถานการณ์ 1 - ในความถกู ตอ้ ง ตวั เลือก 0.2-0.6 ปรับแก้ 4 ข้อ ทาให้ IOC = 0.6-1.0 ตำรำงที่ 47 ความเท่ียงตรงเชงิ เนอ้ื หาของแบบประเมินการรับรู้คุณธรรม ด้านจิตสาธารณะ ข้อ องค์ประกอบ หัวข้อ IOC หมำยเหตุ 9 มีจติ อาสา สถานการณ์ 1 - ตวั เลอื ก 0.6-0.8 - สถานการณ์ 1 - 10 มจี ิตสานึกสาธารณะ ตวั เลอื ก 0.4-1.0 ปรบั แก้ 2 ข้อ ทาให้ IOC = 0.6-1.0 11 การเสยี สละ สถานการณ์ 0.6 - เพ่อื ช่วยเหลือผู้อน่ื ตวั เลือก 0.2-0.6 ปรบั แก้ 2 ขอ้ ทาให้ IOC = 0.6-1.0

90 ตำรำงที่ 48 ความเท่ยี งตรงเชิงเน้ือหาของแบบประเมนิ การรับรคู้ ุณธรรม ดา้ นรับผดิ ชอบ ข้อ องค์ประกอบ หวั ขอ้ IOC หมำยเหตุ 12 ต้ังใจปฏิบตั ิหน้าที่ สถานการณ์ 0.8 - ของตน ตัวเลอื ก 0.6-1.0 - 13 การยอมรบั ผล สถานการณ์ 0.6 - การกระทาของตนเอง ตวั เลือก 0.8-1.0 - การดแู ลบุคคลท่ีอยู่ สถานการณ์ 0.6 - 14 ภายใตอ้ าณัติหรอื บุคคล ตัวเลอื ก 0.2-0.8 ปรบั แก้ 2 ขอ้ ภายใตก้ ารดูแล ทาให้ IOC = 0.6-0.8 4.2.2 ผลกำรวิเครำะห์กำรรับรู้ด้ำนคุณธรรม 4.2.2.1 คุณลักษณะท่ัวไปของกลุ่มตัวอย่ำง กลุ่มตัวอย่างมีจานวนทั้งสิ้น 210 คน แบ่งเป็นเพศชาย 65 คน คิดเป็นร้อยละ 31.0 และเพศหญิง 145 คน คิดเป็นร้อยละ 69.0 ส่วนใหญ่มีอายุ ระหว่าง 39-54 ปี จานวน 70 คน คิดเป็นร้อยละ 33.3 รองลงมา คือ อายุระหว่าง 13-22 ปี จานวน 55 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 26.2 อายรุ ะหวา่ ง 23-38 ปี จานวน 49 คน คิดเป็นร้อยละ 23.3 และอายุระหว่าง 55- 73 ปี จานวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 17.1 ตามลาดับ สถานะโสดจานวน 121 คน คิดเป็นร้อยละ 57.6 สมรสแล้ว 77 คน คิดเป็นร้อยละ 36.7 ในส่วนของระดับการศึกษานั้นส่วนใหญ่จบระดับช้ันมัธยมศึกษา ตอนต้นหรือต่ากว่า จานวน 77 คน คิดเป็นร้อยละ 36.7 รองลงมา คือ สูงกว่าปริญญาตรี จานวน 71 คน คิดเป็นร้อยละ 33.8 และปริญญาตรี 52 คน คิดเป็นร้อยละ 24.8 ตามลาดับ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ/พนักงานของรัฐ จานวน 78 คน คิดเป็นร้อยละ 37.1 รองลงมา คือ เป็นนักเรียน/ นิสิต/นักศึกษา จานวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 27.1 และเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ห้างร้าน จานวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 21.9 ตามลาดับ สาหรับศาสนา/ลัทธิ/ความเช่ือน้ันส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ จานวน 201 คน คดิ เป็นร้อยละ 95.7 รองลงมา คือ นับถือศาสนาคริสต์ จานวน 6 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2.9 และนับ ถือศาสนาอิสลาม จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 1.4 ตามลาดับ มีภูมิลาเนาอยู่ภาคกลาง จานวน 109 คน คิดเป็นร้อยละ 51.9 อยู่ภาคอีสาน จานวน 68 คน คิดเป็นร้อยละ 32.4 อยู่ภาคเหนือ 17 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 8.1 และอยู่ภาคใต้ จานวน 16 คน คดิ เป็นร้อยละ 7.6 ดงั ตารางที่ 49 ตำรำงที่ 49 รอ้ ยละของกล่มุ ตวั อย่างท้งั หมด จาแนกตามคุณลักษณะทั่วไป คณุ ลกั ษณะ จำนวน (คน) รอ้ ยละ เพศ 31.0 69.0 ชาย 65 100.0 หญิง 145 17.1 33.3 รวม 210 23.3 26.2 ช่วงอำยุ 100.0 55-73 36 39-54 70 23-38 49 13-22 55 รวม 210

91 คณุ ลกั ษณะ จำนวน (คน) ร้อยละ สถำนภำพสมรส 121 57.6 โสด 77 36.7 สมรส 12 5.7 210 100.0 หมา้ ย/หยา่ /แยกกนั อยู่ รวม 77 36.7 2 1.0 กำรศึกษำ 8 3.8 มัธยมศึกษาตอนตน้ หรอื ตา่ กว่า 52 24.8 มธั ยมศกึ ษาตอนปลายหรอื ปวช. 71 33.8 ปวส. หรอื อนุปริญญา 210 100.0 ปริญญาตรี สูงกว่าปรญิ ญาตรี 57 27.1 รวม 78 37.1 46 21.9 อำชพี 15 7.1 นักเรียน/นสิ ิต/นกั ศกึ ษา 14 6.7 210 100.0 ข้าราชการ/รฐั วิสาหกจิ /พนักงานของรฐั พนักงานบรษิ ัทเอกชน ห้างรา้ น 201 95.7 ประกอบธุรกจิ ส่วนตัว/ค้าขาย 6 2.9 แม่บา้ น/พ่อบา้ น/เกษียณ 3 1.4 รวม 210 100.0 ศำสนำ/ลทั ธ/ิ ควำมเชื่อ 17 8.1 พุทธ 109 51.9 คริสต์ 68 32.4 อิสลาม 16 7.6 รวม 210 100.0 ภมู ิลำเนำ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคใต้ รวม 4.2.2.2 ผลกำรวิเครำะห์กำรรับรู้ด้ำนคุณธรรมรำยด้ำนในภำพรวม กลุ่มตัวอย่างส่วน ใหญ่มกี ารรบั รคู้ ุณธรรมดา้ นพอเพยี งในระดับขนั้ ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 94 คน คดิ เป็น ร้อยละ 44.8 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 63 คน คิดเป็น ร้อยละ 30.0 และระดับขั้นที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผู้อ่ืน จานวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 12.4 ตามลาดับ มีการรับรู้คุณธรรมด้านวินัยส่วนใหญ่อยู่ในระดบั ข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 85 คน คิดเป็นร้อยละ 40.5 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 4 กระทาตามระเบียบกฏเกณฑ์ของสังคม จานวน 63 คน คิดเป็นร้อยละ 30.0 และระดับข้ันที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผู้อ่ืน จานวน 33 คน คิดเป็น ร้อยละ 15.7 ตามลาดับ มีการรบั รู้คณุ ธรรมด้านสจุ รติ ส่วนใหญอ่ ย่ใู นระดบั ข้ันที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของ สังคม จานวน 78 คน คิดเป็นร้อยละ 37.1 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของ สังคม จานวน 72 คน คิดเป็นร้อยละ 34.3 และระดับขั้นที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผู้อื่น จานวน 33

92 คน คิดเป็นร้อยละ 15.7 ตามลาดับ มีการรับรู้คุณธรรมด้านจิตสาธารณะส่วนใหญ่อยู่ในระดับข้ันที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 86 คน คิดเป็นร้อยละ 41.0 รองลงมา คอื ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตาม ระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 79 คน คิดเป็นร้อยละ 37.6 และระดับขั้นที่ 3 คล้อยตามหรือกระทา ตามผู้อื่น จานวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 13.8 ตามลาดับ และมีการรับรู้คุณธรรมด้านรับผิดชอบส่วนใหญ่ อยู่ในระดับข้นั ที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสังคม จานวน 99 คน คดิ เป็นร้อยละ 47.1 รองลงมา คือ ระดับ ขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 57 คน คิดเป็นร้อยละ 27.1 และระดับขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ นื่ จานวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 17.1 ตามลาดบั ดงั ตารางท่ี 50 ตำรำงที่ 50 รอ้ ยละของกล่มุ ตวั อยา่ งทงั้ หมด จาแนกตามคุณธรรมและระดบั การรับรดู้ า้ นคุณธรรม คุณธรรม จำนวน (คน) รอ้ ยละ พอเพียง ขั้นท่ี 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 2 1.0 ขั้นท่ี 2 ถือผลประโยชน์ของตน 11 5.2 ขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ ่ืน 26 12.4 ขั้นที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบียบของสงั คม 63 30.0 ขั้นที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม 94 44.8 ขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมทเ่ี ป็นสากล 14 6.7 รวม 210 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.0 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย ขน้ั ท่ี 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 5 2.4 ขน้ั ที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 17 8.1 ข้นั ที่ 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ ื่น 33 15.7 ขัน้ ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบียบของสงั คม 63 30.0 ขน้ั ที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 85 40.5 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมทเี่ ปน็ สากล 7 3.3 รวม 210 100.0 x = 4.1 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.1 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สจุ รติ ขน้ั ท่ี 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 1 0.5 ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 11 5.2 ขั้นที่ 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผูอ้ ่นื 33 15.7 ขั้นที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบยี บของสงั คม 72 34.3 ขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม 78 37.1 ขนั้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมที่เป็นสากล 15 7.1 รวม 210 100.0 x = 4.2 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.0 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จติ สำธำรณะ ขั้นท่ี 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 3 1.4 ขน้ั ท่ี 2 ถือผลประโยชน์ของตน 9 4.3 ขน้ั ที่ 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผูอ้ ื่น 29 13.8 ขั้นที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบียบของสังคม 79 37.6

93 คุณธรรม จำนวน (คน) รอ้ ยละ ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสังคม 86 41.0 ขนั้ ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทเ่ี ป็นสากล 4 1.9 รวม 210 100.0 x = 4.2 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 0.9 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รบั ผิดชอบ ขน้ั ที่ 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 1 0.5 ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 8 3.8 ขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผ้อู ืน่ 36 17.1 ขน้ั ท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบยี บของสงั คม 57 27.1 ข้นั ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสังคม 99 47.1 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมทีเ่ ป็นสากล 9 4.3 รวม 210 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.0 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน 4.2.2.3 ผลกำรวเิ ครำะห์กำรรับรู้ดำ้ นคณุ ธรรมรำยองค์ประกอบในภำพรวม พอเพียง: มีภูมิคุ้มกัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันที่ 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 72 คน คิดเป็นร้อยละ 34.3 รองลงมา คอื ระดบั ข้นั ท่ี 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 54 คน คิดเป็นร้อยละ 25.7 และระดับขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตาม ผู้อน่ื จานวน 50 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 23.8 ตามลาดบั ดงั ตารางที่ 51 ตำรำงที่ 51 รอ้ ยละของกลมุ่ ตวั อยา่ งทงั้ หมด จาแนกตามระดบั การรบั รู้การมีภูมิคมุ้ กนั ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขนั้ ท่ี 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 3 1.4 ข้ันที่ 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 20 9.5 ขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ ื่น 50 23.8 ขน้ั ท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบยี บของสังคม 11 5.2 ข้นั ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 54 25.7 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมท่ีเป็นสากล 72 34.3 รวม 210 100.0 x = 4.5 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.5 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน พอเพียง: มีเหตุผล กลมุ่ ตวั อย่างสว่ นใหญ่มีการรับรใู้ นระดับขัน้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 133 คน คิดเป็นร้อยละ 63.3 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 4 กระทาตาม กฎเกณฑ์หรือระเบียบของสังคม จานวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 13.8 และระดับขั้นท่ี 1 หลบหลีกการถูก ลงโทษ จานวน 21 คน คดิ เป็นร้อยละ 10.0 ตามลาดับ ดังตารางที่ 52

94 ตำรำงท่ี 52 รอ้ ยละของกลุม่ ตวั อยา่ งทงั้ หมด จาแนกตามระดับการรบั รู้การมีเหตผุ ล ระดับกำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขัน้ ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 21 10.0 ขัน้ ที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน 3 1.4 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผอู้ ืน่ 11 5.2 ขั้นที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบยี บของสังคม 29 13.8 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 13 6.2 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมทีเ่ ป็นสากล 133 63.3 รวม 210 100.0 x = 4.9 คะแนน Median = 6.0 S.D. = 1.6 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน พอเพียง: มีควำมพอประมำณ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 4 กระทา ตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบของสังคม จานวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 35.7 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสังคม จานวน 62 คน คิดเป็นร้อยละ 29.5 และระดับขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ ทางศีลธรรมทเี่ ป็นสากล จานวน 51 คน คดิ เป็นร้อยละ 24.3 ตามลาดบั ดงั ตารางที่ 53 ตำรำงที่ 53 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่างทงั้ หมด จาแนกตามระดับการรับรู้การมีความพอประมาณ ระดับกำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 5 2.4 ข้นั ที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน 11 5.2 ข้ันที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผ้อู นื่ 6 2.9 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบยี บของสงั คม 75 35.7 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 62 29.5 ข้นั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมทเ่ี ปน็ สากล 51 24.3 รวม 210 100.0 x = 4.6 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.2 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย: กำรตรงต่อเวลำ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 75 คน คิดเป็นร้อยละ 35.7 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 71 คน คิดเป็นร้อยละ 33.8 และระดับขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตาม ผู้อืน่ จานวน 32 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 15.2 ตามลาดับ ดังตารางที่ 54

95 ตำรำงที่ 54 รอ้ ยละของกลุ่มตัวอยา่ งท้ังหมด จาแนกตามระดบั การรับรู้การตรงต่อเวลา ระดบั กำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขนั้ ที่ 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 13 6.2 ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 8 3.8 ขน้ั ที่ 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผูอ้ น่ื 32 15.2 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบียบของสังคม 11 5.2 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 75 35.7 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมทีเ่ ปน็ สากล 71 33.8 รวม 210 100.0 x = 4.6 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.5 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย: กำรเคำรพกฎระเบียบและกฎหมำย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เป็นสากล จานวน 69 คน คิดเป็นร้อยละ 32.9 รองลงมา คือ ระดับ ข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 49 คน คิดเป็นร้อยละ 23.3 และระดับขั้นที่ 4 กระทาตาม กฎเกณฑห์ รอื ระเบียบของสงั คม จานวน 41 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 19.5 ตามลาดบั ดงั ตารางที่ 55 ตำรำงที่ 55 รอ้ ยละของกล่มุ ตวั อย่างทง้ั หมด จาแนกตามระดบั การรับรกู้ ารเคารพกฎระเบยี บและกฎหมาย ระดับกำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 33 15.7 ข้นั ที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 9 4.3 ขัน้ ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผ้อู ื่น 9 4.3 ขั้นท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบยี บของสังคม 41 19.5 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 49 23.3 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทเี่ ป็นสากล 69 32.9 รวม 210 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.8 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย: กำรควบคุมตนเอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เป็นสากล จานวน 78 คน คิดเป็นร้อยละ 37.1 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 3 คล้อย ตามหรือกระทาตามผ้อู ื่น จานวน 48 คน คิดเป็นร้อยละ 22.9 และระดับขั้นท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรือ ระเบยี บของสงั คม จานวน 42 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 20.0 ตามลาดบั ดงั ตารางที่ 56

96 ตำรำงท่ี 56 รอ้ ยละของกลมุ่ ตวั อยา่ งทง้ั หมด จาแนกตามระดับการรบั รู้การควบคุมตนเอง ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขัน้ ที่ 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 12 5.7 ขั้นที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 15 7.1 ขน้ั ท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผู้อืน่ 48 22.9 ขนั้ ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบียบของสังคม 42 20.0 ขั้นที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 15 7.1 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมท่เี ป็นสากล 78 37.1 รวม 210 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.6 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สุจริต: กำรไม่เอำรัดเอำเปรยี บ กลุ่มตวั อย่างสว่ นใหญ่มีการรบั รู้ในระดบั ขนั้ ที่ 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 92 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 43.8 รองลงมา คือ ระดับขนั้ ที่ 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมทีเ่ ปน็ สากล จานวน 53 คน คิดเปน็ ร้อยละ 25.2 และระดบั ขนั้ ท่ี 4 กระทาตาม กฎเกณฑห์ รอื ระเบยี บของสงั คม จานวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 13.3 ตามลาดบั ดงั ตารางท่ี 57 ตำรำงท่ี 57 รอ้ ยละของกลุม่ ตวั อยา่ งทัง้ หมด จาแนกตามระดับการรบั รู้การไมเ่ อารดั เอาเปรยี บ ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 6 2.9 ขั้นที่ 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 26 12.4 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผู้อน่ื 5 2.4 ขั้นท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบยี บของสงั คม 28 13.3 ขนั้ ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 92 43.8 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทีเ่ ป็นสากล 53 25.2 รวม 210 100.0 x = 4.6 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สุจริต: กำรยืนหยัดในควำมถูกต้อง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสังคม จานวน 59 คน คิดเปน็ ร้อยละ 28.1 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 49 คน คิดเป็นร้อยละ 23.3 และระดับข้ันที่ 3 คล้อยตามหรือ กระทาตามผอู่ ่นื จานวน 46 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 21.9 ตามลาดับ ดังตารางที่ 58

97 ตำรำงท่ี 58 รอ้ ยละของกลุ่มตัวอยา่ งท้ังหมด จาแนกตามระดบั การรบั รกู้ ารยืนหยัดในความถกู ตอ้ ง ระดับกำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ข้นั ที่ 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 6 2.9 ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 6 2.9 ขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ ่นื 46 21.9 ขั้นที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบียบของสงั คม 44 21.0 ขัน้ ที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 59 28.1 ข้นั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทเ่ี ป็นสากล 49 23.3 รวม 210 100.0 x = 4.4 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.3 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ: กำรมีจิตอำสำ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันที่ 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 104 คน คิดเป็นร้อยละ 49.5 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตาม กฎเกณฑ์หรือระเบียบของสังคม จานวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 16.7 และระดับข้ันที่ 2 ถือผลประโยชน์ ของตน จานวน 25 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 11.9 ตามลาดับ ดงั ตารางที่ 59 ตำรำงที่ 59 ร้อยละของกลุ่มตัวอยา่ งทงั้ หมด จาแนกตามระดบั การรบั รู้การมีจิตอาสา ระดบั กำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 11 5.2 ขั้นที่ 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 25 11.9 ขน้ั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผู้อนื่ 16 7.6 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบยี บของสังคม 35 16.7 ข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 104 49.5 ขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมที่เป็นสากล 19 9.0 รวม 210 100.0 x = 4.2 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ: กำรมีจิตสำนึกสำธำรณะ กล่มุ ตัวอยา่ งสว่ นใหญ่มีการรับรใู้ นระดบั ข้ันท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบียบของสังคม จานวน 83 คน คิดเป็นร้อยละ 39.5 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 65 คน คิดเป็นร้อยละ 31.0 และระดับขั้นท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม จานวน 34 คน คิดเปน็ ร้อยละ 16.2 ตามลาดบั ดังตารางท่ี 60

98 ตำรำงท่ี 60 ร้อยละของกลุม่ ตัวอย่างทง้ั หมด จาแนกตามระดับการรับรู้การมจี ติ สานึกสาธารณะ ระดับกำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขัน้ ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 16 7.6 ขั้นท่ี 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 4 1.9 ขน้ั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ ่ืน 8 3.8 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบียบของสงั คม 83 39.5 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 34 16.2 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมที่เป็นสากล 65 31.0 รวม 210 100.0 x = 4.5 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ: กำรเสียสละเพ่ือช่วยเหลือผู้อ่ืน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับ ข้ันที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบของสังคม จานวน 74 คน คิดเป็นร้อยละ 35.2 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 64 คน คดิ เป็นร้อยละ 30.5 และระดับ ขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม จานวน 55 คน คิดเปน็ ร้อยละ 26.2 ตามลาดบั ดังตารางท่ี 61 ตำรำงที่ 61 ร้อยละของกลุ่มตวั อย่างท้งั หมด จาแนกตามระดับการรบั รู้การเสยี สละเพ่อื ชว่ ยเหลือผอู้ ื่น ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นท่ี 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 5 2.4 ขน้ั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 4 1.9 ขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผอู้ ืน่ 8 3.8 ขั้นที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบของสงั คม 74 35.2 ขั้นที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 55 26.2 ขนั้ ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมทเ่ี ปน็ สากล 64 30.5 รวม 210 100.0 x = 4.7 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.1 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รบั ผิดชอบ: กำรตงั้ ใจปฏบิ ัติหน้ำท่ขี องตน กลมุ่ ตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดบั ข้ันที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 84 คน คิดเป็นร้อยละ 40.0 รองลงมา คือ ระดับ ข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 65 คน คิดเป็นร้อยละ 31.0 และระดับขั้นท่ี 2 ถือ ผลประโยชนข์ องตน จานวน 26 คน คิดเปน็ ร้อยละ 12.4 ตามลาดับ ดังตารางที่ 62

99 ตำรำงที่ 62 ร้อยละของกลมุ่ ตวั อยา่ งทั้งหมด จาแนกตามระดับการรับรู้การต้งั ใจปฏิบตั ิหน้าทข่ี องตน ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขน้ั ที่ 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 8 3.8 ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 26 12.4 ขน้ั ท่ี 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผู้อ่นื 6 2.9 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบยี บของสงั คม 21 10.0 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 65 31.0 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมที่เป็นสากล 84 40.0 รวม 210 100.0 x = 4.7 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.5 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รับผิดชอบ: กำรยอมรับผลกำรกระทำของตนเอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ใน ระดบั ขัน้ ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 79 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 37.6 รองลงมา คอื ระดบั ข้นั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมท่เี ป็นสากล จานวน 36 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 17.1 ดังตารางท่ี 63 ตำรำงท่ี 63 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่างท้ังหมด จาแนกตามระดับการรับรู้การยอมรับผลการกระทาของ ตนเอง ระดบั กำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 9 4.3 ข้นั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 18 8.6 ขนั้ ท่ี 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผ้อู ่นื 34 16.2 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบียบของสงั คม 34 16.2 ขน้ั ที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 79 37.6 ขัน้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทเ่ี ป็นสากล 36 17.1 รวม 210 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รับผิดชอบ: กำรดูแลบุคคลที่อยู่ภำยใต้อำณัติหรือบุคคลภำยใต้กำรดูแล กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับขัน้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 123 คน คิดเป็น ร้อยละ 58.6 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 17.1 และระดับขั้นที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผู้อ่ืน จานวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 8.1 ตามลาดับ ดงั ตารางที่ 64

100 ตำรำงที่ 64 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่างท้ังหมด จาแนกตามระดับการรับรู้การดูแลบุคคลที่อยู่ภายใต้อาณัติ หรือบคุ คลภายใตก้ ารดแู ล ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ข้ันที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 5 2.4 ขน้ั ท่ี 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 16 7.6 ขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ น่ื 17 8.1 ขั้นท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบียบของสงั คม 13 6.2 ข้ันที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 36 17.1 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมท่เี ป็นสากล 123 58.6 รวม 210 100.0 x = 5.0 คะแนน Median = 6.0 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 4.2.2.4 ผลกำรวิเครำะห์กำรรับรู้ด้ำนคณุ ธรรมรำยดำ้ นตำมช่วงวยั Baby Boomer (อำยุระหวำ่ ง 55-73 ปี) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้คุณธรรมด้านพอเพียงในระดับข้ันท่ี 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 55.6 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบ กฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 30.6 มีการรับรู้คุณธรรมด้านวินัยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 33.3 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 30.6 มกี ารรับรู้คุณธรรมด้านสุจริต สว่ นใหญ่อยู่ในระดับข้ันที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 41.7 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 33.3 มีการรับรู้ คุณธรรมด้านจิตสาธารณะส่วนใหญ่อยู่ในระดับขั้นที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 52.8 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 33.3 และมีการรับรู้คุณธรรมด้านรับผิดชอบส่วนใหญ่อยู่ในระดับข้ันท่ี 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 47.2 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบ กฎเกณฑข์ องสงั คม จานวน 9 คน คดิ เป็นร้อยละ 29.0 ดงั ตาราง 65 ตำรำงท่ี 65 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง Baby Boomer จาแนกตามคุณธรรมและระดับการรับรู้ด้าน คุณธรรม คุณธรรม จำนวน (คน) ร้อยละ พอเพยี ง ขน้ั ที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผู้อื่น 1 2.8 ขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสังคม 11 30.6 ขัน้ ท่ี 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 20 55.6 ขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เป็นสากล 4 11.1 รวม 36 100.0 x = 4.8 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 0.7 Min = 3.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วนิ ัย ขั้นท่ี 2 ถือผลประโยชน์ของตน 3 8.3 ข้นั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผู้อื่น 10 27.8

101 คณุ ธรรม จำนวน (คน) รอ้ ยละ ขน้ั ท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสังคม 11 30.6 ขั้นที่ 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 12 33.3 รวม 36 100.0 x = 3.9 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.0 Min = 2.0 คะแนน Max = 5.0 คะแนน สุจรติ ขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผู้อืน่ 6 16.7 ขนั้ ที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 12 33.3 ขน้ั ที่ 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสงั คม 15 41.7 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมทเ่ี ปน็ สากล 3 8.3 รวม 36 100.0 x = 4.4 คะแนน Median = 4.5 S.D. = 0.9 Min = 3.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จติ สำธำรณะ ขน้ั ที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 1 2.8 ขน้ั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 1 2.8 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ น่ื 2 5.6 ขั้นที่ 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 12 33.3 ขน้ั ท่ี 5 กระทำตำมข้อตกลงของสงั คม 19 52.8 ข้ันท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมทเ่ี ปน็ สากล 1 2.8 รวม 36 100.0 x = 4.4 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.0 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รับผิดชอบ ขั้นที่ 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 1 2.8 ขั้นที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 1 2.8 ขั้นที่ 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผอู้ น่ื 5 13.9 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑข์ องสังคม 9 25.0 ขนั้ ที่ 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสงั คม 17 47.2 ข้ันที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมท่เี ปน็ สากล 3 8.3 รวม 36 100.0 x = 4.4 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.1 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน Generation X (อำยรุ ะหว่ำง 39-54 ป)ี กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้คุณธรรมด้านพอเพียงในระดับขั้นที่ 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 41.4 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบียบ กฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 37.1 มีการรับรู้คุณธรรมด้านวินัยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ขั้นที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 51.4 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 22 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 31.4 มกี ารรับรคู้ ุณธรรมด้านสุจริต ส่วนใหญ่อยู่ในระดับข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 41.4 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 38.6 มีการรับรู้ คุณธรรมด้านจิตสาธารณะส่วนใหญอ่ ยู่ในระดับข้ันที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 34 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 48.6 รองลงมา คือ ระดับขน้ั ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 28 คน คิดเป็น ร้อยละ 40.0 และมีการรับรู้คุณธรรมด้านรับผิดชอบส่วนใหญ่อยู่ในระดับขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของ

102 สังคม จานวน 38 คน คิดเป็นร้อยละ 54.3 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของ สังคม จานวน 19 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 27.1 ดงั ตารางที่ 66 ตำรำงที่ 66 รอ้ ยละของกลมุ่ ตวั อยา่ ง Generation X จาแนกตามคุณธรรมและระดบั การรับรู้ดา้ นคุณธรรม คุณธรรม จำนวน (คน) ร้อยละ พอเพียง ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 3 4.3 ขั้นที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ ่นื 8 11.4 ขั้นที่ 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสังคม 26 37.1 ขั้นท่ี 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 29 41.4 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมทเ่ี ป็นสากล 4 5.7 รวม 70 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 0.9 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วนิ ยั ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 1 1.4 ขั้นท่ี 2 ถือผลประโยชน์ของตน 3 4.3 ขั้นที่ 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผู้อื่น 6 8.6 ขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 22 31.4 ขน้ั ท่ี 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสงั คม 36 51.4 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมท่เี ป็นสากล 2 2.9 รวม 70 100.0 x = 4.4 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 0.9 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สุจริต ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 1 1.4 ขั้นที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน 3 4.3 ข้นั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผูอ้ ่นื 6 8.6 ขนั้ ที่ 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสังคม 27 38.6 ขั้นที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสังคม 29 41.4 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทีเ่ ปน็ สากล 4 5.7 รวม 70 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.0 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ ขน้ั ที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 1 1.4 ข้ันท่ี 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 1 1.4 ขั้นที่ 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผ้อู ื่น 5 7.1 ขัน้ ที่ 4 กระทำตำมระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 34 48.6 ขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม 28 40.0 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล 1 1.4 รวม 70 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 0.8 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รับผดิ ชอบ ขัน้ ที่ 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 1 1.4 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผู้อ่ืน 9 12.9

103 คณุ ธรรม จำนวน (คน) รอ้ ยละ ขน้ั ที่ 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑข์ องสังคม 19 27.1 ข้นั ที่ 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสงั คม 38 54.3 ขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมทีเ่ ป็นสากล 3 4.3 รวม 70 100.0 x = 4.5 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 0.8 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน Generation Y (อำยรุ ะหวำ่ ง 23-38 ปี) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้คุณธรรมด้านพอเพียงในระดับขั้นที่ 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 42.9 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบ กฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 24.5 มีการรับรู้คุณธรรมด้านวินัยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 36.7 รองลงมา คือ ระดับ ข้ันที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 34.7 มีการรับรู้คุณธรรมด้านสุจริต สว่ นใหญ่อยู่ในระดับข้ันที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 42.9 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 24.5 มีการรับรู้ คุณธรรมด้านจิตสาธารณะส่วนใหญ่อยู่ในระดับข้ันที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 40.8 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 34.7 และมีการรับรู้คุณธรรมด้านรับผิดชอบส่วนใหญ่อยู่ในระดับขั้นที่ 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 49.0 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบียบ กฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 17 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 34.7 ดังตารางที่ 67 ตำรำงที่ 67 รอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่าง Generation Y จาแนกตามคุณธรรมและระดบั การรับรู้ด้านคุณธรรม คณุ ธรรม จำนวน (คน) ร้อยละ พอเพียง ขน้ั ที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 1 2.0 ขน้ั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 3 6.1 ขนั้ ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผอู้ ่นื 9 18.4 ข้นั ที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสงั คม 12 24.5 ขั้นที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสงั คม 21 42.9 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมท่เี ป็นสากล 3 6.1 รวม 49 100.0 x = 4.2 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.1 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วนิ ยั ขน้ั ที่ 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 2 4.1 ขนั้ ที่ 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผู้อน่ื 9 18.4 ขั้นที่ 4 กระทำตำมระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 18 36.7 ขัน้ ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสังคม 17 34.7 ข้นั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมท่ีเปน็ สากล 3 6.1 รวม 49 100.0 x = 3.8 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน

104 คณุ ธรรม จำนวน (คน) ร้อยละ สุจริต 2 4.1 ขน้ั ที่ 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 11 22.4 ขัน้ ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ น่ื 12 24.5 ขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 21 42.9 ขน้ั ท่ี 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสงั คม 3 6.1 ขนั้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่เี ป็นสากล 49 100.0 รวม x = 4.2 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.0 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ ขั้นท่ี 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 4 8.2 ขน้ั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผอู้ นื่ 8 16.3 ขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 17 34.7 ขน้ั ที่ 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 20 40.8 รวม 49 100.0 x = 4.1 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.0 Min = 2.0 คะแนน Max = 5.0 คะแนน รบั ผดิ ชอบ ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 2 4.1 ขั้นที่ 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผู้อนื่ 6 12.2 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 17 34.7 ข้นั ท่ี 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 24 49.0 รวม 49 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 0.8 Min = 2.0 คะแนน Max = 5.0 คะแนน Generation Z (อำยรุ ะหวำ่ ง 13-22 ปี) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้คุณธรรมด้านพอเพียงในระดับขั้นท่ี 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 43.6 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบ กฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 25.5 มีการรับรู้คุณธรรมด้านวินัยส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 36.4 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 21.8 มีการรับรู้คุณธรรมด้านสุจริต ส่วนใหญ่อยู่ในระดับขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 38.2 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 23.6 มีการรับรู้ คุณธรรมด้านจิตสาธารณะส่วนใหญ่อยู่ในระดับข้ันที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 34.5 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 29.1 และมีการรับรู้คุณธรรมด้านรับผิดชอบส่วนใหญ่อยู่ในระดับขั้นที่ 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสงั คม จานวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 36.4 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทา ตามผู้อืน่ จานวน 16 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 29.1 ดังตารางท่ี 68

105 ตำรำงท่ี 68 รอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่าง Generation Z จาแนกตามคุณธรรมและระดบั การรบั รู้ดา้ นคุณธรรม คณุ ธรรม จำนวน (คน) ร้อยละ พอเพยี ง ขั้นท่ี 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 1 1.8 ขนั้ ท่ี 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 5 9.1 ขน้ั ท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผ้อู น่ื 8 14.5 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสงั คม 14 25.5 ขัน้ ที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสังคม 24 43.6 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมท่เี ปน็ สากล 3 5.5 รวม 55 100.0 x = 4.2 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.2 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย ขน้ั ที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 4 7.3 ข้ันท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 9 16.4 ข้นั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผูอ้ ื่น 8 14.5 ขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสังคม 12 21.8 ขน้ั ที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสังคม 20 36.4 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมทเ่ี ปน็ สากล 2 3.6 รวม 55 100.0 x = 3.8 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สจุ รติ ขน้ั ที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน 6 10.9 ข้นั ท่ี 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ ่นื 10 18.2 ขนั้ ท่ี 4 กระทำตำมระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 21 38.2 ขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 13 23.6 ขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมที่เป็นสากล 5 9.1 รวม 55 100.0 x = 4.0 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.1 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ ขน้ั ที่ 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 1 1.8 ขน้ั ที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 3 5.5 ขน้ั ที่ 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผ้อู ืน่ 14 25.5 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑข์ องสงั คม 16 29.1 ข้ันที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสังคม 19 34.5 ขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมทเ่ี ปน็ สากล 2 3.6 รวม 55 100.0 x = 4.0 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.1 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รบั ผิดชอบ ขั้นท่ี 2 ถือผลประโยชน์ของตน 4 7.3 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผอู้ ืน่ 16 29.1 ขนั้ ที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 12 21.8 ขั้นที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสังคม 20 36.4 ขัน้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมที่เป็นสากล 3 5.5

106 คณุ ธรรม จำนวน (คน) ร้อยละ รวม 55 100.0 x = 4.0 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.1 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน 4.2.2.5 ผลกำรวิเครำะหก์ ำรรบั รู้ด้ำนคณุ ธรรมรำยองคป์ ระกอบตำมชว่ งวัย Baby Boomer (อำยุระหวำ่ ง 55-73 ปี) พอเพียง: มีภูมิคุ้มกัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันที่ 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 16 คน คิดเปน็ ร้อยละ 44.4 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 5 กระทา ตามขอ้ ตกลงของสงั คม จานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 33.3 ดงั ตารางที่ 69 ตำรำงที่ 69 รอ้ ยละของกลมุ่ ตัวอยา่ ง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรบั รู้การมภี ูมิคุ้มกนั ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 1 2.8 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ ่ืน 6 16.7 ขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 1 2.8 ขน้ั ที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 12 33.3 ขน้ั ท่ี 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศลี ธรรมท่ีเป็นสำกล 16 44.4 รวม 36 100.0 x = 5.0 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.2 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน พอเพียง: มีเหตุผล กลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่มีการรับรใู้ นระดับขนั้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ ทางศีลธรรมที่เป็นสากล จานวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 83.3 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 5.6 ดังตารางที่ 70 ตำรำงท่ี 70 รอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรับรู้การมีเหตผุ ล ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 1 2.8 ขน้ั ท่ี 2 ถือผลประโยชน์ของตน 1 2.8 ขน้ั ที่ 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผอู้ ืน่ 1 2.8 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบของสงั คม 1 2.8 ขน้ั ที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 2 5.6 ข้นั ท่ี 6 กระทำตำมกฎเกณฑ์ทำงศลี ธรรมท่ีเป็นสำกล 30 83.3 รวม 36 100.0 x = 5.6 คะแนน Median = 6.0 S.D. = 1.2 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน พอเพียง: มีควำมพอประมำณ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 36.1 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 4 กระทาตาม ระเบยี บกฎเกณฑข์ องสงั คม จานวน 11 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 30.6 ดังตารางท่ี 71

107 ตำรำงที่ 71 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรับรู้การมีความพอประมาณ ระดบั กำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 1 2.8 ขน้ั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 1 2.8 ขน้ั ท่ี 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผอู้ ่ืน 1 2.8 ขนั้ ท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 11 30.6 ข้ันท่ี 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 13 36.1 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมท่ีเปน็ สากล 9 25.0 รวม 36 100.0 x = 4.7 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.1 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย: กำรตรงต่อเวลำ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันที่ 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 38.9 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ ทางศลี ธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 9 คน คดิ เป็นร้อยละ 25.0 ดงั ตารางท่ี 72 ตำรำงที่ 72 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดบั การรบั รู้การตรงตอ่ เวลา ระดับกำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 3 8.3 ขั้นที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ ื่น 8 22.2 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรือระเบยี บของสังคม 2 5.6 ข้นั ที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสงั คม 14 38.9 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เป็นสากล 9 25.0 รวม 36 100.0 x = 4.4 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.5 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วนิ ัย: กำรเคำรพกฎระเบียบและกฎหมำย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มกี ารรับรู้ในระดับขัน้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 36.1 รองลงมา คือ ระดับ ข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 25.0 ดังตารางที่ 73

108 ตำรำงที่ 73 ร้อยละของกลุ่มตัวอยา่ ง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรับรู้การเคารพกฎระเบียบและ กฎหมาย ระดับกำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 3 8.3 ขน้ั ที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน 3 83 ขน้ั ที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ ื่น 2 5.6 ขั้นท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบยี บของสงั คม 6 16.7 ข้นั ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 9 25.0 ข้นั ที่ 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศีลธรรมท่เี ปน็ สำกล 13 36.1 รวม 36 100.0 x = 4.5 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.6 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย กำรควบคุมตนเอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมทีเ่ ปน็ สากล และระดับขนั้ ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผูอ้ ่นื เทา่ กนั คือ จานวน 10 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 27.8 รองลงมา คอื ระดับข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม จานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 25.0 ดังตารางท่ี 74 ตำรำงที่ 74 รอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรบั รู้การควบคมุ ตนเอง ระดับกำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขัน้ ท่ี 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 2 5.6 ขน้ั ที่ 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 5 13.9 ขั้นที่ 3 คลอ้ ยตำมหรือกระทำตำมผ้อู ่ืน 10 27.8 ข้ันที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 9 25.0 ขน้ั ท่ี 6 กระทำตำมกฎเกณฑ์ทำงศีลธรรมท่เี ปน็ สำกล 10 27.8 รวม 36 100.0 x = 4.8 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.3 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สุจริต: กำรไม่เอำรัดเอำเปรียบ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับขั้นที่ 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 18 คน คิดเป็นร้อยละ 50.0 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เป็นสากล จานวน 10 คน คิดเปน็ ร้อยละ 27.8 ดงั ตารางท่ี 75

109 ตำรำงท่ี 75 ร้อยละของกลมุ่ ตวั อย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดบั การรับรู้การไม่เอารดั เอาเปรียบ ระดับกำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ข้นั ที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 1 2.8 ขัน้ ท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 3 8.3 ขนั้ ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบียบของสงั คม 4 11.1 ขัน้ ที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสงั คม 18 50.0 ขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมที่เป็นสากล 10 27.8 รวม 36 100.0 x = 4.8 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.3 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สุจริต: กำรยืนหยัดในควำมถูกต้อง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับขั้นที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 14 คน คิดเปน็ ร้อยละ 38.9 รองลงมา คือ ระดบั ขั้นท่ี 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมทเี่ ป็นสากล และระดับข้ันที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผู้อ่ืน เท่ากัน จานวน 8 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 22.2 ดังตารางที่ 76 ตำรำงที่ 76 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรับรู้การยืนหยัดในความ ถูกต้อง ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นท่ี 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 1 2.8 ขน้ั ที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ นื่ 8 22.2 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบียบของสงั คม 5 13.9 ข้ันที่ 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 14 38.9 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมทเ่ี ป็นสากล 8 22.2 รวม 36 100.0 x = 4.5 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.2 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ: กำรมีจิตอำสำ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 55.6 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 4 กระทาตาม ระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม และระดับขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เป็นสากล เท่ากัน จานวน 6 คน คดิ เป็นร้อยละ 16.7 ดังตารางท่ี 77

110 ตำรำงที่ 77 ร้อยละของกล่มุ ตวั อย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดบั การรับรู้การมจี ิตอาสา ระดับกำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 1 2.8 ข้นั ที่ 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 1 2.8 ขั้นที่ 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ ่ืน 2 5.6 ขนั้ ที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสงั คม 6 16.7 ข้ันที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสงั คม 20 55.6 ขนั้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมที่เป็นสากล 6 16.7 รวม 36 100.0 x = 4.7 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.1 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จติ สำธำรณะ: กำรมีจิตสำนึกสำธำรณะ กลุม่ ตวั อยา่ งส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 38.9 รองลงมา คือ ระดับขั้น ท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑข์ องสงั คม จานวน 12 คน คดิ เป็นร้อยละ 33.3 ดังตารางท่ี 78 ตำรำงที่ 78 ร้อยละของกลมุ่ ตัวอยา่ ง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรับรู้การมีจิตสานึกสาธารณะ ระดับกำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 3 8.3 ขน้ั ที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน 1 2.8 ขน้ั ท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบียบของสงั คม 12 33.3 ข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 6 16.7 ขน้ั ท่ี 6 กระทำตำมกฎเกณฑ์ทำงศลี ธรรมทเ่ี ป็นสำกล 14 38.9 รวม 36 100.0 x = 4.6 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.5 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จติ สำธำรณะ: กำรเสียสละเพ่ือช่วยเหลือผู้อ่ืน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับ ข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 35.2 รองลงมา คือ ระดับ ข้ันท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมทีเ่ ปน็ สากล จานวน 12 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 30.5 ดงั ตารางท่ี 79

111 ตำรำงท่ี 79 ร้อยละของกลมุ่ ตัวอยา่ ง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรบั รู้การเสยี สละเพ่อื ช่วยเหลือ ผ้อู ่ืน ระดับกำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขัน้ ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 1 2.4 ขน้ั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 1 1.9 ขน้ั ที่ 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผู้อ่ืน 1 3.8 ขนั้ ท่ี 4 กระทำตำมระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 13 35.2 ขน้ั ที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 8 26.2 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเปน็ สากล 12 30.5 รวม 36 100.0 x = 4.7 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.2 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รบั ผิดชอบ: กำรต้ังใจปฏบิ ัติหน้ำทีข่ องตน กล่มุ ตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรบั รู้ในระดบั ขัน้ ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 47.2 รองลงมา คือ ระดับ ข้ันที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม จานวน 9 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 25.0 ดงั ตารางท่ี 80 ตำรำงที่ 80 รอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรับร้กู ารตัง้ ใจปฏิบัติหน้าท่ีของ ตน ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 1 2.8 ข้นั ที่ 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 6 16.7 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบยี บของสงั คม 3 8.3 ขั้นท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 9 25.0 ข้ันท่ี 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศลี ธรรมทเี่ ป็นสำกล 17 47.2 รวม 36 100.0 x = 4.8 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.6 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รับผิดชอบ: กำรยอมรับผลกำรกระทำของตนเอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ใน ระดับข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 12 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 33.3 รองลงมา คือ ระดับขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมท่เี ป็นสากล จานวน 8 คน คดิ เป็นร้อยละ 22.2 ดงั ตารางท่ี 81

112 ตำรำงที่ 81 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง Baby Boomer จาแนกตามระดับการรับรกู้ ารยอมรับผลการกระทา ของตนเอง ระดบั กำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 1 2.8 ขั้นท่ี 2 ถือผลประโยชน์ของตน 4 11.1 ขน้ั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผู้อน่ื 6 16.7 ขน้ั ท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 5 13.9 ขั้นท่ี 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสงั คม 12 33.3 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทเ่ี ป็นสากล 8 22.2 รวม 36 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รับผิดชอบ: กำรดูแลบุคคลที่อยู่ภำยใต้อำณัติหรือบุคคลภำยใต้กำรดูแล กลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 21 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 58.3 รองลงมา คือ ระดบั ขน้ั ที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 19.4 ดังตารางที่ 82 ตำรำงท่ี 82 ร้อยละของกล่มุ ตัวอยา่ ง Baby Boomer จาแนกตามระดบั การรับรูก้ ารดแู ลบุคคลทีอ่ ยู่ภายใต้ อาณัตหิ รอื บคุ คลภายใตก้ ารดูแล ระดับกำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นท่ี 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 2 5.6 ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 1 2.8 ขน้ั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ ่นื 3 8.3 ขน้ั ท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบยี บของสงั คม 2 5.6 ขั้นที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 7 19.4 ข้นั ที่ 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศีลธรรมทีเ่ ป็นสำกล 21 58.3 รวม 36 100.0 x = 5.1 คะแนน Median = 6.0 S.D. = 1.5 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน Generation X (อำยุระหว่ำง 39-54 ป)ี พอเพียง: มีภูมิคุ้มกัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 34.3 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 3 คล้อย ตามหรอื กระทาตามผูอ้ ่ืน จานวน 19 คน คิดเปน็ ร้อยละ 27.1 ดงั ตารางท่ี 83

113 ตำรำงท่ี 83 รอ้ ยละของกล่มุ ตัวอยา่ ง Generation X จาแนกตามระดับการรับรู้การมภี ูมิค้มุ กนั ระดับกำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 5 7.1 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผูอ้ ่ืน 19 27.1 ขั้นที่ 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 6 8.6 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 16 22.9 ขั้นท่ี 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศลี ธรรมทีเ่ ป็นสำกล 24 34.3 รวม 70 100.0 x = 4.5 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.4 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน พอเพียง: มีเหตผุ ล กลุ่มตวั อยา่ งสว่ นใหญม่ ีการรับรู้ในระดับขนั้ ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 43 คน คิดเป็นร้อยละ 61.4 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 4 กระทาตาม ระเบียบกฎเกณฑข์ องสังคม จานวน 14 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 20.0 ดงั ตารางท่ี 84 ตำรำงท่ี 84 ร้อยละของกลมุ่ ตัวอยา่ ง Generation X จาแนกตามระดับการรบั รู้การมีเหตุผล ระดับกำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นท่ี 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 7 10.0 ขัน้ ที่ 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผอู้ ืน่ 4 5.7 ขนั้ ท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบของสงั คม 14 20.0 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 2 2.9 ขั้นท่ี 6 กระทำตำมกฎเกณฑ์ทำงศลี ธรรมทเี่ ปน็ สำกล 43 61.4 รวม 70 100.0 x = 4.9 คะแนน Median = 6.0 S.D. = 1.6 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน พอเพียง: มีควำมพอประมำณ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันที่ 4 กระทา ตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 47.1 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 5 กระทา ตามขอ้ ตกลงของสังคม จานวน 20 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 28.6 ดังตารางท่ี 85 ตำรำงที่ 85 รอ้ ยละของกลมุ่ ตัวอยา่ ง Generation X จาแนกตามระดับการรบั รู้การมีความพอประมาณ ระดบั กำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ข้ันที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 1 1.4 ขน้ั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผู้อื่น 3 4.3 ขั้นที่ 4 กระทำตำมระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 33 47.1 ขน้ั ที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 20 28.6 ขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมที่เป็นสากล 13 18.6 รวม 70 100.0 x = 4.6 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 0.9 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน

114 วินัย: กำรตรงต่อเวลำ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับขั้นที่ 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เปน็ สากล จานวน 31 คน คิดเป็นร้อยละ 44.3 รองลงมา คือ ระดับขนั้ ท่ี 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 31.4 ดังตารางที่ 86 ตำรำงท่ี 86 ร้อยละของกลมุ่ ตวั อย่าง Generation X จาแนกตามระดบั การรบั รู้การตรงตอ่ เวลา ระดับกำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขัน้ ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 1 1.4 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผูอ้ ่นื 12 17.1 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รอื ระเบียบของสงั คม 4 5.7 ขั้นท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 22 31.4 ขนั้ ท่ี 6 กระทำตำมกฎเกณฑ์ทำงศีลธรรมท่ีเปน็ สำกล 31 44.3 รวม 70 100.0 x = 5.0 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.2 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วนิ ัย: กำรเคำรพกฎระเบยี บและกฎหมำย กลุ่มตัวอย่างสว่ นใหญ่มีการรับรู้ในระดับขั้นท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 37.1 รองลงมา คือ ระดับ ข้นั ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 18 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 25.7 ดงั ตารางที่ 87 ตำรำงท่ี 87 รอ้ ยละของกลุ่มตัวอย่าง Generation X จาแนกตามระดบั การรับรกู้ ารเคารพกฎระเบียบและ กฎหมาย ระดับกำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขน้ั ที่ 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 9 12.9 ขนั้ ที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 1 1.4 ขน้ั ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ ่นื 2 2.9 ข้ันที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบยี บของสงั คม 14 20.0 ข้นั ที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 18 25.7 ข้ันที่ 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศลี ธรรมทเ่ี ป็นสำกล 26 37.1 รวม 70 100.0 x = 4.6 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.6 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย: กำรควบคุมตนเอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันที่ 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เป็นสากล จานวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 40.0 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 3 คล้อย ตามหรือกระทาตามผอู้ ่นื จานวน 18 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 25.7 ดังตารางที่ 88

115 ตำรำงที่ 88 รอ้ ยละของกลุ่มตวั อยา่ ง Generation X จาแนกตามระดบั การรบั รู้การควบคมุ ตนเอง ระดับกำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 1 1.4 ขน้ั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 2 2.9 ขน้ั ที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ น่ื 18 25.7 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 14 20.0 ขน้ั ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 7 10.0 ขน้ั ที่ 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศลี ธรรมที่เปน็ สำกล 28 40.0 รวม 70 100.0 x = 4.5 คะแนน Median = 4.5 S.D. = 1.4 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สุจริต: กำรไม่เอำรัดเอำเปรียบ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับขั้นท่ี 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 36 คน คิดเป็นร้อยละ 51.4 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเปน็ สากล จานวน 16 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 22.9 ดังตารางท่ี 89 ตำรำงที่ 89 รอ้ ยละของกลมุ่ ตัวอยา่ ง Generation X จาแนกตามระดับการรบั รู้การไม่เอารัดเอาเปรียบ ระดับกำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ข้นั ท่ี 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 1 1.4 ขั้นที่ 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 8 11.4 ขั้นที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรือระเบียบของสงั คม 9 12.9 ข้ันที่ 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสงั คม 36 51.4 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมที่เป็นสากล 16 22.9 รวม 70 100.0 x = 4.7 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.2 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน สุจริต: กำรยืนหยัดในควำมถูกต้อง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 31.4 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 3 คล้อยตาม หรอื กระทาตามผู้อ่ืน จานวน 18 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 25.7 ดงั ตารางที่ 90

116 ตำรำงท่ี 90 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง Generation X จาแนกตามระดับการรับรู้การยืนหยัดในความ ถกู ตอ้ ง ระดับกำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขนั้ ที่ 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 2 2.9 ข้ันที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผ้อู ืน่ 18 25.7 ขน้ั ท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบยี บของสังคม 11 15.7 ขัน้ ที่ 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 22 31.4 ข้นั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมทเ่ี ป็นสากล 17 24.3 รวม 70 100.0 x = 4.5 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.3 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ: กำรมีจิตอำสำ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 5 กระทา ตามข้อตกลงของสังคม จานวน 41 คน คิดเป็นร้อยละ 58.6 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 4 กระทาตาม ระเบียบกฎเกณฑข์ องสังคม จานวน 12 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 17.1 ดังตารางท่ี 91 ตำรำงที่ 91 รอ้ ยละของกลุ่มตวั อยา่ ง Generation X จาแนกตามระดบั การรบั รู้การมจี ิตอาสา ระดบั กำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขน้ั ที่ 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 3 4.3 ขน้ั ที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 8 11.4 ข้ันที่ 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผอู้ ่ืน 2 2.9 ขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสงั คม 12 17.1 ขนั้ ท่ี 5 กระทำตำมข้อตกลงของสังคม 41 58.6 ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เปน็ สากล 4 5.7 รวม 70 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.3 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ: กำรมีจิตสำนึกสำธำรณะ กลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 48.6 รองลงมา คือ ระดับข้ันที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 20 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 28.6 ดงั ตารางที่ 92

117 ตำรำงที่ 92 รอ้ ยละของกลุม่ ตวั อยา่ ง Generation X จาแนกตามระดับการรับรู้การมจี ิตสานึกสาธารณะ ระดับกำรรับรู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นท่ี 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 2 2.9 ขน้ั ที่ 2 ถือผลประโยชนข์ องตน 1 1.4 ขน้ั ที่ 3 คล้อยตามหรือกระทาตามผอู้ ื่น 2 2.9 ขนั้ ที่ 4 กระทำตำมระเบียบกฎเกณฑ์ของสงั คม 34 48.6 ขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 11 15.7 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมท่ีเปน็ สากล 20 28.6 รวม 70 100.0 x = 4.6 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.1 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน จิตสำธำรณะ: กำรเสียสละเพ่ือช่วยเหลือผู้อ่ืน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับ ขั้นที่ 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 35.7 รองลงมา คือ ระดับ ขั้นท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม จานวน 23 คน คดิ เป็นร้อยละ 32.9 ดงั ตารางที่ 93 ตำรำงที่ 93 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง Generation X จาแนกตามระดับการรับรู้การเสียสละเพ่ือช่วยเหลือ ผู้อน่ื ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ 1 1.4 ขน้ั ที่ 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผู้อ่นื 2 2.9 ขั้นท่ี 4 กระทำตำมระเบยี บกฎเกณฑ์ของสังคม 25 35.7 ข้ันที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 23 32.9 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมท่เี ป็นสากล 19 27.1 รวม 70 100.0 x = 4.8 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.0 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รบั ผิดชอบ: กำรตง้ั ใจปฏบิ ตั ิหน้ำท่ีของตน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญม่ ีการรบั รู้ในระดบั ขน้ั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่เป็นสากล จานวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 45.7 รองลงมา คือ ระดับ ข้ันที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 32.9 ดงั ตารางที่ 94

118 ตำรำงที่ 94 รอ้ ยละของกลุม่ ตวั อย่าง Generation X จาแนกตามระดับการรับรู้การต้ังใจปฏิบตั หิ นา้ ทีข่ อง ตน ระดบั กำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นท่ี 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 1 1.4 ขน้ั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 5 7.1 ขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผู้อนื่ 1 1.4 ขน้ั ที่ 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรอื ระเบียบของสังคม 8 11.4 ข้นั ที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 23 32.9 ขนั้ ที่ 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศลี ธรรมทเี่ ป็นสำกล 32 45.7 รวม 70 100.0 x = 5.0 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.2 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รับผิดชอบ: กำรยอมรับผลกำรกระทำของตนเอง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ใน ระดับขัน้ ท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 30 คน คดิ เป็นร้อยละ 42.9 รองลงมา คือ ระดบั ข้ันท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมท่ีเป็นสากล จานวน 12 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 17.1 ดังตารางท่ี 95 ตำรำงที่ 95 ร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง Generation X จาแนกตามระดับการรับรู้การยอมรับผลการกระทา ของตน ระดับกำรรบั รู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 2 2.9 ขั้นที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน 6 8.6 ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรอื กระทาตามผอู้ ืน่ 11 15.7 ขัน้ ท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 9 12.9 ขนั้ ที่ 5 กระทำตำมข้อตกลงของสังคม 30 42.9 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทีเ่ ป็นสากล 12 17.1 รวม 70 100.0 x = 4.4 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.3 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน รับผิดชอบ: ดูแลบุคคลท่ีอยู่ภำยใต้อำณัติหรือบุคคลภำยใต้กำรดูแล กลุ่มตัวอย่างส่วน ใหญม่ ีการรับรู้ในระดับข้นั ท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมท่เี ป็นสากล จานวน 51 คน คิดเป็นร้อยละ 72.9 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 8.6 ดังตารางที่ 96

119 ตำรำงที่ 96 ร้อยละของกลุ่มตัวอยา่ ง Generation X จาแนกตามระดบั การรบั ร้กู ารดูแลบุคคลท่ีอยู่ภายใต้ อาณัตหิ รอื บุคคลภายใตก้ ารดูแล ระดบั กำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขน้ั ท่ี 1 หลบหลีกการถกู ลงโทษ 1 1.4 ขน้ั ที่ 2 ถอื ผลประโยชน์ของตน 5 7.1 ขน้ั ที่ 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผ้อู นื่ 2 2.9 ขั้นท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑห์ รือระเบียบของสงั คม 5 7.1 ข้ันท่ี 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 6 8.6 ขั้นที่ 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศลี ธรรมท่เี ปน็ สำกล 51 72.9 รวม 70 100.0 x = 5.3 คะแนน Median = 6.0 S.D. = 1.3 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน Generation Y (อำยุระหว่ำง 23-38 ปี) พอเพียง: มีภูมิคุ้มกัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันที่ 6 กระทาตาม กฎเกณฑ์ทางศลี ธรรมที่เป็นสากล และระดับขั้นท่ี 3 คล้อยตามหรอื กระทาตามผอู้ ่ืน เท่ากนั จานวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 34.7 รองลงมา คือ ระดับขั้นที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม จานวน 7 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 14.3 ดังตาราง ที่ 97 ตำรำงที่ 97 ร้อยละของกลุ่มตัวอยา่ ง Generation Y จาแนกตามระดบั การรับรู้การมีภูมิคุ้มกนั ระดับกำรรบั รู้ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ขน้ั ที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน 5 10.2 ขนั้ ท่ี 3 คลอ้ ยตำมหรือกระทำตำมผูอ้ ่นื 17 34.7 ขน้ั ท่ี 4 กระทาตามระเบยี บกฎเกณฑ์ของสงั คม 3 6.1 ขน้ั ที่ 5 กระทาตามขอ้ ตกลงของสงั คม 7 14.3 ข้ันที่ 6 กระทำตำมกฎเกณฑ์ทำงศีลธรรมทเ่ี ป็นสำกล 17 34.7 รวม 49 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 4.0 S.D. = 1.5 Min = 2.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน พอเพียง: มีเหตุผล กลมุ่ ตวั อยา่ งส่วนใหญ่มีการรับรใู้ นระดับขั้นที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ ทางศีลธรรมที่เป็นสากล จานวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 55.1 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 4 กระทาตาม ระเบยี บกฎเกณฑข์ องสงั คม จานวน 10 คน คดิ เป็นร้อยละ 20.4 ดงั ตารางท่ี 98

120 ตำรำงท่ี 98 ร้อยละของกล่มุ ตัวอยา่ ง Generation Y จาแนกตามระดบั การรบั รู้การมีเหตผุ ล ระดบั กำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ขั้นที่ 1 หลบหลีกการถูกลงโทษ 2 4.1 ขน้ั ท่ี 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 1 2.0 ขัน้ ท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผู้อืน่ 2 4.1 ขั้นท่ี 4 กระทาตามกฎเกณฑ์หรือระเบยี บของสังคม 10 20.4 ขั้นท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม 7 14.3 ขนั้ ที่ 6 กระทำตำมกฎเกณฑท์ ำงศีลธรรมทีเ่ ป็นสำกล 27 55.1 รวม 49 100.0 x = 5.0 คะแนน Median = 6.0 S.D. = 1.3 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน พอเพียง: มีควำมพอประมำณ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 4 กระทา ตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม จานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 28.6 รองลงมา คือ ระดับขั้นท่ี 6 กระทา ตามกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมท่เี ปน็ สากล จานวน 13 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 26.5 ดงั ตารางที่ 99 ตำรำงท่ี 99 รอ้ ยละของกลมุ่ ตวั อย่าง Generation Y จาแนกตามระดับการรับรู้การมีความพอประมาณ ระดับกำรรับรู้ จำนวน ร้อยละ (คน) ข้นั ที่ 1 หลบหลกี การถูกลงโทษ 3 6.1 ขั้นที่ 2 ถอื ผลประโยชนข์ องตน 7 14.3 ขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม 12 24.5 ขนั้ ท่ี 5 กระทำตำมขอ้ ตกลงของสังคม 14 28.6 ขน้ั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศลี ธรรมที่เป็นสากล 13 26.5 รวม 49 100.0 x = 4.3 คะแนน Median = 5.0 S.D. = 1.5 Min = 1.0 คะแนน Max = 6.0 คะแนน วินัย: กำรตรงต่อเวลำ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการรับรู้ในระดับข้ันท่ี 5 กระทาตาม ข้อตกลงของสังคม จานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 49.0 รองลงมา คือ ระดับข้ันท่ี 6 กระทาตามกฎเกณฑ์ ทางศลี ธรรมที่เป็นสากล จานวน 12 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 24.5 ดังตารางที่ 100


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook