Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 20201009-moral indicator

20201009-moral indicator

Published by pawnin.chaiyabat, 2020-10-09 02:21:29

Description: 20201009-moral indicator

Search

Read the Text Version

171 กฎระเบียบและกฎหมาย ประเด็นสุจริต องค์ประกอบท่ี 2 การยืนหยัดในความถูกต้อง ประเด็น จิตสาธารณะ องค์ประกอบท่ี 2 มจี ติ สานกึ สาธารณะ Generation Y คะแนนการรับรู้สูงสุดในประเด็นจิตสาธารณะ องค์ประกอบท่ี 3 การ เสยี สละเพื่อชว่ ยเหลือผู้อ่นื Generation Z คะแนนการรับรู้สูงสุดในประเด็นพอเพียง องค์ประกอบที่ 3 มีความ พอประมาณ 5.1.3.4 กำรรับรู้ด้ำนคุณธรรมรำยภูมิภำค ซึ่งจัดแบ่งเป็น 4 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนอื ภาคกลาง และภาคใต้ พบวา่ ค่าเฉลย่ี การรับรู้ด้านคณุ ธรรมทงั้ 5 ประเด็น เรยี งลาดับ มาก-นอ้ ย มดี ังนี้ พอเพยี ง ลาดบั ท่ี 1 คะแนนเทา่ กนั 3 ภาค คอื ภาคเหนอื ภาคกลาง ภาคใต้ (4.4 คะแนน) ลาดับท่ี 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (4.1 คะแนน) วินัย ลาดับที่ 1 ภาคใต้ (4.8 คะแนน) ลาดับท่ี 2 ภาคเหนือ (4.4 คะแนน) ลาดับที่ 3 ภาคกลาง (4.1 คะแนน) ลาดับที่ 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (3.9 คะแนน) สุจริต ลาดับที่ 1 ภาคใต้ (4.4 คะแนน) ลาดับท่ี 2 ภาคกลาง (4.3 คะแนน) ลาดับที่ 3 คะแนน เท่ากัน 2 ภาค คือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จิตสำธำรณะ ลาดับท่ี 1 ภาคเหนือ (4.6 คะแนน) ลาดับที่ 2 คะแนนเท่ากัน 2 ภาค คือ ภาคกลาง และภาคใต้ (4.3 คะแนน) ลาดับที่ 3 ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ (4.0 คะแนน) รับผิดชอบ ลาดับที่ 1 คะแนนเท่ากัน 2 ภาค คือ ภาคเหนือ และ ภาคใต้ (4.6 คะแนน) ลาดับท่ี 2 ภาคกลาง (4.3 คะแนน) ลาดับท่ี 4 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (4.1 คะแนน) อย่างไรก็ตาม คณะผู้วจิ ัยจาเป็นต้องเน้นย้าอกี ครงั้ ว่า ข้อมูลชุดนี้เป็นกำรประเมินตนเองเกี่ยวกับ ควำมรู้ควำมเข้ำใจในประเด็นคุณธรรมของคนแต่ละช่วงวัยในสังคมไทย โดยท่ีแบบประเมินและผล ประเมนิ กำรรบั รดู้ ้ำนคุณธรรมชุดนี้เป็นตน้ แบบท่ีตอ้ งมกี ำรพัฒนำตอ่ ไป และไม่ได้เปน็ กำรประเมินระดับ คณุ ธรรมของคนในสังคมไทย 5.1.4 กำรตรวจสอบคุณภำพของแบบประเมิน โดยกำรตรวจสอบควำมเชอื่ ม่ัน ด้วยกำรหำค่ำ สัมประสิทธิ์แอลฟ่ำของครอนบำค พบว่า มีค่าความเช่ือม่ันท้ังฉบับอยู่ที่ 0.7 ผ่านตามเกณฑ์ความเชื่อม่ัน ซ่ึงไมค่ วรมีคา่ ตา่ กว่า 0.7 5.2 อภิปรำยผลกำรวิจัย 5.2.1 กำรสรำ้ งและพัฒนำแบบประเมินกำรรับรู้ดำ้ นคุณธรรม งานศึกษาวิจยั เพื่อพัฒนาแบบวัด หรือแบบประเมินคุณธรรมจริยธรรมท่ีผ่านมาน้ัน ส่วนใหญ่มีกระบวนการสร้างและพัฒนาจากการทบทวน วรรณกรรมท่ีเก่ียวข้องเป็นหลกั และมักมีกล่มุ เป้าหมายหรือกล่มุ ตัวอย่างเป็นนักเรียน นกั ศึกษา ด้วยเหตุน้ี โครงการพฒั นาตัวชี้วัดคณุ ธรรมเพอ่ื ขบั เคลอ่ื นสู่สังคมคุณธรรมซึ่งมีวัตถุประสงค์เพอื่ สร้างและพฒั นาตัวช้ีวัด เชิงปรับฐานความเข้าใจด้านคุณธรรมระดับบุคคลใน 5 ด้าน คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตสาธารณะ และ รับผิดชอบ จึงได้ออกแบบการวิจัยให้มีกระบวนการได้มาซ่ึงข้อมูลเพ่ือนาไปสร้างเป็นเครื่องมือวิจัย คือ แบบประเมินการรบั รูด้ ้านคุณธรรม จาก 3 ส่วน คอื การสารวจออนไลน์ การทบทวนวรรณกรรมท่เี กีย่ วข้อง และการจัดกระบวนการกลุ่ม เพราะเล็งเห็นถึงความสาคัญของประชาชนที่ควรมีส่วนร่วมในการกาหนด ตัวช้ีวัดทางคุณธรรม ซ่ึงสามารถใช้เป็นเคร่ืองมือในการสร้างเป้าหมายด้านการพัฒนามนุษย์ร่วมกัน ไม่ใช่ เพยี งแคท่ าการวัดเพือ่ ตดิ ตามผลและแก้ไขปัญหาเท่านน้ั กร ะบว น การ ดังกล่ าว เริ่ มจ ากการ ส าร ว จ ออนไล น์ เบ้ืองต้น เพ่ือให้ ทร าบว่าปร ะช าช น ทั่ว ไปมี ความเขา้ ใจเรอ่ื งคุณธรรมอยา่ งไร จากน้นั จึงทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวขอ้ ง และจัดกระบวนการกลุ่มซ่ึงเป็น

172 วิธีการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพแบบ Inside-out Approach ด้วยกระบวนการเรียนรู้แบบจิตตปัญญาศึกษา การเรียนรู้เชิงประสบการณ์ และชุมชนแห่งความจริงแท้ เพ่ือให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับมุมมอง โลกทัศน์ ความคิด ความเช่ือ ที่สะท้อนคุณธรรมผ่านพฤติกรรมของบุคคล ท้ังน้ียังได้กาหนดกลุ่มเป้าหมายและกลุ่ม ตัวอย่างให้มีความหลากหลายของช่วงวัยและภูมิลาเนา เพราะเล็งเห็นถึงความสาคัญของความแตกต่าง หลากหลายของมนุษย์ซึ่งล้วนมีผลมาจากบริบทแวดล้อมที่ส่งผลต่อระบบความคิด ความเช่ือ มุมมอง โลกทัศน์ ต่อมิติด้านคุณธรรม ดังท่ีแนวคิดทฤษฎีพัฒนาการทางคุณธรรมจริยธรรมของโคลเบิร์กได้ให้ ความสาคัญกับช่วงวัยของมนุษย์ท่ีล้วนมีปัจจัยแวดล้อมเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจและการกระทา รวมถงึ แนวคิดนิเวศวิทยาของการพัฒนามนุษยข์ องบรอนเฟนเบรนเนอร์ที่ชี้ให้เหน็ ถึงความสาคัญของระบบ นิเวศรอบตัวมนุษยว์ า่ มีอิทธิพลตอ่ การเลือกตดั สนิ ใจและการดาเนินชีวติ 5.2.2 กำรรับรดู้ ้ำนคุณธรรมในภำพรวม ผลการวเิ คราะหก์ ารรับรู้ด้านคุณธรรมในภาพรวมพบว่า อยู่ในระดับข้ันการให้เหตุผลเชิงจริยธรรมของโคลเบิร์ก ระดับข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยทุกช่วงวัยมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องคุณธรรมเป็นอย่างมาก โดยคุณธรรมท่ีมี การรับรู้มากเป็นลาดับท่ี 1 คือ รับผิดชอบ (จานวน 99 คน คิดเป็นร้อยละ 47.1) ลาดับท่ี 2 คือ พอเพียง (จานวน 94 คน คิดเป็นร้อยละ 44.8) ลาดบั ท่ี 3 จิตสาธารณะ (จานวน 86 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 41.0) ลาดับ ท่ี 4 วินัย (จานวน 85 คน คิดเป็นร้อยละ 40.5) และ ลาดับที่ 5 สุจริต (จานวน 78 คน คิดเป็นร้อยละ 37.1) เม่ือพิจารณาการรับรู้ด้านคุณธรรมเป็นรายด้านตามช่วงวัย พบว่า Baby Boomer เป็นกลุ่มที่มี การรับรู้ด้านคุณธรรมสูงเป็นลาดับท่ี 1 ใน 3 ประเด็นคุณธรรม คือ พอเพียง สุจริต และจิตสาธารณะ Generation X มีการรับรู้ด้านคุณธรรมสูงเป็นลาดับที่ 1 ใน 2 ประเด็นคุณธรรม คือ วินัย และรับผิดชอบ ขณะที่ Generation Y และ Generation Z มีการรับรู้ด้านคุณธรรมท้ัง 5 ประเด็นอยู่ในลาดับที่ 3 และ 4 ตามลาดับ ซึ่งประเด็นการรับรู้ด้านคุณธรรมของ Generation Y และ Generation Z น้ีมีความเช่ือมโยง กับการจัดกระบวนการกลุ่มของคณะผู้วิจัย โดยในช่วงที่ดาเนินการน้ันมีการตั้งคาถามจากผู้เข้าร่วมใน 2 ชว่ งวยั น้คี ่อนข้างมาก ตั้งแต่การตั้งคาถามว่าทาไมต้องเลือกคุณธรรม 5 ประเดน็ น้มี าจดั กระบวนการ จนถึง สามารถนิยามคุณธรรมในแบบทีต่ ่างจากท่ีมีมาได้หรือไม่ ซึง่ คาถามเหล่านี้ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าคุณธรรม 5 ประเด็นต้ังต้น (ซึ่งกาหนดมาจากระดับนโยบาย) อาจเชื่อมโยงกับชุดประสบการณ์ของคนบางช่วงวัย เช่น Baby Boomer และ Generation X ได้ดี แต่อาจไม่เช่ือมโยงกับชดุ ประสบการณข์ อง Generation Y และ Generation Z การพัฒนาตัวชี้วัดคุณธรรม (รวมทั้งการส่งเสริมคุณธรรม) ท่ีจะดาเนินการต่อไป จึงต้องให้ ความสาคัญท้ังกับช่วงวัยและประเด็นคุณธรรมด้วยว่า ประเด็นคุณธรรมใดสามารถเชื่อมโยงกับชุด ประสบการณข์ องคนในวัยน้ัน ๆ ทั้งนี้จาเป็นต้องเน้นย้าว่า ผลวิเคราะห์ท้ังหมดนี้ คือ ความรู้ความเข้าใจที่มีต่อเรื่องคุณธรรม ไม่ได้ เปน็ สงิ่ ยืนยันว่าผูต้ อบแบบประเมินจะมีพฤตกิ รรมสอดคล้องกับความร้คู วามเข้าใจทมี่ ีในทกุ กรณี และข้อมูล ชุดนี้เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยมีต้นทุนความรู้ด้านคุณธรรมมากพอสมควร ซึ่งโจทย์ที่ท้าทาย ต่อไป คือ จะเปิดพ้ืนท่ีให้มีการส่งเสริมคุณธรรมในประเด็นที่หลากหลายนอกเหนือจากประเด็นหลักท่ี กาหนดจากนโยบายได้อย่างไร และแปลงความรู้ความเข้าใจเร่ืองคุณธรรมสู่การปฏิบัติเป็นพฤติกรรมได้ อย่างไร ขณะเดียวกันการส่งเสริมคุณธรรมก็ไม่ใชก่ ารส่งเสริมในระดับปัจเจกเท่านั้น แต่มีความจาเป็นต้อง สร้างสังคมหรือระบบนิเวศท่ีเอ้ือให้คนดีมีที่ยืน โดยเฉพาะประเด็นคุณธรรมท่ีเก่ียวข้องกับผลประโยชน์

173 อยา่ งเช่น ประเด็นสุจรติ ซง่ึ ผทู้ ่ียนื กรานในจุดยืนนี้สะท้อนผ่านการจัดกระบวนการกลุ่มวา่ ตอ้ งมีกลไก ระบบ หรือโครงสร้างที่เอ้ือต่อการดารงซึ่งคุณธรรมนี้ จึงจะทาให้ปัจเจกสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ซ่ึงจะกล่าวถึง ประเดน็ นี้อกี ครงั้ ในการอภปิ รายการรับรู้ด้านคณุ ธรรมรายดา้ นในประเดน็ สุจรติ 5.2.3 กำรรบั รดู้ ำ้ นคณุ ธรรมรำยดำ้ น 5.2.3.1 พอเพียง ผลการวิเคราะห์การรับร้ดู ้านคุณธรรมรายด้าน พบว่า Baby Boomer เป็นกลุ่มที่มีคะแนนการรับรู้สูงสุดในประเด็นพอเพียงท้ัง 3 องค์ประกอบ คือ มีภูมิคุ้มกัน มีเหตุผล และมี ความพอประมาณ และ Generation Z มีคะแนนการรับรู้สูงสุดในประเด็นพอเพียง องค์ประกอบท่ี 3 มีความพอประมาณ อาจมองได้ว่าการรับรู้คุณธรรมพอเพียงที่คะแนนสูงในกลุ่ม Baby Boomer เน่ืองจาก เป็นช่วงวัยที่ผ่านช่วงชีวิตของการทางานท่ีมีความเร่งรีบและแข่งขันมาแล้ว ภาพของความพอเพียงในกลุ่ม Baby Boomer ถ้ามองเช่ือมโยงกับข้อมูลการจัดกระบวนการกลุ่มจะทาให้เห็นมิติที่ลึกซึ้งข้ึนของ ความพอเพียงในลักษณะของการเป็นผู้ให้กับสังคม และการมองเป้าหมายชีวิตไปสู่การมีชีวิตที่ดีแบบ องค์รวม ขณะที่ Generation Z เป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยเรียน ซึ่งส่วนใหญ่ยังต้องพ่ึงพาครอบครัว ด้วยเหตุน้ี มมุ มองท่ีมตี ่อความพอเพยี งเม่ือมองเชื่อมโยงกบั ขอ้ มูลการจัดกระบวนการกลมุ่ จะทาใหเ้ ห็นว่าเน้นไปทเ่ี รื่อง เศรษฐกิจ ทง้ั การประหยดั การอดออม การหารายได้เสรมิ เพราะไมต่ ้องการรบกวนพ่อแมห่ รือผปู้ กครอง เมื่อพิจารณาข้อมูลจากการสารวจออนไลน์ และการจัดกระบวนการกลุ่มประกอบด้วย จะทาใหเ้ หน็ ว่าขอ้ มูล 2 ชุดน้ีช่วยเติมเต็มภาพของพอเพยี งใหเ้ ห็นชวี ิตของผคู้ นมากขน้ึ โดยข้อมูลท้ัง 2 สว่ น น้ีเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือ การให้ความสาคัญกับความพอเพียงใน 2 มิติ คือ 1. มิติเศรษฐกิจของ ปจั เจกบุคคล คอื การประหยัด อดออม การวางแผนด้านการใช้จ่าย ซ่ึงครอบคลุมไปถึงการวางแผนการใช้ ทรัพยากร 2. มิติวิถชี ีวิต ชีวิต คือ การใช้ชวี ิตเรียบง่าย มคี วามสมดลุ การไม่เบียดเบยี นผู้อื่น ไปจนถงึ การมี ชีวติ ทดี่ ีแบบองคร์ วม ขอ้ มูลจากการจดั กระบวนการกลุ่มใหภ้ าพของพฒั นาการของพอเพียงที่สมั พันธ์กับช่วงวัย โดยพบว่าผู้ให้ข้อมูลกล่าวถึงพฤติกรรมเร่ืองพอเพียงของตนเองจากเร่ืองพื้นฐานไปสู่เรื่องท่ีกว้างและลึกซึ้ง ขึ้นตามอายุและประสบการณ์ชีวิต เร่ิมจากเศรษฐกิจไปสู่การมีชีวิตเรียบง่าย จัดสมดุลชีวิตทั้งกาย ใจ งาน และครอบครัว การดูแลสิง่ แวดลอ้ ม สาหรับข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง เป็นท่ีน่าสังเกตว่า พอเพียงมาจาก มุมมองภาครัฐ และเป็นลักษณะของชุดคุณค่าท่ีต้องการ “การปลูกฝังสั่งสอน” กับคนรุ่นใหม่ผ่านระบบ การศึกษา โดยพอเพียงเป็นประเด็นคุณธรรมประเด็นหน่ึงที่ส่งเสริมในสถานศึกษาผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานปี พ.ศ. 2551 ค่านิยม 12 ประการในสถานศึกษา ข้อมูลชุดน้ีจึงมี ความแตกต่างจากขอ้ มูลท้ัง 3 ชุดที่กลา่ วมาข้างต้น และยังสะท้อนความสัมพันธเ์ ชิงอานาจของรัฐท่ีซ้อนอยู่ ภายใต้ภาพการส่งเสริมคณุ ธรรม การส่งเสริมคุณธรรมพอเพียงทผี่ ่านมาจึงมขี อ้ จากัดทีไ่ ปเนน้ มิติของการสั่ง สอน ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงในสังคมท่ีพอเพียงมีรูปแบบท่ีหลากหลายไปตามชุดประสบการณ์ โดยข้อค้นพบในงานชิ้นนท้ี าให้เหน็ ว่าความพอเพยี งของแต่ละช่วงวัยกม็ รี ายละเอยี ดทีแ่ ตกต่างกัน 5.2.3.2 วินัย ผลการวิเคราะห์การรับรู้ด้านคุณธรรมรายด้าน พบว่า Generation X มีคะแนนการรับรู้สูงสุดประเด็นวินัยใน 2 องค์ประกอบ คือ องค์ประกอบที่ 1 การตรงต่อเวลา และ องค์ประกอบท่ี 2 การเคารพกฎระเบียบและกฎหมาย และ Baby Boomer เป็นกลุ่มท่ีคะแนนการรับรู้ สูงสุดประเดน็ วินัยในองคป์ ระกอบที่ 3 การควบคุมตนเอง ข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมท่ีเกี่ยวข้อง การสารวจออนไลน์ และข้อมูลจาก กระบวนการกลุ่ม พบว่า มีความสอดคล้องกันในลักษณะท่ีมองเรื่องวินัยท่ีเริ่มจากตนเอง และเชื่อมโยงไป

174 ในชุดความสัมพนั ธ์ตา่ ง ๆ โดยขอ้ มูลจากการการทบทวนวรรณกรรมทเี่ ก่ียวข้องมองเร่ืองวินยั ในฐานะที่เป็น กฎ ระเบียบ มาตรฐาน (norms) และในฐานะพฤติกรรม (behavior) ควบคู่กันไป และการปลูกฝังเร่ือง วินัยเน้นไปท่ีกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยกระบวนการสร้างการเรียนรู้ให้เกิดการยอมรับมาตรฐานของสังคม หรือวฒั นธรรมนนั้ ๆ ซ่งึ เร่มิ ตัง้ แตว่ นิ ัยในตนเอง และขยายสู่ครอบครวั โรงเรยี น สงั คม ข้อมูลจากการสารวจออนไลน์ให้ความสาคัญกับวินัย ใน 2 มิติ คือ 1) มิติเสริมสร้างวินัย ในตนเอง ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวัน เช่น การตรงต่อเวลา การออกกาลังกาย และ 2) มิติวินัยท่ีสัมพันธ์ กบั การอยู่รว่ มในสังคม เช่น การปฏบิ ัตติ ามกฎระเบยี บ/กติกาของสังคม การปฏิบัตติ ามหน้าที่ ขณะที่ขอ้ มูล จากการจัดกระบวนการกลุ่มพบว่า วินัยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ จากระดับพ้ืนฐานเป็นการมีระเบียบ วินัยจากภายในตนเองไปสู่การปฏิบัติตามระเบียบวินัยทางสังคม และไปสู่การเป็นผู้ส่งเสริมให้สังคมมีวินัย เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม โดยพฤติกรรมท่ีทุกช่วงวัยให้ความสาคัญมากท่ีสุด คือ การมีมาตรฐาน-กฎ- ระเบยี บภายในตวั เอง และทาอย่างสม่าเสมอ ในฐานะการจดั การในเรื่องทีต่ นใหค้ วามสาคัญ เช่น เร่อื งเวลา การเงิน การงาน สุขภาพ ความสมั พนั ธ์ และจิตใจตนเอง รองลงมาคือ การปฏบิ ตั ิตามกฎ-ระเบยี บภายนอก ซง่ึ ตนเองสัมพันธอ์ ยดู่ ้วย ทงั้ ครอบครัว ชมุ ชน ทท่ี างาน ศาสนา หรือสังคม ที่มักเปน็ กฎระเบียบท่ีเด่นชัดใน สังคม และมีผลต่อคนทุกกลุ่มใกล้เคียงกัน และกลุ่มสุดท้ายที่พบบ้าง โดยกระจายตัวและไม่ข้ึนกับอายุ คือ การทาเพอ่ื ส่วนรวมและสง่ เสริมวนิ ยั ให้ผ้อู ่นื ผลจากข้อมูลท้ัง 4 ชุด แสดงถึงทิศทางการรับรู้เร่ืองวินัยที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือ เริ่มจากตนเองและแผ่ขยายไปสู่ชุดความสัมพันธ์ต่าง ๆ ท่ีซับซ้อนมากขึ้นตามช่วงวัย ด้วยเหตุน้ีการพัฒนา ตวั ชีว้ ัดด้านคุณธรรมในประเด็นวินัยทจ่ี ะดาเนินต่อไปจึงต้องวิเคราะห์ปจั จัยแวดลอ้ มหรือระบบนิเวศที่มีผล ต่อพฤตกิ รรมด้านวินัย ซง่ึ มคี วามแตกต่างกนั ไปตามช่วงวัย 5.2.3.3 สจุ รติ ผลการวเิ คราะห์การรับรู้ดา้ นคุณธรรมรายด้าน พบว่า สุจรติ เปน็ ประเด็น คุณธรรมท่ีมีการรับรู้เป็นลาดับสุดท้าย คือ ลาดับท่ี 5 จาก 5 ประเด็นคุณธรรม (พอเพียง วินัย สุจริต จติ สาธารณะ รบั ผดิ ชอบ) ซง่ึ นา่ สนใจว่าข้อมูลชดุ น้ีสะท้อนภาพอะไรของสงั คมไทย เม่ือพิจารณาข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องในประเด็นสุจริต จะพบ การศึกษาในรูปแบบเดียวกันกับข้อคุณธรรมอื่นก่อนหน้าน้ี คือ เน้นการสั่งสอนเด็กและเยาวชนให้มี พฤติกรรมสุจริต มีการพัฒนาตัวชี้วัดที่เก่ียวข้องกับวิถีชีวิตของเด็กและเยาวชนที่อยู่ในวัยเรียน ในขณะท่ี งานท่ีกล่าวถึงการส่งเสริมความสุจริตในวัยผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีการพูดถึง และเป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อกล่าวถึง ความสจุ ริตงานศึกษามักเน้นไปท่ีระดับปัจเจกบคุ คล แต่ไมไ่ ด้ชี้ใหเ้ หน็ ว่าการส่งเสรมิ สังคมท่ีมีความสจุ ริตนั้น ส่ิงแวดล้อมหรือระบบนิเวศมีความสาคัญเป็นอย่างมาก ซ่ึงงานวิจัยชิ้นน้ีค้นพบประเด็นนี้จากการจัด กระบวนการกลมุ่ ข้อมูลจากการจัดกระบวนการกลุ่ม ผู้ให้ข้อมูลกล่าวถึงพฤติกรรมคุณธรรมเรื่อง สุจริต ของตนเอง เป็น 2 ระดบั โดยสว่ นใหญก่ ล่าวถึงพฤตกิ รรมทเี่ กิดควบคูก่ บั บทบาทหนา้ ท่ีทางสังคมตามช่วงวัย คือ การทาหน้าท่ีอย่างซือ่ สัตย์ และกระทาการป้องกันการทุจริต โดยมีการอา้ งองิ ถึงระเบียบวินัยและความ ถูกต้องท่ีมีการกาหนดไว้ในบทบาทหน้าท่ีนั้น ๆ อยู่แล้ว และรองลงมากล่าวถึงพฤติกรรมสุจริตอื่น ๆ ที่ ประพฤติโดยส่วนตัว ซ่ึงมักเชื่อมโยงกับข้อกาหนดทางศีลธรรมของสังคม เช่น การไม่โกหก ไม่ขโมย ไมเ่ ปน็ ชู้ ประเดน็ ที่น่าสนใจ คือ พฤติกรรมเรื่องความสจุ รติ มักพว่ งกบั การตดั สินถกู -ผดิ ดี-ชัว่ ขาว- ดา อย่างชัดเจน และรุนแรง โดยมักมกี ารกล่าวถึงพฤติกรรมสุจริต-ทุจริตคู่กนั และผู้ให้ข้อมูลในหลายพื้นที่

175 เห็นตรงกันว่า เป็นพฤติกรรมคุณธรรมท่ีเกิดได้ยากในสังคมไทย และมีแนวโน้มท่ีพฤติกรรมคุณธรรมน้ีจะ ลดลงตามช่วงวัย เพราะถูกกาหนดและครอบงาไว้ด้วยโครงสรา้ งอานาจท่ีทจุ ริตขององค์กรและสงั คม สาหรับข้อมูลจากการสารวจออนไลน์ก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการจัดกระบวนการ กลุ่ม โดยมีการระบุพฤติกรรมสุจริตใน 2 มิติ คือ 1) มิติป้องปรามการทุจริต ซึ่งเป็นประเด็นคู่ตรงข้ามกับ ความสจุ ริต โดยการป้องปรามการทุจริตคอร์รัปชัน มีความเช่ือมโยงกับบรบิ ทการทางาน เช่น การไม่ทุจริต การเปิดเผยขอ้ มลู การไมอ่ ดทนต่อการทจุ รติ การปฏบิ ัตติ ามกฎระเบยี บ 2) มติ ิสง่ เสรมิ ความสุจรติ โดยเน้น ทคี่ ณุ ลักษณะของความซ่อื สตั ย์ ความซอ่ื ตรง ท้งั ในการดาเนินชวี ิตและการทางาน ด้วยเหตุน้ี การพัฒนาตัวชี้วัดและการส่งเสริมคุณธรรมในประเด็นสุจริต จึงต้องมี การพิจาณาควบคู่กันไประหว่างปัจเจกและโครงสร้างอานาจรูปแบบต่าง ๆ ในสังคม ซึ่งการจะธารงรักษา หรอื ส่งเสริมคณุ ธรรมในประเด็นนจี้ าเปน็ ต้องสร้างเง่อื นไขหรือระบบนเิ วศท่ีเอ้ือกับปัจเจกควบคู่กนั ไปดว้ ย 5.2.3.4 จิตสำธำรณะ ผลการวิเคราะห์การรับรู้ด้านคุณธรรมรายด้าน พบว่า Baby Boomer เป็นกลุ่มท่ีมีการรับรู้ด้านคุณธรรมประเด็นจิตสาธารณะมากที่สุด 2 องค์ประกอบ คือ องคป์ ระกอบที่ 1 มจี ติ อาสา องค์ประกอบที่ 2 มีจติ สานึกสาธารณะ และ Generation Y มคี ะแนนการรับรู้ สูงสุดในประเด็นจิตสาธารณะ องค์ประกอบท่ี 3 การเสียสละเพื่อช่วยเหลือผู้อ่ืน ซึ่งในกรณีของ Generation Y เป็นประเด็นคณุ ธรรมประเดน็ เดยี วทม่ี คี ะแนนการรับรู้มากทส่ี ุดลาดบั ที่ 1 เม่ือนามาเปรียบเทียบกับข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมที่เก่ียวข้อง ทาใหเ้ ห็นประเด็น ที่น่าสนใจ คือ งานศึกษาท่ีเกี่ยวข้องกับประเด็นจิตสาธารณะนั้นนอกจากจะมองในเชิงพฤติกรรมหรือ การกระทาเพ่ือส่วนรวมแล้ว ยังเช่ือมโยงประเด็นจิตสาธารณะกับเรื่องการเปล่ียนแปลงด้านจิตสานึกของ คนที่ตระหนักถึงความสาคัญของการเอ้ือเผื้อเผื่อแผ่ และการแบ่งปันชว่ ยเหลือผู้อ่ืน ซ่ึงสอดคล้องกับข้อมูล การจัดกระบวนการกลุ่ม และการสารวจ (นาร่อง) พฤติกรรมทางคุณธรรมของคนไทยที่ แสดงให้เห็น การแผ่ขยายขอบเขตของจิตสานึกเร่ืองจิตสาธารณะ โดยเริ่มต้ังแต่การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนรอบข้าง และแผ่ ขยายการทาประโยชน์ออกไปเร่ือย ๆ คือ การบริจาคสงเคราะหส์ ่ิงของหรอื ทรัพยส์ นิ การเข้าร่วมกิจกรรมที่ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ/สร้างความตระหนักถึงปัญหาของสังคม การริเริ่มกิจกรรมพัฒนาชุมชน/สังคม จนถึงการสรา้ งโอกาสให้ผู้อ่ืนได้ตระหนักถงึ คุณคา่ และเคารพศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ของตน จากการจัดกระบวนการกลุ่มพบว่า ระดับของการมีพฤติกรรมจิตสาธารณะไม่ข้ึนกับอายุ แต่ข้ึนกับโอกาสของสถานการณ์และความสัมพันธ์ทางสังคมแบบใดท่ีจะเอื้อให้ผู้คนสามารถแสดง พฤติกรรมจิตสาธารณะได้ในระดับใด เช่น ในภาวะวิกฤต สถานการณ์ทางสังคมจะเอื้อให้ระดับ จิตสาธารณะของคนในสังคมมขี นาดใหญ่และกว้างขวางมากกว่าในสถานการณ์ปกติ นอกจากนั้น ผู้เข้าร่วมกระบวนการกล่มุ ทุกช่วงวัยยังได้สะท้อนว่า กิจกรรมที่จะปลูกฝังให้ เกิดจิตสานึกและพฤติกรรมจิตสาธารณะนั้นต้องเป็นกิจกรรมที่มาจากความสมัครใจ เปิดให้มีสิทธิเสรีภาพ ในการกาหนดรูปแบบและวิธีการในการแสดงออกซ่ึงพฤติกรรมจิตสาธารณะ มากกว่าการกาหนดเงื่อนไข กฎ หรือกติกาท่ีมีนัยเชิงบังคับให้ต้องทา ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นหัวใจของการส่งเสริมสานึกจิตสาธารณะ รวมท้ังกบั ประเดน็ คณุ ธรรมในทกุ ประเดน็ 5.2.3.5 รับผิดชอบ ผลการวิเคราะห์การรับรู้ด้านคุณธรรมรายด้าน พบว่า Generation X เป็นกลุ่มท่ีมีคะแนนการรับรู้สูงสุดในประเด็นรับผิดชอบท้ัง 3 องค์ประกอบ คือ การตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ของตน การยอมรับผลการกระทาของตน และการดูแลบุคคลท่ีอยู่ภายใต้อาณัติหรือบุคคลภายใต้การดูแล ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลท่ีได้จากการจัดกระบวนการกลุ่ม กล่าวคือ ผู้เข้าร่วมกระบวนการกลุ่มท่ีอยู่ใน Generation X ซึ่งล้วนเป็นคนวัยทางาน ได้แลกเปลี่ยนชุดประสบการณ์ของตนเองในทานองเดียวกันว่า

176 คนช่วงวัยน้ีต้องแบกรับภาระหน้าที่หลายอย่างในเวลาเดียวกัน โดยในเร่ืองอาชีพการงานนั้นส่วนใหญ่จะ ก้าวข้ึนสู่การดารงตาแหน่งระดับหัวหน้าหรือผู้บริหารซ่ึงมีขอบเขตการทางานที่กว้างขึ้น มีความกดดัน ต่าง ๆ รายล้อม ทั้งจากผู้บริหารท่ีอยู่สูงกว่า ลูกน้องหรอื ผู้ท่ีอยูใ่ ต้การบังคับบญั ชาของตน และบรรทัดฐาน ของสังคม ส่วนในเรื่องชีวิตครอบครัวนั้นเป็นช่วงวัยที่ต้องรับบทบาทเป็นทั้งพ่อ-แม่และลูกในเวลาเดียวกัน ดังนั้น จงึ ไมน่ า่ แปลกใจว่าทาไมคนชว่ งวัยนี้จงึ มกี ารรับรคู้ ุณธรรมด้านรับผิดชอบสูงทีส่ ดุ ท้ังนี้เม่ือพิจารณาข้อมูลท่ีได้จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง การสารวจออนไลน์ และการจัดกระบวนการกลุ่ม พบว่า ข้อมูลเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือ มีการระบุพฤติกรรมด้าน ความรบั ผิดชอบทีเ่ ช่อื มโยงปัจเจกบุคคลกับบทบาทหน้าที่ในสังคม โดยข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมท่ี เก่ียวข้องจะเนน้ ความรบั ผิดชอบในวยั เด็กเป็นหลกั อีกทั้งข้อมูลจากการสารวจออนไลน์และการจัดกระบวนการกลุ่ม ยังช่วยเพ่ิมมุมมองว่า ความรบั ผิดชอบในความหมายท่ใี ช้กนั ในชวี ิตประจาวนั น้นั เป็นอย่างไร ซ่งึ แสดงให้เห็นถึงการระบุพฤติกรรม ด้านรับผิดชอบท่ีขยายขอบเขตจากปัจเจกบุคคลออกไปสู่ความสัมพันธ์ทางสังคมในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ ครอบครวั บุคคล สัตว์เล้ียง ทอ่ี ย่ภู ายใต้การดูแล พน้ื ทก่ี ารทางาน ไปจนถึงสังคมโดยรวม 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ขอ้ เสนอแนะในกำรนำผลกำรวิจัยไปใช้ ผลการวิเคราะห์การรับรู้ด้านคุณธรรมในภาพรวม ทั้ง 5 ด้าน คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตสาธารณะ และรับผิดชอบ ที่พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้อยู่ใน ระดับขั้นการให้เหตุผลเชิงจริยธรรมของโคลเบิร์ก ระดับข้ันท่ี 5 กระทาตามข้อตกลงของสังคม โดยเป็น การแสดงพฤติกรรมปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยอมรับและยึดถือ ซึ่งเป็น การคานึงถึงผู้อ่ืนหรือผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนนั้น แสดงให้เห็นว่า คนในสังคมไทยมีต้นทุน การรับร้เู ร่ืองคุณธรรมเป็นอย่างดี ดว้ ยเหตุนี้ กำรกำหนดแนวทำงกำรส่งเสริมคุณธรรมทัง้ ในระดับนโยบำยและระดบั ปฏิบัติจงึ ควร ขยับจำกกำรให้ควำมรู้ไปสู่กำรสร้ำงปฏิบัติกำรเพื่อให้เกิดกำรเปล่ียนแปลงเชิงพฤติกรรม ด้วยการจัด กระบวนหรือการจัดกิจกรรมที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพภายในจิตใจของคน มากกว่าการเน้น “เปลือก” หรือ “สร้างภาพลักษณ์” จากการจัดกระบวนการหรือกิจกรรมแบบอีเว้นท์ท่ีจัดแล้วจบ และท่ี สาคัญกระบวนการหรือกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมที่จัดน้ันต้องเกิดขึ้นจากความสมัครใจ ไม่ใช่การสั่งการ หรอื บงั คับ สาหรับผลการศึกษาที่ว่าประเด็นคุณธรรมท่ีมีการรับรู้จากมากไปน้อย คือ 1) รับผิดชอบ 2) พอเพียง 3) จิตสาธารณะ 4) วินัย และ 5) สุจริต มีนัยสาคัญตรงทีป่ ระเด็นสุจริตมีการรับรู้น้อยที่สุดน้ัน สัมพันธ์กับข้อมูลจากการจัดกระบวนการกลุ่มท่ีว่า คนในสังคมไทยรู้สึกว่าการยืนหยัดในความสุจริตต้อง แลกมากับความเสี่ยงในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความปลอดภยั ในชีวติ ของตนเองและครอบครวั กำรส่งเสริม คุณธรรมจึงต้องสร้ำงระบบนิเวศมนุษย์ เช่น ครอบครัว สถำนศึกษำ ที่ทำงำน ชุมชน สังคม ที่เอื้อต่อ กำรทำควำมดี เพอ่ื ให้ปจั เจกบุคคลสำมำรถยืนหยัดในกำรทำควำมดีได้ ในประเด็นช่วงวยั จากผลการศกึ ษาท่ีวา่ Baby Boomer เปน็ กลมุ่ ที่มกี ารรับรู้ดา้ นคุณธรรมสูงเป็น ลาดับท่ี 1 ใน 3 ประเด็นคุณธรรม คือ พอเพียง สุจริต จิตสาธารณะ Generation X มีการรับรู้ด้าน คุณธรรมสูงเป็นลาดับท่ี 1 ใน 2 ประเด็นคุณธรรม คือ วินัย และรับผิดชอบ ขณะท่ี Generation Y และ Generation Z มกี ารรับรูด้ ้านคุณธรรมท้ัง 5 ประเดน็ อยู่ในระดบั 3 และ 4 ตามลาดบั น้ัน ไม่ไดห้ มายความ ว่า Generation X Y และ Z มีการรับรู้ด้านคุณธรรมน้อยกว่า Baby Boomer แต่หมายความว่าประเด็น

177 คณุ ธรรมทง้ั 5 ประเดน็ ท่ีกาหนดมาเพ่ือส่งเสริมน้ีตรงกับชุดประสบการณ์ของ Baby Boomer มากกว่าอีก 3 Generation ด้วยเหตุนี้ แนวทำงกำรกำหนดประเด็นคุณธรรมในอนำคตจึงต้องเปิดให้กลุ่มคน หลำกหลำยชว่ งวัยเขำ้ มำร่วมกันกำหนดประเด็น เพื่อใหเ้ กดิ ประเดน็ ที่มคี วำมหลำกหลำย สอดคลอ้ งกับ วิถีชีวิต และสำมำรถนำไปปฏิบตั ไิ ด้จริง 5.3.2 ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบำย แบง่ เป็น 2 ประเดน็ ดงั น้ี ประเด็นที่หนึ่ง ตัวชี้วัดเชิงปรับฐานความเข้าใจด้านคุณธรรมสามารถนาไปพัฒนาเป็นเคร่ืองมือ ติดตามสถานการณ์คุณธรรมในสังคมไทยท่ีสามารถนามาเป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการกาหนดนโยบาย การส่งเสริมคณุ ธรรมในระดบั ประเทศ และออกแบบแผนงาน/โครงการสง่ เสรมิ คุณธรรมในระดับพืน้ ที่ได้ ประเด็นที่สอง ข้อค้นพบจากการทดลองใช้ตัวช้ีวัดเชิงปรับฐานความเข้าใจด้านคุณธรรมมี นัยสาคัญในการกาหนดนโยบายใน 3 ประเด็น 1) การกาหนดแนวทางการส่งเสริมคุณธรรมท้ังในระดับ นโยบายและระดบั ปฏิบัติควรขยับจากการให้ความรู้ไปสกู่ ารสรา้ งปฏิบัติการเพอ่ื ให้เกดิ การเปล่ียนแปลงเชิง พฤติกรรม 2) การสง่ เสรมิ คณุ ธรรมตอ้ งสร้างระบบนิเวศมนษุ ย์ เช่น ครอบครัว สถานศกึ ษา ทที่ างาน ชุมชน สังคม ที่เอ้ือต่อการทาความดี เพ่ือให้ปัจเจกบุคคลสามารถยืนหยัดในการทาความดีได้ 3) แนวทาง การกาหนดประเด็นคณุ ธรรมในอนาคตต้องเปิดให้กล่มุ คนหลากหลายช่วงวัยเขา้ มาร่วมกันกาหนดประเด็น เพ่อื ใหเ้ กดิ ประเด็นท่มี คี วามหลากหลาย สอดคล้องกับวถิ ีชวี ิต และสามารถนาไปปฏิบตั ิไดจ้ รงิ โดยหน่วยงานท่ีควรนาตัวช้ีวัดและผลจากการทดลองใช้ตัวช้ีวัดน้ีไปใช้ในการกาหนดนโยบาย การส่งเสริมคุณธรรม คือ สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการส่งเสริม คุณธรรมแห่งชาติ และกระทรวงวัฒนธรรม ในระดับปฏิบัติการ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และ กรมการศาสนา ควรนาผลการศึกษาคร้ังน้ีไปออกแบบกระบวนการส่งเสริมคุณธรรมให้กับเครือข่ายทาง สังคมต่อไป 5.3.3 ข้อเสนอแนะเชิงวิชำกำร ตัวช้วี ัดคุณธรรมท่ีพฒั นาขึน้ ในโครงการนี้เป็นตวั ช้ีวดั เชงิ ปรับฐาน ความเข้าใจด้านคุณธรรมระดับบุคคลใน 5 ประเด็นคุณธรรม คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตสาธารณะ และ รับผิดชอบ ด้วยการประเมินตนเองในด้านความรู้และทักษะการตัดสินใจบนสถานการณ์ ซึ่งไม่ได้เป็น เครื่องมือในการตดั สนิ หรอื วัดระดบั คุณธรรม สาหรบั ทิศทางในการพัฒนาตัวชว้ี ัดคุณธรรมในระยะตอ่ ไป ควรเชอ่ื มโยงกับแนวคิดนิเวศวิทยาของ การพัฒนามนุษย์ (Ecology of Human Development) ของ Urie Bronfenbrenner ที่ประกอบด้วย 4 องคป์ ระกอบ คอื 1) Person (บุคคล) เป็นศูนย์กลางของระบบ คุณลักษณะของบุคคล ( The individual characteristics) พฒั นาจากปฏิสัมพนั ธ์ที่บุคคลมีตอ่ ระบบตา่ งๆ 2) Context (บริบท) คือสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบบุคคล แบ่งเป็น 4 ระบบ คือ ระบบเล็ก (Micro system) เป็นสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลมากที่สุด และมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับบุคคล ระบบกลาง (Meso system) คือปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบเล็กด้วยกัน ระบบภายนอก (Exo system) ท่ีมีอิทธิพลต่อ ระบบกลาง และระบบเล็กแต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับบุคคล ระบบใหญ่ (Macro system) เป็น สิง่ แวดลอ้ มใหญส่ ดุ โครงสร้างที่มีผลต่อระบบท้ังหมด เชน่ วัฒนธรรม สงั คม เศรษฐกิจ 3) Process (กระบวนการ) คอื ปฏสิ มั พันธ์ของมนษุ ย์ทีเ่ ป็นกับบริบทรอบตัว 4) Time (เวลา) คือ การเปล่ยี นแปลงของบคุ คลในแต่ละช่วงเวลาของชวี ิต การพัฒนาตัวชี้วัดคุณธรรมยังคงลักษณะของการประเมินตนเอง และควรเพ่ิมการจัดจาแนกแบบ ประเมินตามชว่ งวัย โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) เด็กและเยาวชน 2) ผใู้ หญ่ 3) ผู้สูงวยั ซงึ่ จะมี

178 การวิเคราะห์ระบบนิเวศที่อยู่รอบตัวของท้ัง 3 กลุ่ม ว่าระบบนิเวศใดบ้างท่ีเอื้อให้เกิดคุณธรรม แล้วจึง ออกแบบและพัฒนาข้อคาถาม โดยท่ีผลจากการประเมนิ จะทาให้เหน็ ท้งั การประเมินตนเองในดา้ นคุณธรรม และเห็นถึงระบบนิเวศที่มีอิทธิพลต่อบุคคลในเรื่องคุณธรรม ซ่ึงเป็นข้อมูลท่ีนามาใช้ในการออกแบบ กระบวนการส่งเสรมิ คณุ ธรรมไดท้ ้ังในระดับบุคคลและระดับสังคมที่เช่ือมโยงกนั เปน็ ระบบนิเวศ 5.3.4 ข้อเสนอแนะในกำรนำไปใช้ประโยชน์ในปีต่อไป ตัวช้ีวัดเชิงปรับฐานความเข้าใจด้าน คุณธรรมระดบั บคุ คลใน 5 ด้าน คอื พอเพียง วนิ ัย สุจริต จิตสาธารณะ และรบั ผิดชอบ ควรนาไปพัฒนาต่อ เพื่อเป็นเคร่ืองมือในการรายงานสถานการณ์คุณธรรมในสังคมไทย โดยยังคงลักษณะของการประเมิน ตนเอง และเพิ่มการจัดจาแนกแบบประเมินตามช่วงวัย โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1) เด็กและเยาวชน 2) ผู้ใหญ่ 3) ผู้สงู วัย ซึ่งกระบวนการพัฒนาตัวช้ีวัดและกระบวนการเก็บข้อมูล ควรมีการดาเนนิ การร่วมกับ หน่วยงานด้านนโยบายและหน่วยงานที่มเี ครอื ข่ายการดาเนินงานทัว่ ประเทศ เช่น สานกั งานสภาพฒั นาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม สานักงานวัฒนธรรมจังหวัด เพ่ือให้เกิดการเก็บข้อมูล และนามาวเิ คราะห์ให้เหน็ ภาพรวมของประเทศ

179 บรรณำนกุ รม กระทรวงศึกษาธิการ. (2553). หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพช์ ุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. กันยา พลายมี. (2553). กำรพัฒนำแบบวัดควำมรับผดิ ชอบ ตำมพระบรมรำโชวำทของพระบำทสมเด็จ พระเจำ้ อยู่หัว สำหรับนักเรียนช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ 4 สำนกั งำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำสพุ รรณบุรี. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏ กาญจนบุรี. กุหลาบ พงษ์เทพิน. (2553). กำรสร้ำงแบบวัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้ำนจิตสำธำรณะ สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 6 ในสังกัดสำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำขอนแก่น เขต 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏ เลย. เกษม วัฒนชัย. (2559). โรงเรียนคุณธรรม ช่วยกันสร้ำงคนดีให้บ้ำนเมือง. กรุงเทพฯ: บริษัท ธนธัชการ พมิ พ์ จากดั . เกียรติศักดิ์ แสงอรุณ. (2551). แนวทำงกำรพัฒนำจิตสำนึกสำธำรณะสำหรับเยำวชนไทย: กรณีศึกษำ กลุ่มและเครือข่ำยเยำวชนที่ทำงำนด้ำนจิตสำนึกสำธำรณะ. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษา ภาควิชานโยบาย การจัดการ และความเป็นผู้นาทางการศึกษา คณะ ครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . เกียรติสุดา นาดูน. (2551). กำรพัฒนำแบบวัดคุณธรรม จริยธรรม และค่ำนิยมท่ีพึงประสงค์ สำหรับ นกั เรียนช่วงช้ันท่ี 3-4. วทิ ยานพิ นธ์ครุศาสตรมหาบณั ฑติ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอุบลราชธานี. โกศล มีความดี. (2547). ปัจจัยทำงจิตสังคมท่ีเกี่ยวข้องกับกำรมีจิตสำธำรณะของข้ำรำชกำรตำรวจ. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัย ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. คณะกรรมการส่งเสรมิ คุณธรรมแห่งชาต.ิ (2561). กำรส่งเสรมิ คุณธรรม “พอเพยี ง วินยั สุจริต จิตอำสำ” สรำ้ งคนดีสู่สงั คม. กรุงเทพฯ: ศูนย์คณุ ธรรม (องคก์ ารมหาชน). จรรยา สวุ รรณทัต และดวงเดือน พันธุมนาวิน. (2521). พฤติกรรมศำสตร์เล่ม 1: พ้ืนฐานความเข้าใจทาง จติ วิทยา. กรงุ เทพฯ: ไทยวัฒนาพานชิ . จริญญา เฉลาประโคน. (2546). กำรพัฒนำเครื่องมือประเมินพฤติกรรมรับผิดชอบและเหตุผลเชิง จริยธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขา การวัดและประเมนิ ผลการศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแกน่ . จิราภรณ์ พงษ์ศรีทัศน์. (2555). ปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตสำธำรณะของนักศึกษำมหำวิทยำลัยเทคโนโลยี รำชมงคลกรุงเทพ. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลกรุงเทพ. เจษฎา หนูรุ่น. (2551). ปจั จัยจติ ลักษณะท่ีสง่ ผลตอ่ จิตสำธำรณะของนกั เรียนชว่ งชั้นที่ 3 โรงเรียนสำธิต ในสังกัดมหำวิทยำลัยศรีนครินทรวิโรฒ. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัย และสถติ ิทางการศึกษา มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.

180 ชลิดา ลุนสะแกวงษ์ สมพงษ์ ปั้นหุ่น และสุรีพร อนุศาสนนันท์. (2559). กำรพัฒนำแบบวัดคุณลักษณะ กำรอยู่อย่ำงพอเพียงสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้นตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำ ข้ันพนื้ ฐำน พุทธศักรำช 2551. วารสารวิจยั มหาวทิ ยาลยั สวนดุสิต, 12(1), 135-154. ชาย โพธิสิตา. (2541). จิตสำนึกต่อสำธำรณะสมบัติ. นครปฐม: สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลยั มหดิ ล. ชูศิลป์ นาราหนองแวง. (2554). กำรพัฒนำเคร่ืองมือวัดจิตสำธำรณะของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำตอน ปลำยโรงเรียนในสังกัดสำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำเขต 31. รายงานการประชุม เสนอผลงานวจิ ัยระดับบณั ฑิตศกึ ษา มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช ครัง้ ที่ 2. ฐิตินันท์ ตันทะรา. (2555). กำรสร้ำงแบบวัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนตำมหลักสูตร แกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พ.ศ. 2551. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา การวัดและประเมนิ ผลการศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ณัฏฐณิชา ศรีพิมลปาณี. (2551). คู่มือพัฒนำควำมรับผิดชอบของนักเรียนช่วงชั้นท่ี 2. สารนิพนธ์ การศกึ ษามหาบณั ฑติ สาขาวิชาจิตวทิ ยาการแนะแนว มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. ณัฐวุฒิ ประทีปลัดดา และคณะ. (2559). กำรให้ควำมหมำย ท่ีมำของควำมหมำย และกระบวนกำร แสดงออกถึงควำมรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมของนักศึกษำสถำบันดนตรีกัลยำณิวัฒนำ . วารสารวิชาการ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศลิ ปะ มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร, 9(1), 546-559. ณิชา อาจเดช และคณะ. (2555). กำรสร้ำงแบบวัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้ำนกำรมีวินัย สำหรับ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 1 สำนักงำนเขตพ้ืนที่กำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต 27. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยราชภฏั บุรรี ัมย.์ 4(1), 36-49. ดวงจันทร์ วรคามิน และคณะ. (2559). รำยงำนวิจัยฉบับสมบูรณ์โครงกำร “กำรศึกษำควำมสำมำรถ ด้ำนกำรคิดวิเครำะห์และกำรมีจิตสำธำรณะเพ่ือพัฒนำศักยภำพกำรเป็นคนดีคนเก่งของ นกั เรยี นไทย”. กรงุ เทพฯ: สานักงานกองทนุ สนบั สนุนการวจิ ัย. ดวงเดือน พันธุมนาวิน. (2538). พฤติกรรมศำสตร์ เล่ม 1 พ้ืนฐำนควำมเข้ำใจทำงจิตวิทยำ. กรุงเทพฯ: สานักพิมพไ์ ทยวฒั นาพานิช. ดุษฎี ทรัพย์ปรุง. (2529). ผลกำรใช้บทบำทสมมติเพื่อพัฒนำควำมรับผิดชอบต่อหน้ำท่ีกำรงำนของ นกั เรยี นชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 1 โรงเรียนวัดรำงบัว กรุงเทพมหำนคร. วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. ดุษฎี มัชฌิมาภิโร. (2556). กำรพัฒนำจิตสำธำรณะสำหรับเยำวชนไทย. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสกลนคร, 10(46), 13-23. ธนา นิลชัยโกวิทย์ และอดิศร จันทรสุข. (2552). ศิลปะกำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้เพ่ือกำรเปลี่ยนแปลง: คูม่ อื กระบวนกำรจติ ตปัญญำ. กรงุ เทพฯ: ศูนย์จติ ตปัญญาศึกษา มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล. ธรรมนันทิกา แจ้งสว่าง. (2547). ผลของกำรใช้โปรแกรมพัฒนำจิตสำธำรณะด้วยบทบำทสมมติกับตัว แบบของนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีท่ี 3. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการวิจัย พฤตกิ รรมศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. ธวัชชัย เพ็งพนิ ิจ และคณะ. (2555). กำรพัฒนำตวั ช้ีวัดระดับกำรพึ่งพำตนเองและพึ่งพำกนั เองตำมหลัก ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียงของเกษตรกรในโครงกำรพระรำชดำริลุ่มน้ำห้วยทอน. วารสาร การวิจยั เพื่อพฒั นาชมุ ชน มหาวทิ ยาลยั นเรศศวร. 5(2), 93-107.

181 นงลักษณ์ วิรัชชัย และคณะ. (2551). กำรสำรวจและสังเครำะห์ตัวบ่งช้ีคุณธรรมจริยธรรม. กรุงเทพฯ: ศูนยส์ ง่ เสรมิ และพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศนู ย์คณุ ธรรม) (องค์การมหาชน). นงลักษณ์ วิรัชชัย และรุ่งนภา ต้ังจติ รเจริญกลุ . (2551). กำรวเิ ครำะห์แนวโน้มกำรเปลี่ยนแปลงคณุ ธรรม จริยธรรมของคนไทย. กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์ คณุ ธรรม) (องคก์ ารมหาชน). นิภา วจิ ิตรศรี. (2525). ผลของกิจกรรมกลุ่มทมี่ ีต่อควำมรับผิดชอบของนักเรียนนช้ัน มัธยมศึกษำปีท่ี 1 โรงเรียนหนองแค “สระกิจวิทยำ” จังหวัดสระบุรี. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขา จติ วทิ ยาการแนะแนว มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. บุญชม ศรีสะอาด. (2555). วินัยในตนเองและงำนวิจัยท่ีเก่ียวข้อง. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 17(1), 3-15. บษุ บง ตันติวงศ.์ (2552). กำรศึกษำวอลดอร์ฟ: ปรัชญำ หลักสูตรและกำรสอน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่ง จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย. ปกรณ์ สิงห์สุริยา. (2562). รำยงำนกำรวิจัยคุณธรรมสำหรับสังคมไทยปัจจุบัน กำรประยุกต์มโนทัศน์ เชิงจริยศำสตร์สู่มำตรฐำนและกระบวนกำรขับเคลื่อน. กรุงเทพฯ: ศูนย์คุณธรรม (องค์การ มหาชน). ประกฤติยา ทักษิโณ และคณะ. (2559). โมเดลกำรวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์รอบด้ำน ตำมมำตรฐำนกำรศึกษำแห่งชำติและกำรพัฒนำชุดเครื่องมือวัดโครงสร้ำงด้ำนเจตคติของ นกั เรียนระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน. กรุงเทพฯ: สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การ มหาชน) ประยรุ ภรณ์ บ้งุ ทอง บุญชม ศรีสะอาด และนุชวนา เหลอื งอังกูร. (2555). กำรสรำ้ งแบบวัดควำมมวี นิ ัยใน ตนเองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้นของโรงเรียนขยำยโอกำสทำงกำรศึกษำ สังกัด สำนักงำนเขตพื้นท่ีกำรศึกษำประถมศึกษำบุรีรัมย์ เขต 4. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม, 19(1), 73-81. ปรานี เข็มวงษ์ และไชยรัตน์ ปราณี. (2553). กำรสร้ำงแบบวัดคุณลักษณะควำมพอเพียงตำมปรัชญำ ของเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษำปีท่ี 6 จังหวัดนครสวรรค์. วารสาร ศลิ ปากรศึกษาศาสตร์วจิ ัย มหาวทิ ยาลัยศิลปากร, 1(2), 294-306. ปริญญาภรณ์ ธนะบุญปวง และคณะ. (2560). กำรพัฒนำแบบวัดควำมรับผิดชอบของนกั ศึกษำพยำบำล ศำสตร์. วารสารพยาบาลทหารบก, 18(2), 212-219. ปัณพร ศรีปล่ัง. 2559. กำรพัฒนำกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมจิตสำธำรณะสำหรับนักศึกษำครุศำสตร์ มหำวิทยำลัยรำชภัฏมหำสำรคำม. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยี การศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยบรู พา. ปัถมา สงนุ่น. (2554). กำรพัฒนำแบบวัดจิตสำธำรณะสำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษำปีที่ 4-6 สังกัด สำนักงำนเขตพื้นที่กำรศกึ ษำประถมศึกษำปทุมธำนี. วทิ ยานพิ นธ์ศกึ ษาศาสตรมหาบณั ฑิต สาขา วิจยั และประเมนิ ผลการศกึ ษา ภาควชิ าการศึกษา มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. ปาล์มเมอร์, ปาร์กเกอร์ เจ. (2556). กล้ำทจ่ี ะสอน: กรงุ เทพฯ: สวนเงินมีมา. พรนิภา จันทร์น้อย. (2560). รูปแบบกิจกรรมกำรพัฒนำพฤติกรรมทำงจริยธรรมของนักศึกษำใน สถำบันอุดมศึกษำเอกชนตำมคุณลักษณะบัณฑิตอุดมคติไทย. วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาผู้นาทางการศึกษาและการพฒั นาทรัพยากรมนษุ ย์ มหาวิทยาลยั ราชภัฎเชียงใหม่.

182 พระไพศาล วิสาโล และคณะ. (2544). วิถีสังคมไทย ประชำสังคม และวัฒนธรรมชุมชน. กรุงเทพฯ: เรือนแกว้ การพิมพ.์ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562. (2562, 31 พฤษภาคม). รำชกจิ จำนเุ บกษำ. เล่มท่ี 136 ตอนท่ี 72 ก. หนา้ 92-102. พวงพันธ์ โพธ์ิศรี อรัญ ซุยกระเดื่อง และอรุณี จันทร์ศิลา. (2557). กำรสร้ำงแบบวัดคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ด้ำนควำมซ่ือสัตย์สุจริต สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 3. วารสาร มหาวทิ ยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (มนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์), 8(2), 281-292. ไพบูลย์ วฒั นศริ ธิ รรม และสังคม สัญจร. (2543). สำนกึ ไทยทพ่ี งึ ปรำรถนำ. กรุงเทพฯ: เดอื นตลุ า. มนัสนันท์ คาตัน. (2560). กำรพัฒนำตัวช้ีวัดคุณลักษณะควำมพอเพียงตำมหลักปรัชญำเศรษฐกิจ พอเพียง สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษำตอนต้น ในเขตพ้ืนท่ีจังหวัดเชียงรำย. วารสาร การวิจยั กาสะลองคา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, 11(2), 35-48. มุทิตา ชัยเพชร ชัยวิชิต เชียรชนะ และศจีมาจ ณ วิเชียร. (2557). กำรศึกษำคุณธรรมจริยธรรมท่ีเหมำะ กับนักเรียน นักศึกษำอำชีวศึกษำ ด้วยกำรวิเครำะห์องค์ประกอบ. วารสารพฤติกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ, 20(1), 85-96. มูหมั มดั รุสลี ดามาเล๊าะ และจดิ าภา สุวรรณฤกษ์. (2552). คุณธรรมจริยธรรมในกำรดำเนินชีวิตตำมหลัก คำสอนศำสนำอิสลำมของนักเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศำสนำอิสลำมในจังหวัดปัตตำนี . วารสารอัล-นูร มหาวิทยาลยั ฟาฏอนี, 7(12), 69-86. ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580). (2561, 13 ตุลาคม). รำชกิจจำนุเบกษำ. เล่มท่ี 135 ตอนที่ 82 ก. หน้า 1-72. รจรินทร์ ผลนา และศิรพิ ันธ์ ตยิ ะวงศ์สวุ รรณ. (2559). กำรพัฒนำตัวบ่งช้ีคุณลักษณะควำมเป็นคนดีของ นกั เรียนระดับมัธยมศึกษำตอนต้น สังกัดสำนักงำนเขตพ้ืนท่ี กำรศึกษำประถมศึกษำ นครรำชสมี ำ เขต 7. วารสารราชพฤกษ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสมี า, 14(3), 100-110. รณชัย บุญลือ. (2548). กำรพัฒนำพฤติกรรมเชิงจริยธรรมด้ำนควำมรับผิดชอบโดยใช้กิจกรรมที่มี กำรประเมินผลตำมสภำพจรงิ กบั กิจกรรมท่ีมกี ำรประเมนิ ผลปรกติ. กรุงเทพฯ: ศูนยส์ ่งเสริมและ พฒั นาพลังแผน่ ดนิ เชิงคุณธรรม (ศูนยค์ ณุ ธรรม) (องค์การมหาชน). รัตนา ตั้งอมร. (2552). ควำมสำนึกในกำรอนุรักษ์พลังงำนของนักเรียนมัธยมศึกษำตอนต้นในเขต กรุงเทพมหำนคร. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาแวดล้อมศึกษา มหาวิทยาลัย มหิดล. ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนำนุกรมฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์ พับลิเคชน่ั ส.์ รุ่งฤดี กล้าหาญ ดวงเดือน ศาสตรภัทร และสารสมร เฉลยกิตติ. (2559). กำรพัฒนำรูปแบบกำรวัดและ ประเมนิ พฤติกรรมเพ่ือเสริมสร้ำงคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนช้ันประถมศึกษำตอน ปลำยของไทยในศตวรรษท่ี 21. วารสารพยาบาลทหารบก, 17(2), 21-33. ลัดดาวัลย์ เกษมเนตรและคณะ. (2547). รูปแบบกำรพัฒนำนักเรียนระดับประถมศึกษำให้มี จิตสำธำรณะ: กำรศึกษำระยะยำว. เอกสารประกอบการประชุมสถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.

183 วนั วิสาข์ ครองสิน. (2555). กำรพัฒนำเครอื่ งมือประเมินคุณลกั ษณะซ่ือสัตย์สจุ ริต มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ และ มุ่งมั่นในกำรทำงำน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 4 จังหวัดยโสธร. วิทยานิพนธ์ศึกษา ศาสตรมหาบัณฑิต มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. วิมลรัตน์ เทียนวิมลชัย สุรีพร อนุศาสนนันท์ และสรพงษ์ เจริญกฤตยาวุฒิ. (2562). กำรพัฒนำแบบวัด คุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้ำนควำมซ่ือสัตย์สุจริต สำหรับนักเรียนระดับช้ันประถมศึกษำปีที่ 4-6 จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยำ. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบรู พา, 1(2), 29-45. วรี วรรณ วงศ์ปนิ่ เพ็ชร์. (2558). ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงจิตพอเพียงและพฤติกรรมกำรบริโภคด้วยปัญญำ ของนักเรียนช้ันประถมศึกษำปีท่ี 6 ของโรงเรียนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่. วารสารวชิ าการ มหาวทิ ยาลัยฟารอ์ ีสเทอร์น, 9(2), 164-174. ศศิธร รอดย้อย วารุณี ลภั นโชคดี และพิกุล เอกวรางกูร. (2559). กำรพฒั นำแบบวัดจิตสำธำรณะสำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 1-3 จังหวัดชัยนำท. วารสารวิชาการครุศาสตร์อุตสาหกรรม พระจอมเกล้าพระนครเหนือ, 7(1), 1-11. ศิริลักษณ์ เลื่อนยศ. (2553). กำรพัฒนำแบบวัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้ำนกำรมีจิตสำธำรณะ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษำตอนต้น. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย ราชภฏั เพชรบรู ณ์. ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน). (2560). เอกสำรชุด “มองโลก มองเรำ: รำยงำนสถำนกำรณ์คุณธรรม ในสังคมไทย ปี 2560”. กรุงเทพฯ: ศูนยค์ ุณธรรม (องค์การมหาชน). ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน). (2561). โครงกำรสำรวจสถำนกำรณ์คุณธรรมจริยธรรมของสังคมไทย ปี 2561 (มกรำคม-พฤษภำคม). กรงุ เทพฯ: ศูนยค์ ุณธรรม (องค์การมหาชน). ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน). (2562). โครงกำรขับเคล่ือนยุทธศำสตร์ชำติในกำรส่งเสริมสังคม คุณธรรม หัวขอ้ พฒั นำดชั นชี ้ีวัดพอเพียง วินัย สุจริต จิตสำธำรณะ และรบั ผิดชอบ. กรงุ เทพฯ: ศูนยค์ ณุ ธรรม (องคก์ ารมหาชน). สมพศิ ศิริโยธา. (2558). กำรพัฒนำแบบวดั ควำมรับผิดชอบตอ่ สงั คมสำหรับนักศึกษำคณะศกึ ษำศำสตร์ สถำบันกำรพลศึกษำ. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิจัยและประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏกาญจนบุร.ี สมร่ืน สิทธิยา และประวิต เอราวรรณ์. (2560). กำรพัฒนำตัวบ่งชี้ควำมซ่ือสัตย์สุจริต สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษำ. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 11(3), 152-160. สมศักด์ิ ชินพันธ์. 2523. ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงครูกับนักเรียนในช้ันเรียนกับควำมรู้สึกรับผิดชอบและ มโนภำพแห่งตน. ปรญิ ญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาจิตวิทยาการแนะแนว มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวโิ รฒ ประสานมติ ร. สายันต์ กลีบจอหอ และคณะ. (2561). กำรพัฒนำตัวช้ีวัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้ำนกำรอยู่ อย่ำงพอเพียงของนักเรียนระดับประถมศึกษำ. วารสารการวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัย มหาสารคาม, 17(2), 225-236. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ. (2540). แผนพัฒนำเศรษฐกจิ และสงั คม แห่งชำติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540-2544). กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแหง่ ชาติ.

184 สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2545). แผนพัฒนำเศรษฐกจิ และสังคม แหง่ ชำติ ฉบบั ที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549). กรุงเทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสงั คมแหง่ ชาติ. สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต.ิ (2550). แผนพัฒนำเศรษฐกจิ และสงั คม แห่งชำติ ฉบับท่ี 10 (พ.ศ. 2550-2554). กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาต.ิ สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต.ิ (2555). แผนพัฒนำเศรษฐกจิ และสงั คม แห่งชำติ ฉบับท่ี 11 (พ.ศ. 2555-2559). กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ. สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาต.ิ (2560). แผนพัฒนำเศรษฐกจิ และสังคม แห่งชำติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564). กรุงเทพฯ: สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ. สานักงานมาตรฐานวินัย สานักงาน ก.พ. (2558). วินัย หลักและวิธีกำรรักษำวินัย. กรุงเทพฯ: กลุ่มโรง พิมพส์ านักงานเลขาธิการ สานกั งาน ก.พ. สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน). (2553). อภิธำนศัพท์ กำรประกันคุณภำพกำรศึกษำ (QA Glossary). นครปฐม: ห้างหุ้นส่วนจากัด สานักพิมพ์ฟิสิกส์ เซน็ เตอร์. สานักงานราชบณั ฑติ ยสภา. (2554). จิตสำธำรณะ. ค้นเมื่อ 3 มกราคม 2563, จาก http://www.royin.go. th/?knowledges=จิตสาธารณะ-9-มกราคม-2554. สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ. (2561). คู่มือกำรเสริมสร้ำงวินัยนักเรียนใน สถำนศึกษำระดับกำรศึกษำข้ันพื้นฐำนด้ำนควำมรับผิดชอบและกำรตรงต่อเวลำ. กรุงเทพฯ: สานกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2560). แนวทำงกำรพัฒนำและประเมินค่ำนิยมหลักของคนไทย 12 ประกำร. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พช์ มุ นมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด. สุปราณี สุระเดช. (2554). กำรดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงและคุณภำพชีวิตของพนักงำนใน ผู้ใหญ่ตอนต้น กรณีศึกษำพนักงำนบริษัทอิเลคโทรนิกแห่งหน่ึง. วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต สาขาจติ วทิ ยาพัฒนาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. สุภาพร เตวิยะ และคณะ. (2559). ควำมมีจิตสำธำรณะของนักศึกษำครุศำสตร์ มหำวิทยำลัยรำชภัฏ เชยี งรำย. วารสารวชิ าการเครือขา่ ยบณั ฑติ ศึกษามหาวิทยาลัยราชภฏั ภาคเหนอื , 6(11), 81-96. สรุ ชัย ฐานสโร. (2557). จิตลักษณะและสถำนกำรณท์ ี่เก่ียวข้องกับพฤติกรรมพอเพียงของชมุ ชนสุวรรณ ภูมิ. วารสารครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบงั , 13(2), 128-136. สุรศักด์ิ เก้าเอ้ียน และคณะ. (2562). รำยงำนฉบับสมบูรณ์โครงกำรแลกเปล่ียนรู้ระดับชำติเกี่ยวกับ หมู่บ้ำนและชุมชนเพื่อต่อต้ำนกำรทุจริต: กิจกรรมกำรเรียนรู้ท่ี 7 กิจกรรมกำรสร้ำงมำตรวัด คุณธรรมจริยธรรมตำมหลักจิตวิทยำ (Moral Quotient) เพ่ือกำรพัฒนำเคร่ืองมือในกำร บริหำรทรัพยำกรเครือข่ำยป้องกันกำรทุจริต. นนทบุรี: สานักงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.

185 แสน กีรตินวนันท์. (2562). กำรพัฒนำสังคมและชุมชนภำยใต้จิตสำธำรณะ. วารสารการเมืองการ ปกครอง มหาวิทยาลยั มหาสารคาม, 9(2), 184-199. อภิญญา อิงอาจ. (2554). พฤติกรรมควำมซ่ือสัตย์สุจริตของนักศึกษำระดับอุดมศึกษำในเขต กรงุ เทพมหำนครและปริมณฑล. วารสารวิชาการพระจอมเกล้าพระนครเหนอื , 21(1), 167-176. อัญชลี ยิง่ รกั ษพ์ ันธ์. (2550). ผลกำรใชส้ ถำนกำรณ์จำลองผสำนกับเทคนคิ กำรประเมนิ ผลจำกสภำพจริง เพื่อพัฒนำจิตสำธำรณะของนักเรียนช้ันประถมศึกษำปีท่ี 5. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวชิ าการวดั ผลการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. อาเธอร์ ซายองค์. (2556). กระบวนกำรภำวนำศึกษำ: เม่ือควำมรู้แปรเป็นควำมรัก. กรุงเทพฯ: สานักพมิ พส์ วนเงินมีมา. Aquino, Karl and Reed, Americus. (2002). The Self-Importance of Moral Identity. Journal of Personality and Social Psychology, 83(6),1423-1440. Ausubel, D. P. & Floged G. R. ( 1969) . School Learning. New York: Holt, Rinennart and Winston. Bratton, M. ( 1994). Civil Society and Political Transition in Africa. Institute for Development Research Reports, 11(6), 1-21. Brisbane, H. E. (1994). The Development Child: Understanding Children and Parenting. 6 rd ed. New York: Glencoe. Ettekal, Andrea Vest and Joseph L.Mahoney. (2017). Ecological Systems Theory. The SAGE Encyclopedia of Out-of-School Learning. Kylie Peppler (ed.). Thousand Oaks: SAGE Publications: 239-241. Funk; & Wagnalls. ( 1 9 6 1 ) . New standard Dictionary of the English Language V.2 . New York: Funk and Wagnalls. Kaur, Sandeep. ( 2 0 1 5 ) . Moral Values in Education. Journal of Humanities And Social Science, 20(3), 21-26. Pew Research Center. ( 2019) . Defining generations: Where Millennials end and Generation Z begins. Retrieved December 26, 2019, from https://www.pew research.org/fact-tank/2019/01/17/where-millennials-end-and-generation-z-begins/. Perren, S. and Gutzwiller-Helfenfinger, E. (2012). Cyberbullying and traditional bullying in adolescence: Differential roles of moral disengagement, moral emotions, and moral values. European Journal of Developmental Psychology, 9(2), 195–209. Zajonc, A. (20 08) . Meditation as contemplative inquiry: when knowing become love. Massachusetts: Lindisfarne Books.



ภำคผนวก



ภำคผนวก ก รำยชอื่ คณะผู้วจิ ยั

190 รำยชื่อคณะผูว้ ิจยั หวั หน้ำโครงกำรวจิ ยั รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สรุ ยิ เดว ทรปี าตี ผู้อานวยการศนู ย์คุณธรรม (องคก์ ารมหาชน) เลขท่ี 69 อาคารวทิ ยาลยั การจดั การ มหาวทิ ยาลยั มหิดล (CMMU) ชนั้ 16-17 ถนนวภิ าวดีรงั สิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 E-mail: [email protected] คณะผูว้ จิ ัย E-mail: [email protected] 1) นางสาวธัญลกั ษณ์ ศรสี ง่า E-mail: [email protected] 2) นางสาวเปรมกมล สมใจ E-mail: [email protected] 3) นางสาวลกั ษกิ า เงาะเศษ E-mail: [email protected] 4) นางสาวภรู ชิ ยา ภวู ญาณ

ภำคผนวก ข แบบสำรวจ (นำรอ่ ง) พฤติกรรมทำงคณุ ธรรมของคนไทย

192 แบบสำรวจ (นำร่อง) พฤตกิ รรมทำงคุณธรรมของคนไทยเพือ่ พฒั นำตัวชี้วัดคุณธรรม การสารวจ (นาร่อง) พฤติกรรมทางคุณธรรมของคนไทย เพ่ือนาข้อมูลมาพัฒนาตัวช้ีวัดคุณธรรม ซึง่ เป็นข้นั ตอนหน่ึงของโครงการพัฒนาตัวช้วี ัดคณุ ธรรมเพื่อขับเคลอื่ นสูส่ ังคมคุณธรรม ดาเนินการโดยศูนย์ คุณธรรม (องคก์ ารมหาชน) ได้รบั ทุนอดุ หนนุ การวจิ ัยจากแผนงานคนไทย 4.0 ในการสารวจนี้ โปรดตอบคาถามให้ครบทุกข้อตามความเป็นจริงของตัวท่าน คาถามแบ่งเป็น 5 ข้อคุณธรรม คุณธรรมละ 2 ข้อย่อย ในแต่ละข้อย่อยประกอบด้วยคาถาม 3 คาถาม รวมคาถามท้ังส้ิน 30 ข้อ ใช้เวลาในการดาเนินการประมาณ 15 นาที โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีผลกระทบ ใด ๆ ต่อตวั ท่านทั้งสิ้น ตอนท่ี 1 ขอ้ มูลส่วนตัว โปรดเขยี นเคร่อื งหมำย (/) ลงในช่อง หน้ำขอ้ ควำมที่ตรงกับตัวทำ่ นมำกที่สุด เพศ ( ) ชาย ( ) หญิง ( ) อน่ื ๆ ระบุ ……………………………………………. อำยุ ....................... ปี ตอนท่ี 2 แบบสำรวจควำมคิดเห็น โปรดระบุข้อควำม/พฤติกรรมที่ตรงกับควำมคดิ เห็นของท่ำนมำกทีส่ ดุ (กรุณำทำใหค้ รบทกุ ข้อ) ดำ้ นควำมพอเพียง ถา้ นึกถึงพฤติกรรม “ควำมพอเพยี ง” ฉนั จะนึกถงึ พฤตกิ รรม 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ............................................................................................................................. ...................... 3. ................................................................................................................................................... พฤติกรรมใดของฉัน ทแ่ี สดงว่าฉันเปน็ คนมคี วำมพอเพยี ง 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ................................................................................................................................................... 3. ............................................................................................................................. ...................... ด้ำนวนิ ัย ถา้ นึกถึงพฤตกิ รรม “ควำมมีวนิ ยั ” ฉนั จะนกึ ถึงพฤติกรรม 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ............................................................................................................................. ...................... 3. ...................................................................................................................................................

193 พฤตกิ รรมใดของฉนั ทแ่ี สดงว่าฉนั เปน็ คนมีวินัย 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ............................................................................................................................. ...................... 3. ................................................................................................................................................... ด้ำนควำมสจุ รติ ถ้านึกถึงพฤติกรรม “ควำมสุจริต” ฉันจะนึกถงึ พฤติกรรม 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ............................................................................................................................. ...................... 3. ................................................................................................................................................... พฤตกิ รรมใดของฉัน ที่แสดงวา่ ฉันเปน็ คนสุจริต 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ................................................................................................................................................... 3. ............................................................................................................................. ...................... ด้ำนจิตสำธำรณะ ถ้านึกถึงพฤติกรรม “ควำมมีจิตสำธำรณะ” ฉนั จะนกึ ถงึ พฤติกรรม 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ............................................................................................................................. ...................... 3. ................................................................................................................................................... พฤติกรรมใดของฉัน ทแ่ี สดงว่าฉันเปน็ คนมจี ิตสำธำรณะ 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ............................................................................................................................. ...................... 3. ................................................................................................................................................... ด้ำนควำมรับผดิ ชอบ ถ้านกึ ถึงพฤติกรรม “ควำมรับผิดชอบ” ฉนั จะนึกถึงพฤติกรรม 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ............................................................................................................................. ...................... 3. ................................................................................................................................................... พฤตกิ รรมใดของฉัน ท่ีแสดงวา่ ฉันเปน็ คนมคี วำมรับผิดชอบ 1. ............................................................................................................................. ...................... 2. ............................................................................................................................. ...................... 3. ............................................................................................................................. ...................... ศนู ยค์ ุณธรรม (องค์กำรมหำชน) ขอขอบพระคณุ ทกุ ท่ำนมำ ณ ทน่ี ้ี



ภำคผนวก ค แบบประเมนิ กำรรับรู้ดำ้ นคุณธรรม

196 คำชแ้ี จง แบบประเมินการรบั รู้ด้านคณุ ธรรม มีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมนิ ความรู้และทักษะการตัดสินใจด้าน คณุ ธรรมใน 5 ดา้ น คือ พอเพยี ง วนิ ัย สจุ ริต จติ สาธารณะ และรบั ผิดชอบ ซ่ึงเปน็ แบบประเมนิ สาหรับผูท้ ่ีมี อายุ 13 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย และมีภูมิลาเนาอยู่ในประเทศไทย แบบประเมินแบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนท่ี 1 คือ ข้อมูลส่วนตัว และตอนท่ี 2 คือ แบบประเมินการรับรู้ด้านคุณธรรม ใช้เวลาในการทาประมาณ 30 นาที ในนามคณะวิจัยหวังเป็นอยา่ งยง่ิ วา่ จะได้รบั ความร่วมมือจากทา่ นในการตอบแบบประเมินครัง้ นี้

197 ตอนที่ 1 ขอ้ มูลสว่ นตัว คำช้ีแจง โปรดเลอื กข้อความที่ตรงกับความเปน็ จริงของท่านมากที่สดุ เพียงขอ้ เดยี ว 1. เพศ ☐ 1) ชาย ☐ 2) หญงิ 2. อำยุ ............ ปี 3. สถำนภำพสมรส ☐ 1) โสด ☐ 2) สมรส ☐ 3) หมา้ ย/หย่า/แยกกันอยู่ 4. กำรศกึ ษำ ☐ 1) มธั ยมศกึ ษาตอนต้นหรือตา่ กวา่ ☐ 2) มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หรอื ปวช. ☐ 3) ปวส. หรอื อนปุ ริญญา ☐ 4) ปรญิ ญาตรี ☐ 5) สงู กวา่ ปริญญาตรี 5. อำชีพ ☐ 1) นักเรียน / นสิ ติ / นักศกึ ษา ☐ 2) ขา้ ราชการ / รฐั วสิ าหกิจ / พนกั งานของรัฐ ☐ 3) พนักงานบริษทั เอกชน ห้างร้าน ☐ 4) ประกอบธุรกิจสว่ นตวั / ค้าขาย ☐ 5) เกษตรกร ☐ 6) แมบ่ ้าน / พ่อบา้ น / เกษยี ณ ☐ 7) อนื่ ๆ โปรดระบุ ............ 6. นับถือศำสนำ / ลทั ธิ / ควำมเช่ือ ☐ 1) พุทธ ☐ 2) ครสิ ต์ ☐ 3) อสิ ลาม ☐ 4) ซิกข์ ☐ 5) พราหมณ-์ ฮนิ ดู ☐ 6) อน่ื ๆ โปรดระบุ ............ 7. ภูมิลำเนำ จังหวดั ............

198 ตอนที่ 2 แบบประเมนิ กำรรบั รู้ดำ้ นคณุ ธรรม คำชีแ้ จง โปรดเลือกข้อความทีต่ รงกับความคดิ เหน็ หรือการกระทาของท่านมากที่สดุ เพียงขอ้ เดียว สถำนกำรณ์ท่ี 1 นายสาราญทางานเป็นมัคคุเทศก์บริษัทนาเที่ยวในกรุงเทพฯ ซ่ึงมีรายได้ที่ดี อีกท้ังยังมีรายได้เสริม จากการขายสินค้าออนไลน์และรับห้ิวสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังใช้เวลาที่เหลือจาก การทางานไปเรียนทาอาหาร โดยรายได้ที่เหลือจากค่าใช้จ่ายส่วนตัวในชีวิตประจาวันจะส่งกลับไปให้ ครอบครัวท่ีอยู่ต่างจังหวัดซ่ึงพ่อและแม่เป็นเกษตรกรและน้องสาวยังเรียนอยู่ ต่อมาได้เกิดโรคระบาดท่ี ส่งผลกระทบไปทั่วโลกในทุก ๆ ด้าน รวมถึงธุรกจิ นาเที่ยว บริษัทนาเที่ยวได้เลิกจา้ งเขา หำกท่ำนเป็นนำย สำรำญ ท่ำนจะทำอย่ำงไร และเพรำะเหตุใดจึงตดั สนิ ใจเชน่ นัน้ ตวั เลอื ก คะแนน 1. ตดั สนิ ใจกลับต่างจงั หวดั และหาสนิ คา้ ท้องถ่ินมาจัดจาหน่ายออนไลนส์ ร้างรายได้ให้ตนเอง 2 2. ตัดสินใจกลับต่างจังหวัด โดยใช้ความรู้เรื่องการทาอาหารและขายสินค้าออนไลน์เลี้ยงดู ตนเองและครอบครัว รวมทั้งชักชวนคนในชุมชนทาด้วย เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับ 5 ชุมชน 3. ตัดสินใจกลับต่างจังหวัด โดยใช้ความรู้เร่ืองการทาอาหารและขายสินค้าออนไลน์สร้าง มูลค่าเพ่ิมให้กับสินค้าเกษตรของพ่อแม่ เพราะต้องหารายได้เลี้ยงดูครอบครัวอย่างเช่นที่ 3 เคยทามา 4. ตัดสินใจกลับต่างจังหวัด โดยใช้ความรู้เร่ืองการทาอาหารสร้างรายได้ให้ครอบครัว และ ทาอาหารส่งบุคลากรด้านสาธารณสุขท่ีดูแลผู้ป่วยติดโรคระบาด เพ่ือให้บุคลากรทาง 6 สาธารณสุขสามารถรกั ษาและป้องกนั การระบาดของโรคได้อย่างเต็มที่ 5. ตัดสินใจอยู่กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านประณามว่าเอาตัวไม่รอด สุดท้ายต้องซม 1 ซานกลบั มาอย่บู า้ นกับพอ่ แม่ 6. ตัดสินใจอยู่กรุงเทพฯ โดยใช้ความรู้เร่ืองการทาอาหารและขายสินค้าออนไลน์หารายได้ 2 เลีย้ งดตู นเอง และงดสง่ เงนิ ให้พ่อแมช่ ่ัวคราว เพื่อใหต้ นเองอยรู่ อด 7. ตัดสินใจอยู่กรุงเทพฯ โดยใช้ความรู้เร่ืองการทาอาหารและขายสินค้าออนไลน์หารายได้ 4 เล้ียงดูตนเองและสง่ ให้ครอบครัว เพ่อื เป็นการแสดงความกตญั ญตู ่อครอบครวั 8. ตัดสินใจอยู่กรุงเทพฯ โดยใช้ความรู้เรื่องการทาอาหารและขายสินค้าออนไลน์หารายได้ เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว รวมท้ังทาอาหารแจกคนในกรุงเทพฯ ท่ีว่างงาน เพ่ือเป็นการ 6 ชว่ ยเหลือสงั คม

199 สถำนกำรณ์ที่ 2 นายชีวนิ เพิ่งเกษยี ณอายจุ ากการเป็นชา่ งไฟฟ้าในบริษัทแห่งหนึ่ง หลังเกษียณเขาได้นาเงินบาเหน็จ ฝากธนาคารเก็บไว้ใชจ้ ่ายและดัดแปลงพื้นท่ีหน้าบ้านซ่ึงอยู่ตามลาพังรับซ่อมเคร่ืองใช้ไฟฟา้ เป็นรายได้เสริม ในเวลาว่างเขาจะไปช่วยแจกสิ่งของให้คนยากไร้ท่ีโรงทานในศาลเจ้าแถวบ้าน และหลังเหตุการณ์น้าท่วม ใหญ่ในชุมชน เขาได้ช่วยซ่อมเคร่ืองใช้ไฟฟ้าให้คนในชุมชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จากเหตุการณ์นี้ทาให้เขา เป็นที่รูจ้ ักในวงกว้างถึงความมีน้าใจจนทาให้นักการเมืองท้องถ่ินกลมุ่ หน่ึง ซงึ่ เคยช่วยเหลือนายชวี ินมาก่อน ได้ชักชวนเขาลงสมคั รรับเลือกต้ังสมาชิกสภาองคก์ ารบริหารส่วนตาบล หำกท่ำนเป็นนำยชีวิน ท่ำนจะทำ อย่ำงไร และเพรำะเหตุใดจงึ ตดั สินใจเชน่ น้ัน ตวั เลอื ก คะแนน 1. ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะเกรงว่าตนจะกลายเป็นเคร่ืองมือในการหาผลประโยชน์ของ 1 นกั การเมืองทอ้ งถนิ่ 2. ไม่ลงสมัครรับเลือกต้ัง เพราะชาวบ้านช่ืนชมคนที่ทางานเพ่ือชุมชนโดยไม่มีตาแหน่งทาง 3 การเมือง 3. ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะการทางานเพ่ือสังคมทาได้เสมอ ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ใน 6 บทบาทไหนของสังคม 4. ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะในบทบาทของประชาชนก็สามารถทางานเพื่อชุมชนได้อยู่ 4 แล้ว 5. ลงสมัครรับเลือกต้ัง เพราะตนจะได้ไม่เหงา มีโอกาสรู้จักผู้คนกว้างขวาง ซึ่งจะเป็นเพื่อน 2 พดู คุยแลกเปลี่ยนเรอื่ งต่าง ๆ 6. ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะตนจะได้ช่วยเหลือคนยากไร้ ผลักดันการแก้ไขปัญหาน้าท่วม 6 และพฒั นาชุมชนไดม้ ากข้นึ 7. ลงสมัครรับเลือกต้ัง เพราะเขาต้ังใจมาขอ และจะได้เป็นท่ีรู้จักของผู้อื่นมากขึ้น ส่งผลดีกับ 3 การตอ่ ยอดไปสู่ธุรกจิ อื่น ๆ 8. ลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะการเป็นนักการเมืองท้องถ่ินจะเป็นจุดเริม่ ต้นในการทางานเพ่ือ 5 สังคมทีจ่ ะพฒั นาไปสู่การเปน็ นกั การเมืองระดบั ชาตทิ ี่มีศักยภาพในการทางานเพื่อประเทศ 9. ลงสมัครรับเลือกต้ัง เพราะเป็นตาแหน่งที่ดี จะได้มีรายได้เพิ่มมาอีกช่องทางหนึ่งจาก 4 เงนิ เดอื นของสมาชกิ สภาองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล

200 สถำนกำรณ์ที่ 3 นางสาววนั เพ็ญเรยี นหนงั สือระดับช้ัน ปวช. ของสถาบนั อาชวี ศึกษาในตัวจงั หวัด เธอเช่าหอพักอยู่ กับเพ่ือนและใชเ้ วลาหลังเลิกเรียนทางานทีร่ ้านอาหารเพื่อหารายได้ นอกจากได้รับค่าจ้างรายวันแล้ว ยงั ได้ ทิปจากลูกค้าด้วย เธอจึงมีเงินเก็บมากพอจนไม่ต้องขอเงินพ่อแม่มาใช้จ่าย และเธอยังสามารถไปเท่ียวใน ประเทศกับเพื่อนได้ทุกปี แต่ปีน้ีเพื่อนชวนเธอไปเท่ียวต่างประเทศ ซ่ึงเงินเก็บที่เธอมีนั้นไม่พอซื้อแพ็คเกจ ทวั ร์ จะตอ้ งยมื เงินเพื่อนไปก่อน หำกท่ำนเป็นนำงสำววันเพญ็ ท่ำนจะไม่ไปเที่ยวต่ำงประเทศเพรำะเหตุ ใด ตวั เลือก คะแนน 1. ไม่ไปเทย่ี วต่างประเทศ เพราะกลวั พอ่ แมต่ าหนวิ ่าฟมุ่ เฟอื ย 3 2. ไม่ไปเทย่ี วตา่ งประเทศ เพราะไม่ต้องการใหค้ นอน่ื มองว่าตนเองเปน็ คนฟุง้ เฟ้อ 1 3. ไมไ่ ปเท่ียวตา่ งประเทศ เพราะไมค่ วรสรา้ งหน้ีสนิ ทีไ่ ม่จาเปน็ 4 4. ไม่ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะพอใจในสิ่งที่มี ไม่ฟุ้งเฟ้อหรือหลงใหลไปตามกระแสบริโภค 6 นิยม 5. ไมไ่ ปเท่ียวต่างประเทศ เพราะไมต่ ้องการลาบากหาเงินมาใช้หนีเ้ พ่ือน 2 6. ไม่ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะแม้เพ่ือนจะนิยมไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ถ้าเรายงั ไม่พร้อมก็ 5 ไมจ่ าเป็นตอ้ งไป สถำนกำรณท์ ี่ 4 นายอนันต์มีอาชีพขับรถสองแถวรับจ้างประจาทาง วิ่งระหว่างอาเภอและตัวจังหวัด ซึ่งมีหนทาง ทุรกันดาร ระยะทางไป-กลับเกือบ 100 กิโลเมตร เป็นเส้นทางสาคัญท่ีคนในอาเภอใช้ติดต่อทาธุระในตัว จังหวัด และมีรถในคิวเพยี ง 3 คัน แต่ละวันเขาต้องขับรถหลายเทยี่ วตั้งแต่เชา้ จนคา่ รถเท่ียวแรกท่ีเขาเป็น คนขับจะออกจากอาเภอเวลา 05.00 น. และเท่ยี วสุดท้ายออกจากตวั จังหวัด 19.00 น. คืนหน่ึงขณะที่เขา กาลังนอนหลับอยู่ เพื่อนมาชวนเขาไปหาปลา ซ่ึงเป็นกิจกรรมท่ีทาเป็นประจาช่วงฤดูฝน แต่คร้ังน้ีเพ่ือนได้ ชวนไปหาปลาที่บึงท้ายหมู่บ้าน ระยะทางไกลกว่าปกติ ถ้าไปจะต้องใช้เวลามาก และอาจจะกลับมาขับรถ เท่ยี วแรกไม่ทนั หำกท่ำนเปน็ นำยอนันต์ ท่ำนจะไมไ่ ปหำปลำเพรำะเหตุใด ตัวเลือก คะแนน 1. ไม่ไปหาปลากับเพ่ือน เพราะถ้าออกรถไม่ตรงเวลา อาจโดนเพื่อนคนขับรถและชาวบ้าน 1 ตาหนิ 2. ไม่ไปหาปลากับเพื่อน เพราะถ้าออกรถไม่ตรงเวลา ผู้โดยสารอาจเดือดร้อนที่ไปทาธุระใน 5 เมืองไมท่ นั 3. ไมไ่ ปหาปลากับเพื่อน เพราะการออกรถตรงเวลาเปน็ ข้อปฏิบัตทิ ค่ี นขับรถพึงกระทา 3 4. ไม่ไปหาปลากับเพื่อน เพราะรถเทย่ี วแรกมีผูโ้ ดยสารมาก รายได้ดี 2 5. ไม่ไปหาปลากบั เพื่อน เพราะถา้ ออกรถไมต่ รงเวลาอาจผดิ กฎท่ีคิวรถกาหนดไว้ 4 6. ไมไ่ ปหาปลากับเพ่อื น เพราะการตรงต่อเวลาเปน็ เรือ่ งพ้นื ฐานของการอยู่ร่วมกนั ในสังคม 6

201 สถำนกำรณท์ ี่ 5 มาลีเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานภาครัฐแห่งหน่ึง เธอเดินทางมาทางานและกลับบ้านด้วยรถเมล์ หลังเลิกงานเธอจะเดินไปขึ้นสะพานลอยซ่ึงอยู่ห่างจากท่ีทางาน 150 เมตร เพ่ือข้ามไปรอข้ึนรถเมล์กลับ บ้าน วันหนึ่งเธอต้องเข้าประชุมช่วงบ่ายซึ่งทาให้เลิกงานช้าไป 10 นาที หากเธอเลือกเดินข้ามสะพานลอย จะทาให้พลาดรถเมล์เที่ยวประจา และต้องนั่งรอรถเมล์เที่ยวต่อไปอีก 40 นาที แต่หากเลือกเดินข้ามถนน ซ่ึงไม่ใช่ทางม้าลายและขณะน้ันรถไม่เยอะมากนัก จะสามารถข้ึนรถเมล์เที่ยวประจาได้ทันพอดี หำกท่ำน เป็นมำลี ทำ่ นจะเลอื กเดนิ ข้ำมสะพำนลอยเพรำะเหตใุ ด ตัวเลอื ก คะแนน 1. เดินข้ามสะพานลอย แม้จะไม่ทันรถเมล์เท่ียวประจา เพราะกลัวโดนรถชนและจะต้องเสีย 1 ค่าปรบั 2. เดินข้ามสะพานลอย แม้จะไม่ทันรถเมล์เท่ียวประจา เพราะต้องการปฏิบัติตนเป็น 4 แบบอยา่ งที่ดใี นเร่อื งการเคารพกฎหมาย 3. เดินข้ามสะพานลอย แม้จะไม่ทนั รถเมล์เท่ียวประจา เพราะต้องการใหผ้ ู้อ่ืนช่ืนชมว่าตนเอง 2 เป็นคนมีความประพฤตดิ ี 4. เดินข้ามสะพานลอย เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจะสร้างความสูญเสียต่อทรัพย์สิน 6 และชวี ิตของเพอ่ื นมนษุ ย์ 5. เดินข้ามสะพานลอย แม้จะไม่ทันรถเมล์เท่ียวประจา เพราะเพ่ือนร่วมงานชวนให้ปฏิบัติ 3 ตามกฎการใชร้ ถใช้ถนน 6. เดินข้ามสะพานลอย แม้จะไม่ทันรถเมล์เท่ียวประจา เพราะตนไม่ต้องการสร้างความ 5 ลาบากใหแ้ ก่ผู้ขบั รถบนทอ้ งถนนทจ่ี ะตอ้ งมาคอยระวงั คนเดินข้ามถนน

202 สถำนกำรณท์ ี่ 6 นางสาวนภาเป็นคนชอบสังสรรค์ โดยนัดกลุ่มเพ่ือนด่ืมเบียร์เป็นประจา วันหนึ่งเธอรู้สึกปวดท้อง มากผิดปกติจึงไปพบแพทย์ และแพทย์ได้แจ้งว่าเธอมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร จะต้องงดเครื่องด่ืม แอลกอฮอล์ และให้รับประทานอาหารตรงเวลา รวมท้ังควบคุมอาหารตามท่ีแพทยส์ ่ังอยา่ งเคร่งครดั จนกว่า จะหายเป็นปกติ หลงั จากเธอปฏบิ ตั ิตามคาแนะนาของแพทย์มาระยะหนึ่งแลว้ ปรากฏวา่ เพ่อื นสนทิ ของเธอ เรียนจบกลับมาจากต่างประเทศจึงได้ชักชวนเธอไปงานเล้ียงซึ่งมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หำกท่ำนเป็น นำงสำวนภำ ท่ำนจะทำอยำ่ งไร และเพรำะเหตใุ ดจงึ ตดั สนิ ใจเชน่ น้ัน ตวั เลือก คะแนน 1. ไปรว่ มงานเลย้ี ง โดยไม่ด่มื เคร่ืองดืม่ แอลกอฮอล์ เพราะไม่อยากถูกแพทย์ตาหนิ 1 2. ไปร่วมงานเล้ียง โดยไม่ด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ เพราะการมสี ุขภาพแข็งแรงเปน็ ส่ิงสาคัญ 6 ท่ีสุดของชีวติ 3. ไปร่วมงานเล้ียง โดยไม่ด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอยากกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม 2 เพื่อรักษาภาพลกั ษณข์ องตนเอง 4. ไปร่วมงานเล้ียง โดยไม่ด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อ 4 สขุ ภาพ 5. ไปร่วมงานเลี้ยง โดยไม่ด่ืมเคร่ืองด่มื แอลกอฮอล์ เพราะอยากสุขภาพแข็งแรง จะได้ไม่เป็น 3 ภาระของครอบครวั 6. ไปร่วมงานเล้ียง โดยไม่ดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ เพราะอยากสุขภาพแข็งแรง จะได้ไม่เพิ่ม 5 ภาระใหโ้ รงพยาบาล สถำนกำรณท์ ่ี 7 ในชั่วโมงเรียนวิชาสังคมศึกษาของโรงเรียนแห่งหน่ึง ครูได้มอบหมายให้นักเรียนแบ่งกลุ่มทางาน ด.ญ.สาวติ รี รู้ตวั ว่างานท่ีครูส่ังน้ันตนไม่มีความถนดั เลย หากตนตัดสินใจชว่ ยเพ่ือนทางานช้ินนี้อาจจะทาให้ งานเสร็จช้ากวา่ เดมิ หำกท่ำนเปน็ ด.ญ.สำวิตรี ท่ำนจะทำอยำ่ งไร และเพรำะเหตใุ ดจงึ ตดั สินใจเช่นน้ัน ตวั เลอื ก คะแนน 1. ชว่ ยงานเพ่อื น เพื่อท่ีจะได้เป็นการฝึกฝนลองทาในสิง่ ที่ตนเองไม่ถนัด 2 2. ชว่ ยงานเพ่อื น ถงึ แมว้ า่ จะทางานออกมาไดไ้ ม่ดี แตก่ ด็ ีกวา่ ทาให้เพือ่ นโกรธ 1 3. ช่วยงานเพื่อน เพราะต้องการให้เพื่อนในกลุ่มยอมรับว่าตนเองมีความพยายามท่ีจะ 3 ช่วยงานกลมุ่ 4. ช่วยงานเพ่ือน โดยปรึกษากับเพื่อนในกลุ่มว่าจะให้ตนช่วยเหลืองานใดที่จะทาให้งานกลุ่ม 5 เสรจ็ เรียบร้อย แล้วจึงทาตามความเห็นของกลุม่ 5. ชว่ ยงานเพือ่ น เพราะคานงึ ว่าเป็นหนา้ ที่ทต่ี อ้ งปฏบิ ัตใิ นฐานะสมาชกิ ของกล่มุ 4 6. ชว่ ยงานเพอ่ื น เพราะงานกลุ่มคอื งานทที่ กุ คนตอ้ งชว่ ยกันทา 6

203 สถำนกำรณ์ที่ 8 นายกิติพงษ์เป็นพ่อค้าขายผลไม้อยู่ในตลาดแห่งหน่ึง เขาพบว่าเพ่ือนท่ีขายผลไม้แผงติดกันโกง ตาชั่ง หำกทำ่ นเปน็ นำยกติ พิ งษ์ ท่ำนจะทำอย่ำงไร และเพรำะเหตใุ ดจงึ ตดั สินใจเช่นน้นั ตัวเลือก คะแนน 1. บอกลูกค้าว่าร้านนั้นโกงตาช่ัง เพราะกลัวลูกค้าจะคิดว่าทุกร้านทาเหมือนกันหมด และไม่ 1 มาซอื้ ของรา้ นตน 2. บอกเจา้ ของแผงขายผลไม้นนั้ ว่าไมค่ วรกระทาเชน่ น้ี เพราะเปน็ การทาผดิ ตอ่ ลูกคา้ 5 3. บอกลกู ค้าว่ารา้ นน้นั โกงตาชั่ง และเสนอทางเลือกให้มาซือ้ ผลไม้ท่ีรา้ นของตน 2 4. บอกเทศกจิ ใหเ้ ข้ามาดูแลและจัดการการขายผลไม้ให้เป็นไปตามกฎหมาย 4 5. บอกเจ้าของแผงขายผลไม้น้ันให้ปฎิบัติตนในสิ่งท่ีถูกต้องตามข้อกาหนดของการขายสินค้า 3 ในตลาด 6. ไม่โกงตาช่ังเหมอื นรา้ นน้ัน แต่ให้ความรกู้ ับลูกคา้ เรื่องการสังเกตว่ารา้ นค้าตา่ ง ๆ โกงตาชั่ง 6 หรอื ไม่ สถำนกำรณ์ท่ี 9 นายกวินเป็นนักแสดงภาพยนตร์ที่กาลังฉายอยู่ในขณะนี้ ขณะเดียวกันหลายจังหวัดในภาคใต้ ประสบอุทกภัยคร้ังรา้ ยแรง ทางตน้ สงั กัดจึงมนี โยบายให้นกั แสดงในสงั กัดทากิจกรรมเพื่อหาเงินบริจาคชว่ ย ผู้ประสบภัย แต่นายกวินได้มีแผนทจ่ี ะเดินทางไปทอ่ งเท่ยี วต่างประเทศในอกี สองวันข้างหน้า หำกท่ำนเป็น นำยกวิน ท่ำนจะทำอย่ำงไร และเพรำะเหตุใดจึงตดั สนิ ใจเช่นนั้น ตัวเลือก คะแนน 1. ไปเท่ียว แต่เปลี่ยนแผนมาท่องเที่ยวภายในประเทศ และใช้โอกาสน้ีทากิจกรรม ซึ่งได้ท้ัง 2 ทอ่ งเทย่ี วและไดร้ ับคาช่ืนชมจากคนรอบข้าง 2. ไปร่วมทากิจกรรมกับต้นสังกัด เพราะการเป็นบุคคลสาธารณะควรทากิจกรรมตอบแทน 6 สงั คม 3. ไปรว่ มทากจิ กรรมกบั ต้นสงั กัด เพราะหากไปเที่ยวอาจถกู โจมตใี นทางลบ ทาให้ภาพลักษณ์ 1 เสยี หาย 4. ไปร่วมทากิจกรรมกับต้นสังกัด เนื่องจากเพ่ือนนักแสดงหลายคนเข้าร่วมทากิจกรรม 3 ช่วยเหลือผ้ปู ระสบภยั 5. ไปร่วมทากิจกรรมกับต้นสังกัด เพราะรู้สึกว่าภัยธรรมชาติคร้ังนี้ทาให้คนจานวนมาก 5 เดอื ดรอ้ น ซง่ึ เป็นโอกาสท่ีจะไดช้ ว่ ยผทู้ เ่ี ดอื ดรอ้ น 6. ไปร่วมทากิจกรรมกับต้นสังกัด เพราะการเป็นนักแสดงมีหน้าที่ในการสร้างความบันเทิง 4 ใหก้ บั ผูค้ นและชว่ ยเหลอื สงั คมเม่อื มโี อกาส

204 สถำนกำรณ์ที่ 10 นายเมธวินมีบ้านอยู่ริมคลอง โดยบ้านของเขาอยู่ห่างจากจุดทิ้งขยะของหมู่บ้าน เขาจึงมักแอบท้ิง ขยะลงในคลองอยู่บ่อยครั้ง วันหนึ่งเขาได้ดูข่าวจึงรู้ว่าการทิ้งขยะลงในแม่น้าลาคลองเป็นสาเหตุทาให้เกิด น้าเนา่ เสีย ขยะอดุ ตนั และทาให้เกดิ น้าท่วมขงั สร้างความเสียหายท้ังบ้านเรือน ทรัพย์สนิ และยานพาหนะ อีกทัง้ ภาครัฐมีนโยบายลงโทษผู้ทท่ี ้ิงขยะลงแม่น้าลาคลองอยา่ งจริงจังมากข้ึน โดยจะต้องถูกปรบั และจาคุก และหากผู้ใดพบการกระทาผิดสามารถแจง้ เจา้ หน้าที่ได้ ซ่ึงจะได้รบั ส่วนแบ่งจากค่าปรับ หำกท่ำนเป็นนำย เมธวิน หลังจำกท่ีดูข่ำวแล้ว ท่ำนจะทำอยำ่ งไร และเพรำะเหตุใดจึงตดั สนิ ใจเช่นนั้น ตัวเลอื ก คะแนน 1. นาขยะไปท้ิงท่ีจุดท้ิงขยะ เพราะหากมีใครเห็นว่ายังทิ้งขยะลงคลองอยู่ อาจโดนเพื่อนบ้าน 1 ไปบอกเจ้าหน้าที่ได้ 2. นาขยะไปทิ้งที่จุดทิ้งขยะ เพราะรู้แล้วว่าการทิ้งขยะลงแม่น้าลาคลองเป็นส่ิงที่ไม่ควรทา 4 และผดิ กฎหมาย 3. นาขยะไปท้ิงที่จุดทิ้งขยะ เพราะเป็นวิธีการดูแลสิ่งแวดล้อมวิธีหน่ึง ที่คนทั่วโลกให้ 6 ความสาคญั 4. นาขยะไปทิ้งที่จุดท้ิงขยะ เพราะเกรงว่าตนและครอบครัวจะได้รับความเดือดร้อนจากน้า 2 ทว่ ม 5. นาขยะไปท้ิงทีจ่ ดุ ท้งิ ขยะ เพราะหากนา้ ท่วม คนสว่ นใหญ่จะใชช้ ีวิตลาบาก 5 6. นาขยะไปท้งิ ท่จี ดุ ทิง้ ขยะ เพราะบ้านท่ีอยใู่ กลเ้ คยี งไม่มใี ครท้ิงขยะลงคลองแลว้ 3 สถำนกำรณ์ที่ 11 นางสาวเอมอรเก็บเงินเพื่อเตรียมไปเรียนต่อปริญญาโทท่ีประเทศสิงคโปร์ ซ่ึงตอนน้ีสามารถเก็บ เงินครบตามเป้าหมายแล้ว และมหาวิทยาลัยได้ตอบรับมาแล้วด้วย ขณะนี้เป็นช่วงรอมหาวิทยาลัยเปิด เทอม ปรากฎว่าในหมู่บ้านของเธอเกิดเหตุไฟไหม้ ซ่ึงเธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับบ้านน้ี เธอจึงเกิดความคิดว่าจะ นาเงินที่เก็บไว้ไปช่วยบ้านท่ีประสบเหตุไฟไหม้ดีหรือไม่ หำกท่ำนเป็นนำงสำวเอมอร ท่ำนจะทำอย่ำงไร และเพรำะเหตใุ ดจึงตัดสนิ ใจเชน่ นน้ั ตวั เลือก คะแนน 1. นาเงินบางสว่ นไปชว่ ยเพื่อนบา้ น เพราะกลัวคนอ่นื จะมองวา่ แลง้ น้าใจ 1 2. นาเงินบางส่วนไปช่วยเพื่อนบ้าน เพราะเห็นว่าการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนเป็นส่ิงที่มนุษย์ 6 ดว้ ยกันพึงกระทา 3. นาเงนิ บางสว่ นไปชว่ ยเพื่อนบ้าน เพราะต้องการคาช่ืนชมจากคนอื่น 2 4. นาเงินบางส่วนไปช่วยเพื่อนบ้าน เพราะถ้าช่วยเหลือให้เขาไม่เดือดร้อน ชุมชนก็จะยังคง 4 ความเอ้ือเฟอื้ เก้อื กูลกันไว้ได้ ซง่ึ เป็นวถิ ปี ฏิบตั ิของหมู่บา้ นท่ีช่วยเหลอื เก้อื กลู กนั 5. นาเงินบางสว่ นไปช่วยเพื่อนบ้าน เพราะคนอ่ืน ๆ ในหมู่บา้ นก็ชว่ ยกันบรจิ าค 3 6. นาเงินบางส่วนไปช่วยเพื่อนบ้าน เพราะไม่อาจทนต่อความเดือดร้อนของเพื่อนบ้านได้ จึง 5 อยากมสี ่วนชว่ ยบรรเทาความทุกข์

205 สถำนกำรณ์ที่ 12 สมภพ เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแหง่ หนึ่ง เขาไดร้ ับเลอื กเป็นพนักงานดีเด่นติดต่อกนั เป็นเวลาห้า ปีแล้ว เพราะเขาเป็นคนทุ่มเทกับการทางาน สามารถทางานท่ีได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี จนเป็นที่ช่ืน ชอบและไวว้ างใจของผู้บรหิ าร ต่อมาบรษิ ัทประสบปญั หาวกิ ฤต ผ้บู ริหารได้มอบหมายงานช้นิ หนึ่งใหเ้ ขาทา มีเพียงเขาเท่านั้นท่ีสามารถทางานชิ้นน้ี ซ่ึงจะทาให้บริษัทและทุกคนอยู่รอดได้ ขณะเดียวกันได้มีงานใหม่ ติดต่อเข้ามา ซึ่งเป็นตาแหน่งท่ีเขาอยากทามาก่อนที่จะมาทางานท่ีบริษัท แต่เขายังทางานท่ีได้รับ มอบหมายคา้ งอยู่ เขาจึงเกิดความลังเลวา่ จะอยทู่ างานที่บรษิ ัทตอ่ หรือลาออกไปทางานที่ใหม่ หำกทำ่ นเป็น สมภพ ทำ่ นจะเลือกอยูท่ ำงำนที่บรษิ ทั ตอ่ ไปเพรำะเหตุใด ตัวเลอื ก คะแนน 1. อยทู่ างานท่ีบรษิ ทั ต่อไป เพราะกลัววา่ ทท่ี างานใหม่จะไดห้ วั หน้าและเพ่ือนร่วมงานไม่ดี 1 2. อยู่ทางานท่ีบริษทั ต่อไป โดยตัง้ ใจทางานที่ผู้บริหารมอบหมายอย่างเต็มที่ เพอ่ื ให้บริษทั พ้น 6 ภาวะวกิ ฤต เพราะมองว่าตนควรเห็นแกป่ ระโยชนส์ ว่ นรวมมากกวา่ สว่ นตน 3. อยทู่ างานท่ีบริษัทตอ่ ไป เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตนไม่รจู้ กั สานกึ บญุ คุณบรษิ ทั 1 4. อยู่ทางานท่ีบริษัทต่อไป เพราะตนเจริญก้าวหน้าขึ้นมาจากการทางานที่บริษัทนี้ จึงควร 5 ทุ่มเทความร้คู วามสามารถแก้ไขปญั หาใหบ้ ริษัทผ่านพน้ วกิ ฤตไปได้ 5. อยู่ทางานที่บริษัทต่อไป โดยต้ังใจทางานที่ผู้บริหารมอบหมายอย่างเต็มท่ี เพราะมองว่า 2 หากทาสาเรจ็ แล้วบรษิ ทั พน้ ภาวะวกิ ฤต จะตอ้ งได้รับคาชน่ื ชมและมีชอ่ื เสียงมากขึน้ 6. อยทู่ างานทบี่ ริษัทต่อไป เพราะตนยังทางานคา้ งอยู่ จึงจาเปน็ ต้องอยู่ทางานให้สาเร็จ 4 7. อยู่ทางานที่บริษัทต่อไป เน่ืองจากกลัวว่าเพ่ือนร่วมงานที่ทางานด้วยกันมานานจนสนิท 3 สนมกนั จะไมพ่ อใจ เพราะมองว่าตนมคี วามสามารถแตไ่ ม่ยอมช่วยเหลอื บริษัท 8. อยู่ทางานท่ีบริษัทต่อไป โดยต้ังใจทางานท่ีผู้บริหารมอบหมายอย่างเต็มที่ เพราะมองว่า 2 หากตนทาสาเรจ็ แล้วอาจได้รบั เงนิ เดอื นทีม่ ากขนึ้ ซงึ่ ใชด้ ูแลครอบครวั ไดด้ ีขึน้

206 สถำนกำรณท์ ี่ 13 นายชานาญสืบทอดกิจการร้านขายอาหารสัตว์จากครอบครัว เขาได้ทดลองนาเข้าพันธ์ุปลาจาก ต่างประเทศมาเลี้ยงเพ่ือส่งขายให้รา้ นอาหารในต่างประเทศ ชว่ งแรกรายได้ดี จึงชักชวนคนในชุมชนซึง่ เป็น ชมุ ชนรมิ นา้ ให้มาเลีย้ งปลา โดยเขาเป็นพ่อค้าคนกลางนาเข้าพนั ธ์ปุ ลา อาหารปลา และตกลงกบั ชาวบ้านว่า จะรับซื้อปลา ซึ่งกระแสตอบรับจากชุมชนดมี าก และเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ใหค้ นในชุมชนเป็นกอบเป็นกา แต่ต่อมาตลาดต่างประเทศไม่รับซื้อปลา ทาให้ชาวบ้านประสบปัญหาขาดทุน เกิดความไม่พอใจ จึงรวมตัว กันไปเรียกร้องค่าเสียหายจากนายชานาญ หำกท่ำนเป็นนำยชำนำญ ท่ำนจะชดเชยค่ำเสียหำยให้ ชำวบ้ำนเพรำะเหตใุ ด ตวั เลอื ก คะแนน 1. ชดเชยคา่ เสียหายใหช้ าวบา้ น เพราะกลัวเสียช่ือรา้ นทต่ี นสืบทอดกิจการมาจากครอบครวั 1 2. ชดเชยคา่ เสยี หายให้ชาวบ้าน เพราะปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายธุรกจิ ที่ตอ้ งดแู ลลกู คา้ 4 3. ชดเชยคา่ เสียหายให้ชาวบ้าน เพราะตอ้ งการเป็นธรุ กจิ ทีร่ บั ผิดชอบตอ่ สังคม 6 4. ชดเชยค่าเสียหายให้ชาวบ้าน เพราะเป็นกติกาของชุมชนท่ีทุกคนตกลงร่วมกันตั้งแต่แรก 3 แล้ว 5. ชดเชยค่าเสียหายให้ชาวบ้าน เพราะรู้สกึ สบายใจที่ได้รกั ษาความสัมพนั ธ์กับชาวบ้าน 2 6. ชดเชยค่าเสยี หายใหช้ าวบ้าน เพราะตอ้ งการบรรเทาความเดอื ดรอ้ นของชาวบา้ น 5 สถำนกำรณท์ ี่ 14 สุนีย์เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวชนช้ันกลางในต่างจังหวัด ปัจจุบันพ่อแม่ของเธอเป็น ข้าราชการเกษียณ ส่วนเธอทางานเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดซ้ือจัดจ้างของบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เธอมีความสุขกับการทางานเป็นอย่างมาก เพราะเป็นงานท่ีถนดั มีเพ่ือนร่วมงานดี และรายได้สูง ต่อมาแม่ ของเธอหกลม้ จนกลายเปน็ อัมพาตท่อนล่าง ต้องมีคนคอยพยงุ หรือใช้อปุ กรณ์ช่วยเดนิ โชคดที ่ีแม่ของเธอยัง มพี ่อท่ีสุขภาพแข็งแรงช่วยดูแลอยู่ แต่เหตุการณเ์ ชน่ นี้ก็ทาใหเ้ ธอเร่มิ มีความคิดที่อยากจะย้ายไปทางานใกล้ บ้าน เพื่อทจ่ี ะไดด้ ูแลพอ่ แมอ่ ย่างใกล้ชิด เธอจึงลองค้นหาตาแหนง่ งานท่ีเหมาะสมอยู่ใกล้บ้าน ซึ่งพบวา่ เธอ มีคุณสมบัติเพียงพอและมีความเป็นไปได้สูงที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าทางานในบริษัทใกล้บ้านแห่งหน่ึง แต่ท้ังน้ีต้องเสียรายได้ลดลงถึงสองเท่า หำกท่ำนเป็นสุนีย์ ท่ำนจะทำอย่ำงไร และเพรำะเหตุใดจึง ตัดสนิ ใจเช่นนน้ั ตัวเลือก คะแนน 1. ย้ายไปทางานใกล้บ้าน เพราะถึงแม้จะมีรายได้ลดลง แต่ก็มีเวลาในการดูแลพ่อแม่อย่าง 6 ใกล้ชิด 2. ยา้ ยไปทางานใกลบ้ า้ น เพราะกลวั คนอนื่ จะมองวา่ ตนเปน็ คนอกตญั ญู 1 3. ยา้ ยไปทางานใกลบ้ า้ น เพอื่ ให้พอ่ แม่และคนในชุมชนภูมใิ จว่ามลี กู ท่ีกตัญญคู อยดูแลพ่อแม่ 3 4. ทางานทีเ่ ดิม โดยใหพ้ ่อแม่ยา้ ยมาอยกู่ ับตนที่กรุงเทพฯ ตนจะได้ทางานท่ีรกั ไปพรอ้ มกบั การ 2 ดูแลพอ่ แม่ 5. ทางานที่เดิม เพราะรายได้สูง สามารถพาแม่มารักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้ และ 5 ดูแลจนหายเปน็ ปกติ 6. ทางานที่เดิม เพราะรายไดส้ ูง สามารถพาแมม่ ารักษาท่โี รงพยาบาลในกรุงเทพฯ ได้ 4

207 วิธคี ดิ ค่ำคะแนนกำรรบั ร้ดู ้ำนคณุ ธรรม  สถานการณท์ ่ี 1, 2 และ 3 คือ การรับรู้คุณธรรมด้านความพอเพยี ง  สถานการณท์ ่ี 4, 5 และ 6 คอื การรบั รคู้ ณุ ธรรมด้านวนิ ยั  สถานการณ์ที่ 7 และ 8 คอื การรบั รู้คณุ ธรรมดา้ นความสจุ ริต  สถานการณท์ ่ี 9, 10 และ 11 คอื การรับรคู้ ณุ ธรรมด้านจิตสาธารณะ  สถานการณท์ ่ี 12, 13 และ 14 คือ การรบั ร้คู ณุ ธรรมดา้ นความรับผิดชอบ  นาคะแนนของทุกสถานการณ์ในคุณธรรมด้านน้ัน ๆ รวมกัน และหารด้วยจานวนข้อสถานการณ์ เชน่ คณุ ธรรมดา้ นความพอเพียงมที ้ังหมด 3 สถานการณ์ สถานการณ์ที่ 1 ได้ 3 คะแนน สถานการณ์ท่ี 2 ได้ 4 คะแนน สถานการณท์ ่ี 3 ได้ 5 คะแนน 3+4+5 = 12 12÷3 = 4 กำรแสดงผล ท่านให้เหตุผลในการแสดงพฤตกิ รรมเชิงคุณธรรมจริยธรรม ดงั น้ี พอเพียง ระดบั ขน้ั ที่ ....... วินยั ระดับขนั้ ท่ี ....... สจุ ริต ระดับข้นั ที่ ....... จิตสาธารณะ ระดบั ขน้ั ท่ี ....... รบั ผิดชอบ ระดับขั้นท่ี ....... แสดงตารางแนบ ขน้ั ท่ี 1 หลบหลกี การถกู ลงโทษ ขนั้ ที่ 2 ถือผลประโยชน์ของตน ขั้นท่ี 3 คลอ้ ยตามหรือกระทาตามผ้อู ื่น ขั้นท่ี 4 กระทาตามระเบียบกฎเกณฑ์ของสังคม ขน้ั ที่ 5 กระทาตามข้อตกลงของสงั คม ข้นั ที่ 6 กระทาตามกฎเกณฑท์ างศีลธรรมทเี่ ป็นสากล



ภำคผนวก ง ผลกำรวเิ ครำะหค์ ำ่ ดชั นีควำมสอดคลอ้ งภำยใน (IOC) รำยขอ้

ผลกำรวิเครำะห์คำ่ ดัชนีควำมส ตำรำงท่ี 186 ค่าดัชนีความสอดคล้องภายในรายข้อของคุณธรรมด้านพอเพียง องคป์ ร ควำมเหมำะสมของสถำนกำรณแ์ ละตวั เลอื ก หวั ข้อ ควำมคดิ เหน็ ของผู้เชย่ี วชำญ IOC 12 3 45 สถานการณ์ 1 1 1 0 1 0.8 ตวั เลือกท่ี 1 -1 1 1 -1 1 0.2 ใ ตวั เลือกท่ี 2 -1 1 1 0 1 0.4 ใ ตวั เลือกที่ 3 -1 1 1 0 1 0.4 ใ ตัวเลือกท่ี 4 1 1 1 0 1 0.8 ตัวเลือกที่ 5 -1 1 1 0 1 0.4 ใ ตวั เลอื กท่ี 6 -1 0 1 0 1 0.2 ใ ตัวเลือกที่ 7 -1 1 1 1 1 0.6 ตวั เลอื กที่ 8 1 1 1 0 1 0.8 ตัวเลือกท่ี 9 1 1 1 0 1 0.8 ตัวเลอื กท่ี 10 1 1 1 0 1 0.8

สอดคล้องภำยใน (IOC) รำยข้อ ระกอบที่ 1 มภี ูมิคมุ้ กัน ควำมเหมำะสมของคะแนนรบู ริค ผล ควำมคิดเห็นของผเู้ ชยี่ วชำญ IOC ผล 12 34 5 - -- ใชไ้ ด้ - - -- 1 -0.2 ใช้ไมไ่ ด้ 1 0 ใชไ้ มไ่ ด้ ใชไ้ ม่ได้ -1 -1 1 -1 1 0 ใช้ไม่ได้ 1 0.8 ใช้ได้ ใชไ้ ม่ได้ -1 -1 10 1 0 ใช้ไม่ได้ 1 0.2 ใชไ้ มไ่ ด้ ใช้ไม่ได้ -1 -1 10 1 0.6 ใช้ได้ 1 0.4 ใชไ้ ม่ได้ ใชไ้ ด้ 1 1 1 0 1 0.8 ใชไ้ ด้ 1 0.4 ใชไ้ ม่ได้ ใช้ไม่ได้ -1 -1 10 ใชไ้ ม่ได้ -1 0 10 210 ใช้ได้ -1 1 11 ใช้ได้ 1 -1 1 0 ใชไ้ ด้ 1 1 1 0 ใชไ้ ด้ 1 -1 1 0

ตำรำงท่ี 187 คา่ ดชั นีความสอดคล้องภายในรายข้อของคุณธรรมดา้ นพอเพียง องค์ปร ควำมเหมำะสมของสถำนกำรณแ์ ละตวั เลอื ก หัวข้อ ควำมคดิ เห็นของผ้เู ชยี่ วชำญ IOC 12 3 45 สถานการณ์ -1 1 1 0 1 0.4 ใ ตัวเลอื กที่ 1 -1 1 1 0 1 0.4 ใ ตวั เลือกท่ี 2 -1 1 1 1 1 0.6 ตัวเลอื กที่ 3 1 1 1 1 1 1 ตัวเลอื กที่ 4 -1 1 1 1 1 0.6 ตัวเลือกท่ี 5 -1 1 1 0 1 0.4 ใ ตัวเลือกที่ 6 -1 1 1 -1 1 0.2 ใ ตวั เลือกที่ 7 -1 1 1 -1 1 0.2 ใ ตวั เลือกท่ี 8 1 -1 1 -1 1 0.2 ใ ตัวเลอื กท่ี 9 -1 1 1 -1 1 0.2 ใ ตวั เลือกที่ 10 -1 0 1 -1 1 0 ใ

ระกอบที่ 2 มีเหตุผล ควำมเหมำะสมของคะแนนรูบรคิ ผล ควำมคิดเหน็ ของผู้เชย่ี วชำญ IOC ผล 12 34 5 - -- ใชไ้ มไ่ ด้ - - -- 1 0.4 ใชไ้ มไ่ ด้ 1 0.6 ใชไ้ ด้ ใชไ้ มไ่ ด้ -1 1 10 1 0.4 ใช้ไม่ได้ 1 0.2 ใชไ้ ม่ได้ ใชไ้ ด้ -1 1 11 1 0 ใช้ไม่ได้ 1 0.2 ใช้ไมไ่ ด้ ใช้ได้ -1 0 11 1 0.2 ใช้ไม่ได้ 1 -0.2 ใช้ไมไ่ ด้ ใชไ้ ด้ -1 -1 11 1 -0.2 ใชไ้ มไ่ ด้ 1 -0.2 ใชไ้ ม่ได้ ใช้ไมไ่ ด้ -1 -1 10 ใช้ไม่ได้ -1 1 1 -1 ใชไ้ ม่ได้ -1 1 1 -1 ใช้ไม่ได้ -1 -1 1 -1 ใช้ไมไ่ ด้ -1 -1 1 -1 211 ใชไ้ ม่ได้ -1 -1 1 -1

ตำรำงท่ี 188 ค่าดชั นคี วามสอดคล้องภายในรายข้อของคุณธรรมดา้ นพอเพยี ง องค์ปร ควำมเหมำะสมของสถำนกำรณแ์ ละตวั เลอื ก หัวข้อ ควำมคดิ เห็นของผเู้ ช่ียวชำญ IOC สถานการณ์ 1 2 3 45 1 1 1 0 1 0.8 ตัวเลือกท่ี 1 -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใ ตัวเลือกที่ 2 -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใ ตวั เลือกที่ 3 -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใ ตัวเลือกท่ี 4 -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใ ตวั เลอื กที่ 5 -1 -1 1 1 1 0.2 ใ ตัวเลือกที่ 6 1 0 1 1 1 0.8 ตัวเลอื กท่ี 7 -1 0 1 1 1 0.4 ใ ตัวเลอื กที่ 8 -1 0 1 1 1 0.4 ใ ตวั เลอื กที่ 9 1 -1 1 1 1 0.6 ตวั เลือกท่ี 10 1 0 1 0 1 0.6

ระกอบที่ 3 มีความพอประมาณ ควำมเหมำะสมของคะแนนรูบรคิ ผล ควำมคิดเห็นของผู้เชี่ยวชำญ IOC ผล 1 2 34 5 212 ใช้ได้ - - -- - -- ใช้ไมไ่ ด้ -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใช้ไม่ได้ ใช้ไมไ่ ด้ -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้ -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใช้ไมไ่ ด้ ใช้ไมไ่ ด้ -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใช้ไมไ่ ด้ ใชไ้ มไ่ ด้ -1 1 11 1 0.6 ใช้ได้ ใช้ได้ 1 -1 11 1 0.6 ใชไ้ ด้ ใชไ้ มไ่ ด้ -1 -1 11 1 0.2 ใช้ไม่ได้ ใชไ้ ม่ได้ -1 -1 11 1 0.2 ใช้ไมไ่ ด้ ใชไ้ ด้ 1 -1 11 1 0.6 ใช้ได้ ใชไ้ ด้ 1 -1 10 1 0.4 ใช้ไม่ได้

ตำรำงท่ี 189 ค่าดชั นคี วามสอดคล้องภายในรายข้อของคุณธรรมดา้ นวินยั องคป์ ระกอ ควำมเหมำะสมของสถำนกำรณแ์ ละตวั เลอื ก หวั ขอ้ ควำมคิดเหน็ ของผูเ้ ชย่ี วชำญ IOC 12 3 45 สถานการณ์ -1 0 1 0 1 0.2 ใ ตวั เลอื กท่ี 1 -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใ ตวั เลอื กท่ี 2 -1 1 -1 -1 1 -0.2 ใ ตวั เลือกท่ี 3 -1 1 1 -1 1 0.2 ใ ตัวเลอื กท่ี 4 -1 0 -1 -1 1 -0.4 ใ ตัวเลือกที่ 5 -1 1 1 1 1 0.6 ตัวเลอื กท่ี 6 1 1 1 1 1 1 ตัวเลือกที่ 7 0 1 1 1 1 0.8 ตัวเลอื กที่ 8 0 1 1 1 1 0.8 ตัวเลอื กที่ 9 1 1 1 1 1 1 ตวั เลือกที่ 10 1 1 1 1 1 1

อบที่ 1 การตรงต่อเวลา ควำมเหมำะสมของคะแนนรบู ริค ผล ควำมคดิ เห็นของผ้เู ชย่ี วชำญ IOC ผล 12 34 5 - -- ใชไ้ มไ่ ด้ - - -- 1 0 ใชไ้ มไ่ ด้ 1 -0.2 ใชไ้ มไ่ ด้ ใช้ไม่ได้ -1 0 1 -1 1 0.2 ใช้ไม่ได้ 1 -0.4 ใช้ไม่ได้ ใชไ้ ม่ได้ -1 1 -1 -1 1 0.6 ใช้ได้ 1 1 ใช้ได้ ใช้ไม่ได้ -1 1 1 -1 1 0.8 ใช้ได้ 1 0.4 ใช้ไม่ได้ ใชไ้ ม่ได้ -1 0 -1 -1 1 0.6 ใชไ้ ด้ 1 0.6 ใช้ได้ ใช้ได้ -1 1 11 ใชไ้ ด้ 1 1 1 1 ใชไ้ ด้ 0 1 1 1 ใชไ้ ด้ 0 -1 1 1 ใชไ้ ด้ 1 -1 1 1 ใช้ได้ 1 -1 1 1 213

ตำรำงท่ี 190 ค่าดชั นีความสอดคล้องภายในรายข้อของคุณธรรมด้านวนิ ยั องคป์ ระกอ ควำมเหมำะสมของสถำนกำรณแ์ ละตัวเลอื ก หวั ขอ้ ควำมคิดเหน็ ของผู้เช่ยี วชำญ IOC สถานการณ์ 1 2 3 45 1 1 1 0 1 0.8 ตัวเลอื กท่ี 1 -1 1 1 -1 1 0.2 ใ ตัวเลอื กที่ 2 -1 1 1 -1 1 0.2 ใ ตวั เลอื กที่ 3 -1 1 1 -1 1 0.2 ใ ตวั เลือกท่ี 4 1 1 1 1 11 ตวั เลือกที่ 5 1 1 1 1 11 ตัวเลอื กที่ 6 -1 1 1 0 1 0.4 ใ ตัวเลือกท่ี 7 1 1 1 1 11 ตัวเลือกที่ 8 1 1 1 1 11 ตัวเลือกที่ 9 1 1 1 1 11 ตัวเลอื กที่ 10 1 1 1 1 11 ตำรำงที่ 191 คา่ ดัชนคี วามสอดคล้องภายในรายข้อของคุณธรรมด้านวินยั องคป์ ระกอ ควำมเหมำะสมของสถำนกำรณแ์ ละตวั เลือก หวั ข้อ ควำมคิดเหน็ ของผเู้ ชย่ี วชำญ IOC 12 34 5 สถานการณ์ 1 0 1 0 1 0.6 ตัวเลอื กท่ี 1 -1 -1 1 -1 1 -0.2 ใ ตัวเลอื กที่ 2 1 0 1 1 1 0.8 ตวั เลือกท่ี 3 1 0 1 1 1 0.8 ตัวเลือกท่ี 4 0 1 1 0 1 0.6 ตวั เลือกที่ 5 1 1 1 0 1 0.8 ตวั เลือกท่ี 6 0 1 1 0 1 0.6 ตัวเลอื กที่ 7 1 1 1 1 1 1

อบที่ 2 การเคารพกฎระเบียบและกฎหมาย ควำมเหมำะสมของคะแนนรูบรคิ ผล ควำมคิดเหน็ ของผูเ้ ชีย่ วชำญ IOC ผล 1 2 34 5 -- 214 ใช้ได้ - - -- - 0.2 ใชไ้ มไ่ ด้ ใชไ้ มไ่ ด้ -1 1 1 -1 1 0.2 ใช้ไม่ได้ ใชไ้ มไ่ ด้ -1 1 1 -1 1 0.2 ใชไ้ ม่ได้ ใชไ้ มไ่ ด้ -1 1 1 -1 1 1 ใช้ได้ ใชไ้ ด้ 1 1 11 1 1 ใช้ได้ ใชไ้ ด้ 1 1 11 1 0 ใช้ไม่ได้ ใชไ้ มไ่ ด้ -1 -1 10 1 0.8 ใชไ้ ด้ ใชไ้ ด้ 1 0 11 1 1 ใช้ได้ ใชไ้ ด้ 1 1 11 1 1 ใช้ได้ ใช้ได้ 1 1 11 1 0.6 ใช้ได้ ใช้ได้ 1 -1 11 1 IOC ผล อบที่ 3 การควบคุมตนเอง -- ควำมเหมำะสมของคะแนนรูบริค 0 ใช้ไมไ่ ด้ 0.8 ใชไ้ ด้ ผล ควำมคดิ เหน็ ของผูเ้ ชยี่ วชำญ 0.8 ใช้ได้ 0.6 ใชไ้ ด้ 12 34 5 0.4 ใช้ไม่ได้ - 0.2 ใชไ้ มไ่ ด้ ใชไ้ ด้ - - -- 1 0.6 ใชไ้ ด้ 1 ใช้ไม่ได้ -1 0 1 -1 1 1 ใช้ได้ 1 0 1 1 1 1 ใช้ได้ 1 0 1 1 1 ใช้ได้ 0 1 1 0 ใช้ได้ 1 -1 1 0 ใช้ได้ 0 -1 1 0 ใช้ได้ 1 -1 1 1

ตำรำงท่ี 192 ค่าดัชนีความสอดคล้องภายในรายข้อของคุณธรรมด้านสุจริต องคป์ ระก ควำมเหมำะสมของสถำนกำรณแ์ ละตวั เลือก หัวขอ้ ควำมคดิ เหน็ ของผ้เู ชยี่ วชำญ IOC 12 3 45 สถานการณ์ 1 1 1 1 1 1 ตัวเลอื กท่ี 1 -1 1 1 1 0 0.4 ใ ตวั เลอื กที่ 2 0 1 1 0 1 0.6 ตัวเลือกท่ี 3 1 1 1 1 1 1 ตัวเลอื กที่ 4 -1 1 1 1 1 0.6 ตัวเลอื กที่ 5 1 1 1 1 1 1 ตัวเลอื กท่ี 6 0 1 1 0 -1 0.2 ใ ตวั เลือกที่ 7 1 1 1 1 0 0.8 ตำรำงที่ 193 คา่ ดชั นคี วามสอดคล้องภายในรายข้อของคุณธรรมดา้ นสจุ ริต องคป์ ระก ควำมเหมำะสมของสถำนกำรณแ์ ละตวั เลือก หัวข้อ ควำมคิดเหน็ ของผู้เชยี่ วชำญ IOC สถานการณ์ 1 2 3 45 ตัวเลอื กที่ 1 1 1 1 1 11 ตวั เลือกที่ 2 -1 1 1 1 1 0.6 ตวั เลือกท่ี 3 -1 1 1 1 1 0.6 ตวั เลือกท่ี 4 0 1 -1 1 1 0.4 ใ ตัวเลือกท่ี 5 0 1 1 1 -1 0.4 ใ ตวั เลือกที่ 6 -1 1 1 1 1 0.6 ตัวเลือกท่ี 7 -1 1 1 0 0 0.2 ใ -1 1 1 0 0 0.2 ใ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook